คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเตมิ
รายวิชา คอมพิวเตอร์ กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 เวลา 40 คาบ จำนวน 1.0 หน่วยกติ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
คำอธิบายรายวิชา
ศึกษาเก่ียวกับการออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้โปรแกรม Scratch ศึกษาการแก้ปัญหาโดย
ใช้เหตุผลเชิงตรรกะ การใช้งานอินเทอร์เน็ต การค้นหาข้อมูลโดยใช้อินเทอร์เน็ต การประเมินความน่าเช่ือถือ ศึกษา
การใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศและความปลอดภัยในการใชง้ านเทคโนโลยี
โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ( Problem – based Learning) และวัฏจักรการเรียนรู้แบบ
สืบเสาะหาความรู้ (5Es Intructional Model) เพ่ือเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญสถานการณ์การ
แก้ปัญหา วางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้วยตนเองผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติ
โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
ผลการเรียนรู้
1. เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนมคี วามร้คู วามเขา้ ใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
2. เพ่อื ใหผ้ ู้เรียนมีทักษะการคิดเชงิ คำนวณ การคดิ วิเคราะห์ แกป้ ญั หาเปน็ ขัน้ ตอนและเป็นระบบ
3. เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนมที กั ษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลสว่ นตวั และการสือ่ สารเบ้อื งต้นในการ
แก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
4. เพื่อให้ผู้เรียนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นไปใช้ให้เกิด
ประโยชนต์ อ่ สงั คม และการดำรงชวี ิต
5. เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการ
ทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการตดั สินใจ
6. เพ่ือให้ผู้เรียนเป็นผู้ท่ีมีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์
รวมท้ังหมด 6 ผลการเรยี นรู้
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1
การแกป้ ญั หาโดยใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ
เวลา 8 ชั่วโมง
1. ผลการเรียนรู้
1. เพอื่ ให้ผเู้ รียนมีความร้คู วามเขา้ ใจในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
2. เพ่ือใหผ้ ้เู รยี นมีทกั ษะการคดิ เชิงคำนวณ การคดิ วิเคราะห์ แกป้ ญั หาเปน็ ข้ันตอนและเปน็ ระบบ
3. เพ่ือให้ผู้เรียนมีทกั ษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมลู ส่วนตัว และการส่อื สารเบ้ืองต้น
ในการแก้ปัญหาท่พี บในชวี ติ จรงิ ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
4. เพือ่ ให้ผเู้ รียนนำความรคู้ วามเขา้ ใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหม่ทีเ่ กิดขึ้นไปใช้ใหเ้ กิด
ประโยชน์ตอ่ สงั คม และการดำรงชีวิต
5. เพ่ือให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการ
จดั การทกั ษะในการส่อื สาร และความสามารถในการตดั สนิ ใจ
6. เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยอี ย่างสรา้ งสรรค์
2. สาระการเรยี นรู้
2.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง
1) การแกป้ ัญหาอย่างเปน็ ขัน้ ตอนจะชว่ ยใหแ้ กป้ ญั หาได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
2) การใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะเปน็ การนำกฎเกณฑ์ หรือเงื่อนไขท่ีครอบคลุมทกุ กรณีมาใชพ้ จิ ารณาใน
การแกป้ ัญหา
3) แนวคดิ ของการทำงานแบบวนซ้ำ และเง่ือนไข
4) การพิจารณากระบวนการทำงานทีม่ ีการทำงานแบบวนซำ้ และเง่อื นไขเป็นวธิ กี ารทจี่ ะช่วยให้
การออกแบบวิธีการแกป้ ัญหาเป็นไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
5) ตวั อย่างปัญหา เชน่ การคน้ หาเลขหนา้ ทตี่ ้องการใหเ้ ร็วที่สุด การทายเลข 1-1,000,000 โดยตอบ
ใหถ้ ูกภายใน 20 คำถาม การคำนวณเวลาในการเดนิ ทาง โดยคำนงึ ถงึ ระยะทาง เวลาจดุ หยุดพัก
3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
เหตุผลเชิงตรรกะกับการแก้ปัญหา เป็นการนำหลักการ กฎเกณฑห์ รือเง่ือนไขทีค่ รอบคลุมทุก
กรณมี าใช้เพ่อื ตรวจสอบความสมเหตุสมผลหรอื พิจารณาความเป็นไปไดข้ องการม่งุ หาคำตอบและแก้ปัญหา
แนวคิดในการแก้ปัญหา คือแนวคิดท่ีใช้ในการพิจารณากระบวนการทำงานหรือการแก้ปัญหา
ต่าง ๆ อย่างเป็นข้ันตอน ช่วยให้การทำงานและการแก้ปัญหาสามารถทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ โดย
แนวคิดในการแก้ปัญหามี 3 รูปแบบคือ แนวคิดการทำงานแบบลำดับ แนวคิดการทำงานแบบวนซ้ำ และ
แนวคิดการทำงานแบบมเี งอ่ื นไข
4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวนิ ัย
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
5. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การแกป้ ญั หาโดยใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะ
6. การวดั และการประเมินผล
รายการวัด วิธวี ดั เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ
6.1 การประเมนิ ก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
- แบบทดสอบก่อนเรยี น ก่อนเรียน ก่อนเรยี น
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1
เรอื่ ง การแก้ปญั หาโดยใช้
เหตผุ ลเชิงตรรกะ
6.2 การประเมนิ ระหว่างการจัด - ตรวจใบงานที่ 1.1.1 - แบบประเมนิ การทำ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
กิจกรรม เรือ่ ง ตอ่ ยอดการ ใบงานที่1.1.1 เรอื่ ง
1) การแกป้ ัญหาใน แกป้ ัญหาดว้ ยเหตุผล ตอ่ ยอดการแกป้ ัญหา
ชวี ิตประจำวันโดยใช้ เชงิ ตรรกะ ด้วยเหตุผลเชิงตรรกะ
เหตุผลเชิงตรรกะ - ตรวจกจิ กรรมฝึก - กิจกรรมฝึกทกั ษะท่ี
ทักษะท่ี 1 เร่ืองจบั คู่ 1 เร่อื ง จบั ครู่ ำวง
รำวงมาตรฐาน มาตรฐาน
- ตรวจกจิ กรรมฝึก - กิจกรรมฝกึ ทกั ษะท่ี 2
ทักษะท่ี 2 เชยี ร์กีฬา เชียรก์ ฬี า พาเพลิน
พาเพลิน - แบบประเมนิ การ
- ประเมินการนำเสนอ นำเสนอ เรอื่ ง การใช้
เร่ือง การใช้เหตุผลเชิง เหตผุ ลเชิงตรรกะใน
ตรรกะในชวี ติ ประจำวัน ชวี ติ ประจำวนั
2) กระบวนการทำงานหรือ - ตรวจกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะ - แบบประเมนิ การทำ ระดบั คุณภาพ 2
การแก้ปัญหา โดยใช้ ที่ 3 เรือ่ ง ตามตดิ ชีวติ ลงุ กิจกรรมฝกึ ทักษะที่ ผา่ นเกณฑ์
แนวคิดแบบต่าง ๆ พล
3 เรื่อง ตามติดชีวิต
รายการวดั วธิ วี ัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
- ตรวจกิจกรรมฝกึ ทกั ษะ ลุงพล ระดับคุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
ที่ 3 เรือ่ ง ตามติดชีวิต - แบบประเมินการ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ลงุ พล
- ประเมินการนำเสนอ นำเสนอ เรอ่ื ง
แนวคดิ การทำงาน
เรือ่ ง แนวคดิ การ แบบต่าง ๆ ที่ใช้
ทำงานแบบต่าง ๆ ที่ อธบิ ายสถานการณ์
ใชอ้ ธิบายสถานการณ์ ในชวี ติ ประจำวนั
ในชวี ติ ประจำวัน
3) คุณลักษณะ - สงั เกตความมวี นิ ยั - แบบประเมนิ
อันพึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ มั่น คณุ ลกั ษณะ
ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์
6.3 การประเมนิ หลังเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ
1) แบบทดสอบหลังเรยี น หลังเรยี น หลงั เรยี น
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1
เรื่อง การแก้ปัญหาโดยใช้
เหตุผลเชิงตรรกะ
2) การประเมนิ ชิ้นงาน/ - ตรวจชน้ิ งาน/ - แบบประเมนิ ชิ้นงาน/ - ระดบั คุณภาพ 2
ภาระงาน (รวบยอด) ภาระงาน (รวบยอด) ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์
เรือ่ ง การแก้ปญั หาโดยใช้
เหตผุ ลเชิงตรรกะ
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
นักเรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เร่ือง การแกป้ ัญหาโดยใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะ
เร่ืองที่ 1 : เหตผุ ลเชิงตรรกะกบั การแกป้ ัญหา เวลา 4 ชั่วโมง
วธิ กี ารสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
วธิ ีการสอนแบบกระบวนการกลุ่ม
เทคนคิ ตามแนวคดิ เชงิ คำนวณ
ข้นั นำ (15 นาที)
กระตุ้นความสนใจ
1. ครใู ห้นักเรียนทำกิจกรรมลองทำดู ในแบบฝกึ หดั รายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
(วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 หน้า 2 เพื่อเป็นการทบทวนความร้เู ดิมก่อนเขา้ สู่
บทเรยี น
2. ครูและนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายถึงวธิ ีการแกป้ ัญหาของกิจกรรมลองทำดู จนได้ขอ้ สรุปว่าใช้
เหตุผลเชิงตรรกะในการแกป้ ัญหา
3. ครูใหน้ ักเรียนเปิดหนังสือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 หนา้ 2-3 จากนน้ั ครูถามคำถามประจำหน่วยการเรียนร้กู ับนกั เรียนว่า
เหตผุ ลเชงิ ตรรกะช่วยในการแก้ปญั หาได้อยา่ งไร
แนวคำตอบ: เหตุผลเชิงตรรกะช่วยในการแก้ปัญหาได้ เชน่ เขา้ มาช่วยในการพิจารณาสาเหตขุ อง
ปญั หา วธิ ีการแกป้ ญั หา การตรวจสอบการแก้ปัญหา
4. ครูถามคำถามสำคญั ประจำหัวข้อกบั นักเรียนวา่ เหตผุ ลเชิงตรรกะสามารถนำไปใช้ใน
ชีวติ ประจำวนั ได้อย่างไร จากนั้นใหน้ กั เรยี นลองยกตวั อยา่ งการใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะใน
ชีวติ ประจำวนั ของนักเรยี น
ขน้ั สอน (45 นาท)ี
สำรวจค้นหา
1. ครูให้นักเรียนจับกล่มุ 3-4 คน เพือ่ ศึกษาและสังเกตสถานการณต์ ัวอย่างจากหนงั สือเรียนรายวิชา
พืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 1 หนา้ 3-7 เก่ียวกับ
ผลการแขง่ ขันตอบปัญหาภาษาองั กฤษ โดยใหน้ กั เรยี นอ่านบทสมั ภาษณ์ของตวั แทนนักเรยี นแต่
ละคน
2. นักเรียนรว่ มกนั วิเคราะหบ์ ทสัมภาษณแ์ ละพจิ ารณาตัดสง่ิ ท่ีเป็นไปไม่ได้ออกตามหนังสอื จนได้
ข้อสรปุ วา่ ตวั แทนนักเรียนแต่ละคนแข่งขันได้ลำดับท่เี ทา่ ไร
3. ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ พิจารณาสถานการณต์ ัวอย่างในหนังสอื เรยี นอีกครัง้ เพ่อื ถอด
กระบวนการ แนวคิด หรือวธิ กี ารแก้ปัญหาของสถานการณ์ จากนั้นเขยี นแนวคิดหรือวธิ ีการ
แกป้ ญั หาและตอบคำถามลงในใบงานที่ 1.1.1 เร่อื ง ต่อยอดการแกป้ ัญหาดว้ ยเหตผุ ลเชิงตรรกะ
อธิบายความรู้
4. ครใู ห้นกั เรียนแต่ละกลุม่ ออกมานำเสนอผลงานจากการทำใบงานท่ี 1.1.1 เรอ่ื ง ต่อยอดการ
แก้ปญั หาดว้ ยเหตผุ ลเชิงตรรกะ โดยแสดงถงึ วธิ ีการพิจารณาสถานการณ์ เงื่อนไขตา่ ง ๆ แนวคดิ
หรอื วิธีการแกป้ ัญหาโดยใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะตามทแี่ ต่ละกลุ่มได้ระดมความคดิ เหน็ รว่ มกนั ในการ
ทำกิจกรรมกลุ่ม
5. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายถงึ แนวคดิ หรือวิธีการแกป้ ัญหา และการตอบคำถามของนักเรียน
แตล่ ะกลมุ่ วา่ มีความแตกต่างกนั อยา่ งไร และหาขอ้ สรปุ รว่ มกัน
6. ครูมอบหมายงานให้นักเรยี นทำกจิ กรรมฝึกทักษะ Com Sci ในหนงั สือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 หน้า 8 เป็นการบ้าน โดย
เขยี นใสส่ มดุ และส่งในชวั่ โมงถัดไป
ชว่ั โมงท่ี 2
ข้นั สอน (60 นาที)
อธิบายความรู้
1. ครูและนกั เรยี นทบทวนความรเู้ ดมิ ท่เี รยี นในชั่วโมงท่แี ลว้ เรื่องการแก้ปญั หาดว้ ยเหตุผลเชิง
ตรรกะ
2. ครูสมุ่ นกั เรยี น 2-3 คน เพื่ออธบิ ายแนวคิดหรอื วิธกี ารแก้ปัญหาของกจิ กรรมฝกึ ทักษะ Com Sci
ที่สัง่ เปน็ การบ้าน และลงข้อสรุปรว่ มกัน จากนัน้ ใหน้ กั เรยี นสง่ การบา้ น
ขยายความเข้าใจ
3. ครบู อกกบั นกั เรียนว่า ในชั่วโมงทีแ่ ลว้ ครูได้ให้นักเรยี นใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ัญหาการ
ตอบปญั หาภาษาอังกฤษไปแลว้ ในวันน้เี รามาลองใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในสถานการณ์อืน่ ๆ ดบู ้าง
4. ครถู ามนักเรยี นว่ารูจ้ ักรำวงมาตรฐานหรอื ไม่ รำวงมาตรฐานเป็นการแสดงท่ีมีวิวฒั นาการมาจาก
รำโทน ซึ่งเปน็ การรอ้ งและการรำของชาวบา้ น มผี ้รู ำทั้งชายและหญงิ
5. ครใู หน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ (กลุ่มเดิม) อ่านสถานการณแ์ ละเงื่อนไขในกิจกรรมฝึกทกั ษะที่ 1 เรื่อง
จับค่รู ำวงมาตรฐาน ในแบบฝึกหัดรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)
ป.6 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 หน้า 10
6. นกั เรียนในกลุม่ รว่ มกนั จบั คู่ผู้รำฝา่ ยชายและฝ่ายหญิงตามสถานการณ์และเง่ือนไขที่กำหนด และ
ตอบคำถามลงในกจิ กรรมฝึกทักษะท่ี 1
7. ครูถามนักเรียนวา่ จากสถานการณ์ท่กี ำหนดให้ นักเรยี นคิดว่าเพราะเหตุใด จงึ ตอ้ งใชเ้ หตุผลเชงิ
ตรรกะในการแกป้ ญั หานี้ จากนัน้ ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภปิ รายจนได้ข้อสรปุ รว่ มกัน
8. ครมู อบหมายงานใหน้ ักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่องเหตุผลเชงิ ตรรกะกบั การแกป้ ัญหาในแบบฝึกหดั
รายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 หนา้ 3-5
เพอื่ ทบทวนความรู้
ช่วั โมงที่ 3
ขัน้ สอน (60 นาที)
ขยายความเขา้ ใจ
1. ครูและนักเรียนทบทวนความรู้เดิมท่ีเรียนในชั่วโมงที่แล้ว เรื่องการแก้ปัญหาด้วยเหตุผลเชิง
ตรรกะ
2. ครูถามนักเรียนว่า นักเรียนเคยเห็นกองเชียร์นักกีฬาที่น่ังอยู่บนอัฒจันทร์หรือไม่ จากน้ันครูเปิด
วดี ิทศั น์การแปลอกั ษรบนอฒั จันทร์ให้นักเรียนดู
3. ครใู ห้นักเรยี นนั่งตามกลมุ่ เดิมและสมมติบทบาทใหน้ กั เรยี นเปน็ ผูค้ มุ กองเชยี ร์ โดยให้นกั เรียนแต่
ละกลมุ่ รว่ มกนั อ่านสถานการณ์ในกจิ กรรมฝกึ ทักษะท่ี 2 เรื่องเชยี ร์กีฬา พาเพลิน ในแบบฝึกหัด
รายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 หนา้ 12
4. นักเรยี นในกลุ่มรว่ มกนั ทำกจิ กรรมฝึกทักษะที่ 2 เรื่องเชียรก์ ีฬา พาเพลิน โดยนกั เรียนจะต้อง
ระบายสีลง ในตารางให้ถกู ต้องตามเง่ือนไข และทายวา่ รูปท่ีอยู่ในตารางคอื รูปอะไร โดยตาราง
เปรยี บเสมือนกองเชียร์ทนี่ ง่ั อยู่บนอัฒจันทร์และสีทรี่ ะบายเปรียบเสมือนปา้ ยท่นี ักเรียนบน
อฒั จันทรช์ ูข้นึ เพือ่ แสดงตัวอกั ษรหรือรปู ตา่ ง ๆ
5. ครถู ามนักเรยี นแตล่ ะกลุ่มว่านักเรียนท่ีน่งั อยู่บนอัฒจนั ทรก์ ำลังชูปา้ ยเพ่ือแสดงตัวอักษรหรอื รปู
อะไร และสมุ่ ถามนักเรียน 1 กลุ่ม ว่านักเรียนใชแ้ นวคดิ หรือวิธีการใดในการแก้ปัญหา
6. ครถู ามนักเรียนกลมุ่ อน่ื ๆ วา่ นักเรยี นมแี นวคดิ หรือวธิ กี ารแก้ปัญหาเหมือนหรอื แตกตา่ งกันกบั
เพ่อื นกลุม่ ท่แี ลว้ หรอื ไม่ หากมีกลมุ่ ท่ีแตกต่าง ครูใหน้ กั เรียนกลุม่ น้ันอธิบายถึงความแตกต่าง
7. ครมู อบหมายงานให้นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ทำกิจกรรมเรื่อง การใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในชวี ติ ประจำวัน
โดยนกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ จะต้องหากจิ กรรมที่มปี ัญหาเก่ียวข้องกบั ชีวติ ประจำวนั และใช้เหตุผลเชิง
ตรรกะในการแก้ปัญหามา 1 กิจกรรม และใหน้ ักเรยี นนำเสนอกจิ กรรมในชวั่ โมงถัดไป โดยต้องให้
เพอื่ นกลุ่มอนื่ ร่วมแก้ปัญหาในกิจกรรมของกล่มุ เราดว้ ย มเี วลานำเสนอกลุ่มละ 7-10 นาที
ชว่ั โมงท่ี 4
ขนั้ ส8อ.น (50 นาที)
ตรวจสอบผล
1. ครูบอกนกั เรียนวา่ จากช่ัวโมงทแี่ ลว้ ครูได้มอบหมายงานให้นักเรียนทำกิจกรรมเร่ือง การใช้เหตผุ ลเชิง
ตรรกะในชีวิตประจำวัน ในชั่วโมงน้ีครูจะให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอกิจกรรมและพาเพ่ือน
กลุม่ อ่นื ทำกิจกรรมของเราด้วย โดยครูให้เวลาในการนำเสนอกลุ่มละ 7-10 นาที
2. ครใู หน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอและพาเพื่อนทำกิจกรรมเรอ่ื งการใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะใน
ชีวติ ประจำวนั
3. ครูสอบถามนักเรียนแต่ละกลุ่มว่า ชอบกิจกรรมของกลุ่มไหนมากที่สุด และนอกจากกิจกรรมที่กลุ่ม
ของเราหรือของเพื่อน ๆ นำมาแล้ว นักเรียนมีปญั หาอน่ื ๆ ท่ีต้องใช้แนวคิดเชงิ ตรรกะในการแก้ปญั หา
อกี หรือไม่
ขนั้ สรปุ (10 นาที)
ตรวจสอบผล
4. นักเรยี นและครูร่วมกนั สรุปความรูท้ ี่เรยี นมาท้ังหมดเก่ยี วกับการแก้ปัญหาด้วยเหตผุ ลเชงิ ตรรกะ
เรอื่ งที่ 2 : แนวคิดในการแก้ปัญหา เวลา 4 ช่วั โมง
วิธกี ารสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
วิธกี ารสอนแบบกระบวนการกลมุ่
เทคนิคตามแนวคดิ เชิงคำนวณ
ข้นั นำ (10 นาที)
กระตุ้นความสนใจ
1. ครใู หน้ ักเรียนดูภาพจำนวน 3 คู่ โดยเป็นภาพทแี่ สดงถึงแนวคิดการทำงานแบบลำดับ 1 คู่ ภาพที่
แสดงถึงแนวคดิ การทำงานแบบวนซ้ำ 1 คู่ และภาพท่แี สดงถงึ แนวคิดการทำงานแบบเงื่อนไข 1 คู่
แตค่ รไู มต่ อ้ งบอกนกั เรยี นว่าภาพแต่ละคูเ่ ปน็ การทำงานแบบใด
ตวั อย่างภาพทแ่ี สดงถึงแนวคิดการทำงานแบบลำดบั
1) ภาพการตกแต่งหน้าเค้ก โดยมีการอบขนมเค้ก > ทาครีมปิดเน้ือเค้ก > บีบครีมบนเค้ก >
ใสผ่ ลไม,้ คุกก้เี พ่ือตกแต่งหน้าเค้ก
2) ภาพการซักผ้าโดยมีการเปิดน้ำใส่กะละมัง > ใส่ผงซักฟอก > นำผ้าใส่ในกะละมังแล้วขยี้
ผ้า > ล้างผา้ ดว้ ยน้ำสะอาด > บิดผา้ > ตากผ้า
ตวั อยา่ งภาพทแ่ี สดงถึงแนวคิดการทำงานแบบวนซ้ำ
1) ภาพการรดน้ำตน้ ไม้จำนวนหลาย ๆ ตน้ โดยรดน้ำต้นไม้ทลี ะตน้ จนหมด
2) ภาพการหยบิ หนงั สอื วางใสช่ ้ันวางหนงั สอื โดยหยบิ หนงั สอื ทีละเลม่ จนหมด
ตัวอยา่ งภาพท่แี สดงถงึ แนวคิดการทำงานแบบเง่ือนไข
1) ภาพการกรอกน้ำส่ขวดโดยใช้ตู้น้ำหยอดเหรียญ ที่มีปุ๋มสแี ดงให้กดหยุดน้ำ โดยตรวจสอบ
วา่ น้ำเต็มขวดหรือยงั หากยงั ใหร้ อจนน้ำเต็มขวด หากเต็มขวดแล้วให้กดปมุ่ สีแดง
2) ภาพคนกำลังตรวจสอบแต้มสะสมในบัตรสมาชิก เพื่อลดราคาสินค้า โดยหากมีแต้ม
จำนวนหนง่ึ จะไดร้ บั ส่วนลด 5% หากมีแต้มอีกจำนวนหนงึ่ จะได้รบั สว่ นลด 10%
2. ครูให้นักเรียนพิจารณาว่า ภาพแต่ละคู่มีอะไรที่ซ้ำกัน และเปรียบเทียบภาพท้ัง 3 คู่ว่ามีความ
แตกต่างกนั อยา่ งไร
ขน้ั สอน (50 นาที)
สำรวจค้นหา
3. ครูถามคำถามประจำเรื่องในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ
คำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 หนา้ 9 ว่าแนวคดิ ในการแกป้ ญั หามีความสำคญั อย่างไร
4. นักเรียนศึกษาข้อมูลเบื้องต้น เรื่องแนวคิดการทำงานแบบลำดับ ในหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 หน้า 9 เรื่องแนวคิดการ
ทำงานแบบเง่ือนไขในหนังสือเรียนหน้า 12 และเรื่องแนวคิดการทำงานแบบวนซ้ำ ในหนังสือ
เรยี นหน้า 15
อธบิ ายความรู้
5. ครูและนักเรียนร่วมกันตอบคำถามเก่ียวกับเร่ืองแนวคิดการทำงานแบบลำดับตามท่ีนักเรียนได้
ศึกษามาแล้วในหนงั สือเรยี น
ประเด็นคำถาม
1) ห้องของปูมีองค์ประกอบอะไรบ้าง (คำตอบ: หน้าต่าง, ช้ันวางของ, เตียงนอน และตู้
เส้ือผ้า)
2) ปกู ำลังจะทำอะไร (คำตอบ: ทำความสะอาดหอ้ งนอน)
3) ปูมีข้ันตอนในการทำความสะอาดห้องอย่างไร (กวาดหยากไย่บนเพดาน > ทำความ
สะอาดตู้ > เช็ดหน้าต่าง > ทำความสะอาดช้ันวางของ > เปล่ียนผ้าปูท่ีนอน > กวาด
และถูพื้น)
4) เพราะเหตใุ ด ปูจึงเลอื กทำความสะอาดในบรเิ วณท่ีอยู่สูงกอ่ น แล้วจึงไล่ลงมาบริเวณที่ต่ำ
ทส่ี ดุ (แนวคำตอบ: เพราะถ้าหากทำความสะอาดพืน้ หรอื สง่ิ ที่อยขู่ ้างล่างก่อน แลว้ ไปทำ
ความสะอาดสงิ่ ที่อย่สู งู กว่า จะทำให้เศษฝุน่ หรือเศษขยะตา่ ง ๆ หล่นลงมาทีพ่ ้ืน และต้อง
ทำความสะอาดพนื้ อกี รอบ)
5) ห ากปู ไม่มี การวางแผน ห รือไม่มีแน วคิดใน การแก้ปั ญ ห า จะเกิดอะไรข้ึน
(แนวคำตอบ: จะทำให้การทำงานซ้ำซอ้ นและมหี ลายขั้นตอนมากย่ิงขึน้ )
6. ครูถามนักเรยี นเพิ่มเติมอีกว่า หากนักเรียนต้องทำความสะอาดห้องนอนของปู นักเรียนจะเร่ิมทำ
อะไรก่อน เพราะเหตุใด มีนักเรียนคนใดท่ีมีวิธีการทำความสะอาดแตกต่างจากปูบ้าง ครูให้
นักเรียนอธิบายถึงความแตกต่าง จากนั้นครูบอกกับนักเรียนว่าการแก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่ง
สามารถมีได้มากกวา่ 1 วธิ ีกไ็ ด้
7. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการทำความสะอาดห้องนอนของปู โดยได้ข้อสรุปร่วมกันว่า
การทำงานดังกล่าวเป็นการทำงานท่ีมีลำดับก่อน-หลังอย่างชัดเจน โดยต้องทำงานในขั้นแรกให้
สำเร็จก่อน จึงจะเข้าสู่ข้ันตอนถัดไปได้ ซึ่งการทำงานในลักษณะนี้เรียกว่า การทำงานแบบลำดับ
ซึง่ เปน็ แนวคิดในการแกป้ ญั หาแนวคิดหน่งึ
8. ครูสุ่มนักเรียน 3-4 คน เพ่ือถามคำถามท้าทายความคิดข้ันสูงในหนังสือเรียนหน้า 10 ว่า เพราะ
เหตุใด เราจึงไม่ควรใส่รองเท้าก่อนสวมเส้ือและกางเกง (แนวคำตอบ: เพราะหากใส่รองเท้าก่อน
อาจจะทำใหเ้ ราใสก่ างเกงไมส่ ะดวก และกางเกงอาจเปอื้ นได้)
9. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ตอบคำถามเก่ียวกบั เร่อื งแนวคิดการทำงานแบบเงื่อนไขตามที่นกั เรยี นได้
ศึกษามาแลว้ ในหนังสอื เรยี น
ประเดน็ คำถาม
1) นักเรียนเคยสังเกตไหมว่า ถังขยะที่เราเคยเห็นอยู่ตามที่ต่าง ๆ มีหลายสี แต่ละสีมีความ
แตกต่างกันอย่างไร (แนวคำตอบ: สีของถังขยะ บ่งบอกถึงประเภทของขยะท่ีควรทิ้งลง
ไปในถังนน้ั เช่น ถงั ขยะสีนำ้ เงนิ ต้องใสช่ ยะประเภทรไี ซเคิล)
2) หากเรามีขยะประเภทเศษอาหาร เราควรท้ิงลงถงั ขยะสีอะไรเพราะเหตุใด (แนวคำตอบ:
ควรท้ิงลงถังชยะใบสีเขียว เพราะเป็นถังท่ีใส่ขยะแบบย่อยสลายได้ ซึ่งเศษอาหารเป็น
ขยะท่ยี อ่ ยสลายได)้
3) หากเราไม่ทราบหรือไม่เข้าใจเงื่อนไขในการท้ิงขยะ เราจะท้ิงขยะได้ถูกต้องตามประเภท
หรือไม่ และหากเราท้ิงขยะผิดประเภท จะส่งผลอะไร (แนวคำตอบ: ไม่ถูกต้อง โดยหาก
ท้ิงขยะผิดประเภทจะส่งผลต่อความยากลำบากในการกำจัดขยะ และขยะที่มีพิษอาจจะ
ไปปนเปือ้ นกบั ขยะทสี่ ามารถนำไปรไี ซเคลิ ได้)
10. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ว่าการทำงานในลักษณะนี้เป็นการทำงานแบบมีเง่ือนไข ซ่ึงเรา
จะต้องเข้าใจเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ชัดเจนก่อน และต้องใช้เหตุผลเชิงตรรกะมาช่วยพิจารณาด้วย
เพ่อื ใหไ้ ด้คำตอบหรือผลลพั ธต์ ามเงอื่ นไขท่ีกำหนด
ชั่วโมงที่ 2
ข้นั ส1อ.น (60 นาท)ี
อธบิ ายความรู้
1. ครูและนักเรียนร่วมกันทบทวนความรู้เดิมที่เรียนในชั่วโมงท่ีแล้วว่า เราได้รู้จักแนวคิดในการ
แก้ปัญหามาแล้ว 2 แนวคิด ได้แก่ แนวคิดการทำงานแบบลำดับ และแนวคิดการทำงานแบบ
เงอื่ นไข
2. ครูและนักเรียนรว่ มกนั ตอบคำถามเก่ยี วกบั เร่ืองแนวคดิ การทำงานแบบวนซำ้ ตามทนี่ ักเรียนได้
ศึกษามาแลว้ ในหนงั สอื เรยี น
ประเด็นคำถาม
1) ให้นักเรียนดูภาพตัวอย่างแรกในหนังสือเรียน แล้วพิจารณาว่า มีการเขียนแนวคิดแบบใด
และมขี ้นั ตอนทงั้ หมดเท่าไร (คำตอบ: แนวคิดแบบลำดบั / 5 ข้ันตอน)
2) นกั เรยี นลองสงั เกตทีภ่ าพตัวอยา่ งอกี ครั้งว่ามขี ้นั ตอนใดท่ีซำ้ กนั หรือไม่
3. ครูและนักเรียนร่วมกันถามตอบ จนได้ข้อสรุปร่วมกันว่าในการทำงานที่ต้องทำหลายคร้ังเหมือน
ๆ กัน เราสามารถเขียนรวมเป็นข้ันตอนเดียวกันได้ ซึ่งเราเรียกการทำงานแบบนี้ว่าการทำงาน
แบบวนซ้ำ โดยการทำงานแบบวนซ้ำมี 2 แบบคือการทำงานแบบวนซ้ำที่มีจำนวนครั้งแน่นอน
กับการทำงานแบบวนซำ้ ทมี่ จี ำนวนคร้ังไมแ่ นน่ อน
4. ครูช้ีให้นักเรียนเห็นว่าตัวอย่างแรกเรื่องการว่ิงแข่ง เป็นการทำงานแบบวนซ้ำที่มีจำนวนคร้ัง
แน่นอนเพราะมีการบอกจำนวนรอบในการว่ิงท่แี นน่ อน จากนนั้ ครูยกตัวอย่างการทำงานแบบวน
ซำ้ ท่ีมจี ำนวนคร้ังไม่แน่นอน โดยให้นักเรียนดูภาพตวั อยา่ งการใช้ขันตักน้ำเพ่ืออาบน้ำ ในหนังสือ
เรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 หน้า
16 โดยครูถามนักเรียนว่า โดยปกติแล้ว เวลาเราอาบน้ำโดยใช้ขัน มีใครเคยนับจำนวนคร้ังที่เรา
ตักน้ำบ้าง หากเราไม่ได้นับ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราควรต้องหยุดอาบน้ำ (แนวคำตอบ: จนกว่า
รา่ งกายจะสะอาด, จนกวา่ จะพอใจ)
5. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเรื่องการใช้ขันอาบน้ำจนได้ข้อสรุปว่า การทำงานในลักษณะน้ี
เป็นแนวคดิ การทำงานแบบวนซ้ำทีม่ ีจำนวนครั้งไม่แน่นอน โดยจะมีการทำซ้ำไปเร่อื ย ๆ จนกว่า
จะมีเง่ือนทส่ี ่งั ให้หยดุ
6. ครูให้ความรเู้ พ่ิมเติมเรื่องแนวคิดการทำงานแบบวนซ้ำกับนักเรียน ในมุม Com Sci ตามหนังสือ
เรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 หน้า
16
7. ครูมอบมายงานให้นักเรียนทำกิจกรรมฝึกทักษะ Com Sci ในหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 หน้า 11 เร่ืองการ
เรยี งลำดบั ขน้ั ตอนการผูกเชอื กรองเทา้ และหนา้ 14 เรื่องการทำงานแบบเงือ่ นไข เป็นการบา้ น
8. หลังจากที่นักเรียนได้เรียนรู้แนวคิดครบทั้งหมดแล้ว ครูและนักเรียนสรุปร่วมกันอีกครั้งว่า
แนวคิดในการแกป้ ัญหามที ้ังหมด 3 รปู แบบ ไดแ้ ก่
- แนวคดิ การแก้ปญั หาแบบลำดับ
- แนวคิดการแก้ปัญหาแบบวนซ้ำ
-แนวคดิ การแกป้ ญั หาแบบมเี งอื่ นไข
9. ครูถามคำถามเช่ือมโยงไปถึงรูปภาพ ท่ีเปิดให้นักเรียนดูในต้นชั่วโมงที่แล้วว่า แต่ละรูปภาพใช้
แนวคดิ การทำงานแบบใด
10. ครูนำใบงานที่ 1 เรื่องตอ่ ยอดการแก้ปัญหาเชิงตรรกะ ทนี่ ักเรียนเคยไดท้ ำไว้ (ในแผนท่ีแล้ว) โดย
นำวิธีการแก้ปัญหาเร่ืองการตอบปัญหาภาษาอังกฤษท่ีนักเรียนได้เขียนไว้มาฉายลงบนโปรเจก
เตอร์ หรือเขียนลงบนกระดาน เพื่อให้นักเรียนพิจารณาว่า วิธีการแก้ปัญหาที่นักเรียนเคยเขียน
ใชแ้ นวคดิ ใดในการแกป้ ญั หา
ตัวอย่างวิธีการแก้ปัญหาของนักเรียน เรื่องการตอบปัญหาภาษาอังกฤษ โดยครูอาจเลือก
ใบงานที่มีการเขียนวิธกี ารแก้ปัญหาท่ดี ีหรอื สมบูรณท์ ่สี ุดมาให้นักเรียนพิจารณา
11. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายว่าตัวอย่างท่ีครูให้นักเรียนดู ได้ใช้แนวคิดใดบ้าง โดยได้ข้อสรุป
ร่วมกันว่า ใช้แนวคิดท้ัง 3 แนวคิด โดยข้อ 1-7 ใช้แนวคิดการทำงานแบบลำดับ โดยจะมีการ
ทำงานแบบวนซ้ำและมีเงอ่ื นไขซ่อนอยู่ นน่ั คอื ข้อ 4, 5, 6 และ 7 ซง่ึ ใช้แนวคดิ การทำงานแบบวน
ซ้ำและแบบมีเงื่อนไขผสมกัน เพราะ หากตรวจสอบข้อความในข้อ 6 แล้วพบว่ายังได้คำตอบไม่
ครบ จะต้องวนซ้ำกลับไปที่ข้อ 4 และ 5 เพื่ออ่านเง่ือนไข และตัดส่ิงท่ีเป็นไปไม่ได้ออกอีกคร้ัง
และวนซ้ำไปเร่ือย ๆ จนกว่าจะไดค้ ำตอบครบ (แนวคำตอบอืน่ ๆ ขึ้นอยู่กบั ตัวอย่างท่ีครูยกมาให้
เดก็ พจิ ารณา)
12. ครูมอบหมายงานให้นักเรียนทำกิจกรรมฝึกทักษะ Com Sci ในหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน
วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 หน้า 17 เรื่องการทำงานแบบ
วนซ้ำ และแบบฝึกหัดเรื่อง แนวคิดในการแก้ปัญหา ในแบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 หน้า 6 เป็นการบ้าน เพ่ือทบทวน
ความรทู้ ่ไี ด้เรยี นมาทั้งหมด
ชวั่ โมงที่ 3
ข้ันส1อ.น (60 นาที)
ขยายความรู้
1. ครูและนกั เรียนรว่ มกันทบทวนความรู้เดมิ ท่ีเคยเรียนในชวั่ โมงท่ีแลว้ เรื่องแนวคดิ ในการแกป้ ัญหา
2. ครูถามนักเรียนวา่ ในชีวติ ประจำวันของนักเรียนมีกิจกรรมใดบ้าง ทสี่ ามารถอธิบายโดยใชแ้ นวคิด
การทำงานแบบต่าง ๆ ได้ (แนวคำตอบ: การเดินทางไปโรงเรียนด้วยรถยนต์ แล้วรถติดอยู่ที่ 4
แยก โดยมีสัญญาณไฟจราจร 3 สี คือ แดง เหลอื ง เขียว ซึ่งเราจะต้องทราบเงื่อนไขก่อนว่าแต่ละ
สหี มายถงึ อะไร แล้วจึงทำตามเงอื่ นไขนั้นได)้
3. ครบู อกนักเรียนว่า วนั น้ีครูจะให้นักเรียนตามติดชีวิตของลุงคนหนึ่ง เขามีชื่อว่าลุงพล เรามาดูกัน
ดีกว่าว่าใน 1 วัน ลุงพลต้องทำอะไรบ้าง แล้วให้นักเรียนช่วยวิเคราะห์ว่ามีช่วงใดบ้าง ที่เรา
สามารถใชแ้ นวคดิ การทำงานแบบตา่ ง ๆ ในการอธบิ ายได้
4. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 3-4 คน จากนั้นครูอ่านสถานการณ์ในกิจกรรมฝึกทักษะท่ี 3 ใน
แบบฝึกหัดรายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1
หนา้ 14 ให้นักเรยี นฟงั และใหน้ กั เรยี นนึกภาพตาม
5. ครถู ามนักเรยี นว่าจากสถานการณ์ที่ครูอ่านให้ฟัง มชี ่วงใดบ้างทีส่ ามารถใช้แนวคดิ การทำงานแบบ
ต่าง ๆ ในการอธิบายได้ โดยครูให้นกั เรียนในกล่มุ ช่วยกันวิเคราะห์และเขยี นตอบลงในแบบฝึกหัด
6. ครูเรียกนักเรียนแต่ละกลุ่มให้ออกมานำเสนอหน้าช้ันเรียนว่า สามารถใช้แนวคิดแบบต่าง ๆ
อธบิ ายเหตกุ ารณใ์ นชว่ งใดไดบ้ า้ ง และลงข้อสรุปร่วมกนั
ตรวจสอบผล
7. ครูถามนักเรียนว่า แล้วในชีวิตประจำวันของนักเรียน มีเหตุการณ์ หรือสถานการณ์ใดบ้าง ที่
สามารถใชแ้ นวคิดการทำงานแบบตา่ ง ๆ ในการอธบิ ายได้
8. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมเร่ือง แนวคิดการทำงานแบบต่าง ๆ ที่ใช้อธิบายสถานการณ์ใน
ชีวิตประจำวัน โดยครูให้นักเรียนระดมความคิดร่วมกันภายในกลุ่ม และให้นักเรียนแต่ละคน
ร่วมกันเสนอสถานการณ์หรือเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของตนเอง และช่วยกันเลือกเหตุการณ์
หรือสถานการณ์ที่ดีท่ีสุดของกลุ่มเพ่ือมานำเสนอหน้าชั้นเรียน โดยแต่ละกลุ่ม ห้ามใช้เหตุการณ์
หรือสถานการณท์ ่ซี ้ำกัน
9. ครูแจกกระดาษฟลิปชาร์ท และปากกาสีต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนช่วยกันวาดภาพหรือเขียน
ข้อความเพื่ออธิบายเหตุการณ์หรือสถานการณ์นั้น ๆ หากทำไม่ทันในช่ัวโมงนี้ ให้นักเรียนนำ
กลับไปทำเป็นการบา้ น และนำเสนอในชว่ั โมงถัดไป
ชั่วโมงท่ี 4
ข้นั ส1อ.น (40 นาที)
1. ครูบอกนักเรยี นว่า จากชั่วโมงท่ีแล้วครไู ด้มอบหมายงานให้นักเรียนทำกิจกรรมเร่ือง แนวคิดการ
ทำงานแบบต่าง ๆ ท่ีใช้อธิบายสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน ในช่ัวโมงน้ีครูจะให้นักเรียนแต่ละ
กลุ่มนำกระดาษท่ีได้วาดรูปหรือเขียนไว้ ออกมานำเสนอโดยต้องอธิบายถึงแนวคิดต่าง ๆ ให้
ชัดเจน โดยครใู หเ้ วลาในการนำเสนอกล่มุ ละ 7-10 นาที
2. ครูให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอกิจกรรมเร่อื ง แนวคิดการทำงานแบบต่าง ๆ ท่ีใช้อธบิ าย
สถานการณ์ในชวี ติ ประจำวัน
3. ครูสอบถามนักเรียนแต่ละกลุ่มว่า สถานการณ์ของกลุ่มใด ที่มีการนำแนวคิดในการแก้ปัญหา
แบบต่าง ๆ มาอธบิ ายไดช้ ัดเจนท่ีสดุ และนอกจากสถานการณ์ของกลุม่ เราหรอื ของเพ่ือน ๆ แล้ว
ยังมีสถานการณอ์ ื่น ๆ อีกหรือไม่
ข้นั สรุป (20 นาที)
1. ครูให้นักเรียนตรวจสอบตนเองจากการเรียนเนื้อหาในหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เร่ืองการแก้ปัญหา
โดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ
คำนวณ) หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 หน้า 18
2. ครูและนักเรียนสรุปความรู้ประจำหน่วยร่วมกัน โดยดูแผนผังสรุปสาระสำคัญท้ายหน่วย ใน
หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
หนา้ 19
3. ครูมอบหมายงานให้นักเรียนทำกิจกรรมเสริมสร้างการเรียนรู้ ในหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน
วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 หนา้ 20-21 เป็นการบา้ น
4. ครูมอบหมายงานใหน้ กั เรยี นทำช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เป็นการบ้าน
5. ครใู ห้นักเรยี นเลน่ เกมทางของฉัน ในกจิ กรรมเลน่ เกมกับ Com Sci ตามหนังสือเรียนรายวชิ า
พืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 หน้า 18
6. ครใู ห้นักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน
8. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 สือ่ การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรยี น (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เร่ือง การแกป้ ญั หาโดยใชเ้ หตผุ ลเชงิ
ตรรกะ
2) แบบฝกึ หัด (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรอ่ื ง การแก้ปญั หาโดยใชเ้ หตุผลเชิง
ตรรกะ
3) ใบงานท่ี 1.1.1 เรื่อง ต่อยอดการแก้ปญั หาดว้ ยเหตุผลเชิงตรรกะ
4) วดี ิทัศน์เร่อื งการแปลอกั ษรจาก https://www.youtube.com/watch?v=M4xp926Q4O8
8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องคอมพิวเตอร์
2) อินเทอร์เน็ต
แบบทดสอบก่อนเรียน
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1
คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. เหตผุ ลเชิงตรรกะชว่ ยในการแกป้ ัญหาได้อย่างไร 6. หากนกั เรียนไดร้ ับมอบหมายใหจ้ ัดโต๊ะอาหาร โดยตอ้ งวางจาน
ก. ชว่ ยเพิ่มเง่ือนไขในการแก้ปัญหา
ข. ชว่ ยปอ้ งกันปญั หาไมใ่ หเ้ กิดข้ึนอีก วางช้อนส้อม ตกแตง่ โตะ๊ อาหาร และปผู า้ ปโู ต๊ะ นักเรยี นควรเลอื ก
ค. ชว่ ยเพ่มิ ความซบั ซ้อนในการแกป้ ัญหา
ง. ช่วยตรวจสอบความสมเหตุสมผลในการแกป้ ัญหา ทำสง่ิ ใดก่อน จงึ จะประหยดั เวลามากทส่ี ดุ
2. ปมุ้ ปู ปลา เปรีย้ ว เป็นพ่ีน้องกนั เปรีย้ วบอกวา่ เขามีพ่ีหนึง่ คน ก. วางชอ้ นสอ้ มเพ่ือความสะดวกในการตักอาหาร
มนี อ้ งสองคน ปบู อกว่าเขามีพ่ีสามคน ปลาบอกวา่ เขามนี ้อง
หนงึ่ คน ใครอายุมากที่สุด ข. ปผู ้าคลมุ โต๊ะ เพ่ือคลมุ หน้าโต๊ะ ปอ้ งกันรอยขีดขว่ นตา่ ง ๆ
ก. ปมุ้
ข. ปู ค. ตกแต่งโตะ๊ อาหาร เพอ่ื สร้างบรรยากาศในการ
ค. ปลา
ง. เปรีย้ ว รบั ประทานอาหาร
3. บาส บอล เบล และบมี หลงทางอยใู่ นป่า เบลจำได้ว่า ง. วางจานเพอื่ เปน็ การกำหนดตำแหนง่ ของผู้นงั่ รบั ประทาน
ทางออกตอ้ งผา่ นแมน่ ำ้ แตไ่ มผ่ ่านถำ้ และศาลา บาสจำได้
ว่ามีถำ้ อย่เู สน้ ทางที่ 1 และ 4 บอลจำไดว้ า่ เสน้ ทางท่ี 2, 3 อาหารใหแ้ น่นอน
และ 4 มีแม่น้ำไหลผ่าน บีมจำไดว้ า่ มศี าลาอยเู่ สน้ ทางที่ 3
ทางออกคือเสน้ ทางใด 7. ขอ้ ใดเปน็ การทำงานแบบวนซำ้ ทมี่ จี ำนวนคร้งั แนน่ อน
ก. เสน้ ทางที่ 1
ข. เสน้ ทางท่ี 2 ก. ปยุ รับประทานยาตามที่หมอสง่ั จนกวา่ จะหายป่วย
ค. เส้นทางท่ี 3
ง. เสน้ ทางท่ี 4 ข. บอลวิง่ ออกกำลังกายรอบสนามไปเรอื่ ย ๆ
4. แนวคดิ ในการแกป้ ญั หามคี วามสำคญั ยกเวน้ ขอ้ ใด จนกระท่งั เหนือ่ ย
ก. ชว่ ยให้แกป้ ญั หาได้อย่างเป็นขั้นตอน
ข. ชว่ ยสร้างเงื่อนไขใหก้ ับปญั หาตา่ ง ๆ ค. แดนโดนทำโทษให้เก็บขยะในสนามไปเร่ือย ๆจนครบ100 ชน้ิ
ค. ช่วยออกแบบกระบวนการแกป้ ัญหาได้อย่างชดั เจน
ง. ชว่ ยใหก้ ารแกป้ ัญหาสามารถทำไดง้ ่ายและมปี ระสิทธิภาพ ง. แบมเก็บเงนิ วนั ละ 10บาทไปเรือ่ ย ๆจนกวา่ จะพอซอ้ื หนังสือ
5. ข้อใดบอกข้นั ตอนการทำพิซซ่าไดถ้ กู ตอ้ ง การต์ ูน
ก. นวดแป้ง > ทำให้แป้งเป็นแผน่ > อบพิซซ่า >
ตกแตง่ หนา้ พิซซ่า 8. ฝนกินขนมจำนวน 3 ช้ิน สามารถเขียนการทำงานแบบวนซ้ำท่มี ี
ข. นวดแป้ง > ตกแตง่ หน้าพซิ ซ่า > ทำให้แป้งเปน็ แผน่ >
อบพิซซ่า จำนวนครงั้ แน่นอนได้อย่างไร
ค. นวดแปง้ > ทำใหแ้ ป้งเปน็ แผ่น > ตกแต่งหนา้ พซิ ซ่า>
อบพซิ ซ่า ก. เริม่ ตน้ > กินขนม > หยุดกนิ
ง. ทำใหแ้ ป้งเป็นแผน่ > นวดแปง้ > ตกแตง่ หน้าพิซซา่ >
ข. เรม่ิ ตน้ > กนิ ขนม 3 ชิน้ > หยุดกนิ
เฉลย อบพซิ ซ่า
ค. เร่มิ ต้น > กินขนมช้นิ ท่ี 1 > กินขนมชิ้นที่ 3 > หยุดกิน
1. ง 2. ก 3. ข 4. ข 5. ค
ง. เร่มิ ตน้ > กนิ ขนมชิ้นท่ี 1 > กนิ ขนมช้นิ ที่ 2 > กินขนม
ช้นิ ที่ 3 > หยดุ กนิ
9. งานใดเหมาะกบั การใชแ้ นวคดิ การทำงานแบบเง่อื นไขมาก ทสี่ ดุ
ก. การทำขนมเค้ก
ข. การอาบน้ำโดยใช้ขนั
ค. การรดน้ำต้นไม้จำนวน 10 ตน้
ง. การตรวจสอบคะแนนสะสมในบตั รสมาชิก
10. ปมู นี ดั ส่งของให้ลกู ค้าเวลา 15.00 น. หากปูเดนิ ทางโดย
รถจกั รยานยนตจ์ ะใช้เวลา 15 นาที หากเดินทางโดยรถยนต์
จะใช้เวลา 40 นาที ถา้ ขณะน้เี ป็นเวลา 14.30 น. ปูควร
เดนิ ทางด้วยวิธใี ด จึงจะส่งของใหล้ ูกคา้ ทัน
ก. รถยนต์ ข. รถจักรยานตย์ นต์
ค. ทันทงั้ 2 วธิ ี ง. ไมท่ ันทงั้ 2 วธิ ี
6. ข 7. ข 8. ข 9. ง 10. ข
แบบทดสอบหลังเรียน
คำช้แี จง : ให้นกั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. เหตุผลเชงิ ตรรกะช่วยในการแก้ปัญหาได้ ยกเวน้ ขอ้ ใด 6. หากนกั เรียนไดร้ ับมอบหมายใหเ้ ปลีย่ นผ้าปทู ่ีนอน กวาดพื้น
ถพู ้ืน และกวาดหยากไยบ่ นเพดาน นกั เรยี นควรเลอื กทำส่ิงใด
ก. ชว่ ยพจิ ารณาสาเหตขุ องปัญหา ก่อน จงึ จะประหยัดเวลามากท่ีสุด
ก. เปลยี่ นผ้าปูทีน่ อน เพราะเปน็ ทกี่ ักเก็บฝนุ่ มากท่สี ดุ
ข. ช่วยเพมิ่ เง่ือนไขในการแก้ปัญหา ข. ถูพ้ืน เพราะระหวา่ งรอให้พ้ืนแห้งจะไดไ้ ปทำความสะอาด
บรเิ วณอืน่
ค. ชว่ ยพิจารณาความเป็นไปไดข้ องการแก้ปญั หา ค. กวาดพ้ืน เพราะหากพื้นสะอาดแล้วจะทำให้การทำ
ความสะอาดบรเิ วณอื่น ๆ สะดวกมากขนึ้
ง. ชว่ ยตรวจสอบความสมเหตุสมผลในการแกป้ ญั หา ง. กวาดหยากไยบ่ นเพดาน เพราะหยากไยจ่ ะได้ตกลงมา
ที่บริเวณที่ต่ำกว่า และทำความสะอาดตามลำดับ
2. เมืองพอดอี ยเู่ หนอื เมอื งพอใจ เมอื งพอใจอยู่ใตเ้ มือง
7. เจนแจกใบปลิวประชาสมั พันธง์ านวนั ลอยกระทงไปเรือ่ ย ๆ
พอเพียง เมืองพอเพียงอย่เู หนอื เมอื งพองาม และเมอื ง จนหมด จัดเปน็ แนวคดิ การทำงานแบบใด
พอดีอย่ใู ต้เมอื งพองาม เมืองอะไรอย่เู หนอื สดุ ก. การทำงานแบบลำดบั
ข. การทำงานแบบมเี ง่อื นไข
ก. เมืองพอดี ค. การทำงานแบบวนซ้ำทีม่ จี ำนวนครง้ั แนน่ อน
ง. การทำงานแบบวนซำ้ ท่มี จี ำนวนคร้ังไม่แนน่ อน
ข. เมืองพอใจ 8. แฟงปลูกตน้ ไม้จำนวน 3 ต้น สามารถเขียนการทำงานแบบ
วนซ้ำทมี่ ีจำนวนคร้งั แน่นอนไดอ้ ย่างไร
ค. เมืองพอเพียง ก. เร่ิมตน้ > ปลูกตน้ ไม้ > หยดุ ปลูก
ข. เรม่ิ ตน้ > ปลูกตน้ ไม้ 3 ต้น > หยุดปลกู
ง. เมืองพองาม ค. เริม่ ต้น > ปลกู ต้นที่ 1 > ปลูกตน้ ที่ 3 > หยุดปลกู
ง. เริ่มต้น > ปลกู ตน้ ที่ 1 > ปลกู ต้นท่ี 2 > ปลูกตน้ ท่ี 3
3. ปมุ้ ปู ปลา เปร้ียว เปน็ พีน่ ้องกัน เปรยี้ วบอกว่าเขามีพ่ี
> หยดุ ปลกู
หนงึ่ คน มีนอ้ งสองคน ปูบอกวา่ เขามีพสี่ ามคน ปลาบอก 9. งานใดเหมาะกบั การใช้แนวคดิ การทำงานแบบเงื่อนไขมากท่สี ุด
วา่ เขามนี ้องหนง่ึ คน ใครอายุมากท่สี ุด ก. การแต่งตัวไปโรงเรยี น
ข. การร้อยลูกปัดเพอ่ื ทำสรอ้ ยคอ
ก. ปุม้ ข. ปู ค. การสงั เกตไฟจราจรก่อนข้ามถนน
ง. การแจกนมให้นักเรยี นในตอนเช้า
ค. ปลา ง. เปรย้ี ว 10. ครมู านะกำหนดเง่ือนไขในการสอบวิชาภาษาไทย โดยหาก
นักเรยี นได้คะแนนตำ่ กว่า 10 คะแนนถอื วา่ สอบตก ถ้าปลา
4. แนวคดิ ในการแกป้ ญั หามคี วามสำคัญอยา่ งไร ไดค้ ะแนนสอบ 10 คะแนน และเอไ๋ ดค้ ะแนนสอบ 17
คะแนน หมายความวา่ อย่างไร
ก. ช่วยสร้างเงอ่ื นไขให้กบั ปญั หาตา่ ง ๆ ก. ปลาและเอส๋ อบผา่ น ข. ปลาและเอส๋ อบตก
ค. ปลาสอบตก เอส๋ อบผ่าน ง. ปลาสอบผ่าน เอส๋ อบต
ข. ช่วยกำหนดขอบเขตของวธิ ีการแก้ปัญหา
6. ง 7. ง 8. ข 9. ค 10. ก
ค. ชว่ ยออกแบบกระบวนการแก้ปัญหาให้มคี วาม
ซบั ซอ้ น
ง. ช่วยให้การแกป้ ญั หาสามารถทำได้ง่ายและมี
ประสทิ ธภิ าพ
5. ข้อใดบอกขัน้ ตอนการหุงข้าวไดถ้ กู ต้อง
ก. ตวงข้าวสาร > ตวงนำ้ ใหเ้ หมาะสม > หุงข้าว
> ล้างข้าวให้สะอาด
ข. ตวงข้าวสาร > ตวงนำ้ ใหเ้ หมาะสม > ล้างข้าวสาร
ให้สะอาด > หุงข้าว
ค. ตวงข้าวสาร > หุงข้าว > ตวงน้ำใหเ้ หมาะสม
> ล้างข้าวสารใหส้ ะอาด
ง. ตวงข้าวสาร > ลา้ งข้าวสารให้สะอาด >
ตวงน้ำให้เหมาะสม > หุงขา้ ว
เฉลย
1. ข 2. ค 3. ก 4. ง 5. ง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การแก้ปญั หาโดยใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะ เวลา 8 ชั่วโมง
เรอ่ื ง เหตุผลเชิงตรรกะกับการการแก้ปญั หา เวลา 4 ช่ัวโมง
รายวิชา คอมพิวเตอร์ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6
1. ผลการเรยี นรู้
1. เพ่อื ให้ผู้เรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ
2. เพือ่ ใหผ้ เู้ รยี นมที กั ษะการคดิ เชิงคำนวณ การคดิ วิเคราะห์ แก้ปัญหาเปน็ ข้ันตอนและเปน็ ระบบ
3. เพ่ือใหผ้ ู้เรียนมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมลู ส่วนตัว และการสอ่ื สารเบื้องต้น
ในการแก้ปัญหาทพี่ บในชีวิตจริงได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ
4. เพ่อื ให้ผเู้ รยี นนำความรู้ความเขา้ ใจในวิชาวทิ ยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดข้ึนไปใช้ให้เกิด
ประโยชนต์ อ่ สงั คม และการดำรงชีวติ
5. เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการ
จดั การทกั ษะในการสอื่ สาร และความสามารถในการตัดสนิ ใจ
6. เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้ท่ีมีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ออกแบบการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้ โดยใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะ (K,P)
2. ยกตัวอยา่ งการแกป้ ญั หาโดยใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในชีวติ ประจำวนั ได้ (A)
3. สาระสำคัญ
เหตุผลเชิงตรรกะกับการแก้ปัญหา เป็นการนำหลักการ กฎเกณฑ์หรือเง่ือนไขที่ครอบคลุมทุกกรณีมา
ใชเ้ พอ่ื ตรวจสอบความสมเหตสุ มผลหรอื พจิ ารณาความเปน็ ไปได้ของการมุ่งหาคำตอบและแก้ปัญหา
4. สาระการเรยี นรู้
เหตุผลเชิงตรรกะกับการแกป้ ัญหา
5. รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน
1. วธิ ีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
2. วธิ กี ารสอนแบบกระบวนการกลุม่
3. เทคนิคตามแนวคดิ เชิงคำนวณ
6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. ทักษะ 4 Cs
ทักษะการคดิ วจิ ารณญาณ (Critical Thinking)
ทกั ษะการทำงานร่วมกัน (Collaboration Skill)
ทักษะการส่ือสาร (Communication Skill)
ทกั ษะความคดิ สร้างสรรค์ (Creative Thinking)
8. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ซื่อสตั ย์ สจุ ริต
มีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้
อยอู่ ย่างพอเพยี ง มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
รักความเป็นไทย มจี ติ สาธารณะ
9. การจดั กระบวนการเรียนรู้
ชวั่ โมงที่ 1
ขั้นนำ (15 นาท)ี
1. ครใู ห้นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน
กระต้นุ ความสนใจ
2. ครใู ห้นักเรยี นทำกิจกรรมลองทำดู ในแบบฝึกหดั (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1
หนา้ 2 เพือ่ เป็นการทบทวนความรเู้ ดิมก่อนเข้าสบู่ ทเรยี น
3. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภิปรายถึงวธิ กี ารแกป้ ัญหาของกจิ กรรมลองทำดู จนได้ข้อสรุปว่าใช้
เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ัญหา
4. ครใู ห้นักเรยี นเปดิ หนงั สือ (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 หน้า 2-3 จากนน้ั ครูถาม
คำถามประจำหน่วยการเรียนรกู้ ับนักเรยี นวา่ เหตผุ ลเชงิ ตรรกะชว่ ยในการแกป้ ญั หาได้อย่างไร
แนวคำตอบ: เหตผุ ลเชงิ ตรรกะช่วยในการแก้ปญั หาได้ เชน่ เข้ามาช่วยในการพจิ ารณาสาเหตขุ อง
ปญั หา วธิ กี ารแกป้ ญั หา การตรวจสอบการแก้ปัญหา
5. ครถู ามคำถามสำคัญประจำหัวข้อกับนักเรียนว่า เหตุผลเชิงตรรกะสามารถนำไปใชใ้ น
ชวี ิตประจำวนั ได้อย่างไร จากนั้นใหน้ กั เรยี นลองยกตวั อยา่ งการใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะใน
ชีวติ ประจำวนั ของนักเรยี น
ข้นั สอน (45 นาท)ี
สำรวจค้นหา
6. ครูใหน้ กั เรียนจบั กล่มุ 3-4 คน เพอ่ื ศึกษาและสังเกตสถานการณต์ วั อย่างจากหนังสือเรยี น
(วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 หนา้ 3-7 เกี่ยวกับผลการแขง่ ขนั ตอบปญั หา
ภาษาองั กฤษ โดยให้นักเรยี นอ่านบทสัมภาษณ์ของตัวแทนนกั เรียนแต่ละคน
7. นกั เรียนร่วมกันวเิ คราะห์บทสัมภาษณ์และพิจารณาตัดส่งิ ที่เป็นไปไม่ได้ออกตามหนังสอื จนได้
ข้อสรุปว่าตัวแทนนักเรยี นแต่ละคนแข่งขนั ได้ลำดบั ที่เทา่ ไร
8. ครูให้นักเรยี นแต่ละกล่มุ พจิ ารณาสถานการณ์ตัวอย่างในหนังสอื เรยี นอีกครง้ั เพ่ือถอด
กระบวนการ แนวคิด หรอื วิธีการแก้ปัญหาของสถานการณ์ จากนน้ั เขยี นแนวคิดหรือวธิ ีการ
แกป้ ัญหาและตอบคำถามลงในใบงานท่ี 1.1.1 เร่ือง ต่อยอดการแกป้ ัญหาดว้ ยเหตผุ ลเชิงตรรกะ
อธิบายความรู้
9. ครูให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ออกมานำเสนอผลงานจากการทำใบงานที่ 1.1.1 เร่ือง ต่อยอดการ
แกป้ ญั หาดว้ ยเหตผุ ลเชงิ ตรรกะ โดยแสดงถึงวิธกี ารพจิ ารณาสถานการณ์ เง่ือนไขตา่ ง ๆ แนวคดิ
หรือวธิ กี ารแก้ปญั หาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะตามทีแ่ ต่ละกลุ่มได้ระดมความคดิ เห็นรว่ มกนั ในการ
ทำกิจกรรมกล่มุ
10. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายถงึ แนวคิดหรือวิธกี ารแกป้ ัญหา และการตอบคำถามของนักเรียน
แตล่ ะกลมุ่ วา่ มีความแตกตา่ งกนั อยา่ งไร และหาข้อสรปุ รว่ มกัน
11. ครมู อบหมายงานให้นักเรียนทำกิจกรรมฝึกทักษะ Com Sci ในหนังสอื เรียน (วิทยาการคำนวณ)
ป.6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 หน้า 8 เป็นการบ้าน โดยเขียนใส่สมุดและส่งในชว่ั โมงถดั ไป
ชั่วโมงท่ี 2
ข้ันสอน (ต่อ) (60 นาที)
อธิบายความรู้
1. ครแู ละนกั เรยี นทบทวนความรู้เดมิ ที่เรียนในชัว่ โมงท่ีแล้ว เรื่องการแกป้ ญั หาดว้ ยเหตผุ ลเชิงตรรกะ
2. ครสู ่มุ นกั เรยี น 2-3 คน เพอื่ อธบิ ายแนวคิดหรือวิธกี ารแก้ปัญหาของกิจกรรมฝกึ ทักษะ Com Sci ทส่ี ั่ง
เปน็ การบา้ น และลงข้อสรปุ ร่วมกัน จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นส่งการบ้าน
ขยายความเข้าใจ
3. ครบู อกกบั นักเรยี นวา่ ในช่ัวโมงทแ่ี ลว้ ครไู ดใ้ ห้นักเรยี นใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแกป้ ัญหาการตอบ
ปัญหาภาษาอังกฤษไปแล้ว ในวนั น้เี รามาลองใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในสถานการณ์อ่ืน ๆ ดูบ้าง
4. ครูถามนักเรยี นว่าร้จู กั รำวงมาตรฐานหรอื ไม่ รำวงมาตรฐานเป็นการแสดงที่มวี วิ ฒั นาการมาจากรำ
โทน ซ่งึ เป็นการรอ้ งและการรำของชาวบา้ น มผี ู้รำท้ังชายและหญิง
5. ครูให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ (กลุ่มเดมิ ) อา่ นสถานการณ์และเงื่อนไขในกจิ กรรมฝึกทกั ษะที่ 1 เรื่องจับคูร่ ำ
วงมาตรฐาน ในแบบฝึกหดั (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 หนา้ 10
6. นกั เรียนในกลุ่มร่วมกนั จับคู่ผู้รำฝา่ ยชายและฝ่ายหญิงตามสถานการณ์และเงื่อนไขท่ีกำหนด และตอบ
คำถามลงในกจิ กรรมฝึกทักษะท่ี 1
7. ครูถามนักเรียนว่าจากสถานการณท์ ่ีกำหนดให้ นักเรยี นคิดวา่ เพราะเหตุใด จงึ ต้องใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะ
ในการแกป้ ัญหานี้ จากนั้นครูและนกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายจนไดข้ ้อสรุปร่วมกัน
8. ครมู อบหมายงานให้นักเรยี นทำแบบฝกึ หัด เร่ืองเหตผุ ลเชงิ ตรรกะกบั การแก้ปัญหา ในแบบฝึกหัด
(วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 หน้า 3-5 เพ่ือทบทวนความรู้
ชัว่ โมงที่ 3
ข้ันสอน (ต่อ) (60 นาที)
ขยายความเขา้ ใจ
1. ครูและนกั เรยี นทบทวนความรู้เดมิ ท่ีเรยี นในชว่ั โมงที่แลว้ เร่ืองการแก้ปัญหาดว้ ยเหตผุ ลเชิงตรรกะ
2. ครูถามนักเรียนว่า นักเรียนเคยเห็นกองเชียร์นักกีฬาที่น่ังอยู่บนอัฒจันทร์หรือไม่ จากนั้นครูเปิด
วีดิทศั น์การแปลอกั ษรบนอฒั จนั ทร์ให้นักเรียนดู
3. ครใู หน้ กั เรยี นนงั่ ตามกล่มุ เดมิ และสมมติบทบาทให้นักเรยี นเปน็ ผคู้ มุ กองเชียร์ โดยให้นกั เรยี นแต่
ละกลุม่ ร่วมกันอา่ นสถานการณใ์ นกิจกรรมฝกึ ทักษะท่ี 2 เร่ืองเชียร์กฬี า พาเพลนิ ในแบบฝกึ หดั
(วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 หน้า 12
4. นักเรียนในกลุ่มร่วมกันทำกิจกรรมฝึกทักษะที่ 2 เร่ืองเชียรก์ ฬี า พาเพลนิ โดยนกั เรียนจะต้อง
ระบายสลี ง ในตารางให้ถกู ต้องตามเง่ือนไข และทายวา่ รปู ท่ีอยใู่ นตารางคือรปู อะไร โดยตาราง
เปรยี บเสมือนกองเชยี รท์ น่ี ัง่ อยบู่ นอัฒจนั ทร์และสีที่ระบายเปรยี บเสมอื นปา้ ยทีน่ ักเรียนบน
อฒั จนั ทร์ชูขนึ้ เพอื่ แสดงตวั อกั ษรหรอื รปู ตา่ ง ๆ
5. ครูถามนักเรียนแต่ละกลมุ่ วา่ นักเรยี นท่ีน่ังอยบู่ นอัฒจันทร์กำลงั ชปู า้ ยเพื่อแสดงตวั อักษรหรอื รปู
อะไร และส่มุ ถามนักเรยี น 1 กลุ่ม ว่านกั เรียนใช้แนวคิดหรือวิธกี ารใดในการแก้ปัญหา
6. ครถู ามนักเรียนกล่มุ อืน่ ๆ ว่านักเรยี นมีแนวคิดหรือวิธีการแกป้ ัญหาเหมือนหรอื แตกต่างกันกบั
เพอ่ื นกลมุ่ ทแ่ี ล้วหรอื ไม่ หากมีกลุ่มทแี่ ตกต่าง ครูใหน้ ักเรียนกลมุ่ นน้ั อธิบายถงึ ความแตกต่าง
7. ครมู อบหมายงานให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มทำกจิ กรรมเรอ่ื ง การใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในชวี ิตประจำวัน
โดยนักเรียนแตล่ ะกลุม่ จะต้องหากิจกรรมที่มีปญั หาเก่ียวข้องกับชีวติ ประจำวันและใชเ้ หตผุ ลเชงิ
ตรรกะในการแก้ปัญหามา 1 กิจกรรม และให้นักเรียนนำเสนอกิจกรรมในช่ัวโมงถัดไป โดยตอ้ งให้
เพอื่ นกลมุ่ อ่นื รว่ มแกป้ ัญหาในกจิ กรรมของกลุ่มเราด้วย มีเวลานำเสนอกล่มุ ละ 7-10 นาที
ชัว่ โมงที่ 4
ขน้ั สอน (ต่อ) (50 นาที)
ตรวจสอบผล
1. ครูบอกนกั เรียนว่า จากช่ัวโมงท่ีแล้วครไู ด้มอบหมายงานให้นักเรียนทำกจิ กรรมเรื่อง การใช้เหตผุ ลเชิง
ตรรกะในชีวิตประจำวัน ในชั่วโมงนี้ครูจะให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอกิจกรรมและพาเพ่ือน
กลุม่ อน่ื ทำกจิ กรรมของเราด้วย โดยครูใหเ้ วลาในการนำเสนอกลุม่ ละ 7-10 นาที
2. ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอและพาเพ่ือนทำกิจกรรมเรื่องการใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะใน
ชวี ติ ประจำวัน
3. ครูสอบถามนักเรียนแต่ละกลุ่มว่า ชอบกิจกรรมของกลุ่มไหนมากท่ีสุด และนอกจากกิจกรรมที่กลุ่ม
ของเราหรือของเพื่อน ๆ นำมาแล้ว นักเรียนมีปัญหาอนื่ ๆ ที่ต้องใช้แนวคดิ เชงิ ตรรกะในการแก้ปญั หา
อีกหรอื ไม่
ขนั้ สรปุ (10 นาที)
ตรวจสอบผล
4. นักเรยี นและครูรว่ มกันสรุปความรูท้ เี่ รยี นมาทง้ั หมดเก่ยี วกับการแก้ปัญหาด้วยเหตผุ ลเชงิ ตรรกะ
10. ส่ือแหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรียน (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6
2. แบบฝกึ หัด (วิทยาการคำนวณ) ป.6
3. ใบงานท่ี 1.1.1 เร่อื ง ตอ่ ยอดการแกป้ ญั หาดว้ ยเหตผุ ลเชงิ ตรรกะ
4. วีดิทัศนเ์ ร่อื งการแปลอักษรจาก https://www.youtube.com/watch?v=M4xp926Q4O8
11. การวดั และการประเมนิ ผล
11.1 การประเมินระหวา่ งการจัดกิจกรรม
จดุ ประสงค์ วิธกี ารประเมนิ เครอ่ื งมือการประเมิน เกณฑ์การประเมนิ
ออกแบบการแกป้ ัญหาใน ตรวจใบงานที่ 1.1.1 แบบประเมินการทำใบ สามารถออกแบบการ
ชีวติ ประจำวนั ได้ โดยใช้ เรอ่ื ง ต่อยอดการ งานที1่ .1.1 เรอื่ ง ต่อยอด แกป้ ัญหาโดยใชเ้ หตผุ ล
เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ (K,P) แกป้ ญั หาด้วยเหตผุ ลเชิง การแกป้ ัญหาด้วยเหตผุ ล เชงิ ตรรกะ ระดับคุณภาพ
ตรรกะ เชงิ ตรรกะ พอใช้ข้ึนไป
ตรวจกจิ กรรมฝกึ ทักษะที่ กิจกรรมฝึกทักษะที่ 1 สามารถแก้ปญั หาได้
1 เรอื่ งจับคู่รำวง เรื่องจับครู่ ำวงมาตรฐาน ถกู ต้องตามเงื่อนไข 60%
มาตรฐาน ขน้ึ ไป
ยกตวั อยา่ งการแกป้ ัญหา ตรวจกิจกรรมฝึกทักษะที่ กิจกรรมฝกึ ทักษะท่ี 2 สามารถแก้ปญั หาได้
โดยใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะ 2 เชียรก์ ฬี า พาเพลนิ เชยี ร์กีฬา พาเพลิน ถกู ต้องตามเงอ่ื นไข 60%
ในชีวติ ประจำวนั ได้ (A) ขน้ึ ไป
ประเมินการนำเสนอ แบบประเมินการนำเสนอ สามารถนำเสนอ เร่ือง
เรอ่ื ง การใช้เหตุผลเชงิ เรือ่ ง การใชเ้ หตผุ ลเชิง การใช้เหตุผลเชิงตรรกะ
ตรรกะในชวี ติ ประจำวนั ตรรกะในชวี ติ ประจำวัน ในชีวิตประจำวนั ระดับ
คณุ ภาพระดับพอใช้ข้นึ
ไป
11.2 การประเมินใบงานที่ 1.1.1 เร่อื ง ต่อยอดการแกป้ ัญหาดว้ ยเหตุผลเชิงตรรกะ
แบบประเมินการทำใบงาน
ประเด็นท่ีประเมนิ 3 ระดบั คะแนน 1
1. ความถกู ต้องของเน้ือหา แนวคดิ หรอื วิธีการ 2 แนวคิดหรอื วธิ กี าร
แก้ปัญหามีความถูกต้อง แกป้ ัญหามีความถูกต้อง
ตรงตามเงื่อนไขทุกกรณี แนวคิดหรอื วธิ ีการ แตต่ รงตามเงอ่ื นไขน้อยกวา่
แก้ปญั หามีความถูกต้อง 50%
แตต่ รงตามเงื่อนไข 50%
ขึน้ ไป
2. ออกแบบแนวคดิ หรือ สามารถออกแบบแนวคิด สามารถออกแบบแนวคดิ สามารถออกแบบแนวคดิ
วธิ กี ารแกป้ ญั หาอย่างเป็น หรือวธิ ีการแกป้ ัญหาได้ หรือวธิ ีการแก้ปญั หาได้ หรือวิธกี ารแก้ปญั หาได้ แต่
ลำดับข้ันตอน อยา่ งเปน็ ลำดับขน้ั ตอนที่ อย่างเปน็ ลำดบั ขัน้ ตอน แต่ ยงั ไมเ่ ปน็ ลำดับขน้ั ตอน
ชดั เจน ยงั ไมช่ ดั เจน
3. การให้เหตผุ ล อธิบายแนวคดิ หรือวธิ กี าร อธบิ ายแนวคิดหรอื วิธกี าร อธบิ ายแนวคดิ หรือวิธีการ
ประกอบการอธิบาย แกป้ ญั หาไดพ้ ร้อมทง้ั ให้ แกป้ ัญหาได้ พร้อมทั้งให้ แกป้ ญั หาพร้อมได้ แต่ไม่ให้
แนวคดิ หรือวธิ กี าร เหตุผลประกอบอย่าง เหตุผลประกอบ โดยเหตุผล เหตุผลประกอบ
แกป้ ญั หา สมเหตสุ มผลทุกประเดน็ มคี วามสมเหตุสมผล
มากกวา่ 50% ข้ึนไป
เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
8-9 ดี
5-7
พอใช้
ต่ำกวา่ 5 ปรบั ปรุง
11.3 การประเมนิ การนำเสนอกล่มุ
แบบประเมนิ การนำเสนอกลุ่ม
ลำดบั ที่ รายการประเมนิ คุณภาพผลงาน
4321
1 กจิ กรรมการแก้ปัญหาเชงิ ตรรกะในชวี ติ ประจำวันมีความนา่ สนใจ
2 อธบิ ายวธิ ีการเลน่ กจิ กรรมของกลุ่มตนเองได้อยา่ งเขา้ ใจ
3 ควบคมุ เวลาในการนำเสนอได้อยา่ งเหมาะสม
4 การมีสว่ นร่วมของสมาชิกในกลุ่ม
5 การรบั ฟังความคดิ เหน็ ของสมาชิกกลมุ่ อ่นื
รวม
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ดมี าก = 4
ดี = 3
พอใช้ = 2
ปรับปรุง =1
เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คะแนน
18 - 20 ดีมาก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ำกว่า 10 ปรบั ปรุง
ใบงานที่ 1.1.1
เร่ือง ต่อยอดการแก้ปญั หาด้วยเหตผุ ลเชิงตรรกะ
คำช้ีแจง : ให้นักเรียนอ่านสถานการณ์เรื่องผลการแข่งขันตอบปัญหาภาษาอังกฤษในหนังสือ
เรยี น แลว้ ตอบคำถามตอ่ ไปนี้
1. นกั เรียนมแี นวคิดหรือวธิ กี ารแกป้ ญั หาจากสถานการณ์ท่กี ำหนดใหอ้ ย่างไร จงอธบิ าย
อยา่ งละเอียดโดยใช้ภาพ สัญลกั ษณ์ หรือขอ้ ความ
ตัวอยา่ งการอธบิ ายการแก้ปญั หาด้วยข้อความอย่างครา่ ว ๆ
เร่มิ ตน้ > อา่ นเงอ่ื นไข > ตรวจสอบเงือ่ นไข > แสดงผลการแข่งขัน > จบการทำงาน
2. เมื่อนกั เรยี นอ่านและพจิ ารณาเงือ่ นไขครบทั้งหมดแล้วเพียง 1 รอบ นักเรยี นสามารถรู้
ผลการแขง่ ขันตอบปญั หาภาษาองั กฤษได้เลยหรือไม่ เพราะเหตใุ ด
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
3. จากสถานการณ์ท่ีกำหนดให้ นักเรียนคิดว่าเพราะเหตุใด จึงต้องใช้เหตุผลเชิงตรรกะ
ในการแกป้ ญั หา
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
..............................................................................................................................................
4. หากสถานการณ์ทีก่ ำหนด ขาดเง่อื นไข “ต้นกล้าไดค้ ะแนนนอ้ ยกวา่ ก้าน” นักเรยี นคิด
ว่าเราจะสามารถแกป้ ญั หาได้หรือไม่ เพราะเหตใุ ด
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
..............................................................................................................................................
ใบงานที่ 1.1.1 เฉลย
เรื่อง ตอ่ ยอดการแก้ปัญหาด้วยเหตุผลเชงิ ตรรกะ
คำชี้แจง : ให้นักเรียนอ่านสถานการณ์เร่ืองผลการแข่งขันตอบปัญหาภาษาอังกฤษในหนังสือ
เรยี น แล้วตอบคำถามตอ่ ไปนี้
1. นักเรียนมีแนวคิดหรือวธิ ีการแก้ปัญหาจากสถานการณท์ ี่กำหนดใหอ้ ย่างไร จงอธบิ าย
อยา่ งละเอยี ดโดยใช้ภาพ สญั ลักษณ์ หรอื ข้อความ
ตัวอยา่ งการอธบิ ายการแกป้ ญั หาดว้ ยข้อความอยา่ งครา่ ว ๆ
เร่ิมตน้ > อ่านเงื่อนไข > ตรวจสอบเงื่อนไข > แสดงผลการแข่งขนั > จบการทำงาน
ตวั อยา่ งวธิ ีการแกป้ ญั หาโดยใชข้ อ้ ความ
1. เร่มิ ตน้
2. อา่ นเงื่อนไขทัง้ หมด
3. เขยี นแนวทางทเี่ ปน็ ไปได้ทัง้ หมดลงในตาราง
4. อา่ นเงอื่ นไขอีกครัง้
5. ตัดสิ่งที่เป็นไปไม่ไดอ้ อก
6. ตรวจสอบว่าได้คำตอบครบหรือยัง หากยงั ไมค่ รบใหก้ ลับไปอา่ น
เงอ่ื นไขในขอ้ 4 และตัดส่งิ ท่ีเป็นไปไมไ่ ดอ้ อกในข้อ 5 และมา
ตรวจสอบอีกครงั้ หากครบแล้วใหส้ รปุ ผลการแขง่ ขัน
7. สรุปผลการแขง่ ขัน
8. จบการทำงาน
2. เมื่อนักเรยี นอ่านและพจิ ารณาเง่ือนไขครบทงั้ หมดแล้วเพยี ง 1 รอบ นักเรียนสามารถรู้
ผลการแขง่ ขันตอบปญั หาภาษาองั กฤษไดเ้ ลยหรือไม่ เพราะเหตุใด
....ไ.ม...ส่ ..า..ม..า..ร..ถ...ร..ู้ผ..ล..ไ..ด..ท้...ัน...ท..ี..เ.พ...ร..า.ะ...เ.ม..่ือ...อ..่า..น...เ.ง..ื่อ..น...ไ.ข...ค..ร..้ัง..แ..ร..ก...จ..ะ..ท...ร..า..บ..ผ...ล..เ.พ...ยี..ง..ผ..ทู้...ไี่..ด..้ล..ำ..ด...บั ..ท...ี่.1.....
....แ..ล..ะ...ล..ำ..ด..บั...ท...ี่ .5....ค..ือ..แ...พ..ร..ไ..ห...ม..แ..ล...ะ..ต..้น...ก..ล...า้ ...ท...ำ..ใ.ห...ต้ ..้อ..ง..อ...า่ ..น..เ.ง..่อื...น..ไ..ข..ซ..ำ้..อ...กี ..ค...ร..ั้ง............................
...โ..ด..ย..เ..ง.ือ่...น..ไ..ข..ท...จี่..ะ..ห...า..ล..ำ..ด...บั ..อ...น่ื ....ๆ...ไ..ด..้ค...ือ....ก..า้..น..ไ..ด..ค้...ะ..แ..น...น..ร..อ...ง..จ..า..ก..แ...พ..ร..ไ..ห...ม...1....ล..ำ..ด...บั ...แ...ส..ด..ง..ว..่า....
...ก...้า..น..ไ..ด..้ล..ำ..ด...ับ..ท...ี่.2....เ.พ...ร..า..ะ..แ..พ...ร..ไ..ห..ม...ไ.ด...้ล..ำ..ด..บั...ท...ี่ .1....จ..า..ก..น...้ัน..จ...ะ..เ.ห...น็ ..ต...ำ..แ..ห...น..่ง..ว..่า..ง..อ..ีก....2...ล...ำ..ด..ับ...ค..อื...
...ล...ำ.ด...บั ..ท...ี่..3...แ..ล...ะ...4....โ.ด...ย..เ.ม...่ือ..อ...า่ .น...เ.ง..ื่อ...น..ไ..ข...น...ำ้..เ.พ...ช..ร..ช...น..ะ..พ...ล...อ..ย..ใ..ส...แ...ต..่ไ..ม..ไ่..ด..้ท...่ี .1....ก..จ็..ะ..ส...า..ม..า..ร..ถ.....
...ท...ร..า..บ..ไ..ด..้เ..ล..ย..ว..่า..น...้ำ..เ.พ...ช..ร..ไ..ด..้ล..ำ..ด...บั ..ท...ี่.3....แ..ล...ะ..แ..พ...ร..ไ.ห...ม...ไ.ด..ล.้ ..ำ..ด..บั...ท..ี่..4............................................
..............................................................................................................................................
3. จากสถานการณ์ท่ีกำหนดให้ นักเรียนคิดว่าเพราะเหตุใด จึงต้องใช้เหตุผลเชิงตรรกะ
ในการแกป้ ัญหา
……เ…พ…รา…ะ…ส…ถา…น…ก…าร…ณ…ม์ …ีเ…งอื่ …น…ไข…ม…า…ให…้ เ…ร…าจ…ึง…ตอ้…ง…ใช…้เ…หต…ุผ…ล…เช…งิ …ตร…ร…ก…ะม…า…ช…ว่ ย…พ…จิ …า…รณ…า…เง…่อื …น…ไข
……เ…พ…่ือ…ตร…ว…จ…สอ…บ…ค…ว…าม…ส…ม…เห…ต…ุส…มผ…ล…แ…ล…ะ…พ…ิจ…าร…ณ…า…คว…า…ม…เป…น็ …ไป…ไ…ด…ข้ อ…ง…ก…าร…แ…ก…ป้ ญั……หา…………
………………………………………………………………………………………………………………………………
..............................................................................................................................................
4. หากสถานการณ์ทีก่ ำหนด ขาดเง่อื นไข “ต้นกล้าไดค้ ะแนนนอ้ ยกว่ากา้ น” นักเรยี นคิด
วา่ เราจะสามารถแก้ปญั หาได้หรอื ไม่ เพราะเหตุใด
……แ…ก…ป้ …ัญ…ห…าไ…ม…่ได…้ เ…พ…รา…ะ…ห…าก…ข…า…ดเ…ง่ือ…น…ไ…ขต…น้ …ก…ล…า้ ไ…ด…้ค…ะแ…น…น…น…อ้ …ยก…ว…่าก…า้ …น…จ…ะ…ไม…ส่ …า…มา…ร…ถ……
……ท…ร…าบ…ไ…ด…้เล…ย…ว่า…ต…น้ …ก…ล…้าอ…ย…ู่ล…ำด…ับ…ท…่เี ท…า่…ไ…ร …ซ…ง่ึ ห…า…ก…ไม…่ท…ร…าบ…ล…ำ…ด…ับข…อ…ง…ต…น้ ก…ล…้า…ก…็จ…ะไ…ม…่ ……
……ส…า…มา…ร…ถ…ตัด…แ…น…ว…ทา…ง…ท…ี่เป…น็ …ไป…ไ…ม…ไ่ ด…้อ…อ…ก…แ…ละ…แ…ก…้ป…ัญ…ห…าต…่อ…ไม…ไ่ …ด…้ …………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
..............................................................................................................................................
12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......
ลงช่อื
(
ตำแหนง่
13. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))
ปัญหา/อุปสรรค
แนวทางการแก้ไข
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การแก้ปญั หาโดยใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะ เวลา 8 ช่ัวโมง
เรื่อง แนวคดิ ในการแกป้ ญั หา เวลา 4 ช่ัวโมง
รายวิชา คอมพิวเตอร์ กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6
1. ผลการเรียนรู้
1. เพื่อให้ผเู้ รยี นมีความร้คู วามเข้าใจในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ
2. เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แกป้ ญั หาเปน็ ขั้นตอนและเป็นระบบ
3. เพ่ือใหผ้ ู้เรียนมีทกั ษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมลู ส่วนตัว และการส่อื สารเบื้องต้น
ในการแกป้ ญั หาท่ีพบในชวี ติ จรงิ ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
4. เพ่ือให้ผเู้ รยี นนำความรคู้ วามเขา้ ใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหม่ท่ีเกดิ ขึ้นไปใช้ให้เกิด
ประโยชน์ตอ่ สังคม และการดำรงชีวติ
5. เพ่ือให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการ
จดั การทกั ษะในการสอ่ื สาร และความสามารถในการตดั สนิ ใจ
6. เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้ท่ีมีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยอี ยา่ งสรา้ งสรรค์
2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายกระบวนการทำงานหรือการแก้ปัญหา โดยใชแ้ นวคดิ แบบตา่ ง ๆ ได้ (K)
2. ออกแบบกระบวนการทำงานหรือการแก้ปญั หา โดยใช้แนวคดิ แบบต่าง ๆ ได้ (P)
3. ยกตัวอยา่ งการแก้ปัญหาโดยใช้แนวคดิ การทำงานแบบตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจำวนั ได้ (A)
3. สาระสำคญั
แนวคิดในการแก้ปัญหา คือแนวคิดท่ีใช้ในการพิจารณากระบวนการทำงานหรือการแก้ปัญหาต่าง ๆ
อยา่ งเป็นข้ันตอน ชว่ ยให้การทำงานและการแกป้ ัญหาสามารถทำได้ง่ายและมีประสทิ ธิภาพ โดยแนวคดิ ในการ
แก้ปัญหามี 3 รูปแบบคือ แนวคิดการทำงานแบบลำดับ แนวคิดการทำงานแบบวนซ้ำ และแนวคิดการทำงาน
แบบมเี ง่ือนไข
4. สาระการเรียนรู้
แนวคดิ ในการแกป้ ัญหา
5. รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน
1. วธิ กี ารสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
2. วธิ ีการสอนแบบกระบวนการกลมุ่
3. เทคนิคตามแนวคิดเชงิ คำนวณ
6. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
ความสามารถในการส่ือสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแก้ปญั หา
ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. ทักษะ 4 Cs
ทักษะการคดิ วิจารณญาณ (Critical Thinking)
ทักษะการทำงานร่วมกัน (Collaboration Skill)
ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill)
ทกั ษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
8. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ซือ่ สตั ย์ สจุ ริต
มวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้
อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
รกั ความเป็นไทย มีจติ สาธารณะ
9. การจัดกระบวนการเรยี นรู้
ชวั่ โมงท่ี 1
ขนั้ นำ (10 นาที)
กระตุ้นความสนใจ
1. ครูใหน้ ักเรยี นดูภาพจำนวน 3 คู่ โดยเป็นภาพที่แสดงถึงแนวคดิ การทำงานแบบลำดับ 1 คู่ ภาพท่ี
แสดงถงึ แนวคิดการทำงานแบบวนซ้ำ 1 คู่ และภาพที่แสดงถงึ แนวคิดการทำงานแบบเง่ือนไข 1 คู่
แต่ครูไมต่ ้องบอกนักเรียนว่าภาพแต่ละค่เู ปน็ การทำงานแบบใด
ตวั อย่างภาพทแ่ี สดงถงึ แนวคดิ การทำงานแบบลำดับ
1) ภาพการตกแต่งหน้าเค้ก โดยมีการอบขนมเค้ก > ทาครีมปิดเนื้อเค้ก > บีบครีมบนเค้ก >
ใส่ผลไม,้ คุกก้ีเพอ่ื ตกแตง่ หน้าเคก้
2) ภาพการซักผ้าโดยมีการเปิดน้ำใส่กะละมัง > ใส่ผงซักฟอก > นำผ้าใส่ในกะละมังแล้วขย้ี
ผา้ > ลา้ งผ้าดว้ ยน้ำสะอาด > บิดผ้า > ตากผ้า
ตัวอยา่ งภาพท่แี สดงถึงแนวคดิ การทำงานแบบวนซำ้
1) ภาพการรดน้ำตน้ ไม้จำนวนหลาย ๆ ต้น โดยรดน้ำตน้ ไม้ทลี ะต้น จนหมด
2) ภาพการหยิบหนงั สอื วางใสช่ ัน้ วางหนังสอื โดยหยบิ หนงั สือทีละเลม่ จนหมด
ตวั อยา่ งภาพท่แี สดงถึงแนวคิดการทำงานแบบเง่ือนไข
1) ภาพการกรอกน้ำส่ขวดโดยใช้ตู้น้ำหยอดเหรียญ ท่ีมีปุ๋มสีแดงให้กดหยุดน้ำ โดยตรวจสอบ
วา่ นำ้ เตม็ ขวดหรือยัง หากยงั ให้รอจนน้ำเตม็ ขวด หากเต็มขวดแล้วให้กดปุ่มสีแดง
2) ภาพคนกำลังตรวจสอบแต้มสะสมในบัตรสมาชิก เพ่ือลดราคาสินค้า โดยหากมีแต้ม
จำนวนหนึง่ จะไดร้ ับส่วนลด 5% หากมแี ตม้ อีกจำนวนหนึ่งจะได้รบั ส่วนลด 10%
2. ครูให้นักเรียนพิจารณาว่า ภาพแต่ละคู่มีอะไรที่ซ้ำกัน และเปรียบเทียบภาพท้ัง 3 คู่ว่ามีความ
แตกตา่ งกันอยา่ งไร
ขั้นสอน (50 นาท)ี
สำรวจคน้ หา
3. ครูถามคำถามประจำเรื่องในหนังสือ (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 หน้า 9 ว่า
แนวคิดในการแก้ปญั หามีความสำคญั อยา่ งไร
4. นักเรียนศึกษาข้อมูลเบ้ืองต้น เร่ืองแนวคิดการทำงานแบบลำดับ ในหนังสือ (วิทยาการคำนวณ)
ป.6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 หน้า 9 เรื่องแนวคิดการทำงานแบบเง่ือนไขในหนังสือเรียนหน้า 12
และเรื่องแนวคดิ การทำงานแบบวนซ้ำ ในหนังสอื เรยี นหน้า 15
อธบิ ายความรู้
5. ครูและนักเรียนร่วมกันตอบคำถามเก่ียวกับเร่ืองแนวคิดการทำงานแบบลำดับตามที่นักเรียนได้
ศึกษามาแลว้ ในหนังสือเรียน
ประเดน็ คำถาม
1) ห้องของปูมีองค์ประกอบอะไรบ้าง (คำตอบ: หน้าต่าง, ชั้นวางของ, เตียงนอน และตู้
เสอ้ื ผ้า)
2) ปูกำลังจะทำอะไร (คำตอบ: ทำความสะอาดห้องนอน)
3) ปูมีขั้นตอนในการทำความสะอาดห้องอย่างไร (กวาดหยากไย่บนเพดาน > ทำความ
สะอาดตู้ > เช็ดหน้าต่าง > ทำความสะอาดช้ันวางของ > เปล่ียนผ้าปูที่นอน > กวาด
และถูพืน้ )
4) เพราะเหตใุ ด ปจู ึงเลือกทำความสะอาดในบริเวณท่ีอยสู่ ูงกอ่ น แล้วจึงไล่ลงมาบริเวณท่ีต่ำ
ทสี่ ดุ (แนวคำตอบ: เพราะถ้าหากทำความสะอาดพน้ื หรอื ส่งิ ที่อยู่ข้างล่างก่อน แลว้ ไปทำ
ความสะอาดส่ิงทอี่ ยู่สงู กว่า จะทำให้เศษฝนุ่ หรอื เศษขยะตา่ ง ๆ หล่นลงมาทพ่ี ื้น และตอ้ ง
ทำความสะอาดพ้นื อกี รอบ)
5) ห ากปู ไม่มี การวางแผน ห รือไม่มีแน วคิดใน การแก้ปั ญ ห า จะเกิดอะไรขึ้น
(แนวคำตอบ: จะทำใหก้ ารทำงานซำ้ ซอ้ นและมีหลายขั้นตอนมากยิ่งขึน้ )
6. ครูถามนักเรียนเพิ่มเติมอกี ว่า หากนักเรียนต้องทำความสะอาดห้องนอนของปู นักเรียนจะเร่ิมทำ
อะไรก่อน เพราะเหตุใด มีนักเรียนคนใดท่ีมีวิธีการทำความสะอาดแตกต่างจากปูบ้าง ครูให้
นักเรียนอธิบายถึงความแตกต่าง จากนั้นครูบอกกับนักเรียนว่าการแก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่ง
สามารถมไี ดม้ ากกว่า 1 วธิ กี ไ็ ด้
7. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับการทำความสะอาดห้องนอนของปู โดยได้ข้อสรุปร่วมกันว่า
การทำงานดังกล่าวเป็นการทำงานที่มีลำดับก่อน-หลังอย่างชัดเจน โดยต้องทำงานในข้ันแรกให้
สำเร็จก่อน จึงจะเข้าสู่ข้ันตอนถัดไปได้ ซึ่งการทำงานในลักษณะนี้เรียกว่า การทำงานแบบลำดับ
ซ่ึงเป็นแนวคิดในการแกป้ ัญหาแนวคิดหน่ึง
8. ครูสุ่มนักเรียน 3-4 คน เพ่ือถามคำถามท้าทายความคิดข้ันสูงในหนังสือเรียนหน้า 10 ว่า เพราะ
เหตุใด เราจึงไม่ควรใส่รองเท้าก่อนสวมเส้ือและกางเกง (แนวคำตอบ: เพราะหากใส่รองเท้าก่อน
อาจจะทำให้เราใสก่ างเกงไม่สะดวก และกางเกงอาจเปอ้ื นได)้
9. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันตอบคำถามเกีย่ วกับเรอ่ื งแนวคิดการทำงานแบบเง่ือนไขตามทีน่ ักเรียนได้
ศึกษามาแลว้ ในหนงั สือเรยี น
ประเดน็ คำถาม
1) นักเรียนเคยสังเกตไหมว่า ถังขยะท่ีเราเคยเห็นอยู่ตามที่ต่าง ๆ มีหลายสี แต่ละสีมีความ
แตกต่างกันอย่างไร (แนวคำตอบ: สีของถังขยะ บ่งบอกถึงประเภทของขยะท่ีควรท้ิงลง
ไปในถงั นัน้ เชน่ ถังขยะสีน้ำเงินตอ้ งใสช่ ยะประเภทรีไซเคิล)
2) หากเรามีขยะประเภทเศษอาหาร เราควรท้ิงลงถงั ขยะสีอะไรเพราะเหตุใด (แนวคำตอบ:
ควรท้ิงลงถังชยะใบสีเขียว เพราะเป็นถังที่ใส่ขยะแบบย่อยสลายได้ ซึ่งเศษอาหารเป็น
ขยะทย่ี ่อยสลายได)้
3) หากเราไม่ทราบหรือไม่เข้าใจเง่ือนไขในการทิ้งขยะ เราจะทิ้งขยะได้ถูกต้องตามประเภท
หรือไม่ และหากเราทิ้งขยะผิดประเภท จะส่งผลอะไร (แนวคำตอบ: ไม่ถูกต้อง โดยหาก
ทิ้งขยะผิดประเภทจะส่งผลต่อความยากลำบากในการกำจัดขยะ และขยะที่มีพิษอาจจะ
ไปปนเปอ้ื นกับขยะทส่ี ามารถนำไปรีไซเคิลได้)
10. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ว่าการทำงานในลักษณะนี้เป็นการทำงานแบบมีเงื่อนไข ซ่ึงเรา
จะต้องเข้าใจเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ชัดเจนก่อน และต้องใช้เหตุผลเชิงตรรกะมาช่วยพิจารณาด้วย
เพือ่ ใหไ้ ดค้ ำตอบหรือผลลัพธต์ ามเงอื่ นไขที่กำหนด
ช่วั โมงท่ี 2
ขน้ั สอน (ต่อ) (60 นาท)ี
อธิบายความรู้
1. ครูและนักเรียนร่วมกันทบทวนความรู้เดิมที่เรียนในช่ัวโมงท่ีแล้วว่า เราได้รู้จักแนวคิดในการ
แก้ปัญหามาแล้ว 2 แนวคิด ได้แก่ แนวคิดการทำงานแบบลำดับ และแนวคิดการทำงานแบบ
เงอ่ื นไข
2. ครูและนักเรยี นร่วมกันตอบคำถามเกย่ี วกับเรอื่ งแนวคดิ การทำงานแบบวนซ้ำตามที่นักเรียนได้
ศึกษามาแล้วในหนงั สือเรยี น
ประเด็นคำถาม
1) ให้นักเรียนดูภาพตัวอย่างแรกในหนังสือเรียน แล้วพิจารณาว่า มีการเขียนแนวคิดแบบใด
และมีขั้นตอนทัง้ หมดเทา่ ไร (คำตอบ: แนวคดิ แบบลำดับ/ 5 ขน้ั ตอน)
2) นักเรียนลองสงั เกตที่ภาพตวั อยา่ งอีกครงั้ ว่ามีขั้นตอนใดที่ซ้ำกนั หรือไม่
3. ครูและนักเรียนร่วมกันถามตอบ จนได้ข้อสรุปร่วมกันว่าในการทำงานท่ีต้องทำหลายคร้ังเหมือน
ๆ กัน เราสามารถเขียนรวมเป็นข้ันตอนเดียวกันได้ ซ่ึงเราเรียกการทำงานแบบน้ีว่าการทำงาน
แบบวนซ้ำ โดยการทำงานแบบวนซ้ำมี 2 แบบคือการทำงานแบบวนซ้ำท่ีมีจำนวนครั้งแน่นอน
กับการทำงานแบบวนซำ้ ท่มี จี ำนวนคร้งั ไมแ่ น่นอน
4. ครูช้ีให้นักเรียนเห็นว่าตัวอย่างแรกเรื่องการว่ิงแข่ง เป็นการทำงานแบบวนซ้ำท่ีมีจำนวนครั้ง
แนน่ อนเพราะมีการบอกจำนวนรอบในการว่ิงทแ่ี น่นอน จากนัน้ ครูยกตัวอยา่ งการทำงานแบบวน
ซ้ำท่ีมีจำนวนครั้งไม่แน่นอน โดยให้นักเรยี นดูภาพตัวอย่างการใช้ขนั ตักน้ำเพื่ออาบน้ำ ในหนังสือ
(วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 หนา้ 16 โดยครถู ามนักเรยี นว่า โดยปกติแล้ว เวลา
เราอาบน้ำโดยใช้ขัน มีใครเคยนับจำนวนครั้งที่เราตักน้ำบ้าง หากเราไม่ได้นับ เราจะรู้ได้อย่างไร
ว่าเราควรตอ้ งหยุดอาบน้ำ (แนวคำตอบ: จนกวา่ ร่างกายจะสะอาด, จนกว่าจะพอใจ)
5. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเร่ืองการใช้ขันอาบน้ำจนได้ข้อสรุปว่า การทำงานในลักษณะนี้
เปน็ แนวคดิ การทำงานแบบวนซ้ำทม่ี ีจำนวนคร้ังไม่แน่นอน โดยจะมีการทำซ้ำไปเร่ือย ๆ จนกว่า
จะมเี งื่อนที่สงั่ ให้หยุด
6. ครูให้ความรเู้ พ่ิมเติมเรื่องแนวคิดการทำงานแบบวนซ้ำกับนักเรียน ในมุม Com Sci ตามหนังสือ
(วิทยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 หนา้ 16
7. ครูมอบมายงานให้นักเรียนทำกิจกรรมฝึกทักษะ Com Sci ในหนังสือ (วิทยาการคำนวณ) ป.6
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 หน้า 11 เรื่องการเรียงลำดับข้ันตอนการผูกเชือกรองเท้า และหน้า 14
เร่อื งการทำงานแบบเง่ือนไข เป็นการบ้าน
8. หลังจากท่ีนักเรียนได้เรียนรู้แนวคิดครบท้ังหมดแล้ว ครูและนักเรียนสรุปร่วมกันอีกคร้ังว่า
แนวคดิ ในการแก้ปญั หามีท้ังหมด 3 รปู แบบ ได้แก่
- แนวคดิ การแกป้ ัญหาแบบลำดับ
- แนวคดิ การแกป้ ัญหาแบบวนซำ้
-แนวคิดการแก้ปัญหาแบบมีเงอ่ื นไข
9. ครูถามคำถามเชื่อมโยงไปถึงรูปภาพ ที่เปิดให้นักเรียนดูในต้นช่ัวโมงท่ีแล้วว่า แต่ละรูปภาพใช้
แนวคดิ การทำงานแบบใด
10. ครนู ำใบงานท่ี 1 เรื่องตอ่ ยอดการแก้ปัญหาเชิงตรรกะ ท่ีนักเรียนเคยไดท้ ำไว้ (ในแผนท่ีแล้ว) โดย
นำวิธีการแก้ปัญหาเรื่องการตอบปัญหาภาษาอังกฤษที่นักเรียนได้เขียนไว้มาฉายลงบนโปรเจก
เตอร์ หรือเขียนลงบนกระดาน เพ่ือให้นักเรียนพิจารณาว่า วิธีการแก้ปัญหาท่ีนักเรียนเคยเขียน
ใช้แนวคิดใดในการแก้ปัญหา
ตัวอย่างวิธีการแก้ปัญหาของนักเรียน เรื่องการตอบปัญหาภาษาอังกฤษ โดยครูอาจเลือก
ใบงานทีม่ ีการเขียนวธิ กี ารแกป้ ัญหาทดี่ ีหรอื สมบูรณท์ ่สี ุดมาใหน้ กั เรยี นพิจารณา
11. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายว่าตัวอย่างท่ีครูให้นักเรียนดู ได้ใช้แนวคิดใดบ้าง โดยได้ข้อสรุป
ร่วมกันว่า ใช้แนวคิดทั้ง 3 แนวคิด โดยข้อ 1-7 ใช้แนวคิดการทำงานแบบลำดับ โดยจะมีการ
ทำงานแบบวนซ้ำและมีเงื่อนไขซอ่ นอยู่ นั่นคือขอ้ 4, 5, 6 และ 7 ซงึ่ ใช้แนวคดิ การทำงานแบบวน
ซ้ำและแบบมีเง่ือนไขผสมกัน เพราะ หากตรวจสอบข้อความในข้อ 6 แล้วพบว่ายังได้คำตอบไม่
ครบ จะต้องวนซ้ำกลับไปที่ข้อ 4 และ 5 เพื่ออ่านเง่ือนไข และตัดส่ิงท่ีเป็นไปไม่ได้ออกอีกครั้ง
และวนซ้ำไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะไดค้ ำตอบครบ (แนวคำตอบอน่ื ๆ ข้ึนอยู่กับตัวอย่างท่ีครยู กมาให้
เด็กพจิ ารณา)
12. ครูมอบหมายงานให้นักเรียนทำกิจกรรมฝึกทักษะ Com Sci ในหนังสือ (วิทยาการคำนวณ)
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 หน้า 17 เรื่องการทำงานแบบวนซ้ำ และแบบฝึกหัดเร่ือง แนวคิดในการ
แก้ปัญหา ในแบบฝึกหัด (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 หน้า 6 เป็นการบ้าน
เพือ่ ทบทวนความรทู้ ี่ไดเ้ รยี นมาทั้งหมด
ชวั่ โมงที่ 3
ขัน้ สอน (ตอ่ ) (60 นาที)
ขยายความรู้
1. ครูและนักเรยี นรว่ มกันทบทวนความรู้เดิมท่ีเคยเรียนในชัว่ โมงที่แล้ว เรือ่ งแนวคดิ ในการแกป้ ัญหา
2. ครูถามนักเรียนว่า ในชีวติ ประจำวันของนกั เรยี นมีกิจกรรมใดบ้าง ที่สามารถอธบิ ายโดยใช้แนวคิด
การทำงานแบบต่าง ๆ ได้ (แนวคำตอบ: การเดินทางไปโรงเรียนด้วยรถยนต์ แล้วรถติดอยู่ที่ 4
แยก โดยมีสัญญาณไฟจราจร 3 สี คอื แดง เหลือง เขียว ซึ่งเราจะต้องทราบเงื่อนไขก่อนว่าแต่ละ
สีหมายถงึ อะไร แล้วจงึ ทำตามเงอ่ื นไขนน้ั ได้)
3. ครบู อกนักเรียนว่า วนั น้ีครูจะให้นักเรียนตามติดชีวิตของลุงคนหนึ่ง เขามีชื่อว่าลุงพล เรามาดูกัน
ดีกว่าว่าใน 1 วัน ลุงพลต้องทำอะไรบ้าง แล้วให้นักเรียนช่วยวิเคราะห์ว่ามีช่วงใดบ้าง ท่ีเรา
สามารถใช้แนวคดิ การทำงานแบบต่าง ๆ ในการอธบิ ายได้
4. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 3-4 คน จากน้ันครูอ่านสถานการณ์ในกิจกรรมฝึกทักษะท่ี 3 ใน
แบบฝึกหัด (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 หน้า 14 ให้นักเรียนฟังและให้นักเรียน
นึกภาพตาม
5. ครถู ามนักเรยี นวา่ จากสถานการณ์ท่ีครูอา่ นให้ฟงั มชี ่วงใดบ้างท่สี ามารถใช้แนวคิดการทำงานแบบ
ตา่ ง ๆ ในการอธบิ ายได้ โดยครูใหน้ ักเรยี นในกล่มุ ชว่ ยกนั วเิ คราะห์และเขยี นตอบลงในแบบฝึกหัด
6. ครูเรียกนักเรียนแต่ละกลุ่มให้ออกมานำเสนอหน้าช้ันเรียนว่า สามารถใช้แนวคิดแบบต่าง ๆ
อธบิ ายเหตกุ ารณใ์ นชว่ งใดได้บ้าง และลงข้อสรุปร่วมกนั
ตรวจสอบผล
7. ครูถามนักเรียนว่า แล้วในชีวิตประจำวันของนักเรียน มีเหตุการณ์ หรือสถานการณ์ใดบ้าง ท่ี
สามารถใช้แนวคดิ การทำงานแบบตา่ ง ๆ ในการอธบิ ายได้
8. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมเรื่อง แนวคิดการทำงานแบบต่าง ๆ ท่ีใช้อธิบายสถานการณ์ใน
ชีวิตประจำวัน โดยครูให้นักเรียนระดมความคิดร่วมกันภายในกลุ่ม และให้นักเรียนแต่ละคน
ร่วมกันเสนอสถานการณ์หรือเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของตนเอง และช่วยกันเลือกเหตุการณ์
หรือสถานการณ์ที่ดีท่ีสุดของกลุ่มเพ่ือมานำเสนอหน้าช้ันเรียน โดยแต่ละกลุ่ม ห้ามใช้เหตุการณ์
หรือสถานการณท์ ซ่ี ำ้ กัน
9. ครูแจกกระดาษฟลิปชาร์ท และปากกาสีต่าง ๆ เพ่ือให้นักเรียนช่วยกันวาดภาพหรือเขียน
ข้อความเพื่ออธิบายเหตุการณ์หรือสถานการณ์น้ัน ๆ หากทำไม่ทันในช่ัวโมงน้ี ให้นักเรียนนำ
กลบั ไปทำเป็นการบา้ น และนำเสนอในชัว่ โมงถดั ไป
ช่วั โมงท่ี 4
ขั้นสอน (ตอ่ ) (40 นาท)ี
1. ครูบอกนักเรยี นว่า จากช่ัวโมงท่ีแล้วครูได้มอบหมายงานให้นักเรียนทำกิจกรรมเร่ือง แนวคิดการ
ทำงานแบบต่าง ๆ ที่ใช้อธิบายสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน ในช่ัวโมงนี้ครูจะให้นักเรียนแต่ละ
กลุ่มนำกระดาษที่ได้วาดรูปหรือเขียนไว้ ออกมานำเสนอโดยต้องอธิบายถึงแนวคิดต่าง ๆ ให้
ชัดเจน โดยครใู หเ้ วลาในการนำเสนอกลุ่มละ 7-10 นาที
2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุม่ ออกมานำเสนอกิจกรรมเรื่อง แนวคิดการทำงานแบบต่าง ๆ ที่ใช้อธบิ าย
สถานการณใ์ นชวี ติ ประจำวัน
3. ครูสอบถามนักเรียนแต่ละกลุ่มว่า สถานการณ์ของกลุ่มใด ที่มีการนำแนวคิดในการแก้ปัญหา
แบบต่าง ๆ มาอธิบายไดช้ ัดเจนท่ีสุด และนอกจากสถานการณ์ของกลุม่ เราหรอื ของเพ่ือน ๆ แล้ว
ยังมสี ถานการณ์อน่ื ๆ อีกหรอื ไม่
ขน้ั สรปุ (20 นาที)
4. ครูให้นักเรียนตรวจสอบตนเองจากการเรียนเน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เร่ืองการแก้ปัญหา
โดยใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะ ในหนังสือเรยี น (วทิ ยาการคำนวณ) หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 หน้า 18
5. ครูและนักเรียนสรุปความรู้ประจำหน่วยร่วมกัน โดยดูแผนผังสรุปสาระสำคัญท้ายหน่วย ใน
หนงั สอื (วิทยาการคำนวณ) หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 หน้า 19
6. ครูมอบหมายงานให้นักเรียนทำกิจกรรมเสริมสร้างการเรียนรู้ ในหนังสือ (วิทยาการคำนวณ)
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 หนา้ 20-21 เปน็ การบ้าน
7. ครูมอบหมายงานใหน้ กั เรียนทำชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เปน็ การบา้ น
8. ครใู หน้ กั เรยี นเล่นเกมทางของฉนั ในกจิ กรรมเลน่ เกมกบั Com Sci ตามหนังสือเรยี น (วิทยาการ
คำนวณ) หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 หน้า 18
9. ครูให้นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน
10. สื่อแหลง่ การเรยี นรู้
1. หนังสอื เรยี น (วิทยาการคำนวณ) ป.6
2. แบบฝกึ หดั (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6
11. การวดั และการประเมนิ ผล
11.1 การประเมนิ ระหว่างการจดั กจิ กรรม
จดุ ประสงค์ วธิ กี ารประเมิน เครอ่ื งมอื การประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ
อธิบายกระบวนการ ตรวจกจิ กรรมฝกึ ทักษะ แบบประเมนิ การทำ สามารถอธบิ าย
ทำงานหรือการแก้ปัญหา ท่ี 3 เรอื่ ง ตามติดชีวิตลงุ กจิ กรรมฝกึ ทักษะท่ี 3 กระบวนการทำงาน หรือ
โดยใชแ้ นวคิดแบบต่าง ๆ พล เรื่อง ตามติดชวี ติ ลงุ พล การแก้ปัญหา โดยใช้
ได้ (K) แนวคิดแบบตา่ ง ๆ ระดบั
คณุ ภาพพอใชข้ ้ึนไป
ออกแบบกระบวนการ ตรวจกจิ กรรมฝึกทักษะ แบบประเมินการทำ สามารถออกแบบ
ทำงานหรอื การแก้ปัญหา ท่ี 3 เรอ่ื ง ตามติดชีวติ ลงุ
โดยใชแ้ นวคิดแบบตา่ ง ๆ พล กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะที่ 3 กระบวนการทำงาน หรือ
ได้ (P)
เรือ่ ง ตามตดิ ชวี ิตลงุ พล การแกป้ ัญหา โดยใช้
แนวคิดแบบตา่ ง ๆ ระดับ
คณุ ภาพพอใชข้ ึ้นไป
ยกตัวอย่างการแกป้ ัญหา ประเมนิ การนำเสนอ แบบประเมินการนำเสนอ สามารถนำเสนอ เร่ือง
โดยใชแ้ นวคดิ การทำงาน เรอ่ื ง แนวคิดการทำงาน
แบบต่าง ๆ ใน แบบตา่ ง ๆ ท่ีใช้อธบิ าย เรอื่ ง แนวคิดการทำงาน แนวคิดการทำงานแบบ
ชีวติ ประจำวนั ได้ (A) สถานการณ์ใน
ชวี ิตประจำวัน แบบตา่ ง ๆ ทใี่ ช้อธิบาย ตา่ ง ๆ ทใี่ ช้อธบิ าย
สถานการณ์ใน สถานการณ์ใน
ชีวิตประจำวนั ชวี ติ ประจำวนั ระดับ
คณุ ภาพระดบั พอใช้ขน้ึ
ไป
11.2 การประเมินการทำกิจกรรมฝึกทักษะท่ี 3 เรือ่ ง ตามติดชวี ติ ลงุ พล
แบบประเมินการทำกจิ กรรมฝึกทักษะที่ 3
ประเด็นทีป่ ระเมิน 3 ระดับคะแนน 1
2
1. ความถกู ต้องของเน้ือหา กระบวนการทำงาน กระบวนการทำงานหรือ กระบวนการทำงานหรือ
หรอื การแกป้ ญั หามี การแก้ปัญหามีความ การแกป้ ัญหามีความ
ความถกู ตอ้ ง 80% ข้นึ ถกู ต้อง 50% ขนึ้ ไป ถกู ต้องนอ้ ยกวา่ 50%
ไป
2. กระบวนการทำงานหรอื ออกแบบกระบวนการ ออกแบบกระบวนการ ออกแบบกระบวนการ
การแกป้ ัญหามคี วามเป็น ทำงานตามสถานการณ์ ทำงานตามสถานการณ์ที่ ทำงานตามสถานการณ์ท่ี
ลำดับขน้ั ตอน ท่ีกำหนดไดอ้ ยา่ งเป็น กำหนดได้อย่างเปน็ ลำดับ กำหนดได้ แตย่ งั ไม่เป็น
ลำดับขน้ั ตอนท่ีชดั เจน ขัน้ ตอน แตย่ ังไม่ชดั เจน ลำดบั ขนั้ ตอน
3. การอธิบายโดยใชแ้ นวคดิ สามารถวเิ คราะห์และ สามารถวิเคราะหแ์ ละใช้ สามารถวเิ คราะห์
แนวคดิ แบบลำดับ แบบ สถานการณ์ทกี่ ำหนดให้ได้
แบบต่าง ๆ ใช้แนวคดิ แบบลำดับ วนซ้ำ และแบบเง่ือนไขใน แต่ใชแ้ นวคดิ การทำงาน
การอธบิ ายสถานการณ์ที่ แบบต่าง ๆ ในการอธบิ าย
แบบวนซำ้ และแบบ กำหนดให้ได้อยา่ ง ไมค่ รบทงั้ 3 แนวคิด
สมเหตสุ มผลเพียง
เงือ่ นไขในการอธบิ าย บางส่วน
สถานการณ์ที่
กำหนดให้ได้อยา่ ง
สมเหตสุ มผลทั้งหมด
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
8-9 ดี
5-7
ต่ำกวา่ 5 พอใช้
ปรบั ปรงุ
11.3 การประเมินการนำเสนอกลุ่ม
แบบประเมินการนำเสนอกลมุ่
ลำดบั ท่ี รายการประเมิน คุณภาพผลงาน
4321
1 สถานการณ์ที่นำเสนอมคี วามนา่ สนใจ
2 อธิบายแนวคดิ การทำงานแบบต่าง ๆ ได้อย่างเข้าใจ
3 ควบคุมเวลาในการนำเสนอได้อยา่ งเหมาะสม
4 การมีสว่ นร่วมของสมาชิกในกลุ่ม
5 การรบั ฟังความคดิ เห็นของสมาชิกกล่มุ อืน่
รวม
เกณฑ์การให้คะแนน
ดมี าก = 4
ดี = 3
พอใช้ = 2
ปรับปรุง = 1
เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคะแนน
18 - 20 ดีมาก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ำกวา่ 10 ปรับปรงุ
11.4 แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
คำชแ้ี จง : ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ลงในช่อง
ที่ตรงกบั ระดับคะแนน
คณุ ลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อันพงึ ประสงคด์ า้ น 32 1
1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาตแิ ละรอ้ งเพลงชาติได้
กษัตรยิ ์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมทีส่ ร้างความสามัคคีปรองดองและเปน็ ประโยชน์
ตอ่ โรงเรียน
1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถอื ปฏบิ ตั ิตามหลกั ศาสนา
1.4 เข้ารว่ มกจิ กรรมที่เก่ียวกับสถาบนั พระมหากษตั ริย์ตามท่โี รงเรยี นจัดข้ึน
2. ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ 2.1 ให้ขอ้ มูลทถี่ กู ต้องและเปน็ จริง
2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสิ่งท่ถี ูกตอ้ ง
3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของครอบครวั
มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจำวัน
4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รจู้ กั ใชเ้ วลาวา่ งให้เปน็ ประโยชนแ์ ละนำไปปฏิบัตไิ ด้
4.2 รู้จกั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม
4.3 เช่ือฟังคำสั่งสอนของบดิ า-มารดา โดยไมโ่ ต้แยง้
4.4 ตง้ั ใจเรยี น
5. อยอู่ ย่างพอเพียง 5.1 ใช้ทรพั ย์สินและสง่ิ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั
5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรู้คุณคา่
5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงนิ
6. มุง่ มัน่ ในการทำงาน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานที่ไดร้ ับมอบหมาย
6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรคเพื่อให้งานสำเรจ็
7. รักความเป็นไทย 7.1 มจี ติ สำนึกในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย
7.2 เหน็ คุณคา่ และปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย
8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครูทำงาน
8.2 รจู้ ักการดแู ลรักษาทรัพย์สมบัติและสิ่งแวดลอ้ มของหอ้ งเรยี น
และโรงเรยี น
ลงชอ่ื ..................................................ผู้ประเมนิ
............/.................../................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
พฤติกรรมที่ปฏิบัตชิ ัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 51-60 ดมี าก
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน 41-50 ดี
พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิบางคร้ัง 30-40 พอใช้
ปรับปรงุ
ตำ่ กวา่ 30
11.5 แบบประเมนิ ช้นิ งาน/ภาระงานรวบยอด
รายการ เกณฑ์การประเมินคุณภาพ(ระดับคุณภาพ)
ประเมิน 3 21
1. ความถูกต้องของเน้ือหา แนวคดิ หรอื วิธีการแกป้ ญั หา แนวคิดหรอื วธิ ีการ แนวคิดหรือวธิ กี าร
มคี วามถูกตอ้ ง ตรงตาม แก้ปัญหามีความถูกต้อง แกป้ ัญหามีความถูกต้อง
เง่ือนไข 80% ขนึ้ ไป ตรงตามเง่ือนไข 50% ตรงตามเง่ือนไขน้อยกว่า
ชึน้ ไป 50%
2. ความครบถว้ นของเนื้อหา ใส่ขอ้ มลู ที่กำหนดให้ใน ใสข่ อ้ มลู ทีก่ ำหนดให้ใน ใส่ขอ้ มูลที่กำหนดใหใ้ น
ตารางได้ครบถว้ น80% ขน้ึ ตารางได้ครบถ้วน 50% ตารางได้ครบถ้วนน้อย
ไป ขนึ้ ไป กวา่ 50%
3. การออกแบบแนวคิดหรอื ออกแบบแนวคิดหรือวธิ กี าร ออกแบบแนวคิดหรอื ออกแบบแนวคิดหรือ
วธิ กี ารแก้ปญั หา แก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งเปน็ ลำดับ วิธีการแก้ปัญหาไดอ้ ยา่ ง วิธกี ารแก้ปัญหาได้ แต่
ขนั้ ตอนทีช่ ดั เจน เข้าใจง่าย เป็นลำดบั ขน้ั ตอน แต่ยัง ยังไม่เป็นลำดับข้นั ตอน
ไมช่ ดั เจน
4. การให้เหตผุ ลประกอบการ อธบิ ายแนวคิดหรือวธิ กี าร อธบิ ายแนวคิดหรือ อธบิ ายแนวคิดหรอื
อธิบายแนวคดิ หรือวิธกี าร แกป้ ญั หาโดยใช้แนวคิดการ วิธีการแก้ปญั หาโดยใช้ วิธีการแก้ปญั หาโดยใช้
แก้ปัญหา ทำงานแบบต่าง ๆ ได้ พร้อม แนวคิดการทำงานแบบ แนวคดิ การทำงานแบบ
ทัง้ ให้เหตผุ ลประกอบอยา่ ง ตา่ ง ๆ ได้ พร้อมท้ังให้ ตา่ ง ๆ ได้ แต่ไม่ให้
สมเหตุสมผลทกุ ประเด็น เหตผุ ลประกอบ โดยมี เหตผุ ลประกอบ
ความสมเหตุสมผล 50%
ขน้ึ ไป
เกณฑ์การการตัดสนิ ระดบั คณุ ภาพ
คะแนน 10 - 12 หมายถงึ ดี
คะแนน 6 - 9 หมายถงึ พอใช้
ต่ำกว่า 6 หมายถงึ ปรับปรุง
ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
เรอื่ ง การแก้ปญั หาโดยใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะ
คำชีแ้ จง: ใหน้ กั เรียนอ่านเงื่อนไขท่ีกำหนดให้ แลว้ ตอบคำถามลงในตารางให้ถูกต้อง จากนน้ั ให้นกั เรยี น
เขยี นแนวคดิ ในการแก้ปัญหา โดยอาจเขยี นบอกเลา่ วาดภาพ หรือใช้สัญลักษณ์ พร้อมท้งั บอกดว้ ยว่า
นกั เรยี นใช้แนวคิดใดในการแกป้ ญั หา
เงอื่ นไข
1. บ้าน 4 หลังอยู่ติดกนั แตล่ ะหลงั มเี จ้าของบ้านชื่อนวล โอม กล้า และตน้ โดยที่ช่ือเจ้าของบา้ นไม่
เรียงตามลำดบั ก่อน-หลัง และบ้านแต่ละหลงั จะทาสีบา้ น เล้ียงสตั ว์ และปลูกต้นไมห้ น้าบ้านอย่าง
ใดอย่างหน่ึง ไมซ่ ้ำกัน
2. สตั ว์เลีย้ งทัง้ 4 ชนดิ มสี ุนขั และกระรอกรวมอยู่ด้วย
3. นวลอยู่บ้านหลงั ท่ี 2 และปลูกตน้ โมกไว้หน้าบา้ น ส่วนตน้ อยบู่ า้ นตดิ กับนวลและทาสีบ้านเป็นสฟี ้า
4. คนท่ีอยบู่ า้ นสีเหลืองออ่ นจะปลกู ตน้ จำปีไว้หนา้ บ้าน และเลย้ี งแมว สว่ นคนที่อย่บู ้านสีขาว มักจะ
มาเล่นกับกระรอกทห่ี น้าบ้านทกุ เช้าและเยน็
5. กลา้ อยู่บ้านสีขาวหลังสุดทา้ ย ปลกู ต้นมะยมไว้หนา้ บ้าน ส่วนตน้ เลยี้ งนก และแขวนกรงนกไว้ใต้
ต้นมะม่วง
6. โอมอยบู่ า้ นหลังแรกทม่ี ีสเี หลืองอ่อน ซ่ึงอยูต่ ิดกบั บา้ นสชี มพทู ี่มตี น้ โมกปลกู ไวห้ น้าบ้าน
จากเงื่อนไขดา้ นบน สามารถนำขอ้ มูลมาใสใ่ นตารางเพื่อตามหาลกั ษณะเฉพาะของบ้านแต่ละหลัง ไดด้ ังน้ี
1. นักเรียนมแี นวคิดหรอื วิธีการแก้ปัญหาจากสถานการณท์ ่ีกำหนดใหอ้ ย่างไร จงอธิบายอย่างละเอยี ดโดย
การเขยี นบอกเล่า วาดภาพ หรอื ใชส้ ัญลักษณ์
2. แนวคิดหรอื วิธีการแก้ปญั หาท่ีนักเรียนเขยี น เปน็ แนวคิดการทำงานแบบใด จงอธิบาย
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เฉลย
เรอ่ื ง การแก้ปัญหาโดยใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะ
คำชแ้ี จง: ใหน้ ักเรียนอา่ นเงือ่ นไขที่กำหนดให้ แล้วตอบคำถามลงในตารางใหถ้ กู ต้อง จากน้ันให้นกั เรียน
เขียนแนวคิดในการแก้ปัญหา โดยอาจเขียนบอกเล่า วาดภาพ หรอื ใชส้ ญั ลักษณ์ พร้อมทงั้ บอกดว้ ยว่า
นกั เรียนใช้แนวคิดใดในการแก้ปญั หา
เง่อื นไข
1. บา้ น 4 หลังอยตู่ ิดกัน แตล่ ะหลังมีเจา้ ของบ้านชอื่ นวล โอม กลา้ และต้น โดยท่ีชื่อเจ้าของบา้ นไม่
เรียงตามลำดบั ก่อน-หลัง และบ้านแต่ละหลงั จะทาสีบา้ น เลยี้ งสตั ว์ และปลูกต้นไม้หน้าบ้านอยา่ ง
ใดอย่างหน่ึง ไม่ซำ้ กนั
2. สัตวเ์ ล้ียงทั้ง 4 ชนดิ มสี ุนขั และกระรอกรวมอยดู่ ้วย
3. นวลอยู่บ้านหลังที่ 2 และปลูกตน้ โมกไวห้ นา้ บ้าน ส่วนตน้ อยบู่ ้านติดกบั นวลและทาสีบ้านเปน็ สีฟา้
4. คนทีอ่ ยู่บา้ นสีเหลืองออ่ นจะปลูกตน้ จำปีไวห้ น้าบา้ น และเลย้ี งแมว ส่วนคนท่ีอยู่บ้านสีขาว มักจะ
มาเล่นกบั กระรอกที่หนา้ บ้านทกุ เชา้ และเยน็
5. กล้าอยูบ่ ้านสีขาวหลังสดุ ท้าย ปลกู ตน้ มะยมไว้หน้าบา้ น ส่วนต้นเลยี้ งนก และแขวนกรงนกไวใ้ ต้
ต้นมะม่วง
6. โอมอยบู่ า้ นหลังแรกที่มีสีเหลืองอ่อน ซ่ึงอยตู่ ดิ กบั บา้ นสีชมพูท่ีมตี น้ โมกปลูกไวห้ น้าบา้ น
จากเงื่อนไขดา้ นบน สามารถนำข้อมูลมาใส่ในตารางเพือ่ ตามหาลกั ษณะเฉพาะของบ้านแต่ละหลัง ได้ดงั น้ี
บ้านหลังที่ 1 2 3 4
ชือ่ เจา้ ของบ้าน โอม นวล ตน้ กลา้
สีบ้าน เหลอื งอ่อน ชมพู ฟ้า ขาว
สัตว์เล้ียง แมว สนุ ขั นก กระรอก
ต้นไม้ จำปี ต้นโมก ตน้ มะมว่ ง ต้นมะยม
1. นกั เรยี นมีแนวคดิ หรอื วธิ ีการแก้ปญั หาจากสถานการณท์ ่กี ำหนดให้อยา่ งไร จงอธิบายอย่างละเอยี ดโดย
การเขยี นบอกเล่า วาดภาพ หรือใชส้ ัญลกั ษณ์
ตัวอยา่ งการเขยี นแนวคิดการทำงานโดยการเขยี นบอกเลา่
1. เร่มิ ตน้
2. อ่านเงื่อนไข
3. ใส่ข้อมูลในตาราง
4. ตรวจสอบว่าขอ้ มูลในตารางครบหรอื ไม่ ถา้ ไม่ครบให้กลบั ไปอ่านเง่ือนไขและใสข่ อ้ มูล
ในตารางอีก ถา้ ครบแลว้ ใหจ้ บการทำงาน
5. จบการทำงาน
2. แนวคดิ หรอื วธิ ีการแก้ปญั หาท่นี กั เรยี นเขียน เปน็ แนวคดิ การทำงานแบบใด จงอธิบาย
...ก...า.ร..แ..ก...ป้ ..ัญ...ห...า.ด...ัง.ก...ล..่า..ว...ส..า..ม..า..ร..ถ..อ..ธ..บิ...า..ย..ไ.ด...โ้ .ด..ย..ใ..ช..้แ..น...ว..ค..ิด..ก..า..ร..ท...ำ..ง.า..น..แ...บ..บ...ว..น..ซ..ำ้...แ...ล..ะ..แ..บ...บ..ม..ีเ..ง.่อื...น..ไ.ข......................
...เ.ร..มิ่...ต..น้ ..จ..า..ก...ก..า..ร.อ...า่ ..น..เ.ง..อื่ ..น...ไ.ข..แ..ร..ก....แ..ล..ะ..ใ..ส..ข่ ..้อ..ม...ลู ..ใ.น...ต..า..ร..า.ง....จ..า..ก..น..น้ั...ท..ำ..ก..า..ร..ต..ร..ว..จ..ส..อ...บ..เ.ง..ื่อ..น...ไ.ข..ว..่า..ข..้อ..ม...ูล.....................
...ใ..น..ต..า..ร..า..ง..ค..ร..บ..ห...ร..ือ..ย..ัง...ห..า..ก...ย..ัง.ใ..ห..้ว..น...ซ..้ำ..ก..ล..บั ...ไ.ป...อ..่า..น..เ.ง..่ือ..น...ไ.ข..อ...ีก..ค..ร..ง้ั ...โ.ด...ย..จ..ะ..ต..ร..ว..จ..ส..อ...บ..ไ..ป..เ.ร..ื่อ..ย....ๆ............................
...จ..น...ก..ว..า่..ข..้อ..ม...ลู ..ใ.น...ต..า..ร..า.ง..จ..ะ..เ..ต..็ม...จ...ึง.จ..ะ...จ..บ..ก..า..ร..ท...ำ.ง..า..น..........................................................................................
...............................................................................................................................................................
12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......
ลงช่อื
(
ตำแหนง่
13. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))
ปัญหา/อุปสรรค
แนวทางการแก้ไข
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2
การออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย
เวลา 16 ชัว่ โมง
1. ผลการเรียนรู้
1. เพอ่ื ให้ผูเ้ รียนมีความรู้ความเข้าใจในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ
2. เพอื่ ให้ผู้เรยี นมีทกั ษะการคดิ เชงิ คำนวณ การคิดวเิ คราะห์ แก้ปัญหาเปน็ ขั้นตอนและเปน็ ระบบ
3. เพ่ือให้ผู้เรียนมีทกั ษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาขอ้ มูลส่วนตัว และการส่ือสารเบ้ืองต้น
ในการแกป้ ญั หาท่พี บในชีวิตจรงิ ได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
4. เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นนำความรูค้ วามเขา้ ใจในวิชาวทิ ยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหม่ทเ่ี กิดข้ึนไปใช้ใหเ้ กิด
ประโยชน์ตอ่ สงั คม และการดำรงชวี ติ
5. เพ่ือให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการ
จัดการทกั ษะในการสอื่ สาร และความสามารถในการตดั สนิ ใจ
6. เพ่ือให้ผู้เรียนเป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์
2. สาระการเรยี นรู้
2.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
1) การออกแบบโปรแกรมสามารถทำไดโ้ ดยเขยี นเปน็ ข้อความหรือผงั งาน
2) การออกแบบโปรแกรมทม่ี กี ารใชต้ วั แปร การวนซำ้ การตรวจสอบเง่ือนไข
3) หากมขี ้อผดิ พลาดใหต้ รวจสอบการทำงานทีละคำสั่ง เม่ือพบจุดทที่ ำใหผ้ ลลัพธไ์ ม่ถูกต้อง
ใหท้ ำการแกไ้ ขจนกวา่ จะไดผ้ ลลัพธท์ ่ถี ูกต้อง
4) การฝึกตรวจหาข้อผดิ พลาดจากโปรแกรมของผู้อนื่ จะช่วยพัฒนาทักษะการหาสาเหตุของปญั หา
ได้ดียง่ิ ขึน้
5) ตวั อย่างโปรแกรม เชน่ โปรแกรมเกม โปรแกรมหาคา่ ค.ร.น. เกมฝกึ พิมพ์
6) ซอฟต์แวรท์ ี่ใช้ในการเขียนโปรแกรม เชน่ Scratch, logo
3. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การออกแบบโปรแกรม เป็นการอธบิ ายการทำงานของโปรแกรมอยา่ งเป็นลำดบั ขน้ั ตอน โดยการ
ออกแบบโปรแกรมสามารถทำไดท้ งั้ การเขียนข้อความ และการเขยี นผงั งาน
การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนข้อความ เป็นการอธบิ ายการทำงานของโปรแกรมที่ใช้
ภาษาพูดท่เี ขา้ ใจง่าย
การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนผงั งาน เปน็ การอธิบายการทำงานของโปรแกรมด้วยการใช้
สญั ลกั ษณ์แทนความหมายตา่ ง ๆ แนวคิดการเขียนผังงาน (Flowchart) มีหลักการง่าย ๆ 3 ขอ้ คือ 1. การ
ทำงานแบบลำดบั 2. การทำงานแบบทางเลอื ก 3. การทำงานแบบทำซ้ำ
โปรแกรม Scratch เป็นโปรแกรมภาษาคอมพวิ เตอร์ มีลกั ษณะเป็นบล็อกโปรแกรม (block) นำมาต่อกนั
เพ่อื สรา้ งรหัสคำส่ัง (Code) เพอื่ สง่ั ใหโ้ ปรแกรม Scratch ทำงานตามทไ่ี ดเ้ ขยี นโปรแกรมไว้ สามารถ
นำมาใช้พัฒนาซอฟต์แวร์เชงิ สรา้ งสรรค์ โดยต้องกำหนดตัวแปร เขยี นโปรแกรมอย่างมีเงอ่ื นไข เขยี น
โปรแกรมแบบวนซำ้ และเขียนโปรแกรมหาคา่ ค.ร.น.
การตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม ในการเขยี นโปรแกรมใด ๆ หากมีข้อผดิ พลาดเกดิ ข้นึ
หรอื โปรแกรมไมเ่ ป็นไปตามความต้องการ จะต้องตรวจสอบข้อผิดพลาดทีเ่ กดิ ข้นึ โดยการตรวจสอบการ
ทำงานทลี ะคำสง่ั เม่ือพบจุดท่ีทำให้โปรแกรมไม่เป็นไปตามต้องการใหแ้ ก้ไขข้อผดิ พลาดนั้น จนกวา่ จะได้
โปรแกรมตามทีต่ ้องการ
4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี นิ ัย
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3. มุ่งม่นั ในการทำงาน
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง การออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย
6. การวัดและการประเมนิ ผล
รายการวัด วิธวี ดั เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ
6.1 การประเมนิ ก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
- แบบทดสอบก่อนเรยี น กอ่ นเรยี น กอ่ นเรยี น
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2
เรื่อง การออกแบบและ
เขยี นโปรแกรมอย่างง่าย
6.2 การประเมินระหวา่ งการจัด - ตรวจแบบฝกึ และ - แบบประเมนิ การทำ ระดบั คุณภาพ 2
กจิ กรรม กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะ แบบฝึกหดั และ ผ่านเกณฑ์
1) การออกแบบโปรแกรม - ประเมินการนำเสนอ กิจกรรมฝึกทักษะ
ดว้ ยการเขียนข้อความ - แบบประเมนิ
การนำเสนอกลุ่ม
2) การออกแบบโปรแกรม - ตรวจแบบฝึกและ - แบบประเมนิ การทำ ระดบั คุณภาพ 2
ดว้ ยการเขียนผังงาน กิจกรรมฝึกทักษะ แบบฝึกหัดและ ผ่านเกณฑ์
- ประเมินการนำเสนอ กจิ กรรมฝึกทักษะ
- แบบประเมนิ