The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ji, 2022-08-30 10:17:36

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย 5 ท33101

ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

1

นางสาวจิลนั ดา รกั ไร่
ตาแหน่ง ครู

โรงเรียนหนองกี่พิทยาคม
สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาบรุ ีรมั ย์

สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

2

คำนำ

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย รหสั วิซา ท33101 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 เล่มนี้ไดจ้ ดั ทำขน้ึ
เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการจดั การเรียนรู้โดยเนน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สำคัญ ใหน้ กั เรียนมสี ่วนร่วมในกิจกรรมและ
กระบวนการเรียนรู้ สามารถสร้างองคค์ วามรูไ้ ด้ดว้ ยตนเอง ท้งั เป็นรายบคุ คลและรายกลมุ่ สร้างสถานการณ์
การเรียนรทู้ ้ังในห้องเรยี นและนอกห้องเรียน ทำใหน้ ักเรียนสามารถเช่ือมโยงความรูใ้ นกล่มุ สาระการเรยี นรู้
อน่ื ๆ ได้ในเชงิ บูรณาการด้วยวิธีการท่หี ลากหลาย เน้นกระบวนการคดิ วิเคราะห์ สงั เคราะห์ และสรปุ ความรู้
ด้วยตนเอง ทำใหน้ ักเรยี นไดร้ ับการพฒั นาท้ังดา้ นความรู้ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ และดา้ นคณุ ธรรม
จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มทีด่ ี นำไปสูก่ ารอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมอย่างสนั ตสิ ุข

การจดั ทำแผนการจดั การเรียนรรู้ ายวิชาภาษาไทย รหสั วิชา ท33101 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 เลม่ น้ี
ไดจ้ ดั ทำตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ซ่ึงครอบคลมุ ตัวชวี้ ัดและมาตรฐาน
การเรียนรู้ โดยได้นำเสนอแผนการจัดการเรยี นรเู้ ป็นรายช่วั โมงตามหน่วยการเรียนรู้ และในแต่ละหน่วยการ
เรยี นรูม้ ีการวดั และประเมินผลการเรียนรทู้ ้งั 3 ดา้ น ได้แก่ ดา้ นพุทธพิ ิสยั หรอื ความรู้ Cognitive Domain (K),
ด้านจิตพิสยั หรอื ทกั ษะ Psychomotor Domain (P) และดา้ นทกั ษะพสิ ยั หรือเจตคติ Affective Domain (A)

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาภาษาไทย รหัสวชิ า ท33101 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 เล่มนไ้ี ดอ้ อกแบบ
การเรียนรู้ด้วยเทคนิคและวิธีการสอนอย่างหลากหลาย เพื่อการจัดการเรียนรู้สำหรับนักเรียนให้บรรลุ
เป้าหมายของหลกั สตู รต่อไป

นางสาวจิลันดา รกั ไร่
ผู้จัดทำ

สารบญั 3

คำนำ ก
สารบัญ ข
บันทึกข้อความขออนุญาตใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ ค
คำอธิบายรายวิชา 1
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เสภาเร่ือง ขุนชา้ งขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา 3
6
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 ความเปน็ มาและประวัตผิ แู้ ต่ง 21
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 สรุปเนือ้ หาและคำศัพท์ 41
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 วรรณศลิ ป์และรสแห่งวรรณคดี 57
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 4 คุณคา่ และข้อคดิ 77
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 สามก๊ก ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ 79
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 ความเป็นมา 93
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เนอ้ื หาและศพั ท์สำนวน 109
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 3 ภาษาและโวหาร 119
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 4 คุณคา่ และข้อคดิ 137
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 การอา่ นในชีวิตประจำวนั 139
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 การเขียนกรอบแนวคิดจากการอ่าน 157
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 การเขียนเพอ่ื ส่อื สาร 159
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 การโตแ้ ย้ง 166
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 การเขยี นโตแ้ ย้ง 177
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 การฟงั และดูอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 179
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 ความหมายและแนวทางฝึกทักษะการฟงั และดู 187
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 แนวทางการประเมินค่าเรอ่ื งท่ีฟงั และดู 200
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 การประเมินค่าการฟงั และดขู ่าว 214
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 4 การประเมนิ คา่ การฟังและดูโฆษณา 227
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 5 การประเมินค่าการฟังและดเู พลง 239
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 6 การประเมนิ คา่ การฟังและดเู พลง 253
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 ระดบั ภาษาและอิทธิพลของการใชภ้ าษา 255
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 ระดบั ภาษาและคำราชาศัพท์ 269
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 อทิ ธพิ ลของภาษาต่างประเทศในภาษาไทย 278
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 ภาษาถิน่ 291
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 7 การแตง่ คำประพนั ธ์ประเภทฉันท์ 293
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4 เรยี นร้เู ร่อื งคำประพนั ธ์ประเภทฉันท์ 304
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 5 การแต่งคำประพนั ธ์ประเภทฉนั ท์

4

บันทึกขอ้ ความ

สว่ นราชการ โรงเรียนหนองกพี่ ิทยาคม

ที่ 1115/2564 วนั ท่ี 11 กรกฎาคม 2565

เร่อื ง สง่ แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา ภาษาไทย 5 ท33101 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565

---------------------------------------------------------------------------------------

เรยี น ผู้อำนวยการโรงเรียนหนองกี่พิทยาคม

ดว้ ยข้าพเจา้ นางสาวจลิ ันดา รกั ไร่ ตำแหนง่ ครู โรงเรียนหนองก่ีพทิ ยาคม สังกดั สำนักงานเขตพน้ื ท่ี

การศึกษามธั ยมศึกษาบรุ รี ัมย์ ได้รับมอบหมายให้ปฏบิ ัตหิ นา้ ที่การสอน และดำเนนิ การจดั ทำแผนการจดั การ

เรยี นรู้ วชิ าภาษาไทย 5 รหัสวิชา ท33101 ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565

บดั นี้ ข้าพเจ้าไดด้ ำเนนิ การจัดทำแผนการจดั การเรยี นรู้ วชิ าภาษาไทย รหัสวชิ า ท33101

ระดับช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 6 เรยี บร้อยแล้ว จงึ ขอส่งแผนการจัดการเรยี นรู้ ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565

ตามรายละเอยี ดดงั แนบ

จงึ เรียนมาเพ่อื โปรดทราบ

ลงช่ือ ผรู้ ายงาน
(นางสาวจลิ ันดา รักไร่)
ตำแหนง่ ครู

5

การขอรบั การสนบั สนุนจากผูบ้ ังคบั บัญชา
ตามที่ข้าพเจา้ ได้จัดทำแผนการจดั การเรยี นรู้ วิชาภาษาไทย 5 รหัสวิชา ท33101 ระดับชั้น

มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565
หากมีข้อเสนอแนะประการใด ข้าพเจ้ายนิ ดที ่ีจะนำไปปรับปรุงและพฒั นา การปฏิบตั กิ ารสอน

เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธทิ์ ีด่ ีต่อการปฏบิ ัตกิ ารสอนในโอกาสตอ่ ไป
จึงเรยี นมาเพ่ือโปรดทราบและพจิ ารณาใหข้ ้อเสนอแนะตามท่ีเห็นสมควร

ลงชอ่ื
(นางสาวจิลนั ดา รักไร่)
ครู

ความเหน็ ของหัวหน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
 อนุมัติ  ไมอ่ นุมตั ิ  อื่น ๆ ........................................................................................................

ลงชือ่
(นางปนัดดา ยอดแกว้ )

หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
………/……………./………

ความคดิ เห็นของผูช้ ่วยผู้อำนวยการฝ่ายบรหิ ารงานวิชาการ
 อนมุ ัติ  ไมอ่ นุมัติ  อื่น ๆ ........................................................................................................

ลงชื่อ
(นายสเุ นตร บอกประโคน)

ผูช้ ว่ ยผูอ้ ำนวยการฝ่ายบรหิ ารงานวชิ าการ
………/……………/………..

ความคิดเห็นของรองผู้อำนวยการฝ่ายบรหิ ารงานวิชาการ
 อนุมัติ  ไม่อนุมัติ  อ่ืน ๆ ........................................................................................................

ลงชื่อ
(นายเฉลิมพล คนชมุ )

รองผ้อู ำนวยการฝ่ายบริหารงานวิชาการ
………/……………/………..

ความคิดเหน็ ของผู้อำนวยการโรงเรียนหนองกพ่ี ทิ ยาคม
 อนุมตั ิ  ไมอ่ นุมตั ิ  อ่นื ๆ ........................................................................................................

ลงชือ่
(นายชาตรี อัครสขุ บตุ ร)

ผอู้ ำนวยการโรงเรียนหนองกพี่ ทิ ยาคม

1

คำอธบิ ายรายวิชาภาษาไทย 5

รหสั วิชา ท33101 เวลา 40 ช่ัวโมง 1 หนว่ ยกติ

ศกึ ษา ฝึกทักษะการอ่าน การเขียน การฟัง การดู การพดู การวเิ คราะห์ ประเมนิ ค่าวรรณคดแี ละ
วรรณกรรม โดยฝกึ ทักษะเกีย่ วกับอา่ นออกเสยี ง ตคี วาม แปลความ ขยายความ ตอบคำถาม คาดคะเน
เหตุการณ์เรื่องท่ีอา่ น วิเคราะห์ วจิ ารณ์ แสดงความคิดเหน็ โต้แยง้ เกย่ี วกบั เรือ่ งท่ีอ่าน ซ่ึงเปน็ การเสนอ
ความคดิ ใหม่อย่างมเี หตุผล ฝกึ ทกั ษะการเขยี น บรรยาย เขียนพรรณนา โน้มนา้ ว โครงการและรายงานการ
ดำเนินโครงการ รายงานการประชุม เขียนบันเทิงคดี ประเมิน คุณคา่ งานเขียนในดา้ นต่าง ๆ ฝึกทกั ษะการพดู
สรุปแนวคิด แสดงความคิดเห็น ประเมนิ เร่อื งที่ฟังและดู พูดในโอกาสตา่ ง ๆ ศึกษาเกย่ี วกบั ระดับของภาษา
อทิ ธพิ ลของภาษาต่างประเทศ แต่งบทร้อยกรองประเภทฉนั ท์ วเิ คราะหว์ ิถไี ทย ประเมนิ ค่าความรูแ้ ละข้อคิด
จากวรรณคดีวรรณกรรมเรือ่ ง ขุนช้างขนุ แผน กาพย์เห่เรอื สามกก๊ ไตรภูมิพระรว่ ง ทอ่ งจำบทอาขยานที่
กำหนด และบทรอ้ ยกรองท่ีมีคณุ คา่ ตามความสนใจ

โดยใช้กระบวนการอา่ น เพื่อสร้างความรู้ความคดิ นำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปญั หาในการดำเนินชีวิต
กระบวนการ เขียน เขียนส่อื สารอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ กระบวนการฟงั การดู และการพดู สามารถเลือกฟงั ดู
และพดู แสดงความรู้ ความคิดอย่างมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์ เพ่อื ใหเ้ ข้าใจธรรมชาติภาษาและหลัก
ภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา วเิ คราะห์วจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมอย่าง
เห็นคุณค่าและนำมาประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจรงิ และการ รกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ และมีนิสัยรกั การ
อา่ น การเขยี น มมี ารยาทในการอ่าน การเขียน การฟงั การดู และการพดู

เพอื่ ใหผ้ ู้เรียนมีพ้นื ฐานความรู้ด้านภาษาไทยที่ถูกต้อง พัฒนาทักษะการใชภ้ าษาไทยครบทกุ ดา้ น และ
เรยี นรู้ คณุ ค่าที่สอดแทรกในวรรณคดีและวรรณกรรมไทย รวมทั้งมีคุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมที่ดีงามไป
ใช้พัฒนาตน พฒั นาการเรียน และพัฒนาความรทู้ างอาชีพในชวี ติ จริงไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ

รหสั ตัวชี้วดั /ผลการเรียนรู้ ท1.1 ม.4-6/9 ท5.1 ม.4-6/6
ท1.1 ม.4-6/1 ท1.1 ม.4-6/7
ท2.1 ม.4-6/1 ท2.1 ม.4-6/8 ท4.1 ม.4-6/5
ท3.1 ม.4-6/1 ท3.1 ม.4-6/2 ท5.1 ม.4-6/3 ท5.1 ม.4-6/4
ท4.1 ม.4-6/3 ท4.1 ม.4-6/4
ท5.1 ม.4-6/1 ท5.1 ม.4-6/2
รวม 15 ตัวชี้วัด

2

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1
เสภาเร่ือง ขุนช้างขุนแผน

ตอนขุนชา้ งถวายฎกี า

3

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เสภาเร่ือง ขุนชา้ งขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎกี า

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ัด
ท 1.1 ม.4-6/1 อ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้อยา่ งถกู ต้อง ไพเราะ และเหมาะสมกบั
เรอื่ งท่ีอา่ น
ท 5.1 ม.4-6/1 วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมตามหลักการวจิ ารณเ์ บือ้ งต้น
ม.4-6/2 วเิ คราะหล์ ักษณะเด่นของวรรณคดเี ชือ่ มโยงกับการเรยี นรูท้ างประวตั ศิ าสตรแ์ ละวิถีชวี ติ
ของสงั คมในอดีต
ม.4-6/3 วเิ คราะหแ์ ละประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลปข์ องวรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะที่
เป็นมรดกทาง
วฒั นธรรมของชาติ
ม.4-6/4 สังเคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม เพอ่ื นำไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตจริง
ม.4-6/6 ท่องจำและบอกคุณค่าบทอาขยานตามท่ีกำหนด และบทร้อยกรองท่ีมีคณุ ค่าตามความ
สนใจและนำไปใชอ้ ้างองิ

2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
การอ่านออกเสียงบทเสภาเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา จะต้องอ่านอย่างถูกต้อง ไพเราะ

เหมาะสม วิเคราะห์วิจารณ์ตามหลักการวิจารณ์เบื้องต้น และลักษณะเด่น โดยเชื่อมโยงกับการเรียนรู้ทาง
ประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของสังคมในอดีต คุณค่าด้านวรรณศิลป์ในฐานะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ มี
การสังเคราะหข์ ้อคิด เพอ่ื นำไปประยุกต์ใช้ในชีวติ จรงิ และทอ่ งจำบทอาขยานทม่ี ีคุณค่า เพอื่ นำไปใชอ้ า้ งอิง

3. สาระการเรียนรู้
3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1) การอ่านออกเสยี ง ประกอบด้วย บทร้อยกรอง เชน่ โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน
2) หลกั การวิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมเบ้ืองตน้
- จุดมุ่งหมายการแตง่ วรรณคดีและวรรณกรรม
- การพิจารณาเนื้อหาและกลวิธใี นวรรณคดีและวรรณกรรม
- การวิเคราะห์และการวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม
3) การวิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดแี ละวรรณกรรมเก่ยี วกับเหตุการณ์ประวตั ิศาสตร์
และวถิ ีชวี ิตของสังคมในอดีต
4) การวเิ คราะห์และประเมินคุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรม
- ดา้ นวรรณศลิ ป์
- ดา้ นสังคมและวัฒนธรรม
5) การสงั เคราะหว์ รรณคดแี ละวรรณกรรม
6) บทอาขยานและบทร้อยกรองทมี่ ีคณุ ค่า
- บทอาขยานตามที่กำหนด
- บทรอ้ ยกรองตามความสนใจ

4

3.2 สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ
1) ความเป็นมาและประวตั ิผู้แต่งบทเสภาเร่อื ง ขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอนขนุ ชา้ งถวายฎีกา
2) เนือ้ หาและคำศัพทจ์ ากเสภาเร่อื ง ขุนช้างขุนแผน ตอนขนุ ช้างถวายฎีกา

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร

4.2 ความสามารถในการคดิ

1) ทกั ษะการเปรยี บเทียบ 2) ทักษะการเช่ือมโยง 3) ทักษะการสรา้ งความรู้

4) ทักษะการตีความ 5) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 6) ทกั ษะการสงั เคราะห์

7) ทักษะการประเมิน 8) ทักษะการประยุกตใ์ ช้ความรู้

4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ

5. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน 4. รักความเป็นไทย

6. ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
1. การทอ่ งบทอาขยานเสภาเร่ือง ขุนชา้ งขุนแผน ตอนขนุ ช้างถวายฎกี า (ชน้ิ งานที่ 1)
2. การเขียนบท และแสดงบทบาทสมมติ เร่ือง ขนุ ชา้ งขุนแผน ตอนขนุ ชา้ งถวายฎกี า (ช้ินงานท่ี 2)

7. การวดั และการประเมนิ ผล
7.1 การประเมินก่อนเรยี น
- ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1 เรอื่ ง เสภาเร่อื ง ขุนชา้ งขุนแผน ตอนขนุ ช้าง

ถวายฎีกา
7.2 การประเมินระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
1) ตรวจใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง สรรพสารนา่ รู้ ตอนขนุ ชา้ งถวายฎกี า
2) ตรวจใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง ร้คู วามตามท้องเรื่อง ตอนขนุ ช้างถวายฎีกา
3) ตรวจใบงานที่ 2.2 เร่ือง คน้ คำไขความ ตอนขนุ ชา้ งถวายฎีกา
4) ตรวจใบงานท่ี 3.1 เรอ่ื ง ศิลป์และรสแหง่ ภาษา ตอนขุนช้างถวายฎกี า
5) ตรวจใบงานท่ี 4.1 เรื่อง วถิ ไี ทย ตอนขนุ ชา้ งถวายฎกี า
6) ตรวจใบงานท่ี 4.2 เร่อื ง แง่งามความคดิ ตอนขุนช้างถวายฎกี า
7) ประเมินการอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง
8) ตรวจแบบบันทึกการอ่าน
9) ประเมินการนำเสนอผลงาน
10) สงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
11) สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
12) สังเกตคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

5

7.3 การประเมินหลงั เรียน
- ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 เร่อื ง เสภาเรือ่ ง ขุนชา้ งขนุ แผน ตอนขนุ ชา้ ง

ถวายฎีกา
7.4 การประเมินช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
1) ตรวจการทอ่ งบทอาขยานเสภาเร่อื ง ขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอนขุนชา้ งถวายฎีกา
2) สังเกตการแสดงบทบาทสมมติ เร่ือง ขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอนขุนชา้ งถวายฎกี า

6

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1

วิชา ท 33101 ภาษาไทย5 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 6

กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ภาคเรียนที่ 1

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เสภาเรอ่ื ง ขุนชา้ งขนุ แผน ตอนขนุ ช้างถวายฎกี า เวลา 1-2 ชว่ั โมง

เรือ่ ง ความเป็นมาและประวัตผิ แู้ ต่ง ผ้สู อน นางสาวจิลันดา รกั ไร่
....................................................................................................................................................................................

1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

การอ่านออกเสยี งบทเสภาเร่ือง ขนุ ช้างขุนแผน ตอนขนุ ช้างถวายฎกี า ตอ้ งอ่านออกเสียงให้ถูกต้องไพเราะและเหมาะสม
สามารถท่องบทอาขยาน วิเคราะห์ วจิ ารณ์ตามหลกั การเบ้ืองตน้ และยังต้องรู้ประวตั ผิ ้แู ตง่ อกี ดว้ ย
2. ตวั ชวี้ ดั /จุดประสงค์การเรียนรู้

2.1 ตัวช้วี ดั

ท1.1 ม.4-6/1 อา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้อยา่ งถูกต้อง ไพเราะ และเหมาะสมกบั เร่ืองที่อา่ น

ท5.1 ม.4-6/1 วเิ คราะห์และวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตามหลกั การวจิ ารณเ์ บือ้ งตน้

ม.4-6/6 ทอ่ งจำและบอกคุณคา่ บทอาขยานตามท่ีกำหนด และบทร้อยกรองทม่ี ีคุณคา่ ตามความสนใจและ

นำไปใช้อ้างอิง
2.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1) อา่ นออกเสียงบทร้อยกรองได้ถกู ต้อง ไพเราะ

2) อธบิ ายความเป็นมาของเสภาเรอื่ ง ขุนช้างขนุ แผน ตอนขนุ ช้างถวายฎีกาได้
3) บอกประวตั ิผแู้ ตง่ เสภาเรื่อง ขุนช้างขนุ แผน ตอนขุนชา้ งถวายฎีกาได้
4) ทอ่ งจำบทอาขยานตามทกี่ ำหนดได้

3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1) การอา่ นออกเสยี ง ประกอบดว้ ย บทรอ้ ยกรอง เช่น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน
2) หลักการวิเคราะหแ์ ละวิจารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมเบือ้ งต้น

- จุดมงุ่ หมายการแตง่ วรรณคดแี ละวรรณกรรม

3) บทอาขยานและบทร้อยกรองทีม่ ีคณุ ค่า
- บทอาขยานตามท่ีกำหนด
- บทรอ้ ยกรองตามความสนใจ

3.2 สาระการเรียนรทู้ ้องถ่ิน

- ความเป็นมาและประวัตผิ ู้แตง่ บทเสภาเรื่อง ขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอนขนุ ชา้ งถวายฎีกา
4. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น

4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร

4.2 ความสามารถในการคดิ

1) ทักษะการวิเคราะห์ 2) ทักษะการตีความ
3) ทักษะการเปรยี บเทยี บ 4) ทักษะการสร้างความรู้
4.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ

7

5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. รักความเป็นไทย

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E)

ชวั่ โมงท่ี 1

นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เร่อื ง เสภาเร่ือง ขุนชา้ งขุนแผน ตอนขุนชา้ งถวายฎกี า
ขั้นที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ

1. นักเรียนเปน็ กล่มุ กลุ่มละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ คอื เก่ง ปานกลางค่อนขา้ งเก่ง ปานกลางค่อนขา้ งอ่อน และ
อ่อน

2. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ รว่ มกันอภิปรายเกย่ี วกับหลักการอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง ตามท่ีเคยไดเ้ รียนมา แลว้ ครใู หน้ ักเรียน
ฟังซดี ีการอ่านบทร้อยกรอง จากนนั้ ร่วมกันวิเคราะห์วา่ เหมือนกบั ทน่ี ักเรียนเคยเรยี นมาหรอื ไม่ อย่างไร

3. ครูสมุ่ เรียกนกั เรยี น 2-3 กล่มุ อ่านออกเสียงบทรอ้ ยกรองเสภาเรื่อง ขนุ ชา้ งขุนแผน ตอน ขนุ ชา้ งถวายฎกี า ตามหลักทีเ่ คย
เรียนมาให้เพื่อนฟงั ทห่ี น้าชั้นเรียน โดยครูและเพ่ือนนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้องและใหข้ ้อเสนอแนะ

4. ครูถามคำถามให้นักเรยี นชว่ ยกนั ตอบ เชน่
- การขับเสภา เหมอื นหรือแตกต่างจากการอา่ นบทรอ้ ยกรองหรือไม่ อยา่ งไร
- การขบั เสภานิยมนำมาใชข้ ับเมื่อใดโดยครคู อยกระตุน้ ใหน้ ักเรียนทกุ คนมีสว่ นร่วมในการตอบคำถามเพื่อทบทวนความรู้
เดมิ ของนกั เรยี น

5. นักเรยี นตอบคำถามกระต้นุ ความคิด
ข้นั ท่ี 2 สำรวจคน้ หา

1. นักเรียนแต่ละกลุ่มจบั คู่กนั เป็น 2 คู่ แลว้ ให้แตล่ ะครู่ ว่ มกนั ศึกษาความรูเ้ รอื่ ง เสภาเร่อื ง ขุนชา้ งขนุ แผน ตอนขุนช้างถวาย
ฎกี าจากหนังสือเรียน หนังสือค้นควา้ เพ่ิมเตมิ ห้องสมุด และแหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ ในประเด็นตอ่ ไปนี้
- ความเป็นมาของเรื่อง
- ประวัติผ้แู ตง่
แล้วบันทึกความร้ทู ่ีไดจ้ ากการศกึ ษาลงในแบบบันทึกการอ่าน

2. นักเรยี นตอบคำถามกระตุน้ ความคิด
คำถามกระตุน้ ความคดิ

• นักเรยี นคดิ วา่ เพราะเหตุใดคนในสมัยโบราณจึงนิยมขับเสภาแทรกในการเลา่ นิทาน
(เพื่อดงึ ดูดใจผู้ฟัง และสร้างความน่าสนใจให้กับเรื่องราวท่เี ลา่ แทนการเลา่ นทิ านแบบท่วั ไป)

ชว่ั โมงท่ี 2
ขน้ั ท่ี 3 อธิบายความรู้

1. นกั เรยี นแต่ละคกู่ ลับเขา้ กลมุ่ เดมิ (4 คน) ผลดั กันนำความรู้ทไี่ ด้จากการศึกษามาอธบิ ายให้เพอ่ื นอกี คู่หน่งึ ฟัง ตามประเดน็ ท่ี
กำหนด ดงั นี้
- ความเปน็ มาของเรื่อง
- ประวตั ิผู้แต่ง
แล้วให้นักเรียนแตล่ ะคู่ ผลัดกันซกั ถามตามประเด็นทสี่ งสัยและผลัดกนั อธบิ ายจนทกุ คนมีความเข้าใจชัดเจนตรงกนั

8

นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกันสรุปความรู้ทไี่ ด้จากการศึกษาเป็นองค์ความร้ขู องกลุ่ม
ขน้ั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ

1. นกั เรียนแต่ละคนทำใบงานที่ 1.1 เร่ือง สรรพสารน่ารู้ ตอน ขนุ ช้างถวายฎีกา
2. นักเรียนแตล่ ะคนผลัดกนั อธบิ ายคำตอบในใบงานท่ี 1.1 แลว้ ร่วมกันสรปุ เป็นคำตอบของกลมุ่

3. นักเรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ
คำถามกระตุ้นความคิด
 นกั เรียนคิดว่า เปา้ หมายสำคัญในการแต่งเรอื่ ง ขุนช้างขนุ แผน คอื อะไร
(พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพนิ ิจของครูผู้สอน

ขั้นท่ี 5 ตรวจสอบผล

1. ครูสมุ่ เรยี กนักเรียนแตล่ ะกล่มุ ออกมานำเสนอผลงานในใบงานที่ 1.1 หนา้ ช้ันเรียน ครแู ละเพ่ือนนกั เรียนเปน็ ผตู้ รวจสอบ
ความถกู ตอ้ ง และให้ข้อเสนอแนะ

2. นกั เรยี นรว่ มกนั วิเคราะห์คณุ ค่าและความสำคญั ของเสภาเร่ืองขนุ ช้างขนุ แผน ตอนขนุ ช้างถวายฎกี า ครูตรวจสอบความ
ถูกต้อง เหมาะสม และเสนอแนะเพิ่มเติม

3. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรเู้ ร่อื ง ประวัติความเป็นมา และประวตั ิผู้แตง่ เสภาเร่ือง ขุนชา้ งขนุ แผน ตอนขนุ ช้างถวาย
ฎกี า

4. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันฝึกอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรองเสภาเรื่อง ขนุ ชา้ งขนุ แผน ขนุ แผนขึน้ เรอื นขนุ ช้าง แลว้ ครู
นัดหมายการอา่ นออกเสยี งเป็นรายบคุ คล หรอื รายกลุ่มตามความเหมาะสม (นอกเวลาเรียน)

ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนแต่ละกลุม่ ฝึกท่องบทอาขยานเสภาเรอ่ื ง ขุนชา้ งขุนแผน ตอนขุนแผนข้ึนเรือนขุนชา้ งแลว้ มา
ประเมนิ ผลนอกเวลาเรียนเปน็ รายบุคคล

1) ความถกู ต้องของบทอาขยาน
2) ทว่ งทำนองการอา่ นคำประพันธเ์ หมาะสมกับลักษณะคำประพนั ธ์
3) การบอกคุณคา่ ของการท่องบทอาขยาน

7. การวัดและประเมินผล

วธิ ีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์
(ประเมนิ ตามสภาพจริง)
ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานท่ี 1.1 ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ประเมินการอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรอง แบบประเมินการอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

สงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่

สังเกตความมวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มนั่ ในการทำงาน และรัก แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์

ความเป็นไทย

ตรวจการท่องบทอาขยานเสภาเรอ่ื ง ขุนชา้ งขนุ แผน แบบประเมินการทอ่ งบทอาขยานเสภาเรอื่ ง ขนุ

ตอนขุนช้างถวายฎีกา ช้างขนุ แผน ตอนขนุ ช้างถวายฎกี า

9

8. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : วรรณคดแี ละวรรณกรรม ม.6
2) หนังสือคน้ คว้าเพ่ิมเตมิ
3) ซดี กี ารอ่านทำนองเสนาะ
4) ใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง สรรพสารน่ารู้ ตอนขุนช้างถวายฎีกา
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องสมุด
2) แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ

10

การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

แบบประเมนิ การท่องบทอาขยานเสภาเร่อื ง ขุนชา้ งขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา (ช้ินงานท่ี 1)

ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
432

1 ความถกู ตอ้ งของบทอาขยาน

2 ท่วงทำนองการอ่านคำประพันธ์เหมาะสมกับลักษณะ
คำประพนั ธ์

3 การบอกคณุ คา่ ของการท่องบทอาขยาน

4 การให้ข้อเสนอแนะการนำบทอาขยานไปใช้อ้างอิง

รวม

ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............../.................../................

เกณฑก์ ารให้คะแนน 4
ดมี าก = 3
ดี = 2
พอใช้ = 1
ปรับปรุง =

เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14 - 16 ดีมาก
11 - 13 ดี
8 - 10 พอใช้
ต่ำกวา่ 8 ปรบั ปรงุ

11

ใบงานที่ 1.1 เร่ือง สรรพสารนา่ รู้ ตอนขนุ ช้างถวายฎกี า
คำชแ้ี จง ให้นกั เรียนตอบคำถามต่อไปน้ี
1. เสภาเรื่อง ขนุ ชา้ งขนุ แผน ได้รับยกย่องจากวรรณคดีสโมสรใหเ้ ปน็ ยอดของวรรณคดปี ระเภทใด
2. เสภาเรอื่ ง ขนุ ช้างขนุ แผน มเี คา้ ท่ีมาจากเร่ืองจริงทเี่ กดิ ข้ึนในสมัยใด
3. การนำเร่ือง ขุนช้างขุนแผน มาขับเสภา สนั นิษฐานว่าเกดิ ขน้ึ ในสมยั ใด
4. การขับเสภามมี ูลเหตุมาจากอะไร
5. ประเพณีการขับเสภาแต่เดิมมามีการใชเ้ ครื่องดนตรีอะไรประกอบการขับ
6. การขบั เสภาประกอบวงป่ีพาทย์ เกิดข้ึนครัง้ แรกในสมยั ใด
7. การขับเสภาประกอบวงป่ีพาทย์ เรียกว่าอะไร
8. การขบั เสภาท่ีมีป่ีพาทย์รับและมีการร่ายรำประกอบ เรยี กวา่ อะไร
9. กวผี ูแ้ ต่งเสภาเรอ่ื ง ขุนชา้ งขนุ แผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา คอื ใคร
10. เสภาเรอื่ ง ขุนชา้ งขุนแผน ตอนใดที่เปน็ ผลงานของสุนทรภู่

12

11. เสภาเร่ือง ขนุ ชา้ งขุนแผน มีทงั้ หมดกี่ตอน

12. เสภาเร่อื ง ขุนช้างขุนแผน แต่งด้วยคำประพนั ธป์ ระเภทใด

13. กลอนเสภามีลักษณะตา่ งจากกลอนแปดอยา่ งไร

14. ในราชสำนักตง้ั แตส่ มัยรัชกาลที่ 2 เป็นต้นมา มักขบั เสภาถวายในโอกาสใด

15. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ ทรงสนั นษิ ฐานว่า “พระพันวษา” ในเร่อื งขนุ ชา้ งขนุ แผน
นา่ จะหมายถงึ พระมหากษตั รยิ ์พระองคใ์ ด

เฉลย 13

ใบงานที่ 1.1 เรอื่ ง สรรพสารนา่ รู้ ตอนขนุ ช้างถวายฎกี า

คำชแี้ จง ใหน้ กั เรียนตอบคำถามต่อไปนี้

1. เสภาเร่ือง ขนุ ช้างขุนแผน ได้รับยกย่องจากวรรณคดสี โมสรให้เป็นยอดของวรรณคดปี ระเภทใด
ยอดของกลอนเสภา

2. เสภาเรอ่ื ง ขุนชา้ งขนุ แผน มเี ค้าท่ีมาจากเร่ืองจรงิ ท่เี กิดขึ้นในสมัยใด
สมยั อยุธยาตอนตน้

3. การนำเร่อื ง ขนุ ช้างขุนแผน มาขบั เสภา สันนษิ ฐานวา่ เกดิ ขนึ้ ในสมยั ใด
รชั สมยั สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช สมัยอยธุ ยาตอนกลาง

4. การขับเสภามีมูลเหตุมาจากอะไร
การเล่านิทาน

5. ประเพณีการขบั เสภาแต่เดิมมามีการใชเ้ ครื่องดนตรีอะไรประกอบการขบั
กรบั

6. การขบั เสภาประกอบวงปี่พาทย์ เกิดขนึ้ ครงั้ แรกในสมัยใด
รัชกาลท่ี 2

7. การขับเสภาประกอบวงป่ีพาทย์ เรียกว่าอะไร
เสภาทรงเครอ่ื ง

8. การขับเสภาทม่ี ปี ี่พาทย์รับและมกี ารรา่ ยรำประกอบ เรยี กวา่ อะไร
เสภารำ

9. กวผี ู้แต่งเสภาเรือ่ ง ขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอนขนุ ช้างถวายฎกี า คอื ใคร
ไมป่ รากฏนามผู้แต่ง

10. เสภาเร่อื ง ขุนช้างขุนแผน ตอนใดทเ่ี ป็นผลงานของสนุ ทรภู่
กำเนดิ พลายงาม

14

11. เสภาเรอ่ื ง ขนุ ช้างขุนแผน มีทง้ั หมดกี่ตอน
43 ตอน

12. เสภาเรอื่ ง ขนุ ชา้ งขุนแผน แต่งดว้ ยคำประพันธป์ ระเภทใด
กลอนเสภา

13. กลอนเสภามลี ักษณะตา่ งจากกลอนแปดอยา่ งไร
กลอนเสภามจี ำนวนคำในแต่ละวรรคไม่แนน่ อน

14. ในราชสำนกั ต้ังแตส่ มยั รชั กาลที่ 2 เป็นต้นมา มักขบั เสภาถวายในโอกาสใด
ขับเสภาถวายเมอ่ื ทรงเคร่ืองใหญ่

15. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสนั นษิ ฐานวา่ “พระพันวษา” ในเร่อื งขนุ ชา้ งขนุ แผน
น่าจะหมายถงึ พระมหากษัตริย์พระองคใ์ ด
สมเดจ็ พระรามาธบิ ดีที่ 2

15

แบบประเมนิ การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยกรอง
คำช้แี จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตการอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยกรองของนกั เรียน แล้วขดี ✓ ลงในช่องทต่ี รงกับระดบั คะแนน

ลำดับที่ ชอื่ -สกุล ถูกต้องตาม การแบ่ง ออกเสียง การใช้ รวม
ของผู้รับการ ลกั ษณะคำ วรรคตอน ชัดเจน นำ้ เสยี ง 16 คะแนน
ประพันธ์
ประเมนิ 43214321 4321
4321

เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ
ปฏิบัติไดถ้ กู ต้อง ............../.................../................
ปฏบิ ตั มิ ขี ้อบกพร่องเล็กนอ้ ย
ปฏบิ ัติมีขอ้ บกพร่องปานกลาง ให้ 4 คะแนน
ปฏิบตั มิ ีขอ้ บกพร่องมาก ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ

14 - 16 ดีมาก
11 - 13 ดี
8 - 10
ต่ำกวา่ 8 พอใช้
ปรับปรุง

16

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล

คำช้แี จง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ งท่ีตรงกับ
ระดับคะแนน

ลำดบั ที่ ชอื่ -สกุล ความมีวนิ ัย ความมนี ้ำใจ การรบั ฟัง การแสดง การตรงต่อ รวม
ของผ้รู ับการ เออื้ เฟือ้ ความคิดเห็น ความคดิ เห็น เวลา 20
เสยี สละ คะแนน
ประเมนิ

43214321432143214321

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ............../.................../................
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 4 คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้งั ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ

18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13
ต่ำกว่า 10 พอใช้
ปรับปรุง

17

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่องทต่ี รงกับ
ระดับคะแนน

ลำดับท่ี ชือ่ -สกุล ความรว่ มมือ การแสดง การรบั ฟัง การต้งั ใจ การแก้ไข
ของผรู้ ับการ กนั ทำ ความคดิ เหน็ ความคดิ เหน็ ทำงาน
กิจกรรม ปญั หา/หรือ รวม
ประเมนิ ปรับปรงุ 20
ผลงานกลมุ่ คะแนน

43214321432143214321

เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ............../.................../................
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 4 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมน้อยครง้ั ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ

18 - 20 ดีมาก
14 - 17 ดี
10 - 13
ต่ำกว่า 10 พอใช้
ปรบั ปรุง

18

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งทต่ี รงกับ
ระดับคะแนน

คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน
อนั พึงประสงค์ดา้ น 4321
1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเมอ่ื ไดย้ นิ เพลงชาติ รอ้ งเพลงชาติได้ และอธบิ ายความหมาย
กษัตรยิ ์ ของเพลงชาติ

2. ซ่อื สตั ย์ สุจรติ 1.2 ปฏิบัติตนและชักชวนผ้อู นื่ ปฏบิ ตั ติ ามสทิ ธแิ ละหนา้ ทข่ี องพลเมอื ง
3. มีวินัย รบั ผิดชอบ 1.3 ให้ความรว่ มมือ ร่วมใจ ในการทำกิจกรรมกบั สมาชิกในโรงเรียน ชมุ ชน
4. ใฝเ่ รยี นรู้
5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง และสงั คม
1.4 เป็นผู้นำหรอื เป็นแบบอย่างในการจัดกิจกรรมท่ีสร้างความสามัคคี

ปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ อ่ โรงเรยี น ชมุ ชน และสงั คม ชน่ื ชม ปกปอ้ ง
ความเป็นชาตไิ ทย
1.5 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาทตี่ นนบั ถอื ปฏิบัติตนตามหลกั ของศาสนา
และเป็นตัวอย่างทด่ี ขี องศาสนิกชน
1.6 เข้าร่วมกิจกรรมและมสี ว่ นรว่ มในการจดั กิจกรรมทเ่ี กย่ี วข้องกับสถาบัน
พระมหากษตั ริยต์ ามทีโ่ รงเรียนและชุมชนจดั ขน้ึ ช่นื ชมในพระราชกรณียกจิ
พระปรชี าสามารถของพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์
2.1 ใหข้ อ้ มูลท่ถี ูกตอ้ ง และเปน็ จริง
2.2 ปฏิบัติในส่ิงทถ่ี ูกตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ทีจ่ ะกระทำความผดิ ทำตาม
สัญญาทตี่ นให้ไวก้ ับเพอ่ื น พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง และครู เป็นแบบอยา่ ง
ทด่ี ีด้านความซือ่ สตั ย์
2.3 ปฏบิ ตั ติ นต่อผูอ้ น่ื ดว้ ยความซอื่ ตรง ไม่หาประโยชน์ในทางท่ีไม่ถกู ตอ้ ง
และเปน็ แบบอยา่ งทดี่ ีแกเ่ พอื่ นดา้ นความซ่อื สตั ย์
3.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของครอบครัว
โรงเรียน และสังคม ไมล่ ะเมดิ สทิ ธขิ องผอู้ ืน่ ตรงต่อเวลาในการปฏิบตั ิ
กจิ กรรมต่างๆ ในชวี ติ ประจำวัน และรบั ผดิ ชอบในการทำงาน ปฏิบตั ิ
เปน็ ปกตวิ สิ ัยและเปน็ แบบอย่างทดี่ ี
4.1 แสวงหาข้อมูลจากแหล่งการเรียนรตู้ ่างๆ
4.2 มีการจดบันทึกความร้อู ย่างเปน็ ระบบ
4.3 สรปุ ความรไู้ ดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล
5.1 ใชท้ รพั ย์สินของตนเอง เช่น สง่ิ ของ เครื่องใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั
ค้มุ คา่ และเก็บรักษาดูแลอย่างดี และใช้เวลาอย่างเหมาะสม
5.2 ใช้ทรพั ยากรของสว่ นรวมอยา่ งประหยดั คุ้มค่า และเกบ็ รักษาดแู ลอยา่ งดี
5.3 ปฏิบตั ติ นและตัดสนิ ใจดว้ ยความรอบคอบ มเี หตผุ ล
5.4 ไม่เอาเปรยี บผู้อืน่ และไมท่ ำใหผ้ ู้อน่ื เดอื ดรอ้ น พรอ้ มใหอ้ ภยั เมื่อผูอ้ น่ื
กระทำผดิ พลาด

19

แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (ต่อ)

คำชแี้ จง : ให้ ผูส้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ งท่ีตรงกับ

ระดบั คะแนน

คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
อันพึงประสงค์ด้าน 4321

5.5 วางแผนการเรยี น การทำงานและการใชช้ วี ิตประจำวันบนพนื้ ฐาน
ของความรู้ ข้อมลู ข่าวสาร

5.6 รู้เทา่ ทันการเปลี่ยนแปลง ทางสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรับ
และปรับตวั อยรู่ ว่ มกับผู้อ่นื ได้อย่างมคี วามสขุ

6. มุ่งมน่ั ในการทำงาน 6.1 เอาใจใสต่ ่อการปฏิบตั ิหนา้ ที่ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย

6.2 ตง้ั ใจและรบั ผดิ ชอบในการทำงานใหส้ ำเรจ็

6.3 ปรับปรงุ และพัฒนาการทำงานอยา่ งรอบคอบ

6.4 ทุ่มเท ทำงาน อดทน ไม่ท้อตอ่ ปญั หาและอปุ สรรค

6.5 พยายามแก้ปัญหาและอุปสรรคในการทำงานใหส้ ำเร็จ

6.6 ช่ืนชมผลงานความสำเรจ็ ดว้ ยความภาคภมู ิใจ

7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มจี ิตสำนึกในการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย

7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏิบตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย

8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รจู้ กั ช่วยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครทู ำงาน

8.2 อาสาทำงาน ช่วยคดิ ช่วยทำ แบง่ ปันสิง่ ของ ทรพั ย์สนิ และอ่ืนๆ
พรอ้ มชว่ ยแกป้ ัญหา

8.3 ดูแล รกั ษาทรพั ยส์ นิ ของห้องเรียน โรงเรียน ชมุ ชน

8.4 เข้ารว่ มกจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรยี น ชุมชน
เพือ่ แกป้ ัญหาหรือร่วมสรา้ งสิ่งทดี่ งี ามตามสถานการณ์ทเี่ กดิ ขนึ้

ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
............../.................../................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครัง้ ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 1 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้งั

บนั ทึกหลังแผนการสอน 20

 ด้านความรู้ )

 ด้านสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น

 ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

 ดา้ นอ่ืนๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมที่มปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค
 แนวทางการแกไ้ ข

ข้อเสนอแนะ ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย

ลงชื่อ
(
ตำแหนง่

21

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 2

วชิ า ท 33101 ภาษาไทย5 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 6

กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ภาคเรียนที่ 1

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1 เสภาเร่อื ง ขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอนขุนช้างถวายฎกี า เวลา 1-2 ชั่วโมง

เรอื่ ง สรุปเนื้อหาและคำศัพท์ ผสู้ อน นางสาวจิลันดา รักไร่

..............................................................................................................................................................................................

1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

เสภาเรื่อง ขนุ ชา้ งขนุ แผน เป็นบทประพนั ธ์ท่มี ีคุณค่าทัง้ ด้านเนือ้ หา ด้านวรรณศลิ ป์ และดา้ นสงั คม ซง่ึ การท่จี ะเข้าใจเนอื้ หา

ของเร่ืองไดน้ ั้น จำเป็นต้องร้คู ำศพั ท์ที่ปรากฏอยใู่ นเรื่อง เพ่ือจะได้ถอดความบทประพันธ์และเข้าใจเน้ือหาของเรอื่ งได้อย่าง

ถกู ต้อง

2. ตัวชีว้ ัด/จุดประสงค์การเรียนรู้

2.1 ตัวชี้วดั

ท5.1 ม.4-6/1 วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมตามหลักการวิจารณเ์ บื้องตน้

2.3 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1) วเิ คราะห์คุณคา่ บทเสภาเรอื่ ง ขนุ ชา้ งขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกาได้

2) ถอดความคำประพนั ธ์เสภาเร่ือง ขนุ ชา้ งขุนแผน ตอนขุนชา้ งถวายฎีกาได้

3) อธบิ ายความหมายของคำศพั ทต์ ่างๆ ในเสภาเรื่อง ขุนชา้ งขุนแผน ตอนขุนชา้ งถวายฎกี าได้

3. สาระการเรยี นรู้

3.2 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

 หลักการวิเคราะหแ์ ละวิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมเบอ้ื งต้น

- การพิจารณาเนอื้ หาและกลวธิ ีในวรรณคดแี ละวรรณกรรม

3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิน่

- เนอ้ื หาและคำศัพทจ์ ากเสภาเรอ่ื ง ขุนชา้ งขุนแผน ตอนขนุ ช้างถวายฎกี า

4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน

4.1 ความสามารถในการคดิ

1) ทักษะการวเิ คราะห์ 2) ทักษะการตีความ

3) ทักษะการสังเคราะห์ 4) ทักษะการประเมนิ

5) ทักษะการประยุกตใ์ ชค้ วามรู้

4.2 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต

5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รียนรู้

3. มุ่งม่ันในการทำงาน 4. รกั ความเปน็ ไทย

22

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
วิธสี อนแบบกระบวนการกลุ่มสัมพนั ธ์
ชัว่ โมงที่ 1

ขนั้ ท่ี 1 นำเข้าส่บู ทเรยี น

6. นักเรยี นรวมกลมุ่ เดิม (จากแผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1) แล้วครูแจกบตั รคำช่ือตัวละครในเสภาเรอื่ ง ขนุ ช้างขุนแผน ตอนขนุ
ชา้ งถวายฎีกา ใหน้ กั เรยี นกลุ่มละ 1 ใบ แลว้ ให้นกั เรียนแต่ละกล่มุ ชว่ ยกันบอกลกั ษณะและความสำคญั ของตัวละครนั้นๆ
เพ่ือเปน็ การทบทวนความรเู้ ดิมของนกั เรียน

ขัน้ ท่ี 2 จดั การเรยี นรู้
1. ครูติดแผนภูมิตวั อยา่ งบทประพนั ธจ์ ากเสภาเรอ่ื ง ขนุ ช้างขุนแผน ตอนขนุ ช้างถวายฎีกา ให้นักเรียนดบู นกระดาน แล้วครู
ให้นกั เรยี นช่วยกันถอดความบทประพันธด์ งั กลา่ ว ตามความเขา้ ใจของนักเรยี น
2. ครอู ธิบายวิธีการค้นหาความหมายของคำศัพท์ และวิธถี อดความบทประพนั ธ์ เพ่ือให้นักเรียนมีความรู้ความเขา้ ใจมาก
ยง่ิ ข้ึน
3. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกันอ่านเสภาเรือ่ ง ขุนช้างขนุ แผน ตอนขุนชา้ งถวายฎกี า จากหนงั สอื เรียน แลว้ ช่วยกนั ถอดความ
พร้อมทั้งหาความหมายของคำศัพท์เพมิ่ เติมจากหนังสอื ค้นควา้ เพ่ิมเติม หอ้ งสมุด และแหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ
4. ครูสุม่ นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมาถอดความบทประพนั ธ์ พร้อมบอกความหมายของคำศัพท์ในบทท่ีกำหนด ครูและนกั เรยี น
ชว่ ยกันตรวจสอบความถูกต้อง
5. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั ทำใบงานที่ 2.1 เร่ือง รู้ความตามทอ้ งเร่ือง ตอนขุนช้างถวายฎีกา และทำใบงานที่ 2.2
เรื่องคน้ คำไขความ ตอนขนุ ช้างถวายฎีกา แลว้ ครแู ละนักเรียนชว่ ยกันเฉลยคำตอบในใบงาน
6. นักเรียนตอบคำถามกระต้นุ ความคิด
คำถามกระต้นุ ความคิด

• นกั เรยี นคดิ ว่า ตัวละครใดมีบทบาทสำคญั ท่ีสุดในเสภาเรื่อง ขุนชา้ งขนุ แผนเพราะเหตใุ ด
(พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของครูผู้สอน)

• การรู้ความหมายของคำศพั ท์ต่างๆ และ คำศัพทโ์ บราณที่กวีใช้ในบทประพันธ์มปี ระโยชน์หรอื มคี ุณคา่
อยา่ งไร (มีประโยชนแ์ ละคุณคา่ หลายประการ เช่น
1) ชว่ ยใหเ้ ข้าใจความหมายของบทประพนั ธ์มากย่ิงข้นึ
2) ชว่ ยเพม่ิ พนู ความรู้ด้านคำศพั ท์ไทยโบราณ
3) ช่วยให้เหน็ ภูมิปญั ญาของกวีดา้ นการใช้ภาษา
4) คำศัพท์บางคำยังช่วยสะท้อนความคิดความเช่ือของคนในยคุ อดีตให้เราได้เขา้ ใจอีกดว้ ย

ช่ัวโมงท่ี 2
ข้นั ท่ี 3 สรุปและนำหลกั การไปประยุกต์ใช้

2. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรุปเน้ือหาและคำศัพทจ์ ากเสภาเรอื่ ง ขนุ ช้างขุนแผน ตอนขนุ ชา้ งถวายฎีกา และนำความรทู้ ่ไี ด้ไป
ประยุกตใ์ ช้ในการศึกษาความร้เู สภาเรอ่ื ง ขุนชา้ งขนุ แผน ตอนขุนชา้ ง ถวายฎีกาต่อไป

3. นักเรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคิด
คำถามกระตุน้ ความคดิ

• ถ้านกั เรยี นเปน็ นางวนั ทอง นักเรยี นจะเลอื กอยู่กบั ขนุ ช้างหรอื ขนุ แผน เพราะเหตุใด
(พิจารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพินจิ ของครผู ูส้ อน

23

ขน้ั ที่ 4 วดั และประเมนิ ผล

1. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลงานในใบงานท่ี 2.1 - 2.2 แลว้ ร่วมกนั เฉลยคำตอบ
2. นักเรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ

คำถามกระต้นุ ความคิด

• นักเรียนคดิ วา่ มคี ำศัพทใ์ ดบา้ งในวรรณคดเี ร่ืองน้ที ส่ี ะท้อนใหเ้ ขา้ ใจสภาพสังคมไทยสมยั ก่อน

(พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพนิ ิจของครูผู้สอน เช่น นักเรียนอาจตอบวา่

คำศัพทค์ ำว่า อิทธเิ จ สะท้อนความเชอ่ื เร่ือง ไสยศาสตร์ คำศพั ท์คำวา่ ถกเขมร สะท้อนการนุ่งผ้าแบบ

หนึง่ ของคนไทยสมยั กอ่ น เป็นตน้ )

7. การวดั และประเมินผล

วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์

ตรวจใบงานท่ี 2.1 ใบงานที่ 2.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

ตรวจใบงานที่ 2.2 ใบงานที่ 2.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

ประเมนิ การนำเสนอผลงาน แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

สังเกตความมวี นิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งม่นั ในการ แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

ทำงาน และรักความเป็นไทย

8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 สอ่ื การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรียน ภาษาไทย : วรรณคดแี ละวรรณกรรม ม.6
2) หนงั สือค้นคว้าเพิ่มเติม
3) บตั รคำ
4) แผนภูมิตัวอยา่ งบทประพนั ธ์จากเสภาเร่ือง ขุนชา้ งขนุ แผน ตอนขุนช้างถวายฎกี า
5) ใบงานที่ 2.1 เรือ่ ง รู้ความตามท้องเร่ือง ตอนขุนชา้ งถวายฎีกา
6) ใบงานท่ี 2.2 เร่อื ง ค้นคำไขความ ตอนขนุ ช้างถวายฎีกา
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องสมดุ
2) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ

24

เอกสารประกอบการสอน

แผนภมู ิตวั อย่างบทประพนั ธ์

เสภาเรอื่ งขุนช้างขุนแผน ตอน ขนุ ช้างถวายฎีกา

จะกลา่ วถงึ เจา้ จอมหม่อมขนุ ช้าง นอนครางหลบั กรนอยปู่ น่ เป้ือน

อศั จรรย์ฝันแปรแชเชอื น ว่าขเ้ี รอื นขึ้นตวั ทัว่ ทั้งนน้ั

หาหมอมารักษายาเขา้ ปรอท มันกนิ ปอดตับไตออกไหลล่ัน

ทง้ั ไส้นอ้ ยไส้ใหญ่แลไสต้ ัน ฟันฟางก็หกั จากปากตัว

ตกใจตืน่ ผวาควา้ วนั ทอง รอ้ งว่าแม่คุณแมช่ ว่ ยผัว

ลกุ ข้นึ งกงนั ตวั สัน่ รวั ใหน้ ึกกลัวปรอทจะตอดตาย

ลมื ตาเหลยี วหาเจ้าวันทอง ไม่เหน็ น้องหอ้ งสว่างตะวันสาย

ผ้าผอ่ นล่อนแกน่ ไม่ติดกาย เหน็ มา่ นขาดเรี่ยรายประหลาดใจ

ตะโกนเรียกในหอ้ งวนั ทองเอ๋ย หาขานรบั เชน่ เคยสกั คำไม่

ท้งั ข้าวของมากมายกห็ ายไป ปากประตเู ปดิ ไว้ไมใ่ ส่กลอน

พลางเรียกหาข้าไทอยู่ว้าวุน่ ออี ุ่นอีอิ่มอีฉิมอีสอน

อมี ีอีมาอีสาคร นงิ่ นอนไยหวามาหากู

บา่ วผู้หญงิ วงิ่ ไปอย่งู กงัน เหน็ นายนั้นแก้ผา้ กางขาอยู่

ตา่ งคนทรดุ นงั่ บังประตู ตกตะลึงแลดูไม่เขา้ มา

ขนุ ช้างเหน็ ขา้ ไม่มาใกล้ ขดั ใจลกุ ข้ึนทง้ั แกผ้ า้

แหงนเถอ่ เป้อปงั ยืนจังกา ยา่ งเทา้ ก้าวมาไม่รู้ตวั

ยายจันงนั งกยกมือไหว้ นั่นพอ่ จะไปไหนพ่อทูนหวั

ไมน่ ุง่ ผ่อนนุ่งผ้าดนู า่ กลัว ขุนชา้ งมองดูตัวก็ตกใจ

สองมือปดิ ขาเหมือนท่าเปรต ใครมาเทศน์เอาผ้ากูไปไหน

ให้นกึ อดสหู มู่ข้าไท ยายจนั ไปเอาผา้ ให้ข้าที

ยายจันตกใจเตม็ ประดา เข้าฉวยผ้าเอามาคล่ี

หยบิ ย่ืนสง่ ไปใหท้ นั ที เมนิ หนีอดสูไม่ดูนาย

ขุนชา้ งตวั สน่ั เทาบอกบ่าวไพร่ เจา้ วันทองไปไหนอยา่ งไรหาย

เอ็งไปดูให้รซู้ ึง่ แยบคาย พบแล้วอยา่ ว่นุ วายใหเ้ ชญิ มา

25

บตั รคำ

ขุนแผน ขนุ ชา้ ง 

นางวันทอง นางทองประศรี

นางศรีประจัน นางลาวทอง

นางแกว้ กริ ิยา นางบวั คล่ี

พลายงาม สมเดจ็ พระพันวษา

นางสรอ้ ยฟ้า นางศรีมาลา

26

ใบงานท่ี 2.1 เร่ือง รูค้ วามตามท้องเร่อื ง ตอนขุนช้างถวายฎกี า
ตอนที่ 1
คำช้แี จง ให้นกั เรยี นเขยี นสรุปเรื่อง ขนุ ช้างขนุ แผน ตอนขุนชา้ งถวายฎกี า

27

ตอนที่ 2
คำชแี้ จง ให้นกั เรียนบอกว่า คำที่ขดี เส้นใต้ตอ่ ไปนหี้ มายถึงใคร

1. วนั น้ันแพ้กูเมื่อดำน้ำ กก็ รว้ิ ซำ้ จะฆ่าใหเ้ ปน็ ผี
แสนแค้นดว้ ยมารดายังปรานี ให้ไปขอชีวขี นุ ช้างไว้
“กู” หมายถึง
“มารดา” หมายถึง

2. เมือ่ พ่อเจ้าเขา้ คุกแม่ท้องแก่ เขาฉดุ แมใ่ ช่จะแกล้งแหนงหนี
ถึงพ่อเจ้าเลา่ ไม่รู้ว่ารา้ ยดี เป็นหลายปีแมม่ าอยู่กบั ขุนชา้ ง
“พ่อ” หมายถึง
“เขา” หมายถงึ
“แม”่ หมายถึง
“เจ้า” หมายถึง

3. ทกุ วันนี้ลกู ชายสบายยศ พร้อมหมดเมยี ม่งิ ก็มีสอง
มีบ่าวไพร่ใชส้ อยทงั้ เงินทอง พนี่ อ้ งข้างพอ่ กบ็ รบิ ูรณ์
“ลูกชาย” หมายถึง
“สอง” หมายถงึ
“พ่อ” หมายถึง

4. ไม่คดิ ว่าจะเปน็ เหน็ วา่ แก่ ยังสาระแนหลบลี้หนไี ปไหน
เอาเถิดเป็นไรก็เปน็ ไป ไมเ่ อากลบั มาได้มิใช่กู
“กู” หมายถึง

5. จะกลา่ วถึงขนุ แผนแสนสนทิ เรืองฤทธ์ิลือจบพภิ พไหว
อยบู่ ้านสขุ เกษมเปรมใจ สมสนทิ พสิ มัยด้วยสองนาง
“สองนาง” หมายถงึ

6. เพราะกแู พค้ วามจม่ืนไวย มันจึงเหมิ ใจทำจองหอง
พ่อลกู แม่ลูกถกู ทำนอง ถึงสองคร้งั แลว้ เปน็ แต่เชน่ นี้
“กู” หมายถึง

7. แสนถอ่ ยใครจะถ่อยเหมอื นมันบ้าง ทกุ อย่างทจี่ ะช่ัวอา้ ยหัวล่ืน
เวยี นแตเ่ ป็นถอ้ ยความไมข่ ้ามคืน นำ้ ยนื หยัง่ ไม่ถงึ ยังดึงมา
“มัน” หมายถึง

28

8. อาลัยเจ้าเทา่ กบั ดวงชีวิตพี่ คิดจะหนีไปตามเอาเจา้ กลบั
เกรงจะพากนั ผดิ เข้าตดิ ทับ แตข่ ยับอยู่จนได้ไปเชียงอินทร์
“เจ้า” หมายถึง
“พ”ี่ หมายถึง ไปฟันฟาดเสียให้มนั เป็นผี
อย่าใหม้ ีโลหติ ตดิ ดนิ กู
9. เรง่ เร็วเหวยพระยายมราช
อกเอาขวานผา่ อย่าปรานี ชอบแตเ่ ฆี่ยนสองหวายตลอดสัน
“มัน” หมายถึง เออเม่อื มันฉุดคร่าพามงึ ไป
“กู” หมายถงึ คร้งั นท้ี ำไมมึงจึงมาได้
ฤๅวา่ ใครไปรบั เอามงึ มา
10.เลีย้ งมึงไม่ได้อา้ ยใจร้าย
แลว้ กลบั ความถามข้างวนั ทองพลัน
ก็ช้านานไดป้ ระมาณสบิ แปดปี
นี่มึงหนีมันมาฤๅวา่ ไร
“มนั ” หมายถึง

เฉลย 29

ใบงานที่ 2.1 เรื่อง รคู้ วามตามท้องเรือ่ ง ตอนขนุ ชา้ งถวายฎีกา
ตอนที่ 1
คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นเขียนสรุปเร่ือง ขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอนขุนชา้ งถวายฎกี า

(พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพนิ ิจของครผู สู้ อน)

30

ตอนท่ี 2
คำชแี้ จง ใหน้ กั เรียนบอกวา่ คำท่ีขีดเส้นใตต้ ่อไปนห้ี มายถึงใคร

1. วนั นัน้ แพ้กูเมื่อดำน้ำ ก็กริ้วซำ้ จะฆ่าใหเ้ ปน็ ผี

แสนแค้นด้วยมารดายงั ปรานี ใหไ้ ปขอชวี ขี ุนชา้ งไว้

“กู” หมายถึง จม่ืนไวยวรนาถ (พลายงาม)

“มารดา” หมายถงึ วนั ทอง

2. เมอ่ื พอ่ เจา้ เขา้ คุกแม่ทอ้ งแก่ เขาฉุดแมใ่ ช่จะแกล้งแหนงหนี
ถงึ พ่อเจา้ เล่าไม่ร้วู ่ารา้ ยดี เปน็ หลายปีแม่มาอยูก่ บั ขนุ ช้าง
“พ่อ” หมายถึง ขนุ แผน
“เขา” หมายถึง ขุนช้าง
“แม”่ หมายถึง วันทอง
“เจ้า” หมายถึง จมน่ื ไวยวรนาถ

3. ทกุ วนั น้ีลูกชายสบายยศ พรอ้ มหมดเมียม่ิงก็มีสอง
มีบา่ วไพร่ใชส้ อยทัง้ เงินทอง พน่ี ้องข้างพอ่ กบ็ รบิ ูรณ์
“ลกู ชาย” หมายถึง จมนื่ ไวยวรนาถ
“สอง” หมายถงึ สร้อยฟ้า และศรีมาลา
“พ่อ” หมายถึง ขนุ แผน

4. ไม่คดิ ว่าจะเป็นเห็นว่าแก่ ยังสาระแนหลบลี้หนไี ปไหน
เอาเถิดเปน็ ไรก็เป็นไป ไม่เอากลบั มาได้มิใช่กู
“กู” หมายถงึ ขนุ ชา้ ง

5. จะกล่าวถงึ ขนุ แผนแสนสนทิ เรอื งฤทธลิ์ ือจบพิภพไหว

อยบู่ ้านสขุ เกษมเปรมใจ สมสนทิ พิสมัยดว้ ยสองนาง

“สองนาง” หมายถึง ลาวทอง และแก้วกริ ยิ า

6. เพราะกูแพค้ วามจมนื่ ไวย มนั จงึ เหิมใจทำจองหอง
พอ่ ลูกแมล่ กู ถูกทำนอง ถึงสองคร้ังแล้วเป็นแต่เช่นน้ี
“กู” หมายถงึ ขุนชา้ ง

7. แสนถ่อยใครจะถ่อยเหมือนมันบา้ ง ทุกอย่างทจี่ ะชว่ั อ้ายหัวลืน่
เวยี นแตเ่ ปน็ ถ้อยความไมข่ า้ มคืน นำ้ ยนื หยง่ั ไม่ถงึ ยังดึงมา
“มนั ” หมายถึง ขนุ ช้าง

31

8. อาลัยเจ้าเท่ากับดวงชีวติ พี่ คดิ จะหนีไปตามเอาเจ้ากลบั
เกรงจะพากนั ผิดเขา้ ติดทบั แต่ขยับอย่จู นได้ไปเชยี งอินทร์
“เจา้ ” หมายถึง วนั ทอง
“พ”ี่ หมายถึง ขุนแผน ไปฟนั ฟาดเสยี ให้มันเป็นผี
อย่าให้มีโลหิตติดดนิ กู
9. เร่งเรว็ เหวยพระยายมราช
อกเอาขวานผ่าอย่าปรานี ชอบแต่เฆีย่ นสองหวายตลอดสนั
“มนั ” หมายถึง วันทอง เออเมอื่ มนั ฉดุ คร่าพามึงไป
“กู” หมายถงึ พระพนั วษา ครั้งนท้ี ำไมมงึ จึงมาได้
ฤๅวา่ ใครไปรับเอามึงมา
10.เล้ยี งมงึ ไม่ได้อา้ ยใจร้าย
แลว้ กลบั ความถามขา้ งวนั ทองพลัน
กช็ า้ นานไดป้ ระมาณสบิ แปดปี
น่ีมึงหนีมันมาฤๅวา่ ไร
“มัน” หมายถงึ ขนุ ช้าง

32

ใบงานที่ 2.2 เร่ือง คน้ คำไขความ ตอนขนุ ชา้ งถวายฎกี า
คำช้ีแจง ใหน้ กั เรียนบอกความหมายของคำศพั ท์ท่ีขีดเสน้ ใตใ้ นแต่ละขอ้ ต่อไปน้ี

1. เงยี บสตั ว์จัตุบททวิบาท ดาวดาษเดอื นสว่างกระจา่ งไข
น้ำคา้ งตกกระเซน็ เย็นเยือกใจ สงดั เสียงคนใครไม่พดู จา

2. อะไรพอสว่างวางเขา้ มา เดก็ หวาจบั ถองให้จงได้
ลุกขึน้ ถกเขมรรอ้ งเกนไป ทุดอ้ายไพร่ขคี้ รอกหลอกผู้ดี

3. ไดย้ นิ เสียงฆ้องย่ำประจำวงั ลอยลมลอ่ งดงั ถงึ เคหา
คะเนนับย่ำยามได้สามครา ดูเวลาปลอดหว่ งทกั ทนิ

4. เข้าตรงบโทนอน้ ต้นกญั ญา เพอ่ื นโขกลงด้วยกะลาว่าผเี ส้ือ
มหาดเล็กอยู่งานพัดพลดั ตกเรือ ร้องว่าเสือตวั ใหญว่ า่ ยน้ำมา

5. ม่านม่ลู มี่ ีฉากประจำกน้ั อฒั จันทร์เครื่องแกว้ กห็ นักหนา
ชมพลางย่างเย้ืองชำเลืองมา เปิดมุ้งเห็นหน้าแมว่ นั ทอง

6. พเิ คราะห์ดทู ง้ั ยามอัฐกาล กบ็ นั ดาลฤกษ์แรงเปน็ หนักหนา
มิรทู้ ่ีจะแถลงแจง้ กจิ จา กอดเมียเมินหนา้ นำ้ ตากระเด็น

7. อวี นั ทองกูให้อ้ายแผนไป อา้ ยช้างบงั อาจใจทำจู่ลู่
ฉุดมนั ขึ้นชา้ งอ้างถึงกู ตะคอกข่อู วี ันทองให้ตกใจ

8. แล้วทำผงอิทธเิ จเข้าเจมิ พักตร์ คนเห็นคนทักรกั ทุกหน้า
เสกกระแจะจวงจันทน์นำ้ มันทา เสร็จแลว้ ก็พาวนั ทองไป

33

9. จะปรกึ ษาตราสนิ ให้ไม่ได้ จงึ ทำตามนำ้ ใจเอางา่ ยงา่ ย
ถ้าฉวยเกดิ ฆ่าฟนั กันล้มตาย อันตรายไพรเ่ มืองกเ็ คืองกู

10. คดิ คะนึงตะลงึ ตะลานอก ดังตัวตกพระสเุ มรภุ ผู า
ให้อธุ ัจอดั อ้ันตันอุรา เกรงผดิ ภายหน้ากส็ ุดคดิ

เฉลย 34

ใบงานที่ 2.2 เรอ่ื ง ค้นคำไขความ ตอนขุนช้างถวายฎกี า
คำชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นบอกความหมายของคำศัพทท์ ่ขี ีดเสน้ ใตใ้ นแตล่ ะข้อต่อไปน้ี

1. เงียบสัตว์จตั ุบททวบิ าท ดาวดาษเดือนสวา่ งกระจ่างไข

น้ำค้างตกกระเซน็ เยน็ เยือกใจ สงดั เสียงคนใครไม่พูดจา

จัตบุ ททวบิ าท หมายถึง สัตวส์ ่ีเท้า สองเท้า

2. อะไรพอสวา่ งวางเขา้ มา เดก็ หวาจบั ถองใหจ้ งได้

ลุกข้นึ ถกเขมรร้องเกนไป ทดุ อ้ายไพร่ขค้ี รอกหลอกผูด้ ี

ถกเขมร หมายถึง การนุ่งผา้ หยักรัง้ ขน้ึ ไปให้พ้นหวั เข่า บางคร้งั เรยี กวา่ “ขัดเขมร”

ร้องเกน หมายถงึ รอ้ งตะโกนดังๆ

3. ไดย้ นิ เสยี งฆ้องยำ่ ประจำวัง ลอยลมลอ่ งดงั ถึงเคหา

คะเนนบั ย่ำยามได้สามครา ดูเวลาปลอดห่วงทักทิน

ทักทนิ หมายถึง วนั ชวั่ รา้ ย

4. เขา้ ตรงบโทนอ้นต้นกัญญา เพ่อื นโขกลงด้วยกะลาว่าผเี สื้อ

มหาดเล็กอยู่งานพัดพลัดตกเรือ ร้องว่าเสอื ตวั ใหญว่ ่ายนำ้ มา

บโทน หมายถึง นายเรอื ผ้คู อยให้จงั หวะสญั ญาณให้พายชา้ พายเร็ว

ผีเสอื้ หมายถึง ผเี สือ้ สมทุ ร

5. มา่ นมลู่ ี่มีฉากประจำกัน้ อัฒจันทร์เคร่ืองแกว้ ก็หนักหนา

ชมพลางย่างเยื้องชำเลืองมา เปดิ ม้งุ เหน็ หนา้ แมว่ ันทอง

อฒั จนั ทร์ หมายถึง ชน้ั ท่ตี ั้งเคร่ืองแกว้ ซงึ่ เปน็ ของประดบั บ้าน

6. พเิ คราะห์ดูท้ังยามอัฐกาล ก็บันดาลฤกษแ์ รงเป็นหนักหนา

มริ ู้ที่จะแถลงแจง้ กจิ จา กอดเมยี เมินหนา้ นำ้ ตากระเด็น

อัฐกาล หมายถงึ ยามแปด คอื เวลาตั้งแต่ 04.30 – 06.00 น.

7. อีวันทองกใู ห้อา้ ยแผนไป อา้ ยช้างบังอาจใจทำจู่ลู่

ฉุดมนั ขึ้นชา้ งอา้ งถงึ กู ตะคอกขอู่ วี ันทองให้ตกใจ

จู่ลู่ หมายถึง ถลนั เขา้ ไป ร่เี ข้าไปตามทาง โดยปรยิ าย หมายถงึ ดูถูก

8. แลว้ ทำผงอิทธิเจเข้าเจิมพกั ตร์ คนเหน็ คนทักรกั ทุกหนา้

เสกกระแจะจวงจนั ทน์น้ำมนั ทา เสร็จแลว้ กพ็ าวันทองไป

ผงอิทธเิ จ หมายถึง ผงดินสอ ทำได้โดยการใชด้ นิ สอพองเขยี นลงบนกระดานดำ เม่ือจะเขยี นคำใดคำหนง่ึ ก็

ตอ้ งว่า การประสมตวั น้ันๆ พรอ้ มกนั ไปให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณข์ องบาลี พอเขียนเสร็จแลว้

ก็ลบแล้วเก็บผงดินสอนน้ั ไวเ้ ขียนตัวอนื่ ตอ่ ไป และลบเกบ็ ผงดินสอไวอ้ ีก ผงท่ีได้นี้ เรียกว่า ผงอิทธเิ จ เปน็ ผงลงอาคมท่ี

นำมาผดั หนา้ สำหรับเปน็ เสน่ห์ทำให้คนรกั และเมตตา

กระแจะ หมายถึง ผลเคร่ืองหอมตา่ งๆ ท่ีผสมกนั สำหรับทาหรือเจิม โดยปกติมีเครื่องประสม คอื ไมจ้ ันทน์

ชะมดเชยี ง เปน็ ตน้

จวงจันทน์ หมายถงึ เคร่อื งหอมท่ีเจือดว้ ยไมจ้ วงและไมจ้ ันทน์

35

9. จะปรกึ ษาตราสนิ ให้ไม่ได้ จึงทำตามน้ำใจเอาง่ายงา่ ย

ถ้าฉวยเกิดฆา่ ฟันกันลม้ ตายอันตรายไพรเ่ มืองกเ็ คืองกู

ตราสิน หมายถึง แจง้ ความไวเ้ พ่ือเปน็ หลกั ฐาน

10. คิดคะนงึ ตะลงึ ตะลานอก ดังตวั ตกพระสุเมรภุ ผู า

ให้อุธัจอัดอ้ันตนั อรุ า เกรงผิดภายหน้าก็สดุ คดิ

อธุ จั หมายถึง ความฟงุ้ ซา่ น ความประหม่า ขวยเขิน

36

แบบประเมินการนำเสนอผลงาน

คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ งที่ตรงกับ
ระดบั คะแนน

ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน
4321
1 นำเสนอเน้อื หาในผลงานได้ถูกตอ้ ง
2 การลำดบั ขนั้ ตอนของเน้ือเรื่อง
3 การนำเสนอมีความนา่ สนใจ
4 การมสี ่วนรว่ มของสมาชกิ ในกลมุ่
5 การตรงต่อเวลา

รวม

ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ
............../.................../................

เกณฑ์การให้คะแนน

ผลงานหรอื พฤติกรรมสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 4 คะแนน

ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งบางส่วน ให้ 3 คะแนน

ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพรอ่ งเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน

ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ

18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13
ตำ่ กว่า 10 พอใช้
ปรบั ปรุง

37

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่องทต่ี รงกับ
ระดับคะแนน

ลำดับท่ี ชือ่ -สกุล ความรว่ มมือ การแสดง การรบั ฟัง การต้งั ใจ การแก้ไข
ของผรู้ ับการ กนั ทำ ความคดิ เหน็ ความคดิ เหน็ ทำงาน
กิจกรรม ปญั หา/หรือ รวม
ประเมนิ ปรับปรงุ 20
ผลงานกลมุ่ คะแนน

43214321432143214321

ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
............../.................../................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมน้อยครง้ั

เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ

18 - 20 ดีมาก
14 - 17 ดี
10 - 13
ต่ำกว่า 10 พอใช้
ปรบั ปรุง

38

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งทต่ี รงกับ

ระดับคะแนน

คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน
อนั พึงประสงค์ดา้ น 4321

1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเมอ่ื ไดย้ นิ เพลงชาติ รอ้ งเพลงชาติได้ และอธบิ ายความหมาย
กษัตรยิ ์ ของเพลงชาติ

1.2 ปฏิบัติตนและชักชวนผ้อู นื่ ปฏบิ ตั ติ ามสทิ ธแิ ละหนา้ ทข่ี องพลเมอื ง

1.3 ให้ความรว่ มมือ ร่วมใจ ในการทำกิจกรรมกบั สมาชิกในโรงเรียน ชมุ ชน
และสงั คม

1.4 เป็นผู้นำหรอื เป็นแบบอย่างในการจัดกิจกรรมท่ีสร้างความสามัคคี
ปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ อ่ โรงเรยี น ชมุ ชน และสงั คม ชน่ื ชม ปกปอ้ ง
ความเป็นชาตไิ ทย

1.5 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาทตี่ นนบั ถอื ปฏิบัติตนตามหลกั ของศาสนา
และเป็นตัวอย่างทด่ี ขี องศาสนิกชน

1.6 เข้าร่วมกิจกรรมและมสี ว่ นรว่ มในการจดั กิจกรรมทเ่ี กย่ี วข้องกับสถาบัน
พระมหากษตั ริยต์ ามทีโ่ รงเรียนและชุมชนจดั ขน้ึ ช่นื ชมในพระราชกรณียกจิ
พระปรชี าสามารถของพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์

2. ซ่อื สตั ย์ สุจรติ 2.1 ใหข้ อ้ มูลท่ถี ูกตอ้ ง และเปน็ จริง

2.2 ปฏิบัติในส่ิงทถ่ี ูกตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ทีจ่ ะกระทำความผดิ ทำตาม
สัญญาทตี่ นให้ไวก้ ับเพอ่ื น พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง และครู เป็นแบบอยา่ ง
ทด่ี ีด้านความซือ่ สตั ย์

2.3 ปฏบิ ตั ติ นต่อผูอ้ น่ื ดว้ ยความซอื่ ตรง ไม่หาประโยชน์ในทางท่ีไม่ถกู ตอ้ ง
และเปน็ แบบอยา่ งทดี่ ีแกเ่ พอื่ นดา้ นความซ่อื สตั ย์

3. มีวินัย รบั ผิดชอบ 3.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของครอบครัว
โรงเรียน และสังคม ไมล่ ะเมดิ สทิ ธขิ องผอู้ ืน่ ตรงต่อเวลาในการปฏิบตั ิ
กจิ กรรมต่างๆ ในชวี ติ ประจำวัน และรบั ผดิ ชอบในการทำงาน ปฏิบตั ิ
เปน็ ปกตวิ สิ ัยและเปน็ แบบอย่างทดี่ ี

4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 แสวงหาข้อมูลจากแหล่งการเรียนรตู้ ่างๆ

4.2 มีการจดบันทึกความร้อู ย่างเปน็ ระบบ

4.3 สรปุ ความรไู้ ดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล

5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง 5.1 ใชท้ รพั ย์สินของตนเอง เช่น สง่ิ ของ เครื่องใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั
ค้มุ คา่ และเก็บรักษาดูแลอย่างดี และใช้เวลาอย่างเหมาะสม

5.2 ใช้ทรพั ยากรของสว่ นรวมอยา่ งประหยดั คุ้มค่า และเกบ็ รักษาดแู ลอยา่ งดี

5.3 ปฏิบตั ติ นและตัดสนิ ใจดว้ ยความรอบคอบ มเี หตผุ ล

5.4 ไม่เอาเปรยี บผู้อืน่ และไมท่ ำใหผ้ ู้อน่ื เดอื ดรอ้ น พรอ้ มใหอ้ ภยั เมื่อผูอ้ น่ื
กระทำผดิ พลาด

39

แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (ต่อ)

คำช้แี จง : ให้ ผูส้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลงในช่องท่ีตรงกับ

ระดบั คะแนน

คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
อันพึงประสงคด์ ้าน 4321

5.5 วางแผนการเรียน การทำงานและการใชช้ วี ิตประจำวนั บนพ้ืนฐาน
ของความรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร

5.6 ร้เู ทา่ ทนั การเปลย่ี นแปลง ทางสังคม และสภาพแวดล้อม ยอมรบั
และปรับตวั อยรู่ ่วมกบั ผ้อู ่นื ได้อยา่ งมคี วามสขุ

6. มงุ่ ม่ันในการทำงาน 6.1 เอาใจใส่ตอ่ การปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

6.2 ตั้งใจและรบั ผดิ ชอบในการทำงานให้สำเรจ็

6.3 ปรับปรงุ และพัฒนาการทำงานอยา่ งรอบคอบ

6.4 ทุ่มเท ทำงาน อดทน ไมท่ อ้ ตอ่ ปญั หาและอุปสรรค

6.5 พยายามแกป้ ัญหาและอปุ สรรคในการทำงานใหส้ ำเรจ็

6.6 ชื่นชมผลงานความสำเรจ็ ดว้ ยความภาคภมู ใิ จ

7. รกั ความเป็นไทย 7.1 มีจิตสำนึกในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย

7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏบิ ัตติ นตามวฒั นธรรมไทย

8. มีจติ สาธารณะ 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู ำงาน

8.2 อาสาทำงาน ช่วยคิด ช่วยทำ แบ่งปันสง่ิ ของ ทรัพยส์ นิ และอ่ืนๆ
พรอ้ มช่วยแก้ปญั หา

8.3 ดแู ล รักษาทรพั ยส์ นิ ของห้องเรยี น โรงเรยี น ชมุ ชน

8.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชนข์ องโรงเรยี น ชมุ ชน
เพอ่ื แกป้ ญั หาหรือร่วมสรา้ งสิง่ ที่ดงี ามตามสถานการณ์ท่ีเกิดข้ึน

ลงชอ่ื ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
............../.................../................

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 4 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 1 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง

บนั ทึกหลังแผนการสอน 40

 ด้านความรู้ )

 ด้านสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น

 ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

 ดา้ นอ่ืนๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมที่มปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค
 แนวทางการแกไ้ ข

ข้อเสนอแนะ ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย

ลงชื่อ
(
ตำแหนง่

41

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 3

วิชา ท 33101 ภาษาไทย5 ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6

กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรยี นท่ี 1

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เสภาเรื่อง ขนุ ช้างขุนแผน ตอนขนุ ช้างถวายฎีกา เวลา 1-2 ชวั่ โมง

เร่อื ง วรรณศิลปแ์ ละรสแห่งวรรณคดี ผู้สอน นางสาวจิลันดา รักไร่
....................................................................................................................................................................................

1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การศกึ ษาเสภาเร่อื ง ขนุ ช้างขุนแผน ตอนขนุ ชา้ งถวายฎีกา ต้องอธิบายลักษณะและคุณค่าดา้ นวรรณศิลป์และรสวรรณคดตี าม

หลักการวจิ ารณเ์ บื้องตน้
2. ตวั ชวี้ ดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

2.1 ตัวชี้วดั

ท 5.1 ม.4-6/1 วิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตามหลักการวิจารณเ์ บือ้ งตน้
ม.4-6/3 วเิ คราะหแ์ ละประเมนิ คุณค่าด้านวรรณศลิ ป์ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมในฐานะท่เี ปน็ มรดกทาง
วัฒนธรรมของชาติ

2.4 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

4) อธิบายลักษณะทางวรรณศลิ ป์และรสวรรณคดีด้านต่างๆ ได้

5) อธิบายคณุ ค่าดา้ นวรรณศิลป์และรสวรรณคดีจากเสภาเรอ่ื ง ขนุ ช้างขุนแผน ตอน ขนุ ชา้ งถวายฎกี าได้

3. สาระการเรยี นรู้

3.3 สาระการเรียนรู้แกนกลาง

1) หลกั การวเิ คราะหแ์ ละวิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมเบื้องต้น

- การวเิ คราะห์และการวิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรม

2) การวเิ คราะห์และประเมินคุณคา่ วรรณคดแี ละวรรณกรรม

- ดา้ นวรรณศลิ ป์

3.2 สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิน่

(พจิ ารณาตามหลกั สูตรสถานศกึ ษา)

4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน

4.1 ความสามารถในการสื่อสาร

4.2 ความสามารถในการคดิ

1) ทกั ษะการวิเคราะห์ 2) ทักษะการตคี วาม 3) ทกั ษะการสงั เคราะห์

4) ทกั ษะการประเมนิ 5) ทักษะการประยุกตใ์ ชค้ วามรู้

4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต

5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. มีวินยั 2. ใฝเ่ รียนรู้

3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน 4. รกั ความเป็นไทย

42

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
วิธีสอนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการกลมุ่

ช่ัวโมงท่ี 1
ข้นั ที่ 1 มผี ้นู ำและมีการแบ่งหนา้ ทค่ี วามรับผดิ ชอบ

7. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่ม (กล่มุ เดมิ จากแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1) เลอื กผนู้ ำกลมุ่ และเลขานุการกลุ่ม ครเู นน้ ย้ำใหส้ มาชกิ ทุก
คนในกลมุ่ รว่ มมอื กันในการทำกิจกรรม

8. ครูติดแผนภูมติ วั อย่างบทประพันธเ์ สภาเร่อื ง ขนุ ช้างขนุ แผน ตอนขนุ ชา้ งถวายฎีกา ใหน้ ักเรียนดู แลว้ ให้นกั เรียนชว่ ยกนั
วิเคราะห์วา่ บทประพันธ์ดงั กลา่ วใชภ้ าษาอย่างไร มีความไพเราะหรือไม่ และปรากฏรสวรรณคดีอะไรบ้าง
ครูสุ่มเรียกนักเรยี นตอบเปน็ รายกล่มุ ครแู ละเพื่อนนักเรียนชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง และใหข้ ้อเสนอแนะ

9. จากน้นั ให้นกั เรียนตอบคำถามกระต้นุ ความคิด
คำถามกระต้นุ ความคดิ

• การพจิ ารณาคุณคา่ ทางวรรณศิลป์มคี วามสำคัญในการศกึ ษาวรรณคดีอย่างไร
(การศกึ ษาคุณคา่ ทางวรรณศลิ ป์ช่วยให้เหน็ และตระหนกั ในคุณคา่ ของวรรณคดเี รื่องนั้นๆ มากยิง่ ข้นึ และ
ทำให้เห็นความสามารถด้านการประพนั ธ์ของกวีทส่ี ามารถนำเสยี ง คำ และความหมายในภาษาไทย มาใช้
สอื่ ความคิดและอารมณ์ความรู้สกึ ได้อย่างมีศิลปะ)

ข้ันที่ 2 วางแผน

3. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ชว่ ยกนั วางแผนและกำหนดขอบเขตในการศกึ ษาความรู้ในด้านวรรณศิลปจ์ ากเสภาเร่ือง ขุนช้าง
ขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา

4. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ศึกษาความรตู้ ามแผนที่ไดว้ างไว้ จากหนังสือเรียน หนงั สอื คน้ ควา้ เพ่ิมเติม และแหล่งข้อมลู สารสนเทศ
5. ครูสุ่มนกั เรียนอธิบายคุณคา่ วรรณศลิ ป์และรสวรรณคดีของเสภาเรือ่ ง ขุนช้างขุนแผน ตอนขนุ ชา้ งถวายฎกี า ตามทีก่ ำหนด

เปน็ รายกลุม่ ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้องและใหข้ ้อเสนอแนะ
6. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ช่วยกันทำใบงานที่ 3.1 เรื่อง ศิลปแ์ ละรสแห่งภาษา ตอนขุนช้างถวายฎีกา เสรจ็ แล้วครูและนักเรียน

ช่วยกันเฉลยคำตอบในใบงาน
5. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ

คำถามกระตุน้ ความคดิ

• การพจิ ารณาคุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ปน์ น้ั พจิ ารณาจากอะไรบ้าง
(พจิ ารณาการใช้ภาษา เช่น การใชถ้ ้อยคำ โวหาร และภาพพจน์ตา่ งๆ วา่ มีความไพเราะงดงามหรอื ไม่
ท้งั เสยี งและการสือ่ ความหมาย)

ข้ันท่ี 3 ปฏบิ ตั ิตามแผน
4. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันสรุปความรู้เรอ่ื ง วรรณศิลป์และรสวรรณคดขี องเสภาเร่ือง ขุนชา้ งขุนแผน ตอนขุนชา้ งถวาย
ฎกี า
5. นักเรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ
คำถามกระต้นุ ความคดิ

• เสภาเรอ่ื งขุนช้างขนุ แผน ตอนขนุ ช้างถวายฎกี า มรี สวรรณคดไี ทยประเภทใดโดดเด่นที่สุด
(รสพโิ รธวาทงั ดังจะเห็นไดจ้ ากบทแสดงอารมณโ์ กรธของขุนชา้ ง จม่ืนไวย และพระพันวษา ซึง่ ปรากฏหลาย
ชว่ งในตอนดังกล่าวน้ี)

43

ช่วั โมงที่ 2

ขน้ั ท่ี 4 ประเมนิ ผลการปฏิบัติงาน

ครูประเมินผลนักเรียนจากการทำใบงานท่ี 3.1

ขน้ั ท่ี 5 ปรบั ปรงุ และพฒั นา
1. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันปรับปรงุ และพฒั นาผลงานในใบงานที่ 3.1 ให้ถูกต้องสมบูรณ์
2. นักเรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ ข้อ 1-2

คำถามกระตุน้ ความคิด

• จากการศึกษาคุณค่าด้านวรรณศลิ ปแ์ ละรสวรรณคดใี นเสภาขนุ ช้างขนุ แผน ตอนขนุ ชา้ งถวายฎกี า นกั เรียน
ประทับใจบทประพนั ธ์บทใดมากทสี่ ุด เพราะเหตใุ ด
(พิจารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพินจิ ของครูผสู้ อน)

• การเขา้ ใจคณุ คา่ ทางวรรณศลิ ป์และรสวรรณคดใี นเสภาเรื่อง ขุนช้างขนุ แผน ทำให้นักเรียนเกิดความร้สู ึก
ประทบั ใจวรรณคดอี ย่างไรบา้ ง (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ จิ ของครผู ู้สอน)

7. การวดั และประเมินผล

วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์

ตรวจใบงานท่ี 3.1 ใบงานท่ี 3.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ มุง่ มนั่ ใน แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

การทางาน และรกั ความเป็นไทย

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 สอื่ การเรียนรู้
1) หนังสือเรยี น ภาษาไทย : วรรณคดีและวรรณกรรม ม.6
2) หนังสอื ค้นคว้าเพิ่มเตมิ
3) แผนภมู ติ วั อยา่ งบทประพันธ์จากเสภาเรื่อง ขนุ ช้างขุนแผน ตอนขุนชา้ งถวายฎกี า
4) ใบงานที่ 3.1 เรอื่ ง ศลิ ปแ์ ละรสแห่งภาษา ตอนขุนชา้ งถวายฎีกา
8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องสมุด
2) แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ

44

เอกสารประกอบการสอน
แผนภมู ิตัวอยา่ งบทประพันธ์

เสภาเร่อื ง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา

จะกลา่ วถงึ เจ้าจอมหมอ่ มขุนช้าง นอนครางหลบั กรนอย่ปู น่ เป้ือน

อศั จรรย์ฝันแปรแชเชอื น วา่ ขีเ้ รอื นข้ึนตัวทั่วท้ังน้นั

หาหมอมารักษายาเขา้ ปรอท มนั กินปอดตับไตออกไหลลน่ั

ทง้ั ไส้นอ้ ยไส้ใหญ่แลไสต้ ัน ฟนั ฟางก็หักจากปากตวั

ตกใจตืน่ ผวาควา้ วนั ทอง รอ้ งว่าแม่คุณแมช่ ว่ ยผวั

ลกุ ข้นึ งกงนั ตวั สัน่ รวั ให้นกึ กลัวปรอทจะตอดตาย

ลมื ตาเหลยี วหาเจ้าวันทอง ไมเ่ ห็นน้องหอ้ งสว่างตะวันสาย

ผ้าผอ่ นล่อนแกน่ ไม่ติดกาย เหน็ ม่านขาดเร่ียรายประหลาดใจ

ตะโกนเรียกในหอ้ งวนั ทองเอ๋ย หาขานรบั เช่นเคยสักคำไม่

ท้งั ข้าวของมากมายก็หายไป ปากประตูเปดิ ไวไ้ มใ่ ส่กลอน

พลางเรียกหาข้าไทอยู่ว้าวุน่ อีอุน่ อีอ่ิมอีฉิมอสี อน

อมี ีอีมาอีสาคร นิ่งนอนไยหวามาหากู

บา่ วผู้หญงิ วงิ่ ไปอย่งู กงัน เห็นนายนน้ั แก้ผา้ กางขาอยู่

ตา่ งคนทรดุ นงั่ บังประตู ตกตะลึงแลดูไมเ่ ข้ามา

ขนุ ช้างเหน็ ขา้ ไม่มาใกล้ ขัดใจลกุ ขน้ึ ทง้ั แกผ้ ้า

แหงนเถอ่ เป้อปงั ยืนจังกา ย่างเทา้ ก้าวมาไมร่ ู้ตวั

ยายจันงนั งกยกมือไหว้ น่นั พ่อจะไปไหนพ่อทูนหวั

ไมน่ ุง่ ผ่อนนุ่งผ้าดนู า่ กลวั ขุนชา้ งมองดตู วั กต็ กใจ

สองมือปดิ ขาเหมือนท่าเปรต ใครมาเทศน์เอาผา้ กูไปไหน

ให้นกึ อดสหู มู่ข้าไท ยายจันไปเอาผา้ ใหข้ ้าที

ยายจันตกใจเตม็ ประดา เข้าฉวยผ้าเอามาคล่ี

หยบิ ย่ืนสง่ ไปใหท้ นั ที เมนิ หนอี ดสูไม่ดูนาย

ขุนชา้ งตวั สน่ั เทาบอกบา่ วไพร่ เจ้าวนั ทองไปไหนอย่างไรหาย

เอ็งไปดูให้รซู้ ึง่ แยบคาย พบแลว้ อย่าว่นุ วายใหเ้ ชิญมา

45

ใบงานที่ 3.1 เรอ่ื ง ศลิ ปแ์ ละรสแห่งภาษา ตอนขนุ ช้างถวายฎกี า

ตอนที่ 1

คำชแี้ จง ให้นกั เรยี นพิจารณาบทประพันธใ์ นแต่ละข้อต่อไปนวี้ า่ มคี วามงามทางวรรณศลิ ปโ์ ดดเด่นในดา้ นใด

1. ท้งั ชายหญิงง่วงงมลม้ หลับ นอนทบั ควำ่ หงายกา่ ยกันเปรอะ

จปี่ ลาคาไฟมันไหลเลอะ โงกเงอะงยุ งมไม่สมประดี

2. มาอยู่ไยกบั อ้ายหนิ ชาติ แสนอบุ าทว์ใจจติ ริษยา
ดงั ทองคำทำเล่ียมปากกะลา หนา้ ตาดำเหมือนมินหม้อมอม
เหมือนแมลงวันว่อนเคลา้ ทเี่ น่าชวั่ มาเกลือกกลัว้ ปทุมมาลย์ทห่ี วานหอม
ดอกมะเด่ือฤๅจะเจือดอกพะยอม วา่ นกั แม่จะตรอมระกำใจ

3. อาลยั เจา้ เท่ากบั ดวงชีวติ พี่ คิดจะหนีไปตามเอาเจ้ากลบั
เกรงจะพากันผิดเขา้ ตดิ ทบั แต่ขยับอย่จู นได้ไปเชียงอนิ ทร์

4. พลางเรียกหาข้าไทอยู่ว้าวนุ่ ออี ุ่นออี ่ิมอีฉิมอีสอน
อีมีอีมาอีสาคร นง่ิ นอนไยหวามาหากู

5. คราน้นั พระองค์ผทู้ รงภพ ฟังจบแค้นค่งั ดงั เพลงิ ไหม้
เหมือนดินประสิวปลวิ ตดิ กบั เปลวไฟ ดดู เู๋ ปน็ ได้อวี นั ทอง

6. เจ้าพลายงามตามรับเอากลับมา ทนี ้ีหน้าจะดำเป็นน้ำหมกึ
กำเรบิ ใจดว้ ยเจา้ ไวยกำลงั ฮึก จะพาแมต่ กลึกใหจ้ ำตาย


Click to View FlipBook Version