186 ฉากที่ 3 ฉากตึกเช่าซอมซ่อของเครือณรงค์ ภาพที่ 23อุปกรณ์ประกอบฉากที่ 3 ฉากบ้านเช่าซอมซ่อของเครือณรงค์ ที่มา:ผู้วิจัย ในฉากนี้ เป็นฉากบ้านเช่าซอมซ่อของเครือณรงค์มีอุปกรณ์ประกอบฉาก 5 ชิ้น แบ่งเป็น อุปกรณ์ประกอบฉาก จ านวน 4 ชิ้น และอุปกรณ์ประกอบการแสดง จ านวน 1 ชิ้น รายละเอียด ตามตารางต่อไปนี้ ตารางที่ 39 อุปกรณ์ประกอบการแสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ฉากที่ 3 บ้านเช่าซอมซ่อของ เครือณรงค์ ล าดับ อุปกรณ์ประกอบ ฉากและการแสดง ค าอธิบาย 1 ที่นอน พร้อมผ้าปูที่นอนสีน้ าตาลที่ให้ความรู้สึกเก่า ใช้ประกอบฉากห้องนอนของเครือณรงค์ วางอยู่กึ่งกลางเวที 2 ตู้เก็บของไม้อย่างเก่า มีกระจกติดอยู่ด้านหน้า วางอยู่ด้านซ้ายของเวที เฉียง 45 องศาออกหน้าเวที 3 เก้าอี้ไม้อย่างเก่า ใช้นั่งหน้าตู้เก็บของ ใช้ส าหรับตัวละครนั่ง
187 ตารางที่ 39 อุปกรณ์ประกอบการแสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ฉากที่ 3 บ้านเช่าซอมซ่อของ เครือณรงค์(ต่อ) ล าดับ อุปกรณ์ประกอบ ฉากและการแสดง ค าอธิบาย 4 หีบเก็บของ ใช้ส าหรับเก็บสัมภาระต่าง ๆ ของเครือณรงค์ ตั้งอยู่ปลายที่นอน 5 กระเป๋าส าหรับใส่สัมภาระ เป็นอุปกรณ์ใช้ประกอบการแสดง ของตัวละคร วางอยู่บนหีบเก็บของ มีเสื้อผ้ากระจัดกระจาย อยู่ในกระเป๋า ใช้ในเหตุการณ์เก็บสัมภาระพาพวงแก้ว กลับบ้าน ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางที่ 37, 38 และ 39 พบว่า ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ใช้อุปกรณ์ประกอบฉากและ อุปกรณ์ประกอบการแสดงทั้งสิ้น 21 ชิ้น ประกอบอยู่ในฉากที่ 1 แต่งงานจ านวน 7 ชิ้น ฉากที่ 2 และ 4 จ านวน 9 ชิ้น และฉากที่ 3 จ านวน 5 ชิ้น 1.2.7 แสง สีประกอบการแสดง ผู้วิจัยได้ออกแบบการใช้แสง สี เพื่อประกอบการแสดงให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งแสง สี ส าหรับการแสดงละครมีความจ าเป็นอย่างยิ่ง สมศักดิ์ บัวรอด ( 2558, น. 180) กล่าวถึง การจัดแสง สีในการแสดงละครไว้ว่า “จิตวิทยาของแสงสีเป็นการเน้นหรือเพิ่มความรู้สึกให้ผู้ชมเกิดจินตนา การสมจริง หรือเกิดความจริงบ้าง ก่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ อิทธิพล ของแสงสีท าให้บทบาทของผู้แสดงสมจริง แสงสีช่วยส่งเสริมสีของเครื่องแต่งกาย และฉากให้เกิดความสวยงามกลมกลืนไม่แข็งกระด้าง” (สมศักดิ์ บัวรอด, 2558, น. 180) และยุทธ อุทยานินทร์ (2566, 25 กุมภาพันธ์, สัมภาษณ์) ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ การออกแบบแสงประกอบการแสดงละคร ไว้ว่า “การออกแบบแสงประกอบการแสดงละคร จ าเป็นต้องรู้สเกล (Scale) ของเวทีและการรู้รายละเอียดของเนื้อเรื่อง รวมทั้งรายละเอียดต าแหน่งของ ฉากที่ชัดเจน ซึ่งส่วนใหญ่แสงประกอบละครจะใช้ไฟส าหรับสร้างบรรยากาศ
188 และอารมณ์ เพื่อสื่อสารให้ผู้ชมได้เห็นความตระการตาของละคร ส าหรับละคร ร้องเรื่องเครือณรงค์ เป็นละครที่มีซีนอารมณ์มาก จึงควรออกแบบแสงให้มี ความลื่นไหล เพื่อความต่อเนื่องในเนื้อหาของละคร” (ยุทธ อุทยานินทร์, 2566, 25 กุมภาพันธ์, สัมภาษณ์) จากข้อมูลข้างต้น ผู้วิจัยน ามาเป็นแนวทางในการออกแบบแสง สีประกอบการแสดงละคร ร้องเรื่องเครือณรงค์ โดยผู้วิจัยได้ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการออกแบบแสง และเลือกปรับใช้ไฟที่ มีในโรงละครของวิทยาลัยนาฏศิลป ให้เป็น 3 ลักษณะ ได้แก่ ไฟหน้า (Fresnel) ไฟสร้างบรรยากาศ (Par led) และไฟหลัง (Profile led) ซึ่งไฟทั้ง 3 ลักษณะนี้สามารถสร้างบรรยากาศและอารมณ์ใน ละครให้ต่อเนื่องรื่นไหล และไม่เกิดแสงเงารบกวน ผู้วิจัยได้ออกแบบร่างการติดตั้งเสาไฟ รายละเอียด ดังภาพต่อไปนี้ ภาพที่ 24 การติดตั้งและใช้แสงเพื่อประกอบละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ที่มา: ผู้วิจัย เมื่อออกแบบร่างการติดตั้งไฟแล้ว ผู้วิจัยก าหนดการใช้แสงเพื่อสร้างบรรยากาศของ เรื่อง โดยอธิบายรายละเอียดสถานที่ เวลา และอารมณ์ของละครในแต่ละฉากให้ผู้ออกแบบแสงเข้าใจ และก าหนดการใช้ไฟในโทนสีที่ให้ความรู้สึกโศกเศร้า เนื่องจากเป็นโศกนาฏกรรม จากการสัมภาษณ์ ยุทธ อุทยานินทร์ได้เสนอทรรศนะเกี่ยวกับการออกแบบแสงว่า “หลักการออกแบบแสงในละครจะใช้ ระบบคู่สีร้อน-เย็น ในการออกแบบ ทั้งนี้คู่สีที่สว่างกว่าหมายถึงโทนร้อน และคู่สีที่มีความมืดกว่าจะ เป็นคู่สีเย็น” (ยุทธ อุทยานินทร์, 2566, 25 กุมภาพันธ์, สัมภาษณ์) ผู้วิจัยจะขอกล่าวถึงรายละเอียด การใช้แสงประกอบละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ดังตารางต่อไปนี้
189 ตารางที่ 40 การออกแบบแสงในละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ล าดับ องก์ที่ ซีน ค าอธิบายการใช้แสง 1 3 แต่งงาน เปิดตัวผู้แสดง ใช้แสงกลางวัน โทนสีชมพู สื่อถึงความสดใส รื่นเริง มีเลือด ฝาด มีความสุข 2 3 แต่งงาน คุณหญิงจ าปาและ คุณหญิงบัวค า แอบพูดคุยกัน ใช้แสงกลางวัน โทนชมพู ส้ม ลดระดับไฟหลัง (Profile led) เพิ่มระดับไฟหน้า (Fresnel) ให้ด้านหน้ามีความโดดเด่น 3 4 แกล้งพาหนี ห้องหอของพวงแก้ว และจ ารักษ์ ใช้แสงยามเช้า โทนสีเขียว ม่วง สื่อถึงบรรยากาศยามเช้าที่ไม่สดใส โดยไฟหน้า (Fresnel) ส่องสว่างที่ตัวละครขณะที่คิดค านึง ในใจเต็มไปด้วยความโศกเศร้า 4 4 แกล้งพาหนี เครือณรงค์ลักลอบ เข้าห้องหอของพวง แก้ว ใช้แสงยามเช้า โทนสีเขียว ม่วง สื่อถึงบรรยากาศยามเช้าที่ไม่สดใส โดยไฟ ทั้งหมด ส่องสว่างในระดับที่เท่ากัน สื่อถึง ความคิดของตัวละครพวงแก้วและเครือณรงค์ ที่มีความรักซึ่งกันและกัน 5 5 ผีเครือฟ้า แม่เครือฟ้าสอนลูก ใช้แสงในฝัน โทนสีม่วงคล้ า เขียวคล้ า น้ าเงินคล้ า และแดง คล้ า มีที่มาจากสีของการช้ าเลือดช้ าหนองหรือ สีของศพ เป็นทิศทางของสีที่ผิดธรรมชาติ สื่อให้เห็นว่าตัวละครนั้นคืออมนุษย์ 6 5 ผีเครือฟ้า พาน้องพวงแก้ว กลับ ใช้แสงจันทร์กลางคืน โทนสีเขียวอมฟ้า ก าหนดสีจากสีของพระจันทร์ที่รอดผ่านช่อง หน้าต่างของบ้าน สื่อถึงความอบอุ่นหัวใจใน ความรักของตัวละครทั้งสอง แม้จะต้องจากกัน ก็ยังมั่นคงในความรัก
190 ตารางที่ 40 การออกแบบแสงในละครร้องเรื่องเครือณรงค์ (ต่อ) ล าดับ องก์ที่ ซีน ค าอธิบายการใช้แสง 7 6 กรรมมา เยือน ตามหาพวงแก้ว ใช้แสงกลางวัน โทนสีส้ม สื่ออารมณ์ความเร่งรีบ เร่งเร้า ร้อนใจ ตื่นตระหนก ความรู้สึกกระสับกระส่าย 8 6 กรรมมา เยือน ปะทะอารมณ์และ ฆ่าตัวตาย ใช้แสงกลางวัน โทนสว่าง เนื่องจากการก าหนดจุดและการ แสดงอารมณ์ของผู้แสดงมีความชัดเจน จึงเลือกใช้ไฟเคลียร์ เพื่อเสริมให้ตัวละครได้ แสดงอารมณ์ชัดเจนยิ่งขึ้น 9 6 กรรมมา เยือน บทสรุปของเรื่อง ใช้แสงกลางคืน โทนสีม่วง สีเหลือง โดยส่วนหลังของเวทีใช้ไฟหลัง (Profile led) สีม่วงและลดความสว่างลง และส่วนไฟหน้า (Fresnel) ส่องสว่างที่ตัวละครด้วยสีเหลือง ทอง ตามธีมของละครทั้งหมด สื่อถึงบทสรุปใน เรื่องราวของละคร ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางที่ 40 พบว่า การออกแบบเสียงเพื่อใช้ในละครร้องเรื่องเครือณรงค์ มีการใช้แสง แสดงบรรยากาศและอารมณ์ในละครทั้งหมด 9 ซีน ซึ่งแต่ละซีนมีการเลือกใช้คู่สีของแสงที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอารมณ์ บรรยากาศ และเวลาที่เกิดขึ้นในเนื้อเรื่องของละคร จากรายละเอียดการประกอบสร้างละครร้องร้องเรื่องเครือณรงค์ในทุกองค์ประกอบ ผู้วิจัยมี การก าหนดแบบร่าง การประกอบสร้าง และการปรับปรุงแก้ไข ให้สมบูรณ์มากที่สุดในทุกส่วน สู่การ น าเสนอผลงานละครฉบับสมบูรณ์ ทั้งนี้ในการสร้างสรรค์ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ครั้งนี้เป็นการ ทดลองสร้างละครจากข้อจ ากัดหลายด้าน หากมีโอกาสในการพัฒนาในโอกาสต่อไป ผู้วิจัยจะ ด าเนินการสร้างให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
191 2. การประเมินคุณภาพ และความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ 2.1 การเผยแพร่ผลงานละครร้องเรื่องเครือณรงค์ หลังจากการประกอบสร้าง พัฒนาแก้ไข และน าเสนอผู้ทรงคุณวุฒิในการประชุมสนทนากลุ่ม ย่อย (Focus Group) แล้ว ผู้วิจัยได้เผยแพร่การแสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ โดยแบ่งออกเป็นการ เผยแพร่ 2 รูปแบบ ได้แก่ การเผยแพร่การแสดงจริง ณ โรงละครขนาดเล็ก ชั้น 7 อาคารนาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป และการเผยแพร่การแสดงผ่านสื่อออนไลน์ มีรายละเอียดการเผยแพร่ ดังนี้ 2.1.1 การเผยแพร่ผลงาน ณ โรงละครขนาดเล็กชั้น 7 วิทยาลัยนาฏศิลป ในการเผยแพร่ผลงานสร้างสรรค์ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ผู้วิจัยก าหนดจัดแสดง วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์2566 ณ โรงละครขนาดเล็กชั้น 7 อาคารนาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป เวลา 14.00 – 16.00 น. โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ที่สนใจเข้าร่วมชมการแสดง จ านวน 98 คน (รายชื่อตามภาคผนวก ข) โดยผู้วิจัยมีขั้นตอนการเผยแพร่เริ่มจากการน าเสนอแนวคิดและกระบวนการ สร้างสรรค์ละครในระยะเวลา 20 นาที น าเสนอละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ในระยะเวลา 52 นาที จากนั้นรับฟังข้อเสนอแนะและตอบข้อซักถามจากตัวแทนผู้ชมและคณะกรรมการ ภาพที่25การน าเสนอแนวคิดและกระบวนการสร้างสรรค์ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ที่มา:ผู้วิจัย ภาพที่ 26 การน าเสนอแนวคิดและกระบวนการสร้างสรรค์ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ที่มา:ผู้วิจัย
192 ภาพที่27การน าเสนอละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ที่มา:ผู้วิจัย ภาพที่ 28การน าเสนอละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ที่มา:ผู้วิจัย ภาพที่29การน าเสนอละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ที่มา:ผู้วิจัย
193 ภาพที่ 30การน าเสนอละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ที่มา:ผู้วิจัย ภาพที่31การรับฟังข้อเสนอแนะและตอบข้อซักถามคณะกรรมการ ที่มา:ผู้วิจัย ภาพที่32การรับฟังข้อเสนอแนะและตอบข้อซักถามคณะกรรมการ ที่มา:ผู้วิจัย
194 ภาพที่33ผู้ชมที่ให้ความสนใจเข้าร่วมการน าเสนอผลงานณรงค์ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ที่มา:ผู้วิจัย 2.1.2 การเผยแพร่ผลงานละครร้องเรื่องเครือณรงค์ผ่านสื่อออนไลน์ ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ มีการบันทึกภาพเคลื่อนไหวการแสดงในรูปแบบสื่อวีดีทัศน์ แล้ว น าเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ช่องทางช่องยูทูป (Youtube) และเฟซบุค (Facebook) ในโอกาสต่าง ๆ ดังนี้ ตารางที่ 41 การเผยแพร่ผลงานละครร้องเรื่องเครือณรงค์ผ่านสื่อออนไลน์ วัน เดือน ปี ชื่อผลงาน/ผู้เผยแพร่/ช่องทางเผยแพร่ รหัส QR 28 กุมภาพันธ์ 2566 ละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ เผยแพร่โดย น้อย โขนยักษ์ Website : https://youtu.be/c0HgiE7xyqc มีการรับชม 5,868 ครั้ง (ข้อมูล ณ วันที่ 28 เมษายน 2566) 28 กุมภาพันธ์ 2566 ละครร้องเรื่อง เครือณรงค์ - ดุษฎีนิพนธ์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เผยแพร่โดย JayZ Ce Website : https://youtu.be/ZTHyzxnEvDM มีการรับชม 1,677 ครั้ง (ข้อมูล ณ วันที่ 28 เมษายน 2566)
195 ตารางที่ 41 การเผยแพร่ผลงานละครร้องเรื่องเครือณรงค์ผ่านสื่อออนไลน์(ต่อ) วัน เดือน ปี ชื่อผลงาน/ผู้เผยแพร่/ช่องทางเผยแพร่ รหัส QR 6 มีนาคม 2566 เครือณรงค์ ดุษฎีนิพนธ์ - นางสาวพิมพิกา มหามาตย์ เผยแพร่โดย ไพบูลย์ ปานเอี่ยม Website : https://www.youtube.com/watch?v=u xXDVJO8cCU มีการรับชม 163 ครั้ง (ข้อมูล ณ วันที่ 28 เมษายน 2566) 1 มีนาคม 2566 จากสาวเครือฟ้า สู่... “เครือณรงค์” ภาพ “เมียลาวชาวดง” ที่ตอกตรึง เผยแพร่โดย Facebook fanpage : ชั้นหนังสือหัวเตียง Website : https://shorturl.asia/Vmp2o มีการแชร์ทั้งหมด 39 ครั้ง (ข้อมูล ณ วันที่ 2 เมษายน 2566) ที่มา: ผู้วิจัย จากตาราง พบว่า ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ได้รับความสนใจจากผู้ชมเป็นจ านวนมาก รวมผู้รับชมผ่านช่องยูทูป (Youtube) ทั้งสิ้น 7,708 ครั้ง และมีการเผยแพร่ข้อมูลในเฟซบุค (Facebook) 39 ครั้ง (ข้อมูล ณ วันที่ 28 เมษายน 2566) จากการรับชมนี้ผู้วิจัยได้ให้ผู้ชมได้ตอบแบบ ประเมินความพึงพอใจและข้อเสนอแนะที่มีต่อละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ดังจะน าเสนอข้อมูลในหัวข้อ การประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมต่อไป 2.1.3 อุปสรรคที่พบในการเผยแพร่ผลงานละครร้องเรื่องเครือณรงค์ จากการน าผลงานละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ผู้วิจัยพบปัญหาและอุปสรรคในการแสดง ซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่สามารถควบคุมได้ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
196 ตารางที่ 42 อุปสรรคที่พบจากการเผยแพร่ผลงานละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ล าดับ ปัญหา/อุปสรรคที่พบ แนวทางการแก้ไขในครั้งต่อไป 1 การเปลี่ยนฉากและการเคลื่อนที่อุปกรณ์ ประกอบฉากในแต่ละฉาก ยังไม่เรียบร้อย และใช้ระยะเวลาในการเปลี่ยนฉากนาน เกิน 1 นาที ก่อให้เกิดช่องว่างในการชม การแสดง ปรับลดจ านวนอุปกรณ์ประกอบฉากให้ใช้ เฉพาะอุปกรณ์ที่จ าเป็นต่อการแสดง เท่านั้น และซ้อมการจัดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้คล่องตัวมากขึ้น 2 ตัวละครทุกตัว ควรใช้ไมค์โครโฟนไร้สาย (Wireless) และติดตั้งเฉพาะบุคคล เพื่อ ไม่ให้เกิดความผิดพลาดเรื่องเสียงแทรก ในขณะสับเปลี่ยนอุปกรณ์ ใช้ไมค์โครโฟนไร้สาย (Wireless) ให้ครบ ทุกตัวละคร 3 โรงละครไม่มีผ้าม่าน เปิดปิด เพื่อก าบังตัว ละครก่อนออกแสดง จัดสร้างผ้าม่านประกอบโรงละคร หรือ จัดหาสถานที่ส าหรับแสดงที่มีความ เหมาะสมมากขึ้น 4 จากการเผยแพร่รูปแบบออนไลน์ พบว่า เมื่อกล้องได้บันทึกภาพเคลื่อนไหวของ ละครที่ฉากหลังเป็นจอ LED ส่งผลให้ภาพ ที่ออกมาเป็นเส้น ไม่ชัดเจน ช่างภาพต้องปรับระดับการจับภาพให้ ช้าลง และเพิ่มช่องรับแสงในกล้องถ่าย มากขึ้น นอกจากนั้นอาจต้องพิจารณาถึง คุณภาพความละเอียดของจอ เลือกใช้จอ ส าหรับภายในอาคารที่มีความละเอียดใน การแสดงผลมากขึ้น ที่มา: ผู้วิจัย 2.2 การประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ จากการสร้างสรรค์องค์ประกอบของละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ผู้วิจัยได้ทดลองฝึกซ้อมและ ปรับปรุงพัฒนาแก้ไขรายละเอียดส่วนต่าง ๆ จนเกิดความสมบูรณ์น าเสนอต่อคณะกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิประชุมสนทนากลุ่มย่อย (Focus Group) ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 ณ โรงละคร ขนาดเล็กชั้น 7 อาคารนาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป จากนั้นปรับแก้ไขรายละเอียดตาม ข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิในประเด็นต่าง ๆ จนเกิดความสมบูรณ์มากที่สุด และน าเสนอละครต่อ สาธารณชน ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ประเด็นในการประเมินคุณภาพละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ประกอบด้วยประเด็นใน การพิจารณา 4 ด้าน ได้แก่ 1) แนวคิดการแสดง (1) การแสดงเป็นการอนุรักษ์ สืบทอด พัฒนาละครร้องได้อย่างชัดเจน (2) การแสดงคงความสุนทรียะในละครร้องได้อย่างครบถ้วน (3) เรื่องราวที่น ามาแสดง มีความน่าสนใจ ชวนติดตาม
197 2) รูปแบบการแสดงและการร้องเพลง (1) รูปแบบการแสดง “เล่น ร้อง ท านองไทย” มีความเหมาะสมกับละครร้องเรื่องเครือณรงค์ (2) รูปแบบการร้องเพลง มีการบูรณาการรูปแบบการร้องเพลงที่หลากหลายทั้ง รูปแบบดั้งเดิมและรูปแบบใหม่ (3) รูปแบบการร้องเพลงแบบใหม่ที่ผู้วิจัยบูรณาการใช้มีความไพเราะ เหมาะสม 3) องค์ประกอบการแสดง (1) บทละคร - เค้าโครงเรื่องและบทละครมีเนื้อหาที่น่าสนใจ น าเค้าโครงเรื่องเดิมมา สร้างสรรค์ได้อย่างเหมาะสม - บทร้องมีความสอดคล้องเหมาะสมกับเนื้อเรื่องและการแสดง - บทละครใช้ภาษาไพเราะสละสลวย เสนอข้อคิดสู่ผู้ชมได้ อย่างชัดเจนตรงประเด็น (2) ผู้แสดง -การคัดเลือกผู้แสดงมีบุคลิกภาพ และทักษะการแสดงเหมาะสมกับบทบาทตัวละคร - ผู้แสดงสามารถถ่ายทอดเรื่องราว และอารมณ์ตามบทบาทได้อย่างดี - องค์รวมของผู้แสดงมีความเหมาะสม สามารถโน้มน้าวผู้ชมให้สนใจติดตาม การแสดงได้อย่างต่อเนื่อง (3) ดนตรีและเพลงประกอบการแสดง - เพลงในการแสดงเหมาะสมกับอารมณ์และสอดคล้องกับการด าเนินเรื่อง - ดนตรีประกอบการแสดงมีความไพเราะร่วมสมัย สื่อสารอารมณ์ตามบทละคร ได้อย่างชัดเจน - ดนตรีและเพลง มีความไพเราะร่วมสมัย เหมาะสมกับละครร้องในยุคปัจจุบัน (4) ลีลาท่าทางประกอบการแสดง - การออกแบบลีลาท่าทางของผู้แสดงที่ประกอบด้วยท่าทางก าแบ ท่าทาง ธรรมชาติ และท่านาฏศิลป์มีความเหมาะสม - การออกแบบลีลาท่าทาง เหมาะสมกับการร้องเพลงในละครร้อง - องค์รวมของท่าทางประกอบการแสดง (5) เครื่องแต่งกาย - การสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายมีความเหมาะสมกับเนื้อเรื่อง - เครื่องแต่งกายมีความสอดคล้องกับยุคสมัยชัดเจน - เครื่องแต่งกายมีความสวยงามในการใช้สี การออกแบบทรงผมเครื่องประดับ สอดคล้องกับบทบาทตัวละคร (6) ฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดง - น าสื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่มาบูรณาการใช้ออกแบบฉากประกอบการแสดงได้ อย่างเหมาะสม - ฉากประกอบการแสดงมีความเสมือนจริงสอดคล้องกับบทละคร -ฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดงส่งเสริมเนื้อเรื่องให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
198 4) องค์รวมของผลงาน (1) แนวคิดในการสร้างสรรค์งานถ่ายทอดสู่การแสดงได้อย่างชัดเจน (2) ระยะเวลาที่ใช้แสดงมีความเหมาะสม (3) การใช้พื้นที่ในการแสดงมีความสัมพันธ์ สอดคล้องกับท่าทาง จังหวะ เพลง และ เครื่องแต่งกาย (4) องค์ประกอบการแสดงมีความสอดคล้องเหมาะสมกันอย่างเป็นเอกภาพ (5) การแสดงส่งผลให้ท่านตระหนักถึงข้อคิด “รักเกินรัก มักเกิดทุกข์” ส าหรับแบบประเมินคุณภาพผลงานละครร้องเรื่องเครือณรงค์นั้น ผู้วิจัยแบ่งรายละเอียด ออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วยการประเมินคุณภาพด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถาม และแบบแสดงความคิดเห็นปลายเปิดเพื่อให้ผู้ชมได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะอย่างอิสระ ซึ่งส่วนการประเมินคุณภาพด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยก าหนดใช้มาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) ซึ่งมีเกณฑ์การให้คะแนนความพึงพอใจ 5 ระดับ ดังนี้ ระดับ ความพึงพอใจมากที่สุด 5 คะแนน ระดับ ความพึงพอใจมาก 4 คะแนน ระดับ ความพึงพอใจปานกลาง 3 คะแนน ระดับ ความพึงพอใจน้อย 2 คะแนน ระดับ ความพึงพอใจน้อยที่สุด 1 คะแนน การแปลค่าระดับความพึงพอใจ ประมวลผลวิเคราะห์ข้อมูลโดยค านวณค่าสถิติเบื้องต้น (ค่าเฉลี่ย) ก าหนดเกณฑ์ดังนี้ ตารางที่ 43 การแปลค่าระดับความพึงพอใจ ที่มา: ผู้วิจัย จากแบบประเมินคุณภาพผลงานละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ผู้วิจัยได้สรุปผลจากการตอบ แบบสอบถามของผู้ชมละครทั้งหมด 80 คน ซึ่งตอบแบบสอบถามครบทุกข้อค าถาม สามารถสรุปผล การประเมินละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ได้ดังนี้ ค่าเฉลี่ย แปลค่า 4.51-5.00 มากที่สุด 3.51-4.50 มาก 2.51-3.50 ปานกลาง 1.51-2.50 น้อย 1.00-1.50 น้อยที่สุด
199 ตารางที่44 สรุปผลการประเมินละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ หัวข้อ ประเมิน ข้อค าถาม ระดับความพึงพอใจ จ านวน (คน) ค่าเฉลี่ย แปลค่า มาก ที่สุด (5) มาก (4) ปาน กลาง (3) น้อย (2) น้อย ที่สุด (1) 1. แนวคิด การแสดง 1.1 การแสดงเป็นการ อนุรักษ์ สืบทอด พัฒนา ละครร้องได้อย่างชัดเจน 76 4 80 4.95 มาก ที่สุด 1.2 การแสดงคงความ สุนทรียะในละครร้องได้ อย่างครบถ้วน 78 2 80 4.98 มาก ที่สุด 1.3 เรื่องราวที่น ามา แสดง มีความน่าสนใจ ชวนติดตาม 76 4 80 4.95 มาก ที่สุด 2. รูปแบบ การแสดง และ การร้อง เพลง 2.1 รูปแบบการแสดง “เล่น ร้อง ท านองไทย” 76 4 80 4.95 มาก ที่สุด 2.2 รูปแบบการร้อง เพลง มีการบูรณาการ รูปแบบการร้องเพลงที่ หลากหลายทั้งรูปแบบ ดั้งเดิมและรูปแบบใหม่ 77 3 80 4.96 มาก ที่สุด 2.3 รูปแบบการร้อง เพลงแบบใหม่ที่ผู้วิจัย บูรณาการใช้มีความ ไพเราะ เหมาะสม 76 4 80 4.95 มาก ที่สุด 3. องค์ประกอ บการแสดง ด้านบทละคร 3.1 เค้าโครงเรื่องและ บทละครมีเนื้อหาที่ เหมาะสม 74 5 1 80 4.91 มาก ที่สุด 3.2 บทร้องมีความ สอดคล้องเหมาะสม 74 5 1 80 4.91 มาก ที่สุด 3.3 บทละครใช้ภาษา ไพเราะสละสลวย เสนอ ข้อคิดสู่ผู้ชมได้อย่าง ชัดเจนตรงประเด็น 71 8 1 80 4.88 มาก ที่สุด ด้านผู้แสดง 3.4 การคัดเลือกผู้แสดง มีบุคลิกภาพ และทักษะ 75 5 0 80 4.94 มาก ที่สุด 3.5 ผู้แสดงสามารถ ถ่ายทอดเรื่องราวและ อารมณ์ตามบทบาทได้ อย่างดี 77 2 1 80 4.95 มาก ที่สุด
200 ตารางที่44 สรุปผลการประเมินละครร้อง เรื่องเครือณรงค์(ต่อ) หัวข้อ ประเมิน ข้อค าถาม ระดับความพึงพอใจ จ านวน (คน) ค่าเฉลี่ย แปลค่า มาก ที่สุด (5) มาก (4) ปาน กลาง (3) น้อย (2) น้อย ที่สุด (1) 3.6 องค์รวมของผู้แสดง มีความเหมาะสมสามารถ โน้มน้าวผู้ชมให้สนใจ ติดตาม การแสดงได้อย่างต่อเนื่อง 75 5 80 4.94 มาก ที่สุด ด้านเพลงและดนตรีประกอบการแสดง 3.7 เพลงในการแสดง เหมาะสมกับอารมณ์และ สอดคล้องกับการด าเนิน เรื่อง 76 4 80 4.95 มาก ที่สุด 3.8 ดนตรีประกอบการ แสดงมีความไพเราะร่วม สมัย สื่อสารอารมณ์ตาม บทละครได้อย่างชัดเจน 76 4 80 4.95 มาก ที่สุด 3.9 ดนตรีและเพลง มี ความไพเราะร่วมสมัย เหมาะสมกับละครร้องใน ยุคปัจจุบัน 77 3 80 4.96 มาก ที่สุด ด้านลีลาประกอบการแสดง 3.10 การออกแบบลีลา ท่าทางของผู้แสดงที่ ประกอบด้วยท่าก าแบ ท่าธรรมชาติและ ท่านาฏศิลป์มีความ เหมาะสม 74 4 2 80 4.90 มาก ที่สุด 3.11 การออกแบบลีลา ท่าทาง เหมาะสมกับการ ร้องเพลงในละครร้อง 73 6 1 80 4.90 มาก ที่สุด 3.12 องค์รวมของ ท่าทางประกอบการแสดง 74 5 1 80 4.91 มาก ที่สุด ด้านเครื่องแต่งกาย 3.13 การสร้างสรรค์ เครื่องแต่งกายมีความ เหมาะสมกับเนื้อเรื่อง 77 1 2 80 4.94 มาก ที่สุด 3.14 เครื่องแต่งกายมี ความสอดคล้องกับยุค สมัยชัดเจน 77 1 2 80 4.94 มาก ที่สุด
201 ตารางที่44 สรุปผลการประเมินละครร้อง เรื่องเครือณรงค์(ต่อ) ที่มา: ผู้วิจัย หัวข้อ ประเมิน ข้อค าถาม ระดับความพึงพอใจ จ านวน (คน) ค่าเฉลี่ย แปลค่า มาก ที่สุด (5) มาก (4) ปาน กลาง (3) น้อย (2) น้อย ที่สุด (1) 3.15 เครื่องแต่งกายมี ความสวยงามในการใช้สี การออกแบบทรงผม เครื่องประดับสอดคล้อง กับบทบาทตัวละคร 77 2 1 80 4.95 มาก ที่สุด ด้านฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดง 3.16 น าสื่อเทคโนโลยี สมัยใหม่มา บูรณาการใช้ออกแบบ ฉากประกอบการแสดงได้ อย่างเหมาะสม 75 4 1 80 4.93 มาก ที่สุด 3.17 ฉากประกอบการ แสดงมีความเสมือนจริง สอดคล้องกับบทละคร 74 4 2 80 4.90 มาก ที่สุด 3.18 ฉากและอุปกรณ์ ประกอบการแสดง ส่งเสริมเนื้อเรื่องให้มี ความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น 74 5 1 80 4.91 มาก ที่สุด 4. องค์ รวมของ ผลงาน 4.1 แนวคิดในการ สร้างสรรค์งานถ่ายทอดสู่ การแสดงได้อย่างชัดเจน 78 2 80 4.98 มาก ที่สุด 4.2 ระยะเวลาที่ใช้แสดง มีความเหมาะสม 72 8 80 4.90 มาก ที่สุด 4.3 การใช้พื้นที่ในการ แสดงมีความสัมพันธ์ สอดคล้องกับท่าทาง จังหวะเพลงและ เครื่องแต่งกาย 77 2 1 80 4.95 มาก ที่สุด 4.4 องค์ประกอบการ แสดงมีความสอดคล้อง เหมาะสมกันอย่างเป็น เอกภาพ 78 2 80 4.98 มาก ที่สุด 4.5 การแสดงส่งผลให้ ท่านตระหนักถึงข้อคิด “รักเกินรัก มักเกิดทุกข์” 76 4 80 4.95 มาก ที่สุด
202 จากตารางที่ 44 ผลการประเมินละครร้อง เรื่องเครือณรงค์จากผู้ชมจ านวน 80 คน ผ่านการ เก็บข้อมูลด้วยแอพพลิเคชั่นกูเกิลฟอร์ม (Google Forms) พบว่า มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ที่สุดในทุกด้าน โดยผู้วิจัยสามารถสรุปผลการประเมิน ปรากฏรายละเอียด ดังนี้ 1) ด้านแนวคิดการแสดง พบว่า ค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจของผู้ชม มีความพึงพอใจอยู่ใน ระดับมากที่สุด ทั้ง 3 ประเด็นย่อย โดยประเด็นที่มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจมากที่สุด ได้แก่ การแสดงคง ความสุนทรียะในละครร้องได้อย่างครบถ้วน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.98 รองลงมาคือ การแสดงเป็น การอนุรักษ์ สืบทอด พัฒนาละครร้องได้อย่างชัดเจน และเรื่องราวที่น ามาแสดง มีความน่าสนใจ ชวนติดตาม มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากันที่ 4.95 และผลการประเมินรวมด้านแนวคิดการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.96 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด 2) ด้านรูปแบบการแสดงและการร้องเพลง พบว่าค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจของผู้ชม มีความ พึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ทั้ง 3 ประเด็นย่อย โดยประเด็นที่มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจมากที่สุด ได้แก่ รูปแบบการร้องเพลง มีการบูรณาการรูปแบบการร้องเพลงที่หลากหลายทั้งรูปแบบดั้งเดิมและรูปแบบใหม่ มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.96 รองลงมาคือรูปแบบการแสดง “เล่น ร้อง ท านองไทย” มีความเหมาะสมกับ ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ และ รูปแบบการร้องเพลงแบบใหม่ที่ผู้วิจัยบูรณาการใช้มีความไพเราะ เหมาะสม มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากันที่ 4.95 และผลการประเมินรวมด้านรูปแบบการแสดงและการร้องเพลง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.95 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด 3) ด้านองค์ประกอบการแสดง แบ่งได้ 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ด้านบทละคร 2) ด้านผู้แสดง 3) ด้านเพลงและดนตรีประกอบการแสดง 4) ด้านลีลาประกอบการแสดง 5) ด้านเครื่องแต่งกาย และ 6) ด้านฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดง ซึ่งในทุกองค์ประกอบมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด มีรายละเอียด ดังนี้ (1) บทละคร พบว่า ค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจของผู้ชม มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มากที่สุด ทั้ง 3 ประเด็นย่อย โดยประเด็นที่มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจมากที่สุด ได้แก่ เค้าโครงเรื่องและบท ละครมีเนื้อหาที่เหมาะสม และ บทร้องมีความสอดคล้องเหมาะสมกับเนื้อเรื่องและการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากันที่ 4.91 รองลงมาคือ บทละครใช้ภาษาไพเราะสละสลวย เสนอข้อคิดสู่ผู้ชมได้อย่างชัดเจน ตรงประเด็น มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.88 และผลการประเมินรวมด้านบทละคร มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.90 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด (2) ผู้แสดง พบว่า ค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจของผู้ชม มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ที่สุด ทั้ง 3 ประเด็นย่อย โดยประเด็นที่มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจมากที่สุด ได้แก่ ผู้แสดงสามารถถ่ายทอด เรื่องราวและอารมณ์ตามบทบาทได้เป็นอย่างดี มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.95 รองลงมา ได้แก่การ คัดเลือกผู้แสดงมีบุคลิกภาพ และทักษะการแสดงเหมาะสมกับบทบาทตัวละคร และ องค์รวมของ ผู้แสดงมีความเหมาะสม สามารถโน้มน้าวให้ผู้ชมสนใจ ติดตามการแสดงได้อย่างต่อเนื่อง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากันที่ 4.94 และผลการประเมินรวมด้านผู้แสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.94 ระดับความ พึงพอใจมากที่สุด (3) เพลงและดนตรีประกอบการแสดง พบว่า ค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจของผู้ชม มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ทั้ง 3 ประเด็นย่อย โดยประเด็นที่มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจมากที่สุด ได้แก่ดนตรีประกอบการแสดงมีความไพเราะร่วมสมัย เหมาะสมกับละครร้องในยุคปัจจุบัน มีค่าเฉลี่ย
203 (̅) เท่ากับ 4.96 รองลงมา ได้แก่เพลงในการแสดงเหมาะสมกับอารมณ์และสอดคล้องกับการด าเนิน เรื่อง และ ดนตรีประกอบการแสดงมีความไพเราะร่วมสมัย สื่อสารอารมณ์ตามบทละครได้อย่าง ชัดเจน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากันที่ 4.95 และผลการประเมินด้านเพลงและดนตรีประกอบการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.95 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด (4) ลีลาประกอบการแสดง พบว่า ค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจของผู้ชม มีความพึง พอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ทั้ง 3 ประเด็นย่อย โดยประเด็นที่มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจมากที่สุด ได้แก่ องค์ประกอบรวมของท่าทางประกอบการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.91 รองลงมา ได้แก่ การออกแบบลีลาท่าทางของผู้แสดงที่ประกอบด้วยท่าก าแบ ท่าธรรมชาติ และท่านาฏศิลป์ มีความ เหมาะสม และ การออกแบบลีลาท่าทาง เหมาะสมกับการร้องเพลงในละครร้อง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากันที่ 4.90 และผลการประเมินด้านลีลาประกอบการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.90 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด (5) เครื่องแต่งกาย พบว่า ค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจของผู้ชม มีความพึงพอใจอยู่ใน ระดับมากที่สุด ทั้ง 3 ประเด็นย่อย โดยประเด็นที่มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจมากที่สุด ได้แก่ เครื่องแต่งกาย มีความสวยงามในการใช้สีออกแบบทรงผม เครื่องประดับสอดคล้องกับบทบาทของตัวละคร มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.95 รองลงมา ได้แก่ การสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายมีความเหมาะสมกับเนื้อเรื่อง และ เครื่องแต่งกายมีความสอดคล้องกับยุคสมัยชัดเจน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากันที่ 4.94 และผลการประเมิน ด้านเครื่องแต่งกาย มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.94 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด (6) ฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดง พบว่า ค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจของผู้ชมมี ความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ทั้ง 3 ประเด็นย่อย โดยประเด็นที่มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจมากที่สุด ได้แก่ น าสื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่มาบูรณาการใช้ออกแบบฉากประกอบการแสดงได้อย่างเหมาะสม มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.93 รองลงมาตามล าดับ ได้แก่ ฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดงส่งเสริมเนื้อ เรื่องให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.91 และฉากประกอบการแสดงมีความ เสมือนจริงสอดคล้องกับบทละคร มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.90 ผลการประเมินด้านฉากและอุปกรณ์ ประกอบการแสดงมีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.91 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด จากประเด็นที่ใช้ในการประเมินองค์ประกอบย่อยทั้ง 6 ด้าน ขององค์ประกอบการแสดง ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ มีค่าเฉลี่ยรวม (̅) เท่ากับ 4.92 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด 4) ด้านองค์รวมของผลงาน พบว่า ค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจของผู้ชม มีความพึงพอใจอยู่ ในระดับมากที่สุด ทั้ง 5 ประเด็นย่อย โดยประเด็นที่มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจมากที่สุด 2 ประเด็นเท่ากัน ได้แก่ แนวคิดในการสร้างสรรค์งานถ่ายทอดสู่การแสดงได้อย่างชัดเจน และ องค์ประกอบการแสดงมี ความสอดคล้องเหมาะสมกันอย่างเป็นเอกภาพ มีค่าเฉลี่ย (̅) ที่ 4.98 รองลงมา ได้แก่ การใช้พื้นที่ใน การแสดงมีความสัมพันธ์สอดคล้องกับท่าทาง จังหวะเพลง และเครื่องแต่งกาย และ การแสดงส่งผลให้ ท่านอตระหนักถึงข้อคิด “รักเกินรัก มักเกิดทุกข์” มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากันที่ 4.95 อันดับสุดท้าย ได้แก่ ระยะเวลาที่ใช้แสดงมีความเหมาะสม มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.90 ผลการประเมินด้านองค์รวมของ ผลงาน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.95 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด
204 จากผลการประเมินรวมทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านแนวคิดการแสดง 2) ด้านรูปแบบ การแสดงและการร้องเพลง 3) ด้านองค์ประกอบการแสดง และ 4) ด้านองค์รวมของผลงาน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.94 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด ซึ่งเมื่อแยกตามรายประเด็นแล้ว ผู้ชมมีความพึงพอใจ ในละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ระดับมากที่สุด 5คะแนน มีค่าเฉลี่ย 75.52 คิดเป็นร้อยละ 94.40 ระดับมาก 4คะแนน มีค่าเฉลี่ย 3.86 คิดเป็นร้อยละ 4.83และ ระดับปานกลาง 3คะแนน มีค่าเฉลี่ย 0.77 คิดเป็น ร้อยละ 0.77 ระดับน้อยและน้อยที่สุดไม่มีผู้ประเมิน คิดเป็นร้อยละ 0 ผลการตอบแบบสอบถามความคิดเห็นและข้อเสนอแนะแบบปลายเปิด เพื่อให้ผู้ชมได้เสนอความ คิดเห็นและข้อเสนอแนะอย่างอิสระที่มีต่อละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ ผ่านแอพพลิเคชั่นกูเกิลฟอร์ม (Google Forms) ปรากฏดังตารางดังต่อไปนี้ ตารางที่45 การแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ชมละครร้องเรื่องเครือณรงค์ อาชีพ ระดับการศึกษา ความคิดเห็น ครู อาจารย์ สูงกว่าปริญญาตรี 1) ทรงคุณค่า สมเกียรติดุษฎีบัณฑิต โปรดน าองค์ ความรู้ต่อยอดให้กับวงการศิลปะของไทย 2) หากปรับเพลงภูมิหลังให้ลดเสียงในขณะที่ตัว ละครร้องจะดีมาก จะท าให้ฟังผู้แสดงร้องและสื่อสารได้ ชัดเจนมากขึ้นผลงานดี มีความใส่ใจในรายละเอียดต่าง ๆ 4) การแสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์นี้สามารถ ดึงอารมณ์ของผู้ชมได้ดีในแต่ละฉากแต่ละซีน 5) ละครร้องเป็นละครที่หาดูได้ยากมาแต่ผู้วิจัยได้ สร้างสรรค์ผลงานเรื่องเครือณรงค์ได้สุดยอดมากค่ะ ปริญญาตรีหรือ เทียบเท่า 1) ประโยคควรละมุนละม่อมมากกว่านี้ ตอนเครือ ณรงค์ต่อว่าแม่จ าปา 2) อยากให้แสดงทั้งเรื่อง 3) อยากให้มีการจัดแสดงให้เด็กนักเรียนได้มี โอกาสชมอีกค่ะ 4) อยากให้เผยแพร่ให้ชมต่อไป อีกในงานอื่นต่อ ๆ ไปค่ะ ถ้าเพิ่มน้ าหนักเนื้อเรื่องตรงที่จ ารักษ์กับพี่ชายท า ให้เสียใจจนฆ่าตัวตายอีกนิดจะสมบูรณ์แบบมาก ๆ ค่ะ โดยรวมคือสนุกมาก ๆ
205 ตารางที่45 การแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ชมละครร้องเรื่องเครือณรงค์(ต่อ) อาชีพ ระดับการศึกษา ความคิดเห็น นักเรียน นักศึกษา ปริญญาตรีหรือเทียบเท่า 1) ชอบแนวคิดและผลงานมาก ๆ ค่ะสื่อ ออกมาได้ดีมาก ๆ 2) ผู้แสดงสามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดี มาก ท าให้ผู้ชมสามารถคล้อยตามไปกับความรู้สึก และอารมณ์ของตัวละคร การใช้เวทีมีความ หลากหลาย แต่ในบางฉากที่ผู้แสดงออกมาผู้ชมไม่ สามารถมองเห็นผู้แสดงได้ชัดเจน (ตอนที่ผู้แสดง เดินออกมาข้างผู้ชม) ในบางฉากอาจจะเห็นได้ไม่ ชัดเจน 3) เป็นการแสดงที่ไม่เคยชมมาก่อน เป็นการ แสดงที่หน้าตื่นตาตื่นใจมาก ชุดที่แต่งสวยงามมาก เป็นละครน้ าดีมาก มัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า 1) อยากดูแบบเต็มเรื่องทั้ง 11 องก์ 2) เป็นไปได้อยากให้แสดงทั้งเรื่องครับถ้ามี โอกาส 3) ชอบมากค่ะ สื่อถึงแม่ลูกได้ดีมาก บุคคลทั่วไป ปริญญาตรีหรือเทียบเท่า 1) วันนี้ประทับใจค่ะ ไม่ได้อยู่ตอนที่ถึงตอบความ คิดเห็น แต่แสดงความคิดเห็นให้ตรงนี้นะคะ เป็น คนที่ไม่รู้เรื่องเลย ในสาวเครือฟ้า และไม่คิดว่าจะ เข้าใจในตอนที่เล่นนี้ แต่ได้เล่าความเป็นมาจึงรู้ว่า เป็นอย่างไรกับแค่สาม ฉาก สุดยอดค่ะ เก่งมาก จากคนไม่รู้อะไรเลยกลายเป็นรู้เรื่องราวตั้งแต่ต้น ยังจบ ทุกอย่างดีมากค่ะไม่ว่าตัวละครบทน าค า ร้องทุกอย่างเลย ได้อินถึง ขอบคุณที่ได้สร้าง ผลงานที่มีการแสดงที่ดี ย่าชอบมาก อยากให้ท า การแสดงแบบนี้อีกต่อไปเรื่อย ๆ เลยค่ะ 2) เครือณรงค์ และจ ารักษ์ ร้องเพลงได้ไพเราะ มากมาย แสดงเข้าถึงบทบาทชมแล้วอินเหมือนได้ ย้อนยุคสู่อดีต ดูเครือณรงค์แล้วนึกถึงทักษิณ แจ่มผล น่ารักมีเสน่ห์ ส่วนจ ารักษ์แสดงได้ดีมากเช่นกัน ทั้งคมทั้งนุ่มท าให้นึกถึงคุณฉลอง สิมะเสถียร ชื่น ชมผู้สร้างละครอย่างมากเช่นกัน ที่สร้างละครให้ ผู้คนได้รับชมอย่างสนุกสนาน เพลิดเพลิน ได้ อนุรักษ์ละครไทยควบคู่ไปด้วย
206 ตารางที่45 การแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ชมละครร้องเรื่องเครือณรงค์(ต่อ) อาชีพ ระดับการศึกษา ความคิดเห็น 3) น่าจะเป็นละครร้องย้อนยุคที่ท าได้ดีมากทั้ง ร้อยแก้วร้อยกรองสละสลวยน่าจะแสดงให้ครบจบ เรื่องก็จะเป็นละครที่ทรงคุณค่าที่สุดของวงการ ละครเวทีของไทย ขอชมเชยผู้สรรค์สร้างละคร เรื่องนี้ด้วยการปรบมือดัง ๆ สัก 100 ครั้ง 4) Perfect 5) ฉากสุดท้ายบีบหัวใจสุด ๆ 6) ชอบครับ ชอบมาก ที่มา: ผู้วิจัย 3. องค์ความรู้ใหม่ที่ได้รับจากการสร้างสรรค์ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิดทฤษฎีต่าง ๆ น ามาใช้เป็นแนวทางการในประกอบสร้างละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ ในการสร้างสรรค์การแสดงประเภทละครนั้นเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน ผู้วิจัย จ าเป็นต้องวิเคราะห์องค์ความรู้เดิมจากเอกสารและประสบการณ์ของผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจน ประสบการณ์ด้านการละคร และการช่างสังเกตมาสร้างสรรค์เป็นละครร้องเรื่องเครือณรงค์ เมื่อผู้วิจัย วางแนวทางมโนทัศน์ในการสร้างสรรค์ละครที่แน่วแน่ จึงได้ถอดภาพร่างนั้นออกมาให้ปรากฏเป็น ละครผ่านกระบวนฝึกซ้อมและปรับปรุงพัฒนาแก้ไขหลายครั้งเพื่อให้เกิดความบกพร่องน้อยที่สุดจน ส าเร็จลุล่วงเป็นที่น่าพึงพอใจและได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ชม ตลอดระยะเวลา 4 ปีเต็มใน การศึกษาเพื่อสร้างสรรค์ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ผู้วิจัยพบองค์ความรู้จากการสร้างสรรค์ละคร ดังนี้ 3.1 องค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นต่อตนเอง จากกระบวนการสร้างสรรค์ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ผู้วิจัยพบว่า สิ่งส าคัญที่สุดของ การสร้างละครคือทักษะการบริหารจัดการ ซึ่งกระบวนการสร้างสรรค์ละครครั้งนี้ ผู้วิจัยได้รับ ประสบการณ์และองค์ความรู้ต่อตัวผู้วิจัยมากมาย เนื่องด้วยละครร้องเรื่องเครือณรงค์เป็นวิทยานิพนธ์ ที่ก่อก าเนิดมาจากตัวผู้วิจัยเอง ผู้วิจัยจึงจ าเป็นต้องควบคุมการผลิตให้ครอบคลุมครบตามแนวคิดครบ ทุกด้าน จึงต้องเรียนรู้การเป็นผู้อ านวยการสร้าง การเป็นผู้ก ากับการแสดง การเป็นผู้เขียนบทละคร การเป็นผู้ก ากับเวที การเป็นผู้ออกแบบองค์ประกอบต่าง ๆ ตลอดจนการเป็นผู้จัดการฝ่ายธุรการซึ่งใน ทุกหน้าที่นั้นผู้วิจัยด าเนินการวางแผน ก าหนดรายละเอียดอย่างชัดเจน มอบหมาย ก ากับและติดตาม ให้ผู้มีความรู้เฉพาะมามีส่วนร่วมในการด าเนินงาน จากหน้าที่ต่าง ๆ ผู้วิจัยได้เรียนรู้การท างาน พบเป็นองค์ความรู้ใหม่ดังนี้ 3.1.1 ในฐานะผู้อ านวยการสร้าง ผู้วิจัยได้เรียนรู้กระบวนการผลิตละครอันซับซ้อนที่ต้อง ท างานหลายขั้นตอนกับบุคลากรหลายคนที่มีความหลากหลายด้านความคิด รวมทั้งเรียนรู้วิธี การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดเวลาในการสร้างละคร จึงจ าเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีขั้นตอน การวางแผนจัดแบ่งหน้าที่อย่างมีระบบระเบียบ พร้อมด้วยการยึดถือขันติธรรมในการบริหารจัดการ
207 ขันติธรรม เป็นหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ที่ผู้วิจัยน้อมน ามายึดถือปฏิบัติตลอด ระยะเวลาการสร้างสรรค์ละคร ขันติธรรมคือความอดทนอดกลั้น แบ่งออกได้เป็น 3 ประการ ได้แก่ 1) การอดทนต่อความยากล าบาก ในที่นี้คือความอดทน อดกลั้นในการฝ่าฟัน อุปสรรคที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาการผลิตละคร เมื่อผู้อ านวยการสร้างมีจิตใจที่มั่นคงแน่วแน่ใน การอดทนต่อความยากล าบากจะส่งผลต่อผู้ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ให้อดทนเพื่อความส าเร็จของละคร 2) การอดทนต่อการตรากตร า ในที่นี้คือการอดทนต่อความทุกข์ยากที่เกิดจาก การท างานร่วมกัน ซึ่งการท างานกับคนจ านวนมากมักเกิดข้อโต้แย้งน ามาสู่ความบาดหมาง ซึ่งในฐานะ ผู้อ านวยการสร้างจ าเป็นต้องมีความอดทนต่อพฤติกรรมต่าง ๆ ของผู้ร่วมงาน และไม่ละทิ้งหน้าที่ 3) การอดทนต่อกิเลส ในที่นี้ คือการอดทนต่อค ากล่าวหา ว่าร้ายจากผู้อื่น ซึ่งใน การท างานทักมีผู้นินทาว่าร้าย แต่หากผู้อ านวยการสร้างละครอดทนต่อกิเลสเหล่านี้ได้ ก็จะน าพาสู่ ความส าเร็จในเบื้องหน้า 3.1.2 ในฐานะผู้ก ากับการแสดง ผู้วิจัยได้เรียนรู้ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ต่าง ๆ เป็น ศูนย์รวมของบุคลากรในองค์กรการผลิตละคร ซึ่งในการเป็นผู้ก ากับนั้นจ าเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานใน งานละครรูปแบบนั้น ๆ เป็นอย่างดี มีความมั่นใจในตัวเอง มีความคิดที่แน่วแน่มั่นคง กล้าคิดกล้า แสดงออก มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะในการวิเคราะห์แก้ไขปัญหาต่าง ๆ มีใจเปิดกว้างพร้อมรับฟัง ความคิดเห็นเพื่อน ามาปรับปรุงพัฒนาละครให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น รวมทั้งมีวาทศิลป์ในการสื่อสาร ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ เป็นละครเรื่องแรกในชีวิตของผู้วิจัยที่ลงมือก ากับเองใน ทุกองค์ประกอบ กระบวนการก ากับการแสดงเป็นเรื่องใหม่ที่มีความท้าทายมาก อย่างไรก็ตามผู้วิจัย ค้นพบว่า การมุ่งจะท างานให้ส าเร็จต้องมีทีมงานที่ดีคอยช่วยเหลือ โดยการท างานร่วมกันหลายคนนั้น จ าเป็นที่ทีมงานทุกคนต้องมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์การท างานไปในทิศทางเดียวกันภายใต้ การก ากับติดตามของผู้ก ากับ และทีมงานทุกคนต้องมีความพึงพอใจในหน้าที่ที่ตนเองได้รับมอบหมาย มีการประสานงานร่วมมือ มีความสามัคคี และเชื่อใจซึ่งกันและกันจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพของงานที่ ดีกว่าการท าเพียงคนเดียว 3.1.3 ในฐานะผู้เขียนบทละคร ผู้วิจัยได้เรียนรู้ขั้นตอนอันซับซ้อนของสร้างบทละครร้อง โดยผู้เขียนบทจ าเป็นต้องศึกษาบทละครเดิมอย่างละเอียด ถอดความเดิมของละครให้ครบถ้วน และ จึงสร้างโครงเรื่องว่าละครนั้นจะสื่อสารในประเด็นใด เมื่อได้โครงเรื่องที่ชัดเจนจะสามารถก าหนดการ เปิดเรื่อง การด าเนินเรื่อง และการปิดเรื่องได้ ซึ่งละครร้องเรื่องเครือณรงค์ปิดเรื่องแบบโศกนาฏกรรม การด าเนินเรื่องจะต้องมีปมปัญหาที่เพิ่มระดับขึ้นเรื่อย ๆ ถึงจุดวิกฤตของปัญหาจนหักเหส่งผลต่อ การกระท าของตัวละครในจุดจบ เมื่อได้โครงเรื่องที่ชัดเจน จึงจะสามารถประพันธ์บทร้อยแก้ว ร้อยกรอง ในบทละครได้ ในการประพันธ์กลอนบทละครร้องเรื่องเครือณรงนั้น ส่วนใหญ่เป็นการประพันธ์ใน ฉันทลักษณ์กลอน 8 ผู้เขียนบทจะต้องมีความรู้หลักของภาษาไทยในเรื่องบทร้อยกรอง รู้สัมผัสใน สัมผัสนอก และการร้อยเรียงเนื้อเรื่องผ่านบทร้อยกรองเป็นล าดับ ส าหรับองค์ความรู้ที่ผู้วิจัยได้รับจาก ประสบการณ์การเป็นผู้เขียนบทละคร ได้แก่ วิธีการตัดต่อบทละคร และวิธีการดัดแปลงบทร้อยกรอง เป็นค าประพันธ์ไม่อิงฉันทลักษณ์ วิธีการตัดต่อบทละครที่เป็นบทร้องกรองนั้น เมื่อละครต้องการความ กระชับ การปรับค ากลอนจะต้องตัดส่วนที่ไม่จ าเป็นออก ให้คงเหลือเฉพาะส่วนส าคัญที่ต้อง
208 การสื่อสารเท่านั้น โดยกระบวนการตัดต่อนี้จะต้องพิจารณาถึงการรับสัมผัสของค าในบทละคร รวมถึง ความสละสลวยเชื่อมโยงต่อเนื่องควบคู่ด้วย ในส่วนของวิธีการดัดแปลงบทร้อยกรองเป็นค าประพันธ์ ไม่อิงฉันทลักษณ์ ผู้เขียนบทจ าเป็นต้องถอดความเดิมในสิ่งที่จะสื่อสารให้ครบถ้วน และน าข้อความมา เรียงร้อยใหม่ในรูปแบบ (Form) ตามเพลงที่ต้องการ โดยในการดัดแปลงนั้นจะต้องค านึงถึงเสียง วรรณยุกต์ การใช้ค าเป็น ค าตายที่เหมาะสม เพื่อใหเกิดความสละสลวยในด้านภาษา 3.1.4 ในฐานะผู้ก ากับเวทีผู้วิจัยได้รับองค์ความรู้เรื่องการบริหารจัดการเวที บริหาร จัดการนักแสดง และการบริหารจัดการองค์ประกอบโดยรวมในภาพที่เกิดขึ้นบนเวที ผู้ก ากับเวที จะต้องเป็นผู้ตั้งใจปฏิบัติตามผู้ก ากับการแสดงอย่างเคร่งครัด จากการถอดประสบการณ์การเป็นผู้ ก ากับเวทีของผู้วิจัยในการแสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ พบว่า การเป็นผู้ก ากับเวทีที่ดีต้องมี ความสามารถในการควบคุมส่วนงานย่อยต่าง ๆ ให้ด าเนินไปตามแนวคิดที่วางไว้ข้างต้น และต้องเป็น ผู้มีความละเอียดถี่ถ้วน มีความรู้ด้านการควบคุมการแสดงในด้านต่าง ๆ ตลอดจนต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจ ร่าเริงแจ่มใจ เพื่อควบคุมความเครียดและวิตกกังวลต่าง ๆ ในกับบุคลากรในฝ่ายต่าง ๆ ซึ่งหน้าที่ที่ ส าคัญของผู้ก ากับเวที คือการก ากับการแสดงที่จะเกิดขึ้นบนเวที เช่น ก าหนดต าแหน่งของฉาก อุปกรณ์ประกอบฉาก อุปกรณ์ประกอบการแสดง แสง สี เสียง ผู้แสดง และมีอ านาจในการออกค าสั่ง ในการเปิดและปิดฉาก 3.1.5 ในฐานะผู้ออกแบบองค์ประกอบการแสดง เนื่องจากผู้วิจัยเป็นผู้ออกแบบสร้าง องค์ประกอบเองทั้งหมด ผู้วิจัยจึงได้รับองค์ความรู้จากการสร้างสรรค์ทุกองค์ประกอบ ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1) การออกแบบสร้างสรรค์ดนตรีและเพลงประกอบการแสดงละครร้องเรื่อง เครือณรงค์ พบว่า กระบวนการสร้างสรรค์มีความแตกต่างกับการสร้างเพลงประกอบการแสดง รูปแบบอื่น ๆ เนื่องจากละครร้องเป็นละครที่ต้องด าเนินเรื่องราวด้วยการร้องเพลง เพลงจึงเป็นหัวใจ ส าคัญของละคร การสร้างสรรค์ดนตรีและเพลงประกอบการแสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ผู้วิจัย ก าหนดใช้วงดนตรีไทยคอนเทมโพรารี่ (Contemporary) และใช้เพลงไทยเดิมในการด าเนินเรื่องราว ซึ่งขั้นตอนในการสร้างสรรค์ดนตรีมีรายละเอียดมาก ความส าคัญของการสร้างสรรค์เพลงในละครร้อง เรื่องเครือณรงค์จึงอยู่ที่การเลือกใช้เพลงไทยเดิมที่เหมาะสมกับอารมณ์ของตัวละครและเหมาะสมกับ ความสามารถของผู้แสดงมาเลือกใช้ ผู้วิจัยพบวิธีการสร้างสรรค์เพลงประกอบละครร้อง ซึ่งเป็นองค์ ความรู้ที่ไม่เคยปรากฏในการสร้างสรรค์เพลงในละครไทยรูปแบบใด มีทั้งหมด 9 ขั้นตอน ดังนี้ 1) บรรจุเพลงโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านดุริยางคศิลป์ และคีตศิลป์ 2) พิจารณาความเชื่อมโยงของหน้า ทับและระดับเสียงในแต่ละเพลง 3) บันทึกเสียงดนตรีไทย 4) น าเสียงบันทึกมาสร้างสรรค์เส้นเสียงที่ เหมาะสมกับเครื่องดนตรีสากล 5) เรียบเรียงเสียงประสานเครื่องดนตรีไทย เสียงสังเคราะห์ของเครื่อง ดนตรีสากล ตลอดจนเสียงสังเคราะห์พิเศษ 6) ก าหนดรูปแบบการร้องให้สอดคล้องกับท านองดนตรี อารมณ์ และบรรยากาศในเรื่อง 7) บันทึกเสียงลูกคู่ สอดประสานเข้ากับท านองดนตรี 8) น าเสียง บันทึกที่ได้มาให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านคีตศิลป์ไทยและคีตศิลป์สากลพิจารณาหาเส้นเสียง และ 9) ปรับแก้ไข เพิ่มมิติของเสียงสังเคราะห์เทคนิคพิเศษ เพื่อความสมจริงในสถานการณ์ของละคร 2) การออกแบบสร้างสรรค์ลีลาท่าทางประกอบการแสดงละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ พบว่า การออกแบบลีลาท่าทางประกอบละครร้องสามารถออกแบบท่าทางได้อย่างอิสระ แต่สิ่งที่ควร ค านึงคือ ลีลาท่าทางนั้น ๆ จะต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการเปล่งเสียงร้องเพลงและไม่ขัดกับจังหวะเพลง
209 โครงสร้างลีล่าท่าทางประกอบละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ประกอบด้วย ท่าทางกิริยาธรรมชาติของ มนุษย์ร้อยละ 50 ท่าทางก าแบร้อยละ 30 และท่าทางนาฏศิลป์ไทยร้อยละ 20 ซึ่งในท่าทางต่าง ๆ นี้มี การเคลื่อนไหวต าแหน่งในการแสดงที่หลากหลาย ทิศทางการเคลื่อนที่ของตัวละครผู้วิจัยออกแบบให้ ใช้พื้นที่การแสดงด้วยการเคลื่อนไหวจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งของเวที ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง และด้านเฉียง การเคลื่อนที่จะช่วยสื่ออารมณ์และความหมายของตัวละครได้เป็นอย่างดี ดังจะยกตัวอย่างการเคลื่อนที่ที่ปรากฏในละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ดังนี้ (1) การเคลื่อนที่เข้าหาคนดู แสดงถึงความยิ่งใหญ่ในการเปิดตัวผู้แสดงความ น่าสนใจ ดึงดูดให้ผู้ชมเกิดความสนใจในเนื้อเรื่องของละคร (2) การถอยออกจากคนดู แสดงถึงความสูญเสีย หวาดกลัว ใช้ในช่วง (3) การขนานกับคนดู เน้นให้คนดูในจุดต่าง ๆ มองเห็นผู้แสดงได้เท่าเทียมกัน และ เป็นการน าสายตาคนดูไปสู่การแสดงอีกจุดหนึ่ง แสดงถึงความเรียบง่ายในวิถีชีวิตของตัวละครในเรื่อง (4) การทแยงมุมกับคนดู แสดงถึงความลึกในมิติของการแสดงในฉากให้ ความรู้สึกจูงใจน้อยกว่าการเดินเข้าหาตรง ๆ แบบตั้งฉาก สามารถแสดงอารมณ์ได้หลากหลาย (5) การวนเป็นวงหน้าคนดู แสดงความผูกพันของตัวละคร และความเป็น อันหนึ่งอันเดียวกันในความคิดของตัวละคร (6) การเคลื่อนไหวอย่างฉวัดเฉวียน แสดงความมั่นใจ ความแน่วแน่ในความคิด ของตัวละคร (7) การยกสูง เพื่อแสดงพลังของความสง่างาม เป็นที่น่ายกย่องและเคารพนับถือ (8) การกดต่ า แสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน ความกลัวไม่กล้าเผชิญหน้าต่อสิ่งร้ายแรง 3) การออกแบบสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายในละครร้องเรื่องเครือณรงค์ พบว่า การออกแบบเครื่องแต่งกายส าหรับการแสดงละคร จะต้องออกแบบให้ตรงยุคสมัยที่ก าหนด เนื่องจาก เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องราวของสามัญชน ฉะนั้นเครื่องแต่งกายจะต้องเป็นไปตามแฟชั่นของ ยุคสมัยนั้นอย่างชัดเจน รายละเอียดการตัดเย็บ การเลือกเนื้อผ้า การประดับตกแต่งให้สวยงาม ล้วนสามารถท าได้ในกรอบของความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสมัยนั้น ๆ แตกต่างกับการออกแบบสร้างสรรค์ เครื่องแต่งกายของระบ าในการแสดงนาฏศิลป์ไทยหรือละครร า ที่เน้นความวิจิตรงดงามเป็นหลัก ในกระบวนการสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายประกอบละครร้องจะต้องค านึงถึงความคล่องตัวในการเคลื่อนไหว ของผู้แสดง ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเปล่งเสียงร้อง ตลอดจนความเหมาะสมสอดคล้องกับฉาก แสง สี ที่ก าหนดใช้ 4) การออกแบบสร้างสรรค์ฉากประกอบการแสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ พบว่า การใช้จอ LED (Light Emitting Diode) เป็นฉากประกอบการแสดง จะต้องพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ สีขาวในการประดับตกแต่งภาพในฉาก เนื่องจากเมื่อจอ LED (Light Emitting Diode) แสดงผลสีขาว จะมีความสว่างมากกว่าผู้แสดงที่อยู่ด้านหน้า ความโดดเด่นของแสงสีขาวสามารถดึงดูดสายตาผู้ชมจน เสียอรรถรสในการแสดง และฉากที่เขียนขึ้นใหม่ทุกฉาก เมื่อน าขึ้นจอเพื่อแสดงผลจ าเป็นต้องลดแสง (Dimming) ร้อยละ 10 – 20 เพื่อให้จอไม่สว่างเกินไปกว่าแสงไฟที่ส่องหน้าเวที อีกทั้งในการออกแบบ ขนาด (Scale) ของฉากจ าเป็นต้องวัดขนาดตามความเป็นจริง กล่าวคือ ฉากที่เป็นฉากภายในบ้าน
210 มักจะมีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง การออกแบบภาพฉากเพื่อประกอบการแสดงจะต้องออกแบบภายในหลัก ความเป็นจริงที่จะสามารถสอดรับกับตัวละครและอุปกรณ์ประกอบฉากได้ลงตัว 3.2 องค์ความรู้ใหม่ที่เกิดต่อวงวิชาชีพนาฏศิลป์ 3.2.1 กระบวนการสร้างสรรค์ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ จากการสร้างสรรค์ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ผู้วิจัยได้เรียนรู้ว่า กระบวนการสร้างสรรค์ ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ มีความแตกต่างกับการสร้างสรรค์ละครไทยในรูปแบบอื่น ๆ เนื่องจากละคร ร้องเป็นละครที่มีลักษณะพิเศษทางด้านการร้องเพลง กระบวนการสร้างสรรค์ที่ดีควรต้องเริ่มจากการ วางแนวคิดที่ชัดเจน และก าหนดองค์ประกอบให้อยู่ภายใต้แนวความคิดตั้งต้น ซึ่งการสร้างสรรค์ละคร ร้องเรื่องเครือณรงค์ ผู้วิจัยก าหนดให้มี 3 ขั้นตอนใหญ่ ๆ ได้แก่ ขั้นตอนการเตรียมการผลิตละคร ขั้นตอนการแสดงละคร และขั้นตอนการประเมินผลของละคร ซึ่งขั้นตอนการเตรียมการผลิตละครนั้น ผู้วิจัยเห็นว่าเป็นกระบวรการที่มีความส าคัญมากที่สุด เพราะหากมีการเตรียมการผลิต และ การวางแผนที่ดี จะส่งผลต่อขั้นตอนต่อไปอย่างสัมพันธ์กัน การเตรียมการผลิตละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ผู้วิจัยเห็นว่า ขั้นตอนย่อยที่เป็นขั้นตอน การออกแบบต่าง ๆ ควรมีความยืดหยุ่นเพื่อให้องค์ประกอบทุกองค์ประกอบมีความสัมพันธ์กันอย่าง เป็นเอกภาพ ส าหรับละครร้องเรื่องเครือณรงค์ มีขั้นตอนการออกแบบสร้างสรรค์องค์ประกอบต่าง ๆ ซึ่งวงวิชาชีพทางด้านนาฏศิลป์ หรือผู้ที่สนใจสามารถน าไปใช้ประโยชน์ รายละเอียดดังนี้ 1) การก าหนดแนวคิดที่ชัดเจน 2) การก าหนดรูปแบบการแสดงที่ชัดเจน 3) การคัดเลือกเรื่องที่จะท าการแสดง 4) การก าหนดองค์ประกอบต่าง ๆ ในการแสดง (1) การสร้างสรรค์บทละคร เมื่อได้เรื่องที่จะแสดงชัดเจนแล้ว จะต้องทราบก่อนว่า จะแสดงเรื่องนั้น ๆ ตลอดเรื่อง หรือตัดตอนน ามาแสดง หรือจะน าบทเดิมมาเรียบเรียงปรับปรุงใหม่ โดยวัตถุประสงค์ในการน าเสนออย่างชัดเจนและสอดคล้องกับแนวคิดและรูปแบบที่ก าหนดไว้ข้างต้น ซึ่งการสร้างบทละครร้องมีส่วนสัมพันธ์กับตัวละครและเพลงอย่างขาดไม่ได้ เพราะความสามารถของ ตัวละครจะมีส่วนช่วยก าหนดตัวบทว่าจะเป็นอย่างไร เพลงและดนตรีก็เป็นส่วนส าคัญที่ส่งผลต่อ บทละครเพราะในโครงสร้างของเพลงบางเพลงก็ไม่เหมาะกับการประพันธ์บางชนิด ฉะนั้น กระบวน การสร้างสรรค์บทละครจึงจะต้องด าเนินการควบคู่กับการคัดเลือกผู้แสดงและการสร้างสรรค์เพลง และดนตรีประกอบละคร (2) การคัดเลือกผู้แสดง ความสามารถของผู้แสดงละครร้อง ควรมีคุณลักษณะ พิเศษในด้านทักษะการร้องเพลง ทักษะการแสดง ทักษะการสื่ออารมณ์ และควรมีประสบการณ์ การรับชมหรือร่วมแสดงละครร้องมาแล้ว เนื่องจากละครร้องเป็นการแสดงที่ต้องอาศัยความสามารถ ของผู้แสดงมาก การคัดเลือกผู้แสดงที่เข้าใจกระบวนการของละครร้อง หรือ มีความรู้ในด้านเพลงร้อง จะช่วยส่งผลให้ละครมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น (3) การสร้างสรรค์เพลงและดนตรีประกอบละคร ในการสร้างสรรค์เพลงและ ดนตรีประกอบละครร้อง จะต้องสร้างเพลงและอัดเสียงร้องต้นฉบับเพื่อเป็นแบบร่างให้ผู้แสดงให้ เรียนรู้จังหวะและระดับเสียงก่อน หากใช้ดนตรีสดในการแสดงควรมีการฝึกซ้อมกับลูกคู่หลายครั้งให้
211 เกิดความเคยชินและช านาญ แต่หากไม่ใช้ดนตรีสดจ าเป็นต้องอัดเสียงลูกคู่ เพื่อให้นักแสดงได้ฝึกซ้อม ด้วยตนเองมาให้เกิดความเคยชิน ซึ่งในการสร้างสรรค์เพลงและดนตรีควรมีความยืดหยุ่นให้นักแสดง ได้ปรับระดับเสียงตามความถนัด เพื่อความสะดวกในการแสดงละคร (4) การสร้างสรรค์ลีลาท่าทางประกอบละคร เมื่อได้บทละคร ผู้แสดงละครเพลง และแนวทางการร้องเพลงเรียบร้อยแล้ว จึงจะสามารถออกแบบสร้างสรรค์ลีลาท่าทางประกอบละคร ได้ ซึ่งการออกแบบลีลาท่าทางในละครร้องเดิมมักใช้ท่าก าแบเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันด้วยพลวัตความ เปลี่ยนแปลงของสังคม ผู้ชมต้องการรับชมการแสดงที่รวดเร็วและเป็นธรรมชาติมากที่สุด การออกแบบลีลาท่าทางจึงควรน าท่าทางของละครเวทีมาใช้ประกอบการแสดง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความ สมจริงในการด าเนินชีวิตส่งผลให้ผู้ชมรู้สึกมีส่วนร่วมในละครอย่างง่ายดาย (5) การสร้างสรรค์เครื่องแต่งกาย ในการสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายประกอบละคร ร้อง ควรมีความละเอียดถี่ถ้วนในเรื่องของยุคสมัยในละคร ข้อควรค านึงส าคัญคือเครื่องแต่งกาย จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการเปล่งเสียงของผู้แสดง (6) การสร้างสรรค์ฉาก และอุปกรณ์ประกอบการแสดง ส าหรับการสร้างสรรค์ ฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดง จะต้องสร้างสรรค์ให้สอดคล้องกับเนื้อหาในละคร ไม่เป็นอุปสรรค ต่อการแสดง และมีส่วนส่งเสริมให้การแสดงมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น 3.2.2 โครงสร้างและลักษณะส าคัญของละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ละคร คือศิลปะการสื่อสารเรื่องราวที่ถ่ายทอดสู่ผู้ชม ให้รับรู้ถึงคุณค่าในศิลปะแขนงต่าง ๆ ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ เป็นละครที่รวมงานศิลปะ ประเภทวรรณศิลป์ ทัศนศิลป์ มัณฑนศิลป์ ดุริยางคศิลป์ และนาฏศิลป์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว ผู้วิจัยได้ก าหนดรูปแบบการแสดงไว้ชัดเจนตั้งแต่ต้น ว่า “เล่น ร้อง ท านองไทย” ซึ่งรูปแบบการแสดงนี้ล้วนเป็นโครงสร้างหลักของละครร้อง เมื่อพิจารณาพบว่า ค าว่า เล่น คือการที่ผู้แสดงเล่นหรือแสดงออกเพื่อสื่อสารตามบทละคร รวมไปถึง การแสดงอารมณ์ สีหน้า ลีลาท่าทาง ค าว่า ร้อง คือการที่ผู้แสดง ร้องเพลงในการด าเนินเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งในส่วนนี้ถือเป็น ลักษณะส าคัญของละครร้องเรื่องเครือณรงค์ เนื่องจากมีรูปแบบการร้องเพลงที่หลากหลาย ผู้วิจัยพิจารณา คัดเลือกรูปแบบการร้องที่เหมาะสมในแต่ละอารมณ์และเพลงมาผสมผสานกันอย่างลงตัว ค าว่า ท านองนองไทย คือ การใช้เพลงไทยเดิม มาใช้ในการสื่อสารละคร ด้วยละครร้อง คือศิลปะการแสดงของไทยที่ใช้เพลงไทยในการด าเนินเรื่อง การประยุกต์เพลงไทยมีความร่วมสมัยจึง มีความไพเราะเกิดเป็นความใหม่ในความเก่า กล่าวคือ มีการสร้างสร้างสรรค์แนวท านองเพลงให้มี ความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น ผู้วิจัยพิจารณาเห็นว่ารูปแบบการแสดง “เล่น ร้อง ท านองไทย” เป็นโครงสร้างหลักของ ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ แต่สิ่งส าคัญที่ขาดไม่ได้คือองค์ประกอบที่เป็นโครงสร้างรอง ได้แก่ ฉากและ อุปกรณ์การแสดง เครื่องแต่งกาย การบริหารจัดการด้านต่าง ๆ ตลอดจนผู้ชมที่จะหลอมรวมให้ละคร ร้องเรื่องเครือณรงค์มีความสมบูรณ์
212 3.2.3 รูปแบบการร้องเพลงในละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ ส าหรับรูปแบบการร้องเพลงที่ปรากฏในละครร้องเรื่องเครือณรงค์ มีทั้งหมด 6 รูปแบบ เป็นการบูรณาการรูปแบบการร้องเพลงของไทยเข้ากับการร้องเพลงสากล ซึ่งไม่เคยมีปรากฏใน การแสดงละครร้องของไทย ในกระบวนการสร้างสรรค์รูปแบบการร้องเพลงทั้ง 6 รูปแบบนี้ ผู้วิจัยได้ ค้นคว้าข้อมูลเป็นจ านวนมากเพื่อผสมผสานรูปแบบการร้องให้มีเหมาะสมสอดคล้องกันอย่างมี เอกภาพตลอดทั้งเรื่อง สามารถอธิบายได้ดังนี้ 1) การร้องแบบมีลูกคู่ หรือการร้องสลับพูด เป็นรูปแบบการร้องเพลงในละครร้อง ปรีดาลัย ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ โดยตัวละครจะร้องเพลงในส่วนที่ เป็นค าพูดของตัวเองเท่านั้น ไม่ต้องเอื้อนเอง มีลูกคู่ร้องบรรยายความรู้สึกนึกคิดหรือบรรยากาศของ สถานการณ์ให้ ลูกคู่จะมีส่วนช่วยพยุงเสียงร้องให้นักแสดงในการร้องเพลง ในกระบวนการสร้างสรรค์ รูปแบบการร้องแบบมีลูกคู่นั้น ผู้วิจัยได้เพิ่มเติมเสียงลูกคู่ที่เป็นเสียงชายจริงหญิงแท้เข้าไป เพื่อให้เกิด ความสมจริงมากยิ่งขึ้น กล่าวคือ เมื่อเป็นบทของผู้ชาย ลูกคู่ที่เอื้อนรับก็จะใช้เสียงผู้ชาย เมื่อเป็นบท ของผู้หญิง ลูกคู่ที่เอื้อนรับก็จะใช้เสียงผู้หญิง และเมื่อเป็นบทโต้ตอบร้องคู่ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ลูกคู่ก็ ใช้เสียงทั้งหญิงและชายเช่นกัน สิ่งใหม่อีกประการที่เกิดขึ้นในรูปแบบการร้องแบบมีลูกคู่ คือ เดิมนั้น ลูกคู่จ าเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ผู้ร้อง 3 คนขึ้นไป แต่ด้วยความทันสมัยของเทคโนโลยีผู้วิจัยใช้เสียงลูก คู่เพียงคนเดียวและขยายออกเป็นเสียง 3 คน เป็นการลดจ านวนบุคลากรแต่คงไว้ซึ่งคุณภาพของเสียง ร้องดังเดิม ในกระบวนการสร้างสรรค์เสียงร้องของลูกคู่นั้นผู้วิจัยได้ผ่านการพิจารณาความเหมาะสม จากผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านดุริยางค์ไทยและคีตศิลป์ไทยอย่างละเอียด จึงนับเป็นองค์ความรู้ที่มีคุณค่า สามารถน าไปใช้ได้ในวาระต่อ ๆ ไป 2) การร้องแบบไม่มีลูกคู่ หรือการร้องล้วน ๆ เป็นรูปแบบการร้องเพลงในละครร้อง ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว วิธีการขับร้องประกอบด้วยการร้องแบบต่าง ๆ ได้แก่ การขับร้องเดี่ยว การขับร้องคู่ การร้องหลายคน และการร้องหมู่ ตัวละครร้องและเอื้อนเองทั้งหมดใน กระบวนการสร้างสรรค์รูปแบบการร้องแบบไม่มีลูกคู่ ผู้วิจัยก าหนดให้ตัวละครเป็นผู้ร้องเองและเอื้อน เองทั้งหมด แต่เพิ่มเติมให้เกิดความแตกต่างในส่วนที่เป็นการเอื้อน ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงบทร้องของ เพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาว เมื่อเพื่อนเจ้าบ่าวเป็นผู้ขับร้องบทร้อง ตัวละครเพื่อนเจ้าสาวจะเอื้อน ให้ และเมื่อเพื่อนเจ้าสาวเป็นผู้ขับร้องบทร้อง ตัวละครเพื่อนเจ้าบ่าวจะเอื้อน เมื่อพิจารณาอย่าง ละเอียด ผู้วิจัยพบว่า การร้องรูปแบบนี้เป็นรูปแบบใหม่ที่ผนวกเข้ามาอยู่ในรูปแบบ (Form) เดิมซึ่งไม่ เคยปรากฏในละครร้องของไทยมาก่อน นอกจากนี้ ในรูปแบบการร้องแบบไม่มีลูกคู่ หรือการร้องล้วน ๆ ประกอบละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ ผู้วิจัยทดลองให้ผู้แสดงเก็บรายละเอียดลูกเอื้อนส าหรับด าเนินท านอง และลูกเอื้อนที่ ใช้ส าหรับตกแต่งค าร้องที่มีแบบแผนการเอื้อนอย่างสลับซับซ้อนจากผู้เชี่ยวชาญด้านคีตศิลป์ไทยให้ ครบถ้วน ปรากฏว่า ผู้แสดงสามารถร้องและสื่อสารอารมณ์ตามบทละครได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ซึ่งรายละเอียดการเก็บลูกเอื้อนนี้เป็นรูปแบบการร้องเพลงไทยเดิม จากการสังเกตการณ์การแสดง ละครร้องหลายเรื่อง พบว่า ผู้แสดงละครร้องจะถูกฝึกให้ร้องได้ตรงระดับเสียงเท่านั้น ลูกเอื้อนต่าง ๆ จะถูกปรับใช้ลดลง ทั้งนี้เพื่อเอื้อต่อการร้องเพลงและการแสดงกิริยาท่าทางของตัวละคร เมื่อน า
213 รายละเอียดเทคนิคการเอื้อนมาใช้ในละครร้องเรื่องเครือณรงค์ พบว่า ผู้แสดงต้องใช้ระยะเวลาใน การฝึกซ้อมการร้องเพลงนาน เพื่อเก็บรายละเอียดการเว้นวรรคตอน การหายใจ การเปล่งเสียงให้ถูกต้อง ตามหลักของคีตศิลป์ไทย และหากผู้แสดงสามารถเก็ยรายละเอียดทั้งหมดได้ก็จะถือเป็นความสามารถ อันเป็นอัตลักษณ์เฉพาะตนของนักแสดงที่ถ่ายทอดสุนทรียทางโสตประสาทให้กับผู้ชมได้อย่างกลมกลืน 3)การร้องแบบเนื้อเต็ม เป็นรูปแบบการร้องเพลงในละครร้องจันทโรภาส ของพรานบูรพ์ มีลักษณะการร้องแบบมีเนื้อร้องเต็มตัดการเอื้อนออกทั้งหมด มักใช้การทอดเสียงแทนการเอื้อน จากการศึกษาข้อมูลเพลงไทยสากลหรือเพลงลูกกรุง พบว่า เนื้อเพลงจะถูกประพันธ์ขึ้นตาม ฉันทลักษณ์และระดับเสียงของท านองเพลง ซึ่งหมายความว่า ในรูปแบบการร้องเพลงแบบเนื้อเต็มนั้น จะต้องใช้ค าประพันธ์ในลักษณ์พิเศษ อาจไม่ต้องอิงฉันทลักษณ์ทางภาษาไทย แต่ต้องใช้ค าประพันธ์ที่ ตกตามระดับเสียงที่เหมาะสม เนื่องด้วยภาษาไทยมีการผันวรรณยุกต์หลากหลาย การออกเสียง จึงส่งผลต่อท านองเพลง ส าหรับการร้องแบบเนื้อเต็มที่ปรากฏในละครร้องเรื่องเครือณรงค์นั้น ประกอบด้วยเพลง บังใบ และเพลงธรณีร้องไห้ ผู้วิจัยพบองค์ความรู้ด้านการประพันธ์เนื้อเพลงให้ เป็นไปตามระดับเสียงและท านองของเพลง โดยผู้วิจัยเป็นผู้ประพันธ์เนื้อเพลงเองทั้งหมด นอกจากนี้ ยังพบว่า เพลงไทยสากลหรือเพลงไทยเนื้อเต็มนั้นจะมีท่อนสร้อย เป็นการทวนค าร้องเพื่อเน้นความนั้น ๆ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น 4) การร้องคู่แบบผสานเนื้อเพลง (Duet) เป็นรูปแบบการร้องเพลงคู่สองคนด้วย แนวเสียงเดียวกัน การร้องเพลงรูปแบบนี้เป็นเทคนิคการร้องเพลงสากลที่มีทั้งการร้องโต้ตอบสลับกัน ร้องพร้อมกัน และและร้องผสานกัน ในการร้องคู่นั้นปรากฏใช้หลายครั้งในละครร้องเรื่องเครือณรงค์ และในการร้องคู่แบบผสานเนื้อเพลงนี้ ผู้วิจัยสร้างสรรค์แนวการร้องให้อยู่ในระดับเสียงเดียวกัน แต่มีเนื้อเพลงที่แตกต่างกัน เพื่อสื่อสารถึงความคิดของตัวละครที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน แต่มีความ แตกต่างทางด้วยความคิดและการกระท า ยกตัวอย่างเช่น เพลงจีนขวัญอ่อน พวงแก้ว น้องมีผัว เสียตัว ชั่วเสียแล้ว ใช่พวงแก้ว ตุนาหงัน ชีวันพี่ เพราะแม่ผัว แม่ตัว ท่านย่ ายี หลอกล้าง ชีวี น้องหมองมล ร้องคู่ (ช) เถิดจนตาย ไม่หาย สวาทพี่ แต่เสียที เชิงเสน่ห์ ระเหระหน (ญ) เถิดจนตาย ไม่หาย สวาทน้อง อยู่ร่วมห้อง น้องชาย เจ้าตัวดี (ช) เกิดเป็นหญิง สิ่งควร สงวนชนม์ เลิกระคน ชนชู้ รู้แก่ใจ (ญ) เกิดเป็นชาย ตัวตาย ห้ามย่ ายี ทุกข์ครานี้ แม่จ าปา ตัวบงการ จากตัวอย่าง ในกรอบสี่เหลี่ยม คือการผสานเนื้อร้องในท านองเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งใหม่ที่ผู้วิจัย ทดลองใช้ในการแสดงละครร้อง ซึ่งผลการผสมผสานพบว่า การสื่อสารของผู้แสดงยังไม่ชัดเจน เนื่องจากต่างคนต่างร้อง บางครั้งอาจฟังไม่รู้เรื่อง ฉะนั้นจะต้องก าหนดให้ชัดเจนว่า บทของตัวละคร ใดเป็นบทหลัก เพื่อสื่อสารแก่นหลักของเนื้อหาละคร และปรับลดระดับความเข้มข้นของเนื้อเสียงของ บทรอง จึงจะสามารถสื่อสารความคิดของตัวละครหลักได้อย่างชัดเจน
214 5) การร้องผสมการพูดเร็ว (Recitative) เป็นรูปแบบการร้องเพลงผสมผสานการพูด เร็วในบทสนทนาของตัวละคร เป็นเทคนิคพิเศษของโอเปร่า มีจังหวะก ากับชัดเจน ผู้วิจัยน ารูปแบบ การร้องผสมการพูดเร็วมาบูรณาการกับเพลงไทย ก าหนดใช้ในเพลงหรือบทร้องที่มีอารมณ์โกรธ ดุดัน เพื่อสื่อสารอารมณ์การโต้ตอบที่รวดเร็วตามความเป็นจริงของตัวละคร จากข้อเสนอแนะของ ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านคีตศิลป์ไทย และคีตศิลป์สากล พบว่า การร้องผสมการพูดเร็วสามารถน ามา บูรณาการใช้กับการขับร้องเพลงได้อย่างเหมาะสม แต่ต้องเลือกใช้ในเพลงและอารมณ์ที่เหมาะควร เท่านั้น ซึ่งในละครร้องเรื่องเครือณรงค์น าการร้องผสมการพูดเร็ว (Recitative) มาใช้ในเพลงจีน ขวัญอ่อน ช่วงที่เครือณรงค์โกรธและแก้ตัวกับพวงแก้ว ว่า เพลงจีนขวัญอ่อน เครือณรงค์ (ร้อง) ไม่จริงเลย น้องเอ๋ย ไม่เคยปด (พูดเร็ว) ไม่เคยทรยศ ไม่เคยคิดคด ไม่เคยคิดโกง ไม่เคยคิดดื้อด้าน ไม่เคยมีเมียใหม่ ไม่เคยยุ่งกับใคร ไม่เคยท าตัวแย่ ๆ คุณแม่ ตอแหลพูดพาล (ร้อง) แกล้งประจาน จัญไร!!! เท็จใส่ความ หมายจะมา พาเจ้า หนีเรือนหอ (พูดเร็ว) พี่แอบรอ ถึงเช้า แล้วเข้ามาถาม ที่แรกนั้นอยากจะฆ่าทั้งงานให้วอดวาย ให้มันตายกันทั้งงาน (ร้อง) แต่พี่ห้ามใจ ด้วยรัก หักฤดี จากบทละคร จะเห็นว่า ในบทร้องจะใช้ค าประพันธ์ในจ านวนค าที่น้อยกว่าบทพูดเร็ว ซึ่งการประพันธ์บทละครส าหรับการพูดเร็วนั้น จ าเป็นต้องมีการคล้องจองแทรกอยู่ด้วยไม่ว่าบทพูด จะยาวเพียงใด ทั้งนี้เพื่อให้สอดรับกับจังหวะเพลงพื้นหลังที่บรรเลงต่อเนื่องอยู่เรื่อย ๆ นอกจากนี้เชาว์ ของผู้แสดงก็เป็นหลักส าคัญให้รูปแบบการร้องนี้เป็นไปอย่างแนบเนียน เพราะว่าผู้แสดงจะต้องจ า ทั้งบทพูดเร็วที่มีความยาวและฟังท านองเพลงควบคู่ไปด้วย ผู้วิจัยจึงเห็นว่า รูปแบบการร้องนี้ เป็นรูปแบบใหม่ของละครร้องของไทยที่สามารถน ามาปรับใช้กับละครเรื่องอื่น ๆ ได้ต่อไป 1) การร้องประสานเสียง (Counterpoint) คือรูปแบบการร้องเพลงผ่านเทคนิคการสอด ท านอง เป็นการร้องเพลงรวมแนวเสียงตั้งแต่ 2 แนวขึ้นไป โดยค านึงถึงความไพเราะเหมาะสม ในละครร้องเรื่องเครือณรงค์ผู้วิจัยก าหนดใช้แนวเสียงโซปราโน (Soprano) ให้กับผู้แสดงเพศหญิงที่มี เสียงในระดับเสียงสูง สอดประสานกับแนวเสียงบาริโทน (Baritone) ที่เหมาะกับเสียงโทนต่ าของผู้ แสดงเพศชาย และปรับแนวเสียงการร้องให้เข้ากับท านองเพลงไทยเดิม ส าหรับการใช้รูปแบบการร้อง ประสานเสียงในละครเรื่องเครือณรงค์นี้ ถือเป็นกระบวนการสร้างสรรค์แนวร้องแบบใหม่ที่ผนวกเข้า กับละครร้องของไทย และเป็นแนวทางการร้องเพลงที่มีความท้าทายต่อผู้วิจัยและผู้แสดงมากที่สุด เนื่องจากการร้องเพลงไทยเดิมมีความยากในตัวอยู่แล้ว การสร้างสรรค์ท านองสอดประสานเพื่อให้มี แนวเพลงที่ไพเราะตามแนวเสียงเดิมนั้นมีความยากขึ้นไปอีก ในการร้องประสานเสียงต้องอาศัย กระบวนการฝึกซ้อมหลายครั้งมาก ผู้วิจัยพบอุปสรรคในการสร้างหลายประการ อาทิ นักแสดงหญิง เสียงไม่ถึงแนวเสียงโซปราโน (Soprano) นักแสดงชายไม่สามารถควบคุมแนวเสียงบาริโทน
215 (Baritone) ของตนเองได้เสียงจึงไหลไปรวมกับท านองหลักของนักแสดงหญิง ผู้วิจัยปรับแก้ไขและ ฝึกซ้อมการร้องประสานเสียงโดยใช้ระยะเวลายาวนาน พบองค์ความรู้ส าคัญ ว่าการร้องประสานเสียง ในละครไทย ผู้แสดงฝ่ายหญิงจะต้องออกเสียงให้เท่ากันในทุกคน เนื่องจากผู้วิจัยก าหนดให้ผู้หญิงร้อง ท านองเดิมของเพลง ฉะนั้นเสียงผู้หญิงจึงเป็นเสียงหลักในการร้องเพลงเพื่อสื่อสารเนื้อความให้ผู้ชม ได้รับรู้ ส่วนเสียงผู้ชายในแนวเสียงบาริโทน (Baritone) จะต้องออกเสียงให้เบา ทุ้ม นุ่ม เพื่อโอบอุ้มให้แนวเสียงโซปราโน (Soprano) มีความเด่นชัดและไพเราะมากยิ่งขึ้น อีกทั้งในการขับ ร้องประสานเสียงพร้อมกันผู้แสดงทั้งชายและหญิงจะต้องคุ้นชินกับเสียงของตนเอง ฝึกการใช้ โสตประสาทในการรับรู้แนวเสียงอื่น เพื่อให้การประสานมีความไพเราะกลมกลืน นอกจากนี้ยังพบการด้นสดเป็นบทพูดนอกบทละคร ซึ่งในส่วนนี้ถือเป็นความสามารถที่ ผู้แสดงจะสอดแทรกความสามารถของตนเองเข้าไปในการแสดง เป็นการช่วยให้การสื่ออารมณ์และ เหตุการณ์ในละครมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งการด้นสดในละครร้องนั้น ผู้วิจัยพิจารณาเห็นว่า สามารถ ท าได้ในช่วงที่รอการเอื้อนของลูกคู่เท่านั้น การแทรกค าพูดนอกบทละครผู้แสดงจ าเป็นต้องมีทักษะ ด้านการสื่อสารและไหวพริบปฏิภาณที่ดีเยี่ยม เนื่องจากผู้แสดงจะต้องมีความเข้าใจในบทละครอย่างถ่อง แท้เพื่อสื่อค าพูดและผู้แสดงอีกคนที่โต้ตอบการด้นสดจะต้องมีส่วนช่วยให้การด้นสดมีความหมายสมบูรณ์ ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่าหากด้นสดนอกบทละครมากเกินไปอาจก่อให้เกิดความสับสนในการสื่อสารได้
บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ จากกระบวนการสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ สู่การน าเสนอต่อสาธารณชนใน รูปแบบการแสดงและรูปแบบออนไลน์ ผู้วิจัยขอสรุปรายละเอียดการสร้างสรรค์ตามวัตถุประสงค์ของ วิทยานิพนธ์ ดังนี้ 1. สรุป 1.1 การสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ 1.2 ผลการประเมินคุณภาพ และความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ 1.3 องค์ความรู้ใหม่ที่ได้รับจากการสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ 2. อภิปรายผล 3. ข้อเสนอแนะ 1. สรุป 1.1 การสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ 1.1.1 แนวคิด ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ มีแนวคิดการสร้างละครมาจากการบูรณาการ 3 แนวคิด ได้แก่ 1) แนวคิดในการอนุรักษ์ สืบทอด พัฒนาละครร้อง ผสมผสานรูปแบบการแสดงละครร้องให้ เกิดเป็นรูปแบบใหม่ ส าหรับแนวคิดนี้เป็นการบูรณาการรูปแบบละครร้องของเดิม และเพิ่มมิติความ ทันสมัยในองค์ประกอบต่าง ๆ ให้ละครร้องสามารถสอดรับกับพลวัตความเปลี่ยนแปลงของสังคมใน ปัจจุบัน 2) แนวคิดด้านสุนทรียะและความงามในการแสดงละครร้อง ที่ประกอบด้วย สุนทรียะของบท ละคร ความสุนทรียะไพเราะของเพลง เสียงดนตรี และการขับร้อง สุนทรียะของเครื่องแต่งกาย สุนทรียะของผู้แสดง และสุนทรียะของท่าทางประกอบการแสดง ตลอดจนสุนทรียะและความทันสมัย ในการสอดแทรกสื่อเทคโนโลยี 3) แนวคิดในการน าเค้าโครงเรื่องเดิมที่มีความสนุกน่าติดตามมาจัดแสดง 1.1.2 รูปแบบการแสดง ผู้วิจัยก าหนดรูปแบบการแสดงแบบ “เล่นร้องท านองไทย” สามารถอธิบายได้ดังนี้ ค าว่า “เล่น” คือการเล่นละคร แสดงท่าทางออกเป็นเรื่องราว ค าว่า “ร้อง” คือการด าเนินเรื่องด้วยการร้องเพลง แทรกเจรจา ค าว่า “ท านองไทย” คือการใช้เพลงท านองเพลงไทยเดิม มาปรับประยุกต์ให้เกิด ความร่วมสมัยใช้กับละคร ส าหรับรูปแบบการร้องเพลงนั้น ผู้วิจัยน ารูปแบบการร้องแบบดั้งเดิมมาจากละครร้อง 3 รูปแบบ คือ 1) ละครร้องแบบมีลูกคู่ หรือละครร้องสลับพูด ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์
217 2) ละครร้องแบบไม่มีลูกคู่ หรือละครร้องล้วน ๆ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยู่หัว 3) ละครร้องจันทโรภาส ของพรานบูรพ์ ที่มีรูปแบบการร้องเพลงแบบเนื้อเต็ม และน ารูปแบบการร้องเพลงแบบใหม่ที่ไม่เคยมีปรากฏในละครร้องของไทยมาบูรณาการ ผสมผสานอีก 3 รูปแบบ ได้แก่ 1) การร้องคู่แบบผสานเนื้อเพลง (Duet) 2) การร้องผสมการพูดเร็ว (Recitative) 3) การร้องประสานเสียง (Counterpoint) จากรูปแบบการร้องเพลงในละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ มีการเลือกใช้รูปแบบการร้องแบบมีลูก คู่ หรือการร้องสลับพูด จ านวน 8 เพลง คิดเป็นร้อยละ 47 การร้องแบบไม่มีลูกคู่ หรือการร้องล้วน ๆ จ านวน 5 เพลง คิดเป็นร้อยละ 29 การร้องแบบเนื้อเต็ม จ านวน 2 เพลง คิดเป็นร้อยละ 12 การร้องคู่ แบบผสานเนื้อเพลง (Duet) รวมกับการร้องผสมการพูดเร็ว (Recitative) จ านวน 1 เพลง คิดเป็น ร้อยละ 6 และการร้องประสานเสียง (Counterpoint) จ านวน 1 เพลง คิดเป็นร้อยละ 6 1.1.3 องค์ประกอบการแสดง 1) บทละคร ผู้วิจัยคัดเลือกบทละคร เรื่อง พ่อเครือณรงค์ และขุนโรมปรปักษ์ พระนิพนธ์ใน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ มีความยาว 11องก์ เสนอแก่นหลักในประเด็นของ กฎแห่งกรรม มาจัดแสดงใหม่ โดยปรับเนื้อหาของละครให้มีความกระชับ สอดรับกับพลวัตความ เปลี่ยนแปลงไปในทางเร่งรีบของคนปัจจุบัน แต่ไม่ทิ้งแก่นเดิมของเรื่อง มีลักษณะค าประพันธ์ 3 ประเภท ได้แก่ บทร้อยกรองที่เป็นกลอนสุภาพ บทร้อยแก้วในส่วนของบทเจรจา และบทประพันธ์ ไม่อิงฉันทลักษณ์ซึ่งในละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์นี้ผู้วิจัยมุ่งน าเสนอข้อคิดที่แฝงอยู่ในเรื่อง ว่า “รักเกินรัก มักเกิดทุกข์” จากการประพันธ์บทใหม่จากเค้าโครงเรื่องเดิม บทละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ จึงมีความ กระชับครอบคลุมเนื้อหาหลักของละครทั้งหมด มีการเปิดเรื่อง ด าเนินเรื่อง และปิดเรื่องอย่าง โศกนาฏกรรม ประกอบด้วยเนื้อเรื่องยาว 6 องก์ ได้แก่ องก์ที่ 1 เครือณรงค์องก์ที่ 2 ด ารงศักดิ์ องก์ที่ 3 รักถูกแย่ง องก์ที่ 4 แกล้งพาหนีองก์ที่ 5 ผีเครือฟ้า และองก์ที่ 6 กรรมมาเยือน แต่ด้วย คณะกรรมการบริหารหลักสูตรศิลปดุษฎีบัณฑิตได้ก าหนดระยะเวลาในการน าเสนอผลงานสร้างสรรค์ ว่า ควรใช้ระยะเวลาทั้งสิ้นประมาณ 45-60 นาทีในการน าเสนอผลงาน ผู้วิจัยได้ตัดตอนคัดเลือกบท ละครช่วงองก์ที่ 3-6 มาจัดแสดง โดยพิจารณาเหตุการณ์ส าคัญที่เป็นจุดวิกฤตการณ์ของเนื้อเรื่อง ทั้งหมด ได้แก่ ตอนที่จ ารักษ์ฆ่าตัวตายมาจัดแสดง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จ ารักษ์ต้องต่อสู้กับความคิดของ ตนเองและการถูกครอบง าจากคุณหญิงจ าปาผู้เป็นแม่อย่างหนัก จากนั้นขยายเนื้อเรื่องให้ครอบคลุม ความเข้าใจในความเป็นมาของเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งผู้วิจัยเห็นว่าสอดคล้องกับแก่นเรื่องที่ต้องการน าเสนอ ได้แก่ “รักเกินรัก มักเกิดทุกข์” จึงปรับใช้บทละคร ให้เปิดเรื่องด้วยความอลังการ คือ องก์ที่ 3 ในส่วนหลัง และตั้งชื่อองก์ว่า แต่งงาน จากนั้นต่อด้วยองก์ที่ 4 แกล้งพาหนี องก์ที่ 5 เครือฟ้าสอน และองก์ที่ 6 กรรมมาเยือน โดยเนื้อเรื่องย่อโดยสรุปดังนี้
218 หลังจากถูกคุณหญิงจ าปาใส่ความว่าเครือณรงค์นอกใจ พวงแก้วจ ายอมแต่งงานกับจ ารักษ์ ในวันแต่งงานเครือณรงค์โกรธหนักตั้งใจที่จะกลับมาฆ่าคนทั้งงานเพราะแค้นที่ถูกแย่งคนรัก แต่ก็ไม่ท า ได้แต่แอบลักลอบเข้าบ้านแฝงตัวอยู่ในห้องหอของจ ารักษ์ทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้า ห้องหอเสร็จเรียบร้อย จ ารักษ์ออกไปท างาน พวงแก้วอยู่ในห้องคนเดียวจึงร าพึงร าพันต าหนิเครือ ณรงค์ว่าปากหวานก้นเปรี้ยว ไม่รักษาสัจจะที่เคยให้ไว้ในเรื่องของความรัก ทันใดนั้นเครือณรงค์ก็ ปรากฏตัวออกมา ขอให้พวงแก้วหนีไปพร้อมกัน พวงแก้วจ ายอมไปด้วยความกลัว อีกทั้งยังคงมีใจจาก ความรักหนหลัง จึงทิ้งจดหมายอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดให้สามีฟัง เครือณรงค์และพวงแก้วเดินทางมาถึงตึกแถวที่เช่าอยู่ เครือณรงค์ไม่ได้พักผ่อนจึงเผลอหลับ ไป จากนั้นวิญญาณสาวเครือฟ้าได้มาเข้าฝันเตือนลูกให้เอาเมียเค้ากลับไปคืน ทั้งสองจึงตกลงกันว่าจะ พาพวงแก้วกลับไปส่งคืนที่บ้าน ในขณะเดินทางกลับ จ ารักษ์กลับมาบ้านไม่เจอพวงแก้ว และได้อ่าน จดหมายของพวงแก้วที่สั่งเสียเอาไว้ ก็เสียใจมากที่รู้ว่าคุณหญิงจ าปาใส่ร้ายเครือณรงค์ และพวงแก้วก็ ถูกบังคับให้หนีตามไป จ ารักษ์รู้สึกผิดต่อเครือณรงค์เป็นอย่างมากได้แต่โทษตนเองที่แย่งคนรักของ พี่ชายมา จ ารักษ์สูญเสียครั้งใหญ่ ทั้งคู่ครอง พี่ชาย เสียความเชื่อใจในตัวแม่ อีกทั้งรู้สึกสูญเสียตัวตน ให้คุณหญิงจ าปาคอยบงการชีวิตตลอด จึงหยิบปืนมาปลิดชีวิตตนเอง 2) ผู้แสดง ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ใช้ผู้แสดงทั้งสิ้น 16 คน คัดเลือกจากครู อาจารย์ นักศึกษา และศิษย์เก่าสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ โดยมุ่งความส าคัญไปที่ทักษะการร้องเพลงและ ประสบการณ์ของผู้แสดงเป็นหลัก ผู้แสดงทุกคนต้องมีคุณสมบัติ 6 ข้อดังนี้ (1) เป็นผู้มีความสามารถทางด้านการร้องเพลงและการดนตรี คือสามารถร้อง เพลงได้อย่างไพเราะ ตรงท านองเพลงและจังหวะ รวมทั้งมีความแม่นย าในเรื่องของท านองเพลงไทย เดิมต่าง ๆ เป็นอย่างดี (2) เป็นผู้ที่มีรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ และบุคลิกภาพที่เหมาะสมกับบทบาท ของตัวละคร (3) เป็นผู้ที่มีพื้นฐานทางด้านนาฏศิลป์ และการแสดงตามบทบาทที่ดี (4) เป็นผู้มีประสบการณ์การแสดงละครร้อง สามารถแสดงอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม (5) เป็นผู้มีความจ าและไหวพริบปฏิภาณที่ดี (6) เป็นผู้ที่พร้อมได้รับการพัฒนาอยู่เสมอ จากนั้นผู้แสดงต้องผ่านการทดสอบทักษะการร้องเพลง ทั้งรูปแบบของการร้องเพลงไทยเดิม เพลงไทยสากล และเพลงสากล และให้ผู้แสดงทดลองตีความบทละคร แสดงท่าทาง กิริยา หรือ อารมณ์ในสถานการณ์นั้น ๆ 3) เพลง ดนตรีประกอบการแสดง ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์มีเพลงประกอบการแสดงทั้งสิ้น 17 เพลง ได้แก่ เพลงนางนาค เพลงต้นบรเทศ เพลงกาเรียนทอง เพลงแขกถอนสายบัว เพลงจีนขวัญอ่อน เพลงบังใบ เพลงโอ้ลาวครวญ เพลงลาวครวญ เพลงสามไม้นอก เพลงสามไม้ใน เพลงโศกตัด เพลงสร้อยเพลง เพลงทองย่อนตัด เพลงปราสาททอง เพลงธรณีร้องไห้เพลงตะนาวมอญ และเพลงอาถรรพ์ โดยเลือกใช้เพลงไทยเดิมที่มีจังหวะปานกลาง อัตราจังหวะ 2 ชั้น หน้าทับปรบไก่ หน้าทับสองไม้
219 หน้าทับลาว และหน้าทับทยอย มาใช้ประกอบละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ โดยใช้บันไดเสียงไมเนอร์ (Minor) เป็นหลักในการสร้างท านองหลักให้ทุกเพลงเรียงร้อยต่อกันเป็นระดับเสียงเดียวกันตลอดเรื่อง ในส่วนของการออกแบบเครื่องดนตรีเพื่อบรรเลงประกอบเพลง ก าหนดใช้วงดนตรีไทยร่วมสมัย (Contemporary) ในการบรรเลงประกอบใช้เครื่องดนตรีไทยจ านวน 14 ชิ้น ได้แก่ ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ฆ้องวงใหญ่ ซอด้วง ซออู้ขลุ่ย ฆ้องหุ่ยโหม่ง ฉาบใหญ่ ฉาบเล็กตะโพน กลองแขกเปิงมาง ฉิ่ง บรรเลงเป็นท านองหลัก เครื่องดนตรีพื้นเมืองภาคเหนือ จ านวน 3 ชิ้น ได้แก่ สะล้อ ซึง กลองเมือง (กลองโป่งโป๊ง) และใช้เสียงสังเคราะห์ของเครื่องดนตรีสากล 21 ชิ้น ได้แก่ กลองใหญ่ฉาบฝรั่ง สแนร์ ทิมพานี ระฆังราว แฉ กลองไทโกะ (Taiko Drums) ไวโอลิน วิโอล่า เชลโล่ เฟรนซ์ฮอร์น โอโบ ทูบาร์ ทรอมโบน ทรัมเป็ต คาริเน็ต ฟลูต สามเหลี่ยม ฮาร์พ เปียโน คีย์บอร์ดผสมผสานให้เกิดความร่วมสมัย ซึ่งในแต่ละเพลงมีมีการเลือกใช้เครื่องดนตรีที่แตกต่างกันตามอารมณ์ของเพลงและอารมณ์ของตัวละคร 4) ลีลาท่าทางประกอบการแสดง โครงสร้างลีล่าท่าทางประกอบละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ ประกอบด้วย ท่าทาง กิริยาธรรมชาติของมนุษย์ร้อยละ 50 ท่าทางก าแบร้อยละ 30 และท่าทางนาฏศิลป์ไทยร้อยละ 20 ซึ่งในท่าทางต่าง ๆ นี้มีการเคลื่อนไหวต าแหน่งในการแสดงที่หลากหลาย ทิศทางการเคลื่อนที่ของ ตัวละครผู้วิจัยออกแบบให้ใช้พื้นที่การแสดงด้วยการเคลื่อนไหวจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งของเวที ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง และด้านเฉียง การเคลื่อนที่จะช่วยสื่ออารมณ์และความหมายของตัว ละครได้เป็นอย่างดี 5) เครื่องแต่งกาย ผู้วิจัยมีแนวคิดสร้างสรรค์เครื่องแต่งกาย ให้เป็นไปตามสมัยนิยมในรัชกาลที่ 6 โดยปรุงแต่งให้เกิดความสวยงามเหมาะสมกับการแสดงละครเวทีมากขึ้น และใช้หลักทฤษฎีของ สีมาเป็นส่วนช่วยก าหนดสีเครื่องแต่งกายของตัวละคร ในกระบวนการออกแบบ ผู้วิจัยก าหนดรูปทรง (Shape) และรายละเอียด (Detail) ให้เป็นไปตามแฟชั่นในสมัยรัชกาลที่ 6 ที่ได้รับอิทธิพลการแต่ง กายจากตะวันตก โดยผู้วิจัยได้แรงบันดาลใจจากการแต่งกายของเจ้านายบุรุษและสตรีในสมัยรัชกาลที่ 6 และน ามาสร้างสรรค์เป็นเครื่องแต่งกายประกอบการแสดงละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ ซึ่งประยุกต์ ใช้วัสดุและเนื้อผ้าที่มีความใกล้เคียงมากที่สุด โดยในการออกแบบสร้างเครื่องแต่งกายครั้งนี้ผู้วิจัย ค านึงถึงความเหมาะสมกับรูปร่างของผู้แสดง และเครื่องแต่งกายต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการร้องเพลง และการแสดงออกของตัวละคร 6) ฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดง ผู้วิจัยออกแบบฉากประกอบการแสดง ให้มีความทันสมัยโดยบูรณาการสื่อ เทคโนโลยีสมัยใหม่ฉายผ่านจอ LED (Light Emitting Diode) ใช้รูปแบบเป็นฉากภายใน (Interior Setting) โดยสร้างสรรค์ให้ฉากเป็นก าแพงด้านหนึ่ง เนื่องจากเหตุการณ์ในละครเกิดขึ้นในสถานที่ภายใน อาคาร หรืออยู่ในห้อง สื่อถึงเรื่องราวในชีวิตประจ าวันของคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน ส าหรับฉากประกอบการ แสดงละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ ประกอบด้วยฉากจ านวน 3 ฉาก ได้แก่ 1) ฉากแต่งงาน 2) ฉากห้องหอ และ 3) ฉากบ้านเช่าซอมซ่อ ส่วนประกอบอันส าคัญที่ประกอบให้ฉากมีความสมจริงมากยิ่งขึ้น ได้แก่ อุปกรณ์ประกอบฉาก เช่น เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่ไม่มีการเคลื่อนย้ายไปที่อื่น และอุปกรณ์ประกอบ การแสดง เช่น กระเป๋าเสื้อผ้า ปืน และเครื่องส าอาง เป็นต้น
220 7) แสง สีประกอบละคร ผู้วิจัยออกแบบการใช้แสงประกอบละครเพื่อใช้ในการสร้างบรรยากาศและ สื่ออารมณ์ โดยใช้ไฟ 3 ลักษณะ ได้แก่ ไฟหน้า (Fresnel) ไฟสร้างบรรยากาศ (Par led) และไฟหลัง (Profile led) ส่วนหลักการผสมสีของไฟ ใช้ระบบคู่สีร้อน-เย็น ในการออกแบบ ละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ ปรากฏแสงทั้งหมด 9 ซีน ซึ่งแต่ละซีนมีการเลือกใช้คู่สีของแสงที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอารมณ์ บรรยากาศ และเวลาที่เกิดขึ้นในเนื้อเรื่องของละคร 1.2 ผลการประเมินคุณภาพ และความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ ผู้วิจัยได้ก าหนดน าเสนอผลงานสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ต่อสาธารณชน ในวันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ณ โรงละครขนาดเล็กชั้น 7 วิทยาลัยนาฏศิลป และเผยแพร่การ แสดงผ่านสื่อออนไลน์ช่องยูทูป (Youtube) ได้รับความสนใจจากผู้ชมเป็นจ านวนมาก รวมผู้รับชม ผ่านช่องยูทูป (Youtube) ทั้งสิ้น 7,708 ครั้ง และมีการเผยแพร่ข้อมูลในเฟซบุก (Facebook) 39ครั้ง (ข้อมูล ณ วันที่ 28 เมษายน 2566) จากการรับชมนี้ผู้วิจัยได้ให้ผู้ชมได้ตอบแบบประเมินคุณภาพ ผลงานละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ ประเด็นการประเมินคุณภาพแบ่งออกเป็น 4 ด้าน คือ ด้านแนวคิด การแสดงด้านรูปแบบการแสดงและการร้องเพลง ด้านองค์ประกอบการแสดง และด้านองค์รวมของ ผลงาน โดยใช้แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) และแบบแสดงความคิดเห็น และข้อเสนอแนะแบบปลายเปิด สรุปได้ว่า ผู้ชมจ านวน 80 คน มีความคิดเห็นพึงพอใจต่อละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ในระดับมากที่สุดทุกด้าน ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1.2.1 ผลการประเมินด้านแนวคิดการแสดง พบว่า ค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจของผู้ชม มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน โดยประเด็นที่มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจมากที่สุด ได้แก่ การแสดงคงความสุนทรียะในละครร้องได้อย่างครบถ้วน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.98 รองลงมาคือ การแสดงเป็นการอนุรักษ์ สืบทอด พัฒนาละครร้องได้อย่างชัดเจน และเรื่องราวที่น ามาแสดง มีความ น่าสนใจชวนติดตาม มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากันที่ 4.95 และผลการประเมินรวมด้านแนวคิดการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.96 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด 1.2.2 ผลการประเมินด้านรูปแบบการแสดงและการร้องเพลง พบว่าค่าเฉลี่ยระดับความ พึงพอใจของผู้ชม มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน โดยประเด็นที่มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจ มากที่สุด ได้แก่ รูปแบบการร้องเพลง มีการบูรณาการรูปแบบการร้องเพลงที่หลากหลายทั้งรูปแบบดั้งเดิม และรูปแบบใหม่ มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.96 รองลงมาคือ รูปแบบการแสดง “เล่น ร้อง ท านองไทย” มีความเหมาะสมกับละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ และ รูปแบบการร้องเพลงแบบใหม่ที่ผู้วิจัยบูรณาการใช้ มีความไพเราะเหมาะสม มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากันที่ 4.95 และผลการประเมินรวมด้านรูปแบบการแสดงและ การร้องเพลงมีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.95 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด 1.2.3 ผลการประเมินด้านองค์ประกอบการแสดง พบว่าค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจ ของผู้ชม มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน โดยประเด็นที่มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจมากที่สุด ได้แก่ เพลงและดนตรีประกอบการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.95 รองลงมาคือ ผู้แสดงและ เครื่องแต่งกาย มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากันที่ 4.94 ต่อมา คือ ฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅)
221 เท่ากับ 4.91 ส่วนบทละคร และ ลีลาประกอบการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากันที่ 4.90 และผลการ ประเมินรวมด้านองค์ประกอบการแสดง มีค่าเฉลี่ยรวม (̅) เท่ากับ 4.92 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด 1.2.4 ผลการประเมินด้านองค์รวมของผลงาน พบว่า ค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจของผู้ชม มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน โดยประเด็นที่มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจมากที่สุด 2 ประเด็น เท่ากัน ได้แก่ แนวคิดในการสร้างสรรค์งานถ่ายทอดสู่การแสดงได้อย่างชัดเจน และ องค์ประกอบ การแสดงมีความสอดคล้องเหมาะสมกันอย่างเป็นเอกภาพ มีค่าเฉลี่ย (̅) ที่ 4.98 รองลงมา ได้แก่ การใช้พื้นที่ในการแสดงมีความสัมพันธ์สอดคล้องกับท่าทาง จังหวะเพลง และเครื่องแต่งกายและ การ แสดงส่งผลให้ท่านอตระหนักถึงข้อคิด “รักเกินรัก มักเกิดทุกข์” มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากันที่ 4.95 อันดับ สุดท้าย ได้แก่ ระยะเวลาที่ใช้แสดงมีความเหมาะสม มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.90 ผลการประเมิน ด้านองค์รวมของผลงาน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.95 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด ผลการสอบถามความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากแบบสอบถามปลายเปิดจากผู้ชม พบว่า ผู้ชมอาชีพครูอาจารย์ ที่มีระดับการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีและปริญญาตรีหรือเทียบเท่า มีความเห็นสอดคล้องว่า เป็นผลงานที่ดี มีความใส่ใจในรายละเอียดต่าง ๆ สมควรจัดแสดงต่อ สาธารณะในโอกาสต่อ ๆ ไป ส่วนผู้ชมที่เป็นนักเรียน นักศึกษา มีความเห็นคล้ายกัน ว่า ชอบผลงาน การแสดง ผู้ชมรู้สึกคล้อยตามไปตามอารมณ์และความรู้สึกของตัวละคร และอยากให้จัดแสดงอีก และ บุคคลทั่วไปที่ได้รับชมการแสดง มีความคิดเห็นโดยรวมว่า ประทับใจในละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ ผู้แสดงสื่ออารมณ์ได้ดี ต้องการให้จัดการแสดงละครอีก 1.3 องค์ความรู้ใหม่ที่ได้รับจากการสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ จากการบวนการสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ ตลอดระยะเวลา 4 ปีในการเรียนรู้ และสร้างสรรค์ละคร ผู้วิจัยพบองค์ความรู้ โดยแบ่งเป็นประเด็นใหญ่ ๆ ดังนี้ 1.3.1องค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นต่อตนเอง ผู้วิจัย พบว่า ในการผลิตละคร ผู้สร้างสรรค์จ าเป็นต้องมีทักษะการบริหารจัดการที่ดี เพื่อควบคุมการผลิตให้ครอบคลุมครบตามแนวคิดครบทุกด้าน ซึ่งในการสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ ผู้วิจัยจ าเป็นต้องลงรายละเอียดในทุกหน้าที่ ทุกกระบวนการด้วยตนเอง ซึ่งในทุกหน้าที่นั้นผู้วิจัยด าเนินการวางแผน ก าหนดรายละเอียด มอบหมาย ก ากับและติดตามให้ผู้มีความรู้เฉพาะมามีส่วนร่วมในการด าเนินงาน จากหน้าที่ต่าง ๆ ผู้วิจัยได้เรียนรู้การท างาน พบเป็นองค์ความรู้ใหม่ดังนี้ ในฐานะผู้อ านวยการสร้าง ผู้วิจัยได้เรียนรู้กระบวนการผลิตละครอันซับซ้อนที่ต้องท างาน หลายขั้นตอนกับบุคลากรหลายคนที่มีความหลากหลายด้านความคิด รวมทั้งเรียนรู้วิธีการแก้ไขปัญหา ที่เกิดขึ้นตลอดเวลาในการสร้างละคร จึงจ าเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีขั้นตอนการวางแผนจัดแบ่งหน้าที่ อย่างมีระบบระเบียบ พร้อมด้วยการยึดถือขันติธรรมในการบริหารจัดการ ในฐานะผู้ก ากับการแสดง ได้เรียนรู้ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ต่าง ๆ เป็นศูนย์รวมของ บุคลากรในองค์กรการผลิตละคร พบว่า การมุ่งจะท างานให้ส าเร็จต้องมีทีมงานที่ดีคอยช่วยเหลือ โดยการท างานร่วมกันหลายคนนั้นจ าเป็นที่ทีมงานทุกคนต้องมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์การท างาน ไปในทิศทางเดียวกันภายใต้การก ากับติดตามของผู้ก ากับ และทีมงานทุกคนต้องมีความพึงพอใจใน
222 หน้าที่ที่ตนเองได้รับมอบหมาย มีการประสานงานร่วมมือ มีความสามัคคี และเชื่อใจซึ่งกันและ กันจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพ ในฐานะผู้เขียนบทละครผู้วิจัยได้เรียนรู้ขั้นตอนอันซับซ้อนของสร้างบทละครร้อง และได้ พบองค์ความรู้เกี่ยวกับ วิธีการตัดต่อบทละคร และวิธีการดัดแปลงบทร้อยกรองเป็นค าประพันธ์ ไม่อิงฉันทลักษณ์ โดยวิธีการตัดต่อบทละครที่เป็นบทร้อยกรอง เมื่อต้องการความกระชับ การปรับค า กลอนจะต้องตัดส่วนที่ไม่จ าเป็นออกคงเหลือเฉพาะส่วนส าคัญที่ต้องการสื่อสารเท่านั้น โดยกระบวน การตัดต่อนี้จะต้องพิจารณาถึงการรับสัมผัสของค าในบทละคร รวมถึงความสละสลวยเชื่อมโยงต่อเนื่อง ควบคู่ด้วยในส่วนของวิธีการดัดแปลงบทร้อยกรองเป็นค าประพันธ์ไม่อิงฉันทลักษณ์ ผู้เขียนบทจ าเป็นต้อง ถอดความเดิมในสิ่งที่จะสื่อสารให้ครบถ้วน และน าข้อความมาร้อยเรียงใหม่ในรูปแบบ (Form)ตามเพลงที่ ต้องการ โดยในการดัดแปลงนั้นจะต้องค านึงถึงเสียงวรรณยุกต์ การใช้ค าเป็น ค าตายที่เหมาะสม ในฐานะผู้ก ากับเวทีผู้วิจัยได้รับองค์ความรู้เรื่องการบริหารจัดการเวที บริหารจัดการ นักแสดง และการบริหารจัดการองค์ประกอบโดยรวมในภาพที่เกิดขึ้นบนเวที การเป็นผู้ก ากับเวทีที่ดี ต้องมีความสามารถในการควบคุมส่วนงานย่อยต่าง ๆ ให้ด าเนินไปตามแนวคิดที่วางไว้ข้างต้น และ ต้องเป็นผู้มีความละเอียดถี่ถ้วน มีความรู้ด้านการควบคุมการแสดงในด้านต่าง ๆ ตลอดจนต้องเป็นผู้ที่ มีจิตใจร่าเริงแจ่มใจ ในฐานะผู้ออกแบบองค์ประกอบการแสดง ผู้วิจัยได้รับองค์ความรู้จากการสร้างสรรค์ ทุกองค์ประกอบ ดังนี้ การออกแบบสร้างสรรค์ดนตรีและเพลงประกอบการแสดงละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ พบว่า กระบวนการสร้างสรรค์มีความแตกต่างกับการสร้างเพลงประกอบการแสดงรูปแบบอื่น ๆ เนื่องจากละครร้องเป็นละครที่ต้องด าเนินเรื่องราวด้วยการร้องเพลง เพลงจึงเป็นหัวใจส าคัญของละคร ความส าคัญของการสร้างสรรค์เพลงในละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์จึงอยู่ที่การเลือกใช้เพลงไทยเดิม ที่เหมาะสมกับอารมณ์ของตัวละครและเหมาะสมกับความสามารถของผู้แสดงมาใช้ ผู้วิจัยพบ วิธีการสร้างสรรค์เพลงประกอบละครร้อง ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่ไม่เคยปรากฏในการสร้างสรรค์เพลง ในละครไทยรูปแบบใด มีทั้งหมด 9 ขั้นตอน ดังนี้ 1) บรรจุเพลงโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านดุริยางคศิลป์ และคีตศิลป์ 2) พิจารณาความเชื่อมโยงของหน้าทับและระดับเสียงในแต่ละเพลง3) บันทึกเสียงดนตรีไทย 4) น าเสียงบันทึกมาสร้างสรรค์เส้นเสียงที่เหมาะสมกับเครื่องดนตรีสากล 5) เรียบเรียงเสียงประสาน เครื่องดนตรีไทย เสียงสังเคราะห์ของเครื่องดนตรีสากล ตลอดจนเสียงสังเคราะห์พิเศษ 6) ก าหนด รูปแบบการร้องให้สอดคล้องกับท านองดนตรี อารมณ์ และบรรยากาศในเรื่อง 7) บันทึกเสียงลูกคู่ สอดประสานเข้ากับท านองดนตรี 8) น าเสียงบันทึกที่ได้มาให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านคีตศิลป์ไทย และ คีตศิลป์สากลพิจารณาหาเส้นเสียง และ 9) ปรับแก้ไข เพิ่มมิติของเสียงสังเคราะห์เทคนิคพิเศษ เพื่อความสมจริงในสถานการณ์ของละคร การออกแบบสร้างสรรค์ลีลาท่าทางประกอบการแสดงละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์พบว่า การออกแบบลีลาท่าทางประกอบละครร้องสามารถออกแบบท่าทางได้อย่างอิสระ แต่สิ่งที่ควรค านึง คือ ลีลาท่าทางนั้น ๆ จะต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการเปล่งเสียงร้องเพลงและไม่ขัดกับจังหวะเพลง
223 การออกแบบสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายในละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ พบว่า การออกแบบ เครื่องแต่งกายส าหรับการแสดงละคร จะต้องออกแบบให้ตรงยุคสมัยที่ก าหนด เนื่องจากเรื่องราว ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องราวของสามัญชน ฉะนั้นเครื่องแต่งกายจะต้องเป็นไปตามแฟชั่นของยุคสมัยนั้น อย่างชัดเจน และจะต้องค านึงถึงความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวของผู้แสดง ไม่เป็นอุปสรรคต่อ การเปล่งเสียงร้อง ตลอดจนความเหมาะสมสอดคล้องกับฉาก แสง สี ที่ก าหนดใช้ การออกแบบสร้างสรรค์ฉากประกอบการแสดงละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ พบว่า การใช้จอ LED (Light-Emitting-Diode) เป็นฉากประกอบการแสดง จะต้องพยายามหลีกเลี่ยงการใช้สีขาวใน การประดับตกแต่งภาพในฉาก เนื่องจากเมื่อจอ LED (Light-Emitting-Diode) แสดงผลสีขาวจะมี ความสว่างมากกว่าผู้แสดงที่อยู่ด้านหน้า ความโดดเด่นของแสงสีขาวสามารถดึงดูดสายตาผู้ชมจนเสีย อรรถรสในการแสดง และฉากที่เขียนขึ้นใหม่ทุกฉาก เมื่อน าขึ้นจอเพื่อแสดงผลจ าเป็นต้องลดแสง (Dimming) ร้อยละ 10 –20 เพื่อให้จอไม่สว่างเกินไปกว่าแสงไฟที่ส่องหน้าเวที อีกทั้งในการออกแบบ ขนาด (Scale) ของฉากจ าเป็นต้องวัดขนาดตามความเป็นจริง 1.3.2 องค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นต่อวงวิชาชีพนาฏศิลป์ 1) กระบวนการสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ กระบวนการสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ มีความแตกต่างกับ การสร้างสรรค์ละครไทยในรูปแบบอื่น ๆ เนื่องจากละครร้องเป็นละครที่มีลักษณะพิเศษที่แสดง เรื่องราวผ่านการร้องเพลงและลีลาท่าทางประกอบการแสดง ในการเตรียมการผลิตละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ขั้นตอนการออกแบบต่าง ๆ ควรมีความยืดหยุ่นเพื่อให้องค์ประกอบทุกองค์ประกอบ มีความสัมพันธ์กันอย่างเป็นเอกภาพ ขั้นตอนการออกแบบสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ มีดังนี้ 1) ก าหนดแนวคิดที่ชัดเจน 2) ก าหนดรูปแบบการแสดงที่ชัดเจน 3) คัดเลือกเรื่องที่จะท าการแสดง 4) ก าหนด องค์ประกอบต่าง ๆ ในการแสดง ซึ่งในขั้นตอนนี้ จ าเป็นต้องด าเนินการออกแบบสร้างสรรค์บทละคร คัดเลือกผู้แสดง และสร้างสรรค์เพลงและดนตรีประกอบละคร ไปพร้อม ๆ กัน จากนั้นจึงสร้างสรรค์ลีลา ท่าทางประกอบการแสดง สร้างสรรค์เครื่องแต่งกาย และสร้างสรรค์ฉาก อุปกรณ์การแสดง ในล าดับถัดไป 2) โครงสร้างและลักษณะส าคัญของละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ โครงสร้างหลักของละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ มีความสอดคล้องกับรูปแบบ การแสดง “เล่น ร้อง ท านองไทย” ที่ผู้วิจัยก าหนด เมื่อพิจารณาพบว่า ค าว่า เล่น คือการที่ผู้แสดงเล่นหรือแสดงออกเพื่อสื่อสารตามบทละคร รวมไปถึง การแสดงอารมณ์ สีหน้า ลีลาท่าทาง ค าว่า ร้อง คือการที่ผู้แสดง ร้องเพลงในการด าเนินเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งในส่วนนี้ ถือเป็นลักษณะส าคัญของละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ เนื่องจากมีรูปแบบการร้องเพลงที่หลากหลาย ผู้วิจัยพิจารณาคัดเลือกรูปแบบการร้องที่เหมาะสมในแต่ละอารมณ์และเพลงมาผสมผสานกันอย่างลงตัว ค าว่า ท านองนองไทย คือ การใช้เพลงไทยเดิม มาใช้ในการสื่อสารละครด้วยละครร้อง คือศิลปะการแสดงของไทยที่ใช้เพลงไทยในการด าเนินเรื่อง การประยุกต์เพลงไทยมีความร่วมสมัย จึงมีความไพเราะเกิดเป็นความใหม่ในความเก่า กล่าวคือ มีการสร้างสร้างสรรค์แนวท านองเพลงให้มี ความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น
224 ผู้วิจัยพิจารณาเห็นว่ารูปแบบการแสดง “เล่น ร้อง ท านองไทย” เป็นโครงสร้างหลักของ ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ แต่สิ่งส าคัญที่ขาดไม่ได้คือองค์ประกอบที่เป็นโครงสร้างรอง ได้แก่ ฉาก และอุปกรณ์การแสดง เครื่องแต่งกาย การบริหารจัดการด้านต่าง ๆ ตลอดจนผู้ชมที่จะหลอมรวมให้ ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์มีความสมบูรณ์ 3) รูปแบบการร้องเพลงในละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ ส าหรับรูปแบบการร้องเพลงที่ปรากฏในละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ มีทั้งหมด 6 รูปแบบ เป็นการบูรณาการรูปแบบการร้องเพลงของไทยเข้ากับการร้องเพลงสากล ซึ่งไม่เคยมี ปรากฏในการแสดงละครร้องของไทย ในกระบวนการสร้างสรรค์รูปแบบการร้องเพลงทั้ง 6 รูปแบบนี้ ผู้วิจัยได้ค้นคว้าข้อมูลเป็นจ านวนมากเพื่อผสมผสานรูปแบบการร้องให้มีเหมาะสมสอดคล้องกันอย่าง มีเอกภาพตลอดทั้งเรื่อง สามารถอธิบายได้ดังนี้ การร้องแบบมีลูกคู่ หรือการร้องสลับพูด เป็นรูปแบบการร้องเพลงในละครร้องปรีดาลัย ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ โดยผู้วิจัยได้เพิ่มเติมเสียงลูกคู่ที่เป็นเสียงชายจริง หญิงแท้เข้าไป เพื่อให้เกิดความสมจริงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งมีการใช้เสียงลูกคู่เพียงคนเดียวและขยายออกเป็น เสียง 3คน เป็นการลดจ านวนบุคลากรแต่คงไว้ซึ่งคุณภาพของเสียงร้องดังเดิม ในกระบวนการสร้างสรรค์ การร้องรูปแบบนี้ได้ผ่านการพิจารณาความเหมาะสมจากผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านดุริยางค์ไทยและคีตศิลป์ไทย อย่างละเอียด จึงนับเป็นองค์ความรู้ที่มีคุณค่า สามารถน าไปใช้ได้ในวาระต่อ ๆ ไป การร้องแบบไม่มีลูกคู่ หรือการร้องล้วน ๆ เป็นรูปแบบการร้องเพลงในละครร้องของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในกระบวนการสร้างสรรค์รูปแบบการร้องแบบไม่มีลูกคู่ ผู้วิจัยก าหนดให้ตัวละครเป็นผู้ร้องเองและเอื้อนเองทั้งหมด แต่เพิ่มเติมให้เกิดความแตกต่างในส่วนที่ เป็นการเอื้อน โดยให้ตัวละครที่อยู่ในฉากเดียวกันและก าลังโต้ตอบกันเป็นผู้เอื้อนให้ และให้ผู้แสดง เก็บรายละเอียดลูกเอื้อนส าหรับด าเนินท านอง และลูกเอื้อนที่ใช้ส าหรับตกแต่งค าร้องที่มีแบบ แผนการเอื้อนอย่างสลับซับซ้อนจากผู้เชี่ยวชาญด้านคีตศิลป์ไทยให้ครบถ้วน ซึ่งจ าเป็นต้องใช้ ระยะเวลาในการฝึกฝนมากกว่าเดิม หากผู้แสดงสามารถเก็บรายละเอียดทั้งหมดได้ก็จะถือเป็น ความสามารถอันเป็นอัตลักษณ์เฉพาะตนของนักแสดงที่ถ่ายทอดสุนทรียทางโสตประสาทให้กับผู้ชม ได้อย่างกลมกลืน การร้องแบบเนื้อเต็ม เป็นรูปแบบการร้องเพลงในละครร้องจันทโรภาส ของพรานบูรพ์ มีลักษณะการร้องแบบมีเนื้อร้องเต็มตัดการเอื้อนออกทั้งหมด มักใช้การทอดเสียงแทนการเอื้อน จากการศึกษาข้อมูลเพลงไทยสากลหรือเพลงลูกกรุง พบว่า เนื้อเพลงจะถูกประพันธ์ขึ้นตามฉันท ลักษณ์และระดับเสียงของท านองเพลง ซึ่งหมายความว่า ในรูปแบบการร้องเพลงแบบเนื้อเต็มนั้น จะต้องใช้ค าประพันธ์ในลักษณ์พิเศษ อาจไม่ต้องอิงฉันทลักษณ์ทางภาษาไทย แต่ต้องใช้ค าประพันธ์ ที่ตกตามระดับเสียงที่เหมาะสม การร้องคู่แบบผสานเนื้อเพลง (Duet) เป็นรูปแบบการร้องเพลงคู่สองคนด้วยแนว เสียงเดียวกัน การร้องเพลงรูปแบบนี้เป็นเทคนิคการร้องเพลงสากลที่มีทั้งการร้องโต้ตอบสลับกัน ร้องพร้อมกัน และร้องผสานกัน ผู้วิจัยสร้างสรรค์แนวการร้องให้อยู่ในระดับเสียงเดียวกัน แต่มีเนื้อ เพลงที่แตกต่างกัน เพื่อสื่อสารถึงความคิดของตัวละครที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน แต่มีความแตกต่าง ทางด้วยความคิดและการกระท า
225 การร้องผสมการพูดเร็ว(Recitative) เป็นรูปแบบการร้องเพลงผสมผสานการพูดเร็ว ในบทสนทนาของตัวละคร เป็นเทคนิคพิเศษของโอเปร่า มีจังหวะก ากับชัดเจน ผู้วิจัยน ารูปแบบ การร้องผสมการพูดเร็วมาบูรณาการกับเพลงไทย ก าหนดใช้ในเพลงหรือบทร้องที่มีอารมณ์โกรธ ดุดัน เพื่อสื่อสารอารมณ์การโต้ตอบที่รวดเร็วตามความเป็นจริงของตัวละคร นอกจากนี้เชาว์ของผู้แสดง ก็เป็นหลักส าคัญให้รูปแบบการร้องนี้เป็นไปอย่างแนบเนียน เพราะว่าผู้แสดงจะต้องจ าทั้งบทพูดเร็ว ที่มีความยาวและฟังท านองเพลงควบคู่ไปด้วย การร้องประสานเสียง (Counterpoint) คือรูปแบบการร้องเพลงผ่านเทคนิค การสอดท านอง เป็นการร้องเพลงรวมแนวเสียงตั้งแต่ 2 แนวขึ้นไป โดยค านึงถึงความไพเราะ เหมาะสม ในละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ผู้วิจัยก าหนดใช้แนวเสียงโซปราโน (Soprano) สอดประสาน กับแนวเสียงบาริโทน (Baritone) และปรับแนวเสียงการร้องให้เข้ากับท านองเพลงไทยเดิม ส าหรับ การใช้รูปแบบการร้องประสานเสียงในละคร เรื่อง เครือณรงค์นี้ ถือเป็นกระบวนการสร้างสรรค์ แนวร้องแบบใหม่ที่ผนวกเข้ากับละครร้องของไทย ในการร้องประสานเสียงต้องอาศัยกระบวน การฝึกซ้อมหลายครั้งมาก และหากจะใช้แนวเสียงใดสื่อใจความหลักของบทละคร จะต้องออกเสียงนั้น ๆ ให้เท่ากันทุกคน และใช้อีกแนวเสียงเพื่อโอบอุ้ม ทุ้มเบา ให้แนวเสียงแรกมีความเด่นชัดและไพเราะมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังพบการด้นสดเป็นบทพูดนอกบทละคร ซึ่งในส่วนนี้ถือเป็นความสามารถที่ ผู้แสดงจะสอดแทรกความสามารถของตนเองเข้าไปในการแสดง เป็นการช่วยให้การสื่ออารมณ์และ เหตุการณ์ในละครมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น 2. อภิปรายผล จากการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลการสร้างสรรค์ พบว่า ละครร้อง เรื่องเครือณรงค์เป็นละครร้อง ซึ่งแสดงเรื่องราว ผ่านการร้องเพลงและออกท่าทางประกอบ มีแก่นเรื่องเกี่ยวกับความรัก และ น าเสนอข้อคิด “รักเกินรัก มักเกิดทุกข์” ให้กับสังคมได้อย่างชัดเจน กระบวนการการประกอบสร้าง ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์มุ่งสื่อสารข้อคิดที่แฝงอยู่ เพื่อให้ผู้ชมได้ตระหนักรู้และสะเทือนจิตใจ เกี่ยวกับตนเองและส่งผลถึงคนรอบข้าง ซึ่งสอดคล้องกับ วิมลศรี อุปรมัย (2555, น. 101) ที่กล่าวว่า ละคร ก็คือการแสดงเป็นเรื่องราว และมีจุดมุ่งหมายคือความรู้สึกด้านอารมณ์สะเทือนใจ (Sentimental) เป็นหลักสากล เป็นการแสดงเลียนชีวิต อาศัยการร้องออกท่าทาง และมีเพลง ประกอบ ทั้งนี้ละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ยังท าหน้าที่เป็นเครื่องมือสื่อสาร ถ่ายทอดเรื่องราวอัน ซับซ้อน รวมถึงความคิดที่ระคนไปด้วยความแค้นของตัวละคร ซึ่งเป็นตัวอย่างของการด าเนินชีวิต ให้กับผู้อื่นได้เรียนรู้พฤติกรรมอันไม่ควร สอดคล้องกับแนวคิดของคาซิเมียร์ซ บราวน์ (Kazimierz Braun) อ้างโดยพรรัตน์ ด ารุง (2546) ที่กล่าวว่า ละคร เป็นกระบวนการหนึ่งในการสื่อสารระหว่าง มนุษย์กับมนุษย์ที่ผ่านเงื่อนไขทางศิลปะอย่างมีขั้นตอน ละครเป็นการสื่อสารระหว่างนักแสดงและ ผู้ชม ละครมีพื้นฐานจากความจริง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตและจิตใจระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ กระบวนการสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ มีความแตกต่างกับการสร้างสรรค์ละคร ไทยในรูปแบบอื่น ๆ เนื่องจากละครร้องเป็นละครที่มีลักษณะพิเศษที่แสดงเรื่องราวผ่านการร้องเพลง และลีลาท่าทางประกอบการแสดง ในการเตรียมการผลิตละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ขั้นตอนการ ออกแบบต่าง ๆ ควรมีความยืดหยุ่นเพื่อให้องค์ประกอบทุกองค์ประกอบมีความสัมพันธ์กันอย่างเป็น
226 เอกภาพ โดยละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์มีกระบวนการสร้างสรรค์ละคร 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การเตรียม สร้างสรรค์ละคร 2) การแสดงละคร และ 3) การประเมินผลหลังการแสดง เช่นเดียวกับการศึกษาของ กุสุมา เทพรักษ์ (2555, น. 86) เรื่องกระบวนการเรียนรู้ผ่านการสร้างสรรค์ละครเพื่อพัฒนาวิถี ประชาธิปไตยของเยาวชน ที่ได้เสนอกระบวนการสร้างละคร ไว้ว่ามี 3 ขั้นตอนเช่นเดียวกัน คือ ขั้นเตรียมการแสดง ขั้นการแสดง และขั้นประเมินผล นอกจากนี้ การสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ มีการบูรณาการแนวคิดอันหลากหลาย เพื่อน าสู่แนวคิดของละคร เน้นรูปแบบการแสดง “เล่น ร้อง ท านองไทย” ค าว่า “เล่น” คือการเล่น ละคร แสดงท่าทางออกเป็นเรื่องราว ค าว่า “ร้อง” คือการด าเนินเรื่องด้วยการร้องเพลง แทรกเจรจา และค าว่า “ท านองไทย” คือการใช้เพลงท านองเพลงไทยเดิม มาปรับประยุกต์ให้เกิดความร่วมสมัยใช้ กับละคร ซึ่งประกอบด้วยการร้องเพลงจากละครร้องดั้งเดิม การร้องรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยปรากฏใน ละครร้อง มีการก าหนดองค์ประกอบการแสดง ด้านบทละคร ด้านผู้แสดง ด้านเพลงและดนตรี ด้าน ลีลาท่าทาง ด้านเครื่องแต่งกาย ด้านฉากและอุปกรณ์ประกอบ และด้านแสงสีที่ชัดเจน น าสู่การแสดง ที่เป็นที่พึงพอใจของผู้ชม ซึ่งเป็นไปตามการศึกษาทฤษฎีนาฏยประดิษฐ์ ของสุรพล วิรุฬห์รักษ์ (2547, น. 97 - 102) ที่สรุป นาฏยประดิษฐ์ว่า มีการท างานเป็นขั้นตอน ดังนี้ 1) การคิดให้มี นาฏยศิลป์ 2) การก าหนดความคิดหลัก 3) การประมวลข้อมูล 4) การก าหนดขอบเขต 5) การก าหนด รูปแบบ 6) การก าหนดองค์ประกอบอื่น ๆและ 7) มีลักษณะคล้ายกับการออกแบบทัศนศิลป์ ในด้านการก าหนดโครงเรื่อง ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ก าหนดเค้าโครงเรื่องจากการน าบท ละครเดิมเรื่องพ่อเครือณรงค์และขุนโรมปรปักษ์ บทพระนิพนธ์เดิมของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ที่มีเนื้อเรื่องน่าสนใจ สะท้อนแง่คิดในการด ารงชีวิต มาน าเสนอผ่าน กระบวนการสร้างสรรค์ใหม่ให้สอดรับกับพลวัตความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน แบ่งบทละครออกเป็น องก์ที่ชัดเจน ประกอบด้วย องก์ที่ 1 เครือณรงค์องก์ที่ 2 ด ารงศักดิ์องก์ที่ 3 รักถูกแย่ง องก์ที่ 4 แกล้งพาหนีองก์ที่ 5 ผีเครือฟ้า องก์ที่ 6 กรรมมาเยือน ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยวิเคราะห์บทละคร ร้องของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ จากการศึกษาของจันทิมา พรหมโชติกุล (2518, น. 90) ที่กล่าวว่า ละครร้องของพระองค์ มีเค้าโครงเรื่อง 3 ประเภท คือ บทละครที่ทรงคิดเค้า โครงเรื่องขึ้นเอง และบทละครที่ทรงได้เค้าโครงเรื่องมาจากชาติต่าง ๆ และบทละครที่ทรงได้ เค้าโครงเรื่องมาจากวรรณคดี ลักษณะของบทละครแบ่งออกเป็นชุด แต่ละชุดจะตั้งชื่อให้สัมผัส สอดคล้องกัน นอกจากนี้ลักษณะค าประพันธ์ในบทละครร้องเรื่องเครือณรงค์ มีการใช้รูปแบบ การประพันธ์ที่หลากหลาย เช่น กลอนสุภาพ ร้อยแก้ว ค าประพันธ์ไม่อิงฉันทลักษณ์ สอดคล้องกับ ละครร้องของพรานบูรพ์จากการศึกษาของกัลยรัตน์ หล่อมณีนพรัตน์ (2535, น. ง) ที่กล่าวว่า มีลักษณะค าประพันธ์ที่ไม่เคร่งครัดในเรื่องจ านวนค าและการส่งสัมผัส ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ เป็นกระบวนการผลิตที่ถ่ายทอดคุณค่าของวัฒนธรรมเดิมด้าน ละครร้องของไทย ผ่านการปรับปรุงเพิ่มเติมสิ่งใหม่ที่ทันสมัย แนวคิดและวิธีการสร้างสรรค์ผ่าน การตรวจสอบรับรองคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้านโดยละเอียด ซึ่งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญและ ผู้ทรงคุณวุฒิจะประมวลองค์ความรู้ที่อยู่ในตนเองถ่ายทอดสู่ผู้วิจัยได้อย่างเป็นแบบแผน และถ่ายทอด จากรุ่นสู่รุ่น สามารถปรับปรุงรายละเอียดให้เหมาะสมสอดคล้องตามยุคสมัยตามไปด้วย ถือเป็นความ ยั่งยืนของวัฒนธรรมด้านศิลปะการแสดงรูปแบบละครร้อง ที่น างานเก่ามาผลิตในโครงสร้างใหม่เกิด
227 เป็นการพัฒนารูปแบบเพื่อให้ละครร้องของไทยอยู่คู่สังคมและร่วมสมัยไปได้ตลอดเวลากระบวนการนี้ สอดคล้องกับแนวคิดการผลิตซ้ าทางวัฒนธรรม ของ กรณิศา พานิชเกษม (2561, น. 18) บูร์ดิเยอ (Bourdieu) อ้างใน รุ้งนภา ยรรยงเกษมสุข (2550, น. 55-57) เย็นจิตร ถิ่นขาม และมณีชัย ทองอยู่ (2552, น. 92) ที่สรุปความแนวคิดได้ว่า การผลิตซ้ าทางวัฒนธรรมคือ กระบวนการการถ่ายทอด คุณค่าของประเพณี หรือวัฒนธรรม เกิดขึ้นจากการรับรู้กฎกติกาในกลุ่มสังคมและน าไปปฏิบัติตาม เพื่อรักษา รองรับความยั่งยืน และเป็นหลักประกันความต่อเนื่องของวัฒนธรรมที่จะไม่สูญหายไป การผลิตซ้ าทางวัฒนธรรมมักเป็นผลลัพธ์ของการผลิตซ้ าทางสังคม หรือเป็นกระบวนการของการ ถ่ายทอดมุมมองหรือหลักเกณฑ์ทางสังคมจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง 3. ข้อเสนอแนะ จากการสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ ผู้วิจัยได้สร้างสรรค์ผลงานละครตอบสนอง ต่อวัตถุประสงค์ครบทุกประการ ทั้งนี้ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะจากผลการวิจัยเพื่อเป็นประโยชน์ด้าน การสร้างสรรค์ ด้านวิชาการ หรือประโยชน์อื่น ๆ ต่อไป ดังนี้ 3.1 ข้อเสนอแนะในการน างานวิจัยไปใช้ ผู้ที่สนใจ สามารถน ากระบวนการสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ไปใช้ได้ตามขั้นตอน โดยจ าเป็นต้องให้ความส าคัญกับการฝึกซ้อมร้องเพลงในระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งในการแสดงละคร เรื่องเครือณรงค์ ใช้รูปแบบการร้องเพลงที่มีความหลากหลายในสัดส่วนที่ไม่เท่ากัน ซึ่งในการเลือกใช้ รูปแบบการร้องเพลงแต่ละรูปแบบควรเลือกให้เหมาะสมกับความสามารถของผู้แสดงและระยะเวลา ในการฝึกซ้อม 3.2 ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป ในการสร้างสรรค์คะครร้องครั้งต่อไป ผู้ที่สนใจสามารถน าเรื่องราวเดิมของละคร นวนิยาย นิทาน การ์ตูนอื่น ๆ ที่น าเสนอข้อคิดที่ดีต่อสังคมมาจัดแสดง และอาจบูรณาการรูปแบบการร้องเพลง สมัยใหม่ เช่น การร้องแรป การร้องลูกทุ่ง เข้ากับเพลงไทยเดิม ซึ่งถือเป็นการอนุรักษ์ สืบทอด พัฒนา ศิลปะการละครของไทยให้ยั่งยืนควบคู่กับการพัฒนาเปลี่ยนแปลงของสังคมยุคโลกาภิวัฒน์
บรรณานุกรม กรณิสา พานิชเกษม. (2561). การสืบทอดวัฒนธรรมชุมชนคาทอลิกของอาสนวิหารพระนางมารีอา ปฏิสนธินิรมล : กรณีศึกษา วัดพระหฤทัยแห่งพระเยซูเจ้า อ าเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชภัฏร าไพพรรณี, ฉะเชิงเทรา. กฤษรา วริศราภูริชา. (2551). งานฉากละคร 1. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. กัลยรัตน์ หล่อมณีนพรัตน์. (2535). การศึกษาเชิงวิเคราะห์บทละครร้องของพรานบูรพ์. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร. กาญจนา แก้วเทพ และ สมสุข หินวิมาน. (2551). สายธารแห่งนักคิดทฤษฎีเศรษฐศาสตร์การเมือง กับสื่อสารศึกษา. กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์. กุลนาถ ชินโคตร และลักขณา แสงแดง. (2561). การสร้างสรรค์ผลงานนาฏยศิลป์ไทยร่วมสมัย ชุด เครือฟ้า จากละครร้อง เรื่องสาวเครือฟ้าของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์ พงศ์. การประชุมวิชาการระดับนานาชาติ ด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ครั้งที่ 1 ประจ าปี 2561, มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี: คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. กุสุมา เทพรักษ์. (2555). กระบวนการเรียนรู้ผ่านการสร้างสรรค์ละครเพื่อพัฒนาวิถีประชาธิปไตย ของเยาวชน. (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร. เกศนี คุ้มสุวรรณ. (2554). การศึกษาวิเคราะห์บทละครร้องเรื่องสาวเครือฟ้า. (วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กรุงเทพมหานคร. คมคาย กลิ่นภักดี. (2553). ประวัติการละคร บทละครร้อง พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว. กรุงเทพฯ: สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์. คึกฤทธิ์ ปราโมท และคณะ.(2551). ลักษณะไทย ศิลปะการแสดง. กรุงเทพฯ: ธนาคารกรุงเทพ (มหาชน). จันทิมา พรหมโชติกุล. (2518). วิเคราะห์บทละครร้องของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิป ประพันธ์พงศ์. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร, กรุงเทพมหานคร. จุรี โอศิริ. (2533). ป้าจุอยากเล่า. กรุงเทพฯ: สามสี. จุรี โอศิริ. (2542). โลกของจุรี โอศิริ. กรุงเทพฯ: สามสี. จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. (2474). ส าเนาพระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชทานกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์. (พระนางเธอลักษมีลาวัณ ทรงพิมพ์เนื่องในงานพระศพกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์). พระนคร: โสภณ พิพรรณธนากร. ชยันตี อนันตกุล. (2556). อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ นางสุดจิตต์ ดุริยประณีต อนันตกุล. กรุงเทพฯ: นานาสิ่งพิมพ์. ฐานิศวร์ เจริญพงศ์. (2554). สรรพสาระจากทฤษฎีสถาปัตยกรรมตะวันตก. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
229 ณรงค์ชัย ปิฎกรัตน์. (2557). สารานุกรมเพลงไทย. นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหิดล. ณรงค์ชัย ปิฎกรัตน์. (2562). ทฤษฎีการสร้างสรรค์ศิลป์. วารสารวิชาการ คณะมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์, 6(2), สืบค้นเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2565, จาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/hssnsru/article/view/241628/164386. ณัฏฐนิช นักปี่. (2557). ละครร้องปราโมทัย. (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยมหิดล, นครปฐม. เตชิต เฉยพ่วง. (2553). รูปแบบเครื่องแต่งกายของเจ้านายในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่6. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, กรุงเทพมหานคร. ธวัชชัย ดุสิตกุล. (2547). บทโขนละครพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร. นพมาส แววหงส์. (2556). ปริทัศน์ศิลปะการละคร. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. เนียนศิริ ตาละลักษณ์ และเพลินพิศ ก าราญ. (2522). พระประวัติและผลงานของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์. กรุงเทพฯ: หสน. สหประชาพานิชย์. ปัญญามุนี, พระเทพ. (2517). อนุสรณ์พระราชทางเพลิงศพหม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณ. กรุงเทพฯ: มหามกุฎราชวิทยาลัย. ปิ่นเกศ วัชรปาณ. (2559). การสร้างสรรค์ผลงานนาฏศิลป์. อุดรธานี: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. พหลยุทธ กนิษฐบุตร. (2564). การเขียนหน้าและการแต่งหน้าโขน. วารสารมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์, มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 12(2), 101-104. พรรัตน์ ด ารุง. (2546). ผู้หญิงกับการสร้างสรรค์ละครร่วมสมัยในเอเชีย. วารสารอักษรศาสตร์ จุฬาล งก รณ์มหา วิทย าลัย. 32(1) , สืบค้นเมื่อวันที่ 15 กุมภ าพันธ์ 2565, จ าก https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/14006. พรรัตน์ ด ารุง. (2557). ละครประยุกต์ การใช้ละครเพื่อการพัฒนา. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. พรรัตน์ ด ารุง. (2564). วิจัยการแสดง: สร้างองค์ความรู้ใหม่ด้วยการท าละคร.กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์. พระยาอนุมานราชธน. (2496). เรื่องวัฒนธรรม. พระนคร: กระทรวงวัฒนธรรม. พวงเพ็ญ สว่างใจ. (2531). คุณค่าทางวรรณคดีของบทละครร้องของไทย. (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศิลปากร, นครปฐม. พันธกานต์ ใบเทศ. (2562). ละครร้องกรมพระนราฯ: ขุนปัญญาทางการแสดงจาก “วัง” สู่ “บ้าน”. วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 23(2), กรกฎาคม-ธันวาคม, 93-102. พิมพิกา มหามาตย์. (2558). ละครร้องเรื่องสาวเครือฟ้า ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิป ปร ะพันธ์พ งศ์. (วิทยานิพนธ์ปริญญามห าบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มห าวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร.พีรพงศ์ เสนไสย. (2546). นาฏยประดิษฐ์. กาฬสินธุ์: ประสานการพิมพ์. พูนพิศ อมาตยกุล. (2548). บันทึกเรื่องละครร้องเพลงเพลงละครร้อง. กรุงเทพฯ: เอกสารอัดส าเนา.
230 พูนพิศ อมาตยกุล. (2552). เพลง ดนตรีและนาฏศิลป์ จากสาส์นสมเด็จ. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหิดล. พูนพิศ อมาตยกุล. (2556). ประวัติของละครร้อง. อนุส รณ์งานพระร าชทานเพลิงศพ นางสุดจิตต์ดุริยประณีต อนันตกุล. กรุงเทพฯ: นานาสิ่งพิมพ์. ไพโรจน์ ทองค าสุก. (2544). วิเคราะห์รูปแบบความเป็นครูสู่กระบวนการถ่ายทอดความรู้ของผู้เชี่ยวชาญ นาฏศิลป์ไทย ครูเฉลย ศุขะวณิช.กรุงเทพฯ:กรมศิลปากร. มณิศา วศินารมณ์. (2549). นาฏยประดิษฐ์เจ้าจอมมารดาเขียน. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร. มติชนออนไลน์. (2566). ชมภาพหายาก ย้อนมองอาภรณ์เจ้านายในราชส านัก-สตรีสยามสมัย ร.6. [อ อ น ไ ล น์]. สื บ ค้ น เ มื่ อ สื บ ค้ น เ มื่ อ 1 9 กุ ม ภ า พั น ธ์ 2 5 6 6 จ า ก https://www.matichon.co.th /court-news/news_254322. มัทนี รัตนิน. (2559). ศิลปะการแสดงละครหลักเบื้องต้นและการฝึกซ้อม. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. ยศ สันตสมบัติ. (2556). มนุษย์กับวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. เย็นจิตร ถิ่นขาม และมณีชัย ทองอยู่. (2552). การผลิตซ าทางวัฒนธรรมข้ามพรมแดนในการแต่งงาน ข้ามวัฒนธรรมระหว่างหญิงไทยกับชายญี่ปุ่น. วารสารวิจัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 9(4), 90-101. รรรรยา บุญกลั่น. (2555). การคัดเลือกนักแสดงละครเวทีประเภทมิวสิคัล. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระวีวัฒน์ ไทยเจริญ. (2554). การเปลี่ยนแปลงของเพลงละครร้องจากเพลงไทยเดิมเป็นเพลงไทยสากล. (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยมหิดล,นครปฐม. รัสวรรณ อดิศัยภารดี. (2557). การสร้างสรรค์ละครนาฏยศิลป์ไทยร่วมสมัย. (วิทยานิพนธ์ปริญญา ดุษฎีบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร. ราชบัณฑิตยสถาน. (2556). พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 : เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระ ชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน. รุ้งนภา ยรรยงเกษมสุข. (2550). ชนชั้นน าในการเมืองไทยปัจจุบัน : การศึกษากระบวนการผลิตซ้ า ทุนวัฒนธ ร รมต ามแนวปิแอ ร์ บู ร์ดิเออ. (วิทย านิพน ธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต) . จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร. ลุพธ์ อุตมะ. (2566). ฉัฐรัช พัสตราภรณ์ ย้อนมองแฟชั่นเมืองสยาม ยามเมื่อความงามของ ตะวันตกมาบรรจบตะวันออก. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2566 จาก https://praewwedding.com/dresses-and-suits/bride/58119. วิมลศรี อุปรมัย. (2555). นาฏกรรมและการละคร. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. ศิริมงคล นาฏยกุล. (2545). การแสดงละครเพลงของไทย พ.ศ. 2490-2496. (วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร.
231 สง่า กาญจนาคพันธุ์. (2523). 80 ปีในชีวิตข้าพเจ้า. กรุงเทพฯ: บัณฑิตการพิมพ์. สดใส พันธุมโกมล. (2524). ศิลปะการละครเบื้องต้น. กรุงเทพฯ: คุรุสภาลาดพร้าว. สดใส พันธุมโกมล. (2542). ศิลปะของการแสดงละครสมัยใหม่. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สมบูรณ์ สุขสงวน. (2538). ละครร้อง. กรุงเทพฯ: สถาบันราชภัฏสวนสุนันทา. สมภพ จงจิตต์โพธา. (2562). ทฤษฎีสี (ฉบับสุดคุ้ม). กรุงเทพฯ: วาดศิลป์. สมศักดิ์ บัวรอด. (2558). การสร้างละครร า. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา. สวภา เวชสุรักษ์. (2547). หลักนาฏยประดิษฐ์ของท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี. (วิทยานิพนธ์ ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร. สุรพล วิรุฬห์รักษ์. (2543). นาฏยศิลป์ปริทรรศ. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สุรพล วิรุฬห์รักษ์. (2547). วิวัฒนาการนาฏยศิลป์ไทยในกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สุรพล วิรุฬห์รักษ์. (2554). นาฏยศิลป์ในรัชกาลที่ 5. กรุงเทพฯ: สกสค. ลาดพร้าว. เสาวณิต วิงวอน. (2555). วรรณคดีการแสดง. กรุงเทพฯ: ศักดิโสภาการพิมพ์. อเนก นาวิกมูล. (2549). เปิดต านานแม่นากพระโขนง. กรุงเทพฯ: เคล็ดไทย. อัจฉราวรรณ ภู่สิริวิโรจน์. (2543). พัฒนาการละครเพลงรพีพร. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร. Griswold, Wendy. (2004). Cultures and societies in a changing world. Thousand Oaks, CA : Pine Forge Press.
บุคลานุกรม จุฬาลักษณ์ หาปัญณะ. ผู้จัดแสงประกอบละคร. (ผู้ให้สัมภาษณ์). พิมพิกา มหามาตย์. (ผู้สัมภาษณ์). เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2566. จุลชาติ อรัณยะนาค. ผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ไทยโขน วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์. (ผู้ให้สัมภาษณ์). พิมพิกา มหามาตย์. (ผู้สัมภาษณ์). เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2565. ทัศนีย์ ขุนทอง. ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย-คีตศิลป์) พ.ศ. 2555. (ผู้ให้สัมภาษณ์). พิมพิกา มหามาตย์. (ผู้สัมภาษณ์). เมื่อ 15 มกราคม 2566. นพคุณ สุดประเสริฐ. รองคณบดี คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์. (ผู้ให้สัมภาษณ์). พิมพิกา มหามาตย์. (ผู้สัมภาษณ์). เมื่อ 2 มกราคม 2566. บ ารุง พาทยกุล. ข้าราชการบ านาญ วิทยาลัยนาฏศิลป. (ผู้ให้สัมภาษณ์). พิมพิกา มหามาตย์. (ผู้สัมภาษณ์). เมื่อ 3 พฤศจิกายน 2565. ปรัชญา เข็มนาค. อาจารย์ภาควิชาศิลปสากล วิทยาลัยนาฏศิลป. (ผู้ให้สัมภาษณ์). พิมพิกา มหามาตย์, (ผู้สัมภาษณ์). เมื่อ 5 มกราคม 2566. พหลยุทธ กนิษฐบุตร. รองอธิการบดี สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์. (ผู้ให้สัมภาษณ์). พิมพิกา มหามาตย์. (ผู้สัมภาษณ์). เมื่อ 30 พฤศจิกายน 2565. พิทวัล สุวภาพ. รองคณบดีคณะศิลปวิจิตร สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์. (ผู้ให้สัมภาษณ์). พิมพิกา มหามาตย์. (ผู้สัมภาษณ์) เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2565. พูนพิศ อมาตยกุล. ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านละครร้อง และราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์. (ผู้ให้สัมภาษณ์) พิมพิกา มหามาตย์. (ผู้สัมภาษณ์). เมื่อ 23 กุมภาพันธ์2565. ยุทธ อุทยานินทร์. หัวหน้าสาขาวิชาศิลปะและธุรกิจการแสดง คณะมนุษย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. (ผู้ให้สัมภาษณ์). พิมพิกา มหามาตย์. (ผู้สัมภาษณ์). เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2566. ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์. ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์) พ.ศ. 2548. (ผู้ให้สัมภาษณ์). พิมพิกา มหามาตย์. (ผู้สัมภาษณ์). เมื่อ 23 พฤศจิกายน 2565.
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก บทละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์
235 บทละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ ดัดแปลงจากบทละครเรื่อง พ่อเครือณรงค์ และขุนโรมปรปักษ์ ของหมากพญา (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์) โดย นางสาวพิมพิกา มหามาตย์ และนายศุภวัฒน์ หงษา บรรจุเพลงโดย ผศ.ดร.นพคุณ สุดประเสริฐ อ านวยเพลง โดย นายพันธ์ศักดิ์ เอี่ยมจรูญ และนายนพนรรจ์ แย้มบุญมี รูปแบบการแสดง “เล่น ร้อง ท านองไทย” วิทยานิพนธ์ระดับดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานาฏศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ โดยนางสาวพิมพิกา มหามาตย์