199 6. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) รายงาน เรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ 7. การวัดและการประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 7.1 การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมินการทำรายงาน เรื่อง กลไกราคาใน ระบบเศรษฐกิจ - แบบประเมินการทำ รายงาน เรื่อง กลไกราคา ในระบบเศรษฐกิจ - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 7.2 การวัดและประเมินผล ก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง กลไกราคาในระบบ เศรษฐกิจ - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 7.3 การวัดและประเมินผล ระหว่างการจัดกิจกรรม 1) ตลาดในระบบ เศรษฐกิจ - ตรวจใบงานที่ 6.1 - ใบงานที่ 6.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) กลไกราคา - ตรวจใบงานที่ 6.2 - ใบงานที่ 6.2 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3) การกำหนดราคาใน ระบบเศรษฐกิจ - ตรวจใบงานที่ 6.3 - ใบงานที่ 6.3 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 4) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - แบบประเมิน ผลการนำเสนอผลงาน - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 5) พฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 6) พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 7) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 7.4 การวัดและประเมินผล หลังเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง กลไกราคาในระบบ เศรษฐกิจ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
200 8. กิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ม.3 2) แบบฝึกสมรรถนะและการคิด เศรษฐศาสตร์ ม.3 3) แบบวัดและบันทึกผลการเรียนรู้เศรษฐศาสตร์ม.3 4) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม (1) บุญยืน ชัยสุโรจน์. 2533. ระบบเศรษฐกิจไทย. กรุงเทพมหานคร : ต้นอ้อ. (2) สิดาภา บัวเกษ. 2553. ตลาดการเงินและสถาบันการเงิน. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 5) ตัวอย่างข่าว 6) บัตรภาพ 7) ใบงานที่ 6.1 เรื่อง ตลาดในระบบเศรษฐกิจ 8) ใบงานที่ 6.2 เรื่อง กลไกราคา 9) ใบงานที่ 6.3 เรื่อง การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ - https://businesseast.spu.ac.th - https://www.thairath.co.th - https://www.khaosod.co.th
201 แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่6 คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. “ตลาดสี่มุมเมืองจะมีสินค้าจากเกษตรกรนำมาขายจำนวนมาก ส่วนตลาดรถยนต์จะมีอยู่ในตัวเมืองของทุกจังหวัด” ข้อความ ดังกล่าวเป็นการแบ่งลักษณะของตลาดตามข้อใด ก. แบ่งตามชนิดของสินค้า ข. แบ่งตามลักษณะการขายสินค้า ค. แบ่งตามวัตถุประสงค์ของการใช้สินค้า ง. แบ่งตามลักษณะการแข่งขันที่มีอยู่ในตลาด 2. ข้อความใดสอดคล้องกับลักษณะของตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ก. ก้อยซึ่งเป็นแม่บ้านมักจะซื้อผงซักฟอกหลายยี่ห้อเปลี่ยน กันไป เพราะคุณภาพและราคาใกล้เคียงกัน ข. ตลาดนัดกลางของจังหวัดจะมีคนนิยมไปซื้อของจำนวน มาก แต่มีสินค้าจำนวนน้อย ค. บริษัท สหรุ่งเรือง ผลิตเตารีดไฟฟ้ารุ่นใหม่ออกมา ซึ่งมี ราคาแพงกว่าเตารีดของบริษัทอื่น ง. ในวันขึ้นปีใหม่ร้านค้าที่เก่งเป็นเจ้าของ ประกาศลดราคา สินค้าถูกกว่าเดิม 50 เปอร์เซ็นต์ 3. ข้อดีของตลาดแข่งขันสมบูรณ์ คืออะไร ก. ผู้ผลิตสามารถกำหนดราคาสินค้าได้สูง ข. ผู้บริโภคและผู้ผลิตร่วมมือกันกำหนดราคาสินค้า ค. ผู้บริโภคมีโอกาสในการเลือกซื้อสินค้าราคาที่ต่ำสุด ง. ผู้ผลิตสินค้ามีการแข่งขันกันอย่างเสรีเพื่อขายสินค้า ให้ ได้มากที่สุด 4. “ถ้าราคาสินค้าและบริการใดๆ เพิ่มขึ้น ความต้องการซื้อ สินค้าและบริการนั้นจะลดน้อยลง ถ้าราคาสินค้าหรือบริการ ใดๆ ลดลง ความต้องการซื้อสินค้าและบริการนั้น จะเพิ่มขึ้น” ข้อความดังกล่าวสอดคล้องกับข้อใด ก. กฎของอุปสงค์ ข. กฎของอุปทาน ค. ตัวกำหนดอุปสงค์ ง. ตัวกำหนดอุปทาน 5. การปรับตัวที่ทำให้ปริมาณซื้อและปริมาณขายเท่ากันพอดี ณ ระดับราคาใดราคาหนึ่งนั้น สอดคล้องกับข้อความใด ก. อุปทาน ข. อุปสงค์ ค. กลไกราคา ง. ราคาดุลยภาพ 6. ข้อความเกี่ยวกับปัจจัยกำหนดอุปทานข้อใดถูกต้อง ก. ถ้าราคาสินค้าสูงขึ้น ผู้ผลิตจะลดจำนวนการผลิตลง ข. ถ้าหากสินค้ามีราคาถูกลง ผู้ผลิตจะได้กำไรน้อยลง ทำให้ ลดการผลิตลง ค. จำนวนผู้ผลิตถ้ามีมากขึ้น ทำให้อุปทานเพิ่มขึ้น ถ้าผู้ผลิต ลดน้อยลง จะทำให้อุปทานลดลง ง. ช่วงภาวะน้ำมันราคาแพง ผู้ผลิตรถยนต์จะผลิตรถยนต์ ขนาดใหญ่ที่ประหยัดน้ำมัน 7. “ถ้าในตลาดมีผู้ขายเพียงรายเดียว อาจกำหนดราคาสินค้าให้ สูงได้” ข้อความดังกล่าวสอดคล้องกับปัจจัยการกำหนดราคา ในข้อใด ก. กลุ่มเป้าหมาย ข. สภาวะทางเศรษฐกิจ ค. การแข่งขันของตลาด ง. ต้นทุนการผลิต 8. การกำหนดราคาในทางปฏิบัติมีวัตถุประสงค์หลายประการ ยกเว้นข้อใด ก. เพื่อให้ราคาสินค้าเท่าเทียมกัน ข. เพื่อขยายตลาดให้กว้างขวาง ค. เพื่อสร้างยอดขาย ง. เพื่อสร้างกำไร 9. ข้อเสียของตลาดแข่งขันสมบูรณ์ คืออะไร ก. ผู้บริโภคเป็นผู้กำหนดราคาสินค้า ข. ผู้ผลิตไม่มีการแข่งขันกันอย่างแท้จริง ค. ผู้ผลิตได้กำไรเป็นอัตราส่วนที่ค่อนข้างมาก ง. ผู้ผลิตสินค้าพยายามลดต้นทุนทำให้คุณภาพสินค้าต่ำ 10. ข้อใดคือความหมายของกลไกราคา ก. การผลิตที่มีความสมดุลกับการบริโภค ข. ราคาสินค้าและการผลิตถูกกำหนดโดยความต้องการ ของผู้บริโภค ค. ปริมาณสินค้าที่ผู้บริโภคและผู้ผลิตมีความต้องการ เท่ากัน ง. การเปลี่ยนแปลงในระดับราคาสินค้า ซึ่งเกิดจาก แรงผลักของอุปสงค์และอุปทาน 11. ลักษณะสำคัญของตลาดแข่งขันสมบูรณ์เป็นอย่างไร ก. ผู้ซื้อหรือผู้ขายในธุรกิจมีจำนวนน้อย
202 ข. เป็นตลาดที่มีผู้ขายเพียงรายเดียวที่ผูกขาดสินค้าในตลาด ค. ผู้ซื้อหรือผู้ขายมีอิทธิพลในการกำหนดราคาสินค้า ในตลาด ง. สินค้าในตลาดมีลักษณะที่เหมือนกัน สามารถใช้ ทดแทนกันได้ 12. ธุรกิจในข้อใดจัดอยู่ในตลาดสินค้าบริการ ก. สวนส้มปลอดสารพิษ ข. โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ ค. โรงแรมระดับ 5 ดาว ง. ร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 13. หากนักเรียนเป็นเจ้าของโรงงานผลิตน้ำตาลเพียงแห่งเดียวใน เขตจังหวัด สินค้าน้ำตาลของนักเรียนถือว่าอยู่ในตลาด ประเภทใด ก. คลาดผูกขาด ข. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ค. ตลาดที่มีผู้ขายน้อยราย ง. ตลาดกึ่งแก่งขันกึ่งผูกขาด 14. กรณีใดต่อไปนี้เป็นไปตามกฎของอุปทาน ก. ระยะนี้มะนาวพุ่งสูงจึงมีผู้บริโภคมะนาวน้อยลง ข. ภัตตาคารแห่งนี้มีลูกค้าแน่นทุกวันเพราะอาหารอร่อย ค. ข้าวมีราคาตกต่ำ ชาวนาจึงเก็บข้าวไว้รอขายเมื่อราคา สูงกว่านี้ ง. แม้ราคาทองคำจะเพิ่มสูงขึ้นมาก แต่ร้านทองก็ยังมีลูกค้า สม่ำเสมอ 15. ข้อใดถือเป็นข้อดีของตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ก. เป็นตลาดที่มีสินค้าหลากหลายชนิด ข. ราคาสินค้ามีหลายระดับให้เลือกซื้อ ค. ผู้บริโภคได้รับความพอใจสูงสุดจากการซื้อสินค้า ง. ผู้ผลิตจะได้กำไรเพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าในระยะยาว เฉลย 16. การผูกขาดในตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ส่งผลกระทบต่อ ผู้บริโภคอย่างไร ก. ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าราคาถูก ข. ผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าราคาแพง ค. ผู้บริโภคซื้อสินค้าในราคายุติธรรม ง. ผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าในปริมาณมาก 17. พฤติกรรมของผู้ใดสอดคล้องกับกฎของอุปสงค์ ก. ปราโมทย์ซื้อรองเท้าคู่ใหม่เพราะคู่เก่าชำรุด ข. นารีซื้ออาหารมากักตุนมากขึ้นในช่วงเกิดอุทกภัย ค. ประภาซื้อกระเป๋าถือใบใหม่เพราะมีรูปแบบทันสมัย ง. ชมดาวซื้อเสื้อผ้าเพิ่มขึ้นเพราะลดราคามากกว่าครึ่งหนึ่ง ของราคาเต็ม 18. ข้อใด ไม่มีความสอดคล้องกันตามกฎของอุปสงค์ ก. เมื่อฤดูร้อน อุปสงค์ของไอศกรีมมีมากขึ้น ข. เมื่อฤดูร้อน อุปสงค์ของเสื้อกันหนาวมีมากขึ้น ค. เมื่อฤดูร้อน อุปสงค์ส่วนเกินของไอศกรีมมีมากขึ้น ง. เมื่อฤดูร้อน อุปทานส่วนเกินของเสื้อกันหนาวมีมากขึ้น 19. ข้อใดกล่าวถูกต้องตามกฎของอุปสงค์ ก. เมื่อราคาสินค้าต่ำลง ความต้องการซื้อสินค้าน้อยลง ข. เมื่อราคาสินค้าต่ำลง ความต้องการซื้อสินค้าจะมากขึ้น ค. เมื่อราคาสินค้าสูงขึ้น ความต้องการซื้อสินค้าจะมากขึ้น ง. เมื่อราคาสินค้าสูงขึ้น ความต้องการเสนอขายสินค้า น้อยลง 20. ถ้าราคาต้นทุนการผลิตสินค้าทั้งหมดเฉลี่ยหน่วยละ 120 บาท ธุรกิจหรือผู้ขายต้องการกำไรร้อยละ 25 ดังนั้น ธุรกิจหรือผู้ขายจะต้องกำหนดราคาขายเท่าไร ก. 150 บาท ข. 155 บาท ค. 160 บาท ง. 165 บาท 1. ก 2. ก 3. ค 4. ก 5. ง 6. ค 7. ค 8. ก 9. ข 10. ง 11. ง 12. ค 13. ก 14. ค 15. ค 16. ข 17. ง 18. ข 19. ข 20. ก
203 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 ตลาดในระบบเศรษฐกิจ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด 1.1 ตัวชี้วัด ส 3.1 เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภค การใช้ ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลักการ ของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ ม. 3/1 อธิบายกลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายและประเภทของตลาดในระบบเศรษฐกิจได้ (K) 2. จำแนกข้อดีและข้อเสียของตลาดแต่ละประเภทได้(P) 3. เห็นคุณค่าของศึกษาตลาดในระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น สาระการเรียนรู้จากสื่อ 1) ความหมายและประเภทของ ตลาด 2) ความหมายและตัวอย่างของ อุปสงค์และอุปทาน 3) ความหมายและความสำคัญของ กลไกราคาและการกำหนดราคา ในระบบเศรษฐกิจ 4) หลักการปรับและเปลี่ยนแปลง ราคาสินค้าและบริการ (พิจารณาตามหลักสูตรสถานศึกษา) - ตลาดในระบบเศรษฐกิจ • ลักษณะโดยทั่วไปของตลาด • ตลาดตามลักษณะการ แข่งขัน 4. มโนทัศน์สำคัญ (Key Concept) - ตลาดในระบบเศรษฐกิจแต่ละประเภทมีลักษณะแตกต่างกัน ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย 5. คำถามหลัก (Big Question) - ตลาดในระบบเศรษฐกิจแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ เวลา 1 ชั่วโมง
204 ขั้นสอน ขั้นนำ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการสรุปความรู้ - ทักษะการวิเคราะห์ - ทักษะการเปรียบเทียบ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งให้นักเรียนทราบถึงวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชื่อเรื่องที่ จะเรียนรู้จุดประสงค์การเรียนรู้ และผลการเรียนรู้ 2. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ 3. ครูนำแผ่นพับโฆษณา ใบปลิวของห้างสรรพสินค้าให้นักเรียนดู แล้วสุ่มถามนักเรียนว่า “สนใจจะซื้อ สินค้าใด เพราะเหตุใด และจะไปซื้อที่ไหน” 4. ครูถามคำถามนักเรียนเพิ่มเติม เช่น - โดยปกติแล้วนักเรียนไปซื้อของใช้ สินค้าต่าง ๆ ที่ไหน และตลาดที่ไปซื้อสินค้ามีลักษณะอย่างไร (แนวตอบ ครูให้นักเรียนช่วยกันบอกลักษณะของตลาด เช่น ตลาดนัดขายสินค้าหลากหลาย ตั้งแต่ อาหารสด กับข้าว เสื้อผ้า ของใช้ ฯลฯ) 5. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน เกี่ยวกับลักษณะของตลาดในระบบเศรษฐกิจ โดยครูซักถาม และอธิบาย ขยายความจากสิ่งที่นักเรียนตอบ จากนั้นอภิปรายความรู้ร่วมกัน ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับตลาดในระบบเศรษฐกิจ จากหนังสือเรียน สังคมศึกษาฯ ม.3 หรือจากแหล่งการเรียนรู้อื่น ๆ เช่น หนังสือในห้องสมุด เว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ต 2. ครูแนะนำแหล่งข้อมูลสารสนเทศที่น่าเชื่อถือให้กับนักเรียนเพิ่มเติม ขั้นที่3 อธิบายความรู้ (Explain) 1. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มนำข้อมูลที่ตนได้จากการรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน 2. จากนั้นสมาชิกในกลุ่มช่วยกันคัดเลือกข้อมูลที่นำเสนอเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนำเสนอข้อมูลหน้าชั้นเรียนตามประเด็นที่ศึกษา อภิปราย และตอบ คำถามร่วมกัน 4. ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับปัญหาสังคมและแนวทางแก้ไข และสุ่มตัวแทนนักเรียน
205 ขั้นสรุป ขั้นประเมิน เพื่อตอบคำถาม เช่น 1) การที่มีผู้ขายและผู้ซื้อเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ตลาดมีสภาพอย่างไร (แนวตอบ ทำให้มีการแข่งขันกันสูง ผู้ที่มีศักยภาพในการแข่งขันต่ำ ต้องเสียเปรียบและราคาสินค้า ไม่คงที่ ผู้ผลิตไม่สามารถกำหนดราคาได้โดยเด็ดขาด ทำให้กำไรไม่แน่นอน หรืออาจไม่มีกำไร เพราะมีการแข่งขันสูง) 2) นักเรียนมีความคิดเห็นอย่างไร หากราคาของสินค้าหรือบริการถูกกำหนดโดยผู้ผลิตหรือผู้บริโภค เพียงฝ่ายเดียว (แนวตอบ คำตอบไม่มีถูกหรือผิด แต่เน้นที่เหตุและผลที่นำมาสนับสนุน ต้องมีความสอดคล้องถึง ผลดี-ผลเสียที่มีต่อผู้ผลิตหรือผู้บริโภค) 5. ครูซักถามข้อสงสัยของนักเรียนเพิ่มเติม ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Expand) 1. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 6.1 เรื่อง ตลาดในระบบเศรษฐกิจ โดยครูแนะนำเพิ่มเติม 2. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกสมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร์ม.3 เกี่ยวกับเรื่อง ตลาดในระบบเศรษฐกิจ เพื่อเป็นการบ้านส่งครูในชั่วโมงถัดไป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบผลจากการตอบคำถาม การทำใบงาน และการทำแบบฝึกสมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร์ม.3 2. ครูประเมินผลจากการตอบคำถาม การร่วมกันทำงาน และการนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน 3. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงาน และแบบฝึกสมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร์ม.3
206 8. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 8.1 การวัดและประเมินผล ก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง กลไกราคาในระบบ เศรษฐกิจ - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 8.2 การวัดและประเมินผล ระหว่างการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 1) อธิบายความหมายและ ประเภทของตลาดในระบบ เศรษฐกิจ รวมถึงจำแนก ข้อดีและข้อเสียของตลาด แต่ละประเภทได้ - ตรวจใบงานที่ 6.1 - ใบงานที่ 6.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายกลุ่ม - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 5) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น ในการทำงาน - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ม.3 2) แบบฝึกสมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร์ม.3 3) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม (1) บุญยืน ชัยสุโรจน์. 2533. ระบบเศรษฐกิจไทย. กรุงเทพมหานคร : ต้นอ้อ. (2)สิดาภา บัวเกษ. 2553. ตลาดการเงินและสถาบันการเงิน. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 4) ใบงานที่ 6.1 เรื่อง ตลาดในระบบเศรษฐกิจ
207 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ - https://businesseast.spu.ac.th - https://www.thairath.co.th - https://www.khaosod.co.th
208 ใบงานที่ 6.1 เรื่อง ตลาดในระบบเศรษฐกิจ คำชี้แจง ตอนที่ 1 : ให้นักเรียนนำหมายเลขหน้าข้อความด้านล่างใส่ในกรอบข้อความด้านบนที่มีความสัมพันธ์กัน การแบ่งตลาด แบ่งตาม ชนิดสินค้า แบ่งตามลักษณะ การขายสินค้า แบ่งตามลักษณะการ แข่งขันที่มีอยู่ในตลาด แบ่งตามวัตถุประสงค์ ของการใช้สินค้า 1. ตลาดบริการ 2. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ 3. ตลาดสินค้าผู้บริโภค 4. ตลาดขายส่ง 5. ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ 6. ตลาดสินค้าเกษตร 7. ตลาดสินค้าผู้ผลิตหรือตลาดปัจจัยการผลิต 8. ตลาดเงินและตลาดทุน 9. ตลาดขายปลีก 10. ตลาดสินค้าอุตสาหกรรม
209 ตอนที่ 2 : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. ลักษณะสำคัญของตลาดแข่งขันสมบูรณ์เป็นอย่างไร 2. ข้อดีของตลาดแข่งขันสมบูรณ์เป็นอย่างไร 3. ข้อเสียของตลาดแข่งขันสมบูรณ์เป็นอย่างไร 4. ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ ผู้ขายสามารถกำหนดราคาสินค้าได้อย่างไร
210 5. ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ชนิดใดที่ผู้ซื้อมีอิทธิพลในการกำหนดราคา 6. ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์มีข้อดีอย่างไร 7. ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์มีข้อเสียอย่างไร
211 ใบงานที่ 6.1 เฉลย เรื่อง ตลาดในระบบเศรษฐกิจ คำชี้แจง ตอนที่ 1 : ให้นักเรียนนำหมายเลขหน้าข้อความด้านล่างใส่ในกรอบข้อความด้านบนที่มีความสัมพันธ์กัน การแบ่งตลาด แบ่งตาม ชนิดสินค้า แบ่งตามลักษณะ การขายสินค้า แบ่งตามลักษณะการ แข่งขันที่มีอยู่ในตลาด แบ่งตามวัตถุประสงค์ ของการใช้สินค้า 1. ตลาดบริการ 2. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ 3. ตลาดสินค้าผู้บริโภค 4. ตลาดขายส่ง 5. ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ 6. ตลาดสินค้าเกษตร 7. ตลาดสินค้าผู้ผลิตหรือตลาดปัจจัยการผลิต 8. ตลาดเงินและตลาดทุน 9. ตลาดขายปลีก 10. ตลาดสินค้าอุตสาหกรรม 1, 6, 10 4, 9 2, 5 3, 7, 8
212 ตอนที่ 2 : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1.ลักษณะสำคัญของตลาดแข่งขันสมบูรณ์เป็นอย่างไร 1) มีผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมาก 2) สินค้าที่ซื้อขายในตลาดมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ 3) ผู้ซื้อและผู้ขายต่างรู้ถึงสถานการณ์ในตลาดเป็นอย่างดี 4) การติดต่อซื้อขายจะต้องกระทำโดยสะดวก 5) หน่วยธุรกิจสามารถเข้าหรือออกจากธุรกิจการค้าโดยเสรี 2. ข้อดีของตลาดแข่งขันสมบูรณ์เป็นอย่างไร 1) ผู้ผลิตจะทำการผลิตสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 2) ผู้บริโภคได้รับความพอใจสูงสุดในการเลือกซื้อสินค้าและบริการในราคาต่ำสุด 3) ผู้ผลิตไม่ทำกำไรเกินควร ผู้บริโภคซื้อสินค้าในราคาเหมาะสม 3. ข้อเสียของตลาดแข่งขันสมบูรณ์เป็นอย่างไร 1) เป็นตลาดที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ตามความเป็นจริง เนื่องจากผู้ซื้อและผู้ขายบางคนขาดความรู้ในภาวะการตลาด 2) ใช้ทรัพยากรในการผลิตมาก 3) ผู้ผลิตรายเล็กๆ อาจมีปัญหาทำให้เลิกกิจการ จึงไม่มีการแข่งขันระหว่างผู้ผลิตอย่างแท้จริง 4. ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ ผู้ขายสามารถกำหนดราคาสินค้าได้อย่างไร ผู้ขายสามารถกำหนดราคาสินค้าได้ตามที่ต้องการ ถ้าเป็นตลาดที่มีผู้ขายเพียงรายเดียว ทำให้ผู้ขายมีอิทธิพล เหนือราคา
213 5. ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ชนิดใดที่ผู้ซื้อมีอิทธิพลในการกำหนดราคา ตลาดที่มีผู้ซื้อรายเดียว เช่น โรงงานยาสูบ รับซื้อใบยาสูบ 6. ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์มีข้อดีอย่างไร 1) ควบคุมการบริโภค และการให้สวัสดิการกับประชาชนเพื่อบริโภคในราคาต่ำ 2) สามารถควบคุมสภาพแวดล้อม 3) สินค้าและบริการบางชนิดที่ใช้ทุนมาก รัฐเข้าไปดำเนินการ ทำให้ประชาชนบริโภคสินค้าในราคาต่ำ 7. ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์มีข้อเสียอย่างไร 1) ผู้ผลิตเลือกปัจจัยการผลิตด้วยคุณภาพ แต่จำหน่ายสินค้าราคาสูง 2) ผู้บริโภคขาดทางเลือกสินค้า 3) ผู้บริโภคต้องบริโภคสินค้าราคาสูง 4) มีการจ้างงานน้อยเนื่องจากผู้ผลิตมีจำนวนน้อย มีผลเสียต่อการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจ
214 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 กลไกราคา 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด 1.1 ตัวชี้วัด ส 3.1 เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภค การใช้ ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลักการ ของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ ม. 3/1 อธิบายกลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายและความสำคัญของกลไกราคาได้ (K) 2. จำแนกกลไกราคาแต่ละประเภทได้(P) 3. เห็นคุณค่าของศึกษากลไกราคาในระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น สาระการเรียนรู้จากสื่อ 1) ความหมายและประเภทของ ตลาด 2) ความหมายและตัวอย่างของ อุปสงค์และอุปทาน 3) ความหมายและความสำคัญของ กลไกราคาและการกำหนดราคา ในระบบเศรษฐกิจ 4) หลักการปรับและเปลี่ยนแปลง ราคาสินค้าและบริการ (พิจารณาตามหลักสูตรสถานศึกษา) - กลไกราคา • อุปสงค์ • อุปทาน 4. มโนทัศน์สำคัญ (Key Concept) - กลไกราคามีความสำคัญในระบบเศรษฐกิจ มีส่วนในการตัดสินใจของผู้บริโภคและผู้ผลิต 5. คำถามหลัก (Big Question) - กลไกราคามีความสำคัญอย่างไร เวลา 1 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ
215 ขั้นสอน ขั้นนำ 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการวิเคราะห์ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งให้นักเรียนทราบถึงวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชื่อเรื่องที่ จะเรียนรู้จุดประสงค์การเรียนรู้ และผลการเรียนรู้ 2. ครูสนทนากับนักเรียนว่ามีนักเรียนคนใดเคยสั่งซื้อสินค้าผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตบ้างหรือไม่ และมี วิธีการซื้อสินค้าอย่างไร มีปัจจัยใดที่ทำให้นักเรียนตัดสินใจซื้อสินค้า รวมถึงให้นักเรียนบอกชื่อเว็บไซต์ ที่มีการซื้อ-ขายสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่นักเรียนรู้จักมาพอสังเขป 3. ครูยกตัวอย่างสินค้าที่มีราคาแพงขึ้น เช่น อาหาร อุปกรณ์เครื่องเขียน ทองคำ และถามนักเรียนว่า 1) ถ้าราคาปรับเพิ่มขึ้นอีกนักเรียนจะซื้อหรือไม่ เพราะเหตุใด (แนวตอบ ครูให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย) 2) นักเรียนคิดว่า เพราะเหตุใดราคาสินค้าจึงปรับเพิ่มสูงขึ้น (แนวตอบ ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ค่าแรงเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น) 4. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน เกี่ยวกับความสำคัญของกลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ โดยครูซักถาม และอธิบายขยายความจากสิ่งที่นักเรียนตอบ จากนั้นอภิปรายความรู้ร่วมกัน ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับกลไกราคา จากหนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ม.3 หรือจาก แหล่งการเรียนรู้อื่น ๆ เช่น หนังสือในห้องสมุด เว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ต ในประเด็นดังนี้ • การทำงานของกลไกราคาในตลาด • ความสัมพันธ์และความสำคัญของอุปสงค์ อุปทาน 2. ครูแนะนำแหล่งข้อมูลสารสนเทศที่น่าเชื่อถือให้กับนักเรียนเพิ่มเติม ขั้นที่3 อธิบายความรู้ (Explain) 1. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มนำข้อมูลที่ตนได้จากการรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน 2. จากนั้นสมาชิกในกลุ่มช่วยกันคัดเลือกข้อมูลที่นำเสนอเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง
216 ขั้นสรุป ขั้นประเมิน 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนำเสนอข้อมูลหน้าชั้นเรียนตามประเด็นที่ศึกษา อภิปราย และตอบ คำถามร่วมกัน 4. ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับกลไกราคา ประกอบการศุกษาตารางและกราฟต่าง ๆ และสุ่ม ตัวแทนนักเรียนเพื่อตอบคำถาม เช่น 1) ปิยะต้องการซื้อดินสอเพิ่มเมื่อใด (แนวตอบ เมื่อราคาถูกลง) 2) ถ้าราคาเพิ่มสูงขึ้นความต้องการซื้อดินสอของปิยะเป็นอย่างไร (แนวตอบ ลดลง) 3) ปริมาณการซื้อเสื้อกันหนาวมีปัจจัยมาจากสิ่งใดบ้าง (แนวตอบ ฤดูกาล คือ สภาพอากาศที่หนาวลงทำให้ต้องการซื้อเสื้อกันหนาว ถ้าอากาศร้อนขึ้นปริมาณ การซื้อก็ลดลง ถึงแม้ราคาจะถูกลงก็ตาม) 4) ถ้าสินค้าที่ซื้อเป็นประจำขึ้นราคาจะซื้ออีกหรือไม่ เพราะเหตุใด (แนวตอบ ครูให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย) 5) เมื่อใดที่นายสมิงต้องการผลิตรองเท้า (แนวตอบ เมื่อราคาเพิ่มสูงขึ้น) 6) ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ราคารองเท้าเพิ่มสูงขึ้น (แนวตอบ เช่น จำนวนผู้ผลิตน้อยลง จำนวนผูบริโภตเพิ่มขึ้น ฯลฯ) 5. ครูซักถามข้อสงสัยของนักเรียนเพิ่มเติม ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Expand) 1. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 6.2 เรื่อง กลไกราคา โดยครูแนะนำเพิ่มเติม 2. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกสมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร์ม.3 เกี่ยวกับเรื่อง กลไกราคา เพื่อเป็นการบ้านส่งครูในชั่วโมงถัดไป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบผลจากการตอบคำถาม การทำใบงาน และการทำแบบฝึกสมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร์ม.3 2. ครูประเมินผลจากการตอบคำถาม การร่วมกันทำงาน และการนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน 3. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงาน และแบบฝึกสมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร์ม.3
217 8. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 8.1 การวัดและประเมินผล ระหว่างการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 1) อธิบายความหมายและ ความสำคัญของกลไกราคา และจำแนกกลไกราคา แต่ละประเภทได้ - ตรวจใบงานที่ 6.2 - ใบงานที่ 6.2 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายกลุ่ม - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 5) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น ในการทำงาน - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ม.3 2) แบบฝึกสมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร์ม.3 3) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม (1) บุญยืน ชัยสุโรจน์. 2533. ระบบเศรษฐกิจไทย. กรุงเทพมหานคร : ต้นอ้อ. (2)สิดาภา บัวเกษ. 2553. ตลาดการเงินและสถาบันการเงิน. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 4) ใบงานที่ 6.2 เรื่อง กลไกราคา 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ - https://businesseast.spu.ac.th - https://www.thairath.co.th - https://www.khaosod.co.th
218 ใบงานที่ 6.2 เรื่อง กลไกราคา คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. กลไกราคา (Price mechanism) หมายถึงอะไร 2. อุปสงค์ (Demand) หมายความว่าอย่างไร 3. เราสามารถอธิบายกฎของอุปสงค์ (Law of Demand) ได้อย่างไร 4. ปัจจัยในการกำหนดอุปสงค์ ได้แก่อะไรบ้าง 5. การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์มีลักษณะอย่างไร
219 6. อุปทาน (Supply) หมายถึงอะไร 7. เราสามารถอธิบายกฎของอุปทาน (Law of Supply) ได้อย่างไร 8. ปัจจัยในการกำหนดอุปทาน ได้แก่อะไรบ้าง 9. การเปลี่ยนแปลงปริมาณอุปทาน คืออะไร ยกตัวอย่างประกอบ 10. การเปลี่ยนแปลงระดับของอุปทาน หมายความว่าอย่างไร
220 ใบงานที่ 6.2 เฉลย เรื่อง กลไกราคา คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. กลไกราคา (Price mechanism) หมายถึงอะไร การเปลี่ยนแปลงในระดับราคาสินค้า ซึ่งเกิดขึ้นจากแรงผลักดันของอุปสงค์และอุปทาน เมื่อผู้ผลิตพยายามทำการ ปรับปรุงการผลิตของตน ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในตลาด เมื่อใดที่ปริมาณสินค้าและบริการที่ผู้ผลิต ได้ผลิตขึ้นจำนวนมาก ขณะที่ปริมาณความต้องการของผู้บริโภคยังคงมีเท่าเดิม ระดับราคาสินค้าชนิดนั้นจะลดลง 2. อุปสงค์ (Demand) หมายความว่าอย่างไร ปริมาณสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคต้องการและสามารถซื้อสินค้าในระยะเวลาหนึ่ง ณ ระดับราคาต่างๆ ของสินค้า และบริการชนิดนั้น 3. เราสามารถอธิบายกฎของอุปสงค์ (Law of Demand) ได้อย่างไร ถ้าราคาสินค้าและบริการใดๆ เพิ่มขึ้น ความต้องการซื้อสินค้าและบริการนั้นจะลดน้อยลง ตรงกันข้าม ถ้าราคา สินค้าหรือบริการใดๆ ลดลง ความต้องการซื้อสินค้าและบริการนั้นจะเพิ่มขึ้น 4. ปัจจัยในการกำหนดอุปสงค์ ได้แก่อะไรบ้าง 1) ราคาสินค้าชนิดนั้น 2) จำนวนประชากร 3) รายได้เฉลี่ยของครัวเรือน 4) การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล 5) การศึกษาและการโฆษณา 5. การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์มีลักษณะอย่างไร 1) การเปลี่ยนแปลงปริมาณอุปสงค์ เป็นการเปลี่ยนแปลงปริมาณการซื้อที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงราคา 2) การเปลี่ยนแปลงระดับอุปสงค์ เป็นการเปลี่ยนแปลงความต้องการซื้อ ในขณะที่ราคาสินค้าและบริการยังคงเดิม แต่เป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆ
221 6. อุปทาน (Supply) หมายถึงอะไร ปริมาณสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตหรือผู้ขายพร้อมที่จะผลิตออกขาย ณ ระดับราคาต่างๆ ภายในระยะเวลาที่กำหนด 7. เราสามารถอธิบายกฎของอุปทาน (Law of Supply) ได้อย่างไร ถ้าราคาสินค้าหรือบริการใดๆ เพิ่มขึ้น ผู้ผลิตจะผลิตสินค้าออกมาจำหน่ายเพิ่มขึ้น ตรงกันข้าม ถ้าราคาสินค้า หรือบริการใดๆ ลดลง ผู้ผลิตจะผลิตสินค้าออกมาจำหน่ายลดลง 8. ปัจจัยในการกำหนดอุปทาน ได้แก่อะไรบ้าง 1) ราคาสินค้าที่ผลิต 2) เป้าหมายของธุรกิจ 3) การเปลี่ยนแปลงของเทคนิคการผลิต 4) ราคาปัจจัยการผลิต 5) จำนวนผู้ผลิตหรือผู้ขาย 6) สภาพดินฟ้าอากาศ 9. การเปลี่ยนแปลงปริมาณอุปทาน คืออะไร ยกตัวอย่างประกอบ เป็นการเปลี่ยนแปลงปริมาณการผลิตที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า เช่น กระเป๋า ราคา 100 บาท ผู้ผลิตจะผลิตออกจำหน่าย 2,000 ใบ ต่อมาราคากระเป๋าเพิ่มขึ้นเป็น 150 บาท ผู้ผลิตจะผลิตกระเป๋าออกมาจำหน่าย 2,500 ใบ 10. การเปลี่ยนแปลงระดับของอุปทาน หมายความว่าอย่างไร เป็นการเปลี่ยนแปลงปริมาณการผลิตในขณะที่ราคาและบริการยังคงเท่าเดิม คือ เพิ่มขึ้นกับลดลง สาเหตุมาจาก การเปลี่ยนแปลงปัจจัยอื่นที่ไม่ใช่ราคาสินค้า เช่น ดิน ฟ้า อากาศ
222 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด 1.1 ตัวชี้วัด ส 3.1 เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภค การใช้ ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลักการ ของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ ม. 3/1 อธิบายกลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายหลักการกำหนดราคา การปรับและเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการได้ (K) 2. อธิบายการกำหนดราคาในทางปฏิบัติได้ (K) 3. จำแนกการกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจได้(P) 4. เห็นคุณค่าของศึกษาการกำหนดราคาเพิ่มมากขึ้น (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น สาระการเรียนรู้จากสื่อ 1) ความหมายและประเภทของ ตลาด 2) ความหมายและตัวอย่างของ อุปสงค์และอุปทาน 3) ความหมายและความสำคัญของ กลไกราคาและการกำหนดราคา ในระบบเศรษฐกิจ 4) หลักการปรับและเปลี่ยนแปลง ราคาสินค้าและบริการ (พิจารณาตามหลักสูตรสถานศึกษา) - การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ • หลักการกำหนดราคา • การปรับและเปลี่ยนแปลง ราคาสินค้าและบริการ • การกำหนดราคาในทาง ปฏิบัติ 4. มโนทัศน์สำคัญ (Key Concept) - การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ เป็นไปตามอุปสงค์ อุปทาน และขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้ผลิต 5. คำถามหลัก (Big Question) - ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อการกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ เวลา 1 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ
223 ขั้นนำ ขั้นสอน 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการวิเคราะห์ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิคคู่คิดสี่สหาย 1. ครูแจ้งให้นักเรียนทราบถึงวิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิคคู่คิดสี่สหาย ชื่อเรื่องที่จะเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ และผลการเรียนรู้ 2. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เดิมเกี่ยวกับตลาดในระบบเศรษฐกิจและกลไกราคา 3. ครูให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างราคาของใช้ อาหารสำเร็จรูป ที่วางขายในร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า แล้วช่วยกันวิเคราะห์ว่าต้นทุนการผลิตเท่าไร และผู้ผลิตน่าจะได้กำไรเท่าไร 4. ครูนำข่าวหรือเหตุการณ์ที่สะท้อนถึงราคาสินค้าในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น หรือลดต่ำลง 5. ครูตั้งประเด็นเพื่อให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า นักเรียนคิดว่าปัจจัยสำคัญที่จะช่วยในการ กำหนดราคาสินค้า มีอะไรบ้าง 6. ครูสรุปการแสดงความคิดเห็นของนักเรียน โดยเชื่อมโยงให้เข้ากับเนื้อหาเพื่อนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความ สามารถ คือ เก่ง ปานกลางค่อนข้างเก่ง ปานกลาง ค่อนข้างอ่อน และอ่อน โดยให้สมาชิกแต่ละคนเลือกหมายเลขประจำตัว ตั้งแต่หมายเลข 1-4 2. สมาชิกแต่ละหมายเลขแยกย้ายไปรวมกลุ่มใหม่ และร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง การกำหนดราคาในระบบ เศรษฐกิจ ประกอบการใช้หนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ม.3 หรือจากแหล่งการเรียนรู้อื่น ๆ เช่น หนังสือใน ห้องสมุด เว็บไซต์ทางอินเทอร์เน็ต หมายเลขละ 1 เรื่อง ดังนี้ • หมายเลข 1 หลักการกำหนดราคา • หมายเลข 2 การปรับและเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการ • หมายเลข 3 การกำหนดราคาในทางปฏิบัติ • หมายเลข 4 ปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อการกำหนดราคา 3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการศึกษา และอภิปรายความรู้ร่วมกัน โดยครูแนะนำเพิ่มเติม 4. ครูให้นักเรียนแต่ละหมายเลขกลับไปที่กลุ่มเดิมและร่วมกันทำใบงานที่ 6.3 เรื่อง การกำหนดราคาในระบบ เศรษฐกิจ
224 ขั้นประเมิน ขั้นสรุป 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องของใบงาน 6. ครูให้อาสาสมัครนักเรียน 2-3 กลุ่ม นำเสนอผลงานในใบงานหน้าชั้นเรียน และให้กลุ่มอื่นที่มีผลงานที่ แตกต่างกันได้นำเสนอเพิ่มเติม 7. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับการกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ ในแบบฝึกสมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร์ม.3 เพื่อเป็นการบ้านส่งครูในชั่วโมงถัดไป 8. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) รายงาน เรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ 9. ให้นักเรียนทำแบบวัดฯ เศรษฐศาสตร์ม.3 เรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ เพื่อทดสอบความรู้ ที่ได้ศึกษามา - ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับการกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ หรือใช้ PPT สรุปสาระสำคัญของ เนื้อหา ตลอดจนความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน 1. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ 2. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคำถาม การร่วมกันทำงาน และการนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน 3. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงาน แบบฝึกฯ และแบบวัดฯ เศรษฐศาสตร์ม.3
225 8. การวัดและประเมินผล 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ม.3 2) แบบฝึกสมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร์ ม.3 3) แบบวัดฯ เศรษฐศาสตร์ม.3 4) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม (1) บุญยืน ชัยสุโรจน์. 2533. ระบบเศรษฐกิจไทย. กรุงเทพมหานคร : ต้นอ้อ. (2) สิดาภา บัวเกษ. 2553. ตลาดการเงินและสถาบันการเงิน. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 8.1 การวัดและประเมินผล ระหว่างการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 1) อธิบายหลักการกำหนด ราคา การปรับและ เปลี่ยนแปลงราคาสินค้า และบริการ การกำหนด ราคาในทางปฏิบัติและ จำแนกการกำหนดราคา ในระบบเศรษฐกิจได้ - ตรวจใบงานที่ 6.3 - ใบงานที่ 6.3 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายกลุ่ม - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 5) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นใน การทำงาน - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 8.2 การวัดและประเมินผล หลังเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง กลไกราคาในระบบ เศรษฐกิจ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
226 5) ใบงานที่ 6.3 เรื่อง การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ - https://businesseast.spu.ac.th - https://www.thairath.co.th - https://www.khaosod.co.th
227 ใบงานที่ 6.3 เรื่อง การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. ราคาดุลยภาพ หมายความว่าอย่างไร 2. ถ้าความต้องการของผู้บริโภคคงที่และความต้องการผลิตเปลี่ยนแปลงไปมีผลอย่างไร 3. ถ้าความต้องการของผู้บริโภคคงที่และความต้องการผลิตเปลี่ยนแปลงไปในกรณีอุปสงค์คงที่ และอุปทาน เปลี่ยนแปลงจะมีผลอย่างไร 4. ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงในการกำหนดราคาในทางปฏิบัตินั้น มีปัจจัยอะไรบ้าง 5. วิธีการกำหนดราคาในทางปฏิบัติ มีวิธีใดบ้าง
228 เฉลย ใบงานที่ 6.3 การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. ราคาดุลยภาพ หมายความว่าอย่างไร การปรับตัวปริมาณสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคต้องการซื้อ และผู้ขายต้องการขาย และระดับราคาสินค้าและบริการ เป็นเหตุให้ปริมาณซื้อและปริมาณขายเท่ากันพอดี คือ ณ ระดับราคาใดราคาหนึ่ง ซึ่ง ณ ระดับราคานั้นปริมาณสินค้า ที่ผู้บริโภคต้องการซื้อจะเท่ากับปริมาณสินค้าที่ผู้ผลิตจะผลิตออกมาขายในขณะเดียวกันพอดี 2. ถ้าความต้องการของผู้บริโภคคงที่และความต้องการผลิตเปลี่ยนแปลงไปมีผลอย่างไร ทำให้ราคาและปริมาณสินค้าที่ซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปในทางเดียวกับความต้องการบริโภค คือ ถ้าความต้องการ บริโภคเพิ่มขึ้น ราคาและปริมาณสินค้าที่ซื้อขายกันจะเพิ่มขึ้น 3. ถ้าความต้องการของผู้บริโภคคงที่และความต้องการผลิตเปลี่ยนแปลงไปในกรณีอุปสงค์คงที่ และอุปทาน เปลี่ยนแปลงจะมีผลอย่างไร ปริมาณสินค้าจะเปลี่ยนแปลงไปในทางเดียวกับอุปทาน แต่ราคาจะเปลี่ยนแปลงไปในทางตรงกันข้าม เช่น ปีนี้มีการผลิตทุเรียนเพิ่มขึ้น ปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นแต่ราคาทุเรียนจะลดลง 4. ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงในการกำหนดราคาในทางปฏิบัตินั้น มีปัจจัยอะไรบ้าง 1) สภาวะทางเศรษฐกิจ 2) การแข่งขันของตลาด 3) ต้นทุนการผลิตและการจำหน่าย 4) กลุ่มเป้าหมาย 5. วิธีการกำหนดราคาในทางปฏิบัติ มีวิธีใดบ้าง 1) กำหนดราคาโดยกำหนดส่วนบวกเพิ่มเข้าไปกับต้นทุน 2) การกำหนดราคาเพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากเงินลงทุนตามเป้าหมาย 3) การกำหนดราคาขายให้ต่างกัน
229 แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่6 คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดกล่าวถูกต้องตามกฎของอุปสงค์ ก. เมื่อราคาสินค้าต่ำลง ความต้องการซื้อสินค้า น้อยลง ข. เมื่อราคาสินค้าต่ำลง ความต้องการซื้อสินค้าจะ มากขึ้น ค. เมื่อราคาสินค้าสูงขึ้น ความต้องการซื้อสินค้าจะ มากขึ้น ง. เมื่อราคาสินค้าสูงขึ้น ความต้องการเสนอขาย สินค้าน้อยลง 2.“ถ้าราคาสินค้าและบริการใดๆ เพิ่มขึ้น ความต้องการซื้อสินค้า และบริการนั้นจะลดน้อยลง ถ้าราคาสินค้าหรือบริการใดๆ ลดลง ความต้องการซื้อสินค้าและบริการนั้น จะเพิ่มขึ้น” ข้อความดังกล่าวสอดคล้องกับข้อใด ก. กฎของอุปสงค์ ข. กฎของอุปทาน ค. ตัวกำหนดอุปสงค์ ง. ตัวกำหนดอุปทาน 3. “ถ้าในตลาดมีผู้ขายเพียงรายเดียว อาจกำหนดราคาสินค้าให้ สูงได้” ข้อความดังกล่าวสอดคล้องกับปัจจัยการกำหนดราคา ในข้อใด ก. กลุ่มเป้าหมาย ข. สภาวะทางเศรษฐกิจ ค. การแข่งขันของตลาด ง. ต้นทุนการผลิต 4. พฤติกรรมของผู้ใดสอดคล้องกับกฎของอุปสงค์ ก. ปราโมทย์ซื้อรองเท้าใหม่เพราะคู่เก่าชำรุด ข. นารีซื้ออาหารมากักตุนในช่วงเกิดอุทกภัย ค. ประภาซื้อกระเป๋าถือใหม่เพราะรูปแบบทันสมัย ง. ชมดาวซื้อเสื้อผ้าเพราะลดราคามากกว่าครึ่งหนึ่ง 5. หากนักเรียนเป็นเจ้าของโรงงานผลิตน้ำตาลเพียงแห่งเดียว ในเขตจังหวัด สินค้าน้ำตาลของนักเรียน ถือว่าอยู่ในตลาดประเภทใด ก. คลาดผูกขาด ข. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ค. ตลาดที่มีผู้ขายน้อยราย ง. ตลาดกึ่งแก่งขันกึ่งผูกขาด 6. “ตลาดสี่มุมเมืองจะมีสินค้าจากเกษตรกรนำมาขายจำนวนมาก ส่วนตลาดรถยนต์จะมีอยู่ในตัวเมืองของทุกจังหวัด” ข้อความ ดังกล่าวเป็นการแบ่งลักษณะของตลาดตามข้อใด ก. แบ่งตามชนิดของสินค้า ข. แบ่งตามลักษณะการขายสินค้า ค. แบ่งตามวัตถุประสงค์ของการใช้สินค้า ง. แบ่งตามลักษณะการแข่งขันที่มีอยู่ในตลาด 7. ข้อใดคือความหมายของกลไกราคา ก. การผลิตที่มีความสมดุลกับการบริโภค ข. ราคาสินค้าและการผลิตถูกกำหนดโดยความต้องการ ของผู้บริโภค ค. ปริมาณสินค้าที่ผู้บริโภคและผู้ผลิตมีความต้องการ เท่ากัน ง. การเปลี่ยนแปลงในระดับราคาสินค้า ซึ่งเกิดจาก แรงผลักของอุปสงค์และอุปทาน 8. ข้อดีของตลาดแข่งขันสมบูรณ์ คืออะไร ก. ผู้ผลิตสามารถกำหนดราคาสินค้าได้สูง ข. ผู้บริโภคและผู้ผลิตร่วมมือกันกำหนดราคาสินค้า ค. ผู้บริโภคมีโอกาสในการเลือกซื้อสินค้าราคาที่ต่ำสุด ง. ผู้ผลิตสินค้ามีการแข่งขันกันอย่างเสรีเพื่อขายสินค้า ให้ ได้มากที่สุด 9. กรณีใดต่อไปนี้เป็นไปตามกฎของอุปทาน ก. ระยะนี้มะนาวพุ่งสูงจึงมีผู้บริโภคมะนาวน้อยลง ข. ภัตตาคารแห่งนี้มีลูกค้าแน่นทุกวันเพราะอาหาร อร่อย ค. ข้าวมีราคาตกต่ำ ชาวนาจึงเก็บข้าวไว้รอขายเมื่อ ราคาสูงกว่านี้ ง. แม้ราคาทองคำจะเพิ่มสูงขึ้นมาก แต่ร้านทองก็ยัง มีลูกค้าสม่ำเสมอ
230 10. ข้อความใดสอดคล้องกับลักษณะของตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ก. ก้อยซึ่งเป็นแม่บ้านมักจะซื้อผงซักฟอกหลายยี่ห้อเปลี่ยน กันไป เพราะคุณภาพและราคาใกล้เคียงกัน ข. ตลาดนัดกลางของจังหวัดจะมีคนนิยมไปซื้อของจำนวน มาก แต่มีสินค้าจำนวนน้อย ค. บริษัท สหรุ่งเรือง ผลิตเตารีดไฟฟ้ารุ่นใหม่ออกมา ซึ่งมี ราคาแพงกว่าเตารีดของบริษัทอื่น ง. ในวันขึ้นปีใหม่ร้านค้าที่เก่งเป็นเจ้าของ ประกาศลดราคา สินค้าถูกกว่าเดิม 50 เปอร์เซ็นต์ 11. การปรับตัวที่ทำให้ปริมาณซื้อและปริมาณขายเท่ากันพอดี ณ ระดับราคาใดราคาหนึ่งนั้น สอดคล้องกับข้อความใด ก. อุปทาน ข. อุปสงค์ ค. กลไกราคา ง. ราคาดุลยภาพ 12. ข้อเสียของตลาดแข่งขันสมบูรณ์ คืออะไร ก. ผู้บริโภคเป็นผู้กำหนดราคาสินค้า ข. ผู้ผลิตไม่มีการแข่งขันกันอย่างแท้จริง ค. ผู้ผลิตได้กำไรเป็นอัตราส่วนที่ค่อนข้างมาก ง. ผู้ผลิตสินค้าลดต้นทุนทำให้คุณภาพสินค้าต่ำ 13. ถ้าราคาต้นทุนการผลิตสินค้าทั้งหมดเฉลี่ยหน่วยละ 120 บาท ธุรกิจหรือผู้ขายต้องการกำไรร้อยละ 25 ดังนั้น ธุรกิจหรือผู้ขายจะต้องกำหนดราคาขายเท่าไร ก. 150 บาท ข. 155 บาท ค. 160 บาท ง. 165 บาท 14. ข้อใด ไม่มีความสอดคล้องกันตามกฎของอุปสงค์ ก. เมื่อฤดูร้อน อุปสงค์ของไอศกรีมมีมากขึ้น ข. เมื่อฤดูร้อน อุปสงค์ของเสื้อกันหนาวมีมากขึ้น ค. เมื่อฤดูร้อน อุปสงค์ส่วนเกินของไอศกรีมมากขึ้น ง. เมื่อฤดูร้อน อุปทานส่วนเกินของเสื้อกันหนาวมี มากขึ้น 15. ข้อความเกี่ยวกับปัจจัยกำหนดอุปทานข้อใดถูกต้อง ก. ถ้าราคาสินค้าสูงขึ้น ผู้ผลิตจะลดจำนวนการผลิต ข. ถ้าหากสินค้ามีราคาถูกลง ผู้ผลิตจะได้กำไรน้อยลง ทำให้ ลดการผลิตลง ค. จำนวนผู้ผลิตถ้ามีมากขึ้น ทำให้อุปทานเพิ่มขึ้น ถ้าผู้ผลิต ลดน้อยลง จะทำให้อุปทานลดลง ง. ช่วงภาวะน้ำมันราคาแพง ผู้ผลิตรถยนต์จะผลิตรถยนต์ที่ มีขนาดใหญ่ที่ประหยัดน้ำมันได้ดี 16. การกำหนดราคาในทางปฏิบัติมีวัตถุประสงค์หลายประการ ยกเว้น ข้อใด ก. เพื่อให้ราคาสินค้าเท่าเทียมกัน ข. เพื่อขยายตลาดให้กว้างขวาง ค. เพื่อสร้างยอดขาย ง. เพื่อสร้างกำไร 17. ลักษณะสำคัญของตลาดแข่งขันสมบูรณ์เป็นอย่างไร ก. ผู้ซื้อหรือผู้ขายในธุรกิจมีจำนวนน้อย ข. เป็นตลาดที่มีผู้ขายเพียงรายเดียวที่ผูกขาดสินค้า ค. ผู้ซื้อหรือผู้ขายมีอิทธิพลในการกำหนดราคาสินค้า ง. สินค้าในตลาดมีลักษณะที่เหมือนกัน สามารถใช้ ทดแทนกันได้ 18. การผูกขาดในตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ส่งผลกระทบต่อ ผู้บริโภคอย่างไร ก. ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าราคาถูก ข. ผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าราคาแพง ค. ผู้บริโภคซื้อสินค้าในราคายุติธรรม ง. ผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าในปริมาณมาก 19. ธุรกิจในข้อใดจัดอยู่ในตลาดสินค้าบริการ ก. สวนปลูกส้ม ข. โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ ค. โรงแรมริมทะเล ง. ร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า 20. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์มีข้อดีอย่างไร ก. มีสินค้าหลายชนิด ข. ราคาสินค้าหลากหลาย ค. ผู้บริโภคพอใจสูงสุด ง. ผู้ผลิตได้กำไรเพิ่มขึ้น เฉลย 1. ข 2. ก 3. ค 4. ง 5. ก 6. ก 7. ง 8. ค 9. ค 10. ก 11. ง 12. ข 13. ก 14. ข 15. ค 16. ก 17. ง 18. ข 19. ค 20. ค
231 ชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด กิจกรรม รายงาน เรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ คำชี้แจง : ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มจัดทำรายงาน เรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ แล้วนำส่งครู โดยให้ ครอบคลุมประเด็นตามที่กำหนด แบบประเมินรายงาน เรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ รายการประเมิน คำอธิบายระดับคุณภาพ / ระดับคะแนน ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) 1. การอธิบาย ความหมาย ประเภท ของตลาดและข้อดี ข้อเสียของตลาดแต่ ละประเภท อธิบายความหมาย ประเภทของตลาด และ ข้อดีข้อเสียของตลาด แต่ ละประเภทได้ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ อธิบายความหมาย ประเภทของตลาด และ ข้อดีข้อเสียของตลาด แต่ ละประเภทได้ถูกต้อง เป็น ส่วนใหญ่ อธิบายความหมาย ประเภทของตลาด และ ข้อดีข้อเสียของตลาด แต่ ละประเภทได้ถูกต้อง เป็น บางส่วน อธิบายความหมาย ประเภทของตลาด และ ข้อดีข้อเสียของตลาด แต่ ละประเภทได้ถูกต้อง เป็น บางส่วน แต่สำนวน ค่อนข้างวกวน 2. การอธิบาย ความหมาย ตัวกำหนด และการ เปลี่ยนแปลงอุปสงค์ และอุปทาน อธิบายความหมาย ตัวกำหนด และการ เปลี่ยนแปลงอุปสงค์ และ อุปทานได้ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ อธิบายความหมาย ตัวกำหนด และการ เปลี่ยนแปลงอุปสงค์ และ อุปทานได้ถูกต้อง เป็น ส่วนใหญ่ อธิบายความหมาย ตัวกำหนด และการ เปลี่ยนแปลงอุปสงค์ และ อุปทานได้ถูกต้อง เป็น บางส่วน อธิบายความหมาย ตัวกำหนด และการ เปลี่ยนแปลงอุปสงค์ และ อุปทานได้ถูกต้อง เป็น บางส่วน แต่สำนวน ค่อนข้างวกวน 3. การอธิบายกลไก ราคาและการกำหนด ราคาในระบบ เศรษฐกิจ อธิบายกลไกราคาและ การกำหนดราคาในระบบ เศรษฐกิจได้ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ อธิบายกลไกราคาและ การกำหนดราคาในระบบ เศรษฐกิจได้ถูกต้องเป็น ส่วนใหญ่ อธิบายกลไกราคาและ การกำหนดราคาในระบบ เศรษฐกิจได้ถูกต้องเป็น บางส่วน อธิบายกลไกราคาและ การกำหนดราคาในระบบ เศรษฐกิจ ไม่ถูกต้อง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน 11 - 12 9 - 10 6 - 8 ต่ำกว่า 6 ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง
232 แบบประเมินการนำเสนอผลงาน คำชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนำเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การลำดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการนำเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการนำเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม
233 แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../.............. เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 3 2 1 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 3 การทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 ความมีน้ำใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม
234 แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลำดับที่ ชื่อ–สกุล ของนักเรียน การแสดง ความ คิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การทำงาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมี น้ำใจ การมี ส่วนร่วมใน การ ปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง
235 แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ด้าน รายการประเมิน ระดับคะแนน 3 2 1 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติ 1.2 เข้าร่วมกิจกรรมที่สร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ ต่อโรงเรียน 1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตามหลักศาสนา 1.4 เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่โรงเรียนจัดขึ้น 2. ซื่อสัตย์ สุจริต 2.1 ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง 3. มีวินัย รับผิดชอบ 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับ 3.2 มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และนำไปปฏิบัติได้ 4.2 ศึกษาค้นคว้าความรู้จากสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างสม่ำเสมอ 5. อยู่อย่างพอเพียง 5.1 ใช้ทรัพย์สินและสิ่งของของตนเองและส่วนรวมอย่างประหยัด 5.2 ใช้อุปกรณ์การเรียนอย่างประหยัดและรู้คุณค่า 5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมีการเก็บออมเงิน 6. มุ่งมั่นในการทำงาน 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคเพื่อให้งานสำเร็จ 7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 อาสาทำงาน ช่วยคิด ช่วยทำกิจกรรมเพื่อส่วนรวม 8.2 เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครั้ง ให้ 1 คะแนน
236 10. ความเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ................................. ( ................................ ) ตำแหน่ง ....... 11. บันทึกผลหลังการสอน ด้านความรู้ ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ด้านความสามารถทางภูมิศาสตร์ ด้านอื่น ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปัญหาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี)) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแก้ไข
237 หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ส 3.1 เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภค การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการดำรงชีวิต อย่างมีดุลยภาพ ม. 3/2 มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาท้องถิ่นตามปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง ม. 3/3 วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับระบบสหกรณ์ 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1) สำรวจสภาพปัจจุบันปัญหาท้องถิ่นทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม 2) วิเคราะห์ปัญหาของท้องถิ่นโดยใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3) แนวทางการแก้ไขและพัฒนาท้องถิ่นตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4) แนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาในระดับต่างๆ 5) หลักการสำคัญของระบบสหกรณ์ 6) ความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับหลักการและระบบของสหกรณ์เพื่อประยุกต์ใช้ใน การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน 2.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น (พิจารณาเพิ่มเติมตามหลักสูตรสถานศึกษา) 3. มโนทัศน์สำคัญ (Key Concept) ปัจจุบันมีปัญหาท้องถิ่นทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งทุกคนควรมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา และพัฒนาท้องถิ่นตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งระบบสหกรณ์มีแนวคิดที่สัมพันธ์กับปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง 4. คำถามหลัก (Big Question) หากท้องถิ่นไทยนำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้แก้ปัญหาเศรษฐกิจจะส่งผลดีต่อการพัฒนาประเทศอย่างไร 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวินัย เวลา 4 ชั่วโมง
238 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการวิเคราะห์ - ทักษะการแก้ปัญหา 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 6. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) รายงานการเข้าร่วมกิจกรรมการแก้ไขปัญหาและพัฒนาท้องถิ่นตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7. การวัดและการประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 7.1 การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมินการทำรายงาน การเข้าร่วมกิจกรรม การแก้ไขปัญหาและ พัฒนาท้องถิ่นตาม ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง - แบบประเมินการทำ รายงานการเข้าร่วม กิจกรรมการแก้ไขปัญหา และพัฒนาท้องถิ่นตาม ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 7.2 การวัดและประเมินผล ก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง กับการพัฒนาประเทศ - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 7.3 การวัดและประเมินผล ระหว่างการจัดกิจกรรม 1) ปัญหาท้องถิ่นของไทย แนวทางการแก้ปัญหา และแนวคิดของ เศรษฐกิจพอเพียงกับ การพัฒนาประเทศ - ตรวจใบงานที่ 7.1 - ใบงานที่ 7.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 2) ความสัมพันธ์ของ แนวคิดเศรษฐกิจ พอเพียงกับระบบ สหกรณ์ - ตรวจใบงานที่ 7.2 - ใบงานที่ 7.2 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - แบบประเมิน ผลการนำเสนอผลงาน - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2
239 การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ 5) พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 6) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 7.4 การวัดและประเมินผล หลังเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง เรื่อง เศรษฐกิจ พอเพียงกับการพัฒนา ประเทศ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 8. กิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ม.3 2) แบบฝึกสมรรถนะและการคิด เศรษฐศาสตร์ ม.3 3) แบบวัดและบันทึกผลการเรียนรู้เศรษฐศาสตร์ม.3 4) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม (1) ราชบัณฑิตยสถาน. 2552. พจนานุกรมศัพท์เศรษฐศาสตร์. กรุงเทพมหานคร : ราชบัณฑิตยสถาน. (2) สรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม. 2549. เศรษฐกิจพอเพียง : พื้นฐานสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน. กรุงเทพมหานคร : สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 5) ตัวอย่างข่าว 6) บัตรภาพ 7) ใบงานที่ 7.1 เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ 8) ใบงานที่ 7.2 เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับระบบสหกรณ์ 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ - https://www.bot.or.th - https://www.thaicooperative.org - https://www.thairath.co.th - https://www.khaosod.co.th
240 แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่7 คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดจัดเป็นปัญหาสำคัญที่สุดของท้องถิ่นในด้านเศรษฐกิจ ก. พึ่งพาปัจจัยภายใน ข. ขาดแคลนที่ดินทำกิน ค. ต้นทุนการผลิตต่ำ ง. ค่าครองชีพต่ำ 2. การสร้างความมั่นคงของเศรษฐกิจชุมชน มีแนวปฏิบัติหลาย ประการ ยกเว้น ข้อใด ก. มีการสร้างงาน จ้างงานคนในชุมชน ข. สนับสนุนให้ชุมชนมีการรวมกลุ่มแบบต่างๆ ค. สนับสนุนการนำภูมิปัญญาไทยและวัฒนธรรมท้องถิ่น ง. ส่งเสริมการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีมาใช้ให้มากที่สุด เพื่อลดต้นทุน 3. “ชุมชนไม้งามเป็นชุมชนที่ชาวบ้านมีความสามัคคีปรองดอง มีน้ำใจช่วยเหลือกัน” ข้อความนี้สอดคล้องกับลักษณะของ ความพอดีในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในด้านใด ก. ด้านจิตใจ ข. ด้านสังคม ค. ด้านเศรษฐกิจ ง. ด้านสิ่งแวดล้อม 4. การที่สหกรณ์มีการจำกัดอัตราตอบแทนต่อทุนเรือนหุ้นไม่ให้ สูงเกินไปนั้น เพื่อวัตถุประสงค์ในข้อใด ก. ป้องกันการแสวงหากำไรในสหกรณ์ ข. ป้องกันการแสวงหาประโยชน์ของสมาชิก ค. ป้องกันการขยายทุนมากเกินความจำเป็น ง. ป้องกันการล้มละลายของสหกรณ์แต่ละประเภท 5. เศรษฐกิจของชุมชนจะเข้มแข็งได้นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญ ในข้อใด ก. นำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้อย่างคุ้มค่า ข. ประชาชนประกอบอาชีพอย่างหลากหลาย ค. ประชาชนทำงานประกอบอาชีพในชุมชน ไม่ออกไป หางานทำที่อื่น ง. ประชาชนประกอบอาชีพที่มีรายได้มั่นคง ลดการพึ่งพาจากภายนอก 6. การใช้ทรัพยากรธรรมชาติตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงมีหลายประการ ยกเว้น ข้อใด ก. การสร้างบ้านโดยใช้พื้นคอนกรีตแทนพื้นไม้ ข. การใช้กระดาษสองหน้าหรือกระดาษรีไซเคิล ค. การงดใช้เครื่องเรือนทุกประเภทที่ทำจากไม้ ง. การใช้น้ำซักผ้าที่เป็นน้ำสุดท้ายไปรดต้นไม้ต่าง ๆ 7. ในสภาวะที่โลกได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติมากขึ้น ควรนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ในข้อใด ก. ชุมชนร่วมมือกันอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ข. โรงงานอุตสาหกรรมปรับเปลี่ยนวิธีการนำวัตถุดิบมาแปร รูปเป็นสินค้าประเภทต่างๆ ค. การส่งเสริมการลงทุนระหว่างประเทศที่เน้นการใช้วัสดุ เหลือใช้และวัสดุจากเคมีภัณฑ์ ง. รัฐบาลประกาศให้ประชาชนงดใช้วัสดุสิ่งของที่ผลิตมา จากทรัพยากรธรรมชาติทุกชนิด 8. สหกรณ์ใดมีวัตถุประสงค์ในการจัดสรรที่ดินให้แก่เกษตรกร ก. สหกรณ์นิคม ข. สหกรณ์บริการ ค. สหกรณ์การเกษตร ง. สหกรณ์ออมทรัพย์ 9. ข้อใดเป็นการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้กับสหกรณ์ ก. เชิญบุคคลที่มีความรู้มาให้ความรู้แก่สมาชิก ข. สมาชิกทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันทุกประการ ค. ควบคุมการดำเนินงานตามหลักประชาธิปไตย ง. นำทรัพยากรและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ 10. ข้อใดจัดเป็นการเดินสายกลางของสหกรณ์ตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง ก. การจัดสรรผลประโยชน์ให้แก่สมาชิก ข. การให้สมาชิกรู้จักอดออม ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ค. สมาชิกทุกคนต้องปฏิบัติตามหลักคุณธรรมเป็นประจำ ง. การเป็นสมาชิกด้วยความสมัครใจ ไม่มีการบังคับ ขูดรีด
241 11. บุคคลใดนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาพัฒนาท้องถิ่นได้อย่าง เหมาะสม ก. โต้งทำการเกษตรแบบผสมผสานไม่พึ่งสารเคมี ข. อ้นกู้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อขยายธุรกิจผลไม้กวน ค. ตุ๊กใช้เครื่องจักรราคาแพงเป็นหลักในการผลิตขนมไทย ง. จอยพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตกเพียงอย่างเดียวในการผลิต น้ำผลไม้ 12. วิธีคิดแบบใดสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาท้องถิ่นตาม ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้ ก. ความทะเยอทะยาน ข. การเดินทางสายกลาง ค. พึ่งพาผู้อื่นมากที่สุด ง. การแข่งขันเพื่อเอาชนะ 13. ภูมิปัญญาใดสามารถนำมาต่อยอดเพื่อพัฒนาสู่การทำธุรกิจ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในท้องถิ่นได้ ก. การทำขวัญข้าว ข. การบูชาผีบ้านผีเรือน ค. การทำบายศรี ง. ความรู้ในการถนอมอาหาร 14. การนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ทำให้เกิดผลดี อย่างไรต่อท้องถิ่น ก. ท้องถิ่นมีความทันสมัย ข. คนในท้องถิ่นมีฐานะมั่งคั่ง ค. คนในท้องถิ่นมีฐานะเท่าเทียมกัน ง. เศรษฐกิจในท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง 15. การดำเนินงานของสหกรณ์ควรอยู่บนพื้นฐานของหลักการใด เป็นสำคัญ ก. วัตถุนิยม ข. ประชาธิปไตย ค. ระบบอุปถัมภ์ ง. เผด็จการเบ็ดเสร็จ เฉลย 16. ข้อใด มิใช่ เป้าหมายสำคัญของการจัดตั้งสหกรณ์ ก. การแสวงหากำไรให้ได้มากที่สุด ข. การช่วยเหลือกันระหว่างสมาชิก ค. การแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม ง. การร่วมมือกันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม 17. การดำเนินงานของสหกรณ์มีความสอดคล้องกับหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงในเรื่องใดมากที่สุด ก. มุ่งเน้นการขยายธุรกิจ ข. ยึดหลักการพึ่งพาตนเอง ค. มุ่งเน้นการแข่งขัน ง. คำนึงถึงผลตอบแทนเป็นหลัก 18. หากนักเรียนต้องการจัดตั้งสหกรณ์ นักเรียนควรหาสมาชิก เข้าร่วมโดยวิธีใด ก. ใช้การบังคับ ข. โน้มน้าวให้คล้อยตาม ค. เสนอผลตอบแทนระดับสูง ง. ชักชวนให้เข้าร่วมตามความสมัครใจ 19. วิธีการใดที่สหกรณ์นำมาใช้เพื่อป้องกันมิให้เกิดการแสวงหา กำไรเกินควรของสมาชิก ก. จำกัดจำนวนสมาชิก ข. กำหนดอายุการเป็นสมาชิก ค. จำกัดอัตราผลตอบแทนต่อทุนเรือนหุ้น ง. เว้นช่วงการจ่ายผลตอบแทนในบางโอกาส 20. สหกรณ์จะประสบความสำเร็จได้นั้น สมาชิกของสหกรณ์ ต้องมีลักษณะอย่างไร ก. รู้จักอดออม ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ข. ทะเยอทะยาน มุ่งแข่งขัน หวังกำไร ค. อะลุ่มอล่วย ยึดถือพวกพ้อง วัตถุนิยม ง. มีประชาธิปไตย เน้นทุนนิยม ยึดถือผลประโยชน์ 1. ข 2. ง 3. ข 4. ก 5. ง 6. ค 7. ก 8. ก 9. ง 10. ข 11. ก 12. ข 13. ง 14. ง 15. ข 16. ก 17. ข 18. ง 19. ค 20. ก
242 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 ปัญหาท้องถิ่นของไทย แนวทางการแก้ปัญหาและแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง กับการพัฒนาประเทศ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด 1.1 ตัวชี้วัด ส 3.1 เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภค การใช้ ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลักการ ของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ ม. 3/2 มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาท้องถิ่นตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายปัญหาท้องถิ่นของไทย แนวทางการแก้ปัญหาและแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศได้ (K) 2. จำแนกปัญหาท้องถิ่นของไทย แนวทางการแก้ปัญหาและแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศได้ (P) 3. เห็นคุณค่าของศึกษาปัญหาท้องถิ่นของไทย แนวทางการแก้ปัญหาและแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับการ พัฒนาประเทศเพิ่มมากขึ้น (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น สาระการเรียนรู้จากสื่อ 1) สำรวจสภาพปัจจุบันปัญหา ท้องถิ่นทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม 2) วิเคราะห์ปัญหาของท้องถิ่นโดยใช้ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3) แนวทางการแก้ไขและพัฒนา ท้องถิ่นตามปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง 4) แนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียงกับ การพัฒนาในระดับต่างๆ (พิจารณาตามหลักสูตรสถานศึกษา) - ปัญหาท้องถิ่นของไทย - แนวทางการแก้ปัญหาและพัฒนา ท้องถิ่นตามปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง - แนวคิดของเศรฐกิจพอเพียงกับการ พัฒนาประเทศในระดับต่าง ๆ 4. มโนทัศน์สำคัญ (Key Concept) หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ เวลา 2 ชั่วโมง
243 ขั้นสอน ขั้นนำ - ปัญหาท้องถิ่นในปัจจุบันมีทั้งปัญหาทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจำเป็นจะต้องรู้จักวิเคราะห์ สาเหตุของปัญหา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขอย่างถูกต้อง ตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 5. คำถามหลัก (Big Question) - ปัญหาท้องถิ่นในปัจจุบันได้แก่ปัญหาใด และมีแนวทางการแก้ปัญหาและพัฒนาท้องถิ่นตามปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงได้อย่างไร 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการวิเคราะห์ - ทักษะการแก้ปัญหา 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งให้นักเรียนทราบถึงวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชื่อเรื่องที่ จะเรียนรู้จุดประสงค์การเรียนรู้ และผลการเรียนรู้ 2. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนา ประเทศ 3. ครูและนักเรียนสนทนาถึงการใช้ชีวิตแบบพอเพียงและกระตุ้นด้วยคำถาม เช่น • นักเรียนนำหลักการของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้อย่างไรบ้าง • เศรษฐกิจพอเพียงเหมาะสมกับคนไทยอย่างไร 4. ครูให้นักเรียนสนทนาเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นและตั้งคำถาม เช่น • บุคคลในท้องถิ่นมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร • มีปัญหาอะไรบ้างที่จะต้องช่วยกันรีบเร่งแก้ไข • แนวทางการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนสามารถทำได้อย่างไรบ้าง 5. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน โดยอธิบายขยายความจากสิ่งที่นักเรียนตอบ จากนั้นอภิปรายร่วมกัน ชั่วโมงที่ 1
244 ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ศึกษาค้นคว้า จากหนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ม.3 หรือจากแหล่ง การเรียนรู้อื่น ๆ เช่น หนังสือในห้องสมุด เว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ต ในประเด็นดังนี้ • ปัญหาท้องถิ่นของไทย • แนวทางการแก้ปัญหาและพัฒนาท้องถิ่นตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง • แนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศในระดับต่าง ๆ 2. ครูแนะนำแหล่งข้อมูลสารสนเทศที่น่าเชื่อถือให้กับนักเรียนเพิ่มเติม ขั้นที่3 อธิบายความรู้ (Explain) 1. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มนำข้อมูลที่ตนได้จากการรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน 2. จากนั้นสมาชิกในกลุ่มช่วยกันคัดเลือกข้อมูลที่นำเสนอเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนำเสนอข้อมูลหน้าชั้นเรียนตามประเด็นที่ศึกษา อภิปราย และตอบ คำถามร่วมกัน 4. ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับปัญหาสังคมและแนวทางแก้ไข และสุ่มตัวแทนนักเรียน เพื่อตอบคำถาม เช่น 1) ปัญหาสังคมใดที่สังคมไทยต้องตระหนักและร่วมมือป้องกันแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบได้หลากหลายขึ้นอยู่กับเหตุผล เช่น ปัญหายาเสพติด เพราะมีการ แพร่กระจายไปทั่วประเทศ ทำให้เด็กและเยาวชนได้รับผลกระทบจากโทษของยาเสพติดจำนวนมาก) 2) จากข้อ 1 มีวิธีการป้องกันแก้ไขได้อย่างไร (แนวตอบ บ้าน โรงเรียน ชุมชน ต้องช่วยกันดูแลสอดส่อง ให้ความรัก ความเอาใจใส่กับบุคคล ในครอบครัว ฯลฯ) 3) ปัญหาปากท้องของคนไทยปัญหาใดที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะเหตุใด (แนวตอบ เช่น หนี้สินของครัวเรือน เพราะขณะนี้คนในชนบทมีหนี้สินมาก ทั้งในระบบและนอกระบบ) 4) จากข้อ 3 มีวิธีการป้องกันแก้ไขได้อย่างไร (แนวตอบ ให้ความรู้ สร้างความตระหนักเพื่อให้คนไทยพึ่งพาตนเองได้) 5) หากเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมขึ้นในท้องถิ่น นักเรียนจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบได้หลากหลายขึ้นอยู่กับเหตุผล เช่น สร้างความตระหนักให้คนใน ชุมชนเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อม และช่วยกันอนุรักษ์) 6) ท้องถิ่นควรส่งเสริมการนำภูมิปัญญามาสร้างเป็นรายได้เลี้ยงคนในชุมชนได้อย่างไร (แนวตอบ ควรมีการถ่ายทอดให้คนรุ่นใหม่นำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาผลิตเป็นสินค้า เพื่อขายให้กับคนใน ท้องถิ่นและชุมชนอื่น รวมถึงควรมีการบริหารจัดการต้นทุน แรงงาน และเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า) 7) คนไทยสามารถนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ได้อย่างไรบ้าง (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบได้หลากหลายขึ้นอยู่กับเหตุผล เช่น ใช้จ่ายอย่างประหยัด ประกอบ อาชีพสุจริต พึ่งพาตนเองให้มากที่สุด ฯลฯ) 8) คนในชุมชนสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งได้อย่างไรบ้าง (แนวตอบ เช่น สร้างอาชีพให้กับตนเองและรวมกลุ่มอาชีพ สร้างเครือข่ายกับชุมชนอื่น ฯลฯ) ชั่วโมงที่ 2
245 ขั้นสรุป ขั้นประเมิน 5. ครูซักถามข้อสงสัยของนักเรียนเพิ่มเติม ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Expand) 1. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 7.1 เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ โดยครูแนะนำเพิ่มเติม 2. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกสมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร์ม.3 เกี่ยวกับเรื่อง ปัญหาท้องถิ่นของไทย แนวทางการแก้ปัญหาและแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ เพื่อเป็นการบ้านส่งครู ในชั่วโมงถัดไป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบผลจากการตอบคำถาม การทำใบงาน และการทำแบบฝึกสมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร์ม.3 2. ครูประเมินผลจากการตอบคำถาม การร่วมกันทำงาน และการนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน 3. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงาน และแบบฝึกสมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร์ม.3
246 8. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 8.1 การวัดและประเมินผล ก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับ การพัฒนาประเทศ - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 8.2 การวัดและประเมินผล ระหว่างการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 1) อธิบายและจำแนกปัญหา ท้องถิ่นของไทย แนวทางการแก้ปัญหาและ แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง กับการพัฒนาประเทศได้ - ตรวจใบงานที่ 7.1 - ใบงานที่ 7.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายกลุ่ม - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 5) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น ในการทำงาน - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ม.3 2) แบบฝึกสมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร์ม.3 3) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม (1) ราชบัณฑิตยสถาน. 2552. พจนานุกรมศัพท์เศรษฐศาสตร์. กรุงเทพมหานคร : ราชบัณฑิตยสถาน. (2) สรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม. 2549. เศรษฐกิจพอเพียง : พื้นฐานสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน. กรุงเทพมหานคร : สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 4) ใบงานที่ 7.1 เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ
247 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ - https://www.bot.or.th - https://www.thaicooperative.org - https://www.thairath.co.th - https://www.khaosod.co.th
248 ใบงานที่ 7.1 เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ คำชี้แจง ตอนที่ 1 : ให้นักเรียนอ่านกรณีศึกษาแล้วตอบคำถาม กรณีศึกษา เรื่อง หมู่บ้านตัวอย่าง หมู่บ้านหนองบอนเป็นหมู่บ้านที่อยู่ริมภูเขา พื้นที่ในหมู่บ้านมีทั้งที่ราบลุ่ม ซึ่งชาวบ้านแถบนี้จะทำนาและทำสวน และบาง แห่งจะปลูกต้นไผ่เป็นป่าไผ่ร่มรื่น บางแห่งเป็นเนินเขา ชาวบ้านแถบนี้ก็จะมีอาชีพเลี้ยงสัตว์ ตอนท้ายของหมู่บ้านซึ่งติดกับเชิงเขา นั้นจะมีน้ำตกเล็กๆ ไหลผ่าน และมีถ้ำที่สวยงาม ซึ่งพวกนักท่องเที่ยวจะนิยมมาเที่ยวกันในวันเสาร์-อาทิตย์ และในวันเทศกาล หรือวันหยุดราชการ หมู่บ้านหนองบอนมีคณะกรรมการหมู่บ้านชุดหนึ่ง มีประธานกรรมการ เป็นผู้นำในการบริหารจัดการด้าน เศรษฐกิจของชุมชน และเป็นกำลังสำคัญในการประสานงานกับหน่วยงานของรัฐและองค์กรเอกชนต่างๆ ให้มาช่วยเหลือและ แนะนำการประกอบอาชีพต่างๆ ของชาวบ้าน อาชีพที่สำคัญได้แก่ การทำนา การทำสวนส้มโอ มะม่วง กระท้อน และน้อยหน่า การทำเครื่องจักสานจากไม้ไผ่ เช่น ตะกร้า กระบุง พัด กระเป๋าถือสตรี ชาวบ้านทุกคนจะมีอาชีพหลักด้านการเกษตร การทำ เครื่องจักสาน นอกจากนั้นประธานกรรมการหมู่บ้านจะเป็นผู้ที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมาก เขาไปติดต่อกับทางจังหวัดและการ ท่องเที่ยวให้ไปทำสารคดีแหล่งท่องเที่ยวบ้านหนองบอน และติดต่อกับบริษัททัวร์ให้พานักท่องเที่ยวไปแวะชมธรรมชาติในบริเวณ หมู่บ้านหนองบอน คณะกรรมการหมู่บ้านจะจัดสรรให้คนหนุ่มสาวที่มีความสามารถในการเป็นมัคคุเทศก์มาฝึกอบรม และให้เป็น ผู้พานักท่องเที่ยวเดินชมสถานที่ต่าง ๆ และผู้ที่พอมีกำลังแข็งแรงก็จะบริการจุดตะเกียงหรือไฟฉายส่องภายในถ้ำเพื่อดูความงาม ของหินงอก หินย้อย ภายในถ้ำ ชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้านหนองบอนจะช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ จะช่วยกันปลูกต้นไม้เพิ่มเติมทดแทนส่วนที่ตาย ไป และช่วยกันทำความสะอาดบริเวณแหล่งน้ำตกและบริเวณถ้ำอยู่เสมอ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความประทับใจจากการมาเที่ยว ชม ชาวบ้านรวมกลุ่มกันจัดจำหน่ายสินค้าต่างๆ ที่ผลิตในหมู่บ้านให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้คนที่เดินทางผ่านหมู่บ้าน โดยรวม กลุ่มกันเป็นสหกรณ์และมีการแบ่งปันกำไรจากผลผลิตกันทุกปี ประชากรในหมู่บ้านหนองบอนจะไม่โยกย้ายไปหางานในถิ่นอื่นหรือในกรุงเทพมหานคร เพราะพวกเขามีรายได้หลักประจำ และได้อยู่ในบ้านถิ่นกำเนิดของตนอย่างมีความสุข พวกเด็กรุ่นหลังเมื่อเรียนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้วก็ยังมาช่วยกันพัฒนา หมู่บ้านของตนตามความสามารถ ทำให้กิจการในด้านต่างๆ ของหมู่บ้านพัฒนาขึ้น ปัจจุบันนี้ตลาด หนองบอนกลายเป็นแหล่งที่ พวกนักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวและซื้อของที่ระลึก คำถาม 1. หมู่บ้านหนองบอนมีการบริหารที่เข้มแข็งอย่างไร