9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.6 2) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม 3) เอกสารประกอบการสอน 4) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง สรุปความรู้การประเมินคุณค่าเรื่องสั้น 5) ใบงานที่ 1.2 เรื่อง ประเมินคุณค่าเรื่องสั้น 6) ใบงานที่ 2.1 เรื่อง สรุปความรู้การประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ 7) ใบงานที่ 2.2 เรื่อง ประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ - http://edltv.thai.net - https://sites.google.com/site/reportofstudysubjects - http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/เรื่องสั้น - http://www.oknation.net/blog/to-be-proud-thai-literature/2011/10/27/entry-4 - http://department.utcc.ac.th/cte/images/stories/Download/ge/data/HG008/Rd.pdf
การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินบทความวิจารณ์เรื่องสั้นและกวีนิพนธ์ รายการประเมิน คำอธิบายระดับคุณภาพ / ระดับคะแนน ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) 1. การประเมิน คุณค่า เรื่องสั้น ประเมินคุณค่าเรื่องสั้น ได้ถูกต้อง ชัดเจน ครบถ้วนทุกประเด็น ประเมินคุณค่าเรื่องสั้น ได้ถูกต้อง ชัดเจน ครบถ้วนทุกประเด็น เป็นส่วนใหญ่ ประเมินคุณค่าเรื่องสั้น ได้ถูกต้อง ชัดเจน เป็น ส่วนน้อย แต่ครบทุก ประเด็น ประเมินคุณค่าเรื่องสั้น ได้ถูกต้อง แต่ไม่ชัดเจน และไม่ครบทุกประเด็น 2. การประเมิน คุณค่า กวีนิพนธ์ ประเมินคุณค่ากวี นิพนธ์ได้ถูกต้อง ชัดเจน ครบถ้วนทุก ประเด็น ประเมินคุณค่ากวี นิพนธ์ได้ถูกต้อง ชัดเจน ครบถ้วนทุก ประเด็น เป็นส่วนใหญ่ ประเมินคุณค่ากวี นิพนธ์ได้ถูกต้อง ชัดเจนเป็นส่วนน้อย แต่ครบทุกประเด็น ประเมินคุณค่ากวี นิพนธ์ได้ถูกต้อง แต่ไม่ ชัดเจน และไม่ครบทุก ประเด็น 3. การแสดงความ คิดเห็นและการ ประเมินค่างาน เขียน แสดงความคิดเห็นและ ประเมินค่างานเขียน อย่างมีเหตุผล และ ชัดเจน แสดงความคิดเห็นและ ประเมินค่างานเขียน อย่างมีเหตุผล และ ชัดเจนเป็นส่วนใหญ่ แสดงความคิดเห็นและ ประเมินค่างานเขียน อย่างมีเหตุผล แต่ไม่ ชัดเจน แสดงความคิดเห็นและ ประเมินค่างานเขียน อย่างไม่มีเหตุผล และ ไม่ชัดเจน 4. การลำดับ ความคิดและการ เรียบเรียงในการ นำเสนอความคิด มีการลำดับความคิด และเรียบเรียงการ นำเสนอความคิดเป็น ลำดับ ขั้นตอน ครบถ้วน ทุก ประเด็น มีการลำดับความคิด และเรียบเรียงการ นำเสนอความคิดเป็น ลำดับ ขั้นตอน ครบถ้วน เป็นส่วน ใหญ่ มีการลำดับความคิด และเรียบเรียงการ นำเสนอความคิดเป็น ลำดับ ขั้นตอนครบถ้วน แต่มีสับสนวกวนบ้าง เป็น บางช่วง ไม่มีการลำดับความคิด และไม่เรียบเรียงการ นำเสนอความคิดอย่าง เป็นลำดับขั้นตอน 5. การใช้ภาษา ใช้ภาษาได้สละสลวย เข้าใจง่าย ชัดเจน เหมาะสมกับเรื่อง ใช้ภาษาได้สละสลวย เข้าใจง่าย ชัดเจน เหมาะสมกับเรื่องเป็น ส่วนใหญ่ ใช้ภาษาได้สละสลวย เข้าใจง่าย ชัดเจน แต่ ไม่เหมาะสมกับเรื่อง ใช้ภาษาไม่สละสลวย เข้าใจยาก ไม่ชัดเจน และไม่เหมาะสมกับ เรื่อง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 คำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดไม่ใช่การประเมินคุณค่างานเขียน ก. เป็นการตัดสินคุณค่างานเขียน ข. เป็นการวิเคราะห์แยกแยะรายละเอียดเรื่องที่อ่าน ค. เป็นการพิจารณางานอย่างมีวิจารณญาณและมีเหตุผล ง. เป็นการใช้ความรู้สึกและความคิดเห็นส่วนตัววิจารณ์งาน 2. การประเมินคุณค่างานเขียน ควรพิจารณาถึงประเด็นใดเป็นสำคัญ ก. วิธีการเปิดและปิดเรื่อง ข. สาระสำคัญหรือแนวคิดของผู้เขียน ค. ประสบการณ์และความรู้ของผู้เขียน ง. วัตถุดิบที่ใช้เป็นข้อมูลในการเขียนเรื่อง 3. แก่นเรื่องเปรียบเสมือนหัวใจของเรื่องเพราะเหตุใด ก. เพราะแก่นเรื่องช่วยกำหนดแนวคิดของผู้เขียน ข. เพราะแก่นเรื่องช่วยควบคุมเนื้อหาของแก่นเรื่อง ค. เพราะแก่นเรื่องช่วยในการวางโครงเรื่องและองค์ประกอบอื่นๆ ง. เพราะแก่นเรื่องช่วยให้ผู้อ่านทราบได้ว่าผู้เขียนต้องการสื่อถึงเรื่องใด 4. การใช้ถ้อยคำที่มีชั้นเชิงอย่างมีศิลปะและมีนัยทางความหมายแฝงอยู่หมายถึงสิ่งใด ก. โวหาร ข. จินตภาพ ค. อัตลักษณ์ ง. ภาพพจน์ 5. ข้อใดเป็นประเด็นของการประเมินคุณค่าเรื่องสั้น ก. แนวคิด กลวิธีการนำเสนอ การใช้ภาษา คุณค่าของเรื่อง ข. การตั้งชื่อเรื่อง แก่นเรื่อง สำนวนภาษา การเล่าเรื่อง ค. โครงเรื่อง บทสนทนา ข้อคิดของเรื่อง บรรยากาศ ง. ลักษณะตัวละคร วิธีการดำเนินเรื่อง ฉาก เนื้อหา 6. ข้อใดไม่ใช่รูปแบบของวิธีการที่ผู้แต่งใช้เพื่อเล่าเรื่องเหตุการณ์ ก. การดำเนินเรื่องแบบสลับไปมา ข. การดำเนินเรื่องทวนเข็มนาฬิกา ค. การดำเนินเรื่องตามเข็มนาฬิกา ง. การดำเนินเรื่องโดยคำนึงถึงแก่นเรื่อง 7. ข้อใดไม่ใช่ประเด็นของการศึกษาความงามด้านการประพันธ์ ก. กลวิธี ข. เนื้อหา ค. ภาพพจน์ ง. การจัดวางคำ
8. ข้อใดกล่าวถึงการประเมินคุณค่าเรื่องสั้นไม่ถูกต้อง ก. พิจารณาความสมเหตุสมผลในการนำเสนอ ข. พิจารณาเฉพาะองค์ประกอบของเรื่องสั้นให้ครบถ้วน ค. นำประวัติของผู้เขียนพิจารณาและประเมินงานเขียน ง. พิจารณาภาษาที่ใช้ว่ามีลีลาเฉพาะและเหมาะกับเนื้อเรื่อง 9. การประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ควรใช้หลักเกณฑ์ในข้อใด ก. ความถูกต้องด้านฉันทลักษณ์เป็นหลัก ข. คุณค่าของกวีนิพนธ์และกลวิธีการประพันธ์ ค. การนำเสนอทรรศนะและความงามของบทกวี ง. การสร้างจินตนาการและการแสดงตัวตนของกวี 10. วิธีการประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ที่ถูกต้องคือข้อใด ก. น้ำเสียงและอารมณ์ของกวีที่ซ่อนอยู่ในกวีนิพนธ์ ข. การร้อยเรียงเนื้อหาให้ต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนจบ ค. ปฏิภาณของกวีที่ใช้คำซ้ำหลายแห่งภายในบท ง. ความสร้างสรรค์ในการนำเสนอคำประพันธ์แบบใหม่ๆ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 วิชา ท 33102 ภาษาไทย6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่6 การประเมินคุณค่างานเขียน เวลา 1-2 ชั่วโมง เรื่อง การประเมินคุณค่าเรื่องสั้น ผู้สอน นางสาวจิลันดา รักไร่ 1. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การประเมินคุณค่างานเขียนประเภทเรื่องสั้นจะต้องสามารถอธิบายหลักการและวิธีการประเมินคุณค่าของงานเขียนได้ จึงจะ สามารถประเมินคุณค่างานเขียนประเภทเรื่องสั้นได้อย่างถูกต้อง 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.4-6/5 ประเมินงานเขียนของผู้อื่น แล้วนำมาพัฒนางานเขียนของตนเอง 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายแนวทางการประเมินคุณค่าเรื่องสั้นได้ 2) ประเมินคุณค่าเรื่องสั้นได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง ประเมินคุณค่างานเขียนในด้านต่างๆ เช่น - แนวคิดของผู้เขียน - การใช้ถ้อยคำ - การเรียบเรียง - สำนวนโวหาร - กลวิธีในการเขียน 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการประเมิน 2) ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน
6. กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(Inquiry Method : 5E) นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง การประเมินคุณค่างานเขียน ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ 1. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตาม ความสามารถคือ เก่ง ปานกลางค่อนข้างเก่ง ปานกลาง ค่อนข้างอ่อน และอ่อน 2. ครูแจกตัวอย่างเรื่องสั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มอ่าน แล้วให้แต่ ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับแนวทางการประเมินคุณค่า จากตัวอย่างเรื่องสั้น 3. ครูสุ่มเรียกนักเรียน 2-3 กลุ่ม ออกมานำเสนอแนวทางการ ประเมินคุณค่าเรื่องสั้น ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มจับคู่กันเป็น 2 คู่ แล้วให้แต่ละคู่ร่วมกัน ศึกษาความรู้เรื่อง การประเมินคุณค่าเรื่องสั้น จากหนังสือเรียน แล้วบันทึกความรู้ที่ได้จากการศึกษาลงในแบบบันทึกการอ่าน 2. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด คำถามกระตุ้นความคิด • ถ้านักเรียนไม่ชอบงานเขียนเรื่องใดเรื่อหนึ่ง หรือนักเขียนคนใดคนหนึ่ง นักเรียนคิดว่า จะสามารถประเมินคุณค่างานเขียน โดยปราศจากอคติได้หรือไม่ เพราะเหตุใด (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดย ให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน) ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ 1. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด ข้อ 1-2 2. นักเรียนแต่ละคู่นำความรู้ที่ได้จากการศึกษามาอธิบายให้ เพื่อน อีกคู่หนึ่งภายในกลุ่มฟัง ผลัดกันซักถามหากมีข้อ สงสัย และผลัดกันอธิบายจนทุกคนมีความเข้าใจชัดเจน ตรงกัน 3. นักเรียนร่วมกันอภิปราย และสรุปความรู้เกี่ยวกับการ ประเมินคุณค่าเรื่องสั้น 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันทำใบงานที่ 1.1 เรื่อง สรุปความรู้ การประเมินคุณค่าเรื่องสั้น 5. ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอใบงานที่ 1.1 หน้าชั้นเรียน โดยครูและเพื่อนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง คำถามกระตุ้นความคิด 1. การประเมินคุณค่างานเขียนแต่ลประเภท เหมือนหรือต่างกันอย่างไร (เหมือนกัน เพราะการประเมินคุณค่างาน เขียนแต่ละประเภทสามารถใช้หลักการ ประเมินคุณค่าหลัก 2 ประการ คือ แนวคิด และ สำนวนโวหาร แต่จะมีรายละเอียดสำหรับการ ประเมินคุณค่าต่างกันออกไปขึ้นอยู่ประเภทของ งานเขียนนั้นๆ)
2. นักเรียนสามารถนำหลักการและวิธีการ ประเมินคุณค่างานเขียนไปพัฒนาการเขียน งานของตนเองได้อย่างไร (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ใน ดุลยพินิจของครูผู้สอน) ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องสั้น ตามความสนใจ จากหนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม ห้องสมุด และแหล่งข้อมูล สารสนเทศ แล้วนำข้อมูลมาประเมินคุณค่าเรื่องสั้นลงในใบงานที่ 1.2 เรื่อง ประเมินคุณค่าเรื่องสั้น ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล 1. ครูสุ่มเรียกนักเรียน 2-3 กลุ่ม ออกมานำเสนอใบงานที่ 1.2 หน้าชั้นเรียน โดยครูและเพื่อนนักเรียนเป็นผู้ตรวจสอบความ ถูกต้อง และให้ข้อเสนอแนะ 2. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง การประเมินคุณค่า เรื่องสั้น 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 (ประเมินตามสภาพจริง) ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.2 ใบงานที่ 1.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบบันทึกการอ่าน แบบบันทึกการอ่าน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการนำเสนอผลงาน แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการ ทำงาน แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.6 2) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม 3) ตัวอย่างเรื่องสั้น “เศรษฐศาสตร์บ้านโคกอีเลิ้ง” 4) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง สรุปความรู้การประเมินคุณค่าเรื่องสั้น 5) ใบงานที่ 1.2 เรื่อง ประเมินคุณค่าเรื่องสั้น 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ - http://edltv.thai.net - https://sites.google.com/site/reportofstudysubjects - http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/เรื่องสั้น
เอกสารประกอบการสอน ตัวอย่างเรื่องสั้น "เศรษฐศาสตรบ ์ ้านโคกอีเลิ้ง" (โดย พงศกร) รัฐมนตรีจะมา... รัฐมนตรีจะมา... พบูได้ยินทุกคนในหมู่บ้านพูดกันถึงแต่เรื่องนี้มาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว เชื่อได้ว่าในเวลานี้โคกอีเลิ้งที่หล่อนอยู่มาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย นั้น คงไม่มีเรื่องใดอยู่ในความสนใจของทุกคนมากไปกว่าข่าวที่ว่ารัฐมนตรีจะมาตรวจเยี่ยม เริ่มตั้งแต่ร้านอาโกขายกาแฟกลางหมู่บ้าน ที่เดิมนั้นจะมีคนแวะมากินกาแฟในตอนเช้าๆ ไม่กี่คน แล้วต่างแยกย้ายกันไปท างาน ของตน พบูสังเกตเห็นว่าช่วงสามสี่วันมานี้ ร้านของอาโกครึกครื้นขนาดที่ต้องยืนรอเก้าอี้กันทีเดียว ทุกคนที่อยากจะรู้ข่าวคราวว่า รัฐมนตรีจะมาเมื่อไหร่ มาท าอะไร และทางหมู่บ้านเตรียมการต้อนรับอย่างไรบ้างนั้น ก็ต้องมาหาข่าว กันเอาที่ร้านของอาโกนี่ละ และต้องแวะมาทุกวันเสียด้วย เนื่องจากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ใครพลาดร่วมวงกาแฟไป แค่วันเดียว ไม่รู้ว่าตกข่าวไปถึงไหนๆ ขาประจ าคนเก่าแก่ของร้านอาโก ก็คือผู้ใหญ่ถึก เมื่อตอนที่พบูเดินผ่านร้านมานั้น ผู้ใหญ่ถึกก าลังคุยฟุ้งเสียจนน ้าลายกระเด็นถึงโครงการถนนลาดยางที่แกก าลังจะเสนอขอจาก รัฐมนตรี เพราะถนนจากตัวอ าเภอเข้ามาที่หมู่บ้านนั้น ยังเป็นถนนลูกรังอยู่ ยามหน้าร้อนฝุ่นจากถนนจะจับผมเผ้าจนแดงไปหมด เมื่อ ยามหน้าฝน ถนนก็จะกลายเป็นโคลนเหนียวๆ และเดินล าบาก ดังนั้นโครงการถนนลาดยางของผู้ใหญ่ถึกถึงเป็นที่สนใจและเป็น ความหวังของคนทั้งหมู่บ้าน ก านันคง ซึ่งบัดนี้ได้เป็นถึงนายก อบต.โคกอีเลิ้งเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า ผู้ใหญ่บ้านเตรียมเสนอโครงการยิ่งใหญ่ขนาดนี้แล้ว ก านัน อย่างแกมีหรือที่จะยอมแพ้ พ่อบอกพบูว่า ก านันเตรียมเสนอโครงการยิ่งใหญ่ ที่ทุกคนได้ยินแล้วก็ฮือฮากันไปทั้งต าบล เพราะแกก าลัง จะของบประมาณมาสร้างอนุสาวรีย์อีเลิ้ง พ่อพร ่าสรรเสริญก านับด้วยความชื่นชมบูชา ที่ก านันเป็นผู้เล้งเห็นการณ์ไกล คิดปลูกฝังให้เยาวชนในท้องถิ่นมีความภาคภูมิใจใน บ้านเกิด ด้วยการสร้างอนุสาวรีย์ของวีรสตรีประจ าหมู่บ้านขึ้นมา นอกจากเด็กๆ จะได้กราบไหว้บูชาแล้ว ผู้ใหญ่อย่างพ่อแม่ก็จะได้ อาศัยกราบไหว้ ขอหวย ขอพร ได้อีกต่างหาก พบูเองก็พลอยเห็นดีเห็นงามไปด้วย เพราะจะมีสักกี่คนในประเทศไทยที่รู้ว่าอีเลิ้ง สตรีเก่งผู้เป็นที่มาของชื่อหมู่บ้านมีความส าคัญ มากมายเพียงใด เด็กๆ ในหมู่บ้านทุกคนได้ยินผู้ใหญ่เล่าขานกันต่อๆ มา ถึงวีรกรรมของอีเลิ้ง ผู้เป็นสตรีคนหนึ่งที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับชาย อกสามศอก เมื่อคราวที่เจ้าอนุวงศ์ แห่งเวียงจันทน์ยาตราทัพผ่านมาทางทุ่งสัมฤทธิ์ ก านันฟุ้งว่าจะก่อสร้างอนุสาวรีย์อีเลิ้งที่โคกหลังหมู่บ้าน แทนที่จะเป็นปากทางเข้าหมู่บ้านอย่างที่เธอเคยคิดเอาไว้ ที่เป็นเช่นนั้น ก านันบอกว่าตามประวัติแล้ว โคกนั้นเอง เป็นบริเวณบ้านเกิดของอีเลิ้ง ดังนั้นจึงเป็นต าแหน่งที่น่าจะสร้างอนุสาวรีย์เป็นที่สุด พบูเดินพลางนึกฝันหวานว่า ถ้าสร้างอนุสาวรีย์อีเลิ้งขึ้นมาจริงๆ ก านันจะบอกให้เขาปั้นอีเลิ้งออกมาเป็นแบบไหนกันแน่นะ จะสาว หรือจะแก่ง...จะไว้ผมยาว หรือไว้ผมดอกกระทุ่ม...แล้วอีเลิ้งจะนุ่งชุดไทย หรือตะเบงมาน... ยังไม่ทันจะนึกอะไรต่อ ก็เป็นจังหวะที่ผ่านร้านเจ๊น้อยพอดี “อ้าว...นังบู...”
เอกสารประกอบการสอน เจ๊น้อยส่งเสียงร้องเรียกมาจากภายในร้านท าผม ซึ่งดัดแปลงเอาชั้นล่างของบ้านห้องแถวไม้ กั้นเอาไว้เป็นสัดส่วน “วันนี้ไปท างานเสียสายโด่งเชียว” เจ๊น้อยทัก ในขณะที่มือของหล่อนก าลังถือดรายเป่าผมอันโต จ่อไปที่ผมของลูกค้าคนหนึ่ง มืออีกข้าง ใช้หวีสางผมของลูกค้าอยู่ไปมา “พรุ่งนี้จะมาท าผมกี่โมง รีบนัดมานะเอ็ง...สองวันนี้ลูกค้าแน่นจนข้าเมื่อยแขนไปหมด ขืนไม่นัดมาถึงต้องรอนานข้าไม่รู้ด้วยนะโว้ย จะมาอาศัยว่าเป็นคนรู้จักกันแล้วจะแซงคิวน่ะ ข้าไม่ยอมหรอกนา เดี๋ยวลูกค้าอื่นจะด่าเอา” “อะไรนะเจ๊” พบูตาเหลือก เมื่อได้ยินว่าต้องนัดเวลาท าผม...ก็ร้านเจ๊เคยมีลูกค้าแน่นจนต้องนัดเสียเมื่อไหร่ เห็นจะเป็นเพราะ รัฐมนตรีจะมาเยี่ยมแน่แล้ว ที่ท าให้ผู้หญิงในหมู่บ้านแห่กันมาเข้าคิวที่ร้านเจ๊น้อย เพื่อท าผม “เอ็งมาสักหกโมงละกัน” เจ๊น้อยตัดสินให้เสร็จสรรพ ซึ่งนั่นยิ่งท าให้พบูยิ่งประหลาดใจมากยิ่งขึ้น เพราะปกติบ่ายสองโมงกว่า ร้าน ของเจ๊น้อยก็แทบไม่มีคนแล้ว ประมาณสามโมงเย็นหล่อนก็จะปิดร้านนอน “ตกลงเจ๊” พบูท าได้เพียงแค่พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินต่อไป หล่อนมาถึงที่ท างานสายกว่าปกติประมาณสิบห้านาที ด้วยเหตุที่แวะคุยกับคนคนนั้นคนนี้ตลอดรายทางนั่นละ แต่คนไข้ที่มารอก็ยังไม่มากนัก พบูวัดความดันเสร็จ หมอถึงเพิ่งจะมา “พบู เดี๋ยวเสร็จแล้ว ช่วงบ่ายๆ เรามาทบทวนเรื่องโครงการฉุกเฉินที่จะเสนอขอรถพยาบาลจากท่านรัฐมนตรีกันหน่อยนะ” หมอ บอกก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องตรวจ โรงพยาบาลที่พบูท างานเป็นโรงพยาบาลต าบลเล็กๆ ขนาดสิบเตียง มีหมออยู่เพียงหนึ่งคน และพยาบาลสองคน คือ อัญชุลี ภรรยาหมอ ซึ่งควบต าแหน่งหัวหน้าพยาบาลด้วย และตัวของหล่อน ซึ่งเป็นลูกน้องทั้งของหม่อมมานะและคุณอัญชลี พบูหอบแฟ้มเข้าไปในห้องประชุม ตอนบ่ายสอง หมอมานะและดอกบัว น้องที่ท างานฝ่ายธุรการรออยู่แล้ว หล่อนนั่งลงที่เก้าอี้ข้างขวาของหมอมานะ พลางเหลียวมองไปรอบๆ ราวหาใครสักคน หมอมานะเห็นดังนั้นก็เลยบอกว่า “เริ่มประชุมกันเลย คุณอัญชุลีไม่เข้ามาหรอกวันนี้” หล่อนมารู้ภายหลังจากดอกบัวว่า ที่ไม่มานั้น เพราะว่าอัญชุลีเข้าจังหวัดไปตั้งแต่เช้าแล้ว เพื่อนนวดหน้าและดัดผม เตรียมตัวรับ คณะรัฐมนตรีที่จะมาวันมะรืนนี้ ในฐานะภรรยาผู้อ านวยการโรงพยาบาล เธอจะเป็นผู้มอบช่อดอกไม้ให้ท่านรัฐมนตรี หลังจากถกเถียงกันอยู่เกือบสองชั่วโมง หมอมานะจึงสรุปออกมาว่า โครงการเร่งด่วนที่จะขอให้รัฐมนตรีช่วยเหลือ ก็คือขอ รถพยาบาลฉุกเฉิน เพื่อจะได้น าคนไข้ที่มีอาการฉุกเฉินส่งตัวไปรับการรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลอ าเภอได้โดยรวดเร็ว พบูแอบหันไปท าหน้าเบ้กับดอกบัว ด้วยรู้ว่าหากได้รถมาจริงๆ ก็คงไม่พ้นหล่อนอีกนั่นละที่จะต้องไปหัดเรียนขับรถ เพื่อเตรียมขับ รถไปส่งคนป่วยในตัวอ าเภอ เพราะงบประมาณที่โรงพยาบาลได้มาในตอนนี้นั้น ไม่เพียงพอที่จะจ้างพนักงานขับรถมาประจ า บางทีหากได้รถมาจริงๆ พบูอาจจะขอลาออกไปเป็นลูกมือท าผมเจ๊น้อยน่าจะดีกว่า เพราะหมอกับเมียมักจะเข้าเมืองแทบทุกเย็น กว่าจะกลับก็ดึกดื่นมืดค ่า บางเสาร์อาทิตย์ก็จะไปในตัวจังหวัด ทิ้งหน้าที่ดูแลคนไข้ไว้ให้กับหล่อนและน้องๆ ผู้ช่วยพยาบาล ถ้ามีรถ ฉุกเฉิน ท่าทางหมอและเมียอาจจะไปเที่ยวบ่อยกว่าเดิมก็เป็นได้ แล้วถ้าเป็นหน้าฝนถนนเป็นหล่ม...การขับขี่ก็ต้องยากล าบากเข้าไป อีก ก่อนจะกลับบ้านเย็นวันนั้น พบูสั่งงานน้องผู้ช่วยพยาบาลที่อยู่เวรดึกให้ดูแลความสะอาดร่างกายคนไข้ให้ดี อย่าปล่อยให้ผมเผ้า เนื้อตัวดูสกปรก เพราะหมอย ้ามาว่ารัฐมนตรีท่านอาจจะไปเยี่ยมคนไข้ถึงเตียง หากท่านเกิดไปจับไม้จับมือคนไข้ และบังเอิญมีนักข่าว ถ่ายภาพไป ก็อาจดูไม่เหมาะสม ถ้าภาพคนไข้ออกมาดูสกปรกและสุขอนามัยไม่ดีและหมอยังก าชับให้หล่อนสั่งคนไข้ทุกคนให้นอนให้ เรียบร้อย สั่งคนงานให้ซักเสื้อผ้าของคนไข้ให้สะอาด และห้ามพูดจาอะไรที่จะท าให้โรงพยาบาลดูไม่ดีทั้งสิ้น นอกจากนี้ ชาวบ้านอาจจะ พูดจาไม่ไพเราะ ท าให้รัฐมนตรีไม่พอใจก็ได้ และนั่นอาจจะท าให้โรงพยาบาลไม่ได้รับรถพยาบาลฉุกเฉินอย่างที่หมอหวังเอาไว้
เอกสารประกอบการสอน พบูกลับบ้านวันนั้นด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า พอจะล้มตัวลงนอน พ่อก็ตะโกนถามมาจากชานหน้าบ้านว่า “บูเอ๊ย...ค าว่า กระบือ เขียนยังไงวะ” พบูชะโงกหน้าไปมองพ่อกับแม่ที่ก าลังก้มหน้าก้มตาท าอะไรอยู่บนพื้น แล้วอดสงสัยมิได้จึงเอ่ยถามออกมาว่า “แล้วพ่อจะถามไปท าไม ก็เขียนว่า ควาย ก็ได้นี่นา มันก็เหมือนกันแหละ” “โฮ้ย” แม่ร้อง “เหมือนกันแต่เขียนไม่ได้ จะเขียนหารัฐมนตรีก็ต้องใช้ภาษาให้สุภาพหน่อย” “แล้วพ่อจะเขียนอะไรถึงรัฐมนตรี” พบูชักสงสัย “ปีนี้ราคาข้าวมันแย่ว่ะ พ่อเลยว่าจะขายนาทิ้ง เอาเงินมาแบ่งให้พวกแก แล้วพ่อกับแม่ก็จะอยู่บ้านเฉยๆ ทีนี้ติดอีตรงที่ควายที่เรามี นั่นละ ไม่รู้จะเอาไปไหน เลยจะเขียนถึงรัฐมนตรีว่าพ่อจะบริจาคควายให้เขา สุดแต่เขาจะเอาไปท าอะไรก็ตามใจ” พบูเกือบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เมื่อนึกว่ารัฐมนตรีจะท าหน้าอย่างไร เมื่อพ่อกับแม่จูงอีเผือกกับเพื่อนๆ ของมันไปมอบให้ พร้อมทั้ง จดหมายบริจาค พอดีกับที่ พร พี่สาวของหล่อนที่เป็นครูสอนอยู่ที่โคกอีเลิ้งวิทยา เดินหน้ามุ่ยกลับมาถึงบ้าน และโผล่หน้าขึ้นมาจากบันได พบูเลย โยนเรื่องไปให้พี่สาวโดยการบอกกับพ่อว่า “ถามพี่พรโน่น หนูเหนื่อยแล้ว จะนอนหลับสักงีบนึง” “เฮ้ย...” พรร้องลั่น “ได้ยังไง ฉันก็กลับมาเหนื่อยๆ เหมือนกัน” “โฮ้ย” แม่ส่งเสียงร าคาญ “เอ็งจะเหนื่อยอะไรกันนักกันหนานะ กะอีแค่สอนเด็กสิบกว่าคนทั้งชั้น” “เหนื่อยสิแม่” พี่สาวของหล่อนทรุดกายนั่งลง วางหอบหนังสือและสมุดการบ้านเด็กลงข้างกาย “ก็รัฐมนตรีจะมาอยู่อีกสองวันนี้ แล้ว” “ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกะเอ็งเลย” แม่บ่นพึมพ า “เกี่ยวสิแม่...เกี่ยวโดยตรงเลยแหละ” พี่สาวของหล่อนเริ่มบ่น “ไหนจะต้องซ้อมเด็ก ป.ห้าให้ร าเซิ้ง เพราะครูใหญ่เขาจะให้เด็กไปร า ต้อนรับรัฐมนตรี ไหนจะต้องมาเคี่ยวเข็ญให้เด็กห้อง ป.สี่ ของหนูอ่านหนังสือให้ดีอีก แหม รัฐมนตรีน่าจะมาตอนปิดเทอมไปแล้วนะ หนู จะได้ไม่ยุ่ง” “อ้าว” พ่อหันมามองหน้าลูกสาวคนโต “มันอยู่ตั้ง ป.นี่ ยังอ่านหนังสือไม่ออกอีกเรอะ...” “ตั้งครึ่งห้องแน่ะพ่อ ที่อ่านหนังสือไม่ออก...” พรฟ้องราวกับเมื่อสมัยที่หล่อนยังเป็นเด็กหญิงเล็กๆ “อ้าว” พ่อท าหน้างง “แล้วมันขึ้นชั้นมาได้ยังไงกันวะ” “ก็เดี๋ยวนี้ เขาเอาเด็กตกที่ไหนล่ะพ่อ” พรส่ายหน้า “จะดี จะเลวยังไง พอครบปีก็ได้ขึ้นชั้นถัดไปโดยอัตโนมัติ” “แล้วครู ป.สามไม่สอนหรือไงพี่พร” พบูอดถามไม่ได้“แล้วอ่านหนังสือไม่ออก เด็กจะท าข้อสอบได้ยังไง” “ครู ป.สามก็รอให้ครู ป.สี่สอนน่ะสิ ถามได้” พรมองหน้าน้องสาว พลางท าสายตาราวกับว่า ท าไมพบูจึงถามค าถามโง่ๆ อย่างนี้ ออกมา “ส่วนข้อสอบ หล่อนไม่เคยเห็นหรือไง เป็นแบบกากบาท ไม่ก็ถูก-ผิดน่ะ...” พรยิ้มเยาะพบูไม่รู้ว่าหล่อนยิ้มเยาะใครกันแน่ “หลับตา กาๆ ขีดๆ เดาไปเดามาก็สอบผ่านแล้ว นี่รัฐมนตรีจะมาอยู่รอมร่อ เกิดสุ่มไปเจอเด็กห้องหนูทดลองให้อ่านหนังสือให้ฟัง เจอว่าอ่านไม่ได้ละก็ หนูซวยตายเลย คืนนี้หนูก็ต้องรีบเขียนโครงการอาหารสามมื้อให้เด็กยากจนอีก ล าพังไอ้โครงการอาหารกลางวัน มื้อเดียวหนูก็จะหัวหงอกอยู่แล้ว ครูใหญ่ดันจะท าให้เด็กมีกินทั้งสามมื้อเลย สงสัยอีกหน่อยหนูต้องย้ายไปกินนอนที่โรงเรียนแน่” “เออ เออ” พ่อยักไหล่ “ช่างหัวเอ็งเหอะ พ่อไม่เขียนค าว่ากระบือแล้วก็ได้ เอาควายนี่ละวะ ง่ายดี...จะยังไงมันก็ไอ้ตัวเดียวกัน นั่นละ...”
เอกสารประกอบการสอน พบูว่าเมื่อวานนั้นยุ่งเหยิงมากพอแล้ว หากวันถัดมา โคกอีเลิ้งยิ่งโกลาหลอลหม่านมากกว่าเก่า ด้วยเหลือเวลาอีกเพียงวันเดียว เท่านั้น ก่อนที่รัฐมนตรีจะมา ร้านอาโกแน่นขนัดตั้งแต่เช้า พบูเดินผ่านไป เห็นอาโกเอาเสื้อสูทที่ไปเช่ามาจากในอ าเภออวดพวกลูกค้าสภากาแฟของแก ก านัน คงและผู้ใหญ่ถึกนั่งปรึกษางานกันอย่างคร ่าเคร่ง คราวนี้มีจ่ามี ต ารวจประจ าหมู่บ้านมานั่งอยู่ด้วย ส่วนโต๊ะถัดไปไม่ไกลพบูมองเห็น ครูสมาน ครูใหญ่โรงเรียนที่พี่สาวของเธอท างานอยู่นั้นก าลังคุยฟุ้งเรื่องเชิงกระติบของนักเรียนชั้น ป.ห้าที่ไปประกวดชนะเลิศในระดับจังหวัดให้เถ้าแก่หมงเจ้าของร้านช าเพียงแห่งเดียวในโคกอีเลิ้งฟัง พบูก าลังยืนรอซื้อกาแฟอยู่ไม่ไกลนัก ได้ยินเสียงเถ้าแก่หมงหัวเราะจนเห็นฟันเลี่ยมทองและพูดกับครูสมานว่า “ขอกใจคูคัก ขอกใจมากมาก...” พบูเงี่ยหูๆ ฟังด้วยความตั้งใจ “นักเรียงของคู อีแห่กังมาซื้อลองเท้าร้านอั๊วะ จนไม่พอขาย นี่ถ้าคูไม่สั่งให้พวกมังใสลองเท้ามาทุกคนพรุ่งนี้ ลองเท้าอั๊วะมีหวังค้าง ปี” “ไม่เป็นไรเถ้าแก่” ครูสมานหัวเราะเอิ้กอ้าก “ฉันก็ไม่ได้จะช่วยอะไรหรอก แต่รัฐมนตรีจะมาตรวจน่ะ ฉันเลยต้องสั่งให้พวกนักเรียน ใส่รองเท้ากันมาทุกคน ไม่งั้นท่านรัฐมนตรีจะว่าเอาได้ว่าโคกอีเลิ้งเรายังด้อยพัฒนา” “แหม” เถ้าแก่หมงท าตาลอย “งั้งอั๊วะก็ต้องขอกคุง ท่านลักกะมงตี ที่ท่านมาบ้านเราเสกถะกิดก็เลยดีไปตามๆ กัง” พบูหัวเราะออกมาพรือหนึ่ง เสียงดังจนครูสมานกับเถ้าแก่หมงหันมามอง แต่พบูพยายามท าสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนที่จะเดินออกจาก ร้านอาโกไป ในใจนึกสงสารเด็กนักเรียนทั้งหลายที่เคยชินกับการสวมรองเท้าแตะมาโรงเรียน...คงจะร าคาญและอึดอัดน่าดู ที่ต้องทน สวมรองเท้าผ้าใบและถุงเท้า เพื่อรอรับท่านรัฐมนตรี ร้านเจ๊น้อยก็แน่นขนัดไม่แพ้ร้านอาโก มีแม่ค้าขายไข่ในตลาดกับแม่ค้าขายหมูนั่งรอคิวท าผมอยู่ ในขณะที่เจ๊น้อยก าลังหวีผมแม่ค้า ขายปลากริมไข่เต่า ให้พองฟูราวกับว่าหล่อนเป็นผู้เข้าประกวดนางสาวไทย ดูแล้วพบูคิดว่า ท่าทางวันนี้จะปิดตลาดยกกันมาท าผมเสียละมัง เฮ้อ...นึกแล้วก็ตลก เพราะรัฐมนตรีคงจะงงพิลึก ที่เห็นแม่ค้าทั้งตลาด นั่งผมโป่ง ปากแดงขายของ ทรงผมและการแต่งหน้าดูราวกับ จะถอดออกมาจากพิมพ์เดียวกัน แต่จะท าอย่างไรได้ก็เจ๊น้อยท าผมเป็นอยู่แบบเดียวเท่านั้น และช่วยไม่ได้ที่ทุกคนก็อยากจะสวยไม่ น้อยหน้าไปกว่ากันในวันส าคัญเช่นนี้ “พบู” เจ๊น้อยส่งเสียงอ่อนหวาน “ขอเลื่อนนัด มาสักสองทุ่มละกันนะ...เดี๋ยวเจ๊ท าให้เป็นพิเศษเลย” “อ้าวเจ๊” พบูท าเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในล าคอ ท าท่าทางไม่ค่อยพอใจ “เดี๋ยวฉันก็นอนดึกน่ะสิกว่าจะท าผม กว่าจะกลับบ้าน” “เออน่า” เจ๊น้อยพยักพเยิด “เอ็งก็ช่วยๆ ข้าหน่อย นานๆ ทีจะมีลูกค้าเยอะอย่างนี้ ไม่งั้นตื่นมาท าสักตีสามพรุ่งนี้ไหมล่ะ” “หา” คราวนี้พบูตาเหลือก “ตีสามเนี่ยนะ เจ๊จะเปิดแล้วเหรอ” “เออสิวะ” เจ๊น้อยถอนหายใจ “ท าไงได้ล่ะวะ ทุกคนอยากสวยรับรัฐมนตรีกันทั้งนั้นแล้วพวกคุณนายตุ่ม ก็ไม่อยากท าผมค้างคืน เอาไว้ แกบอกว่าท าโป่งอย่างนี้ เข้านอนเช้าขึ้นมาโป่งยุบกันพอดี แกเลยขอร้องแกมบังคับให้เจ๊เปิดเช้าหน่อย เจ๊ก็เลยต้องตามใจ” คุณนายตุ่มที่เจ๊น้อยเอ่ยถึงนั้น เป็นเมียของจ่ามี เป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลของโคกอีเลิ้ง ดังนั้นพบูจึงไม่ต่อความยาวยืดอะไรอีกต่อไป นอกจากบอกกับเจ๊น้อยว่า “สองทุ่มก็สองทุ่ม...” แล้วหล่อนก็เดินต่อไป หูแว่วได้ยินเสียงเจ๊น้อยบ่นพึมพ าว่า “เฮ้อ...ท าให้ทุกคนสวย เหลือแต่ตัวกูอยู่คนเดียว...แล้วจะหาใครมาท าผมให้วะ...” พบูกลับมาถึงบ้านเอาเกือบสี่ทุ่ม ตอนที่หล่อนกลับมาถึงบ้านนั้น ร้านเจ๊น้อยยังไม่ปิด และในตัวตลาดยังคงคับคั่งไปด้วยผู้คนที่ตื่นเต้น จับกลุ่มพูดคุยกัน ไฟฟ้า สว่างไสวยิ่งกว่าตอนที่มีงานประจ าปีของหมู่บ้าน
เอกสารประกอบการสอน เห็นมอเตอร์ไซค์ของพวกวัยรุ่นหลายคัน เร่งเครื่องเสียงดังลั่น วิ่งหายไปในความมืด ที่หลังของหนุ่มๆ พวกนั้นมีกระเป๋ าเสื้อผ้าใบ ย่อมสะพานอยู่คนละใบ พบูไม่อยากสนใจนัก ด้วยรู้อยู่ว่าเป็นพวกนักเลงประจ าโคกอีเลิ้ง แถมมีหลายคนที่หล่อนรู้ว่าเป็นพวกติดยา พ่อยืนรอหล่อนอยู่ที่ปากทางเข้าบ้าน หน้าตาบึ้งตึงทั้งๆ ที่หล่อนก็บอกตั้งแต่เช้า แล้วว่าจะกลับบ้านดึกกว่าปกติ พอเห็นหล่อน ก็ เลยยิ้มออกมาได้แล้วชวนกันเดินกลับบ้าน “ไอ้พวกขี้ยามันแห่ไปไหนกันจ๊ะพ่อ” พบูถาม “อ๋อ...” พ่อท าเสียงอยู่ในล าคอ แล้วหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน “มันไปนอนหมู่บ้านอื่นสักคืนสองคืนน่ะ” “อ้าว ท าไมล่ะพ่อ” คราวนี้พบูงงจริงๆ “ก็จ่ามีมันจ้างให้ไปอยู่ที่อื่นสักสองสามวัน” พ่อเล่า “มันกลัวว่าเดี๋ยวท่านรัฐมนตรีมาไอ้พวกนี้จะก่อความเดือดร้อนวุ่นวายให้ ดีไม่ดี เกิดถูกจับตรวจเยี่ยว เจอว่าติดยาละก็แย่เลย มันก็เลยจ้างคนละสองร้อย ให้ย้ายไปนอนที่หมู่บ้านอื่นเสียสองสามคืน...พวกมันก็เลย ชอบใจ อยู่ๆ ก็ได้เงินใช้ฟรีๆ” กลับถึงบ้าน หล่อนก็รีบอาบน ้าและนอนหลับเป็นตาย เพราะเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน หมอมานะให้หล่อนซักซ้อมความเข้าใจกับ บุคลากรในโรงพยาบาล ถึงต าแหน่งที่จะต้องยืนต้อนรับและค าตอบที่จะต้องตอบให้ตรงกัน รวมไปถึงคนไข้ต่างๆ ที่ค้างอยู่ใน โรงพยาบาล พบูก็ต้องดูให้อยู่ในระเบียบเรียบร้อย เมื่อพบูตื่นเช้าขึ้นมานั้น หล่อนพบว่าสายไปกว่าเวลาปกติประมาณครึ่งชั่วโมง หล่อนจึงรีบลุกขึ้นเก็บที่นอนและเข้าห้องน ้าท าธุระ ส่วนตัวอย่างรวดเร็ว พ่อและแม่นั้นแต่งตัวเสร็จนานแล้ว และออกเดินทางล่วงหน้าไปที่โรงพยาบาล อันเป็นเวลาที่รัฐมนตรีจะมาแวะ เยี่ยมชมเป็นจุดแรกพร้อมด้วยอีเผือกและฝูงควายอีกสี่ห้าตัว พร พี่สาวของหล่อนก็ออกไปแต่เช้ามืดเช่นกัน หล่อนรีบไปโรงเรียนเพื่อดูแลเด็กนักเรียนที่จะไปร าเซิ้งต้อนรับรัฐมนตรีให้เรียบร้อย ก่อนจะคุมขบวนเด็กไปตามไปสมทบที่โรงพยาบาลตอนสาย ร้านอาโกปิดเงียบไม่มีผู้คน พบูคิดว่าป่านนี้ทุกคนคงจะไปรอกันอยู่ที่โรงพยาบาลหมดแล้ว ตลอดวันนี้ก็ดูว่าเงียบผิดกว่าทุกวัน มี เพียงขอทานที่เคยคุ้นหน้านั่งอยู่เพียงคนเดียวในตลาดที่ร้างผู้คน เขาส่งยิ้มให้พบูจนเห็นฟันหลอ ร้านเจ๊น้อยเท่านั้นที่ยังเปิดประตูแง้มอยู่ แต่ไม่มีลูกค้าอยู่ข้างในสักคน มีเพียงเจ๊น้อยเจ้าของร้านยืนแต่งหน้าให้กับตัวเองด้วยอาการ เร่งร้อน “มาเรอะยังวะนังบู” “ยังหรอกเจ๊” พบูตอบพลางดูนาฬิกาข้อมือ “สิบโมงโน่นละ” “ตายจริง” เจ๊น้อยโวยวาย มือเลยพลาดเขียนคิ้วข้างขวาโก่งไปกว่าข้างซ้าย เลยต้องเสียเวลาลบเขียนใหม่ ปากของหล่อนก็พึมพ า ไปด้วย “อีกเดี๋ยวเดียวเอง” “อีกตั้งนานนะจ๊ะ” พบูแย้ง “นี่เพิ่งแปดโมงครึ่ง” “ไม่ได้หรอก” เจ๊ท าปากขมุบขมิบ “เดี๋ยวไม่ได้ที่ยืนดีๆ ดูสิ มัวแต่แต่งให้คนอื่นสวย ตัวเจ๊เองไม่มีใครแต่งให้เลย...เป็นไงนังบู ดูให้เจ๊ หน่อยสิ ว่าใช้ได้หรือยัง” พบูมองหน้าที่โปะแป้งเข้าไปจนหนาเป็นหน้าขนมเค้ก แถมมีวงกลมๆ สีเขียวรอบตา กับปากที่แดงราวกับเจ๊น้อยเป็นนางยักษ์เพิ่ง จะกินเลือดใครไป แล้วกลั้นใจตอบว่า “ดีแล้วละเจ๊...” “เออ เออ” เจ๊น้อยโบกมือ “เอ็งรีบไปก่อนเหอะ เดี๋ยวเจ๊ปิดร้านให้เรียบร้อยก่อน แล้วจะรีบตามไปสมทบ” เมื่อมาถึงที่โรงพยาบาลนั้น พบูตกใจเพราะนึกว่าถูกผู้ก่อการร้ายบุก เพราะรายรอบโรงพยาบาลนั้น มีอาสาสมัครทหารพรานยืนถือ ปืนล้อมอยู่เต็มไปหมด นัยว่าเป็นความคิดของจ่ามี ที่ต้องการให้การต้อนรับในครั้งนี้เป็นไปด้วยความสงบและเรียบร้อย
เอกสารประกอบการสอน บรรดาชาวบ้านถูกกันให้อยู่แต่ในสนามหญ้าหน้าโรงพยาบาล หล่อนเห็นพ่อกับแม่และพวกอีเผือกแต่ไกล พ่อก็คงเห็นหล่อนเช่นกัน จึงโบกมือให้ เพราะหล่อนรู้อยู่แล้วว่าวันนี้คนต้องเยอะมาก ก็เลยแอบกระซิบเจ๊น้อยให้ตีผมของหล่อนให้โป่งสูงกว่าใครๆ โดยเฉพาะ ยายอัญชุลีหัวหน้าพยาบาล ซึ่งเจ๊น้อยก็ท าให้สมใจไม่ผิดหวัง เพราะผมของหล่อนโป่งสูงราวยอดเจดีย์แหลม มองเห็นแต่ไกล เสียอยู่ อย่างเดียวที่ท าให้หล่อนไม่สามารถนอนหลับได้ ต้องอดทนนั่งหลับเพื่อไม่ให้โป่งยุบ ไม่ไกลจากพ่อ อาโกในชุดสูทเก่าๆ สีน ้าเงินเข้ม ที่แกสู้อุตส่าห์ไปเช่ามาจากในเมืองด้วยราคาแพงลิบลิ่ว อาโกยืนอยู่กับเถ้าแก่หมง ในชุดจีนสีแดงสด ทั้งสองดูแปลกตาไปกว่าชุดที่พบูเห็นจนเคยชิน มีกลุ่มเด็กนักเรียนที่นุ่งผ้าซิ่นกลุ่มใหญ่ราวสิบห้าคน สะพายกระติบข้าวเหนียว ยืนยุกยิกอยู่บนถนนพื้นปูนหน้าห้องฉุกเฉินของ โรงพยาบาล โดยมีพี่สาวของพบูคอยถือไม้เรียวก ากับอย่างใกล้ชิด ไม่ไกลจากกลุ่มของเด็กๆ นัก กลุ่มแม่บ้านไฮโซของต าบลอัน ประกอบไปด้วย คุณอัญชุลี หัวหน้าพยาบาล เมียผู้อ านวยการ คุณนายตุ่ม เมียของจ่ามี และป้าถนอม เมียก านันคง ยืนกางร่มหน้าเป็น มันเยิ้มรออยู่ ก าหนดการบอกเอาไว้ว่า ทันทีที่รถของรัฐมนตรีจอดสนิทและท่านรัฐมนตรีก้าวลงมาจากรถนั้น คุณอัญชลีก็จะเอาช่อดอกไม้เข้าไป มอบให้ วงดนตรีก็จะเริ่มบรรเลงเพลง พร้อมกันนั้นเด็กๆ ก็จะเริ่มร าเซิ้งเพื่อเป็นการต้อนรับ หลังจากนั้น รัฐมนตรีจึงจะเข้าเยี่ยมชม โรงพยาบาล แล้วจึงเยี่ยมชาวบ้านและสถานที่ราชการอื่นๆ เป็นล าดับต่อไป แสงแดดเริ่มแผดเผาร้อนแรงมากยิ่งขึ้น ขณะที่เข็มนาฬิกาบอกเวลาผ่านไปจนใกล้เที่ยว หากยังไม่มีวี่แววของรัฐมนตรีที่จะมา ชาวบ้านและเด็กนักเรียนหลายคนเริ่มเป็นลมแดด อีเผือดที่อยู่ตรงมุมรั้วโรงพยาบาล ส่งเสียงร้องและยืนกระสับกระส่าย เพราะเลย เวลาอาหารของมันมานานแล้ว อัญชุลียกกระดาษซับมันขึ้นซับหน้าเป็นระยะๆ คุณนายตุ่มถอดใจยอมแพ้ ถอยเข้ามายืนในร่มใกล้ๆ พบู ปล่อยให้เจ๊น้อยที่เพิ่ง มาถึง แทรกตัวเข้าแทนที่ ก านันคงและผู้บริหารทั้งหลายเริ่มกระสับกระส่าย หมอมานะสีหน้าไม่ดี ด้วยทั้งร้อนทั้งหิว แถมดอกบัวกระซิบบอกว่า เมื่อคืน หมอ อยู่โรงพยาบาลจนเกือบเช้าเพื่อเตรียมพร้อมข้อมูลและเอกสารรายงานต่างๆ ที่รัฐมนตรีอาจจะขอดู ท่ามกลางความวิตกของหลายๆ คนนั้นเอง มีเสียงรถเมอร์ไซค์คันหนึ่งเร่งเครื่องแต่ไกล ก านันส่งเสียงร้องว่า “ท่านมาแล้ว...ทุกคนเตรียมพร้อมเอาไว้” ทุกคนยืดตัวตรงเตรียมพร้อมรับรัฐมนตรี ซึ่งรถคงจะตามหลังมอเตอร์ไซค์น ามาไม่ห่าง เด็กนักเรียนขยับกระติบข้าวเหนียวให้เข้าที่ ส่วนอัญชุลีก้มหน้าลงจัดให้ดอกกุหลาบซึ่งร้อนจนเหี่ยวคอพับไปแล้ว ให้ดูเป็นระเบียบ มอเตอร์ไซค์ที่วิ่งฝ่าทางลูกรังจนฝุ่นตลบนั้นมาจอดลงตรงหน้าก านัน ซึ่งพบูเองก็เพิ่งเห็นว่าเมื่อฝุ่นจางลงไป คนที่เพิ่งขี่มาถึงนั้นคือ ลุงบุญมา บุรุษไปรษณีย์ของหมู่บ้านใกล้ๆ นั่นเอง ลุงบุญมาส่งโทรเลขฉบับหนึ่งให้กับก านันคง ก่อนจะควบมอเตอร์ไซค์คันเก่งแก่ของตัวกลับไปตามทางเดิมอย่างสบายอารมณ์ ก านันเปิดซองในมือของตนออกอ่านด้วยมือที่สั่นระริกด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นบอกกับทุกคนในบริเวณนั้นด้วยเสียง ดังฟังชัดว่า “ท่านรัฐมนตรีมีโทรเลขมาเลื่อนการตรวจเยี่ยมออกไป อย่างไม่มีก าหนด...” “เฮ้อ” เสียงใครคนหนึ่งในกลุ่มชาวบ้านถอนหายใจเสียงดังลั่น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดีใจหรือเสียใจกันแน่ แต่เจ๊น้อยนั้นยืนยิ้มแต้ เพราะ งานนี้ร้านท าผมของหล่อนโกยเงินไปได้หลายทีเดียว พอกับร้านกาแฟของอาโก และชาวบ้านร้านตลาดคนอื่นๆ พบูถอนหายใจด้วยความหนักหน่วงในหัวอก ก่อนจะหันไปสั่งน้องผู้ช่วยพยาบาลให้รีบเข็นรถฉุกเฉินออกไปกลางสนาม เมื่อหางตา ของหล่อนเห็นใครหลายคน เริ่มทยอยเป็นลมล้มลงไปราวกับใบไม้ที่เกรียมแดด และค่อยๆ ปลิดปลิวลงจากขั้วทีละใบ ทีละใบ... ที่มา : http://www.sakulthai.com/ruengson/ruengson2497.asp
ใบงานที่ 1.1 เรื่อง สรุปความรู้การประเมินคุณค่าเรื่องสั้น ตอนที่ 1 คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ แนวคิดหรือแก่นเรื่องมีความสำคัญต่องานเขียนอย่างไร ตอนที่ 2 คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนแผนผังความคิด สรุปการประเมินคุณค่างานเขียน
ใบงานที่ 1.1 เรื่อง สรุปความรู้การประเมินคุณค่าเรื่องสั้น เฉลย ตอนที่ 1 คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ แนวคิดหรือแก่นเรื่องมีความสำคัญต่องานเขียนอย่างไร แนวคิดหรือแก่นเรื่องเป็นสิ่งที่ผู้เขียนกำหนดไว้เพื่อช่วยในการวางโครงเรื่อง สร้างตัวละคร กำหนดฉาก และกลวิธีการ เล่าเรื่อง ซึ่งทำให้งานเขียนนั้นมีความชัดเจนและผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ว่า ผู้เขียนต้องการนำเสนอเรื่องใด แนวคิดหรือ แก่นเรื่องจึงเปรียบเสมือนหัวใจสำคัญของเรื่องนั่นเอง ตอนที่ 2 คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนแผนผังความคิด สรุปการประเมินคุณค่างานเขียน (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน)
ใบงานที่ 1.2 เรื่อง ประเมินคุณค่าเรื่องสั้น คำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกอ่านเรื่องสั้นที่ตนเองสนใจ 1 เรื่อง แล้วเขียนประเมินคุณค่าเรื่องสั้น
ใบงานที่ 1.2 เรื่อง ประเมินคุณค่าเรื่องสั้น เฉลย คำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกอ่านเรื่องสั้นที่ตนเองสนใจ 1 เรื่อง แล้วเขียนประเมินคุณค่าเรื่องสั้น (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน)
แบบบันทึกการอ่าน ชื่อหนังสือ ชื่อผู้แต่ง นามปากกา สำนักพิมพ์ สถานที่พิมพ์ ปีที่พิมพ์ จำนวนหน้า ราคา บาท อ่านวันที่ เดือน พ.ศ. เวลา 1. สาระสำคัญของเรื่อง 2. วิเคราะห์ข้อคิด/ประโยชน์ที่ได้จากเรื่องที่อ่าน 3. สิ่งที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 4. ข้อเสนอแนะของครู ลงชื่อ นักเรียน ลงชื่อ ผู้ปกครอง ( ) ( ) ลงชื่อ ครูผู้สอน ( ) เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานมีความสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 4 คะแนน ผลงานมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย ให้ 3 คะแนน ผลงานมีข้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานมีข้อบกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1 เนื้อหาละเอียดชัดเจน 2 ความถูกต้องของเนื้อหา 3 ภาษาที่ใช้เข้าใจง่าย 4 ประโยชน์ที่ได้จากการนำเสนอ 5 วิธีการนำเสนอผลงาน รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 4 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง
แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน ลำดับที่ ชื่อ-สกุล ของผู้รับการ ประเมิน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การทำงาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ำใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 20 คะแนน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง
แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ด้าน รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 1.1 ยืนตรงเมื่อได้ยินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และอธิบายความหมาย ของเพลงชาติ 1.2 ปฏิบัติตนและชักชวนผู้อื่นปฏิบัติตามสิทธิและหน้าที่ของพลเมือง 1.3 ให้ความร่วมมือ ร่วมใจ ในการทำกิจกรรมกับสมาชิกในโรงเรียน ชุมชน และสังคม 1.4 เป็นผู้นำหรือเป็นแบบอย่างในการจัดกิจกรรมที่สร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน ชุมชน และสังคม ชื่นชม ปกป้อง ความเป็นชาติไทย 1.5 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตนตามหลักของศาสนา และเป็นตัวอย่างที่ดีของศาสนิกชน 1.6 เข้าร่วมกิจกรรมและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน พระมหากษัตริย์ตามที่โรงเรียนและชุมชนจัดขึ้น ชื่นชมในพระราชกรณียกิจ พระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ 2. ซื่อสัตย์ สุจริต 2.1 ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง ละอาย และเกรงกลัวที่จะกระทำความผิด ทำตาม สัญญาที่ตนให้ไว้กับเพื่อน พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง และครู เป็นแบบอย่าง ที่ดีด้านความซื่อสัตย์ 2.3 ปฏิบัติตนต่อผู้อื่นด้วยความซื่อตรง ไม่หาประโยชน์ในทางที่ไม่ถูกต้อง และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เพื่อนด้านความซื่อสัตย์ 3. มีวินัย รับผิดชอบ 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว โรงเรียน และสังคม ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ตรงต่อเวลาในการปฏิบัติ กิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน และรับผิดชอบในการทำงาน ปฏิบัติ เป็นปกติวิสัยและเป็นแบบอย่างที่ดี 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 แสวงหาข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ 4.2 มีการจดบันทึกความรู้อย่างเป็นระบบ 4.3 สรุปความรู้ได้อย่างมีเหตุผล 5. อยู่อย่างพอเพียง 5.1 ใช้ทรัพย์สินของตนเอง เช่น สิ่งของ เครื่องใช้ ฯลฯ อย่างประหยัด คุ้มค่า และเก็บรักษาดูแลอย่างดี และใช้เวลาอย่างเหมาะสม 5.2 ใช้ทรัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยัด คุ้มค่า และเก็บรักษาดูแลอย่างดี 5.3 ปฏิบัติตนและตัดสินใจด้วยความรอบคอบ มีเหตุผล 5.4 ไม่เอาเปรียบผู้อื่น และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน พร้อมให้อภัยเมื่อผู้อื่น กระทำผิดพลาด
แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ต่อ) คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ด้าน รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 5.5 วางแผนการเรียน การทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันบนพื้นฐาน ของความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร 5.6 รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง ทางสังคม และสภาพแวดล้อม ยอมรับ และปรับตัว อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข 6. มุ่งมั่นในการทำงาน 6.1 เอาใจใส่ต่อการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 6.2 ตั้งใจและรับผิดชอบในการทำงานให้สำเร็จ 6.3 ปรับปรุงและพัฒนาการทำงานอย่างรอบคอบ 6.4 ทุ่มเท ทำงาน อดทน ไม่ท้อต่อปัญหาและอุปสรรค 6.5 พยายามแก้ปัญหาและอุปสรรคในการทำงานให้สำเร็จ 6.6 ชื่นชมผลงานความสำเร็จด้วยความภาคภูมิใจ 7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน 8.2 อาสาทำงาน ช่วยคิด ช่วยทำ แบ่งปันสิ่งของ ทรัพย์สิน และอื่นๆ พร้อมช่วยแก้ปัญหา 8.3 ดูแล รักษาทรัพย์สินของห้องเรียน โรงเรียน ชุมชน 8.4 เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรียน ชุมชน เพื่อแก้ปัญหาหรือร่วมสร้างสิ่งที่ดีงามตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน
บันทึกหลังแผนการสอน ด้านความรู้ ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ด้านอื่นๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปัญหาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี)) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแก้ไข ความเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ( ) ตำแหน่ง..................................
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 วิชา ท 33102 ภาษาไทย6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่6 การประเมินคุณค่างานเขียน เวลา 1-2 ชั่วโมง เรื่อง การประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ ผู้สอน นางสาวจิลันดา รักไร่ 1. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์จะต้องพิจารณาด้านเนื้อหา รูปแบบคำประพันธ์ วรรณศิลป์ และคุณค่าของงาน จึงจะสามารถประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ได้อย่างถูกต้อง 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.4-6/5 ประเมินงานเขียนของผู้อื่น แล้วนำมาพัฒนางานเขียนของตนเอง 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายแนวทางการประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ได้ 2) ประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง ประเมินคุณค่างานเขียนในด้านต่างๆ เช่น - แนวคิดของผู้เขียน - การใช้ถ้อยคำ - การเรียบเรียง - สำนวนโวหาร - กลวิธีในการเขียน 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการประเมิน 2) ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน
6. กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีสอนแบบโมเดลซิปปา (CIPPA Model) ขั้นที่ 1 ทบทวนความรู้เดิม 1. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด 2. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับกวีนิพนธ์หรือวรรณกรรม ประเภทร้อยกรองที่นักเรียนชื่นชอบหรือสนใจ จากนั้นครูสุ่ม เรียกนักเรียน 4-5 คน ออกมาอธิบายเกี่ยวกับการประเมิน คุณค่ากวีนิพนธ์หรือวรรณกรรมประเภทร้อยกรองที่ตนเองชื่น ชอบหรือสนใจ คำถามกระตุ้นความคิด นักเรียนมีวิธีการประเมินคุณค่างานเขียน ของตนเองอย่างไรบ้าง (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดย ให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน) ขั้นที่ 2 แสวงหาความรู้ใหม่ 1. นักเรียนรวมกลุ่มเดิม (จากแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1) แล้ว ร่วมกันศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ จาก หนังสือเรียน หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม ห้องสมุด และแหล่งข้อมูล สารสนเทศ 2. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด คำถามกระตุ้นความคิด การประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์มีแนว ทางการประเมินในประเด็นใดบ้าง (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน) ขั้นที่ 3 ศึกษาทำความเข้าใจข้อมูล/ความรู้ใหม่ และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปเกี่ยวกับการประเมินคุณค่า กวีนิพนธ์ แล้วจัดทำเป็นแผนผังความคิด 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันทำใบงานที่2.1 เรื่อง สรุปความรู้ การประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ ขั้นที่ 4 แลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม นักเรียนแต่ละคนนำผลงานในใบงานที่ 2.1 มาสนทนาแลกเปลี่ยน ความรู้กันภายในกลุ่มแล้วช่วยกันสรุปเป็นผลงานของกลุ่ม ขั้นที่ 5 สรุปและจัดระเบียบความรู้ คำถามกระตุ้นความคิด นักเรียนคิดว่านักเขียนแต่ละคนมี ท่วงทำนองการเขียนหรือลีลาการเขียนที่ แสดงตัวตนของนักเขียนหรือไม่ อย่างไร (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน) 1. ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน 2. ครูอภิปรายเกี่ยวกับการนำเสนอผลงานของแต่ละกลุ่ม แล้วช่วยจัดระเบียบข้อมูล 3. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด
ขั้นที่ 6 ปฏิบัติและ/หรือแสดงผลงาน นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนสรุปข้อมูลส่งครูเพื่อคัดเลือกผลงานดีเด่น จากนั้นนำผลงานที่คัดเลือกมาติดป้ายนิเทศ เพื่อให้ทุกคนดูเป็น ตัวอย่าง ขั้นที่ 7 ประยุกต์ใช้ความรู้ 1. นักเรียนแต่ละคนเลือกอ่านกวีนิพนธ์ตามความสนใจ แล้วทำ ใบงานที่ 2.2 เรื่อง ประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์เสร็จแล้วนำส่ง ครูตรวจ 2. ครูเสนอแนะแนวทางในการนำความรู้เกี่ยวกับการประเมิน คุณค่ากวีนิพนธ์ไปใช้ต่อไป ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มจัดทำบทความวิจารณ์เรื่องสั้นและกวีนิพนธ์โดยให้ครอบคลุมประเด็นตามที่ กำหนด ดังนี้ 1) การประเมินคุณค่าเรื่องสั้น 2) การประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ 3) การแสดงความคิดเห็นและการประเมินค่างานเขียน 4) การลำดับความคิดและการเรียบเรียงในการนำเสนอความคิด 5) การใช้ภาษา นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง การประเมินคุณค่างานเขียน 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.1 ใบงานที่ 2.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.2 ใบงานที่ 2.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการนำเสนอผลงาน แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการ ทำงาน แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ ที่ 5 แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจบทความวิจารณ์เรื่องสั้นและกวีนิพนธ์ แบบประเมินบทความวิจารณ์เรื่องสั้นและ กวีนิพนธ์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.6 2) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม 3) ใบงานที่ 2.1 เรื่อง สรุปความรู้การประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ 4) ใบงานที่ 2.2 เรื่อง ประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ - http://www.oknation.net/blog/to-be-proud-thai-literature/2011/10/27/entry-4 - http://department.utcc.ac.th/cte/images/stories/Download/ge/data/HG008/Rd.pdf
การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินบทความวิจารณ์เรื่องสั้นและกวีนิพนธ์ ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1 การประเมินคุณค่าเรื่องสั้น 2 การประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ 3 การแสดงความคิดเห็นและการประเมินค่างานเขียน 4 การลำดับความคิดและการเรียบเรียงในการนำเสนอ ความคิด 5 การใช้ภาษา รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ดีมาก = 4 ดี = 3 พอใช้ = 2 ปรับปรุง = 1 เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง
ใบงานที่ 2.1 เรื่อง สรุปความรู้การประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนแผนผังความคิด สรุปแนวทางการประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์
ใบงานที่ 2.1 เรื่อง สรุปความรู้การประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ เฉลย คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนแผนผังความคิด สรุปแนวทางการประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน) (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน)
ใบงานที่ 2.2 เรื่อง ประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ คำชี้แจง ให้นักเรียนประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ 1 เรื่อง ตามความสนใจ ชื่อเรื่อง แนวทางการประเมินคณุค่ากวีนิพนธ์
ใบงานที่ 2.2 เรื่อง ประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ เฉลย คำชี้แจง ให้นักเรียนประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ 1 เรื่อง ตามความสนใจ (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน) ชื่อเรื่อง แนวทางการประเมินคณุค่ากวีนิพนธ์
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1 เนื้อหาละเอียดชัดเจน 2 ความถูกต้องของเนื้อหา 3 ภาษาที่ใช้เข้าใจง่าย 4 ประโยชน์ที่ได้จากการนำเสนอ 5 วิธีการนำเสนอผลงาน รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 4 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง
แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 3 การทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 ความมีน้ำใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง
แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน ลำดับที่ ชื่อ-สกุล ของผู้รับการ ประเมิน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การทำงาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ำใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 20 คะแนน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง
แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ด้าน รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 1.1 ยืนตรงเมื่อได้ยินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และอธิบายความหมาย ของเพลงชาติ 1.2 ปฏิบัติตนและชักชวนผู้อื่นปฏิบัติตามสิทธิและหน้าที่ของพลเมือง 1.3 ให้ความร่วมมือ ร่วมใจ ในการทำกิจกรรมกับสมาชิกในโรงเรียน ชุมชน และสังคม 1.4 เป็นผู้นำหรือเป็นแบบอย่างในการจัดกิจกรรมที่สร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน ชุมชน และสังคม ชื่นชม ปกป้อง ความเป็นชาติไทย 1.5 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตนตามหลักของศาสนา และเป็นตัวอย่างที่ดีของศาสนิกชน 1.6 เข้าร่วมกิจกรรมและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน พระมหากษัตริย์ตามที่โรงเรียนและชุมชนจัดขึ้น ชื่นชมในพระราชกรณียกิจ พระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ 2. ซื่อสัตย์ สุจริต 2.1 ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง ละอาย และเกรงกลัวที่จะกระทำความผิด ทำตาม สัญญาที่ตนให้ไว้กับเพื่อน พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง และครู เป็นแบบอย่าง ที่ดีด้านความซื่อสัตย์ 2.3 ปฏิบัติตนต่อผู้อื่นด้วยความซื่อตรง ไม่หาประโยชน์ในทางที่ไม่ถูกต้อง และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เพื่อนด้านความซื่อสัตย์ 3. มีวินัย รับผิดชอบ 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว โรงเรียน และสังคม ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ตรงต่อเวลาในการปฏิบัติ กิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน และรับผิดชอบในการทำงาน ปฏิบัติ เป็นปกติวิสัยและเป็นแบบอย่างที่ดี 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 แสวงหาข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ 4.2 มีการจดบันทึกความรู้อย่างเป็นระบบ 4.3 สรุปความรู้ได้อย่างมีเหตุผล 5. อยู่อย่างพอเพียง 5.1 ใช้ทรัพย์สินของตนเอง เช่น สิ่งของ เครื่องใช้ ฯลฯ อย่างประหยัด คุ้มค่า และเก็บรักษาดูแลอย่างดี และใช้เวลาอย่างเหมาะสม 5.2 ใช้ทรัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยัด คุ้มค่า และเก็บรักษาดูแลอย่างดี 5.3 ปฏิบัติตนและตัดสินใจด้วยความรอบคอบ มีเหตุผล 5.4 ไม่เอาเปรียบผู้อื่น และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน พร้อมให้อภัยเมื่อผู้อื่น กระทำผิดพลาด
แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ต่อ) คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ด้าน รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 5.5 วางแผนการเรียน การทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันบนพื้นฐาน ของความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร 5.6 รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง ทางสังคม และสภาพแวดล้อม ยอมรับ และปรับตัว อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข 6. มุ่งมั่นในการทำงาน 6.1 เอาใจใส่ต่อการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 6.2 ตั้งใจและรับผิดชอบในการทำงานให้สำเร็จ 6.3 ปรับปรุงและพัฒนาการทำงานอย่างรอบคอบ 6.4 ทุ่มเท ทำงาน อดทน ไม่ท้อต่อปัญหาและอุปสรรค 6.5 พยายามแก้ปัญหาและอุปสรรคในการทำงานให้สำเร็จ 6.6 ชื่นชมผลงานความสำเร็จด้วยความภาคภูมิใจ 7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน 8.2 อาสาทำงาน ช่วยคิด ช่วยทำ แบ่งปันสิ่งของ ทรัพย์สิน และอื่นๆ พร้อมช่วยแก้ปัญหา 8.3 ดูแล รักษาทรัพย์สินของห้องเรียน โรงเรียน ชุมชน 8.4 เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรียน ชุมชน เพื่อแก้ปัญหาหรือร่วมสร้างสิ่งที่ดีงามตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน
บันทึกหลังแผนการสอน ด้านความรู้ ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ด้านอื่นๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปัญหาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี)) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแก้ไข ความเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ( ) ตำแหน่ง..................................
บันทึกหลังหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน ตอนที่ 1 นักเรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดของหน่วยการเรียนรู้ ต่อไปนี้ ท 2.1 (ม.4-6/5) ด้านความรู้ (จำนวน คน คิดเป็นร้อยละ ) ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ด้านอื่นๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปัญหาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี)) สรุปผลจากการประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) ประจำหน่วยการเรียนรู้ ระดับคุณภาพดีมาก จำนวน คน คิดเป็นร้อยละ ระดับคุณภาพดี จำนวน คน คิดเป็นร้อยละ ระดับคุณภาพพอใช้ จำนวน คน คิดเป็นร้อยละ ระดับคุณภาพปรับปรุง จำนวน คน คิดเป็นร้อยละ ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแก้ไข ความเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ( ) ตำแหน่ง
ตอนที่ 2 การตรวจสอบคุณภาพนักเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการประเมินคุณภาพภายนอก ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ด้านคุณภาพผู้เรียน) ร้อยละ มาตรฐานที่ 1 ผู้เรียนมีสุขภาวะที่ดีและมีสุนทรียภาพ 1.1 มีสุขนิสัยในการดูแลสุขภาพและออกกำลังกายสม่ำเสมอ 1.2 มีน้ำหนัก ส่วนสูง และมีสมรรถภาพทางกายตามเกณฑ์มาตรฐาน 1.3 ป้องกันตนเองจากสิ่งเสพติดให้โทษและหลีกเลี่ยงตนเองจากสภาวะที่เสี่ยงต่อความรุนแรง โรค ภัย อุบัติเหตุ และปัญหาทางเพศ 1.4 เห็นคุณค่าในตนเอง มีความมั่นใจ กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม 1.5 มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีและให้เกียรติผู้อื่น 1.6 สร้างผลงานจากการเข้าร่วมกิจกรรมด้านศิลปะ ดนตรี/นาฏศิลป์ กีฬา/นันทนาการตามจินตนาการ มาตรฐานที่ 2 ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ 2.1 มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามหลักสูตร 2.2 เอื้ออาทรผู้อื่นและกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ 2.3 ยอมรับความคิดและวัฒนธรรมที่แตกต่าง 2.4 ตระหนัก รู้คุณค่า ร่วมอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มาตรฐานที่ 3 ผู้เรียนมีทักษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง รักเรียนรู้ และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง 3.1 มีนิสัยรักการอ่านและแสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากห้องสมุด แหล่งเรียนรู้ และสื่อต่างๆ รอบตัว 3.2 มีทักษะในการอ่าน ฟัง ดู พูด เขียน และตั้งคำถามเพื่อค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม 3.3 เรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่ม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อการเรียนรู้ระหว่างกัน 3.4 ใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้และนำเสนอผลงาน มาตรฐานที่ 4 ผู้เรียนมีความสามารถในการคิดอย่างเป็นระบบ คิดสร้างสรรค์ ตัดสินใจแก้ปัญหา ได้อย่างมีสติสมเหตุสมผล 4.1 สรุปความคิดจากเรื่องที่อ่าน ฟัง และดู และสื่อสารโดยการพูดหรือเขียนตามความคิดของตนเอง 4.2 นำเสนอวิธีคิด วิธีแก้ปัญหาด้วยภาษาหรือวิธีการของตนเอง 4.3 กำหนดเป้าหมาย คาดการณ์ ตัดสินใจแก้ปัญหาโดยมีเหตุผลประกอบ 4.4 มีความคิดริเริ่ม และสร้างสรรค์ผลงานด้วยความภาคภูมิใจ มาตรฐานที่ 5 ผู้เรียนมีความรู้และทักษะที่จำเป็นตามหลักสูตร 5.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยแต่ละกลุ่มสาระเป็นไปตามเกณฑ์ 5.2 ผลการประเมินสมรรถนะสำคัญตามหลักสูตรเป็นไปตามเกณฑ์ 5.3 ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนเป็นไปตามเกณฑ์ 5.4 ผลการทดสอบระดับชาติเป็นไปตามเกณฑ์ มาตรฐานที่ 6 ผู้เรียนมีทักษะในการทำงาน รักการทำงาน สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมีเจตคติที่ดี ต่ออาชีพสุจริต 6.1 วางแผนการทำงานและดำเนินการจนสำเร็จ 6.2 ทำงานอย่างมีความสุข มุ่งมั่นพัฒนางาน และภูมิใจในผลงานของตนเอง 6.3 ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ 6.4 มีความรู้สึกที่ดีต่ออาชีพสุจริตและหาความรู้เกี่ยวกับอาชีพที่ตนเองสนใจ
หน่น่ น่ ว น่ วยที่ที่ ที่ที่7 การพูพู พู ด พู ดอภิภิ ภิปภิราย การพูพู พู ด พู ดแสดงทรรศนะ และการโต้ต้ ต้ แ ต้ แย้ย้ ย้ ง ย้ ง
หน่วยการเรียนรู้ที่7 การพูดอภิปราย การพูดแสดงทรรศนะ และการโต้แย้ง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ท 3.1 ม.4-6/5 พูดในโอกาสต่างๆ พูดแสดงทรรศนะ โต้แย้ง โน้มน้าวใจ และเสนอแนวคิดใหม่ด้วยภาษาถูกต้อง เหมาะสม ม.4-6/6 มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การพูดอภิปราย พูดแสดงทรรศนะ และการโต้แย้ง เป็นการพูดในโอกาสต่างๆ ผู้พูดต้องเสนอแนวคิดใหม่ใช้ภาษา ให้ถูกต้อง เหมาะสมและมีมารยาทในการพูด 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1) การพูดในโอกาสต่างๆ เช่น การพูดอภิปราย การพูดแสดงทรรศนะ 2) มารยาทในการฟัง การดู และการพูด 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการพูด 2) ทักษะการให้เหตุผล 3) ทักษะการเชื่อมโยง 4) ทักษะการประเมิน 5) ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 6. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) การพูดในโอกาสต่างๆ
7. การวัดและการประเมินผล 7.1 การประเมินก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง การพูดอภิปราย การพูดแสดงทรรศนะ และการโต้แย้ง 7.2 การประเมินระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1) ตรวจใบงานที่ 1.1 เรื่อง การพูดอภิปราย 2) ตรวจใบงานที่ 2.1 เรื่อง การพูดแสดงทรรศนะ 3) ประเมินการนำเสนอผลงาน 4) สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล 5) สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม 6) สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 7.3 การประเมินหลังเรียน - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง การพูดอภิปราย การพูดแสดงทรรศนะ และการโต้แย้ง 7.4 การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - สังเกตการพูดในโอกาสต่างๆ
8. กิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง การพูดอภิปราย การพูดแสดงทรรศนะ และการโต้แย้ง เรื่องที่ 1 การพูดอภิปราย เวลา 1 ชั่วโมง วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับเว็บไซต์สังคมออนไลน์ เช่น facebook และ twitter แล้วครูสุ่มเรียกนักเรียน 3-5 คน ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์และโทษของเว็บไซต์สังคมออนไลน์ให้เพื่อนฟังที่หน้าชั้นเรียน ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความสามารถ แล้วให้แต่ละกลุ่มศึกษาความรู้เรื่อง การพูดอภิปราย จาก หนังสือเรียน หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม ห้องสมุด และแหล่งข้อมูลสารสนเทศ ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้(Explain) 1. สมาชิกแต่ละกลุ่มผลัดกันอธิบายความรู้ และซักถามหากมีข้อสงสัยและอธิบายความรู้จนทุกคนมีความเข้าใจชัดเจน ตรงกัน จากนั้นร่วมกันสรุปประเด็นความรู้ 2. นักเรียนทำใบงานที่ 1.1 เรื่อง การพูดอภิปราย เมื่อทำใบงานเสร็จแล้วให้ตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำส่งครู ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Expand) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มยกตัวอย่างรายการทางโทรทัศน์ที่เป็นการพูดอภิปราย ที่นักเรียนรู้จักหรือสนใจ เพื่อเป็นการ ตรวจสอบความเข้าใจให้ถูกต้องตรงกัน 2. นักเรียนร่วมกันเสนอประเด็นที่น่าสนใจ เพื่อเลือกประเด็นในการอภิปราย 1 ประเด็น จากนั้นให้แต่ละกลุ่มฝึกอภิปราย ภายในกลุ่มตามขั้นตอนการอภิปราย 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาร่วมกันอภิปรายที่หน้าชั้นเรียนให้ถูกต้องตามองค์ประกอบ และขั้นตอนในการ อภิปราย ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) นักเรียนร่วมกันสรุปผลการอภิปราย จากนั้นครูเสนอแนะเพิ่มเติมในส่วนที่บกพร่องเพื่อให้นักเรียนสามารถนำไปปรับปรุง แก้ไข แล้วให้นักเรียนร่วมกันสรุปประโยชน์ที่ได้รับจากการอภิปราย
เรื่องที่ 2 การพูดแสดงทรรศนะ เวลา 1 ชั่วโมง วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิคคู่คิดสี่สหาย ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับความนิยมของคนไทยในการใช้สินค้าต่างประเทศ จากนั้นให้นักเรียนแสดง ทรรศนะในเรื่องดังกล่าว 2. ครูนำตัวอย่างข้อความการแสดงทรรศนะเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาอ่านให้นักเรียนฟัง ขั้นสอน 1. นักเรียนรวมกลุ่มเดิม (จากเรื่องที่ 1) ให้แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง การพูดแสดงทรรศนะ จาก หนังสือเรียน หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม และแหล่งข้อมูลสารสนเทศ 2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันเปรียบเทียบความแตกต่างของการพูดแสดงทรรศนะแต่ละประเภท จากนั้นให้ ร่วมกันสรุป และยกตัวอย่างการพูดแสดงทรรศนะในแต่ละประเภทประกอบ 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทำใบงานที่ 2.1 เรื่อง การพูดแสดงทรรศนะ โดยให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มหา คำตอบในใบ งานด้วยตนเองจนครบทุกข้อ จากนั้นจับคู่กับเพื่อนในกลุ่มผลัดกันอธิบายคำตอบของตนเอง ให้เพื่อนฟัง (นักเรียนอีกคู่หนึ่งก็ปฏิบัติกิจกรรมเช่นเดียวกัน) 4. สมาชิกรวมกลุ่ม 4 คนตามเดิม จากนั้นผลัดกันอธิบายคำตอบของคู่ตนเองให้เพื่อนอีกคู่หนึ่งฟัง และสรุปคำตอบ ที่เป็นมติของกลุ่มแล้วบันทึกคำตอบลงในใบงานที่ 2.1 เสร็จแล้วนำส่งครูตรวจ 5. ครูกำหนดประเด็นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันพูดแสดงทรรศนะเกี่ยวกับการแต่งกายของวัยรุ่นในปัจจุบัน ตามองค์ประกอบของการพูดแสดงทรรศนะ และคำนึงถึงมารยาทในการพูดแสดงทรรศนะ ขั้นสรุป 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มสรุปแนวทางการพูดแสดงทรรศนะของสมาชิกในกลุ่ม 2. นักเรียนร่วมกันบอกประโยชน์ของการพูดแสดงทรรศนะ
เรื่องที่ 3 การโต้แย้ง เวลา 1 ชั่วโมง วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการเรียนความรู้ความเข้าใจ ขั้นที่ 1 สังเกต ตระหนัก 1. ครูนำตัวอย่างข้อความการพูดแสดงทรรศนะมาให้ตัวแทนนักเรียนอ่านให้เพื่อนฟัง 2. ครูให้นักเรียนร่วมกันเปรียบเทียบความแตกต่างของทรรศนะที่ 1 และทรรศนะที่ 2 แล้วครูอธิบายถึงความแตกต่างของ ทรรศนะทั้งสองให้นักเรียนเข้าใจ 3. นักเรียนรวมกลุ่มเดิม (จากเรื่องที่ 1) ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันพูดโต้แย้งในหัวข้อ “ปีแห่งการพูดภาษาอังกฤษ พ.ศ. 2555 จะเป็นไปได้จริงหรือแค่ฝัน” โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาความรู้เรื่อง การ โต้แย้ง จากหนังสือเรียน หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม และแหล่งข้อมูลสารสนเทศ ขั้นที่ 2 วางแผนปฏิบัติ นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทำความเข้าใจเกี่ยวกับหัวข้อในการพูดโต้แย้ง กำหนดประเด็นการโต้แย้ง การแบ่งฝ่ายโต้แย้ง และ ประเด็นที่ต้องศึกษา จากนั้นร่วมกันวางแผนศึกษาความรู้ และแบ่งหน้าที่ให้กับสมาชิกในกลุ่มตามความเหมาะสม ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษา สรุปความรู้ และพูดโต้แย้งในประเด็นที่กำหนด ตามที่สมาชิกกลุ่มได้วางแผนร่วมกัน ขั้นที่ 4 พัฒนาความรู้ ความเข้าใจ นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสรุปผลการโต้แย้งในหัวข้อ “ปีแห่งการพูดภาษาอังกฤษ พ.ศ. 2555 จะเป็นไปได้จริง หรือแค่ฝัน” จากนั้นส่งตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอผลการสรุปที่หน้าชั้นเรียน ขั้นที่ 5 สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการโต้แย้งในหัวข้อดังกล่าว จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันบอกข้อดี หรือประโยชน์ที่ได้รับจากการ โต้แย้ง
เรื่องที่ 4 ฝึกปฏิบัติทักษะการพูดแบบต่างๆ เวลา 1 ชั่วโมง วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการปฏิบัติ ขั้นที่ 1 สังเกต รับรู้ ครูเปิดวิดีโอตัวอย่างการพูดอภิปราย การพูดแสดงทรรศนะ และการโต้แย้ง ให้นักเรียนดู เพื่อให้นักเรียนสังเกตลักษณะและ วิธีการพูดอภิปราย การพูดแสดงทรรศนะ และโต้แย้ง ขั้นที่ 2 ทำตามแบบ 1. ครูเปิดวิดีโอตัวอย่างการพูดอภิปราย การพูดแสดงทรรศนะ และการโต้แย้ง ให้นักเรียนดูอีกครั้ง จากนั้นครูอธิบาย ลักษณะและวิธีการพูดอภิปราย การพูดแสดงทรรศนะ และการโต้แย้ง 2. นักเรียนรวมกลุ่มเดิม (จากเรื่องที่ 1) แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาจับสลากประเภทของ การพูด แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มฝึกพูดตามประเภทที่จับสลากได้ตามตัวอย่างวิดีโอการพูดประเภทนั้นๆ ขั้นที่ 3 ทำเองโดยไม่มีแบบ ครูให้นักเรียน 2 กลุ่ม จับคู่กันเพื่อเตรียมการพูดอภิปราย การพูดแสดงทรรศนะ และการพูดโต้แย้ง โดยเลือกประเภทของ การพูดแบบใดแบบหนึ่ง ซึ่งครูกำหนดเวลา 10 นาที ในหัวข้อเกี่ยวกับ “สิทธิและความเท่าเทียมทางเพศในสังคมไทย” โดยให้ นักเรียนศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลจากหนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม ห้องสมุด และแหล่งข้อมูลสารสนเทศ ขั้นที่ 4 ฝึกทำให้ชำนาญ นักเรียนแต่ละกลุ่มพูดอภิปราย พูดแสดงทรรศนะ และพูดโต้แย้ง ตามประเภทที่เลือกที่หน้าชั้นเรียน จากนั้นร่วมกันประเมิน และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพูดของเพื่อนแต่ละกลุ่ม ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเลือกประเภทการพูด ได้แก่ การพูดอภิปราย การพูดแสดงทรรศนะ หรือการพูดโต้แย้ง ในประเด็นที่สนใจให้เหมาะสมกับโอกาสต่างๆ โดยให้ครอบคลุมประเด็นตามที่กำหนด นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง การพูดอภิปราย การพูดแสดงทรรศนะ และการโต้แย้ง 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.6 2) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม 3) ตัวอย่างข้อความ การพูดแสดงทรรศนะ 4) วิดีโอตัวอย่างการพูด 5) สลาก 6) ตรวจใบงานที่ 1.1 เรื่อง การพูดอภิปราย 7) ตรวจใบงานที่ 2.1 เรื่อง การพูดแสดงทรรศนะ
9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ - http://www.mahathai.ac.th/node/705 - http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php - http://www.pasathai.8m.net/meetingtalk.html - http://wichayaratkw2.blogspot.com/2011/01blog-post30.html
การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินการพูดในโอกาสต่างๆ รายการประเมิน คำอธิบายระดับคุณภาพ / ระดับคะแนน ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) 1. จุดมุ่งหมายใน การพูด มีจุดมุ่งหมายในการ พูดอย่างชัดเจน และ พูดได้ถูกต้องตรงตาม จุดมุ่งหมาย มีจุดมุ่งหมายในการพูด อย่างชัดเจน และพูดได้ ถูกต้องตรงตาม จุดมุ่งหมายเป็นส่วน ใหญ่ มีจุดมุ่งหมายในการพูด อย่างชัดเจน และพูดได้ ถูกต้องตรงตาม จุดมุ่งหมายเป็นส่วน น้อย มีจุดมุ่งหมายในการ พูดไม่ชัดเจน และไม่ ค่อยตรงจุดมุ่งหมาย 2. องค์ประกอบของ การพูด มีองค์ประกอบ ครบถ้วน ดำเนินการ พูดได้อย่างราบรื่น ประสบความ สำเร็จใน การพูด มีองค์ประกอบครบถ้วน ดำเนินการพูดได้อย่าง ราบรื่น ประสบความ สำเร็จในการพูดเป็น ส่วนใหญ่ มีองค์ประกอบไม่ ครบถ้วน ดำเนินการ พูดได้ค่อนข้างราบรื่น ประสบความสำเร็จ ในการพูด มีองค์ประกอบไม่ ครบถ้วน ดำเนินการ พูดไม่ราบรื่น ไม่ ประสบความสำเร็จ ในการพูด 3. การปฏิบัติตาม ขั้นตอนของ การพูด ดำเนินการพูดได้ ถูกต้องตามขั้นตอน สามารถสื่อความกับ ผู้ฟังได้อย่างชัดเจน ดำเนินการพูดได้ถูกต้อง ตามขั้นตอน สามารถ สื่อความกับผู้ฟังได้ อย่างชัดเจนเป็นส่วน ใหญ่ ดำเนินการพูดได้ ถูกต้องตามขั้นตอน สามารถสื่อความกับ ผู้ฟังได้แต่ไม่ค่อย ชัดเจน ดำเนินการพูดไม่ ถูกต้องตามขั้นตอน รวบรัด ติดขัดในบางตอน 4. มารยาทในการพูด ปฏิบัติตามมารยาทใน การพูดอย่างถูกต้อง เป็นแบบอย่างในการ พูดได้ ปฏิบัติตามมารยาทใน การพูดอย่างถูกต้องเป็น แบบอย่างในการพูดได้ เป็นส่วนใหญ่ ปฏิบัติตามมารยาทใน การพูดไม่ค่อยถูกต้อง เป็นแบบอย่างในการ พูดได้ ปฏิบัติตามมารยาท ในการพูดไม่ค่อย ถูกต้อง เป็น แบบอย่างในการพูด ไม่ได้ เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14 - 16 ดีมาก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง