The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by joobjoob_ii, 2022-05-04 22:21:55

โครงสร้างและแผนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ ป.2 เทอม 1 ปีการศึกษา 2565

วิชาคณิตศาสตร์ ป.2เทอม 1
นางศิริพัฒน์ ณ นคร

5. กจิ กรรมการเรียนรู้ คาบท่ี 1
ขัน้ นา

ขน้ั กระตุ้นความสนใจ

1. ครูสนทนาเก่ียวกับสถานการณ์ ในหนงั สอื เรียนหนา้ 101 เขียนประโยคสัญลกั ษณ์แล้วทบทวนการหาผลลบโดยใช้
แผ่นตารางร้อยแผน่ ตารางสบิ และแผน่ ตารางหนว่ ย เช่น 325 − 119 =  ใหน้ กั เรียนหาผลลบโดยใชแ้ ผน่ ตารางรอ้ ย แผน่
ตารางสบิ และแผน่ ตารางหน่วย ครูสาธิตการหาผลลบโดยการต้ังลบทม่ี ีการกระจาย ซึ่งในตวั อย่างนจ้ี ะเป็นการกระจายจาก
หลักสบิ ไปหลกั หนว่ ย ครูตดิ บัตรคาหลักรอ้ ย หลักสบิ หลกั หนว่ ย และ บตั รตัวเลข 325 และ 119 บนกระดาน โดยให้เลขโดด
ที่อยู่ในหลักเดียวกนั ตรงกัน ครูสาธิตการลบโดยการต้ังลบทีละขัน้ ตอน

ขั้นสอน

ข้ันสารวจค้นหา

1. ครูสนทนาเก่ียวกับสถานการณ์ ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 101 เขียนประโยคสญั ลกั ษณ์แลว้ ทบทวนการหาผลลบโดยใช้
แผ่นตารางร้อยแผน่ ตารางสิบ และแผ่นตารางหน่วย เชน่ 325 − 119 =  ให้นักเรยี นหาผลลบโดยใชแ้ ผ่นตารางร้อย แผน่
ตารางสิบ และแผ่นตารางหนว่ ย ครูสาธติ การหาผลลบโดยการต้ังลบทม่ี ีการกระจาย ซงึ่ ในตวั อยา่ งนจี้ ะเป็นการกระจายจาก
หลกั สิบไปหลกั หน่วย ครตู ิดบัตรคาหลักร้อย หลักสบิ หลกั หน่วย และ บตั รตวั เลข 325 และ 119 บนกระดาน โดยให้เลขโดด
ที่อยูใ่ นหลักเดียวกันตรงกนั ครูสาธติ การลบโดยการตัง้ ลบทีละขน้ั ตอน

ขั้นที่ 1 ลบในหลักหนว่ ย 5 หนว่ ย ลบด้วย 9 หน่วย ตัวตัง้ น้อยกกว่าตวั ลบ เมอ่ื เทียบกบั วิธีการหาผลลบโดยใช้แผน่
ตาราง “เม่ือแผ่นตารางหนว่ ยของตัวตัง้ น้อยกว่าตัวลบ จงึ ต้องกระจายแผน่ ตารางสิบมา 1 แผ่น ได้แผ่นตารางหน่วย 10 หนว่ ย
รวมกับแผน่ ตารางหนว่ ยทีม่ ีอย่เู ดมิ 5 หนว่ ย เป็น 15 หน่วย แลว้ จึงเอาออกไป 9 หน่วย ได้ผลลบเป็น 6 หน่วย” ดงั นนั้ การลบ
ในหลักหนว่ ย 15 − 9 ได้ 6 หน่วย

ขน้ั ท่ี 2 ลบในหลักสิบ 2 สิบทเี่ ป็นตวั ต้ังกระจายไปแล้ว 1 สบิ เหลอื 1 สิบ ลบดว้ ย 1 สบิ ทเี่ ปน็ ตัวลบ ได้ 0 สบิ
ขน้ั ท่ี 3 ลบในหลักรอ้ ย 3 รอ้ ย ลบด้วย 1 ร้อย ได้ 2 ร้อย ดงั ตัวอย่างในหนังสือเรียนหน้า 101 จะได้
325 − 119 = 206 ดงั นัน้ เป็นนักเรียนหญงิ 206 คน ครูให้นกั เรยี นสังเกตวา่ ผลลบบวกตัวลบเท่ากับตวั ตง้ั ดงั นัน้ 206 +
119 = 325
ครูเน้นย้าว่า การหาผลลบโดยการต้งั ลบ เขยี นเลขโดดในหลกั เดียวกันให้ตรงกนั แล้วนาจานวนในแตล่ ะหลกั มาลบ
กนั โดยเริ่มจากหลักหน่วย หลักสบิ และหลกั ร้อย ตามลาดบั ถ้าเลขโดดในหลักหนว่ ยของตัวตั้งมคี ่านอ้ ยกวา่ เลขโดดใน
หลักหนว่ ยของตัวลบ ต้องกระจายจานวนจากหลักสิบไปหลักหน่วย
2. ครยู กตัวอยา่ ง 264 − 191 =  ครูสาธติ การหาผลลบโดยการตัง้ ลบท่ีมกี ารกระจายจากหลักรอ้ ยไปหลกั สิบ
ข้นั ที่ 1 ลบในหลกั หน่วย 4 หนว่ ย ลบดว้ ย 1 หนว่ ย ได้ 3 หน่วย
ข้ันที่ 2 ลบในหลกั สบิ 6 สบิ ลบดว้ ย 9 สิบ ตัวตั้งน้อยกว่าตัวลบ จึงต้องกระจาย 1 ร้อยจากหลักรอ้ ย
มา 10 สิบ รวมกบั ตัวตง้ั 6 สบิ ได้ 16 สบิ ลบดว้ ย 9 สบิ ได้ 7 สบิ
ขน้ั ที่ 3 ลบในหลกั รอ้ ย ตวั ตง้ั 2 รอ้ ยกระจายไปแล้ว 1 รอ้ ย เหลือ 1 ร้อย ลบดว้ ย 1 ร้อย ได้ 0 ร้อย ดังนนั้ 264 −
191 = 73 ครใู ห้นักเรยี นสังเกตว่า 73 + 191 = 264 ดังนนั้ ผลลบบวกตวั ลบเท่ากบั ตวั ตั้ง
ครเู น้นย้าวา่ การหาผลลบโดยการตั้งลบ เขยี นเลขโดดในหลักเดียวกันให้ตรงกนั แล้วนาจานวนในแต่ละหลักมาลบ
กนั โดยเร่ิมจากหลกั หน่วย หลกั สิบ และหลกั ร้อย ตามลาดับ ถา้ เลขโดดในหลักสิบ

ของตัวต้ังมีค่านอ้ ยกว่าเลขโดดในหลักสบิ ของตัวลบ ต้องกระจายจานวนจากหลักร้อยไปหลักสิบ
3. ครยู กตวั อย่าง 437 − 92 =  หาผลลบโดยการตั้งลบทลี ะขนั้ ตอน ดังน้ี ลบในหลักหนว่ ย

7 หนว่ ย ลบด้วย 2 หน่วย ได้ 5 หน่วย ลบในหลกั สิบ ตัวต้ังนอ้ ยกวา่ ตวั ลบ จึงกระจายจากหลักร้อย
มาหลักสบิ ได้ 13 สิบ ลบดว้ ย 9 สบิ ได้ 4 สบิ ลบในหลักร้อย 4 ร้อย กระจายไปแลว้ 1 รอ้ ย เหลือ 3 รอ้ ย
ลบดว้ ย 0 ร้อย ได้ 3 รอ้ ย ดงั น้นั 437 − 92 = 345 จากน้นั ครยู กตัวอยา่ งท่ี 2 290 − 152 =  ให้นักเรยี นช่วยกันแสดง
วิธกี ารหาผลลบโดยการตัง้ ลบทานองเดียวกบั ตัวอย่างท่ี 1 โดยบอกขัน้ ตอนการหาผลลบทีละขั้นตอน แล้วครูใหน้ ักเรยี นหา
คาตอบข้อ 1 − 8 ทีละข้อ ตามหนังสอื เรยี นหน้า 103

ครแู สดงวธิ คี ดิ ทถี่ ูกต้องทลี ะข้อเพ่ือตรวจสอบความถกู ต้อง ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ข้ันตอน
การหาผลลบโดยการตั้งลบวา่ การหาผลลบโดยการตั้งลบ สามารถทาไดโ้ ดย เขียนเลขโดดในหลกั เดียวกนั ให้ตรงกัน แล้วนา
จานวนในแตล่ ะหลกั มาลบกัน โดยเรมิ่ จากหลกั หน่วย หลกั สิบและหลกั รอ้ ยตามลาดับ ถ้าเลขโดดในหลกั หน่วยของตัวต้ังมี
คา่ น้อยกว่าเลขโดดในหลกั หน่วยของตัวลบ ตอ้ งกระจายจานวนจากหลกั สบิ ไปหลกั หน่วย ถา้ เลขโดดในหลักสบิ ของตัวตั้ง
มคี ่านอ้ ยกวา่ เลขโดดในหลกั สบิ ของตวั ลบ ต้องกระจายจานวนจากหลักรอ้ ยไปหลกั สิบ

ข้นั สรุป

ขัน้ ขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยใหน้ ักเรียนแสดงการหาผลลบโดยการต้ังลบเป็นรายบคุ คล ตามหนงั สือ

เรยี นหนา้ 104 ถา้ พบวา่ มนี กั เรียนยงั หาผลลบไมถ่ ูกต้อง ครูใหน้ ักเรยี นมาฝกึ เพ่ิมเตมิ กับครเู ปน็ รายบคุ คลจากน้ันครูและ

นกั เรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้องและสรปุ สิ่งที่ไดเ้ รยี นรู้

- การหาผลลบของจานวนสองจานวนโดยการตัง้ ลบ ตอ้ งเขียนเลขโดดในหลกั เดยี วกันให้ตรงกนั แล้วจึงนาจานวนท่ี

อยู่ในหลักเดียวกันมาลบกนั โดยเร่มิ จากหลักหน่วย หลักสิบ และหลกั ร้อย ตามลาดบั

- ถ้าเลขโดดในหลักหน่วยของตัวตงั้ มคี า่ นอ้ ยกว่าเลขโดดในหลักหน่วยของตวั ลบ ต้องกระจายจานวนจากหลกั สบิ ไป

หลกั หน่วย

- ถา้ เลขโดดในหลกั สิบของตวั ตงั้ มคี ่าน้อยกว่าเลขโดดในหลกั สบิ ของตัวลบตอ้ งกระจายจานวนจากหลักร้อยไปหลักสบิ

ข้ันตรวจสอบผล

- การหาผลลบของจานวนสองจานวนโดยการต้งั ลบ ตอ้ งเขียนเลขโดดในหลักเดยี วกนั ให้ตรงกัน แลว้ จึงนาจานวนท่ีอยู่

ในหลักเดียวกันมาลบกนั โดยเร่มิ จากหลักหนว่ ย หลกั สบิ และหลักร้อย ตามลาดบั

- ถ้าเลขโดดในหลักหนว่ ยของตวั ตั้งมีคา่ น้อยกวา่ เลขโดดในหลักหนว่ ยของตวั ลบ ต้องกระจายจานวนจากหลกั สิบไป

หลกั หนว่ ย

- ถา้ เลขโดดในหลักสิบของตวั ตัง้ มคี ่าน้อยกวา่ เลขโดดในหลักสบิ ของตัวลบตอ้ งกระจายจานวนจากหลักร้อยไปหลกั สิบ

จากนน้ั ใหน้ ักเรียนทาแบบฝกึ หดั หนา้ 64 − 66

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมนิ ผลจุดประสงค์ วิธกี ารวัดผล เคร่ืองมือวัด เกณฑก์ ารประเมินผล

ความรู้ความเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระต้นุ ความคิด 70% ขึน้ ไป ถอื วา่ ผา่ น

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หดั 70% ข้ึนไป ถือว่าผ่าน
คุณลักษณะนิสัย (A) -การใหเ้ หตุผล เกณฑ์การประเมิน
-การสรุปความร้กู ารปฏิบตั ิ - แบบประเมนิ พฤติกรรม
ขณะ ทางานรว่ มกับกล่มุ 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ น
- สงั เกตพฤติกรรมขณะ เกณฑ์การประเมิน
ทางานรว่ มกบั กลุ่ม

7. สือ่ /แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 ส่อื การเรียนรู้

1. หนงั สอื พมิ พ์
2. บัตรตัวเลข บตั รภาพจานวนตา่ ง ๆ
3. หนังสอื เรยี นสาระการเรียนรู้พน้ื ฐาน คณติ ศาสตร์/สื่อการเรยี น รคู้ ณติ ศาสตร์

7.2 แหล่งการเรียนรู้

. 1. บัตรภาพ
2. บตั รตวั เลข

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครผู ู้สอน ลงช่อื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่ือ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สัปดาห์ท่ี 5

โรงเรยี นขจรเกียรติพัฒนา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนท่ี ……1…/………... ชอ่ื ผสู้ อน ….……………………………….…….............

กล่มุ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 การบวกและการลบจานวน เรื่อง การหาผลลบโดยการต้งั ลบมกี ารกระจาย(2)

นบั ไมเ่ กิน 1,000

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ัด

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลที่เกดิ ข้นึ

จากการดาเนนิ การ สมบัตขิ องการดาเนินการ และนาไปใช้
ตวั ชว้ี ัดท่ี ป.2/4 หาค่าของตวั ไมท่ ราบคา่ ใน ประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการบวก และประโยคสัญลกั ษณแ์ สดงการลบ

ของจานวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา 2 ขน้ั ตอนของจานวนนบั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

การหาผลลบของจานวนสองจานวนโดยการต้ังลบ ต้องเขียนเลขโดดในหลักเดียวกนั ให้ตรงกัน แล้วจงึ นาจานวนท่ีอยู่

ในหลักเดยี วกนั มาลบกนั โดยเริม่ จากหลกั หน่วยหลกั สบิ และหลักร้อย ตามลาดับ

− ถ้าเลขโดดในหลักหน่วยของตัวตั้งมคี ่าน้อยกว่าเลขโดดในหลักหนว่ ยของตัวลบ ต้องกระจายจานวนจากหลกั สบิ ไป

หลักหนว่ ย

− ถ้าเลขโดดในหลกั สิบของตัวตง้ั มีคา่ นอ้ ยกวา่ เลขโดดในหลกั สบิ ของตัวลบ ตอ้ งกระจายจานวนจากหลกั รอ้ ยไปหลกั

สบิ การหาผลลบของจานวนสามจานวนโดยการตัง้ ลบ ให้นาจานวนสองจานวนมาลบกันก่อน แล้วนาผลลบไปลบกับจานวนท่ี

เหลอื

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

ด้านความรู้ (K)

หาผลลบโดยการต้ังลบมกี ารกระจายหนึ่งหลกั ที่ตวั ตง้ั ไม่เกนิ 1,000

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ธิ ีการทีเ่ หมาะสมในการแกป้ ญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคุณลกั ษณะ(A)

มีวจิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความมั่นใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิน่

การหาผลลบโดยการตงั้ ลบมีการกระจาย พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา

5. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบท่ี 1
ข้ันนา

ขน้ั กระต้นุ ความสนใจ

1. ครูทบทวนการหาผลลบโดยการต้งั ลบมีการกระจายหนงึ่ หลัก โดยให้นกั เรียนบอกข้ันตอนการหาผลลบ เขียนเลข
โดดในหลักเดียวกันให้ตรงกัน แล้วนาจานวนในแตล่ ะหลกั มาลบกัน โดยเริม่ จากหลกั หน่วยหลกั สบิ และหลกั รอ้ ย
ตามลาดับ ถ้าเลขโดดในหลักหน่วยของตัวตั้งมคี า่ น้อยกว่าเลขโดดในหลกั หน่วยของตวั ลบต้องกระจายจานวนจากหลกั
สบิ ไปหลกั หนว่ ย ถ้าเลขโดดในหลักสบิ ของตัวตั้งมีค่าน้อยกว่าเลขโดดในหลักสิบของตัวลบต้องกระจายจานวนจากหลกั
รอ้ ยไปหลักสบิ

ข้ันสอน

ข้ันสารวจค้นหา

1. ครูทบทวนการหาผลลบโดยการตง้ั ลบมีการกระจายหนึ่งหลัก โดยใหน้ กั เรยี นบอกข้นั ตอนการหาผลลบ เขยี นเลข
โดดในหลกั เดยี วกันใหต้ รงกัน แลว้ นาจานวนในแต่ละหลักมาลบกนั โดยเรมิ่ จากหลักหน่วยหลักสบิ และหลกั รอ้ ย
ตามลาดบั ถ้าเลขโดดในหลกั หน่วยของตัวต้ังมคี า่ น้อยกวา่ เลขโดดในหลักหน่วยของตัวลบต้องกระจายจานวนจากหลัก
สิบไปหลกั หนว่ ย ถา้ เลขโดดในหลักสิบของตัวตง้ั มคี า่ น้อยกว่าเลขโดดในหลักสิบของตัวลบต้องกระจายจานวนจากหลกั
รอ้ ยไปหลักสบิ ครสู นทนาเกี่ยวกบั สถานการณ์ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 105 เพื่อใหน้ ักเรียนหาผลลบ ควรใหน้ กั เรียน
ลองหาผลลบดว้ ยตัวเองก่อน จากน้นั ครสู าธติ การหาผลลบโดยการต้งั ลบท่ีมกี ารกระจายมากกว่า
หนง่ึ หลกั เชน่ 430 − 291 =  ใหน้ ักเรยี นหาผลลบโดยการตั้งลบ ครถู ามนักเรยี นว่า การหาผลลบโดยการต้งั ลบตอ้ งทา
อยา่ งไร นกั เรียนตอบวา่ เขียนเลขโดดในหลกั เดยี วกนั ให้ตรงกนั แล้วนาจานวนในหลักเดียวกันมาลบกัน ครูถามนักเรียนวา่
เริม่ หาผลลบจากหลักใดก่อน นกั เรียนตอบวา่ เรม่ิ ลบจากหลักหนว่ ย หลักสบิ และหลกั ร้อยตามลาดับ ครคู วรให้นักเรียนเปน็
ผู้บอกข้ันตอนในการหาผลลบทีละข้ัน ครูสาธติ การหาผลลบโดยการตง้ั ลบทีม่ ีการกระจายจากหลกั สบิ ไปหลักหน่วยและจาก
หลักร้อยไปหลักสิบ ครตู ิดบัตรคา หลกั ร้อย หลักสบิ หลกั หนว่ ย และบัตรตวั เลข 430 และ 291 บนกระดาน โดยใหเ้ ลขโดดท่ี
อยู่ในหลกั เดยี วกันตรงกนั ครูสาธิตการลบโดยการต้งั ลบทลี ะขนั้ ตอน

ขั้นท่ี 1 ลบในหลักหน่วย ตัวต้งั นอ้ ยกวา่ ตัวลบ ต้องกระจายจากหลกั สบิ มา 1 สิบ เป็น 10 หนว่ ย
ลบด้วย 1 หนว่ ย ได้ 9 หน่วย

ข้ันที่ 2 ลบในหลกั สบิ ตวั ตงั้ นอ้ ยกวา่ ตวั ลบตอ้ งกระจายจากหลักร้อยมา 10 สบิ เป็น 12 สบิ ลบดว้ ย 9 สิบ ได้ 3 สบิ
ขั้นท่ี 3 ลบในหลกั ร้อย 4 ร้อย กระจายไปแลว้ 1 ร้อย เหลอื 3 ร้อย ลบดว้ ย 2 ร้อย ได้ 1 ร้อย ดังตัวอย่างในหนังสือเรยี นหนา้
105ดงั นน้ั 430 − 291 = 139 ครใู หน้ ักเรยี นสงั เกตว่า 139 + 291 = 430 ดังนัน้ ผลลบบวกตัวลบเท่ากบั ตวั ตงั้

2. ครยู กตวั อยา่ งการหาผลลบของจานวนสองจานวน เชน่ 506 − 149 =  ซง่ึ ในตัวอย่างต้องมกี ารกระจายจาก
หลักสิบไปหลกั หน่วย และกระจายจากหลกั ร้อยไปหลกั สิบ แตเ่ นอ่ื งจากเลขโดดในหลกั สิบเป็น 0 จึงต้องกระจายจากหลกั รอ้ ย
ไปหลักสิบก่อน แลว้ จึงกระจายจากหลกั สบิ ไปหลักหน่วยดงั นี้
หลกั ร้อย 5 รอ้ ย กระจายไปหลักสบิ 1 รอ้ ย เหลอื 4 รอ้ ยหลกั สบิ 0 สิบ กับท่ีกระจายมา 1 ร้อย หรอื 10 สิบ รวมเปน็ 10 สิบ
และกระจายไปหลักหนว่ ย 1 สิบ เหลือ 9 สิบหลกั หนว่ ย 6 หน่วยกับท่ีกระจายมา 1 สิบ หรอื 10 หนว่ ย รวมเป็น 16 หน่วย
แล้วนาจานวนในหลักเดยี วกันมาลบกนั จะได้ 506 − 149 = 357 ตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 106 จากน้นั ครใู หน้ ักเรยี นชว่ ยกนั หา
ผลลบในกรอบทา้ ยหนา้ 106

3. ครูให้นักเรียนชว่ ยกันหาผลลบโดยการต้ังลบจากตวั อยา่ ง 724 − 136 =  ในหนงั สือเรยี นหนา้ 107 โดยครใู ช้
การถาม-ตอบในการหาผลลบในแต่ละหลกั เช่น 4 หน่วย ลบดว้ ย 6 หนว่ ย ได้กหี่ น่วย ต้องกระจายจากหลกั สิบมาเท่าไร เป็น
เท่าไร 2 สิบ กระจายไปแลว้ 1 สบิ เหลอื เท่าไร ต้องกระจายจากหลกั ร้อยมาเทา่ ไร เป็นเท่าไร 7 ร้อย กระจายไปแล้ว 1 รอ้ ย
เหลอื เท่าไร ลบดว้ ย 1 ร้อย ได้เท่าไร และคาตอบเป็นเท่าไรให้นักเรยี นหาคาตอบในข้อ 1 − 8 ทลี ะขอ้ แล้วครแู สดงวิธคี ดิ ที่
ถกู ต้องทลี ะข้อเพื่อตรวจสอบความถูกตอ้ ง ครคู วรใหน้ กั เรยี นสงั เกต ผลลบบวกตัวลบเทา่ กบั ตัวตั้ง และเนน้ ยา้ การลบท่ีกระจาย
จากหลักพนั ในข้อ 4ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปข้นั ตอนการหาผลลบโดยการต้งั ลบ ครเู น้นย้าว่า การหาผลลบของจานวนสอง
จาวนโดยการตั้งลบ ตอ้ งเขียนเลขโดดในหลกั เดียวกนั ให้ตรงกนั นาจานวนที่อยู่ในหลักเดยี วกันมาลบกัน โดยเร่ิมจากหลกั
หนว่ ย หลกั สิบ และหลกั ร้อยตามลาดบั ถ้าหลกั ใดตัวตงั้ น้อยกวา่ ตวั ลบ ตอ้ งกระจายจานวนจากหลกั ถดั ไปทางซา้ ย

ข้นั สรุป

ข้ันขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยให้นักเรยี นแสดงการหาผลลบโดยการตัง้ ลบเปน็ รายบคุ คล ตามหนงั สอื

เรยี นหน้า 108 ถ้าพบว่ามีนกั เรียนยงั หาผลลบไมถ่ ูกต้องครใู ห้นกั เรยี นมาฝกึ เพ่มิ เติมกับครูเปน็ รายบคุ คลจากนน้ั ครูและ

นักเรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้องและสรุปส่ิงที่ไดเ้ รียนรู้

- การหาผลลบของจานวนสองจานวนโดยการตัง้ ลบ ต้องเขียนเลขโดดในหลกั เดียวกนั ใหต้ รงกัน แลว้ จึงนาจานวนที่

อยใู่ นหลกั เดยี วกันมาลบกัน ถ้าหลักใดตัวตัง้ นอ้ ยกว่าตัวลบ ต้องกระจายจานวนจากหลักถัดไปทางซา้ ย

ข้ันตรวจสอบผล

- การหาผลลบของจานวนสองจานวนโดยการตั้งลบ ต้องเขยี นเลขโดดในหลักเดียวกนั ใหต้ รงกนั แลว้ จงึ นาจานวนท่ี

อยูใ่ นหลักเดียวกันมาลบกนั ถา้ หลกั ใดตวั ตง้ั น้อยกวา่ ตัวลบ ต้องกระจายจานวนจากหลักถัดไปทางซา้ ยจากน้ันใหน้ กั เรียนทา

แบบฝกึ หัด หน้า 67 − 69

6. การวัดและประเมนิ ผล

การวดั และประเมินผลจุดประสงค์ วิธีการวดั ผล เครื่องมอื วดั เกณฑก์ ารประเมินผล

ความร้คู วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคิด 70% ขึน้ ไป ถอื ว่าผา่ น

-การสังเกต เกณฑ์การประเมนิ

ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หดั 70% ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผ่าน

-การให้เหตุผล เกณฑ์การประเมิน

-การสรปุ ความรู้การปฏิบตั ิ

คณุ ลักษณะนิสยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผ่าน

ทางานร่วมกับกล่มุ ขณะ ทางานร่วมกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมนิ

7. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้
7.1 ส่ือการเรียนรู้

1. หนงั สือพิมพ์
2. บัตรตวั เลข บตั รภาพจานวนต่าง ๆ
3. หนงั สือเรียนสาระการเรียนรู้พ้ืนฐาน คณติ ศาสตร์/ส่ือการเรียน รู้คณติ ศาสตร์

7.2 แหล่งการเรยี นรู้

. 1. บัตรภาพ
2. บัตรตัวเลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ............................................ครูผู้สอน ลงชอื่ ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอื่ ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)

สัปดาห์ท่ี 5

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรียนท่ี ……1…/….....……... ชื่อผสู้ อน ….……………………………….…….............

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 2 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 การบวกและการลบจานวน เร่อื ง การหาผลลบของจานวนสามจานวน

นับไมเ่ กนิ 1,000

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลที่เกดิ ขึน้

จากการดาเนนิ การ สมบตั ิของการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตวั ชี้วดั ท่ี ป.2/4 หาคา่ ของตัวไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก และประโยคสญั ลักษณ์แสดงการลบ

ของจานวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหา 2 ขน้ั ตอนของจานวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การหาผลลบของจานวนสามจานวนโดยการตงั้ ลบ ให้นาจานวนสองจานวนมาลบกนั ก่อน แลว้ นาผลลบไปลบกบั

จานวนท่เี หลือ

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ด้านความรู้ (K)

หาผลลบของจานวนสามจานวนโดยการต้ังลบท่ีตวั ตัง้ ไมเ่ กิน 1,000

ด้านทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วธิ กี ารท่ีเหมาะสมในการแกป้ ัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคณุ ลกั ษณะ(A)

มีวจิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมัน่ ใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ

การหาผลลบของจานวนสามจานวน พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา

5. กิจกรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1
ข้ันนา

ข้ันกระตุ้นความสนใจ

1. ครทู บทวนการหาผลลบของจานวนสองจานวนโดยใชก้ ารถาม−ตอบ ว่าการหาผลลบโดยการต้ังลบ

มีข้ันตอนอย่างไร นักเรียนตอบว่า การหาผลลบของจานวนสองจานวนโดยการต้ังลบ ตอ้ งเขียนเลขโดดในหลักเดียวกันให้
ตรงกนั แลว้ จงึ นาจานวนท่อี ยู่ในหลกั เดียวกันมาลบกนั ถ้าหลักใดตวั ตัง้ น้อยกวา่ ตัวลบต้องกระจายจานวนจากหลักถัดไป
ทางซา้ ย

ขน้ั สอน

ขั้นสารวจค้นหา

1. ครูทบทวนการหาผลลบของจานวนสองจานวนโดยใชก้ ารถาม−ตอบ ว่าการหาผลลบโดยการตงั้ ลบ
มีขน้ั ตอนอยา่ งไร นักเรยี นตอบว่า การหาผลลบของจานวนสองจานวนโดยการตงั้ ลบ ตอ้ งเขียนเลขโดดในหลักเดียวกนั ให้
ตรงกัน แลว้ จึงนาจานวนทีอ่ ยูใ่ นหลกั เดียวกนั มาลบกนั ถ้าหลกั ใดตัวตง้ั น้อยกว่าตวั ลบต้องกระจายจานวนจากหลักถัดไป
ทางซ้ายครูยกสถานการณ์ทส่ี อดคล้องกับประโยคสญั ลักษณใ์ นหนงั สือเรียนหน้า 109 เพือ่ ความเข้าใจยงิ่ ขน้ึ เชน่

- แม่มีเงิน 875 บาท ใหพ้ ่อ 550 บาท และให้พ่ี 300 บาท แมจ่ ะเหลือเงินกบี่ าท ให้นกั เรียนรว่ มกันเขยี นเป็นประโยค
สัญลกั ษณ์ 875 − 550 − 300 = 
ครูถามนักเรียนวา่ มีขั้นตอนในการหาผลลบอยา่ งไร นกั เรียนตอบวา่ หาผลลบทีละสองจานวนโดยการต้งั ลบ ครสู าธิตการหาผล
ลบของจานวนสามจานวน โดยการตัง้ ลบ ทีละสองจานวนจากน้ันครใู หน้ ักเรยี นหาผลลบของ 875 − 300 − 550 =  ครใู ห้
นักเรยี นสังเกตวา่ การหาผลลบของ 875 − 550 − 300 =  จะลบด้วย 550 หรือ จะลบดว้ ย 300 กอ่ นได้ผลลบเท่ากัน

2. ครูสาธิตการหาผลลบของจานวนสามจานวนโดยการต้งั ลบ เชน่ 683 − 83 − 449 =  ครูถามนักเรียนว่าโจทย์
ข้อนจ้ี ะลบ 683 ดว้ ยจานวนใดกอ่ นนักเรียนอาจตอบว่า ลบด้วย 83 กอ่ นครูใหน้ ักเรียนหาผลลบโดยการตั้งลบ ดังนี้ 683 ลบ
ดว้ ย 83 ได้ 600 แล้วนา 600 ลบดว้ ย 449 จะเห็นว่า เปน็ การลบที่มี
การกระจายจากหลกั ร้อยไปหลักสิบ และกระจายจากหลกั สิบไปหลกั หนว่ ยได้ผลลบเป็น 151 หรอื นกั เรียนอาจตอบวา่ นา
683 ลบดว้ ย 449 ก่อน ดงั นี้ 683 ลบดว้ ย 449 ได้ 234 จากน้นั นา 234 ลบด้วย 83 ได้ 151
ดงั น้ัน 683 − 83 − 449 = 151 ครูใหน้ ักเรียนพิจารณาวา่ การหาผลลบ 683 − 83 − 449 เราควรนา 83 ไปลบ 683 ก่อน
หรอื นา 449 ไปลบ 683 กอ่ น เพราะเหตุใด จากนน้ั ให้นักเรียนหาผลลบของ 416 − 125 − 102 =  ครถู ามนักเรยี นวา่
โจทยข์ ้อนี้จะลบ 416 ดว้ ยจานวนใดก่อน นกั เรียนตอบวา่ ลบด้วยจานวนใดก่อนก็ได้ ครใู หน้ ักเรียนหาผลลบโดยการต้ังลบ ซง่ึ
416 ลบดว้ ย 125 เป็นการลบท่ีมีการกระจายจากหลกั ร้อยไปหลกั สบิ ได้ผลลบเป็น 291 จากนน้ั นา 291 ลบด้วย 102เป็นการ
ลบท่ีมกี ระจายจากหลักสบิ ไปหลกั หนว่ ยไดผ้ ลลบเปน็ 189 หรือนกั เรยี นอาจนา 416 ลบด้วย 102 กอ่ น ดงั น้ี 416 ลบด้วย
102 ได้ 314 จากนน้ั นา 314 ลบดว้ ย 125 ไดผ้ ลลบเปน็ 189 ดังน้นั 416 − 125 − 102 = 189

3. ครูให้นกั เรยี นช่วยกนั หาผลลบในขอ้ 1 − 2 ตามหนังสือเรียนหน้า 111 โดยครูใชก้ ารถาม−ตอบ ทีละขนั้ ตอนจนได้
คาตอบ และได้ข้อสรุปว่า การหาผลลบของจานวนสามจานวนโดยการต้งั ลบ สามารถหาคาตอบโดยใช้วธิ ีเดียวกับการหา
ผลลบของจานวนสองจานวน แตต่ อ้ งหาผลลบทีละสองจานวน นาผลลบของสองจานวนมาเปน็ ตัวตงั้ แล้วลบกับจานวนท่ี
สามซ่งึ สามารถลบด้วยจานวนใดกอ่ นกไ็ ด้ใหน้ ักเรยี นหาคา ตอบในข้อ 3 − 8 ทลี ะข้อแล้วครูแสดงวธิ ีคิดท่ถี ูกต้องทลี ะข้อเพ่อื
ตรวจสอบความถูกตอ้ ง

ขัน้ สรุป

ขัน้ ขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยให้นักเรียนแสดงการหาผลลบ โดยการตง้ั ลบเปน็ รายบุคคล ตามหนงั สอื
เรยี นหนา้ 112 ถ้าพบวา่ มนี กั เรยี นยังหาผลลบไม่ถูกตอ้ งครูให้นกั เรียนมาฝึกเพม่ิ เตมิ กับครูเปน็ รายบคุ คลจากน้นั ครูและ
นกั เรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้องและสรุปสิง่ ที่ไดเ้ รียนรู้

- การหาผลลบของจานวนสามจานวนโดยการตง้ั ลบ ใหน้ าจานวนสองจานวนมาลบกันก่อนแลว้ นา ผลลบไปลบกับ

จานวนที่เหลอื

ข้ันตรวจสอบผล

- การหาผลลบของจานวนสามจานวนโดยการตั้งลบ ให้นาจานวนสองจานวนมาลบกนั ก่อนแล้วนา ผลลบไปลบกบั

จานวนท่ีเหลือจากน้ันใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหัด หน้า 70 − 72

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวดั และประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วิธกี ารวดั ผล เคร่อื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

ความร้คู วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุน้ ความคิด 70% ข้ึนไป ถอื ว่าผา่ น

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหดั 70% ข้นึ ไป ถือวา่ ผา่ น

-การให้เหตุผล เกณฑ์การประเมิน

-การสรุปความรูก้ ารปฏบิ ัติ

คุณลกั ษณะนิสยั (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ข้นึ ไป ถอื ว่าผา่ น

ทางานร่วมกบั กลุ่ม ขณะ ทางานรว่ มกับกลุม่ เกณฑ์การประเมิน

7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้

7.1 สอื่ การเรียนรู้

1. บัตรตัวเลข บัตรภาพจานวนตา่ ง ๆ

2. หนงั สือเรียนสาระการเรียนรู้พ้ืนฐาน คณิตศาสตร์/สอื่ การเรียน ร้คู ณิตศาสตร์

7.2 แหล่งการเรียนรู้

. 1. บัตรภาพ

2. บตั รตัวเลข

8. กจิ กรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................. ...............................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครูผสู้ อน ลงชอื่ ...................................................ฝ่ายวิชาการ

(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอ่ื ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สปั ดาหท์ ่ี 5

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/…...……... ชือ่ ผู้สอน ….……………………………….…….............

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 2 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การบวกและการลบจานวน เรอื่ ง ความสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบ

นับไมเ่ กนิ 1,000

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวดั

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลทเี่ กดิ ข้นึ

จากการดาเนนิ การ สมบัติของการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตัวช้วี ัดท่ี ป.2/4 หาคา่ ของตวั ไมท่ ราบค่าใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก และประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการลบ

ของจานวนนับไม่เกิน 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขัน้ ตอนของจานวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

ความสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบเม่ือจานวนสองจานวนบวกกนั ผลบวกที่ได้ลบดว้ ยจานวนใดจานวนหน่ึงในสอง

จานวนนั้น ผลลบคอื จานวนอีกจานวนหน่ึง

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ (K)

เขียนความสัมพนั ธ์ของการบวกและการลบได้

ด้านทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วธิ กี ารท่ีเหมาะสมในการแกป้ ญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคุณลกั ษณะ(A)

มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความมนั่ ใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรูท้ ้องถนิ่

ความสัมพันธข์ องการบวกและการลบ พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1
ข้นั นา

ข้ันกระตุ้นความสนใจ

1. ครูสนทนาเกยี่ วกับสถานการณ์ในหนังสือเรียนหนา้ 113 โดยใชบ้ ตั รตัวเลขและบตั รเครอ่ื งหมาย
แสดงประโยคสัญลักษณ์การบวก 100 + 150 = 250 ครูถามนกั เรียนว่า จากความสัมพันธ์ของการบวก

และการลบทน่ี ักเรียนเคยได้เรียนมาสามารถเขียนเปน็ ประโยคสญั ลกั ษณ์การลบไดอ้ ยา่ งไร
นกั เรยี นตอบวา่ สามารถเขยี นได้เปน็ 250 − 100 = 150 และ 250 − 150 = 100

ให้นกั เรียนสงั เกตความสัมพันธ์ของการบวกและการลบวา่ จานวนสองจานวนบวกกันผลบวกทไี่ ด้ลบด้วยจานวนใดจานวน
หนง่ึ ในสองจานวนนน้ั ผลลบคอื จานวนอีกจานวนหน่ึง

ขัน้ สอน

ขนั้ สารวจคน้ หา

1. ครสู นทนาเกี่ยวกับสถานการณ์ในหนงั สือเรยี นหนา้ 113 โดยใชบ้ ตั รตวั เลขและบัตรเคร่ืองหมายแสดงประโยค
สัญลักษณ์การบวก 100 + 150 = 250 ครถู ามนกั เรียนวา่ จากความสัมพันธข์ องการบวกและการลบท่ีนกั เรียนเคยได้เรียนมา
สามารถเขียนเป็นประโยคสญั ลักษณ์การลบได้อยา่ งไร

นกั เรียนตอบวา่ สามารถเขียนได้เปน็ 250 − 100 = 150 และ 250 − 150 = 100
ใหน้ กั เรียนสงั เกตความสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบว่า จานวนสองจานวนบวกกันผลบวกทไ่ี ด้ลบด้วยจานวนใดจานวน
หนึ่งในสองจานวนนั้น ผลลบคือจานวนอีกจานวนหนึง่

2. ครยู กตัวอยา่ งสถานการณ์แรกตามหนงั สือเรียนหน้า 114 แล้วถามนักเรียนว่า เขียนเป็นประโยคสญั ลกั ษณก์ าร
บวกได้อย่างไรและจากประโยคสัญลักษณ์การบวกเม่อื ใช้ความสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบสามารถเขยี นเป็นประโยค
สัญลกั ษณ์การลบได้อย่างไร ครูเน้นย้าใหน้ กั เรยี นสังเกตความสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบว่า จานวนสองจานวนบวกกัน
ผลบวกทีไ่ ดล้ บด้วยจานวนใดจานวนหน่งึ ในสองจานวนนั้นผลลบคอื จานวนอกี จานวนหนงึ่

3. ครใู ช้บัตรตวั เลขและบตั รเครอ่ื งหมายแสดงตัวอย่างในหนังสือเรยี นหน้า 115 โดยกาหนดประโยคสญั ลกั ษณ์การ
บวกมาใหแ้ ลว้ ใหน้ ักเรยี นใช้บัตรตัวเลขและบัตรเคร่ืองหมายมาตดิ บนกระดาน เพอ่ื แสดงประโยคสญั ลักษณ์การลบ จากนนั้ ครู
ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั เตมิ ตวั เลขแสดงจานวนในประโยคสัญลักษณ์การบวกและประโยคสัญลกั ษณ์การลบ โดยใช้ความสัมพันธ์
ของการบวกและการลบ ข้อ 1 – 6 ตามหนงั สอื เรียนหน้า 115 ครูและนกั เรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง

ข้ันสรุป

ขัน้ ขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยให้นักเรียนเตมิ ตวั เลขแสดงจานวนในประโยคสญั ลกั ษณ์การบวก และ

ประโยคสัญลกั ษณก์ ารลบ โดยใชค้ วามสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบเปน็ รายบุคคลตามหนงั สือเรียนหน้า 116 ถ้าพบวา่ มี

นกั เรยี นยงั เตมิ ตัวเลขไม่ถูกต้อง ครใู หน้ กั เรยี นมาฝึกเพิ่มเตมิ กับครเู ป็นรายบุคคล จากนั้นครูและนกั เรยี นรว่ มกันตรวจสอบ

ความถูกตอ้ งและสรุปส่ิงที่ไดเ้ รยี นรู้

ข้ันตรวจสอบผล

- จานวนสองจานวนบวกกนั ผลบวกที่ไดล้ บด้วยจานวนใดจานวนหนง่ึ ในสองจานวนน้ันผลลบคือจานวนอกี จานวน

หนึง่ จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ หดั หนา้ 73 − 74

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวดั และประเมินผลจดุ ประสงค์ วิธกี ารวดั ผล เครอ่ื งมือวดั เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

ความร้คู วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคิด 70% ขึ้นไป ถือว่าผา่ น

-การสังเกต เกณฑ์การประเมนิ

ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หดั 70% ขึน้ ไป ถือว่าผ่าน
คณุ ลักษณะนสิ ยั (A) -การใหเ้ หตผุ ล เกณฑ์การประเมนิ
-การสรุปความรกู้ ารปฏบิ ัติ - แบบประเมินพฤติกรรม
ขณะ ทางานรว่ มกับกลุม่ 70% ขึ้นไป ถอื ว่าผ่าน
- สังเกตพฤติกรรมขณะ เกณฑ์การประเมิน
ทางานรว่ มกบั กล่มุ

7. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
7.1 สื่อการเรยี นรู้

1. บตั รตัวเลข บัตรภาพจานวนต่าง ๆ
2. หนงั สอื เรียนสาระการเรยี นรู้พ้ืนฐาน คณติ ศาสตร์/ส่ือการเรยี น รู้คณิตศาสตร์

7.2 แหลง่ การเรยี นรู้

. 1. บตั รภาพ
2. บัตรตัวเลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ............................................ครผู สู้ อน ลงช่ือ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอ่ื ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)

สัปดาห์ที่ 6

โรงเรียนขจรเกยี รติพฒั นา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี ……1…/…...……... ช่ือผสู้ อน ….……………………………….…….............

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 2 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การบวกและการลบจานวน เร่ือง การหาคา่ ของตวั ไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลักษณ์

นบั ไมเ่ กิน 1,000 การบวกและประโยคสัญลักษณก์ ารลบ

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชีว้ ัด

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลท่เี กดิ ขึน้

จากการดาเนินการ สมบัตขิ องการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตวั ชี้วดั ท่ี ป.2/4 หาค่าของตวั ไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก และประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการลบ

ของจานวนนบั ไม่เกนิ 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปัญหา 2 ขนั้ ตอนของจานวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การหาค่าของตวั ไม่ทราบคา่ ในประโยคสัญลกั ษณ์การบวกและประโยคสญั ลักษณ์การลบ สามารถใชค้ วามสมั พนั ธ์

ของการบวกและการลบ

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

ด้านความรู้ (K)

หาค่าของตวั ไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลักษณ์การบวกและประโยคสญั ลกั ษณ์การลบ

ด้านทักษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ธิ กี ารทีเ่ หมาะสมในการแก้ปัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคณุ ลกั ษณะ(A)

มวี ิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความม่นั ใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถ่นิ

การหาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยค พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา

สญั ลกั ษณ์การบวกและประโยคสัญลักษณ์การลบ

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1
ข้ันนา

ข้ันกระตนุ้ ความสนใจ

1. ครูตดิ บัตรตัวเลข และบตั รเครอื่ งหมายเปน็ ประโยคสญั ลักษณ์การบวกและประโยคสัญลักษณ์การลบแสดง
ความสัมพันธข์ องการบวกและการลบเพ่ือทบทวนความรู้ เชน่

300 + 500 = 800
800 − 300 = 500
800 − 500 = 300

ขัน้ สอน

ขน้ั สารวจค้นหา

1. ครูติดบตั รตวั เลข และบตั รเครื่องหมายเปน็ ประโยคสญั ลักษณ์การบวกและประโยคสญั ลกั ษณ์การลบแสดง
ความสมั พันธ์ของการบวกและการลบเพื่อทบทวนความรู้ เช่น

300 + 500 = 800
800 − 300 = 500
800 − 500 = 300
ครสู นทนาเกี่ยวกบั สถานการณ์ในหนังสือเรยี นหน้า 117 และเขยี นประโยคสญั ลักษณท์ ี่มตี วั ไม่ทราบคา่ ดงั น้ี
- แกว้ ตามหี นังสอื 18 เลม่ ครูตดิ บัตรตวั เลข 18
- ใบบัวนามาเพิ่มอีก  เล่ม ครตู ิดบตั รเครื่องหมายบวก และบตั รรูปส่ีเหล่ยี ม (ตวั ไมท่ ราบค่า)
- รวมเปน็ 27 เล่ม ครตู ิดบตั รเครอื่ งหมายเทา่ กับ และบตั รตัวเลข 27 จะได้ประโยคสัญลักษณ์การบวก 18 +
= 27 ครใู หน้ กั เรียนใชค้ วามสัมพนั ธข์ องการบวกและการลบเขียนเปน็ ประโยคสญั ลักษณ์การลบ เพ่อื หาคาตอบ จะได้ 27 −
18 =  ครถู ามนกั เรยี นว่า ได้ผลลบเป็นเท่าไร นักเรียนตอบวา่ 27 − 18 = 9 ดังนน้ั 18 + 9 = 27
2. ครูติดบตั รประโยคสญั ลักษณท์ ี่มตี วั ไมท่ ราบคา่ แลว้ สาธติ การหาค่าของตัวไม่ทราบค่าโดยใชค้ วามสัมพันธ์ของการ
บวกและการลบตามหนังสือเรียนหน้า 118 โดยใชก้ ารถาม−ตอบ เชน่ ตัวอยา่ งที่ 1 − 100 = 500 ครถู ามนกั เรียนวา่ จานวน
ใดลบด้วย 100 แล้วได้เทา่ กบั 500 หาจานวนนัน้ ได้อย่างไร นักเรยี นตอบวา่ ใช้ความสมั พนั ธ์ของการบวกและการลบ จะได้
500 + 100 = 600 ดังน้นั จานวนน้นั คอื 600 ตรวจสอบคาตอบได้โดย นา 600 ลบดว้ ย 100 ได้ผลลบเป็น 500 ตามท่ีโจทย์
กาหนด ดังนน้ั 600 เปน็ คาตอบท่ถี ูกต้อง จากนน้ั ครูยกตัวอยา่ ง 356 −  = 251 ครถู ามนักเรียนว่า 356 ลบด้วยจานวนใด
แล้วไดเ้ ทา่ กบั 251 หาจานวนนัน้ ได้อย่างไรนักเรียนตอบว่าใช้ความสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบ จะได้ 356 – 251= 105
ดังน้นั จานวนนน้ั คือ 105 ตรวจสอบคาตอบไดโ้ ดย นา 356 ลบด้วย 105 ไดผ้ ลลบเปน็ 251 ตามทโ่ี จทย์กาหนด ดังนน้ั 105
เป็นคาตอบท่ีถูกต้อง ครใู หน้ กั เรยี นชว่ ยกันหาคา่ ของตวั ไม่ทราบค่า ข้อ 1 และ 2 ในกรอบท้ายหนา้ 118
3. ครูให้นักเรยี นชว่ ยกนั หาค่าของตัวไม่ทราบคา่ ในประโยคสญั ลกั ษณ์การบวกและประโยคสัญลักษณ์การลบ โดย
ยกตัวอย่าง 400 +  = 650 ถามนักเรยี นวา่ 400 บวกกับจานวนใดแลว้ ไดเ้ ท่ากับ 650 หาจานวนนัน้ ไดอ้ ยา่ งไร นกั เรียน
ตอบวา่ ใชค้ วามสัมพนั ธ์ของการบวกและการลบจะได้ 650 − 400 = 250 ดงั นน้ั จานวนนน้ั คือ 250 ตรวจสอบคาตอบได้โดย
นา 400 บวกกบั 250 ได้ผลบวกเปน็ 650 ตามทโี่ จทย์กาหนด ดังนนั้ 250 เป็นคาตอบที่ถกู ต้อง ครูให้นกั เรยี นช่วยกันทาข้อ
1 − 6 ตามหนงั สือเรยี นหน้า 119 ครูและนกั เรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง

ขน้ั สรปุ

ขนั้ ขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยให้นักเรียนแสดงการหาค่าของตัวไม่ทราบค่า
ในประโยคสัญลักษณ์การบวกและการลบเป็นรายบุคคล ตามหนังสอื เรียนหนา้ 120 ถา้ พบวา่ มีนกั เรยี นยังหาค่าของตัวไม่ทราบ
ค่าไม่ถกู ต้อง ครูให้นักเรยี นมาฝกึ เพิ่มเติมกับครูเปน็ รายบคุ คล จากนน้ั ครแู ละนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องและสรุป
สิ่งทไี่ ดเ้ รยี นรู้

- สามารถใช้ความสมั พนั ธ์ของการบวกและการลบในการหาค่าของตัวไม่ทราบคา่ ในประโยคสญั ลักษณก์ ารบวกและ

ประโยคสญั ลกั ษณ์การลบ

ขั้นตรวจสอบผล

- สามารถใชค้ วามสัมพันธ์ของการบวกและการลบในการหาคา่ ของตวั ไม่ทราบคา่ ในประโยคสญั ลกั ษณก์ ารบวกและ

ประโยคสญั ลกั ษณก์ ารลบจากนัน้ ให้นกั เรยี นทาแบบฝกึ หดั หน้า 75 − 77

6. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมินผลจดุ ประสงค์ วิธีการวดั ผล เคร่ืองมอื วัด เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

ความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคดิ 70% ข้นึ ไป ถอื ว่าผ่าน

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมนิ

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หดั 70% ข้ึนไป ถือวา่ ผา่ น

-การให้เหตผุ ล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรุปความรู้การปฏิบตั ิ

คุณลักษณะนิสยั (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขึน้ ไป ถือว่าผ่าน

ทางานร่วมกบั กลุ่ม ขณะ ทางานรว่ มกับกลุ่ม เกณฑ์การประเมิน

7. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สือ่ การเรยี นรู้

1. บัตรตวั เลข บตั รภาพจานวนต่าง ๆ
2. หนงั สือเรยี นสาระการเรยี นรู้พืน้ ฐาน คณิตศาสตร์/สือ่ การเรยี น รู้คณติ ศาสตร์

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

. 1. บตั รภาพ
2. บัตรตวั เลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงช่ือ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชื่อ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สัปดาหท์ ี่ 6

โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/…...……... ช่อื ผู้สอน ….……………………………….…….............

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 2 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 การบวกและการลบจานวน เรื่อง โจทยป์ ัญหาการบวกและโจทยป์ ญั หาการลบ(1)

นับไมเ่ กิน 1,000

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชว้ี ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลทเ่ี กดิ ข้นึ

จากการดาเนินการ สมบตั ิของการดาเนินการ และนาไปใช้
ตวั ชว้ี ัดท่ี ป.2/4 หาคา่ ของตัวไมท่ ราบคา่ ใน ประโยคสญั ลักษณ์แสดงการบวก และประโยคสญั ลักษณ์แสดงการลบ

ของจานวนนับไมเ่ กิน 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ข้ันตอนของจานวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

การแกโ้ จทย์ปัญหาทาไดโ้ ดย อา่ นทาความเข้าใจปัญหา วางแผนแก้ปญั หา หาคาตอบและตรวจสอบความ

สมเหตุสมผลของคาตอบ

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

ด้านความรู้ (K)

แกโ้ จทยป์ ัญหาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบได้

ด้านทักษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ธิ กี ารทเี่ หมาะสมในการแกป้ ญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคุณลกั ษณะ(A)

มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมน่ั ใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถนิ่

โจทยป์ ัญหาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา

5. กจิ กรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1
ขนั้ นา

ข้ันกระต้นุ ความสนใจ

1. ครูตดิ บัตรโจทย์ปัญหาตามหนังสือเรียนหน้า 121 ให้นักเรยี นอ่านโจทย์ปัญหาพรอ้ มกันแลว้ ครูทา กิจกรรมดังนี้
- ครตู ิดบตั รโจทยถ์ ามและถามว่าโจทยถ์ ามอะไร

- ครตู ดิ บัตรโจทย์บอกและถามว่าโจทย์บอกอะไร
- แลว้ จะหาคาตอบได้อย่างไร

ข้ันสอน

ขัน้ สารวจค้นหา

1. ครตู ดิ บัตรโจทย์ปญั หาตามหนังสือเรียนหนา้ 121 ใหน้ กั เรียนอ่านโจทย์ปัญหาพรอ้ มกันแลว้ ครูทา กิจกรรมดังน้ี
- ครตู ิดบตั รโจทย์ถามและถามว่าโจทย์ถามอะไร
- ครูติดบัตรโจทย์บอกและถามว่าโจทยบ์ อกอะไร
- แล้วจะหาคาตอบได้อยา่ งไร

ครตู ิดบัตรภาพปลาหางนกยูง 2 ภาพแล้วเขยี นจานวนกากับไว้ ใชค้ าพดู ท่ีสอื่ ใหเ้ ห็นวา่ ซื้อมาเพม่ิ เปน็ การนาจานวนปลา
ท้งั หมดมารวมกัน ต้องหาคาตอบดว้ ยการบวกครเู ขียนประโยคสญั ลกั ษณ์และใหน้ ักเรียนหาคาตอบ จะได้ 278 + 322 = 600
ดงั นนั้ พ่อค้ามปี ลาหางนกยูงท้ังหมด 600 ตวั ครตู รวจสอบความสมเหตุสมผลของคาตอบตามหนังสือเรียนหน้า 121

2. ครตู ดิ บัตรโจทยป์ ัญหาตามหนงั สือเรียนหนา้ 122 แลว้ จัดกจิ กรรมทานองเดียวกบั ข้อ 1 ใหค้ รใู ชค้ า พูดท่สี ่อื ใหเ้ ห็น
ว่า ขายไป บริจาคไปคือการหักออก ซ่งึ ตอ้ งใชก้ ารลบในการหาคาตอบแลว้ ให้นักเรยี นตรวจคาตอบโดยการนาผลลบบวกกบั ตวั
ลบจะไดเ้ ท่ากับตัวต้งั

3. ครูยกตัวอยา่ งโจทยป์ ัญหาในหนงั สอื เรียนหน้า 123 และใชก้ ารถาม−ตอบ เพอ่ื แสดงวิธหี าคาตอบ ดังนี้
- โจทยถ์ ามอะไร
- โจทยบ์ อกอะไร
- เขยี นประโยคสญั ลักษณ์ได้อย่างไร
- หาคาตอบไดอ้ ยา่ งไร

แล้วให้นกั เรยี นชว่ ยกนั เขียนประโยคสญั ลักษณแ์ ละหาคาตอบในข้อ 1 และ 2 ตามหนังสือเรียนหน้า 123 โดยครูคอยช้ีแนะ
และตรวจสอบความถกู ต้องของคาตอบ ครูเน้นย้าวา่ ควรตรวจสอบความสมเหตสุ มผลของคาตอบด้วย

ข้ันสรปุ

ขน้ั ขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยให้นักเรียนเขยี นประโยคสญั ลกั ษณแ์ ละหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาเปน็
รายบคุ คลตามหนังสอื เรียนหนา้ 124 ถ้าพบว่ามีนักเรียนยังเขยี นประโยคสัญลกั ษณแ์ ละหาคา ตอบของโจทย์ปัญหาไม่ถกู ต้อง
ครใู หน้ ักเรยี นมาฝึกเพ่ิมเตมิ กับครเู ป็นรายบคุ คล จากน้นั ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งและสรุปส่งิ ท่ีได้เรยี นรู้

- การแกโ้ จทย์ปัญหาทาไดโ้ ดยอ่านทาความเขา้ ใจปญั หา วางแผนแก้ปัญหา หาคาตอบ และตรวจสอบความ
สมเหตุสมผลของคาตอบ

ขั้นตรวจสอบผล

- การแกโ้ จทยป์ ัญหาทาไดโ้ ดยอ่านทาความเขา้ ใจปญั หา วางแผนแกป้ ัญหา หาคาตอบ และตรวจสอบความ
สมเหตุสมผลของคาตอบจากน้นั ใหน้ ักเรยี นทาแบบฝึกหดั หนา้ 78 – 80

6. การวดั และประเมินผล

การวดั และประเมินผลจุดประสงค์ วิธีการวัดผล เคร่ืองมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ ผล
- คาถามกระตุน้ ความคิด 70% ขึ้นไป ถอื วา่ ผ่าน
ความรู้ความเข้าใจ (K) -ทดสอบ เกณฑ์การประเมิน
แบบฝกึ หัด 70% ขึน้ ไป ถอื วา่ ผ่าน
-การสังเกต เกณฑ์การประเมิน
- แบบประเมนิ พฤติกรรม
ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก ขณะ ทางานรว่ มกับกลุ่ม 70% ข้นึ ไป ถอื วา่ ผา่ น
เกณฑ์การประเมิน
-การใหเ้ หตุผล

-การสรุปความรกู้ ารปฏิบัติ

คณุ ลักษณะนิสัย (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ

ทางานร่วมกบั กล่มุ

7. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สือ่ การเรียนรู้

1. บัตรตวั เลข บตั รภาพจานวนต่าง ๆ
2. หนงั สือเรียนสาระการเรยี นรู้พน้ื ฐาน คณติ ศาสตร์/สอ่ื การเรียน รู้คณิตศาสตร์

7.2 แหล่งการเรียนรู้

. 1. บตั รภาพ
2. บตั รตัวเลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................. ...............................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครูผสู้ อน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอื่ ................................................... ผ้บู ริหาร
(...........................................................)

สปั ดาหท์ ี่ 6

โรงเรยี นขจรเกยี รติพฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/…...……... ชื่อผู้สอน ….……………………………….…….............

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 การบวกและการลบจานวน เร่ือง โจทยป์ ญั หาการบวกและโจทยป์ ญั หาการลบ(2)

นับไม่เกนิ 1,000

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลที่เกดิ ข้นึ

จากการดาเนนิ การ สมบตั ขิ องการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตัวชว้ี ดั ที่ ป.2/4 หาค่าของตวั ไมท่ ราบคา่ ใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก และประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการลบ

ของจานวนนบั ไม่เกนิ 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา 2 ขั้นตอนของจานวนนบั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การแก้โจทย์ปญั หาทาไดโ้ ดย อา่ นทาความเขา้ ใจปัญหา วางแผนแกป้ ัญหา หาคาตอบและตรวจสอบความ

สมเหตสุ มผลของคาตอบ

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

ด้านความรู้ (K)

แก้โจทยป์ ญั หาการบวกและโจทย์ปัญหาการลบได้

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)

ใช้วธิ กี ารทเ่ี หมาะสมในการแกป้ ญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคณุ ลักษณะ(A)

มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความมน่ั ใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ ้องถิ่น

โจทยป์ ญั หาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบท่ี 1
ข้นั นา

ขน้ั กระตุ้นความสนใจ

1. ครใู หน้ กั เรียนอ่านโจทย์ปัญหาในหนังสือเรยี นหน้า 125 แลว้ ถามนกั เรียนดังน้ี
- โจทยถ์ ามอะไร

- โจทย์บอกอะไร
- จะหาคาตอบได้อยา่ งไร

ขน้ั สอน

ขน้ั สารวจคน้ หา

1. ครใู หน้ กั เรยี นอ่านโจทยป์ ัญหาในหนังสอื เรียนหน้า 125 แลว้ ถามนกั เรียนดงั น้ี
- โจทย์ถามอะไร
- โจทย์บอกอะไร
- จะหาคาตอบได้อย่างไร

ครูติดบัตรภาพดอกดาวเรืองและแถบกระดาษสแี สดงจานวนของตน้ ดาวเรืองเขยี นตัวเลขแสดงจานวนกากับไว้
ครูติดบัตรภาพดอกทานตะวันและแถบกระดาษสแี สดงจานวนของตน้ ทานตะวัน เขยี นตวั เลขแสดงจานวนกากับไว้ ครใู ห้
นกั เรียนเปรยี บเทียบแถบกระดาษสวี ่า แถบกระดาษสีของต้นอะไรยาวกวา่ นักเรยี นตอบวา่ แถบกระดาษสีของต้นดาวเรือง
ยาวกว่า ครอู ธิบายวา่ แถบกระดาษสีของตน้ ดาวเรืองยาวกวา่ แสดงวา่ จานวนตน้ ดาวเรืองมากกวา่ จานวนต้นทานตะวัน ครู
ถามว่า ต้นดาวเรืองมากกวา่ ต้นทานตะวนั อยู่เทา่ ไร และหาคาตอบได้อยา่ งไร นกั เรยี นตอบว่า หาคาตอบไดจ้ าก นาจานวนต้น
ดาวเรอื งลบด้วยจานวนตน้ ทานตะวนั ครใู ห้นักเรยี นเขียนประโยคสัญลกั ษณแ์ ละหาคาตอบ พรอ้ มตรวจสอบความสมเหตุสมผล
ของคาตอบจากนน้ั ครใู ห้นักเรียนชว่ ยกันเขียนประโยคสญั ลักษณ์และหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาในกรอบท้ายหน้า 125

2. ครใู หน้ กั เรยี นอ่านโจทยป์ ัญหาในหนังสือเรียนหน้า 126 แล้วถามนกั เรยี นดังน้ี
- โจทยถ์ ามอะไร
- โจทยบ์ อกอะไร
- จะหาคาตอบได้อยา่ งไร

ครตู ดิ แถบกระดาษสแี สดงจานวนไข่เป็ดและเขียนตวั เลขแสดงจานวนกากับไว้ ครถู ามนักเรยี นว่า จากทโ่ี จทย์กาหนดให้ ไข่เป็ด
หรือไข่ไก่มจี านวนมากกว่า นกั เรยี นตอบวา่ ไกไ่ ขม่ ากกวา่ ไขเ่ ป็ด ครถู ามนกั เรียนวา่ ตอ้ งตดิ แถบกระดาษสีแสดงจานวนไข่ไก่
ยาวกวา่ หรือสนั้ กว่าไข่เป็ดเพราะเหตใุ ด นักเรียนตอบว่า ตอ้ งตดิ แถบกระดาษสีแสดงจานวนไข่ไกย่ าวกวา่ เพราะมีจานวนไข่ไก่
มากกว่าไขเ่ ป็ดครูตดิ แถบกระดาษสแี สดงจานวนไขไ่ ก่ครถู ามนกั เรยี นวา่ จากที่โจทย์กาหนดใหไ้ ข่ไก่มากกวา่ ไข่เปด็ เทา่ ไร
นกั เรยี นตอบว่า 225 ฟอง ครเู ขยี นจานวนท่ีไขไ่ กม่ ากกวา่ ไข่เปด็ จานวน 225 ฟองลงในแถบกระดาษสีแสดงจานวนไข่ไก่
ครถู ามนักเรยี นวา่ หาจานวนไข่ไก่ท้ังหมดได้อย่างไร นกั เรยี นตอบว่า นา 118 บวกกับ 225ครูให้นักเรียนเขียนประโยค
สญั ลกั ษณ์และหาคาตอบ พร้อมตรวจสอบความสมเหตสุ มผลของคาตอบ จากน้ันครใู หน้ ักเรียนช่วยกันเขยี นประโยคสัญลักษณ์
และหาคาตอบของโจทย์ปัญหาในกรอบทา้ ยหน้า 126

3. ครใู ห้นกั เรียนอา่ นโจทย์ปัญหาในหนงั สอื เรยี นหน้า 127 แลว้ ถามนกั เรยี นดังนี้
- โจทย์ถามอะไร
- โจทย์บอกอะไร
- จะหาคาตอบได้อยา่ งไร

ครูตดิ แถบกระดาษสแี สดงจานวนยางรัดของขนุ และเขยี นตวั เลขแสดงจานวนกากบั ไว้
ครถู ามนักเรยี นวา่ จากท่ีโจทย์กาหนดให้ขนุ กับตน้ กลา้ ใครมียางรัดมากกวา่
นกั เรียนตอบว่า ขุน
ครถู ามวา่ ขนุ กับต้นกล้า ใครมยี างรัดน้อยกวา่
นกั เรียนตอบวา่ ต้นกล้า

ครถู ามนักเรียนว่า ตอ้ งตดิ แถบกระดาษสแี สดงจานวนยางรัดของต้นกล้าส้ันกว่าหรือยาวกวา่ ของขนุ เพราะเหตุใด
นกั เรียนตอบวา่ ตอ้ งตดิ แถบกระดาษสแี สดงจานวนยางรัดของต้นกล้าสัน้ กว่าของขุน เพราะตน้ กลา้ มจี านวนยางรัดน้อยกว่า
ของขุน ครตู ิดแถบกระดาษสีแสดงจานวนยางรัดของตน้ กล้า ครถู ามนักเรยี นวา่ จากท่โี จทย์กาหนดให้ ขุนมียางรดั มากกวา่ ตน้
กลา้ หรือต้นกลา้ มียางรัดน้อยกวา่ ขนุ เท่าไร นกั เรยี นตอบวา่ 94 เส้นครเู ขียนจานวนท่ตี ้นกลา้ มียางรดั น้อยกว่าขนุ 94 เส้น ลง
ในแถบกระดาษสี ดังนีค้ รถู ามนกั เรยี นวา่ หาจานวนยางรดั ของต้นกล้าได้อย่างไร นกั เรียนตอบว่า 757 ลบด้วย 94ครใู ห้
นักเรียนเขียนประโยคสัญลกั ษณ์และหาคาตอบ พร้อมตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคาตอบจากน้ันครูใหน้ กั เรยี นชว่ ยกัน
เขียนประโยคสญั ลักษณแ์ ละหาคาตอบของโจทย์ปญั หาในกรอบท้ายหนา้ 127

ขั้นสรปุ

ขัน้ ขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยใหน้ ักเรยี นเขยี นประโยคสญั ลกั ษณแ์ ละหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาเปน็

รายบคุ คลตามหนังสือเรียนหน้า 128 ถ้าพบว่ามนี กั เรียนยังเขียนประโยคสัญลกั ษณ์และหาคาตอบของโจทยป์ ญั หาไม่ถูกต้อง

ครใู ห้นกั เรียนมาฝึกเพิ่มเติมกับครเู ปน็ รายบุคคลจากนั้นครูและนักเรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้องและสรปุ ส่งิ ที่ไดเ้ รยี นรู้

- การแก้โจทยป์ ญั หาทาได้โดยอา่ นทาความเขา้ ใจปัญหา วางแผนแกป้ ญั หา หาคาตอบ และตรวจสอบความ

สมเหตสุ มผลของคาตอบ

ขั้นตรวจสอบผล

- การแก้โจทยป์ ัญหาทาไดโ้ ดยอ่านทาความเขา้ ใจปัญหา วางแผนแก้ปัญหา หาคาตอบ และตรวจสอบความ

สมเหตุสมผลของคาตอบจากนัน้ ให้นกั เรียนทาแบบฝึกหัด หนา้ 81 − 83

6. การวัดและประเมนิ ผล

การวดั และประเมินผลจุดประสงค์ วธิ กี ารวดั ผล เครื่องมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ ผล

ความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคิด 70% ขน้ึ ไป ถือว่าผา่ น

-การสังเกต เกณฑ์การประเมิน

ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หัด 70% ข้ึนไป ถอื ว่าผา่ น

-การให้เหตุผล เกณฑ์การประเมิน

-การสรปุ ความร้กู ารปฏิบตั ิ

คณุ ลักษณะนิสยั (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ข้นึ ไป ถอื วา่ ผา่ น

ทางานร่วมกบั กลุ่ม ขณะ ทางานร่วมกับกลุ่ม เกณฑ์การประเมนิ

7. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 สอ่ื การเรยี นรู้

1. บัตรตวั เลข บตั รภาพจานวนตา่ ง ๆ
2. หนังสอื เรียนสาระการเรยี นรู้พนื้ ฐาน คณติ ศาสตร์/สอ่ื การเรียน รู้คณิตศาสตร์

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

. 1. บตั รภาพ
2. บตั รตวั เลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สปั ดาหท์ ี่ 6

โรงเรยี นขจรเกียรติพฒั นา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรียนท่ี ……1…/…....……... ชอ่ื ผู้สอน ….……………………………….…….............

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 2 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 การบวกและการลบจานวน เรอ่ื ง โจทยป์ ญั หาการบวกและโจทย์ปญั หาการลบ(3)

นับไม่เกนิ 1,000

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลที่เกดิ ข้นึ

จากการดาเนินการ สมบตั ขิ องการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตวั ชว้ี ดั ที่ ป.2/4 หาค่าของตวั ไมท่ ราบคา่ ใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก และประโยคสญั ลักษณ์แสดงการลบ

ของจานวนนับไม่เกนิ 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหา 2 ขั้นตอนของจานวนนบั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การแกโ้ จทย์ปัญหาทาไดโ้ ดย อ่านทาความเขา้ ใจปัญหา วางแผนแกป้ ัญหา หาคาตอบและตรวจสอบความ

สมเหตุสมผลของคาตอบ

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

ดา้ นความรู้ (K)

แก้โจทยป์ ัญหาการบวกและโจทย์ปัญหาการลบได้

ด้านทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วธิ กี ารทเ่ี หมาะสมในการแกป้ ัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคุณลักษณะ(A)

มวี ิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมัน่ ใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถ่นิ

โจทย์ปัญหาการบวกและโจทยป์ ญั หาการลบ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบท่ี 1
ขัน้ นา

ข้นั กระตุ้นความสนใจ

1. ครใู หน้ กั เรียนอา่ นโจทย์ปัญหาในหนงั สือเรยี นหน้า 129 แลว้ ถามนักเรียนดงั นี้
- โจทยถ์ ามอะไร

- โจทยบ์ อกอะไร
- จะหาคาตอบได้อยา่ งไร
ครตู ดิ แถบกระดาษสีแสดงจานวนสเี ทียนเขยี นตวั เลขแสดงจานวนกากบั ไว้
ครตู ิดแถบกระดาษสีแสดงจานวนสไี มเ้ ขยี นตวั เลขแสดงจานวนกากับไว้
ครูให้นกั เรียนเปรียบเทียบแถบกระดาษสีว่าแถบกระดาษสีของสีชนดิ ใดสน้ั กว่า นักเรียนตอบว่าแถบกระดาษสีของสไี ม้สั้นกว่า
ครูอธบิ ายว่า แถบกระดาษสีของสีไม้ส้นั กวา่ แสดงว่าจานวนของสีไมน้ ้อยกว่าจานวนของสีเทียน
ครถู ามวา่ สีไมน้ อ้ ยกวา่ สเี ทียนอยูเ่ ทา่ ไร และหาคาตอบได้อย่างไร
นกั เรียนตอบวา่ หาคาตอบ ไดจ้ าก นาจานวนสีเทียนลบด้วยจานวนสไี ม้
ครใู ห้นกั เรยี นเขียนประโยคสัญลักษณ์และหาคาตอบพร้อมตรวจสอบความสมเหตสุ มผลของคาตอบจากน้ันครูให้นกั เรียน
ช่วยกนั เขยี นประโยคสัญลักษณ์และหาคาตอบของโจทย์ในกรอบท้ายหนา้ 129

ข้นั สอน

ขนั้ สารวจค้นหา

1. ครใู ห้นักเรยี นอา่ นโจทย์ปัญหาในหนงั สือเรียนหนา้ 129 แลว้ ถามนกั เรยี นดงั นี้
- โจทยถ์ ามอะไร
- โจทยบ์ อกอะไร
- จะหาคาตอบได้อยา่ งไร

ครูตดิ แถบกระดาษสแี สดงจานวนสีเทียนเขียนตัวเลขแสดงจานวนกากบั ไว้
ครตู ิดแถบกระดาษสแี สดงจานวนสีไม้เขยี นตัวเลขแสดงจานวนกากบั ไว้
ครใู หน้ ักเรยี นเปรียบเทียบแถบกระดาษสวี ่าแถบกระดาษสีของสีชนิดใดส้ันกว่า นกั เรยี นตอบว่าแถบกระดาษสีของสีไมส้ ้ันกว่า
ครูอธิบายวา่ แถบกระดาษสีของสีไมส้ ้ันกว่าแสดงวา่ จานวนของสีไม้น้อยกว่าจานวนของสีเทยี น

ครูถามวา่ สีไมน้ ้อยกวา่ สเี ทียนอย่เู ทา่ ไร และหาคาตอบได้อยา่ งไร
นักเรียนตอบว่า หาคาตอบ ได้จาก นาจานวนสีเทยี นลบดว้ ยจานวนสไี ม้
ครูให้นกั เรยี นเขียนประโยคสัญลกั ษณ์และหาคาตอบพร้อมตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคาตอบจากนน้ั ครูใหน้ กั เรียน
ช่วยกันเขยี นประโยคสัญลักษณแ์ ละหาคาตอบของโจทย์ในกรอบท้ายหน้า 129
2. ครูให้นักเรียนอ่านโจทยป์ ัญหาในหนังสอื เรียนหนา้ 130 แล้วถามนักเรยี นดังน้ี

- โจทยถ์ ามอะไร
- โจทยบ์ อกอะไร
- จะหาคาตอบได้อย่างไร
ครตู ิดแถบกระดาษสแี สดงจานวนแพะและเขียนตัวเลขแสดงจานวนกากับไว้
ครูถามนักเรยี นวา่ จากทโ่ี จทย์กาหนดให้แพะหรือววั มจี านวนน้อยกวา่
นกั เรียนตอบวา่ ววั
ครถู ามนักเรยี นว่า ตดิ แถบกระดาษสแี สดงจานวนวัวสั้นกวา่ หรือยาวกว่าแพะเพราะเหตุใด
นกั เรียนตอบวา่ ตอ้ งตดิ แถบกระดาษสแี สดงจานวนวัวส้ันกว่าแพะ เพราะมีจานวนววั นอ้ ยกว่าแพะ
ครตู ิดแถบกระดาษสีแสดงจานวนวัว
ครูถามนักเรยี นวา่ จากทโี่ จทยก์ าหนดให้ ววั นอ้ ยกวา่ แพะเทา่ ไร
นักเรยี นตอบวา่ 190 ตวั ครูเขียนจานวนทวี่ วั นอ้ ยกวา่ แพะ 190 ตวั ลงในแถบกระดาษสีแสดงจานวน

ครูถามนักเรียนวา่ หาจานวนวัวไดอ้ ยา่ งไร
นกั เรียนตอบว่า นา 580 ลบด้วย 190
ครใู ห้นกั เรยี นเขยี นประโยคสัญลกั ษณ์และหาคาตอบ พร้อมตรวจสอบความสมเหตสุ มผลของคาตอบจากนัน้ ครูให้นักเรยี น
ชว่ ยกันเขียนประโยคสญั ลักษณ์ และหาคาตอบของโจทยป์ ญั หาในกรอบทา้ ยหนา้ 130
3. ครูใหน้ กั เรยี นอ่านโจทย์ปัญหาในหนงั สือเรียนหนา้ 131 แลว้ ถามนักเรยี นดงั น้ี

- โจทยถ์ ามอะไร
- โจทย์บอกอะไร
- จะหาคาตอบได้อย่างไร
ครตู ิดแถบกระดาษสีแสดงจานวนตน้ เงาะและเขยี นตัวเลขแสดงจานวนกากับไว้
ครูถามนักเรียนวา่ จากท่ีโจทยก์ าหนดให้ต้นเงาะกับต้นทุเรียน ตน้ อะไร มีจานวนน้อยกว่า
นักเรียนตอบว่า ต้นเงาะ
ครถู ามวา่ ตน้ เงาะกบั ตน้ ทุเรียน ตน้ อะไรมีจานวนมากกวา่
นกั เรยี นตอบว่า ตน้ ทุเรียน
ครูถามนักเรยี นวา่ ตอ้ งติดแถบกระดาษสแี สดงจานวนตน้ ทุเรยี นยาวกวา่ หรอื สัน้ กวา่ ตน้ เงาะ เพราะเหตใุ ด
นักเรยี นตอบวา่ ติดแถบกระดาษสแี สดงจานวนตน้ ทุเรียนยาวกว่า เพราะวา่ มีจานวนตน้ ทเุ รียน
มากกว่าตน้ เงาะ
ครตู ิดแถบกระดาษสแี สดงจานวน ตน้ ทุเรียน
ครถู ามนักเรยี นว่า จากท่โี จทย์กาหนดให้ ตน้ เงาะนอ้ ยกว่าตน้ ทเุ รยี นหรอื ตน้ ทุเรยี นมากกวา่ ต้นเงาะเทา่ ไร
นักเรียนตอบว่า 124 ตน้ ครเู ขยี นจานวนตน้ ทเุ รยี นมากกว่าตน้ เงาะ 124 ตน้ ลงในแถบกระดาษสี
ครูถามนักเรยี นวา่ หาจานวนต้นทเุ รยี นได้อยา่ งไร
นักเรยี นตอบวา่ นา 450 บวกกบั 124
ครูให้นักเรียนช่วยกนั เขยี นประโยคสัญลกั ษณแ์ ละหาคาตอบ พร้อมตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคาตอบ
จากนั้นครใู ห้นักเรยี นเขียนประโยคสญั ลกั ษณแ์ ละหาคาตอบของโจทยป์ ญั หาในกรอบท้ายหนา้ 131

ขั้นสรปุ

ข้นั ขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยใหน้ ักเรยี นเขียนประโยคสญั ลักษณ์และหาคาตอบของโจทย์ปญั หาเป็น
รายบุคคลตามหนังสือเรียนหนา้ 132 ถา้ พบวา่ มนี ักเรียนยังเขียนประโยคสญั ลักษณแ์ ละ
หาคาตอบของโจทย์ปญั หาไม่ถกู ต้องครใู หน้ ักเรยี นมาฝึกเพิ่มเติมกบั ครเู ป็นรายบุคคลจากนัน้ ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั ตรวจสอบ
ความถูกตอ้ งและสรุปสิง่ ท่ีไดเ้ รยี นรู้

- การแก้โจทยป์ ัญหาทาได้โดยอ่านทาความเขา้ ใจปัญหา วางแผนแก้ปัญหาหาคาตอบ และตรวจสอบความ
สมเหตสุ มผลของคาตอบ

ขนั้ ตรวจสอบผล

- การแกโ้ จทย์ปัญหาทาได้โดยอ่านทาความเข้าใจปัญหา วางแผนแก้ปัญหาหาคาตอบ และตรวจสอบความ
สมเหตสุ มผลของคาตอบจากนัน้ ให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด หนา้ 84 – 86

6. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมินผลจุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมอื วัด เกณฑก์ ารประเมินผล
- คาถามกระตนุ้ ความคิด 70% ขึน้ ไป ถอื ว่าผ่าน
ความรู้ความเข้าใจ (K) -ทดสอบ เกณฑ์การประเมิน
แบบฝึกหัด 70% ขึน้ ไป ถอื วา่ ผา่ น
-การสังเกต เกณฑ์การประเมิน
- แบบประเมนิ พฤติกรรม
ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก ขณะ ทางานรว่ มกับกลมุ่ 70% ขนึ้ ไป ถือวา่ ผา่ น
เกณฑ์การประเมิน
-การใหเ้ หตุผล

-การสรุปความรกู้ ารปฏิบตั ิ

คณุ ลักษณะนิสัย (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ

ทางานร่วมกบั กล่มุ

7. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สือ่ การเรยี นรู้

1. บัตรตวั เลข บตั รภาพจานวนต่าง ๆ
2. หนงั สือเรียนสาระการเรยี นรู้พน้ื ฐาน คณติ ศาสตร์/สอื่ การเรยี น รคู้ ณิตศาสตร์

7.2 แหล่งการเรยี นรู้

. 1. บตั รภาพ
2. บตั รตัวเลข

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ............................................ครูผสู้ อน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอื่ ................................................... ผ้บู ริหาร
(...........................................................)

สัปดาหท์ ี่ 6

โรงเรยี นขจรเกียรติพฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนที่ ……1…/…...……... ชือ่ ผู้สอน ….……………………………….…….............

กลุม่ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 2 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การบวกและการลบจานวน เรื่อง โจทยป์ ญั หาการบวกและโจทย์ปัญหาการลบ(4)

นับไม่เกนิ 1,000

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชวี้ ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลที่เกดิ ขึ้น

จากการดาเนนิ การ สมบัติของการดาเนินการ และนาไปใช้
ตัวชีว้ ดั ท่ี ป.2/4 หาค่าของตวั ไมท่ ราบค่าใน ประโยคสญั ลักษณ์แสดงการบวก และประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการลบ

ของจานวนนับไม่เกนิ 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา 2 ขัน้ ตอนของจานวนนับไมเ่ กิน 1,000 และ 0

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

การแก้โจทยป์ ญั หาทาไดโ้ ดย อา่ นทาความเขา้ ใจปัญหา วางแผนแกป้ ัญหา หาคาตอบและตรวจสอบความ

สมเหตุสมผลของคาตอบ

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ด้านความรู้ (K)

แก้โจทย์ปญั หาการบวกและโจทยป์ ญั หาการลบได้

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ธิ กี ารทเ่ี หมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคณุ ลักษณะ(A)

มวี ิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมนั่ ใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่นิ

โจทย์ปัญหาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบ พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา

5. กจิ กรรมการเรียนรู้

คาบที่ 1
ขน้ั นา

ขัน้ กระตุ้นความสนใจ

1. ครูใหน้ ักเรียนอ่านโจทย์ปัญหาในหนังสอื เรยี นหน้า 133 แลว้ ถามดงั น้ี
- โจทยถ์ ามอะไร

- โจทย์บอกอะไร
ครูถามนักเรยี นว่า ทอดน่องไกไ่ ปแล้ว 147 ชนิ้ ทอดเพ่ิมอีกเท่าไร จึงจะได้น่องไก่ทอด 250 ชนิ้ หรือ 147 บวกกบั
จานวนใดแล้วได้ 250 เขียนเป็นประโยคสัญลกั ษณ์ได้อยา่ งไร
นักเรยี นตอบวา่ 147 + = 250
ครูถามนักเรียนวา่ จากประโยคสัญลกั ษณ์น้หี าคาตอบไดอ้ ย่างไร
นกั เรยี นตอบวา่ ใช้ความสัมพนั ธข์ องการบวกและการลบ จะได้ 250 − 147 = 103
ครใู หน้ ักเรียนตรวจสอบคาตอบวา่ 147 + 103 = 250 จรงิ หรอื ไม่
นักเรียนตรวจสอบคาตอบแล้วถกู ตอ้ ง จะได้ 103 เปน็ คาตอบทถี่ ูกต้อง
ดงั นั้น ทอดน่องไกเ่ พม่ิ อีก 103 ชน้ิ จากนนั้ ครใู หน้ ักเรยี นช่วยกนั เขยี นประโยคสัญลักษณ์และหาคาตอบของโจทย์ปญั หาใน
กรอบท้ายหน้า 133

ข้ันสอน

ขนั้ สารวจค้นหา

1. ครูใหน้ กั เรยี นอา่ นโจทยป์ ัญหาในหนังสอื เรียนหนา้ 133 แลว้ ถามดังนี้
- โจทย์ถามอะไร
- โจทย์บอกอะไร

ครถู ามนักเรียนว่า ทอดน่องไก่ไปแล้ว 147 ชนิ้ ทอดเพิ่มอีกเท่าไร จึงจะไดน้ อ่ งไก่ทอด 250 ชิ้น หรอื 147 บวกกับ
จานวนใดแลว้ ได้ 250 เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์ได้อย่างไร

นักเรยี นตอบว่า 147 + = 250
ครถู ามนักเรยี นว่า จากประโยคสญั ลักษณน์ ้ีหาคาตอบไดอ้ ย่างไร
นกั เรยี นตอบว่า ใชค้ วามสมั พันธ์ของการบวกและการลบ จะได้ 250 − 147 = 103
ครใู หน้ กั เรียนตรวจสอบคาตอบว่า 147 + 103 = 250 จรงิ หรอื ไม่
นักเรียนตรวจสอบคาตอบแล้วถูกตอ้ ง จะได้ 103 เป็นคาตอบท่ีถูกต้อง
ดงั นัน้ ทอดน่องไกเ่ พิม่ อีก 103 ชิน้ จากน้ันครูใหน้ กั เรยี นช่วยกนั เขียนประโยคสญั ลักษณ์และหาคาตอบของโจทยป์ ญั หาใน
กรอบท้ายหน้า 133
2. ครใู หน้ ักเรยี นอา่ นโจทยป์ ัญหาในหนงั สือเรยี นหนา้ 134 แล้วถามดงั นี้

- โจทย์ถามอะไร
- โจทยบ์ อกอะไร
ครูถามนักเรียนวา่ มเี งินอยู่ 700 บาท ซอ้ื ของไปเทา่ ไร แล้วเหลอื เงนิ 420 บาท หรอื 700 ลบดว้ ยจานวนใดแล้วได้
42 เขียนเปน็ ประโยคสัญลกั ษณ์ได้อยา่ งไร
นกั เรียนตอบว่า 700− = 420
ครถู ามนักเรียนวา่ จากประโยคสญั ลักษณ์น้หี าคาตอบได้อย่างไร นักเรียนตอบวา่ ใช้ความสมั พันธข์ องการบวกและ
การลบจะได้ 700 − 420 = 280 ครใู ห้นักเรียนตรวจสอบคาตอบวา่ 700 − 280 = 420
จรงิ หรอื ไม่ นักเรียนตรวจสอบคาตอบแล้วถูกต้องจะได้ 280 เป็นคาตอบทีถ่ ูกต้อง ดังน้ัน ซื้อของไป
280 บาทจากนนั้ ครูใหน้ ักเรยี นช่วยกนั เขยี นประโยคสัญลักษณ์และหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาข้อ 1 และ 2 ในกรอบท้ายหนา้
134
3. ครใู หน้ ักเรียนอ่านโจทยป์ ัญหาในหนงั สอื เรียนหนา้ 135 แล้วถามดงั น้ี

- โจทยถ์ ามอะไร
- โจทย์บอกอะไร
ครูถามนักเรยี นว่า มไี ขท่ ั้งหมดเทา่ ไร ทาขนมไปแลว้ 345 ฟอง เหลอื ไข่ 75 ฟองหรือ จานวนใดลบดว้ ย 345 แล้วได้
75 เขยี นเปน็ ประโยคสญั ลักษณ์ได้อย่างไร
นกั เรยี นตอบวา่  − 345 = 75
ครูถามนักเรียนว่า จากประโยคสัญลกั ษณ์นหี้ าคาตอบได้อย่างไร
นกั เรียนตอบว่า ใชค้ วามสัมพนั ธข์ องการบวกและการลบจะได้ 75 + 345 = 420
ครูให้นักเรียนตรวจสอบคาตอบว่า 420 − 345 = 75 จริงหรอื ไม่ นกั เรยี นตรวจสอบคาตอบ
แล้วถูกต้อง จะได้ 420 เปน็ คาตอบท่ีถกู ต้องดงั นนั้ มไี ขท่ ง้ั หมด 420 ฟองจากนัน้ ครูใหน้ ักเรียนชว่ ยกันเขยี น
ประโยคสญั ลกั ษณแ์ ละหาคาตอบของโจทย์ปัญหาในกรอบท้ายหนา้ 135

ขั้นสรปุ

ขัน้ ขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยใหน้ ักเรียนเขยี นประโยคสัญลกั ษณแ์ ละหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเป็น

รายบคุ คลตามหนังสอื เรยี นหนา้ 136 ถ้าพบว่ามีนกั เรียนยังเขียนประโยคสญั ลกั ษณ์และหาคาตอบของโจทย์ปญั หาไม่ถกู ต้อง

ครูใหน้ กั เรยี นมาฝึกเพิ่มเตมิ กับครเู ป็นรายบุคคลจากน้นั ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้องและสรุปสิง่ ท่ีไดเ้ รียนรู้

- การแก้โจทยป์ ัญหาทาไดโ้ ดยอ่านทาความเข้าใจปัญหา วางแผนแกป้ ญั หา หาคาตอบ และตรวจสอบความสมเหตสุ มผลของ

คาตอบ

ข้ันตรวจสอบผล

- การแก้โจทยป์ ัญหาทาไดโ้ ดยอ่านทาความเขา้ ใจปัญหา วางแผนแก้ปัญหา หาคาตอบ และตรวจสอบความ

สมเหตสุ มผลของคาตอบจากนั้นให้นกั เรียนทาแบบฝึกหดั หน้า 87 − 88

6. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมินผลจดุ ประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมินผล

ความร้คู วามเขา้ ใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคิด 70% ขึ้นไป ถอื ว่าผา่ น

-การสังเกต เกณฑ์การประเมิน

ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หัด 70% ข้ึนไป ถือว่าผ่าน

-การให้เหตุผล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรุปความรู้การปฏิบตั ิ

คณุ ลกั ษณะนิสยั (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ น

ทางานรว่ มกับกลุม่ ขณะ ทางานรว่ มกับกลุ่ม เกณฑ์การประเมนิ

7. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้

7.1 สื่อการเรยี นรู้

1. บตั รตวั เลข บัตรภาพจานวนตา่ ง ๆ

2. หนงั สือเรยี นสาระการเรยี นรู้พ้นื ฐาน คณิตศาสตร์/ส่อื การเรยี น รูค้ ณิตศาสตร์

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

. 1. บตั รภาพ

2. บตั รตัวเลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................. ...........................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ................................................... ผูบ้ ริหาร
(...........................................................)

สัปดาห์ท่ี 6

โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ัฒนา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรียนท่ี ……1…/…...……... ช่อื ผ้สู อน ….……………………………….…….............

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 จานวน 1 คาบ

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 การบวกและการลบจานวน เร่อื ง การสร้างโจทย์ปญั หาการบวกและโจทยป์ ญั หา

นับไมเ่ กิน 1,000 การลบจากภาพ

1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวชี้วดั

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลทเ่ี กดิ ข้นึ

จากการดาเนินการ สมบัติของการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตัวช้ีวัดท่ี ป.2/4 หาค่าของตัวไมท่ ราบคา่ ใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก และประโยคสัญลกั ษณแ์ สดงการลบ

ของจานวนนับไม่เกนิ 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขั้นตอนของจานวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การสร้างโจทยป์ ัญหา ต้องมที ้งั สว่ นทีโ่ จทยบ์ อกและส่วนที่โจทยถ์ าม และโจทยป์ ัญหาท่สี ร้างต้องมคี วามเปน็ ไปได้

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

ด้านความรู้ (K)

สร้างโจทยป์ ัญหาการบวกและโจทย์ปญั หาการลบจากภาพ

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ธิ กี ารทเ่ี หมาะสมในการแกป้ ัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคณุ ลักษณะ(A)

มีวจิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมัน่ ใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิน่

การสรา้ งโจทย์ปญั หาการบวกและโจทย์ปญั หาการลบ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา

จากภาพ

5. กจิ กรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1
ขนั้ นา

ข้ันกระตนุ้ ความสนใจ

1. ครูทบทวนเรือ่ งการแกโ้ จทย์ปญั หาว่า ถ้าตอ้ งการแก้โจทยป์ ญั หาต้องรู้อะไรบ้าง
นักเรียนตอบวา่ โจทยถ์ ามอะไร โจทย์บอกอะไร
ครูถามนักเรยี นตอ่ วา่ แลว้ ถ้าตอ้ งการสร้างโจทยป์ ัญหา ในโจทย์ปญั หาทส่ี ร้างต้องมสี ่วนใดบา้ ง

นักเรียนตอบวา่ โจทย์ปัญหาท่ีสรา้ งตอ้ งมสี ่วนท่โี จทยถ์ ามและสว่ นที่โจทย์บอกครูตดิ บตั รภาพรา้ นขายผลไม้ตามหนังสือเรยี น
หน้า 137 แลว้ สนทนาเกี่ยวกับภาพ เชน่ ในภาพมีผลไม้อะไรบ้าง ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั สร้างโจทยป์ ัญหาการบวกและโจทย์
ปัญหาการลบเก่ยี วกับผลไมใ้ นภาพ ครอู าจยกตัวอย่างโจทยป์ ัญหาทสี่ ร้างไวแ้ ลว้ ตามหนังสอื เรียนหน้า 137จากนนั้ ใช้การถาม-
ตอบ เพ่ือใหน้ ักเรยี นบอกส่วนท่โี จทย์ถาม ส่วนที่โจทย์บอก และประโยคสัญลกั ษณ์ ซ่งึ ครูควรเน้นยา้ วา่ โจทยป์ ญั หาท่สี ร้างมี
ความเป็นไปไดห้ รอื ไม่ และคาตอบเปน็ เท่าไร

ข้นั สอน

ขน้ั สารวจคน้ หา

1. ครทู บทวนเรื่องการแกโ้ จทยป์ ญั หาวา่ ถ้าต้องการแก้โจทย์ปญั หาต้องรู้อะไรบ้าง
นักเรียนตอบว่า โจทย์ถามอะไร โจทย์บอกอะไร
ครถู ามนักเรยี นต่อว่า แลว้ ถ้าตอ้ งการสรา้ งโจทย์ปัญหา ในโจทย์ปญั หาท่ีสรา้ งตอ้ งมีส่วนใดบ้าง
นักเรียนตอบว่า โจทยป์ ญั หาทสี่ รา้ งตอ้ งมสี ว่ นทโ่ี จทยถ์ ามและสว่ นทโี่ จทย์บอกครูตดิ บตั รภาพรา้ นขายผลไม้ตามหนงั สือเรยี น
หน้า 137 แล้วสนทนาเกย่ี วกับภาพ เช่น ในภาพมีผลไม้อะไรบา้ ง ครใู ห้นกั เรียนช่วยกันสร้างโจทย์ปัญหาการบวกและโจทย์
ปญั หาการลบเกย่ี วกับผลไม้ในภาพ ครอู าจยกตัวอยา่ งโจทย์ปัญหาท่ีสรา้ งไว้แล้วตามหนังสือเรยี นหน้า 137จากนัน้ ใช้การถาม-
ตอบ เพ่อื ใหน้ ักเรยี นบอกส่วนทโ่ี จทยถ์ าม สว่ นท่โี จทยบ์ อก และประโยคสัญลักษณ์ ซ่ึงครคู วรเน้นยา้ ว่าโจทย์ปัญหาทส่ี ร้างมี
ความเปน็ ไปไดห้ รือไม่ และคาตอบเป็นเท่าไร
2. ครตู ดิ บัตรภาพมงั คดุ และเงาะพร้อมปา้ ยบอกราคาบนกระดาน แล้วสนทนาเก่ยี วกับภาพ เช่น ในภาพมผี ลไม้
อะไรบา้ ง และราคาเทา่ ไร ครใู หน้ กั เรยี นช่วยกันสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวกและโจทยป์ ญั หาการลบเกยี่ วกบั ผลไม้ในภาพ ครูอาจ
ยกตัวอยา่ งโจทย์ปญั หาที่สรา้ งไว้แล้วตามหนงั สือเรยี นหน้า 138 จากน้นั ใช้การถาม-ตอบ เพอื่ ใหน้ ักเรียนบอกสว่ นท่โี จทยถ์ าม
สว่ นท่โี จทยบ์ อกและประโยคสัญลกั ษณ์ ซึง่ ครูควรเนน้ ยา้ ว่าโจทย์ปญั หาทีส่ ร้างมคี วามเป็นไปไดห้ รอื ไม่ และคาตอบเป็น
เทา่ ไร
3. ครูใหน้ ักเรียนทากิจกรรมสร้างโจทยป์ ัญหาอยา่ งไรดี ดงั นี้

- แบง่ นักเรียนออกเปน็ กลมุ่ ๆ ละเทา่ ๆกัน
- แจกบัตรภาพกลมุ่ ละ 2 บัตร แลว้ ใหน้ ักเรยี นสร้างโจทย์ปญั หาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบเก่ียวกบั
ภาพอย่างละ 1 โจทย์
จากนั้นให้นักเรียนสง่ ตัวแทนออกมานาเสนอซึ่งในการนาเสนอให้นกั เรยี นอธบิ ายเกี่ยวกับโจทยป์ ญั หาทส่ี รา้ ง สว่ นทีโ่ จทยบ์ อก
สว่ นที่โจทย์ถาม และประโยคสญั ลกั ษณ์ พรอ้ มหาคาตอบให้เพ่อื นในห้องช่วยกนั ตรวจสอบวา่ โจทยป์ ญั หาทีส่ รา้ งมีความเปน็ ไป
ได้หรือไม่ และคาตอบถูกตอ้ งหรอื ไม่ หากเวลาในการนาเสนอไม่เพยี งพอ
ครูอาจใหน้ ักเรียนสง่ เป็นใบงานเพอื่ ใหค้ รตู รวจสอบความถกู ต้องและให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม

ขั้นสรุป
ขั้นขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยใหน้ ักเรียนสร้างโจทยป์ ญั หาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบจากภาพ
เปน็ รายบุคคลตามหนังสือเรยี นหน้า 140 ถ้าพบวา่ มนี กั เรียนยังสรา้ งโจทยป์ ัญหาไม่ถกู ต้อง ครูใหน้ กั เรียนมาฝกึ เพิม่ เติมกับครู
เปน็ รายบุคคล จากนั้นครแู ละนักเรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้องและสรปุ สิ่งท่ีไดเ้ รยี นรู้

- การสรา้ งโจทยป์ ญั หา ต้องมีท้งั ส่วนที่โจทยบ์ อกและส่วนท่ีโจทย์ถาม นอกจากน้โี จทย์ปัญหา
ทส่ี รา้ งตอ้ งมีความเป็นไปได้

ข้ันตรวจสอบผล

- การสรา้ งโจทยป์ ญั หา ต้องมที ง้ั ส่วนทโี่ จทย์บอกและสว่ นท่โี จทย์ถาม นอกจากนโ้ี จทย์ปญั หา

ท่สี รา้ งต้องมคี วามเปน็ ไปไดจ้ ากนนั้ ให้นกั เรยี นทาแบบฝึกหัด หนา้ 89 − 90

6. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมินผลจดุ ประสงค์ วธิ ีการวดั ผล เคร่ืองมือวัด เกณฑ์การประเมนิ ผล

ความร้คู วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคิด 70% ขึน้ ไป ถือวา่ ผ่าน

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทักษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหดั 70% ขึ้นไป ถือวา่ ผา่ น

-การใหเ้ หตผุ ล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรุปความรูก้ ารปฏบิ ตั ิ

คณุ ลกั ษณะนสิ ยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ข้ึนไป ถือวา่ ผา่ น

ทางานรว่ มกับกลุ่ม ขณะ ทางานร่วมกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมิน

7. ส่อื /แหลง่ การเรียนรู้

7.1 ส่อื การเรียนรู้

1. บัตรภาพ บัตรโจทย์ บตั รโจทย์ถาม บัตรโจทยบ์ อก

2. บตั รประโยคสญั ลักษณ์

7.2 แหล่งการเรยี นรู้

. 1. บัตรภาพ

2. บัตรตวั เลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

ลงช่ือ............................................ครูผสู้ อน ลงช่อื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ................................................... ผ้บู ริหาร
(...........................................................)

สปั ดาหท์ ่ี 7

โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี ……1…/…...……... ชอื่ ผูส้ อน ….……………………………….…….............

กลุม่ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 2 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 การบวกและการลบจานวน เร่ือง การสร้างโจทยป์ ญั หาการบวกและโจทย์ปัญหา

นบั ไมเ่ กิน 1,000 การลบจากประโยคสัญลกั ษณ์

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวช้ีวัด

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลทเ่ี กิดขึ้น

จากการดาเนินการ สมบัตขิ องการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตัวช้ีวัดที่ ป.2/4 หาค่าของตวั ไมท่ ราบค่าใน ประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการบวก และประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการลบ

ของจานวนนับไม่เกนิ 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขั้นตอนของจานวนนบั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

การสรา้ งโจทยป์ ัญหา ตอ้ งมีทง้ั ส่วนท่ีโจทย์บอกและสว่ นที่โจทยถ์ าม และโจทยป์ ัญหาทีส่ รา้ งตอ้ งมคี วามเปน็ ไปได้

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ (K)

สร้างโจทย์ปญั หาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบจากประโยคสัญลักษณ์

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ิธีการทีเ่ หมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคณุ ลักษณะ(A)

มีวิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความม่ันใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ

การสรา้ งโจทยป์ ัญหาการบวกและโจทยป์ ญั หาการลบ พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา

จากประโยคสญั ลกั ษณ์

5. กิจกรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1
ขั้นนา

ข้ันกระตุ้นความสนใจ

1. ครูทบทวนว่า ในโจทยป์ ัญหาทส่ี รา้ งตอ้ งมีสว่ นใดบ้าง นักเรยี นตอบวา่ โจทยป์ ญั หาตอ้ งมสี ่วนท่โี จทยถ์ าม และส่วน
ทีโ่ จทย์บอก ครตู ดิ บตั รภาพร้านขายดอกไม้ ตามหนงั สอื เรียนหน้า 141 และ ติดบัตรประโยคสัญลักษณ์ 126 + 52 =  ให้
นักเรียนชว่ ยกันสรา้ งโจทย์ปัญหาจากประโยคสญั ลักษณ์ เชน่ ขุนมี

ดอกกุหลาบสแี ดง 126 ดอก ดอกกุหลาบสีขาว 52 ดอกขุนมีดอกกหุ ลาบสแี ดงและสขี าวก่ีดอก จากนัน้ ครูใช้การถาม-ตอบ
เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นบอกส่วนทโ่ี จทย์ถาม สว่ นท่ีโจทยบ์ อก ซ่ึงครูควรเน้นยา้ วา่ โจทยป์ ญั หาที่สร้างมีความเปน็ ไปไดห้ รอื ไม่ และ
คาตอบเปน็ เท่าไร

ข้นั สอน

ข้นั สารวจค้นหา

1. ครทู บทวนวา่ ในโจทยป์ ญั หาท่สี รา้ งต้องมสี ว่ นใดบ้าง นักเรียนตอบวา่ โจทยป์ ญั หาตอ้ งมีส่วนทโ่ี จทย์ถาม และส่วน
ท่โี จทย์บอก ครูตดิ บตั รภาพร้านขายดอกไม้ ตามหนังสอื เรียนหนา้ 141 และ ตดิ บตั รประโยคสญั ลักษณ์ 126 + 52 =  ให้
นกั เรียนชว่ ยกันสร้างโจทยป์ ญั หาจากประโยคสญั ลักษณ์ เชน่ ขุนมีดอกกุหลาบสแี ดง 126 ดอก ดอกกุหลาบสีขาว 52 ดอกขนุ
มดี อกกุหลาบสีแดงและสขี าวกดี่ อก จากนนั้ ครูใชก้ ารถาม-ตอบ เพื่อให้นักเรียนบอกสว่ นท่โี จทยถ์ าม ส่วนทโี่ จทย์บอก ซ่ึงครู
ควรเน้นย้าวา่ โจทยป์ ญั หาที่สรา้ งมีความเป็นไปได้หรือไม่ และคาตอบเป็นเท่าไร

2. ครตู ดิ บัตรภาพปลาทอง ปลาหางนกยงู และปลาเทวดา บนกระดาน แล้วสนทนาเก่ยี วกบั ภาพ เชน่
ในภาพมีปลาอะไรบา้ ง ครใู หน้ กั เรียนช่วยกันสรา้ งโจทยป์ ญั หาจากประโยคสญั ลักษณ์ 190 − 80 =  ครูอาจยกตัวอย่าง
โจทยป์ ญั หาท่ีสรา้ งไว้แล้วตามหนงั สอื เรยี นหน้า 142 จากนั้นใช้การถาม-ตอบ เพื่อให้นักเรียนบอกสว่ นทีโ่ จทย์ถามและส่วนที่
โจทย์บอก ซง่ึ ครูควรเน้นยา้ ว่าโจทย์ปัญหาทส่ี ร้างมคี วามเป็นไปได้หรือไม่ และคาตอบเป็นเทา่ ไร

3. ครแู บ่งนกั เรียนเป็นกล่มุ กลุ่มละเทา่ ๆ กัน แล้วแจกบตั รประโยคสัญลักษณ์ตามหนงั สือเรียนหนา้ 143 กลมุ่ ละ 1
ขอ้ ครูควรแจกบัตรประโยคสญั ลกั ษณ์การบวกอีกกลมุ่ ละ 1 ข้อ ซง่ึ แตล่ ะกลมุ่ จะไดร้ บั บัตรประโยคสญั ลกั ษณก์ ารบวก 1 ขอ้
และบัตรประโยคสัญลักษณก์ ารลบ 1 ขอ้ เมอ่ื แต่ละกลุ่มสร้างโจทย์ปัญหาเสรจ็ แล้ว ให้สง่ ตัวแทนออกมานาเสนอ ซึง่ ในการ
นาเสนอใหน้ กั เรยี นอธิบายเก่ียวกบั โจทยป์ ญั หาที่สรา้ ง สว่ นท่ีโจทยบ์ อก ส่วนท่โี จทย์ถาม และประโยคสญั ลักษณ์ พร้อมหา
คาตอบ ให้เพ่ือนในห้องช่วยกันตรวจสอบวา่ โจทยป์ ัญหาที่สร้างมีความเปน็ ไปไดห้ รือไม่ และคาตอบถูกต้องหรือไมห่ ากเวลาใน
การนาเสนอไม่เพยี งพอ ครูอาจให้นกั เรียนส่งเปน็ ใบงานเพ่ือให้ครูตรวจสอบความถกู ต้องและให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม

ขั้นสอน

ขน้ั ขยายความเข้าใจ

4.ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยใหน้ ักเรียนสรา้ งโจทยป์ ัญหาการบวกและโจทย์ปญั หาการลบเปน็ รายบุคคลตาม

หนังสือเรยี นหน้า 144 ถา้ พบวา่ มนี กั เรยี นยงั สร้างโจทยป์ ญั หาไมถ่ ูกต้อง ครูให้นกั เรยี นมาฝึกเพ่มิ เติมกบั ครูเปน็ รายบุคคล

จากนั้นครแู ละนกั เรยี นร่วมกันตรวจสอบความถูกตอ้ งและสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้

- การสรา้ งโจทยป์ ญั หา ตอ้ งมีท้งั ส่วนทโี่ จทยบ์ อกและส่วนทีโ่ จทย์ถาม นอกจากนีโ้ จทยป์ ญั หาท่ีสรา้ งตอ้ งมีความเปน็ ไปได้

ข้ันตรวจสอบผล

- การสร้างโจทย์ปญั หา ต้องมที ้ังส่วนท่ีโจทยบ์ อกและส่วนทโี่ จทย์ถาม นอกจากน้โี จทย์ปัญหาทีส่ รา้ งตอ้ งมคี วาม

เป็นไปไดจ้ ากนัน้ ใหน้ ักเรยี นทาแบบฝกึ หัด หน้า 91 – 92

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมนิ ผลจุดประสงค์ วิธีการวดั ผล เครื่องมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ ผล

ความรู้ความเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตุ้นความคิด 70% ขึ้นไป ถอื ว่าผ่าน

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหดั 70% ข้ึนไป ถือวา่ ผา่ น
เกณฑ์การประเมนิ
-การใหเ้ หตุผล

-การสรุปความรู้การปฏบิ ัติ

คณุ ลักษณะนสิ ยั (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถอื วา่ ผ่าน

ทางานร่วมกับกลุ่ม ขณะ ทางานร่วมกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมนิ

7. ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้

7.1 สอื่ การเรียนรู้

1. บตั รภาพ บัตรโจทย์ บัตรโจทยถ์ าม บตั รโจทย์บอก
2. บตั รประโยคสัญลักษณ์

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

. 1. บัตรภาพ

2. บตั รตวั เลข

8. กิจกรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................ ....

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ............................................ครูผู้สอน ลงชือ่ ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่ือ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สปั ดาห์ท่ี 7

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี ……1…/…...……... ช่อื ผสู้ อน ….……………………………….…….............

กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 2 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การบวกและการลบจานวน เร่ือง กจิ กรรมรว่ มคดิ รว่ มทา (กล่มุ ของฉันอยู่ไหน)

นับไม่เกนิ 1,000

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั

มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของจานวน ผลทเี่ กิดขนึ้

จากการดาเนนิ การ สมบัติของการดาเนนิ การ และนาไปใช้
ตวั ช้วี ดั ที่ ป.2/4 หาค่าของตวั ไม่ทราบค่าใน ประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก และประโยคสัญลักษณ์แสดงการลบ

ของจานวนนบั ไม่เกนิ 1,000 และ 0
ป.2/8 แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขน้ั ตอนของจานวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

การสร้างโจทยป์ ัญหา ต้องมีทง้ั ส่วนทีโ่ จทย์บอกและสว่ นทโี่ จทย์ถาม และโจทย์ปญั หาทส่ี รา้ งต้องมีความเปน็ ไปได้

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ดา้ นความรู้ (K)

1. หาผลบวกในประโยคสญั ลักษณ์แสดงการบวกของจานวนนบั ไม่เกิน 1,000

2. หาผลลบในประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการลบของจานวนนับไม่เกนิ 1,000

3. หาค่าของตวั ไมท่ ราบค่าในประโยคสัญลักษณแ์ สดงการบวก และประโยคสัญลักษณ์แสดงการลบของ

จานวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000

4. แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปญั หาการบวก และโจทยป์ ัญหาการลบ

5. สรา้ งโจทยป์ ัญหาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบ

ด้านทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วิธีการท่ีเหมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคุณลกั ษณะ(A)

มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความม่นั ใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ

การบวกและการลบ จานวนนบั ไม่เกนิ 1,000 พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1

ขนั้ นา

ขั้นกระตุ้นความสนใจ

1. ครใู หน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น 15 นาที
2. แบ่งนักเรียนเปน็ กลุม่ กลุ่มละเทา่ ๆ กันแลว้ แจกอปุ กรณ์ให้นกั เรียนกลมุ่ ละ 1 ชดุ
3. ครใู ห้นกั เรยี นจดั กล่มุ บัตรโจทยป์ ญั หา บตั รประโยคสัญลักษณ์และบตั รคาตอบทส่ี อดคล้องกัน เช่น
- พอ่ เลย้ี งปลา 150 ตวั ซือ้ มาเพิม่ อีก 70 ตวั พอ่ มปี ลาท้งั หมดกีต่ วั
- 150 + 70 = 
- พอ่ มปี ลาทั้งหมด 220 ตวั

ขนั้ สอน

ขนั้ สารวจคน้ หา

1. ครใู หน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น 15 นาที

2. แบ่งนกั เรยี นเปน็ กล่มุ กลมุ่ ละเทา่ ๆ กันแล้วแจกอุปกรณ์ให้นกั เรียนกล่มุ ละ 1 ชดุ

3. ครใู ห้นกั เรยี นจัดกลุ่มบัตรโจทยป์ ญั หา บัตรประโยคสญั ลักษณ์และบัตรคาตอบทสี่ อดคล้องกนั เช่น

- พอ่ เลย้ี งปลา 150 ตวั ซอ้ื มาเพม่ิ อกี 70 ตวั พอ่ มีปลาท้ังหมดก่ตี ัว

- 150 + 70 = 

- พอ่ มีปลาท้ังหมด 220 ตวั

ขั้นขยายความเข้าใจ

4. ครตู รวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยใหน้ ักเรียนสรา้ งโจทยป์ ัญหาการบวกและโจทย์ปัญหาการลบเป็นรายบุคคลตาม

หนงั สือเรยี นหน้า 144 ถ้าพบว่ามีนกั เรียนยังสรา้ งโจทย์ปัญหาไมถ่ ูกต้อง ครใู หน้ กั เรียน

มาฝึกเพิ่มเติมกับครูเป็นรายบุคคล จากน้นั ครูและนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้องและสรปุ สิ่งทีไ่ ด้เรียนรู้

- การสร้างโจทยป์ ัญหา ตอ้ งมที ้ังสว่ นทโี่ จทย์บอกและส่วนที่โจทยถ์ าม นอกจากนีโ้ จทยป์ ัญหาท่ีสร้างตอ้ งมคี วามเป็นไปได้

ขนั้ ตรวจสอบผล

5. ถา้ เวลาไม่เพียงพอครูอาจแจกบตั รโจทยป์ ัญหาใหน้ ้อยลงตามความเหมาะสมจากนั้นครูใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกทา้ ทาย หนา้

93

6. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ ผล

ความรูค้ วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระต้นุ ความคดิ 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ น

-การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหัด 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผ่าน

-การใหเ้ หตุผล เกณฑ์การประเมนิ

-การสรุปความรูก้ ารปฏิบัติ

คุณลกั ษณะนิสยั (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ขึน้ ไป ถือวา่ ผา่ น
ทางานร่วมกบั กลุม่ ขณะ ทางานร่วมกับกลุ่ม เกณฑ์การประเมิน

7. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
7.1 ส่อื การเรยี นรู้

1. บตั รโจทย์ปัญหา 5 บัตร
2. บตั รประโยคสัญลักษณ์ 10 บัตร
3. บัตรคาตอบ 10 บัตร
4. แบบทดสอบหลังเรียน

7.2 แหล่งการเรยี นรู้

. 1. บัตรภาพ
2. บัตรตัวเลข

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................

ลงช่ือ............................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอ่ื ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)

สปั ดาห์ที่ 7

โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ฒั นา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรียนท่ี ……1…/…………... ชอื่ ผสู้ อน ….……………………………….…….............
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 2 จานวน 1 คาบ
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 การวดั ความยาว เรอ่ื ง การแกป้ ัญหาการวัดความยาวเป็นเซนติเมตร

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด

มาตรฐาน ค 2.1 เขา้ ใจพน้ื ฐานเกี่ยวกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาดของสง่ิ ที่ต้องการวัดและไปใช้

ตัวชี้วดั ที่ ป.2/2 วัดและเปรียบเทยี บความยาวเป็นเมตร และเซนตเิ มตร

ป.2/3 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปญั หา การบวก การลบเกย่ี วกบั ความยาวท่ีมี

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

การวัดความยาวหรือความสูงของส่งิ ตา่ ง ๆ เปน็ เซนตเิ มตร อาจวางเคร่ืองมือวัดเริ่มที่ 0 หรือไมเ่ รม่ิ ท่ี 0 กไ็ ด้

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ดา้ นความรู้ (K)

วัดและบอกความยาวเปน็ เมตรและเซนตเิ มตร

ด้านทักษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ิธีการทเี่ หมาะสมในการแก้ปญั หา และคานวณหาคาตอบได้

ดา้ นคุณลกั ษณะ(A)

มวี ิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมั่นใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถนิ่

การวดั ความยาว พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา

5. กจิ กรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1
ขั้นนา

ข้ันกระตนุ้ ความสนใจ

1. ครใู ห้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 15 นาที
2. ครใู ช้หน้าเปดิ บทสนทนาเกีย่ วกับการแขง่ ขันกระโดดไกลของนักกรีฑาประเภทลาน ครอู าจ

ใหค้ วามรเู้ พิ่มเตมิ วา่ กระโดดไกลเปน็ กรฑี าประเภทลานที่ใชก้ ารวงิ่ เพื่อกระโดดโดยกระโดดออกจากจดุ กระโดดไปให้ไกลที่สุด
ครูใช้การถาม-ตอบกระตนุ้ ความสนใจของนกั เรียน เช่น

- ในภาพมกี รฑี าประเภทลานอะไรบา้ ง (กระโดดไกล กระโดดสงู )
- เคยแข่งกระโดดสงู หรอื ไม่

- รูไ้ ด้อย่างไรว่าใครกระโดดสูงทีส่ ุด
- เคยแข่งกระโดดไกลหรือไม่
- ร้ไู ด้อยา่ งไรวา่ ใครกระโดดไกลที่สดุ
- วัดระยะทางการกระโดดไกลไดอ้ ย่างไร
โดยท่ีบางคาถามนกั เรียนอาจตอบได้ แต่บางคาถามครูอาจเลือกเพอ่ื ถามนาเขา้ สู่บทเรยี นว่าจะหาคาตอบได้ตอ้ งใช้ความรทู้ จ่ี ะ
เรยี นในบทน้ี จากนน้ั ครูทากิจกรรมเตรียมความพร้อม

ข้ันสอน

ขนั้ สารวจคน้ หา

1. ครใู ห้นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 15 นาที

2. ครใู ช้หน้าเปดิ บทสนทนาเกีย่ วกับการแขง่ ขันกระโดดไกลของนักกรีฑาประเภทลาน ครูอาจ

ให้ความรู้เพ่ิมเติมว่า กระโดดไกลเป็นกรฑี าประเภทลานท่ีใช้การวิง่ เพื่อกระโดดโดยกระโดดออกจากจุดกระโดดไปให้ไกลทีส่ ดุ

ครูใช้การถาม-ตอบกระตุน้ ความสนใจของนกั เรียน เชน่

- ในภาพมกี รีฑาประเภทลานอะไรบ้าง (กระโดดไกล กระโดดสงู )

- เคยแขง่ กระโดดสูงหรือไม่

- รู้ไดอ้ ย่างไรวา่ ใครกระโดดสูงทส่ี ุด

- เคยแขง่ กระโดดไกลหรือไม่

- รู้ไดอ้ ยา่ งไรวา่ ใครกระโดดไกลที่สุด

- วัดระยะทางการกระโดดไกลไดอ้ ยา่ งไร

โดยทบี่ างคาถามนกั เรียนอาจตอบได้ แต่บางคาถามครูอาจเลอื กเพื่อถามนาเข้าสู่บทเรยี นวา่ จะหาคาตอบได้ตอ้ งใช้ความรทู้ ีจ่ ะ

เรยี นในบทนี้ จากนั้นครูทากิจกรรมเตรยี มความพร้อม

3. ครแู ละนกั เรยี นใช้หนังสือเรียนหนา้ 148 ให้นักเรียนทากิจกรรมรว่ มด้วยช่วยกันวดั ความยาวเชอื กในการเตรยี มความพร้อม

เพื่อตรวจสอบความรู้พื้นฐานของนักเรียนในการใชเ้ ครือ่ งมือวัดความยาว เชน่ ไมเ้ มตรไม้บรรทดั ในการวดั ความยาวของเชอื ก

ท่ีมคี วามยาวเป็นเมตร ความยาวเป็นเซนติเมตร

ขนั้ ขยายความเข้าใจ

4. เม่ือนักเรียนวดั ความยาวของเชือกและจดบันทึกในใบกิจกรรมแล้วให้เปรยี บเทียบความยาวของเชือกที่มีหน่วยเดยี วกัน

ตามทคี่ รูกาหนด เช่น เชอื กสีแดง ยาวกว่าหรอื สน้ั กวา่ เชือกสีน้าเงิน และยาวกวา่ หรือสั้นกว่าอยูเ่ ทา่ ไร เพอ่ื นักเรียนจะได้

ทบทวนความร้เู กี่ยวกับการวัดความยาวเปน็ เมตร เป็นเซนตเิ มตรและเปรยี บเทยี บความยาวเป็นเมตร เปน็ เซนติเมตรครูอาจทา

กจิ กรรมเพิม่ เติมโดยการใช้ภาพสิง่ ของที่อยูร่ อบตวั เชน่ โต๊ะนกั เรียน โต๊ะครู ตู้หนงั สอื ทก่ี าหนดความยาวให้

ขั้นตรวจสอบผล

5. นกั เรยี นฝกึ การเปรียบเทยี บความยาว หนา้ 94 – 96

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วิธกี ารวดั ผล เครอื่ งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมินผล

ความรคู้ วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคดิ 70% ขนึ้ ไป ถอื ว่าผา่ น

-การสังเกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝึกหดั 70% ขนึ้ ไป ถือวา่ ผา่ น
เกณฑ์การประเมิน
-การให้เหตผุ ล

-การสรุปความรู้การปฏิบัติ

คุณลักษณะนิสยั (A) - สังเกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ข้นึ ไป ถือวา่ ผา่ น

ทางานร่วมกบั กลมุ่ ขณะ ทางานร่วมกับกลุ่ม เกณฑ์การประเมิน

7. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้

7.1 สอื่ การเรียนรู้

1. ไมบ้ รรทดั
2. ไม้เมตร
3. ตลับเมตร

4. สายวัดตัว

7.2 แหล่งการเรียนรู้

. 1. บตั รภาพ

2. บตั รตวั เลข

8. กจิ กรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................. ...............................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ............................................ครูผสู้ อน ลงชอื่ ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชื่อ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สปั ดาหท์ ี่ 7

โรงเรยี นขจรเกียรติพฒั นา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นท่ี ……1…/…………... ชอ่ื ผ้สู อน ….……………………………….…….............
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 2 จานวน 1 คาบ
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 3 การวดั ความยาว เรอ่ื ง การวัดความยาวเปน็ เมตรและเซนติเมตร

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชวี้ ดั

มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพื้นฐานเกีย่ วกับการวัด วดั และคาดคะเนขนาดของส่ิงท่ตี ้องการวัดและไปใช้

ตวั ชี้วดั ที่ ป.2/2 วัดและเปรียบเทียบความยาวเป็นเมตร และเซนติเมตร

ป.2/3 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา การบวก การลบเกย่ี วกบั ความยาวทม่ี ี

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

การวัดความยาวหรอื ความสงู ของสิ่งตา่ ง ๆ เปน็ เซนติเมตร อาจวางเครื่องมือวัดเร่ิมท่ี 0 หรือไมเ่ รมิ่ ท่ี 0 ก็ได้

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ (K)

วดั และบอกความยาวเปน็ เมตรและเซนติเมตร

ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ิธีการทเี่ หมาะสมในการแกป้ ัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคณุ ลักษณะ(A)

มีวจิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมั่นใจ

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถิน่

การแกป้ ัญหาการวัดความยาวเป็นเซนตเิ มตร พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา

5. กิจกรรมการเรียนรู้

คาบที่ 1
ข้นั นา

ขนั้ กระตุ้นความสนใจ

1. ครูให้ตัวแทนนักเรียนนาไม้เมตรออกมาวัดความยาวของกระดานที่หน้าห้องเรียน โดยครูแนะนาการวัดความยาวของ
กระดานไปทีละเมตร และให้เพอื่ นในห้องชว่ ยกันบันทึกความยาว เช่น ตัวแทนนักเรียนวัดได้ 1 เมตรแล้วขีดรอยขีดไว้ แล้ววัด
ต่อจากรอยขีดเปน็ 2 เมตร ขดี รอยขดี ไว้ แล้ววัดต่อจากรอยขดี อกี จนกระท่งั ส่วนที่ไม่ได้วัดความยาว ยาวไม่ถึง 1 เมตร ครูถาม
นักเรียนว่า ขอบกระดานอีกข้างพอดี 1 เมตรหรือไม่ ถ้าไม่พอดีขอบกระดานตรงกับตัวเลขใด ครูบอกความยาวของกระดานท่ี
วัดได้เป็นเมตรและเซนติเมตร จากน้ันครูให้นักเรียนดูภาพที่อยู่ในหนังสือเรียนหน้า 153 แล้วให้นักเรียนบอกความยาวของ

กระดานว่ายาวเท่าไร นักเรียนอาจตอบได้ตามหนังสือเรียนหน้า 153 เช่น กระดานยาว 280 เซนติเมตร หรือ 2 เมตร 80
เซนติเมตร ซ่ึงครูควรจะเน้นย้าว่า จากความสัมพันธ์ 1 เมตร เท่ากับ 100 เซนติเมตร ดังน้ัน ความยาว 280 เซนติเมตร
เท่ากับความยาว 2 เมตร 80 เซนติเมตร ครูอาจให้นักเรียนลองวัดความยาวของโต๊ะครู หรือโต๊ะนักเรียนที่อยู่ในห้องเรียน
เพื่อให้นกั เรียนมีทกั ษะการวดั มากขน้ึ

ขนั้ สอน

ขั้นสารวจค้นหา

1. ครูให้ตัวแทนนักเรียนนาไม้เมตรออกมาวัดความยาวของกระดานที่หน้าห้องเรียน โดยครูแนะนาการวัดความยาวของ
กระดานไปทีละเมตร และให้เพอื่ นในหอ้ งช่วยกันบันทึกความยาว เช่น ตัวแทนนักเรียนวัดได้ 1 เมตรแล้วขีดรอยขีดไว้ แล้ววัด
ตอ่ จากรอยขีดเป็น 2 เมตร ขีดรอยขีดไว้ แล้ววัดตอ่ จากรอยขดี อกี จนกระทงั่ ส่วนที่ไม่ได้วัดความยาว ยาวไม่ถึง 1 เมตร ครูถาม
นักเรียนวา่ ขอบกระดานอีกข้างพอดี 1 เมตรหรือไม่ ถ้าไม่พอดีขอบกระดานตรงกับตัวเลขใด ครูบอกความยาวของกระดานท่ี
วัดได้เป็นเมตรและเซนติเมตร จากน้ันครูให้นักเรียนดูภาพท่ีอยู่ในหนังสือเรียนหน้า 153 แล้วให้นักเรียนบอกความยาวของ
กระดานว่ายาวเท่าไร นักเรียนอาจตอบได้ตามหนังสือเรียนหน้า 153 เช่น กระดานยาว 280 เซนติเมตร หรือ 2 เมตร 80
เซนติเมตร ซ่ึงครูควรจะเน้นย้าว่า จากความสัมพันธ์ 1 เมตร เท่ากับ 100 เซนติเมตร ดังน้ัน ความยาว 280 เซนติเมตร
เท่ากับความยาว 2 เมตร 80 เซนติเมตร ครูอาจให้นักเรียนลองวัดความยาวของโต๊ะครู หรือโต๊ะนักเรียนท่ีอยู่ในห้องเรียน
เพื่อใหน้ กั เรยี นมที ักษะการวัดมากขนึ้

2. ครูติดบัตรภาพการวัดความสูงตามหนังสือเรียนหน้า 154 แล้วให้นักเรียนบอกความสูงของตู้เส้ือผ้า พัดลมและ
ตู้เย็น เช่น นักเรียนอาจตอบว่า ตู้เสื้อผ้าสูง 1 เมตร 90 เซนติเมตร หรือตู้เสื้อผ้าสูง 190 เซนติเมตร ถ้านักเรียนบอกความสูง
ของสง่ิ ต่าง ๆ เพยี งอย่างเดียว เชน่ ตอบเป็นเซนติเมตรอย่างเดียว หรือตอบเป็นเมตรและเซนติเมตรอย่างเดียว ครูควรกระตุ้น
ใหน้ กั เรยี นบอกความสงู ของสงิ่ ต่าง ๆ ท้งั 2 ลักษณะ ครูให้นักเรียนตอบความสูงของพัดลมและตู้เย็นในลกั ษณะเดยี วกนั น้ี

3. ครูให้นักเรียนทากิจกรรมสนุกกับการวัด ตามหนังสือเรียนหน้า 155 โดยแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มกลุ่มละเท่า ๆ กัน
และแจกอุปกรณก์ ลุ่มละ 1 ชุดแล้วใหน้ กั เรียนวัดความยาวหรอื ความสูงของส่ิงต่าง ๆท่ีครูกาหนด เช่น ความสูงประตูห้องเรียน
ความยาวของห้องเรียน ความยาวของโต๊ะครู เป็นต้นแล้วบันทึกสิ่งที่วัดและผลการวัดลงในแบบบันทึกกิจกรรม จากน้ันให้แต่
ละกลุ่มออกมานาเสนอ โดยครแู ละเพ่อื นในห้องเรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง ถ้ามีกลุ่มใดวัดส่ิงเดียวกัน แต่ผลการวัดได้
ไม่เท่ากันครูควรสาธิตการวัดท่ีถูกต้องเพ่ือตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งก่อนการทากิจกรรม ครูควรสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับ
เครอื่ งมือวดั ความยาวและความเหมาะสมในการเลอื กเครื่องมือวัดความยาวกบั สิง่ ท่ตี ้องการวัด ท้ังนกี้ ารกาหนดส่ิงท่ีต้องการวัด
ครูอาจให้นักเรยี นเลอื กเองตามความเหมาะสมกับเครื่องมือวัด

ขน้ั สรปุ

ขนั้ ขยายความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยใหน้ ักเรยี นบอกความยาวของส่ิงตา่ ง ๆ ทอ่ี ยู่ในภาพ
ที่กาหนดใหต้ ามหนงั สอื เรียนหน้า 156 เปน็ รายบคุ คลถ้าพบวา่ มีนกั เรยี นคนใดบอกความยาวของสง่ิ ต่าง ๆ ไม่ได้ให้นักเรียนมา
ฝึกวดั ความยาวหรอื ความสงู กับครเู ป็นรายบคุ คล จากนน้ั ครูและนักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบ
ความถกู ตอ้ งและสรุปสิ่งที่ได้เรยี นรกู้ ารบอกความยาวหรือความสงู ของส่ิงต่าง ๆ อาจบอกเป็นเมตรและเซนตเิ มตร

ขั้นตรวจสอบผล

- การบอกความยาวหรอื ความสงู ของส่ิงต่าง ๆ อาจบอกเป็นเมตรและเซนติเมตร จากนั้นให้นักเรยี นทาแบบฝึกหัด

หน้า 97 – 99

6. การวดั และประเมินผล

การวดั และประเมินผล วิธกี ารวดั ผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การ

จุดประสงค์ ประเมินผล

ความร้คู วามเขา้ ใจ (K) - ทดสอบ - คาถามกระตุ้น 70% ขึ้นไป ถอื ว่า

- การสังเกต ความคิด ผ่านเกณฑ์การ

ประเมนิ

ทักษะ/กระบวนการ (P) - การจาแนก แบบฝึกหัด 70% ขน้ึ ไป ถอื วา่
- การให้เหตุผล ผ่านเกณฑ์การ
- การสรปุ ความรู้การปฏิบัติ ประเมนิ

คณุ ลักษณะนิสยั (A) - สังเกตพฤตกิ รรมขณะทางานร่วมกบั กลมุ่ - แบบประเมนิ พฤติกรรม 70% ขน้ึ ไป ถือว่า
ขณะ ทางานร่วมกับกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์การ

ประเมนิ

7. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้

7.1 ส่ือการเรียนรู้

1. บัตรภาพแสดงการวัดความยาวหรอื ความสงู ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ

2. ไม้เมตร สายวัดชนิดตลับ (ชนดิ ผา้ )

3. ส่งิ ท่ตี อ้ งการวดั เชน่ ดินสอ ไม้กวาด ขวดนา้

7.2 แหลง่ การเรยี นรู้

. 1. บัตรภาพ

2. บัตรตัวเลข

8. กจิ กรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................. ...............................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครผู สู้ อน ลงชอ่ื ...................................................ฝ่ายวิชาการ

(...........................................................) (...........................................................)

ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)

สปั ดาห์ท่ี 7

โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/…………... ชอ่ื ผู้สอน ….……………………………….…….............
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 จานวน 1 คาบ
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 การวดั ความยาว เรือ่ ง การคาดคะเนความยาวเป็นเมตร

1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชี้วดั

มาตรฐาน ค 2.1 เขา้ ใจพืน้ ฐานเก่ียวกบั การวัด วดั และคาดคะเนขนาดของส่ิงท่ีตอ้ งการวดั และไปใช้

ตวั ชว้ี ดั ที่ ป.2/2 วัดและเปรียบเทยี บความยาวเป็นเมตร และเซนติเมตร

ป.2/3 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา การบวก การลบเกี่ยวกบั ความยาวทมี่ ี

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

การคาดคะเนความยาวหรือความสงู เป็นเมตรเปน็ การบอกความยาวหรอื ความสงู เป็นเมตรใหใ้ กล้เคียงกับความยาว

หรือความสูงจรงิ อาจเทยี บกับความยาวหรอื ความสงู 1 เมตร โดยไม่ใช้เคร่ืองมอื วัด

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ดา้ นความรู้ (K)

เปลี่ยนหนว่ ยความยาวหรอื ความสงู โดยใชค้ วามสัมพนั ธร์ ะหวา่ งเมตรกบั เซนตเิ มตร

ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)

ใช้วิธีการท่เี หมาะสมในการแกป้ ัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคุณลักษณะ(A)

มวี ิจารณญาณในการคิดและตอบคาถามด้วยความมั่นใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถิ่น

การคาดคะเนความยาวเป็นเมตร พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

คาบท่ี 1
ขั้นนา

ข้ันกระตนุ้ ความสนใจ

1. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการคาดคะเนความยาวเป็นเซนติเมตร โดยทบทวนความรู้ว่า การคาดคะเนความยาว
เปน็ เซนติเมตรนัน้ ต้องเทียบกับความยาว 1 เซนติเมตร จากน้ันครูถามนักเรียนว่า ถ้าต้องการคาดคะเนความยาวของกระดาน
เป็นเมตร ต้องเทียบกับความยาวก่ีเมตร นักเรียนอาจยังตอบไม่ได้ ครูสาธิตการคาดคะเนความยาวของกระดาน ดังน้ี ครูให้
ตวั แทนนักเรยี นออกมายืนถอื ไมเ้ มตรวางทีข่ อบกระดานให้เหน็ ความยาว 1 เมตร

ขัน้ สอน

ขน้ั สารวจค้นหา

1. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการคาดคะเนความยาวเป็นเซนติเมตร โดยทบทวนความรู้ว่า การคาดคะเนความยาวเป็น
เซนตเิ มตรนั้นต้องเทียบกับความยาว 1 เซนติเมตร จากนั้นครูถามนักเรียนว่า ถ้าต้องการคาดคะเนความยาวของกระดานเป็น
เมตร ต้องเทยี บกบั ความยาวกเี่ มตร นักเรยี นอาจยังตอบไม่ได้ ครูสาธิตการคาดคะเนความยาวของกระดาน ดังน้ี ครูให้ตัวแทน
นักเรียนออกมายืนถือไม้เมตรวางท่ีขอบกระดานให้เห็นความยาว 1 เมตร ดังรูปแรกในหนังสือเรียนหน้า 161 ครูให้นักเรียน
คาดคะเนวา่ กระดานน้นี า่ จะยาวกเ่ี มตร เมื่อนักเรยี นตอบคาถามครูแล้ว ครูใหต้ วั แทนนกั เรียนวดั ความยาวของกระดาน พร้อม
ทั้งบอกความยาวจริงของกระดานท่ีวัดได้จากน้ันครูถามต่อไปว่า ใครคาดคะเนได้ใกล้เคียงกับความยาวจริงมากท่ีสุด ถ้า
นักเรยี นคาดคะเนว่า กระดานน่าจะยาว 3 เมตร แต่วัดจริงได้ 2 เมตร 80 เซนติเมตร แสดงว่า นักเรียนคาดคะเนได้ใกล้เคียง
กบั ความยาวจริง หรือถา้ วัดจรงิ ได้ 3 เมตร 10 เซนตเิ มตร ก็แสดงวา่ นักเรียนคาดคะเนได้ใกล้เคียงกบั ความยาวจริง ครูเน้นย้า
ว่า ความยาวจริงที่วัดได้อาจมากกว่าหรือน้อยกว่าความยาวที่เราคาดคะเนไว้ก็ได้ จากนั้นครูให้นักเรียนคาดคะเนความยาว
ของส่ิงท่อี ย่รู อบตัว เชน่ ความยาวของหอ้ งเรียน ครูและนักเรยี นรว่ มกันวดั ความยาวจรงิ ของสง่ิ นน้ั

2. ครูให้นักเรียนคาดคะเนความสูงของประตูห้องเรียน โดยให้ตัวแทนนักเรียนนาไม้เมตรมาเทียบให้เป็นความสูง 1
เมตร ดงั รูปแรกตามหนังสอื เรยี นหนา้ 162 ครูถามนักเรยี นวา่ ประตูน่าจะสูงกี่เมตร เมื่อนักเรียนตอบคาถามของครูแล้ว ครูให้
ตัวแทนนักเรียนวัดความสูงจริงของประตูพร้อมทั้งบอกความสูงจริงของประตูท่ีวัดได้ จากนั้นครูถามต่อไปว่า ใครคาดคะเนได้
ใกล้เคยี งกบั ความสูงจรงิ มากท่ีสุด ถ้านักเรยี นคาดคะเนวา่ ประตูนา่ จะยาว 2 เมตร แตว่ ดั จริงได้ 2 เมตร 20 เซนติเมตร แสดง
ว่า นักเรียนคาดคะเนได้ใกล้เคียงกับความสูงจริง หรือถ้าวัดจริงได้ 1 เมตร 90 เซนติเมตร ก็แสดงว่า นักเรียนคาดคะเนได้
ใกลเ้ คียงกบั ความสงู จรงิ ครูเน้นยา้ ว่า ความสูงจรงิ ที่วัดได้อาจมากกว่าหรือน้อยกว่าความสูงที่เราคาดคะเนไว้ก็ได้จากน้ันครูให้
นักเรียนคาดคะเนความสูงของส่ิงท่ีอยู่รอบตัว เช่น ความสูงของช้ันวางหนังสือ ครูและนักเรียนร่วมกันวัดความสูงจริงของสิ่ง
น้ัน

3. ครูใหน้ ักเรยี นทากจิ กรรม สนุกกับการคาดคะเนตามหนังสอื เรียนหน้า 163 โดยแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มกลุ่มละเท่า ๆ
กัน แล้วแจกอุปกรณ์กลุ่มละ 1 ชุด โดยครูกาหนดสิ่งของท่ีต้องการวัด 3 อย่าง จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มคาดคะเนความ
ยาวหรือความสูงของสิ่งต่าง ๆ ท่ีครูกาหนดให้เป็นเมตร แล้วบันทึกลงในใบบันทึกกิจกรรมครูให้นักเรียนส่งตัวแทนกลุ่มมา
ช่วยกนั วัดความยาวหรอื ความสูงจรงิ ของสิ่งของ 3 อยา่ งน้ัน แล้วบันทกึ ลงในใบกจิ กรรม ครอู าจถามคาถามเพ่ิมเติมว่า นักเรียน
กลุ่มใดคาดคะเนความยาวหรือความสูงไดใ้ กลเ้ คยี งกับความยาวหรือความสูงจริงท่ีวัดได้ แล้วให้กลุ่มนั้นออกมานาเสนอผลงาน
ครแู ละเพอ่ื นในหอ้ งเรียนช่วยกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง

ขน้ั สรปุ

ขัน้ ขยายความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยให้นักเรียนคาดคะเนความยาวของสิ่งของ 1 อย่าง และความสูงของส่ิงของ
1 อย่าง เขียนลงในสมุดเป็นรายบุคคล ครูและนักเรียนร่วมกันวัดความยาวและความสูงจริงของส่ิงนั้นพร้อมท้ังให้นักเรียนแต่
ละคนตรวจสอบว่า นักเรียนคาดคะเนความยาวและความสูงได้ใกล้เคียงกับความยาวและความสูงจริงหรือไม่ จากน้ันครูและ
นักเรียนรว่ มกันสรุปสิ่งที่ได้เรยี นรู้

- การคาดคะเนความยาวหรอื ความสงู เป็นเมตร เปน็ การบอกความยาวหรือความสูงเปน็ เมตร
ให้ใกลเ้ คียงกบั ความยาวหรือความสูงจริง โดยไมใ่ ช้เครื่องมือวัด

- การคาดคะเนความยาวหรอื ความสงู เปน็ เมตร อาจเทียบกับความยาวหรอื ความสงู 1 เมตร

ขนั้ ตรวจสอบผล

- การคาดคะเนความยาวหรอื ความสงู เปน็ เมตร เป็นการบอกความยาวหรือความสูงเปน็ เมตร

ให้ใกล้เคยี งกบั ความยาวหรอื ความสูงจรงิ โดยไม่ใชเ้ คร่ืองมือวัด

- การคาดคะเนความยาวหรอื ความสงู เป็นเมตร อาจเทยี บกับความยาวหรือความสงู 1 เมตรจากน้นั ให้นักเรยี นทา

แบบฝึกหัด หนา้ 103 – 104

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมนิ ผลจดุ ประสงค์ วธิ ีการวดั ผล เคร่ืองมอื วัด เกณฑก์ ารประเมินผล

ความรคู้ วามเข้าใจ (K) -ทดสอบ - คาถามกระตนุ้ ความคิด 70% ขน้ึ ไป ถือว่าผ่าน

-การสังเกต เกณฑ์การประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) -การจาแนก แบบฝกึ หดั 70% ขนึ้ ไป ถอื วา่ ผ่าน

-การให้เหตผุ ล เกณฑ์การประเมิน

-การสรปุ ความรูก้ ารปฏิบตั ิ

คณุ ลกั ษณะนิสยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมขณะ - แบบประเมินพฤติกรรม 70% ข้นึ ไป ถือวา่ ผ่าน

ทางานรว่ มกับกลมุ่ ขณะ ทางานรว่ มกับกลมุ่ เกณฑ์การประเมิน

7. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้

7.1 สอ่ื การเรยี นรู้

1. บตั รภาพแสดงการวดั ความยาวหรอื ความสงู ในสถานการณ์ต่าง ๆ

2. ไมเ้ มตร สายวัดชนิดตลบั (ชนิดผา้ )

3. สงิ่ ทตี่ ้องการวดั เชน่ ดนิ สอ ไม้กวาด ขวดนา้

7.2 แหลง่ การเรยี นรู้

. 1. บตั รภาพ

2. บตั รตวั เลข

8. กจิ กรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................. ...............................

................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอื่ ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)

สปั ดาห์ท่ี 8

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ัฒนา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรียนที่ ……1…/…………... ชอ่ื ผสู้ อน ….……………………………….…….............
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 2 จานวน 1 คาบ
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 การวัดความยาว เร่อื ง การเปรียบเทยี บความยาว (1)

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้วี ัด

มาตรฐาน ค 2.1 เขา้ ใจพนื้ ฐานเก่ียวกับการวัด วดั และคาดคะเนขนาดของสงิ่ ที่ต้องการวัดและไปใช้

ตวั ชีว้ ัดท่ี ป.2/2 วัดและเปรยี บเทียบความยาวเป็นเมตร และเซนตเิ มตร

ป.2/3 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา การบวก การลบเกยี่ วกบั ความยาวทีม่ ี

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

• การเปรียบเทยี บความยาวเปน็ เมตรและเซนตเิ มตรของสง่ิ ต่าง ๆ สองสิ่ง สง่ิ ท่ีมีความยาวเปน็ เมตรมากกว่าจะยาว

กว่า ถา้ ความยาวเป็นเมตรเท่ากัน สิง่ ทมี่ คี วามยาวเปน็ เซนติเมตรมากกวา่ จะยาวกวา่

• การเปรียบเทียบความยาวที่มีหน่วยต่างกันต้องเปลีย่ นหน่วยใหเ้ ป็นหนว่ ยเดยี วกนั ก่อนแลว้ นามาเปรียบเทียบกนั

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

ด้านความรู้ (K)

เปรียบเทยี บความยาวหรือความสูงได้

ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)

ใชว้ ิธกี ารที่เหมาะสมในการแกป้ ัญหา และคานวณหาคาตอบได้

ด้านคณุ ลักษณะ(A)

มวี จิ ารณญาณในการคิดและตอบคาถามดว้ ยความมนั่ ใจ

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน

การเปรียบเทียบความยาว พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1
ข้ันนา

ขั้นกระตนุ้ ความสนใจ

1. ครสู นทนากับนักเรียนเก่ียวกับความสูงของนักเรียนแต่ละคน แล้วให้นักเรียนบอกความสูงของตนเอง แล้วใช้การถาม-ตอบ
ว่าใครสงู กวา่ และใครเต้ียกว่า จากนนั้ ครูใชข้ อ้ มูลในหนังสอื เรยี นหน้า 165 ถามนกั เรยี นว่าใบบวั สูงกวา่ แกว้ ตาเทา่ ไร
หาคาตอบได้อย่างไร


Click to View FlipBook Version