The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วารสารวิจัยและนวัตกรรมการอาชีวศึกษา Vocational Education Innovation and Research Journal

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

Vol.5 No.2 วารสารวิจัยและนวัตกรรมการอาชีวศึกษา Vocational Education Innovation and Research Journal

วารสารวิจัยและนวัตกรรมการอาชีวศึกษา Vocational Education Innovation and Research Journal

Keywords: วารสารวิจัยและนวัตกรรมการอาชีวศึกษา Vocational Education Innovation and Research Journal

Vocational Education Innovation and Research Journal 197

วารสารวิจัยและนวัตกรรมการอาชวี ศกึ ษา

ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564

ระดับมาก ผ่านเกณฑ์ท่ีต้ังไว้ แสดงว่าหลักสูตรการ การใช้กระบวนการคิด และทักษะในการแก้ปัญหา
ฝึกอบรม สามารถทาให้ครูผู้สอน มีความรู้ มีทักษะ ผู้เรียน จะเรียนรู้ โดยสร้าง องค์ความรู้ด้วยตนเองโดย
และเจคติที่ดีต่อกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน [14]
แบบใช้โครงงานเป็นฐาน ส่งผลให้การจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้เป็นไปตามแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีครูผู้สอน 6. ขอ้ เสนอแนะ
เขียนขึ้นมาซ่ึงได้รับคาแนะนาจากท่านวิทยากรเพ่อื ให้ 6.1 ขอ้ เสนอแนะสาหรับการนาผลวจิ ยั ไปใช้
เกิดความเหมาะสมก่อนนาไปใช้สอนจริง และขั้นการ 6.1.1 จากผลการวิจัย พบว่า การพัฒนา
จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนนัน้ ครผู สู้ อนได้สอนตาม
กระบวนการและขั้นตอนการจัดการเรียนรู้แบบใช้ หลักสูตรฝึกอบรมเพ่ือพัฒนาสมรรถนะครูด้านการ
โครงงานเป็นฐานท้ัง 6 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนท่ี 1 การ จัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน ของวิทยาลัย
เตรียมความพร้อม ขั้นตอนท่ี 2 การกาหนดและเลือก การอาชีพปราณบุรีน้ัน มี 6 องค์ประกอบด้วยกัน
หัวข้อ ขั้นตอนที่ 3 การเขียนเค้าโครงของโครงงาน ดังนั้น สถานศึกษาหรือหน่วยงานทางการศึกษา หาก
ข้ันตอนที่ 4 การปฏิบัติโครงงาน ข้ันตอนที่ 5 การ นาหลักสูตรฝึกอบรมไปใช้ ควรศึกษารายละเอียด
นาเสนอผลงาน ขน้ั ตอนท่ี 6 การประเมินโครงงาน ทา หลักสูตรให้เข้าใจ ก่อนทาการฝึกอบรมโดยวิทยากร
ให้นักเรียน นักศึกษา รู้จักคิด และเลือกหัวข้อเรื่องที่ ต้องให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความกระตือรือร้น
จะทาโครงงานไดเ้ องตามความสนใจ นักเรียนสามารถ ฝึกอบรมทั้งในภาคทฤษฎีและปฏิบัติ กิจกรรมการ
เลือกหัวข้อโครงงานได้สอดคล้องกับความต้องการ ฝึกอบรมควรเสริมสร้างให้ครูผู้เข้ารับการฝึกอบรม
และความสนใจอยากรู้อยากเห็นของตนเองข้ันการ เขา้ ใจอยา่ งลึกซงึ้ เช่น การเขยี นแผนการจดั การเรียนรู้
วางแผนในการทาโครงงาน ทาให้นักเรียนสามารถ ข้ันกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้เน้นไปท่ี
จัดทาโครงงานได้ตามแผนท่ีวางไว้ ซึ่งครูมีหน้าท่ีคอย ผู้เรียนให้มาก ในด้านการเขียนรายงานโครงงาน เป็น
ให้ความช่วยเหลือให้กาลังใจ และจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ ต้น และที่สาคัญครูผู้สอนท่ีเป็นกลุ่มเป้าหมายในการ
ท่ีจาเป็นให้กับนักเรียน การเขียนรายงานครูผู้สอน ฝึกอบรมต้องตระหนักและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเอง
สร้างความรู้ความเข้าใจ และทักษะเก่ียวกับกระบวน ในขณะการฝึกอบรมอาจมีการปรับกระบวนการ
การการเขียนรายงานโครงงาน จัดกิจกรรมให้ผู้เรียน ฝึกอบรมตามบริบท เพื่อให้การดาเนินการฝึกอบรม
นาเสนอผลงานโครงงาน ทาให้นักเรียน นักศึกษา เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับบริบท ผู้เข้า
สามารถแสดงพฤติกรรมแสดงความรใู้ หม่และสรปุ องค์ รบั การฝึกอบรมมากทสี่ ุด
ความรู้ของตนเองในรูปแบบของจัดทาโครงงานได้
โดยเฉพาะด้านการนาเสนอผลงาน นักเรียน นักศกึ ษา 6.1.2 จากผลการวิจัย พบว่า ครูท่ีเข้ารับ
มีการเตรียมความพร้อม มีลาดับขั้นในการนาเสนอ การฝึกอบรม มีความรู้ความเข้าใจ เก่ียวกับสมรรถนะ
ตอบคาถามชดั เจน และความรูท้ ี่ไดร้ บั จากการทาโครง และจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐานและการ
งานี้ นักเรียน นักศึกษา สามารถนาความรู้ไปปรับใช้ เขียนแผนการจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน
แก่สาขาวิชาของตนเอง สอดคล้องกับแนวคิด การ หลังการฝึกอบรมสูงกว่าก่อนการฝึกอบรม ดังน้ัน
จัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน ( Project Base สถาน ศึกษาในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการอา
Learning) เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ชีว ศึกษา ควรจัดอบรมเพ่ือพัฒนาครูผู้สอนของสถาน
สอดคล้องกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง โดย ศึกษา ให้มีความรู้ความเข้าใจกับการจัดการเรียนรู้
การสร้างสรรค์ชิ้นงานและการเรียนรู้แบบร่วมมือซ่ึงมี แบบใช้โครงงานเป็นฐาน เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนา
ข้ันตอนการเรียนรู้ท่ีเก่ียวข้องกับการแสวงหาความรู้ สมรรถนะของครูผู้สอน อันจะเป็นผลดีต่อการจัด
การศกึ ษา

VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2

198 Vocational Education Innovation and Research Journal 198

วารสารวิจัยและนวัตกรรมการอาชวี ศกึ ษา

ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564

6.1.3 จากผลการวิจัย พบว่า ครูที่ผ่านการ 6.2.2 ควรมีการศึกษาวิจัยในด้านปัจจัยที่
เข้ารับการฝึกอบรม มีความสามารถเขียนแผนการ ส่งผลต่อความสาเร็จของการจัดการเรียนรู้แบบใช้
จัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน และความ โครงงานเปน็ ฐานทเี่ กดิ ขึ้น
เหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้ ภาพรวมอยู่ใน
ระดับมาก ดังน้ัน สถานศึกษาควรส่งเสริมให้ครูจัดทา เอกสารอา้ งอิง
แผนการจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน เพ่ือ [1] สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา.
จ ะ ท า ใ ห้ ส ถ า น ศึ ก ษ า มี แ ผ น ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น รู้ (2559). แนวทางการจดั การเรียนรู้แบบ
ทหี่ ลากหลาย โครงงานเปน็ ฐาน. กรุงเทพฯ : กระทรวง
ศกึ ษาธิการ
6.1.4 จากผลการวิจัย พบว่า ครูที่ผ่านการ [2] ปรศิ นา แกว้ ปัญญา. (2555). การพัฒนาครู
ฝึกอบรม มีความสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ ด้านการจดั กจิ กรรมการเรียนรแู้ บบโครงงาน
ใช้โครงงานเป็นฐานให้กับผู้เรียน และคุณภาพการจัด โรงเรียนเทศบาล 5 สีหรักษ์วทิ ยา อาเภอเมอื ง
กิจกรรมการเรียนแบบใช้โครงงานเป็นฐาน ภาพรวม จังหวัดอุดรธานี. วิทยานพิ นธ์ สาขาวชิ า การ
อยู่ในระดับมาก ดังนั้นสถานศึกษาควรส่งเสริมสนับ บริหารการศกึ ษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
สนุนให้ครูผู้สอน จัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้โครง [3] แม็คเอดูเคชน่ั . (2558). ครูอาชวี ะแห่ง
งานเป็นฐานอย่าต่อเนื่อง เพื่อให้นักเรียนนักศึกษามี ศตวรรษที่ 21กรงุ เทพฯ: ฐานการพมิ พ์.
ทักษะและกระบวนการในการแก้ปัญหา มีการคิด [4] ชาลินี เกสรพิกุล. (2555). การพฒั นาหลกั สตู ร
วิเคราะห์ อย่างมีเหตุผลกล้าแสดงความคิดเห็น การ ฝึกอบรมเพ่ือพฒั นาสมรรถนะครภู าษาไทย
ทางานเป็นกลมุ่ รวบรวมผลงานได้อยา่ งมีขั้นตอนและ ดา้ นการสอนคดิ วิเคราะห.์ วารสารวิชาการ
เป็นระบบ มหาวิทยาลัยอีสเทริ น์ เอเชีย, 2555 : 200-203.
[5] อรณุ จุติผล. (2557). การพฒั นาหลักสูตร
6.1.5 จากผลการวิจัย พบว่า นักเรียน ฝึกอบรมเพอื่ เสริมสมรรถนะการจัดการช้นั เรยี น
นักศึกษา ที่ผ่านการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน ของครู สงั กัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
สามารถจัดทาโครงงาน และคุณภาพโครงงาน ภาพ ประถมศึกษานครศรธี รรมราช. วารสารศกึ ษา
รวมอยู่ในระดับมาก ดังนั้น สถานศึกษา ควรมีแหล่ง ศาสตรม์ หาวิทยาลยั ทกั ษณิ , 2557:181-182.
เรียนรู้ในสถานศึกษา เพ่ือให้นักเรียนได้เรียนรู้และนา [6] ธรี กรณ์ พรเสนา. (2560). การพัฒนา
ความรู้ไปใช้ในการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน หลกั สตู รฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้าน
เช่น มีเอกสารตาราที่เพียงพอ ระบบอินเตอร์เน็ตท่ีมี การวจิ ัยในชน้ั เรยี นของครวู ทิ ยาลัยการอาชพี ส
คุณภาพ และสถานศึกษาควรส่งเสริมให้มีเวทีการ ตึก จงั หวัดบุรรี ัมย์. วารสารบรหิ ารการศกึ ษา
ประกวดผลโครงงานโดยมีการร่วมมือกับภาคเอกชน มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ , 13 : 50-56.
เพื่อเป็นการต่อยอดความคิดให้กับนักเรียน นักศึกษา [7] อนชุ ติ จันทศิลา.(2559). การพัฒนาหลักสตู ร
ให้ไปถึงระดับประเทศ ฝึกอบรมเพอ่ื พัฒนาเสริมสรา้ งสมรรถนะด้าน
การจัดการเรียนการสอนโดยใช้สมองเป็นฐาน
6.2 ข้อเสนอแนะสาหรับการทาวจิ ยั ครงั้ ตอ่ ไป เพื่อพัฒนาความสามารถด้านภาษาของผู้เรยี น
6.2.1 ควรวิจัยเรื่องการพัฒนาครูโดยใช้ สาหรบั ครูระดบั ประถมศึกษา. วทิ ยานพิ นธ์
สาขาบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏ
หลักสูตรฝึกอบรมเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูด้านการ สกลนคร
จัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน ของวิทยาลัย
การอาชีพปราณบุรี ไปทดลองใช้ให้กับครูผู้สอน ใน
สถานศึกษาอ่ืน ๆ เพ่ือพัฒนาให้ครูมีความรู้ความ
เขา้ ใจด้านการจดั การเรยี นร้แู บบใชโ้ ครงงานเป็นฐาน

VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2

Vocational Education Innovation and Research Journal 199

วารสารวิจยั และนวัตกรรมการอาชวี ศึกษา

ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564

[8] นลิ รัตน์ โคตะ. (2558). การพฒั นาหลักสตู ร
ฝึกอบรมรูผสู้ อนระดับประถมศึกษา เพื่อ
เสริมสร้างทกั ษะการจัดการเรียนรดู้ ้านการให้
เหตผุ ลทางคณิตศาสตร์ โดยใช้ชุมชนการ
เรียนรูท้ างวิชาชีพ. วิทยานิพนธ์ สาขาวชิ า
หลักสูตรและการสอน มหาวทิ ยาลัย
มหาสารคาม

[9] กฤตชน วงศ์รัตน์. (2556). การฝกึ อบรมและ
การพัฒนาทรพั ยากรมนุษย์. คณะวทิ ยาการ
จัดการ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เพชรบุร.ี

[10] พรสวรรค์ ศริ วิ ัฒน์. (2552). การพฒั นาครู
ดา้ นการจดั การเรียนรู้ทีเ่ น้นกระบวนการคิด
โดยใช้ หลกั การการบริหาร PDCA.
มหาวิทยาลยั ราชภัฏสรุ ินทร.์

[11] มยรุ ี นาสมใจ. (2555). การพฒั นาครดู ้าน
การเขยี นแผนการจัดการเรียนร้ทู เี่ น้นผูเ้ รียน
เปน็ สาคัญ โรงเรียนบ้านไหนองไผ่ สานักงาน
เขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษากาฬสนิ ธุ์ เขต
2. มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎมหาสารคาม.

[12] ยศวัฒน์ คาภ.ู (2562). การพัฒนาครใู นการ
จัดการเรียนรู้แบบฐานสมรรถนะโดยใช้
โครงงานเปน็ ฐานวิทยาลัยการอาชพี พรรณนา
นคิ ม สงั กัดสานกั งานคณะกรรมการการ
อาชวี ศึกษา. วิทยานพิ นธส์ าขาวิชาการบรหิ าร
การศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภัฎสกลนคร.

[13] บุญนา เพชรล้า. (2556). การพัฒนาครดู า้ น
การจัดกิจกรรมการเรียนรูแ้ บบโครงงาน
โรงเรยี นบ้านาหนองทุ่ม อาเภอแกง้ คร้อ
จังหวดั ชยั ภูมิ. วทิ ยานพิ นธ์ สาขาวิชา การ
บริหารการศึกษา มหาวิทยาลยั มหาสารคาม

[14] สมชาย วณารักษ.์ (2558). การจดั การเรยี นรู้
แบบฐานสมรรถนะ โดยใชโ้ ครงงานเป็นฐาน.
กรุงเทพฯ : สานกั พิมพ์เอมพันธ์

VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2

Vocational Education Innovation and Research Journal 200

200 วารสารวิจัยและนวตั กรรมการอาชีวศกึ ษา

ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564

การศึกษารูปแบบการเรียนรู้ของนักศกึ ษาและความคิดเห็นตอ่ การจัดการเรียนการสอนออนไลน์
ในรายวชิ า ทฤษฎโี ครงสรา้ ง กรณศี กึ ษา: ระดับ ปวส.1 แผนกวชิ าช่างก่อสร้าง วทิ ยาลยั เทคนิคนา่ น

The Study of Learning Styles of Students and Their Opinions Toward Online
Teaching Class in the Subject of Theory of Structures: A Case Study of Diploma I,

Building Construction Division, Nan Technical College.

หทยั มาศ ศริ ิกนั ชัย1* และ ชูชัย สจุ วิ รกลุ 2
Hathaimas Sirikanchai1* and Chuchai Sujivorakul2

*12ภาควชิ าครศุ าสตรโ์ ยธา คณะครศุ าสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบรุ ี กรงุ เทพฯ 10140
*12Department of Civil Technology Education, Faculty of Industrial Education and Technology,
King Mongkut’s University of Technology Thonburi, Bangkok, 10140

Received : 2021-06-02 Revised : 2021-06-14 Accepted : 2021-06-15

บทคัดย่อ เป็นแบบ A หรือการเรียนรู้ผ่านการฟัง โดยมีค่า
งานวิจัยน้ีเกี่ยวกับการศึกษารูปแบบการเรียนรู้ น้าหนักเท่ากับ 3.11 และ 3.35 สาหรับกลุ่มที่ 1 และ
กลมุ่ ท่ี 2 ตามลาดับ สว่ นรูปแบบการเรยี นรทู้ ี่นกั ศึกษา
(Learning Styles) ของนักศึกษา และศึกษาความ เลือกเป็นลาดับที่ 2, 3 และ 4 มีรูปแบบการเรียนรู้ท่ี
คิดเห็นของนักศึกษาและผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนท่ีมี แตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่มของนักศึกษา นอกจากนี้
ต่อการจัดการเรียนการสอนรูปแบบออนไลน์ กลุ่ม ความคิดเห็นของนักศึกษาที่มีต่อการจัดการเรียนการ
ตัวอย่างที่คัดเลือกใช้แบบเจาะจง คือ นักศึกษา ปวส. สอนรูปแบบออนไลน์ ได้พบว่า นักศึกษาทัง้ สองกลมุ่ มี
ท่ีลงทะเบียนวิชาทฤษฎีโครงสร้าง จานวน 44 คน ความคิดเห็นอยู่ในภาพรวมระดับมาก อย่างไรก็ตาม
ภาคเรียนฤดูร้อน ปีการศึกษา 2563 เครื่องมือที่ใช้ใน สังเกตเห็นว่านักศึกษากลุ่มที่ 2 ที่ใช้รูปแบบห้องเรียน
การวิจัย ได้แก่ (ก) ห้องเรียนออนไลน์ท่ีจัดการเรียน ออนไลน์แบบกลับด้านให้ความคิดเห็นการจัดการ
การสอนแตกต่างกนั 2 รูปแบบ คอื หอ้ งเรียนออนไลน์ เรียนการสอนออนไลน์ที่ดีกว่า สุดท้ายนี้ ผลสัมฤทธ์ิ
แบบปกติ และห้องเรียนออนไลน์แบบกลับด้าน ทางการเรียนท่ีเกิดข้ึนกับนักศึกษาท้ังสองกลุ่มท่ีเรียน
สาหรับนักศึกษากลุ่ม 1 และ 2 ตามลาดับ (ข) สื่อการ ออนไลน์มีค่าเฉล่ียคะแนนสอบท่ีไม่แตกต่างกันกับ
สอนเป็น Power Point และวิดีโอการสอนผ่าน ผ ล สั ม ฤ ท ธิ์ ท า ง ก า ร เ รี ย น ใ น ห้ อ ง เ รี ย น ป ก ติ ใ น ปี
YouTube (ค) แบบสอบถามรปู แบบการเรียนรู้ VARK การศึกษาท่ีผา่ นมา
Learning Styles (ง) แบบสอบถามความคิดเห็นของ คาสาคัญ : การจัดการเรยี นการสอนออนไลน์,
นักศึกษาที่มีตอ่ การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ และ
(จ) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สถิติท่ีใช้ รปู แบบการเรยี นรู้, ความคิดเหน็ ตอ่ การ
ในการวิเคราะห์ ประกอบไปด้วยค่าเฉลี่ย (Mean) จัดการเรยี นออนไลน์
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( S.D.) และค่าน้าหนักของ
รูปแบบการเรียนรู้ ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการ Abstract
เรียนรูข้ องนกั ศกึ ษาทงั้ สองกลมุ่ ส่วนใหญ่ This research is about to study the

*หทยั มาศ ศริ กิ ันชัย learning style of students and to examine

E-mail : address: [email protected]

VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2

Vocational Education Innovation and Research Journal 201

วารสารวิจัยและนวตั กรรมการอาชวี ศึกษา

ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 2 กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564

students' opinions and academic achievement achievement of students using regular
towards online teaching and learning management. classroom.
The selected samples were 44 diploma Keywords : Online Teaching, Learning Styles,
students enrolled in Theory of Structures
subject during summer semester of Academic Opinions of Online Teaching
Year 2020.The research instruments consisted Management
of: ( a) Online classrooms that offers two
different teaching styles: regular online 1. บทนา
classroom and flipped online classroom for 1st จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
and 2nd student groups, respectively; ( b)
PowerPoint teaching materials and YouTube ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างท่ัวโลก เศรษฐกิจหยุดชะงัก
video tutorials ; ( c) VARK Learning Styles เกิดรูปแบบการใช้ชีวิตบนพ้ืนฐานวิถีใหม่ ( New
questionnaire ; ( d) student feedback Normal) โดยเฉพาะวงการการศึกษาที่ต้องเดินหน้า
questionnaire on the online learning experience of และปรับตัวต่อการเปล่ียนแปลงตลอดเวลา ทาให้
students ; and ( d) A test to measure academic ส่งผลกระทบต่อทัง้ ผู้เรียนและผู้สอนในระดบั ต่าง ๆ ที่
achievement. Statistics used for analysis ต้องปรับตัวให้ก้าวทันการเปล่ียนแปลงในด้านการ
includes Mean, Standard Deviation ( S.D.), and จัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ อย่าง
weighting of the learning styles. The results หลีกเลี่ยงไม่ได้
showed that the learning styles of both groups
of students were mostly an A style or listening นักเรียน และนักศึกษาของอาชีวศึกษา ส่วน
learning with the weights of 3.11 and 3.35 for ใหญม่ ลี ักษณะการเรยี นรทู้ ่ีเนน้ ปฏบิ ตั ิทางสายอาชพี มี
1st and 2nd student groups, respectively. The ผู้วิจัยหลากหลายได้ทาการศึกษาเก่ียวกับการเรียนรู้
learning styles that students picked for 2nd, 3rd, ของนักเรียนอาชีวศึกษา เช่น ขจรพงษ์ พู่ภมรไกรภพ
and 4th ranks would be different for eachgroup [1] ได้ทาการศึกษาการจัดการเรียนการสอนของ
ofstudents. Furthermore, the student’s opinions อาชีวศึกษาในรปู แบบการฝกึ ทักษะเพื่อใหผ้ เู้ รยี นไดฝ้ กึ
toward the online teaching and learning และลงมือปฏิบัติกับสายงานที่ผู้เรียนสนใจ โดยการ
management were found that both groups of จัดการเรียนนั้นจะมีท้ังภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
students had overall opinion with high level. เพื่อให้ผู้เรียนได้ตระหนักถึงการนาทฤษฎีมาใช้ก่อน
However, the 2nd group of students using the การลงมือปฏิบัติจริง พลตรี สังข์ศรี [2] ได้ศึกษา
flippedonlineclassroom model provided slightly รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน วิชา
better opinion feedback on online teaching โครงการสาหรับนักศึกษา ระดับประกาศนียบัตร
and learning management. Finally, the วิชาชีพช้ันสูง และ ตันติกร คมคาย และคณะ [3] ได้
academic achievement of students resulting ศึกษาเก่ียวกับการจัดการเรียนการสอนแบบปัญหา
from both groups using online learning had no เ ป็ น ฐ า น โ ด ย ใ ช้ ส่ื อ สั ง ค ม อ อ น ไ ล น์ ส นั บ ส นุ น วิ ช า
significant difference in examination scores คณิตศาสตรพ์ ื้นฐานท่มี ตี ่อผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของ
compared with the last-year academic นกั เรยี นช้ันประกาศนยี บตั รวชิ าชพี เป็นตน้ นอกจากน้ี
ใ น ส ถ า น ก า ร ณ์ ก า ร แ พ ร่ ร ะ บ า ด ข อ ง โ ร ค โ ค วิ ด - 1 9
ที่ส่งผลกระทบต่อการจัดการเรียนการสอน จึงมีการ
วิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนผ่านระบบ
ออนไลน์ และผลสัมฤทธ์ิที่ได้รับ เช่น พงษ์ศักดิ์

VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2

202 Vocational Education Innovation and Research Journal 202

วารสารวิจัยและนวัตกรรมการอาชวี ศึกษา

ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564

บญุ ภกั ดี [4] ไดศ้ กึ ษาการประเมนิ การจัดการเรยี นการ จัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ ให้ก้าวทัน
สอนแบบออนไลน์บนพ้ืนฐานวิถีใหม่ พบว่า ความ และนานวตั กรรมใหม่ ๆ เข้ามาปรับใชใ้ นห้องเรียน ซ่ึง
พร้อมของนักศึกษาสาหรับการจัดการเรียนการสอน ผู้ วิ จั ย ไ ด้ เ ล็ ง เ ห็ น ถึ ง ค ว า ม ส า คั ญ ใ น ก า ร อ อ ก แ บ บ
แบบออนไลน์บนพื้นฐานวิถีใหม่ฯ อยู่ในระดับมาก ห้ อ ง เ รี ย น อ อ น ไ ล น์ ส า ห รั บ นั ก ศึ ก ษ า ส า ย อ า ชี พ
จานวน 5 รายการ คือ 1) นักศึกษามีสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายวิชาคานวณที่เกี่ยวกับการ
(Smart Phone) ท่ีสามารถเชอ่ื มต่ออินเตอรเ์ นต็ ได้ วิเคราะห์โครงสร้างอาคาร ของสาขาวิชาช่างก่อสร้าง
2) นกั ศกึ ษามี Facebook สาหรบั ใช้ตดิ ต่อส่ือสารได้ ระดับ ปวส. ท่ีผ้เู รยี นส่วนใหญ่จะใหค้ วามสาคัญ สนใจ
3) นักศึกษามี Gmail 4) นักศึกษามี/เคยใช้ Google และตั้งใจเรียนรู้ที่น้อยมาก การดึงความสนใจจาก
Classroom 5) นักศึกษามีสัญญาณอินเทอร์เน็ตใช้ ผู้ เ รี ย น ใ น ห้ อ ง เ รี ย น ค่ อ น ข้ า ง เ ป็ น ไ ป ด้ ว ย ค ว า ม
งานท่ีบ้าน ในขณะที่ความคิดเห็นผู้เช่ียวชาญท่ีมีต่อ ยากลาบาก โดยเฉพาะเม่ือเจอสถานการณ์การแพร่
ห้องเรียนสาหรับการสอนแบบออนไลนบ์ นฐานวิถีชีวิต ระบาดของโควิด-19 ที่ไม่ปกติในช่วงเวลาน้ี ทาให้
ใหม่ฯ ในภาพรวมมีค่าระดับความเหมาะสมอยู่ใน ผู้สอนต้องรับบทบาทหนักในการจัดการเรียนการสอน
ระดับมากท่ีสุด สาหรับสุวัฒน์ บุญลือ [5] ได้ศึกษา รูปแบบออนไลนอ์ ย่างหลีกเล่ยี งไมไ่ ด้
รูปแบบการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ที่เหมาะสม
พบว่ารูปแบบการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ สาหรับการวิจัยในครั้งน้ี ผู้วิจัยต้องการศึกษา
สาหรับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ประกอบไป รปู แบบการเรยี นรู้ของนักศึกษา และทาการศกึ ษาการ
ด้วย 3 ข้ันตอน คือ 1) ข้ันตอนก่อนเรียน 2) ข้ันตอน จัดการเรียนการสอนออนไลน์ที่แตกต่างกันสองแบบ
ระหว่างเรียน และ 3) ข้ันตอนการประเมินผล ส่วน คือ การเรียนรู้แบบปกติ หรือแบบเชิงรับ (Passive
การหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนการ Learning) และการเรียนรู้แบบกลบั ดา้ น หรือแบบเชงิ
สอนออนไลน์ พบวา่ นกั ศกึ ษากลุ่มที่เรียนด้วยรปู แบบ รุก (Active Learning) พร้อมกับทาการศึกษาความ
การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ และกลุ่มท่ีเรียนใน คิดเห็นของนักศึกษา ระดับ ปวส. ท่ีมีต่อการจัดการ
ช้ันเรียนแบบปกติ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแตกต่าง เรยี นการสอนรปู แบบออนไลน์ โดยในการจัดการเรียน
กันอย่างไม่มีนัยสาคัญที่ระดับ .05 น่ันแสดงว่าการ การสอนในรูปแบบเชงิ รกุ หรือ Active Learning เปน็
เรียนการสอนออนไลน์สามารถก่อให้เกิดผลสัมฤทธ์ิที่ กระบวนการจัดการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนได้ลงมือกระทา
ไดเ้ ทา่ กับการเรยี นในชนั้ เรียนแบบปกติ และได้ใชก้ ระบวนการคิดเก่ียวกับสงิ่ ที่เขาได้กระทาลง
ไป [7] เป็นการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นให้ผู้เรียนมี
สาหรับการศึกษาปัจจุบัน ไม่ว่าประเทศใดต้อง ส่วนร่วม และมีปฏิสัมพันธ์กับกิจกรรมการเรียนรู้ผ่าน
ก้าวจากท่ีเรียกว่าส่ิงท่ีเป็นทฤษฎีไปสู่การปฏิบัติ การปฏิบัติที่หลากหลาย โดยวิธีการสอนที่เน้นการ
ความรู้ท่ีอยู่ในการปฏิบัติน้ันเป็นความรู้ทไี่ ม่ชัดเจนแต่ เรียนแบบ Active Learning มีรูปแบบท่ีแตกต่างกัน
ปฏิบัติได้ ทาแล้วได้ผลหรือบางทีไม่ได้ผล แต่เกิดการ ได้แก่ แบบระดมสมอง (Brainstorming) แบบเน้น
เรียนรู้ ฉะน้ันการเรียนสมัยใหม่ต้องไม่ใช่แค่เพื่อให้ได้ ปัญหา/โครงงานเป็นฐาน ( Problem/Project –
ความรู้ แต่ต้องได้ทักษะ หรือ Skills [6] ซ่ึงในบริบท based Learning) แบบแลกเปล่ียนความคิด (Think
ของอาชีวศึกษาจาเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีการสอน –Pair–Share) แบบใช้เกม (Game–based Learning)
เพอ่ื ใหก้ ้าวทันการเปล่ียนแปลงตามนโยบายการศึกษา ฯลฯ ซึ่งแต่ละวิธีก็มีรูปแบบการเรียนจัดการเรียนการ
ของกระทรวงศึกษาธิการ ซ่ึงในการจัดการเรียนการ สอนที่แตกต่างกัน เมื่อการสอนในห้องเรียนไม่ได้ใช้
สอนของสายวิชาชีพมีความหลากหลายท่ีครอบคลุม ห้องเรียนปกติอีกต่อไป มีการปรับใช้รูปแบบการ
ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ในส่วนของวิชาทฤษฎี ผู้สอน จัดการเรียนการสอนออนไลน์ โดยการนารูปแบบการ
จาเป็นต้องปรับตัวในการปรับเปล่ียนรูปแบบการ เรียนรู้แบบ Flipped Classroom หรือห้องเรียนกลับ

VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2

Vocational Education Innovation and Research Journal

วารสารวิจัยและนวัตกรรมการอาชวี ศึกษา 203

ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564

ด้าน สุรวุฒิ ช่วงโชติ [8] ได้กล่าวถึง Flipped 2.1 เพื่อศึกษาความคดิ เห็นของนักศกึ ษาทีม่ ตี ่อ
Classroom ว่าเปน็ กลยทุ ธ์การเรียนรูแ้ บบหน่ึงทีท่ าให้ การจดั การเรยี นการสอนรปู แบบออนไลน์แบบปกติ
สามารถทากจิ กรรม Active Learning และการพัฒนา และรปู แบบออนไลน์แบบกลบั ดา้ น
ทักษะต่าง ๆ มีมากข้ึน หลักการสาคัญของ Flipped
Classroom คือ การเอาเน้ือหาท่ีเรามักจะสอนแบบ 2.3 เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนท่ีเกิด
Direct Instruction หรือการให้ความรู้ทางตรงกับ ขน้ึ กับนกั ศึกษาจากการเรยี นรปู แบบออนไลน์
นักศึกษาไปไว้นอกห้องเรียน และการเอากิจกรรมต่างๆ
ท่ีเคยทาเปน็ การบา้ น หรืองานท่ีทานอกห้องเรียน เข้า 3. วิธีการดาเนินการวจิ ยั
มาอยู่ในห้องเรียนแทน ทาให้สามารถทา Active 3.1 ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง
Learning ได้ ซ่ึงผู้วิจัยได้ใช้วิธีการน้ีมาประยุกต์ใช้กับ 3.1.1 ประชากรท่ีใช้ในการวิจยั
การจัดการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนมีโอกาสในการ นักศึกษาระดับประกาศนยี บัตรวิชาชีพ
เรียนรู้ด้วยตนเอง ลองผิด ลองถูก ทาการบ้านที่ได้รบั
มอบหมาย และกลบั มาเขา้ ชัน้ เรยี นออนไลนเ์ พือ่ ช้ีแนะ ช้ันสูง (ปวส.) แผนกวิชาช่างก่อสร้าง วิทยาลัยเทคนิค
แนวทาง รับทราบปัญหาต่าง ๆ ระหว่างที่ผู้เรียนได้ นา่ น
เรียนรู้ด้วยตนเอง รวมถึงการอธิบายโจทย์จากความ
เข้าใจและให้ผู้เรียนได้มีโอกาสและเปล่ียนความ 3.1.2 กล่มุ ตวั อยา่ งทใ่ี ช้ในการวิจยั
คดิ เห็นได้ ซง่ึ เป็นการกลบั ดา้ นจากเดิมทผ่ี ู้เรยี นจะต้อง กลุม่ ตวั อย่างประกอบไปดว้ ย
เข้าช้ันเรียนเพ่ือฟังครูผู้สอนอธิบาย ทาตัวอย่างให้ดู 1) นักศึกษาระดับ ปวส.1 ที่ลง
และสามารถโต้ตอบในช้ันเรียน โดยท่ีผ่านมา
กรรณิการ์ ปัญญาดี [9] ได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิง ลงทะเบียนเรียนรายวิชาทฤษฎีโครงสรา้ ง จานวน 44 คน
รุก (Active Learning) ออนไลน์ เพื่อพฒั นาผลสมั ฤทธิ์ ภาคเรียนฤดูร้อน ปีการศึกษา 2563 โดยวิธีการ
ทางการเรียน พบว่าผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรียน คัดเลือกแบบเจาะจง โดยกลุ่มนี้เป็นตัวอย่างหลักท่ีใช้
ของกลุ่มทดลองที่เรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้เชิง ศึกษารูปแบบการเรียนรู้ของนักศึกษาและผลที่ได้รับ
รุกออนไลน์สูงกว่ากลุ่มควบคุมท่ีจัดการเรียนการสอน จากการจัดการเรยี นการสอนออนไลน์
แบบปกติ อย่างมีนัยสาคญั ทางสถิติที่ระดับ .05 ทาให้
เห็นว่า การใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ 2) นักศึกษาระดับ ปวส. ที่ได้เรียน
Active Learning ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน รายวิชาทฤษฎีโครงสร้าง ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา
เนื่องจากผู้เรียนมีระยะเวลาในการเรียนรู้อย่างไม่ 2562 โดยกลมุ่ นนี้ าเอาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทไ่ี ดร้ ับ
จากัด และสามารถทบทวนได้เท่าท่ีต้องการ ไม่รู้สึก จากการเรียนการสอนในห้องเรียนปกติมาเปรียบเทียบ
กดดันในห้องเรียน ทาให้บรรยากาศในการเรียนรู้ กับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของกลุ่มนักศึกษาที่เรียน
สามารถสร้างได้ด้วยตนเอง ออนไลนต์ ามท่ีได้กล่าวมา

2. วัตถุประสงค์ 3.2 เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวจิ ัย
2.1 เพื่อศึกษารูปแบบการเรียนรู้ (Learning 3.2.1 เครื่องมือสาหรับการทดลอง
ห้องเรียนออนไลน์ท่ีจัดการเรียนการ
Styles) ของนักศึกษาระดับ ปวส.1 แผนกวิชาช่าง
ก่อสรา้ งวิทยาลัยเทคนิคน่าน สอนแตกต่างกัน 2 รูปแบบ คือ ห้องเรียนออนไลน์
แบบปกติ และห้องเรียนออนไลน์แบบกลับด้าน
สาหรบั นักศกึ ษากลุ่ม 1 และ 2 ตามลาดับ รายละเอียด
ความแตกต่างของขั้นตอนการจัดการเรียนการสอน
ของหอ้ งเรียนทง้ั 2 กลุม่ ได้อธิบายไวใ้ นหวั ขอ้ 3.3.2

3.2.2 สอื่ การสอน
การนาเสนอโดยใช้ Power Point

และ การเรียนรู้ด้วยตนเองของนักศึกษาโดยใช้ไฟล์

VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2

Vocational Education Innovation and Research Journal 204

204 วารสารวิจยั และนวตั กรรมการอาชีวศึกษา

ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564

วีดีโอการสอนผ่าน YouTube วิชาทฤษฎีโครงสร้าง เรียนการสอนโดยใช้ YouTube และออนไลน์ มี
โดยมีเนอ้ื หา 2 สว่ น คือ 1. แรงเฉือนและโมเมนต์ดดั ใน
ค า น ( Shear Force and Bending Moment in จานวน 7 ขอ้
Beam) และ 2. โครงถัก (Truss)
โดยแบบสอบถามทั้ง 2 ชุดนี้ มีระดับความ
ในการใช้ส่ือการสอนห้องเรียนออนไลน์แบบ คดิ เหน็ โดยใชเ้ กณฑ์การประเมนิ 5 ระดับ ระดับเกณฑ์
กลับด้าน จะใช้การอัดคลิปวิดีโอการสอนโดย ประเมินเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่าตามแนวคิด
ครูผู้สอนเอง และเตรียมอัปโหลดไว้สาหรับให้ ของ Likert อ้างอิงจากบุรินทร์ รุจจนพันธ์ุ [12]
ผู้เรียนสามารถเข้ามาเรียนในห้องเรียนออนไลน์ได้ สาหรับการประเมินความเท่ียงตรงของแบบสอบถาม
ด้วยตัวเอง โดยที่ผู้สอนมีหน้าที่ช้ีแจง แนะนา หรือค่าสอดคล้องระหว่างข้อคาถามกับวัตถุประสงค์
วิธีการใช้ และให้ข้อเสนอแนะ แนวทางในการเข้า (Index of Item Objective Congruence, IOC) จาก
เรยี นไดด้ ้วยตนเอง ผู้เชี่ยวชาญซ่ึงเป็นครูชานาญการพิเศษ และ
ครเู ช่ียวชาญ จานวนรวม 3 ท่าน
3.2.3 แบบสอบถามรูปแบบการเรียนรู้
ของนกั ศกึ ษา 3.3 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
3.3.1 ขน้ั เตรยี มการ
แบบสอบถามรูปแบบการเรียนรู้ ประกอบไปด้วย (ก) ผู้วิจัยเตรียม
VARK Learning Styles เ ป็ น ข อ ง ชุ ด ค า ถ า ม ข อง
Fleming [10] โดยไดถ้ ูกแปลเปน็ ภาษาไทยโดย สรุ ีพร ความพร้อมสาหรับเอกสารต่าง ๆ ได้แก่ ส่ือการสอน
ปวุฒิภัทรพงศ์ [11] ซ่ึงได้รับการตรวจสอบความ สาหรับห้องเรียนออนไลน์แบบปกติ และแบบกลับ
เที่ยงตรงของแบบสอบถามมาแล้ว ด้าน (ข) จัดเตรียมแบบสอบถามเพอื่ ประเมนิ รปู แบบ
การเรียนรู้ (VARK Learning Style) ของนักศึกษา
3.2.4 แบบสอบถามความคิดเห็นของ เพ่ือจะได้รู้จักตัวตนของผู้เรียนมากขึ้น และเพื่อปรับ
นักศึกษาท่ีมีต่อการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ วิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสม (ค) ทาการแบ่งกลุ่มผู้เรียน
ออนไลน์ สาหรับห้องเรียนออนไลน์ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
(1) ห้องเรียนออนไลน์แบบปกติ และ (2) ห้องเรียน
แบบสอบถามความคิดเห็นของ ออนไลน์แบบกลับดา้ น (ง) ช้ีแจงนักศึกษาเก่ียวกบั การ
นักศึกษาท่ีมีต่อการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ จัดรูปแบบช้ันเรียนที่แตกต่างกัน พร้อมกับวิธีการวัด
ออนไลน์แบ่งออกเป็น 2 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 : รูปแบบ และประเมนิ ผลตา่ ง ๆ
การสอนห้องเรียนออนไลน์ปกติ หรือแบบเชิงรับ
(Passive Learning) ประกอบไปด้วย 3 ด้าน 17 ข้อ 3.3.2 ข้ันทดลอง
ประกอบไปด้วย ด้านเทคนิควิธีการสอนของครูผู้สอน ในการจัดชั้นเรียนออนไลน์ ผู้สอน
มีจานวน 6 ข้อ ด้านสภาพแวดล้อมในห้องเรียน
ออนไลน์ มีจานวน 4 ข้อ และด้านประโยชน์และ แบ่งวิธีการสอนออกเป็น 2 รูปแบบ ดังน้ี (1) รูปแบบ
คุณภาพที่ได้รับจากการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ การสอนห้องเรียนออนไลน์แบบปกติหรือแบบเชิงรับ
มีจานวน 7 ข้อ ชุดท่ี 2 : รูปแบบการสอนห้องเรียน (Passive Learning) โดยใช้วิธีการสอนออนไลน์ผ่าน
ออนไลน์แบบกลับด้าน (Active Learning) ประกอบ โปรแกรม Google Meet แบบสอนสดในห้องเรียน
ไปด้วย 3 ด้าน 18 ข้อ ประกอบไปด้วย ด้านเทคนิค และมอบหมายงานกลุ่มเพื่อให้นักศึกษานาเสนองาน
วิธีการสอนของครูผู้สอน มีจานวน 6 ข้อ ด้าน เป็นกลุ่มรูปแบบออนไลน์ พร้อมกับมีการประเมินผล
สภาพแวดล้อมในห้องเรียนออนไลน์ มีจานวน 5 ข้อ จากการนาเสนอและการตอบคาถาม พร้อมเฉลย
และด้านประโยชนแ์ ละคุณภาพทไ่ี ด้รับจากการจดั การ การบ้านในห้องเรียน (2) รูปแบบการสอนห้องเรียน
ออนไลน์แบบกลับด้านหรือแบบเชิงรุก (Active
Learning)โดยใช้รูปแบบการเรียนผ่านส่ือการสอน

VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2

Vocational Education Innovation and Research Journal

วารสารวจิ ยั และนวตั กรรมการอาชีวศึกษา 205

ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564

YouTube ด้วยตนเอง และมอบหมายการบ้านกลุ่ม วิธีการนาเสนอ ส่วนรูปแบบห้องเรียนออนไลน์แบบ
พร้อมทั้งนาการบ้านมาแลกเปล่ยี นเรียนรู้ในห้องเรยี น กลับด้าน (Active Learning) ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้
โดยการนาเสนอแนวคิดในการทาโจทย์ของแต่ละกลุม่ เน้ือหาด้วยตนเองผ่านการดูวิดีโอการสอนที่เตรียมครู
และมีผู้สอนช่วยชี้แนะ โดยมีข้ันตอนการจัดการเรียน ได้บันทึกไว้ผ่าน YouTube โดยกลุ่มผู้เรียนจะต้อง
การสอนดังรปู ท่ี 1 ช่วยกันทาการบ้านภายในเวลาท่ีกาหนด เม่ือกลับมา
เข้าช้ันเรียนออนไลน์ตามคาบเรียนท่ีจัดไว้ ผู้เรียนจะ
ช่วยกันนาเสนอการบ้าน และให้แนวคิดในการทา
โจทย์ปัญหาที่ให้ไป โดยมีครูผู้สอนทาหน้าที่ชี้แนะ
แนวทางที่ถูกต้อง และเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันในคาบ
เรยี น บรรยากาศชั้นเรยี นออนไลนไ์ ดแ้ สดงในรปู ท่ี 2

ครูสอนนกั ศกึ ษาโดยใช้ (ก) (ข)
การสอนออนไลน์
แบบปกติ บรรยาย (ค) (ง)

ยกตวั อยา่ งการคานวณ รปู ท่ี 2 (ก) บรรยากาศชั้นเรยี นออนไลนแ์ บบปกติ
(2 ชว่ั โมง ในชันเรียน) (ข) ส่อื การสอน PowerPoint ท่ใี ช้จัดการ
เรียนการสอน (ค) บรรยากาศการเข้าช้ันเรียน
มอบหมายการบ้าน ออนไลน์แบบกลบั ด้านเพื่อนาเสนอการบ้าน
ร้อมแบ่งกล่มุ และ (ง) คลปิ วิดโี อสอื่ การสอน YouTube
สาหรบั ห้องเรียนกลับด้าน
กล่มุ ละ 3-4 คน
(ใหเ้ วลา 2 วนั ) 3.3.3 ข้นั ประเมนิ ผลการเรียนร้ขู องผู้เรียน
เมื่อผู้เรียนได้เรียนรู้ตามรูปแบบของ
นกั ศกึ ษาส่งการบา้ นโดย
การนาเสนอ แต่ละกลุ่มเรียบร้อย ผู้วิจัยจะดาเนินการดังน้ี (ก)
นักศึกษาทาการประเมินแบบสอบถามความคิดเห็น
การบา้ นของแต่ละกลุ่ม ของนักศึกษาที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ
ผ่านระบบออนไลน์ ออนไลน์ (ข) ทาการทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
(กลุม่ ละ 5 10 นาท)ี ท้ายบทเรียนโดยการสอบข้อเขียนแสดงวิธีทา (ค) นา
ผลที่ได้รับในข้อ ก ไปวิเคราะห์เปรียบเทียบกับผลท่ี
เ ลยการบา้ น
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
รปู ที่ 1 เปรียบเทยี บขน้ั ตอนการจดั การเรียนการสอน
สาหรบั หอ้ งเรยี นออนไลนแ์ บบปกติ
(Passive Learning) และ ห้องเรยี นออนไลน์
แบบกลับด้าน (Active Learning)

ความแตกต่างที่สาคัญในการจัดการเรียนการ
สอนของห้องเรียนออนไลน์สาหรับท้ัง 2 รูปแบบ คือ
รูปแบบห้องเรียนออนไลน์แบบปกติ ( Passive
Learning) เป็นการจัดการเรียนการสอนที่เน้นการ
บรรยายแบบห้องเรียนปกติ โดยใช้สื่อการสอนเป็น
PowerPoint โดยในระหว่างช้ันเรียนออนไลน์ผู้เรียน
สามารถซักถามสิ่งที่ไม่เข้าใจ และมีการมอบหมาย
การบ้านให้ผู้เรียนโดยให้ผู้เรียนส่งการบ้านโดยใช้

Vocational Education Innovation and Research Journal 206

206 วารสารวิจัยและนวตั กรรมการอาชวี ศึกษา

ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564

ไ ด้ รั บ จ า ก แ บ บ ส อ บ ถ า ม รู ป แ บ บ ก า ร เ รี ย น รู้ ข อ ง – รูปแบบการเรียนรู้ผ่านการฟัง, R = Read/Write –
นักศึกษา (VARK Learning Styles) รูปแบบการเรียนรู้ผ่านการอ่านเขียน, และ K =
Kinetics – ผทู้ ่ถี นดั การเรยี นรู้ผา่ นการไดล้ องทา
3.3.4 สถติ ทิ ่ใี ช้ในการวิจัย
(ก) วิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมได้จาก จากตารางท่ี 1 พบว่า นักศึกษา ปวส.1
สาขาวิชาช่างก่อสร้าง ของกลุ่มที่ 1 มีรูปแบบการ
แบบประเมินความคิดเห็นของนักศึกษาที่มีต่ อ ก า ร เรียนรู้แบบ A หรือรูปแบบการเรียนรู้ผา่ นการฟงั เป็น
จัดการเรียนการสอนออนไลน์ โดยการหาค่าเฉล่ีย ลาดับที่ 1 โดยมีค่าน้าหนักเท่ากับ 3.11 (เต็ม 10)
(Mean) ค่าสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( S.D.) ซ่งึ มเี กณฑ์ นอกจากนี้ ยังพบว่า ลาดับท่ี 2 และ 3 มีค่าน้าหนักที่
ในการประเมิน 5 ระดับ (Best W.Jonh) โดยอ้างอิง ใกล้เคียงกันคือ รูปแบบการเรียนรู้แบบ K หรือการ
จากสัมฤทธิ์ กางเพ็ง [13] ดังน้ี เรียนรู้ผ่านการได้ลองทา มีค่าน้าหนักเท่ากับ 2.74
ส่วนรูปแบบการเรียนรู้แบบ V หรือการเรียนรู้ผ่าน
- ค่าเฉลย่ี 4.50 – 5.00 หมายถงึ เห็นดว้ ยมากที่สดุ ภาพหรือการมองเห็น มีค่าน้าหนักเท่ากับ 2.44 และ
- ค่าเฉลย่ี 3.50 – 4.49 หมายถึง เห็นดว้ ยมาก ลาดับสุดท้ายคือ รูปแบบการเรียนรู้แบบ R หรือ
- ค่าเฉลย่ี 2.50 – 3.49 หมายถงึ เหน็ ด้วยปาน รูปแบบการเรียนรู้ผ่านอ่านเขียน มีค่าน้าหนักเท่ากับ
1.70 เมื่อสังเกตพฤติกรรมของนักศึกษาและนามา
กลาง เปรียบเทียบกับผลท่ีได้จากการตอบแบบสอบถาม
- คา่ เฉลย่ี 1.50 – 2.49 หมายถงึ เห็นดว้ ยน้อย VARK Learning Styles จะเห็นว่าผลที่ได้มีความ
- คา่ เฉล่ยี 1.00 – 1.49 หมายถึง เหน็ ดว้ ยนอ้ ยท่สี ุด สอดคล้องกับพฤติกรรมท่ีเกิดขึ้นจากการสังเกตในชั้น
เรียน นักศึกษาส่วนใหญ่ชอบการเรียนรู้ท่ีได้จากการ
(ข) การจดั ลาดับ (Ranking) รปู แบบ ฟัง ชอบให้ครูผู้สอนบรรยาย อธิบาย ขยายความจาก
การเรียนรู้ของนักศึกษาทาได้โดยพิจารณาจากค่า ตัวอย่างโจทย์ปัญหาท่ีให้ไป ส่วนใหญ่จะรอเป็นผู้รับ
นา้ หนักของรปู แบบการเรียนรู้ ซง่ึ หาไดจ้ ากสมการที่ (1) เพียงอย่างเดียว ไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นที่จะเสาะ
แสวงหาคาตอบด้วยตัวเอง ส่วนในรูปแบบท่ีเก่ียวกับ
(1)รูปแนบาหบนกากั รขเอรยีงน=ร(ู้ 1 1)+( จ 2าน ว น2นกั)ศ+กึ ษ( า ท3ง้ั ห ม ด3)+( 4 4) การลงมอื ทาคอ่ นข้างสอดคล้องกบั บริบทในสายอาชีพ
เน่ืองจากรายวิชาส่วนใหญ่จะเก่ียวกับวิชาท่ีต้องใช้
โดยที่ f1, f2, f3 และ f4 คือความถี่ของนักศกึ ษา ทักษะการปฏิบัติงาน การลงทาด้วยตัวเอง สามารถ
(คน) ในการเลือกตอบรูปแบบการเรียนรู้ w1, w2, w3 พัฒนาทกั ษะทีไ่ ด้จากการลงมือปฏิบัติ สาหรับรูปแบบ
และ w4 คือน้าหนักที่ข้ึนอยู่กับลาดับในการเลือก การมองเห็นภาพ เมื่อสังเกตผู้เรียนจะพบว่า ในการ
รูปแบบการเรียนรู้ ซ่ึงมีค่าเท่ากับ 4, 3, 2, และ 1 เมื่อ สอนรายวิชาที่เก่ียวกับคานวณ กรณีที่ไม่มีตัวอย่าง
เลอื กลาดบั ที่ 1, 2, 3 และ 4 ตามลาดับ หรือรูปแบบท่ีชัดเจน นักศึกษาจะไม่สามารถแก้โจทย์
ปัญหาได้ด้วยตัวเอง ต้องอาศัยครูผู้สอนที่จะเป็นผู้ช้ี
(ค) การตรวจสอบความแตกต่าง แนวทาง ลาดับสุดท้ายคือรูปแบบการเรียนรู้ที่ได้จาก
ของผลสัมฤทธิ์แต่ละกลุ่มตัวอย่างของนักศึกษา ได้ใช้ การอ่านเขียน ซ่ึงเป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเองอย่างมาก
การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way จะไม่ค่อยพบในนักศึกษายุคปัจจุบันที่มีสื่อออนไลน์ท่ี
ANOVA) โดยกาหนดนยั สาคัญทางสถติ ิท่ีระดบั 0.05 ประกอบด้วยภาพเคลื่อนไหวและเสียง ที่ไม่ต้องใช้
จินตนาการหรือทาความเขา้ ใจดว้ ยตนเอง
4. ผลการศึกษา
4.1 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลรปู แบบการเรยี นรู้ของ

ผู้เรียนจากการตอบแบบสอบถาม VARK LEARNING
STYLE

จากตารางที่ 1 และ 2 ได้นิยามรูปแบบการ
เรียนรู้ของนักศึกษาเป็นดังน้ี : V = Visual – รูปแบบ
การเรียนรู้ผ่านภาพหรือการมองเห็น, A = Auditory

VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2

Vocational Education Innovation and Research Journal 207

วารสารวิจัยและนวตั กรรมการอาชวี ศกึ ษา

ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564

ตารางท่ี 1 คา่ ความถ่ีในการเลอื กและการคานวณ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ รู ป แ บ บ ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น
น้าหนักของรปู แบบการเรยี นร้ขู อง ออนไลน์แบบกลับด้าน (Active Learning) อย่างไรก็
นักศึกษากลมุ่ ที่ 1 ห้องเรยี น แบบปกติ ตาม นักศึกษาส่วนใหญ่ท่ีชอบเรียนรู้ด้วยตนเอง ก็จะ
(จานวน 27 คน, เพศชาย 21 คน, เพศ ไมช่ อบการเรยี นรู้โดยการลงมือปฏบิ ัติ
หญงิ 6 คน)

รูปแบบ ความถข่ี องนกั ศกึ ษา (คน) นาหนัก ลาดบั ตารางที่ 2 ค่าความถ่ใี นการเลือกและการคานวณ
การ ในการเลือก ของ การ น้าหนกั ของรูปแบบการเรียนรู้ของ
เรยี นรู้ รปู แบบ เรียน นักศึกษากลุ่มท่ี 2 ห้องเรียน แบบกลับ
ลาดบั ลาดับ ลาดับ ลาดบั การ รู้ ด้าน (จานวน 17 คน, เพศชาย 12 คน,
1234 เรียนรู้ เพศหญงิ 5 คน)

V 6 6 9 6 2.44 3 ความถข่ี องนกั ศึกษา (คน) นาหนัก

A 12 8 5 2 3.11 1 รปู แบบ ในการเลอื ก ของ ลาดบั

R 1 4 8 14 1.70 4 การ ลาดับ ลาดบั ลาดบั ลาดับ รปู แบบ การ
เรียนรู้ 1 2 3 4 การ เรยี นรู้
K 8 9 5 5 2.74 2 เรยี นรู้

รวม 27 27 27 27 10

V 3 4 6 4 2.35 2

จากตารางท่ี 2 พบว่า นักศึกษา ปวส.1 A 9 5 3 0 3.35 1
สาขาวชิ าช่างก่อสร้าง ของกลุ่มที่ 2 ส่วนใหญ่มรี ปู แบบ
การเรียนรู้แบบ A หรือรูปแบบการเรียนรู้ผ่านการฟัง R 2 6 3 6 2.24 3
เป็นลาดับที่ 1 โดยมีน้าหนักเท่ากับ 3.35 ขณะท่ี
ลาดับท่ี 2, 3 และ 4 มีค่าน้าหนักท่ีใกล้เคียงกันคือ K 3 2 5 7 2.06 4
รูปแบบการเรียนรู้แบบ V หรือรูปแบบการเรียนรู้ผ่าน
ภาพหรือการมองเห็น มีค่าน้าหนักเท่ากับ 2.35 ส่วน รวม 17 17 17 17 10
รูปแบบการเรียนรู้แบบ R หรือรูปแบบการเรียนรผู้ ่าน
อ่านเขียน มคี า่ น้าหนกั เท่ากับ 2.24 และลาดับสดุ ทา้ ย 4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นของ
คือ รูปแบบการเรียนรู้แบบ K หรือการเรียนรู้ผ่านการ นักศึกษาที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ
ได้ลองทา มีค่าน้าหนักเท่ากับ 2.06 เมื่อสังเกต ออนไลน์
พฤติกรรมของนักศึกษาในชั้นเรียนของกลุ่มที่ 2 และ
น า ม า เ ป รี ย บ เ ที ย บ กั บ ผ ล ที่ ไ ด้ จ า ก ก า ร ต อ บ 4.2.1 ผลการประเมินความคิดเห็นของ
แบบสอบถาม VARK Learning Styles จะพบว่าผลท่ี นักศึกษาท่ีมีต่อการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ
ไดม้ คี วามสอดคล้องกัน นอกจากนกั ศกึ ษาส่วนใหญ่จะ ออนไลน์ (กรณหี ้องเรียนออนไลนแ์ บบปกติ)
ชอบการเรียนรู้โดยการฟังจากที่ครูบรรยาย ขยาย
ความจากตัวอย่างโจทย์ปัญหาท่ีให้ไป ยังมีนักศึกษา จากตารางที่ 3 ผลการประเมินความคิดเห็น
ส่วนใหญ่ที่ชอบจะชอบการมองเห็นภาพและชอบอา่ น ของนักศึกษาที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ
เขียน เรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งแตกต่างจากนักศึกษากลมุ่ ออนไลน์ พบว่า กลุ่มห้องเรียนปกติ (กลุ่มท่ี 1) ใน
ท่ี 1 นักศึกษากลุ่มน้ีชอบเรียนรู้ด้วยตนเองซ่ึงจะ ภาพรวมมีค่าเฉล่ียความคิดเห็นในระดับมาก ( X =
4.09, S.D.= 0.87) เมื่อพจิ ารณาเป็นรายดา้ น สามารถ
แบ่งได้เป็น 3 ด้าน เรียงลาดับมากไปหาน้อย ได้แก่
ด้านสภาพแวดล้อมในห้องเรียนออนไลน์อยู่ในระดับ
มาก ( X = 4.23, S.D.= 0.76) ด้านเทคนคิ วธิ กี ารสอน
ของครูผู้สอนอยู่ในระดับมาก ( X = 4.12, S.D.=
0.89) และด้านประโยชน์และคุณภาพที่ได้รับจากการ

VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2

Vocational Education Innovation and Research Journal 208

208 วารสารวิจยั และนวตั กรรมการอาชวี ศึกษา

ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564

จัดการเรียนการสอนออนไลน์อยู่ในระดับมาก ( X = ตารางที่ 4 ผลการประเมนิ ความคิดเหน็ ของนักศึกษา
3.99, S.D.= 0.91) ตามลาดับ และจากการสอบถาม ที่มีตอ่ การจดั การเรียนการสอนออนไลน์
ปัญหาแบบปลายเปิดโดยให้นักศึกษาให้ข้อเสนอแนะ แบบกลบั ด้าน
พบว่า การใช้งานอินเตอร์เน็ตของนักศึกษามีความ
ขดั ขอ้ ง สัญญาณมอื ถอื ไมเ่ สถยี รเป็นบางครงั้ จงึ อาจจะ รายการประเมนิ ความ ค่าเ ลยี่ สว่ น ระดับ
พลาดประเด็นสาคัญในบางเร่ืองขณะที่ครูบรรยาย คดิ เห็นของนกั ศึกษาที่มีตอ่ (X ) เบี่ยงเบน ความ
นักศึกษาบางคนไม่ชอบการเรียนออนไลน์ ทาให้ไม่มี การจัดการเรยี นการสอน มาตรฐาน คิดเหน็
ความกระตือรือร้นท่ีจะเข้าเรียน ไม่ตรงต่อเวลา ทาให้ รปู แบบออนไลนแ์ บบกลบั 4.10
เกิดความล่าช้าในชั้นเรียน และนักศึกษาบางคนให้ 4.28 ( S.D. ) มาก
เหตุผลว่ามีการบ้านเยอะ และไม่ชอบทางานกลุ่ม การ ดา้ น มาก
ใช้ห้องเรียนออนไลน์จึงเป็นไปด้วยความยากลาบาก 1. ด้านเทคนิควิธีการสอน 4.20 0.58
สาหรบั นักศึกษาทีไ่ มม่ คี วามพยายาม และกระตือรอื ร้น ของครูผ้สู อน 4.19 มาก
ทส่ี าคัญต้องมีความรับผดิ ชอบต่อตัวเองอกี ดว้ ย 2. ด้านสภาพแวดล้อมใน 0.65
ห้องเรียนออนไลน์ มาก
ตารางที่ 3 ผลการประเมินความคดิ เห็นของนกั ศกึ ษา 3 . ด้ า น ป ร ะ โ ย ช น์ แ ล ะ 0.61
ที่มีตอ่ การจดั การเรยี นการสอนรูปแบบ คุ ณ ภ า พ ที่ ไ ด้ รั บ จ า ก ก า ร
ออนไลน์แบบปกติ จัดการเรียนการสอนโดย 0.61
YouTube และออนไลน์

รวมทังหมด

รายการประเมนิ ความ คา่ เ ลย่ี ส่วน ระดบั จากตารางที่ 4 ผลการประเมินความคิดเห็น
คดิ เหน็ ของนักศึกษาที่มี (X ) เบี่ยงเบน ความ ของนักศึกษาที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ
ตอ่ การจัดการเรียนการ มาตรฐาน คดิ เห็น ออนไลน์ พบว่า กลุ่มห้องเรียนแบบกลับด้าน (Active
4.12 ( S.D. ) Learning) โดยภาพรวมมคี ่าเฉลยี่ ความคิดเห็นในระดบั
สอนรูปแบบ 4.23 มาก มาก ( X = 4.19, S.D.= 0.61) เมื่อพิจารณาเป็นราย
ออนไลนป์ กติ 0.89 มาก ดา้ น สามารถแบง่ ได้เปน็ 3 ด้าน เรยี งลาดบั จากมากไป
1. ด้านเทคนคิ วิธกี ารสอนของ 3.99 หานอ้ ย ได้แก่ ดา้ นสภาพแวดลอ้ มในห้องเรยี นออนไลน์
ครูผูส้ อน 4.09 0.76 มาก มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ( X = 4.28, S.D.=
2. ด้านสภาพแวดล้อมใน 0.65) ด้านประโยชน์และคุณภาพท่ีได้รับจากการ
หอ้ งเรียนออนไลน์ 0.91 มาก จัดการเรียนการสอนโดยใช้ YouTube และออนไลน์
3. ด้านประโยชนแ์ ละคณุ ภาพ อยู่ในระดับมาก ( X = 4.20, S.D.= 0.61) และด้าน
ที่ได้รับจากการจัดการเรียน 0.87 เทคนิควิธีการสอนของครูผู้สอนอยู่ในระดับมาก ( X =
การสอนออนไลน์ 4.10, S.D.= 0.58) ตามลาดับ และจากการสอบถาม
ปัญหาแบบปลายเปิดโดยให้นักศึกษาให้ข้อเสนอแนะ
รวมทังหมด พบว่า นักศึกษาบางคนไม่ค่อยเข้าใจภาษาที่ใช้ในการ
อธิบายกรณีท่ีดูคลิปวิดีโอ อยากให้มีกิจกรรมระหว่าง
4.2.2 ผลการประเมินความคิดเห็นของ เ รี ย น เ พ่ิ ม เ ติ ม เ พ่ื อ ดึ ง ดู ด ค ว า ม ส น ใ จ ใ น ช้ั น เ รี ย น
นักศึกษาท่ีมีต่อการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ นอกจากน้ี เมื่อสังเกตจากช้ันเรียนและแบบสอบถาม
ออนไลน์ (กรณหี อ้ งเรียนออนไลน์แบบกลบั ด้าน) ปลายเปดิ เห็นว่า มีความพรอ้ มและกระตือรือร้นในการ
เรียน และมีความสนใจมากกว่ากลุ่มท่ี 1 ที่เรียนใน
ห้องเรียนออนไลน์แบบปกติ เนื่องจากไม่ถูกจากัดเวลา

VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2

Vocational Education Innovation and Research Journal

วารสารวจิ ยั และนวตั กรรมการอาชวี ศกึ ษา 209

ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564

ในการเรยี นรู้ สามารถเลือกเวลาเรียนได้ และความถ่ใี น นัยสาคัญท่ีระดับ .05 โดยในเน้ือหาแรงเฉือนและ
การดูวิดีโอไม่มีข้อจากัด นักศึกษาส่วนใหญ่จึงชอบการ โมเมนต์ดดั ไดค้ ่า F = 1.387 และ Sig. = .257 เนอ้ื หา
เรียนรู้ด้วยตัวเองผ่านคลิปวิดีโอการสอน ซ่ึงเหมาะกับ โครงถักได้ค่า F = 0.799 และ Sig. = .454 และ
การเรียนรู้ของนักศึกษากลุ่มนี้มากกว่าเนื่องจาก คะแนนรวมของท้ังสองเนื้อหาได้ค่า F = 0.834 และ
นกั ศกึ ษาสว่ นหน่งึ มีรูปแบบการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง Sig. = .439 ดังน้ันสามารถบ่งบอกได้ว่านักศึกษาท้ัง
3 กลุ่มมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ไม่แตกต่างกัน โดย
4.3 เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของ มีค่าเฉลีย่ ของคะแนนไมแ่ ตกตา่ งกนั
นักศึกษาจากการจัดการเรียนการสอนห้องเรียน
ออนไลน์ และการเรียนในห้องเรียนปกติ (ปีการศึกษา ตารางท่ี 6 เปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นจาก
ทผี่ า่ นมา) การใชส้ ถติ ิ One-way ANOVA ของ
คะแนนสอบทั้งหมด
ตารางท่ี 5 ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นของนกั ศึกษาท่ีได้
จากการจัดการเรยี นการสอน Sum of Mean
Squares Square
คา่ เ ลย่ี คะแนน (เต็ม 10) 36.710 df F Sig.
2
และค่าความเบ่ยี งเบน Between 1474.662 67 18.355 .834 .439
Groups 1511.371 69
กลุม่ ผู้เรยี น มาตรฐานท่ีไดร้ ับจากการสอบ Within 22.010
แตล่ ะเนอื หา Groups
Total
แรงเ อื นและ โครงถกั
โมเมนต์ดดั

เรยี นออนไลน์ 4.94 (2.99) 4.54 (2.21) หากพิจารณาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนแยกเป็น
แบบปกติ รายกลมุ่ โดยเรยี งลาดบั คา่ เฉล่ียคะแนนจากมากไปหา
น้อย จะพบว่าผลสัมฤทธิท์ างการเรียนของกล่มุ ท่ีเรยี น
เรยี นออนไลน์ 6.24 (3.39) 5.12 (2.80) ออนไลน์แบบกลบั ด้านมคี ่าเฉล่ียเป็นลาดบั ท่ี 1 กลุ่มท่ี
แบบกลบั ดา้ น เรียนในห้องเรียนปกติมีค่าเฉล่ียเป็นลาดับท่ี 2 และ
กลุ่มท่ีเรียนออนไลน์แบบปกตมิ ีค่าเฉลี่ยเป็นลาดับท่ี 3
เรียนในห้องเรยี น เนื่องจากการสังเกตพฤติกรรมในห้องเรียนของแต่ละ
กลุ่ม กลุ่มท่ีเรียนออนไลนแ์ บบกลบั ด้าน ซึ่งเป็นกลมุ่ ที่
(ของนักศกึ ษาปี 5.37 (2.89) 4.84 (2.06) เรี ย น ผ่ า น วิ ดี โ อ YouTube ส า ม า ร ถ เรี ย น รู้ ไ ด้
ตลอดเวลา ทาใหส้ ามารถใช้เวลาในการทาความเข้าใจ
การศึกษาทีผ่ ่านมา) เนื้อหา คาอธิบายและการทาโจทย์ได้ชัดเจนข้ึน
ผ้เู รยี นมคี วามเขา้ ใจมากยิ่งขึน้ เม่อื เปรยี บเทียบกับการ
*ตัวเลขในวงเล็บเปน็ คา่ ความเบยี่ งเบนมาตรฐาน เรียนในหอ้ งเรยี น ทไ่ี ม่มกี ารอดั วิดีโอ ทาให้ต้องใชเ้ วลา
ในการทาความเข้าใจอย่างมาก และกลุ่มที่คะแนน
จากตารางท่ี 5 พบว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน น้อยท่ีสุดคือ กลุ่มเรียนออนไลน์แบบปกติ นักศึกษา
ของนักศึกษาท่ีได้จากการจัดรูปแบบการเรียนการ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นในการเข้าชั้น
สอนออนไลน์ที่แตกต่างกัน และนามาเปรียบเทยี บกับ เรียน ทาให้บางคนพลาดโอกาสในการทาความเข้าใจ
การจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนปกติ มีค่าเฉลี่ย ในบางเน้ือหา และไม่กล้าตั้งคาถามเม่ือไม่แน่ใจ และ
คะแนนสอบในแต่ละเนื้อหาที่ไม่แตกต่างกันมากนัก
โดยเมื่อนาผลสัมฤทธิ์ไปวิเคราะห์ทางสถิติแบบ One-
way ANOVA ดังแสดงในตารางท่ี 6 พบว่า นักศึกษา
กลุ่มท่ีเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอน
ออนไลน์แบบต่าง ๆ และกลุ่มท่ีเรียนในช้ันเรียนแบบ
ปกติ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแตกต่างกันอย่างไม่มี

VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2

210 Vocational Education Innovation and Research Journal 210

วารสารวิจยั และนวตั กรรมการอาชีวศึกษา

ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564

การทางานกลุ่มของนักศึกษากลุ่มน้ีค่อนข้างเป็นไป ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของทั้งสองกลุ่ม จะเห็นว่า
ด้วยความลาบาก สมาชิกในกลุ่มบางคนไม่ให้ความ กลุ่มท่ี 2 มีผลสัมฤทธ์ิมากกว่ากลุ่มที่ 1 ซึ่งทาให้
รว่ มมือกับสมาชกิ ในกลุม่ ของตวั เองอกี ดว้ ย สามารถวิเคราะห์ได้ว่า รูปแบบการเรียนรู้มีผลต่อ
ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนอีกด้วย ดังนั้นความสนใจและ
5. สรุปผลการศึกษาและการวิจารณ์ผลการศึกษา รูปแบบในการเรียนรู้ของนักศึกษาเป็นสิ่งที่สาคัญท่ี
จากผลการศึกษารูปแบบการเรียนรู้ของนักศึกษา ครูผู้สอนควรตะหนักและทาการศึกษาก่อนที่จะเริ่ม
การจัดการเรียนการสอน เพ่ือที่เลือกรูปแบบการสอน
และความคดิ เหน็ ต่อการจดั การเรียนการสอนออนไลน์ ให้เหมาะสมกับการเรียนรู้ของนักศึกษา ในการศึกษา
ในรายวิชาทฤษฎีโครงสร้าง กรณีศึกษา : ระดับ ปวส.1 รูปแบบการเรียนรู้แบบ VARK Learning Styles นี้
แผนกวิชาช่างก่อสร้าง วิทยาลัยเทคนิคน่าน ผู้วิจัย เม่ือนาไปเปรียบเทียบกับ จงกลณี ตุ้ยเจริญ และคณะ
สามารถสรุปผลการวจิ ยั พรอ้ มท้งั วิจารณผ์ ล ไดด้ งั น้ี [14] ท่ีได้ศึกษารูปแบบการเรียนรู้ของนักศึกษา
พยาบาลบรมราชชนนี ได้พบวา่ นกั ศกึ ษาสว่ นใหญ่จะมี
5.1 ผลการศึกษารูปแบบการเรียนรู้ (Learning รูปแบบการเรียนรู้แบบผสมทั้งสี่ลักษณะซึ่งคล้ายคลึง
Styles) ของนักศึกษาระดับ ปวส.1 แผนกวิชาช่าง กันกับท่ีได้พบในนักศึกษาอาชีวศึกษา แต่งานวิจัย
กอ่ สร้าง วิทยาลัยเทคนิคน่าน ดังกลา่ วไดพ้ บมากท่สี ุดคอื นักศกึ ษาชอบการอ่านหรือ
เขียนมากท่ีสุด ซึ่งแตกต่างกับรูปแบบการเรียนรู้ของ
จากการศกึ ษาพบว่านกั ศึกษาสว่ นใหญ่ของทั้ง นักศึกษาระดับ ปวส. ท่ีพบในการศึกษาน้ีท่ีชอบการ
สองกลุ่มท่ีศึกษาในระดับ ปวส.1 แผนกวิชาช่าง เรียนรูผ้ า่ นการฟัง
ก่อสร้าง วิทยาลัยเทคนิคน่าน มีรูปแบบการเรียนรู้
รูปแบบ A หรอื การเรียนร้ผู ่านการฟงั โดยมีค่าน้าหนัก 5.2 ผลการวิเคราะห์ความคดิ เห็นของนกั ศึกษาที่
เท่ากับ 3.11 และ 3.35 (เต็ม 10) สาหรับกลุ่มที่ 1 มีต่อการจัดการเรยี นการสอนรูปแบบออนไลน์
และกลุ่มที่ 2 ตามลาดับ ส่วนรูปแบบการเรียนรู้ของ
นักศึกษาเลือกเป็นลาดับที่ 2, 3 และ 4 มีความ จากการศึกษาพบว่า นักศึกษาทั้งสองกลุ่มมี
แตกต่างกันในแต่ละกลุ่ม โดยท่ีกลุ่มที่ 1 มีความชอบ ความคิดเห็นต่อการเรียนออนไลน์อยู่ในระดับมาก
การเรียนแบบที่ต้องใช้การลงมือทาหรือปฏิบัติ การ ซึ่งตรงกับสมมติฐานที่ต้ังไว้ โดยกลุ่มนักศึกษา
มองเห็นภาพท่ีต้องชัดเจน อย่างเช่น การทาโจทย์ ห้องเรียนออนไลน์แบบปกติมีค่าเฉลี่ยความคิดเห็นใน
คานวณในรายวิชาทฤษฎีโครงสร้าง ต้องมีการอธิบาย ระดับมาก (X̅ = 4.09, S.D.= 0.87) เม่ือพิจารณา
ยกตัวอย่างให้ชัดเจน นักศึกษากลุ่มน้ีจึงจะสามารถ เป็นรายด้าน สามารถแบ่งได้เป็น 3 ด้าน เรียงลาดับ
เรียนรู้ได้ดี สาหรับลาดับสุดท้ายคือการอ่าน เขียน ซ่ึง มากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านสภาพแวดลอ้ มในห้องเรียน
เป็นการเรียนรู้ที่กลุ่มที่ 1 จะพบน้อยมาก และเมื่อใช้ ออนไลน์อยู่ในระดับมาก (X̅ = 4.23, S.D.= 0.76)
การเรียนออนไลน์แบบปกติกับกลุ่มท่ี 1 จะให้ผล ด้านเทคนิควิธีการสอนของครูผู้สอนอยู่ในระดับมาก
สอดคลอ้ งกบั รปู แบบการเรียนรู้ทเ่ี กดิ ข้ึนจริง นกั ศึกษา (X̅ = 4.12, S.D.= 0.89) และด้านประโยชน์และ
ส่วนใหญ่ขาดการเสาะแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเอง และ คุณภาพท่ีได้รับจากการจัดการเรียนการสอนออนไลน์
ไม่มีความกระตือรือร้นท่ีจะพยายามทาความเข้าใจ อยใู่ นระดับมาก (X̅= 3.99, S.D.= 0.91) ตามลาดับ
สาหรบั กลมุ่ ที่ 2 เป็นการจดั การเรียนการสอนออนไลน์ สาหรับกลุ่มนกั ศึกษาหอ้ งเรยี นแบบกลบั ด้านมคี า่ เฉลีย่
แบบกลับด้านท่ีผู้เรียนต้องใช้เวลาเรียนรู้ด้วยตนเอง ความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก (X̅ = 4.19, S.D.=
ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบการเรียนรู้ของนักศึกษาใน 0.61) เมอ่ื พิจารณาเป็นรายดา้ น สามารถแบ่งไดเ้ ปน็ 3
กลุ่มน้ี โดยนักศึกษาชอบเรียนรู้ผ่านมองเห็นภาพและ ด้ า น เรี ย ง ล า ดั บ ม า ก ไ ป หา น้ อย ไ ด้ แ ก่ ด้ า น
ชอบอ่าน เขียน เรียนรู้ด้วยตนเอง แต่จะไม่ชอบการ สภาพแวดล้อมในห้องเรียนออนไลน์อยู่ในระดับมาก
เรียนรู้โดยการลงมือปฏิบัติ เม่ือเปรียบเทียบกับ

VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2

Vocational Education Innovation and Research Journal 211

วารสารวจิ ัยและนวตั กรรมการอาชีวศึกษา

ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 2 กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564

(X̅ = 4.28, S.D.= 0.65) ด้านประโยชนแ์ ละคุณภาพ ทัง้ สองกลมุ่ มีความสอดคล้องกบั ความคิดเหน็ ท่ีทัง้ สอง
ทีไ่ ด้รับจากการจดั การเรียนการสอนโดยใช้ YouTube กลุ่มได้ตอบแบบสอบถามเช่นเดียวกัน ในด้าน
และออนไลน์อยู่ในระดับมาก (X̅ = 4.20, S.D.= ความเห็นของนักศึกษามีความสอดคล้องกับผล
0.61) และด้านเทคนิควิธีการสอนของครูผู้สอนอยู่ใน การศึกษาของสริ ารักษ์ ศรีมาลา และรุ่งทิวา หวังเรือง
ระดับมาก (X̅ = 4.10, S.D.= 0.58) ตามลาดับ เม่ือ สถิตย์ [15] กล่าวว่าผู้เรียนส่วนใหญ่มีความรู้สึก
พิจารณาเปรียบเทียบทั้งสองกลุ่มจะเห็นว่า ท้ังกลุ่ม ทางบวกต่อกระบวนการจัดการเรียนการสอนออนไลน์
ห้องเรียนออนไลน์แบบปกติ และห้องเรียนออนไลน์ และมคี วามพึงพอใจอยูใ่ นระดับมาก
แบบกลับด้าน นักศึกษามีความคิดเห็นต่อการจัดการ
เรียนการสอนออนไลน์เป็นลาดับท่ี 1 คือ ทางด้าน 5.3 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนโดยใช้
สภาพแวดล้อมในห้องเรียนออนไลน์อยู่ในระดับมาก รูปแบบการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ห้องเรียน
เนื่องจากนักศึกษาส่วนใหญ่มีความพร้อมในเรื่อง แบบปกติ ห้องเรียนออนไลน์แบบกลับด้าน และการ
อุปกรณ์สมาร์ทโฟน สัญญาณอินเทอร์เนต็ และการใช้ เรียนในหอ้ งเรยี นปกติ
แอปพลิเคชันสาหรับการเรียนต่าง ๆ ส่วนความคิด
เห็นที่แตกต่างกันของท้ัง 2 กลุ่ม คือกลุ่มห้องเรียน จากการเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการ
ออนไลน์ปกติมีความคิดเห็นในด้านเทคนคิ วิธีการสอน เรียนที่เกิดขึ้นกับนักศึกษาจากการเรียนรูปแบบ
ของครูผู้สอนจะอยู่ลาดับที่ 2 แต่กลุ่มห้องเรียน ออนไลน์ที่แตกต่างกันกับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนใน
ออนไลน์แบบกลบั ด้านมคี วามคดิ เหน็ ในดา้ นประโยชน์ ห้องเรยี นปกติ (สาหรบั ปีการศกึ ษาทผ่ี า่ นมา) พบว่า มี
และคุณภาพท่ีได้รับจากการจัดการเรียนการสอน ค่าเฉลี่ยของผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักศึกษาไม่
ออนไลน์อยู่ลาดับที่ 2 ซึ่งสลับลาดับกัน เมื่อสังเกต แตกต่างกันทางสถิติ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณา
พฤติกรรมพร้อมกับเปรียบเทียบความคิดเห็นของ ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนของนักศกึ ษาแยกเป็นรายกลมุ่
นักศึกษาทาให้สามารถวิเคราะห์ได้ว่า กลุ่มผู้เรียน สามารถเรียงลาดับค่าเฉล่ียของคะแนนสอบจากมาก
ห้องเรียนออนไลน์ปกติพอใจกับการเรียนออนไลน์ ไปหาน้อย พบว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของกลุ่ม
แบบสอนสด แต่ยังขาดในเรื่องของการกระตือรือร้นที่ ห้องเรียนออนไลนแ์ บบกลับดา้ นมคี า่ เฉลีย่ คะแนนสอบ
จะเข้าเรียน การตรงต่อเวลา ซึ่งทาให้บางครั้งอาจจะ เป็นลาดับที่ 1 กลุ่มท่ีเรียนในห้องเรียนปกติมีค่าเฉล่ีย
พลาดเนื้อหาสาคัญ และจุดสังเกตคือ ความพยายาม คะแนนสอบเป็นลาดับท่ี 2 และกลุ่มท่ีเรียนออนไลน์
ในการเรียนรู้ค่อนข้างน้อยและด้วยความท่ีเป็นเนอื้ หา แบบปกติมีค่าเฉลี่ยคะแนนสอบเป็นลาดับท่ี 3
เกย่ี วกับการคานวณท่ีมคี วามซบั ซ้อนพอสมควร ทาให้ นอกจากนี้ จากการสังเกตพฤติกรรมในห้องเรียนของ
นักศึกษาบางคนทาโจทย์ไม่ได้ ไม่ค่อยเข้าใจ จึงส่งผล แต่ละกลมุ่ ของนกั ศกึ ษา จะเหน็ ว่ากลุ่มท่ีเรยี นออนไลน์
ให้นักศึกษาบางคนมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนที่ลดลง แบบกลับด้านสามารถใช้เวลาในการทาความเข้าใจใน
เน่ืองจากไม่พร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการ เน้ือหาของบทเรียนได้ตลอดเวลาตามท่ีต้องการ
เรียนรู้แบบปัจจุบันน้ี แต่สาหรับกลุ่มผู้เรียนห้องเรียน ผู้เรียนเกิดความเข้าใจมากย่ิงข้ึน โดยเมื่อเปรียบเทียบ
ออนไลน์แบบกลับด้าน มีความพึงพอใจในการเรียน กับห้องเรียนปกติอาจจะต้องใช้ระยะเวลานานในการ
แบบที่ต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง รู้สึกสะดวกสบาย เพราะ ทาความเข้าใจในเนื้อหา สาหรับกลุ่มที่เรียนออนไลน์
สามารถกลับไปทบทวนเม่อื ไร่ก็ได้ ไม่รู้สกึ กดดนั ทาให้ แบบปกตไิ ด้คะแนนสอบนอ้ ยท่ีสดุ เนอื่ งจากขาดความ
นักศึกษากลุ่มนี้มีความสุขในการเรียน ส่งผลให้มี กระตือรือร้นในการเข้าเรียน ความเอาใจใส่และสนใจ
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนที่สูงกว่ากลุ่มแรก และเมื่อ ในช้ันเรียนมีน้อยมากเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น ๆ ทาให้
นาไปเปรียบเทียบกับรูปแบบการเรียนรู้ของนักศึกษา นกั ศึกษากลุม่ นมี้ ีคะแนนคอ่ นข้างตา่ การทางานกล่มุ ก็
เป็นไปด้วยความยากลาบากเช่นเดยี วกนั ดังนน้ั ผูว้ จิ ยั
มีความเห็นว่า ในการจัดการเรียนการสอนในคร้ัง

VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2

212 Vocational Education Innovation and Research Journal 212

วารสารวจิ ยั และนวตั กรรมการอาชีวศกึ ษา

ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564

ต่อไป การใช้การเรียนรู้แบบผสมผสานจะช่วย [5] สวุ ฒั น์ บุญลือ, “รูปแบบการจัดการเรยี นการ
ยกระดับชั้นเรียนให้มีคุณภาพย่ิงข้ึน ซ่ึงสอดคล้องกับ สอนออนไลนท์ ่เี หมาะสมสาหรับ
ผลการศึกษาของ เสถียร พูลผล และปฏิพล อรรณพ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอบุ ลราชธานี”, วารสาร
บริบูรณ์ [16] ท่ีได้ออกแบบรูปแบบการเรียนรู้และ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏรอ้ ยเอด็ , ปีที่ 11 ฉบับท่ี
นามาออกแบบแนวทางการจัดการเรียนรู้รูปแบบใหม่ 2, หน้า 250, ปี 2560.
ซึ่งมีการเรียนรู้แบบผสมผสานทีม่ ีการจัดการเรียนการ
สอนในหอ้ งเรียนควบคู่ไปกบั การสอนรปู แบบออนไลน์ [6] วิจารณ์ พานชิ , การสรา้ งการเรยี นร้สู ู่
ศตวรรษ ที่ 21, นครปฐม : บรษิ ัท ส เจรญิ
เอกสารอ้างอิง การพมิ พ์ จากดั , พ.ศ. 2556.
[1] ขจรพงษ์ พูภ่ มรไกรภพ, “MIAP กับการ
จัดการเรียนร้อู าชวี ศึกษา”, วารสารวิจยั และ [7] Bonwell, C.C. and Eison, J.A., “Active
นวัตกรรม สถาบนั การอาชีวศกึ ษา Learning Creating Excitement in The
กรงุ เทพมหานคร, ปที ี่ 2, ฉบับที่ 2, หนา้ 14, Classroom”. ASHEERIC Education
ปี 2562. Report No.1, The George Washington
[2] พลตรี สงั ข์ศรี, “รูปแบบการจัดการเรียนรู้ University, Washington DC, 1991,
แบบโครงงานเปน็ ฐานวิชาโครงการ สาหรบั pp. 1 – 47.
นกั ศึกษา ระดบั ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ
ช้นั สงู สงั กดั สานักงานคณะกรรมการการ [8] สรุ วฒุ ิ ชว่ งโชต.ิ (2564 เมษายน 30). ถอด
อาชีวศึกษา”, วารสารวิชาการ T-VET บทเรียน Active Learning [Online].
Journal ถาบนั การอาชวี ศกึ ษาภาคเหนอื 3, แหลง่ ท่มี า: https://celt.li.kmutt.ac.th/
ปีท่ี 3, ฉบับที่ 5, หน้า 107, ปี 2563. km/index.php/active-learning-new-
[3] ตนั ตกิ ร คมคาย, ทรงศกั ด์ิ สองสนทิ และ learning-platforms/
พงศ์ธร โพธ์ิพูลศกั ด์ิ, “การจดั การเรยี นร้แู บบ
ปัญหาเป็นฐานโดยใชส้ ่ือสงั คมออนไลน์ [9] กรรณกิ าร์ ปญั ญาดี, “ผลการจัดกิจกรรมการ
สนับสนนุ วิชาคณติ ศาสตรพ์ น้ื ฐานท่มี ี เรียนรเู้ ชิงรกุ ออนไลน์ เพ่อื พฒั นาผลสมั ฤทธิ์
ตอ่ ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนของนักเรียนชัน้ ทางการเรยี น วชิ าคอมพวิ เตอร์ 3 ของ
ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี ”, วารสารวชิ าการ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2”, วิทยานพิ นธ์
จดั การเทคโนโลยสี ารสนเทศและนวตั กรรม, ศษ.ม. (การวจิ ัยและพฒั นาหลกั สตู ร),
ปีท่ี 5, ฉบบั ท่ี 2, หนา้ 30, ปี 2561. มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี,
[4] พงษ์ศักด์ิ บญุ ภักดี, “การประเมินการจัดการ ปทมุ ธานี, 2558.
เรยี นการสอนแบบออนไลนบ์ นฐานวิถชี วี ติ
ใหม่สาหรบั นักศกึ ษาอาชีวศึกษา”, [10] Fleming N. “Vark Classification of
วารสารวชิ าการ T-VET Journal สถาบนั Learning Styles”. London,
การอาชีวศึกษาภาคเหนอื 3, ปีที่ 4, ฉบบั ท่ี Educational: SEDA, 2008.
8, หน้า 47, ปี 2563
[11] สุรีพร ปวฒุ ภิ ัทรพงศ.์ (2564, มกราคม 10).
แบบสอบถาม ฉันจะเรยี นได้ดที ี่สุดอย่างไร
[Online]. แหลง่ ท่มี า: vark-learn.com/
แบบสอบถาม/

[12] บรุ ินทร์ รจุ จนพันธ.์ุ (2563 ธนั วาคม 25).
เกณฑ์การแปลความหมาย[Online].
แหลง่ ท่ีมา : http://www.thaiall.com/
blog/tag/likert/

VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2

Vocational Education Innovation and Research Journal 213

วารสารวจิ ัยและนวัตกรรมการอาชวี ศกึ ษา

ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2564

[13] สัมฤทธ์ิ กางเพ็ง. (2563 ธันวาคม 25). การ
ใชเ้ กณฑ์แปลความหมายค่าเฉลีย่
แบบสอบถามมาตราสว่ นประมาณ
[Online]. แหลง่ ทมี่ า: http://www.thaiall.
com/blog/tag/likert/

[14] จงกลณี ตุ้ยเจรญิ ,ปรางทิพย์ ทาเสนาะ เอล
เทอร,์ ราไพ หมั่นสระเกษ, อิสราวรรณ
สนธภิ มู าส และทรงสุดา หมนื่ ไธสง,
“รปู แบบการเรียนรแู้ บบวาร์คของนักศึกษา
พยาบาลศาสตรบัณฑติ ในวทิ ยาลัยพยาบาล
บรมราชชนนี นครราชสีมา”,
วารสารวชิ าการสาธารณสุข, ปที ่ี 29, ฉบบั ท่ี
6, หน้า 1082, ปี 2563.

[15] สริ ารกั ษ์ ศรีมาลา และรุ่งทวิ า หวังเรอื ง
สถิตย์, “ผลสัมฤทธิ์และความพึงพอใจของ
นกั ศึกษาพยาบาลต่อการจัดการเรยี นการ
สอนการพยาบาลทารกแรกเกิด”,
วารสารวชิ าการสาธารณสขุ , ปที ี่ 24,
ฉบบั ท่ี 4, หนา้ 757, ปี 2558.

[16] เสถยี ร พนู ผล และปฏพิ ล อรรณพบรบิ ูรณ์,
“การสารวจความคดิ เห็นของนกั ศกึ ษาเภสัช
ศาสตรท์ ม่ี ตี อ่ การเรียนการสอนออนไลน์
ในชว่ งโควทิ 19 เพอ่ื ออกแบบแนวทางการ
จดั การเรียนร้รู ูปแบบใหม่ของคณะเภสัช
ศาสตร์ มหาวิทยาลยั สยาม”. การประชมุ
วชิ าการครง้ั ท่ี 15 ประจาปี 2563 สมาคม
เครือขา่ ยการพัฒนาวชิ าชพี อาจารย์และ
องคก์ ร ระดับอุดมศึกษาแหง่ ประเทศไทย
(ควอท), 15 กรกฎาคม 2563,
หนา้ 36 – 47.

VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2

คำแนะนำสำหรับผูเขยี น
สารสงั เขปของวารสาร

วารสารวิจัยและนวัตกรรมอาชวี ศกึ ษา จัดทำโดยสถาบันการอาชีวศกึ ษาภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 1-5 รับบทความจาก
ผเู ขยี นทงั้ ในและนอกสถาบนั ฯ บทความที่เสนอเพื่อขอรับการพิจารณาอาจเปน ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได บทคัดยอ ตองมี
สองภาษา เอกสารอางอิงและแบบฟอรมตามทีว่ ารสารกำหนด ใชผ ทู รงคณุ วุฒิทง้ั ภายในและภายนอกสถาบันฯ ทีเ่ กีย่ วของ
จำนวนไมน อ ยกวา 2 ทาน กำหนดตีพิมพ ปล ะ 2 ฉบบั (มกราคม-มถิ ุนายน และ กรกฎาคม-ธันวาคม)

วัตถุประสงค (Aim and Scope)
วารสารวิจัยและนวัตกรรมการอาชีวศึกษา มีนโยบายเพื่อเปนส่ือกลางในการเผยแพรผลงานวิจัยและนวัตกรรม ที่

นำไปสกู ารพฒั นาการอาชีวศกึ ษา หรือ การนำองคความรดู านการอาชวี ศึกษาที่ผานกระบวนการวิจยั และนวตั กรรม แลวนำไปสู
การพัฒนาสถานประกอบการ ชมุ ชน เศรษฐกจิ สังคม สิง่ แวดลอ ม ประกอบไปดวยขอบเขตเน้อื หา ดานเทคโนโลยีอตุ สาหกรรม
เทคโนโลยสี ารสนเทศ บริหารธรุ กจิ และอืน่ ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ งกบั การอาชวี ศกึ ษา

ขอกำหนดเก่ยี วกบั บทความวิชาการทจ่ี ะสงตีพิมพใ นวารสารน้ี
1. เปนผลงานวิชาการที่ไมเคยเผยแพรทใี่ ดมากอ น
2. เปน ผลงานท่ผี า นการพิจารณาจากผทู รงคณุ วุฒิไมนอ ยกวา 2 ทา น
3. ผลงานท่ีสง ตองเรยี บเรยี งถูกตองตามรูปแบบทีว่ ารสารวจิ ยั และนวัตกรรมการอาชีวศึกษากำหนดอยา งเครงครัด

การเตรียมตนฉบบั
บทความตองมีความยาวประมาณ 8-10 หนากระดาษ A4 สวนการกำหนดคอลัมน การตั้งคาหนากระดาษ

รายละเอียดขนาดอักษร แบบอักษร การกำหนดหัวขอ รายละเอียดการพิมพ รูปภาพ ตารางและเอกสารอางอิง ใหศึกษาจาก
คำแนะนำในการจัดทำบทความตามที่วารสารกำหนด โดยสามารถดาวนโหลดแบบฟอรมสำเร็จรูป (template) ไดท่ี
http://www.ivene1.ac.th/pdf/Template.docx

บทคัดยอ (Abstract) ใหมีทัง้ ภาษาไทย และภาษาองั กฤษ แปลจากบทคัดยอ ภาษาไทย ควรไดร บั การตรวจสอบและ
แกไ ขจากผูสอน/ผเู ชย่ี วชาญภาษาองั กฤษกอ นสงบทความ และควรมีคำสำคัญ (Key words) จำนวน 4-6 คำ

เน้อื เรื่อง (Text) ประกอบดวย
1) บทนำ (Introduction)
2) วธิ ดี ำเนนิ การวจิ ัย (Methodology)
3) ผลการวจิ ยั หรือผลการทดลอง (Result)
4) อภิปรายผลการวิจยั (Discussion)
5) สรุปผลการวิจยั (Conclusion)
6) ขอ เสนอแนะ (Suggestion)
7) เอกสารอางอิง (Reference) การอางองิ ในบทความใชการอางอิงแบบตัวเลข ตามมาตรฐานสากล โดยใช

หมายเลขในเคร่ืองหมายกามปู ดังที่แสดงไวในสวนทายของประโยคนี้ [1] การอางอิงทายบทความ จะตองมีการอางอิงหรือ
กลาวถึงในบทความ และจัดเรียงตามลำดับการอา งองิ ทปี่ รากฏในบทความ ใชก ารอางองิ ตามรูปแบบของ IEEE

ตัวอยา ง [1] ชื่อผแู ตง , “ช่ือบทความ,” ชอื่ วารสาร, ปท ่,ี ฉบบั ที่, เลขหนา บทความทีอ่ า งอิง, ปทีพ่ ิมพ.
[2] นิตยา เงนิ ประเสรฐิ ศร,ี “องคการแนวนอน,” วารสารสงั คมศาสตรแ ละมนษุ ยศาสตร, ปท่ี 27, ฉบับท่ี 15,
หนา 37-42, มกราคม-มถิ ุนายน, 2554.
[3] J.K. Author, “Title of chapter in the book,” in Title of His Published Book, xth ed.
City of Publisher, Country if not USA: Abbrev. of Publisher, year, ch. x, sec. x,


Click to View FlipBook Version