37 ตารางที่ 2 คณะละครที่ปรากฏในช่วงที่ 3 การอนุรักษ์ ฟื้นฟู ละครร้อง ล้าดับ ชื่อคณะ เจ้าของคณะ 1. คณะละครปรีดาลัย พระนางเธอ ลักษมีลาวัณ 2. คณะละคร ศิวารมณ์ นาวาอากาศเอกขุนสวัสดิ์ฑิฆัมพร 3. คณะเทพศิลป์ อ านวยการแสดงโดยคุณหลวง อรรถ และคุณหญิงน้อมจิตร อรรถไกรวัลวที 4. คณะศิษย์ศิลปากร (ผกาวลี) คุณหญิงชิ้น ศิลปะบรรเลง และคุณครูลัดดา ศิลปะบรรเลง (สารตายน) 5. คณะอัศวินการละคร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ ยุคล 6. คณะเกียรติเกษม ศักดิ์เกษม หุตาคม 7. คณะอมรพิมานและชุมนุมศิลปิน หรือคณะรพีพร สุวัฒน์ วรดิลก 8. คณะเทพไท สาหัส บุญหลง 9. คณะละครของสุพรรณ สุพรรณ บูรณะพิมพ์ 10. คณะชื่นชุมชนศิลปิน สวลี ผกาพันธุ์ 11. คณะวิจิตรเกษม บัณฑูร องค์วิสิษฐ์ 12. คณะวิจิตรศิลป์ หลวงวิจิตรวาทการ 13. คณะศรีจันทรา คุณหญิงอาสา 14 คณะนิยมไทย ประสาน ส.ตันสกุล 15 คณะเฉลิม บุณยเกียรติ เฉลิม บุณยเกียรติ (แจ๋ว ดอกจิก) 16 คณะเพียงประสิทธิ์ เพียงใจ เปรมประสิทธิ์ 17 คณะฤดีบันเทิง ฤดี พ่วงพิพัฒน์ 18 คณะนวลศรีศิลป์ นวลศรี สิงหเสนีย์ 19 คณะเทพร าจวน ศรีนวล แก้วบัวสาย 20 คณะวชิรนาฏ ศรีนวล แก้วบัวสาย เฉลิม บุณยเกียรติ 21 คณะจันทโอภาส สมพงษ์ จันทรประภา ส่งศรี ยอห์นสัน จันทรประภา 22 คณะเกียรติแก้ว ศรีนวล แก้วบัวสาย เฉลิม บุณยเกียรติ 23 คณะไทยทีวีช่อง 4 จ านง รังสิกุล 24 คณะสมภพ จันทรประภา สมภพ จันทรประภา ที่มา: ผู้วิจัย
38 จากตารางที่ 2 พบคณะละครร้องทั้งหมด 24 คณะ โดยละครในช่วงนี้ ประกอบด้วยคณะ ละครที่แสดงละครร้อง ละครเพลง ละครเวที รวมถึงละครโทรทัศน์ จากการศึกษาเอกสารต่าง ๆ ไม่พบการพัฒนารูปแบบใหม่เกิดขึ้น เป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายจากละครร้องเป็นละครเพลงอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามยังพบคณะละครที่มุ่งอนุรักษ์ สืบสานงานละครร้องดั้งเดิมอยู่ ผู้วิจัยจึงแบ่งละครใน ช่วงหลังสุดนี้เป็นละครร้องส าหรับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู เชื่อมต่อสู่ละครเพลง นอกจากนี้มีบ้านบางล าพู หรือบ้านดุริยประณีต วิทยาลัยนาฏศิลป ส านักการสังคีต มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และ หน่วยงานทางการศึกษาต่าง ๆ ที่เป็นหน่วยงานที่มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ สืบสาน ฟื้นฟูละครร้อง โดยการน าละครร้องเรื่องเดิม มาจัดแสดงใหม่ให้ นิสิต นักศึกษา และประชาชนได้รับชมความ สุนทรียะของศิลปะการแสดงละครร้องต่อไป 2.3 รูปแบบและองค์ประกอบของละครร้อง จากการศึกษาข้อมูลพัฒนาการของละครร้อง กล่าวได้ว่า ละครร้องคือละครที่ใช้ การร้องเพลงในการด าเนินเรื่อง อาจมีบทเจรจาแทรกบ้าง หรือไม่มีเลยก็ได้ แต่บทเจรจานั้นจะเป็น การเสริมความให้การร้องมีความชัดเจนขึ้นเท่านั้น วิมลศรี อุปรมัย ได้แบ่งละครร้องตามลักษณะลีลา และวิธีการแสดงออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1) ละครร้องล้วน ๆ ตลอดเรื่อง และ 2) ละครร้องสลับพูด (วิมลศรี อุปรมัย, 2555, น. 165) ซึ่งแตกต่างกับเสาวณิต วิงวอน ที่แบ่งละครร้องออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1) ละครร้องมีลูกคู่ และ 2) ละครร้องไม่มีลูกคู่ (เสาวณิต วิงวอน, 2555, น. 116) เมื่อพิจารณา รายละเอียดในประเภทและรูปแบบการแสดงของละครร้องแล้วนั้น ผู้วิจัยเห็นว่าละครร้องล้วน ๆ ตลอดเรื่องมีลักษณะสอดคล้องกันกับละครร้องไม่มีลูกคู่ และละครร้องสลับพูดมีลักษณะสอดคล้องกัน กับละครร้องมีลูกคู่ ผู้วิจัยขออธิบายรายละเอียดละครร้องทั้ง 2 ประเภทตามรูปแบบและลักษณะ ทางการแสดง ดังนี้ 2.3.1 ละครร้องล้วน ๆ ตลอดเรื่อง หรือละครร้อง ไม่มีลูกคู่ ละครร้องล้วน ๆ ตลอดเรื่อง หรือละครร้องแท้ ๆ หรือละครร้องไม่มีลูกคู่ เป็นละครร้อง ที่มีลักษณะสอดคล้องกัน แตกต่างกันเพียงชื่อที่เรียกเท่านั้น ละครดังกล่าวเป็น ละครร้องใน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้รับอิทธิพลมาจากละครโอเปร่าของตะวันตก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงดัดแปลงมาเป็นละครร้องแบบไทย โดยตัวละครจะ ด าเนินเรื่องด้วยการร้องล้วน ๆ ไม่มีบทเจรจาแทรก ทรงแสดงทัศนะไว้ว่า “ไม่ควรมีลูกคู่ส าหรับ ละครชั้นดี การแทรกลูกคู่ก็เท่ากับการเล่านอกบทให้ผู้ดูเข้าใจนั่นเอง นอกจากนั้นลูกคู่ก็มาช่วยร้อง แข่งกับคนแสดงให้เซ็งแซ่ น่าร าคาญด้วย” (จมื่นอมรดรุณารักษ์, 2511, น. 69 อ้างถึงใน เสาวณิต วิงวอน, 2555, น. 118) ตัวละครใช้ท่าทางแบบสามัญชน แต่งกายตามสมัยนิยม มีการเปลี่ยนฉากตามท้องเรื่อง ใช้วงปี่พาทย์บรรเลงประกอบการแสดง ปรากฎบทพระราชนิพนธ์ ละครร้องของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวอยู่จ านวน 7 เรื่อง จากการศึกษาข้อมูล พระราชนิพนธ์บทละครร้องของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ผู้วิจัย แบ่งรายละเอียดบทละครออกตามปีพุทธศักราชที่ทรงพระราชนิพนธ์ ดังตารางต่อไปนี้
39 ตารางที่ 3 ชื่อบทละครร้องในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ล้าดับ ปี พ.ศ. ชื่อเรื่อง หมายเหตุ 1. 2451 มิกาโด้ พระราชนิพนธ์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ยังไม่เคยแสดง 2. 2451 วั่งตี่ พระราชนิพนธ์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ยังไม่เคยแสดง 3. 2456 ตั้งจิตรคิดคลั่ง ส านวนที่ 1 แสดงครั้งเดียว แล้วปรับใหม่ 2462 ตั้งจิตรคิดคลั่ง ส านวนที่ 2 ปรับใหม่ (ว่าด้วยลด ความรุนแรง) 4. 2462 ศกุนตลา ปรับจากละครร า ที่ทรงในปีเดียวกัน ไม่ได้แสดง 5. 2467 พระร่วง ปรับจากละครพูดค ากลอน ที่ทรงใน ปีเดียวกัน ได้มีการจัดแสดง 6. 2467 สาวิตรี มีบท บรรจุเพลงไม่ครบก่อนสิ้น รัชกาล ไม่เคยได้แสดง 7. 2468 พระเกียรติรถ ปรับจากบทละครร า ไม่ได้แสดง เพราะสวรรคตเสียก่อน ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางที่ 3 พบว่า ละครร้องของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ที่ทรง พระราชนิพนธ์ไว้ทั้งสิ้น 7 เรื่อง ปรากฏว่ามีการจัดแสดงเพียง 2 เรื่องเท่านั้นได้แก่ เรื่องตั้งจิตรคิดคลั่ง และเรื่องพระร่วง อีก 5 เรื่องไม่ได้จัดแสดง ส่วนละครร้องเรื่องสาวิตรี กรมศิลปากรได้น ามาจัดแสดง ภายหลัง อาจกล่าวได้ว่าละครร้องของพระองค์ไม่เป็นที่ทราบกันอย่างกว้างขวาง เว้นแต่ในส่วนของ พระราชฐาน และข้าราชส านักในพระองค์เท่านั้น จากละครร้องในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทั้งหมด 7 เรื่อง ผู้วิจัยได้ศึกษาข้อมูล พบว่า มีที่มาของโครงเรื่องที่แตกต่างกัน สามารถแบ่งออกได้ 4 รูปแบบ คือ 1) เรื่องที่แปลมาจากภาษาต่างประเทศ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีแนวคิดในการแปลเรื่อง Mikado ซึ่งเป็นจุลอุปรากรของ Gilbert และ Sullivan เป็นละครร้อง เรื่อง มิกาโด้ ในฉบับชาติญี่ปุ่น และทรงแปลงเป็นละครร้องเรื่องวั่งตี่ ในฉบับชาติจีน 2) เรื่องที่แต่งขึ้นใหม่ รูปแบบโครงเรื่องนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ละครร้องเรื่องตั้งจิตคิดคลั่ง “ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นล้อเลียนละครร้องปรีดาลัยของ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ เรื่องเกี่ยวกับคดีพญาระกา ว่ากันว่าเป็นส านวนล้อที่รุนแรง” (คมคาย กลิ่นภักดี, 2553, น. 103) 3) เรื่องที่ปรับปรุงมาจากบทละครเดิม รูปแบบโครงเรื่องนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปรับปรุงบทละครร า เรื่อง ศกุนตลา และเรื่องพระเกียรติรถ ให้เป็นละครร้อง และ
40 ทรงปรับปรุงบทละครพูดค ากลอนเรื่องพระร่วงซึ่งเป็นพงศาวดารหรือต านานอิงประวัติศาสตร์ มาเป็น ละครร้องเรื่องพระร่วงของพระองค์เอง 4) เรื่องที่ได้เค้าโครงมาจากนิยายโบราณของอินเดีย รูปแบบโครงเรื่องนี้พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตัดตอนมาเป็นการเฉพาะ ได้แก่เรื่องสาวิตรี ตารางที่ 4 ที่มาของเค้าโครงเรื่องละครร้องในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ที่มาของเค้าโครงเรื่อง แปลมาจาก ภาษาต่างประเทศ แต่งขึ้นใหม่ ปรับปรุงมาจาก บทละครเดิม ได้เค้าโครงมาจาก นิยายโบราณของ อินเดีย เรื่องที่แสดง มิกาโด้ ตั้งจิตคิดคลั่ง ศกุนตลา สาวิตรี วั่งตี่ พระเกียรติรถ พระร่วง ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางที่ 4 พบว่า ละครร้อง ทั้ง 7 เรื่องของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ปรากฏที่มาของเค้าโครงเรื่องแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบด้วยกัน คือ 1) เป็นเรื่องที่แปลมา จากภาษาต่างประเทศ 2) เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นใหม่ 3) เป็นเรื่องที่ปรับปรุงมาจากบทละครเดิม ซึ่งประกอบด้วยละครร า และละครพูด และ 4) เป็นเรื่องได้เค้าโครงมาจากนิยายโบราณของอินเดีย ละครร้องล้วน ๆ ละครร้องแท้ ๆ หรือละครร้องไม่มีลูกคู่ เป็นละครร้องในพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเลียนแบบมาจากการแสดงอุปรากรของชาติตะวันตก ซึ่งการขับร้องนั้น เป็นส่วนส าคัญอย่างยิ่งในการแสดง ด าเนินเรื่องด้วยการขับร้องแทนค าพูดโต้ตอบเจรจา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงน าวิธีการขับร้องแบบต่าง ๆ ได้แก่ การขับร้องเดี่ยว การขับร้องคู่ การร้องหลายคน และการร้องหมู่ประสานเสียงรวมถึงการขับร้องแยกหมู่ชายหญิง มาใช้ในการแสดงละครร้องของพระองค์เอง สามารถอธิบายได้ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1) การขับร้องเดี่ยว (Solo) จะใช้เมื่อตัวละครต้องการร้องเพลงสื่อสารกับตัวละคร อีกตัวหนึ่ง หรือ ร าพึงร าพันความในใจของตัวละคร 2) การขับร้องคู่ (Duet) จะใช้เมื่อตัวละครร้องเพลงโต้ตอบกัน โดยมีทั้งการร้องโต้ตอบ กันภายในวรรคเดียวกันและต่างวรรค เปรียบเสมือนการพูดโต้ตอบกันในสถานการณ์จริง 3) การขับร้อง 3 คน (Trio) และการขับร้อง 4 คน (Quartet) ใช้เมื่อตัวละครร้องโต้ตอบ กันในสถานการณ์ที่มีตัวละครหลายตัว โดยการโต้ตอบนี้ต้องอาศัยการฝึกซ้อมและความสามารถของ ผู้แสดงที่จะโต้ตอบกันให้เกิดความสมดุลทางด้าน เสียง อารมณ์ท านอง และจังหวะ 4) การขับร้องหมู่ (Chorus) เป็นการขับร้องหมู่ใช้เมื่อประกอบเหตุการณ์ที่มีตัวละคร ซ้ ากันหลายตัวเช่น ประชาชน นางก านัล เสนาอ ามาตย์เป็นต้น การร้องหมู่นี้เป็นการตอกย้ าให้เสียง ร้องมีความหนักแน่น เป็นที่เน้นความถึงเสียงส่วนมากหรือเสียงส่วนใหญ่ในสถานการณ์ของละคร ในบางครั้งอาจแยกการขับร้องหมู่เป็นฝ่ายชายและฝ่ายหญิง
41 ผู้วิจัยได้สรุปลักษณะส าคัญของละครร้องล้วน ๆ ละครร้องแท้ ๆ หรือละครร้องไม่มีลูกคู่ได้ ดังต่อไปนี้ 1) มีการแบ่งตอนเป็นองก์และเป็นฉาก และในตอนต้นของแต่ละฉากจะมีการบรรยายถึง ฉากประกอบการแสดง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ก ากับและผู้แสดงในการฝึกซ้อมการแสดงในแต่ละฉาก ตลอดจนสามารถสร้างฉากหรืออุปกรณ์การแสดงให้สอดคล้องกับเรื่องราว 2) เปิดเรื่องด้วยการแนะน าตัวละคร ใช้บทร้องของตัวละครเป็นการบรรยายว่าพื้นฐาน ของตัวละครนั้นเป็นใคร มีพฤติกรรมและลักษณะนิสัยอย่างไร และด าเนินเรื่องด้วยความขัดแย้ง ท าให้ ตัวละครด าเนินเรื่องราวไปตามเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่ส าคัญของเรื่องสู่จุดสูงสุดของเรื่อง และ ปิดเรื่องด้วยข้อคิดหรือผลดีที่เกิดขึ้นเน้นสาระความส าคัญของคุณธรรมจริยธรรม รวมถึงจบด้วยบท สรรเสริญเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ และประเทศชาติ ภาพที่ 2 บทละครร้อง เรื่องพระร่วง ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มา: ณัฏฐนิช นักปี่ (2557, น. 53) ภาพที่ 3 บทละครร้อง เรื่องพระเกียรติรถ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มา: ณัฏฐนิช นักปี่ (2557, น. 53)
42 2.3.2 ละครร้องสลับพูด ละครร้องมีลูกคู่ หรือ ละครร้องปรีดาลัย ละครร้องสลับพูด ละครร้องมีลูกคู่ หรือ ละครร้องปรีดาลัย เป็นละครร้องที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงคิดขึ้น ดัดแปลงมาจากละครโอเปร่า ละครบังสาวัน ละครพันทาง และละครดึกด าบรรพ์ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้มีลักษณะและแบบแผนอย่างละครไทย ใช้เพลงไทยใน การขับร้อง ใส่ท่าร าในบางตอน ด าเนินเรื่องราวด้วยการร้องเพลงของตัวละครและลูกคู่ ส าหรับ รูปแบบการแสดงนิยมให้มีระบ าหรือจ าอวดออกมาแสดงสลับฉาก วิธีการด าเนินเรื่องคือด าเนินเรื่อง ด้วยการร้อง ตัวละครจะต้องร้องเองโดยมีลูกคู่คอยร้องรับในบทที่บรรยายความรู้สึกนึกคิด และมีซออู้ คลอตาม ใช้วงปี่พาทย์หรือวงมโหรีบรรเลง ใช้ผู้หญิงแสดงล้วน ท่าทางที่ใช้ส าหรับแสดงจะเป็นท่าทาง กิริยาของมนุษย์ตามธรรมชาติ ไม่ท าท่าร าอย่างเช่นละคร เรียกว่าละครก าแบ (พูนพิศ อมาตยกุล, 2552, น. 206) เรื่องที่ใช้แสดงละครร้อง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิป ประพันธ์พงศ์ ทรงพระนิพนธ์ไว้หลายเรื่อง บทละครต่าง ๆ อาจสูญหายไปจ านวนมาก หลังจากละครร้องเป็นที่นิยมมาก ในช่วงรัชกาลที่ 6-7 ได้มีคณะละครเกิดขึ้นมากมาย ละครร้องแพร่หลายมากขึ้น มีเรื่องที่ใช้แสดง ละครร้องมากกว่า 400 เรื่อง ผู้วิจัยได้ศึกษาข้อมูลจากบทละครร้อง หนังสือ งานวิจัย และวิทยานิพนธ์ พบว่า ละครร้อง มีที่มาของโครงเรื่องที่แตกต่างกัน มีเนื้อเรื่องที่ให้ความเพลิดเพลินและความสนุกสนาน ตลอดจนให้ แง่คิดในการด าเนินชีวิต พวงเพ็ญ สว่างใจ กล่าวว่า ละครร้องมีที่มา 2 แหล่งใหญ่ ๆ ดังนี้ 1) ผู้ประพันธ์คิดโครงเรื่องขึ้นเอง ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการประพันธ์โครงเรื่องขึ้นเองได้แก่ (1) สภาพสังคมในสมัยของผู้ประพันธ์ โดยผู้ประพันธ์น าประสบการณ์หรือสิ่งที่ได้พบ เห็นจากในสังคมสมัยนั้นนั้นมาเป็นพื้นฐานในการประพันธ์บทละคร ซึ่งได้แก่ เรื่องราวเกี่ยวกับบริบท ทางสังคม เรื่องราวในครอบครัวสภาพเศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งการแต่งกาย (2) จินตนาการของผู้ประพันธ์ (3) เนื้อเรื่องจักร ๆ วงศ์ ๆ ที่มาจากละครร า 2) ผู้ประพันธ์น าเค้าโครงเรื่องเดิมมาปรับปรุง โดยผู้ประพันธ์น าเค้าโครงเรื่องเดิมที่มา จากวรรณคดี วรรณกรรมทั้งไทยและต่างประเทศมาสร้างเป็นบทละครร้อง ซึ่งผู้ประพันธ์เลือกเรื่อง เดิมที่มีความสนุกสนานเพลิดเพลินสามารถสร้างแรงจูงใจในการชมละครมาดัดแปลงเป็นบทละครร้อง ให้มีความน่าสนใจและน่าติดตามยิ่งขึ้น ส าหรับโครงเรื่อง ของบทละครร้องที่มีลูกคู่ หรือละครร้องสลับพูด หรือละครร้องปรีดาลัยนั้น ปรากฏโครงเรื่อง 4 แนว ได้แก่ 1) โครงเรื่องเกี่ยวกับความรัก 2) โครงเรื่องเกี่ยวกับปัญหาภายในครอบครัว 3) โครงเรื่องเกี่ยวกับปัญหาสังคม 4) โครงเรื่องในแนวหลีกหนี บทละครร้องแบบมีลูกคู่ หรือละครร้องสลับพูดนี้ มีจ านวนมาก เนื่องจากเป็นละครที่มีความนิยม อย่างมากในช ่วงสมัยหนึ่ง ผู้วิจัยได้ท าการรวบรวมบทละครร้อง ที ่นิพนธ์โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ จากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องและจากห้องสมุดหายาก หอสมุดแห่งชาติ พบบทละครร้องสามารถจ าแนกรายละเอียดได้ ตามตารางต่อไปนี้
43 ตารางที่ 5 บทละครร้องของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ล้าดับ ปี พ.ศ. ชื่อเรื่อง นามปากกา หมายเหตุ 1 2449 โฉเบ๊ ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 2 2449 อิสสระแก่ตัว - ละครนฤมิตร 3 2450 ราชาธิราช พระศรี ละครนฤมิตร 4 2451 สาวเครือฟ้า (ส านวน 1) ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 5 2451 สาวเครือฟ้า (ส านวน 2) ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 6 2452 กระท่อมพิณเปี๊ยะ ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 7 2452 แก้เผ็ด - ละครนฤมิตร 8 2452 ขี้หึงถึงดี ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 9 2452 จูบสั่ง - ละครนฤมิตร 10 2452 ใจเด็ด ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 11 2452 ชิ้นไต้เหม็ง ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 12 2452 ตุ๊กกะตายอดรัก ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 13 2452 ถึงพริกถึงขิง ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 14 2452 ปนละวน ปนละเก - ละครนฤมิตร 15 2452 แปตแตนท์ - ละครนฤมิตร 16 2452 แปลงกาย ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 17 2452 ผู้ร้ายกลับบ้าน ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 18 2452 ลาภหาย ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 19 2452 สาวเครือฟ้า (ส านวน 3) ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 20 2452 ฮุ่ยหุย ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 21 2453 กลแตก พระศรี ละครนฤมิตร 22 2453 ก ากงก าเกวียน พระศรี ละครนฤมิตร 23 2453 ขบถธรรมเถียร พระศรี ละครนฤมิตร 24 2453 ขบถบุญขว้าง ตอน 1,2 - ละครนฤมิตร 25 2453 ขุนหลวงพะงั่วปราบขอม ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 26 2453 คนทะเล อ้ายโม้ ละครนฤมิตร 27 2453 คาราคาซัง พระศรี ละครนฤมิตร 28 2453 จั๊กกะแหล่น ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 29 2453 จับปลาสองมือ ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 30 2453 เจ้าชู้ใจเสาะ ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 31 2453 เจียมกับเจ๋อ ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 32 2453 ชิงไข่ขวัญ ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร
44 ตารางที่ 5 บทละครร้องของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ (ต่อ) ล้าดับ ปี พ.ศ. ชื่อเรื่อง นามปากกา หมายเหตุ 33 2453 ซุ่มซุ่มมาละตี พระศรี ละครนฤมิตร 34 2453 เดาสุ่ม - ละครนฤมิตร 35 2453 ต้นร้ายปลายดี ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 36 2453 ตะแป๊ะจงโพ่ พระศรี ละครนฤมิตร 37 2453 ดีแตก ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 38 2453 ถูพื้นห้อง - ละครนฤมิตร 39 2453 พงศาวดารพม่า (ราชาธฤทธิ์ พิศม์พม่าหึง) พระศรี ละครนฤมิตร 40 2453 พระพุทธเจ้าเสือ - ละครนฤมิตร 41 2453 พ่อโต้งกระยาสารท ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 42 2453 มะนิลา ลอดเตอรี่ พระพรรณ ละครนฤมิตร 43 2453 มิตร์ประเสริฐ พิเภก ละครนฤมิตร 44 2453 เมียบ พระพรรณ ละครนฤมิตร 45 2453 รักนักมักหน่ายฤาสาวเครือดิน พระศรี ละครนฤมิตร 46 2453 รู้ไม่ถึง (จับพวงจับใจ) ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 47 2453 หลงกล (ส านวน 1) ว.ท.ฝีปากใหม่ ละครนฤมิตร 48 2453 หลวงกล (ส านวน 2) ว.ท.พิเภก ละครนฤมิตร 49 2453 เห็นผิดเป็นชอบ พิเภก ละครนฤมิตร 50 2453 เหลืออด พระศรี ละครนฤมิตร 51 2453 สุดสกุล ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 52 2453 สิบรู้ไม่เท่าเจน ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 53 2453 อิหลักอิเหลื่อ ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 54 2453 อมพะนัม ประเสริฐอักษร ละครนฤมิตร 55 2453 อยัมพะทันตา พระพรรณ ละครนฤมิตร 56 2454 ไกว้กลิ้นฤาเสียเชิง พระศรี ละครนฤมิตร 57 2454 ค าหมอเทวดา พระศรี ละครนฤมิตร 58 2454 น้ าค ามนุษย์ พระศรี ละครนฤมิตร 59 2454 บูชายัญสมัยใหม่ หมากพระ ละครนฤมิตร 60 2454 ผะอืดผะอม ประเสริฐอักษร 61 2454 ฤาตายเพราะรัก พระศรี ละครนฤมิตร 62 2454 สายชนวน พระศรี ละครนฤมิตร 63 2454 หุนหันพลันแล่น พระศรี ละครนฤมิตร 64 - พิไนยกรรมกะน้ าใจ พระศรี ละครนฤมิตร
45 ตารางที่ 5 บทละครร้องของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ (ต่อ) ล้าดับ ปี พ.ศ. ชื่อเรื่อง นามปากกา หมายเหตุ 65 2454 กระเหี้ยนกระหือรือ พระศรี ละครในปรีดาลัย 66 2454 กลืนไม่เข้าคายไม่ออก พระศรี -ไม่ปรากฏ67 2454 คว้าน้ าเหลว พระศรี ละครในปรีดาลัย 68 2454 จับด าถล าแดง พระศรี ละครในปรีดาลัย 69 2454 เดาสุ่ม พระศรี ละครในปรีดาลัย 70 2454 แสนแสบ มิสเตอร์โม้ บรรเทืองไทย 71 2454 ผะอืดผะอม ประเสริฐอักษร ละครในปรีดาลัย 72 2454 ผู้ชายตัวเมีย มิสเติอร์โม้ ละครในปรีดาลัย 73 2454 วิวาห์ญี่ปุ่นโถม พระศรี ละครในปรีดาลัย 74 2455 กระดังงาไทย หมากพญา ละครในปรีดาลัย 75 2455 กินดิบ หมากพญา ละครในปรีดาลัย 76 2455 ขี้ขลาดแกมหยิ่ง หมากพญา ละครในปรีดาลัย *ขาดเล่ม 1 77 2455 จูบของคนยาก หมากพญา ละครในปรีดาลัย 78 2455 ชิงชู้ตัวเอง พระศรี ละครในปรีดาลัย 79 2455 ชูโชค หมากพญา คณะละครไฉ วเวียง 80 2455 ตะครุบกบ มิสเตอร์โม้ คณะปราโมท เมือง 81 2455 ตามเงา มิสเตอร์โม้ คณะปราโมท เมือง 82 2455 น้ าสบถ หมากพญา ละครในปรีดาลัย 83 2455 ปู่โสม หมากพญา ละครในปรีดาลัย 84 2455 ผิดฝาผิดตัว พระศรี คณะปราโมท เมือง 85 2455 ผู้ชายตัวเมีย มิสเตอร์โม้ คณะปราโมท เมือง 86 2455 พ่อเครือณรงค์ หมากพญา คณะละครไฉ วเวียง 87 2455 พ่อเยาวยอด หมากพญา ละครในปรีดาลัย 88 2455 สาวเครือแมวฤาพันธุกรรม หมากพญา ละครในปรีดาลัย *ขาดเล่ม 2-3 89 2455 อีสดกระสือ หมากพญา ละครในปรีดาลัย
46 ตารางที่ 5 บทละครร้องของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ (ต่อ) ล้าดับ ปี พ.ศ. ชื่อเรื่อง นามปากกา หมายเหตุ 90 2455 อีนากพระโขนง หมากพญา ละครในปรีดาลัย 91 2456 ขี้หึงถึงดี พระพรรณ -ไม่ปรากฏ92 2456 พงศาวดารพม่า (พระเจ้าสีป๊อมินทร์) พระเจ้าบรมวงศ์ เธอ กรมพระนราธิป ประพันธ์พงศ์ -ไม่ปรากฏ93 2456 พระเจ้าธีบอ ตอน1,2,3,4 ประเสริฐอักษร -ไม่ปรากฏ94 - ขุนโรมปรปักษ์ พระเจ้าบรมวงศ์ เธอ กรมพระนราธิป ประพันธ์พงศ์ -ไม่ปรากฏ95 - แปลงกาย ประเสริฐอักษร -ไม่ปรากฏ96 - สุดสวาท - -ไม่ปรากฏ97 - ฮุ่ยหุย ประเสริฐอักษร -ไม่ปรากฏ98 - ขวดแก้วเจียระไน ประเสริฐอักษร -ไม่ปรากฏที่มา: ผู้วิจัย จากตารางพบว่า ละครร้องแบบมีลูกคู่ หรือละครร้องปรีดาลัยที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงนิพนธ์ขึ้นนั้น พบทั้งหมด 98 เรื่อง ครอบคลุมตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2449 – 2456 รวมระยะเวลาประมาณ 8 ปี โดยทรงใช้นามปากกาที่หลากหลาย และทรงนิพนธ์ให้กับ คณะละครหลายคณะด้วยกัน เช่น ละครหลวงนฤมิตร ละครปรีดาลัย ละครไฉวเวียง ละครบันเทิงไทย เป็นต้น ส าหรับรูปแบบการแสดง และลักษณะส าคัญของละครร้องสลับพูด หรือละครร้องมีลูกคู่หรือ ละครร้องปรีดาลัย ผู้วิจัยสามารถสรุปรายละเอียดได้ดังนี้ 1) เมื่อเริ่มแสดงจะมีการสั่นกระดิ่ง เพื่อเป็นสัญญาณบอกให้ผู้ชมทราบว่าละครก าลัง จะเริ่มขึ้นแล้ว 2) ผู้แสดงจะร้องบทที่เป็นบทสนทนาเอง ลูกคู่จะร้องบทบรรยายบทแสดงอาการกิริยา และบทคิดค านึง นอกจากนั้นลูกคู่ยังต้องคอยรับเอื้อน ผู้แสดงจะร้องเฉพาะค าร้องเท่านั้น ฉะนั้น ผู้แสดงและลูกคู่จึงจ าเป็นต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างมาก มีการตีกรับพวงเพื่อให้จังหวะ เรียกว่า การตีกรับรับลูกคู่ ส่วนบทเจรจาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แทรกอยู่ผู้แสดงต้องพูดตามบท โดยเป็นบทพูดที่ ทวนความของบทร้อง 3) การเปิดเรื่องด้วยวิธีการแสดง 3 ลักษณะ ได้แก่ (1) การเปิดเรื่องด้วยการแนะน าตัวละคร เพื่อเป็นการกล่าวถึงลักษณะเด่น พฤติกรรม และลักษณะนิสัยของตัวละคร มักใช้บทร้องที่ร้องด้วยตัวแสดงและลูกคู่บรรยายว่า เป็นใคร ท าอะไร ที่ไหน อย่างไร
47 (2) การเปิดเรื่องด้วยการสร้างบรรยากาศเพื่อน าเข้าสู่เนื้อเรื่องเพื่อเป็นการสร้าง บรรยากาศให้สอดคล้องกับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ของเรื่อง ให้ผู้ชมได้ทราบถึงภูมิหลังสภาพความ เป็นอยู่ของตัวละคร ตลอดจนความรู้สึกของตัวละคร (3) เปิดเรื่องด้วยการเสนอเหตุการณ์ที่เป็นปมปัญหาของเรื่องทันที เป็นการแสดง ความดึงดูดความสนใจของผู้ชมให้มีความสงสัยต้องการที่จะติดตามเหตุการณ์ตอนต่อไปของละคร 4) การด าเนินเรื่องนั้นละครร้องรูปแบบนี้มีการด าเนินเรื่องหลากหลาย ส่งผลให้ละคร มีความสนุกสนาน ถือเป็นกลวิธีของผู้ประพันธ์ จากการศึกษาข้อมูลการด าเนินเรื่องของละครร้อง มีลักษณะดังต่อไปนี้ (1) ด าเนินเรื่องไปตามล าดับเวลาที่เกิดเหตุการณ์ คือการไล่ล าดับ เวลาในการเกิด เหตุการณ์ตามจริงเพื่อให้ผู้ชมไม่สับสน (2) ด าเนินเรื่องด้วยการสร้างความขัดแย้ง ประกอบไปด้วยความขัดแย้งระหว่างม นุษย์กับมนุษย์ ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับสังคม และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในใจของตัวมนุษย์ เอง การด าเนินเรื่องเช่นนี้คือการสร้างปัญหาท าให้มีผลต่อชีวิตของตัวละคร (3) ด าเนินเรื่องด้วยการใช้อุบายของตัวละคร การด าเนินเรื่องเช่นนี้สามารถสร้างให้ ผู้ที่ใช้กลอุบายสมความปรารถนาหรือไม่สมความปรารถนาก็ได้ ก่อให้เกิดความสนุกสนานน่าติดตาม อย่างมาก (4) ด าเนินเรื่องด้วยการสร้างเหตุการณ์ที่ท าให้เกิดความเข้าใจผิด ถือเป็นการสร้าง ปมปัญหาของเรื่อง ตัวละครจะแสดงพฤติกรรมอันเนื่องมาจากความเข้าใจผิดต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งออกมา (5) ด าเนินเรื่องด้วยการสร้างเหตุบังเอิญ เป็นการด าเนินเรื่องที่น่าติดตามเพราะผู้ชม ไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ได้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น (6) ด าเนินเรื่องด้วยการสร้างเหตุการณ์เหนือความจริง คือการน าเรื่องราวที่เกินจริง ในชีวิตมาผสมผสานกับความจริง เกิดเป็นเหตุการณ์เหนือความจริงแต่ผู้ชมจะต้องรู้สึกคล้อยตาม เหตุการณ์นั้น ๆ - การปิดเรื่อง ส าหรับละครร้องรูปแบบนี้มีการปิดเรื่อง 2 แบบได้แก่ ปิดเรื่อง แบบสุขนาฏกรรมและปิดเรื่องแบบโศกนาฏกรรม โดยหลังจบละคร มีการร้องเพลงสรรเสริญ พระบารมี เพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ - มีการบอกบทตลอดเรื่อง - มีการแสดงชุดสั้น ๆ เพื่อเบิกโรง หรือสลับฉาก และปรากฏการใช้ท่าร า ผสมผสานบ้างเล็กน้อย นอกจากละครร้องทั้ง 2 รูปแบบข้างต้น ผู้วิจัยสืบค้นข้อมูล พบว่า จวงจันทร์ จันทร์คณา ได้พัฒนารูปแบบของละครร้องแบบมีลูกคู่ หรือละครร้องปรีดาลัยให้มีความร่วมสมัย โดยใช้ดนตรี สากลและเพลงสากลมาประกอบการแสดง ซึ่งผู้วิจัยเห็นว่าพัฒนาการนี้ถือเป็นรูปแบบที่ส าคัญอีก รูปแบบหนึ่งของละครร้อง ถึงแม้ว่า ละครของจวงจันทร์ จันทร์คณา หรือพรานบูรพ์ จะเป็นละครกึ่งละครร้อง และละครเพลง ก็ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของพัฒนาการทางการละคร ผู้วิจัยจึงขอน าเสนอข้อมูล ของละครร้องที่เรียกว่า ละครร้องจันทโรภาส หรือละครร้องของพรานบูรพ์มาในวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ด้วย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์
48 ละครร้องแบบจันทโรภาส หรือละครร้องพรานบูรพ์ หรือละครเพลงของพรานบูรพ์ เป็นละครร้องที่ ได้รับความนิยมมากในสมัยรัชกาลที่ 7เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมแพร่หลายอย่างกว้างขวาง ละครร้อง ของจันทโรภาสหรือละครร้องของพรานบูรพ์มีลักษณะแตกต่างออกไปจากละครร้องแบบปรีดาลัย หรือ ละครร้องล้วน ๆ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเก้าเจ้าอยู่หัว มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ใช้เพลง ประกอบการแสดงที่เป็นเพลงไทยสากลและน าวงดนตรีสากลมาใช้ในการประกอบการแสดงละครร้องตัดการ ตีกรับรับลูกคู่ออก บทละครที่เป็นละครของพรานบูรพ์ มีทั้งสิ้น 25 เรื่อง โดยปรากฏบทละครที่อยู่ใน สมัยรัชกาลที่ 7 จ านวน 6 เรื่อง และรัชกาลที่ 8 จ านวน 19 เรื่อง รวมทั้งหมด 25 เรื่อง ดังนี้ จับแพะชนแกะ แม่ศรีเวียง ขวัญใจโจร โรสิตา จันทร์เจ้าขา เพลงเสน่ห์ ห้วยแก้ว น้ าผึ้งรวง หนูจ๋า เลือดอยุธยา (หวลให้ใจหาย) ฝนสั่งฟ้า ขอบรั้วริมวัง พันธุ์ไม่เลื้อย ดอกโสนบานเช้า คือหนึ่งยังจ าได้ เขนยที่ยังหนุน บุปผาชาตินคร ภูหยัน (ดาบโบราณ) พี่ร่วมท้องน้องร่วมไส้ คนดีที่โลกลืม นางแก้ว (ผู้ชนะทิศเดียว) อุมาปาหนัน ไม่คืนค า ขอนลอยน้ า เมืองรักเมืองร้าง ลักษณะโครงเรื่องในบทละครร้องของพรานบูรพ์ สามารถแบ่งออกได้ 3 ลักษณะคือ 1) โครงเรื่องเกี่ยวกับความรักระหว่างหนุ่มสาว เป็นเรื่องราวปมปัญหาอันมีเหตุมาจากบุคคล อื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับความรักหรือขัดขวางความรักของหนุ่มสาวมีให้ด าเนินไปอย่างราบรื่น 2) โครงเรื่องเกี่ยวกับความรักระหว่างคนในครอบครัว เป็นเรื่องราวโครงเรื่องที่เสนอ ความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวที่ต้องประสบปัญหาหรือความขัดแย้งกัน 3) โครงเรื่องเกี่ยวกับความรักชาติ เป็นโครงเรื่องเกี่ยวกับการต่อสู้ของตัวละคร เพื่อปกป้องประเทศชาติแสดงถึงความรักชาติ ส าหรับรูปแบบการแสดง และลักษณะส าคัญของละครร้องจันทโรภาส หรือละครร้องของ พรานบูรพ์ ผู้วิจัยสามารถสรุปรายละเอียดได้ดังนี้ 1) มีการปรับใช้เพลงไทยเนื้อร้องเต็ม และเพลงไทยสากล และจะมีเพลงเอกประจ าเรื่อง 1 เพลงเสมอ เช่น เพลงกระจุ๋มกระจิ๋ม ในเรื่องโรสิตา เพลงจันทร์เจ้าขา ในเรื่องจันทร์เจ้าขา เพลงห้วยแก้ว ในเรื่องห้วยแก้ว เป็นต้น 2) ใช้ระยะเวลาในการแสดงต่อรอบ ประมาณ 3 ชั่วโมง บทละครจะต้องมีความกระชับ ลดจ านวนเพลงประกอบการแสดงลง แทรกการเจรจาแทน
49 3) การด าเนินเรื่อง ปรากฏการใช้บทร้องเป็นส่วนส าคัญในการด าเนินเรื่อง โดยใช้ค าพูด เพื่อทวนบทร้อง และใช้ทั้งบทพูดและบทร้องเป็นส่วนส าคัญในการด าเนินเรื่อง ไม่สามารถตัดบทพูด ออกได้ ลักษณะเช่นนี้ เป็นลักษณะส าคัญของละครเพลง 4) มีการก าหนดฉากเป็นล าดับขั้น 1 2 3 4 ชัดเจนตามรูปแบบละครตะวันตก 5) การเปิดเรื่อง ด าเนินเรื่อง และปิดเรื่อง มีลักษณะเดียวกันละครร้องมีลูกคู่และละคร ร้องไม่มีลูกคู่ข้างต้น 6) การใช้ผู้แสดงตัวเอกที่มีรูปร่างหน้าตางดงาม น้ าเสียงไพเราะ เนื่องจากการแสดง ละครร้องในสมัยนั้นเป็นที่แข่งขันกันมาก คณะละครจึงจ าเป็นต้องใช้ผู้แสดงดึงดูดให้ผู้ชมมาชม การแสดงมาก ๆ เมื่อทราบรูปแบบและลักษณะส าคัญของการแสดงละครร้องทั้งหมดแล้ว ผู้วิจัยขอน าเสนอการสรุปองค์ประกอบการแสดงของละครร้อง ทั้ง 3 รูปแบบ ดังตารางต่อไปนี้ ตารางที่ 6 องค์ประกอบการแสดงของละครร้อง องค์ประกอบ การแสดง ละครร้องมีลูกคู่ ละครร้องสลับพูด ละครร้องปรีดาลัย ละครร้องไม่มีลูกคู่ ละครร้องล้วน ๆ ละครร้องแท้ ๆ ละครร้องจันทโรภาส ละครร้องพรานบูรพ์ ละครเพลงพรานบูรพ์ ผู้แสดง ใช้ผู้หญิงแสดงล้วน ยกเว้นตัวตลกตาม พระภายหลังพระนาง เธอลักษมีลาวัณย์ทรง ริเริ่มใช้ชายจริงหญิงแท้ ในการแสดง ใช้ผู้หญิงแสดงล้วน ใช้ผู้หญิงแสดงล้วน ยกเว้นตัวตลกตาม พระ ก าหนดรูปลักษณ์ ให้มีลักษณะโดดเด่น มีเสียงร้องอันไพเราะ วิธีการร้อง ตัวละครร้องในส่วนที่ เป็นบทสนทนาเอง ลูกคู่จะร้องบรรยาย บทแสดงอากัปกิริยาบท คิดค านึง บทชมสถานที่ รวมทั้งลูกคู่จะเป็นผู้ร้อง เอื้อนให้ตัวละคร การขับร้องเดี่ยว (Solo) การขับร้องคู่ (Duet) การขับร้อง 3 คน (Trio) การขับร้อง 4 คน (Quartet) การขับร้องหมู่ (Chorus) ตัดลูกคู่ที่ร้องเอื้อนให้ตัว ละครออก ตัวละครร้องเพลงในการ ด าเนินเรื่อง และมีบท ร้องของลูกคู่เพื่อช่วย การด าเนินเรื่องให้ กระชับมากขึ้น ภายหลัง ตัดลูกคู่ออกทั้งหมด ลักษณะ ค าประพันธ์ - ใช้กลอนสุภาพ - ใช้โคลงสี่สุภาพ - ใช้ฉันท์ - ใช้กาพย์ยานี 11 - ใช้กลอนร่ายยาว - ใช้เพลงพื้นบ้าน - ใช้กลอนสุภาพ ลักษณะ คล้ายกลอนบทละคร - แทรกท านองสวดสรภัญญะ เข้าไปมีบทสรรเสริญเกียรติ คุณพระมหากษัตริย์ - ใช้กลอนสุภาพ ลักษณะ คล้ายกลอนบทละคร - ใช้ค าประพันธ์ไม่อิง - ฉันทลักษณ์ เนื่องจาก ประพันธ์ตามลักษณะ ของท านองเพลง
50 ตารางที่ 6 องค์ประกอบการแสดงของละครร้อง (ต่อ) องค์ประกอบ การแสดง ละครร้องมีลูกคู่ ละครร้องสลับพูด ละครร้องปรีดาลัย ละครร้องไม่มีลูกคู่ ละครร้องล้วน ๆ ละครร้องแท้ ๆ ละครร้องจันทโรภาส ละครร้องพรานบูรพ์ ละครเพลงพรานบูรพ์ การด าเนินเรื่อง ด าเนินเรื่องด้วยการขับ ร้องโต้ตอบกันระหว่าง ตัวละครสอกแทรกการ เจรจาเพื่อย้ าความในบท ร้อง และมีลูกคู่ช่วยเสริม ความในด้านอารมณ์ โดยบทของลูกคู่มีส่วนใน การด าเนินเรื่อง ด าเนินเรื่องด้วย การขับร้องแทน ค าพูดโต้ตอบเจรจา ให้ความส าคัญกับ การร้องเพลง เป็นอย่างมาก มี 2 ลักษณะ คือ ใช้การร้องเพลงใน การด าเนินเรื่อง สอดแทรก เจรจาเพื่อเสริมความ เล็กน้อย และใช้การร้อง เพลงสลับบทเจรจา ซึ่งมีส่วนส าคัญเท่าเทียม กันในการด าเนินเรื่อง เพลงประกอบ การแสดง ใช้เพลงไทยเดิม ประกอบด้วย - เพลงเกร็ด อัตราสองชั้น - เพลงละครไทย - เพลงหน้าพาทย์ - เพลงไทยเดิมดัดแปลง ท านอง เพลงที่น าท านอง ต่างชาติมาดัดแปลง ใช้เพลงไทยเดิม ประกอบด้วย - เพลงเกร็ด - เพลงละครไทย - เพลงหน้าพาทย์ - เพลงพื้นบ้าน เพลงละครร้อง - ระยะแรก ใช้เพลงไทยเดิม เช่นเดียวกับละครปรีดาลัย - ดัดแปลงเพลงไทยให้มี ลักษณะเป็นแนวไทยสากล - ใช้เพลงไทยสากลทั้งเพลง แต่ใส่เนื้อร้องเป็น ภาษาไทยใช้เพลงไทย สากลที่แต่งขึ้นใหม่ ดนตรี ประกอบการ แสดง - ใช้วงมโหรี - ใช้วงปี่พาทย์ไม้นวม - ใช้วงเครื่องสาย - ใช้วงเครื่องสายประสม - - ใช้วงปี่พาทย์ไม้นวม - ระยะแรกใช้วงปี่พาทย์ - วงดนตรีสากลประเภท วงแจสซ์เครื่องดนตรีได้แก่ กลองชุด แซกโซโฟน ไวโอลิน ทรัมเป็ต เบส มีกรับพวง แต่ภายหลังตัด ออกภายหลังเพิ่มเปียโน เข้ามา ท่าทางประกอบ การแสดง - ใช้ท่าทางอย่างกริยา สามัญ มือและนิ้ว เคลื่อนไหวแบบก า ๆ แบ ๆ มีการชี้นิ้วบ้าง - ใช้ท่าทางสามัญ - มีการแทรกการร า ละครอยู่บ้าง เล็กน้อย เนื่องจากบท - ใช้ท่าทางประกอบ - การแสดงระหว่างท่าทาง ของละครร า และท่าทาง ปกติสามัญของคนทั่วไปโดด
51 ตารางที่ 6 องค์ประกอบการแสดงของละครร้อง (ต่อ) องค์ประกอบ การแสดง ละครร้องมีลูกคู่ ละครร้องสลับพูด ละครร้องปรีดาลัย ละครร้องไม่มีลูกคู่ ละครร้องล้วน ๆ ละครร้องแท้ ๆ ละครร้องจันทโรภาส ละครร้องพรานบูรพ์ ละครเพลงพรานบูรพ์ เรียกว่าการใช้ท่าทาง แบบก าแบ ในช่วงแรกมี ปรากฏถ้าร าสอดแทรก อยู่บ้างเล็กน้อยเนื่องจาก กรมพระนราธิป ประพันธ์พงศ์ ทรงเคย แสดงละครพันทาง มาก่อน ละครบางเรื่อง ปรับปรุงมาจากบท ละครร า เด่นที่การแสดงออกทาง สีหน้า ไม่ให้ตัวแสดงหยุด นิ่ง ท่าทางประกอบ การแสดงมีลักษณะเป็น ธรรมชาติใกล้เคียงกับ อากัปกริยาของคนทั่วไป อาจจะมีมากกว่าปกติที่ เรียกว่าโอเวอร์แอคเพื่อสื่อ ภาษาท่าไปยังคนดูให้ทั่วถึง การแต่งกาย แต่งกายตามสภาพของ ตัวละครในเรื่องเป็น ส าคัญ แต่งกายตามสภาพ ของตัวละครในเรื่อง เป็นส าคัญ แต่งกายตามสภาพของตัว ละครในเรื่องเป็นส าคัญ ส่วนใหญ่บทละครเป็น เรื่องราวของสมัยนั้น ๆ การแต่งกายจึงเป็นไปตาม สังคมขณะนั้น ๆ ว่ามี แฟชั่นและนิยมแต่งกาย อย่างไร หากละคร มีเรื่องราวเกี่ยวกับต่างชาติ ก็จะแต่งตามเชื้อชาตินั้น ๆ เวที และ ฉาก ประกอบการ แสดง - ใช้ฉากตั้ง แบบโรงละคร ปรีดาลัย โดยฉาก สามารถเปลี่ยนไปได้ตาม ท้องเรื่อง เพื่อเกิดความ สมจริง ระยะแรกแสดงที่ โรงละครปรีดาลัย มี ลักษณะเป็นรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้า มีประตู เข้าออกหลายประตู โรง ละครปรีดาลัยนั้นทั้งใหญ่ กว้างและสวยงาม - เปลี่ยนฉากตาม ท้องเรื่อง เพื่อให้เกิด ความสมจริง - แสดงที่โรงละครทั่วไป โรงภาพยนตร์ เวทีเป็น เวทีมีหลืบ 2 ข้าง มีม่าน กั้นส าหรับเปิดปิด ใช้เวที ส่วนล่างมุมชวา กั้นเป็น ที่ตั้งของวงดนตรี ส่วนฉาก จะจัดให้สมจริงตาม ท้องเรื่องที่บทละคร ก าหนดไว้ฉากและอุปกรณ์ ต่างๆที่น ามาประกอบจะมี การตั้งจัดวางเรียงล าดับ
52 ตารางที่ 6 องค์ประกอบการแสดงของละครร้อง (ต่อ) องค์ประกอบ การแสดง ละครร้องมีลูกคู่ ละครร้องสลับพูด ละครร้องปรีดาลัย ละครร้องไม่มีลูกคู่ ละครร้องล้วน ๆ ละครร้องแท้ ๆ ละครร้องจันทโรภาส ละครร้องพรานบูรพ์ ละครเพลงพรานบูรพ์ เวที และ ฉาก ประกอบการ แสดง - กระจกติดตามฝาผนัง ของบริเวณโรงละครที่ ตรงกับที่นั่งของผู้ชม กระจกสะท้อนให้เห็นเวที พื้นเป็นไม้ธรรมดา ข้างหน้ากว้าง ข้างหลัง สอบแคบลง ฉากเป็น ผ้าม่านและมีหลืบ - เปลี่ยนฉากตาม ท้องเรื่อง เพื่อให้ เกิดความสมจริง - ก่อนหลัง มีการประยุกต์ใช้ ท่าร าไม้ไผ่ตกแต่งด้วยสีสัน ต่าง ๆ เพื่อประกอบเป็น ฉาก ที่มา: ผู้วิจัย 2.4 ละครร้องกับบริบทของสังคมไทย ละครร้องเป็นศิลปวัฒนธรรมที่ถือได้ว่ามีเอกลักษณ์ส าคัญเฉพาะตนมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 มาจนถึงปัจจุบัน ละครร้องมีวิวัฒนาการสอดคล้องกับบริบททางสังคมของประเทศไทยมาตลอด ทุกยุคทุกสมัย บทบาทของละครร้องนอกจากจะเป็นสื่อกลางเพื่อความบันเทิงของประชาชนแล้ว ยังสามารถรับใช้สังคมได้ในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ละครร้องเป็นเครื่องมือในการสะท้อน บริบทในสังคม ใช้ละครร้องเพื่อต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และบทบาทที่ส าคัญอย่างยิ่งคือเป็น ศิลปะการแสดงละครที่เป็นพื้นฐานของการละครในยุคต่อ ๆ มา กล่าวคือ เป็นสิ่งตั้งต้นให้เกิดละครเพลง ละครเวที ละครวิทยุ โทรทัศน์นั่นเอง ละครร้องมีองค์ประกอบหลายด้าน ได้แก่ บทละคร โครงเรื่อง ผู้แสดง ดนตรีประกอบการแสดง เพลง และท่าทางประกอบการแสดง ซึ่งในแต่ละองค์ประกอบนั้น ถูกพัฒนาเป็นล าดับขึ้นเรื่อย ๆ จากประสบการณ์รอบข้างและบริบทของสังคมไทยในสมัยนั้น ๆ ของผู้ประพันธ์พวง เพ็ญ สว่างใจ (2551, น. 26) ได้ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับโครงเรื่องละครร้องไว้ว่า “บทละครร้องมีที่มาจากสภาพสังคมไทยในสมัยของผู้ประพันธ์ โดยผู้ประพันธ์ได้น าสิ่งที่สัมผัสหรือ พบเห็นจากสังคมไทยในสมัยนั้น มาเป็นข้อมูลในการประพันธ์บทละคร สิ่งที่ผู้ประพันธ์พบเห็นใน สังคมได้แก่เรื่องราวภายในครอบครัวและชีวิตสมรส รวมถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสภาพเศรษฐกิจ และสังคม” ซึ่งสอดคล้องกับ สมบูรณ์ สุขสงวน (2538, น. 51) ที่กล่าวว่า “สภาพสังคมไทยในสมัยของ ผู้ประพันธ์ บทละครร้อง ย่อมมีอิทธิพลต่อบทละครร้องด้วย บทละครร้องส่วนมากจะเป็นเรื่องราว เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ทั่วไป ที่ไม่ใช่เพ้อฝัน แต่จะเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง ของมนุษย์ที่มีความรัก โลภ โกรธ หลง ตัวละครต้องเผชิญปัญหาและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ตอนจบ ของเรื่องอาจจบด้วยความสมหวังหรือผิดหวัง หรือจบลงด้วยการตายของตัวละคร สถานการณ์ของ เรื่องเช่นนี้เป็นพลังดึงดูดให้ผู้ชมติดตามเรื่องราวด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก”
53 จากข้อความ กล่าวว่า สภาพสังคม บริบทต่าง ๆ ในสังคมสมัยนั้น ๆ ส่งผลต่อการคิดและ สร้างโครงเรื่องของละครร้อง ละครร้องจึงสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสะท้อนบริบทของสังคมสมัยนั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น ละครร้องเรื่องสาวเครือฟ้า ในฉากที่ 3 ฉากลา ตัวละครสาวเครือฟ้า ก าลังจากลากับร้อยตรีพร้อมผู้เป็นสามี ในการกล่าวลานั้นสาวเครือฟ้าเสียใจมาก และได้ก้มลงน าผม ของตนเองเช็ดที่รองเท้าของร้อยตรีพร้อม ในฉากนี้แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดี เทิดทูน สามีของตนเอง สะท้อนสังคมการมีผู้ชายเป็นผู้น าครอบครัว เป็นผู้หารายได้เลี้ยงครอบครัว รวมถึงละครร้องยังได้ สะท้อนสภาพเศรษฐกิจของสังคมสมัยนั้น ๆ มีการน าปัญหาซึ่งเกิดจากวิกฤติทางเศรษฐกิจต่าง ๆ มากล่าวไว้ในบทละครร้อง แสดงให้เห็นถึงความได้รับการพัฒนาที่ไม่ทั่วถึงของประเทศ “ท าให้คน ชนบทซึ่งมีฐานะยากจน โดยเฉพาะชาวไร่ชาวนานั้นมีความเป็นอยู่ที่ไม่ดีนัก เช่น เรื่องดอกโสนบานเช้า ที่กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างฐานนะของพระเอกและนางเอก” (พวงเพ็ญ สว่างใจ, 2551, น. 28) นอกจากนี้ละครร้อง ได้สะท้อนบริบทของสังคมไทยในด้านของความเชื่อ คือความเชื่อ เกี่ยวกับเรื่องผีสาง ของคนไทย ซึ่งปรากฏในเรื่องอีนากพระโขนง กล่าวถึงความเชื่อ เรื่องวิญญาณแม่นาก ที่มีความรักความผูกพันกับสามีเป็นอย่างมาก ส่วนส าคัญที่สุดของละครร้องกับบริบททางสังคม ผู้วิจัยอนุมานว่าเป็นเรื่องของดนตรี ประกอบการแสดง ดนตรีนั้นเป็นส่วนส าคัญอย่างยิ่งต่อละครร้อง หากไม่มีดนตรีก็ไม่สามารถประกอบ สร้างเป็นละครร้องได้อย่างสมบูรณ์ ดนตรีประกอบการแสดงละครร้องเดิมนั้นใช้วงปี่พาทย์เครื่องห้า ซึ่งเป็นวงดนตรีที่มีควบคู่กับสังคมไทยมาแต่อดีต เมื่อประเทศพัฒนาขึ้นวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาใน ประเทศมากขึ้น การละครร้องก็พัฒนาดนตรีตาม โดยปรับเปลี่ยนเป็นใช้ดนตรีต่างชาติ ใช้เพลง ต่างชาติ ใช้วงดนตรีสากลเข้ามาประกอบละครร้อง ต่อมาได้มีการบันทึกเสียงดนตรีลงในแผ่นเสียง เห็นได้ว่าดนตรีประกอบการแสดงละครร้องก็สามารถเป็นเครื่องมือส าหรับสะท้อนความเจริญรุ่งเรือง ของสังคมไทยได้เป็นอย่างดี 3. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง จันทิมา พรหมโชติกุล (2518) ได้วิเคราะห์บทละครร้องของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาค้นคว้าประวัติความเป็นมา ประเภท และ วิเคราะห์ลักษณะบทละครร้อง รวมทั้งคุณค่าในด้านสุนทรียรส และในด้านสังคมของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพ ร ะน ร า ธิปป ระพัน ธ์พงศ์ ผลก า รวิจัยพบ ว่ าบทล ะค ร ร้องที่พ ระเจ้ าบ รม วงศ์เ ธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ขึ้นนั้น แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ บทละครที่ทรงคิดเค้าโครงเรื่องขึ้นเอง และบทละครที่ทรงได้เค้าโครงเรื่องมาจากชาติต่าง ๆ และบทละครที่ทรงได้เค้าโครงเรื่องมาจาก วรรณคดีลักษณะของบทละครจะแบ่งออกเป็นชุด แต่ละชุดจะตั้งชื่อให้มีสัมผัสคล้องจองกัน โดยลักษณะค าประพันธ์ที่ใช้ในบทละครเป็นกลอนค าร้อง บางตอนอาจแทรกค าประพันธ์พิเศษอื่น ๆ เช่น กลอนเสภา กลอนร่าย กลอนบทละคร เป็นต้น ส่วนในด้านคุณค่าบทละครร้องของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ส่วนใหญ่ให้คุณค่าทางด้านสังคมมากกว่าคุณค่าทางสุนทรียรส
54 กัลยรัตน์ หล่อมณีนพรัตน์ (2535) ได้ศึกษาเชิงวิเคราะห์บทละครร้องของพรานบูรพ์ จุดมุ่งหมาย เพื่อศึกษาลักษณะและพัฒนาการของบทละครร้องของพรานบูรพ์ วิเคราะห์บทละครใน ด้านการใช้ภาษา เนื้อหา และวิธีการแสดง ผลการศึกษาวิเคราะห์พบว่า ในระยะแรกบทละครร้องของ พรานบูรพ์ด าเนินตามแนวเช่นเดียวกับบทละครร้องแบบปรีดาลัย ต่อมาปรับปรุงให้มีลักษณะต่างไป จากเดิม กล่าวคือ ลักษณะค าประพันธ์ไม่เคร่งครัดในเรื่องจ านวนค าและการส่งสัมผัส ด้านลักษณะ การแสดงพรานบูรพ์ได้ตัดบทร้องลูกคู่ออกไป และก าหนดให้บทพูดของตัวละครมีส่วนในการด าเนิน เรื่องตลอดจนปรับบทตลกให้มีความสัมพันธ์โดยตรงกับเนื้อเรื่อง ด้านแนวคิดที่ปรากฏในเรื่อง ส่วนใหญ่เป็นแนวคิดเกี่ยวกับความรักระหว่างหนุ่มสาว และความรักชาติ ส่วนด้านการใช้ภาษามีการใช้ค า ได้แก่ ค าภาษาต่างประเทศ ค าสแลง ค าภาษาถิ่น เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกลวิธีการประพันธ์โดยการ ใช้ความเปรียบ การพรรณนา การเล่นเสียงสัมผัสคล้องจอง การเล่นค า และการเลียนเสียงธรรมชาติ คมคาย กลิ่นภักดี (2554) ได้ท าการศึกษาเกี่ยวกับเพลงจากละครร้อง 7 เรื่อง ในพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผลการวิจัยสรุปได้ว่า ลักษณะของเนื้อเรื่องละครร้องทั้ง 7 เรื่อง นี้มีเนื้อเรื่อง เกี่ยวกับจีนและญี่ปุ่นอย่างละ 1 เรื่อง คือ วั่งตี่และมิกาโด้ เรื่องไทยปนขอม 1 เรื่อง คือ พระร่วง เรื่องไทย 4 เรื่อง คือ ตั้งจิตคิดคลั่ง ศกุนตลา สาวิตรี และพระเกียรติรถ รวมเพลงทั้งหมดที่ใช้ใน 7 เรื่อง มี 154 เพลง เพลงส่วนมากเป็นเพลงเกร็ดในอัตราสองชั้นและชั้นเดียว รองลงมาเป็นเพลงที่ใช้ ในละครร า ส่วนเพลงหน้าพาทย์นั้นก็มีแทรกอยู่บ้างโดยมักใช้เป็นเพลงบรรเลงประกอบฉากและ ใช้ส าหรับแสดงกิริยาของตัวละคร เพลงส่วนใหญ่เป็นเพลงส าเนียงไทย แต่ก็มีบ้างที่ใช้เพลงส าเนียงจีน ลาว เขมร พม่า มอญ แขก และฝรั่ง ส าหรับวงดนตรีที่ใช้ในละครร้องทั้ง 7 เรื่องนั้นใช้วงปี่พาทย์ ไม้นวมทุกเรื่องโดยวงดนตรีมีหน้าที่บรรเลงคลอไปกับการร้อง ระวีวัฒน์ ไทยเจริญ (2554) ได้ศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเพลงละครร้องจากเพลง ไทยเดิมเป็นเพลงไทยสากล ผลการวิจัยสรุปได้ว่า ละครร้องมีต้นก าเนิดโดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ทรงริเริ่มน ามาแสดง เมื่อ พ.ศ. 2449 ซึ่งเพลงละครร้องสามารถจ าแนก ได้เป็น 5 กลุ่มคือ เพลงไทยเดิมของเก่า เพลงไทยเดิมที่ถูกตัดทอนให้กระชับขึ้น เพลงที่ใช้ในการแสดง ละครร า เพลงที่สร้างขึ้นใหม่ และเพลงไทยสากล ส่วนการปรับเปลี่ยนเพลงไทยเดิมให้เป็นเพลงไทย สากลนั้นมี 10 วิธีคือ 1) การน าเพลงสากลมาใส่เนื้อภาษาไทย 2) แต่งเลียนแบบเพลงสากลแล้วใส่ เนื้อร้องภาษาไทย 3) การปรับบันไดเสียงจากเพนทาโทนิคให้เป็นไดอาโทนิค 4) เปลี่ยนรูปแบบ การจัดเรียงท่อนเพลงตามแบบสมัยนิยม 5) เพิ่มท่อนน า 6) เปลี่ยนอัตราจังหวะและใช้เพลงจังหวะเต้นร า 7) เปลี่ยนวิธีการขับร้องอย่างไทยมาร้องเนื้อเต็ม 8) เปลี่ยนการใช้วงดนตรีไทยมาใช้วงดนตรีสากล 9) ใช้ท านองแบบตะวันตกมากขึ้น 10) เพิ่มบทบาทของเครื่องดนตรีในเพลง ณัฏฐนิช นักปี่ (2557) ละครร้องปราโมทัย วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ดนตรี) บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล ผลการศึกษาพบว่า ละครร้องก าเนิดขึ้นโดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ เมื่อปี พ.ศ.2448 ละครร้องของพระองค์ มีชื่อว่าละครปรีดาลัย มีแนวคิดการสร้างสรรค์ตามแบบละครร้องอุปรากรของตะวันตก ผสมผสานกับละครบังสาวัน ละคร ดึกด าบรรพ์ และละครร า จึงท าให้เกิดคณะละครร้องขึ้นทั้งหมด 57 คณะ คณะที่มีชื่อเสียงมากได้แก่ ปราโมทัย นาครบรรเทิง จันทโรภาส เพ็ชโรภาส เป็นต้น
55 คณะละครร้องปราโมทัย ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2454 โดยพระโสภณอักษรกิจ (เล็ก สมิตะสิริ) ผู้เป็นเจ้าของโรงพิมพ์ โสภณพิพรรธนากร ได้สร้างโรงละครขนาดใหญ่เป็นของตนเอง มีนักแสดงใน คณะมากถึง 45 คน นักแสดงส่วนใหญ่สืบทอดมาจาก คณะละครปรีดาลัย บทละครที่ใช้ พบนามปากกา 59 นาม เนื้อเรื่องมีทั้งประวัติศาสตร์ ชวนหัว เรื่องจริง และเรื่องแปลจากต่างประเทศ การแสดงละครปราโมทัยได้ยึดแนวทางการแสดงตามแบบอย่างของละครปรีดาลัย แต่ได้มีการพัฒนา ให้น่าสนใจขึ้นด้วยการแทรก ระบ าสลับฉากและตลกตามพระนาง มีการปรับปรุงฉากให้ทันสมัยและ ใช้ของตกแต่งฉากที่สมจริง นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนงิ้ว จีนให้เป็นละครร้องไทยและใช้ภาษาไทย ในบทร้องวงดนตรีที่ใช้เป็นวงปี่พาทย์ไม้นวมและวงเครื่องสาย ส าหรับองค์ประกอบของ ละครร้อง ปราโมทัยมีทั้งหมด 7 อย่างคือ บทละคร ผู้ประพันธ์บทละคร นักแสดง โรงละคร ฉาก วงดนตรี และเพลง เพลงละครร้องปราโมทัยส่วนใหญ่ เป็นเพลงในอัตราจังหวะสองชั้น มีรูปแบบเป็นเพลงท่อน เดียว ความยาว 4 จังหวะประเภทหน้าทับสองไม้หรือหน้าทับปรบไก่ มีลักษณะส าคัญ 7 ประการคือ 1) เป็นเพลงที่สื่ออารมณ์ความรู้สึก พฤติกรรมของ ตัวละคร และบรรยายบริบทได้ 2) เป็นเพลงที่ ประกอบกิริยาสมมติ 3) มีการดัดแปลงท านองด้วยการตัดและแปลง 4) น าท านองเพลงต่างชาติมา บรรจุเนื้อร้องไทย 5) มีการประพันธ์เพลงส าหรับละครร้องโดยเฉพาะ 6) มีการน าส าเสียงภาษาของ ชาติต่าง ๆ มาใช้ในเพลง 7) อัตราจังหวะที่ใช้มีทั้งสามชั้น สองชั้น และชั้นเดียว จากการน าเพลงละครร้องปราโมทัยที่มีการน ามาใช้มากที่สุด 100 ล าดับแรกมาวิเคราะห์ สามารถแบ่งเพลงได้เป็น 4 กลุ่มคือ 1) เพลงไทยเดิมของเก่า 2) เพลงที่ประพันธ์ขึ้นส าหรับละครร้อง 3) เพลงไทยเดิมที่ได้รับการดัดแปลงท านอง เช่น ตัด แปลง 4) เพลงหน้าพาทย์
56 4 กรอบแนวคิดในการวิจัย ภาพที่4 กรอบแนวคิดในการวิจัย ที่มา: ผู้วิจัย ขั นตอนการสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ - สร้างสรรค์แนวคิดและรูปแบบการแสดง - สร้างบทละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ - การคัดเลือกผู้แสดง - ออกแบบสร้างสรรค์เพลงที่ใช้ประกอบละคร - ออกแบบดนตรีประกอบการแสดง - ออกแบบเครื่องแต่งกาย - ออกแบบสร้างสรรค์ลีลาท่าทางตัวละคร - ออกแบบสร้างสรรค์ฉากและอุปกรณ์การแสดง - ข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิ แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง แนวคิดทางการละคร ทฤษฎีนาฏยประดิษฐ์ แนวคิดการผลิตซ้ าทาง วัฒนธรรม งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ละครร้องแบบมีลูกคู่ ละครร้องแบบไม่มีลูกคู่ ละครร้องแบบพรานบูรพ์ - รูปแบบการน าเสนอ - วิธีการแสดง - โครงเรื่อง รูปแบบ และองค์ประกอบ ของละครร้องเรื่องเครือณรงค์ - องค์ความรู้ ด้านทักษะการบริหาร จัดการในการผลิตละครร้อง ที่ ผสมผสานรูปแบบการร้องแบบใหม่ และเทคโนโลยี ที่มีความแตกต่างจาก ละครร้องดั้งเดิม ตลอดจนด้าน กระบวนการสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ ส าหรับผู้สนใจ สร้างละคร - นวัตกรรมละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ที่มีรูปแบบ โครงสร้าง และลักษณะ ส าคัญเฉพาะ การประเมินผลการแสดง
บทที่ 3 วิธีด ำเนินกำรวิจัย การสร้างสรรค์ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ เป็นการวิจัยสร้างสรรค์ (Creative Research) โดยใช้การวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed-Method Research) โดยการเก็บรวบรวมเอกสารและข้อมูลที่ เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยต ารา บทความวิชาการ บทความวิจัย งานวิจัย วิทยานิพนธ์ การสัมภาษณ์ การสังเกตการณ์ น ามาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพเพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการสร้างละครร้อง ผ่านกระบวนการสร้างสรรค์ละคร หลังจากนั้นใช้กระบวนการวิจัยเชิงปริมาณ วิเคราะห์ข้อมูลด้วย สถิติอย่างง่าย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ในการวิเคราะห์ข้อมูลประเมินผลของละคร สรุปข้อมูลแล้ว เขียนบรรยายเชิงพรรณนา สามารถแบ่งรายละเอียดได้ ดังนี้ 1. กลุ่มบุคคลผู้ให้ข้อมูล 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 3. แผนการด าเนินการวิจัย 4. การเก็บรวบรวมและจัดกระท าข้อมูล 4.1 การเก็บรวบรวมข้อมูล 4.2 กระบวนการสร้างสรรค์ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ 5. การตรวจสอบข้อมูล 6. การวิเคราะห์ข้อมูล 7. การสรุปและน าเสนอข้อมูล 1. กลุ่มบุคคลผู้ให้ข้อมูล กลุ่มบุคคลผู้ให้ข้อมูลในงานสร้างสรรค์ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ด้านความรู้ การแสดง ดนตรี และองค์ประกอบการแสดงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับละครร้อง และการสร้างสรรค์ละครร้อง โดยในการวิจัยครั้งนี้ใช้วิธีการคัดเลือกตัวอย่างผู้ให้ข้อมูลหลักด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) แบ่งรายละเอียด ได้ดังนี้ 1.1.กลุ่มผู้ให้ข้อมูลที่มีประสบกำรณ์เกี่ยวข้องกับกำรแสดงละครร้อง โดยคุณสมบัติ คือ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญทางละครร้อง และมีประสบการณ์ทางการ ดนตรีและการแสดงละครร้อง มีประสบการณ์เป็นผู้ก ากับ นักแสดง ผู้อ านวยการแสดง นักดนตรี รวมทั้งเคยร่วมชมละครร้องมาอย่างหลากหลาย 1) ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์พูนพิศ อมาตยกุล ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์ นักวิชาการสาขาดนตรีวิทยา และที่ปรึกษาวิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล 2) นางทัศนีย์ ขุนทอง ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ปี พ.ศ. 2555 3) รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ปี พ.ศ. 2548
58 1.2 กลุ่มผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทำงกำรสร้ำงสรรค์ละครร้อง โดยคุณสมบัติของผู้ให้ข้อมูล คือ เป็นครู อาจารย์ นาฏศิลปิน นักวิชาการทางด้านนาฏศิลป์ดนตรี วรรณกรรม เครื่องแต่งกาย การออกแบบเวที ฉาก มีประสบการณ์สร้างสรรค์ หรือร่วมสร้างสรรค์ละคร หรือเป็นผู้มีส่วนร่วมในการแสดงละครร้อง ละครเวที ละครร า งานสร้างสรรค์ต่าง ๆ ในระดับประเทศ แบ่งได้ออกเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้ 1) กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิด้านการละคร และละครร้อง (1) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จุลชาติ อรัณยะนาค ผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป และอาจารย์ประจ าหลักสูตรศิลปดุษฎีบัณฑิตและหลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สาขานาฏศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (2) นางนันทา น้อยนิตย์ ผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิต พัฒนศิลป์ศิลป์ (3) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ฤดีชนก คชเสนี อาจารย์ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (4) รองศาสตราจารย์ ดร.อนุกูล โรจนสุขสมบูรณ์ ภาคีสมาชิกราชบัณฑิตยสถาน สาขาวิชานาฏกรรม ประเภทวิชาวิจิตรศิลป์ ส านักศิลปกรรม และหัวหน้าภาควิชานาฏยศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (5) นายประดิษฐ ปราสาททอง ศิลปินศิลปาธร 2) กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิด้านดุริยางคศิลป์ (1) ดร.บ ารุง พาทยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีไทย สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (2) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพคุณ สุดประเสริฐ รองคณบดีคณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (3) นายพันธ์ศักดิ์ เอี่ยมจรูญ ครูช านาญการ ภาควิชาดุริยางค์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (4) นายปรัชญา เข็มนาค อาจารย์ภาควิชาศิลปสากล วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และนักดนตรีวง Thailand Philharmonic Orchestra วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล (5) นางสาวอรอนงค์ จตุรภัทรพร อาจารย์ภาควิชาดุริยางค์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 3) กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิด้านวรรณกรรมและบทละคร (1) นายเกษม ทองอร่าม ผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ไทยและการประพันธ์บทละคร วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (2) ดร.สุรัตน์ จงดา ผู้ช่วยอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (3) นายศุภวัฒน์หงษา อาจารย์พิเศษด้านการเขียนบทละคร ภาควิชาศิลปะการแสดง มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
59 4) กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิด้านการออกแบบเครื่องแต่งกาย (1) ผู้ช่วยศาสตราจารย์พหลยุทธ กนิษฐบุตร รองอธิการบดี สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (2) ดร.สุรัตน์ จงดา ผู้ช่วยอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 5) กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิด้านการออกแบบฉากแสงและสื่อผสม (1) นางพิทวัล สุวภาพ รองคณบดีคณะศิลปวิจิตร สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (2) นายพสุ สุวภาพ อาจารย์ประจ าสาขาสถาปัตยกรรมออกแบบตกแต่งภายใน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา (3) นายทรงพล ไตรเนตร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการออกแบบฉากและอุปกรณ์ ประกอบการแสดง (4) นายยุทธ อุทยานินทร์หัวหน้าสาขาวิชาศิลปะและธุรกิจการแสดงคณะมนุษย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย 1.3 กลุ่มผู้เชี่ยวชำญในกำรประชุมสนทนำกลุ่มย่อย (Focus Group) เพื่อยืนยันความเหมาะสมในการสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ โดยก าหนดเกณฑ์การ เลือกผู้ทรงคุณวุฒิให้ครอบคลุมทุกด้านขององค์ประกอบ มีรายละเอียดดังนี้ 1) ศิลปินแห่งชาติ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านนาฏศิลป์ไทย ก าหนดเกณฑ์การเลือกผู้ทรงคุณวุฒิ คือ ต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านนาฏศิลป์ และ ผู้ที่ท างานเกี่ยวข้องกับงานด้านนาฏศิลป์ไทย มีสถานะเป็นครูอาจารย์ หรือศิลปิน ที่มีความรู้และ ประสบการณ์ในด้านนาฏศิลป์ไทย มีประสบการณ์การแสดงนาฏศิลป์ไทย มาแล้วไม่น้อยกว่า 25 ปี และมีประสบการณ์การสร้างสรรค์งานทางด้านนาฏศิลป์ไทย ได้แก่ (1) นางรัตติยะ วิกสิตพงษ์ (ศิลปินแห่งชาติ) สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ไทย ละคร) พุทธศักราช 2560 (2) นางนฤมัย ไตรทองอยู่ ผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ไทย สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 2) ผู้มีประสบการณ์การแสดงและก ากับละครร้อง ก าหนดเกณฑ์การเลือก คือ เป็นผู้มีประสบการณ์การแสดง หรือก ากับ ละครร้องหรือ ละครร า หรือ ละครเวที มาแล้วไม่น้อยกว่า 20 ปี มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านศิลปะการแสดง ละครทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ (1) ดร.ชนัย วรรณะลี อาจารย์ประจ าหลักสูตรศิลปดุษฎีบัณฑิต และหลักสูตร ศิลปมหาบัณฑิต สาขาวิชานาฏศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (2) ดร.สุรัตน์ จงดา ผู้ช่วยอธิการบดี สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 3) กลุ่มนักดนตรีก าหนดเกณฑ์การเลือกผู้ทรงคุณวุฒิ ต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านดนตรีไทยและการขับร้องเพลงไทย หรือดนตรีสากล และ ท างานเกี่ยวข้องกับงานด้านดนตรี มีสถานะเป็นครูอาจารย์ หรือศิลปิน ที่มีความรู้และประสบการณ์ ในด้านดนตรีมาแล้วไม่น้อยกว่า 25 ปี และมีประสบการณ์การสร้างสรรค์ หรือร่วมบรรเลงดนตรี หรือ ขับร้องประกอบละคร หรือประกอบงานสร้างสรรค์ทางด้านนาฏศิลป์และดุริยางคศิลป์ ได้แก่
60 (1) นายสมชาย ทับพร ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีไทย และ คีตศิลป์ไทย ส านักการสังคีต กรมศิลปากร 4) กลุ่มนักออกแบบองค์ประกอบการแสดงของละคร ก าหนดเกณฑ์การเลือกผู้ทรงคุณวุฒิ คือ เป็นผู้มีประสบการณ์ในการสร้างละครร้อง หรือ ละครร า หรือโขน มาไม่น้อยกว่า 4 เรื่อง มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในเรื่องการออกแบบองค์ประกอบ การแสดงต่าง ๆ ได้แก่ บทละคร เครื่องแต่งกาย ฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดง ได้แก่ (1) นายเกษม ทองอร่าม ผู้เชี่ยวชาญการประพันธ์บทละคร วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (2) ดร.สุรัตน์ จงดา ผู้ช่วยอธิการบดี สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 5) กลุ่มนักแสดงละคร ก าหนดเกณฑ์การเลือกผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นผู้มีประสบการณ์ในการแสดงละครแบบอนุรักษ์ ละครสร้างสรรค์ละครร่วมสมัย มีสถานะเป็นครูอาจารย์ หรือศิลปินที่มีความรู้และประสบการณ์ในด้านการแสดง มีอายุไม่เกิน 60 ปี บริบูรณ์ ได้แก่ (1) รองศาสตราจารย์ ดร.อนุกูล โรจนสุขสมบูรณ์ ภาคีสมาชิกราชบัณฑิตยสถาน สาขาวิชานาฏกรรม ประเภทวิชาวิจิตรศิลป์ ส านักศิลปกรรม และหัวหน้าภาควิชานาฏยศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 1.4 กลุ่มผู้เชี่ยวชำญและผู้ทรงคุณวุฒิในกำรตรวจสอบเครื่องมือที่ใช้ในงำนวิจัย โดยการหาค่าดัชนีความสอดคล้องของเนื้อหาของประเด็นค าถามแต่ละข้อกับวัตถุประสงค์ (Index of Item Objective Congruence: IOC) จ านวน 3 ท่าน โดยคัดเลือกจากเป็นผู้ที่ส าเร็จ การศึกษาระดับปริญญาเอก มีประสบการณ์การท าวิจัย และเคยตรวจเครื่องมือที่ใช้ในการท าวิจัย ไม่ต่ ากว่า 3 เรื่อง ได้แก่ 1) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จินตนา อนุวัฒน์ ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 2) ดร.พิทักษ์ เผือกมี ประธานสาขาวิชาสังคมศึกษา วิทยาลัยการฝึกหัดครู และ รองผู้อ านวยการฝ่ายวิชาการ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร 3) ดร.ธิติมา อ่องทอง ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 1.5 กลุ่มผู้ให้ข้อมูลด้ำนกำรตอบแบบสอบถำม ประเมินความพึงพอใจจากการชมการแสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ โดยใช้วิธีคัดเลือก การสุ่มตัวอย่างแบบง่าย จากผู้ชมที่ได้รับชมการแสดงจ านวน 80 คน
61 2. เครื่องมือที่ใช้ในกำรวิจัย ในการด าเนินการวิจัยสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ ผู้วิจัยมีเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ทั้งหมด 4 แบบ โดยมีรายละเอียดดังนี้ 2.1 แบบสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์เกี่ยวข้องกับการแสดงละครร้อง และแนวทาง การสร้างสรรค์ละครร้อง 2.2 แบบบันทึกข้อมูลในการประชุมสนทนากลุ่มย่อยของผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อยืนยันคุณภาพ ความเหมาะสมของละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ 2.3 แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ชม ต่อการแสดงละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ 2.4 แบบบันทึกการฝึกซ้อม ปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหาที่พบเครื่องมือในการวิจัยข้างต้นนี้ ผู้วิจัยได้ออกแบบและมีขั้นตอนการพัฒนาเครื่องมือ ดังต่อไปนี้ 1) ศึกษาเอกสาร งานวิจัย และจัดจ าแนกข้อมูลออกเป็นหมวดหมู่ 2) ก าหนดรูปแบบของเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย 3) ก าหนดประเด็นในการสัมภาษณ์และสอบถาม 4) ตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ/ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อหาค่าดัชนี (IOC) ของข้อค าถามจากผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบความตรงตามเนื้อหา (Validity) และความครอบคลุมของประเด็น ที่ต้องการศึกษา 5) ปรับแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ/ผู้ทรงคุณวุฒิ 6) น าเครื่องมือไปใช้เก็บรวบรวมข้อมูล
3. แผนกำรด ำเนินกำรวิจัย ตำรำงที่ 7 แผนการด าเนินการวิจัย ที่มำ: ผู้วิจัย กิจกรรม เม.ย. 64 พ.ค.64 มิ.ย. 64 ก.ค. 64 ส.ค. 64 ก.ย. 64 ตค641.หัวข้อวิทยานิพนธ์ได้รับการอนุมัติ 2.ลงพื้นที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับวิทยานิพนธ์ 3.รวบรวมข้อมูลและกระท าข้อมูล 4.ก าหนดแนวคิดและรูปแบบการแสดง 5.สร้างสรรค์องค์ประกอบการแสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ 6.น าเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิประชุมสนทนา กลุ่มย่อย 7.การพัฒนางานจากข้อเสนอแนะผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ 8.น าเสนอผลการสร้างสรรค์ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ต่อสาธารณชน 9.การสรุปผลการแสดง 10.จัดท ารูปเล่มฉบับสมบูรณ์และเผยแพร่
62 เดือน ปี ต.ค. 64 พ.ย. 64 ธ.ค. 64 ม.ค. 65 ก.พ. 65 มี.ค. 65 เม.ย. 65 พ.ค.65 มิ.ย. 65 ก.ค. 65 ส.ค. 65 ก.ย. 65 ต.ค. 65 พ.ย. 65 ธ.ค. 65 ม.ค. 66 ก.พ. 66 มี.ค. 66
63 4. กำรเก็บรวบรวมข้อมูลและกำรจัดกระท ำข้อมูล 4.1 กำรเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้ด าเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลทางวิชาการและข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ส าหรับ การศึกษาในครั้งนี้ เพื่อให้ข้อมูลดังกล่าวครอบคลุมประเด็นและเนื้อหาที่ท าการศึกษาโดยมี การตรวจสอบข้อมูลเป็นระยะเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ได้ศึกษามีความถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์ การวิจัยโดยมีโดยใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล ดังนี้ 4.1.1 เก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร (Document) ผู้วิจัยค้นคว้าข้อมูลจากหนังสือต ารา เอกสารทางวิชาการ งานวิจัย วิทยานิพนธ์ บทความ ซึ่งเป็นเอกสารทางวิชาการที่มีการศึกษาและ ค้นคว้ามาแล้วอย่างละเอียด สามารถแบ่งตามขอบเขตของเนื้อหาได้ดังนี้ 1) ศึกษาข้อมูล เกี่ยวกับ ความหมาย ความเป็นมา รูปแบบ และวิวัฒนาการของ ละครร้อง จาก หนังสือต ารา เอกสารทางวิชาการ งานวิจัย วิทยานิพนธ์เช่น (1) หนังสือพระประวัติและผลงานของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิป ประพันธ์พงศ์ โดยเนียนศิริ ตาละลักษณ์และเพลินพิศ ก าราญ เพื่อศึกษาข้อมูลประวัติและผลงาน ทางด้านการละครต่าง ๆ ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ เชื่อมโยงมาสู่ การแบ่งช่วงของวิวัฒนาการละครร้อง ตลอดจนเรื่องเกร็ดความรู้ต่าง ๆ ของละครร้อง (2) หนังสืออนุสรณ์พระราชทานเพลิงศพหม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณ โดยพระเทพปัญญามุนี วัดสัมพันธวงศ์ เพื่อศึกษาข้อมูลประวัติศาสตร์ละครร้อง และเพลงประกอบ ละครร้องที่เป็นงานนิพนธ์ของหม่อมต่วนศรี วรวรรณ (3) หนังสือลักษณะไทย เล่ม 3 เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ละครร้องที่มา การก าเนิดละครร้อง ตลอดจนบริบทของละครร้อง (4) หนังสือเพลง ดนตรี และนาฏศิลป์ จากสาส์นสมเด็จ บรรณาธิการโดย พูนพิศ อมาตยกุล เพื่อศึกษาข้อมูลเรื่องละครร้อง ที่สมเด็จเจ้าพระยากรมด ารงราชานุภาพ และ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงมีพระวิจารณ์ไว้ (5) หนังสือวรรณคดีการแสดง โดยเสาวณิต วิงวอน เพื่อศึกษาประวัติ ที่มาของ ละครร้อง รวมทั้งลักษณะส าคัญของบทละครร้องแบบมีลูกคู่ และไม่มีลูกคู่ เพื่อน ามาเป็นพื้นฐานใน การสร้างสรรค์บทละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ (6) หนังสือนาฏยศิลป์ในรัชกาลที่ 5 โดยสุรพล วิรุฬห์รักษ์ เพื่อศึกษาข้อมูล แวดล้อม บริบททางสังคมต่าง ๆ ในรัชกาลที่ 5 ที่ประกอบสร้างให้เกิดเป็นละครร้องแบบมีลูกคู่ (7) งานวิจัย เรื่องประวัติการละคร บทละครร้อง พระราชนิพนธ์พระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ของคมคาย กลิ่นภักดี เพื่อศึกษาละครร้องแบบไม่มีลูกคู่ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ตลอดจนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเพลง ในละครร้องของรัชกาลที่ 6 (8) งานวิทยานิพนธ์ เรื่อง ละครร้องปราโมทัย ของณัฎฐนิช นักปี่ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อศึกษาข้อมูลประวัติละครร้อง รวมทั้งองค์ประกอบของละครร้องทั้งหมด เพื่อน ามาวิเคราะห์เป็น วิวัฒนาการและรูปแบบของละครร้อง ตลอดจนศึกษาบทละครต่าง ๆ ในวิทยานิพนธ์ เพื่อให้ได้มา ซึ่งชื่อละครร้องที่ปรากฎในแต่ละช่วงสมัย
64 2) ศึกษาข้อมูล เกี่ยวกับ แนวคิดและทฤษฎีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง การสร้างสรรค์ นาฏศิลป์ การละคร ศึกษาจากหนังสือ งานวิจัย และเอกสารที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น (1) หนังสือเรื่องหลักการแสดงนาฏยศิลป์ปริทรรศน์ โดย สุรพล วิรุฬห์รักษ์ เพื่อศึกษาเกี่ยวกับทฤษฎีที่เหมาะสมกับการแสดงละครสมัยปัจจุบัน โดยเฉพาะทฤษฎีนาฏยประดิษฐ์ (2) หนังสือเรื่องปริทัศน์ศิลปะการละคร โดยนพมาศ แววหงส์ เพื่อศึกษาเกี่ยวกับ ทฤษฎีการละครตะวันตก และหลักการสร้างละคร (3) หนังสือศิลปะการแสดงละคร หลักเบื้องต้นและการฝึกซ้อม โดย มัทนี รัตนิน เพื่อศึกษาแนวทางการสร้างสรรค์ละคร และกระบวนการในการฝึกซ้อมละคร (4) หนังสือการสร้างละครร า โดยสมศักดิ์ บัวรอด เพื่อศึกษากระบวนการสร้าง ละครไทย การสร้างสรรค์องค์ประกอบละครต่าง ๆ (5) งานวิจัยเรื่องการสร้างสรรค์ผลงานนาฏศิลป์ โดย ปิ่นเกศ วัชรปาณ เพื่อศึกษาความหมาย หลักการ ขั้นตอนการสร้างสรรค์งานนาฏศิลป์ (6) หนังสือ วิจัยการแสดงสร้างความรู้ใหม่ด้วยการท าละคร โดย พรรัตน์ ด ารุง ที่น าเสนอแนวทางการสร้างสรรค์ละครเพื่อสังคม และกระบวนการสร้างละครการวิจัยทางการละคร ตลอดจนการให้ความส าคัญในขั้นตอนการสร้างสรรค์ละคร 4.1.2 เก็บรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์เก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มบุคคลที่ให้ข้อมูล แบ่งออกเป็น 1) ผู้ให้ข้อมูลมีประสบการณ์เกี่ยวข้องกับการแสดงละครร้อง 2) กลุ่มผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการสร้างสรรค์ละครร้อง 3) กลุ่มผู้เชี่ยวชาญในการประชุมสนทนากลุ่มย่อย (Focus Group) 4) กลุ่มผู้ชมละครร้องเรื่องเครือณรงค์ 4.1.3 เก็บรวบรวมข้อมูลจากการสังเกตการณ์ 1) สังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วม โดยลงพื้นที่สังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วมใน รูปแบบการเรียนการสอนรายวิชาทักษะศิลปะการแสดง และรายวิชาทักษะประสบการณ์การแสดง ของการเรียนการสอนตามหลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานาฏศิลป์ศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เพื่อเก็บข้อมูลทางด้านทักษะของแสดงละครร า ละครพูด และละครร้อง ตลอดจนเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ผู้ช่วยผู้ก ากับการแสดง ในการจัดแสดงละครร้องของนักศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลป ดังนี้ (1) ละครร้องเรื่องตุ๊กตายอดรัก ในการจัดนิทรรศการองค์ความรู้เกี่ยวกับ การเสด็จพระราชด าเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธี บรมราชาภิเษก ณ ท้องสนามหลวง (2) ละครร้องเรื่องสาวเครือฟ้า ในการแสดงผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของ นักศึกษาหลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานาฏศิลป์ศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิต พัฒนศิลป์ ณ โรงละครวังหน้า
65 (3) ละครร้องเรื่องอีนากพระโขนง การแสดงผลการศึกษาศิลปนิพนธ์ในรูปแบบ การแสดงและนิทรรศการ ของนักศึกษาหลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานาฏศิลป์ศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ณ โรงละครวังหน้า 2) สังเกตการณ์แบบไม่มีส่วนร่วม โดยการในการรับชมการแสดงละครร้อง ของคณะละครต่าง ๆ เช่น (1) ส านักการสังคีต กรมศิลปากร (2) วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (3) คณะละครดุริยประณีต (4) คณะละครอนัตตา (5) คณะละครอื่น ๆ 4.2 กระบวนกำรสร้ำงสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ 4.2.1 ขั้นเตรียมการแสดง และออกแบบองค์ประกอบต่าง ๆ ของละคร 1) การก าหนดแนวคิด ผู้วิจัยก าหนดร่างแนวคิดในการสร้างสรรค์ละครร้อง ซึ่งประกอบด้วย 1) แนวคิดในการอนุรักษ์ สืบทอด พัฒนาละครร้อง ผสมผสานรูปแบบการแสดง ละครร้องให้เกิดเป็นรูปแบบใหม่ ส าหรับแนวคิดนี้เป็นการบูรณาการรูปแบบละครร้องของเดิม และ เพิ่มมิติความทันสมัยในองค์ประกอบต่าง ๆ ให้ละครร้องสามารถสอดรับกับพลวัตความเปลี่ยนแปลง ของสังคมในปัจจุบัน 2) แนวคิดด้านสุนทรียะและความงามในการแสดงละครร้อง ที่ประกอบด้วย สุนทรียะของบทละคร ความไพเราะของเพลง เสียงดนตรีและการขับร้อง ความงามของเครื่องแต่งกาย ความงามของผู้แสดง และความงามของลีลาท่าทางประกอบการแสดง ตลอดจนความงาม และ ความทันสมัยในการสอดแทรกสื่อเทคโนโลยี และ 3) แนวคิดในการน าเค้าโครงเรื่องเดิมที่มีความสนุก น่าติดตามมาจัดแสดง 2) การเตรียมการสร้างละคร ผู้วิจัยรวบรวมองค์ความรู้ เก็บรวบรวมข้อมูลจาก เอกสาร (Document) ศึกษาข้อมูล เกี่ยวกับ ความหมาย ความเป็นมา รูปแบบ และวิวัฒนาการของ ละครร้อง จาก หนังสือต ารา เอกสารทางวิชาการ งานวิจัย วิทยานิพนธ์ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ แนวคิด และทฤษฎีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์นาฏศิลป์ การละคร ศึกษาจากหนังสือ งานวิจัย และ เอกสารที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์ และการสังเกตการณ์ วางแผนกับ อาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อก าหนดวัตถุประสงค์ รูปแบบ ตลอดจนองค์ประกอบในการสร้างละครให้มีความชัดเจน 3) การสร้างบทละคร ผู้วิจัยสืบค้นหาละครที่มีเค้าโครงเรื่องเดิมที่น่าสนใจมา จัดแสดง และพบว่าละครเรื่องสาวเครือฟ้า เป็นละครที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในบรรดาละครร้อง เรื่องราว ของสาวเครือฟ้ามีความตรึงใจผู้ชมมาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้วิจัยเกิดแรงบันดาลใจที่จะจัดแสดง เรื่องราวภาคต่อของสาวเครือฟ้า เพื่อให้ผู้ชมได้เรียนรู้ข้อคิดต่าง ๆ ที่แฝงอยู่ในละคร จึงคัดเลือก บทละครเรื่องพ่อเครือณรงค์ และขุนโรมปรปักษ์ พระนิพนธ์ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิป ประพันธ์พงศ์ มาจัดแสดง ผ่านกระบวนการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด จากนั้นวิเคราะห์แก่นเรื่องและ เหตุการณ์ต่าง ๆ ในบทละคร และด าเนินการน าเค้าโครงเรื่องเดิมมาประพันธ์และประกอบสร้าง บทใหม่ไม่ทิ้งแก่นหลักส าคัญในเรื่อง ก าหนดให้ในการแสดงละคร มีระยะเวลาไม่เกิน 45 - 60 นาที ตามที่หลักสูตรฯ ก าหนด ซึ่งในประเด็นการสร้างสรรค์บทละคร ผู้วิจัยขอน าเสนอในบทที่ 4 ต่อไป
66 ภำพที่5 บทละครร้องเรื่องพ่อเครือณรงค์ และขุนโรมปรปักษ์ ที่มำ: ผู้วิจัย 3) การก าหนดโครงสร้างละครให้ชัดเจน โดย ก าหนดแบบร่างความคิดผ่าน การเล่าเรื่องในสตอรี่บอร์ด (Story Board) รายละเอียดดังตารางต่อไปนี้ ตำรำงที่ 8 การเรียงล าดับภาพในความคิด (Story Board) เพื่อล าดับเหตุการณ์ในการสร้างสรรค์ ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ ล ำดับ ภำพในควำมคิด (Story Board) เหตุกำรณ์ในละคร 1. เหตุการณ์ - เครือณรงค์และพวงแก้ว ได้พบเจอกันที่งานฉลอง พระปฐมเจดีย์ เครือณรงค์ได้ ช่วยเหลือพวงแก้วจากโจร ท าให้ได้รู้จักกันและหลงรัก ซึ่งกันและกัน ตัวละคร - พวงแก้ว - เครือณรงค์ - เพื่อนนายทหาร - ชาวบ้านมาเที่ยวงาน
67 ตำรำงที่ 8 การเรียงล าดับภาพในความคิด (Story Board) เพื่อล าดับเหตุการณ์ในการสร้างสรรค์ ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์(ต่อ) ล ำดับ ภำพในควำมคิด (Story Board) เหตุกำรณ์ในละคร 2. เหตุการณ์ - ผู้ใหญ่พาเจ้าบ่าว เจ้าสาว ออกมาวิวาห์ แขกมากมาย ร่วมยินดี - มีระบ าสลับฉาก - เครือณรงค์มาร่วมงานด้วย ความคับแค้นใจ และแอบ ลักลอบหลบอยู่ในบ้าน จนถึงรุ่งเช้า ตัวละคร - พวงแก้ว - จ ารักษ์ - เครือณรงค์ - คุณหญิงจ าปา - พระยาณรงค์รักษ์ - คุณหญิงบัวค า - พระยารามพลพ่าย - เพื่อนเจ้าสาว - แขกที่มาร่วมงาน - คนรับใช้
68 ตำรำงที่ 8 การเรียงล าดับภาพในความคิด (Story Board) เพื่อล าดับเหตุการณ์ในการสร้างสรรค์ ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์(ต่อ) ล ำดับ ภำพในควำมคิด (Story Board) เหตุกำรณ์ในละคร 3. เหตุการณ์ - หลังจากจ ารักษ์และพวงแก้ว เข้าห้องหอ จ ารักษ์ก็ต้อง ออกไปท างานตามปกติ - เครือณรงค์แอบได้ยิน พวงแก้วร้องไห้ ตัดพ้อถึง ความรักของเครือณรงค์ - เครือณรงค์ปรากฏตัวพร้อม ปฏิเสธข้อกล่าวหา และถือปืนขู่บังคับให้ พวงแก้วหนีไปด้วยกัน - พวงแก้วยอมเก็บของหนี ตามไปกับเครือณรงค์ ตัวละคร - พวงแก้ว - เครือณรงค์ - จ ารักษ์
69 ตำรำงที่ 8 การเรียงล าดับภาพในความคิด (Story Board) เพื่อล าดับเหตุการณ์ในการสร้างสรรค์ ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์(ต่อ) ล ำดับ ภำพในควำมคิด (Story Board) เหตุกำรณ์ในละคร 4. เหตุการณ์ - เครือณรงค์เป็นไข้หนาวสั่น จึงเผลอหลับไป - วิญญาณแม่เครือฟ้าได้มา เตือนลูกให้เอาภรรยาจ า รักษ์กลับไปคืน ในตอนกึ่ง หลับกึ่งตื่น - เครือณรงค์ตกลงกับ พวงแก้วว่าจะพาพวงแก้ว กลับไปส่งที่บ้าน จากนั้นทั้ง สองก็ร่ าลากัน ตัวละคร - เครือณรงค์ - พวงแก้ว - แม่เครือฟ้า (ผี) 5. เหตุการณ์ - จ ารักษ์ นั่งเหม่อลอยอ่าน จดหมาย คิดถึงพวงแก้ว และ เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น - จ ารักษ์และคุณหญิงจ าปาได้มี ปากเสียงกันรุนแรง เรื่องการ ใส่ความเครือณรงค์ จนท าให้ จ ารักษ์ต้องสูญเสียพวงแก้วไป - คุณหญิงจ าปา ไม่ยอมรับ ความผิดพลาด กลับโยน ความผิดให้เครือณรงค์ พวงแก้ว และแม่เครือฟ้า
70 ตำรำงที่ 8 การเรียงล าดับภาพในความคิด (Story Board) เพื่อล าดับเหตุการณ์ในการสร้างสรรค์ ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์(ต่อ) ล ำดับ ภำพในควำมคิด (Story Board) เหตุกำรณ์ในละคร - จ ารักษ์สูญเสีย ภรรยา พี่ชาย รวมทั้งสูญเสียความเป็นตัว ของตัวเอง ตลอดจนผิดหวัง ในความเชื่อใจที่มีต่อคุณหญิง จ าปา - จ ารักษ์ฆ่าตัวตายต่อหน้า คุณหญิงจ าปา ตัวละคร - จ ารักษ์ - คุณหญิงจ าปา ที่มำ: ผู้วิจัย 5) การก าหนดรูปแบบและองค์ประกอบการแสดงทุกอย่างให้มีความชัดเจน เพื่อให้มี แนวทางในการผลิตองค์ประกอบต่าง ๆ อย่างสะดวก ผู้วิจัยได้ก าหนดรูปแบบและองค์ประกอบของ ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ โดยบูรณาการรูปแบบการร้อง การด าเนินเรื่อง และองค์ประกอบต่าง ๆ จากละครร้องดั้งเดิมทั้ง 3 รูปแบบเข้าด้วยกัน และเพิ่มรูปแบบการร้องแบบสากลและการร้องในมิวสิคคัล เข้าไปผสมผสานตลอดจนเพิ่มมิติความทันสมัยในองค์ประกอบต่าง ๆ ซึ่งการก าหนดรูปแบบและ องค์ประกอบการแสดงนี้จะใช้เป็นแนวทางในการสร้างสรรค์องค์ประกอบให้ครอบคลุมแนวคิดที่ ผู้วิจัยก าหนดไว้ตอนต้น รายละเอียดการก าหนดรูปแบบและองค์ประกอบอธิบายได้ตามตารางต่อไปนี้
71 ตำรำงที่ 9 การก าหนดรูปแบบและองค์ประกอบการแสดงของละครร้องเรื่องเครือณรงค์ องค์ประกอบ กำรแสดง ละครร้อง มีลูกคู่ ละครร้อง ไม่มีลูกคู่ ละครร้อง จันทโรภำส ละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ ผู้แสดง ผู้หญิงแสดงล้วน ยกเว้นตัวตลก ตามพระ ภายหลังพระนาง เธอลักษมี ลาวัณย์ทรงริเริ่ม ใช้ชายจริง หญิงแท้ ผู้หญิงแสดงล้วน ผู้หญิงแสดงล้วน ยกเว้นตัวตลก ตามพระก าหนด รูปลักษณ์ให้มี ลักษณะโดดเด่น มีเสียงร้อง อันไพเราะ ชายจริงหญิงแท้ ก าหนดรูปลักษณ์ให้มี ลักษณะโดดเด่นที่เสียง ร้องอันไพเราะ รูปแบบ การ ร้องเพลง ตัวละครร้องใน ส่วนที่เป็นบท สนทนาเอง ลูกคู่ จะร้องบรรยาย บทแสดง อากัปกิริยา บท คิดค านึง บทชม สถานที่ รวมทั้ง ลูกคู่จะเป็นผู้ร้อง เอื้อนให้ตัวละคร การขับร้องเดี่ยว (Solo) การขับร้องคู่ (Duet) การขับร้อง 3 คน (Trio) การขับร้อง 4 คน (Quartet) การขับร้องหมู่ (Chorus) ตัดลูกคู่ที่ร้อง เอื้อนให้ตัวละคร ออก ตัวละครร้องเพลง ในการด าเนินเรื่อง และมีบทร้องของ ลูกคู่เพื่อช่วยการ ด าเนินเรื่องให้ กระชับมากขึ้น ภายหลังตัดลูกคู่ ออกทั้งหมด รูปแบบดั้งเดิม • ร้องแบบมีลูกคู่ (ร้องสลับพูด) • ร้องแบบไม่มีลูกคู่ (ร้องล้วน ๆ) •การร้องแบบเนื้อเต็ม (การใส่เนื้อร้องแทน การเอื้อน) รูปแบบใหม่ • การร้องคู่ผสานเนื้อ เพลง (Duet) •การร้องผสมการพูด เร็ว (Recitative) • การร้องประสาน เสียง(counterpoint)
72 ตำรำงที่ 9 การก าหนดรูปแบบและองค์ประกอบการแสดงของละครร้องเรื่องเครือณรงค์(ต่อ) องค์ประกอบ กำรแสดง ละครร้อง มีลูกคู่ ละครร้อง ไม่มีลูกคู่ ละครร้อง จันทโรภำส ละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ ลักษณะ ค าประพันธ์ - กลอนสุภาพ - โคลงสี่สุภาพ - ฉันท์ - กาพย์ยานี 11 - กลอนร่ายยาว - เพลงพื้นบ้าน ใช้กลอนสุภาพ ลักษณะคล้าย กลอนบทละคร - แทรกท านอง สวดสรภัญญะ บทสรรเสริญ เกียรติคุณ พระมหากษัตริย์ - กลอนสุภาพ ลักษณะคล้าย กลอนบทละคร ค าประพันธ์ไม่อิง ฉันทลักษณ์ เนื่องจากประพันธ์ ตามลักษณะของ ท านองเพลง - กลอนสุภาพ - บทข้อคิดของ ละคร - ใช้ค าประพันธ์ไม่ อิงฉันทลักษณ์ การด าเนิน เรื่อง ด าเนินเรื่องด้วย การขับร้องโต้ตอบ กันระหว่างตัว ละครสอดแทรก การเจรจาเพื่อย้ า ความในบทร้อง และมีลูกคู่ช่วย เสริมความในด้าน อารมณ์ โดยบท ของลูกคู่มีส่วนใน การด าเนินเรื่อง ด าเนินเรื่องด้วย การขับร้องแทน ค าพูดโต้ตอบ เจรจา ให้ ความส าคัญกับ การร้องเพลงเป็น อย่างมาก มี 2 ลักษณะ คือ 1) การด าเนินเรื่อง ด้วยการร้องเพลง สอดแทรกเจรจาเพื่อ เสริมความเล็กน้อย 2) ร้องเพลงสลับบท เจรจา ซึ่งมีส่วน ส าคัญเท่าเทียมกันใน การด าเนินเรื่อง - การด าเนินเรื่อง ด้วย การร้องเพลง สอดแทรกเจรจา เพื่อเสริมความ - ใช้การขับร้องหมู่ (Chorus) ช่วยเสริม ความในด้าน อารมณ์และการ ด าเนินเรื่อง เพลงประกอบ การแสดง เพลงไทยเดิม ประกอบด้วย - เพลงเกร็ด อัตรา 2 ชั้น - เพลงละครไทย - เพลงหน้า พาทย์ - เพลงไทยเดิม ดัดแปลง ท านอง เพลงที่น า ท านองต่างชาติ มาดัดแปลง เพลงไทยเดิม ประกอบด้วย - เพลงเกร็ด - เพลงละครไทย - เพลงหน้า พาทย์ - เพลงพื้นบ้าน - เพลงละครร้อง - ระยะแรก ใช้เพลง ไทยเดิม เช่นเดียวกับละคร ปรีดาลัย - ดัดแปลงเพลงไทย ให้มีลักษณะเป็น แนวไทยสากล - ใช้เพลงไทยสากล ทั้งเพลง แต่ใส่เนื้อ ร้องเป็นภาษาไทย ใช้เพลงไทยสากลที่ แต่งขึ้นใหม่ เพลงที่ใช้ เป็นเพลง ไทยเดิมมาใช้ โดยมี การดัดแปลงเพิ่ม การเรียบเรียงเสียง ประสานของเครื่อง ดนตรีสากลให้เข้า กับเนื้อเพลง
73 ตำรำงที่ 9 การก าหนดรูปแบบและองค์ประกอบการแสดงของละครร้องเรื่องเครือณรงค์(ต่อ) องค์ประกอบ กำรแสดง ละครร้อง มีลูกคู่ ละครร้อง ไม่มีลูกคู่ ละครร้อง จันทโรภำส ละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ ดนตรี ประกอบ การแสดง - วงมโหรี - วงปี่พาทย์ ไม้นวม - วงเครื่องสาย - วงเครื่องสาย ประสม วงปี่พาทย์ไม้นวม - วงปี่พาทย์ วงดนตรีสากล ประเภท วงแจสซ์ เครื่องดนตรีได้แก่ กลองชุด แซก โซโฟน ไวโอลิน ทรัมเป็ต เบส มี กรับพวง แต่ ภายหลังตัดออก ภายหลังเพิ่มเปียโน เข้ามา ใช้ดนตรีผสมผสาน หรือวงดนตรีไทย คอนเทมโพรารี่ (contemporary) ด าเนินท านองหลัก ด้วยเครื่องดนตรี ไทย และใช้เครื่อง ดนตรีสากลเรียบ เรียงเสียงประสาน ให้เข้ากับเสียงเพลง ตลอดจนใช้เครื่อง ดนตรีอีเล็กทรอนิกซ์ เสียงพิเศษต่าง ๆ เป็นส่วนเสริมให้เกิด ความไพเราะสมจริง มากยิ่งขึ้น ท่าทาง ประกอบ การแสดง ใช้ท่าทางอย่าง กริยาสามัญ มือ และนิ้วเคลื่อนไหว แบบก า ๆ แบ ๆ มีการชี้นิ้วบ้าง เรียกว่าการใช้ ท่าทางแบบก าแบ ในช่วงแรกมี ปรากฏท่าร า สอดแทรกอยู่บ้าง เล็กน้อยเนื่องจาก กรมพระนราฯ ทรงเคยแสดง ละครพันทางมา ก่อน ใช้ท่าทางสามัญ มีการแทรกการร า ละครอยู่บ้าง เล็กน้อย เนื่องจากบท ละครบางเรื่อง ปรับปรุงมาจาก บทละครร า ใช้ท่าทาง ประกอบการแสดง ระหว่างท่าทางของ ละครร าและท่าทาง ปกติสามัญของคน ทั่วไปโดดเด่นที่การ แสดงออกทางสีหน้า ไม่ให้ตัวแสดงหยุดนิ่ง ท่าทางประกอบการ แสดงมีลักษณะเป็น ธรรมชาติใกล้เคียงกับ อากัปกริยาของคน ทั่วไปอาจจะมี มากกว่าปกติที่ เรียกว่าโอเวอร์แอค เพื่อสื่อภาษาท่าไปยัง คนดูให้ทั่วถึง ท่าทางประกอบ กิริยาของตัวละคร ใช้ท่าทางที่ ผสมผสานท่าทาง ก าแบ ท่าแสดงกิริยา และ ท่านาฏศิลป์เข้า ด้วยกัน
74 ตำรำงที่ 9 การก าหนดรูปแบบและองค์ประกอบการแสดงของละครร้องเรื่องเครือณรงค์(ต่อ) องค์ประกอบ กำรแสดง ละครร้อง มีลูกคู่ ละครร้อง ไม่มีลูกคู่ ละครร้อง จันทโรภำส ละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ การแต่งกาย แต่งกายตามสภาพของ ตัวละครในเรื่องเป็น ส าคัญ แต่งกายตาม สภาพของตัว ละครในเรื่อง เป็นส าคัญ แต่งกายตามสภาพ ของตัวละครในเรื่อง เป็นส าคัญ ส่วนใหญ่ บทละครเป็นเรื่องราว ของสมัยนั้น ๆ การ แต่งกายจึงเป็นไป ตามสังคมขณะนั้น ๆ ว่ามีแฟชั่นและนิยม แต่งกายอย่างไร หาก ละคร มีเรื่องราว เกี่ยวกับต่างชาติก็จะ แต่งตามเชื้อชาติ ออกแบบเครื่อง แต่งกายส าหรับ ผู้แสดงให้มีความ เหมาะสมกับยุค สมัย ก าหนด รูปทรง (Shape) และรายละเอียด (Detail) ให้เป็นไป ตามแฟชั่นในสมัย รัชกาลที่ 6 และใช้ หลักทฤษฎีของใน การก าหนดสี เครื่องแต่งกาย ของตัวละคร เวที และ ฉาก ประกอบการ แสดง ใช้ฉากตั้ง แบบโรงละคร ปรีดาลัย โดยฉาก สามารถเปลี่ยนไปได้ ตามท้องเรื่อง เพื่อเกิด ความสมจริง ระยะแรก แสดงที่โรงละครปรีดา ลัย มีลักษณะเป็นรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้า มีประตู เข้าออกหลายประตู โรงละครปรีดาลัยนั้นทั้ง ใหญ่กว้างและสวยงาม มีกระจกติดตามฝาผนัง ของบริเวณโรงละครที่ ตรงกับที่นั่งของผู้ชม กระจกสะท้อนให้เห็น เวทีพื้นเป็นไม้ธรรมดา ข้างหน้ากว้าง ข้างหลัง สอบแคบลง ฉากเป็น ผ้าม่านและมีหลืบ เปลี่ยนฉาก ตามท้องเรื่อง เพื่อให้เกิด ความสมจริง แสดงที่โรงละครทั่วไป โรงภาพยนตร์ เวทีเป็นเวทีมี หลืบ 2 ข้าง มีม่านกั้น ส าหรับเปิดปิด ใช้เวที ส่วนล่างมุมชวา กั้น เป็นที่ตั้งของวงดนตรี ส่วนฉาก จะจัดให้ สมจริงตามท้องเรื่อง ที่บทละครก าหนดไว้ ฉากและอุปกรณ์ต่างๆ ที่น ามาประกอบจะมี การตั้งจัดวาง เรียงล าดับก่อนหลัง มีการประยุกต์ใช้ท่า ร าไม้ไผ่ตกแต่งด้วย สีสันต่าง ๆ เพื่อ ประกอบเป็นฉาก ฉากผสมผสาน ภาพการใช้สื่อ มัลติมีเดีย (Multimedia) ที่จอ LED และใช้ ฉากตั้งและ อุปกรณ์ประกอบ ฉากจัดวางตาม ต าแหน่ง เพื่อให้ เกิดความสมจริง ในละคร ที่มำ: ผู้วิจัย
75 6) การก าหนดหน้าที่รับผิดชอบของคณะท างาน โดยคัดเลือกจาความสามารถ และ ความสมัครใจ จากนั้นเตรียมกระบวนการผลิต ซึ่งผู้วิจัยเป็นผู้ก าหนด วางแนวทาง และก ากับติดตาม ในการสร้างงานของแต่ละฝ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งเป็นฝ่ายตามรายละเอียดดังนี้ (1) ฝ่ายก ากับการแสดง ได้แก่ ผู้วิจัย และผู้ช่วยศาสตราจารย์ฤดีชนก คชเสนี ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป (2) ฝ่ายดนตรีและขับร้อง ได้แก่ ผู้วิจัย และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องดังนี้ - นายพันธ์ศักดิ์ เอี่ยมจรูญ ภาควิชาดุริยางค์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป มีหน้าที่ ตรวจสอบความถูกต้องของเพลงไทยเดิม ในด้านจังหวะ หน้าทับ ทางของเพลง ระดับเสียง และ ความต่อเนื่องของเพลงตลอดเรื่อง - ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพคุณ สุดประเสริฐ รองคณบดีคณะศิลปนาฏดุริยางค์ มีหน้าที่บรรจุเพลงในบทละคร ตรวจสอบความเหมาะสมของเพลงและบทละครให้ค าปรึกษาปรับ แก้ไขตามความเหมาะสมของค าร้องต่าง ๆ ตลอดจนทางร้องและวิธีการร้องเพลงที่เหมาะสมกับละครร้อง - นายนพนรรจ์ แย้มบุญมี คณะศิลปนาฏดุริยางค์ มีหน้าที่สร้างสรรค์แนวเสียง ของเพลงไทยเดิมให้เป็นเพลงไทยผสมผสานคอนเทมโพรารี่ -ผู้ช่วยศาสตราจารย์วรินทร์ทิพย์ วรวิศัทวรรณ ภาควิชาศิลปสากล วิทยาลัยนาฏศิลป มีหน้าที่ให้ค าปรึกษาเกี่ยวกับการประสานเสียง แนวทางการร้อง การฝึกซ้อมการร้อง การปรับ การเอื้อนให้สอดคล้องกับท านองเพลง - นายปรัชญา เข็มนาค ภาควิชาศิลปสากล วิทยาลัยนาฏศิลป มีหน้าที่เลือกใช้ เครื่องดนตรีสากล มาประกอบกับวงดนตรีไทย ตลอดจนให้ค าปรึกษาเกี่ยวกับความเหมาะสมของ ระดับเสียงและจังหวะของดนตรี - นางสาวอรอนงค์ จตุรภัทรพร ภาควิชาดุริยางค์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป มีหน้าที่ให้ค าปรึกษาทางด้านแนวทางการเอื้อนและการร้องเพลงไทยเดิมให้มีความไพเราะ และ ฝึกซ้อมผู้แสดง (3) ฝ่ายเครื่องแต่งกาย ได้แก่ ผู้วิจัย และ นายกัณฑ์กรพัชญ์ สุทธิพร (4) ฝ่ายสถานที่ ฉาก และอุปกรณ์ประกอบการแสดง ได้แก่ ผู้วิจัย และผู้มี ส่วนเกี่ยวข้องดังนี้ - นายโภคภัณฑ์ สุขาบูรณ์ ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลปะ มีหน้าที่ให้ ค าปรึกษาด้านการออกแบบการสร้างสรรค์ฉาก และการจัดวางต าแหน่งของอุปกรณ์ประกอบการ แสดงให้มีความเหมาะสมสวยงาม - นายเอกพันธุ์ มาบรรดิษฐ์ ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลปะ มีหน้าที่ ควบคุม ให้ค าปรึกษา ฝึกซ้อมเกี่ยวกับทีมงานเบื้องหลัง - นางพิทวัล สุวภาพ รองคณบดีคณะศิลปะวิจิตร มีหน้าที่ให้ค าปรึกษา ควบคุมการผลิตสร้างฉากประกอบการแสดงที่เป็นภาพฉายในจอ LED - นายพสุ สุวภาพ อาจารย์ประจ า คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา มีหน้าที่ให้ค าปรึกษา ควบคุมการผลิตสร้างฉากประกอบการแสดงที่เป็น ภาพฉายในจอ LED
76 - นางสาวพิชญา บวรอิทธิกร ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลปมีหน้าที่ ให้ค าปรึกษา ควบคุมการผลิตสร้างฉากประกอบการแสดงที่เป็นภาพฉายในจอ LED (5) ฝ่ายเทคนิคแสง ผู้วิจัย และ นายยุทธ อุทยานินทร์ หัวหน้าสาขาวิชาศิลปะและ ธุรกิจการแสดง คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (6) ฝ่ายเสียง นายยุทธพงษ์ คงก าเนิด นักศึกษาสาขาวิชาดนตรีศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลป และนายกฤตธรรม ขาวประดิษฐ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายโสตทัศนูปกรณ์ โรงละครวังหน้า สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (7) ฝ่ายธุรการ และประชาสัมพันธ์ ผู้วิจัย และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องดังนี้ - นางสาวลักษิกา สุภาโชค ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป มีหน้าที่ จัดเตรียมข้อมูลเชิงวิชาการที่เกี่ยวข้องกับวิจัย และสังเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวเพื่อออกแบบสูจิบัตรการแสดง - นางสาวศันสนีย์ อ่อนสี ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป มีหน้าที่เรียบเรียง ข้อมูลเชิงวิชาการที่ผ่านการสังเคราะห์ข้อมูล จัดพิมพ์ข้อมูลสูจิบัตรการแสดงเป็นเอกสารประกอบ การสนทนากลุ่มย่อยแก่คณะกรรมการ สร้างแบบประเมินความพึงพอใจของผู้ชมที่มีต่อการแสดงละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ และรวบรวมข้อเสนอน าที่ได้รับจากคณะกรรมการสนทนากลุ่มย่อยในรูปแบบเอกสาร (8) ฝ่ายสวัสดิการ ดังนี้ - นางสวรินทร์ สุขาบูรณ์ ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป มีหน้าที่จัดเตรียม ของที่ระลึก อาหารว่าง แก่คณะกรรมการในการประชุมสนทนากลุ่มย่อยและวันแสดงจริง - นางอัมพิกา เอี่ยมจรูญ ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป มีหน้าที่จัดเตรียม อาหารกลางวัน อาหารว่าง แก่ผู้แสดง ในการประชุมสนทนากลุ่มย่อยและวันแสดงจริง - นางสาวเพชรัชต์ วงศ์ยาฤทธิ์ ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป มีหน้าที่ ควบคุมการแต่งกาย แต่งหน้า ท าผม ผู้แสดง 7) การก าหนดสถานที่ส าหรับจัดแสดง เดิมนั้นผู้วิจัยคัดเลือกโรงละครวังหน้า เป็นสถานที่ส าหรับจัดแสดง แต่ด้วยเหตุการณ์ทางภัยธรรมชาติ ก่อเกิดความสูญเสียต่อโรงละครอย่างหนัก ผู้วิจัยจึงก าหนดจัดแสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ณ โรงละครขนาดเล็กชั้น 7 อาคารนาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป ซึ่งโรงละครดังกล่าวมีข้อจ ากัดด้านทางเข้า-ออกของผู้แสดง ผู้วิจัยจึงแก้ไขปัญหา ด้วยการสร้างหลืบเวทีเข้าออก ใช้คุณสมบัติของจอ LED ในการติดตั้งสร้างให้ฉากหลังมีมิติแม้จะไม่มี ผ้าม่านเปิดปิดเหมือนโรงละครวังหน้า
77 ภำพที่6 โรงละครขนาดเล็กชั้น 7 อาคารนาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป ที่มำ: ผู้วิจัย 8) ก าหนดวัน และเวลาในการจัดแสดง โดยผู้วิจัยก าหนดเลือกวันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อน าเสนอผลงานละครร้องเรื่องเครือณรงค์ต่อผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อประชุมสนทนากลุ่มย่อย (Focus Group) ขอข้อเสนอแนะเพื่อน ามาปรับปรุงแก้ไข และใช้เวลาปรับแก้ไขตามข้อเสนอของ ผู้ทรงคุณวุฒิในระยะเวลา 7 วัน และก าหนดให้วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันจัดแสดง น าเสนอเผยแพร่ผลงานสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์วันจริง 9) การคัดเลือกนักแสดงส าหรับละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์เป็นสิ่งที่ต้องพิถีพิถันเป็น อย่างยิ่ง เมื่อได้วันและเวลาที่ก าหนดอย่างชัดเจน ผู้วิจัยต้องตรวจสอบว่าภารกิจของนักแสดงตรงกับ วันน าเสนอผลงานหรือไม่ เนื่องด้วยละครร้องเป็นการแสดงที่อาศัยการร้อง การเจรจา และการแสดง ท่าทางการสื่ออารมณ์ในการด าเนินเรื่อง ผู้แสดงจึงจ าเป็นต้องมีเวลาว่างเพียงพอและให้ความส าคัญ แก่การซ้อมละครเป็นอย่างมาก ซึ่งรายละเอียดการคัดเลือกนักแสดงในละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ ผู้วิจัยขอน าเสนอในบทที่ 4 ต่อไป 10) การซ้อมละคร ในละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์นี้จ าเป็นต้องมีการซ้อมหลายขั้นตอน เนื่องด้วยมีการร้องเพลงเข้ามาเป็นส่วนด าเนินเรื่อง ซึ่งผู้วิจัยวางแผนการซ้อม ดังรายละเอียดต่อไปนี้ - ซ้อมอ่านบท โดยจะนั่งล้อมวงกันอ่านบท และพิจารณาบทละครทั้งเรื่อง โดยภาพรวม ก่อนที่จะมีการแยก เพื่อการซักซ้อมเป็นส่วน ๆ - ซ้อมร้องเพลง โดยร้องทั้งเพลงไทยเดิม และเพลงสากล ฝึกการโปรเจคเสียง การออกเสียงอักขระที่ถูกวิธี การผ่อนเสียงและการเปล่งเสียงในเพลงร้อง การฝึกการหายใจ ตลอดจน การฝึกสมาธิก าหนดกระบังลมและการเคลื่อนที่ของผู้แสดงในการร้องเพลง - การซ้อมรายละเอียดท่าทางประกอบการแสดงและลักษณะของตัวละคร และ การก าหนดพื้นที่และต าแหน่งของตัวละคร การฝึกซ้อมนี้ต้องการการถกเถียงพูดคุยถึงลักษณะ ของตัวละครและแรงจูงใจของตัวละคร - การซ้อมรวมระหว่างการร้องเพลงและการแสดงท่าทาง อารมณ์ประกอบ การแสดง ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ
78 - การซ้อมไม่มีหยุด (Run-throughs) หลังจากที่ซ้อมบทในแต่ละส่วนครบ หมดแล้ว ซ้อมการแสดงตั้งแต่ต้นเรื่องจนจน โดยไม่มีการหยุดกลางคัน เพื่อให้นักแสดงและทีมงาน ผลิตได้มองเห็นภาพรวมของละครได้ในระดับหนึ่งในขั้นตอนนี้ผู้วิจัย จะท าการจดบันทึกข้อบกพร่อง และจะมาอภิปรายกันถึงข้อดีและข้อเสียเพื่อการพัฒนาเพื่อความสมบูรณ์ - การซ้อมเทคนิคต่าง ๆ จะเป็นการตรวจสอบความเรียบร้อยหรือพัฒนาของ องค์ประกอบด้านเทคนิคต่าง ๆ ของละคร ทั้งฉาก อุปกรณ์ประกอบฉาก เครื่องแต่งกาย แสง เสียง ประกอบ เป็นต้น - การซ้อมใหญ่ เป็นการซ้อมที่เหมือนกับวันแสดงจริงทุกประการ ทั้งทางด้าน ฉาก แสง เสียง และเสื้อผ้า มีการจับเวลาอย่างละเอียดทุกช่วง แม้แต่การเปลี่ยนฉาก เพื่อความสมบูรณ์ ของการแสดงและเพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด ผู้วิจัยก าหนดซ้อมละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ตลอดระยะเวลา 2 เดือนเต็ม ตั้งแต่ต้นเดือน มกราคม 2566 ถึง เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ดังรายละเอียดตามตารางต่อไปนี้ ตำรำงที่ 10 การซ้อมละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ ล ำดับกำร ซ้อม วันที่ สถำนที่ ตัวละครที่ ซ้อม ภำพประกอบ ขั้นที่ 1 ซ้อมอ่านบท ตลอดเรื่อง 5 มกราคม 2566 อาคารหอสมุด สารสนเทศ วิทยาลัยนาฏศิลป ตัวละครหลัก - เครือณรงค์ - จ ารักษ์ - พวงแก้ว 6 มกราคม 2566 ตัวละคร ทั้งหมด
79 ตำรำงที่ 10 การซ้อมละครร้อง เรื่องเครือณรงค์(ต่อ) ล ำดับกำร ซ้อม วันที่ สถำนที่ ตัวละครที่ ซ้อม ภำพประกอบ ขั้นที่ 2 ซ้อมร้องเพลง 6 – 7 มกราคม 2566 อาคารหอสมุด สารสนเทศ วิทยาลัยนาฏศิลป ตัวละคร ทั้งหมด ขั้นที่ 3 การซ้อม รายละเอียด ท่าทาง ประกอบ การแสดง 12 มกราคม 2566 อาคารหอสมุด สารสนเทศ วิทยาลัยนาฏศิลป ตัวละคร ทั้งหมด ฉาก 1 (ระบ า) - เพื่อน เจ้าบ่าว - เพื่อน เจ้าสาว
80 ตำรำงที่ 10 การซ้อมละครร้อง เรื่องเครือณรงค์(ต่อ) ล ำดับกำร ซ้อม วันที่ สถำนที่ ตัวละครที่ ซ้อม ภำพประกอบ 19 มกราคม 2566 อาคารหอสมุด สารสนเทศ วิทยาลัยนาฏศิลป ตัวละคร ทั้งหมด ฉาก 1 20 มกราคม 2566 อาคารหอสมุด สารสนเทศ วิทยาลัยนาฏศิลป ตัวละครหลัก ฉาก 2 - เครือณรงค์ - พวงแก้ว
81 ตำรำงที่ 10 การซ้อมละครร้อง เรื่องเครือณรงค์(ต่อ) ล ำดับกำร ซ้อม วันที่ สถำนที่ ตัวละครที่ ซ้อม ภำพประกอบ 23 มกราคม 2566 อาคารหอสมุด สารสนเทศ วิทยาลัยนาฏศิลป ตัวละครหลัก ฉาก 3 - ผีเครือฟ้า - เครือณรงค์ - พวงแก้ว 25 มกราคม 2566 อาคารหอสมุด สารสนเทศ วิทยาลัยนาฏศิลป ตัวละครหลัก ฉาก 4 - จ าปา - จ ารักษ์
82 ตำรำงที่ 10 การซ้อมละครร้อง เรื่องเครือณรงค์(ต่อ) ล ำดับกำร ซ้อม วันที่ สถำนที่ ตัวละครที่ ซ้อม ภำพประกอบ ขั้นที่ 4 ซ้อมรวม ระหว่างการ ร้องเพลงและ การแสดง ท่าทาง 30 มกราคม 2566 อาคารหอสมุด สารสนเทศ วิทยาลัยนาฏศิลป ตัวละครหลัก ฉาก 2 , 4 - จ าปา - จ ารักษ์ - ผีเครือฟ้า - เครือณรงค์ - พวงแก้ว 2 กุมภาพันธ์ 2566 อาคารหอสมุด สารสนเทศ วิทยาลัยนาฏศิลป ตัวละครฉาก 1 และ ฉาก 4 - ณรงค์รักษ์ - จ าปา - บัวค า - พระยาราม - จ ารักษ์ - เครือณรงค์ - พวงแก้ว - สิงห์ - ฉ่อง - เพื่อน เจ้าบ่าว - เพื่อน เจ้าสาว
83 ตำรำงที่ 10 การซ้อมละครร้อง เรื่องเครือณรงค์(ต่อ) ล ำดับกำร ซ้อม วันที่ สถำนที่ ตัวละครที่ ซ้อม ภำพประกอบ 3 กุมภาพันธ์ 2566 อาคารหอสมุด สารสนเทศ วิทยาลัยนาฏศิลป ตัวละครฉาก 2 และ ฉาก 3 - ผีเครือฟ้า - เครือณรงค์ - พวงแก้ว ขั้นที่ 5 ซ้อมไม่มีหยุด (Run throughs) 16 - 17 กุมภาพันธ์ 2566 โรงละครขนาดเล็ก อาคารนาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป ตัวละคร ทั้งหมด
84 ตำรำงที่ 10 การซ้อมละครร้อง เรื่องเครือณรงค์(ต่อ) ล ำดับกำร ซ้อม วันที่ สถำนที่ ตัวละครที่ ซ้อม ภำพประกอบ ขั้นที่ 6 ซ้อมเทคนิค ต่าง ๆ 18 – 19 กุมภาพันธ์ 2566 โรงละครขนาดเล็ก อาคารนาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป ตัวละคร ทั้งหมด
85 ตำรำงที่ 10 การซ้อมละครร้อง เรื่องเครือณรงค์(ต่อ) ล ำดับกำร ซ้อม วันที่ สถำนที่ ตัวละครที่ ซ้อม ภำพประกอบ ขั้นที่ 7 ซ้อมใหญ่ 26 – 27 กุมภาพันธ์ 2566 โรงละครขนาดเล็ก อาคารนาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป ตัวละคร ทั้งหมด ที่มำ: ผู้วิจัย การออกแบบการประชาสัมพันธ์ สูจิบัตร นิทรรศการหน้างาน และบรรยากาศ บริเวณงาน ในขั้นตอนนี้ผู้วิจัยออกแบบสร้างให้อยู่ในสีคลุมโทนน้ าตาล ทอง และมีลักษณะย้อนยุค ไปช่วงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการออกแบบแผ่นโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ สูจิบัตรนิทรรศการหน้างาน และบรรยากาศบริเวณงานนั้น ผู้วิจัยวางโครงสร้างก าหนดแบบร่าง ด้วยตัวผู้วิจัยเอง และมอบหมายให้ฝ่ายออกแบบประชาสัมพันธ์ประดับตกแต่งให้เกิดความสวยงาม มากยิ่งขึ้น สามารถอธิบายได้ดังตารางต่อไปนี้