35
โรงเรียนวัดไตรสามัคคี
โรงเรียนวัดไตรสามัคคี ตั้งอยู่เลขที่ 999 หมู่ 1 ถนนสุขุมวิท ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมือง
สมทุ รปราการ จังหวัดสมทุ รปราการ สังกัด สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐาน รหสั ไปรษณีย์ 10270
โทรศัพท์ 02-3942227 โทรสาร 02-7036409 อีเมลของโรงเรียน คือ [email protected]
เว็บไซต์: www.tri.ac.th เปิดสอนตั้งแต่ระดบั ชนั้ อนุบาล 1 ถงึ ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 เนอื้ ท่ี 5 ไร่ 2 งาน ตำบล
บางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ผู้อำนวยการโรงเรียนคนปัจจุบัน คือ นายธารา
เปลี่ยนบางช้าง ดำรงตำแหน่งที่โรงเรียนนี้ตั้งแต่วันที่ 16 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2561 จนถึงปัจจุบัน มีครูและ
บคุ ลากรทางการศึกษาจำนวนท้ังส้ิน 61 คน โรงเรียนวัดไตรสามัคคีตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2520 ต้งั อย่เู ลขที่ 999 หมู่
1 ตำบลบางเมอื งใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวดั สมุทรปราการ ไดร้ บั อนุมตั ใิ หเ้ ปิดการสอนในปีการศึกษา
2520 โดยทางราชการไมไ่ ดจ้ ดั สรรงบประมาณใด ๆ ให้เลย ในปีการศกึ ษาแรกท่ีเปิดทำการสอนทางราชการได้ส่ง
นายพรศักดิ์ กุวลัยรัตน์ ครูใหญ่โรงเรียนบ้านขุนสมุทร มารักษาราชการในตำแหน่งครูใหญ่เพื่อดำเนินการจัดหา
สถานท่ีเรยี นชัว่ คราวและจัดหาวัสดุอุปกรณ์การศึกษาโดยมนี ายจวง อ้นโต นางสาวศรีประภา นางสาวศรีประไพ
เพชรสมุทร และนางละม้าย บุญเผือก ได้มอบที่ดินจำนวน 2 ไร่เศษ ราคาประมาณ 1,000,000 บาท (หนึ่งล้าน
บาทถ้วน) ให้เป็นที่ปลูกสรา้ งอาคารเรียนโดยการบอกบุญผูม้ ีจิตศรทั ธาร่วมบริจาคเงินสร้างอาคารเรียนช่ัวคราว
ขึ้น เป็นจำนวนเงิน 61,220 บาท (หกหมื่นหนึ่งพันสองร้อยยี่สิบบาทถ้วน) แต่อาคารเรียนที่สร้างขึ้นยังไม่
เพียงพอกับจำนวนนักเรียน จึงต้องอาศัยโรงลิเกและศาลาวัดเป็นที่เรียนชั่วคราวเปิดทำการสอนตั้งแต่ช้ัน
ประถมศึกษาปีท่ี 1 - 6 มนี ักเรยี นทง้ั ส้นิ 353 คน ปจั จุบันเปดิ ทำการสอนตั้งแต่ชน้ั อนุบาล 1 ถงึ มธั ยมศึกษาปีท่ี
3 มีนักเรียนทั้งสิ้น 782 คน และปัจจุบันโรงเรียนมีเนื้อที่ทั้งหมด 5 ไร่ 2 งาน และได้รับการสนับสนุน จาก
พ่อค้าประชาชนและหน่วยงานอื่น เช่น เทศบาลตำบลสำโรงเหนือ ได้รับการสนับสนุนลานกีฬาต้านยาเสพติด
เรือนพยาบาล เรือนเพาะชำ สื่อ อุปกรณ์ต่าง ๆ รวมทั้งการปรับปรุงห้องประชุม วิสัยทัศน์ โรงเรียนวัดไตร
สามัคคี มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน ให้มีคุณธรรม นำความรู้ สู่สากล ก้าวทันเทคโนโลยี ดำรงชีวิตตาม
แนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เรียนรู้การสหกรณ์ จรรโลงความเป็นไทย ใส่ใจรักษาพลังงานและ
ส่ิงแวดล้อม ถงึ พรอ้ มการงานอาชพี ปรชั ญาของสถานศกึ ษา พากเพียร เรียนดี มีวินัย ใฝ่คณุ ธรรม อตั ลกั ษณ์ของ
สถานศึกษา “มารยาทงาม ใฝ่ดี มีจิตสาธารณะ” เอกลักษณ์ของสถานศึกษา “วิชาการเป็นเลิศ เชิดชูคุณธรรม
เลศิ ล้ำรักษ์สิง่ แวดล้อม พรอ้ มสังคมอภิบาล สืบสานประเพณี ศลิ ปวัฒนธรรม ผูน้ ำจัดการศึกษาพเิ ศษ” โรงเรียน
วัดไตรสามัคคี สงั กัดสำนักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาสมุทรปราการเขต 1 ไดร้ บั คดั เลอื กจากหนว่ ยงาน
ต้นสังกัดเป็นโรงเรียนดีประจำตำบล มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการศึกษาภาคบังคับ ตั้งแต่ระดับช้ัน
อนุบาลปีท่ี 1-3 ระดับชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 1-6 โดยมเี ขตพ้นื ท่ีบรกิ ารในหมู่ท่ี 1, 2, 4 และ 8 ตำบลบางเมืองใหม่
และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา มีเขตบริการครอบคลุมทั้งตำบลบาง
36
เมืองใหม่ รวมทั้งบริการจัดการศึกษาพิเศษพิการเรียนรวม โดยจัดการเรียนการสอนในหอ้ งเรียนปกติกับอีกสว่ น
หนึ่งจัดเป็นห้องเรียนในศูนย์ห้องเรียนคู่ขนานสำหรับเด็กออทิสติก การบกพร่องทางสติปัญญา นอกจากนี้ ได้
จัดบริการทางการศึกษาทางเลือกในโครงการโรงเรียนพุทธศาสนาวันเสาร์ สาขามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ
ราชวิทยาลัย เพื่อบริการเด็กและเยาวชนในชุมชน ครอบครัวนักเรียนได้เรียนรู้ธรรมะทั้งภาคทฤษฎีและพุทธ
ปฏิบัติ โรงเรียนวัดไตรสามัคคีกำหนดการบริหารงานเป็น 4 กลุ่มงานประกอบด้วย 1) กลุ่มงานบริหารวิชาการ
2) กลุ่มงานบริหารบุคลากร 3) กลุ่มงานบริหารงบประมาณและสินทรัพย์ 4) กลุ่มงานบริหารทั่วไป เน้นการมี
ส่วนร่วม ยึดหลักธรรมาภิบาล และคำสอนในศาสนาที่ตนเองเคารพนับถือ น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงมาเป็นแนวทางในการทำงานและการดำเนินชีวิตประจำวัน ดังปรากฏในโครงสร้างและขอบเขตภารกิจ
การบริหารงานและ การน้อมนำศาสตร์พระราชา รัชกาลที่ 9 สู่การพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน “ความรู้ที่จะศึกษา
มีอยู่ 3 ส่วน คือ ความรู้วิชาการ ความรู้ปฏิบัตกิ าร และความรู้คิดอ่าน ตามหาเหตุผลแหง่ ความจริง ซึ่งแต่ละคน
ควรเรียนรู้ให้ครบถ้วนเพื่อสามารถนำไปใช้ประกอบกิจการงานและแก้ปัญหาทั้งปวงได้อย่างมีประ สิทธิภาพ”
(พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยมหิดล ณ อาคารใหม่สวนอัมพร 2
กรกฎาคม พ.ศ.2535) พนั ธกิจ 1. บรหิ ารจดั การศกึ ษาสู่การเปน็ องค์กรแหง่ การเรียนรแู้ ละพัฒนาโดยใช้โรงเรียน
เป็นฐาน 2. พฒั นาหลักสูตรและจดั กระบวนการเรยี นรู้ใหค้ รอบคลุมและสอดคล้องกับมาตรฐานการจัดการศึกษา
และเป็นสากล 3. ส่งเสริมพัฒนาให้ครู บุคลากรทางการศึกษาเป็นครูมืออาชีพ และการเป็นข้าราชการที่ดี 4.
ส่งเสริม ให้ผู้เรียนมีการเรียนรู้และพัฒนาตนเองตามธรรมชาติเต็มศักยภาพ โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 5. บูรณา
การกิจกรรมการเรียนการสอนและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม สืบสานประเพณี
ศิลปวัฒนธรรม ดำรงความเป็นไทย ประชาธิปไตยในสถานศึกษา การส่งเสริมสุขภาพพลานามัย การป้องกันภัย
จากยาเสพติด 6. ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพให้แสดงออกถึงความสามารถของนักเรียนที่หลากหลาย สอดคล้องกับ
ความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล 7. ส่งเสริมให้ผู้เรียนรักการอ่าน
เกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง มีทักษะการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ทำได้ คิดเป็น ทำเป็น มีความสามัคคี มีระเบียบ
วินัย มีคุณธรรม จริยธรรม ก้าวทันเทคโนโลยี มีทักษะในการดำรงชีวิต เรียนรู้การอาชีพ รักความเป็นไทย ก้าว
ไกลสู่สากล 8. น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและการสหกรณ์ มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัด
การศึกษา การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและการดำเนินชีวิต 9. ส่งเสริมการอนุรักษ์การใช้พลังงาน จัด
บรรยากาศสิ่งแวดล้อม ให้เอื้อต่อการเรียนรู้ และบริการชุมชน 10. พัฒนาห้องเรียน ห้องพิเศษ ห้องปฏิบัติการ
ศูนย์การเรียนรู้กลุ่มสาระ แหล่งการเรียนรู้ อาคารสถานที่ ให้สะอาดปลอดภัย ใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า
11. พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการและพัฒนาการเรียนรู้ 12. พัฒนาระบบดูแล
ช่วยเหลือนักเรียนอย่างเป็นระบบ 13. พัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาให้ได้มาตรฐานดีมากทุก
มาตรฐาน 14. พฒั นาสถานศกึ ษาด้วยการนำหลักการวจิ ัยและพัฒนา มาประยกุ ตใ์ ช้เพ่ือยกระดับคุณภาพการจัด
37
การศึกษาอย่างต่อเนื่อง 15. ส่งเสริมการจัดการศึกษาพิเศษ เด็กที่มีปัญหาการเรียนรู้เรียนร่วมอย่างมี
ประสิทธิภาพ 16. ประสานสัมพันธ์กับบุคคล ชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น สถาบันศาสนา องค์กรภาครัฐ เอกชน
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคีเครือข่ายทกุ ภาค ส่วนกลุ่มโรงเรียนเครือข่าย สถานศึกษาเพื่อการมีส่วนร่วมใน
การพัฒนาคุณภาพจัดการศึกษา 17. สนับสนุนนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการเขต 1 เป้าประสงค์ 1. นักเรียน
ในเขตบริการของโรงเรียนเมื่อเขา้ เรียนแลว้ สามารถศึกษาเล่าเรยี นจบหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับสามารถศึกษา
ต่อหรือประกอบอาชีพที่สุจริตได้ 2. โรงเรียนมีอาคารสถานที่ ภูมิทัศน์ สิ่งแวดล้อมและบริเวณที่สะอาด ร่มร่ืน
ปลอดภัยเอื้อต่อการเรียนรู้ 3. โรงเรียนมีห้องเรียนคุณภาพ ห้องพิเศษ ห้องปฏิบัติการครบทุกกลุ่มสาระ มีสื่อ
นวัตกรรมเทคโนโลยีทางการศึกษา 4. โรงเรียนมีหลักสูตรที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน ชุมชนและ
ท้องถิ่น โดยเน้นให้ผูเ้ รียนตระหนักและเห็นคุณค่าของการอนุรักษพ์ ลงั งานสิ่งแวดล้อม ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม
มีความภูมิใจในความเป็นไทย ศรัทธาและยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง
เป็นประมุข 5. โรงเรียนเปน็ ผูน้ ำในการพฒั นาจัดการศึกษาเดก็ พเิ ศษเรยี นรวม เด็กทมี่ ีปญั หาทางการเรียนรู้ออทิ
สติกอย่างมีประสิทธิภาพ 6. ครูทุกคนเป็นครูมืออาชีพ เป็นข้าราชการที่ดี สามารถจัดการเรียนรู้ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ สามารถกำหนดทิศทางการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนและนำสถานศึกษาสู่การเป็นองค์กรแห่ง
การเรียนรู้ และพัฒนา 7. ผู้บริหารเปน็ ผู้นำในการเปลี่ยนแปลง มีภาวะผู้นำที่มีประสทิ ธภิ าพสามารถกำหนดทศิ
ทางการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนและนำสถานศึกษาสู่การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้และพัฒนา 8. ผู้เรียนมี
คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตามหลักธรรมของ
พระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนบั ถอื ยดึ หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 9. ผู้เรียนไดร้ บั การช่วยเหลือในระบบ
การดูแลช่วยเหลือนักเรียน ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบระเบียบโรงเรียน 10. ผู้เรียนมีความรู้อันเป็นสากลและมี
ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยีและมีทักษะชีวิต 11. ผู้เรียนมีสุขภาพกาย
และสุขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสัยและรักการออกกำลังกาย 12. ผู้เรียนมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิ
ปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งทำประโยชน์และสร้างสิ่งทีด่ ีงามในสังคม
และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข 13. ผู้เรียนมีความรักชาติ มีจิตสำนึกในการเป็นพลเมืองไทยและพล
โลก ยึดมัน่ ในวถิ ชี วี ติ และการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 14. ผู้เรียนมี
การพฒั นาการประเมินการอ่าน คดิ เขยี นและวิเคราะห์ ผา่ นเกณฑร์ ะดับดแี ละดีมาก
38
โรงเรียนคลองมหาวงก์
โรงเรียนคลองมหาวงก์ตั้งอยู่เลขที่ 239 หมู่ 2 ถนนสุขุมวิท ซอยอักษรลักษณ์ ตำบลบางเมือง อำเภอ
เมืองสมทุ รปราการ จังหวดั สมุทรปราการ รหสั ไปรษณีย์ 10270 โทรศัพท์ 0-2 395- 3123 โทรสาร 0-2 395-
0858 อีเมลของโรงเรียนคือ [email protected] เว็บไซต์ www.kmhw.ac.th สังกัดสำนักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ เปิดสอนระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 - 3 และ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 เขตพื้นที่บริการ
หมู่ที่ 1, 2, 3, 4, 6, 7 ตำบลบางเมือง และหมู่ที่ 7 ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัด
สมุทรปราการ มีผู้อำนวยการโรงเรียน นางสุรีรัตน์ เปลี่ยนบางช้าง ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.
2564 จนถึงปัจจุบัน รองผู้อำนวยการโรงเรียน นางสาววาสนา พวงวิจิตร์ ตั้งแต่ วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.
2560 มีครูและบุคลากรทางการศึกษาจำนวนทั้งสิ้น 39 คน นักเรียน 668 คน โรงเรียนคลองมหาวงก์เป็น
โรงเรียนประถมศึกษาขนาดกลาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 เปิด
สอน ตงั้ แต่ ปี พ.ศ.2483 โดยมปี ระวตั คิ วามเป็นมา ดังน้ี วนั ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2483 เปดิ เรยี นครั้งแรกใช้นาม
วา่ “โรงเรียนประชาบาล ตำบลบางเมือง” ในทีด่ ินของนายเจิม แยม้ ศรี และนายสุข เนยี มสุข มีอาคารไม้ 1 หลัง
ขนาด 14 × 6 เมตร โดยนายบญุ ชู บญุ มี เป็นครูใหญ่คนแรก มีนกั เรยี น 24 คน ปี พ.ศ. 2489 ได้ย้ายมาทำการ
สอนในที่ดนิ บรจิ าคของนายเจิม นาคทมิ เน้อื ท่ี 3 งาน 88 ตารางวา โฉนดเลขท่ี 242045 เล่มท่ี 2421 เลขท่ีดิน
10079 หน้าสำรวจ 28736 มูลค่า 2,766,00 บาท ทิศตะวันออกจดที่นา ทิศตะวันตกจดถนนรอบหมู่บ้าน ทิศ
เหนือจดเทศบาล ตำบลบางเมือง ทิศใต้จดสถานีอนามัยตำบลบางเมือง วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2489 ได้รับ
งบประมาณก่อสร้างอาคารเรียน แบบ ป.พเิ ศษ ขนาด 3 ห้องเรียนงบประมาณ 50,000 บาท สรา้ งแล้วเสร็จเมื่อ
วันท่ี 17 มิถนุ ายน 2489 โดยมี นายป่ิน สวุ รรณ เป็นครใู หญใ่ นขณะน้ัน วนั ที่ 15 เมษายน พ.ศ.2493 เริ่มสร้าง
อาคารเรียนหลังท่สี ามแลว้ เสรจ็ เมอื่ วนั ท่ี 9 พฤษภาคม 2494 วนั ท่ี 18 กนั ยายน พ.ศ.2507 เร่ิมสร้างโรงอาหาร 1
หลัง แล้วเสร็จเม่ือ วันที่ 22 กันยายน 2507 เดือนเมษายน พ.ศ.2508 นายชื่น นางน้อย ศรสังข์ทอง ได้ก่อสร้าง
ห้องเรียนเพม่ิ เตมิ จำนวน 1 ห้อง และบริจาคโตะ๊ นักเรยี นจำนวน 10 ชุด เดือนเมษายน พ.ศ.2519 นายจวน นาง
เป้า นาคทิม ได้มอบที่ดิน จำนวน 4 ไร่ 49.4 ตารางวา มูลค่า 3,000,000 บาท ให้เป็นสถานท่ีก่อสร้างอาคาร
เรยี น และมอบเงินจำนวน 190,000 บาท เพอื่ สมทบในการก่อสร้างอาคารเรียน ปัจจบุ ัน มีอาคารเรียน 4 หลัง
อาคารเอนกประสงค์ 1 หลัง วิสัยทัศน์ “พัฒนาการศึกษา รักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมแหล่งเรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม
น้อมนำเศรษฐกจิ พอเพียง” เอกลกั ษณข์ องสถานศึกษา “โรงเรียนวถิ ีพทุ ธ” อัตลักษณ์ของสถานศึกษา “ผู้เรียนมี
จิตสาธารณะตามวัยของตน”
39
โรงเรียนวดั บางโปรง
โรงเรียนวัดบางโปรง ตั้งอยู่เลขที่ 10 หมู่ที่ 2 ตำบลบางโปรง อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัด
สมุทรปราการ รหัสไปรษณีย์ 10270 โทรศัพท์/โทรสาร 02 - 3830427 มีอีเมลโรงเรียน คือ
[email protected] เว็บไซต์โรงเรียน คือ www.wbp.ac.th สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศกึ ษาสมุทรปราการ เขต 1 เปดิ สอนตัง้ แตร่ ะดบั อนุบาลถงึ ระดับประถมศึกษาปีท่ี 6 มเี ขตพ้ืนทบ่ี ริการ
2 หมู่ ได้แก่ หมู่ 1 และหมู่ 2 ผู้อำนวยการโรงเรียน คือ นางวัชรีย์ จันทรา ดำรงตำแหน่งท่ีโรงเรียนน้ีตัง้ แต่ 19
ธันวาคม 2562 จนถึงปัจจุบัน มคี รแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาจำนวนท้ังสิน้ 14 คน นกั เรยี น 210 คน เริ่มกอ่ ตั้ง
ขึ้นในปี พ.ศ. 2476 โดยเปิดทำการสอนครั้งแรกเมื่อ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2476 โดยปลัดอำเภอเมืองสมุทรปราการ
“ประมวลศาสตร์”รว่ มดว้ ยเจ้าหน้าทแี่ ผนกศึกษาธิการอำเภอเมืองสมทุ รปราการ ไดร้ ับมอบหมายจากนายอำเภอ
เมืองสมุทรปราการให้มาดำเนินการเปิดโรงเรียนประชาบาลตำบลบางโปรง (วัดบางโปรง) โดยอาศัยศาลาการ
เปรียญเปน็ สถานศึกษา เพราะยังไม่มีอาคารเรียน ในวนั เปดิ เรยี นได้มปี ระชาชนมารว่ มประชุม ประมาณ 50 คน
มีนายเผ่ือน เทียนสี เป็นครูใหญ่คนแรก โรงเรยี นวัดบางโปรงมีเนอื้ ท่ี 3 ไร่ 2 งาน 12 ตารางวา (เป็นท่ีธรณีสงฆ์)
คำขวญั ของโรงเรียน มีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ คู่คุณธรรม นำเทคโนโลยี หนยี าเสพติด ปรัชญาโรงเรียน ความรู้เป็นทรัพย์
อันประเสรฐิ อักษรย่อชื่อโรงเรียน ว.บ.ป. สีประจำโรงเรียน ชมพู เขียว สีเขียว หมายถึง สุภาพอ่อนนอ้ ม และสี
ชมพู หมายถึง ร่าเริง สดใส ต้นไม้ประจำโรงเรียน พระยาสัตตบรรณ วิสัยทัศน์ของโรงเรียน จัดการศึกษาได้
มาตรฐาน มารยาทงามอย่างไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เน้นการสื่อสารภาษาอังกฤษ มีทักษะชีวิตในศตวรรษที่ 21
บนพื้นฐานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อัตลักษณ์ของโรงเรียน นักเรียนมีคุณภาพ 3 ดี คือ เป็นคนดี มี
ความร้ดู ี มสี ขุ ภาพกายและจติ ดี เอกลักษณ์โรงเรยี นส่งเสริมสุนทรียภาพ ดา้ นดนตรี นาฏศิลป์
โรงเรยี นวดั สขุ กร
โรงเรียนวดั สุขกร ตง้ั อยู่ท่ี 77 หมู่ 8 ถนนสขุ มุ วิท ตำบลบางด้วน อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัด
สมทุ รปราการ รหสั ไปรษณีย์ 10270 โทรศพั ท์ 0 - 2384- 6115 โทรสาร 0 - 2384- 6115 สงั กดั สำนักงานเขต
พ้นื ทก่ี ารประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เว็บไซต์โรงเรียน www.sukakhon.ac.th อีเมลโรงเรียน: [email protected] เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น
ปฐมวัยถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน มีเขตพื้นที่บริการ 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ 1 ,หมู่ 5
และหมู่ 8 และพื้นที่ใกล้เคียง โรงเรียนวัดสุขกรก่อตั้งเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2476 โดยอาศัยศาลาวัดเป็น
สถานศึกษามีนักเรียนครั้งแรกประมาณ 40 คน ปัจจุบันเปิดทำการสอนในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 ถึง ชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 3 มีนักเรียนจำนวน 222 คน ผู้บริหารคนปัจจุบัน คือ นางนภาพร สุรเนตร มาดำรงตำแหน่ง
วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 จนถึงปัจจุบัน มีข้าราชการครูและบุคลากรภายในโรงเรียนจำนวน 18 คน มี
40
ปรัชญาโรงเรียน คือ ปญญา โลกสมิปชโชโต (ปัญญาเป็นแสงสว่าง ในโลก) มีปณิธาน คือ ศึกษาดี มีคุณธรรม
นำประชาธิปไตย ใส่ใจสุขภาพ มีคำขวัญ คือ รักการเรียน เพียรทำดี มีคุณธรรม มีอัตลักษณ์ คือ คุณธรรม
นำชีวิต พร้อมสร้างจิตสาธารณะ มีเอกลักษณ์ คือ การดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างรอบด้าน มีต้นไม้ประจำ
โรงเรียน คือ ต้นชงโค หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง ความสุข สีประจำโรงเรียน คือ สีขาว หมายถึง ความ
สะอาด มีมารยาทและคุณธรรม สีม่วง หมายถึง ความพอเพียง เสียสละ บำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม มี
วิสัยทัศน์ คือ นักเรียนคุณภาพดี มีศักดิ์ศรีคุณธรรม อาชีพเทคโนโลยีล้ำ พร้อมก้าวนำทันสมยั สิ่งแวดล้อมรกั ษา
สอน สหกรณ์เรียนรู้ไกล ดำรงชีพพอเพียงได้ ร่วมกายใจทั้งชุมชน มีพันธกิจ 6 ข้อ คือ1. ยกระดับคุณภาพ
คุณธรรม จริยธรรม ความเป็นไทยของผู้เรียน 2. พัฒนาครูและนักเรียนในการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มศักยภาพ
การจัดการศึกษาและนำไปสู่งานอาชีพที่มั่นคง 3. พัฒนาสิ่งแวดล้อมแหล่งเรียนรู้และนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมา
จัดการเรียนรู้ให้ประสิทธิภาพ 4. ส่งเสรมิ การจดั การเรยี นรสู้ หกรณใ์ หผ้ เู้ รียน เกดิ ทกั ษะชวี ิต ตามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง 5. พัฒนาการมีส่วนร่วม ของผู้ปกครองคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และองค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการศึกษาให้นักเรียนเป็นคนดีของสังคม 6. สนองนโยบาย
รัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศกึ ษาสมุทรปราการ เขต 1 มเี ปา้ หมาย คือ นกั เรียนมีคณุ ภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพน้ื ฐานตรงตาม
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของหลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐานโดยความร่วมมือของชุมชน กลยุทธ์ มี 6 ข้อ คือ
กลยุทธ์ที่ 1 ยกระดบั คุณภาพ คุณธรรม จรยิ ธรรม ความเป็นไทยของผู้เรียน กลยทุ ธ์ท่ี 2 พัฒนาศักยภาพครูและ
นักเรยี นในการใช้เทคโนโลยี เพ่ือเพม่ิ ศักยภาพการจัดการศึกษาและนำไปสู่งานอาชีพที่ม่ันคง กลยุทธ์ท่ี 3 พัฒนา
สิ่งแวดล้อมแหล่งเรียนรู้และนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพ กลยุ ทธ์ที่ 4 ส่งเสริมการ
จดั การเรียนรูส้ หกรณ์ใหผ้ ู้เรียนเกิดทักษะชวี ติ ามปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กลยุทธท์ ่ี 5 พฒั นาการมีส่วนร่วม
ของผู้ปกครองคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานและองค์กรการปกครองสว่ นท้องถน่ิ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ
จัดการศึกษาให้นักเรียนเป็นคนดีของสังคม กลยุทธ์ที่ 6 สนองนโยบายรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน
คณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน สำนกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1
โรงเรียนนิลรัตน์อนุสรณ์
โรงเรยี นนลิ รัตน์อนสุ รณ์ ต้ังอยู่ท่หี มู่ 3 ตำบลบางโปรง อำเภอเมืองสมทุ รปราการ จงั หวดั สมทุ รปราการ
รหัสไปรษณีย์ 10270 โทรศัพท์ 02-3830181 โทรสาร 02-3830181 มีอีเมลโรงเรียน [email protected]
Facebook page โรงเรียนนิลรตั น์อนุสรณจ์ ังหวัดสมทุ รปราการ สังกดั สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา
สมทุ รปราการ เขต 1 เปดิ สอนต้งั แต่ระดบั ช้ันอนุบาลปีที่ 1 ถงึ ระดับช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 มเี ขตพ้ืนที่บริการ 2
หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 4 ตำบลบางโปรง ผู้อำนวยการโรงเรียนคนปจั จุบัน คือ นายธวัช เก้าอุดม มา
ดำรงตำแหนง่ วันท่ี 12 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2562 จนถงึ ปัจจุบนั มคี รแู ละบุคลากรทางการศึกษาจำนวนทั้งสิ้น 11
41
คน นกั เรยี น 87 คน โรงเรียนนลิ รัตนอ์ นุสรณ์เดิมชอ่ื โรงเรยี นปลายคลองบางโปรง ก่อตั้งเมื่อปพี ุทธศักราช 2482
ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 ตำบลบางโปรง อำเภอเมือง บนที่ดินของนายรุ่ง ประสบทรัพย์ ปีพุทธศักราช 2517 ทางราชการ
ขยายการศึกษาภาคบังคับ จากเดิมชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 ทำให้คับแคบไม่สะดวก
นายเพยี ร ศรีเมือง ดำรงตำแหนง่ อาจารย์ใหญข่ ณะนน้ั และนายหลาบ สขุ ศรี ผู้ใหญ่บ้าน พรอ้ มทัง้ คณะกรรมการ
ชุมชนได้ขอบริจาคที่ดินจากบุตรและธิดาของ คุณแม่นิลรัตน์ บรรณสิทธิ์วรสาสน์ จำนวน 2 ไร่ 78 ตารางวา
ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ตำบลบางโปรง โดยได้รับการสนับสนุนจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลให้สร้างอาคารเรียน จึงได้
เปลี่ยนช่ือจากโรงเรียนปลายคลองบางโปรง เป็นโรงเรยี นนลิ รัตน์อนุสรณ์ เพื่อเป็นเกียรตปิ ระวตั แิ ก่ผู้อุทศิ ที่ดนิ ท่ี
ปัจจุบนั โรงเรียนประกอบด้วยอาคารจำนวน 4 หลัง เป็นอาคารเรยี น 1 หลงั อาคารอเนกประสงค์ 1 หลัง อาคาร
อนุบาล 1 หลัง อาคารห้องสมุด 1 หลัง และโครงหลังคาเมทัลชีส 1 หลัง คำขวัญของโรงเรียน “ขยัน ซื่อสัตย์
ประหยัด มีวินัย”ปรัชญาโรงเรียน “ทนฺโต เสฏโฐ มนุสเสสุ” ผู้ที่ฝึกฝนตนเป็นอย่างดีแล้ว เป็นเลิศในหมู่มนุษย์
อัตลักษณข์ องสถานศกึ ษา “มารยาทดี มนี ำ้ ใจ” เอกลักษณข์ องสถานศกึ ษา “นักเรียนดมี จี ิตอาสา” วิสยั ทศั น์ของ
สถานศึกษา โรงเรียนนิลรัตน์อนุสรณ์มุ่งเน้นการจัดการศึกษาให้ผู้เรียนมีความรู้ตามมาตรฐานการศึกษาขั้น
พื้นฐาน ควบคู่คุณธรรม จริยธรรม มีจิตอาสา รักษ์สิ่งแวดล้อม และดำรงชีวิตอย่างพอเพียง พันธกิจ 1. จัด
การศึกษาทุกระดับอย่างมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2. จัดหาและพัฒนาสื่อการเรียนการสอน
และเทคโนโลยีให้เอื้อต่อการเรียนรู้ 3. ส่งเสริมและพัฒนาครูผู้สอนมีคุณวุฒิ/ความรู้ความสามารถสอดคล้องกับ
ภาระงาน 4. สง่ เสรมิ การดำเนนิ ชวี ิตตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 5. สรา้ งความตระหนักให้ชุมชนเห็น
ความสำคญั และมสี ่วนรว่ มในการพัฒนาการศึกษา 6. พฒั นาผู้เรยี นใหม้ ีความสามารถในการใช้ส่ือเทคโนโลยีเพ่ือ
สืบค้นข้อมูลความรู้ด้วยตนเอง 7. พัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะในการทำงาน และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมี
ความสุข 8. พัฒนาผู้เรียนให้มีสุขภาพอนามัยด้านร่างกายและจิตใจ สมบูรณ์แข็งแรง และมีจิตอาสา 9.
พัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้คู่คุณธรรม เป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชนและประเทศชาติ เป้าหมาย 1.
นกั เรยี นมีคณุ ภาพตามมาตรฐานการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน 2. ผูเ้ รียนมคี วามสามารถในการใชส้ ื่อเทคโนโลยีเพ่ือสืบค้น
ข้อมูลความรู้ด้วยตนเอง 3. ครูผู้สอนมีคุณวุฒิ/ความรู้ความสามารถสอดคล้องกับภาระงาน 4. ครูใช้สื่อการ
เรียนการสอน และเทคโนโลยีให้เอื้อต่อการเรียนรู้ 5. นกั เรยี นและบุคลากรสามารถนำหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงไปใช้ในชีวิตประจำวัน 6. ชุมชนร่วมพัฒนาการศึกษาอย่างต่อเนื่อง 7. ผู้เรียนมีทักษะในการ
ทำงาน และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข 8. ผู้เรียนมีสุขภาพอนามัยด้านร่างกายและจิตใจ สมบูรณ์
แขง็ แรงมแี ละมจี ิตอาสา 9. ผู้เรยี นมีคณุ ธรรม/จริยธรรม และค่านิยมทพ่ี งึ ประสงค์ เปน็ สมาชกิ ทดี่ ีของครอบครัว
โรงเรยี นวัดบางด้วน
โรงเรียนวัดบางด้วนตั้งอยู่ หมู่ที่ 6 ตำบลบางด้วน อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
รหัสไปรษณีย์ 10270 โทรศัพท์ 02-3843287 โทรสาร 02-3843287 มีอีเมลโรงเรียน
[email protected] เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 ถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มี
เขตพน้ื ทีบ่ ริการ 3 หมบู่ ้าน ได้แก่ หมูท่ ี่ 2, หมทู่ ี่ 3 และหมูท่ ่ี 6 ตำบลบางด้วน อำเภอเมอื งสมุทรปราการ จงั หวัด
สมุทรปราการ ผู้อำนวยการโรงเรียนคนปัจจุบัน คือนางสาวญาณิศา ปลอดโปร่ง ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 1 มีนาคม
42
2562 จนถึงปัจจุบัน มคี รแู ละบุคลากรทางการศึกษาจำนวนทงั้ ส้นิ 10 คน นักเรยี น 92 คน โรงเรียนวัดบางด้วน
ตั้งอยู่หมู่ 6 ตำบลบางด้วน อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เดิมชื่อโรงเรียนประชาบาลตำบล
บางโปรง 3 (วัดบางด้วน) เปดิ ทำการสอนเม่อื วันท่ี 2 ตลุ าคม พ.ศ. 2476 โดยอาศัยศาลาการเปรยี ญของวัดบาง
ด้วนนอกเป็นสถานที่เรียน ในปี พ.ศ. 2480 เจ้าอาวาส ประชาชน และทางราชการ ร่วมกันสร้างอาคาร เรียน
แบบ ป.1 โดยใช้ท่ีดินของวัดบางด้วนนอก เนื้อที่ 3 ไร่ 2 งาน 60 ตารางวา เป็นบริเวณโรงเรียน เปิดทำการสอน
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงประถมศึกษาปีที่ 4 โดยมีนายมั่ง นันทนุช เป็นครูใหญ่คนแรก ต่อมาขยาย
การศึกษาถึงชั้นประถมศึกษาปที ี่ 7 ใช้หลักสูตรประถมศึกษาพ.ศ.2503 หลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ. 2521 และ
หลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ. 2521 (ปรับปรุง พ.ศ.2533) ปัจจุบันใช้หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดบางด้วน
ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 คำขวัญของโรงเรียน “มารยาทดี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้”
ปรชั ญาโรงเรียน “การศึกษาพฒั นาคนใหเ้ ปน็ มนุษย์ทส่ี มบูรณ”์ อตั ลักษณ์ของสถานศึกษา “ไหวส้ วย” เอกลกั ษณ์
ของสถานศึกษา “โรงเรียนวิถีพุทธ”วิสัยทัศน์ของสถานศึกษา “ผู้เรียนได้รับการพัฒนาให้มีความรู้ คู่คุณธรรม
อยา่ งมคี ณุ ภาพ มคี ุณลกั ษณะของผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 มีทกั ษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ สามารถใช้เทคโนโลยี
ได้อย่างชาญฉลาด อนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ดำรงชีวิตบนพื้นฐานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”
พันธกิจ 1. พัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถตามเกณฑ์มาตรฐานการศึกษา 2. พัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้คู่
คุณธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ เป็นสมาชิกที่ของครอบครัว 3. ส่งเสริมพัฒนาครูให้มีคุณวุฒิ/ความรู้
ความสามารถสอดคล้องกับภาระงาน 4. จดั หาและพัฒนาส่อื การเรียนการสอนและเทคโนโลยีท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้
5. ส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 6. พัฒนาผู้เรียนด้านทักษะกระบวนการอ่าน คิด
วิเคราะห์และเขียน 7. พัฒนานักเรียนให้มีความสามารถในการใช้สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ 8. พัฒนา
ผู้เรียนให้มีทักษะในการทำงานและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข 9. พัฒนาผู้เรียนให้มีสุขภาพอนามัย
ด้านร่างกายและจิตใจสมบูรณ์แข็งแรง มีสุนทรียภาพในศิลปะดนตรีและกีฬา 10. จัดและส่งเสริมระบบประกัน
คุณภาพภายในสถานศกึ ษา เป้าหมาย 1. นักเรียนได้รบั การศกึ ษาทม่ี คี ณุ ภาพตามมาตรฐานการศึกษา 2. นกั เรียน
มีคุณธรรม/จริยธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว 3. ครูผู้สอนมีศักยภาพและ
สมรรถนะเพียงพอต่อการจัดการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 4. โรงเรียนให้บริการทางการศึกษาที่มี
ประสิทธิภาพและคุณภาพ 5. โรงเรียนบริหารทุนและทรัพยากรทางการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ 6.
นักเรียนให้มีสุขภาพอนามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีสุนทรียภาพในศิลปะ ดนตรี และกีฬา 7. โรงเรียนส่งเสริมการ
เรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 8. ผู้เรียนมีทักษะการอ่าน เขียนและคิดวิเคราะห์และเขียน 9.
ผเู้ รยี นมคี วามสามารถในการใช้สือ่ เทคโนโลยเี พอ่ื สืบคน้ ข้อมลู ความรู้ด้วยตนเอง 10. ผเู้ รยี นมีทักษะในการทำงาน
รว่ มกับผูอ้ ่ืนไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข 11. นักเรยี น มีสมรรถนะตามหลักสตู รแกนกลาง พทุ ธศักราช 2551 12. โรงเรียน
มรี ะบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
43
โรงเรียนวัดบางนางเกรง
โรงเรียนวัดบางนางเกรงตัง้ อยู่ หมู่ที่ 4 ตำบลบางด้วน อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
รหัสไปรษณีย์ 10270 โทรศัพท์ 0-238-41160 โทรสาร 0-238-41160 อีเมลโรงเรียน
[email protected] เปิดสอนต้ังแต่ระดับชั้นอนุบาลปที ี่ 2 ถงึ ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 6 มเี ขต
พื้นที่บริการ 2 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 4, หมู่ที่ 7 ตำบลบางด้วน อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
ผู้อำนวยการโรงเรียนคนปัจจุบัน คือ นางสาวสรัลรัตน์ มานะมุติ ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 1 มีนาคม 2562 จนถึง
ปัจจุบัน มีครูและบุคลากรทางการศึกษาจำนวนทั้งสิ้น 8 คน นักเรียน 57 คนโรงเรียนวัดบางนางเกรงตั้งอย่ใู นที่
ธรณีสงฆ์ของวัดบางนางเกรง จำนวน 1 ไร่ 98 ตารางวา เดิมชื่อ “โรงเรียนประชาบาลตำบลบางโปรง5” ก่อตั้ง
เมื่อ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2479 นายแถบ ธรรมเมธา เป็นครูใหญ่คนแรกและพระครอู ดุลย์สมุทรสาร เจ้าอาวาส
วัดบางนางเกรง เปน็ ผูอ้ ุปถัมภต์ ่อมาเปล่ียนช่ือเป็นโรงเรียนวดั บางนางเกรง ให้สอดคล้องกบั วัดที่ต้ังของโรงเรียน
สมัยแรก ๆ เป็นตน้ มานกั เรียนเพิ่มขึ้น เรอ่ื ย ๆ ถงึ 400 คนเศษ และเมอื่ สภาพความเป็นเมืองมีการพัฒนาข้ึนใน
ทุกด้าน โรงเรียนทั้งของรัฐและเอกชนมากขึ้น การคมนาคมสะดวกขึ้น จำนวนนักเรียนลดลงมาโดยลำดับ จน
ปัจจุบันมีเพียงประมาณ 120 คนเศษ นักเรียนในเขตพื้นที่บริการมีน้อยมาก ดังนั้นปัจจุบันโรงเรียนวัดบางนาง
เกรงจึงได้รับนักเรียนนอกเขตบริการที่อพยพมาจากต่างจังหวัด และอยู่ในชุมชนแออัดห่างออกไป จึงยังมี
นักเรียนให้ดำรงความเป็นโรงเรียนอยู่ในปัจจุบันคำขวัญของโรงเรียน“มารยาทดี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้”ปรัชญา
โรงเรียน“สิกขากาโม ภวังค์ โหตุ ผู้รักการศึกษาเป็นผู้เจริญ”อัตลักษณ์ของสถานศึกษา“ มารยาทดี มีน้ำใจ”
เอกลักษณข์ องสถานศึกษา“โรงเรียนวิถีพุทธ”วสิ ัยทัศน์ พนั ธกิจ เปา้ หมาย วสิ ยั ทศั นข์ องสถานศกึ ษาโรงเรียนเป็น
องค์กรแห่งการเรียนรู้ ผู้เรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา พัฒนาทักษะชีวิต เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เพยี บพร้อมคุณธรรม กา้ วนำเทคโนโลยี มวี ถิ พี อเพยี งเป็นฐาน ผสานความร่วมมือกบั ชุมชนพันธกิจ 1. พฒั นาการ
จัดการศึกษาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก 2.
เสริมสร้างและปลูกฝังนกั เรียนให้มคี ุณธรรม จริยธรรม ตามหลักวิถีพุทธ มีวิถีการดำเนินชวี ิตบนพื้นฐานความ
เป็นไทยและมีความพอเพียง 3. เสริมสร้างพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะชีวิต มีทักษะกระบวนการคิดอย่างมีระบบ
และมคี วามเป็นพลเมอื งไทยและพลเมอื งโลกมีความรบั ผิดชอบต่อสังคม 4. ส่งเสริมครแู ละบุคลากรทางการศึกษา
เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถ มีคุณภาพตามมาตรฐานวิชาชีพ และสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ 5.
พัฒนาสื่อเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพทางการศึกษา 6. พัฒนาหลักสูตร
สถานศึกษา เพื่อสนองต่อความแตกต่างระหว่างบุคคล ให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถ มีทักษะชีวิต สู่ความ
อย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7. พัฒนาสถานศึกษาให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ พัฒนา
แหลง่ เรยี นรู้ สภาพแวดล้อมท่ีเอื้อต่อการส่งเสริมด้านการอนรุ ักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม และการจัดการเรียนรู้
อย่าง มีคุณภาพ 8. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการศึกษาระหว่างโรงเรียนผู้ปกครอง ชุมชน
ภาคเอกชน และองค์กรที่เกี่ยวข้องเป้าหมาย 1. สถานศึกษามีการจัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพตามมาตรฐาน
การศึกษา และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก 2. ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม ตามหลักวิถีพุทธ มี
วิถีการดำเนินชีวิตบนพื้นฐานความเป็นไทยและมีความพอเพียง 3. ผู้เรียนมีทักษะชีวิต ทักษะกระบวนการคิด
อย่างมีระบบ และมีความเปน็ พลเมืองไทยและพลเมืองโลกมีความรับผิดชอบต่อสังคม 4. ครแู ละบคุ ลากรทางการ
44
ศึกษา มีความรู้ ความสามารถ มีคุณภาพตามมาตรฐานวิชาชีพ และสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพ่ือ
พัฒนาคุณภาพผู้เรียน 5. สถานศึกษาใช้สื่อเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพทาง
การศึกษา 6. สถานศึกษามีหลักสูตรสถานศึกษาที่สามารถสนองต่อความแตกต่างระหว่างบุคคล ทำให้ผู้เรียนมี
ความรู้ ความสามารถ มีทักษะชีวิต สู่ความยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7. สถานศึกษามี
สภาพแวดลอ้ มทีเ่ ออื้ ต่อการเรยี นรู้ท้งั ในและนอกห้องเรียน สง่ เสริมด้านการอนุรักษ์พลังงานและส่งิ แวดลอ้ ม และ
เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ 8. ผู้ปกครอง ชุมชน ภาคเอกชนและองค์กรที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการบริหารจัด
การศึกษา
45
บทที่ 3
วธิ กี ารดำเนินการวจิ ยั
การวิจยั การพัฒนาขอ้ เสนอเชิงนโยบายในการจดั การเรียนรู้ชวี ติ วิถีใหมใ่ นสถานการณ์ COVID - 19
กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรปราการ เขต 1 ในครั้งนี้
เป็นการวิจัยด้วยระเบียบวิธีวิจัยเชิงผสมผสาน (Mixed method research) แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 วิธี คือ
การศึกษาเชิงปริมาณ (Quantitative research) ด้วยการใช้แบบสอบถาม Google form และเชิงคุณภาพ
(Qualitative research) เก็บข้อมูลโดยการอภิปรายกลุ่ม (Focus group discussion) คณะผู้วิจัยดำเนินการ
วิจยั ตามลำดับขนั้ ตอนดงั ตอ่ ไปนี้
ตอนที่ 1 การสำรวจสภาพการจัดการเรียนรายวันภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19
รปู แบบ Google form
ตอนท่ี 2 การสำรวจการจดั การเรยี นรูร้ ายสปั ดาห์ รปู แบบ Infographic
ตอนท่ี 3 การสอบถามสภาพปัญหาและความต้องการในการจัดการเรียนรู้ชวี ิตวิถีใหม่ ของผู้บริหารและ
ครูกลมุ่ โรงเรียนเมืองสมทุ รปราการ
ตอนท่ี 4 การสอบถามสภาพปัญหาและความต้องการในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ ของผู้ปกครอง
และนักเรยี นกลุ่มโรงเรียนเมอื งสมุทรปราการ
ตอนที่ 5 การดำเนนิ การสนทนากลุม่ (Focus group) กลุ่มผูบ้ ริหารสถานศึกษากล่มุ เมืองสมุทรปราการ
ตอนที่ 6 การดำเนินการสนทนากลมุ่ (Focus group) กล่มุ ครูผสู้ อนกลมุ่ เมอื งสมุทรปราการ
ในแตล่ ะตอน ผู้วจิ ยั ดำเนนิ การตามลำดบั ขน้ั ตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 การสำรวจสภาพการจัดการเรียนรายวันภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19
รูปแบบ Google form
ข้ันท่ี 1 โรงเรยี นกลุ่มโรงเรยี นเมืองสมุทรปราการ รบั นโยบายและแบบฟอร์มการสำรวจสภาพการ
จัดการเรียนรายวันภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 รูปแบบ Google form จากสำนักงานเขต
พืน้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษา สมทุ รปราการ เขต 1
ขั้นที่ 2 ผู้บริหารสถานศึกษา ประสานกับครูประจำชั้น เพื่อสำรวจข้อมูลจากผู้ปกครองนักเรียน
และครูผู้สำหรบั การจดั การเรียนการสอนในแต่ละวนั
ขั้นที่ 3 โรงเรียนรายงานการสำรวจสภาพการจัดการเรียนรายวันภายใต้สถานการณ์ การแพร่
ระบาด COVID-19 รปู แบบ Google form สำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษา สมุทรปราการ เขต 1 ซ่ึง
มหี ัวข้อในการนำมาวจิ ัยในครงั้ น้คี ือ
1) จำนวนนักเรียนทั้งหมด
2) จำนวนนกั เรียนที่เขา้ เรยี น และจำนวนนกั เรยี นทีข่ าดเรียนในแตล่ ะวนั
3) สาเหตุของการไม่เขา้ เรยี น
4) วิธีการแก้ปญั หาของโรงเรียน
46
ขั้นที่ 4 ส่งแบบสำรวจสภาพการจัดการเรียนรายวันภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19
ในรูปแบบ Google Form ให้กับผู้ประสานงานของแต่ละโรงเรียนเพื่อส่งต่อแบบสำรวจกบั กลุ่มตัวอย่าง จำนวน
1,245 ฉบับ พร้อมกำหนดวันรับคนื ในวันท่ี 18 ตุลาคม 2564
ขั้นที่ 5 วิเคราะห์ แบบสำรวจสภาพการจัดการเรียนรายวันภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด
COVID-19 รปู แบบ Google form โดยใช้การแจกแจงความถี่ ร้อยละ
ตอนที่ 2 การสำรวจการจัดการเรยี นร้รู ายสัปดาห์ รปู แบบ Infographic
ขน้ั ท่ี 1 ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา รับนโยบายจากสำนกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาสมทุ ราการ
เขต 1 ในการจดั ทำรายงานการสำรวจการจัดการเรียนร้รู ายสปั ดาห์ ประชุมชีแ้ จง ประสานกับครูประจำชั้น เพื่อ
สำรวจขอ้ มลู จากผปู้ กครองนกั เรยี นและครูผสู้ ำหรับการจัดการเรียนรรู้ ายสปั ดาห์
ขั้นที่ 2 โรงเรียนกลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ จัดทำผลการสำรวจการจัดการเรียนรู้ราย
สัปดาห์ ในรปู แบบ Infographic ประชาสมั พนั ธผ์ ่านช่องทางออนไลนข์ องโรงเรยี น ซึง่ มหี ัวข้อในการนำมาวิจัยใน
คร้งั นค้ี อื
ขั้นที่ 3 รวบรวมผลการสำรวจการจัดการเรียนรู้รายสัปดาห์ ในรูปแบบ Infographic ของโรงเรียน
กลมุ่ โรงเรยี นเมอื งสมุทรปราการ ในวนั ท่ี 18 ตลุ าคม 2564
ขั้นที่ 4 วิเคราะห์ แบบสำรวจการจัดการเรียนรู้รายสัปดาห์ รูปแบบ Infographic โดยใช้การแจก
แจงความถี่ รอ้ ยละ
ตอนท่ี 3 การสอบถามสภาพปัญหา ความต้องการและข้อเสนอแนะในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่
ของผูบ้ ริหารและครกู ลมุ่ โรงเรียนเมอื งสมุทรปราการ
ข้นั ท่ี 1 ศกึ ษา หลักการแนวคิด ทฤษฎี และเอกสารงานวิจยั ทเ่ี กี่ยวขอ้ งท่ีครอบคลุม เร่ืองการจัดการ
เรียนรู้วิถีใหม่ภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ตัวแปรเกี่ยวกับสภาพและปัญหาการจัดการเรียนรู้ ความต้องการ
และข้อเสนอแนะการจดั การเรยี นรู้วถิ ใี หมภ่ ายใตส้ ถานการณ์ COVID-19
ขัน้ ที่ 2 สรา้ งแบบสอบถาม โดยแบง่ เป็น 3 ตอน คอื ตอนท่ี 1 คำถามเก่ยี วกับลักษณะส่วนบคุ คลของ
ผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 คำถามเกี่ยวกับสภาพปัญหาในการจัดการเรียนรู้ชีวิต วิถีใหม่ในสถานการณ์
COVID – 19 จำนวน 20 ข้อ โดยใช้วัดมาตราสว่ นประมาณคา่ (Rating Scale) 5 ระดบั คือ มากทส่ี ดุ มาก ปาน
กลาง น้อย น้อยท่ีสุด กำหนดการให้น้ำหนักคะแนนดงั นี้
5 หมายถงึ มรี ะดับปัญหา มากทสี่ ดุ
4 หมายถึง มีระดบั ปัญหา มาก
3 หมายถึง มีระดับปญั หา ปานกลาง
2 หมายถงึ มรี ะดบั ปัญหา นอ้ ย
1 หมายถงึ มรี ะดบั ปัญหา น้อยทีส่ ดุ
47
และตอนที่ 3 คำถามเกี่ยวกับความต้องการ เเละข้อเสนอเเนะในการจัดการเรียนรู้ชีวิต วิถีใหม่ใน
สถานการณ์ COVID – 19 จำนวน 20 ข้อ โดยใช้วัดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ คือ มาก
ทสี่ ดุ มาก ปานกลาง น้อย น้อยทสี่ ดุ กำหนดการใหน้ ้ำหนักคะแนนดังน้ี
5 หมายถึง มรี ะดบั ความต้องการ มากทส่ี ุด
4 หมายถงึ มรี ะดับความต้องการ มาก
3 หมายถงึ มรี ะดับความตอ้ งการ ปานกลาง
2 หมายถึง มรี ะดับความตอ้ งการ น้อย
1 หมายถึง มรี ะดบั ความตอ้ งการ น้อยท่สี ุด
ขั้นที่ 3 นำแบบสอบถาม เสนอผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจสอบความตรงของแบบสอบถาม โดยการ
พิจารณาความสอดคลอ้ งขอ้ คำถามกับนยิ ามตัวแปรทีศ่ ึกษา และปรับปรุงแกไ้ ขแบบสอบถาม
ขนั้ ท่ี 4 สง่ หนงั สือเพอื่ ขอความร่วมมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดบแนบไปพรอ้ มกบั แบบสอบถาม
Google Form ถงึ กลมุ่ ตวั อย่างทีเ่ ป็นผู้ตอบแบบสอบถาม
ขั้นที่ 5 ส่งแบบสอบถาม ในรูปแบบ Google Form ให้กับผู้ประสานงานของแต่ละโรงเรียนเพื่อส่ง
ตอ่ แบบสำรวจกับ กลุ่มตัวอย่าง คอื ผ้บู ริหารสถานศึกษา จำนวน 16 ฉบบั และครูผสู้ อนจำนวน 225 ฉบบั พร้อม
กำหนดวนั รับคืนในวนั ที่ 18 ตุลาคม 2564
ขั้นที่ 6 นำแบบสำรวจและสอบถามมาตรวจสอบความถูกต้อง และความสมบูรณ์ของการตอบ
คำถามและนำมาวเิ คราะห์ขอ้ มูล ตามวตั ถปุ ระสงค์ตัง้ ไว้ โดยใชค้ ่าเฉลยี่ ( ) และสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (S.D.)
ตอนที่ 4 การสอบถามสภาพปัญหาและความต้องการในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ของผู้ปกครอง
และนักเรียนกลมุ่ โรงเรียนเมืองสมุทรปราการ
ขั้นที่ 1 ศึกษา หลักการแนวคิด ทฤษฎี และเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่ครอบคลุม เรื่องการจัดการ
เรียนรู้วิถีใหม่ภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ตัวแปรเกี่ยวกับสภาพและปัญหาการจัด การเรียนรู้ ความ
ตอ้ งการและขอ้ เสนอแนะการจดั การเรียนรู้วถิ ใี หมภ่ ายใต้สถานการณ์ COVID-19
ขน้ั ที่ 2 สร้างแบบสอบถาม โดยแบ่งเป็น 3 ตอน คือตอนที่ 1 คำถามเก่ยี วกับลักษณะสว่ นบคุ คลของ
ผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนท่ี 2 คำถามเกี่ยวกับสภาพปัญหาในการจดั การเรยี นรู้ชีวิตวถิ ีใหม่ในสถานการณ์ COVID
– 19 จำนวน 20 ข้อ โดยใช้วัดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก ปานกลาง
นอ้ ย น้อยทสี่ ุด กำหนดการใหน้ ำ้ หนกั คะแนนดงั น้ี
5 หมายถงึ มีระดบั ปญั หา มากท่สี ดุ
4 หมายถงึ มรี ะดบั ปัญหา มาก
3 หมายถงึ มีระดับปญั หา ปานกลาง
2 หมายถึง มีระดับปญั หา น้อย
1 หมายถงึ มีระดับปญั หา นอ้ ยที่สดุ
48
ตอนที่ 5 การดำเนินการสนทนากลุ่ม (Focus group) กลุ่มผู้บริหารสถานศึกษากลุ่มเมือง
สมุทรปราการ
ขัน้ ที่ 1 ศกึ ษา หลกั การแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องท่ีครอบคลุม เรอ่ื งการจัดการเรียนรู้
วิถีใหม่ภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ตัวแปรเกี่ยวกับสภาพและปัญหาการจัดการเรียนรู้ ความต้องการและ
ข้อเสนอแนะการจดั การเรียนรู้วิถใี หมภ่ ายใตส้ ถานการณ์ COVID-19
ขั้นที่ 2 สร้างประเด็นคำถามแบบบันทึกข้อมูลการสนทนากลุ่ม (Focus Group) สำหรับผู้บริหาร
สถานศกึ ษา แบบสอบถามปลายเปิด ตามขอบเขตเนอื้ หาครอบคลมุ วัตถปุ ระสงคง์ านวิจัย
ขน้ั ท่ี 3 นำแบบบันทึกข้อมลู การสนทนากลุ่ม (Focus Group) เสนอผ้เู ชีย่ วชาญ เพ่อื ตรวจสอบข้อ
คำถามในการสนทนากลุ่ม (Focus Group) โดยการพจิ ารณาความสอดคลอ้ งขอ้ คำถามกับนยิ ามตัวแปรท่ีศึกษา
ขั้นที่ 4 จัดกิจกรรมการประชุมผู้บริหาร กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ แบบออนไลน์เพื่อ
สอบถามขอ้ มูลในรปู แบบการสนทนากล่มุ (Focus Group) ในวนั ที่ 15 ตุลาคม 2564 เวลา 9.00 น. - 12.30 น.
โดยมผี บู้ ริหารคอื ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นจำนวน 9 คน และรองผอู้ ำนวยการจำนวน 7 คน รวมจำนวน 16 คน
ขั้นที่ 5 นำข้อมูลที่ได้จากการจัดกิจกรรมการประชุมผู้บริหาร กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ
แบบออนไลน์เพื่อสอบถามข้อมูลในรูปแบบการสนทนากลุ่ม (Focus Group) มาวิเคราะห์ประเด็นเชิงคุณภาพ
(Qualitative research)
ตอนท่ี 6 การดำเนินการสนทนากลมุ่ (Focus group) กลุ่มครผู ูส้ อนกลุ่มเมืองสมุทรปราการ
ขน้ั ท่ี 1 ศกึ ษา หลักการแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจยั ท่ีเกี่ยวข้องที่ครอบคลุม เรื่องการจัดการเรียนรู้
วิถีใหม่ภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ตัวแปรเกี่ยวกับสภาพและปัญหาการจัดการเรียนรู้ ความต้องการและ
ขอ้ เสนอแนะการจัดการเรยี นรู้วถิ ใี หมภ่ ายใตส้ ถานการณ์ COVID-19
ขั้นที่ 2 สร้างประเด็นคำถามแบบบันทึกข้อมูลการสนทนากลุ่ม (Focus Group) สำหรับครูผู้สอน
แบบสอบถามปลายเปดิ ตามขอบเขตเนอื้ หาครอบคลุมวตั ถปุ ระสงค์งานวจิ ยั
ขั้นที่ 3 นำแบบบันทึกข้อมูลการสนทนากลุ่ม (Focus Group) เสนอผู้เชี่ยวชาญ เพื่อ
ตรวจสอบข้อคำถามในการสนทนากลุ่ม (Focus Group) โดยการพจิ ารณาความสอดคล้องข้อคำถามกับนิยามตัว
แปรท่ีศึกษา
ขั้นที่ 4 จัดกิจกรรมการประชุมครูผู้สอน กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ แบบออนไลน์เพื่อ
สอบถามข้อมูลในรูปแบบการสนทนากลุ่ม (Focus Group) ในวันที่ 15 ตุลาคม 2564 เวลา 13.00 น. ถึง
16.30 น. โดยมีครผู ้สู อนตัวแทนแต่ละโรงเรียนเขา้ รว่ มโรงเรยี นละ 2 คน รวม 18 คน
ขั้นที่ 5 นำข้อมูลที่ได้จากการจัดกิจกรรมการประชุมครูผู้สอน กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ
แบบออนไลน์เพื่อสอบถามข้อมูลในรูปแบบการสนทนากลุ่ม (Focus Group) มาวิเคราะห์ประเด็นเชิงคุณภาพ
(Qualitative research)
49
1.ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง
1.1 ประชากร ได้แก่
1.1.1 ผบู้ รหิ าร กลมุ่ โรงเรยี นเมอื งสมทุ รปราการ จำนวน 16 คน
1.1.2 ครูผู้สอน กลุม่ โรงเรยี นเมืองสมทุ รปราการ จำนวน 225 คน
1.1.3 นักเรียน กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ จำนวน 5,017 คน
1.1.4 ผู้ปกครองของนกั เรียนกลุ่ม โรงเรียนเมืองสมุทรปราการ จำนวน 5,017 คน
1.2 กลมุ่ ตัวอย่าง หากล่มุ ตวั อย่างโดยใชว้ ธิ ีการสุ่มอยา่ งง่าย ( Simple Random Sampling)
ตามจำนวนกลมุ่ ท่ีต้องการรอ้ ยละ 10 ของประชากร ไดแ้ ก่
1.2.1 นกั เรยี น กลมุ่ โรงเรยี นเมืองสมุทรปราการ จำนวน 502 คน
1.2.2 ผู้ปกครองของนักเรียนกลุ่ม โรงเรยี นเมอื งสมุทรปราการ จำนวน 502 คน
ตารางท่ี 1 จำแนกจำนวนประชากรและกล่มุ ตวั อย่างในการเก็บข้อมลู งานวจิ ัย
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากร กลุม่ ตวั อย่าง
(คน) (คน)
-
ผู้บรหิ าร 16 -
502
ครูผสู้ อน 225 502
1,002
นักเรียน 5,017
ผูป้ กครอง 5,017
รวม 10,275
2. เครอื่ งมอื ทีใ่ ช้ในการวจิ ยั
2.1 ลักษณะของเครื่องมือ
2.1.2 แบบสำรวจสภาพการจัดการเรียนรายวันภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 รูปแบบ
Google form สำรวจเรือ่ งตอ่ ไปนี้
1) จำนวนนักเรยี นทัง้ หมด
2) จำนวนนกั เรยี นทเ่ี ขา้ เรียน และจำนวนนกั เรียนท่ีขาดเรียนในแตล่ ะวนั
3) สาเหตขุ องการไม่เข้าเรียน
4) วิธีการแกป้ ัญหาของโรงเรียน
2.1.2 แบบสำรวจการจัดการเรียนรรู้ ายสัปดาห์ รปู แบบ Infographic รายงานการสำรวจเรื่องต่อไปน้ี
1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ On-Line On-Demand On-Air On-Hand และแบบผสมผสานหลาย
รูปแบบ (Blended Learning)
2) การวัดประเมินผลการจัดการเรยี นรรู้ ายสปั ดาห์
50
3) ปัญหาที่พบ แนวทางการแก้ไขปญั หาการจดั การเรยี นรู้
4) สภาพและปญั หาการจดั การเรียนรู้วิถใี หม่ภายใต้สถานการณ์ COVID – 19
2.1.3 แบบสอบถาม (Questionnaires) สำหรบั ผู้ปกครองและนกั เรยี น โดยแบ่งเปน็ 3 ตอน ดงั น้ี
ตอนที่ 1 เป็นคำถามเกี่ยวกับลักษณะส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ สถานะผู้ตอบ
แบบสอบถามเพศ อายุ ระดบั ช้นั ของนกั เรยี น สังกัดโรงเรยี น
ตอนที่ 2 เป็นคำถามเกี่ยวกับสภาพปัญหาในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID – 19
โดยใชว้ ัดมาตราสว่ นประมาณคา่ (Rating Scale) 5 ระดบั คือ มากท่ีสุด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยทีส่ ดุ
กำหนดการใหน้ ำ้ หนักคะแนนดงั น้ี
5 หมายถงึ มรี ะดบั ปัญหา มากท่สี ุด
4 หมายถงึ มีระดับปญั หา มาก
3 หมายถงึ มีระดับปญั หา ปานกลาง
2 หมายถงึ มรี ะดับปญั หา นอ้ ย
1 หมายถงึ มีระดับปัญหา น้อยทส่ี ุด
ตอนที่ 3 เป็นคำถามเกี่ยวกับความต้องการ เเละข้อเสนอเเนะในการจัดการเรียนรู้ชีวิต วิถีใหม่ใน
สถานการณ์ COVID – 19 โดยใช้วัดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก ปาน
กลาง น้อย น้อยทสี่ ุด กำหนดการใหน้ ้ำหนักคะแนนดังนี้
5 หมายถงึ มรี ะดบั ความตอ้ งการ มากทส่ี ุด
4 หมายถงึ มรี ะดับความต้องการ มาก
3 หมายถงึ มรี ะดับความตอ้ งการ ปานกลาง
2 หมายถงึ มีระดับความต้องการ นอ้ ย
1 หมายถึง มรี ะดับความต้องการ น้อยที่สดุ
2.1.4 แบบสอบถาม (Questionnaires) สำหรบั ผ้บู รหิ ารและครูผู้สอน โดยแบ่งเป็น 3 ตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 เป็นคำถามเกี่ยวกับลักษณะส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ สถานะผู้ตอบ
แบบสอบถามเพศ อายุ สงั กดั โรงเรยี น
ตอนที่ 2 เป็นคำถามเกี่ยวกับสภาพปัญหาในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID – 19
โดยใชว้ ดั มาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ คือ มากท่ีสดุ มาก ปานกลาง น้อย น้อยทส่ี ดุ
กำหนดการใหน้ ำ้ หนักคะแนนดงั น้ี
5 หมายถึง มรี ะดบั ปญั หา มากทส่ี ดุ
4 หมายถึง มรี ะดับปัญหา มาก
3 หมายถึง มีระดบั ปญั หา ปานกลาง
2 หมายถงึ มีระดับปญั หา นอ้ ย
1 หมายถึง มีระดบั ปญั หา น้อยทสี่ ดุ
51
ตอนที่ 3 เป็นคำถามเกี่ยวกับความต้องการ เเละข้อเสนอเเนะในการจัดการเรียนรู้ชีวิต วิถีใหม่ใน
สถานการณ์ COVID – 19 โดยใช้วัดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก ปาน
กลาง นอ้ ย น้อยทีส่ ดุ กำหนดการใหน้ ำ้ หนักคะแนนดังนี้
5 หมายถงึ มรี ะดบั ความต้องการ มากท่สี ดุ
4 หมายถงึ มีระดับความต้องการ มาก
3 หมายถึง มีระดับความต้องการ ปานกลาง
2 หมายถงึ มีระดบั ความต้องการ น้อย
1 หมายถึง มรี ะดับความตอ้ งการ นอ้ ยท่ีสดุ
2.1.5 ประเด็นคำถามในการสนทนากลุ่ม (Focus Group) ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน กลุ่ม
โรงเรียนเมืองสมุทรปราการ ซึ่งประกอบด้วยข้อคำถามเพื่อพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายในการจัดการเรียนรู้ชีวิ ต
วิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID -19 กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
สมุทรปราการ เขต 1 ครอบคลุมหวั ข้อดงั นี้
1) สถานศกึ ษาของทา่ นมสี ภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้ชวี ิตวิถใี หม่ รูปแบบต่างๆ ต่อไปนอ้ี ย่างไร
1.1) สถานศึกษาของท่านใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบใดบ้าง แต่ละรูปแบบมีสภาพปัญหา
อย่างไร
1.1.1) รปู แบบ On-Site
1.1.2) รูปแบบ On-Air
1.1.3) รูปแบบ On-Demand
1.1.4) รูปแบบ On-Line
1.1.5) รปู แบบ On-Hand
1.1.6) รูปแบบ Blended Learning
1.2) สถานศกึ ษาของทา่ นมีสภาพปัญหาการพฒั นาการจัดการเรียนรู้ชีวติ วิถีใหม่ อยา่ งไร
1.2.1) การปรบั หลกั สตู ร
1.2.2) การปรับรูปแบบ เทคนคิ วิธกี าร จัดการเรียนรู้ชวี ิตวิถใี หม่
1.2.3) การส่งเสริมสนบั สนนุ วิธกี ารเรียนรู้ของนกั เรียน
1.2.4) การตรวจผลงานและการรายงานผลการเรยี นรู้
1.2.5) การวดั ประเมนิ ผล
1.2.6) การมอบหมายงานการเรียนรู้
1.2.7) การสนับสนนุ สอื่ เทคโนโลยี อปุ กรณ์ที่นักเรียนเขา้ ถงึ การเรยี นรูไ้ ด้สะดวก
1.2.8) การใหค้ ำปรึกษาแนะนำผู้ปกครอง นักเรยี น
1.2.9) การสง่ เสรมิ ดแู ลรกั ษาสขุ ภาพของนักเรียน ครอบครวั
1.2.10) การสง่ เสริมพัฒนาวนิ ยั ในตนเอง ความรบั ผิดชอบตอ่ สังคม ของนกั เรยี นและครอบครัว
1.2.11) การปฏิบตั ิตนท่ถี กู ต้องเหมาะสมในสถานการณ์ COVID-19 การเรยี นรชู้ ีวติ ชีวิตวถิ ีใหม่
52
1.2.12) การสนับสนุนของผู้ปกครองที่ช่วยเสริมคุณภาพการจัดการเรียนการสอนและโอกาสใน
การเรยี นรู้ท่มี คี ุณภาพ
1.2.13) อน่ื ๆ ระบุ....................................................................................................
2) ความต้องการในการจดั การเรยี นรู้ชีวิตวิถีใหม่ ดา้ นตอ่ ไปนอ้ี ยา่ งไรบา้ ง
2.1) การปรับหลักสตู ร
2.2) การปรับรูปแบบ เทคนคิ วธิ กี าร จดั การเรยี นรชู้ วี ติ วถิ ีใหม่
2.3) การส่งเสริมสนบั สนุนวิธกี ารเรยี นรขู้ องนักเรยี น
2.4) การตรวจผลงานและการรายงานผลการเรยี นรู้
2.5) การวดั ประเมนิ ผล
2.6) การมอบหมายงานการเรยี นรู้
2.7) การสนบั สนุนสื่อ เทคโนโลยี อุปกรณท์ ี่นักเรยี นเขา้ ถงึ การเรยี นรูไ้ ด้สะดวก
2.8) การใหค้ ำปรกึ ษาแนะนำผู้ปกครอง นกั เรียน
2.9) การส่งเสรมิ ดแู ลรกั ษาสุขภาพของนกั เรียน ครอบครวั
2.10) การส่งเสรมิ พฒั นาวินยั ในตนเอง ความรับผิดชอบต่อสังคม ของนกั เรยี นและครอบครวั
2.11) การปฏิบตั ติ นท่ถี กู ตอ้ งเหมาะสมในสถานการณ์ COVID-19 การเรียนรูช้ ีวิตวถิ ีใหม่
2.12) การสนับสนุนของผู้ปกครองที่ช่วยเสริมคุณภาพการจัดการเรียนการสอนและโอกาสในการ
เรียนรทู้ มี่ ีคณุ ภาพ
2.13) อ่นื ๆ ระบ.ุ ..............................................................................................................
3) ทา่ นมขี ้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ในการจดั การเรยี นร้วู ิถชี วี ติ ใหม่ดา้ นต่อไปนอ้ี ยา่ งไรบา้ ง
3.1) การส่อื สารนโยบาย
3.2) การนำนโยบายไปปฏิบัติ การนิเทศกำกับติดตาม
3.3) การพัฒนาหลักสูตร ท่สี ง่ เสริมการเรียนรวู้ ิถีใหม่
3.4) การพัฒนารปู แบบการจัดการเรียนการรู้ และการวัดผลประเมินผลทีส่ ง่ เสริมการเรียนรวู้ ถิ ีใหม่
3.5) การสร้างความพรอ้ มและการสนบั สนนุ ของหนว่ ยงานตน้ สังกัดหน่วยงานอื่นทเี่ ก่ยี วข้อง
3.6) การสร้างความรว่ มมือของผ้ปู กครอง
3.7) การสง่ เสริมพฤตกิ รรมการเรียนรูข้ องผเู้ รยี น
3.8) การส่งเสรมิ ความรว่ มมือของหน่วยงานภาครฐั และหน่วยงานอ่ืน ๆ ทเี่ ก่ยี วขอ้ ง
3.9) อน่ื ๆ ระบุ...............................................................................................................
53
2.2 การสรา้ งเคร่ืองมอื และตรวจสอบคณุ ภาพของเครอื่ งมือ
2.2.1 ศกึ ษา หลกั การแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเก่ยี วขอ้ งที่ครอบคลุม เร่อื งการจดั การเรียนรู้วิถีใหม่
ภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ตัวแปรเกี่ยวกับสภาพและปัญหาการจัดการเรียนรู้ ความต้องการและ
ขอ้ เสนอแนะการจดั การเรียนรู้วถิ ใี หมภ่ ายใต้สถานการณ์ COVID-19
2.2.2 สร้างแบบสอบถาม (Questionnaires) สำหรับผู้ปกครองและนักเรียน โดยแบ่งเป็น 3 ตอน คือ
ตอนที่ 1 คำถามเกี่ยวกับลักษณะส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 คำถามเกี่ยวกับสภาพปัญหาใน
การจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID – 19 และตอนที่ 3 คำถามเกี่ยวกับความต้องการ
เเละข้อเสนอเเนะในการจัดการเรยี นรชู้ วี ิต วถิ ีใหม่ในสถานการณ์ COVID – 19
2.2.3 สร้างแบบสอบถาม (Questionnaires) สำหรับผู้บริหารและครูผู้สอน โดยแบ่งเป็น 3 ตอน คือ
ตอนที่ 1 คำถามเกี่ยวกับลักษณะส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 คำถามเกี่ยวกับสภาพปัญหาใน
การจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID – 19 และตอนที่ 3 คำถามเกี่ยวกับความต้องการ
เเละขอ้ เสนอเเนะในการจดั การเรยี นร้ชู วี ติ วถิ ใี หม่ในสถานการณ์ COVID – 19
2.2.4 สร้างประเด็นคำถามแบบบันทึกข้อมูลการสนทนากลุ่ม (Focus Group) สำหรับผู้บริหาร
สถานศกึ ษาและครูผู้สอน แบบสอบถามปลายเปิด ตามขอบเขตเนอื้ หาครอบคลุมวัตถปุ ระสงคง์ านวจิ ยั
2.2.5 นำแบบสอบถาม และแบบบันทึกข้อมลู การสนทนากลุ่ม (Focus Group) เสนอผู้เชย่ี วชาญ เพ่ือ
ตรวจสอบความตรงของแบบสอบถาม และข้อคำถามในการสนทนากลุ่ม (Focus Group) โดยการพิจารณาความ
สอดคลอ้ งข้อคำถามกบั นิยามตวั แปรท่ีศึกษา
2.2.5 ปรับปรุงแก้ไขแบบสอบถาม และแบบบันทึกข้อมูลการสนทนากลุ่ม (Focus Group) ตาม
ข้อเสนอแนะของผูเ้ ชีย่ วชาญ
2.2.6 นำแบบสอบถามไปใชก้ ับประชากร/กลุ่มตัวอย่าง
2.2.7 นำแบบบันทึกข้อมูลการสนทนากลุ่ม (Focus Group) ไปใช้ในกิจกรรมการประชุมผู้บริหารและ
ครูกลุม่ โรงเรยี นเมืองสมทุ รปราการ แบบออนไลน์เพื่อสอบถามขอ้ มูลในรูปแบบการสนทนากลุ่ม (Focus Group)
3. การเก็บรวบรวมข้อมูล
3.1 ทำหนังสือเพื่อขอความร่วมมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดบแนบไปพร้อมกับแบบสอบถามถึงกลุม่
ตวั อย่างทเี่ ปน็ ผู้ตอบแบบสอบถาม
3.2 ส่งแบบสำรวจสภาพการจัดการเรียนรายวันภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ใน
รูปแบบ Google Form ให้กับผู้ประสานงานของแตล่ ะโรงเรียนเพือ่ สง่ ตอ่ แบบสำรวจกับประชากร/กลุ่มตัวอย่าง
จำนวน 1,245 ฉบับ พร้อมกำหนดวันรับคืนในวันที่ 18 ตุลาคม 2564 โดยได้รับคืนจำนวน 1,245 ฉบับ คิดเป็น
รอ้ ยละ 100
3.3 ส่งแบบสอบถาม (Questionnaires) ในรูปแบบ Google Form ให้กับผู้ประสานงานของแต่ละ
โรงเรียนเพ่ือสง่ ตอ่ แบบสำรวจกบั ประชากร/กลุ่มตวั อยา่ ง จำนวน 1,245 ฉบับ พร้อมกำหนดวนั รับคืนในวันท่ี 18
ตุลาคม 2564 โดยไดร้ ับคนื จำนวน 1,245 ฉบับ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100
54
3.4 นำแบบสำรวจและสอบถามมาตรวจสอบความถูกต้อง และความสมบูรณ์ของการตอบคำถามและ
นำมาวิเคราะห์ข้อมลู ตามวัตถุประสงคต์ งั้ ไว้
3.5 จัดกิจกรรมการประชุมผู้บริหารและครูผู้สอน กลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ แบบออนไลน์เพื่อ
สอบถามข้อมูลในรูปแบบการสนทนากลุ่ม (Focus Group) ในวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ผู้บริหาร เวลา 9.00 น.
ถึง 12. 30 น. มีผู้บริหารเข้าร่วมจำนวน 16 คน และครูผู้สอน เวลา 13.00 น. ถึง 16.30 น. มีครูผู้สอนตัวแทน
แตล่ ะโรงเรยี นเข้ารว่ มโรงเรยี นละ 2 คน รวม 18 คน
4. การวิเคราะห์ข้อมูล
4.1 การวิเคราะหข์ อ้ มูลเชิงปรมิ าณ
4.1.1 แบบสำรวจแบบสำรวจสภาพการจดั การเรียนรายวันภายใต้สถานการณ์การแพรร่ ะบาด
COVID-19 รปู แบบ Google form ใชก้ ารแจกแจงความถ่ี รอ้ ยละ
4.1.2 แบบสำรวจการจดั การเรียนรรู้ ายสัปดาห์ รปู แบบ Infographic ใช้การแจกแจงความถี่ ร้อยละ
4.1.3 ข้อมลู ทวั่ ไปเก่ียวกับลักษณะสว่ นบคุ คลของผตู้ อบแบบสอบถาม ใช้การแจกแจงความถี่ ร้อยละ
4.1.4 ขอ้ คำถามเก่ยี วกับสภาพปญั หาในการจัดการเรียนรชู้ วี ติ วิถใี หมใ่ นสถานการณ์
COVID – 19 ใช้ค่าเฉลี่ย ( ) และสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (S.D.) โดยมเี กณฑ์ดังน้ี (บุญชม ศรสี ะอาด 2560)
ค่าเฉลย่ี ระหวา่ ง 4.51 – 5.00 หมายถงึ มีปัญหาในระดบั มากท่ีสดุ
คา่ เฉลย่ี ระหวา่ ง 3.51 – 4.50 หมายถงึ มปี ญั หาในระดบั มาก
คา่ เฉลย่ี ระหว่าง 2.51 – 3.50 หมายถงึ มีปัญหาในระดบั ปานกลาง
คา่ เฉลย่ี ระหวา่ ง 1.51 – 2.50 หมายถงึ มีปัญหาในระดับ นอ้ ย
คา่ เฉลีย่ ระหว่าง 1.00 – 1.50 หมายถงึ มีปัญหาในระดับ น้อยทส่ี ดุ
4.1.5 ข้อคำถามเกยี่ วกับความต้องการ และข้อเสนอเเนะในการจดั การเรยี นรู้ชีวติ วถิ ใี หม่ในสถานการณ์
COVID – 19 ใช้ค่าเฉลีย่ ( ) และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) โดยมเี กณฑ์ดงั น้ี (บุญชม ศรีสะอาด 2560)
คา่ เฉลย่ี ระหวา่ ง 4.51 – 5.00 หมายถึง มปี ญั หาในระดับ มากทส่ี ดุ
คา่ เฉลี่ยระหวา่ ง 3.51 – 4.50 หมายถึง มปี ญั หาในระดบั มาก
คา่ เฉลย่ี ระหวา่ ง 2.51 – 3.50 หมายถงึ มปี ัญหาในระดับ ปานกลาง
คา่ เฉลย่ี ระหวา่ ง 1.51 – 2.50 หมายถงึ มปี ัญหาในระดบั นอ้ ย
ค่าเฉลย่ี ระหว่าง 1.00 – 1.50 หมายถึง มปี ัญหาในระดบั นอ้ ยที่สดุ
4.2 การวิเคราะหข์ ้อมลู เชงิ คุณภาพ
55
4.2.1 ประเด็นคำถามในการสนทนากลุ่ม (Focus Group) ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน ซึ่ง
ประกอบด้วยข้อคำถามเพื่อพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์
COVID -19 กลุ่มโรงเรียนเมืองสมทุ รปราการ สำนกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษา สมทุ รปราการ เขต 1
56
บทที่ 4
ผลการดำเนินงานวจิ ยั
การวิจัยเรื่อง ในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้เสนอผลดำเนินงานวิจัย ผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยระเบียบวิธีวิจัย
เชิงผสมผสาน (Mixed method research) แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 วิธี คือ การศึกษาเชิงปริมาณ
(Quantitative research) ด้วยการใช้แบบสอบถาม Google form และเชิงคุณภาพ (Qualitative research)
เกบ็ ขอ้ มลู โดยการอภิปรายกลมุ่ (Focus group discussion) เพอ่ื ใหไ้ ด้ข้อมลู ทน่ี า่ เช่อื ถือ และมนี ้ำหนักมากยิง่ ขึ้น
ทั้งนจี้ ะนำเสนอการวิเคราะห์ขอ้ มลู ตามวตั ถปุ ระสงคใ์ นการศึกษาโดยมีรายละเอยี ด ดังต่อไปนี้
4.1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเชงิ ปริมาณ
โดยคณะผู้วิจยั แบง่ ผลการวิเคราะห์ข้อมลู แบ่งออกเปน็ 5 ตอน ดงั น้ี
ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของแบบสำรวจสภาพการจัดการเรียนรายวันภายใต้สถานการณ์
การแพรร่ ะบาด COVID-19
ตอนท่ี 2 ผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู แบบสำรวจการจัดการเรียนรรู้ ายสปั ดาห์ รปู แบบ Infographic
ตอนที่ 3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทว่ั ไปเก่ยี วกบั ลกั ษณะส่วนบุคคลของผตู้ อบแบบสอบถาม
ตอนที่ 4 ผลการวเิ คราะห์เกย่ี วกับสภาพปัญหาในการจัดการเรยี นร้ชู วี ติ วิถีใหม่ในสถานการณ์โควิด–19
ตอนท่ี 5 ผลการวเิ คราะหค์ วามตอ้ งการ และขอ้ เสนอเเนะในการจัดการเรยี นรชู้ ีวติ วิถีใหม่ในสถานการณ์
โควดิ –19
4.2 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู เชิงคุณภาพ
โดยคณะผู้วจิ ยั แบง่ ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู แบ่งออกเปน็ 2 ตอน ดังนี้
ตอนที่ 6 ผลการดำเนินการสนทนากลุ่ม (Focus group) กลุ่มผู้บริหารสถานศึกษากลุ่มโรงเรียนเมือง
สมุทรปราการ
ตอนที่ 7 ผลการดำเนนิ การสนทนากลุ่ม (Focus group) ผู้แทนครกู ลมุ่ โรงเรยี นเมืองสมุทรปราการ
โดยมีสญั ลกั ษณท์ ใี่ ชใ้ นการวเิ คราะหข์ ้อมลู ดงั น้ี
X แทน คา่ คะแนนเฉล่ยี (Mean)
n แทน จำนวนกลุม่ ตวั อยา่ ง
S.D. แทน คา่ ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
ตอนท่ี 1 ผลการวิเคราะห์แบบสำรวจสภาพการจัดการเรียนรายวันภายใต้สถานการณ์การแพร่
ระบาด COVID-19
แบบสำรวจรายวนั ทโี่ รงเรียนในกลุ่มโรงเรยี นเมอื งสมุทรปราการรายงานต่อสำนักงานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษา
ประถมศกึ ษา สมุทรปราการ เขต 1 ทนี่ ำมาวเิ คราะห์ขอ้ มูล ประกอบดว้ ย จำนวนนักเรียนทงั้ หมดจำนวนนกั เรียน
57
เข้าเรียนในแต่ละวัน จำนวนนักเรียนที่ไม่เข้าเรียนในแต่ละวัน นักเรียนเข้าเรียนด้วยวิธกี ารใด สาเหตุของการไม่
เขา้ เรียน ความต้องการสนับสนุน วิเคราะหโ์ ดยการ หาค่ารอ้ ยละ ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล แสดงในตารางที่ 2
ตารางที่ 2 ผลการวิเคราะห์แบบสำรวจสภาพการจัดการเรียนรายวันภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด
COVID-19
ลำดับที่ ขอ้ คำถาม จำนวน ร้อยละ
5,017 100.00
1 จำนวนนักเรยี นทงั้ หมด
2 จำนวนนกั เรยี นเขา้ เรยี นในแต่ละวนั 4,142 82.56
3 จำนวนนกั เรียนท่ีไม่เข้าเรียนในแต่ละวัน 875 17.44
4 นักเรยี นเข้าเรียนด้วยวิธกี ารใด
4.1 On-Air เรยี นผา่ นมูลนิธกิ ารศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ใน 131 20.15
พระบรมราชูปถัมภ์ หรอื DLTV 218 39.50
4.2 On-Demand เรยี นผ่านแอปพลิเคชนั่ ต่างๆ
4.3 On-Line เรียนผา่ นอนิ เทอร์เนต็ ผา่ นช่องทางออนไลนต์ า่ งๆ 587 65.10
4.4 On-Hand เรยี นทีบ่ า้ นดว้ ยเอกสาร เช่น หนังสอื แบบฝกึ หดั 720 84.65
ใบงาน ในรปู แบบผสมผสาน
5 สาเหตุของการไม่เขา้ เรียน
5.1 ไมม่ ีค่าอนิ เทอร์เน็ตและค่าบริการโทรศัพท์ 219 35.90
5.2 ไม่มเี ครอ่ื งรบั โทรทัศนร์ บั ชม DLTV 79 11.10
5.3 ขาดแคลนอปุ กรณใ์ นการเรียนออนไลน์ 230 40.55
5.4 ขาดความรับผิดชอบในการเรยี น 159 24.80
5.5 ไม่ไดร้ ับเอกสารการเรยี น 27 2.95
5.6 เขา้ รบั การรักษาโรคหรือเจ็บปว่ ย 134 27.35
5.7 ขาดความพรอ้ มดา้ นผดู้ แู ล เชน่ ไม่มผี ปู้ กครองดูแลระหว่าง 467 61.35
เรยี น ผปู้ กครองใช้อปุ กรณไ์ มเ่ ปน็ หรอื ผูป้ กครองไม่มคี วามรู้ 68 5.35
5.8 วิธกี าร เนือ้ หาทเี่ รียนไมน่ ่าสนใจ
58
ลำดับท่ี ขอ้ คำถาม จำนวน ร้อยละ
6 วิธีการแกป้ ญั หาของโรงเรยี น 198 21.30
6.1 โรงเรยี นหาแหล่งทุนสนับสนนุ อปุ กรณ์และระบบออนไลน์ 49 6.55
6.2 โรงเรียนหาแหลง่ ทนุ สนับสนนุ เครอ่ื งรบั โทรทัศน์ 330 51.30
6.3 ใช้การเรียน On Hand แทน Online 474 63.20
6.4 ครกู ระตุน้ ติดตามสม่ำเสมอ 635 72.20
6.5 ครใู หค้ ำแนะนำ/อธบิ ายเพมิ่ เตมิ /ซ่อมเสริมให้นกั เรยี น
เรยี นร้ไู ด้ 538 68.30
373 53.10
7 ความตอ้ งการการสนบั สนนุ 561 66.45
7.1 อปุ กรณส์ ำหรบั เรยี นออนไลน์ 79 11.55
7.2 สัญญาณอินเทอร์เนต็
7.3 คา่ บริการอนิ เทอร์เน็ต
7.4 ทวี ีรับ DLTV
จากตารางที่ 2 พบวา่
จากนกั เรยี นทั้งหมด 5,017 คนสว่ นใหญ่เขา้ เรียนในแตล่ ะวัน คดิ เป็นรอ้ ยละ 82.56 และไม่เข้าเรียน
ในแตล่ ะวนั คดิ เปน็ ร้อยละ 17.44
นักเรยี นเข้าเรยี นด้วยวิธีการสว่ นใหญค่ ือ On-Hand เรยี นท่บี ้านด้วยเอกสาร เช่น หนังสือ แบบฝึกหัด
ใบงาน ในรูปแบบผสมผสาน คิดเป็นร้อยละ 84.65 รองลงมาคือ On-Line เรียนผ่านอินเทอร์เน็ต ผ่านช่องทาง
ออนไลน์ต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 65.10
สาเหตุของการไม่เข้าเรียนส่วนใหญ่คือ ขาดความพร้อมด้านผู้ดูแล เช่นไม่มีผู้ปกครองดูแลระหว่าง
เรียน ผู้ปกครองใช้อุปกรณ์ไม่เป็น หรือผู้ปกครองไม่มีความรู้ คิดเป็นร้อยละ 61.25 รองลงมาคือขาดแคลน
อุปกรณ์ในการเรยี นออนไลน์ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 40.55
วิธีการแก้ปัญหาของโรงเรียนส่วนใหญ่คือ ครูให้คำแนะนำ/อธิบายเพิ่มเติม /ซ่อมเสริมให้นักเรียน
เรียนรู้ได้ คิดเปน็ รอ้ ยละ 72.20 รองลงมาคือครกู ระตุ้นติดตามสม่ำเสมอ คิดเปน็ รอ้ ยละ 63.20
ความต้องการการสนับสนุนส่วนใหญ่คือ อุปกรณ์สำหรับเรียนออนไลน์ คิดเป็นร้อยละ 68.30
รองลงมาคอื ค่าบรกิ ารอนิ เทอรเ์ น็ต คิดเปน็ ร้อยละ 66.45
59
ตอนท่ี 2 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู แบบสำรวจการจดั การเรยี นรู้รายสัปดาห์ รูปแบบ Infographic
แบบสำรวจรายสัปดาหท์ โี่ รงเรียนในกลมุ่ โรงเรยี นเมืองสมุทรปราการรายงานต่อสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา
ประถมศึกษา สมุทรปราการ เขต 1 ที่นำมาวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย รูปแบบการจัดการศึกษา ปัญหาและ
อุสรรค การดูแลช่วยเหลือ วิเคราะหโ์ ดยการ หาค่าร้อยละ ผลการวิเคราะห์ข้อมลู แสดงในตารางที่ 3
ตารางที่ 3 ผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู แบบสำรวจการจดั การเรียนรรู้ ายสัปดาห์ รูปแบบ Infographic
ลำดับที่ ขอ้ คำถาม รอ้ ยละ
1 รปู แบบการจดั การศกึ ษา
1.1 On-Air เรยี นผา่ นมูลนธิ กิ ารศกึ ษาทางไกลผา่ นดาวเทียม ในพระบรม 29.00
ราชูปถัมภ์ หรือ DLTV
1.2 On-Demand เรียนผ่านแอปพลิเคชน่ั ต่างๆ 63.90
1.3 On-Line เรียนผา่ นอินเทอรเ์ นต็ ผ่านชอ่ งทางออนไลนต์ ่างๆ 64.50
1.4 On-Hand เรยี นท่บี ้านด้วยเอกสาร เชน่ หนงั สอื แบบฝึกหดั ใบงาน ใน 91.70
รูปแบบผสมผสาน
2 ปัญหาและอปุ สรรค
2.1 ความพร้อมดา้ นอุปกรณ์ และเครือขา่ ยอินเทอรเ์ น็ต 100.00
2.2 ผ้ปู กครองไมม่ ีเวลาในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนด้านการเรียน 62.50
2.3 นักเรยี น และครอบครวั ได้รบั ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ 25.00
COVID-19
2.4 นักเรยี นมีความกระตือรือรน้ ในการเรียนนอ้ ยลง รวมถงึ ยงั ขาดวินัยใน 12.50
ตนเอง
2.5 ครไู มส่ ามารถช่วยเหลอื ด้านการเรยี นอยา่ งเต็มท่เี นอ่ื งจาก ปัญหาด้าน 12.50
การส่อื สาร
3 การดแู ลช่วยเหลือ
3.1 สำรวจนกั เรียนทไี่ ด้รับผลกระทบและให้การช่วยเหลอื 87.50
3.2 ใชเ้ ทคโนโลยมี าใชใ้ นการจัดการเรยี นการสอน ช่วยสรา้ งความสนใจใน 37.50
การเรยี น
3.3 ติดตามภาระงาน ยดื หยุ่นการสง่ งาน เพ่ือลดความเครียดของนักเรียน 87.50
3.4 เฝา้ ตดิ ตามการแพร่ระบาดของโรค COVID-เพื่อบริหารจดั การเรยี นรู้ 75.00
ใหเ้ หมาะสมกับผ้เู รยี น
60
จากตารางที่ 3 พบวา่
รปู แบบการจัดการศึกษาสว่ นใหญ่คือ On-Hand เรียนท่ีบา้ นดว้ ยเอกสาร เชน่ หนงั สือ แบบฝึกหัดใบ
งาน ในรูปแบบผสมผสาน คิดเป็นร้อยละ 91.70 รองลงมาคือ On-Line เรียนผ่านอินเทอร์เน็ต ผ่านช่องทาง
ออนไลนต์ ่างๆ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 64.50
ปัญหาและอุปสรรคส่วนใหญ่คือ ความพร้อมด้านอุปกรณ์ และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต คิดเป็นร้อยละ
100.00 รองลงมาคอื ผปู้ กครองไมม่ เี วลาในการดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรยี นด้านการเรยี น คดิ เป็นร้อยละ 62.50
การดูแลช่วยเหลือส่วนใหญ่คือ สำรวจนักเรียนที่ได้รับผลกระทบและให้การช่วยเหลือ และ ติดตาม
ภาระงาน ยืดหยุ่นการส่งงาน เพื่อลดความเครียดของนักเรียน คิดเป็นร้อยละ 87.50 รองลงมาคือ เฝ้าติดตาม
การแพร่ระบาดของโรค COVID-เพื่อบริหารจัดการเรยี นรูใ้ ห้เหมาะสมกบั ผูเ้ รยี น คดิ เปน็ รอ้ ยละ 75.00
ตอนท่ี 3 ผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู ทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม
ขอ้ มูลท่วั ไปของกลุ่มตัวอยา่ งที่ใช้วิจยั ประกอบดว้ ย สถานะผู้ตอบแบบสอบถามเพศ อายุ ระดับช้ันของ
นักเรยี น สงั กัดโรงเรียน โดยมีผบู้ รหิ าร ครผู ้สู อน ผปู้ กครอง และนักเรยี นในกลมุ่ โรงเรียนเมืองสมทุ รปราการ เป็น
ผู้ตอบแบบสอบถาม วิเคราะห์โดยการ หาค่าร้อยละ ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูลทวั่ ไปของผ้ทู ตี่ อบแบบสอบถาม แสดง
ในตารางท่ี 4
ตารางที่ 4 ข้อมูลทวั่ ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ลำดบั ท่ี ขอ้ คำถาม จำนวน รอ้ ยละ
1 สถานะผตู้ อบแบบสอบถาม
1.1 ผู้บรหิ ารสถานศึกษา 16 1.29
1.2 ครผู ู้สอน 225 18.07
1.3 ผู้ปกครอง 724 58.15
1.4 นักเรียน 280 22.49
รวม 1,245 100.00
2 เพศ
2.1 หญิง 962 77.30
2.2 ชาย 283 22.70
รวม 1,245 100.00
3 อายุ 61
3.1 7 - 12 ปี
3.2 13 - 20 ปี 208 16.70
3.3 21 - 30 ปี 68 5.50
3.4 31 - 40 ปี 158 12.70
3.5 41 – 50 ปี 416 33.40
3.6 51 – 60 ปี 291 23.30
3.7 มากกวา่ 60 ปี 87 7.00
รวม 17 1.40
1,245 100.00
4 ระดบั ช้ันของนกั เรยี น
4.1 ป. 1 61 21.80
4.2 ป. 2 47 16.80
4.3 ป. 3 29 10.20
4.4 ป. 4 21 7.50
4.5 ป. 5 45 15.90
4.6 ป. 6 54 19.20
4.7 ม.1 - ม.3 23 8.60
รวม 280 100.00
5 โรงเรียน 336 27.10
5.1 โรงเรยี นอนบุ าลวดั พิชยั สงคราม 412 33.20
5.2 โรงเรียนพรา้ นีลวัชระ 14 1.10
5.3 โรงเรยี นวดั บางนางเกรง 25 2.00
5.4 โรงเรยี นวดั บางดว้ น 150 12.10
5.5 โรงเรยี นวดั ไตรสามคั คี 30 2.00
5.6 โรงเรยี นวดั บางโปรง 12 1.00
5.7 โรงเรียนนิลรัตนอ์ นุสรณ์ 240 19.30
5.8 โรงเรยี นคลองมหาวงก์ 26 2.20
5.9 โรงเรียนวดั สขุ กร 1,245 100.00
รวม
62
จากตารางที่ 4 พบว่า
สถานะผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญค่ ือ ผู้ปกครอง คิดเป็นร้อยละ 58.15 รองลงมาคือนักเรียน คิด
เป็นร้อยละ 22.49 เพศส่วนใหญ่คือ เพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 77.30 รองลงมาคือ เพศชาย คิดเป็นร้อยละ
22.70 อายุส่วนใหญ่คือ 31 - 40 ปี คิดเป็นร้อยละ 33.40 รองลงมาคือ 41 - 50 ปี คิดเป็นร้อยละ 23.30
โรงเรยี นส่วนใหญ่คอื โรงเรยี นพรา้ นีลวัชระ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 33.20 รองลงมา คอื โรงเรยี นอนุบาลวดั พชิ ยั สงคราม
คิดเป็นร้อยละ 27.10
ตอนที่ 4 ผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับสภาพปัญหาในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์
COVID – 19
การวิเคราะห์เกี่ยวกับสภาพปัญหาในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID – 19 ใน
โรงเรยี นกลมุ่ โรงเรียนเมืองสมุทรปราการ สังกดั สำนกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศึกษา สมทุ รปราการ เขต 1
โดยมผี ้บู ริหาร ครูผสู้ อน ผ้ปู กครอง และนกั เรียน เปน็ ผู้ตอบแบบสอบถาม วเิ คราะหโ์ ดยการหาค่าเฉลยี่ และส่วน
เบีย่ งเบนมาตรฐาน ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลจะแสดงในตารางท่ี 5
ตารางที่ 5 สภาพปัญหาในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID – 19 ของผู้บริหาร
สถานศกึ ษาและครผู ู้สอน
สภาพปัญหา X S.D. ระดับ
1. การพฒั นาหลักสตู รสถานศึกษาใหส้ อดคล้องกับชวี ิตวถิ ีใหม่ 1.35 ปานกลาง
2.การพัฒนาแผนการจัดการจัดการเรียนรู้ส่งเสริมวิถีใหม่ท่ี 3.21 1.35 ปานกลาง
สอดคล้องกบั บริบทของผูเ้ รียน 3.29 1.24 ปานกลาง
3.การพัฒนาวิธีการการจัดการเรียนรู้ รูปแบบ On-Air(เรียน 3.30
ผ่านมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมในพระบรม 1.30 ปานกลาง
ราชูปถัมภ์ หรือ DLTV) ส่งเสริมชีวิตวิถีใหม่ที่สอดคล้องกับ 3.28
บรบิ ทของผเู้ รยี น 1.22 ปานกลาง
4.การพัฒนาวิธีการการจัดการเรียนรู้ รูปแบบ On-Demand 3.50
(เรียนผ่านแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ) ส่งเสริมชีวิตวิถีใหม่ ที่
สอดคล้องกบั บรบิ ทของผเู้ รยี น
5.การพัฒนาวิธีการการจัดการเรียนรู้ รูปแบบ On-Line
(เรียนผ่านอินเทอร์เน็ต) ส่งเสริมชีวิตวิถีใหม่ที่สอดคล้องกับ
บริบทของผู้เรยี น
63
สภาพปัญหา X S.D. ระดบั
6.การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ รูปแบบ On-Hand 1.46 ปานกลาง
(เรียนที่บ้านด้วยเอกสาร เช่น หนังสือ แบบฝึกหัดใบงานใน 3.21
รูปแบบผสมผสาน) ส่งเสริมชีวิตวิถีใหมท่ ี่สอดคล้องกับบริบท 1.83 มาก
ของผเู้ รียน 3.57 1.90 ปานกลาง
7.การสนับสนุนส่ือ เทคโนโลยี อปุ กรณท์ จ่ี ำเป็นในการจัดการ 3.47 1.29 ปานกลาง
เรยี นการสอน 3.29 1.33 ปานกลาง
8.การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ที่ช่วยส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ใน 3.50 1.39 ปานกลาง
ชวี ติ วิถีใหม่ 3.37 1.29 ปานกลาง
9.การมอบหมายงานของครูผู้สอน ที่เหมาะสมกับบริบทของ 3.29 1.23 ปานกลาง
รายวชิ า และผู้เรยี น 3.42 1.30 ปานกลาง
10.การกำกับติดตามการส่งงาน และตรวจผลงานนักเรียน 3.45 1.30 ปานกลาง
ของครูผสู้ อน 3.49 1.26 ปานกลาง
11.การกำหนดเกณฑ์การวัดผล ประเมินผลที่เหมาะสมกับ 3.50 1.30 ปานกลาง
บริบทของรายวชิ า และผู้เรยี น 3.45
12.การนเิ ทศภายในท่มี ีรปู แบบเหมาะสมและชว่ ยส่งเสริมการ
จัดการเรยี นรชู้ ีวติ วถิ ีใหม่
13.การพัฒนางานวิจัย และนวัตกรรมที่ส่งเสริมการจัดการ
เรยี นรใู้ นชีวติ วิถใี หม่
14.การดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ในด้านการ
เรยี นรู้ในชวี ติ วถิ ีใหม่
15.การดูแลช่วยเหลือนักเรียนด้านการปรับตัว การเรียนรู้
และความเป็นอยใู่ นชวี ิตวถิ ใี หม่
16.การประสานความร่วมมือกับผู้ปกครองในการจัดการ
เรียนร้ใู ห้กบั นักเรยี น
17.การสนับสนุนของผู้ปกครองที่ช่วยส่งเสริมการจัดการ
เรยี นรู้ทม่ี ีคณุ ภาพ
สภาพปญั หา X 64
18.การพัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศส่งเสริมการ S.D. ระดบั
จดั การเรยี นรชู้ ีวิตวถิ ีใหม่ 3.33 1.33 ปานกลาง
19.การส่งเสริมชุมชนให้มีความเข้มแข็งทางวิชาการส่งเสริม
การจดั การเรียนรชู้ วี ิตวิถใี หม่ 3.36 1.30 ปานกลาง
20.การรายงานผลการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนส่งเสริม
การเรียนรู้ชวี ติ วถิ ีใหม่ 3.37 1.36 ปานกลาง
รวมเฉลย่ี 3.38 1.37 ปานกลาง
จากตารางที่ 5 พบว่า
สภาพปญั หาในการจัดการเรยี นรู้ชวี ิตวถิ ใี หมใ่ นสถานการณ์ COVID – 19 ของผู้บรหิ ารสถานศึกษา
และครผู ู้สอนในภาพรวมอยู่ในระดบั ปานกลาง ( X = 3.38, S.D. = 1.37) และเมอ่ื พิจารณาเปน็ รายดา้ น พบวา่
สภาพปัญหาในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID – 19 ด้านที่มีระดับปัญหาสูง
ท่ีสดุ คือ การสนบั สนุนสื่อ เทคโนโลยี อปุ กรณท์ ี่จำเปน็ ในการจดั การเรียนการสอน ซึง่ มีคา่ เฉลีย่ นอยู่ในระดับมาก
( X = 3.57, S.D. = 1.83) รองลงมาคือ ด้านการพัฒนาวิธีการการจัดการเรียนรู้ รูปแบบ On-Line (เรียนผ่าน
อินเทอร์เน็ต) ส่งเสริมชีวิตวิถีใหม่ที่สอดคล้องกับบริบทของผู้เรียน ซึ่งมีค่าเฉลี่ยนอยู่ในระดับปานกลาง ( X =
3.50, S.D. = 1.22) ดา้ นการกำกับตดิ ตามการสง่ งาน และตรวจผลงานนกั เรยี นของครผู ู้สอน ซึ่งมีค่าเฉลย่ี นอยู่ใน
ระดบั ปานกลาง ( X = 3.50, S.D. = 1.33) และดา้ นการประสานความร่วมมือกับผู้ปกครองในการจัดการเรียนรู้
ใหก้ ับนกั เรยี น ซงึ่ มีค่าเฉล่ยี นอยูใ่ นระดบั ปานกลาง ( X = 3.50, S.D. = 1.26)
ตารางที่ 6 สภาพปัญหาในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID – 19 ของผู้ปกครองและ
นักเรียน
สภาพปัญหา X S.D. ระดับ
1. การจดั เน้ือหาวชิ าเรียนมคี วามเหมาะสมกับการจัดการ
3.08 1.24 ปานกลาง
เรียนรชู้ วี ติ วถิ ีใหม่
2. การกำหนดจำนวนชัว่ โมงเรยี นมีความเหมาะสมกับการ 3.06 1.55 ปานกลาง
จดั การเรียนการจัดการเรียนรู้ชวี ติ วถิ ใี หม่
3. ครูผู้สอนสามารถจดั การเรียนรชู้ ีวติ วถิ ีใหมใ่ ห้นักเรียน 3.05 1.21 ปานกลาง
เข้าใจในเนื้อหาวชิ าได้
สภาพปญั หา X 65
4. กระบวนการการจัดการเรียนรูช้ ีวิตวิถใี หมข่ องครูผสู้ อน S.D. ระดับ
ช่วยใหน้ กั เรียนเกดิ ความสนใจในเนือ้ หาวชิ า 3.11 1.32 ปานกลาง
5. นกั เรยี นสามารถทำแบบฝึกหัด หรอื ทำกิจกรรมทค่ี รู 3.12 1.91 ปานกลาง
มอบหมายไดด้ ว้ ยตนเอง 3.05 1.20 ปานกลาง
6. การมอบหมายงานหรือแบบฝกึ หัด ของครผู สู้ อนมีเนื้อหา 2.97 1.26 ปานกลาง
และปริมาณที่เหมาะสม 2.96 1.30 ปานกลาง
7.ครูผู้สอนมีการใชส้ อ่ื เทคโนโลยใี นการจัดการเรยี นรู้ ทีท่ ำให้ 2.93 1.36 ปานกลาง
ผ้เู รียนเขา้ ถงึ การเรียนรอู้ ย่างสะดวกและรวดเร็ว 3.12 1.21 ปานกลาง
8. ครูผสู้ อนชแ้ี จงเกณฑ์การวัดเเละประเมินผล มีการกำกบั 3.15 1.16 ปานกลาง
ตดิ ตามการเรียนรู้อยู่เสมอ 3.02 1.26 ปานกลาง
9. ครผู ูส้ อนให้ความชว่ ยเหลือ ใหก้ ำลงั ใจ และให้คำแนะนำ 3.01 1.36 ปานกลาง
เมอ่ื นกั เรยี นเม่ือพบปัญหาในการเรียนรู้ 3.37 1.24 ปานกลาง
10. นักเรียนมีความกระตือรือรน้ ในการเรยี น มีความ 3.17 1.27 ปานกลาง
รับผิดชอบในการเข้าเรยี น และส่งงานตามเวลาที่กำหนด 2.92 1.32 ปานกลาง
11. นกั เรียนคอยทบทวนบทเรียน ค้นควา้ ความรู้เพ่มิ เตมิ อยู่
เสมอ
12. นกั เรียนมี ส่อื วัสดุอปุ กรณ์ และเทคโนโลยีท่ีมคี วาม
พร้อมในการเรยี นรู้
13. ผปู้ กครองคอยสนบั สนุนการเรียนรู้ของนกั เรยี นทั้งเร่อื ง
วสั ดอุ ปุ กรณ์ และการคอยแนะนำใหค้ วามรเู้ พ่มิ เตมิ
14. นกั เรียนและผูป้ กครองต้องเสียค่าใช้จา่ ยในการเรยี น
เพิ่มขน้ึ จนส่งผลกระทบต่อค่าใชจ้ ่ายของครอบครัว
15. นักเรียนมีความวิตกกังวลตอ่ การเรยี น และการใช้
ชวี ิตประจำวนั ในช่วงสถานการณ์ COVID-19
16. โรงเรยี นมกี ารประชาสมั พันธ์ข้อมลู ขา่ วสาร กำหนดการ
กจิ กรรมต่างๆ ผ่านชอ่ งทางออนไลนเ์ ช่น เฟสบ๊คุ เว็ปไซด์
ของโรงเรียน
สภาพปัญหา X 66
17. โรงเรยี นมีชอ่ งทางการติดตอ่ สอ่ื สารที่คอยใหค้ ำปรึกษา S.D. ระดับ
ปญั หา รับเรือ่ งร้องเรยี น ทเี่ กิดข้นึ ในชว่ งสถานการณ์ 2.93 1.23 ปานกลาง
COVID-19
18. โรงเรียนคอยสนับสนนุ การจดั การเรียนการสอน เช่น การ 2.91 1.37 ปานกลาง
จัดสง่ เอกสารใบงานผา่ นไปรษณีย์ การสนบั สนนุ สือ่
เทคโนโลยี คา่ อนิ เทอรเ์ น็ต เป็นตน้ 3.09 1.27 ปานกลาง
19. ชมุ ชน คอยใหก้ ารชว่ ยเหลือสนบั สนุน วสั ดุ อปุ กรณ์ และ 3.01 1.25 ปานกลาง
เทคโนโลยีท่ีจำเปน็ ในการจดั การเรียนการสอน 3.05 1.31 ปานกลาง
20. สภาพแวดลอ้ มที่บ้าน และชุมชนทอี่ ยู่อาศยั มีความ
เหมาะสม ชว่ ยส่งเสรมิ การเรียนรูข้ องนักเรยี นได้
รวมเฉลยี่
จากตารางที่ 6 พบวา่
สภาพปัญหาในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID – 19 ของผู้ปกครองและ
นักเรียนในภาพรวมอยู่ในระดบั ปานกลาง ( X = 3.05, S.D. = 1.31) และเมอื่ พิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า
สภาพปัญหาในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID – 19 ด้านที่มีระดับปัญหาสูง
ที่สดุ คอื นักเรียนและผปู้ กครองต้องเสียคา่ ใช้จา่ ยในการเรียนเพม่ิ ขึ้น จนสง่ ผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของครอบครัว
ซึ่งมีค่าเฉลี่ยนอยู่ในระดับปานกลาง ( X = 3.37, S.D. = 1.24) รองลงมาคือ นักเรียนมีความวิตกกังวลต่อการ
เรียน และการใช้ชวี ติ ประจำวันในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ซ่งึ มคี ่าเฉลี่ยนอยู่ในระดับปานกลาง ( X = 3.17,
S.D. = 1.27)
ตอนที่ 5 ผลการวิเคราะห์ความต้องการ และข้อเสนอเเนะในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์
COVID – 1
การวิเคราะห์ความต้องการ และข้อเสนอเเนะในการจัดการเรยี นรู้ชีวติ วิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID –
19 ในโรงเรียนกลุม่ โรงเรียนเมืองสมทุ รปราการ สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา สมุทรปราการ
เขต 1 โดยมีผู้บริหาร ครูผู้สอน ผู้ปกครอง และนักเรียน เป็นผู้ตอบแบบสอบถาม วิเคราะห์โดยการหาค่าเฉล่ีย
และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู จะแสดงในตารางที่ 7
67
ตารางที่ 7 ความต้องการ และข้อเสนอแนะในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID – 19
ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาและครูผู้สอน
สภาพปัญหา X S.D. ระดับ
1.สถานศกึ ษาพัฒนาหลกั สูตร รปู แบบ เทคนคิ ส่ือ การจัดการ 0.92 มาก
เรียนรู้ เช่น ชุดการเรียนการสอน สื่อการสอนออนไลน์เพื่อ 4.05 0.85 มาก
ส่งเสริมการใช้ Classroom online 4.15 0.91 มาก
2.สถานศึกษาประสานความร่วมมือระหว่างครู และผู้ปกครอง 4.12 0.94 มาก
ในการเสริมสร้างนิสยั ใฝ่เรยี นรู้ด้วยตนเองของนักเรียน ในการ 4.02 0.80 มาก
จัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่อย่างต่อเนื่อง 4.08
3.สถานศกึ ษาสร้างความตระหนัก เตรียมความพร้อม เพ่ิม 0.93 มาก
ชอ่ งทางและวธิ ีการเรียนรู้ ทชี่ ว่ ยให้นกั เรยี นเรยี นรไู้ ด้ดีมีการ 4.00 0.93 มาก
วัดผลทหี่ ลากหลายสอดคล้องกบั สถานการณป์ ัจจบุ นั 4.06 0.96 มาก
4.สถานศึกษาให้การสนับสนุนสื่อ อปุ กรณ์ และเทคโนโลยีท่ี 3.98 0.98 มาก
จำเป็นในระหวา่ งการจัดการเรียนร้สู ำหรบั ครูและนักเรียนท่ี 3.97 0.98 มาก
ไมม่ ีความพร้อม 4.07
5.สถานศึกษาสร้างเครือข่ายความร่วมมอื กับชุมชนหรอื
หน่วยงานในพ้นื ท่ี เพ่อื ขอรบั สนบั สนนุ การจดั การเรยี นรแู้ ละ
การปฏบิ ัติงานของทั้งด้านงบประมาณ สื่อ วสั ดอุ ุปกรณ์
รวมท้งั การกระจายสญั ญาณอินเทอรเ์ นต็
6.สถานศกึ ษามแี ผน/แนวทางการบริหารสถานศึกษาใน
สถานการณ์อยา่ งชัดเจน มีขอ้ มลู พนื้ ฐานของผ้เู รยี นเพื่อใชใ้ น
การจดั การเรียนรแู้ ละการติดตามผเู้ รยี น
7.สถานศกึ ษาอำนวยความสะดวกในการติดต่อ ประสานงาน
และการเขา้ รับการบริการต่าง ๆ และควรตดิ ตามการเรียน
ของนักเรยี นในระหว่างการจัดการเรยี นรู้
8.สถานศกึ ษาสนับสนนุ สวสั ดิการต่าง ๆ ใหก้ ับครใู นการ
ปฏิบัติงาน
9.สถานศึกษาจัดทำค่มู ือนักเรียนเพอื่ สง่ เสรมิ สนบั สนุนการ
เรยี นรู้ และการปฏบิ ตั ติ นให้เหมาะสมและปลอดภัย และจัด
อาคารสถานทแี่ ละสง่ิ แวดลอ้ มภายในสถานศึกษาใหเ้ หมาะสม
10.รฐั /หนว่ ยงานตน้ สังกัดให้ความสำคัญและติดต้งั เครือข่าย
อนิ เทอร์เนต็ ใหค้ รอบคลุมท่วั ถงึ จดั ทีวีเพื่อการศกึ ษาเป็น
Free TV จดั ใหม้ ี Free wifi
สภาพปญั หา X 68
11.รัฐ/หน่วยงานต้นสงั กดั ควรสนบั สนนุ งบประมาณ และสื่อ S.D. ระดับ
วสั ดุอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ในการจัดการเรียนร้ใู นสถานการณ์วิกฤต 4.16 0.91 มาก
12.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการถอดบทเรียนจากสถานศกึ ษาที่ 4.06 0.93 มาก
ประสบความสำเรจ็ ในการจดั การเรยี นรใู้ นสถานการณ์
COVID-19 เพอื่ พฒั นาเปน็ รปู แบบการจัดการเรียนรชู้ วี ติ วิถี 4.07 0.89 มาก
ใหม่ 3.96 0.90 มาก
13.หน่วยงานตน้ สงั กัดมนี โยบายและมีการสอ่ื สารสร้างความ 4.31 0.89 มาก
เข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนรทู้ ช่ี ัดเจนตรงกนั ทันต่อ 4.19 0.86 มาก
สถานการณ์ COVID-19 4.18 0.90 มาก
14.หนว่ ยงานตน้ สงั กัดมีการนิเทศ ตดิ ตามและให้ความ 4.11 0.85 มาก
ช่วยเหลอื การจัดการเรยี นรู้ของครใู นการจดั การเรยี นรชู้ ีวติ วถิ ี
ใหม่ 4.12 0.84 มาก
15.ควรมีการพฒั นาครใู หส้ ามารถใช้เทคโนโลยใี นการจัดการ 4.23 0.87 มาก
เรียนร้ชู วี ติ วถิ ใี หม่ 4.10
16.ครเู สรมิ สรา้ งเจตคติตอ่ การเรยี นรแู้ บบพงึ่ พาตนเองให้แก่ 0.90 มาก
นักเรยี นและผปู้ กครองและเรียนรูเ้ พิ่มเติมเก่ียวกบั วิธีการการ
จดั การเรียนรชู้ วี ติ วิถใี หม่
17.ครใู หก้ ารเสริมเเรงนกั เรยี นระหวา่ งการจัดการเรียนรู้ ควร
ตดิ ตามให้นักเรียนไดร้ ับการเรียนรอู้ ยา่ งเหมาะสม และให้
คำปรกึ ษาแนะนำการเรยี นและการปฏบิ ัตติ นให้เหมาะสม
18.นกั เรยี นปฏิบัตติ นตามหลักเกณฑ์และวธิ กี ารจดั การเรียนรู้
ในชวี ิตวถิ ีใหม่ อยา่ งเครง่ ครดั มีความกระตือรือร้นและ
รับผิดชอบตอ่ การเรยี นรปู้ ฏบิ ัตติ นเพื่อดูแลสุขภาพตดิ ตาม
ข่าวสารและศึกษาค้นคว้าดว้ ยตัวเองมากข้ึน
19.ผ้ปู กครองให้ความรว่ มมือ เอาใจใส่ ดแู ลนักเรียน
สนับสนนุ การจดั การเรยี นรู้ในชวี ติ วิถีใหม่อยา่ งต่อเนอ่ื ง
20.ครปู ระสานงานกบั ผ้ปู กครอง ในการร่วมจัดการเรียนรู้
ชีวิตวถิ ีใหมข่ องนักเรยี น โดยมีความเขา้ ใจสถานศึกษาและมี
ความสัมพนั ธ์อนั ดีกบั สถานศึกษามากข้ึน
รวมเฉล่ีย
69
จากตารางที่ 7 พบว่า
ความต้องการ และข้อเสนอเเนะในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID – 19 ของ
ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( X = 4.10, S.D. = 0.90) และเมื่อพิจารณาเป็น
รายด้าน พบว่า ความต้องการ และข้อเสนอเเนะในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID – 19
ด้านที่มีระดับความต้องการ และข้อเสนอแนะมากที่สุดคือ ควรมีการพัฒนาครูให้สามารถใช้เทคโนโลยีในการ
จัดการเรียนรูช้ ีวิตวถิ ีใหม่ ซึ่งมีค่าเฉล่ียนอยู่ในระดบั มาก ( X = 4.31, S.D. = 0.89) รองลงมาคือ ครูประสานงาน
กับผู้ปกครอง ในการร่วมจัดการเรียนรู้ชวี ิตวถิ ีใหม่ของนกั เรียน โดยมีความเข้าใจสถานศึกษาและมคี วามสัมพันธ์
อนั ดีกับสถานศกึ ษามากขนึ้ ซึ่งมีค่าเฉล่ียนอย่ใู นระดับมาก ( X = 4.23, S.D. = 0.87)
ตารางที่ 8 ความต้องการ และข้อเสนอแนะในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID – 19
ของผปู้ กครองและนกั เรียน
สภาพปัญหา X S.D. ระดับ
1.11 ปานกลาง
1. การปรับเนื้อหาวิชาเรยี นใหม้ ีความเหมาะสมกบั การจัดการ 3.48
เรียนรชู้ ีวิตวถิ ใี หม่
2. การปรับลดจำนวนช่ัวโมงเรียนให้มีความเหมาะสมกับการ 3.29 1.13 ปานกลาง
จดั การเรียนรชู้ วี ิตวิถใี หม่
3. การปรับลดปรมิ าณแบบฝึกหดั ใบงาน ใหม้ ีความเหมาะสม 3.31 1.16 ปานกลาง
4. การปรบั เปลยี่ นรูปแบบการใหค้ ะแนน การวัดประเมนิ ผล ให้ 3.35 1.16 ปานกลาง
สอดคล้องกบั การจดั การเรยี นรชู้ ีวติ วิถีใหม่
5. การชี้แจงเกณฑ์การประเมินผล ท่มี ีความชดั เจนก่อนการ 3.38 1.15 ปานกลาง
เรยี น และการมอบหมายงาน
6. การความช่วยเหลอื ให้กำลังใจ จากครูผู้สอน 3.37 1.15 ปานกลาง
7. การจัดกจิ กรรมการจัดการเรยี นรชู้ ีวติ วิถีใหม่ ใหม้ ีความ 3.43 1.90 ปานกลาง
นา่ สนใจ
8. การให้คำแนะนำเมื่อนกั เรียนพบปญั หาในการเรยี นรูช้ ีวิต 3.43 1.90 ปานกลาง
วิถใี หม่ ของครูผู้สอน
9. การใช้ส่อื เทคโนโลยี ในการจัดการเรียนการสอน ใหเ้ หมาะ 3.52 1.17 มาก
กบั บริบทของนักเรียน
สภาพปญั หา X 70
S.D. ระดับ
10. การจัดทำส่อื การเรียนรู้ออนไลน์ทีน่ ักเรียนสามารถเข้าไป 3.54 1.12 มาก
ศกึ ษาได้ทุกเวลา ทกุ สถานท่ี 3.54 1.14 มาก
3.57 1.19 มาก
11. การสนับสนุนส่ือ วสั ดอุ ปุ กรณ์ และเทคโนโลยีทีม่ ีความ 3.53 1.14 มาก
พร้อมในการเรียนรู้ 3.54 1.20 มาก
3.54 1.19 มาก
12. การสนับสนุน อินเทอรเ์ น็ตความเร็วสูงทีเ่ หมาะกับการ 3.51 1.19 มาก
จัดการเรยี นรู้ 3.39 1.14 ปานกลาง
3.54 1.18 มาก
13. การใหค้ วามรูใ้ นการใช้ส่ือ เทคโนโลยเี พอื่ เข้าถงึ แหล่ง
เรยี นรู้ออนไลน์ 3.48 1.17 ปานกลาง
3.49 1.21 ปานกลาง
14. การใหค้ วามรู้เกยี่ วกับการป้องกนั ตนเอง ใหป้ ลอดภยั ใน 3.46 1.20 ปานกลาง
สถานการณ์ COVID – 19
15. การให้ความช่วยเหลอื ติดตามการเรยี นรู้และให้กำลังใจ
นกั เรยี นท่ีไดร้ บั ผลกระทบจาก สถานการณ์ COVID – 19
16. การสนับสนุนจากผู้ปกครองในด้านวสั ดุอปุ กรณ์ และการ
ช่วยสอนให้คำแนะนำในการเรียนเพม่ิ เติม
17. การจดั สภาพแวดลอ้ มที่บ้าน ให้เหมาะกบั การเรียนรู้
18. โรงเรยี นมีการเตรียมความพร้อมให้นักเรียนในชว่ งก่อน
การเรยี น เชน่ แจง้ นักเรยี น ผปู้ กครอง เตรียมอุปกรณ์ สื่อ
และใบงานต่างๆ
19. โรงเรยี นมกี ารชีแ้ จงแนวทางในการจดั การเรียนรใู้ ห้กบั
นกั เรยี นและผ้ปู กครอง
20. โรงเรยี นจดั ชอ่ งทางใหน้ ักเรยี น ผู้ปกครองและครูได้
สอ่ื สารรว่ มกนั
รวมเฉล่ยี
71
จากตารางที่ 8 พบวา่
ความต้องการ และข้อเสนอเเนะในการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID – 19 ของ
ของผู้ปกครองและนักเรียนในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ( X = 3.46, S.D. = 1.20) และเมื่อพิจารณาเป็น
รายดา้ น พบวา่
ความตอ้ งการ และขอ้ เสนอเเนะในการจัดการเรยี นรชู้ ีวิตวิถีใหม่ในสถานการณ์ COVID – 19 ด้าน
ที่มีระดับความต้องการ และข้อเสนอแนะมากที่สุดคือ การสนับสนุน อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่เหมาะกับการ
จัดการเรียนรู้ ซึ่งมีค่าเฉลี่ยนอยู่ในระดับมาก ( X = 3.57, S.D. = 1.19) รองลงมาคือ การจัดทำสื่อการเรียนรู้
ออนไลนท์ ่นี ักเรียนสามารถเข้าไปศึกษาได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ ซึง่ มคี า่ เฉลย่ี นอยูใ่ นระดบั มาก ( X = 3.54, S.D. =
1.12) การสนบั สนนุ สือ่ วัสดอุ ุปกรณ์ และเทคโนโลยีทม่ี ีความพร้อมในการเรียนรู้ ซ่ึงมคี ่าเฉลย่ี นอยู่ในระดบั มาก (
X = 3.54, S.D. = 1.14) การให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันตนเอง ให้ปลอดภัยในสถานการณ์ COVID – 19 ซึ่ง
มีค่าเฉลี่ยนอยู่ในระดับมาก ( X = 3.54, S.D. = 1.20) การให้ความช่วยเหลือ ติดตามการเรียนรู้และให้กำลังใจ
นักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID – 19 ซึ่งมีค่าเฉลี่ยนอยู่ในระดับมาก ( X = 3.54, S.D. =
1.19) และโรงเรียนมกี ารเตรยี มความพร้อมใหน้ ักเรยี นในช่วงก่อนการเรียน เช่น แจ้งนักเรยี น ผู้ปกครอง เตรียม
อปุ กรณ์ ส่อื และใบงานตา่ งๆ ซง่ึ มีค่าเฉลี่ยนอยู่ในระดับมาก ( X = 3.54, S.D. = 1.18 )
4.2 ผลการวิเคราะหข์ ้อมูลเชงิ คุณภาพ โดยคณะผวู้ จิ ยั แบง่ ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูลแบง่ ออกเปน็ 2 ตอน ดงั น้ี
ตอนที่ 6 ผลการดำเนินการสนทนากลุ่ม (Focus group) กลุ่มผู้บริหารสถานศึกษากลุ่มโรงเรียน
เมอื งสมทุ รปราการ
ผลการสนทนากลุ่มผู้บริหารสถานศึกษาในกลุ่มโรงเรียนเมืองสมุทรปราการ ซึ่งประกอบด้วย
ผู้อำนวยการโรงเรยี น รองผู้อำนวยการโรงเรยี น จำนวน 9 โรงเรียน แต่ละคนเสนอสภาพปัญหาการจดั การเรียนรู้
ตามประเด็นข้อคำถาม โดยมีผู้ดำเนินการสนทนากลุ่ม คือ นางสาววรรณชนก รอดหยู่ ผู้อำนวยการโรงเรียน
พร้านีลวัชระ และนางสาวสรัลรัตน์ มานะมุติ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางนางเกรง คณะวิจัยกลุ่มโรงเรียนเมือง
สมทุ รปราการ สรุปได้ ดงั น้ี
1. สถานศกึ ษาของท่านมีสภาพปญั หาการจดั การเรยี นร้ชู ีวติ วิถใี หม่ รปู แบบตา่ งๆ ต่อไปนี้อยา่ งไร
1.1 สถานศกึ ษาของท่านใชร้ ูปแบบการจดั การเรียนรูแ้ บบใดบ้าง แต่ละรปู แบบมสี ภาพปญั หาอยา่ งไร
1) รปู แบบ On-Site
2) รูปแบบ On-Air
3) รปู แบบ On-Demand
4) รปู แบบ On-Line
5) รปู แบบ On-Hand
6) รูปแบบ Blended Learning
72
นายณัฐพล นุชอุดม นางภาวิณี ครุฑปักษี และนางเมทินี พาทยโกศล (2564 : สัมภาษณ์)
ผู้อำนวยการโรงเรยี นและรองผู้อำนวยการโรงเรียนอนบุ าลวดั พิชัยสงคราม ไดใ้ ห้ขอ้ มูลไว้วา่ “โรงเรียนจัดการ
เรียนรู้ รูปแบบ On-Air On-Demand On-Line และ On-Hand ในส่วนของรูปแบบ On-Air On-Demand
และ On-Line ในด้านของปัญหาที่พบ รูปแบบ On-Air เรียนได้ในเด็กเล็ก แต่เมื่อเรียนหลายๆ วิชาเด็กต้องดู
หลายๆคลิป ทำให้เกิดความอ่อนล้าในการเรียน ประกอบกับช่วงเวลาที่ คุณพ่อคุณแม่กลับมาสอนเป็นช่วงเวลา
เลิกงาน เป็นช่วงเวลาที่เด็กไม่มีสภาพความพร้อมในการเรียนแลว้ ในรูปแบบ On-Line ใช้ในห้องเรียนที่มีความ
พร้อม คือ ห้องเรียน EP และระดับชั้น ป.6 พบปัญหานักเรียนเข้าเรียนไม่ครบ เนื่องจากขาดอุปกรณ์และ
สัญญาณอินเทอร์เน็ต ในรูปแบบ On-Hand จะใช้ในระดับชั้นอนุบาลและเด็กเล็ก แต่จะพบปัญหาด้านความรู
พื้นฐานของนักเรียนและผู้ดูแลนักเรียนไม่เท่ากันทำให้เกิดอุปสรรค บางคนเรียนรู้เองได้ บางคนเรียนรู้เองไม่ได้
ตอ้ งถามผ้ปู กครอง แต่ผู้ปกครองตอบคำถามไม่ได้เน่ืองจากไม่มีความรกู้ ต็ ้องกลับมาสอบถามกับทางโรงเรียนอกี ”
นางปารชิ าติ ประจงศิลป์ และ นางสาวชญาพร หาญศรี (2564 : สัมภาษณ์) รองผอู้ ำนวยการ
โรงเรยี นพร้านลี วัชระ ให้ข้อมูลไว้วา่ “โรงเรยี นจดั การเรียนรู้รูปแบบ On-Air On-Demand On-Line และ On-
Hand ในแต่ละด้านมีปัญหาที่พบ คือ รูปแบบ On-Air On-Demand และ On-Line และ On-Hand ในแต่ละ
ด้านมปี ญั หาท่พี บคลา้ ยกนั คอื จะมีปัญหาดา้ นอุปกรณ์ สญั ญาณอินเทอร์เนต็ ไมด่ ี และช่วงเวลาในการเรียน บาง
ครอบครัวมโี ทรศัพท์เคร่ืองเดียว ไม่สามารถเรยี นรู้ตามเวลาที่กำหนดได้ ต้องเรยี นย้อนหลัง เม่ือผูป้ กครองสะดวก
หรือในวันเสาร์ อาทิตย์ จึงมีการแก้ปัญหาด้วยรูปแบบ On-Hand 100 เปอร์เซ็นต์ จัดส่งไปรษณีย์ให้เด็กทุกคน
เพื่อแก้ปัญหาความไม่พร้อมด้านอุปกรณ์ แต่ในด้าน On-Hand ก็ยังพบปัญหา เด็กอยู่กับผู้สูงอายุ คุณพ่อแม่ไป
ทำงาน ไม่มีคนดูแลหรือสอนเด็ก หรือเนื้อหาความรู้สมัยของพ่อแม่ผู้ปกครอง ไม่เหมือนความรู้ปัจจุบันกลัวการ
สอนผิด เด็กเถียงเพราะวิธีการสอนไม่เหมือนครู จึงให้ครูประจำชั้นสื่อสารผ่านทางกลุ่มไลน์ และโอกาสที่มา
โรงเรียนได้ในวันรับเงินอาหารกลางวัน รับนม ก็ให้พูดคุยปรึกษากับครูโดยตรงเพื่อหาทางออกของปัญหา
ร่วมกัน”
นางสาวนริตษา ด้วงมหาสอน (2564 : สัมภาษณ์) รองผู้อำนวยการโรงเรียนวัดไตรสามัคคี
ให้ข้อมูลไว้ว่า “โรงเรียนจัดการเรียนรู้รูปแบบ On-Demand On-Line และ On-Hand ในแต่ละด้านมีปัญหาท่ี
พบ คือ รูปแบบ On-Demand จะมีปัญหาด้านอุปกรณ์ สัญญาณอินเทอร์เน็ต บางครอบครัวมีโทรศัพท์เครื่อง
เดียว ไม่มีเงินเติมอินเทอร์เนต็ สัญญาณอินเทอร์เนต็ ไม่เรว็ เวลาเปิดคลิปต้องใช้ความเร็วมากๆ และครูส่งคลิปไป
เด็กก็ขาดความกระตือรือร้นท่ีจะเปิดดู หรือเมื่อผู้ปกครองกลับไปถึงบ้านแล้ว ก็อยากจะพักผ่อนเด็กก็ไม่ได้เรียน
ย้อนหลัง ไม่เหมือนกับการเรียนรูปแบบ On-Line ยังได้เห็นหน้าครู มีความกระตือรือร้นมากกว่า เด็กเล็ก
ระดับประถมจะมีปัญหาด้านอุปกรณ์เพราะโทรศัพท์จะเป็นของผู้ปกครองไม่มีโทรศัพท์เป็นของตัวเอง หรือมี
โทรศัพท์เครื่องเดยี วลูกมีหลายคน เข้าเรียนพร้อมกันในเวลาที่ครูนัดหมายไม่ได้ เปอร์เซ็นเข้าเรียนออนไลนน์ อ้ ย
เดก็ มธั ยมไมค่ ่อยมคี วามสนใจในการเข้าเรยี น ครตู อ้ งกระตุ้นนกั เรียนเสมอ ในดา้ น On-Hand ปญั หากค็ อื ไม่ได้ใบ
งานกลบั มา เมอ่ื รับไปแลว้ ไมท่ ำกลบั มาสง่ ครตู ้องคอยตามงานตลอด”
73
นางศจีมาศ อินทโสภา (2564 : สัมภาษณ์) ครูผู้แทนผู้อำนวยการโรงเรียนคลองมหาวงก์ ให้
ข้อมูลไว้ว่า “โรงเรียนจัดการเรียนรู้รูปแบบ เพียง 2 รูปแบบ คือ On-Demand และ On-Hand เนื่องจากมีการ
ทำแบบสอบถามความพร้อมผู้ปกครองด้านอุปกรณก์ ่อนการจดั การเรียนรู้ และมีการส่ือสารผ่านทางช่องทางไลน์
กลุ่มห้องเรียนอยู่แล้ว ในรูปแบบ On-Demand ครูผู้สอนจะทำคลิปหรือหาคลิป ที่สอดคล้องกับหนังสือเรียน
แทนการจัดทำใบงาน เนื่องจากปีที่ผ่านมาการจัดทำใบงานตาม DLTV จะทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณของ
โรงเรียนเลยเปลี่ยนเป็นการใช้หนังสือเรียนแทน และกำหนดจัดวันรับส่งหนังสือเรียนแบบฝึกหัด 2 สัปดาห์ 1
ครั้ง และแกป้ ัญหากรณีนักเรียนเอาหนังสือเรียนมาส่งให้ครู ก็ใชส้ มุดในการจดเน้ือหา ทำแบบฝึกหัดในการเรียน
สัปดาหต์ ่อไป สลบั กนั ไป ส่วนในรปู แบบ On-Demand จะมีปัญหาดา้ นอุปกรณ์ บางครอบครวั มโี ทรศัพท์เครื่อง
ครูประจำชนั้ จะรวบรวมคลปิ ตา่ งๆในแตล่ ะวนั ไว้ในกลุม่ ไลน์เพื่อใหด้ ยู ้อนหลังได้ ครทู ำตารางแต่ละวนั ว่าเรียนวิชา
ไหน หนา้ ไหน และทำตามหนังสือไดโ้ ดยไม่ต้องดูคลปิ วดิ โี อ มีปญั หานักเรียนทเ่ี รยี นรู้ได้ไม่ดีด้วยวธิ ี On-Demand
และ On-Hand ก็ใช้วิธีการมาพบครูในวันที่มารับนม รับเงินอาหารกลางวัน และเด็กบางส่วนที่ถูกส่งไป
ตา่ งจังหวดั เน่ืองจากไมอ่ ยากใหล้ กู อยใู่ นพ้ืนทเี่ สี่ยง แตก่ ็มีการตดิ ตาม สง่ งานผ่านชอ่ งทางไลน์สมำ่ เสมอ”
นางวัชรีย์ จันทรา (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางโปรง ให้ข้อมูลไว้ว่า
“โรงเรียนจัดการเรียนรู้รูปแบบ On-Hand โดยใช้หนังสือเรียน แบบฝึกหัด ใบงาน และเขียนตอบในสมุด โดยมี
การติดตอ่ ประสานงานนัดหมายการรับสง่ งานผ่านช่องทางไลน์ พบปัญหาด้านอุปกรณ์ เช่นเดียวกบั โรงเรียนอื่นๆ
ที่บางครอบครัวมีโทรศัพท์เครื่องเดียว ต้องรอเรียนหลังจากผู้ปกครองกลับมาจากทำงานแล้ว ครูต้องติดตาม
กวดขนั อยา่ งสมำ่ เสมอ และมีกลุ่มเด็กพเิ ศษท่ีไม่สามารถเรยี นรู้ได้ และเดก็ ท่ีขี้เกียจมากๆทไ่ี ม่เขา้ เรียนเลยถึงแม้มี
ความพรอ้ มด้านอุปกรณ์และผู้ปกครองเองก็ไมส่ ามารถท่ีจะดูแลได้ตลอดเวลา กม็ ีอยู่บ้าง มีการปรึกษาว่าจะต้อง
เชิญผู้ปกครองมาเพื่อร่วมกันแก้ปัญหา กลุ่มเด็กเล็กที่อ่านหนังสือไม่ออกก็ไม่อยากเข้าเรียนเลย ให้ใช้วิธีส่ง
นกั เรยี นมาเรียนกับครูท่ีโรงเรยี นเปน็ กลุ่มๆไป และเนน้ เรอ่ื งการฝึกการอา่ น โดยให้ผปู้ กครองถ่ายคลปิ การอ่านส่ง
ให้ครูประจำชัน้ ดูด้วย แต่ก็ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ด้านความพรอ้ มของครู ครูทุกคนมีการพัฒนาตนเองเพ่ือที่จะหา
วิธีการสอนทเ่ี หมาะสมกับนกั เรียน”
นางนภาพร สุรเนตร (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุขกร ให้ข้อมูลไว้ว่า
“ในระยะแรกโรงเรียนจัดการเรียนรู้ 4 รูปแบบ คือ On-Air On-Demand On-Line และ On-Hand โดยให้
นักเรียนได้เลือกเรียนตามความพร้อมของเครือ่ งมือ เรียนไปได้ 2 สัปดาห์เกิดปัญหาการเรียน On-Demand ใน
ด้านความพร้อมของอุปกรณ์ ความพร้อมขงอินเทอร์เน็ต ด้านการเรียนแบบ On-Air บางบ้านก็ไม่ได้ปรับจูน
โทรทัศน์ไว้ ไม่มีเครื่องรับ DLTV ก็จะไม่มีสื่อใหด้ ู ส่วนการสอน On-Line ในระดับมัธยมช่วงแรกๆเด็กจะตื่นเตน้
สนใจในการเรียนแต่พอเรียนทุกวันเริ่มเบื่อ เช้าก็ไม่ตื่นมาเรียน ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ มีแค่เฉพาะ
กลุ่มที่มีความพร้อมผู้ปกครองสนใจ มีการกำกับให้เข้าเรียน โดยเฉพาะนักเรียนระดับชั้น ม.1 ที่ผู้ปกครองให้
ความเอาใจใส่กำกับให้เรียน ร้อยละ 80-90 พอ ม.2 ม.3 ก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ ทางโรงเรียนจึงปรับเป็นแบบ On-
Hand แทน ซ่ึงมีบทเรยี นจากในปีการศึกษาท่ผี ่านมาการสอนแบบ On-Hand ประสบความสำเร็จดีมาก แต่จะมี
ปัญหาถ้าทำใบงานตาม DLTV ค่าใช้จ่ายในการทำใบงานค่อนข้างมาก พอหลังจากทำเล่มแล้วเด็กไม่ส่งกลับมา
นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 50 จึงปรับเป็นการใชห้ นงั สอื เรยี น สมุดท่ีมีอยโู่ ดยจัดตารางการเรยี น ประกอบกับการครูทำคลิป
74
สอนควบคู่กันไป และส่งงานด้วยการถ่ายภาพส่งทางไลน์กลับมาให้ครูตรวจ และปรับการทำแบบฝึกหัดโดยใช้
google form ส่งให้นกั เรยี นไดท้ ำ เดก็ ชอบเพราะไม่ต้องเขยี นเยอะ ไดร้ ับงานตอบกลบั มาดี เด็กเล็กบางทกี ็อยาก
เรียน On-Line แต่มีปัญหาด้านอุปกรณ์โทรศัพท์มือถืออยู่ที่ผู้ปกครอง ครูก็ต้องมาปรับสอนในวันเสาร์ อาทิตย์
หรือช่วงเวลาหลังเลิกเรียน นัดเรียนเป็นช่วงเวลาที่ผู้ปกครองสะดวก แต่ก็มีปัญหาในเด็กบางกลุ่มที่ไม่ยอมเข้า
เรยี นเลย ไมย่ อมเช็คชอ่ื จะมาตดิ ตอ่ กบั โรงเรยี นทางเดียวคือวันท่ีมารบั เงนิ อาหารกลางวัน จึงต้องตง้ั เง่ือนไขไว้ว่า
ถ้าไม่นำใบงานมาสง่ กจ็ ะชะลอไวก้ ่อน ”
นางสาวญาณิศา ปลอดโปร่ง (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางด้วน ให้ข้อมูล
ไว้ว่า “โรงเรยี นจัดการเรยี นรู้ 2 รปู แบบ คอื On-Demand และ On-Hand ในส่วนของ On-Hand ทางโรงเรียน
จะจัดทำตารางให้กับนักเรียนไว้ชัดเจนว่าวันนี้เรียนวิชาอะไร ทำแบบฝึกหัดหน้าไหน และมีแหล่งเรียนรู้ไหนให้
สบื คน้ ข้อมลู ในการเรยี นได้บ้างครูก็จะใสไ่ ว้ใหเ้ ลย ในส่วนของ On-Demand จดั ให้เรยี นตัง้ แต่ อนุบาล 2 ถึง ป.6
เช่นกนั แต่การจดั ทำ จัดหาคลปิ วิดโี อจะเลือกเร่อื งที่คอ่ นข้างยาก หรือเร่อื งทเ่ี ดก็ ศกึ ษาเองจากใบงานหรือหนังสือ
เรียนแล้วไม่เข้าใจครูจะจัดทำคลิปหรือหาคลิปจากแหล่งอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อให้เด็กเข้าใจมากยิ่งขึ้น ในช่วงเดือน
กันยายน-ตุลาคม มีการเพิ่มเรียนรูปแบบ On-Line ในระดับชั้น ป.4-6 ในบางกิจกรรม เช่น กิจกรรมทดลอง
วิทยาศาสตร์ แต่เด็กเข้าเรยี นไม่ครบ 100% แต่ถึงแม้ไม่ได้เขา้ เรียน On-Line เด็กก็ยังสามารถเรียนด้วยรูปแบบ
On-Hand 100% สภาพปัญหา On-Demand จะมีปัญหาด้านอุปกรณ์ ไม่มีโทรศัพท์เป็นของตนเองต้องใช้ของ
ผู้ปกครอง ซึ่งจะได้เรียนเมื่อผู้ปกครองสะดวก และปัญหาด้านอินเทอร์เน็ตไม่เพียงพอเพราะการส่งคลิปต้องใช้
ปริมาณอินเทอร์เน็ตค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่เติมเงินเติมเน็ตไว้เพียงแคพ่ อใช้ในการสื่อสารเท่านั้น พอจะใช้ดูคลิป
ขั้นต่ำ 4 คลิป ต่อคลิป 10 นาทีอินเทอร์เน็ตก็หมดแล้ว และการให้ความสำคัญในการดูคลิปที่ครูส่งให้มีจำนวน
นอ้ ย โรงเรยี นดูจากยอดวิวในช่องยูทูปของโรงเรียน มีนกั เรยี นเปิดดูน้อยถ้าเทียบกบั จำนวนของนักเรียนในแต่ละ
ชนั้ ส่วนปัญหาของรูปแบบ On-Hand นักเรียนไม่ทำงาน สาเหตจุ ากความขเี้ กียจ หรอื การทำไม่ได้ ผู้ปกครองไม่
สามารถสอนได้ ผู้ปกครองขาดความรู้ ไม่มีเวลาเนื่องจากไปทำงานเหนื่อยไม่อยากสอน และมีกรณีบอกคำตอบ
แทนการสอน เขยี นคำตอบให้เดก็ เขยี นตาม ซง่ึ เป็นปัญหาท่เี ด็กไม่ได้เรียนรูด้ ว้ ยตนเอง”
นายธวัช เก้าอุดม (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนนิลรัตน์อนุสรณ์ ให้ข้อมูลไว้ว่า
“โรงเรียนจัดการเรียนรู้ ระดับชั้นอนุบาลใช้ On-Hand 100% มีแบบฝึกหัดของสำนักพิมพ์ที่โรงเรียนจัดซื้อไว้
ผู้ปกครองเป็นผู้ให้ความรู้เป็นหลัก ครูใช้วิธีการสื่อสารในสิ่งที่ครูอยากให้เด็กทำสื่อสารให้กับผู้ปกครองได้รับ
ทราบ และช่วยสอนต่อให้กับนักเรียน ใช้วิธีการยืดหยุ่นในการเรียนการส่งงาน มีความสุขในการเรียน ส่วนใน
ระดบั ประถม 1-3 เดก็ เรยี นด้วยวธิ ี On-Hand และ On-Demand มีแบบฝกึ หัดของสำนักพิมพ์ท่ีโรงเรียนจัดซ้ือ
ไว้ มสี มุด หนงั สือเรียนเพื่อใชใ้ นการเรยี นควบคู่กันไป การเขา้ เรยี นก็ไม่ได้ครบ 100% เพราะขึน้ อยู่กับบริบทของ
แต่ละครอบครัว ความพร้อมของอุปกรณ์ ส่วนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ใช้วิธีการเรียนแบบ On-
Demand On-Line และ On-Hand โดยโรงเรียนสนับสนุนจัดซื้อแอพพลิเคชั่น ZOOM MEETING เพื่ออำนวย
ความสะดวกในการจัดการเรียนรู้เลย ส่วนสภาพปัญหาก็จะคล้ายๆกับโรงเรียนอื่นๆ คือ ในรูปแบบ On-Line
นกั เรียนไมส่ ามารถเข้าเรยี นไดใ้ นช่วงท่ีครูกำหนด ก็ตอ้ งมกี ารปรับเปล่ียนวธิ เี ป็นเรียนในรูปแบบ On-Demand
75
และ On-Hand ใควบคู่ไปโดยเปิดดูย้อนหลังได้ เพื่อให้เด็กจะได้มีงานส่งครู จากการที่สอบถามครูพบว่า 60%
เดก็ สามารถเรียนรไู้ ด้ในช่องทางที่ครูกำหนด”
นางสาวสรัลรัตน์ มานะมุติ (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางนางเกรง ให้ข้อมูลไว้
ว่า “โรงเรียนจดั การเรียนรู้ ใน 4 รูปแบบ คือ On-Air On-Demand On-Line และ On-Hand ในระดับอนุบาล
โรงเรียนมีปญั หา คือไมม่ ีครผู สู้ อน จงึ จัดใหค้ รพู ี่เลี้ยงเป็นผปู้ ระสานงานการสอนกบั ผู้ปกครอง และให้ครูระดับช้ัน
ป.1 เข้าไปช่วยสังเกตการณ์และให้ความรู้เพิ่มเติมกับนักเรียน โรงเรียนจึงใช้วิธีการเรียนรู้รูปแบบ On-Air ด้วย
DLTV เป็นหลัก ในครอบครวั มทม่ี ีทวี กี จ็ ะสามารถเรยี นรู้ได้ มกี ารสง่ คลปิ DLIT ในช่องทางไลน์กล่มุ เพ่ือให้เด็กได้
เรียนอีกช่องทางหนึ่ง และเสริม รูปแบบ On-Hand ใบงานเสริมประสบการณ์ให้กับนักเรียนเพิ่มเติม ส่วนใน
ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 ใช้รูปแบบ On-Demand เป็นหลักครูประจำชั้นจัดทำคลิปวิดีโอ จัดหาคลิป
วิดีโอการสอน จากช่องยูทูป สสวท. สื่อสำนักพิมพ์ ที่สอดคล้องกับหน่วยการเรียนรู้ตามหนังสือเรียน ควบคู่กับ
การเรียนรู้รูปแบบ On-Hand มีการจัดทำใบงาน แบบฝึกหัดในหนังสือเรียน สภาพปัญหาที่พบคือ นักเรียนไม่
สามารถเรยี นรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง ตอ้ งมีผปู้ กครองในการกำกับดูแลการเรยี นรู้ และการทำใบงาน ช่วงเวลาในการเรียน
จึงต้องมีความยืดหยุ่นตามความเหมาะสม ความสะดวก ซึ่งผู้ปกครองสามารถสื่อสารกับครูประจำชั้นผ่าน
ชอ่ งทางไลน์ สอบถามเวลาทไ่ี ม่เข้าใจหรือถา้ ผู้ปกครองสอนไม่ไดใ้ นบางเนื้อหาก็นัดหมาย Google Meet กันเพื่อ
สอนเพิ่มเติม ส่วนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ใช้วิธีการสอน แบบ On-Demand On-Line และ On-
Hand โดยมีการเปิดห้องเรียนผ่าน Facebook มีการจัดการเรียนการสอน On-Line ตามตารางเรียนและครูอัด
คลิปการสอนไว้เพื่อให้เด็กที่ไม่สามารถเข้าเรียนในช่วงเวลาที่ครูกำหนดได้ดูย้อนหลัง ในรูปแบบ On-Demand
ครูประจำชั้นจัดทำคลิปวิดีโอ จัดหาคลิปวิดีโอการสอน จากช่องยูทูปมาให้นักเรียนได้เรียนรู้ หาข้อมูลเพิ่มเติม
ประกอบกับการทำใบงาน แบบฝึกหัดหนังสือเรียน ในรูปแบบ On-Hand ในระดับเด็กโตค่อนข้างที่จะเข้าเรียน
ด้วยตนเองได้ มีนักเรียนเพียง 1-2 คนที่ไม่สามารถเข้าเรียนอาจเป็นเพราะความขี้เกียจของนักเรียนและไม่มี
ผปู้ กครองท่จี ะกวดขัน กระตนุ้ เตอื นให้เขา้ เรยี นตามช่วงเวลาท่ีครูกำหนด ครตู อ้ งติดตามอย่างสมำ่ เสมอ นโยบาย
ของ ผอ. คือใหค้ รูทุกคนจะต้องพัฒนาตนเองจัดทำคลปิ วีดโี อการสอนในวชิ าท่ีตนเองถนัดเพื่อใช้ในการให้ความรู้
ด้วย ส่วนในรายวิชาอื่นๆก็สามารถหาคลิปสอนได้ตามความเหมาะสม และยังมีการส่งเสริมทักษะชีวิตให้กับ
นักเรียน โดยให้นักเรียนได้ช่วยเหลืองานบ้าน งานอาชีพของแต่ละครอบครัว ถ่ายรูปส่งเพื่อประเมินคุณลักษณะ
อนั พึงประสงค์ และให้คะแนนเก็บในการบูรณาการในรายวิชาอ่นื ๆด้วย”
สรุปประเด็นของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ และปัญหาการจัดการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ รูปแบบต่างๆ
ได้ดงั น้ี
โรงเรยี นในกลมุ่ โรงเรยี นเมอื งสมุทรปราการส่วนใหญ่ จดั การเรียนรูแ้ บบผสมผสานระหวา่ ง รปู แบบ On-
Air On-Demand On-Line และ On-Hand สภาพและปญั หาจดั การเรยี นร้ใู นแตล่ ะรูปแบบ สรปุ ได้ดังนี้
รูปแบบ On-Air ใช้การเรียนรู้ผ่าน DLTV ใช้ในกลุ่มนักเรียนปฐมวัย ปัญหาที่พบคือ เรื่องเครื่องรับ
สัญญาณดิจิตอลบางครอบครัวไม่มีกล่องรับสัญญาณ และไม่รุ้วิธีการปรบั จูนช่อง จึงเป็นปัญหาในการรับชมผ่าน
โทรทศั น์ และปญั หาการจัดทำเอกสารสื่อใบงานตาม DLTV ซ่งึ ใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก จงึ ต้องปรับวิธีการ
สง่ link คลิปการสอน DLIT ไปในกล่มุ LINE ห้องเรียน และเลอื กใชส้ อื่ ใบงาน หนงั สือเรยี น ตามความเหมาะสม
76
รูปแบบ On-Demand ใช้วิธีการให้ครูจัดทำคลิปการสอนด้วยตนเอง และหาคลิปการสอนจากส่ือ
โซเชียลมีเดีย YouTube และแอพพลิเคชั่น แพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Live worksheet ,Wordwall,เกมออนไลน์
ที่มีความสอดคล้องกับตัวชี้วัดที่ต้องรู้ ควรรู้ตามหลักสูตร มีการตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสมของคลิป การ
สอน สื่อต่างๆ ก่อนการส่ง link ไปในกลุ่ม LINE ห้องเรียน ตามตารางเรียนทีโ่ รงเรียนกำหนดไว้ในแต่ละวัน โดย
ใช้ควบคู่ไปกับหนังสือเรียน แบบฝึกหัด ใบงาน และแขวนข้อมูลไว้ในโน้ตของกลุ่ม LINE ห้องเรียน เพื่อให้
นักเรียนได้มาเปิดดูภายหลัง ปัญหาที่พบคือ ความขาดแคลนเครื่องมือสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ แท็ปเลต
คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค หรือในครอบครัวมีโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียว มีบุตรหลานที่มีความจำเป็นต้องใช้ในการ
เรียนหลายคน ผู้ปกครองไปทำงานกว่าจะได้ดูก็ต้องรอผู้ปกครองกลับมา และอินเทอร์เน็ตที่ใช้ในการเปิดดูส่ือ
คลิปวิดีโอและแอฟพลิเคชั่นต่างๆที่ครูส่งให้ เพราะการเปิดคลิปการสอนดู ต้องใช้อินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูง
และส้นิ เปลอื งการใช้อนิ เทอร์เนต็ เพราะผู้ปกครองสว่ นใหญ่เติมเงนิ เตมิ อนิ เทอรเ์ น็ตไวเ้ พอ่ื ใชใ้ นการติดต่อส่ือสาร
กบั ครูเท่าน้ัน จึงเกดิ ปญั หานักเรียนไม่เปิดดู และมีกลุม่ ทีใ่ ชค้ ลปิ การสอนดว้ ยวธิ ที ่ผี ดิ เพราะบางคลิปมกี ารเฉลยใบ
งานแบบฝกึ ท้ายคลปิ กจ็ ะเลือ่ นผ่านเพือ่ ลอกเฉลยเพียงอย่างเดียว
รปู แบบ On-Line ใชว้ ธิ ีการเรียนผา่ น Line Meet, Google meet, Zoom, Facebook Videocall นัด
หมายเข้าตามตารางที่ครูกำหนดไว้ในแตล่ ะวนั ปัญหาที่พบคือ ความขาดแคลนเครื่องมือสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ
แท็ปเลต คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค หรือในครอบครัวมีโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียว มีบุตรหลานที่มีความจำเป็นตอ้ งใช้
ในการเรียนหลายคน ผูป้ กครองไปทำงานไม่มเี คร่ืองมือใชใ้ นช่วงเวลาที่ครูนดั หมาย และไมม่ ีเงินเติมอินเทอร์เน็ต
สญั ญาณอนิ เทอรเ์ น็ตไมเ่ พียงพอ ท้ังยังพบปัญหาเด็กขาดความรับผิดชอบในการเข้าเรยี น ตน่ื สาย ไม่มีผู้ปกครอง
กวดขันใหเ้ ขา้ เรยี นเน่ืองจากต้องไปทำงาน จำนวนนกั เรยี นทเ่ี ขา้ เรียนในแต่ละวิชาคอ่ นข้างนอ้ ย
รูปแบบ On-Hand ใชว้ ิธกี ารเรียนโดยใช้หนงั สือเรยี น แบบฝกึ หดั ใบงาน สมดุ ทีท่ างโรงเรียนจัดหาไว้ให้
ส่วนใหญ่ใช้ควบคู่ไปกับการเรียนรูปแบบ On-Demand และ On-Line นักเรียนที่เป็นเด็กเล็กระดับชั้นปฐมวัย
และประถมศกึ ษาตอนตน้ ป.1-3 และกลุ่มนกั เรยี นมีไม่มีความพร้อมของอุปกรณ์เทคโนโลยี แตก่ ็ยงั พบปญั หา ใน
รายวิชาที่ยากเช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ผู้ปกครองมีพื้นฐานความรู้แตกต่างกัน เด็กบางคนอยู่กับผู้สูงอายุ
สอนเด็กไมไ่ ด้ ไม่เขา้ ใจ ไม่มงี านมาส่ง หรือมสี ง่ แต่ผูป้ กครองเปน็ คนทำให้ จงึ ตอ้ งใช้วธิ กี ารให้ครเู ปิดโอกาสให้โทร
สอบถาม Videocall หรอื นัดพบทโี่ รงเรียนในวนั ท่ีมารับอาหารเสริม(นม) เงนิ อาหารกลางวัน หรอื นดั หมายวันท่ี
ครมู าอยู่เวรทโ่ี รงเรียนเป็นรายกรณไี ป
77
1.2 สถานศึกษาของทา่ นมีสภาพปัญหาการจัดการเรยี นรู้วิถีใหม่ ในดา้ นต่างๆ อย่างไร
1) การปรับหลกั สตู ร
2) การปรับวธิ ีการจดั การเรยี นรูว้ ิถีใหม่
3) การสง่ เสรมิ สนับสนนุ วธิ กี ารเรยี นรูข้ องนักเรยี น
4) การตรวจผลงานและการรายงานผลการเรียนรู้
5) การวดั ประเมินผล
6) การมอบหมายงานการเรยี นรู้
7) การสนับสนนุ สือ่ เทคโนโลยี อปุ กรณ์ทนี่ กั เรยี นเข้าถึงการเรยี นร้ไู ดส้ ะดวก
8) การใหค้ ำปรึกษาแนะนำ
9) การดแู ลรกั ษาสขุ ภาพ
10) วินยั ในตนเอง ความรับผิดชอบตอ่ สังคม
11) การปฏิบตั ติ นท่ีถูกต้องเหมาะสมในสถานการณ์ COVID-19 การเรยี นรู้ชีวติ วถิ ีใหม่
12) การสนบั สนนุ ของผูป้ กครองทช่ี ว่ ยเสริมคุณภาพการจัดการเรียนการสอน และโอกาสในการเรียนรู้
ท่มี ีคณุ ภาพ
ผลการสนทนากล่มุ ดงั น้ี
1) การปรับหลักสตู ร
นางศจีมาศ อินทโสภา (2564 : สัมภาษณ์) ครูผู้แทนผู้อำนวยการโรงเรียนคลองมหาวงก์ ให้
ขอ้ มลู ไว้ว่า “โรงเรียนมีการปรบั โครงสรา้ งเวลาเรียนในช่วงเดือนมิถุนายน ถงึ กลางเดอื นกรกฎาคม โรงเรียนได้จัด
5 กลุ่มสาระหลัก คือวิชา ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม และอังกฤษ มีการปรับแผนการจัดการ
เรียนรู้เพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาและรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ on demand และ On Hand ในช่วง
กลางเดือนกรกฎาคม เป็นต้นมา เพิ่มเติม วิชาศิลปะการงานอาชีพ สุขศึกษาและพลศึกษา เพื่อให้นักเรียนได้
เรียนรู้ครบ 8 กลุ่มสาระ โดยจัดตารางเรียนประมาณวันละ 4 วิชา เน้นวิชาภาษาไทยและคณิตศาสตร์ ที่มีการ
จัดการเรียนรู้ทุกวัน ส่งเสริมในเรื่องการอ่านการเขียนภาษาไทยและภาษาอังกฤษด้วยการ อ่าน เขียน คำศัพท์
พื้นฐาน ให้ผู้ปกครองช่วยประเมินการเรียนรู้นอกจากนี้แล้วทางโรงเรียนยังมีการจัดเรียนชดเชยวันเรียน ซึ่ง
โรงเรยี นเปดิ เรียนต้ังแต่ 14 มถิ ุนายนถงึ 8 ตลุ าคม ขาดอยู่ 18 วนั จึงต้องมีการจัดการเรยี นชดเชย ทำกำหนดการ
เรียนรู้เพิ่มเติมในวันเสาร์ ชดเชยครบ 100 วันตลอดภาคเรยี นที่ 1 ปัญหาคือนักเรยี นไม่สามารถมีเวลาเรียนครบ
ร้อยละ 80 ได้ทุกคน จงึ ต้องใช้วธิ กี ารตรวจจากผลงานนักเรยี นท่สี ง่ เพือ่ ให้คะแนนและให้เวลาเรยี นไปด้วย”
นางวชั รีย์ จนั ทรา (2564 : สมั ภาษณ์) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนวดั บางโปรง ให้ขอ้ มลู ไว้ว่า “การ
ปรับหลกั สตู รคดิ ว่าไม่มปี ัญหา ใช้วิธีการปรับจาก 8 กลุม่ สาระ สอนเพยี ง 5 กลมุ่ สาระหลัก วิชาอน่ื ๆใชก้ ารบูรณา
การ ในเร่ืองของเวลาเรียนเร่มิ เรียนตั้งแต่ 1 มถิ ุนายนจึงมเี วลาเรยี นครบ การรายงานตวั เข้าเรียน เปน็ การรายงาน
ตัวเพ่ือรับอาหารกลางวนั ด้วยผูป้ กครองจึงรบี ใหบ้ ตุ รหลานเขา้ มารายงานตวั เพอ่ื ให้ได้รบั ค่าอาหารกลางวัน”
78
นางนภาพร สุรเนตร (2564 : สมั ภาษณ์) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนวัดสุขกร ให้ข้อมลู ไว้ว่า “ปรับ
วิชาเรียนจาก 8 กลุ่มสาระ เหลือ 5 กลุ่มสาระหลัก ในกลุ่มสาระที่เหลือ 3 กลุ่มสาระใช้วิธีการบูรณาการใช้วิถี
ชวี ิตของนกั เรียนในการวัดประเมนิ ผล”
นายธวัช เก้าอุดม (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนนิลรัตน์อนุสรณ์ ให้ข้อมูลไว้ว่า
“การปรับหลักสูตรระดบั ช้ันอนุบาล เรยี นตามสภาพตามเนื้อหาที่พอจะปรับได้ สว่ นระดบั ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1
ถึง 3 จะเรียนเฉพาะ 4 วิชา คือภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ที่เหลือใช้ การบูรณา
การ ส่วนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึง 6 เรียน 5 กลุ่มสาระ คือ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
ภาษาองั กฤษ และสังคมสวนใหญ่ยงั ไมค่ ่อยเนน้ ใช้วธิ ีการบรู ณาการเชน่ เดียวกนั การจัดเวลาเรียนไม่ไดเ้ รียนท้ังวัน
เรียนแค่ครึ่งวันช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายให้เด็กนักเรียนได้ทำงานที่ได้รับมอบหมายส่ง เวลาเรียนในภาคเรียนที่ 1
ครบ 100 วันตามนโยบาย มีการจัดการเรียนวันเสาร์ช่วงเดือนกันยายน และใช้ชั่วโมงสุดท้ายในแต่ละวันเพื่อให้
ครบตามจำนวน และเบกิ อาหารกลางวนั เพือ่ ประโยชน์ของนักเรียน”
นางสาวญาณิศา ปลอดโปร่ง (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางด้วน ให้ข้อมูล
ไว้ว่า “มีการจัดให้เรียน 8 กลุ่มสาระและวิชาเพิ่มเติมตามหลักสูตรเดิมแต่จะใช้วิธีการปรับเวลาเรียนและเลือก
ตัวชี้วัดที่ต้องควรรู้ ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม เรียนวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ
ภาษาอังกฤษ ซึ่งจะเรียนทุกวัน โดยการมอบหมาบใบงาน ชิ้นงาน ตามหนังสือเรียน ส่วนวิชาที่เหลือ สังคม
ประวัติศาสตร์ ศิลปะ สุขศึกษาพลศึกษา และโรงเรียนมีรายวิชาเพิ่มเติมคือ วิชาหน้าที่พลเมืองและการต่อต้าน
การทุจริตจะเริ่มมาเรียนในช่วงเดอื นกันยายนถึงตุลาคมเพิม่ ไปสัปดาห์ละ 3 วันเวลาเรียน โรงเรียนเปิดเรียนเรมิ่
ตั้งแต่ 14 มิถุนายนถึง 11 ตุลาคมเรียนทั้งวันเสาร์วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ครบ 100 วัน สอดคล้องกับ
การเบิกจ่ายเงินค่าอาหารกลางวันให้กับนกั เรยี น 100 วนั
นางสาวสรัลรัตน์ มานะมุติ (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางนางเกรง ให้
ข้อมลู ไว้ว่า “การปรับหลักสูตรโรงเรยี นจดั ให้เรยี น 5 กลุม่ สาระหลกั คือ วิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
ภาษาอังกฤษ สังคม และเพิ่มวิชาศิลปะ ซึ่งผู้อำนวยการช่วยในการสอน ในช่วงเดือนมิถุนายน ถึง กรกฎาคม
ส่วนวิชาอื่นๆจากเป็นการบูรณาการและเน้นตัวชี้วัดที่ต้องรู้ ในส่วนของจัดวันเรียนเริ่มเรียนจริงๆตั้งแต่ 14
มิถนุ ายน – 11 ตุลาคม แตโ่ รงเรียนมกี ารเตรยี มความพร้อมตั้งแต่ 17 พฤษภาคม ในด้านการอ่าน เขียน คำศัพท์
พื้นฐาน ท่องสูตรคูณจึงใช้ในการนับเวลาเรียนด้วย และในเดือนสิงหาคม-ตุลาคม มีการจัดตารางเรียนวันเสาร์
อาทิตย์ เพื่อเรียนวิชาเพิม่ เติมหลักสูตรต้านทจุ ริต หน้าที่พลเมือง และศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาทักษะอาชีพ
เป็นการเรียนรูบ้ ูรณาการทักษะชวี ิต การชว่ ยเหลืองานบ้าน ช่วยเหลอื งานอาชีพของครอบครัว และกิจกรรมตาม
ความถนัดความสนใจของนักเรียน จะได้ให้คะแนนในรายวิชาเพิ่มเติมดังกล่าว ครบทั้ง 8 กลุ่มสาระ รวมถึงวิชา
เพมิ่ เตมิ และมีเวลาเรยี นครบ 100 วันตามหลักสูตร”
79
2) การปรบั วิธกี ารจัดการเรยี นรูว้ ถิ ใี หม่
นายณฐั พล นชุ อดุ ม นางภาวิณี ครุฑปักษี และนางเมทินี พาทยโกศล (2564 : สมั ภาษณ์)
ผอู้ ำนวยการโรงเรียนและรองผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลวัดพิชัยสงคราม ให้ขอ้ มลู ไว้ว่า “มีการปรับรูปแบบ
เทคนคิ วิธีการจัดการเรียนรู้ ซึ่งครพู ยายามพฒั นาตนเองในการจัดการเรียนรู้ดว้ ยวธิ ีต่างๆ เพ่อื ตอบสนองนักเรียน
ทกุ กลุ่ม”
นางปาริชาติ ประจงศิลป์ และ นางสาวชญาพร หาญศรี (2564 : สัมภาษณ์)
รองผู้อำนวยการโรงเรียนพร้านีลวัชระ ให้ข้อมูลไว้ว่า “โรงเรียนมีการปรับรูปแบบเทคนิควิธีการตลอดเวลา
อย่างในช่วงแรกๆ การติดตามงาน การติดตามการเข้าเรียนค่อนข้างที่จะยาก ต้องมีการกระตุ้นตลอดเวลา ปรับ
การสอนในกลุ่มเด็กโตสามารถนัดเรียนผ่านวีดีโอคอล และผ่านทางกลุ่มไลน์ได้ โดยปรับช่วงเวลาตามความ
สะดวก 9 โมง 10 โมงบางทีเด็กก็ยังไม่ตื่น ครูต้องมีการปรับโยกเวลาให้เหมาะสมในช่วงเวลาที่นักเรียนสามารถ
ในการเข้าเรยี นได้มากทส่ี ุด อาจมีการนัดเรียน เสาร์ อาทิตย์บ้าง”
นางสาวนรติ ษา ด้วงมหาสอน (2564 : สมั ภาษณ)์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนวดั ไตรสามัคคี
ให้ขอ้ มูลไว้ว่า “สภาพปญั หาท่ีพบ คอื ครตู อ้ งหาวิธีเทคนิคใหมๆ่ เพ่อื ให้เกิดความน่าสนใจในการท่ีอยากจะเรียน
เพิ่มมากขึ้น ครูบางท่านต้องเรียนรู้วิธีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในกลุ่มวัยรุ่นจะสามารถเรียนรู้เทคนิควิธีท่ี
หลากหลายมากกว่า กลุ่มครูรุ่นอายุเยอะต้องเรียนรู้จากการถามจากน้องๆ เพื่อพัฒนาการสร้างสือ่ เทคโนโลยีใน
การจัดการเรียนการสอน เช่น การทำ Google form การทำ Live worksheet เข้าเพจ Facebook Zoom
meeting ครูต้องปรับเปลี่ยนเทคนิคตลอดเวลาจากที่ไม่เคยรู้ก็จะรู้ขึ้นมาเรียนรู้พร้อมๆกัน ในช่วงที่ได้สอนใน
สถานการณ์แบบน้ี และปญั หาการตดั ตอ่ คลิปวีดโี อไม่เป็น กใ็ ช้วธิ ีการหาคลิปวีดโี อจาก YouTube จากส่ือโซเชียล
มเี ดยี ทีน่ ่าสนใจ เพ่อื ใชใ้ นการสอนแทนได้”
นางศจีมาศ อินทโสภา (2564 : สัมภาษณ์) ครูผู้แทนผู้อำนวยการโรงเรียนคลองมหาวงก์
ให้ข้อมูลไว้ว่า “การปรับรูปแบบวิธีการจัดการเรียนรู้ครูต้องดูมาตรฐานตัวชี้วัดในแต่ละวิชาเพื่อให้สอดคล้องกับ
การวัดประเมินผล มีการสง่ แผนการสอนลว่ งหน้า เพอื่ ให้ฝา่ ยวชิ าการตรวจสอบคลิปการสอนแผนการสอน ลิงค์ที่
ครูส่งแต่ละวิชาว่าตรงตามเนื้อหาตัวชี้วัดหรือไม่ สามารถเปิดดูได้หรือไม่ ก่อนการส่งให้นักเรียนได้เรียนเพ่ือ
ป้องกนั การผดิ พลาด”
นางวัชรีย์ จันทรา (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางโปรง ให้ข้อมูลไว้ว่า
“การปรับวิธีการจัดการเรียนรู้ใช้วิธีการสอนแบบ On - hand และ On-demand ใช้คลิปวีดีโอ YouTube
เพม่ิ เติมใบงาน ปญั หาเดยี วเลย คอื เดก็ สง่ งานไม่ครบ 100% ผ้ปู กครองไม่มีเวลาในการดูแลติดตาม ครูต้องปรับ
วธิ ีการเรยี นรู้ตามความพรอ้ มของนกั เรยี นและผปู้ กครอง”
80
นางนภาพร สุรเนตร (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรยี นวัดสขุ กร ให้ข้อมูลไว้ว่า “การ
ปรับรูปแบบการเรียนการสอนใช้ 3 รูปแบบคือ On-Line On-Hand และ On-Demand ซึ่งที่ใช้หลักก็คือ On-
Hand”
นายธวัช เก้าอุดม (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนนิลรัตน์อนุสรณ์ ให้ข้อมูลไว้ว่า
“ในชั้นอนบุ าลเราเรียน On-Hand 100 % จำนวนนกั เรียนมีไมเ่ ยอะรูปแบบการจัดจงึ ไม่ค่อยยุ่งยากเท่าไหร่ การ
ประสานงานกใ็ ช้การสือ่ สารทางโทรศัพทท์ างไลน์เป็นหลัก ในเรื่องของการจัดการเรยี นการสอน On-Hand ก็คือ
มีแบบฝึกหัดของสำนักพิมพ์ที่ได้จัดซื้อไว้ เหมือนเป็นการนัดหมายกับผู้ปกครองในการทำงาน โดยจะเน้นท่ี
ผู้ปกครองให้ความรู้นักเรียนเป็นหลักเพราะเด็กเล็กจะสนิทกับผู้ปกครองมากกว่าครู เพราะฉะนั้นการสื่อสาร
ระหว่างคุณครูกับผู้ปกครองเป็นเรื่องสำคัญ เพราะสื่อสารกับเด็กยังเล็กมากจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ จึงให้
ผู้ปกครองไปสื่อสารกับเด็กเพราะใกล้ชิดกว่าเรา เพื่อจะได้สอนช้ีแนะให้ทำ มีเด็กเข้าเรียน 100% เพราะใช้
ลักษณะวิธีการเรียนแบบยืดหยุ่น ช่วงเช้าถึงเย็นไม่สามารถส่งงานได้ก็ไม่เป็นไรสามารถทำช่วงไหนก็ได้ท่ี
ผู้ปกครองวา่ ง ไม่จำเปน็ ท่จี ะต้องสง่ ณ วนั นัน้ ยดื หยนุ่ ตามความพรอ้ ม สว่ นประถม 1-3 จะเรียน On-Hand และ
On-Demand เรียนได้ดีกว่า มีแบบฝึกหัดของสำนักพิมพ์ มีสมุดหนังสือเรียนที่เด็กสามารถทำงานได้ แต่ถ้าถาม
ว่าเรียนครบ 100% คิดว่าไม่ได้เพราะขีดจำกัดของนกั เรียนแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนครอบครัว มีลูกสอง
คนสามคน จะให้เรียนในเวลาที่ครูกำหนดก็จะลำบาก เลยใช้วิธีการเติมเตม็ แบบ On-Demand ด้วย ตามหน่วย
การเรียนรู้ ส่วนประถม 4-6 ตอนแรกๆก็เรียนแบบ On -Line ที่นี้ก็ประสบปญั หาแบบหลายๆโรงเรียนเลยคือเด็ก
ไม่เข้าเรียนตามเวลาที่ครูกำหนดก็เลยปรับเป็นเรียนแบบ On-Demand หรือ On-Hand ประกอบไปด้วยเพื่อให้
เด็กไดม้ ีงานสง่ ครู ”
นางสาวญาณิศา ปลอดโปร่ง (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางด้วน
ให้ข้อมูลไว้ว่า “การปรับวิธีการสอนใช้วิธีการสอนแบบ On Hand 100% และเสริมด้วย On-Demand เพื่อให้
นักเรียนมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นและเพิ่มการติดต่อสื่อสารนักเรียนสามารถติดต่อครูทุกท่านในโรงเรียนรวมท้ัง
ผู้อำนวยการได้ทกุ เวลา หากไม่เข้าใจมปี ญั หาในการเรยี นสามารถสอบถามคณุ ครไู ด้ทุกคนไม่ว่าจะเป็น ป. ไหนก็
สอบถามครูไดท้ ุกคนไม่จำเป็นต้องเป็นครปู ระจำชนั้ ”
นางสาวสรัลรัตน์ มานะมุติ (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางนางเกรง
ให้ข้อมูลไว้ว่า “การปรับวิธีการจัดการเรียนรู้ครูต้องใช้ความรู้ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีมากต้องใช้สื่อ
เทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอนครูต้องมีการปรับพฤติกรรมของตนเองเรียนรูท้ ักษะด้านเทคโนโลยีใหม้ าก
ขึ้น ต้องจัดทำและจัดหาคลิปการสอน และสร้างเกมเพอื่ กระตนุ้ การเรยี นรูใ้ ห้เด็กมีความสนใจมากข้นึ ”
3) การสง่ เสริมสนับสนุนวิธกี ารเรยี นร้ขู องนกั เรียน
นายณฐั พล นชุ อุดม นางภาวิณี ครุฑปกั ษี และนางเมทนิ ี พาทยโกศล (2564 : สัมภาษณ์)
ผู้อำนวยการโรงเรียนและรองผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลวัดพิชัยสงคราม ให้ข้อมูลไว้ว่า “การส่งเสริม
สนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนทุกห้องเรียนมีการสร้างกลุ่มไลน์เพื่อใช้ในการสื่อสารข้อมูลข่าวสารและดูแล
81
นักเรียนกรณีที่พบปัญหาหรือจะเป็นกรณีไปต้องประสานโดยตรงกับผู้ปกครองหากมีปัญหามากจริงๆและครูไม่
สามารถแก้ปัญหาได้จัดทำเป็นบันทึกข้อความแจ้งถึงผู้บริหารร่วมพิจารณาหาแนวทางออกที่ดีที่สุดในการ
แก้ปญั หาตอ่ ไป”
นางปาริชาติ ประจงศิลป์ และ นางสาวชญาพร หาญศรี (2564 : สัมภาษณ์)
รองผู้อำนวยการโรงเรียนพร้านีลวัชระ ให้ข้อมูลไว้ว่า “จะมีการตั้งกลุ่มไลน์เพื่อสนับสนุนกระบวนการจัดการ
เรียนรู้และแลกเปลี่ยนสื่อสารข่าวสาร ปัญหาต่างๆ ดูแลนักเรียนผ่านกลุ่มไลน์ กรณีพบปัญหาจะใช้วิธีการ
ประสานโดยตรงกับผู้ปกครอง ส่วนกรณีไหนมีปัญหามากแล้วครูไม่สามารถหาทางออกในการแก้ปัญหาไดเ้ องจะ
ทำบันทึกข้อความถงึ ผบู้ ริหารเพ่อื ร่วมพิจารณาหาทางออกท่ดี ีที่สดุ ต่อไป ”
นางศจีมาศ อินทโสภา (2564 : สัมภาษณ์) ครูผู้แทนผู้อำนวยการโรงเรียนคลองมหาวงก์
ใหข้ ้อมูลไว้วา่ “การส่งเสรมิ วธิ กี ารเรียนรู้ของนกั เรียนนักเรียนเรยี นรู้ผ่านคลิปวีดีโอและหนังสือเรียน คลิปวีดีโอที่
ครเู ตรยี มให้ต้องสอดคล้องกับหนังสือเรียน เพื่อสะดวกในการเรียนรู้ของนกั เรียน และการทำแบบฝึกหัดในแต่ละ
วัน หน่วยไหนวชิ าไหนที่ยากครูจะเขียนตัวอย่างลงในสมุดให้นักเรียนดู หรือบันทึกคลิปอธิบายเพิ่มเติมส่งในไลน์
กลุม่ ให้นกั เรียนดแู ละรวบรวมคลิปวดี ีโอในแตล่ ะวันลงในโนต๊ ในกลมุ่ ไลน์ เพ่อื ใหน้ ักเรยี นได้เรยี นยอ้ นหลังได้”
นางวัชรีย์ จันทรา (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางโปรง ให้ข้อมูลไว้ว่า
“การส่งเสริมการเรียนรู้เน้นการส่งเสริมด้านการอ่าน ให้ถ่ายคลิปวีดีโอการอ่านส่งให้ครูประจำชั้น เพื่อประเมิน
การอ่าน มกี ารนดั หมายนักเรยี นท่ีมีปัญหาดา้ นการอ่านมากๆ มาพบครปู ระจำชน้ั เป็นรายบคุ คลไป”
นางนภาพร สุรเนตร (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุขกร ให้ข้อมูลไว้ว่า
“ครูประจำชั้นสำรวจสอบถามในช่วงการเปิดเทอม 2 สัปดาห์แรกว่ามีปัญหาในการเรียนติดขัดอะไรบ้างพบว่า
ความพร้อมของนักเรียนส่วนใหญ่ใช้วิธีเรียนแบบ On-Hand แต่จะเป็นปัญหาในวิชาที่ยาก นักเรียนไม่สามารถ
เรียนรไู้ ด้ จึงต้องใชว้ ิธกี ารให้ครูอัดคลปิ วีดีโอหรือหาสื่อออนไลน์ที่มีคณุ ครูทา่ นอนื่ ๆทำไว้ สอนเข้าใจ และดูง่ายส่ง
ลิงค์ไปยังหอ้ งเรียนของนกั เรียน หรอื ใชว้ ิธกี ารสอนแบบออนไลนบ์ า้ ง”
นายธวชั เกา้ อดุ ม (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรยี นนลิ รัตนอ์ นุสรณ์ ใหข้ อ้ มูลไว้ว่า
“การสง่ เสริมสนบั สนนุ วิธีการเรียนร้ขู องนกั เรยี นใช้วิธกี ารยดื หยุ่น เพ่อื ให้นักเรยี นมคี วามสุขในการเรียน และไม่มี
ปัญหาขอผ่าน”
นางสาวญาณิศา ปลอดโปร่ง (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางด้วน
ใหข้ อ้ มลู ไว้วา่ “การส่งเสรมิ การเรียนรู้สนับสนุนทุกช่องทางเอาวิธีท่ีเด็กสะดวกแม้กระท่งั ใชว้ ธิ ีการมาท่ีโรงเรียนก็
สามารถทำไดค้ รจู ะมเี วรรักษาการณท์ ่โี รงเรียนไมว่ ่าจะเปน็ เด็กระดบั ชัน้ ไหนสามารถสอบถามครไู ด้ทกุ คน”
นางสาวสรัลรัตน์ มานะมุติ (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางนางเกรง
ให้ขอ้ มลู ไวว้ า่ “การส่งเสรมิ สนบั สนุนนอกจากการเรียนรู้ตามตารางสอนแลว้ ยงั มีการส่งเสริมความารู้เพ่ิมเติม ใน
กจิ กรรมวนั สำคัญต่างๆ เช่น วันสำคัญทางศาสนา วนั แม่ วนั ตอ่ ต้านยาเสพตดิ วนั สนุ ทรภู่ เพ่ือให้นักเรียนค้นคว้า
82
หาความรู้ด้วยตนเองเพ่ิมเตมิ จดั กจิ กรรมออนไลนืให้เดก็ มีสว่ นรว่ มในการตอบปัญหา วาดภาพ อัดคลิปร้องเพลง
อ่านกลอน เป็นต้น และมีการเสริมแรงใหร้ างวลั เพื่อเป็นขวญั กำลังใจให้กับเด็กๆนักเรยี นที่ร่วมกิจกรรม และเข้า
เรียนเป็นประจำ ส่งงานสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นเสริมแรงโดยการจัดหาของขวัญของรางวัล และทุนการศึก ษาให้
นกั เรยี น”
4) การตรวจผลงานและการรายงานผลการเรยี นรู้
นายณัฐพล นชุ อดุ ม นางภาวณิ ี ครุฑปักษี และนางเมทนิ ี พาทยโกศล (2564 : สมั ภาษณ์)
ผู้อำนวยการโรงเรียนและรองผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลวัดพิชัยสงคราม ให้ข้อมูลไว้ว่า “การตรวจผลงาน
และการรายงานผลเนื่องจากเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่มีนักเรียนเป็นจำนวนมากให้นักเรียนสื่อสารส่งงานผ่าน
ช่องทาง LINE ของห้องเรียน สภาพปัญหาที่เกิดขึ้น คือ เกิดความกดดันในการจัดการเรียนการสอนระหว่างครู
และผู้ปกครอง เนื่องจากครูต้องการรักษามาตรฐานในการจัดการเรียนการสอนและพยายามรับผิดชอบในการ
ติดตาม วัดประเมินผล แต่ในส่วนของผู้ปกครองด้วยความกดดันในเรือ่ งของการจัดการเรียนการสอนทีต่ นเองไม่
เคยได้สัมผัสโดยตรงกับบุตรหลานทำให้ผู้ปกครองเกิดความหา่ งกนั มากขึ้นในระยะห่างระหว่างครูและผู้ปกครอง
ทำใหเ้ ป็นปัญหาในการจัดการเรยี นการสอน”
นางปาริชาติ ประจงศิลป์ และ นางสาวชญาพร หาญศรี (2564 : สัมภาษณ์)
รองผ้อู ำนวยการโรงเรียนพรา้ นีลวัชระ ให้ข้อมูลไวว้ า่ “การตรวจผลงานส่งผลงานเปน็ ภาพผ่านชอ่ งทางไลน์และ
มีบางวิชาก็ให้ส่งชอ่ งทางส่วนตัวบางครั้งเดก็ ที่เก่งส่งมาก่อนไม่อยากให้เปน็ ตัวอย่างใหเ้ พื่อนหรือนำส่งที่โรงเรยี น
ในช่วงนัดรับส่งนมรับเงินคา่ อาหารกลางวนั ”
นางสาวนรติ ษา ด้วงมหาสอน (2564 : สัมภาษณ)์ รองผอู้ ำนวยการโรงเรียนวัดไตรสามัคคี
ให้ข้อมูลไว้ว่า “การตรวจงานรายงานผลการเรียนรู้ปัญหาที่พบคือบางทีการตรวจงานครูให้นักเรียนทำถ่ายใส่
สมดุ เยอะเกินงานทสี่ ่งรายงานนักเรยี นหลายคนครูตรวจไม่ครบถ้วนไปบ้าง เด็กนกั เรยี นส่งไม่ครบดูต้องใช้วิธีการ
ยืดหยนุ่ ”
นางศจีมาศ อินทโสภา (2564 : สัมภาษณ์) ครูผู้แทนผู้อำนวยการโรงเรียนคลองมหาวงก์
ให้ข้อมูลไว้ว่า “การตรวจผลงานมีกำหนดการส่ง 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้งโดยแบ่งเป็นวันจันทร์ระดับชั้นอนุบาล
อังคารกะ 3-4 วันพุธ 56 ครูประจำชั้นรวบรวมส่งต่อให้ครูประจำวิชาเพื่อตรวจให้คะแนนมีปัญหานักเรียน
บางส่วนประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่ได้ส่งเพราะขาดความรับผิดชอบทำงานไม่เสร็จไม่นำงานมาส่งก็จะเว้นไว้
ก่อนยังไม่ให้สูญกรอกเฉพาะนักเรียนที่ส่งงานครบ 1 สัปดาห์ครูประจำวิชาจะส่งต่อให้ครูประจำชั้นรวบรวม
คะแนนเข้าไปใน LINE กลุ่มห้องเรียนเพ่ือแจ้งให้ผู้ปกครองทราบเพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนที่ไม่ทำงานส่งได้
ตดิ ตามรีบทำงานสง่ ในสัปดาหต์ ่อๆไปจะย้อนตรวจและย้อนให้คะแนน”
83
นางวัชรีย์ จันทรา (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางโปรง ให้ข้อมูลไว้ว่า
“การตรวจผลงานของนักเรียนส่วนใหญ่ใช้ถ่ายภาพส่งลงไลน์กลุ่มและนำชิ้นงานใบงานมาส่งให้กับครูในวันที่มา
รบั นมและเงนิ อาหารกลางวัน
นางนภาพร สุรเนตร (2564 : สมั ภาษณ์) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนวดั สขุ กร ใหข้ อ้ มลู ไว้ว่าการ
ตรวจงานใชก้ ารตรวจแบบออนไลน์และนำแบบฝกึ หนังสือเรียนมาส่งใหเ้ ป็นรายสัปดาห์และครเู ป็นผตู้ รวจส่งกลับ
ไปให้นักเรยี น”
นายธวชั เกา้ อดุ ม (2564 : สมั ภาษณ์) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนนิลรัตน์อนสุ รณ์ ใหข้ ้อมูลไว้ว่า
“การตรวจผลงานและการรายงานผลงาน เด็กส่งใบงานผ่านทาง LINE คณุ ครูต้องรายงานผู้บรหิ ารทุกสัปดาห์ทำ
เป็นรูปเล่มรายงานว่าได้จัดการเรียนการสอนในแต่ละสัปดาห์เป็นอย่างไรบ้างผลออกมาเป็นอย่างไรคิดเป็น
เปอรเ์ ซน็ ตอ์ อกมารายงานให้ผบู้ ริหารทราบ”
นางสาวญาณิศา ปลอดโปร่ง (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางด้วน
ให้ข้อมูลไว้ว่า “การตรวจผลงานมีการวางแผนรับส่งใบงานสัปดาห์ละ 1 ครั้งเนื่องจากสัปดาห์แรกพบปัญหา
ผู้ปกครองเสียชีวิตจากโรคโควิชจึงต้องมีการปรับแผนการส่งงานเดือนละครั้งคุณครูจะได้รับใบงานกลับมาเดือน
ละ 1 คร้งั ซ่งึ จะนานเกินไปไมเ่ ห็นความคืบหน้าของนักเรยี นสว่ นนักเรียนคนใดที่มีความสามารถในการส่งงานทาง
ไลน์ให้กับคุณครูได้ตรวจเบื้องต้นก็สามารถทำได้หากไม่พร้อมไม่เป็นไรอยากส่งวันไหนก็ให้มาส่งที่โรงเรียน
ตลอดเวลาเพราะมีครูเวรอยู่ที่โรงเรียนการรายงานผลการเรียนรู้ครูจะต้องกระตุ้นผู้ปกครองสอบถามเพื่อให้
ผู้ปกครองได้รู้ว่าครูสนใจและตดิ ตามการทำงานของนักเรียนอยูส่ ม่ำเสมอหากมีการส่งงานแล้วเดก็ นักเรียนทำไม่
ครบจะไมใ่ ห้คะแนน 0 คะแนนแต่จะให้เปน็ วธิ กี ารสง่ คืนใหน้ ำกลับไปทำใหม่เพ่ือให้ได้คะแนนในทุกช้นิ งาน”
นางสาวสรัลรัตน์ มานะมุติ (2564 : สัมภาษณ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางนางเกรง
ใหข้ ้อมลู ไวว้ ่า “กำหนดให้นกั เรียนรายงานตวั เพื่อเช็คเวลาเรียนทุกวัน และมีวธิ กี ารส่งงานผ่านทางช่องทาง LINE
ตั้งอลั บั้มสำหรบั ตวั นกั เรียนเพื่อทีจ่ ะถ่ายภาพใบงานภาระงานทคี่ รมู อบหมายใสล่ งในอลั บ้มั ให้ครูได้ตรวจประเมิน
ความรู้ในแต่ละวันได้เลย หรือถ้ามีปัญหาด้านการเรียนครูก็จะนัด Google Meet ในช่วงเวลาที่ผู้ปกครองและ
นักเรียนสะดวกเพือ่ อธิบายเพ่มิ เตมิ ในเน้ือหาท่ไี มเ่ ขา้ ใจ”
5) การวดั ประเมินผล
นายณัฐพล นชุ อดุ ม นางภาวิณี ครุฑปักษี และนางเมทนิ ี พาทยโกศล (2564 : สัมภาษณ์)
ผ้อู ำนวยการโรงเรียนและรองผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลวัดพิชัยสงคราม ใหข้ อ้ มลู ไวว้ ่า “การวัดประเมินผล
โรงเรียน แบ่งเป็น 2 ส่วนคือระหว่างเรียนดำเนินการวัดประเมินผลแบบหลากหลาย มีใบงานแทนนัดรับส่งและ
Live worksheet มีการจัดทำเป็นคลิปวีดีโอ สร้างกิจกรรมให้นักเรียนทำโครงงานสิ่งประดิษฐ์มาส่งคุณครูใน
สัปดาห์วิทยาศาสตร์ และฝึกฝนเกี่ยวกับทักษะชีวิตเช่นเดียวกับทักษะชีวิตเช่นเดียวกันกับโรงเรียนอื่นๆ ในส่วน
ของปลายภาคใช้ Google form ในการวัดประเมินผลระดับชั้นประถมศึกษาปัญหาก็ คือพยายามใช้การวัด
84
ประเมินผลทีห่ ลากหลายแต่เม่ือสิ้นปีที่ผ่านมายงั ไม่สามารถที่จะเก็บการสอบนักเรยี นไดห้ มดและไม่สามารถท่จี ะ
มองเห็นภาพรวมของนักเรียนทั้งหมดได้ จึงต้องรอในภาคเรียนต่อไป ในตอนนี้เพียงแค่ให้คะแนนรอนักเรียนไว้
หากมกี ารส่งงานเพ่ิมข้นึ จะมกี ารปรับคะแนนใหม้ ากข้นึ ”
นางปาริชาติ ประจงศิลป์ และ นางสาวชญาพร หาญศรี (2564 : สัมภาษณ์)
รองผู้อำนวยการโรงเรียนพร้านีลวัชระ ให้ข้อมูลไว้ว่า “การวัดประเมินผล ใช้รูปแบบยืดหยุ่นในระหว่างการ
เรียนการสอน ไม่ว่าจะเป็นการถามตอบ การส่งลิงค์ข้อสอบผ่านทาง Google form ครูนัดหมายช่วงเวลาในการ
สอบตามตาราง แต่ปัญหาคือเด็กไม่สามารถเข้าสอบได้ตามเวลาที่กำหนด จึงมีการจัดช่วงเวลาเก็บตกให้กับ
นักเรียนเพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียนมีคะแนนอย่างทั่วถึงที่สุด ส่วนการสอบปลายภาค มีการจัดสอบด้วย Google
form เฉพาะวชิ าหลัก แตป่ ัญหาคอื เด็กไมส่ ามารถเขา้ สอบได้ตามเวลาทีก่ ำหนด จงึ มีการจดั ช่วงเวลาเก็บตกให้กับ
นักเรียนอาจเปน็ ชว่ งเสาร์ อาทติ ย์ นักเรียนบางคนท่ไี ม่สะดวกสอบแบบออนไลน์ใหต้ ิดต่อประสานงานเพ่ิมเติมกับ
ครปู ระจำชน้ั เปน็ กรณไี ปทีโ่ รงเรยี น”
นางสาวนรติ ษา ดว้ งมหาสอน (2564 : สมั ภาษณ์) รองผอู้ ำนวยการโรงเรยี นวดั ไตรสามัคคี
ให้ข้อมลู ไว้วา่ “การวัดประเมินผลก็ต้องใช้วิธีการยืดหยุ่น หาคะแนนมาใหน้ ักเรียนให้ได้ อาจเป็นการมอบหมาย
ชิ้นงานใบงาน วิธีการคลิปถ่ายคลิปวีดีโอสั้นๆ ส่งมาเพื่อให้คะแนนเพิ่มเติมหรือ ใช้วิธีการสัมภาษณ์สอบถาม
ผู้ปกครอง แทนการวัดประเมินผลเพื่อให้รู้พื้นหลังความรู้ของนักเรียนว่าได้เรียนรู้อะไรไปบ้าง บางวิชาใช้การ
ประเมินจากพฤติกรรมของนักเรียน เช่น วิชาการงานพื้นฐานอาชีพประเมินจากการช่วยเหลืองานบ้านใน
ครอบครัว การสอบปลายภาคเรยี นทำทุกวิถีทางเพื่อทจี่ ะได้มีคะแนนให้กับนกั เรยี น ทัง้ จากงานทน่ี กั เรียนส่ง การ
สัมภาษณ์ การสอบถาม ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 และระดับชั้นมัธยมที่มีความพร้อมใช้การทำข้อสอบ
แบบ Google form สว่ นในระดับช้ันอนุบาลใหผ้ ปู้ กครองมีสว่ นร่วมในการประเมินผลพัฒนาการนักเรียน”
นางศจีมาศ อินทโสภา (2564 : สัมภาษณ์) ครูผู้แทนผู้อำนวยการโรงเรียนคลองมหาวงก์
ใหข้ ้อมูลไว้วา่ “การวัดประเมนิ ผลของโรงเรียนไม่มีการทดสอบปลายภาคเรยี น เพราะจากการตรวจสมุดใบงานท่ี
นักเรียนส่งกลบั คืนมามีนักเรียน 15 ถึง 20 เปอร์เซน็ ต์ในแตล่ ะสัปดาห์ไมส่ ง่ งานตามกำหนดบางคนไม่เคยนำสมุด
ไปงานมาสง่ เลยต้ังแตเ่ ปดิ เทอมจนถึงปลายภาคเรียนไม่มคี ะแนนเลยประมาณห้องละ 4-5 คน ถงึ แมค้ รูจะกระตุ้น
ไป ผปู้ กครองกย็ ังเพิกเฉยอยู่รวมทัง้ โรงเรยี นประมาณมี 100 คน ทม่ี ีคะแนนยังไม่ถึงร้อยละ 50 จงึ ไม่จัดการสอบ
เพราะคาดว่านักเรียนหลายคนไม่ได้ทำเอง ผู้ปกครองทำให้ บางทีครูสอบถามไปหรือเตือนไปก็จะมีอารมณ์
กลับมา และแจ้งว่าไม่มีเวลาสอน บางคนก็ดูเฉลยในคลิปที่ครูส่งให้ เป็นการส่งเสริมลูกในทางที่ผิด ให้ลูกลอก
เฉลยมา จึงต้องมีการประชุมเพื่อแก้ปัญหา หาแนวทางในการให้คะแนนนักเรียน ทางที่ประชุม ก็ให้โอกาสใน
การให้คะแนนนักเรียนดีกว่าไม่ส่งเลย การทํา Google form ก็ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาเพราะคิดว่าถ้าส่งลิงค์
Google form ไปผู้ปกครองจะเป็นคนสอบให้นักเรียนแทน กลุ่มนักเรียนที่ผู้ปกครองมีเวลาก็จะได้คะแนนสูง
ต่อไปก็ไม่ได้ประโยชน์ จึงให้ใช้วิธีการติดตามงานเพื่อเป็นคะแนนเก็บให้กับนักเรียนดีกว่า ค่อยมีการวัด
ประเมินผลในภาคเรียนท่ี 2 เมอ่ื นกั เรยี นไดเ้ ข้ามาเรยี นแบบ on-site ได”้