สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวติ ในสงั คมทมี่ ีการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็ว
ใชค้ วามรู้และทักษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพ่อื แกป้ ญั หา หรือ
พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้
เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบตอ่ ชีวติ สงั คม และสง่ิ แวดลอ้ ม
ชน้ั ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้
-- - ทอ้ งถน่ิ
-
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปญั หาทพ่ี บในชวี ติ จรงิ อย่างเป็นข้นั ตอนและเปน็
ระบบใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้
อยา่ งมีประสิทธิภาพ รเู้ ท่าทนั และมจี รยิ ธรรม
ช้นั ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้
ท้องถิ่น
ป.5 ว 4.2 ป 5/1 - การใช้เหตุผลเชิงตรรกะเป็นการนำกฎเกณฑ์ หรือ -
ใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในการ เงอ่ื นไขที่ครอบคลุมทุกกรณีมาใช้พจิ ารณา ในการ
แกป้ ญั หา การอธิบายการ แก้ปญั หา การอธิบายการทำงาน หรอื การ
ทำงาน การคาดการณ์ คาดการณ์ผลลัพธ์
ผลลัพธ์ จากปัญหาอยา่ ง - สถานะเรม่ิ ต้นของการทำงานทแ่ี ตกต่างกนั จะให้
ง่าย ผลลัพธท์ แ่ี ตกตา่ งกัน
- ตวั อย่างปญั หา เช่น เกม Sudoku , โปรแกรม
ทำนายตัวเลข, โปรแกรมสร้างรูปเรขาคณติ ตามค่า
ข้อมูลเขา้ , การจัดลำดบั การทำงานบ้านในชว่ ง
วันหยดุ , จัดวางของในครวั
ว 4.2 ป 5/2 - การออกแบบโปรแกรมสามารถทำได้โดยเขียน เป็น
ออกแบบและเขยี น ข้อความ หรือผงั งาน
โปรแกรมทม่ี ีการใช้เหตผุ ล - การออกแบบและเขยี นโปรแกรมที่มีการตรวจสอบ
เชิงตรรกะอย่างงา่ ย เงอ่ื นไขที่ครอบคลุมทุกกรณเี พื่อให้ได้ผลลพั ธท์ ี่
ตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดและ ถูกต้องตรงตามความต้องการ
แก้ไข - หากมีข้อผดิ พลาดใหต้ รวจสอบการทำงาน ทลี ะ
คำสัง่ เมอ่ื พบจดุ ท่ีทำใหผ้ ลลพั ธ์ไม่ถกู ต้อง ให้ทำการ
แกไ้ ขจนกว่าจะได้ผลลพั ธ์ที่ถูกต้อง
146
ชั้น ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรู้
ท้องถิน่
- การฝึกตรวจหาขอ้ ผิดพลาดจากโปรแกรมของผู้อ่ืน
จะช่วยพฒั นาทักษะการหาสาเหตุของปัญหาได้ดี
ยิ่งขนึ้
- ตัวอย่างโปรแกรม เช่น โปรแกรมตรวจสอบเลขคู่
เลขค่ี โปรแกรมรบั ขอ้ มูลนำ้ หนกั หรือส่วนสูงแลว้
แสดงผลความสมสว่ นของรา่ งกาย, โปรแกรมสั่งให้
ตวั ละครทำตามเง่ือนไขท่ีกำหนด
- ซอฟต์แวร์ที่ใชใ้ นการเขียนโปรแกรม เชน่ Scratch,
logo
ป.5 ว 4.2 ป 5/3 - การค้นหาข้อมลู ในอินเทอรเ์ นต็ และการพจิ ารณา
ใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ ค้นหา ผลการค้นหา
ข้อมลู ตดิ ต่อส่อื สารและ - การตดิ ต่อส่ือสารผา่ นอนิ เทอรเ์ นต็ เชน่ อเี มล
ทำงานรว่ มกนั ประเมนิ บลอ็ ก โปรแกรมสนทนา
ความน่าเช่ือถือของขอ้ มลู - การเขยี นจดหมาย (บรู ณาการกบั วิชาภาษาไทย)
- การใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ในการติดต่อสอ่ื สารและทำงาน
ร่วมกัน เช่น ใชน้ ดั หมายในการประชมุ กลุม่ ประชำ
สมั พนั ธ์กิจกรรมในห้องเรียน การแลกเปล่ียนความรู้
ความคดิ เห็นในการเรียน ภายใต้การดแู ลของครู
- การประเมนิ ความนา่ เชือ่ ถอื ของข้อมลู เชน่
เปรยี บเทยี บความสอดคล้อง สมบูรณข์ องข้อมูลจาก
หลายแหล่ง แหลง่ ตน้ ตอของข้อมูล ผเู้ ขยี น วนั ที่
เผยแพร่ข้อมูล
- ข้อมูลทดี่ ตี ้องมีรายละเอยี ดครบทุกดา้ น เชน่ ข้อดี
และข้อเสีย ประโยชน์และโทษ
ว 4.2 ป 5/4 - การรวบรวมข้อมลู ประมวลผล สร้างทางเลอื ก
รวบรวม ประเมิน นำเสนอ ประเมนิ ผล จะทำใหไ้ ด้สารสนเทศเพื่อใช้ในการ
ขอ้ มูลและสารสนเทศ ตาม แกป้ ญั หาหรือการตัดสินใจได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
วัตถุประสงค์โดยใช้ - การใชซ้ อฟต์แวรห์ รือบริการบนอนิ เทอร์เนต็ ที่
ซอฟตแ์ วรห์ รอื บรกิ ารบน หลากหลายในการรวบรวม ประมวลผล สรา้ ง
อนิ เทอร์เนต็ ท่ีหลากหลาย ทางเลือก ประเมนิ ผล นำเสนอ จะช่วยใหก้ าร
แก้ปญั หาทำได้อย่างรวดเรว็ ถกู ต้อง และแมน่ ยำ
147
ชั้น ตวั ช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ท้องถิ่น
เพ่อื แกป้ ัญหาใน - ตวั อยา่ งปญั หา เชน่ ถ่ายภาพและสำรวจแผนท่ี ใน
ชวี ติ ประจำวนั ทอ้ งถ่ินเพ่ือนำเสนอแนวทางในการจัดการพ้ืนท่ีวา่ ง
ใหเ้ กดิ ประโยชน์ ทำแบบสำรวจความคดิ เหน็
ออนไลน์ และวเิ คราะหข์ ้อมูล นำเสนอข้อมลู โดยการ
ใช้ Blog หรอื web page
ว 4.2 ป 5/5 อนั ตรายจากการใชง้ านและอาชญากรรม ทาง
ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ อนิ เทอร์เน็ต
อย่างปลอดภยั มีมารยาท - มารยาทในการติดต่อส่ือสารผา่ นอินเทอร์เนต็
เขา้ ใจสทิ ธแิ ละหนา้ ท่ขี อง (บูรณาการกบั วิชาท่ีเกีย่ วข้อง)
ตน เคารพในสิทธิของผู้อน่ื
แจง้ ผเู้ ก่ยี วข้องเมื่อพบ
ขอ้ มลู หรือบุคคลท่ไี ม่
เหมาะสม
148
คำอธิบายรายวิชา
ว 1501 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 5 เวลา 80 ชั่วโมง
ศึกษา วิเคราะห์ โครงสร้างและลักษณะของสิ่งมีชีวิต การดำรงชีวิต ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับการ
ดำรงชีวิต การปรับตัวของสิ่งมชี ีวิตในแต่ละแหล่งท่ีอยู่ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมชี วี ติ กับสิ่งมีชีวิต และความสัมพนั ธ์
ระหวา่ งส่งิ มีชวี ติ กบั สิ่งไมม่ ชี วี ติ โซ่อาหาร หน้าทขี่ องส่งิ มชี ีวติ ทเี่ ป็นผผู้ ลิตและผบู้ รโิ ภค คณุ ค่าของสิ่งแวดล้อมท่ีมีต่อ
การดำรงชีวิต การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ลักษณะทางพันธุกรรมที่มีการถ่ายทอดจากพอ่ แม่สู่ลูก ลักษณะท่ีคล้ายคลงึ
กันของตนเองกับพ่อแม่ การเปลี่ยนสถานะของสสาร การละลายของสารในน้ำ การเปลี่ยนแปลงของสารเมื่อเกิดการ
เปลี่ยนแปลงทางเคมี การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้ แรงที่กระทำต่อวัตถุ แรง
ลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกนั การใชเ้ ครอ่ื งชั่งสปริงวัดแรงที่กระทำต่อวตั ถุ แรงเสยี ดทาน แรงเสียดทานและ
แรงที่กระทำต่อวัตถุในแนวเดียวกัน เสียงและการได้ยินเสียง การเกิดเสียงสูง เสียงต่ำ เสียงค่อย การวัดระดับเสียง
โดยใช้เครื่องมือวัดระดับเสียง การหลีกเลี่ยงและลดมลพิษทางเสียง ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ การใช้แผนที่ดาว
ตำแหน่งและเส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์ แบบรูปเส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้าใน
รอบปี ปริมาณนำ้ ในแต่ละแหลง่ นำ้ ข้อมลู แหล่งนำ้ ในชุมชนลาวเวียง คุณค่าของนำ้ การใช้น้ำอย่างประหยัดและการ
อนุรักษ์น้ำ วัฏจักรน้ำ กระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้ำค้าง และน้ำค้างแข็ง การเกิดฝน หิมะ และลูกเห็บ โดยใช้
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล การเปรียบเทียบ
ข้อมูลจากหลักฐานเชิงประจักษ์ การอธิบาย อภิปราย และการสร้างแบบจำลอง เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความ
เข้าใจ สามารถสื่อสารสิง่ ท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นำความรู้ไปใช้ในชวี ิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์
จริยธรรม คณุ ธรรม และคา่ นิยมท่ีเหมาะสม ปรบั ตัวให้เข้ากบั สถานการณต์ ่าง ๆ ทก่ี ้าวเขา้ มามีบทบาทในชีวิต ภายใต้
การแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การทำงาน การคาดการณ์ผลลัพธ์จากปัญหาอย่างง่าย การ
ออกแบบ อธิบาย และเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์ หรือสื่อ และตรวจหาข้อผิดพลาดและแก้ไข ใช้
อินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมลู ติดตอ่ สอ่ื สารและทำงานรว่ มกนั ประเมินความนา่ เช่ือถอื ของขอ้ มลู รวบรวม นำเสนอข้อมูล
และสารสนเทศโดยใช้ซอฟต์แวร์ หรอื บริการบนอินเตอร์เนต็ เพ่ือแกป้ ัญหาในชีวิตประจำวนั ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
อย่างปลอดภัย มีมารยาท เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิของผู้อื่น แจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบข้อมูลหรือ
บคุ คลท่ไี ม่เหมาะสม
รหสั ตัวชว้ี ัด มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4
มาตรฐาน ว 1.3 ป.5/1, ป.5/2
มาตรฐาน ว 2.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4
มาตรฐาน ว 2.2 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5
มาตรฐาน ว 2.3 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4 ป.5/4
มาตรฐาน ว 3.1 ป.5/1, ป.5/2
มาตรฐาน ว 3.2 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5
มาตรฐาน ว 4.2 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5 รวม 32 ตวั ชี้วัด
149
โครงสรา้ งรายวิชา
รายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 5
รหัสวิชา ว15101 เวลา 80 ชัว่ โมง/ปี
ช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ เน้อื หา จำนวน นำ้ หนัก
1. วิทยาศาสตรน์ า่ รู้ ตวั ชีว้ ดั (ช่ัวโมง) คะแนน
วิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 5 5
5
และจติ วทิ ยาศาสตร์
10
2. แรงในชวี ิตประจำวนั ว 2.2 ป.5/1-5 การหาแรงลัพธ์ แรงทีก่ ระทำต่อวตั ถุทีอ่ ยู่ในแนวเดยี วกัน การวัด 6
10
แรงที่กระทำต่อวตั ถุ แรงเสียดทานท่มี ีต่อการเปลยี่ นแปลงการ 5
10
เคลอ่ื นท่ขี องวตั ถุ แรงเสียดทานและแรงท่ีอยใู่ นแนวเดยี วกนั ท่ี
10
กระทำตอ่ วตั ถุ
10
3. พลังงานเสียง ว 2.3 ป.5/1-5 การไดย้ นิ เสยี งผา่ นตวั กลาง ลักษณะและการเกดิ เสยี งสูงเสียงต่ำ 8 5
70
ลกั ษณะและการเกดิ เสยี งดัง เสียงค่อย การใชเ้ คร่อื งมอื วัดระดับ 15
15
เสยี ง แนวทางในการหลีกเลยี่ งและลดมลพิษทางเสยี ง 100
3. การเปล่ยี นของสาร ว 2.1 ป.5/1-4 การเปลยี่ นสถานะของสสาร การละลายของสารในน้ำ การ 10
เปลยี่ นแปลงทางเคมี การเปลย่ี นแปลงทผ่ี ันกลบั ได/้ ผนั กลับไม่ได้
4. วทิ ยาการคำนวณ ว 4.2 ป.4/1-2 เหตผุ ลเชิงตรรกะ เหตผุ ลเชงิ ตรรกะอยา่ งง่าย 10
5.สงิ่ มีชวี ิตกบั ว 1.1 ป.5/1-4
ส่งิ แวดลอ้ ม ว 1.3 ป.5/1-2 โครงสร้างและลกั ษณะของส่งิ มีชวี ิต ความสมั พันธ์ระหว่าง 12
สงิ่ มชี วี ติ กับสง่ิ มีชีวิต/ ส่งิ ไมม่ ีชีวิต โซ่อาหารส่ิงแวดลอ้ มท่มี ีผลต่อ
การดำรงชีวติ ลักษณะทางพนั ธกุ รรม ลกั ษณะท่ีคลา้ ยคลึงกนั
ของตนเองกบั พอ่ แม่
6. น้ำและการ ว 3.2 ป.5/1 -ปรมิ าณนำ้ ในแตล่ ะแหลง่ คณุ ค่าของนำ้ ขอ้ มลู แหลง่ นำ้ ใน 9
เปลีย่ นแปลง(บูรณา ว 3.2 ป.5/2 ชุมชนของชาวลาวเวยี ง แนวทางการใชน้ ำ้ อยา่ งประหยดั การ
การหลักสตู รท้องถ่นิ ว 3.2 ป.5/3 อนรุ กั ษ์นำ้ การหมนุ เวยี นของน้ำในวฏั จกั รน้ำ กระบวนการเกดิ
เร่ืองข้อมูลแหล่งน้ำใน ว 3.2 ป.5/4 เมฆ หมอก น้ำค้าง และน้ำค้างแขง็ กระบวนการเกิดฝน หมิ ะ
ชุมชนของชาวลาวเวียง) และลกู เห็บ
7. ดวงดาวบนท้องฟ้า ว 3.1 ป.5/1-2 ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ ตำแหนง่ และเส้นทางการขึ้นและตก 8
ของกล่มุ ดาวฤกษ์
8. วทิ ยาการคำนวณ ว 4.2 ป4/3-4 -การใช้อนิ เตอร์เนต็ ขอ้ มลู และสารสนเทศตามวัตถุประสงค์ 10
เทคโนโลยีสารสนเทศ/สทิ ธิและหนา้ ท่ขี องตนและผู้อื่น
คะแนนระหวา่ งเรยี น 78
คะแนนระหวา่ งเรยี น 1
คะแนนปลายภาค คะแนนสอบกลางปี 1
คะแนนสอบปลายภาค 80
รวมทัง้ ส้ินตลอดทงั้ ปี
150
ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 6
ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลางและสาระการเรียนรทู้ ้องถน่ิ
สาระท่ี 1 วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสมั พันธ์ระหว่างส่ิงไม่มีชวี ิตกบั ส่งิ มีชีวิตและ
ความสมั พันธร์ ะหว่างสิ่งมีชวี ติ กบั สิ่งมชี ีวิตตา่ ง ๆ ในระบบนเิ วศ การถา่ ยทอดพลังงาน การ
เปลยี่ นแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากรปญั หาและผลกระทบที่มีตอ่
ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม แนวทางในการอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการ
แกไ้ ขปญั หาสง่ิ แวดล้อมรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ชนั้ ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ
-- --
สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบตั ิของส่งิ มีชวี ติ หน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชวี ติ การลาเลียงสารผ่านเซลลค์ วามสมั พันธ์
ของโครงสร้าง และหนา้ ท่ขี องระบบตา่ ง ๆ ของสตั วแ์ ละมนษุ ยท์ ีท่ ำงานสัมพันธก์ นั
ความสัมพนั ธข์ องโครงสร้าง และหนา้ ทข่ี องอวัยวะตา่ ง ๆ ของพชื ทที่ างานสมั พนั ธก์ ันรวมท้ัง
นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
สาระการ
ชนั้ ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง เรยี นรู้
ท้องถน่ิ
ป.6 ว 1.2 ป 6/1 - สารอาหารที่อยู่ในอาหารมี 6 ประเภท อาหารท่ี
ระบุสารอาหารและบอก ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตนี ไขมนั เกลือแร่ วิตามิน นักเรยี น
ประโยชนข์ องสารอาหารแต่ และนำ้ รบั ประทาน
ละประเภทจากอาหารที่ - อาหารแต่ละชนิดประกอบด้วยสารอาหาร ที่ ท่ีโรงเรยี น
ตนเองรับประทาน แตกตา่ งกนั อาหารบางอย่างประกอบด้วย และอาหาร
ว 1.2 ป 6/2 สารอาหารประเภทเดียว อาหารบางยา่ ง ประเภทต่าง
บอกแนวทางในการเลือก ประกอบดว้ ยสารอาหารมากกว่าหน่งึ ประเภท ๆ ในทอ้ งถ่นิ
รับประทานอาหารให้ได้ - สารอาหารแต่ละประเภทมีประโยชน์ตอ่ รา่ งกาย -
สารอาหารครบถ้วนใน แตกตา่ งกัน โดยคารโ์ บไฮเดรต โปรตีน และไขมนั -
สัดสว่ นทเี่ หมาะสมกับเพศ เป็นสารอาหารท่ีให้พลังงานแก่ร่างกาย สว่ นเกลือแร่
และวยั รวมท้ังความ วติ ามินและนำ้ เปน็ สารอาหารท่ไี ม่ให้พลงั งานแก่
ปลอดภัยต่อสุขภาพ ร่างกาย แต่ช่วยให้รา่ งกายทำงานได้เป็นปกติ – การ
ว 1.2 ป 6/3 รับประทานอาหารเพอ่ื ให้ร่างกายเจริญ เตบิ โต มกี าร
เปลี่ยนแปลงของรา่ งกายตามเพศและวยั และ มี
151
สาระการ
ชนั้ ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง เรียนรู้
ท้องถนิ่
ตระหนักถึงความสำคัญของ สุขภาพดี จำเป็นต้องรับประทานใหไ้ ด้พลงั งาน
สารอาหาร โดยการเลือก เพยี งพอกบั ความต้องการของร่างกาย และใหไ้ ด้
รับประทานอาหารที่มีสาร สารอาหารครบถ้วนในสดั สว่ นท่เี หมาะสมกบั เพศ
อำหารครบถว้ นในสดั สว่ นท่ี และวยั รวมทง้ั ต้องคำนงึ ถึงชนดิ และปริมาณของวัตถุ
เหมาะสมกับเพศและวยั เจอื ปนในอาหารเพ่ือความปลอดภัยตอ่ สุขภาพ
รวมท้งั ปลอดภยั ต่อสุขภาพ
ป.6 ว 1.2 ป 6/4 - ระบบย่อยอาหารประกอบด้วยอวยั วะต่าง ๆ ได้แก่ -
สร้างแบบจำลองระบบย่อย ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไสเ้ ล็ก ลำไส้
อาหาร และบรรยายหน้าที่ ใหญ่ ทวารหนกั ตับ และตบั อ่อน ซึ่งทำหนา้ ท่ี
ของอวัยวะในระบบยอ่ ย รว่ มกันในการย่อยและดูดซมึ สารอาหาร
อาหาร รวมท้งั อธิบายการ - ปาก มฟี นั ชว่ ยบดเคี้ยวอำหารให้มีขนาดเล็กลงและ
ยอ่ ยอาหารและการดดู ซมึ มลี น้ิ ชว่ ยคลกุ เคลา้ อาหารกบั น้ำลาย ในน้ำลาย มี
สารอาหาร เอนไซมย์ ่อยแปง้ ให้เป็นนำ้ ตาล
ว 1.2 ป 6/5 – หลอดอาหาร ทำหน้าท่ีลำเลยี งอาหารจากปาก
ตระหนกั ถึงความสำคัญของ ไปยังกระเพาะอาหาร ภายในกระเพาะอาหารมีการ
ระบบยอ่ ยอาหาร โดยการ ยอ่ ยโปรตนี โดยกรดและเอนไซมท์ ีส่ ร้างจากกระเพาะ
บอกแนวทางในการดูแล อาหาร
รักษาอวยั วะในระบบย่อย - ลำไส้เลก็ มเี อนไซมท์ ส่ี ร้างจากผนงั ลำไส้เล็กเอง
อาหารให้ทำงานเปน็ ปกติ และจากตบั อ่อนทีช่ ว่ ยย่อยโปรตนี คาร์โบไฮเดรต
และไขมนั โดยโปรตนี คารโ์ บไฮเดรต และไขมัน ท่ี
ผา่ นการย่อยจนเปน็ สารอาหารขนาดเล็กพอทจ่ี ะ ดูด
ซึมได้ รวมถึงนำ้ เกลอื แร่ และวติ ามนิ จะ
ถกู ดดู ซึม ทผ่ี นังลำไส้เลก็ เข้าสู่กระแสเลือด เพ่ือ
ลำเลียงไปยังสว่ นต่าง ๆ ของร่างกาย ซ่ึงโปรตนี
คาร์โบไฮเดรต และไขมัน จะถูกนำไปใช้เปน็ แหล่ง
พลังงานสำหรบั ใช้ในกจิ กรรมต่าง ๆ ส่วนนำ้ เกลอื แร่
และวิตามนิ จะช่วยใหร้ า่ งกายทำงานได้เปน็ ปกติ
- ตบั สร้างน้ำดีแล้วส่งมายงั ลำไส้เลก็ ชว่ ยให้ไขมัน
แตกตวั
152
สาระการ
ชนั้ ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง เรยี นรู้
ทอ้ งถน่ิ
- ลำไส้ใหญท่ ำหน้าที่ดูดน้ำและเกลือแร่ เป็นบรเิ วณ
ท่ีมอี าหารที่ย่อยไม่ได้ หรือย่อยไมห่ มด เปน็ กาก
อาหาร ซ่ึงจะถูกกำจดั ออกทางทวารหนกั
- อวยั วะตา่ ง ๆ ในระบบย่อยอาหาร
มคี วามสำคัญ จึงควรปฏบิ ตั ิตน ดูแลรกั ษาอวยั วะให้
ทำงานเป็นปกติ
สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสำคัญของการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม สารพนั ธกุ รรม
การเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลตอ่ สง่ิ มชี ีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและ
วิวัฒนาการของสิง่ มีชีวติ รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ช้นั ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้
ท้องถนิ่
-- --
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ิของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พันธร์ ะหว่างสมบตั ิของสสารกบั
โครงสร้างและแรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนภุ าค หลักและธรรมชาตขิ องการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การเกิด
สารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี
ช้ัน ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้
ทอ้ งถิ่น
ป.6 ว 2.1 ป 6/1 - สารผสมประกอบด้วยสารต้ังแต่ 2
อธิบายและเปรียบเทยี บการ ชนิดขึ้นไปผสมกัน เช่น น้ำมนั ผสมน้ำ
แยกสารผสม โดยการหยบิ ออก ขา้ วสารปนกรวดทราย วิธีการ ที่
การร่อน การใชแ้ ม่เหล็กดึงดูด เหมาะสมในการแยกสารผสมข้ึนอยกู่ ับ
การรินออก การกรอง และการ ลักษณะและสมบตั ขิ องสารที่ผสมกัน
ตกตะกอน โดยใช้หลกั ฐานเชิง ถ้าองคป์ ระกอบของสารผสมเปน็
ประจักษ์ รวมทั้งระบวุ ธิ ี ของแข็งกับของแข็งทีม่ ีขนาดแตกต่าง
กนั อย่างชดั เจน อาจใชว้ ิธีการหยิบออก
153
แก้ปญั หาในชวี ิตประจำวัน หรอื การร่อนผ่านวัสดุ ท่มี ีรู ถ้ำมีสารใด
เกีย่ วกบั การแยกสาร สารหนึง่ เปน็ สารแมเ่ หลก็ อาจใช้วิธี
การใช้แมเ่ หล็กดึงดูด ถำ้ องค์ประกอบ
เป็นของแขง็
ท่ไี ม่ละลายในของเหลว อาจใชว้ ิธกี าร
รินออก การกรอง หรอื การตกตะกอน
ซ่งึ วิธกี ารแยกสารสามารถนำไปใช้
ประโยชนใ์ นชีวิตประจำวันได้
สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงท่ีกระทาต่อวตั ถุ ลักษณะการเคล่ือนท่ี
แบบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมท้งั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ชนั้ ตัวชีว้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการ
เรียนรู้
ทอ้ งถิน่
ป.6 ว 2.2 ป 6/1 - วตั ถุ 2 ชนิดท่ผี า่ นการขดั ถูแลว้ เม่อื นำเข้าใกล้กนั -
อธบิ ายการเกดิ และผลของแรง อาจดงึ ดูดหรือผลักกัน แรงท่เี กดิ ข้ึนนเ้ี ปน็ แรงไฟฟ้า ซึ่ง
ไฟฟา้ ซ่ึงเกดิ จากวตั ถทุ ่ีผ่านการ เป็นแรงไม่สัมผสั เกดิ ขึ้นระหว่างวัตถุที่มีประจุไฟฟ้า ซง่ึ
ขัดถูโดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ประจไุ ฟฟา้ มี 2 ชนิด คือ ประจไุ ฟฟ้าบวกและประจุ
ไฟฟา้ ลบ วัตถุทีม่ ีประจุไฟฟ้าชนดิ เดียวกนั ผลกั กนั ชนิด
ตรงขา้ มกันดึงดูดกนั
สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลี่ยนแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏิสมั พนั ธ์
ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ท่ี
เก่ียวข้องกับเสียง แสง และคลืน่ แม่เหล็กไฟฟา้ รวมทง้ั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ช้ัน ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการ
เรียนรู้ท้องถนิ่
ป.6 ว 2.3 ป 6/1 - วงจรไฟฟ้าอย่างง่ายประกอบดว้ ย -
ระบสุ ่วนประกอบและบรรยายหนา้ ท่ี แหล่งกำเนดิ ไฟฟ้า สายไฟฟ้า และ
ของแตล่ ะสว่ นประกอบของวงจรไฟฟา้ เครือ่ งใช้ไฟฟา้ หรอื อปุ กรณ์ไฟฟ้า
อยา่ งงา่ ยจากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ แหลง่ กำเนิดไฟฟา้ เช่น ถา่ นไฟฉาย หรือ
แบตเตอร่ี ทำหน้าทใ่ี ห้พลังงานไฟฟา้
สายไฟฟา้ เป็นตัวนำไฟฟ้าทำหนา้ ที่
154
ชั้น ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการ
เรียนรทู้ อ้ งถิ่น
ว 2.3 ป 6/2 เชื่อมตอ่ ระหว่างแหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้า และ
เขยี นแผนภาพและต่อวงจรไฟฟ้าอย่าง เครื่องใช้ไฟฟา้ เข้าดว้ ยกัน เคร่ืองใช้ไฟฟ้ามี
งา่ ย หนา้ ท่เี ปลย่ี นพลังงานไฟฟ้าเป็น
พลังงานอนื่
ว 2.3 ป 6/3 - เมอ่ื นำเซลล์ไฟฟ้าหลายเซลลม์ าตอ่
ออกแบบกำรทดลองและทดลองดว้ ย เรยี งกนั โดยใหข้ ัว้ บวกของเซลล์ไฟฟา้
วธิ ีทเี่ หมาะสมในการอธบิ ายวิธกี ารและ เซลลห์ น่งึ ตอ่ กบั ข้วั ลบของอีกเซลล์หนึ่ง
ผลของการต่อเซลล์ไฟฟา้ แบบอนกุ รม เป็นการต่อแบบอนุกรม ทำให้มพี ลังงาน
ว 2.3ป 6/4 ไฟฟ้าเหมาะสมกับเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า ซ่ึงการ
ตระหนกั ถึงประโยชน์ของความรู้ของ ต่อเซลลไ์ ฟฟา้ แบบอนกุ รมสามารถ
การตอ่ เซลลไ์ ฟฟา้ แบบอนุกรมโดย นำไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจำวนั เช่น
บอกประโยชน์และการประยุกต์ใชใ้ น การตอ่ เซลล์ไฟฟา้ ในไฟฉาย
ชีวิตประจำวนั
ว 2.3ป 6/5 - การต่อหลอดไฟฟา้ แบบอนุกรมเมื่อ
ออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ย ถอดหลอดไฟฟ้าดวงใดดวงหน่งึ ออกทำให้
วธิ ีทเี่ หมาะสมในการอธิบายการต่อ หลอดไฟฟ้าทเ่ี หลือดับท้ังหมด สว่ นการตอ่
หลอดไฟฟา้ แบบอนุกรมและแบบ หลอดไฟฟา้ แบบขนาน เมือ่ ถอดลอดไฟฟา้
ขนาน ดวงใดดวงหนง่ึ ออก หลอดไฟฟ้าท่เี หลือก็
ยงั สว่างได้ การต่อหลอดไฟฟ้าแตล่ ะแบบ
สามารถนำไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ เช่น การต่อ
ว 2.3 ป 6/6 หลอดไฟฟา้ หลายดวงในบ้านจึงตอ้ งต่อ
ตระหนกั ถึงประโยชน์ของความรขู้ อง หลอดไฟฟา้ แบบขนานเพื่อเลือกใชห้ ลอด
การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและ ไฟฟา้ ดวงใดดวงหน่งึ ได้ตามต้องการ
แบบขนาน โดยบอกประโยชน์
ขอ้ จำกดั และการประยุกตใ์ ช้ใน
ชีวติ ประจำวัน
ว 2.3 ป 6/7 - เม่ือนำวตั ถทุ ึบแสงมากนั้ แสงจะเกดิ เงา
อธบิ ายการเกิดเงามืด เงามวั จาก บนฉากรับแสงท่ีอยูด่ ้านหลังวัตถุ โดยเงามี
หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ รูปรา่ งคลา้ ยวตั ถุที่ทำให้เกิดเงา เงามวั เป็น
ว 2.3 ป 6/8 บรเิ วณท่มี ีแสงบางส่วนตกลงบนฉาก สว่ น
เขียนแผนภาพรังสีของแสงแสดงการ เงามดื เปน็ บริเวณที่ไม่มแี สงตกลงบนฉาก
เกดิ เงามืดเงามัว เลย
155
สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซดี าวฤกษ์
และระบบสุริยะ รวมทงั้ ปฏสิ ัมพันธ์ภายในระบบสุรยิ ะท่สี ่งผลต่อสิ่งมีชีวิตและการประยุกต์ใช้
เทคโนโลยอี วกาศ
ชั้น ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ทอ้ งถ่ิน
ป.6 ว 3.1 ป 6/1 - เมื่อโลกและดวงจนั ทร์ โคจรมาอยูใ่ นแนว - ความเชื่อและ
สรา้ งแบบจำลองทอี่ ธบิ าย เสน้ ตรงเดยี วกนั กบั ดวงอาทิตยใ์ นระยะทางท่ี ประเพณขี องชาวลาว
การเกิด และเปรียบเทียบ เหมาะสม ทำให้ดวงจนั ทร์บังดวงอาทิตย์ เงา เวียงในแต่ละเดือน
ปรากฏการณส์ รุ ิยปุ ราคา ของดวงจนั ทร์ทอดมายงั โลก ผ้สู ังเกตท่อี ยู่
และจันทรุปราคา บริเวณเงาจะมองเห็น ดวงอาทติ ย์มืดไป เกดิ
ปรากฏการณ์สุรยิ ปุ ราคา ซ่ึงมีทงั้ สุรยิ ปุ ราคาเต็ม
ดวง สรุ ิยุปราคาบางสว่ น และสรุ ิยปุ ราคาวง
แหวน
หากดวงจันทรแ์ ละโลกโคจรมาอย่ใู นแนว
เสน้ ตรงเดียวกนั กับดวงอาทิตย์ แลว้ ดวงจนั ทร์
เคล่อื นท่ผี ่านเงาของโลก จะมองเหน็ ดวงจนั ทร์
มดื ไป เกิดปรากฏการณจ์ นั ทรุปราคา ซึง่ มีท้งั
จนั ทรุปราคาเต็มดวง และจันทรุปราคาบางสว่ น
ว 3.1 ป 6/2 - เทคโนโลยีอวกาศเริม่ จากความตอ้ งการของ -
อธบิ ายพฒั นาการของ มนษุ ย์ในการสำรวจวตั ถทุ ้องฟา้ โดยใช้ตาเปลา่
เทคโนโลยีอวกาศ และ กล้องโทรทรรศน์ และได้พัฒนาไปสกู่ ารขนส่ง
ยกตวั อย่างการนำเทคโนโลยี เพือ่ สำรวจอวกาศด้วยจรวดและยานขนส่ง
อวกาศมาใชป้ ระโยชน์ใน อวกาศ และยงั คงพฒั นาอย่างต่อเนือ่ ง ปจั จุบนั
ชีวติ ประจำวัน จากข้อมลู ที่ มกี ารนำเทคโนโลยีอวกาศบางประเภทมา
รวบรวมได้ ประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตประจำวนั เช่น การใช้
ดาวเทยี มเพื่อการส่อื สาร การพยากรณอ์ ากาศ
หรือการสำรวจทรัพยากรธรรมชำติ การใช้
อุปกรณ์วดั ชีพจรและการเต้นของหัวใจ หมวก
นิรภัย ชุดกฬี า
156
สาระท่ี 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองค์ประกอบ และความสัมพนั ธ์ของระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลก
และบนผวิ โลก ธรณพี บิ ตั ภิ ยั กระบวนการเปลยี่ นแปลงลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศโลก
รวมทัง้ ผลตอ่ สง่ิ มชี วี ิตและส่ิงแวดล้อม
ชนั้ ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรู้
ท้องถ่นิ
ป.6 ว 3.2 ป 6/1 - หินเป็นวสั ดุแขง็ เกิดข้ึนเองตามธรรมชำติ ประกอบ ด้วย - หินท่ีพบใน
เปรยี บเทียบ แรต่ ั้งแต่หนึง่ ชนิดข้ึนไป สามารถจำแนกหินตำมกระบวน ทอ้ งถิ่น และทว่ั
กระบวนการเกิดหนิ การเกดิ ได้เปน็ 3 ประเภท ได้แก่ หินอัคนี หนิ ตะกอน ๆ ไป
อคั นี หนิ ตะกอน และ และหินแปร
หนิ แปรและ - หินอคั นีเกดิ จากการเยน็ ตัวของแมกมา เน้ือหิน มี
อธิบายวัฏจกั รหนิ จาก ลักษณะเปน็ ผลกึ ทงั้ ผลกึ ขนาดใหญแ่ ละขนาดเลก็ บาง
แบบจำลอง ชนิดอาจเปน็ เน้อื แก้ว หรอื มีรูพรุน
- หนิ ตะกอน เกิดจากการทับถมของตะกอนเมื่อถูกแรงกด
ทับและมีสารเช่ือมประสานจึงเกดิ เป็นหนิ เนอื้ หนิ กลุม่ นี้
ส่วนใหญ่มีลักษณะเปน็ เม็ดตะกอน มีทัง้ เน้ือหยาบและ
เนอื้ ละเอียด บางชนดิ เป็นเนื้อผลกึ ท่ียดึ เกาะกนั เกดิ จาก
การตกผลกึ หรือตกตะกอนจากน้ำโดยเฉพาะนำ้ ทะเล บาง
ชนดิ มีลักษณะเป็นชน้ั ๆ จงึ เรียกอีกชอ่ื ว่าหินชน้ั
- หินแปร เกดิ จากการแปรสภาพของหนิ เดิมซง่ึ อาจเป็น
หินอัคนี หนิ ตะกอน หรือหนิ แปร โดยการกระทำของ
ความรอ้ น ความดัน และปฏกิ ิริยาเคมี เน้ือหินของหินแปร
บางชนิดผลึกของแรเ่ รียงตวั ขนานกัน เปน็ แถบ บางชนดิ
แซะออกเปน็ แผน่ ได้ บางชนิด เป็นเนื้อผลกึ ท่มี ีความแขง็
มาก
- หินในธรรมชาตทิ ้ัง ประเภท มกี ารเปล่ยี นแปลงจาก
ประเภทหนง่ึ ไปเป็นอีกประเภทหน่ึง หรือประเภทเดิมได้
โดยมแี บบรูปการเปล่ียนแปลงคงท่ีและต่อเนอ่ื งเปน็ วฏั
จักร
ว 3.2 ป 6/2 หนิ และแร่แตล่ ะชนิดมลี กั ษณะและสมบัตแิ ตกต่างกนั - หินและแร่ทมี่ ี
บรรยายและ มนุษย์ใช้ประโยชน์จากแร่ในชีวติ ประจำวัน ในลักษณะ ในทอ้ งถนิ่ และใน
ยกตวั อยา่ งการใช้ ต่าง ๆ เชน่ นำแร่มาทำเครือ่ งสำอาง ยำสฟี นั จงั หวัด
ประโยชนข์ องหินและ
157
ชั้น ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้
ทอ้ งถ่นิ
แร่ในชวี ติ ประจำวัน เครอื่ งประดับ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และนำหินมาใชใ้ น
จากข้อมูล ที่รวบรวม งานก่อสรา้ งต่าง ๆ เป็นตน้
ได้
ว 3.2 ป 6/3 - ซากดึกดำบรรพ์เกิดจากการทับถม หรือการประทบั รอย - ซากดกึ ดำ
สร้างแบบจำลองที่ ของสิง่ มีชวี ิตในอดตี จนเกิดเปน็ โครงสร้างของซากหรือ บรรพ์ท่มี ใี น
อธบิ ายการเกดิ ซาก รอ่ งรอยของสิ่งมชี วี ิตทป่ี รากฏอย่ใู นหนิ ในประเทศไทย ท้องถนิ่ และ
ดึกดำบรรพ์และ พบซากดึกดำบรรพ์ ทหี่ ลากหลาย เช่น พชื ปะกำรัง หอย สถานท่ตี ่าง ๆ
คาดคะเน ปลา เต่า ไดโนเสาร์ และรอยตีนสัตว์ ในจงั หวดั
สภาพแวดลอ้ มใน - ซากดึกดำบรรพส์ ามารถใช้เปน็ หลักฐานหนึ่งทชี่ ่วย
อดตี ของซากดึกดำ อธบิ ายภาพแวดล้อมของพ้ืนท่ีในอดตี ขณะเกิดส่งิ มชี วี ิตน้ัน
บรรพ์ เช่น หากพบซากดึกดำบรรพ์ของ หอยนำ้ จืด
สภาพแวดล้อมบรเิ วณนั้นอาจเคยเป็นแหลง่ นำ้ จืดมาก่อน
และหากพบซากดึกดำบรรพ์ของพชื สภาพแวดล้อม
บริเวณนั้นอาจเคยเป็นป่ามาก่อน นอกจากนซี้ ากดกึ ดำ
บรรพย์ งั สามารถใช้ระบุอายขุ องหิน และเป็นข้อมูลใน
การศึกษาวิวฒั นาการของสงิ่ มีชีวิต
ว 3.2 ป 6/5 - มรสุมเปน็ ลมประจำฤดูเกิดบรเิ วณเขตรอ้ นของโลก ซ่งึ -
อธิบายผลของมรสุม เปน็ บรเิ วณกวา้ งระดับภูมิภาค ประเทศไทยไดร้ ับผลจาก
ต่อการเกิดฤดูของ มรสุมตะวนั ออกเฉยี งเหนือในชว่ งประมาณกลางเดอื นตุลำ
ประเทศไทย จาก คมจนถึงเดือนกมุ ภาพนั ธท์ ำให้เกดิ ฤดหู นาว และได้รับผล
ขอ้ มลู ท่ีรวบรวมได้ จากมรสุมตะวันตกเฉยี งใตใ้ นชว่ งประมาณกลางเดือน
พฤษภาคมจนถงึ กลางเดือนตุลำคมทำให้เกิดฤดฝู น ส่วน
ช่วงประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์จนถงึ กลางเดอื น
พฤษภาคมเป็นช่วงเปลี่ยนมรสุมและประเทศไทยอยใู่ กล้
เส้นศูนย์สูตร แสงอาทติ ย์เกือบต้งั ตรงและตั้งตรงประเทศ
ไทย ในเวลาเทีย่ งวนั ทำให้ได้รับความรอ้ นจำกดวงอาทิตย์
อยา่ งเต็มท่ีอากาศจึงร้อนอบอ้าวทำให้เกิดฤดูรอ้ น
ป.6 ว 3.2 ป 6/6 - น้ำทว่ ม การกัดเซาะชายฝง่ั ดนิ ถลม่ แผน่ ดนิ ไหว และ สี - ภยั ธรรมชาติ
บรรยายลกั ษณะและ นามิ มีผลกระทบต่อชีวิตและสิง่ แวดล้อมแตกตา่ งกนั และธรณพี ิบตั ภิ ยั
ผลกระทบของ น้ำ - มนุษย์ควรเรียนรวู้ ธิ ปี ฏิบัติตนใหป้ ลอดภยั เชน่ ติดตาม ทอี่ าจ
ทว่ ม การกดั เซาะ ขา่ วสารอยา่ งสม่ำเสมอ เตรียมถุงยังชพี ให้พร้อมใช้
158
ชั้น ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ทอ้ งถิ่น
ชายฝง่ั ดินถล่ม ตลอดเวลา และปฏิบตั ติ ามคำสั่งของผ้ปู กครองและ เกิดในท้องถิน่
แผ่นดนิ ไหว สึนามิ เจ้าหน้าท่อี ยา่ งเคร่งครัดเม่ือเกดิ ภัยทางธรรมชำตแิ ละธรณี หรือจงั หวดั
ว 3.2 ป 6/7 พบิ ัตภิ ัย ใกล้เคียง
ตระหนักถึง
ผลกระทบของภยั
ธรรมชำติและธรณี
พบิ ตั ภิ ัย โดยนำเสนอ
แนวทางในการเฝา้
ระวงั และปฏบิ ตั ิตนให้
ปลอดภยั จากภยั
ธรรมชาตแิ ละธรณี
พิบัติภยั ท่อี าจเกิดใน
ทอ้ งถิน่
ว 3.2 ป 6/8 - ปรากฏการณ์เรอื นกระจกเกิดจากแกส๊ เรือนกระจกใน - สภาพหรือเหตู
สรา้ งแบบจำลองท่ี ชัน้ บรรยากาศของโลก กักเก็บความร้อนแลว้ คายความ การณใ์ นท้องถนิ่
อธบิ ายการเกิด รอ้ นบางส่วนกลบั สูผ่ ิวโลก ทำใหอ้ ากาศ บนโลกมีอณุ หภูมิ ท่เี กดิ จากผล
ปรากฏการณเ์ รือน เหมะสมต่อการดำรงชีวิต ผลกระทบของ
กระจกและผลของ - หากปรากฏการณเ์ รือนกระจกรุนแรงมากข้ึน จะมผี ลต่อ ปรากฏการณ์
ปรากฏการณเ์ รือน การเปลยี่ นแปลงภูมิอากาศโลก มนุษย์ จึงควรร่วมกนั ลด เรือนกระจก
กระจกตอ่ ส่ิงมีชวี ิต กิจกรรมที่กอ่ ให้เกดิ แกส๊ เรือนกระจก
ว 3.2 ป 6/9
ตระหนักถึง
ผลกระทบของ
ปรากฏการณเ์ รือน
กระจกโดยนำเสนอ
แนวทางการปฏิบัติ
ตนเพอ่ื ลดกจิ กรรมที่
กอ่ ใหเ้ กิดแก๊สเรอื น
กระจก
159
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคดิ หลักของเทคโนโลยีเพอ่ื การดำรงชีวิตในสงั คมท่ีมีการเปลีย่ นแปลงอย่างรวดเร็ว
ใช้ความรแู้ ละทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตรอ์ น่ื ๆ เพอ่ื แก้ปัญหา หรือ
พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้
เทคโนโลยอี ย่างเหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบตอ่ ชีวิต สังคม และส่งิ แวดลอ้ ม
ช้ัน ตัวชวี้ ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ทอ้ งถิน่
-- --
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาท่พี บในชีวติ จริงอย่างเป็นขั้นตอนและเป็น
ระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้
อยา่ งมีประสิทธภิ าพ รูเ้ ทา่ ทนั และมีจรยิ ธรรม
ช้ัน ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการ
เรียนรทู้ ้องถิ่น
ป.6 ว 4.2 ป 6/1 - การแก้ปญั หาอย่างเป็นขั้นตอนจะชว่ ยใหแ้ ก้ปญั หาได้ -
ใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะใน อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
การอธิบายและออกแบบ - การใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะเป็นการนำกฎเกณฑ์ หรือ
วิธีการแกป้ ัญหาที่พบใน เงื่อนไขที่ครอบคลมุ ทุกกรณีมาใช้พจิ ารณาในการ
ชวี ติ ประจำวัน แกป้ ัญหา
- แนวคดิ ของการทำงานแบบวนซ้ำและเง่ือนไข
- การพิจารณากระบวนการทำงานที่มีการทำงาน
แบบวนซ้ำ หรือเงื่อนไขเป็นวิธกี ารทจี่ ะช่วยใหก้ าร
ออกแบบวธิ กี ารแกป้ ญั หาเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
- ตัวอยา่ งปญั หา เช่น การค้นหาเลขหนา้ ท่ีต้องการ
ใหเ้ รว็ ที่สดุ การทายเลข 1 – 1,000,000 โดยตอบ
ใหถ้ ูกภายใน 20 คำถาม, การคำนวณเวลา
ในการเดินทาง โดยคำนึงถึงระยะทาง เวลา จดุ หยุดพัก
ว 4.2 ป 6/2 - การออกแบบโปรแกรมสามารถทำไดโ้ ดยเขยี น
ออกแบบและเขียน เปน็ ข้อความ หรอื ผังงาน
โปรแกรมอยา่ งง่าย เพื่อ - การออกแบบและเขยี นโปรแกรมท่ีมีการใชต้ ัวแปร
แก้ปญั หาใน การวนซำ้ การตรวจสอบเง่ือนไข
160
ชนั้ ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการ
เรยี นร้ทู อ้ งถน่ิ
ชวี ิตประจำวนั ตรวจหา – หากมขี ้อผดิ พลาดให้ตรวจสอบการทำงาน ทีละคำสั่ง
ข้อผดิ พลาด ของ เมื่อพบจดุ ท่ที ำใหผ้ ลลัพธไ์ ม่ถูกตอ้ ง ให้ทำการแก้ไข
โปรแกรมและแก้ไข จนกวา่ จะได้ผลลัพธท์ ่ีถูกต้อง
- การฝึกตรวจหาขอ้ ผิดพลาดจากโปรแกรมของผู้อน่ื จะ
ชว่ ยพัฒนาทกั ษะการหาสาเหตุของปัญหาไดด้ ีย่งิ ข้นึ
- ตวั อยา่ งปัญหา เชน่ โปรแกรมเกม โปรแกรมหาคา่
ค.ร.น เกมฝึกพิมพ์
- ซอฟต์แวรท์ ่ีใชใ้ นการเขียนโปรแกรม เชน่ Scratch,
logo
ป.6 ว 4.2 ป 6/3 - การค้นหาอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ เปน็ การคน้ หาข้อมลู ที่
ใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ในการ ได้ตรงตามความต้องการในเวลาท่รี วดเร็วจาก
คน้ หาขอ้ มูลอยา่ งมี แหล่งข้อมลู ทีน่ า่ เชอื่ ถอื หลายแหล่ง และข้อมูล มีความ
ประสทิ ธภิ าพ สอดคล้องกัน
– การใชเ้ ทคนิคการคน้ หาขน้ั สงู เช่น การใช้ ตัว
ดำเนนิ การ การระบุรูปแบบของข้อมูล หรือชนดิ ของไฟล์
- การจดั ลำดบั ผลลัพธ์จากกาค้นหาของโปรแกรมคน้ หา
- การเรยี บเรยี ง สรุปสำระสำคญั (บูรณาการกับวิชา
ภาษาไทย)
ว 4.2 ป 6/4 - อันตรายจากการใชง้ านและอาชญากรรม ทาง
ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ อนิ เทอรเ์ น็ต แนวทางในการป้องกนั
ทำงานรว่ มกนั อย่าง - วธิ ีกำหนดรหัสผ่าน
ปลอดภัย เขา้ ใจสิทธแิ ละ - การกำหนดสิทธิ์การใช้งาน (สิทธ์ิในการเข้าถงึ )
หนา้ ท่ขี องตน เคารพใน - แนวทางการตรวจสอบและปอ้ งกัน
สิทธิของผูอ้ ื่น แจ้ง malware
ผ้เู ก่ียวขอ้ งเม่อื พบข้อมลู – อนั ตรายจากการตดิ ตงั้ ซอฟต์แวร์ทีอ่ ยู่บนอนิ เทอร์เน็ต
หรือบุคคลที่ไม่เหมาะสม
161
คำอธบิ ายรายวิชา
ว 16101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 เวลา 80 ชั่วโมง
ศึกษา วิเคราะห์ สารอาหาร ประโยชน์ของสารอาหาร การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับเพศ
และวัย และความปลอดภยั ตอ่ สุขภาพ ระบบยอ่ ยอาหาร หน้าทข่ี องอวยั วะในระบบยอ่ ยอาหาร การย่อยอาหารและ
การดูดซมึ สารอาหาร ความสำคัญของระบบย่อยอาหาร การดูแลรักษาอวยั วะในระบบย่อยอาหาร การแยกสารผสม
การหยิบออก การร่อน การใช้แมเ่ หล็กดึงดดู การรนิ ออก การกรอง และการตกตะกอน การแยกสารในชวี ิตประจำวัน
การเกิดแรงไฟฟ้าจากการขัดถูของวัตถุ ส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย การต่อวงจรไฟฟ้าอนุกรมและแบบ
ขนาน การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและขนาน การเกิดเงามืด เงามวั สุริยปุ ราคา และจันทรุปราคา ความเชื่อและ
ประเพณีของชาวลาวเวียงในแตล่ ะเดอื น พัฒนาการของเทคโนโลยีอวกาศและการใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน การ
เกิดหนิ อคั นี หนิ ตะกอน และหินแปร วฏั จกั รหิน ประโยชนข์ องหินและแร่ในชีวิตประจำวัน การเกิดซากดกึ ดำบรรพ์
สภาพแวดล้อมในอดตี การเกิดลมบก ลมทะเล และมรสมุ ผลของมรสุมต่อการเกิดฤดขู องประเทศไทย ลักษณะและ
ผลกระทบของนำ้ ท่วม การกัดเซาะชายฝ่ัง ดินถล่ม สึนามิ แผน่ ดนิ ไหว ผลกระทบของภยั ธรรมชาติและธรณพี ิบตั ภิ ยั
การปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ การเกิดแก๊สเรือนกระจก ปรากฏการณ์เรือนกระจก ผลกระทบจาก
ปรากฏการณ์เรือนกระจก โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การ
สืบค้นข้อมูล การเปรียบเทียบข้อมูลจากหลักฐานเชิงประจักษ์ การอธิบาย อภิปราย และการสร้างแบบจำลอง
เพ่อื ใหเ้ กดิ ความรู้ ความคิด ความเข้าใจสามารถสือ่ สารส่งิ ทีเ่ รียนรู้ มีความสามารถในการตัดสนิ ใจ นำความรไู้ ปใชใ้ น
ชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์มีจริยธรรม คุณธรรมและคา่ นิยมทีเ่ หมาะสม ปรับตัวใหเ้ ข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่
กา้ วเข้ามามีบทบาทในชวี ิต ภายใต้การแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19)
ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การทำงาน การคาดการณ์ผลลัพธ์ จากปัญหาอย่างง่าย ออกแบบ
และเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใชซ้ อฟต์แวร์ หรือส่ือ และตรวจหาข้อผดิ พลาดและแก้ไข
ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ รวบรวม ประเมิน นำเสนอข้อมูลและสารสนเทศ โดยใช้ซอฟต์แวร์ที่หลากหลาย เพ่ือ
แก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิของ
ผอู้ ืน่
รหสั ตัวชว้ี ดั ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5
มาตรฐาน ว 1.2 ป.6/1
มาตรฐาน ว 2.1 ป.6/1
มาตรฐาน ว 2.2 ป.6/1 , ป.6/2 , ป.6/3 , ป.6/4 , ป.6/5 , ป.6/6 , ป.6/7 , ป.6/8
มาตรฐาน ว 2.3 ป.6/1 , ป.6/2
มาตรฐาน ว 3.1 ป.6/1 , ป.6/2 , ป.6/3 , ป.6/4 , ป.6/5 , ป.6/6 , ป.6/7 , ป.6/8 , ป.6/9
มาตรฐาน ว 3.2 ป.6/1 , ป.6/2 , ป.6/3, ป.6/4
มาตรฐาน ว 4.2
รวม 30 ตัวชว้ี ัด
162
โครงสรา้ งรายวชิ า
รายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6
เวลา 80 ชวั่ โมง/ปี
รหัสวิชา ว16101
จำนวน นำ้ หนกั
ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ เนอื้ หา (ช่วั โมง) คะแนน
ตัวช้ีวัด
1. สารอาหารและ ว 1.2 ป6/1-5 สารอาหาร การเลือกรับประทานอาหาร 10 5
ระบบย่อยอาหาร ความสำคัญของสารอาหาร ระบบยอ่ ยอาหาร 7 10
การดูแลรกั ษาอวยั วะในระบบยอ่ ยอาหาร
2. การแยกสารเนือ้ ผสม ว 2.1 ป6/1 การแยกสาร
3. หินและซากดึกดำ ว 3.2 ป6/1 การเกดิ หนิ อคั นี หนิ ตะกอน และหนิ แปร การใช้ 8 10
บรรพ์ ว 3.2 ป6/2 ประโยชน์ของหนิ และแร่ในชีวิตประจำวนั การเกดิ 10 5
ว 3.2 ป6/3 ซากดกึ ดำบรรพ์ 9 10
4. วทิ ยาการคำนวณ ว 4.2 ป6/1-2 การใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะ เขยี นโปรแกรมอย่างง่าย 8 10
5.ปรากฏการณ์ ว 3.2 ป6/4-9
ธรรมชาติ การเกดิ ลมบก ลมทะเล และมรสุม ผลของมรสุมตอ่ 4 5
ว 3.1 ป6/1 การเกิดฤดู ลกั ษณะและผลกระทบของน้ำทว่ ม ภัย
6. สุรยิ ปุ ราคา ว 2.3 ป6/7-8 ธรรมชาตแิ ละธรณีพบิ ัติภยั การเกดิ ปรากฏการณ์
จันทรปุ ราคา (บูรณา เรือนกระจกและผลกระทบ
การหลกั สูตรทอ้ งถิน่ ปรากฏการณ์สรุ ยิ ปุ ราคาและจนั ทรปุ ราคา การเกดิ
เรือ่ งความเชื่อและ เงามืดเงามัว รังสีของแสงแสดงการเกดิ เงามืดเงามวั
ประเพณขี องชาวลาว ความเช่อื และประเพณขี องชาวลาวเวียงในแตล่ ะ
เวยี งในแต่ละเดอื น เดอื น
7. เทคโนโลยอี วกาศ
ว 3.1 ป6/2 เทคโนโลยีอวกาศ
8. วงจรไฟฟา้ ว 2.2 ป6/1 การเกดิ และผลของแรงไฟฟา้ วงจรไฟฟ้า การต่อ 12 10
ว 2.3 ป6/1-6 วงจรไฟฟ้าอยา่ งงา่ ย การต่อเซลลไ์ ฟฟา้ การต่อ
หลอดไฟฟา้ การประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจำวนั
9. วิทยาการคำนวณ ว 4.2 ป6/3-4 การค้นหาขอ้ มูล การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ 10 5
คะแนนระหวา่ งเรียน คะแนนระหวา่ งเรยี น 78 70
คะแนนสอบกลางปี 1 15
คะแนนปลายภาค คะแนนสอบปลายปี 1 15
รวมทงั้ สิ้นตลอดท้ังปี 80 100
163
คำอธบิ ายรายวชิ าและโครงสร้างรายวชิ า สาระการเรยี นรู้เพิ่มเติม
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4
164
คำอธบิ ายรายวชิ าเพ่ิมเตมิ
ว 14201 คอมพิวเตอร์พ้ืนฐานเบื้องต้น กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 เวลา 40 ช่วั โมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต
ศึกษาประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ ความสำคัญและความสามารถ ส่วนประกอบ หลักการ
ทำงาน บทบาทและประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น การสืบค้นข้อมูล
การติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ใช้เทคโนโลยีในการนำเสนอข้อมูลและสร้างสร รค์งาน การใช้
แป้นพิมพ์ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และภาษาลาวเวียง หน้าที่ของแป้นพิมพ์ต่าง ๆ การใช้ Arrow key การ
พิมพ์สมั ผัสอย่างถูกตอ้ ง ปฏบิ ัตกิ ารใชแ้ ป้นพมิ พ์ต่าง ๆ บนคียบ์ อร์ดควบคุม การพมิ พ์สมั ผสั อยา่ งถูกต้องและถูก
วธิ ี เพ่อื ให้มคี วามรู้ ความเข้าใจ และมีทักษะในการใชง้ านแปน้ พมิ พ์ไดอ้ ย่างถกู ต้อง
โดยใช้กระบวนการการคิดวิเคราะห์ การวางแผนการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน การคิดแก้ปัญหา การ
ใช้จินตนาการอย่างสร้างสรรค์ โดยอาศัยความรู้เกี่ยวกับหลักการทำงานของโปรแกรม ความรู้เกี่ยวกับ
เครื่องมือและความรู้เกี่ยวกบั คำสั่งพืน้ ฐานต่าง ๆ ของโปรแกรมและการนำเทคโนโลยเี ข้ามาประยุกตใ์ ช้ในการ
ชว่ ยสร้างช้ินงาน การนำเสนอผลงานอยา่ งสร้างสรรค์
เพื่อให้เกิดความตระหนัก ความรับผิดชอบ เห็นความสำคัญ มีทักษะทางเทคโนโลยีและทักษะการ
ออกแบบ ตลอดจนปลูกฝังนิสัยรักการทำงานและการปฏิบัติงานด้วยตนเอง มีความขยัน อดทน ซื่อสัตย์ ตรง
ต่อเวลาและมีระเบียบวินัยต่อการเรียนและการทำงาน มีจิตสำนกึ ในการใช้พลังงานทรัพยากรและสิ่งแวดลอ้ ม
โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง สามารถในการใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม มีจริยธรรม คุณธรรม ค่านิยมท่ี
เหมาะสม ปรับตัวให้เขา้ กับสถานการณ์ต่าง ๆ ทีก่ า้ วเข้ามามบี ทบาทในชีวิต ภายใตก้ ารแพร่ระบาดของโรคติด
เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19)
ผลการเรียนรู้
1. บอกความหมายและประวตั คิ วามเป็นมาของคอมพิวเตอรไ์ ด้
2. บอกช่อื และหนา้ ทข่ี องอปุ กรณ์ องคป์ ระกอบของคอมพวิ เตอร์และใช้งานคอมพิวเตอร์ได้อยา่ งถูกวิธีได้
3. ใช้แป้นพมิ พ์สมั ผสั อย่างถกู ต้องและถูกวธิ ี ท้ังภาษาไทย ภาษาอังกฤษและภาษาลาวเวียง
4. ประยกุ ต์เพอื่ ใช้งานไดแ้ ละเห็นความสำคญั ของคอมพวิ เตอร์
รวมทง้ั หมด 4 ผลการเรยี นรู้
165
โครงสรา้ งรายวิชา
รายวชิ า คอมพิวเตอรพ์ ้นื ฐานเบ้ืองต้น ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 4
รหสั วชิ า ว 14201 เวลา 40 ช่ัวโมง/ปี
ลำดบั ชอื่ หน่วย ผลการ สาระสำคญั เวลา น้ำหนกั
ที่ การเรียนรู้ เรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน
1 การพิมพ์สมั ผัส
แบบงา่ ย ขอ้ ที่ 3 - ประวัตเิ ครื่องพมิ พด์ ีด 3 10
2 การพมิ พ์สมั ผสั
ภาษาไทย - การใชแ้ ปน้ พมิ พ์ 10 15
(เบ้ืองต้น)
ข้อที่ 3 - แป้นพิมพ์ตัวเลข
- บทเรยี นท่ี 1 – 18
3 การพมิ พ์สมั ผัส ข้อท่ี - บทเรยี นที่ 19 – 27 7 15
ภาษาไทย (ข้นั สูง) 3,4 - การพิมพเ์ ปรียบเทยี บภาษาไทย
(บรู ณาการ และภาษาลาวเวียง
หลักสูตรท้องถ่ิน - ทดสอบการพมิ พ์
เรอ่ื งภาษาลา
เวียง)
4 การพิมพส์ มั ผสั ข้อท่ี 3 - บทเรียนที่ 1 – 9 5 10
ภาษาอังกฤษ 7 15
(เบอื้ งตน้ ) ข้อที่ - บทเรียนที่ 10 – 15
3, 4 - ทดสอบการพมิ พ์
5 การพมิ พส์ ัมผสั
ภาษาอังกฤษ
(ข้ันสูง)
6 รูจ้ กั คอมพิวเตอร์ ขอ้ ที่ 1,2 - ความหมายและวิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ 6 15
คะแนนระหวา่ งเรียน - องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ (ทฤษฎี) 38 80
- องค์ประกอบของคอมพวิ เตอร์ (ปฏิบัติ)
- ประเภทของคอมพวิ เตอร์
- หลักการทำงานและประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
- ปัญหาและข้อจำกดั ของการใชง้ านคอมพิวเตอร์
คะแนนระหว่างเรียน
คะแนนสอบกลางปี 1 10
คะแนนปลายภาค คะแนนสอบปลายปี 1 10
รวมท้ังสน้ิ ตลอดทง้ั ปี 40 100
166
คำอธบิ ายรายวชิ าและโครงสร้างรายวชิ า สาระการเรยี นรู้เพิ่มเติม
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5
167
คำอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม
ว 15201 คอมพิวเตอรก์ ับการประยกุ ต์ใช้ 1 กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5 เวลา 40 ชัว่ โมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต
ศึกษาความหมายของข้อมูล แหล่งข้อมูล ประเภทของข้อมูล ประโยชน์ของข้อมูล รวบรวมข้อมูล
ความหมาย บทบาทและประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศ ความสัมพันธ์ของข้อมูลและผลกระทบ
กระบวนการผลิตและแนวโน้ม องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ ความหมายและลักษณะของ
อินเทอร์เน็ต มาตรฐานการสื่อสารด้านอินเทอร์เน็ต ข้อมูลข่าวสารบนเว็บไซต์ บริการต่าง ๆ บนเครือข่าย
อินเทอร์เน็ต ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต การสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต การสืบค้นประวัติของลาวเวียง
มารยาทในการใช้งานอินเทอร์เน็ต และบัญญัติ 10 ประการ ของการใช้อินเทอร์เน็ต การใช้งานโปรแกรม
Microsoft Word ฝึกทักษะการพิมพเ์ อกสารอย่างถูกวธิ ี หลกั การสรา้ งเอกสาร การพมิ พง์ าน
โดยใช้กระบวนการการคิดวิเคราะห์ การวางแผนการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน การคิดแก้ปัญหา การ
ใช้จินตนาการอย่างสร้างสรรค์ โดยอาศัยความรู้เกี่ยวกับหลักการทำงานของโปรแกรม ความรู้เกี่ยวกับ
เครื่องมือและความรูเ้ กี่ยวกับคำสั่งพืน้ ฐานตา่ ง ๆ ของโปรแกรมและการนำเทคโนโลยเี ข้ามาประยุกต์ใช้ในการ
ชว่ ยสร้างชนิ้ งาน การนำเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
เพื่อให้เกิดความตระหนัก ความรับผิดชอบ เห็นความสำคัญ มีทักษะทางเทคโนโลยีและทักษะการ
ออกแบบ ตลอดจนปลูกฝังนิสัยรักการทำงานและการปฏิบัติงานด้วยตนเอง มีความขยัน อดทน ซื่อสัตย์ ตรง
ต่อเวลาและมรี ะเบียบวินยั ต่อการเรยี นและการทำงาน มีจิตสำนึกในการใช้พลังงานทรัพยากรและส่ิงแวดลอ้ ม
โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง สามารถในการใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม มีจริยธรรม คุณธรรม ค่านิยมที่
เหมาะสม ปรบั ตัวใหเ้ ขา้ กับสถานการณ์ต่าง ๆ ทก่ี ้าวเข้ามามบี ทบาทในชีวิต ภายใต้การแพร่ระบาดของโรคติด
เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19)
ผลการเรยี นรู้
1. บอกความหมายของขอ้ มูล แหล่งขอ้ มลู ประเภทของขอ้ มลู ประโยชน์ของข้อมูล และรวบรวมขอ้ มูลได้
2. บอกความหมาย บทบาทและประโยชน์ของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้
3. สบื คน้ ขอ้ มูลโดยใชอ้ นิ เทอร์เน็ตและการสบื ค้นประวตั ิของลาวเวยี งได้
4. ใช้งานโปรแกรม Microsoft Word ในการพิมพ์เอกสารไดอ้ ยา่ งถูกวิธี
5. แทรกตารางและแผนภูมใิ นงานเอกสารได้
6. สรา้ งเอกสารได้
7. ประยกุ ต์เพอ่ื ใชง้ านได้และเห็นความสำคัญของช้ินงาน
รวมทั้งหมด 7 ผลการเรยี นรู้
168
โครงสรา้ งรายวิชา
รายวิชา คอมพิวเตอรก์ บั การประยุกตใ์ ช้ 1 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 5
รหัสวิชา ว 15201 เวลา 40 ช่ัวโมง/ปี
ลำดบั ชื่อหน่วย ผลการ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนกั
ที่ การเรียนรู้ เรียนรู้ (ช่วั โมง) คะแนน
1 ข้อมูลน่ารู้ ข้อท่ี 1 เรียนรู้ข้อมูลและแหล่งข้อมลู การรวบรวม 5 10
ขอ้ มูล การค้นหาและจัดการข้อมลู ฐานข้อมลู
และการจัดการฐานข้อมูล
2 เทคโนโลยี ข้อท่ี 2 - ความหมาย บทบาทและประโยชน์ 4 10
สารสนเทศ - ความสมั พนั ธ์ของข้อมลู และผลกระทบ
- กระบวนการผลิตและแนวโนม้
- องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ
3 ทอ่ งโลก ขอ้ ท่ี 3 ความหมายของอินเทอร์เน็ต ลักษณะของ 10 10
อินเตอรเ์ น็ตและ อนิ เทอรเ์ น็ต มาตรฐานการสอื่ สารดา้ น
สบื คน้ ข้อมลู อินเทอรเ์ น็ต ข้อมลู ขา่ วสารบนเวบ็ ไซต์
(บูรณาการ บรกิ ารตา่ ง ๆ บนเครือขา่ ยอนิ เทอร์เนต็
หลักสตู รทอ้ งถิ่น ประโยชน์ของอนิ เทอรเ์ นต็ การสืบคน้ ข้อมูล
เรือ่ งการสบื คน้ จากอนิ เทอรเ์ น็ต มารยาทในการใชง้ าน
ประวตั ิของลาว อินเทอร์เน็ต และบัญญตั ิ 10 ประการ ของการ
เวยี ง) ใช้อินเทอร์เนต็ การสืบค้นประวตั ิของลาวเวียง
4 โปรแกรมสรา้ ง ข้อที่ 4 - การใชง้ านโปรแกรม Microsoft Word 7 10
เอกสาร ในการพิมพ์เอกสารอยา่ งถกู วิธี
5 นำเสนอข้อมูล ข้อที่ 5 - การแทรกตารางและแผนภูมิในงานนำเสนอ 7 10
ด้วยตารางและ
แผนภูมิ
6 การนำเสนองาน ขอ้ ท่ี 6, 7 - การสรา้ งเอกสาร 5 20
และการประยุกต์ - การประยุกต์เพ่ือใช้งาน
เพ่ือใช้ในงาน
คะแนนระหวา่ งเรยี น คะแนนระหวา่ งเรยี น 38 80
คะแนนสอบกลางปี 1 10
คะแนนปลายภาค คะแนนสอบปลายปี 1 10
รวมท้ังสิ้นตลอดท้ังปี 40 100
169
คำอธบิ ายรายวชิ าและโครงสร้างรายวชิ า สาระการเรยี นรู้เพิ่มเติม
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6
170
คำอธบิ ายรายวชิ าเพ่ิมเตมิ
ว 16201 คอมพิวเตอร์กบั การประยกุ ต์ใช้ 2 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6 เวลา 40 ช่วั โมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต
ศึกษาการใช้งานโปรแกรม Microsoft PowerPoint ในการนำเสนอ จัดรูปแบบ ภาพนิ่ง แทรก
ตารางและแผนภูมิในงานนำเสนอ นำเสนองานภาพนิ่ง นำเสนอประวัติความเป็นมาของลาวเวยี ง ภูมิปัญญา
ท้องถ่ิน การใชง้ านโปรแกรม Microsoft Excel ใชส้ ูตรและฟงั ก์ชันในการคำนวณ
โดยใช้กระบวนการการคิดวิเคราะห์ การวางแผนการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน การคิดแก้ปัญหา การ
ใช้จินตนาการอย่างสร้างสรรค์ โดยอาศัยความรู้เกี่ยวกับหลักการทำงานของโปรแกรม ความรู้เกี่ยวกับ
เครื่องมือและความรูเ้ กี่ยวกับคำสั่งพืน้ ฐานตา่ ง ๆ ของโปรแกรมและการนำเทคโนโลยีเขา้ มาประยุกตใ์ ช้ในการ
ชว่ ยสร้างชิน้ งาน การนำเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์
เพื่อให้เกิดความตระหนัก ความรับผิดชอบ เห็นความสำคัญ มีทักษะทางเทคโนโลยีและทักษะการ
ออกแบบ ตลอดจนปลูกฝังนิสัยรักการทำงานและการปฏิบัติงานด้วยตนเอง มีความขยัน อดทน ซื่อสัตย์ ตรง
ต่อเวลาและมรี ะเบียบวินัยต่อการเรียนและการทำงาน มีจิตสำนกึ ในการใช้พลังงานทรัพยากรและสิ่งแวดลอ้ ม
โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง สามารถในการใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม มีจริยธรรม คุณธรรม ค่านิยมที่
เหมาะสม ปรบั ตวั ให้เขา้ กับสถานการณต์ ่าง ๆ ที่ก้าวเข้ามามีบทบาทในชวี ิต ภายใต้การแพร่ระบาดของโรคติด
เชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19)
ผลการเรยี นรู้
1. ใช้งานโปรแกรม Microsoft PowerPoint ในการนำเสนอ จัดรูปแบบ ภาพนง่ิ ได้
2. แทรกตารางและแผนภมู ิในงานนำเสนอ พรอ้ มนำเสนองานภาพนงิ่ ได้
3. ใชง้ านโปรแกรม Microsoft Excel ได้
4. จัดรูปแบบของขอ้ มูลบนเวิร์คชีตได้
5. ใชส้ ตู รและฟังก์ชนั ในการคำนวณได้
6. ประยกุ ต์เพือ่ ใช้งานได้และเห็นความสำคญั ของชิน้ งาน นำเสนอประวตั ิความเปน็ มาของลาวเวียง
ภูมปิ ัญญาท้องถิ่น
รวมท้ังหมด 6 ผลการเรียนรู้
171
โครงสร้างรายวิชา
รายวชิ า คอมพิวเตอร์กบั การประยกุ ตใ์ ช้ 2 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6
รหัสวชิ า ว 16201 เวลา 40 ช่ัวโมง/ปี
ลำดบั ช่อื หน่วย ผลการ สาระสำคญั เวลา น้ำหนกั
ท่ี การเรยี นรู้ เรยี นรู้ (ชวั่ โมง) คะแนน
1 การใช้งานโปรแกรม MS ข้อท่ี 1 - การใชง้ านโปรแกรม Microsoft 5 10
PowerPoint PowerPoint ในการนำเสนอ
- สว่ นประกอบหนา้ ตา่ งโปรแกรม
- การใช้เมนูและแถบเครื่องมือ
2 นำเสนอข้อมลู และ ขอ้ ที่ 2 - การจดั รูปแบบ ภาพน่ิง การแทรก 7 10
ประยุกตเ์ พอ่ื ใช้งาน ตารางและแผนภมู ิในงานนำเสนอ
3 การนำเสนองานและการ ขอ้ ที่ 6 - การนำเสนองาน 7 20
ประยุกต์เพ่อื ใช้ในใช้ในงาน - นำเสนอประวตั คิ วามเป็นมาของลาว
(บูรณาการหลักสตู ร เวยี ง
ทอ้ งถิ่นเร่ืองนำเสนอ ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ
ประวตั คิ วามเป็นมาของ - การประยุกต์เพ่อื ใช้ในงาน
ลาวเวยี ง ภมู ปิ ญั ญา
ท้องถิน่ )
4 มารจู้ ักกบั โปรแกรมตาราง ข้อที่ 3 - การใช้งานโปรแกรม Microsoft Excel 5 10
งานกันเถอะ - สว่ นประกอบหน้าต่างโปรแกรม
- การใชเ้ มนแู ละแถบเครื่องมือ
5 สูตรและฟังกช์ ัน ขอ้ ท่ี 4, - จัดรปู แบบของข้อมูลบนเวริ ์คชีต 7 10
5 - สตู รและฟังก์ชันในการคำนวณ
6 การนำเสนองานและการ ขอ้ ท่ี 6 - การสร้างเอกสาร 7 20
ประยุกต์เพ่อื ใช้ในใชใ้ นงาน - การประยุกตเ์ พอ่ื ใช้ในงาน
คะแนนระหว่างเรยี น คะแนนระหว่างเรียน 38 80
คะแนนสอบกลางปี 1 10
คะแนนปลายภาค คะแนนสอบปลายปี 1 10
รวมท้ังส้ินตลอดทง้ั ปี 40 100
172
ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1
ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลางและสาระการเรียนร้ทู ้องถนิ่
สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสมั พันธร์ ะหว่างส่ิงไมม่ ีชวี ติ กับสิง่ มีชีวติ
และความสมั พันธ์ระหว่างสิ่งมชี วี ิตกับส่ิงมีชวี ติ ต่าง ๆ ในระบบนเิ วศ การถ่ายทอดพลังงาน
การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบที่มี
ต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและ
การแก้ไขปัญหาส่งิ แวดล้อมรวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ช้ัน ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถ่นิ
ม.1 - - -
สาระท่ี 1 วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสง่ิ มชี ีวิต หนว่ ยพน้ื ฐานของสงิ่ มีชวี ติ การลำเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์
ความสัมพนั ธข์ องโครงสร้างและหนา้ ที่ของระบบต่าง ๆ ของสตั ว์และมนุษยท์ ี่ทำงานสมั พันธ์
กนั ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของอวยั วะตา่ ง ๆ ของพืชท่ีทำงานสัมพนั ธก์ ัน
รวมทง้ั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ชั้น ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้
ท้องถ่นิ
ม.1 ว 1.2 ม.1/1 - เซลลเ์ ปน็ หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชวี ติ สง่ิ มีชวี ิตบาง - สวนย่อม สนาม
เปรียบเทียบรูปรา่ ง ชนดิ มีเซลลเ์ พียงเซลล์เดยี ว เชน่ อะมีบา พารามี หญ้า ของ
ลกั ษณะ และโครงสรา้ ง เซยี ม ยสี ต์ บางชนิดมีหลายเซลล์ เชน่ พืช สตั ว์ โรงเรียน
ของเซลล์พืชและเซลล์สตั ว์ - โครงสร้างพ้ืนฐานท่พี บท้ังในเซลล์พืชและเซลลส์ ัตว์ - สระนำ้ ใน
รวมทัง้ บรรยายหน้าท่ขี อง และสามารถสงั เกตไดด้ ้วยกล้องจุลทรรศนใ์ ช้แสง โรงเรียนและ
ผนงั เซลล์ เย่อื หมุ้ เซลล์ ไซ ได้แก่ เยื่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม และนวิ เคลยี ส ชุมชน
โทพลาซมึ นวิ เคลยี ส แวควิ โครงสร้างที่พบในเซลล์พืชแต่ไมพ่ บในเซลลส์ ตั ว์
โอล ไมโทคอนเดรยี และ ไดแ้ ก่ ผนังเซลล์และคลอโรพลาสต์
คลอโรพลาสต์ - โครงสรา้ งต่าง ๆ ของเซลลม์ ีหนา้ ท่ีแตกต่างกนั
ว 1.2 ม.1/2 - ผนังเซลล์ ทำหน้าท่ใี ห้ความแข็งแรงแกเ่ ซลล์
ใชก้ ล้องจลุ ทรรศน์ใชแ้ สง - เย่อื หุ้มเซลล์ ทำหน้าท่หี ่อหุ้มเซลล์และควบคุมการ
ศึกษาเซลล์ และโครงสร้าง ลำเลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์
ตา่ ง ๆ ภายในเซลล์ - นวิ เคลยี ส ทำหนา้ ที่ควบคมุ การทำงานของเซลล์
- ไซโทพลาซึม มีออรแ์ กเนลล์ที่ทำหน้าท่แี ตกต่างกนั
173
ชั้น ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ทอ้ งถน่ิ
ม.1 - แวควิ โอล ทำหน้าที่เกบ็ น้ำและสารตา่ ง ๆ
- ไมโทคอนเดรยี ทำหน้าที่เกี่ยวกับการสลาย
สารอาหารเพื่อให้ไดพ้ ลงั งานแกเ่ ซลล์
- คลอโรพลาสต์ เปน็ แหล่งทเ่ี กิดการสังเคราะห์ด้วย
แสง
ว 1.2 ม.1/3 - เซลลข์ องส่งิ มีชวี ติ มรี ูปรา่ ง ลักษณะ ที่หลากหลาย -
อธบิ ายความสัมพนั ธ์ และมคี วามเหมาะสมกบั หน้าที่ของเซลล์นัน้ เช่น
ระหวา่ งรปู รา่ ง กบั การทำ เซลล์ประสาทส่วนใหญ่ มเี ส้นใยประสาทเปน็ แขนง
หน้าทข่ี องเซลล์ ยาว นำกระแสประสาทไปยังเซลล์อืน่ ๆ ทีอ่ ยู่ไกล
ออกไป เซลลข์ นราก เป็นเซลล์ผิวของรากที่มีผนัง
เซลล์และเยอ่ื หุ้มเซลลย์ ่นื ยาวออกมา ลักษณะคลา้ ย
ขนเส้นเลก็ ๆ เพื่อเพิ่มพนื้ ท่ีผิวในการดูดนำ้ และธาตุ
อาหาร
ว 1.2 ม.1/4 - พืชและสัตวเ์ ป็นสง่ิ มีชีวิตหลายเซลลม์ กี ารจดั ระบบ -
อธิบายการจัดระบบของ โดยเริม่ จากเซลลไ์ ปเป็นเนื้อเยื่อ อวัยวะ ระบบ
สง่ิ มชี วี ิต โดยเร่มิ จากเซลล์ อวยั วะ และสิ่งมีชีวิตตามลำดับ เซลล์หลายเซลล์มา
เน้อื เย่ือ อวัยวะ ระบบ รวมกนั เปน็ เน้ือเย่ือ เน้อื เยื่อหลายชนิดมารวมกนั และ
อวัยวะ จนเป็นส่งิ มีชีวติ ทำงานรว่ มกันเป็นอวัยวะ อวัยวะตา่ ง ๆ ทำงาน
ร่วมกันเป็นระบบอวยั วะ ระบบอวยั วะทกุ ระบบ
ทำงานร่วมกนั เปน็ สงิ่ มชี ีวติ
ว 1.2 ม.1/5 - เซลล์มีการนำสารเข้าสู่เซลล์ เพ่อื ใชใ้ นกระบวนการ วสั ดุ อุปกรณ์การ
อธบิ ายกระบวนการแพร่ ตา่ ง ๆ ของเซลล์ และมีการขจดั สารบางอย่างที่เซลล์ ทดลองท่ีอยใู่ น
และออสโมซสิ จากหลักฐาน ไมต่ ้องการออกนอกเซลล์ การนำสารเขา้ และออก ชีวิตประจำวนั
เชงิ ประจกั ษ์ และ จากเซลล์มีหลายวิธี เชน่ การแพรเ่ ปน็ การเคล่อื นที่ เชน่ ไขไ่ ก่ ไขเ่ ป็ด
ยกตวั อยา่ งการแพร่และ ของสารจากบริเวณท่ีมีความเขม้ ข้นของสารสูงไปสู่ เปน็ ต้น
ออสโมซิสในชวี ติ ประจำวัน บริเวณที่มีความเข้มข้นของสารตำ่ ส่วนออสโมซสิ
เป็นการแพร่ของนำ้ ผา่ นเยือ่ ห้มุ เซลล์ จากด้านทมี่ ี
ความเขม้ ข้นของสารละลายต่ำไปยงั ดา้ นท่ีมคี วาม
เขม้ ขน้ ของสารละลายสงู กวา่
174
ชั้น ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ท้องถิ่น
ม.1 ว 1.2 ม.1/6 - กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพชื ทเ่ี กิดข้ึน ใบพชื ทม่ี ีใน
ระบุปัจจัยที่จำเป็นใน ในคลอโรพลาสต์ จำเปน็ ต้องใช้แสง แกส๊ บริเวณโรงเรียน
การสังเคราะห์ด้วยแสง คารบ์ อนไดออกไซด์ คลอโรฟิลล์ และนำ้ ผลผลิตท่ี และชุมชน เช่น
และผลผลติ ทเ่ี กิดขน้ึ จาก ไดจ้ ากการสังเคราะหด์ ้วยแสง ไดแ้ ก่ น้ำตาลและ ชบาดา่ ง และใบ
การสังเคราะห์ด้วยแสง แก๊สออกซิเจน พืชตา่ ง ๆ ทีม่ สี ี
โ ด ย ใ ช ้ ห ล ั กฐ าน เชิง เขียว
ประจกั ษ์
ว 1.2 ม.1/7 - การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง เปน็ กระบวนการทส่ี ำคญั
อธบิ ายความสำคัญของ ต่อสิ่งมชี ีวติ เพราะเปน็ กระบวนการเดยี ว ท่ี
การสังเคราะห์ด้วยแสง สามารถนำ
ของพืชต่อส่ิงมีชีวติ และ พลังงานแสงมาเปล่ียนเป็นพลังงานในรูป
สง่ิ แวดลอ้ ม สารประกอบอนิ ทรยี ์และเก็บสะสมในรูปแบบต่าง ๆ
ในโครงสร้างของพืช พืชจงึ เป็นแหลง่ อาหารและ
ว 1.2 ม.1/8 พลงั งานทสี่ ำคัญของสง่ิ มชี ีวติ อน่ื นอกจากน้ี
ตระหนักในคุณค่าของ กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงยังเปน็ กระบวนการ
พชื ท่ีมตี ่อสิง่ มีชีวติ และ หลักในการสร้างแก๊สออกซเิ จนใหก้ ับบรรยากาศ
ส่ิงแวดล้อม โดยการ เพอื่ ให้สง่ิ มชี วี ติ อื่น ใช้ในกระบวนการหายใจ
รว่ มกันปลกู และดแู ล
รกั ษาตน้ ไม้ในโรงเรยี น
และชุมชน
ว 1.2 ม.1/9 - พชื มีไซเล็มและโฟลเอ็ม ซึง่ เปน็ เนอ้ื เยื่อมลี กั ษณะ พชื ทมี่ ีอยู่ใน
บรรยายลักษณะและ คล้ายท่อ เรยี งตัวกนั เป็นกลมุ่ เฉพาะท่ี โดยไซเลม็ ทำ ท้องถิน่ เชน่ ผัก
หนา้ ท่ขี องไซเล็ม หนา้ ท่ลี ำเลยี งน้ำและธาตุอาหาร มที ศิ ทางลำเลียง กระสงั ต้นเทียน
และโฟลเอ็ม จากรากไปส่ลู ำตน้ ใบ และสว่ นตา่ ง ๆ ของพชื เพื่อ หรอื พืชทม่ี ลี ำต้น
ใช้ในการสงั เคราะห์ด้วยแสงรวมถึงกระบวนการอน่ื ลกั ษณะใส
ว 1.2 ม.1/10 ๆ สว่ นโฟลเอ็มทำหนา้ ทีล่ ำเลียงอาหารที่ได้จากการ
เขยี นแผนภาพที่บรรยาย สงั เคราะห์ด้วยแสง มีทิศทางลำเลียงจากบรเิ วณทม่ี ี
ทศิ ทางการลำเลยี งสาร การสังเคราะหด์ ้วยแสงไปสูส่ ่วนตา่ ง ๆ ของพชื
ในไซเล็มและโฟลเอม็
ของพืช
175
ชนั้ ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้
ท้องถิน่
ม.1 ว 1.2 ม.1/11 - พืชดอกทุกชนิดสามารถสบื พันธแ์ุ บบอาศยั เพศได้ และ พืชดอกในชมุ ชน
อธิบายการ บางชนิดสามารถสบื พนั ธแุ์ บบไม่อาศัยเพศได้
สืบพนั ธแุ์ บบอาศัย
เพศ และไม่อาศัย
เพศของพืชดอก
ว 1.2 ม.1/12 - การสืบพันธ์แุ บบอาศัยเพศเปน็ การสบื พนั ธุท์ ี่มี
อธิบายลักษณะ การผสมกันของสเปิร์มกับเซลล์ไข่ การสืบพนั ธุ์ แบบอาศัย
โครงสร้างของ เพศของพชื ดอกเกดิ ขน้ึ ทดี่ อก โดยภายในอบั เรณูของส่วน
ดอกท่มี สี ่วนทำให้ เกสรเพศผู้มีเรณู ซึ่งทำหนา้ ท่ีสร้างสเปิร์ม ภายในออวูลของ
เกดิ การถา่ ยเรณู สว่ นเกสรเพศเมีย มีถุงเอ็มบริโอ ทำหน้าทส่ี รา้ งเซลล์ไข่
รวมท้งั บรรยาย - การสืบพันธุ์แบบไม่อาศยั เพศ เป็นการสบื พนั ธุ์ที่พืชตน้
การปฏิสนธิของ ใหมไ่ ม่ได้เกดิ จากการปฏสิ นธิระหวา่ งสเปิรม์ กบั เซลล์ไข่
พชื ดอก การ แต่เกิดจากสว่ นต่าง ๆ ของพืช เชน่ ราก ลำตน้ ใบ มกี าร
เกิดผลและเมล็ด เจรญิ เตบิ โตและพฒั นาขึน้ มา เปน็ ตน้ ใหมไ่ ด้
การกระจายเมลด็ - การถ่ายเรณู คือ การเคลื่อนยา้ ยของเรณจู ากอับเรณูไป
และการงอกของ ยงั ยอดเกสรเพศเมีย ซ่ึงเก่ียวข้องกบั ลักษณะและโครงสร้าง
เมลด็ ของดอก เชน่ สขี องกลีบดอก ตำแหนง่ ของเกสรเพศผู้และ
ว 1.2 ม.1/13 เกสรเพศเมยี โดยมสี ่ิงท่ีช่วยในการถ่ายเรณู เช่น แมลง ลม
ตระหนักถึง - การถา่ ยเรณจู ะนำไปสู่การปฏสิ นธิ ซ่งึ จะเกดิ ข้นึ ท่ีถงุ
ความสำคญั ของ เอม็ บริโอภายในออวูล หลังการปฏิสนธิจะได้ไซโกต และ
สัตว์ที่ช่วยในการ เอนโดสเปริ ์ม ไซโกตจะพัฒนาต่อไปเปน็ เอม็ บรโิ อ ออวูล
ถา่ ยเรณูของพชื พัฒนาไปเปน็ เมลด็ และรงั ไข่พฒั นาไปเป็นผล
ดอก โดยการไม่ - การถ่ายเรณูจะนำไปสู่การปฏิสนธิ ซึง่ จะเกดิ ขน้ึ ท่ีถงุ
ทำลายชีวิตของ เอม็ บรโิ อภายในออวูล หลงั การปฏสิ นธจิ ะไดไ้ ซโกต และ
สตั ว์ท่ีช่วยในการ เอนโดสเปิรม์ ไซโกตจะพัฒนาตอ่ ไปเปน็ เอม็ บรโิ อ ออวูล
ถา่ ยเรณู พฒั นาไปเป็นเมล็ด และรงั ไข่พฒั นาไปเปน็ ผล
- ผลและเมลด็ มกี ารกระจายออกจากต้นเดมิ โดยวธิ ีการ
ตา่ ง ๆ เม่อื เมลด็ ไปตกในสภาพแวดลอ้ มทเี่ หมาะสมจะเกดิ
การงอกของเมล็ด โดยเอ็มบริโอภายในเมล็ดจะเจรญิ
ออกมา โดยระยะแรกจะอาศัยอาหารที่สะสมภายในเมลด็
จนกระท่ังใบแท้พฒั นา จนสามารถสงั เคราะห์ด้วยแสงได้
เตม็ ท่ี และสรา้ งอาหารได้เองตามปกติ
176
ชั้น ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ทอ้ งถนิ่
ม.1 ว 1.2 ม.1/14 - พืชตอ้ งการธาตุอาหารทจ่ี ำเปน็ หลาย -
อธบิ ายความสำคัญของธาตุ ชนดิ ในการเจริญเตบิ โตและการ
อาหารบางชนดิ ท่ีมีผลต่อ ดำรงชวี ติ
การเจรญิ เตบิ โตและการ - พืชต้องการธาตุอาหารบางชนิดใน
ดำรงชีวิตของพืช ปริมาณมาก ได้แก่ ไนโตรเจน
ว 1.2 ม.1/15 ฟอสฟอรสั โพแทสเซยี ม แคลเซยี ม
เลอื กใชป้ ุย๋ ที่มธี าตอุ าหาร แมกนีเซยี ม และกำมะถนั ซึ่งในดิน
เหมาะสมกับพืชใน อาจมีไมเ่ พียงพอ สำหรบั การ
สถานการณ์ท่กี ำหนด เจรญิ เติบโตของพชื จึงต้องมีการให้
ธาตอุ าหารในรูปของป๋ยุ กบั พืชอยา่ ง
เหมาะสม
ว 1.2 ม.1/16 - มนุษยส์ ามารถนำความรู้เรอื่ งการ การขยายพันธพ์ุ ชื โดย
เลือกวธิ ีการขยายพันธพ์ุ ืชให้ สืบพนั ธ์ุ แบบอาศัยเพศและไม่อาศัย ใชพ้ ชื ในโรงเรยี นและ
เหมาะสมกับความต้องการ เพศ มาใช้ในการขยายพนั ธ์เุ พื่อเพิ่ม ชุมชน
ของมนุษย์ โดยใชค้ วามรู้ จำนวนพืช เช่น การใช้เมล็ดที่ได้จาก
เกย่ี วกับการสบื พนั ธุข์ องพชื การสบื พันธุแ์ บบอาศัยเพศมา
ว 1.2 ม.1/17 เพาะเล้ียง วธิ กี ารนีจ้ ะได้พืชในปริมาณ
อธิบายความสำคัญของ มาก แต่อาจมลี ักษณะทีแ่ ตกต่างไป
เทคโนโลยี การเพาะเล้ียง จากพ่อแม่ สว่ นการตอนกิ่ง การปกั ชำ
เนื้อเยื่อพืชในการใช้ การต่อก่ิง การติดตา การทาบก่งิ การ
ประโยชนด์ า้ นต่าง ๆ เพาะเลี้ยงเนอ้ื เยื่อ เป็นการนำความรู้
เรื่องการสบื พันธุแ์ บบไม่อาศัยเพศของ
พชื มาใช้ในการขยายพนั ธ์ุ เพื่อให้ได้พชื
ทีม่ ลี ักษณะเหมอื นต้นเดิม ซ่ึงการ
ขยายพันธแ์ุ ตล่ ะวธิ ี มีขั้นตอนแตกตา่ ง
กนั จงึ ควรเลือกให้เหมาะสมกับความ
ต้องการของมนุษยโ์ ดยต้องคำนึงถึง
ชนดิ ของพืชและลักษณะการสบื พันธ์ุ
ของพืช
177
ชนั้ ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้
ทอ้ งถ่ิน
ม.1 ว 1.2 ม.1/18 - เทคโนโลยีการเพาะเลย้ี งเน้ือเยอ่ื พืช เป็นการ - การทำนาของ
ตระหนกั ถึงประโยชน์ของ นำความรเู้ กีย่ วกับปจั จัยท่ีจำเปน็ ตอ่ การ ชาวลาวเวียง
การขยายพนั ธุพ์ ืช โดยการนำ เจริญเติบโตของพชื มาใช้ในการเพิ่มจำนวนพืช
ความรไู้ ปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั และทำให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้ในหลอด
ทดลอง ซึง่ จะได้พืชจำนวนมากในระยะเวลา
สนั้ และสามารถนำเทคโนโลยกี ารเพาะเลี้ยง
เน้ือเย่อื มาประยุกต์ เพื่อการอนรุ ักษพ์ นั ธุกรรม
พชื ปรบั ปรุงพนั ธ์พุ ืชที่มคี วามสำคัญทาง
เศรษฐกจิ การผลติ ยาและสาระสำคญั ในพชื
และอืน่ ๆ
สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรมสารพนั ธุกรรม
การเปล่ยี นแปลงทางพันธุกรรมทีม่ ีผลต่อสิง่ มีชวี ิต ความหลากหลายทางชีวภาพและ
ววิ ฒั นาการของสิ่งมชี วี ติ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ชน้ั ตัวช้ีวดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ทอ้ งถิ่น
ม.1 - --
สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสมบัตขิ องสสารกบั
โครงสร้างและแรงยดึ เหนีย่ วระหวา่ งอนุภาค หลกั และธรรมชาติของการเปล่ยี นแปลง
สถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี
ชัน้ ตัวชวี้ ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ทอ้ งถน่ิ
ม.1 ว 2.1 ม.1/1 - ธาตุแตล่ ะชนดิ มสี มบัตเิ ฉพาะตวั และมี -
อธบิ ายสมบัติทาง สมบัติ ทางกายภาพบางประการ
กายภาพบางประการของ เหมอื นกันและบางประการตา่ งกัน ซง่ึ
ธาตุโลหะ อโลหะ และก่ึง สามารถนำมาจดั กลุม่ ธาตเุ ปน็ โลหะ
โลหะ โดยใชห้ ลักฐานเชิง อโลหะ และกึ่งโลหะ ธาตุโลหะมจี ุด
178
ประจกั ษ์ที่ได้จากการ เดอื ด จดุ หลอมเหลวสงู มีผวิ มันวาว นำ -
สงั เกตและการทดสอบ ความรอ้ นนำไฟฟา้ ดงึ เปน็ เส้นหรอื ตี
และใชส้ ารสนเทศท่ีได้ เปน็ แผน่ บาง ๆ ได้ และมีความหนาแน่น
จากแหล่งข้อมูลตา่ ง ๆ ทง้ั สูงและตำ่ ธาตุอโลหะ มจี ุดเดือด จุด
รวมทง้ั จดั กลุ่มธาตเุ ป็น หลอมเหลวตำ่ มีผิวไม่มนั วาว ไม่นำ
โลหะ อโลหะ ก่ึงโลหะ ความรอ้ น ไม่นำไฟฟ้า เปราะ แตกหกั
งา่ ย และมีความหนาแน่นตำ่ ธาตุกึง่
ว 2.1 ม.1/2 โลหะมสี มบตั บิ างประการเหมือนโลหะ
วิเคราะหผ์ ลจากการใช้ และสมบตั บิ างประการเหมือนอโลหะ
ธาตุโลหะ อโลหะ กง่ึ - ธาตโุ ลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ ที่
โลหะ และธาตุ สามารถแผ่รังสไี ด้ จัดเปน็ ธาตุ
กมั มนั ตรังสี ที่มีต่อ กัมมันตรงั สี
ส่งิ มชี ีวติ ส่ิงแวดล้อม - ธาตมุ ีทงั้ ประโยชนแ์ ละโทษ การใช้
เศรษฐกจิ และสังคม จาก ธาตโุ ลหะ อโลหะ กงึ่ โลหะ ธาตุ
ขอ้ มลู ทรี่ วบรวมได้ กมั มนั ตรังสี ควรคำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อ
ว 2.1 ม.1/3 สิง่ มชี ีวิต ส่ิงแวดล้อม เศรษฐกิจและ
ตระหนกั ถึงคุณคา่ ของ สงั คม
การใชธ้ าตุโลหะ อโลหะ
กงึ่ โลหะ ธาตุกัมมันตรังสี - สารบริสุทธ์ิประกอบด้วยสารเพยี งชนิด
โดยเสนอแนวทางการใช้ เดียว สว่ นสารผสมประกอบด้วยสาร
ธาตอุ ยา่ งปลอดภัย คุ้มคา่ ตัง้ แต่ 2 ชนดิ ขึ้นไป สารบริสุทธ์ิแต่ละ
ว 2.1 ม.1/4 ชนดิ มีสมบัติบางประการที่เป็นค่า
เปรียบเทยี บจดุ เดือด จดุ เฉพาะตวั เช่น จุดเดอื ดและจดุ
หลอมเหลวของสาร หลอมเหลวคงที่ แต่สารผสมมีจดุ เดอื ด
บรสิ ทุ ธ์ิและสารผสม โดย และจุดหลอมเหลวไมค่ งท่ี ขน้ึ อย่กู บั
การวดั อุณหภูมิ เขยี น ชนดิ และสดั ส่วนของสารทผ่ี สมอยู่
กราฟ แปลความหมาย ดว้ ยกัน
ขอ้ มลู จากกราฟ หรอื
สารสนเทศ
179
ชั้น ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้
ท้องถ่ิน
ม.1 ว 2.1 ม.1/5 - สารบรสิ ทุ ธ์แิ ต่ละชนดิ มีความหนาแนน่ หรือ -
อธบิ ายและ มวลต่อหนง่ึ หน่วยปรมิ าตรคงที่ เปน็ คา่ เฉพาะ
เปรยี บเทียบความ ของสารนน้ั ณ สถานะและอุณหภมู ิหน่งึ แต่สาร
หนาแนน่ ของสาร ผสมมคี วามหนาแน่นไม่คงท่ีข้ึนอยู่กบั ชนดิ และ
บริสทุ ธ์แิ ละสารผสม สดั สว่ นของสารที่ผสมอยู่ด้วยกนั
ว 2.1 ม.1/6
ใชเ้ ครอื่ งมือเพือ่ วัด
มวลและปรมิ าตร
ของสารบรสิ ุทธิ์และ
สารผสม
ว 2.1 ม.1/7 - สารบริสทุ ธ์ิแบ่งออกเป็นธาตุและสารประกอบ ตวั อย่าง
อธิบายเกี่ยวกบั ธาตปุ ระกอบดว้ ยอนภุ าคทเี่ ล็กท่ีสดุ ทยี่ ังแสดง องคป์ ระกอบ
ความสมั พันธ์ สมบตั ขิ องธาตุนัน้ เรยี กวา่ อะตอม ธาตแุ ตล่ ะ ของสารใน
ระหวา่ งอะตอม ธาตุ ชนิดประกอบด้วยอะตอมเพยี งชนิดเดียวและไม่ ชวี ติ ประจำวัน
และสารประกอบ สามารถแยกสลายเป็นสารอน่ื ได้ด้วยวธิ ีทางเคมี
โดยใชแ้ บบจำลอง ธาตุเขียนแทนด้วยสญั ลักษณ์ธาตุ สารประกอบ
และสารสนเทศ เกิดจากอะตอมของธาตุต้ังแต่ 2 ชนิดขนึ้ ไป
รวมตัวกนั ทางเคมีในอตั ราส่วนคงท่ี มสี มบตั ิ
แตกต่างจากธาตุที่เป็นองค์ประกอบ สามารถ
แยกเป็นธาตไุ ด้ด้วยวธิ ที างเคมี ธาตแุ ละ
สารประกอบสามารถเขียนแทนไดด้ ้วยสูตรเคมี
ว 2.1 ม.1/8 - อะตอมประกอบด้วยโปรตอน นวิ ตรอน และ
อธิบายโครงสร้าง อิเลก็ ตรอน โปรตอนมปี ระจไุ ฟฟา้ บวก ธาตชุ นดิ
อะตอมท่ี เดียวกนั มจี ำนวนโปรตอนเทา่ กันและเปน็ ค่า
ประกอบด้วย เฉพาะของธาตุนั้น นิวตรอนเปน็ กลางทางไฟฟ้า
โปรตอน นิวตรอน สว่ นอิเลก็ ตรอนมีประจุไฟฟา้ ลบ เมอื่ อะตอมมี
และอิเล็กตรอน โดย จำนวนโปรตอนเท่ากับจำนวนอิเลก็ ตรอน จะ
ใชแ้ บบจำลอง เป็นกลางทางไฟฟา้ โปรตอนและนิวตรอน
รวมกนั ตรงกลางอะตอมเรยี กวา่ นิวเคลยี ส สว่ น
อิเล็กตรอนเคลื่อนท่ีอยู่ในทีว่ า่ งรอบนิวเคลยี ส
180
ชั้น ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการ
เรียนรทู้ อ้ งถิ่น
ม.1 ว 2.1 ม.1/9 -สสารทุกชนิดประกอบดว้ ยอนุภาค โดยสารชนดิ เดยี วกนั ทมี่ สี ถานะ วตั ถุท่มี ีอยู่
อธบิ ายและ ของแข็ง ของเหลว แก๊ส จะมีการจดั เรียงอนุภาค แรงยึดเหน่ยี วระหว่าง รอบ ๆ ตวั
เปรยี บเทยี บ อนภุ าค การเคล่ือนท่ีของอนุภาคแตกต่างกัน ซงึ่ มีผลต่อรูปร่างและ
การจัดเรยี ง ปรมิ าตรของสสาร
อนุภาค แรงยดึ - อนภุ าคของของแข็งเรยี งชดิ กนั มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนภุ าคมาก
เหนย่ี วระหวา่ ง ที่สดุ อนุภาคสัน่ อยู่กับที่ ทำใหม้ ีรูปรา่ งและปริมาตรคงท่ี
อนภุ าค และ - อนุภาคของของเหลวอยู่ใกล้กนั มีแรงยึดเหนีย่ วระหว่างอนภุ าคน้อย
การเคล่อื นท่ี กวา่ ของแขง็ แตม่ ากกว่าแกส๊ อนุภาคเคลื่อนที่ได้แต่ไม่เปน็ อิสระเทา่
ของอนุภาคของ แกส๊ ทำให้มีรปู รา่ งไมค่ งท่ี แต่ปรมิ าตรคงท่ี
สสารชนิด - อนุภาคของแกส๊ อย่หู ่างกนั มาก มีแรงยึดเหน่ยี วระหวา่ งอนุภาคนอ้ ย
เดยี วกนั ใน ที่สดุ อนุภาคเคลื่อนที่ไดอ้ ย่างอิสระทุกทศิ ทาง ทำให้มรี ปู รา่ งและ
สถานะของแขง็ ปริมาตรไม่คงที่
ของเหลว และ
แกส๊ โดยใช้
แบบจำลอง
ว 2.1 ม.1/10 -ความร้อนมีผลต่อการเปล่ยี นสถานะของสสาร เมอ่ื ให้ความร้อนแก่ของแขง็ สารใกล้ตัว
อธิบาย อนุภาคของของแขง็ จะมพี ลงั งานและอณุ หภมู เิ พ่มิ ขึ้นจนถงึ ระดบั หนึง่ ซง่ึ
ความสัมพันธ์ ของแขง็ จะใชค้ วามร้อนในการเปล่ยี นสถานะเปน็ ของเหลว เรยี กความร้อนท่ี
ระหว่าง ใช้ในการเปลี่ยนสถานะจากของแขง็ เปน็ ของเหลวว่า ความร้อนแฝงของการ
พลงั งานความ หลอมเหลว และอุณหภูมิขณะเปลีย่ นสถานะจะคงท่ี เรียกอณุ หภมู นิ ว้ี า่ จดุ
รอ้ นกับการ หลอมเหลว
เปล่ยี นสถานะ - เม่อื ให้ความรอ้ นแกข่ องเหลว อนภุ าคของของเหลวจะมีพลงั งานและ
ของสสาร โดย อุณหภูมเิ พ่มิ ขึน้ จนถงึ ระดบั หนึ่ง ซ่งึ ของเหลวจะใชค้ วามรอ้ นในการเปลี่ยน
ใช้หลกั ฐานเชิง สถานะเป็นแกส๊ เรยี กความรอ้ นทีใ่ ช้ในการเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็น
ประจกั ษ์และ แก๊สว่า ความร้อนแฝงของการกลายเปน็ ไอ และอณุ หภูมขิ ณะเปล่ียนสถานะ
แบบจำลอง จะคงที่ เรียกอุณหภูมินีว้ ่า จุดเดอื ด
- เมื่อทำให้อณุ หภูมิของแกส๊ ลดลงจนถงึ ระดบั หนึง่ แกส๊ จะเปลยี่ นสถานะเปน็
ของเหลว เรียกอณุ หภมู นิ วี้ ่า จดุ ควบแนน่ ซง่ึ มอี ณุ หภูมิเดยี วกับจุดเดอื ดของ
ของเหลวนัน้
- เมอื่ ทำให้อุณหภมู ิของของเหลวลดลงจนถงึ ระดบั หน่ึง ของเหลวจะเปลีย่ น
สถานะเปน็ ของแข็ง เรียกอณุ หภมู นิ ว้ี า่ จดุ เยือกแข็ง ซ่ึงมีอุณหภมู เิ ดยี วกับ
จดุ หลอมเหลวของของแข็งน้นั
181
สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวี ิตประจำวนั ผลของแรงทก่ี ระทำต่อวัตถุ ลกั ษณะการเคลื่อนท่ี
แบบต่าง ๆ ของวตั ถุ รวมทง้ั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ชน้ั ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่นิ
ม.1 ว 2.2 ม.1/1 - เม่อื วัตถอุ ยู่ในอากาศจะมีแรงทอ่ี ากาศกระทำ -
สร้างแบบจำลองที่อธิบาย ต่อวตั ถุในทุกทิศทาง แรงที่อากาศกระทำต่อ
ความสัมพนั ธ์ระหว่างความดัน วตั ถขุ ้ึนอยู่กบั ขนาดพ้ืนท่ีของวัตถนุ ัน้ แรงที่
อากาศกบั ความสงู จากพน้ื โลก อากาศกระทำตั้งฉากกบั ผิววตั ถุตอ่ หนงึ่
หน่วยพ้นื ที่ เรยี กว่าความดนั อากาศ
-ความดันอากาศมคี วามสัมพนั ธ์กับความสงู
จากพน้ื โลก โดยบรเิ วณทส่ี งู จากพืน้ โลกขึน้
ไป อากาศเบาบางลง มวลอากาศน้อยลง
ความดนั อากาศกจ็ ะลดลง
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏิสมั พนั ธ์
ระหว่างสสาร และพลังงาน พลังงานในชวี ิตประจำวนั ธรรมชาตขิ องคลนื่ ปรากฏการณ์ที่
เก่ียวขอ้ งกับเสียง แสง และคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ช้นั ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรู้
ทอ้ งถ่ิน
ม.1 ว 2.3 ม.1/1 - เมือ่ สสารได้รับหรอื สูญเสยี ความร้อนอาจทำให้ -
วิเคราะห์ แปลความหมาย สสารเปล่ยี นอณุ หภูมิ เปลี่ยนสถานะ หรือเปลย่ี น
ขอ้ มูล และคำนวณปริมาณ รปู รา่ ง
ความรอ้ นที่ทำใหส้ สารเปลีย่ น - ปรมิ าณความร้อนท่ที ำให้สสารเปล่ยี นอณุ หภูมิ
อณุ หภมู แิ ละเปลย่ี นสถานะ ขึ้นกับมวล ความร้อนจำเพาะ และอณุ หภูมิ ท่ี
โดยใช้สมการ Q = mcΔt เปลี่ยนไป
และ Q = mL - ปริมาณความร้อนท่ีทำให้สสารเปลย่ี นสถานะ
ว 2.3 ม.1/2 ขน้ึ กับมวลและความร้อนแฝงจำเพาะ โดยขณะท่ี
ใชเ้ ทอร์มอมิเตอร์ในการวดั สสารเปลีย่ นสถานะ อุณหภูมิจะไมเ่ ปล่ียนแปลง
อณุ หภมู ิของสสาร
182
ว 2.3 ม.1/3 - ความรอ้ นทำใหส้ สารขยายตัวหรือหดตัวได้
สร้างแบบจำลองท่อี ธิบายการ เนือ่ งจากเมอ่ื สสารได้รบั ความรอ้ นจะทำใหอ้ นุภาค
ขยายตัวหรือหดตัวของสสาร เคลอื่ นทเ่ี รว็ ข้ึน ทำให้เกิดการ
เนื่องจากได้รับหรือสญู เสยี ขยายตวั แต่เมื่อสสารคายความร้อนจะทำให้อนุภาค
ความร้อน เคล่ือนทีช่ ้าลง ทำใหเ้ กิดการหดตวั
ว 2.3 ม.1/4 - ความรเู้ ร่อื งการหดและขยายตวั ของสสาร
ตระหนกั ถึงประโยชนข์ อง เนือ่ งจากความร้อนนำไปใชป้ ระโยชน์ไดด้ า้ นตา่ ง ๆ
ความร้ขู องการหดและขยายตัว เชน่ การสรา้ งถนน การสร้างรางรถไฟ การทำเทอร์
ของสสารเน่ืองจากความรอ้ น มอมเิ ตอร์
โดยวิเคราะห์สถานการณ์
ปัญหา และเสนอแนะวธิ กี ารนำ
ความรมู้ าแก้ปญั หาใน
ชีวิตประจำวนั
ว 2.3 ม.1/5 - ความร้อนถ่ายโอนจากสสารทมี่ ีอุณหภมู ิสูงกว่า ไป
วิเคราะห์สถานการณ์การถ่าย ยังสสารท่มี อี ุณหภมู ติ ่ำกว่าจนกระท่ังอุณหภมู ิของ
โอนความรอ้ นและคำนวณ สสารท้งั สองเท่ากนั สภาพท่ีสสารทัง้ สองมีอุณหภูมิ
ปริมาณความร้อนที่ถา่ ยโอน เท่ากนั เรียกวา่ สมดุลความร้อน
ระหวา่ งสสารจนเกดิ สมดุล - เมื่อมกี ารถา่ ยโอนความร้อนจากสสารท่ีมีอุณหภมู ิ
ความร้อนโดยใชส้ มการ ตา่ งกันจนเกิดสมดลุ ความร้อน ความร้อนที่เพิ่มข้นึ
Qสญู เสยี = Qไดร้ บั ของสสารหน่ึงจะเทา่ กบั ความร้อนท่ลี ดลงของอกี
สสารหนง่ึ ซงึ่ เปน็ ไปตามกฎการอนุรักษ์พลังงาน
ว 2.3 ม.1/6 -การถ่ายโอนความร้อนมี 3 แบบ คอื การนำความ กรณีศึกษา การ
สร้างแบบจำลองทีอ่ ธิบายการ รอ้ น การพาความร้อน และการแผร่ งั สคี วามรอ้ น อยู่ไฟของชาว
ถ่ายโอนความร้อนโดยการนำ การนำความร้อนเปน็ การถา่ ยโอนความร้อนทีอ่ าศัย ลาวเวียงหลังให้
ความร้อน การพาความรอ้ น ตัวกลาง โดยทต่ี ัวกลางไมเ่ คล่ือนที่ การพาความ กำเนดิ
การแผร่ งั สคี วามร้อน รอ้ นเปน็ การถา่ ยโอนความรอ้ นทีอ่ าศัยตัวกลาง โดย
ว 2.3 ม.1/7 ท่ีตวั กลางเคล่ือนที่ไปด้วย ส่วนการแผร่ งั สีความร้อน
ออกแบบ เลือกใช้ และสรา้ ง เป็นการถา่ ยโอนความร้อนท่ีไมต่ อ้ งอาศยั ตัวกลาง
อปุ กรณ์ เพ่ือแก้ปัญหาใน - ความรู้เก่ียวกบั การถา่ ยโอนความรอ้ นสามารถ
ชีวติ ประจำวันโดยใชค้ วามรู้ นำไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจำวนั ได้ เชน่ การ
เก่ียวกบั การถ่ายโอนความรอ้ น เลือกใช้วสั ดเุ พื่อนำมาทำภาชนะบรรจอุ าหาร เพ่อื
เกบ็ ความร้อน หรือการออกแบบระบบระบายความ
ร้อนในอาคาร
183
สาระที่ 3 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี
ดาวฤกษ์ และระบบสุรยิ ะ รวมท้ังปฏสิ มั พันธ์ภายในระบบสรุ ยิ ะทส่ี ่งผลต่อสง่ิ มชี ีวติ
และการประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ
ช้ัน ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถนิ่
-- - -
สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองคป์ ระกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลีย่ นแปลงภายใน
โลกและบนผิวโลก ธรณพี ิบตั ิภยั กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศ
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้
ทอ้ งถิ่น
ม.1 ว 3.2 ม.1/1 - โลกมีบรรยากาศห่อหุ้ม นกั วทิ ยาศาสตรใ์ ชส้ มบัติ -
สรา้ งแบบจำลองทอ่ี ธิบาย และองค์ประกอบของบรรยากาศในการแบง่
การแบง่ ช้นั บรรยากาศ และ บรรยากาศของโลกออกเป็นชั้น ซ่ึงแบง่ ไดห้ ลาย
เปรยี บเทยี บประโยชนข์ อง รูปแบบตามเกณฑ์ทแี่ ตกต่างกัน โดยท่วั ไป
บรรยากาศแตล่ ะช้ัน นกั วิทยาศาสตรใ์ ชเ้ กณฑ์การเปลี่ยนแปลงอุณหภมู ิ
ตามความสูงแบ่งบรรยากาศไดเ้ ป็น 5 ชัน้ ไดแ้ ก่ ช้ัน
โทรโพสเฟียร์ ช้ันสตราโตสเฟียร์ ช้ันมีโซสเฟียร์ ชนั้
เทอร์โมสเฟยี ร์ และชน้ั เอกโซสเฟียร์
- บรรยากาศแต่ละชั้นมปี ระโยชนต์ ่อสง่ิ มชี วี ติ
แตกต่างกนั โดยช้นั โทรโพสเฟียร์มปี รากฏการณ์ ลม
ฟา้ อากาศท่สี ำคญั ต่อการดำรงชีวิตของส่งิ มีชวี ิต ช้ัน
สตราโตสเฟียรช์ ่วยดดู กลนื รงั สีอลั ตราไวโอเลตจาก
ดวงอาทิตย์ไม่ให้มายังโลกมากเกินไป ช้ันมโี ซสเฟียร์
ชว่ ยชะลอวัตถุนอกโลกทผี่ า่ นเข้ามา ใหเ้ กดิ การเผา
ไหม้กลายเปน็ วตั ถขุ นาดเล็ก ลดโอกาสทีจ่ ะทำความ
เสียหายแก่ส่ิงมีชีวติ บนโลก ชนั้ เทอร์โมสเฟียร์
สามารถสะท้อนคลน่ื วทิ ยุ และชั้นเอกโซสเฟียร์
เหมาะสำหรบั การโคจรของดาวเทียมรอบโลกใน
ระดบั ตำ่
184
ชั้น ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้
ท้องถิน่
ม.1 ว 3.2 ม.1/2 - ลมฟา้ อากาศ เป็นสภาวะของอากาศในเวลาหน่ึง
อธิบายปัจจยั ที่มผี ลตอ่ การ ของพื้นทีห่ นึง่ ทมี่ กี ารเปล่ียนแปลงตลอดเวลาขน้ึ อยู่
เปล่ยี นแปลงองคป์ ระกอบ กบั องค์ประกอบลมฟา้ อากาศ ไดแ้ ก่ อุณหภมู ิอากาศ
ของลมฟ้าอากาศ จากขอ้ มลู ความกดอากาศ ลม ความชืน้ เมฆ และหยาดน้ำฟ้า
ท่รี วบรวมได้ โดยหยาดน้ำฟ้าที่พบบ่อยในประเทศไทยไดแ้ ก่ ฝน
องค์ประกอบลมฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ข้นึ อยูก่ ับปัจจยั ตา่ ง ๆ เช่น ปรมิ าณรงั สจี ากดวง
อาทติ ยแ์ ละลกั ษณะพื้นผิวโลกส่งผลตอ่ อุณหภมู ิ
อากาศ อุณหภมู ิอากาศและปริมาณไอน้ำส่งผลต่อ
ความชื้น ความกดอากาศส่งผลต่อลม ความช้นื และ
ลมสง่ ผลตอ่ เมฆ
ว 3.2 ม.1/3 - พายฝุ นฟ้าคะนอง เกิดจากการทีอ่ ากาศท่ีมี
เปรียบเทียบกระบวนการ อณุ หภูมิและความชืน้ สูงเคลื่อนทข่ี ึน้ ส่รู ะดับความสงู
เกดิ พายุ ฝนฟ้าคะนองและ ทมี่ ีอุณหภูมติ ำ่ ลง จนกระท่งั ไอนำ้ ในอากาศเกดิ การ
พายหุ มุนเขตร้อน และผลที่ ควบแน่นเปน็ ละอองน้ำ และเกดิ ตอ่ เน่ืองเป็นเมฆ
มตี อ่ ส่งิ มชี วี ิตและ ขนาดใหญ่ พายุฝนฟ้าคะนองทำใหเ้ กิดฝนตกหนกั
ส่ิงแวดล้อม รวมทัง้ นำเสนอ ลมกรรโชกแรง ฟา้ แลบฟา้ ผ่า ซง่ึ อาจกอ่ ให้เกดิ
แนวทางการปฏิบตั ติ นให้ อนั ตรายต่อชวี ิตและทรัพยส์ นิ
เหมาะสมและปลอดภยั - พายุหมนุ เขตร้อนเกดิ เหนือมหาสมุทรหรอื ทะเล ที่
น้ำมอี ณุ หภูมิสงู ตง้ั แต่ 26-27 องศาเซลเซียส ข้นึ ไป
ทำใหอ้ ากาศทมี่ ีอณุ หภมู แิ ละความชื้นสงู บริเวณน้นั
เคล่ือนที่สงู ข้นึ อยา่ งรวดเรว็ เปน็ บรเิ วณกวา้ ง อากาศ
จากบริเวณอ่ืนเคล่ือนเข้ามาแทนทแ่ี ละพดั เวยี นเข้า
หาศนู ย์กลางของพายุ ยิ่งใกล้ศนู ยก์ ลาง อากาศจะ
เคลือ่ นที่พดั เวียนเกือบเป็นวงกลมและมีอัตราเรว็ สงู
ทสี่ ุด พายุหมุนเขตร้อนทำใหเ้ กดิ คล่ืนพายซุ ัดฝ่งั ฝน
ตกหนัก ซง่ึ อาจก่อให้เกดิ อันตรายต่อชวี ติ และ
ทรพั ยส์ ิน จึงควรปฏิบตั ติ นให้ปลอดภัยโดยตดิ ตาม
ขา่ วสาร การพยากรณ์อากาศ และไมเ่ ข้าไปอยู่ใน
พ้นื ทที่ ีเ่ ส่ยี งภยั
185
ชั้น ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้
ทอ้ งถ่ิน
ม.1 ว 3.2 ม.1/4 - การพยากรณอ์ ากาศเป็นการคาดการณล์ มฟา้ ขอ้ มลู การ
อธบิ ายการพยากรณอ์ ากาศ อากาศ ที่จะเกดิ ขึ้นในอนาคต โดยมีการตรวจวดั พยากรณอ์ ากาศ
และพยากรณ์อากาศอยา่ ง องคป์ ระกอบลมฟ้าอากาศ การสือ่ สารแลกเปลีย่ น ของท้องถิ่นตนเอง
ง่ายจากข้อมูลท่ีรวบรวมได้ ข้อมลู องคป์ ระกอบลมฟา้ อากาศระหว่างพ้นื ที่ การ
วิเคราะห์ข้อมูลและสรา้ งคำพยากรณ์อากาศ
ว 3.2 ม.1/5 - การพยากรณอ์ ากาศสามารถนำมาใช้ประโยชน์
ตระหนกั ถึงคุณค่าของการ ด้านต่าง ๆ เชน่ การใช้ชีวติ ประจำวัน การคมนาคม
พยากรณ์อากาศ โดย การเกษตร การป้องกัน และเฝา้ ระวังภัยพบิ ัติ ทาง
นำเสนอแนวทางการปฏิบัติ ธรรมชาติ
ตนและการใช้ประโยชน์จาก
คำพยากรณ์อากาศ
ว 3.2 ม.1/6 - ภูมอิ ากาศโลกเกิดการเปล่ยี นแปลงอยา่ งต่อเนื่อง
อธบิ ายสถานการณแ์ ละ โดยปจั จยั ทางธรรมชาติ แตป่ ัจจบุ ันการเปล่ยี นแปลง
ผลกระทบการเปลย่ี นแปลง ภูมิอากาศเกิดข้นึ อย่างรวดเร็วเนื่องจากกจิ กรรมของ
ภมู อิ ากาศโลกจากขอ้ มลู ท่ี มนษุ ย์ในการปลดปลอ่ ยแกส๊ เรือนกระจกสู่
รวบรวมได้ บรรยากาศ แกส๊ เรือนกระจกท่ีถกู ปลดปล่อยมาก
ท่สี ดุ ได้แก่ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ซ่งึ หมนุ เวียนอยู่
ในวัฏจักรคารบ์ อน
ว 3.2 ม.1/7 - การเปลยี่ นแปลงภมู อิ ากาศโลกกอ่ ใหเ้ กดิ
ตระหนกั ถึงผลกระทบของ ผลกระทบต่อสิ่งมีชวี ติ และส่งิ แวดล้อม เชน่ การ
การเปลยี่ นแปลงภูมอิ ากาศ หลอมเหลวของน้ำแข็งขวั้ โลก การเพม่ิ ขน้ึ ของระดบั
โลก โดยนำเสนอแนว ทะเล การเปล่ยี นแปลงวฏั จกั รน้ำ การเกิดโรคอบุ ัติ
ทางการปฏบิ ัติตนภายใต้ ใหม่และอบุ ตั ิซ้ำ และการเกดิ ภัยพิบตั ิทางธรรมชาติ
การเปล่ียนแปลงภูมอิ ากาศ ทีร่ นุ แรงขึน้ มนุษยจ์ ึงควรเรยี นรู้แนวทางการปฏิบัติ
โลก ตนภายใตส้ ถานการณด์ งั กลา่ ว ทงั้ แนวทางการ
ปฏบิ ัติตนให้เหมาะสมและแนวทางการลดกจิ กรรมที่
ส่งผลต่อการเปลย่ี นแปลงภมู ิอากาศโลก
186
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวติ ในสงั คมท่ีมีการเปลี่ยนแปลงอยา่ ง
รวดเร็ว ใช้ความร้แู ละทักษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตร์อืน่ ๆ เพื่อ
แก้ปัญหาหรือพฒั นางานอยา่ งมคี วามคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ
วศิ วกรรม เลอื กใช้เทคโนโลยอี ย่างเหมาะสมโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อชีวติ สังคม และ
ส่งิ แวดล้อม
ชัน้ ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้
ท้องถ่ิน
ม.1 ว 4.1 ม.1/1 - เทคโนโลยี เปน็ สิ่งท่มี นุษย์สร้างหรือพัฒนาขึ้น ซง่ึ อาจ -
อธบิ ายแนวคิดหลกั ของ เปน็ ได้ทัง้ ชิน้ งานหรือวิธีการ เพ่ือใช้แกป้ ัญหา สนอง
เทคโนโลยใี น ความต้องการ หรือเพิม่ ความสามารถในการทำงานของ
ชวี ิตประจำวันและ มนุษย์
วเิ คราะหส์ าเหตหุ รอื - ระบบทางเทคโนโลยี เปน็ กลุ่มของสว่ นตา่ ง ๆ ต้งั แต่
ปัจจยั ทสี่ ่งผลตอ่ การ สองส่วนข้นึ ไปประกอบเข้าดว้ ยกันและทำงานร่วมกัน
เปลีย่ นแปลงของ เพือ่ ให้บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ โดยในการทำงานของระบบ
เทคโนโลยี ทางเทคโนโลยีจะประกอบไปด้วยตัวปอ้ น (input)
กระบวนการ (process) และผลผลติ (output) ท่ี
สัมพนั ธก์ นั นอกจากนี้ระบบทางเทคโนโลยีอาจมีขอ้ มลู
ย้อนกลบั (feedback) เพ่ือใช้ปรับปรุงการทำงาน
ได้ตามวัตถุประสงค์ ซ่งึ การวเิ คราะห์ระบบทาง
เทคโนโลยีช่วยให้เข้าใจองค์ประกอบและการทำงานของ
เทคโนโลยี รวมถงึ สามารถปรับปรุงใหเ้ ทคโนโลยีทำงาน
ได้ตามต้องการ
- เทคโนโลยีมีการเปลีย่ นแปลงตลอดเวลาตั้งแต่อดตี จนถึง
ปัจจบุ นั ซ่ึงมสี าเหตหุ รอื ปจั จัยมาจากหลายดา้ น เช่น
ปัญหา ความตอ้ งการ ความก้าวหน้าของศาสตร์ต่าง ๆ
เศรษฐกจิ สงั คม
ว 4.1 ม.1/2 - ปญั หาหรือความต้องการในชีวิตประจำวันพบไดจ้ าก -
ระบุปัญหาหรอื ความ หลายบริบทข้ึนกบั สถานการณ์ท่ปี ระสบ เช่น การเกษตร
ต้องการในชีวติ ประจำวัน การอาหาร
รวบรวม วเิ คราะหข์ ้อมูล - การแก้ปัญหาจำเป็นต้องสบื คน้ รวบรวมขอ้ มูล ความรู้
และแนวคิดท่ีเกี่ยวข้อง จากศาสตรต์ า่ ง ๆ ทเี่ กยี่ วข้อง เพอื่ นำไปสู่ การออกแบบ
กบั ปญั หา แนวทางการแกป้ ัญหา
187
ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ท้องถ่นิ
ม.1 ว 4.1 ม.1/3 - การวเิ คราะห์ เปรียบเทยี บ และตัดสินใจเลอื กข้อมูล -
ออกแบบวธิ กี าแกป้ ญั หา ทจี่ ำเปน็ โดยคำนึงถงึ เง่อื นไข และทรัพยากรที่มอี ยู่ ชว่ ย
โดยวเิ คราะห์ ให้ไดแ้ นวทางการแกป้ ัญหาท่ีเหมาะสม
เปรียบเทียบ และ - การออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หาทำได้หลากหลาย
ตดั สนิ ใจเลือกข้อมูลท่ี วธิ ี เช่น การร่างภาพ การเขียนแผนภาพ การเขยี นผงั
จำเปน็ นำเสนอแนวทาง งาน
การแกป้ ัญหาใหผ้ ูอ้ นื่ - การกำหนดขน้ั ตอนและระยะเวลาในการทำงาน ก่อน
เข้าใจ วางแผนและ ดำเนนิ การแก้ปญั หาจะชว่ ยใหท้ ำงานสำเรจ็ ได้ตาม
ดำเนินการแกป้ ัญหา เป้าหมายและลดข้อผดิ พลาดของการทำงานท่ีอาจ
เกิดขนึ้
ว 4.1 ม.1/4 - การทดสอบ และประเมนิ ผลเป็นการตรวจสอบช้ินงาน -
ทดสอบ ประเมินผล หรอื วธิ กี ารว่าสามารถแกป้ ัญหาไดต้ ามวตั ถปุ ระสงค์
และระบุข้อบกพร่องที่ ภายใตก้ รอบของปัญหา เพื่อหาขอ้ บกพร่อง และ
เกิดขึ้น พร้อมทั้งหาแนว ดำเนนิ การปรับปรุง โดยอาจทดสอบซ้ำเพื่อให้สามารถ
ทางการปรับปรงุ แก้ไข แก้ปัญหาได้
และนำเสนอผลการ -การนำเสนอผลงานเป็นการถ่ายทอดแนวคดิ เพื่อใหผ้ ู้อ่นื
แกป้ ญั หา เข้าใจเกย่ี วกับกระบวนการทำงานและชิ้นงานหรือ
วิธีการท่ไี ด้ ซ่งึ สามารถทำได้หลายวิธี เชน่ การเขียน
รายงาน การทำแผน่ นำเสนอผลงาน การจดั นทิ รรศการ
การนำเสนอผ่านส่ือออนไลน์
ว 4.1 ม.1/5 - วสั ดแุ ตล่ ะประเภทมสี มบตั ิแตกต่างกนั เชน่ ไม้ โลหะ - กรณศี ึกษา
ใช้ความรูแ้ ละทักษะ พลาสติก จึงต้องมีการวเิ คราะห์สมบตั ิ เพือ่ เลือกใช้ให้ เครอ่ื งมือท่ีใชใ้ น
เก่ยี วกบั วัสดุ อุปกรณ์ เหมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน การทำนาของชาว
เครอ่ื งมือ กลไก ไฟฟ้า - การสรา้ งชิ้นงานอาจใชค้ วามรู้ เร่ืองกลไก ไฟฟา้ ลาวเวยี ง
หรอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ เพ่ือ อิเล็กทรอนกิ ส์ เช่น LED บซั เซอร์ มอเตอรว์ งจรไฟฟ้า
แก้ปญั หาได้อย่างถูกต้อง - อปุ กรณแ์ ละเคร่ืองมือในการสร้างชนิ้ งานหรอื พฒั นา
เหมาะสมและปลอดภยั วธิ ีการมีหลายประเภท ตอ้ งเลอื กใช้ให้ถูกต้อง เหมาะสม
และปลอดภัย รวมทัง้ รู้จักเกบ็ รักษา
188
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปญั หาที่พบในชีวติ จรงิ อย่างเปน็ ขน้ั ตอนและ
เป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการ
แกป้ ัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รูเ้ ทา่ ทัน และมจี รยิ ธรรม
สาระการ
ช้นั ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง เรยี นรู้
ทอ้ งถิน่
ม.1 ว 4.2 ม.1/1 - แนวคดิ เชิงนามธรรม เปน็ การประเมินความสำคญั ของ - กรณศี กึ ษา
ออกแบบ รายละเอยี ดของปัญหา แยกแยะส่วนทเี่ ปน็ สาระสำคัญ การแก้ไข
อลั กอริทึมที่ใช้แนวคิดเชงิ ออกจากสว่ นที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ปญั หาปจั จัย
นามธรรมเพ่ือแกป้ ัญหาหรอื - ตัวอยา่ งปัญหา เช่น ตอ้ งการปหู ญา้ ในสนาม ตามพนื้ ท่ี ในการทำนา
อธิบายการทำงานที่พบใน ทก่ี ำหนด โดยหญ้าหนึ่งผนื มีความกว้าง 50 เซนตเิ มตร ของชาวลาว
เวียง
ชีวิตจริง ยาว 50 เซนติเมตร จะใชห้ ญ้าท้ังหมดก่ผี ืน
ว 4.2 ม.1/2 - การออกแบบและเขยี นโปรแกรมที่มีการใช้ตวั แปร
ออกแบบและเขียน เง่อื นไข วนซ้ำ
โปรแกรมอยา่ งง่าย เพ่ือ - การออกแบบอัลกอริทึม เพื่อแกป้ ัญหา ทาง
แก้ปัญหาทางคณติ ศาสตร์ คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์อย่างง่าย อาจใช้แนวคิดเชิง
หรอื วทิ ยาศาสตร์ นามธรรมในการออกแบบ เพ่ือให้การแก้ปัญหามี
ประสทิ ธิภาพ
- การแก้ปัญหาอย่างเปน็ ขั้นตอนจะช่วยให้แก้ปญั หาได้
อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
- ซอฟต์แวร์ที่ใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch,
python, java, c
- ตวั อยา่ งโปรแกรม เชน่ โปรแกรมสมการ การเคลอ่ื นที่
โปรแกรมคำนวณหาพน้ื ที่ โปรแกรมคำนวณดัชนมี วลกาย
ว 4.2 ม.1/3 - การรวบรวมข้อมลู จากแหลง่ ข้อมลู ปฐมภูมิ ประมวลผล
รวบรวมข้อมลู ปฐมภูมิ สร้างทางเลือก ประเมนิ ผล จะทำให้ไดส้ ารสนเทศเพ่ือใช้
ประมวลผล ประเมินผล ในการแก้ปญั หาหรือการตดั สินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นำเสนอข้อมลู และ - การประมวลผลเปน็ การกระทำกับข้อมูล เพอ่ื ใหไ้ ด้
สารสนเทศ ตาม ผลลพั ธ์ที่มคี วามหมายและมปี ระโยชนต์ อ่ การนำไปใช้งาน
วัตถุประสงคโ์ ดยใช้ สามารถทำไดห้ ลายวิธี เชน่ คำนวณอัตราสว่ น คำนวณ
ซอฟตแ์ วร์ หรือบริการบน คา่ เฉล่ยี
อนิ เทอร์เน็ตท่ีหลากหลาย - การใช้ซอฟต์แวรห์ รอื บรกิ ารบนอนิ เทอร์เนต็ ท่ี
หลากหลายในการรวบรวม ประมวลผล สร้างทางเลอื ก
189
สาระการ
ชั้น ตวั ชี้วดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง เรียนรู้
ทอ้ งถิน่
ประเมินผล นำเสนอ จะช่วยใหแ้ ก้ปัญหาไดอ้ ย่างรวดเร็ว
ถูกต้อง และแมน่ ยำ
- ตัวอย่างปัญหา เน้นการบรู ณาการกับวิชาอืน่ เชน่ ต้มไข่
ให้ตรงกบั พฤติกรรมการบรโิ ภค คา่ ดชั นมี วลกายของคน
ในทอ้ งถ่นิ การสรา้ งกราฟผลการทดลองและวเิ คราะห์
แนวโนม้
ว 4.2 ม.1/4 - ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั เช่น การ
ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ปกป้องความเปน็ สว่ นตวั และอตั ลกั ษณ์
อย่างปลอดภยั ใชส้ ื่อและ - การจัดการอัตลักษณ์ เช่น การตง้ั รหัสผา่ น การปกป้อง
แหลง่ ขอ้ มูลตามข้อกำหนด ข้อมูลสว่ นตัว
และข้อตกลง - การพจิ ารณาความเหมาะสมของเนอ้ื หา เชน่ ละเมิด
ความเปน็ สว่ นตัวผู้อ่ืน อนาจาร วิจารณ์ผอู้ น่ื อยา่ งหยาบ
คาย
- ขอ้ ตกลง ข้อกำหนดในการใชส้ อ่ื หรือแหลง่ ข้อมลู ต่าง ๆ
เช่น Creative commons
190
คำอธิบายรายวชิ าและโครงสร้างรายวชิ า
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1
191
คำอธบิ ายรายวชิ า
ว 21101 วทิ ยาศาสตร์ 1 กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 60 ชัว่ โมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต
..........................................................................................................................................................................
อธบิ าย สมบตั ิทางกายภาพรวมทั้งจดั กลมุ่ ธาตุโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ ความหนาแนน่ ของสารบรสิ ทุ ธิแ์ ละ
สารผสม โครงสรา้ งอะตอมและสว่ นประกอบ การจัดเรียงอนภุ าค ความสัมพันธ์ระหวา่ งอะตอมธาตุและสารประกอบ
แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างอนุภาคและการเคล่ือนทีข่ องอนุภาคของสารชนดิ เดียวกนั ในสถานะของแขง็ ของเหลวและแก๊ส
ความสัมพนั ธ์ระหว่างพลังงานความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะของสสาร โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์และแบบจำลอง
ความสัมพันธ์ระหว่างรูปร่างกับการทำหน้าที่ของเซลล์ การจัดระบบของสิ่งมีชีวิต ลักษณะและหน้าที่ของไซเลม
และโฟลเอม การปฏิสนธิของพืชดอก การเกิดผลและเมล็ด การกระจายเมล็ด และการงอกของเมล็ด กระบวนการ
แพร่ และออสโมชิส รวมทั้งยกตัวอย่างที่พบในชีวิตประจำวัน ความสำคัญของการสังเคราะห์ด้วยแ สงของพืชต่อ
สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม การสืบพนั ธุ์แบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศของพืชดอก ลักษณะโครงสร้างของดอกท่ีมสี ่วน
ทำให้เกิดการถ่ายเรณู ความสำคัญของธาตุอาหารบางชนิดที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและการดำรงชีวิตของพืช
ความสำคัญของเทคโนโลยกี ารเพาะเลีย้ งเน้ือเย่ือพชื ในการใชป้ ระโยซน์ดา้ นตา่ ง ๆ การทำนาของชาวลาวเวียง รวมท้ัง
บรรยายหน้าที่ของผนังเซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาสซึม นิวเคลียส แวคิวโอล ไมโทคอนเตรีย และคลอโรพลาสต์
เปรียบเทียบจุดเดือด จุดหลอมเหลวของสารบริสุทธิ์และสารผสม ความหนาแน่นของสารบริสุทธิ์และสารผสม การ
จัดเรียอนุภาคแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคและการเคลื่อนที่ของอนุภาคของ สสารชนิดเดียวกันในสถานะของแข็ง
ของ เหลวและแก๊ส รูปร่างและโครงสร้างของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์รวมทั้งเขียนแผนภาพที่บรรยายทิศทางการ
ลำเลียงสารในไซเลมและโฟลเอมของพขื และระบุปจั จยั ทจ่ี ำเปน็ ในการสงั เคราะหด์ ้วยแสงและผลผลติ ทเ่ี กดิ ขึ้นจากการ
สังเคราะห์ด้วยแสงวิเคราะห์ผลจากการใช้ธาตุโลหะ อโลหะกึ่งโลหะ และธาตุกัมมันตรังสีที่มีต่อสิ่งมีชีวิตสิ่งแวดล้อม
เศรษฐกิจและสังคม ใช้เครื่องมือเพื่อวัดมวลและปริมาตรของสารบริสุทธิ์แสะสารผสม กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง
ศึกษาเชลล์และโครงสร้างต่าง ๆ ภายในเซลล์ เลือกใช้ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารเหมาะสมกับพืชใน สถานการณ์ที่กำหนด
วธิ ีการขยายพันธุ์พืชให้เหมาะสมกับความตอ้ งการของมนุษย์
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสีบค้นข้อมูลบันทึก
จัดกลุ่มข้อมูลและการอภิปราย การคิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ คิดแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยใช้ข้อมูล
หลากหลายและประจกั ษพ์ ยานท่ีตรวจสอบได้
เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ สามารถสื่อสารส่ิงที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจนำความรู้ไปใช้ใน
ชีวิตประจำวัน รวมทั้งตระหนักถึงคุณค่าของการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ ธาตุกัมมันตรังสี คุณค่าของพืชที่มีตอ่
สิ่งมีชวี ิตและสง่ิ แวดลอ้ ม ความสำคัญชองสัตว์ท่ีชว่ ยในการถา่ ยเรณูของพืชดอก ประโยชน์ของการขยายพันธุ์พืช มีจิต
วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและค่นิยมที่เหมาะสมปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ก้าวเข้ามามีบทบาทใน
ชีวิต ภายใต้การแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19)
รหสั ตวั ชว้ี ัด มาตรฐาน ว 1.2 ม.1/1 - 18
มาตรฐาน ว 2.1 ม.1/1 – 10
รวมทงั้ หมด 28 ตวั ช้วี ดั
192
โครงสรา้ งรายวชิ า
ว 21101 วทิ ยาศาสตร์ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 60 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต
ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ เนอ้ื หา เวลา นำ้ หนัก
ตวั ชี้วดั (ชว่ั โมง) คะแนน
1. เราจะเรียนรู้ - ความสำคัญและความหมายของ 60
วิทยาศาสตร์อย่างไร วทิ ยาศาสตร์ กระบวนการทำงานของ
วทิ ยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์
2. สารและสมบตั ิ ว 2.1 ม.1/1-10 จุดเดือดและจดุ หลอมเหลว ความ 18 15
ของสาร หนาแน่น การจำแนกสารบรสิ ุทธ์ิ
โครงสร้างอะตอม การจำแนกธาตแุ ละ
การใชป้ ระโยชน์
3. เซลล์และ ว 1.2 ม.1/1-5 การศึกษาเซลลด์ ้วยกล้องจุลทรรศน์ 9 15
องคป์ ระกอบของเซลล์ โครงสร้างและหนา้ ที่ของเซลล์
การแพร่ ออสโมซิส
4. การสังเคราะห์ด้วย ว 1.2 ม.1/6-8 ปัจจัยและผลผลิตของการสงั เคราะห์ 9 10
แสง ด้วยแสง
5. การลำเลยี งน้ำและ ว 1.2 ม.1/9-10 ธาตุอาหาร การลำเลียงในพชื 5 15
อาหารของพืช ว 1.2 ม.1/14-15
6. การสืบพนั ธ์ุของพชื ว 1.2 ม.1/11-13 การสบื พันธุ์แบบอาศัยเพศและไม่อาศัย 11 15
(บรู ณาการหลักสตู ร ว 1.2 ม.1/16-18 เพศของพืชดอก การขยายพนั ธขุ์ องพืช
ท้องถน่ิ เรอื่ งการทำนา ดอก การทำนาของชาวลาวเวียง
ของชาวลาวเวยี ง)
คะแนนระหวา่ งเรียน หน่วยการเรยี นรู้ 58 70
สอบระหวา่ งภาค 1 15
คะแนนปลายภาค สอบปลายภาค 1 15
รวมทั้งส้ินตลอดภาคเรยี น 60 100
หมายเหตุ - อตั ราสว่ นคะแนนระหว่างเรียนกับการสอบปลายภาค 70/30
193
คำอธิบายรายวิชา
ว 21102 วิทยาศาสตร์ 2 กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 60 ชัว่ โมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต
..................................................................................................................................................
วิเคราะห์ ความหมายข้อมูล และคำนวณปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิและเปลี่ยนสถานะ
โดยใช้สมการ Q = mc∆t และ Q = mL ใช้เทอร์มอมิเตอร์ในการวัดอุณหภูมิของสสาร สร้างแบบจำลองที่อธิบาย
การขยายตัว หรือหดตัวของสสารเนื่องจากได้รับหรือสูญเสียความร้อน ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการหด
และขยายตัวของสสารเนื่องจากความร้อน โดยวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหา และเสนอแนะวิธีการนำความรู้มา
แก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน วิเคราะห์สถานการณ์การถ่ายโอนความร้อน และคำนวณปริมาณความร้อนที่ถ่ายโอน
ระหว่างสสารจนเกิดสมดุลความร้อนโดยใช้สมการ Q สญู เสยี = Q ได้รบั สร้างแบบจำลองทอี่ ธบิ ายการถา่ ยโอนความร้อน
โดยการนำความร้อน การพาความร้อน การแผ่รังสีความร้อน ออกแบบเลือกใช้และสร้างอุปกรณ์เพื่อแก้ปัญหาใน
ชีวิตประจำวันโดยใช้ความรู้เกี่ยวกับการถ่ายโอนความร้อน กรณีศึกษาการอยู่ไฟของชาวลาวเวียงหลังให้กำเนิด
สรา้ งแบบจำลองทอ่ี ธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหว่างความดันอากาศกบั ความสูงจากพื้นโลก สรา้ งแบบจำลองที่อธิบายการ
แบ่งชั้นบรรยากาศและเปรียบเทียบประโยชน์ของบรรยากาศแต่ละชั้น อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการเปล่ี ยนแปลง
องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ จากข้อมูลที่รวบรวมได้ เปรียบเทียบกระบวนการเกิดพายุฝนฟา้ คะนองและพายหุ มนุ
เขตร้อน และผลที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนำเสนอแนวทางการปฏิบัติตนให้เหมาะสมและปลอดภัย
อธิบายการพยากรณ์อากาศและพยากรณ์อากาศอย่างงย่ จากข้อมลู ท่ีรวบรวมได้ ตระหนักถึงคุณคา่ ของการพยากรณ์
อากาศ โดยนำเสนอแนวทางการปฏิบัติตนและการใช้ประโยชน์จากการพยากรณ์อากาศ อธิบายสถานการณ์และ
ผลกระทบการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกจากข้อมูลที่รวบรวมได้ ตระหนักถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลง
ภมู อิ ากาศโลกโดยนำเสนอแนวทาง
การปฏิบัติตนภายใต้การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหา
ความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบคน้ ขอ้ มลู บนั ทึก จัดกลมุ่ ข้อมูล อธิบาย อภิปรายและสร้างแบบจำลอง เพอื่ ให้
เกิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถนำเสนอส่อื สารสง่ิ ทเี่ รียนรู้ มคี วามสามารถในการตัดสิน โดยใช้หลักฐานเชิง
ประจักษ์ที่ได้จากการสงั เกต การออกแบบ เลือกใช้ สร้างอุปกรณ์การทดลองแบบจำลอง และใช้สารสนเทศทีไ่ ด้จาก
แหล่งข้อมูลต่าง ๆ
พร้อมเห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรมจริยธรรม
และค่านยิ มที่เหมาะสม ปรับตัวใหเ้ ข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ก้าวเข้ามามีบทบาทในชีวติ ภายใต้การแพร่ระบาดของ
โรคตดิ เช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
รหัสตวั ชว้ี ัด ม.1/1
มาตรฐาน ว 2.2 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5, ม.1/6, ม.1/7
มาตรฐาน ว 2.3 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5, ม.1/6, ม.1/7
มาตรฐาน ว 3.2
194
รวมท้ังหมด 15 ตวั ชี้วัด
โครงสร้างรายวิชา
ว 21102 วิทยาศาสตร์ 2 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 60 ชัว่ โมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต
ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ เนอ้ื หา เวลา น้ำหนัก
ตัวช้ีวดั (ชั่วโมง) คะแนน
1. ความรอ้ นและการ ว 2.3 ม.1/1-4 - แบบจำลองอนุภาคของสสารในแตล่ ะสถานะ 16 20
เปลย่ี นแปลงของสสาร - ความร้อนกับการเปลยี่ นแปลงอุณหภมู ขิ อง
สสาร
- ความรอ้ นกับการขยายตัวหรอื หดตวั ของสสาร
- ความรอ้ นกบั การเปล่ยี นสถานะของสสาร
2. การถ่ายโอนความ ว 2.3 ม.1/5-7 - การถ่ายโอนความร้อนในชีวิตประจำวนั 15 15
ร้อนและสมดุลความ - สมดุลความรอ้ น
รอ้ น (บรู ณาการ - กรณีศกึ ษา การอยู่ไฟของชาวลาวเวียงหลังให้
หลกั สูตรท้องถน่ิ เรอ่ื ง กำเนิด
กรณีศึกษา การอยู่ไฟ
ของชาวลาวเวยี งหลงั
ใหก้ ำเนดิ )
3. ลมฟา้ อากาศ ว 2.2 ม.1/1 - บรรยากาศของเรา 11 15
รอบตวั ว 3.2 ม.1/1-2 - อณุ หภมู อิ ากาศ
- ความกดอากาศและลม
- ความชืน้
4. มนุษยแ์ ละการ ว 3.2 ม.1/3-7 - เมฆและฝน 16 20
เปลยี่ นแปลงลมฟา้ - พายุ
อากาศ - การพยากรณอ์ ากาศ
- การเปลย่ี นแปลงภูมอิ ากาศโลก
คะแนนระหวา่ งเรียน คะแนนหน่วยการเรยี นรู้ 58 70
สอบระหว่างภาค 1 15
คะแนนปลายภาค สอบปลายภาค 1 15
รวมท้ังสน้ิ ตลอดภาคเรียน 60 100
หมายเหตุ - อตั ราส่วนคะแนนระหว่างเรียนกับการสอบปลายภาค 70/30
195