ข้นั สอน
ขนั้ สารวจคน้ หา
1. ครสู นทนากับนักเรียนเก่ียวกับความสูงของนักเรียนแต่ละคน แล้วให้นักเรียนบอกความสูงของตนเอง แล้วใช้การถาม-ตอบ
ว่าใครสูงกว่า และใครเตี้ยกว่า จากนั้นครูใช้ข้อมูลในหนังสือเรียนหน้า 165 ถามนักเรียนว่าใบบัวสูงกว่าแก้วตาเท่าไร หา
คาตอบไดอ้ ยา่ งไร
นักเรยี นตอบวา่ ใบบัวสงู กวา่ แก้วตา 132 – 120 = 12 เซนตเิ มตร
ครถู ามต่อไปวา่ ขุนสงู เทา่ ไรและสูงกวา่ ใบบวั เท่าไร
นกั เรยี นตอบวา่ ขนุ สงู 141 เซนตเิ มตร และขุนสงู กว่าใบบัว 141 - 132 = 9 เซนติเมตร
จากนั้นครูใหน้ ักเรียนช่วยกนั เปรียบเทียบความยาวของกระดาษสายรุ้งสีแดงและกระดาษสายรุ้งสีเขียวในกรอบท้ายหน้า 165
ว่ากระดาษสายรงุ้ สใี ดสน้ั กว่า และส้นั กวา่ กนั เท่าไร (สีเขียวสั้นกว่าและ สั้นกวา่ 450 – 372 = 78 เซนติเมตร)
2. ครยู กตัวอย่างการเปรยี บเทียบความยาวท่ีมีหนว่ ยเมตรตา่ งกันตามหนงั สือเรยี นหน้า 166 โดย
การเปรียบความยาวของธงราวเส้นท่ี 1 กบั เสน้ ที่ 2 ครใู ห้นักเรียนบอกความยาวของธงราวเส้นท่ี 1 (ยาว 2 เมตร 25
เซนตเิ มตร) และธงราวเสน้ ที่ 2 (ยาว 3 เมตร 15 เซนติเมตร) ให้นักเรยี นสงั เกตความยาวที่เป็นหน่วย
เมตรว่า ธงราวใดมคี วามยาวเปน็ เมตรมากกว่าธงราวน้นั จะมคี วามยาวมากกว่า ดังนั้น ธงราวเส้นท่ี 2 ยาวกว่า เส้นที่ 1 แล้วครู
ถามนักเรียนว่า ธงราวเส้นที่ 2 กับ เส้นท่ี 3 ธงราว เส้นใดส้ันกว่า (ธงราวเส้นท่ี 3 ส้ันกว่าธงราวเส้นที่ 2) ครูให้นักเรียน
พิจารณาความยาวของธงราวทั้ง 2 เส้น จนได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ธงราวใดมีความยาวเป็นเมตร น้อยกว่า ธงราวนั้นจะมีความ
ยาวสน้ั กว่า ดังนน้ั ธงราวเส้นที่ 3 ส้นั กว่า ธงราวเสน้ ท่ี 2 จากนัน้ ครูยกตวั อย่างการเปรยี บเทยี บความยาวที่มีหน่วยเมตรเท่ากัน
โดยใหน้ ักเรยี นพจิ ารณาว่า ธงราวเส้นที่ 1 กบั ธงราวเสน้ ท่ี 3 เส้นใดยาวกว่า เพราะเหตุใด โดยให้สังเกตความยาวเป็นเมตร ซ่ึง
ความยาวเปน็ เมตรเทา่ กนั แล้วใหส้ ังเกตความยาวเป็นเซนติเมตร จะได้ว่าความยาวเป็นเซนติเมตรของธงราวเส้นท่ี 3 มากกว่า
ดังนั้น ธงราวเส้นที่ 3 ยาวกว่า ธงราวเส้นที่ 1 ครูอาจยกตัวอย่างการเปรียบเทียบในลักษณะเดียวกันน้ีเพิ่มเติมอีก 2 – 3
ตวั อย่าง จากนั้นครใู หน้ กั เรยี นชว่ ยกันตอบคาถามข้อ 1 และ 2 ในกรอบท้ายหน้า 166 ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความ
ถูกตอ้ ง
3. ครใู หน้ ักเรียนช่วยกันตอบคาถามตามหนังสือเรียนหน้า 167 ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบความสูงของอาคาร A อาคาร
B และอาคาร C และจากน้ันให้นักเรียนเปรียบเทียบระยะทางจากอาคาร A ไปอาคาร B ระยะทางจากอาคาร B ไปอาคาร C
ระยะทางจากอาคาร A ไปอาคาร C โดยใช้หลักการเปรียบเทียบตามข้อสรุปท่ีได้จากหน้า 166ครูและนักเรียนร่วมกัน
ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
ขั้นสรุป
ขนั้ ขยายความเข้าใจ
4. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยให้นักเรียนเปรียบเทียบความยาวหรือความสูงของส่ิงท่ีกาหนดให้ เป็น
รายบุคคล ครแู ละนกั เรียนร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้อง และร่วมกนั สรุปสง่ิ ท่ไี ดเ้ รียนรู้
- การเปรียบเทียบความยาวเป็นเมตรและเซนติเมตรของสิ่งต่าง ๆ สองส่ิง สิ่งท่ีมีความยาวเป็นเมตรมากกว่าจะยาว
กวา่ ถ้าความยาวเป็นเมตรเทา่ กันส่ิงทีม่ คี วามยาวเปน็ เซนติเมตรมากกวา่ จะยาวกว่า
ขน้ั ตรวจสอบผล
- การเปรียบเทยี บความยาวเป็นเมตรและเซนตเิ มตรของส่ิงต่าง ๆ สองส่งิ ส่งิ ทมี่ คี วามยาวเป็นเมตรมากกว่าจะยาว
กวา่ ถา้ ความยาวเปน็ เมตรเท่ากนั ส่งิ ที่มีความยาวเป็นเซนติเมตรมากกวา่ จะยาวกวา่ จากนัน้ ใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหดั หน้า
105 - 106
6. การวัดและประเมนิ ผล
การวดั และประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วธิ ีการวัดผล เคร่อื งมือวดั เกณฑ์การประเมนิ ผล
ความรคู้ วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุน้ ความคดิ 70% ข้ึนไป ถอื ว่าผา่ น
-การสงั เกต เกณฑ์การประเมนิ
ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หดั 70% ขนึ้ ไป ถือว่าผ่าน
-การให้เหตผุ ล เกณฑ์การประเมนิ
-การสรปุ ความรู้การปฏิบัติ
คุณลักษณะนสิ ัย (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ น
ทางานรว่ มกับกลุ่ม ขณะ ทางานร่วมกับกลุม่ เกณฑ์การประเมิน
7. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สอ่ื การเรียนรู้
1. บตั รภาพแสดงการวดั ความยาวหรอื ความสูงในสถานการณต์ า่ ง ๆ
2. ไมเ้ มตร สายวดั ชนดิ ตลบั (ชนิดผ้า)
3. สิ่งที่ตอ้ งการวัด เชน่ ดินสอ ไม้กวาด ขวดนา้
7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
. 1. บัตรภาพ
2. บัตรตัวเลข
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
ลงช่อื ............................................ครูผูส้ อน ลงช่อื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชือ่ ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)
สปั ดาห์ท่ี 8
โรงเรียนขจรเกยี รติพัฒนา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรียนที่ ……1…/…………... ชอื่ ผูส้ อน ….……………………………….…….............
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 2 จานวน 1 คาบ
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 การวัดความยาว เรื่อง การเปรยี บเทียบความยาว (2)
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ัด
มาตรฐาน ค 2.1 เขา้ ใจพ้นื ฐานเกย่ี วกับการวดั วดั และคาดคะเนขนาดของส่งิ ท่ตี ้องการวดั และไปใช้
ตวั ชี้วดั ที่ ป.2/2 วดั และเปรียบเทยี บความยาวเป็นเมตร และเซนตเิ มตร
ป.2/3 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปญั หา การบวก การลบเกยี่ วกับความยาวทีม่ ี
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
• การเปรียบเทยี บความยาวเป็นเมตรและเซนตเิ มตรของสง่ิ ต่าง ๆ สองส่ิง สิ่งที่มีความยาวเป็นเมตรมากกวา่ จะยาว
กวา่ ถ้าความยาวเปน็ เมตรเท่ากนั สิ่งทม่ี คี วามยาวเป็นเซนติเมตรมากกวา่ จะยาวกว่า
• การเปรียบเทียบความยาวท่ีมีหนว่ ยต่างกนั ต้องเปลี่ยนหน่วยใหเ้ ปน็ หนว่ ยเดียวกันกอ่ นแล้วนามาเปรยี บเทียบกนั
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
เปรยี บเทียบความยาวหรอื ความสูงได้
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
ใช้วิธกี ารที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้
ด้านคุณลกั ษณะ(A)
มวี ิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมนั่ ใจ
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ ้องถิ่น
การเปรียบเทยี บความยาว พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
คาบท่ี 1
ขัน้ นา
ขน้ั กระตุ้นความสนใจ
1. ครสู นทนากบั นักเรียนเกย่ี วกบั การเปรียบเทยี บความยาวทเ่ี ป็นหน่วยเดียวกันโดยอาจเปรียบเทียบความสูงของ
นกั เรียน 2 คน แล้วนาเข้าสู่การเปรียบเทยี บความยาวท่ีมหี น่วยต่างกนั ท่ีใช้ความสัมพนั ธ์ 1 เมตร เท่ากับ 100 เซนตเิ มตร
ขน้ั สอน
ข้นั สารวจคน้ หา
1. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการเปรียบเทียบความยาวที่เป็นหน่วยเดียวกันโดยอาจเปรียบเทียบความสูงของนักเรียน 2
คน แล้วนาเข้าสู่การเปรียบเทียบความยาวท่ีมีหน่วยต่างกันท่ีใช้ความสัมพันธ์ 1 เมตร เท่ากับ 100 เซนติเมตร จากน้ันครู
ยกตัวอย่างตามหนังสือเรียนหน้า 169 ครูถามนักเรียนว่าต้นกล้าสูงเท่าไร ช้ันวางหนังสือสูงเท่าไร ต้นกล้ากับช้ันวางหนังสือ
อะไรสงู กว่า ซง่ึ ในการเปรียบเทยี บความสงู ของตน้ กล้า
132 เซนติเมตร หรือ 1 เมตร 32 เซนติเมตร และความสูงของชั้นวางหนังสือ 1 เมตร 20 เซนติเมตร หรือ 120 เซนติเมตร
อาจเปรียบเทียบในหน่วยเซนติเมตร หรือเปรียบเทียบในหน่วยเมตรและเซนติเมตรก็ได้ แต่ในการเปรียบเทียบในหน่วยเมตร
และเซนติเมตร จานวนในเมตรเป็น 1 เมตร เท่ากัน จึงต้องเปรียบเทียบในหน่วยเซนติเมตร ครูอาจยกตัวอย่างอ่ืนเพ่ิมเติมเช่น
ประตูหอ้ งเรียนสูง 220 เซนตเิ มตร ประตูหอ้ งน้าสงู 2 เมตร 10 เซนตเิ มตร นกั เรียนเปรียบเทียบประตูทั้งสองบาน จากน้ันครู
และนักเรียนร่วมกันสรุปว่า การเปรียบเทียบความยาวท่ีมีหน่วยต่างกันต้องเปล่ียนหน่วยความยาวให้เป็นหน่วยเดียวกันก่อน
แลว้ จึงนามาเปรียบเทียบกัน
2. ครูยกตัวอยา่ งความยาวของเชอื กชนิดต่าง ๆ ตามหนังสือเรียนหน้า 170 แล้วให้นักเรียนช่วยกันเปรียบเทียบความ
ยาวโดยการเปลี่ยนหน่วยความยาวของเชอื กไนล่อน เชอื กฟาง และไหมพรม ให้เป็นหน่วยความยาวเดียวกัน เช่น เชือกไนล่อน
ยาว 3 ม.75 ซม. หรือ375 เซนติเมตร เชือกฟางยาว 410 เซนติเมตร หรือ 4 ม. 10 ซม. ไหมพรมยาว 5 ม. หรือ 500
เซนติเมตร แล้วนักเรยี นชว่ ยกันตอบคาถามข้อ 1 - 4 ในกรอบท้ายหนา้ 170
3. ครูจัดกิจกรรมสนุกกับการเปรียบเทียบ โดยเตรียมบัตรภาพ 2 ชุด ชุดที่ 1 บัตรภาพความยาว ชุดท่ี 2 บัตรภาพ
ความสงู แลว้ แบง่ นกั เรยี นออกเป็นกลมุ่ ตามความเหมาะสมกับจานวนนักเรยี นในชั้นเรยี น แนะนาการทางานร่วมกันเป็นทีม ครู
ตดิ บตั รภาพชดุ ที่ 1 บนกระดาน ให้นักเรยี นแต่ละกลุ่มระดมความคิดในการเปรียบเทียบความยาวของส่ิงของในภาพเชือกยาว
2 ม. 20 ซม หรือ 220 ซม. ริบบ้ินยาว 1 ม. 50 ซม. หรือ 150 ซม. โซ่ยาว 2 ม. 50 ซม. หรือ 250 ซม. แล้วเรียงลาดับความ
ยาวของ โซ่ เชือก และ ริบบ้ิน พร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบการเปรียบเทียบ ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง
จากน้นั ครตู ดิ บัตรภาพชุดที่ 2 ใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ ระดมความคิดในการเปรยี บเทยี บความสูงของสิ่งของในภาพเสาธงสูง 8 ม.
หรือ 800 ซม.หอนาฬิกาสูง 750 ซม. หรือ 7 ม. 50 ซม. เสาไฟถนนสูง 6 ม. 50 ซม. หรือ 650 ซม. แล้วเรียงลาดับความสูง
ของ เสาธง หอนาฬิกา และ เสาไฟถนน พร้อมท้ังให้เหตุผลประกอบการเปรียบเทียบ ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความ
ถูกต้อง
ขั้นสรปุ
ขั้นขยายความเข้าใจ
4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยให้นกั เรียนเปรยี บเทียบความยาวหรอื ความสงู ของสงิ่ ที่กาหนดให้ตามหนังสือ
เรยี น หนา้ 172 เป็นรายบคุ คล ครูอาจเสริมกิจกรรมโดยกาหนดส่ิงของมาให้เช่น เชือกสีฟ้ายาว 2 ม. 20 ซม. ให้นักเรียนบอก
ความยาวของเชือกสีแดงท่ียาวน้อยกว่า เชือกสีฟ้า และให้บอกความยาวของเชือกสีเขียวที่ยาวมากกว่าเชือกสีฟ้าโดยให้
นกั เรียนระบคุ วามยาวเองครูและนกั เรียนรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้องและรว่ มกันสรุปส่ิงท่ีไดเ้ รยี นรู้
- การเปรยี บเทยี บความยาวทมี่ ีหน่วยตา่ งกันต้องเปล่ียนหนว่ ยให้เป็นหนว่ ยเดยี วกันกอ่ นแลว้ นามาเปรยี บเทยี บกนั
ข้ันตรวจสอบผล
- การเปรยี บเทยี บความยาวทม่ี ีหนว่ ยต่างกันต้องเปล่ยี นหนว่ ยใหเ้ ป็นหนว่ ยเดียวกันก่อนแล้วนามาเปรยี บเทียบกัน
จากนน้ั ให้นกั เรยี นทาแบบฝึกหดั หนา้ 107 – 108
6. การวดั และประเมนิ ผล
การวดั และประเมินผลจุดประสงค์ วธิ กี ารวดั ผล เครอ่ื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
- คาถามกระต้นุ ความคดิ 70% ข้ึนไป ถือว่าผา่ น
ความรคู้ วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ เกณฑ์การประเมนิ
แบบฝกึ หดั 70% ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ น
-การสงั เกต เกณฑ์การประเมนิ
- แบบประเมินพฤติกรรม
ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก ขณะ ทางานรว่ มกับกลุม่ 70% ข้นึ ไป ถอื วา่ ผา่ น
เกณฑ์การประเมิน
-การใหเ้ หตผุ ล
-การสรปุ ความรู้การปฏิบตั ิ
คณุ ลกั ษณะนิสยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ
ทางานรว่ มกับกลุ่ม
7. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 สอื่ การเรยี นรู้
1. บัตรภาพแสดงการวดั ความยาวหรอื ความสงู ในสถานการณต์ ่าง ๆ
2. ไม้เมตร สายวดั ชนดิ ตลับ (ชนิดผา้ )
3. สง่ิ ทีต่ อ้ งการวัด เช่น ดินสอ ไม้กวาด ขวดนา้
7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
. 1. บัตรภาพ
2. บัตรตัวเลข
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ............................................ครผู สู้ อน ลงชื่อ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชือ่ ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)
สัปดาหท์ ี่ 8
โรงเรยี นขจรเกียรติพฒั นา
แผนการจดั การเรยี นรู้
ภาคเรยี นที่ ……1…/…………... ชื่อผู้สอน ….……………………………….…….............
กลุม่ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 2 จานวน 1 คาบ
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 การวัดความยาว เรอื่ ง การวัดและเปรยี บเทยี บระยะทาง
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพ้นื ฐานเกยี่ วกบั การวัด วัดและคาดคะเนขนาดของส่ิงท่ีต้องการวัดและไปใช้
ตวั ชวี้ ดั ท่ี ป.2/2 วัดและเปรียบเทยี บความยาวเป็นเมตร และเซนตเิ มตร
ป.2/3 แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปญั หา การบวก การลบเกย่ี วกบั ความยาวท่มี ี
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
• การเปรียบเทียบความยาวเปน็ เมตรและเซนติเมตรของสง่ิ ต่าง ๆ สองส่งิ สิ่งท่มี คี วามยาวเป็นเมตรมากกวา่ จะยาว
กวา่ ถา้ ความยาวเปน็ เมตรเท่ากัน ส่ิงที่มคี วามยาวเปน็ เซนตเิ มตรมากกวา่ จะยาวกว่า
• การเปรยี บเทยี บความยาวทีม่ หี นว่ ยต่างกันต้องเปล่ียนหนว่ ยใหเ้ ป็นหนว่ ยเดยี วกนั กอ่ นแลว้ นามาเปรียบเทียบกนั
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K)
วดั และเปรียบเทยี บระยะทางระหว่างตาแหนง่ สองตาแหน่งท่กี าหนดให้
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
ใชว้ ิธกี ารทเ่ี หมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้
ดา้ นคุณลกั ษณะ(A)
มีวจิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมั่นใจ
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ
การวัดและเปรยี บเทยี บระยะทาง พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
คาบที่ 1
ขน้ั นา
ขั้นกระตุน้ ความสนใจ
1. ครสู นทนากับนกั เรยี นเกีย่ วกับภาพในหนงั สือเรยี นหน้า 173 ว่าเป็นภาพเกี่ยวกบั ระยะทางจากบ้านใบบัวไปยงั สถานที่ต่าง ๆ
เชน่ โรงเรยี น หอนาฬกิ า และตลาด ครใู ชก้ ารถาม-ตอบ เพอื่ ใหน้ ักเรียนดูภาพแลว้ ตอบคาถาม เช่น
ระยะทางจากบ้านใบบัวถงึ หอนาฬิกาเป็นเทา่ ไร (192 เมตร)
ระยะทางจากหอนาฬิกาถงึ ตลาดเปน็ เท่าไร (380 เมตร)
ระยะทางจากหอนาฬิกาถงึ โรงเรยี นเป็นเท่าไร (220 เมตร)
ขน้ั สอน
ขน้ั สารวจค้นหา
1. ครสู นทนากับนกั เรียนเกย่ี วกบั ภาพในหนังสือเรียนหนา้ 173 วา่ เปน็ ภาพเกีย่ วกับระยะทางจากบ้านใบบวั ไปยงั สถานที่ต่าง ๆ
เช่น โรงเรยี น หอนาฬกิ า และตลาด ครูใช้การถาม-ตอบ เพอื่ ให้นักเรยี นดูภาพแลว้ ตอบคาถาม เช่น
ระยะทางจากบ้านใบบัวถงึ หอนาฬิกาเปน็ เท่าไร (192 เมตร)
ระยะทางจากหอนาฬกิ าถงึ ตลาดเป็นเทา่ ไร (380 เมตร)
ระยะทางจากหอนาฬิกาถึงโรงเรียนเป็นเท่าไร (220 เมตร)
ครูให้นักเรียนสังเกตเส้นประสีแดงในภาพว่ามีลักษณะเป็นเส้นตรงและมีตัวเลขกากับไว้นั้นเป็นการบอกระยะห่างระหว่าง
ตาแหน่งสองตาแหนง่ ครใู ห้นักเรียนบอกว่า ระยะทางกับระยะห่างเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย
จนได้ข้อสรุปว่า ระยะทางกับระยะห่างต่างกัน แต่ถ้าเส้นทางเป็นแนวเส้นตรง ระยะทางที่วัดได้อาจเรียกว่าระยะห่างระหว่าง
ตาแหนง่ สองตาแหน่งนน้ั จากน้นั ครใู หน้ ักเรียนดูภาพในหนังสอื เรียนหน้า 173 เพอ่ื ตอบคาถาม เช่น
บา้ นใบบวั อย่หู ่างจากตลาดเท่าไร (425 เมตร)
ระยะทางจากโรงเรียนไปตลาดโดยผ่านหอนาฬิกาเปน็ เทา่ ไร (220 + 380 = 600 เมตร)
ระยะห่างระหวา่ งโรงเรียนกับตลาด (510 เมตร)
ครใู ห้นักเรียนสรปุ เกย่ี วกับระยะทางกับระยะหา่ งอีกครงั้ วา่ ต่างกนั อย่างไร (ระยะทางวัดตามความยาวเส้นทางทีก่ าหนด
ระยะหา่ งวดั จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งเป็นเสน้ ตรง)
ครูอาจถามนกั เรยี นวา่ ระยะจากบ้านใบบวั ถึง หอนาฬิกา 192 ม. คอื ระยะทางหรือระยะห่าง (ระยะทาง เพราะเป็นเส้นทางท่ี
สามารถเดินไปหอนาฬกิ าได้ และเป็นระยะห่าง เพราะเส้นทางจากบ้านใบบัวไปหอนาฬิกาเป็นเส้นตรง) จากน้ันครูให้นักเรียน
ช่วยกันตอบคาถาม ขอ้ 1 – 3 ในกรอบท้ายหน้า 173
2. ครูกบั นักเรยี นสนทนาเก่ยี วกบั ภาพการกระโดดไกลของนักกีฬาสขี องโรงเรียนเพื่อนาระยะทางทน่ี ักกฬี าสีตา่ ง ๆ
กระโดดไดม้ าเปรียบเทยี บกัน เพอื่ จดั ลาดับการแข่งขนั โดยใชก้ ารถาม-ตอบ ดงั น้ี
นักกีฬาสีฟา้ กระโดดไดร้ ะยะทางเท่าไร (1 ม. 20 ซม.)
นกั กฬี าสแี ดงกระโดดไดร้ ะยะทางเท่าไร (95 ซม.)
นกั กฬี าสเี ขียวกระโดดได้ระยะทางเทา่ ไร (1 ม. 25 ซม.)
นกั กฬี าสเี หลืองกระโดดไดร้ ะยะทางเทา่ ไร (1 ม. 50 ซม.)
จากนัน้ ครถู ามนักเรียนว่า นักกีฬาสีใดกระโดดได้ระยะทางมากที่สุด แล้วให้เรียงลาดับระยะทางที่กระโดด จากน้ันให้นักเรียน
บอกวา่ สีใดได้รับรางวัลเหรียญทอง (นักกีฬาสีเหลือง) เหรียญเงิน (นักกีฬาสีเขียว) และเหรียญทองแดง (นักกีฬาสีฟ้า) ครูถาม
วา่ นักกฬี าสีใดกระโดดได้ระยะทางน้อยทส่ี ุด (นกั กีฬาสแี ดง)
3. ครูจัดกิจกรรม เคร่ืองบินกระดาษของกลุ่มใดพุ่งไกลที่สุด ตามหนังสือเรียนหน้า 175 โดยแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม
แล้วแจกเครื่องบินกระดาษให้กลุ่มละ 1 ลา ครูบอกกติกาและสาธิตวิธีการวัดระยะทางจากจุดที่ปล่อยเคร่ืองบินถึงจุดที่
เครื่องบินหยดุ นิ่ง แล้วใหต้ ัวแทนแตล่ ะกลุ่มพุ่งเคร่ืองบินแข่งกันแล้วให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันวัดระยะทางท่ีพุ่งได้และจดบันทึก
ระยะทางบนกระดาน จากน้นั นาระยะทางของแต่ละกลมุ่ ที่พุ่งไดม้ าเปรียบเทยี บกนั แล้วช่วยกันตัดสินว่ากลุ่มใดพุ่งเคร่ืองบินได้
ระยะทางมากทีส่ ดุ จะเป็นกล่มุ ทช่ี นะ ถา้ มีเวลาเพียงพอครอู าจให้นกั เรียนพบั เคร่ืองบินกระดาษเอง
ข้ันสรุป
ขั้นขยายความเข้าใจ
4. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยให้นักเรียนดูภาพในหนังสือเรียนหน้า 176 แล้วตอบคาถามเก่ียวกับ
ระยะทางและระยะห่างเปน็ รายบคุ คล ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง และรว่ มกนั สรปุ
ส่งิ ท่ีไดเ้ รยี นรู้
- การวัดระยะทางระหว่างตาแหน่งสองตาแหน่ง ทาได้โดยวัดความยาวตามเส้นทางที่กาหนดจากตาแหน่งหน่ึงไปอีก
ตาแหน่งหน่งึ ถ้าเสน้ ทางเป็นแนวเสน้ ตรง ความยาวท่วี ดั ไดอ้ าจเรียกวา่ ระยะห่างระหว่างตาแหนง่ สองตาแหนง่ นนั้
ข้ันตรวจสอบผล
- การวดั ระยะทางระหวา่ งตาแหน่งสองตาแหน่ง ทาได้โดยวัดความยาวตามเส้นทางที่กาหนดจากตาแหน่งหน่ึงไปอีก
ตาแหน่งหนึ่งถ้าเส้นทางเป็นแนวเส้นตรง ความยาวที่วัดได้อาจเรียกว่าระยะห่างระหว่างตาแหน่งสองตาแหน่งนั้นจากนั้นให้
นักเรยี นทาแบบฝกึ หัด หนา้ 109 - 111
6. การวดั และประเมนิ ผล
การวดั และประเมนิ ผลจุดประสงค์ วธิ กี ารวัดผล เครื่องมือวดั เกณฑก์ ารประเมินผล
ความร้คู วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคิด 70% ขึ้นไป ถือวา่ ผ่าน
-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน
ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหัด 70% ขนึ้ ไป ถอื ว่าผ่าน
-การใหเ้ หตุผล เกณฑ์การประเมนิ
-การสรุปความรู้การปฏิบัติ
คณุ ลักษณะนสิ ยั (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ข้นึ ไป ถอื ว่าผา่ น
ทางานรว่ มกบั กลุ่ม ขณะ ทางานรว่ มกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมนิ
7. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้
7.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1. เครอ่ื งมือวดั ความยาว เชน่ ไม้เมตร สายวัดชนดิ ตลับ
2. เคร่ืองบินกระดาษ
7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
. 1. บัตรภาพ
2. บตั รตวั เลข
8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
........................................................................... .................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ............................................ครผู ู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)
สัปดาห์ท่ี 8
โรงเรยี นขจรเกยี รติพฒั นา
แผนการจัดการเรียนรู้
ภาคเรียนที่ ……1…/…………... ช่ือผสู้ อน ….……………………………….…….............
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 2 จานวน 2 คาบ
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 การวดั ความยาว เรื่อง การบวกและการลบเก่ยี วกับความยาว
1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชวี้ ัด
มาตรฐาน ค 2.1 เขา้ ใจพืน้ ฐานเก่ยี วกบั การวดั วดั และคาดคะเนขนาดของส่งิ ท่ตี อ้ งการวัดและไปใช้
ตวั ชี้วัดท่ี ป.2/2 วดั และเปรียบเทียบความยาวเป็นเมตร และเซนติเมตร
ป.2/3 แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา การบวก การลบเกย่ี วกับความยาวทีม่ ี
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การหาผลบวกหรือผลลบเกยี่ วกับความยาวเป็นเมตรและเซนติเมตร ทาได้โดยนาความยาวท่ีเป็นหน่วยเดียวกันมา
บวกหรอื ลบกัน
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
หาผลบวกและผลลบเก่ียวกับความยาวทกี่ าหนดให้
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
ใชว้ ธิ ีการท่ีเหมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้
ดา้ นคณุ ลักษณะ(A)
มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมน่ั ใจ
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถิ่น
การบวกและการลบเกย่ี วกับความยาว พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
5. กิจกรรมการเรียนรู้
คาบท่ี 1
ขน้ั นา
ข้ันกระตนุ้ ความสนใจ
1. ครูทบทวนวิธีการบวกเก่ียวกับความยาวท่ีมีหน่วยเดียวกัน เช่น 3 เมตร รวมกับ 5 เมตรเท่ากับเท่าไร(8 เมตร) 40
เซนติเมตร รวมกับ 25 เซนติเมตร เท่ากับเท่าไร (65 เซนติเมตร) ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการบวกความยาวที่มีหน่วย
ต่างกัน ตามภาพในหนังสือเรียนหน้า 177 แล้วถามนักเรียนว่ากระดาษสายรุ้งสีแดงยาวเท่าไร (3 เมตร 42 เซนติเมตร)
กระดาษสายรุ้งสีเขียวยาวเทา่ ไร (4 เมตร 50 เซนตเิ มตร)
ข้นั สอน
ขน้ั สารวจคน้ หา
1. ครทู บทวนวิธกี ารบวกเก่ยี วกับความยาวท่ีมหี น่วยเดยี วกนั เชน่ 3 เมตร รวมกับ 5 เมตรเท่ากับเทา่ ไร(8 เมตร) 40
เซนตเิ มตร รวมกับ 25 เซนตเิ มตร เท่ากับเท่าไร (65 เซนติเมตร) ครูสนทนากบั นักเรียนเกยี่ วกบั การบวกความยาวทมี่ ีหนว่ ย
ต่างกัน ตามภาพในหนังสือเรียนหนา้ 177 แล้วถามนักเรียนวา่ กระดาษสายรุ้งสีแดงยาวเท่าไร (3 เมตร 42 เซนติเมตร)
กระดาษสายรงุ้ สีเขยี วยาวเทา่ ไร (4 เมตร 50 เซนติเมตร)กระดาษสายร้งุ ท้ังหมดยาวเทา่ ไร โดยครูใหน้ กั เรยี นนาความยาวที่
เปน็ หน่วยเดยี วกันมาบวกกนั ก่อน ซงึ่ จะได้3 เมตร รวมกบั 4 เมตร ได้ 7 เมตร และ 42 เซนติเมตรรวมกับ 50 เซนติเมตร ได้
92 เซนตเิ มตร ดังนัน้ กระดาษสายรุง้ ทั้งหมดยาว 7 เมตร 92 เซนติเมตร จากนั้นครูสาธติ การเขยี นแสดงวธิ ีหาคาตอบตาม
หนงั สือเรียนหนา้ 177 ครูอาจทากิจกรรมเพ่มิ เตมิ โดยการนาเชือกสีแดง ยาว 1 ม. 15 ซม. เชอื กสีฟ้ายาว 2 ม. 25 ซม. มาวาง
ต่อกนั แลว้ ถามวา่ เชอื กทงั้ หมดยาวเท่าไร นกั เรียนอาจหาคาตอบโดยการวัดความยาวของเชือกสองเสน้ ว่ายาวเทา่ ไร หรอื
นกั เรียนอาจหาคาตอบโดยการนาความยาวของเชอื กแตล่ ะเสน้ มาบวกกัน
2. ครูยกตัวอย่างการบวกเก่ียวกับความยาวโดยการเขียนแสดงวิธีหาคาตอบตามหนังสือเรียนหน้า 178 ซ่ึงคล้ายกับ
การต้ังบวก แต่ให้เขียนหน่วยไว้บรรทัดบน แล้วนาความยาวที่มีหน่วยเดียวกันมาบวกกัน ถ้าผลรวมในหน่วยเซนติเมตร
มากกว่า 100 เซนติเมตรต้องทด 1 เมตรไปรวมกับผลบวกของความยาวในหน่วยเมตร เช่น ตัวอย่างแรก 50 เซนติเมตร บวก
กับ 75 เซนติเมตร ได้ 125 เซนติเมตรต้องทด 100 เซนติเมตร หรือ 1 เมตร ไปรวมกับผลบวกที่ได้ในหน่วยเมตร ครูอาจให้
นกั เรยี นฝกึ การบวกเกยี่ วกบั ความยาวเพิ่มเตมิ เมือ่ กาหนดความยาวทม่ี ีหน่วยต่างกัน เช่น 475 เซนติเมตร รวมกับ 5 เมตร 85
เซนตเิ มตร เท่ากบั เทา่ ไร โดยครูถามนักเรียนวา่ 475 เซนติเมตร เทา่ กบั กีเ่ มตร กี่เซนติเมตร (4 ม. 75 ซม.) แล้วครูให้นักเรียน
เขยี นแสดงวิธีหาคาตอบและตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันแสดงวิธีหาคาตอบ ข้อ 1 และ 2 ในกรอบท้าย
หนา้ 178
3. ครยู กตวั อย่างการลบเกย่ี วกับความยาวโดยการเขียนแสดงวิธีหาคาตอบตามหนังสือเรียนหน้า 179ซึ่งคล้ายกับการ
ต้งั ลบ แต่ใหเ้ ขยี นหนว่ ยไวบ้ รรทัดบนแล้วนาความยาวท่ีมีหน่วยเดียวกันมาลบกัน ถ้าตัวตั้งในหน่วยเซนติเมตรมีค่าน้อยกว่าตัว
ลบ ให้กระจายความยาวในหนว่ ยเมตรมา 1 เมตร หรือ 100 เซนติเมตร มารวมกับตัวตั้งในหน่วยเซนติเมตร เช่น ตัวอย่างแรก
0 เซนติเมตร ลบดว้ ย 70 เซนติเมตร ต้องกระจายจาก 5 เมตรมา 1 เมตร หรือ 100 เซนติเมตร ไปรวมกับตัวต้ัง 0 เซนติเมตร
ได้ 100 เซนติเมตร แล้วนา 100 เซนติเมตร ลบด้วย 70 เซนติเมตร ได้ 30 เซนติเมตร สาหรับความยาวในหน่วยเมตร 5
เมตร กระจายไปแล้ว 1 เมตรเหลือ 4 เมตร นา 4 เมตร ลบด้วย 3 เมตร ได้ 1 เมตร จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันแสดงวิธีหา
คาตอบในกรอบท้ายหน้า 179 ครูอาจให้นักเรียนฝึกการลบเก่ียวกับความยาวเพิ่มเติมเมื่อกาหนดความยาวที่มีหน่วยเดียวกัน
หรือท่ีมีหน่วยตา่ งกันมาให้นกั เรยี นแสดงวิธหี าคาตอบ เชน่ กาหนดโจทย์ 6 เมตร ยาวกวา่ 4 เมตร
25 เซนติเมตรอยู่เท่าไร ครอู าจถามคาถาม ดงั น้ี
6 เมตร ยาวเท่ากับ 6 เมตร ก่ีเซนติเมตร (6 เมตร 0 เซนตเิ มตร)
6 เมตร 0 เซนตเิ มตร ยาวเทา่ กบั 5 เมตร ก่ีเซนติเมตร (5 เมตร 100 เซนตเิ มตร)
5 เมตร 100 เซนตเิ มตร ยาวกว่า 4 เมตร 25 เซนติเมตร เทา่ ไร (1 เมตร 75 เซนตเิ มตร)
ประกอบการใช้ Bar Model
จากแถบกระดาษสี (Bar Model) 6 เมตร ยาวกว่า 4 เมตร 25 เซนติเมตร อยู่ 1 เมตร 75 เซนติเมตรครูควรดูแลและ
ช่วยเหลือนักเรียนท่ียังไม่เข้าใจและสะท้อนการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างต่อเน่ืองอาจให้นักเรียนมาฝึกเพ่ิมเติมกับครูเป็น
รายบุคคล จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นช่วยกนั แสดงวิธีหาคาตอบข้อ 1 และ 2 ในกรอบทา้ ยหน้า 179
ขัน้ สรปุ
ขน้ั ขยายความเข้าใจ
4. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยให้นักเรียนบวกและลบเกี่ยวกับความยาวตามหนังสือเรียนหน้า 180 แล้ว
เขียนแสดงวิธีหาคาตอบเป็นรายบุคคล ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง ครูอาจเสริมกิจกรรมแข่งขันการหา
คาตอบด้วยการกาหนดโจทย์การบวกและการลบเก่ียวกับความยาวมาให้นักเรียนหาคาตอบให้ได้อย่างรวดเร็ว จากน้ันครูและ
นักเรยี นรว่ มกันสรปุ สง่ิ ทไ่ี ดเ้ รียนรู้
- การหาผลบวกหรือผลลบเก่ียวกับความยาวเป็นเมตรและเซนติเมตรทาได้โดยนาความยาวที่เป็นหน่วยเดียวกันมาบวก
หรือลบกนั
ข้นั ตรวจสอบผล
- การหาผลบวกหรือผลลบเก่ียวกบั ความยาวเปน็ เมตรและเซนติเมตรทาไดโ้ ดยนาความยาวทีเ่ ปน็ หนว่ ยเดยี วกนั มา
บวกหรอื ลบกนั จากนั้นใหน้ กั เรยี นทาแบบฝึกหดั หน้า 112 – 114
6. การวัดและประเมนิ ผล
การวดั และประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วธิ กี ารวดั ผล เคร่ืองมือวัด เกณฑ์การประเมินผล
ความรู้ความเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคิด 70% ข้ึนไป ถือว่าผ่าน
-การสังเกต เกณฑ์การประเมนิ
ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หดั 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ น
-การใหเ้ หตผุ ล เกณฑ์การประเมนิ
-การสรปุ ความร้กู ารปฏบิ ัติ
คณุ ลักษณะนิสัย (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ข้นึ ไป ถอื ว่าผา่ น
ทางานรว่ มกบั กล่มุ ขณะ ทางานร่วมกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมิน
7. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้
7.1 สอื่ การเรียนรู้
1. เครื่องมือวดั ความยาว เชน่ ไม้เมตร สายวดั ชนดิ ตลบั
2. เครอื่ งบนิ กระดาษ
7.2 แหล่งการเรียนรู้
. 1. บตั รภาพ
2. บตั รตวั เลข
8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงช่อื ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)
สัปดาห์ที่ 8
โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ฒั นา
แผนการจัดการเรียนรู้
ภาคเรียนท่ี ……1…/…………... ช่ือผสู้ อน ….……………………………….…….............
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 2 จานวน 1 คาบ
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 3 การวัดความยาว เร่ือง โจทย์ปัญหาการบวกและโจทย์ปัญหาการลบ(1)
1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชีว้ ดั
มาตรฐาน ค 2.1 เขา้ ใจพ้นื ฐานเกย่ี วกับการวดั วัดและคาดคะเนขนาดของสง่ิ ทตี่ ้องการวัดและไปใช้
ตวั ชว้ี ดั ท่ี ป.2/2 วัดและเปรียบเทียบความยาวเป็นเมตร และเซนตเิ มตร
ป.2/3 แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา การบวก การลบเก่ียวกับความยาวท่มี ี
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
• การหาผลบวกหรือผลลบเกี่ยวกับความยาวเป็นเมตรและเซนติเมตร ทาได้โดยนาความยาวที่เป็นหน่วยเดียวกันมา
บวกหรือลบกนั
• การแก้โจทย์ปัญหาทาได้โดยอ่านทาความเข้าใจปัญหา วางแผนแก้ปัญหา หาคาตอบ และตรวจสอบความ
สมเหตุสมผลของคาตอบ
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปญั หาการบวกและโจทย์ปญั หาการลบเกยี่ วกับความยาวที่มีหน่วยเป็นเมตรและ
เซนติเมตร
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
ใช้วธิ ีการทีเ่ หมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้
ด้านคณุ ลกั ษณะ(A)
มีวิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความม่ันใจ
4. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นร้ทู ้องถนิ่
โจทย์ปญั หาการบวกและโจทย์ปัญหาการลบ พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบที่ 1
ขัน้ นา
ขนั้ กระตุ้นความสนใจ
1. ครตู ิดแถบโจทยป์ ญั หาการบวกความยาวตามหนังสือเรียนหน้า 181 ครใู ห้นักเรียนอา่ นโจทยแ์ ลว้ รว่ มกันวิเคราะห์โจทย์ โดย
ถามนักเรียนว่า โจทย์ถามอะไร โจทย์บอกอะไร และหาคาตอบได้อย่างไร นักเรียนฝึกการวิเคราะห์โจทย์ปัญหาการบวก แล้ว
ตอบคาถามจากโจทย์ “ม้าน่ังตัวหน่ึงยาว 1 เมตร 30 เซนติเมตรม้าน่ังอีกตัวหนึ่งยาว 1 เมตร 70 เซนติเมตร นามาวางต่อกัน
จะยาวเท่าไร” ใหน้ ักเรียนคิดวา่ ความยาวทงั้ หมดของมา้ นั่งสองตัวเปน็ เท่าไร ครถู ามคาถามกระตนุ้ การคดิ ของนักเรยี น เช่น
- ม้านง่ั ตวั แรกยาวเทา่ ไร (1 ม. 30 ซม.)
- มา้ นั่งตวั ทสี่ องยาวเทา่ ไร (1 ม. 70 ซม.)
- เมอ่ื นามา้ น่ังมาวางต่อกันจะยาวมากข้ึนหรือน้อยกว่าเดิม (ยาวมากกว่าเดมิ )
- ความยาวของม้านง่ั สองตวั เป็นเทา่ ไร (3 ม.)
- หาคา ตอบได้อยา่ งไร (นาความยาวของม้าน่งั มาบวกกัน)
ข้นั สอน
ขั้นสารวจค้นหา
1. ครูตดิ แถบโจทย์ปัญหาการบวกความยาวตามหนงั สอื เรียนหน้า 181 ครูใหน้ ักเรียนอ่านโจทย์แล้วรว่ มกันวิเคราะห์โจทย์ โดย
ถามนักเรียนว่า โจทย์ถามอะไร โจทย์บอกอะไร และหาคาตอบได้อย่างไร นักเรียนฝึกการวิเคราะห์โจทย์ปัญหาการบวก แล้ว
ตอบคาถามจากโจทย์ “ม้าน่ังตัวหนึ่งยาว 1 เมตร 30 เซนติเมตรม้านั่งอีกตัวหนึ่งยาว 1 เมตร 70 เซนติเมตร นามาวางต่อกัน
จะยาวเทา่ ไร” ใหน้ ักเรยี นคดิ ว่าความยาวท้งั หมดของม้านัง่ สองตวั เปน็ เท่าไร ครถู ามคาถามกระตนุ้ การคิดของนกั เรียน เชน่
- มา้ นั่งตวั แรกยาวเทา่ ไร (1 ม. 30 ซม.)
- มา้ นง่ั ตัวท่สี องยาวเทา่ ไร (1 ม. 70 ซม.)
- เมื่อนามา้ นั่งมาวางต่อกันจะยาวมากขน้ึ หรือนอ้ ยกวา่ เดิม (ยาวมากกวา่ เดิม)
- ความยาวของม้าน่ังสองตวั เป็นเท่าไร (3 ม.)
- หาคา ตอบได้อยา่ งไร (นาความยาวของม้าน่ังมาบวกกนั )
ครใู ห้นกั เรียนเขียนแสดงวธิ ีหาคาตอบในสมุดแล้วสุ่มนักเรียนออกมาเขียนแสดงวิธีหาคาตอบบนกระดาน ครูและเพ่ือนในห้อง
ร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง และหากมีนักเรียนคนใดท่ีคิดต่างจากเพ่ือนที่ออกมานาเสนอ ควรให้นักเรียนได้อธิบายเหตุผล
ครูอาจเตรยี มภาพม้าน่ังมาติดแสดงให้เห็นความยาวที่เพ่ิมข้ึนจริงเมื่อนามาต่อกัน และให้นักเรียนสังเกตผลบวกของความยาว
ในหน่วยเซนติเมตรที่มีผลบวกเป็น 100 เซนติเมตร ซ่ึงมีความยาวเท่ากับ 1 เมตร นักเรียนต้องนาความยาว 1 เมตรน้ีไปรวม
กับผลบวกของความยาวในหน่วยเมตร ตามหนังสือเรียนหน้า 181 ครูควรเน้นย้าเร่ืองการตรวจสอบความสมเหตุสมผลของ
คาตอบทีไ่ ดว้ ่า มา้ นั่งแตล่ ะตัวยาวมากกวา่ 1 เมตร เมอื่ นามาตอ่ กนั ตอ้ งมีความยาวมากกว่า 2 เมตร
2. ครูติดแถบโจทย์ปัญหาการลบความยาวตามหนังสือเรียนหน้า 182 ครูให้นักเรียนอ่านโจทย์แล้วร่วมกันวิเคราะห์
โจทย์ โดยถามนักเรยี นว่า โจทย์ถามอะไร โจทยบ์ อกอะไร และหาคาตอบได้อย่างไร นักเรียนฝึกการวิเคราะห์โจทย์ปัญหาการ
ลบ แล้วตอบคาถามจากโจทย์ “เชือกสีแดงยาว 3 เมตร 5 เซนติเมตรเชือกสีเขียวยาว 2 เมตร 75 เซนติเมตร เชือกสีเขียวส้ัน
กว่าเชอื กสแี ดงเท่าไร”
- โจทย์ถามอะไร (เชือกสเี ขยี วสัน้ กว่าเชอื กสีแดงเท่าไร)
- โจทยบ์ อกอะไร (เชอื กสแี ดงยาว 3 เมตร 5 เซนตเิ มตร เชอื กสีเขียวยาว 2 เมตร 75 เซนตเิ มตร)
- ได้คาตอบเปน็ เท่าไร (30 เซนติเมตร)
ครใู หน้ ักเรยี นเขียนแสดงวธิ ีหาคาตอบในสมุดแล้วสุ่มนักเรียนออกมาเขียนแสดงวิธีหาคาตอบบนกระดาน ครูและเพ่ือนในห้อง
ร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ งและหากมนี กั เรียนคนใดทีค่ ดิ ตา่ งจากเพอื่ นท่ีออกมานาเสนอ ควรให้นักเรียนได้อธิบายเหตุผลครู
อาจเตรียมภาพเชือกสีเขียวและเชือกสีแดงมาเปรียบเทียบความยาวให้เห็นจริง และให้นักเรียนสังเกตว่าความยาวเชือกใน
หนว่ ยเซนติเมตรตัวตง้ั น้อยกวา่ ตัวลบ จงึ ตอ้ งกระจาย 1 เมตร หรอื 100 เซนตเิ มตรจากความยาวเชือกในหน่วยเมตรมารวมกับ
ความยาวเชือกในหน่วยเซนติเมตรที่เป็นตัวต้ังแล้วจึงนามาลบกัน และความยาวเชือกในหน่วยเมตรเมื่อกระจายไปแล้วความ
ยาวเชือกจะลดลง 1 เมตรตามหนังสือเรียนหน้า 182 ครูควรเน้นย้าเร่ืองการตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคาตอบท่ีได้ว่า
เมอื่ นา 30 เซนตเิ มตร รวมกับ 2 เมตร 75 เซนติเมตรจะเท่ากับ 3 เมตร 5 เซตเิ มตร
3. ครใู หน้ กั เรยี นชว่ ยกันวิเคราะห์โจทย์ปญั หาและแสดงวิธีหาคาตอบตามหนังสือเรยี นหน้า 183โดยครูติดแถบโจทย์
ปัญหาอาจมีรูปประกอบเพ่อื ให้นกั เรียนเห็นภาพชดั เจนย่ิงข้ึน เชน่ เสาธงสูง 8 เมตร อาคารเรยี นสงู 11 เมตร 30 เซนติเมตร
เสาธงเต้ยี กว่าอาคารเรยี นเท่าไร โจทย์ถามอะไร โจทย์บอกอะไร และหาคาตอบได้อย่างไร ครใู ห้นักเรียนช่วยกนั หาคาตอบ จะ
ได้คาตอบตามหนงั สอื เรียนหนา้ 183 จากนน้ั ครูแบง่ กลุ่มนักเรียนกลุม่ ละเท่า ๆ กัน แล้วให้แตล่ ะกลุ่มช่วยกนั วิเคราะห์โจทย์
ปญั หาและแสดงวิธีหาคาตอบข้อ 1 - 3 กลุ่มละ 1 ขอ้ แลว้ ให้แตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอหนา้ ห้องเรยี นครูและเพื่อนในห้อง
ชว่ ยกันตรวจสอบความถูกต้อง
ข้ันสรปุ
ขนั้ ขยายความเข้าใจ
4. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยใหน้ ักเรยี นวเิ คราะห์โจทย์ปญั หาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบแลว้ เขยี น
แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาตามหนงั สอื เรยี นหน้า 184 เป็นรายบคุ คลครแู ละนักเรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งครู
อาจเสริมกจิ กรรมแขง่ ขนั การหาคาตอบดว้ ยการกาหนดโจทย์ปัญหาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบมาให้นักเรียนหาคาตอบ
ใหไ้ ด้อย่างรวดเรว็ จากนน้ั ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ สิ่งที่ได้เรยี นรู้ หากพบว่ามนี ักเรียนวเิ คราะหโ์ จทย์ปญั หาและแสดงวธิ ีหา
คาตอบไม่ถกู ต้องครูควรสอนเพม่ิ เตมิ เป็นรายบุคคลหรือรายกลมุ่
- การแกโ้ จทย์ปัญหาทาได้โดย อา่ นทาความเขา้ ใจปัญหา วางแผนแกป้ ญั หา หาคาตอบและตรวจสอบความ
สมเหตสุ มผล
ขัน้ ตรวจสอบผล
- การแกโ้ จทยป์ ัญหาทาได้โดย อ่านทาความเข้าใจปัญหา วางแผนแก้ปญั หา หาคาตอบและตรวจสอบความ
สมเหตุสมผลจากนนั้ ใหน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ หัด หนา้ 115 – 116
6. การวดั และประเมินผล
การวดั และประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
ความร้คู วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคดิ 70% ขนึ้ ไป ถือวา่ ผา่ น
-การสงั เกต เกณฑ์การประเมนิ
ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหัด 70% ข้นึ ไป ถอื วา่ ผา่ น
-การใหเ้ หตผุ ล เกณฑ์การประเมนิ
-การสรุปความรู้การปฏิบัติ
คณุ ลกั ษณะนิสัย (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถอื ว่าผ่าน
ทางานรว่ มกับกลุ่ม ขณะ ทางานร่วมกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมนิ
7. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สอื่ การเรยี นรู้
1. เครื่องมือวดั ความยาว เช่น ไมเ้ มตร สายวัดชนิดตลับ
2. เครื่องบนิ กระดาษ
7.2 แหล่งการเรียนรู้
. 1. บตั รภาพ
2. บัตรตวั เลข
8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
ลงช่อื ............................................ครผู ู้สอน ลงช่อื ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชอื่ ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)
สัปดาห์ท่ี 9
โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรียนท่ี ……1…/…………... ชื่อผสู้ อน ….……………………………….…….............
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 2 จานวน 1 คาบ
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การวัดความยาว เรือ่ ง โจทยป์ ัญหาการบวกและโจทย์ปัญหาการลบ(1)
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้วี ดั
มาตรฐาน ค 2.1 เขา้ ใจพ้ืนฐานเก่ียวกับการวดั วดั และคาดคะเนขนาดของสงิ่ ท่ีตอ้ งการวดั และไปใช้
ตวั ชวี้ ดั ท่ี ป.2/2 วัดและเปรียบเทียบความยาวเป็นเมตร และเซนติเมตร
ป.2/3 แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา การบวก การลบเกีย่ วกับความยาวท่มี ี
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
• การหาผลบวกหรือผลลบเกย่ี วกบั ความยาวเป็นเมตรและเซนติเมตร ทาไดโ้ ดยนาความยาวทเี่ ปน็ หน่วยเดยี วกันมา
บวกหรือลบกัน
• การแก้โจทยป์ ัญหาทาไดโ้ ดยอา่ นทาความเข้าใจปัญหา วางแผนแกป้ ญั หา หาคาตอบ และตรวจสอบความ
สมเหตสุ มผลของคาตอบ
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K)
แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาการบวกและโจทย์ปญั หาการลบเกี่ยวกบั ความยาวทีม่ หี น่วยเป็นเมตรและ
เซนติเมตร
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
ใช้วธิ ีการทเ่ี หมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้
ด้านคุณลักษณะ(A)
มีวจิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความม่ันใจ
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถนิ่
โจทยป์ ญั หาการบวกและโจทยป์ ญั หาการลบ พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบที่ 1
ขนั้ นา
ข้นั กระตนุ้ ความสนใจ
1. ครูตดิ แถบโจทยป์ ญั หาการบวกความยาวตามหนงั สือเรยี นหนา้ 181 ครใู ห้นักเรียนอ่านโจทยแ์ ลว้ ร่วมกนั วเิ คราะห์โจทย์ โดย
ถามนักเรยี นว่า โจทย์ถามอะไร โจทยบ์ อกอะไร และหาคาตอบได้อยา่ งไร นกั เรยี นฝกึ การวเิ คราะห์โจทยป์ ญั หาการบวก แลว้
ตอบคาถามจากโจทย์ “ม้านัง่ ตวั หน่ึงยาว 1 เมตร 30 เซนติเมตรม้านง่ั อกี ตวั หน่ึงยาว 1 เมตร 70 เซนตเิ มตร นามาวางต่อกัน
จะยาวเท่าไร” ให้นกั เรยี นคิดว่าความยาวทง้ั หมดของมา้ น่งั สองตัวเปน็ เทา่ ไร ครูถามคาถามกระตุ้นการคิดของนักเรียน เช่น
- ม้าน่งั ตัวแรกยาวเทา่ ไร (1 ม. 30 ซม.)
- ม้านง่ั ตวั ที่สองยาวเท่าไร (1 ม. 70 ซม.)
- เมอื่ นามา้ น่ังมาวางต่อกนั จะยาวมากขึ้นหรือน้อยกว่าเดมิ (ยาวมากกวา่ เดิม)
- ความยาวของม้านง่ั สองตัวเป็นเท่าไร (3 ม.)
- หาคา ตอบได้อยา่ งไร (นาความยาวของม้าน่งั มาบวกกัน)
ข้นั สอน
ขน้ั สารวจคน้ หา
1. ครูตดิ แถบโจทยป์ ญั หาการบวกความยาวตามหนังสือเรยี นหน้า 181 ครใู หน้ ักเรยี นอ่านโจทยแ์ ล้วรว่ มกนั วเิ คราะหโ์ จทย์ โดย
ถามนกั เรียนวา่ โจทย์ถามอะไร โจทยบ์ อกอะไร และหาคาตอบได้อย่างไร นกั เรียนฝกึ การวิเคราะห์โจทย์ปัญหาการบวก แลว้
ตอบคาถามจากโจทย์ “มา้ น่ังตวั หนึง่ ยาว 1 เมตร 30 เซนติเมตร
ม้านั่งอีกตวั หน่งึ ยาว 1 เมตร 70 เซนตเิ มตร นามาวางต่อกันจะยาวเท่าไร” ใหน้ ักเรยี นคิดวา่ ความยาว
ทัง้ หมดของม้านั่งสองตัวเปน็ เท่าไร ครูถามคาถามกระตุ้นการคิดของนักเรยี น เช่น
- มา้ นงั่ ตัวแรกยาวเทา่ ไร (1 ม. 30 ซม.)
- ม้านัง่ ตวั ทส่ี องยาวเทา่ ไร (1 ม. 70 ซม.)
- เมอ่ื นาม้าน่งั มาวางต่อกันจะยาวมากขน้ึ หรือนอ้ ยกว่าเดิม (ยาวมากกวา่ เดมิ )
- ความยาวของม้าน่ังสองตวั เปน็ เทา่ ไร (3 ม.)
- หาคา ตอบได้อยา่ งไร (นาความยาวของม้านัง่ มาบวกกนั )
ครูให้นกั เรียนเขยี นแสดงวิธหี าคาตอบในสมดุ แล้วสมุ่ นกั เรยี นออกมาเขียนแสดงวธิ หี าคาตอบบนกระดาน ครแู ละเพื่อนในหอ้ ง
ร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง และหากมนี กั เรยี นคนใดท่ีคิดตา่ งจากเพ่ือนทอ่ี อกมานาเสนอ ควรให้นกั เรียนได้อธิบายเหตุผล
ครูอาจเตรยี มภาพมา้ น่ังมาติดแสดงใหเ้ หน็ ความยาวที่เพิ่มข้ึนจริงเม่อื นามาตอ่ กัน และให้นกั เรยี นสังเกตผลบวกของความยาว
ในหน่วยเซนตเิ มตรท่มี ผี ลบวกเป็น 100 เซนติเมตร ซง่ึ มคี วามยาวเทา่ กับ 1 เมตร นักเรยี นต้องนาความยาว 1 เมตรนไี้ ปรวม
กบั ผลบวกของความยาวในหนว่ ยเมตร ตามหนังสือเรียนหน้า 181 ครูควรเน้นย้าเรอ่ื งการตรวจสอบความสมเหตุสมผลของ
คาตอบที่ได้วา่ มา้ น่งั แต่ละตัวยาวมากกว่า 1 เมตร เมื่อนามาต่อกนั ต้องมคี วามยาวมากกว่า 2 เมตร
2. ครูตดิ แถบโจทยป์ ญั หาการลบความยาวตามหนังสอื เรียนหนา้ 182 ครูให้นักเรยี นอา่ นโจทยแ์ ลว้ ร่วมกันวิเคราะห์
โจทย์ โดยถามนักเรียนว่า โจทย์ถามอะไร โจทยบ์ อกอะไร และหาคาตอบไดอ้ ย่างไร นักเรยี น
ฝึกการวิเคราะหโ์ จทย์ปญั หาการลบ แล้วตอบคาถามจากโจทย์ “เชอื กสแี ดงยาว 3 เมตร 5 เซนติเมตร
เชือกสีเขยี วยาว 2 เมตร 75 เซนตเิ มตร เชือกสเี ขียวสนั้ กวา่ เชอื กสแี ดงเทา่ ไร”
- โจทยถ์ ามอะไร (เชอื กสีเขียวสน้ั กว่าเชอื กสีแดงเท่าไร)
- โจทยบ์ อกอะไร (เชือกสีแดงยาว 3 เมตร 5 เซนติเมตร เชือกสเี ขยี วยาว 2 เมตร 75 เซนตเิ มตร)
- ได้คาตอบเป็นเท่าไร (30 เซนติเมตร)
ครูให้นักเรียนเขยี นแสดงวธิ หี าคาตอบในสมุดแล้วสมุ่ นกั เรยี นออกมาเขยี นแสดงวธิ หี าคาตอบบนกระดาน ครูและเพ่ือนในห้อง
รว่ มกันตรวจสอบความถูกต้องและหากมนี ักเรยี นคนใดท่ีคิดต่างจากเพ่ือนท่อี อกมานาเสนอ ควรใหน้ กั เรียนได้อธิบายเหตุผลครู
อาจเตรยี มภาพเชือกสีเขียวและเชอื กสีแดงมาเปรียบเทยี บความยาวให้เห็นจริง และให้นักเรยี นสังเกตว่าความยาวเชือกใน
หนว่ ยเซนตเิ มตรตัวตั้งน้อยกว่าตัวลบ จึงต้องกระจาย 1 เมตร หรอื 100 เซนตเิ มตรจากความยาวเชือกในหนว่ ยเมตรมารวมกับ
ความยาวเชือกในหนว่ ยเซนติเมตรที่เปน็ ตัวตั้งแล้วจึงนามาลบกนั และความยาวเชอื กในหน่วยเมตรเมื่อกระจายไปแล้วความ
ยาวเชอื กจะลดลง 1 เมตรตามหนังสอื เรียนหนา้ 182 ครูควรเนน้ ย้าเรื่องการตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคาตอบทไี่ ด้วา่
เมื่อนา 30 เซนตเิ มตร รวมกบั 2 เมตร 75 เซนตเิ มตรจะเทา่ กบั 3 เมตร 5 เซติเมตร
3. ครใู ห้นกั เรยี นช่วยกนั วเิ คราะหโ์ จทยป์ ญั หาและแสดงวิธหี าคาตอบตามหนงั สือเรยี นหนา้ 183
โดยครูติดแถบโจทยป์ ญั หาอาจมีรูปประกอบเพ่ือให้นักเรียนเหน็ ภาพชัดเจนยง่ิ ข้ึน เช่น เสาธงสงู 8 เมตร อาคารเรยี นสูง 11
เมตร 30 เซนติเมตร เสาธงเตีย้ กว่าอาคารเรียนเท่าไร โจทย์ถามอะไร โจทยบ์ อกอะไร และหาคาตอบได้อย่างไร ครูใหน้ กั เรยี น
ชว่ ยกันหาคาตอบ จะได้คาตอบตามหนังสือเรียนหนา้ 183 จากนั้นครแู บ่งกล่มุ นักเรยี นกลุ่มละเทา่ ๆ กนั แล้วให้แตล่ ะกล่มุ
ช่วยกันวเิ คราะหโ์ จทยป์ ัญหาและแสดงวิธหี าคาตอบข้อ 1 - 3 กลุ่มละ 1 ขอ้ แล้วให้แต่ละกลุม่ ออกมานาเสนอหน้าห้องเรยี นครู
และเพื่อนในห้องชว่ ยกันตรวจสอบความถูกต้อง
ขัน้ สรปุ
ขน้ั ขยายความเข้าใจ
4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยใหน้ ักเรียนวิเคราะห์โจทยป์ ญั หาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบแล้วเขียน
แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 184 เป็นรายบคุ คลครแู ละนักเรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งครู
อาจเสริมกิจกรรมแขง่ ขนั การหาคาตอบด้วยการกาหนดโจทยป์ ญั หาการบวกและโจทย์ปัญหาการลบมาใหน้ ักเรยี นหาคาตอบ
ให้ไดอ้ ย่างรวดเรว็ จากน้นั ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปสิง่ ทีไ่ ดเ้ รียนรู้ หากพบวา่ มีนักเรียนวเิ คราะห์โจทยป์ ัญหาและแสดงวธิ ีหา
คาตอบไม่ถูกต้องครูควรสอนเพิม่ เติมเป็นรายบุคคลหรอื รายกล่มุ
- การแก้โจทยป์ ัญหาทาได้โดย อ่านทาความเขา้ ใจปัญหา วางแผนแกป้ ญั หา หาคาตอบและตรวจสอบความ
สมเหตสุ มผล
ข้นั ตรวจสอบผล
- การแก้โจทยป์ ัญหาทาไดโ้ ดย อ่านทาความเข้าใจปัญหา วางแผนแกป้ ัญหา หาคาตอบและตรวจสอบความ
สมเหตสุ มผลจากนนั้ ให้นักเรยี นทาแบบฝึกหัด หน้า 116 – 117
6. การวัดและประเมนิ ผล
การวัดและประเมินผลจุดประสงค์ วธิ กี ารวัดผล เคร่ืองมือวดั เกณฑ์การประเมินผล
ความรู้ความเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคิด 70% ขน้ึ ไป ถือว่าผ่าน
-การสังเกต เกณฑ์การประเมิน
ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหัด 70% ขึ้นไป ถือวา่ ผ่าน
-การให้เหตุผล เกณฑ์การประเมิน
-การสรุปความรกู้ ารปฏบิ ัติ
คุณลกั ษณะนิสัย (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถอื วา่ ผ่าน
ทางานรว่ มกบั กลุ่ม ขณะ ทางานรว่ มกับกล่มุ เกณฑ์การประเมนิ
7. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สอื่ การเรียนรู้
1. เคร่อื งมือวัดความยาว เช่น ไมเ้ มตร สายวัดชนดิ ตลับ
2. เคร่อื งบินกระดาษ
7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
. 1. บตั รภาพ
2. บัตรตวั เลข
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................... .........................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................ครูผสู้ อน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชอื่ ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)
สัปดาห์ท่ี 9
โรงเรยี นขจรเกียรติพฒั นา
แผนการจดั การเรยี นรู้
ภาคเรยี นที่ ……1…/…………... ชื่อผู้สอน ….……………………………….…….............
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 2 จานวน 3 คาบ
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 การวดั ความยาว เร่อื ง โจทย์ปญั หาการบวกและโจทย์ปญั หาการลบ(2)
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด
มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพนื้ ฐานเกยี่ วกับการวัด วดั และคาดคะเนขนาดของสงิ่ ทต่ี ้องการวดั และไปใช้
ตวั ชวี้ ดั ที่ ป.2/2 วดั และเปรยี บเทยี บความยาวเป็นเมตร และเซนติเมตร
ป.2/3 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา การบวก การลบเกยี่ วกับความยาวทม่ี ี
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
• การหาผลบวกหรือผลลบเกีย่ วกบั ความยาวเป็นเมตรและเซนติเมตร ทาได้โดยนาความยาวที่เปน็ หนว่ ยเดียวกันมา
บวกหรอื ลบกัน
• การแก้โจทยป์ ัญหาทาไดโ้ ดยอ่านทาความเขา้ ใจปญั หา วางแผนแก้ปัญหา หาคาตอบ และตรวจสอบความ
สมเหตสุ มผลของคาตอบ
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้ (K)
แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวกและโจทย์ปัญหาการลบเกย่ี วกับความยาวทม่ี หี น่วยเป็นเมตรและ
เซนตเิ มตร
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
ใช้วธิ ีการท่ีเหมาะสมในการแกป้ ญั หา และคานวณหาคาตอบได้
ด้านคณุ ลักษณะ(A)
มีวิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความม่ันใจ
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ
โจทยป์ ญั หาการบวกและโจทย์ปญั หาการลบ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
คาบท่ี 1
ขัน้ นา
ข้นั กระตุ้นความสนใจ
1. ครูติดแถบโจทย์ปัญหาการบวกความสูงตามหนังสือเรียนหน้า 185 ครูให้นักเรียนอ่านโจทย์แล้วร่วมกันวิเคราะห์โจทย์ ครู
อาจใช้คาถามกระตุ้นการคิดโดยถามนักเรียนว่า โจทย์ถามอะไร โจทย์บอกอะไร และหาคาตอบได้อย่างไร ทั้งนี้ครูอาจใช้
ภาพประกอบเพือ่ ให้นกั เรยี นเห็นภาพชัดเจนยิง่ ขึ้น เชน่ กระดานสปริง 2 ระดบั ระดับแรกสูงจากพนื้ 5 เมตร ถ้าระดับท่ีสองสูง
เทา่ กันจะสงู จากพนื้ เทา่ ไร (5 เมตร) ครอู าจแสดงภาพการเลอื่ นขึ้นหรือเลอ่ื นลงของกระดานสปริงให้นักเรียนเข้าใจความหมาย
ของการเท่ากัน มากกว่า หรือ น้อยกว่าในโจทย์ปัญหาข้อนี้ต้องเลื่อนกระดานสปริงระดับท่ีสองให้สูงกว่าระดับแรก นักเรียน
ควรตอบคาถามใหไ้ ด้ว่า จะหาคาตอบไดอ้ ยา่ งไร ครูควรเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นอธบิ ายแนวคิดของตนเอง
ข้นั สอน
ข้นั สารวจค้นหา
1. ครูติดแถบโจทย์ปัญหาการบวกความสูงตามหนังสือเรียนหน้า 185 ครูให้นักเรียนอ่านโจทย์แล้วร่วมกันวิเคราะห์โจทย์ ครู
อาจใช้คาถามกระตุ้นการคิดโดยถามนักเรียนว่า โจทย์ถามอะไร โจทย์บอกอะไร และหาคาตอบได้อย่างไร ทั้งนี้ครูอาจใช้
ภาพประกอบเพอื่ ใหน้ กั เรยี นเห็นภาพชัดเจนย่ิงข้ึน เชน่ กระดานสปริง 2 ระดับ ระดับแรกสูงจากพน้ื 5 เมตร ถ้าระดับท่ีสองสูง
เทา่ กันจะสูงจากพื้นเทา่ ไร (5 เมตร) ครูอาจแสดงภาพการเลื่อนขน้ึ หรอื เล่ือนลงของกระดานสปริงให้นักเรียนเข้าใจความหมาย
ของการเท่ากัน มากกว่า หรือ น้อยกว่าในโจทย์ปัญหาข้อนี้ต้องเลื่อนกระดานสปริงระดับท่ีสองให้สูงกว่าระดับแรก นักเรียน
ควรตอบคาถามใหไ้ ดว้ า่ จะหาคาตอบไดอ้ ย่างไร ครคู วรเปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนอธบิ ายแนวคิดของตนเอง
2. ครตู ดิ แถบโจทย์ปัญหาตามหนังสือเรียนหน้า 186 แล้วให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์โจทย์ปัญหา โดยครูอาจใช้ภาพ
อาคารเรียนและเสาธงทีเ่ สาธงสูงกวา่ และเตี้ยกว่าอาคารเรียน เพื่อให้นักเรียนเลือกภาพที่สอดคล้องกับโจทย์ปัญหา จากนั้นให้
นักเรียนวิเคราะห์ว่าจะหาคาตอบได้อย่างไร แล้วช่วยกันเขียนแสดงวิธีหาคาตอบ ครูควรเน้นย้าเร่ืองการลบที่มีการกระจาย
แล้วให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์และหาคาตอบโจทย์ปัญหาข้อ 1 และ 2 ในกรอบท้ายหน้า 186 พร้อมทั้งตรวจสอบความ
ถกู ตอ้ ง
3. ครูติดแถบโจทย์ปัญหาแล้วให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์โจทย์ปัญหาตามหนังสือเรียนหน้า 187โดยครูอาจใช้ภาพ
ประกอบการวเิ คราะห์โจทยป์ ัญหาเพื่อสร้างความเข้าใจ แลว้ กระตุ้นการคิดวิเคราะห์เพ่ิมเติมด้วยคาถาม โจทย์ถามอะไร โจทย์
บอกอะไร นักเรียนจะหาคาตอบได้อย่างไร ในโจทย์ปัญหาข้อน้ีอาจใช้แถบกระดาษสี (Bar Model) มาประกอบการอธิบาย
เช่น วนั แรกพอ่ ปอู ิฐได้ระยะทาง 6 เมตร 10 เซนตเิ มตรครูตดิ แถบกระดาษสแี สดงระยะทางที่พ่อปูอิฐไดด้ ังนี้
ระยะทางท้ังหมดที่พ่อปูอฐิ ได้ 10 เมตร ครเู ขยี นรปู สเ่ี หลีย่ มต่ออกไปเพ่ือใหไ้ ด้ระยะทาง 10 เมตร ดงั นี้
จากรูป ครูให้นักเรียนบอกว่าส่วนท่ีต่อออกเป็นเป็นระยะทางเท่าไร แล้วให้นักเรียนแสดงวิธีหาคาตอบจากนั้นครูให้นักเรียน
ช่วยกันวิเคราะห์และหาคาตอบของโจทย์ปัญหาในกรอบท้ายหน้า 187 พร้อมท้ังตรวจสอบความถูกต้องท้ังนี้ครูอาจสร้าง
สถานการณ์เป็นเรื่องราวเพ่ิมความสนใจให้นักเรียน เช่น การทาความดีของต้นกล้า แม่ของต้นกล้ามีเชือกยาว 30 เมตร (ครู
เขียนรูปจาลองเชือกบนกระดาน) ต้นกล้าช่วยแม่ตัดเชือกทา ราวตากผ้า แล้วเหลือเชือกยาว 15 เมตร 25 เซนติเมตร (ครู
เขยี นรปู จาลองเชอื กบนกระดาน)ใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั หาคาตอบวา่ ต้นกลา้ ใช้เชือกทาราวตากผา้ เท่าไร (14 เมตร 75 เซนติเมตร)
ขนั้ สรุป
ข้นั ขยายความเข้าใจ
4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยให้นักเรียนวิเคราะห์โจทย์ปัญหาการบวกและโจทย์ปัญหาการลบ แล้วเขียน
แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาตามหนังสือเรียนหน้า 188 เป็นรายบุคคล ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง
ครูอาจเสริมกิจกรรมแข่งขันการหาคาตอบด้วยการกาหนด โจทย์ปัญหาการบวกและโจทย์ปัญหาการลบมาให้นักเรียนหา
คาตอบใหไ้ ด้อย่างรวดเร็ว จากนน้ั ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปส่ิงท่ีไดเ้ รยี นรู้หากพบว่ามีนกั เรียนวิเคราะห์โจทย์ปัญหาและแสดง
วธิ หี าคาตอบไมถ่ กู ต้อง ครูควรสอนเพิม่ เตมิ เป็นรายบุคคลหรอื รายกลุม่
- การแกโ้ จทย์ปญั หาทาไดโ้ ดยอา่ นทาความเข้าใจปัญหา วางแผนแกป้ ญั หาหาคาตอบ และตรวจสอบความสมเหตสุ มผล
ขัน้ ตรวจสอบผล
- การแก้โจทย์ปัญหาทาได้โดยอ่านทาความเข้าใจปัญหา วางแผนแก้ปัญหาหาคาตอบ และตรวจสอบความ
สมเหตุสมผลจากนั้นใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหดั หน้า 118 – 120
6. การวดั และประเมนิ ผล
การวดั และประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วธิ ีการวดั ผล เครอ่ื งมือวดั เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
ความรู้ความเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคิด 70% ขนึ้ ไป ถอื ว่าผา่ น
-การสังเกต เกณฑ์การประเมิน
ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หัด 70% ขน้ึ ไป ถือว่าผา่ น
-การใหเ้ หตผุ ล เกณฑ์การประเมนิ
-การสรปุ ความรกู้ ารปฏบิ ัติ
คุณลักษณะนิสยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถือวา่ ผ่าน
ทางานรว่ มกับกลุ่ม ขณะ ทางานร่วมกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมิน
7. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้
7.1 สือ่ การเรียนรู้
1. เครอื่ งมือวัดความยาว เชน่ ไมเ้ มตร สายวัดชนิดตลบั
2. เครื่องบนิ กระดาษ
7.2 แหลง่ การเรียนรู้
. 1. บัตรภาพ
2. บัตรตวั เลข
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ............................................ครผู ู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)
สปั ดาหท์ ่ี 9
โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ฒั นา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรยี นที่ ……1…/…………... ชื่อผสู้ อน ….……………………………….…….............
กลุม่ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 จานวน 2 คาบ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การวดั ความยาว เร่อื ง กจิ กรรมรว่ มคดิ รว่ มทา (สารวจระยะทาง)
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชวี้ ดั
มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพืน้ ฐานเก่ยี วกบั การวดั วัดและคาดคะเนขนาดของส่งิ ทีต่ ้องการวดั และไปใช้
ตวั ช้ีวัดท่ี ป.2/2 วดั และเปรยี บเทยี บความยาวเป็นเมตร และเซนตเิ มตร
ป.2/3 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา การบวก การลบเก่ยี วกบั ความยาวทม่ี ี
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การวัดความยาวหรอื ความสูงของสงิ่ ตา่ ง ๆ เป็นเซนตเิ มตร อาจวางเคร่อื งมือวัดเริ่มท่ี 0 หรือไมเ่ ริม่ ที่ 0 กไ็ ด้
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวกและโจทยป์ ญั หาการลบเกยี่ วกบั ความยาวท่มี หี น่วยเปน็ เมตรและ
เซนตเิ มตร
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
วดั ความยาวหรอื ระยะทางได้
ด้านคุณลักษณะ(A)
มีวจิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมน่ั ใจ
4. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถน่ิ
กจิ กรรมรว่ มคิดรว่ มทา (สารวจระยะทาง) พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
คาบที่ 1
ขน้ั นา
ข้ันกระต้นุ ความสนใจ
1. ครูให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น 15 นาที
2. ครแู บง่ นักเรียนเป็นกลุม่ ตามความเหมาะสม แลว้ แจกเครือ่ งมือวดั ความยาวและแบบบนั ทึกกิจกรรม
ขนั้ สอน
ขนั้ สารวจคน้ หา
1. ครใู ห้นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น 15 นาที
2. ครูแบ่งนักเรยี นเป็นกลุ่มตามความเหมาะสม แลว้ แจกเครือ่ งมอื วัดความยาวและแบบบนั ทกึ กิจกรรม
3. ครใู ห้นกั เรียนแต่ละกลุ่มสารวจระยะทาง เช่น จาก A ถงึ D โดยผ่าน B หรือผ่าน C เสน้ ทางใดมรี ะยะทางสัน้ กว่าและสั้น
กว่าเท่าไร
4. ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละกล่มุ สรปุ ว่า ถ้าตอ้ งเดนิ ทางจากจุดเริ่มตน้ ไปยงั จดุ หมาย นักเรียนจะเลือกเส้นทางใด เพราะเหตุใดหมาย
เหตุ: ครอู าจกาหนดให้นักเรยี นสารวจระยะทางจาก A ถงึ D โดยผ่าน B และ C หรอื โดยผ่าน C และ B เส้นทางใดมีระยะทาง
ส้ันกว่าและส้ันกว่าเท่าไร ซง่ึ ครตู ้องทาแบบบนั ทึกกิจกรรมเพ่ิมเติมจากนัน้ ให้นักเรยี นทาแบบฝกึ หดั ท้าทาย หนา้ 121 – 122
***หมายเหตุ ควรเป็นพ้ืนท่ีโล่งเพื่อการวางอุปกรณ์สาหรับกาหนดเส้นทาง อาจให้นักเรียนช่วยกันกาหนดจุดเร่ิมต้น
จดุ หมาย และเสน้ ทางตามจุดตา่ ง ๆ แลว้ ต้งั ช่ือจดุ ทีผ่ ่านตามหนงั สอื เรยี นหน้า 189 ครอู าจสรา้ งเป็นสถานการณ์หรือเหตุการณ์
ท่เี กดิ ขน้ึ ในนิทาน เชน่ หนูน้อยหมวกแดงต้องการเดินทางไปเยีย่ มคณุ ยาย เพอ่ื เสริมสร้างจติ นาการนกั เรียน โดยใช้กรวยจราจร
หรือขวดนา้ เป็นจดุ ทแ่ี สดงตาแหน่ง
ข้นั สรปุ
ขัน้ ขยายความเข้าใจ
4. ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะกล่มุ สรุปว่า ถ้าต้องเดนิ ทางจากจุดเรม่ิ ต้นไปยงั จุดหมาย นกั เรยี นจะเลือกเส้นทางใด เพราะเหตุ
ใดหมายเหตุ: ครูอาจกาหนดให้นักเรียนสารวจระยะทางจาก A ถึง D โดยผ่าน B และ C หรือ โดยผ่าน C และ B เส้นทางใดมี
ระยะทางสั้นกวา่ และสน้ั กว่าเทา่ ไร ซึง่ ครตู อ้ งทาแบบบันทึกกจิ กรรมเพ่ิมเติมจากน้นั ให้
ข้นั ตรวจสอบผล
- นักเรียนทาแบบฝึกหัดท้าทาย หนา้ 121 – 122
6. การวัดและประเมนิ ผล
การวดั และประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วธิ ีการวดั ผล เครอ่ื งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมินผล
ความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระต้นุ ความคิด 70% ขึ้นไป ถือว่าผา่ น
-การสงั เกต เกณฑ์การประเมนิ
ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หัด 70% ขึ้นไป ถือวา่ ผ่าน
เกณฑ์การประเมนิ
-การใหเ้ หตุผล
-การสรุปความรู้การปฏบิ ัติ
คุณลกั ษณะนสิ ัย (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ข้นึ ไป ถอื วา่ ผ่าน
ทางานรว่ มกบั กลุ่ม ขณะ ทางานรว่ มกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมิน
7. สือ่ /แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 สื่อการเรยี นรู้
1. อปุ กรณ์สาหรับกาหนดเสน้ ทาง เชน่ กรวยจราจร ขวดน้า
2. เครอ่ื งมือวดั ความยาว เชน่ สายวดั ชนดิ ตลับ
7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
. 1. บตั รภาพ
2. บตั รตวั เลข
8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
ลงชอื่ ............................................ครผู สู้ อน ลงชอื่ ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชอ่ื ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)
สปั ดาหท์ ี่ 11
โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ฒั นา
แผนการจัดการเรียนรู้
ภาคเรยี นท่ี ……1…/…………... ชอ่ื ผสู้ อน …………………………….…….......................
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 4 การวัดน้าหนัก ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 2 จานวน 2 คาบ
เรื่อง การวดั นา้ หนกั เป็นกิโลกรมั ละขดี (1)
1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชีว้ ัด
มาตรฐาน ค 2.1 เขา้ ใจพื้นฐานเก่ยี วกบั การวดั วดั และคาดคะเนขนาดของส่งิ ท่ีต้องการวดั และไปใช้
ตวั ชี้วัด ป.2/4 วดั และเปรยี บเทยี บน้าหนักเปน็ กโิ ลกรัม และกรัม กโิ ลกรมั และขดี
ป.2/5 แสดงหาคาตอบของโจทย์ปัญหา การบวก การลบเก่ียวกับน้าหนักหน่วยเป็นกิโลกรัมและกรัม กิโลกรัม
และขีด
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การบอกนา้ หนกั ของสงิ่ ตา่ ง ๆ อาจบอกน้าหนัก เป็นกรมั เปน็ กโิ ลกรมั และขีดเปน็ กิโลกรมั และกรัม
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้ (K)
บอกน้าหนักของสิง่ ตา่ ง ๆ เปน็ กโิ ลกรมั และขดี
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
ใช้วิธีการที่เหมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้
ดา้ นคณุ ลักษณะ(A)
มีวจิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมน่ั ใจ
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ ้องถนิ่
การวดั นา้ หนกั พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
คาบที่ 1
ขัน้ นา
ขนั้ กระตุ้นความสนใจ
1. ครูจัดกิจกรรม บอกน้าหนักเป็นกิโลกรัมและขีด ตามหนังสือเรียนหน้า 193 – 194 โดยครูเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
แล้วแนะนาการใช้เครื่องชั่งสปริงในการชั่งน้าหนัก ครูควรเน้นย้าว่าก่อนการชั่งน้าหนักสิ่งของต่าง ๆ ควรสังเกต เข็มชี้
น้าหนักตอ้ งชท้ี ่ตี วั เลข 0 ก่อนช่งั ทกุ คร้ัง
ขน้ั สอน
ขัน้ สารวจคน้ หา
1. ครูจัดกิจกรรม บอกน้าหนักเป็นกิโลกรัมและขีด ตามหนังสือเรียนหน้า 193 – 194 โดยครูเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมแล้ว
แนะนาการใช้เคร่ืองชั่งสปริงในการช่ังน้าหนัก ครูควรเน้นย้าว่าก่อนการช่ังน้าหนักสิ่งของต่าง ๆ ควรสังเกต เข็มช้ีน้าหนัก
ต้องช้ีทตี่ ัวเลข 0 ก่อนช่ังทุกครั้งครูช่ังข้าวสารทีละถุงแล้วให้นักเรียนบอกน้าหนักที่ชั่งได้ จนครบ 5 ถุง ซ่ึงเข็มชี้น้าหนักจะชี้ท่ี
ตัวเลข 5 นกั เรียนอา่ นนา้ หนกั 5 ขีด ครูแนะนาว่า นา้ หนกั 5 ขีด เท่ากับน้าหนักครึง่ กโิ ลกรมั จากน้นั ครชู ่งั ข้าวสารเพิ่มทีละถุง
แล้วให้นักเรียนบอกน้าหนักท่ีชั่งได้ จนครบ 10 ถุง ซ่ึงเข็มจะช้ีที่ตัวเลข 1 ครูแนะนาว่า น้าหนัก 10 ขีดเท่ากับน้าหนัก 1
กิโลกรัม จากนั้นเปล่ียนถุงข้าวสาร 10 ถุง เป็นถุงข้าวสาร 1 กิโลกรัม 1 ถุง และครูนา ถุงข้าวสารที่หนัก 1 ขีด ชั่งเพิ่มทีละ 1
ถุง และให้นักเรียนอ่านน้าหนักเป็นกิโลกรัมและขีด จนครบ 5 ถุง ครูแนะนาว่า 1 กิโลกรัม 5 ขีด เรียกอีกอย่างหน่ึงว่า 1
กิโลกรัมครึ่ง แล้วครูช่ังข้าวสารเพ่ิมทีละถุงให้นักเรียนบอกน้าหนักท่ีชั่งได้เป็นกิโลกรัมและขีด จนครบ 10 ถุง ซ่ึงเข็มจะช้ีที่
ตวั เลข 2 ครูแนะนาวา่ 1 กิโลกรัม 10 ขดี เท่ากบั น้าหนัก 2 กโิ ลกรัม หรือ น้าหนัก 20 ขดี เท่ากบั นา้ หนัก 2 กโิ ลกรมั
2. ครใู หน้ ักเรยี นช่วยกันบอกน้าหนักเป็นกิโลกรัมและขีด ตามหนังสือเรียนหน้า 195 ครูอาจนาของจริงมาให้นักเรียน
ชง่ั และบอกนา้ หนัก เพือ่ ฝึกให้นักเรยี นอ่านน้าหนักเปน็ กโิ ลกรมั และขีด หรืออาจนาบัตรภาพการช่งั สง่ิ ตา่ ง ๆ มาให้นักเรียนอ่าน
น้าหนกั เพื่อฝึกเพมิ่ เติม หากนักเรยี นอ่านน้าหนักของสงิ่ ตา่ ง ๆ เปน็ กิโลกรมั และขีดไมถ่ กู ตอ้ งครคู วรแกไ้ ขทนั ที
3. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยให้นักเรียนอ่านน้าหนักของส่ิงต่าง ๆ ตามหนังสือเรียนหน้า 196 ซึ่งจะ
กาหนดภาพการชง่ั สง่ิ ของมาให้จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องและสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้ หากนักเรียนอ่าน
น้าหนักของสิ่งต่าง ๆ เป็นกิโลกรัมและขีด ไม่ถูกต้อง ครูควรแก้ไขโดยให้นักเรียนฝึกชั่งน้าหนักของสิ่งของที่เป็นของจริงแล้ว
บอกน้าหนักเป็นรายบคุ คล
ขั้นอธบิ ายความรู้
4. คาตอบ ครูอาจจัดกจิ กรรมเพม่ิ เติมโดยใช้บตั รภาพแสดงการชั่งนา้ หนกั ของสิง่ ต่าง ๆ ท่ีมีหน่วยเป็นขดี เพ่ือทบทวน
ความรู้เร่ืองการชง่ั น้าหนักและการบอกนา้ หนัก
ข้ันสรุป
ขั้นขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยให้นักเรียนอ่านน้าหนักของส่ิงต่าง ๆ ตามหนังสือเรียนหน้า 196 ซ่ึงจะกาหนด
ภาพการช่งั สง่ิ ของมาให้จากน้ันครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องและสรุปส่ิงท่ีได้เรียนรู้ หากนักเรียนอ่านน้าหนัก
ของส่ิงต่าง ๆ เป็นกิโลกรัมและขีด ไม่ถูกต้อง ครูควรแก้ไขโดยให้นักเรียนฝึกชั่งน้าหนักของสิ่งของที่เป็นของจริงแล้วบอก
น้าหนักเป็นรายบุคคล
ขั้นตรวจสอบผล
- การบอกนา้ หนกั ของสิ่งตา่ ง ๆ ท่ีมากกว่า 1 กโิ ลกรัม อาจบอกนา้ หนกั เป็นกิโลกรัมและขีดจากนั้นให้นกั เรียนทา
แบบฝึกหดั หน้า 123 - 125
6. การวัดและประเมินผล
การวัดและประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วิธกี ารวัดผล เครอื่ งมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ ผล
ความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคิด 70% ข้นึ ไป ถอื วา่ ผ่าน
-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน
ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหัด 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ น
-การใหเ้ หตุผล เกณฑ์การประเมิน
-การสรปุ ความร้กู ารปฏิบตั ิ
คุณลกั ษณะนิสยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถือว่าผา่ น
ทางานร่วมกบั กลุ่ม ขณะ ทางานร่วมกับกลุ่ม เกณฑ์การประเมิน
7. ส่อื /แหลง่ การเรียนรู้
7.1 ส่ือการเรียนรู้
1. บัตรภาพแสดงการชั่งน้าหนักสิง่ ของตา่ ง ๆ
2. เครื่องชั่งสปรงิ
3. ข้าวสาร 10 ถุง หนกั ถุงละ 1 ขดี
4. ข้าวสาร 1 ถุง หนัก 1 กิโลกรัม
7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
-
8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงช่อื ............................................ครูผ้สู อน ลงชือ่ ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงช่ือ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)
สปั ดาห์ที่ 11
โรงเรยี นขจรเกยี รติพฒั นา
แผนการจัดการเรยี นรู้
ภาคเรียนที่ ……1…/…………... ชอ่ื ผูส้ อน …………………………….…….......................
กลุม่ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 การวดั นา้ หนัก ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 2 จานวน 2 คาบ
เร่ือง การวัดนา้ หนักเป็นกิโลกรัมละขีด(2)
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ดั
มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพน้ื ฐานเกี่ยวกบั การวดั วัดและคาดคะเนขนาดของสงิ่ ทีต่ อ้ งการวัดและไปใช้
ตวั ชี้วัด ป.2/4 วดั และเปรยี บเทยี บนา้ หนักเป็นกิโลกรัม และกรมั กโิ ลกรัมและขีด
ป.2/5 แสดงหาคาตอบของโจทย์ปัญหา การบวก การลบเก่ียวกบั นา้ หนักหน่วยเปน็ กิโลกรมั และกรมั
กโิ ลกรัม และขีด
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การบอกน้าหนักของสงิ่ ต่าง ๆ อาจบอกน้าหนกั เปน็ กรัม เปน็ กโิ ลกรมั และขีดเปน็ กิโลกรมั และกรัม
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
บอกน้าหนักของสงิ่ ตา่ ง ๆ เปน็ กโิ ลกรมั และขีด
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
ใช้วธิ ีการที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้
ด้านคณุ ลักษณะ(A)
มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความม่ันใจ
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถ่นิ
การวดั นา้ หนกั เป็นกิโลกรมั และขดี พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบที่ 1- 2
ขน้ั นา
ขนั้ กระตนุ้ ความสนใจ
1. ครจู ดั กจิ กรรม บอกน้าหนักเป็นกิโลกรัมและขีด ตามหนังสือเรียนหน้า 193 – 194 โดยครูเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
แล้วแนะนาการใช้เครื่องชั่งสปริงในการชั่งน้าหนัก ครูควรเน้นย้าว่าก่อนการชั่งน้าหนักส่ิงของต่าง ๆ ควรสังเกต เข็มชี้
น้าหนักต้องช้ที ่ตี ัวเลข 0 กอ่ นชั่งทุกครั้ง
ขนั้ สอน
ขน้ั สารวจค้นหา
2. ครูชัง่ ขา้ วสารทีละถุงแล้วใหน้ กั เรยี นบอกนา้ หนกั ท่ีชงั่ ได้ จนครบ 5 ถงุ ซึ่งเข็มชนี้ ้าหนกั จะชี้ท่ีตัวเลข 5 นักเรียนอ่าน
น้าหนัก 5 ขีด ครูแนะนาว่า น้าหนัก 5 ขีด เท่ากับน้าหนักคร่ึงกิโลกรัม จากน้ันครูช่ังข้าวสารเพ่ิมทีละถุงแล้วให้นักเรียนบอก
น้าหนักท่ีช่ังได้ จนครบ 10 ถุง ซึ่งเข็มจะช้ีท่ีตัวเลข 1 ครูแนะนาว่า น้าหนัก 10 ขีดเท่ากับน้าหนัก 1 กิโลกรัม จากน้ันเปลี่ยน
ถุงข้าวสาร 10 ถุง เป็นถุงข้าวสาร 1 กิโลกรัม 1 ถุง และครูนา ถุงข้าวสารที่หนัก 1 ขีด ชั่งเพ่ิมทีละ 1 ถุง และให้นักเรียนอ่าน
น้าหนักเป็นกิโลกรัมและขีด จนครบ 5 ถุง ครูแนะนาว่า 1 กิโลกรัม 5 ขีด เรียกอีกอย่างหน่ึงว่า 1 กิโลกรัมครึ่ง แล้วครูชั่ง
ข้าวสารเพิ่มทีละถุงให้นักเรียนบอกน้าหนักที่ชั่งได้เป็นกิโลกรัมและขีด จนครบ 10 ถุง ซ่ึงเข็มจะชี้ที่ตัวเลข 2 ครูแนะนาว่า 1
กโิ ลกรมั 10 ขีด เทา่ กับนา้ หนกั 2 กิโลกรัม หรอื นา้ หนัก 20 ขีด เท่ากับ นา้ หนัก 2 กิโลกรมั
ขน้ั อธบิ ายความรู้
3. ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องและสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ หากนักเรียนอ่านน้าหนักของส่ิงต่าง ๆ เป็น
กิโลกรัมและขดี ไม่ถกู ตอ้ ง ครคู วรแกไ้ ขโดยใหน้ กั เรียนฝกึ ช่งั นา้ หนักของส่ิงของท่เี ปน็ ของจรงิ แล้วบอกนา้ หนักเปน็ รายบคุ คล
ข้นั สรุป
ขัน้ ขยายความเข้าใจ
- การบอกนา้ หนักของสิ่งตา่ ง ๆ ทม่ี ากกวา่ 1 กโิ ลกรัม อาจบอกน้าหนักเป็นกิโลกรมั และขีด
ขน้ั ตรวจสอบผล
- ให้นกั เรียนทาแบบฝกึ หดั หน้า 124
คาบท่ี 3
ข้นั นา
ขนั้ กระตนุ้ ความสนใจ
1. ครูจัดกจิ กรรม บอกน้าหนักเป็นกิโลกรัมและขีด ตามหนังสือเรียนหน้า 193 – 194 โดยครูเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
แล้วแนะนาการใช้เครื่องช่ังสปริงในการชั่งน้าหนัก ครูควรเน้นย้าว่าก่อนการชั่งน้าหนักสิ่งของต่าง ๆ ควรสังเกต เข็มชี้
น้าหนกั ต้องชท้ี ีต่ วั เลข 0 กอ่ นชั่งทกุ ครง้ั
ข้ันสอน
ขน้ั สารวจค้นหา
2. ครใู ห้นกั เรียนช่วยกันบอกน้าหนักเป็นกิโลกรัมและขีด ตามหนังสือเรียนหน้า 195 ครูอาจนาของจริงมาให้นักเรียน
ช่งั และบอกน้าหนกั เพอื่ ฝกึ ให้นกั เรยี นอา่ นนา้ หนกั เปน็ กโิ ลกรมั และขีด หรอื อาจนาบัตรภาพการชง่ั สง่ิ ต่าง ๆ มาให้นักเรียนอ่าน
นา้ หนักเพ่อื ฝกึ เพิม่ เติม หากนกั เรียนอา่ นน้าหนักของสงิ่ ตา่ ง ๆ เป็นกโิ ลกรัมและขดี ไม่ถกู ต้องครูควรแก้ไขทันที
ขั้นอธบิ ายความรู้
3. ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องและสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้ หากนักเรียนอ่านน้าหนักของส่ิงต่าง ๆ เป็น
กิโลกรัมและขีด ไมถ่ ูกต้อง ครูควรแกไ้ ขโดยใหน้ กั เรียนฝกึ ชั่งนา้ หนักของสงิ่ ของทเ่ี ป็นของจริงแลว้ บอกน้าหนักเปน็ รายบคุ คล
ขนั้ สรุป
ขน้ั ขยายความเข้าใจ
- การบอกนา้ หนักของส่งิ ตา่ ง ๆ ท่มี ากกว่า 1 กิโลกรมั อาจบอกนา้ หนักเป็นกิโลกรมั และขดี
ขัน้ ตรวจสอบผล
- ให้นักเรยี นทาแบบฝกึ หัดหน้า 125
6. การวดั และประเมินผล
การวดั และประเมนิ ผลจุดประสงค์ วธิ กี ารวัดผล เครื่องมือวดั เกณฑก์ ารประเมินผล
ความรคู้ วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคดิ 70% ขนึ้ ไป ถือว่าผา่ น
-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน
ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หดั 70% ขึน้ ไป ถือว่าผา่ น
-การใหเ้ หตุผล เกณฑ์การประเมิน
-การสรุปความรู้การปฏิบตั ิ
คณุ ลกั ษณะนสิ ัย (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ น
ทางานร่วมกบั กล่มุ ขณะ ทางานรว่ มกับกล่มุ เกณฑ์การประเมนิ
7. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้
7.1 สอ่ื การเรียนรู้
1. บตั รภาพแสดงการช่ังนา้ หนักสิ่งของต่าง ๆ
2. เครือ่ งช่ังสปรงิ
3. ข้าวสาร 10 ถงุ หนกั ถงุ ละ 1 ขีด
4. ขา้ วสาร 1 ถงุ หนกั 1 กิโลกรัม
7.2 แหล่งการเรยี นรู้
-
8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงช่อื ............................................ครผู ูส้ อน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)
สปั ดาห์ท่ี 11
โรงเรยี นขจรเกียรติพฒั นา
แผนการจัดการเรียนรู้
ภาคเรยี นที่ ……1…/…………... ช่ือผสู้ อน …………………………….…….......................
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 การวัดน้าหนกั ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 2 จานวน 2 คาบ
เรือ่ ง การวัดน้าหนักตวั
1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชี้วดั
มาตรฐาน ค 2.1 เขา้ ใจพ้นื ฐานเกีย่ วกบั การวดั วดั และคาดคะเนขนาดของสง่ิ ทต่ี ้องการวัดและไปใช้
ตวั ช้ีวดั ป.2/4 วดั และเปรียบเทยี บน้าหนกั เปน็ กิโลกรัม และกรมั กโิ ลกรมั และขีด
ป.2/5 แสดงหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา การบวก การลบเก่ยี วกบั นา้ หนักหนว่ ยเป็นกิโลกรัมและกรมั กิโลกรัม
และขดี
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การบอกนา้ หนกั ของสิ่งต่าง ๆ อาจบอกน้าหนกั เป็นกรัม เปน็ กิโลกรมั และขีดเป็นกิโลกรมั และกรัม
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K)
บอกน้าหนักตวั เปน็ กโิ ลกรมั และขีด
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
ใช้วิธกี ารที่เหมาะสมในการแกป้ ัญหา และคานวณหาคาตอบได้
ดา้ นคณุ ลักษณะ(A)
มีวจิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความมั่นใจ
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถิน่
การวัดนา้ หนักตวั พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
คาบที่ 1-2
ข้ันนา
ข้ันกระตุ้นความสนใจ
1. ครูสนทนากับนักเรียนเกยี่ วกบั การชั่งนา้ หนักตวั วา่ ใช้เครอ่ื งช่ังชนิดใดไดบ้ ้าง เชน่ เครือ่ งชง่ั แบบมเี ข็มเคร่ืองช่ังแบบ
ใช้ตวั เลข จากน้ันครูแนะนาเครื่องช่งั ท้งั สองแบบ และแนะนาเคร่ืองชนิดต่าง ๆ ตามหนังสือเรียนหน้า 197 ครูอาจใช้การถาม-
ตอบ เก่ียวกับการวดั น้าหนกั ตวั ของนกั เรยี น เชน่ นักเรียนหนักเท่าไร รู้ไดอ้ ย่างไร
ขัน้ สอน
ขนั้ สารวจคน้ หา
2. ครูจัดกิจกรรม ใครหนักเท่าไร ตามหนังสือเรียนหน้า 198 โดยครูจัดเตรียมเครื่องช่ังน้าหนักตัวแบบมีเข็ม และ
แบบใช้ตัวเลขและเน้นย้าว่าให้นักเรียนสังเกตหน้าปัดเครื่องชั่งก่อนชั่งทุกคร้ังว่า เคร่ืองชั่งน้าหนักตัวแบบมีเข็มเข็มต้องช้ีที่
ตัวเลข 0 เคร่ืองช่ังน้าหนักตัวแบบใช้ตัวเลข หน้าปัดต้องข้ึนตัวเลข 0.0 (บางรุ่นอาจไม่ปรากฏตัวเลข จนกว่าจะข้ึนชั่งน้าหนัก)
แลว้ ใหน้ กั เรียนทุกคนชั่งน้า หนักตัวและอา่ นน้าหนักของตนเอง ครแู นะนาว่าในการอ่านน้าหนักจากเคร่ืองช่ังน้าหนักตัวแบบใช้
ตวั เลขให้อ่านดังน้ี หน้าปดั เครอื่ งชัง่ ขึน้ ตัวเลข 49.5 อา่ นว่า สีส่ บิ เกา้ จดุ หา้ และให้บอกน้าหนกั วา่ 49 กิโลกรมั 5 ขีด
3. ครใู ห้นักเรยี นช่วยกนั บอกนา้ หนกั โดยใช้ภาพในหนังสือเรียนหน้า 199 เพ่ือฝึกให้นักเรียนอ่านน้าหนักจากเคร่ืองช่ัง
แบบมีเข็มและแบบใช้ตัวเลข ครอู าจนาบัตรภาพการชง่ั นา้ หนกั ตัวจากเครื่องช่งั แบบมเี ขม็ และแบบใชต้ วั เลขมาให้นักเรียนอ่าน
นา้ หนักเพื่อฝึกเพมิ่ เตมิ หากนักเรียนอา่ นนา้ หนกั ตัวไม่ถกู ตอ้ งครูควรแกไ้ ขทนั ที โดยครูเน้นย้าว่า การบอกน้าหนักจากเคร่ืองชั่ง
แบบใช้ตวั เลขตัวเลขท่ีอยูห่ นา้ จุดจะบอกน้าหนักเป็นกิโลกรัมตัวเลขท่ีอยู่หลังจุดจะบอกน้าหนักเป็นขีด เช่น 15.3 บอกน้าหนัก
วา่ 15 กโิ ลกรัม 3 ขีด
ข้นั อธิบายความรู้
4. ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยให้นักเรียนอ่านน้าหนักตัวจากเคร่ืองช่ังแบบมีเข็มและ เครื่องชั่ง
แบบใช้ตัวเลขในแต่ละภาพตามหนังสือเรียนหน้า 200 จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องและสรุปสิ่งท่ีได้
เรยี นรู้หากนักเรียนอ่านน้าหนักตัวไม่ถูกต้อง ครูควรแก้ไขโดยการให้นักเรียนฝึกช่ังน้าหนักตัวของตนเองและเพื่อนในห้องแล้ว
บอกนา้ หนกั เปน็ รายบคุ คลจากน้ันรว่ มกันสรุปสิ่งทไี่ ด้เรียนรู้
ขนั้ สรุป
ขน้ั ขยายความเข้าใจ
- เคร่อื งชง่ั สาหรบั วัดน้าหนักตวั มที งั้ แบบมเี ข็มและแบบใชต้ ัวเลข
ขั้นตรวจสอบผล
- ใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหัดหนา้ 126 -127
6. การวดั และประเมนิ ผล
การวัดและประเมินผลจุดประสงค์ วธิ ีการวดั ผล เครือ่ งมือวดั เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
70% ข้นึ ไป ถอื วา่ ผา่ น
ความร้คู วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคดิ เกณฑ์การประเมนิ
70% ข้ึนไป ถอื ว่าผ่าน
-การสังเกต เกณฑ์การประเมิน
ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหัด 70% ข้นึ ไป ถอื ว่าผา่ น
เกณฑ์การประเมิน
-การใหเ้ หตผุ ล
-การสรปุ ความร้กู ารปฏิบตั ิ
คุณลกั ษณะนิสยั (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม
ทางานร่วมกับกลุ่ม ขณะ ทางานรว่ มกับกล่มุ
7. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 ส่ือการเรยี นรู้
1. บัตรภาพแสดงการชัง่ น้าหนักส่งิ ของตา่ ง ๆ
2. เครือ่ งช่ังสปรงิ
3. ขา้ วสาร 10 ถงุ หนกั ถงุ ละ 1 ขีด
4. ข้าวสาร 1 ถุง หนกั 1 กโิ ลกรัม
7.2 แหล่งการเรยี นรู้
-
8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ............................................ครผู ้สู อน ลงชอ่ื ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ................................................... ผูบ้ ริหาร
(...........................................................)
สัปดาห์ที่ 12
โรงเรยี นขจรเกยี รติพัฒนา
แผนการจัดการเรยี นรู้
ภาคเรยี นที่ ……1…/…………... ชื่อผ้สู อน …………………………….…….......................
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 4 การวดั นา้ หนัก ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 จานวน 3 คาบ
เรอ่ื ง การวัดนา้ หนักเปน็ กรมั
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด
มาตรฐาน ค 2.1 เขา้ ใจพื้นฐานเกี่ยวกบั การวัด วดั และคาดคะเนขนาดของสงิ่ ท่ีต้องการวัดและไปใช้
ตวั ชวี้ ดั ป.2/4 วัดและเปรียบเทยี บน้าหนกั เป็นกโิ ลกรัม และกรัม กโิ ลกรมั และขดี
ป.2/5 แสดงหาคาตอบของโจทย์ปัญหา การบวก การลบเกี่ยวกบั น้าหนักหน่วยเปน็ กิโลกรัมและกรัม
กโิ ลกรมั และขีด
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การบอกน้าหนักของสงิ่ ตา่ ง ๆ อาจบอกนา้ หนัก เปน็ กรัม เปน็ กิโลกรมั และขีดเปน็ กโิ ลกรัมและกรัม
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K)
บอกนา้ หนักของส่ิงตา่ ง ๆ เปน็ กรัม
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
ใช้วธิ กี ารทเ่ี หมาะสมในการแกป้ ญั หา และคานวณหาคาตอบได้
ด้านคณุ ลักษณะ(A)
มีวจิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความม่นั ใจ
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถ่นิ
การวัดน้าหนกั เปน็ กรัม พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
คาบที่ 1- 3
ขนั้ นา
ข้นั กระตนุ้ ความสนใจ
1. ครสู นทนากับนกั เรยี นเกยี่ วกับการช่ังน้าหนกั เปน็ ขดี วา่ อา่ นน้าหนักเป็นขดี จากเคร่ืองชง่ั ได้อยา่ งไรจากน้นั ครูจดั
กิจกรรม หนึ่งกิโลกรัมเทา่ กบั กี่กรมั ตามหนงั สือเรยี นหนา้ 201 - 202 โดยครเู ตรยี มอุปกรณใ์ ห้พร้อมก่อนจดั กิจกรรม และครู
ควรเน้นย้าว่า กอ่ นชัง่ น้าหนักสงิ่ ของต่าง ๆ ควรสังเกต เข็มชน้ี ้าหนกั ต้องช้ีทต่ี วั เลข 0 ทกุ ครง้ั
ขน้ั สอน
ขัน้ สารวจคน้ หา
2. ครูช่ังข้าวสารบรรจุถุง (หนัก 1 ขีด) 1 ถุง ลงบนเคร่ืองช่ังสปริงชนิด 3 กิโลกรัมและให้นักเรียนอ่านน้าหนักเป็นขีด
จากนั้นครูนาข้าวสารบรรจุถุง ถุงเดิมไปชั่งบนเครื่องช่ังสปริงชนิด 1 กิโลกรัมซึ่งเข็มจะชี้ไปที่ตัวเลข 100 ครูแนะนาการอ่าน
น้าหนักว่า ข้าวสารหนกั 100 กรมั ครใู หน้ กั เรยี นสังเกตวา่ ข้าวสาร 1 ขีด หนัก เท่ากับ ข้าวสาร 100 กรัม ครูให้นักเรียนวาง
ถงุ ขา้ วสารเพมิ่ ทีละถงุ และอา่ นนา้ หนักเปน็ ขดี และอ่านน้าหนักเปน็ กรมั ไปเร่อื ย ๆ จนครบ 10 ถุง เช่น
ข้าวสาร 1 ขดี หนกั เทา่ กบั ขา้ วสาร 100 กรัม
ขา้ วสาร 2 ขีด หนกั เท่ากบั ขา้ วสาร 200 กรมั
ข้าวสาร 3 ขีด หนักเท่ากบั ข้าวสาร 300 กรัม
.
.
.
ข้าวสาร 10 ขดี หนักเทา่ กับ ข้าวสาร 1,000 กรัม ซ่งึ บนเคร่อื งช่งั สปรงิ ชนิด 1 กิโลกรัมจะชที้ ต่ี ัวเลข 1 ครู
และนักเรยี นรว่ มกันสรุปว่า
น้าหนกั 1 กโิ ลกรมั เท่ากับ น้าหนกั 10 ขีด
นา้ หนัก 1 ขดี เทา่ กับ นา้ หนกั 100 กรัม
นา้ หนัก 1 กโิ ลกรมั เท่ากบั น้าหนกั 1,000 กรมั
ครใู ช้การถาม-ตอบ เพื่อให้นักเรยี นสรปุ ให้ได้วา่ น้าหนกั ครึ่งขดี คือน้าหนัก 50 กรัม เชน่ ครูชัง่ น้าหนักข้าวสาร 1 ถุงให้
นกั เรียนอ่านนา้ หนักได้ 100 กรัม ครถู ามนักเรียนวา่ ถ้าเทข้าวสารออกใหเ้ หลอื ครึ่งถุงแล้วนามาชัง่ จะได้น้าหนักเทา่ ไร (50
กรัม)
3. ครใู หน้ ักเรียนชว่ ยกันอ่านน้าหนกั ของส่งิ ของเป็นกรัมโดยใช้ภาพในหนงั สือเรียนหนา้ 203 เพอ่ื ฝกึ ให้นักเรียนอ่าน
น้าหนกั เปน็ กรมั และครอู าจนาบัตรภาพการช่ังส่งิ ของต่าง ๆ มาใหน้ ักเรียนอา่ นนา้ หนกั เพื่อฝกึ เพมิ่ เตมิ
ขน้ั อธบิ ายความรู้
4. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยให้นักเรยี นอ่านนา้ หนกั ของสง่ิ ต่าง ๆ เปน็ กรมั ในแต่ละภาพทกี่ าหนดมาให้
ตามหนังสอื เรียนหน้า 204 จากน้นั ครูและนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้องและสรปุ สงิ่ ท่ไี ด้เรยี นรู้ หากนักเรียนอ่าน
นา้ หนักของส่ิงต่าง ๆ เปน็ กรัมไม่ถูกต้อง ครูควรแกไ้ ขโดยการใหน้ ักเรียนฝึกช่งั นา้ หนักของสงิ่ ตา่ ง ๆ ทเ่ี ป็นของจรงิ แล้วอา่ น
น้าหนักเปน็ รายบุคคล
ข้นั สรุป
ขั้นขยายความเข้าใจ
- การบอกนา้ หนักของส่งิ ตา่ ง ๆ อาจบอกเปน็ กรัมน้าหนกั 1 ขีด เท่ากับ น้าหนัก 100 กรัม
นา้ หนกั 1 กโิ ลกรัม เท่ากบั นา้ หนัก 1,000 กรมั
ขน้ั ตรวจสอบผล
- ใหน้ กั เรยี นทาแบบฝึกหดั หนา้ 128 - 130
6. การวัดและประเมนิ ผล
การวดั และประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วธิ ีการวัดผล เครอ่ื งมือวดั เกณฑก์ ารประเมินผล
- คาถามกระตุน้ ความคิด 70% ขน้ึ ไป ถือว่าผ่าน
ความร้คู วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ เกณฑ์การประเมิน
แบบฝึกหัด 70% ขึ้นไป ถอื วา่ ผ่าน
-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน
- แบบประเมินพฤติกรรม
ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก ขณะ ทางานร่วมกับกลมุ่ 70% ข้นึ ไป ถอื ว่าผ่าน
เกณฑ์การประเมนิ
-การใหเ้ หตุผล
-การสรุปความร้กู ารปฏบิ ัติ
คณุ ลักษณะนิสัย (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ
ทางานรว่ มกบั กล่มุ
7. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้
7.1 สื่อการเรียนรู้
1. เคร่อื งชัง่ สปริงชนดิ 1 กิโลกรมั และ 3 กิโลกรมั
2. ข้าวสารบรรจุถงุ 10 ถุง ถุงละ 100 กรัม
3. บัตรภาพการช่ังสิง่ ของ
7.2 แหลง่ การเรียนรู้
-
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ............................................ครผู ูส้ อน ลงชอื่ ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ................................................... ผ้บู ริหาร
(...........................................................)
สัปดาห์ที่ 12
โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรียนที่ ……1…/…………... ชื่อผสู้ อน …………………………….…….......................
กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การวัดน้าหนกั ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 2 จานวน 3 คาบ
เรอ่ื ง การวดั นา้ หนักเป็นกิโลกรมั และกรัม
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวดั
มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพนื้ ฐานเกย่ี วกับการวดั วัดและคาดคะเนขนาดของส่ิงท่ีตอ้ งการวัดและไปใช้
ตวั ชีว้ ดั ป.2/4 วัดและเปรียบเทียบน้าหนกั เปน็ กโิ ลกรมั และกรัม กโิ ลกรัมและขีด
ป.2/5 แสดงหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา การบวก การลบเก่ียวกับนา้ หนกั หน่วยเปน็ กโิ ลกรมั และกรัม กิโลกรัม
และขดี
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การบอกนา้ หนกั ของสง่ิ ตา่ ง ๆ อาจบอกนา้ หนกั เปน็ กรมั เปน็ กิโลกรัมและขีดเป็นกโิ ลกรัมและกรัม
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
บอกนา้ หนักของสง่ิ ต่าง ๆ เป็นกิโลกรัมและกรมั
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
ใชว้ ิธีการทเ่ี หมาะสมในการแกป้ ญั หา และคานวณหาคาตอบได้
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ(A)
มีวจิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความมน่ั ใจ
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถน่ิ
การวดั นา้ หนกั เป็นกโิ ลกรัมและกรัม พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบที่ 1- 3
ขน้ั นา
ข้ันกระตุ้นความสนใจ
1. ครสู นทนากับนกั เรยี นเก่ยี วกับการชง่ั น้าหนกั เป็นขีดวา่ อา่ นน้าหนักเปน็ ขดี จากเคร่ืองชง่ั ไดอ้ ยา่ งไร
จากนน้ั ครูจดั กิจกรรม หนงึ่ กโิ ลกรัมเทา่ กับก่ีกรัม ตามหนังสือเรียนหนา้ 201 - 202 โดยครูเตรยี มอปุ กรณ์ให้พร้อมก่อนจดั
กิจกรรม และครูควรเนน้ ย้าวา่ ก่อนช่ังน้าหนักส่ิงของตา่ ง ๆ ควรสังเกต เขม็ ชีน้ ้าหนักต้องช้ีทีต่ ัวเลข 0 ทกุ ครง้ั
ข้นั สอน
ขั้นสารวจคน้ หา
1. ครูสนทนากบั นกั เรียนเกยี่ วกบั การชั่งน้าหนกั เปน็ กิโลกรมั และขดี และการช่ังน้าหนักเป็นกรัม จากทไ่ี ด้เรยี นผา่ นมาแล้วใน
ช่ัวโมงก่อนหนา้ นี้ จากน้นั ครูใช้การถามตอบเพ่อื ให้นักเรียนเชือ่ มโยงความรู้ 1 ขดี เทา่ กับกี่กรมั (100 กรัม) 1 กโิ ลกรัม เทา่ กบั
กี่ขีด (10 ขดี ) 1 กิโลกรัม เท่ากบั ก่กี รัม (1,000 กรัม) เชน่
มะม่วงหนัก 1 กิโลกรมั 2 ขดี จะเทา่ กับ มะมว่ งหนัก 1 กโิ ลกรมั กก่ี รัม (1 กโิ ลกรัม 200 กรัม )
จากน้นั ใชห้ นงั สอื เรียนหนา้ 205เพ่อื สนทนาเกีย่ วกับการบอกน้าหนักเป็นกิโลกรัมและกรัม ครใู ช้การถาม-ตอบเกยี่ วกับน้าหนัก
ทเ่ี ปน็ ครึง่ ขีด เช่น
สม้ หนกั 1 ขีดครง่ึ จะเท่ากับส้มหนกั ก่ีกรมั (150 กรมั )
กระท้อนหนกั 3 ขดี ครง่ึ จะเทา่ กบั กระท้อนหนกั กีก่ รัม (350 กรมั )
2. ครจู ัดกิจกรรม บอกน้าหนักเป็นกิโลกรมั และกรัม ตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 206 โดยครูจดั เตรยี มเครื่องช่ังสปรงิ และ
ส่ิงของที่มนี ้าหนักเป็นกิโลกรัมและกรัม 3 ส่ิง ตามความเหมาะสม เช่นมะนาวบรรจถุ งุ กระเทยี มบรรจุถงุ ซ่งึ ครตู ้องทดลองชัง่
ก่อนเพื่อให้สิง่ ของเหลา่ น้ันมีน้าหนกั ตามต้องการ คอื มนี ้าหนักเป็นกโิ ลกรมั และกรัม เช่น มะนาวหนกั 1 กิโลกรมั 200 กรมั ครู
ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุม่ ช่ังส่ิงของแล้วบนั ทึกผล
การชงั่ ลงในแบบบันทกึ กิจกรรม แล้วนาเสนอหน้าชัน้ เรียนครูควรเนน้ ย้าวา่ ก่อนชง่ั ควรสังเกตเขม็ ช้นี ้าหนักต้องชี้ที่ตัวเลข 0
ทกุ ครั้ง
3. ครูใหน้ ักเรียนอา่ นน้าหนกั เป็นกิโลกรมั และกรัมโดยใช้ภาพในหนังสอื เรยี นหน้า 207 เพื่อฝึกใหน้ ักเรยี นอา่ นนา้ หนัก
เป็นกโิ ลกรัมและกรัม ครูอาจนาบตั รภาพการชั่งสงิ่ ตา่ ง ๆ มาให้นักเรียนอ่านน้าหนกั
เพื่อฝึกเพ่ิมเตมิ
ข้นั อธบิ ายความรู้
4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยให้นกั เรียนอ่านน้าหนักของสิ่งต่าง ๆ ในหนงั สือเรยี น
หน้า 208 จากนน้ั ครูและนักเรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถูกตอ้ งและสรปุ ส่งิ ท่ีไดเ้ รยี นรู้ หากนักเรยี น
อา่ นนา้ หนกั ของส่ิงตา่ ง ๆ เปน็ กิโลกรมั และกรมั ไม่ถูกต้องครคู วรแกไ้ ขโดยการให้นักเรียนฝึกช่ังน้าหนักของสิง่ ต่าง ๆทีเ่ ป็นของ
จรงิ แลว้ อา่ นน้าหนกั เปน็ รายบุคคล
ขั้นสรปุ
ขั้นขยายความเข้าใจ
- การบอกน้าหนักของสิ่งตา่ ง ๆ อาจบอกเปน็ กรมั น้าหนกั 1 ขีด เทา่ กับ นา้ หนกั 100 กรมั
นา้ หนกั 1 กิโลกรมั เทา่ กบั นา้ หนกั 1,000 กรัม
ขัน้ ตรวจสอบผล
- ใหน้ กั เรยี นทาแบบฝึกหดั หน้า 131 - 133
6. การวดั และประเมนิ ผล
การวดั และประเมินผลจุดประสงค์ วิธกี ารวัดผล เครอ่ื งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
- คาถามกระตนุ้ ความคดิ 70% ขึ้นไป ถือว่าผา่ น
ความร้คู วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ เกณฑ์การประเมนิ
แบบฝึกหดั 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ น
-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน
- แบบประเมินพฤติกรรม
ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก ขณะ ทางานร่วมกับกลมุ่ 70% ขน้ึ ไป ถือว่าผ่าน
เกณฑ์การประเมนิ
-การให้เหตุผล
-การสรปุ ความรกู้ ารปฏบิ ตั ิ
คุณลักษณะนิสยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ
ทางานร่วมกับกลมุ่
7. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้
7.1 สอื่ การเรยี นรู้
1. บตั รภาพแสดงการช่งั น้าหนักของสงิ่ ต่าง ๆ
2. เครอ่ื งช่งั สปรงิ
3. สิ่งของท่ีมีน้าหนกั เป็นกิโลกรัมและเป็นกรมั 3 สง่ิ
7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
-
8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................ครผู ู้สอน ลงช่ือ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงช่ือ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)
สปั ดาห์ท่ี 13
โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรียนท่ี ……1…/…………... ชอื่ ผูส้ อน …………………………….…….......................
กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 4 การวดั น้าหนกั ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 2 จานวน 2 คาบ
เรื่อง ความสมั พนั ธข์ องหน่วยนา้ หนกั
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชวี้ ดั
มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพื้นฐานเกีย่ วกบั การวดั วัดและคาดคะเนขนาดของสิ่งทต่ี ้องการวัดและไปใช้
ตวั ช้ีวดั ป.2/4 วดั และเปรยี บเทียบนา้ หนกั เปน็ กโิ ลกรัม และกรัม กโิ ลกรมั และขีด
ป.2/5 แสดงหาคาตอบของโจทย์ปัญหา การบวก การลบเกีย่ วกบั นา้ หนกั หน่วยเปน็ กโิ ลกรมั และกรัม กิโลกรัม
และขดี
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
ความสมั พนั ธ์ของหน่วยนา้ หนัก
1 กโิ ลกรมั เท่ากับ 10 ขดี
1 ขีด เทา่ กับ 100 กรมั
1 กโิ ลกรมั เทา่ กับ 1,000 กรัม
3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K)
บอกนา้ หนักของส่ิงต่าง ๆ โดยใช้ความสมั พนั ธข์ องหน่วยน้าหนกั
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
ใช้วธิ กี ารท่ีเหมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้
ด้านคุณลกั ษณะ(A)
มีวิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความม่ันใจ
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถิ่น
ความสัมพันธ์ของหน่วยน้าหนัก พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
5. กิจกรรมการเรียนรู้
คาบท่ี 1- 2
ขั้นนา
ข้ันกระตนุ้ ความสนใจ
1. ครูสนทนากับนักเรยี นเกย่ี วกับความสมั พันธข์ องหนว่ ยนา้ หนกั เช่น
1 ขีด เท่ากบั 100 กรัม
10 ขีด เท่ากับ 1 กโิ ลกรมั
1,000 กรมั เทา่ กบั 1 กิโลกรัม
ครตู ิดบตั รภาพแสดงนา้ หนกั ของต้นหอม 8 ขีด แลว้ ใชค้ าถามวา่ ตน้ หอมหนกั กกี่ รัม โดยใหน้ กั เรยี นใช้ความสัมพนั ธข์ องหน่วย
นา้ หนกั 1 ขีด เท่ากับ 100 กรมั นักเรียนควรตอบไดว้ า่ ต้นหอมหนัก 800 กรมั จากน้ันครถู ามว่า ผักชหี นกั 600 กรัม เทา่ กับ
ผกั ชีหนักกข่ี ีด นักเรยี นควรตอบไดว้ า่ ผกั ชีหนัก 6 ขีดครูอาจถามคาถามอ่นื เพิ่มเติมเก่ยี วกับการเปลีย่ นหน่วยน้าหนักท่ีมหี นว่ ย
เปน็ ขดี ให้เป็นกรัม หรือการเปลีย่ นหน่วยน้าหนักทม่ี หี นว่ ยเป็นกรมั ให้เป็นขดี เชน่
- กุง้ หนัก 2 ขีด เทา่ กบั กุ้งหนักก่กี รัม (200 กรัม)
- ผกั บงุ้ หนัก 400 กรมั เทา่ กับผกั บงุ้ หนกั ก่ีขดี (4 ขีด)
และใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั ตอบคาถาม ขอ้ 1 – 4 ในกรอบทา้ ยหน้า 209
ขั้นสอน
ข้ันสารวจคน้ หา
2. ครูตดิ บัตรภาพแสดงนา้ หนักของปูหนัก 2 กโิ ลกรัม 3 ขีด แลว้ ใช้คาถามวา่ ปหู นักกีข่ ีด โดยให้นกั เรยี นใช้
ความสัมพันธ์ 1 กิโลกรัม เทา่ กบั 10 ขดี นักเรียนควรตอบได้วา่ ปหู นกั 23 ขีด จากนน้ั ครูถามว่า กุง้ หนัก 13 ขีด เทา่ กับกุ้ง
หนักกก่ี โิ ลกรมั ก่ีขดี นกั เรียนควรตอบไดว้ า่ กงุ้ หนกั 1 กิโลกรัม 3 ขีด ครูอาจถามคาถามอื่นเพ่ิมเตมิ เกย่ี วกับการเปลีย่ นหนว่ ย
นา้ หนักที่มหี นว่ ยเปน็ กโิ ลกรัมและขีดให้เปน็ ขดี หรือ การเปล่ียนหนว่ ยน้าหนักท่มี ีหนว่ ยเป็นขีดใหเ้ ปน็ กิโลกรัมและขดี เชน่
- ปลาหนกั 24 ขดี เทา่ กับปลาหนกั กีก่ ิโลกรัมก่ีขีด (2 กิโลกรมั 4 ขีด)
- หมึกหนกั 7 กิโลกรมั 1 ขีด เท่ากับหมึกหนกั กีข่ ดี (71 ขดี )
และให้นกั เรยี นช่วยกันตอบคาถาม ขอ้ 1 – 4 ในกรอบท้ายหน้า 210
3. ครตู ิดบตั รภาพส้มโอหนัก 2 กโิ ลกรัม 400 กรัม ครถู ามว่า ส้มโอหนักกขี่ ีด โดยใช้ความสัมพนั ธ์
1 ขดี เทา่ กับ 100 กรมั
10 ขีด เท่ากับ 1 กิโลกรมั
1,000 กรัม เทา่ กับ 1 กิโลกรัม
นกั เรียนอาจเปลยี่ น 400 กรมั เป็น 4 ขีดก่อน จากนัน้ จงึ เปลยี่ น 2 กโิ ลกรัม เป็น 20 ขดี ดงั น้นั สม้ โอหนัก 2 กิโลกรัม 400
กรัม เท่ากบั ส้มโอหนกั 20 + 4 = 24 ขีด ซง่ึ ครูอาจใชแ้ ผนภาพแสดงแนวคิด ดงั น้ีครตู ดิ บตั รภาพทุเรียนหนัก 37 ขดี ครูถาม
วา่ ทเุ รยี นหนักกี่กิโลกรมั ก่กี รมั นกั เรยี นควรตอบได้ว่า ทุเรยี นหนัก 3 กโิ ลกรัม 700 กรัม นกั เรยี นอาจเปล่ียน 37 ขีด เป็น 3
กโิ ลกรัม 7 ขีดก่อนจากนนั้ จงึ เปลยี่ น 7 ขดี เปน็ 700 กรัม ดังน้ัน ทุเรยี นหนกั 3 กิโลกรมั 700 กรมั ครูอาจถามคาถามอ่ืน
เพม่ิ เติมเกี่ยวกบั การเปล่ียนหน่วยน้าหนักทีม่ ีหน่วยเป็นกิโลกรัมและกรมั ให้เป็นขีด หรือการเปล่ียนหนว่ ยน้าหนักขีดใหเ้ ป็น
กิโลกรัมและกรมั เชน่
- ขนุนหนกั 31 ขดี เท่ากบั ขนุนหนักกก่ี ิโลกรัมกี่กรัม (3 กโิ ลกรัม 100 กรัม)
- ส้มหนัก 1 กโิ ลกรมั 900 กรมั เท่ากบั สม้ หนักก่ีขีด (19 ขีด)และให้นักเรียนช่วยกนั ตอบคาถาม ขอ้ 1 – 2
ในกรอบทา้ ยหน้า 211
ข้ันอธบิ ายความรู้
4. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี น โดยให้นักเรียนตอบคาถามท่เี กีย่ วกับน้าหนักของสง่ิ ต่าง ๆ ในหนังสือเรยี นหนา้
212 ซึง่ ต้องเปลีย่ นหน่วยน้าหนักโดยใชค้ วามสัมพนั ธ์ของหน่วยนา้ หนัก จากน้ันครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง
และสรปุ สง่ิ ที่ได้เรียนรู้ หากมีนกั เรยี นตอบคาถามไมไ่ ด้ครคู วรแกไ้ ขโดยการใหน้ กั เรียนฝึกเปลยี่ นหนว่ ยน้าหนกั ของส่งิ ต่าง ๆ
เป็นรายบุคคล
ขนั้ สรปุ
ข้นั ขยายความเข้าใจ
- การบอกน้าหนักของสงิ่ ตา่ ง ๆ อาจบอกเป็นกโิ ลกรัม กรัม ขีด กิโลกรมั และกรัม หรอื กโิ ลกรมั และขดี โดยใช้
ความสัมพนั ธ์
1 กิโลกรมั เทา่ กับ 10 ขีด
1 ขดี เท่ากบั 100 กรมั
1 กิโลกรัม เท่ากับ 1,000 กรมั
ขั้นตรวจสอบผล
- ให้นักเรียนทาแบบฝกึ หดั หน้า 134 - 136
6. การวดั และประเมินผล
การวดั และประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วิธกี ารวดั ผล เครอ่ื งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมินผล
ความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระต้นุ ความคดิ 70% ขึ้นไป ถอื ว่าผ่าน
-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน
ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หัด 70% ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ น
-การใหเ้ หตผุ ล เกณฑ์การประเมิน
-การสรุปความรกู้ ารปฏบิ ัติ
คณุ ลกั ษณะนสิ ยั (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถอื ว่าผ่าน
ทางานร่วมกับกลุ่ม ขณะ ทางานร่วมกับกลุม่ เกณฑ์การประเมิน
7. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
7.1 ส่อื การเรยี นรู้
1. บตั รภาพแสดงนา้ หนักของสิ่งของ
7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
-
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ............................................ครผู ้สู อน ลงช่อื ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)
สปั ดาห์ท่ี 13
โรงเรยี นขจรเกียรติพัฒนา
แผนการจดั การเรยี นรู้
ภาคเรยี นท่ี ……1…/…………... ชอ่ื ผู้สอน …………………………….…….......................
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 การวดั น้าหนัก ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 2 จานวน 1 คาบ
เรือ่ ง การเปรยี บเทียบนา้ หนัก (1)
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั
มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพื้นฐานเกย่ี วกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาดของสงิ่ ทต่ี อ้ งการวดั และไปใช้
ตวั ช้ีวดั ป.2/4 วัดและเปรยี บเทียบนา้ หนักเป็นกโิ ลกรัม และกรมั กโิ ลกรมั และขีด
ป.2/5 แสดงหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา การบวก การลบเก่ยี วกบั นา้ หนกั หน่วยเปน็ กิโลกรมั และกรัม กโิ ลกรัม
และขีด
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเปรียบเทียบน้าหนักเป็นกิโลกรัมและกรัมหรอื กิโลกรัมและขีด ส่งิ ที่มนี า้ หนักกิโลกรัมมากกว่าจะหนักกวา่ ถ้า
นา้ หนกั เป็นกิโลกรัมเท่ากนั สิง่ ทม่ี นี า้ หนักเป็นกรัมหรือเป็นขีดมากกวา่ จะมนี ้าหนักมากกว่า การเปรียบเทยี บนา้ หนกั ที่มหี นว่ ย
ตา่ งกนั ต้องเปลย่ี นหน่วยใหเ้ ป็นหนว่ ยเดยี วกัน
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
เปรียบเทียบนา้ หนักของส่ิงตา่ ง ๆ
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
ใช้วิธกี ารทีเ่ หมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้
ด้านคณุ ลักษณะ(A)
มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความมนั่ ใจ
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ
การเปรยี บเทยี บน้าหนัก พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
คาบที่ 1
ขัน้ นา
ขน้ั กระตุน้ ความสนใจ
1. ครตู ดิ บัตรภาพแสดงการชั่งนา้ หนกั ของเหด็ ฟาง ผักบุ้ง คะน้า และกะหล่าปลีตามหนังสอื เรยี นหนา้ 213
ครใู ห้นกั เรยี นเปรียบเทียบนา้ หนกั ของเห็ดฟางกับผักบุ้งโดยดจู ากเข็มช้นี า้ หนักท่เี ครอ่ื งช่ัง นักเรยี นควร
ตอบไดว้ า่ ผกั บ้งุ หนักกวา่ เหด็ ฟาง โดยพจิ ารณาจากเข็มชน้ี ้าหนักท่เี ป็นกโิ ลกรัมของเครื่องช่ังผกั บงุ้ ชี้ทีร่ ะหวา่ งตัวเลข 3 กับ
ตัวเลข 4 แตเ่ ข็มชน้ี ้าหนักท่ีเป็นกิโลกรัมของเคร่ืองชั่งเห็ดฟางชี้ที่ระหว่างตัวเลข 1 กับตัวเลข 2 ดังน้ัน ผักบุ้งหนักกว่าเห็ดฟาง
หรอื เห็ดฟางเบากวา่ ผกั บุง้ ครใู หน้ กั เรียนสังเกตว่า การเปรียบเทียบน้าหนักของส่ิงต่าง ๆ ท่ีมีน้าหนักเป็นกิโลกรัมต่างกัน สิ่งใด
มีน้าหนักเปน็ กิโลกรัมมากกว่าสงิ่ นน้ั จะหนักกว่า จากน้ันครูให้นักเรียนเปรียบเทียบน้าหนักของคะน้ากับกะหล่าปลี โดยดูจาก
เข็มชี้น้าหนักท่ีเคร่ืองช่ัง นักเรียนควรตอบได้ว่า คะน้าเบากว่ากะหล่าปลี โดยพิจารณาจากเข็มชี้น้าหนักท่ีเป็นกิโลกรัมของ
เครื่องช่งั คะน้าและกะหลา่ ปลี ซง่ึ เข็มชนี้ ้าหนกั ช้ีท่ีระหว่างตัวเลข 1 กับตัวเลข 2 เหมือนกัน จึงต้องดูว่าเข็มชี้น้าหนักช้ีตรงท่ีขีด
ใด เขม็ ชีน้ า้ หนกั ของเคร่ืองชั่งคะน้าช้ที ่ีขดี ที่ 5 นับถัดจากตวั เลขแสดง 1 กิโลกรัม เข็มช้ีน้าหนักของเครื่องช่ังกะหล่าปลีชี้ท่ีขีดท่ี
8 นับถัดจากตัวเลขแสดง 1 กิโลกรัม ดังน้ัน คะน้าเบากว่ากะหล่าปลี หรือกะหล่าปลีหนักกว่าคะน้า ครูให้นักเรียนสังเกตว่า
การเปรียบเทียบนา้ หนักของสิง่ ตา่ ง ๆ ที่มนี ้าหนักเป็นกโิ ลกรมั เท่ากัน ให้เปรียบเทยี บน้าหนักท่ีเป็นขีดหรือกรัม สิ่งใดมีน้าหนัก
เปน็ ขดี หรอื กรัมมากกว่าสงิ่ น้นั จะหนกั กวา่
ข้นั สอน
ขนั้ สารวจคน้ หา
2. ครูติดบัตรภาพแสดงน้าหนักของแตงโม 2 กิโลกรัม 300 กรัม กับส้มโอ 1 กิโลกรัม 500 กรัมครูให้นักเรียน
เปรียบเทยี บน้าหนักของแตงโมและส้มโอ โดยพิจารณาหน่วยนา้ หนกั ท่ีเปน็ กิโลกรัมก่อนนกั เรียนควรตอบได้ว่า แตงโมหนักกว่า
ส้มโอ หรือส้มโอเบากว่าแตงโม เพราะน้าหนักท่ีแสดงน้าหนักเป็นกิโลกรัมของแตงโมมากกว่าส้มโอ จากน้ันครูติดบัตรภาพ
แสดงน้าหนักของไก่ 2 กิโลกรัม 4 ขีด กับ ปลาทู 2 กิโลกรัม 5 ขีด ครูให้นักเรียนเปรียบเทียบน้าหนักของไก่และปลาทู โดย
พิจารณาหน่วยน้าหนักท่ีเป็นกิโลกรัมก่อน นักเรียนควรสังเกตได้ว่า น้าหนักของไก่และปลาทูที่เป็นกิโลกรัมหนัก 2 กิโลกรัม
เทา่ กัน จงึ ต้องพจิ ารณานา้ หนกั ที่เป็นขีด ซง่ึ 4 ขีด น้อยกวา่ 5 ขดี ดงั น้นั ไก่เบากวา่ ปลาทู หรือปลาทหู นกั กว่าไก่
3. ครูให้นักเรียนฝึกเปรียบเทียบน้าหนัก โดยพิจารณาจากหน่วยน้าหนักที่เป็นกิโลกรัมก่อนแล้วจึงเปรียบเทียบ
น้าหนักที่เป็นขีด หรือกรัม เช่น 2 กิโลกรัม 6 ขีด กับ 2 กิโลกรัม 5 ขีด จากน้ันให้นักเรียนช่วยกันเปรียบเทียบน้าหนักตาม
หนงั สือเรยี นหนา้ 215 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
ขนั้ อธบิ ายความรู้
4. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยให้นักเรียนเปรียบเทียบส่ิงของว่าสิ่งใดหนักกว่าและสิ่งใดเบากว่า เป็น
รายบุคคล ตามหนังสือเรียนหน้า 216 จากน้ันครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องและสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้ หากมี
นักเรียนตอบคาถามไมไ่ ด้ครูควรแก้ไขโดยการให้นกั เรียนฝึกเปรียบเทยี บน้าหนกั
ของสงิ่ ตา่ ง ๆ กับครเู ปน็ รายบุคคล
ขน้ั สรุป
ขน้ั ขยายความเข้าใจ
- การเปรียบเทียบน้าหนักเป็นกิโลกรัมและกรัม หรือกิโลกรัมและขีดของส่ิงต่าง ๆ สองสิ่ง ส่ิงที่มีน้าหนักเป็นกิโลกรัม
มากกว่าจะหนกั กว่า ถ้าน้าหนกั เป็นกโิ ลกรมั เทา่ กนั ส่ิงทีม่ นี ้าหนกั เป็นกรมั หรอื เปน็ ขดี มากกวา่ จะหนกั กว่า
ขน้ั ตรวจสอบผล
- ใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหดั หน้า 137 - 138
6. การวัดและประเมินผล
การวัดและประเมนิ ผลจุดประสงค์ วธิ กี ารวัดผล เคร่อื งมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ ผล
- คาถามกระต้นุ ความคดิ 70% ข้นึ ไป ถือว่าผ่าน
ความรู้ความเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ เกณฑ์การประเมิน
แบบฝกึ หดั 70% ขน้ึ ไป ถือว่าผา่ น
-การสังเกต เกณฑ์การประเมนิ
- แบบประเมนิ พฤติกรรม
ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก ขณะ ทางานร่วมกับกลุ่ม 70% ขน้ึ ไป ถือว่าผ่าน
เกณฑ์การประเมนิ
-การใหเ้ หตุผล
-การสรุปความรกู้ ารปฏบิ ตั ิ
คุณลกั ษณะนิสยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ
ทางานร่วมกบั กลมุ่
7. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 สอ่ื การเรียนรู้
1. บตั รภาพแสดงการช่ังน้าหนกั ขอส่ิงต่างๆ เช่น ปลาหนกั 3 กิโลกรมั 2 ขีด กุ้งหนกั 3 กโิ ลกรัม 4 ขีด
2. บัตรภาพแสดงนา้ หนกั ของสง่ิ ต่าง ๆ
7.2 แหล่งการเรยี นรู้
-
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ............................................ครผู สู้ อน ลงชือ่ ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)