The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by joobjoob_ii, 2022-05-04 22:21:55

โครงสร้างและแผนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ ป.2 เทอม 1 ปีการศึกษา 2565

วิชาคณิตศาสตร์ ป.2เทอม 1
นางศิริพัฒน์ ณ นคร

นกั เรยี นตอบคาถามวา่ จานวนทหี่ ายไปในแบบรูปในแต่ละข้อของหนา้ 47คือจานวนใด โดยครเู น้นยา้ ให้นักเรียนพิจารณจานวน
ที่อยถู่ ัดไปทางขวา ถา้ มีค่ามากข้ึนแสดงว่าเป็นแบบรูปของจานวนทีเ่ พม่ิ ขึ้น และพจิ ารณาจานวนทอ่ี ยถู่ ัดไปทางขวาถา้ มคี ่า
นอ้ ยลงแสดงวา่ เป็นแบบรูปของจานวนท่ีลดลง

ขนั้ สรุป

ขั้นขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยใหน้ ักเรียนหาจานวนทีห่ ายไปในแบบรูปพร้อมบอกวา่ เปน็ แบบรูปของ

จานวนทเ่ี พิ่มขนึ้ ทลี ะ 2 หรือเป็นแบบรูปของจานวนทลี่ ดลงทีละ 2 ถ้าพบวา่ มนี กั เรยี นคนใดหาจานวนที่หายไปในแบบรูปของ

จานวนยงั ไม่ถูกตอ้ งให้ครูฝกึ เพ่ิมเตมิ เป็นรายบุคคล โดยเร่มิ ฝึกจากการนบั เพิม่ ทีละ 2 และการนับลดทีละ 2 ก่อนถ้านักเรียน

นบั เพ่มิ ทลี ะ 2 และนับลดทลี ะ 2 ไดแ้ ล้วจงึ ใหฝ้ ึกหาจานวนท่หี ายไปในแบบรูปจากน้นั ครูและนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความ

ถกู ต้องและสรุปส่งิ ท่ไี ดเ้ รยี นรู้

- แบบรปู ของจานวนทเ่ี พ่ิมข้ึนทลี ะ 2 เปน็ ชดุ ของจานวนที่มคี วามสัมพนั ธก์ ันอย่างตอ่ เนื่องในลักษณะของ

การเพิ่มขึ้นทลี ะ 2 เชน่ 15 17 19 21 23 25

- แบบรปู ของจานวนทีล่ ดลงทีละ 2 เป็นชดุ ของจานวนทม่ี คี วามสัมพันธก์ ันอยา่ งต่อเนอื่ งในลักษณะของการ

ลดลงทีละ 2 เช่น 48 46 44 42 40 38

ข้ันตรวจสอบผล

1. แบบรูปของจานวนทล่ี ดลงทีละ 2 เปน็ ชุดของจานวนท่มี ีความสมั พันธก์ นั อย่างตอ่ เน่อื ง

ในลกั ษณะของการลดลงทีละ 2 เชน่ 48 46 44 42 40 38 จากนน้ั ให้นักเรียนทาแบบฝกึ หดั หน้า 27 – 28

6. การวดั และประเมินผล

การวดั และประเมินผลจดุ ประสงค์ วธิ ีการวดั ผล เคร่อื งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมินผล

ความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคิด 70% ขึน้ ไป ถอื วา่ ผ่าน

-การสังเกต เกณฑ์การประเมนิ

ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหดั 70% ขึ้นไป ถอื ว่าผา่ น

-การใหเ้ หตุผล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรุปความรู้การปฏิบัติ

คุณลักษณะนสิ ัย (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ข้ึนไป ถือวา่ ผา่ น

ทางานรว่ มกบั กล่มุ ขณะ ทางานร่วมกับกล่มุ เกณฑ์การประเมนิ

7. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้

7.1 สือ่ การเรียนรู้

1. หนงั สือพิมพ์

2. บัตรตวั เลข บัตรภาพจานวนตา่ ง ๆ

3. บตั รภาพลกู คิด

4. หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พืน้ ฐาน คณติ ศาสตร์/สื่อการเรียน รู้คณิตศาสตร์

7.2 แหล่งการเรยี นรู้

. 1. บตั รภาพ

2. บตั รตัวเลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สปั ดาหท์ ี่ 3

โรงเรยี นขจรเกยี รติพฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนที่ ……1…/………... ชื่อผสู้ อน ….……………………………….…….............

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 2 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 จานวนนับไมเ่ กิน1,000และ 0 เรอ่ื ง แบบรูปของจานวนที่เพิ่มขน้ึ ทีละ5และแบบรูป

ของจานวนทล่ี ดลงทีละ 5

1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชวี้ ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลท่ีเกิดขนึ้

จากการดาเนนิ การ สมบัตขิ องการดาเนนิ การ และนาไปใช้

ตัวชี้วัดท่ี ป. 2/1 บอกจานวนของส่ิงต่าง ๆ แสดงสิ่ง ต่าง ๆ ตามจานวนท่ีกาหนด อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก

ตัวเลขไทยตวั หนงั สอื แสงจานวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

ป.2/2 เปรียบเทยี บจานวนนับไม่เกิน 1,000 และ 0 โดยใชเ้ ครอื่ งหมาย = * > <

ป.2/3 เรียงลาดับจานวนนับไมเ่ กิน 1,000 และ 0 ตง้ั แต่ 3 ถงึ 4 จานวนจากสถานการณต์ ่าง ๆ

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

• แบบรูปของจานวนทเ่ี พม่ิ ขน้ึ ทีละ 2ทลี ะ 5 หรอื ทลี ะ 100 เป็นชดุ ของจานวนท่ีมคี วามสัมพันธ์กนั อยา่ งต่อเนอื่ งใน

ลักษณะของการเพ่ิมขึน้ ทีละ 2 ทีละ 5 หรอื ทลี ะ 100

• แบบรปู ของจานวนท่ลี ดลงทีละ 2 ทีละ 5 หรอื ทลี ะ 100 เปน็ ชุดของจานวนท่ีมีความสัมพนั ธก์ ันอยา่ งต่อเนื่องใน

ลกั ษณะของการลดลงทลี ะ 2 ทลี ะ 5 หรอื ทีละ 100

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

ด้านความรู้ (K)

บอกจานวนที่หายไปในแบบรูปของจานวนทเี่ พม่ิ ขน้ึ ทีละ 5 และแบบรูปของจานวนท่ีลดลงทีละ 5 ได้

ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ิธีการทเี่ หมาะสมในการแกป้ ัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคณุ ลักษณะ(A)

มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความม่ันใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถ่นิ

แบบรปู ของจานวนทเี่ พิ่มขึน้ ทีละ 5 และแบบ พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา

รปู ของจานวนทีล่ ดลงทลี ะ 5

5. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบท่ี 1
ข้นั นา

ขน้ั กระตนุ้ ความสนใจ

1. ครูติดบัตรตวั เลข 40 บนกระดาน ครทู บทวนการนับเพ่ิมทีละ 5 โดยการถาม-ตอบ ถา้ เริ่มจาก 40 นับเพิม่ ทลี ะ 5
ได้ 45 50 55 60 ... ครูติดบัตรจานวนท่นี บั ได้บนกระดาน แลว้ ให้นกั เรยี นสงั เกตชดุ ของจานวน40 45 50 55 60 วา่ เป็นการ
เรียงจานวนในลกั ษณะอยา่ งไร นักเรียนตอบวา่ 40 45 50 55 60 เปน็ จานวนนับทเ่ี พิม่ ขึ้นทีละ 5 ครูเขียนเสน้ โยงดว้ ยลูกศร +
5 แลว้ สรุปว่า 40 45 50 55 และ 60 เป็นจานวนนบั ท่ีเพ่มิ ข้นึ ทลี ะ 5 ครูแนะนาความสมั พนั ธท์ ี่ตอ่ เน่ืองกันในลักษณะของการ
เพิม่ ขึน้ ทลี ะ 5 น้วี า่ เป็นแบบรูปของจานวนทเ่ี พิ่มข้ึนทีละ 5 ครูให้นกั เรยี นหาจานวนที่อยถู่ ดั จาก 60 ว่าเป็นจานวนใด โดยใช้
การนบั เพ่ิมทีละ 5 นกั เรยี นตอบวา่ 65 จากนน้ั ครใู หน้ กั เรยี นพจิ ารณาแบบรปู ของจานวน 137 142 147 152 แล้วให้หาวา่
จานวนถัดไปคือจานวนใด เพราะเหตใุ ด นกั เรยี นตอบว่า จานวนถดั ไปคือ 157 เพราะ 137 142 147 152 เปน็ แบบรูปของ
จานวนทีเ่ พ่มิ ข้นึ ทลี ะ 5 ดงั น้ัน 152 เพ่ิมขน้ึ 5 ได้ 157 ครอู าจยกตวั อยา่ งเพ่ิมเตมิ เช่น 80 85 90 …… 100 แลว้ ถามนกั เรียน
ว่าจานวนทหี่ ายไปคืออะไร และบอกเหตุผล ครูให้นกั เรียนช่วยกนั หาจานวนท่หี ายไปในแบบรปู ของจานวนในกรอบท้ายหนา้
49

ขนั้ สอน

ขั้นสารวจค้นหา

1. ครูติดบัตรตัวเลข 40 บนกระดาน ครทู บทวนการนับเพ่ิมทลี ะ 5 โดยการถาม-ตอบ ถ้าเริม่ จาก 40 นับเพม่ิ ทลี ะ 5
ได้ 45 50 55 60 ... ครตู ิดบตั รจานวนท่ีนับไดบ้ นกระดาน แล้วให้นกั เรยี นสังเกตชดุ ของจานวน40 45 50 55 60 ว่าเป็นการ
เรยี งจานวนในลกั ษณะอย่างไร นักเรียนตอบว่า 40 45 50 55 60 เปน็ จานวนนบั ท่เี พ่มิ ข้ึนทลี ะ 5 ครเู ขียนเสน้ โยงด้วยลูกศร +
5 แลว้ สรุปว่า 40 45 50 55 และ 60 เปน็ จานวนนบั ท่ีเพม่ิ ข้นึ ทลี ะ 5 ครูแนะนาความสมั พันธท์ ีต่ อ่ เนื่องกันในลกั ษณะของการ
เพมิ่ ขน้ึ ทีละ 5 น้ีวา่ เป็นแบบรปู ของจานวนท่เี พ่ิมข้ึนทลี ะ 5 ครใู ห้นักเรยี นหาจานวนท่ีอยถู่ ัดจาก 60 ว่าเป็นจานวนใด โดยใช้
การนับเพิ่มทีละ 5 นกั เรียนตอบว่า 65 จากน้ันครใู หน้ ักเรยี นพิจารณาแบบรปู ของจานวน 137 142 147 152 แล้วให้หาว่า
จานวนถัดไปคือจานวนใด เพราะเหตุใด นักเรียนตอบวา่ จานวนถดั ไปคือ 157 เพราะ 137 142 147 152 เป็นแบบรูป
ของจานวนทีเ่ พิ่มขนึ้ ทลี ะ 5 ดังน้นั 152 เพิม่ ขน้ึ 5 ได้ 157 ครูอาจยกตัวอยา่ งเพ่มิ เติม เชน่ 80 85 90 …… 100 แล้วถาม
นกั เรยี นว่าจานวนทหี่ ายไปคืออะไร และบอกเหตุผล ครใู ห้นกั เรยี นช่วยกันหาจานวนท่หี ายไปในแบบรปู ของจานวนในกรอบ
ทา้ ยหนา้ 49

2. ครูตดิ บัตรตวั เลข 95 บนกระดาน และทบทวนการนบั ลดทีละ 5 โดยการถาม-ตอบ ถ้าเริม่ จาก 95นบั ลดทีละ 5 ได้
90 85 80 75 ... ครูติดบตั รตัวเลข 95 90 85 80 75 บนกระดานแลว้ ถามนักเรียนวา่ เป็นการเรียงจานวนในลกั ษณะอย่างไร
นกั เรยี นตอบว่า 95 90 85 80 และ 75 เป็นจานวนทีล่ ดลงทลี ะ 5 ครูเขียนเสน้ โยงลูกศร - 5 แล้วสรุปว่า 95 90 85 80
และ 75 เปน็ จานวนนบั ท่ลี ดลงทีละ 5 ครูแนะนาความสมั พันธท์ ี่ตอ่ เน่อื งกนั ในลักษณะของการลดลงทีละ 5 นีว้ ่าเปน็ แบบรปู
ของจานวนที่ลดลงทีละ 5 ครใู หน้ ักเรียนหาจานวนทอี่ ยู่ถัดจาก 75 ว่าเปน็ จานวนอะไร โดยใชก้ ารนับลดทีละ 5 นักเรียนตอบ
ว่า จานวนที่อยถู่ ดั ไปคอื 70 ครูอาจยกตวั อยา่ งเพ่ิมเติมเช่น 120 115 110 …… 100 แลว้ ถามนักเรียนวา่ จานวนทห่ี ายไปคือ
จานวนใด และบอกเหตุผล ครูใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั หาจานวนที่หายไปในแบบรูปในกรอบท้ายหน้า 50

3. ครูติดบตั รโจทย์ 90 95 100 105 ....... บนกระดานแล้วใหน้ กั เรยี นช่วยกนั บอกจานวนทห่ี ายไปในแบบรปู คือ
จานวนใด เพราะเหตุใดเม่ือพิจารณาแบบรูปน้ีเป็นแบบรูปของจานวนทเ่ี พิม่ ขึ้นทีละ 5 ดงั นั้น จานวนท่หี ายไปคือ 110 ครูให้

นกั เรยี นตอบคาถามว่าจานวนท่ีหายไปในแบบรูปในแตล่ ะข้อของหน้า 51 คือจานวนใดโดยครเู นน้ ยา้ ให้นกั เรยี นพจิ ารณา
จานวนท่อี ยถู่ ัดไปทางขวาถา้ มีค่ามากขึน้ แสดงว่าเปน็ แบบรปู ของจานวนทีเ่ พิม่ ขน้ึ และถา้ จานวนที่อยถู่ ดั ไปทางขวามคี ่า
นอ้ ยลงแสดงว่าเป็นแบบรปู ของจานวนทลี่ ดลง จากน้ันครูใหน้ กั เรยี นช่วยกันหาจานวนที่หายไปในแบบรปู ตามหนังสือเรียน
หน้า 51

ขนั้ สรุป

ขั้นขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยให้นักเรยี นหาจานวนทหี่ ายไปในแบบรปู พร้อมบอกวา่ เปน็ แบบรูปของ

จานวนทเ่ี พ่มิ ขึน้ ทีละ 5 หรือเปน็ แบบรปู ของจานวนท่ลี ดลงทลี ะ 5 ถา้ พบวา่ มนี กั เรยี นคนใดหาจานวนทีห่ ายไปในแบบรูปของ

จานวนยังไม่ถูกต้อง ให้ครฝู ึกเพ่มิ เติมเปน็ รายบคุ คล โดยเร่มิ ฝึกจากการนับเพ่มิ ทีละ 5 และการนบั ลดทลี ะ 5 กอ่ น ถา้ นักเรยี น

นบั เพิม่ ทีละ 5 และนบั ลดทลี ะ 5 ไดแ้ ล้วจึงให้ฝึกหาจานวนทห่ี ายไปในแบบรปู จากนน้ั ครูและนักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความ

ถกู ต้องและสรปุ ส่งิ ทไ่ี ดเ้ รียนรู้

- แบบรปู ของจานวนทเ่ี พม่ิ ข้ึนทีละ 5 เป็นชุดของจานวนทม่ี ีความสมั พนั ธก์ ันอย่างต่อเน่ืองในลกั ษณะของการ

เพ่มิ ขึ้นทีละ 5 เชน่ 40 45 50 55 60

- แบบรปู ของจานวนท่ลี ดลงทีละ 5 เป็นชุดของจานวนท่มี ีความสัมพนั ธก์ นั อย่างต่อเน่อื งในลกั ษณะของการ

ลดลงทีละ 5 เชน่ 35 30 25 20 15

ข้นั ตรวจสอบผล

1. แบบรูปของจานวนที่ลดลงทลี ะ 5 เป็นชดุ ของจานวนทีม่ ีความสมั พันธก์ ันอยา่ งต่อเนื่องในลกั ษณะของการลดลงทลี ะ 5

เช่น 35 30 25 20 15จากนัน้ ใหน้ กั เรียนทาแบบฝกึ หดั หนา้ 29 – 30

6. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมินผลจุดประสงค์ วธิ ีการวดั ผล เครอ่ื งมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

ความรู้ความเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคดิ 70% ข้นึ ไป ถอื ว่าผา่ น

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหัด 70% ขึน้ ไป ถือว่าผา่ น

-การให้เหตผุ ล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรุปความรกู้ ารปฏิบัติ

คณุ ลักษณะนิสัย (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขึน้ ไป ถือว่าผ่าน

ทางานร่วมกับกลมุ่ ขณะ ทางานรว่ มกับกล่มุ เกณฑ์การประเมิน

7. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้

7.1 สื่อการเรยี นรู้

1. หนงั สอื พิมพ์

2. บัตรตัวเลข บตั รภาพจานวนต่าง ๆ

3. บัตรภาพลูกคิด

4. หนงั สอื เรยี นสาระการเรียนรพู้ ้ืนฐาน คณิตศาสตร์/สื่อการเรยี น รคู้ ณิตศาสตร์

7.2 แหล่งการเรียนรู้

. 1. บตั รภาพ

2. บตั รตัวเลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................ ....................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ................................................... ผูบ้ ริหาร
(...........................................................)

สัปดาห์ท่ี 3

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/………... ชื่อผสู้ อน ….……………………………….…….............

กลุม่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 จานวนนับไมเ่ กิน1,000และ 0 เร่ือง แบบรปู ของจานวนทเ่ี พิ่มข้นึ ทีละ100และแบบ

รูปของจานวนท่ีลดลงทลี ะ 100

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลที่เกิดข้ึน

จากการดาเนนิ การ สมบัติของการดาเนินการ และนาไปใช้

ตัวชี้วัดท่ี ป. 2/1 บอกจานวนของส่ิงต่าง ๆ แสดงส่ิง ต่าง ๆ ตามจานวนท่ีกาหนด อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก

ตัวเลขไทยตวั หนังสือแสงจานวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

ป.2/2 เปรียบเทียบจานวนนับไม่เกนิ 1,000 และ 0 โดยใชเ้ ครื่องหมาย = * > <

ป.2/3 เรยี งลาดบั จานวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 ตง้ั แต่ 3 ถึง 4 จานวนจากสถานการณ์ตา่ ง ๆ

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

• แบบรปู ของจานวนท่เี พิ่มขึน้ ทีละ 2ทลี ะ 5 หรือทลี ะ 100 เป็นชดุ ของจานวนท่ีมีความสัมพนั ธ์กันอย่างต่อเนอื่ งใน

ลกั ษณะของการเพิ่มขนึ้ ทลี ะ 2 ทลี ะ 5 หรือทลี ะ 100

• แบบรูปของจานวนท่ีลดลงทีละ 2 ทีละ 5 หรอื ทีละ 100 เป็นชดุ ของจานวนท่ีมคี วามสมั พันธก์ นั อย่างต่อเนอ่ื งใน

ลักษณะของการลดลงทลี ะ 2 ทลี ะ 5 หรือทลี ะ 100

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ (K)

บอกจานวนท่หี ายไปในแบบรูปของจานวนท่ีเพมิ่ ขึน้ ทีละ 100 และแบบรูปของจานวนท่ีลดลงทีละ 100 ได้

ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ิธกี ารทีเ่ หมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคณุ ลักษณะ(A)

มวี ิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมั่นใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถนิ่

แบบรปู ของจานวนท่เี พิ่มข้ึนทีละ 100 และ พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา

แบบรปู ของจานวนที่ลดลงทีละ 100

5. กจิ กรรมการเรียนรู้ คาบท่ี 1
ข้ันนา

ข้ันกระตนุ้ ความสนใจ

1. ครูติดบัตรตวั เลข 100 บนกระดานครูทบทวนการนับเพ่ิมทีละ 100 โดยการถาม-ตอบ ถา้ เร่มิ จาก 100 นบั เพ่มิ ที
ละ 100 ได้ 200 300 400 500 ... ครูติดบัตรจานวนทน่ี บั ได้บนกระดานแล้วใหน้ ักเรยี นสงั เกตชุดของจานวน 100 200 300
400 500 วา่ เป็นการเรยี งจานวนในลักษณะอย่างไร นกั เรยี นตอบวา่ 100 200 300 400 500 เปน็ จานวนนับท่เี พิ่มข้ึนทลี ะ
100 ครูเขียนเสน้ โยงด้วยลูกศร + 100 แลว้ สรุปว่า 100 200 300 400 และ 500 เปน็ จานวนนับทีเ่ พ่มิ ข้ึนทลี ะ 100 ครู
แนะนาความสมั พันธท์ ต่ี ่อเนื่องกันในลักษณะของการเพิ่มขึ้นทีละ 100 นว้ี า่ เป็นแบบรปู ของจานวนที่เพิม่ ขนึ้ ทีละ 100 ครใู ห้
นักเรียนหาจานวนทอี่ ยู่ถัดจาก 500 วา่ เป็นจานวนใด โดยใชก้ ารนบั เพ่มิ ทลี ะ 100 นักเรียนตอบวา่ 600 จากน้ันครูใหพ้ ิจารณา
แบบรปู ของจานวน 360 460 560 660 แลว้ ใหห้ าวา่ จานวนถดั ไปคือจานวนใด เพราะเหตุใด นกั เรยี นตอบวา่ จานวนถัดไป
คือ 760 เพราะ 360 460 560 660 เป็นแบบรปู ของจานวนท่ีเพมิ่ ข้ึนทีละ 100 ดังน้นั 660 เพ่ิมขึน้ 100 ได้ 760 ครอู าจ
ยกตวั อยา่ งเพิ่มเติม เชน่ 180 280 380 …… 580 แล้วถามนกั เรยี นวา่ จานวนทหี่ ายไปคือจานวนใดพรอ้ มบอกเหตผุ ล จากนนั้
ครใู ห้นักเรียนช่วยกนั หาจานวนท่หี ายไปในแบบรปู ของจานวนในกรอบทา้ ยหน้า 53

ขนั้ สอน

ข้ันสารวจคน้ หา

1. ครูตดิ บัตรตวั เลข 100 บนกระดานครูทบทวนการนบั เพ่ิมทีละ 100 โดยการถาม-ตอบ ถา้ เร่ิมจาก 100 นบั เพิ่มที
ละ 100 ได้ 200 300 400 500 ... ครูตดิ บตั รจานวนที่นบั ไดบ้ นกระดานแล้วใหน้ ักเรยี นสังเกตชุดของจานวน 100 200 300
400 500 วา่ เป็นการเรียงจานวนในลักษณะอยา่ งไร นักเรยี นตอบว่า 100 200 300 400 500 เป็นจานวนนบั ท่เี พิ่มขน้ึ ทีละ
100 ครูเขยี นเสน้ โยงดว้ ยลูกศร + 100 แลว้ สรปุ ว่า 100 200 300 400 และ 500 เป็นจานวนนับทีเ่ พิม่ ข้ึนทีละ 100 ครู
แนะนาความสมั พนั ธ์ท่ีต่อเน่ืองกนั ในลักษณะของการเพ่ิมขึ้นทีละ 100 นวี้ า่ เป็นแบบรปู ของจานวนทเี่ พ่มิ ขึน้ ทีละ 100 ครูให้
นักเรยี นหาจานวนท่อี ยู่ถัดจาก 500 ว่าเป็นจานวนใด โดยใช้การนับเพิ่มทลี ะ 100 นกั เรียนตอบว่า 600 จากนนั้ ครใู ห้พิจารณา
แบบรูปของจานวน 360 460 560 660 แลว้ ใหห้ าว่าจานวนถัดไปคือจานวนใด เพราะเหตุใด นกั เรียนตอบว่า จานวนถัดไป
คอื 760 เพราะ 360 460 560 660 เปน็ แบบรูปของจานวนทเ่ี พิ่มข้นึ ทีละ 100 ดังน้นั 660 เพิ่มขน้ึ 100 ได้ 760 ครูอาจ
ยกตัวอยา่ งเพมิ่ เติม เช่น 180 280 380 …… 580 แลว้ ถามนกั เรียนว่าจานวนทห่ี ายไปคือจานวนใดพร้อมบอกเหตผุ ล จากนนั้
ครูให้นักเรียนชว่ ยกันหาจานวนที่หายไปในแบบรปู ของจานวนในกรอบทา้ ยหน้า 53

2. ครตู ิดบตั รตัวเลข 900 บนกระดาน ครูทบทวนการนบั ลดทลี ะ 100 โดยการถาม-ตอบ ถา้ เริ่มจาก 900 นับลดทลี ะ
100 ได้ 800 700 600 500 ... ครตู ิดบัตรตวั เลข 900 800 700 600 500 บนกระดาน แล้วถามนกั เรียนว่าเปน็ การเรียง
จานวนในลักษณะอย่างไร นักเรยี นตอบว่า 900 800 700 600 500 เป็นจานวนท่ลี ดลงทีละ 100 ครูเขยี นเสน้ โยงด้วยลูกศร
- 100 แลว้ สรปุ วา่ 900 800 700 600 และ 500 เป็นจานวนนบั ที่ลดลงทลี ะ 100 ครแู นะนาความสัมพนั ธ์ที่ต่อเนือ่ งกนั ใน
ลกั ษณะของการลดลงทีละ 100 นี้ว่า เป็นแบบรปู ของจานวนท่ีลดลงทีละ 100 ครูให้นักเรยี นหาจานวนทีอ่ ยู่ถดั จาก 500 ว่า
เปน็ จานวนใด โดยใชก้ ารนับลดทีละ 100 นักเรยี นตอบว่า จานวนท่ีอยู่ถดั ไป คือ 400 ครูอาจยกตัวอยา่ งเพม่ิ เติม เชน่ 820
720 620 …… 420 แลว้ ถามนักเรียนวา่ จานวนทีห่ ายไปคือจานวนใด พร้อมบอกเหตุผล ครูใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั หาจานวนที่
หายไปในแบบรปู ของจานวนในกรอบท้ายหนา้ 54

3. ครตู ดิ บัตรโจทย์ 700 600 500 400 ....... บนกระดานแลว้ ใหน้ ักเรียนช่วยกันบอกจานวนทหี่ ายไป
ในแบบรปู คือจานวนใด เพราะเหตุใด เมอื่ พจิ ารณาแบบรปู น้ีเป็นแบบรปู ของจานวนทีล่ ดลงทีละ 100 ดังนั้นจานวนทหี่ ายไป
คอื 300 ครูให้นักเรียนเตมิ จานวนทห่ี ายไปในแบบรูปตามหนงั สอื เรยี นหน้า 55 โดยครเู น้นย้าให้นักเรียนพิจารณาจานวนที่อยู่
ถัดไปทางขวาถ้ามคี ่ามากข้นึ แสดงวา่ เปน็ แบบรูปของจานวนทีเ่ พมิ่ ขนึ้ และถ้าจานวนที่อยู่ถัดไปทางขวามีคา่ นอ้ ยลงแสดงวา่ เปน็
แบบรูปของจานวนท่ีลดลง

ข้นั สรุป

ขน้ั ขยายความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยให้นกั เรยี นหาจานวนที่หายไปในแบบรูปพร้อมบอกว่าเปน็ แบบรูปของ

จานวนท่ีเพ่ิมขน้ึ ทีละ 100 หรือเป็นแบบรูปของจานวนทล่ี ดลงทีละ 100 ถ้าพบวา่ มนี กั เรียนคนใดหาจานวนที่หายไปในแบบรูป

ของจานวนยงั ไม่ถูกต้องให้ครูฝึกเพิ่มเติมเปน็ รายบุคคลโดยเริ่มฝึกจากการนบั เพ่ิมทลี ะ 100 และการนับลดทีละ 100 ก่อน ถา้

นกั เรยี นนบั เพ่ิมทีละ 100 และนับลดทีละ 100 ได้แลว้ จึงให้
ฝกึ หาจานวนทหี่ ายไปในแบบรปู จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้องและสรปุ ส่ิงทไ่ี ด้เรยี นรู้

- แบบรูปของจานวนท่เี พ่ิมขึ้นทีละ 100 เปน็ ชดุ ของจานวนท่ีมีความสัมพนั ธก์ นั อยา่ งต่อเน่ืองในลกั ษณะของ

การเพ่ิมข้ึนทลี ะ 100 เชน่ 400 500 600 700 800

- แบบรปู ของจานวนทีล่ ดลงทลี ะ 100 เป็นชุดของจานวนทม่ี คี วามสัมพนั ธ์กนั อย่างต่อเนอื่ งในลกั ษณะของ

การลดลงทลี ะ 100 เช่น 821 721 621 521 421

ข้นั ตรวจสอบผล

1. แบบรปู ของจานวนท่ลี ดลงทลี ะ 100 เปน็ ชุดของจานวนท่มี ีความสมั พนั ธ์กนั อยา่ งต่อเนื่องในลักษณะของการลดลงที

ละ 100 เช่น 821 721 621 521 421จากน้นั ให้นักเรียนทาแบบฝกึ หดั หน้า 31 – 33

6. การวัดและประเมนิ ผล

การวดั และประเมินผลจดุ ประสงค์ วธิ ีการวดั ผล เคร่ืองมอื วดั เกณฑ์การประเมินผล

ความรคู้ วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระต้นุ ความคิด 70% ข้ึนไป ถือวา่ ผา่ น

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมนิ

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหัด 70% ขึ้นไป ถอื ว่าผ่าน

-การใหเ้ หตผุ ล เกณฑ์การประเมิน

-การสรปุ ความรูก้ ารปฏบิ ัติ

คณุ ลักษณะนิสัย (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผ่าน

ทางานรว่ มกับกล่มุ ขณะ ทางานร่วมกับกลุม่ เกณฑ์การประเมิน

7. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้

7.1 ส่อื การเรียนรู้

1. หนงั สอื พมิ พ์

2. บตั รตวั เลข บตั รภาพจานวนตา่ ง ๆ
3. บัตรภาพลูกคดิ

4. หนังสือเรียนสาระการเรียนร้พู นื้ ฐาน คณิตศาสตร์/สอื่ การเรยี น รู้คณติ ศาสตร์

7.2 แหลง่ การเรยี นรู้

. 1. บตั รภาพ
2. บตั รตัวเลข

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................... ........................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงช่ือ............................................ครูผสู้ อน ลงช่อื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอ่ื ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)

สัปดาห์ท่ี 3

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี ……1…/………... ช่ือผสู้ อน ….……………………………….…….............

กลุม่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 2 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 จานวนนับไมเ่ กนิ 1,000และ 0 เร่ือง กิจกรรมรว่ มคิดร่วมทา (บัตรตวั เลขของฉัน)

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้วี ัด

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลทเี่ กิดขนึ้

จากการดาเนินการ สมบัตขิ องการดาเนินการ และนาไปใช้

ตัวชี้วัดท่ี ป. 2/1 บอกจานวนของสิ่งต่าง ๆ แสดงส่ิง ต่าง ๆ ตามจานวนที่กาหนด อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก

ตวั เลขไทยตัวหนังสอื แสงจานวนนบั ไม่เกิน 1,000 และ 0

ป.2/2 เปรียบเทียบจานวนนับไม่เกนิ 1,000 และ 0 โดยใชเ้ คร่อื งหมาย = * > <

ป.2/3 เรียงลาดับจานวนนบั ไม่เกนิ 1,000 และ 0 ตั้งแต่ 3 ถงึ 4 จานวนจากสถานการณ์ต่าง ๆ

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

บอกจานวนของสิง่ ต่าง ๆ ไดจ้ ากการนบั

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ (K)

นับและเปรยี บเทยี บจานวนได้

ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ิธกี ารท่ีเหมาะสมในการแกป้ ญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคุณลักษณะ(A)

มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความม่ันใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิ่น

การนบั และเปรียบเทียบจานวน พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1
ขั้นนา

ข้นั กระตนุ้ ความสนใจ

1. ครแู บง่ นักเรยี นเป็นกลมุ่ แจกอุปกรณ์กลมุ่ ละ 1 ชุด แตล่ ะกล่มุ อาจไดช้ ดุ ของบัตรตัวเลขทีไ่ ม่เหมือนกัน

ขนั้ สอน

ขนั้ สารวจคน้ หา

2. ครูแบง่ นักเรียนเปน็ กลมุ่ แจกอุปกรณก์ ลมุ่ ละ 1 ชดุ แต่ละกล่มุ อาจไดช้ ดุ ของบตั รตวั เลขที่ไมเ่ หมือนกัน
3. ครูให้นกั เรียนแต่ละคนภายในกลมุ่ นาบัตรตวั เลขทีก่ ลมุ่ ของตนเองได้มาสร้างเปน็ จานวนสามหลกั ทีม่ คี า่ มากทส่ี ดุ
และมคี ่าน้อยที่สดุ แลว้ บันทกึ ในแบบบันทึกกจิ กรรมใบท่ี 1 และใบท่ี 2 จากนั้นเขียนจานวนน้นั ในรูปกระจายและเขียนแบบรูป
ของจานวนทีเ่ พิม่ ขึน้ ทีละ 100 หรอื ลดลงทลี ะ 100
4. ครูให้ตัวแทนแต่ละกลุม่ ออกมานาเสนอ แลว้ ใหเ้ พ่ือนในหอ้ งรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้องกลุ่มใดทาถูกต้อง

ขั้นสรปุ

ขน้ั ขยายความเข้าใจ

1. ครูให้ตวั แทนแตล่ ะกล่มุ ออกมานาเสนอ แลว้ ใหเ้ พื่อนในห้องรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้องกลุ่มใดทาถูกต้อง ครคู วร

กล่าวคาชมเชยหรอื ให้รางวลั

ข้ันตรวจสอบผล

ครูให้ตวั แทนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอ แล้วให้เพื่อนในหอ้ งร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้องกลุม่ ใดทาถกู ต้อง ครูควรกลา่ ว
คาชมเชยหรือให้รางวัลจากนั้นใหน้ ักเรยี นทาแบบฝึกท้าทาย หน้า 34 – 35

6. การวดั และประเมินผล

การวดั และประเมนิ ผลจุดประสงค์ วธิ กี ารวดั ผล เครอ่ื งมือวัด เกณฑก์ ารประเมินผล

ความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคดิ 70% ขึ้นไป ถอื วา่ ผ่าน
-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหดั 70% ข้ึนไป ถอื วา่ ผ่าน

-การใหเ้ หตผุ ล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรปุ ความรู้การปฏบิ ัติ

คุณลักษณะนสิ ัย (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ขึน้ ไป ถอื ว่าผ่าน
ทางานรว่ มกับกลุ่ม ขณะ ทางานรว่ มกับกลุ่ม เกณฑ์การประเมิน

7. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้

7.1 สอ่ื การเรยี นรู้

1. หนงั สอื พิมพ์

2. บัตรตวั เลข บัตรภาพจานวนต่าง ๆ

3. บัตรภาพลูกคิด

4. หนงั สอื เรยี นสาระการเรียนรู้พ้ืนฐาน คณติ ศาสตร์/สือ่ การเรยี น รูค้ ณติ ศาสตร์

7.2 แหล่งการเรียนรู้

. 1. บัตรภาพ
2. บตั รตวั เลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครผู ู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สัปดาห์ท่ี 3

โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนที่ ……1…/………... ชื่อผูส้ อน ….……………………………….…….............

กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 2 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 การบวกและการลบจานวน เร่อื ง การหาผลบวกโดยใชเ้ สน้ จานวน

นับไมเ่ กนิ 1,000

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชวี้ ัด

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลท่เี กิดขึ้น

จากการดาเนนิ การ สมบตั ิของการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตวั ชว้ี ัดที่ ป.2/4 หาคา่ ของตวั ไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการบวก และประโยคสญั ลักษณ์แสดงการลบ

ของจานวนนับไม่เกิน 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหา 2 ขัน้ ตอนของจานวนนับไมเ่ กิน 1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การบวกจานวนสองจานวนอาจหาผลบวกไดโ้ ดยใช้เส้นจานวน หรือ แผน่ ตารางร้อย แผ่นตารางสิบ และแผน่

ตารางหนว่ ย

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ (K)

หาผลบวกท่ีผลบวกไม่เกิน 100 โดยใช้เส้นจานวน

ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)

ใช้วธิ กี ารทเี่ หมาะสมในการแกป้ ัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคณุ ลักษณะ(A)

มีวิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความม่ันใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถน่ิ

การหาผลบวกโดยใชเ้ ส้นจานวน พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1
ขัน้ นา

ขัน้ กระตุ้นความสนใจ

1. ครูติดบตั รโจทย์ 33 + 10 =  ใหน้ กั เรยี นหาคาตอบพร้อมวธิ คี ิด (อาจจะใชว้ ิธีนบั ต่อ นับเพมิ่

ทีละ 10) ครใู ช้บตั รภาพแสดงเสน้ จานวนท่ีเริ่มจาก 0 และแสดงขน้ั ตอนการหาผลบวกดงั น้ลี ากเส้นโค้งเรม่ิ จาก 0 ไป 33 แล้ว
ตอ่ ไปอีก 10 ได้ 43 ให้นกั เรียนสังเกตวา่ การลากเสน้ โคง้ ต่อไปอีก 10 เปน็ การเพ่ิมหลักสิบไป 1 สิบ จากนน้ั ครูแนะนาว่า
นกั เรียนอาจเรมิ่ ลากเสน้ โค้งจาก 33 ตอ่ ไปอีก 10 ได้ 43 โดยเส้นจานวนท่ีนามาแสดงน้ันอาจเริม่ จากจานวนท่ไี ม่ใช่ 0 เชน่
เส้นจานวนในภาพท่สี องเริ่มจาก 30 ซ่งึ เป็นจานวนทใี่ กล้เคียงกบั 33 ครูติดบตั รโจทย์ 33 + 15 =  แลว้ ติดบตั รภาพแสดง
เส้นจานวนทีเ่ ร่มิ จาก 30 และใหน้ กั เรียนสังเกตวา่ 15 คอื 10 กบั 5 จากนัน้ ลากเสน้ โคง้ จาก 33 ตอ่ ไปอกี 10 ได้ 43 แลว้
ลากเส้นโคง้ ตอ่ ไปอีก 5 ได้ 48 ครูแนะนาวา่ การลากเสน้ โคง้ จาก 43 ต่อไปอีก 5 อาจลากทลี ะ 1 หรือลากทลี ะ 5 ก็ได้

ขนั้ สอน
ขน้ั สารวจค้นหา

1. ครตู ดิ บัตรโจทย์ 33 + 10 =  ใหน้ ักเรียนหาคาตอบพร้อมวธิ ีคดิ (อาจจะใชว้ ิธีนบั ต่อ นบั เพ่ิมทีละ 10) ครูใช้บัตรภาพ
แสดงเส้นจานวนที่เร่มิ จาก 0 และแสดงข้ันตอนการหาผลบวกดังนล้ี ากเสน้ โคง้ เริม่ จาก 0 ไป 33 แล้วต่อไปอีก 10 ได้ 43 ให้
นักเรียนสังเกตวา่ การลากเส้นโค้งต่อไปอีก 10 เป็นการเพิ่มหลักสบิ ไป 1 สบิ จากนน้ั ครแู นะนาว่า นกั เรียนอาจเร่มิ ลากเส้นโคง้
จาก 33 ตอ่ ไปอีก 10 ได้ 43 โดยเส้นจานวนท่นี ามาแสดงนั้นอาจเร่ิมจากจานวนที่ไมใ่ ช่ 0 เชน่ เส้นจานวนในภาพที่สองเริ่ม
จาก 30 ซึง่ เปน็ จานวนทใ่ี กล้เคยี งกับ 33 ครูตดิ บตั รโจทย์ 33 + 15 =  แล้วติดบัตรภาพแสดงเส้นจานวนทเ่ี ริม่ จาก 30 และ
ให้นักเรยี นสังเกตว่า 15 คือ 10 กับ 5 จากน้นั ลากเสน้ โคง้ จาก 33 ตอ่ ไปอีก 10 ได้ 43 แลว้ ลากเส้นโคง้ ต่อไปอีก 5 ได้ 48 ครู
แนะนาวา่ การลากเส้นโค้งจาก 43 ต่อไปอีก 5 อาจลากทีละ 1 หรอื ลากทีละ 5 ก็ได้

2. ครตู ดิ บัตรโจทย์ 14 + 36 =  และแจกบัตรภาพแสดงเส้นจานวนให้นักเรยี นช่วยกนั หาคาตอบ ครูแนะนาให้
นักเรยี นสังเกตว่า การหาผลบวกโดยใชเ้ ส้นจานวน “ถา้ เริม่ จากจานวนที่มากกว่า จะหาคาตอบได้เร็วกวา่ ” และ 14 คือ 10
กบั 4 ครูให้นักเรยี นเขียนแสดงการหาคาตอบบนเสน้ จานวนท่ีไดร้ บั แจกแล้วนา เสนอ ครูอาจสมุ่ นักเรยี นให้ออกมานาเสนอ
หนา้ ชัน้ เรยี น ครแู ละเพ่ือนในหอ้ งรว่ มกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง
จากนั้นครูติดบตั รโจทย์ 27 + 22 =  และแจกบตั รภาพแสดงเส้นจานวนใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันหาคาตอบ ครแู นะนาให้
นักเรยี นสงั เกตวา่ 22 คือ 10 กับ 10 กับ 2 ครใู หน้ กั เรยี นเขียนแสดงการหาคาตอบบนเส้นจานวนทไี่ ดร้ ับแจกแลว้ นาเสนอ ครู
อาจสุ่มนักเรยี นให้ออกมานาเสนอหนา้ ช้ันเรยี น ครูและเพอ่ื นในหอ้ งร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้อง

3. ใหน้ ักเรียนช่วยกันแสดงการหาผลบวกโดยใช้เส้นจานวนทีละข้อตามหนังสือเรียนหนา้ 63 ครอู ธบิ ายวธิ ีการเขียน
เส้นจานวนรวมถึงการหาคาตอบ เช่น 49 + 15 =  ครูถามนักเรยี นว่าควรเรม่ิ จากจานวนใดนักเรยี นตอบว่า 49 และย้าให้
นกั เรียนอีกคร้งั วา่ “ถา้ เรมิ่ จากจานวนท่ีมากกวา่ จะหาคาตอบได้เร็วกว่า” จากนั้นครูถามนักเรยี นว่า15 คอื 10 กบั จานวน
ใด นกั เรยี นตอบวา่ 5 แล้วใหน้ กั เรยี นเขียนแสดงบนเส้นจานวนโดยเริม่ จาก 49 ลากเส้นโคง้ ตอ่ ไปอกี 10 และลากต่อไปอกี 5
ได้ 64 สว่ นข้ออน่ื ๆ ครูแบง่ นักเรยี นเป็นกลุ่มแลว้ ช่วยกนั หาคาตอบ และนาเสนอกลุ่มละ 1 ขอ้

ขนั้ สรปุ

ขน้ั ขยายความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยใหน้ กั เรยี นแสดงวิธีหาผลบวกโดยใช้เส้นจานวนจากเสน้ จานวนท่ีกาหนดให้
ตามหนงั สือเรยี นหนา้ 64 โดยครอู าจถามนักเรียนกอ่ นว่าแต่ละขอ้ ควรเร่ิมจากจานวนใดเพอื่ ให้นักเรียนได้เน้นย้าความเข้าใจวา่
“ถา้ เร่ิมจากจานวนท่ีมากกว่า จะหาคาตอบได้เรว็ กว่า” แล้วให้นกั เรยี นหาผลบวกโดยใช้เสน้ จานวนเป็นรายบุคคลจากนน้ั ครู
และนักเรยี นร่วมกันตรวจสอบความถกู ตอ้ งและสรุปสิง่ ท่ีได้เรียนรกู้ ารบวกจานวนสองจานวนอาจหาผลบวกได้โดยใช้เส้น
จานวน

ขัน้ ตรวจสอบผล

- การบวกจานวนสองจานวนอาจหาผลบวกได้โดยใช้เส้นจานวนจากนนั้ ให้นกั เรยี นทาแบบฝกึ หดั หนา้ 36 – 38

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวดั และประเมนิ ผลจุดประสงค์ วิธีการวดั ผล เครื่องมอื วัด เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

ความรู้ความเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคดิ 70% ขนึ้ ไป ถือวา่ ผ่าน

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหดั 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ น

-การให้เหตุผล เกณฑ์การประเมิน

-การสรปุ ความรูก้ ารปฏิบตั ิ

คุณลักษณะนสิ ยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่าผ่าน

ทางานร่วมกบั กลมุ่ ขณะ ทางานร่วมกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมนิ

7. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้
7.1 สอ่ื การเรียนรู้

1. หนงั สือพิมพ์
2. บตั รตวั เลข บัตรภาพจานวนตา่ ง ๆ
3. หนงั สอื เรยี นสาระการเรยี นรู้พนื้ ฐาน คณิตศาสตร์/สอ่ื การเรียน รคู้ ณิตศาสตร์

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

. 1. บัตรภาพ
2. บัตรตัวเลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครูผูส้ อน ลงช่ือ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สปั ดาห์ที่ 3

โรงเรยี นขจรเกยี รติพัฒนา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นท่ี ……1…/………... ช่อื ผู้สอน ….……………………………….…….............

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 2 จานวน 2 คาบ

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 การบวกและการลบจานวน เรือ่ ง การหาผลบวกโดยใช้แผ่นตารางรอ้ ย

นับไม่เกิน 1,000 แผ่นตารางสิบ แผ่นตารางหน่วย

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ัด

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลที่เกิดขนึ้

จากการดาเนนิ การ สมบัติของการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตวั ชวี้ ดั ที่ ป.2/4 หาค่าของตวั ไมท่ ราบคา่ ใน ประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการบวก และประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการลบ

ของจานวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขั้นตอนของจานวนนับไมเ่ กิน 1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การบวกจานวนสองจานวนอาจหาผลบวกไดโ้ ดยใช้เส้นจานวน หรอื แผ่นตารางรอ้ ย แผ่นตารางสบิ และแผ่นตาราง

หน่วย

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้

ด้านความรู้ (K)

หาผลบวกที่ผลบวกไม่เกิน 1,000 โดยใช้แผ่นตารางรอ้ ย แผ่นตารางสบิ และแผ่นตารางหนว่ ย

ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วิธีการท่ีเหมาะสมในการแกป้ ญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคณุ ลักษณะ(A)

มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมน่ั ใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นร้ทู ้องถ่นิ

การหาผลบวกโดยใช้แผน่ ตารางร้อย แผน่ ตารางสิบ พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา

แผน่ ตารางหนว่ ย

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

ข้นั นา คาบท่ี 1

ขั้นกระตุ้นความสนใจ

1. ครจู ัดกจิ กรรม โดยแบง่ กลุ่มนักเรียนเปน็ กลุ่มแลว้ แจกแผน่ ตารางรอ้ ย แผ่นตารางสบิ และแผ่นตารางหน่วยกลุ่มละ
2 ชดุ ชุดละสี ครูสาธิตการหาผลบวกของ 232 กับ 125 โดยใช้แผ่นตารางรอ้ ย แผ่นตารางสิบ และแผ่นตารางหน่วย ตาม
หนังสือเรียนหนา้ 65 ดังนี้ ใช้แผ่นตารางร้อย แผ่นตารางสบิ และแผน่ ตารางหน่วยสีเหลืองแสดงจานวน 232 และใช้แผ่น
ตารางร้อย แผ่นตารางสบิ และแผ่นตารางหน่วยสีนา้ เงนิ แสดงจานวน 125 แล้วนาแผน่ ตารางรอ้ ย ทง้ั สเี หลอื งและสีน้าเงินมา
รวมกนั นับรวมกันได้ 300 นาแผ่นตารางสิบ ท้ังสเี หลืองและสีนา้ เงินมารวมกนั นบั รวมกนั ได้ 50 และนาแผ่นตารางหนว่ ยท้งั สี
เหลืองและสนี า้ เงินมารวมกัน นบั รวมกนั ได้ 7 จะได้ ผลรวมเปน็ 300 กับ 50 กับ 7 หรือ 357 ดังนนั้ 232 + 125 = 357
จากนนั้ ครกู าหนดจานวนสองจานวนใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ หาผลบวกแบบไม่มีทดโดยใช้แผน่ ตารางร้อย แผน่ ตารางสิบและ
แผ่นตารางหน่วย เช่น 314 กับ 272 แลว้ ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมานาเสนอ ครูและเพื่อนในห้องชว่ ยกนั
ตรวจสอบความถูกต้อง

ข้นั สอน
ขนั้ สารวจค้นหา

1. ครูจดั กจิ กรรม โดยแบง่ กลุ่มนักเรยี นเป็นกลุ่มแลว้ แจกแผน่ ตารางร้อย แผ่นตารางสบิ และแผ่นตารางหน่วยกลุ่มละ
2 ชดุ ชุดละสี ครูสาธติ การหาผลบวกของ 232 กับ 125 โดยใชแ้ ผน่ ตารางร้อย แผ่นตารางสิบ และแผน่ ตารางหน่วย ตาม
หนงั สือเรยี นหน้า 65 ดังน้ี ใชแ้ ผน่ ตารางร้อย แผ่นตารางสิบ และแผน่ ตารางหนว่ ยสเี หลอื งแสดงจานวน 232 และใช้แผ่น
ตารางร้อย แผน่ ตารางสบิ และแผน่ ตารางหนว่ ยสีนา้ เงินแสดงจานวน 125 แล้วนาแผน่ ตารางร้อย ทง้ั สเี หลอื งและสีน้าเงินมา
รวมกัน นบั รวมกนั ได้ 300 นาแผน่ ตารางสิบ ท้งั สเี หลอื งและสนี า้ เงนิ มารวมกัน นับรวมกนั ได้ 50 และนาแผน่ ตารางหนว่ ยทง้ั สี
เหลืองและสีนา้ เงินมารวมกัน นบั รวมกนั ได้ 7 จะได้ ผลรวมเป็น 300 กบั 50 กบั 7 หรอื 357 ดังน้นั 232 + 125 = 357
จากนั้น ครูกาหนดจานวนสองจานวนใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ หาผลบวกแบบไม่มที ดโดยใช้แผ่นตารางรอ้ ย แผ่นตารางสิบและ
แผน่ ตารางหนว่ ย เชน่ 314 กับ 272 แล้วใหน้ กั เรียนแต่ละกลุม่ ส่งตวั แทนออกมานาเสนอ ครูและเพ่ือนในห้องชว่ ยกัน
ตรวจสอบความถูกตอ้ ง

2. ครอู ธิบายการหาผลบวกของ 127 กบั 218โดยใช้แผ่นตารางร้อย แผน่ ตารางสบิ และแผน่ ตารางหนว่ ยเมื่อครสู าธติ
การบวกโดยการนาแผน่ ตารางหน่วยมารวมกันครูควรเน้นให้นกั เรยี นเห็นว่า เมือ่ แผ่นตารางหนว่ ยทีน่ ามารวมกันได้ครบ 10
แผ่น จะใช้แผ่นตารางสบิ 1 แผ่นแทนแผ่นตารางหน่วย 10 แผน่ นั้น ตามตัวอย่างในหนังสือเรียนหนา้ 66 จากนนั้ ครูสาธิตการ
หาผลบวกของ 263 กบั 352 ใหใ้ ชว้ ธิ ีเดียวกนั โดยครูเน้นยา้ ว่า เม่ือแผ่นตารางสบิ ที่นามารวมกนั ได้ครบ 10 แผน่ จะใช้แผ่น
ตารางร้อย 1 แผ่น แทนแผน่ ตารางสิบ 10 แผน่ นนั้ ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปว่า “แผน่ ตารางหนว่ ย 10 แผน่ เทา่ กับแผน่
ตารางสิบ 1 แผ่น และแผน่ ตารางสบิ 10 แผน่ เทา่ กับแผน่ ตารางรอ้ ย 1 แผ่น”

3. ครูใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกนั หาผลบวกโดยใช้แผ่นตารางรอ้ ย แผ่นตารางสบิ และแผ่นตารางหนว่ ยแลว้ เตมิ
คาตอบไปทีละข้อตามหนงั สือเรียน หน้า 67 โดยครใู หน้ ักเรียนออกมาแสดงวธิ คี ดิ ทลี ะขอ้ และให้นักเรียนนาเสนอวธิ ีการนา
แผ่นตารางรอ้ ย แผน่ ตารางสิบและแผน่ ตารางหนว่ ยมารวมกัน และครูเนน้ ย้าวา่
“แผ่นตารางหน่วย 10 แผน่ เท่ากับแผน่ ตารางสบิ 1 แผน่ และแผน่ ตารางสิบ 10 แผน่ เทา่ กบั แผน่ ตารางรอ้ ย 1 แผ่น”

ขน้ั สรปุ

ข้ันขยายความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยใหน้ ักเรียนแสดงการหาผลบวกโดยใช้แผน่ ตารางร้อย แผ่นตารางสบิ และ

แผน่ ตารางหนว่ ย ตามหนังสือเรยี นหน้า 68 จากนั้นครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้องและสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้

- การหาผลบวกของจานวนสองจานวนอาจหาผลบวกโดยใชแ้ ผ่นตารางร้อย แผน่ ตารางสบิ และแผน่ ตารางหน่วย

ขน้ั ตรวจสอบผล

- การหาผลบวกของจานวนสองจานวนอาจหาผลบวกโดยใชแ้ ผน่ ตารางรอ้ ย แผ่นตารางสิบ และแผน่ ตารางหน่วยจากนนั้ ให้

นกั เรยี นทาแบบฝึกหดั หน้า 39 – 41

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วิธกี ารวดั ผล เครอื่ งมอื วดั เกณฑ์การประเมินผล

ความรคู้ วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคิด 70% ข้นึ ไป ถอื ว่าผ่าน

-การสังเกต เกณฑ์การประเมิน

ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หดั 70% ขนึ้ ไป ถือวา่ ผ่าน

-การใหเ้ หตุผล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรปุ ความรกู้ ารปฏิบตั ิ

คณุ ลักษณะนสิ ยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถือว่าผา่ น

ทางานรว่ มกับกลุ่ม ขณะ ทางานรว่ มกับกลุม่ เกณฑ์การประเมิน

7. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้

7.1 สื่อการเรยี นรู้

1. หนังสอื พิมพ์

2. บัตรตวั เลข บัตรภาพจานวนต่าง ๆ

3. หนังสือเรียนสาระการเรยี นรู้พ้ืนฐาน คณิตศาสตร์/สอื่ การเรียน รู้คณติ ศาสตร์

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

. 1. บัตรภาพ

2. บัตรตัวเลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................

........................................................................... .................................................................................

................................................................................................................................................................................

ลงช่ือ............................................ครูผสู้ อน ลงช่อื ...................................................ฝ่ายวิชาการ

(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอื่ ................................................... ผบู้ ริหาร

(...........................................................)

สปั ดาห์ท่ี 4

โรงเรียนขจรเกียรติพฒั นา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรียนท่ี ……1…/………... ชอ่ื ผูส้ อน ….……………………………….…….............

กลุม่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 การบวกและการลบจานวน เร่ือง การหาผลบวกโดยการตง้ั บวกไม่มีการทด

นบั ไมเ่ กนิ 1,000

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลท่ีเกิดขึ้น

จากการดาเนินการ สมบตั ิของการดาเนินการ และนาไปใช้
ตวั ชี้วดั ท่ี ป.2/4 หาค่าของตัวไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการบวก และประโยคสัญลกั ษณแ์ สดงการลบ

ของจานวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขัน้ ตอนของจานวนนบั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

การหาผลบวกโดยการตง้ั บวก ต้องเขยี นเลขโดดในหลกั เดยี วกนั ใหต้ รงกนั แล้วจงึ นาจานวนท่อี ยูใ่ นหลกั เดยี วกันมา

บวกกนั โดยเรมิ่ จากหลกั หน่วย หลักสบิ และหลักร้อย ตามลาดับ ถ้าผลบวกในหลกั หน่วยเป็น 1 สบิ หรอื มากกวา่ 1 สบิ ต้อง

ทด 1 สิบ ไปรวมกับจานวนในหลกั สบิ หรือถ้าผลบวกในหลกั สิบเป็น 1 รอ้ ยหรอื มากกว่า 1 ร้อย ตอ้ งทด 1 รอ้ ยไปรวมกบั

จานวนในหลกั ร้อย

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

ดา้ นความรู้ (K)

หาผลบวกโดยการต้งั บวกไม่มีทดท่ีผลบวกไม่เกนิ 1,000

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ิธีการที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคณุ ลกั ษณะ(A)

มวี ิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความมน่ั ใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ

การหาผลบวกโดยการตงั้ บวกไมม่ ีการทด พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ คาบที่ 1
ขัน้ นา

ขน้ั กระตนุ้ ความสนใจ

. ครูนาเขา้ สบู่ ทเรยี นโดยการสนทนากบั นักเรียนว่าขุนมีมะนาว 217 ผล เก็บเพม่ิ อีก 62 ผล รวมมีมะนาวทั้งหมดกีผ่ ล
ครูถามวา่ จะหาคาตอบไดอ้ ยา่ งไรนักเรียนตอบวา่ นา 217 บวกกบั 62 ครถู ามว่าจะหาผลบวกไดอ้ ยา่ งไรบ้าง นกั เรยี นอาจตอบ
วา่ หาผลบวกโดยใช้แผน่ ตารางร้อย แผน่ ตารางสิบและแผ่นตารางหนว่ ย ครูถามนักเรยี นวา่ จะมวี ธิ อี นื่ ในการหาผลบวกได้อกี
หรอื ไม่ นกั เรียนอาจตอบวา่ หาผลบวกโดยการตัง้ บวก ครูถามนักเรยี นวา่ การหาผลบวกโดยการตัง้ บวกจะมีวิธกี ารต้ังบวก
อย่างไร นกั เรยี นควรตอบไดว้ ่า เขียนตัวเลขในหลักเดียวกนั ให้ตรงกันแล้วนาจานวนในหลักเดียวกันมาบวกกนั ครตู ิดบัตรคา
หลกั ร้อย หลักสบิ หลักหน่วย และบตั รตัวเลข 217 และ 62 บนกระดานโดยใหเ้ ลขโดดที่อยใู่ นหลักเดียวกนั ตรงกัน ครสู าธติ
การบวกโดยการตงั้ บวกทีละขั้นตอน ดงั ตัวอย่างในหนงั สือเรียนหนา้ 69 จะได้ 217 + 62 = 279 ดังน้ัน ขุนมีมะนาวท้งั หมด
279 ผล

ขั้นสอน

ขั้นสารวจคน้ หา

1. ครนู าเขา้ สบู่ ทเรียนโดยการสนทนากบั นกั เรียนวา่ ขุนมีมะนาว 217 ผล เก็บเพิม่ อีก 62 ผล รวมมมี ะนาวทงั้ หมดก่ี
ผล ครูถามว่าจะหาคาตอบได้อยา่ งไรนักเรียนตอบว่า นา 217 บวกกับ 62 ครูถามวา่ จะหาผลบวกไดอ้ ย่างไรบา้ ง นักเรียนอาจ
ตอบวา่ หาผลบวกโดยใชแ้ ผน่ ตารางรอ้ ย แผ่นตารางสบิ และแผน่ ตารางหนว่ ย ครูถามนักเรยี นวา่ จะมีวิธอี ืน่ ในการหาผลบวกได้
อกี หรือไม่ นกั เรยี นอาจตอบว่า หาผลบวกโดยการต้งั บวก ครูถามนกั เรยี นว่า การหาผลบวกโดยการตงั้ บวกจะมีวธิ กี ารตง้ั บวก
อยา่ งไร นกั เรียนควรตอบไดว้ ่า เขยี นตัวเลขในหลักเดยี วกันให้ตรงกันแลว้ นาจานวนในหลักเดียวกนั มาบวกกันครูติดบัตรคา
หลักรอ้ ย หลักสิบ หลักหน่วย และบตั รตวั เลข 217 และ 62 บนกระดานโดยให้เลขโดดที่อยูใ่ นหลักเดียวกนั ตรงกัน ครสู าธิต
การบวกโดยการต้ังบวกทลี ะข้ันตอน ดงั ตวั อยา่ งในหนงั สือเรยี นหนา้ 69 จะได้ 217 + 62 = 279 ดงั นั้น ขุนมมี ะนาวทงั้ หมด
279 ผล

2. ครยู กตัวอย่างจานวนสามหลักบวกกับจานวนสามหลักท่ไี ม่มที ด เช่น 723 + 205 =  ครูสาธิตการหาผลบวก
โดยการต้งั บวกทลี ะข้นั ตอนตามหนังสอื เรยี นหนา้ 70 โดยเน้นย้าว่า ตอ้ งเขยี นเลขโดดทอ่ี ยูใ่ นหลักเดียวกนั ใหต้ รงกนั แล้วนา
จานวนในหลักเดียวกันมาบวกกัน โดยเร่ิมจากหลักหน่วย หลกั สบิ และหลักรอ้ ยตามลาดับ

3. ครยู กตวั อยา่ ง 236 + 423 = ดังนี้ เขยี นเลขโดดในหลักเดียวกนั ให้ตรงกัน
ขั้นที่ 1 บวกในหลักหน่วย 6 หน่วยบวก 3 หนว่ ย ได้ 9 หนว่ ย
ข้ันที่ 2 บวกในหลักสิบ 3 สบิ บวก 2 สบิ ได้ 5 สบิ
ขัน้ ที่ 3 บวกในหลักร้อย 2 รอ้ ยบวก 4 ร้อยได้ 6 ร้อย ดังน้ัน 236 + 423 = 659
จากนัน้ ครใู หน้ ักเรยี นช่วยกันแสดงวิธีการหาผลบวกโดยการตง้ั บวกตามหนังสือเรียนหนา้ 71 โดยบอกขนั้ ตอนการหาผลบวกที
ละขน้ั ตอน ใหน้ กั เรียนหาคาตอบในข้อ 1 - 5 ทลี ะขอ้ แลว้ ครูแสดงวิธคี ิดท่ถี ูกต้องทลี ะขอ้ เพ่อื ตรวจสอบความถูกต้อง ครูและ
นักเรยี นร่วมกันสรปุ ขัน้ ตอนการหาผลบวกด้วยวธิ ีต้งั บวก
3. ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มชว่ ยกันหาผลบวกโดยใช้แผ่นตารางรอ้ ย แผน่ ตารางสิบและแผ่นตารางหน่วยแล้วเติม
คาตอบไปทีละข้อตามหนงั สือเรียน หน้า 67 โดยครใู ห้นกั เรียนออกมาแสดงวิธคี ิดทลี ะขอ้ และใหน้ ักเรยี นนาเสนอวิธกี ารนา
แผ่นตารางร้อย แผน่ ตารางสบิ และแผน่ ตารางหน่วยมารวมกนั และครูเนน้ ยา้ ว่า

ข้ันสรุป

ข้นั ขยายความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยให้นักเรยี นแสดงการหาผลบวกโดยการตั้งบวกเป็นรายบคุ คลตามหนังสอื

เรยี นหน้า 72 ถ้าพบว่ามนี ักเรียนยงั หาผลบวกไมถ่ ูกต้อง ครใู หน้ ักเรียนมาฝึกเพ่ิมเตมิ กับครเู ปน็ รายบุคคล จากน้ันครูและ

นักเรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้องและสรุปสิง่ ที่ได้เรียนรู้

- การหาผลบวกของจานวนสองจานวนโดยการตั้งบวกตอ้ งเขยี นเลขโดดในหลกั เดยี วกันใหต้ รงกนั แล้วจงึ นาจานวนท่ี

อยใู่ นหลกั เดยี วกันมาบวกกนั โดยเร่ิมจากหลกั หน่วย หลกั สิบ และหลกั รอ้ ย ตามลาดับ

ขนั้ ตรวจสอบผล

- การหาผลบวกของจานวนสองจานวนโดยการตง้ั บวกต้องเขยี นเลขโดดในหลักเดียวกนั ให้ตรงกัน แลว้ จึงนาจานวนที่

อยใู่ นหลักเดยี วกันมาบวกกนั โดยเร่ิมจากหลักหนว่ ย หลักสบิ และหลักรอ้ ย ตามลาดับ

จากนัน้ ให้นักเรยี นทาแบบฝกึ หดั หน้า 42 - 44

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมินผลจดุ ประสงค์ วิธกี ารวดั ผล เครอ่ื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมินผล

ความร้คู วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคิด 70% ขึ้นไป ถือวา่ ผ่าน

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมนิ

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหัด 70% ข้ึนไป ถือวา่ ผ่าน

-การให้เหตุผล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรุปความรกู้ ารปฏบิ ัติ

คณุ ลักษณะนิสัย (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่าผา่ น

ทางานร่วมกับกล่มุ ขณะ ทางานร่วมกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมิน

7. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สอ่ื การเรยี นรู้

1. หนงั สือพมิ พ์
2. บตั รตัวเลข บตั รภาพจานวนต่าง ๆ
3. หนังสอื เรยี นสาระการเรียนรู้พ้ืนฐาน คณิตศาสตร์/สื่อการเรียน รู้คณิตศาสตร์

7.2 แหล่งการเรยี นรู้

. 1. บัตรภาพ
2. บตั รตัวเลข

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครผู ู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชื่อ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สัปดาหท์ ่ี 4

โรงเรียนขจรเกียรตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรียนท่ี ……1…/………... ชอ่ื ผู้สอน ….……………………………….…….............

กลุม่ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 2 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 การบวกและการลบจานวน เรือ่ ง การหาผลบวกโดยการตั้งบวกมกี ารทด(1)

นับไมเ่ กนิ 1,000

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ัด

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลทีเ่ กดิ ข้ึน

จากการดาเนนิ การ สมบัติของการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตัวชี้วัดท่ี ป.2/4 หาค่าของตัวไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการบวก และประโยคสัญลักษณแ์ สดงการลบ

ของจานวนนับไม่เกนิ 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขัน้ ตอนของจานวนนับไมเ่ กิน 1,000 และ 0

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

การหาผลบวกโดยการตง้ั บวก ต้องเขียนเลขโดดในหลกั เดียวกันใหต้ รงกัน แลว้ จงึ นาจานวนท่ีอยูใ่ นหลกั เดียวกันมา

บวกกนั โดยเรมิ่ จากหลกั หน่วย หลักสิบ และหลกั ร้อย ตามลาดับ ถ้าผลบวกในหลักหน่วยเปน็ 1 สบิ หรือมากกว่า 1 สบิ ต้อง

ทด 1 สบิ ไปรวมกับจานวนในหลกั สบิ หรือถ้าผลบวกในหลักสบิ เป็น 1 รอ้ ยหรือมากกว่า 1 ร้อย ต้องทด 1 รอ้ ยไปรวมกับ

จานวนในหลกั รอ้ ย

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

ดา้ นความรู้ (K)

หาผลบวกโดยการตง้ั บวกมีการทดที่ผลบวกไม่เกิน 1,000

ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วธิ กี ารท่ีเหมาะสมในการแกป้ ัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคุณลักษณะ(A)

มีวิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความม่นั ใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนร้ทู ้องถิ่น

การหาผลบวกโดยการตงั้ บวกมีการทด พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา

5. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่ 1
ข้ันนา

ขัน้ กระต้นุ ความสนใจ

1. ครสู นทนาเก่ยี วกบั สถานการณใ์ นหนังสอื เรียนหนา้ 73 เขยี นประโยคสัญลักษณ์การบวกได้
215 + 19 =  ใหน้ ักเรยี นหาผลบวกโดยใช้แผน่ ตารางรอ้ ย แผน่ ตารางสิบ และแผน่ ตารางหน่วยครสู าธติ การหาผลบวกโดย
การตั้งบวกที่มีทด ซึง่ ตัวอย่างน้ีเปน็ การทดจากหลักหน่วยไปหลักสิบ ครูตดิ บตั รคา หลกั รอ้ ย หลกั สิบ หลักหน่วย และบัตร
ตัวเลข 215 และ 19 บนกระดาน โดยใหเ้ ลขโดดท่ีอยใู่ นหลักเดียวกนั ตรงกนั ครูสาธิตการบวกโดยการตั้งบวกทลี ะขน้ั ตอน ข้ัน
ที่ 1 บวกในหลักหนว่ ย 5 + 9 = 14 หนว่ ย ใหเ้ ทยี บกับวิธกี ารหาผลบวกโดยใช้แผ่นตาราง “เมื่อแผน่ ตารางหนว่ ยรวมกนั 10
แผน่ จะเทา่ กบั แผน่ ตารางสบิ 1 แผน่ และจะถูกนาไปนบั รวมกับแผ่นตารางสิบ” ดังน้ันในการบวกหลกั หนว่ ยทีผ่ ลบวกเป็น
จานวนสองหลกั ตอ้ งทดจานวนท่ีครบสบิ ไปหลักสบิ จากนั้นบวกในหลักสบิ ต้องนา 1 สิบท่ีทดไว้ไปรวมกบั ผลบวกในหลกั สิบ
ด้วย ดงั ตวั อยา่ งในหนงั สือเรยี นหนา้ 73 จะได้ 215 + 19 = 234 ดังนัน้ มีไขไ่ ปขาย 234 ฟอง

ขัน้ สอน

ข้นั สารวจค้นหา

1. ครูสนทนาเกยี่ วกบั สถานการณ์ในหนังสอื เรียนหน้า 73 เขยี นประโยคสญั ลักษณ์การบวกได้ 215 + 19 =  ให้
นักเรียนหาผลบวกโดยใช้แผน่ ตารางร้อย แผน่ ตารางสบิ และแผ่นตารางหนว่ ยครสู าธิตการหาผลบวกโดยการตั้งบวกที่มีทด ซง่ึ
ตัวอยา่ งนี้เป็นการทดจากหลักหน่วยไปหลักสิบ ครตู ิดบัตรคา หลักร้อย หลกั สิบ หลกั หน่วย และบตั รตัวเลข 215 และ 19 บน
กระดาน โดยใหเ้ ลขโดดท่อี ยใู่ นหลกั เดียวกันตรงกนั ครสู าธิตการบวกโดยการต้ังบวกทลี ะข้ันตอน ขน้ั ที่ 1 บวกในหลักหน่วย 5
+ 9 = 14 หนว่ ย ให้เทียบกับวธิ ีการหาผลบวกโดยใชแ้ ผน่ ตาราง “เมือ่ แผน่ ตารางหนว่ ยรวมกนั 10 แผน่ จะเท่ากบั แผ่นตาราง
สิบ 1 แผ่น และจะถูกนาไปนับรวมกับแผน่ ตารางสิบ” ดงั น้ันในการบวกหลกั หนว่ ยทผี่ ลบวกเปน็ จานวนสองหลกั ต้องทด
จานวนทค่ี รบสิบไปหลกั สิบ จากนั้นบวกในหลักสิบ ตอ้ งนา 1 สบิ ที่ทดไว้ไปรวมกับผลบวกในหลักสบิ ดว้ ย ดงั ตวั อย่างใน
หนังสอื เรียนหนา้ 73 จะได้ 215 + 19 = 234 ดงั นนั้ มไี ข่ไปขาย 234 ฟอง

2. ครยู กตัวอย่าง 576 + 153 = ครูสาธติ การหาผลบวกโดยการต้ังบวกท่ีมที ดจากหลกั สิบไปหลกั ร้อย ขนั้ ที่ 1 บวกใน
หลักหนว่ ย 6 หน่วย บวกกับ 3 หน่วย ได้ 9 หนว่ ย
ขั้นท่ี 2 บวกในหลักสิบ 7 สบิ บวก 5 สบิ ได้ 12 สบิ หรอื 1 ร้อย กับ 2 สบิ ทด 1 ร้อยไปรวมกับหลกั ร้อย ขัน้ ท่ี 3 บวกใน
หลักรอ้ ย 5 ร้อย บวก 1 ร้อย รวมกบั ที่ทดอีก 1 ร้อย ได้ 7 รอ้ ย ดงั นั้น 576 + 153 = 729

3. ครูยกตวั อยา่ ง 107 + 128 = หาผลบวกโดยการตัง้ บวกทีละขน้ั ตอน ดงั น้ี
บวกในหลักหน่วย 7 หน่วย บวก 8 หน่วย ได้ 15 หน่วย นา 1 สิบ ไปทดไวใ้ นหลักสิบ
บวกในหลกั สิบ 0 สบิ บวก 2 สิบ บวกกับที่ทดมาอีก 1 สิบ ได้ 3 สบิ
บวกในหลักร้อย 1 รอ้ ยบวก 1 รอ้ ย ได้ 2 รอ้ ย ดงั นน้ั 107 + 128 = 235
จากน้ันครใู ห้นักเรยี นชว่ ยกันแสดงวธิ ีการหาผลบวกโดยการตงั้ บวกตามหนังสือเรยี นหน้า 75 โดยบอกขัน้ ตอนการหาผลบวกที
ละขนั้ ตอน ใหน้ ักเรียนหาคาตอบในข้อ 1 – 5 ทลี ะขอ้ แล้วครูแสดงวิธีคิดทีถ่ ูกต้องทีละข้อเพื่อตรวจสอบความถกู ต้องครูและ
นักเรยี นร่วมกันสรปุ ขัน้ ตอนการหาผลบวกดว้ ยวิธีต้งั บวก ครูเนน้ ยา้ ว่า ถ้าผลบวกในหลักหนว่ ยเป็น 1 สบิ หรือมากกว่า 1
สบิ ต้องทด 1 สบิ ไปรวมกับจานวนในหลักสิบ หรือถา้
ผลบวกในหลักสบิ เปน็ 1 ร้อยหรือมากกว่า 1 รอ้ ย ตอ้ งทด 1 ร้อยไปรวมกับจานวนในหลักรอ้ ย

ขั้นสรุป

ข้ันขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยใหน้ ักเรยี นแสดงการหาผลบวกโดยการตัง้ บวกเปน็ รายบุคคลตามหนังสอื

เรยี นหน้า 76 ถา้ พบวา่ มีนกั เรียนยังหาผลบวกไมถ่ ูกต้อง ครูให้นกั เรยี นมาฝกึ เพ่ิมเติมกับครเู ป็นรายบุคคล จากน้ันครแู ละ

นกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้องและสรปุ ส่งิ ที่ได้เรยี นรู้

- การหาผลบวกของจานวนสองจานวนโดยการตั้งบวกต้องเขยี นเลขโดดในหลกั เดียวกันใหต้ รงกนั แลว้ จึงนาจานวนที่

อยู่ในหลักเดียวกันมาบวกกนั โดยเริ่มจากหลักหนว่ ย หลกั สิบ และหลกั ร้อย ตามลาดับ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยใหน้ กั เรยี นแสดงการหาผลบวกโดยการต้งั บวกเป็นรายบุคคล

ตามหนังสือเรียนหนา้ 76 ถา้ พบว่ามีนักเรียนยังหาผลบวกไมถ่ ูกต้อง ครูใหน้ กั เรยี นมาฝึกเพิม่ เติมกบั ครู

เป็นรายบคุ คล จากนน้ั ครูและนักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้องและสรปุ ส่ิงที่ไดเ้ รยี นรู้

การหาผลบวกของจานวนสองจานวนโดยการตั้งบวกต้องเขยี นเลขโดดในหลักเดยี วกันใหต้ รงกนั แลว้ จงึ นาจานวนที่

อยู่ในหลักเดียวกันมาบวกกัน โดยเริม่ จากหลักหนว่ ย หลกั สิบ และหลกั ร้อย ตามลาดบั

- ถา้ ผลบวกในหลักสบิ เปน็ 1 หรือมากกว่า 1 สิบ ต้องทดกับ 1 สิบไปรวมกับจานวนในหลักสิบ

- ถ้าผลบวกในหลักรอ้ ยเปน็ 1 หรอื มากกวา่ 1 ร้อย ต้องทดกับ 1 รอ้ ยไปรวมกบั จานวนในหลกั ร้อย

ขน้ั ตรวจสอบผล

การหาผลบวกของจานวนสองจานวนโดยการตง้ั บวกต้องเขยี นเลขโดดในหลักเดยี วกันใหต้ รงกนั แลว้ จึงนาจานวนท่ี

อยู่ในหลักเดียวกันมาบวกกนั โดยเริ่มจากหลักหนว่ ย หลักสบิ และหลักรอ้ ย ตามลาดับ

- ถา้ ผลบวกในหลักสิบเปน็ 1 หรอื มากกวา่ 1 สบิ ต้องทดกับ 1 สบิ ไปรวมกบั จานวนในหลักสิบ

- ถ้าผลบวกในหลกั ร้อยเปน็ 1 หรือมากกวา่ 1 ร้อย ต้องทดกบั 1 รอ้ ยไปรวมกับจานวนในหลกั รอ้ ยจากนนั้ ให้

นักเรียนทาแบบฝึกหัด หน้า 45 - 47

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วธิ ีการวัดผล เครอ่ื งมือวดั เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

ความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคดิ 70% ขึน้ ไป ถือวา่ ผ่าน

-การสังเกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหัด 70% ข้ึนไป ถือว่าผ่าน

-การให้เหตุผล เกณฑ์การประเมิน

-การสรปุ ความรูก้ ารปฏบิ ตั ิ

คุณลักษณะนิสยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ข้นึ ไป ถือวา่ ผ่าน

ทางานร่วมกบั กลมุ่ ขณะ ทางานร่วมกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมิน

7. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้
7.1 ส่ือการเรียนรู้

1. หนงั สอื พมิ พ์
2. บตั รตวั เลข บตั รภาพจานวนต่าง ๆ
3. หนังสอื เรยี นสาระการเรียนรู้พื้นฐาน คณิตศาสตร์/สอื่ การเรยี น รูค้ ณิตศาสตร์

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

. 1. บัตรภาพ
2. บัตรตัวเลข

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................ ................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ............................................ครูผสู้ อน ลงช่อื ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอ่ื ................................................... ผูบ้ ริหาร
(...........................................................)

สัปดาหท์ ่ี 4

โรงเรียนขจรเกียรตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/………... ชอื่ ผสู้ อน ….……………………………….…….............

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 2 จานวน 2 คาบ

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 การบวกและการลบจานวน เร่อื ง การหาผลบวกโดยการต้ังบวกมกี ารทด(2)

นบั ไมเ่ กนิ 1,000

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวดั

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลทีเ่ กดิ ข้ึน

จากการดาเนนิ การ สมบัติของการดาเนินการ และนาไปใช้
ตัวช้ีวดั ที่ ป.2/4 หาคา่ ของตวั ไม่ทราบคา่ ใน ประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการบวก และประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการลบ

ของจานวนนบั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา 2 ขน้ั ตอนของจานวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

การหาผลบวกโดยการตัง้ บวก ต้องเขียนเลขโดดในหลักเดียวกนั ให้ตรงกัน แลว้ จงึ นาจานวนที่อย่ใู นหลกั เดียวกันมา

บวกกัน โดยเรมิ่ จากหลกั หนว่ ย หลักสิบ และหลักรอ้ ย ตามลาดบั ถ้าผลบวกในหลกั หน่วยเป็น 1 สิบ หรือมากกวา่ 1 สบิ ต้อง

ทด 1 สบิ ไปรวมกบั จานวนในหลักสบิ หรือถ้าผลบวกในหลักสบิ เป็น 1 รอ้ ยหรือมากกวา่ 1 ร้อย ตอ้ งทด 1 รอ้ ยไปรวมกับ

จานวนในหลักร้อย

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

ดา้ นความรู้ (K)

หาผลบวกโดยการตัง้ บวกมีการทดทีผ่ ลบวกไม่เกิน 1,000

ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วิธีการที่เหมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคณุ ลักษณะ(A)

มีวิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมน่ั ใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนร้ทู ้องถนิ่

การหาผลบวกโดยการตงั้ บวกมีการทด พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา

5. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบท่ี 1
ขน้ั นา

ขั้นกระตุ้นความสนใจ

1. ครสู นทนาเกยี่ วกับสถานการณ์ในหนงั สอื เรียนหน้า 73 เขียนประโยคสัญลักษณ์การบวกได้ 215 + 19 =  ให้
นกั เรยี นหาผลบวกโดยใชแ้ ผน่ ตารางรอ้ ย แผน่ ตารางสิบ และแผน่ ตารางหนว่ ยครูสาธิตการหาผลบวกโดยการตง้ั บวกท่ีมีทด ซง่ึ
ตวั อยา่ งน้ีเปน็ การทดจากหลักหนว่ ยไปหลักสบิ ครูติดบตั รคา หลกั ร้อย หลกั สิบ หลกั หนว่ ย และบัตรตัวเลข 215 และ 19 บน
กระดาน โดยให้เลขโดดท่อี ยู่ในหลักเดยี วกันตรงกนั ครูสาธติ การบวกโดยการตั้งบวกทีละข้ันตอน ขนั้ ท่ี 1 บวกในหลักหน่วย 5
+ 9 = 14 หนว่ ย ให้เทยี บกบั วธิ ีการหาผลบวกโดยใช้แผ่นตาราง “เมื่อแผน่ ตารางหน่วยรวมกนั 10 แผ่น จะเท่ากับแผ่นตาราง
สิบ 1 แผน่ และจะถูกนาไปนับรวมกบั แผน่ ตารางสิบ” ดงั นั้นในการบวกหลกั หน่วยทีผ่ ลบวกเปน็ จานวนสองหลักต้องทด
จานวนท่ีครบสิบไปหลกั สิบ จากนัน้ บวกในหลกั สิบ ต้องนา 1 สบิ ทท่ี ดไวไ้ ปรวมกับผลบวกในหลกั สบิ ด้วย ดังตัวอย่างใน
หนังสอื เรียนหน้า 73 จะได้ 215 + 19 = 234 ดังนน้ั มีไขไ่ ปขาย 234 ฟอง

ขั้นสอน

ขัน้ สารวจค้นหา

1. ครูสนทนาเก่ียวกบั สถานการณ์ในหนงั สือเรียนหนา้ 73 เขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์การบวกได้
215 + 19 =  ให้นักเรยี นหาผลบวกโดยใชแ้ ผน่ ตารางร้อย แผ่นตารางสิบ และแผ่นตารางหน่วย
ครูสาธติ การหาผลบวกโดยการตง้ั บวกทมี่ ที ด ซงึ่ ตวั อยา่ งนเี้ ป็นการทดจากหลกั หนว่ ยไปหลกั สิบ ครตู ิดบัตรคา หลักร้อย หลกั
สิบ หลักหน่วย และบตั รตัวเลข 215 และ 19 บนกระดาน โดยใหเ้ ลขโดดทอี่ ยู่ในหลักเดยี วกันตรงกัน ครูสาธิตการบวกโดยการ
ตัง้ บวกทีละขน้ั ตอน ขน้ั ท่ี 1 บวกในหลักหนว่ ย 5 + 9 = 14 หนว่ ย ให้เทยี บกับวิธีการหาผลบวกโดยใช้แผ่นตาราง “เม่อื แผน่
ตารางหน่วยรวมกัน 10 แผน่ จะเทา่ กบั แผน่ ตารางสิบ 1 แผ่น และจะถูกนาไปนับรวมกบั แผ่นตารางสบิ ” ดังนัน้ ในการบวก
หลักหน่วยทผ่ี ลบวกเปน็ จานวนสองหลกั ต้องทดจานวนท่ีครบสิบไปหลักสิบ จากนั้นบวกในหลกั สิบ ต้องนา 1 สบิ ท่ีทดไว้ไป
รวมกบั ผลบวกในหลกั สบิ ด้วย ดังตัวอยา่ งในหนังสือเรยี นหนา้ 73 จะได้ 215 + 19 = 234 ดังน้ัน มไี ข่ไปขาย 234 ฟอง

2. ครยู กตัวอยา่ ง 576 + 153 = ครสู าธิตการหาผลบวกโดยการตั้งบวกท่ีมีทดจากหลกั สบิ ไปหลักร้อย ขน้ั ท่ี 1 บวกใน
หลกั หน่วย 6 หน่วย บวกกบั 3 หนว่ ย ได้ 9 หนว่ ย ขัน้ ที่ 2 บวกในหลกั สบิ 7 สบิ บวก 5 สบิ ได้ 12 สิบ หรอื 1 ร้อย กบั 2
สบิ ทด 1 รอ้ ยไปรวมกับหลกั รอ้ ย ข้ันที่ 3 บวกในหลักร้อย 5 รอ้ ย บวก 1 รอ้ ย รวมกบั ท่ีทดอีก 1 รอ้ ย ได้ 7 รอ้ ย ดังนัน้ 576
+ 153 = 729

3. ครูยกตัวอยา่ ง 107 + 128 = หาผลบวกโดยการตงั้ บวกทีละขน้ั ตอน ดังน้ี บวกในหลักหนว่ ย 7 หนว่ ย บวก 8
หนว่ ย ได้ 15 หน่วย นา 1 สบิ ไปทดไว้ในหลักสบิ บวกในหลักสบิ 0 สบิ บวก 2 สบิ บวกกบั ทีท่ ดมาอีก 1 สบิ ได้ 3 สบิ
บวกในหลักร้อย 1 ร้อยบวก 1 รอ้ ย ได้ 2 ร้อย ดงั น้ัน 107 + 128 = 235 จากนน้ั ครใู ห้นกั เรียนช่วยกันแสดงวธิ กี ารหา
ผลบวกโดยการตัง้ บวกตามหนังสอื เรียนหนา้ 75 โดยบอกขนั้ ตอนการหาผลบวกทลี ะขั้นตอน ใหน้ กั เรียนหาคาตอบในข้อ 1 –
5 ทีละข้อ แลว้ ครูแสดงวิธีคดิ ทถี่ ูกต้องทีละข้อเพ่ือตรวจสอบความถูกตอ้ งครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปขัน้ ตอนการหาผลบวก
ด้วยวิธีต้งั บวก ครเู น้นยา้ วา่ ถ้าผลบวกในหลักหนว่ ยเปน็ 1 สบิ หรือมากกวา่ 1 สบิ ต้องทด 1 สบิ ไปรวมกับจานวนในหลกั
สบิ หรอื ถ้าผลบวกในหลกั สิบเปน็ 1 รอ้ ยหรือมากกว่า 1 ร้อย ตอ้ งทด 1 ร้อยไปรวมกับจานวนในหลกั รอ้ ย

ขัน้ สรปุ

ข้ันขยายความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยใหน้ ักเรยี นแสดงการหาผลบวกโดยการต้งั บวกเปน็ รายบุคคล

ตามหนังสือเรยี นหนา้ 76 ถ้าพบวา่ มนี ักเรยี นยังหาผลบวกไม่ถูกต้อง ครใู หน้ ักเรียนมาฝึกเพิม่ เตมิ กบั ครเู ป็นรายบุคคล จากนัน้

ครูและนกั เรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้องและสรปุ สงิ่ ท่ีไดเ้ รยี นรู้การหาผลบวกของจานวนสองจานวนโดยการต้งั บวกตอ้ ง

เขียนเลขโดดในหลักเดียวกนั ให้ตรงกัน แล้วจึงนาจานวนทอี่ ยู่ในหลกั เดยี วกันมาบวกกนั โดยเร่มิ จากหลักหนว่ ย หลักสิบ และ

หลักรอ้ ย ตามลาดบั

- ถา้ ผลบวกในหลกั สิบเปน็ 1 หรอื มากกวา่ 1 สบิ ต้องทดกับ 1 สิบไปรวมกับจานวนในหลกั สิบ

- ถา้ ผลบวกในหลักรอ้ ยเป็น 1 หรือมากกวา่ 1 ร้อย ต้องทดกบั 1 ร้อยไปรวมกบั จานวนในหลักรอ้ ย

ข้นั ตรวจสอบผล

การหาผลบวกของจานวนสองจานวนโดยการตงั้ บวกต้องเขยี นเลขโดดในหลกั เดียวกันใหต้ รงกนั แล้วจึงนาจานวนที่
อยใู่ นหลักเดียวกันมาบวกกัน โดยเร่มิ จากหลกั หนว่ ย หลักสิบ และหลกั ร้อย ตามลาดับ

- ถา้ ผลบวกในหลกั สิบเป็น 1 หรือมากกว่า 1 สบิ ต้องทดกับ 1 สบิ ไปรวมกบั จานวนในหลกั สิบ

- ถา้ ผลบวกในหลักร้อยเปน็ 1 หรือมากกวา่ 1 รอ้ ย ต้องทดกับ 1 ร้อยไปรวมกับจานวนในหลกั ร้อยจากนัน้ ให้

นกั เรียนทาแบบฝึกหัด หน้า 48 - 50

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมินผลจุดประสงค์ วธิ กี ารวดั ผล เครื่องมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ ผล

ความรู้ความเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคดิ 70% ข้ึนไป ถอื วา่ ผ่าน

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหดั 70% ขึ้นไป ถอื วา่ ผ่าน

-การให้เหตผุ ล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรปุ ความรูก้ ารปฏบิ ตั ิ

คณุ ลักษณะนิสยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถอื ว่าผา่ น

ทางานรว่ มกับกลมุ่ ขณะ ทางานร่วมกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมิน

7. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้

7.1 ส่อื การเรียนรู้

1. หนังสอื พมิ พ์

2. บัตรตัวเลข บัตรภาพจานวนตา่ ง ๆ

3. หนังสอื เรยี นสาระการเรียนรู้พืน้ ฐาน คณิตศาสตร์/สือ่ การเรยี น รูค้ ณติ ศาสตร์

7.2 แหล่งการเรยี นรู้

. 1. บัตรภาพ
2. บตั รตวั เลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ................................................... ผูบ้ ริหาร
(...........................................................)

สปั ดาหท์ ่ี 4

โรงเรยี นขจรเกยี รติพัฒนา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรียนท่ี ……1…/………... ช่ือผสู้ อน ….……………………………….…….............

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การบวกและการลบจานวน เรอ่ื ง การหาผลบวกของจานวนสามจานวน (1)

นับไม่เกิน 1,000

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชวี้ ัด

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลที่เกดิ ขนึ้

จากการดาเนินการ สมบตั ิของการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตวั ชี้วดั ที่ ป.2/4 หาคา่ ของตวั ไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก และประโยคสัญลักษณแ์ สดงการลบ

ของจานวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปัญหา 2 ขนั้ ตอนของจานวนนบั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

การบวกจานวนสองจานวนสามารถสลับทไ่ี ด้ผลบวกยังคงเท่าเดมิ การบวกจานวนสามจานวนจะบวกสองจานวนใด

ก่อนก็ได้ แลว้ บวกจานวนทีเ่ หลือผลบวกเทา่ กัน หาผลบวกโดยการตง้ั บวกทาได้โดยนาจานวนในหลกั เดียวกนั มาบวกกันถ้า

ผลบวกในหลกั ใดเปน็ จานวนสองหลักให้ทดจานวนในหลักสบิ ไปรวมกบั จานวนในหลกั ถัดไปทางซา้ ย

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ดา้ นความรู้ (K)

หาผลบวกของจานวนสามจานวนได้

ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ิธกี ารทีเ่ หมาะสมในการแกป้ ญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคณุ ลกั ษณะ(A)

มีวิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความมัน่ ใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่ิน

การหาผลบวกของจานวนสามจานวน พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ คาบท่ี 1
ข้นั นา

ขั้นกระตุ้นความสนใจ

1. ครสู นทนาเกย่ี วกับสถานการณต์ ามหนังสือเรยี นหนา้ 81 เขยี นประโยคสัญลกั ษณ์
5 + 4 + 7 =  โดยครถู ามนักเรียนว่า จะหาผลบวกได้อยา่ งไร นักเรยี นตอบ บวกทลี ะสองจานวน ครสู าธิตการบวกจานวน
สามจานวน โดยบวกทีละสองจานวนค่ใู ดก่อนก็ได้ แล้วนาผลบวกท่ีได้ไปบวกกับจานวนท่ีเหลือ ตามหนงั สือเรยี นหน้า 81
ดังน้นั 5 + 4 + 7 = 16 ครใู ห้นกั เรียนสงั เกตว่า การบวกจานวนสามจานวนไม่วา่ จะบวกจานวนสองจานวนใดก่อน แล้วจงึ บวก
กับจานวนที่เหลือ ผลบวกทไ่ี ดย้ งั คงเท่ากนั

ข้ันสอน

ขั้นสารวจคน้ หา

1. ครสู นทนาเก่ยี วกบั สถานการณต์ ามหนงั สือเรียนหนา้ 81 เขียนประโยคสญั ลักษณ์ 5 + 4 + 7 =  โดยครถู าม
นกั เรียนวา่ จะหาผลบวกได้อย่างไร นักเรียนตอบ บวกทีละสองจานวน ครสู าธติ การบวกจานวนสามจานวน โดยบวกทลี ะสอง
จานวนคู่ใดก่อนก็ได้ แล้วนาผลบวกท่ีได้ไปบวกกับจานวนท่ีเหลอื ตามหนงั สือเรียนหน้า 81 ดังนัน้ 5 + 4 + 7 = 16 ครใู ห้
นักเรียนสังเกตวา่ การบวกจานวนสามจานวนไมว่ า่ จะบวกจานวนสองจานวนใดก่อน แล้วจงึ บวกกบั จานวนทเี่ หลือ ผลบวกท่ีได้
ยงั คงเท่ากัน

2. ครูให้นกั เรียนหาผลบวกของจานวนสามจานวน เชน่ 30 + 40 + 80 =  โดยให้นกั เรยี นเลอื กว่าจะบวกสอง
จานวนใดกอ่ น เมือ่ บวกกบั จานวนท่ีเหลือแล้วนาผลบวกมาตรวจสอบว่าเทา่ กนั หรือไม่ หากพบว่าได้ผลบวกไม่เทา่ กันให้
นกั เรยี นตรวจสอบการบวกอีกครงั้ ครูให้นกั เรยี นสงั เกตว่า ในการเลือกจานวนสองจานวนใดมาบวกกนั ก่อน ควรเลอื กจานวนที่
มผี ลบวกครบสิบหรือครบร้อย เพ่ือใหง้ ่ายและรวดเร็วในการหาคาตอบ เช่น 75 + 9 + 45 =  ควรเลือก75 + 45 กอ่ น ซง่ึ
75 + 45 = 120 และ 120 + 9 = 129 จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันหาผลบวกของจานวนสามจานวนในกรอบท้ายหนา้ 82

3. เมื่อนักเรยี นหาผลบวกของจานวนสามจานวนในกรอบท้ายหน้า 82 เสรจ็ แลว้ ครูสมุ่ นักเรยี นออกมาแสดงวิธีหา
ผลบวกของจานวนสามจานวนขอ้ ละ 3 คน ครูใหน้ ักเรยี นสงั เกตการหาคาตอบของเพือ่ นแต่ละคน และพิจารณาว่าเพื่อนแต่ละ
คนไดค้ าตอบเทา่ กันหรือไม่ ซึ่งในการหาผลบวกของนักเรยี นแต่ละคนอาจแตกต่างกนั ครูใหน้ กั เรยี นพิจารณาโจทย์ 84 + 62
+ 31 =  แลว้ ถามนกั เรียนวา่ จะเลือกสองจานวนใดมาบวกกันก่อน นักเรยี นแต่ละคนอาจเลือกไม่เหมอื นกนั ครูแนะนาวา่
ควรเลือกสองจานวนทง่ี ่ายในการหาผลบวก เช่น อาจเลอื ก 62 กบั 31 จะง่ายกวา่ เพราะไดผ้ ลบวกเป็นจานวนสองหลักแลว้ จึง
นาผลบวกไปบวกกบั 84 ซึ่งเป็นจานวนสองหลกั ได้ 177 ครูอาจใหน้ ักเรยี นแสดงวธิ ีหาผลบวกพร้อมอธบิ ายเหตุผลในการเลอื ก
จานวนสองจานวนทน่ี ามาบวกกันก่อนแลว้ บวกกับจานวนท่เี หลือ ซ่งึ นกั เรยี นอาจมีเหตุผลทแี่ ตกตา่ งกัน แตค่ าตอบท่ีไดต้ ้อง
เทา่ กัน ครเู ฉลยคาตอบท่ถี ูกต้อง แลว้ ให้นกั เรียนสังเกตอีกคร้ังวา่ คาตอบเท่ากนั หรือไม่ ครูควรใช้คาถามเพ่ือให้นกั เรียนสามารถ
สรปุ ไดว้ ่า การหาผลบวกของจานวนสามจานวน จะบวกสองจานวนใดก่อนกไ็ ด้ แล้วบวกกบั จานวนทีเ่ หลือ ผลบวก
เทา่ กัน

ขัน้ สรุป

ขน้ั ขยายความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยให้นักเรยี นแสดงการหาผลบวกของจานวนสามจานวนเป็นรายบุคคลตาม

หนงั สอื เรยี นหนา้ 84 ถ้าพบว่ามนี กั เรียนยังหาผลบวกไม่ถูกต้อง ครใู ห้นักเรียนมาฝึกเพ่ิมเติมกับครูเปน็ รายบคุ คล จากนัน้ ครู

และนักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ งและสรปุ สงิ่ ท่ีได้เรยี นรู้ การบวกจานวนสามจานวนจะบวกสองจานวนใดก่อนก็ได้

แลว้ บวกกับจานวนท่ีเหลอื ผลบวกเท่ากนั

ข้ันตรวจสอบผล

- การบวกจานวนสามจานวนจะบวกสองจานวนใดก่อนก็ได้ แล้วบวกกบั จานวนท่เี หลือผลบวกเทา่ กันจากน้ันใหน้ กั เรยี นทา

แบบฝกึ หัด หน้า 51 – 52

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวดั และประเมินผลจุดประสงค์ วธิ ีการวดั ผล เคร่อื งมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

ความรู้ความเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคิด 70% ข้ึนไป ถอื ว่าผ่าน

-การสังเกต เกณฑ์การประเมนิ

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หัด 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ น

-การใหเ้ หตผุ ล เกณฑ์การประเมิน

-การสรปุ ความรกู้ ารปฏิบัติ

คณุ ลกั ษณะนสิ ัย (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ขนึ้ ไป ถือว่าผา่ น

ทางานร่วมกบั กลมุ่ ขณะ ทางานร่วมกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมิน

7. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้

7.1 ส่ือการเรยี นรู้

1. หนังสือพมิ พ์

2. บตั รตวั เลข บัตรภาพจานวนต่าง ๆ

3. หนังสือเรยี นสาระการเรียนรู้พนื้ ฐาน คณติ ศาสตร์/สอื่ การเรียน รคู้ ณติ ศาสตร์

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

. 1. บตั รภาพ

2. บตั รตวั เลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................. ...............................

................................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ............................................ครผู ู้สอน ลงชอื่ ...................................................ฝ่ายวชิ าการ

(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่ือ................................................... ผูบ้ ริหาร

(...........................................................)

สัปดาห์ที่ 4

โรงเรียนขจรเกยี รติพัฒนา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นท่ี ……1…/………... ช่ือผู้สอน ….……………………………….…….............

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 2 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 การบวกและการลบจานวน เรอื่ ง การหาผลบวกของจานวนสามจานวน (2)

นับไม่เกิน 1,000

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้วี ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลท่เี กดิ ขึ้น

จากการดาเนินการ สมบัติของการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตวั ชวี้ ัดที่ ป.2/4 หาคา่ ของตัวไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการบวก และประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการลบ

ของจานวนนบั ไม่เกนิ 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขัน้ ตอนของจานวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

การบวกจานวนสองจานวนสามารถสลับทไ่ี ด้ผลบวกยังคงเท่าเดิม การบวกจานวนสามจานวนจะบวกสองจานวนใด

กอ่ นก็ได้ แลว้ บวกจานวนทีเ่ หลือผลบวกเท่ากนั หาผลบวกโดยการตงั้ บวกทาไดโ้ ดยนาจานวนในหลกั เดยี วกนั มาบวกกันถา้

ผลบวกในหลักใดเปน็ จานวนสองหลกั ให้ทดจานวนในหลักสบิ ไปรวมกบั จานวนในหลกั ถัดไปทางซา้ ย

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ (K)

หาผลบวกของจานวนสามจานวนได้

ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)

ใช้วธิ กี ารท่เี หมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคณุ ลกั ษณะ(A)

มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมั่นใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่นิ

การหาผลบวกของจานวนสามจานวน พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้ คาบที่ 1
ขน้ั นา

ขั้นกระตุ้นความสนใจ

1. ทบทวนการหาผลบวกของจานวนสามจานวน โดยการใช้คาถาม เช่น นกั เรยี นสามารถหาผลบวกของจานวนสาม
จานวนไดอ้ ยา่ งไร นกั เรยี นตอบว่า การหาผลบวกของจานวนสามจานวน จะบวกสองจานวนใดกอ่ นก็ได้ แล้วบวกกบั จานวนที่
เหลือ ผลบวกเท่ากัน ครสู มุ่ นักเรยี นให้ออกมาแสดงการหาผลบวกของจานวนสามจานวน โดยการต้งั บวก เชน่ 213 + 26 +
54 =  นกั เรียนอาจหาผลบวกของสองจานวนก่อน แลว้ ไปบวกกบั จานวนที่เหลือ ครถู ามนกั เรยี นวา่ นักเรียนเลอื กสอง
จานวนใดมาบวกกันกอ่ นเพราะเหตุใด นกั เรียนตอบวา่ เลอื ก 26 + 54 กอ่ น เพราะจานวนสองหลกั บวกกับจานวนสองหลกั จะ
หาผลบวกไดง้ ่าย จากนั้นให้นักเรยี นแสดงการหาคาตอบ นกั เรยี นอาจแสดงได้ดังนี้

ครถู ามนักเรียนวา่ มีวธิ หี าคาตอบอน่ื อีกหรือไม่ครูสาธิตการบวกจานวนสามจานวน โดยการต้ังบวก ตามหนงั สือเรียนหน้า 85

ขั้นสอน
ขัน้ สารวจคน้ หา

1. ทบทวนการหาผลบวกของจานวนสามจานวน โดยการใช้คาถาม เช่น นักเรยี นสามารถหาผลบวกของจานวนสาม
จานวนได้อย่างไร นกั เรียนตอบว่า การหาผลบวกของจานวนสามจานวน จะบวกสองจานวนใด
กอ่ นกไ็ ด้ แลว้ บวกกับจานวนทเ่ี หลือ ผลบวกเทา่ กัน ครูสุม่ นกั เรยี นใหอ้ อกมาแสดงการหาผลบวกของจานวนสามจานวน โดย
การตัง้ บวก เช่น 213 + 26 + 54 =  นกั เรียนอาจหาผลบวกของสองจานวนก่อน แล้วไปบวกกบั จานวนที่เหลอื ครถู าม
นกั เรยี นว่า นกั เรียนเลือกสองจานวนใดมาบวกกนั ก่อนเพราะเหตใุ ด นักเรียนตอบวา่ เลอื ก 26 + 54 ก่อน เพราะจานวนสอง
หลกั บวกกบั จานวนสองหลักจะหาผลบวกไดง้ า่ ย จากน้ันให้นกั เรียนแสดงการหาคาตอบ นกั เรยี นอาจแสดงไดด้ ังน้ี

ครูถามนักเรียนวา่ มวี ธิ ีหาคาตอบอ่ืนอีกหรือไม่ครูสาธติ การบวกจานวนสามจานวน โดยการต้ังบวก ตามหนงั สือเรยี นหนา้ 85
2. ครสู าธติ การบวกจานวนสามหลักสามจานวนโดยการตัง้ บวก เชน่ 379 + 247 + 355 = 

ตามหนังสือเรียนหน้า 86 ดังน้ี

ข้นั ที่ 1 บวกในหลักหน่วย 9 หนว่ ย บวก 7 หนว่ ย บวก 5 หนว่ ย ได้ 21 หนว่ ย ผลบวกเปน็ จานวนสองหลักตอ้ งทดจานวนท่ี
ครบสบิ ไปหลักสบิ ดงั นนั้ ตอ้ ง ทด 2 สบิ ไปหลกั สบิ และนา 2 สบิ ท่ที ดไวไ้ ปรวมกับผลบวกในหลักสิบ
ขน้ั ที่ 2 บวกในหลักสิบ 7 สิบ บวก 4 สบิ บวก 5 สิบ บวกกบั ท่ีทดมาอีก 2 สบิ ได้ 18 สิบ ผลบวกเป็นจานวนสองหลกั ต้องทด
จานวนท่คี รบสบิ ไปหลักร้อย ดังนั้น ต้องทด 10 สิบ หรอื 1 ร้อยไปหลกั ร้อย และ นา 1 ร้อยท่ีทดไวไ้ ปรวมกับผลบวกในหลกั
ร้อย ข้ันที่ 3 บวกในหลักร้อย 3 ร้อย บวก 2 รอ้ ย บวก 3 ร้อย บวกกบั ท่ีทดมาอีก 1 ร้อย ได้ 9 ร้อย ดงั ตวั อยา่ งในหนังสือ
เรยี นหน้า 86 จะได้ 379 + 247 + 355 = 981 ครเู น้นย้าว่า การหาผลบวกของจานวนสามจานวนอาจทาได้โดยนาจานวนใน
หลักเดยี วกนั มาบวกกัน ถ้าผลบวกในหลกั ใดเป็นจานวนสองหลกั ให้ทดจานวนในหลักสบิ ไปรวมกับจานวนในหลกั ถดั ไป
ทางซา้ ย

3. ครูให้นักเรยี นชว่ ยกันหาผลบวกของจานวนสามจานวนโดยการตัง้ บวกตามตัวอย่าง 416 + 28 + 9 =  ใน
หนังสือเรียนหนา้ 87 โดยครใู ช้การถาม-ตอบในการหาผลบวก ในแตล่ ะหลกั เช่น

6 หน่วย บวก 8 หน่วย บวก 9 หน่วย ได้ก่หี น่วย แล้วตอ้ งทดไปหลักสิบเทา่ ไร
1 สิบ บวก 2 สบิ รวมกบั ที่ทดไว้อกี 2 สบิ ได้เทา่ ไร มีทดหรอื ไม่
4 ร้อย บวก 0 ร้อย บวก 0 ร้อย ไดเ้ ท่าไร แลว้ คา ตอบเป็นเทา่ ไร
ให้นักเรยี นหาคาตอบในขอ้ 1 – 9 ทลี ะข้อ แล้วครูแสดงวธิ ีคิดทถ่ี ูกต้องทีละข้อเพือ่ ตรวจสอบความถูกต้อง ครูควรเนน้ ยา้ การ
บวกที่ทดไปหลกั พันในข้อ 8 และข้อ 9 ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ขนั้ ตอนการหาผลบวกของจานวนสามจานวนโดยการต้ัง
บวกวา่ การหาผลบวกของจานวนสามจานวนอาจทาได้โดยนาจานวนในหลกั เดียวกันมาบวกกนั ถ้าผลบวกในหลกั ใดเป็น
จานวนสองหลักใหท้ ดจานวนในหลกั สิบไปรวมกบั จานวนในหลกั ถัดไปทางซา้ ย

ข้นั สรุป

ข้นั ขยายความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยใหน้ ักเรยี นแสดงการหาผลบวกของจานวนสามจานวนเป็นรายบุคคลตาม

หนงั สอื เรยี นหน้า 88 ถ้าพบว่ามนี กั เรียนยงั หาผลบวกไมถ่ ูกต้อง ครูใหน้ กั เรียนมาฝึกเพ่ิมเติมกับครเู ปน็ รายบุคคล จากน้ันครู

และนกั เรียนร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้องและสรปุ สง่ิ ที่ไดเ้ รยี นรู้การหาผลบวกของจานวนสามจานวนโดยการตงั้ บวกทาได้

โดยนาจานวนในหลักเดยี วกันมาบวกกนั ถ้าผลบวกในหลกั ใดเปน็ จานวนสองหลกั ใหท้ ดจานวนในหลกั สิบไปรวมกบั จานวนใน

หลักถัดไปทางซ้าย

ขัน้ ตรวจสอบผล

การหาผลบวกของจานวนสามจานวนโดยการตั้งบวกทาได้โดยนาจานวนในหลกั เดยี วกันมาบวกกนั ถ้าผลบวกในหลกั

ใดเป็นจานวนสองหลกั ให้ทดจานวนในหลักสิบไปรวมกับจานวนในหลักถัดไปทางซ้ายจากนนั้ ให้นกั เรียนทาแบบฝึกหัด หนา้

53 – 55

6. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมนิ ผลจุดประสงค์ วิธกี ารวดั ผล เคร่อื งมือวดั เกณฑ์การประเมินผล

ความรูค้ วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคดิ 70% ขึ้นไป ถือวา่ ผา่ น

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หัด 70% ข้นึ ไป ถอื ว่าผา่ น

-การใหเ้ หตุผล เกณฑ์การประเมิน

-การสรปุ ความรู้การปฏิบัติ

คณุ ลักษณะนิสัย (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขนึ้ ไป ถอื ว่าผา่ น
ทางานร่วมกับกลุ่ม ขณะ ทางานรว่ มกับกลุ่ม เกณฑ์การประเมนิ

7. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 สือ่ การเรียนรู้

1. หนงั สือพมิ พ์
2. บัตรตัวเลข บตั รภาพจานวนตา่ ง ๆ
3. หนังสอื เรียนสาระการเรยี นรู้พื้นฐาน คณติ ศาสตร์/ส่อื การเรยี น ร้คู ณิตศาสตร์

7.2 แหล่งการเรียนรู้

. 1. บัตรภาพ
2. บัตรตวั เลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................ ................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงช่อื ............................................ครผู ้สู อน ลงชอ่ื ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชือ่ ................................................... ผูบ้ ริหาร
(...........................................................)

สัปดาห์ที่ 4

โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/………... ชื่อผสู้ อน ….……………………………….…….............

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 2 จานวน 2 คาบ

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 การบวกและการลบจานวน เรือ่ ง การหาผลลบโดยใช้เสน้ จานวน

นบั ไมเ่ กิน 1,000

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชีว้ ัด

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลท่ีเกดิ ขึ้น

จากการดาเนนิ การ สมบัตขิ องการดาเนินการ และนาไปใช้
ตัวชว้ี ดั ที่ ป.2/4 หาคา่ ของตัวไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการบวก และประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการลบ

ของจานวนนับไมเ่ กิน 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา 2 ขน้ั ตอนของจานวนนบั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การลบจานวนสองจานวนอาจหาผลลบได้โดยใช้เส้นจานวน หรือ แผ่นตารางร้อยแผ่นตารางสิบ และแผน่ ตาราง

หน่วย

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ (K)

หาผลลบทต่ี วั ต้งั ไมเ่ กนิ 100 โดยใช้เสน้ จานวน

ด้านทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วิธีการทีเ่ หมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคณุ ลักษณะ(A)

มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความม่นั ใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นร้ทู ้องถิ่น

การหาผลลบโดยใช้เส้นจานวน พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้ คาบท่ี 1
ข้ันนา

ขั้นกระตุน้ ความสนใจ

1. ครยู กสถานการณ์การลบท่ีสอดคลอ้ งกบั ประโยคสัญลกั ษณ์ 25 – 10 =  เชน่ ตอนออกมา
จากบ้านเดก็ ชาย ก นาเงนิ มา 25 บาท ซื้อขนมหน้าโรงเรยี น 10 บาท เดก็ ชาย ก จะเหลือเงินกีบ่ าทให้นักเรียนหาคาตอบ ครู
ควรใช้คาถามเพ่ือใหน้ กั เรยี นแสดงวิธคี ิด หาคาตอบ เชน่

- นกั เรียนสามารถหาคาตอบไดอ้ ย่างไร
- นักเรยี นคดิ วา่ มวี ธิ หี าคาตอบวิธอี ืน่ หรอื ไม่
ครทู บทวนการเขยี นเสน้ จานวน อาจจะเร่มิ จาก 0 หรอื ไม่กไ็ ด้ แล้วแสดงข้ันตอนการหาผลลบโดยการลากเส้นโค้ง ดงั นี้ เรมิ่
จาก 25 ถอยไป 10 ได้ 15 ให้นกั เรียนสงั เกตว่า การลากเส้นโค้งถอยไป 10 เปน็ การลดหลกั สิบไป 1 สบิ ดังน้นั 25 − 10 = 15
ครูตดิ บตั รโจทย์ 25 − 13 =  แล้วแสดงการหาผลลบโดยการลากเส้นโคง้ เรม่ิ จาก 25 ถอยไป 10 กับอีก 3 ได้ 12 ดงั นน้ั
25 − 13 = 12

ขนั้ สอน

ขัน้ สารวจคน้ หา

1. ครยู กสถานการณ์การลบที่สอดคล้องกบั ประโยคสญั ลกั ษณ์ 25 – 10 =  เชน่ ตอนออกมาจากบา้ นเด็กชาย ก
นาเงนิ มา 25 บาท ซอื้ ขนมหน้าโรงเรียน 10 บาท เดก็ ชาย ก จะเหลือเงนิ ก่ีบาทให้นักเรียนหาคาตอบ ครคู วรใช้คาถามเพื่อให้
นกั เรยี นแสดงวธิ คี ิด หาคาตอบ เช่น

- นกั เรยี นสามารถหาคาตอบไดอ้ ย่างไร
- นักเรียนคิดวา่ มวี ธิ หี าคาตอบวิธีอื่นหรือไม่
ครทู บทวนการเขียนเสน้ จานวน อาจจะเรม่ิ จาก 0 หรอื ไม่กไ็ ด้ แล้วแสดงขน้ั ตอนการหาผลลบโดยการลากเสน้ โค้ง ดังนี้ เริ่ม
จาก 25 ถอยไป 10 ได้ 15 ใหน้ กั เรียนสังเกตว่า การลากเส้นโค้งถอยไป 10 เป็นการลดหลักสบิ ไป 1 สบิ ดงั นนั้ 25 − 10 = 15
ครูติดบตั รโจทย์ 25 − 13 =  แล้วแสดงการหาผลลบโดยการลากเสน้ โคง้ เรม่ิ จาก 25 ถอยไป 10 กบั อีก 3 ได้ 12 ดังนั้น
25 − 13 = 12
2. ครตู ิดบัตรโจทย์ 68 – 12 =  และ 47 − 21 =  ครูสุ่มนักเรียนออกมาแสดงวิธีหาผลลบ
โดยใชเ้ ส้นจานวน ข้อละ 1 คน แล้วให้เพ่อื นในห้องรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ดงั นี้จาก 68 − 12 =  ลากเส้นโคง้ เร่ิม
จาก 68 ถอยไป 10 ได้ 58 แลว้ ถอยไปอกี 2 ได้ 56 ดงั น้นั 68 − 12 = 56 จาก 47 − 21 =  ลากเส้นโค้งเร่มิ จาก 47 ถอย
ไป 10 ได้ 37 ถอยไปอกี 10 ได้ 27แล้วถอยไปอีก 1 ได้ 26 ดงั นน้ั 47 – 21 = 26
3. ครูให้นกั เรยี นช่วยกนั หาผลลบของจานวนสองจานวน โดยใช้เส้นจานวนทลี ะขอ้ ตามหนังสอื เรยี นหน้า 91 ครูควร
ใช้คาถามกระตนุ้ ใหน้ ักเรียนคิดหาคาตอบ ดังนี้
- เรมิ่ ลากเส้นโค้งจากจานวนใด
- ถอยไปเทา่ ไร และได้คาตอบเท่าไร
เชน่ 82 − 14 = ลากเส้นโค้งเร่มิ จาก 82 ถอยไป 10 ได้ 72 แลว้ ถอยไปอีก 4 ได้ 68 ดงั นน้ั 82 − 14 = 68

ข้นั สรุป

ขนั้ ขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยใหน้ ักเรยี นแสดงการหาผลลบของจานวนสองจานวนโดยใชเ้ ส้นจานวน

เปน็ รายบคุ คลตามหนังสอื เรียนหนา้ 92 ถ้าพบว่ามีนักเรียนยังหาผลลบไม่ถูกตอ้ ง ครใู ห้นักเรียนมาฝกึ เพ่ิมเติมกับครูเป็น

รายบุคคล จากนัน้ ครูและนักเรยี นร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องและสรุปสิง่ ที่ไดเ้ รียนรู้

- การลบจานวนสองจานวนอาจหาผลลบไดโ้ ดยใช้เส้นจานวน

ข้ันตรวจสอบผล

- การลบจานวนสองจานวนอาจหาผลลบได้โดยใชเ้ สน้ จานวนจากน้นั ใหน้ กั เรียนทาแบบฝกึ หัด หน้า 56 − 58

6. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมินผลจดุ ประสงค์ วธิ ีการวัดผล เครือ่ งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมินผล

ความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุน้ ความคดิ 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผ่าน

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหัด 70% ขนึ้ ไป ถือวา่ ผา่ น

-การใหเ้ หตผุ ล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรุปความรูก้ ารปฏิบัติ

คุณลกั ษณะนสิ ยั (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผ่าน

ทางานรว่ มกบั กล่มุ ขณะ ทางานรว่ มกับกลุม่ เกณฑ์การประเมนิ

7. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้

7.1 ส่อื การเรียนรู้

1. หนงั สอื พมิ พ์

2. บตั รตัวเลข บัตรภาพจานวนตา่ ง ๆ

3. หนงั สือเรียนสาระการเรียนรู้พ้นื ฐาน คณิตศาสตร์/ส่อื การเรยี น รคู้ ณติ ศาสตร์

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

. 1. บัตรภาพ

2. บตั รตวั เลข

8. กจิ กรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................. ...............................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

ลงช่อื ............................................ครผู ูส้ อน ลงชื่อ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ

(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอ่ื ................................................... ผบู้ ริหาร

(...........................................................)

สปั ดาห์ที่ 5

โรงเรียนขจรเกยี รติพัฒนา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนที่ ……1…/………... ชื่อผสู้ อน ….……………………………….…….............

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 2 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 การบวกและการลบจานวน เร่ือง การหาผลลบโดยใชแ้ ผน่ ตารางร้อย แผ่น

นบั ไม่เกิน 1,000 ตารางสบิ แผ่นตารางหน่วย

1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชวี้ ัด

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลท่ีเกดิ ข้ึน

จากการดาเนนิ การ สมบัตขิ องการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตัวชีว้ ดั ที่ ป.2/4 หาคา่ ของตัวไมท่ ราบคา่ ใน ประโยคสญั ลักษณ์แสดงการบวก และประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการลบ

ของจานวนนบั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขั้นตอนของจานวนนับไมเ่ กิน 1,000 และ 0

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

การลบจานวนสองจานวนอาจหาผลลบได้โดยใช้เส้นจานวน หรือ แผ่นตารางรอ้ ยแผน่ ตารางสิบ และแผ่นตาราง

หนว่ ย

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ (K)

หาผลลบที่ตัวตงั้ ไมเ่ กนิ 1,000 โดยใชแ้ ผน่ ตารางรอ้ ย แผ่นตารางสบิ แผน่ ตารางหนว่ ย

ด้านทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วิธีการท่ีเหมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคุณลักษณะ(A)

มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความมัน่ ใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ ้องถ่นิ

การหาผลลบโดยใช้แผน่ ตารางร้อย แผน่ ตารางสบิ พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา

แผน่ ตารางหนว่ ย

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ คาบที่ 1
ขน้ั นา

ข้นั กระตุ้นความสนใจ

1. ครูใหน้ กั เรียนทากจิ กรรมหาผลลบตามหนงั สอื เรียนหน้า 93 โดยแบง่ นักเรยี นเปน็ กลุม่ และแจกอปุ กรณก์ ลมุ่ ละ 1
ชดุ ครูติดบตั รโจทย์ 219 − 118 =  แลว้ ถามนักเรยี นวา่ จะหาคาตอบได้อยา่ งไร ครูสาธิตการหาผลลบโดยใช้แผ่นตาราง
ร้อย แผน่ ตารางสิบ และแผ่นตารางหนว่ ยในการหาคาตอบ ดังน้ีครูแสดงจานวน 219 ด้วยแผน่ ตารางรอ้ ย แผ่นตารางสิบ และ
แผ่นตารางหนว่ ย

ขนั้ สอน

ขนั้ สารวจค้นหา

1. ครใู ห้นกั เรยี นทากจิ กรรมหาผลลบตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 93 โดยแบง่ นกั เรยี นเปน็ กลมุ่ และแจกอุปกรณ์กลุ่มละ 1
ชดุ ครูติดบัตรโจทย์ 219 − 118 =  แลว้ ถามนกั เรียนว่าจะหาคาตอบได้อยา่ งไร ครูสาธติ การหาผลลบโดยใช้แผน่ ตาราง
ร้อย แผ่นตารางสบิ และแผ่นตารางหน่วยในการหาคาตอบ ดังนี้ครแู สดงจานวน 219 ด้วยแผน่ ตารางร้อย แผน่ ตารางสบิ และ
แผ่นตารางหนว่ ย ครูถามนักเรียนวา่

- 219 ลบดว้ ย 118 หมายความว่าอยา่ งไร
- 219 เอาออก 118 จะเหลือเท่าไร มวี ิธหี าคาตอบไดอ้ ยา่ งไร
นักเรยี นตอบว่า ต้องนาแผน่ ตารางรอ้ ย แผน่ ตารางสบิ และแผน่ ตารางหน่วย ที่แสดงจานวน 118 ออกไปจากแผ่นตารางรอ้ ย
แผ่นตารางสิบ และแผน่ ตารางหน่วย ทแี่ สดงจานวน 219 แลว้ ผลลบนับได้จากแผ่นตารางทเี่ หลอื จากนั้นครูถามนักเรยี นวา่
ตอ้ งนาแผน่ ตารางร้อย แผ่นตารางสบิ และแผ่นตารางหน่วย ออกไปอยา่ งละกีแ่ ผน่ ครูแสดงการลบโดยการเอาแผ่นตารางร้อย
ออก 1 แผ่น แผ่นตารางสบิ ออก 1 แผน่ และแผน่ ตารางหน่วยออก 8 แผน่ ผลลบคือ แผน่ ตารางร้อย แผน่ ตารางสบิ และแผน่
ตารางหนว่ ย ท่เี หลอื อยู่ ครูให้นักเรยี นนับแผ่นตารางร้อย แผน่ ตารางสิบ และแผน่ ตารางหน่วยท่ีเหลือ จะได้ แผน่ ตารางรอ้ ย
1 แผน่ แผ่นตารางสบิ 0 แผน่ และแผน่ ตารางหน่วย 1 แผน่ ซงึ่ แสดงจานวน 101 ดังนน้ั 219 − 118 = 101 ครใู ห้นกั เรยี น
ตรวจสอบวา่ 101 + 118 = 219 หรอื ไมค่ รูกาหนดจานวนครง้ั ละ 2 จานวน เช่น 314 กบั 212 ให้นกั เรียนหาผลลบโดยไมม่ ี
การกระจาย และใหส้ ังเกตวา่ ผลลบบวกกบั ตัวลบเท่ากบั ตัวต้ัง
2. ครูติดบตั รโจทย์ 350 − 237 =  ซ่ึงเปน็ การลบท่มี ีการกระจาย ครสู าธิตการลบโดยใชแ้ ผ่นตารางร้อย แผน่
ตารางสบิ และแผน่ ตารางหน่วย ดังน้ี ครูแสดงจานวน 350 ดว้ ยแผ่นตารางร้อย 3 แผน่ แผน่ ตารางสบิ 5 แผ่น ครถู าม
นักเรยี นวา่
- 350 ลบดว้ ย 237 หมายความวา่ อย่างไร
- 350 เอาออก 237 จะเหลือเทา่ ไร มีวิธีหาคาตอบได้อย่างไร
นักเรียนตอบวา่ ตอ้ งนาแผน่ ตารางร้อย แผน่ ตารางสบิ และแผน่ ตารางหนว่ ย ทแ่ี สดงจานวน 237 ออกไปจากแผ่นตารางร้อย
แผน่ ตารางสิบ และแผ่นตารางหนว่ ย ที่แสดงจานวน 350 แล้วผลลบนบั ได้จากแผ่นตารางท่ีเหลือ จากนั้นครถู ามนักเรียนวา่
ต้องนาแผน่ ตารางรอ้ ย แผน่ ตารางสิบและแผ่นตารางหนว่ ย ออกไปอย่างละกี่แผ่นครูแสดงการลบโดยการเอาแผน่ ตารางรอ้ ย
ออก 2 แผ่น แผน่ ตารางสบิ ออก 3 แผน่ และแผน่ ตารางหน่วยออก 7 แผ่น แตเ่ นือ่ งจากแผน่ ตารางหน่วยท่ีแสดงจานวน 350
มี 0 แผ่น จงึ ตอ้ งกระจายแผ่นตารางสิบมา 1 แผน่ ไดแ้ ผน่ ตารางหนว่ ย 10 แผ่นก่อน แลว้ จงึ เอาแผน่ ตารางหน่วยออก 7 แผน่
ผลลบคือ แผ่นตารางร้อย แผ่นตารางสบิ และแผน่ ตารางหนว่ ยทเี่ หลืออยู่ ครูให้นักเรียนนับแผ่นตารางรอ้ ย แผน่ ตารางสบิ

และแผ่นตารางหน่วยท่เี หลือจะได้ แผ่นตารางร้อย 1 แผน่ แผ่นตารางสบิ 1 แผ่น และแผ่นตารางหน่วย 3 แผน่ ซ่งึ แสดง
จานวน 113 ดงั น้นั 350 − 237 = 113 ครใู ห้นกั เรียนตรวจสอบว่า 113 + 237 = 350 หรือไม่ครูให้นักเรยี นชว่ ยกนั หาผลลบ
โดยใช้แผ่นตารางรอ้ ย แผน่ ตารางสิบ และแผน่ ตารางหน่วยในกรอบท้ายหนา้ 94 และตรวจสอบว่า ผลลบบวกกับตัวลบ
เท่ากบั ตวั ตงั้ หรือไม่ จากน้ันครแู ละนักเรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง

3. ใชว้ ธิ จี ดั กิจกรรมเหมอื นหน้า 94 แตเ่ น้นใหน้ กั เรียนกระจายแผ่นตารางร้อย 1 แผ่น เป็นแผน่ ตารางสบิ 10 แผ่น ครู
ใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั หาผลลบโดยใช้ แผน่ ตารางร้อย แผ่นตารางสิบ และแผน่ ตารางหน่วยในกรอบท้ายหนา้ 95 และตรวจสอบ
ว่า ผลลบบวกกับตัวลบเทา่ กับตวั ตงั้ หรือไม่ จากนัน้ ครแู ละนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้อง

ขั้นสรปุ

ขน้ั ขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยให้นักเรียนแสดงการหาผลลบของจานวนสองจานวนโดยใช้แผ่นตาราง

ร้อย แผน่ ตารางสิบ และแผ่นตารางหน่วยเป็นรายบคุ คลตามหนังสอื เรยี นหน้า 96 ถ้าพบว่ามนี ักเรยี นยังหาผลลบไม่ถูกต้อง ครู

ให้นักเรยี นมาฝึกเพ่มิ เติมกับครูเปน็ รายบุคคล จากนัน้ ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้องและสรปุ สงิ่ ที่ได้เรยี นรู้

- การลบจานวนสองจานวนอาจหาผลลบโดยใช้แผ่นตารางร้อย แผ่นตารางสบิ และแผ่นตารางหนว่ ย

- ผลลบบวกตวั ลบเท่ากับตัวตั้ง

ขั้นตรวจสอบผล

- การลบจานวนสองจานวนอาจหาผลลบโดยใชแ้ ผ่นตารางรอ้ ย แผน่ ตารางสบิ และแผน่ ตารางหน่วย

- ผลลบบวกตวั ลบเท่ากบั ตัวตงั้ จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นทาแบบฝึกหัด หน้า 59 − 60

6. การวัดและประเมนิ ผล

การวดั และประเมินผลจุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครอ่ื งมือวัด เกณฑก์ ารประเมินผล

ความรู้ความเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคิด 70% ข้นึ ไป ถอื ว่าผ่าน

-การสังเกต เกณฑ์การประเมนิ

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หดั 70% ข้ึนไป ถอื วา่ ผ่าน

-การให้เหตผุ ล เกณฑ์การประเมิน

-การสรุปความรกู้ ารปฏิบตั ิ

คุณลักษณะนิสัย (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ข้ึนไป ถือวา่ ผา่ น

ทางานร่วมกบั กลุม่ ขณะ ทางานรว่ มกับกลุม่ เกณฑ์การประเมิน

7. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 ส่อื การเรียนรู้

1. หนงั สือพมิ พ์
2. บัตรตวั เลข บตั รภาพจานวนตา่ ง ๆ
3. หนงั สอื เรยี นสาระการเรียนรู้พืน้ ฐาน คณติ ศาสตร์/สอื่ การเรียน รูค้ ณติ ศาสตร์

7.2 แหลง่ การเรยี นรู้

. 1. บตั รภาพ
2. บตั รตวั เลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สัปดาหท์ ี่ 5

โรงเรียนขจรเกียรติพัฒนา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรียนที่ ……1…/………... ช่ือผ้สู อน ….……………………………….…….............

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 2 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การบวกและการลบจานวน เรอ่ื ง การหาผลลบโดยการต้งั ลบไม่มกี ารกระจาย

นบั ไม่เกนิ 1,000

1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชว้ี ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลท่ีเกิดขึน้

จากการดาเนนิ การ สมบตั ขิ องการดาเนินการ และนาไปใช้
ตวั ช้วี ดั ที่ ป.2/4 หาค่าของตัวไมท่ ราบค่าใน ประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการบวก และประโยคสัญลักษณแ์ สดงการลบ

ของจานวนนับไม่เกิน 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา 2 ขนั้ ตอนของจานวนนับไมเ่ กิน 1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

การหาผลลบของจานวนสองจานวนโดยการตั้งลบ ต้องเขียนเลขโดดในหลักเดียวกนั ใหต้ รงกัน แล้วจึงนาจานวนทอ่ี ยู่

ในหลกั เดยี วกันมาลบกันโดยเร่ิมจากหลักหน่วยหลกั สิบ และหลักร้อย ตามลาดบั

− ถ้าเลขโดดในหลกั หนว่ ยของตวั ตงั้ มีค่าน้อยกว่าเลขโดดในหลักหน่วยของตัวลบ ต้องกระจายจานวนจากหลักสิบไป

หลกั หนว่ ย

− ถา้ เลขโดดในหลักสบิ ของตัวตงั้ มีค่านอ้ ยกว่าเลขโดดในหลักสบิ ของตัวลบ ตอ้ งกระจายจานวนจากหลกั ร้อยไปหลัก

สบิ การหาผลลบของจานวนสามจานวนโดยการตั้งลบ ให้นาจานวนสองจานวนมาลบกนั ก่อน แล้วนาผลลบไปลบกบั จานวนท่ี

เหลอื

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

ด้านความรู้ (K)

หาผลลบโดยการต้งั ลบไม่มีการกระจายทตี่ วั ตง้ั ไมเ่ กิน 1,000

ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ธิ ีการท่เี หมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคณุ ลกั ษณะ(A)

มีวจิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมั่นใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถ่นิ

การหาผลลบโดยการตงั้ ลบไมม่ ีการกระจาย พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ คาบที่ 1
ข้ันนา

ขั้นกระตุ้นความสนใจ

1. ครูนาเข้าส่บู ทเรยี นโดยการสนทนากับนักเรยี นว่า ตน้ กล้ามีเงิน 198 บาท ซื้อลกู ชิ้น 75 บาท ตน้ กลา้ เหลือเงนิ ก่ี
บาท ซ่งึ เปน็ สถานการณ์ท่ีตอ้ งใช้การลบ ครถู ามนักเรียนว่าจะหาคาตอบได้อยา่ งไร นกั เรียนตอบว่า นา 198 ลบด้วย 75 ครู
ถามว่าจะหาผลลบได้อยา่ งไรบา้ ง นักเรยี นอาจตอบวา่ หาผลลบโดยใช้แผ่นตารางรอ้ ย แผ่นตารางสิบและแผน่ ตารางหน่วย ครู
ถามนกั เรียนวา่ จะมวี ธิ ีอ่ืนในการหาผลลบได้อีกหรือไม่ นักเรยี นอาจตอบว่าหาผลลบโดยการตั้งลบครถู ามนักเรียนวา่ การหา
ผลลบโดยการตง้ั ลบจะมีวธิ กี ารต้ังลบอย่างไร นักเรียนตอบวา่ เขยี นเลขโดดในหลักเดยี วกนั ใหต้ รงกัน แล้วนาจานวนในหลกั
เดยี วกันมาลบกัน ครตู ิดบัตรคา หลักร้อย หลกั สิบ หลกั หน่วย และบัตรตัวเลข 198 และ 75 บนกระดาน โดยใหเ้ ลขโดดท่ีอยู่
ในหลกั เดยี วกันตรงกนั ครสู าธิตการลบโดยการตั้งลบทลี ะขั้นตอน ดังตัวอย่างในหนังสอื เรยี นหนา้ 97 จะได้ 198 − 75 = 123
ดังนน้ั ต้นกล้าเหลือเงนิ 123 บาท

ขั้นสอน

ขั้นสารวจคน้ หา

1. ครนู าเข้าสูบ่ ทเรียนโดยการสนทนากับนักเรยี นว่า ตน้ กล้ามีเงนิ 198 บาท ซ้ือลูกช้นิ 75 บาท ตน้ กลา้ เหลอื เงนิ กี่
บาท ซึ่งเปน็ สถานการณ์ทต่ี ้องใชก้ ารลบ ครูถามนักเรียนวา่ จะหาคาตอบได้อยา่ งไร นักเรยี นตอบว่า นา 198 ลบด้วย 75 ครู
ถามวา่ จะหาผลลบได้อยา่ งไรบา้ ง นักเรยี นอาจตอบวา่ หาผลลบโดยใชแ้ ผ่นตารางร้อย แผ่นตารางสิบและแผน่ ตารางหน่วย ครู
ถามนกั เรยี นว่า จะมวี ิธีอ่ืนในการหาผลลบได้อีกหรือไม่ นักเรียนอาจตอบวา่ หาผลลบโดยการตง้ั ลบครถู ามนักเรียนว่า การหา
ผลลบโดยการต้งั ลบจะมีวิธกี ารต้ังลบอย่างไร นักเรียนตอบวา่ เขียนเลขโดดในหลักเดียวกนั ให้ตรงกัน แลว้ นาจานวนในหลัก
เดียวกันมาลบกัน ครูติดบัตรคา หลกั ร้อย หลักสบิ หลักหนว่ ย และบตั รตัวเลข 198 และ 75 บนกระดาน โดยใหเ้ ลขโดดทอี่ ยู่
ในหลกั เดยี วกนั ตรงกัน ครูสาธติ การลบโดยการตง้ั ลบทลี ะขั้นตอน ดังตัวอย่างในหนงั สือเรยี นหนา้ 97 จะได้ 198 − 75 = 123
ดังนัน้ ต้นกลา้ เหลอื เงนิ 123 บาท
2. ครยู กตวั อย่างจานวนสามหลักลบดว้ ยจานวนสามหลักทไี่ ม่มีทด เช่น 597 − 216 =  ครสู าธิต
การหาผลลบโดยการตั้งลบทลี ะขนั้ ตอน ตามหนังสือเรยี นหน้า 98 โดยเน้นย้าว่า การเขียนตวั เลขในการตง้ั ลบ
ต้องเขยี นเลขโดดท่ีอย่ใู นหลกั เดยี วกนั ให้ตรงกนั แลว้ นาจานวนในหลักเดยี วกนั มาลบกนั
3. ครูยกตัวอย่าง 497 − 23 = ดงั นี้ เขยี นเลขโดดในหลักเดียวกนั ใหต้ รงกนั
ข้ันท่ี 1 ลบในหลกั หน่วย 7 หนว่ ยลบด้วย 3 หนว่ ย ได้ 4 หนว่ ย
ขั้นท่ี 2 ลบในหลกั สิบ 9 สบิ ลบดว้ ย 2 สบิ ได้ 7 สบิ
ขั้นที่ 3 ลบในหลกั รอ้ ย 4 ร้อยลบดว้ ย 0 รอ้ ย ได้ 4 ร้อย
ดังน้ัน 497 − 23 = 474 จากน้ันครูยกตวั อยา่ งท่ี 2 986 − 452 =  ให้นกั เรยี นช่วยกนั แสดงวิธี
หาผลลบโดยการตง้ั ลบ ทานองเดยี วกับตวั อยา่ งท่ี 1 โดยบอกขั้นตอนการหาผลลบทีละขั้นตอน แล้วครู
ใหน้ ักเรียนหาผลลบ ขอ้ 1 - 4 ทลี ะข้อ ตามหนังสอื เรยี นหนา้ 99 ครแู สดงวิธีคิดท่ีถูกต้องทลี ะข้อเพ่ือตรวจสอบ
ความถูกต้อง ครูและนักเรยี นร่วมกันสรปุ ขัน้ ตอนการหาผลลบโดยการต้ังลบ

ข้ันสรปุ

ขนั้ ขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี น โดยใหน้ กั เรยี นแสดงการหาผลลบโดยการตง้ั ลบเป็นรายบคุ คล ตามหนังสอื เรียนหนา้

100 ถา้ พบวา่ มนี ักเรยี นยังหาผลลบไม่ถกู ต้องครูใหน้ ักเรียนมาฝึกเพ่ิมเตมิ กับครูเป็นรายบุคคล จากนนั้ ครูและนกั เรียนร่วมกัน

ตรวจสอบความถูกตอ้ งและสรุปสง่ิ ทีไ่ ดเ้ รียนรู้

- การหาผลลบโดยการตงั้ ลบ ต้องเขียนเลขโดดในหลกั เดยี วกันใหต้ รงกนั แล้วจงึ นาจานวนทอี่ ยใู่ นหลกั เดียวกนั มาลบกนั

ขน้ั ตรวจสอบผล

- การหาผลลบโดยการตงั้ ลบ ต้องเขยี นเลขโดดในหลกั เดียวกนั ให้ตรงกนั แลว้ จึงนาจานวนที่อยใู่ นหลกั เดยี วกนั มาลบกัน

จากนัน้ ใหน้ กั เรียนทาแบบฝกึ หดั หน้า 61 – 63

6. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วธิ กี ารวัดผล เครือ่ งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมินผล

ความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุน้ ความคิด 70% ขึน้ ไป ถือว่าผ่าน

-การสังเกต เกณฑ์การประเมิน

ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หัด 70% ข้ึนไป ถือว่าผ่าน

-การใหเ้ หตุผล เกณฑ์การประเมิน

-การสรปุ ความรู้การปฏิบตั ิ

คณุ ลกั ษณะนิสยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ข้นึ ไป ถอื ว่าผ่าน

ทางานร่วมกับกล่มุ ขณะ ทางานรว่ มกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมิน

7. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สื่อการเรยี นรู้

1. หนงั สอื พมิ พ์
2. บัตรตวั เลข บตั รภาพจานวนต่าง ๆ
3. หนงั สือเรียนสาระการเรยี นรู้พ้ืนฐาน คณติ ศาสตร์/ส่ือการเรียน รคู้ ณติ ศาสตร์

7.2 แหล่งการเรยี นรู้

. 1. บตั รภาพ
2. บตั รตัวเลข

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครผู ู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชื่อ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สัปดาหท์ ่ี 5

โรงเรียนขจรเกียรตพิ ฒั นา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/………... ชอ่ื ผ้สู อน ….……………………………….…….............

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 การบวกและการลบจานวน เรอ่ื ง การหาผลลบโดยการตง้ั ลบมกี ารกระจาย(1)

นบั ไมเ่ กิน 1,000

1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ช้ีวัด

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลท่เี กิดขนึ้

จากการดาเนนิ การ สมบตั ขิ องการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตัวชี้วัดท่ี ป.2/4 หาคา่ ของตวั ไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก และประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการลบ

ของจานวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา 2 ขน้ั ตอนของจานวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การหาผลลบของจานวนสองจานวนโดยการต้ังลบ ต้องเขยี นเลขโดดในหลักเดียวกันใหต้ รงกนั แล้วจึงนาจานวนท่อี ยู่

ในหลักเดียวกนั มาลบกนั โดยเร่ิมจากหลักหนว่ ยหลักสบิ และหลักร้อย ตามลาดบั

− ถา้ เลขโดดในหลกั หน่วยของตัวตงั้ มีค่าน้อยกวา่ เลขโดดในหลกั หน่วยของตัวลบ ตอ้ งกระจายจานวนจากหลักสิบไป

หลักหนว่ ย

− ถ้าเลขโดดในหลกั สิบของตัวตั้งมคี ่าน้อยกว่าเลขโดดในหลักสบิ ของตวั ลบ ตอ้ งกระจายจานวนจากหลักร้อยไปหลัก

สบิ การหาผลลบของจานวนสามจานวนโดยการตั้งลบ ใหน้ าจานวนสองจานวนมาลบกนั ก่อน แลว้ นาผลลบไปลบกับจานวนท่ี

เหลือ

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ (K)

หาผลลบโดยการต้ังลบมีการกระจายหนง่ึ หลักทีต่ ัวตงั้ ไม่เกนิ 1,000

ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)

ใช้วธิ ีการทีเ่ หมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคณุ ลักษณะ(A)

มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมัน่ ใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิน่

การหาผลลบโดยการตงั้ ลบมีการกระจาย พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา


Click to View FlipBook Version