The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา คอมพิวเตอร์ ชั้น ป6

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ดลพฤกษ์ ทันเจริญ, 2020-10-12 03:05:54

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา คอมพิวเตอร์ ชั้น ป6

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา คอมพิวเตอร์ ชั้น ป6

12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......

ลงช่อื
(

ตำแหนง่

13. บนั ทึกผลหลังการสอน
 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อุปสรรค
 แนวทางการแก้ไข

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3

การใชง้ านอินเทอรเ์ น็ตอย่างมีประสิทธภิ าพ

เวลา 8 ชั่วโมง

1. ผลการเรยี นรู้

1. เพอื่ ให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ

2. เพื่อให้ผู้เรียนมที ักษะการคิดเชงิ คำนวณ การคดิ วิเคราะห์ แก้ปญั หาเปน็ ขนั้ ตอนและเปน็ ระบบ

3. เพ่ือใหผ้ ู้เรียนมีทักษะในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ รักษาขอ้ มูลส่วนตัว และการสื่อสารเบ้ืองต้น

ในการแก้ปญั หาทพ่ี บในชวี ิตจรงิ ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ

4. เพือ่ ให้ผูเ้ รียนนำความร้คู วามเขา้ ใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหม่ท่เี กดิ ข้ึนไปใช้ให้เกิด

ประโยชนต์ อ่ สงั คม และการดำรงชีวติ

5. เพ่ือให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการ

จัดการทักษะในการสอ่ื สาร และความสามารถในการตดั สนิ ใจ

6. เพ่ือให้ผู้เรียนเป็นผู้ท่ีมีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์

และเทคโนโลยีอยา่ งสรา้ งสรรค์

2. สาระการเรยี นรู้

2.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง

1) การคน้ หาอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ เป็นการค้นหาข้อมลู ท่ีได้ตรงตามความต้องการในเวลาทรี่ วดเรว็

จากแหล่งข้อมลู ท่ีน่าเชื่อถือหลายแหล่ง และข้อมลู มีความสอดคล้องกนั

2) การใช้เทคนิคการคน้ หาข้ันสงู เชน่ การใชต้ วั ดำเนินการ การระบรุ ปู แบบของขอ้ มลู หรอื ชนิด

ของไฟล์

3) การจดั ลำดับผลลพั ธ์จากการค้นหาของโปรแกรมคน้ หา

4) การเรยี บเรียง สรุปสาระสำคัญ (บูรณาการกบั วชิ าภาษาไทย)

3. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

อินเทอรเ์ นต็ เปน็ เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ขนาดใหญ่ทคี่ รอบคลมุ ไปท่วั โลก เราสามารถใช้งาน

อนิ เทอร์เนต็ เพื่อให้ไดข้ ้อมูลทีต่ รงตามความต้องการภายในระยะเวลาอนั รวดเร็ว และการค้นหาข้อมูลในแตล่ ะ

คร้ัง โปรแกรมคน้ หาจะแสดงข้อมลู จากคำค้นหาเปน็ จำนวนมาก เพ่ือใหผ้ ู้ใช้งานสามารถใช้งานอินเทอรเ์ นต็ ได้

อย่างมีประสทิ ธภิ าพและได้ข้อมลู ตรงตามความต้องการมากทส่ี ดุ ผใู้ ช้จะต้องเรียนรเู้ กยี่ วกับการจัดลำดับ

ผลลัพธ์ทไ่ี ด้จากโปรแกรมค้นหา ข้อมลู ที่ได้การสบื ค้นข้อมูลจากแหลง่ ต่าง ๆ จะตอ้ งมกี ารประเมินความ

น่าเช่อื ถือของข้อมลู เพอ่ื ให้ได้ขอ้ มูลท่ีถูกต้อง และตรงตามความตอ้ งการ

4. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี นและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี ินัย

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3. มงุ่ มั่นในการทำงาน

4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง การใช้งานอนิ เทอร์เน็ตอย่างมีประสิทธิภาพ

6. การวัดและการประเมนิ ผล

รายการวดั วิธวี ัด เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ

6.1 การประเมนิ ก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ ประเมินตามสภาพจริง

- แบบทดสอบก่อนเรียน ก่อนเรยี น กอ่ นเรยี น

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3

เรอ่ื ง การใช้งาน

อนิ เทอร์เน็ตอยา่ งมี

ประสทิ ธภิ าพ

6.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั - ตรวจกิจกรรม - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2

กิจกรรม ฝกึ ทกั ษะ Com Sci กิจกรรมฝกึ ทักษะ ผ่านเกณฑ์

1) การค้นหาข้อมลู ท่ีบันทึกลงในสมดุ Com Sci

- ประเมินการทำงาน - แบบประเมิน

กลุม่ การทำงานกล่มุ

- ประเมนิ การตอบ - แบบประเมิน

คำถามท้ายการเล่น กจิ กรรมถามปปุ๊

เกมถามป๊ปุ ตอบปัป๊ ตอบปั๊ป

2) การจดั ลำดบั ผลลพั ธ์ - การนำเสนอขา่ ว - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2
การคน้ หา
ในใบงานท่ี 3.2.1 การทำแบบฝึกหัดและ ผา่ นเกณฑ์

เรอื่ ง นกั ข่าวตวั น้อย กิจกรรมฝกึ ทักษะ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

- ตรวจใบงานที่ 3.2.1 - ใบงานท่ี 3.2.1 เร่อื ง

เรอ่ื ง นักข่าวตัวนอ้ ย นกั ขา่ วตวั น้อย

- สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกต

การตอบคำถาม พฤติกรรมการตอบ

รายบคุ คล คำถามรายบคุ คล

รายการวดั วิธีวดั เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
3) การประเมนิ - ตรวจกจิ กรรมฝึก - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
ความน่าเชือ่ ถือ ทักษะที่ 1 เรื่องจรงิ กิจกรรมที่ 1 เร่ือง
หรือไม่ จรงิ หรอื ไม่ ระดบั คุณภาพ 2
4) คุณลักษณะ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์
อันพงึ ประสงค์ ใบงานท่ี 1 เรือ่ ง การนำเสนอ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
เช่อื ถอื ไดห้ รอื ไม่ - แบบประเมนิ
6.3 การประเมนิ หลังเรียน - ตรวจกิจกรรมฝึก กจิ กรรมฝกึ ทักษะ
1) แบบทดสอบหลังเรยี น ทกั ษะท่ี 2 เรื่องเช็ค ท่ี 2 เรอ่ื งเช็คก่อน
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 กอ่ นแชร์ แชร์
เร่ือง การใช้งาน - สงั เกตความมวี นิ ัย - แบบประเมนิ
อินเทอร์เน็ตอยา่ งมี ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มั่น คุณลักษณะ
ประสิทธิภาพ ในการทำงาน อนั พึงประสงค์
2) การประเมินช้ินงาน/ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ
ภาระงาน (รวบยอด) หลงั เรียน หลงั เรียน
เร่อื ง การใชง้ าน
อินเทอรเ์ น็ตอย่างมี - ตรวจช้นิ งาน/ - แบบประเมนิ ช้ินงาน/ - ระดับคุณภาพ 2
ประสทิ ธภิ าพ
ภาระงาน (รวบยอด) ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรือ่ ง การใช้งานอนิ เทอร์เนต็ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

เรอ่ื งที่ 1 : การค้นหาขอ้ มลู โดยใชอ้ ินเทอร์เน็ต เวลา 3 ช่ัวโมง

วิธกี ารสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Modal)
เทคนคิ การสอนโดยใช้เกม

เทคนคิ ตามแนวคดิ เชงิ คำนวณ

เทคนคิ การสอนโดยใช้กรณตี ัวอย่าง (Case)

ข้ันนำ (10 นาที)

กระตุน้ ความสนใจ
1. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียน (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 หน้า 58 และถาม
คำถามสำคัญประจำหน่วยกับนักเรียนว่า การค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพมลี ักษณะอย่างไร โดย
ครูให้นักเรียนเขียนคำถามและเขียนตอบลงในสมุด โดยท่ียังไม่ได้เรียนเนื้อหา และหลังจากเรียน
เนื้อหาครบ ครจู ะให้นักเรยี นกลับมาตรวจสอบคำตอบของตนเองอีกครงั้
2. ครูถามนักเรียนว่า หากนักเรียนต้องการหาข้อมูล เพื่อทำการบ้าน ทำรายงาน หรือเพ่ือหาความรู้
นกั เรียนจะค้นหาขอ้ มูลได้จากทีใ่ ด (คำตอบ: อินเทอรเ์ นต็ )
3. ครูถามนักเรียนถึงความรู้เดิมว่า เหตุใดเราจึงเลือกใช้อินเทอร์เน็ต ในการค้นหา (แนวคำตอบ: เพราะ
อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ อีกท้ังยังเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลหลากหลาย
ประเภท ทสี่ บื ค้นไดอ้ ยา่ งสะดวกและรวดเร็ว)

ขนั้ สอน (50 นาท)ี

สำรวจคน้ หา

4. ครูเล่าสถานการณ์สมมติให้นักเรียนฟังว่า วันหนึ่ง เด็กชาย ก. ต้องหาข้อมูลเก่ียวกับประวัติความ
เป็นมาของวันสงกรานต์ ซึ่งเปน็ วนั สำคัญของประเทศไทย โดยเด็กชาย ก. ได้คน้ หาโดยใชเ้ ว็บ Search
Engine แล้วพิมพ์คำค้นหาว่า สงกรานต์ ปรากฏว่า ผลการค้นหาคำว่าสงกรานต์ กลับไม่ใช่สิ่งท่ี
เด็กชาย ก. ตอ้ งการ (ครูเปิดภาพให้นักเรยี นด)ู จากน้ันครถู ามนกั เรยี นว่า หากนกั เรียนเปน็ เด็กชาย ก.
นักเรียนจะแก้ปัญหานี้อย่างไร (แนวคำตอบ: พิมพ์คำค้นหาเพ่ิมเติมท่ีเฉพาะเจาะจงมากข้ึน เช่น วัน
สงกรานต์ ประวัตวิ นั สงกรานต์ เปน็ ต้น)

5. ครูบอกนักเรียนว่า หากเราอยากได้ข้อมูลท่ีตรงตามความต้องการและได้ภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว
มากขึน้ เราจะต้องใช้เทคนิคการคน้ หาขอ้ มลู แบบต่าง ๆ

6. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียน (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 หน้า 59 และถาม
คำถามสำคัญประจำเร่ืองเพ่ือกระตุ้นความคิดนักเรียนว่า การค้นหาข้อมูลโดยใช้เทคนิคต่าง ๆ มีข้อดี
อยา่ งไร โดยครูยงั ไมใ่ ห้นักเรยี นตอบตอนน้ี ใหน้ กั เรียนไดศ้ ึกษาข้อมลู และทำกิจกรรมก่อน แลว้ ครูค่อย
ถามคำถามนี้อกี คร้ังในภายหลงั

7. ครูให้นกั เรียนสำรวจข้อมูลเรื่องเทคนคิ การคน้ หาข้อมลู ในหนังสือเรียน (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ย
การเรียนรู้ที่ 3 หน้า 59-67 พร้อมท้ังเข้าใช้งานเว็บไซต์สำหรับสืบค้น (Search Engine) เพ่ือทำตาม
ตัวอยา่ งในหนังสือเรยี น

อธบิ ายความรู้

8. ครูยกกรณีของเด็กชาย ก. มาพูดให้นักเรียนฟังอีกคร้ังว่า หากเราต้องการสืบค้นประวัติความเป็นมา
ของวันสงกรานต์ เราควรพิมพ์คำสำคัญ หรือ คีย์เวิร์ด ที่ตรงประเด็น และตรงตามความต้องการ เช่น
คำว่า ประวัติวันสงกรานต์ ประเพณีสงกรานต์ เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเรียกการค้นหาในลักษณะนี้ว่า
การค้นหาโดยใชค้ ำสำคัญ

9. ครูให้นักเรียนลองค้นหาข้อมูลโดยใช้เทคนิคการค้นหาโดยใช้คำสำคัญ จากหัวข้อท่ีนักเรียนสนใจหรือ
ครอู าจยกตัวอย่างสถานการณอ์ ่นื ๆ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนลองค้นหา

10. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั ตอบคำถามเก่ียวกบั เทคนิคการค้นหาข้อมลู แบบตา่ ง ๆ
ประเด็นคำถาม

1) หากนักเรียนต้องการข้อมูลเกี่ยวกับวันสงกรานต์ในรูปแบบไฟล์ .pdf จะสามารถหา
ข้อมูลได้หรือไม่ (แนวคำตอบ: สามารถค้นหาข้อมูลที่เป็นไฟล์ต่าง ๆ ได้ โดยการพิมพ์
นามสกลุ ไฟลห์ ลังคำค้นหา เช่น วนั สงกรานต.์ pdf)

2) หากนักเรียนต้องการข้อมูลเก่ียวกับวันสงกรานต์ แต่ต้องเป็นข้อมูลจากเว็บไซต์ของ
หน่วยงานรัฐเท่าน้ัน จะสามารถค้นหาได้หรือไม่ (แนวคำตอบ: สามารถทำได้ โดยการ
พมิ พ์ประเภทของเวบ็ ไซตห์ ลังคำค้นหา เช่น วันสงกรานต์ Site:go.th)

3) หากนักเรียนพิมพ์คำค้นหาว่า “สถานท่ีท่องเท่ียวในวังสงกรานต์” โดยมีเครื่องหมาย
อัญประกาศกำกับอยู่ ผลการค้นหาจะมีลักษณะอย่างไร (แนวคำตอบ: จะแสดงข้อมูลท่ี
แสดงผลทกุ คำในประโยค)

11. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปว่า เทคนคิ การคน้ หาข้อมลู แบบต่าง ๆ มี 5 แบบ ได้แก่ 1) การค้นหาโดย
ใชค้ ำสำคญั 2) การคน้ หาโดยระบชุ นดิ ของไฟล์ 3) การค้นหาโดยระบุประเภทของเว็บไซต์ 4) การ
ค้นหาโดยใช้เครื่องหมายหรอื สัญลักษณ์ 5) การคน้ หาโดยใชต้ ัวดำเนินการ

12. ครมู อบหมายงานใหน้ ักเรียนทำกิจกรรมลองทำดู ในแบบฝึกหัด (วทิ ยาการคำนวณ) หน่วยการเรียนรู้
ท่ี 3 หนา้ 44 และแบบฝกึ หัดเรือ่ ง การคน้ หาข้อมลู โดยใช้อินเทอร์เนต็ หน้า 45-47 เป็นการบา้ น เพื่อ
เป็นการฝึกฝนและทบทวนความรู้
ชวั่ โมงที่ 2

ข้นั สอน (60 นาที)

1. ครูและนกั เรียนทบทวนความรู้เดิมทเ่ี รยี นในชวั่ โมงที่แล้ว เรือ่ ง เทคนิคการคน้ หาข้อมูลแบบตา่ ง ๆ
2. นกั เรียนเปิดกิจกรรมฝกึ ทักษะ Com Sci ในหนงั สอื เรยี น (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี

3 หน้า 68-69 โดยในหนา้ 68 ให้นกั เรยี นกลับไปทำเปน็ การบา้ น เพราะต้องมีการติดภาพลงในสมดุ
สว่ นในหนา้ 69 ให้ทำพร้อมกันในหอ้ งเรยี น
3. ครูใหน้ กั เรยี นพิจารณาข้อมลู ในกจิ กรรมฝึกทักษะ Com Sci หนา้ 69 จำนวน 5 ข้อ ไดแ้ ก่

1) ค้นหาขอ้ มูลเกี่ยวกับประวตั คิ วามเป็นมาของวดั พระแกว้
2) ค้นหาข้อมูลเกย่ี วกบั สถานทที่ ่องเท่ียวในภาคเหนือท่ีไมใ่ ชว่ ัด
3) คน้ หาขอ้ มลู เก่ยี วกบั วนั สำคัญโดยเน้นวนั แม่แหง่ ชาติ
4) ค้นหาข้อมลู เกี่ยวกับอาหารไทยหรอื อาหารต่างชาติ
5) คน้ หาข้อมูลเก่ียวกบั ภาพถ่ายทมี่ ีนามสกุล .JPG
4. ครถู ามนักเรียนว่าจากโจทย์ในกิจกรรมฝกึ ทกั ษะ Com Sci นกั เรยี นจะเลือกใชค้ ำค้นหาใดในการ
คน้ หาข้อมลู ดงั กลา่ ว คำคน้ หาน้ันจัดอยูใ่ นเทคนิคการคน้ หาขอ้ มลู แบบใด และเพราะเหตใุ ดจึงเลือกใช้
เทคนคิ การค้นหาขอ้ มูลนี้ โดยใหน้ กั เรยี นบันทึกลงสมดุ ใหเ้ วลาในการทำ 20 นาที
5. ครูสมุ่ ถามนักเรียนวา่ ได้คำตอบแบบใด มีใครได้คำตอบเหมือนหรอื แตกตา่ งกบั เพ่อื นหรือไม่ อยา่ งไร
และลงข้อสรปุ รว่ มกัน

ขยายความรู้

6. ครูบอกนักเรียนวา่ จะมีเกมให้นักเรียนร่วมกันเล่นในช่วั โมงถัดไป น่นั คอื เกม ถามปปุ๊ ตอบปั๊ป โดยใน
ชว่ั โมงน้ี ครจู ะใหน้ ักเรียนเตรียมข้อมลู ก่อน

7. ครใู หน้ กั เรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 4-5 คน พร้อมทงั้ ตง้ั ช่อื กลุ่ม เพือ่ เตรียมเลน่ เกม โดยการเลน่ เกมจะมี
คะแนนสะสม กล่มุ ใดเล่นเกมถามปุ๊ปตอบปั๊ปไดค้ ะแนนเยอะทส่ี ุด กล่มุ นน้ั จะไดร้ างวลั (ครอู าจเตรียม
รางวัลเปน็ อปุ กรณ์การเรยี น หรอื สิ่งของเลก็ ๆ น้อย ๆ เพ่ือกระต้นุ ความสนใจของนกั เรียน)

8. ครูถามนักเรยี นวา่ นักเรียนมีสงิ่ ใดหรือเร่อื งใดทช่ี อบมาก ๆ หรือไม่ เช่น นักรอ้ งทีช่ อบ การต์ นู ท่ีชอบ
หนงั สอื ทีช่ อบ หรือมเี ร่ืองราวต่าง ๆ ท่ีชอบ

9. ครใู หน้ ักเรยี นในกล่มุ หารือร่วมกนั เพ่ือเสนอเรอื่ งหรือข้อหวั ทีน่ กั เรยี นแต่ละคนสนใจ และร่วมกนั
โหวตเลือกเรอ่ื งทน่ี ่าสนใจท่ีสุด มาตง้ั เป็นคำถามในเกมถามปปุ๊ ตอบป๊ปั

10. ครใู ห้นักเรยี นหาขอ้ มลู และตง้ั คำถามเกย่ี วกับเรื่องที่นักเรยี นสนใจ จำนวน 3 ขอ้ โดยคำถามท่ีใช้ ต้อง
มแี นวโน้มทีเ่ พ่ือนกลุ่มอ่นื จะตอบไมไ่ ด้ และต้องใช้เทคนิคการค้นหาแบบต่าง ๆ มาชว่ ย ถงึ จะหา
คำตอบนัน้ ได้ เช่น นกั เรยี นสนใจเรอ่ื งการประกวดนางงามจกั รวาล และตงั้ คำถามเก่ียวกับการ
ประกวดนางงามวา่ นางงามจักรวาลคนใด ท่ีพดู คำว่า ดิฉันภมู ิใจทีเ่ ปน็ ผู้หญิงไทย, สาวไทยคนใดท่ีได้
ตำแหน่งนางงามจักรวาล แตไ่ มใ่ ช่ปยุ๋ พรทิพย์ โดยให้นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ออกมาถามคำถามเพื่อนใน
ชวั่ โมงถดั ไป โดยให้เวลากลุ่มละ 10 นาที
ช่ัวโมงท่ี 3

ขั้นสอน (40 นาท)ี

1. ครใู หน้ ักเรียนแตล่ ะกลุม่ ออกมาบอกหัวข้อทีส่ นใจ และถามคำถามทีเ่ ตรียมมา 3 ข้อ โดยถามคำถามที
ละ ขอ้ และให้เพอ่ื นกลุ่มอนื่ ๆ ช่วยกนั ค้นหาข้อมูล หากเพ่ือนในกล่มุ ใดสามารถตอบคำถามได้เรว็
และถูกตอ้ ง กลุม่ นั้นจะได้คะแนน 1 คะแนน และครจู ะถามนกั เรยี นกล่มุ นน้ั ว่า นักเรียนใช้เทคนคิ การ
คน้ หาข้อมลู แบบใด ถงึ ทำใหไ้ ด้คำตอบเรว็ กว่าเพ่ือนกลมุ่ อืน่ ๆ และเพราะเหตใุ ดจึงเลือกใช้เทคนคิ นี้

2. ครูถามนักเรยี นกลุ่มอ่นื ๆ ว่ามใี ครใชเ้ ทคนคิ การคน้ หาข้อมูลแตกตา่ งจากเพ่ือนกลุ่มทตี่ อบไดห้ รือไม่
เพราะเหตุใด

3. เม่อื นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ออกมาถามคำถามจนครบ ครสู รปุ คะแนนและมอบรางวลั ใหก้ บั นักเรียนกลมุ่ ท่ี
ได้คะแนนมากทีส่ ุด

ข้นั สรปุ (20 นาที)

ตรวจสอบผล

1. ครูถามนักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ว่า จากการเลน่ เกมถามปปุ๊ ตอบปั๊ปในวนั น้ี นกั เรียนสามารถบอกประโยชน์
ของเทคนคิ การคน้ หาข้อมูลแบบตา่ ง ๆ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจำวนั ได้หรอื ไม่
อยา่ งไร

2. ครูเรียกถามนักเรียนแต่ละกลุ่มจนครบ พร้อมท้ังโยงไปถึงคำถามสำคัญประจำเรื่องในหนังสือเรียน
รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 หน้า 59 ว่า การ
ค้นหาข้อมูลโดยใช้เทคนิคต่าง ๆ มีข้อดีอย่างไร โดยครูและนักเรียนได้ข้อสรุปร่วมกันว่า เทคนิคการ
คน้ หาขอ้ มลู ชว่ ยใหเ้ ราไดข้ ้อมูลท่ตี รงตามความตอ้ งการภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

เรือ่ งท่ี 2 : การจัดลำดบั ผลลัพธ์การคน้ หา เวลา 2 ชั่วโมง

วิธีการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Modal)
เทคนคิ การสอนโดยใช้เกม
เทคนคิ ตามแนวคดิ เชงิ คำนวณ
เทคนิคการสอนแบบบทบาทสมมติ

ขัน้ นำ (15 นาท)ี

กระตนุ้ ความสนใจ
1. ครทู บทวนความรเู้ ดิมท่ีเรียนในช่ัวโมงท่แี ล้ว เร่อื งเทคนิคการคน้ หาข้อมลู แบบต่าง ๆ
2. ครใู หน้ กั เรยี นเปิดเว็บไซตค์ น้ หา และพมิ พค์ ำค้นหาทน่ี ักเรียนต้องการ โดยครูยกตวั อย่างการค้นหาคำ
ว่าสถานการณ์นำ้ ท่วม

3. ครใู หน้ ักเรยี นสังเกตเวบ็ ไซต์ที่แสดงขนึ้ มา ว่ามีข้อมูลพ้ืนฐานใดบา้ ง โดยครแู ละนักเรียนสรปุ ร่วมกันว่า
มขี ้อมลู พ้ืนฐาน 4 อย่าง ได้แก่ ชื่อหัวขอ้ ของเว็บไซต์, ทีอ่ ย่เู ว็บไซต์, วันที่เผยแพร่ข้อมลู และตัวอยา่ ง
ข้อมลู

4. ครใู หน้ ักเรยี นสังเกตวันท่ีเผยแพร่ข้อมูล และถามนักเรียนว่าถา้ หากเราอยากได้ข้อมลู ในช่วงระยะเวลา
ทีเ่ ราต้องการ เช่น อยากได้ขอ้ มูลสถานการณ์น้ำทว่ มในประเทศไทยในชว่ งปี พ.ศ. 2560-2562 เราจะ
สามารถคน้ หาขอ้ มลู ดังกลา่ วไดห้ รือไม่ (แนวคำตอบ: ตามดุลยพนิ ิจของนกั เรียน)

5. ครูพูดเช่ือมโยงไปยงั เรื่องเทคนิคการค้นหาข้อมูลว่า หากเราอยากไดข้ ้อมูลท่ีเราต้องการ เราก็พิมพ์คำ
ค้นหาโดยใช้เทคนิคแบบต่าง ๆ ได้ แต่ถ้าเราอยากได้ข้อมูลหลายประเภท เช่น เราอยากได้ข้อมูล
สถานการณ์น้ำท่วมเฉพาะในภาคกลางของประเทศไทย ในช่วงปี พ.ศ. 2560-2562 ต้องเปน็ เว็บไซต์
ของหน่วยงานรัฐ เพื่อความเชื่อถือได้ และต้องเป็นไฟล์ PDF เราจะมีวิธีค้นหาข้อมูลได้อย่างไร (แนว
คำตอบ: ตามดลุ ยพินจิ ของนักเรยี น)

ขนั้ สอน (45 นาที)

ค้นหาความรู้

6. ครูใหน้ ักเรยี นศึกษาเรื่องการจัดลำดบั ผลลพั ธก์ ารคน้ หาในหนังสอื เรียน (วิทยาการคำนวณ) ป.6
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 3 หน้า 70-73 เพ่ือหาคำตอบวา่ หากเราตอ้ งการค้นหาข้อมูลหลาย ๆ ประเภทจะ
ทำได้หรือไม่ อยา่ งไร และถามคำถามประจำเรื่องกับนักเรียนวา่ การจดั ลำดับผลลพั ธก์ ารคน้ หาช่วยให้
การค้นหามปี ระสทิ ธิภาพอยา่ งไร

7. ครใู หน้ กั เรียนอา่ นมมุ Com Sci ในหนงั สือเรียนหนา้ 70 เพื่อศกึ ษาความรเู้ พิ่มเตมิ เร่อื งการนำขอ้ มูล
ท่ีคน้ หาได้จากอินเทอรเ์ น็ตมาใช้งาน

8. ครขู ยายความคำวา่ การจดั ลำดับผลลัพธก์ ารคน้ หาวา่ เป็นการจัดเรียงขอ้ มูลทเ่ี รากรอกลงในช่อง โดย
จะมกี ารจดั เรยี งตามภาษา จดั เรียงตามพนื้ ทที่ ีต่ ้องการ จัดเรยี งตามเวลา จัดเรียงตามตำแหนง่ ท่ตี งั้
ของเว็บไซต์ จัดเรยี งตามชนดิ ของไฟล์ และลิขสทิ ธข์ิ องข้อมูล

9. ครใู ห้นกั เรียนลองใส่คำค้นหาต่าง ๆ ตามตัวอย่างในหนังสอื เรยี น (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการ
เรยี นรทู้ ่ี 3 หนา้ 73-74 เพื่อให้เข้าใจมากยง่ิ ขึน้

อธิบายความรู้

10. ครแู ละนกั เรยี นสรปุ ความรู้ร่วมกนั วา่ หากเราต้องการคน้ หาขอ้ มูลหลาย ๆ ประเภทสามารถทำได้โดย
ใช้การคน้ หาขั้นสงู ซึ่งเป็นการจัดลำดบั ผลลพั ธท์ ไี่ ดจ้ ากโปรแกรมคน้ หา

11. ครใู ห้นกั เรยี นทำกิจกรรมฝึกทักทักษะ Com Sci ในหนังสือเรยี น (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการ
เรยี นรูท้ ่ี 3 หนา้ 75 โดยใหน้ ักเรียนอ่านสถานการณ์ทกี่ ำหนดให้ และลองพิมพค์ ำคน้ หาใน
คอมพวิ เตอร์ จากน้นั บันทึกคำค้นหาลงในสมุด

12. ครูสุ่มถามนักเรยี น 4-5 คน แลว้ ใหน้ ักเรียนอธิบายว่าได้กรอกคำค้นหาใดในชอ่ งคน้ หาบ้าง จึงได้
ผลลพั ธ์ตามท่ีตอ้ งการ จากน้ันสรปุ ความรู้รว่ มกัน

ขยายความรู้

13. ครูให้นักเรียนจับคู่กัน เพ่ือทำกิจกรรมในใบงานที่ 3.2.1 เรื่อง นกั ข่าวตัวน้อย โดยใหน้ ักเรยี นคน้ หา
ข้อมลู เก่ยี วกบั ข่าวประเภทตา่ ง ๆ เชน่ ข่าวเศรษฐกจิ ขา่ วส่ิงแวดลอ้ ม ขา่ วกีฬา หรอื อื่น ๆ ยกเว้นขา่ ว
บันเทงิ และต้องเปน็ ขา่ วที่มาจากเว็บไซต์ทางการค้า ท่ีเกิดข้นึ ในระยะเวลาไม่เกนิ 1 สัปดาห์ นับจาก
วนั ทไ่ี ดร้ บั มอบหมายงาน โดยครูใหน้ กั เรียนสมมตบิ ทบาทเป็นนกั ข่าว และออกมานำเสนอข่าวหนา้ ชั้น
เรยี นในชว่ั โมงถดั ไป
ประเดน็ ในใบงานท่ี 3.2.1 เรอื่ ง นกั ข่าวตัวนอ้ ย

1) หัวขอ้ ข่าว
2) รูปภาพประกอบ
3) ข้อมูลขา่ ว/เนอื้ ข่าว
4) บอกแหลง่ ท่ีมาของขอ้ มูล

5) ใชก้ ารค้นหาขน้ั สงู โดยกรอกคำคน้ หาว่าอย่างไร เพือ่ ให้ได้ผลลพั ธท์ ่ตี ้องการ

ช่ัวโมงท่ี 2

ข้ันส1อ. น (45 นาท)ี

1. ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละคู่ ออกมานำเสนอขา่ วทเี่ ตรยี มมา พร้อมทง้ั บอกแหลง่ ทีม่ าของข้อมูล และ
บอกวธิ ีการคน้ หาโดยใช้การค้นหาขนั้ สงู พรอ้ มใหเ้ หตผุ ล

ข้นั สรุป (15 นาท)ี

ตรวจสอบผล
2. หลังจากนำเสนอขา่ วครบทุกกลมุ่ แลว้ ครูสุ่มถามนักเรียนถึงประโยชน์ของการจัดลำดับผลการคน้ หา
หรือการคน้ หาข้ันสงู และการนำไปประยุกต์ใช้
3. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรู้ที่เรียนมาท้งั หมดเกี่ยวกับเรอื่ งการจัดลำดับผลการคน้ หา หรือการ
คน้ หาขน้ั สูง
4. ครมู อบหมายงานให้นักเรียนทำแบบฝกึ หดั เร่ือง การจัดลำดับผลการคน้ หา ในแบบฝึกหัด (วทิ ยาการ
คำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 หน้า 48-50 เพ่ือทบทวนความรู้

เรอ่ื งท่ี 3 : การประเมนิ ความนา่ เช่ือถอื เวลา 3 ช่ัวโมง

วธิ ีการสอนแบบกระบวนการกลุ่ม (Group Process)
เทคนิคตามแนวคิดเชงิ คำนวณ
การใชก้ รณีตวั อยา่ ง
การใช้บทบาทสมมติ

ขั้นนำ

1. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันทบทวนความร้เู ดมิ ในชวั่ โมงที่แลว้ เร่ืองเทคนคิ การค้นหาข้อมูลและการ
จดั ลำดบั ผลลพั ธก์ ารค้นหา

2. ครูยกตัวอย่างบทความทีอ่ ยู่ในอินเทอร์เนต็ ให้นกั เรยี นดู โดยเป็นบทความท่ีเขียนเกินจริง หรือมี
ความไมน่ ่าเชือ่ ถือ เชน่
1) ข่าวเด็กอายุ 14 ปวดท้อง หมอตรวจพบชาไข่มุกหลายร้อยเม็ดอยู่ในลำไส้
2) นำ้ มะนาวสามารถหยอดตา แก้ตอ้ เนื้อตาฟางได้
3) 20 ปี น้ำทว่ มโลก

3. ครใู ห้นักเรียนรว่ มกันวิเคราะหบ์ ทความดงั กล่าวว่า เชื่อถอื ได้หรอื ไม่ เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ:
ข้นึ อยู่กับดลุ ยพนิ จิ ของนักเรียน)

4. ครบู อกนักเรียนว่า อินเทอรเ์ นต็ เป็นพื้นท่ีอสิ ระท่ีผคู้ นตา่ งก็สามารถสรา้ งข้อมูล อัปโหลดหรือแชร์
ขอ้ มลู ต่าง ๆ ลงในอินเทอรเ์ น็ตได้ ซ่งึ ข้อมลู บางส่วนอาจจะไม่เปน็ ความจรงิ ก็ได้ ดงั น้ัน ก่อนที่เรา
จะนำข้อมูลจากอนิ เทอร์เน็ตมาใช้หรือเผยแพร่ เราควรประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถอื ของข้อมูลก่อน

5. ครูถามนักเรียนว่า นักเรยี นรู้หรอื ไม่วา่ การประเมินความน่าเช่อื ถือของข้อมลู สามารถทำได้
อยา่ งไร และถามคำถามประจำหนว่ ยหัวข้อในหนงั สอื เรียนว่า การประเมินความน่าเช่ือถือของ
ขอ้ มลู ก่อนนำมาใช้ มีประโยชน์อย่างไร

ข้ันสอน

6. ครใู ห้นกั เรียนศึกษาข้อมลู เร่อื ง การประเมินความนา่ เชื่อถือ ในหนงั สือเรยี น (วทิ ยาการคำนวณ)
ป.6 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 หน้า 76

7. ครสู ุ่มถามนักเรียนวา่ การประเมินความน่าเชื่อถือของขอ้ มูลมีอะไรบา้ ง จากนน้ั ลงข้อสรุปรว่ มกัน
วา่ การประเมินความน่าเชอ่ื ถือของข้อมลู สามารถทำได้โดย 1) พจิ ารณาเวบ็ ไซตท์ ่ีน่าเชื่อถอื ได้ 2)

ระบุชือ่ ผเู้ ขยี นหรือผ้ใู ห้ข้อมลู 3) ระบุวันทเี่ ผยแพร่ และคร้ังทีป่ รบั ปรุง 4) อ้างอิงแหลง่ ทีม่ า 5)
บอกวัตถุประสงค์ในการจดั ทำ
8. ครใู ห้นกั เรียนศึกษาข้อมลู เพ่ิมเตมิ เร่อื งการคน้ หาขอ้ มูลอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ในมมุ Com Sci ใน
หนงั สือเรียนหน้า 76
9. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มเปน็ 4 กล่มุ เพ่ือทำกจิ กรรมเรื่อง เชื่อถือไดห้ รือไม่
10. ครแู บ่งฐานทั้งหมด 4 ฐาน แต่ละฐานจะเปดิ หนา้ เวบ็ ไซต์ไว้ 1 เวบ็ ไซต์ จากนน้ั ให้นกั เรยี นแตล่ ะ
กลมุ่ สำรวจข้อมูลทีละฐาน แล้วตอบคำถามลงในใบงานท่ี 1 เรือ่ ง เชอ่ื ถือได้หรือไม่ โดยให้เวลา
สำรวจข้อมูลฐานละ 5 นาที เมือ่ ครบ 5 นาทแี ล้วครใู หส้ ญั ญาณเสียงเพื่อให้นักเรียนเปลี่ยนฐาน
(ครคู วรเลือกเวบ็ ไซต์ทเ่ี ชอ่ื ถือได้ และเช่ือถือไม่ได้ คละกัน เพือ่ ให้นักเรยี นวเิ คราะหแ์ ละประเมนิ
ความนา่ เช่อื ถือ)
ตวั อย่างเวบ็ ไซต์ในแตล่ ะฐาน

1) PM 2.5 ตอ้ งหน้ากาก N 95 แลว้ ละ่ http://www.cleothailand.com/health/pm-
25.html

2) แนะนำวิธปี ้องกนั ไฟป่า https://www.thaihealth.or.th/Content/4753-แนะวธิ ีป้องกนั ไฟป่า.html
3) คลืน่ ความหนาวแผป่ กคลุมประเทศไทยมากสดุ ในรอบ 14 ปี

http://thesis2550.blogspot.com/2016/01/5.html
4) ทฤษฎแี กล้งดนิ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

https://www.prd.go.th/ewt_news.php?nid=151154&filename=prd
11. เมอื่ นกั เรียนสำรวจขอ้ มลู ครบทกุ ฐานแล้ว ครสู ุ่มเรยี กนักเรียน 1 กลมุ่ ใหอ้ อกมาหน้าชั้นเรยี น

เพอื่ วเิ คราะหแ์ ละประเมินความนา่ เช่อื ถือของข้อมลู ในฐานท่ี 1 ทีน่ ักเรียนได้ไปสำรวจมา จากนน้ั
ครูถามเพอื่ นกลมุ่ อ่นื วา่ มีการวิเคราะห์และประเมินความน่าเชื่อถือทเี่ หมือนหรือแตกต่างกัน
หรอื ไม่อย่างไร
12. ครูสมุ่ เรยี กนักเรยี นกลุม่ อน่ื ๆ เพ่ือวเิ คราะหแ์ ละประเมนิ ความนา่ เชื่อถือของขอ้ มลู ในฐานตอ่ ๆ
ไปจนครบ
13. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรยี นซักถามขอ้ สงสัย และสรุปความรรู้ ่วมกันทา้ ยคาบเรียน
14. ครมู อบหมายงานให้นักเรียนทำกจิ กรรมฝกึ ทักษะ Com Sci ในหนังสือเรียน (วทิ ยาการคำนวณ)
ป.6 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 หน้า 78 เปน็ การบา้ น

ชัว่ โมงท่ี 2

ข้ันส2อ. น

1. ครแู ละนักเรยี นทบทวนความร้เู ดมิ เรื่อง การประเมนิ ความน่าเชอื่ ถือ ทเี่ รยี นในช่วั โมงทแ่ี ล้ว

2. ครบู อกนักเรียนวา่ วนั น้คี รูจะใหน้ ักเรยี นเปน็ นกั สบื ชว่ ยสบื ความจรงิ ให้ครวู า่ หวั ข้อเหลา่ นี้เปน็ ความ
จริงหรอื ไม่

3. ครูให้นกั เรียนแบ่งกลุม่ เป็น 5 กลุ่ม จากนน้ั ให้นักเรยี นทำกจิ กรรมฝึกทักษะท่ี 1 เรื่อง จริงหรอื ไม่ ใน
แบบฝกึ หดั (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 หน้า 53 โดยใหแ้ ต่ละกลุ่มเลอื กหวั ข้อท่ี
สนใจ หรอื จับสลากเลือก
หวั ข้อทจ่ี ะใหน้ ักเรยี นสบื

1) วางโทรศัพท์ไว้ใกลศ้ รี ษะเวลานอน อันตรายจรงิ หรือไม่
2) วางไฟแช็กไวใ้ นรถ เส่ียงไฟไหม้จรงิ หรอื ไม่
3) กนิ เนอ้ื ย่างบอ่ ย ๆ มีความเสย่ี งเปน็ โรคมะเร็งจริงหรือไม่
4) หลังจากออกกำลงั กายเสรจ็ ใหม่ ๆ ไมค่ วรอาบนำ้ ทันทีจริงหรอื ไม่
5) เลน่ โทรศัพท์ในท่มี ืดเปน็ เวลานาน เสย่ี งตาบอดจริงหรือไม่
4. ครใู หเ้ วลานกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มสบื ค้นข้อมลู 20 นาที จากนนั้ ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหนา้
ช้นั เรยี น โดยมปี ระเดน็ ในการนำเสนอดังน้ี
ประเด็นในการนำเสนอ

1) หัวขอ้ ที่นกั เรียนสบื คือเร่ืองอะไร
2) นักเรียนใช้คำค้นหาใดบา้ ง
3) หลงั จากสบื ค้นแลว้ หวั ขอ้ ทนี่ ักเรียนเลือก เปน็ จริงหรือไม่
4) นกั เรยี นค้นหาข้อมูลทั้งหมดก่ีเว็บไซต์ อะไรบา้ ง
5) แตล่ ะเวบ็ ไซต์มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ เพราะเหตุใด
5. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรยี นซักถามข้อสงสยั และสรปุ ความรรู้ ่วมกันท้ายคาบเรยี น
6. ครมู อบหมายงานใหน้ ักเรียนทำแบบฝึกหดั ในแบบฝึกหัด (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรู้ที่
3 หนา้ 51-52 เปน็ การบ้านเพอ่ื เปน็ การทบทวนความรู้

ชัว่ โมงท่ี 3

ขน้ั ส1อ. น

1. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั ทบทวนความรเู้ ดมิ ทเี่ รยี นในชัว่ โมงทีแ่ ล้ว
2. ครูถามนักเรยี นว่า

1) นกั เรียนเคยแชรข์ ้อความหรือข้อมลู ตา่ ง ๆ ลงในสื่อออนไลน์หรอื ไม่ (คำตอบ: เคย/ไม่
เคย)

2) ก่อนนักเรียนแชรข์ ้อมูลหรอื ข้อความน้นั นกั เรยี นได้มีการประเมินความน่าเช่อื ถือก่อน
หรอื ไม่ (แนวคำตอบ: ขน้ึ อยู่กับประสบการณ์เดมิ ของนักเรยี น)

3) หากข้อความหรือข้อมลู นัน้ ไม่เป็นความจริง จะส่งผลกระทบตอ่ ผูห้ ลงเชอื่ อยา่ งไร (แนว
คำตอบ: หากมกี ารทำตามขอ้ มลู ทผ่ี ดิ อาจส่งผลเสยี ต่อผู้หลงเชอ่ื )

3. ครใู หน้ กั เรียนอ่านสถานการณ์ในกจิ กรรมฝกึ ทักษะที่ 2 เรื่อง เช็คก่อนแชร์ ในหนงั สือเรียน (วทิ ยาการ
คำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 หนา้ 56
สถานการณ:์ ตวงได้รับขอ้ ความทางสอ่ื ออนไลนจ์ ากแตว้ ตวงเกิดความสงสัยวา่ แตว้ ไดข้ ้อมลู น้มี า
จากใคร แตว้ บอกว่าข้อความนถี้ กู ส่งต่อกันมา โดยไมท่ ราบแหล่งที่มา

รว่ มกนั ใส่ EM Ball ลงในแม่น้ำ แทนการลอย
กระทง เพื่อลดขยะในแมน่ ้ำและแกป้ ัญหาน้ำเนา่ เสีย

ส่งตอ่ ข้อความนี้ ถ้าอยากชว่ ยโลกของเรา

4. ครถู ามนักเรยี นว่า ถ้าหากนักเรียนเป็นตวง นกั เรยี นจะเลอื กทำสิ่งใดก่อน ระหวา่ งเช็คกบั แชร์ เพราะ
เหตใุ ด จากนัน้ ครใู ห้นักเรียนเขยี นคำตอบลงในกิจกรรมฝกึ ทักษะท่ี 2 ข้อ 1

5. ครูแบ่งกลมุ่ นักเรยี นเปน็ 2 กลมุ่ คือกลุ่มที่เลอื กเช็ค และกลมุ่ ทเี่ ลอื กแชร์
6. ครใู ห้นักเรียนกลุ่มท่เี ลอื กเชค็ ตอบคำถามในกิจกรรมฝกึ ทักษะท่ี 2 ขอ้ 2 และข้อ 3 ตามลำดบั และ

ใหน้ กั เรยี นกลุ่มทเ่ี ลือกแชร์ ตอบคำถามในกจิ กรรมฝึกทักษะท่ี 2 ข้อ 3
7. ครูให้นกั เรียนกลุ่มทีเ่ ลอื กแชร์กอ่ น กลับไปเชค็ ข้อมูลในข้อ 2 แลว้ พจิ ารณาอีกครั้งว่า จะแชรข์ ้อมูล

หรอื ไม่ เพราะเหตุใด
8. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายรว่ มกนั ในประเด็นเร่อื ง EM Ball วา่ สามารถนำไปใสใ่ นแมน่ ำ้ ได้

หรือไม่ จนได้ข้อสรุปร่วมกันว่า EM Ball หากนำไปใส่ในแม่นำ้ จะทำให้น้ำเน่าเสียย่ิงกวา่ เดมิ
9. ครสู มุ่ นักเรียนวา่ หากเราแชร์ขอ้ มลู นี้ไป โดยไมเ่ ชค็ ขอ้ มลู ก่อน จะส่งผลกระทบต่อใครบ้าง และสง่ ผล

กระทบอย่างไร
10. ครูถามนักเรยี นตอ่ วา่ หากนักเรียนทราบถึงผลกระทบของการแชรข์ อ้ มูลที่ผดิ แลว้ ในคร้งั ถดั ไป หาก

นกั เรยี นต้องนำข้อมลู ต่าง ๆ มาใช้ หรือจะแชร์ข้อมลู นักเรียนจะตรวจสอบข้อมลู ก่อนหรือไม่ เพราะ
เหตใุ ด

ขน้ั สรปุ

1. ครูถามคำถามประจำเรื่องในหนังสอื เรยี นกับนักเรียนว่า การประเมินความน่าเช่อื ถือของข้อมูลกอ่ นนำ
ขอ้ มูลมาใช้มปี ระโยชนอ์ ย่างไร จากน้ันครูและนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายจนได้ข้อสรปุ รว่ มกัน

2. ครูใหน้ กั เรียนตรวจสอบตนเองหลังจากจบบทเรยี นแลว้ ในหนังสือเรยี นหน้า 79

3. ครใู หน้ ักเรยี นดูผังสรุปสาระสำคัญ ในหนงั สอื เรยี น (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 หนา้
80 เพ่ือเป็นการสรปุ ความรทู้ เ่ี รยี นมาทง้ั หมด

4. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน
5. ครูมอบหมายงานให้นักเรยี นทำช้ินงาน ภาระงาน (รวบยอด) และกจิ กรรมเสริมสรา้ งการเรยี นรูใ้ น

หนังสือเรียน (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 หนา้ 81 เปน็ การบ้าน

8. สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 ส่ือการเรียนรู้
1) หนังสอื เรียน (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 เร่ือง การใชง้ านอนิ เทอร์เน็ตอยา่ งมี
ประสทิ ธภิ าพ
2) แบบฝึกหดั (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 เรอ่ื ง การใช้งานอินเทอร์เนต็ อย่างมี
ประสิทธภิ าพ
3) ใบงานท่ี 3.2.1 เรอ่ื ง นักขา่ วตัวน้อย
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งคอมพิวเตอร์
2) อินเทอร์เนต็

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3

คำชแ้ี จง : ให้นกั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. ขอ้ ใดคือประโยชนข์ องเทคนคิ การคน้ หาข้อมลู 6. หากนกั เรยี นต้องการเข้าสู่การคน้ หาขน้ั สงู นกั เรียนต้อง
เลือกคำสง่ั ใดกอ่ น
ก. การต้ังคำถามกบั เหตุการณ์บางอยา่ ง ก. เพิม่ เตมิ
ข. ข่าวสาร
ข. เพื่อให้ไดข้ ้อมลู ภายในระยะเวลา ค. การตัง้ ค่า
ง. เครือ่ งมือ
อันรวดเรว็
7. หากนักเรียนตอ้ งการคน้ หาขอ้ มลู ท่เี ผยแพรต่ ั้งแต่ปี
ค. เพอ่ื ให้ได้ขอ้ มลู ทมี่ ีประโยชนแ์ ละ พ.ศ. 2560-2562 ควรป้อนขอ้ มูล พ.ศ. หลังคำใด
สรา้ งสรรค์ ก. อปั เดตลา่ สดุ
ข. คำท่ปี รากฏ
ง. ถกู ทุกขอ้ ค. คำใด ๆ เหลา่ นี้
ง. จำนวนต้ังแต่ ... ถึง ...
2. ข้อใดเป็นเทคนิคการคน้ หาขอ้ มูล
8. ขอ้ ใดคือเว็บไซตท์ เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การการศึกษา
ก. การคน้ หาโดยใชต้ วั เลข ก. เว็บไซต์ทล่ี งท้ายดว้ ย .com
ข. เวบ็ ไซต์ท่ลี งท้ายด้วย .co.th
ข. การคน้ หาโดยใชค้ ำประสม ค. เว็บไซตท์ ลี่ งท้ายด้วย .ac.th
ง. เว็บไซตท์ ี่ลงท้ายด้วย .or.th
ค. การค้นหาโดยใช้ตวั ดำเนินการ
ง. การคน้ หาโดยระบปุ ระเภทของเวบ็ ไซต์ 9. ข้อใดเปน็ การประเมนิ ความน่าเช่ือถือของขอ้ มลู ท่ีได้จาก
อนิ เทอรเ์ น็ต
3. ปูควรใชเ้ ทคนคิ ใดในการคน้ หาเฉพาะไฟลท์ ่ี นามสกลุ ก. ตรวจสอบวา่ มกี ารระบุประเภทของขอ้ มลู
ข. ตรวจสอบวา่ มีผ้ใู ช้งานแชร์ข้อมลู หลายคน
.pdf เท่านั้น ค. ตรวจสอบว่ามกี ารระบุวนั ท่ีเผยแพร่และครง้ั ท่ี
ปรับปรงุ
ก. การคน้ หาโดยใชค้ ำสำคญั ง. ตรวจสอบว่ามกี ารกลา่ วถึงประโยชน์และโทษ
ของขอ้ มูล
ข. การคน้ หาโดยระบุชนดิ ของไฟล์
ค. การคน้ หาโดยระบปุ ระเภทของเวบ็ ไซต์ 10. การกระทำของใครทีท่ ำให้ไดข้ ้อมลู ท่นี า่ เช่ือถอื
ง. การค้นหาโดยใช้เครื่องหมายหรอื ก. เอห้ าขอ้ มูลจากเว็บไซตท์ ีไ่ มม่ กี ารอา้ งอิง
สญั ลกั ษณ์ ข. เจหาเลอื กข้อมูลท่เี ผยแพรเ่ มอื่ 10 ปที ่ีแล้ว
4. หมูตอ้ งการค้นหาข้อมลู เกย่ี วกับของขวัญวันเกิด ค. เป้หาขอ้ มลู จากเว็บไซตท์ ่เี กีย่ วข้องกบั การศึกษา
โดยไมต่ อ้ งการใหม้ ีคำวา่ ตุก๊ ตาแสดงขึ้นมา หมูควร ง. เมย์หาข้อมลู จากเพจทม่ี คี นเขา้ มาแสดงความ
ใชค้ ำค้นหาว่าอย่างไร คิดเหน็ ไว้
ก. ของขวญั วนั เกิด -ตกุ๊ ตา
ข. ของขวัญวนั เกิด ไม่ตกุ๊ ตา 6. ก 7. ค 8. ง 9. ค 10. ค
ค. ของขวญั วนั เกิด NOTตุก๊ ตา
ง. ของขวัญวันเกิด ท่ไี ม่ใชต่ กุ๊ ตา
5. ขอ้ ใดไม่ใช่ข้อมูลพนื้ ฐานของเวบ็ ไซต์

ก. ที่อยู่เว็บไซต์

ข. ทม่ี าของขอ้ มลู

ค. วันที่เผยแพร่ขอ้ มลู
ง. ช่ือหัวขอ้ ของเว็บไซต์

เฉลย

1. ง 2. ค 3. ข 4. ก 5. ข

แบบทดสอบหลงั เรยี น

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3

คำช้ีแจง : ให้นกั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. ข้อใดไมใ่ ช่ประโยชน์ของการใชเ้ ทคนคิ การคน้ หาข้อมลู 6. ใหน้ ักเรยี นพิจารณาข้อความต่อไปน้ี
ก. เพือ่ ให้ได้ขอ้ มลู ทเ่ี ยอะที่สดุ 1) คลิกเลือก การต้ังค่า
ข. เพือ่ ให้ได้ขอ้ มูลทเ่ี ฉพาะเจาะจง 2) คลิกเลือกการค้นหาขัน้ สูง
ค. เพื่อใหไ้ ด้ขอ้ มูลทต่ี รงตามความต้องการ 3) พมิ พ์คำคน้ หาทตี่ อ้ งการ
ง. เพอื่ ใหไ้ ด้ขอ้ มลู ภายในระยะเวลาทร่ี วดเร็ว 4) กรอกข้อมลู เพิ่มเตมิ
ขอ้ ใดเรยี งลำดับการเข้าส่หู นา้ ต่างการค้นหาขัน้ สูงได้
2. เทคนิคการค้นหาข้อมลู โดยใชเ้ ครอ่ื งหมายหรือสญั ลักษณ์ ถูกตอ้ ง
ประกอบไปด้วยเครื่องหมายหรือสญั ลักษณใ์ ดบ้าง ก. 3) 1) 2) 4)
ก. เคร่อื งหมายบวก อัญประกาศ จลุ ภาค ข. 2) 3) 1) 4)
ข. อัญประกาศ เคร่ืองหมายบวก เครือ่ งหมายลบ ค. 1) 2) 3) 4)
ค. สญั ประกาศ เครื่องหมายบวก เครอื่ งหมายลบ ง. 4) 2) 3) 1)
ง. เครอ่ื งหมายบวกเคร่ืองหมายลบเครือ่ งหมายคูณ
7. ขอ้ ใดกลา่ วผดิ เกย่ี วกับการค้นหาขน้ั สูง
3. เป้งควรใช้เทคนิคใดในการค้นหาขอ้ มูลทต่ี อ้ งการให้ ก. แสดงผลลัพธ์ตามภาษาได้
แสดงผลทกุ คำในประโยค ข. แสดงผลลัพธต์ ามภมู ภิ าคได้
ก. การค้นหาโดยใชต้ ัวดำเนนิ การ ค. เลือกวนั ทเี่ ผยแพรข่ อ้ มูลได้
ข. การคน้ หาโดยใช้เคร่ืองหมายลบ ง. แสดงผลลัพธไ์ ดอ้ ยา่ งหลากหลาย
ค. การค้นหาโดยใช้เครื่องหมายบวก
ง. การคน้ หาโดยใชเ้ ครอ่ื งหมายอญั ประกาศ 8. ข้อใดกล่าวถึงส่วนท้ายของชือ่ เวบ็ ไซตผ์ ดิ
ก. เว็บไซตท์ ลี่ งทา้ ยดว้ ย .mi.th เปน็ เวบ็ ไซต์
4. ตะวนั ต้องการค้นหาสถานทที่ อ่ งเทยี่ ว โดยต้องการให้ ทางการคา้
เว็บไซต์แสดงขอ้ มลู ในภาคเหนือหรอื ภาคกลางก็ได้ ข. เวบ็ ไซตท์ ่ีลงทา้ ยดว้ ย .ac.th เปน็ เว็บไซต์
ตะวันควรใช้คำค้นหาวา่ อยา่ งไร ทางการศกึ ษา
ก. สถานทที่ ่องเที่ยว ค. เว็บไซต์ทล่ี งทา้ ยด้วย .go.th เปน็ เว็บไซต์
ข. สถานท่ที อ่ งเท่ียวในภาคกลาง –สถานที่ ของหน่วยงานรฐั
ท่องเทีย่ วในภาคเหนือ ง. เวบ็ ไซต์ทล่ี งท้ายด้วย .or.th เป็นเว็บไซต์
ค. สถานที่ท่องเทย่ี วในภาคกลาง OR สถานท่ี ขององคก์ รทไ่ี มห่ วงั ผลกำไร
ทอ่ งเทยี่ วในภาคเหนือ
ง. สถานท่ที ่องเทย่ี วในภาคกลาง NOT สถานท่ี 9. ข้อใดกลา่ วถึงการประเมินความนา่ เชือ่ ถอื ของข้อมูลไม่
ท่องเที่ยวในภาคเหนือ ถกู ตอ้ ง
ก. ตรวจสอบชอ่ื ผเู้ ขยี น เพอื่ ใหไ้ ด้ขอ้ มูลที่
5. ขอ้ ใดกลา่ วถึงข้อมลู พืน้ ฐานของเว็บไซตถ์ กู ตอ้ ง ถูกต้อง เช่อื ถอื ได้
ก. ชื่อหวั ขอ้ ของเวบ็ ไซต์ ทอ่ี ยเู่ ว็บไซต์ ตวั อยา่ ง ข. ตรวจสอบชื่อเว็บไซต์ เพ่อื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ท่ี
ขอ้ มลู ที่มาของขอ้ มูล ถูกตอ้ งตามหลักภาษา
ข. ชือ่ หัวข้อของเวบ็ ไซต์ ทอี่ ยเู่ วบ็ ไซต์ วนั ที่ ค. ตรวจสอบการอ้างอิงแหลง่ ทม่ี า เพื่อให้รวู้ า่
เผยแพร่ข้อมลู ตวั อยา่ งขอ้ มลู นำข้อมลู มาจากแหล่งใด
ค. ชื่อหัวข้อของเว็บไซต์ วนั ท่เี ผยแพรข่ อ้ มลู ง. ตรวจสอบวนั ท่เี ผยแพร่ข้อมูล เพือ่ ให้ได้
ประเภทของขอ้ มลู ตวั อยา่ งขอ้ มูล ข้อมูลทเี่ ป็นปัจจบุ ันมากทสี่ ดุ
ง. ช่ือหวั ข้อของเวบ็ ไซต์ วันท่เี ผยแพร่ข้อมูล
ประเภทของข้อมลู ภาพของข้อมูล

10. การกระทำของบคุ คลใด ทท่ี ำใหไ้ ด้ข้อมลู ทไี่ ม่นา่ เชื่อถอื
ก. ปลาค้นหาข้อมลู โดยเลอื กเวบ็ ไซตท์ ม่ี ี
การอา้ งองิ แหลง่ ที่มา
ข. ไกห่ าข้อมูลหลาย ๆ เวบ็ ไซต์แลว้ นำ
ขอ้ มลู มาเปรียบเทยี บกนั
ค. เสือหาข้อมลู จากบล็อกทีม่ ีนกั ศกึ ษา
เขยี นความคดิ เหน็ ส่วนตวั ไว้
ง. ก้งุ ตรวจสอบวนั ทเี่ ผยแพร่ขอ้ มลู ทกุ ครั้ง
เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มูลทที่ นั สมัย

เฉลย

1. ก 2. ข 3. ง 4. ค 5. ข 6. ก 7. ง 8. ก 9. ข 10. ค

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 การใช้งานอินเทอร์เนต็ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เวลา 8 ช่ัวโมง

เรอื่ ง การคน้ หาข้อมลู โดยใช้อนิ เทอรเ์ น็ต เวลา 3 ชั่วโมง

รายวชิ า คอมพิวเตอร์ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

1. ผลการเรยี นรู้
1. เพือ่ ให้ผเู้ รียนมีความรู้ความเข้าใจในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ
2. เพ่ือใหผ้ ้เู รยี นมที กั ษะการคิดเชิงคำนวณ การคดิ วเิ คราะห์ แก้ปัญหาเป็นข้นั ตอนและเป็นระบบ
3. เพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาขอ้ มูลส่วนตัว และการส่อื สารเบ้ืองต้น
ในการแกป้ ัญหาท่พี บในชีวิตจริงไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
4. เพื่อให้ผ้เู รียนนำความรูค้ วามเขา้ ใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหม่ท่เี กิดขึ้นไปใช้ใหเ้ กิด
ประโยชน์ตอ่ สังคม และการดำรงชีวติ
5. เพ่ือให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการ
จัดการทกั ษะในการสอื่ สาร และความสามารถในการตัดสนิ ใจ
6. เพ่ือให้ผู้เรียนเป็นผู้ท่ีมีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยอี ยา่ งสรา้ งสรรค์

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธบิ ายเทคนคิ การคน้ หาข้อมลู แบบตา่ ง ๆ ในการคน้ หาขอ้ มูลได้ (K)

2. ใชเ้ ทคนิคการค้นหาข้อมูลแบบตา่ ง ๆ ได้เหมาะสมกับส่งิ ท่ตี ้องการคน้ หาได้ (P)

3. เหน็ ประโยชน์ของเทคนิคการคน้ หาขอ้ มลู แบบตา่ ง ๆ และนำไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตประจำวนั ได้ (A)

3. สาระสำคญั

อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมไปท่ัวโลก เราสามารถใช้งาน

อินเทอร์เน็ต เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ตรงตามความต้องการภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยใช้เทคนิคการค้นหา

ข้อมลู แบบต่าง ๆ ดงั น้ี

1. การคน้ หาโดยใชค้ ำสำคัญ

2. การคน้ หาโดยระบุชนิดของไฟล์

3. การค้นหาโดยระบปุ ระเภทของเว็บไซต์

4. การคน้ หาโดยใชเ้ ครอื่ งหมายหรอื สัญลักษณ์

5. การคน้ หาโดยใช้ตัวดำเนนิ การ

4. สาระการเรยี นรู้

การค้นหาข้อมูลโดยใช้อนิ เทอรเ์ นต็

5. รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน

1. วธิ ีการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Modal)

2. เทคนคิ การสอนโดยใชเ้ กม

3. เทคนิคตามแนวคดิ เชงิ คำนวณ

4. เทคนิคการสอนโดยใชก้ รณีตัวอยา่ ง (Case)

6. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน

 ความสามารถในการสื่อสาร

 ความสามารถในการคิด

 ความสามารถในการแกป้ ัญหา

 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต

 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

7. ทกั ษะ 4 Cs

 ทกั ษะการคิดวิจารณญาณ (Critical Thinking)

 ทักษะการทำงานร่วมกนั (Col aboration Skill)

 ทักษะการส่ือสาร (Communication Skil)

 ทกั ษะความคดิ สรา้ งสรรค์ (Creative Thinking)

8. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

 รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์  ซื่อสตั ย์ สุจรติ

 มีวินัย  ใฝ่เรียนรู้

 อย่อู ย่างพอเพยี ง  มงุ่ มน่ั ในการทำงาน

 รกั ความเป็นไทย  มจี ติ สาธารณะ

9. การจดั กระบวนการเรยี นรู้

ชวั่ โมงท่ี 1

1. ครใู หน้ กั เรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน

ขั้นนำ (10 นาท)ี

กระตนุ้ ความสนใจ

2. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียน (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 หน้า 58 และถาม

คำถามสำคัญประจำหน่วยกับนักเรยี นว่า การค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพมีลักษณะอย่างไร โดย

ครูให้นักเรียนเขียนคำถามและเขียนตอบลงในสมุด โดยที่ยังไม่ได้เรียนเนื้อหา และหลังจากเรียน

เนื้อหาครบ ครูจะใหน้ ักเรยี นกลบั มาตรวจสอบคำตอบของตนเองอีกคร้งั

3. ครูถามนักเรียนว่า หากนักเรียนต้องการหาข้อมูล เพ่ือทำการบ้าน ทำรายงาน หรือเพื่อหาความรู้
นกั เรยี นจะค้นหาข้อมูลได้จากทีใ่ ด (คำตอบ: อนิ เทอร์เน็ต)

4. ครูถามนักเรียนถึงความรู้เดิมว่า เหตุใดเราจึงเลือกใช้อินเทอร์เน็ต ในการค้นหา (แนวคำตอบ: เพราะ
อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลหลากหลาย
ประเภท ท่ีสืบคน้ ไดอ้ ยา่ งสะดวกและรวดเร็ว)

ขั้นสอน (50นาที)
สำรวจค้นหา

5. ครูเล่าสถานการณ์สมมติให้นักเรียนฟังว่า วันหน่ึง เด็กชาย ก. ต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความ
เป็นมาของวันสงกรานต์ ซึง่ เปน็ วันสำคัญของประเทศไทย โดยเด็กชาย ก. ไดค้ ้นหาโดยใช้เว็บ Search
Engine แล้วพิมพ์คำค้นหาว่า สงกรานต์ ปรากฏว่า ผลการค้นหาคำว่าสงกรานต์ กลับไม่ใช่สิ่งที่
เด็กชาย ก. ต้องการ (ครูเปิดภาพให้นกั เรียนด)ู จากนัน้ ครูถามนักเรียนว่า หากนกั เรียนเป็นเดก็ ชาย ก.
นักเรียนจะแก้ปัญหานี้อย่างไร (แนวคำตอบ: พิมพ์คำค้นหาเพ่ิมเติมท่ีเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น วัน
สงกรานต์ ประวตั ิวันสงกรานต์ เป็นต้น)

6. ครูบอกนักเรียนว่า หากเราอยากได้ข้อมูลที่ตรงตามความต้องการและได้ภายในระยะเวลาท่ีรวดเร็ว
มากข้นึ เราจะตอ้ งใช้เทคนิคการคน้ หาขอ้ มลู แบบต่าง ๆ

7. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียน (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 หน้า 59 และถาม
คำถามสำคัญประจำเรื่องเพ่ือกระตุ้นความคิดนักเรียนว่า การค้นหาข้อมูลโดยใช้เทคนิคต่าง ๆ มีข้อดี
อยา่ งไร โดยครูยังไมใ่ ห้นกั เรยี นตอบตอนนี้ ใหน้ ักเรียนได้ศึกษาข้อมลู และทำกจิ กรรมก่อน แล้วครคู อ่ ย
ถามคำถามนอ้ี กี ครัง้ ในภายหลัง

8. ครใู ห้นักเรียนสำรวจข้อมูลเรอ่ื งเทคนคิ การคน้ หาข้อมลู ในหนังสือเรียน (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ย
การเรียนรู้ที่ 3 หน้า 59-67 พร้อมทั้งเข้าใช้งานเว็บไซต์สำหรับสืบค้น (Search Engine) เพ่ือทำตาม
ตวั อย่างในหนังสอื เรยี น

อธบิ ายความรู้
9. ครูยกกรณีของเด็กชาย ก. มาพูดให้นักเรียนฟังอีกคร้ังว่า หากเราต้องการสืบค้นประวัติความเป็นมา
ของวันสงกรานต์ เราควรพิมพ์คำสำคัญ หรือ คีย์เวิร์ด ท่ีตรงประเด็น และตรงตามความต้องการ เช่น
คำว่า ประวัติวันสงกรานต์ ประเพณีสงกรานต์ เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเรียกการค้นหาในลักษณะนี้ว่า
การค้นหาโดยใช้คำสำคญั
10. ครูให้นักเรียนลองค้นหาข้อมูลโดยใช้เทคนิคการค้นหาโดยใช้คำสำคัญ จากหัวข้อที่นักเรียนสนใจหรือ
ครูอาจยกตวั อย่างสถานการณอ์ น่ื ๆ เพอื่ ใหน้ กั เรยี นลองค้นหา
11. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันตอบคำถามเกยี่ วกับเทคนิคการคน้ หาข้อมูลแบบต่าง ๆ
ประเด็นคำถาม
1) หากนักเรียนต้องการข้อมูลเกี่ยวกับวันสงกรานต์ในรูปแบบไฟล์ .pdf จะสามารถหา
ข้อมูลได้หรือไม่ (แนวคำตอบ: สามารถค้นหาข้อมูลที่เป็นไฟล์ต่าง ๆ ได้ โดยการพิมพ์
นามสกุลไฟลห์ ลงั คำคน้ หา เช่น วันสงกรานต.์ pdf)
2) หากนักเรียนต้องการข้อมูลเกี่ยวกับวันสงกรานต์ แต่ต้องเป็นข้อมูลจากเว็บไซต์ของ
หน่วยงานรัฐเท่าน้ัน จะสามารถค้นหาได้หรือไม่ (แนวคำตอบ: สามารถทำได้ โดยการ
พิมพ์ประเภทของเวบ็ ไซตห์ ลังคำคน้ หา เช่น วันสงกรานต์ Site:go.th)
3) หากนักเรียนพิมพ์คำค้นหาว่า “สถานท่ีท่องเท่ียวในวังสงกรานต์” โดยมีเคร่ืองหมาย
อัญประกาศกำกับอยู่ ผลการค้นหาจะมีลักษณะอย่างไร (แนวคำตอบ: จะแสดงข้อมูลท่ี
แสดงผลทุกคำในประโยค)
12. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ว่า เทคนิคการคน้ หาข้อมูลแบบต่าง ๆ มี 5 แบบ ได้แก่ 1) การคน้ หาโดย
ใชค้ ำสำคัญ 2) การค้นหาโดยระบชุ นดิ ของไฟล์ 3) การคน้ หาโดยระบุประเภทของเว็บไซต์ 4) การ
คน้ หาโดยใชเ้ คร่อื งหมายหรือสญั ลกั ษณ์ 5) การคน้ หาโดยใช้ตัวดำเนินการ
13. ครมู อบหมายงานให้นักเรียนทำกิจกรรมลองทำดู ในแบบฝึกหัด (วิทยาการคำนวณ) หน่วยการเรียนรู้
ที่ 3 หนา้ 44 และแบบฝึกหัดเรือ่ ง การค้นหาข้อมลู โดยใช้อินเทอร์เน็ต หน้า 45-47 เปน็ การบ้าน เพ่ือ
เปน็ การฝกึ ฝนและทบทวนความรู้

ช่ัวโมงท่ี 2

ขั้นสอน (ต่อ) (60 นาที)

1. ครูและนักเรยี นทบทวนความร้เู ดมิ ท่ีเรยี นในชวั่ โมงท่แี ลว้ เรื่อง เทคนิคการค้นหาข้อมลู แบบต่าง ๆ

2. นกั เรยี นเปิดกิจกรรมฝึกทักษะ Com Sci ในหนังสอื เรียน (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี
3 หนา้ 68-69 โดยในหนา้ 68 ใหน้ ักเรยี นกลบั ไปทำเปน็ การบ้าน เพราะต้องมกี ารตดิ ภาพลงในสมุด
ส่วนในหน้า 69 ให้ทำพร้อมกันในห้องเรยี น

3. ครใู ห้นักเรียนพจิ ารณาขอ้ มลู ในกิจกรรมฝกึ ทกั ษะ Com Sci หนา้ 69 จำนวน 5 ขอ้ ได้แก่
1) ค้นหาขอ้ มูลเก่ียวกบั ประวตั คิ วามเปน็ มาของวดั พระแก้ว
2) คน้ หาข้อมูลเกี่ยวกบั สถานทท่ี ่องเท่ยี วในภาคเหนือที่ไม่ใช่วัด
3) ค้นหาข้อมูลเก่ียวกับวนั สำคัญโดยเน้นวนั แม่แหง่ ชาติ
4) คน้ หาขอ้ มลู เกย่ี วกบั อาหารไทยหรืออาหารตา่ งชาติ
5) คน้ หาขอ้ มลู เกย่ี วกบั ภาพถา่ ยทีม่ นี ามสกุล .JPG

4. ครถู ามนักเรียนว่าจากโจทยใ์ นกิจกรรมฝึกทกั ษะ Com Sci นกั เรียนจะเลอื กใช้คำค้นหาใดในการ
ค้นหาข้อมลู ดังกลา่ ว คำค้นหานน้ั จดั อยู่ในเทคนิคการค้นหาข้อมลู แบบใด และเพราะเหตใุ ดจึงเลือกใช้
เทคนิคการค้นหาขอ้ มูลนี้ โดยให้นักเรยี นบันทึกลงสมุด ให้เวลาในการทำ 20 นาที

5. ครูสุ่มถามนักเรียนว่าได้คำตอบแบบใด มใี ครได้คำตอบเหมือนหรือแตกต่างกับเพอื่ นหรือไม่ อยา่ งไร
และลงข้อสรปุ ร่วมกัน

ขยายความรู้

6. ครูบอกนักเรียนว่า จะมีเกมใหน้ กั เรยี นรว่ มกันเลน่ ในชวั่ โมงถัดไป นั่นคอื เกม ถามปปุ๊ ตอบปป๊ั โดยใน
ชว่ั โมงนี้ ครูจะให้นกั เรียนเตรียมข้อมูลก่อน

7. ครใู หน้ ักเรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 4-5 คน พร้อมท้งั ตั้งชอื่ กลมุ่ เพอ่ื เตรียมเลน่ เกม โดยการเล่นเกมจะมี
คะแนนสะสม กลุ่มใดเลน่ เกมถามป๊ปุ ตอบปั๊ปไดค้ ะแนนเยอะที่สุด กลุ่มน้นั จะไดร้ างวัล (ครูอาจเตรยี ม
รางวัลเปน็ อปุ กรณ์การเรียน หรือส่งิ ของเลก็ ๆ น้อย ๆ เพ่ือกระตุ้นความสนใจของนกั เรียน)

8. ครถู ามนักเรียนวา่ นักเรยี นมีส่งิ ใดหรอื เรอ่ื งใดทช่ี อบมาก ๆ หรอื ไม่ เชน่ นกั รอ้ งที่ชอบ การ์ตนู ทีช่ อบ
หนงั สอื ท่ชี อบ หรือมเี รอ่ื งราวตา่ ง ๆ ทชี่ อบ

9. ครูให้นักเรียนในกลมุ่ หารือร่วมกันเพ่ือเสนอเรอื่ งหรือข้อหวั ทนี่ กั เรียนแตล่ ะคนสนใจ และรว่ มกนั
โหวตเลอื กเร่อื งที่น่าสนใจทส่ี ุด มาตั้งเป็นคำถามในเกมถามปุ๊ปตอบป๊ปั

10. ครใู ห้นักเรยี นหาขอ้ มลู และตง้ั คำถามเก่ยี วกบั เรื่องทน่ี ักเรยี นสนใจ จำนวน 3 ข้อ โดยคำถามทีใ่ ช้ ต้อง
มีแนวโน้มทเี่ พื่อนกลุ่มอน่ื จะตอบไมไ่ ด้ และตอ้ งใชเ้ ทคนิคการค้นหาแบบต่าง ๆ มาช่วย ถึงจะหา
คำตอบน้ันได้ เชน่ นักเรียนสนใจเรื่องการประกวดนางงามจกั รวาล และตั้งคำถามเก่ยี วกับการ
ประกวดนางงามวา่ นางงามจกั รวาลคนใด ที่พดู คำวา่ ดฉิ นั ภูมิใจท่เี ป็นผหู้ ญิงไทย, สาวไทยคนใดที่ได้
ตำแหนง่ นางงามจกั รวาล แต่ไม่ใช่ปุย๋ พรทิพย์ โดยใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุม่ ออกมาถามคำถามเพื่อนใน
ชั่วโมงถดั ไป โดยให้เวลากล่มุ ละ 10 นาที

ช่ัวโมงท่ี 3

ขน้ั สอน (ต่อ) (40 นาท)ี

1. ครใู ห้นักเรียนแต่ละกลุม่ ออกมาบอกหวั ข้อท่ีสนใจ และถามคำถามที่เตรยี มมา 3 ข้อ โดยถามคำถามที
ละ ขอ้ และใหเ้ พื่อนกล่มุ อ่นื ๆ ชว่ ยกนั คน้ หาขอ้ มลู หากเพื่อนในกลมุ่ ใดสามารถตอบคำถามได้เร็ว
และถูกตอ้ ง กลุ่มนั้นจะได้คะแนน 1 คะแนน และครูจะถามนักเรยี นกลุ่มน้นั ว่า นกั เรยี นใชเ้ ทคนคิ การ
คน้ หาข้อมูลแบบใด ถงึ ทำใหไ้ ดค้ ำตอบเร็วกวา่ เพื่อนกลุ่มอ่นื ๆ และเพราะเหตุใดจึงเลอื กใชเ้ ทคนคิ นี้

2. ครถู ามนักเรยี นกลมุ่ อ่นื ๆ วา่ มใี ครใชเ้ ทคนิคการค้นหาขอ้ มูลแตกตา่ งจากเพื่อนกลุ่มท่ีตอบได้หรือไม่
เพราะเหตุใด

3. เม่อื นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมาถามคำถามจนครบ ครสู รปุ คะแนนและมอบรางวลั ให้กบั นักเรียนกลุ่มท่ี
ได้คะแนนมากทีส่ ุด

ข้นั สรปุ (20 นาที)

ตรวจสอบผล

4. ครูถามนักเรียนแต่ละกลมุ่ วา่ จากการเลน่ เกมถามปปุ๊ ตอบป๊ัปในวันนี้ นกั เรยี นสามารถบอกประโยชน์
ของเทคนิคการคน้ หาขอ้ มลู แบบต่าง ๆ และสามารถนำไปประยุกใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้หรือไม่
อยา่ งไร

5. ครูเรียกถามนักเรียนแต่ละกลุ่มจนครบ พร้อมท้ังโยงไปถึงคำถามสำคัญประจำเรื่องในหนังสือเรียน
(วิทยาการคำนวณ) หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 หน้า 59 ว่า การค้นหาข้อมูลโดยใช้เทคนิคต่าง ๆ มีข้อดี
อย่างไร โดยครูและนักเรียนได้ขอ้ สรปุ ร่วมกันว่า เทคนิคการค้นหาข้อมูลช่วยให้เราไดข้ ้อมูลท่ีตรงตาม
ความต้องการภายในระยะเวลาอนั รวดเรว็

10. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้
1. หนังสอื เรียน (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6
2. แบบฝกึ หดั (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6

11. การวดั และการประเมนิ ผล

11.1 การประเมินระหวา่ งการจัดกิจกรรม

จดุ ประสงค์ วธิ ีการประเมนิ เคร่อื งมือการประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ
แบบประเมนิ กจิ กรรมฝกึ อธิบายเหตผุ ลท่ีเลอื กใช้
อธิบายเทคนิคการคน้ หา ตรวจกจิ กรรมฝกึ ทักษะ ทักษะ Com Sci เทคนิคการคน้ หาขอ้ มลู
แบบต่าง ๆ ในการคน้ หา
ข้อมูลแบบตา่ ง ๆ ในการ Com Sci ท่บี นั ทกึ ลงใน แบบประเมนิ การทำงาน ข้อมลู ระดบั คุณภาพ
กลมุ่ พอใช้ขน้ึ ไป
คน้ หาข้อมลู ได้ สมุด เลอื กใช้เทคนคิ การค้นหา
แบบประเมนิ กจิ กรรม ขอ้ มลู แบบตา่ ง ๆ ระดับ
ใช้เทคนคิ การค้นหา ประเมนิ การทำงานกลมุ่ ถามปุ๊ปตอบป๊ัป คณุ ภาพระดบั พอใช้ข้ึนไป
ข้อมลู แบบต่าง ๆ ได้
เหมาะสมกบั ส่ิงทตี่ ้องการ บอกประโยชน์ และ
คน้ หาได้ แนวทางการนำไป
เห็นประโยชนข์ องเทคนิค ประเมนิ การตอบคำถาม ประยกุ ตใ์ ช้ ระดบั
การค้นหาข้อมูลแบบตา่ ง ทา้ ยการเล่นเกมถามปปุ๊ คุณภาพระดับพอใช้ขึน้ ไป
ๆ และนำไปประยุกต์ใช้ ตอบป๊ัป
ในชีวติ ประจำวันได้

11.2 การประเมนิ กิจกรรมฝึกทักษะ Com Sci

แบบประเมนิ กจิ กรรมฝึกทกั ษะ Com Sci

ประเดน็ ท่ีประเมนิ 3 ระดบั คะแนน 1
2

การเลอื กใชเ้ ทคนิคได้ เลอื กใช้เทคนคิ การค้นหา เลือกใชเ้ ทคนคิ การค้นหา เลือกใช้เทคนคิ การคน้ หา
อย่างถูกต้อง ข้อมลู แบบต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ ง ข้อมูลแบบต่าง ๆ ได้อย่าง ขอ้ มลู แบบต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ ง
ถกู ต้องมากกว่า 80% ขึ้นไป ถูกต้องมากกว่า 50% ข้นึ ไป ถกู ต้องน้อยกวา่ 50%

ความครบถ้วนของ สามารถอธิบายเหตผุ ลใน สามารถอธิบายเหตผุ ลใน สามารถอธิบายเหตผุ ลใน
คำตอบ การเลอื กใช้เทคนิคการ การเลอื กใชเ้ ทคนิคการ การเลอื กใชเ้ ทคนิคการ
คน้ หาขอ้ มลู แบบต่าง ๆ คน้ หาข้อมลู แบบตา่ ง ๆ ได้ คน้ หาข้อมูลแบบต่าง ๆ ได้
ได้ครบถว้ นทุกข้อ บางข้อ โดยมากกว่า 50% บางข้อ โดยน้อยกว่า 50%
ข้ึนไป

ความชัดเจนในการ สามารถอธบิ ายได้อย่าง สามารถอธิบายได้อย่าง สามารถอธิบายได้ แต่ไม่
อธบิ าย ชัดเจน ครบทกุ ประเดน็
ชดั เจน แตย่ งั ขาดประเดน็ ใด ชัดเจน และยังขาดประเดน็

ประเด็นหน่ึง ใดประเด็นหน่งึ

เหตุผลที่เลอื กใช้เทคนคิ สามารถบอกเหตผุ ลที่ สามารถบอกเหตุผลท่ี สามารถบอกเหตผุ ลที่
การค้นหาแบบต่าง ๆ เลือกใชเ้ ทคนิคการค้นหา เลอื กใช้เทคนคิ การค้นหา เลอื กใช้เทคนิคการคน้ หา
ข้อมลู แบบตา่ ง ๆ ได้ แต่ ข้อมูลแบบต่าง ๆ ได้ แตไ่ ม่
ข้อมูลแบบตา่ ง ๆ ไดอ้ ย่าง สมเหตสุ มผลเพียงบางส่วน สมเหตสุ มผล
สมเหตสุ มผลทัง้ หมด

เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
10 - 12 ดี
6-9
นอ้ ยกว่า 6 พอใช้
ปรบั ปรงุ

11.3 การประเมินการทำงานกลมุ่

แบบประเมนิ การทำงานกลุม่

ลำดบั ท่ี รายการประเมิน คุณภาพผลงาน
4321

1 เลอื กใช้เทคนคิ การค้นหาขอ้ มูลได้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม
2 บอกเหตุผลทเ่ี ลือกใชเ้ ทคนิคต่าง ๆ ได้อย่างสมเหตุสมผล
3 การนำเสนอมีความน่าสนใจ
4 การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกในกลมุ่
5 การรับฟงั ความคิดเห็นของสมาชิกกลุ่มอื่น

รวม

เกณฑ์การให้คะแนน
ดีมาก = 4
ดี = 3
พอใช้ = 2
ปรับปรุง = 1

เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคะแนน

18 - 20 ดีมาก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

น้อยกว่า 10 ปรับปรงุ

11.4 การประเมินกจิ กรรมถามปปุ๊ ตอบปั๊ป

แบบประเมนิ กจิ กรรมถามปุป๊ ตอบปัป๊

ประเด็นท่ีประเมนิ 3 ระดับคะแนน 1
2

การเหน็ ประโยชนข์ อง บอกประโยชนข์ อง บอกประโยชนข์ องเทคนิค บอกประโยชนข์ องเทคนคิ
เทคนคิ การค้นหาข้อมูลแบบ เทคนิคการคน้ หาแบบ การค้นหาแบบต่าง ๆ ได้ การคน้ หาแบบตา่ ง ๆ ได้
ต่าง ๆ ต่าง ๆ ไดค้ รบทกุ ครบทกุ ประเด็น แต่ยังไม่ แต่ไม่ครบทกุ ประเดน็
ชัดเจน
ประเดน็ และมีความ
ชดั เจน

การนำไปประยุกต์ใช้ ยกตัวอยา่ งการนำไป ยกตัวอยา่ งการนำไป ยกตวั อยา่ งการนำไป
ประยกุ ต์ใช้ใน ประยุกตใ์ ช้ในสถานการณ์ ประยุกต์ใช้ในสถานการณ์
สถานการณ์อนื่ ๆ ได้ อ่ืน ๆ ได้ 2 สถานการณ์ อน่ื ๆ ได้ 1 สถานการณ์
มากกวา่ 3
สถานการณ์

เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
5-6 ดี
3-4
พอใช้
นอ้ ยกวา่ 3 ปรบั ปรุง

12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......

ลงช่อื
(

ตำแหนง่

13. บนั ทึกผลหลังการสอน
 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อุปสรรค
 แนวทางการแก้ไข

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 การใช้งานอนิ เทอร์เน็ตอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ เวลา 8 ชั่วโมง
เรือ่ ง การจดั ลำดับผลลัพธ์การคน้ หา เวลา 2 ชั่วโมง
รายวิชา คอมพิวเตอร์ กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6
1. ผลการเรียนรู้

1. เพื่อใหผ้ ู้เรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
2. เพื่อใหผ้ ้เู รยี นมีทกั ษะการคดิ เชิงคำนวณ การคดิ วเิ คราะห์ แก้ปญั หาเปน็ ขั้นตอนและเป็นระบบ
3. เพ่ือใหผ้ ู้เรียนมีทกั ษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาขอ้ มูลส่วนตัว และการสอ่ื สารเบ้ืองต้น

ในการแก้ปญั หาทีพ่ บในชวี ิตจรงิ ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ
4. เพ่ือให้ผ้เู รียนนำความรู้ความเขา้ ใจในวิชาวทิ ยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นไปใช้ให้เกิด

ประโยชนต์ อ่ สังคม และการดำรงชวี ิต
5. เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการ

จดั การทักษะในการส่อื สาร และความสามารถในการตัดสนิ ใจ
6. เพ่ือให้ผู้เรียนเป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์

และเทคโนโลยอี ยา่ งสร้างสรรค์
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบายวิธีการค้นหาข้อมูลโดยใช้การจัดลำดบั ผลการค้นหาหรอื การค้นหาขั้นสงู ได้ (K)
2. คน้ หาขอ้ มลู โดยใช้การจัดลำดับผลการค้นหา หรือการคน้ หาขน้ั สูงได้ (P)
3. เห็นประโยชน์ของการจัดลำดับผลการค้นหาหรือการค้นหาข้ันสูง และนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
(A)
3. สาระสำคญั

การค้นหาข้อมูลในแต่ละคร้ัง โปรแกรมค้นหาจะแสดงข้อมูลจากคำค้นหาเป็นจำนวนมาก เพ่ือให้
ผู้ใช้งานสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้ข้อมูลตรงตามความต้องการมากท่ีสุด ผู้ใช้
จะต้องเรยี นรู้เกีย่ วกับการจดั ลำดับผลลัพธท์ ่ีไดจ้ ากโปรแกรมค้นหา
4. สาระการเรียนรู้

การจัดลำดบั ผลการค้นหา
5. รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน

1. วธิ ีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Modal)
2. เทคนิคการสอนโดยใช้เกม
3. เทคนิคตามแนวคดิ เชิงคำนวณ

4. เทคนคิ การสอนแบบบทบาทสมมติ

6. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน

 ความสามารถในการส่ือสาร

 ความสามารถในการคิด

 ความสามารถในการแกป้ ัญหา

 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ

 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

7. ทกั ษะ 4 Cs

 ทักษะการคดิ วิจารณญาณ (Critical Thinking)

 ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั (Collaboration Skill)

 ทกั ษะการสื่อสาร (Communication Skill)

 ทกั ษะความคดิ สรา้ งสรรค์ (Creative Thinking)

8. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

 รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ

 มีวินยั  ใฝ่เรียนรู้

 อยู่อยา่ งพอเพยี ง  มงุ่ มัน่ ในการทำงาน

 รกั ความเปน็ ไทย  มีจติ สาธารณะ

9. การจดั กระบวนการเรยี นรู้

ชวั่ โมงท่ี 1

ขนั้ นำ (15 นาที)

กระตุ้นความสนใจ

1. ครทู บทวนความร้เู ดิมทเี่ รยี นในชว่ั โมงท่แี ล้ว เร่ืองเทคนิคการค้นหาข้อมูลแบบต่าง ๆ

2. ครูใหน้ ักเรยี นเปิดเวบ็ ไซตค์ น้ หา และพิมพค์ ำค้นหาท่ีนักเรียนตอ้ งการ โดยครยู กตัวอย่างการค้นหาคำ

วา่ สถานการณ์น้ำท่วม

3. ครูให้นกั เรียนสังเกตเว็บไซต์ท่ีแสดงข้ึนมา ว่ามีข้อมลู พนื้ ฐานใดบา้ ง โดยครูและนักเรียนสรุปรว่ มกนั วา่
มีขอ้ มูลพ้ืนฐาน 4 อย่าง ได้แก่ ชอื่ หวั ขอ้ ของเว็บไซต์, ทอ่ี ย่เู ว็บไซต์, วันทเ่ี ผยแพรข่ ้อมูล และตัวอยา่ ง
ขอ้ มลู

4. ครูใหน้ ักเรยี นสงั เกตวนั ที่เผยแพร่ข้อมูล และถามนักเรียนว่าถ้าหากเราอยากได้ข้อมูลในชว่ งระยะเวลา
ทเ่ี ราต้องการ เชน่ อยากได้ข้อมลู สถานการณน์ ้ำทว่ มในประเทศไทยในช่วงปี พ.ศ. 2560-2562 เราจะ
สามารถคน้ หาขอ้ มูลดงั กล่าวได้หรือไม่ (แนวคำตอบ: ตามดุลยพนิ จิ ของนักเรยี น)

5. ครูพูดเชือ่ มโยงไปยงั เรื่องเทคนิคการค้นหาข้อมลู ว่า หากเราอยากได้ข้อมูลทเี่ ราต้องการ เราก็พิมพ์คำ
ค้นหาโดยใชเ้ ทคนคิ แบบตา่ ง ๆ ได้ แตถ่ ้าเราอยากได้ขอ้ มูลหลายประเภท เช่น เราอยากไดข้ อ้ มลู
สถานการณ์น้ำทว่ มเฉพาะในภาคกลางของประเทศไทย ในช่วงปี พ.ศ. 2560-2562 ต้องเป็นเว็บไซต์
ของหน่วยงานรฐั เพื่อความเชื่อถือได้ และตอ้ งเปน็ ไฟล์ PDF เราจะมีวธิ ีค้นหาขอ้ มลู ได้อยา่ งไร (แนว
คำตอบ: ตามดุลยพินิจของนักเรียน)

ขน้ั สอน (45 นาที)
คน้ หาความรู้

6. ครใู ห้นกั เรียนศึกษาเรือ่ งการจัดลำดบั ผลลัพธก์ ารค้นหาในหนังสอื เรยี น (วิทยาการคำนวณ) ป.6
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 หนา้ 70-73 เพื่อหาคำตอบวา่ หากเราต้องการคน้ หาข้อมูลหลาย ๆ ประเภทจะ
ทำไดห้ รือไม่ อย่างไร และถามคำถามประจำเรื่องกับนกั เรียนวา่ การจัดลำดับผลลพั ธ์การค้นหาชว่ ยให้
การคน้ หามปี ระสทิ ธิภาพอย่างไร

7. ครูใหน้ กั เรียนอา่ นมุม Com Sci ในหนงั สือเรียนหน้า 70 เพ่ือศกึ ษาความรูเ้ พ่ิมเติม เรื่องการนำข้อมูล
ที่ค้นหาไดจ้ ากอินเทอร์เนต็ มาใช้งาน

8. ครูขยายความคำวา่ การจัดลำดบั ผลลพั ธ์การคน้ หาว่า เป็นการจัดเรยี งข้อมูลทเี่ รากรอกลงในชอ่ ง โดย
จะมกี ารจดั เรยี งตามภาษา จดั เรยี งตามพ้นื ท่ที ีต่ ้องการ จัดเรียงตามเวลา จดั เรียงตามตำแหนง่ ทตี่ ้งั
ของเวบ็ ไซต์ จดั เรยี งตามชนดิ ของไฟล์ และลิขสิทธ์ิของข้อมูล

9. ครใู หน้ ักเรียนลองใสค่ ำค้นหาต่าง ๆ ตามตวั อย่างในหนังสอื เรยี น (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการ
เรียนรทู้ ี่ 3 หนา้ 73-74 เพ่ือใหเ้ ขา้ ใจมากยิง่ ข้นึ

อธิบายความรู้
10. ครแู ละนักเรียนสรปุ ความรูร้ ่วมกนั ว่าหากเราต้องการค้นหาข้อมูลหลาย ๆ ประเภทสามารถทำได้โดย
ใช้การค้นหาขั้นสูง ซึ่งเปน็ การจดั ลำดับผลลัพธท์ ีไ่ ด้จากโปรแกรมค้นหา
11. ครใู ห้นักเรียนทำกิจกรรมฝกึ ทักทกั ษะ Com Sci ในหนังสอื เรยี น (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการ
เรยี นรู้ท่ี 3 หน้า 75 โดยใหน้ ักเรียนอ่านสถานการณ์ท่กี ำหนดให้ และลองพิมพค์ ำคน้ หาใน
คอมพวิ เตอร์ จากนัน้ บนั ทึกคำคน้ หาลงในสมุด
12. ครสู ุม่ ถามนักเรียน 4-5 คน แล้วให้นักเรียนอธิบายว่าได้กรอกคำคน้ หาใดในชอ่ งค้นหาบ้าง จึงได้
ผลลัพธต์ ามทีต่ อ้ งการ จากนั้นสรปุ ความรู้ร่วมกัน

ขยายความรู้
13. ครใู หน้ ักเรียนจบั คู่กัน เพ่ือทำกจิ กรรมในใบงานท่ี 3.2.1 เร่ือง นกั ข่าวตัวนอ้ ย โดยให้นักเรียนคน้ หา
ข้อมูลเกี่ยวกบั ข่าวประเภทต่าง ๆ เชน่ ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวสิ่งแวดลอ้ ม ข่าวกีฬา หรอื อืน่ ๆ ยกเวน้ ข่าว
บนั เทิง และต้องเป็นขา่ วทีม่ าจากเวบ็ ไซต์ทางการคา้ ทเี่ กิดข้นึ ในระยะเวลาไม่เกิน 1 สปั ดาห์ นบั จาก
วันท่ีได้รบั มอบหมายงาน โดยครใู หน้ ักเรยี นสมมตบิ ทบาทเป็นนักขา่ ว และออกมานำเสนอขา่ วหน้าช้นั
เรยี นในชวั่ โมงถัดไป
ประเดน็ ในใบงานที่ 3.2.1 เร่ือง นกั ข่าวตวั นอ้ ย
1) หัวข้อข่าว
2) รปู ภาพประกอบ
3) ข้อมลู ขา่ ว/เน้อื ข่าว
4) บอกแหล่งทม่ี าของขอ้ มลู
5) ใช้การคน้ หาขัน้ สูง โดยกรอกคำค้นหาว่าอย่างไร เพ่อื ใหไ้ ด้ผลลพั ธ์ทต่ี อ้ งการ

ชวั่ โมงท่ี 2
ขน้ั สอน (ต่อ) (45 นาท)ี

1. ครูใหน้ ักเรียนแต่ละคู่ ออกมานำเสนอข่าวทเ่ี ตรยี มมา พรอ้ มทงั้ บอกแหลง่ ที่มาของขอ้ มลู และบอก
วธิ ีการค้นหาโดยใชก้ ารค้นหาขน้ั สูง พรอ้ มให้เหตผุ ล

ข้นั สรปุ (15 นาที)
ตรวจสอบผล

2. หลงั จากนำเสนอขา่ วครบทุกกลุ่มแลว้ ครสู ่มุ ถามนักเรยี นถึงประโยชน์ของการจดั ลำดบั ผลการคน้ หา
หรอื การคน้ หาขนั้ สงู และการนำไปประยุกตใ์ ช้

3. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ความรทู้ ีเ่ รียนมาท้งั หมดเกี่ยวกับเรือ่ งการจดั ลำดับผลการคน้ หา หรอื การ
คน้ หาข้ันสูง

4. ครมู อบหมายงานใหน้ ักเรียนทำแบบฝึกหัดเร่ือง การจดั ลำดบั ผลการคน้ หา ในแบบฝึกหัด (วทิ ยาการ
คำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 หนา้ 48-50 เพื่อทบทวนความรู้

10. ส่ือแหล่งการเรยี นรู้
1. หนังสือเรยี น (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6
2. แบบฝกึ หัด (วิทยาการคำนวณ) ป.6
3. ใบงานที่ 3.2.1 เร่ือง นกั ข่าวตัวนอ้ ย

11. การวดั และการประเมนิ ผล

11.1 การประเมินระหวา่ งการจัดกจิ กรรม

จดุ ประสงค์ วิธกี ารประเมนิ เคร่ืองมอื การประเมิน เกณฑ์การประเมนิ

อธบิ ายวิธีการคน้ หา การนำเสนอขา่ วในใบ แบบประเมนิ การนำเสนอ อธบิ ายวิธีการค้นหา

ข้อมูลโดยใชก้ ารจดั ลำดบั งานที่ 3.2.1 เร่ือง ขอ้ มลู โดยใช้การจดั ลำดบั
ผลการค้นหาหรือการ นกั ข่าวตัวน้อย ผลการคน้ หาหรอื การ

ค้นหาขน้ั สงู ได้ (K) คน้ หาขั้นสงู ได้ ระดับ

คุณภาพพอใช้ขึน้ ไป

คน้ หาขอ้ มลู โดยใช้การ ตรวจใบงานที่ 3.2.1 ใบงานท่ี 3.2.1 เรอ่ื ง ใช้คำคน้ หาได้ถูกต้องตาม

จัดลำดับผลการค้นหา เร่อื ง นกั ข่าวตวั นอ้ ย นกั ขา่ วตวั นอ้ ย ความต้องการ 60% ขึ้น

หรือการค้นหาขน้ั สูงได้ ไป

(P)

เห็นประโยชนข์ องการ สังเกตพฤติกรรมการตอบ แบบสงั เกตพฤติกรรม บอกประโยชน์ และ

จัดลำดับผลการค้นหา คำถามรายบคุ คล การตอบคำถาม แนวทางการนำไป

หรอื การคน้ หาขนั้ สงู และ รายบคุ คล ประยุกต์ใช้ ระดบั

นำไปประยุกต์ใช้ใน คณุ ภาพพอใช้ขนึ้ ไป

ชวี ติ ประจำวนั ได้ (A)

11.2 การประเมินการนำเสนอ

แบบประเมินการนำเสนอ

ลำดบั ท่ี รายการประเมิน คณุ ภาพผลงาน
4321

1 ขา่ วทนี่ ำเสนอมีความถูกต้องและน่าสนใจ
2 อธบิ ายวิธีการค้นหาค้นหาขอ้ มูลโดยใชก้ ารคน้ หาขน้ั สูงได้
3 นำเสนอด้วยภาษาที่เขา้ ใจงา่ ย ดงึ ดูดผูฟ้ งั
4 การมีส่วนรว่ มของสมาชกิ ในกลุม่
5 การรับฟังความคดิ เห็นของสมาชิกกล่มุ อื่น

รวม

เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ดมี าก = 4
ดี = 3
พอใช้ = 2
ปรบั ปรงุ = 1

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คะแนน

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ำกว่า 10 ปรบั ปรุง

11.3 การประเมนิ พฤติกรรมรายบุคคล

แบบประเมนิ พฤติกรรมรายบุคคล

เลขท่ี การบอกประโยชน์ ยกตัวอย่างการนำไป มีสว่ นร่วมในการ ความสนใจ/ความ
ของการคน้ หาขนั้ สงู ประยุกตใ์ ช้ ตอบคำถาม/แสดง กระตือรอื รน้
ความคิดเห็น
3 2 1 3 2 1 321321

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
...

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนจากการสงั เกตพฤติกรรม
3 คะแนน เมื่อนกั เรยี นแสดงพฤติกรรมทีต่ อ้ งการเป็นประจำ สมำ่ เสมอ
2 คะแนน เมื่อนกั เรยี นแสดงพฤตกิ รรมทต่ี อ้ งการค่อนขา้ งจะสม่ำเสมอ
1 คะแนน เมือ่ นักเรยี นแสดงพฤติกรรมที่ต้องการนอ้ ย

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คะแนน

10-12 ดี

6 - 9 พอใช้

ต่ำกว่า 6 ปรับปรุง

ใบงานที่ 3.2.1
เรือ่ ง นกั ข่าวตวั น้อย

คำช้ีแจง : ใหน้ ักเรยี นคน้ หาข้อมูลเก่ยี วกบั ขา่ วประเภทต่าง ๆ เช่น ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวสง่ิ แวดลอ้ ม ข่าวกีฬา หรืออ่ืน ๆ
ยกเวน้ ข่าวบนั เทงิ และต้องเป็นขา่ วทม่ี าจากเว็บไซต์ทางการค้า ทเี่ กดิ ขึ้นในระยะเวลาไมเ่ กนิ 1 สัปดาห์

นักเรยี นเลือกสบื ค้นขา่ วประเภท..........................................................................................................

หัวข้อข่าว:

วนั ทีเ่ ผยแพร่ขา่ ว ......................................... วนั ทสี่ บื ค้น ..........................................

(แปะภาพข่าว)

ขอ้ มลู ข่าว/รายละเอยี ดข่าว
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

............................................................................................................................................
แหล่งทม่ี า: .............…………………………………………………………………………………………………………........

นกั เรียนกรอกขอ้ มูลในคำคน้ หาข้นั สูงวา่ อย่างไร

ใบงานที่ 3.2.1 เฉลย
เรอื่ ง นกั ขา่ วตัวนอ้ ย

คำชีแ้ จง : ใหน้ กั เรียนคน้ หาข้อมลู เกย่ี วกบั ข่าวประเภทต่าง ๆ เชน่ ขา่ วเศรษฐกิจ ข่าวส่งิ แวดล้อม ขา่ วกีฬา หรืออน่ื ๆ

ยกเว้นขา่ วบนั เทงิ และตอ้ งเป็นข่าวท่มี าจากเวบ็ ไซต์ทางการคา้ ท่ีเกดิ ขน้ึ ในระยะเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์

นักเรยี นเลอื กสืบคน้ ข่าวประเภท..........ข..า่..ว..เ..ก..ย่ี..ว..ก...บั ..ธ..ร..ร..ม...ช..า..ต...ิ .............................................................

หวั ข้อขา่ ว: หายากใตท้ ้องทะเล ถุงไข่หมกึ ขนาดยกั ษ์ ตวั ออ่ นนบั พนั อยู่ขา้ งใน

วันทเ่ี ผยแพร่ขา่ ว .........9....ต...ค.....2..5..6...2............. วนั ทีส่ บื คน้ .......ภ..า..ย...ใ.น....1....ส..ัป...ด..า..ห...น์ ..บั...จ..ากวนั ท่ี 9 ต.ค. 62

(แปะภาพข่าว)

ขอ้ มลู ขา่ ว/รายละเอียดข่าว
...เ..ด..ล..เี..ม..ล....ร..า..ย..ง..า..น..ก...า..ร..ค..้น...พ..บ...ถ..ุง..ไ..ข..่ห...ม..ึก...ค..ล..า้..ย...เ.จ..ล..ท...ร..ง..ก..ล...ม..ข..น...า..ด..ใ..ห...ญ...่ .ภ...า..ย..ใ.น...ป...ร..ะ..ก..อ...บ..ด...ว้ ..ย..ไ.ข...่ห..ม...ึก..ห...ล..า..ย.
...พ...ัน...ล..ูก....ล..อ..ย...ใ.น...อ..่า..ว..ฟ...ย..อ...ร..์ด...เ..อ..อ..ร..์ช...ต..า..ฟ...โ.ย...ร..์เ.ด..นิ...ท...า..ง.ต...ะ..ว..ัน...ต..ก..เ..ฉ..ยี ..ง..เ.ห...น...ือ..ข..อ...ง.น...อ..ร..เ์..ว..ย..์ .โ..ด..ย...น..กั...ด..ำ..น...้ำ..ใ.ช..แ้...สง
...ไ..ฟ...ฉ..า..ย..ถ..ุง..ไ..ข..ห่...ม..กึ...เ.พ...่ือ..ส..งั..เ.ก...ต..ข...น..า..ด...ข..อ..ง..ม...ัน...ซ...่งึ ..ใ.ห...ญ...พ่...อ..จ..ะ...ก..ล..นื...น...กั ..ด..ำ..น...ำ้..ท...้งั .ต...ัว..ท...ีเ.ด..ยี..ว....ซ..ึ่ง..ส..ัน...น..ิษ...ฐ..า..น...ว..า่..ถ..ึง
...ไ..ข..น่...ี้เ.ป...น็ ..ข...อ..ง..ห..ม...ึก..บ...นิ ..ญ....่ีป..ุ่น...แ..ด...ง...น..อ...ก..ช..า..ย...ฝ..งั่..ต..ุร..ก...ี .ข..ณ....ะ..ท...นี่ ..กั...ว..ิจ..ยั..ย...ัง.ไ..ม..่ส...า..ม..า..ร..ถ..ส...ร..ุป..ไ..ด..้ว..า่....ข..น...า..ด..ข..อ...ง..ถ..งุ ..ไ.ข่
...ห...ม..ึก...เ.พ...ิม่ ..ข...ึน้ ..อ...ย..่า..ง..ไ.ร...แ...ต..่ค...า..ด..ว..า่..อ..า..จ...ม..ีข..น...า..ด..เ..ล..ก็..ก...ว..่า..น..้ีม...า..ก....แ..ล..ะ..ใ..ห...ญ...ข่ ..ึ้น...เ.ม..ื่อ...จ..ำ..น...ว..น..ไ..ข..่ห...ม..ึก..ม...า..ก..ข...ึน้ .........

...............................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................

แหล..ง่ ..ท..มี่...า..:....h......t..t...p.....s...:../..../….w..….w..….w..…....k…..h.….a..…o...s….o..….d..…..c..…o....….t.h.…../.…a..r.….o..…u...…n..d.…..-….t.h.…..e.….-.w.…...o…..r.…l..d.….-.n.…..e.….w..….s../…..n.….e..…w...…s.._.….2..…9...…6..0.….5..…0...…0...……........

นกั เรียนกรอกขอ้ มูลในคำค้นหาข้นั สงู ว่าอยา่ งไร

ข่าว

ขา่ วบนั เทิง

ภาษาใดก็ได้
ภมู ิภาคใดกไ็ ด้
สปั ดาหท์ ่ีผา่ นมา
.co.th
ททกุกุ ทที่ใ่ีในนหหนนา้า้ เเววบ็บ็
แแสสดดงงผผลลกกาารรคคน้้นหหาาททเี่่เี กกย่ี่ียววขขอ้อ้ งงมมาากกททส่ีี่สดุดุ
รรรูปปูปู แแแบบบบบบใใใดดดกกก็ไ็ไ็ไดดด้้้
ไไมมม่ถ่ถกูกููกกกรรออองงตตตาามมมใใบบบอออนนุญุญุ าาาตตต

12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......

ลงช่อื
(

ตำแหนง่

13. บนั ทึกผลหลังการสอน
 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อุปสรรค
 แนวทางการแก้ไข

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 การใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เวลา 8 ชั่วโมง

เรอ่ื ง การประเมนิ ความน่าเชื่อถอื เวลา 3 ชั่วโมง

รายวชิ า คอมพิวเตอร์ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 6

1. ผลการเรียนรู้
1. เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นมีความร้คู วามเข้าใจในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
2. เพอ่ื ให้ผู้เรยี นมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคดิ วเิ คราะห์ แกป้ ัญหาเป็นขั้นตอนและเปน็ ระบบ
3. เพื่อใหผ้ ู้เรียนมีทกั ษะในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ รักษาข้อมลู ส่วนตัว และการสื่อสารเบื้องต้น
ในการแก้ปญั หาทีพ่ บในชวี ิตจริงไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
4. เพอ่ื ให้ผู้เรียนนำความรู้ความเขา้ ใจในวิชาวทิ ยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหม่ทีเ่ กิดขึ้นไปใช้ใหเ้ กิด
ประโยชน์ต่อสังคม และการดำรงชีวติ
5. เพ่ือให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการ
จดั การทกั ษะในการสือ่ สาร และความสามารถในการตัดสินใจ
6. เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยอี ย่างสรา้ งสรรค์

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายหลักการประเมนิ ความน่าเชื่อถอื ของขอ้ มูลได้ (K)

2. ประเมนิ ความนา่ เชื่อถือของขอ้ มูลได้ (P)

3. เห็นความสำคญั ของการประเมินความน่าเช่อื ถอื ของข้อมลู (A)

3. สาระสำคัญ

ในการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ จะต้องมีการประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลเพ่ือให้ได้ข้อมูลท่ี

ถูกต้อง และตรงตามความต้องการ โดยหลักการประเมินความนา่ เชอื่ ถอื ของข้อมลู มี 5 ข้อ ดงั นี้

1. พิจารณาเวบ็ ไซต์ทีน่ ่าเชอ่ื ถือได้

2. ระบชุ อ่ื ผู้เขียนหรือผ้ใู ห้ขอ้ มูล

3. ระบุวนั ทเ่ี ผยแพร่ และคร้งั ท่ปี รับปรุง

4. อา้ งองิ แหล่งท่มี า

5. บอกวตั ถุประสงคใ์ นการทำ

4. สาระการเรยี นรู้

การประเมนิ ความนา่ เชือ่ ถือ

5. รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน  ซือ่ สัตย์ สุจริต
1. วธิ ีการสอนแบบกระบวนการกล่มุ (Group Process)  ใฝเ่ รียนรู้
2. เทคนคิ ตามแนวคิดเชิงคำนวณ  มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
3. การใช้กรณตี วั อยา่ ง  มจี ติ สาธารณะ
4. การใชบ้ ทบาทสมมติ

6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
 ความสามารถในการสื่อสาร
 ความสามารถในการคิด
 ความสามารถในการแก้ปัญหา
 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

7. ทกั ษะ 4 Cs
 ทักษะการคิดวจิ ารณญาณ (Critical Thinking)
 ทกั ษะการทำงานร่วมกัน (Collaboration Skill)
 ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill)
 ทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)

8. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
 รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
 มีวินยั
 อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง
 รักความเปน็ ไทย

9. การจดั กระบวนการเรยี นรู้

ชว่ั โมงท่ี 1
ข้ันนำ

1. ครูและนกั เรียนรว่ มกันทบทวนความรเู้ ดิมในชวั่ โมงทแี่ ล้ว เร่อื งเทคนคิ การค้นหาข้อมูลและการ
จัดลำดบั ผลลพั ธ์การค้นหา

2. ครยู กตัวอยา่ งบทความท่ีอยู่ในอนิ เทอรเ์ น็ตให้นกั เรยี นดู โดยเปน็ บทความที่เขยี นเกินจริง หรือมี
ความไม่น่าเช่อื ถือ เช่น
1) ขา่ วเด็กอายุ 14 ปวดท้อง หมอตรวจพบชาไข่มุกหลายร้อยเม็ดอยู่ในลำไส้

2) นำ้ มะนาวสามารถหยอดตา แกต้ อ้ เน้ือตาฟางได้
3) 20 ปี น้ำท่วมโลก
3. ครใู หน้ ักเรียนร่วมกันวิเคราะหบ์ ทความดังกลา่ วว่า เชอื่ ถือได้หรือไม่ เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ:
ขึ้นอยู่กับดลุ ยพนิ จิ ของนักเรยี น)
4. ครูบอกนักเรยี นว่า อินเทอรเ์ น็ตเปน็ พ้ืนที่อสิ ระทผ่ี ้คู นตา่ งก็สามารถสร้างข้อมลู อัปโหลดหรือแชร์
ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ลงในอนิ เทอร์เน็ตได้ ซ่งึ ข้อมูลบางสว่ นอาจจะไมเ่ ป็นความจริงก็ได้ ดังนัน้ ก่อนท่เี รา
จะนำข้อมลู จากอินเทอร์เน็ตมาใช้หรอื เผยแพร่ เราควรประเมนิ ความนา่ เชื่อถอื ของข้อมลู ก่อน
5. ครูถามนักเรยี นวา่ นกั เรยี นรู้หรือไมว่ ่า การประเมินความน่าเช่ือถอื ของข้อมลู สามารถทำได้
อย่างไร และถามคำถามประจำหน่วยหวั ข้อในหนังสอื เรยี นว่า การประเมินความน่าเช่ือถือของ
ข้อมูลก่อนนำมาใช้ มปี ระโยชน์อยา่ งไร
ข้ันสอน
6. ครใู หน้ ักเรยี นศึกษาข้อมลู เรื่อง การประเมินความนา่ เช่ือถือ ในหนังสอื เรียน (วทิ ยาการคำนวณ)
ป.6 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 หน้า 76
7. ครูสุม่ ถามนักเรียนว่า การประเมนิ ความน่าเชือ่ ถือของขอ้ มูลมีอะไรบา้ ง จากนั้นลงข้อสรุปรว่ มกัน
ว่าการประเมนิ ความน่าเช่อื ถือของข้อมลู สามารถทำไดโ้ ดย 1) พจิ ารณาเวบ็ ไซตท์ ี่น่าเช่ือถือได้ 2)
ระบชุ อ่ื ผเู้ ขียนหรือผู้ใหข้ ้อมูล 3) ระบุวันทเ่ี ผยแพร่ และคร้งั ที่ปรับปรงุ 4) อ้างอิงแหล่งท่ีมา 5)
บอกวัตถุประสงค์ในการจดั ทำ
8. ครใู หน้ ักเรยี นศึกษาขอ้ มลู เพ่ิมเติม เรื่องการค้นหาขอ้ มูลอย่างมีประสทิ ธิภาพ ในมุม Com Sci ใน
หนงั สือเรยี นหน้า 76
9. ครใู ห้นักเรียนแบ่งกลมุ่ เป็น 4 กลุม่ เพ่ือทำกิจกรรมเร่ือง เช่ือถือได้หรือไม่
10. ครแู บง่ ฐานทัง้ หมด 4 ฐาน แตล่ ะฐานจะเปดิ หน้าเว็บไซต์ไว้ 1 เวบ็ ไซต์ จากนัน้ ให้นกั เรยี นแต่ละ
กล่มุ สำรวจขอ้ มูลทลี ะฐาน แล้วตอบคำถามลงในใบงานท่ี 1 เร่อื ง เชอ่ื ถือได้หรอื ไม่ โดยใหเ้ วลา
สำรวจขอ้ มูลฐานละ 5 นาที เม่อื ครบ 5 นาทแี ลว้ ครูให้สัญญาณเสียงเพ่ือใหน้ ักเรียนเปลี่ยนฐาน
(ครคู วรเลือกเว็บไซต์ทเ่ี ชื่อถือได้ และเช่ือถอื ไม่ได้ คละกนั เพือ่ ให้นักเรยี นวิเคราะห์และประเมิน
ความนา่ เชอ่ื ถือ)
ตัวอยา่ งเว็บไซต์ในแต่ละฐาน
1) PM 2.5 ต้องหน้ากาก N 95 แลว้ ล่ะ http://www.cleothailand.com/health/pm-

25.html
2) แนะนำวิธปี อ้ งกันไฟปา่ https://www.thaihealth.or.th/Content/4753-แนะวธิ ปี ้องกันไฟป่า.html

3) คลืน่ ความหนาวแผ่ปกคลุมประเทศไทยมากสุดในรอบ 14 ปี
http://thesis2550.blogspot.com/2016/01/5.html

4) ทฤษฎแี กล้งดิน อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ
https://www.prd.go.th/ewt_news.php?nid=151154&filename=prd

11. เมือ่ นักเรยี นสำรวจข้อมูลครบทกุ ฐานแลว้ ครูสมุ่ เรยี กนักเรียน 1 กลุ่ม ให้ออกมาหนา้ ชน้ั เรยี น
เพ่อื วเิ คราะห์และประเมนิ ความน่าเช่ือถือของข้อมลู ในฐานที่ 1 ท่ีนักเรียนไดไ้ ปสำรวจมา จากน้นั
ครูถามเพอื่ นกลมุ่ อืน่ วา่ มีการวเิ คราะห์และประเมินความน่าเชื่อถือท่ีเหมือนหรือแตกตา่ งกัน
หรือไม่อย่างไร

12. ครูสมุ่ เรยี กนักเรียนกล่มุ อ่ืน ๆ เพ่อื วเิ คราะห์และประเมินความนา่ เชือ่ ถือของข้อมลู ในฐานต่อ ๆ
ไปจนครบ

13. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซักถามข้อสงสยั และสรุปความรูร้ ่วมกันท้ายคาบเรยี น
14. ครมู อบหมายงานใหน้ ักเรียนทำกจิ กรรมฝกึ ทักษะ Com Sci ในหนงั สือเรยี น (วิทยาการคำนวณ)

ป.6 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 หนา้ 78 เป็นการบ้าน

ช่ัวโมงท่ี 2
ขั้นสอน (ต่อ)

1. ครแู ละนกั เรียนทบทวนความร้เู ดมิ เร่อื ง การประเมินความน่าเชือ่ ถอื ที่เรยี นในช่วั โมงท่ีแลว้
2. ครบู อกนักเรยี นวา่ วนั นคี้ รจู ะให้นักเรยี นเปน็ นักสืบ ชว่ ยสืบความจริงให้ครูว่าหวั ข้อเหลา่ นี้เปน็ ความ

จรงิ หรอื ไม่
3. ครใู ห้นกั เรยี นแบ่งกลุ่มเป็น 5 กลุม่ จากนัน้ ให้นักเรียนทำกิจกรรมฝึกทักษะท่ี 1 เร่ือง จรงิ หรอื ไม่ ใน

แบบฝึกหดั (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 หน้า 53 โดยใหแ้ ตล่ ะกลุ่มเลือกหวั ข้อท่ี
สนใจ หรือจบั สลากเลอื ก

หวั ข้อทจ่ี ะให้นักเรียนสืบ
1) วางโทรศัพท์ไว้ใกลศ้ ีรษะเวลานอน อนั ตรายจรงิ หรือไม่
2) วางไฟแช็กไว้ในรถ เส่ียงไฟไหม้จรงิ หรือไม่
3) กนิ เนอ้ื ย่างบอ่ ย ๆ มีความเสย่ี งเปน็ โรคมะเร็งจริงหรอื ไม่
4) หลังจากออกกำลังกายเสร็จใหม่ ๆ ไมค่ วรอาบน้ำทนั ทจี รงิ หรือไม่
5) เลน่ โทรศัพทใ์ นทมี่ ืดเปน็ เวลานาน เสยี่ งตาบอดจริงหรือไม่

4. ครูใหเ้ วลานักเรยี นแต่ละกลุ่มสืบคน้ ขอ้ มลู 20 นาที จากน้นั ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอหนา้
ช้ันเรยี น โดยมีประเดน็ ในการนำเสนอดังน้ี

ประเด็นในการนำเสนอ
1) หัวข้อท่นี กั เรยี นสืบคือเร่ืองอะไร
2) นกั เรยี นใช้คำคน้ หาใดบา้ ง
3) หลงั จากสืบคน้ แล้ว หัวข้อทีน่ ักเรยี นเลือก เป็นจรงิ หรือไม่
4) นกั เรยี นค้นหาข้อมลู ทั้งหมดก่ีเว็บไซต์ อะไรบ้าง
5) แตล่ ะเวบ็ ไซต์มคี วามน่าเชื่อถือหรือไม่ เพราะเหตุใด

5. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามข้อสงสยั และสรุปความรรู้ ่วมกันท้ายคาบเรยี น
6. ครูมอบหมายงานให้นักเรยี นทำแบบฝึกหดั ในหนังสือแบบฝกึ หัด (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการ

เรียนรทู้ ่ี 3 หนา้ 51-52 เปน็ การบ้านเพื่อเป็นการทบทวนความรู้

ชวั่ โมงที่ 3
ข้นั สอน (ต่อ)

1. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั ทบทวนความรู้เดมิ ทีเ่ รียนในชว่ั โมงทแี่ ลว้
2. ครูถามนักเรียนว่า

1) นกั เรยี นเคยแชรข์ ้อความหรือข้อมลู ตา่ ง ๆ ลงในสือ่ ออนไลนห์ รอื ไม่ (คำตอบ: เคย/ไม่
เคย)

2) กอ่ นนักเรียนแชร์ขอ้ มลู หรอื ข้อความนั้น นกั เรยี นไดม้ ีการประเมนิ ความน่าเชื่อถือก่อน
หรือไม่ (แนวคำตอบ: ขน้ึ อยู่กับประสบการณ์เดมิ ของนักเรียน)

3) หากข้อความหรือข้อมูลน้ันไม่เป็นความจริง จะส่งผลกระทบตอ่ ผหู้ ลงเชอื่ อย่างไร (แนว
คำตอบ: หากมีการทำตามข้อมลู ที่ผิด อาจส่งผลเสยี ต่อผู้หลงเช่อื )

3. ครใู หน้ กั เรยี นอา่ นสถานการณ์ในกิจกรรมฝึกทักษะท่ี 2 เรื่อง เช็คก่อนแชร์ ในหนังสอื เรียน (วทิ ยาการ
คำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 หน้า 56
สถานการณ:์ ตวงได้รับข้อความทางส่ือออนไลน์จากแต้ว ตวงเกิดความสงสยั วา่ แตว้ ไดข้ ้อมูลนีม้ า
จากใคร แต้วบอกว่าข้อความน้ถี กู ส่งต่อกันมา โดยไม่ทราบแหล่งทม่ี า

ร่วมกนั ใส่ EM Ball ลงในแม่นำ้ แทนการลอย
กระทง เพื่อลดขยะในแม่น้ำและแก้ปญั หาน้ำเนา่ เสีย

ส่งตอ่ ข้อความน้ี ถา้ อยากช่วยโลกของเรา

4. ครถู ามนักเรยี นว่า ถา้ หากนักเรียนเปน็ ตวง นกั เรยี นจะเลือกทำส่ิงใดก่อน ระหวา่ งเช็คกบั แชร์ เพราะ
เหตใุ ด จากน้นั ครใู ห้นักเรยี นเขียนคำตอบลงในกิจกรรมฝึกทกั ษะที่ 2 ข้อ 1

5. ครูแบ่งกล่มุ นักเรียนเปน็ 2 กล่มุ คือกลุ่มที่เลือกเช็ค และกล่มุ ท่เี ลือกแชร์
6. ครใู หน้ ักเรยี นกลุ่มทเี่ ลือกเช็ค ตอบคำถามในกิจกรรมฝกึ ทักษะท่ี 2 ข้อ 2 และข้อ 3 ตามลำดบั และ

ใหน้ กั เรยี นกลมุ่ ทเ่ี ลอื กแชร์ ตอบคำถามในกจิ กรรมฝึกทักษะท่ี 2 ข้อ 3
7. ครูใหน้ กั เรยี นกลุ่มทเี่ ลือกแชร์ก่อน กลับไปเชค็ ข้อมูลในขอ้ 2 แลว้ พิจารณาอกี คร้ังวา่ จะแชร์ขอ้ มลู

หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายรว่ มกนั ในประเด็นเรอื่ ง EM Ball ว่าสามารถนำไปใสใ่ นแมน่ ำ้ ได้

หรอื ไม่ จนไดข้ ้อสรปุ ร่วมกนั ว่า EM Ball หากนำไปใส่ในแม่นำ้ จะทำให้นำ้ เน่าเสยี ยงิ่ กวา่ เดิม
9. ครสู มุ่ นักเรยี นว่า หากเราแชรข์ อ้ มลู น้ีไป โดยไม่เช็คข้อมลู ก่อน จะส่งผลกระทบต่อใครบ้าง และสง่ ผล

กระทบอยา่ งไร
10. ครถู ามนักเรียนตอ่ วา่ หากนกั เรียนทราบถึงผลกระทบของการแชรข์ อ้ มลู ทผ่ี ดิ แลว้ ในครง้ั ถัดไป หาก

นกั เรยี นต้องนำข้อมูลต่าง ๆ มาใช้ หรือจะแชร์ข้อมูล นักเรียนจะตรวจสอบข้อมลู ก่อนหรือไม่ เพราะ
เหตใุ ด
ขั้นสรุป
11. ครถู ามคำถามประจำเร่ืองในหนงั สอื เรียนกับนักเรียนวา่ การประเมินความน่าเช่ือถอื ของข้อมลู กอ่ นนำ
ขอ้ มูลมาใช้มีประโยชนอ์ ยา่ งไร จากน้นั ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายจนได้ข้อสรปุ ร่วมกนั
12. ครใู ห้นักเรียนตรวจสอบตนเองหลงั จากจบบทเรยี นแลว้ ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 79
13. ครใู หน้ ักเรยี นดูผังสรปุ สาระสำคัญ ในหนังสือเรียน (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 หนา้
80 เพ่ือเปน็ การสรปุ ความรู้ท่เี รยี นมาทัง้ หมด
14. ครใู หน้ กั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี น
15. ครมู อบหมายงานให้นักเรยี นทำช้ินงาน ภาระงาน (รวบยอด) และกิจกรรมเสรมิ สรา้ งการเรยี นรู้ใน
หนงั สอื เรยี น (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 หน้า 81 เปน็ การบา้ น
10. ส่ือแหล่งการเรยี นรู้
1. หนังสอื เรยี น (วิทยาการคำนวณ) ป.6
2. แบบฝึกหดั (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6

11. การวดั และการประเมินผล

11.1 การประเมนิ ระหวา่ งการจัดกจิ กรรม

จุดประสงค์ วธิ ีการประเมิน เครื่องมือการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมิน

อธิบายหลักการประเมิน ตรวจกิจกรรมฝึกทักษะ แบบประเมนิ กิจกรรมที่ อธิบายเหตุผลท่ีเลอื กใช้

ความน่าเช่ือถือของข้อมูล ท่ี 1 เรือ่ งจริงหรือไม่ 1 เร่ืองจรงิ หรือไม่ ข้อมลู ในเวบ็ ไซตต์ ่าง ๆ
ได้ (K) โดยใช้หลักการประเมิน

ความนา่ เชอ่ื ถือของข้อมูล

ระดับคุณภาพพอใช้ข้นึ ไป

ประเมินความน่าเช่อื ถือ ประเมนิ การนำเสนอใบ แบบประเมินการนำเสนอ นำเสนอการประเมิน

ของข้อมูลได้ (P) งานท่ี 1 เร่อื งเชื่อถือได้ ความนา่ เช่ือถือของขอ้ มลู

หรือไม่ ได้ ระดบั คุณภาพระดับ

พอใช้ขนึ้ ไป

เหน็ ความสำคญั ของการ ตรวจกจิ กรรมฝึกทักษะที่ แบบประเมินกิจกรรมฝกึ บอกประโยชน์ และ

ประเมินความนา่ เชอื่ ถือ 2 เร่ืองเชค็ ก่อนแชร์ ทกั ษะที่ 2 เร่ืองเช็คก่อน แนวทางการนำไป

ของข้อมลู (A) แชร์ ประยกุ ต์ใช้ ระดับ

คุณภาพระดับพอใช้ข้นึ ไป

11.2 การประเมินกจิ กรรมฝึกทักษะที่ 1 เร่ือง จริงหรือไม่

แบบประเมินกิจกรรมฝึกทกั ษะที่ 1 เร่อื งจริงหรือไม่

ประเดน็ ทปี่ ระเมิน 3 ระดบั คะแนน 1
2

ความถูกตอ้ งของข้อมลู สรปุ ขอ้ มลู จากเว็บไซต์ สรุปข้อมูลจากเวบ็ ไซต์ สรุปข้อมูลจากเวบ็ ไซต์

ตา่ ง ๆ ได้ถูกต้องมากกวา่ ต่าง ๆ ได้ถูกต้องมากกวา่ ต่าง ๆ ได้ถูกต้องนอ้ ยกว่า

80% ขึ้นไป 50% ขึน้ ไป 50%

เหตผุ ลทีเ่ ลือกใชเ้ วบ็ ไซต์ บอกเหตผุ ลท่เี ลือกใช้ บอกเหตุผลทเี่ ลือกใช้ บอกเหตุผลท่เี ลือกใช้
ตา่ ง ๆ เวบ็ ไซต์ตา่ ง ๆ ได้ โดยใช้ เว็บไซตต์ ่าง ๆ ได้ โดยใช้ เว็บไซตต์ า่ ง ๆ ได้ โดยใช้
หลกั การประเมินความ หลักการประเมนิ ความ หลกั การประเมนิ ความ

น่าเช่อื ถือของข้อมลู ได้ นา่ เชื่อถอื ของข้อมูล ได้ นา่ เชอื่ ถอื ของข้อมูลได้
อยา่ งสมเหตุสมผล อยา่ งสมเหตุสมผล แตไ่ มส่ มเหตสุ มผล (น้อย
ทงั้ หมด บางสว่ น (50% ข้ึนไป) กว่า 50%)

ความชัดเจนในการอธิบาย สามารถอธบิ ายได้อย่าง สามารถอธิบายได้อย่าง สามารถอธบิ ายได้ แต่ไม่

ชดั เจน ครบทุกประเด็น ชัดเจน แตย่ งั ขาด ชดั เจน และยงั ขาด

ประเดน็ ใดประเดน็ หนึง่ ประเดน็ ใดประเด็นหนึ่ง

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
8-9 ดี
5-7
พอใช้
นอ้ ยกว่า 5 ปรับปรุง
11.3 การประเมินการทำงานกลุ่ม

แบบประเมินการทำงานกลุ่ม

ลำดบั รายการประเมนิ คณุ ภาพผลงาน
ท่ี 4321

1 วเิ คราะห์และประเมนิ ความน่าเชื่อถอื ของข้อมลู จากเว็บไซตต์ า่ ง ๆ ได้

2 จัดสรรเวลาในการวเิ คราะห์และประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ข้อมลู ในแตล่ ะ

ฐานไดอ้ ย่างเหมาะสม

3 มีความกระตือรือร้นในการทำงาน

4 การมสี ่วนร่วมของสมาชกิ ในกลมุ่

5 การรับฟังความคดิ เหน็ ของสมาชกิ กลมุ่ อื่น

รวม

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ดีมาก = 4
ดี = 3
พอใช้ = 2
ปรบั ปรงุ = 1

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคะแนน

18 - 20 ดีมาก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

นอ้ ยกว่า 10 ปรบั ปรุง

11.4 การประเมินกิจกรรมฝึกทักษะที่ 2 เรื่อง เช็คก่อนแชร์

แบบประเมนิ กิจกรรมฝึกทักษะที่ 2 เรอื่ งเชค็ กอ่ นแชร์

ประเดน็ ทป่ี ระเมิน 3 ระดบั คะแนน 1
2

การวเิ คราะห์และ วิเคราะห์ และประเมนิ คา่ วเิ คราะห์ และประเมนิ คา่ วเิ คราะห์ และประเมินคา่
ประเมินค่าของข้อมูล ของขอ้ มลู ได้ถูกต้องทั้งหมด ของข้อมูลได้ถูกต้องเป็น ของขอ้ มูลได้ถูกต้องเปน็
และตัดสินใจไดว้ า่ จะเลือก บางส่วน และตดั สินใจไดว้ า่ บางสว่ น แตต่ ัดสนิ ใจเลือก
เช็คขอ้ มลู กอ่ นแชร์ จะเลอื กเช็คข้อมูลก่อนแชร์ แชร์ โดยไมเ่ ช็คขอ้ มลู ก่อน

การเหน็ ความสำคัญ บอกผลกระทบจากการแชร์ บอกผลกระทบจากการแชร์ บอกผลกระทบจากการแชร์
ขอ้ มูลท่ีผิดได้ แต่ยังไม่ ขอ้ มูลท่ผี ดิ ได้ แต่ยังไม่
ของผลกระทบจากการ ข้อมลู ทผี่ ดิ ได้อย่าง สมเหตสุ มผล แตบ่ ่งบอกถึง สมเหตุสมผล และไม่แสดงถึง
การเห็นความสำคัญของการ การเหน็ ความสำคัญของการ
แชรข์ ้อมูลทผ่ี ดิ สมเหตสุ มผล บ่งบอกถงึ การ ประเมนิ ความนา่ เช่ือถือของ ประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถือของ
ข้อมูล ข้อมูล
เห็นความสำคัญของการ

ประเมินความน่าเชอ่ื ถือของ

ขอ้ มูล

วิธกี ารแกป้ ัญหา บอกแนวทางหรือวิธกี าร บอกแนวทางหรือวิธีการ บอกแนวทางหรือวิธีการ

แกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ แกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งสรา้ งสรรค์ แกป้ ัญหาไดอ้ ย่างสร้างสรรค์

และเชงิ รุกท้ังหมด และเชิงรกุ มากกวา่ 50% และเชิงรุกน้อยกว่า 50%


Click to View FlipBook Version