ถอดรหัสพระจอมเกล้า
183
ทั้ง ๕ ตัวแทนของพระพุทธเจ้า (มานุษิพุทธะ) ทั้ง ๕ ในภัททกัปป์ “สัมโภค
กาย” แทนด้วยภาพพระชินะ (ธยานิพุทธา) ท้ัง ๕ และพระมหาโพธิสัตว์ท้ัง ๕
และ “ธรรมกาย” แทนด้วยภาพพระอณุ าโลม
ระดบั ท ี่ ๓ ภาพพระอณุ าโลมเปน็ สอ่ื สญั ลกั ษณถ์ งึ พระธรรมกายตามคติ
ของนิกายเถรวาทในคัมภีร์พระธรรมกาย กล่าวคือ พระอุณาโลมเป็นส่วนหนึ่ง
ของพระวรกายแหง่ พระธรรมกาย ทปี่ ระชมุ กนั ของหลกั ธรรม พระรศั มเี รอื งรอง
ท่ีเปล่งจากพระอุณาโลม เทียบได้กับพระก�ำลังแห่งวชิรสมาบัติญาณ อันเทียบ
ได้กบั สัพพัญญตุ ญาณของพระสมั มาสัมพุทธเจ้า
ระดบั ท ่ี ๔ ภาพพระอณุ าโลมและพระรศั มเี รอื งรองอนั เทยี บได้กบั “วชริ
สมาบัติญาณ” ยังพ้องกับพระราชฉายา) “วชิรญาณ” ของพระบาทสมเด็จพระ
จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
สรุปความ
จิตรกรรมของวัดปทุมวนารามแสดงถึงความสามารถและความเข้าใจ
ของผู้ออกแบบจิตรกรรม คือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่ีเข้า
พระราชหฤทัยในระบบพุทธปรัชญาตรีกายของลัทธิมหายาน-ตันตรยาน อัน
ได้แก่ ธรรมกาย สัมโภคกาย และนิรมาณกาย และน�ำมาปรับใช้กับประติมา
นิรมาณวิทยาของลัทธิตันตรยานผ่านภาพพระอุณาโลม ภาพพระชินะพร้อม
พระมหาโพธิสัตว์ท้ัง ๕ ของลัทธิตันตรยาน และภาพพระพุทธเจ้าท้ัง ๕ ใน
ภัททกัปป์ได้อย่างแยบยล ท้ังที่ประติมานิรมาณวิทยาดังกล่าวซึ่งแสดงให้เห็น
การจัดระบบความสัมพันธ์ของโคตรตระกูลแห่งพระชินะตามคัมภีร์ของลัทธิ
ตันตรยาน คงไม่เป็นที่รู้จักในดินแดนประเทศไทยมาก่อนหน้าน้ันนานนับ
ศตวรรษแล้ว
เป็นไปได้หรือไม่ว่าความรู้เร่ืองประติมานิรมาณวิทยาดังกล่าว อาจจะ
ทรงได้รับผ่านการศึกษาจากหนังสือภาพหรือต�ำรับต�ำราของชาวตะวันตกที่
เร่ิมแพร่หลายในขณะนั้น๖๒ เพราะพระนามและการจัดกลุ่มความสัมพันธ์ของ
พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ในจิตรกรรม ยังตรงกับต�ำราด้านพุทธประติมา
นิรมาณวทิ ยาที่ใช้ศึกษากนั ทุกวนั น๖ี้ ๓
ขณะที่การเลือกใช้ภาพพระอุณาโลมเป็นสัญลักษณ์แทนส่ิงที่เป็นนาม
ธรรมเช่นธรรมกายตามพุทธปรัชญาตรีกายของลัทธิมหายาน ก็ทรงตีความให้
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
184
สอดคล้องกับธรรมกายตามคติของนิกายเถรวาท แฝงนัยแห่งความหมาย
เก่ียวข้องกับพุทธปรัชญาและเร่ืองส่วนพระองค์อย่างแนบเนียนซับซ้อนยิ่งรวม
กนั ถงึ ๔ ระดบั ราวกบั ตง้ั พระราชหฤทยั ใหภ้ าพดงั กลา่ วเปน็ ดงั่ ปรศิ นาใหส้ าธชุ น
ได้ขบคดิ เหมอื นเชน่ ภาพปรศิ นาธรรมทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้วาดขน้ึ ใน
พระอารามหลวงธรรมยตุ ร่วมสมยั
พิมพค์ รง้ั แรกในศิลปวัฒนธรรม ปที ่ี ๓๗ ฉบบั ที่ ๙ (กรกฎาคม ๒๕๕๙) หน้า ๖๖-
๘๕. โดยใชช้ อ่ื บทความว่า “พระจอมเกล้า” กับ “พระธรรมกาย” ในจติ รกรรมวัดปทมุ วนาราม
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
185
เชิงอรรถ
๑ พัสวีสิริ เปรมกุลนันท์. (มีนาคม ๒๕๕๘). “ภาพพระพุทธเจ้ามหายานในวัดธรรมยุต
ทวี่ ดั ปทมุ วนาราม,” ใน ศลิ ปวฒั นธรรม. ปีที่ ๓๖ ฉบับท ี่ ๕, น. ๒๔-๓๑.
๒ ในบทความนี้จะเรียกลัทธิทางพุทธศาสนาที่เป็นแรงบันดาลใจในการวาดจิตรกรรม
ดงั กลา่ ววา่ ลทั ธติ นั ตรยาน วงวชิ าการบา้ นเรามองลทั ธนิ วี้ า่ เปน็ เพยี งสว่ นหนง่ึ ของลทั ธมิ หายาน
ซง่ึ กไ็ มใ่ ชเ่ รอื่ งแปลกอะไร ในความเหน็ ของผเู้ ขยี นแมล้ ทั ธติ นั ตรยานจะยอมรบั พทุ ธปรชั ญาของ
มหายาน แต่การรจนาคัมภีร์ตันตระ การปฏิบัติพิธีกรรม และบ�ำเพ็ญโยคะเพื่อความหลุดพ้น
การสรา้ งรปู เคารพทม่ี คี วามสลบั ซบั ซอ้ นทางดา้ นประตมิ านริ มาณวทิ ยา การพฒั นาค�ำสอนใน
เชิงตันตระ รวมถึงการน�ำพุทธปรัชญาของมหายานและหีนยานมาผสมผสานกัน เพ่ิมเทคนิค
วิธีการและพิธีกรรมในการเข้าถึง และเน้นด้านพิธีกรรมเป็นพิเศษ จึงได้รับความนิยมมากใน
อินเดียต่อเนื่องกันหลายร้อยปี และมีพัฒนาการก้าวกระโดดเกินกว่าจะเป็นเพียงนิกายหน่ึง
ของลทั ธมิ หายาน
๓ พสั วสี ริ ิ เปรมกลุ นนั ท์. “ภาพพระพทุ ธเจ้ามหายานในวดั ธรรมยตุ ทวี่ ดั ปทมุ วนาราม,”
น. ๒๔-๓๑.
๔ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั . (๒๕๔๒). พระราชพธิ สี บิ สองเดอื น. พมิ พ์
คร้ังที่ ๑๘. (กรงุ เทพมหานคร : บรรณาคาร), น. ๓๐.
๕ เรอ่ื งเดยี วกัน, น. ๒๙.
๖ เรอื่ งเดียวกัน, น. ๒๗.
๗ เอเดรยี น สนอดกราส. (๒๕๔๑). สญั ลกั ษณแ์ หง่ พระสถปู . แปลโดย ภทั รพร สริ กิ าญจน
และคณะ. พมิ พ์คร้ังท ี่ ๒. (กรุงเทพมหานคร : อมรนิ ทร์วชิ าการ), น. ๑๘๕.
๘ พสั วสี ริ ิ เปรมกลุ นนั ท์. “ภาพพระพทุ ธเจ้ามหายานในวดั ธรรมยตุ ทวี่ ดั ปทมุ วนาราม,”
น. ๒๗.
๙ เร่ืองเดียวกนั , น. ๒๗-๒๘.
๑๐ พระนามในวงเลบ็ คือพระนามในภาษาสนั สกฤตท่ใี ช้กันในลทั ธิมหายาน-ตันตรยาน
๑๑ ภาคเหนือบางแห่งเรียกว่า อานิสงส์ผางประทีป แม่กาเผือก พระเจ้าห้าตน ต�ำนาน
เวียงกาหลง ต�ำนานดอยสิงคุตตระ เป็นต้น ภาคอีสานบางท้องถิ่นเรียกว่า กาเผือก ต�ำนาน
พระธาตเุ ชงิ ชมุ ภาคกลางบางถน่ิ เรยี กวา่ กาขาว ตน้ เหตลุ อยกระทง ปญั จพทุ ธพยากรณ ์ และ
ในภาคใต้บางถ่ินเรียกว่า พระเจ้าสามเณร เป็นต้น ดูรายละเอียดใน “ต�ำนานพระพุทธเจ้าห้า
พระองค,์ ” (๒๕๕๓). http://ich.culture.go.th/index.php/th/ich/folk-literature/252-folk/82-2012-
01-31-09-48-15 (สืบค้นเมอ่ื ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙)
๑๒ ตำ� นานกลา่ ววา่ กอ่ นพระพทุ ธเจา้ ทงั้ ๕ ในภทั ทกปั ปจ์ ะตรสั ร ู้ ตา่ งเคยประสตู เิ ปน็ บตุ ร
ร่วมอุทรเดียวกับแม่กาเผือกซึ่งได้ออกไข่ ๕ ฟองในรังท่ีต้นไม้ใหญ่ ภายหลังเกิดพายุใหญ่พัด
รังกาจนพินาศ ไข่กาท้ัง ๕ ฟองตกลงมาจากต้นไม้ถูกพายุพัดไหลไปตามลำ� นํ้า แม่กาเผือก
เห็นดังนั้นเข้าใจว่าบุตรตายท้ังครอกจึงตรอมใจตาย และไปจุติเป็นท้าวพกาพรหม ส่วนไข่ทั้ง
๕ ฟองน้ันมีแม่สัตว์ต่างๆ เก็บได้และน�ำไปเลี้ยงเป็นบุตร ได้แก่ แม่ไก่ แม่นาค แม่เต่า แม่โค
และแม่สงิ ห์ เม่ือครบก�ำหนดไข่ก็แตกออกมาเป็นมนุษย์เพศชาย ๕ คน
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
186
ครน้ั ทง้ั หมดเจรญิ วยั กอ็ อกบวชเปน็ ฤๅษอี ยใู่ นปา่ พระอนิ ทรท์ รงทราบความจงึ โปรดให้
พระวษิ ณกุ รรมเนรมติ อาศรมถวาย วนั หนง่ึ ฤๅษที งั้ ๕ ตนเดนิ ทางมาพบกนั โดยบงั เอญิ และได้
ทราบวา่ เปน็ พน่ี อ้ งกนั ตา่ งพากนั รำ� ลกึ ถงึ พระคณุ แมก่ าเผอื กและประสงคจ์ ะพบหนา้ แมอ่ กี ครงั้
ท้าวพกาพรหมจึงลงมาบอกว่าให้เอาฝ้ายไปท�ำเป็นตีนกา ใส่ในผางหยอดนํ้ามัน แล้วจุดไฟ
บูชา กุศลนั้นจึงจะไปถึงแม่ และเป็นการแทนพระคุณแม่กาเผือก ดูรายละเอียดใน “ต�ำนาน
พระพทุ ธเจ้าห้าพระองค์,” (ออนไลน์)
อนง่ึ แมส่ ตั วท์ เ่ี ปน็ แมเ่ ลยี้ งของพระพทุ ธเจา้ ทงั้ ๕ คงแตง่ ขนึ้ ตามค�ำพอ้ งเสยี ง อกั ขระ
และความหมายของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ กล่าวคือ แม่ไก่พ้องกับเสียง “กกุ” ของพระ
กกุสันธะ แม่นาคพ้องกับอักขระ “นาค” ของพระโกนาคมนะ แม่เต่าหรือ “กัจฉปะ” แปลว่า
เต่า พ้องเสียงและความหมายของพระกัสสปะ แม่โคตรงกับพระนามของพระโคตมะ และแม่
สิงห์พ้องกบั เสยี ง “ศรี” ของพระศรีอารยิ เมตไตรย
๑๓ เอเดรยี น สนอดกราส. สัญลักษณ์แห่งพระสถปู . น. ๑๖๒.
๑๔ พริ ยิ ะ ไกรฤกษ.์ (๒๕๕๕). รากเหงา้ แหง่ ศลิ ปะไทย. พมิ พค์ รง้ั ท ่ี ๒. (กรงุ เทพมหานคร :
ริเวอร์บุ๊คส์), น. ๗๕.
๑๕ เร่ืองเดยี วกนั , น. ๔๘.
๑๖ กล่าวคือ สัมโภคกายเทียบได้กับ “เทพเจ้า” และธรรมกายเทียบได้กับ “พรหมัน”
ดูรายละเอียดใน Urban Hammar. (2005). Studies in the Kãlacakra Tantra. (Stockholm :
Department of Ethnology, History of Religions, and Gender Studies History of Religions),
p. 91.
๑๗ อภิชัย โพธ์ิประสิทธ์ิศาสต์. (๒๕๕๑). พระพุทธศาสนามหายาน. พิมพ์ครั้งท่ี ๒. (กรุง
เทพมหานคร : ส�ำนกั พิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย), น. ๑๐๙.
๑๘ สมุ าล ี มหณรงค์ชยั . (๒๕๕๐). มหายาน : ภาษาคน-ภาษาธรรม. (กรงุ เทพมหานคร :
อมรนิ ทร์), น. ๔๘.
๑๙ ภูริทัช ฐิตเมโธ และ ศักด์ิชัย กิตติชโย. (๒๕๕๔). ชินงอน รหัสลับแห่งธรรมท่ีแท้.
(กรุงเทพมหานคร : ศนู ย์ไทย-ธิเบต), น. ๘๒.
๒๐ เร่ืองเดยี วกนั , หน้าเดยี วกัน.
๒๑ พิริยะ ไกรฤกษ์. รากเหง้าแห่งศิลปะไทย. น. ๗๕.
๒๒ เรื่องเดยี วกัน, หน้าเดยี วกนั .
๒๓ เอเดรยี น สนอดกราส. สญั ลกั ษณแ์ หง่ พระสถปู . น. ๑๗๙. ในคมั ภรี ข์ องลทั ธติ นั ตรยาน
พระสมนั ตภทั รวชั รสตั วท์ รงเทยี บไดก้ บั พระมหาไวโรจนะ ผทู้ รงรวมแกน่ สารของพระปญั จชนิ ะ
ไว้ในพระธรรมกายของพระองค์ ดู เรอ่ื งเดียวกนั , น. ๑๗๗.
๒๔ ภรู ิทัช ฐติ เมโธ และ ศกั ด์ชิ ยั กติ ตชิ โย. ชินงอน รหสั ลับแห่งธรรมที่แท้. น. ๘๒.
๒๕ เอเดรยี น สนอดกราส. สัญลกั ษณ์แห่งพระสถูป. น. ๔.
๒๖ สมเด็จพระสังฆราช (มี). (๒๕๐๒). พระมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ. (พระนคร :
วดั มหาธาตยุ วุ ราชรงั สฤษฎ)์ิ , น. ๑๕-๑๖. (พมิ พเ์ ปน็ อนสุ รณใ์ นงานวนั อดตี เจา้ อาวาสวดั มหาธาตุ
จันทรคติ เดือน ๙ ข้ึน ๓ ค�่ำ (๗ สงิ หาคม ๒๕๐๒) ประจำ� ปี ๒๕๐๒).
๒๗ พิริยะ ไกรฤกษ์. รากเหง้าแห่งศิลปะไทย. น. ๒๓๘.
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
187
๒๘ ดรู ายละเอยี ดใน สมุ าล ี มหณรงคช์ ยั . มหายาน : ภาษาคน-ภาษาธรรม. น. ๔๓-๑๖๑.
๒๙ พระพรหมคณุ าภรณ ์ (ป.อ. ปยตุ โฺ ต). (๒๕๕๑). กรณธี รรมกาย บทเรยี นเพอื่ การศกึ ษา
พระพุทธศาสนาและสร้างสรรค์สังคมไทย. พิมพ์คร้ังท่ี ๒๔. (กรุงเทพมหานคร : สมาคมโพธิ
ธรรม), น. ๑๗๕.
๓๐ เรือ่ งเดยี วกัน, น. ๑๗๕, ๑๘๗.
๓๑ เรือ่ งเดียวกัน, น. ๑๙๐.
๓๒ ดูรายละเอียดใน พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). กรณีธรรมกาย บทเรียนเพ่ือ
การศกึ ษาพระพทุ ธศาสนาและสรา้ งสรรคส์ งั คมไทย; ชนดิ า จนั ทราศรไี ศล. (๒๕๕๗). หลกั ฐาน
ธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ ๑ ฉบับวิชาการ. บรรณาธิการโดย พระครูวิเทศสุธรรมญาณ
(สุธรรม สุธมฺโม). (กรุงเทพมหานคร : สถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (ออสเตรเลียและ
นวิ ซแี ลนด์)).
๓๓ ชนิดา จันทราศรีไศล. หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ ๑ ฉบับวิชาการ. น.
๑๐๒ .
๓๔ เรื่องเดยี วกัน, น. ๑๗๗.
๓๕ เรอ่ื งเดียวกนั , น. ๒๑๙-๒๒๐.
๓๖ เรอ่ื งเดียวกัน, น. ๒๐๑.
๓๗ พระพรหมคณุ าภรณ ์ (ป.อ. ปยตุ โฺ ต). กรณธี รรมกาย บทเรยี นเพอื่ การศกึ ษาพระพทุ ธ
ศาสนาและสร้างสรรค์สังคมไทย. น. ๑๙๒.
๓๘ เรอ่ื งเดียวกนั , น. ๑๙๗.
๓๙ เรือ่ งเดยี วกนั , น. ๑๙๘.
๔๐ ดูรายละเอียดใน พระพรหมมุนี (ผิน). ปาฐกถาเร่ืองกายสาม (พระนคร: โรงพิมพ์
มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั , ๒๕๐๙), น. ๖๒. (พมิ พเ์ ปน็ ธรรมบรรณาการในงานพระราชทานเพลงิ ศพ
นายฟ ู อนศุ าสนนนั ทน ์ ป.ม., ท.ช. ณ เมรวุ ดั ชลประทานรงั สฤษด ิ์ วนั ท ่ี ๒๒ มถิ นุ ายน ๒๕๐๙);
ชนดิ า จนั ทราศรไี ศล. หลกั ฐานธรรมกายในคมั ภรี พ์ ทุ ธโบราณ ๑ ฉบบั วชิ าการ. น. ๑๗๙-๑๘๐.
๔๑ อย่างไรก็ดี ผู้เขียนเห็นว่าแนวคิดเร่ืองสัมโภคกายก็ยังแทรกซึมเข้าไปในแนวคิดของ
นิกายเถรวาทอยู่ไม่น้อย ตัวอย่างเช่นการอธิบายที่ค่อนข้างลักลั่นกันเรื่องมหาบุรุษลักษณะ
(พุทธลกั ษณะใหญ่ ๓๒ ประการ) และอสีตานุพยัญชนะ (พทุ ธลักษณะย่อย ๘๐ ประการ) ใน
พระบาลีที่บางแห่งกล่าวถึงพระรูปกายว่าเป็นเหมือนมนุษย์ธรรมดา ขณะท่ีอีกไม่น้อยก็กล่าว
สรรเสริญพระรูปกายอันประกอบด้วยมหาบุรุษลักษณะ
๔๒ พระครูปลัดนายกวรวัฒน์ (สุธรรม สุธมฺโม). (๒๕๕๖). ธรรมกายในคัมภีร์พระธัมม
กายาทิ (ฉบับเทพชุมนุม). (กรุงเทพมหานคร : สถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (ออสเตรเลีย
และนวิ ซแี ลนด์)), น. ๔. (ภาคผนวก).
๔๓ เร่ืองเดียวกัน, น. ๘.
๔๔ ชนิดา จันทราศรีไศล. หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ ๑ ฉบับวิชาการ. น.
๓๔๒.
๔๕ ตวั อยา่ งของคมั ภรี ใ์ นกลมุ่ น ้ี เชน่ คมั ภรี พ์ ทุ ธนรกนั คมั ภรี พ์ ระญาณกสณิ คมั ภรี บ์ วั ระ
พนั ธะ คมั ภรี ม์ ลู ลกมั มฐาน เปน็ ตน้ ดรู ายละเอยี ดใน ชนดิ า จนั ทราศรไี ศล. หลกั ฐานธรรมกาย
ในคมั ภรี ์พทุ ธโบราณ ๑ ฉบับวชิ าการ. น. ๓๘๘.
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
188
๔๖ กรมศลิ ปากร. (๒๕๔๘). ประชมุ จารกึ ภาคท ี่ ๘ จารกึ สโุ ขทยั . (กรงุ เทพมหานคร : กรม
ศิลปากร), น. ๓๕๔. (คณะกรรมการอ�ำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระ
จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดพิมพ์เป็นท่ีระลึกในโอกาสที่วันพระบรมราชสมภพครบ ๒๐๐ ปี วันท่ี
๑๘ ตลุ าคม พุทธศกั ราช ๒๕๔๗).
๔๗ พระครปู ลดั นายกวรวฒั น ์ (สธุ รรม สธุ มโฺ ม). ธรรมกายในคมั ภรี พ์ ระธมั มกายาท ิ (ฉบบั
เทพชุมนุม). น. ๑-๒; ชนิดา จันทราศรีไศล. หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ ๑ ฉบับ
วิชาการ. น. ๓๐๙.
๔๘ พระครปู ลดั นายกวรวฒั น ์ (สธุ รรม สธุ มโฺ ม). ธรรมกายในคมั ภรี พ์ ระธมั มกายาท ิ (ฉบบั
เทพชมุ นมุ ). น. ๗-๘.
๔๙ ชนิดา จันทราศรีไศล. หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ ๑ ฉบับวิชาการ. น.
๓๑๙.
๕๐ พระครปู ลดั นายกวรวฒั น ์ (สธุ รรม สธุ มโฺ ม). ธรรมกายในคมั ภรี พ์ ระธมั มกายาท ิ (ฉบบั
เทพชุมนมุ ). น. ๘. (ภาคผนวก).
๕๑ เรื่องเดยี วกนั , น. ๑๒-๑๓ (ภาคผนวก).
๕๒ ชนิดา จันทราศรีไศล. หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ ๑ ฉบับวิชาการ. น.
๓๒๒-๓๒๓.
๕๓ นา่ สงั เกตวา่ คมั ภรี ใ์ ชค้ ำ� วา่ “พระตถาคต” เพอ่ื สอื่ ความถงึ พระพทุ ธเจา้ ทงั้ ปวงไมเ่ ฉพาะ
เจาะจงว่าเป็นพระองค์ใด และคงมีนัยสื่อถึงพระธรรมกายว่าเป็นแก่นสารของความเป็นพระ
พทุ ธเจ้าทงั้ หลายอย่างไม่เจาะจงเช่นกนั
๕๔ การเปรียบเทียบพระก�ำลังของพระตถาคตท่ีพิสดารกว่าน้ีปรากฏในคัมภีร์โลกศาสตร์
อาทิ คัมภีร์อรุณวดีสูตร เริ่มจากก�ำลังช้างตระกูลต่างๆ เป็นล�ำดับไปจนถึงช้างเอราวัณ ช้าง
คิริเมขล์ และช้างจักรวรรดิราช ก�ำลังเทวราชในสวรรค์ท้ัง ๖ ชั้น ก�ำลังธาตุทั้งส่ี ก�ำลังพระ
นารายณ์ ก�ำลังพรหมแต่ละชั้นจนถึงอกนิษฐ์ ก�ำลังพระอรหันต์ ก�ำลังพระปัจเจกพุทธะ ก�ำลัง
พระปัจฉิมภวิกโพธิสัตว์ จนท้ายท่ีสุดรวมกันเป็นพระก�ำลังของพระตถาคต “อันมีประมาณหา
ท่ีสุดมิได้” ทั้งน้ี เพ่ือหย่ังทราบขุมพระก�ำลังอันเกิดจากสัพพัญญุตญาณของพระองค์ ดูราย
ละเอียดใน โลกุปปัตติ อรุณวดีสูตร ปฐมมูล ปฐมกัป และมูลตันไตรย. (๒๕๓๓). (กรุงเทพ
มหานคร : หอสมดุ แห่งชาต ิ กรมศลิ ปากร), น. ๗๖-๗๘.
๕๕ เรือ่ งเดยี วกัน, น. ๓๒๓.
๕๖ พิชญา สุ่มจินดา. (๒๕๕๗). ถอดรหสั พระจอมเกล้า. (กรุงเทพมหานคร : มตชิ น), น.
๑๐๐.
๕๗ พสั วสี ริ ิ เปรมกลุ นนั ท์. “ภาพพระพทุ ธเจ้ามหายานในวดั ธรรมยตุ ทวี่ ดั ปทมุ วนาราม,”
น. ๒๙.
๕๘ กรมศิลปากร. (๒๕๔๘). จิตรกรรมฝาผนังพระพุทธรัตนสถานตามแนวพระราชด�ำริ.
๒ เล่ม. (กรุงเทพมหานคร : กรมศิลปากร), เล่ม ๑ : น. ๙๘-๑๐๕. (กรมศิลปากรจัดพิมพ์
เฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เนอ่ื งในโอกาสทมี่ พี ระราชกระแสใหก้ รมศลิ ปากร
เขยี นภาพจติ รกรรมฝาผนงั พระพทุ ธรตั นสถานตามแนวพระราชด�ำร ิ พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๘).
๕๙ พชิ ญา สุ่มจนิ ดา. ถอดรหสั พระจอมเกล้า. น. ๑๕๒.
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
189
๖๐ ดรู ายละเอียดใน เรื่องเดียวกัน, น. ๑๕๐-๑๕๕.
๖๑ เอเดรียน สนอดกราส. สัญลักษณ์แห่งพระสถูป. น. ๓. ตัวอย่างเช่นดอกบัวในโลก
ประสบการณ์เป็นการอ้างอิงในระดับหนึ่ง และในอีกระดับหนึ่งดอกบัวในพระหัตถ์ของพระ
โพธสิ ตั วอ์ วโลกเิ ตศวร อาจเปน็ สญั ลกั ษณท์ สี่ อื่ ถงึ การไปเกดิ ในสวรรคส์ ขุ าวดขี องพระอมติ าภะ
๖๒ เชน่ กรณที ่ี ไมเคลิ ไรท ์ นกั วชิ าการดา้ นอษุ าคเนยผ์ ลู้ ว่ งลบั ตง้ั ขอ้ สงั เกตวา่ ตำ� ราภาพ
เทวรูปและเทวดานพเคราะห์ ในสมัยรัชกาลท่ี ๔ ซึ่งเป็นแบบอย่างให้กับภาพเขียนบนบาน
ประตูหน้าต่างของพระอุโบสถหลายแห่งในกรุงเทพฯ เช่น วัดบวรสถานสุทธาวาส วัดสุทัศน
เทพวราราม เป็นต้น น่าจะได้รับอิทธิพลมาจากหนังสือร่วมสมัยอย่าง The Hindu Pantheon
ของ Edward Moor. ดูรายละเอียดใน ไมเคิล ไรท์. (มีนาคม ๒๕๓๗). “ต�ำราเทวรูปพราหมณ์
คนวาดรปู ในตำ� รา เคยดูอะไรมา?,” ใน ศิลปวัฒนธรรม. ปีท่ ี ๑๕ ฉบับที ่ ๕ น. ๖๖-๗๓.
๖๓ ดรู ายละเอยี ดของตารางแสดงความสมั พนั ธด์ งั กลา่ วไดใ้ น ผาสขุ อนิ ทราวธุ . (๒๕๔๓).
พุทธปฏมิ าฝ่ายมหายาน. (กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์อักษรสมยั ), น. ๘๖.
ถอดรหัสสัตว์สัญลักษณ์
ประจ�ำรัชกาล
ยทุ ธนาวรากร แสงอร่าม
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
192
มูลเหตุแห่งการประดิษฐานพระบรมอัฐิบูรพมหากษัตริย์ในพระอาราม
ส�ำคัญเน่ืองในรัชกาลน้ันๆ (หรือท่ีปัจจุบันนิยมเรียกว่า “วัดประจ�ำรัชกาล”)
เน่ืองด้วยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๔ ทรงพระราชด�ำริ
ว่าพระบรมอัฐิสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๓ รัชกาลก่อน ซ่ึงเป็นส่วนของพระเจ้า
ลูกเธอในรัชกาลนั้นๆ ได้พระราชทานไป เม่ือสิ้นพระชนม์ไม่มีผู้รักษาได้เชิญ
กลับมารักษาไว้ท่ีหอพระธาตุมณเฑียรรวมกับพระบรมอัฐิของหลวง ควรจะ
ประดิษฐานพระบรมอัฐิให้มหาชนได้สักการบูชาและบ�ำเพ็ญกุศลถวายโดยง่าย
จึงโปรดให้บรรจุพระบรมอัฐิในกล่องศิลา แล้วอัญเชิญพระบรมอัฐิพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลท่ี ๑ ไปบรรจุไว้ท่ีพระพุทธ
อาสน์พระประธานในพระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม พระบรมอัฐิ
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั รชั กาลท ่ี ๒ บรรจไุ วท้ พี่ ระพทุ ธอาสน์
พระประธานในพระอโุ บสถวดั อรณุ ราชวราราม พระบรมอฐั พิ ระบาทสมเดจ็ พระ
น่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๓ บรรจุไว้ที่พระพุทธอาสน์พระประธานในพระ
อโุ บสถวดั ราชโอรสาราม และมรี บั สง่ั ไวว้ า่ ใหบ้ รรจพุ ระบรมอฐั ขิ องพระองคท์ วี่ ดั
ราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามอย่างเดยี วกนั ๑
กล่องบรรจุพระบรมอัฐิน้ีมีฝากล่องมีเคร่ืองหมายเป็นพระบรมราช
สญั ลกั ษณป์ ระจำ� รชั กาล ไดแ้ ก ่ ปทมุ อณุ าโลม ครฑุ ปราสาท และมงกฎุ ทง้ั ยงั
ปรากฏสญั ลกั ษณร์ ปู สตั วต์ า่ งๆ กนั ประกอบกบั พระบรมราชสญั ลกั ษณใ์ นแตล่ ะ
รัชกาล ที่ผ่านมาจึงมผี ู้ตคี วามหมายสญั ลกั ษณ์รปู สัตว์เหล่าน้ีต่างๆ ไป เช่น
รปู ชา้ ง นาค และหน ู ซงึ่ ประกอบรปู ปทมุ อณุ าโลมพระบรมราชสญั ลกั ษณ์
ประจ�ำรัชกาลที่ ๑ ท่ีก่ึงกลางผ้าทิพย์ที่พระพุทธอาสน์พระพุทธเทวปฏิมากร
พระประธานในพระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม มีผู้สันนิษฐานความ
หมายรปู สตั วเ์ หลา่ นวี้ า่ “นาค” หมายถงึ ปมี ะโรง ปพี ระราชสมภพในรชั กาลท ่ี ๑
“ช้าง” หมายถงึ ช้างเผือกในรัชกาลที่ ๑ และ “หน”ู หมายถึง ปีชวด ปีพระราช
สมภพในรัชกาลท่ี ๔ ซ่ึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระบรมอัฐิมาประดิษฐาน๒
หรอื ผเู้ ขยี นกเ็ คยเสนอตา่ งออกไปโดยอาศยั เทยี บเคยี งกบั สตั วส์ ญั ลกั ษณบ์ นบาน
ตู้ประดิษฐานพระบรมอัฐิในพระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ พระราชวังบวรสถาน
มงคล (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในปัจจุบัน) ว่า “ช้าง” หมายถึง
“คชนาม” สตั ว์สญั ลกั ษณ์ของวนั พธุ กลางคนื (ราห)ู ตามคตอิ ฐั เคราะห์ อนั เปน็
วนั พระราชสมภพในรชั กาลท ่ี ๑ “หน”ู หมายถงึ “มสุ กิ นาม” สตั วส์ ญั ลกั ษณข์ อง
วันพฤหัสบดี ตามคติอัฐเคราะห์ วันสวรรคตในรัชกาลท่ี ๑ และ “นาค” หมาย
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
193
พระพุทธเทวปฏิมากร พระประธานภายในพระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม พระอาราม
ส�ำคัญประจำ� รัชกาลท่ี ๑ ทก่ี ง่ึ กลางผ้าทิพยห์ นา้ พระพุทธอาสน์บรรจุพระบรมอฐั ิรชั กาลท่ี ๑
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
194
พระมหามงกุฎ พระบรมราชสัญลักษณ์ประจ�ำรัชกาลที่ ๔ และรูปหนู ๓ ตัว ที่ฐานพระพุทธสิหังค
ปฏิมากร พระประธานในพระวิหารหลวง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
195
ถึง “นาคนาม” สัตว์สัญลักษณ์ของวันเสาร์ ตามคติอัฐเคราะห์ ซึ่งน่าที่จะเป็น
วันบรมราชาภิเษกหรอื วันท่ีระลึกมหาจักรี ซึง่ ตรงกับวันเสาร์๓
อนง่ึ ทกี่ งึ่ กลางฐานหนา้ กระดานชน้ั ลา่ งของพระพทุ ธสหิ งั คปฏมิ ากร พระ
ประธานในพระวหิ ารหลวงวดั ราชประดษิ ฐ ซง่ึ ประดบั แผน่ โลหะทรงพมุ่ ขา้ วบณิ ฑ์
เป็นรูปพระมหาพิชัยมงกุฎ พระบรมราชสัญลักษณ์ประจ�ำรัชกาลท่ี ๔ บนพาน
แว่นฟ้าแวดล้อมด้วยหนูจำ� นวน ๓ ตัว พิชญา สุ่มจินดา อธิบายว่าหมายถึงปี
ชวด สญั ลกั ษณป์ ระจำ� ปนี กั ษตั รพระบรมราชสมภพในรชั กาลท ่ี ๔ ๔ และต่อมา
ผเู้ ขยี นเองกเ็ สนอวา่ หมายถงึ “มสุ กิ นาม” สตั วส์ ญั ลกั ษณข์ องวนั พฤหสั บด ี ตาม
คติอัฐเคราะห์ เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราช
สมภพ บรมราชาภเิ ษก และสวรรคตในวนั พฤหสั บด๕ี
อย่างไรกด็ ี หากใช้คตเิ รอ่ื งสตั ว์สญั ลกั ษณ์ตามคตอิ ฐั เคราะห์ของวนั พระ
บรมราชสมภพ บรมราชาภิเษก และสวรรคต จะไม่สามารถน�ำมาตีความกับ
สัญลักษณ์รูปสัตว์ท่ีปรากฏบนแผ่นโลหะทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ท่ีกึ่งกลางผ้าทิพย์
พระพทุ ธอาสนพ์ ระพทุ ธธรรมมศิ รราชโลกธาตดุ ลิ ก พระประธานในพระอโุ บสถ
วดั อรณุ ราชวราราม ทป่ี ระดษิ ฐานพระบรมอฐั พิ ระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หล้า
พระบรมราชสัญลักษณ์ประจ�ำรัชกาลท่ี ๔ และ “หนู หนู หนู” ท่ีฐานพระพุทธสิหังคปฏิมากร
วัดราชประดษิ ฐสถติ มหาสีมาราม
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
196
นภาลยั หรอื ทพี่ ระพทุ ธอาสน ์ พระพทุ ธอนนั ตคณุ อดลุ ญาณบพติ ร พระประธาน
ในพระอุโบสถวัดราชโอรสาราม ท่ีประดิษฐานพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระ
นง่ั เกล้าเจ้าอยู่หัวได้๖
สัตว์สัญลักษณ์ของ “วัน” ตามคติอัฐเคราะห์
จากลายพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรา
นุวัดติวงศ์ (ท่ีจะกล่าวถึงต่อไป) พบว่าสัตว์สัญลักษณ์บนกล่องพระบรมอัฐินี้
เป็นคติ “อัฐเคราะห์” กล่าวคือ ดาวเคราะห์ ๘ ดวง อันได้แก่ พระอาทิตย์
พระจนั ทร ์ พระองั คาร พระพธุ พระเสาร์ พระพฤหสั บด ี พระราห ู และพระศกุ ร์
โดยดาวเคราะห์เหล่าน้ีจะมีนามอื่นเรียกคือ พระอาทิตย์-ครุฑนาม (ครุฑ)
พระจันทร์-พยัคฆนาม (เสือ) พระอังคาร-สิงหนาม/สีหนาม (สิงห์) พระพุธ-
โสณนาม (สุนัข) พระเสาร์-นาคนาม (นาค) พระพฤหัสบดี-มุสิกนาม (หนู)
พระราหู-คชนาม (ช้าง) และ พระศุกร์-อัชนาม (แพะ) ซึ่งในหนังสือโลกธาตุ
ของพระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป) ได้ยกโคลงประกอบไว้ ดังนี้
อาทติ ย์นามครฑุ ท้าว ปักษี
จนั ทรนามพยคั ฆ ี เบยี ดเน้อื
องั คารกล่าวนามม ี สิงหราช
พธุ สนุ ขั โดยเช้ือ ชาตนิ น้ั เป็นนาม
นามหนู
พฤหสั บดมี สุ ิกน้ ี แพะพ้ี
ศกุ ร์อชั นามสู นามนาค
พระเสาร์อศิ รเอกงู คชช้าง นามแถลง ๗
อสรุ ินทร์ท่านช้ี
เทวดาพระเคราะหท์ ง้ั ๘ องคน์ เ้ี ปน็ ผคู้ รองรกั ษาทศิ ตา่ งๆ กลา่ วคอื พระ
อาทิตย์ครองทิศอีสาน (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) พระจันทร์ครองทิศบูรพา
(ทิศตะวันออก) พระอังคารครองทิศอาคเนย์ (ทิศตะวันออกเฉียงใต้) พระพุธ
ครองทิศทักษิณ (ทิศใต้) พระเสาร์ครองทิศหรดี (ทิศตะวันตกเฉียงใต้) พระ
พฤหัสบดีครองทิศประจิม (ทิศตะวันตก) พระราหูครองทิศพายัพ (ทิศตะวัน
ตกเฉียงเหนอื ) และพระศุกร์ครองทศิ อุดร (ทศิ เหนือ)
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
197
ครุฑนาม-ครุฑ พยคั ฆนาม-เสอื สงิ หนาม-สิงห์
พระอาทติ ย์ พระจันทร์ พระองั คาร
(บูรพา) (อาคเนย์)
(อสี าน) มสุ กิ นาม-หนู โสณนาม-สนุ ัข
อชั นาม-แพะ พระพฤหัสบดี พระพธุ
พระศกุ ร์ (ปจั ฉิม) (ทกั ษณิ )
นาคนาม-นาค
(อดุ ร) พระเสาร์
คชนาม-ชา้ ง
พระราหู (หรดี)
(พายัพ)
ทงั้ น ้ี โบราณาจารยไ์ ดก้ ำ� หนดใหท้ ศิ ทเ่ี ทวดาอฐั เคราะหเ์ หลา่ นน้ั รกั ษา เขา้
ระเบยี บเปน็ บรวิ าร อาย ุ เดช ศร ี มลู ะ อตุ สาหะ มนตร ี และกาลกณิ ี เวยี นขวา
ไปตามทศิ ทง้ั แปด โดยเรม่ิ จากวนั ทเี่ กดิ พระเคราะหน์ ามวนั นน้ั เปน็ บรวิ าร แลว้
เรียงกันตามลำ� ดับ เรียกว่า “ทักษา” และได้แบ่งตัวอักษรและสระต่างๆ เข้ากับ
ต�ำแหน่งพระเคราะห์ทง้ั แปด ดังน้ี
วนั อาทติ ย์ ครุฑนาม ได้แก่อักษร อ อา อ ิ อี อ ึ อ ื อุ อ ู เอ โอ ใอ ไอ
วันจนั ทร์ พยคั ฆนาม ได้แก่อักษร ก ข ฃ ค ฅ ฆ ง
วนั อังคาร สิงหนาม ได้แก่อักษร จ ฉ ช ซ ฌ ญ
วนั พุธ โสณนาม ได้แก่อกั ษร ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
วนั เสาร์ นาคนาม ได้แก่อกั ษร ด ต ถ ท ธ น
วันพฤหัสบดี มสุ ิกนาม ได้แก่อกั ษร บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม
วันราห ู คชนาม ได้แก่อกั ษร ย ร ล ว
(พุธกลางคนื )
วนั ศกุ ร์ อัชนาม ได้แก่อักษร ศ ษ ส ห ฬ
คนไทยคุ้นเคยกับคติเรื่องอัฐเคราะห์ท่ีเรียกเป็นนามสัตว์ต่างๆ มาแต่
โบราณ โดยปรากฏอยใู่ นตำ� ราพไิ ชยสงคราม ระบถุ งึ นามอฐั เคราะหข์ องชอ่ื เมอื ง
แม่ทัพนายกองต่างๆ เพ่ือความเป็นสิริมงคลโบราณาจารย์จึงมีข้อกำ� หนดต่างๆ
เกย่ี วกบั นามของบคุ คลไว ้ เพราะเชอื่ วา่ ชอ่ื ของบคุ คลเหลา่ นม้ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ ชยั ชนะ
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
198
ในศกึ สงคราม๘ ทง้ั น ี้ หากศกึ ษาการพระราชทานนามพระเจา้ ลกู ยาเธอในรชั กาล
ท่ี ๔ จะเห็นว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงยึดถือคติน้ีเป็น
อย่างยิ่ง โดยจะพระราชทานอักษรวรรคบริวารวันประสูติ เป็น “อาทิอักษร”
(อกั ษรต้น) ของพระนาม๙
ดังตัวอย่างสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พระ
ราชโอรสองค์ท่ี ๔๗ ในรัชกาลท่ี ๔ ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาแพ พระสนมเอก
พระราชหัตถเลขาในรัชกาลท ี่ ๔ พระราชทานนามว่า “พระเจ้าลูกเธอพระองค์
เจา้ ‘มนศุ ยนาคมานพ’ มสุ กิ นาม.” ๑๐ ดว้ ยสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ ฯ ประสตู วิ นั
พฤหัสบดี อักษรวรรคบริวารวันพฤหัสบดี (มุสิกนาม) ได้แก่อักษร บ ป ผ ฝ
พ ฟ ภ ม จงึ พระราชทาน อกั ษร “ม” เปน็ อาทอิ กั ษร คอื อกั ษรตน้ ของพระนาม
การยดึ ถอื คตกิ ารตง้ั นามตามคตอิ ฐั เคราะหใ์ นรชั กาลท่ี ๔ อยา่ งเครง่ ครดั
ยังปรากฏในพระราชปรารภนามพระเจ้าแผ่นดินในพระราชกรัณยานุสร พระ
ราชนพิ นธใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู วั รชั กาลท ่ี ๕ ความตอน
หน่งึ เกย่ี วกับเรือ่ ง “อาทอิ ักษร” ดงั น้ี
“เม่ือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด�ำรัสส่ังพระยาศรีสุนทร
โวหาร ด้วยเรื่องพระนามพระเจ้าแผ่นดินดังน้ันแล้ว ได้ทรงพระปรารภต่อไป
ว่า พระนามจอมเกล้าน้ี เปนค�ำสูงแลไพเราะ สมควรกับที่เปนพระนามพระเจ้า
แผ่นดิน ถ้าคนวันอังคารได้เปนจอมเกล้า พระองค์ท่านเองวันพฤหัศบดี เปน
ผ่านเกล้าจะดีกว่าเปนจอมเกล้า แต่การล่วงเลยมาเสียแล้ว ไม่รู้ที่จะท�ำอย่างไร
ได้ คิดว่าจะเปล่ียนมานานแล้ว แต่ยังไม่มีช่อง ถ้าคิดเปล่ียนให้เสียได้เม่ือตาย
แล้วก็ดี ฤๅจะไม่เปล่ียน ให้เปนจอมเกล้าซ�้ำสองคนก็จะเปนไรนักหนา ได้ทรง
รบั สงั่ บ่นว่าเสยี ดาย ขอให้เปนดังนี้จะดอี ยู่หลายองค์...” ๑๑
สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
กับการตีความสัตว์สัญลักษณ์บนกล่องพระบรมอัฐิ
ในสาส์นสมเด็จ ลายพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรม
พระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงมีไปถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา
ด�ำรงราชานุภาพ ลงวันท่ี ๘ กรกฎาคม ๒๔๘๔ ความตอนหนึ่งกล่าวถึงสัตว์
สญั ลกั ษณบ์ นกลอ่ งพระบรมอฐั วิ า่ “ตราประจำ� พระองคต์ ามวดั ซงึ่ บรรจพุ ระบรม
อฐั นิ นั้ กไ็ ดเ้ คยเอาใจใสม่ าคราวหนงึ่ มรี ปู สตั วป์ ระกอบดว้ ยอยา่ งพระด�ำรสั แต่
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
199
พระราชหัตถเลขาพระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระ
ราชทานนาม “มนศุ ยนาคมานพ” มสุ กิ
นาม. แด่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ปัจจุบัน
จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์และห้องสมุด
เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ (อาคารมนุษย
นาควทิ ยาทาน)
เด๋ียวนี้จ�ำไม่ได้ จ�ำได้แต่ที่วัดราชประดิษฐ์ ว่ามีมงกุฎอยู่เบ้ืองบน ข้างล่างเป็น
หนูสามตัว...” ๑๒
จากลายพระหัตถ์ฉบับน้ี สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
ทรงระบุว่า “ก็ได้เคยเอาใจใส่มาคราวหนึ่ง” ผู้เขียนบทความเข้าใจว่าคราวน้ัน
คงได้แก่คราวท่ีพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จฯ
กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงซ่อมแปลงเรือนแก้วพระพุทธชินราช วัด
เบญจมบพิตรดุสิตวนาราม จากเอกสารส�ำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ รัชกาล
ท ่ี ๗ เบด็ เตลด็ ลายพระหตั ถส์ มเดจ็ ฯ เจา้ ฟา้ กรมพระยานรศิ รานวุ ดั ตวิ งศ ์ ทรง
มไี ปถงึ เจา้ พระยามหธิ ร (ลออ ไกรฤกษ)์ ลงวนั ท ่ี ๒๓ พฤศจกิ ายน ๒๔๗๑ เนอ้ื
ความตอนหนง่ึ ของลายพระหตั ถส์ ามารถไขปญั หาของการตคี วามสตั วส์ ญั ลกั ษณ์
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
200
บนกล่องพระบรมอฐั ิในพระอารามส�ำคัญประจำ� รชั กาล โดยมรี ายละเอยี ดดงั น้ี
“...เมื่อก�ำลังท�ำการซ่อมแปลงเรือนแก้วและฐานพระอยู่นี้ ระลึกข้ึนได้
อย่างหนงึ่ ว่า ทบ่ี รรจพุ ระบรมอฏั ฐใิ นวดั พระเชตพุ น วดั อรณุ วดั ราชโอรส และ
วัดราชประดิษฐ์น้ัน ท�ำเป็นกล่องหล่อด้วยทองเหลือง ที่ฝามีตราเครื่องหมาย
ประจ�ำรัชกาล ตัวกล่องฝังเข้าไปในฐานพระ เหลือแต่ฝาอยู่ภายนอกให้เห็น
ปรากฏ จ่ึงมาคิดว่าท่ีวัดเบญจมบพิตรนี้เป็นที่บรรจุพระอังคาร แต่ไม่มีเคร่ือง
หมายอย่างหนึ่งอย่างใด ควรจะมีหรือไม่ และถ้าควรมีจะควรท�ำเป็นอย่างไร
จ�ำเป็นต้องขอพระราชทานเรียนพระราชปฏิบัติ แบบเก่าที่ท�ำไว้เป็นตราประจ�ำ
รัชกาลกับสัตวสามอย่าง ดังรูปถ่ายที่ได้ส่งมาน้ีแล้ว คิดจะเป็นปฤษณา คิด
พยากรณเห็นว่าจะเป็นด่งั นี้
วัดพระเชตุพน
อณุ าโลม หมายรัชกาลท ่ี ๑
หน ู เป็นมสุ กิ นาม หมายพระราชาภไิ ธย (มหาจกั รี)
นาค เป็นนาคนาม หมายพระนามเดิม (ด้วง)
ช้าง เป็นคชนาม หมายพระชนมวาร (พระบรมราชสมภพ
วันพธุ กลางคืน-ผู้เขยี น)
วดั อรุณ
ครุฑ หมายรัชกาลท ่ี ๒ และเป็นครุฑนาม หมายพระราชาภิไธย
(อิศรสุนทร) ด้วย
สิงห์ เป็นสงิ หนาม หมายพระนามเดิม (ฉิม)
สนุ กั ข์ เป็นโสณนาม หมายพระชนมวาร (พระบรมราชสมภพ
วันพธุ -ผู้เขยี น)
วัดราชโอรส
ปราสาท หมายรชั กาลท ่ี ๓
สิงห์ เป็นสงิ หนาม หมายพระราชาภิไธย (เจษฎาบดนิ ทร)
นาค เป็นนาคนาม หมายพระนามเดิม (ทบั )
เสอื เป็นพยคั ฆนาม หมายพระชนมวาร (พระบรมราชสมภพ
วนั จนั ทร์-ผู้เขยี น)
วดั ราชประดษิ ฐ
มงกฎุ หมายรชั กาลท ี่ ๔
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
201
หนู เป็นมสุ กิ นาม หมายพระราชาภิไธย (ปรเมนทรมหามกฏุ )
หนู เป็นมสุ ิกนาม หมายพระนามเดมิ (มงกฏุ )
หนู เป็นมสุ ิกนาม หมายพระชนมวาร...”๑๓ (พระบรมราช
สมภพวนั พฤหัสบด-ี ผู้เขียน)
พระปรมาภิไธยพระเจ้าแผ่นดิน
พระปรมาภไิ ธยพระเจา้ แผน่ ดนิ ทปี่ รากฏในลายพระหตั ถส์ มเดจ็ ฯ เจา้ ฟา้
กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ๔ รัชกาล ได้แก่ มหาจักรี อิศรสุนทร เจษฎา
บดินทร และปรเมนทรมหามกุฏ นั้น พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์
รัชกาลท่ี ๔ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ข�ำ บุนนาค) ได้กล่าว
ถงึ เหตุการณ์ถวายพระนามพระเจ้าแผ่นดนิ เม่อื พุทธศักราช ๒๓๙๔ ไว้ ดงั นี้
“คร้ันมาถึง ณ วันพุธ เดือน ๔ แรม ๕ ค่�ำ (ตรงกับวันท่ี ๑๐ มีนาคม
๒๓๙๔) มีพระราชหฤทัยกตัญญูกตเวที คิดฉลองพระเดชพระคุณ พระบาท
สมเด็จพระบรมอัยกาธิราชเจ้า แลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิบดี แล
พระบาทสมเด็จพระบรมราชชนนีทั้งสามพระองค์ แลกรมพระราชวังทั้งสาม
แผ่นดิน ถวายเพิ่มพระนามขึ้นใหม่อีก จึงได้ต้ังการพระราชพิธีสงฆ์ จารึก
พระนามพระบาทสมเด็จพระบรมอัยกาธิราชเจ้าในแผ่นสุพรรณบัฏเน้ือเก้าโดย
วิเศษออกไปว่า พระบาทสมเด็จพระประโมรุราชามหาจักรีบรมนารถ นเรศร
ราชวิวัฒนวงษ์ ประถมพงษาธิราชรามาธิบดินทร พิชิตินิทรวโรดม บรมบพิตร
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ แล้วประดิษฐานไว้ในกล่องศิลาหยก
แล้วจารกึ พระนามพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกนารถ ธรรมกิ ราชบพติ ร
เป็นพระนามอันวิเศษเหมือนกันในแผ่นสุพรรณบัฏเก้าน�้ำ ถวายพระนามว่า
พระบาทสมเด็จพระบรมราชพงศเชฐมเหศวรสุนทร ไตรเสวตคชาดิศรมหาสวา
มินทร์ สยามรัษฎินทรวโรดม บรมจักรพรรดิราช พิลาศธาดาราชาธิราช บรม
นารถบพติ ร พระพทุ ธเลิศหล้านภาไลย แล้วประดษิ ฐานไว้ในกล่องศิลาหยก...
...แลว้ ทรงตง้ั พระนามพระบาทสมเดจ็ พระบรมเชษฐาธริ าชเจา้ วา่ พระบาท
สมเด็จพระประมาทิวรเสรฐมหาเจษฎาบดินทร สยามินทร์วโรดม บรมธรรมิก
มหาราชาธริ าช บรมนารถบพิตร พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หวั ...” ๑๔
อยา่ งไรกต็ าม พระปรมาภไิ ธยทงั้ ๓ องคน์ ไ้ี มเ่ ปน็ ทแ่ี พรห่ ลาย ดงั ปรากฏ
ในพระราชกรณั ยานุสร พระราชนพิ นธ์ในรัชกาลท ่ี ๕ ว่า “แต่พระนามน้ีกไ็ ม่ได้
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
202
(บนซา้ ย) พระบรมราชสญั ลกั ษณป์ ระจำ�
รัชกาลที่ ๑ และ “ช้าง นาค หนู” ท่ีพระพุทธ
อาสนพ์ ระพทุ ธเทวปฏมิ ากร วดั พระเชตพุ นวมิ ล
มงั คลาราม
(บนขวา) พระบรมราชสญั ลกั ษณป์ ระจำ�
รชั กาลท ี่ ๒ และ “ครฑุ สงิ ห ์ สนุ ขั ” ทพ่ี ระพทุ ธ
อาสน์พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก วัด
อรณุ ราชวราราม
(ล่าง) พระบรมราชสัญลักษณ์ประจ�ำ
รัชกาลท่ี ๓ และ “นาค สิงห์ เสือ” ท่ีพระพุทธ
อาสน์พระพุทธอนันตคุณอดุลญาณบพิตร วัด
ราชโอรสาราม
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
203
ใช้ไปในท่ีอื่นๆ เห็นมีแต่ท่ีพระพุทธรูปสามพระองค์นี้ [พระพุทธรูปในหอพระ
ราชพงศานสุ ร -ผเู้ ขยี น] กบั จารกึ ในกลอ่ งศลิ าซง่ึ ทรงพระบรมอฐั ทิ ง้ั ๓ พระองค์
ต่อมาภายหลงั ก็เงียบไป ไม่เหน็ มีที่ใช้...” ๑๕
สัตว์สัญลักษณ์ของวันตามคติอัฐเคราะห์กับตราประจ�ำตัว
คติเรื่องอัฐเคราะห์ที่เรียกเป็นนามสัตว์ต่างๆ ในอดีตได้น�ำมาใช้เป็นตรา
ประจ�ำตัวด้วยเช่นกัน โดยน�ำสัตว์สัญลักษณ์ประจ�ำวันเกิดของตนมาบรรจุไว้
ในตราประจำ� ตวั ดงั ปรากฏในสาส์นสมเดจ็ ลายพระหตั ถ์สมเดจ็ ฯ กรมพระยา
ด�ำรงราชานุภาพทูลสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ลงวันที่ ๒๑
เมษายน ๒๔๘๔ ความตอนหน่งึ ว่า
“ท่ีคนเอารูปสัตว์ประจ�ำปีเกิดของตนไปท�ำตรา คิดดูเห็นว่าจะเกิดแต่
ไม่รู้ว่าจะเอารูปอะไรท�ำตราให้แปลกกับเก่าหรือให้ ‘เก๋’ ตามสมัย แต่โบราณ
ดวงตราชาดใชร้ ปู สตั วแ์ ตต่ ราต�ำแหนง่ ถา้ เปน็ ตราสำ� หรบั ตวั มกั ทำ� เปน็ รปู เทวดา
หรอื รปู คนนง่ั แทน่ หรอื รปู ดอกบวั ใชก้ นั จนตน่ื มาถงึ สมยั ชนั้ เรานเ่ี องหมอ่ มฉนั
สงสัยว่าจะเป็นด้วยเห็นตราแผ่นดินทำ� รูปคชสีห์ราชสีห์สองข้างโล่ ก็เกิดอยาก
จะท�ำตราเป็นรูปสัตว์ให้แปลกกับตราคนแต่ก่อน จึงเอารูปสัตว์ปีเกิดของตน
เป็นส�ำคัญ และบางคนแผลงต่อไปเพื่อจะมิให้ซ้�ำกับของคนอ่ืนซ่ึงใช้รูปสัตว์
ปีเดียวกัน เช่น พระยาศิริสัตยสถิต (จันท์) ท�ำเป็นรูปหมูมีปีก และยังมีที่ซอก
แซกตอ่ ออกไปถงึ เอารปู สตั วป์ ระจำ� วนั เกดิ ทำ� ตรากม็ ี ตราดวงแรกของหมอ่ มฉนั
[สมเดจ็ ฯ กรมพระยาดำ� รงราชานภุ าพ - ผ้เู ขยี น] กท็ ำ� รปู นาคตามนามวนั ไวข้ า้ ง
โล่ว่าโดยย่อเกิดแต่ ‘โซ๊ด’ นน่ั เอง...” ๑๖
หรอื ตราอารม์ ประจำ� พระองคท์ พ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
พระราชทานสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานวุ ัดติวงศ์เป็นตราแรกนั้น มีรปู
ราชสีห์เผ่น มือขวาถือดาบ มือซ้ายถือดวงใจ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศ
รานวุ ดั ตวิ งศม์ ลี ายพระหตั ถป์ ระทานหมอ่ มเจา้ หญงิ พไิ ลยเลขา ดศิ กลุ พระธดิ า
ในสมเด็จฯ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ ลงวันท่ี ๑๘ เมษายน ๒๔๗๙ เกี่ยว
กับเร่ืองราชสีห์เผ่นนี้ ความตอนหน่ึงว่า “พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง
[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว - ผู้เขียน] ไม่ได้ตรัสอธิบาย อาว์
[สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ - ผู้เขียน] นึกเข้าใจเอาเองว่ารูป
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
204
ตราราชสหี ์ ตราประจำ� พระองคส์ มเดจ็ ฯเจา้ ฟา้ กรมพระยานรศิ รานวุ ดั ตวิ งศ ์ (ภาพจาก ศริ ริ ตั น์
ทวีทรัพย.์ พระประวัติและประชมุ บทละคอนดึกดำ� บรรพ์. (กรงุ เทพฯ : กรมศลิ ปากร, ๒๕๕๖, กรม
ศลิ ปากรจดั พมิ พข์ ึน้ เนอ่ื งในวาระครบ ๑๕๐ ปแี ห่งวนั ประสูติ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๖))
ราชสหี ท์ รงหมายถงึ สหี นาม เพราะอาวเ์ กดิ วนั องั คาร ถอื ดาบหมายถงึ ขตั ตยิ ชาติ
คือทหาร ดวงใจหมายว่าชอ่ื จิตร เหน็ จะไม่ผดิ ...” ๑๗
ส่งท้าย
การใชร้ ปู สตั วส์ ญั ลกั ษณข์ องวนั ตามคตอิ ฐั เคราะหน์ นั้ มตี วั อยา่ งอนื่ ๆ อกี
ไม่น้อย ดังผู้เขียนเคยได้รับค�ำถามว่าเหตุใดตรา “อาทิตย์อุทัย” ตราประจ�ำ
พระองคส์ มเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ เจา้ ฟ้าภาณรุ งั ษสี ว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุ
พันธุวงศ์วรเดช บนหน้าบันทิศตะวันตกของศาลาส่ีสมเด็จ วัดเบญจมบพิตร
ดุสิตวนารามมีรูปสุนัขประกอบลายกระหนกก้านขด ในขณะที่อีก ๓ ด้านเป็น
รูปสิงห์ซึ่งสมเด็จวังบูรพาประสูติปีมะแม สุนัขจึงมิใช่ปีนักษัตร ครั้นกลับมา
พิจารณาคติสัตว์สัญลักษณ์ของวันตามคติอัฐเคราะห์ พบว่าพระองค์ท่าน
ประสตู วิ นั พธุ ดงั นน้ั รปู สนุ ขั นกี้ ค็ อื โสณนาม (วนั พธุ ) ตามคตอิ ฐั เคราะหน์ นั่ เอง
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
205
หน้าบันศาลาส่ีสมเด็จ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม หน้าบันทิศตะวันตกมีรูปสุนัขประกอบลาย
กระหนกกา้ นขด
และอกี ๓ พระองค ์ คอื พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (ตรา
พระเก้ียว) สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควด ี กรม
หลวงวสิ ทุ ธกิ ระษตั รยิ ์ (ตราจนั ทรมณฑล) และสมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้า
ฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ (ตราพระแสงจักรและปีกปักษาวายุ
ภกั ษ)์ ลว้ นแตพ่ ระราชสมภพและประสตู วิ นั องั คาร-สงิ หนาม ทงั้ สนิ้ จงึ เปน็ เหตุ
ให้ลายกระหนกก้านขดออกเป็นรปู สิงห์เหมอื นกนั ท้ัง ๓ ด้าน
พิมพค์ รั้งแรกในศิลปวัฒนธรรม ปีท่ี ๔๓ ฉบับท่ี ๒ (ธันวาคม ๒๕๖๔) หน้า ๘๔-
๙๕. โดยใช้ชื่อบทความว่า สัตว์สัญลักษณ์บนกล่องพระบรมอัฐิในพระอารามส�ำคัญประจ�ำ
รชั กาล
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
206
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
207
หน้าบันศาลาสี่สมเด็จ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ด้านอื่นๆ เป็นรูปสิงห์ประกอบลายกระหนก
กา้ นขด
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
208
เชิงอรรถ
๑ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ. “ต�ำนานสถานท่ีและวัตถุ
ตา่ งๆ ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงสรา้ ง,” ใน ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนา
ภเิ ษก เล่ม ๕. (กรงุ เทพมหานคร : กองวรรณกรรมและประวตั ศิ าสตร์ กรมศลิ ปากร, ๒๕๔๒),
น. ๒๙๘-๒๙๙.
๒ อรวรรณ ทรพั ยพ์ ลอย ผตู้ รวจสอบชำ� ระและบรรณาธกิ าร. พระราชพงศาวดารกรงุ รตั น
โกสนิ ทร ์ รชั กาลท ่ี ๑ ฉบบั เจา้ พระยาทพิ ากรวงศมหาโกษาธบิ ด.ี (กรงุ เทพมหานคร : คณะสงฆ์
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และมูลนิธิ “ทุนพระพุทธยอดฟ้า” ในพระบรมราชูปถัมภ์,
๒๕๕๒, คณะสงฆ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม มูลนิธิ “ทุนพระพุทธยอดฟ้า” ในพระบรม
ราชูปถัมภ์ จัดพิมพ์เนื่องในโอกาสครบ ๒๐๐ ปี วันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
จฬุ าโลกมหาราช ๗ กันยายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๒), น. (๑๓).
๓ ยุทธนาวรากร แสงอร่าม. “สัตว์สัญลักษณ์บนบานตู้ประดิษฐานพระบรมอัฐิในพระ
ที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์,” ใน ด�ำรงวิชาการ. ปีที่ ๑๓ ฉบับท่ี ๑ (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๕๗),
น. ๒๕๐-๒๕๒.
๔ พิชญา สุ่มจินดา. ราชประดิษฐพิพิธทรรศนา. (นนทบุรี : โรงพิมพ์มติชนปากเกร็ด,
๒๕๕๕), น. ๙๙.
๕ โปรดอา่ นเพม่ิ เตมิ ในประเดน็ นใ้ี น ยทุ ธนาวรากร แสงอรา่ ม. “สตั วส์ ญั ลกั ษณบ์ นบาน
ตู้ประดษิ ฐานพระบรมอัฐิในพระท่นี ่ังอิศเรศราชานุสรณ์,” น. ๒๔๙-๒๕๐.
๖ เรื่องเดียวกัน, น. ๒๕๒-๒๕๓.
๗ พระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป). โลกธาตุ. (พระนคร : บรรณาคาร, ๒๕๑๒),
น. ๑๐๓.
๘ ต�ำราพิไชยสงคราม ฉบับรัชกาลที่ ๑, (กรุงเทพมหานคร : กรมศิลปากร, ๒๕๔๕),
น. ๒๐๕-๒๑๐ และ น. ๓๓๔-๓๔๑.
๙ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. “คาถาพระราชนิพนธ์พระราชทานพระนาม
พระโอรสธดิ า,” ใน ประชมุ พระราชนพิ นธภ์ าษาบาลใี นพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั .
(กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, ๒๕๔๗, มหาเถรสมาคม
จัดพิมพ์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในโอกาสที่ วันพระบรมราช
สมภพ ครบ ๒๐๐ ปี ๑๘ ตุลาคม พุทธศกั ราช ๒๕๔๗), น. ๒๙๙-๓๔๕.
๑๐ เรอ่ื งเดียวกนั , น. ๓๑๕.
๑๑ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. พระราชกรัณยานุสร. พิมพ์คร้ังที่ ๓.
(กรงุ เทพฯ : กองวรรณกรรมและประวตั ศิ าสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๔๑), น. ๓๕-๓๖.
๑๒ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ และ สมเด็จพระเจ้า
บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำ� รงราชานภุ าพ. สาสน์ สมเดจ็ เลม่ ๒๒. (พระนคร : องคก์ ารคา้ ของ
คุรุสภา, ๒๕๐๔), น. ๑๖๓.
๑๓ สำ� นกั หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาต.ิ ร.๗ บ. ๑๑.๓/๖ เอกสารรชั กาลท ่ี ๗ เบด็ เตลด็ , “ซอ่ ม
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
209
แปลงเรือนแก้วกับฐานและองค์พระพุทธชินราชวัดเบญจมบพิตร กับท�ำเคร่ืองหมายที่บรรจุ
พระอังคารพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง” (๒๓ พฤศจิกายน-๑๑ มกราคม ๒๔๗๑), น.
๔-๕.
๑๔ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ข�ำ บุนนาค). พระราชพงศาวดารกรุงรัตน
โกสินทร์ รัชกาลที่ ๔. พิมพ์ครั้งท่ี ๖. (กรุงเทพมหานคร : กรมศิลปากร, ๒๕๔๘, คณะอนุ
กรรมการฝ่ายจัดท�ำหนังสือที่ระลึกในคณะกรรมการอ�ำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในโอกาสท่ีวันพระบรมราชสมภพครบ ๒๐๐ ปี
มอบให้กรมศลิ ปากรจดั พิมพ์), น. ๖๐.
๑๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. พระราชกรัณยานุสร. พิมพ์ครั้งที่ ๓. น.
๔๙. อนึ่ง ผู้เขียนเคยพบว่าหีบท่ีระลึกพระราชพิธีชนมายุสมมงคล รัชกาลท่ี ๕ ทรงเจริญพระ
ชนมายุเสมอด้วยรัชกาลที่ ๒ เมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๒ ขอบด้านข้างจารึกพระปรมาภิไธยว่า
“พระบาทสมเดจ็ พระบรมพงษเชฐ มเหศวรสุนทร ป.ร.”
๑๖ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ และ สมเด็จพระเจ้า
บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำ� รงราชานภุ าพ. สาสน์ สมเดจ็ เลม่ ๒๑. (พระนคร : องคก์ ารคา้ ของ
ครุ ุสภา, ๒๕๐๔), น. ๑๙๔.
๑๗ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ กรมพระยานรศิ รานวุ ดั ตวิ งศ.์ ลายพระหตั ถส์ มเดจ็
เจา้ ฟา้ กรมพระยานรศิ รานวุ ดั ตวิ งศป์ ระทาน ม.จ.หญงิ พไิ ลยเลขา ดศิ กลุ . (พระนคร : วชั รนิ ทร์
การพิมพ์, ๒๕๑๒, หม่อมเจ้าหญิงพิไลยเลขา ดิศกุล พิมพ์เน่ืองในวันประสูตรครบ ๖ รอบ ๘
สงิ หาคม ๒๕๑๒), น. ๒๑.
พระพุทธรูป
หมวดพระพุทธชินราช (จ�ำลอง)
ของ “พระจอมเกล้า”
พิชญา สุ่มจนิ ดา
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
212
วัดราชประดิษฐสถติ มหาสมี าราม เป็นพระอารามหลวงชนั้ เอก ชนิด
ราชวรวิหาร ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาขึ้นเมื่อ
พทุ ธศกั ราช ๒๔๐๗ โดยทรงบรจิ าคพระราชทรพั ยซ์ อื้ ทดี่ นิ ทางดา้ นทศิ ตะวนั ออก
ของพระบรมมหาราชวงั เหนอื พระราชอทุ ยานสราญรมย์ บรเิ วณสวนกาแฟหลวง
และบา้ นพกั ขา้ ราชการ ดว้ ยมพี ระราชด�ำรจิ ะใหต้ อ้ งตามอยา่ งธรรมเนยี มโบราณ
“ซึง่ เคยมีมาในเมอื งใหญ่ๆ ทต่ี ้ังเป็นกรงุ เทพมหานคร อย่างเมอื งสุโขทัย เมอื ง
สวรรคโลก เมอื งพษิ ณโุ ลก แลกรงุ เก่า คือ มีวดั มหาธาตุ แลวัดราชประดษิ ฐาน
แลวัดราชบุรณะ เป็นของส�ำหรับเมืองทุกเมือง” พระราชทานนามว่า วัดราช
ประดษิ ฐ “ก็คอื วดั ราชประดษิ ฐานนน้ั เอง แต่ลดฐานออกเสียเพราะกลัวคนจะ
เรยี กวดั ราชติดฐานเหมือนทก่ี รงุ เก่าไป”๑
ทรงพระราชอทุ ศิ ถวายพระอารามแห่งนใี้ ห้เป็นวดั ของคณะสงฆ์ธรรมยตุ
ท่ีทรงสถาปนาขึ้นเมื่อพุทธศักราช ๒๓๗๒ คร้ังทรงพระผนวชในพระราช
ฉายาว่า พระวชิรญาณ “เผือ่ ว่า ถ้าเจ้าแผ่นดินต่อไปจะไม่ชอบธรรมยตุ กิ า ไล่
เสยี จากวดั หลวงท้ังปวง จะได้อาศยั วดั น้ี จึงได้ทรงถวายวสิ ุงคามสีมาเฉพาะแต่
พระสงฆธ์ รรมยตุ กิ า”๒ วดั ราชประดษิ ฐจงึ ถอื เปน็ พระอารามแหง่ แรกอยา่ ง
เป็นทางการของคณะสงฆ์ธรรมยุต เพราะก่อนหน้าน้ีวัดธรรมยุตส่วนใหญ่
กล็ ว้ นแปลงมาจากวดั ของคณะสงฆม์ หานกิ ายทง้ั สน้ิ ๓ นอกจากนี้ วดั ราชประดษิ ฐ
ยังอยู่ใกล้พระบรมมหาราชวัง สะดวกแก่การเสด็จพระราชด�ำเนินไปทรง
สนทนาธรรมได้โดยง่าย๔ ทั้งน้ี ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นวัด
ขนาดเล็กจนดูเหมือนย่อส่วนมาจากพระอารามขนาดใหญ่ที่เคยสร้างกันมาใน
รชั กาลก่อนๆ เพราะ “โปรดแต่ท่ีจะสร้างวดั เล็กๆ ทจ่ี พุ ระสงฆ์ ๓๐ รูปลงมา
พอเจ้าวดั เจ้าอาวาสมีความรกั บ้าง เอาใจใส่วัดบ้าง” นน่ั เอง๕
แหล่งรวมของพระพุทธรูป “จ�ำลอง” องค์ส�ำคัญ
ภายในพ้ืนที่อันเป็น “มหาสีมาราม” เพียง ๒ ไร่ครึ่งเศษของวัดราช
ประดิษฐ เป็นที่สถิตของปูชนียวัตถุสถานส�ำคัญหลายอย่างด้วยกัน อาทิ
ปาสาณเจดีย์ พระเจดีย์ประดับหินอ่อนทั้งองค์ ปราสาทพระจอม ท่ี
ภาพหนา้ ๒๑๐ จติ รกรรมในพระวิหารพระศาสดา วดั บวรนเิ วศวิหาร ภาพการหลอ่ พระพทุ ธชินราช
พระพทุ ธชินศรี และพระศรีศาสดา ทีว่ ัดพระศรีรตั นมหาธาตุ จงั หวดั พิษณโุ ลก (ภาพจาก พุทธาวาส
วัดบวรนเิ วศวิหาร. ๒๕๕๖, น. ๒๒๓)
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
213
ภายในพระวิหารหลวงวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม เป็นแหล่งรวมของพระพุทธรูปซ่ึง
จ�ำลองจากพระพทุ ธรปู องค์สำ� คญั ได้แก่ พระประธาน คือ พระพุทธสิหังคปฏิมากร และพระพุทธ
สิหงั คปฏมิ ากรน้อย ภายในบุษบกใหญ่ รชั กาลที่ ๔ ทรงหลอ่ จำ� ลองจากพระพุทธสหิ งิ คใ์ นพระที่นัง่
พุทไธสวรรย์ พระราชวังบวรสถานมงคล พระนิรันตราย ในครอบแก้ว ทรงหล่อจ�ำลองจากพระ
นิรนั ตรายในพระบรมมหาราชวงั พระพุทธชนิ ราชน้อย พระพุทธชนิ ศรนี อ้ ย และพระศรีศาสดาน้อย
ในบษุ บกน้อยดา้ นหลังพระประธาน ทรงหลอ่ จำ� ลองจากพระพุทธชนิ ราช พระพทุ ธชนิ ศรี และพระ
ศรีศาสดา ท่ีเคยประดิษฐานในพระวิหารทิศของพระอารามเดียวกัน คือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
จังหวดั พิษณโุ ลก
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
214
ประดิษฐานพระบรมรูปปิดทองของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ปราสาทพระไตรปฎิ ก ตง้ั อยตู่ รงขา้ มกนั เปน็ ทเ่ี กบ็ รกั ษาพระไตรปฎิ กใบลาน
บรรจุในกล่องไม้ซ่งึ ทำ� รปู เล่มอย่างหนังสือ การเปรยี ญ เป็นทต่ี ัง้ ของธรรมาสน์
ยอดมงกุฎอันงดงามยิ่ง ส่วนภายในพระวิหารหลวงนอกจากจะมีจิตรกรรม
ภาพเทพชุมนุมบนกลีบเมฆ “เทวดามีรัศมีเปนพวกๆ ครั้งแรก ซึ่งวัดอ่ืน
เอาอยา่ ง”๖ และจติ รกรรมภาพพระราชพธิ สี บิ สองเดอื นแลว้ ยงั เปน็ แหลง่ รวมของ
พระพุทธรูปซ่ึงพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงจำ� ลองจากพระพุทธ
รูปส�ำคัญที่ทรงพระราชศรัทธาเล่ือมใสเป็นพิเศษหลายองค์ด้วยกัน อันได้แก่
พระประธาน คือ พระพุทธสิหงั คปฏิมากร ประดษิ ฐานภายในบุษบก ทรง
หล่อจ�ำลองจากพระพุทธสิหิงค์ที่ประดิษฐานในพระท่ีนั่งพุทไธสวรรย์ พระราช
วังบวรสถานมงคล (วังหน้า) และภายหลังได้บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์
ไว้ใต้ฐานพระพุทธรูป๗ พระพุทธสิหังคปฏิมากรน้อยประดิษฐานด้านหน้าของ
พระประธาน พระนริ นั ตรายพร้อมเรือนแก้วในครอบแก้ว เป็น ๑ ใน ๑๘ องค์
ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เร่มิ สร้างขน้ึ เม่ือพุทธศกั ราช ๒๔๑๑ จากพิมพ์
เดียวกบั พระนริ นั ตรายในพระบรมมหาราชวงั เพอ่ื พระราชทานไว้ในพระอาราม
ของคณะสงฆ์ธรรมยุต๘
ด้านหลังบุษบกพระประธาน ยังมีบุษบกน้อยสร้างติดกับผนังด้านสกัด
เบอื้ งหลังพระประธานเรียงกนั ๓ หลัง แต่ไม่ค่อยเป็นทสี่ งั เกตมากนัก ภายใน
บุษบกน้อยน้ีเป็นท่ีประดิษฐานพระพุทธรูปองค์น้อย ๓ องค์ที่จำ� ลองจากพระ
พุทธรปู ส�ำคญั ถงึ ๓ องค์ด้วยกัน เรียงตามลำ� ดบั นบั จากทางด้านขวาของพระ
ประธาน คือ “พระพุทธชินราชน้อย” “พระพุทธชินศรีน้อย” และ
“พระศรีศาสดาน้อย” ซึ่งทั้งหมดน้ีเป็นพระพุทธรูปท่ีพระบาทสมเด็จพระ
จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหห้ ลอ่ จำ� ลองจากพระพทุ ธชนิ ราช
พระพุทธชินศรี และพระศรีศาสดาองค์ใหญ่ อันเคยประดิษฐานในพระวิหาร
ทิศต่างๆ ของวัดพระศรรี ัตนมหาธาตุ จงั หวดั พิษณุโลก ก่อนทพี่ ระพุทธชินศรี
และพระศรศี าสดาจะเชญิ มาประดษิ ฐานทกี่ รงุ เทพมหานครและเปน็ พระประธาน
ภายในพระอุโบสถและพระวหิ ารของวดั บวรนเิ วศวหิ าร จนเหลือเพียงพระพุทธ
ชินราชเพียงองค์เดียวเท่านั้นท่ียังคงประดิษฐานยังที่เดิม ที่น่าสนใจก็คือพระ
พทุ ธรปู จ�ำลององค์น้อยท้ัง ๓ องค์นย้ี ังนบั เป็นพระพุทธรูป “หมวดพระพุทธ
ชินราช” ทไ่ี ด้รบั การจ�ำลองครบถ้วนทง้ั สำ� รับ ๓ องค์เป็นรุ่นแรกอกี ด้วย
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
215
พระพุทธรูปหมวดพระพุทธชินราช
เมอ่ื สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ ทรง
จ�ำแนกหมวดหมู่ของพระพุทธรูปสุโขทัยในพระนิพนธ์ต�ำนานพุทธเจดีย์สยาม
พุทธศกั ราช ๒๔๖๙ อนั เป็นการจำ� แนกหมวดหมู่ทางประวตั ิศาสตร์ศลิ ปะของ
พระพุทธรูปสุโขทัยขึ้นเป็นครั้งแรก ก็ได้ทรงจ�ำแนกพระพุทธรูปเหล่าน้ีออก
เป็น ๓ รุ่น ตามลกั ษณะของพระพักตร์๙ กล่าวคอื
“รนุ่ แรก” มพี ระพกั ตรก์ ลม ตามแบบพระพทุ ธรปู ลงั กา เชน่ พระอฏั ฐารส
วดั สระเกศราชวรมหาวิหาร กรงุ เทพมหานคร เป็นต้น
“รนุ่ กลาง” มพี ระพกั ตรย์ าว พระหนเุ สยี้ ม เกดิ จากฝมี อื ชา่ งทเ่ี ชย่ี วชาญ
คิดแบบขึ้นมาใหม่ มีพระร่วงโรจนฤทธ์ิฯ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร
และพระสุรภพี ทุ ธพิมพ์ วดั ปรนิ ายก กรุงเทพมหานคร เป็นอาทิ
“รุ่นหลัง” มีพระพักตร์ท�ำนองผลมะตูม ปลายนิ้วพระหัตถ์ท้ังส่ียาว
เสมอกนั มพี ระพทุ ธชินราชเป็นตวั อย่างของหมวด อนั เป็นพระพทุ ธรูปซงึ่ ทรง
สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยพญาลิไทย (ครองราชย์ประมาณพุทธศักราช
๑๘๙๐-๑๙๑๑) กษตั รยิ ส์ โุ ขทยั พรอ้ มกบั พระพทุ ธรปู อกี ๒ องคท์ ห่ี ลอ่ ขน้ึ ในเวลา
ไลเ่ ลยี่ กนั คอื พระพทุ ธชนิ ศรแี ละพระศรศี าสดา เหตผุ ลทที่ รงเชอื่ วา่ พญาลไิ ทย
ทรงสรา้ งพระพทุ ธรปู ทงั้ ๓ องคน์ ปี้ รากฏในพระนพิ นธเ์ รอื่ ง ตำ� นานพระพทุ ธรปู
ส�ำคัญ ตพี ิมพ์คร้ังแรกเมอื่ พทุ ธศกั ราช ๒๔๖๘ ว่า
“ยงั มหี ลกั ฐานทางทรี่ บั รองเรอ่ื งในพงศาวดารเหนอื ปรากฏอยใู่ นศลิ าจารกึ
ว่าพระเจ้าแผ่นดินซึ่งปรากฎพระเกียรดิในเร่ืองพระไตรปิฎกนั้นมีแต่พระองค์
เดยี ว คอื พระมหาธรรมราชาลไิ ทย...ทรงพระราชศรทั ธาทนบุ �ำรงุ พระพทุ ธสาสนา
เปน็ อเนกปรยิ าย จนถงึ เสดจ็ ออกทรงผนวชเปนภกิ ษภุ าวอยคู่ ราวหนง่ึ แลไดท้ รง
แต่งหนงั สอื เรอ่ื งไตรภมู โิ ดยทรงสอบสวนพระไตรปิฎก หนงั สอื นงั้ ยงั ปรากฎอยู่
เร่ืองราวที่กล่าวมาน้ีท�ำให้น่าเชื่อว่า พระมหาธรรมราชาลิไทยนี้เองท่ีพงศาวดาร
เหนือเรยี กว่า พระเจ้าศรธี รรมไตรปิฎก แต่สำ� คัญเมอื งผิดไป เมอเสวยราชย์จงึ
สร้างเมอื งพษิ ณโุ ลกขน้ึ เปนเมอื งลกู หลวง แลโปรดฯ ให้ประชมุ ช่างปั้นพระพทุ ธ
รปู ๒ พะองค์ หรอื ท้ัง ๓ พระองค์ [คอื พระพุทธชนิ ราช พระพุทธชนิ ศรี และ
พระศรีศาสดา-ผู้เขยี น] หล่อขึ้นเมือ่ ราว พ.ศ. ๑๙๐๐ ลกั ษณจึงงามกว่าแลผิด
กบั พระพทุ ธรปู เมอื งสวรรคโลกสโุ ขไทยซง่ึ สรา้ งมาแตก่ อ่ น”๑๐ (ตวั สะกดคงตาม
ต้นฉบบั )
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
216
การจำ� แนกพระพทุ ธรปู สโุ ขทยั ของสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอพระองคน์ นั้
ยงั คงไดร้ บั การสบื ทอดตอ่ มาจากนกั วชิ าการรนุ่ หลงั โดยไดจ้ ำ� แนกใหล้ ะเอยี ดกนั
ยง่ิ ข้ึน แต่กย็ ังคงรกั ษาโครงสร้างการจำ� แนกหลกั ๆ ของพระองค์ไว้ ดงั ตวั อย่าง
การจ�ำแนกของหลวงบริบาลบุรีภัณฑ์และอเล็กซานเดอร์ บี. กริสโวลด์
(Alexander B. Griswold) ที่จ�ำแนกละเอียดข้ึนถึง ๕ หมวด และต้ังชื่อ
หมวดหนงึ่ ในนน้ั ซงึ่ ตรงกบั “รนุ่ หลงั ” ของพระองคว์ า่ “หมวดพระพทุ ธชนิ ราช”๑๑
ท�ำให้พระพุทธรูปทง้ั ๓ องค์น้ีเป็นท่ีรู้จักกนั ในฐานะพระพุทธรูปสุโขทยั หมวด
พระพุทธชนิ ราช ส่วนข้อสนั นษิ ฐานของพระองค์ทที่ รงเชอ่ื มโยงพระเจ้าศรธี รรม
ไตรปิฎกใน พระราชพงศาวดารเหนือ กับพญาลิไทยว่าเป็นกษัตริย์พระองค์
เดยี วกนั อนั เป็นท่ีมาของความรู้ว่า พญาลไิ ทยทรงสร้างพระพุทธรปู ทัง้ ๓ องค์
ดังกล่าว กย็ งั คงได้รับการยอมรับจนถึงปัจจบุ นั เช่นกนั
พระพุทธชินราช พระพุทธชินศรี
และพระศรีศาสดา “จ�ำลอง” ท่ีวัดราชประดิษฐ
เป็นที่น่าสงั เกตว่า นอกจากพระพทุ ธรปู ทัง้ ๓ องค์จากหมวดพระพทุ ธ
ชนิ ราชอนั เป็นท่ีรู้จกั กันดอี ยู่แล้ว นกั วชิ าการยังจดั ให้ “พระสทิ ธารถ” ที่เชิญ
จากพิษณุโลกมาเป็นพระประธานของพระอุโบสถวัดพิชยญาติการาม กรุงเทพ
มหานคร รวมอยู่ในหมวดพระพุทธชินราชด้วย และหากผู้เขียนจะขอนับเอา
“พระพุทธรูปทอง” ในพระอุโบสถวัดพนัญเชิง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อนั มพี ทุ ธลกั ษณะสอดคลอ้ งกบั พระพทุ ธรปู ในหมวดนม้ี ารวมไวด้ ว้ ยกนั อกี องค์
แลว้ หมวดพระพทุ ธชนิ ราชกย็ งั มตี วั อยา่ งของพระพทุ ธรปู ในหมวดเพยี ง ๕ องค์
เท่านน้ั ปรมิ าณเท่านน้ี บั ว่าน้อยมากจนน่าประหลาดใจ เพราะนอกจากพระพทุ ธ
รูปทั้ง ๕ องค์ดงั กล่าว เรายงั ไม่พบพระพุทธรปู อนั มีพทุ ธลักษณะสอดคล้องกบั
พระพุทธรูปในหมวดนี้ หรือแม้แต่พระพุทธรูปจ�ำลองจากหมวดนี้ที่ควรมีอยู่
ทัง้ ขนาดเลก็ ใหญ่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นพระพทุ ธรูปท่สี ร้างในสมัยสโุ ขทัย
และอยุธยาซึ่งพอจะผนวกรวมเข้ากับพระพุทธรูปในหมวดพระพุทธชินราชได้
เลย แม้แต่พระพทุ ธชนิ ราชท่ไี ด้รบั การกล่าวถึงความสำ� คัญไว้อย่างมากมายทง้ั
ในต�ำนานและพระราชพงศาวดาร อันแสดงถึงความส�ำคัญและศักด์ิสิทธ์ิของ
พระพทุ ธรปู ทน่ี า่ จะไดร้ บั การจ�ำลองกนั อยา่ งมากมาย กก็ ลบั กลายเปน็ พระพทุ ธ
รปู ที่ได้รบั การจำ� ลองมากท่สี ดุ แต่เป็นในยุคปัจจุบนั แทน๑๒
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
217
(ซา้ ย) พระพทุ ธชนิ ศรนี อ้ ย รชั กาลท่ี ๔ ทรงหลอ่ จำ� ลองจากพระพทุ ธชนิ ศรี วดั บวรนเิ วศวหิ าร
เม่อื พุทธศกั ราช ๒๔๐๐ ประดิษฐานในบุษบกน้อยด้านหลงั พระประธาน
(ขวา) พระศรศี าสดานอ้ ย รชั กาลที่ ๔ ทรงหลอ่ จำ� ลองจากพระศรศี าสดา วัดบวรนิเวศวหิ าร
เม่ือพทุ ธศักราช ๒๔๐๖ ประดิษฐานในบุษบกดา้ นซา้ ยของพระประธาน
การจ�ำลองพระพุทธรูปในหมวดพระพุทธชินราชโดยเฉพาะพระพุทธ
ชินราช พระพุทธชินศรี และพระศรีศาสดา ท่ีมีหลักฐานจากท้ังพระพุทธรูป
จ�ำลองและหลักฐานทางลายลักษณ์อักษรประกอบกันอย่างชัดเจนนั้น กลับมา
มีขึน้ ในสมัยรตั นโกสนิ ทร์นี้เอง เม่อื พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรง
พระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ ประดษิ ฐวรการ นายชา่ ง
ประตมิ ากรพระองคส์ ำ� คญั ผทู้ รงปน้ั หลอ่ พระพทุ ธรปู และประตมิ ากรรมถวายใน
รชั กาลของพระองคจ์ นถงึ รชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรง
ปน้ั หลอ่ “พระพทุ ธชนิ ศรนี อ้ ย” เมอื่ พทุ ธศกั ราช ๒๔๐๐ จำ� ลองจากพระพทุ ธ
ชนิ ศรใี หญอ่ นั ประดษิ ฐานในพระอโุ บสถวดั บวรนเิ วศวหิ าร๑๓ เพอ่ื ทรงสกั การบชู า
ในพระบรมมหาราชวงั โดยใชส้ ะเกด็ ทองทไ่ี ดจ้ ากการหลอ่ ฐานใหมข่ องพระพทุ ธ
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
218
ชนิ ศรใี หญใ่ นปเี ดยี วกนั ผสมกบั เงนิ ทองตา่ งๆ ทำ� นองเดยี วกบั การหลอ่ พระเหลอื
ทวี่ หิ ารโพธส์ิ ามเส้า ด้านหน้าพระวหิ ารพุทธชินราช ซึ่งตามตำ� นานกล่าวว่าหล่อ
ข้ึนจากชนวนเททองท่ีใช้หล่อพระพุทธชินราชมาเป็นส่วนผสม๑๔ ในการนี้ ได้
ทรงพระราชนิพนธ์ถึงพระพุทธชินศรีน้อยท่ีทรงหล่อข้ึนนี้โดยอ้างอิงย้อนความ
กลบั ไปถงึ การหล่อพระพุทธชนิ ศรใี หญ่ในพระราชพงศาวดารเหนือด้วยว่า
“ ๏ พระราชหัตถเลขา เรือ่ งจาฤก ถานพระชนิ ศรีใหญ่ พระชนิ ศรนี ้อย
๏ พระพทุ ธชนิ ศรนี อ้ ยพระองคน์ ี้ พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหามกฏุ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชศรัทธาอุสาหให้หล่อด้วยเน้ือทองสัมฤทธิ
ซง่ึ เจาะออกจากองค์พระพทุ ธชนิ ศรีใหญ่ ทีว่ ดั บวรนเิ วศน์เม่ือคร้งั หล่อถานทอง
สัมฤทธติ ่อกับพระองค์เฃ้า เมื่อพระพทุ ธสาสนกาล ๒๔๐๐ ฃอให้เทพยดารกั ษา
ให้ศักสิทธเิ หมอื นกัน
พระพุทธชินศรีพระองค์นี้ สมเด็จพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกมหาราช
พระเจ้าเมืองเชียงแสนทรงสร้างไว้ณเมืองพิศณุโลกย ซ่งึ ได้มีรบั ส่ังให้จ่านกร้อง
จ่าการบุน คุมพระราชทรัพยเปนทุนกับพวกไพร่พลมาหาที่สร้างขึ้น จะพระ
ราชทานแก่พระราชบุตรสองพระองค์ คือพระเจ้าชาติสาครแลเจ้าไกรสรสิงหา
ราช คร้ันกาลพระนครส�ำเรจแล้ว จึง่ ได้เสดจทอดพระเนตร แล้วทรงพระราช
ศรัทธอุสาห์ให้สร้างพระอารามวัดพระมหาธาตุน้ัน แล้วทรงมีพระราชประสงค์
จะทรงสร้างพระพุทธปฏิมากรใหญ่ไว้เปนประธานในพระอาราม จึ่งมีพระราช
สาส์นไปขอช่างฝีมือดี มาแต่กรุงศรีสัชนาไลย ได้ช่างเป็นพราหมณมาส่ีนาย
ช่ือบาอนิ ทร ๑ บาพรหม ๑ บาพศิ นุ ๑ บาราชสังข์ บาราชกุศล ๑ จึงโปรดให้
ป้นั ห่นุ พระพทุ ธรปู ๓ พระองค์ คอื พระพทุ ธชนิ ราช ๑ พระพทุ ธชนิ ศรพี ระองค์
น้ี ๑ พระพุทธศรศี าสดา ๑ แล้วได้ทรงเททองหล่อล้วนเปนทองสมั ฤทธิ พร้อม
กนั ในวันพฤหสั บดี เดือน ๔ ขนึ้ ๑๕ ค่ำ� ปี___ศกั ราช___พระพุทธศาสนากาล
ล่วงแล้ว___พรรษา
พระพทุ ธชนิ ศรพี ระองคน์ ้ี พระพทุ ธศรศี าสดา สองพระองคท์ องหลอ่ แลน่
ลงบริบูรณส�ำเรจในเพลาวันนั้น แต่พระพุทธชินราชพระองค์เดียวทองหล่อฃัด
ไม่ลงเตาบริบรู ณ์ ต้องปั้นหุ่นรปู ใหม่หล่อหลายครัง้ ต่อภายหลังได้เฃ้าทองเมอื่
วัน___เดือนหกข้นึ ๘ คำ่� ปี___ศก จึ่งสำ� เร์จบรบิ รู ณ ทองซงึ่ เหลือน้ันให้หล่อ
เปนพระพทุ ธรปู นอ้ ยนา่ ตกั ศอกเศศ มพี ระนามวา่ พระเหลอื นนั้ ครนั้ การตกแตง่
ขดั สสี ำ� เรจทกุ พระองคแ์ ลว้ จงึ โปรดใหเ้ ชญิ พระพทุ ธชนิ ราชประดสิ ฐานไวใ้ นวหิ าร
หลวงทศิ ตะวนั ตก พระพทุ ธชนิ ศรพี ระองคน์ ปี้ ระดสิ ฐานไวใ้ นพระวหิ ารทศิ เหนอื
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
219
แลพระพทุ ธศรศี าสดาประดสิ ฐานไวใ้ นพระวหิ ารทศิ ใต้ พระเหลอื นนั้ ประดสิ ฐาน
ไว้ในกฏุ นิ ้อย ทโี่ พสามส้าวตรงหน้าพระวิหารหลวงทิศตะวนั ตก พระมหาพุทธ
ปฎิมากรท้ังสามพระองค์ คือพระพุทธชินศรีพระองค์นี้ กับพระพุทธชินราช
พระพทุ ธสาศดากไ็ ดเ้ ปนทน่ี มศั การ สกั การนบั ถอื บชู า แหง่ สมเดจ็ พระเจา้ แผน่ ดนิ
ในเมอื งกรุงสยามท้งั ฝ่ายใต้ฝ่ายเหนอื แลอาณาเขตรประชาราษฎรสบื ๆ มา
ฃอท่านท้ังปวงผู้อ่านทราบนิทานเดิมพระพุทธปฎิมากรทั้งสามพระองค์
นนั้ ด้วยประการดังน้ีแล้วจงมีจติ รประสาทศรทั ธา เลอื่ มใสกราบไหว้นมัศการ
บูชาแก่พระพุทธชนิ ศรนี ้อย
ความเช่ือว่าเป็นพระพุทธรูปองค์นั้นแท้ แลฃอความเป็นศิริสวัสดิพิพัฒ
มงคลศุภผลวิบลยศุขความเจริญแห่งอายุวรรณศุขพล แลประสิทธิส�ำเร็จแห่ง
สรรพประสงค์บันดาซึ่งเป็นกุศลปราศจากโทษ จงมีแลเปนไปแก่ท่านทั้งปวง
บันดาซ่ึงได้นับถือนมศั การบชู าแก่พระพุทธชินศรีนที้ กุ คนเทอญ
พระพุทธชินศรีพระองค์น้ีได้ประดิสฐานในวัดมหาธาตุ เมืองพระพิศณุ
โลกยนานนบั แต่ปีสร้างมาถงึ ๘๗๔ ปี”๑๕ (ตวั สะกดคงตามต้นฉบบั ตวั เขยี น)
แรกทีเดียว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวคงมีพระราชด�ำริจะ
ทรงจารกึ ขอ้ ความขา้ งตน้ ลงบนฐานพระพทุ ธชนิ ศรใี หญแ่ ละพระพทุ ธชนิ ศรนี อ้ ย
ที่ทรงหล่อข้ึนใหม่ แต่ก็ค้างไว้ยังมิได้ทรงด�ำเนินการ ครั้นการหล่อพระพุทธ
ชินศรีน้อยส�ำเรจ็ ลงได้ทรงกะไหล่องค์พระพุทธรปู ด้วยทองหนกั ๕ ตำ� ลึง ทรง
บรรจพุ ระบรมสารีริกธาตใุ นองค์พระพทุ ธรปู พร้อมกับสมโภชเป็นเวลา ๔ วนั
แล้วเชิญข้ึนพระท่ีนั่งราเชนทรยานแห่แหนไปประดิษฐานในอุโบสถวัดพระศรี
รัตนศาสดารามเพื่อทรงนมสั การสืบมา๑๖
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงพระราชวจิ ารณพ์ ระพทุ ธ
ชินศรีน้อยว่า “มีลักษณะละม้ายคล้ายคลึง (กับพระพุทธชินศรีใหญ่มาก-ผู้
เขียน) จ�ำได้ถนัด”๑๗ ทงั้ นี้ เพราะในการจำ� ลองแบบ ปฏมิ ากร คอื พระวรวงศ์
เธอ พระองคเ์ จา้ ประดษิ ฐวรการไดท้ รงนำ� พทุ ธลกั ษณะเดน่ โดยรวมของพระพทุ ธ
ชนิ ศรซี ง่ึ เปน็ ตน้ แบบมาปน้ั หลอ่ เปน็ องคน์ อ้ ยใหล้ ะมา้ ยเหมอื นทสี่ ดุ ไมว่ า่ จะเปน็
ลักษณะพระพกั ตร์ พระศก นว้ิ พระหัตถ์เสมอกนั ปลายสงั ฆาฏริ ปู เขีย้ วตะขาบ
ปทั มาสนบ์ วั ควำ่� บวั หงายบนฐานสงิ หค์ อ่ มกระบวนลายอยา่ งฝรง่ั ทท่ี ำ� เหมอื นกนั
ทกุ ประการกบั ฐานของพระพทุ ธชนิ ศรใี หญซ่ ง่ึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหห้ ลอ่
ขน้ึ ใหม่ประกบกบั ฐานเดิมดงั ได้กล่าวมาแล้ว รวมทงั้ รายละเอยี ดปลกี ย่อย เช่น
พระเกตมุ าลาลงยาสนี ้�ำเงนิ ขาว และแดง ตามอยา่ งพระเกตมุ าลามที องค�ำลงยา
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
220
ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงสรา้ งถวายประกบพระเกตมุ าลาเดมิ
ของพระพทุ ธชินศรใี หญ่ในพระอโุ บสถวัดบวรนิเวศวหิ ารกท็ �ำให้เหมือนกนั ๑๘
ต่อมาเม่ือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรด
เกล้าฯ ให้สร้างพระวิหารพระศรีศาสดาในวัดบวรนิเวศวิหารเม่ือพุทธศักราช
๒๔๐๒ และทรงชะลอพระศรีศาสดาซึ่งเชิญจากวัดประดู่มาพักไว้เป็นการ
ช่ัวคราวที่วัดสุทัศนเทพวราราม มาประดิษฐานยังพระวิหารแห่งน้ีในอีก ๔ ปี
ให้หลังตรงกบั พทุ ธศกั ราช ๒๔๐๖ ระหว่างทางที่ชะลอจากวัดสทุ ศั นฯ พระศรี
ศาสดาเกิดกระทบกระเทือนอย่างแรงจนพระศอหักต้องหล่อใหม่ ขณะท่ีหล่อ
น้ันทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เก็บสะเก็ดทองที่ร่วงหล่นลงจากการเทผูก
พระศอไปหล่อใหม่เป็น “พระศรีศาสดาน้อย” เชิญไปประดิษฐานในวัดพระ
ศรีรัตนศาสดารามด้วยกันกับพระพุทธชินศรนี ้อยทปี่ ระดษิ ฐานอยู่ก่อน๑๙
ส�ำหรับช่างผู้ปั้นหล่อพระศรีศาสดาน้อยก็คงได้พยายามที่จะรักษาพุทธ
ลกั ษณะใหใ้ กลเ้ คยี งกบั พระศรศี าสดาใหญ่ อนั เปน็ ตน้ แบบของการจ�ำลองใหไ้ ด้
มากท่ีสุด เห็นได้จากพระนาสิกใหญ่ปลายงุ้มอันเป็นพุทธลักษณะเด่นของพระ
ศรีศาสดาใหญ่ก็พยายามท�ำให้ดูใกล้เคียงกัน รวมท้ังปัทมาสน์บัวคว�่ำบัวหงาย
บนฐานสิงห์ค่อมก็ถอดแบบมาจากฐานของพระศรีศาสดาใหญ่ทุกประการเช่น
กัน ถึงกระนั้นก็ตาม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ยังทรงพระ
ราชวจิ ารณ์ว่าพระศรศี าสดาองค์น้อย “ห่างเหินจากองค์เดมิ มาก”๒๐
ครน้ั ต่อมาตรงกบั พทุ ธศกั ราช ๒๔๐๙ เมอ่ื พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงนมัสการพระพุทธชินราชตามโบราณราช
ประเพณี โดยประทับเรือพระที่น่ังกลไฟอรรคราชวรเดชข้ึนไปตามล�ำน�้ำพิจิตร
เกา่ ถงึ พษิ ณโุ ลกตรงกบั วนั ลอยพระประทปี ซง่ึ นบั เปน็ การเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ไป
ทรงนมสั การเปน็ ครง้ั ท่ี ๒ หลงั จากครง้ั แรกขณะทรงพระผนวชกอ่ นทรงครองสริ ิ
ราชสมบตั ิ ในการนไ้ี ดท้ รงเปลอื้ งก�ำไลหยกจากขอ้ พระกรสวมถวายนวิ้ พระหตั ถ์
พระพทุ ธชนิ ราช ถวายบายศรรี กั ป้ันปดิ ทองเงนิ อยา่ งละสำ� รบั และตน้ ไมเ้ งนิ ทอง
เป็นพทุ ธบชู า พร้อมมหรสพสมโภช พอเสด็จพระราชดำ� เนนิ กลับกไ็ ด้ทรงหล่อ
พระพทุ ธชนิ ราชนอ้ ยขนึ้ เพอ่ื ใหค้ รบเปน็ พระพทุ ธรปู ๓ องคท์ เี่ คยประดษิ ฐานใน
พระวหิ ารทศิ ต่างๆ ภายในวดั พระศรรี ตั นมหาธาตุ จงั หวดั พษิ ณโุ ลก ดว้ ยกนั มา
ก่อน๒๑
ถงึ แมว้ า่ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั จะทรงพระราชวจิ ารณ์
ว่า พระพุทธชินราชน้อยท�ำได้ “ห่างเหินจากองค์เดิมมาก” เหมือนเช่นท่ีทรง
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
221
(ซ้าย) พระพุทธชินศรี พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร เดิมประดิษฐานใน
พระวหิ ารทศิ เหนอื วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จงั หวดั พิษณโุ ลก
(ขวา) พระศรีศาสดา พระวิหารพระศรีศาสดา วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร เดิม
ประดิษฐานในพระวหิ ารทศิ ใต้ วัดพระศรรี ัตนมหาธาตุ จงั หวัดพษิ ณุโลก
พระราชวิจารณ์พระศรีศาสดาน้อยไว้ก็ตาม แต่หากพิจารณาเปรียบเทียบให้ดี
แลว้ กจ็ ะเหน็ วา่ ชา่ งผปู้ น้ั พระพทุ ธชนิ ราชนอ้ ยไดจ้ บั เอาลกั ษณะเดน่ ของพระพทุ ธ
ชินราชใหญ่มาปั้นหล่อจนใกล้เคียงกันมากกว่าท่ีพระพุทธชินศรีน้อยและพระ
ศรีศาสดาน้อยจะเหมือนกับองค์ใหญ่เสียอีก ความละม้ายเหมือนกันดังกล่าว
พจิ ารณาไดจ้ ากเคา้ โครงของพระพกั ตรท์ ดี่ คู ลา้ ยผลมะตมู แบบเดยี วกบั พระพทุ ธ
ชนิ ราชใหญ่ พระนาสกิ โด่งเป็นสันเหมอื นกัน และพระขนงโก่งปาดเป็นขอบลกึ
ปลายตวดั ลงจนเกอื บถงึ หางพระเนตรกด็ รู าวกบั จะถอดแบบกนั มาอยา่ งแทบจะ
ไม่ผดิ เพยี้ น ทั้งน้ยี งั รวมไปถึงลักษณะเด่นประการอ่นื ๆ อาทิ นว้ิ พระหตั ถ์เสมอ
กัน ปลายสังฆาฏิเป็นเขี้ยวตะขาบมีเส้นพาด และปัทมาสน์บัวคว่�ำบัวหงายบน
ฐานสิงห์เพม่ิ มมุ ๒ ชน้ั แบบเดยี วกนั ด้วย อย่างไรกด็ ี การจำ� ลองดังกล่าวไม่ได้
รวมไปถงึ เรอื นแก้วของพระพุทธชินราชด้วย คงเพราะต้องการเน้นความสำ� คญั
ทอ่ี งค์พระพทุ ธรปู มากกว่า และหากมีเรอื นแก้วแล้วกค็ งจะดูไม่เข้ากบั พระพุทธ
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
222
รปู น้อยอกี ๒ องค์ซง่ึ ไม่มีเรอื นแก้วเหมอื นองค์ใหญ่
ท้ายท่ีสุด เม่ือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างวัดราช
ประดิษฐ ในพุทธศักราช ๒๔๐๗ ได้มีพระราชประสงค์จะทรงเชิญพระพุทธ
สิหิงค์จากพระที่น่ังพุทไธสวรรย์ในพระราชวังบวรสถานมงคลซ่ึงทรงพระราช
ศรทั ธาเลือ่ มใสอย่างย่งิ ไปประดษิ ฐานเป็นพระประธาน “แต่เพราะเหตทุ ่ีพระน้นั
ตงั้ อยบู่ นพระทน่ี งั่ ในพระราชวงั เปน็ ทส่ี งู ใหญแ่ ลว้ ไมค่ วรเชญิ ออกไปไวท้ ว่ี ดั ให้
เป็นการต�ำ่ ศักดไิ์ ป”๒๒ จึงได้ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้ช่างหล่อจ�ำลองพระ
พทุ ธสหิ งิ คเ์ ทา่ องคจ์ รงิ ขน้ึ ใหมถ่ วายพระนามวา่ “พระพทุ ธสหิ งั คปฏมิ ากร” พรอ้ ม
เชิญพระพุทธชินราชน้อย พระพุทธชินศรีน้อย และพระศรีศาสดาน้อย จาก
พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามไปประดิษฐานด้วยกันในพระวิหารหลวง
วัดราชประดิษฐ๒๓ ดังปรากฏจนถึงปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัวเองก็ทรงให้ความส�ำคัญกับพระพุทธรูปองค์น้อยทั้ง ๓ องค์นี้เป็น
พเิ ศษ ดงั เหน็ ได้จากเม่อื เสดจ็ พระราชด�ำเนนิ ไปทรงถวายพุ่มเทยี นพรรษา (พุ่ม
ขี้ผงึ้ ) แด่พระประธาน คือ พระพุทธสหิ ังคปฏมิ ากร กย็ ังถวายพุ่มเทียนพรรษา
เป็นการเฉพาะแด่พระพุทธชินราชน้อย พระพทุ ธชนิ ศรีน้อย และพระศรศี าสดา
น้อยเหมอื นกนั ทุกองค์ด้วย๒๔
การจ�ำลองพระพุทธชินราช
พระพุทธชินศรี และพระศรีศาสดา
ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
อาจกล่าวได้ว่า “การจำ� ลองพระพุทธรปู ” และ “พระพุทธรปู จำ� ลอง” จาก
หมวดพระพทุ ธชนิ ราช คอื พระพทุ ธชนิ ราช พระพุทธชนิ ศรี และพระศรศี าสดา
อนั เคยประดษิ ฐานในพระอารามเดียวกนั ทั้ง ๓ องค์ มีขน้ึ อย่างเป็นทางการคร้งั
แรกและมหี ลกั ฐานแนช่ ดั รวมทงั้ จำ� ลองครบสำ� รบั ทงั้ ๓ องค์ ในรชั สมยั พระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวน้ีเอง เม่ือได้ทรงจำ� ลองพระพุทธชินศรีน้อยใน
พุทธศักราช ๒๔๐๐ พระศรศี าสดาน้อยในพุทธศักราช ๒๔๐๖ และพระพุทธ
ชนิ ราชน้อยในพุทธศกั ราช ๒๔๐๙
อย่างไรก็ตาม การจ�ำลองพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ของพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ท�ำให้เกิดค�ำถามท่ีตามมาว่า เหตุใดจึงเพ่ิงปรากฏขึ้น
ในรัชกาลของพระองค์แทนท่ีจะมีมาก่อนหน้าน้ัน
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
223
(ซ้าย) พระพุทธชินราชน้อย รชั กาลที่ ๔ ทรงหล่อจำ� ลองจากพระพทุ ธชินราช วัดพระศรรี ตั น
มหาธาตุ จังหวดั พษิ ณโุ ลก เมื่อพุทธศักราช ๒๔๐๙ ประดษิ ฐานในบุษบกดา้ นขวาของพระประธาน
(ขวา) พระพทุ ธชินราช พระวหิ ารพระพทุ ธชนิ ราช (พระวิหารทศิ ตะวนั ตก) วดั พระศรรี ตั น
มหาธาตุ จังหวดั พิษณุโลก
เก่ียวกบั เร่อื งการจ�ำลองพระพทุ ธรูปน้ี ผู้เขยี นได้เคยนำ� เสนอเป็นทฤษฎี
วา่ ดว้ ยการจำ� ลองพระพทุ ธรปู ในประเทศไทย โดยใชช้ อ่ื วา่ “ทฤษฎปี ฏมิ าวทิ ยา”
ซึ่งพฒั นาขึน้ จากแนวคดิ ของอเล็กซานเดอร์ บ.ี กริสโวลด์ ผู้ตั้งข้อสงั เกตเรือ่ ง
การสร้างพระพุทธรูปสุโขทัย ว่าน่าจะเป็นการสร้างเลียนแบบจากพระพุทธรูป
เพยี งไม่กอี่ งค์ทไ่ี ด้รับการยกย่องสืบต่อกันมา และต่อมา พิรยิ ะ ไกรฤกษ์ ได้
พิสูจน์สมมติฐานดังกล่าวของกริสโวลด์และน�ำมาพัฒนาต่อให้ชัดเจนยิ่งข้ึนใน
ทางปฏิบัติ “ทฤษฎีปฏิมาวิทยา” มุ่งเน้นไปท่ีโลกทรรศน์การสร้างพระพุทธรูป
ของพุทธศาสนิกชนเป็นหลักมากกว่าการให้ความส�ำคัญกับรูปแบบ (Style)
และสกุลช่าง (School of Art) โดยมีสาระส�ำคัญว่า พระพุทธรูปที่มีความ
ศกั ดสิ์ ทิ ธหิ์ รอื มคี วามสำ� คญั ย่อมจะได้รบั การ “จำ� ลอง” (ปฏมิ า) อยา่ งแพร่หลาย
ทั้งนีเ้ พราะในโลกทรรศน์ของพทุ ธศาสนิกชน พระพทุ ธรปู เป็น “พระปฏมิ า” อนั
หมายถึง รูปจ�ำลองหรือรูปแทนองค์พระพุทธเจ้า การสร้างพระพุทธรูปจึง
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
224
เป็นการสร้างด้วยการจ�ำลองสืบต่อกันมาจากพระพุทธรูปท่ีมีความส�ำคัญหรือ
ความศกั ดส์ิ ทิ ธเิ์ ป็นพเิ ศษโดยชา่ งนริ นาม พทุ ธศาสนกิ ชนทสี่ ร้างพระพทุ ธรปู มกั
จำ� ลองแบบใหใ้ กลเ้ คยี งกบั พระพทุ ธรปู ตน้ แบบใหไ้ ดม้ ากทสี่ ดุ เพอ่ื คงรกั ษาความ
ศักด์ิสิทธ์ิหรือความส�ำคัญของพระพุทธรูปที่เป็นต้นแบบไว้ให้พุทธศาสนิกชน
ได้นำ� ไปสกั การบูชา และตราบเท่าทพี่ ุทธศาสนกิ ชนยงั คงมจี ติ ศรทั ธาเลอ่ื มใสใน
พระพทุ ธรปู องค์นั้น การจำ� ลองย่อมเกิดข้นึ ได้ตลอดเวลา๒๕
อนึ่ง ทฤษฎีน้ียังเสนอประเด็นเพ่ิมเติมอีกว่า แม้ว่าพระพุทธรูปองค์น้ัน
จะเสอ่ื มคลายความนยิ มลงไปแล้วกต็ าม แต่หากได้รบั การฟื้นฟูหรอื สร้างความ
ส�ำคญั ข้นึ มาใหม่ การจ�ำลองพระพุทธรูปองค์นน้ั ก็มขี ึน้ ใหม่ได้อกี ครั้งเช่นกัน๒๖
การทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงจำ� ลองพระพทุ ธรปู นอ้ ย
ทงั้ ๓ องค์ ทง้ั ท่ีไม่ปรากฏการจำ� ลองสืบเน่ืองกันมา เป็นเพราะพระองค์ได้ทรง
ร้ือฟื้นความส�ำคัญของพระพุทธรูปเหล่านั้น คือ พระพุทธชินราช พระพุทธ
ชนิ ศรี และพระศรศี าสดาขน้ึ มาใหม่ โดยทรงเรมิ่ ทพ่ี ระพทุ ธชนิ ศรเี ปน็ ลำ� ดบั แรก
หลังจากท่ีสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพทรงเชิญพระพุทธชินศรีจาก
พิษณุโลกมาประดิษฐานทางมุขด้านหลังพระประธาน คือ พระพุทธสุวรรณ
เขตร ในพระอโุ บสถวดั บวรนเิ วศวหิ าร ตรงกบั พทุ ธศกั ราช ๒๓๗๔ เมอ่ื พระบาท
สมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระผนวชและทรงครองวดั บวรนเิ วศวหิ ารใน
พทุ ธศกั ราช ๒๓๗๙ กไ็ ดท้ รงยา้ ยพระพทุ ธชนิ ศรอี อกจากมขุ หลงั มาประดษิ ฐาน
ด้านหน้าพระพุทธสุวรรณเขตรเหมือนเช่นในปัจจุบันแทน ด้วยทรงพระราช
ด�ำริว่า พระพุทธชินศรีเป็นของมีสิริ สมควรเชิญมาประดิษฐานยังมุขหน้าเพื่อ
ให้คนสักการบูชา๒๗ ต่อมาก็ถึงคราวของพระศรีศาสดาซึ่งสมเด็จเจ้าพระยา
บรมมหาพิชัยญาติได้เชิญจากพิษณุโลกมาประดิษฐานเป็นพระประธานของวัด
ประดู่ กรงุ เทพมหานคร กท็ รงพระราชด�ำรวิ า่ เปน็ พระส�ำคญั ไมค่ วรอยใู่ นวดั ของ
ราษฎร จึงทรงสร้างพระวิหารที่วัดบวรนิเวศวิหารและทรงชะลอพระศรีศาสดา
มาประดษิ ฐานเม่อื พุทธศกั ราช ๒๔๐๖๒๘
แต่ในบรรดาพระพุทธรปู ทัง้ ๓ องค์นี้ ดูเหมือนว่าพระบาทสมเด็จพระ
จอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงให้ความส�ำคัญกับพระพุทธชินราชมากที่สุด ดังเห็น
ได้จากการทรงพระราชอุตสาหะเสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงนมัสการถึงเมือง
พิษณุโลกในพุทธศักราช ๒๔๐๙ โดยทรงอ้างอิงถึงโบราณราชประเพณีที่พระ
มหากษัตริย์ในสมัยอยุธยาพระองค์ส�ำคัญต่างก็เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรง
นมัสการพระพุทธชินราชถึงพิษณุโลก๒๙ ครั้นเสด็จพระราชด�ำเนินกลับในปี
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
225
เดยี วกนั นน้ั กไ็ ดท้ รง “พระราชนพิ ลพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ตำ� นาน
เร่ือง พงษาวดานพระพุทธชินราช พระพุทธชินศรี แลพระศรีศาสดา” แสดง
ประวตั ขิ องพระพทุ ธรปู ทงั้ ๓ องคท์ ท่ี รงเรยี บเรยี งขน้ึ ใหมจ่ ากพระราชพงศาวดาร
เหนือและพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา พระราชนิพนธ์ดังกล่าวยังได้ทรง
เน้นย้�ำถึงความส�ำคัญและความศักด์ิสิทธ์ิของพระพุทธชินราชด้วยว่า “มีผู้นับ
ถือนมัศการบูชาเล่าฤๅนับถือมานาน พระเจ้าแผ่นดินบางพระองค์ก็ได้เสด็จไป
นมัศการบ้าง แลทรงเคร่ืองนมัศการแลเครื่องปฎิสังขรณท�ำนุบ�ำรุงไปบูชาและ
คำ้� ชใู ห้เป็นปรกต”ิ และยังทรงเชอ่ื ว่า “มีผู้เลียนปั้นเอาอย่างไปมากมายกห็ ลาย
ตำ� บล” เช่นกนั ๓๐
อย่างไรก็ตาม พระพุทธชินราชกลบั ไม่ได้รบั การจำ� ลองอย่าง “มากมายก็
หลายตำ� บล” ดงั เชน่ ทที่ รงพระราชนพิ นธไ์ ว้ ในทางตรงขา้ มนอกจากจะไมป่ รากฏ
ว่ามกี ารจำ� ลองพระพทุ ธรปู ในหมวดพระพุทธชนิ ราชโดยเฉพาะพระพทุ ธชนิ ราช
จ�ำลองท่ีควรพบมากที่สุดในบรรดาพระพุทธรูปในหมวดน้ีแล้ว แต่กลับกลาย
เป็นว่า พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระองค์แรกท่ที รงหล่อ
จ�ำลองพระพทุ ธรูปทั้ง ๓ องค์ในหมวดพระพทุ ธชนิ ราชเสียเอง
จากพระพุทธชินราชน้อยวัดราชประดิษฐ
สู่พระพุทธชินราชจ�ำลองวัดเบญจมบพิตร
การจ�ำลองพระพุทธรูปทง้ั ๓ องค์ดังกล่าวของพระบาทสมเดจ็ พระจอม
เกล้าเจ้าอยู่หัว แม้จะถือได้ว่าเป็นการฟื้นฟูความสำ� คัญของพระพุทธรูปเหล่าน้ี
ขนึ้ ใหม่ แต่การจำ� ลองในครง้ั นกี้ ไ็ ด้มกี ารเปลยี่ นแปลงโลกทรรศน์จากเดมิ ทเ่ี คย
ให้ความสำ� คญั กับ “ความศกั ด์ิสิทธิ์” มาเร่ิมให้ความสำ� คญั กบั เร่ืองของ “ความ
งาม” ด้วย ในขณะท่ีพระราชนิพนธ์ซง่ึ ทรงไว้สำ� หรับจารกึ บนฐานของพระชนิ ศรี
องค์น้อยแสดงถึง “การจ�ำลองความศักดิ์สิทธ์ิ” โดยทรงอาราธนาเทพยดาให้
รักษาพระพุทธชินศรีองค์น้อยซึ่งใช้ทองสัมฤทธ์ิหรือ “มวลสาร” ของพระพุทธ
ชนิ ศรใี หญเ่ พอ่ื ใหค้ งความศกั ดส์ิ ทิ ธไ์ิ วไ้ ดด้ จุ เดยี วกนั ๓๑ ในทางตรงขา้ ม พระราช
นพิ ลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตำ� นานเรอ่ื ง พงษาวดานพระพทุ ธ
ชินราช พระพทุ ธชินศรี แลพระศรศี าสดา กลบั แสดงให้เห็นถึงพระราชศรทั ธา
เล่ือมใสในองค์พระพุทธชินราชแลพระพุทธชินศรีในเรื่อง “ความงาม” แทน
ดงั ทีท่ รงสรรเสรญิ พระพทุ ธรูปท้ัง ๒ องค์นวี้ ่า “พระพุทธชินราชพระพทุ ธชินศรี
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
226
สองพระองค์น้นั งามแหลมแก่ตามากกว่าพระพุทธรปู ใหญ่น้อยบนั ดามีในแผ่น
ดินสยามทั้งปากใต้ฝ่ายเหนอื แลตลอดการนานมาถึง ๙๐๐ ปี มีผู้เลียนแบบ
ปั้นเอาอย่างไปมากมายกห็ ลายตำ� บล จะมพี ระพทุ ธรปู ทค่ี นเป็นอันมาก ดเู หน็
ว่าเป็นดเี ป็นงามกว่าพระพทุ ธชนิ ราชและพระพทุ ธชนิ ศรีสององค์น้ีไปกไ็ ม่มี”๓๒
พระราชดำ� รเิ รอื่ งความงามของพระพทุ ธรปู โดยเฉพาะกบั พระพทุ ธชนิ ราช
นับว่าเป็นโลกทรรศน์อย่างใหม่ที่ให้อิทธิพลกับการจ�ำลองพระพุทธรูปในสมัย
ต่อมานอกเหนือไปจากเร่ืองของความศักดิ์สิทธิ์ พระราชด�ำริน้ีได้สืบทอดไปยัง
พระบรมราชปิโยรส คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวต้ังแต่ครั้ง
ทรงพระเยาว์เม่ือ “ได้ตามเสด็จพระราชด�ำเนินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว เห็นพระพุทธลักษณะแห่งพระพุทธชินราชว่างามหาพระพุทธรูปองค์
ใดเปรียบมไิ ด้”๓๓
ดังนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระ
อุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามบนต�ำแหน่งของวัดดุสิตเดิมให้เป็น
วัดประจ�ำพระราชวังดุสิต โดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรม
พระยานริศรานวุ ดั ตวิ งศ์ ทรงออกแบบ ก็ได้ทรงเลือกพระพทุ ธชินราชมาเป็น
พระประธานให้ควรคู่กบั ความสง่างามของพระอโุ บสถ พระราชหัตถเลขาทท่ี รง
มีถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพเมื่อพุทธศักราช
๒๔๔๓ ทรงแสดงถึงเหตผุ ลที่ทรงเลือกจ�ำลองพระพุทธชินราชไว้ ๒ ประการ
ด้วยกัน กล่าวคือ ประการแรก หากจ�ำลองพระพุทธชินราชมาไว้ยังกรุงเทพ
มหานครเมอื่ รวมกบั พระพทุ ธชนิ ศรแี ละพระศรศี าสดาแลว้ กจ็ ะครบเตม็ สำ� รบั ทงั้
๓ องค์ ประการต่อมา กจ็ ะต้องด้วยแบบอย่างเหมอื นเมอื่ ครง้ั ที่พระบาทสมเดจ็
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงจำ� ลองแต่เป็นองค์เล็ก จึงทรงจำ� ลองให้มีขนาดเท่า
องค์จรงิ เพ่อื แสดงความสามารถของช่างในรชั สมัยของพระองค์๓๔
ด้วยเหตนุ ี้ ในพุทธศกั ราช ๒๔๔๔ จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้หล่อ
จำ� ลองพระพทุ ธชนิ ราชขนาดเทา่ องคจ์ รงิ ขน้ึ โดยเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ไปทรงเปน็
ประธานในการเททองหล่อด้วยพระองค์เองถงึ เมอื งพษิ ณโุ ลก นบั แต่นนั้ เป็นต้น
มา พระราชด�ำริเร่ืองความงามของพระพุทธชินราชจึงได้แพร่กระจายขยายไป
สู่ความรับรู้ของชนชั้นน�ำและบุคคลท่ัวไปผ่านพระพุทธชินราชจ�ำลองของพระ
องค์ท่อี ยู่ทีว่ ัดเบญจมบพติ รฯ ดงั เหน็ ได้จากปรมิ าณของพระพุทธชินราชจำ� ลอง
ท่ที วจี �ำนวนมากขึน้ นบั ตงั้ แต่บัดนน้ั จนถึงปัจจุบัน มีการจำ� ลองพระพุทธชนิ ราช
อยา่ งแพรห่ ลายจนกลายเป็นพระพทุ ธรปู ทไี่ ด้รบั การจ�ำลองมากทส่ี ดุ ในประเทศ
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
227
(บน) อญั เชญิ พระพทุ ธชนิ ราชจำ� ลอง ขน้ึ บนฝง่ั ภายในวดั เบญจมบพติ รฯ เมอ่ื วนั ที่ ๑๓ ธนั วาคม
พ.ศ. ๒๔๔๔ (ภาพจาก ส�ำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาต)ิ (ล่าง) พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรฯ ท่ี
ประดิษฐานพระพทุ ธชนิ ราชจ�ำลอง
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
228
ไทย เพราะพทุ ธศาสนกิ ชนทปี่ ระสงคจ์ ะสรา้ งพระพทุ ธรปู ทงี่ ามเปน็ เลศิ กม็ กั นยิ ม
จ�ำลองพระพุทธชินราช หรือวัดที่ต้องการพระพุทธรูปงามๆ ก็มักเลือกจำ� ลอง
พระพทุ ธชนิ ราชมาสร้างเป็นพระประธาน๓๕
บทความน้ีจึงแสดงให้เห็นถึงความส�ำคัญของพระพุทธชินราชและพระ
พุทธรปู ในหมวดพระพทุ ธชนิ ราชอีก ๒ องค์ คือ พระพุทธชินศรีและพระศรี
ศาสดา ท่ีเพ่ิงได้รับการสร้างความส�ำคัญข้ึนอีกครั้งในสมัยรัตนโกสินทร์และมี
จดุ เรมิ่ ตน้ จากการทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงฟน้ื ฟคู วามส�ำคญั
ของพระพุทธรูปเหล่าน้ีข้ึนมาใหม่ ดังสะท้อนให้เห็นจากการที่พระองค์ทรง
จ�ำลองพระพุทธชินราช พระพุทธชินศรี และพระศรีศาสดาเป็นพระพุทธรูป
ขนาดน้อย ท่ีปัจจุบันประดิษฐานภายในพระวิหารหลวงวัดราชประดิษฐสถิต
มหาสีมารามด้วยกันกับพระพุทธรูปองค์อ่ืนๆ ซึ่งก็ทรงจ�ำลองจากพระพุทธรูป
“ส�ำคญั ” เหมือนกนั
พมิ พค์ รงั้ แรกในศลิ ปวฒั นธรรม ปที ี่ ๓๐ ฉบบั ท่ี ๑๒ (ตลุ าคม ๒๕๕๒) หนา้ ๑๑๐-
๑๒๓. โดยใช้ช่อื บทความวา่ “พระพทุ ธชนิ ราช พระพทุ ธชนิ ศรี และพระศรีศาสดา ‘จำ� ลอง’
ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยู่หวั ที่วดั ราชประดษิ ฐสถิตมหาสีมาราม”
ผู้เขยี นขอกราบนมัสการ พระธรรมไตรโลกาจารย์ เจา้ อาวาสวัดราชประดษิ ฐสถิตมหา
สมี าราม และพระครวู นิ ยั ธรอารยพงศ์ อารยธมโฺ ม ซง่ึ ใหค้ วามเมตตาอนเุ คราะหใ์ นการบนั ทกึ ภาพ
ปูชนยี วัตถสุ ถานสำ� คญั ภายในพระอาราม ขอขอบคุณ คุณณัฐพรรษ เตชะบรรณะปัญญา ทใี่ ห้
ความชว่ ยเหลอื เรอ่ื งการตรวจพสิ จู นอ์ กั ษรและใหค้ วามเหน็ เพม่ิ เตมิ ทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ บทความ
น้ี อยา่ งไรก็ดี ความรับผดิ ชอบในบทความนย้ี ่อมเปน็ ของผูเ้ ขียนเท่าน้นั
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
229
เชิงอรรถ
๑ ประชุมประกาศรัชกาลที่ ๔. บรรณาธิการโดย ชาญวิทย์ เกษตรศิริ (กรุงเทพมหานคร
: มลู นิธิโตโยต้าประเทศไทยและมลู นิธิโครงการตำ�ราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, ๒๕๔๗),
น. ๕๑๒-๕๑๔.
๒ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. พระราชปรารภเรื่องพระพุทธชินราช.
(พระนคร : กรมศิลปากร, ๒๕๐๐), น. ๘๓. (พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นายสกล ตันติ
เจริญ ณ เมรุวัดไตรมิตรวิทยาราม ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๐).
๓ กรมศิลปากร. ศิลปวัฒนธรรมไทย เล่มที่ ๔ วัดสำ�คัญกรุงรัตนโกสินทร์. (กรุงเทพ
มหานคร : กรมศิลปากร. ๒๕๒๕), น. ๕๔. (กรมศิลปากรจัดพิมพ์เนื่องในโอกาสสมโภชกรุง
รัตนโกสินทร์ พุทธศักราช ๒๕๒๕).
๔ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. พระราชปรารภเรื่องพระพุทธชินราช,
น. ๘๓.
๕ ประชุมประกาศรัชกาลที่ ๔, น. ๕๖๒.
๖ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. พระราชปรารภเรื่องพระพุทธชินราช, น.
๘๓.
๗ กรมศิลปากร. ศิลปวัฒนธรรมไทย เล่มที่ ๔ วัดสำ�คัญกรุงรัตนโกสินทร์, น. ๕๕.
๘ ประชุมศิลาจารึก ภาคที่ ๖ ตอนที่ ๑ ประมวลจารึกสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ที่พบในภาค
เหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง. (กรุงเทพมหานคร : คณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารทาง
ประวัติศาสตร์ สำ�นักนายกรัฐมนตรี, ๒๕๑๗), น. ๘๗-๘๘.
๙ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำ�รงราชานุภาพ. ตำ�นานพุทธเจดีย์สยาม. (พระนคร :
โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๖๙), น. ๑๑๐-๑๑๑. (พิมพ์ในงารพระราชทานเพลิงศพเจ้า
จอมมารดาชุ่ม รัชกาลที่ ๔ ทจว, รัตน มปร, ๒ วปร.๓ เมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๔๖๙).
๑๐ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำ�รงราชานุภาพ. ตำ�นานพระพุทธรูปสำ�คัญ. (พระนคร
: หอพระสมุดวชิรญาณ, ๒๔๖๘), น. ๗๒-๗๓. (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำ�รงราชานุภาพ
ทรงเรียบเรียงแจกในงานกฐินพระราชทาน ณ วัดชุมพลนิกายาราม วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๔๖๘).
๑๑ พิชญา สุ่มจินดา. “การกำ�หนดอายุเวลาและการจำ�ลองพระพุทธชินราช วัดพระศรี
รตั นมหาธาตุ จงั หวดั พษิ ณโุ ลก,” (วทิ ยานพิ นธศ์ ลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าประวตั ศิ าสตร์
คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๔๘), น. ๔-๑๑.
๑๒ ชาตรี ประกิตนนทการ. พระพุทธชินราชในประวัติศาสตร์สมบูรณาญาสิทธิราชย์.
(กรุงเทพมหานคร : ศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษ, ๒๕๕๑), น. ๓-๕.
๑๓ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. พระราชปรารภเรื่องพระพุทธชินราช, น.
๓๘.
๑๔ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณ.์ “เรอื่ งอภนิ หิ ารการประจกั ษ,์ ”
วชิรญาณวิเศษ ตอนที่ ๑๖. (กันยายน, ร.ศ. ๑๑๖.) : ๓๕๕๘.
๑๕ ห้องเอกสารตัวเขียน หอสมุดแห่งชาติ, เรื่องหล่อพระพุทธชินราช ๑ พระพุทธชินศรี
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
230
๑ และพระศรีศาสดา ๑, จดหมายเหตุรัชกาลที่ ๔, พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๔, หนังสือสมุด
ไทยดำ�, อักษรไทย, ภาษาไทย, เส้นดินสอ, จ.ศ. ปนกัน. เลขที่ ๓๔.
๑๖ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณ.์ “เรอื่ งอภนิ หิ ารการประจกั ษ,์ ”
น. ๓๕๕๘.
๑๗ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. พระราชปรารภเรื่องพระพุทธชินราช, น.
๓๘.
๑๘ ห้องเอกสารตัวเขียน หอสมุดแห่งชาติ, พงศาวดารเหนือเรื่องเชิญพระชินศรีลงมาวัด
บวรนิเวศน์, จดหมายเหตุรัชกาลที่ ๔, หนังสือสมุดไทยดำ�, อักษรไทย, ภาษาไทย, เส้นดินสอ,
จ.ศ. ๑๒๑๗, เลขที่ ๑๒๙.
๑๙ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณ.์ “เรอื่ งอภนิ หิ ารการประจกั ษ,์ ”
น. ๓๕๕๙.
๒๐ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. พระราชปรารภเรื่องพระพุทธชินราช, น.
๓๘.
๒๑ เรื่องเดียวกัน, น. ๓๕-๓๖.
๒๒ เรื่องเดียวกัน, น. ๓๘.
๒๓ เรื่องเดียวกัน, น. ๓๘-๓๙.
๒๔ หนังสือ Court ข่าวราชการ. พิมพ์ครั้งที่ ๒ (กรุงเทพมหานคร : กองทัพเรือ, ๒๕๓๙),
น. ๒๙๔-๒๙๕. (พิมพ์พระราชทานในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระ
ศรีนครินทราบรมราชชนนี ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง วันอาทิตย์ที่ ๑๐ มีนาคม พุทธ
ศักราช ๒๕๓๙).
๒๕ ดรู ายละเอยี ดใน Pitchaya Soomjinda. “The Replication Theory : A New Approch to
Buddha Image Iconography,” The Tenth International Conference on Thai Studies (ICTS10)
Thammasat University, 2008.
๒๖ พิชญา สุ่มจินดา. “การกำ�หนดอายุเวลาและการจำ�ลองพระพุทธชินราช วัดพระศรี
รัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก,” น. ๑๕๗-๑๕๙.
๒๗ ห้องเอกสารตัวเขียน หอสมุดแห่งชาติ, ตำ�นานพระชินศรี พระชินราช พระศรีศาสดา,
หมวดตำ�นาน, หนังสือสมุดไทยดำ�, อักษรไทย, ภาษาไทย, เส้นดินสอ, จ.ศ. ไม่ทราบ, เลขที่
๑๒.
๒๘ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. พระราชปรารภเรื่องพระพุทธชินราช, น.
๓๔.
๒๙ เรื่องเดียวกัน, น. ๓๕-๓๖
๓๐ ห้องเอกสารตัวเขียน หอสมุดแห่งชาติ, ตำ�นานพระชินราช พระชินศรี พระศรีศาสดา,
หมวดตำ�นาน, หนังสือสมุดไทยดำ�, อักษรไทย, ภาษาไทย, เส้นดินสอ, จ.ศ. ไม่ทราบ, เลขที่ ๓.
๓๑ ห้องเอกสารตัวเขียน หอสมุดแห่งชาติ, เรื่องหล่อพระพุทธชินราช ๑ พระพุทธชินศรี
๑ และพระศรีศาสดา ๑, จดหมายเหตุรัชกาลที่ ๔, พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๔, หนังสือสมุด
ไทยดำ�, อักษรไทย, ภาษาไทย, เส้นดินสอ, จ.ศ. ปนกัน, เลขที่ ๓๔.
๓๒ ห้องเอกสารตัวเขียน หอสมุดแห่งชาติ, ตำ�นานพระชินราช พระชินศรี พระศรีศาสดา,
ถอดรหัสพระจอมเกล้า
231
หมวดตำ�นาน, หนังสือสมุดไทยดำ�, อักษรไทย, ภาษาไทย, เส้นดินสอ, จ.ศ. ไม่ทราบ, เลขที่ ๓.
๓๓ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. พระราชปรารภเรื่องพระพุทธชินราช, น.
๓๖.
๓๔ ประมวลเอกสารสำ�คัญเนื่องในการสถาปนาวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม. ๒ เล่ม
(กรุงเทพมหานคร : วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม, ๒๕๓๘), ๒ : ๓๑. (พิมพ์โดยเสด็จพระราช
กุศลงานพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สุวรรณ สุวณฺณโชโต ปธ. ๗) ณ เมรุ
หลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ๒๕ มีนาคม ๒๕๓๘).
๓๕ พิชญา สุ่มจินดา. “การกำ�หนดอายุเวลาและการจำ�ลองพระพุทธชินราช วัดพระศรี
รัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก,” น. ๑๗๑.