การพฒั นาข้อเสนอเชิงนโยบาย
ในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวถิ ีใหม่ในสถานการณ์ COVID-19
The Development of Policy Recommendation for Learning Management in The New
Normal : COVID-19 Situation for Mueang Samut Prakan School Group of Samut
Prakan Primary Educational Service Area Office 1
กลมุ่ โรงเรียนเมืองสมทุ รปราการ
สงั กัดสำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรปราการ เขต 1
สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน
กระทรวงศึกษาธกิ าร
ก
ชื่องานวจิ ยั (ไทย) การพัฒนาขอ้ เสนอเชงิ นโยบายในการจดั การเรยี นรูช้ วี ติ วิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID-
19 กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
สมุทรปราการ เขต 1
ชือ่ งานวจิ ัย (องั กฤษ) The Development of Policy Recommendation for Learning Management
in The New Normal : COVID-19 Situation for Mueang Samut Prakan School
Group of Samut Prakan Primary Educational Service Area Office 1
คณะผวู้ ิจยั นายณัฐพล นุชอุดม, นางสาววรรณชนก รอดหยู่, นายธารา เปลี่ยนบางช้าง,
นางนภาพร สุรเนตร, นางสุรีรัตน์ เปลี่ยนบางช้าง, นางวัชรีย์ จันทรา,
นางสาวญาณิศา ปลอดโปร่ง, นายธวัช เก้าอุดม, นางสาวสรัลรัตน์ มานะมุติ,
นายพงศกร โมงขนุ ทด, นางสาวกนกฉตั ร โกมลมณ,ี นางสาวณจุ รี ผงประเสริฐสกุล,
นายจกั รกฤษณ์ เชอ้ื หาญ
ปีท่ีผลงานวจิ ัยเสร็จ 2564
บทสรุปสำหรบั ผบู้ ริหาร
การวิจัย เรื่อง การพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์
COVID - 19 กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรปราการ เขต 1
ในครั้งนี้ เป็นการวจิ ยั ด้วยระเบยี บวิธวี ิจัยเชิงผสมผสาน (Mixed Method Research) แบ่งการศึกษาออกเป็น 2
วิธี คือ การศึกษาเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ด้วยการใช้แบบสอบถาม Google form และเชิง
คุณภาพ (Qualitative Research) มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่
ของผู้บริหารและครู กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ
เขต 1 เพื่อศึกษาความต้องการและข้อเสนอแนะในการสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ ของผู้บริหาร
ครู ผู้ปกครอง และนักเรียน และ เพื่อเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ของผู้บริหาร
ครู ผู้ปกครองและนักเรียน กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
สมุทรปราการ เขต 1 โดยศึกษาแนวคิด นโยบาย งานวิจัยที่เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์ โควิด -19
แนวคิดเกี่ยวกับการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย และข้อมูลพื้นฐานโรงเรียนในกลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ
มีวิธีดำเนินการวิจัย 6 ตอน คือ ตอนที่ 1 การสำรวจสภาพการจัดการเรียนรายวันภายใต้สถานการณ์การแพร่
ระบาด COVID-19 ตอนที่ 2 การสำรวจการจัดการเรียนรู้รายสัปดาห์ ตอนที่ 3 การสอบถามสภาพปัญหาความ
ต้องการและข้อเสนอแนะในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ ของผู้บริหารและครูกลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ
ข
ตอนที่ 4 การสอบถามสภาพปญั หาและความต้องการในการจัดการเรียนรู้ชวี ติ วิถีใหมข่ องผู้ปกครองและนักเรียน
กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ ตอนที่ 5 การดำเนินการสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) ผู้บริหาร
สถานศึกษากลุ่มโรงเรียน เมืองสมุทรปราการ และ ตอนที่ 6 การดำเนินการสนทนากลุ่ม (Focus Group
Discussion) ครผู ู้สอนกลุม่ โรงเรียนเมืองสมทุ รปราการ
ผลการวิจัย ได้ทราบสภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ตามแนวคิดของผู้บริหารและครู ทราบ
ความต้องการและข้อเสนอแนะในการสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ ของผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง และ
นักเรียน และได้ข้อเสนอเชิงนโยบายในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ของผู้บริหาร ครู ผู้ปกครองและนักเรียน
กลุ่มโรงเรียนเมอื งสมุทรปราการ สำนกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 สรุปไดด้ ังน้ี
ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลเชิงปริมาณ
1. สภาพการจัดการเรยี นรายวนั ในสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19
จากการสำรวจนักเรียนทั้งหมด 5,017 คน พบว่านักเรียนส่วนใหญ่เข้าเรียนในแต่ละวัน ร้อยละ
82.56 ไม่สามารถเข้าเรียนได้ในแต่ละวัน ร้อยละ 17.44 ส่วนใหญ่เรยี นรู้ด้วย รูปแบบ On-Hand รองลงมาคือ
รูปแบบ On-Line สาเหตุของการไม่เข้าเรียนส่วนใหญ่ คือ ขาดความพร้อมด้านผู้ดูแล ขาดแคลนอุปกรณ์ในการ
เรียนออนไลน์ วิธีการแก้ปัญหาของโรงเรยี นส่วนใหญ่ คือ ครูให้คำแนะนำ อธิบายเพิ่มเติม ซ่อมเสริมให้นักเรียน
เรียนรู้ ครูกระตุ้นติดตามสม่ำเสมอ ความต้องการการสนับสนุนส่วนใหญ่คือ อุปกรณ์สำหรับเรียนออนไลน์
ค่าบรกิ ารอนิ เทอรเ์ น็ต ซึง่ สอดคลอ้ งกบั ผลการสำรวจรายสัปดาห์
2. สภาพปัญหาในการจดั การเรียนรู้ชวี ิตวถิ ใี หม่ในสถานการณ์ COVID – 19
สภาพปัญหาในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID–19 โดยมีผู้บริหาร และ ครู
พบว่า สภาพปญั หาในการจัดการเรยี นรูช้ วี ิตวถิ ีใหม่ของผบู้ ริหารสถานศึกษาและครผู ู้สอนในภาพรวมอยู่ในระดับ
ปานกลาง สภาพปัญหาในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ ด้านที่มีระดับปัญหาสูงที่สุดคือ การสนับสนุนส่ือ
เทคโนโลยี อุปกรณ์ที่จำเป็นในการจัดการเรียนการสอน ด้านการพัฒนาวิธีการการจัดการเรียนรู้ รูปแบบ
On-Line การส่งเสริมชีวิตวิถีใหม่ที่สอดคล้องกับบริบทของผู้เรียน ด้านการกำกับติดตาม การส่งงาน และตรวจ
ผลงานนกั เรยี นของครผู ู้สอน และด้านการประสานความร่วมมอื กบั ผปู้ กครองในการจัดการเรียนรใู้ ห้กบั นักเรียน
3. ความตอ้ งการและขอ้ เสนอแนะในการจดั การเรยี นรู้ชวี ติ วิถีใหม่ของผู้ปกครองและนักเรยี น
การวิเคราะห์ความต้องการและข้อเสนอแนะในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ของผู้ปกครองและ
นักเรยี นในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ความตอ้ งการและข้อเสนอแนะในการจัดการเรียนรูช้ ีวติ วิถีใหม่ ด้านที่
มีระดับความต้องการและข้อเสนอแนะมากที่สุดคือ การสนับสนุนอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่เหมาะกับการ
จัดการเรยี นรู้ การจดั ทำส่อื การเรยี นรู้ออนไลน์ท่ีนักเรยี นสามารถเขา้ ไปศึกษาได้ทกุ เวลาทกุ สถานท่ี การสนบั สนุน
ส่ือ วัสดุอปุ กรณ์ และเทคโนโลยีท่มี คี วามพรอ้ มในการเรียนรู้
ค
ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู เชิงคณุ ภาพ
ผู้วิจัยนำเสนอสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลการดำเนินการสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion)
ผู้บรหิ ารสถานศึกษา และครูผูส้ อน กลุม่ โรงเรยี นเมอื งสมุทรปราการ แบ่งเปน็ 2 ตอน ดงั น้ี
1. สภาพปญั หาการจดั การเรยี นรชู้ ีวติ วิถีใหม่
1.1 รูปแบบ On-Hand ปัญหา ในรายวิชาที่ยากเช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ผู้ปกครองมีพ้ืน
ฐานความรู้แตกต่างกัน เด็กบางคนอยู่กับผู้สูงอายุ สอนเด็กไม่ได้ ไม่เข้าใจ ไม่มีงานมาส่ง หรือมีส่งแต่ผู้ปกครอง
เป็นคนทำให้
1.2 รูปแบบ On-Air ปัญหาที่พบคือ เรื่องเครื่องรับสัญญาณดิจิตอล บางครอบครัวไม่มีกล่องรับ
สญั ญาณ และไม่รู้วิธกี ารปรับจูนชอ่ ง
1.3 รูปแบบ On-Demand ปัญหาที่พบคือ ความขาดแคลนเครื่องมือสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ แท็ป
เลต คอมพวิ เตอร์ โนต๊ บุ๊ค
1.4 รูปแบบ On-Line ปัญหาที่พบคือ ความขาดแคลนเครื่องมือสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ แท็ปเลต
คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค ไม่มีเงินเติมอินเทอร์เน็ต สัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่เพียงพอ ทั้งยังพบปัญหาเด็กขาดความ
รบั ผิดชอบในการเข้าเรียน ตน่ื สาย ไมม่ ีผ้ปู กครองกวดขันให้เขา้ เรียนเนอ่ื งจากต้องไปทำงาน จำนวนนกั เรยี นที่เข้า
เรียนในแตล่ ะวิชาคอ่ นขา้ งนอ้ ย
2. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในด้านต่างๆ ของกลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ
สรปุ ประเดน็ ของสภาพปญั หาการจัดการเรียนรู้วถิ ใี หม่ ในด้านต่างๆ ไดด้ ังนี้
2.1 การปรับหลักสูตร ปญั หาท่พี บ คือ นักเรียนบางคนมีเวลาไม่ครบรอ้ ยละ 80
2.2 การปรับวิธีการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ ปัญหาที่พบ คือ ครูบางส่วนยังต้องการการพัฒนา
วธิ ีการจัดการเรยี นรู้วิถใี หม่ใหน้ า่ สนใจสอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของผู้เรียน
2.3 การตรวจผลงานและการรายงานผลการเรยี นรู้ พบปญั หา คือ นกั เรียน ไม่สง่ งานตามกำหนด
2.4 การวัดประเมินผล พบปัญหา ระหว่างการจัดการเรียนการสอน ผู้ปกครองได้ทำงานให้บุตร
หลาน การวดั ประเมนิ ผลดว้ ยการสอบแบบ Google form
2.5 การมอบหมายงานการเรียนรู้ โรงเรียนทำตามนโยบายการลดภาระงานให้กับนักเรียนด้วย
การบูรณาการหลากหลายวิชาหรือบูรณาการกับทักษะชีวิตประจำวันของนักเรียน ปัญหาที่พบ ผู้ปกครองวิตก
กังวลด้านความรู้ของบุตรหลานไม่เพียงพอในการสอบแขง่ ขันเข้าศกึ ษาต่อ หรือการอ่านการเขียน ความรู้ในการ
เล่ือนช้นั
2.6 การสนับสนุนสื่อ เทคโนโลยี อุปกรณ์ที่นักเรียนเข้าถึงการเรียนรู้ได้สะดวก โรงเรียนไม่มี
งบประมาณในการจัดซื้อสื่อ อุปกรณ์การเรียนหรือจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตให้นักเรียน ปัญหาความไม่เข้าใจของ
ผู้ปกครองที่สำรวจความต้องการหลายครัง้ จากหนว่ ยงานต้นสังกัด ในด้านอุปกรณ์โทรศพั ท์มอื ถือ แท็ปเล็ต และ
อนิ เทอร์เนต็ ยังไม่ไดร้ บั การสนับสนุนใด ๆ บุตรหลานเสยี โอกาสการเรยี นรู้
ง
2.7 การให้คำปรึกษาแนะนำ ปัญหาที่พบ คือ ครูต้องตอบคำถาม หรือให้คำแนะนำผู้ปกครองใน
เรื่องเดิมซ้ำหลายครั้ง เพราะเวลาที่ครูชี้แจงผ่านทาง LINE ห้องเรียน ผู้ปกครองบางท่านต้องทำงานไม่มีเวลาใน
การอ่าน LINE ทำใหพ้ ลาดขอ้ มูลสำคญั ทีค่ รูจะสอื่ สารครจู ึงต้องช้ีแจงหลายครั้ง
2.8 การดูแลรักษาสุขภาพ ปัญหาที่พบ มีนักเรียน ผู้ปกครองติดเชื้อ COVID-19 ในครอบครัว
ด้วยการประสานเจ้าหน้าปกครอง เพื่อประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพช่วยครอบครัวที่
เดือดรอ้ น และการประสานงานเพือ่ ใหไ้ ดร้ ับการส่งต่อเพื่อรักษาโดยเรว็
2.9 วินัยในตนเอง ความรับผิดชอบต่อสังคม ปัญหาที่พบ คือ การส่งเสริมพัฒนาวินัยพัฒนาได้
ยากกวา่ การมาเรียนตามปกติ
2.10 การปฏิบัติตนที่ถูกต้องเหมาะสมในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส
โคโรนา 2019 ปญั หาที่พบ คอื นกั เรียนบางครอบครัวมสี ภาพความเปน็ อยู่ไม่ค่อยมีคุณภาพชีวิต การปฏิบัติตน
ในการป้องกันการติดเชื้อ COVID-19 ทำได้ยากเมื่อสมาชิกคนใดคนหนึ่งในครอบครัวติดเชื้อส่วนใหญ่ เชื้อ
แพรก่ ระจายถงึ สมาชกิ คนอืน่ ๆ ในครอบครวั
2.11 การสนับสนุนของผู้ปกครองที่ช่วยเสริมคุณภาพการจัดการเรียนการสอนและโอกาสใน
การเรียนรู้ที่มีคุณภาพ ปัญหาที่พบคือ ผู้ปกครองกลุ่มที่ต้องทำงานไม่มีเวลาที่จะกำกับดูแลติดตามในเรื่องของ
การเรยี น ไมส่ ามารถกวดขันการเรียนได้มาก คุณครคู อยให้กำลังใจผู้ปกครองในการดูแลส่งเสริมการจัดการเรียน
การสอนท่ีบา้ นใหม้ คี ณุ ภาพ ผูป้ กครองอยากใหโ้ รงเรยี นไดเ้ ปดิ เร็วๆ และให้นักเรียนไดร้ บั การฉดี วัคซีน
3. ความต้องการและข้อเสนอแนะในการจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ ในด้านต่าง ๆ ของผู้บริหารและครู
ดังนี้
3.1 การปรับหลักสูตร ต้องการให้มีการปรับหลักสูตร โครงสร้าง เวลาเรียน ปรับให้สอดคล้องกบั
สถานการณ์ COVID-19 ควรลดจำนวนรายวชิ า ตัวชีว้ ดั โครงสรา้ งเวลาเรยี นจะสามารถชว่ ยลดความกดดัน โดย
เน้นกระบวนการจดั การเรียนรู้ Active Learning เน้นการเรียนรูก้ ารเชื่อมโยงการนำความร้จู ากการเรียนไปใช้ได้
จริง
3.2 การปรับวิธีการจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ ต้องการให้มีการสนับสนุนในด้าน การพัฒนาครูผู้สอน
ให้มีทักษะการจัดการเรยี นการสอน การจัดทำสือ่ เทคโนโลยีตา่ งๆ ที่หลากหลาย ทันสมัย โดยคำนึงถึงคุณภาพที่
จะเกิดกับผู้เรียนเป็นสำคัญ และพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองให้กับนักเรียน ตามศักยภาพของผู้เรียน ซึ่ง
เป็นทักษะจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในอนาคต โดยอาจจะเปิดให้ผูเ้ ชีย่ วชาญในภาครฐั ภาคเอกชนและประชา
สังคม ชว่ ยพัฒนาศกั ยภาพครใู หต้ รงกบั ทักษะท่ีต้องการ และสนบั สนนุ ใหม้ ีการเพ่ิมทักษะให้แก่ศึกษานิเทศก์เพ่ือ
เปน็ โคช้ ใหแ้ กค่ รู
3.3 การส่งเสรมิ สนบั สนุนวิธีการเรียนร้ขู องนักเรียน ต้องการใหม้ ีการสนับสนุนวิธีการเรียนรู้ของ
นักเรียน ให้ลดชั่วโมงเรียนรู้ผ่านจอสำหรับเด็กแต่ละช่วงวัย โดยคำนึงถึงพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม
และสติปัญญา ชั่วโมงการเรียนรู้ด้วยตนเองที่บ้านจากการทำใบงาน ชิ้นงาน ค้นคว้าด้วยตัวเอง และชั่วโมงที่ครู
และนักเรียนทำกิจกรรมเรยี นรู้ร่วมกัน ตอ้ งการสนับสนุนให้นักเรยี นได้เรียนร้ผู า่ นระบบ เครือขา่ ยอนิ เทอร์เน็ตที่มี
จ
คุณภาพ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการใช้งาน เพื่ออำนวยความสะดวกในการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองของ
นักเรียน และต้องการให้มีการจัดศูนย์การแลกเปลี่ยน เรียนรู้แบบออนไลน์ ที่รวบรวมสื่อการเรียนการสอน
เอกสารใบงานใบความรู้ เพ่อื ใหค้ รไู ด้นำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้ทันที ทงั้ ในสถานการณป์ กติและสถานการณ์
วิกฤติอ่ืน ๆ เป็นการสง่ เสรมิ สนับสนุนวธิ กี ารเรยี นรู้ของนักเรยี น จากแหล่งเรยี นรู้ทีห่ ลากหลาย
3.4 การตรวจผลงานและการรายงานผลการเรยี นรู้ ตอ้ งการใหม้ กี ารใชเ้ ทคโนโลยเี ข้ามาช่วยเพ่ือ
ลดภาระครู การตรวจผลงานนักเรยี นควรมเี กณฑ์การให้คะแนน ตามศักยภาพของนกั เรียน โดยมีการคัดกรองจัด
กล่มุ นักเรียน เกง่ ปานกลาง และปรับปรุง เพอื่ นำไปสู่การพฒั นาการเรียนรู้ตามความพร้อมของนักเรียนได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ และการรายงานผลการเรียนรู้ตามสภาพจริงของนักเรียน ยืดหยุ่นตามวิธีการเรียนรู้ของผู้เรียน
และรูปแบบการจัดการเรียนรู้ พร้อมทั้งรายงานผลการเรียนรู้ให้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะเพื่อช่วยกันกระตุ้น
เตอื นนกั เรียน และรว่ มมอื กนั ส่งเสริมความร้ใู หก้ บั นกั เรียน
3.5 การวัดประเมินผล ต้องการให้มีการวัดประเมินผลจากสภาพจรงิ สอดคล้องกับความแตกตา่ ง
ของแต่ละบุคคล มุ่งเน้นเพื่อการพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียน มากกว่าการประเมินเพ่ือตัดสิน เป็นการประเมนิ
เพื่อพัฒนาเป็นรายบุคคล เพื่อติดตามการเรียนรู้ ประเมินสุขภาพกายและสุขภาพจิตของนักเรียน โดยให้
ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วม ในกรณีของเด็กโต อาจจะเพิ่มการประเมินตนเองและการประเมินเพื่อน ต้องการให้
สพฐ. ลดการประเมนิ และการทดสอบที่ไม่จำเป็นสำหรบั สถานการณ์ปัจจุบนั เพราะการวัดประเมินผลต้องอาศยั
การทำงานร่วมกันระหว่างเด็ก ผู้ปกครองและครูมากขึ้น และต้องการให้มีการเสริมศักยภาพครูในการใช้และ
ออกแบบเครื่องมอื ประเมนิ ใหเ้ หมาะสมกับจุดประสงค์การเรยี นรู้
3.6 การมอบหมายงานการเรียนรู้ ตอ้ งการใหค้ รูลดปริมาณงาน มอบหมายงานใหต้ รงตามตัวช้ีวัด
ที่ต้องรู้ตามหลกั สตู รแกนกลาง ปรับรูปแบบของภาระงาน ให้เหมาะสมกับบรบิ ทของรายวิชาและบริบทนักเรยี น
อาจเป็นการมอบหมายชิ้นงานบูรณาการการเรยี นรู้ในแตล่ ะกลุ่มสาระการเรียนรู้เพื่อลดภาระงานใหก้ ับนักเรียน
และใหช้ ว่ งเวลานักเรียนในการสืบค้นหาความรูไ้ ด้ด้วยตนเอง รวมไปถงึ การใช้ทกั ษะชวี ติ ในดา้ นตา่ งๆ ดว้ ย
3.7 การสนบั สนนุ สื่อ เทคโนโลยี อุปกรณท์ นี่ กั เรยี นเขา้ ถงึ การเรยี นรู้ไดส้ ะดวก ตอ้ งการให้ สพฐ.
จัดสรรงบประมาณ หรือสนับสนุนอุปกรณ์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เพื่อให้นักเรียนได้ยืมเรียน รวมถึงค่าใช้จ่ายใน
การใช้อินเตอร์เนต ที่มีความแรงเพียงพอในการเรียนให้กับนักเรียน เพื่อให้นักเรียนสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ได้
อย่างสะดวก ทั่วถึง และจัดทำสื่อ On Hand ในรูปชุดสื่อการเรียนรู้ ให้สำหรับเด็กที่บ้านไม่สามารถเข้าถึงสื่อ
เทคโนโลยไี ด้ด้วย
3.8 การให้คำปรึกษาแนะนำ ต้องการให้เพิ่มช่องทางการติดต่อสื่อสาร ที่จะให้ผู้ปกครองและ
นักเรยี นได้ขอคำแนะนำ การให้คำปรึกษาจากทางโรงเรียน คุณครูประจำชน้ั ไดห้ ลากหลายช่องทางมากข้ึน เช่น
Facebook Line Website ของโรงเรียน ต้องการให้ สพฐ. มีสายด่วนสำหรับผู้ปกครอง ในการติดต่อสอบถาม
ขอ้ มลู จากส่วนกลาง ท่ีอยูน่ อกเหนือการตัดสินใจของโรงเรียน เพอ่ื สรา้ งความเขา้ ใจให้แก่ผู้ปกครองโดยตรง และ
ลดปัญหา รวมถงึ จดั ระบบดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี น คอยใหค้ ำปรึกษาแนะนำผู้ปกครองและนักเรยี นอย่างใกล้ชดิ
3.9 การดูแลรักษาสุขภาพ ต้องการให้รัฐเร่งรัดการสนับสนุนงบประมาณหรือวัสดุอุปกรณ์
สำหรับป้องกันการติดเชื้อให้แก่ เช่น หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า สบู่ล้างมือ เจลแอลกอฮอล์ น้ำยาฆ่าเชื้อ
เคร่ืองตรวจวัดอณุ หภูมทิ ีม่ คุณภาพวัดได้เที่ยงตรงแมน่ ยำ เป็นตน้ และควรจดั สรรวคั ซีนใหน้ กั เรยี นและผู้ปกครอง
ฉ
ทุกคน หน่วยงานด้านสาธารณสุขควรมีส่วนร่วมในการดูแลเฝ้าระวังเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19
ร่วมกับโรงเรียน มีการตรวจโควิดอย่างรวดเร็วเมื่อพบการติดเชื้อในครอบครัว การส่งต่อเพื่อการรักษาโรค
ช่วยเหลือสนบั สนนุ วสั ดุอปุ กรณ์ทีจ่ ำเป็นและให้ความรู้ในการปฏบิ ตั ิตนเพ่ือการปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาดของโรคโค
วิด 19 รวมถึงให้มกี ารประชาสมั พนั ธใ์ หค้ วามรตู้ า่ งๆ เก่ียวกับโรคน้ีอย่างต่อเน่อื ง
3.10 วินัยในตนเอง ความรับผิดชอบต่อสังคม ต้องการให้มีความร่วมมือกันระหว่างครู และ
ผู้ปกครองในการเสริมสร้างวินัยในตนเองของนักเรียนในการที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาวินัยในตนเอง ความ
รับผดิ ชอบต่อสงั คม โดยผ้ปู กครองเขา้ มามบี ทบาทในการท่จี ะช่วยสง่ เสริมในชว่ งของการจดั การเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่
เนื่องจากผู้เรียนจะมีเวลาในการใกล้ชิดกับผู้ปกครองมากกว่าทางโรงเรียน และโรงเรียนก็ช่วยส่งเสริมโดยการ
สอดแทรกและบรู ณาการในเรือ่ งของวนิ ัยในตนเอง ความรับผิดชอบ ผ่านการจัดการเรยี นรูช้ ีวติ วิถีใหม่
3.11 การปฏิบัติตนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019
ต้องการให้มีการให้ความรูใ้ นเรื่องของการปฏิบัติตนที่ถูกตอ้ งเหมาะสมในสถานการณ์การแพร่
ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยผ่านช่องทางประชาสัมพันธ์ที่หลากหลายของโรงเรียน รวมไปถึง
การตดิ ตอ่ ส่ือสารผ่านช่องทางต่างๆจากครปู ระจำชัน้ ครผู สู้ อน เพื่อใหค้ วามรูใ้ นการปฏิบัติตนท่ีถูกต้องเหมาะสม
ต้องการให้หน่วยงานดา้ นสาธารณสุขควรใหค้ วามรู้ในการปฏบิ ัตติ นเพ่ือการป้องกนั การแพรร่ ะบาดของโรคโควิด-
19 ที่เข้าใจง่ายในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงอำนวยความสะดวกในการส่งต่อเพื่อเข้ารับการรักษาเมื่อ
พบเช้อื ใหค้ วามชว่ ยเหลือสนับสนุนวสั ดุอุปกรณ์ที่จำเป็นในการป้องกันการแพรร่ ะบาดของโรค COVID-19 กับผู้
สัมผสั ใกล้ชิดทีเ่ ป็นกลมุ่ เสี่ยงด้วย
3.12 การสนับสนนุ ของผู้ปกครองท่ีช่วยเสริมคุณภาพการจัดการเรียนการสอนและโอกาสในการ
เรียนรู้ที่มีคุณภาพ ต้องการสร้างความร่วมมือกับผู้ปกครองให้เห็นความสำคัญในการเรียนรู้ในรูปแบบตามท่ี
โรงเรยี นกำหนด คอยติดต่อสอบถามถึงปัญหาตา่ งๆ ร่วมกนั อย่างต่อเนอื่ งตามช่องทางการติดตอ่ ส่ือสารท่ีได้ตกลง
ร่วมกัน เสริมสร้างเจตคติต่อการเรียนรู้แบบพึ่งพาตนเองให้แก่นักเรียนและ ผู้ปกครอง ควรมีการสร้างขวัญและ
กำลังใจให้นักเรียนระหว่างการจัดการเรียนรู้ ควรมีการจัดทำคู่มือหลักสูตรฉบับย่อสำหรับผู้ปกครอง เพื่อให้
ผู้ปกครองเขา้ ใจบทบาทใหม่ และสามารถติดตามการเรียนรขู้ องนกั เรียนได้
4. ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย ในการจัดการเรียนรู้วิถีชีวิตใหม่ ดา้ นตา่ งๆ ของผู้บริหารและครูผู้สอน
ดงั นี้
4.1 ผบู้ รหิ ารการบรหิ ารจดั การศึกษาของชาติทุกระดับ ควรสร้างความรู้ ความเข้าใจความตระหนัก
ถึงการพัฒนา เด็ก เยาวชน ทรัพยากรมนุษย์ อนาคตของชาติและโลก ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงกับสถานการณ์
ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้อย่างมีวิสัยทัศน์ ดำเนินการส่งเสริมพัฒนา แก้ปัญหาต่างๆ จากการนำผลการวิจัยไป
ใช้ในประกอบการพิจารณาวางแผน เพื่อดำเนินการอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงจิตวิทยาพัฒนาการ ธรรมชาติ
ความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล พัฒนาการการเรียนร้ตู ามวยั ของผ้เู รียนเปน็ สำคัญ
ช
4.2 กระทรวงศึกษาธิการควรมีวิสัยทัศน์กว้าง ไกล คาดการณ์สถานการณ์ต่างๆ ล่วงหน้าจาก
การศึกษาข้อมูลรอบด้าน ทั้งสถานการณ์ในต่างประเทศ ในประเทศทุกระดับทุกภาคส่วน โดยเก็บข้อมูลด้วย
เครื่องมือเชิงบูรณาการ นำไปสู่การกำหนดนโยบายต่าง ๆ ที่ต่อเนื่อง แม้เปลี่ยนผู้บริหาร กำหน ดล่วงหน้า
ยืดหยุน่ ควรคำนึงถึงบริบทของสถานศึกษา เพ่อื ใหส้ ามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างแทจ้ รงิ หนว่ ยงานต้นสังกัดควรมี
บทบาทในการเข้ามานิเทศกำกับติดตามแบบกัลยาณมิตร ลงพื้นที่เพื่อทราบสภาพปัญหาแทนการรับรายงาน
ข้อมูลเชิงปริมาณ ซึ่งอาจไม่ตรงกับสภาพจริง รวมถึงควรบูรณาการเครื่องมือจากระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้องใน
การออกแบบเคร่อื งมือ เพอ่ื ให้ได้ข้อมลู ครอบคลุม นำไปใช้ไดใ้ นภาพรวมเชงิ ลึก ข้อมูลลดการรายงานเอกสารต่าง
ๆ ควรสนับสนุนหาแนวทางในการจัดการเรยี นให้ดีที่สุด ให้เวลาครูได้ดำเนินการในการจัดการเรียนการสอนให้ดี
4.3 กระทรวงศึกษาธิการควรพิจารณาทบทวนปรับโครงสร้างหลักสูตร ที่ใช้เนื้อหาเป็นสำคัญ
นักเรียนเรียนจำนวนหลายวิชา และใชเ้ วลาเรียนจำนวนมาก เพอ่ื การนำความร้ไู ปวัดผลในระดบั ต่างๆ ตอ่ เนอื่ งไป
ถึงการสอบเข้าศึกษาต่อ หรือการประกอบอาชีพ แต่ขาดทักษะ สมรรถนะต่างๆ ที่จำเป็นในการเรียนรู้ การ
ดำรงชวี ิตในสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ควรสร้างความรู้ความเข้าใจ ค่านิยมใหม่ในสังคมไทย ลดการมุ่ง
การเรียนเน้ือหาหลายรายวิชา ใช้เวลาเรียนจำนวนมากในแตล่ ะวันทั้งในห้องเรียนและทำการบ้านที่บ้านหรือการ
ติวต่อหลังเลิกเรียนหรือวันหยุดสุดสัปดาห์ในการทำการบ้าน การเตรียมความพร้อมสอบแข่งขัน การมอบภาระ
งานเปน็ การบา้ นเกือบทุกวิชาทีเ่ รียน โดยครมู ่งุ สอนเน้ือหาให้จบในห้องเรยี นโดยไม่วดั ผลการเรยี นรู้แต่มอบภาระ
งานที่หนักให้กับนักเรียนในการดำเนินการต่อหลักจากเรียนอย่างหนักต่อเนื่องในแต่ละวัน (ตามความคาดหวัง
การบา้ นของผ้ปู กครอง) โดยไม่ไดจ้ ัดสรรเวลาไปทำกจิ กรรมตา่ งๆ ทีจ่ ำเปน็ ในการดำรงชวี ิต
4.4 รัฐควรปฏิรูป ระบบ นโยบายการจดั การศึกษา กระบวนการเรยี นรู้ การวัดผลประเมินผล การ
มีโรงเรียนรองรับความถนัด ความสนใจ ที่หลากหลายอย่างเพียงพอโดยไม่ต้องสอบแข่งขัน ให้นักเรียนได้เลือก
เรียนในสาขาที่ถนัดสนใจอย่างแท้จริง แทนการเรียนตามความคาดหวังของพ่อแม่ มีอาชีพรองรับที่หลากหลาย
เพยี งพอ ให้ทุกคนเห็นคุณคา่ และภาคภมู ใิ จในตนเองแทนการจัดการศึกษาเพื่อแขง่ ขนั คนท่มี ีโอกาสมากกว่าได้รับ
โอกาส คนดอ้ ยโอกาสยิ่งเปน็ ภาระในการดูแลของรัฐหรือสรา้ งปัญหาสังคมตามมาอยา่ งมาก
4.5 ควรประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและหน่วยงานอื่น ๆ ในการช่วย
ส่งเสริมในด้านทรัพยากร เช่น การสนับสนุนอุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน สัญญาณ
อินเทอร์เน็ต สื่อการเรยี นรู้และการพฒั นาครูผูส้ อน รวมถึงในด้านสาธารณสุข ควรมใี ห้การตรวจสุขภาพครูอย่าง
สม่ำเสมอ มีการส่งต่อเพื่อการรักษาโรคเม่ือพบเชื้อ และให้ความช่วยเหลือสนับสนุนวสั ดอุ ุปกรณ์ที่จำเป็นในการ
ป้องกนั การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กับผ้สู มั ผัสใกลช้ ดิ ท่ีเปน็ กลมุ่ เส่ียงด้วย
ซ
4.6 ควรพฒั นาโรงเรยี นตา่ งๆ ใหม้ คี วามพรอ้ มเทา่ เทียมกัน มคี ุณภาพใกล้เคียงกันโดยการสนับสนุน
งบประมาณตามความพร้อม โรงเรียนท่มี คี วามพรอ้ มด้านต่าง ๆ นอ้ ย สนับสนนุ งบประมาณในการจัดซื้อจัดหาให้
เพียงพอ โรงเรียนที่มคี วามพร้อม สามารถเกบ็ ค่าเลา่ เรียนจากผูป้ กครองได้ จัดสรรงบประมาณอยา่ งสมเหตุสมผล
เพื่อให้โรงเรียนทุกโรงเรียนมีศักยภาพเท่าเทียมกัน เป็นการรณรงค์ส่งเสริมให้นักเรียนได้เลือกเรียนที่เรียน
โรงเรยี นใกลบ้ า้ น
4.7 ควรประกาศยกย่องขอบคุณความเสียสละของผู้ปกครองในการร่วมจัดการศึกษาให้กับบุตร
หลานเพื่อร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมด้วยความหวังแม้ไม่มีความสะดวกในด้านปัจจัยในการเรียนรู้ที่บ้านสำหรับ
ครอบครัวที่ไม่มีความพร้อมมีระดับความต้องการ และข้อเสนอแนะมากที่สุดคือ การสนับสนุนอินเทอร์เน็ต
ความเร็วสูงที่เหมาะกับการจัดการเรียนรู้สู่การพัฒนาผู้เรียนเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ การเลือกศึกษาค้นคว้า
ตามความถนัด ความสนใจ พัฒนาเป็นนิสัยจะได้ค้นพบศักยภาพของตน นำไปสู่การมีนิสัยรักการเรียน รัก
การศึกษาค้นคว้า เชิงลึก เป็นก้าวแรกของการรู้จักตนเอง พัฒนาตนเอง ขณะเรียนรู้อยู่กับครอบครัวที่บ้าน
พฒั นาคุณลกั ษณะของเดก็ ไทยในศตวรรษท่ี 21 หรือการสง่ เสริมการเรยี นรู้อย่างมีความสขุ
4.8 ควรจัดสรรงบประมาณในการจัดหาเครื่องมือสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ แท็ปเลต คอมพิวเตอร์
โน๊ตบุ๊ค ซึ่งเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ท่ีบ้านในสถานการณ์วิกฤตต่างๆ ซึ่งผู้ปกครองได้ดูแลช่วยเหลือในการจัด
การศึกษาด้วยภาระที่หนักแทนการทำหน้าที่ของโรงเรียนมาอย่างต่อเนื่องยาวนานส่งผลต่อกระทบต่อภาวะ
เศรษฐกิจ ชวี ิต ความเปน็ อยู่ คณุ ภาพการจดั การศึกษา
4.9 รัฐควรส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าวิจัยการพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง ทันต่อวิวัฒนาการ
ของเช้อื โรค ครอบคลมุ ทกุ วัย ตง้ั แตแ่ รกเกดิ โดยเฉพะนักเรยี นในวัยเรียน เพ่อื สรา้ งความเชือ่ มั่น การสร้างโอกาส
การกลบั มามีวถิ ีชีวิตปกตทิ ่ีอยรู่ ว่ มกบั โรคตดิ เชื้อได้ ให้นักเรยี นได้รบั การฉดี วัคซนี อยา่ งทวั่ ถงึ ทกุ คนฟรี
4.10 รัฐควรเร่งรัดการสนับสนุนงบประมาณหรือ วัสดุอุปกรณ์ สำหรับป้องกันการติดเชื้อให้แก่
เชน่ หน้ากากอนามยั หรอื หนา้ กากผ้า สบู่ล้างมือ เจลแอลกอฮอล์ น้ำยาฆา่ เช้ือ เครอื่ งตรวจวัด อณุ หภมู ิ
4.11 กระทรวงศึกษาธิการควรสร้างความรู้ความเขา้ ใจในธรรมชาติการเรียนรู้ของวัยนักเรียนในแต่
ละวัย การปรบั หลักสตู รไม่มุ่งเน้นเนื้อหาจำนวนหลายวชิ า ไมใ่ ชเ้ วลาเรียนมากเกินไปเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ฝึก
ทักษะกระบวนการคิด ทักษะท่ีจำเปน็ ในการเรยี นรู้ การดำรงชวี ติ ในศตวรรษที่ 21 ทม่ี ีการเปล่ยี นแปลงอย่างคาด
ไม่ถึง หลายอย่าง แทนการเรียนเพื่อท่องจำ เข้าใจเนื้อหาในการสอบแข่งขัน เปรียบเทียบระหว่างบุคคล หรือ
สอบเข้าศกึ ษาต่อโรงเรยี นทมี่ ีชื่อเสียง
ฌ
4.12 การสื่อสารนโยบาย กระทรวงศึกษาธิการหรือหน่วยงานต้นสังกัดควรมีการสื่อสารนโยบาย
และแนวทางการปฏบิ ัตใิ นการส่งเสริมการจดั การเรียนรู้ท่ชี ดั เจน มีมาตรการรองรบั ประกาศนโยบาย การจดั การ
เรียนรู้ให้ทันต่อสถานการณ์ ด้วยวิธีการสื่อสารตามช่องทางต่าง ๆ ที่หลากหลาย เพื่อสร้างความเข้าใจ ในการ
ปฏบิ ตั ิไปในทิศทางเดยี วกัน
4.13 การนำนโยบายไปปฏิบตั ิ กระทรวงศึกษาธิการควรมีการนิเทศกำกบั ตดิ ตาม หรือการลงพ้นื ท่ี
จริงในสภาพจริง แทนการออกแบบต้อนรับซึ่งทำให้ไม่เห็นสภาพความเป็นจริง หรือการมีนโยบายผ่านผู้บริหาร
ระดับสูงให้รายงานข้อมูลควรจะเป็นมายังสถานศึกษาแทนการมีนโยบายให้สถานศึกษารายงานข้อมูลที่เป็นจริง
ในระดบั ปฏบิ ตั ิ
4.14 ควรมีการคำนวณค่าใช้จ่ายรายหัวของนักเรียน และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมของผู้ปกครองและ
นักเรียน ซึ่งจำเป็นต้องมีการเรียนรู้โดยการใช้ On Hand On Air On Demand และ On Line ชุดตรวจ ATK
เป็นต้น เพื่อจะสามารถจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอและสอดคล้องกับความต้องการแท้จริง ควรจั ดสรร
งบประมาณตามสภาพความเป็นอยู่ เช่น ครอบครัวด้อยโอกาส มากกว่านักเรียนที่มาจากครอบครัวที่มีความ
พรอ้ ม หรอื สำรวจครอบครวั อาสาที่ไม่รบั เงินอุดหนุนรายหัวสำหรับครอบครวั ที่มฐี านะทางเศรษฐกิจสูง ฝึกความ
เสียสละใหก้ บั นักเรียนเป็นแบบอยา่ งทีด่ ขี องความเสียสละของคนในสังคม
4.15 รัฐควรสนับสนุนงบประมาณในการเตรียมความพร้อมในการจัดการเรียนรูปแบบ On Site
ส่วนของวสั ดทุ ีเ่ ป็นเคร่ืองป้องกันการติดเช้ือ ไดแ้ ก่ เคร่อื งวดั อุณหภูมทิ ่ีมีประสิทธิภาพ เจลแอลกอฮอล์ น้ำยาฆ่า
เชื้อ สบู่ล้างมือ และชุดตรวจ ATK ที่เพียงพอกับจำนวนนักเรียนและความถี่ในความจำเป็นต้องตรวจ ซ่ึง
สถานศึกษาต้องใช้เงินรายหัวของนักเรียนมาจัดซ้ือ รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนวสั ดุเหล่าน้ี หรือ
ขอรบั การสนบั สนุนจากหน่วยงานอน่ื ๆ เกยี่ วขอ้ งมีส่วนร่วม
4.16 หนว่ ยงานตน้ สังกดั ควรลดการ รายงานเอกสารต่าง ๆ ควรสนับสนนุ หาแนวทางในการจัดการ
เรยี นใหด้ ีท่ีสุด ใหเ้ วลาครไู ด้ดำเนนิ การในการจดั การเรียนการสอนให้ดี
4.17 การสร้างความพร้อมและการสนับสนนุ ของหน่วยงานตน้ สงั กัด หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องควร
จัดสรรงบประมาณและสนับสนุนทรัพยากรการจัดการเรียนรู้ ให้เพียงพอเหมาะสมกับบริบท ความต้องการ
จำเป็นของสถานศึกษาให้ครอบคลุมถึงกลุ่มที่มีความต้องการเป็นพิเศษ เช่น กลุ่มเด็กพิเศษ หรือกลุ่มเด็กด้อย
โอกาส เพ่ือลดความเหล่ือมล้ำในการเข้าถงึ การศกึ ษา
4.18 การสร้างความร่วมมือของผู้ปกครอง ควรชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ปกครองในการจัดการ
เรียนรใู้ นสถานการณ์ COVID-19 และจดั ทำค่มู อื การเรียนและการปฏบิ ัตติ นสำหรับนักเรียน และผู้ปกครอง เพ่ือ
เป็นแนวทางในการปฏิบัติ ซึ่งผู้ปกครองมีส่วนร่วมและมีบทบาทอย่างมากในการที่จะช่วยส่งเสริมในการจัดการ
เรียนรู้ ชว่ ยให้การเรยี นท่ีบ้านมีประสทิ ธภิ าพมากย่ิงขึ้น หนว่ ยงานภาครฐั ควรสนับสนุนสง่ิ อำนวยความสะดวกใน
ญ
การจัดการเรียนรู้ที่บ้าน หรือทุนปัจจัยพื้นฐานการครองชีพให้กับผู้ปกครองเพื่อช่วยเหลืออีกทางหนึ่งเพราะ
ผู้ปกครองต้องเหนื่อยเพ่ิมข้ึน มีค่าใช้จ่ายเพ่ิมขนึ้ ในการหาส่ืออำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ของบตุ รหลาน
4.19 ผู้บรหิ ารและครูกล่มุ โรงเรยี นเมอื งสมุทรปราการขอกำลังใจใหก้ บั ครูอยากขอใหส้ ำนักงาน
คณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการปกปอ้ งอาชพี ครู
ฎ
สารบัญ
บทสรุปสำหรบั ผู้บริหาร................................................................................................................................................................. หน้า
สารบญั .................................................................................................................................................................................................... ก
สารบญั ตาราง..................................................................................................................................................................................... ฎ
สารบญั ภาพ......................................................................................................................................................................................... ฐ
บทท่ี 1 บทนำ..................................................................................................................................................................................... ฑ
1
ความเป็นมาและความสำคญั ของปญั หาวจิ ยั ..................................................................................................... 1
คำถามวจิ ยั .......................................................................................................................................................................... 4
วัตถุประสงคข์ องการวจิ ัย ........................................................................................................................................... 4
ขอบเขตของการวิจยั ...................................................................................................................................................... 4
แนวคิด ทฤษฎแี ละงานวจิ ัยท่เี ก่ียวข้อง................................................................................................................. 5
กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย............................................................................................................................................... 5
นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ............................................................................................................................................................. 6
ประโยชนท์ ่คี าดวา่ จะไดร้ บั จากการวจิ ัย............................................................................................................... 9
บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจัยทีเ่ กี่ยวข้อง............................................................................................................................... 10
ตอนที่ 1 แนวคดิ เกีย่ วกบั การจัดการเรยี นรู้ในสถานการณโ์ ควิด-19...................................................... 11
ตอนที่ 2 นโยบายและแนวทางการจดั การเรยี นรใู้ นสถานการณ์โควดิ -19.......................................... 13
ตอนท่ี 3 งานวิจัยท่ีเก่ยี วข้องกบั การจดั การเรียนรใู้ นสถานการณ์โควดิ -19......................................... 26
ตอนท่ี 4 แนวคดิ เกย่ี วกบั การจดั ทาข้อเสนอเชิงนโยบาย.............................................................................. 29
ตอนที่ 5 ข้อมลู พ้นื ฐานโรงเรยี นในกลุ่มโรงเรยี นเมืองสมทุ รปราการ...................................................... 31
บทท่ี 3 วธิ ีการดำเนินการวิจยั ................................................................................................................................................... 45
ประชากรและกลุม่ ตวั อยา่ ง......................................................................................................................................... 49
เครอ่ื งมือท่ใี ชใ้ นการวจิ ัย............................................................................................................................................... 49
การเกบ็ รวบรวมข้อมูล.................................................................................................................................................. 53
การวิเคราะห์ข้อมลู ......................................................................................................................................................... 54
ฏ
สารบญั (ตอ่ )
บทที่ 4 ผลการดำเนนิ งานวิจัย.................................................................................................................................................. หน้า
ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลเชงิ ปรมิ าณ........................................................................................................................... 56
ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของแบบสำรวจสภาพการจดั การเรยี นรายวันภายใต้
สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 56
ตอนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลแบบสำรวจการจดั การเรยี นรรู้ ายสัปดาห์ รปู แบบ
Infographic 59
ตอนท่ี 3 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูลทวั่ ไปเกยี่ วกบั ลักษณะส่วนบคุ คลของผ้ตู อบแบบสอบถาม
ตอนท่ี 4 ผลการวิเคราะหเ์ กีย่ วกบั สภาพปญั หาในการจัดการเรยี นรู้ชวี ิตวิถีใหมใ่ น 60
สถานการณ์โควดิ –19 62
ตอนที่ 5 ผลการวิเคราะหค์ วามต้องการ และข้อเสนอเเนะในการจดั การเรยี นรชู้ ีวิตวิถีใหม่
ในสถานการณ์ โควิด–19 66
ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู เชิงคุณภาพ..........................................................................................................................
71
บทท่ี 5 สรุปและอภปิ รายผล...................................................................................................................................................... 153
บรรณานุกรม....................................................................................................................................................................................... 201
ภาคผนวก............................................................................................................................................................................................. 206
ฐ
สารบัญตาราง
หน้า
ตารางท่ี 1 จำแนกจำนวนประชากรและกลุ่มตวั อยา่ งในการเก็บข้อมลู งานวจิ ยั 48
ตารางที่ 2 ผลการวิเคราะห์แบบสำรวจสภาพการจดั การเรียนรายวันภายใต้สถานการณ์การแพร่ 57
ระบาดCOVID-19
ตารางท่ี 3 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู แบบสำรวจการจัดการเรยี นร้รู ายสัปดาห์ รูปแบบ Infographic 59
ตารางท่ี 4 ข้อมูลท่วั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 60
ตารางท่ี 5 สภาพปญั หาในการจัดการเรยี นร้ชู วี ติ วถิ ใี หมใ่ นสถานการณ์ COVID–19 ของผู้บริหาร 62
สถานศกึ ษาและครผู ู้สอน
ตารางที่ 6 สภาพปญั หาในการจดั การเรยี นร้ชู ีวติ วถิ ใี หม่ในสถานการณ์ COVID–19 ของผูป้ กครอง 64
และนกั เรยี น
ตารางที่ 7 ความต้องการ และขอ้ เสนอแนะในการจัดการเรียนรู้ชวี ติ วิถใี หมใ่ นสถานการณ์ COVID-19 67
ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาและครูผสู้ อน
ตารางที่ 8 ความต้องการ และข้อเสนอแนะในการจดั การเรียนร้ชู ีวิตวิถใี หม่ในสถานการณ์ COVID– 69
19 ของผูป้ กครองและนักเรยี น
สารบัญภาพ ฑ
ภาพที่ 1 กรอบแนวคดิ ในการวิจัย หน้า
6
1
บทที่ 1
บทนำ
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาวิจยั
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) หรอื โรคโควิด-
19 นับว่าเปน็ อีกหน่ึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นบนโลกสร้างความสูญเสียให้ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย
สุดคณานับ จากการที่มีการแพร่กระจายไปเกือบทุกประเทศทั่วโลกทำให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากและเพิ่มจำนวน
สูงขึ้นอย่างรวดเรว็ ระบบสาธารณสุขในประเทศต่าง ๆ เกิดสภาวะที่ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยทั้งหมดได้จึงพบผู้ที่
ติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งนอกจากคร่าชีวิตของประชากรโลกจำนวนมากแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อการ
ดำรงชวี ิตของทกุ คนและสรา้ งความเสียหายทางเศรษฐกจิ จำนวนมหาศาลรวมถึงสง่ ผลกระทบต่อระบบการศึกษา
การจัดการศกึ ษาของทกุ ประเทศได้รับผลกระทบจากจากสถานการณ์โควดิ –19 โดยมีการหยุดการเรียนการสอน
ทง้ั ในลกั ษณะที่หยุดทัว่ ประเทศ และหยุดเฉพาะบางพ้นื ท่ี จากข้อมลู ของ UNESCO เกีย่ วกับผลกระทบโควิด–19
ตอ่ การจัดการศกึ ษาทัว่ โลก ณ วันท่ี 24 กรกฎาคม 2563 พบวา่ มปี ระเทศท่ีปดิ สถานศกึ ษาจำนวน 107 ประเทศ
มีผู้เรียนในระบบได้รับผลกระทบร้อยละ 60.9 และยังมีผู้เรียนได้รับผลกระทบเป็นจำนวน 1,066,81ล้านคน
(COVID-19 Impact on education) ซึ่งประเทศตา่ ง ๆ ได้มีการปรับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนเพ่ือแก้ไข
ปัญหาการจัดการศึกษาจากผลกระทบของโรคระบาดดังกล่าว เช่น ประเทศจีนขยายเครือข่ายบรอดแบรนด์
และอปั เกรดอินเทอร์เนต็ ในสถานศึกษา มหี อ้ งเรียนคลาวดใ์ ห้บริการการศึกษาแบบออนไลนแ์ กน่ ักเรียน ประเทศ
ฟินแลนด์ปรับรูปแบบการจัดการศึกษาเป็นแบบออนไลน์ในระยะยาว และประเทศสิงคโปร์จัดให้มีรูปแบบการ
เรียนรู้ที่บ้าน (Home Based Learning)และมีการปรับการเรียนการสอนเป็นรูปแบบดิจิทัล เป็นต้น(เก็จกนก
เอื้อวงศ์ และคณะ, 2564)
ในประเทศไทยเริ่มมีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปี 2563 และมีการ
ระบาดซ้ำ ซึ่งส่งผลกระทบกับการเปิดภาคเรียนในปีการศึกษา 2564 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศให้เลื่อนการเปิดภาคการศึกษาที่ 1/2564 จากเดิม วันที่ 17 พฤษภาคม 2564
เป็นวันที่ 1 มิถุนายน 2564 แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-
19) ไม่มีทีท่าว่าจะสามารถควบคุมได้ จึงเลื่อนการเปิดเรียนภาคเรียนอีกครั้งเป็นวันที่ 14 มิถุนายน 2564 ใน
สถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังไม่ลดความรุนแรง กระทรวงศึกษาธิการได้ถอดบทเรียนการจัดการศึกษาเพื่อ
รับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกแรก หารูปแบบการจัดการเรียนการสอนท่ี
เหมาะสมกับแต่ละโรงเรียน เพราะในแต่ละพื้นที่มีการแพรร่ ะบาดของโรคท่ีแตกต่างกันตามที่ ศบค.กำหนด โดย
ไมก่ ำหนดรปู แบบใดรปู แบบหนึง่ เพื่อให้ทุกโรงเรยี นจัดการเรียนการสอนเหมือนกันทัง้ หมด โดยไดต้ อ่ ยอดรูปแบบ
การจัดการเรียนการสอนเป็น 5 รปู แบบ เพอื่ ใหม้ ีความเหมาะสมต่อการรับมือกบั การแพรร่ ะบาดระลอกใหม่น้ีให้
โรงเรียนเลอื กจดั การศึกษาใหเ้ หมาะสมกบั แต่ละโรงเรียน แตล่ ะ สรุปไดด้ งั นี้ (กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2564)
2
1) On-Site คือการเรียนที่โรงเรยี น ซึ่งจะใช้ในโรงเรียนขนาดเล็กและโรงเรียนท่ีไม่มีการระบาดของโรค
โดยมีมาตรการเฝ้าระวังตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (ศบค.)
2) On-Air คอื การเรียนผา่ นมูลนิธกิ ารศึกษาทางไกลผ่านดาวเทยี ม ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ หรือ DLTV
3) On-Demand คอื การเรียนผา่ นแอปพลเิ คชันต่าง ๆ
4) On-Line คือการเรียนผ่านอินเทอร์เน็ต การเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต (ONLINE) ผ่านทาง
ระบบ Video Conference
5) On-Hand สำหรับนักเรียนที่ไม่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์การรับชม โดยการนำหนังสือ แบบฝึกหดั
ใบงาน ไปเรยี นร้ทู ่ีบา้ นภายใตค้ วามช่วยเหลอื ของผปู้ กครอง
จงั หวดั สมุทรปราการทีม่ ีผตู้ ิดเชือ้ เปน็ จำนวนมาก มสี ถติ เิ ปน็ อันดับ 2 ของประเทศไทย เป็นพ้ืนท่ีควบคุม
สูงสุด มีการใช้มาตรการยับยั้งการแพร่ระบาดโดยการปิดสถานที่ที่มีผู้มาร่วมกัน กำหนดให้โรงเรียนและ
สถาบันการศึกษาทุกประเภท งดใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือการทำ
กิจกรรมใดๆที่ผูเ้ ข้ารว่ มกจิ กรรมเปน็ จำนวนมาก และมีโอกาสตดิ ต่อสัมผสั กันได้งา่ ยทำให้เสยี่ งต่อการแพร่โรคได้
ดังนั้นทุกโรงเรยี นในจงั หวัดสมุทรปราการจึงต้องจดั การเรียนการสอนในรูปแบบอืน่ ซึ่งแตกต่างตามบริบทความ
เหมาะสม เพื่อให้นักเรียนบรรลุเป้าหมายทางการเรียน เป็นการจัดการศึกษาโดยการเปลี่ยนบ้านเป็นโรงเรียน
เปลี่ยนพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นครู และครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้นั้น บทบาทหน้าที่ของ
ผปู้ กครองจงึ มีความสำคญั มากขึ้น โดยพ่อแมผ่ ู้ปกครองจะต้องเป็นเสมือนผชู้ ว่ ยครู ท่ตี อ้ งทำงานร่วมกับครูในการ
ดูแลการศึกษาของเด็ก โดยโรงเรียนออกแบบกระบวนการเรียนรู้ที่ช่วยส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาด้านความรู้
ทักษะ เจตคติ พัฒนาระเบียบวินัย ความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคม คุณธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์
สามารถปรับตัวในการเรียนรู้ การดำรงชีวิต ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19) จากการบริหารจัดการของผู้บริหารร่วมกับคณะครูในการพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการศึกษาที่
เออื้ ตอ่ การส่งเสริมการพฒั นาการเรยี นรู้ การสือ่ สารสร้างความเข้าใจทง้ั กับเด็กและผูป้ กครองทุกฝ่ายต้องช่วยกัน
ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อสถานศึกษา ครู นักเรียน และผู้ปกครองในลักษณะต่างๆ รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคจาก
การปรับเปลี่ยนรูปแบบ เทคนิควิธีการจัดการเรียนรู้ส่งเสริมพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมายภายใต้สถานการณ์
ดงั กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ผ่านมาหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ตา่ ง ๆ อาจมีความเข้าใจและความพร้อมในการ
ดำเนินการตามนโยบายที่แตกต่างกัน ซึ่งก็ทำให้มีเสียงสะท้อนทั้งในเชิงบวกและเชิงลบต่อการดำเนินการจดั การ
เรียนรูใ้ นสถานการณ์ดังกล่าว จากรายงานของสำนักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษาเรือ่ ง “เรียนออนไลน์ยุคโควิด-
19 : วิกฤตหรือโอกาสการศึกษาไทย” ได้ประมวลความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องจากสังคมออนไลน์และจากการ
สัมภาษณ์ผูเ้ ก่ียวข้อง พบวา่ สงั คมออนไลน์ สว่ นใหญเ่ ห็นว่ากระทรวงศึกษาธิการไม่มีการเตรยี มการที่ดี ไม่มกี าร
ชี้แจงวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนออนไลน์ให้คนทุกกลุ่มเข้าใจ นโยบายของกระทรวงศึกษาธิก ารกับ
แนวทางปฏิบัติของโรงเรียน ไม่สอดคล้องกัน และผู้เรียนไม่สามารถเข้าถึงการเรียนออนไลน์ได้อย่างเท่าเทียม
เนื่องจากขาดแคลนอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียน นอกจากนั้นข้อมูลจากการสอบถามและการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้อง
3
พบว่า การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ มีข้อดีคือ ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ได้ใช้เวลาว่างในการ
ทบทวนบทเรียน ซึ่งเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว ท ำให้
ผู้ปกครองใส่ใจดแู ลบุตรหลานของตนเองมากขนึ้ มีความปลอดภยั จากการติดเชอ้ื ฯ เนือ่ งจาก ไม่ต้องไปรวมกันท่ี
โรงเรียน และมีข้อเสีย คือ กระทรวงศึกษาธิการและสถานศึกษาขาดความพร้อมในการเตรียมการเพื่อรองรับ
สถานการณท์ ่ีเกดิ ข้ึน สำนกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาที่เป็นตัวกลางระหวา่ งกระทรวงศึกษาธิการและสถานศึกษารับ
เพียงนโยบายแต่ขาดการปรับให้สอดรับกับบริบทของสถานศึกษา สถานศึกษาต้องทำรายงานส่งสำนักงานเขต
พื้นที่การศึกษาเป็นการเพิ่มภาระงานให้กับครูและสถานศึกษาและไม่มีการสนับสนุนทรัพยากรที่เหมาะสม
(สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา,2563) นอกจากนี้ปัญหาและข้อจำกัดในการเรียนการสอนออนไลน์ พบว่า
ความ เหลื่อมล้ำทางสังคมที่ทำให้โครงสร้างพื้นฐาน เครื่องมือ อุปกรณ์ รวมถึงทักษะในการสอนและการเรียนรู้
ไม่สามารถเข้าได้อย่างทั่วถึง โดยส่วนใหญ่จะขาดอุปกรณ์ทางการศึกษา (วิทัศน์ ฝักเจริญผล และคณะ, 2563 )
ผู้ปกครองขาดความรู้ความเข้าใจการเรียนรู้ออนไลน์ การบริหารจัดการสถานศึกษา การจัดการเรียนรู้ของ
ครูผูส้ อน เปน็ ไปในลกั ษณะการทดลอง จงึ จำเปน็ อย่างย่ิงที่ต้องศึกษาและพัฒนาเพื่อหาแนวทางการจัดการเรียน
การสอนสำหรบั วถิ ชี วี ิตใหมท่ ่เี หมาะสม มปี ระสิทธิภาพสำหรบั โรงเรยี น
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นข้างตน้ สภาพปัญหา ความต้องการ ข้อเสนอแนะ และข้อเสนอเชิงนโยบายใน
การจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่จาก ผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง และนักเรียน จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ควรจะได้การ
ศึกษาวจิ ัย เพอื่ ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน และสำนกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษาได้มาซึ่งข้อมูล
ในการวางแผนและจัดทำนโยบายการจัดการเรียนรู้นโยบายการจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ให้เป็นไปในทิศทางที่
ตอบสนองต่อการจัดการเรียนรู้ให้ตรงตามความต้องการของผู้เรียน เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนเกิด
ประสิทธิภาพและประสทิ ธผิ ลสูงสุดตามบริบทพื้นทีข่ องโรงเรียนและสำนกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษา
จากเหตุผลดังกล่าว กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการซึ่งเกิดการจากการรวมกลุ่มของโรงเรียนในสังกัด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 ที่อยู่ในเขตอำเภอเมืองสมุทรปราการ
ประกอบด้วยโรงเรยี น จำนวน 9 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรยี นอนุบาลวดั พชิ ัยสงคราม โรงเรียนพร้านลี วชั ระ โรงเรียน
คลองมหาวงก์ โรงเรียนวัดไตรสามัคคี โรงเรียนวัดสุขกร โรงเรียนวัดบางโปรง โรงเรียนวัดบางด้วน โรงเรียน
นิลรัตน์อนุสรณ์ และโรงเรียนวัดบางนางเกรง โดยการดำเนินการตามแผนงานยุทธศาสตร์เพื่อสนับสนุนด้าน
การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โครงการยกระดับคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานด้านการ
วจิ ยั เพ่ือสรา้ งองค์ความรู้และเพม่ิ ศักยภาพด้านการวิจยั ของบุคลากรในสงั กัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา
ข้นั พนื้ ฐาน ได้ใช้การวิจัยเปน็ ฐานขบั เคลื่อนคุณภาพการจัดการศกึ ษา ดำเนนิ การทำวจิ ัยเชงิ พน้ื ทใ่ี ห้ได้มาซ่ึงข้อมูล
ในการวางแผนและจดั ทำนโยบายการจัดการเรยี นรวู้ ถิ ีใหม่ใหเ้ ปน็ ไปในทิศทางที่ตอบสนองตอ่ การจดั การเรียนรู้ให้
ตรงตามความต้องการของผู้เรียน เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดตาม
บรบิ ทพน้ื ทขี่ องโรงเรยี นและสำนกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษา สมทุ รปราการ เขต 1 ขึ้น
กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ จึงสนใจศึกษาสภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ใน
สถานการณ์ COVID-19 ของผู้บริหารและครู ความต้องการ รวมทั้งข้อเสนอแนะในการสนับสนุนการจัดการ
4
เรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ ของผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง และนักเรียน ของกลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ เพื่อนำเสนอ
ขอ้ มลู เชิงนโยบายในการจดั การเรียนร้ชู ีวติ วิถีใหม่ของผบู้ ริหาร ครู ผู้ปกครองและนักเรยี น ต่อหน่วยงานต้นสังกัด
และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง สำหรับการวางแผนและพัฒนาการจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ และประสิทธิภาพ
สงู สดุ เหมาะสมกบั สถานการณ์ต่อไป
คำถามวิจัย
1. ผู้บริหารและครู กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
สมทุ รปราการ เขต 1 มีสภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้ชีวติ วถิ ีใหม่ อยา่ งไรบา้ ง
2 ผู้บริหาร ครู ผู้ปกครองและนักเรียนกลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 มีความต้องการและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่
อย่างไรบา้ ง
3. ผู้บริหาร ครู ผู้ปกครองและนักเรียน กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาสมทุ รปราการ เขต 1 มขี อ้ เสนอเชงิ นโยบายในการจดั การเรียนรชู้ ีวิตวิถใี หม่อยา่ งไร
วัตถุประสงค์ของการวจิ ัย
1. เพื่อศึกษาสภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ ของผู้บริหารและครู กลุ่มโรงเรียนเมือง
สมุทรปราการ สำนกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรปราการ เขต 1
2. เพื่อศึกษาความต้องการและข้อเสนอแนะในการสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ชวี ิตวิถีใหม่ ของผู้บริหาร
ครู ผู้ปกครอง และนักเรียน กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
สมุทรปราการ เขต 1
3. เพื่อเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ของผู้บริหาร ครู ผู้ปกครองและ
นกั เรียน กล่มุ โรงเรยี นเมืองสมุทรปราการ สำนักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาสมทุ รปราการ เขต 1
ขอบเขตของการวจิ ัย
1. ขอบเขตด้านประชากร
การศกึ ษาครัง้ นี้เปน็ การศึกษากบั ผบู้ ริหาร ครู ผปู้ กครองและนกั เรียนของสถานศึกษา ในกลมุ่
โรงเรยี นเมืองสมุทรปราการ สังกดั สำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษาสมทุ รปราการ เขต 1
ประกอบด้วย
4.1.1 ผู้บริหารกลมุ่ โรงเรยี นเมืองสมุทรปราการ จำนวน 17 คน ประกอบด้วย ผู้อำนวยการ
โรงเรียนจำนวน 9 คน รองผ้อู ำนวยการโรงเรียน จำนวน 8 คน
4.1.2 ครผู ู้สอนกลุ่มโรงเรียนเมืองสมทุ รปราการ จำนวน 232 คน ประกอบด้วย ข้าราชการ
จำนวน 215 คน ครอู ตั ราจา้ ง จำนวน 12 คน พนักงานราชการ จำนวน 5 คน
4.1.3 นกั เรียนกล่มุ โรงเรยี นเมืองสมุทรปราการ จำนวน 5,017 คน
4.1.4 ผู้ปกครองของนักเรียนกล่มุ โรงเรยี นเมอื งสมุทรปราการ จำนวน 5,017 คน
5
2. ขอบเขตดา้ นกลมุ่ ตวั อยา่ ง
กลมุ่ ตัวอยา่ ง ทีใ่ ช้ในการวิจยั ครัง้ น้ี มดี ังนท้ี ่ใี ชใ้ นการวจิ ัยครั้งน้ี มีดงั นี้
4.2.1 ผู้บริหารกลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ จำนวน 17 คน ประกอบด้วย ผู้อำนวยการ
โรงเรยี นจำนวน 9 คน รองผูอ้ ำนวยการโรงเรียน จำนวน 8 คน การวจิ ัยน้ศี ึกษากบั ประชากร
4.2.2 ครูผสู้ อนกลมุ่ โรงเรียนเมืองสมุทรปราการ จำนวน 232 คน ประกอบดว้ ย ขา้ ราชการ จำนวน
215 คน ครอู ตั ราจ้าง จำนวน 12 คน พนกั งานราชการ จำนวน 5 คน การวิจยั นศ้ี กึ ษากบั ประชากร
4.2.3 นักเรียนกลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ จำนวน 502 คน ผู้ปกครองของนักเรียนกลุ่ม
โรงเรียนเมืองสมุทรปราการ จำนวน 502 คน คิดเปน็ ร้อยละ 10 ของประชากร
3. ขอบเขตดา้ นตัวแปร
4.3.1 สภาพปญั หาการจัดการเรยี นร้วู ถิ ีใหม่
4.3.2 ความต้องการในการสนบั สนนุ การจดั การเรยี นรู้ชีวิตวถิ ีใหม่
4.3.3 ขอ้ เสนอแนะเชิงในการสนับสนนุ การจัดการเรียนรู้วิถีใหม่
4.3.4 ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายในการจดั การเรียนรู้ชีวิตวิถใี หม่
4. ขอบเขตดา้ นเวลา
การวิจยั ครงั้ น้ี ดำเนินการระหวา่ งเดอื นมิถนุ ายน - เดือนตลุ าคม 2564
แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยทเ่ี กี่ยวข้อง
1. นโยบายและแนวทางในการจัดการเรียนรู้ชีวติ วถิ ใี หม่ ในตา่ งประเทศ
2. นโยบายและแนวทางในการจดั การเรียนรู้ชีวติ วถิ ีใหม่ ในประเทศ
3. รูปแบบการจดั การเรียนรชู้ ีวิตวถิ ีใหม่
4. ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย
5. งานวิจยั ทเี่ กย่ี วข้องกับการจัดการเรยี นร้วู ถิ ใี หม่
กรอบแนวคิดในการวจิ ยั
การดำเนินการวิจัย เรื่อง การพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายในการจัดการเรียนรูช้ ีวิตวถิ ีใหม่ในสถานการณ์
COVID -19 ของกลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต
1 ได้ศึกษาเกี่ยวกับแนวคิดเชิงนโยบายในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ในสถานการณ์การแพร่
ระบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ในตา่ งประเทศและในประเทศไทย รวมท้ังแนวทางในการ
จัดการเรียนรู้ รปู แบบการจัดการเรยี นรู้ชวี ิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID-19 เพอ่ื ให้ได้กรอบแนวคิดในการวิจัย
ซึ่งประกอบด้วยตัวแปร ด้านสภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ และ ความต้องการและข้อเสนอแนะใน
การสนับสนนุ การจัดการเรียนรชู้ ีวิตวิถีใหม่ ของผูบ้ ริหาร ครู นกั เรยี น และผปู้ กครอง จากสารสนเทศผลการวิจัย
ดังกล่าว จะนำไปเป็นฐานข้อมูลและแนวคิดในการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ของ
6
สถานศกึ ษาในชว่ งสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้มีคุณภาพต่อไป
สรุปเปน็ กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย ดังภาพที่ 1
นโยบายและแนวทางในการจดั การเรยี นรู้ สภาพปัญหาการจดั การเรยี นรู้ ขอ้ เสนอ
ชวี ติ วถิ ใี หม่ ในตา่ งประเทศ ชวี ติ วถิ ใี หม่ เชงิ นโยบาย
ในการจดั การ
นโยบายและแนวทางในการจดั การเรยี นรู้ ความตอ้ งการในการสนบั สนุน เรยี นรชู้ วี ติ
ชวี ติ วถิ ใี หม่ ในประเทศ การจดั การเรยี นรวู้ ถิ ใี หม่
วถิ ใี หม่
รปู แบบการจดั การเรยี นรชู้ วี ติ วถิ ใี หม่
ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย ขอ้ เสนอแนะในการสนบั สนุน
การจดั การเรยี นรวู้ ถิ ใี หม่
งานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั การเรยี นรู้
ชวี ติ วถิ ใี หม่
ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดในการวิจยั
นยิ ามศัพทเ์ ฉพาะ
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ หมายถึง ปัญหาอุปสรรคในการปรับตัวเรียนรู้ของนักเรียน
การบริหารจัดการเรียนรู้ของครู การบริหารจัดการศกึ ษาของผู้บริหาร และการสนบั สนุนการเรียนรู้ของผปู้ กครอง
นักเรียน กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19) ในช่วงภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ที่จัดการเรียนรู้ด้วย รูปแบบ On-Air รูปแบบ
On-Demand รูปแบบ On-Line รูปแบบ On-Hand หรือ รูปแบบ Blended Learning รวมถึงปัญหาอุปสรรค
ในการพัฒนาหลักสูตร เทคนิควิธีการ กระบวนการจัดการเรียนรู้ สื่อนวัตกรรมการเรียนรู้ การนิเทศการเรียนรู้
การวัดประเมินผลการเรียนรู้ การสนับสนุน การเรียนรู้ การนิเทศการเรียนรู้ การปฏิบัติตนในการดูแลรักษา
สขุ ภาพใหป้ ลอดภยั จากการแพรร่ ะบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19
2. ความต้องการของผู้บริหารต่อการจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ หมายถึง ความอยากได้ ความปรารถนา
และความคาดหวัง ของผู้บริหารที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส
โคโรนา 2019 (COVID-19) ทมี่ ผี ลกระทบต่อการจัดการศึกษา ทำให้สถานศึกษาไม่สามารถจัดการเรียนการสอน
ตามระบบปกติได้ โดยผู้บริหารมีความมุ่งหวังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการเกี่ยวกับนโยบายการจัดการ
เรียนการสอนที่มีความชัดเจน มีความเร่งด่วนในการช่วยโรงเรียนแก้ไขปัญหาต่างๆ ของครู นักเรียน ผู้ปกครอง
การสนับสนุนทรัพยากรทางการศึกษาและเทคโนโลยี ความร่วมมือของภาครัฐและหน่วยงาน การได้รับข้อมูล
ข่าวสารทีถ่ ูกต้องและทันการณ์ การส่งเสริมสนับสนุนการปฏิบัติงาน การให้ขวัญกำลังใจแกผ่ ู้บริหารสถานศึกษา
ครู นกั เรยี น และผปู้ กครองให้สามารถจัดการเรยี นการสอนทีส่ ่งผลต่อคุณภาพของผเู้ รียน
7
3. ความตอ้ งการของครตู ่อการจัดการเรียนรู้วถิ ีใหม่ หมายถึง ความอยากได้ ความปรารถนา ของครูท่ี
มีตอ่ การจดั การเรียนรู้ในในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของสังคม
มีลักษณะที่ผิดแปลก ไปจากความเป็นปกติทั่วไปที่มีผลกระทบต่อการจัดการศึกษา ทำให้ครูไม่สามารถจัดการ
เรียนการสอนตามระบบปกติได้ โดยครูมีความมุ่งหวังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการ
เรยี นการสอนมีความชดั เจน มคี วามเร่งด่วนในการแก้ปัญหา การสนบั สนุนทรพั ยากร และเทคโนโลยี การสง่ เสรมิ
สนับสนุนการปฏิบัติงาน การให้กำลังใจแก่ผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักเรียนและผู้ปกครองให้สามารถจัดการ
เรียนการสอนท่ีสง่ ผลตอ่ คณุ ภาพของผู้เรยี น
4. ความต้องการของนักเรียนต่อการจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ หมายถึง ความอยากได้ ความปรารถนา
และความคาดหวัง ของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส
โคโรนา 2019 (COVID-19) ที่มีผลกระทบต่อนักเรียนที่ไม่สามารถเรียนรู้ตามระบบปกติได้ โดยนักเรียนมีความ
คาดหวังเกี่ยวกับวิธีการจัดการเรียนรู้ ส่งเสริม สนับสนุนวิธีการเรียนรู้ของนักเรียน การตรวจงาน การวัด
ประเมินผล การมอบหมายงานการเรียนรู้ การสนับสนุนสื่อ เทคโนโลยี อุปกรณ์ ที่นักเรียนเข้าถึงการเรียนรู้ได้
สะดวก การให้คำปรึกษาแนะนำการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเหมาะสมในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)และการสนับสนุนของผู้ปกครองที่ช่วยเสริมคุณภาพการจัดการเรียนการสอน
และโอกาสในการเรยี นรู้ที่มีคณุ ภาพ
5. ความต้องการของผู้ปกครองต่อการจัดการเรยี นรู้วิถีใหม่ หมายถึง ความอยากได้ ความปรารถนา
และความคาดหวัง ของผู้ปกครองที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส
โคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งมีผลกระทบตอ่ ผู้ปกครองทีไ่ ม่สามารถสนบั สนนุ การเรียนรู้ของนักเรียนตามระบบ
ปกติได้ โดยผู้ปกครองมีความมุ่งหวังเกี่ยวกับความชัดเจนในการสื่อสาร/มาตรการ/แนวทางในการจัดการเรียนรู้
ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) การสนับสนุนการเรียนรู้ของบุตร
หลาน การกำกบั ติดตามการเรยี นรูข้ องนกั เรียน การให้ขวัญกำลงั ใจ การสร้างแรงจูงใจ
6. ข้อเสนอแนะของผู้บริหารต่อการจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ หมายถึง ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะ
เพิ่มเติม เกี่ยวกับแนวนโยบายการจัดการเรียนการสอน การสื่อสารนโยบาย การนำนโยบายไปปฏิบัติของ
ผบู้ ริหาร วิธกี ารจัดการเรยี นการสอน คุณภาพการเรยี นการสอน ความพรอ้ มและการสนบั สนุนของหน่วยงานต้น
สังกดั และหนว่ ยงานอ่นื ท่ีเกีย่ วขอ้ ง ความรว่ มมอื ของผู้ปกครอง พฤติกรรมการเรยี นรูข้ องผเู้ รียน และความรว่ มมือ
ของหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19)
7. ข้อเสนอแนะของครตู ่อการจัดการเรียนรู้วถิ ีใหม่ หมายถึง ข้อคดิ เหน็ เพ่ิมเติม เก่ียวกบั นโยบายการ
จัดการเรียนการสอน การสื่อสารนโยบาย วิธีการจัดการเรียนการสอน คุณภาพการเรียนการสอน ความพร้อม
และการสนับสนุนของผู้บริหาร ความร่วมมือของผู้ปกครอง พฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน และความร่วมมือ
ของหนว่ ยงานภาครัฐและหน่วยงานอ่นื ๆ ในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019
8
8. ข้อเสนอแนะของนักเรียนต่อการจดั การเรยี นรู้วิถใี หม่ หมายถงึ ขอ้ คดิ เห็นเพ่ิมเตมิ เกีย่ วกับบทบาท
ของครู การสื่อสารทำความเข้าใจ ความพร้อมในการจัดการเรียนการสอน การสนับสนุนของครู วิธีการส่งเสริม
การเรียนรู้ การวัดประเมินผล สื่อเทคโนโลยี การมอบหมายงานการเรียนรู้ เวลาในการเรียน พฤติกรรมการ
เรียนรู้ พฤติกรรมการดูแลของผู้ปกครอง ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19)
9. ข้อเสนอแนะของผู้ปกครองต่อการจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ หมายถึง ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม เกี่ยวกับ
แนวทางการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) การ
สนับสนุนชว่ ยเหลอื ดา้ นสือ่ การเรียนการอสน คณุ ภาพการสอน ข้อแนะนำในการปฏบิ ัติของนักเรยี นในการเรียนรู้
แนวทางการดูแลสนับสนุนการเรียนรู้ของบุตรหลาน การกำกับติดตามการเรียนรู้ของนักเรียน การให้ขวัญ
กำลังใจ การสรา้ งแรงจงู ใจ
10. ข้อเสนอเชิงนโยบายในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ หมายถึง ข้อกำหนดที่เป็นทิศทางและ
แนวทางของหน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสถานศึกษาในการส่งเสริมการจัดการเรียนการสอน
ของสถานศึกษาในอนาคต หรือในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่
สถานศึกษาไม่สามารถจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติ โดยเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายที่ได้มาจากสารสนเทศจาก
ผลการวิจัยครั้งนี้และผ่านการวิพากษ์เชิงประเมินจากผู้เชี่ยวชาญและมีการปรับปรุงตามผลการวิพากษ์เชิง
ประเมนิ แล้ว
11. การจัดการเรยี นรู้ชวี ิตวิถใี หม่ หมายถึง การจดั การเรียนรู้ชวี ติ วิถใี หม่ในสถานการณก์ ารแพร่ระบาด
ของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
12. กลุ่มโรงเรียนเมืองสมทุ รปราการ หมายถึง โรงเรียนที่จดั การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน สังกัดสำนกั งานเขต
พ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสมทุ รปราการ เขต 1 ทอี่ ยใู่ นพื้นท่ีอำเภอเมืองสมุทรปราการ ประกอบด้วยโรงเรียน
จำนวน 9 โรงเรียน ไดแ้ ก่ โรงเรียนอนุบาลวดั พชิ ยั สงคราม โรงเรียนพรา้ นีลวัชระ โรงเรยี นคลองมหาวงก์ โรงเรียน
วัดไตรสามัคคี โรงเรยี นวัดสขุ กร โรงเรยี นวดั บางโปรง โรงเรยี นวัดบางดว้ น โรงเรียนนิลรตั น์อนุสรณ์ และโรงเรยี น
วดั บางนางเกรง
9
ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับจากการวจิ ยั
1. ทราบสภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการแก้ปัญหาการจัดการเรียนรู้
พัฒนาการจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามบริบทของแต่ละสถานศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัด ได้แก่
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ
2. ทราบความต้องการและข้อเสนอแนะในการสนับสนุนการจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ กลุ่มโรงเรียนเมือง
สมุทรปราการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการ
แกป้ ญั หาการจัดการเรียนรู้ พัฒนาการจัดการเรยี นร้ไู ด้อย่างมปี ระสิทธิภาพตามบรบิ ทของแตล่ ะสถานศึกษา และ
หน่วยงานต้นสังกัด ได้แก่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 สำนักงาน
คณะกรรมการการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน
3. ได้ข้อเสนอเชิงนโยบายในการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานต้น
สงั กัด ใชเ้ ปน็ กรอบแนวทางการดำเนินการดา้ นการจัดการศกึ ษาใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ่อผเู้ รยี นและเปน็ ท่ีพงึ พอใจของ
ผปู้ กครองและผูท้ ี่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝา่ ย
10
บทที่ 2
เอกสารและงานวจิ ยั ทีเ่ กยี่ วขอ้ ง
ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิดและความรู้พื้นฐาน จากเอกสารและงานวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ
การจัดการเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์โควิด-19 ทงั้ ตา่ งประเทศและในประเทศ และแนวคิดเก่ียวกับ
การจดั ทำขอ้ เสนอเชิงนโยบาย เพื่อเปน็ พืน้ ฐานในการสร้างความรู้ความเขา้ ใจ และกำหนดกรอบเบอ้ื งต้นของการ
วจิ ัย โดยศึกษาสาระสำคัญในประเดน็ ตอ่ ไปนี้
ตอนที่ 1 แนวคิดเกีย่ วกบั การจดั การเรยี นรใู้ นสถานการณโ์ ควดิ -19
1.1 แนวคดิ และหลกั การเกีย่ วกบั การจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์เรง่ ดว่ นหรือสถานการณว์ ิกฤติ
1.2 การเตรยี มความพรอ้ มสำหรบั เหตกุ ารณ์ที่ไม่คาดคดิ
ตอนท่ี 2 นโยบายและแนวทางการจดั การเรยี นร้ใู นสถานการณโ์ ควิด-19
2.1 นโยบายและแนวทางการจัดการเรยี นรู้ในสถานการณโ์ ควดิ -19 ตา่ งประเทศ
2.2 นโยบายและแนวทางการจัดการเรยี นรใู้ นสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ
2.3 แนวทาง วธิ ีการและรปู แบบ/สภาพการจัดการเรยี นรู้ในสถานการณโ์ ควิด-19
ตอนท่ี 3 งานวจิ ยั ท่ีเก่ียวข้องกบั การจัดการเรียนรูใ้ นสถานการณ์โควิด-19
3.1 งานวจิ ัยทีเ่ กี่ยวข้องกับการจัดการเรยี นรูใ้ นสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ
3.2 งานวจิ ัยท่ีเกี่ยวขอ้ งกับการจัดการเรยี นรู้ในสถานการณ์โควิด-19 ตา่ งประเทศ
ตอนที่ 4 แนวคดิ เกยี่ วกบั การจัดทาขอ้ เสนอเชงิ นโยบาย
4.1 ความหมาย ความสำคญั
4.2 ลกั ษณะสำคญั ขอ้ เสนอเชงิ นโยบาย/องค์ประกอบของข้อเสนอเชิงนโยบาย
ตอนที่ 5 ขอ้ มลู พ้ืนฐานโรงเรยี นในกลุ่มโรงเรยี นเมอื งสมทุ รปราการ
11
ตอนที่ 1 แนวคดิ เก่ียวกบั การจัดการเรียนรใู้ นสถานการณโ์ ควดิ -19
1.1 แนวคิดและหลักการเกี่ยวกับการจดั การเรียนรใู้ นสถานการณเ์ ร่งดว่ นหรอื สถานการณ์วกิ ฤติ
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ท่ีไม่คาดคดิ ที่จะเกิดข้นึ ในสถานศึกษา สถานการณ์เหล่าน้ี
อาจเกิดจากพฤติกรรมของนักเรยี นท่ีกอ่ ให้เกิดอบุ ตั ิเหตุทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน หรืออาจเกดิ จากภัยพิบัติ
ต่าง ๆ ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ปัจจุบันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้สถาบันการศึกษาใน
ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้ปิดทาการลงชั่วคราวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งการปิดสถานศึกษา
ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อนักเรียน ร้อยละ 60 ทั่วโลก (UNESCO, 2020) ซึ่งการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจน
ก่อให้เกิดสถานการณ์วิกฤติ เป็นอย่างยิ่งที่สถานศึกษาจะต้องมีมาตรการในการเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับ
สถานการณ์ทไี่ ม่อาจคาดเดาได้ (เก็จกนก เอื้อวงศ์ และคณะ, 2563: 15)
1.2 การเตรียมความพร้อมสำหรบั เหตุการณ์ที่ไมค่ าดคดิ
สถานการณ์ที่ไม่คาดคดิ ว่าจะเกดิ ขึ้นในโรงเรียน สง่ ผลให้เกิดปัญหาทั้งทางดา้ นรา่ งกายและทางด้าน
จิตใจของนักเรียน CS & A International (2019) กล่าวว่า สถานการณ์ที่ไม่คาดคิดที่ก่อให้เกิดวิกฤตินั้นจะมี
ปัจจัยสำคัญที่ขึ้นอยู่กับ 3 เสาหลัก (Three pillars) ประกอบด้วย 1) กระบวนการจัดการที่มีคุณภาพและผ่าน
การทดสอบว่าใชไ้ ด้จริง 2) สมรรถนะของบุคลากรหรือทีมบุคลากร และ 3) การตัดสินใจในระดับบริหารที่มีจาก
ฐานของประสบการณท์ พี่ บเจอ ท้งั 3 ประการนีจ้ ะตอ้ งทำงานแบบสอดประสาน เพอื่ ให้ไดผ้ ลลพั ธท์ ่สี มดุลและลด
ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง Lichtenstein Schonfeld & Kline (1994) ได้กล่าวว่า การ
ปอ้ งกันปญั หาที่อาจเกิดขึ้นจะต้องพจิ ารณาทั้ง 2 สว่ น ไปพรอ้ ม ๆ กัน ทัง้ การเตรยี มการการป้องกนั และการดูแล
ในสถานการณ์วิกฤติ ซึ่ง Lichtensteinetal (1994) ได้เสนอรูปแบบการป้องกันและดูแลในสถานการณ์วิกฤติ
โดยการกำหนดแผนและแนวทางเป็นระดับ 3 ระดับ ตั้งแต่ระดับกระทรวง/ภาค ระดับเขตพื้นที่ และระดับของ
โรงเรยี น ดังน้ี
1. ทีมทำงานแก้วิกฤติระดับกระทรวง/ระดับภาค ประกอบด้วย ผู้แทนจากระดับเขตพื้นท่ี และ
ผู้เช่ียวชาญในแต่ละสาขาภายนอกโรงเรยี น
2. ทมี ทำงานแกว้ กิ ฤติระดบั เขตพ้ืนที่ ประกอบดว้ ย ผู้บรหิ ารและภาคส่วนที่มคี วามรับผิดชอบสำหรับ
การแกไ้ ขปัญหาวกิ ฤติ ซง่ึ จะต้อง
2.1 เปน็ ผูก้ ำหนดแนวทางโดยประยุกตน์ โยบายและคำแนะนำทไ่ี ดร้ ับจากทีมทำงาน แก้วิกฤติ
ระดบั กระทรวง/ระดบั ภาค
2.2 พฒั นาทีมงานในระดับเขตพน้ื ทใ่ี หม้ ีสมรรถภาพเพียงพอในการแก้ไขปญั หา
2.3 จดั ตง้ั คณะทำงานระดบั โรงเรยี นท่ีมคี วามสามารถ
12
2.4 สร้างความสัมพันธ์ระหว่างทีมทำงานแก้วิกฤติระดับเขตพื้นที่และคณะทำงานระดับ
โรงเรียน
2.5 ติดต่อประสานงานเพื่อมอบหมายภารกิจให้กับโรงเรยี นและชุมชนท่ามกลางปัญหาวิกฤติที่
เกิดขน้ึ
3. ทีมทำงานแก้วิกฤติระดับโรงเรียน ถือเป็นความรับผิดชอบสูงสุดของโรงเรียนในการนำแผนการ
จัดการในภาวะวิกฤติไปปฏิบัติ เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ผู้บริหารโรงเรียนจะต้องมีหน้าที่ในการคัดสรรคนที่มี
ความสามารถในการกำหนดทิศทาง และสนับสนุนให้บุคลากรในโรงเรียนรวมทั้งชุมชนแก้ไขปัญหาวิกฤติไป
ด้วยกัน ซึ่งทีมทำงานแก้วิกฤติระดับโรงเรียนจะมีบทบาทสำคัญในการประสานการให้คำแนะนำ การเตรียมการ
กบั สื่อ การติดตอ่ ส่อื สารกับบุคลากรในโรงเรียนและชมุ ชน และอาจมีการวางแผนการควบคุมมวลชนในบางกรณี
ที่เกิดวิกฤติร้ายแรง โดยทีมทำงานแก้วิกฤติระดับโรงเรียนควรมีการกำหนดขั้นตอนในการวางแผน และการ
เตรยี มการสำหรับสถานการณ์วกิ ฤติ ดังนี้
3.1 การกำหนดทีมทำงานแก้วิกฤติระดับโรงเรยี น
3.2 การอบรมสมรรถนะของสมาชกิ ของทมี ทำงานแก้วกิ ฤตริ ะดบั โรงเรียน
3.3 การกำหนดแผนการแก้ไขปญั หาวิกฤติ ซ่ึงเกย่ี วข้องกับ
3.3.1 การกำหนดความรับผดิ ชอบของทมี บริหารในสภาวะวิกฤติ
3.3.2 การกำหนดการติดต่อประสานงานทรี่ วดเรว็ แกท่ มี ทำงานแก้วกิ ฤติ
3.3.3 การจัดทำทะเบียนรายชื่อบุคลากรที่ได้รับการอบรมในแต่ละด้านมาโดยเฉพาะ
เช่น การทำ CPR, การปฐมพยาบาลเบอื้ งตน้ นกั จติ วทิ ยา ฯลฯ
3.3.4 การกำหนดข้ันตอนและรายละเอียดในแตล่ ะสถานการณว์ ิกฤติ เช่น เส้นทางการ
หนีภยั ฯลฯ
3.3.5 การกำหนดแบบฟอร์มจดหมายในการติดต่อประสานงานกับผู้ปกครอง ในกรณี
วิกฤติ
3.4 การทบทวนแผนงานการแกป้ ัญหาวิกฤตอิ ยา่ งสม่ำเสมอ
3.5 การตรวจสอบอุปกรณ์ฉุกเฉินให้พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา (เก็จกนก เอื้อวงศ์ และคณะ,
2563: 15)
13
ตอนท่ี 2 นโยบายและแนวทางการจดั การเรยี นรใู้ นสถานการณโ์ ควิด-19
2.1 นโยบายและแนวทางการจัดการเรยี นร้ใู นสถานการณ์โควิด-19 ตา่ งประเทศ
2.1.1 นโยบายและแนวทางการจัดการเรียนรใู้ นสถานการณ์โควดิ -19 ในประเทศแคนาดา
เม่อื ประสบกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในประเทศแคนาดาในเดือนมีนาคม
ปี 2020 ในระยะเริ่มแรกของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส รัฐบาลของแคนาดา โดยแต่ละมณฑลได้มีการสั่งปิด
โรงเรียนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ซึ่งในระยะต่อมาได้มีการวางระบบ โดยใช้การศึกษาทางไกล
ผ่านอนิ เทอร์เนต็ ไม่ว่าจะเป็นการอบรมสัมมนาผ่านเว็บ การจัดทาวดิ ีโอการสอนการ จัดประสบการณ์การเรียนรู้
แบบออนไลน์ โดยการสอนสด (live) รวมทั้งการสนับสนุนทรัพยากรการศึกษาแบบใหเ้ ปล่ากับครู ผปู้ กครองและ
นักเรียน ในขณะเดยี วกัน นกั การศกึ ษาชั้นนาจากทัว่ โลกไดม้ ีการแชรบ์ ล๊อค และการเผยแพรบ่ ทความในประเด็น
ที่น่าสนใจทั้งในสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Twitter, Facebook หรือสื่อสังคมอื่น ๆ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน
ประสบการณ์ รวมทั้งแลกเปลี่ยนความสำเร็จผ่านการเรยี นรู้ ในรูปแบบทางไกลอย่างหลากหลายวิธี (Osmond-
Johnson, Campbell & Pollock, 2020)
ในขณะที่ People for Education (2020) ได้สำรวจระบบการศึกษาของแคนาดาที่
ตอบสนองการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยได้เปรียบเทียบนโยบายและวิธีจัดการศึกษาและความ
คาดหวังในการจัดการเรยี นรู้ (Learning expectations) ระหว่างเกดิ การแพร่ระบาดของแตล่ ะมณฑล (เก็จกนก
เอื้อวงศ์ และคณะ, 2563: 21)
2.2.2 นโยบายและแนวทางการจัดการเรยี นรใู้ นสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศฟินแลนด์
ในระหว่างการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นสิ่งที่สำคัญ และจำเป็นมากสำหรับ
รัฐบาลประเทศฟินแลนด์ ที่จะต้องมุ่งเน้นที่การป้องกันการติดเชื้อ และการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส Finnish
National Agency for Education (2020) ได้กล่าวว่า รัฐบาลฟินแลนด์ได้ตัดสินใจที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหา
สถานการณ์ดา้ นการศึกษา จากการประเมนิ ของหน่วยงานดา้ นสุขภาพ ซ่ึงการตดั สนิ ใจไดถ้ กู ยกระดบั ในการแก้ไข
ปัญหาตงั้ แต่ปลายเดอื นเมษายน โดยเร่มิ ดำเนนิ การในระดับปฐมวยั และในระดบั ประถมศึกษา ตอ่ มาเมือ่ ตน้ เดือน
พฤษภาคม จึงยกระดับการแก้ไขปัญหาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย สถานศึกษาระดับ
อาชีวศกึ ษา สถาบนั อดุ มศึกษา และการศกึ ษาแบบเสรี
ส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหา คือ รัฐบาลประเทศฟินแลนด์ได้ให้คำแนะนำแก่โรงเรียนในการ
จัดการศึกษาทางไกลจนกวา่ จะสิน้ สดุ ภาคการศึกษา รวมทั้งคำแนะนำสำหรับโรงเรียนเกี่ยวกับวิธกี ารทำงานโดย
คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ แม้ว่าในขณะนั้นยังมีโรงเรียนบางแห่งที่ยังคงเปิดสอนอยู่ และจากการแถลง
ข่าวของรัฐบาลที่ระบุว่า ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในระดับนานาชาติและระดับประเทศแสดงให้เห็นว่าการ
เผยแพร่การตดิ เชื้อ coronavirus ในหมู่เดก็ ด้วยกันจะไม่รุนแรงเท่าระดับผใู้ หญ่ และเด็กไม่ใช่แหล่งที่มาของการ
14
ตดิ เชือ้ จากข้อมูลดังกล่าว โรงเรียนยังคงเปดิ เรยี นโดยยดึ ความปลอดภัยสำหรบั เด็กและบคุ ลากรของโรงเรียนเป็น
สำคัญ และไม่มีเหตุผลที่จะบังคับใช้พระราชบัญญัติการใช้อำนาจฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาในระยะน้ัน
ดังนั้น การจัดการศึกษาระดับปฐมวัย รวมถึงระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นยังคงมีการจดั การเรยี น
การสอนอย่างต่อเนื่อง ในลักษณะที่ควบคุมและค่อยเป็นค่อยไปอย่างไรก็ตาม รัฐบาลแนะนำว่า ในร ะดับ
มหาวทิ ยาลยั โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย สถาบนั ฝกึ อบรมวิชาชีพ การศกึ ษาผใู้ หญ่และสถาบันการศึกษาขั้น
พื้นฐานสำหรับผู้ใหญ่ ยังคงเปิดสอนต่อไปได้จนกว่าจะสิ้นสุดภาคการศึกษา และโรงเรียนสามารถตัดสินใจด้วย
ตนเองในการจัดการเรยี นการสอนตามความจำเปน็ (เกจ็ กนก เออ้ื วงศ์ และคณะ, 2563: 26)
2.2 นโยบายและแนวทางการจัดการเรยี นรใู้ นสถานการณโ์ ควดิ -19 ในประเทศไทย
2.2.1 นโยบาย แนวคดิ หลกั การในการจัดการเรียนร้ใู นสถานการณโ์ ควิด-19
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 18
พฤษภาคม ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.)
ได้รบั ทราบใหส้ ถานศกึ ษาในสังกัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร (ศธ.) เลอื่ นการเปดิ ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 จาก
วนั ที่ 1 มิถนุ ายน ออกไปอีก เปน็ วนั ที่ 14 มถิ ุนายน 2564 ตามท่ี ศธ.เสนอ เน่อื งจากสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ยังมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จึงต้องเลื่อนการเปิดภาคเรียน
ออกไป เพื่อความปลอดภัยและระวังป้องกันนักเรียน นักศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษาไม่ต้องเสี่ยงกับ
การติดเชื้อโควิด 19 และเพื่อให้มีระยะเวลารับการฉีดวัคซีนของครูและบุคลากรทางการศึกษา และรองรับการ
ยา้ ยสถานศึกษาของนกั เรียนในแตล่ ะชว่ งช้นั
ทั้งน้ี การเล่อื นเปิดภาคเรยี นที่ 1/2564 หากมสี ถานศึกษาใดในพื้นท่ีท่ีตั้งอยู่ในพ้ืนท่ีควบคุม
สูงสุด หรือพื้นที่สีแดง และพื้นที่ควบคุม หรือพื้นที่สีส้ม ประสงค์จะดำเนินการเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 ตั้งแต่
วันที่ 1 มถิ นุ ายน 2564 เปน็ ตน้ ไป ใหโ้ รงเรียนหรอื สถานศึกษาแห่งนัน้ ดำเนินการประเมินความพร้อมตามระบบ
Thai Stop COVID Plus ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ทม่ี ี 44 ขอ้ โดยตอ้ งผา่ นทุกข้อ และต้องเสนอขอความ
เหน็ ชอบตอ่ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพอื่ อนุญาตใหโ้ รงเรียนหรือสถานศึกษาแห่งนั้นสามารถจัดการเรียน
การสอนได้ก่อนวันที่ 14 มิถุนายน ส่วนโรงเรยี นในพื้นทีค่ วบคุมสูงสดุ และเขม้ งวด หรือพื้นทีส่ แี ดงเข้ม 4 จังหวดั
ได้แก่ กรุงเทพฯ, นนทบุรี, ปทุมธานี และสมุทรปราการ หากต้องการเปิดสอนก่อน สามารถจัดการเรียนได้ใน
รูปแบบการสอนออนไลน์และออนแอรเ์ ท่าน้นั ทงั้ น้ถี ึงแมโ้ รงเรยี นจะเปดิ ไมพ่ ร้อมกนั แต่ตอ้ งปดิ เทอมพร้อมกันใน
วันท่ี 15 ตุลาคม 2564 เพอ่ื ไม่กระทบกบั ปฏิทนิ การสอบต่าง ๆ
อยา่ งไรก็ตาม ขอใหส้ ถานศึกษาติดตามสถานการณ์อยา่ งใกล้ชดิ พิจารณารูปแบบการเรียนการ
สอน โดยยึดหลักความปลอดภัยสูงสุดของเด็ก ครู ผู้ปกครองเป็นที่ตั้ง นักเรียนทุกคนต้องไม่พลาดโอกาสในการ
เรียนรู้ ไม่บังคับวา่ เดก็ ทกุ คนในโรงเรียนเดยี วกันตอ้ งเรียนเหมือนกัน การตดั สนิ ใจใชร้ ปู แบบใดในการจัดการเรียน
15
การสอน รวมถึงการจัดการเรียนการสอนที่โรงเรียนต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ ขออนุญาตกับคณะกรรมการ
โรคติดต่อจังหวัดให้ถูกต้องเหมาะสม และปฏิบัติตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดเพื่อยึด
ประโยชนแ์ ละความปลอดภัยอนั สูงท่สี ุดท่ีมีต่อตัวของนักเรียน
(บัลลงั ก์ โรหิตเสถียร, 2564)
2.3 แนวทาง วิธกี ารและรปู แบบ/สภาพการจดั การเรียนรใู้ นสถานการณโ์ ควดิ -19
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2564) ได้ชี้แจงแนวทางการจัดการเรียนการสอน
ภายใต้สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคโควิด-19 นี้ ขอให้โรงเรียนมีความยดื หยุ่นในการจัดการเรียนการสอน
โดยจดั การเรยี นรใู้ นหลากหลายรูปแบบ ดงั นี้
2.3.1 แนวปฏบิ ัตกิ ารจัดประสบการณ์ และการประเมนิ พฒั นาการเดก็ (ระดบั อนบุ าล)
1) การออกแบบและการจัดประสบการณ์
1.1) การเรียนแบบ On-Hand ให้จัดส่งใบงานหรอื ใบกิจกรรมท่ีโรงเรียนจัดทำข้ึนไปยัง
เดก็ ผา่ นผปู้ กครอง และนับจำนวนช่ัวโมงตามกิจกรรมท่จี ดั ผา่ นใบงานนัน้
1.2) การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม (On-Air) ออกอากาศผ่าน DLTV เรียนได้ 2
ช่องทาง คือ ผ่านช่องทางจานดาวเทียม ดิจิทัลทีวี และดาวน์โหลดเอกสารใบงานจากเว็บไซต์
www.dltv.ac.th โดยนับจำนวนชั่วโมงเรียนตามตารางการเรียนการสอนของ DLTV
1.3) การเรียนผ่านออนไลน์ (Online) ผ่านชอ่ งทางตา่ งๆ เช่น Group Line ของแต่ละ
ห้องเรียน เป็นช่องทางติดตอ่ สื่อสารระหวา่ งครูกับผู้ปกครองและเด็ก รวมถึงการมอบหมายงานหรือกิจกรรม ให้
นับจำนวนชั่วโมงตามกิจกรรมที่จัด โดยไม่ควรให้เด็กอยู่หน้าจอนานเกิน 1 ชั่วโมง และต้องอยู่ในความดูแลของ
ผูป้ กครอง
1.4) การเรียนรูปแบบผสมผสาน ให้นับจำนวนชั่วโมงตามกิจกรรมที่จัดเป็นหลักซึ่ง
นอกจากกิจกรรมต่าง ๆ ที่กลา่ วไปน้ัน ครูสามารถจัดกจิ กรรมโดยใช้รูปแบบการเรียนรทู้ ่ีหลากหลายสอดแทรกอยู่
ในวถิ ีชีวติ ประจำวันของเด็กได้ เน้นใหเ้ ด็กเรียนรผู้ ่านประสาทสัมผัส และมีปฏิสมั พนั ธ์ทางบวก เพื่อให้เด็กเรียนรู้
อย่างมีความสขุ ทำใหเ้ ดก็ ไดเ้ คล่ือนไหว เชน่ การสำรวจ สังเกต เล่น สบื ค้น ทดลอง เล่านิทาน รอ้ งเพลง ท่องคำ
คลอ้ งจอง เป็นต้น
ทางด้านการประเมินพัฒนาการของเด็กนัน้ จะเป็นการประเมนิ ร่วมกันระหว่างครูและ
ผู้ปกครองอย่างเหมาะสมตามสภาพบริบท โดยประเมินให้เชือ่ มโยงรูปแบบการเรียนรู้ทั้ง 4 รูปแบบ (On-Hand,
On-Air, Online, ผสมผสาน) ซึ่งผู้ปกครองและครูอาจตกลงกันในการเก็บรวบรวมข้อมูล รวมถึงหลักฐานการ
ประเมิน ตามความจำเป็นและเหมาะสมกับสภาพบริบท โดยผู้ปกครองอาจร่วมประเมินด้วยการใช้เคร่ืองมือเกบ็
รวบรวมข้อมลู ง่ายๆ สำหรบั เดก็ เช่น แบบบันทกึ ความดี เพื่อไมส่ รา้ งความเครียดในการประเมินใหก้ บั เด็ก
16
2) การประเมินพัฒนาการเด็ก
2.1) ประเมนิ ร่วมกัน ระหวา่ งครแู ละผู้ปกครอง เหมาะสมตามสภาพบริบท
2.2) ประเมินให้เชื่อมโยงรูปแบบการเรียนรู้ทั้ง 4 แบบ (1) การเรียน On Hand ครู
จัดสง่ ใบงาน/ใบกิจกรรม (2) การเรยี นทางไกลผ่านดาวเทียม หรอื ครตู ู้ (On-Air) ออกอากาศผา่ น DLTV (3) การ
เรยี นผ่านออนไลน์ (Online) (4) การเรียนรูปแบบผสมผสาน
2.3) ผู้ปกครองและครูอาจตกลงกันในการเก็บรวบรวมข้อมูล หลักฐานการประเมิน
ตามความจำเปน็ และเหมาะสมตามสภาพบรบิ ท
2.4) ไม่สรา้ งความเครยี ดในการประเมนิ ให้กบั เด็ก
2.5) ผ้ปู กครองร่วมประเมิน โดยใช้เครื่องมอื เก็บรวบรวมขอ้ มลู งา่ ย ๆ สำหรบั เดก็ เช่น
แบบบันทึกความดี
2.3.2 แนวปฏบิ ัตกิ ารจัดการเรียนการสอนและการวัดและประเมินผล (ระดบั การศกึ ษา
ขน้ั พ้ืนฐาน)
1) หลักสูตร
1.1) เนื้อหาที่จำเป็นจัดเป็น “รายวิชาเฉพาะ” เนื้อหาอื่น ๆ จัดเป็น “รายวิชาบูรณา
การ”สถานศึกษาควรเลือกจัดรายวิชาที่มุ่งพัฒนาเครื่องมือการเรียนรู้ ทักษะชีวิต หรือเป็นเนื้อหาสำคัญจำเป็น
สำหรบั ระดับช้นั เปน็ รายวิชาเฉพาะ
- ระดับประถมศึกษา เดิมจัดรายวิชาพื้นฐาน 9 วิชา (จาก 8 กลุ่มสาระ + วิชา
ประวัตศิ าสตร์)
- ป.1-3 จัดรายวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ เน้นการอ่านออกเขียนได้ ใช้ภาษาเป็น
และคิดคำนวณได้ ส่วนเนื้อหาอ่ืนๆ ให้จัดเปน็ รายวชิ าบูรณาการ หรอื หนว่ ยบรู ณาการ
- ป.4-6 ให้ยึด 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้หลักเปน็ รายวิชาเฉพาะ กลุ่มสาระที่เหลือเป็น
วิชาบูรณาการ หรือหนว่ ยบรู ณาการ
- ระดับประถมศึกษา ตัดสินผลการเรยี นเป็นรายปี อาจจัดบางเนื้อหาสาระไวใ้ นภาค
เรียนที่ 2
- ระดับ ม.ต้น และ ม.ปลาย ให้เรียนรายวชิ าพื้นฐานเป็นหลัก ไม่ควรจัดวิชาเพิ่มเติม
มากเกนิ ไป
- ทุกระดับชั้น ต้องไม่สร้างความกดดันที่ทำให้ผู้เรียนเกิดความเครียด หรือเป็นภาระ
ใหผ้ ้เู รียนเกินความจำเปน็
17
1.2) “ตัวชี้วัดต้องรู”้ ตอ้ งสอนให้ครบถว้ น “ตวั ชี้วดั ควรรู”้ บูรณาการในวิถีชีวิต
- เนื้อหาสาระที่ปรากฏในหลักสูตรในตัวชี้วัดต้องรู้ เป็นความรู้ หลักการ ทักษะเจตคติ
ท่ีสำคัญจำเป็นสำหรับผเู้ รยี นแตล่ ะระดับชั้น จำเปน็ ต้องจดั กระบวนการเรียนรปู้ ระเดน็ นัน้ ๆ อย่างเปน็ รปู ธรรม
- เนอื้ หาสาระในตวั ช้ีวดั ควรรู้ เปน็ ความรู้ ทักษะ เจตคติ ที่ผูเ้ รียนมีพื้นฐานความรู้ความ
เขา้ ใจต่อเน่ือง จากเรื่องท่เี คยเรียนมาแลว้ จึงอาจมอบหมายผูเ้ รยี นใหศ้ กึ ษาสบื คน้ ดว้ ยตนเอง ให้ฝกึ ปฏบิ ัตจิ ากวิถี
ชวี ติ เรยี นรู้จากครอบครัว ชุมชน ท้องถ่นิ
2) การจดั การเรยี นการสอน
2.1) จดั การเรยี นการสอนด้วยรูปแบบที่หลากหลาย หลายทางเลอื ก และจัดตารางสอน
ใหส้ อดคล้องกบั รูปแบบ
(1) การเรียนรู้จาก DLTV ผ่านจานดาวเทียม ช่อง 186-191 (ป.1-6) และช่อง 192-
194 (ม.1-3) และผา่ นดิจิทัลทีวี ช่อง 40-45 (ป.1-6) และชอ่ ง 46-48 (ม.1-3)
(2) การเรียนออนไลน์ ควรเป็นรายวิชาหลกั ตามขอ้ 1.1
- พจิ ารณาใหเ้ หมาะสมกบั วัย สอดคลอ้ งกับสถานการณ์ และความพรอ้ มของผเู้ รียน
- ให้ผู้เรียนสนุกกับการเรียนรู้ ลดการบรรยาย ลดการเรียนหน้าจอ ให้เรียนรู้ด้วย
ตนเอง เน้นการปฏิบัติจริง (Active Learning) เช่น จัดการเรียนรู้แบบโครงงาน จัดการเรียนรู้ผ่านสถานการณ์
จรงิ เรียนรู้ผา่ นปรากฏการณ์
- จดั ตารางเรียน/ตารางสอนให้สอดคล้องกับรปู แบบการจัดการเรยี นรู้
(3) การเรียน ON HAND ในกรณีที่ผู้ปกครองหรือนักเรียนไม่สามารถเข้าถึง DLTV
หรอื Digital TV ใหเ้ รยี นรู้ผ่านใบงาน ใบกจิ กรรม ตามแนวทางของ DLTV สว่ น ม.ปลายขน้ึ กับสถานศึกษา
2.2) งด/ลดการบ้าน ใหเ้ ทา่ ท่ีจำเป็น และบูรณาการภาระงาน/การบา้ น
- มอบหมายภาระงาน/การบา้ น เฉพาะทสี่ ำคัญจำเปน็ ตอ่ การพัฒนาเครื่องมือการเรียนรู้
ทักษะ หรือเนื้อหาสำคญั ของระดบั ชั้น
- มอบหมายในปรมิ าณท่ีเหมาะสม อาจบรู ณาการประเดน็ ในรายวิชาเดียวกันหรอื ข้าม
รายวชิ า ใหเ้ ป็นภาระงาน/การบา้ นเพยี งชนิ้ เดียว
2.3) ปรบั เปลีย่ นบทบาทของครู และผู้ปกครอง
(1) ครู
- เป็นผู้สนับสนุน ผู้ส่งเสริม ผู้อำนวยความสะดวก ผู้ประสานงาน ระหว่างครูกับผู้เรียน
ระหว่างครูกับผ้ปู กครอง ใหส้ อดคล้องและเชือ่ มโยงกบั รปู แบบการเรยี นการสอนท่ีกำหนดไว้ เหมาะสมตามสภาพ
บรบิ ท
18
(2) ผ้ปู กครอง
- มีบทบาทในการส่งเสรมิ การเรยี นรู้รว่ มกบั ครู ท้ังในการเรยี นรู้ และการวดั ประเมินผล
- ให้คำปรึกษาแนะนำ ประสานงาน และปรึกษาหารือกับครู เพื่อให้ผู้เรียนมีพัฒนาการ
และมคี วามก้าวหนา้ ในการเรียนรู้อยา่ งต่อเนอ่ื ง
- จัดสภาพแวดลอ้ มใหผ้ ูเ้ รยี นได้เรียนร้ตู ามความจำเปน็ และเหมาะสม
อยา่ งมคี วามสุข (3) ผบู้ ริหาร
ประสิทธิภาพ - วางแผน สนับสนุน ส่งเสรมิ และอำนวยความสะดวกให้ครูกับผ้ปู กครองทำงานร่วมกัน
- กำกบั ติดตาม และใหค้ ำปรึกษา โดยไมส่ รา้ งภาระใหก้ บั ครู
- ร่วมมือกับเขตพื้นที่การศึกษาในการวางแผนและบริหารจัดการให้เป็นไปอย่างมี
3) การวัดและประเมินผล
3.1) การนับเวลาเรยี นให้สอดคล้อง และเชื่อมโยงกับรปู แบบการเรยี นรู้สามารถ
กำหนดแนวทางการนับเวลาเรียนที่เกิดจากการจัดการเรียนการสอนในทุกรูปแบบ ท้ัง
จำนวนชั่วโมงที่สอนโดยครูผู้สอน และจำนวนชั่วโมงที่ผู้เรียนได้เรียนรู้ และฝึกปฏิบัติผ่านกิจกรรมในวิถี
ชีวติ ประจำวนั หรอื เรยี นรูด้ ้วยตนเองตามทค่ี รมู อบหมาย
- การนับเวลาเรียน ตามเกณฑ์การตัดสินผลการเรียนระดับประถมศึกษา กำหนดให้
ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนตลอดปีการศึกษา ระดับมัธยมศึกษา ตัดสินผลการ
เรยี นเป็นรายวชิ า มเี วลาเรียนตลอดภาคเรยี น ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 80 ของเวลาเรยี นทั้งหมดในรายวชิ าน้ัน ๆ
- กรณีมีความจำเป็น สำหรับนักเรียนบางคนที่มีผลการประเมนิ การเรียนรู้ผ่านเกณฑ์ท่ี
กำหนด แต่มีเวลาเรยี นหรือมีจำนวนชัว่ โมงเรยี นไม่เพียงพอ อนุโลมให้นกั เรียนมีสทิ ธิ์สอบและเลือ่ นชั้นได้ (ได้รับ
การอนุมัติจากคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน ในการประชมุ ครัง้ ท่ี 8/2564 วันที่ 13 สิงหาคม 2564)
3.2) การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ด้วยวธิ กี ารทห่ี ลากหลาย
- สามารถกำหนดแนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ได้ตามความเหมาะสม
สอดคลอ้ งกับสถานการณแ์ ละรูปแบบการสอน
เป็นสำคญั - ไม่จำเป็นต้องใช้คะแนนจากการสอบโดยข้อสอบเท่านั้น คำนึงถึงคุณภาพของผู้เรียน
(1) คะแนนกลางภาค
- การประเมินกิจกรรมการเรียนทีค่ รจู ดั ข้ึน และไม่เน้นการทดสอบโดยใช้ขอ้ สอบเพียงอยา่ ง
เดียว
- เปน็ ความรว่ มมือในการประเมินระหว่างครูและผ้ปู กครอง ตามความจำเป็นและเหมาะสม
19
- การตรวจสอบภาระงานท่ีมอบหมายใหผ้ ูเ้ รยี นปฏบิ ัติ
- การสังเกตพฤติกรรมระหว่างการเรียน Online เช่น การถาม - ตอบ การนำเสนอผลงาน
เปน็ ต้น
- การให้ข้อมลู ย้อนกลับ (Feedback)
(2) คะแนนปลายภาค/ ปลายปี
- การทดสอบ การประเมินจากแฟ้มสะสมผลงาน การประเมินภาคปฏิบัติการนำเสนอ
ผลงานปลายภาค/ปลายปี การสอบปากเปลา่ ออนไลน์ หรือรูปแบบอื่นใดทีเ่ หมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา
3.3) หลักฐานการจบของผู้เรียน (ปพ.1) การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน
(O-NET)
- ชน้ั ป.6 เป็นไปตามความสมัครใจของผเู้ รยี นแตล่ ะคน
- ช้ัน ม.3 เป็นไปตามความสมคั รใจของผูเ้ รียนแตล่ ะคน
- ชน้ั ม.6
ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้มีหนังสือที่ ทปอ.64/0396 ลงวันที่ 16
สิงหาคม 2564 เรื่อง แจ้งการไม่ใช้ผลคะแนนการสอบรายวิชา O-NET ในระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้า
ศึกษาในสถาบันอุดมศกึ ษา ต้ังแต่ปีการศึกษา 2565 เปน็ ต้นไป
- ไม่นำผล O-NET มากรอกในระเบยี นแสดงผลการเรียน (ปพ.1)
3.4) การทดสอบความสามารถดา้ นการอ่าน (RT) ช้นั ป.1 และการทดสอบ
ความสามารถพน้ื ฐานด้านภาษาไทยและคณติ ศาสตร์ (NT) ชั้น ป.3 ปกี ารศึกษา 2564
- ให้เป็นไปตามความสมัครใจของผูเ้ รียน
- สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐานให้บรกิ ารต้นฉบบั แบบทดสอบ RTและ NT
(สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน, 2564)
2.3.3 หลักการการเรียนเรยี นร้อู อนไลน์
ดว้ ยการเตบิ โตอย่างรวดเร็วของเครือข่ายอินเทอรเ์ นต็ และเทคโนโลยีดิจิตอลส่งผลให้
เว็บไซต์ ถือเป็นเครื่องมือที่มีพลังและมีประสิทธิภาพด้วยเป็นเครื่องมือที่มีความยืดหยุ่น แพร่หลายไปทั่วโลกมี
ความคล่องตัวในการจัดการเรียนรู้ โดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนทางไกล (Taylor, 2014) การเรียนการ
สอนออนไลน์เหมือนกับการเรียนการสอนในชั้นเรียนตรงที่ครูผู้สอนจะต้องจัดเตรียมกิจกรรมและประสบการณ์
เรียนให้กับผู้เรียนโดยคำนึงถึง และการเรียนการสอนที่ดีนั้น ผู้เรียนและผู้สอนควรต้องปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน
ดังนั้นการเรียนการสอนออนไลน์จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การสร้างบทเรียนบนเว็บ เพื่อให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาเนื้อหา
บทเรยี นเท่านน้ั หากแตย่ ังต้องมกี ารจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนโดยคำนึงถงึ ผู้เรียนเปน็ สำคัญ
20
Worathan Technology (n.d.) ได้อธิบายไว้ว่า การเรียนการสอนออนไลน์ (Online
learning) จัดเป็นนวัตกรรมทางการศึกษาในอีกรปู แบบหนึ่ง ซ่ึงสามารถเปลี่ยนแปลงวธิ ีเรียนในรูปแบบเดมิ ๆ ให้
เป็นการเรียนใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำการสอน นอกจากนี้ความหมายอีกในหนึ่งยังหมายถึงการเรียน
ทางไกล การเรียนผ่านเว็บไซต์อีกด้วย สอดคล้องกับ Calder & McCollum (1988) กล่าวว่า คำจำกัดความ
โดยท่ัวไปของการเรยี นรแู้ บบเปิด คือการเรยี นรู้ตามเวลา ตามความตอ้ งการและสถานทีข่ องตนเอง
การเรียนการสอนแบบออนไลน์ (Online learning) จะเป็นเรียนทางผ่านทางอินเทอร์เน็ต
โดยอยู่ในรูปแบบของคอมพิวเตอร์ เป็นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ บวกเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สร้าง
การศึกษาที่มีปฏิสัมพันธ์คุณภาพสูง โดยไม่จำเป็นต้องเดินทาง เกิดความสะดวกและเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว ทุก
สถานที่ ทุกเวลา เปน็ การสรา้ งการศกึ ษาตลอดชวี ติ ให้กบั ประชากร
การเรียนการสอนแบบออนไลน์ เป็นการศึกษาผ่านเครือขา่ ยอนิ เทอร์เนต็ ด้วยตนเอง ผู้เรยี น
สามารถเลือกเรียนตามความชอบของตนเอง ในสว่ นของเนื้อหาของเรียน ประกอบดว้ ย ข้อความ, รูปภาพ, เสียง,
VDO และMultimedia อื่น ๆ สิ่งเหล่านี้จะถูกส่งตรงไปยังผู้เรียนผ่าน Web Browser ทั้งผู้เรียน, ผู้สอน และ
เพื่อนร่วมชั้นทุกคน สามารถติดต่อ ส่ือสาร ปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นแบบเดียวกับการเรียนในชั้นเรียน
ทั่วไป โดยการใช้ E-mail, Chat, Social Network เป็นต้น ด้วยเหตุนี้การเรียนรู้แบบออนไลน์ จึงเหมาะสำหรับ
ทุกคน เรียนได้ทกุ เวลา
ลักษณะสำคัญของการเรียนการสอนแบบออนไลน์ (Online learning) ผู้เรียนเป็นใครก็ได้
อยู่ที่ใดก็ได้ เรียนเวลาก็ใด เอาตามความสะดวกของผู้เรียนเป็นสำคัญ เนื่องจากโรงเรียนออนไลน์ได้เปิดเว็บไซต์
ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง มีสื่อทุกประเภทที่นำเสนอในเว็บไซต์ ไม่ว่าจะทั้ง ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว
เสยี ง VDO ซึ่งจะช่วยกระตุน้ ความสนใจ ในการเรียนรู้ของผูเ้ รยี นไดเ้ ปน็ อยา่ งดี อกี ทัง้ ยงั ทำใหเ้ หตุภาพของเน้ือหา
ต่าง ๆ ง่ายดายมากข้นึ ผเู้ รียนสามารถเลือกวชิ าเรียนได้ตามความต้องการ เอกสารบนเว็บไซต์ทม่ี ี Links ต่อไปยัง
แหล่งความรู้ อื่น ๆ ทำให้ขอบเขตการเรียนรูก้ ว้างออกไป และเรียนอย่างรลู้ กึ มากขน้ึ
ประโยชน์ของการเรียนการสอนแบบออนไลน์ (Online learning) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
ในการเรียนการสอน เนื่องจากไม่ได้จำกัดอยู่ในสถานที่เดียวเท่านั้น เกิดเครือข่ายความรู้ โยงใยออกไปไกล เน้น
การเรียนแบบผู้เรียนเป็นศูนยก์ ลาง ช่วยลดช่องว่างระหว่างการเรียนรู้ในเมืองกับท้องถิ่น (จักรกฤษณ์ โพดาพล,
2563)
21
2.3.4 ทฤษฎที เ่ี ก่ียวขอ้ ง
ในการเรียนรู้ออนไลน์ ผู้เรียนเป็นกุญแจและองค์ประกอบที่สำคัญของศูนย์กลางในการ
จัดการศึกษา ดังที่ว่า ความสำเร็จในระบบการเรยี นการสอนดว้ ยอีเลิร์นนิ่งเก่ียวข้องโดยตรงกับวิถีของระบบ ทั้ง
ในดา้ นการวางแผนการออกแบบการประเมินผลและการจดั สภาพแวดลอ้ มการเรยี นร้แู บบออนไลน์ ซึง่ ท้ังหมดถือ
เป็นการสนับสนุนกิจกรรมด้านการเรียนการสอน ระบบการเรียนการสอนด้วยอีเลิร์นนิ่งไม่เพียงแต่จะมี
ความหมายสำหรับผู้เรียนเท่านั้น แต่มีความหมายกับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดในระบบการศึกษา เช่น
ผู้สอนบุคลากรฝ่ายสนับสนุนและสถาบันการศึกษา ยกตัวอย่างเช่น ระบบการเรียนการสอนด้วยอีเลิร์นนิ่งมี
แนวโนม้ ที่จะมคี วามหมายต่อผ้เู รยี นก็ต่อเมื่อสามารถเข้าถงึ ได้งา่ ยมีการจัดการและการนำเสนอที่ดี ยึดผู้เรียนเป็น
ศูนย์กลาง มีประสิทธิภาพ มีความยืดหยุ่น และมีการสภาพแวดล้อมการเรยี นรู้ท่ีดีท่ีสามารถอำนวยความสะดวก
แก่ผู้เรียนได้ เมื่อผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้และบรรลุหรือประสบความสำเร็จในการเรียนตาม
วัตถุประสงค์การเรียนรู้และเป้าหมายของการเรียนในรายวิชา มีความสุขจากการเรียนก็จะส่งผลต่อระดับความ
พึงพอใจและช่วยลดจำนวนผู้เรียนที่ลาออกกลางคัน ซึ่งทั้งหมดจะส่งผลโดยตรงต่อสถาบันการศึกษาในแง่
งบประมาณและการลงทนุ (Morrison & Khan, 2003)
ในการเรียนรู้ออนไลน์ ทฤษฎีการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง ที่ผู้เขียนได้นำเสนอ คือ ทฤษฎีการ
เรียนรู้ของกาเย่ ทั้งนี้เพราะ นักการศึกษาส่วนใหญ่จึงยึดตามการจัดการเรียนการสอนตามกระบวนการ 9
ขนั้ ตอนของกาเย่ (Robert Gagne) ในการออกแบบและพัฒนาบทเรยี นบนเวบ็ ดงั มรี ายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี
ขั้นตอนที่ 1 กระตุ้นหรือเร้าให้ผู้เรียนเกิดความสนใจกับบทเรียนและเนื้อหาที่จะเรียน
(Motivate the Learner) การเร้าความสนใจผู้เรียนนี้อาจทำได้โดย การจัดสภาพแวดล้อมให้ดึงดูดความสนใจ
เช่นการใชภ้ าพกราฟิก ภาพเคลอื่ นไหว และ/หรือการใช้เสียงประกอบบทเรยี นในสว่ นบทนำ
ขั้นตอนที่ 2 บอกให้ผู้เรียนทราบถึงจุดประสงค์ของบทเรียน ( Inform Learners of
Learning Objectives) การบอกให้ผู้เรียนทราบถึงจุดประสงค์ของบทเรียนนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะการเรียนการสอนบนเว็บที่ผู้เรียนสามารถควบคุมการเรียนของตนเองได้ โดยการเลือกศึกษาเนื้อหาที่
ต้องการศกึ ษาไดเ้ อง ดงั นน้ั การทผี่ ู้เรียนได้ทราบถงึ จุดประสงค์ของบทเรยี นลว่ งหนา้ ทำให้ผู้เรยี น สามารถมุ่งความ
สนใจไปที่เนื้อหาบทเรยี นที่เกีย่ วข้อง อีกทั้งยังสามารถเลือกศึกษาเนือ้ หาเฉพาะทีต่ นยงั ขาดความเข้าใจทีจ่ ะชว่ ย
ทำใหผ้ ู้เรยี นมคี วามรู้ความสามารถตรงตามจุดประสงคข์ องบทเรียนท่ีไดก้ ำหนดไว้
22
ขั้นตอนที่ 3 ทบทวนความรู้เดิมที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาบทเรียน (Recall Previous
Knowledge) การทบทวนความรู้เดิมช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้เนื้อหาใหม่ได้รวด เร็วยิ่งขึ้น รูปแบบ
การทบทวนความรู้เดิมในบทเรียนบนเว็บทำได้หลายวิธีเช่น กิจกรรมการถาม-ตอบคำถาม หรือการแบ่งกลุ่มให้
ผเู้ รียนอภปิ รายหรือสรุปเนือ้ หาทไ่ี ดเ้ คยเรยี นมาแล้ว เป็นต้น
ขั้นตอนที่ 4 นำเสนอบทเรียน (Present the Material to be Learned) การนำเสนอ
บทเรียนบนเว็บสามารถทำได้หลายรปู แบบด้วยกนั คือ การนำเสนอดว้ ยข้อความ รปู ภาพ เสยี ง หรือแม้กระทั่งวีดิ
ทัศน์ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ผู้สอนควรให้ความสำคัญก็คือผู้เรียน ผู้สอนควรพิจารณาลักษณะของผู้เรียนเป็น
สำคญั เพอื่ ให้การนำเสนอบทเรยี นเหมาะสมกับผเู้ รยี นมากที่สุด
ขั้นตอนที่ 5 ชี้แนวทางการเรียนรู้ (Provide Guidance for Learning) การชี้แนวทางการ
เรยี นรู้ หมายถึง การช้ีแนะให้ผูเ้ รียนสามารถนำความรู้ทไี่ ด้ เรยี นใหมผ่ สมผสานกับความร้เู กา่ ทเ่ี คยไดเ้ รียนไป
แล้ว เพือ่ ให้ผู้เรียนเกิดการเรยี นรทู้ ่ีรวดเรว็ และมีความแมน่ ยำมากยิง่ ข้ึน
ขั้นตอนที่ 6 ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียน (Active Involvement) นักการศึกษาต่าง
ทราบดีว่าการเรียนรเู้ กดิ ขน้ึ จากการที่ผู้เรียนได้มีโอกาสมีส่วนรว่ มในกระบวนการเรียนการสอนโดยตรง ดงั น้ัน ใน
การจัดการเรียนการสอนบนเว็บ จึงควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีสว่ นร่วมในกิจกรรมการเรียน ซึ่งอาจทำได้โดย
การจัดกิจกรรมการสนทนาออนไลน์รูปแบบ Synchronous หรือการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านเว็บบอร์ดใน
รูปแบบ Asynchronous เปน็ ต้น
ขั้นตอนที่ 7 ให้ผลย้อนกลับ (Provide Feedback) ลักษณะเด่นประการหนึ่งของการเรียน
การสอนบนเว็บก็คือ การที่ผู้สอนสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้เรียนได้โดยตรงอย่างใกล้ชิด เนื่องจากบทบาทของ
ผู้สอนนนั้ เปลี่ยนจากการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้แต่เพยี งผเู้ ดียว มาเปน็ ผูใ้ ห้คำแนะนำ และช่วยกำกับการเรียนของ
ผู้เรยี นรายบุคคล และด้วยความสามารถของอนิ เทอรเ์ น็ตท่ีทำใหผ้ ู้เรยี นและผ้สู อนสามารถตดิ ตอ่ กนั ได้ตลอดเวลา
ทำให้ผสู้ อนสามารถติดตามกา้ วหน้าและสามารถให้ผลยอ้ นกลับแกผ่ ู้เรียนแตล่ ะคน ไดด้ ้วยความสะดวก
ขั้นตอนที่ 8 ทดสอบความรู้ (Testing) การทดสอบความรู้ความสามารถผู้เรียนเป็นขั้นตอน
ที่สำคัญอีกขั้นตอนหนึ่ง เพราะทำให้ท้ังผู้เรียนและผูส้ อนได้ทราบถึงระดับความรู้ความเข้าใจ ที่ผู้ เรียนมีต่อ
เนื้อหาในบทเรียนนั้นๆ การทดสอบความรู้ในบทเรียนบนเว็บสามารถทำได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อสอบ
แบบปรนัยหรืออัตนัย การจัดทำกิจกรรมการอภิปรายกลุ่มใหญ่หรือกลุ่มย่อย เป็นต้น ซึ่งการทดสอบนี้ ผู้เรียน
สามารถทำการทดสอบบนเวบ็ ผ่านระบบเครือขา่ ยได้
ขั้นตอนที่ 9 การจำและการนำไปใช้ (Providing Enrichment or Remediation) สามารถ
ทำได้โดยการกำหนดตัวเชื่อม (Links) ที่อนุญาตให้ผู้เรียนเลือกเข้าไปศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติมในสิ่งที่น่าจะเป็น
ประโยชน์ในการนำองค์ความรู้ท่ีได้รับมาไปใช้ (จกั รกฤษณ์ โพดาพล, 2563)
23
2.3.5 รปู แบบการจดั การเรียนร้ชู วี ติ วิถใี หม่ ในสถานการณ์โควิด-19
1) การจัดการเรียนรู้ยุค New Normal
1.1) ความสำคัญของการจดั การเรยี นรยู้ คุ New Normal
ไวรัสโควิด 19 หรือชื่อเดิมว่าไวรัส โคโรน่า โควิด เป็นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
2019 เป็นตระกูลของไวรัสท่ีก่อใหเ้ กิดอาการป่วยตั้งแต่โรคไข้หวัดธรรมดาไปจนถึงโรคที่มคี วามรุนแรงมาก เช่น
โรคระบบทางเดินหายใจ และโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง เป็นตน้ ซง่ึ เป็นสายพันธ์ุน้ีเป็นสายพันธ์
ใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อนในมนุษย์ก่อให้เกิดอาการป่วยระบบทางเดินหายใจในคน และสามารถแพร่เชื้อจากคนสู่
คนได้ โดยเช้ือไวรสั นีพ้ บครั้งแรกในการระบาดในเมืองอู่ฮนั่ มณฑลหเู ปย่ ์ สาธารณรฐั ประชาชนจีน ในช่วงปลายปี
2019 ไวรัสโควิด 19 ส่งผลใหช้ ีวติ ความเปน็ อย่ตู ลอดจนการดำเนินชีวิตของมวลมนษุ ยชาติเกดิ การเปล่ียนแปลง
ครั้งยิ่งใหญ่ เช่น ร้านอาหารต้องนั่งแยกโต๊ะ หรือซื้อกลับมากขึ้น ปรับตัวใช้การทำธุรกรรมออนไลน์มากขึ้น เว้น
ระยะในการเดินทางโดยสารสาธารณะใช้บริการส่งของถึงบ้าน (Delivery )ที่ผ่านมาการจัดการเรียนรู้ได้มีการ
พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะสอนแบบปกติ หรือ Active Learning ที่มีการเน้นกิจกรรมมากกว่าการบรรยาย
เช่น ผู้สอนจะต้องกำหนดเป้าหมายให้สัมพันธ์กับกิจกรรมเพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้ เน้นการพัฒนาทักษะสร้าง
ทศั นคติที่ดตี ่อการเรียนรู้ตลอดชวี ติ ผเู้ รียนตอ้ งมสี ว่ นร่วมในการจดั การวางแผนการจัดการเรยี นรู้ การประเมินผล
การเรียนกิจกรรมที่จัดจะต้องสะท้อนให้ผู้เรียนเกิดแรงจูงใจในการเรียนรู้ มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
เปิดโอกาสให้ผ้เู รียนได้ คิดวิเคราะห์ วพิ ากษ์ วจิ ารณใ์ นส่งิ ทผ่ี ู้เรยี นพบเห็น ชอบ ไม่ชอบ ผู้สอนต้องออกแบบการ
เรียนรู้ให้ง่ายต่อการศึกษาด้วยตนเองและสอดคล้องกับความสนใจของผู้เรียนและมีความสัมพันธ์กับชีวิตจริง
สามารถแก้ปัญหาได้ อาจสร้างสถานการณ์เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนใช้ความคิดในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ เพ่ือ
แก้ปัญหาตามสถานการณ์ ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างสนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ จัดบรรยากาศเพื่อเอื้อต่อการเรียน
ร่วมกัน โดยใช้กระบวนการกลุ่ม สามารถเรียนได้ทั้งในห้องเรียน นอกห้องเรียน หรือที่อื่นๆ ได้ตลอดเวลา
(กาญจนา บญุ ภักด,์ิ 2563 วารสารครศุ าสตร์อุตสาหกรรม ปที ี่ 19 ฉบบั ที่ 2 เดือนพฤษภาคม – สิงหาคม) Malee
Boonsiripun กล่าวว่า คณะกรรมการบัญญัติศัพท์นิเทศศาสตร์ราชบัณฑิตยสภาระบุว่า ราชบัณฑิตยสภาได้
บัญญัติศัพท์ "New Normal" หมายถึง ความปกติใหม่ และคำว่า ฐานวิถีชีวิตใหม่ หมายถึง รูปแบบการดำเนิน
ชวี ติ อย่างใหม่ท่ีแตกตา่ งจากอดตี (Malee Boonsiripun, 2002)
1.2) วิธกี ารการจดั การเรียนร้ยู ุค New Normal
การจัดการเรียนรู้ในยุค New Normal นั้น ควรจัดให้ทั้งผู้สอนและผู้เรียนได้รับ
ประโยชน์อย่างจริงจัง จะเห็นได้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นประการแรกคือ เรื่องสถานที่ชัดเจนที่สุด จากการที่
ผ้เู รยี นเคยต้องเดินทางไปศกึ ษาเล่าเรยี นทโี่ รงเรียน กก็ ลบั มาเป็นจดั การเรียนการสอน Online โดยนงั่ เรยี นที่บ้าน
ได้ ไม่ต้องเดินทาง ทำให้เราสามารถเรียนรูท้ ุกเน้ือหาได้จากทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา และไม่ได้ทำให้การปฏิสัมพันธ์
24
ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนลดลง ยังคงเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ได้ ผู้เรียน และผู้สอนสามารถโต้ตอบกันได้ อย่าง
เตม็ ท่ีเหมอื นเดิม เพียงแตเ่ ปลีย่ นสถานทีจ่ ากโรงเรียน มาเปน็ ทบ่ี า้ น ในรถ หรอื สถานทตี่ า่ ง ๆ ผ่านโทรศพั ท์มือถือ
คอมพิวเตอร์ เท่านั้น ผู้สอนจะต้องออกแบบการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน เสริม
กิจกรรมสันทนาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสอนแบบเดิม หรือแบบ New Normal เป้าหมายยังคงเดิม ผู้สอน
อาจเพิ่มส่ือต่างๆ เช่นคลิปวีดิโอ หรือผ่านการบรรยาย ผสมผสานการถามตอบ แบบเสวนาแลกเปลี่ยน
ประสบการณ์ แลกเปลย่ี นความรรู้ ะหว่างผู้เรยี นด้วยกนั หรอื ผ้สู อนกับผ้สู อน แตท่ ้ังนี้ผสู้ อนต้องพจิ ารณาวฒุ ิภาวะ
ผู้เรียนด้วยว่าวิธีไหนถึงจะเหมาะสมท่ีสุดกับแต่ละช่วงวัย การประเมินไม่ใชป่ ระเมินการเรยี น แต่เป็นประเมนิ ผล
การเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้รับซึ่งมีนักวิชาการหลายท่านกล่าวได้ เช่น Wichai Woonghai and Marut Phatphon
กล่าวว่า พื้นที่การเรียนรู้ หมายถึง โอกาสที่ผู้เรียนได้รับจากผู้สอน ในการกำหนดเป้าหมายของการเรียนรู้
ออกแบบ และใชว้ ิธีการเรียนรู้ของตนเอง ประเมนิ เพ่ือปรับปรุงและพฒั นาตนเอง ตลอดจนโอกาสที่จะนำส่ิงท่ีได้
เรียนรู้ไปทำประโยชน์ต่อส่วนรวมและสะท้อนคิดกลับมายังตนเอง (Self-reflection) อีกครั้งว่าสิ่งที่ตนเองจะ
เรียนรตู้ ่อไป (Wichai Wonghai & Marut Phatphon, 2020)
2) โควิด 19 กับ การศึกษาวิถีใหม่
รองศาสตราจารย์ ยืน ภู่วรวรรณ กล่าวไว้ว่า การศึกษามีการเปลี่ยนแปลงตาม
วิวัฒนาการ ตามความก้าวหน้า และความเจริญเติบโตของเทคโนโลยี ถึงแม้ว่าไม่มีการระบาดของโควิด 19
การศึกษาก็เปลี่ยนแปลงมาตามยุคสมัยอยู่แล้ว สมัยก่อนเราเรียนกันอยู่ใต้ต้นไม้ เรียนที่วัดใช้กระดานชนวน
ต่อมาก็มีการจัดระบบการศึกษาเป็นโรงเรียน เพื่อให้ประสิทธิภาพการเรียนรู้ดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงเรื่อยมา
จนกระทั่ง มีคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต การเกิดใหม่ของเทคโนโลยี เปลี่ยนแปลงจากวัตถุกายภาพ ( Physical
Objects) แปลงไปสวู่ ตั ถดุ ิจิทลั (Digital Objects) ส่งิ ของอะไรก็ตามทีเ่ ราจบั ต้องได้ สมุด ดินสอ ปากกา ยางลบ
วงเวียน หนังสือ เปลี่ยนแปลง (ทรานฟอร์ม) ไปสู่การเป็นวัตถุดิจิทัล เมื่อโควิด-19 ระบาด เป็นจังหวะท่ี
เทคโนโลยีดิจิทัลมาถึงจุดที่ใช้เพื่อการศึกษาได้ดี มีแหล่งความรู้อยู่บนอินเทอร์เน็ตมากมาย เมื่อโรงเรียนปิด จึง
ต้องหันมาทำการเรียนออนไลน์ที่บ้าน (LFH : Learning From Home) หรือกรณีการเปิดห้องเรียนแบบ
ออนไลน์ใช้ซอฟต์แวร์ประชุมออนไลน์ เช่น ZOOM, Webex, Microsoft Team, Google Meet ฯลฯ เพื่อการ
เรียนการสอนเหมือนห้องเรยี นจริง (ยนื ภู่วรวรรณ, 2564)
3) รูปแบบการเรียนร้วู ถิ ใี หม่
ในสถานการณ์โควิด การเรียนทบ่ี า้ น หมายถงึ ใหน้ กั เรยี นเรียนรอู้ ย่ทู ่ีบ้าน อาจใช้
หรือ ไม่ใช้เทคโนโลยีก็ได้ เช่น ครู ออกแบบ บทเรียน เป็น โปรแกรมบุก เป็นใบงาน โจทย์ กิจกรรม มีการส่ง
เอกสารส่ิงพมิ พ์ สอ่ื ใหน้ ักเรยี น เลน่ ทดลอง ศกึ ษาบนบริบททอ้ งถิ่น ใหน้ กั เรียนทำ หรือเรียนรู้ ถา้ โรงเรียนขนาด
เลก็ และไมเ่ สี่ยงต่อโรคโควิด 19 ครดู ูแลได้ อาจใหม้ าโรงเรียน ตามความจำเป็น ถ้าโรงเรียนขนาดใหญ่ กส็ ลับกัน
มา แบบความคมุ การแพรร่ ะบาดของโรคได้
25
ปัจจุบันมรี ะบบทวี ี มโี ครงขา่ ยส่อื สารอนิ เทอร์เน็ต มีการใชส้ มารท์ โฟนจะนำมาช่วย
เสริมได้อยา่ งไร มี DLTV ท่ีออกอากาศทกุ วนั ทุกระดับช้นั อาจมีปัญหาอย่บู ้าง เชน่ ถา้ เดก็ สองคนในบ้านเดียวกัน
จะแบ่งกันอย่างไร หรือจะทำให้เด็กเรียนผ่านครูตู้ ที่ผสมผสานกับครูประจำชั้นของตัวเองที่โรงเรียนอย่างไร ครู
จะจัดโปรแกรมให้นกั เรียนได้อย่างไร อะไรท่ีนักเรยี นต้องทำ เหลา่ น้เี ปน็ สง่ิ ท่ีทำใหเ้ กิดการศกึ ษาที่บา้ นได้ท้งั สน้ิ
ในยุคที่ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ มีมากมาย อยู่บนคลาวด์ บนอินเทอร์เน็ต ที่เรียกเข้าถงึ
ได้ การเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง (Self directed learner) มีความสำคัญอย่างมาก นักเรียนควรได้รับการสร้าง
ประสบการณ์ และทักษะให้เรียนรู้ด้วยตนเองได้ เพราะในอนาคต จะต้องเรียนได้ตลอดชีวิต ความสำเร็จของ
การศึกษา จงึ ตอ้ งสร้างนักเรยี นใหเ้ ป็นผู้เรยี นได้ด้วยตนเอง
หากนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่จัดการข้อมูลบนคลาวด์ เรียกใช้ได้ง่ายและนำมาใช้กับ
การศกึ ษา อาจเรียกการศึกษาท่ีเชอื่ มการทำงานบนสองสถานะ ไซเบอร์ และกายภาพวา่ การศึกษาวถิ ใี หม่ (New
normal education) การเรียนออนไลน์ จะเปน็ เรอ่ื งปกติของผ้เู รียนท่ีมีทกั ษะการเรยี น การเข้าถึงบทเรียนแบบ
ดิจิทัล ได้ตั้งแต่ระดับประถม สามารถเรียนรู้ได้ทั้งแบบมีปฏิสัมพันธ์ที่ประสานเวลา (Synchronous learning)
และแบบไม่ประสานเวลา (Asynchronous learning) การส่งชิ้นงานที่ได้รับมอบหมายผ่านระบบเครือข่าย
อนิ เทอร์เนต็ มที กั ษะการใช้สารสนเทศ การจัดการเรยี นรู้ในลักษณะ Learn from Home โดยการใช้ปฏิสัมพันธ์
ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนจึงขึ้นอยู่กับระบบออนไลน์เป็นสำคัญ แต่อย่างไรก็ตามการจัดการเรียนการสอนใน
ลักษณะออนไลน์ดังกล่าว ต้องคำนึงถึงบรรยากาศในการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน ซึ่งสามารถออกแบบ
เพ่ือสร้างกจิ กรรม หรอื การทำงานรว่ มกนั ผ่านทางเครอื ขา่ ยสอ่ื สารเพ่ือทดแทน
การเรียนรู้วิถีใหม่ที่เชื่อมโยงกับการสร้างความสามารถที่จะใช้ในอนาคต จึงต้องให้
ความสำคญั ในเร่ืองผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง กลา่ วคอื ในยุคหลังโควิด เนือ้ หาความรู้อยู่บนคลาวดม์ ากมาย การเรียน
จึงไม่ได้หมายถึงการถ่ายทอดเนื้อหาตามหลักสูตรที่กำหนดฝ่ายเดียว เพราะหลักสูตรจะเป็นเพียงกรอบเท่าน้นั มี
ความรู้ทตี่ ้องเรียนอีกมากมาย นกั เรยี นสามารถเรียนรไู้ ดด้ ว้ ยตนเองตามความสนใจ
รูปแบบการเรียนรู้วิถีใหม่เป็นพื้นฐานการสร้างความสามารถ สมรรถนะการกำหนด
ทักษะความสามารถที่จะได้รับจากกิจกรรมการเรียน แล้วประเมินและวัดผลระดับความสามารถที่ผู้เรียนได้รับ
เพื่อมาช่วยวางแผนการเรียนการสอนให้บรรลุเป้าหมาย การเรียนจึงต้องเน้นให้เกิดการแสดงออก เช่นใช้แบบ
อภิปราย ครูจะเป็นผกู้ ระตุน้ การเรยี นแบบอภิปรายใหม้ ีประสิทธภิ าพยง่ิ ขึ้น เทคโนโลยีมสี ่วนช่วยในเรอ่ื งเหล่าน้ีได้
รูปแบบการเรียนรู้วิถีใหม่ จึงควรเน้นรูปแบบการสร้างประสบการณ์ (Learning
experience) การลงมือทำ หรือการพบปัญหาด้วยตนเอง วิธีเรียนด้วยประสบการณ์เช่นน้ี จะช่วยต่อยอดการ
เรียนรูม้ ากขน้ึ การทำกิจกรรมตา่ ง ๆ เพือ่ เสริมทกั ษะความรว่ มมือ การแก้ปญั หาโดยแสวงหาความร่วมมือกับคน
อื่น พร้อมกับเคารพในคิด ความต่างของมุมมองที่ไม่เหมอื นกัน การศึกษาจึงต้องประสานทั้งโลกกายภาพและไซ
เบอร์ (ยนื ภู่วรวรรณ, 2564)
26
4) การเรยี นรบู้ นฐานสมรรถนะวถิ ใี หม่
การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ระหว่างบ้าน โรงเรียน ครู นักเรียน ผู้ปกครอง
ชาวบ้าน องค์กรส่วนท้องถิ่น วัด ฯลฯ สภาพการเรียนต้องพัฒนาเข้าสู่การเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา นักเรียนต้อง
พัฒนาทักษะให้ตนเองเพื่อเป็นคนที่เรียนรู้ด้วยตนเอง (Self directed learners)ได้ ต้องทำบ้านให้เป็นฐานการ
เรียนรู้ (HBL - Home Base Learning) หรือ บ้าน สถานที่แห่งการเรียนรู้ ที่ต่อยอดจากคำว่าการเรียนที่บ้าน
(Learning from Home-LFH) บนสถานการณ์การระบาดที่นักเรียนไม่สามารถมาโรงเรียนได้ตามปกติ ครูต้อง
คิด และออกแบบบทเรียน ให้เรียนที่บา้ น ออกแบบกิจกรรมให้ทำด้วยความสนุก ไม่ใช่ส่งหนังสือให้อ่าน หรือส่ง
แบบฝึกหัดให้ทำ หรือส่งเอกสารผ่านอินเทอร์เน็ตเท่าน้ัน ครูออนไลน์ใช้เครื่องมือสื่อสาร สื่อสังคม สมาร์ทโฟน
เพื่อการสื่อสาร สร้างกิจกรรม การเรียนกับนักเรียน ทำบ้านให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สนุก ไม่จำเป็นต้องยึดเนื้อหา
เฉพาะในหนังสือเรียนอย่างเดียว แต่มเี ร่อื ง สง่ิ ท่นี า่ รู้ นา่ สนุก นา่ เรยี นอีกมาก ท่มี ีแรงจูงใจให้นักเรียนอยากเรียน
มสี งั คมกลมุ่ การเรยี นรรู้ ว่ มกนั บนพนื้ ฐานของสงิ่ แวดล้อมท่บี า้ นแตกตา่ งกนั
การเรียนที่บ้าน (LFH) จึงไม่ใช่การกำหนดตารางเรียน ชั่วโมงนี้เรียนเรื่องนั้นเรื่องนี้
เหมือนในโรงเรียน LFH ต้องคิดรูปแบบใหม่ ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ขึ้นกับบริบททางบ้านและความเหมาะสมกับ
การใช้เทคโนโลยีแบบต่าง ๆ ต้องพัฒนาเนื้อหาหลักสูตรที่ยืดหยุ่นตามความเหมาะสม เดิมหลักสูตรที่เรียนใน
โรงเรียนแยกเป็นวิชา กลุ่มสาระ ทำให้ต้องมีตารางสอน ครูสอนตามตารางสอนใช้เวลาการเรียนไปมาก แต่การ
LFH ต้องเป็นแบบบูรณาการ ครูต้องทำงานร่วมกันเป็นทีม ทุกกลุ่มสาระ มาคิดร่วมกัน ให้ฐานที่บ้านเรียนได้
ไม่ใชต่ ่างคนตา่ งสอน จนนกั เรยี นไม่สามารถแบง่ เวลาได้ (ยืน ภู่วรวรรณ, 2564)
ตอนที่ 3 งานวจิ ัยทเี่ กยี่ วขอ้ งกับการจดั การเรียนรู้ในสถานการณโ์ ควิด-19
3.1 งานวจิ ัยทเ่ี กี่ยวข้องกบั การจัดการเรยี นร้ใู นสถานการณ์โควดิ -19 ในประเทศ
วิทยา วาโย , อภริ ดี เจริญนกุ ลู , ฉัตรสุดา กานกายันตแ์ ละจรรยา คนใหญ่ (2563) ไดศ้ กึ ษาวิจัย
เรื่อง “การเรียนการสอนแบบออนไลน์ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID19 แนวคิดและการ
ประยุกต์ใช้จัดการเรียนการสอน” พบว่า การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus
Disease 2019) ทำให้เกิดการปรับตัวเป็นวถิ ีชีวิตแบบใหม่ (NewNormal) โดยเฉพาะสถาบันทางการศึกษาที่ไม่
สามารถจัดการเรียนการสอนแบบปกติได้ จึงจำเป็นต้องใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบออนไลน์ เพื่อให้การ
เรยี นรู้เกดิ ความตอ่ เนอ่ื ง การเรยี นการสอนแบบออนไลน์มอี งค์ประกอบ ไดแ้ ก่ ผสู้ อน ผู้เรียน เนอ้ื หา สื่อการเรยี น
และแหล่งเรียนรกู้ ระบวนการจดั การเรียนรู้ ระบบการตดิ ตอ่ สอื่ สาร ระบบเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ การวัด
และ การประเมินผล รูปแบบการเรียนการสอนมีหลากหลายวธิ ี ที่ทำให้ผู้สอนและผู้เรียนมีปฏิสมั พันธ์ร่วมกันได้
การพิจารณาองค์ประกอบและรูปแบบที่สอดคล้องเหมาะสมกับลักษณะวชิ า และบรบิ ทของผู้เรียนจะนำไปสู่การ
ประยุกต์ใช้สำหรับการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดผลลัพธ์การ
เรยี นรู้ตามวตั ถปุ ระสงค์
27
สิริพร อินทสนธิ์ (2563) ได้ศึกษาวิจัย เรื่อง “โควิด - 19 : กับการเรียนการสอนออนไลน์
กรณีศึกษา รายวิชาการเขียนโปรแกรมเว็บ” (COVID - 19 and Online Teaching case study: Web
Programming Course) ซงึ่ ผูเ้ ขยี นมีวัตถปุ ระสงค์เพ่ืออธบิ ายถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า
2019 กับการเรียนการสอนออนไลน์ในรายวิชาการเขียนโปรแกรมเว็บ ซงึ่ การระบาดของโควิด 19 ส่งผลกระทบ
ต่อระบบการศึกษาเป็นอย่างมาก เนื่องจากทั้งผู้เรียนและผู้สอนต้องมีการปรับตัวในการเรียนการสอน จากการ
เรยี นในหอ้ งเรียนเป็นการสอนออนไลน์ ซึ่งมีการเลอื กใช้โปรแกรมในการเรียนออนไลนซ์ ่ึงมีข้อดีข้อจำกัดแตกต่าง
กันไป ความพร้อมของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของผู้เรียน รวมถึงอาจเกิดปัญหาได้ในระหว่างเรียน ซึ่งในรายวิชา
การเขียนโปรแกรมเว็บนั้น อาจารย์ผู้สอนและนักศึกษาได้พูดคุย และปรับกระบวนการเรียนการสอนให้อยู่ใน
รูปแบบออนไลน์ โดยใช้เครื่องมือแอปพลิเคชันในการเรียนออนไลน์หลัก ๆ ได้แก่ Line Zoom YouTube และ
Google Classroom ส่วนโปรแกรม Camtasia Studio ผู้สอนใช้สำหรับตัดต่อวิดีโอเพื่อใช้ในการสอน และใช้
โปรแกรม TeamViewer เขา้ สู่เคร่อื งคอมพวิ เตอรผ์ ู้เรียน เม่ือผ้เู รียนในรายวชิ าการเขียนโปรแกรมเว็บเกิดปัญหา
การเขียนโปรแกรมขัดข้องข้นึ ในระหว่างเรียน แมผ้ ูเ้ รียนและผู้สอนจะอยคู่ นละพ้ืนท่ีกัน ซึ่งจากการเรียนออนไลน์
ในรายวิชาการเขียนโปรแกรมเว็บไม่ค่อยพบปัญหาในการเรียนออนไลน์เกิดขึ้นมากนัก เนื่องจากเป็นรายวิชา
ปฏิบัติที่สามารถอัดคลิปวิดีโอและนำขึ้นไปเผยแพร่บน YouTube และให้นักศึกษาสามารถเข้ามาศึกษาได้
ตลอดเวลาทั้งในเวลาเรียนและนอกเวลา ซึ่งผูส้ อนเหน็ วา่ กระบวนการเรียนการสอนออนไลน์สามารถที่ จะแก้ไข
ปัญหาการเรียนที่ยังอยู่ในสถานการณ์ไวรัสโคโรนาที่กำลังแพร่ระบาดได้อย่างดี และเหมาะกับรายวิชาที่เป็น
เนอ้ื หาปฏิบัติผา่ นทางคอมพวิ เตอร์
3.2 งานวิจัยทเ่ี กี่ยวข้องกับการจัดการเรยี นรใู้ นสถานการณ์โควดิ -19 ต่างประเทศ
Lubna Salamat, Gulzar Ahmad , Mohammad Iftikhar Bakht & Imran LatifSaifi (2 0 1 9 )
ไ ด ้ ศ ึ ก ษ า เ ร ื ่ อ ง “ EFFECTS OF E–LEARNING ON STUDENTS’ ACADEMIC LEARNING ATUNIVERSITY
LEVEL” พบว่า การศึกษาในส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ทางวิชาการของนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลยั ซึ่ง
วัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อค้นหาผลกระทบของความสนใจและการเรียนรู้ของนักศึกษาต่อการเรียนทาง
ออนไลน์ในระดับมหาวิทยาลัย ข้อมูลการวิจัยรวบรวมจากนักศึกษา 205 คน จากมหาวิทยาลัย Lahore,
Pakpattan Campus พบว่า การจัดสรรเวลาในการเรียนรู้ทางออนไลน์ มีความยืดหยุ่นกับนักศึกษา และจูงใจ
นักศกึ ษาให้ทำงานในความรับผดิ ชอบของพวกเขาโดยไม่ต้องเขา้ ไปช่วยเหลือ โดยนักศกึ ษารู้สึกสะดวกสบายเม่ือ
พวกเขาใช้อินเทอร์เน็ต
28
Lorico DS. Lapitan, Jr., Cristina E. Tiangco, Divine Angela G. Sumalinog, NoelS.
Sabarillo, and Joey Mark Diaz (2564 ) ได้ศึกษา เรื่อง “ An Effective Blended OnlineTeaching and
Learning Strategy during the COVID-19 Pandemic” พบว่า การเปลี่ยนการเรียนรู้และการสอนในช่วงการ
ระบาดของโควิด 19 ได้นำความ ท้าทายอย่างแท้จริงเกี่ยวกับผู้สอนและนักศึกษา ความจริงความยุ่งยากเหล่าน้ี
ในการสอนหลักสูตรเคมีในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัย Santo Tomas เป็นการผสมผสานกลยุทธ์การ
เรยี นรูใ้ นบรบิ ทของการเรียนการสอนของเคมีกายภาพ เคมวี ิเคราะห์สำหรับนักศึกษาวิศวกรรมเคมี ท่ีถูกกำหนด
ไว้ซึ่งได้มีการเสนอกลยุทธ์ทางออนไลน์ที่จะอำนวยความสะดวกและเปลี่ยนผ่านรูปแบบเดิมคือ Face to Face
ไปสกู่ ารสอนออนไลน์อย่างเตม็ ตัว กลยทุ ธก์ ารเรียนรู้แบบผสมผสาน 5 องค์ประกอบ คือ การคน้ พบ (Discover)
การเรียนรู้ (Learn) การฝึกปฏิบัติ (Practice) การร่วมมือ (Collaborate) และ การประเมิน (Assess) (DLPCA)
ใน DLPCA ส่วนของเวลาที่ไม่ประสานกันของการสอน มีความสำเร็จผ่านทางการเผยแพร่ของการจัดทำบันทึก
วิดีโอการสอนไว้ก่อนบนทางยูทูบเพื่ออนุญาตให้นักศึกษาได้เรียนและมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของพวกเขา
ด้วยตนเอง ในส่วนของการสอนในชว่ งเวลาเดียวกนั ถูกจัดการโดยการใชแ้ พลตฟอร์ม video conferencing เช่น
Zoom หรือ Google Meet กลยุทธ์ DLPCA ถูกนำเสนอและอภิปรายไปยังนักศึกษาเพื่อนำสู่การปฏิบัติ การ
วิเคราะห์ของประสบการณ์การเรียนรู้และการสอนบนฐานของ 3 ตัวชี้วัด 1) ประสบการณ์การเรียนรู้ของ
นักศึกษา 2) ผลการปฏิบัติทางวิชาการของนักศึกษา และ 3) การสังเกตผู้สอนซึ่งแสดงให้เห็นว่า DLPCA
มีผลกระทบเชิงบวกต่อนักศึกษาและครูผู้สอน ความท้าทายที่ถูกกำหนดขึ้นมาเป็นความมีเสถียรภาพของการ
เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และความเชี่ยวชาญของครูผู้สอนกับความพร้อมในเครื่องมือการสอนบนอินเทอร์เน็ต เช่น
video conferencing software ซงึ่ ครผู ู้สอนจะต้องหาแนวทางในการปรับปรงุ การ มปี ฏิสัมพันธ์ของพวกเขา
กับนักศึกษา และการรักษาประโยชน์ของนักศึกษา รวมถึงการนัดหมายระหว่างชั้นเรียนออนไลน์ การสำรวจได้
ช้ใี หเ้ หน็ วา่ นักศึกษาส่วนใหญ่มีความพึงพอใจกับกลยุทธ์ DLCPA ดงั นน้ั กลยุทธ์น้ีจึงได้รับการพิจารณาถึงการ
จดั การและเป็นตวั เลือกท่ีมปี ระสิทธิภาพท่ีสามารถนำมาปรบั ไปสู่การสอนออนไลน์อย่างเต็มตัวไปสู่หลักสูตรการ
สอนเคมีระดับปริญญาตรี ทั้งหมดเป็นข้อค้นพบและการทำความเขา้ ใจอย่างลึกซึง้ ในการศึกษานี้ ที่จะเพิ่มมูลค่า
ทรพั ยากรเพอ่ื สนบั สนุนการสอนแบบผสมผสานในชว่ งหลงั โควิด 19 ในการศกึ ษาทส่ี งู ขึ้น (เจรญิ ภวู ิจิตร์, 2564)
29
ตอนที่ 4 แนวคิดเก่ียวกบั การจดั ทำข้อเสนอเชงิ นโยบาย
แนวคิดเกี่ยวกับการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อนำไปสู่การกำหนดเป็นกรอบข้อเสนอเชิงนโยบาย
ประกอบด้วย ความหมายและความสำคัญของข้อเสนอเชิงนโยบาย ลักษณะสำคัญข้อเสนอเชิงนโยบาย/
องค์ประกอบของข้อเสนอเชิงนโยบาย และกระบวนการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย โดยมีรายละเอยี ดดงั นี้
4.1 ความหมายและความสำคญั ของขอ้ เสนอเชงิ นโยบาย
วิโรจน์ สารรตั นะ (2556) กลา่ ววา่ ข้อเสนอเชงิ นโยบาย เปน็ ผลจากการวจิ ยั เชิงนโยบายในบางกรณี
เรียกวา่ ข้อเสนอเชงิ ยุทธศาสตร์ หรอื บางกรณเี รียกว่าข้อเสนอแผนทย่ี ุทธศาสตร์ หรอื อ่ืน ๆ ตามความเหมาะสม
โดยการวจิ ัยเชิงนโยบาย (Policy Research) เปน็ กระบวนการศึกษาปัญหาพ้นื ฐานทางสังคม เพ่อื ให้ได้ขอ้ เสนอที่
เน้นการปฏิบัติที่เป็นไปได้ (possible action oriented recommendations) ที่ผู้กำหนดนโยบายสามารถใช้
ประกอบการตัดสินใจเพือ่ แก้ปญั หาทีม่ ีประสิทธิผลและนำไปสูอ่ นาคตท่ีดีขึ้นกว่าในปัจจบุ ันในขณะที่ ทิพย์วรรณ
สุขใจรุ่งวัฒนา (2557) ให้คำนิยาม ข้อเสนอเชิงนโยบาย หมายถึง กระบวนการศึกษารวบรวมข้อมูลอย่างเป็น
ระบบเพื่อให้ได้ผลการวิเคราะห์ข้อมูลและข้อเสนอต่าง ๆ จากผลการวิจัยเชิงนโยบายตลอดจนแนวทางปฏิบัติท่ี
อาจจะเปน็ ไปได้ในการแก้ปัญหาหรือการพฒั นาในเร่ืองใดเรื่องหน่ึงในระดบั นโยบายท่ผี วู้ จิ ยั จะสื่อสารแก่บุคลากร
ที่ทาหน้าทีในการตัดสินใจเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อน หรือปรับปรุงแก้ไขนโยบาย กลยุทธ์หรือโครงการต่าง ๆ
ต่อไป นอกจากนี้ รัตนาภรณ์ สมบูรณ์ (2556) ได้ให้ความหมาย ข้อเสนอเชิงนโยบาย ว่าหมายถึง ข้อเสนอแนะ
จากผลการวิจัยนโยบาย เพื่อการปฏิบัติในเชิงนโยบาย ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญ คือ วัตถุประสงค์ (policy
objectives) แนวการดำเนินงานของนโยบาย (policy means) และกลไกของนโยบาย (policy mechanism)
ในขณะเดียวกัน พร้มิ เพรา วราพนั ธ์พิพิธ (2556) ทำการวจิ ัยเร่ือง ข้อเสนอเชงิ นโยบายเพ่ือความเป็น
เลิศของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ให้คำนิยาม ข้อเสนอเชิงนโยบายหมายถึง
สาระเกี่ยวกับนโยบายที่ผู้วิจัยได้พัฒนาขึน้ จากกระบวนการวจิ ัยเชิงนโยบายแบบมีส่วนร่วมเพื่อเป็นแนวทางของ
สถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพในระดับความเป็นเลิศ
องค์ประกอบคือ วัตถุประสงค์ของนโยบาย (policy objective) แนวทางของนโยบาย (policy means) และ
กลไกของนโยบาย (policy mechanism) นอกจากนี้ พงษ์ศักดิ์ ภูกาบขาว (2553) ทำการวิจัยเรือ่ ง ข้อเสนอเชิง
นโยบายเพื่อความมีประสิทธิผลของโรงเรียนเรียนร่วมจังหวัดขอนแก่นได้ให้คำนิ ยามข้อเสนอเชิงนโยบาย
หมายถงึ สาระเกี่ยวกับนโยบายท่ผี ู้วิจัยพัฒนาข้นึ จากกระบวนการวิจัยเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติการบริหารจัดการ
เรยี นร่วมของสถานศึกษาในจังหวัดขอนแกน่ มีองคป์ ระกอบสำคญั คือ วิสยั ทศั น์ พนั ธกิจ เป้าหมาย กลยุทธ์ และ
ตัวชว้ี ดั
30
นอกจากนี้ วโิ รจน์ สารรัตนะ (2556) ได้กล่าวถงึ ความสำคัญของข้อเสนอเชิงนโยบายว่า ขอ้ เสนอเชิง
นโยบายนำไปสู่การแก้ปัญหาที่มีประสิทธิผล และอนาคตที่ดีกว่าปัจจุบัน ไม่อยู่กับที่หรือถอยหลัง และไม่เป็น
ข้อเสนออย่างเป็นแผนปฏิบัติการ ประเด็นเล็กประเด็นน้อย ข้อเสนอเชิงนโยบายมีความสำคัญโดยเป็ นการ
นำเสนอ ประเด็นหลัก และประเด็นรองที่ขยายความให้เข้าใจถึงแนวปฏิบัติ ที่เป็นไปได้ สามารถแก้ปัญหาได้
อยา่ งมีประสิทธิผล นำไปสกู่ ารเกิดสงิ่ ท่ีดขี ึ้นกว่าเดิม (better future) ทง้ั นี้จะตอ้ งนำเสนอให้ง่ายต่อการทำความ
เข้าใจ มคี วามกระชับ และมคี วามชดั เจน (เก็จกนก เอ้ือวงศ์ และคณะ, 2563: 41)
4.2 ลกั ษณะสำคัญข้อเสนอเชงิ นโยบาย/องคป์ ระกอบของข้อเสนอเชงิ นโยบาย
ลกั ษณะสำคัญข้อเสนอเชิงนโยบาย
วิโรจน์ สารรัตนะ (2556) กล่าวถึง ลักษณะสำคัญของข้อเสนอเชิงนโยบาย ดังนี้
ข้อเสนอเชิงนโยบายควรเป็นข้อเสนอใหม่ ๆ กระบวนทัศน์ใหม่ ๆ หลัก ๆ ที่เชื่อว่า หากปฏิบัติแล้วจะช่วย
แก้ปัญหาทีเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิผล นำไปสู่อนาคตที่ดีกว่าในปัจจุบันข้อเสนอเชิงนโยบายเป็นข้อเสนอท่ี
เพ่ิมขน้ึ (added on) จากงานประจำ (routine work) ไม่เป็นประเดน็ เลก็ ๆ น้อย ๆ หรือเปน็ ประเด็นงานประจำ
ที่อัดแน่นจนขาดจุดเน้นสำคัญ กลายเป็นแผนปฏิบัติการ (action plan) ของหน่วยงานที่รวมทุกอย่างไว้การ
นำเสนอขอ้ เสนอเชิงนโยบาย เพอ่ื พัฒนาและจำแนกออกเปน็ ข้อเสนอ เพื่อการปฏบิ ตั ใิ นระยะสนั้ 1-2 ปี เพอื่ การ
ปฏิบัตริ ะยะปานกลาง 3-5 ปี และเพ่อื การปฏบิ ัตริ ะยะยาว 5 ปี ข้ึนไป การเขยี น “ข้อเสนอเชิงนโยบาย” แนะนำ
ให้ศึกษารูปแบบการนำเสนอ “แผนยุทธศาสตร์” “แผนเชิงนโยบาย” ของหน่วยงานที่มีมาตรฐาน มีรูปแบบ
การนำเสนอที่ดีในแนวคิดหลัก ๆ กระชับ เข้าใจง่าย สื่อความหมาย ไม่เย่ินเย้อไม่สับสน หรือนำแนวคิดที่ดีมาใช้
กับการเขียน “ข้อเสนอเชิงนโยบาย” ในงานวิจัยได้ โดยเป็นข้อเสนอนำไปสู่การแก้ปัญหาที่มีประสิทธิผลและ
อนาคตท่ีดกี วา่ ปัจจบุ นั ไม่อยู่กบั ทหี่ รอื ถอยหลัง และไม่เป็นขอ้ เสนออย่างเปน็ แผนปฏิบตั ิการประเดน็ เล็กประเด็น
น้อย
องคป์ ระกอบของขอ้ เสนอเชงิ นโยบาย
วิโรจน์ สารรตั นะ (2556) กลา่ ววา่ ผลจากการวิจัยเชิงนโยบายจะทำให้ได้ “ข้อเสนอ
เชิงนโยบาย” (บางกรณีเรียกว่า ข้อเสนอเชิงยุทธศาสตร์ หรือบางกรณีเรียกว่าข้อเสนอแผนทียุทธศาสตร์ หรืออ่ืน
ๆ ตามความเหมาะสม) ที่มีองค์ประกอบอย่างน้อย 2 องค์ประกอบ คือ 1) วัตถุประสงค์ของนโยบาย (policy
objective) และ 2) แนวทางของนโยบาย (policy means) กรณีอาจกำหนดเป็น 3 องค์ประกอบ คือ 1)
วัตถุประสงค์ของนโยบาย (policy objective) 2) แนวทางของนโยบาย (policy means) และ 3) กลไกของ
นโยบาย (policy mechanism) ที่จะทำให้การนำแนวทางนโยบายไปปฏิบัติบรรลุผลตาม วัตถุประสงค์ที่กำหนด
31
เช่น การออกกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือกฎหมาย การจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะการใช้เทคนิคการบริหารแนวใหม่
การสนบั สนุนจากตน้ สังกดั เป็นตน้ (เกจ็ กนก เออื้ วงศ์ และคณะ, 2563: 42)
ตอนที่ 5 ขอ้ มลู พน้ื ฐานโรงเรยี นในกลมุ่ โรงเรียนเมอื งสมทุ รปราการ
กลุ่มโรงเรียนเมืองสมทุ รปราการ หมายถึง โรงเรียนที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 ที่อยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ ประกอบด้วยโรงเรียน
จำนวน 9 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนอนุบาลวัดพิชัยสงคราม โรงเรียนพร้านีลวัชระ โรงเรียน คลองมหาวงก์
โรงเรยี นวัดไตรสามคั คี โรงเรยี นวดั สขุ กร โรงเรยี นวดั บางโปรง โรงเรยี นวดั บางดว้ น โรงเรียนนิลรตั นอ์ นุสรณ์ และ
โรงเรยี นวัดบางนางเกรง ซงึ่ มขี อ้ มูลพ้ืนฐานของโรงเรยี นตา่ ง ๆ ดงั นี้
โรงเรียนอนุบาลวัดพชิ ยั สงคราม
โรงเรียนอนุบาลวดั พิชัยสงครามเปิดสอนต้ังแต่ปีการศึกษา 2498 ใช้อาคารเรียนของโรงเรียนเยีย่ มเกษ
สวุ รรณ เป็นทเ่ี รียนและย้ายมาอยู่ทโี่ รงเรยี นสตรสี มุทรปราการเดิม ซึ่งคอื โรงเรยี นอนุบาลปัจจบุ นั ตั้งอยู่เลขท่ี 30
ถนนประโคนชัย ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ รหัสไปรษณีย์ 10270 เบอร์
โทรศัพท์ 02-395-1082 โทรสาร 02-702-9566 อีเมลโรงเรียน คือ [email protected] เว็บไซต์
โรงเรียน www.abpc.ac.th มีผู้บริหารจำนวน 10 คน ผู้บริหารคนปัจจุบัน คือ นายณัฐพล นุชอุดม มาดำรง
ตั้งแต่ 16 ธันวาคม 2562 จนถึงปัจจุบัน มีครูและบุคลากรทางการศึกษาจำนวนทั้งสิ้น 95 คน นักเรียน 1,545
คน โรงเรยี นอนุบาลวดั พิชัยสงครามเป็นโรงเรียนสังกดั สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ
เขต 1 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จัดการศึกษา 2 ระดับ ได้แก่ ระดับ
ปฐมวยั ประถมศึกษา เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ปที ่ี 1 – ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 โรงเรยี นอนุบาลวดั พชิ ยั สงคราม
เป็นโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดสมุทรปราการ เป็นศูนย์เด็กปฐมวัยต้นแบบของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 เป็นโรงเรียนทจ่ี ัดการเรียนการสอนเทียบเคียงมาตรฐานสากล โรงเรยี นจดั ทำ
หลักสูตรและโปรแกรมการจัดการเรียนการสอนโดยหลักสูตร (Product Offerings) ดำเนินการสอน
ประกอบด้วย 3 หลักสูตร คือ 1) English Program) เป็นโรงเรียนรัฐบาลเพียงแห่งเดียวในจังหวัดสมุทรปราการ
ที่มีโครงการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเป็นภาษาอังกฤษ เปิดทำการสอนตั้งแต่
ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 - 3 และระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 โดยมีครูต่างชาติเจ้าของภาษาในทุกรายวิชา
โดยใช้หลักสูตรสถานศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 และโครงการ
โรงเรียนมาตรฐานสากล (World Class Standard) พุทธศักราช 2554 หลักสูตร 2) Gifted Program เปิดทำ
การสอนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปี 1–6 จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ โดยครูต่างชาติในรายวิชา
32
คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์สำหรับผู้ท่ีมีความสามารถพเิ ศษดา้ นวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ ภายใต้ความร่วมมือ
ของ สสวท. และ สอวน. 3) หลักสูตร Regular Program จัดการศึกษามุ่งให้นักเรียนเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้ง
ร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ คุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่น
อยา่ งมีความสุขและมคี ุณลักษณะเป็นคนดี คนเกง่ และมคี วามสขุ ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษา
แห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 ปรัชญาของโรงเรียน
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแหง่ ตน คำขวัญของโรงเรียน ประพฤติดี มีอนามัย ใฝ่รู้ สู้งาน อัตลักษณ์
ของสถานศึกษา แต่งกายดี มีมารยาท เอกลักษณ์ของสถานศึกษา วิถีพุทธชั้นนำ สายสัมพันธ์ยุวทูตความดี
โรงเรียนได้กำหนดกลยุทธ์ โดยเน้นการมีส่วนร่วม ประกอบด้วย วิสัยทัศน์ (Vision)โรงเรียนอนุบาลวัดพิชัย
สงคราม โดยยึดหลักธรรมาภิบาล ครูและบุคลากรเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ จัดการเรียนการสอนตามเกณฑ์
มาตรฐานสากล บรหิ ารจดั การดว้ ยระบบคณุ ภาพผู้เรียนมีความรูค้ ู่คุณธรรม เลศิ ลำ้ วชิ าการ ดำเนินชีวิตตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พันธกิจ (Mission) 1.ส่งเสรมิ และพัฒนาระบบบริหารจัดการการศึกษาด้วยระบบ
คุณภาพโดยยึดหลักธรรมาภิบาล 2. สง่ เสริมและพัฒนาครูและบุคลากรเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ 3. จัดกิจกรรม
สง่ เสรมิ ให้ผู้เรยี นมีความรู้และทักษะท่จี ำเป็นตามหลักสูตรสถานศึกษาตามเกณฑ์มาตรฐานสากล 4. ส่งเสริมและ
พัฒนาการจัดกระบวนการเรียนรู้อย่างหลากหลาย ให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถเต็มตามศักยภาพ และมี
คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ตามคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 5. ส่งเสรมิ และพัฒนาใหผ้ ู้เรียนดำเนินชวี ิตตามแนวทางหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เป้าหมาย (Goal) 1. โรงเรยี นมีระบบบรหิ ารจัดการการศึกษาด้วยระบบคณุ ภาพ
โดยยึดหลักธรรมาภิบาล 2. พัฒนาครูและบุคลากรเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ 3. ผู้เรียนมีความรู้และทักษะที่
จำเป็นตามหลักสูตรสถานศึกษาตามเกณฑม์ าตรฐานสากล 4. จัดกระบวนการเรียนรูอ้ ยา่ งหลากหลาย ให้ผู้เรยี น
มีความรู้ความสามารถเต็มตามศักยภาพ และมีคุณธรรม จริยธรรม ตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 5. ผู้เรียน
ดำเนินชีวิตตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้
โรงเรียนพรา้ นลี วชั ระ
โรงเรียนพร้านีลวัชระ ได้รับอนุมัติจัดตั้งเป็นโรงเรียนประถมศึกษาตอนปลาย เมื่อ พ.ศ. 2508 สังกัด
ส่วนกลาง กองการประถมศึกษา กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลปากน้ำ เขต
เทศบาลนครสมทุ รปราการ เลขที่ 45 ถนนสุขมุ วทิ ตำบลปากนำ้ อำเภอเมืองสมทุ รปราการ จงั หวัดสมุทรปราการ
มีเนื้อที่ทั้งหมด 3 ไร่ 3 งาน 97 ตารางวา ที่ดินแปลงน้ี นางพร้า นีลวัชระ เป็นผู้มอบให้กรมสามัญศึกษา
กระทรวงศึกษาธกิ าร เพอ่ื แสดงเจตนาดขี องผ้บู รจิ าคกระทรวงศึกษาธิการจึงอนุมัตเิ งินจัดสร้างโรงเรียนและต้ังช่ือ
ว่า “โรงเรียนพร้านีลวัชระ” เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้บริจาคที่ดินเปิดสอนต้ังแต่ปีการศึกษา 2508 เป็นต้นมา มี
ผู้บริหารจำนวน 7 คน ผู้บริหารคนปัจจุบัน คือ นางสาววรรณชนก รอดหยู่ มาดำรงตำแหน่ง วันที่ 12
33
พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ถึงปัจจุบัน มีครูและบุคลากรทางการศึกษาจำนวนทั้งสิ้น 84 คน นักเรียน 1,353 คน
โรงเรียนพร้านีลวัชระเป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งอยู่เลขที่ 45 ถนนสุขุมวิท ตำบลปากนำ้
อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ รหัสไปรษณีย์ 10270 โทรศัพท์ 0-2394-2070 โทรสาร
0 - 2 3 8 0 - 4 4 5 8 อ ี เ ม ล praneelwatchara1 1 0 1 0 0 2 0 @gmail.com เ ว ็ บ ไ ซ ต ์ โ ร ง เ ร ี ย น
www.parneelwatchara.ac.th เปิดสอนระดับก่อนประถมศึกษา (ปฐมวัย) ถึงชั้นประถมศึกษาปีที 6 รับ
นักเรียนเขตพื้นที่บริการจังหวัดสมุทรปราการและพื้นที่ใกล้เคียง มีปรัชญาโรงเรียน คือ ปญฺญา นรานํ รตฺนํ
(ปัญญาประดุจดั่งดวงแก้ว) คำขวัญ คือ ใฝ่คุณธรรม เลิศล้ำวิชาการ สืบสานวัฒนธรรมไทย วินัยเข้มแข็ง อัต
ลกั ษณ์ คอื นักเรยี นรู้จกั ตนเอง ภาคภมู ิใจในตนเอง มีความสามารถพเิ ศษ เรียนรู้อย่างมีความสุข เอกลักษณ์ คือ
โรงเรียนส่งเสริมพหุปัญญา พัฒนาคุณธรรม นำสู่โรงเรียนมาตรฐานสากล (Morals Multiple Intelligences
World Class Standard School) มีวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย ในการจัดการศึกษา ดังนี้ วิสัยทัศน์ (VISION)
โรงเรียนพร้านลี วัชระเป็นสถานศึกษาชั้นนำที่พัฒนาเดก็ ปฐมวัยและนักเรยี นประถมศึกษาไดม้ าตรฐานการศึกษา
ของชาติและมาตรฐานโรงเรียนมาตรฐานสากล ส่งเสริมพหุปัญญา พัฒนาคุณธรรม น้อมนำหลักปรั ชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง ด้วยหลักธรรมาภิบาล พันธกิจ (MISSION) 1. พัฒนาหลักสูตรโรงเรียนพร้านีลวัชระ ระดับ
ปฐมวยั พุทธศักราช 2564 ตามหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั พุทธศกั ราช 2560 และหลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรยี น
พร้านีลวชั ระ พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 เพื่อส่งเสรมิ
พัฒนาพหุปัญญาเด็กปฐมวัย และนักเรียนประถมศึกษาตามทฤษฎีพหุปัญญา (The Theory of Multiple
Intelligences) ตามความถนัดความสนใจของผู้เรียนอย่างเต็มศักยภาพ เห็นคุณค่าของตนเอง เรียนรู้อย่างมี
ความสุข 2. พัฒนานวัตกรรมการบริหารจัดการด้วย “PRANEELWATCHARA TEAMS MODEL” : รูปแบ การ
พัฒนาโรงเรียนส่งเสริมพหุปัญญา พัฒนาคุณธรรม นำสู่โรงเรียนมาตรฐานสากล ( Morals Multiple
Intelligences World Class Standard School) 3. สร้างเครือข่ายการร่วมพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา
จากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องด้วยหลักธรรมาภิบาล 4. จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วยรูปแบบ On Hand On Air On
site On Demand On line ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) โดยยึด
หลักการจัดการศึกษาตามนโยบายของ นางสาววรรณชนก รอดหยู่ ผู้อำนวยการโรงเรียนพร้านีลวัชระ คนที่ 7
รูปแบบ On Life : "Education Based On Life , Learning Base On Real Life" การจัดการศกึ ษาบนพ้นื ฐาน
ชีวิตจริงส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้บนฐานชีวิตจริงของผู้เรียน โดยคำนึงถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม ความแตกต่าง
ระหว่างบุคคล ส่งเสริมพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพตามความสนใจ ธรรมชาติการเรียนรู้ ความพร้อมของนักเรียน
ครอบครัว สภาพสังคมแวดล้อมรอบตัว เพื่อปรับตัวอยู่ในสังคมที่เปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 อย่างมีความสุข
5. จัดกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการของนักเรียนตามหลักสูตรโรงเรียนพร้านีลวัชระ ระดับปฐมวัย พุทธศักราช
34
2564 ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 มีสมรรถนะตามมาตรฐานของหลักสูตรสถานศึกษา
โรงเรยี นพรา้ นีลวัชระ พทุ ธศักราช 2564 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และ
และมีทักษะของเด็กไทยในศตวรรษที่ 21 6. จดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ พฒั นาคุณธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตาม
หลักสูตรโรงเรียน พร้านีลวัชระ ระดับปฐมวัย พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช
2560 และหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนพร้านลี วัชระ พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน
พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 7. ส่งเสริมพัฒนานักเรียนตามความถนัด ความสนใจ มีคุณภาพตามมาตรฐาน
โรงเรยี นมาตรฐานสากล (World-Class Standard School) เพ่อื พัฒนาผู้เรยี นใหม้ ีศกั ยภาพเปน็ พลโลก (Global
Citizenship) 8. ส่งเสริมพัฒนาคุณธรรม ทักษะการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 นักเรียนเป็นยุวทูตความดี มี
ภาวะผู้นำในการสื่อสารคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ทสู่พลโลกในศตวรรษที่ 21 เป้าหมาย
(GOAL) 1. โรงเรียนมีหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนพร้านีลวัชระ ระดับปฐมวัย พุทธศักราช 2564 ตาม
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 และหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนพร้านีลวัชระ พุทธศักราช
2564 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ในการจดั กระบวนการเรยี นรู้เพื่อส่งเสริม
พัฒนาพหุปัญญาเด็กปฐมวัย และนักเรียนประถมศึกษาตามทฤษฎี พหุปัญญา (The Theory of Multiple
Intelligences) ตามความถนัดความสนใจของผู้เรียนอย่างเต็มศักยภาพ เห็นคุณค่าของตนเอง เรียนรู้อย่างมี
ความสุข 2. โรงเรียนมีนวัตกรรมการบริหารจัดการด้วย “PRANEELWATCHARA TEAMS MODEL” : รูปแบบ
การพัฒนาโรงเรียนส่งเสริมพหุปัญญา พัฒนาคุณธรรม นำสู่โรงเรียนมาตรฐานสากล (Morals Multiple
Intelligences World Class Standard School) 3. โรงเรียน มเี ครอื ข่าย บา้ น วัด โรงเรียน ชมุ ชน รว่ มพัฒนา
คุณภาพการจัดการศึกษาของนักเรียนดว้ ยหลักธรรมาภิบาล 4. ครูสามารถจัดการศึกษาขัน้ พื้นฐานด้วยรปู แบบ
On Hand On Air On Site On Demand On line On Life ในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือ
ไวรัสโคโรนา (COVID-19) โดยยึดหลักการจัดการศึกษา "Education Based On Life , Learning Base On
Real Life" ให้นักเรียนมีพัฒนาการตามหลักสูตร เรียนรู้อย่างมีความสุข 5. นักเรียนมีพัฒนาการการเรียนรู้
ทักษะ เจตคติต่อการเรียน ตามหลักสูตรโรงเรียนพร้านีลวัชระ ระดับปฐมวัย พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตร
การศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 มีสมรรถนะตามมาตรฐานของหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนพร้านีลวัชระ
พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และมีทักษะของเด็กไทยใน
ศตวรรษที่ 21 6. นักเรียนมีความรู้ ความสามารถ ทักษะ มีความรู้ความสามารถตามความถนัด ความสนใจ มี
คุณภาพตามมาตรฐานโรงเรียนมาตรฐานสากล (World-Class Standard School) มีศักยภาพเป็น พลโลก
(Global Citizenship) 7. นกั เรียนสนใจเรยี นรู้ เหน็ คุณค่าภาคภูมใิ จในตนเอง ได้รับการส่งเสริมพฒั นาพหุปัญญา
นักเรียนตามความแตกต่างระหว่างบุคคลอย่างเต็มศักยภาพ 8. นักเรียนเป็นยุวทูตความดี มีภาวะผู้นำในการ
สอื่ สารคณุ ธรรม จริยธรรม คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สพู่ ลโลกในศตวรรษที่ 21