The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วัดบวรนิเวศวิหารได้จัดพิมพ์หนังสือ “วชิรญาณวโรรสานุสรณ์ จดหมายเหตุคราวสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สิ้นพระชนม์” ที่รวบรวมเอกสารชั้นต้น ทั้งหมายกำหนดการ ราชกิจจานุเบกษา บันทึกพระอาการประชวร เอกสารราชการ ภาพถ่ายเก่า ตลอดจนบันทึกความทรงจำ เพื่อรวบรวมและจัดพิมพ์เป็นหนังสือที่แสดงกตัญญูกตเวทิตาคุณต่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ พระองค์นี้ที่ทรงมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานด้านการศึกษา วัฒนธรรม สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ อันเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกเมื่อ ๑๐๐ ปีล่วงมาแล้ว นับเป็นการวางรากฐานความเจริญก้าวหน้าของประชาราษฎรแห่งสยามประเทศสืบมาจนทุกวันนี้

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by panyabalo, 2021-10-21 11:49:00

วชิรญาณวโรรสานุสรณ์

วัดบวรนิเวศวิหารได้จัดพิมพ์หนังสือ “วชิรญาณวโรรสานุสรณ์ จดหมายเหตุคราวสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สิ้นพระชนม์” ที่รวบรวมเอกสารชั้นต้น ทั้งหมายกำหนดการ ราชกิจจานุเบกษา บันทึกพระอาการประชวร เอกสารราชการ ภาพถ่ายเก่า ตลอดจนบันทึกความทรงจำ เพื่อรวบรวมและจัดพิมพ์เป็นหนังสือที่แสดงกตัญญูกตเวทิตาคุณต่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ พระองค์นี้ที่ทรงมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานด้านการศึกษา วัฒนธรรม สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ อันเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกเมื่อ ๑๐๐ ปีล่วงมาแล้ว นับเป็นการวางรากฐานความเจริญก้าวหน้าของประชาราษฎรแห่งสยามประเทศสืบมาจนทุกวันนี้

Keywords: จดหมายเหตุ,สมเด็จพระมหาสมณเจ้า,สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส,มนุษยนาคมานพ,งานพระเมรุ,วัดบวรนิเวศวิหาร,พระมหาสมณานุสรณ์,วชิรญาณวโรรสานุสรณ์

243
ถ�ำ้ ศิลาบรรจุพระองั คารเขา้ ในฐานพระพทุ ธไสยา

มุขด้านตะวันตกของวหิ ารพระศาสดา

244

245

246

พระโกศพระอัฐิ ณ หอพระนาก ในพระบรมมหาราชวัง

คร้ันแล้วโปรดเกล้าฯ ใหเ้ จ้าพนักงานเชญิ พระโกศทองลงยาทรงพระอฐั ิเข้าประดษิ ฐาน
ณ หอพระนากในพระบรมมหาราชวงั ด้วยรถมา้ พระอัฐิในพระเจดียโ์ มรานำ�ข้ึนประดิษฐาน
ณ ช้ันบนของพระตำ�หนักเดิม วดั บวรนิเวศวิหาร

247
พระเจดยี ศ์ ิลาทองพระอัฐสิ มเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์

และพระเจดยี โ์ มราพระอฐั ิสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
ประดษิ ฐานภายในซมุ้ จระน�ำ บนชนั้ ๒ ตำ�หนกั เดิม วดั บวรนิเวศวิหาร

248
ซุม้ จระน�ำ ประดิษฐานพระอัฐ ิ

เจา้ อาวาสวดั บวรนเิ วศวหิ าร (เดมิ )

249

ซุ้มจระนำ�ประดษิ ฐานพระอฐั ิและอฐั เิ จา้ อาวาสวดั บวรนิเวศวหิ าร
ซ่อมเสรมิ เปน็ ๓ ซมุ้ จระน�ำ ในคราวพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ
สมเด็จพระญาณสงั วร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก๖๕ พ.ศ. ๒๕๕๘

๖๕  ปัจจุบันทรงได้รับการสถาปนาข้นึ เปน็ สมเดจ็ พระสังฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณสงั วร เมอื่ วนั ที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒



ตำ�นานวดั บวรนิเวศวิหาร : หนงั สือทีร่ ะลึกงานพระเมรุ 251

ในงานพระเมรุสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พระบาทสมเด็จ
พระมงกุฏเกลา้ เจ้าอยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้จัดพมิ พพ์ ระนพิ นธ์ ๒ เรื่องของสมเดจ็
พระมหาสมณเจา้ พระองค์น้ัน คือ ตำ�นานวัดบวรนิเวศวิหาร และพระประวัตติ รสั เลา่ หาก
แตพ่ ระนิพนธ์ทั้ง ๒ เร่ืองนั้นยงั ทรงนพิ นธค์ ้างอยู่
จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระด�ำ รงราชานภุ าพ๖๖ นพิ นธ์
ต่อในจบเร่อื ง
ในการน้ี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำ�รงราชานุภาพทรงดำ�ริว่าในส่วนของ
พระประวัติท่ีสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ นิพนธ์ค้างไว้นั้น เคยมีพระประสงค์ไม่ให้
กรมพระดำ�รงราชานุภาพแต่งพระประวัติของท่านต่อ ด้วยเกรงว่า “...จะยกแต่ความชอบ
ความดีมาสรรเสริญ ท่านประสงค์จะให้มีท้ังติแลสรรเสริญทั้ง ๒ อย่าง...” หรือความอีก
ตอนหน่ึงว่า “...พระประวัติของท่านนั้น ถ้าใครแต่งไม่ต้องการจะให้สรรเสริญอย่างเดียว
ข้อใดท่คี วรตใิ หต้ ิ จึงจะพอพระหฤทยั ดังน.ี้ ..”
เมื่อสอบถามพระราชาคณะผู้ใหญ่ท่ีทรงคุ้นเคยพระอัธยาศัยกับสมเด็จพระมหา
สมณเจ้าฯ ในเวลานั้น จงึ ทราบว่ามีพระประสงคจ์ กั ให้พระญาณวราภรณ๖์ ๗ แตง่ ในส่วนของ
สมณะ และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสวสั ดิวัดนวิศิษฎ๖์ ๘ นพิ นธ์ต่อในเร่ืองทว่ั ไป
หากแตส่ �ำ นวนทท่ี รงใชใ้ นการนพิ นธพ์ ระประวตั นิ นั้ เปน็ รปู แบบเฉพาะพระองค์ ทรงเลา่
พระประวัติ แทรกข้อวินิจฉยั ขอ้ พระดำ�ริ เกร็ดความรตู้ ่าง ๆ และพระโอวาทานศุ าสนส์ ั่งสอน

๖๖  ภายหลังดำ�รงพระอสิ ริยยศที่ สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำ รงราชานภุ าพ
๖๗  ภายหลังสถาปนาเปน็ สมเด็จพระสังฆราชเจา้ กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
๖๘  ภายหลงั ด�ำ รงพระอิสรยิ ยศที่ สมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระสวสั ดิวัดนวิศษิ ฎ์

สานศุ ิษย์ ยากท่ีจะหาผู้แต่งในส�ำ นวนนี้ได้ พระนพิ นธเ์ รอ่ื งนจี้ งึ มไิ ด้มผี ูใ้ ดแตง่ ต่อมา แลพมิ พ์
แจกเนอ่ื งในงานฉลองโรงเรยี นมนษุ ยนาควทิ ยาทาน ทส่ี รา้ งขนึ้ เปน็ อนสุ าวรยี เ์ ฉลมิ พระเกยี รตยิ ศ
สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ณ วดั บวรนเิ วศวหิ าร เมอื่ วนั ท่ี ๒ สงิ หาคม
พ.ศ. ๒๔๖๗ ในช่ือหนังสอื วา่ “พระประวตั ิตรสั เลา่ ”

ส่วนหนังสือประวัติวัดบวรนิเวศวิหารท่ีทรงนิพนธ์ค้างไว้นั้น เม่ือพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระดำ�รงราชานภุ าพทรงสืบความไปแล้ว ทราบว่า “...หาไดม้ ีรับสง่ั ไวป้ ระการใดไม.่ ..” จึง
ทรงนพิ นธ์ตอ่ ตามสำ�นวนของสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ ฯ ทรงจบยคุ ท่พี ระองค์ทรงครองวดั

ดังน้ัน ในงานพระเมรุสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส จึงทรง
พระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้พิมพ์หนงั สอื ประวตั ิวดั บวรนเิ วศวิหาร เปน็ ทร่ี ะลกึ เพียงเลม่ เดียวใน
ชือ่ “ต�ำ นานวัดบวรนิเวศวหิ าร”
252 ดังปรากฏความในลายพระหัตถ์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำ�รงราชานุภาพทรงมี
ไปถงึ เจา้ พระยาธรรมาธกิ รณาธิบดี เสนาบดกี ระทรวงวงั ทวี่ ่า

แจ้งความมายัง ท่านเจา้ พระยาธรรมาธกิ รณาธบิ ดี วันที่ ๑๒ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๔๖๔

เจ้าคุณมีจดหมายมาว่าทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ฉันแต่งต่อหนังสือประวัติ
วดั บวรนเิ วศเรอ่ื ง ๑ กบั หนงั สอื พระประวตั สิ มเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
เร่ือง ๑ ซง่ึ พระองค์ทา่ นทรงค้างไวท้ ัง้ ๒ เรอ่ื งนัน้ แลว้ จดั การพมิ พส์ ำ�หรบั พระราชทานแจกใน
งานพระเมรแุ ละโปรดฯ ใหเ้ จ้าคุณส่งตน้ ฉบับหนังสอื มายังฉนั ท้งั ๒ เรอื่ งน้นั พระเดชพระคณุ
เปน็ ล้นเกลา้ ฯ หาทีส่ ดุ มไิ ด้

บัดนฉ้ี นั ได้อ่านตรวจต้นฉบับหนังสอื ทัง้ ๒ เรอ่ื ง ซ่ึงสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ทรงค้าง
ไวน้ น้ั ตลอดแลว้ สว่ นเรอื่ งประวตั วิ ดั บวรนเิ วศทา่ นไดท้ รงเรยี บเรยี งเรอื่ งตง้ั แตต่ น้ ลงมาจนถงึ สมยั
เม่อื ท่านได้เป็นเจา้ อาวาส ค้างอยู่แต่เพียงน้ัน

สว่ นเรอ่ื งพระประวตั ขิ องสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ ฯ นน้ั ทา่ นทรงเรยี บเรยี งเปน็ อยา่ งประวตั ิ 253
ซึ่งตนแต่งเอง ทรงเล่าเรื่องประวัติของท่าน พร้อมด้วยข้อพระดำ�ริในกิจการต่าง ๆ ต้ังแต่
ทรงพระเยาว์มา ในท้ายความตอนหนึ่งทรงเป็นข้อวินิจฉัยความผิดชอบเนื่องในพระประวัติ
ประทานคติเป็นโอวาทแก่สานุศิษย์ ทรงตั้งแต่ต้นพระประวัติมาจนได้รับพระสุพรรณบัฏเป็น
กรมหมืน่ แล้วคา้ งอยเู่ พียงนัน้

ฉนั ไดไ้ ปสบื ถามตามพระราชาคณะผใู้ หญ่ ซงึ่ เปน็ ผสู้ นทิ ชดิ ชอบพระอธั ยาศยั ของทา่ น วา่
พระประสงคข์ องทา่ นในหนงั สอื เร่อื งน้ีมีอย่อู ยา่ งไรบ้าง ได้ความว่าทา่ นไดแ้ สดงพระประสงคไ์ ว้
ในสว่ นเรอื่ งพระประวตั นิ นั้ ถา้ ทรงอยจู่ ะใครใ่ หพ้ ระญาณวราภรณก์ บั กรมหลวงสวสั ดวิ ดั นวศิ ษิ ฎ์
ท�ำ ต่อ คือให้พระญาณวราภรณ์แตง่ เรือ่ งทางฝ่ายสมณะ ใหก้ รมหลวงสวสั ด์ิทรงแต่งเร่อื งทาง
ฝา่ ยนอกจากสว่ นสมณะ มคี �ำ กลา่ วตอ่ ไป แต่จะแน่แท้ฤๅอย่างไรผูท้ บ่ี อกไม่ยนื ยัน ว่าทา่ นไม่มี
พระประสงคจ์ ะใหฉ้ นั แตง่ พระประวตั ขิ องทา่ น ดว้ ยเกรงจะยกแตค่ วามชอบความดมี าสรรเสรญิ
ท่านประสงคจ์ ะใหม้ ที ้งั ตแิ ลสรรเสริญท้ัง ๒ อย่าง ความขอ้ นฉ้ี ันกเ็ คยได้ยนิ ท่านตรสั แต่เปน็
ตรัสเปรย ๆ ในที่ประชุมเจ้านายหลายพระองค์ ตัวฉันและกรมหลวงสวัสด์ิก็อยู่ในท่ีนั้นด้วย

ตรสั วา่ พระประวัติของท่านนัน้ ถา้ ใครแต่งไม่ต้องการจะใหส้ รรเสรญิ อยา่ งเดียว ขอ้ ใดทคี่ วรติ
ให้ติ จงึ จะพอพระหฤทยั ดังนี้ แต่สว่ นเรอ่ื งประวัตวิ ดั บวรนเิ วศน้นั พระบอกวา่ หาได้มีรับสัง่ ไว้
ประการใดไม่ ได้ความดงั นี้

ถา้ ว่าเฉพาะแตก่ ารทจี่ ะแต่งหนงั สือ ๒ เรอ่ื งนนั้ เรอื่ งประวัติวดั บวรนเิ วศแตง่ ต่อตาม
ส�ำ นวนทท่ี า่ นทรงไวไ้ ดต้ ลอดเรอ่ื ง เรอื่ งราวทจี่ ะหามาแตง่ ตอ่ กม็ จี ดหมายเหตทุ จ่ี ะคน้ หา ฉนั รบั
สนองพระเดชพระคณุ แต่งตอ่ ได้ แตส่ ่วนพระประวตั ิสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ ฯ นัน้ ผใู้ ดแต่ง
กต็ ามแตง่ ตอ่ ตามส�ำ นวนเดมิ ไมไ่ ด้ ดว้ ยทา่ นทรงแตง่ ไวเ้ ปน็ ส�ำ นวนของพระองคท์ า่ นเลา่ เรอื่ งของ
พระองค์ท่านและวินิจฉัยความผิดชอบประทานเป็นโอวาทสั่งสอนสานุศิษย์ดังน้ี การที่จะแต่ง
จ�ำ เปน็ ตอ้ งเปน็ ส�ำ นวนผอู้ ่ืนแตง่ จะเอาเขา้ เชอื่ มกบั ของเดมิ ไมไ่ ด้อยเู่ อง จะตอ้ งคดิ แตง่ เปน็ เรอื่ ง
พระประวัติข้นึ ต่างหากอีกสว่ นหน่งึ พมิ พ์กบั พระประวัตสิ มเดจ็ พระมหาสมณเจ้าฯ ทรงแต่งไว้
ฤๅมิฉะนัน้ กพ็ ิมพ์แต่เพยี งเทา่ ทีท่ ่านทรงไว้ แต่เมื่อทราบพระประสงคข์ องท่านดังกล่าวมา ฉนั
เห็นว่าควรจะนำ�ความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้วแต่จะทรง
254 พระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ประการใด ถา้ ว่าตามความเห็นของฉนั หนงั สอื ๒ เรอ่ื งนี้ ความทจ่ี ะ

ต้องแต่งต่อไม่นอ้ ยทงั้ ๒ เร่อื ง งานพระเมรเุ วลาก็ยงั ไม่ช้านกั ถ้าแบ่งกันท�ำ เห็นจะสะดวกดี

เจา้ คณุ มโี อกาสเมื่อใด ขอชว่ ยนำ�ความข้ึนกราบบังคมทลู พระกรณุ าทราบฝา่ ละอองธุลี
พระบาทดว้ ย

(ลงพระนาม) ด�ำ รงราชานุภาพ.

255

นอกจากน้ี ยังมีหนังสือกระทรวงวังกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
เจ้าอยหู่ วั ความว่า

ที่ ๗๒/๑๔๖๘ กระทรวงวงั
วนั ท่ี ๑๔ ธันวาคม พระพทุ ธศกั ราช ๒๔๖๔

ขอเดชะฝา่ ละอองธุลพี ระบาทปกเกล้าปกกระหมอ่ ม

พระประวัตสิ มเด็จพระมหาสมณเจา้ กับต�ำ นานวัดบวรนิเวศวหิ าร ซง่ึ โปรดเกลา้ ฯ ให้
พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระด�ำ รงราชานภุ าพทรงเรยี บเรยี งตอ่ จากทสี่ มเดจ็ พระมหาสมณเจา้
ทรงค้างไว้ สำ�หรับพระราชทานในงานพระเมรุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าได้รับพระราชทานนำ�
ไปถวายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำ�รงราชานุภาพแล้ว บัดนี้ข้าพระพุทธเจ้าได้รับ
ลายพระหัตถ์กรมพระดำ�รงราชานุภาพทรงพระปรารภมีใจความว่า เฉพาะพระประวัติได้
ทรงทราบว่าสมเด็จพระมหาสมณเจ้า ได้ทรงพระดำ�ริจะให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวง
สวัสดิวัดนวิศิษฎ์กับพระญาณวราภรณ์เป็นผู้เรียบเรียงต่อ ทั้งการที่จะเรียบเรียงต่อไปก็ไม่ใช่
เลก็ น้อยทงั้ ๒ เร่ืองซ่งึ เวลากไ็ ม่มากพอ ถ้าโปรดเกล้าฯ ใหเ้ ปน็ ไปตามพระดำ�ริเดิมของสมเดจ็
256 พระมหาสมณเจา้ จะเปน็ การสะดวกดี กรมพระด�ำ รงราชานภุ าพจะไดท้ รงเรยี บเรยี งต�ำ นานวดั

ตามพระราชประสงค์ ข้าพระพุทธเจ้าได้ทูลเกล้าฯ ถวายลายพระหัตถ์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระด�ำ รงราชานภุ าพ ทราบใตฝ้ า่ ละอองธลุ พี ระบาทในเรอ่ื งพระประวตั สิ ว่ นพระองคส์ มเดจ็
พระมหาสมณเจ้าตามข้อความในลายพระหัตถ์กรมพระดำ�รงราชานุภาพน้ี จะโปรดเกล้าฯ
ให้ข้าพระพุทธเจ้าดำ�เนินกระแสพระบรมราชโองการทูลกรมหลวงสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ เรียน
พระญาณวราภรณ์ หรอื สถานใด ข้าพระพุทธเจา้ ขอพระราชทานเรียนพระราชปฏิบัติ

ควรมิควรแลว้ แต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหมอ่ ม ขอเดชะ
ข้าพระพทุ ธเจา้

(ลงนาม) เจ้าพระยาธรรมาธิกรณ์๖๙

๖๙  หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาต,ิ ร.๖ ศ๘/๑๖, “กรมพระด�ำ รงฯ ทรงชแ้ี จงเร่อื งการท�ำ ประวัตสิ มเด็จพระมหาสมณเจา้
กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส,” ๑๒-๑๔ ธ.ค. ๒๔๖๔.

257

พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ
กรมพระด�ำ รงราชานภุ าพ

พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ
กรมหลวงสวสั ดวิ ดั นวิศิษฎ์



เคร่ืองสังเคด็ งานพระเมรุ 259

ในพระราชพธิ พี ระราชทานเพลงิ พระศพสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณ
วโรรส พ.ศ. ๒๔๖๕ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยู่หวั โปรดเกลา้ ฯ ให้จัดท�ำ เครือ่ ง
สังเค็ดสำ�หรับถวายพระสงฆ์ท่ีอาราธนามาร่วมในพระราชพิธีตามโบราณราชประเพณี โดย
เครอ่ื งสังเค็ด ๑ ชุด ประกอบไปดว้ ย ต้สู งั เคด็ พดั รอง บาตร ไตร ยา่ ม หมอน ทชี่ าเครือ่ ง
พร้อม กระเป๋าเดินทางหนัง เส่ือ และเกา้ อี้
พัดสมเด็จพระมหาสมณ
สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟ้ากรมพระนรศิ รานวุ ัดติวงศ์ ทรงเขยี นเลยี นจากแบบ
พดั รองในพระราชพธิ มี หาสมณตุ มาภเิ ษก โดยกระแสพระราชด�ำ รสิ งั่ ส�ำ หรบั งานพระศพสมเดจ็
พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ณ พระเมรทุ อ้ งสนามหลวง เม่ือ พ.ศ. ๒๔๖๕
มีลักษณะเป็นพัดพื้นแพรขาวปักไหมและทองเงิน กลางพัดปักเป็นเพชรลูกเปล่งรัศมี
ภายใตเ้ ศวตฉตั ร ๕ ชัน้ รอบพดั ปกั ชอื่ งาน “การพระศพ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยา
วชิรญาณวโรรส”
ค�ำ วา่ “เพชรลกู ” นสี้ อื่ ความหมายถงึ พระนาม “วชริ ญาณวโรรส” นบั แตค่ รง้ั ทพ่ี ระบาท
สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาพระอิสริยยศข้ึนเป็นเจ้าต่างกรม นับเป็นช้ัน
กรมหมื่นสืบมาโดยลำ�ดับ
ด้วยคำ�ว่า “วชิรญาณ” นี้เป็นพระสมณฉายาเดิมของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หวั รัชกาลท่ี ๔ เม่อื ครั้งทรงผนวช คำ�ว่า “วชริ ญาณ” นั้นสอื่ ความหมายไดท้ ัง้ “ผู้มี
ปญั ญาดุจสายฟ้า” แลว้ ยงั สื่อความหมายวา่ “ผมู้ ปี ญั ญาประดจุ เพชร”

ส่วนคำ�ว่า “วโรรส” มีทม่ี าจากภาษาบาลี ๒ ค�ำ คอื “วร” ท่ีแปลว่า ประเสรฐิ ” รวมกับ
ค�ำ ว่า “โอรส” ท่ีแปลวา่ “ลูกชาย”

ดงั นนั้ “วชริ ญาณวโรรส” จงึ สอ่ื ความหมายถงึ พระโอรสอนั ประเสรฐิ ของพระวชริ ญาณ
ซ่ึงก็คือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์จึงทรงเป็นพระราชโอรสในสาย
พระโลหิต และทรงเป็นพระราชโอรสในวงศ์ธรรมยตุ กิ าทีท่ รงตง้ั ขน้ึ ดว้ ย

นบั แตท่ รงกรมนัน้ สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส จึงทรงเลอื ก
พระสัญลกั ษณ์ท่สี อื่ ความหมายมาเป็นตราประจ�ำ พระองค์ โดยทรงเลอื กเอา “เพชรลูก” คอื
เพชรที่เจียระไนใหม้ ีเหลย่ี มมุม แวดลอ้ มดว้ ยรศั มี

ดังนั้น หากถอดคำ�ว่า “วชิรญาณ” ที่ส่ือความหมายถึงเพชร และ “วโรรส” ท่ีส่ือ
ความหมายถึงลูก แล้ว “วชิรญาณวโรรส” จึงส่อื ความหมายตรงตามศพั ท์วา่ “เพชรลูก” ท่ี
260 ทรงออกแบบ เพือ่ ทรงใช้เปน็ ตราประจ�ำ พระองค์

นมพดั ปักเป็นตวั เลข “๒๔๖๕” ในกรอบวงรี ๒ ช้นั อนั เปน็ ปอี อกพระเมรใุ นครง้ั นี้

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ทรงเขียนลายพัดเลียน
แบบจากลายพดั เมอื่ ครงั้ พระราชพธิ มี หาสมณตุ มาภเิ ษก พ.ศ. ๒๔๕๓ โดยกระแสพระราชด�ำ รสั
สั่งสำ�หรับงานพระศพ แม้การแก้ไขน้ีจะผิดไปจากเดิมบ้าง แต่ทรงเคารพในสติปัญญาผู้อ่ืน
จงึ ไมล่ งพระนามไว้ในพัดรองน๗้ี ๐

๗๐  สรุ ศักดิ์ เจรญิ วงศ,์ สมเด็จฯ เจ้าฟา้ กรมพระยานรศิ รานุวัดติวงศ์ (กรงุ เทพฯ : มติชน, ๒๕๔๙), หนา้ ๑๘๙.

261

บาตร
บาตรหน่งึ ส�ำ รับนัน้ ประกอบไปดว้ ย บาตร ฝาบาตรไม้ เชงิ บาตรไม้ และสลกบาตรผ้า
โดยเฉพาะฝาบาตรไม้นั้นแกะลายเป็นสัญลักษณ์ประจำ�พระองค์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส เปน็ รูปเพชรลูกเปล่งรศั มี ภายใตเ้ ศวตฉตั ร ๕ ชัน้ ลอ้ มรอบดว้ ย
ข้อความ “สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พระเมรทุ ้องสนามหลวง พ.ศ.
๒๔๖๕”

262

หมอน
มีลักษณะเป็นหมอนตะพาบ กลางหมอนเป็นลายสัญลักษณ์ประจำ�พระองค์สมเด็จ
พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เปน็ รปู เพชรลกู เปลง่ รัศมี ภายใต้เศวตฉตั ร ๕
ช้ัน ภายในกรอบสีเ่ หล่ยี ม

ต้สู ังเค็ด
มีลักษณะเป็นตู้บานกระจกคู่ มีลิ้นชัก กึ่งกลางกระจังหลังตู้แกะลายเป็นสัญลักษณ์
ประจ�ำ พระองคส์ มเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส เปน็ รปู เพชรลกู เปลง่ รศั มี
ภายใต้เศวตฉตั ร ๕ ชัน้ ภายในกรอบพุ่มขา้ วบิณฑ์ ขอบตู้ดา้ นบนแกะเปน็ ชือ่ งาน “ในงาร
พระเมรุสมเดจพระมหาสมณเจ้า ณ ทอ้ งสนามหลวง พ.ศ. ๒๔๖๕”

263



มนษุ ยนาควิทยาทาน : อนสุ าวรยี ์แห่งพระคุณใน
สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส

ภายหลงั การพระราชพธิ พี ระราชทานเพลงิ พระศพสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยา 265
วชิรญาณวโรรสแล้วนั้น ได้มีการนำ�ปัจจัยจากมนุษยนาคนิธิท่ีมาแต่การบำ�เพ็ญพระราชกุศล
สตมาห ครบ ๑๐๐ วนั เมื่อวันท่ี ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๔ ท้งั คณะสงฆท์ ่วั ทุกภูมิภาค
ทงั้ มหานิกาย ธรรมยุตกิ นกิ าย และรามัญนิกาย ร่วมกนั บรจิ าคปจั จยั เพ่อื จดั สรา้ งถาวรวตั ถุ
ขึ้นในวัดบวรนิเวศวิหาร ถวายเฉลิมพระนามของพระองค์ เพ่ือเป็นอนุสาวรีย์ที่ประดับ
พระเกยี รตยิ ศอยชู่ ั่วกาลนาน
ครง้ั นน้ั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ มเดจ็
พระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟา้ กรมหลวงนครราชสมี า รับหน้าท่ีเป็นผอู้ ำ�นวยการ สมเดจ็ พระเจา้
น้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมา ผู้ทรงอำ�นวยการ ทรงเห็นควรปรึกษาดำ�เนินการ
จึงได้ทรงนัดพระสงฆ์และคฤหัสถ์บางท่าน ประกอบด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่น
ชนิ วรสริ วิ ฒั น์ สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ พระญาณวราภรณ์ (หมอ่ มราชวงศช์ น่ื สจุ ติ โฺ ต) พระธรรม
วโรดม (จา่ ย ปุณณฺ ทตฺโต) พระพรหมมนุ ี (แพ ติสสฺ เทโว) พระสาสนโสภณ (เจริญ าณวโร)
พระอบุ าลคี ณุ ูปมาจารย์ (เขม้ ธมมฺ สโร) พระธรรมไตรโลกาจารย์ (เฮง เขมจาร)ี พระเทพโมลี
(เซง่ อตุ ตฺ โม) พระราชกวี (มณี ฉนโฺ น) สมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟา้ กรมหลวงนครราชสมี า
พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงพรหมวรานรุ กั ษ์ พระยาจกั รปาณศี รศี ีลวสิ ุทธิ์ (ลออ ไกรฤกษ์)
และพระยาบรบิ ูรณร์ าชสมบตั ิ (หมอ่ มราชวงศม์ ูล ดารากร) โดยมีผู้ลาประชมุ ได้แก่ สมเดจ็
พระพทุ ธโฆษาจารย์ (หมอ่ มราชวงศเ์ จรญิ าณฉนโฺ ท) อาพาธ และพระเจา้ พยี่ าเธอ กรมพระ
จันทบุรีนฤนาถ มาประชุมร่วมกัน ณ วัดบวรนเิ วศวิหาร เมอื่ วันพธุ ท่ี ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๕
ที่ประชุมในครั้งนั้นเห็นควรท่ีจะสร้างโรงเรียนข้ึนท่ีคณะรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร โดยให้มีการ
ประดับตราสัญลักษณ์ และหลอ่ พระรปู ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้าพระองค์นัน้ ไวเ้ ป็นทีร่ ะลกึ
ด้วย โดยมีพระราชกวี (มณี ฉนฺโน)๗๑ เป็นผู้ดูแลการสร้าง

พระราชกวไี ดข้ อใหก้ รมศกึ ษาธกิ ารออกแบบและรบั ผดิ ชอบในการกอ่ สรา้ ง โดยมอี �ำ มาตยต์ รี
หลวงสาโรชรัตนนิมมานก์ เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบกอธิค
สองชนั้ เหนอื กรอบหนา้ บนั ประดบั ดว้ ยรปู ธรรมจกั รปนู ปนั้ หนั หนา้ ทางทศิ ตะวนั ออก มมี ขุ กลาง
เปน็ หอ้ งบนั ไดดา้ นหนา้ และเปน็ หอ้ งประชมุ ทางดา้ นหลงั ตอ่ จากมขุ กลางนม้ี หี อ้ งเรยี นทง้ั ๒ ฝง่ั
ชน้ั บน ๖ ห้อง ชน้ั ลา่ ง ๔ ห้อง

266

๗๑  ภายหลังดำ�รงสมณศักดท์ิ ่ี พระเทพกวี และลาสิกขาในปี พ.ศ. ๒๔๗๑

วดั บวรนิเวศวิหาร
วนั ที่ ๑๕ พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๔๖๕

ขอถวายพระพร พระเจ้าพีย่ าเธอ กรมพระจนั ทบรุ นี ฤนาถ ทรงทราบ

ด้วยเงนิ รายมนษุ ยนาคนธิ ินัน้ ทปี่ ระชมุ ไดต้ กลงใหส้ ร้างเป็นโรงเรยี นท่ีคณะรังษี แลให้
อาตมภาพเป็นผู้จัดการในการสร้างนั้น อาตมภาพได้ขอให้กรมศึกษาเขียนแบบแลรับผิดชอบ
ในการช่าง ที่จะต้องทำ�อย่างไร ให้เขาเป็นผู้กะแลให้แบบโรงเรียนที่จะสร้างได้เขียนเสร็จ
อาตมภาพได้น�ำ ถวายสมเด็จพระเจา้ น้องยาเธอ เจ้าฟา้ กรมหลวงนครราชสมี า ทอดพระเนตร
ทรงเห็นชอบตกลงแลว้ บัดนี้ไดเ้ ตรียมการทจี่ ะสร้าง ได้สง่ั ใหจ้ ดั วา่ ซ้ึอของลงบ้างแลว้ แต่เม่อื
กอ่ นจะเตรยี มไดถ้ ามเจ้าพระยามหธิ ร ถงึ การเบิกเงนิ จะมขี ดั ขอ้ งอย่างไรหรอื ไม่ ไดร้ บั ตอบว่า
ไม่ขัดข้อง จงึ ได้จดั การไป เวลาน้ถี งึ คราวจะต้องเบกิ เงนิ ส�ำ หรับจ่ายจึงได้ถาม เจา้ คณุ โกษากร
ว่าจะตง้ั เบกิ อยา่ งไร ได้รบั ตอบวา่ ยังขัดขอ้ งอยูห่ ลายประการ คอื ยงั ไม่ทรงทราบว่าเงินรายนีจ้ ะ
จา่ ยแกใ่ คร หรือใครจะเปน็ ผ้เู บกิ ตลอดถงึ เงินยงั อย่ใู นแบงก์รายเดือนท่ียังถอนไม่ได้ ในเวลา 267

น้มี เี งนิ ที่ฝากรายวนั จะพึงจา่ ยได้อยู่ ๔,๗๐๐ เศษเท่าน้ัน การทีจ่ ะเบกิ จ่ายยังไมเ่ ปน็ ระเบียบ
เรียบร้อยน้ัน อาตมภาพได้แจ้งแก่เจ้าพระยามหิธร ขอให้กราบทูลสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ
เจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมาเพ่ือทรงพระดำ�ริแล้ว แต่การจะเป็นที่เรียบร้อยได้เร็วหรือช้ายัง
ไม่แน่นอน อาตมภาพร้อนอยู่ด้วยเร่ืองไม้ขอนสัก ได้ไปว่าเขาตกลงวางประจำ�ไว้แล้ว ถ้าช้า
ไปจะขดั ขอ้ งท่จี ะน�ำ ไมม้ า เพราะเหตุนี้ ถา้ ไม่เป็นการขดั ขอ้ ง อาตมภาพขอเบิกยืมจำ�นวน
เงินทีฝ่ ากรายวัน ๔,๗๐๐ บาท (ส่ีพนั เจ็ดรอ้ ยบาท) ถ้วน ท่จี ะพงึ จา่ ยได้ เพ่อื แกค้ วามขดั ขอ้ ง
ชว่ั คราว เมอื่ ตกลงการเบกิ จา่ ยเปน็ ระเบยี บเรยี บร้อยตกลงเบกิ ไดแ้ ล้ว จะเบกิ ใชร้ ายนี้ แลเบกิ
ทำ�ตอ่ ไป ถา้ ทรงพระกรุณาโปรดฯ
ขอไดท้ รงโปรดสัง่ จา่ ยแก่พระวรพรตบ�ำ รงุ เวยยาวัจกรวัดน้ี
ควรมิควรแลว้ แต่จะทรงพระกรุณาโปรดฯ
ขอถวายพระพร
(ลงนาม) พระราชกวี๗๒

๗๒  ภายหลังดำ�รงสมณศักดิ์ที่ พระเทพกวี และลาสกิ ขาในปี พ.ศ. ๒๔๗๑

268

พระราชกวี (มณี ฉนฺโน)
ถ่ายเมือ่ ด�ำ รงสมณศักดิ์ที่ พระเทพกวี

(ที่มาภาพ จริ พฒั น์ วฒั นโสภณ)

ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมาได้กราบบังคมทูล 269
ขอพระราชทานนามโรงเรยี นแห่งนี้ ดังปรากฏนามสบื มาว่า “มนษุ ยนาควทิ ยาทาน” และทรง
พระกรณุ าโปรดฯ ให้ทำ�พิธีฉลองและเปิดโรงเรยี นแห่งน้เี ป็นพิธหี ลวง เม่ือวนั ที่ ๒ สิงหาคม
พ.ศ. ๒๔๖๗
ในวาระน้ี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำ�รงราชานุภาพ โปรดให้นำ�พระนิพนธ์
พระประวัติซ่ึงสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงพระนิพนธ์เล่า เป็น
เรอ่ื งพระประวัติของพระองค์เอง ซึง่ เดมิ จะโปรดใหพ้ มิ พ์ในการพระราชพธิ ีพระราชทานเพลงิ
พระศพ แต่ยังทรงนพิ นธ์ไวไ้ มจ่ บ ครง้ั น้ันเมอ่ื พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำ�รงราชานุภาพ
ทรงสอบถามพระราชาคณะผใู้ หญท่ ที่ รงคนุ้ เคยพระอธั ยาศยั กบั สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ ฯ จงึ
ทราบวา่ มพี ระประสงคจ์ กั ใหพ้ ระญาณวราภรณ๗์ ๓ แตง่ ในสว่ นของสมณะ และพระเจา้ บรมวงศ์
เธอ กรมหลวงสวสั ดวิ ดั นวิศิษฎ์นิพนธ์ตอ่ ในเรอื่ งทว่ั ไป

หากแต่สำ�นวนที่ทรงใช้ในการนิพนธ์
พระประวัติน้ันเป็นรูปแบบเฉพาะพระองค์
ทรงเล่าพระประวัติ แทรกข้อวินิจฉัย ข้อ
พระดำ�ริ เกร็ดความรู้ต่าง ๆ และพระโอ
วาทานุศาสน์ส่ังสอนสานุศิษย์ ยากที่จะ
หากผู้แต่งในสำ�นวนนี้ได้ พระนิพนธ์เรื่องนี้
จึงมิได้มีผู้ใดแต่งต่อมา แลพิมพ์แจกเน่ือง
ในงานฉลองโรงเรียนมนุษยนาควิทยาทาน
ให้ช่ือหนังสือว่า “พระประวัติตรัสเล่า”

๗๓  ภายหลังสถาปนาเป็นสมเดจ็ พระสังฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์

กำ�หนดการพิธีฉลองและเปดิ โรงเรยี นมนษุ ยนาควทิ ยาทาน

สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมา รับพระบรมราชโองการ
เหนือเกล้าฯ ให้กำ�หนดการพิธีฉลองและเปิดโรงเรียน ซึ่งได้สร้างข้ึนเป็นอนุสาวรีย์ สมเด็จ
พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ท่ีคณะรงั ษี วดั บวรนิเวศ มรี ายการดงั ต่อไปน้ี

วันเสาร์ท่ี ๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๗ อันเป็นวันตรงกับวันส้ินพระชนม์ สมเด็จ
พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส

เวลา ๑๗.๐๐ น. พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หวั เสดจ็ พระราชดำ�เนนิ มายงั
โรงเรียน ประทับ ณ ห้องกลาง ซ่ึงประดิษฐานพระรูปสมเด็จพระมหาสมณเจ้า แล้วทรง
จุดเทยี น พระสงฆ์ ๑๐ รปู เจริญพระพทุ ธมนต์ ครน้ั พระสงฆส์ วดพระพทุ ธมนตจ์ บแลว้ จะ
ได้เสด็จออกประทับพลับพลายกหน้าโรงเรียน ทรงฟังรายงานการก่อสร้างซึ่งสมเด็จพระเจ้า
270 นอ้ งยาเธอ เจ้าฟา้ กรมขนุ นครราชสมี า ผูท้ รงอ�ำ นวยการ รับฉนั ทานมุ ตั ิแห่งผู้ทีอ่ อกเงนิ เรย่ี ไร

สร้างโรงเรียนแห่งน้ีกราบบังคมทูลพระกรุณา แล้วทรงชักผ้าท่ีคลุมช่ือโรงเรียนเปิดออกเป็น
พิธีพระราชทานพระนาม และเปิดโรงเรียน ขณะน้ันพระสงฆ์สวดชยันโต และเจ้าพนักงาน
ประโคมแตรสังข์ดุริยดนตรี เสร็จแล้วเสด็จพระราชดำ�เนินทอดพระเนตรโรงเรียนตามสมควร
แล้วพระราชทานเล้ียงน้ำ�ชาแก่ผู้มาเฝา้ ฯ แลว้ จึงเสดจ็ พระราชดำ�เนนิ กลบั

ในตอนค่ำ� ทางคณะสงฆว์ ดั บวรนเิ วศวิหารจดั ใหม้ กี ารแสดงพระธรรมเทศนา

วนั อาทติ ยท์ ่ี ๓ สงิ หาคม พ.ศ.๒๔๖๗ มกี ารเลย้ี งพระสงฆ์ ๑๐ รปู ทมี่ าเจรญิ พระพทุ ธมนต์
เมอ่ื วานนี้ และเลยี้ งพระทมี่ าชว่ ยในงาน ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ มเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ
เจา้ ฟ้ากรมหลวงนครราชสมี า ผูท้ รงอำ�นวยการ เสดจ็ มาเป็นประธานแทนพระองค์

คร้นั เลีย้ งพระแล้ว มีแสดงพระธรรมเทศนากัณฑ์หนึ่ง เปน็ เสร็จการ

271

คำ�กราบบังคมทูล ของสมเดจ็ พระเจ้าน้องยาเธอ เจา้ ฟา้ กรมหลวงนครราชสมี า
แถลงการณก์ ่อสรา้ งสถานมนษุ ยนาควทิ ยาทาน ณ คณะรงั ษี วัดบวรนิเวศวหิ าร

วันท่ี ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๗
ขอเดชะฝา่ ละอองธุลพี ระบาท ปกเกล้าปกกระหมอ่ ม
ด้วยตามท่ีได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าพระพุทธเจ้าเป็นผู้อำ�นวยการ ชักนำ�
ผู้มีความเคารพนับถือ และระลึกถึงพระคุณแห่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา
วชิรญาณวโรรส เพอ่ื สรา้ งถาวรวัตถุเป็นอนุสาวรยี ์ ถวายสมเด็จพระมหาสมณเจ้าพระองค์นน้ั
ข้าพระพุทธเจ้าไดร้ ับพระราชทานปฏบิ ัตกิ ารฉลองพระเดชพระคุณมา นับว่ากจิ การทงั้ ปวงได้
ลลุ ว่ งมาโดยสวสั ดภิ าพ ดว้ ยอ�ำ นาจพระมหาบารมคี ณุ ปกเกลา้ ฯ และบดั น้ี ถงึ วาระทจ่ี ะกระท�ำ
พิธฉี ลองและเปิดสถานศึกษานี้ ซ่ึงได้มพี ระบรมราชโองการดำ�รัสเหนือเกลา้ ฯ โปรดใหจ้ ัดการ
272 เป็นพิธีหลวงในพระบรมราชูปถมั ภ์ อนั เป็นพระเดชพระคณุ เป็นล้นเกล้าฯ อีกโสดหน่ึงดว้ ย
อนั ดบั นี้ ขา้ พระพทุ ธเจา้ ในนามแหง่ ผทู้ มี่ สี ว่ นในกศุ ลราศนี ้ี ขอรบั พระราชทานพระบรม
ราชวโรกาสกราบบงั คมทลู พระกรณุ าแถลงการณป์ รารภและรายงานทราบฝา่ ละอองธลุ พี ระบาท
โดยสงั เขป เพอ่ื เฉลมิ พระราชศรทั ธา เมอื่ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
ไดส้ นิ้ พระชนมแ์ ลว้ ใหม่ ๆ มบี รรดาศิษยานศุ ิษยแ์ ละผ้มู คี วามเคารพนับถือในพระองค์ทา่ น ท้งั
บรรพชิตและคฤหัสถ์เปน็ อนั มาก ปรารถนาจะรวมกนั บ�ำ เพญ็ กุศลถวายสนองพระเดชพระคุณ
เปน็ สว่ นกศุ ลถาวรวตั ถุ เพอ่ื เปน็ อนสุ าวรยี เ์ ฉลมิ พระเกยี รตคิ ณุ ยนื ยาวไปชวั่ กาลนาน เมอ่ื ความน้ี
ทราบฝา่ ละอองธลุ พี ระบาทกท็ รงพระโสมนสั อนโุ มทนาในกศุ ลราศอี นั นี้ และมพี ระราชประสงค์
จะทรงบ�ำ เพญ็ พระราชกศุ ลรว่ มดว้ ย จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดพระราชทานพระบรมราชปู ถมั ภใ์ น
การบำ�เพญ็ กุศลน้ีทุกอยา่ ง และทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหข้ า้ พระพุทธเจา้ รับหนา้ ทเ่ี ป็นผู้
อำ�นวยการ ใหพ้ ระเจ้าพ่ยี าเธอ กรมพระจนั ทบรุ นี ฤนาถ ทรงรบั หน้าทเ่ี ป็นเหรัญญิก

การสรา้ งถาวรวตั ถนุ น้ั ขา้ พระพทุ ธเจา้ ไดร้ บั พระราชทานหารอื กนั ตกลงเปน็ อนั ใหส้ รา้ ง 273
สถานศกึ ษาหลงั ใหญข่ นึ้ หลงั หนง่ึ ทคี่ ณะรงั ษี วดั บวรนเิ วศวหิ าร สว่ นการกอ่ สรา้ งนน้ั มอบถวาย
พระเทพกวเี ป็นผู้อำ�นวยการ สว่ นการออกแบบน้นั ไดม้ อบให้กระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวง
ศกึ ษาธกิ ารไดใ้ ห้ อ�ำ มาตยต์ รี หลวงสาโรชรตั นนมิ มานก์ อาจารยค์ �ำ นวณออกแบบของกระทรวง
ศึกษาธกิ ารเป็นสถาปนกิ ออกแบบอนุโลมตามที่ได้ตกลงกัน และวางห้องใหเ้ หมาะท่จี ะใชเ้ ป็น
สถานศกึ ษาด้วย การก่อสร้างไดด้ �ำ เนินมาเปน็ ลำ�ดบั จนแล้วเสรจ็ และใต้ฝ่าละอองธลุ ีพระบาท
ได้ทรงพระมหากรณุ าโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า “มนษุ ยนาควทิ ยาทาน” การก่อสรา้ ง
มรี ายการดังตอ่ ไปน้ี
สถานศึกษาหลงั น้ีเปน็ ตกึ แบบกอธิคสองชน้ั หันหนา้ ออกทางทิศตะวนั ออก มมี ุขกลาง
เปน็ ห้องบันไดทางด้านหนา้ และเป็นห้องประชมุ ทางดา้ นหลัง กวา้ ง ๑๑ เมตร ยาว ๒๖ เมตร
ต่อจากมุขกลางน้ี มีห้องเรยี นติดระเบียงหลงั รวมกว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๑๒ เมตร เชื่อมตดิ ต่อ
กบั ห้องเรียน ซ่ึงต้งั เปน็ มุขสกัดริมกว้าง ๗ เมตร ยาว ๑๘ เมตร
พนื้ ชนั้ ลา่ งสงู จากระดบั ดนิ ๑ เมตร พน้ื ชนั้ บนสงู จากพน้ื ชนั้ ลา่ ง ๔ เมตร ๕๐ เซนตเิ มตร
เพดานสงู จากพนื้ ช้นั บน ๔ เมตร ๗๐ เซนติเมตร
มปี ระตเู ขา้ เป็นทางใหญ่ ๒ ทาง ๆ ด้านถนนพระสุเมรทุ �ำ เป็นมุขน้อยยื่นออกจากระดบั
ห้องเรยี น ดา้ นตะวันออกเป็นประตใู หญอ่ ย่ใู นมขุ กลางระหว่างหอสงู
ชั้นบนมหี อ้ งเรียนขนาดกว้าง ๗ เมตร ยาว ๙ เมตร ๖ หอ้ ง ชัน้ ล่าง มหี อ้ งเรียนขนาด
กว้าง ๗ เมตร ยาว ๙ เมตร ๔ ห้อง ขนาดกวา้ ง ๗ เมตร ยาว ๘ เมตร ๒ หอ้ ง มีระเบียง
ทางเดินกว้าง ๒ เมตรติดตอ่ กันได้ทุกหอ้ ง มีห้องประชุมกว้าง ๑๑ เมตร ยาว ๑๕ เมตร เป็น
ห้องชน้ั เดยี ว สงู ตัง้ แต่พ้นื ชน้ั ล่างตลอดถึงเพดานชนั้ บน มรี ะเบยี งเสมอระดับชั้นบน กว้าง ๑
เมตร ๕๐ เซนตเิ มตร ๓ ด้าน ด้านตะวนั ตกจัดเปน็ ท่ีประดิษฐานพระรูป อกี ๒ ดา้ นใช้เป็น
ทางเดินและทน่ี ง่ั ประชุม

274
โถงภายในอาคารมนษุ ยนาควทิ ยาทาน

การกอ่ สรา้ งตกึ หลงั น้ี ได้ขุดรากลกึ ลงไปจากระดบั ดิน ๑ เมตร ๕๐ เซนตเิ มตร ใช้ 275
ตอกเขม็ ไมแ้ ข็งขนาดใหญใ่ ตผ้ นงั ท่วั ไปทัง้ หลัง เวน้ แตท่ ี่หอสงู และผนังมขุ หน้า ไดใ้ ช้รากอย่าง
วิธีคอนกรีตเสริมเหล็กโดยเฉพาะ และมีเสาแกนข้ึนไปจนถึงยอดเพื่อให้ต้านน�้ำ หนักได้เท่ากับ
ส่วนท่ีมีนำ้�หนักน้อยกว่า ตามผนังอิฐทั่วไปมีกันครากคอนกรีตเสริมเหล็กทับหลังตลอดทุก ๆ
ระดับพ้ืนและเพดานหลงั คามุงด้วยกระเบื้องซิเมนต์ขนาดกลาง ตวั ไมห้ ลังคาใชไ้ มต้ ะแบกและ
มีไมส้ กั ปนใชเ้ ปน็ ขื่อและจนั ทนั ไม้คานไม้ตงและไมพ้ น้ื ใช้ไมส้ กั ทั้งสนิ้ เว้นแตห่ อ้ งบันได ซ่งึ เปน็
พื้นคอนกรตี เสริมเหล็กใชป้ ดู ้วยกระเบ้ืองกรวดหินอ่อน เพดาน ประตู หนา้ ตา่ ง ลกู กรง ใชไ้ ม้
สกั ทงั้ สิน้ บันไดภายในใชไ้ มส้ กั บนั ไดภายนอกใชค้ อนกรีตเสริมเหลก็ และปดู ว้ ยกระเบ้อื งกรวด
หนิ ออ่ น บรรดาตัวไม้ตา่ ง ๆ ภายในท่มี องเห็นได้ ใช้ทาดว้ ยน�ำ้ มนั แชลแลคชักมนั ทงั้ สนิ้ ตวั ไม้
ภายนอกทา ดว้ ยสนี �ำ้ มัน
การกอ่ สรา้ งถาวรวตั ถนุ ้ี ไดด้ �ำ เนนิ การอยา่ งเหมาแตค่ า่ แรง ซง่ึ นายตวิ เตก็ ยห่ี อ้ เตยี ยเู่ สง็
เปน็ ผูป้ ระมูลได้ สว่ นวตั ถุส�ำ หรบั ก่อสร้างน้นั พระเทพกวี ผูอ้ ำ�นวยการกอ่ สรา้ งเป็นผู้จัดหาเอง
ทงั้ สิน้ จํานวนเงินที่ใช้จา่ ยในการนี้ เปน็ สว่ นพระราชทาน ๑๐,๐๐๐ บาท รับจากผู้บรจิ าคทงั้
พระสงฆแ์ ละคฤหสั ถ์ ๗๑,๔๒๕ บาท ๙๕ สตางค์ ดอกเบย้ี เกดิ จากเงนิ ทฝี่ ากธนาคาร ๒,๒๗๐ บาท
๖๘ สตางค์ รวมเปน็ เงนิ ๘๓,๖๙๖ บาท ๖๓ สตางค์ จ่ายค่าตัวตกึ ๗๓,๗๑๐ บาท ๓๒ สตางค์
ค่าโตะ๊ เกา้ อ้ีนกั เรยี น ๔๐๐ สําหรับ ๓,๒๐๐ บาท จา่ ยค่าทำ�สถานทีร่ อบบริเวณโรงเรยี น ๑,๗๒๖
บาท ๒๕ สตางค์ จา่ ยเบ็ดเตลด็ มคี า่ แจ้งความในหนงั สือพมิ พ์รายวนั คา่ โคมไฟฟ้าและอ่ืน ๆ
รวม ๙๗๕ บาท ๕๒ สตางค์ รวมทง้ั สน้ิ ๗๙,๖๑๒ บาท ๙ สตางค์ คงเหลอื ส�ำ หรับใช้จ่ายบ�ำ รงุ
ตอ่ ไป ๔,๐๘๔ บาท ๕๔ สตางค์
สถานศึกษานี้ ย่อมสำ�เร็จบริบูรณ์ด้วยพระบารมีปกเกล้าฯ ทรงเป็นพระประมุขและ
พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ตลอดมา นับว่าเป็นสถานศึกษาสมพระประสงค์แห่งสมเด็จ
พระมหาสมณเจา้ สว่ นหนง่ึ ขา้ พระพทุ ธเจา้ มนั่ ใจวา่ ถา้ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ ทรงทราบดว้ ย
พระญาณวถิ ที างใดแลว้ คงจกั ทรงพระโสมนสั ปลาบปลมื้ พระหฤทยั ในพระมหากรณุ าธคิ ณุ เปน็
ล้นพ้น นับว่าใต้ฝา่ ละอองธุลีพระบาท ได้ทรงบ�ำ เพ็ญบพุ พเปตพลธี รรมอันล้�ำ เลิศแด่พระราช

อปุ ัชฌายาจารย์ ด้วยพระราชกุศโลบายอนั ประเสรฐิ น�ำ มาซ่ึงวิบุลผลอนั ไพศาลทงั้ ฝา่ ยคดโี ลก
และคดีธรรม

พระราชจริยาวัตรนี้ เป็นเคร่ืองส่อสำ�แดงพระราชอัธยาศัยในกตัญญูกตเวทิคุณ ใน
ปูชนียบุคคล และในเมตตากรุณาคุณแก่ประชาชนชาวสยาม ให้ได้รับศึกษาศิลปวิทยา
แพรห่ ลายย่งิ ๆ ขึน้ ทงั้ นี้ย่อมเป็นทางพระราชทานทิฏฐานคุ ติอันดีงามแกป่ ระชาชนชาวสยาม
ท้ังฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ทุกถ้วนหน้าบรรดาท่ีได้พบเห็น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯ
วา่ สถานศกึ ษานจ้ี กั เปน็ เชอื้ ประทปี ฉายแสงส�ำ แดงพระเกยี รตคิ ณุ แหง่ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ให้รุ่งเรืองไปในอนาคต ปรากฏในประวัติการของประเทศสยาม
ยืนยงอยมู่ ริ ู้สิน้ สดุ สมดังพระราชประสงค์ท่ีทรงพระราชศรัทธาในการน้เี ปน็ แท้

ขา้ พระพทุ ธเจา้ ในนามแหง่ ทปี่ ระชมุ น้ี ขอพระราชทานถวายอนโุ มทนาในพระราชกศุ ล
ถาวรวัตถุนี้ด้วยปีติเป็นล้นเกล้าฯ และขอน้อมเกล้าฯ อัญเชิญเสด็จใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
276 ผู้พระประมุขแห่งสมาคมนี้ ทรงเปิดผ้าแพรคลุมนามเป็นพระราชพิธีพระราชทานนาม เพ่ือ

เป็นสวัสดิมงคลแก่สถานศึกษาน้ี อันจะเป็นหิตประโยชน์แก่กุลบุตรที่จะได้โอกาสมาเล่าเรียน
สืบไปช่ัวกาลนาน

ดว้ ยเกลา้ ดว้ ยกระหม่อม ขอเดชะ

พระราชดาํ รัสตอบของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อย่หู วั 277
ในการเสด็จพระราชดาํ เนนิ เปดิ โรงเรยี น “มนุษยนาควิทยาทาน”

วันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๗
ข้าพเจ้ามีความยินดีท่ีได้รับเชิญมาในวันมงคลนี้ เพื่อมาเปิดสถานศึกษาที่บรรดา
ศิษยานศุ ษิ ย์ของพระอปุ ัธยาจารย์ของขา้ พเจ้า ไดพ้ รอ้ มใจกันจัดสรา้ งข้นึ ตงั้ แตแ่ รกเรม่ิ มา พอ
ขา้ พเจา้ ไดท้ ราบความคดิ กอ็ นโุ มทนาเหน็ ชอบดว้ ย เพราะอนสุ าวรยี ใ์ ด ๆ ทจ่ี ะท�ำ ขนึ้ เพอื่ ใหช้ วน
ชนรำ�ลึกถึงผู้มีอุปการคุณ จะทำ�ด้วยอิฐปูนอย่างใด ก็ไม่ดีเท่าท่ีจะสร้างขึ้นด้วยน้ำ�ใจของผู้ที่มี
กตญั ญู ขอ้ นนั้ ส�ำ คญั เป็นอันมาก อีกทงั้ เมือ่ อนสุ าวรียน์ นั้ เป็นรูปร่างอย่างน้ี คอื เปน็ ศกึ ษาสถาน
กย็ ง่ิ นบั วา่ เปน็ อนสุ าวรยี ใ์ หญย่ งิ่ กวา่ ตวั สถานทน่ี เี้ อง เพราะเหตวุ า่ ผทู้ จี่ ะมารบั การศกึ ษาไปจาก
ศึกษาสถานนี้ ย่อมจะต้องร�ำ ลึกถงึ ศกึ ษาสถานท่ีตนได้รับประโยชน์ และไม่ว่าจะมีอายุยนื ยาว
ไปเท่าใด คงจะยงั ร�ำ ลกึ ถึงและยงั จำ�ไดอ้ ยูเ่ สมอ เม่ือรำ�ลกึ ถึงศกึ ษาสถานทไ่ี ด้รับประโยชนแ์ ล้ว
ย่อมต้องเลยร�ำ ลกึ ถึงคณุ วิเศษของสมเด็จพระมหาสมณเจ้าท่มี พี ระนามปรากฏอย่ปู ระจำ�ศึกษา
สถานน้ี อีกประการหนึง่ ก็จะร�ำ ลกึ ไดว้ า่ สมเด็จพระมหาสมณเจา้ พระองคน์ ี้ กลา่ วไดว้ า่ เปน็
มหาบรุ ุษ สมพระนามทม่ี ีวา่ “มนษุ ยนาค” คือ เป็นพญานาคส�ำ คัญในหมูม่ นุษย์องคห์ น่ึงได้
ได้ทรงอุทิศพระองคเ์ พ่ือประโยชนข์ องชนหมใู่ หญ่ มิได้ทรงลมื เลยสกั ขณะเดยี วว่า พระองค์ได้
ทรงมีพระชาตอิ นั ประเสรฐิ ได้ทรงกำ�เนดิ ในพระราชวงศ์จักรี ย่อมตอ้ งตัง้ พระทยั ท่จี ะเผยแผ่
พระเกียรติยศแห่งพระราชวงศ์นั้น มากท่ีสุดท่ีจะทรงสามารถทำ�ได้ถึงแม้ตามแบบโบราณก็มี
อยวู่ า่ เชอ้ื พระราชวงศน์ อกจากทจ่ี ะทรงเผยแผเ่ กยี รตคิ ณุ ของพระราชวงศโ์ ดยทางหนา้ ทโ่ี ดยตรง
คอื อยา่ งนกั รบ ยงั อาจจะมวี ธิ เี ผยแผไ่ ดโ้ ดยทางกรณุ าตอ่ มนษุ ยท์ ว่ั ไป และวธิ ที จ่ี ะใหพ้ ระราชวงศ์
เป็นญาติกับพระศาสนา ก็ไม่มีอย่างใดดียิ่งไปกว่าท่ีเชื้อพระราชวงศ์น้ันจะเข้าทรงผนวชอยู่ใน
พระศาสนา สมเด็จพระมหาสมณเจ้าพระองค์ได้ต้ังพระหฤทัยบากบ่ันมาแต่ต้นว่า จะทรง
ดำ�เนินปฏปิ ทาอยา่ งนั้น ก็ไดท้ รงยดึ เหนีย่ วมัน่ อยู่เสมอ เรยี กไดว้ า่ เท่ากบั ได้ทรงสละทงั้ หมด
สละพระชนมายุ สละความสุขสำ�ราญทุกอย่าง สำ�หรับท่ีจะทรงประกอบกรณียะอันนั้นให้ดี
จะหาผู้ใดเสมอเหมือนได้โดยยาก ตลอดเวลาท่ีข้าพเจ้าก็ดีหรือใคร ๆ ที่เป็นศิษย์ได้เคยฟัง
เคยทราบ พระองคเ์ อาพระทยั ใสม่ ากในการศกึ ษาและมพี ระประสงคย์ ง่ั ยนื อยเู่ สมอวา่ อยากจะ

พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยู่หวั ทรงผนวชเมอื่ ครั้งดำ�รงพระอิสริยยศท ่ี
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชริ าวธุ สยามมกุฎราชกมุ าร
ทรงฉายรว่ มกบั พระมหาเถระในคณะธรรมยตุ กิ นกิ าย
ในคร้งั นนั้ สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส

ทรงเป็นเจ้าคณะใหญค่ ณะธรรมยุต เมือ่ ครัง้ ดำ�รงพระอิสรยิ ยศเปน็ กรมหมนื่

ชว่ ยอดุ หนนุ การศกึ ษาใหด้ ที ส่ี ดุ เพราะฉะนน้ั พอพวกทา่ นทง้ั หลายทเ่ี ปน็ ศษิ ยานศุ ษิ ย์ มาคดิ ตง้ั 279
ศึกษาสถานขนึ้ สำ�หรับเป็นอนุสาวรยี ์ ข้าพเจา้ เชอื่ แน่วา่ ถา้ มีญาณวถิ ีทางใดทอี่ าจจะทรงทราบ
ได้ถึงแลว้ คงจะทรงพระปตี ิโสมนสั และทรงอนุโมทนาในกจิ การของท่านท้ังหลายเปน็ แนแ่ ท้
ในท่ีสุด ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสเป็นประมุขในหมู่ท่านท้ังหลาย และในหน้าที่
น้นั ได้มาทีโ่ รงเรยี นนี้ เพอื่ มาจัดการเปิดโรงเรียน ขา้ พเจา้ หวงั ใจวา่ โรงเรียนท่จี ะไดเ้ ปดิ ใหม่
น้ี จะมปี ระโยชนส์ มแกค่ วามคดิ ความปรารถนาของขา้ พเจา้ เองและทา่ นทง้ั หลายโดยทวั่ ไป เพอ่ื
ส�ำ หรบั จะไดเ้ พม่ิ พนู ความปตี ขิ องเราทง้ั หลาย เพม่ิ พนู ประโยชนแ์ กก่ ลุ บตุ รทจ่ี ะเปน็ ก�ำ ลงั แกช่ าติ
ของเราต่อไป อกี ท้งั เป็นเครอื่ งสง่ เสรมิ พระเกยี รตคิ ุณของสมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยา
วชิรญาณวโรรส และเพื่อจะให้ปรากฏว่า น้ีเป็นอนุสาวรีย์ของพระองค์ท่าน ข้าพเจ้าจึงได้
ประกาศนามโรงเรียนว่า “มนุษยนาควิทยาทาน” ขอให้ผู้ที่ได้มากระทำ�กิจการติดต่อด้วย
โรงเรียนนี้ ทั้งที่เป็นอาจารย์และครูและศิษย์ จงได้รับความสุขสำ�ราญสะดวกในกิจการที่
ม่งุ กระทำ� และบริบรู ณ์ด้วยพรท้ังสี่ มคี วามประสงค์สง่ิ ใดขอให้สมมโนรถ

เอกสารอา้ งองิ

“การพระราชกศุ ลปญั ญาสมวารพระศพสมเดจ็ พระมหาสมณะเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส.”
ราชกิจจานเุ บกษา. เลม่ ที่ ๓๘. ๒๕ กนั ยายน ๒๔๖๔, หน้า ๑๗๕๗-๑๗๖๐.
“การพระราชกุศลสตมาหพระศพสมเด็จพระมหาสมณะเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส.”
ราชกจิ จานุเบกษา. เล่มที่ ๓๘. ๔ ธันวาคม ๒๔๖๔, หน้า ๒๕๑๗-๒๕๒๐.
“ข่าวในพระราชสำ�นัก.” ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๓๙. ๑๖ เมษายน ๒๔๖๕,
หนา้ ๑๒๑-๑๒๔.
“ขา่ วในพระราชส�ำ นัก วันจนั ทร์ ที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๖๔.” ราชกจิ จานเุ บกษา.
เล่มท่ี ๓๘. ๑๔ สงิ หาคม ๒๔๖๔, หนา้ ๑๓๑๖-๑๓๑๗.
“ขา่ วสน้ิ พระชนม์ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส.” ราชกจิ จานเุ บกษา.
เล่ม ๓๘ (๗ สิงหาคม ๒๔๖๔), หน้า ๑๒๓๙ – ๑๒๔๑.
จดหมายเหตพุ ระราชกจิ รายวนั ค.ศ. ๑๙๒๑ = พ.ศ. ๒๔๖๓ – ๒๔๖๔. ม.ป.ท., ม.ป.ป.
280 ญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก, สมเด็จพระ. ญาณสังวรธรรม

เล่ม ๒๕ เทศนาพิเศษ. กรุงเทพฯ : สาละพมิ พการ, ๒๕๕๖.
ชื้น ยอดเศรณี. “พระประวัติ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส.”
พระประวัติ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส. พระนคร :
โรงพิมพม์ หามกุฏราชวทิ ยาลยั , ๒๕๑๔.
โต จติ รพงศ,์ หม่อมราชวงศ์. พระประวตั ิและฝีพระหัตถ์ของสมเดจ็ เจา้ ฟา้ กรมพระยา
นริศรานุวัดตวิ งศ์. พระนคร : พระจนั ทร,์ ๒๔๙๓. (พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิง
พระศพสมเดจ็ ฯ เจ้าฟา้ กรมพระยานริศรานุวดั ติวงศ์ ณ พระเมรทุ อ้ งสนามหลวง พ.ศ.
๒๔๙๓).
นรศิ รานวุ ดั ตวิ งศ,์ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ กรมพระยา และอนมุ านราชธน, พระยา.
บนั ทกึ เรอื่ งความรตู้ า่ ง ๆ เลม่ ๓. พระนคร : สมาคมสงั คมศาสตรแ์ หง่ ประเทศไทย,
๒๕๐๖.

แนง่ นอ้ ย ศกั ดศิ์ ร,ี หมอ่ มราชวงศ.์ และคณะ. สถาปตั ยกรรมพระเมรใุ นสยาม เลม่ ๒. กรงุ เทพฯ 281
: โรงพมิ พ์กรุงเทพ (๑๙๘๔), ๒๕๕๕.

“ประกาศในการตงั้ ต�ำ แหนง่ พระสงฆ.์ ” ราชกจิ จานเุ บกษา. เลม่ ๑๐ (๓ ธนั วาคม ร.ศ. ๑๑๒),
หน้า ๓๙๑.

“พระประวัติพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์.” ราชกิจจานุเบกษา.
เลม่ ๙ (๙ ตลุ าคม ร.ศ. ๑๑๑), หน้า ๒๒๔ - ๒๒๗.

ยทุ ธนาวรากร แสงอร่าม. โลหศิลป์ ณ พระทน่ี งั่ ปัจฉิมาภิมขุ พิพิธภัณฑสถานแห่ง
ชาติ พระนคร. กรงุ เทพฯ : สำ�นกั พิพิธภณั ฑสถานแห่งชาติ กรมศลิ ปากร, ๒๕๖๐.

วชิรญาณวโรรส, สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยา. ธรรมวจิ ารณ์ ส่วนสังสารวัฏ แต่
ใม่จบ ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส. ม.ป.ท.,
๒๔๖๔. (พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมหลวงพรหมวรานรุ กั ษ์ โปรดให้พมิ พใ์ นการพระราช
กุศลปัญญาสมวาร จำ�เดิมแตว่ ันสิ้นพระชนมแ์ ห่งสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยา
วชิรญาณวโรรส วันที่ ๑๙ กนั ยายน ๒๔๖๔).

วชริ ญาณวโรรส, สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยา และด�ำ รงราชานภุ าพ, สมเดจ็ พระเจา้
บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา. ต�ำ นานวดั บวรนเิ วศวหิ าร, พมิ พโ์ ดยพระบรมราชโองการ
ในงานพระราชทานเพลงิ พระศพสมเดจ็ พระมหาสมณเจ้าฯ ทพ่ี ระเมรทุ อ้ งสนามหลวง
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๕ (พระนคร : โรงพมิ พโ์ สภณพิพรรฒธนากร, ๒๕๖๕),

สมคิด จิระทัศนกลุ . งานออกแบบสถาปัตยกรรมไทยฝีพระหัตถ์สมเด็จฯ เจ้าฟา้ กรม
พระยานรศิ รานวุ ดั ตวิ งศ์ ภาคตน้ . กรงุ เทพฯ : อมรนิ ทรพ์ รน้ิ ต้ิงแอนดพ์ บั ลชิ ช่ิง,
๒๕๕๖.

สมคดิ จริ ะทศั นกลุ . งานออกแบบสถาปตั ยกรรมไทยฝพี ระหตั ถส์ มเดจ็ ฯ เจ้าฟา้ กรม
พระยานรศิ รานวุ ัดติวงศ์ ภาคปลาย. กรุงเทพฯ : อมรนิ ทรพ์ รน้ิ ตง้ิ แอนด์พบั ลิชชิ่ง,
๒๕๕๖.

สจั จาภิรมย์ อุดมราชภกั ดี (สรวง ศรีเพญ็ ), พระยา. เลา่ ให้ลกู ฟัง. กรงุ เทพฯ : มตชิ น, ๒๕๕๗.
สรุ ศกั ดิ์ เจริญวงศ์. สมเดจ็ ฯ เจา้ ฟ้ากรมพระยานรศิ รานุวัดติวงศ์. กรงุ เทพฯ : มติชน,

๒๕๔๙.

หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาต.ิ ร.๖ น.๑๗.๖/๓๘. “หมายก�ำ หนดการเกยี่ วกบั พระศพสมเดจ็ พระมหา
สมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส.” ๒ ส.ค. ๒๔๖๔ – ๑๐ เม.ย. ๒๔๖๕.
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๖ รล.๑๖/๒๙. “มนุษยนาคนิธิ ทำ�บุญถวายสมเด็จพระ
มหาสมณเจ้า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส.” ๒๘ พ.ย. ๒๔๖๔ – ๑๔ ม.ค. ๒๔๖๗.
หอจดหมายเหตแุ ห่งชาต.ิ ร.๖ ว.๒๐/๒๓. “งานพระเมรุ สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยา
วชริ ญาณวโรรส.” ๘ พ.ย. – ๓๑ มี.ค. ๒๔๖๔.
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๖ ว.๒๒/๔. “อาการประชวรสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณ
วโรรส พระมหาสมณะ. ๒ พ.ค. ๒๔๖๓ – ๑ ส.ค. ๒๔๖๔.
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๖ ศ๘/๑๒. “สมเด็จพระมหาสมณะขอถวายพระพรลาเสด็จไป
เปลย่ี นอากาศชายทะเลตวันออก ขอพระราชทานเรอื หลวงกระทรวงทหารเรอื รบั สง่ จะ
เสดจ็ วนั ท่ี ๒๙ เดือนน.ี้ ” ๑๓-ม.ค. ๒๔๖๑ – ๑๕ ก.ค. ๒๔๖๔.
หอจดหมายเหตุแหง่ ชาต.ิ ร.๖ ศ๘/๑๖. “กรมพระดำ�รงฯ ทรงชแ้ี จงเรื่องการท�ำ ประวัตสิ มเดจ็
พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส.” ๑๒-๑๔ ธ.ค. ๒๔๖๔.
282 หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาต.ิ ร.๖ ศ.๑๖/๑๘. “สมเดจ็ พระมหาสมณะประชวร.” ๑ พ.ค. ๒๔๖๓ - ๓๐ ก.ค.

๒๔๖๔.




Click to View FlipBook Version