The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิทยานิพนธ์ หลักสูตรศิลปดุษฎีบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ สาขาวิชานาฏศิลป์ เรื่อง ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ พิมพิกา มหามาตย์ 2566

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ พิมพิกา มหามาตย์ 2566

วิทยานิพนธ์ หลักสูตรศิลปดุษฎีบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ สาขาวิชานาฏศิลป์ เรื่อง ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ พิมพิกา มหามาตย์ 2566

86 ตำรำงที่ 11 การออกแบบการประชาสัมพันธ์ สูจิบัตร นิทรรศการ และบรรยากาศบริเวณงาน ล ำดับ วันที่ กระบวนกำร ออกแบบ ภำพประกอบ 1 5 กุมภาพันธ์ 2566 ถ่ายภาพนิ่ง 2 7 กุมภาพันธ์ 2566 ออกแบบร่าง โปสเตอร์ผ่าน โปรแกรม Goodnote และ Canva


87 ตำรำงที่ 11 การออกแบบการประชาสัมพันธ์ สูจิบัตร นิทรรศการ และบรรยากาศบริเวณงาน (ต่อ) ล ำดับ วันที่ กระบวนกำร ออกแบบ ภำพประกอบ 3 8 กุมภาพันธ์ 2566 ปรับแก้ไข รายละเอียด โปสเตอร์ 4 12 - 13 กุมภาพันธ์ 2566 ประชาสัมพันธ์ ผ่านทางช่องทาง ต่าง ๆ


88 ตำรำงที่ 11 การออกแบบการประชาสัมพันธ์ สูจิบัตร นิทรรศการ และบรรยากาศบริเวณงาน (ต่อ) ล ำดับ วันที่ กระบวนกำร ออกแบบ ภำพประกอบ 5 14 กุมภาพันธ์ 2566 ออกแบบร่างและ ก าหนดรายละเอียด ในสูจิบัตร และ ปรับแก้ไขสูจิบัตร 6 24 กุมภาพันธ์ 2566 ออกแบบป้าย ส าหรับนิทรรศการ


89 ตำรำงที่ 11 การออกแบบการประชาสัมพันธ์ สูจิบัตร นิทรรศการ และบรรยากาศบริเวณงาน (ต่อ) ล ำดับ วันที่ กระบวนกำร ออกแบบ ภำพประกอบ 7 26 กุมภาพันธ์ 2566 จัดนิทรรศการ หน้างาน


90 ตำรำงที่ 11 การออกแบบการประชาสัมพันธ์ สูจิบัตร นิทรรศการ และบรรยากาศบริเวณงาน ล ำดับ วันที่ กระบวนกำร ออกแบบ ภำพประกอบ 8 26 กุมภาพันธ์ 2566 ออกแบบ บรรยากาศหน้างาน ฉายผ่านจอ LED ที่มำ: ผู้วิจัย - ทดลองท าการแสดง และประชุมสนทนากลุ่มย่อย (Focus Group) โดยผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมในการสร้างสรรค์ผลงานในทุกองค์ประกอบ โดยก าหนดเกณฑ์ การคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิไว้ในหัวข้อ 1.1.3 ได้แก่ 1) นางรัตติยะ วิกสิตพงษ์ (ศิลปินแห่งชาติ) สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ไทย ละคร) พุทธศักราช 2560 2) นางนฤมัย ไตรทองอยู่ ผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ไทย สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 3) ดร.ชนัย วรรณะลี อาจารย์ประจ าหลักสูตรศิลปดุษฎีบัณฑิต และหลักสูตร ศิลปมหาบัณฑิต สาขาวิชานาฏศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 4) นายสมชาย ทับพร ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีไทย และ คีตศิลป์ไทย ส านักการสังคีต กรมศิลปากร 5) นายเกษม ทองอร่าม ผู้เชี่ยวชาญการประพันธ์บทละคร วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 6) ดร.สุรัตน์ จงดา ผู้ช่วยอธิการบดี สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 7) รองศาสตราจารย์ ดร.อนุกูล โรจนสุขสมบูรณ์ ภาคีสมาชิกราชบัณฑิตยสถาน สาขาวิชานาฏกรรม ประเภทวิชาวิจิตรศิลป์ ส านักศิลปกรรม และหัวหน้าภาควิชานาฏยศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


91 ภำพที่ 7 คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในการประชุมสนทนากลุ่มย่อย (Focus Group) ที่มำ: ผู้วิจัย ภำพที่8 คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิบันทึกภาพร่วมกับผู้วิจัยและผู้แสดง ที่มำ: ผู้วิจัย จากการประชุมสนทนากลุ่มย่อย ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 ณ โรงละครขนาดเล็กชั้น 7 อาคารนาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป ผู้ทรงคุณวุฒิได้พิจารณาผลงานสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ และได้ให้ข้อเสนอแนะ ดังรายละเอียดตามตารางต่อไปนี้


92 ตำรำงที่ 12 ข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิประชุมสนทนากลุ่มย่อย (Focus Group) ล ำดับ ชื่อ นำมสกุล ต ำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ข้อเสนอแนะ 1 นางรัตติยะ วิกสิตพงษ์ (ศิลปินแห่งชาติ) สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ไทย ละคร) พุทธศักราช 2560 - ชื่นชมผู้สร้างสรรค์ละครในด้านแนวคิด การน าเสนอ ที่เน้นในด้านสิ่งที่ควรกระท าและ สอดแทรกคุณธรรมในการด าเนินชีวิต น าเสนอ ข้อคิดสอนใจคนในสังคมได้เป็นอย่างดี สะท้อนการกระท าอันไม่พึงประสงค์ที่เป็น เรื่องใกล้ตัว สอนให้ผู้ชมได้ตระหนักเรียนรู้ถึง การกระท าที่ไม่เหมาะควรอันจะก่อให้เกิด ความสูญเสียต่าง ๆ ตามมาได้ - ควรพิจารณาถึงระดับความดัง - เบาของ เสียงดนตรีและเสียงร้องของผู้แสดง - นับเป็นการอนุรักษ์ พัฒนาศิลปะการแสดง ของชาติไทย ในรูปแบบของละครร้องได้ อย่างดีเยี่ยม 2 นางนฤมัย ไตรทองอยู่ ผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ไทย สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ - ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ เป็นละครร้อง ที่สามารถสืบทอดเจตนารมณ์ของเจ้าของ บทละคร ได้แก่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ได้อย่างดีเยี่ยม น าเสนอประเด็นหลัก ข้อคิดของละครได้อย่าง ครบถ้วน - ผู้วิจัยค้นคว้าข้อมูลได้อย่างละเอียด มีความ พิถีพิถันในกระบวนการสร้างสรรค์ทุก องค์ประกอบ - รูปแบบการร้องเพลง มีความเหมาะสม สอดคล้องลงตัว มีรูปแบบการร้องเพลง แบบใหม่ที่น ามาผสมผสานกับเพลงไทยเดิม โดยเฉพาะในการร้องเพลงอาถรรพ์ (ร้องประสานเสียง 2 ระดับเสียง) มีความ แปลกใหม่ ไพเราะอย่างยิ่ง - ในฉากแต่งงาน ควรพิจารณาต าแหน่งการยืน และการแสดงของตัวละครให้เหมาะสม ไม่ควรบังตัวละครเอกด้านหลัง และอาจปรับ ลดจ านวนนักแสดงให้เหมาะสมกับพื้นที่ ของเวที


93 ตำรำงที่ 12 ข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิประชุมสนทนากลุ่มย่อย (Focus Group) (ต่อ) ล ำดับ ชื่อ นำมสกุล ต ำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ข้อเสนอแนะ 3 ดร.ชนัย วรรณะลี ผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ไทย สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ - ผู้วิจัยมีแนวคิดชัดเจนในการประกอบสร้าง ละคร ส่งผลให้งานละครมีความสมบูรณ์ใน องค์ประกอบเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะด้าน รูปแบบการร้องเพลงที่มีการบูรณาการรูปแบบ การร้องเพลงที่หลากหลาย ทั้งการร้องแบบ ดั้งเดิมและรูปแบบการร้องแบบใหม่ที่น ามา ผสมในละครร้องเรื่องเครือณรงค์ - มีการจัดวางรูปแบบการร้องได้หลากหลาย เหมาะสม - ผู้วิจัยควรค านึงถึงบุคลิกภาพของตัวละครทุก ตัวให้ละเอียด เช่น ตัวละครเครือณรงค์ เป็นพระเอก การร้องเพลงและการแสดงควรมี ความสง่าผ่าเผย สมเป็นนายทหาร ในการ แสดงอารมณ์เศร้าโศกนั้นยังคงต้องมีความเป็น พระเอกอยู่ในตัว - ในฉากที่ 1 ควรมีการปรับให้กลมกลืนกันในทุก ตัวละคร ไม่แย่งซีนตัวละครเอก 4 นายสมชาย ทับพร ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีไทย และคีตศิลป์ไทย ส านักการสังคีต กรมศิลปากร - ชื่นชมความตั้งใจและความเอาใจใส่ของผู้วิจัยที่ สามารถสร้างสรรค์เพลงไทยให้มีความร่วมสมัย ยิ่งขึ้น - ขอให้ปรับระดับเสียงดนตรีและเครื่องประกอบ จังหวะบางชิ้นให้มีความเบาลง เนื่องจากละคร ร้องจ าเป็นต้องใช้เสียงร้องเป็นหลักส าคัญใน การด าเนินเรื่อง หากเสียงดนตรีกลบเสียงร้อง ผู้ชมอาจไม่เข้าใจในบทละครที่ตัวละคร ต้องการสื่อสาร - ในเพลงตะนาวมอญ ผู้วิจัยสร้างสรรค์แนว ทางการร้องของลูกคู่และตัวละครได้อย่าง เหมาะสม เสนอเป็นแนวทางไว้ว่า หากจะตัด หรือเพิ่มเสียงเอื้อนสามารถด าเนินการได้โดย จะต้องไม่กระทบต่อหน้าทับเพลง


94 ตำรำงที่ 12 ข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิประชุมสนทนากลุ่มย่อย (Focus Group) (ต่อ) ล ำดับ ชื่อ นำมสกุล ต ำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ข้อเสนอแนะ - ในเพลงสามไม้ใน และสามไม้นอก เป็นความ ชาญฉลาดของผู้บรรจุเพลงและผู้วิจัยที่ สามารถน าท่อนเพลงของทั้ง 2 เพลงมาเรียง ร้อยต่อกันได้อย่างลงตัว อีกทั้งนักแสดง มีความสามารถสูงมากที่สามารถแยกแยะ การเอื้อนของเพลงนี้ได้อย่างไม่ผิดเลย - น าเสนอให้เพิ่มเสียงของเครื่องดนตรีไทยเข้าไป เพื่อให้สอดรับกับรูปแบบการแสดงที่ผู้วิจัย ก าหนดว่า “เล่น ร้อง ท านองไทย” หรืออาจ เพิ่มเสียงเดี่ยวของเครื่องดนตรีไทยเพื่อความ โศกเศร้ามากขึ้น 5 นายเกษม ทองอร่าม ผู้เชี่ยวชาญการประพันธ์บทละคร วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ - บทละครมีความเหมาะสม ส่งอารมณ์ถึงผู้ชม ฉันทลักษณ์ความคล้องจอง ตลอดจนการใช้ ภาษา มีความเหมาะสม - ในช่วงของงานแต่งงาน มีความอลังการใน การเปิดตัวและปูพื้นฐานของละครดี แต่ตัว ละครมีความสับสนวุ่นวาย ผู้วิจัยควรพิจารณา ต าแหน่งให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น - เสียงดนตรีสากล มีความใหญ่ ฉะนั้นควรปรับ ลดเสียงของเครื่องดนตรีสากลและเครื่อง ประกอบจังหวะบางชิ้นให้มีความเบาลง เพื่อส่งให้เสียงร้องของตัวละครมีความโดดเด่น มากยิ่งขึ้น - โดยภาพรวม ละครมีความสมบูรณ์ใน องค์ประกอบด้านบทละคร 7 รศ.ดร.อนุกูล โรจนสุขสมบูรณ์ ภาคีสมาชิกราชบัณฑิตยสถาน สาขาวิชานาฏกรรม ประเภทวิชา วิจิตรศิลป์ ส านักศิลปกรรม และ หัวหน้าภาควิชานาฏยศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - การคัดเลือกผู้แสดง ส่งผลให้ละครมีความ สมบูรณ์มาก ตัวละครทุกตัวมีความเหมาะสม ผู้แสดงมีความสามารถทั้งการร้องเพลง การแสดง การร าละคร และการสื่ออารมณ์ได้ เป็นอย่างดี


95 ตำรำงที่ 12 ข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิประชุมสนทนากลุ่มย่อย (Focus Group) (ต่อ) ล ำดับ ชื่อ นำมสกุล ต ำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ข้อเสนอแนะ - เนื่องด้วยการแสดงละครเรื่องนี้ เป็นการแสดง ละครร้อง ฉะนั้นเสียงร้องเป็นส่วนส าคัญ มากกว่าองค์ประกอบอื่น ๆ ผู้วิจัยควรปรับ สมดุลของสิ่งอ านวยความสะดวกทางเสียงให้มี ความหมาะสม ลดเสียงดนตรีให้เบาลง เพื่อเสริมให้เสียงร้องและเสียงลูกคู่โดดเด่น ยิ่งขึ้น - ในฉากที่ 1 ควรปรับต าแหน่งผู้แสดงให้ เหมาะสม - ชื่นชมแนวคิดความและรูปแบบการแสดง ตลอดจนความตั้งใจสร้างสรรค์ใน ทุกองค์ประกอบของผู้วิจัย ที่หลอมรวมเป็น ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ได้อย่างสมบูรณ์ ข้อควรค านึง คือ ในความหลากหลายของ รูปแบบการร้องเพลงนั้น ผู้วิจัยมีแนวทาง การเลือกรูปแบบการร้องแต่ละรูปแบบมาใช้ อย่างไร ควรอธิบายให้เกิดความชัดเจนมาก ยิ่งขึ้น ที่มำ: ผู้วิจัย จากตารางผู้วิจัยสรุปได้ว่า ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ มีความน่าสนใจ ผู้วิจัยน าเสนอ แนวคิดกระบวนการสร้างสรรค์และสิ่งใหม่ที่น ามาต่อยอดละครร้องของไทยได้เป็นอย่างดี นับเป็น การสืบทอด อนุรักษ์ พัฒนาการละครร้องของไทยได้อย่างสมบูรณ์ข้อเสนอแนะในประเด็นส าคัญ ที่ได้รับจากคณะกรรมการซึ่งความเห็นตรงกันเกิน 3 ท่าน ได้แก่ 1) ควรปรับสมดุลของเสียงเพลง ให้ระดับของเสียงเพลงเบากว่าเสียงร้อง เพื่อให้เกิด ความโดดเด่นของเสียงร้อง 2) ในฉากแต่งงาน ควรปรับต าแหน่งผู้แสดงให้มีความเหมาะสม เรียงล าดับ ความส าคัญของตัวละครในฉากให้ชัดเจนและเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ผู้วิจัยได้น าข้อเสนอแนะ เรื่องบุคลิกภาพของตัวละครมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับความเป็นปัจเจกของตัวละครนั้น ๆ ปรับแก้ไข ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ตามข้อเสนอผู้ทรงคุณวุฒิตามรายละเอียด ดังตารางต่อไปนี้


96 ตำรำงที่ 13 การปรับแก้ไขละครร้องเรื่องเครือณรงค์ตามข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิประชุม สนทนากลุ่มย่อย (Focus Group) ล ำดับ ข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิ กำรด ำเนินกำรปรับแก้ไข 1 ควรปรับสมดุลของเสียงเพลง ให้ระดับของเสียงเพลงเบากว่า เสียงร้อง เพื่อให้เกิดความโดดเด่น ของเสียงร้อง ผู้วิจัยด าเนินการปรับแก้ไข โดยการใช้โปรแกรม Garage Band ปรับระดับเสียงเครื่องดนตรี สากลที่มีความยิ่งใหญ่ให้ลดลง และปรับเสียง เครื่องดนตรีไทยให้มีความดังและชัดเจนมาก ยิ่งขึ้น และเมื่อซ้อมละครผู้ควบคุมเสียงจะต้อง ปรับระดับความดัง-เบาให้มีความเหมาะสมกับ เสียงร้องของตัวละครทุกตัว ซึ่งข้อจ ากัดของ ผู้ควบคุมเสียงคือ ห้องควบคุมในโรงละคร เป็นห้องเก็บเสียงก่อให้เกิดเป็นอุปสรรคใน การปรับสมดุล ผู้วิจัยจึงปรับแก้ไขด้วยการย้าย เครื่องควบคุมเสียงทั้งหมด ออกมาอยู่ด้านนอก ห้องควบคุม เพื่อให้ผู้ควบคุมเสียงได้ยินและ สามารถปรับสมดุลได้อย่างเหมาะสมลงตัว 2 ในฉากแต่งงาน ควรปรับต าแหน่ง ผู้แสดงให้มีความเหมาะสม เรียงล าดับความส าคัญของตัวละคร ในฉากให้ชัดเจน ผู้วิจัยปรับต าแหน่งของตัวละครละประกอบ ในบทบาทของเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ไม่บัง ต าแหน่งของตัวละครเอกด้านหลัง รวมถึงปรับ จังหวะการเข้าพระนางของเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว ตลอดจนการเคลื่อนที่และการใช้พื้นที่บนเวทีอย่าง เหมาะสม และปรับระดับให้ตัวละครเอกเคลื่อนมา อยู่ด้านหน้าเพื่อให้เกิดความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น 3 บุคลิกภาพของตัวละคร ผู้วิจัยได้เชิญครูสอนการแสดง (Acting Coach) และผู้เชี่ยวชาญในด้านการปรับบุคลิกภาพมา บรรยายให้ผู้แสดงเข้าใจการสวมบทบาทตัวละคร มากยิ่งขึ้น ที่มำ: ผู้วิจัย


97 4.2.2 ขั้นแสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ น าเสนอละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ต่อสาธารณชน ณ โรงละครขนาดเล็ก อาคารนาฏศิลป์ไทย ชั้น 7 วิทยาลัยนาฏศิลป และเผยแพร่ในรูปแบบสื่อออนไลน์ ภำพที่9 น าเสนอละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ต่อสาธารณชน ณ โรงละครขนาดเล็ก ชั้น 7 อาคารนาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป ที่มำ: ผู้วิจัย ภำพที่10 การเผยแพร่ละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ ในรูปแบบออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ยูทูป (Youtube) ที่มำ: ผู้วิจัย


98 4.2.3 ขั้นประเมินผลกำรแสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ประเมินประสิทธิภาพความพึงพอใจและความคิดเห็นของผู้ชมหลังการชมการแสดงละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ โดยให้ผู้ชมประเมินผลความพึงพอใจจากแบบสอบถามจ านวน 80 คน ซึ่ง แบบสอบถามประเมินความพึงพอใจและความคิดเห็นของผู้ชมเป็นแบบสอบถามแบบมาตราประมาณค่า (rating scale) มีเกณฑ์ในการให้คะแนนความพึงพอใจดังนี้ ระดับ ความพึงพอใจมากที่สุด 5 คะแนน ระดับ ความพึงพอใจมาก 4 คะแนน ระดับ ความพึงพอใจปานกลาง 3 คะแนน ระดับ ความพึงพอใจน้อย 2 คะแนน ระดับ ความพึงพอใจน้อยที่สุด 1 คะแนน มีการแปลค่าระดับความพึงพอใจ ประมวลผลวิเคราะห์ข้อมูลโดยค านวณค่าสถิติเบื้องต้น (ค่าเฉลี่ย) ก าหนดเกณฑ์ดังนี้ ตำรำงที่ 14 การแปลค่าระดับความพึงพอใจ ที่มำ: ผู้วิจัย 5. กำรตรวจสอบข้อมูล การวิจัยครั้งนี้ใช้การศึกษาค้นคว้าข้อมูลชั้นปฐมภูมิ โดยการสัมภาษณ์ข้อมูลแล้วน ามา ตรวจสอบ ข้อมูลอย่างละเอียดว่าตรงกับข้อมูลหรือเอกสารที่เคยปรากฏมาแล้วหรือไม่ เมื่อได้ข้อมูล จากเอกสาร การสัมภาษณ์ การสังเกตการณ์ ผู้วิจัยท าการตรวจสอบความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือของ ข้อมูล โดยพิจารณาจากแหล่งที่มาของข้อมูลว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด จากนั้นผู้วิจัย ด าเนินการตรวจสอบซ้ าอย่างละเอียด เพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูลเพื่อลดความคลาดเคลื่อน นอกจากนี้เมื่อพบว่าข้อมูลไม่เพียงพอหรือข้อมูลเกิดความคลาดเคลื่อน ผู้วิจัยด าเนินการสัมภาษณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์ที่ปรึกษาเพิ่มเติม จากนั้นน าข้อมูลที่ได้หลังจากการตรวจสอบมาจัดระเบียบข้อมูลให้เกิดความเป็นหมวดหมู่ สามารถน าไปวิเคราะห์ต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ค่าเฉลี่ย แปลค่า 4.51-5.00 มากที่สุด 3.51-4.50 มาก 2.51-3.50 ปานกลาง 1.51-2.50 น้อย 1.00-1.50 น้อยที่สุด


99 6. กำรวิเครำะห์ข้อมูล น าข้อมูลจากเครื่องมือทุกประเภทที่ใช้ในการวิจัยมาจ าแนกข้อมูลและจัดหมวดหมู่ข้อมูลตาม ประเภทที่ก าหนดไว้และท าการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 6.1 จัดกลุ่มเอกสารที่จะวิเคราะห์ออกเป็นกลุ่มข้อมูลต่างๆ ได้แก่ ความเป็นมา รูปแบบการแสดง องค์ประกอบการแสดง และละครร้องในบริบทสังคมประเทศไทย แนวคิด ทฤษฎีการสร้างสรรค์ละคร รวมทั้งงานวิจัยและวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยเรื่องนี้ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลตามวัตถุประสงค์ ของการวิจัย 6.2 น าข้อมูลจากการจัดกลุ่มเอกสารมาท าการวิเคราะห์เนื้อหา สรุปประเด็นที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 1) ประเด็นเกี่ยวกับละครร้อง 2) ประเด็นเกี่ยวกับแนวทางการสร้างสรรค์ละคร 3) ประเด็นเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ละครเรื่องเครือณรงค์ 6.3 วิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสัมภาษณ์ แบบประเมินความพึงพอใจโดยการประมวลผลและ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงตีความสร้างข้อสรุป โดยน าเสนอรูปแบบพรรณนาวิเคราะห์ 7. กำรสรุปและน ำเสนอข้อมูล จากการศึกษา ผู้วิจัยน าข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล โดยการเขียนเชิง พรรณวิเคราะห์ จากนั้นท าการสรุปผลการสร้างสรรค์และการวิจัย จัดท ารูปเล่ม เผยแพร่ผลงานใน รูปแบบการแสดงและบทความวิจัยตามล าดับ


บทที่ 4 ผลการสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ จากบทที่ 3 ผู้วิจัยได้กล่าวถึงรายละเอียดในการด าเนินการวิจัย รวมถึงการวางแนวทาง การประกอบสร้างละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ในบทนี้ผู้วิจัยน าเสนอผลการสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ ซึ่งมีรายละเอียดในการประกอบสร้าง การปรับปรุงแก้ไขหลายขั้นตอน ตลอดจนน าเสนอข้อมูลในการประเมินคุณภาพละคร โดยแบ่งเนื้อหาตามวัตถุประสงค์ของ วิทยานิพนธ์ ดังนี้ 1. การสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ 1.1 แนวคิดและรูปแบบการแสดง 1.2 องค์ประกอบการแสดง 2. การประเมินคุณภาพ และความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ 2.1 การเผยแพร่ผลงานละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ 2.2 การประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ 3. องค์ความรู้ใหม่ที่ได้รับจากการสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ 3.1 องค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นต่อตนเอง 3.2 องค์ความรู้ใหม่ที่เกิดต่อวงวิชาชีพนาฏศิลป์ 1. การสร้างสรรค์ละคร ร้อง เรื่องเครือณรงค์ 1.1 แนวคิดและรูปแบบการแสดง 1.1.1 แนวคิดการแสดง ละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ มีแนวคิดการสร้างละครมาจากการบูรณาการ 3 แนวคิด ได้แก่ 1) แนวคิดในการอนุรักษ์ สืบทอด พัฒนาละครร้อง ผสมผสานรูปแบบการแสดงละครร้องให้ เกิดเป็นรูปแบบใหม่ ส าหรับแนวคิดนี้เป็นการบูรณาการรูปแบบละครร้องของเดิม และเพิ่มมิติ ความทันสมัยในองค์ประกอบต่าง ๆ ให้ละครร้องสามารถสอดรับกับพลวัตความเปลี่ยนแปลงของ สังคมในปัจจุบัน 2) แนวคิดด้านสุนทรียะและความงามในการแสดงละครร้อง ที่ประกอบด้วย สุนทรียะของบทละคร ความสุนทรียะไพเราะของเพลง เสียงดนตรี และการขับร้อง สุนทรียะของ เครื่องแต่งกาย สุนทรียะของผู้แสดง และสุนทรียะของท่าทางประกอบการแสดง ตลอดจนสุนทรียะ และความทันสมัยในการสอดแทรกสื่อเทคโนโลยี 3) แนวคิดในการน าเค้าโครงเรื่องเดิมที่มีความสนุก น่าติดตามมาจัดแสดงอธิบายได้ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1) แนวคิดในการอนุรักษ์ สืบทอด พัฒนาต่อยอดละครร้อง ด้วยการผสมผสาน รูปแบบการแสดงให้เกิดเป็นละครร้องรูปแบบใหม่ จากการศึกษาพัฒนาการของละครร้องในประเทศไทย พบว่า ละครร้อง เป็นศิลปะการแสดง ที่ถือก าเนิดในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ประมาณ พ.ศ. 2448


101 (พูนพิศ อมาตยกุล, 2556, น. 236) ผู้ริเริ่มละครร้องเป็นคนแรก คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ เกิดจากประสบการณ์การรับชม การจัดการแสดง และพระอัจฉริยะของ พระองค์ โดยทรงผสมผสานแนวความคิดละครต่าง ๆ ดัดแปลงรูปแบบการแสดงของละครทั้ง 4 ประเภท คือ อุปรากร ละครบังสาวัน ละครดึกด าบรรพ์ และละครพันทาง เข้าด้วยกัน จนเกิดความกลมกลืนเป็น ละครรูปแบบใหม่ ที่มีลักษณะส าคัญได้แก่ผู้แสดงด าเนินเรื่องด้วยการขับร้อง ออกท่าทางแบบ ธรรมชาติหรือที่เรียกว่า ก าแบมีการสร้างฉาก เปลี่ยนฉากตามท้องเรื่อง มีแสงเสียงเพื่อความสมจริง ละครร้องมีวิวัฒนาการต่อเนื่องมาโดยตลอด ผู้วิจัยแบ่งช่วงวิวัฒนาการของละครร้อง ออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 ก าเนิดละครร้อง (ปลายรัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2448 - พ.ศ. 2454) ช่วงที่ 2 ความรุ่งเรืองของละครร้อง (รัชกาลที่ 6 - 7 พ.ศ. 2455 - พ.ศ. 2477) ช่วงที่ 3 การอนุรักษ์ ฟื้นฟูละครร้อง เชื่อมต่อสู่ละครเพลง (รัชกาลที่ 8 พ.ศ. 2478 - ปัจจุบัน) จากข้อมูลพบว่า ละครร้องมีพัฒนาการที่ ยาวนาน เป็นละครที่สามารถเข้าถึงผู้ชมได้ทุกเพศทุกวัย และสามารถสะท้อนบริบทในสังคมต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน ละครร้องเป็นละครที่ยากต่อการจัดแสดง เนื่องจากมีข้อจ ากัดหลายด้าน โดยเฉพาะ อย่างยิ่งด้านความสามารถของผู้แสดงที่ต้องร้องเพลง ท าท่าทางประกอบ แสดงสีหน้าอารมณ์ไปควบคู่กัน อีกทั้งในการจัดการแสดงละครร้องใช้ทุนทรัพย์สูง ผู้วิจัยตระหนักถึงความส าคัญของงานละครร้อง ศิลปะการแสดงของไทยที่เคยได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงรัชกาลที่ 6 - 7 เกิดเป็นแนวคิดและ แรงบันดาลในการอนุรักษ์ สืบทอด พัฒนาละครร้องของไทยให้คงอยู่กับสังคมไทย ทั้งนี้เพื่อให้คนสังคม ร่วมตระหนักในคุณค่าของการละครไทยแบบเดิมที่ใช้เพลงไทยเดิม การร้องแบบไทยดั้งเดิมในการด าเนินเรื่อง แนวคิดในการผสมผสานรูปแบบการแสดงละครร้อง ใช้การผสมผสานบูรณาการรูปแบบและ วิธีการแสดงละครร้อง 3 รูปแบบเข้าด้วยกัน ได้แก่ 1) ละครร้องของกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ 2) ละครร้องของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และ 3) ละครร้องจันทโรภาส ของพรานบูรพ์ (จวงจันทร์ จันทร์คณา) ด้วยละครร้องทั้ง 3 รูปแบบมีอัตลักษณ์ จุดเด่นที่สามารถน าสู่การบูรณา การเป็นรูปแบบการแสดงละครร้องในยุครัชกาลที่ 10 ที่มีความทันสมัยเข้ากับพลวัตของสังคมปัจจุบัน ที่เปลี่ยนแปลงขับเคลื่อนสิ่งต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว โดยได้ศึกษาข้อมูลรูปแบบและลักษณะการแสดงของ ละครร้องทั้ง 3 รูปแบบ ดังรายละเอียดต่อไปนี้ (1) ละครร้องสลับพูด ละครร้องมีลูกคู่ หรือ ละครร้องปรีดาลัย เป็นละครร้องที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงคิดขึ้น ดัดแปลง มาจากละครโอเปร่า ละครบังสาวัน ละครพันทาง และละครดึกด าบรรพ์ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้มี ลักษณะและแบบแผนอย่างละครไทย ใช้เพลงไทยในการขับร้อง ใส่ท่าร าในบางตอน ด าเนินเรื่องราวด้วย การร้องเพลงของตัวละครและลูกคู่ ส าหรับรูปแบบการแสดงนิยมให้มีระบ าหรือจ าอวดออกมาแสดงสลับ ฉาก วิธีการด าเนินเรื่องคือด าเนิน เรื่องด้วยการร้อง ตัวละครจะต้องร้องเองโดยมีลูกคู่คอยร้องรับในบทที่ บรรยายความรู้สึกนึกคิด และมีซออู้คลอตาม ใช้วงปี่พาทย์หรือวงมโหรีบรรเลง ใช้ผู้หญิงแสดงล้วน ท่าทางที่ ใช้ส าหรับแสดงจะเป็นท่าทางกิริยาของมนุษย์ตามธรรมชาติ ไม่ท าท่าร าอย่างเช่นละคร เรียกว่าละครก าแบ (พูนพิศ อมาตยกุล,2552, น. 236)


102 รูปแบบการแสดง และลักษณะส าคัญของละครร้องสลับพูด หรือละครร้องมีลูกคู่ หรือ ละครร้องปรีดาลัย สรุปรายละเอียดได้ดังนี้ เริ่มการแสดงด้วยการสั่นกระดิ่ง เพื่อเป็นสัญญาณให้ผู้ชมรับรู้ว่าละครก าลังจะแสดง ใช้การร้องเพลงเป็นหลักส าคัญในการด าเนินเรื่อง โดยผู้แสดงร้องบทที่เป็นบทสนทนาของตนเองลูกคู่ ร้องบทบรรยาย บทแสดงอาการกริยาและบทคิดค านึง นอกจากนั้นลูกคู่ร้องรับบทเอื้อน โดยผู้แสดง ร้องเฉพาะค าร้องเท่านั้น ละครร้องสลับพูดมีกลวิธีการเปิดเรื่อง 3 ลักษณะ ได้แก่ 1) การเปิดเรื่องด้วย การแนะน าตัวละคร2) การเปิดเรื่องด้วยการสร้างบรรยากาศเพื่อน าเข้าสู่เนื้อเรื่องและ 3) การเปิดเรื่องด้วย การเสนอเหตุการณ์ที่เป็นปมปัญหาของเรื่องทันทีลักษณะการด าเนินเรื่องมีความหลากหลายขึ้นอยู่ กับโครงเรื่อง ส่วนการปิดเรื่องปรากฏ 2 แบบได้แก่ 1) ปิดเรื่องแบบสุขนาฏกรรม และ 2) ปิดเรื่องแบบ โศกนาฏกรรม หลังจบละครจะมีการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดี ต่อชาติและพระมหากษัตริย์ในการแสดงละครแต่ละครั้งจะมีการแสดงชุดสั้น ๆ เพื่อเบิกโรง หรือสลับฉาก และใช้ท่าร าในการแสดงผสมผสานบ้างเล็กน้อย (2) ละครร้องล้วน ๆ ตลอดเรื่อง หรือละครร้องแท้ ๆ หรือละครร้องไม่มีลูกคู่ เป็นละครร้องที่มีลักษณะสอดคล้องกัน แตกต่างกันเพียงชื่อที่เรียกเท่านั้น ละครดังกล่าวเป็น ละครร้องในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้รับอิทธิพลมา จากละครโอเปร่าของตะวันตก ทรงดัดแปลงมาเป็นการร้องของไทย ตัวละครจะด าเนินเรื่องด้วยการร้องล้วน ๆ ไม่มีบทเจรจาแทรก ทรงแสดงทรรศนะไว้ว่า “ไม่ควรมีลูกคู่ส าหรับละครชั้นดี การแทรกลูกคู่ ก็เท่ากับการเล่านอกบทให้ผู้ดูเข้าใจนั่นเอง นอกจากนั้นลูกคู่ก็มาช่วยร้องแข่งกับคนแสดงให้เซ็งแซ่ น่าร าคาญด้วย” (จมื่นอมรดรุณารักษ์, 2511, อ้างถึงใน เสาวณิต วิงวอน, 2555) ตัวละครใช้ท่าทาง แบบสามัญชนแต่งกายตามเนื้อเรื่องและสมัยนิยม มีการเปลี่ยนฉากตามท้องเรื่อง ใช้วงปี่พาทย์บรรเลง ประกอบการแสดงปรากฏบทพระราชนิพนธ์ละครร้องของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อยู่จ านวน 7 เรื่อง คือ เรื่องมิกาโด้ เรื่องวั่งตี่ เรื่องตั้งจิตรคิดคลั่ง เรื่องศกุนตลา เรื่องพระร่วง เรื่องสาวิตรี และเรื่องพระเกียรติรถ รูปแบบการแสดง และลักษณะส าคัญของละครร้องล้วน ๆ หรือละครร้องไม่มีลูกคู่ จะใช้การร้องเพลงเป็นส่วนส าคัญที่สุด โดยมีองค์ประกอบอื่น ๆ เป็นส่วนเสริมการแสดง ใช้วิธีการขับร้อง แบบต่าง ๆ ได้แก่ การขับร้องเดี่ยว การขับร้องคู่ การร้องหลายคน และการร้องหมู่มาใช้ปรากฏ การแบ่งตอนเป็นองก์และเป็นฉากอย่างละครของตะวันตก โดยในตอนต้นของแต่ละฉากเป็นการ บรรยายถึงฉากประกอบการแสดง เปิดเรื่องด้วยการแนะน าตัวละคร ด าเนินเรื่องด้วยความขัดแย้ง ปิดเรื่องด้วยข้อคิดหรือผลดีที่เกิดขึ้นเน้นสาระความส าคัญของคุณธรรมจริยธรรม จบด้วยบทสรรเสริญ เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ และประเทศชาติ (3) ละครร้องแบบจันทโรภาส หรือละครร้องพรานบูรพ์ หรือละครเพลงของพรานบูรพ์ โดยละครร้องรูปแบบดังกล่าวแพร่หลายและได้รับความนิยมมากในสมัยรัชกาลที่ 7 ละครร้องของจันทโรภาสหรือละครร้องของพรานบูรพ์มีลักษณะแตกต่างออกไปจากละครร้องแบบ ปรีดาลัย หรือละครร้องล้วน ๆ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงให้ใช้เพลงประกอบการแสดงที่เป็นเพลงไทยสากลและน าวงดนตรีสากลมาใช้ใน


103 การประกอบการแสดงละครร้อง ตัดการตีกรับรับลูกคู่ออก กล่าวได้ว่าเป็นพัฒนาการของละคร ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง ส าหรับรูปแบบการแสดง และลักษณะส าคัญของละครร้องจันทโรภาส หรือละครร้องของ พรานบูรพ์ด าเนินเรื่องแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ 1) ใช้บทร้องเป็นส่วนส าคัญในการด าเนินเรื่องโดยใช้ ค าพูดเพื่อทวนบทร้อง และ 2) ใช้ทั้งบทพูดและบทร้องเป็นส่วนส าคัญในการด าเนินเรื่อง ไม่สามารถ ตัดบทพูดออกได้ มีการปรับใช้เพลงไทยเนื้อร้องเต็ม และเพลงไทยสากล โดยปรากฏเพลงเอก ประจ าเรื่อง 1 เพลงเสมอ มีการแทรกการเจรจาเพื่อให้เกิดความกระชับในการด าเนินเรื่อง ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการแสดงต่อรอบ บทละครมีความสนุกสนาน เปิดเรื่องด้วย การแนะน าตัวละคร ลักษณะการด าเนินเรื่องมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับโครงเรื่อง ปิดเรื่องด้วยข้อคิด หรือผลดีที่เกิดขึ้นเน้นสาระความส าคัญของคุณธรรมจริยธรรม เน้นการเลือกใช้ผู้แสดงตัวเอก ที่มีรูปร่างหน้าตางดงาม น้ าเสียงไพเราะ เพื่อการพานิชย์ การบูรณาการรูปแบบและแบบแผนการแสดงของละครร้อง 3 รูปแบบ ผู้วิจัยก าหนด คัดเลือกน าอัตลักษณ์ส าคัญของแต่ละรูปแบบมาผสานรวมกันให้เกิดความแปลกใหม่ 2) แนวคิดด้านสุนทรียะหรือความงามในการแสดงละครร้อง แนวคิดด้านสุนทรียะหรือความงามในการแสดงละครร้องนี้ เป็นแนวคิดส าคัญ ที่ผู้วิจัย บูรณาการเป็นส่วนหนึ่งของละครร้องเรื่องเครือณรงค์ เนื่องจากละครร้องเป็นละครที่มีความงามเป็น เอกลักษณ์โดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเสียงเพลงและการร้อง สามารถสื่อสารให้ผู้ชมหรือผู้รับสาร เกิดความซาบซึ้งในสุนทรียะความเป็นไทยผ่านละคร ผู้วิจัยแบ่งประเด็นสุนทรียะความงามของ ละครร้องออกได้ดังรายละเอียดต่อไปนี้ (1) สุนทรียะของบทละคร ด้านสุนทรียะของบทละครของละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ ผู้วิจัยได้ผสมผสาน ฉันทลักษณ์ต่าง ๆ เข้าในบทละคร รวมทั้งการเลือกใช้ค าง่าย ที่มีความไพเราะ เสียงเสนาะ มีลักษณะ สัมผัสสระและสัมผัสอักษร สื่อความหมายได้แนบเนียนและลึกซึ้งกินใจผู้ชม เพื่อให้เกิดคุณค่า ด้านสุนทรีย์รสของภาษา นอกจากนี้ใบบทละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ ยังสามารถสะท้อนคุณค่า ในด้านสังคมสะท้อนความเป็นอยู่เห็นสภาพสังคมในสมัยนั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี (2) สุนทรียะของเพลง เสียงดนตรี และการขับร้อง ด้านสุนทรียะของเพลง เสียงดนตรี และการขับร้อง ผู้วิจัยเลือกใช้เพลงท านองเดิม ที่มีอยู่แล้ว มาเรียบเรียง ผสมผสาน ประยุกต์ใช้ใหม่ ผ่านวงดนตรีไทยแบบร่วมสมัย เสียงดนตรีเป็น การผสมผสานบูรณาการระหว่างวงดนตรีไทย วงดนตรีสากล และเสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์สังเคราะห์ ที่นิยมในปัจจุบันเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดความร่วมสมัยในดนตรีผสานกลมกลืนกันเกิดความเป็น เอกภาพ โดยใช้เสียงดนตรีไทยเป็นเสียงหลักในการด าเนินท านอง แล้วใช้ดนตรีสากลและดนตรี อิเล็กทรอนิกส์ เสียงพิเศษเรียบเรียงเสียงประสานเข้ามาท าให้เกิดความไพเราะสมกับยุคสมัย และ ก าหนดให้การขับร้องเพลงมีรูปแบบหลากหลาย ทั้งร้องเดี่ยว ร้องคู่ ร้องหลายคน และร้องหมู่ ก่อให้เกิดความสุนทรียะในการรับฟังเพลง


104 (3) สุนทรียะของเครื่องแต่งกาย ด้านสุนทรียะของเครื่องแต่งกาย จากการศึกษาข้อมูล ละครร้องสามารถเป็น เครื่องมือสะท้อนสภาพสังคมสมัยนั้น ๆ ได้ทั้งในด้านวัฒนธรรมภาษา บริบทของสภาพบ้านเมือง รวมถึงวัฒนธรรมการแต่งกาย โดยละครเรื่องเครือณรงค์นี้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์ พงศ์ทรงพระนิพนธ์เมื่อ ร.ศ. 131 ประมาณปีพุทธศักราช 2455 ตรงกับปีคริสตศักราช 1912 เป็น ช่วงต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ผู้วิจัยจึงมีแนวคิดที่จะสร้างสรรค์ เครื่องแต่งกายให้เป็นไปตามสมัยนิยมในรัชกาลที่ 6 โดยปรุงแต่งให้เกิดความสวยงามเหมาะสมกับ การแสดงละครเวทีมากขึ้น น าหลักทฤษฎีของสีมาเป็นส่วนช่วยก าหนด สีเครื่องแต่งกายของตัวละคร ในกระบวนการออกแบบ ผู้วิจัยก าหนดรูปทรง (Shape) และรายละเอียด (Detail) ให้เป็นไปตาม ลักษณะการแต่งกายที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 6 ที่ได้รับอิทธิพลการแต่งกายจากตะวันตก (4) สุนทรียะของผู้แสดง ด้านสุนทรียะของผู้แสดงนั้น ผู้แสดงละครร้องจ าเป็นต้องมีคุณสมบัติหลายประการ โดยมีความสามารถทางด้านการร้องเพลงและการดนตรี เป็นผู้ที่มีรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ และ บุคลิกภาพที่เหมาะสมกับบทบาทของตัวละคร เป็นผู้ที่มีพื้นฐานทางด้านนาฏศิลป์ และการแสดงตาม บทบาทที่ดี เป็นผู้มีประสบการณ์การแสดง สามารถแสดงอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม เป็นผู้มีความจ าและ ไหวพริบปฏิภาณที่ดี ตลอดจนเป็นผู้ที่พร้อมได้รับการพัฒนาอยู่เสมอ (5) สุนทรียะของท่าทางประกอบการแสดง ด้านสุนทรียะของท่าทางประกอบการแสดง ละครร้อง มีแบบแผนของการออกลีลา ท่าทางเป็นแบบก าแบ โดยท่าทางแบบก าแบถือเป็นลักษณะเฉพาะส าคัญของรูปแบบละครร้องที่ได้รับ อิทธิพลมาจากวัฒนธรรมของตะวันตก เป็นต้นแบบให้ละครชนิดอื่น ๆ ได้น าท่าทางดังกล่าวไป ประยุกต์ใช้ ผู้วิจัยตระหนักในอัตลักษณ์ของท่าทางนี้จึงออกแบบให้ลีลาท่าทางในละครใช้ท่าทางก าแบ ท่าแสดงกิริยา และท่านาฏศิลป์ไทย เพื่อประกอบการแสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ บูรณาการให้ เกิดความสมดุลในการออกท่าทางประกอบการร้องเพลง เพื่อให้เกิดเป็นสุนทรียความงามของลีลา ท่าทางประกอบในละคร (6) สุนทรียะความทันสมัยในการสอดแทรกสื่อเทคโนโลยี ผู้วิจัยได้ก าหนดออกแบบฉากในละคร โดยฉากใช้เป็นฉากผสมผสานภาพการใช้สื่อ มัลติมีเดียฉายผ่านจอแสดงผล Light Emitting Diode (LED) และอุปกรณ์ประกอบฉากจัดวางตาม ต าแหน่ง เพื่อให้เกิดความสมจริงในละคร เป็นการน าความทันสมัยมาบูรณาการใช้ให้เกิดประโยชน์ ส่งผลให้ผู้ชมได้รับชมละครอย่างมีอรรถรสมากขึ้น 3) แนวคิดการน าเค้าโครงเรื่องเดิมมาแสดง แนวคิดในการน าเค้าโครงเรื่องเดิมมาแสดง ผู้วิจัยได้ท าการศึกษาข้อมูลเค้าโครงเรื่องที่ แสดงละครร้อง พบว่า ละครร้องทั้ง 3 รูปแบบ ได้แก่ ละครร้องของกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ละครร้องของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และละครร้องจันทโรภาสของพรานบูรพ์ จวงจันทร์ จันทร์คณา มีการแต่งเค้าโครงเรื่องขึ้นใหม่ และน าเค้าโครงเรื่องเดิม จากบทละคร วรรณคดี วรรณกรรม และนิยาย มาแต่งใหม่เป็นบทละครร้อง แต่ยังคงแก่นเรื่องเดิมที่ผู้ประพันธ์ ต้องการน าเสนอ ผู้วิจัยจึงมีแนวคิดในการน าบทละครเดิมที่มีอยู่แล้วเรื่องพ่อเครือณรงค์


105 บทพระนิพนธ์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ มาน าเสนอใหม่อีกครั้งใน รูปแบบละครร้องสร้างสรรค์ โดยปรับบทให้มีความกระชับ รวดเร็ว เข้าใจง่าย และสลับเหตุการณ์ใน การด าเนินเรื่อง ด้วยผู้วิจัยพิจารณาเห็นว่าละครเรื่องเครือณรงค์ เป็นละครที่ให้ข้อคิดและมีแก่นเรื่อง ส าคัญเกี่ยวกับความรัก สามารถน ามาใช้เตือนสติในคนในสังคมได้ดี อีกทั้งละครเรื่องเครือณรงค์เป็น เรื่องราวภาคต่อที่น าเสนอภาคจบบริบูรณ์ของละครเรื่องสาวเครือฟ้า มีการจัดแสดงเต็มเรื่องเพียงครั้ง เดียวตั้งแต่ครั้งสมัยรัชกาลที่ 6 มีเนื้อเรื่องสนุก ชวนติดตาม อีกทั้งมีข้อคิดสอดแทรกอยู่ในเนื้อเรื่อง ตลอดทั้งเรื่อง ภาพที่ 11 การบูรณาการแนวคิดการแสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ที่มา: ผู้วิจัย 1.1.2 รูปแบบการแสดง ผู้วิจัยได้ท าการศึกษารูปแบบและองค์ประกอบของละครร้อง แบบมีลูกคู่ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ละครร้องแบบไม่มีลูกคู่ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และละครร้องจันทโรภาสของพรานบูรพ์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ โดยการสร้างสรรค์ดังกล่าวผู้วิจัยก าหนดรูปแบบการแสดงแบบ “เล่นร้องท านองไทย” สามารถอธิบายได้ดังนี้ ค าว่า “เล่น” คือการเล่นละคร แสดงท่าทางออกเป็นเรื่องราว มีการเปิดเรื่องด าเนินเรื่อง และปิดเรื่อง ค าว่า “ร้อง” คือการด าเนินเรื่องด้วยการร้องเพลงหลากหลายรูปแบบ แทรกเจรจา ค าว่า “ท านองไทย” คือการใช้เพลงท านองเพลงไทยเดิม มาปรับประยุกต์ให้เกิดความร่วมสมัย ใช้กับละคร ส าหรับรูปแบบการร้องเพลงนั้น ผู้วิจัยน ารูปแบบการร้องแบบดั้งเดิมมาจากละครร้อง 3 รูปแบบ คือ 1) ละครร้องแบบมีลูกคู่ หรือละครร้องสลับพูด ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ 2) ละครร้องแบบไม่มีลูกคู่ หรือละครร้องล้วน ๆ ของพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และ 3) ละครร้องจันทโรภาส ของพรานบูรพ์ ที่มีรูปแบบการร้องเพลงแบบ เนื้อเต็ม และน ารูปแบบการร้องเพลงแบบใหม่ที่ไม่เคยมีปรากฏในละครร้องของไทยมาบูรณา การผสมผสานอีก 3 รูปแบบ ได้แก่ 1) การร้องคู่แบบผสานเนื้อเพลง (Duet) 2) การร้องผสมการพูดเร็ว (Recitative) และ 3) การร้องประสานเสียง (Counterpoint) ผู้วิจัยจะขออธิบายรูปแบบการร้องเพลง ทั้ง 6 รูปแบบดังนี้ การอนุรักษ์ สืบทอด พัฒนาต่อยอดละครร้อง สุนทรียะ หรือความงาม ในการแสดงละครร้อง การน าเค้าโครงเรื่องเดิม มาแสดง แนวคิด ละครร้องเรื่องเครือณรงค์


106 1) การร้องแบบมีลูกคู่ หรือการร้องสลับพูด เป็นรูปแบบการร้องเพลงในละครร้อง ปรีดาลัย ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ รูปแบบการร้องเพลงรูปแบบนี้ ตัวละครจะร้องเพลงในส่วนที่เป็นค าพูดของตัวเองเท่านั้น ไม่ต้องเอื้อนเอง มีลูกคู่ร้องบรรยาย ความรู้สึกนึกคิดหรือบรรยากาศของสถานการณ์ให้ โดยลูกคู่จะมีส่วนช่วยพยุงเสียงร้องให้นักแสดงใน การร้องเพลง ข้อจ ากัด คือ ตัวละครและลูกคู่จ าเป็นต้องสอดรับค าร้องและเอื้อนให้สนิท และต้องอาศัยการซ้อมเป็นระยะเวลายาวนานเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ 2) การร้องแบบไม่มีลูกคู่ หรือการร้องล้วน ๆ เป็นรูปแบบการร้องเพลงในละครร้อง ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ลักษณะส าคัญของละครร้องนี้จะมีการร้องเพลงเป็น ส่วนส าคัญที่สุด โดยองค์ประกอบอื่น ๆ เป็นส่วนเสริมการแสดง วิธีการขับร้องประกอบด้วยการร้อง แบบต่าง ๆ ได้แก่ การขับร้องเดี่ยว การขับร้องคู่ การร้องหลายคน และการร้องหมู่ ตัวละครร้องและ เอื้อนเองทั้งหมด ในบทละครของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เช่น เรื่อง ตั้งจิตรคิดคลั่ง ปรากฏบทร้องส าหรับลูกคู่เพื่อบรรยายความรู้สึกภายในของตัวละคร ตลอดจนบรรยายสถานการณ์ หรือบรรยากาศภายในเรื่องทั้งนี้เข้าใจว่าเพื่อให้เกิดความเข้าใจในตัวละครมากยิ่งขึ้น 3) การร้องแบบเนื้อเต็ม เป็นรูปแบบการร้องเพลงในละครร้องจันทโรภาส ของพรานบูรพ์ มีลักษณะการร้องแบบมีเนื้อร้องเต็มตัดการเอื้อนออกทั้งหมด มักใช้การทอดเสียงแทนการเอื้อน ใช้การร้องเพลงและการพูดเป็นส่วนส าคัญในการด าเนินเรื่อง รูปแบบการร้องเพลงนี้พัฒนาเป็น การร้องเพลงในลักษณะเพลงลูกกรุงภายหลัง 4) การร้องคู่แบบผสานเนื้อเพลง (Duet) เป็นรูปแบบการร้องเพลงคู่สองคนด้วย แนวเสียงเดียวกัน การร้องเพลงรูปแบบนี้เป็นเทคนิคการร้องเพลงสากลที่มีทั้งการร้องโต้ตอบสลับกัน ร้องพร้อมกัน และและร้องผสานกัน ในการร้องคู่แบบผสานเนื้อเพลงนี้ ผู้วิจัยสร้างสรรค์แนวการร้อง ให้อยู่ในระดับเสียงเดียวกัน แต่มีเนื้อเพลงที่แตกต่างกัน เพื่อสื่อสารถึงความคิดของตัวละครที่อยู่ ในสถานการณ์เดียวกัน แต่มีความแตกต่างทางด้วยความคิดและการกระท า 5) การร้องผสมการพูดเร็ว (Recitative) เป็นรูปแบบการร้องเพลงผสมผสาน การพูดเร็วในบทสนทนาของตัวละคร เป็นเทคนิคพิเศษของโอเปร่า มีจังหวะก ากับชัดเจน ผู้วิจัย น ารูปแบบการร้องผสมการพูดเร็วมาบูรณาการกับเพลงไทย ก าหนดใช้ในเพลงหรือบทร้องที่มีอารมณ์ โกรธดุดัน เพื่อสื่อสารอารมณ์การโต้ตอบที่รวดเร็วตามความเป็นจริงของตัวละคร 6) การร้องประสานเสียง (Counterpoint)คือเทคนิคการสอดท านองเป็นการร้องเพลง รวมแนวเสียงตั้งแต่ 2 แนวขึ้นไป โดยค านึงถึงความไพเราะเหมาะสม ผู้วิจัยเลือกใช้แนวเสียงโซปราโน (Soprano) ให้กับผู้แสดงเพศหญิงที่มีเสียงในระดับเสียงสูง สอดประสานกับแนวเสียงบาริโทน (Baritone) ที่เหมาะกับเสียงผู้แสดงเพศชาย และปรับแนวเสียงการร้องให้เข้ากับท านองเพลงไทยเดิม เมื่อได้รูปแบบการร้องเพลงทั้ง 6 รูปแบบ ผู้วิจัยจังได้น ารูปแบบทั้งหมดมาเรียบเรียง และคัดเลือกรูปแบบการร้องให้เหมาะสมกับบทละคร อารมณ์ และสถานการณ์ โดยตั้งต้นให้การ ร้องเพลงตามรูปแบบละครร้องปรีดาลัย หรือร้องแบบมีลูกคู่ ยืนพื้นอยู่ในทุกองก์ จากนั้นพิจารณา ความเหมาะสมของเพลงและความสามารถของนักแสดง ว่าสามารถร้องเพลงรูปแบบใดได้เหมาะสมที่สุด ซึ่งในละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ผู้วิจัยได้แบ่งรายละเอียดการเลือกใช้รูปแบบการร้องทั้ง 6 รูปแบบ ดังนี้


107 ตารางที่15 รูปแบบการร้องเพลงในละครร้องเรื่องเครือณรงค์ องก์ที่ เพลง รูปแบบการร้อง เพลงที่ใช้ เหตุผล ค าอธิบาย 3 แต่งงาน เพลง นางนาค การร้องแบบไม่มี ลูกคู่ หรือการ ร้องล้วน ๆ เพลงนางนาค เป็นเพลงที่ได้รับความนิยมมาก มีความไพเราะและด้วยความสามารถของนักแสดง ที่ร้องและเอื้อนเองได้ทั้งหมด ผู้วิจัยก าหนดให้ เมื่อตัวละครฝ่ายหญิงร้อง ฝ่ายชายจะเป็นคนเอื้อนให้ และเมื่อถึงบทของฝ่ายชายตัวละครฝ่ายหญิงก็ต้อง ร้องเอื้อนให้ เพลง ต้นบรเทศ การร้องแบบไม่มี ลูกคู่ หรือการ ร้องล้วน ๆ เนื่องจากเป็นเพลงต่อเนื่องกับเพลงนางนาค และ เนื้อความตามบทละครยังเป็นสถานการณ์ในงาน แต่งงานเดิม ผู้วิจัยจึงก าหนดรูปแบบการร้องเพลง เป็นรูปแบบการร้องล้วน ๆ เพื่อคงความไพเราะสุนทรี ตลอดจนความรื่นไหลต่อเนื่องของเพลงและเสียงที่ ปรากฏบนเวที 4 แกล้ง พาหนี เพลง กาเรียน ทอง การร้องแบบมี ลูกคู่ หรือการ ร้องสลับพูด เนื่องจากตัวบทละครในเพลงนี้ เป็นบทคิดค านึง จึงจ าเป็นต้องใช้ลูกคู่ร้องประกอบบทละครโดย รูปแบบการร้องแบบมีลูกคู่เดิมนั้น ลูกคู่จะต้องเป็น ผู้หญิงเท่านั้น แต่หากในละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์ ผู้วิจัยก าหนดให้เมื่อเป็นบทคิดค านึงของตัวละคร ผู้หญิงจะใช้ลูกคู่เสียงผู้หญิงร้อง และเมื่อเป็นบทของ ตัวละครผู้ชายลูกคู่เสียงผู้ชายก็จะเป็นผู้ร้องให้ เพลงแขก ถอน สายบัว การร้องแบบมี ลูกคู่ หรือการ ร้องสลับพูด เนื่องจากในเพลงแขกถอนสายบัว มีระดับความยากใน การร้องเพลงและการเอื้อนเพิ่มขึ้น ผู้วิจัยจึงเลือกใช้ รูปแบบการร้องแบบมีลูกคู่มาใช้ ทั้งนี้เพื่อผ่อนแรง ให้กับตัวละครที่ต้องร้องเพลงด้วยและร้องไห้ไปด้วย เพลงจีน ขวัญอ่อน การร้องผสม การพูดเร็ว (Recitative) และการร้องคู่ แบบผสานเนื้อ เพลง (Duet) ในบทละครตอนนี้เป็นการแสดงอารมณ์โกรธ ของตัวละคร ผู้วิจัยจึงปรับใช้การร้องผสมการพูดเร็ว (Recitative) เพื่อสื่อสารอารมณ์การโต้ตอบที่รวดเร็ว ตามความเป็นจริงของตัวละคร และในส่วนท้ายเพลง ผู้วิจัยสร้างสรรค์แนวการร้องให้อยู่ในระดับเสียง เดียวกัน แต่มีเนื้อเพลงที่แตกต่างกัน เพื่อสื่อสารถึง ความคิดของตัวละครที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน แต่มีความแตกต่างทางด้วยความคิดและการกระท า เพื่อให้เห็นถึงการร้องเพลงรูปแบบใหม่ที่เป็นเทคนิค การร้องเพลงสากลที่สามารถสอดรับกับเพลงไทยได้ดี


108 ตารางที่15 รูปแบบการร้องเพลงในละครร้องเรื่องเครือณรงค์(ต่อ) องก์ที่ เพลง รูปแบบการ ร้องเพลงที่ใช้ เหตุผล ค าอธิบาย เพลงบังใบ การร้องแบบ เนื้อเต็ม ด้วยเพลงบังใบมีท านองที่ค่อนข้างคุ้นหู และตัวบทให้ ความส าคัญในความรัก ซึ่งมีความสอดคล้องกับ แก่นส าคัญของเรื่อง ว่า “รักเกินรัก มักเกิดทุกข์” ผู้วิจัยจึงพิจารณาใช้การร้องเพลงแบบเนื้อเต็มในเพลง นี้ เพื่อให้เพลงบังใบนี้เป็นเพลงหลักของเรื่อง ผู้ชมสามารถคลอท านองเพลงตามได้ เร้าอารมณ์ให้ ผู้ชมคล้อยตามความรู้สึกของตัวละครมากที่สุด 5 ผีเครือ ฟ้า เพลงโอ้ ลาวครวญ การร้องแบบมี ลูกคู่ หรือการ ร้องสลับพูด ในบทนี้ เป็นบทบรรยายบรรยากาศของละคร กล่าวถึง แม่เครือฟ้าที่มาสอนลูก ผู้วิจัยจึงก าหนดใช้ลูกคู่ร้อง บรรยายเหตุการณ์ดังกล่าว เพลง ลาวครวญ การร้องแบบไม่ มีลูกคู่ หรือการ ร้องล้วน ๆ ส าหรับเพลงลาวครวญ ผู้วิจัยพิจารณาเห็นว่า ความสามารถของผู้แสดงสามารถร้องและเอื้อนเองได้ เนื่องจากเพลงลาวครวญเคยปรากฏใช้ในละครร้อง เรื่องสาวเครือฟ้า และผู้แสดงเคยมีประสบการณ์ การแสดงในบทบาทของสาวเครือฟ้ามาก่อน ท านองเพลงจึงมีความคุ้นชินอยู่แล้ว การก าหนดใช้ รูปแบบการร้องแบบไม่มีลูกคู่ หรือการร้องล้วน ๆ จะมีความเหมาะสมมากที่สุด เพลง สามไม้นอก การร้องแบบไม่ มีลูกคู่ หรือการ ร้องล้วน ๆ ด้วยการบรรจุเพลงที่ต่อเนื่องกันระหว่างเพลงสามไม้ นอกกับเพลงสามไม้ใน ผู้บรรจุเพลงและผู้วิจัยได้ พิจารณาร่วมกันว่า เป็นสิ่งท้าทายความสามารถ ของผู้แสดงอย่างยิ่ง การเลือกใช้รูปแบบการร้องแบบ ไม่มีลูกคู่จะแสดงถึงความสามารถด้านทักษะการฟัง ทักษะการร้อง ตลอดจนทักษะความจ าของผู้แสดง อีกทั้งนักแสดงจะได้แสดงความสามารถในพลังเสียง ของตนเองออกมาได้ผ่านเพลงนี้ เพลง สามไม้ใน การร้องแบบไม่ มีลูกคู่ หรือการ ร้องล้วน ๆ เพลง โศกตัด การร้องแบบมี ลูกคู่ หรือการ ร้องสลับพูด ในบทนี้ เป็นบทบรรยายความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร ผู้วิจัยเลือกให้ลูกคู่ร้องเพลงนี้ด้วยเสียงคู่ทั้งชาย และ หญิง เนื่องด้วยความรู้สึกของตัวละครทั้งสองมี ความเหมือนกัน


109 ตารางที่15 รูปแบบการร้องเพลงในละครร้องเรื่องเครือณรงค์(ต่อ) องก์ที่ เพลง รูปแบบการ ร้องเพลงที่ใช้ เหตุผล ค าอธิบาย 6 กรรม มาเยือน เพลง สร้อยเพลง การร้องแบบมี ลูกคู่ หรือการ ร้องสลับพูด ส าหรับเพลงสร้อยเพลง ตัวละครต้องใช้พลังใน การถ่ายทอดอารมณ์ในการแสดงมาก ผู้วิจัยเลือกใช้ รูปแบบการร้องแบบมีลูกคู่ เพื่อช่วยผ่อนแรงให้ผู้แสดง ได้แสดงอารมณ์และบทบาทในการแสดงได้เต็มที่ อีกทั้งช่วยให้นักแสดงควบคุมเสียงไม่ให้ไหลไป ตามอารมณ์จนฟังไม่รู้เรื่อง เพลง ทองย่อนตัด การร้องแบบมี ลูกคู่ หรือการ ร้องสลับพูด ในบทละครตอนนี้ เป็นการปะทะอารมณ์อย่างดุเดือด ของตัวละคร มีการตะโกน ตวาด โดยเพิ่มระดับความ รุนแรงทางอารมณ์มากขึ้น ผู้วิจัยจึงเลือกใช้รูปแบบ การร้องแบบมีลูกคู่หรือร้องสลับพูด ทั้งนี้เพื่อให้เสียง ของลูกคู่ช่วยพยุงจังหวะและระดับเสียงให้กับตัวละคร เพลง ปราสาท ทอง การร้องแบบมี ลูกคู่ หรือการ ร้องสลับพูด ในบทละครตอนนี้ ผู้แสดงต้องการสื่อสารอารมณ์ เป็นส่วนมาก ผู้วิจัยจึงเห็นว่าการเลือกใช้การร้อง แบบมีลูกคู่ หรือการร้องสลับพูดจะเหมาะสม โดยลูกคู่ จะสามารถช่วยให้ผู้แสดงได้สื่ออารมณ์และย้ าความ ในส่วนของบทร้องได้ดียิ่งขึ้น เพลงธรณี ร้องไห้ การร้องแบบ เนื้อเต็ม ด้วยอารมณ์ของตัวละครที่ถูกกระท าจนถึงจุดวิกฤตของ เรื่อง การพรั่งพรูอารมณ์ ค าพูด และความคิดจากตัวละคร นับว่ามีความส าคัญต่อบทร้องของเพลงนี้อย่างมาก ผู้วิจัย ก าหนดเลือกใช้รูปแบบการร้องแบบเนื้อเต็ม ตัดการเอื้อน ออกทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดความยืดเยื้อในการร้องเพลงสื่อ ค าพูด เนื่องจากบทร้องที่มีการเอื้อนจะก่อให้เกิดช่วงเวลา ว่างที่ผู้แสดงจะต้องรอจังหวะก่อนร้องเพลง ในเพลงธรณี ร้องไห้นี้ก าหนดให้สื่อความหมายในการสูญเสียทุกอย่างใน ชีวิตของตัวละครก่อให้เกิดจุดหักเหตามมา ฉะนั้นการ เลือกใช้การร้องแบบเนื้อเต็มจะมีส่วนช่วยขยายความ ในบทละครให้ครบคลุมและส่งอารมณ์ให้กับผู้แสดง ได้อย่างดี


110 ตารางที่15 รูปแบบการร้องเพลงในละครร้องเรื่องเครือณรงค์(ต่อ) องก์ที่ เพลง รูปแบบการร้อง เพลงที่ใช้ เหตุผล ค าอธิบาย เพลง ตะนาว มอญ การร้องแบบมี ลูกคู่ หรือการ ร้องสลับพูด ผู้วิจัยก าหนดให้เพลงตะนาวมอญใช้รูปแบบการร้องที่ มีลูกคู่เข้าช่วย เพื่อผ่อนก าลังให้กับนักแสดง โดยการ ร้องในเพลงนี้ผู้วิจัยสร้างสรรค์สร้อยในการเอื้อนเป็น การใส่เนื้อเข้าไปแทนที่ เนื่องด้วยการเอื้อนเดิมเป็น รูปแบบการเอื้อนแบบออกภาษา ผู้วิจัยได้ปรึกษากับ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านคีตศิลป์เห็นพ้องกันว่า สามารถปรับ ได้ เพราะละครเรื่องเครือณรงค์เป็นเรื่องราวของไทย ไม่ออกภาษา การเอื้อนแบบออกภาษาจึงไม่มีความ จ าเป็นในเพลงนี้ เพลง อาถรรพ์ การร้องประสาน เสียง (Counterpoint) ส าหรับเพลงอาถรรพ์นี้ ในบทละครเป็นบทสรุปความ ให้ผู้ชมได้ตระหนักในข้อคิดที่ได้จะเรื่อง ผู้วิจัย ก าหนดให้ผู้แสดงทุกคนในเรื่องได้ถ่ายทอดบทเพลงนี้ ให้กับผู้ชมเป็นซีนฟินนาเร่ จึงเลือกใช้รูปแบบการร้อง สอดประสานเสียง (Counterpoint) เพื่อให้ปิดฉาก ละครด้วยความโศกเศร้าตามรูปแบบของโศกนาฏกรรม ในเพลงอาถรรพ์นี้เป็นบทสรุปของเรื่องราวในละคร ทั้งหมด การร้องเพลงพร้อมกันของทุกตัวละครจะ สามารถสื่อข้อคิด เป็นการย้ าความหลังจากที่ผู้ชมได้รับ รู้ข้อคิดจากตัวบทละครอีกครั้งหนึ่ง ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางพบว่า มีเพลงในบทละครร้องเรื่องเครือณรงค์ทั้งสิ้น 17 เพลง โดยมีการเลือกใช้ การร้องเพลงรูปแบบการร้องแบบมีลูกคู่ หรือการร้องสลับพูด จ านวน 8 เพลง คิดเป็นร้อยละ 47 การร้องแบบไม่มีลูกคู่ หรือการร้องล้วน ๆ จ านวน 5 เพลง คิดเป็นร้อยละ 29 การร้องแบบเนื้อเต็ม จ านวน 2 เพลง คิดเป็นร้อยละ 12 การร้องคู่แบบผสานเนื้อเพลง (Duet) รวมกับการร้องผสมการพูดเร็ว (Recitative) จ านวน 1 เพลง คิดเป็นร้อยละ 6 และการร้องประสานเสียง (Counterpoint) จ านวน 1 เพลง คิดเป็นร้อยละ 6 ซึ่งผู้วิจัยเห็นว่าในกระบวนการสร้างสรรค์ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ในครั้งนี้ เป็นการทดลองผสมผสานรูปแบบการร้องแบบใหม่เข้ามา และสามารถผนวกรวมกับรูปแบบ การร้องแบบดั้งเดิมได้อย่างลงตัว ซึ่งในอนาคตหากมีการสร้างสรรค์ละครร้องเพื่อให้สอดรับกับ พลวัตความเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบันอีกครั้ง ก็สามารถเพิ่มขยายใช้รูปแบบการร้องให้มีสัดส่วนที่ เท่ากันตลอดทั้งเรื่องได้ต่อไป


111 1.2. องค์ประกอบการแสดง 1.2.1 บทละคร ในการสร้างสรรค์ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ผู้วิจัยก าหนดกระบวนการการสร้างและ พัฒนาบทละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1) อ่านบทละครทั้งเรื่องให้เกิดความข้าใจ ทั้งโครงเรื่อง เนื้อเรื่อง ตัวละคร บุคลิก ของตัวละคร ความสัมพันธ์ของตัวละคร 2) คัดเลือกตอนที่จะน ามาท าเป็นละคร พิจารณาจากแก่นเรื่อง หรือจุดประสงค์ของเรื่อง 3) วางโครงเรื่อง (Plot) เฉพาะส่วนที่ตัดตอนน ามาจัดแสดง 4) ปรับปรุงเรื่องราวบางตอนให้เกิดความกระชับ และเพิ่มเนื้อหาและเหตุการณ์ ในท้องเรื่องให้เกิดความสอดคล้องเหมาะสมกับรูปแบบการแสดง 5) ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านบทละคร 6) เรียบเรียงเนื้อหาของละคร เขียนเป็นเรื่องย่อ โดยระบุฉาก เหตุการณ์ และ ตัวละครอย่างชัดเจน ผ่านการเรียงล าดับภาพในความคิด (Story Board) 7) น าบทละครเดิมในตอนที่เลือกไว้ มาพิจารณา ตัด เติม แต่งแล้วน ามาเรียบเรียง ใหม่อีกครั้งให้เกิดความต่อเนื่อง 8) พิจารณาความเชื่อมโยง การเป็นเหตุเป็นผล ฉันทลักษณ์ ความเหมาะสมและ สละสลวยของภาษาตลอดทั้งเรื่อง 9) ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านบทละคร จากขั้นตอนข้างต้น ผู้วิจัยได้ท าการศึกษาบทละครเดิมเรื่อง พ่อเครือณรงค์ ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ซึ่งบทละครเดิมนั้นมีความยาว 11 องก์ มีเนื้อเรื่องแก่นหลักในประเด็น ของกฎแห่งกรรม แต่ในละครร้อง เรื่อง เครือณรงค์นี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาตัวบทเดิมและพิจารณา แก่นเรื่องที่จะได้เพิ่มจากกฎแห่งกรรม พบว่า บทละครนั้นน าเสนอแก่นเรื่องราวของความรัก ผู้วิจัยจึงก าหนดแก่นหลักเพิ่มเพื่อน าเสนอข้อคิดที่ได้แตกต่างจากบทละครเดิม ไว้ว่า “รักเกินรัก มักเกิดทุกข์” เมื่อได้แก่นหลักที่ต้องการน าเสนอ ผู้วิจัยจึงวางโครงเรื่องให้กระชับ ครอบคลุมเรื่องราว เหตุการณ์ส าคัญต่าง ๆ ที่จะสื่อให้ผู้ชมรู้เรื่องราวของละครให้ชัดเจน กระบวนการ วางโครงเรื่องนั้นผู้วิจัยได้ศึกษาข้อมูลจากเอกสารและพิจารณาความเชื่อมโยงในหลักการต่าง ๆ ซึ่ง สุรพล วิรุฬห์รักษ์ (2547, น. 191) ได้กล่าวถึงการวางโครงเรื่องไว้ว่า “โครงเรื่อง คือการล าดับเหตุการณ์หรือการด าเนินเรื่องที่ต้องมีการเริ่มต้น มีตอนกลาง และมีตอนจบ การเริ่มต้นไม่ใช่เกิดจากเหตุการณ์ที่จงใจ แต่เป็น การเริ่มต้นของสรรพสิ่ง ตอนกลางเป็นการด าเนินเรื่องจากเหตุการณ์หนึ่งไปสู่ เหตุการณ์หนึ่งเป็นล าดับอย่างมีเหตุผลอันสมควร ส่วนการจบเน้นผลจากเหตุ ที่เกิดขึ้นตามล าดับท้องเรื่องแล้วน ามาสู่จุดจบโดยไม่มีสิ่งใดต่อเนื่องไปอีก” (สุรพล วิรุฬห์รักษ์, 2547, น. 191)


112 วิมลศรี อุปรมัย ( 2555, น. 277) ได้อธิบายหลักการวางโครงเรื่องของละครไว้ว่า “เมื่อได้แนวคิดของบทละคร เพื่อใช้เป็นแก่นที่เน้นการสอนจริยธรรม ส าหรับ วางโครงเรื่องให้เด่นชัดโดยพิจารณาว่ามีกี่ตอนกี่ฉาก ขึ้นต้นลงท้ายอย่างไร การด าเนินโครงเรื่องก็ถือเอาสถานการณ์และเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้สัมพันธ์กันและ สร้างตัวละครให้สอดคล้องกัน” (วิมลศรี อุปรมัย, 2555, น. 277) จากแนวคิดข้างต้น ผู้วิจัยจึงก าหนดโครงเรื่องให้ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ มีการเปิดเรื่องด าเนิน เรื่อง และปิดเรื่อง ที่กระชับครอบคลุมเนื้อหาหลักของละครทั้งหมด ตามที่คณะกรรมการบริหารหลักสูตร ศิลปดุษฎีบัณฑิตได้ก าหนดระยะเวลาในการน าเสนอผลงานสร้างสรรค์ว่าควรใช้ระยะเวลาทั้งสิ้นประมาณ 45-60 นาทีในการน าเสนอผลงาน ดังนั้นผู้วิจัยจึงก าหนดโครงเรื่องที่ชัดเจน และด าเนินการให้ผู้ประพันธ์บท ละครได้สร้างบทละครตลอดทั้งเรื่องจากนั้นเลือกตัดตอนของละครมาน าเสนอในระยะเวลาที่ก าหนด ละครร้องเรื่องเครือณรงค์ มีทั้งสิ้น 6 องก์ ประกอบด้วย องก์ที่ 1 เครือณรงค์ จ าปาคับแค้นใจเกี่ยวกับเครือณรงค์ ที่ต้องเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กทั้งที่ ไม่ใช่ลูกในไส้ จึงบอกความจริงท่ามกลางความไม่พอใจของพระยาณรงค์รักษ์ เครือณรงค์เสียใจไม่ขอ อยู่บ้านนี้ต่อไป ขอพาโกศของแม่เครือฟ้าไปอยู่ด้วย องก์ที่ 2 ด ารงศักดิ์ เครือณรงค์และพวงแก้วพบรักกันจากสถานการณ์ช่วยจาก โจรกระชากสร้อย คุณหญิงจ าปามาเห็นเข้าไม่พอใจที่เครือณรงค์รักกับพวงแก้ว องก์ที่ 3 รักถูกแย่ง คุณหญิงจ าปาใส่ความเครือณรงค์ว่ามีเมียลาวอีกคน ให้พระยาราม และบัวค าบอกให้พวงแก้วเลิกราและแต่งงานกับจ ารักษ์ จากนั้นจ ารักษ์และพวงแก้วได้แต่งงานกัน ท่ามกลางความทุกข์ของพวงแก้ว องก์ที่ 4 แกล้งพาหนี จ ารักษ์และพวงแก้วเข้าห้องหอเป็นสามีภรรยา จ ารักษ์ออกไป ท างานตามปกติ แต่พวงแก้วตัดพ้อคิดถึงเครือณรงค์ เครือณรงค์จึงปรากฏตัวขึ้นและขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย ก่อนจะพาพวงแก้วหนีไป องก์ที่ 5 ผีเครือฟ้า เหตุการณ์ ณ บ้านเช่าของเครือณรงค์ แม่เครือฟ้าเป็นผี มาเข้าฝันลูก เตือนสติให้กลับใจในการกระท าผิดที่พรากผัวพรากเมียของน้องจ ารักษ์ เครือณรงค์จึงกลับใจพา พวงแก้วกลับไปส่งบ้าน ทั้งสองร่ าลากันด้วยความจ าใจ องก์ที่ 6 กรรมมาเยือน ที่ห้องหอของจ ารักษ์ ทุกคนรู้แล้วว่าพวงแก้วหายไป จ ารักษ์ได้ อ่านจดหมายและรู้ความจริงทุกอย่าง จึงฆ่าตัวตาย และบอกว่าไม่อยากเกิดมาเป็นลูกแม่จ าปาอีกแล้ว เพราะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแก้แค้น จากการสัมภาษณ์ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ (2565, 23 พฤศจิกายน, สัมภาษณ์) ในประเด็น การคัดเลือกและตัดตอนละครน ามาจัดแสดง กล่าวว่า “ในการคัดเลือกตอนในละครที่จะน ามาจัดแสดงนั้น ควรคัดเลือกเหตุการณ์ที่ ส าคัญ หรือเหตุการณ์ที่แสดงถึงวิกฤตการณ์ของละครเรื่องนั้น ๆ ผู้สร้างสรรค์ควร ล าดับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในละครอย่างมีเหตุผลและมีจุดหมายปลายทาง มีความ ยาวเหมาะสมตามระยะเวลาที่ก าหนด ซึ่งในละครไทยนั้น มีการตัดตอนละครมา


113 จัดแสดงหลากหลายขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหรือข้อจ ากัดต่าง ๆ เมื่อตัดตอนมาควร ค านึงถึงความต่อเนื่อง ความเชื่อมต่อของภูมิหลังว่าละครนั้น ๆ จะสามารถแสดง ออกมาได้อย่างสนุกและผู้ชมรับรู้ถึงสิ่งที่ผู้สร้างต้องการสื่อสารหรือไม่” (ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์, 2565, 23 พฤศจิกายน, สัมภาษณ์) จากข้อมูล ผู้วิจัยได้ตัดตอนคัดเลือกบทละครช่วงองก์ที่ 3 - 6 มาจัดแสดง โดยพิจารณา เหตุการณ์ส าคัญที่เป็นจุดวิกฤตการณ์ของเนื้อเรื่องทั้งหมด ได้แก่ ตอนที่จ ารักษ์ฆ่าตัวตายมาจัดแสดง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จ ารักษ์ต้องต่อสู้กับความคิดของตนเองและการถูกครอบง าจากคุณหญิงจ าปาผู้เป็น แม่อย่างหนัก จากนั้นขยายเนื้อเรื่องให้ครอบคลุมความเข้าใจในความเป็นมาของเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งผู้วิจัยเห็นว่าสอดคล้องกับแก่นเรื่องที่ต้องการน าเสนอ ได้แก่ “รักเกินรัก มักเกิดทุกข์” จึงปรับใช้ บทละคร ให้เปิดเรื่องด้วยความอลังการ คือ องก์ที่ 3 ในส่วนหลัง และตั้งชื่อองก์ว่า แต่งงาน ซึ่งจะมี ความแตกต่างกับภาพในความคิด (Story Board) ที่ระบุในบทที่ 3 ที่เปิดเรื่องด้วยการเกี้ยวพาราสี ของเครือณรงค์และพวงแก้วในงานนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ จากนั้นต่อด้วยองก์ที่ 4 แกล้งพาหนี องก์ที่ 5 เครือฟ้าสอน และองก์ที่ 6 กรรมมาเยือน โดยเนื้อเรื่องย่อมีดังนี้ หลังจากถูกคุณหญิงจ าปาใส่ความว่าเครือณรงค์นอกใจพวงแก้ว เครือณรงค์ก็ต้องผิดหวังอีก ครั้งที่ได้รู้ข่าวว่าจ ารักษ์น้องชายต่างแม่ก าลังจะได้แต่งงานกับพวงแก้วหญิงคู่รักของตนเอง เครือณรงค์ เสียใจและโกรธมาก พอดีกับมีค าสั่งให้เดินทางไปราชการด่วนที่โคราช เครือณรงค์จ าต้องทิ้งปัญหาไว้ แล้วเดินทางไปราชการด่วนก่อน ครั้งถึงวันแต่งงานเครือณรงค์ตั้งใจที่จะกลับมาฆ่าคนทั้งงานเพราะ แค้นที่ถูกแย่งคนรักไป เครือณรงค์แอบลักลอบเข้าบ้านแฝงตัวอยู่ในห้องหอของจ ารักษ์ทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอเสร็จเรียบร้อย เครือณรงค์แอบฟังคู่บ่าวสาวคุย และพรอดรักกัน พร้อมปืนที่พกติดตัวมาด้วยหวังจะฆ่าทั้งคู่ หลังจากนั้นจ ารักษ์ก็ออกไปท างาน ตามปกติ พวงแก้วอยู่ในห้องคนเดียวจึงร าพึงร าพันต าหนิเครือณรงค์ว่าปากหวานก้นเปรี้ยว ไม่รักษา สัจจะที่เคยให้ไว้ในเรื่องของความรัก ทันใดนั้นเครือณรงค์ก็ปรากฏตัวออกมา พร้อมกับชี้แจงว่าถูก ใส่ความและยังคงรักพวงแก้วเสมอไม่เปลี่ยน เครือณรงค์ขอให้พวงแก้วหนีไปพร้อมกันจะได้ครองรักกัน ตลอดไป หากไม่ยอมไปจะฆ่าตัวตายต่อหน้า พวงแก้วจ ายอมไปด้วยความกลัว อีกทั้งยังคงมีใจจาก ความรักหนหลัง จึงทิ้งจดหมายอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดให้สามีฟัง เครือณรงค์และพวงแก้วเดินทางมาถึงตึกแถวที่เช่าอยู่ เครือณรงค์ไม่ได้พักผ่อนจึงเผลอหลับ ไป จากนั้นวิญญาณสาวเครือฟ้าได้มาเข้าฝันเตือนลูกให้เอาเมียเค้ากลับไปคืน ประจวบกับพวงแก้ว รู้สึกไม่สบายใจที่ทิ้งสามีตัวเองแล้วหนีออกมา ทั้งสองจึงตกลงกันว่าจะพาพวงแก้วกลับไปส่งคืนที่บ้าน ทั้งคู่กอดกันด้วยความรักที่จริงใจ และหักใจท าในสิ่งที่ควร ด้านจ ารักษ์กลับมาบ้านไม่เจอพวงแก้ว และได้อ่านจดหมายของพวงแก้วที่สั่งเสียเอาไว้ ก็เสียใจมากที่รู้ว่าคุณหญิงจ าปาใส่ร้ายเครือณรงค์ และพวงแก้วก็ถูกบังคับให้หนีตามไป จ ารักษ์รู้สึกผิด ต่อเครือณรงค์เป็นอย่างมากได้แต่โทษตนเองที่แย่งคนรักของพี่ชายมา จ ารักษ์สูญเสียครั้งใหญ่ ทั้งคู่ครอง พี่ชาย เสียความเชื่อใจในตัวแม่ อีกทั้งรู้สึกสูญเสียตัวตนให้คุณหญิงจ าปาคอยบงการชีวิต จึงหยิบปืนมาปลิดชีวิตตนเอง ในการสร้างสรรค์บทละครร้องเรื่องเครือณรงค์เมื่อได้บทละครฉบับสมบูรณ์ (ร่าง 1) ผู้วิจัยมี การปรับแก้ไขและพัฒนาบทละครอีกหลายครั้ง ทั้งนี้การปรับปรุงพัฒนาดังกล่าวมาจากข้อเสนอแนะ


114 ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านบทละคร ด้านการแสดงละคร ความสามารถของนักแสดง ความไพเราะ สละสลวย ความเหมาะสมของค า การบรรจุเพลง การขับร้อง และความเชื่อมโยงเหตุการณ์ ตลอดจน ความกระชับของบทละครที่ต้องอยู่ในระยะเวลาที่ก าหนด ผู้วิจัยสามารถอธิบายกระบวนการปรับปรุง และพัฒนาบทละครเฉพาะในส่วนที่ปรับปรุงแก้ไข ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1) การประพันธ์บทละครและกระบวนการปรับปรุงและพัฒนาบทละครครั้งที่ 1 (1) บทละครในองก์ที่ 3 แต่งงาน ผู้วิจัยและผู้ประพันธ์ด าเนินการสร้างสรรค์บทละคร ให้มีลักษณะคล้ายคลึงกับบทพระนิพนธ์เดิม ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ คือ มีการอธิบายฉาก และการกระท าของพิธีแต่งงานไว้เท่านั้น ไม่มีการก าหนดบทร้องหรือบทพูดใด ๆ ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านบทละครให้ข้อเสนอแนะว่า ควรปรับขยายให้เป็นการร้องเพลงเพื่อเปิดเรื่องตัว ละครในฉากเล่าเหตุการณ์ว่าก าลังท าอะไร ทั้งนี้เพื่อความสมบูรณ์ในการเปิดเรื่องด้วยความอลังการ และการด าเนินเรื่องราวด้วยการร้องเพลงที่เป็นรูปแบบส าคัญของละครร้อง (2) บทละครในองก์ที่ 4 แกล้งพาหนี ผู้วิจัยและผู้ประพันธ์ได้สร้างสรรค์บทละครโดย มุ่งเน้นให้เห็นถึงอารมณ์ของตัวละครที่ชัดเจน ซึ่งจากการทดลองฝึกซ้อม และข้อเสนอของ ผู้ทรงคุณวุฒิพบว่า ในเพลงจีนขวัญอ่อน บทประพันธ์มีเนื้อความยืดยาว กล่าวซ้ าในเนื้อความเดิม หากปรับให้กระชับและครอบคลุม บทละครจะสั้นและได้ใจความอีกทั้งเหมาะสมกับระยะเวลาที่จ ากัด (3) บทละครในองก์ที่ 4 แกล้งพาหนี ผู้วิจัยและผู้ประพันธ์ได้สร้างสรรค์บทละครโดย มุ่งเน้นให้เห็นถึงอารมณ์ของตัวละครที่ชัดเจน ซึ่งจากการทดลองฝึกซ้อม และข้อเสนอของ ผู้ทรงคุณวุฒิพบว่า บทละครในเพลงทยอยญวณ ในด้านของบทประพันธ์มีการกล่าวซ้ าความ อีกทั้งใน เพลงทยอยญวณมีท านองเพลงที่รู้จักแพร่หลายและส่งอารมณ์ให้ไม่รู้สึกเศร้าโศก หากมีการปรับปรุง แก้ไขในส่วนนี้จะท าให้บทละครมีความน่าติดตามและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น (4) บทละครในองก์ที่ 5 เครือฟ้าสอน ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านบทละครและละครร้องให้ ข้อเสนอแนะไว้ว่า ในช่วงเพลงโอ้ลาวครวญ ยาวเกินไป ผู้ชมอยากฟังเนื้อหาที่แม่เครือฟ้าก าลังจะสอนลูก และด้วยระยะเวลาที่จ ากัดจึงควรปรับให้มีความกระชับได้ใจความ ตารางที่ 16 การประพันธ์บทละครและกระบวนการปรับปรุงและพัฒนาบทละครครั้งที่ 1 บทละคร ก่อนการปรับปรุงแก้ไข บทละคร หลังการปรับปรุงแก้ไข - เสียงดนตรีไทยคลองานแต่งบรรเลงขึ้น - ฉากกลายเป็นงานแต่งงาน มีโต๊ะรดน้ าสังข์ตรง กลาง แขกเหรื่อเข้ามารอรดน้ าสังข์ให้บ่าวสาว - จ ารักษ์และพวงแก้วในชุดบ่าวสาวออกมานั่ง โต๊ะรดน้ าสังข์ พวงแก้วสีหน้าไร้ความสุข - ที่มุมหนึ่งเครือณรงค์ที่ปลอมตัวปรากฏตัวขึ้น ในวงไฟเขามองคนรักก าลังแต่งงานกับคนอื่น อย่างคับแค้น แสงเหลือจับที่เครือณรงค์คน เดียว เขามองไปรอบๆเหมือนวางแผน - เสียงดนตรีไทยเพลงนางนาคคลองานแต่งงาน บรรเลงขึ้น - ฉากงานแต่งงาน มีโต๊ะรดน้ าสังข์ตรงกลาง แขกเหรื่อเข้ามารอรดน้ าสังข์ให้บ่าวสาว - จ ารักษ์และพวงแก้วในชุดบ่าวสาวออกมานั่ง โต๊ะรดน้ า พวงแก้วสีหน้าไร้ความสุข - เหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวและแขกที่มา ร่วมงาน ร่วมร้องเพลงเล่าบรรยากาศ


115 ตารางที่ 16 การประพันธ์บทละครและกระบวนการปรับปรุงและพัฒนาบทละครครั้งที่ 1 (ต่อ) บทละคร ก่อนการปรับปรุงแก้ไข บทละคร หลังการปรับปรุงแก้ไข เพลง นางนาค ร้องพร้อม ศรีศรีวันนี้ศรีสวัสดิ์ เป็นวันจัดงานมงคลสมรสใหญ่ บ่าวสาวลูกพระยาเกรียงไกร เรือล่มหนองทองจะไปอยู่ไหนนา กลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าว เรากลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าจ ารักษ์ ยินดีนักเพื่อนได้เป็นฝั่งฝา แต่เล็กเล็กเคยเพียรเรียนกันมา มาวันนี้เข้าวิวาห์น่าชื่นใจ กลุ่มเพื่อนเจ้าสาว สาวสาวเราทั้งปวงเพื่อนพวงแก้ว ยินดียิ่งแล้วกว่าคราไหน งานออกเรือนรักงามละไม จากนี้ไปเพื่อนจงสุขทุกคืนวัน ร้องเพลงต้นบรเทศ กลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าว อยากจะสุขอยากจะสันต์กันมั่งไหม พวกเราพร้อมยอมใจไม่ขัดขืน กลุ่มเพื่อนเจ้าสาว เห็นน้ าหน้า ยินน้ าค า แล้วกล้ ากลืน ไม่อาจฝืนใจสมัครรักได้ลง กลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าว ใช่ซี้...ใครจะงามเท่าจ ารักษ์ กลุ่มเพื่อนเจ้าสาว รู้ประจักษ์ก็จงเจียมอย่าเทียมหงส์ กลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าว+เจ้าสาว ต่างหยอกล้อเขินขวยไม่งวยงง เสริมส่งวันส าราญงานมงคล - จ ารักษ์และพวงแก้วรดน้ าเสร็จก็เดินออกมาสู่ กลางเวที พระยาผู้บิดาทั้งสองขึ้นกล่าวกับ แขกในงาน - จ าปาและบัวค าคุยกัน


116 ตารางที่ 16 การประพันธ์บทละครและกระบวนการปรับปรุงและพัฒนาบทละครครั้งที่ 1 (ต่อ) บทละคร ก่อนการปรับปรุงแก้ไข บทละคร หลังการปรับปรุงแก้ไข จ าปา แสนดีใจได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน ฝากลูกชายของดิฉันด้วยหนา เขาช่างเหมาะสมกันดิฉันว่า แสนปรีดาได้อยู่ร่วมคู่เคียง บัวค า ฉันต้องขอบคุณคุณที่ช่วยลูกสาว ไม่ให้เป็นเมียน้อยฉาวนางลาวเฉียง มีเพียงลูกเราสองครองร่วมเรียง ไม่มีสาวลาวเวียงมาราวี - แขกในงานต่างร่วมร้องแสดงความยินดี ร้องทุกคน ศรีศรีวันนี้ศรีสวัสดิ์ เป็นวันจัดงานมงคลสมรสศรี บ่าวสาวช่างเหมาะสมกันดี จงปราศทุกข์สุขขีนิรันดร์เอย เพลงต้นบรเทศ - พวงแก้วพยายามปั้นหน้ามีความสุข - ที่มุมหนึ่งเครือณรงค์ที่ปลอมตัวปรากฏตัวขึ้น ในวงไฟเขามองคนรักก าลังแต่งงานกับคนอื่น อย่างคับแค้น แสงเหลือจับที่เครือณรงค์คน เดียว เขามองไปรอบๆเหมือนวางแผน บางอย่าง ครู่หนึ่งแล้วเฟดมืดสนิท เพลงจีนขวัญอ่อน เครือณรงค์ ไม่จริงเลยน้องเอ๋ยไม่เคยปด ไม่เคยคดเคยโกงเคยโด่งด้าน ไม่ได้มีเมียแม่ตอแหลพาล แกล้งประจานจัญไรเท็จใส่ความ หมายจะมาพาเจ้าหนีเรือนหอ พี่แอบรอถึงเช้าเข้ามาถาม แรกอยากฆ่าให้วอดวายตายตกตาม แต่พี่ห้ามใจด้วยรักหักกมล เพลงจีนขวัญอ่อน เครือณรงค์ ไม่จริงเลยน้องเอ๋ยไม่เคยปด ไม่เคยคดเคยโกงเคยโด่งด้าน ไม่ได้มีเมียแม่ตอแหลพาล แกล้งประจานจัญไรเท็จใส่ความ หมายจะมาพาเจ้าหนีเรือนหอ พี่แอบรอถึงเช้าเข้ามาถาม แรกอยากฆ่าให้วอดวายตายตกตาม แต่พี่ห้ามใจด้วยรักหักฤดี


117 ตารางที่ 16 การประพันธ์บทละครและกระบวนการปรับปรุงและพัฒนาบทละครครั้งที่ 1 (ต่อ) บทละคร ก่อนการปรับปรุงแก้ไข บทละคร หลังการปรับปรุงแก้ไข เขาลือว่าตัณหาดอกพาน้อง ให้เข้าห้องเห่อเสน่ห์ระเหระหน พูดเมือกี้พี่สดับคับกมล เจ้าเสียกลเสียตัวชั่วเพราะลวง ยังรักพี่พี่ชายไม่วายรัก มุ่งมาจักลักน้องไปปองหวง อย่าอดสูเข้าหูคนทั้งปวง ใครจะลวงติได้เป็นไม่มี เพลงทยอยญวณ เครือณรงค์ พูดค าขาดมาตรไม่ได้ชมน้อง แล้วพี่เครือเหลือครองชีวิตไหว ตอบค าเดียวเดี๋ยวนี้แม้นมิไป พี่จะใช้เบรานิงยิงพี่เอง เถิดขอตายฝากกายกับตีนน้อง หล่อนไม่ต้องพูดมากหลากเหลงเจ้ง แม้นจะไปก็ไปใคร่อย่าเกรง นี่แหละเพลงของทหารชังมารยา เจรจา เครือณรงค์ น่า.....น้อง ถ้าพี่ไม่ได้ครองคู่อยู่กับน้อง พี่คง เสียใจนตาย ตามพี่ไปด้วยกันเถิดนะพวงแก้ว น้องตอบพี่มาค าเดียว!!! เดี๋ยวนี้!!! ตอบมาเถอะ ว่าจะไปกับพี่ หากเจ้าไม่ไปพี่ยิงตัวให้ตายที่นี่ ตายตรงนี้ ในห้องหอนี้แหละ เพลงโอ้ลาวครวญ ลูกคู่ ผีเอยผีเครือฟ้า จ าต้องมาเตือนลูกให้ได้ตรองตริ ก่อนท าผิดกว่าเดิมที่เริ่มริ เตือนสติเครือณรงค์ให้ปลงใจ - ผีเครือฟ้ากลายร่างเป็นหน้าตาสวย ตรงเข้าไป หาเครือณรงค์ ลูบหลังด้วยความรัก เครือ ณรงค์ยิ่งกลัว ผีนางลาวเข้าประโลมโฉมลูก ชายลูบหลังหวังให้คลายความกลัว เครือณรงค์ยังสยองไม่มองไป เครือฟ้ารีบปลอบให้สมประดี เพลงโอ้ลาวครวญ ลูกคู่ ผีเอยผีเครือฟ้า จ าต้องมาเตือนลูกให้ได้ตรองตริ ก่อนท าผิดกว่าเดิมที่เริ่มริ เตือนสติเครือณรงค์ให้ปลงใจ ที่มา: ผู้วิจัย 2) การประพันธ์บทละครและกระบวนการปรับปรุงและพัฒนาบทละครครั้งที่ 2 (1) บทละครในองก์ที่ 4แกล้งพาหนี ผู้วิจัยและผู้ประพันธ์ด าเนินการปรับปรุงแก้ไขบท ละครให้มีความหลากหลายในรูปแบบการร้องเพลง เมื่อปรึกษากับผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านละครและคีตศิลป์


118 ไทย -สากล เห็นพ้องกันว่า ในเพลงจีนขวัญอ่อน เป็นบทประพันธ์ที่มีเนื้อหาอารมณ์โกรธ การเพิ่มรูปแบบ การร้องผสมผสานการพูดเร็ว ซึ่งเป็นเทคนิคของโอเปร่าที่เรียกว่า Recitative จะสามารถเสริมให้ละครมี รูปแบบการร้องเพลงที่หลากหลาย น่าสนใจ ครอบคลุมเทคนิคการร้องเพลงทั้งไทยและสากล (2) บทละครในองก์ที่ 4แกล้งพาหนี ผู้วิจัยและผู้ประพันธ์ด าเนินการปรับปรุงแก้ไข บทละครให้มีความหลากหลายในรูปแบบการร้องเพลงในเพลงจีนขวัญอ่อนสามารถปรับปรุงให้ตัวละครสามารถ ร้องผสานกันในท านองเดียว แต่แตกต่างซึ่งความคิดซึ่งเทคนิคนี้เป็นเทคนิคการร้องเพลงของสากล หากน ามา ปรับใช้จักถือเป็นการบูรณาการรูปแบบการร้องในละครร้องของไทยที่มีความแปลกใหม่ หลากหลาย น่าติดตาม (3) บทละครในองก์ที่ 4 แกล้งพาหนีผู้วิจัยและผู้ประพันธ์ด าเนินการปรับปรุงแก้ไข บทละครให้มีความหลากหลายในรูปแบบการร้องเพลง ในเพลงบังใบโดยการน ารูปแบบการร้องเพลง ของละครร้องพรานบูรพ์ในลักษณะของการร้องเนื้อเต็มมาบูรณาการใช้ เพื่อให้เกิดความแปลกใหม่ น่าติดตาม ฉะนั้นจึงจ าเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงบทประพันธ์ให้มีความสอดคล้องกับรูปแบบการร้องเพลง (4) บทละครในองก์ที่ 5 กรรมมาเยือน ในเพลงธรณีร้องไห้ ผู้วิจัยได้น าเสนอการ ปรับปรุงต่อผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านบทละคร เนื่องจากหลังการทดลองซ้อมบทในครั้งที่ 1 พบว่าตัวละคร จ ารักษ์ก าลังจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย ฉนั้นเหตุผลในการกระท าครั้งนี้ต้องมีความหนักแน่นเพียงพอที่จะ ก่อให้เกิดความคิดปลงชีวิตตนเอง ผู้ทรงคุณวุฒิเสนอแนะปรับแก้ไขบทละครให้มีความกระชับได้ ใจความ สื่อให้เห็นถึงการสูญเสียอันเป็นจุดหักเหของตัวละครให้คิดฆ่าตัวตาย (5) บทละครในองก์ที่ 5กรรมมาเยือน ในเพลงธรณีร้องไห้ ผู้วิจัยปรับปรุงแก้ไขโดย การน ารูปแบบการร้องเพลงของละครร้องพรานบูรพ์ในลักษณะของการร้องเนื้อเต็มมาบูรณาการใช้เพื่อให้เกิด ความแปลกใหม่น่าติดตาม อีกทั้งในเพลงนี้บทละครควรสื่ออารมณ์ความอึดอัดและความโศกเศร้าของตัวละคร รายละเอียดการปรับแก้ไขครั้งที่ 2 ดังตารางที่ 17 ตารางที่ 17 การประพันธ์บทละครและกระบวนการปรับปรุงและพัฒนาบทละครครั้งที่ 2 บทละคร ก่อนการปรับปรุงแก้ไข บทละคร หลังการปรับปรุงแก้ไข เพลงจีนขวัญอ่อน เครือณรงค์ ไม่จริงเลยน้องเอ๋ยไม่เคยปด ไม่เคยคดเคยโกงเคยโด่งด้าน ไม่ได้มีเมียแม่ตอแหลพาล แกล้งประจานจัญไรเท็จใส่ความ หมายจะมาพาเจ้าหนีเรือนหอ พี่แอบรอถึงเช้าเข้ามาถาม แรกอยากฆ่าให้วอดวายตายตกตาม แต่พี่ห้ามใจด้วยรักหักฤดี เพลงจีนขวัญอ่อน เครือณรงค์ (ร้อง) ไม่จริงเลย น้องเอ๋ย ไม่เคยปด (พูดเร็ว) ไม่เคยทรยศ ไม่เคยคิดคด ไม่เคยคิดโกง ไม่เคยคิดดื้อด้าน ไม่เคยมีเมียใหม่ ไม่เคยยุ่งกับใคร ไม่เคยท าตัวแย่ๆ คุณแม่ตอแหลพูดพาล แกล้งประจาน จัญไร!!! เท็จใส่ความ (ร้อง) หมายจะมา พาเจ้า หนีเรือนหอ พี่แอบรอ จนถึงเช้า เข้ามาถาม (พูดเร็ว) ที่แรกนั้นอยากจะฆ่าทั้งงานให้วอดวาย ให้มันตายกันทั้งงาน (ร้อง) แต่พี่ห้ามใจ ด้วยรัก หักฤดี


119 ตารางที่ 17 การประพันธ์บทละครและกระบวนการปรับปรุงและพัฒนาบทละครครั้งที่ 2 (ต่อ) บทละคร ก่อนการปรับปรุงแก้ไข บทละคร หลังการปรับปรุงแก้ไข พวงแก้ว น้องมีผัวเสียตัวชั่วเสียแล้ว ใช่พวงแก้วตุนาหงันชีวันพี่ เพราะแม่ผัวแม่ตัวท่านไม่ดี หลอกล้างชีวิตน้องให้หมองมล เถิดจนตายน้องไม่หายสวาทพี่ ขอเสียทีเชิงเสน่ห์ระเหระหน เกิดเป็นหญิงสิ่งควรสงวนชนม์ เลิกระคนชนชู้รู้แก่ใจ พวงแก้ว น้องมีผัว เสียตัว ชั่วเสียแล้ว ใช่พวงแก้ว ตุนาหงัน ชีวันพี่ เพราะแม่ผัว แม่ตัว ท่านย่ ายี หลอกล้าง ชีวี น้องหมองมล ร้องคู่ (พร้อม ญ) เถิดจนตาย ไม่หาย สวาทพี่ แต่เสียที เชิงเสน่ห์ ระเหระหน (พร้อม ช) เถิดจนตาย ไม่หาย สวาทน้อง (พร้อม ญ) เกิดเป็นหญิง สิ่งควร สงวนชนม์ เลิกระคน ชนชู้ รู้แก่ใจ (พร้อม ช) เกิดเป็นชาย ตัวตาย ห้ามย่ ายี ทุกข์ครานี้ จ าปาชั่ว ตัวบงการ เพลงบังใบ พวงแก้ว น้องได้ฟังดังหอกมาดอกรอบ น้องจะตอบไม่ไปได้ฤาหนา รักยิ่งผัวยิ่งเพื่อนเหมือนชีวา พี่อยากให้ชั่วช้าก็ตามที รักแสนรักอยากจักไปอยู่ด้วย ซวยแสนซวยผัวสองไม่ต้องหนี แท้ว่ากรรมท ามาพร่าชีวี ไม่ปรานีตามใจจะไปตาม เพลงบังใบ พวงแก้ว * น้องได้ฟังดังหอกปักเข้าอกรอบ ดวงใจหนา น้องจะตอบ ไม่ไป ได้หรือนา รักยิ่งผัว ยิ่งกว่าเพื่อน รักเสมือน ชีวา พี่อยากให้ น้องชั่วช้า ก็ตามที สุดหัก สุดหาญ ใจร้าวราญ ระทม สุดรัก สุดดวงใจ ฟ้าให้ ตามปรารถนา แท้แต่กรรมท ามา ต้องมิพรากกัน * น้องได้ฟังดังหอกปักเข้าอกรอบ ดวงใจหนา น้องจ าใจ ต้องไป ตามพี่ยา รักยิ่งผัว ยิ่งกว่าเพื่อน รักเสมือน ชีวา พี่อยากให้ น้องชั่วช้า ก็ตามที* เพลงธรณีร้องไห้ จ ารักษ์ รักกระไรไยท าลูกเช่นนี้ เสียพี่ชายคนดีผู้มีหลัก เสียเมียสาวเขาหน่ายหนีบัดสีนัก หมดนี้หรือคือแม่รักลูกคนนี้? เพลงธรณีร้องไห้ จ ารักษ์ เพราะรักหรือคือที่แม่ท าอยู่เนี่ย? ลูกต้องเสียเมียสาวเขาหาญหัก อีกเสียสัตย์ต่อพี่ชายน่าอายนัก ซ้ าเสียศักดิ์ชาติก าเนิดเกิดเป็นคน


120 ตารางที่ 17 การประพันธ์บทละครและกระบวนการปรับปรุงและพัฒนาบทละครครั้งที่ 2 (ต่อ) บทละคร ก่อนการปรับปรุงแก้ไข บทละคร หลังการปรับปรุงแก้ไข อยากให้แม่ได้ลิ้มรสทั้งหมดบ้าง ความอ้างว้าง สิ้นรัก สิ้นศักดิ์ศรี ความไม่รู้จะอยู่ไปท าไมมี สูญสิ่งที่รักจริงยิ่งชีวา ลูกจะอยู่ดูโลกอย่างไรได้ แย่งคนรักของพี่ไซร้ไม่กังขา เป็นเครื่องมือแก้แค้นให้มารดา เหมือนดังว่าชีพนี้ไซร้ใช่ของเรา เสียสิ้นความเชื่อใจในรักแม่ เสียแม้ทุกความดีต้องปี้ป่น เสียความรู้ดีชั่วเสียตัวตน จะอยู่ยลโลกต่อได้อย่างไรเรา เพลงธรณีร้องไห้ จ ารักษ์ เพราะรักหรือคือที่แม่ท าอยู่เนี่ย? ลูกต้องเสียเมียสาวเขาหาญหัก อีกเสียสัตย์ต่อพี่ชายน่าอายนัก ซ้ าเสียศักดิ์ชาติก าเนิดเกิดเป็นคน เสียสิ้นความเชื่อใจในรักแม่ เสียแม้ทุกความดีต้องปี้ป่น เสียความรู้ดีชั่วเสียตัวตน จะอยู่ยลโลกต่อได้อย่างไรเรา เพลงธรณีร้องไห้ จ ารักษ์ เพราะรักหรือนี่ แม่จ๋า ลูกยาเจ็บช้ าตรอมใจ พลัดพรากจากคู่ เปลี่ยวฤทัย เจ็บใจ สูญเสีย เมีย โอ้แม่จ๋า มิน่าใช่ รัก ลูกเสียสิ้นสัตย์ ต่อพี่ชาย เสียก าเนิด เกิดเป็นคน เสียตัวตน เสียใจ เสียความดีปี้ป่น เสียใจทน ความเชื่อใจ อับอาย อายคนเคยชิดใกล้ จะมีหน้าอยู่อย่างไร บนโลกนี้ สิ้นปัญหา ขอลาที เถ้าธุลี อย่าเก็บไว้ ที่มา: ผู้วิจัย 3) การประพันธ์บทละครและกระบวนการปรับปรุงและพัฒนาบทละครครั้งที่ 3 (1) บทละครในองก์ที่ 5 เครือฟ้าสอน ในช่วงเพลงไส้พระจันทร์ ผู้ทรงคุณวุฒิแนะน า ให้ผู้วิจัยพิจารณาการบรรจุเพลงให้มีความโศกเศร้าเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งค าสุดท้ายในบทละคร น่าจะเป็น ค าพูดของตัวละครมากกว่าลูกคู่ หากปรับแก้ไข จะมีความสมบูรณ์สื่อเนื้อหาเรื่องราวได้ครบถ้วน (2) บทละครในองก์ที่ 5 เครือฟ้าสอน ในช่วงเพลงเขนง ผู้วิจัยและผู้ประพันธ์ได้ สร้างสรรค์บทละครโดยมุ่งเน้นให้เห็นถึงอารมณ์ของตัวละครที่ชัดเจน ซึ่งจากการทดลองฝึกซ้อม และ ข้อเสนอของผู้ทรงคุณวุฒิพบว่า ในเพลงเขนง บทประพันธ์มีเนื้อความยืดยาว กล่าวซ้ าในเนื้อความเดิม หากปรับให้กระชับและครอบคลุม บทละครจะสั้นและได้ใจความอีกทั้งเหมาะสมกับระยะเวลาที่จ ากัด


121 (3) บทละครในองก์ที่ 6 กรรมมาเยือน ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านบทละครและการแสดง ละครร้อง ให้ข้อเสนอแนะว่า ในส่วนที่เป็นลูกคู่ร้องรับ ไม่ควรเป็นการร้องเอื้อนในท านองพม่า เนื่องจากเชื้อชาติของตัวละครนั้นเป็นชาติไทย หากปรับค าในบทละครจะส่งผลให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น รายละเอียดการปรับแก้ไขครั้งที่ 3 ดังตารางที่ 18 ตารางที่ 18 การประพันธ์บทละครและกระบวนการปรับปรุงและพัฒนาบทละครครั้งที่ 3 บทละคร ก่อนการปรับปรุงแก้ไข บทละคร หลังการปรับปรุงแก้ไข เพลงไส้พระจันทร์ ลูกคู่ ต่างคนต่างช่วยกันรีบเก็บของ แม้อกจะร่ าร้องสักเพียงไหน ตามองตาต่างรู้ซึ้งถึงความนัย ไม่อยากพรากจากกันไปใจเจ็บช้ า โผเข้ากอดยอดบูชาคราสุดท้าย ก่อนต้องกลายเป็นคนอื่นต้องกลืนกล้ า น้ าตาตกอกสะอื้นฝืนใจจ า ถึงคราวอ าลาแล้วแก้วดวงใจ เพลงโศกตัด ลูกคู่ ต่างคนต่างช่วยกันรีบเก็บของ แม้อกจะร่ าร้องสักเพียงไหน ตามองตาต่างรู้ซึ้งถึงความนัย ไม่อยากพรากจากกันไปใจเจ็บช้ า โผเข้ากอดยอดบูชาคราสุดท้าย ก่อนต้องกลายเป็นคนอื่นต้องกลืนกล้ า น้ าตาตกอกสะอื้นฝืนใจจ า เครือณรงค์ ถึงคราวอ าลาแล้วแก้วดวงใจ เพลงเขนง พวงแก้ว น้องก็ยังครวญคิดจิตประหวั่น ที่เราท าลงไปนั้นมันถูกไหม เพราะรักพี่ที่ยอมทรามยอมตามใจ เพราะไม่เคยรักใครก่อนพี่ยา เครือณรงค์ รักเจ้าซึ้งใจพี่แล้วพวงแก้วเอ๋ย ไม่ควรเลยที่พี่คิดท ามิจฉา กลัวพาเจ้าลงอบายภูมิขุมกามา ถึงเวลาควรยอมรับและกลับใจ เจรจา พวงแก้ว พี่เครือ น้องก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าสิ่งที่เราท าอยู่ มันถูกแล้วใช่ไหม แต่ที่พวงแก้วยอมตามพี่มา เพราะพวงแก้วรักพี่ เครือณรงค์ พี่รู้ และพี่ซึ้งใจในรักของพวงแก้วแล้ว แต่ที่เรา ท ามันผิด พี่ไม่น่าบังคับพวงแก้วให้มากับพี่เลย พี่ขอโทษนะ พวงแก้ว แล้วเราควรท าตามค าเตือนของคุณแม่พี่ใช่ไหมคะ -เครือณรงค์พยักหน้า เครือณรงค์ จ้ะ พวงแก้ว เรารีบไปกันเถอะก่อนเรื่องจะ บานปลายไปมากกว่านี้ -เครือณรงค์ช่วยพวงแก้วจัดของ


122 ตารางที่ 18 การประพันธ์บทละครและกระบวนการปรับปรุงและพัฒนาบทละครครั้งที่ 3 (ต่อ) บทละคร ก่อนการปรับปรุงแก้ไข บทละคร หลังการปรับปรุงแก้ไข ร้องรัวมอญ จ ารักษ์ หากชาติหน้ามีจริงไซร้ขอให้เกิด ร่วมมารดาพี่เครือเถิดก าเนิดเกล้า เกิดในท้องแม่จ าปาข้าไม่เอา ยกปืนเป่าเข้าขมับดับชีวัน! ร้องตะนาวมอญ จ ารักษ์ หากชาติหน้ามีจริงไซร้ขอให้เกิด ร่วมมารดาพี่เครือเถิดก าเนิดเกล้า เป็นน้องชายแท้ ๆ เถิด ลูกคู่ เอ๋ยจ ารักษ์เอ๋ย จ ารักษ์ เกิดในท้องแม่จ าปาข้าไม่เอา ลูกคู่ ยกปืนเป่าเข้าขมับ ดับชีวัน! จ ารักษ์ลาแล้ว ลาเอ๋ย ที่มา: ผู้วิจัย 4) การประพันธ์บทละครและกระบวนการปรับปรุงและพัฒนาบทละครครั้งที่ 4 ในกระบวนการปรับปรุงและพัฒนาบทละครในครั้งที่ 4 นี้จะเป็นการปรับปรุงค าใน ฉันทลักษณ์ให้มีความสละสลวย มีสัมผัสนอก สัมผัสใน กระชับได้ใจความ สามารถสื่ออารมณ์ของตัว ละครได้อย่างชัดเจน และเมื่อพิจารณาความเชื่อมโยงตลอดเรื่องที่จัดแสดง ผู้วิจัยพบประเด็นปัญหา ในด้านการรับรู้ของผู้ชมเกี่ยวกับการด าเนินเรื่อง ผู้วิจัยจึงด าเนินการปรึกษาผู้ประพันธ์บทละคร ก าหนดให้เพิ่มการเล่าเรื่องช่วงต้น เพื่อปูพื้นฐานความเข้าใจในเนื้อเรื่องก่อนจะถึงตอนที่น ามาจัดแสดง จากการปรับปรุงและพัฒนาบทละครร้องเรื่องเครือณรงค์จ านวน 4 ครั้ง ปรากฏรายละเอียด การแก้ไข ใน 14 ประเด็น ผู้วิจัยสรุปได้ดังตารางต่อไปนี้ ตารางที่ 19 สรุปการปรับปรุงและพัฒนาบทละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ครั้งที่ ปัญหาที่พบ แนวทางการปรับปรุงแก้ไข 1 บทละครมีส่วนที่เป็นบทพูดและบท บรรยายจ านวนมาก ซึ่งไม่เหมาะสมกับ รูปแบบการด าเนินเรื่องราวด้วยการร้อง เพลงของละครร้อง ประพันธ์บทละครส่วนที่เป็นร้อยแก้วหรือบท พูด ให้เป็นร้อยกรองและบรรจุเพลงส าหรับ การด าเนินเรื่องราวด้วยการร้องเพลง บทประพันธ์มีเนื้อความยืดยาว กล่าวซ้ า ในเนื้อความเดิม ตัดค าประพันธ์ในส่วนที่ซ้ าความออก โดยปรับ ให้ฉันทลักษณ์มีความไพเราะสละสลวย บทประพันธ์มีการกล่าวซ้ าความ และใน เพลงทยอยญวนมีท านองเพลงที่ติดหูและ ไม่สามารถส่งอารมณ์เศร้าโศกได้ ตัดค าประพันธ์ในส่วนที่ซ้ าความออก และ ปรับบทประพันธ์เป็นบทเจรจาเสริมความ


123 ตารางที่ 19 สรุปการปรับปรุงและพัฒนาบทละครร้องเรื่องเครือณรงค์ (ต่อ) ครั้งที่ ปัญหาที่พบ แนวทางการปรับปรุงแก้ไข เพลงโอ้ลาวครวญมีความยาวเกินมากไป ผู้ชมอยากฟังเนื้อหาที่แม่เครือฟ้าก าลังจะ สอนลูก ตัดค าประพันธ์ในส่วนที่ซ้ าความออก โดยปรับให้ฉันทลักษณ์มีความไพเราะ สละสลวย 2 รูปแบบการร้องเพลงไม่หลากหลาย ปรับเพลงจีนขวัญอ่อนซึ่งมีเนื้อหาแสดง อารมณ์โกรธ เป็นการร้องสลับการพูดเร็ว (Rectitative) รูปแบบการร้องเพลงไม่หลากหลาย ปรับเพลงจีนขวัญอ่อนในช่วงท้ายเพลง ให้เป็นการร้องคู่ (Duet) ด้วยรูปแบบการร้อง ในท านองเดียวกันแต่แตกต่างกันที่เนื้อเพลง เพื่อแสดงความคิดที่แตกต่างของตัวละคร ทั้ง 2 ตัว เนื้อหาในส่วนของเพลงบังใบ ถือเป็น หัวใจหลักในการสื่อสารความคิดของตัว ละครพวงแก้ว ซึ่งรูปแบบการร้องเพลงไม่ สื่อถึงความโดดเด่น ปรับรูปแบบการร้องเพลงบังใบเป็นการร้อง แบบเนื้อเต็ม ตามรูปแบบละครร้องของ พรานบูรพ์ บทละครยืดเยื้อ ไม่สามารถขมวดปม ปัญหาของตัวละครได้ชัดเจน ปรับแก้ไขบทละครให้มีความสั้น กระชับ และ เหตุผลเพียงพอครอบคลุมความคิดของตัว ละคร ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ฆ่าตัวตายต่อไป เนื้อหาในส่วนของเพลงธรณีร้องไห้ ไม่สื่อ ถึงความโดดเด่นในด้านความเป็น ละครร้อง ปรับรูปแบบการร้องเพลงธรณีร้องไห้เป็นการ ร้องแบบเนื้อเต็ม ตามรูปแบบละครร้องของ พรานบูรพ์ ดึงความคิดรวบยอดของตัวละคร มาใส่ในบทละครให้ครบถ้วน เพื่อสื่อ ความหมายต่อผู้ชม 3 ท านองเพลงยังไม่สื่อถึงอารมณ์โศกเศร้า และในค าสุดท้ายของบทละคร เป็นค าพูด ของตัวละคร ปรับแก้ไขเพลง และปรับให้เครือณรงค์เป็น ผู้ร้องค าสุดท้ายว่า “ลาแล้วลาเอ๋ยแก้ว ดวงใจ” บทประพันธ์มีการกล่าวซ้ าความ ปรับบทประพันธ์ค ากลอน เป็นการเจรจา เสริมความให้มีเนื้อหากระชับ ไม่ควรปรากฏการเอื้อนเพลงท านองพม่า ในละคร เนื่องจากละครเป็นละครไทย ปรับแก้ไขบทละครให้ตัวละครร้องในส่วนที่ เป็นค าพูด ส่วนความคิดของตัวละครลูกคู่เป็น ผู้ร้องให้ทั้งหมด


124 ตารางที่ 19 สรุปการปรับปรุงและพัฒนาบทละครร้องเรื่องเครือณรงค์ (ต่อ) ครั้งที่ ปัญหาที่พบ แนวทางการปรับปรุงแก้ไข 4 เนื้อความ ฉันทลักษณ์บางค าไม่ สละสลวย ปรับปรุงค าในฉันทลักษณ์ให้มีความสละสลวย มีสัมผัสนอก สัมผัสใน กระชับได้ใจความ สามารถสื่ออารมณ์ของตัวละครได้อย่าง ชัดเจน ผู้ชมไม่รู้เรื่องราวพื้นหลังของละคร ก าหนดให้เพิ่มการเล่าเรื่องช่วงต้น เพื่อ ปูพื้นฐานความเข้าใจในเนื้อเรื่องก่อนจะถึง ตอนที่น ามาจัดแสดงด้วยการอ่านเป็นท านอง เสนาะ ที่มา: ผู้วิจัย จากการปรับแก้ไขและพัฒนาบทละครร้องเรื่องเครือณรงค์ น าสู่บทละครฉบับสมบูรณ์ (ปรากฏในภาคผนวก ก) 1.2.2 ผู้แสดง ในด้านผู้แสดง หรือการคัดเลือกนักแสดง ส าหรับละครร้องเรื่องเครือณรงค์เป็นสิ่งที่ต้อง พิถีพิถันเป็นอย่างยิ่ง เนื่องด้วยละครร้องเป็นการแสดงที่อาศัยการร้อง การเจรจา และการแสดง ท่าทางการสื่ออารมณ์ ในการด าเนินเรื่อง ผู้แสดงจึงจ าเป็นต้องมีประสบการณ์ทางการแสดงที่ดี มีพื้นฐานทางนาฏศิลป์และการร้องเพลง ผู้วิจัยมีกระบวนการคัดเลือกตัวละครส าหรับละครร้องเรื่อง เครือณรงค์ ดังรายละเอียดขั้นตอนต่อไปนี้ 1) วิเคราะห์ตัวบทในด้านภูมิหลังของการกระท า และการแสดงออกต่าง ๆ ของตัวละคร 2) ก าหนดบุคลิกลักษณะของตัวละคร และคุณสมบัติพื้นฐานของตัวละคร 3) ด าเนินการคัดเลือกผู้แสดงโดยวิธีด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจง ค้นหาผู้แสดงจาก ครู อาจารย์ นักศึกษา และศิษย์เก่าสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ โดยมุ่งความส าคัญไปที่ทักษะการร้อง เพลงและประสบการณ์ของผู้แสดงเป็นหลัก 4) ทดลอง และทดสอบทักษะการร้องเพลง ทั้งรูปแบบของการร้องเพลงไทยเดิม เพลงไทยสากล และเพลงสากล 5) ทดลองให้ผู้แสดงตีความบทละคร และแสดงท่าทาง กิริยา หรืออารมณ์นั้น ๆ 6) พิจารณาความเหมาะสมของตัวละคร ในด้านทักษะการร้องเพลง ทักษะการแสดง ท่าทางและอารมณ์ รวมถึงความเหมาะสมระหว่างบุคลิกภาพของผู้แสดงและบุคลิกภาพของตัวละคร ที่จะสวมบทบาท 7) ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้มีประสบการณ์ด้านการแสดงละครร้อง 8) น าข้อเสนอแนะมาปรับปรุงแก้ไข ในบทละครเดิม เรื่องพ่อเครือณรงค์และขุนโรมปรปักษ์ มีการก าหนดข้อมูลพื้นฐานของตัว ละครไว้อย่างคร่าว ๆ ผู้วิจัยจึงวิเคราะห์ตัวบทละครในด้านภูมิหลังของการกระท า และการแสดงออกต่าง ๆ ของตัวละคร จากนั้นจึงก าหนดบุคลิกลักษณะของตัวละครเพิ่มเติมจากเดิมให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น


125 ในด้านรูปลักษณ์ภายนอก สถานะทางสังคม เรื่องราวภูมิหลัง เนื่องจากผู้แสดงจ าต้องเป็นผู้ท าหน้าที่ ส่งสารและสื่อสารบทบาทการแสดงออกมาให้แก่ผู้ชมได้รับรู้ ตลอดจนเพื่อให้เกิดความสะดวกต่อการ คัดเลือกผู้แสดง ดังมีรายละเอียดดังตารางต่อไปนี้ ตารางที่20 การก าหนดบุคลิกภาพและข้อมูลพื้นฐานของตัวละคร ล าดับ ตัวละคร ละครเรื่องพ่อเครือณรงค์ ฉบับพระนิพนธ์ในพระเจ้า บรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิป ประพันธ์พงศ์ ละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ 1. เครือณรงค์ บุตรพระยาณรงค์รักษ์ แลสาว เครือฟ้า อายุ 15 ถึง 25 กล้าหาญ ใจเด็ดเดี่ยว แลรักดี ตามพันธุ์พ่อแลแม่ อายุ 20-25 ปี รูปร่างสง่า รับราชการเป็นทหารชั้น นายร้อย ลักษณะนิสัยกล้าหาญ ใจเด็ด เดี่ยว ถูกกลั่นแกล้งและขาด ความรักมาตั้งแต่วัยเด็ก 2. พวงแก้ว อายุ 15 ถึง 20 บุตรีพญาราม พลพ่าย มีความรู้ รักดี แต่ใจง่าย อายุ 15-20 ปีใบหน้างดงาม บุคลิกเป็นกุลสตรี มีความรู้ รักดี ลักษณะนิสัยอ่อนไหวง่าย มี ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง 3. จ ารักษ์ บุตรพระยาณรงค์แลคุณหญิง จ าปา อายุ 13 ถึง 23 อายุ 20-23 ปี รูปร่างหน้าตาดี ลักษณะนิสัยร่าเริง เชื่อฟังค าสั่ง สอนของบิดามารดา รัก ครอบครัว เป็นที่รักของคุณหญิง จ าปาอย่างมาก 4. คุณหญิงจ าปา ภรรยาพระยาณรงค์รักษ์ อายุ34 ถึง 44 อายุ 40-44 ปีรูปร่างสง่าผ่าเผย บุคลิกลักษณะเป็นผู้ดี มีพื้นฐาน ครอบครัวดี ภรรยาพระยา ณรงค์รักษ์ ลักษณะนิสัยชอบ การเอาชนะ ยุแยง ไม่ชอบเครือ ณรงค์เนื่องมาจากความหลังกับ สาวเครือฟ้า 5. คุณหญิงบัวค า ภรรยาพระยารามพลพ่าย อายุ 45 โลภ ๆ อย่างเก่า อายุ 45 ปี มีความคล่องแคล่ว โลภมาก เป็นภรรยาพระยาราม พลพ่าย รักลูกมาก ลักษณะนิสัย ชอบพูดคุย


126 ตารางที่20 การก าหนดบุคลิกภาพและข้อมูลพื้นฐานของตัวละคร (ต่อ) ล าดับ ตัวละคร ละครเรื่องพ่อเครือณรงค์ ฉบับพระนิพนธ์ในพระเจ้า บรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิป ประพันธ์พงศ์ ละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ 6. พระยาราม พลพ่าย อายุ 63 อายุราว 63 ปี ลักษณะภูมิฐาน เป็นผู้ใหญ่น่าเชื่อถือ สุภาพ เป็นเพื่อนกับพระยาณรงค์รักษ์ รู้จักกับครอบครัวของขุนโรม ปรปักษ์เป็นอย่างดี 7. สาวเครือฟ้า - อายุ 40-44 ปี เป็นวิญญาณ บูชาความรัก รักและเป็นห่วง ลูกชายมาก รู้จักผิดชอบชั่วดี 8. นายสิงห์ คนสนิทของขุนโรมปรปักษ์ อายุ 37 อายุ 30 ปี รูปร่างแข็งแรง คล่องแคล่วว่องไว ชอบจัดแจง ทุกอย่างให้เจ้านาย เป็นคนสนิท ของพระยาณรงค์รักษ์และเครือ ณรงค์ เชื่อฟังค าสั่งของเจ้านาย เป็นอย่างดี 9. ดาบฉ่อง คนสนิทของพระยาณรงค์รักษ์ อายุ 40 ถึง 50 อายุ 40 ปีรูปร่างสูง ท้วมมี รูปร่างเป็นนายทหาร ลักษณะ นิสัยรุกรี้ รุกรน มักใหญ่ เป็นทนายของ พระยารามพลพ่าย 10. นางฉิว อายุ 17 สาวใช้พวงแก้ว อายุ 17 ปี รักพวงแก้วเหมือนพี่ น้อง ลักษณะนิสัยสอดรู้สอดเห็น 11. เพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว - อายุ 15-20 ปี เป็นเพื่อนสนิท ของพวงแก้วและจ ารักษ์ มีลักษณะเป็นผู้ดีมีการศึกษา ชอบเข้าสังคม มีอัธยาศัยดี ร่าเริงสนุกสนาน ที่มา: ผู้วิจัย


127 จากกระบวนการคัดเลือกผู้แสดงที่ก าหนดข้างต้น ละครร้องเรื่องเครือณรงค์มุ่งเน้นคัดเลือก ผู้แสดงให้สอดคล้องกับแนวคิดการคัดเลือกนักแสดงละครร้องของจุลชาติ อรัณยะนาค ที่กล่าวว่า “ผู้แสดงละครร้อง ต้องมีความโดดเด่นในทักษะการขับร้องเพลงไทย ทักษะด้านการแสดง และทักษะ ทางดนตรี จากนั้นจึงคิดต่อว่าตัวละครมีบุคลิกภาพอย่างไรจึงจะสามารถคัดเลือกนักแสดงได้ เหมาะสม” (จุลชาติ อรัณยะนาค, 2565, 23 พฤศจิกายน, สัมภาษณ์) ซึ่งสอดคล้องกับรรรรยา บุญกลั่น ที่อธิบายกระบวนการคัดเลือกนักแสดงละครไว้ว่า “ปัจจัยในการคัดเลือกนักแสดง มีทั้งหมด 7 ปัจจัย ได้แก่ 1) บุคลิกลักษณะของนักแสดง 2)ความสามารถในการร้อง หรือเต้น 3) ความสามารถในการแสดง 4) ความเป็นที่นิยมในสังคม 5) มีเวลาในการซ้อม 6) อุปนิสัย และ 7) ทัศนคติ” (รรรรยา บุญกลั่น, 2555, น. 142) จากแนวคิดข้างต้นผู้วิจัยก าหนดคุณสมบัติพื้นฐานของผู้แสดงทุกคนเรียงตาม ความส าคัญ ดังนี้ 1) เป็นผู้มีความสามารถทางด้านการร้องเพลงและการดนตรี คือสามารถร้องเพลงได้ อย่างไพเราะ ตรงท านองเพลงและจังหวะ รวมทั้งมีความแม่นย าในเรื่องของท านองเพลงไทยเดิมต่าง ๆ เป็นอย่างดี เพื่อให้เกิดความถูกต้องขณะที่ท าการแสดง สอดคล้องกับอัญชลี วัจนรัตน์ ที่กล่าวว่า “แม่ (อาจารย์เฉลย ศุขะวณิช) สอนให้ร้องเพลงก่อนหัดร้องอยู่หลายเดือน พอร้องได้จึงจะต่อท่าร า ในการแสดงบทสาวเครือฟ้า แม่สอนให้ใช้อารมณ์...” (ไพโรจน์ ทองค าสุก, 2544, น. 141) 2) เป็นผู้ที่มีรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ และบุคลิกภาพที่เหมาะสมกับบทบาทของตัวละคร (รายละเอียดตามตารางข้างต้น) 3) เป็นผู้ที่มีพื้นฐานทางด้านนาฏศิลป์ และการแสดงตามบทบาทที่ดี คือได้รับการฝึกฝน มามากพอสมควร 4) เป็นผู้มีประสบการณ์การแสดงละครร้อง สามารถแสดงอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยมละคร ร้องเป็นละครที่ผสมผสานการร้อง การร า ท่าทางธรรมชาติ การเจรจา และที่ส าคัญที่สุดคือการสื่อ อารมณ์ของผู้แสดง หากผู้แสดงสามารถสื่ออารมณ์ได้ถึงคนดูก็จะเป็นการแสดงที่สมบทบาทและ สมบูรณ์แบบของตัวละคร 5) เป็นผู้มีความจ าและไหวพริบปฏิภาณที่ดี เนื่องด้วยต้องมีการร้องสอดแทรกกับตัว ละครอื่นและลูกคู่ และเมื่อถึงบทของตัวเองจะต้องร้องและแสดงท่าทางออกมาให้ทันท่วงที รวมทั้ง การมีไหวพริบที่ดีก็มีความจ าเป็นเป็นอย่างยิ่ง คือผู้แสดงต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าให้ได้เมื่อ เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน 6) เป็นผู้ที่พร้อมได้รับการพัฒนาอยู่เสมอเพื่อการปรับปรุงการแสดงให้มีประสิทธิภาพมาก ๆ ยิ่งขึ้น รวมทั้งผู้ได้รับคัดเลือกต้องมีจิตใจโอบอ้อมอารี มีเมตตา และส านึกในบุญคุณของครูบาอาจารย์ จากการคัดเลือกผู้แสดงตามขั้นตอนและคุณสมบัติพื้นฐานที่ผู้วิจัยก าหนด ผู้วิจัยพบปัญหาใน กระบวนการคัดเลือกผู้แสดงและกระบวนการฝึกซ้อม จึงปรับเปลี่ยนผู้แสดงให้มีความเหมาะสม ซึ่งสามารถอธิบายรายละเอียดการปรับปรุงพัฒนาได้ดังต่อไปนี้


128 ตารางที่21 การคัดเลือกผู้แสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ครั้งที่ 1 ล าดับ ตัวละคร ภาพผู้แสดง ข้อมูลพื้นฐานผู้แสดง 1. เครือณรงค์ นายญาณวุฒิ ไตรสุวรรณ ต าแหน่งอาจารย์ สาขาวิชานาฏศิลป์ไทย คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 2. พวงแก้ว นางสาวลักษิกา สุภาโชค ครูพิเศษ ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป 3. จ ารักษ์ นายจารุพงศ์ จันทรีย์ ศิษย์เก่าสาขานาฏศิลป์ไทย (โขนยักษ์) วิทยาลัยนาฏศิลป ศิลปินอิสระ และผู้ก่อตั้งคณะละครท่านอ๋อง 4. คุณหญิงจ าปา นางสาวนงนภัส ขจรมาลี ต าแหน่งครูช านาญการ ภาควิชานาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป


129 ตารางที่21 การคัดเลือกผู้แสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ครั้งที่ 1 (ต่อ) ล าดับ ตัวละคร ภาพผู้แสดง ข้อมูลพื้นฐานผู้แสดง 5. คุณหญิงบัวค า นางสาวคัทรียา ประกอบผล ต าแหน่งอาจารย์ สาขาวิชานาฏศิลป์ไทย คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 6. พระยาราม พลพ่าย นายวุฒิชัย นราแก้ว ต าแหน่งครูพิเศษ ภาควิชานาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป 8. นายสิงห์ นายชานนท์ ทัสสะ ต าแหน่งอาจารย์ สาขาวิชานาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลปสุพรรณบุรี 9. ดาบฉ่อง นายศิริชัย นาคพุฒิ ต าแหน่งครู ภาควิชานาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป


130 ตารางที่21 การคัดเลือกผู้แสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ครั้งที่ 1 (ต่อ) ล าดับ ตัวละคร ภาพผู้แสดง ข้อมูลพื้นฐานผู้แสดง 10. นางฉิว นางสาวธนภรณ์ เพชรพิทักษ์ชน นักศึกษาปริญญาตรีปีที่ 4 หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชา นาฏศิลป์ไทยศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลป 11. เพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว นายพงศ์พัฒน์ ปาริชาติรัตนกุล นักศึกษาปริญญาตรีปีที่ 4 หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชา นาฏศิลป์ไทยศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลป นายธนินธร บุญจุ้ย นักศึกษาปริญญาตรีปีที่ 4 หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชา นาฏศิลป์ไทยศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลป นายสุรศักดิ์ มีสุขสม ศิษย์เก่า สาขาโขนพระ วิทยาลัยนาฏศิลป ศิลปินอิสระ


131 ตารางที่21 การคัดเลือกผู้แสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ครั้งที่ 1 (ต่อ) ล าดับ ตัวละคร ภาพผู้แสดง ข้อมูลพื้นฐานผู้แสดง 12 เพื่อนเจ้าสาว ‘ นางสาววรรณธิดา เรืองศิลปอ านวย ศิษย์เก่า สาขาละคร วิทยาลัยนาฏศิลป ศิลปินอิสระ นางสาวอรอุมา วิทยารักษ์นุกูล ศิษย์เก่า สาขาละคร วิทยาลัยนาฏศิลป ศิลปินอิสระ นางสาวชนิสรา บุญรักษ์ ศิษย์เก่า สาขาละคร วิทยาลัยนาฏศิลป ศิลปินอิสระ ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางที่ 21 การคัดเลือกผู้แสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ครั้งที่ 1 ผู้แสดงมีทักษะ การขับร้อง ทักษะการแสดง และทักษะการฟังเพลง รวมทั้งมีคุณสมบัติครบถ้วนสามารถเป็น ผู้แสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ได้ แต่ด้วยบางคนมีภารกิจค่อนข้างมาก ไม่สามารถมาซ้อมและฝึก ปฏิบัติทักษะได้ตามระยะเวลาที่ก าหนด และบางคนมีเนื้อเสียงที่ค่อนข้างบางส่งผลให้การออกเสียงใน การร้องเพลงประกอบละครไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ผู้วิจัยจึงปรับเปลี่ยนตัวละครตามรายละเอียดต่อไปนี้


132 ตารางที่22 การปรับเปลี่ยนผู้แสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ล าดับ ตัวละคร ภาพผู้เดิม ภาพผู้แสดง ที่ปรับเปลี่ยน เหตุผลในการปรับเปลี่ยน 1. คุณหญิง จ าปา นางสาวนงนภัส ขจรมาลี มีภารกิจใน การจัดการเรียนการสอนค่อนข้างมาก อีกทั้งเป็นผู้แสดงให้ละครเรื่องเลือดขัตติ ยาที่แสดงในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ส่งผลให้มีระยะเวลาในการฝึกซ้อม ค่อนข้างจ ากัด และบทบาทของคุณหญิง จ าปาต้องมีความภูมิฐานเป็นผู้ใหญ่ ด้วยบุคลิกภาพอันสดใสร่าเริงของ นางสาวนงนภัส จึงมีความขัดแย้งกับ บุคลิกภาพของตัวละคร ผู้วิจัยจึง พิจารณาคัดเลือกผู้แสดงเป็น ดร.ขวัญฟ้า ภู่แพ่งสุทธิ์ 2 คุณหญิง บัวค า เนื่องด้วยคุณหญิงจ าปาและคุณหญิงบัวค า มีบทบาทเป็นแม่เหมือนกันเมื่อปรับเปลี่ยน คุณหญิงจ าปา จึงจ าเป็นต้องเปลี่ยน คุณหญิงบัวค าให้มีอายุใกล้เคียงกัน และ ด้วยบุคลิกภาพอันสง่างามและทักษะ การร้องเพลงอันโดดเด่น อีกทั้งมี ประสบการณ์ในการแสดงละครหลากหลาย รูปแบบของนางเปรมใจ เพ็งสุข ผู้วิจัยจึง คัดเลือกให้แสดงเป็นคุณหญิงบัวค า 3 นายสิงห์ เนื่องด้วยนายชานนท์ ได้รับการบรรจุเข้า รับราชการ ณ วิทยาลัยนาฏศิลป สุพรรณบุรี จึงเป็นเหตุให้การเดินทางมา ซ้อมยากล าบาก ตารางซ้อมกับภารกิจมัก ตรงกันเสมอ ผู้วิจัยจึงคัดเลือกนายอนุชา สีฟัก เป็นตัวละครนายสิงห์แทน ทั้งนี้ นายอนุชาเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ ผู้วิจัยก าหนด อีกทั้งเป็นบุคลากรของ วิทยาลัยนาฏศิลป ซึ่งเป็นสังกัดเดียว กับผู้วิจัย จึงสะดวกต่อการมาฝึกซ้อม


133 ตารางที่22 การปรับเปลี่ยนผู้แสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ (ต่อ) ล าดับ ตัวละคร ภาพผู้เดิม ภาพผู้แสดง ที่ปรับเปลี่ยน เหตุผลในการปรับเปลี่ยน 4 นางฉิว นางสาวธนภรณ์ เพชรพิทักษ์ชน ส าเร็จการศึกษา และต้องประกอบ อาชีพส่วนตัว จึงไม่สะดวกมาซ้อม ผู้วิจัยจึงเปลี่ยนเป็นนางสาวอันนา มามาก นักศึกษาปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 ที่มีทักษะในการร้องเพลงและทักษะ ทางการแสดงที่ดี 5 เพื่อน เจ้าบ่าว จากการทดลองฝึกร้องเพลง พบว่า นายสุรศักดิ์ มีสุขสม มีน้ าเสียงไพเราะ แต่ออกเสียงอักขระไม่ชัดเจนในช่วงที่ เป็นตัวหนังสือ ส เสือ ผู้วิจัยจึงคัดเลือก ปรับเปลี่ยนตัวละครเป็น นายศุภกร อบจันทร์ฉาย จากการทดลองฝึกร้องเพลง พบว่า นายพงศ์พัฒน์ ปาริชาติรัตนกุล มีเนื้อ เสียงบางและเบา ส่งผลให้การออกเสียง ในการร้องเพลงในละครคลุมเครือไม่ ชัดเจน ผู้วิจัยจึงก าหนดปรับเปลี่ยนตัว ละครเป็นนายฉัตรดนัย วาระสิทธิ์ 6 เพื่อน เจ้าสาว จากกระบวนการฝึกร้องเพลง และฝึก ทักษะด้านการแสดง ผู้วิจัยนางสาว วรรณธิดา เรืองศิลป์อ านวย เป็นผู้มี ทักษะทางด้านการแสดงอารมณ์ดีมาก แต่ไม่ถนัดในการร้องเพลง และ เนื่องจากผู้แสดงละครร้องจ าเป็น ต้องมีทักษะที่ดีผู้วิจัยจึงจ าเป็นต้อง เปลี่ยนผู้แสดงเป็นนางสาวเนตรอัปสร อินทร์พรับ


134 ตารางที่22 การปรับเปลี่ยนผู้แสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ (ต่อ) ล าดับ ตัวละคร ภาพผู้เดิม ภาพผู้แสดง ที่ปรับเปลี่ยน เหตุผลในการปรับเปลี่ยน ในช่วงเวลาท าการแสดง คือวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 นางสาวชนิสรา บุญรักษ์มีความ จ าเป็นต้องเข้ารับการรักษารากฟัน จึงไม่สามารถเข้าร่วมการแสดงได้ ผู้วิจัยจึงเปลี่ยนเป็นนางสาวภานรินทร์ สุขาบูรณ์ นางสาวอรอุมา วิทยารักษ์นุกูล มีภารกิจในการประกอบอาชีพ ส่งผลให้ มีเวลาจ ากัดในการฝึกซ้อม ผู้วิจัยจึง เปลี่ยนเป็นนางสาวปฐมาวดี ธิมาทาน ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางพบว่า ผู้แสดงที่ถูกคัดเลือกในรอบที่ 1 มีการปรับเปลี่ยนเป็นจ านวนทั้งสิ้น 9 คน ประกอบด้วย คุณหญิงจ าปา คุณหญิงบัวค า นางสิงห์ นางฉิว เพื่อนเจ้าบ่าวจ านวน 2 คน และเพื่อน เจ้าสาวจ านวน 3 คน ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน ในล าดับต่อไปผู้วิจัยน าเสนอข้อมูลผู้แสดงละครร้อง เรื่องเครือณรงค์ในกลุ่มที่ 2 ซึ่งเป็นกลุ่มผู้แสดงที่แสดงจริงในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ดังตาราง ต่อไปนี้ ตารางที่23 ผู้แสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์ ล าดับ ตัวละคร ภาพผู้แสดง ข้อมูลพื้นฐานผู้แสดง 1. เครือณรงค์ นายญาณวุฒิ ไตรสุวรรณ ต าแหน่งอาจารย์ สาขาวิชานาฏศิลป์ไทย คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์


135 ตารางที่23 ผู้แสดงละครร้องเรื่องเครือณรงค์(ต่อ) ล าดับ ตัวละคร ภาพผู้แสดง ข้อมูลพื้นฐานผู้แสดง 2. พวงแก้ว นางสาวลักษิกา สุภาโชค ต าแหน่งครูพิเศษ ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป 3. จ ารักษ์ นายจารุพงศ์ จันทรีย์ ศิษย์เก่าสาขานาฏศิลป์ไทย (โขนยักษ์) วิทยาลัยนาฏศิลป ศิลปินอิสระ และผู้ก่อตั้งคณะละคร ท่านอ๋อง 4. คุณหญิงจ าปา ดร.ขวัญฟ้า ภู่แพ่งสุทธ์ ต าแหน่ง ครูช านาญการพิเศษ ภาควิชานาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป 5. คุณหญิงบัวค า นางเปรมใจ เพ็งสุข ต าแหน่ง ครูเชี่ยวชาญ ภาควิชานาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป 6. พระยาราม พลพ่าย นายวุฒิชัย นราแก้ว ต าแหน่งครูพิเศษ ภาควิชานาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป


Click to View FlipBook Version