พระพุทธรูปทรงเครื่อง
ฉลองพระองค์ “พระจอมเกล้า”
พชิ ญา สุ่มจินดา
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
234
ความน�ำ
ก่อนชนชั้นน�ำสยามในช่วงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจา้ อยหู่ วั จะตอ้ นรบั อทิ ธพิ ลจากชาตติ ะวนั ตก โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ แนวคดิ
เร่ือง “ความจรงิ ” และ “ความสมจริง” เชงิ ประจักษ์จากโลกตะวนั ตก
แต่ไหนแต่ไรมาการสรา้ ง “รปู เหมอื น”๑ ของบคุ คลเป็นสิง่ ทชี่ าวสยาม
แทบไมเ่ คยรจู้ กั มกั คนุ้ และไมก่ ลา้ เปดิ ใจยอมรบั ดว้ ยรปู บคุ คลทช่ี าวสยาม
คุ้นเคยล้วนเปน็ “รปู สมมติ” หรอื “รูปแทนตัว” ซง่ึ กน็ ยิ มสรา้ งกันก็
ต่อเมือ่ บคุ คลน้นั หาชวี ติ ไม่แล้ว ไม่นิยมสร้างกนั ขณะยังมชี ีวติ อยู่ อาจ
จะด้วยความเช่ือเร่ืองการท�ำคุณไสยกฤตยาคมว่าคนเราอาจท�ำร้ายกัน
ได้โดยผ่านรูปปั้นของบุคคลท่ีถูก “ปั้นรูป”๒ น่ันเอง ในทางตรงข้าม
ชาวตะวนั ตกผูน้ ยิ มแนวคดิ เร่ืองความจริงและความสมจรงิ เชงิ ประจกั ษ์
ล้วนนิยมสร้างรูปบุคคลท่ีเป็นรูปเหมือนอย่างเปิดเผยเป็นเร่ืองปกติมา
นานนับพันปี ปรากฏในรูปแบบของงานทัศนศลิ ปต์ ่างๆ ท้ังจิตรกรรม
ประติมากรรม ภาพพมิ พ์ หรอื แมก้ ระทง่ั ภาพถา่ ย
อิทธิพลทางวัฒนธรรมจากชาติตะวันตกท่ีเข้ามาแรงในสยามยามเปลี่ยน
ผ่านขณะนั้น ส่งผลให้เกิดการผลิตรูปเหมือนกันอย่างแพร่หลายในหมู่ชนช้ัน
น�ำของสยาม และเปล่ียนแปลงค่านิยมในการสร้างรูปสมมติของบุคคลมาสู่
การสร้างรูปเหมือนในท่ีสุด จนกลายเป็นว่าคนไทยในปัจจุบันแทบไม่รู้จักรูป
สมมติหรือรูปแทนตัวกันแล้วเพราะคุ้นเคยกับรูปเหมือนของบุคคลตามแบบ
ตะวันตกมากกว่า เช่น ผู้เขียนเองก็ประสบปัญหาบ้างเม่ือต้องอธิบายเรื่องรูป
สมมติหรือรูปแทนตัวให้นักศึกษาเข้าใจในขณะท่ีรูปเหมือนเป็นส่ิงที่เข้าใจได้
โดยไม่ต้องอธิบาย ดังน้ัน เพ่ือความเข้าใจเก่ียวกับเรื่องนี้ผู้เขียนขอจ�ำแนกรูป
บุคคล หรือรูป “โมนูเมนต์” (Monument) ตามพระมติของสมเด็จพระเจ้า
บรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานภุ าพได้ ๓ ประเภทด้วยกนั คือ
๑. รูปสมมติ หมายถึง รปู ทท่ี �ำข้นึ เพ่ืออุทศิ เฉพาะต่อบุคคล มักสร้าง
เป็นเทวรูปหรือพระพทุ ธรูปตามลัทธิศาสนาของผู้น้ัน ในสมยั โบราณนิยมสร้าง
รูปประเภทนี้เป็นหลัก การสร้างพระบรมรูปของพระมหากษัตริย์กัมพูชาหรือ
สยามยุคโบราณก็มักท�ำเป็นเทวรูปฉลองพระองค์ เช่น เทวรูปฉลองพระองค์
ของ “พระนางราเชนทรเทว”ี พระอัยกีของพระเจ้ายโศธรวรมนั ท่ี ๑ (ครองราชย์
พทุ ธศกั ราช ๑๔๓๒-๑๔๕๓) ในรปู แบบพระนางปารวตี (พระอมุ า) พบในปราสาท
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
235
โลเลย จังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพชู า๓ ซึ่งพระเจ้ายโศธรวรมันท่ี ๑ ทรง
สร้างเพื่อประดิษฐานเทวรูปฉลองพระองค์ของพระชนก พระชนนี พระ
อัยกา และพระอัยกีของพระองค์ในรูปแบบพระศิวะและพระนางปารวตี “เพื่อ
ประโยชน์สุขแห่งดวงพระวิญญาณในสัมปรายภพ”๔ ปัจจุบันจัดแสดงใน
พพิ ิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรงุ พนมเปญ ประเทศกมั พูชา หรอื กรณที ่ีพระบาท
สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระพุทธรูปทรงเคร่ืองฉลองพระองค์
คือ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์และพระพุทธเลิศหล้าสุราลัย (ต่อมารัชกาล
ภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) บนฐานชุกชีเป็นท่ีประดิษฐาน
พระพุทธรูปทรงเครอื่ งฉลองพระองคข์ องสมเดจ็ พระบรมราชวงศ์ทสี่ ร้างข้ึนในรัชกาลที่ ๑ ถงึ รัชกาล
ท่ี ๓ ทั้งหมด ๑๐ องค์ ส่วนพระพทุ ธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ขนาดใหญท่ างดา้ นหนา้ องค์ขวา
ของภาพมีพระนามว่าพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ องค์ซ้ายของภาพมีพระนามว่าพระพุทธเลิศหล้า
นภาลยั รชั กาลท่ี ๓ โปรดเกล้าฯ ใหส้ ร้างขนึ้ เพื่อทรงพระราชอุทิศถวายเป็นพระพุทธรปู ทรงเครือ่ ง
ฉลองพระองคข์ องรัชกาลท่ี ๑ และรชั กาลท่ี ๒ ตามลำ� ดบั (ภาพจาก จิตรกรรมพระพุทธประวตั ิใน
พระอุโบสถวัดพระศรรี ตั นศาสดาราม, ๒๕๔๗)
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
236
ท่ี ๔ ทรงเปล่ียนเป็นนภาลัย) เพ่ือทรงพระราชอุทิศให้เป็นรูปสมมติของพระ
มหากษัตริย์ท้ัง ๒ พระองค์ตามล�ำดับ ประดิษฐานในพระอุโบสถวัดพระ
ศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) การสร้างพระพุทธรูปเป็นรูปสมมติแบบน้ี
ส�ำหรับพุทธศาสนิกชนชาวสยามในอดีตนิยมเรียกว่า “พระแทนตัว” ถ้าสูงเท่า
ผู้นั้นก็เรียกว่า “พระเท่าตัว” แต่ถ้าเป็นพระมหากษัตริย์หรือเจ้านายมักเรียก
กันว่า “พระพุทธรูปฉลองพระองค์” หรือโบราณเรียกว่า “พระพุทธรูปสนอง
พระองค์” ก็มี
๒. รูปต่างตัวหรือรูปแทนตัว คือ รูปท่ีท�ำข้ึนโดยมีลักษณะอย่าง
มนุษย์ธรรมดาไม่ได้ตั้งใจท�ำให้เหมือนบุคคลนั้นและไม่ถึงข้ันลอกเลียนแบบ
จากธรรมชาตทิ ง้ั หมด๕ หรอื อาจเรยี กไดว้ า่ เปน็ “รปู เสมอื น” ผพู้ บเหน็ สามารถ
รับรู้ได้ด้วยเคร่ืองหมายหรือสัญลักษณ์อันเป็นอัตลักษณ์ของบุคคลดังกล่าว
เป็นส�ำคญั ทร่ี ู้จกั กันดกี ็เช่นพระรูปของสมเด็จพระสังฆราช (ทอง) หรอื ทีร่ ู้จกั
กนั ในพระนามสมเดจ็ พระสงั ฆราชแตงโมในอโุ บสถวดั ใหญส่ วุ รรณาราม จงั หวดั
เพชรบรุ ี หรอื รปู นายนก นายเรอื ง ผ้เู ผาตวั เองถวายเปน็ พทุ ธบชู า ปจั จบุ นั อยใู่ น
ศาลาข้างซุ้มประตูยอดมงกุฎหน้าพระอโุ บสถวดั อรุณราชวราราม เป็นต้น
๓. รปู เหมอื นตัวหรือรปู เหมือน คอื รปู ทตี่ ัง้ ใจท�ำให้เหมือนตัวบคุ คล
ทั้งหน้าตา การแต่งกาย หรือบุคลิกลักษณะ การสร้างรูปเหมือนตัวอาจกล่าว
ได้ว่าเป็นอิทธิพลจากวัฒนธรรมการสร้างรูปเหมือนของชาวตะวันตก๖ เช่น
พระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าในปราสาทพระเทพบิดร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงเคร่ืองต้นซ่ึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างข้ึนเพ่ือ
ทรงสักการบูชาในพระที่น่ังอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อพุทธศักราช
๒๔๔๙ พร้อมกับพระป้ายจารึกพระปรมาภิไธยสมเด็จพระบรมชนกนาถที่
ทรงเชิญจากพระที่นั่งมหิศรปราสาทในพระบรมมหาราชวัง๗ เป็นต้น มีเพียง
กรณีเดียวเท่านั้นท่ีเป็นการสร้างรูปเหมือนโดยปลอดจากอิทธิพลตะวันตก
อย่างแท้จริง คือ พระบรมรูปของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ แห่งกัมพูชา (ครอง
ราชย์พุทธศักราช ๑๗๒๕/๒๖-ประมาณ ๑๗๖๑) จากปรางค์พรหมทัตของ
ปราสาทพิมาย อ�ำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันจัดแสดงในพิพิธ
ภณั ฑสถานแห่งชาติ พมิ าย จงั หวัดนครราชสมี า
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
237
พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเคร่ืองต้นและพระแสงขรรค์ชัยศรี
ซง่ึ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงสรา้ งขนึ้ เพอื่ ทรงสกั การบชู าในพระทนี่ งั่ อมั พรสถาน
พระราชวงั ดสุ ติ เมอื่ พ.ศ. ๒๔๔๙ ประดษิ ฐานพรอ้ มกบั พระปา้ ยจารกึ พระปรมาภไิ ธยสมเดจ็ พระบรม
ชนกนาถท่ีทรงเชิญจากพระท่ีนั่งมหิศรปราสาทในพระบรมมหาราชวัง (ภาพจาก จิตรกรรมและ
ประติมากรรมแบบตะวันตกในราชสำ� นัก เล่ม ๑, ๒๕๓๗)
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
238
พระพุทธรูปฉลองพระองค์
และพระพุทธรูปทรงเคร่ืองฉลองพระองค์
การสร้างพระพทุ ธรูปแทนตวั ถือเป็น “รูปสมมติ” ตามอุดมคตแิ บบไทย
ประเพณี เพราะถึงอย่างไรพระพุทธรูปก็สร้างข้ึนด้วยแนวคิดเชิงอุดมคติ
ย่อมไม่มีความละม้ายคล้ายคลึงกับผู้สร้างหรือผู้อุทิศให้ตามข้อเท็จจริง
เชิงกายภาพอยู่แล้ว แต่กระนั้นก็ตาม การจะนับเป็นพระพุทธรูปแทนตัว
หรือไม่นัน้ ผู้เขยี นเหน็ ว่าคงต้องดูท่ี “เจตนา” ของผู้สร้างเป็นหลกั เพราะไม่ว่า
พระพุทธรูปองค์น้ันจะมีความสูงเท่าไร (ซึ่งก็ไม่จ�ำเป็นต้องสูงเท่าบุคคลนั้น
เสมอไป) เป็นพระพุทธรูปยืนหรือประทับเป็นปางใด ทรงเคร่ืองหรือไม่ สร้าง
โดยเจ้านาย ขนุ นาง หรอื ไพร่กด็ ี หากเจตนาของผู้สร้างต้องการให้พระพุทธรูป
องค์นั้นเป็นรูป “สมมติ” แทนตนเองหรือผู้ท่ีตนอุทิศให้แล้วก็ย่อมเป็นพระ
พุทธรูปแทนตัวหรือพระพุทธรูปฉลองพระองค์ได้เหมือนกัน๘ ตัวอย่างเก่าแก่
ของการสร้างพระพุทธรูปฉลองพระองค์ซ่ึงเป็นพระพุทธรูป “เท่าตัว” หรือ
ท่ีล้านนาเรียกว่า “พระเจ้าค่าคิง” ปรากฏในชินกาลมาลีปกรณ์ เอกสารทาง
พุทธศาสนาส�ำคัญของล้านนา กล่าวถึง พญาแก้วหรือพระเมืองแก้ว (พุทธ
ศกั ราช ๒๐๓๘-๒๐๖๘) กษตั รยิ ล์ า้ นนาทรงสรา้ งพระพทุ ธรปู ดว้ ยทองคำ� บรสิ ทุ ธ์ิ
น้�ำหนักเท่ากับพระองค์เมื่อพุทธศักราช ๒๐๕๔ “เป็นพระพุทธรูปน่ัง ส่วนสูง
มีขนาดเท่ากับพระมหากษัตริย์ทรงยืน”๙ หรือแม้แต่สมเด็จพระปฐมบรม
มหาชนกที่ทรงเป็นเพียงสามัญชนในสมัยอยุธยา ก็ทรงสร้างพระพุทธรูป
แทนตัวหล่อจากสัมฤทธิ์ประดิษฐานไว้ในวัดสุวรรณดารารามที่กรุงเก่า พระ
อารามประจ�ำพระราชตระกูลของพระองค์๑๐ เป็นต้น
พระมหากษัตริย์หรือเจ้านายก็มีพระราชนิยมในการสร้างพระพุทธรูป
แทนตัวหรือพระพุทธรูปเท่าตัวเช่นกัน หากเป็นพระพุทธรูปแทนตัว หรือ
เท่าตัวมักเรียกรวมกันว่า “พระพุทธรูปฉลองพระองค์” ถ้าพระพุทธรูปน้ัน
ทรงเคร่ืองประดับด้วยก็เรียกกันว่า “พระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์”๑๑
การสรา้ งพระพทุ ธรปู ทรงเครอ่ื งฉลองพระองค์ในสมยั อยธุ ยาปรากฏในพระราช
พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เช่น ในรัชกาลของสมเด็จพระเอกาทศรถ (ครอง
ราชย์พุทธศักราช ๒๑๔๘-๒๑๕๓) ทรงสร้าง “พระพุทธรูปสนองพระองค์”
(พระพทุ ธรูปฉลองพระองค์) ไว้ถงึ ๕ องค์
“องค์หน่ึงบุทองนพคุณ ทรงเคร่ืองมงกุฎกุณฑลพาหุรัดย่อมประดับ
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
239
เนาวรัตน และบัลลังก์น้ันบุทองจ�ำหลักประดับเพชรรัตน องค์หน่ึงบุทอง
นพคุณ บัลลังก์นั้นบุทองจ�ำหลัก องค์หนึ่งน้ันเป็นพระพุทธปฏิมานาคาสนะ
[พระพทุ ธรปู นาคปรก - ผ้เู ขยี น] พระพทุ ธรปู องคน์ นั้ รจนาดว้ ยนากสวาสด์ิ และ
เครอื่ งทรงนน้ั ทองจำ� หลกั ประดบั เนาวรตั น และบลั ลงั กน์ นั้ รจนาดว้ ยนากสวาสด์ิ
พระพุทธปฏิมาบเุ งนิ สององค์ และฐานเงินจำ� หลกั สรรพางค์” ๑๒
ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พุทธศักราช ๒๑๙๙-๒๒๓๑)
กท็ รงสร้าง “สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ” เป็นพระพทุ ธรปู ทรงเครือ่ งปางห้าม
สมุทร สูง ๔ ศอก ๑ คบื ๑๓ (ประมาณ ๒ เมตรเศษ) อนุมานได้ว่าคงเป็นพระ
พุทธรูปทรงเคร่ืองฉลองพระองค์ หรือในค�ำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม
กก็ ล่าวถงึ สมเด็จพระเจ้าอทุ ุมพร (ครองราชย์พุทธศกั ราช ๒๓๐๑)
“มพี ระโองการรบั สงั่ ใหเ้ อาพระโกษทองทง้ั สองและเครอื่ งอปุ ะโภคบรโิ ภค
เครอ่ื งทองทั้งปวงและเครื่องประดบั ประดาทั้งปวงมา จ่ึงเรียกบันดาช่างทั้งปวง
เข้ามาแล้วจ่ึงให้หล่อพระพุทธรูปท้ังสองพระองค์ประดับประดาทรงเครื่อง...
แทนทีพ่ ระบิดาและพระชนนไี ว้เป็นธบิ ดี”๑๔
แม้ว่าพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์เหล่านี้ได้อันตรธานไปพร้อม
กบั การเสยี กรุงศรีอยุธยาคร้งั ที่ ๒ เม่ือพทุ ธศกั ราช ๒๓๑๐ แต่ธรรมเนยี มการ
สร้างพระพุทธรูปทรงเคร่ืองฉลองพระองค์ได้สืบทอดมายังสมัยรัตนโกสินทร์
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงปราบดาภิเษกขึ้นครองราช
สมบัติ ทรงร้ือฟื้นธรรมเนียมการสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์
ข้ึนใหม่อันมีความหมายโดยนัยเพื่อแสดงถึงความเป็นพระมหากษัตริย์อย่าง
สมบรู ณต์ ามโบราณราชประเพณแี ตค่ รงั้ กรงุ ศรอี ยธุ ยา รวมถงึ การจรรโลงความ
ศักดิ์สิทธิ์และความเป็น “เจ้า” ให้กับพระองค์และพระประยูรญาติท่ีเคยเป็น
สามัญชนมาก่อนด้วย พระพทุ ธรปู ทรงเครื่องฉลองพระองค์เหล่านล้ี ้วนประดับ
ประดาด้วยเครื่องต้นเคร่ืองทรงอลังการเช่นเดียวกับในสมัยอยุธยาดุจพระ
พทุ ธเจา้ ผทู้ รงเปน็ พระเจา้ จกั รพรรดิ เปน็ สง่ิ ศกั ดส์ิ ทิ ธอ์ิ นั ประดษิ ฐาน ณ ศนู ยก์ ลาง
พระราชอ�ำนาจในพระบรมมหาราชวังที่พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชบริพาร
เคารพสกั การะ๑๕
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
240
พระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์
ของพระมหากษัตริย์ในสมัยรัตนโกสินทร์
พระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ที่เก่าท่ีสุดในสมัยรัตนโกสินทร์
มพี ระนามวา่ “พระพทุ ธจกั รพรรด”ิ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก
โปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระพุทธรูปฉลองพระองค์ อนุมานจากความสูงของพระ
พุทธรูปที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ธรรมดาได้ว่าคงเป็น “พระพุทธรูปเท่าตัว” ซ่ึง
สมเดจ็ พระปฐมบรมมหาชนก (ทองด)ี ทรงสรา้ งไวท้ ว่ี ดั สวุ รรณดาราราม กรงุ เกา่
เป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทร ทรงครองจีวรห่มคลุม ทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์หุ้มทองค�ำและทรงเคร่ืองประดับทองค�ำลงยา
ให้เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องอย่างจักรพรรดิราชาธิราช ถวายพระนามว่า
“พระพุทธจักรพรรดิ” ทรงพระราชอุทิศถวายเป็นพระพุทธรูปทรงเคร่ืองฉลอง
พระองค์ของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก จากการวิเคราะห์ของผู้เขียน
ตรงกับพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์บนฐานชุกชีชั้นบนสุดทาง
ด้านซ้ายของพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ในพระอุโบสถ
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม๑๖
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกจึงทรงสร้างพระพุทธรูป
ทรงเครื่องฉลองพระองค์ของพระองค์เองบ้าง และได้ทรงสร้างไว้ถึง ๒ องค์
ด้วยกนั เป็นพระพุทธรูปยนื ปางห้ามสมทุ ร ถวายพระนามตามอญั มณที ปี่ ระดบั
พระพทุ ธรปู วา่ “พระพทุ ธเพชรรตั น”์ และ “พระพทุ ธเนาวรตั น”์ พระพทุ ธรปู
ทรงเครื่องท้ัง ๒ องค์นี้ช่างได้ออกแบบใหม่ให้ทรงครองจีวรห่มเฉียงแทนการ
ทรงครองจีวรห่มคลุมเพ่ือไม่ให้ปีกของจีวรห่มคลุมเป็นอุปสรรคต่อการทรง
เครอ่ื งของพระพุทธรปู ตามพระราชประสงค์ จนถือเป็นแบบอย่างของการสร้าง
พระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ในราชส�ำนกั สบื มา๑๗
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเม่ือทรงครองราชสมบัติก็
ทรงสร้างพระพุทธรูปทรงเคร่ืองฉลองพระองค์เม่ือพุทธศักราช ๒๓๖๖ เป็น
พระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทร ทรงครองจีวรห่มเฉียงและทรงเคร่ืองต้นแบบ
จักรพรรดิราช ถวายพระนามว่า “พระพุทธนิมิต” “เพราะเหตุท่ีทรงพระราช
ด�ำริหว่าพระพุทธเจ้าที่จะทรงเคร่ืองประดับอย่างนี้ไม่มี เปนแต่เวลาท่ีพระองค์
จะทรงทรมานผู้หนึ่งผู้ใดแล้วจะทรงนฤมิตโดยพุทธฤทธิวิสัยให้เหนเปนดังนี้
เท่าน้ัน” ๑๘ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวถวายพระนามใหม่ว่า
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
241
“พระพทุ ธจกั รพรรด”ิ ประดษิ ฐาน
บนฐานชุกชีภายในพระอุโบสถวัด
พระศรีรัตนศาสดาราม รัชกาลที่ ๑
โปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระพุทธรูปเท่า
พระองค์ซ่ึงสมเด็จพระปฐมบรมมหา
ชนกทรงหล่อไว้ในสมัยอยุธยาท่ีวัด
สุวรรณดารารามมาปฏิสังขรณ์หุ้ม
ทองค�ำทรงเครื่องต้นให้เป็นพระพุทธ
รปู ทรงเครอ่ื งฉลองพระองคข์ องสมเดจ็
พระปฐมบรมมหาชนก
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
242
ภายในหอพระสรุ าลยั พมิ าน ในหมพู่ ระมหามณเฑียร พระบรมมหาราชวงั เป็นทปี่ ระดษิ ฐาน
พระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ของพระมหากษัตริย์ ๓ รัชกาลแรก ทั้งหมด ๔ องค์ องค์
ซ้ายและขวาด้านหลังของภาพ คือ “พระพุทธเพชรรัตน์” และ “พระพุทธเนาวรัตน์” รัชกาล
ที่ ๑ ทรงสร้างเปน็ พระพทุ ธรูปทรงเคร่อื งฉลองพระองค์ของพระองค์เอง สว่ นองคข์ วาทางดา้ นหน้า
ของภาพ คือ “พระพุทธนฤมิตร” รัชกาลท่ี ๒ ทรงสร้างเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลอง
พระองค์ของพระองค์เองเม่ือ พ.ศ. ๒๓๖๖ และองค์ซ้ายทางด้านหน้าของภาพ คือ “พระพุทธ
รังสฤษด์ิ” รัชกาลที่ ๓ ทรงสร้างเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ของพระองค์เองเม่ือ
พ.ศ. ๒๓๗๔ (ภาพจาก ประชุมสมุดภาพส�ำคญั ในประวตั ศิ าสตร)์
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
243
“พระพุทธนฤมิตร” เช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อ
ทรงครองสริ ริ าชสมบตั กิ ท็ รงสรา้ ง “พระพทุ ธรงั สรรค”์ เปน็ พระพทุ ธรปู ทรงเครอ่ื ง
ฉลองพระองค์ของพระองค์เองเมื่อพุทธศักราช ๒๓๗๔ ซ่ึงต่อมาพระบาท
สมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั กถ็ วายพระนามใหมว่ า่ “พระพทุ ธรงั สฤษด”์ิ ๑๙
ปัจจุบันพระพุทธรูปทรงเคร่ืองฉลองพระองค์ของพระมหากษัตริย์ ๓ รัชกาล
แรกทั้ง ๔ องค์ คอื พระพทุ ธเพชรรตั น์ พระพทุ ธเนาวรตั น์ พระพทุ ธนฤมิตร
และพระพทุ ธรงั สฤษด์ิ ประดษิ ฐานในหอพระสรุ าลยั พมิ าน หมพู่ ระมหามณเฑยี ร
พระบรมมหาราชวัง
นอกจากพระมหากษตั รยิ ์แล้ว ยงั ปรากฏหลกั ฐานวา่ บรรดาเจ้านายชน้ั สงู
ก็ทรงสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ไว้เป็นเคร่ืองเฉลิมพระเกียรติ
เช่นกัน เช่น สมเดจ็ กรมพระราชวงั บวรสถานมงคล ๓ รัชกาลแรกก็ทรงสร้าง
พระพทุ ธรูปทรงเครือ่ งฉลองพระองค์ หรอื ไม่พระมหากษตั รยิ ์กท็ รงสร้างถวาย
หรอื ทรงพระราชอทุ ศิ พระราชทาน เชน่ ในกรณขี องพระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้
เจ้าอยู่หัวทรงสร้าง “พระพุทธบวรสรรเพชญ” ถวายสมเด็จกรมพระศรี
สุราลัย พระราชชนนีของพระองค์ เม่ือพุทธศักราช ๒๓๗๔ พระพุทธรูป
เหล่านี้ยังคงประดิษฐานบนฐานชุกชีของพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรตราบ
เท่าทกุ วนั น๒้ี ๐
อน่งึ เป็นทน่ี ่าสังเกตว่าพระพุทธรปู ทรงเครือ่ งฉลองพระองค์เหล่านล้ี ้วน
เป็น “พระพทุ ธรปู เท่าตวั ” คอื เป็นพระพทุ ธรูปทม่ี ีความสูงต้ังแต่พระบาทจนถึง
ยอดพระเศียรเท่ากับผู้สร้างหรือผู้ท่ีได้รับการสมมติ อีกทั้งนิยมสร้างกัน
ในขณะที่พระมหากษัตริย์หรือเจ้านายพระองค์น้ันๆ ยังมีพระชนมชีพอยู่
เพราะถือเป็นเคร่ืองเฉลิมพระเกียรติยศของผู้สร้าง ต่างจากเดิมที่เคยเชื่อ
กันว่า พระพุทธรูปเหล่านี้สร้างภายหลังจากท่ีเจ้านายเหล่านี้สวรรคตหรือ
สนิ้ พระชนมไ์ ปแลว้ ซงึ่ อนั ทจ่ี รงิ กม็ เี พยี งไมก่ อี่ งค์เทา่ นน้ั ๒๑ อาทิ พระบาทสมเดจ็
พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงสรา้ งพระพทุ ธรปู ทรงเครอ่ื งฉลองพระองคพ์ ระราชทาน
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพ เม่ือพุทธศักราช
๒๓๗๑ พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกหลังจากสิ้น
พระชนม์แล้ว ๒๐ ปี ตรงกบั พุทธศกั ราช ๒๓๕๑
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
244
พระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
การสร้างพระพทุ ธรปู ทรงเครอื่ งฉลองพระองค์คงถกู ท้าทายด้วยพระราช
นิยมอย่างใหม่ในการสร้างพระบรมรูปเหมือนแบบตะวันตกในรัชกาลพระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์สยามพระองค์แรก
ท่ีทรงปรากฏพระองค์แก่สาธารณชนท่ัวไปอย่างเปิดเผยถึงขนาดมีพระบรม
ราชานุญาตให้ราษฎรเฝ้าชมกระบวนเสด็จพระราชด�ำเนินได้ไม่ถูกลงโทษ
ซ่ึงไม่เคยเกิดข้ึนมาก่อน รวมไปถึงอาจทรงเป็นชาวสยามคนแรกที่ทรงสร้าง
และเผยแพร่ “รูปเหมือน” ของพระองค์ผ่านงานทัศนศิลป์และส่ือส่ิงพิมพ์
“พระพุทธบวรสรรเพชญ” เป็น
พระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์
ที่มีจารึกเพียงองค์เดียวจากท้ังหมด
๑๐ องค์ ที่ประดิษฐานบนฐานชุกชีใน
พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปฉลอง
พระองค์ซึ่งรัชกาลที่ ๓ ทรงสร้างถวาย
สมเด็จพระราชชนนี คือ สมเด็จกรม
พระศรสี รุ าลัย เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๗๔
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
245
รูปแบบต่างๆ คงเพ่ือประชาสัมพันธ์พระองค์ให้เป็นท่ีรู้จักโดยเฉพาะกับชาว
ต่างประเทศ เช่น พระบรมฉายาลักษณ์ (ภาพถ่าย) พระบรมสาทิสลักษณ์
ท้ังท่ีเป็นภาพวาดหรือภาพพิมพ์ หรือการสร้างพระบรมรูปในขณะที่ยังมี
พระชนมชีพอยู่ เป็นต้น เฉพาะมูลเหตุของการสร้างพระบรมรูปน้ัน สมเด็จ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำ� รงราชานุภาพ ทรงพระอธบิ ายว่า
“พระเจ้านะโปเลียนที่ ๓ กับเอมเปรสต์ (จักรพรรดินีอูจินี เดอ มอน
ติจู - ผู้เขียน) ส่งรูปหล่อครึ่งตัวเป็นบัสทองแดงมาถวาย พระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดมากและจะต้องให้ของตอบแทน เม่ือทูตฝร่ังเศส
กลับไปให้ช่างปั้นพระบรมรูปมาถวายเป็นรูปเต็มพระองค์ก็ไม่ตกลงกัน...
ต่อมาว่าให้พระยาจินดารังสรรค์ปั้นใหม่ด้วยปูนปลาสเตอร์ปั้นเท่าพระองค์
ทรงพระมาลาสก็อท ทรงผ้าเยียระบับ”๒๒
ต่อมาทางรัฐบาลฝรั่งเศสจะได้ส่งพระบรมรูปสัมฤทธิ์กะไหล่ทองที่รู้จัก
กันในนามว่า “พระบรมรูป ๖๓” เพราะส่งมาถวายเม่ือคริสต์ศักราช ๑๘๖๓
หรือตรงกับพุทธศักราช ๒๔๐๖ แม้ว่าจะไม่พอพระราชหฤทัยเพราะห่างไกล
จากพระรูปโฉมท่ีดูล่�ำสันเกินพระองค์ แต่พระบรมรูปดังกล่าวก็อาจมีส่วน
โน้มน้าวให้ทรงสร้างพระบรมรูปของพระองค์ขึ้นในขณะมีพระชนมชีพเหมือน
กับพระมหากษัตริย์ต่างประเทศบ้าง๒๓ อย่างไรก็ดี แม้จะโปรดเกล้าฯ ให้ช่าง
หลวงสรา้ งพระบรมรปู ถวายแตก่ ค็ งทำ� ไดเ้ พยี งพระบรมรปู ปน้ั จากปนู ปลาสเตอร์
เท่าน้ัน เพราะช่างเองก็คงยังไม่สบายใจท่ีจะต้องหล่อพระบรมรูปด้วยสัมฤทธ์ิ
ด้วยต้องน�ำพระบรมรูปหุ่นข้ีผ้ึงเข้าสุมไฟจนหลอมละลายดู ราวกับการถวาย
พระเพลงิ พระบรมศพพระเจา้ แผน่ ดนิ ลว่ งหนา้ เปน็ อปั มงคล๒๔ ถงึ กระนน้ั กต็ าม
การสร้างพระบรมรูปของพระองค์ก็กลายเป็นจุดเร่ิมต้นของการสร้างรูปเหมือน
บคุ คลอย่างมากมายในกาลต่อมา
พระราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างพระพุทธรูปทรงเคร่ือง
ฉลองพระองค์หุ้มทองค�ำ ประดับประดาไปด้วยเคร่ืองต้นทองค�ำลงยาฝัง
อัญมณีอย่างวิจิตรเพ่ือเฉลิมพระเกียรติยศ เฉกเช่นที่สมเด็จพระบูรพมหา
กษัตริยาธิราชเจ้า ๓ รัชกาลแรกทรงสร้าง และประดิษฐานในพระบรมมหา
ราชวังดูราวกับจะยุติลงในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เพราะพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจา้ อยหู่ วั เทา่ ทผี่ เู้ ขยี นทราบกเ็ ปน็ พระพทุ ธรปู หลอ่ จากโลหะลงรกั ปดิ ทองประดบั
กระจกเท่านน้ั อันได้แก่ พระพทุ ธวชริ ญาณในพระวหิ ารเก๋งวดั บวรนเิ วศวิหาร
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
246
กรุงเทพมหานคร และพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ท่ีท้ายจระน�ำ
พระวิหารหลวงวัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพมหานคร มิได้หุ้มทองและทรงเคร่ือง
ทองค�ำลงยาประดับอัญมณีเหมือนพระพุทธรูปทรงเคร่ืองฉลองพระองค์ที่
ประดิษฐานในพระบรมมหาราชวังแต่อย่างใด
พระพุทธวชิรญาณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง
ฉลองพระองค์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างถวาย
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตามที่เคยรับส่ังว่าควรมีการสร้างพระ
พุทธรูปของผู้เป็น “ปธานาธิบดี” หรือเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารไว้ในพระ
วิหารเก๋งใกล้กับพระวิหารพระศาสดา แต่โครงการพระราชด�ำรินี้ยังไม่ทัน
ได้เร่ิมด�ำเนินการก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน จนเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอม
เกล้าเจ้าอยู่หัวทรงฉลองสิริราชสมบัติเสมอด้วยสมเด็จพระบรมชนกนาถ
ในพุทธศักราช ๒๔๒๘ จึงทรงสร้างพระพุทธรูปทรงเคร่ืองฉลองพระองค์
อย่างจักรพรรดิราชาธิราชเป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทรถวายพระนาม
ว่า “พระพุทธวชิรญาณ” ตามพระราชฉายาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ขณะทรงพระผนวชว่า “วชิรญาโณ” และทรงสร้าง “พระพุทธปัญญาอัคคะ”
พระพทุ ธรปู ปางหา้ มสมทุ รไมท่ รงเครอ่ื ง ทรงครองจวี ร “หม่ แหวก” แบบธรรมยตุ
เป็นพระพุทธรูปฉลองพระองค์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศ
วริยาลงกรณ์ในคราวเดยี วกัน๒๕
พระพุทธรูปประจ�ำพระองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้า
อยู่หัวท่ีวัดโสมนัสวิหาร ประดิษฐานภายในซุ้มตรงท้ายจระน�ำของพระ
วิหารหลวงวัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพมหานคร เป็นพระพุทธรูปยืนปางห้าม
สมทุ ร ทรงจวี รหม่ คลมุ และเครอื่ งตน้ แบบจกั รพรรดริ าชาธริ าชคกู่ บั พระพทุ ธรปู
ทรงเครอื่ งฉลองพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าโสมนสั วฒั นาวดี พระอคั รมเหสใี น
รัชกาลที่ ๔ มปี ้ายทองเหลอื งของใหม่ติดไว้ท่ีฐานพระพทุ ธรปู ว่า “พระพทุ ธรปู
ประจำ� พระองคพ์ ระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ” อยา่ งไรกด็ ี พระพทุ ธรปู
องค์นีไ้ ม่ปรากฏหลกั ฐานชัดเจนว่าใครเป็นผู้สร้างและสร้างขนึ้ เมื่อใด๒๖
ผู้เขียนเองก็เคยเข้าใจว่าการสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์
ของพระมหากษัตริย์ในสมัยรัตนโกสินทร์คงยุติแล้วเป็นแน่แท้ในรัชกาลของ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเข้าใจเช่นน้ันมาโดยตลอด ด้วย
อิทธิพลท่ีมาแรงจากกระแสนิยมพระบรมรูปเหมือนจริงแบบตะวันตกดังที่
ริเริ่มในรัชกาลก่อน ท�ำให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้าง
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
247
“พระพุทธวชิรญาณ” ประดิษฐานในพระวิหารเก๋งวัดบวรนิเวศวิหาร รัชกาลท่ี ๔ ทรงพระ
ราชด�ำริให้สร้างข้ึนเป็นพระพุทธรูปทรงเคร่ืองฉลองพระองค์ส�ำหรับผู้เป็นเจ้าอาวาสของพระอาราม
แห่งนแี้ ต่มาส�ำเร็จลงในรัชกาลท่ี ๕ เม่อื พ.ศ. ๒๔๒๘
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
248
พระบรมรูปเหมือนจริงของสมเด็จพระบูรพมหากษัตริย์ ๔ รัชกาลแรกแห่ง
ราชวงศ์จักรีซ่ึงปัจจุบันประดิษฐานในปราสาทพระเทพบิดรแทนการสร้าง
พระพุทธรูปทรงเคร่ืองฉลองพระองค์ จนกระท่ังได้พบเอกสารจ�ำนวนหนึ่ง
ซึ่งให้ข้อมูลท่ีน่าสนใจและท�ำให้ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ก็ทรงมีโครงการในพระราชด�ำริจัดสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์
ของพระองค์เองไว้เช่นกัน แต่โครงการดังกล่าวต้องยุติลงกลางคันเพราะ
ด่วนเสด็จสวรรคตเสียก่อนจนมาสานต่อส�ำเร็จลงโดยพระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ดเู หมือนว่าในรัชกาลของพระองค์การสร้างพระบรมรูปเรม่ิ ค่อยๆ เข้ามา
มีบทบาทแทนที่การสร้างพระพุทธรูปทรงเคร่ืองฉลองพระองค์ซึ่งเป็นรูปสมมติ
ในที่สุด แต่ด้วยความท่ีทรงเป็นนักอนุรักษ์จึงไม่ทรงละทิ้งพระราชประเพณี
เดิมที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างพระพุทธรูปทรงเคร่ืองฉลองพระองค์ไว้เฉลิม
พระบารมี ดังปรากฏหลักฐานว่าทรงพระราชด�ำริสร้างพระพุทธรูปทรงเคร่ือง
ฉลองพระองค์ไว้หลายองค์ด้วยกัน ดังเช่น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้
สร้าง “พระพทุ ธนฤมติ ร (จำ� ลอง)” จำ� ลองจากพระพทุ ธรปู ทรงเครือ่ งฉลอง
พระองค์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยในพระบรมมหาราชวัง
มาประดิษฐานในบุษบกยอดปรางค์บนผนังด้านหน้าพระอุโบสถวัดอรุณราช
วราราม๒๗ และยังมีพระราชด�ำริจะทรงสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลอง
พระองค์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวและของพระองค์เองประดิษฐาน
ในบุษบกยอดปรางค์ด้านหลังด้วย แต่ก็ไม่แล้วเสร็จเพราะเสด็จสวรรคต
เสียก่อน๒๘ อันเป็นข้อมูลท่ีผู้สนใจใฝ่รู้ด้านประวัติศาสตร์และศิลปกรรมใน
ราชสำ� นักย่อมทราบกันเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดี ผู้เขียนพบว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังมี
โครงการในพระราชด�ำริจะทรงสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์
ทรงเคร่ืองต้นอย่างจักรพรรดิราชาธิราชไว้ด้วยแต่ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน
เช่นกนั และมาสำ� เรจ็ ลงในรชั กาลต่อมา โดยมเี อกสารเท่าทพ่ี บในขณะนี้ ๔ ฉบบั
ด้วยกันเป็นข้อยืนยัน ได้แก่ ประกาศสมภาคาภิเษกในรัชกาลท่ี ๔ หนังสือ
กราบบังคมทูล ลายพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุน
นริศรานุวัดติวงศ์ หนังสือราชกิจจานุเบกษา และจดหมายเหตุพระราชกิจ
รายวนั ในพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ภาคท่ี ๒๐
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
249
พระพุทธรูปทรงเคร่ืองฉลอง
พระองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้
เจ้าอยู่หัว ประดิษฐานในซุ้มตรงท้าย
จระน�ำของพระวิหารหลวงวัดโสมนัส
วหิ าร กรุงเทพมหานคร
๑. ประกาศสมภาคาภิเษกในรัชกาลที่ ๔ พระยาศรีสุนทรโวหาร
(น้อย อาจารยางกูร) เรียบเรียงขึ้นเพื่อใช้เป็นประกาศในการพระราชพิธี
สมภาคาภิเษกท่ีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราช
สมบัติเสมอด้วยสมเด็จพระบรมชนกนาถ หมายความว่าต้องเขียนขึ้นก่อน
พระราชพิธีจะเร่ิมขึ้น จึงเป็นเอกสารที่เก่าท่ีสุดในบรรดาเอกสารท้ัง ๓ ฉบับ
ในประกาศกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระ
บรมรูปหล่อสัมฤทธ์ิปิดทองของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและ
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
250
พระไตรปิฎกเพื่อเชิญไปประดิษฐานยังวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ทรง
สร้างพระพุทธวชิรญาณประดิษฐานในพระวิหารเก๋งวัดบวรนิเวศวิหาร และ
ทรงสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจอม
เกล้าเจ้าอยู่หัวข้นึ อีกองค์ด้วย
ประกาศดังกล่าวยังให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัวเม่ือยังมีพระชนม์อยู่ ทรงมีโครงการในพระราชด�ำริให้จัดสร้างพระ
พุทธรูปทรงเคร่ืองจักรพรรดิราชาธิราชปางห้ามสมุทรขึ้น แต่โครงการดังกล่าว
กส็ �ำเรจ็ เพียงแค่หล่อเป็นองค์พระพทุ ธรปู ไว้สงู ๓ ศอก ๘ น้ิว (ประมาณ ๑๖๗
เซนติเมตร) เท่านั้น ซ่ึงน่าจะเป็นความสูงของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว (เทียบความสูงของพระบรมรูปที่ประดิษฐานในปราสาทพระเทพ
บดิ ร คือ ๑๖๐ เซนตเิ มตร) แต่ไม่ทนั ได้ทรงเคร่อื งต้นกเ็ สดจ็ สวรรคตเสยี ก่อน
โครงการในพระราชด�ำรินี้จึงตกมาเป็นพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงด�ำเนินการสานต่อให้ส�ำเร็จตามพระราชประสงค์
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุน
นรศิ รานุวดั ตวิ งศ์ (พระยศในขณะน้ัน ต่อมาเป็นสมเด็จฯ หรือสมเด็จพระเจ้า
บรมวงศ์เธอ กรมพระยา) ทรงก�ำกับดูแลช่างทองที่ทำ� เครือ่ งต้นเป็นพิเศษ ใน
ประกาศไดก้ ลา่ วถงึ นำ้� หนกั และรายละเอยี ดของทองคำ� ทใ่ี ชส้ รา้ งไวด้ ว้ ย คอื องค์
พระพุทธรปู ใช้ทองคำ� เนอ้ื แปดหุ้มทว่ั ทงั้ องค์ เครอื่ งต้นทำ� จากทองคำ� ลงยา องค์
พระพทุ ธรปู ประดษิ ฐานบนฐานหมุ้ ทองค�ำกางกน้ั ดว้ ยฉตั รทองคำ� ๗ ชน้ั นำ้� หนกั
ทองรวมทั้งหมด ๒๖ ชั่ง ๘ ตำ� ลึง ๑ เฟื้อง ๑ สลึง๒๙
ในการนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ถวายพระธำ� มรงค์
มรกตขนาดใหญ่ล้อมอัญมณี และโอปอลขนาดใหญ่ล้อมอัญมณีอย่างละองค์
แด่พระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ของสมเด็จพระบรมชนกนาถด้วย ใน
ประกาศกล่าวถึงการถวายพระนามพระพุทธรูปและตรึงพระสุพรรณบัฏจารึก
พระนามไว้ท่ีด้านหน้าของฐานพระพทุ ธรูปด้วย แต่กไ็ ม่ได้ระบุพระนามไว้
๒. หนงั สอื กราบบงั คมทลู ลายพระหตั ถส์ มเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟา้
กรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ เป็นเอกสารในหมวดหนังสือกราบบังคมทูล (นก.)
พบในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรงุ เทพมหานคร ลงวันพุธ ขน้ึ ๓ คำ่� เดอื น
๘ ค�่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖ หรือตรงกับวันพุธท่ี ๒๕ มิถุนายน
พุทธศกั ราช ๒๔๒๗ ทรงรายงานการสำ� รวจเคร่ืองต้นทรงพระบรมศพพระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจากเจ้าพนักงานพระคลังทอง ทูลเกล้าฯ ถวาย
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
251
พระบรมรูปพระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกในปราสาท
พระเทพบิดร เป็น ๑ ใน ๔ ของพระ
บรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยา
ธิราชเจ้า ๔ รัชกาลแรก ซ่ึงรัชกาลท่ี
๕ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเม่ือ พ.ศ.
๒๔๑๔ ท�ำจากสัมฤทธิ์กะไหล่ทอง
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐ
วรการ ทรงปั้นหล่อถวาย ทรงบรรจุ
พระบรมทนต์ (ฟัน) พระสุพรรณบัฏ
และดวงพระบรมราชสมภพไว้ใน
พระเจ้า (ศีรษะ) ของพระบรมรูป
ด้วย พระบรมรูปในอดีตจะสวมฉลอง
พระองค์ครุยดังปรากฏในภาพนี้และ
สอดพระแสงดาบประจ�ำรัชกาล คือ
พระแสงดาบคาบค่าย ปัจจุบันยกเลิก
การสวมฉลองพระองค์ครุย คงเหลือ
แตก่ ารถวายพระแสงดาบเท่าน้นั
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หวั เพ่อื มีพระราชวินิจฉยั สำ� หรบั ใช้เป็น
เคร่ืองทรงพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว ซ่งึ มที ้ังหมด ๑๘ รายการ มี ๙ รายการทพ่ี อจะใช้ทรงพระพุทธรปู
ได้ ที่เหลืออีก ๙ รายการ เช่น พระสวุ รรณมุขศโิ รเพศ (หน้ากากปิดพระพกั ตร์
ทองค�ำ) พระสวุ รรณปทุมกาญจนบทั (พระกาจับหลักทองคำ� ) ไม่สามารถใช้ทำ�
เครอ่ื งทรงไดโ้ ดยสภาพการใชง้ าน เปน็ ตน้ ดงั ไดค้ ดั ส�ำเนาลายพระหตั ถด์ งั กลา่ ว
มาลงไว้ด้วย ดงั น้ี
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
252
“ร ที่ ๘๘๘
รับวนั พธุ ข้ึน ๓ ค�่ำ เดอื น ๘
ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงทราบ
ฝ่าลอองธลุ พี ระบาท พระราชอาญาเป็นล้นเกล้า ฯ ด้วยข้าพระพุทธเจ้าได้เรยี ก
สง่ิ ของเครื่องต้นซึง่ ทรงพระบรมศพ ในพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั
จากเจา้ พนกั งานพระคลงั ทอง มสี ง่ิ ของอยหู่ ลายสง่ิ ของบางสงิ่ ทพี่ อจะแกไ้ ขใชไ้ ด้
กม็ ี ท่ียบั เยนิ เสยี มากใช้ไม่ได้ก็มี จำ� นวนส่งิ ของที่มอี ยู่นัน้ คือ
พระชฎามหากระฐินใหญ่ ๑
พระกรรเจยี ก ๒
ดอกประจ�ำยามสายรัดพระกรรณส�ำรบั ๑
พระสุวรรณมุขศิโรเพศ ๑
ดอกฉลองพระสอสำ� รบั ๑
ทบั พระทรวง ๑
ตาบข้าง ๒
ตาบทับพระนอง ๑
พระสังวาลแลสายทับพระทรวงส�ำรับ ๑
พระเฟื่อง ๒
พระสุวรรณพาหรุ ัด ๒
พระสวุ รรณเกยรู ๒
ทองขลบิ ฉลองพระองค์สงั เวียนหยักสำ� รบั ๑
เชิงพระสนบั เพลา ๒
กรองเชงิ ๒
ฉลองพระบาท ๒
พระสุวรรณปทมุ กาญจนบัท ๑
ซอง ๑
รวมทัง้ ๑๘ สง่ิ ช่ังนำ�้ หนกั ทองท้ังชนั ท้งั พลอยเป็นนำ้� หนัก ๓ ชัง่ ๑๓
ต�ำลึง ๒ บาท ข้าพระพุทธเจ้าเหน็ ด้วยเกล้า ฯ ว่าของที่ยังดีอยู่พอที่จะใช้ทรง
พระพทุ ธรูปได้นน้ั คือ
พระชฎามหากระฐินใหญ่ ๑
พระกรรเจียก ๒
ฉลองพระสอ ๑
ทับพระทรวง ๑
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
253
ตาบข้าง ๒
ตาบทับพระนอง ๑
พระเฟื่อง ๒
พระสวุ รรณพาหรุ ดั ๒
กรองเชงิ ๒
ของเหลา่ นชี้ ำ� รดุ บา้ ง ทขี่ าดหายไมค่ รบตวั บา้ ง จะตอ้ งแกไ้ ขแลทำ� เพมิ่ เตมิ
ข้ึนให้ครบตวั พอใช้ได้ แต่พระสวุ รรณเกยรู นัน้ ยงั ไม่ชำ� รุดสงิ่ ใดเลย แต่ไม่ต้อง
ตามอย่างท่ีใช้ในองค์พระพทุ ธรปู ต้องยกไว้ กบั ส่ิงของ คือ
พระสวุ รรณมขุ ศโิ รเพศ ๑
พระสงั วาลแลสายทบั พระทรวง ๑
ทองขลบิ ฉลองพระองค์สังเวยี นหยัก ๑
เชงิ พระสนับเพลา ๒
ฉลองพระบาท ๒
พระสุวรรณปทุมกาญจนบัท ๑
ซอง ๑
ของเหลา่ นเ้ี ปน็ ของชำ� รดุ มากบา้ ง เปน็ ของทำ� อยา่ งอยาบบา้ ง เปน็ ของไมม่ ี
ทใี่ ช้บ้าง ของเหล่านเ้ี ป็นใช้ไม่ได้ท้งั สนิ้ สิ่งของทีใ่ ช้ได้นัน้ ข้าพระพุทธเจ้าจะแก้ไข
ซอ่ มแซมขนึ้ แตข่ องทใ่ี ชไ้ มไ่ ดน้ นั้ จะทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ กบ็ ไวฤ้ ๅจะ
ยบุ เอาทองใช้ทำ� การในองค์พระพทุ ธรูปก็แล้วแต่จะทรงพระกรณุ าโปรดเกล้า ฯ
แลลายกระนกน่าผ้าซ่ึงได้สลักไว้แล้วนั้น เจ้าพนักงานจ�ำหน่ายว่ายุบใช้ราชการ
อนื่ เสียแล้ว
อนึ่งข้าพระพุทธเจ้าจะกราบถวายบังคมลาบวช การที่จะท�ำพระฉลอง
พระองคน์ นั้ พระองคเ์ จา้ ประดฐิ วรการรบั ฉลองพระเดชพระคณุ เปน็ ผใู้ หล้ ายแล
ให้ตวั อย่างทจ่ี ะท�ำเครอ่ื งแตง่ พระองค์พระพทุ ธรปู แต่ผทู้ จี่ ะก�ำกบั การดแู ลแทน
ข้าพระพทุ ธเจ้าน้นั จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ผู้ใดมาทำ� กับการกแ็ ล้วแต่
จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ข้าพระพุทธเจ้าจะได้มอบการสงั่ การต่อผู้นน้ั เสีย
ให้เป็นที่ม่ันคง การจะควรประการใด พระราชอาญาเป็นล้นเกล้า ฯ ควรมิควร
แล้วแต่จะทรงพระกรณุ าโปรดเกล้า ฯ ขอเดช
ขอพระราชทานกราบบังคบทลู พระกรุณา
วัน พธุ ขึ้น ๓ ค�่ำ เดือน ๘ ค่�ำปีวอกฉศก ศกั ราช ๑๒๔๖
ข้าพระพทุ ธเจ้า จติ รเจรญิ ”
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
254
หนังสือกราบบังคมทูล ลายพระหัตถ์สมเด็จ
พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนริศรา
นุวัดติวงศ์ ในหมวดหนังสือกราบบังคมทูล
(นก.) ของหอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ กรุงเทพ
มหานคร ลงวนั ทต่ี รงกบั วนั พธุ ท่ี ๒๕ มถิ นุ ายน
พทุ ธศกั ราช ๒๔๒๗ เรอ่ื งทรงสำ� รวจเครอื่ งทรง
พระบรมศพรัชกาลที่ ๔ เพ่ือน�ำมาทรงเคร่ือง
พระพทุ ธรปู ฉลองพระองค์ (พระมหาศริ ะจมุ ภฏ
ปฏมิ ากร) ตามรบั สง่ั รชั กาลที่ ๕
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
255
๓. ราชกจิ จานเุ บกษา การพระราชพธิ สี มภาคาภเิ ษกยงั ตพี มิ พเ์ ผยแพร่
ในลักษณะของ “ข่าวในพระราชสำ� นกั ” ลงในหนงั สือราชกจิ จานเุ บกษา เล่ม ๓
แผ่นที่ ๒ ลงวนั อาทิตย์ เดอื น ๕ ข้ึน ๘ คำ่� ปีจอ สปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๒๔๗
ตรงกับพทุ ธศกั ราช ๒๔๒๘ ในคอลัมน์รายงานข่าวราชการ เร่อื ง “การทำ� บญุ
พระบรมอัฐแิ ลฉลองพระฉลองพระองค์” กนิ พ้นื ทร่ี วมกนั ราว ๑ หน้ากระดาษ
กล่าวถึงเหตุการณ์ในราชสำ� นักเม่ือวันจันทร์ เดือน ๔ แรม ๑๐ คำ่� ปีระกา
จลุ ศักราช ๑๒๔๗ ตรงกับพุทธศักราช ๒๔๒๘ ใจความว่าพระบาทสมเดจ็ พระ
จลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ชญิ พระพทุ ธรปู ทรงเครอ่ื ง
ฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประดิษฐานในพระที่น่ัง
อนนั ตสมาคม หมพู่ ระอภเิ นาวน์ เิ วศน์ พระบรมมหาราชวงั (รอ้ื ลงในรชั กาลท่ี ๕)
พรอ้ มดว้ ยพระบรมอฐั แิ ละพระไชยพระชนมพรรษา ทรงทอดผา้ ไตรสดบั ปกรณ์
(บงั สกุ ลุ ) พระบรมอฐั แิ กพ่ ระสงฆจ์ �ำนวน ๖๕ รปู ซง่ึ มาเจรญิ พระพทุ ธมนต์ จาก
นนั้ พระบรมวงศานวุ งศ์และข้าราชการถวายเครอ่ื งราชสกั การะ วนั ต่อมาตรงกบั
วันอังคาร เดอื น ๔ แรม ๑๑ ค่�ำ เวลาเช้าได้ทรงบรรจพุ ระบรมสารีรกิ ธาตใุ น
พระพุทธรปู ฉลองพระองค์ พระสงฆ์ท้ัง ๖๕ รปู เหมือนเม่ือวันก่อนสวดถวาย
พระพรรบั พระราชทานฉนั และไทยธรรม แลว้ พระสงฆอ์ กี ๕๐๐ รปู สดบั ปกรณ์
พระบรมอัฐิ ตกบ่ายเจ้าพนักงานจึงเวียนเทียนสมโภชพระพุทธรูปทรงเครื่อง
ฉลองพระองคเ์ ปน็ อนั เสรจ็ การ๓๐ แตค่ งเพราะพนื้ ทรี่ ายงานขา่ วมจี ำ� กดั ราชกจิ จา
นุเบกษาจงึ ไม่ได้ลงรายละเอียดเกี่ยวกบั พระพทุ ธรปู ไว้
๔. จดหมายเหตพุ ระราชกจิ รายวนั ในพระบาทสมเด็จพระจลุ จอม
เกล้าเจ้าอยู่หัว ภาคที่ ๒๐ ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ตั้งแต่ต้นรัชกาล หรือใน
ระยะหลังทรงแบ่งให้ผู้อ่ืน (ไม่ทราบว่าเป็นท่านใด) เขียนถวายในพระปรมา
ภิไธย ในภาคที่ ๒๐ ของจดหมายเหตุชุดน้ีเป็นเหตุการณ์ของจุลศักราช
๑๒๔๗ หรือตรงกับพุทธศักราช ๒๔๒๘ กล่าวถึงการพระราชพิธีเดียวกับท่ี
ปรากฏในราชกจิ จานเุ บกษาข้างต้น แต่ให้รายละเอยี ดมากกว่า แบ่งการพระราช
พิธีออกเป็น ๒ วัน วันแรกพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรง
พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์พระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นประดิษฐานบนม้าหมู่พร้อมเครื่องสักการะ
เชิญพระพุทธรูปประจ�ำพระชนมวารและพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประดิษฐานบนพระท่ีนั่งมหาเศวตฉัตรในพระที่นั่ง
อนันตสมาคม (องค์เดิม) พร้อมเคร่ืองราชสักการะ รวมท้ังเชิญพระบรมอัฐิ
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
256
พระบรมรูปพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ในปราสาทพระ
เทพบิดร ซ่ึงรัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ
ให้สร้างข้ึนเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๔ ในการ
พระราชพิธีจะสอดพระแสงดาบหัตถ์
นารายณป์ ระจำ� รชั กาลถวาย (ภาพจาก
มลู นิธิพริ ยิ ะ ไกรฤกษ)์
และพระบรมทนต์ (ฟัน) ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้น
ประดิษฐานบนบุษบกทองคำ� แวดล้อมด้วยเคร่อื งสูงและเครอื่ งราชูปโภค
ในการน้ีได้ทรงนิมนต์พระสงฆ์สดับปกรณ์พระบรมอัฐิและพระบรม
ทนต์ ๑๘ รปู เทา่ กบั จำ� นวนปที ที่ รงครองราชสมบตั ิ ถวายพดั รองและบรขิ ารอยา่ ง
เอก และอีก ๔๗ รปู เท่ากับพระชนมพรรษาทย่ี ังไม่ได้ครองราชสมบัติ ถวาย
พัดรองและบริขารอย่างรองลงมา รวมเป็น ๖๕ รปู เท่าพระชนมพรรษา ทงั้ น้ี
พระสงฆท์ ง้ั ๑๗ รปู ทไี่ ดถ้ วายบรขิ ารอยา่ งเอกจะไดถ้ วายพระธรรมเทศนาเครอ่ื ง
กณั ฑเ์ ทศนก์ ระจาดใหญด่ ว้ ย ยกเวน้ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศ
วริยาลงกรณ์มิได้ถวายเน่ืองจากทรงพระชรา แล้วพระสงฆ์ท้ังนั้นสวดสัตต
ปรติ ร ถวายอดเิ รก ถวายพระพรลา พระบรมวงศานวุ งศ์ ขา้ ราชการถวายดอกไม้
ธปู เทยี นแดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เนอื่ งในวโรกาสทรงครอง
สิรริ าชสมบัติเสมอด้วยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ๓๑ วันที่ ๒ และ
เป็นวันสุดท้ายของการพระราชพิธี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จพระราชด�ำเนินทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายในพระเศียรของ
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
257
พระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระสงฆ์ทั้ง ๖๕ รปู สวดชัยมงคลคาถา เจ้าพนกั งานประโคมแตรสังข์ดรุ ิยางค์
จากนนั้ จงึ ทรงตรงึ แผน่ สพุ รรณบฏั จารกึ พระนามพระพทุ ธรปู วา่ “พระมหาศริ ะ
จุมภฏปฏิมากร”๓๒ และทรงตรึงสุพรรณบัฏอีกแผ่นจารึกประวัติการสร้าง
พระพทุ ธรปู องค์นีว้ ่า
“ศุภมัสดุ พระพุทธศาสนากาลเป็นอดีตภาคล่วงแล้ว ๒๔๒๘ พรรษา
ปรัตยุบันกาลกกุธสังวัจฉรผคุณมาสกาลปักษ์เอกาทศดิถีภุมวาร บริเฉทกาล
ก�ำหนด พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหา
มกุฎ บุรุษรัตนราชรวิวงศ์ วรุตพงศ์บริพัตร วรขัตติยราชนิกโรดม จาตุรันต
บรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ บรมธรรมิกมหาราชาธิราช บรมนาถบพิตร
พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระอนสุ รณค์ ำ� นงึ ถงึ พระราชประสงคแ์ หง่ สมเดจ็
พระบรมชนกนาถ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีพระบรมราช
โองการด�ำรัสส่ังไว้ให้สถาปนาพระพุทธรูปฉลองพระองค์ขึ้นไว้ในเวลาที่เสด็จ
สวรรคตล่วงแลว้ นน้ั จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระพทุ ธรปู หา้ ม
สมุทรทรงเครื่องอย่างจักรพรรดิราชาธิราชพระองค์นี้ข้ึนไว้ในพระพุทธศาสนา
คร้ันเมื่อการพระพุทธรูปส�ำเร็จแล้วได้มีมหกรรมการฉลองพระเดชพระคุณ
ในสมเด็จพระบรมชนกนาถ ในเมื่อการซ่ึงได้เสด็จดำ� รงสิริราชสมบัติมาเสมอ
ด้วยรัชกาลท่ี ๔ น้ัน และการพระราชกุศลท้ังปวงน้ี ทรงพระราชอุทิศถวาย
ฉลองพระเดชพระคุณแด่สมเด็จพระบรมชนกมหาราชาธิราช แม้จะเสด็จอยู่
ในทิพสถานใดๆ ก็ดี ขอจงได้ทรงอนโุ มทนาในส่วนพระราชกุศลแล้วจงส�ำเร็จ
เป็นสุขสมบัตดิ ังพระราชประสงค์ทุกประการ เทอญ” ๓๓
พระนาม “พระมหาศริ ะจมุ ภฏปฏมิ ากร” ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอม
เกล้าเจ้าอยู่หัวถวายแด่พระพุทธรูปทรงเคร่ืองฉลองพระองค์ของสมเด็จพระ
บรมชนกนาถมคี วามหมายวา่ “พระพทุ ธปฏมิ ากรแหง่ พระจอมเกลา้ ” เพราะ
ค�ำว่า “ศิร” หมายถึง ศีรษะ ส่วน “จุมภฏ” เขียนอย่างพจนานุกรมฉบับ
ราชบณั ฑติ ยสถานปัจจุบนั ว่า “จุมพฏ” ให้ความหมายว่า เสวยี น รดั เกล้า เทรดิ
หรอื ของที่เป็นวง อีกนยั หนง่ึ กร็ วมไปถึงศริ าภรณ์อันเป็นเครอ่ื งสวมเศียร ครนั้
น�ำมาสนธิกับค�ำว่า “มหา” เป็น “มหาจุมภฏ” ก็มุ่งให้พ้องกับพระปรมาภิไธย
ว่า “พระจอมเกล้า” อันแผลงมาจากพระนามเดิมว่า “มงกุฎ” ท่ีน่าสนใจก็คือ
พระนามน้ียังพ้องกับพระนามของพระเจดีย์ทรงเคร่ืองด้านหน้าพระอุโบสถ
วดั ราชสิทธาราม (วัดพลบั ) กรงุ เทพมหานคร ซง่ึ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
258
เจ้าอยู่หัวทรงสร้างคู่กัน ๒ องค์ เป็นเจดีย์ทรงลังกาตามแบบพระราชนิยม
ในรัชกาลของพระองค์ แต่มีสังวาลและทับทรวงปูนปั้นประดับท่ีองค์ระฆังเป็น
เจดีย์ทรงเครื่อง ลวดลายใบเทศปูนปั้นประดับท่ีบัลลังก์และปล้องไฉนอย่าง
วิจิตร องค์ด้านทิศเหนือถวายพระนามว่า “พระศิราสนเจดีย์” ทรงพระราช
อุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว องค์ด้านทิศใต้ถวายพระนาม
ว่า “พระศิรจุมภฏเจดีย์”๓๔ ทรงพระราชอุทิศเป็นการพระราชกุศลส่วนของ
พระองค์เอง ด้วยทรงเคยศกึ ษาเล่าเรยี นในส�ำนักของสมเดจ็ พระสงั ฆราช (สกุ
ไก่เถ่ือน) ขณะยังเป็นพระญาณสังวรเถระมาแล้วท้ัง ๒ พระองค์ พระเจดีย์
ทรงเครอื่ งในทนี่ จ้ี งึ อาจเปรยี บไดก้ บั พระเจดยี ฉ์ ลองพระองคข์ องพระมหากษตั รยิ ์
ทงั้ ๒ รชั กาลเชน่ เดยี วกบั พระพทุ ธรปู ทรงเครอื่ งฉลองพระองค์ ดงั นนั้ พระนาม
“พระมหาศิระจุมภฏปฏิมากร” ท่ีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ถวายพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์สมเด็จพระบรมชนกนาถจึงน�ำมา
จากพระนามท่ีพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ข้ึนให้
พ้องกบั ความหมายของพระปรมาภไิ ธย คือ “พระจอมเกล้า” อนั แผลงมาจาก
พระนามเดมิ ว่า “มงกฎุ ” น่ันเอง
สรุป
พระราชดำ� รใิ นการสรา้ งพระพทุ ธรปู ทรงเครอ่ื งฉลองพระองคข์ องพระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นเคร่ืองแสดงให้เห็นว่าแม้จะทรงเป็นพระ
มหากษัตริย์ที่ออกจะดู “ทันสมัย” ในยุคที่สยามก�ำลังเปลี่ยนผ่านจากความ
เป็น “สยามอย่างเก่า” เข้าสู่ยคุ หวั เลย้ี วหวั ต่อของความเป็น “สยามอย่างใหม่”
การสร้างพระบรมรูปของพระองค์ขณะยังมีพระชนม์อยู่นับเป็นการสร้าง
อัตลักษณ์อย่างใหม่ตามแบบตะวันตก เพื่อแสดงพระองค์ให้ชาวต่างชาติเห็น
ว่าทรงเป็น “คนทันสมยั ” ในช่วงระยะเวลาเปล่ียนผ่านทส่ี ยามกำ� ลังก้าวสู่ความ
เป็น “ยุคสมัยอย่างใหม่” (อย่างน้อยก็ทันสมัยในยุคของพระองค์) และเป็น
การลบล้างความเชื่อเก่าแก่ของชาวสยามที่ห้ามไม่ให้มีการจ�ำลองรูปเหมือน
บุคคลที่ออกจะดูงมงาย ล้าหลังหมดสมัยไปเสียแล้ว หากแต่พระมหา
กษัตริย์ในยุคเปลี่ยนผ่านเช่นพระองค์ก็ยังคงสืบทอดธรรมเนียมการสร้าง
พระพทุ ธรปู ทรงเครอ่ื งฉลองพระองคข์ องอดตี พระมหากษตั รยิ แ์ ละของพระองค์
เองไว้อย่างไม่สน่ั คลอน
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
259
“พระศริ าสนเจดยี ”์ (องคข์ วา) และ “พระศริ จมุ ภฏเจดยี ”์ (องคซ์ า้ ย) พระเจดยี ท์ รงลงั กาทรง
เครอ่ื ง รชั กาลท่ี ๔ โปรดเกล้าฯ ใหส้ ร้างข้นึ ดา้ นหน้าพระอุโบสถวดั ราชสิทธาราม กรงุ เทพมหานคร
พระศิราสนเจดีย์ทรงพระราชอุทิศถวายรัชกาลที่ ๓ ส่วนพระศิรจุมภฏเจดีย์ทรงพระราชอุทิศ
เปน็ การพระราชกศุ ลสว่ นพระองค์ ดว้ ยเคยทรงศกึ ษาเลา่ เรยี นในสำ� นกั ของสมเดจ็ พระสงั ฆราช (สกุ
ไกเ่ ถ่อื น) ที่พระอารามแหง่ น้ที ้ัง ๒ พระองค์
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสานต่อพระราช
ด�ำริในการสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ของสมเด็จพระบรม
ชนกนาถให้บริบูรณ์ แต่ในขณะเดียวกันก็ทรงสร้างพระบรมรูปเหมือนจริงของ
สมเด็จพระบรมชนกนาถและทรงสร้างพระบรมรูปเหมือนจริงของพระองค์เอง
หล่อจากโลหะไว้ขณะยังมีพระชนม์ด้วย เพราะพระบรมรูปท่ีมีลักษณะเป็น
มนุษย์ธรรมดาย่อมส่ือสารกับฝรั่งมังค่าหรือแม้แต่ชาวสยามรุ่นใหม่ให้เข้าใจ
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
260
ได้ดีกว่าพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่คงต้องมา
นั่งอธบิ ายขยายความกนั ยืดยาวพอควรว่าเป็นรปู แทนองค์พระมหากษัตริย์
การสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ของพระมหากษัตริย์
ในสมัยรัตนโกสินทร์จึงนับว่ายุติลงอย่างเป็นทางการในรัชกาลพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมถึงรูปสมมติหรือรูปเสมือนของบุคคลก็คงเร่ิม
เสอื่ มความนยิ มลงไป เปดิ ทางใหก้ บั การสรา้ งพระบรมรปู และรปู เหมอื นจรงิ ตาม
แบบอย่างของโลกตะวนั ตกสบื ต่อมาจนถงึ ทุกวันนี้
พมิ พ์คร้ังแรกในศิลปวัฒนธรรม ปีท่ี ๓๕ ฉบับที่ ๖ (เมษายน ๒๕๕๖) หนา้ ๑๓๔-
๑๕๓.
ผู้เขียนขอขอบพระคุณ ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ธงทอง จันทรางศุ ปลัดส�ำนักนายก
รฐั มนตรี ทกี่ รณุ าใหข้ อ้ มลู เกยี่ วกบั พระนามของพระเจดยี ท์ รงเครอื่ งในวดั ราชสทิ ธาราม “ครอบ
ครวั สินธวารยัน” คณุ สุชาติ คุณปิยะ และคุณอรรถพล สินธวารยัน ร่วมกนั กับผ้เู ขยี นตามหา
พระพุทธรูปทรงเครื่องตามพระอารามต่างๆ ทวั่ พระนคร คณุ วรชาติ ศริ สิ ายัณห์ ขณะยงั เปน็
นสิ ติ ปรญิ ญาตรี สาขาวทิ ยาศาสตรท์ างภาพถา่ ยและเทคโนโลยที างการพมิ พ์ คณะวทิ ยาศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส�ำหรับความช่วยเหลือในการจัดหาเอกสารประกอบการค้นคว้า
ส่วนความรับผดิ ชอบในบทความย่อมเป็นของผเู้ ขียนเทา่ น้นั
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
261
เชิงอรรถ
๑ รปู เหมอื นในทนี่ ผี้ เู้ ขยี นใหห้ มายความครอบคลมุ ถงึ สอื่ ทศั นศลิ ปต์ า่ งๆ ทสี่ ามารถแสดง
หรือสื่อความสมจริงของบุคคลได้ เช่น ภาพวาดทั้งที่เป็นภาพเขียนหรือภาพพิมพ์ ภาพถ่าย
รวมทั้งรูปเหมือนที่เป็นงานประติมากรรม เป็นต้น
๒ อภินันท์ โปษยานนท์. จิตรกรรมและประติมากรรมแบบตะวันตกในราชสำ�นัก.
๒เลม่ .พมิ พค์ รงั้ ที่๒.(กรงุ เทพมหานคร :อมรนิ ทร,์ ๒๕๓๗),๑:๗.(ส�ำ นกั พระราชวงั จดั พมิ พเ์ นอื่ งใน
มหามงคลสมัยที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๕ รอบ
๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๕).
๓ Helen Ibbitson Jessup. “Rājendradevī in the Form of Gauri,” in Sculpture of
Angkor and Ancient Cambodia : Millennium of Glory. Editors by Helen Ibbitson Jessup
and Thierry Źephir. (Washington : National Gallery of Art, 1997), catalogue 36; p. 203.
๔ พระชนกและพระชนนีของพระองค์ คือ พระเจ้าอินทรวรมันที่ ๑ และพระนางอินทร
เทวี ส่วนพระอัยกาและพระอัยกี คือ พระเจ้ามหีปติวรมันและพระนางราเชนทรเทวี ดู Ibid.,
p. 202.
๕ อภินันท์ โปษยานนท์. จิตรกรรมและประติมากรรมแบบตะวันตกในราชสำ�นัก. ๑ : ๗.
๖ เรื่องเดียวกัน, หน้าเดียวกัน.
๗ “การเชิญพระบรมรปู และพระป้ายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว,” ใน ราช
กิจจานุเบกษา. เล่ม ๒๓, วันที่ ๑๗ มีนาคม จุลศักราช ๑๒๔๗, น. ๑๒๙๐-๑๒๙๑.
๘ พิชญา สุ่มจินดา. “พระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ในพระบรมมหาราชวัง :
ความรู้ที่ต้องเปลี่ยนแปลง ความขัดแย้งที่ต้องวิเคราะห์,” ใน ประวัติศาสตร์ศิลปะที่ต้องจารึก.
บรรณาธิการโดย วารุณี โอสถารมย์. (กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์, ๒๕๕๐), น. ๔๑. (รวม
บทความทางวชิ าการเนอื่ งในโอกาสเกษยี ณอายรุ าชการ รองศาสตราจารย์ ดร. พริ ยิ ะ ไกรฤกษ)์ .
๙ พระรัตนปัญญาเถระ. ชินกาลมาลีปกรณ์. แปลโดย แสง มนวิทรู . วรรณกรรมสมัย
รตั นโกสนิ ทร์ เลม่ ๔ (หมวดศาสนจกั ร), พมิ พค์ รงั้ ที่ ๒. (กรงุ เทพมหานคร : กรมศลิ ปากร, ๒๕๔๐),
น. ๓๒๒-๓๓๓. (พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในการออกเมรุพระราชทานเพลิงศพ พระพรหมคุณาภรณ์
(ด. เจียม จิรปุญฺโ) อดีตเจ้าอาวาสวัดโสธรวราราม ณ เมรุวัดโสธรวราราม อำ�เภอเมือง
จังหวัดฉะเชิงเทรา ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๐).
๑๐ พิชญา สุ่มจินดา. “พระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ในพระบรมมหาราชวัง :
ความรู้ที่ต้องเปลี่ยนแปลง ความขัดแย้งที่ต้องวิเคราะห์,” น. ๑๕๒.
๑๑ ตัวอย่างเช่น พระพุทธรูปทรงเคร่ืองฉลองพระองค์ของพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้า
นภาจรจ�ำรัสศรี ในรัชกาลที่ ๕ ก็เป็นพระพุทธรูปขนาดเล็ก ท้ังน้ี ยังมีนักวิชาการจ�ำแนก
พระพุทธรูปทรงเครื่องในพระบรมมหาราชวังออกได้เป็น ๓ ประเภท คือ พระพุทธรูป
ฉลองพระองค์ พระพุทธรูปส�ำหรับแผ่นดิน และพระพุทธรูปพิเศษ ความเข้าใจดังกล่าว
มีที่มาจากเอกสารฉบับหน่ึงท่ีช่ือว่า “ว่าด้วยพระพุทธปฏิมากรฉลองพระองค์” ซ่ึงผู้เขียน
เคยวิเคราะห์แล้วว่ามีความคลาดเคลื่อนสูงทั้งในเร่ืองประวัติการสร้างและการระบุนามของ
พระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ในพระบรมมหาราชวัง รวมทั้งเหตุการณ์ที่ไม่สอดคล้อง
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
262
กับหลักฐานร่วมสมัย จึงเป็นเอกสารท่ีจะขาดน้�ำหนักของความน่าเช่ือถือ ผลพวงของการใช้
เอกสารฉบับนี้อ้างอิงอย่างขาดการวิพากษ์จึงเปรียบเสมือนการได้ผลไม้จากต้นไม้ท่ีเป็นพิษ
(Fruit of the Poisonous Tree) ผลของมนั กย็ ่อมเป็นพิษนัน่ เอง โปรดดกู ารวิพากษ์หลักฐาน
อย่างละเอยี ดของผู้เขียนใน เร่อื งเดียวกัน, น. ๕๔-๕๗, ๑๔๔-๑๕๐.
๑๒ พระราชพงศาวดารฉบบั พระราชหตั ถเลขา. ๒ เลม่ . พมิ พค์ รงั้ ที่ ๙. (กรงุ เทพมหานคร :
กรมศิลปากร, ๒๕๔๒), ๑ : ๑๘๔.
๑๓ เรื่องเดียวกัน, ๒ : ๒๔.
๑๔ ค�ำ ใหก้ ารขนุ หลวงวดั ประดทู่ รงธรรม เอกสารจากหอหลวง. (กรงุ เทพฯ : คณะกรรมการ
ช�ำ ระประวตั ศิ าสตรแ์ ละจดั พมิ พเ์ อกสารทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละโบราณคดี ส�ำ นกั นายกรฐั มนตร,ี
๒๕๓๔), น. ๕๙.
๑๕ อภินันท์ โปษยานนท์. จิตรกรรมและประติมากรรมแบบตะวันตกในราชสำ�นัก. ๑ : ๗.
๑๖ พระพุทธรูปองค์นี้มักเข้าใจกันว่า คือ พระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์รัชกาล
ที่ ๑ ซึ่งรัชกาลที่ ๒ สร้างถวาย แต่จากการวิเคราะห์ของผู้เขียนพบว่าน่าจะตรงกับพระพุทธ
จักรพรรดิซึ่งรัชกาลที่ ๑ ทรงปฏิสังขรณ์ถวายสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ส่วนพระพุทธรปู
ในหอพระสุราลัยพิมานที่เข้าใจกันว่า คือ พระพุทธจักรพรรดิ นั้น แท้จริงแล้วมีพระนามว่า
พระพทุ ธเพชรรตั น์ และเป็นพระพทุ ธรปู ที่รัชกาลที่ ๑ สรา้ งขึน้ ใหมใ่ ห้เป็นพระพทุ ธรปู ทรงเครือ่ ง
ฉลองพระองค์ของพระองค์เองคู่กับพระพุทธเนาวรัตน์ เพื่อป้องกันความสับสนโปรดพิจารณา
รายละเอยี ดใน พชิ ญา สมุ่ จนิ ดา. “พระพทุ ธรปู ทรงเครอื่ งฉลองพระองคใ์ นพระบรมมหาราชวงั :
ความรู้ที่ต้องเปลี่ยนแปลง ความขัดแย้งที่ต้องวิเคราะห์,” น. ๘๘-๙๔. อ้างจาก ห้องเอกสาร
ตัวเขียน หอสมุดแห่งชาติ, หมู่ตำ�นาน, เลขที่ ๓๖, มัดที่ ๔, ตู้ ๑๒๑, เรื่อง ตำ�นานพระพุทธ
บุสยรัตน์หรือพระแก้วผลึก (เล่ม ๒).
๑๗ เดิมเชื่อกันว่าพระพุทธรปู ทั้ง ๒ องค์ซึ่งประดิษฐานในหอพระสุราลัยพิมานนี้มีนามว่า
พระพุทธจักรพรรดิ และพระพุทธจุลจักร รัชกาลที่ ๑ ทรงสร้างสำ�หรับพระองค์เองและสมเด็จ
พระปฐมบรมมหาชนกตามลำ�ดับ แต่จากการวเิ คราะหข์ องผู้เขียนพบว่า แทท้ ี่จรงิ แล้วพระพุทธ
รปู ทเี่ ชอื่ กนั วา่ คอื พระพทุ ธจกั รพรรดิ จรงิ ๆ แลว้ มพี ระนามวา่ พระพทุ ธเพชรรตั น์ สว่ นพระพทุ ธ
จุลจักร แท้จริงก็มีพระนามว่า พระพุทธเนาวรัตน์ รัชกาลที่ ๑ ทรงสร้างเป็นพระพุทธรูป
ทรงเครื่องฉลองพระองค์ของพระองค์เองคู่กันทั้ง ๒ องค์ ส่วนพระพุทธจักรพรรดิเป็นพระพุทธ
รูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก เชื่อว่าปัจจุบันประดิษฐานใน
พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามมิใช่ในหอพระสุราลัยพิมาน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน
พิชญา สุ่มจินดา. “พระพุทธรปู ทรงเครื่องฉลองพระองค์ในพระบรมมหาราชวัง : ความรู้ที่ต้อง
เปลี่ยนแปลง ความขัดแย้งที่ต้องวิเคราะห์,” น. ๘๒-๘๕.
๑๘ เรื่องเดียวกัน, น. ๘๕-๘๗. เคยเชื่อกันว่ารัชกาลที่ ๓ ทรงสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ถวาย
รัชกาลที่ ๒ เป็นพระพุทธรปู ทรงเครื่องฉลองพระองค์ แต่ในเรื่องพระพุทธบุษยรัตน์ ซึ่งรัชกาล
ที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้เรียบเรียงขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๔ กล่าวว่ารัชกาลที่ ๒ ทรงสร้างและให้
รายละเอียดของการสร้างรวมทั้งพระราชพิธีสมโภชพระพุทธรปู องค์นี้ไว้อย่างครบถ้วน ดู เรื่อง
เดียวกัน, น. ๑๕๒-๑๕๕. อ้างจาก ห้องเอกสารตัวเขียน หอสมุดแห่งชาติ, เรื่อง ตำ�นานพระ
พุทธบุสยรัตน์หรือพระแก้วผลึก (เล่ม ๒).
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
263
๑๙ พชิ ญา สมุ่ จนิ ดา. “พระพทุ ธรปู ทรงเครอื่ งฉลองพระองคใ์ นพระบรมมหาราชวงั : ความรู้
ที่ต้องเปลี่ยนแปลง ความขัดแย้งที่ต้องวิเคราะห์,” น. ๘๗-๘๘. อ้างจาก กรมศิลปากร. ประชุม
ประกาศรัชกาลที่ ๔ พ.ศ. ๒๓๙๔-๒๔๐๔. (ธนบุรี : กรมศิลปากร, ๒๕๑๑), น. ๒๐. (พิมพ์ถวาย
ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระมหาโพธิวงศาจารย์ อินทโชตเถระ ณ เมรุหน้าพลับพลา
อิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ ๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๑๑).
๒๐ ดรู ายละเอียดทั้งหมดใน พิชญา สุ่มจินดา. “พระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ใน
พระบรมมหาราชวัง : ความรู้ที่ต้องเปลี่ยนแปลง ความขัดแย้งที่ต้องวิเคราะห์,” น. ๙๔-๑๑๒.
๒๑ เรื่องเดียวกัน, น. ๑๑๖-๑๑๗. แม้รัชกาลที่ ๖ เองก็ทรงเข้าพระราชหฤทัยเช่นนี้เมื่อ
ทรงพระราชนพิ นธถ์ งึ เรอื่ งพระชฎาหา้ ยอดหรอื พระชฎามหากฐนิ วา่ “พระเจา้ แผน่ ดนิ ทกุ พระองค์
ต้องทรงทำ�ของพระองค์เองขึ้นใหม่, ซึ่งใช้ทรงตลอดพระชนมายุและเมื่อเสด็จสวรรคตก็ทรง
พระบรมศพในพระโกษฐ์ไป จนถึงกำ�หนดจะถวายพระเพลิงจึ่งเปลื้องออกไปยุบเอาทองหล่อ
พระฉลองพระองค์.” ดู ราม. วชิราวุธ (นามแฝง). ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖. พิมพ์ครั้งที่ ๓.
(กรุงเทพมหานคร : มติชน, ๒๕๕๐), น. ๙๒-๙๓.
๒๒ สมเด็จฯ กรมพระยาดำ�รงราชานุภาพ และ ม.ร.ว. สุมนชาติ สวัสดิกุล. บันทึกรับสั่ง
สมเด็จฯ กรมพระยาดำ�รงราชานุภาพประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล. พิมพ์ครั้ง
ที่ ๓. (กรุงเทพมหานคร : สมาคมประวัติศาสตร์, ๒๕๕๐), น. ๗.
๒๓ อภินันท์ โปษยานนท์. จิตรกรรมและประติมากรรมแบบตะวันตกในราชสำ�นัก. ๑ :
๑๙-๒๐.
๒๔ สมเด็จฯ กรมพระยาดำ�รงราชานุภาพ และ ม.ร.ว. สุมนชาติ สวัสดิกุล. บันทึกรับสั่ง
สมเด็จฯ กรมพระยาดำ�รงราชานุภาพประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล, น. ๗.
๒๕ ประกาศการพระราชพิธี เล่ม ๒. บรรณาธิการโดย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ
สมมตอมรพนั ธ.ุ์ (กรงุ เทพมหานคร : กรมศลิ ปากร, ๒๕๕๐), น. ๒๒๒-๒๒๓.; พระบาทสมเดด็ พระ
จุลจอมเกล้าเจ้าหยู่หัว. จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็ด
พระจุลจอมเกล้าเจ้าหยู่หัว ภาคที่ ๒๐. (พระนคร : กรมศิลปากร, ๒๔๘๗), น. ๑๘๔-๑๘๖.
(พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ เจ้าจอมเอิบ ท.จ.ว. ในรัชกาลที่ ๕ เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๔๘๗) นะ เมรุวัดเทพสิรินทราวาส).
๒๖ ถึงแม้รูปแบบทางศิลปะจะสอดคล้องกับพระพุทธรูปทรงเครื่องที่สร้างขึ้นในรัชกาล
ที่ ๓-๔ แต่ผู้เขียนก็สันนิษฐานว่าคงมิได้สร้างเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ของ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดีมาตั้งแต่
แรกสร้าง พิจารณาได้จากฐานพระพุทธรปู ซึ่งไม่มีชั้นครุฑแบกและเทพนม เหมือนพระพุทธรูป
ทรงเครื่องฉลองพระองค์ของพระมหากษัตริย์หรือเจ้านายชั้นสูง รวมทั้งไม่มีฉัตรโลหะกางกั้น
ถวายตามแบบอย่างของการสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ของราชสำ�นัก แต่น่า
จะเป็นการสมมติเอาพระพุทธรูปทรงเครื่องภายในพระอารามมาเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง
ฉลองพระองค์มากกว่า เพราะสังเกตได้ว่าภายในพระระเบียงคดของวัดเองก็มีพระพุทธรูป
ทรงเครื่องลักษณะดังกล่าวหลายองค์ด้วยกัน
๒๗ การดงั กลา่ วคา้ งอยูจ่ นสิน้ รชั กาลที่ ๔ มาสำ�เรจ็ ลงในรัชกาลที่ ๕ พรอ้ มกับพระราชพธิ ี
สมภาคาภิเษกทรงครองสิริราชสมบัติเสมอด้วยรัชกาลที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๒๖ ดู ประกาศการพระ
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
264
ราชพิธี เล่ม ๒, น. ๒๐๙-๒๑๒.
๒๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๕. (กรงุ เทพมหานคร : อมรนิ ทร,์ ๒๕๓๙), น.
๓๐๓. (คณะกรรมการอำ�นวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี จัดพิมพ์เป็นที่ระลึก
เนื่องในมหามงคลสมัยฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พ.ศ. ๒๕๓๙). ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ
พุ่มดอกไม้สีขาวบนพานแว่นฟ้า (พานทอง ๒ ชั้น) อย่างไรก็ดี ผู้เขียนยังสงสัยอยู่ว่าหาก
รัชกาลที่ ๔ ทรงสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ของพระองค์เองและรัชกาลที่ ๓
จรงิ แลว้ จะประดษิ ฐานกนั อยา่ งไร เพราะดเู หมอื นวา่ บษุ บกจะทรงพระพทุ ธรปู ไดเ้ พยี งองคเ์ ดยี ว
๒๙ คิดเป็นน้�ำหนักทอง ๒,๑๑๒.๓๗๕ บาท หรือเทียบได้กับน้�ำหนักทองในปัจจุบัน
ประมาณ ๓๒.๑๑ กิโลกรัม ทั้งนี้ มาตราชั่งน�้ำหนักทอง มีอัตราเทียบ คือ ๘ กล่�ำ = ๑
เฟื้อง, ๒ เฟื้อง = ๑ สลึง, ๔ สลงึ = ๑ บาท, ๔ บาท = ๑ ต�ำลึง, ๒๐ ต�ำลงึ = ๑ ชั่ง ดู
จดหมายเหตุรัชกาลที่ ๓. ๕ เล่ม. บรรณาธิการโดย ก่องแก้ว วีระประจักษ์. (กรุงเทพฯ :
สหประชาพาณิชย์, ๒๕๓๐), ๕ : ๑๐-๑๑. (รัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา
ภูมิพลอดุลยเดช จัดพิมพ์ทูลเกล้าฯ ถวายสนองพระมหากรุณาธิคุณในมหามงคลสมัย
เฉลิมพระเกียรติวันพระบรมราชสมภพครบ ๒๐๐ ปี พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่
หัว พุทธศักราช ๒๕๓๐). ส�ำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมของทองค�ำที่ใช้สร้างมีดังน้ี องค์พระ
หุ้มทองค�ำเนื้อ ๗ หนกั ๑๑ ชงั่ ๑๕ ต�ำลงึ ๑ บาท ๖ กล�ำ่ ฉัตรทองค�ำ ๗ ชน้ั หนกั ๓ ชั่ง
๑๘ ต�ำลึง ๑ เฟื้อง ๒ สลึง ทองกะไหล่คันฉัตรกับเทพนมแท่นฐานพระหนัก ๑๐ ช่ัง ๑๐
ต�ำลึง ๒ บาท ๑ เฟื้อง ๒ สลึง ๘ กล�่ำ ดู ประกาศการพระราชพิธี เล่ม ๒, น. ๒๒๔.; น�ำ้
หนักทองดังกล่าวมากกว่าการสร้างพระพุทธรังสฤษด์ิของรัชกาลที่ ๓ ใช้ทองหนัก ๑๗
ชัง่ ๑ ต�ำลึง ๒ สลงึ ๗ กล่�ำ เป็นเงนิ ๓๐๗ ชงั่ ๑๕ ต�ำลงึ ๑ บาท ๒ สลงึ คิดเป็นทองค�ำหนกั
๑,๓๖๔.๖๐ บาท หรือประมาณ ๒๐.๗๔ กโิ ลกรัม
๓๐ “การท�ำบุญพระบรมอฐั แิ ลฉลองพระฉลองพระองค์,” ใน ราชกจิ จานเุ บกษา. เล่ม ๓
แผ่นท่ี ๒ วันอาทติ ย์ เดอื น ๕ ขน้ึ ๘ ค�ำ่ จลุ ศักราช ๑๒๔๗, น. ๑๒-๑๔.
๓๑ พระบาทสมเด็ดพระจุลจอมเกล้าเจ้าหยู่หัว. จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน พระราช
นิพนธ์ในพระบาทสมเด็ดพระจุลจอมเกล้าเจ้าหยู่หัว ภาคที่ ๒๐, น. ๑๙๘-๒๐๑.
๓๒ เรอ่ื งเดยี วกนั , น. ๒๐๑. นา่ เสยี ดายอยเู่ ลก็ นอ้ ยตรงทจ่ี ดหมายเหตพุ ระราชกจิ รายวนั ฯ
ภาคที่ ๒๐ ซ่ึงกรมศิลปากรได้รวบรวมจัดพิมพ์ข้ึนในงานพระราชทานเพลิงศพ เจ้าจอมเอิบ
ในรชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๗ นน้ั ตรงกบั ชว่ งระยะเวลาที่ จอมพลแปลก พบิ ลู สงคราม
หรอื “ทา่ นผนู้ �ำ” ในขณะนน้ั ออกรฐั นยิ มใหใ้ ชอ้ กั ขรวธิ แี บบใหมใ่ หต้ ดั อกั ษรบางตวั ทเ่ี สยี งซำ้� กนั
ออกไป ได้แก่ ฃ ฆ ฌ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ศ ษ และ ฬ พระนามของพระพทุ ธรปู องค์ท่ีตพี มิ พ์ใน
จดหมายเหตพุ ระราชกิจราชวนั จงึ สะกดเป็น “พระมหาสริ จุมภตปติมากร” ซงึ่ เป็นพระนามได้
รบั การแก้ไขให้สอดคล้องกับอกั ขรวิธใี นสมยั น้ัน อย่างไรก็ดี ผู้เขยี นสันนิษฐานว่าพระนามของ
พระพุทธรปู น่าจะสะกดแบบน้ี คือ ค�ำว่า “สริ ” คงแก้ไขมาจาก “ศิร” ตามสมยั นิยมในรัชกาล
ท่ี ๕ ส่วนค�ำว่า “จมุ ภต” น่าจะเขยี นว่า “จมุ ภฏ” อนมุ านจากพระนามของพระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองคเ์ จา้ จมุ ภฏพงษบ์ รพิ ตั ร กรมหมน่ื นครสวรรคศ์ กั ดพิ นิ ติ และ “ปตมิ ากร” นา่ จะเขยี นเปน็
“ปฏิมากร” พระนามของพระพุทธรูปองค์นี้จึงควรสะกดว่า “พระมหาศิระจุมภฏปฏมิ ากร”
๓๓ เรื่องเดียวกัน, น. ๒๐๑-๒๐๒.
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
265
๓๔ พระนามของพระเจดยี ท์ รงเครอื่ งทงั้ ๒ องคน์ กี้ ส็ ะกดไมเ่ ปน็ ทยี่ ตุ เิ ลยสกั แหง่ เดยี ว จารกึ
แผ่นหินอ่อนที่ติดไว้บนฐานของพระเจดีย์ทั้ง ๒ องค์ เขียนว่า “พระสิราสนเจดีย์” และ “พระ
สิรจุมภฏเจดีย์” พร้อมอักษรขอม ภาษาไทยกำ�กับ ในขณะที่เรื่องต�ำ นานสถานที่และวัตถุต่างๆ
ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้าง เขียนว่า “พระศิราสนเจดีย์” และ “พระศิร
จุมพฏเจดีย์” ส่วนหนังสือทำ�เนียบนาม ภาค ๑ เขียนว่า “พระศิลาสนเจดีย์” และ “พระศิลา
จุมภฎเจดีย์” ดู ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๕, น. ๓๐๔.
บทสรุป
พิชญา สุ่มจนิ ดา
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
268
เร่ืองราวที่ประมวลมาทั้งหมดใน “ถอดรหัสพระจอมเกล้า” แม้เป็น
เพยี งส่วนปลกี ยอ่ ย แต่กแ็ สดงใหเ้ หน็ วา่ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
ทรงใช้สัญลักษณ์ในการส่ือความหมายทั้งในทางศาสนาและในทาง
อาณาจักรด้วยพระราชสถานะทแี่ ตกต่างกัน
ขณะทรงพระผนวชก่อนข้ึนครองราชย์ได้ทรงสร้างความเปล่ียนแปลง
ครง้ั สำ� คญั ใหก้ บั สยาม นนั่ คอื การกอ่ ตงั้ คณะสงฆธ์ รรมยตุ แมจ้ ะมไิ ดท้ รงพระ
ราชนิพนธ์ถึงแนวพระราชด�ำริในการก่อต้ังพุทธศาสนาเชิงปฏิรูปของพระองค์
หากสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาที่ทรงสร้างข้ึน ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปอัน
ปราศจากพระอุษณีษะหรือเจดีย์ทรงลังกา ล้วนส่ือความหมายโดยนัยถึงการ
ปฏิรูปพุทธศาสนาให้เป็นแบบสมณวงศ์ของลังกาตามแบบอย่างของ
พระธรรมกิ ราชาธริ าชในอดตี พึงกระทำ� และเป็นการสร้างอัตลกั ษณ์ให้กับ
พุทธศลิ ป์ของคณะสงฆ์ธรรมยตุ ในเวลาต่อมา
ครั้นเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติก็ทรงใช้พระปรีชาสามารถจากความที่
ทรงเป็นธรรมกถึกในทางพระบาลีสร้างสัญลักษณ์ท่ีสื่อความหมายถึงพระมหา
กษัตริย์โดยอ้างอิงความตามท่ีระบุไว้ในคัมภีร์พุทธศาสนาของลังกาอันเป็นต้น
รากของนิกายเถรวาทที่ทรงยึดเป็นแนวทางอย่างเคร่งครัด ดังพิจารณาได้จาก
การที่ทรงสถาปนาพระราชลัญจกรพระบรมราชโองการใหม่ให้เป็นรูปเครื่อง
ราชกกธุ ภณั ฑ์อนั เป็นสญั ลักษณ์แห่งความเป็นพระราชาธิบดี สิง่ ใดทไี่ ม่ตรงกบั
ความหมายตามรูปศัพท์ในพระบาลีก็ทรงแก้ไขเปลย่ี นแปลงเสีย
ดงั เชน่ ทรงเลอื กใชร้ ปู อณุ หสิ หรอื กรอบพระพกั ตรแ์ ทนพระมหาพชิ ยั มงกฎุ
ในส�ำรับเครื่องราชกกุธภัณฑ์เพ่ือคงความหมายเดิมของรูปศัพท์ พัดวาลวิชนี
ก็ทรงเปล่ียนให้เป็นพระแส้จามรีเพื่อให้ตรงกับความหมายเดิมของวาลวิชนี
ทแี่ ปลวา่ แสข้ นจามรี ทงั้ ยงั ไดท้ รงเพม่ิ พระแสล้ งไปในสำ� รบั เครอ่ื งราชกกธุ ภณั ฑ์
ควบรวมกับพัดวาลวิชนีและนับเป็นสิ่งเดียวกันให้ถูกต้องตามความหมายใน
พระบาลีด้วย นอกจากนี้ยังทรงเลือกใช้พระมหาพิชัยมงกุฎเป็นพระบรมราช
สัญลักษณ์ประจ�ำพระองค์ซ่ึงสามารถสื่อความหมายได้ทั้งพระนามเดิม คือ
เจ้าฟ้ามงกุฎ พระราชสถานะในฐานะพระมหากษตั รยิ ์ ขณะเดยี วกนั กย็ งั ส่อื ถงึ
ภาพหน้า ๒๖๖ พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานในต�ำหนักเพ็ชร
วัดบวรนเิ วศวิหาร (ภาพจาก สงั ฆาวาส วดั บวรนเิ วศวหิ าร, ๒๕๕๖, น. ๒๑๐)
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
269
พระราชสถานะของพระมหากษตั รยิ ท์ ที่ รงเปรยี บประดจุ พระอนิ ทร์ เมอื่ ประกอบ
กบั พระแสงขรรค์ อนั หมายถงึ วชริ าวธุ ของพระอนิ ทร์ กย็ งั เปน็ การสอ่ื ความหมาย
ร่วมกนั ถงึ พระราชฉายาเมอื่ ทรงพระผนวช คือ วชิรญาโณ อีกด้วย
พระบรมราชสัญลักษณ์ที่ทรงใช้บรรลุถึงจุดสูงสุดบนหน้าบันของพระ
วหิ ารหลวงวดั ราชประดษิ ฐสถติ มหาสมี าราม แมจ้ ะคาดหมายไดว้ า่ อาจทรงไดร้ บั
แรงบนั ดาลพระราชหฤทยั มาจากตราประจำ� พระราชวงศแ์ ละตราประจำ� พระองค์
ของพระมหากษตั รยิ ์ในอสั ดงคตประเทศ แต่กท็ รงปรบั เปลยี่ นให้สอดคล้องกบั
ความหมายเชิงสัญลักษณ์ตามคตินิยมของสยามประเทศ ในคร้ังน้ีได้ทรงเพิ่ม
รูปช้างหกเศียรเทินพระมหาพิชัยมงกุฎอันสื่อความหมายถึงช้างเผือกท่ีมาสู่
พระบารมีในรชั กาลท้งั ๖ ช้างและพระราชสถานะของพระองค์อนั เปรียบได้กบั
พระอินทร์ผู้ทรงช้างไอยราพตเป็นพาหนะ พระแสงขรรค์ ๒ องค์อันมีนัยถึง
ความเป็นผู้ประเสริฐทงั้ ในทางโลกย์และทางธรรม
การถอดรหัสทซี่ ับซ้อนซ่อนเง่ือนทส่ี ดุ ถึง ๔ ชัน้ คงหนีไม่พ้นจิตรกรรม
ในพระวหิ ารพระเสรมิ วดั ปทุมวนาราม แสดงภาพตามคติ “ตรกี าย” ของพุทธ
ศาสนาลัทธิมหายาน-ตันตรยาน ผ่านภาพสัตว์ซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า
๕ พระองค์ในรูปของนิรมาณกาย พระโพธิสตั ว์และพระธยานพิ ทุ ธะอย่างละ ๕
พระองค์ในฐานะสัมโภคกาย และธรรมกายในรูปของอุณาโลมประกอบค�ำย่อ
“อ อุ ม” ที่หมายถงึ พระรตั นตรยั ทว่า การตีความธรรมกายกลับเป็นไปตาม
คติของนิกายเถรวาทผ่านคัมภีร์พระธรรมกายเพื่อสื่อความหมายว่าภาพพระ
อณุ าโลมเปรียบได้กับ “พระวชิรสมาบัติญาณ” ซึ่งพ้องกับพระราชฉายา “วชิร
ญาโณ” ของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ขณะที่ภาพสัตว์สัญลักษณ์ ๓ ตัวบนกล่องพระบรมอัฐิของพระมหา
กษัตริย์ ๔ รัชกาลแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้รับความกระจ่างจากการ
ถอดรหัสของ ยทุ ธนาวรากร แสงอร่าม ว่าคือสัตว์ซ่งึ เป็นสัญลักษณ์ของ “วนั ”
ตามคติอัฐเคราะห์ โดยทรงเลือกใช้สัตว์อัฐเคราะห์ให้สอดคล้องกับพระ
ราชาภไิ ธย พระนามเดมิ และพระชนมวาร ของพระมหากษตั ริย์แต่ละรชั กาล
แม้ภาพลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะแลดู
ทันสมยั ใจกว้าง เปิดรับสรรพวทิ ยาการจากชาติตะวนั ตก แต่กม็ ิได้ทรงละทิง้
ขนบธรรมเนียม และพระราชประเพณีท่ีสมเด็จพระบูรพกษัตริย์ทรงปฏิบัติ
ดังเช่นการเสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงนมัสการพระพุทธชินราชถึงเมือง
พิษณุโลกตามแบบอย่างพระมหากษัตริย์ในอดีตต้ังแต่กรุงศรีอยุธยาจนถึง
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
270
รัตนโกสนิ ทร์ เมือ่ เสดจ็ ฯ กลบั ก็ทรงหล่อจำ� ลองพระพุทธชินราชน้อยไว้ส�ำหรบั
สกั การบชู าเชน่ เดยี วกบั ทท่ี รงหลอ่ จ�ำลองพระพทุ ธชนิ ศรนี อ้ ยและพระศรศี าสดา
น้อยไว้ อันสะท้อนให้เห็นถึงคตินิยมการสร้างพระพุทธรูปของชาวสยาม
ท่ีพุทธศาสนิกชนจะจ�ำลองจากพระพุทธรูปท่ีตนเลื่อมใสว่ามีความส�ำคัญ
ศักด์ิสิทธ์ิไว้สักการบูชา แต่ก็มีความขลังไม่น้อยไปกว่าพระพุทธรูปต้นแบบ
เช่นเดียวกับท่ีทรงสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องฉลองพระองค์ไว้เป็นที่เฉลิม
พระเกียรติยศดุจเดียวกับท่ีสมเด็จพระบูรพมหากษัตริย์และสมเด็จพระบรม
ราชวงศท์ รงสรา้ ง ทงั้ ทใี่ นขณะนนั้ การสรา้ งพระบรมรปู เหมอื นจรงิ แบบตะวนั ตก
ได้เข้ามามบี ทบาทในราชส�ำนักมากแล้ว
รหัสสัญลักษณ์ในหนังสือ “ถอดรหัสพระจอมเกล้า” เป็นเพียง
จำ� นวนหนงึ่ ทผ่ี เู้ ขยี นถอดไวแ้ ละไดร้ บั ความกระจา่ งในเบอ้ื งตน้ แตก่ ย็ งั มี
โอกาสผดิ พลาดไดเ้ สมอ จงึ รอผรู้ ู้ ผสู้ นใจ มาชว่ ยกนั แกไ้ ขถอดรหสั ใหมๆ่
ต่อไปในอนาคต เพราะยังมีสัญลักษณ์และเรื่องราวอีกมากที่พระบาท
สมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั อาจทรง “เข้ารหัส” ไวเ้ ปน็ ปรศิ นา รอให้
พวกเราใช้ปัญญาเพ่ือเข้าถึงความหมายนานาท่ีพระองค์ทรงแฝงนัยไว้
อย่างทา้ ทาย
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
271
บรรณานุกรม
เอกสารตวั เขียน
ห้องเอกสารตัวเขียน หอสมุดแห่งชาติ. ค�ำประกาศเทวดาครั้งบรรจุพระบรมธาตุที่เมือง
เพชรบรุ ี. จดหมายเหตุรชั กาลท่ี ๔. จ.ศ. ๑๒๒๓ เลขที่ ๑๓๒.
. ต�ำนานพระชินราช พระชินศรี พระศรีศาสดา. หมวดต�ำนาน. หนังสือสมุด
ไทยดำ� . อักษรไทย. ภาษาไทย. เส้นดนิ สอ. จ.ศ. ไม่ทราบ. เลขท่ี ๓.
. ต�ำนานพระชินศรี พระชินราช พระศรีศาสดา. หมวดต�ำนาน. หนังสือสมุด
ไทยดำ� . อกั ษรไทย. ภาษาไทย. เส้นดนิ สอ. จ.ศ. ไม่ทราบ. เลขที่ ๑๒.
. ตำ� นานเร่อื งพระเจดยี ์. เอกสารหมู่ตำ� นาน. มดั ท่ี ๒. เลขท่ี ๒๒.
. พงศาวดารเหนอื เร่อื งเชญิ พระชินศรีลงมาวดั บวรนิเวศน์. จดหมายเหตุรัชกาล
ท่ี ๔. หนังสือสมุดไทยด�ำ. อักษรไทย. ภาษาไทย. เส้นดินสอ. จ.ศ. ๑๒๑๗.
เลขที่ ๑๒๙.
. เรื่องประกาศเทวดาวันสวดมนต์ในการบรรจุพระบรมธาตุในพระเจดีย์ศิลา
ทพ่ี ระนครคีร.ี จดหมายเหตรุ ชั กาลท่ี ๔. จ.ศ. ๑๒๒๓. เลขท่ี ๑๓๐.
. เร่ืองหล่อพระพุทธชินราช ๑ พระพุทธชินศรี ๑ และพระศรีศาสดา ๑.
จดหมายเหตรุ ชั กาลท่ี ๔. พระราชนพิ นธ์รัชกาลท่ี ๔. หนงั สอื สมดุ ไทยดำ� . อกั ษร
ไทย. ภาษาไทย. เส้นดนิ สอ. จ.ศ. ปนกัน. เลขท่ี ๓๔.
. ส�ำเนาสมณสาส์น. จดหมายเหตรุ ัชกาลท่ี ๓. จ.ศ. ๑๒๐๕. เลขที่ ๑๔๙.
. หมู่ตำ� นาน. เลขท่ี ๓๖. มัดท่ี ๔. ตู้ ๑๒๑. เร่อื ง ตำ� นานพระพทุ ธบสุ ยรัตน์หรอื
พระแก้วผลึก (เล่ม ๒).
เอกสารตพี ิมพ์
กระจ่าง นนั ทโพธ.ิ มหานกิ าย-ธรรมยตุ ความขดั แย้งภายในของคณะสงฆ์ไทยกับการส้อง
เสพอ�ำนาจปกครองระหว่างฝ่ายอาณาจักรและศาสนจักร. กรุงเทพมหานคร :
สันติธรรม, ๒๕๒๘.
กริสโวลด์, อเลก็ ซานเดอร์ บี. พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้ากรงุ สยาม. แปลโดย ม.จ.
สภุ ทั รดศิ ดิศกลุ . พระนคร : ม.ป.ท., ๒๕๐๘. (ม.จ. จงจิตรถนอม ดิศกลุ ทรง
พิมพ์โดยเสด็จพระราชกุศลในมหามงคลสมัยพระชนมายุเสมอด้วยสมเด็จ
พระราชบดิ า ๒๙ สิงหาคม ๒๕๐๘).
“การเชิญพระบรมรปู และพระป้ายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว.” ใน ราชกิจจา
นเุ บกษา. เล่ม ๒๓. วนั ที่ ๑๗ มนี าคม จุลศักราช ๑๒๔๗. น. ๑๒๙๐-๑๒๙๑.
“การท�ำบุญพระบรมอัฐิแลฉลองพระฉลองพระองค์.” ใน ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๓
แผ่นท่ี ๒. วนั อาทิตย์ เดอื น ๕ ขึ้น ๘ คำ�่ จุลศักราช ๑๒๔๗, น. ๑๒-๑๔.
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
272
กำ� ธร สถริ กลุ . ลายสอื ไทย ๗๐๐ ปี (ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพมหานคร : องค์การค้าของ
ครุ สุ ภา, ๒๕๒๗.
กี ฐานิสสร. ประวตั คิ ณะสงฆ์ไทยกบั ธรรมยุติกประหาร. กรุงเทพมหานคร : มณกี รวทิ ยา,
๒๕๑๘.
คนึงนติ ย์ จันทบุตร. การเคลอื่ นไหวของยุวสงฆ์ไทยรุ่นแรก พ.ศ. ๒๔๗๗-๒๔๘๔. กรงุ เทพ
มหานคร : สำ� นกั พิมพ์มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์, ๒๕๒๘.
ค�ำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม เอกสารจากหอหลวง. กรุงเทพมหานคร : คณะ
กรรมการช�ำระประวัติศาสตร์และจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์และ
โบราณคดี สำ� นักนายกรัฐมนตรี, ๒๕๓๔.
จดหมายเหตุรัชกาลที่ ๓. ๕ เล่ม. บรรณาธิการโดย ก่องแก้ว วีระประจักษ์. กรุงเทพ
มหานคร : สหประชาพาณิชย์, ๒๕๓๐. (รฐั บาลในพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทร
มหาภูมิพลอดุลยเดช จัดพิมพ์ทูลเกล้าฯ ถวายสนองพระมหากรุณาธิคุณใน
มหามงคลสมัยเฉลิมพระเกียรติวันพระบรมราชสมภพครบ ๒๐๐ ปี พระบาท
สมเดจ็ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พุทธศกั ราช ๒๕๓๐).
จารึกกลั ยาณ.ี กรุงเทพมหานคร : หอพระสมุดวชริ ญาณ, ๒๔๖๘. (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระนเรศวรฤทธ์ิ โปรดให้พิมพ์ในงารพระราชทานเพลิงศพ หม่อมสุภาพ
กฤดากร ณ อยุธยา).
ชนิดา จันทราศรีไศล. (๒๕๕๗). หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ ๑ ฉบับวิชาการ.
บรรณาธกิ ารโดย พระครวู เิ ทศสธุ รรมญาณ (สธุ รรม สธุ มโฺ ม). กรงุ เทพฯ : สถาบนั
วิจัยนานาชาติธรรมชัย (ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์).
ชาตรี ประกติ นนทการ. พระพทุ ธชนิ ราชในประวัติศาสตร์สมบรู ณาญาสิทธิราชย์. กรงุ เทพ
มหานคร : ศลิ ปวัฒนธรรมฉบับพเิ ศษ, ๒๕๕๑.
ชาตรี ประกติ นนทการ, สิทธศิ กั ดิ์ นำ�้ คำ� , และบญั ชา สวุ รรณนานนท์. คติสญั ลักษณ์และ
การออกแบบวดั อรุณราชวราราม. กรุงเทพมหานคร : อมรนิ ทร์, ๒๕๕๖.
ชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า, พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวง. พระคัมภีร์อภิธา
นัปปทีปิกาหรือพจนานุกรมภาษาบาลีแปลเป็นไทย. พิมพ์ครั้งท่ี ๕. กรุงเทพ
มหานคร : มหามกฏุ ราชวิทยาลยั , ๒๕๔๑.
ณัฏฐภทั ร จันทวชิ . พระราชพิธบี รมราชาภเิ ษก. กรงุ เทพมหานคร : กรมศิลปากร, ๒๕๓๐.
(กรมศิลปากรจัดพิมพ์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล
อดุลยเดชมหาราช เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
๕ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๐).
ดำ� รงราชานภุ าพ, พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ. ตำ� นานพระพุทธรปู ส�ำคัญ. พระนคร :
หอพระสมุดวชริ ญาณ, ๒๔๖๘. (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำ� รงราชานุภาพ
ทรงเรยี บเรยี งแจกในงานกฐินพระราชทาน ณ วดั ชมุ พลนกิ ายาราม วดั นิเวศน์
ธรรมประวตั ิ จังหวดั พระนครศรอี ยุธยา พ.ศ. ๒๔๖๘).
. ต�ำนานพุทธเจดีย์สยาม. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร,
๒๔๖๙. (พิมพ์ในงารพระราชทานเพลิงศพ เจ้าจอมมารดาชุ่ม รัชกาลที่ ๔ เมื่อ
ปีขาล พ.ศ. ๒๔๖๙).
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
273
ดำ� รงราชานุภาพ, สมเด็จฯ กรมพระยา. ความทรงจำ� . กรุงเทพมหานคร : ศิลปวฒั นธรรม
ฉบบั พิเศษ, ๒๕๔๖.
. เร่ืองประดิษฐานพระสงฆ์สยามวงศ์ในลังกาทวีป. กรุงเทพมหานคร : กรม
ศิลปากร, ๒๕๐๓. (คณะสงฆ์พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระเมรุพระศพ สมเด็จ
พระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์).
. เทศาภบิ าล. กรงุ เทพมหานคร : มติชน, ๒๕๔๕.
. “ต�ำนานวังน่า.” ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๑๓. พระนคร : โรงพิมพ์โสภณ
พิพรรฒธนากร, ๒๔๖๔. (พิมพ์แจกในงานศพ นางสุ่น ชาตโิ อสถ).
ด�ำรงราชานุภาพ, สมเด็จฯ กรมพระยา และสุมนชาติ สวัสดิกุล, ม.ร.ว. บันทึกรับส่ัง
สมเดจ็ ฯ กรมพระยาดำ� รงราชานภุ าพประทานหมอ่ มราชวงศส์ มุ นชาติ สวสั ดกิ ลุ .
พิมพ์ครัง้ ที่ ๓. กรุงเทพมหานคร : สมาคมประวตั ิศาสตร์, ๒๕๕๐.
“ตำ� นานพระพทุ ธเจา้ หา้ พระองค,์ ” (๒๕๕๓). http://ich.culture.go.th/index.php/th/ich/folk-
literature/252-folk/82-2012-01-31-09-48-15 (สบื คน้ เมอื่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙)
ทวีศักด์ิ เผือกสม. “การปรบั ตวั ทางความรู้ ความจรงิ และอำ� นาจของชนชน้ั น�ำสยาม พ.ศ.
๒๓๒๕-๒๔๑๑.” วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญาอกั ษรศาสตรมหาบณั ฑติ ภาควชิ าประวตั ิ
ศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, ๒๕๔๐.
ทิพากรวงศ์ฯ, เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์รัชกาลท่ี ๒. กรุงเทพ
มหานคร : องค์การค้าของครุ สุ ภา, ๒๕๒๖.
. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ ๑ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์
ฉบับตัวเขียน. ประชุมพงศาวดารฉบับราษฎร์ ภาคที่ ๑. กรุงเทพมหานคร :
อมรนิ ทร์วชิ าการ, ๒๕๓๙.
. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์รัชกาลท่ี ๓. กรุงเทพมหานคร : กรม
ศิลปากร, ๒๕๓๘.
ธรรมปรีชา, พระยา. ไตรภมู ิโลกวนิ ิจฉยกถาฉบบั ที่ ๒ (ไตรภมู ิฉบบั หลวง). ๓ เล่ม. กรุงเทพ
มหานคร : กองวรรณคดแี ละประวตั ศิ าสตร์ กรมศลิ ปากร, ๒๕๒๐.
น. ณ ปากนำ้� . ชุดจิตรกรรมฝาผนงั ในประเทศไทย : วดั โสมนสั วหิ าร. กรุงเทพมหานคร :
เมอื งโบราณ, ๒๕๓๘.
นริศรานุวัดติวงศ์, สมเดจ็ ฯ เจ้าฟ้ากรมพระยา. จดหมายระยะทางไปพิษณุโลก. พระนคร :
โรงพมิ พ์พระจนั ทร์, ๒๕๐๖. (พมิ พ์เป็นอนสุ รณ์ในการฉลองวนั ประสตู คิ รบ ๑๐๐
ปี ๒๘ เมษายน ๒๕๐๖).
นริศรานวุ ดั ตวิ งศ์, สมเดจ็ ฯ เจ้าฟ้ากรมพระยา และดำ� รงราชานุภาพ, สมเดจ็ ฯ กรมพระยา.
สาส์นสมเดจ็ . ๒๗ เล่ม. พระนคร : คลงั วิทยา, ๒๕๐๕.
นริศรานุวัดติวงศ์, สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยา และอนุมานราชธน, พระยา. บันทึกเรื่อง
ความรู้ต่างๆ. ๕ เล่ม. พระนคร : สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย, ๒๕๐๖.
นฤมล ธีรวัฒน์. “พระราชดำ� ริทางการเมืองของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว.”
วทิ ยานิพนธ์อกั ษรศาสตรมหาบณั ฑติ ภาควชิ าประวัติศาสตร์ บณั ฑติ วทิ ยาลัย
จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๒๕.
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
274
นิธิ เอียวศรีวงศ์. ปากไก่และใบเรือ : ว่าด้วยการศึกษาประวัติศาสตร์วรรณกรรมต้น
รตั นโกสินทร์. กรุงเทพมหานคร : แพรวสำ� นกั พมิ พ์, ๒๕๔๓.
ปรมานชุ ติ ชโิ นรส, สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระ. ปฐมสมโพธิกถา. พระนคร : มหา
จุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๐๓.
ประกาศการพระราชพธิ ี เล่ม ๒. บรรณาธกิ ารโดย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมร
พนั ธ์ุ. กรงุ เทพมหานคร : กรมศลิ ปากร, ๒๕๕๐.
ประชมุ จารกึ วดั พระเชตพุ น. กรงุ เทพมหานคร : อมรนิ ทร,์ ๒๕๔๔. (คณะสงฆว์ ดั พระเชตพุ น
จัดพิมพ์เป็นทร่ี ะลกึ สมโภชหริ ญั บัฏและฉลองอายวุ ฒั นมงคล ๘๕ ปี พระธรรม
ปญั ญาบดี (ถาวร ตสิ สฺ านกุ โร ป.ธ. ๔) เจา้ อาวาสวดั พระเชตพุ น ๒๖-๒๗ พฤษภาคม
๒๕๔๔).
ประชมุ ประกาศรชั กาลท่ี ๔. บรรณาธิการโดย ชาญวทิ ย์ เกษตรศิริ. กรุงเทพมหานคร :
มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทยและมูลนิธิโครงการต�ำราสังคมศาสตร์และมนุษย
ศาสตร์, ๒๕๔๗.
ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๕. กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์, ๒๕๓๙.
(คณะกรรมการอำ� นวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี จัดพิมพ์เป็น
ท่รี ะลึกเน่ืองในมหามงคลสมัยฉลองสริ ริ าชสมบัติครบ ๕๐ ปี พ.ศ. ๒๕๓๙).
ประชุมพงศาวดารภาคท่ี ๕๑. พระนคร : โรงพมิ พ์โสภณพพิ รรฒธนากร, ๒๔๗๒. (พิมพ์
พระราชทานในงานพระศพ พระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสนิ ีนาฏ ปิยมหาราช
ปดวิ รดั า ครบสัปตมวาร).
ประชมุ ศลิ าจารกึ ภาคท่ี ๖ ตอนท่ี ๑ ประมวลจารกึ สมัยกรงุ รัตนโกสนิ ทร์ทพ่ี บในภาคเหนือ
ภาคตะวนั ออก และภาคกลาง. กรงุ เทพมหานคร : คณะกรรมการจดั พมิ พเ์ อกสาร
ทางประวตั ิศาสตร์ ส�ำนกั นายกรัฐมนตรี, ๒๕๑๗.
ประชุมศิลาจารึกภาคที่ ๑. กรุงเทพมหานคร : คณะกรรมการช�ำระประวัติศาสตร์และ
จดั พิมพ์เอกสารทางประวตั ิศาสตร์ สำ� นักนายกรฐั มนตรี, ๒๕๒๑.
ประมวลเอกสารส�ำคัญเนื่องในการสถาปนาวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม. ๒ เล่ม.
กรงุ เทพมหานคร : วดั เบญจมบพิตรดสุ ติ วนาราม, ๒๕๓๘. (พมิ พ์โดยเสดจ็ พระ
ราชกศุ ลงานพระราชทานเพลงิ ศพ สมเดจ็ พระพทุ ธชนิ วงศ์ (สวุ รรณ สวุ ณณฺ โชโต
ปธ. ๗) ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอศิ รยิ าภรณ์ วดั เทพศิรินทราวาส ๒๕ มีนาคม
๒๕๓๘).
ปวเรศวริยาลงกรณ์, สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยา. สุคตวทิ ตั ถวิ ธิ าน วิธกี ำ� หนดคบื
พระสคุ ต. กรงุ เทพมหานคร : วดั บวรนเิ วศวหิ าร, ๒๕๐๔. (วดั บวรนเิ วศวหิ ารพมิ พ์
โดยเสด็จพระราชกศุ ลในการพระราชทานเพลงิ ศพ พระพรหมมุนี (สวุ จเถระ) ณ
เมรวุ ดั เทพศริ นิ ทราวาส ๒๙ มถิ ุนายน ๒๕๐๔).
. “เรอ่ื งอภนิ หิ ารการประจักษ์.” ใน วชริ ญาณวเิ ศษ ตอนท่ี ๑๖. (กันยายน, ร.ศ.
๑๑๖).
ผาสขุ อนิ ทราวธุ . (๒๕๔๓). พทุ ธปฏิมาฝ่ายมหายาน. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์อกั ษรสมยั .
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
275
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเดจ็ . มหามกุฏราชนสุ สรณีย์ ประชมุ พระราชนพิ นธ์
ภาษาบาลใี นรชั กาลท่ี ๔ ภาคท่ี ๑. กรุงเทพมหานคร : มหามกุฏราชวทิ ยาลัย,
๒๕๑๑.
. ยตุ ตายุตตปฏปตอํกนี กำ� หนดข้อปฏิบัติที่ควรและไม่ควร. แปลโดย พระญาณ
วิจิตร (สทิ ธ์ิ โลจนานนท์). พระนคร : โรงพมิ พ์พระจนั ทร์, ๒๔๗๐. (พระเจ้าบรม
วงศ์เธอ กรมหลวงสมรรตั นศิรเิ ชษฐ โปรดให้พมิ พ์เม่อื ปีเถาะ พ.ศ. ๒๔๗๐).
. ชุมนุมพระบรมราชาธิบายในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หมวด
โบราณสถานและโบราณวตั ถ.ุ พระนคร : โรงพมิ พโ์ สภณพพิ รรฒธนากร, ๒๔๗๕.
(สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวสั สามาตุจฉาเจ้า โปรดให้พมิ พ์
เป็นมติ รพลขี ้ึนปีใหม่).
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จ.สมณศาสน พระเถระธรรมยุติกา มีไปยังลังกา
ทวีป. พระนคร : หอพระสมดุ วชิรญาณ, ๒๔๖๘. (พมิ พ์ในงารพระศพ พระเจ้า
บรมวงศ์เธอ กรมหลวงพรหมวรานุรกั ษ์ ณ พระเมรทุ ้องสนามหลวง).
. สวดมนต์ตัวอริยกะ. กรุงเทพมหานคร : วัดบวรนิเวศวหิ าร, ๒๕๔๗. (พระบรม
ราชานุสรณ์เน่ืองในวันพระบรมราชสมภพและวันเสด็จสวรรคตพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มหาปวารณาดิถี วันพฤหัสบดีท่ี ๒๘ ตุลาคม พ.ศ.
๒๕๔๗).
. จดหมายเหตุพระราชกิจรายวนั พระราชนพิ นธ์ในพระบาทสมเด็ดพระจุลจอม
เกล้าเจ้าอยู่หัว ภาคที่ ๒๐. พระนคร : กรมศิลปากร, ๒๔๘๗. (พิมพ์ในงาน
พระราชทานเพลิงศพ เจ้าจอมเอิบ ท.จ.ว. ในรชั กาลท่ี ๕เม่อื วนั ท่ี ๓ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๔๘๗ นะ เมรุวัดเทพสิรนิ ทราวาส).
. เร่ืองวัดสมอรายอันมีนามว่าราชาธิวาส. พระนคร : โรงพิมพ์มหามกุฏราช
วิทยาลัย, ๒๔๙๙. (พมิ พ์เป็นท่ีระลกึ ในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเดจ็
พระศรสี วรนิ ทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยกิ าเจ้า)
. พระราชปรารภเรื่องพระพุทธชินราช. พระนคร : กรมศลิ ปากร, ๒๕๐๐. (พมิ พ์
ในงานพระราชทานเพลงิ ศพ นายสกล ตนั ตเิ จรญิ ณ เมรวุ ดั ไตรมติ รวิทยาราม
๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๐).
. “พระราชนพิ นธ์ในรัชกาลท่ี ๕ ว่าด้วยวัดพระนามบญั ญตั ิ วดั ราชประดิษฐ.”
ศลิ ปวัฒนธรรม. ๑๒ (ตุลาคม ๒๕๕๐) : ๗๘-๘๗.
พระครูปลัดนายกวรวัฒน์ (สุธรรม สุธมฺโม). (๒๕๕๖). ธรรมกายในคัมภีร์พระธัมมกายาทิ
(ฉบับเทพชุมนุม). กรุงเทพฯ : สถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (ออสเตรเลียและ
นิวซแี ลนด์).
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). (๒๕๕๑). กรณีธรรมกาย บทเรียนเพื่อการศึกษา
พระพทุ ธศาสนาและสรา้ งสรรค์สงั คมไทย. พมิ พค์ รง้ั ท ่ี ๒๔. กรงุ เทพฯ : สมาคม
โพธธิ รรม.
พระพรหมมุนี (ผิน). ปาฐกถาเร่ืองกายสาม. พระนคร : โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย,
๒๕๐๙. (พมิ พเ์ ปน็ ธรรมบรรณาการในงานพระราชทานเพลงิ ศพ นายฟู อนศุ าสน
นันทน์ ป.ม., ท.ช. ณ เมรุวดั ชลประทานรังสฤษดิ์ วนั ที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๐๙).
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
276
พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยหู่ วั , พระบาทสมเดจ็ . เทย่ี วเมอื งพระร่วง. กรงุ เทพมหานคร : องค์การ
ค้าของครุ สุ ภา, ๒๕๒๖.
พระมหานามเถระ. วรรณกรรมสมัยรตั นโกสินทร์ เล่ม ๑ (หมวดศาสนจกั ร) คมั ภีร์มหาวงศ์.
แปลโดย พระยาธรรมปโรหติ และพระยาปริยตั ธิ รรมธาดา (แพ ตาละลกั ษมณ์).
กรุงเทพมหานคร : กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๓๔.
พระรัตนปัญญาเถระ. ชนิ กาลมาลีปกรณ์. แปลโดย แสง มนวทิ รู . พมิ พ์ครั้งที่ ๒. กรงุ เทพ
มหานคร : กรมศลิ ปากร, ๒๕๔๐. (พมิ พ์เป็นอนสุ รณ์ในการออกเมรพุ ระราชทาน
เพลิงศพ พระพรหมคุณาภรณ์ (ด. เจียม จิรปุญฺโ) อดีตเจ้าอาวาสวัดโสธร
วราราม ณ เมรวุ ดั โสธรวราราม อ�ำเภอเมอื ง จังหวัดฉะเชงิ เทรา ๑๕ พฤษภาคม
๒๕๔๐).
พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา. ๒ เล่ม. พิมพ์ครัง้ ท่ี ๙. กรงุ เทพมหานคร : กรม
ศิลปากร, ๒๕๔๒.
พัสวีสิริ เปรมกุลนันท์. (มีนาคม ๒๕๕๘). “ภาพพระพุทธเจ้ามหายานในวัดธรรมยุตที่วัด
ปทุมวนาราม,” ใน ศลิ ปวฒั นธรรม. ปีท ่ี ๓๖ ฉบบั ที่ ๕, น. ๒๔-๓๑.
. วัด-วัง ในพระราชประสงค์พระจอมเกล้า. กรงุ เทพมหานคร : มติชน, ๒๕๖๑.
พิชญา สุ่มจินดา. “การก�ำหนดอายุเวลาและการจ�ำลองพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตน
มหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก.” วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชาประวัตศิ าสตร์ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์, ๒๕๔๘.
. (๒๕๕๗). ถอดรหสั พระจอมเกล้า. กรุงเทพฯ : มติชน.
. “พระพุทธรูปทรงเคร่ืองฉลองพระองค์ในพระบรมมหาราชวัง : ความรู้ที่ต้อง
เปลย่ี นแปลง ความขดั แยง้ ทตี่ อ้ งวเิ คราะห.์ ” ใน ประวตั ศิ าสตรศ์ ลิ ปะทตี่ อ้ งจารกึ .
บรรณาธกิ ารโดย วารณุ ี โอสถารมย์. กรุงเทพมหานคร : อมรนิ ทร์, ๒๕๕๐. (รวม
บทความทางวชิ าการเน่อื งในโอกาสเกษียณอายรุ าชการ รองศาสตราจารย์ ดร.
พริ ยิ ะ ไกรฤกษ์).
พิมพ์รำ� ไพ เปรมสมิทธ์. “ความสมั พนั ธ์ทางพทุ ธศาสนาระหว่างไทยกบั ลังกาตง้ั แต่รัชกาล
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจนถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หวั .” วทิ ยานิพนธ์อักษรศาสตรมหาบณั ฑิต ภาควชิ าประวัติศาสตร์ คณะ
อักษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๒๕.
พริ ยิ ะ ไกรฤกษ์. “การปรบั เปลี่ยนยุคสมยั ของพทุ ธศิลป์ในประเทศไทย.” เมอื งโบราณ. ๒๕
(เมษายน-มถิ ุนายน, ๒๕๔๒) : ๑๐-๓๖.
. “ปกณิ กะในพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เรอ่ื ง ความเปลยี่ นแปลง
ทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม.” ศลิ ปวฒั นธรรม. ๒๖ (พฤศจิกายน, ๒๕๔๗) :
๗๘-๙๗.
. ข้อคิดเห็นเก่ียวกับแบบศิลปะในประเทศไทย คัดเลือกจากพิพิธภัณฑสถาน
แห่งชาติ สาขาส่วนภมู ิภาค. กรงุ เทพมหานคร : กรมศิลปากร, ๒๕๒๕. (พิมพ์
ในโอกาสเปิดนทิ รรศการพิเศษ ๒ สิงหาคม ๒๕๒๐).
. ประวตั ศิ าสตรศ์ ลิ ปะและโบราณคดใี นประเทศไทย. กรงุ เทพมหานคร : อมรนิ ทร,์
๒๕๓๓.
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
277
พริ ยิ ะ ไกรฤกษ.์ (๒๕๕๕). รากเหงา้ แหง่ ศลิ ปะไทย. พมิ พค์ รงั้ ท ี่ ๒. กรงุ เทพฯ : รเิ วอร ์ บคุ๊ ส.์
. อารยธรรมไทย : พื้นฐานทางประวัติศาสตร์ศิลปะ เล่ม ๑ ศิลปะก่อนพุทธ
ศตวรรษท่ี ๑๙. กรุงเทพมหานคร : อมรนิ ทร์, ๒๕๔๔.
พเิ ศษ เจยี จนั ทร์พงษ์. “เคร่อื งราชกกุธภัณฑ์ (พ้นื เมอื ง).” ศลิ ปวัฒนธรรม. ๒๐ (มถิ ุนายน
๒๕๔๒) : ๑๑๐-๑๑๗.
ภรู ทิ ชั ฐติ เมโธ และ ศกั ดชิ์ ยั กติ ตชิ โย. (๒๕๕๔). ชนิ งอน รหสั ลบั แหง่ ธรรมทแี่ ท.้ กรงุ เทพฯ :
ศูนย์ไทย-ธิเบต.
มหามกุฎราชวิทยาลัย, ๒๕๐๙. (พิมพ์เป็นธรรมบรรณาการในงานพระราชทานเพลิงศพ
นายฟู อนุศาสนนันทน์ ป.ม., ท.ช. ณ เมรุวัดชลประทานรังสฤษด์ิ วันท่ี ๒๒
มถิ ุนายน ๒๕๐๙).
เมธาธิบดี, พระยา และคณะ. ไตรภูมโิ ลกวนิ จิ ฉยกถา สำ� นวนท่ี ๑. ปริวรรตโดย นยิ ะดา
เหล่าสนุ ทร. กรุงเทพมหานคร : ลายคำ� , ๒๕๕๕.
ยุกติ มกุ ดาวจิ ติ ร. “ท�ำไมยังอ่านงาน Geertz กันอยู่.” http://blogazine.in.th/blogs/yukti-
mukdawijitra/post/4268, (สบื ค้นเมอ่ื ๑๖ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๖).
ยุทธนาวรากร แสงอร่าม. “ ‘มงกุฎ’ พระบรมราชสัญลักษณ์ประจ�ำรัชกาลที่ ๔.” ศิลป
วัฒนธรรม. ๓๒ (กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๔) : ๑๓-๑๕.
. “วจิ ารณ์หนงั สอื ‘ถอดรหสั พระจอมเกล้า’ .” วจิ ติ รศลิ ป์. ๕ (มกราคม-มถิ นุ ายน
๒๕๕๗) : ๒๓๗-๒๕๖.
ราม. วชิราวุธ (นามแฝง). ประวัตติ ้นรัชกาลท่ี ๖. พมิ พ์คร้ังที่ ๓. กรงุ เทพมหานคร : ศลิ ป
วัฒนธรรมฉบบั พิเศษ, ๒๕๕๐.
ไรท,์ ไมเคลิ . (มนี าคม ๒๕๓๗). “ตำ� ราเทวรปู พราหมณ ์ คนวาดรปู ในตำ� รา เคยดอู ะไรมา?,”
ใน ศิลปวฒั นธรรม. ปีท ่ี ๑๕ ฉบับท่ี ๕, น. ๖๖-๗๓.
โลกปุ ปัตต ิ อรณุ วดสี ูตร ปฐมมูล ปฐมกปั และมูลตนั ไตรย, (๒๕๓๓). กรงุ เทพฯ : หอสมดุ
แห่งชาติ กรมศลิ ปากร.
วชิรญาณวโรรส, สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา. เทศนาพระราชประวัติพระบาท
สมเดจ็ พระปรเมนทรมหามงกฎุ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั . พระนคร : ม.ป.ท., ๒๕๐๐.
(พิมพ์ในงานบ�ำเพ็ญกุศลถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและ
กรมหมน่ื ทวิ ากรวงศ์ประวตั ิ).
. ประมวลพระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
พระราชหัตถเลขา-ลายพระหัตถ.์ พระนคร : พุทธอุปถัมภ์การพิมพ์, ๒๕๑๔.
(ธนาคารกรงุ ศรอี ยุธยา จ�ำกัด พิมพ์ในงานมหาสมณานสุ รณ์ครบ ๕๐ ปี แต่วัน
สน้ิ พระชนม์แห่งสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส วนั ท่ี ๑-๗
สงิ หาคม พุทธศกั ราช ๒๕๑๔).
วัดบวรนิเวศวหิ าร. พระนคร : ศวิ พร, ๒๕๑๕.
วทิ ย์ พณิ คันเงิน. เครอื่ งราชภณั ฑ์. กรุงเทพมหานคร : อมรนิ ทร์, ๒๕๕๑.
ศานติ ภกั ดคี ำ� และชาตรี ประกิตนนทการ. พุทธาวาส วดั บวรนิเวศวหิ าร. กรงุ เทพมหา
นคร : วดั บวรนิเวศวหิ าร, ๒๕๕๖.
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
278
ศานติ ภกั ดคี �ำ และชาตรี ประกติ นนทการ. สังฆาวาส วดั บวรนเิ วศวหิ าร. กรุงเทพมหานคร
: วดั บวรนิเวศวิหาร, ๒๕๕๖.
ศลิ ปากร, กรม. (๒๕๔๘). จติ รกรรมฝาผนงั พระพทุ ธรตั นสถานตามแนวพระราชดำ� ร.ิ ๒ เลม่ .
กรงุ เทพฯ : กรมศลิ ปากร. กรมศลิ ปากรจดั พมิ พเ์ ฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็
พระเจ้าอยู่หัว เน่ืองในโอกาสท่ีมีพระราชกระแสให้กรมศิลปากรเขียนภาพจิตร
กรรมฝาผนงั พระพุทธรัตนสถานตามแนวพระราชด�ำร ิ พุทธศกั ราช ๒๕๔๘.
. (๒๕๔๘). ประชุมจารึกภาคที่ ๘ จารึกสุโขทัย. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร.
คณะกรรมการอ�ำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว จัดพิมพ์เป็นท่ีระลึกในโอกาสที่วันพระบรมราชสมภพครบ ๒๐๐ ปี
วันท ่ี ๑๘ ตุลาคม พทุ ธศักราช ๒๕๕๗.
. ศิลปวัฒนธรรมไทย เล่มท่ี ๔ วัดส�ำคัญกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพมหานคร
: กรมศิลปากร, ๒๕๒๕. (กรมศิลปากรจัดพิมพ์เนื่องในโอกาสสมโภชกรุง
รตั นโกสนิ ทร์ พุทธศักราช ๒๕๒๕).
. ประชุมประกาศรัชกาลท่ี ๔ พ.ศ. ๒๓๙๔-๒๔๐๔. ธนบุรี : กรมศิลปากร,
๒๕๑๑. (พิมพ์ถวายในงานพระราชทานเพลงิ ศพ พระมหาโพธวิ งศาจารย์ อินท
โชตเถระ ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันท่ี ๙
พฤศจิกายน พทุ ธศักราช ๒๕๑๑).
. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามค�ำแหง จังหวัดสุโขทัย. กรุงเทพมหานคร :
กรมศิลปากร, ม.ป.พ.
. เรอ่ื งพระปฐมเจดีย์. กรงุ เทพมหานคร : กรมศลิ ปากร, ๒๕๒๘. (โดยเสดจ็ พระ
ราชกศุ ลในงานพระราชทานเพลงิ ศพ พระธรรมสริ ชิ ยั (ชติ ชติ วปิ ลุ เถร) เจา้ อาวาส
วดั พระปฐมเจดยี ์).
สนอดกราส, เอเดรยี น. สญั ลกั ษณแ์ หง่ พระสถปู . พมิ พค์ รง้ั ที่ ๒. กรงุ เทพมหานคร : อมรนิ ทร์
วิชาการ, ๒๕๔๑.
สมเด็จพระสงั ฆราช (มี). พระมหาปรุ สิ ลักษณะ ๓๒ ประการ. พระนคร : ศิวพร, ๒๕๐๒.
(พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานวันอดีตเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ จันทรคติเดือน ๙ ข้ึน
๓ ค่�ำ (๗ สงิ หาคม ๒๕๐๒) ประจำ� ปี ๒๕๐๒).
สันติ เล็กสุขมุ . ประวัตศิ าสตร์ศิลปะไทย (ฉบบั ย่อ) การเร่มิ ต้นและการสืบเน่อื งงานช่างใน
ศาสนา. กรงุ เทพมหานคร : เมอื งโบราณ, ๒๕๔๔.
สำ� นกั งานทรพั ยส์ นิ สว่ นพระมหากษตั รยิ .์ (๒๕๕๕). ปทมุ วนานสุ รณ ์ โครงการบรู ณปฏสิ งั ขรณ์
วดั ปทมุ วนาราม. กรงุ เทพมหานคร : อมรินทร์.
ส�ำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี. พระราชลัญจกร. กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์, ๒๕๓๘.
(สำ� นกั เลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี จดั พมิ พเ์ พอื่ เฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระ
ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เน่ืองในมหามงคลวโรกาสพระราชพิธีกาญจนา
ภเิ ษกเสดจ็ เถลิงถวัลยราชสมบตั ิ ๕๐ ปี วันท่ี ๙ มถิ ุนายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๙
และในมหามงคลวโรกาสพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้างและ
จัดพระราชพิธีจารึกพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ทองค�ำประจ�ำรัชกาล วันที่
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
279
๒๗ เมษายน พทุ ธศักราช ๒๕๓๘).
สุภทั รดศิ ดศิ กลุ , ม.จ. ศลิ ปะในประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร : อมรนิ ทร์, ๒๕๓๔.
สุมาลี มหณรงค์ชัย. (๒๕๕๐). มหายาน : ภาษาคน-ภาษาธรรม. กรุงเทพฯ : อมรนิ ทร์.
สรุ ยิ วฒุ ิ สขุ สวสั ด,์ิ ม.ร.ว. พระพทุ ธปฏมิ าในพระบรมมหาราชวงั . แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ พ.ศ. ๒๕๔๓.
กรงุ เทพมหานคร : อมรินทร์, ๒๕๓๕. (พมิ พ์ในวโรกาสเฉลมิ พระชนมพรรษา ๕
รอบ สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ ๑๒ สงิ หาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๕).
หนงั สือ Court ข่าวราชการ, พมิ พ์คร้ังท่ี ๒. กรุงเทพมหานคร : กองทพั เรอื , ๒๕๓๙. (พมิ พ์
พระราชทานในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเดจ็ พระศรนี ครนิ
ทราบรมราชชนนี ณ พระเมรมุ าศ ท้องสนามหลวง วนั อาทติ ย์ที่ ๑๐ มีนาคม
พทุ ธศักราช ๒๕๓๙).
อภชิ ยั โพธป์ิ ระสทิ ธศ์ิ าสต.์ (๒๕๕๑). พระพทุ ธศาสนามหายาน. พมิ พค์ รงั้ ท ่ี ๒. กรงุ เทพฯ :
สำ� นักพมิ พ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อภินันท์ โปษยานนท์. จิตรกรรมและประติมากรรมแบบตะวันตกในราชสำ� นัก. ๒ เล่ม.
พมิ พ์ครง้ั ที่ ๒. กรงุ เทพมหานคร : อมรินทร์, ๒๕๓๗. (สำ� นักพระราชวงั จัดพิมพ์
เนื่องในมหามงคลสมัยท่ีสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญ
พระชนมพรรษา ๕ รอบ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๕).
อจั ฉรา กาญจโนมยั . “การฟน้ื ฟพู ระพทุ ธศาสนาในสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ (พ.ศ. ๒๓๒๕-
๒๓๙๔).” วทิ ยานพิ นธ์อักษรศาสตรมหาบัณฑติ ภาควิชาประวตั ิศาสตร์ คณะ
อักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๒๓.
Jessup, Helen Ibbitson. “Rājendradevī in the Form of Gauri,” in Sculpture of Angkor and
Ancient Cambodia : Millennium of Glory. Editors by Helen Ibbitson Jessup
and Thierry Źephir. pp. 202-203. Washington : National Gallery of Art, 1997.
Hammar, Urban. (2005). Studies in the Kãlacakra Tantra. Stockholm : Department of
Ethnology, History of Religions, and Gender Studies History of Religions.
Huntington, Susan L. 1985. The Art of Ancient India. Japan : Weatherhill.
Pitchaya Soomjinda. “The Replication Theory : A New Approch to Buddha Image
Iconography.” The Tenth International Conference on Thai Studies (ICTS10)
Thammasat University, 2008.
Wimalaratana, Bellanwila. 1981. A Study of the Concept of the Mahapurisa in Buddhist
Literature and Iconography. Thesis submitted to the University of Lancaster
fot the degree of Doctor of Philosophy.