The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วัดบวรนิเวศวิหารได้จัดพิมพ์หนังสือ “วชิรญาณวโรรสานุสรณ์ จดหมายเหตุคราวสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สิ้นพระชนม์” ที่รวบรวมเอกสารชั้นต้น ทั้งหมายกำหนดการ ราชกิจจานุเบกษา บันทึกพระอาการประชวร เอกสารราชการ ภาพถ่ายเก่า ตลอดจนบันทึกความทรงจำ เพื่อรวบรวมและจัดพิมพ์เป็นหนังสือที่แสดงกตัญญูกตเวทิตาคุณต่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ พระองค์นี้ที่ทรงมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานด้านการศึกษา วัฒนธรรม สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ อันเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกเมื่อ ๑๐๐ ปีล่วงมาแล้ว นับเป็นการวางรากฐานความเจริญก้าวหน้าของประชาราษฎรแห่งสยามประเทศสืบมาจนทุกวันนี้

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by panyabalo, 2021-10-21 11:49:00

วชิรญาณวโรรสานุสรณ์

วัดบวรนิเวศวิหารได้จัดพิมพ์หนังสือ “วชิรญาณวโรรสานุสรณ์ จดหมายเหตุคราวสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สิ้นพระชนม์” ที่รวบรวมเอกสารชั้นต้น ทั้งหมายกำหนดการ ราชกิจจานุเบกษา บันทึกพระอาการประชวร เอกสารราชการ ภาพถ่ายเก่า ตลอดจนบันทึกความทรงจำ เพื่อรวบรวมและจัดพิมพ์เป็นหนังสือที่แสดงกตัญญูกตเวทิตาคุณต่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ พระองค์นี้ที่ทรงมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานด้านการศึกษา วัฒนธรรม สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ อันเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกเมื่อ ๑๐๐ ปีล่วงมาแล้ว นับเป็นการวางรากฐานความเจริญก้าวหน้าของประชาราษฎรแห่งสยามประเทศสืบมาจนทุกวันนี้

Keywords: จดหมายเหตุ,สมเด็จพระมหาสมณเจ้า,สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส,มนุษยนาคมานพ,งานพระเมรุ,วัดบวรนิเวศวิหาร,พระมหาสมณานุสรณ์,วชิรญาณวโรรสานุสรณ์

พธิ ีถวายน้�ำ สรงและสุก�ำ พระศพ 93

ด้วยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสประชวรเป็นพระวัณโรค
ภายในมาชา้ นาน แพทย์ไดป้ ระกอบพระโอสถถวายประคบั ประคองโดยเต็มก�ำ ลังเป็นล�ำ ดบั มา
พระอาการทรงบา้ งทรุดบ้างหาคลายไม่ ตอ่ มาถงึ วนั ท่ี ๒๙ กรกฎาคม พทุ ธศักราช ๒๔๖๔
พระอาการก�ำ เรบิ มากขน้ึ ครน้ั ถงึ วนั ที่ ๒ สงิ หาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๖๔ เวลา ๔.๓๕ น. สน้ิ พระชนม์
ตรงกบั วนั องั คาร แรม ๑๔ ค�่ำ เดอื น ๘ ปรี ะกา ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๒๘๓ สริ พิ ระชนั ษาได้ ๖๑ ปี
๓ เดือน ๒๐ วัน สริ ิทรงผนวชได้ ๔๒ ปี ๑ เดือน ๖ วนั ทรงวัดบวรนิเวศวิหารได้ ๒๘ ปี
๑๐ เดือน ๔ วนั ทรงรบั มหาสมณตุ มาภิเษกได้ ๑๐ ปี ๗ เดือน ๘ วนั
คร้นั สน้ิ พระชนม์แลว้ จึงไดเ้ ชิญพระศพสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชริ ญาณ
วโรรสจากตำ�หนักเดิมช้ันล่าง ข้ึนตำ�หนักจันทร์ช้ันบน เพื่อเตรียมการสรงนำ้�พระศพ ตาม
ราชประเพณี
เวลา ๑๖.๐๐ น. พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยูห่ ัว ทรงเครอื่ งพระภูษาขาว
เสด็จพระราชดำ�เนินโดยรถไฟพิเศษแต่พระราชวังบางปะอิน แลทรงรถยนต์พระที่นั่งมายัง
วดั บวรนิเวศวิหาร
เวลา ๑๗.๓๐ น. เสด็จขึ้นต�ำ หนกั จนั ทร์ ถวายน�ำ้ สรงพระศพ เจา้ พนักงานประโคม
แตรสงั ข์กลองชนะจา่ ป่จี ่ากลอง พระบรมวงศานุวงศ์ ฝ่ายหน้าฝา่ ยใน ทา่ นเสนาบดีข้าราชการ
ผู้ใหญ่ได้ขึ้นถวายน้ำ�สรงพระศพต่อไป แล้วเจ้าพนักงานได้ทรงเครื่องบรรจุกรรมพระศพตาม
พระเกยี รตยิ ศเสรจ็ เชญิ ลงลองใน พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงสวมพระชฎา
แลว้ จึงเสดจ็ ฯ ลงมาประทับ ณ ต�ำ หนักเพ็ชร

94

95

96
พระพิมลธรรม

(หมอ่ มราชวงศเ์ จรญิ าณฉนโฺ ท)
ภายหลังด�ำ รงสมณศกั ดทิ์ ี่ สมเดจ็ พระพุทธโฆษาจารย์

ครน้ั แลว้ ต�ำ รวจหลวงรกั ษาพระองคเ์ ชญิ พระศพลงสพู่ ระเสลย่ี งแวน่ ฟา้ แตต่ �ำ หนกั จนั ทร์ 97
มาขึ้นประดษิ ฐานเหนือแวน่ ฟ้า ๓ ชนั้ ประกอบพระโกศทองนอ้ ย บนฐานเขียงรองรบั ภายใต้
เบญจปฎลเศวตฉตั ร ภายในพระฉากต�ำ หนกั เพ็ชร แวดล้อมดว้ ยเครือ่ งสงู ฉัตร ๕ ชัน้ ๙ องค์
เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนเคร่ืองนมัสการพระแล้ว
ทรงทอดผา้ สดบั ปกรณ์ ไตร ๒๐ ไตร ผ้าขาว ๓๐ พับ พระสงฆ์สดับปกรณ์ มีพระพิมลธรรม
(หมอ่ มราชวงศเ์ จรญิ าณฉนโฺ ท)๒๗ เปน็ ประธานสดบั ปกรณแ์ ลถวายอนโุ มทนา พระราชาคณะ
ถวายอตเิ รกเสรจ็ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงจดุ เทยี นบชู าพระธรรมทหี่ นา้
เตยี งพระสวด แลโปรดให้มปี ระโคมกลองชนะจ่าปีจ่ ่ากลองมกี ำ�หนด ๑ เดอื น กลองชนะ ๒๐
สงั ข์ ๑ จา่ ป่ี ๑ จา่ กลอง ๑ แตรงอน ๒ แตรฝรั่ง ๒ พระสงฆส์ วดพระอภธิ รรมท้งั กลางวนั
กลางคืน รบั พระราชทานฉนั เชา้ ๘ รปู เพล ๘ รปู ก�ำ หนด ๑๕ วัน โปรดให้ขา้ ราชการใน
ราชส�ำ นกั ไวท้ กุ ขม์ กี �ำ หนด ๑ เดอื นเปน็ พเิ ศษ และโปรดใหล้ ดธงเรอื หลวงและธงทว่ั ไปมกี �ำ หนด
๓ วนั เพอ่ื เปน็ เกยี รตยิ ศด้วย

เวลา ๑๙.๐๐ น. พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสด็จออกจากวดั บวรนเิ วศ
วหิ าร ประทับรถพระทนี่ ่ังแลว้ เสดจ็ พระราชดำ�เนนิ กลับโดยรถพิเศษสพู่ ระราชวงั บางปะอิน

๒๗  พระพิมลธรรม (หม่อมราชวงศเ์ จรญิ าณฉนฺโท) ภายหลังด�ำ รงสมณศักดิท์ ่ี สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์

พระโกศทองใหญท่ รงพระศพ
ก่อนออกพระเมรุ

การประดิษฐานพระศพ
สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส

ณ ต�ำ หนกั เพ็ชร วัดบวรนเิ วศวหิ าร

ภายหลังจากพิธีถวายน้ำ�สรงพระศพ และทรงเคร่ืองสุกำ�พระศพ เชิญพระศพลง 99
พระลองใน ณ ช้ันบนของตำ�หนักจันทร์ วัดบวรนิเวศวิหาร อันเป็นตำ�หนักที่ประทับนับแต่
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาขึ้นท่ีพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวง
วชิรญาณวโรรส พ.ศ. ๒๔๔๙ เป็นต้นมา
พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั จงึ ทรงมพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ให้
เจา้ พนกั งานจดั การพระศพถวายพระเกยี รตสิ งู สดุ ตามโบราณราชประเพณี ประดษิ ฐานพระศพ
ณ ตำ�หนกั เพ็ชร วดั บวรนิเวศวิหาร

ตำ�หนกั เพ็ชร

เมื่อคร้ังท่ีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดให้ตั้งการ
พระราชพธิ มี หาสมณตุ มาภเิ ษกทว่ี ดั บวรนเิ วศวหิ าร ทรงเลอื่ นพระเกยี รตยิ ศพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ
กรมหลวงวชิรญาณวโรรส ข้ึนเป็นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาฯ แลเลื่อนพระ
สมณศักด์ิเป็นสมเด็จพระมหาสังฆปริณายก ทั้งพระราชอาณาเขต นับแต่แรกเถลิงถวัลย
ราชสมบตั ิแลว้ นัน้

ในปี พ.ศ. ๒๔๕๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจ้าอย่หู วั ทรงพระกรณุ าโปรด ให้
ร้ือตำ�หนักโรงพิมพ์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าพระตำ�หนักเดิมริมคูของวัด และโปรดให้สร้างตำ�หนัก
ข้ึนใหม่หลังหนึ่ง เพื่อถวายเป็นท้องพระโรงสำ�หรับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา
วชิรญาณวโรรส พระมหาสมณะ ด้วยพระราชทรัพยส์ ว่ นพระองค์ รวมเป็นเงิน ๕๓,๑๑๖ บาท
๑๖ สตางค์ ส�ำ หรบั เปน็ ทเ่ี สดจ็ ออกวา่ ราชการ แลว้ เสรจ็ และมกี ารฉลองเมอื่ วนั ท่ี ๒๑ พฤษภาคม
100 พ.ศ. ๒๔๕๗ พระราชทานนามว่า “ตำ�หนกั เพ็ชร”

นามของ “ตำ�หนกั เพ็ชร” นี้ สะท้อนนัยถงึ พระผูท้ รงสรา้ งและสมเด็จพระมหาสมณเจ้า 101
ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐพระองคน์ น้ั ผ้ทู รงเปน็ พระราชอุปัธยาจารยใ์ นพระองค์ ด้วยคำ�วา่
“เพ็ชร” นล้ี ว้ นปรากฏอยู่ในพระนาม “วชริ าวุธ” ของพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หัว
และ “วชิรญาณวโรรส” ของสมเดจ็ พระมหาสมณเจ้าฯ พระองคน์ ้ัน ดว้ ยเชน่ กัน
ภายในตำ�หนักจึงปรากฏมีพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
เจ้าอยู่หัวเขียนด้วยสีน้ำ�มันประดับอยู่ผนังด้านทิศเหนือ และมีพระสาทิสลักษณ์ของสมเด็จ
พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสเขยี นสนี �้ำ มนั ประดบั อยผู่ นงั ดา้ นทศิ ใต้ ทเี่ ขยี นขน้ึ
โดยนายคาร์โล ริโกลี จติ รกรประจำ�ราชส�ำ นักสยามในสมัยนัน้

102
พระบรมสาทิสลักษณ ์

พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจา้ อย่หู วั
ประดับอยผู่ นงั ตำ�หนักเพ็ชร ด้านทิศเหนอื

103
พระสาทิสลักษณ ์
สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
ประดับอยูผ่ นังตำ�หนักเพ็ชร ดา้ นทิศใต้

ภายหลงั เมอ่ื พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดใหป้ ระดษิ ฐาน
พระศพสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ณ ต�ำ หนกั เพช็ รนนั้ ในเวลาตอ่ มา
จึงโปรดให้มีการใช้ตำ�หนกั เพ็ชรเป็นท่ีประดิษฐานสมเดจ็ พระสงั ฆราชอกี หลายพระองค์ ไดแ้ ก่
สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ วดั บวรนเิ วศวหิ าร สมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (จวน อุฏฺายี) วัดมกุฏกษัตริยาราม และ
สมเด็จพระสังฆราชเจา้ กรมหลวงวชิรญาณสังวร วดั บวรนิเวศวิหาร

พระโกศ
ภายในห้องพระฉากตำ�หนักเพ็ชร มุขด้านทิศใต้เป็นท่ีประดิษฐานพระศพสมเด็จพระ
มหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ภายใต้เบญจปฎลเศวตฉัตร (ฉตั รขาว ๕ ชั้น) ตาม
104 พระอสิ รยิ ยศนับแต่พระราชพธิ ีมหาสมณุตมาภเิ ษกเป็นตน้ มา
พระโกศทที่ รงพระศพ คอื พระโกศทองนอ้ ย พระโกศองคน์ ี้ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้
เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โปรดเกลา้ ฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทเวศรว์ ัชรนิ ทร์สร้างขึ้น
ตามอย่างพระโกศทองใหญ่ เพ่ือใช้ทรงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อผลดั พระโกศทองใหญ่ไปแต่งกอ่ นออกงานพระเมรุมาศ เมอื่ ปี พ.ศ.๒๓๙๔
หากใช้ทรงพระบรมศพ หรือตั้งคกู่ บั พระโกศทองใหญใ่ นงานพระศพนัน้ จะโปรดให้หุ้ม
ทองค�ำ ดงั ทพี่ ระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระสมมตอมรพนั ธ์ุ ทรงจดไวท้ า้ ยบญั ชพี ระโกศทองใหญ่
คอื ในคราวทรงพระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระบรมศพพระบาทสมเดจ็
พระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ในคราวที่ทรงพระศพสมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ เจา้ ฟ้ากรรณาภรณ์
เพ็ชรรัตน์ พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระนางเจ้า
สุนันทากุมารีรัตน์ เม่ือคราวออกพระเมรุคู่กับพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์
พระมารดาในเจ้าฟ้าพระองค์น้ัน ในคราวท่ีทรงพระศพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า

105
พระโกศทองนอ้ ย

ศิราภรณ์โสภณ พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระ
ศรสี วรินทริ าบรมราชเทวี พระพนั วัสสาอยั ยิกา ทีอ่ อกพระเมรุค่กู บั พระเชษฐาในพระองคค์ อื
สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมขุนศรีธรรมราชธ�ำ รงฤทธิ์ เปน็ ต้น
แต่หากใช้ทรงพระศพในกรณีอ่ืน ๆ เวลาท่ีใช้ต้องร้ือทองคำ�ออก ภายหลังพระบาท
สมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ ง “พระโกศทองรองทรง”
ขึ้นมีศักด์ิเสมอด้วยพระโกศทองใหญ่ เพื่อจะได้ไม่ต้องหุ้มทองเข้าและร้ือออกบ่อย ๆ ทั้งยัง
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล)
สรา้ งพระโกศทองน้อยเพ่มิ ข้นึ อกี องค์หน่ึง
ดงั นน้ั หากจากการจดั ล�ำ ดบั ฐานานศุ กั ดข์ิ องพระโกศนน้ั พระโกศทองนอ้ ย จงึ มฐี านานศุ กั ด์ิ
สงู กวา่ พระโกศกดุ น่ั ใหญอ่ ยหู่ นง่ึ ล�ำ ดบั ชน้ั คอื ใชก้ ารทรงพระศพเจา้ นายในล�ำ ดบั ชน้ั สมเดจ็ เจา้ ฟา้
106 พระวรราชเทวี สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ และสมเดจ็ พระนางเจา้ พระวรราชชายา
พระโกศทองนอ้ ยน้ี จงึ ใชท้ รงพระศพสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
ณ ตำ�หนกั เพ็ชร
การตง้ั แตง่ พระโกศทองนอ้ ยน้ี ฝาพระโกศประดบั เฟอ่ื งและพเู่ งนิ และทฝ่ี าพระโกศนต้ี ดิ
พระภษู าโยงกบั เครอื่ งสกุ �ำ พระศพ ทอดลงมายงั พานพระภษู าโยงทตี่ งั้ อยเู่ บอ้ื งหนา้ พระภษู าโยง
น้ีพับทบกันไว้ เมื่อมีการสดับปกรณ์พระศพ เจ้าพนักงานจะได้คลี่พระภูษาโยงออกไปยัง
อาสนสงฆ์ โดยใช้ทวยรับไปเช่ือมกับพระภูษาโยงอีกส�ำ รับหนึ่งท่ีทอดไว้บนพานพระภูษาโยงท่ี
ตน้ อาสนสงฆ์ ใช้ลาดไปตามความยาวของอาสนสงฆ์โดยมีผ้าขาวรองอยูช่ น้ั หนง่ึ ก่อน
พระโกศประดิษฐานเหนอื แวน่ ฟ้า ๓ ชั้น แต่ละชั้นประดบั ดว้ ยพุม่ ดอกไม้ เทียนไฟฟ้า
และแจกนั ปักดอกไมโ้ ลหะสที อง รอบแวน่ ฟา้ นัน้ ขนาบดว้ ยต้นไมเ้ งนิ ทอง แวดล้อมดว้ ยฉตั ร
เครอื่ งสงู ทองแผล่ วด ๕ ชัน้

เครื่องประกอบพระเกียรติยศ 107
เบื้องหนา้ พระโกศทองน้อย ตง้ั ม้าหม่ทู อดเคร่ืองประกอบพระอสิ ริยยศ ประกอบด้วย

เคร่ืองถมปัดพ้ืนทอง ได้แก่ พานพระศรี พระเต้า ขันนำ้�เสวยพานรองมีฝาครอบ
ทส่ี รงพระพกั ตร์ ขนั สรงพระพกั ตรพ์ านรองมกี รวยคลมุ ปกั บว้ นพระโอษฐ์ บว้ นพระโอษฐป์ ากแตร

เครอื่ งตน้ สำ�รับทองขาว ประกอบไปดว้ ย พานพระศรี พระเตา้ และบ้วนพระโอษฐ๒์ ๘

นอกจากนี้ ยงั มี บาตร ยา่ มหกั ทองขวาง ทพ่ี ระสทุ ธารส พดั ยศประกอบสมณศกั ดทิ์ ส่ี มเดจ็
พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส พดั แฉกงาพเิ ศษประดบั พลอย พดั รตั นวราภรณ์
และพัดรองพระราชลญั จกรไอราพต

๒๘  เครอื่ งตน้ ส�ำ รบั ทองขาวนี้ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระราชทานแดส่ มเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณ์
ในการพระราชพิธมี หาสมณุตมาภเิ ษกมาแล้ววาระหน่งึ

108

109

พดั ยศประกอบสมณศกั ดท์ิ ส่ี มเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
พัดเล่มนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดให้สร้างข้ึน เพ่ือ
พระราชทานในพระราชพิธมี หาสมณุตมาภเิ ษก พ.ศ. ๒๔๕๓
มีลักษณะเป็นพัดแฉก ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ พ้ืนตาดเหลืองสลับขาว ปักด้ินเลื่อมและ
ทองแลง่ ลายกา้ มปูรกั รอ้ ยใบเทศ กลางพดั ปักเป็นรปู พระมหามงกุฎ เชน่ เดียวกับยอดพัดทท่ี �ำ
ด้วยงาก็แกะสลักเป็นรูปพระมหามงกุฎ อันเป็นพระบรมราชสัญลักษณ์พระบาทสมเด็จ
พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ดว้ ยพระองคท์ รงเปน็ พระราชโอรสในรชั กาลท่ี ๔ หรอื พระมหามงกฎุ
อาจสอื่ ความหมายถงึ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๖ ดว้ ยพระองคท์ รงรบั
มหาสมณตุ มาภิเษกเป็นสมเดจ็ พระสงั ฆราชในรัชสมยั ของพระองค์
110 ดา้ มพดั ทำ�ด้วยงาตลอดท้ังแท่ง คอพดั แกะเปน็ รูปพรหม

111

พัดแฉกงาพิเศษประดบั พลอย

พัดเล่มนี้ เจ้าพระยาสธุ รรมมนตรี (บุญศร)ี ทำ�ข้ึนทลู เกล้าฯ ถวายพระบาทสมเดจ็
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณ์ ในคราวทท่ี รงสถาปนาพระอสิ รยิ ยศท่ี พระเจา้ วรวงศเ์ ธอ กรมหมนื่
บวรรังษีสรุ ิยพันธ์ุ และเป็นเจ้าคณะใหญ่ฝา่ ยธรรมยตุ ิกนกิ าย เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๓๙๔

ต่อมาเมื่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ส้ินพระชนม์ในปี
พ.ศ. ๒๔๓๕ ในปถี ัดมา ซ่ึงเปน็ การพระราชพธิ รี ัชดาภิเษก พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้า
เจา้ อยหู่ วั ทรงสถาปนาสมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ (สา ปสุ สฺ เทโว) ขน้ึ เปน็ สมเดจ็ พระสงั ฆราช
ในวาระนนั้ ได้สถาปนาสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส เม่อื ครง้ั ยังดำ�รง
พระอิสริยยศท่ีพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส ขึ้นเป็นเจ้าคณะใหญ่ฝ่าย
ธรรมยุติกนิกาย พร้อมจารึกแก้ไขสร้อยพระนามในพระสุพรรณบัฏว่า “พระเจ้าน้องยาเธอ
112 กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส สุนทรพรตวิสุทธิพรหมจรรย์ วิมลศีลขันธ์วรธรรมยุตติ์ ศรีวิสุทธิ

คณะนายก สาสนดิลกธรรมานวุ าทย์ บริสัษยนารถสมณุดมบรมบพิตร”

หากแต่พระศพสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เก็บไว้นาน
กวา่ ๘ ปี สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เคยมีพระดำ�รสั เล่าวา่ “เคย
ทรงแย่งพดั แฉกงากนั กับพระศพ”๒๙ คือ เมื่อมงี านออกหน้าทพ่ี ระศพ ก็เอาพัดแฉกงาไปตง้ั
ถวายท่พี ระศพ เม่อื สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้าเองจะทรงใช้ กไ็ ปเอามาจากพระศพ สมเด็จพระ
มหาสมณเจา้ ทรงใชใ้ นงานพระราชพธิ ี ๒ งาน คอื พระราชพธิ ถี อื น�้ำ พพิ ฒั นสตั ยา และพระราชพธิ ี
ถวายผา้ พระกฐนิ

๒๙  สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก, “บนั ทกึ ความทรงจ�ำ สมเดจ็ ฯ.” ญาณสงั วรธรรม เลม่ ๒๕ เทศนาพเิ ศษ
(กรงุ เทพฯ : สาละพมิ พการ, ๒๕๕๖), หน้า ๓๒๔.

113

เมื่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสส้ินพระชนม์แล้ว พระเจ้า
วรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าทรงดำ�รงตำ�แหน่งเจ้าคณะใหญ่
ฝา่ ยธรรมยตุ กิ นกิ าย ไดพ้ ระราชทานพดั แฉกงานตี้ อ่ มา แมว้ า่ ในปี พ.ศ. ๒๔๗๑ พระบาทสมเดจ็
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจักทรงสถาปนาพระญาณวราภรณ์๓๐ ข้ึนเป็นสมเด็จพระราชาคณะท่ี
สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ และเปน็ เจา้ คณะใหญ่ฝา่ ยธรรมยตุ ิกนกิ ายขึ้นแทนพระองค์ แตก่ ย็ งั
คงใหพ้ ระเจา้ วรวงศเ์ ธอ กรมหลวงชนิ วรสริ วิ ฒั น์ สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ คงถอื พดั แฉกงาสบื มา
จนสนิ้ พระชนม์ ดงั ความในบนั ทกึ ความทรงจ�ำ สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์
ตอนหน่ึงว่า “เมื่อสมเด็จพระสังฆราชเจ้าสิ้นพระชนม์แล้ว กรมธรรมการไปเรียกคืนจาก
วดั ราชบพธิ ฯ เพอื่ จะไปใหแ้ กส่ มเดจ็ พระสงั ฆราชทจี่ ะตงั้ ใหม่ พระธรรมปาโมกข์ (ภา ภาณโก)
ไดส้ ง่ คนื มาทวี่ ดั นี้ ไมไ่ ดใ้ หไ้ ปอา้ งเอาไปจากวดั บวรฯ จงึ สง่ คนื วดั บวรฯ กรมธรรมการตามมาเอา
อีกไดช้ แ้ี จงเร่ืองราวไป จึงได้งด แตพ่ ดั นี้เราไมไ่ ด้ใช้ เพราะไมไ่ ดพ้ ระราชทานแกเ่ รา ในฐานะ
ที่เป็นเจา้ คณะใหญธ่ รรมยตุ ต่อมา” ๓๑
114 ต่อมาสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ทรงได้รับสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชใน
ราชทนิ นามเดมิ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๘ และทรงไดร้ บั การประกาศสถาปนาเฉลมิ พระนามขนึ้ เปน็ สมเดจ็
พระวชริ ญาณวงศ์ สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก เมอื่ วนั ที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓
และทรงได้รับพระราชทานพัดแฉกงาประดับพลอย ซ่ึงเคยพระราชทานแก่เจ้าคณะใหญ่
ฝ่ายธรรมยุติกนกิ าย ในพระราชพิธเี ฉลมิ พระชนมพรรษา ๕ ธนั วาคมของปีนน้ั
หลงั จากสมเด็จพระสังฆราชเจา้ กรมหลวงวชิรญาณวงศส์ นิ้ พระชนม์แลว้ ธรรมเนียม
การพระราชทานพัดแฉกงาประดับพลอยนี้ จักพระราชทานแก่สมเด็จพระสังฆราชท่ีเป็น
เจ้าคณะใหญฝ่ า่ ยธรรมยุติกนกิ ายท่ีครบวาระอันเป็นพเิ ศษ ดงั นี้

๓๐  ภายหลงั ดำ�รงพระอิสรยิ ยศที่ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
๓๑  เรื่องเดยี วกัน.

๑) สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ เมื่อครั้งยังดำ�รงพระยศที่
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (วาสน์ วาสโน)
เจรญิ พระชนมายุ ๙๐ พรรษา วันที่ ๒ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๓๑
๒) สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณสงั วร เมอื่ ครงั้ ยงั ด�ำ รงพระยศท่ี สมเดจ็
พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก (เจรญิ สวุ ฑฒฺ โน) เจรญิ พระชนมายุ
๘๐ พรรษา วันที่ ๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๓๖
๓) สมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายก (อมั พร
อมพฺ โร) เจริญพระชนมายุ ๙๐ พรรษา วันท่ี ๒๖ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐
พดั แฉกงาประดบั พลอยน้ี มลี กั ษณะเปน็ พดั แฉกทรงพมุ่ ขา้ วบณิ ฑ์ ท�ำ ดว้ ยงาแกะตลอด
ทั้งเลม่ พ้นื พัดสลักเปน็ ลายโปรง่ อยา่ งประณีตประดบั พลอย

115

พดั รตั นวราภรณ์
พัดรัตนวราภรณ์นี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดให้
สรา้ งขนึ้ เพอ่ื ถวายแดพ่ ระสงฆท์ ที่ รงเคารพนบั ถอื เสมอดว้ ยเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณร์ ตั นวราภรณ์
ท่ีพระราชทานเพ่ือเชิดชูเกียรติคุณแก่ข้าราชการผู้ที่ต้ังใจรับราชการสนองพระเดชพระคุณ
ดว้ ยความจงรักภกั ดีและมีความซื่อสตั ยส์ ุจริตตลอดมา
ในส่วนของพัดรัตนวราภรณ์นี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระ
กรณุ าโปรดพระราชทานแกพ่ ระมหาเถระเพียง ๒ พระองค์ เลม่ แรกพระราชทานแก่สมเดจ็
พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ดงั ปรากฏวา่ ทรงมพี ระด�ำ รทิ จ่ี กั ถวายมาตงั้ แตป่ ี
พ.ศ. ๒๔๕๕ แตแ่ ลว้ เสร็จในปี พ.ศ. ๒๔๖๑ สว่ นอกี เล่มหนึ่งพระราชทานแก่พระเจา้ วรวงศเ์ ธอ
กรมหลวงชนิ วรสริ วิ ัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจา้
116 ดงั ปรากฏธรรมเนยี มวา่ พระสงฆท์ ไ่ี ดร้ บั พระราชทานพดั รตั นาภรณ์ หรอื พดั รตั นาวราภรณ์
นค้ี วรใชใ้ นงานพระราชพธิ เี ฉลมิ พระชนมพรรษา เวลาฉนั แลว้ ถวายอนโุ มทนา
พัดรัตนวราภรณ์ มลี ักษณะเปน็ พดั หน้านาง พ้ืนสนี ้ำ�เงนิ ตรงกลางพดั ปักเปน็ รูปตรา
รัตนวราภรณ์ กลางดวงตราเป็นรูปวงกลม กรอบประดับเพชร มีอักษรพระบรมนามาภิไธย
"ร.ร." กับเลข "๖" ประดับเพชร หมายความว่า สมเดจ็ พระรามราชาธบิ ดที ่ี ๖ อย่ภู ายใน
วงกลมบนพ้นื ลงยาสีขาบทก่ี รอบวงกลมทงั้ ๔ ทศิ เปน็ รปู พระวชริ าวธุ มีรปู พระแสงศรก�ำ ลงั
รามทำ�ดว้ ยทองไขว้ คนั ศรยน่ื ออกในระหวา่ งพระวชริ าวุธท้ัง ๔ ทิศ และมีรูปคมศรเพชรแทรก
ระหวา่ งพระวชริ าวธุ กบั พระแสงศรก�ำ ลงั ราม ๘ แสก เบอื้ งบนมพี ระมหาพชิ ยั มงกฎุ ประดบั เพชร
รอ้ ยด้วยแพรแถบสเี หลืองขอบด�ำ รมิ เหลอื ง ใชส้ �ำ หรบั คลอ้ งคอ อันเป็นการแสดงว่าเคร่อื งราช
อิสรยิ าภรณพ์ ระราชทานแดฝ่ า่ ยหน้า ดา้ นหลังเป็นผ้าพ้ืนสเี หลอื ง
นมพัดเป็นงานกะไหล่ทองเป็นพระบรมราชสัญลักษณ์ประจำ�พระองค์เป็นรูปวชิราวุธ
เปล่งรัศมเี ปน็ สายฟ้า ภายในกรอบพ่มุ ขา้ วบณิ ฑ์ ดา้ มพัดน้ีเป็นงาช้าง ๑ กิ่งไรร้ อยต่อ ด้านบน
เป็นลายแวงต่อดว้ ยลายกรวยเชงิ และส้นแกะลายลูกแกว้ ทรงเฟืองปลายปริก

117

พดั รองพระราชลญั จกรไอราพต

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำ�ริให้สร้างพัดรองท่ีระลึกข้ึนใน
โอกาสท่พี ระองค์ทรงครองสริ ริ าชสมบัติมาครบ ๑๐,๐๐๐ วนั ในวันที่ ๒๘ มนี าคม ร.ศ. ๑๑๔
(พ.ศ. ๒๔๓๘) นบั วา่ นานกวา่ พระมหากษตั รยิ ร์ ชั กาลกอ่ นในพระบรมราชวงศ์ สมควรจะบ�ำ เพญ็
พระราชกศุ ลไวเ้ ปน็ แบบพเิ ศษ จงึ โปรดใหเ้ ชญิ พระราชลญั จกร ตราประจ�ำ ต�ำ แหนง่ มาปกั บน
พัดรองท่รี ะลกึ ทง้ั ยังโปรดใหม้ ีการเชิญพระราชลญั จกร ตราตำ�แหน่ง มาประดษิ ฐานรว่ มกับ
พดั รองทรี่ ะลกึ นนั้ บนโตะ๊ ลายคราม ทจี่ ดั ตง้ั ในมณฑลพธิ ี รว่ มกบั พระสยามเทวาธริ าช พระพทุ ธรปู
สำ�คัญ เครื่องศริ ิราชกกุธภัณฑ์ และเครอื่ งราชปู โภค

พัดที่สร้างข้ึนในงานสมโภชพระราชลัญจกรน้ี ประกอบไปด้วย พัดพระราชลัญจกร
๑๔ เลม่ และพัดตรงต�ำ แหน่ง ๑๙ เลม่ รวม ๒๙ เล่ม และทรงพระกรุณาโปรดพระราชทาน
แกพ่ ระเถระถือไว้ และเม่ือพระเถระนัน้ ถงึ แก่มรณภาพ กจ็ ักมีการพระราชทานพัดรองส�ำ รับน้ี
118 แก่พระเถระรูปอื่นสืบมา จนเม่ือจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสำ�หรับพระนคร สมเด็จ

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำ�รงราชานุภาพ ทรงรวบรวมพัดรองท่ีระลึกน้ีมาจัดแสดง
ปัจจุบนั คงเหลอื ๒๗ เล่ม

ในสว่ นของสมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสนี้ ได้รบั พระราชทาน
พัดพระราชลัญจกรไอราพต มาตั้งแต่ยังดำ�รงพระอิสริยยศท่ีพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหม่ืน
วชริ ญาณวโรรส

ลกั ษณะของพดั รองพระราชลญั จกรไอราพตน้ี มลี กั ษณะเปน็ พดั หนา้ นาง พนื้ ท�ำ ดว้ ยแพร
สีแดง ปักรปู ชา้ งไอราพต ยืนแท่นเทนิ บุษบก ซ่งึ ประดษิ ฐานอณุ าโลม ขนาบด้วยฉัตร ๗ ช้ัน
แวดลอ้ มดว้ ยลายกนกเปลว ลอ้ มรอบดว้ ยแนวลายประจ�ำ ยาม นมพดั รปู พมุ่ ขา้ วบณิ ฑ์ ปกั อกั ษร
นามพัดว่า “พระราชลัญจกรไอราพต” ด้ามไม้ ส้นงากลึงรูปหัวเมด็

119

พระแท่นมหาสมณอาสน์ภายใตเ้ บญจปฎลเศวตฉัตร
ประดิษฐานไว้ด้านทิศตะวันออกของพระโกศ ทรงพระกรุณาโปรดให้เชิญพระพุทธรูป
สำ�คัญขนึ้ ประดิษฐานบนพระแท่นมหาสมณอาสน์

120

121
พระพทุ ธรูปปางมารวิชัย
พทุ ธศิลปต์ ามแบบพระราชนยิ มในรชั กาลที่ ๔
บนพานถมปัดพ้นื ทอง ประดษิ ฐานบนพระแทน่ มหาสมณอาสน์

122

พระรูป
ดา้ นทศิ ตะวนั ตกของพระโกศ ประดษิ ฐานพระรปู สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยา
วชริ ญาณวโรรส ทรงครองจวี รห่มคลมุ เหนือกรอบพระรปู ประดับตราประจ�ำ พระองค์ เป็นรปู
เพชรลกู เปลง่ รศั มี ภายใตเ้ บญจปฎลเศวตฉัตร

อาสน์สงฆ์
ตั้งถดั ขน้ึ มาจากพระรปู สมเด็จพระมหาสมณเจ้าพระองคน์ ้นั อาสนส์ งฆ์ยาวตลอดแนว
ผนังตำ�หนักเพ็ชรปูด้วยผ้าขาว ที่ต้นอาสน์สงฆ์ต้ังธรรมาสน์สังเค็ดเน่ืองในงานพระบรมศพ
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พรอ้ มตง้ั โตะ๊ จ�ำ หลกั ลายปดิ ทองวางพานพระภษู าโยง
อีกสำ�รบั

123

ธรรมาสนส์ งั เคด็
เน่อื งในงานพระบรมศพ
พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยู่หวั

สมเดจ็ พระจกั รพรรดโิ ยชฮิ โิ ตะ

พระราชโทรเลขแสดงความเศรา้ สลดพระราชหฤทยั
ของสมเด็จพระจักรพรรดโิ ยชฮิ ิโตะแห่งญ่ีปุน่

ขา่ วการสน้ิ พระชนมข์ องสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสในครงั้ นนั้ 125
แพร่สะพัดไปจนถึงประเทศญี่ปุ่น ในคร้ังนั้น สมเด็จพระจักรพรรดิโยชิฮิโตะทรงมีพระราช
โทรเลขแสดงความเสยี พระทัยตอ่ จากส้ินพระชนม์ของสมเดจ็ พระมหาสมณเจ้าฯ ในคร้ังน้ี
ด้วยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงคุ้นเคยกับสมเด็จพระจักรพรรดิ
โยชฮิ โิ ตะ นับแต่คร้งั ท่ที ัง้ ๒ พระองคย์ ังทรงเปน็ มกุฎราชกมุ าร โดยเฉพาะเมอ่ื ครั้งทพี่ ระองค์
ทรงสำ�เร็จการศึกษาจากสหราชอาณาจักรแล้ว ได้เสดจ็ ประพาสประเทศตา่ ง ๆ ระหวา่ งทาง
กลบั ประเทศสยาม ในคร้งั น้นั พระองค์ได้เสด็จพระราชดำ�เนินเยอื นกรงุ โตเกยี ว และได้เฝา้ ทูล
ละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ (Emperor Meiji) และพระจักรพรรดินีโชเกน
(Empress Shoken) พรอ้ มทง้ั ไดท้ รงพบกบั มกฎุ ราชกมุ ารโยชฮิ โิ ต (Crown Prince Yoshihito)
ในคร้ังน้ันด้วย นับเป็นคร้ังแรกที่พระราชวงศ์สยามเยือนประเทศญ่ีปุ่น และสถาปนาความ
สัมพนั ธ์ระหวา่ งประเทศในระดบั พระราชวงศ์สืบมาจนถงึ ปัจจบุ นั
ดังความในพระราชโทรเลขทม่ี ีไปมาความว่า

ทลู สมเด็จพระเจ้ากรงุ สยาม กรงุ เทพฯ
ด้วยความเศร้าสลดอย่างยิ่ง หม่อมฉันได้ทราบข่าวสิ้นพระชนม์พระราชปิตุลาของ
พระองค์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส จึงขอให้ทรงรับความเสียใจ
ด้วยของหมอ่ มฉัน

(พระบรมนามาภิไธย) โยชหิ โิ ต

พระราชโทรเลขตอบ
126 ทลู สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าช กรุงโตกิโย

หม่อมฉนั ขอขอบพระราชหฤทยั ทที่ รงเมตตา
(พระบรมนามาภิไธย) ราม ร.

ภายหลังจากวันส้ินพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จ
พระราชดำ�เนินไปทรงบำ�เพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายพระศพสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรม
พระยาวชริ ญาณวโรรส ในอภิลักขิตสมัยเมอื่ พระศพครบ ๗ วัน ๕๐ วนั ๑๐๐ วนั และในพิธี
ทรงบ�ำ เพ็ญพระราชกศุ ล ท้ัง ๓ กาลนี้ บรรพชติ ฝา่ ยอนมั นกิ ายและจนี นิกาย ได้ต้งั พิธีกงเต๊ก
ตามประเพณีท้ัง ๓ กาล พระบรมวงศานุวงศ์ทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายในสานุศิษย์ท้ังบรรพชิตและ
คฤหัสถ์ ก็พากันไปบำ�เพ็ญกุศลอุทิศถวายในวันจันทร์ วันอังคาร วันตรงกับวันสิ้นพระชนม์
ทกุ สัปดาห์ ที่ทำ�เปน็ พิเศษก็มบี า้ ง และมีทง้ั ทท่ี �ำ เป็นสว่ นตวั และท่ีท�ำ รวมกนั เป็นหมู่เป็นคณะ
ตลอดมา ตั้งแต่วนั สิ้นพระชนม์จนถงึ งานพระราชทานเพลงิ ทีพ่ ระเมรุ ณ ทอ้ งสนามหลวง เมอื่
เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๖๕ ๓๒

127

๓๒  ช้ืน ยอดเศรณี, พระประวตั ิ สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (นครปฐม : โรงพมิ พ์มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั ,
๒๕๕๖), น. ๒๓๖ – ๒๓๗.



การบำ�เพ็ญพระราชกศุ ลสัปตมวาร 129

ตง้ั แตส่ มเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสสน้ิ พระชนมม์ าจนถงึ วนั จนั ทร์
ท่ี ๘ สงิ หาคมน้ี บรรจบครบ ๗ วนั จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ง้ั การบ�ำ เพญ็ พระราชกศุ ล
สปั ตมวาร ณ ต�ำ หนกั เพช็ ร วดั บวรนเิ วศวหิ าร เปน็ สว่ นการหลวง มกี �ำ หนดการดงั ตอ่ ไปน้ี
วนั ท่ี ๘ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ เจา้ พนกั งานไดเ้ ตรยี มการทตี่ �ำ หนกั เพช็ รและการกงเตก็
ทวี่ ัดบวรนิเวศวหิ ารไว้พร้อมสรรพ
เวลา ๑๐.๐๐ น. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชด�ำ เนินโดย
รถยนต์พระที่นั่งจากพระราชวงั บางปะอิน พร้อมดว้ ยพระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จ้าลกั ษมลี าวณั
มายังสถานีบางปะอนิ ในทีน่ ีพ้ ระสงฆม์ าคอยสวดถวายชัยมงคลและมที หารบกราบที่ ๑๓ กับ
กองต�ำ รวจภธู รมาตงั้ แถวคอยสง่ เสดจ็ อยู่ กบั มเี จา้ นายบางองคก์ บั ขา้ ราชการมาคอยเฝา้ สง่ เสดจ็
เมอ่ื พระราชทานพระแสงราชศสั ตราส�ำ หรบั เมอื งแกพ่ ระยาโบราณราชธานนิ ทร์ อปุ ราชมณฑล
อยุธยาแลว้ เสด็จข้นึ ประทบั รถไฟพระท่ีนงั่ พเิ ศษ พรอ้ มด้วยพระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ ลกั ษมี
ลาวณั เวลา ๑๐.๒๕ น. รถไฟเคล่อื นจากสถานีบางปะอนิ กลับกรุงเทพฯ
เวลา ๑๑.๔๓ น. รถไฟพระที่นั่งถงึ สถานหี ลวงจติ รลดา เสดจ็ ประทบั ในสถานีในที่นี้
มเี จา้ นายขา้ ราชการมาคอยเฝา้ รบั เสดจ็ ตามสมควร มสี มเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ ภาณรุ งั ษี
สว่างวงศ์ กรมพระยาภาณพุ ันธุวงศ์วรเดช เปน็ ตน้ ทรงรถยนตพ์ ระท่นี ง่ั เสดจ็ ยังที่ประทับ
แรมพระที่น่งั อัมพรสถาน
เวลา ๑๗.๓๐ น. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจา้ อยู่หัวเสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ จาก
พระทนี่ ง่ั อมั พรสถาน พระราชวงั ดสุ ติ ถงึ ยงั ต�ำ หนกั เพช็ ร ทรงเครอ่ื งสกั การะพระศพ แลว้ ทรงวาง

130
พระยาโบราณราชธานนิ ทร์
(พร เดชะคุปต)์

พวงมาลา แล้วทรงจุดเทียนเครื่องทองน้อยสกั การะพระศพแลว้ โปรดพระราชทานไตรสัญญา 131
บตั รพัดยศตั้งพระอธกิ ารไชยทอง จนฺทสฺสโร วดั โคกเสมด็ ๓๓ จงั หวัดสงขลา เป็นพระครูพรหม
เวชวฒุ คิ ณุ เจ้าอาวาสแล้ว ทรงจุดเทยี นเครื่องนมัสการพระชนมวารในพระศพ พระสงฆ์ ๑๐
รูป มีพระธรรมธีรราชมหามุนี (จันทร์ สริ ิจนฺโท)๓๔ เจา้ อาวาสวัดบรมนิวาส เป็นประธานสวด
มนต์ โปรดพระราชทานเงนิ ตราแกห่ มอ่ มเจ้ากรรมสทิ ธิ์ ปราโมช แพทย์ประจำ�พระองค์สมเด็จ
พระมหาสมณเจ้าฯ ๔๐๐ บาท คร้นั สวดพระพทุ ธมนต์จบแล้ว ทรงจุดเทียนทรงธรรม พระ
ราชกวี (แจม่ จตตฺ สลฺโล)๓๕ เจา้ อาวาสวัดมกุฏกษตั รยิ าราม แสดงสดบั พระธรรมเทศนากัณฑ์
หน่ึง แล้วทรงประเคนไทยธรรมกัณฑ์เทศน์
และทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์แล้ว
ทรงประเคนยา่ มบรรจหุ มากพลธู ปู เทยี นใบวตั ถุ
ไทยธรรม พระธรรมธรี ราชมหามนุ ถี วายอตเิ รก
เวลา ๑๘.๓๕ น. เสดจ็ พระราชดำ�เนินกลบั
ข้าราชการฝ่ายจีนญวนเชิญเคร่ืองนำ้�
อัฐบานไปต้ังพระกงเต๊กสวดสังเวยแล้วกลับไป
สวดตามเดิม๓๖

หม่อมเจ้ากรรมสิทธ์ิ ปราโมช

๓๓  ปัจจุบันคอื วัดชยั มงคล
๓๔  ภายหลังดำ�รงสมณศกั ดิท์ ่ี พระอบุ าลีคณุ ูปมาจารย์
๓๕  ภายหลังด�ำ รงสมณศักดิท์ ่ี พระศาสนโศภน
๓๖  จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ค.ศ. ๑๙๒๑ = พ.ศ. ๒๔๖๓ – ๒๔๖๔, หน้า ๒๒๐.

132

พระราชกวี (แจม่ จตตฺ สลฺโล)
เจา้ อาวาสวัดมกุฏกษตั ริยาราม
ภายหลงั ด�ำ รงสมณศักด์ทิ ี่ พระศาสนโศภน

รงุ่ ขึ้นวนั ท่ี ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ เวลา ๑๐.๔๕ น. พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้
เจา้ อยู่หัวเสด็จพระราชด�ำ เนินโดยรถยนตพ์ ระทีน่ ่งั พระที่น่งั อัมพรสถาน พระราชวังดสุ ิตถงึ ยัง
ตำ�หนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงจุดเทียนเคร่ืองสักการะพระศพและทรงเครื่องนมัสการ
พระสงฆ์ ๑๐ รูปถวายพรพระ ทรงประเคนภตั ตาหาร พรอ้ มด้วยเจา้ นาย พระสงฆก์ ระทำ�
ภตุ ตากฤตยแล้ว ทรงประเคนวัตถุปจั จยั เครื่องไทยธรรม พระถวายอนุโมทนาถวายอดิเรกแล้ว
ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการทรงธรรม ซึ่งพระศากยบุตติยวงศ์ (เผ่ือน ติสฺสทตฺโต)๓๗

๓๗  ภายหลงั ดำ�รงสมณศกั ด์ทิ ี่ สมเดจ็ พระวันรัต

133
พระศากยบุตตยิ วงศ์ (เผอ่ื น ตสิ สฺ ทตโฺ ต)

วัดพระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม
ภายหลังด�ำ รงสมณศักดทิ์ ี่ สมเด็จพระวันรตั

วดั พระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม แสดงถวาย จบแลว้ พระพธิ ธี รรมรบั สพั พี ทรงทอดไตรเทศน์
สบงแกพ่ ระสพั พสี ดบั ปกรณแ์ ลว้ ทรงประเคนยา่ มบรรจหุ มากพลธู ปู เทยี นและใบวตั ถไุ ทยธรรม
ถวายอดิเรกแล้ว กงเต๊กเชิญเคร่ืองสังเวยและสวดสังเวย โปรดให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ
เจ้าฟา้ กรมหลวงนครราชสมี าทรงทอดผ้าขาวเนอื้ ดี ๒๕ พับสดบั ปกรณ์แล้ว เวลา ๑๒.๑๕ น.
เสด็จพระราชดำ�เนนิ กลับ กงเต๊กสวดเผาเครือ่ งกระดาษแลว้ เปน็ เสร็จ

134

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาเทวะวงศว์ โรปการ

หลงั จากน้นั ในวนั ที่ ๑๕ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้า
เจา้ อยู่หัวทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหส้ มเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจา้ ฟ้าภาณุรังษีสวา่ งวงศ์
กรมพระยาภาณุพันธวุ งศว์ รเดช ทรงบำ�เพญ็ พระกศุ ลสัปตมวารที่ ๒
ในวันที่ ๒๒ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้สมเด็จพระเจา้
บรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ทรงบ�ำ เพ็ญพระกุศลสัปตมวารที่ ๓

135



การบ�ำ เพญ็ พระราชกศุ ลปญั ญาสมวาร 137

ต้งั แต่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสส้นิ พระชนม์ล่วงมาถึงวันท่ี
๑๙ กนั ยายนน้คี �ำ รบ ๕๐ วนั จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ จ้าพนักงานต้งั การบำ�เพ็ญ
พระราชกศุ ลปญั ญาสมวาร ณ ต�ำ หนกั เพช็ ร วดั บวรนเิ วศวหิ าร เปน็ สว่ นการหลวง มกี �ำ หนดการ
ดงั ตอ่ ไปน้ี
วันท่ี ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๔ เจ้าพนักงานได้เตรียมการท่ีตำ�หนักเพ็ชรและ
การกงเตก็ ทว่ี ดั บวรนเิ วศวหิ ารไวพ้ รอ้ มสรรพ
เวลา ๑๖.๐๐ น. บรรพชิตอนัมนิกายและจีนนิกายได้เร่มิ สวดกงเต๊ก ณ ศาลาแดง
ฝง่ั ตะวนั ออก ดา้ นหนา้ พระอโุ บสถวดั บวรนเิ วศวหิ าร
เวลา ๑๗.๓๐ น. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอย่หู ัวเสด็จพระราชดำ�เนินโดย
รถยนตพ์ ระทน่ี ง่ั จากพระทน่ี ง่ั อมั พรสถาน พระราชวงั ดสุ ติ มายงั วดั บวรนเิ วศวหิ าร เสดจ็ ขน้ึ ประทบั
ณ ต�ำ หนกั เพช็ ร ทรงวางพวงมาลา ทรงจดุ เทยี นเครอ่ื งทองนอ้ ยสกั การะพระศพ แลว้ ทรงจดุ เทยี น
เครอ่ื งนมสั การ พระสงฆ์ ๑๐ รปู มพี ระเทพสธุ ี (อมุ่ ธมมฺ ธโร)๓๘ เจา้ อาวาสวดั อรณุ ราชวราราม
เปน็ ประธาน สวดพระพทุ ธมนตจ์ บ ทรงทอดผา้ ไตร พระสงฆท์ ส่ี วดพระพทุ ธมนตส์ ดบั ปกรณแ์ ลว้
พระเทพสธุ ถี วายอดเิ รกเสรจ็ ทรงจดุ เทยี นเครอ่ื งนมสั การทรงธรรม พระราชสธุ ี (เซง่ อตุ ตฺ โม)๓๙
เจา้ อาวาสวดั ราชาธวิ าสวหิ าร ถวายศลี แสดงพระธรรมเทศนากณั ฑห์ นง่ึ จบแลว้ พระบาทสมเดจ็
พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงจดุ เทยี นเครอ่ื งนมสั การพระธรรมทเ่ี ตยี งพระสวด พระครฐู านานกุ รม
๔ รปู ขน้ึ เตยี งสวดตามเทศนจ์ บลงมานง่ั ยงั อาสนส์ งฆ์ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั
ทรงทอดไตรเทศนไ์ ตรพระสวดสดบั ปกรณแ์ ลว้ ทรงประเคนใบวตั ถยุ า่ มบรรจหุ มากพลธู ปู เทยี น
เครอ่ื งไทยธรรมกณั ฑเ์ ทศนแ์ ลว้ พระราชสธุ ถี วายอตเิ รกเสรจ็

๓๘  ภายหลงั ดำ�รงสมณศักดทิ์ ี่ พระธรรมเจดีย์
๓๙  ภายหลังดำ�รงสมณศกั ดท์ิ ี่ พระธรรมวโรดม

138
พระเทพสุธี (อมุ่ ธมฺมธโร)

เจา้ อาวาสวดั อรณุ ราชวราราม
ภายหลังดำ�รงสมณศักดทิ์ ี่ พระธรรมเจดีย์

พระราชสธุ ี (เซ่ง อตุ ฺตโม)
เจา้ อาวาสวดั ราชาธิวาสวหิ าร
ภายหลังดำ�รงสมณศักดิท์ ี่ พระธรรมวโรดม

เวลา ๑๙.๐๐ น. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอย่หู ัวเสด็จพระราชด�ำ เนินกลับ 139
ประทบั วงั ปารสุ กวนั พระราชวงั ดสุ ติ ขา้ ราชการฝา่ ยจนี เชญิ เครอ่ื งสงั เวยขน้ึ ไปตง้ั บรรพชติ ฝา่ ย
อนมั นกิ ายและจนี นกิ ายขน้ึ ไปสวดกงเตก๊ ตง้ั เครอ่ื งสงั เวยตามวธิ กี งเตก๊ แลว้ กลบั ไปสวดกงเตก๊ อยู่
ทศ่ี าลาตอ่ ไป
วนั ท่ี ๒๐ กนั ยายน พ.ศ. ๒๔๖๔ เวลา ๑๐.๔๕ น. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้
เจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำ�เนินโดยรถยนต์พระท่ีน่ังจากพระที่น่ังอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
มายังวัดบวรนิเวศวิหาร เสด็จขึ้นประทับ ณ ตำ�หนักเพ็ชร ในการเลี้ยงพระ ทรงจุดเทียน
เคร่ืองทองนอ้ ยสักการะพระศพ และทรงจุดเทยี นเครือ่ งนมสั การพระแลว้ พระสงฆ์ ๑๐ รูป
ถวายพรพระ จบแล้วทรงประเคนภัตตาหาร พรอ้ มดว้ ยเจ้านาย พระสงฆ์กระทำ�ภตุ ตากฤตย
แลว้ ทรงประเคนใบวตั ถปุ จั จยั ไทยธรรม พระสงฆถ์ วายอนโุ มทนา พระเทพสธุ ถี วายอตเิ รกแลว้
ทรงจดุ เทยี นเครอ่ื งนมสั การทรงธรรม พระศรวี สิ ทุ ธวิ งศ์ (ปลด กติ ตฺ โิ สภโณ)๔๐ วดั เบญจมบพติ ร
ดสุ ติ วนาราม แสดงพระธรรมเทศนาถวายจบแลว้ พระเปรยี ญ ๔ รปู รบั สพั พี ทรงทอดไตรเทศน์
แลผ้าขาวพับรับสัพพีสดับปกรณ์แล้ว ทรงประเคนย่ามบรรจุหมากพลูธูปเทียนใบวัตถุปัจจัย
ไทยธรรม พระศรีวิสุทธิวงศ์ถวายอติเรกเสร็จ ข้าราชการฝ่ายจีนเชิญเครื่องสังเวยขึ้นไปตั้ง
บรรพชิตอนัมนิกายและจีนนิกายสวดตามวิธีแล้วมานั่งยังอาสน์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมา๔๑ ทรงทอดผ้าขาวพับ ๒๕ พับ
บรรพชิตอนมั นกิ ายและจนี นิกายสวดสดบั ปกรณ์ตามวิธกี งเต๊ก
เวลา ๑๒.๒๐ น. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอย่หู ัวเสด็จพระราชดำ�เนินกลับ
พระราชวงั ดสุ ติ บรรพชติ อนมั นกิ ายและจนี นกิ ายไดไ้ ปสวดกงเตก๊ ขา้ มสะพานตามวธิ ี และเผา
เครอ่ื งกระดาษแลว้ เปน็ เสรจ็ การ

๔๐  ภายหลงั ทรงได้รบั การสถาปนาข้ึนเปน็ สมเดจ็ พระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายก
๔๑  ต่อมาทรงไดร้ ับสถาปนาพระอสิ รยิ ยศเปน็ สมเด็จพระอนชุ าธริ าช เจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมา

140
พระศรวี ิสทุ ธวิ งศ์ (ปลด กิตตฺ ิโสภโณ) วัดเบญจมบพติ รดุสิตวนาราม
ภายหลังทรงไดร้ บั การสถาปนาขึน้ เป็น

สมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ในการน้ี พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงพรหมวรานรุ กั ษ์ พระเชษฐาในสมเดจ็ พระมหา
สมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสโปรดใหพ้ มิ พห์ นงั สอื “ธรรมวจิ ารณ์ สว่ นสงั สารวฏั แตใ่ มจ่ บ”
ซง่ึ เปน็ พระนพิ นธใ์ นสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ พระองคน์ น้ั เพอ่ื เปน็ หนงั สอื ทร่ี ะลกึ ในการบ�ำ เพญ็
พระราชกศุ ลปญั ญาสมวารนด้ี ว้ ย

141
ธรรมวิจารณ์ สว่ นสงั สารวัฏ แต่ใม่จบ
หนงั สือทรี่ ะลกึ ในการบ�ำ เพญ็ พระราชกศุ ลปัญญาสมวาร

โดยในปนี น้ั หลงั จากวนั ออกพรรษาเขา้ สกู่ าลพระราชพธิ ถี วายผา้ พระกฐนิ ทรงพระกรณุ า
โปรดใหต้ ง้ั การพระราชพธิ ถี วายผา้ พระกฐนิ ณ วดั บวรนเิ วศวหิ าร ในวนั แรม ๘ ค�ำ่ เดอื น ๑๑
ตรงกบั วนั ท่ี ๒๔ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๖๔

ในคร้ังน้ัน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเคร่ืองเต็มยศทหารม้า ร.อ.
ประดบั ตราสายสะพายจกั รี เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ โดยรถยนตพ์ ระทน่ี ง่ั จากพระราชวงั พญาไทมา
ประทบั รถมา้ พระทน่ี ง่ั ทข่ี า้ งพระทน่ี ง่ั อนนั ตสมาคม เสดจ็ เปน็ ขบวนรถมา้ แทนขบวนราบ ออก
ประตูทวยเทพสโมสรไปตามถนนราชด�ำ เนิน ขา้ มสะพานผา่ นฟ้าไปเลย้ี วถนนพระสุเมรุ หยุด
พระราชทานพระกฐนิ วดั บวรนเิ วศวหิ ารเปน็ วดั ท่ี ๑ มที หารรบั วดั ทรงรบั ผา้ พระมหากฐนิ ไปวาง
บนพานแวน่ ฟา้ หนา้ สงฆ์ ทรงจดุ เทยี นเครอ่ื งนมสั การ นายรองศลั ยวไิ ชยอา่ นรายงานทลู วดั แลว้
ทรงกลา่ วค�ำ ถวายพระกฐนิ จบ พระสงฆส์ าธอุ ปโลกนถ์ วายพระญาณวราภรณ์๔๒ และสวดญตั ิ
ทตุ ยิ กรรม ทรงจดุ เทยี นพานมหาดเลก็ บชู าพระแลว้ ทรงจดุ เทยี นเครอ่ื งทองนอ้ ยสกั การะพระอฐั ิ
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์แล้ว ทรงทอดไตรฐานานุกรมหม้าย
142 ๑๐ รปู สดบั ปกรณแ์ ลว้ ทรงประเคนไตรปพี ระสงฆค์ รองผา้ มานง่ั ทแ่ี ลว้ โปรดใหพ้ ระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ

กรมพระนเรศรวรฤทธ์ิ ถวายเครอ่ื งบรขิ าร พระถวายอนโุ มทนา ถวายอดเิ รกแลว้ เสดจ็ ถวาย
ผา้ พระกฐนิ ณ วดั ราชบพธิ สถติ มหาสมี าราม และวดั มหาธาตยุ วุ ราชรงั สฤษฎ์ิ เปน็ พระอาราม
ถดั ไป

๔๒  พระญาณวราภรณ์ (หมอ่ มราชวงศ์ชืน่ สจุ ิตฺโต) ภายหลงั ทรงได้รบั สถาปนาขน้ึ เปน็ สมเดจ็ พระสังฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์


Click to View FlipBook Version