The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ji, 2022-08-30 10:17:36

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย 5 ท33101

ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

เฉลย 146

ใบงานที่ 1.1 เร่ือง เลา่ เร่ืองเป็นภาพ (ตวั อยา่ ง)

คำชี้แจง ให้นกั เรียนเขียนกรอบแนวคิดจากข้อมลู ทน่ี ักเรียนค้นควา้

จบั หวั ขอ้ หรอื ประเดน็ รอง อา่ นเน้อื เรอื่ งใหล้ ะเอยี ด คดิ หาหวั เรอื่ งทคี่ รอบคลมุ
เพอื่ มองหาประเดน็ ที่ ความสาคญั ของเน้อื เรอื่ ง
สาคญั ต่างๆ ของเรอื่ ง
ทงั้ หมด

พยายามให้ แนวทางการเขียน จดั แยกเน้อื หาสาระให้
กรอบแนวคิด เป็นหมวดหมู่
รายละเอยี ดเพมิ่ เตมิ

ขยายตอ่ ไปในแตล่ ะ

หวั ขอ้ รอง ทาใหเ้ หน็ ความสาคญั ช่วยฝึกทกั ษะ
ระหวา่ งทกุ สว่ นของความคดิ กระบวนการ
ผงั ความคดิ ผงั มโนภาพ รวบยอดหลกั และความคดิ คดิ แลการ

รปู แบบการเขียน รวบยอดรองลงไป จดจา
กรอบแนวคิด

แผนภูมเิ วนน์ ผงั กา้ งปลา การเขียน ความสาคญั ของการ
กรอบ เขียนกรอบแนวคิด
แนวคิด

ผงั ใยแมงมมุ ช่วยในการสรปุ ช่วยพฒั นา
เน้อื หาจาก ความคดิ แบบมี
ตารา วจิ ารณญาณ

รกั ษาความสะอาด มารยาทในการเขียน ไมค่ ดั ลอกบทความ
เรยี บรอ้ ย เขยี นดว้ ย กรอบแนวคิด หรอื เน้อื หาตอนใด
ลายมอื ทอี่ า่ นงา่ ย
ตอนหนงึ่ มาโดย
เจา้ ของเรอื่ งไม่อนุญาต

ไม่เขยี นเพอื่ มุง่ เน้น ไม่เขยี นโดยใชอ้ ารมณ์ ตอ้ งบอกแหลง่ ทมี่ า
ทาลายผอู้ นื่ ต่อตนเอง สว่ นตวั เป็นบรรทดั ฐาน ของขอ้ มลู เดมิ เสมอ

และผอู้ นื่

(พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน)

147

ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง สร้างกรอบแนวคดิ จากขอ้ มูล
คำช้แี จง ให้นกั เรียนเขียนกรอบแนวคิดจากเรอื่ งทีน่ กั เรยี นสนใจ

เฉลย 148

ใบงานที่ 1.2 เร่อื ง สรา้ งกรอบแนวคดิ จากขอ้ มูล

คำชีแ้ จง ให้นกั เรยี นเขียนกรอบแนวคิดจากเร่ืองที่นกั เรยี นสนใจ

(พิจารณาตามคำตอบของนกั เรยี น โดยให้อย่ใู นดลุ ยพินิจของครผู สู้ อน)

149

แบบบันทึกการอ่าน

ชือ่ หนงั สือ ชื่อผู้แตง่ นามปากกา
สำนกั พมิ พ์ สถานท่พี ิมพ์ ปีทพี่ มิ พ์

จำนวนหน้า ราคา บาท อ่านวันท่ี เดือน พ.ศ. เวลา

1. สาระสำคัญของเร่ือง

2. วิเคราะห์ข้อคดิ /ประโยชน์ทีไ่ ดจ้ ากเรื่องท่ีอ่าน
3. ส่งิ ท่ีสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ประจำวนั

4. ข้อเสนอแนะของครู ลงช่อื ผ้ปู กครอง
( )
ลงชื่อ นักเรยี น
() ครผู ู้สอน
)
ลงชื่อ
( ให้ 4 คะแนน
ให้ 3 คะแนน
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 2 คะแนน
ผลงานมคี วามสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 1 คะแนน
ผลงานมีข้อบกพร่องเพียงเล็กนอ้ ย
ผลงานมขี ้อบกพร่องเป็นสว่ นใหญ่
ผลงานมขี ้อบกพร่องมาก

150

แบบประเมินการนำเสนอผลงาน

คำชแ้ี จง : ให้ ผ้สู อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั
ระดบั คะแนน

ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน
4321
1 เนื้อหาละเอยี ดชัดเจน
2 ความถูกตอ้ งของเนือ้ หา
3 ภาษาทใ่ี ชเ้ ข้าใจงา่ ย
4 ประโยชน์ที่ได้จากการนำเสนอ
5 วธิ กี ารนำเสนอผลงาน

รวม

ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ
............../.................../................

เกณฑก์ ารให้คะแนน

ผลงานหรอื พฤติกรรมสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 4 คะแนน

ผลงานหรือพฤติกรรมมขี ้อบกพร่องบางสว่ น ให้ 3 คะแนน

ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพร่องเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน

ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี ้อบกพรอ่ งมาก ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13
ต่ำกว่า 10 พอใช้
ปรับปรุง

151

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งท่ตี รงกับ
ระดับคะแนน

ลำดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน
4321
1 การแบง่ หนา้ ท่ีกันอย่างเหมาะสม
2 ความรว่ มมือกันทำงาน
3 การแสดงความคิดเหน็
4 การรบั ฟังความคิดเห็น
5 ความมนี ้ำใจชว่ ยเหลือกนั

รวม

ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมนิ
............../.................../................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 1 คะแนน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยครัง้

เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13
ตำ่ กว่า 10 พอใช้
ปรับปรุง

152

แบบประเมิน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

คำช้ีแจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั
ระดบั คะแนน

คณุ ลักษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
อนั พงึ ประสงค์ดา้ น 4321
1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเมือ่ ได้ยนิ เพลงชาติ ร้องเพลงชาตไิ ด้ และอธบิ ายความหมาย
กษัตริย์ ของเพลงชาติ

2. ซอื่ สตั ย์ สจุ ริต 1.2 ปฏิบัตติ นและชักชวนผู้อนื่ ปฏิบตั ิตามสทิ ธิและหน้าทีข่ องพลเมอื ง
3. มีวินยั รับผดิ ชอบ 1.3 ใหค้ วามร่วมมอื รว่ มใจ ในการทำกิจกรรมกบั สมาชิกในโรงเรียน ชุมชน
4. ใฝ่เรยี นรู้
5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง และสังคม
1.4 เปน็ ผู้นำหรือเป็นแบบอย่างในการจดั กจิ กรรมทีส่ ร้างความสามัคคี

ปรองดอง และเป็นประโยชนต์ อ่ โรงเรยี น ชมุ ชน และสงั คม ช่นื ชม ปกปอ้ ง
ความเป็นชาตไิ ทย
1.5 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทตี่ นนบั ถอื ปฏบิ ัติตนตามหลกั ของศาสนา
และเปน็ ตวั อย่างทด่ี ีของศาสนกิ ชน
1.6 เขา้ ร่วมกจิ กรรมและมสี ่วนร่วมในการจดั กิจกรรมทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั สถาบนั
พระมหากษตั รยิ ต์ ามท่ีโรงเรยี นและชมุ ชนจดั ขึน้ ชืน่ ชมในพระราชกรณียกจิ
พระปรีชาสามารถของพระมหากษัตรยิ ์และพระราชวงศ์
2.1 ให้ขอ้ มลู ท่ถี ูกต้อง และเป็นจริง
2.2 ปฏบิ ัตใิ นสิ่งท่ถี ูกต้อง ละอาย และเกรงกลัวทีจ่ ะกระทำความผิด ทำตาม
สัญญาทต่ี นใหไ้ วก้ ับเพ่อื น พอ่ แม่ หรอื ผู้ปกครอง และครู เป็นแบบอย่าง
ท่ีดีดา้ นความซ่อื สตั ย์
2.3 ปฏิบัตติ นตอ่ ผู้อ่นื ด้วยความซือ่ ตรง ไมห่ าประโยชน์ในทางท่ีไม่ถกู ต้อง
และเปน็ แบบอย่างทด่ี ีแกเ่ พ่ือนด้านความซื่อสตั ย์
3.1 ปฏบิ ัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คับของครอบครวั
โรงเรียน และสังคม ไม่ละเมิดสิทธขิ องผอู้ น่ื ตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั ิ
กจิ กรรมตา่ งๆ ในชีวติ ประจำวัน และรับผิดชอบในการทำงาน ปฏบิ ตั ิ
เปน็ ปกตวิ สิ ัยและเป็นแบบอย่างทด่ี ี
4.1 แสวงหาข้อมูลจากแหล่งการเรียนร้ตู า่ งๆ
4.2 มกี ารจดบันทึกความรูอ้ ยา่ งเป็นระบบ
4.3 สรปุ ความรไู้ ดอ้ ย่างมีเหตผุ ล
5.1 ใช้ทรัพยส์ นิ ของตนเอง เชน่ สงิ่ ของ เคร่ืองใช้ ฯลฯ อย่างประหยดั
ค้มุ คา่ และเก็บรักษาดแู ลอย่างดี และใชเ้ วลาอย่างเหมาะสม
5.2 ใช้ทรัพยากรของสว่ นรวมอย่างประหยัด คมุ้ คา่ และเก็บรักษาดแู ลอยา่ งดี
5.3 ปฏบิ ตั ติ นและตดั สินใจด้วยความรอบคอบ มีเหตผุ ล
5.4 ไมเ่ อาเปรียบผูอ้ ่ืน และไมท่ ำใหผ้ ู้อน่ื เดอื ดรอ้ น พรอ้ มใหอ้ ภัยเม่ือผอู้ น่ื
กระทำผดิ พลาด

153

แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (ตอ่ )

คำชแ้ี จง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกับ

ระดับคะแนน

คณุ ลักษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน
อนั พงึ ประสงคด์ ้าน 4321

5.5 วางแผนการเรยี น การทำงานและการใชช้ ีวิตประจำวันบนพนื้ ฐาน
ของความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร

5.6 รูเ้ ทา่ ทนั การเปลย่ี นแปลง ทางสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั
และปรับตัว อยู่รว่ มกับผูอ้ ื่นไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ

6. ม่งุ ม่ันในการทำงาน 6.1 เอาใจใส่ต่อการปฏิบตั หิ นา้ ทที่ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย

6.2 ตง้ั ใจและรบั ผดิ ชอบในการทำงานใหส้ ำเรจ็

6.3 ปรบั ปรุงและพฒั นาการทำงานอยา่ งรอบคอบ

6.4 ท่มุ เท ทำงาน อดทน ไมท่ อ้ ต่อปญั หาและอุปสรรค

6.5 พยายามแก้ปัญหาและอุปสรรคในการทำงานให้สำเร็จ

6.6 ชื่นชมผลงานความสำเร็จด้วยความภาคภมู ใิ จ

7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจติ สำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย

7.2 เหน็ คุณคา่ และปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย

8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รจู้ กั ชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน

8.2 อาสาทำงาน ช่วยคิด ชว่ ยทำ แบง่ ปนั สงิ่ ของ ทรัพย์สิน และอื่นๆ
พร้อมชว่ ยแก้ปัญหา

8.3 ดแู ล รักษาทรัพย์สนิ ของหอ้ งเรียน โรงเรียน ชมุ ชน

8.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชนข์ องโรงเรยี น ชมุ ชน
เพอื่ แกป้ ัญหาหรอื ร่วมสร้างสงิ่ ท่ดี งี ามตามสถานการณ์ท่เี กิดขึ้น

ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
............../.................../................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้ัง

154

บันทกึ หลังแผนการสอน

 ด้านความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน

 ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

 ดา้ นอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมทมี่ ีปญั หาของนักเรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้าม)ี )

 ปญั หา/อปุ สรรค
 แนวทางการแก้ไข

ข้อเสนอแนะ ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ทไี่ ดร้ บั มอบหมาย

ลงชอ่ื
()

ตำแหน่ง..................................

บันทกึ หลังหนว่ ยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน 155

ตอนที่ 1 นกั เรียนมคี วามรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ชี้วัดของหนว่ ยการเรียนรู้ )
ต่อไปน้ี ท 1.1 (ม.4-6/7, ม.4-6/8)
)
 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น (จำนวน คน คดิ เปน็ ร้อยละ

 ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

 ด้านอ่ืนๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมทีม่ ปี ญั หาของนักเรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้าม)ี )

สรุปผลจากการประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) ประจำหน่วยการเรียนรู้
 ระดับคุณภาพดีมาก จำนวน
 ระดับคุณภาพดี จำนวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ

 ระดับคุณภาพพอใช้ จำนวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ

 ระดับคุณภาพปรับปรุง จำนวน คน คิดเป็นร้อยละ

คน คิดเปน็ รอ้ ยละ

 ปัญหา/อุปสรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ข้อเสนอแนะ ความเห็นของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย

ลงช่ือ
(
ตำแหน่ง

156

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4
การเขยี นเพ่อื สื่อสาร

157

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 การเขียนเพือ่ สอ่ื สาร

1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชี้วัด
ท 2.1 ม.4-6/1 เขียนสอ่ื สารในรูปแบบตา่ งๆ ได้ตรงตามวัตถปุ ระสงค์ โดยใช้ภาษาเรียบเรียงถูกตอ้ ง
มีข้อมูล และสาระสำคญั ชดั เจน
ม.4-6/8 มมี ารยาทในการเขียน

2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การโต้แยง้ เป็นการแสดงความเหน็ ต่างกนั ของบคุ คลสองฝา่ ย โดยแต่ละฝา่ ยจะใชเ้ หตผุ ลและหลักฐาน “หักล้าง” ความเหน็

ของอกี ฝา่ ยหนึ่ง เพ่ือให้ได้“คำตอบ” ของประเด็นโต้แยง้ ร่วมกัน กระบวนการโต้แย้งจะดำเนนิ ไปได้ด้วยดนี ้ันจำเป็นต้องอาศัย
ความรว่ มมือของทั้งสองฝา่ ยเป็นสำคญั ทง้ั น้เี พอื่ ใหส้ ามารถบรรลวุ ัตถุประสงคข์ องการโตแ้ ยง้ และไม่กลายเป็นการโต้เถียงหรือ
เกดิ ความแตกแยก

3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรียนร้แู กนกลาง
 การเขียนสือ่ สารในรูปแบบตา่ งๆ เชน่

3.2 สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ
(พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศึกษา)

4. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน 2) ทักษะการจดั ระเบยี บ
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคิด
1) ทกั ษะการเขยี น
4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ

5. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีวินยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน

6. ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
แบบฝกึ หดั การเขียนโตแ้ ย้ง

7. การวดั และการประเมนิ ผล
7.1 การประเมินกอ่ นเรียน
- ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 4 เร่อื ง การเขยี นเพ่ือส่ือสาร

158

7.2 การประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
1) ตรวจแบบฝึกหดั เรอ่ื ง การเขียนโต้แย้ง
2) สงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
3) สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์

7.3 การประเมินหลังเรียน
- ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เรือ่ ง การเขียนโต้แยง้

159

แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 1

วชิ า ท33101 ภาษาไทย5 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6

กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ภาคเรียนท่ี 1

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 เขยี นเพื่อสื่อสาร เวลา 1 ชั่วโมง

เรื่อง การโต้แย้ง ผสู้ อน นางสาวจิลนั ดา รักไร่

...................................................................................................................................................................

1. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

การโต้แย้ง เป็นการแสดงความเห็นต่างกันของบุคคลสองฝ่าย โดยแต่ละฝ่ายจะใช้เหตุผลและหลักฐาน “หักล้าง”

ความเห็นของอีกฝา่ ยหนงึ่ เพอ่ื ใหไ้ ด“้ คำตอบ” ของประเด็นโตแ้ ย้งรว่ มกนั กระบวนการโต้แยง้ จะดำเนนิ ไปได้ดว้ ยดนี น้ั จำเป็นต้อง

อาศัยความรว่ มมือของท้งั สองฝ่ายเป็นสำคญั ทัง้ นเ้ี พอื่ ให้สามารถบรรลวุ ัตถุประสงค์ของการโต้แย้ง และไม่กลายเป็นการโต้เถียง

หรือเกิดความแตกแยก

2. ตัวชว้ี ัด/จดุ ประสงค์การเรียนรู้

2.1 ตัวชี้วัด

ท 2.1 ม.4-6/1 เขยี นสื่อสารในรปู แบบตา่ ง ๆ ได้ ตรงตามวตั ถุประสงค์ โดยใชภ้ าษาเรียบเรียงถกู ต้อง มีข้อมูลและ

สาระสำคญั ชัดเจน

ท 2.1ม.4-6/8 มีมารยาทในการเขยี น

2.10จุดประสงค์การเรียนรู้

1) นักเรยี นสามารถอธิบายความหมายและกระบวนการโต้แย้งได้ K

2) นักเรยี นมคี ุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ตามท่หี ลกั สูตรกำหนดได้ A

3) นกั เรียนสามารถวิเคราะหก์ ารโต้แย้งได้ P

3. สาระการเรียนรู้

3.9 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

1) การเขยี นสื่อสารในรูปแบบต่างๆ

3.2 สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่ิน

-

4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน

4.1 ความสามารถในการส่ือสาร

4.2 ความสามารถในการคิด

4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ

5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. มุ่งมั่นในการทำงาน 3. รักความเปน็ ไทย

160

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำเข้าสบู่ ทเรียน (10 นาที)
1. นักเรียนร่วมกันสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ว่าเคยโต้เถียงกับเพื่อนเรื่องใดบ้าง และการถกเถียงเกิดจากการไม่

เหน็ ดว้ ยในเรือ่ งใด และมเี หตผุ ลประกอบในการถกเถียงหรือไม่
2. ครสู รปุ คำตอบในภาพรวมและให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ เพอ่ื นำเข้าสู่บทเรียน

ขั้นสอน (40 นาที)
3. นักเรียนร่วมกันศึกษาเรื่องความหมายของการโต้แย้ง โครงสร้างของการโต้แย้ง จากหนังสือเรียน เอกสารนำเสนอ

(Power Point) หรือสื่อสารสนเทศต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต เป็นต้น จากนั้นนักเรียนร่วมกนั สรุปความรูท้ ี่ได้รับ โดยมีครูคอยให้
คำอธิบายเพิม่ เติม

4. นักเรยี นดลู ะครยอ้ นหลงั เรื่องวันทองจาก https://youtu.be/6WkinPeRGkY

5. นักเรียนจับคู่ช่วยกันวิเคราะห์หาเหตุผล หลักฐาน และข้อสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ที่นางวนั ทองไม่สามารถเลอื กอยู่
กบั ขุนแผนหรอื ขุนชา้ งได้

6. นักเรียนกับครูร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง ประเมินผลงาน และให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเพื่อเป็นแนวทางในการ
พฒั นาตนเอง

7. นักเรียนซักถามขอ้ สงสยั ในประเดน็ ทสี่ อดคลอ้ งกับเน้ือหาในบทเรียน
ข้ันสรปุ (10 นาที)

8. นกั เรียนร่วมกนั สรุปความรทู้ ่ีได้รับจากการทำกิจกรรมการเรยี นรู้ โดยมคี รอู ธบิ ายเพิม่ เตมิ
9. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำใบงานใบงานเรื่องความหมายและกระบวนการโต้แย้ง จากนั้นนักเรียนกับครูร่วมกัน
กำหนดวันและเวลาในการสง่ งาน

161

7. การวัดและประเมนิ ผล

เปา้ หมายการเรยี นรู้ หัวข้อการวดั และ เครอ่ื งมือ วิธวี ัดผล เกณฑ์การประเมนิ
ประเมนิ ผล ถามตอบ
ตอบถูกมากกว่า
ความรู้ ความเข้าใจ (K) นกั เรียนสามารถอธบิ าย คำถาม สังเกตพฤตกิ รรม รอ้ ยละ 80 ถือว่าผา่ น

ความหมายและ ประเมินใบงาน เกณฑ์คุณภาพ
เร่ือง ความหมาย 3 = ดมี าก
กระบวนการโตแ้ ย้งได้ และกระบวนการ 2 = ดี
โตแ้ ยง้ 1 = พอใช้
เจตคติ (A) นักเรยี นมคี ุณลักษณะ แบบสังเกตพฤติ 0 = ปรบั ปรุง

อนั พึงประสงค์ตามที่ กรรม ได้เกณฑค์ ุณภาพดีข้นึ
ไปถือว่าผา่ น
หลักสตู รกำหนดได้ ตอบถกู มากกวา่
ร้อยละ 80 ถือวา่ ผ่าน
ทักษะ/กระบวนการ (P) นักเรียนสามารถ ใบงาน เรอ่ื ง ความ
วเิ คราะหก์ ารโตแ้ ย้งได้ หมายและกระบวน
การโตแ้ ยง้

8. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้

8.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานหลักภาษาและการใชภ้ าษาไทย 6 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6
2) PowerPoint เรื่อง ความหมายและกระบวนการโตแ้ ย้ง
3) ใบงาน เร่อื ง ความหมายและกระบวนการโต้แย้ง

8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) หอ้ งสมุด
2) แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ

9. ภาระงาน / ชน้ิ งานภาระงาน ภาระงาน / ชนิ้ งาน
9.1 ใบงาน เร่อื ง ความหมายและกระบวนการโต้แย้ง

162

ใบงาน เรื่อง ความหมายและกระบวนการโตแ้ ยง้
คำชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นเขียนประเดน็ โตแ้ ย้งของข้อความท่ีกำหนดต่อไปนี้

1. “หม่บู า้ นน้มี ผี ู้อาศยั เกอื บหนึ่งพนั ครอบครวั แต่ไมม่ ีสถานท่ที ี่ชาวบ้านจะพักผ่อนหย่อนใจไดเ้ ลย
บรเิ วณน้ีเป็นทีว่ ่างแหง่ เดียวท่ีเหลืออย่กู ารสร้างอาคารพาณิชยใ์ นบริเวณนีจ้ งึ เป็นการกระทำทีไ่ มค่ ำนงึ ถงึ
ประโยชนส์ ่วนรวมแมแ้ ต่นอ้ ย”
.............................................................................................................................................................. .............
..................................................................................................................... ......................................................

2. “เด็กเกง่ เรียนดีมคี วามประพฤติเรียบรอ้ ยก็มีโอกาสเส่ยี งตอ่ พฤติกรรมการเลียนแบบเกมคอมพิวเตอร์ได้ เช่นกนั
เพราะมีไอควิ สงู แต่อาจมีอคี วิ ต่ำควบคมุ ตนเองไม่ไดร้ ับรอู้ ารมณต์ นเองและอารมณ์ผอู้ ่ืนได้ไมด่ ีนัก
จึงปรับตวั อยู่ในโลกความเปน็ จรงิ ไดย้ าก”
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................

3. “มีข้อเสนอให้รัฐสภาพิจารณาแยกพ้นื ที่ 3 อำเภอของจังหวดั เชยี งใหม่ คอื ฝาง แม่อาย ไชยปราการ ตงั้ เปน็ “จงั หวัดฝาง”
การต้ังจงั หวัดใหม่มเี กณฑท์ ี่ต้องพจิ ารณา หลายอย่างอาทคิ วรมพี ้นื ทไี่ ม่น้อยกวา่ 5,000 ตารางกิโลเมตร ประชากรไม่น้อยกวา่
6,000,000 คน อำเภอท้งั 3 ข้างต้น มีพน้ื ท่รี วมทงั้ ส้นิ 2,135 ตารางกโิ ลเมตรและมีประชากรรวม 249,096 คน”
...........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................

4. “นทิ านเปน็ งานศลิ ปะประเภทวรรณศลิ ป์ซึง่ โดยทว่ั ไปเกิดแรงบันดาลใจของกวีหรือผแู้ ต่งแรงบันดาลใจ
อาจเกดิ จากความทกุ ขค์ วามสุขความเกลยี ดชงั ความเคียดแค้น ฯลฯ จะเป็นความรูส้ ึกฝา่ ยดีหรือไม่ดกี ็ได้
แตเ่ มอื่ กลน่ั กรองผ่านใจของผู้แต่งแลว้ เจอื ด้วยจนิ ตนาการและปรุงดว้ ยภาษาศิลป์แลว้ ภาพที่ออกมา ควรประณีตละเมียดละไม”
............................................................................................................................. ..............................................
....................................................................................................................................................... ....................

5. “หมอส่วนใหญจ่ ะไมน่ ยิ มให้กนิ ผลิตภณั ฑ์เสรมิ อาหารถา้ ถามร้านขายยากจ็ ะแนะนำให้ใช้ยาทีด่ ีที่สดุ คือ 3 ถามตวั เรา
ไมม่ ใี ครรดู้ ีไปกว่าตัวเรา เปรยี บเสมอื นการดงึ อำนาจในการดูและสุขภาพมาเปน็ ของตน ไมใ่ ช่อำนาจของแพทย์อีกตอ่ ไป
ควรให้ความสำคัญแก่อาหารประจำวันและการปฏบิ ัตติ ัวของเรา ถ้าจำเปน็ จริงๆ จะต้องใชย้ ากค็ วรใช้ แต่ควรใช้ให้น้อยทสี่ ดุ
การกินอาหารใหไ้ ดป้ ระโยชน์ครบถ้วนก่อน น่าจะดีกวา่ การใช้ผลิตภณั ฑ์เสรมิ อาหาร”
................................................................................................................... ........................................................
............................................................................................................................. ..............................................

ชอ่ื -สกุล......................................................................................ชั้น...........เลขท.่ี ...........

163

แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล

คำช้แี จง ใหผ้ สู้ งั เกตพจิ ารณาพฤติกรรมของผ้เู รียนรายบุคคล แล้วทำเครอื่ งหมาย ✓ ลงในช่องว่าง

พฤตกิ รรมบ่งชี้ ปฏบิ ตั ิ ไมป่ ฏบิ ัติ

1. มีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมการเรียนรู้

2. แสวงหาความรูจ้ ากแหล่งต่าง ๆ เพมิ่ เติม

3. ตั้งใจปฏิบตั งิ านทีไ่ ด้รับมอบหมาย

4. ปฏิบตั งิ านท่ีไดร้ ับมอบหมายจนสำเรจ็

5. ใช้ภาษาไทยอย่างถูกตอ้ งเหมาะสม

ระดับคะแนน ดมี าก = 3 คะแนน หมายถงึ นกั เรยี นสามารถปฏบิ ัตไิ ด้ 4 – 5 ข้อ
ดี = 2 คะแนน หมายถงึ นักเรยี นสามารถปฏิบัติได้ 2 – 3 ขอ้
พอใช้ = 1 คะแนน หมายถึง นกั เรยี นสามารถปฏิบตั ิได้ 1 ขอ้
ปรบั ปรงุ = 0 คะแนน หมายถงึ นักเรยี นไม่สามารถปฏบิ ัติไดเ้ ลย

เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน 3 2 1 0
ปรับปรุง
ระดับคุณภาพ ดมี าก ดี พอใช้

164

แบบประเมนิ การเขียนโตแ้ ย้ง

รายการประเมนิ ระดับคุณภาพ / ระดบั คะแนน

ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)

1.รูปแบบการเขยี น เขียนโต้แย้ง เขียนโต้แยง้ เขียนโต้แย้ง เขียนโต้แยง้

แสดงทรรศนะ ถกู ต้องตาม ไม่ถูกต้องตามรปู ไม่ถูกตอ้ งตามรปู ไม่ถูกตอ้ งตาม

รปู แบบทัง้ หมด แบบ 1 – 2 แบบ 3 – 4 รูปแบบ 5

ตำแหน่ง ตำแหนง่ ตำแหน่งขึน้ ไป

2.การใช้ภาษาแสด สอื่ ความหมายได้ สอื่ ความหมาย สอื่ ความหมาย ส่ือความหมาย
งความคดิ ชัดเจน
สอดคลอ้ งกบั ไม่ชดั เจน หรอื ไม่ ไม่ชดั เจน หรือไม่ ไมช่ ัดเจน หรอื ไม่
หัวขอ้ ทง้ั หมด
สอดคล้องกับหัวข้อ สอดคล้องกับหวั ข้อ สอดคล้องกบั หวั ข้อ

1 – 2 ตำแหนง่ 3 – 4 ตำแหนง่ 5 ตำแหนง่ ขึ้นไป

๓.เนอื้ หา เนือ้ หาครบถว้ น เน้อื หาไม่ครบถ้วน เนื้อหาไมค่ รบถ้วน เนอื้ หาไม่ครบถ้วน
น่าสนใจ
ตรงประเดน็ ไม่น่าสนใจ หรือไม่ ไม่น่าสนใจ หรอื ไม่ ไมน่ า่ สนใจ หรอื ไม่
สอดคล้องกับ
หัวข้อท้ังหมด ตรงประเดน็ ตรงประเดน็ ตรงประเด็น หรือไม่

หรอื ไม่ หรือไม่ สอดคลอ้ งกับหัวข้อ

สอดคล้องกบั หัวข้อ สอดคลอ้ งกบั หัวข้อ 5 ตำแหนง่ ขน้ึ ไป

1 – 2 ตำแหนง่ 3 – 4 ตำแหน่ง

ชว่ งคะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
9 – 12
5–8 ระดับคุณภาพ
0–4 ดี

พอใช้
ปรบั ปรงุ

165

บันทกึ หลังแผนการสอน

 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

 ดา้ นอ่ืนๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมทมี่ ีปญั หาของนักเรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้าม)ี )

 ปญั หา/อปุ สรรค
 แนวทางการแก้ไข

ข้อเสนอแนะ ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ทไี่ ดร้ บั มอบหมาย

ลงชอ่ื
()

ตำแหน่ง..................................

166

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2

วิชา ท33101 ภาษาไทย5 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 6

กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ภาคเรยี นท่ี 1

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4 เขียนเพื่อส่ือสาร เวลา 1 ชั่วโมง

เรือ่ ง การเขียนโต้แย้ง ผสู้ อน นางสาวจิลันดา รักไร่

...................................................................................................................................................................

1. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

การโตแ้ ย้ง เป็นการแสดงความเห็นต่างกนั ของบุคคลสองฝา่ ย โดยแต่ละฝา่ ยจะใชเ้ หตผุ ลและหลักฐาน “หกั ล้าง”

ความเห็นของอีกฝา่ ยหนึ่ง เพื่อให้ได้“คำตอบ” ของประเด็นโต้แย้งรว่ มกัน กระบวนการโต้แยง้ จะดำเนนิ ไปได้ด้วยดนี น้ั จำเป็นตอ้ ง

อาศัยความร่วมมือของทง้ั สองฝ่ายเปน็ สำคัญ ท้งั นเ้ี พอื่ ให้สามารถบรรลุวัตถปุ ระสงคข์ องการโตแ้ ยง้ และไมก่ ลายเป็นการโต้เถยี ง

หรอื เกิดความแตกแยก

2. ตัวชวี้ ัด/จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

2.1 ตัวช้วี ดั

ท 2.1 ม.4-6/1 เขยี นส่ือสารในรปู แบบตา่ ง ๆ ได้ ตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ โดยใช้ภาษาเรียบเรยี งถูกตอ้ ง มขี ้อมูลและ

สาระสำคญั ชัดเจน

ท 2.1ม.4-6/8 มีมารยาทในการเขยี น

2.11จุดประสงค์การเรียนรู้

1) นักเรียนสามารถอธิบายหลักการเขยี นโต้แย้งได้ K

2) นักเรียนมคี ุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคต์ ามทีห่ ลกั สูตรกำหนดได้ A

3) นักเรยี นสามารถเขยี นโต้แยง้ ได้ P

3. สาระการเรียนรู้

3.10 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

1) การเขยี นสื่อสารในรูปแบบต่างๆ

3.2 สาระการเรยี นร้ทู ้องถิน่

-

4. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน

4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร

4.2 ความสามารถในการคดิ

4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต

5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. มุ่งมน่ั ในการทำงาน 3. รกั ความเป็นไทย

167

6. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั นำเข้าส่บู ทเรียน (10 นาท)ี
1. นักเรียนร่วมกนั ทบทวนความรู้เร่ืองกระบวนการโตแ้ ยง้
(แนวคำตอบ : กระบวนการโต้แยง้ อาจสรปุ ได้ 4 ข้ัน ได้แก่ ขัน้ กำหนดประเดน็ ในการโตแ้ ยง้ ขัน้ นยิ ามคำสำคัญท่ี

อยใู่ นประเด็นของการโตแ้ ย้ง ขน้ั คน้ คว้าและเรียบเรยี งข้อมูลเพื่อสนับสนนุ ทรรศนะ และขั้นชี้ให้เห็นจดุ ดอ้ ยหรือจุดอ่อนของ
ทรรศนะของอกี ฝ่ายหน่ึง) โดยมคี รคู อยสรุปคำตอบและให้คำอธบิ ายเพ่ิมเติม

2. นกั เรยี นรว่ มกนั สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ วา่ การเลอื กสถานที่เรยี นใกลบ้ า้ นกบั ทเี่ รียนไกลบ้านแตม่ ชี ื่อเสียง
นกั เรียนเห็นดว้ ยหรือไม่อยา่ งไร

3. ครูสรุปคำตอบในภาพรวมและให้ข้อเสนอแนะเพม่ิ เติม เพ่ือนำเขา้ สู่บทเรียน
ขั้นสอน (40 นาที)

4. นักเรียนรว่ มกนั ศึกษาเร่ืองการเขียนโต้แย้ง จากหนังสอื เรยี น เอกสารนำเสนอ (Power Point) หรอื สือ่ สารสนเทศ
ต่าง ๆ เช่น อนิ เทอร์เน็ต เปน็ ต้น จากนนั้ นกั เรียนร่วมกันสรุปความรู้ทไ่ี ด้รบั โดยมคี รคู อยใหค้ ำอธิบายเพิ่มเติม

5. นักเรยี นจับคกู่ บั เพ่ือนรว่ มช้ันเรยี น ชว่ ยกนั คน้ หาสุภาษิตทสี่ นใจพร้อมความหมาย และคน้ ควา้ ข้อมูลมาเรยี บเรียง
เพื่อเขียนโต้แยง้ ตามกระบวนการโตแ้ ยง้

6. นักเรยี นแต่ละคูน่ ำเสนอผลงานการเขยี นหนา้ ชน้ั เรยี น โดยมคี รูคอยให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ และแนวทางการพฒั นา
ผลงานของตนเองต่อไป

7. นกั เรียนซกั ถามข้อสงสยั ในประเดน็ ทีส่ อดคล้องกับเน้ือหาในบทเรียน

ขั้นสรุป (10 นาที)
8. นกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรู้ทีไ่ ดร้ ับจากการทำกิจกรรมการเรียนรู้ โดยมคี รูอธบิ ายเพิ่มเตมิ
9. ครมู อบหมายใหน้ กั เรยี นทำใบงานเรอ่ื งการเขียนโต้แยง้ จากนน้ั นักเรยี นกบั ครูรว่ มกันกำหนดวัน

และเวลาในการสง่ งาน

168

7. การวดั และประเมินผล

เป้าหมายการเรียนรู้ หัวข้อการวดั และ เครอ่ื งมอื วิธีวัดผล เกณฑก์ ารประเมิน
ประเมินผล ถามตอบ
ตอบถกู มากกวา่
ความรู้ ความเข้าใจ (K) นักเรยี นสามารถอธิบาย คำถาม รอ้ ยละ 80 ถือว่าผา่ น

หลักการเขยี นโต้แยง้ ได้

เจตคติ (A) นักเรยี นมคี ุณลักษณะ แบบสงั เกต สงั เกตพฤตกิ รรม เกณฑ์คณุ ภาพ
อนั พึงประสงค์ตามที่ พฤติกรรม 3 = ดีมาก
หลกั สตู รกำหนดได้ ประเมินใบงาน 2 = ดี
เร่ือง การเขยี น 1 = พอใช้
ทักษะ/กระบวนการ (P) นักเรียนสามารถเขยี น ใบงาน เรื่อง โตแ้ ยง้ 0 = ปรบั ปรงุ

โต้แย้งได้ การเขียนโต้แยง้ ไดเ้ กณฑ์คุณภาพดีข้นึ
ไปถือวา่ ผา่ น

ตอบถูกมากกว่า
ร้อยละ 80 ถือว่าผ่าน

8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้
8.1 สอ่ื การเรียนรู้
1) หนงั สือเรยี นรายวิชาพื้นฐานหลกั ภาษาและการใช้ภาษาไทย 6 ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 6
2) PowerPoint เรื่อง การเขียนโต้แยง้
3) ใบงาน เร่ืองการเขียนโตแ้ ย้ง
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) หอ้ งสมุด
2) แหล่งข้อมลู สารสนเทศ

9. ภาระงาน / ชิ้นงานภาระงาน ภาระงาน / ชน้ิ งาน
9.1 ใบงาน เร่ืองการเขียนโต้แย้ง

169

แบบฝกึ หัดเรือ่ ง การโต้แย้ง

ประเดน็ การโต้แยง้ .................................................................................................................................

ประเภทการโต้แย้ง  เท็จจรงิ  นโยบาย  คณุ คา่

ฝา่ ยเสนอ  ฝา่ ยโตแ้ ยง้ 

............................................................................................... ...............................................................................................

............................................................................................... ...............................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................

............................................................................................... ...............................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................

............................................................................................... ...............................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................

............................................................................................... ...............................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................

............................................................................................... ...............................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................

............................................................................................... ...............................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................

............................................................................................... ...............................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................

............................................................................................... ...............................................................................................
............................................................................................... สรปุ .ผ..ล............................................................................................

ผูเ้ สนอ ได.้ ........................คะแนน

ผู้โตแ้ ย้ง ได้........................คะแนน

ผู้เสนอ ชอื่ -นามสกลุ ..............................................................................ช้นั .............เลขที่.........................

ผโู้ ต้แย้ง ช่อื -นามสกุล ............................................................................ช้ัน.............เลขท่.ี ........................

170

คณะกรรมการลงช่ือเพ่ือใหค้ ะแนน

คำชี้แจง: ใหน้ กั เรียนนำแบบฝกึ หัดเรอ่ื งการโต้แย้ง ทน่ี ักเรียนได้เขยี นเสรจ็ สมบูรณ์แล้ว ไปใหเ้ พ่ือนในห้องจำนวน 9 คน อ่าน
และลงชอ่ื เพือ่ ให้คะแนน (หากคณะกรรมการเห็นว่าฝา่ ยไหนเขียนได้ดีท่ีสุด มีเหตผุ ลนา่ เชื่อถอื และสอดคลอ้ งกับความคดิ เหน็
สามารถอ้างองิ ทม่ี าของเหตุผลได้ ให้ลงช่อื ใหฝ้ า่ ยนัน้ )

ฝ่ายเสนอ ฝ่ายโตแ้ ย้ง

1. 1.
2. 2.
3. 3.
4. 4.
5. 5.
6. 6.
7. 7.
8. 8.
9. 9.

171

ตัวอย่าง แบบฝึกหดั เรอื่ งการโตแ้ ยง้

ประเด็นการโตแ้ ย้ง ทำดไี ด้ดี ทำช่ัวได้ช่ัวจริงหรือไม่

ประเภทการโตแ้ ย้ง  เทจ็ จริง  นโยบาย  คณุ คา่

ฝา่ ยเสนอ ฝา่ ยโต้แยง้

ข้าพเจา้ คิดวา่ สภุ าษติ ที่วา่ “ทำดีไดด้ ี ทำชั่วได้ ถงึ จะมกี รณตี วั อยา่ งดังกลา่ วขา้ งตน้ ให้เหน็ กต็ าม

ชว่ั ” เหน็ จะใช้ไม่ได้เสียแลว้ กับสังคมในยคุ ปัจจบุ นั นี้ ขา้ พเจ้าก็ยังเชอ่ื และเห็นว่าสกั วนั หนงึ่ ผลของกรรมดี

เพราะสงั คมไทยมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ทค่ี รอบครวั มคั ทายกได้กระทำไวจ้ ะตอบสนองมา

ผู้คนในสงั คมตา่ งก็ต้องแกง่ แย่งแขง่ ขนั และดู อย่างแนน่ อน แมว้ ่าจะไม่ปรากฎในรูปของทรัพยส์ นิ

เหมือนว่าผลกรรมแห่งความดีกเ็ ดินทางมาถงึ ชา้ จน เงนิ ทอง สว่ นครอบครวั ท่ีทุจริตน้นั จะต้องไดร้ บั ผล

เกนิ รอ ดูตวั อย่างครอบครวั ของมัคทายก เพื่อนบ้าน ของกรรมช่ัวตอบสนองเช่นกัน เพราะสรรพสิ่งในโลก

ของขา้ พเจ้า พ่อบ้านเปน็ คนธรรมะธรรมโม แม่บ้าน ย่อมเปน็ ไปตามกรรมดงั คำสอนของสมเด็จพระ

กเ็ ป็นแม่ศรเี รือน ส่วนลกู ๆ ก็เปน็ เดก็ ดี ตงั้ ใจเรียน สมั มาสัมพุทธเจ้า แมก้ ระท่งั ภาพชีวิตของคนท่ี

และชว่ ยพอ่ แม่ทำงาน แตส่ ดุ ทา้ ยถึงคราวท่ที าง สะท้อนในนวนิยายกส็ อดคลอ้ งกับหลักธรรมดังกล่าว

ราชการเวนคืนทด่ี นิ เพ่ือตัดถนน ครอบครวั น้กี ็ต้อง เช่นกัน คอื ไมม่ ใี ครหนพี น้ ผลกรรมท่ีตนไดก้ ระทำไว้

ไปอาศยั อยู่ที่วดั ถา้ มัคทายกรู้จกั โกงกินเงนิ วัดบา้ ง ตัวเอกท่เี ปน็ คนดแี ม้ต้องเผชญิ อปุ สรรคมากมาย แต่

แมเ้ ล็ก ๆ นอ้ ย ๆ หรือคราวท่ีใครทำบุญก็ยกั ยอกไว้ สุดท้ายก็สขุ สมหวัง ในขณะที่ผูร้ า้ ยซ่งึ ได้เปรียบและ

บ้าง มคั ทายกคงจะมเี งินเกบ็ และหาทท่ี างขยบั ขยาย สขุ สมหวงั มาโดยตลอด ก็ต้องรบั กรรมชัว่ ของตนใน

ท่ีอยู่ใหม่ได้ไม่ยากนกั ผิดกับบ้านตรงกันข้ามอีกฝัง่ ท้ายที่สดุ ดังน้นั ทุกคนจึงพงึ ยึดมน่ั ในการทำความดี

ถนน ครอบครวั นีท้ ุจริตทกุ ทาง ถึงคราวเลือกตง้ั ก็ ดงั โคลงบททวี่ า่

เป็นหวั คะแนนซื้อเสียง โดยเฉพาะตอนนี้เพ่งิ กลับมา “ใดใดในโลกลว้ น อนจิ จงั

จากเทย่ี วต่างประเทศ เพราะมเี งนิ รำ่ รวยจากการคา้ คงแตบ่ าปบุญยัง เท่ยี งแท้

ยาเสพตดิ เวลาไปไหนมาไหนกม็ ีแต่คนนบั หน้าถือตา คอื เงาติดตัวตรงั ตรงึ แน่น

เนื่องจากทำบญุ เอาหน้า บริจาคให้วัดและหนว่ ย คงแตบ่ าปบุญแล้ กอ่ เกื้อรักษา”

ราชการครงั้ ละหลายแสนบาท แต่กระน้นั ครอบครัว

นีก้ อ็ ยู่กันอย่างสุขสบายตลอดมา

ผู้เสนอ ชอื่ -นามสกลุ นางสาวรกั ดี มีความรู้ ชน้ั ม.6/11 เลขท่ี 1
ผูโ้ ต้แย้ง ชื่อ-นามสกลุ นายชอบเรยี น เพยี รศึกษา ชัน้ ม.6/11 เลขท่ี 2

172

แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล

คำช้แี จง ใหผ้ สู้ งั เกตพจิ ารณาพฤติกรรมของผ้เู รียนรายบุคคล แล้วทำเครอื่ งหมาย ✓ ลงในช่องว่าง

พฤตกิ รรมบ่งชี้ ปฏบิ ตั ิ ไมป่ ฏบิ ัติ

1. มีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมการเรียนรู้

2. แสวงหาความรูจ้ ากแหล่งต่าง ๆ เพมิ่ เติม

3. ตั้งใจปฏิบตั งิ านทีไ่ ด้รับมอบหมาย

4. ปฏิบตั งิ านท่ีไดร้ ับมอบหมายจนสำเรจ็

5. ใช้ภาษาไทยอย่างถูกตอ้ งเหมาะสม

ระดับคะแนน ดมี าก = 3 คะแนน หมายถงึ นกั เรยี นสามารถปฏบิ ัตไิ ด้ 4 – 5 ข้อ
ดี = 2 คะแนน หมายถงึ นักเรยี นสามารถปฏิบัติได้ 2 – 3 ขอ้
พอใช้ = 1 คะแนน หมายถึง นกั เรยี นสามารถปฏิบตั ิได้ 1 ขอ้
ปรบั ปรงุ = 0 คะแนน หมายถงึ นักเรยี นไม่สามารถปฏบิ ัติไดเ้ ลย

เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน 3 2 1 0
ปรับปรุง
ระดับคุณภาพ ดมี าก ดี พอใช้

173

แบบประเมินการเขยี น

รายการประเมิน ดีมาก (4) ระดบั คุณภาพ / ระดับคะแนน ปรับปรุง (1)
ดี (3) พอใช้ (2)

1. รูปแบบ เขียนถูกต้องตาม เขยี นไม่ถกู ต้องตาม เขียนไม่ถูกต้องตาม เขยี นไม่ถูกต้องตามรู

การเขยี น รูปแบบทั้งหมด รปู แบบ 1 – 2 รูปแบบ 3 – 4 ปแบบ 5

ตำแหน่ง ตำแหน่ง ตำแหน่งขึ้นไป

2. สอ่ื ความหมายได้ชั สือ่ ความหมายไมช่ ั ส่ือความหมายไมช่ ั สื่อความหมายไมช่ ัด

การใชภ้ าษาแสดงค ดเจน สอดคลอ้ งกับ ดเจน หรอื ไมส่ อด ด เจน หรอื ไม่สอด

วามคดิ หวั ขอ้ ทงั้ หมด คล้องกับหัวขอ้ 1 – เจน หรอื ไมส่ อด คล้องกับหวั ขอ้ 5

2 ตำแหนง่ คลอ้ งกับหัวข้อ 3 – ตำแหน่งขนึ้ ไป

4 ตำแหนง่

3. เนอ้ื หา เนือ้ หาครบถ้วน เนอ้ื หาไม่ครบถว้ น เนื้อหาไมค่ รบถ้วน เนื้อหาไม่ครบถ้วน
นา่ สนใจ
ตรงประเด็น ไม่น่าสนใจ ไมน่ า่ สนใจ ไมน่ ่าสนใจ
สอดคล้องกบั
หัวข้อท้ังหมด หรอื ไม่ตรงประเดน็ หรือไม่ตรงประเด็น หรือไม่ตรงประเดน็

หรอื ไมส่ อดคล้องกั หรอื ไม่สอดคล้องกั หรือไมส่ อดคล้องกับ

บหวั ข้อ 1 – 2 บหวั ข้อ 3 – 4 หวั ข้อ 5

ตำแหนง่ ตำแหน่ง ตำแหนง่ ขึ้นไป

ช่วงคะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
9 – 12
5–8 ระดบั คณุ ภาพ
0–4 ดี

พอใช้
ปรับปรงุ

174

บันทกึ หลังแผนการสอน

 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน

 ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

 ดา้ นอ่ืนๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมทมี่ ีปญั หาของนักเรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้าม)ี )

 ปญั หา/อปุ สรรค
 แนวทางการแก้ไข

ข้อเสนอแนะ ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ทไี่ ดร้ บั มอบหมาย

ลงชอ่ื
()

ตำแหน่ง..................................

บันทึกหลังหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน 175

ตอนท่ี 1 นกั เรยี นมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ช้ีวดั ของหน่วยการเรยี นรู้ )
ต่อไปน้ี ท 2.1 (ม.4-6/1, ม.4-6/8)
)
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (จำนวน คน คิดเปน็ ร้อยละ

 ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

 ด้านอ่นื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมท่ีมปี ญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))

สรปุ ผลจากการประเมนิ ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) ประจำหน่วยการเรียนรู้
 ระดบั คุณภาพดีมาก จำนวน
 ระดบั คุณภาพดี จำนวน คน คิดเป็นร้อยละ

 ระดบั คุณภาพพอใช้ จำนวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ

 ระดบั คุณภาพปรับปรงุ จำนวน คน คิดเป็นร้อยละ

คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ขอ้ เสนอแนะ ความเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย

ลงชือ่
(

ตำแหน่ง

176

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5
การฟังและดอู ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ

177

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การฟังและดอู ยา่ งมีประสิทธภิ าพ

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ดั
ท 3.1 ม.4-6/1 สรปุ แนวคิดและแสดงความคิดเหน็ จากเรอื่ งที่ฟังและดู
ม.4-6/2 วิเคราะหแ์ นวคิด การใชภ้ าษา และความนา่ เช่ือถือจากเรื่องทฟี่ ังและดูอยา่ งมเี หตุผล
ม.4-6/3 ประเมนิ เรื่องท่ีฟังและดู แล้วกำหนดแนวทางนำไปประยกุ ต์ใช้ในการดำเนินชวี ติ

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การฟังและการดขู ้อมูลข่าวสารต่างๆ จะต้องสรปุ แนวคดิ และแสดงความคิดเห็นจากเรื่องท่ฟี งั และดู แล้ววิเคราะห์แนวคิดการ

ใชภ้ าษา และความน่าเชือ่ ถือจากเรอ่ื งท่ีฟัง และดูอย่างมีเหตผุ ล

3. สาระการเรยี นรู้
3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
1) การพดู สรปุ แนวคิดและการแสดงความคดิ เห็นจากเรอ่ื งท่ีฟังและดู
2) การวิเคราะห์แนวคดิ การใชภ้ าษา และความน่าเชอื่ ถอื จากเรือ่ งที่ฟังและดู
3) การเลือกเรือ่ งทีฟ่ ังและดูอย่างมีวจิ ารณญาณ
4) การประเมินเร่ืองทฟ่ี ังและดู เพ่ือกำหนดแนวทางนำไปประยกุ ตใ์ ช้

4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
1) ทกั ษะการสรปุ ลงความเห็น
2) ทักษะการวิเคราะห์
3) ทกั ษะกระบวนการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ
4) ทักษะการประเมิน
5) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้
4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ

5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. มีวนิ ยั
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน

6. ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
รายงานการวเิ คราะห์สารจากการฟงั และดูอย่างมีประสทิ ธิภาพ

178

7. การวดั และการประเมินผล
7.1 การประเมนิ กอ่ นเรียน
- ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 6 เรื่อง การฟงั และดอู ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
7.2 การประเมินระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
1) ตรวจใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง สรปุ สาระจากเร่ืองท่ีฟังและดู
2) ตรวจใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง แนวทางการประเมนิ คา่ เรอื่ งท่ีฟังและดู
3) ตรวจใบงานที่ 3.1 เรอ่ื ง ประเมนิ ค่าข่าว
4) ตรวจใบงานท่ี 4.1 เรอ่ื ง ประเมนิ คา่ โฆษณา
5) ตรวจใบงานท่ี 5.1 เร่อื ง ประเมนิ ค่าเพลง
6) ตรวจใบงานท่ี 6.1 เรอ่ื ง ประเมนิ ค่าละคร
7) ตรวจแบบบนั ทกึ การอ่าน
8) ประเมินการนำเสนอผลงาน
9) สงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
10) สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
11) สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์
7.3 การประเมินหลงั เรียน
- ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6 เรอื่ ง การฟังและดอู ยา่ งมีประสิทธิภาพ
7.4 การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- ตรวจรายงานการวเิ คราะหส์ ารจากการฟังและดอู ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ

179

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1

วชิ า ท 33101 ภาษาไทย5 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรยี นที่ 1

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5 การฟงั และดอู ย่างมีประสทิ ธิภาพ เวลา 1 ชั่วโมง

เรือ่ ง ความหมายและแนวทางฝกึ ทักษะการฟังและดู ผู้สอน นางสาวจิลนั ดา รกั ไร่

..............................................................................................................................................................................................

1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

การฟงั และการดูเป็นทักษะการรับสารจึงจำเป็นตอ้ งเลือกฟงั และดสู ิง่ ท่เี กิดประโยชน์ และจะต้องทราบความหมาย

ความสำคัญและแนวทางของการประเมนิ คา่ เรื่องท่ีฟงั และดู

2. ตวั ช้วี ัด/จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

2.1 ตวั ชี้วัด

ท 3.1 ม.4-6/3 ประเมนิ เรื่องท่ีฟงั และดู แลว้ กำหนดแนวทางนำไปประยุกตใ์ ช้ในการดำเนินชีวติ

2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

- อธิบายความหมายและแนวทางฝึกทกั ษะการฟงั และดูอยา่ งมีประสิทธภิ าพได้

3. สาระการเรียนรู้

3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

- การประเมนิ เรอื่ งที่ฟงั และดู เพ่ือกำหนดแนวทางนำไปประยุกต์ใช้

4. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น

4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร

4.2 ความสามารถในการคดิ

1) ทักษะการประเมนิ

2) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้

4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ

5. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์

1. มวี นิ ัย

2. ใฝ่เรียนรู้

3. มุ่งมั่นในการทำงาน

180

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
วิธสี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E)

นกั เรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 5 เร่ือง การฟังและดอู ย่างมีประสทิ ธภิ าพ
ขั้นท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ

1. ครูสนทนากบั นักเรียนเกี่ยวกับภาพยนตรเ์ รื่องทีอ่ ยู่ในความสนใจในปัจจบุ นั แล้วสุ่มเรียกนักเรียน 4-5 คน ออกมาแสดง
ความคดิ เห็นหน้าชน้ั เรียนเก่ยี วกบั แนวทางการฟงั และดูอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ตามความเข้าใจของตนเอง

2. นกั เรยี นตอบคำถามกระต้นุ ความคิด 1-2
คำถามกระตนุ้ ความคิด

• นักเรียนสามารถฝึกทกั ษะการฟังและการดูให้พฒั นาและมปี ระสิทธภิ าพได้อย่างไร
(พิจารณาตามคำตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของครูผูส้ อน)

• การประเมนิ คา่ สิ่งที่ฟงั และดูมีความสำคญั อย่างไร
(พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน)
ขน้ั ที่ 2 สำรวจคน้ หา

1. ครใู ห้นักเรียนรวมกลุ่ม 4 คน คละกนั ตามความสามารถ คือ เกง่ ปานกลางค่อนขา้ งเก่ง ปานกลางค่อนข้างอ่อน และ
ออ่ น

2. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันศกึ ษาความรู้เรื่อง แนวทางฝึกทักษะการฟังและดอู ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ จากหนังสอื เรยี น
นักเรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ
คำถามกระตนุ้ ความคดิ

• นกั เรยี นมีแนวทางหรือวธิ ีการปฏิบัติเพ่อื ฝกึ ทกั ษะการฟังและดูอยา่ งไร
(พิจารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยให้อยู่ในดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน)
ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้

1. นกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายแนวทางฝกึ ทักษะการฟังและดูอย่าง มปี ระสิทธิภาพ โดยแลกเปล่ยี นความคดิ เห็นกนั ภายใน
กล่มุ เพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจใหถ้ กู ต้องตรงกัน

2. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มเลือกเรอ่ื งฟังและดูในประเดน็ ทสี่ นใจ กลุ่มละ 1 เรือ่ ง จากแหลง่ ข้อมูลตา่ งๆ เชน่ โทรทัศน์ วทิ ยุ
แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ เป็นต้น จากน้นั บนั ทึกข้อมลู ลงในสมดุ

ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ
1. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ สรปุ สาระสำคัญจากเรื่องที่กลมุ่ ตนเองเลอื ก ลงในใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง สรปุ สาระจากเร่ืองท่ฟี ังและดู
2. นักเรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคิด
คำถามกระตนุ้ ความคดิ

• การฝึกทักษะการฟงั และดอู ย่างมีประสิทธภิ าพ มีประโยชน์ต่อนกั เรยี นอย่างไร
(พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพินจิ ของครูผูส้ อน)
ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล

นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนออกมานำเสนอใบงานที่ 1.1 หน้าชั้นเรยี น โดยครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นและ
ตรวจสอบความถูกตอ้ ง

181

7. การวดั และประเมินผล เครอื่ งมอื เกณฑ์

วธิ ีการ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 6 (ประเมินตามสภาพจรงิ )

ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 6 ใบงานท่ี 1.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 1.1
ประเมนิ การนำเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมนั่ ในการ
ทำงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสอื เรียน ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใช้ภาษา ม.6
2) ใบงานที่ 1.1 เร่อื ง สรุปสาระจากเร่อื งทีฟ่ งั และดู
8.2 แหล่งการเรียนรู้

• แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ

182

ใบงานท่ี 1.1 เร่ือง สรปุ สาระจากเรอ่ื งทฟ่ี ังและดู

คำชี้แจง ให้นักเรียนเขยี นสรปุ สาระสำคญั จากเรื่องที่ฟังและดู 1 เร่ือง ตามแนวทางการฝึกทักษะการฟงั และดู
อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ

183

เฉลย

ใบงานท่ี 1.1 เรือ่ ง สรุปสาระจากเร่ืองท่ฟี ังและดู

คำช้แี จง ใหน้ ักเรียนเขยี นสรปุ สาระสำคญั จากเร่ืองท่ีฟงั และดู 1 เรื่อง ตามแนวทางการฝกึ ทักษะการฟงั และดู
อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ

(พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรยี น โดยให้อยใู่ นดุลยพินิจของครผู ู้สอน)

184

แบบประเมินการนำเสนอผลงาน

คำชแ้ี จง : ให้ ผ้สู อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั
ระดบั คะแนน

ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน
4321
1 เนื้อหาละเอยี ดชัดเจน
2 ความถูกตอ้ งของเนือ้ หา
3 ภาษาทใ่ี ชเ้ ข้าใจงา่ ย
4 ประโยชน์ที่ได้จากการนำเสนอ
5 วธิ กี ารนำเสนอผลงาน

รวม

ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ
............../.................../................

เกณฑก์ ารให้คะแนน

ผลงานหรอื พฤติกรรมสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 4 คะแนน

ผลงานหรือพฤติกรรมมขี ้อบกพร่องบางสว่ น ให้ 3 คะแนน

ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพร่องเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน

ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี ้อบกพรอ่ งมาก ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13
ต่ำกว่า 10 พอใช้
ปรับปรุง

185

แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล

คำช้แี จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่องทีต่ รงกับ
ระดับคะแนน

ลำดบั ท่ี ช่อื -สกุล ความมีวินัย ความมีน้ำใจ การรับฟงั การแสดง การตรงต่อ รวม
ของผรู้ ับการ เอื้อเฟือ้ ความคิดเห็น ความคดิ เห็น เวลา 20
เสียสละ คะแนน
ประเมนิ

43214321432143214321

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมนิ
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ............../.................../................
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 4 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมน้อยคร้งั ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ

18 - 20 ดีมาก
14 - 17 ดี
10 - 13
ตำ่ กว่า 10 พอใช้
ปรบั ปรงุ

186

แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่

คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับ
คะแนน

ช่ือ-สกุล การแสดง การยอมรับ การทำงาน การมี รวม
ของผ้รู ับการ ความคดิ เหน็ ฟงั คนอนื่ ตามทไี่ ดร้ บั 20
ลำดับที่ มอบหมาย ความมีนำ้ ใจ ส่วนรว่ มใน
ประเมนิ การปรับปรงุ
ผลงานกลมุ่ คะแนน

43214321432143214321

เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ............../.................../................
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 4 คะแนน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้ัง ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

18 - 20 ดีมาก
14 - 17 ดี
10 - 13
ต่ำกวา่ 10 พอใช้
ปรบั ปรุง

187

แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

คำช้แี จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในช่องทต่ี รงกับ
ระดบั คะแนน

คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน
อันพึงประสงคด์ ้าน 4321
1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเม่ือไดย้ ินเพลงชาติ รอ้ งเพลงชาตไิ ด้ และอธบิ ายความหมาย
กษัตรยิ ์ ของเพลงชาติ

2. ซ่อื สตั ย์ สจุ รติ 1.2 ปฏิบัติตนและชักชวนผอู้ ืน่ ปฏิบตั ติ ามสิทธิและหน้าทข่ี องพลเมือง
3. มีวินัย รบั ผิดชอบ 1.3 ให้ความรว่ มมอื รว่ มใจ ในการทำกจิ กรรมกับสมาชิกในโรงเรียน ชุมชน
4. ใฝเ่ รียนรู้
5. อยอู่ ย่างพอเพียง และสังคม
1.4 เปน็ ผนู้ ำหรือเปน็ แบบอย่างในการจดั กจิ กรรมที่สร้างความสามคั คี

ปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ ่อโรงเรียน ชมุ ชน และสงั คม ชน่ื ชม ปกป้อง
ความเปน็ ชาตไิ ทย
1.5 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถือ ปฏิบัติตนตามหลกั ของศาสนา
และเป็นตัวอย่างทด่ี ีของศาสนกิ ชน
1.6 เข้ารว่ มกิจกรรมและมสี ่วนร่วมในการจัดกิจกรรมทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั สถาบัน
พระมหากษตั รยิ ต์ ามทโ่ี รงเรียนและชมุ ชนจดั ข้ึน ชนื่ ชมในพระราชกรณยี กจิ
พระปรชี าสามารถของพระมหากษตั รยิ แ์ ละพระราชวงศ์
2.1 ใหข้ อ้ มลู ท่ีถูกตอ้ ง และเป็นจริง
2.2 ปฏบิ ัติในสิ่งท่ีถูกตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ทจ่ี ะกระทำความผิด ทำตาม
สญั ญาทตี่ นให้ไว้กับเพ่อื น พ่อแม่ หรอื ผู้ปกครอง และครู เปน็ แบบอย่าง
ทีด่ ีด้านความซื่อสตั ย์
2.3 ปฏบิ ัติตนตอ่ ผู้อนื่ ดว้ ยความซอ่ื ตรง ไม่หาประโยชน์ในทางที่ไมถ่ ูกตอ้ ง
และเปน็ แบบอยา่ งทด่ี แี ก่เพื่อนดา้ นความซื่อสตั ย์
3.1 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คบั ของครอบครัว
โรงเรยี น และสังคม ไมล่ ะเมิดสิทธขิ องผู้อน่ื ตรงต่อเวลาในการปฏิบตั ิ
กิจกรรมต่างๆ ในชวี ิตประจำวัน และรบั ผิดชอบในการทำงาน ปฏิบตั ิ
เป็นปกตวิ ิสยั และเป็นแบบอย่างทดี่ ี
4.1 แสวงหาข้อมลู จากแหลง่ การเรยี นรู้ตา่ งๆ
4.2 มีการจดบันทึกความร้อู ยา่ งเปน็ ระบบ
4.3 สรุปความรไู้ ดอ้ ยา่ งมีเหตผุ ล
5.1 ใช้ทรัพย์สินของตนเอง เชน่ สง่ิ ของ เครอื่ งใช้ ฯลฯ อย่างประหยดั
ค้มุ คา่ และเก็บรักษาดแู ลอย่างดี และใชเ้ วลาอย่างเหมาะสม
5.2 ใช้ทรัพยากรของสว่ นรวมอย่างประหยดั คุ้มค่า และเกบ็ รักษาดแู ลอยา่ งดี
5.3 ปฏิบตั ติ นและตดั สนิ ใจดว้ ยความรอบคอบ มีเหตผุ ล
5.4 ไมเ่ อาเปรียบผอู้ น่ื และไมท่ ำใหผ้ ูอ้ นื่ เดอื ดรอ้ น พร้อมใหอ้ ภัยเมอื่ ผู้อน่ื
กระทำผดิ พลาด

188

แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (ต่อ)

คำชแ้ี จง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ งทีต่ รงกับ

ระดับคะแนน

คณุ ลักษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
อนั พงึ ประสงคด์ ้าน 4321

5.5 วางแผนการเรยี น การทำงานและการใช้ชวี ิตประจำวันบนพื้นฐาน
ของความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร

5.6 รูเ้ ทา่ ทนั การเปลย่ี นแปลง ทางสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั
และปรับตัว อยู่รว่ มกับผูอ้ ื่นไดอ้ ยา่ งมีความสขุ

6. ม่งุ ม่ันในการทำงาน 6.1 เอาใจใส่ต่อการปฏิบตั หิ นา้ ทีท่ ่ีไดร้ บั มอบหมาย

6.2 ตง้ั ใจและรบั ผดิ ชอบในการทำงานใหส้ ำเรจ็

6.3 ปรบั ปรุงและพฒั นาการทำงานอยา่ งรอบคอบ

6.4 ท่มุ เท ทำงาน อดทน ไมท่ ้อตอ่ ปัญหาและอปุ สรรค

6.5 พยายามแก้ปัญหาและอุปสรรคในการทำงานใหส้ ำเร็จ

6.6 ชื่นชมผลงานความสำเร็จด้วยความภาคภมู ิใจ

7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจติ สำนึกในการอนุรักษว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย

7.2 เหน็ คุณคา่ และปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย

8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รจู้ กั ชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน

8.2 อาสาทำงาน ช่วยคิด ช่วยทำ แบง่ ปันส่งิ ของ ทรัพย์สนิ และอืน่ ๆ
พร้อมชว่ ยแก้ปัญหา

8.3 ดแู ล รักษาทรัพย์สนิ ของห้องเรยี น โรงเรยี น ชมุ ชน

8.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรียน ชมุ ชน
เพอื่ แกป้ ัญหาหรอื ร่วมสรา้ งสิง่ ทดี่ งี ามตามสถานการณ์ทเี่ กดิ ข้ึน

ลงช่อื ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
............../.................../................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้ัง

บันทึกหลังแผนการสอน 189

 ด้านความรู้ )

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น

 ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ด้านอื่นๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมท่มี ปี ัญหาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )

 ปญั หา/อปุ สรรค
 แนวทางการแกไ้ ข

ข้อเสนอแนะ ความเห็นของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย

ลงชื่อ
(
ตำแหน่ง

190

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 2

วชิ า ท 33101 ภาษาไทย5 ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ภาคเรยี นท่ี 1

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 5 การฟงั และดูอย่างมีประสิทธิภาพ เวลา 1 ช่ัวโมง

เรอ่ื ง แนวทางการประเมนิ คา่ เรอ่ื งท่ฟี งั และดู ผู้สอน นางสาวจิลนั ดา รักไร่
....................................................................................................................................................................................

1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
แนวทางการประเมนิ ค่าเร่อื งที่ฟังและดู ควรประเมินในดา้ นรูปแบบ ภาษา และแนวคิดของเรอ่ื งที่ฟังและดู เพื่อเป็นแนวทาง

ในการนำไปประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำวัน
2. ตัวชว้ี ดั /จุดประสงค์การเรียนรู้

2.1 ตวั ชี้วดั
3.1 ม.4-6/3 ประเมนิ เร่ืองที่ฟงั และดู แลว้ กำหนดแนวทางนำไปประยุกตใ์ ช้ในการดำเนินชีวิต

2.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1) อธิบายแนวทางการประเมินคา่ เรอ่ื งทฟี่ ังและดูได้
2) ประเมินค่าเรื่องที่ฟังและดูตามแนวทางการประเมินคา่ เร่ืองท่ีฟังและดูได้

3. สาระการเรียนรู้
3.2 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
- การประเมินเรื่องทฟี่ ังและดู เพอื่ กำหนดแนวทางนำไปประยุกต์ใช้

4. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น
4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
1) ทกั ษะการประเมิน
2) ทักษะการนำความรู้ไปใช้
4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต

5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
1. มีวนิ ัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งม่ันในการทำงาน

191

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
วิธีสอนโดยการจัดการเรยี นรู้แบบรว่ มมือ : เทคนิคคู่คิด

นักเรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 7 เร่ือง การประเมนิ เรอ่ื งที่ฟังและดู
ขน้ั นำเขา้ ส่บู ทเรียน

1. นกั เรียนตอบคำถามกระตุน้ ความคดิ
2. ครสู นทนากบั นักเรยี นเกีย่ วกับเหตกุ ารณ์บา้ นเมืองหรอื เร่ืองราวตา่ งๆ แลว้ ถามนักเรียนวา่ มีแนวทางในการประเมินค่า

เรอื่ งท่ีฟงั และดูอย่างไร
3. ครูสุ่มเรียกนกั เรยี น 4-5 คน ออกมาแสดงความคิดเห็นหนา้ ชั้นเรียน
คำถามกระตนุ้ ความคิด

• นกั เรียนเคยวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกบั เร่อื งที่ฟงั และดบู า้ งหรือไม่
(พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยให้อยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของครูผสู้ อน)
ข้ันสอน

3. นักเรยี นรวมกลมุ่ เดิม (จากแผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1)
4. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันศกึ ษาความร้เู รื่อง แนวทางการประเมินคา่ เรื่องทีฟ่ ังและดู จากหนังสือเรียน
5. ครอู ธบิ ายแนวทางการประเมินคา่ เรอื่ งที่ฟงั และดู พรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบการอธบิ าย
6. ครูให้นักเรยี นเลือกฟงั และดรู ายการทีก่ ำหนดให้ดังต่อไปนี้ แลว้ ประเมนิ ค่าเร่ืองท่ีฟงั และดู

1) ภัตตาคารบ้านทงุ่ ทาง ไทพีบเี อส
2) ละครบา้ นนี้มีรัก ทาง โมเดิร์น ไนนท์ ีวี
3) เร่ืองเล่าเชา้ นี้ ทาง ไทยทีวสี ีชอ่ ง 3
7. นกั เรยี นแตล่ ะคนทำใบงานที่ 2.1 เรื่อง แนวทางการประเมินคา่ เรือ่ งท่ีฟังและดู เมื่อทำเสร็จแล้วให้นักเรียนจับคู่กบั
เพอ่ื นในกล่มุ ผลัดกันอภิปรายคำตอบของตนเองใหค้ ู่ของตนฟัง
8. ครูสมุ่ เรียกนักเรียนแต่ละคู่ออกมานำเสนอใบงานที่ 2.1 แล้วร่วมกนั เฉลยคำตอบในใบงาน
ขน้ั สรุป

1. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรเู้ รอื่ ง แนวทางการประเมินค่าเรือ่ งที่ฟังและดู
2. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคดิ

คำถามกระตนุ้ ความคิด

• นักเรยี นมีแนวทางการประเมินคา่ เร่อื งท่ีฟังและดูอยา่ งไร และสามารถนำแนวทางนนั้ มาประยุกตใ์ ชใ้ นการเรยี น

ไดอ้ ยา่ งไร (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยูใ่ นดลุ ยพนิ จิ ของครผู ู้สอน)
7. การวดั และประเมินผล

วิธีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์

ตรวจใบงานท่ี 2.1 ใบงานท่ี 2.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

ประเมนิ การนำเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

สังเกตความมีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มั่นในการ แบบประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ทำงาน

192

8. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนงั สือเรยี น ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.6
2) ใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง แนวทางการประเมนิ ค่าเร่ืองที่ฟังและดู
8.2 แหล่งการเรียนรู้


193

ใบงานที่ 2.1 เรอื่ ง แนวทางการประเมินคา่ เร่อื งทฟี่ ังและดู

คำชีแ้ จง ให้นักเรยี นเขยี นประเมนิ ค่าเรื่องที่ฟังและดู จากบทโทรทัศนร์ ายการพดู จาภาษาไทยตอน เครอ่ื งแนม-เครอ่ื งเคยี ง
ตามประเดน็ ท่กี ำหนดให้

ชาย เคร่ืองแนม - เคร่ืองเคียง
พิชญทฬั ห จนั ทรพ์ ฒุ : เรยี บรอ้ ยแลว้ ครบั พ่ี
ทิน โชคกมูลกิจ : จะ้ จะ้ ขอบใจจะ้
พิชญทฬั ห จนั ทรพ์ ฒุ : ไหน ไหน โห! น้าพรกิ กะปิ มปี ลาทเู ป็นเครอ่ื งเคยี งดว้ ย น่าทานจงั เลย
ทิน โชคกมลู กิจ : เขาเรยี กวา่ เคร่อื งแนมค่ะพท่ี นิ ไมใ่ ชเ่ ครอ่ื งเคยี ง
: ใชเ่ หรอ พเ่ี คยไดย้ นิ แต่เคร่อื งเคยี ง เคร่อื งแนมไมเ่ คยไดย้ นิ เลย มนั คอื อะไร

คาบรรยาย

เคร่อื งแนม คอื อาหารทร่ี บั ประทานประกอบกบั อาหารหลกั ค่ะ มลี กั ษณะเป็นชุดเดยี วกนั โดยเฉพาะอาหาร
ประเภทเคร่อื งจ้มิ ต่างๆ เช่น น้าพรกิ กะปิมปี ลาทูทอดเป็นเคร่อื งแนม ขา้ วคลุกกะปิมหี มูหวานเป็นเคร่อื งแนม
สะเดาน้าปลาหวานมปี ลาดุกย่างเป็นเคร่อื งแนม สว่ นเครอ่ื งเคยี งเป็นอาหารคนละอย่าง แตน่ ามารบั ประทานดว้ ยกนั
เพอ่ื เสรมิ รสชาตซิ ่งึ กนั และกนั อย่างเน้ือเคม็ เป็นเคร่อื งเคยี งกบั แกงเผด็ ปลาสลดิ หรอื ไขเ่ จยี วเป็นเคร่อื งเคยี งของ
แกงสม้ เครอ่ื งแนมและเคร่อื งเคยี งเป็นศลิ ปะในการประกอบและการรบั ประทานอาหารของคนไทยมาแต่โบราณค่ะ

พิชญทฬั ห จนั ทรพ์ ฒุ : ชดั เจนไหมคะคราวน้ี
ทิน โชคกมลู กิจ : เขา้ ใจแลว้ ครบั เคร่อื งแนม หมายถงึ อาหารทท่ี านประกอบกบั อาหารหลกั

พิชญทฬั ห จนั ทรพ์ ฒุ สว่ นเครอ่ื งเคยี ง หมายถงึ อาหารคนละอย่างกนั แตน่ ามารบั ประทานดว้ ยกนั เพอ่ื
ทิน โชคกมลู กิจ เสรมิ รสชาตซิ ง่ึ กนั และกนั ใช่ไหมฮะ
พิชญทฬั ห จนั ทรพ์ ฒุ : ถกู ตอ้ งแลว้ ค่ะ
: ถา้ อยา่ งนนั้ ปลาทนู ้กี บั น้าพรกิ น้ี พข่ี อไปล่ะ
: ไมไ่ ดค้ ะ่ พท่ี นิ เพราะน่คี อื อุปกรณ์ประกอบฉาก วางไวค้ ะ่

ที่มา : http://www.thaipbs.or.th/Clip/ โดยถอดบทโทรทศั น์จากรายการพดู จาภาษาไทย ตอน เคร่อื งแนม-เคร่อื งเคยี ง
ของ ราชบณั ฑติ ยสถาน

194

1. จากรายการพดู จาภาษาไทย ตอน เคร่ืองแนม-เครอ่ื งเคยี ง มกี ารนำเสนอน่าสนใจหรอื ไม่ อยา่ งไร

2. ข้อคิดหรอื ความรทู้ ีไ่ ด้รับจากรายการพูดจาภาษาไทย ตอน เครื่องแนม-เครื่องเคียง คอื อะไร

3. สาระสำคัญหรือประเดน็ สำคัญของรายการท่ีฟงั และดู มีอะไรบ้าง

4. รายการพูดจาภาษาไทย ตอน เครือ่ งแนม-เคร่ืองเคียง มีความโดดเด่นในดา้ นใด

5. รายการพดู จาภาษาไทย ตอน เครื่องแนม-เคร่อื งเคยี ง มีความนา่ เชอ่ื ถือมากน้อยเพยี งใด

เฉลย 195

ใบงานท่ี 2.1 เร่อื ง แนวทางการประเมินค่าเร่ืองท่ฟี ังและดู

คำชแี้ จง ให้นักเรยี นเขยี นประเมนิ คา่ เร่ืองท่ีฟงั และดู จากบทโทรทศั นร์ ายการพดู จาภาษาไทย
ตอน เครื่องแนม-เครือ่ งเคียง ตามประเด็นทกี่ ำหนดให้

เครอ่ื งแนม - เครอ่ื งเคียง

ชาย : เรยี บรอ้ ยแลว้ ครบั พ่ี
พิชญทฬั ห จนั ทรพ์ ฒุ : จะ้ จะ้ ขอบใจจะ้
ทิน โชคกมลู กิจ : ไหน ไหน โห! น้าพรกิ กะปิ มปี ลาทเู ป็นเคร่อื งเคยี งดว้ ย น่าทานจงั เลย
พิชญทฬั ห จนั ทรพ์ ฒุ : เขาเรยี กวา่ เคร่อื งแนมคะ่ พท่ี นิ ไม่ใชเ่ ครอ่ื งเคยี ง
ทิน โชคกมลู กิจ : ใช่เหรอ พเ่ี คยไดย้ นิ แตเ่ ครอ่ื งเคยี ง เครอ่ื งแนมไม่เคยไดย้ นิ เลย มนั คอื อะไร

คาบรรยาย

เคร่อื งแนม คอื อาหารทร่ี บั ประทานประกอบกบั อาหารหลกั ค่ะ มลี กั ษณะเป็นชุดเดยี วกนั โดยเฉพาะอาหาร
ประเภทเคร่อื งจ้มิ ต่างๆ เช่น น้าพรกิ กะปิมปี ลาทูทอดเป็นเคร่อื งแนม ขา้ วคลุกกะปิมหี มูหวานเป็นเคร่อื งแนม
สะเดาน้าปลาหวานมปี ลาดกุ ย่างเป็นเครอ่ื งแนม สว่ นเครอ่ื งเคยี งเป็นอาหารคนละอย่าง แตน่ ามารบั ประทานดว้ ยกนั
เพอ่ื เสรมิ รสชาตซิ ่งึ กนั และกนั อย่างเน้ือเคม็ เป็นเคร่อื งเคยี งกบั แกงเผด็ ปลาสลดิ หรอื ไขเ่ จยี วเป็นเคร่อื งเคยี งของ
แกงสม้ เครอ่ื งแนมและเครอ่ื งเคยี งเป็นศลิ ปะในการประกอบและการรบั ประทานอาหารของคนไทยมาแต่โบราณค่ะ

พิชญทฬั ห จนั ทรพ์ ฒุ : ชดั เจนไหมคะคราวน้ี
ทิน โชคกมูลกิจ : เขา้ ใจแลว้ ครบั เคร่อื งแนม หมายถงึ อาหารทท่ี านประกอบกบั อาหารหลกั

พิชญทฬั ห จนั ทรพ์ ฒุ สว่ นเคร่อื งเคยี ง หมายถงึ อาหารคนละอย่างกนั แตน่ ามารบั ประทานดว้ ยกนั เพอ่ื
ทิน โชคกมูลกิจ เสรมิ รสชาตซิ ง่ึ กนั และกนั ใช่ไหมฮะ
พิชญทฬั ห จนั ทรพ์ ฒุ : ถกู ตอ้ งแลว้ คะ่
: ถา้ อยา่ งนนั้ ปลาทนู ้กี บั น้าพรกิ น้ี พข่ี อไปล่ะ
: ไมไ่ ดค้ ะ่ พท่ี นิ เพราะน่คี อื อปุ กรณ์ประกอบฉาก วางไวค้ ะ่

ท่ีมา : http://www.thaipbs.or.th/Clip/ โดยถอดบทโทรทศั น์จากรายการพดู จาภาษาไทย ตอน เคร่อื งแนม-เคร่อื งเคยี ง
ของ ราชบณั ฑติ ยสถาน


Click to View FlipBook Version