191
คำอธบิ ายรายวิชาบูรณาการ รอบรว้ั วทิ ยาศาสตร์
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4
เวลาเรียน...........80..........ชัว่ โมง
รายวชิ าวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยเี ปน็ วิชาบูรณาการทีเ่ กดิ จากวิชาวิทยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติและ
วชิ าเทคโนโลยดี ิจทิ ัลเป็นวชิ าท่มี ุ่งเน้นให้ผเู้ รยี นเกดิ ทักษะกระบวนการ การสังเกต การทดลอง การ
เปลี่ยนแปลงของสารทีม่ ีการเปล่ยี นแปลงทางกายภาพ อภิปรายไดอ้ ยา่ งกระตอื รือรน้ และ ทำงานร่วมกนั โดย
แบง่ บทบาทหนา้ ท่ี กำหนดเป้าหมาย จัดลำดับขน้ั ตอนการทำงาน และปฏบิ ัตงิ าน จนสำเรจ็ ได้อย่าง
กระตือรอื รน้ และ ทำงานรว่ มกนั โดยแบง่ บทบาทหน้าท่ี กำหนดเป้าหมาย จดั ลำดับข้ันตอนการทำงาน และ
ปฏบิ ัติงาน จนสำเร็จ สังเกต อภิปราย และอธบิ ายการ เกดิ เสยี ง ทศิ ทางการเคลือ่ นทข่ี องเสยี งและการเคลอื่ นที่
ของเสยี งผา่ นตัวกลางของเสยี ง ทดลองและอธบิ ายการเกิดและ การได้ยนิ เสียงดงั เสียงค่อย ตลอดจน ทดลอง
และอธิบายการเกดิ เสยี ง สงู เสยี งตำ่ และสามารถอธิบายลกั ษณะเสียงต่างๆในสถานการณ์รอบตวั ตลอดจนและ
ไม่ประพฤตติ นเป็นสาเหตุทที่ ำให้เกดิ มลพษิ ทางเสียงโดยการร่วมกันทำงานเป็นทีมในการรบั ฟงั แลกเปลี่ยน
ความคิดเห็น และทำงานอย่างเป็นข้ันตอนในการสำรวจแหล่งนำ้ ผิวดนิ ท่ีพบในชุมชนและรว่ มกนั ตง้ั คำถาม
เกี่ยวกบั สมบตั ิของนำ้ ในสถานะของแขง็ ของเหลว และแก๊ส ลงข้อสรปุ เกย่ี วกับสมบัตขิ องน้ำในแต่ละสถานะได้
อย่างถกู ตอ้ งวเิ คราะหแ์ บบจำลองวัฏจกั รน้ารว่ มกบั ข้อมูลปริมาณนำ้ บนโลก เพอ่ื เปรียบเทยี บปริมาณนา้ จดื ท่ี
มนษุ ย์นำมาใช้ไดเ้ ทียบกับปรมิ าณน้าทง้ั หมดโดยสืบเสาะ โดยการสำรวจการใช้เครอ่ื งมอื ในการจัดทำขอ้ มูลเพ่ือ
อธิบายโครงสร้างและลกั ษณะของสงิ่ มีชีวิตและการปรับตัวของสง่ิ มีชีวิตโดยบอกแนวทางการดแู ลส่ิงแวดล้อม
อยา่ งมเี หตผุ ลและปฏิบตั ิตนเพ่อื ให้ พลังงาน การดำรงชีวิต การถา่ ยทอดและความหลากหลายของส่ิงมีชวี ติ
เป็นไปตามธรรมชาติต้ังคำถาม สังเกต ระบุ แหลง่ กำเนิดแสง เขียนแผนภาพรังสีของแสงในการเดินทางของแสง
ทดลองตัวกลางในการเดินทางของแสงสือ่ สารความรูแ้ ละแลกเปล่ียนความคิดเหน็ บนพื้นฐานของความเข้าใจ
อยา่ ง มเี หตผุ ลและตระหนักถึงความแตกต่างในด้านความเชือ่ และวัฒนธรรมของคนในสงั คม นำเสนอจบั
ประเด็นสำคญั จากการ รวบรวมข้อมลู และวเิ คราะห์ ความสมเหตุสมผลท่ดี าวตา่ ง ๆ ในระบบสรุ ิยะ สามารถมี
สิ่งมชี ีวิตอาศัยอยู่จากแบบจำลองและขอ้ มูลทร่ี วบรวมอธิบายการเกดิ ปรากฏการณ์ เรอื นกระจกทเ่ี กดิ ขนึ้ ตาม
ธรรมชาติและ เช่อื มโยงความรู้จากการสังเกต จากแบบจำลอง และจากข้อมูล ท่ีรวบรวมไดน้ ำเสนอประโยชน์
และผลกระทบของ ปรากฏการณเ์ รือนกระจกตอ่ ส่งิ มชี ีวิตและสง่ิ แวดล้อมระบุแหลง่ ท่มี าทีก่ ่อให้เกิด แก๊สเรอื น
กระจกชนิดตา่ ง ๆ จากข้อมูลทรี่ วบรวมได้ วเิ คราะหพ์ ฤตกิ รรมหรือ กิจกรรมตา่ ง ๆ ของตนเองและสมาชิกใน
ครอบครัวทก่ี ่อให้เกิด แกส๊ เรือนกระจกโดยใช้เหตุ และผลร่วมกันแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั แนวทางในการลด
กิจกรรมทีก่ อ่ ใหเ้ กดิ แก๊สเรือนกระจก มุ่งมน่ั ตัง้ ใจ ในการลงมือปฏิบัติเพื่อช่วยลด ผลกระทบท่ีจะเกิดขึ้นตอ่
ส่ิงมชี วี ิตและสง่ิ แวดล้อมสังเกตและอธิบายผลของ แรงโน้มถว่ งท่มี ตี อ่ วตั ถุตา่ ง ๆ บนโลก อธิบายวิธกี ารและใช้
เคร่ืองชงั่ สปริง และระบหุ น่วยในการช่งั นา้ หนักของวตั ถุ และอธิบายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรงโนม้ ถว่ ง มวล
และนา้ หนักของวัตถจุ ากหลักฐานท่ีรวบรวมประเมินและเลือกวธิ ีการทดลอง เพื่ออธบิ ายสมบตั ิด้านความแขง็
ของวสั ดุทีพ่ บในชีวติ ประจำวัน อธิบายสถานการณ์ท่พี บใน ชีวิตประจำวนั โดยใช้ความรู้ สมบัตดิ า้ นความแขง็ ใน
สถานการณต์ ่าง ๆ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั สมบัตดิ า้ น ความแข็งของวตั ถุ ต้งั คำถามเพ่อื นำไปสู่การทดลองเกี่ยวกับสมบตั ิ
ดา้ นความแข็ง ของวัสดตุ ่าง ๆ รว่ มกนั ต้ังสมมติฐาน อภิปรายเกี่ยวกบั ตวั แปรทเี่ กีย่ วข้องในการ ทดลอง ไดอ้ ยา่ ง
ถูกต้องใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในการแก้ปัญหาในชวี ติ ประจำวนั หาวธิ ีการแก้ปญั หาที่เป็นไปได้ แสดงวิธีการ
แก้ปัญหาโดยวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของเหตแุ ละผลด้วยข้อความหรอื แผนภาพ วิเคราะห์ วางแผน ออกแบบ
192
เขียนแกป้ ญั หา ตรวจหาข้อผิดพลาด สะท้อนทำงาน ปรบั ปรงุ แกไ้ ขปัจจัย สถานการณ์โปรแกรม เกยี่ วกบั
อัลกอรทิ มึ (ขน้ั ตอนการแกป้ ัญหา) ลกั ษณะ ของอัลกอริทมึ ที่ดี อัลกอริทึมที่พบในชีวติ ประจำวนั อัลกอริทึมใน
การทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชวี ิตประจำวัน ของนกั เรียน ข้นั ตอนการแก้ปัญหากับเพือ่ น ค้นหาวธิ ีการ ที่ทำให้
ได้ผลลัพธ์ตามเง่ือนไขของการตดั สนิ ใจในการกำหนดลำดบั ข้ันตอน ต่าง ๆการปรบั ปรุงวธิ ีการให้ดยี ่ิงขึ้น การ
ออกแบบอลั กอรทิ มึ ในการแก้ปัญหา อย่างสรา้ งสรรค์ ใช้ ออกแบบ บนั ทกึ รวบรวม จัดเกบ็ จัดเตรียม
ประมวลผล วิเคราะห์ สรุปแก้ปัญหา นำเสนอ เลือกเทคโนโลยีดิจทิ ัลข้อมูล วิธีการ แก้ปัญหาจากโจทย์
สถานการณ์ทีก่ ำหนดให้ จากงานหรอื สถานการณ์จำลอง ทม่ี ีหลายเงอื่ นไข การใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในการ
แก้ปัญหาด้วยความตระหนักและเห็นคณุ คา่ ใช้ ค้นหา ตดิ ต่อ สือ่ สาร รับฟัง อ่าน ดู จบั ประเด็น มสี ติ ตัดสิน
ประเมนิ สือ่ สาร ปกปอ้ งรักษา เกีย่ วกบั เทคโนโลยดี ิจทิ ัลขอ้ มูล สถานการณ์แหลง่ ข้อมูล มารยาท จริยธรรมไซ
เบอร์เกีย่ วกับ การสบื ค้นขอ้ มูล วตั ถุประสงคข์ องการค้นหาขอ้ มูล วธิ ีการใชโ้ ปรแกรมค้นหา (search engine)
ค้นหาข้อมูลตามคำค้นท่ีกำหนด ความหมายของทอี่ ยเู่ วบ็ ไซต์(Universal Resource Locator: URL) ความ
นา่ เชื่อถอื ของ ขอ้ มลู และแหล่งข้อมูล โดยพจิ ารณาจาก URL, ช่อื หนว่ ยงาน ชอื่ ผเู้ ขียน วนั เดอื นปที เี่ ผยแพร่
ขอ้ มลู แหลง่ ข้อมลู อ้างองิ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพพัฒนา แกป้ ัญหาใช้ วเิ คราะห์ รวบรวม ระบุปัญหา เลือกวางแผน
ตรวจสอบ ปรับปรงุ แก้ไขปจั จัย สถานการณเ์ ทคโนโลยี บริบทผลกระทบ เกยี่ วกับการ สบื คน้ ข้อมูลเกีย่ วกบั การ
ใชเ้ ทคโนโลยอี ย่างคมุ้ ค่าด้วยการ นำกลับมาใชซ้ ำ้ (reuse) ลดการใช้(reduce) หรือแปรรูปแลว้ นำกลับมาใช้
ใหม่ (recycle) ความตอ้ งการในการสร้างส่งิ ของ เคร่อื งใช้โดยเชือ่ มโยงกบั ความสนใจของตนเองหรอื
สถานการณ์ ที่พบในโรงเรยี นหรือชุมชน การใชง้ านเทคโนโลยีอยา่ งคมุ้ ค่า โดยการนำวสั ดุที่ไม่ใช้แล้วมาเป็น
ส่วนประกอบในการสร้างของใช้ การปรบั ปรุงซ่อมแซมสง่ิ ของเครอ่ื งใชใ้ ห้สามารถใชง้ านได้เหมือนเดิมอย่าง
สร้างสรรค์
โดยใช้สมรรถนะเฉพาะทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยดี ิจทิ ัลในการสร้างคำอธิบาย
สาเหตุและกระบวนการของปรากฏการณ์โดยใช้ ขอ้ มูลหรือหลักฐานที่รวบรวมไดจ้ ากการสงั เกตหรือทดลอง.
เชอ่ื มโยงสาเหตุและผลของปรากฏการณ์กับการดำรงชวี ิตของ มนษุ ยแ์ ละส่งิ แวดล้อม คาดการณ์
ปรากฏการณ์อยา่ งสมเหตุสมผลโดยอาศยั ความรูเ้ ชิง วิทยาศาสตรแ์ ละขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการสังเกตหรือการ
ทดลองสงั เกต ตง้ั คำถาม ต้งั สมมติฐาน และทดสอบสมมตฐิ านเกี่ยวกบั ปรากฏการณ์ และเลอื กใชเ้ ทคโนโลยี
อย่างคมุ้ คา่ และสร้างสิ่งของเครื่องใชเ้ พอ่ื แก้ปัญหา อธบิ ายการใช้เทคโนโลยอี ยา่ งคุม้ ค่า ดว้ ยการนำกลบั มา
ใชซ้ ำ้ ลดการใช้ หรือแปรรปู แลว้ นำกลับมาใชใ้ หม่ สรา้ งเทคโนโลยีเพอ่ื แกป้ ัญหาใน โรงเรยี นหรอื ชมุ ชน โดย
ระบุปญั หา วางแผนแก้ปญั หา ประเมนิ ตรวจสอบ และปรับปรงุ แก้ไข
เพอ่ื ให้เกิดสมรรถนะหลัก 6 ด้านไดแ้ ก่ การจัดการตนเอง การคดิ ขั้นสงู การสอ่ื สาร การ
ทำงานเป็นทมี การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็ง และการอยู่ร่วมกนั กับธรรมชาติและวิทยาการอย่างย่งั ยืน
ผลลัพธ์การเรียนรู้วิชาบูรณาการวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
1.วิชาวทิ ยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติ
LO1 LO2 LO3 LO4 LO5 LO6 Lo 7 LO8 Lo9 Lo10 Lo11
2.วชิ าเทคโนโลยดี จิ ิทัล
LO1 LO2 LO3 LO4 LO5
193
คำอธิบายรายวิชาบรู ณาการ รอบรั้ววิทยาศาสตร์
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรช์ ัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 5
เวลาเรยี น...........80..........ชั่วโมง
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นวิชาบรู ณาการท่ีเกิดจากการบูรณาการรว่ มกันระหวา่ งวชิ า
วิทยาศาสตร์และระบบธรรมชาตแิ ละวชิ าเทคโนโลยดี ิจิทัลเปน็ วชิ าท่มี ุง่ เน้นทักษะกระบวนการ สังเกตการ
เปลี่ยนแปลงของสารทมี่ ีการเปล่ยี นแปลงทางเคมีอภิปรายและลงข้อสรุปเก่ยี วกับการเปลย่ี นแปลงทางทางเคมีได้
อย่างกระตือรอื รน้ และทำงานรว่ มกนั โดยแบ่งบทบาทหนา้ ท่ี กำหนดเป้าหมาย จัดลำดับข้ันตอนการทำงาน
และปฏบิ ัตงิ านจนสำเรจ็ สังเกต อภปิ ราย และอธิบายการ เกดิ เสยี ง ทิศทางการเคลือ่ นท่ีของ เสยี ง และการ
เคล่อื นทีข่ องเสียง ผา่ นตวั กลางของเสยี ง ทดลองและอธบิ ายการเกดิ และการด้ยนิ เสียงดงั เสียงค่อย เกิดเสียง
สูง เสียงต่ำ ตัวกลางของเสียงชนิดตา่ งๆและสามารถอธิบายเสยี งในสถานการณ์ต่างๆรอบตวั ตลอดจนไม่
ประพฤตติ นทเี่ ปน็ สาเหตทุ ำให้เกดิ มลพิษทางเสยี งร่วมกนั ทำงานเป็นทีมในการรบั ฟงั แลกเปล่ียนความคิดเห็น
และทำงานอย่างเป็นขน้ั ตอนในการสำรวจแหลง่ นำ้ ผวิ ดินทพี่ บในชุมชนและรว่ มกันต้ังคำถาม เกี่ยวกับสมบัติ
ของน้ำในสถานะของแขง็ ของเหลว และแก๊ส ลงข้อสรปุ เก่ียวกับสมบตั ิของนำ้ ในแตล่ ะสถานะ และสืบคน้ ขอ้ มูล
รวบรวมขอ้ มูลเกีย่ วกับกระบวนการเกิด เมฆ หมอก น้ำค้าง น้ำค้างแข็ง ฝน หิมะ ลกู เห็บได้อย่างถูกต้องสรุป
ความเข้าใจ ของตนและแสดง ความคิดเห็นอย่าง มีเหตผุ ลเกีย่ วกับ เรอื่ งนั้น จากการ ต้งั คำถาม การฟงั /อ่าน
ข้อมูล เรอื่ งราวท่ี หลากหลาย วิเคราะห์ตีความ เพอื่ ประเมินความ เหมาะสมของ ข้อมลู ในการลง ข้อสรุปได้
อยา่ ง ถูกตอ้ ง และ/หรือ ตดั สนิ ใจเลือกทาง ใดทางหนึ่ง โดย ระบุหลักฐาน สนบั สนนุ ความคิดไดอ้ ย่างนอ้ ยหนึ่ง
แหลง่ ข้อมลู อธิบายเหตุผล ของการตัดสินใจ ในเร่ืองตา่ ง ๆ ในชวี ิตประจำวนั ของตน และบอก ได้วา่ การ
ตดั สินใจ ของตนมคี วาม เหมาะสม โดยระบุหลกั ฐาน สนบั สนุนความคิด ไดร้ ่วมกันจัดการขอ้ มลู เลือก รูปแบบ
การนำเสนอเพื่ออธบิ าย โครงสร้างและลักษณะของ ส่งิ มชี ีวิตทเี่ หมาะสมกับการดำรงชวี ติ ตามบทบาทหนา้ ทีท่ ่ี
ไดร้ บั มอบหมาย สรา้ งคำอธบิ ายเชอ่ื มโยง เกยี่ วกับโครงสรา้ งและลักษณะ ของสง่ิ มชี วี ติ ท่ีเหมาะสมกบั การ
ดำรงชวี ิตและการปรบั ตัวของ ส่งิ มีชวี ิต โดยบอกแนวทางการดูแลสงิ่ แวดล้อมอย่างมีเหตุผลและปฏิบตั ิตน
เพ่ือให้ พลงั งาน การดำรงชวี ิต การถา่ ยทอดและความหลากหลายของสง่ิ มีชวี ิตเปน็ ไปตามธรรมชาติ สังเกตและ
อธิบายแบบรูปการ เปลีย่ นแปลงรูปรา่ งของ ดวงจันทรบ์ นทอ้ งฟา้ และ คาดการณร์ ูปร่างของดวงจนั ทร์ บน
ท้องฟา้ . อธบิ ายสาเหตกุ ารมองเห็นการ เปล่ยี นแปลงรปู รา่ งของ ดวงจันทร์ โดยใชแ้ บบจำลองสงั เกตและ
อธิบายการเกดิ เงา ลกั ษณะของเงาท่ีปรากฏบนฉาก ลกั ษณะและการเกิดเงามดื และ เงามัวจากหลักฐานท่ี
รวบรวมได้ ประยุกตใ์ ช้ความร้เู รื่องการ เกิดเงาใน การแก้ปญั หาและอธิบาย สถานการณต์ ่าง ๆ ใน
ชีวติ ประจำวันสอื่ สารความร้แู ละแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ บนพื้นฐานของความเข้าใจอยา่ ง มีเหตผุ ลและ
ตระหนกั ถงึ ความแตกต่างในดา้ นความเช่อื และวัฒนธรรมของคนในสงั คม นำเสนอต้งั คำถาม สืบคน้ อ่าน และ
จบั ประเดน็ สำคัญเกย่ี วกับความ แตกต่างของดวงอาทติ ย์ โลก ดวงจนั ทร์ ดาวเคราะห์ และวตั ถุ ทอ้ งฟ้าอ่นื ๆ
ในระบบสรุ ยิ ะ และการเคลอื่ นทท่ี ่ีสัมพนั ธ์กนั อยา่ ง เป็นระบบของดาวและวตั ถุทอ้ งฟา้ อ่นื ๆ วิเคราะห์ความ
เปน็ ไปได้ของข่าวหรือสถานการณท์ ี่เก่ียวข้องกบั การย้ายถ่ินฐานของมนุษย์เชอ่ื มโยงความรเู้ ก่ยี วกับอุณหภมู ิ
อากาศเพอื่ นำไปสกู่ ารอธิบายการเกิดนำเสนอการเกดิ และประโยชน์ของปรากฏการณ์เรอื นกระจกใน รูปแบบ
ต่าง ๆตง้ั คำถามเกี่ยวกบั อุณหภมู ิอากาศ ใช้รปู กราฟแสดงขอ้ มลู ปรมิ าณแก๊สเรอื นกระจก หรอื สถานการณ์
ขา่ วตา่ ง ๆ และลงข้อสรุปโดยอาศยั ข้อมูลหรือ หลักฐานที่รวบรวมได้นำเสนอประโยชน์และ ผลกระทบของ
194
ปรากฏการณ์ เรอื นกระจกทมี่ ีต่อส่ิงมีชวี ติ และสิ่งแวดล้อม จากข้อมูลที่รวบรวมได้โดยระบแุ หล่งทมี่ าที่ก่อใหเ้ กดิ
แกส๊ เรือนกระจกชนิดตา่ ง ๆ จากขอ้ มูลที่รวบรวมได้ วเิ คราะหพ์ ฤติกรรมหรือ กจิ กรรมต่าง ๆ ของตนเองและ
สมาชิกในครอบครวั ทีก่ อ่ ให้เกิด แก๊สเรือนกระจกโดยใช้เหตุ และผล รว่ มกันแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ
แนวทางในการลด กจิ กรรมทีก่ อ่ ใหเ้ กิดแกส๊ เรอื น มุง่ มน่ั ต้งั ใจ ในการลงมือปฏบิ ตั เิ พอ่ื ชว่ ยลด ผลกระทบท่ีจะ
เกิดขึ้นต่อ สิ่งมีชีวิตและสงิ่ แวดลอ้ มโดยนำเสนอการประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ เรือ่ งแรงโน้มถว่ ง มวล และ น้าหนัก ใน
การแก้ปญั หาหรือ อธบิ ายสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ เก่ียวข้องและผ่านสือ่ หรอื วิธีการที่ เหมาะสมโดยต้ังคำถามและ
สมมติฐานเพื่อ ทดลองเกยี่ วกับผลของแรง เสียดทานท่มี ตี อ่ วัตถบุ นพ้ืนผวิ ต่าง ๆนำเสนอการประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้
เร่อื งแรงเสยี ดทานในการ แกป้ ัญหา วิเคราะหห์ รืออธิบาย สถานการณห์ รือกิจกรรมต่าง ๆโดยรว่ มกันทำงาน
เป็นทีมอย่างกระตือรือรน้ ในการสร้างเครือ่ งมือหรอื เครอื่ งใช้อย่างสรา้ งสรรค์เพอื่ แก้ปญั หาหรือตอบสนองต่อ
ความตอ้ งการ เลอื กใช้ความรูเ้ กี่ยวกับวงจรไฟฟา้ อย่างง่าย การตอ่ เซลล์ไฟฟ้าแบบอนกุ รม และแบบขนาน
ประเมินตนเองในด้านผลงานและการทำงานใน บทบาทการเปน็ สมาชิกของทมี โดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการ
แก้ปญั หาในชวี ิตประจำวัน หาวธิ ีการแก้ปัญหาท่ีหลากหลายท่ีเป็นไปไดแ้ สดงวิธกี ารแก้ปญั หาโดยวิเคราะห์
ความสัมพันธ์ของเหตุและผลดว้ ยขอ้ ความหรือแผนภาพ อธิบายเหตุผลของการตัดสินใจมีความพยายามและ
กระตอื รือร้นในการแก้ปัญหาอยา่ งมุ่งมัน่ ไมย่ ่อท้อวิเคราะห์ วางแผน ออกแบบ เขยี นแก้ปัญหา ตรวจหา
ข้อผิดพลาด สะท้อนทำงาน ปรับปรงุ แกไ้ ขปัจจัย สถานะการณ์โปรแกรมปัจจัย สถานการณโ์ ปรแกรม เก่ยี วกบั
อลั กอรทิ มึ (ขั้นตอนการแก้ปญั หา) ลักษณะ ของอัลกอรทิ มึ ทดี่ ี อัลกอริทมึ ท่ีพบในชีวิตประจำวัน อัลกอริทมึ ใน
การทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจำวนั ของนกั เรยี น ข้นั ตอนการแก้ปญั หากบั เพ่ือน คน้ หาวธิ กี าร ที่ทำให้ได้ผล
ลัพธต์ ามเงอื่ นไขของการตัดสนิ ใจในการกำหนดลำดับข้นั ตอน ต่าง ๆการปรับปรุงวธิ กี ารให้ดยี ่งิ ขึ้น การออกแบบ
อลั กอรทิ มึ ในการแก้ปญั หา อัลกอริทึมในการแกป้ ัญหาด้วยรหัสลำลอง(pseudocode) และผังงาน (flow
chart) อย่างสรา้ งสรรค์ใช้ ออกแบบ บันทกึ รวบรวม จดั เก็บ จดั เตรยี ม ประมวลผล วิเคราะห์ สรปุ แก้ปญั หา
นำเสนอ เลอื กเทคโนโลยีดิจิทัลขอ้ มูล วธิ ีการ แกป้ ัญหาจากโจทย์สถานการณ์ทกี่ ำหนดให้ จากงานหรอื
สถานการณ์จำลอง ท่มี หี ลายเง่ือนไข การใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในการแกป้ ัญหา การเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์
ด้วยความตระหนักและเหน็ คณุ ค่า ใช้ คน้ หา ตดิ ต่อ สือ่ สาร รบั ฟงั อา่ น ดู จับประเด็น มีสติ ตัดสิน ประเมนิ
สอ่ื สาร ปกป้องรกั ษาเทคโนโลยีดิจิทัลขอ้ มลู สถานการณ์แหลง่ ขอ้ มลู มารยาท จริยธรรมไซเบอรเ์ กยี่ วกับ การ
สืบคน้ ขอ้ มลู วตั ถุประสงค์ของการค้นหาขอ้ มูล วธิ ีการใช้โปรแกรมค้นหา (search engine) ค้นหาข้อมูลตาม
คำคน้ ทก่ี ำหนด ความหมายของท่อี ยเู่ วบ็ ไซต์(Universal Resource Locator: URL) ความนา่ เช่ือถือของ
ข้อมลู และแหลง่ ข้อมลู โดยพิจารณาจาก URL, ช่ือหนว่ ยงาน ชื่อผเู้ ขียน วนั เดอื นปีทเ่ี ผยแพรข่ อ้ มูล แหล่งข้อมูล
อ้างอิง ประเภทของข้อมูล (ภาพ วิดีโอ ข่าว แผนท่ี) ชนดิ ของไฟล์ ชว่ งเวลา ประเภทของเวบ็ ไซตค์ ้นหาดว้ ย
เสียง ค้นหาด้วยภาพ ค้นหาคำศพั ท์หรือความหมายของคำในภาษาต่าง ๆ แปลงค่าหน่วย วดั แปลงค่าเงิน
ขอ้ มลู พยากรณอ์ ากาศ วธิ กี ารทใี่ ชใ้ นการค้นหาและผลลพั ธท์ ่ไี ด้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ พัฒนา แกป้ ัญหาใช้
วิเคราะห์ รวบรวม ระบปุ ัญหา เลอื กวางแผน ตรวจสอบ ปรบั ปรุงแก้ไขปัจจัย สถานการณ์เทคโนโลยี บริบท
ผลกระทบ เกยี่ วกับการ สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับการใชเ้ ทคโนโลยีอย่างคุม้ ค่าดว้ ยการ นำกลับมาใช้ซ้ำ (reuse) ลด
การใช้(reduce) หรือแปรรูปแล้ว นำกลับมาใช้ใหม่ (recycle) ความต้องการในการสรา้ งสงิ่ ของ เคร่ืองใช้โดย
เชื่อมโยงกับความสนใจของตนเองหรอื สถานการณ์ ท่ีพบในโรงเรียนหรือชุมชน การใชง้ านเทคโนโลยีอย่างคุ้มค่า
โดยการนำวัสดุท่ีไมใ่ ช้แล้วมาเป็นส่วนประกอบในการสร้างของใช้ การปรบั ปรุงซ่อมแซมสิง่ ของเคร่ืองใช้ให้
สามารถใช้งานได้เหมอื นเดิม วธิ ีการจากแหลง่ ข้อมูลในอินเทอร์เน็ตหรือจากแหลง่ เรยี นรอู้ นื่ ๆ สร้างสิ่งของ
เครื่องใช้หรือออกแบบ วิธีการแกป้ ัญหา ปัจจัย ท่ีเก่ยี วขอ้ งกับสถานการณ์ ปัญหา หรือ วิธีการอย่างสรา้ งสรรค์
195
โดยใช้สมรรถนะเฉพาะทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยดี ิจิทัลในการสรา้ งคำอธบิ ายสาเหตุ
และกระบวนการของปรากฏการณ์โดยใช้ ข้อมลู หรอื หลกั ฐานทรี่ วบรวมได้จากการสงั เกตหรอื ทดลอง
เช่อื มโยงสาเหตุและผลของปรากฏการณ์กบั การดำรงชวี ิตของ มนษุ ย์และส่งิ แวดล้อม คาดการณ์
ปรากฏการณอ์ ย่างสมเหตุสมผลโดยอาศัยความรเู้ ชิง วทิ ยาศาสตร์และขอ้ มูลทไี่ ดจ้ ากการสังเกตหรือการ
ทดลองสังเกต ต้ังคำถาม ตง้ั สมมติฐาน และทดสอบสมมติฐานเก่ียวกบั ปรากฏการณ์ เลอื กใชเ้ ทคโนโลยี
อยา่ งคมุ้ ค่า และสรา้ งสิง่ ของเครือ่ งใช้เพ่อื แกป้ ัญหา อธิบายการใช้เทคโนโลยีอย่างคมุ้ ค่า ดว้ ยการนำกลบั มา
ใชซ้ ำ้ ลดการใช้ หรอื แปรรปู แล้วนำกลับมาใช้ใหม่ สรา้ งเทคโนโลยีเพ่อื แก้ปญั หาใน โรงเรยี นหรือชมุ ชน โดย
ระบปุ ัญหา วางแผนแกป้ ัญหา ประเมิน ตรวจสอบ และปรบั ปรุงแกไ้ ข
เพอื่ ใหเ้ กดิ สมรรถนะหลัก 6 ดา้ นได้แก่ การจดั การตนเอง การคิดข้นั สูง การส่อื สาร
การทำงานเปน็ ทีม การเปน็ พลเมืองที่เข้มแขง็ และการอยู่รว่ มกันกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างย่ังยืน
ผลลพั ธก์ ารเรียนรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
1. วิชาวิทยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติ
LO1 LO2 LO3 LO4 LO5 LO6 Lo 7 LO8 Lo9 Lo10 Lo11
2. วิชาเทคโนโลยีดจิ ทิ ัล
LO1 LO2 LO3 LO4 LO5
196
คำอธบิ ายรายวชิ าบูรณาการ รอบรวั้ วทิ ยาศาสตร์
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6
เวลาเรยี น...........80..........ช่วั โมง
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีเปน็ วชิ าทีม่ ่งุ เน้นทักษะกระบวนการสังเกตการเปลย่ี นแปลง
ของสารทม่ี กี ารเปลี่ยนแปลงทางเคมีอภิปรายและลงข้อสรุปเก่ียวกบั การเปล่ยี นแปลงทางทางเคมีอธิบายการ
ทำงานของระบบยอ่ ยอาหารและความสัมพันธ์ระหวา่ งกระบวนการยอ่ ยอาหารกับการเปลย่ี นแปลงทางเคมี
เป้าหมาย จดั ลำดับขน้ั ตอนการทำงาน และปฏิบตั ิงาน สังเกต อภิปราย และอธบิ ายการ เกดิ เสยี ง ทิศทางการ
เคลื่อนทีข่ อง เสยี ง และการเคลอ่ื นทข่ี องเสยี ง ผ่านตัวกลางของเสียง ทดลองและอธิบายการเกดิ และ การได้
ยนิ เสียงดงั เสยี งค่อย ทดลองและอธิบายการเกดิ เสียง สงู เสียงตำ่ วเิ คราะหส์ าเหตุทีท่ ำให้เกิดมลพิษ ทางเสยี ง
ในสถานการณต์ ่าง ๆ โดยประเมนิ ความน่าเช่ือถอื และ ความสมเหตุสมผลของหลักฐานที่ รวบรวมได้ ไม่
ประพฤติตนเป็นสาเหตุทที่ ำให้ เกิดมลพษิ ทางเสยี ง และนำเสนอ แนวทางการปฏิบัติตนให้ ปลอดภัยจากมลพษิ
ทางเสียงดว้ ย วิธกี ารท่ีเหมาะสมเพือ่ ใหเ้ กิด ประโยชนต์ ่อตนเองและผ้อู นื่ ร่วมกันทำงานเปน็ ทีมในการรับฟงั
แลกเปล่ยี นความคิดเห็น และทำงานอยา่ งเปน็ ขั้นตอนในการสร้าง แบบจำลองเพอ่ื อธิบายกระบวนการเกิดเมฆ
หมอก น้ำคา้ ง น้ำค้างแข็ง ฝน หิมะ และลกู เห็บ โดยอาศยั ความรเู้ กี่ยวกับสถานะและการเปลีย่ นสถานะของ
สสารและจากข้อมลู ที่รวบรวมได้ใชค้ วามรู้ทางคณิตศาสตร์และเคร่ืองมอื ดจิ ิทัลในการ จัดการและนำเสนอ
ข้อมูลอยา่ งเหมาะสม และนำเสนอแนวทางการปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมการใชน้ า้ ของคนในบา้ นหรอื ในโรงเรียน
วิเคราะห์ จัดลำดับสาเหตุของปัญหา และร่วมกนั หาแนวทางการแกไ้ ขปัญหา หรอื นำเสนอแนวทางการอนรุ ักษ์
นา้ ในชมุ ชน เพอื่ เปน็ ส่วนหน่งึ ทีช่ ่วยใหช้ มุ ชนมนี ้าใช้อย่างไมข่ าดแคลนโดยสามารถร่วมกนั จัดการข้อมูล เลอื ก
รปู แบบการนำเสนอเพอ่ื อธิบาย โครงสร้างและลกั ษณะของสิง่ มีชวี ติ ทเี่ หมาะสมกบั การดำรงชีวติ ตามบทบาท
หน้าท่ีท่ี ได้รบั มอบหมาย สรา้ งคำอธบิ ายเชื่อมโยง เกย่ี วกบั โครงสรา้ งและลักษณะของสง่ิ มชี ีวิตท่เี หมาะสมกบั
การดำรงชีวติ และการปรบั ตัวของ สิ่งมีชวี ิตโดยบอกแนวทางการดแู ลส่ิงแวดล้อมอยา่ งมเี หตุผลและปฏิบตั ิตน
เพอ่ื ให้พลงั งาน การดำรงชวี ิต การถ่ายทอดและความหลากหลายของสง่ิ มีชวี ิตเปน็ ปตามธรรมชาติสังเกตและ
อธบิ ายแบบรูปการ เปลย่ี นแปลงรปู ร่างของ ดวงจนั ทรบ์ นท้องฟ้าและ คาดการณร์ ูปรา่ งของดวงจันทร์ บน
ท้องฟา้ อธิบายสาเหตุการมองเหน็ การ เปล่ียนแปลงรูปร่างของ ดวงจนั ทร์ โดยใช้แบบจำลองสงั เกตและอธบิ าย
การเกิดเงา ลกั ษณะของเงาทปี่ รากฏบนฉาก ลักษณะและการเกดิ เงามืดและ เงามัวจากหลกั ฐานทรี่ วบรวมได้
ประยุกต์ใชค้ วามรู้เรือ่ งการ เกิดเงาใน การแกป้ ญั หาและอธบิ าย สถานการณต์ ่าง ๆ ใน ชีวิตประจำวนั สอื่ สาร
ความรแู้ ละแลกเปลี่ยนความคิดเห็นบนพนื้ ฐานของความเขา้ ใจอยา่ ง มเี หตุผลและตระหนักถึงความแตกตา่ งใน
ดา้ นความเช่อื และวัฒนธรรมของคนในสงั คม นำเสนอต้ังคำถาม สบื คน้ อ่าน และจับประเด็นสำคัญเกยี่ วกับ
ความ แตกต่างของดวงอาทิตย์ โลก ดวงจนั ทร์ ดาวเคราะห์ และวตั ถุ ท้องฟ้าอน่ื ๆ ในระบบสุริยะ และการ
เคล่อื นท่ีท่ีสมั พนั ธ์กันอย่าง เปน็ ระบบของดาวและวตั ถุท้องฟ้าอน่ื ๆ วเิ คราะห์ความเป็นไปไดข้ องข่าวหรือ
สถานการณ์ท่ีเกยี่ วข้องกับการย้ายถนิ่ ฐานของมนุษย์เชื่อมโยงความรเู้ กี่ยวกบั อุณหภมู ิอากาศเพื่อนำไปสกู่ าร
อธบิ ายการเกดิ นำเสนอการเกดิ และประโยชนข์ องปรากฏการณ์เรอื นกระจกใน รปู แบบตา่ ง ๆต้งั คำถามเกยี่ วกบั
อณุ หภมู ิอากาศ ใชร้ ูป กราฟแสดงข้อมูล ปริมาณแกส๊ เรอื นกระจก หรอื สถานการณข์ ่าวต่าง ๆ และลงข้อสรุป
โดยอาศยั ขอ้ มูลหรอื หลักฐานทีร่ วบรวมได้นำเสนอประโยชนแ์ ละ ผลกระทบของปรากฏการณ์ เรือนกระจกท่ีมี
ต่อสงิ่ มชี วี ิตและสิง่ แวดลอ้ ม จากข้อมูลท่ีรวบรวมได้โดยระบุแหลง่ ท่มี าทก่ี ่อให้เกิด แก๊สเรอื นกระจกชนิดตา่ ง ๆ
จากข้อมูลท่รี วบรวมได้ วเิ คราะห์พฤติกรรมหรือ กจิ กรรมต่าง ๆ ของตนเองและ สมาชกิ ในครอบครัวที่
กอ่ ให้เกดิ แก๊สเรือนกระจกโดยใชเ้ หตุ และผลรว่ มกันแสดงความคิดเห็น เกีย่ วกบั แนวทางในการลด กจิ กรรมที่
197
ก่อใหเ้ กิดแกส๊ เรอื นกระจก มงุ่ ม่นั ตัง้ ใจ ในการลงมือปฏิบตั ิเพ่ือช่วยลด ผลกระทบท่ีจะเกิดขึ้นตอ่ สิ่งมชี ีวติ และ
สงิ่ แวดล้อมนำเสนอการประยกุ ต์ใช้ความรู้ เรื่องแรงโน้มถว่ ง มวล และ น้าหนัก ในการแก้ปัญหาหรือ อธบิ าย
สถานการณ์ต่าง ๆ ท่ี เก่ยี วข้องและผ่านสอ่ื หรือวิธีการที่ เหมาะสมโดยต้ังคำถามและสมมติฐานเพือ่ ทดลอง
เกยี่ วกับผลของแรง เสยี ดทานท่มี ตี ่อวัตถุบนพื้นผวิ ต่าง ๆนำเสนอการประยกุ ต์ใชค้ วามรูเ้ รื่องแรงเสียดทานใน
การ แก้ปญั หา วเิ คราะห์หรืออธบิ าย สถานการณ์หรอื กิจกรรมต่างรว่ มกนั ทำงานเปน็ ทีมอยา่ งกระตอื รอื รน้ ใน
การสร้างเคร่ืองมือหรอื เครอื่ งใชอ้ ย่างสร้างสรรคเ์ พอ่ื แกป้ ญั หาหรือตอบสนองตอ่ ความต้องการ เลือกใชค้ วามรู้
เกี่ยวกบั วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย การตอ่ เซลลไ์ ฟฟ้าแบบอนกุ รม การต่ออปุ กรณไ์ ฟฟ้าแบบอนกุ รมและแบบขนาน
ประเมนิ ตนเองในด้านผลงานและการทำงานใน บทบาทการเปน็ สมาชิกของทมี ใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในการ
แก้ปญั หาในชวี ิตประจำวัน หรอื สถานการณ์จำลองหาวิธีการแกป้ ัญหาที่หลากหลายท่ีเปน็ ไปได้แสดงวิธกี าร
แกป้ ัญหาโดยวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของเหตุและผลด้วยข้อความหรือแผนภาพอธิบายเหตุผลของการตัดสินใจ
หรือการลงขอ้ สรปุ มีความพยายามและกระตอื รือร้นในการแก้ปัญหาอย่างม่งุ มนั่ ไมย่ ่อทอ้ วิเคราะห์ วางแผน
ออกแบบ เขียนแก้ปญั หา ตรวจหาขอ้ ผิดพลาด สะท้อนทำงาน ปรับปรงุ แกไ้ ขปัจจยั สถานะการณ์โปรแกรม
ปจั จัย สถานการณ์โปรแกรม เกีย่ วกบั อัลกอรทิ ึม (ข้นั ตอนการแกป้ ญั หา) ลักษณะ ของอัลกอริทึมท่ดี ี อลั กอริทึม
ท่พี บในชวี ิตประจำวนั อัลกอริทึมในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชวี ติ ประจำวนั ของนกั เรยี น ข้นั ตอนการแกป้ ญั หา
กบั เพ่ือน ค้นหาวิธกี าร ท่ีทำใหไ้ ด้ผลลัพธ์ตามเงอ่ื นไขของการตดั สนิ ใจในการกำหนดลำดับขน้ั ตอน ต่าง ๆการ
ปรับปรงุ วิธกี ารใหด้ ียิง่ ข้นึ การออกแบบอัลกอริทมึ ในการแก้ปัญหา อัลกอริทึมในการแกป้ ญั หาด้วยรหัสลำลอง
(pseudocode) และผังงาน (flow chart) การนำรหัสจำลองและผงั งานไปใช้ในการแสดงขั้นตอนการทำ
กิจกรรมต่าง ๆในชวี ติ ประจำวันอย่างสร้างสรรค์ใช้ ออกแบบ บนั ทกึ รวบรวม จัดเกบ็ จัดเตรยี ม ประมวลผล
วเิ คราะห์ สรปุ แก้ปัญหา นำเสนอ เลือกเทคโนโลยีดจิ ทิ ัลขอ้ มลู วธิ กี าร แก้ปญั หาจากโจทยส์ ถานการณท์ ี่
กำหนดให้ จากงานหรอื สถานการณ์จำลอง ทม่ี หี ลายเงือ่ นไข การใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปญั หา การ
เขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ การคน้ แนวทางการแกป้ ัญหา ขอ้ สรุปหรอื แนวทางในการแก้ปัญหาให้สำเร็จ โดย
อาจใช้คำถาม ดว้ ยความตระหนักและเหน็ คณุ ค่า เทคโนโลยีดิจิทัลข้อมูล สถานการณ์แหล่งขอ้ มูลมารยาท
จรยิ ธรรมไซเบอร์เก่ียวกับ การสบื ค้นข้อมูล วัตถปุ ระสงค์ของการคน้ หาขอ้ มูล วิธีการใชโ้ ปรแกรมค้นหา
(search engine) ค้นหาข้อมลู ตามคำค้นท่กี ำหนด ความหมายของทอ่ี ยู่เวบ็ ไซต(์ Universal Resource
Locator: URL) ความน่าเชื่อถอื ของ ขอ้ มูลและแหลง่ ขอ้ มูล โดยพิจารณาจาก URL, ชอ่ื หน่วยงาน ชื่อผู้เขยี น
วนั เดือนปีท่ีเผยแพรข่ อ้ มูล แหล่งข้อมูลอ้างองิ ประเภทของขอ้ มลู (ภาพ วิดโี อ ข่าว แผนท่ี) ชนดิ ของไฟล์
ชว่ งเวลา ประเภทของเว็บไซตค์ ้นหาด้วยเสยี ง ค้นหาด้วยภาพ ค้นหาคำศัพท์หรอื ความหมายของคำในภาษา
ตา่ ง ๆ แปลงค่าหน่วย วดั แปลงค่าเงนิ ขอ้ มลู พยากรณอ์ ากาศ วิธกี ารท่ีใช้ในการคน้ หาและผลลพั ธ์ท่ีได้ ความ
แตกตา่ งของขอ้ เท็จจริงและขอ้ คดิ เหน็ จากขอ้ มลู ต่าง ๆ ทพ่ี บบนเว็บไซต์หรือส่ือสงั คมออนไลน์ ลักษณะของขา่ ว
ลวง และวตั ถุประสงค์ในการเผยแพร่อย่างมีประสิทธภิ าพปจั จยั สถานการณ์เทคโนโลยี บริบทผลกระทบ
เกย่ี วกับการ สบื คน้ ขอ้ มูลเก่ยี วกับการใช้เทคโนโลยีอย่างคมุ้ ค่าดว้ ยการ นำกลับมาใช้ซ้ำ (reuse) ลดการใช้
(reduce) หรือแปรรูปแลว้ นำกลบั มาใช้ใหม่ (recycle) ความต้องการในการสร้างส่งิ ของ เคร่อื งใช้โดยเชื่อมโยง
กบั ความสนใจของตนเองหรอื สถานการณ์ ทพี่ บในโรงเรยี นหรอื ชุมชน การใชง้ านเทคโนโลยอี ยา่ งคุ้มคา่ โดย
การนำวัสดุที่ไมใ่ ช้แล้วมาเปน็ ส่วนประกอบในการสรา้ งของใช้ การปรบั ปรุงซอ่ มแซมสิ่งของเคร่อื งใชใ้ ห้สามารถ
ใช้งานไดเ้ หมือนเดมิ วธิ ีการจากแหลง่ ขอ้ มลู ในอนิ เทอรเ์ นต็ หรอื จากแหลง่ เรียนรูอ้ น่ื ๆ สร้างสงิ่ ของเครื่องใช้
หรือออกแบบ วธิ ีการแก้ปญั หา ปจั จัยท่เี กยี่ วข้องกบั สถานการณ์ ปัญหา หรอื วธิ ีการ วัสดอุ ุปกรณ์เพอื่ สรา้ ง
ชน้ิ งาน โดยเลือกใช้วัสดทุ ่มี อี ยู่ ในบ้านเรือนหรอื ในชมุ ชนท่ีไมใ่ ช้แลว้ เป็นสว่ นประกอบของช้ินงานอยา่ ง
สร้างสรรค์
198
โดยใช้สมรรถนะเฉพาะทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยดี ิจทิ ัลในการสรา้ งคำอธิบาย
สาเหตุและกระบวนการของปรากฏการณ์โดยใช้ ข้อมูลหรอื หลกั ฐานท่ีรวบรวมไดจ้ ากการสังเกตหรือทดลอง
เชอ่ื มโยงสาเหตแุ ละผลของปรากฏการณก์ ับการดำรงชีวิตของ มนษุ ย์และสง่ิ แวดล้อม คาดการณป์ รากฏการณ์
อยา่ งสมเหตสุ มผลโดยอาศัยความร้เู ชงิ วิทยาศาสตร์และข้อมลู ท่ีได้จากการสังเกตหรือการทดลองสังเกต ตง้ั
คำถาม ตั้งสมมติฐาน และทดสอบสมมตฐิ านเกยี่ วกบั ปรากฏการณ์ สมรรถนะเฉพาะเลือกใช้เทคโนโลยอี ยา่ ง
คมุ้ ค่า และสร้างสงิ่ ของเคร่อื งใช้เพื่อแกป้ ญั หา อธิบายการใช้เทคโนโลยีอย่างค้มุ ค่า ด้วยการนำกลับมาใชซ้ ำ้ ลด
การใช้ หรอื แปรรูปแล้วนำกลับมาใช้ สร้างเทคโนโลยเี พ่อื แกป้ ัญหาใน โรงเรยี นหรอื ชุมชน โดยระบุปญั หา
วางแผนแกป้ ญั หา ประเมิน ตรวจสอบ และปรับปรงุ แกไ้ ข
เพ่อื ให้เกิดสมรรถนะหลกั 6 ด้านได้แก่ การจัดการตนเอง การคิดขนั้ สงู การสอ่ื สาร การ
ทำงานเปน็ ทีม การเปน็ พลเมืองท่ีเข้มแขง็ และการอยรู่ ว่ มกันกับธรรมชาติและวทิ ยาการอย่างยั่งยืน
ผลลัพธ์การเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
1.วิชาวิทยาศาสตร์และระบบธรรมชาติ
LO1 LO2 LO3 LO4 LO5 LO6 Lo 7 LO8 Lo9 Lo10 Lo11
2.วิชาเทคโนโลยดี ิจทิ ัล
LO1 LO2 LO3 LO4 LO5
199
คำอธบิ ายรายวชิ าบรู ณาการ
อ 1๑101 วิถธี รรม วถิ ีศลิ ป์ กลุ่มบรู ณาการ
ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๑ เวลา 120 ช่วั โมง / ปี
รายวิชาบูรณาการ วิถธี รรม วิถีศิลป์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๑ เปน็ วิชาทมี่ ุ่งให้ผู้เรยี น ฝกึ ตน
จัดการตนเอง ดำเนินชีวิต มีสติ สมาธิและปัญญา ศรัทธา เคารพ การคิด จากการเห็นความสำคัญของ
พระพุทธศาสนา ศาสดาในศาสนาอื่น หลักเบญจศีล เบญจธรรม หลักคำสอน จากแหล่งเรียนรู้ในชุมชนด้วย
ความตระหนักและช่วยเหลือกิจกรรมส่วนรวม ของช้ันเรียน ส่ือสาร มีสติ ใช้สอยอย่างพอเพียง รู้เท่าทัน
เทคโนโลยีท่ีสำคัญในชีวติ ประจำวันและ มีส่วนร่วมในการดูแลส่ิงแวดล้อมในบริเวณบ้านของตนเอง ในฐานะ
เป็นพลเมืองไทยด้วยความเคารพ ปฏิบัติตนตามพ้ืนฐานสิทธิ หน้าที่ ของตน สิทธิพื้นฐาน เสรีภาพ ทรัพย์สิน
และเห็นคุณค่า ระบุ แยกแยะ วางแผน การใช้จ่าย การออมเงินจากรายรับรายจ่าย การออมเงิน ของตัวเอง
สาเหตุ วธิ ีการแก้ไขปญั หาที่เกิดจากความตอ้ งการอยา่ งเหมาะสม นำเสนอ สอบถาม ทำกิจกรรมแสดงหลักฐาน
เก่ียวกับเรื่องราวของตนเอง บุคคล วัตถุ และสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว โรงเรียน ชุมชน ประวัติความ
เปน็ มา โดยผ่านการสร้างสรรค์ผลงาน ถ่ายทอดจินตนาการ และเช่ือมโยงงานทัศนศิลปท์ ี่เก่ียวกบั เรอ่ื งราวใกล้
ตัว ในชีวิตประจำวนั องค์ประกอบทางทศั นศลิ ป์ เช่น เส้น และรูปร่างสะท้อนถึงธรรมชาติ สิง่ แวดลอ้ มดว้ ย บท
เพลงท่ฟี ัง องคป์ ระกอบทางดนตรี เครอ่ื งดนตรีต่างๆทพี่ บเจอ ในโรงเรียน ร้องเพลง ขับร้อง บรรเลงดนตรีท่ีใช้
เคาะจังหวะอย่างถูกต้อง การแสดงดนตรีไทย สากล รปู แบบเดี่ยวหรือกลุ่มในโรงเรียนดว้ ยความมั่นใจ สามารถ
สำรวจ บอก แลกเปลี่ยน พัฒนาตนเอง ปรับปรุง เก่ียวกับการเจริญเติบโตของร่างกายในด้านรูปรา่ ง น้ำหนัก
ส่วนสูง ตามเกณฑ์ที่กำหนด รวมถึงกิจกรรมท่ีทำในชีวิตประจำวัน สังเกตรับรู้แสดงออกแก้ปัญหาจาก
คำปรึกษา คำแนะนำจากพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู หรือผ้ใู หญ่ที่ไว้วางใจเกี่ยวกับการปรับเปล่ียนท่ีเปลี่ยนแปลงไป
ตามวัยด้วยพฤติกรรมท่เี หมาะสม สร้างสรรค์ สื่อสารและมสี ่วนรว่ มกิจกรรมของครอบครวั การดำเนนิ ชีวิตของ
สมาชิกในครอบครัว โรงเรียน การสร้างสัมพันธภาพกับครอบครัว และเพ่ือนอย่างมีความสุข วิเคราะห์
พฤติกรรมการใช้ดินของตนเองและครอบครัว ร่วมกันอภิปรายและนำเสนอการดูแลรักษาดินและการปฏิบัติตน
ในการใช้ประโยชน์จากดินในท้องถิ่นในการทำกิจวัตรต่าง ๆ ได้อย่างง่ายเหมาะสมและมีเหตุผล อธิบาย
องค์ประกอบ ท่ีเก่ียวข้องกับ สถานการณ์ ที่สามารถสงั เกต ได้อย่างชัดเจน และอธิบาย ความสัมพันธ์ ระหว่าง
องคป์ ระกอบ โดยการพดู เขียน แผนภาพหรือ แผนผงั วาดภาพ เคล่ือนไหวร่างกาย ตั้งคำถาม ฟังการอ่านจาก
ครูเพ่อื รับรเู้ กี่ยวกบั การใช้ประโยชน์ของดนิ และนำ้ จาก ชีวิตประจำวันของตนเองหรอื จากกิจกรรมหรือสง่ิ ตา่ ง ๆ
รอบตัว หรือทพ่ี บในชุมชน
โดยใช้ หลักเบญจศลี เบญจธรรม หรือหลกั คำสอนของศาสนา ท่ีตนนบั ถือ ดำเนนิ ชีวติ ในสังคมยุค
ปกติใหม่อย่างมีสติ สมาธิและปัญญาที่ ก่อให้เกิดการคิดขั้นสูง การระบุสาเหตุและวิธีการแก้ไข ปัญหา เพื่อ
นำไปสู่การแยกแยะความ ต้องการและความจำเป็น วางแผน การใช้จ่ายและออมเงินอย่างเหมาะสม เข้าใจ
ความสมั พันธข์ องสถาบนั หลกั ของชาติกับชมุ ชน และท้องถ่ิน ประวัติความเปน็ มาและวิถชี ีวิต ลำดับ เวลาและ
เหตุการณ์สำคัญ ร่วมกันจัดระเบียบและดูแลรักษา ทรัพยากร ธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ทั้งบ้าน ห้องเรียน
โรงเรยี นและ ชุมชน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างมเี หตุผล ร่วมตัดสนิ ใจในการแก้ปญั หา หรือความขัดแย้งใน
สถานการณ์ต่าง ๆ และทำกิจกรรมร่วมกัน อย่างมีมารยาท รักษาสิทธิพ้ืนฐานของตน ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อ่ืน
ปฏิเสธเพื่อไม่ให้ตน ถูกรังแก หรือละเมิดสิทธิเสรีภาพ ทั้งรา่ งกายจิตใจ รวมท้ังไม่กลั่นแกล้งเพื่อน (Bullying)
จัดการเวลาในการใชส้ ่ือ สารสนเทศ และดิจทิ ลั อยา่ งรู้เท่าทนั ใช้จารณญาณและความรู้ด้านสื่อ สารสนเทศและ
ดิจิทัล ประกอบ การคิดและตัดสินใจในการกระทำต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน รวมท้ังการเลือกคำอธิบายทาง
200
วิทยาศาสตร์ที่สอดคล้องกับหลักฐานท่ีมี เพ่ือใช้อธิบายปรากฏการณ์ ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีในการปฏิบัติตน ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการปฏิบัติตน ประยุกต์ใช้ใน
ชวี ิตประจำวัน และอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติได้อย่างเหมาะสม โดยการลองผิดลองถูกด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย
จนค้นพบส่ิงใหม่ และยังสนุกกับการร้องเพลง หรือบรรเลงดนตรีที่เหมาะกับช่วงวัย สนุกกับการเคลื่อนไหว
รา่ งกาย เลยี นแบบธรรมชาติ คน สัตว์ ส่ิงของ ในลักษณะต่าง ๆ อย่างอิสระ สรา้ งสรรค์และมีสุนทรียภาพ สนุก
กับการละเล่นพ้ืนบ้าน และเล่าถึงการแสดงนาฏศิลป์ในท้องถิ่น ท่ีตนเองช่ืนชอบ รับรู้ ช่ืนชมความงามของ
ผลงานศิลปะท่ีมีคุณค่าทางสุนทรียะ แสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึก ความประทับใจ และความคิดเห็น ท่ี
สะท้อนประสบการณ์สนุ ทรียะที่สัมพนั ธ์กับผลงานศลิ ปะ เหน็ คุณค่าของประวัติศาสตร์ศิลป์ สบื สาน ประยกุ ต์
งานศลิ ปะ และวฒั นธรรมในทอ้ งถ่นิ
เพ่ือให้เกิดทักษะและสมรรถนะในกลุ่มวิชาบูรณาการ วิถีธรรม วิถีศิลป์ ท้ัง 6 ด้าน ได้แก่ การจัดการ
ตวั เอง การคิดขน้ั สูง การสื่อสาร การรวมพลังทำงานเป็นทีม การเป็นพลเมอื งที่เข้มแข็ง การอยรู่ ่วมกบั ระบบ
ธรรมชาติ และวิทยาการอย่างย่ังยืน โดยใชก้ ลวิธีในการสื่อสาร ใช้ความคิดท่ีแปลกใหม่ที่ไม่ซ้ำใครหรือพัฒนา
ต่อยอดจากของเดมิ ได้อยา่ งเหมาะสม
สงั คมศึกษา
LO 1 LO 2 LO 3 LO 4 LO 5 LO 6 LO 7 LO 8 LO 9 LO 10 LO 11 LO
12
วิทยาศาสตร์
LO 1 LO 2 LO 9 LO 10
ศิลปะ
LO 2 LO 3 LO 4 LO 5 LO 6 LO 7
สุขศกึ ษา
LO 6 LO 7 LO 8
รวมทัง้ หมด 25 ผลลพั ธ์
201
คำอธิบายรายวิชาบรู ณาการ
อ 1๑10๒ วิถธี รรม วิถศี ิลป์ กลมุ่ บรณาการ
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๒ เวลา 120 ช่ัวโมง / ปี
รายวิชาบูรณาการ วถิ ีธรรม วถิ ีศิลป์ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๒ เป็นวิชาทม่ี ุ่งใหผ้ ู้เรียน ฝึกตน จัดการ
ตนเอง ดำเนินชีวิตมสี ติ สมาธิและปัญญา ศรทั ธา เคารพ การคิด จากการเห็นความสำคญั ของพระพุทธศาสนา
พระรัตนตรัย พทุ ธประวตั ิ พุทธ ศาสดาในศาสนาอน่ื ท่ี หลักเบญจศีล เบญจธรรม หลักคำสอน จากแหลง่ เรยี นรู้
ในชุมชนด้วยความตระหนัก และเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อส่วนรวม ทโ่ี รงเรยี นจัดขน้ึ หรือครูมอบหมายหรือกำหนด
ให้เข้าร่วมส่ือสาร มีสติ ใช้สอยอย่างพอเพียง รู้เท่าทัน เทคโนโลยีท่ีสำคัญในชีวิตประจำวนั ความแตกต่างของ
ส่ิงแวดลอ้ มในครอบครัว โรงเรียนมแี ละส่วนร่วมในการดูแลส่ิงแวดล้อมในบริเวณโรงเรียนหรือชุมชนของตนเอง
ระบุ แยกแยะ วางแผน การใช้จ่าย การออมเงินจากรายรับรายจ่าย การออมเงิน ของตัวเอง สมาชิกใน
ครอบครัว ระมัดระวัง ผลของการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างพอเพียงการทำงาน การประกอบอาชีพ
นำเสนอ สอบถาม แสดงหลักฐานกิจกรรมเกี่ยวกับเร่ืองราวของตนเอง บุคคล วัตถุ และสถานที่ทเี่ ก่ียวขอ้ งกับ
ครอบครัว โรงเรยี น และชมุ ชนสถาบันหลักของชาติกบั ชมุ ชนและทอ้ งถ่ิน ประวัติความเปน็ มา และวิถีชวี ติ และ
ภาษาท่ีใช้ดว้ ยความรู้สึกตระหนักและมสี ่วนร่วมในการดูแลส่งิ แวดล้อมในบริเวณโรงเรียนหรือชุมชนของตนเอง
แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ แก้ปัญหาหรือความขัดแย้งเกี่ยวกับบทบาทหนา้ ที่ ข้อตกลง กฎ กตกิ า สถานการณต์ ่าง
ๆ เก่ียวกับประโยชน์ โทษ ของการเปลี่ยนแปลงในการรวมกลุ่มเพ่ือส่วนรวมในการเป็นสมาชิกของครอบครัว
ห้องเรียน โรงเรียนปฏิบัติตน ตัดสินใจ ปฏิบัติเข้าใจสร้างและส่งต่อ ความรู้ วัตถุประสงค์ ประโยชน์ และโทษ
เก่ยี วกับส่อื ดิจิทัล ข้อมูลสารสนเทศ เช่นอนั ตรายของการใชส้ ื่อท่ีผิดวธิ ี การถูกละเมิดสิทธิ ท่เี กิดข้นึ ตอ่ ตนเอง
และครอบครัวอย่างเกิดประโยชน์และรู้จักประเภทของส่ือที่หลากหลายข้ึน และมีสังเกต ตั้งคำถาม
ส่วนประกอบของดินในท้องถิน่ จำแนกชนิดของดินและอธิบายการใช้ประโยชน์จากดินในท้องถน่ิ ต้ังข้อสังเกต
โดยใช้ประสาทสัมผัสท่ีเหมาะสมร่วมกับการใช้อุปกรณ์อย่างง่าย เช่น แว่นขยาย เพ่ือสืบเสาะ ค้นหา
ส่วนประกอบของดิน ลักษณะและสมบัติของดิน ฝึกการจำแนก โดยให้ จำแนกและระบุชนิดของดินในชุมชน
และการใช้ประโยชน์ดินในชุมชน สืบเสาะเกี่ยวกับลักษณะและสมบัติ ของน้ำที่นำมาใช้ในการอุปโภคและ
บริโภค แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวการ ปฏิบัติตนในการใช้ ประโยชน์จากดินและน้ำได้อย่างเหมาะสม
ร่วมกันนำเสนอการดูแลรักษาดินและนำ้ รวมถึงสร้างสรรค์ ถ่ายทอดจินตนาการและ เช่ือมโยงงานทัศนศิลป์ที่
เกี่ยวกับเรอ่ื งราวใกล้ตัว ในชวี ิตประจำวนั องค์ประกอบทางทศั นศิลป์ เช่น เส้น และรปู รา่ งสะทอ้ นถึงธรรมชาติ
ส่ิงแวดล้อมด้วย ความรู้สึก อธิบาย เปรียบเทียบเก่ียวกับอารมณ์ของบทเพลงท่ีฟัง องค์ประกอบทางดนตรี
เคร่ืองดนตรีต่างๆท่ีพบเจอ ในโรงเรียน ร้องเพลง ขับรอ้ ง บรรเลงดนตรีท่ีใช้ เคาะจังหวะอย่างถูกต้อง เข้าใจ
เก่ียวกบั บทบาทหน้าที่ของตนท่ีได้รับมีส่วนรว่ มในการแสดงดนตรีไทย สากล รูปแบบเดย่ี วหรือกลุ่มในโรงเรียน
และชุมชนด้วยความมั่นใจรวมทั้ง เป็นผู้ดู ผู้ชมท่ีดีและเหมาะสมกบั วัย สนกุ กับการแสดงท่าทางการเคลอื่ นไหว
ร่างกาย สร้างสรรค์ท่าทางเลียนแบบในลักษณะต่าง ๆใช้ภาษาท่าในการสื่อความหมายแทนคำพูด ช่ืนชอบ
การละเล่นพ้ืนบ้านนาฏศิลป์ไทย หรือนาฏศิลป์ประเทศเพื่อนบ้านได้เหมาะสมกับวัย รวมถึง ศิลปะวันสำคัญ
หรือเทศกาลต่าง ๆได้ อย่างอิสระ และมีการสำรวจ บอกแลกเปลี่ยน พัฒนาตนเอง ปรับปรุงจากข้อมูล
เกยี่ วกับการเจริญเตบิ โตของรา่ งกายในด้านรูปร่าง น้ำหนัก ส่วนสงู ตามเกณฑท์ ี่กำหนด ปจั จัยสำคญั ทม่ี ีผลต่อ
การเจริญเติบโตของรา่ งกาย
202
โดยใช้ หลักเบญจศลี เบญจธรรม หรือหลักคำสอนของศาสนา ทต่ี นนบั ถือ ดำเนินชีวิตในสงั คมยคุ ปกติ
ใหม่อย่างมีสติ สมาธิและปัญญาท่ี ก่อให้เกดิ การคิดข้ันสูง การระบุสาเหตุและวิธีการแก้ไข ปัญหา เพ่ือนำไปสู่
การแยกแยะความ ต้องการและความจำเป็น วางแผน การใช้จ่ายและออมเงินอย่างเหมาะสม เข้าใจ
ความสัมพันธข์ องสถาบันหลกั ของชาติกับชมุ ชน และทอ้ งถ่ิน ประวตั ิความเป็นมาและวิถชี ีวิต ลำดับ เวลาและ
เหตุการณ์สำคัญ ร่วมกันจัดระเบียบและดูแลรักษา ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ท้ังบ้าน ห้องเรียน
โรงเรียนและ ชุมชน แลกเปลี่ยนความคิดเหน็ อย่างมีเหตุผล ร่วมตัดสนิ ใจในการแก้ปญั หา หรอื ความขดั แย้งใน
สถานการณ์ต่าง ๆ และทำกิจกรรมร่วมกัน อย่างมีมารยาท รักษาสิทธิพื้นฐานของตน ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น
ปฏิเสธเพื่อไม่ให้ตน ถูกรงั แก หรือละเมิดสิทธิเสรีภาพ ท้ังร่างกายจิตใจ รวมท้ังไม่กล่ันแกล้งเพ่ือน (Bullying)
จดั การเวลาในการใช้สื่อ สารสนเทศ และดิจทิ ลั อย่างรู้เทา่ ทันใช้จารณญาณและความรู้ดา้ นส่ือ สารสนเทศและ
ดิจิทัล ประกอบ การคิดและตัดสินใจในการกระทำต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน รวมท้ังการเลือกคำอธิบายทาง
วิทยาศาสตร์ท่ีสอดคล้องกับหลักฐานที่มี เพื่อใช้อธิบายปรากฏการณ์ ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีในการปฏิบัติตน ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการปฏิบัติตน ประยุกต์ใช้ใน
ชวี ิตประจำวัน และอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติได้อย่างเหมาะสม โดยการลองผิดลองถูกด้วยวิธีการที่หลากหลาย
จนค้นพบส่ิงใหม่ และยังสนุกกับการร้องเพลง หรือบรรเลงดนตรีท่ีเหมาะกับช่วงวัย สนุกกับการเคลื่อนไหว
รา่ งกาย เลยี นแบบธรรมชาติ คน สตั ว์ สงิ่ ของ ในลักษณะต่าง ๆ อยา่ งอสิ ระ สร้างสรรคแ์ ละมสี นุ ทรียภาพ สนุก
กับการละเล่นพื้นบ้าน และเล่าถึงการแสดงนาฏศิลป์ในท้องถิ่น ที่ตนเองชื่นชอบ รับรู้ ชื่นชมความงามของ
ผลงานศิลปะท่ีมีคุณค่าทางสุนทรียะ แสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึก ความประทับใจ และความคิดเห็น ที่
สะท้อนประสบการณ์สุนทรยี ะท่ีสมั พนั ธก์ ับผลงานศลิ ปะ เหน็ คุณค่าของประวัติศาสตร์ศิลป์ สืบสาน ประยกุ ต์
งานศิลปะ และวฒั นธรรมในทอ้ งถิ่น
เพ่ือให้เกิดทักษะและสมรรถนะในกลุ่มวิชาบูรณาการ วิถีธรรม วิถีศิลป์ ท้ัง 6 ด้าน ได้แก่ การจัดการ
ตัวเอง การคิดขั้นสงู การส่อื สาร การรวมพลังทำงานเป็นทีม การเป็นพลเมอื งที่เข้มแขง็ การอยู่ร่วมกับระบบ
ธรรมชาติ และวิทยาการอย่างยั่งยืน โดยใชก้ ลวิธีในการสื่อสาร ใช้ความคิดท่ีแปลกใหม่ที่ไม่ซ้ำใครหรือพัฒนา
ต่อยอดจากของเดิมได้อยา่ งเหมาะสม
สังคมศึกษา
LO 1 LO 2 LO 3 LO 4 LO 5 LO 6 LO 7 LO 8 LO 9 LO 10 LO 11 LO
12
วทิ ยาศาสตร์
LO 1 LO 2 LO 9 LO 10
ศลิ ปะ
LO 2 LO 3 LO 4 LO 5 LO 6 LO 7
สขุ ศึกษา
LO 6 LO 7 LO 8
รวมทั้งหมด 25 ผลลพั ธ์
203
คำอธิบายรายวิชาบรู ณาการ
อ 1๑10๓ วิถธี รรม วิถีศิลป์ กลุ่มบรณาการ
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ เวลา 120 ช่วั โมง / ปี
รายวิชาบูรณาการ วิถธี รรม วิถีศิลป์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๒ เปน็ วิชาท่มี ุ่งให้ผู้เรยี น ฝึกตน จัดการ
ตนเอง ดำเนินชีวิตมีสติ สมาธแิ ละปญั ญา เคารพ ศรัทธา การคิด จากการเห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนา
พระรตั นตรัย พุทธประวัติ พุทธสาวก ชาดก พระไตรปิฎก โอวาท 3 ศาสดาในศาสนาอื่นหลักเบญจศลี เบญจ
ธรรม หลักคำสอน จากแหล่งเรียนรู้ในชุมชนด้วยความตระหนัก และติดตามข้อมูลข่าวสารและปัญหาที่
เกย่ี วขอ้ งกบั ตัวเอง ครอบครวั เพอื่ นรว่ มชนั้ เรยี น และโรงเรียน มีสว่ นรว่ ม ในกิจกรรมสว่ นรวมต่าง ๆส่ือสาร มี
สติ ใช้สอยอย่างพอเพียง รู้เท่าทัน เทคโนโลยที ี่สำคัญในชีวติ ประจำวัน ระบุ แยกแยะ วางแผน การใช้จา่ ย การ
ออมเงนิ จากรายรบั รายจา่ ย การออมเงิน ของตวั เอง สมาชิกในครอบครวั สหกรณ์โรงเรียน ระมัดระวังผลของ
การใช้ประโยชนจ์ ากทรัพยากรอย่างพอเพียงการทำงาน มีส่วนร่วมในการการบริการ การทำกิจวัตรประจำวัน
ของตนเอง ครอบครัว คนในชุมชน สภาพภูมิประเทศ สภาพภูมิอากาศของท้องถิ่นตัวเองอย่างประจำวัน
ประหยัดด้วยความตระหนักและใส่ใจและดูแลสิ่งแวดล้อมในบริเวณบ้าน โรงเรียน หรือชุมชนของตนเอง
นำเสนอ สอบถาม ทำแสดงหลักฐานกิจกรรมเกี่ยวกับเร่ืองราวของตนเอง บุคคล วัตถุ และสถานท่ีท่ีเกี่ยวข้อง
กบั ครอบครัว โรงเรียน และชุมชนสถาบันหลกั ของชาติกับชุมชนและท้องถ่ิน ประวัติความเปน็ มา และวิถีชีวิต
เหตุการณ์สำคัญการเปลี่ยนแปลง ท่ีมีต่อวิถีชีวิตหลักฐาน และแหล่งข้อมูลภาพและภาษาใช้ในครอบครัว
โรงเรียน และชุมชนด้วยความรู้สึกตระหนักและใส่ใจและดูแลสิ่งแวดล้อมในบริเวณบ้าน โรงเรียน หรือชุมชน
ของตนเอง สำรวจ ประยุกต์ใช้วางแผนการทำงาน ร่วมกัน ดูแล รักษาข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่ง ระยะและ
ทิศทางของสง่ิ ต่างๆและสถานท่ี แผนท่ี แผนผัง รปู ถ่าย สิ่งแวดลอ้ มท่ีสง่ ผลกระทบต่อการเป็นอยู่ ระเบยี บ แบบ
แผนในการทำงานของห้องเรียน โรงเรียน และชุมชนด้วยความตระหนักและใชท้ รัพยากรธรรมชาติรอบตัวอย่าง
ประหยัด ตามบทบาทหน้าท่ตี นเองในฐานะสมาชิกของครอบครัว ช้นั เรยี น และโรงเรียน ปฏบิ ัติตนตามพ้ืนฐาน
สิทธิ หน้าที่ ของตน สิทธิพ้ืนฐาน เสรีภาพ ทรัพย์สิน ความหมาย ความสำคัญ หลักการของสิทธิมนุษยชน
ปัญหาการละเมิด วัฒนธรรม ประเพณี ในห้องเรียน โรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นดว้ ยความปราศจากอคติ และ
การเหมารวม รวมท้ังควบคุม อารมณ์และความร้สู ึก และมอี ิสระที่จะคิดและแสดงออก ใช้ส่อื สารสนเทศ และ
ดิจิทัล เช่น การรู้เท่าทันส่ือแนวทางการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยและมีจริยธรรมการรักษาข้อมูล
ส่วนตัวการรบั มอื การคุกคามทางออนไลน์ลิขสิทธิ์และความเป็นเจ้าของผลงานกฎหมายเกยี่ วกับคอมพิวเตอร์และ
การกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์โดยรับผิดชอบต่อผลที่เกิดข้ึน ต่อตนเองและผู้อื่นและรู้วิธีการเข้าถึงสื่อท่ี
หลากหลาย สร้างและส่งต่อความรู้ตามวัตถุประสงค์ ประโยชน์ และโทษเกี่ยวกบั สื่อ ดจิ ิทลั ข้อมูลสารสนเทศ
เช่นอันตรายของการใช้สื่อท่ีผิดวิธี การถูกละเมิดสิทธิ หลักของเทคโนโลยี 4R ท่ีเกิดข้ึน ต่อตนเองและ
ครอบครัวอยา่ งเกดิ ประโยชนแ์ ละรู้วิธีการเข้าถึงส่ือทห่ี ลากหลาย รวมท้ังสังเกต ต้ังคำถาม สมบัติทางกายภาพ
ของน้ำในท้องถิ่นสำรวจและอธิบายสมบัติทางกายภาพของน้ำจากแหล่งน้ำในท้องถ่ินและนำความรู้ไปใช้
ประโยชน์ วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้น้ำจากแหล่งน้ำในท้องถ่ิน รว่ มกนั อภปิ รายและนำเสนอการดูแลรักษาน้ำ
การปฏิบัติตนในการใช้ประโยชนจ์ ากน้ำในการทำกจิ วตั รต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งง่ายอย่างเหมาะสมและมีเหตผล การ
สังเกต การรบั สารทีเ่ ปน็ ข้อมลู จากการฟังจากครู หรือผ้ปู กครอง สืบค้น อา่ นข้อมลู บน อินเทอร์เนต็ จากเวบ็ ไซต์
ท่ีน่าเชื่อถือเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติท่ีนำมาใช้ทำวัสดุใกล้ตัว ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลหรือแหล่งเรียนรู้ในการ
สืบค้นข้อมูล รับรู้องค์ประกอบทางทัศนศิลป์ เช่น เส้น และรูปร่างสะท้อนถึงธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อมด้วย
ความรสู้ ึก แสดงท่าทางการเคล่ือนไหวร่างกาย สร้างสรรค์ ท่าทางเลียนแบบในลักษณะต่าง ๆใชภ้ าษาท่าในการ
204
สือ่ ความหมายแทนคำพูด ช่ืนชอบ การละเล่นพื้นบ้านนาฏศิลปไ์ ทย หรือนาฏศิลปป์ ระเทศเพือ่ นบ้าน นาฏศิลป์
ในทอ้ งถิน่ ได้เหมาะสมกับวัย จากแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน ชมุ ชนและท้องถ่ินด้วยความรู้สึกมั่นใจ และประทบั ใจ
สำรวจ บอกแลกเปลี่ยน พัฒนาตนเอง ปรับปรุงจากขอ้ มูลเก่ียวกับการเจริญเติบโตของร่างกายในด้านรูปร่าง
น้ำหนัก ส่วนสูง ตามเกณฑ์ท่ีกำหนด ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย การเลือกอาหารท่ีมี
ประโยชน์ ปริมาณอาหารท่ีเหมาะสมต่อสุขภาพ ควบคุมอารมณ์ ความรู้สึกท่ีเปล่ียนแปลงไปตามวัยด้วย
พฤติกรรมที่เหมาะสม สร้างสรรค์ สื่อสารและมีส่วนร่วมมีส่วนร่วมในกิจกรรมของครอบครัว การดำเนินชีวิต
ของสมาชิกในครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่น การสร้างสัมพันธภาพกับครอบครัว และเพ่ือนอย่างมี
ความสขุ
โดยใช้ หลักเบญจศีล เบญจธรรม หรือหลักคำสอนของศาสนา ทีต่ นนบั ถือ ดำเนินชีวิตในสงั คมยุคปกติ
ใหม่อย่างมีสติ สมาธิและปัญญาท่ี ก่อให้เกดิ การคิดข้ันสูง การระบุสาเหตุและวิธีการแก้ไข ปัญหา เพ่ือนำไปสู่
การแยกแยะความ ต้องการและความจำเป็น วางแผน การใช้จ่ายและออมเงินอย่างเหมาะสม เข้าใจ
ความสัมพันธ์ของสถาบันหลักของชาตกิ ับชุมชน และท้องถ่ิน ประวตั ิความเปน็ มาและวิถีชีวติ ลำดบั เวลาและ
เหตุการณ์สำคัญ ร่วมกันจัดระเบียบและดูแลรักษา ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ท้ังบ้าน ห้องเรียน
โรงเรยี นและ ชุมชน แลกเปลี่ยนความคิดเหน็ อยา่ งมเี หตุผล ร่วมตัดสนิ ใจในการแก้ปญั หา หรอื ความขดั แย้งใน
สถานการณ์ต่าง ๆ และทำกิจกรรมร่วมกัน อย่างมีมารยาท รักษาสิทธิพื้นฐานของตน ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อ่ืน
ปฏิเสธเพ่ือไม่ให้ตน ถูกรงั แก หรือละเมิดสิทธิเสรีภาพ ท้ังรา่ งกายจิตใจ รวมท้ังไม่กลั่นแกล้งเพ่ือน (Bullying)
จดั การเวลาในการใชส้ ื่อ สารสนเทศ และดิจทิ ลั อย่างร้เู ทา่ ทนั ใช้จารณญาณและความรู้ดา้ นส่ือ สารสนเทศและ
ดิจิทัล ประกอบ การคิดและตัดสินใจในการกระทำต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน รวมท้ังการเลือกคำอธิบายทาง
วิทยาศาสตร์ที่สอดคล้องกับหลักฐานที่มี เพื่อใช้อธิบายปรากฏการณ์ ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีในการปฏิบัติตน ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการปฏิบัติตน ประยุกต์ใช้ใน
ชวี ิตประจำวัน และอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติได้อย่างเหมาะสม โดยการลองผิดลองถูกด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย
จนค้นพบส่ิงใหม่ และยังสนุกกับการร้องเพลง หรือบรรเลงดนตรีท่ีเหมาะกับช่วงวัย สนุกกับการเคล่ือนไหว
ร่างกาย เลยี นแบบธรรมชาติ คน สัตว์ ส่ิงของ ในลกั ษณะต่าง ๆ อย่างอิสระ สรา้ งสรรค์และมีสุนทรียภาพ สนุก
กับการละเล่นพื้นบ้าน และเล่าถึงการแสดงนาฏศิลป์ในท้องถ่ิน ที่ตนเองชื่นชอบ รับรู้ ชื่นชมความงามของ
ผลงานศิลปะท่ีมีคุณค่าทางสุนทรียะ แสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึก ความประทับใจ และความคิดเห็น ท่ี
สะท้อนประสบการณ์สุนทรยี ะที่สัมพนั ธก์ ับผลงานศิลปะ เหน็ คุณค่าของประวัติศาสตร์ศลิ ป์ สบื สาน ประยกุ ต์
งานศิลปะ และวฒั นธรรมในทอ้ งถิ่น
เพ่ือให้เกิดทักษะและสมรรถนะในกลุ่มวิชาบูรณาการ วิถีธรรม วิถีศิลป์ ทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ การจัดการ
ตวั เอง การคิดขน้ั สงู การส่ือสาร การรวมพลังทำงานเป็นทีม การเป็นพลเมอื งที่เข้มแขง็ การอยู่ร่วมกบั ระบบ
ธรรมชาติ และวิทยาการอย่างย่ังยืน โดยใชก้ ลวิธีในการส่ือสาร ใช้ความคิดท่ีแปลกใหม่ที่ไม่ซ้ำใครหรือพัฒนา
ตอ่ ยอดจากของเดิมได้อย่างเหมาะสม
สังคมศึกษา
LO 1 LO 2 LO 3 LO 4 LO 5 LO 6 LO 7 LO 8 LO 9 LO 10 LO 11 LO
12
วทิ ยาศาสตร์
LO 1 LO 2 LO 9 LO 10
ศิลปะ
205
LO 2 LO 3 LO 4 LO 5 LO 6 LO 7
สขุ ศกึ ษา
LO 6 LO 7 LO 8
รวมทงั้ หมด 25 ผลลัพธ์
คำอธิบายรายวิชาบูรณาการ
วชิ ายวุ น้อยรอ้ ยอาชพี กลมุ่ บรู ณาการสาระการเรียนรู้
ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 เวลา 144 ชั่วโมง / ปี
รายวิชายุวน้อยร้อยอาชีพ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นรายวิชาที่มุ่งให้ผู้เรียนมีทักษะพื้นฐานในการ
รู้จักเลือกอาชีพเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างรายได้ที่เหมาะสมให้กับตัวเอง และครอบครัว โดย มีสติสมาธิ
ปฏิบัติ ทำกจิ วตั รประจำวันตามหลักกศุ ลกรรมบถ ๑๐ หลกั ปฏิบัติตามคำสอนในศาสนา เช่น หลกั ธรรมสำคัญ
โดยสังเขป ลักษณะสำคัญของศาสนพธิ ี พธิ ีกรรมของศาสนา ในศาสนสถาน ศาสนพธิ พี ิธีกรรม กิจกรรมวนั สำา
คัญทางศาสนาโดยการพัฒนากาย วาจา ใจ และแสดงออกถึงการควบคุม อารมณ์และความรู้สึก พื้นฐานที่
เกิดขนึ้ มีสติ รู้เทา่ ทนั อารมณ์ ร้สู าเหตุ ควบคมุ บรรเทา เข้าใจ เก่ียวกับผลดีและผลเสยี ที่เกิดข้ึนตอ่ ตนเองและ
ผู้อื่น ขีดจำกัดด้านอารมณ์และความรู้สึก ใช้ปัญญาช่วยเหลือ แก้ปัญหา ส่ือสาร ส่งเสริมและอนุรักษ์
สง่ิ แวดลอ้ มรอบตัวพลเมืองไทยและพลเมืองโลก หลักธรรมทางพทุ ธศาสนาและ ศาสนาที่ตนนับถือ ธรรมชาติ
ส่ิงแวดล้อม เทคโนโลยี สร้าง ประยุกต์ใช้ วางแผน แก้ไขและปรับปรุง เข้าใจ ยอมรับ เกี่ยวกับหน้าที่และ
บทบาท สถานการณ์ ทรัพยากร พลังงานและเทคโนโลยี วางแผน ใช้จ่ายบริโภคอย่างรู้ทันช่วยลด ตรวจสอบ
ข้อมูล โฆษณา สื่อและสารสนเทศของสินค้าและบริการ ข่าวสารท่ีเก่ียวข้อง การบริโภคในชีวิตประจำวัน
กฎหมายคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค การออมเงิน เช่น รายรับ รายจ่าย ของตนเอง ครอบครัว อย่างเหมาะสมและมี
วินัย รู้จักดูแล แบง่ เบาภาระ กระตือรือร้น มุ่งม่ันวางแผน ลงมอื คำนึง วธิ ีทำงาน รู้คุณค่า เกี่ยวกับสมาชกิ ใน
บ้าน ระบบ ทรัพยากร พลังงานและเทคโนโลยี สถานะทางเศรษฐกิจ ประโยชน์ ค้นหา จัดจำหน่าย สร้าง
รายได้ ประยุกต์ใช้ความรู้อทักษะพ้ืนฐาน วางแผนการผลิต พัฒนาสินค้า บริการ เกี่ยวกับอาชีพสุจริต
ผู้ประกอบการ หลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ระบบ เช่น เรียนรู้เร่ืออาชีพ ต่างๆจากสถานท่ีจริงหรือแหล่ง
เรยี นรู้ ข้อมลู เบื้องต้นเกี่ยวกับสถานการ์ปัจจุบัน ความสนใจของตัวเองท่ีนำปสู่การสร้างรายได้ด้วยการมีเจตคติที่
ดี ติดตามข้อมูลข่าวสารและ ปัญหาท่ีเก่ียวข้องกับตัวเอง ครอบครวั เพื่อนร่วมชั้นเรียน และโรงเรียน มีส่วน
ร่วม ในกิจกรรมส่วนรวมต่าง ๆ ในระดับชั้นเรียนหรือโรงเรียน ที่เหมาะสมตามวัยจัดลำดับ เลือกใช้ ตัดสินใจ
กำหนดปฏิบัติ จัดการ จดั ลำดับ เลือกใช้ ตัดสินใจ กำหนดความสำคัญ ทรัพยากรในชีวิตประจำวันทรัพยากร
ของครอบครัวและโรงเรยี นผลกระทบของการใช้ทรพั ยากรท่มี ีต่อตนเอง และส่วนรวม สร้าง แก้ไขความขัดแย้ง
ไมใ่ ช้ความรุนแรง ยอมรบั เกีย่ วกับครอบครัว เพอ่ื นและบุคคลทเี่ กีย่ วข้องกับการใชช้ ีวติ ประจำวนั ดว้ ยการรักษา
สมั พันธภาพที่ดี สืบค้น จับประเด็นสำคัญ ลำดับเหตุการณ์แสดง นำเสนอ วิธีการ ทำกิจกรรม ปฏิบัติเกี่ยวกับ
เร่ืองราว ประวัติความเป็นมา วิถีชีวิตและบุคคลทางประวัติศาสตร์และความต่อเนื่องจากอดีตถึงปัจจุบันของ
จังหวัดสตูล ภูมิภาคใต้ท่ีตนอาศัยอยู่ และประเทศ กิจกรรม ในชีวิตประจำวัน โดยการสร้างสรรค์ ถ่ายทอด
จินตนาการ เช่ือมโยง ประยุกต์ใช้ผลงานทัศนศลิ ป์สง่ิ แวดลอ้ ม ส่วนประกอบ องคป์ ระกอบวิธีการ กระบวนการ
กลุ่มเรื่องราวประวตั ิศาสตร์ศิลป์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ประวัติความเป็นมา ในรูปแบบการแสดง ต่าง ๆ วเิ คราะห์
206
อา่ นเร่ือง ดูภาพ แลกเปลี่ยนสื่อสาร เกี่ยวกับความคล้ายคลึงวัฒนธรรมไทยประเทศเพื่อนบ้าน ความแตกต่าง
หลากหลาย ทางวัฒนธรรมในประเทศเพื่อนบ้าน นำเสนอ แสดงออก รับรู้ วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความ
คิดเห็น รับฟัง ปรับปรุง องค์ประกอบศิลป์ ผลงานงานศิลปะ เช่น แผนภาพ แผนผัง ภาพประกอบเรื่องราว
เก่ียวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ดว้ ยความชื่นชม ประทับใจ ตั้งคำถาม สืบคน้ วิเคราะห์ สรุปติดตาม คาดการณ์ร่วม
วางแผนทำงาน อธิบายเข้าใจ ดำเนินเปล่ียนแปลง ใช้ ป้องกัน แก้ปัญหา รับมือ เกี่ยวกับผลมาจากอิทธิพล
สง่ิ แวดล้อมทางกายภาพ ส่ิงแวดล้อมและภยั พิบัตใิ นจงั หวดั ภูมิภาคท่ีตนอาศยั อยู่ และ ประเทศไทย แผนท่ี รูป
ถ่าย ภาพถา่ ยทางอากาศและภาพจากดาวเทียม ภัยพิบตั ิผลดีและผลเสียทเ่ี กิดขน้ึ ต่อตนเองและ ผู้อ่ืน บทบาท
หน้าของสมาชิกในกลุ่มตามความถนัดของแต่ละคน แบ่งงานตามความสามารถ ข้อตกลงร่วมกันในการจัด
กิจกรรมต่างๆ ข้อมูลข่าวสาร เหตกุ ารณ์ สถานการณืท่ีเกดิ ข้ึนในสังคม ด้วยความรู้สึกตระหนักและติดตามขอ้ มูล
ข่าวสารและ ปัญหาท่ีเกี่ยวข้องกับตัวเอง ครอบครัว เพ่ือนร่วมชั้นเรียน และโรงเรียน มีส่วนรวม ในกิจกรรม
ส่วนรวมต่าง ๆ ในระดับช้ันเรียนหรือโรงเรียน ที่เหมาะสมตามวัย รู้เท่าทัน จัดการ ใช้สื่อและการใช้ความ
รุนแรงทางออนไลน์ ประเมิน สร้าง เผยแพร่เกี่ยวกับสารสนเทศ ดิจิทัล ผลกระทบ ประโยชน์ เช่น ข้อมูลช่วง
เลาการใช้สื่อสารสนเทศดิจิทัลอย่างต่อเน่ือง ลักษณะของการใช้สื่อ ด้วยอารมณ์ ความต้องการ ที่มีมารยาท
เห็นอกเห็น ใจ และให้เกียรติพร้อมทั้งติดตามข้อมูลข่าวสารและ ปัญหาทเี่ ก่ียวข้องกับตัวเอง ครอบครัว เพื่อน
รว่ มช้ันเรียน และโรงเรียน มีส่วนร่วม ในกิจกรรมส่วนรวมต่าง ๆ ในระดับช้ันเรียนหรือโรงเรียน ที่เหมาะสม
ตามวัย
โดยใชก้ ารพฒั นากาย วาจา ใจ ตามแนวทางของพระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนา อ่ืนที่ตนนบั ถือ
ปฏบิ ตั ติ ามหลกั กศุ ลกรรมบถ ๑๐ หรอื หลักปฏบิ ัติตามคำสอนในศาสนาอ่นื ที่ตนนบั ถือ มโี ยนิโสมนสิการ
ตลอดถงึ สงิ่ แวดลอ้ มรอบตัวเพื่ออยรู่ ่วมกนั อยา่ งสันตสิ ขุ ออ่ นน้อมถ่อมตน มีมุทิตารจู้ ักชน่ื ชมยินดีใน
ความสำเรจ็ ของผู้อ่นื ใช้หลกั สนั ติ วิธใี นการสอื่ สาร การทำงานและอยู่รว่ มกบั ผ้อู น่ื ในฐานะเปน็ พลเมอื งไทย
และ พลเมืองโลก มีคุณค่าตอ่ การเรียนรู้และการดำเนินชีวติ อย่างพอเพียง ตระหนักถงึ ผลกระทบของการใช้
ทรัพยากรท่ีมีตอ่ ตนเอง และส่วนรวม อยา่ งเหน็ คุณคา่ และภาคภมู ใิ จ เคารพความแตกตา่ งหลากหลายทาง
วฒั นธรรมของผคู้ นในแตล่ ะท้องถ่ินของไทย และประเทศเพ่อื นบ้าน เข้าใจอิทธพิ ลของส่งิ แวดล้อมทาง
กายภาพที่มผี ล ต่อการดำเนินชวี ิต
ใชก้ ระบวนการประชาธิปไตย ศรัทธาและปฏิบตั ิตามหลักการเป็นพลเมอื ง ดีตามวิถปี ระชาธิปไตยอันมี
พระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ พระประมขุ
เพื่อให้เกิดสมรรถนะหลกั 6 ดา้ นไดแ้ ก่ การจดั การตนเอง การคิดขัน้ สงู การสอ่ื สาร การรวม
พลงั ทำงานในทีม การเปน็ พลเมอื งทเ่ี ขม้ แขง็ การอยู่ร่วมกบั ธรรมขาติและวิทยาการอย่างยง่ั ยืน
บรู ณาการผลลัพธก์ ารเรียนรู้
สุขศกึ ษาและพลศึกษา LO 2 LO 7 LO 8
ศิลปะ LO 2 LO 4 LO 5 LO 6
การจดั การในครวั เรือนและผปู้ ระกอบการ LO 1 LO 2 LO 3
วิทยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติ LO 4 LO 5 LO 8 LO 9 LO 11
207
วิชายวุ นอ้ ยร้อยอาชีพ คำอธิบายรายวชิ าบรู ณาการ
ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 5
กลมุ่ บูรณาการสาระการเรียนรู้
เวลา 144 ชั่วโมง / ปี
รายวชิ ายุวนอ้ ยร้อยอาชีพ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 5 เป็นรายวิชาที่มงุ่ ให้ผเู้ รียนมที ักษะพน้ื ฐานใน
การรู้จกั เลือกอาชีพเพือ่ เป็นแนวทางในการสร้างรายได้ที่เหมาะสมใหก้ บั ตวั เอง และครอบครวั บนพ้ืนฐานการ
เป็นคนดี โดย มีสติสมาธิ ปฏิบัติ ทำกจิ วัตรประจำวนั ตามหลกั กุศลกรรมบถ ๑๐ หลกั ปฏิบัติตามคำสอนใน
ศาสนา เช่น หลักธรรมสำคญั โดยสังเขป ลักษณะสำคัญของศาสนพธิ ี พธิ ีกรรมของศาสนา ในศาสนสถาน
ศาสนพิธพี ธิ กี รรม กจิ กรรมวนั สำาคัญทางศาสนาโดยการพัฒนากาย วาจา ใจ มีสติ รเู้ ทา่ ทนั อารมณ์ ร้สู าเหตุ
ควบคมุ บรรเทา เขา้ ใจ เกย่ี วกับผลดแี ละผลเสยี ท่ีเกดิ ขนึ้ ต่อตนเองและผอู้ นื่ ขีดจำกัดดา้ นอารมณ์และ
ความร้สู กึ ใชป้ ญั ญาชว่ ยเหลือ แก้ปญั หา ส่อื สาร สง่ เสริมและอนุรกั ษ์สงิ่ แวดล้อมรอบตัวพลเมืองไทยและ
พลเมอื งโลก หลักธรรมทางพทุ ธศาสนาและ ศาสนาท่ีตนนับถอื ธรรมชาตสิ ิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี สร้าง
ประยกุ ต์ใช้ วางแผน แกไ้ ขและปรับปรงุ เขา้ ใจ ยอมรบั เกี่ยวกับหนา้ ท่ีและบทบาท สถานการณ์ ทรพั ยากร
พลังงานและเทคโนโลยี วางแผน ใชจ้ ่ายบรโิ ภคอย่างรูท้ นั ชว่ ยลด ตรวจสอบขอ้ มูล โฆษณา สอื่ และสารสนเทศ
ของสนิ คา้ และบรกิ าร ข่าวสารที่เกย่ี วข้อง การบริโภคในชวี ิตประจำวนั กฎหมายคุม้ ครองสทิ ธผิ ู้บริโภค การ
ออมเงนิ เชน่ รายรับ รายจ่าย ของตนเอง ครอบครวั อยา่ งเหมาะสมและมวี นิ ยั รู้จกั ดแู ล แบ่งเบาภาระ
กระตือรือรน้ มุ่งมนั่ วางแผน ลงมอื คำนึง วิธีทำงาน รคู้ ณุ ค่า เกย่ี วกบั สมาชิกในบ้าน ระบบ ทรพั ยากร
พลังงานและเทคโนโลยี สถานะทางเศรษฐกิจ ประโยชน์ คน้ หา จดั จำหนา่ ย สร้างรายได้ ประยกุ ตใ์ ช้ความรอู้
ทกั ษะพน้ื ฐาน วางแผนการผลติ พฒั นาสินค้า บริการ เก่ียวกับอาชพี สจุ รติ ผู้ประกอบการ หลกั ปรชั ญา
เศรษฐกจิ พอเพียง ระบบ เชน่ เรียนรูเ้ ร่ืออาชพี ตา่ งๆจากสถานท่ีจรงิ หรอื แหล่งเรียนรู้ ขอ้ มูลเบ้ืองต้นเกยี่ วกับ
สถานการ์ปัจจุบัน ความสนใจของตวั เองทนี่ ำปสู่การสร้างรายไดด้ ว้ ยการมีเจตคติทด่ี ี ติดตามขอ้ มูลข่าวสารและ
ปญั หาที่เกีย่ วขอ้ งกับตัวเอง ครอบครัว เพ่ือนร่วมช้ันเรยี น และโรงเรียน มีส่วนร่วม ในกิจกรรมส่วนรวมต่าง ๆ
ในระดบั ชัน้ เรยี นหรอื โรงเรียน ที่เหมาะสมตามวยั จัดลำดบั เลือกใช้ ตัดสินใจ กำหนดปฏบิ ตั ิ จดั การ จัดลำดบั
เลอื กใช้ ตัดสินใจ กำหนดความสำคญั ทรพั ยากรในชีวิตประจำวนั ทรัพยากรของครอบครัวและโรงเรยี น
ผลกระทบของการใช้ทรัพยากรที่มีตอ่ ตนเอง และสว่ นรวม สรา้ ง แก้ไขความขัดแย้งไม่ใช้ความรุนแรง ยอมรบั
เกย่ี วกบั ครอบครวั เพือ่ นและบคุ คลท่ีเกย่ี วขอ้ งกับการใช้ชวี ิตประจำวัน ดว้ ยการรกั ษาสมั พันธภาพท่ีดี สืบค้น
จบั ประเดน็ สำคัญ ลำดับเหตกุ ารณ์แสดง นำเสนอ วิธีการ ทำกิจกรรม ปฏบิ ัติเกีย่ วกบั เร่อื งราว ประวัติความ
เปน็ มา วิถีชวี ิตและบคุ คลทางประวตั ิศาสตรแ์ ละความต่อเนอ่ื งจากอดีตถงึ ปัจจุบนั ของจังหวัดสตลู ภูมิภาคใต้ท่ี
ตนอาศัยอยู่ และประเทศ กจิ กรรม ในชวี ิตประจำวัน โดยการสร้างสรรค์ ถา่ ยทอด จนิ ตนาการ เชื่อมโยง
ประยกุ ต์ใชผ้ ลงานทัศนศลิ ป์ส่ิงแวดล้อม ส่วนประกอบ องค์ประกอบวธิ กี าร กระบวนการกลุ่มเรือ่ งราว
ประวัตศิ าสตรศ์ ิลป์ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ิน ประวัตคิ วามเปน็ มา ในรูปแบบการแสดง ตา่ ง ๆ วิเคราะห์ อ่านเร่ือง ดู
ภาพ แลกเปลยี่ นสอ่ื สาร เกย่ี วกับความคล้ายคลงึ วฒั นธรรมไทยประเทศเพอื่ นบา้ น ความแตกต่างหลากหลาย
ทางวัฒนธรรมในประเทศเพอ่ื นบ้าน นำเสนอ แสดงออก รบั รู้ วิเคราะห์ วจิ ารณ์ แสดงความคดิ เห็น รบั ฟัง
ปรบั ปรงุ องค์ประกอบศิลป์ ผลงานงานศิลปะ เช่น แผนภาพ แผนผัง ภาพประกอบเร่อื งราวเกย่ี วกับเหตกุ ารณ์
ตา่ ง ๆ ดว้ ยความช่ืนชม ประทบั ใจ ตั้งคำถาม สบื ค้น วเิ คราะห์ สรปุ ตดิ ตาม คาดการณ์รว่ ม วางแผนทำงาน
อธบิ ายเข้าใจ ดำเนินเปลย่ี นแปลง ใช้ ปอ้ งกัน แกป้ ญั หา รบั มือ เก่ยี วกับผลมาจากอทิ ธิพลสิ่งแวดล้อมทาง
กายภาพ สง่ิ แวดลอ้ มและภยั พบิ ัตใิ นจงั หวัด ภูมภิ าคทตี่ นอาศัยอยู่ และ ประเทศไทย แผนที่ รปู ถ่าย ภาพถ่าย
208
ทางอากาศและภาพจากดาวเทยี ม ภัยพิบตั ผิ ลดีและผลเสียที่เกิดขึ้นต่อตนเองและ ผอู้ ื่น บทบาทหนา้ ของ
สมาชกิ ในกลมุ่ ตามความถนัดของแต่ละคน แบ่งงานตามความสามารถ ขอ้ ตกลงรว่ มกันในการจัดกิจกรรมต่างๆ
ขอ้ มูลข่าวสาร เหตุการณ์ สถานการณืที่เกิดข้ึนในสังคม ดว้ ยความรสู้ กึ ตระหนักและติดตามขอ้ มูลข่าวสารและ
ปญั หาท่เี กีย่ วข้องกบั ตวั เอง ครอบครวั เพือ่ นร่วมชั้นเรียน และโรงเรียน มสี ว่ นรวม ในกจิ กรรมส่วนรวมตา่ ง ๆ
ในระดับชัน้ เรยี นหรอื โรงเรยี น ท่เี หมาะสมตามวยั รู้เทา่ ทัน จัดการ ใช้สอื่ และการใช้ความรุนแรงทางออนไลน์
ประเมนิ สร้าง เผยแพร่เกี่ยวกับสารสนเทศ ดจิ ิทัล ผลกระทบ ประโยชน์ เชน่ ข้อมูลชว่ งเลาการใช้ส่ือ
สารสนเทศดิจิทัลอย่างต่อเนอื่ ง ลกั ษณะของการใช้สอื่ ดว้ ยอารมณ์ ความต้องการ ทมี่ มี ารยาท เห็นอกเหน็ ใจ
และใหเ้ กยี รติพรอ้ มทั้งตดิ ตามขอ้ มลู ข่าวสารและ ปญั หาทเ่ี ก่ียวข้องกบั ตวั เอง ครอบครัว เพ่ือนรว่ มช้ันเรยี น
และโรงเรยี น มสี ่วนรว่ ม ในกิจกรรมส่วนรวมตา่ ง ๆ ในระดับช้ันเรยี นหรือโรงเรียน ทเี่ หมาะสมตามวัย
โดยใชก้ ารพฒั นากาย วาจา ใจ ตามแนวทางของพระพุทธศาสนาหรือศาสนา อืน่ ท่ีตนนับถือ
ปฏบิ ัติตามหลกั กศุ ลกรรมบถ ๑๐ หรือหลกั ปฏบิ ตั ิตามคำสอนในศาสนาอ่ืน ที่ตนนับถอื มโี ยนิโสมนสิการ
ตลอดถึงส่งิ แวดล้อมรอบตวั เพอื่ อยรู่ ว่ มกัน อยา่ งสันติสขุ อ่อนนอ้ มถ่อมตน มีมุทติ ารู้จักชื่นชมยนิ ดใี น
ความสำเร็จของผู้อ่นื ใช้หลักสนั ติ วธิ ใี นการสื่อสาร การทำงานและอย่รู ว่ มกับผูอ้ น่ื ในฐานะเป็นพลเมอื งไทย
และ พลเมอื งโลก มคี ุณค่าต่อการเรียนรแู้ ละการดำเนินชีวติ อย่างพอเพียง ตระหนักถึง ผลกระทบของการใช้
ทรัพยากรทีม่ ีต่อตนเอง และส่วนรวม อย่างเห็นคุณค่าและภาคภมู ใิ จ เคารพความแตกตา่ งหลากหลายทาง
วฒั นธรรมของผูค้ นในแตล่ ะท้องถ่ินของไทย และประเทศเพื่อนบา้ น เข้าใจอิทธพิ ลของส่งิ แวดล้อมทาง
กายภาพท่ีมีผล ต่อการดำเนินชีวิต
ใชก้ ระบวนการประชาธปิ ไตย ศรัทธาและปฏบิ ตั ิตามหลกั การเป็นพลเมอื ง ดีตามวิถีประชาธปิ ไตยอันมี
พระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ พระประมุข
เพื่อใหเ้ กดิ สมรรถนะหลัก 6 ดา้ นไดแ้ ก่ การจัดการตนเอง การคดิ ขั้นสูง การสอื่ สาร การรวม
พลังทำงานในทีม การเปน็ พลเมืองท่ีเขม้ แข็ง การอยู่รว่ มกบั ธรรมขาติและวทิ ยาการอยา่ งยั่งยืน
บูรณาการผลลัพธก์ ารเรียนรู้
สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา LO 2 LO 7 LO 8
ศิลปะ LO 2 LO 4 LO 5 LO 6
การจดั การในครัวเรอื นและผปู้ ระกอบการ LO 1 LO 2 LO 3
วิทยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติ LO 4 LO 5 LO 8 LO 9 LO 11
209
วิชายุวนอ้ ยร้อยอาชีพ คำอธบิ ายรายวชิ าบูรณาการ
ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 6
กล่มุ บรู ณาการสาระการเรยี นรู้
เวลา 144 ชั่วโมง / ปี
รายวิชายุวน้อยร้อยอาชีพ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 เป็นรายวิชาที่มุ่งให้ผู้เรยี นมีทักษะพื้นฐานในการ
รู้จักเลือกอาชีพเพ่ือเป็นแนวทางในการสร้างรายได้ท่ีเหมาะสมให้กบั ตัวเอง และครอบครวั บนพื้นฐานการเป็น
คนดี โดย มสี ติสมาธิ ปฏิบัติ ทำกจิ วัตรประจำวันตามหลกั กศุ ลกรรมบถ ๑๐ หลกั ปฏิบัติตามคำสอนในศาสนา
เช่น หลักธรรมสำคัญโดยสังเขป ลักษณะสำคัญของศาสนพิธี พิธีกรรมของศาสนา ในศาสนสถาน ศาสนพิธี
พิธกี รรม กิจกรรมวันสำาคัญทางศาสนาโดยการพัฒนากาย วาจา ใจ มีสติ รู้เท่าทันอารมณ์ รู้สาเหตุ ควบคุม
บรรเทา เข้าใจ เกี่ยวกับผลดีและผลเสียที่เกิดขึ้นต่อตนเองและผู้อื่น ขีดจำกัดด้านอารมณ์และความรู้สึก ใช้
ปัญญาช่วยเหลือ แก้ปัญหา สื่อสาร ส่งเสริมและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมรอบตัวพลเมืองไทยและพลเมืองโลก
หลกั ธรรมทางพุทธศาสนาและ ศาสนาทต่ี นนับถอื ธรรมชาติสง่ิ แวดล้อม เทคโนโลยี สร้าง ประยุกตใ์ ช้ วางแผน
แก้ไขและปรบั ปรุง เข้าใจ ยอมรับ เกย่ี วกับหน้าที่และบทบาท สถานการณ์ ทรัพยากร พลงั งานและเทคโนโลยี
วางแผน ใช้จ่ายบริโภคอย่างรู้ทันช่วยลด ตรวจสอบข้อมูล โฆษณา สื่อและสารสนเทศของสินค้าและบริการ
ข่าวสารที่เก่ียวข้อง การบริโภคในชีวิตประจำวัน กฎหมายคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค การออมเงิน เช่น รายรับ
รายจ่าย ของตนเอง ครอบครัว อย่างเหมาะสมและมีวินัย รู้จกั ดูแล แบ่งเบาภาระ กระตือรือรน้ มงุ่ ม่ันวางแผน
ลงมอื คำนงึ วิธที ำงาน รู้คุณค่า เก่ียวกับสมาชิกในบ้าน ระบบ ทรพั ยากร พลังงานและเทคโนโลยี สถานะทาง
เศรษฐกิจ ประโยชน์ ค้นหา จัดจำหน่าย สร้างรายได้ ประยุกต์ใช้ความรู้อทักษะพ้ืนฐาน วางแผนการผลิต
พฒั นาสินค้า บริการ เกีย่ วกับอาชีพสุจรติ ผู้ประกอบการ หลกั ปรชั ญา เศรษฐกจิ พอเพียง ระบบ เช่น เรยี นร้เู ร่ือ
อาชีพ ต่างๆจากสถานท่ีจริงหรือแหล่งเรียนรู้ ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานการ์ปัจจุบัน ความสนใจของตัวเองท่ี
นำปสู่การสร้างรายได้ด้วยการมีเจตคติท่ีดี ติดตามข้อมูลข่าวสารและ ปัญหาที่เก่ียวข้องกับตัวเอง ครอบครัว
เพ่ือนร่วมช้ันเรียน และโรงเรียน มีส่วนร่วม ในกิจกรรมส่วนรวมต่าง ๆ ในระดับช้ันเรียนหรือโรงเรียน ท่ี
เหมาะสมตามวัยจัดลำดับ เลือกใช้ ตัดสินใจ กำหนดปฏิบัติ จัดการ จัดลำดับ เลือกใช้ ตัดสินใจ กำหนด
ความสำคญั ทรัพยากรในชีวิตประจำวันทรพั ยากรของครอบครวั และโรงเรียนผลกระทบของการใช้ทรพั ยากรท่ี
มีต่อตนเอง และส่วนรวม สร้าง แก้ไขความขัดแย้งไม่ใช้ความรุนแรง ยอมรับเกี่ยวกับครอบครัว เพ่ือนและ
บุคคลท่ีเก่ียวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวัน ด้วยการรักษาสัมพันธภาพที่ดี สืบค้น จับประเด็นสำคัญ ลำดับ
เหตุการณ์แสดง นำเสนอ วิธีการ ทำกิจกรรม ปฏิบัติเก่ียวกับเรื่องราว ประวัติความเป็นมา วิถีชีวิตและบุคคล
ทางประวัติศาสตรแ์ ละความต่อเนอ่ื งจากอดีตถึงปัจจบุ ันของจังหวัดสตลู ภูมิภาคใตท้ ี่ตนอาศยั อยู่ และประเทศ
กิจกรรม ในชีวิตประจำวัน โดยการสร้างสรรค์ ถ่ายทอด จินตนาการ เช่ือมโยง ประยุกต์ใช้ผลงานทัศนศิลป์
สง่ิ แวดลอ้ ม สว่ นประกอบ องคป์ ระกอบวิธีการ กระบวนการกลุ่มเรอื่ งราวประวตั ศิ าสตร์ศิลปภ์ ูมปิ ญั ญาท้องถิ่น
ประวัติความเป็นมา ในรูปแบบการแสดง ตา่ ง ๆ วิเคราะห์ อ่านเรื่อง ดูภาพ แลกเปลยี่ นสื่อสาร เก่ียวกับความ
คล้ายคลึงวัฒนธรรมไทยประเทศเพื่อนบ้าน ความแตกต่างหลากหลาย ทางวัฒนธรรมในประเทศเพ่ือนบ้าน
นำเสนอ แสดงออก รับรู้ วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคดิ เห็น รับฟัง ปรับปรุง องค์ประกอบศิลป์ ผลงานงาน
ศลิ ปะ เช่น แผนภาพ แผนผัง ภาพประกอบเรื่องราวเก่ียวกบั เหตุการณ์ต่าง ๆ ด้วยความชืน่ ชม ประทับใจ ต้ัง
คำถาม สืบค้น วิเคราะห์ สรุปติดตาม คาดการณ์ร่วม วางแผนทำงาน อธิบายเข้าใจ ดำเนินเปลี่ยนแปลง ใช้
ปอ้ งกัน แกป้ ัญหา รบั มือ เกี่ยวกับผลมาจากอิทธิพลสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ สิ่งแวดลอ้ มและภัยพิบัติในจงั หวัด
ภูมิภาคท่ีตนอาศัยอยู่ และ ประเทศไทย แผนท่ี รูปถา่ ย ภาพถ่ายทางอากาศและภาพจากดาวเทียม ภัยพิบัติ
210
ผลดีและผลเสียท่ีเกิดข้ึนต่อตนเองและ ผู้อื่น บทบาทหน้าของสมาชิกในกลุ่มตามความถนัดของแต่ละคน แบ่ง
งานตามความสามารถ ข้อตกลงร่วมกันในการจัดกิจกรรมต่างๆ ข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ สถานการณืที่เกิดข้ึน
ในสังคม ด้วยความรู้สึกตระหนักและติดตามข้อมูลข่าวสารและ ปัญหาที่เก่ียวข้องกับตัวเอง ครอบครัว เพ่ือน
ร่วมชั้นเรียน และโรงเรียน มีส่วนรวม ในกิจกรรมส่วนรวมต่าง ๆ ในระดับช้ันเรียนหรือโรงเรียน ที่เหมาะสม
ตามวัย รู้เทา่ ทนั จัดการ ใช้สอื่ และการใชค้ วามรุนแรงทางออนไลน์ ประเมนิ สร้าง เผยแพร่เกย่ี วกบั สารสนเทศ
ดจิ ิทัล ผลกระทบ ประโยชน์ เช่น ข้อมูลช่วงเลาการใช้สื่อสารสนเทศดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ลักษณะของการใช้ส่ือ
ด้วยอารมณ์ ความต้องการ ที่มีมารยาท เห็นอกเห็น ใจ และให้เกียรติพร้อมทั้งติดตามข้อมูลข่าวสารและ
ปญั หาที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ครอบครัว เพื่อนร่วมชั้นเรียน และโรงเรียน มสี ่วนร่วม ในกจิ กรรมส่วนรวมต่าง ๆ
ในระดับชัน้ เรยี นหรอื โรงเรยี น ท่ีเหมาะสมตามวัย
โดยใช้การพัฒนากาย วาจา ใจ ตามแนวทางของพระพุทธศาสนาหรือศาสนา อนื่ ท่ีตนนับถือ
ปฏิบตั ิตามหลักกศุ ลกรรมบถ ๑๐ หรือหลกั ปฏบิ ตั ิตามคำสอนในศาสนาอน่ื ทีต่ นนบั ถอื มโี ยนโิ สมนสกิ าร
ตลอดถึงสง่ิ แวดล้อมรอบตัวเพอื่ อยรู่ ่วมกนั อย่างสนั ตสิ ขุ อ่อนน้อมถอ่ มตน มมี ุทิตารจู้ ักชน่ื ชมยินดใี น
ความสำเร็จของผู้อนื่ ใช้หลกั สันติ วธิ ใี นการส่อื สาร การทำงานและอยรู่ ว่ มกบั ผู้อน่ื ในฐานะเป็นพลเมืองไทย
และ พลเมืองโลก มีคุณค่าตอ่ การเรยี นรู้และการดำเนนิ ชวี ติ อยา่ งพอเพียง ตระหนกั ถึง ผลกระทบของการใช้
ทรพั ยากรทีม่ ีต่อตนเอง และสว่ นรวม อย่างเหน็ คุณค่าและภาคภูมิใจ เคารพความแตกต่างหลากหลายทาง
วฒั นธรรมของผู้คนในแต่ละท้องถ่ินของไทย และประเทศเพื่อนบา้ น เข้าใจอิทธพิ ลของสง่ิ แวดล้อมทาง
กายภาพที่มผี ล ต่อการดำเนินชีวติ
ใช้กระบวนการประชาธปิ ไตย ศรทั ธาและปฏิบัติตามหลักการเป็นพลเมือง ดีตามวถิ ปี ระชาธิปไตยอันมี
พระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ พระประมขุ
เพ่อื ใหเ้ กิดสมรรถนะหลัก 6 ดา้ นได้แก่ การจดั การตนเอง การคดิ ขั้นสูง การส่อื สาร การรวม
พลงั ทำงานในทีม การเป็นพลเมืองท่เี ขม้ แขง็ การอยู่ร่วมกับธรรมขาติและวิทยาการอยา่ งย่งั ยนื
บรู ณาการผลลพั ธก์ ารเรียนรู้
สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา LO 2 LO 7 LO 8
ศลิ ปะ LO 2 LO 4 LO 5 LO 6
การจดั การในครัวเรือนและผู้ประกอบการ LO 1 LO 2 LO 3
วทิ ยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติ LO 4 LO 5 LO 8 LO 9 LO 11
211
คำอธบิ ายรายวชิ าบรู ณาการ
กลุม่ สาระ Healthy Artชนั้ ประถมศึกษาปีท่๑ี
พ๑๑๑๐๑ Healthy Art
เวลาเรยี น.....80...ชั่วโมง
รายวิชาHealthy Art เป็นรายวิชาบรู ณาการท่เี กดิ จากการบูรณาการร่วมกันระหวา่ งวิชา สขุ ศึกษา
สงั คม และศลิ ปะซึ่งมงุ่ เน้นให้ผู้เรยี น ศึกษาความรูเ้ กย่ี วกับเรื่องปฏิบตั ติ นหลกั สขุ บัญญตั ิแห่งชาติเกี่ยวกับการ
ดแู ล สุขอนามัยทางเพศ ท้งั ภายในและภายนอก รวมถงึ ข้อมูลดา้ นสขุ ภาพและนสิ ัยเกย่ี วกบั การดแู ลสขุ ภาพได้
ถกู ต้อง สมดุล และเหมาะสมตามวัย พูดเพ่อื สอ่ื สารขอ้ เท็จจริง ความคิดเหน็ เก่ยี วกับความสัมพนั ธ์ของสมาชิก
ในครอบครัว เคารพความแตกต่างและความหลากหลาย ไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมและเป็นกลาง สังเกต ระมัดระวงั
ดแู ลและปอ้ งกนั ตัวเองจาก ขอ้ มลู ข่าวสารทไี่ ด้รบั รอบตวั เก่ียวกบั อุบัตเิ หตุ ตา่ ง ๆท่ีเกดิ จากภัยใกล้ตวั จาก
โรงเรยี นได้ เหมาะสมตามวัย ทกั ษะ มสี ติในการเข้าร่วมกจิ กรรมสร้างเสริมสมรรถนะทางกาย ความปลอดภัย
ในการ เคลอ่ื นไหวอวัยวะทุกสว่ น ในโรงเรยี นโดยคำนึงถงึ ความปลอดภัย รบั รู้ ปฏบิ ัตติ ามกฎกติกา ขอ้ ตกลง
เกม การละเล่นพืน้ เมอื ง กิจกรรม เกมกฬี า เช่นโยนบอล โยนห่วง หรอื กีฬาอน่ื ๆในท้องถ่ินโดยมีน้ำใจนกั กีฬา
สัมผสั รบั รู้-มแี รงบนั ดาลใจ เกีย่ วกับความงามของสนุ ทรียภาพ สีสนั รปู ร่าง รปู ทรง พ้นื ผวิ และศิลปะในดา้ น
ทัศนศลิ ปไ์ ด้ถูกต้องและเหมาะสมตามวัย สร้างสรรค์ผลงาน ถ่ายทอดจนิ ตนาการ และเชื่อมโยงงานทัศนศิลป์ที่
เกย่ี วกับเรอื่ งราวใกลต้ วั ในชวี ติ ประจำวนั องคป์ ระกอบทางทศั นศิลป์ เชน่ เสน้ และรูปร่างสะท้อนถงึ ธรรมชาติ
สิง่ แวดลอ้ มดว้ ย ความรู้สึกอธิบายเปรียบเทียบเกย่ี วกับอารมณ์ของบทเพลงทีฟ่ งั องคป์ ระกอบทางดนตรี เครื่อง
ดนตรีตา่ งๆทีพ่ บเจอ ในโรงเรียน ร้องเพลง ขบั ร้อง บรรเลงดนตรีทใ่ี ช้เคาะจงั หวะอยา่ งถกู ต้องสนกุ กับการ
แสดงท่าทางการเคลอื่ นไหวรา่ งกาย สรา้ งสรรคท์ ่าทางเลยี นแบบในลกั ษณะต่าง ๆใช้ภาษาทา่ ในการสื่อ
ความหมายแทนคำพดู ชนื่ ชอบการละเล่นพ้นื บ้าน ได้เหมาะสมกับวยั ทำกจิ กรรม ปฏบิ ัตติ นแลกเปลี่ยนความ
คดิ เหน็ แก้ปัญหาหรือความขดั แย้งเกยี่ วกบั บทบาทหน้าที่ ข้อตกลง กฎ กตกิ า สถานการณต์ ่าง ๆ เกีย่ วกับ
ประโยชน์ โทษ ของการเปลีย่ นแปลงในการรวมกลุ่มเพื่อส่วนรวมในการเป็นสมาชิกของครอบครวั ยอมรับดว้ ย
ความความรู้สึกเต็มใจและเสยี สละแสดงพฤตกิ รรมเชิงบวกทั้งทางกาย วาจา และปฏบิ ัติตนตามพื้นฐานสิทธิ
หน้าที่ ของตน สิทธพิ นื้ ฐาน เสรีภาพ ทรพั ย์สนิ ในห้องเรียนด้วยความปราศจากอคติ และการเหมารวม รวมทั้ง
ควบคุม อารมณแ์ ละความรู้สึกเลอื กจัดการ ใช้สอื่ สารสนเทศ และดจิ ทิ ัล เชน่ การรู้เท่าทนั สือ่ แนวทางการใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัยและมีจริยธรรมการรกั ษาข้อมูลส่วนตัวโดยรับผิดชอบตอ่ ผลท่เี กิดขน้ึ ต่อ
ตนเองและผูอ้ ื่น
โดยใชค้ วามสามารถในหการปฏบิ ัติตนตามหลักสุขบัญญตั แิ ห่งชาติในการดูแลสุขภาพตนเองได้สมวัยการ
ใชข้ ้อมูลข่าวสารเพ่ือสรา้ งเสริมสุขภาพ การเคลอื่ นไหวอวยั วะทุกส่วนได้อย่างสัมพนั ธก์ นั ในการเคล่ือนไหว
หลากหลายรูปแบบ อย่างปลอดภัยในการทำกจิ กรรมทางกาย เล่นเกม เลน่ การละเล่น พ้ืนเมอื ง ออกกำลงั กาย
และเลน่ กีฬา อย่างปลอดภยั และมนี ้ำใจ นกั กีฬาในการรับรู้และเขา้ ใจอารมณ์ ความรูส้ กึ ของตนเอง และ ผูอ้ ื่น
ในการส่ือสารอารมณ์ ความรู้สกึ ของตนเองได้อย่าง เหมาะสมในการแก้ปัญหาและปรบั ตวั ไดอ้ ย่างเหมาะสม
ตาม สถานการณ์สรา้ งเสริมสมรรถภาพทางกาย รู้จกั ชื่นชมสุนทรยี ภาพ (Art Appreciation) จากธรรมชาติ
สภาพแวดลอ้ มใกล้ตวั วฒั นธรรม วิถชี ีวิตประจำวัน รวมถงึ ผลงาน ศิลปะอันเก่ียวเน่อื งกับคุณคา่ ในชวี ติ และ
การสรา้ งสรรค์ผลงานศิลปะ จากการรบั รทู้ างการมองเหน็ การสัมผสั การรับชม การได้ฟงั และการบูรณาการ
ขา้ มประสาทสัมผัส ใชศ้ ิลปะ เพอื่ การพฒั นาจิตใจผ่านการทำงานอยา่ งมีสมาธิ สังเกต เหน็ เข้าใจและรบั รู้
สนุ ทรียภาพ ผ่านความสมั พนั ธข์ องพหปุ ระสาท สัมผัส (กาย – ใจ – มือ – ตา – หู ) กับธรรมชาติ
212
สรา้ งสรรคง์ านทศั นศิลปท์ ตี่ นเองช่ืนชอบ หรือรว่ มสร้างสรรคก์ ับผอู้ นื่ ถา่ ยทอดจินตนาการจากธรรมชาติ
สภาพแวดล้อม เรอื่ งราวใกล้ตัวท่ีเช่อื มโยงกบั วถิ ชี ีวติ ประจำวัน ครอบครวั โรงเรยี น ชุมชน และจาก
ประสบการณ์ โดยการลองผิดลองถูกด้วยวธิ ีการที่หลากหลายจนคน้ พบสง่ิ ใหม่สนุกกบั การร้องเพลง หรอื
บรรเลงดนตรีที่เหมาะกบั ชว่ งวัย เรียนรู้อารมณ์ของบทเพลงทฟี่ ัง ฟัง อธิบาย เปรยี บเทียบความเหมือนและ
ความแตกต่างของเสยี งทม่ี าจากธรรมชาติและเครื่องดนตรตี ่าง ๆ รูปแบบการเกิดเสยี ง และอธิบายบทเพลง
ดว้ ยองค์ประกอบดนตรี ใช้รปู ภาพ สญั ลกั ษณแ์ ทนเสยี ง หรอื โนต้ เพลง ขับรอ้ ง เคาะจังหวะ และบรรเลง
ดนตรีอยา่ งถกู ต้อง ดว้ ยความมั่นใจ สนุกกับการเคลือ่ นไหวรา่ งกาย เลยี นแบบธรรมชาติ คน สัตว์ สงิ่ ของ ใน
ลกั ษณะต่าง ๆ อยา่ งอสิ ระ สรา้ งสรรคแ์ ละมสี ุนทรียภาพใช้ภาษาท่า สอ่ื ความหมายแทนคำพดู และแสดงการ
เคล่อื นไหวร่างกายทีส่ ะท้อนอารมณ์ของตนเองแสดงทา่ ทางประกอบการละเลน่ พืน้ บา้ น นาฏศลิ ป์ไทย หรอื
นาฏศลิ ปป์ ระเทศเพื่อนบา้ น ทเ่ี หมาะสมกบั วัย ปฏบิ ัตติ นตามบทบาทหนา้ ที่ทีม่ ีต่อครอบครัว โรงเรยี น และ
ชุมชน ใช้และยอมรบั ขอ้ ตกลง กฎ กติกาท่ีสร้างขึ้นร่วมกัน แลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ อยา่ งมีเหตุผล ร่วม
ตัดสินใจในการแกป้ ัญหา หรือความขัดแย้งในสถานการณต์ ่าง ๆ และทำกิจกรรมรว่ มกัน อย่างมมี ารยาท ใน
ครอบครวั โรงเรียน และชุมชน เต็มใจเสียสละ ประโยชนส์ ว่ นตนเพอื่ สว่ นรวมดว้ ยความรู้สึกว่าเป็นสมาชกิ
ของครอบครัวช้นั เรียน และโรงเรียน สนุกกับการละเล่นพ้นื บ้าน และเล่าถงึ การแสดงนาฏศลิ ป์ในท้องถน่ิ ที่
ตนเองชืน่ ชอบ รกั ษาสิทธพิ ืน้ ฐานของตน ไม่ละเมดิ สิทธขิ องผูอ้ นื่ ปฏเิ สธเพอ่ื ไมใ่ ห้ตน ถกู รงั แก หรือละเมดิ
สทิ ธเิ สรภี าพ ทง้ั ร่างกายจติ ใจ ทรัพยส์ ินและ แจ้งผู้ใหญ่ท่เี กย่ี วขอ้ ง แสดงพฤติกรรมท้ังทางกายและวาจาใน
การยอมรับความคิด ความเช่ือและการปฏบิ ตั ิของบคุ คลอ่นื ที่แตกตา่ งกันโดยปราศจากอคติ และการเหมา
รวม รวมทั้งไม่กลน่ั แกล้งเพอ่ื น (Bullying) เลอื กใช้ และจัดการเวลาในการใช้สอื่ สารสนเทศ และดิจทิ ลั
อยา่ งร้เู ท่าทนั
เพือ่ ใหเ้ กิดสมรรถนะหลัก 6 ด้าน ไดแ้ ก่ การจัดการตัวเอง การคดิ ขัน้ สงู การสือ่ สาร การเป็นพลเมอื งท่ี
เขม้ แข็ง และการอยู่รว่ มกับธรรมชาติ และวิทยาการอย่างยง่ั ยืน
บรู ณาการผลลพั ธ์การเรียนรู้
สุขศึกษาและพลศกึ ษา LO1 LO๒ LO๓ LO๔ LO๕
ศิลปะ LO1 LO๒ LO๓ LO๕
สงั คมศึกษา LO๗ LO๘ LO๑๑
213
คาอธิบายรายวิชาบรู ณาการ
กล่มุ สาระ Healthy Artชั้นประถมศึกษาปีท๒ี่
พ๑๒๑๐๑ Healthy Art
เวลาเรียน....80....ชั่วโมง
รายวชิ าHealthy Art เป็นรายวชิ าบรู ณาการทีเ่ กิดจากการบรู ณาการร่วมกันระหว่างวิชา สุขศึกษา
สังคม และศิลปะซ่ึงมุ่งเน้นใหผ้ ู้เรยี น ศกึ ษาความรูเ้ กยี่ วกบั เร่อื งปฏบิ ตั ติ น ดูแลกจิ วัตรประจาวัน หลักสุข
บัญญัติแห่งชาตเิ ก่ียวกบั การดูแล สุขอนามัยทางเพศ ท้งั ภายในและภายนอก รวมถึงข้อมลู ด้านสขุ ภาพ ใน
ชวี ิตประจาวนั เชน่ การกิน การพกั ผ่อนและนิสัยเกย่ี วกบั การดูแลสุขภาพได้ถูกต้อง สมดุล และเหมาะสมตาม
วัยพูดเพ่อื สือ่ สารขอ้ เท็จจริง ความคิดเห็น เกี่ยวกับความสัมพนั ธ์ของสมาชกิ ในครอบครวั เคารพความแตกต่าง
และความหลากหลายได้ถูกต้องเหมาะสมและเป็นกลางสังเกต ระมดั ระวงั ดแู ลและปอ้ งกนั ตวั เองจาก ขอ้ มูล
ข่าวสารทีไ่ ด้รับรอบตัวเกี่ยวกบั อุบตั ิเหตุ ต่าง ๆที่เกิดจากภัยใกล้ตัว จากโรงเรียน และชุมชนได้ เหมาะสมตาม
วยั ทักษะ มสี ติในการเข้าร่วมกิจกรรมสรา้ งเสรมิ สมรรถนะทางกาย ความปลอดภยั ในการ เคลือ่ นไหวอวยั วะ
ทุกสว่ นในรปู แบบทั้งท่ีมีอุปกรณ์และไม่มีอปุ กรณ์ ในโรงเรียนโดยคานงึ ถึงความปลอดภัย รบั รู้ ปฏิบัตติ ามกฎ
กตกิ า ข้อตกลง เกม การละเลน่ พืน้ เมือง กิจกรรม เกมกฬี า เช่นโยนบอล โยนหว่ ง หรอื กีฬาอน่ื ๆในท้องถน่ิ
โดยมนี า้ ใจนกั กฬี า สมั ผัส รับรู้ มีแรงบันดาลใจเกิดความประทบั ใจ เก่ยี วกบั ความงามของสุนทรียภาพ สีสนั
รูปรา่ ง รูปทรง พ้ืนผิว ความอิสระในการถา่ ยทอดผ่านภาพวาดของงานศิลปะในดา้ นทัศนศลิ ป์ไดถ้ ูกต้องและ
เหมาะสมตามวัย สร้างสรรค์ ถ่ายทอดจนิ ตนาการและ เช่อื มโยงงานทศั นศิลปท์ เี่ กีย่ วกบั เร่อื งราวใกล้ตัว ใน
ชวี ติ ประจำวนั องค์ประกอบทางทศั นศิลป์ เช่น เส้น และรูปรา่ งสะท้อนถงึ ธรรมชาติ ส่งิ แวดลอ้ มด้วย ความรูส้ กึ
อธิบายเปรยี บเทียบเกี่ยวกบั อารมณ์ของบทเพลงท่ีฟัง องคป์ ระกอบทางดนตรี เคร่ืองดนตรตี า่ งๆทีพ่ บเจอ ใน
โรงเรียน ร้องเพลง ขบั ร้อง บรรเลงดนตรีทใ่ี ช้ เคาะจงั หวะอยา่ งถูกตอ้ งสนุกกับการแสดงท่าทางการเคลอื่ นไหว
รา่ งกาย สรา้ งสรรคท์ ่าทางเลยี นแบบในลักษณะต่างๆใช้ภาษาท่าในการสอ่ื ความหมายแทนคำพูด ชื่นชอบ
การละเล่นพ้นื บา้ นนาฏศลิ ป์ไทย หรอื นาฏศิลปป์ ระเทศเพ่ือนบ้านได้เหมาะสมกับวัย ทำกจิ กรรม ปฏบิ ตั ติ น
แลกเปลย่ี นควำมคดิ เหน็ แกป้ ัญหำหรอื ควำมขดั แยง้ เกย่ี วกบั บทบำทหน้ำท่ี ขอ้ ตกลง กฎ กตกิ ำ
สถำนกำรณต์ ่ำง ๆ เกยี่ วกบั ประโยชน์ โทษ ของกำรเปลย่ี นแปลงในกำรรวมกลุ่มเพ่ือสว่ นรวมในการเปน็
สมาชิกของครอบครัว ห้องเรยี น โรงเรียนยอมรบั ดว้ ยควำมควำมรสู้ กึ แสดงพฤติกรรมเชิงบวกทั้งทางกาย
วาจา และปฏิบตั ติ นตามพืน้ ฐานสิทธิ หน้าท่ี ของตน สิทธิพนื้ ฐาน เสรภี าพ ทรพั ย์สนิ ความหมาย ความสำคัญ
หลกั การของสทิ ธมิ นษุ ยชน ปัญหาการละเมิด ในหอ้ งเรียน โรงเรยี น ชุมชนดว้ ยความปราศจากอคติ และการ
เหมารวม รวมทั้งควบคุม อารมณแ์ ละความรู้สึกเลอื กจดั กำร ใชส้ อ่ื สำรสนเทศ และดจิ ทิ ลั เชน่ การรู้เท่าทนั
ส่ือแนวทางการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยและมีจรยิ ธรรมการรักษาขอ้ มูลส่วนตัวการรับมอื การ
คุกคามทางออนไลน์โดยรบั ผดิ ชอบต่อผลทเ่ี กดิ ขน้ึ ตอ่ ตนเองและผอู้ น่ื เตม็ ใจและเสยี สละ
โดยใชค้ วามสามารถในปฏิบตั ิตนตามหลักสุขบัญญัตแิ ห่งชาตกิ ารดูแลสขุ ภาพตนเองในไดส้ มวยั
ในการใชข้ อ้ มูลข่าวสารเพ่อื สร้างเสรมิ สุขภาพเคล่ือนไหวอวยั วะทุกส่วนไดอ้ ยา่ งสมั พนั ธก์ นั หลากหลาย
รปู แบบ อยา่ งปลอดภยั ทากจิ กรรมทางกาย เลน่ เกม เล่นการละเล่น พน้ื เมอื ง ออกกาลังกาย และเลน่ กฬี า
214
อยา่ งปลอดภัย และมีนา้ ใจ นักกีฬารับรู้และเข้าใจอารมณ์ ความรูส้ กึ ของตนเอง และ ผู้อืน่ สือ่ สารอารมณ์
ความรสู้ ึกของตนเองได้อยา่ ง เหมาะสมแกป้ ัญหาและปรับตัวได้อยา่ งเหมาะสมตาม สถานการณ์ในสรา้ งเสรมิ
สมรรถภาพทางกายสรา้ งสมั พนั ธภาพท่ีดี กบั ผอู้ ื่นเคลอ่ื นไหวอวัยวะทกุ สว่ นได้อย่างสัมพนั ธ์กนั
รจู้ ักชนื่ ชมสุนทรียภาพ (Art Appreciation) จากธรรมชาติสภาพแวดล้อมใกล้ตัว วฒั นธรรม วิถชี วี ติ ประจำวนั
รวมถงึ ผลงาน ศลิ ปะอนั เกย่ี วเนือ่ งกับคณุ คา่ ในชวี ติ และการสร้างสรรคผ์ ลงานศลิ ปะ จากการรับรูท้ างการ
มองเห็น การสมั ผัส การรับชม การไดฟ้ งั และการบรู ณาการขา้ มประสาทสมั ผัส ใช้ศิลปะ เพอื่ การพัฒนาจติ ใจ
ผ่านการทำงานอย่างมสี มาธิ สงั เกต เหน็ เข้าใจและรับรสู้ ุนทรยี ภาพ ผ่านความสัมพันธข์ องพหุประสาท สัมผสั
(กาย – ใจ – มอื – ตา – หู ) กบั ธรรมชาติ สร้างสรรค์งานทัศนศลิ ปท์ ี่ตนเองชื่นชอบ หรอื รว่ มสรา้ งสรรคก์ ับ
ผู้อืน่ ถ่ายทอดจินตนาการจากธรรมชาติ สภาพแวดลอ้ ม เร่อื งราวใกล้ตวั ทเ่ี ช่ือมโยงกบั วิถชี ีวิตประจำวัน
ครอบครวั โรงเรยี น ชมุ ชน และจากประสบการณ์ โดยการลองผิดลองถูกด้วยวิธีการที่หลากหลายจนคน้ พบสง่ิ
ใหม่ สนุกกับการรอ้ งเพลง หรือบรรเลงดนตรที เี่ หมาะกบั ชว่ งวยั เรียนร้อู ารมณ์ของบทเพลงที่ฟงั ฟัง อธิบาย
เปรียบเทียบความเหมือนและความแตกตา่ งของเสยี งท่ีมาจากธรรมชาติและเครอื่ งดนตรตี ่าง ๆ รูปแบบการเกดิ
เสียง และอธิบายบทเพลงดว้ ยองค์ประกอบดนตรีใช้รูปภาพ สญั ลกั ษณ์แทนเสยี ง หรือโน้ตเพลง ขับรอ้ ง เคาะ
จังหวะ และบรรเลงดนตรอี ย่างถกู ตอ้ ง ด้วยความม่นั ใจ สนกุ กับการเคลอื่ นไหวร่างกาย เลียนแบบธรรมชาติ คน
สตั ว์ ส่งิ ของ ในลักษณะต่าง ๆ อยา่ งอิสระ สรา้ งสรรคแ์ ละมีสนุ ทรียภาพ ใช้ภาษาท่าทาง สื่อความหมายแทน
คำพูด และแสดงการเคล่ือนไหวร่างกายที่สะทอ้ นอารมณข์ องตนเอง แสดงทา่ ทางประกอบการละเล่นพื้นบา้ น
นาฏศิลป์ไทย หรอื นาฏศิลปป์ ระเทศเพอ่ื นบา้ น ท่ีเหมาะสมกบั วัย ปฏิบตั ิตนตามบทบาทหน้าท่ีทมี่ ีต่อครอบครวั
โรงเรยี น และชมุ ชน ใชแ้ ละยอมรบั ข้อตกลง กฎ กตกิ าทส่ี ร้างขึน้ รว่ มกนั แลกเปลย่ี นความคดิ เห็นอย่างมีเหตผุ ล
ร่วมตัดสนิ ใจในการแกป้ ญั หา หรือความขัดแยง้ ในสถานการณต์ ่าง ๆ และทำกิจกรรมรว่ มกนั อย่างมมี ารยาท
ในครอบครัว โรงเรยี น และชุมชน เต็มใจเสียสละ ประโยชน์สว่ นตนเพือ่ ส่วนรวมดว้ ยความรสู้ กึ ว่าเป็นสมาชิก
ของครอบครัวชนั้ เรียน และโรงเรียน สนกุ กบั การละเลน่ พืน้ บา้ น และเลา่ ถงึ การแสดงนาฏศิลป์ในท้องถน่ิ ท่ี
ตนเองชนื่ ชอบรกั ษาสิทธิพื้นฐานของตน ไม่ละเมิดสิทธขิ องผูอ้ น่ื ปฏเิ สธเพ่อื ไม่ใหต้ น ถกู รังแก หรอื ละเมดิ สทิ ธิ
เสรภี าพ ท้ังร่างกายจิตใจ ทรัพย์สนิ และ แจง้ ผู้ใหญ่ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง แสดงพฤติกรรมทัง้ ทางกายและวาจาในการ
ยอมรบั ความคดิ ความเชื่อและการปฏบิ ตั ิของบุคคลอืน่ ทีแ่ ตกต่างกนั โดยปราศจากอคติ และการเหมารวม
รวมท้ังไมก่ ลนั่ แกลง้ เพอ่ื น (Bullying) เลอื กใช้ และจดั การเวลาในการใช้สอ่ื สารสนเทศ และดิจทิ ัล อยา่ งรู้เท่า
ทนั
เพอื่ ใหเ้ กิดสมรรถนะหลัก 6 ดา้ น ได้แก่ การจัดการตวั เอง การคิดขัน้ สูง การส่ือสาร การเปน็ พลเมอื ง
ที่เข้มแข็ง และการอยู่ร่วมกบั ธรรมชาติ และวิทยาการอยา่ งย่งั ยืน
บรู ณาการผลลัพธก์ ารเรยี นรู้
สุขศึกษาและพลศึกษา LO1 LO๒ LO๓ LO๔ LO๕
ศิลปะ LO1 LO๒ LO๓ LO๕
สงั คมศกึ ษา LO๗ LO๘ LO๑๑
215
คาอธบิ ายรายวิชาบูรณาการ
กลมุ่ สาระ Healthy Artชัน้ ประถมศึกษาปที ่๓ี
พ๑๓๑๐๑ Healthy Art
เวลาเรียน.....80 ...ช่ัวโมง
รายวิชาHealthy Art เปน็ รายวชิ าบูรณาการทีเ่ กิดจากการบูรณาการร่วมกันระหว่างวิชา สขุ ศกึ ษา
สังคม และศิลปะซ่ึงมุ่งเน้นให้ผู้เรยี น ศกึ ษาความรเู้ กยี่ วกับเรอ่ื งหลักสขุ บญั ญตั แิ ห่งชาตเิ กยี่ วกับการดูแล
สขุ อนามยั ทางเพศ ท้งั ภายในและภายนอก รวมถงึ ข้อมลู ด้านสขุ ภาพ ในชวี ิตประจาวัน เช่น การกนิ การ
พักผ่อนนสิ ัยเกย่ี วกับการดแู ลสุขภาพ และปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมให้เหมาะสมตามวยั ผา่ นการ ฟัง ดู หรืออ่าน
จากส่ือวดี ที ัศนต์ า่ งๆได้ถูกตอ้ ง สมดุล และเหมาะสมตามวัย พดู เพ่ือสอื่ สารข้อเทจ็ จริง ความคิดเห็น เกยี่ วกับ
ความสัมพนั ธ์ของสมาชกิ ในครอบครวั เคารพความแตกต่างและความหลากหลายไดถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมและเปน็
กลางสงั เกต ระมัดระวงั ดแู ลและปอ้ งกันตัวเองจาก ข้อมลู ขา่ วสารทไี่ ดร้ ับรอบตัวเกีย่ วกับ อบุ ัติเหตุ ตา่ ง ๆที่
เกิดจากภัยใกลต้ ัว จากโรงเรียน ชมุ ชนและท้องถิน่ ได้ เหมาะสมตามวยั ทักษะ มสี ติในการเขา้ รว่ มกิจกรรม
สรา้ งเสรมิ สมรรถนะทางกาย ความปลอดภัยในการ เคลอ่ื นไหวอวัยวะทุกส่วนในรปู แบบทั้งทม่ี ีอุปกรณแ์ ละไม่มี
อปุ กรณ์ด้วยความแรง หรือระยะทาง ในโรงเรียนโดยคานงึ ถึงความปลอดภัยรบั รู้ ปฏบิ ัติตามกฎกตกิ าข้อตกลง
เกม การละเลน่ พืน้ เมอื งกิจกรรม เกมกฬี า เช่นโยนบอล โยนห่วง หรอื กฬี าอืน่ ๆในท้องถิน่ โดยมีน้าใจนกั กีฬา
สมั ผัส รบั รู้ มีแรงบนั ดาลใจเกิดความประทบั ใจ อธบิ าย ชน่ื ชมถ่ายทอด และเชอื่ มโยงความงามของสนุ ทรียภาพ
สีสนั รูปรา่ ง รูปทรง พืน้ ผวิ ความอิสระในการถ่ายทอดผา่ นภาพวาด งานปัน้ และคณุ สมบตั ขิ องดินหรือวสั ดุ
อ่ืนๆของงานศิลปะบรเิ วณรอบร้วั โรงเรยี น ในด้าน ทัศนศิลปไ์ ด้ถูกต้องและเหมาะสมตาม-สร้างสรรค์ผลงาน
ถา่ ยทอดจนิ ตนาการและ เชื่อมโยงงานทศั นศิลปท์ ี่เก่ียวกับเรอื่ งราวใกลต้ วั ในชวี ติ ประจำวันองค์ประกอบทาง
ทศั นศลิ ป์ เชน่ เสน้ และรูปร่างสะทอ้ นถงึ ธรรมชาติ สิง่ แวดลอ้ มด้วย ความรู้สกึ อธิบาย เปรียบเทียบเกยี่ วกับ
อารมณข์ องบทเพลงทฟ่ี ัง องค์ประกอบทางดนตรี เครอ่ื งดนตรตี ่างๆทีพ่ บเจอ ในโรงเรยี น ร้องเพลง ขับรอ้ ง
บรรเลงดนตรีที่ใช้ เคาะจังหวะอยา่ งถกู ตอ้ ง สนกุ กับการแสดงทา่ ทางการเคลอ่ื นไหวร่างกาย สร้างสรรค์ทา่ ทาง
เลยี นแบบในลักษณะต่าง ๆใช้ภาษาท่าในการสอื่ ความหมายแทนคำพูด ชน่ื ชอบ การละเลน่ พ้ืนบา้ นนาฏศลิ ป์
ไทย หรอื นาฏศลิ ปป์ ระเทศเพอื่ นบ้าน นาฏศิลป์ในทอ้ งถิน่ ไดเ้ หมาะสมกับวยั ทำกจิ กรรม ปฏบิ ตั ติ นแลกเปลย่ี น
ควำมคดิ เหน็ แกป้ ัญหำหรอื ควำมขดั แยง้ เกย่ี วกบั บทบำทหน้ำท่ี ขอ้ ตกลง กฎ กตกิ ำ สถำนกำรณ์ตำ่ ง ๆ
เกย่ี วกบั ประโยชน์ โทษ ของกำรเปลย่ี นแปลงในกำรรวมกลุ่มเพื่อส่วนรวมในการเป็นสมาชิกของครอบครัว
หอ้ งเรียน โรงเรยี น ชุมชนยอมรบั ดว้ ยควำมควำมรสู้ กึ เตม็ ใจแสดงพฤตกิ รรมเชงิ บวกทั้งทางกาย วาจา และ
ปฏบิ ตั ิตนตามพื้นฐานสิทธิ หนา้ ที่ ของตน สิทธิพื้นฐาน เสรภี าพ ทรพั ยส์ นิ ความหมาย ความสำคัญ หลกั การ
ของสทิ ธิมนษุ ยชน ปัญหาการละเมิด วฒั นธรรม ประเพณี ในห้องเรียน โรงเรยี น ชมุ ชน และท้องถนิ่ ดว้ ยความ
ปราศจากอคติ และการเหมารวม รวมท้ังควบคุม อารมณแ์ ละความรสู้ ึกเลอื กจดั กำร ใชส้ อ่ื สำรสนเทศ และ
ดจิ ทิ ลั เช่น การรู้เท่าทันสื่อแนวทางการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั และมีจรยิ ธรรมการรักษาขอ้ มูล
สว่ นตวั การรับมือการคุกคามทางออนไลน์ลิขสิทธิ์และความเป็นเจ้าของผลงานกฎหมายเกย่ี วกับคอมพิวเตอร์และ
การกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์โดยรบั ผดิ ชอบตอ่ ผลทเ่ี กดิ ขน้ึ ตอ่ ตนเองและผอู้ น่ื
216
โดยใช้สมรรถนะเฉพาะความสามารถในปฏิบตั ติ นตามหลกั สุขบญั ญตั ิแห่งชาตคิ วามสามารถใน
การดูแลสุขภาพตนเองในไดส้ มวยั ความสามารถในการใชข้ อ้ มลู ข่าวสารเพอื่ สรา้ งเสรมิ สุขภาพความสามารใน
การเคลือ่ นไหวอวยั วะทกุ ส่วนได้อยา่ งสัมพนั ธก์ ัน ความสามารถในการเคลอ่ื นไหวหลากหลายรปู แบบ อย่าง
ปลอดภัย ความสามารถในการทากิจกรรมทางกาย เลน่ เกม เลน่ การละเลน่ พน้ื เมือง ออกกาลงั กาย และเลน่
กีฬา อยา่ งปลอดภัย และมีน้าใจ นักกฬี าความสามารถในการรับรู้และเขา้ ใจอารมณ์ ความรู้สกึ ของตนเอง และ
ผูอ้ ่ืน ความสามารถในการส่อื สารอารมณ์ ความรู้สึกของตนเองไดอ้ ย่าง เหมาะสมความสามารถในการแก้ปัญหา
และปรับตัวไดอ้ ยา่ งเหมาะสมตาม ความสามารถในการสร้างสัมพนั ธภาพท่ีดี กบั ผอู้ นื่ ความสามารถในการ
แกป้ ัญหาและปรับตวั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมตาม สถานการณรจู้ ักชน่ื ชมสุนทรยี ภาพ (Art Appreciation) จาก
ธรรมชาติสภาพแวดล้อมใกล้ตวั วฒั นธรรม วถิ ชี ีวติ ประจำวัน รวมถึงผลงาน ศลิ ปะอันเกยี่ วเนอ่ื งกบั คณุ ค่าใน
ชีวิตและการสรา้ งสรรค์ผลงานศิลปะ จากการรบั รู้ทางการมองเห็น การสัมผัส การรับชม การได้ฟงั และการบรู
ณาการขา้ มประสาทสมั ผสั ใช้ศิลปะ เพือ่ การพัฒนาจติ ใจผ่านการทำงานอยา่ งมีสมาธิ สงั เกต เห็น เขา้ ใจและ
รบั ร้สู ุนทรียภาพ ผา่ นความสมั พนั ธข์ องพหปุ ระสาท สมั ผัส กับธรรมชาติ สร้างสรรคง์ านทศั นศิลปท์ ี่ตนเองชื่น
ชอบ หรือรว่ มสรา้ งสรรค์กบั ผูอ้ น่ื ถ่ายทอดจนิ ตนาการจากธรรมชาติ สภาพแวดล้อม เรือ่ งราวใกล้ตัวที่เชื่อมโยง
กบั วถิ ชี วี ติ ประจำวนั ครอบครัว โรงเรยี น ชมุ ชน และจากประสบการณ์ โดยการลองผดิ ลองถกู ดว้ ยวธิ กี ารท่ี
หลากหลายจนค้นพบสง่ิ ใหม่ สนกุ กับการรอ้ งเพลง หรอื บรรเลงดนตรีที่เหมาะกับชว่ งวยั เรยี นรอู้ ารมณ์ของบท
เพลงท่ีฟงั ฟัง อธิบาย เปรียบเทยี บความเหมอื นและความแตกตา่ งของเสยี งที่มาจากธรรมชาติและเคร่ืองดนตรี
ต่าง ๆ รูปแบบการเกิดเสยี ง และอธิบายบทเพลงดว้ ยองคป์ ระกอบดนตรี.ใชร้ ปู ภาพ สญั ลกั ษณ์แทนเสยี ง หรอื
โน้ตเพลง ขบั ร้อง เคาะจังหวะ และบรรเลงดนตรอี ย่างถูกตอ้ ง ดว้ ยความมัน่ ใจ สนุกกับการเคลอื่ นไหวรา่ งกาย
เลียนแบบธรรมชาติ คน สัตว์ ส่ิงของ ในลักษณะต่าง ๆ อยา่ งอสิ ระ สร้างสรรค์และมสี นุ ทรียภาพ ใช้ภาษาทา่
สื่อความหมายแทนคำพดู และแสดงการเคล่อื นไหวรา่ งกายทสี่ ะท้อนอารมณข์ องตนเอง แสดงท่าทางประกอบ
การละเลน่ พ้นื บา้ น นาฏศิลปไ์ ทย หรอื นาฏศิลปป์ ระเทศเพอ่ื นบา้ น ที่เหมาะสมกับวยั ปฏิบตั ิตนตามบทบาท
หนา้ ท่ีทมี่ ีตอ่ ครอบครัว โรงเรยี น และชุมชน ใช้และยอมรบั ข้อตกลง กฎ กติกาท่ีสรา้ งขึ้นรว่ มกัน แลกเปลี่ยน
ความคดิ เหน็ อยา่ งมเี หตุผล รว่ มตัดสนิ ใจในการแก้ปญั หา หรือความขดั แย้งในสถานการณต์ ่าง ๆ และทำ
กจิ กรรมรว่ มกนั อยา่ งมมี ารยาท ในครอบครัว โรงเรียน และชมุ ชน เต็มใจเสียสละ ประโยชนส์ ่วนตนเพ่ือ
สว่ นรวมดว้ ยความรู้สึกวา่ เป็นสมาชกิ ของครอบครวั ชนั้ เรยี น และโรงเรยี น สนกุ กับการละเลน่ พื้นบ้าน และเลา่
ถงึ การแสดงนาฏศิลป์ในท้องถิ่น ท่ตี นเองชื่นชอบ รกั ษาสทิ ธิพ้ืนฐานของตน ไม่ละเมดิ สิทธขิ องผู้อ่นื ปฏเิ สธเพือ่
ไมใ่ ห้ตน ถกู รงั แก หรือละเมดิ สทิ ธเิ สรีภาพ ทง้ั ร่างกายจิตใจ ทรัพย์สินและ แจ้งผูใ้ หญ่ที่เกี่ยวข้อง แสดง
พฤตกิ รรมทงั้ ทางกายและวาจาในการยอมรับความคิด ความเชื่อและการปฏิบตั ิของบุคคลอ่นื ที่แตกต่างกันโดย
ปราศจากอคติ และการเหมารวม รวมทั้งไมก่ ล่นั แกลง้ เพอ่ื น (Bullying) เลอื กใช้ และจัดการเวลาในการใช้สอ่ื
สารสนเทศ และดิจิทัล อย่างรู้เท่าทัน
เพ่อื ใหเ้ กดิ สมรรถนะหลกั 6 ดา้ น ได้แก่ การจัดการตวั เอง การคดิ ข้นั สูง การสอ่ื สาร การเปน็ พลเมืองท่ี
เข้มแขง็ และการอยรู่ ่วมกับธรรมชาติ และวิทยาการอย่างยั่งยืน
217
บรู ณาการผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้
สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา LO1 LO๒ LO๓ LO๔ LO๕
ศิลปะ LO1 LO๒ LO๓ LO๕
สงั คมศกึ ษา LO๗ LO๘ LO๑๑
คำอธิบายรายวชิ าบรู ณาการ
ศ...................สุขภาพดีชีวมี ศี ิลป์ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๔
เวลาเรียน.....160........ช่วั โมง
รายวิชาสขุ ภาพดชี วี ีมศี ิลป์เปน็ รายวชิ าเกยี่ วกบั การบรู ณาการรว่ มกันระหวา่ งวชิ าสขุ ศกึ ษาและพล
ศกึ ษา วชิ าศลิ ปะ วชิ าสังคมศึกษา วิชาการจัดการตนเองและวชิ าเทคโนโลยีดจิ ิทัล ศึกษาความรเู้ ก่ยี วกบั การ
ดแู ลรกั ษาร่างกายวิเคราะห์เคลื่อนไหวรา่ งกาย เล่นกฬี า รบั รู้แลกเปล่ยี น ตดั สนิ ใจ เลือกซ้อื เลือกใช้ ขอ้ มูล
ข่าวสารขอ้ มูลบนฉลาก ผลิตภณั ฑอ์ าหาร ยาสุขภาพ สือ่ โฆษณา เช่น การปฏบิ ัติตนตามหลกั สุขบัญญตั แิ หง่ ชาติ
การบริโภคอาหารและยา การจำแนกอาหาร 5 หมู่ อย่างมเี หตผุ ลหลกี เลย่ี งเข้าใจ สถานการณ์ สถานท่ี
สภาพแวดลอ้ ม บุหร่ี สรุ า สารเสพตดิ การพนนั เช่น ผลเสียของการสูบบุหรี่ และการดื่มสุรา ท่มี ตี ่อสขุ ภาพ
และการป้องกนั ปัจจยั ท่มี ีอิทธิพลตอ่ การใช้สารเสพติด ผลกระทบของการใช้ยา และสารเสพติด ที่มผี ลเสียท่ีมี
ตอ่ รา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ สงั คม และสติปญั ญา ป้องกันหลกี เลีย่ งขอความช่วยเหลอื คำแนะนำแสดง รบั รู้
เกี่ยวกับปัญหา สขุ ภาพการปฐมพยาบาลขอ้ มูลข่าวสาร การปอ้ งกนั โรค การใชย้ า เช่น คำแนะนำเมอ่ื มอี าการ
เจ็บปว่ ย ลักษณะของการมสี ุขภาพดี ของใชแ้ ละของเลน่ ท่ีมผี ลเสียต่อสุขภาพ อาการและวิธีปอ้ งกนั การ
เจ็บป่วย การบาดเจ็บทีอ่ าจเกิดขน้ึ กับพฤตกิ รรมท่ีรบั ผิดชอบ สืบคน้ จับประเดน็ ลำดับเหตุการณ์นำเสนอ
วิธีการ ทำกิจกรรม การกระทำ ปฏบิ ัติ แสดงประวตั ิความเปน็ มา วถิ ีชวี ิตและบุคคลพฒั นาการทาง
ประวตั ศิ าสตรแ์ ละความต่อเนอ่ื งจากอดตี ถึงปัจจบุ ันของจังหวดั ภมู ิภาคท่ีตนอาศยั อยู่หลักฐาน วัฒนธรรมของ
ผูค้ นในแตล่ ะท้องถิน่ สถาบันหลัก และสัญลกั ษณ์ของชาตไิ ทย เชน่ ประวัติความเป็นมา วิถชี วี ิต บุคคลในจงั หวัด
ภมู ิภาคทตี่ นอาศัยอยู่ ประวัติและผลงานของบุคคลสำคญั ทางประวตั ิศาสตรช์ าติไทยท่ีเกีย่ วข้องกับท้องถน่ิ อย่าง
เหน็ คุณค่าและภาคภูมิใจในความเปน็ ทอ้ งถิ่นและความเป็นไทย ดว้ ยความตระหนัก ออกกำลงั กาย เลน่ เกม
เล่นกฬี าไทยปฏิบตั ิ ยอมรบั ปฏิบัติตามกฎ กติกาและข้อตกลง วิเคราะห์ทกั ษะการเล่นเกย่ี วกับกีฬาไทย กีฬา
สากลประเภทบคุ คลและทมี ผู้เลน่ ผู้ดำเนนิ การ ความแตกตา่ งกลวธิ ีการเล่น ตามกฎ กตกิ า ข้อตกลง เช่น กีฬา
ไทย กีฬาสากลประเภทบุคคลและประเภททมี ไดอ้ ย่างละ ๑ ชนดิ กลไกในการเล่นกฬี าดว้ ยความช่ืนชอบ มี
ความสามัคคี มีน้ำ ใจนักกฬี าเหมาะสม ตามวัย แสดงความคิดเหน็ สมั ผัส รบั รู้ อธบิ าย สร้างสรรค์ ผลงานศิลปะ
เช่นทศั นศิลป์ ๒ มิติ ๓ มิติ เชน่ งานส่ือผสม งานวาดภาพระบายสี โดยการสร้างแรงบนั ดาลใจ ช่ืนชม และ
ตั้งใจขับรอ้ ง บรรเลง ใช้ จำแนกเปรยี บเทียบเคร่อื งหมาย สญั ลกั ษณต์ ัวโนต้ เคร่ืองดนตรีไทย ดนตรพี ืน้ บา้ น
ดนตรีสากล เชน่ การเคล่อื นท่ีขึ้น ลง ของทำนองเพลง องค์ประกอบของดนตรี ศพั ท์สงั คตี ในบทเพลง ประโยค
และอารมณ์ของบทเพลงทีฟ่ งั ร้องผ่านการสื่ออารมณ์ เชือ่ มโยง สรา้ งงาน ประยกุ ต์ใชแ้ กป้ ัญหาผลงานศลิ ปะ
218
(ทศั นศิลป์ ดนตรี นาฏศลิ ป์) กบั วัฒนธรรมสงิ่ แวดลอ้ มใกลต้ ัว ชุมชน ทอ้ งถนิ่ เชน่ ความสมั พันธแ์ ละประโยชน์
ของนาฏศิลป์ การละครได้ อย่างอิสระ เพอ่ื นำไปสูก่ ารปฏิบตั ิ ไมก่ ล่นั แกล้ง ปกป้องสทิ ธเิ สรภี าพ ช่วยเหลือ
เกี่ยวกับบทบาทหนา้ ท่ี ระเบียบ กฎ กตกิ า วิถวี ัฒนธรรม ชุมชน ท้องถิ่น เชน่ กติกาในการเรียนหนังสอื รใช้
สถานท่ีสาธารณะ การใช้เวลาว่าง บทบาทสมมตทิ ี่ไกล้เคียงสถานการณืจริงและศึกษานอกสถานท่ี ตามวถิ ี
วัฒนธรรมและท้องถ่นิ ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ชนื่ ชม ทำความดปี กปอ้ งสิทธิเสรภี าพ เคารพ ใหเ้ กยี รติ
และเห็นอกเหน็ ใจผอู้ ื่น รเู้ ท่าทนั จดั การ ใช้สือ่ ประเมิน สร้าง เผยแพร่เก่ียวกับสารสนเทศ ดจิ ิทัล ผลกระทบ
ประโยชน์ เช่น ขอ้ มูลช่วงเลาการใช้ส่ือสารสนเทศดจิ ทิ ัลอย่างต่อเน่อื ง ลกั ษณะของการใช้ส่ือ ด้วยอารมณ์ ความ
ต้องการ ทม่ี มี ารยาท เหน็ อกเหน็ ใจ และใหเ้ กียรติ ดูแล แบ่งเบาภาระ กระตือรอื รน้ มุ่งม่นั วางแผน ลงมอื
คำนงึ วธิ ีทำงาน รูค้ ณุ ค่า เกี่ยวกับสมาชิกในบา้ น ระบบ ทรพั ยากร พลงั งานและเทคโนโลยี สถานะทาง
เศรษฐกิจ ประโยชน์ เช่น บทบาทหนา้ ท่ีความรับผิดชอบ อุปกรณ์ ทรพั ยากรท่ีเลือกใชภ้ ายในและนอกบา้ น การ
จัดหมวดหมู่ ประโยชน์/โทษ อยา่ งเหมาะสม ใช้ ค้นหา ตดิ ตอ่ สอื่ สาร รับฟัง อา่ น ดู จบั ประเด็น มสี ติ ตัดสนิ
ประเมนิ สอ่ื สาร ปกป้องรกั ษา เกย่ี วกบั เทคโนโลยดี ิจทิ ัลขอ้ มลู สถานการณ์แหลง่ ขอ้ มลู มารยาท จริยธรรมไซ
เบอร์
โดยใช้ดแู ลรักษาร่างกาย และ สุขภาพของตนเองให้ทำงาน ตามปกติ เลือกรับประทาน อาหารใหค้ รบ
หมู่ในปรมิ าณ เหมาะสมตามวัย การขบั ถา่ ย ให้เป็นเวลา เคลือ่ นไหว ร่างกาย ออกกำลังกาย เล่น กีฬา พกั ผอ่ น
และนอนหลับ ให้เพียงพอ ทสี่ ่งผลต่อการมี สุขภาพดีและการ เจริญเตบิ โต รวมทงั้ ดู ฟัง อา่ น จบั ประเดน็ สำคัญ
ข้อมลู ข่าวสาร ดา้ นการสร้างเสริมสุขภาพ ข้อมูลบนฉลากโภชนาการ และผลิตภัณฑ์สขุ ภาพ รู้เท่า ทัน และ
ระวงั อนั ตรายจาก สื่อต่าง ๆ รวมถงึ สอื่ สังคม ออนไลน์ ในการตดั สนิ ใจ เลือกซอ้ื และเลอื กใช้อย่างมี เหตผุ ล
หลกี เล่ียงบุคคล สถานการณ์ สถานท่ี สภาพแวดล้อมท่จี ะ นำไปส่กู ารเกย่ี วข้องกับบุหรี่ สุรา สารเสพติด การ
ตดิ เกม และการพนนั โดยวิเคราะห์ ผลเสยี ท่มี ตี อ่ ร่างกาย จติ ใจ อารมณ์สังคม และสติปญั ญา ชกั ชวนใหผ้ อู้ ่ืน
หลกี เลยี่ ง อนั ตรายจาก บุหรี่ สุรา สาร เสพติด การตดิ เกมและการ พนนั ปอ้ งกนั และหลกี เลยี่ งโรค และ
อบุ ัติเหตุที่พบบอ่ ย ในชวี ติ ประจำวัน วิเคราะหป์ ญั หาสขุ ภาพ ของตนเอง ใช้ยา ปฐมพยาบาล ได้อย่างถูกตอ้ ง
และเหมาะสม และตดั สนิ ใจแสดงพฤตกิ รรมท่ีรบั ผิดชอบต่อสุขภาพ ของตนเองและสว่ นรวม ดู ฟัง อ่าน จบั
ประเดน็ สำคัญ ข้อมลู ข่าวสาร รเู้ ท่าทนั และ ระวงั อนั ตรายจากสอ่ื ต่าง ๆ ด้านการป้องกันโรค การใช้ยา และ
การปฐมพยาบาล เพื่อการ ดูแล สบื ค้นคำตอบของเรอ่ื งราว ประวตั ิความเป็นมา วถิ ชี วี ิตและบุคคล จบั ประเด็น
สำคัญ ลำดับเหตุการณ์ที่แสดงพฒั นาการทางประวัตศิ าสตร์และความตอ่ เน่อื ง จากอดตี ถงึ ปัจจุบนั ของจงั หวัด
ภมู ภิ าคท่ตี นอาศยั อยู่ และประเทศ พัฒนาการ สถาบนั กษัตรยิ ก์ บั ชาติไทย นำเสนอเรอ่ื งราวทสี่ ืบค้นโดยแสดง
ข้อมูลและแหลง่ หลักฐานทีเ่ กี่ยวข้องด้วยวิธกี ารท่ีหลากหลาย อย่างเห็นคุณค่าและภาคภูมิใจ และทำกจิ กรรม
ในชวี ติ ประจำวันทแี่ สดงถงึ ความตระหนักของผลการกระทำใน อดีตท่มี ตี ่อปัจจุบนั และผลของการกระทำใน
ปจั จุบันท่มี ีผลตอ่ อนาคต ออกกำลังกาย เลน่ เกม เล่นกฬี าไทย และกีฬาสากลประเภทบคุ คล คแู่ ละ ทมี
สะทอ้ นผลที่เกดิ กบั ตนเองและ ผู้อืน่ จากการปฏิบัติเปน็ ประจำสมำ่ เสมอ ได้อยา่ งเหมาะสมตามวยั เข้าใจและ
ยอมรับความแตกต่างระหว่างบคุ คล ในการเล่นเกมและกีฬาใช้อุปกรณ์และสถานทไี่ ดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง และคุม้ คา่
การแสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกบั ความงามจากการสัมผัส รับรู้ ธรรมชาติ สภาพแวดล้อมและ ผลงานศิลปะ การ
219
อธบิ ายถึงแรงบันดาลใจและ ความชนื่ ชมของตนเองเก่ียวกับ ผลงานทศั นศิลป์ มีสมาธแิ ละมีความต้ังใจในการ
สรา้ งสรรคผ์ ลงาน ศิลปะ อ่านและเขยี นเครื่องหมายสญั ลักษณ์ตัวโน้ตเบื้องตน้ ของดนตรีไทย และดนตรสี ากล
จำแนกแนวเพลงตา่ ง ๆ จากการฟงั และเปรยี บเทียบประเภทของ เคร่ืองดนตรีไทย ดนตรีพื้นบ้าน และดนตรี
สากล จากภาพและเสียง ขับร้อง และบรรเลงเพลงไทยเดิม ไทยสากล เพลงลกู ทุง่ หรือเพลง สากลในแนว
ดนตรีต่าง ๆ ถูกตอ้ งตามจังหวะ ทำนองของเพลง ตรงตามระดบั เสยี ง และสือ่ อารมณ์ของบทเพลง เชื่อมโยง
ผลงานการขบั ร้องกับ วัฒนธรรม ชวี ติ ประจำวันเปน็ ส่อื แสดงความงามได้อย่างอิสระ รวมทัง้ การรว่ มสรา้ งงาน
ศิลปะ ประยกุ ตใ์ ชเ้ พื่อแก้ปัญหา สิง่ แวดล้อมใกล้ตัว ชุมชน ทอ้ งถน่ิ อนุรักษส์ ืบสานเทคนิคครูช่างภูมิ ปัญญา
ไทย การแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกับ ความงามจากการสมั ผัส รบั รู้ ธรรมชาติ สภาพแวดลอ้ มและ ผลงานศลิ ปะ
การอธบิ ายถึงแรงบันดาลใจและ ความชนื่ ชมของตนเองเกย่ี วกับ ผลงานทัศนศิลป์ มีสมาธแิ ละมีความตั้งใจใน
การสร้างสรรค์ผลงาน ศิลปะ อ่านและเขียนเครอ่ื งหมายสญั ลกั ษณ์ตวั โน้ตเบื้องตน้ ของดนตรไี ทย และดนตรี
สากล จำแนกแนวเพลงตา่ ง ๆ จากการฟงั และเปรียบเทียบประเภทของ เครอื่ งดนตรไี ทย ดนตรพี ื้นบา้ น และ
ดนตรีสากล จากภาพและเสียง ขับร้อง และบรรเลงเพลงไทยเดิม ไทยสากล เพลงลูกทุ่ง หรอื เพลง สากลใน
แนวดนตรีต่าง ๆ ถูกต้องตามจงั หวะ ทำนองของเพลง ตรงตามระดบั เสยี ง และสอื่ อารมณข์ องบทเพลง
เชือ่ มโยงผลงานการขับรอ้ งกับ วัฒนธรรม ชวี ิตประจำวนั เป็นสอื่ แสดงความงามไดอ้ ยา่ งอิสระ รวมทงั้ การรว่ ม
สร้างงานศิลปะ ประยุกต์ใช้เพ่อื แกป้ ญั หา สิง่ แวดล้อมใกล้ตัว ชมุ ชน ท้องถน่ิ อนรุ กั ษ์สบื สานเทคนคิ ครชู ่างภมู ิ
ปญั ญาไทย ดูแลบ้านเพ่อื แบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ด้วยความ รับผิดชอบ กระตอื รือร้นและม่งุ มนั่ ในการทำงาน
นำไปสกู่ ารวางแผนและลงมือทำงานอยา่ งเป็น ระบบโดยคำนงึ ถงึ เหตแุ ละผลของวิธที ำงาน แบบตา่ งๆ ใช้
ทรพั ยากร พลังงานและเทคโนโลยี อยา่ งรูค้ ุณค่า พอเพียง เหมาะสมกบั สถานะ ทางเศรษฐกิจ ใหเ้ กิดประโยชน์
และคำนึงถงึ ผลเสยี ตอ่ ตนเองและสว่ นรวม โดยคำนงึ ถงึ ความปลอดภยั และการอยรู่ ว่ มกันด้วยดีเป็นหลัก
เขา้ ถงึ แหลง่ ขอ้ มูล ประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถอื ของแหลง่ ขอ้ มูล ใช้เทคโนโลยีดจิ ิทัลอย่างเหมาะสม ปลอดภยั ระบุ
คำค้นทก่ี ระชบั ตรงประเด็น ในการค้นหาขอ้ มูล ใชเ้ ทคนิคการคน้ หาขนั้ สงู (advanced search) ในการคน้ หา
ข้อมูลท่ีมีความเฉพาะเจาะจง ประเมินความน่าเชื่อถอื ของข้อมูล แยกแยะขอ้ เท็จจริงกับข้อคิดเห็น จับประเดน็
สำคญั ทง้ั เชิงบวกและลบ
เพื่อใหเ้ กิดสมรรถนะหลัก ๖ ดา้ น ได้แก่ การจดั การตนเอง การคิดขัน้ สูง การส่ือสาร การรวม
พลังทำงานเปน็ ทีม การเป็นพลเมืองทเี่ ขม้ แขง็ และการอย่รู ่วมกบั ธรรมชาติ และวิทยาการอยา่ งย่งั ยนื
บูรณาการผลลัพธ์การเรียนรู้
สุขศึกษาและพลศกึ ษา LO๑ LO๓ LO๔ LO๕ LO๖
ศิลปะ LO๑ LO๓ LO๗
สงั คมศึกษา LO๘ LO๑๐
การจัดการในครวั เรือนและผู้ประกอบการ LO๑
เทคโนโลยดี ิจิทัล LO๔
220
คำอธิบายรายวชิ าบรู ณาการ
ศ....................สุขภาพดชี ีวมี ศี ิลป์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๕
เวลาเรียน.......160.........ช่ัวโมง
รายวิชาสุขภาพดีชีวีมีศลิ ปเ์ ปน็ รายวิชาเกีย่ วกบั การบูรณาการรว่ มกนั ระหว่างวิชาสุขศึกษาและพล
ศกึ ษา วชิ าศลิ ปะ วชิ าสังคมศกึ ษา วชิ าการจัดการตนเองและวชิ าเทคโนโลยีดิจทิ ัล ศึกษาความร้เู ก่ียวดูแลรักษา
ร่างกายวเิ คราะห์เคล่ือนไหวร่างกาย เล่นกฬี ารบั รู้ แลกเปลี่ยน ตัดสนิ ใจ เลือกซอื้ เลอื กใช้ ข้อมูลข่าวสารขอ้ มูล
บนฉลาก ผลติ ภัณฑอ์ าหาร ยาสุขภาพ สอื่ โฆษณา เช่นการปฏบิ ัตติ นตามหลักสขุ บญั ญัติแหง่ ชาติ การบรโิ ภค
อาหารและยา การจำแนกอาหาร 5 หมู่ การอ่านฉลากยาหรืออปุ กรณ์เคร่อื งใช้ อยา่ งมเี หตุผลหลกี เลี่ยงเข้าใจ
สถานการณ์ สถานที่ สภาพแวดล้อม บหุ รี่ สุรา สารเสพตดิ การพนัน เช่น ผลเสียของการสูบบหุ ร่ี และการดม่ื
สรุ า ท่ีมีต่อสขุ ภาพและการปอ้ งกัน ปัจจยั ทีม่ อี ิทธิพลตอ่ การใช้สารเสพติด ผลกระทบของการใชย้ า และสารเสพ
ตดิ ทมี่ ีผลตอ่ รา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ สงั คม และสติปัญญา ความปลอดภัยจากการใชย้ าและหลีกเลี่ยงสาร
เสพตดิ ท่ีมผี ลเสียที่มตี อ่ ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ป้องกัน หลกี เล่ยี งขอความช่วยเหลือ
คำแนะนำแสดง รบั รู้เก่ยี วกบั ปัญหาสขุ ภาพ การปฐมพยาบาลข้อมลู ข่าวสาร การปอ้ งกนั โรค การใช้ยาเช่น
คำแนะนำเม่ือมอี าการเจ็บป่วย ลักษณะของการมีสุขภาพดี ของใช้และของเลน่ ทมี่ ีผลเสียต่อสขุ ภาพ อาการ
และวธิ ปี ้องกนั การเจ็บป่วย การบาดเจ็บท่อี าจเกิดขึน้ สภาวะอารมณ์ ความรู้สึกท่มี ีผลตอ่ สขุ ภาพ ปฏบิ ตั ิตนใน
การปอ้ งกันโรคทพ่ี บบ่อยในชวี ติ ประจำวันกับพฤติกรรมท่ีรบั ผิดชอบ สืบคน้ จบั ประเด็นลำดบั เหตกุ ารณ์
นำเสนอ วธิ ีการ ทำกจิ กรรม การกระทำ ปฏิบตั ิ แสดงประวตั คิ วามเปน็ มา วิถีชีวติ และบุคคลพฒั นาการทาง
ประวัตศิ าสตร์และความตอ่ เนอ่ื งจากอดีตถงึ ปัจจบุ ันของจังหวัด ภมู ภิ าคทตี่ นอาศยั อยู่หลกั ฐาน วฒั นธรรมของ
ผู้คนในแตล่ ะทอ้ งถ่นิ สถาบันหลัก และสญั ลกั ษณ์ของชาตไิ ทยเช่น ประวัตคิ วามเป็นมา วิถีชีวติ บุคคลในจงั หวัด
ภมู ภิ าคทตี่ นอาศัยอยู่ ประวตั ิและผลงานของบุคคลสำคญั ทางประวัติศาสตร์ชาติไทยท่ีเกย่ี วขอ้ งกับท้องถิ่น
บทบาทหนา้ ท่ีความเปน็ สมาชกิ ในชุมชน ความแตกต่างทางวัฒนธรรม ข่าวและเหตุการณืที่เกิดขนึ้ ในโลกจริงและ
โลก ออกกำลงั กาย เลน่ เกม เล่นกฬี าไทยปฏบิ ัติ ยอมรับปฏิบตั ิตามกฎ กตกิ าและข้อตกลง วิเคราะหท์ กั ษะการ
เลน่ เกีย่ วกับกีฬาไทย กีฬาสากลประเภทบุคคลและทีม ผูเ้ ล่น ผ้ดู ำเนนิ การ ความแตกตา่ งกลวธิ ีการเล่น ตามกฎ
กติกา ขอ้ ตกลง เชน่ กฬี าไทย กีฬาสากลประเภทบคุ คลและประเภททมี ได้อยา่ งละ ๑ ชนิด กลไกในการเลน่
กีฬา ประโยชนแ์ ละหลกั การออกกำลงั กายเพ่ือสุขภาพ ด้วยความชนื่ ชอบ มีความสามัคคี มนี ำ้ ใจนักกีฬา
เหมาะสม ตามวัย แสดงความคิดเหน็ สัมผัส รบั รู้ อธิบาย สร้างสรรค์ ผลงานศิลปะ เช่นทัศนศิลป์ ๒ มติ ิ ๓ มติ ิ
เช่น งานสอ่ื ผสม งานวาดภาพระบายสี งานปน้ั โดยการสร้างแรงแรงบันดาลใจ ชืน่ ชม และต้ังใจ ขบั ร้องบรรเลง
ใช้ จำแนกเปรยี บเทยี บเครื่องหมาย สญั ลักษณต์ วั โนต้ เครือ่ งดนตรีไทย ดนตรีพน้ื บา้ น ดนตรีสากล เชน่ การ
เคลอ่ื นทีข่ นึ้ ลง ของทำนองเพลง องคป์ ระกอบของดนตรี ศัพทส์ ังคตี ในบทเพลง ประโยค และอารมณข์ องบท
เพลงที่ฟัง รอ้ ง และบรรเลงเครอื่ งดนตรี ด้นสดอยา่ งงา่ ย โนต้ ไทยและสากลในรูปแบบต่างผ่านการส่ืออารมณ์
เช่ือมโยง สร้างงาน ประยุกต์ใช้แกป้ ญั หาผลงานศิลปะ (ทัศนศลิ ป์ ดนตรี นาฏศิลป)์ กับวฒั นธรรมส่ิงแวดล้อม
ใกลต้ วั ชมุ ชน ท้องถิ่น เช่น ความสมั พนั ธแ์ ละประโยชนข์ องนาฏศลิ ป์ การละครได้ อยา่ งอสิ ระ ปฏิบัติ ไมก่ ลั่น
221
แกลง้ ปกป้องสิทธิเสรภี าพ ชว่ ยเหลือเก่ียวกับบทบาทหนา้ ที่ ระเบียบ กฎ กตกิ า วถิ ีวัฒนธรรม ชุมชนทอ้ งถน่ิ
เชน่ กตกิ าในการเรียนหนังสือ รใช้สถานที่สาธารณะ การใชเ้ วลาว่าง บทบาทสมมติท่ีไกล้เคียงสถานการณืจริง
และศึกษานอกสถานที่ ตามวถิ วี ฒั นธรรมและท้องถนิ่ การทำความดีของบุคคลในครอบครวั โรงเรยี นและชุมชน
ดว้ ยความรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม ชืน่ ชม ทำความดปี กปอ้ งสิทธเิ สรีภาพ เคารพ ให้เกียรติและเห็นอกเหน็ ใจผ้อู ่ืน
รเู้ ท่าทนั จัดการ ใชส้ ื่อ ประเมนิ สรา้ ง เผยแพร่เก่ียวกับสารสนเทศ ดิจิทัล ผลกระทบ ประโยชน์เชน่ ข้อมูลช่วง
เลาการใช้สอื่ สารสนเทศดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ลกั ษณะของการใช้สื่อ สื่อสารสนเทศ ส่ือสังคมออนไลน์ ข่าวโฆษณา
และสารสนเทศ เทคนคิ หรอื กลวิธี ในการประกอบสอื่ ด้วยอารมณ์ ความตอ้ งการ ที่มีมารยาท เห็นอกเห็น ใจ
และให้เกยี รติ ดูแล แบง่ เบาภาระ กระตือรือรน้ มุ่งมั่น วางแผน ลงมือ คำนงึ วธิ ที ำงาน รคู้ ุณค่า เก่ียวกับ
สมาชกิ ในบ้าน ระบบทรัพยากร พลังงานและเทคโนโลยี สถานะทาง เศรษฐกิจ ประโยชน์ เช่น บทบาทหน้าท่ี
ความรับผิดชอบ อุปกรณ์ ทรัพยากรท่ีเลือกใช้ภายในและนอกบ้าน การจัดหมวดหมู่ การจัดหมวดหมู่ ประโยชน/์
โทษ การใช้พลังงาน ค่าใช้จ่าย การทำความสะอาดความปลอดภัยในบ้าน อย่างเหมาะสม ใช้ คน้ หา ตดิ ตอ่
ส่ือสาร รับฟงั อา่ น ดู จับประเดน็ มีสติ ตดั สนิ ประเมนิ สอ่ื สาร ปกป้องรกั ษา เกยี่ วกบั เทคโนโลยดี จิ ทิ ัล
ข้อมลู สถานการณ์แหล่งข้อมูลมารยาท จริยธรรมไซเบอร์
โดยใช้ดูแลรกั ษาร่างกาย และ สุขภาพของตนเองให้ทำงาน ตามปกติ เลอื กรับประทาน อาหารใหค้ รบ
หมู่ในปรมิ าณ เหมาะสมตามวยั การขบั ถ่าย ให้เป็นเวลา เคลอ่ื นไหว ร่างกาย ออกกำลังกาย เลน่ กีฬา พักผ่อน
และนอนหลับ ใหเ้ พยี งพอ ทีส่ ่งผลตอ่ การมี สุขภาพดีและการ เจริญเติบโต รวมทง้ั ดู ฟงั อ่าน จบั ประเด็นสำคัญ
ข้อมูลขา่ วสาร ด้านการสร้างเสรมิ สขุ ภาพ ขอ้ มลู บนฉลากโภชนาการ และผลิตภัณฑส์ ขุ ภาพ ร้เู ทา่ ทัน และ
ระวงั อนั ตรายจาก สอื่ ต่าง ๆ รวมถงึ สื่อสังคม ออนไลน์ ในการตดั สินใจ เลือกซอ้ื และเลือกใชอ้ ย่างมี เหตุผล
หลีกเลีย่ งบคุ คล สถานการณ์ สถานที่ สภาพแวดล้อมที่จะ นำไปสู่การเกยี่ วขอ้ งกบั บหุ รี่ สุรา สารเสพติด การ
ติดเกม และการพนัน โดยวิเคราะห์ ผลเสยี ที่มีตอ่ รา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์สังคม และสติปญั ญา ชักชวนให้ผอู้ ื่น
หลีกเลี่ยง อันตรายจาก บหุ ร่ี สุรา สาร เสพติด การติดเกมและการ พนนั ปอ้ งกันและหลกี เลยี่ งโรค และ
อุบตั เิ หตุทีพ่ บบอ่ ย ในชวี ติ ประจำวัน วเิ คราะห์ปญั หาสขุ ภาพ ของตนเอง ใชย้ า ปฐมพยาบาล ได้อย่างถูกตอ้ ง
และเหมาะสม และตัดสินใจแสดงพฤติกรรมทีร่ ับผิดชอบตอ่ สุขภาพ ของตนเองและส่วนรวม ดู ฟัง อ่าน จับ
ประเด็นสำคญั ขอ้ มลู ข่าวสาร รูเ้ ท่าทนั และ ระวงั อันตรายจากสอ่ื ต่าง ๆ ด้านการปอ้ งกันโรค การใช้ยาและการ
ปฐมพยาบาล เพ่ือการ ดูแล สบื คน้ คำตอบของเรอื่ งราว ประวัติความเปน็ มา วถิ ีชวี ิตและบคุ คล จับประเด็น
สำคญั ลำดับเหตุการณ์ท่แี สดงพัฒนาการทางประวตั ิศาสตร์และความตอ่ เนื่อง จากอดีตถึงปัจจบุ ันของจังหวดั
ภมู ิภาคทีต่ นอาศยั อยู่ และประเทศ พฒั นาการ สถาบนั กษัตริย์กบั ชาตไิ ทย นำเสนอเรื่องราวทีส่ ืบค้นโดยแสดง
ขอ้ มูลและแหลง่ หลักฐานทีเ่ กีย่ วข้องดว้ ยวธิ กี ารทหี่ ลากหลาย อย่างเห็นคุณคา่ และภาคภูมิใจ และทำกจิ กรรม
ในชีวิตประจำวันท่แี สดงถงึ ความตระหนกั ของผลการกระทำใน อดีตท่ีมตี อ่ ปัจจบุ ัน และผลของการกระทำใน
ปัจจบุ นั ทม่ี ีผลต่ออนาคต ออกกำลังกาย เล่นเกม เลน่ กีฬาไทย และกฬี าสากลประเภทบคุ คล คู่และ ทีม
สะท้อนผลที่เกดิ กบั ตนเองและ ผอู้ ื่นจากการปฏบิ ัติเปน็ ประจำสมำ่ เสมอ ได้อย่างเหมาะสมตามวยั เขา้ ใจและ
ยอมรับความแตกต่างระหว่างบคุ คล ในการเลน่ เกมและกีฬาใช้อุปกรณแ์ ละสถานที่ได้อย่างถูกตอ้ ง และคมุ้ คา่
การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ความงามจากการสัมผสั รบั รู้ ธรรมชาติ สภาพแวดลอ้ มและ ผลงานศิลปะ การ
222
อธบิ ายถึงแรงบนั ดาลใจและ ความชืน่ ชมของตนเองเกี่ยวกับ ผลงานทัศนศิลป์ มีสมาธิและมคี วามต้ังใจในการ
สร้างสรรคผ์ ลงาน ศลิ ปะ อ่านและเขยี นเคร่ืองหมายสัญลกั ษณ์ตวั โนต้ เบอ้ื งตน้ ของดนตรไี ทย และดนตรีสากล
จำแนกแนวเพลงต่าง ๆ จากการฟงั และเปรียบเทียบประเภทของ เครอ่ื งดนตรไี ทย ดนตรพี ้ืนบา้ น และดนตรี
สากล จากภาพและเสียง ขบั ร้อง และบรรเลงเพลงไทยเดมิ ไทยสากล เพลงลูกทุ่ง หรอื เพลง สากลในแนว
ดนตรีต่าง ๆ ถกู ตอ้ งตามจังหวะ ทำนองของเพลง ตรงตามระดบั เสียง และสอื่ อารมณข์ องบทเพลเช่ือมโยง
ผลงานการขับรอ้ งกับ วัฒนธรรม ชีวติ ประจำวันเปน็ สื่อ แสดงความงามได้อยา่ งอิสระ รวมทงั้ การรว่ มสร้างงาน
ศิลปะ ประยกุ ต์ใช้เพ่ือแก้ปญั หา ส่งิ แวดล้อมใกล้ตัว ชมุ ชน ทอ้ งถ่นิ อนรุ ักษส์ บื สานเทคนคิ ครูชา่ งภมู ิ ปัญญา
ไทย การแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับ ความงามจากการสมั ผสั รบั รู้ ธรรมชาติ สภาพแวดล้อมและ ผลงานศลิ ปะ
การอธบิ ายถงึ แรงบนั ดาลใจและ ความช่นื ชมของตนเองเกยี่ วกับ ผลงานทัศนศิลป์ มีสมาธแิ ละมคี วามตง้ั ใจใน
การสร้างสรรค์ผลงาน ศิลปะ อ่านและเขยี นเครอื่ งหมายสัญลักษณ์ตวั โนต้ เบื้องต้นของดนตรีไทย และดนตรี
สากล จำแนกแนวเพลงต่าง ๆ จากการฟัง และเปรยี บเทียบประเภทของ เคร่อื งดนตรีไทย ดนตรพี น้ื บ้าน และ
ดนตรีสากล จากภาพและเสยี ง ขับรอ้ ง และบรรเลงเพลงไทยเดิม ไทยสากล เพลงลูกทงุ่ หรือเพลง สากลใน
แนวดนตรตี า่ ง ๆ ถูกตอ้ งตามจงั หวะ ทำนองของเพลง ตรงตามระดบั เสียง และส่อื อารมณข์ องบทเพลง
เชอื่ มโยงผลงานการขบั ร้องกับ วฒั นธรรม ชวี ิตประจำวนั เป็นสือ่ แสดงความงามได้อย่างอิสระ รวมทั้งการร่วม
สรา้ งงานศิลปะ ประยกุ ตใ์ ชเ้ พ่ือแกป้ ญั หา สิ่งแวดล้อมใกลต้ วั ชุมชน ท้องถ่นิ อนุรกั ษ์สบื สานเทคนิคครชู ่างภูมิ
ปญั ญาไทย ดแู ลบ้านเพ่ือแบง่ เบาภาระผปู้ กครอง ดว้ ยความ รับผิดชอบ กระตอื รือรน้ และมงุ่ มน่ั ในการทำงาน
นำไปสกู่ ารวางแผนและลงมอื ทำงานอย่างเปน็ ระบบโดยคำนงึ ถงึ เหตุและผลของวิธีทำงาน แบบตา่ งๆ ใช้
ทรพั ยากร พลังงานและเทคโนโลยี อย่างรู้คณุ ค่า พอเพยี ง เหมาะสมกับสถานะ ทางเศรษฐกจิ ใหเ้ กิดประโยชน์
และคำนึงถงึ ผลเสียต่อตนเองและส่วนรวม โดยคำนึงถงึ ความปลอดภัยและการอยู่ร่วมกันดว้ ยดีเป็นหลกั
เขา้ ถึงแหล่งข้อมูล ประเมินความนา่ เชือ่ ถอื ของแหลง่ ข้อมูล ใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ิทัลอย่างเหมาะสมปลอดภยั ระบุ
คำคน้ ทก่ี ระชับ ตรงประเด็น ในการคน้ หาขอ้ มลู ใช้เทคนิคการค้นหาขัน้ สูง (advanced search) ในการคน้ หา
ข้อมูลท่ีมีความเฉพาะเจาะจง ประเมินความน่าเชื่อถอื ของข้อมูล แยกแยะข้อเท็จจริงกบั ข้อคิดเห็น จบั ประเด็น
สำคัญทง้ั เชงิ บวกและลบ
เพอ่ื ให้เกดิ สมรรถนะหลกั ๖ ด้าน ไดแ้ ก่ การจัดการตนเอง การคิดข้นั สงู การสือ่ สาร การรวม
พลังทำงานเปน็ ทีม การเปน็ พลเมืองท่เี ขม้ แข็ง และการอยรู่ ่วมกับธรรมชาติ และวิทยาการอย่างยั่งยนื
บรู ณาการผลลัพธก์ ารเรยี นรู้
สขุ ศึกษาและพลศึกษา LO๑ LO๓ LO๔ LO๕ LO๖
ศิลปะ LO๑ LO๓ LO๗
สงั คมศึกษา LO๘ LO๑๐
การจัดการในครัวเรอื นและผู้ประกอบการ LO๑
เทคโนโลยีดจิ ิทัล LO๔
223
คำอธิบายรายวชิ าบรู ณาการ
ศ...................สขุ ภาพดชี วี ีมศี ิลป์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖
เวลาเรียน..........160 ......ช่ัวโมง
รายวชิ าสุขภาพดีชีวีมศี ิลป์เป็นรายวชิ าบรู ณาการท่ีเกดิ จากการบูรณาการระหว่างวชิ าสขุ ศึกษา วิชา
ศิลปะ วชิ าสงั คม วิชาการจดั การตนเอง วิชาเทคโนโลยีดจิ ิทัล และวชิ าสงั คม ซึ่งเปน็ วิชาที่มุง่ เน้นให้ผู้เรยี น
ศึกษาความรู้เกย่ี วกบั ดูแลรกั ษาร่างกายวิเคราะหเ์ คล่ือนไหวรา่ งกาย เล่นกีฬารบั ร้แู ลกเปลี่ยน ตดั สินใจ เลือกซอ้ื
เลอื กใช้ ขอ้ มูลข่าวสารขอ้ มูลบนฉลาก ผลติ ภณั ฑ์อาหาร ยาสุขภาพ สอื่ โฆษณา เชน่ การปฏิบัตติ นตามหลกั สุข
บัญญตั ิแหง่ ชาติ การบรโิ ภคอาหารและยา การจำแนกอาหาร 5 หมู่ การอา่ นฉลากยาหรอื อปุ กรณเ์ ครื่องใช้ การ
เลือกซื้อของทีม่ ีประโยชน์ ผลดี ผลเสียของการออกกำลังกาย อย่างมีเหตุผล หลีกเล่ยี งเข้าใจสถานการณ์
สถานท่ี สภาพแวดล้อม บุหร่ี สุรา สารเสพติด การพนนั เชน่ ผลเสยี ของการสูบบุหรี่ และการดื่มสุรา ทม่ี ตี ่อ
สุขภาพและการป้องกนั ปัจจยั ท่มี อี ิทธพิ ลตอ่ การใช้สารเสพตดิ ผลกระทบของการใช้ยา และสารเสพตดิ ทีม่ ีผล
ต่อร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ความปลอดภยั จากการใชย้ าและหลีกเลี่ยงสารเสพติด
สาเหตุของการตดิ สารเสพติด และชกั ชวนให้ผู้อ่ืนหลีกเล่ยี งสารเสพติดทม่ี ีผลเสียที่มตี ่อรา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ สงั คม
และสติปญั ญา ป้องกัน หลกี เลี่ยงขอความช่วยเหลือคำแนะนำแสดง รับร้เู กย่ี วกบั ปญั หา สุขภาพการปฐม
พยาบาลขอ้ มูลขา่ วสาร การปอ้ งกนั โรค การใชย้ าเชน่ คำแนะนำเมอ่ื มอี าการเจ็บปว่ ย ลักษณะของการมี
สขุ ภาพดี ของใช้และของเลน่ ทมี่ ีผลเสียต่อสุขภาพ อาการและวธิ ปี ้องกันการเจ็บป่วย การบาดเจ็บท่ีอาจเกิดขนึ้
สภาวะอารมณ์ ความรสู้ ึกท่มี ีผลตอ่ สขุ ภาพ ปฏิบัติตนในการปอ้ งกนั โรคที่พบบ่อยในชวี ิตประจำวนั การป้องกัน
และแกไ้ ขปัญหาสงิ่ แวดลอ้ มทีม่ ีผลตอ่ สขุ ภาพกบั พฤตกิ รรมท่รี ับผิดชอบ สืบค้น จับประเดน็ ลำดับเหตุการณ์
นำเสนอ วิธกี าร ทำกิจกรรม การกระทำ ปฏิบตั ิ แสดงประวตั ิความเป็นมา วถิ ชี วี ิตและบคุ คลพัฒนาการ
ทางประวตั ิศาสตรแ์ ละความตอ่ เนอื่ งจากอดตี ถึงปจั จุบันของจงั หวดั ภมู ิภาคทตี่ นอาศยั อยูห่ ลักฐาน วัฒนธรรม
ของผคู้ นในแต่ละท้องถนิ่ สถาบันหลัก และสัญลกั ษณข์ องชาตไิ ทยเช่น ประวัติความเป็นมา วถิ ชี ีวิต บคุ คลใน
จงั หวัด ภูมิภาคที่ตนอาศยั อยู่ ประวัติและผลงานของบุคคลสำคัญทางประวตั ิศาสตร์ชาตไิ ทยทเ่ี ก่ียวข้องกบั
ทอ้ งถ่นิ บทบาทหนา้ ที่ความเปน็ สมาชิกในชุมชน ความแตกต่างทางวฒั นธรรม ข่าวและเหตกุ ารณืท่ีเกิดขนึ้ ใน
โลกจริงและโลกเสมอื น มรดกทางภมู ปิ ัญญา วันสำคญั ที่เก่ียวกับชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์ สถาบันหลกั
และสญั ลักษณ์ของชาติไทย อย่างเหน็ คุณค่าและภาคภูมิใจในความเปน็ ทอ้ งถิน่ และความเป็นไทย ด้วยความ
ตระหนกั ออกกำลังกาย เลน่ เกม เลน่ กีฬาไทยปฏิบัติ ยอมรบั ปฏิบตั ติ ามกฎ กตกิ าและขอ้ ตกลง วเิ คราะห์ทักษะ
การเลน่ เกีย่ วกบั กีฬาไทย กฬี าสากลประเภทบคุ คลและทมี ผเู้ ลน่ ผดู้ ำเนนิ การ ความแตกตา่ งกลวธิ ีการเล่น
ตามกฎ กติกาข้อตกลง เชน่ กีฬาไทย กีฬาสากลประเภทบคุ คลและประเภททีมไดอ้ ยา่ งละ ๑ ชนดิ กลไกใน
การเลน่ กฬี า ประโยชน์และหลักการออกกำลงั กายเพื่อสุขภาพ สมรรถภาพทางกาย การสร้างเสริมบุคลิกภาพ
กฎ กตกิ า ตามชนดิ กีฬาที่เล่น แสดงความคิดเห็นสัมผัส รับรู้ อธิบาย สรา้ งสรรค์ ผลงานศลิ ปะ เช่นทัศนศิลป์
๒ มิติ ๓ มติ ิ เช่น งานสอื่ ผสม งานวาดภาพระบายสี งานปนั้ งานพิมพภ์ าพโดยการสร้างแรงแรงบนั ดาลใจ ชน่ื
ชม และตงั้ ใจ ขบั ร้อง บรรเลง ใช้ จำแนกเปรยี บเทยี บเครือ่ งหมาย สัญลกั ษณต์ ัวโน้ต เครอื่ งดนตรไี ทย ดนตรี
พน้ื บา้ น ดนตรสี ากล เชน่ การเคลื่อนทีข่ ึน้ ลง ของทำนองเพลง องคป์ ระกอบของดนตรี ศัพท์สงั คีตในบทเพลง
224
ประโยค และอารมณ์ของบทเพลงทีฟ่ งั ร้อง และบรรเลงเครือ่ งดนตรี ดน้ สดอย่างง่าย โนต้ ไทยและสากลใน
รปู แบบต่าง ๆ รู้ลักษณะของผทู้ ่ีจะเลน่ ดนตรีไดด้ ี องค์ประกอบดนตรี ความรู้สกึ ของบทเพลงท่ฟี ัง ดนตรี
ประกอบกิจกรรมทางนาฏศลิ ป์ผ่านการสื่ออารมณ์ เช่ือมโยง สรา้ งงาน ประยุกตใ์ ชแ้ ก้ปญั หาผลงานศิลปะ
(ทัศนศิลป์ ดนตรี นาฏศิลป์) กับวฒั นธรรมสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว ชมุ ชน ท้องถิ่น เชน่ ความสัมพนั ธแ์ ละประโยชน์
ของนาฏศิลป์ การละครได้ อย่างอิสระ ปฏิบตั ิ ไม่กล่นั แกล้ง ปกปอ้ งสทิ ธิเสรีภาพ ชว่ ยเหลือเก่ยี วกับบทบาท
หนา้ ท่ี ระเบียบ กฎ กติกา วิถีวฒั นธรรม ชมุ ชน ท้องถ่ิน เชน่ กติกาในการเรยี นหนังสอื รใช้สถานท่ีสาธารณะ
การใช้เวลาว่าง บทบาทสมมติทไ่ี กล้เคยี งสถานการณืจรงิ และศึกษานอกสถานท่ี ตามวิถวี ัฒนธรรมและท้องถิ่น
การทำความดีของบุคคลในครอบครัว โรงเรียนและชมุ ชน ข่าวและเหตุการณืที่ละเมิดสิทธิเด็กในสังคมไทย
แนวโน้มที่จะตกเปน็ เหยอ่ื การอยู่รว่ มกนั อย่างสันตกิ บั เพ่อื นและบุคคลอน่ื ในสังคมดว้ ยความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม
ชื่นชม ทำความดีปกปอ้ งสทิ ธิเสรภี าพ เคารพ ใหเ้ กยี รติและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ร้เู ท่าทัน จัดการ ใช้สือ่ ประเมิน
สรา้ ง เผยแพร่เกี่ยวกับสารสนเทศ ดิจิทลั ผลกระทบ ประโยชน์เชน่ ข้อมูลชว่ งเลาการใชส้ ื่อสารสนเทศดจิ ิทัล
อย่างต่อเน่ือง ลักษณะของการใช้สื่อ ส่ือสารสนเทศ ส่ือสังคมออนไลน์ ข่าวโฆษณา และสารสนเทศ เทคนิคหรอื
กลวิธี ในการประกอบส่ือ วัตถุประสงค์ของสื่อ การรณรงคก์ ารเชิญชวนด้วยอารมณ์ ความต้องการ ที่มมี ารยาท
เหน็ อกเหน็ ใจ และใหเ้ กยี รติ ดูแล แบ่งเบาภาระ กระตือรอื ร้น มุ่งมนั่ วางแผน ลงมือ คำนึง วิธีทำงาน ร้คู ุณค่า
เก่ียวกับสมาชิกในบ้าน ระบบทรพั ยากร พลงั งานและเทคโนโลยี สถานะทาง เศรษฐกิจ ประโยชน์ เชน่
บทบาทหน้าท่ีความรับผิดชอบ อุปกรณ์ ทรพั ยากรทเ่ี ลอื กใช้ภายในและนอกบ้าน การจัดหมวดหมู่ การจัด
หมวดหมู่ ประโยชน์/โทษ การใช้พลงั งาน คา่ ใชจ้ ่าย การทำความสะอาดความปลอดภัยในบ้าน กิจกรรมที่ทำ
ร่วมกนั บริบทและกาละเทศะอย่างเหมาะสม ใช้ ค้นหา ติดตอ่ ส่อื สาร รบั ฟัง อา่ น ดู จับประเดน็ มีสติ
ตัดสิน ประเมนิ สอ่ื สาร ปกป้องรักษา เกย่ี วกบั เทคโนโลยีดจิ ิทัลขอ้ มูล สถานการณ์แหลง่ ขอ้ มลู มารยาท
จรยิ ธรรมไซเบอร์
โดยใช้ดูแลรกั ษาร่างกาย และ สุขภาพของตนเองใหท้ ำงาน ตามปกติ เลือกรับประทาน อาหารให้
ครบหมใู่ นปรมิ าณ เหมาะสมตามวัย การขับถา่ ย ใหเ้ ปน็ เวลา เคลื่อนไหว รา่ งกาย ออกกำลงั กาย เล่น กฬี า
พกั ผ่อน และนอนหลบั ให้เพยี งพอ ทีส่ ่งผลตอ่ การมี สขุ ภาพดีและการ เจรญิ เตบิ โต รวมท้ังดู ฟงั อา่ น จบั
ประเดน็ สำคญั ข้อมลู ข่าวสาร ด้านการสร้างเสรมิ สุขภาพ ข้อมูลบนฉลากโภชนาการ และผลิตภัณฑ์สุขภาพ
รูเ้ ท่า ทัน และระวังอนั ตรายจาก ส่อื ต่าง ๆ รวมถึงส่อื สังคม ออนไลน์ ในการตัดสนิ ใจ เลอื กซ้ือ และเลือกใช้
อยา่ งมี เหตผุ ล หลีกเล่ียงบคุ คล สถานการณ์ สถานท่ี สภาพแวดล้อมท่ีจะ นำไปสกู่ ารเกี่ยวข้องกบั บุหร่ี สรุ า
สารเสพติด การตดิ เกม และการพนัน โดยวิเคราะห์ ผลเสยี ท่ีมตี อ่ ร่างกาย จติ ใจ อารมณ์สังคม และสติปญั ญา
ชกั ชวนใหผ้ อู้ น่ื หลกี เลย่ี ง อนั ตรายจาก บุหรี่ สุรา สาร เสพตดิ การติดเกมและการ พนนั ป้องกันและหลกี เลยี่ ง
โรค และอบุ ัตเิ หตุที่พบบอ่ ย ในชีวติ ประจ าวนั วเิ คราะห์ปัญหาสขุ ภาพ ของตนเอง ใช้ยา ปฐมพยาบาล ไดอ้ ย่าง
ถกู ต้องและเหมาะสม และตัดสินใจแสดงพฤตกิ รรมทร่ี บั ผดิ ชอบต่อสุขภาพ ของตนเองและส่วนรวม ดู ฟงั อา่ น
จบั ประเดน็ สำคญั ขอ้ มูลขา่ วสาร ร้เู ท่าทนั และ ระวงั อนั ตรายจากสอ่ื ต่าง ๆ ด้านการป้องกนั โรค การใช้ยา และ
การปฐมพยาบาล เพอื่ การ ดูแลสืบคน้ คำตอบของเรือ่ งราว ประวัติความเปน็ มา วิถีชีวิตและบคุ คล จับประเดน็
สำคญั ลำดับเหตกุ ารณ์ทแี่ สดงพัฒนาการทางประวัตศิ าสตรแ์ ละความตอ่ เนื่อง จากอดีตถงึ ปัจจบุ ันของจังหวัด
225
ภูมิภาคที่ตนอาศัยอยู่ และประเทศ พฒั นาการ สถาบันกษตั ริยก์ บั ชาตไิ ทย นำเสนอเรื่องราวที่สืบค้นโดยแสดง
ข้อมูลและแหลง่ หลกั ฐานที่เกี่ยวข้องดว้ ยวิธีการที่หลากหลายอยา่ งเห็นคณุ ค่าและภาคภูมใิ จ และทำกิจกรรมใน
ชวี ติ ประจำวนั ท่แี สดงถึงความตระหนักของผลการกระทำใน อดีตท่มี ีต่อปัจจบุ ัน และผลของการกระทำใน
ปจั จบุ ันทมี่ ีผลต่ออนาคตออกกำลังกาย เลน่ เกม เล่นกีฬาไทย และกีฬาสากลประเภทบคุ คล ค่แู ละ ทมี สะทอ้ น
ผลท่ีเกดิ กับตนเองและ ผ้อู นื่ จากการปฏบิ ตั เิ ป็นประจำสม่ำเสมอ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมตามวยั เข้าใจและ ยอมรบั
ความแตกตา่ งระหว่างบุคคล ในการเล่นเกมและกฬี าใชอ้ ุปกรณ์และสถานทไี่ ดอ้ ย่างถูกตอ้ ง และคุ้มค่าการแสดง
ความคิดเห็นเกี่ยวกับ ความงามจากการสมั ผัส รับรู้ ธรรมชาติ สภาพแวดลอ้ มและ ผลงานศิลปะการอธิบายถงึ
แรงบนั ดาลใจและ ความชื่นชมของตนเองเกี่ยวกบั ผลงานทัศนศิลป์ มีสมาธแิ ละมคี วามต้งั ใจในการสรา้ งสรรค์
ผลงาน ศิลปะอา่ นและเขียนเครอ่ื งหมายสญั ลกั ษณ์ตัวโน้ตเบอ้ื งต้นของดนตรไี ทย และดนตรีสากลจำแนกแนว
เพลงตา่ ง ๆ จากการฟัง และเปรียบเทียบประเภทของ เครื่องดนตรไี ทย ดนตรพี น้ื บา้ น และดนตรีสากล จาก
ภาพและเสยี ง ขับรอ้ ง และบรรเลงเพลงไทยเดมิ ไทยสากล เพลงลกู ทุ่ง หรือเพลง สากลในแนวดนตรตี ่าง ๆ
ถกู ตอ้ งตามจังหวะ ทำนองของเพลง ตรงตามระดบั เสียง และสอื่ อารมณข์ องบทเพลง
เชือ่ มโยงผลงานการขบั ร้องกับ วฒั นธรรม ชีวิตประจำวนั เป็นสื่อ แสดงความงามได้อยา่ งอิสระ รวมทง้ั การรว่ ม
สรา้ งงานศิลปะประยุกตใ์ ชเ้ พ่ือแกป้ ญั หา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว ชมุ ชน ทอ้ งถิ่น อนรุ กั ษส์ ืบสานเทคนคิ ครชู า่ งภมู ิ
ปญั ญาไทยการแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั ความงามจากการสัมผัส รบั รู้ ธรรมชาติ สภาพแวดลอ้ มและ ผลงาน
ศิลปะการอธบิ ายถึงแรงบนั ดาลใจและ ความชืน่ ชมของตนเองเกี่ยวกับ ผลงานทศั นศลิ ป์ มสี มาธิและมคี วาม
ต้งั ใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ศลิ ปะอ่านและเขยี นเคร่ืองหมายสัญลกั ษณต์ ัวโนต้ เบ้ืองตน้ ของดนตรีไทย และ
ดนตรีสากลจำแนกแนวเพลงต่าง ๆ จากการฟัง และเปรียบเทยี บประเภทของ เคร่อื งดนตรไี ทย ดนตรีพื้นบา้ น
และดนตรีสากล จากภาพและเสียง ขับรอ้ ง และบรรเลงเพลงไทยเดมิ ไทยสากล เพลงลกู ทุง่ หรอื เพลง สากล
ในแนวดนตรตี ่าง ๆ ถูกต้องตามจงั หวะ ทำนองของเพลง ตรงตามระดบั เสยี ง และส่อื อารมณ์ของบทเพลง
เช่ือมโยงผลงานการขับร้องกับ วัฒนธรรม ชีวิตประจำวนั เปน็ สื่อ แสดงความงามได้อย่างอิสระ รวมทง้ั การรว่ ม
สร้างงานศลิ ปะประยกุ ตใ์ ชเ้ พ่อื แกป้ ญั หา สิ่งแวดล้อมใกลต้ วั ชมุ ชน ทอ้ งถน่ิ อนุรักษ์สืบสานเทคนคิ ครชู า่ งภมู ิ
ปัญญาไทยดูแลบา้ นเพอ่ื แบง่ เบาภาระผปู้ กครอง ดว้ ยความ รับผิดชอบ กระตือรอื รน้ และมุ่งมนั่ ในการทำงาน
นำไปสกู่ ารวางแผนและลงมือทำงานอยา่ งเป็น ระบบโดยคำนงึ ถึงเหตแุ ละผลของวิธีทำงาน แบบตา่ งๆ ใช้
ทรัพยากร พลงั งานและเทคโนโลยี อยา่ งรคู้ ณุ ค่า พอเพียง เหมาะสมกับสถานะ ทางเศรษฐกจิ ให้เกิดประโยชน์
และคำนงึ ถึง ผลเสียต่อตนเองและสว่ นรวม โดยคำนึงถึง ความปลอดภัยและการอยรู่ ว่ มกนั ด้วยดเี ป็นหลัก
เขา้ ถึงแหลง่ ขอ้ มูล ประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถอื ของแหลง่ ขอ้ มูลใช้เทคโนโลยดี ิจิทัลอย่างเหมาะสม ปลอดภยั
ระบคุ ำค้นท่กี ระชับ ตรงประเดน็ ในการคน้ หาข้อมลู ใชเ้ ทคนคิ การค้นหาข้นั สูง (advanced search) ในการ
ค้นหา ขอ้ มลู ท่ีมคี วามเฉพาะเจาะจงประเมินความนา่ เช่ือถอื ของขอ้ มูล แยกแยะขอ้ เท็จจรงิ กบั ขอ้ คดิ เห็น จับ
ประเดน็ สำคัญทงั้ เชิงบวกและลบ
เพอ่ื ให้เกดิ สมรรถนะหลัก ๖ ด้าน ได้แก่ การจัดการตนเอง การคดิ ข้นั สงู การสื่อสาร การรวม
พลงั ทำงานเปน็ ทีม การเป็นพลเมอื งทเ่ี ขม้ แขง็ และการอยรู่ ่วมกับธรรมชาติ และวทิ ยาการอย่างยงั่ ยนื
บูรณาการผลลพั ธ์การเรียนรู้
226
สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา LO๑ LO๓ LO๔ LO๕ LO๖
ศิลปะ LO๑ LO๓ LO๗
สังคมศึกษา LO๘ LO๑๐
การจัดการในครวั เรือนและผู้ประกอบการ LO๑
เทคโนโลยดี ิจิทัล LO๔
227
10. แนวทางการบริหารจดั การหลักสตู ร
หลักสูตรสถานศึกษาคือ กลไกหลักในการขับเคล่ือนและดำเนินการจัดการศึกษาให้บรรลุผล
ตามเป้าหมายและจุดเน้นของสถานศึกษา ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาจึงต้องมีการวางระบบการสร้าง
ความรู้ความเข้าใจให้บุคลากรในระบบนิเวศทางการศึกษาให้สามารถเข้าถึงและเข้าใจความสำคัญ พร้อมท้ัง
มีส่วนร่วมในขั้นตอนตา่ ง ๆ อย่างเหมาะสม มีการเตรียมความพร้อม วางแผนและศึกษาข้อมูลบริบทรอบด้าน
อย่างครอบคลุมชัดเจน สร้างเครือข่ายความร่วมมือจากภาคส่วนที่สำคัญ รวมทั้งอาจจัดให้มีการรับฟัง
ความคิดเห็นจากผู้เรียน ผู้ปกครอง ครูและบุคลากรทางการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ผู้แทน
ภาคเอกชน และผู้แทนภาคประชาสังคมในพ้ืนท่ีนวัตกรรมการศึกษา และเตรียมพร้อมสำหรับการติดตาม
และประเมินผลการพฒั นาคุณภาพของผเู้ รียน
หลักสูตรโรงเรียนวัดหน้าเมือง พุทธศักราช 2565 ตาม(ร่าง)กรอบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น
พื้นฐานพุทธศักราช.... ระดับประถมศึกษา เป็นหลักสูตรที่ใช้บริบทจดั การเรียนการสอนเพ่ือพัฒนาสมรรถนะ
ของผู้เรียน ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ของชุมชน สังคม ประเทศไทย และโลก โรงเรียนได้
ดำเนนิ การตามขนั้ ตอนการจัดทำหลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะ ดังแสดงในแผนภาพต่อไปนี้
พัฒนา 1. เตรียมความพร้อม 228
บุคลากร ในการจดั ทำหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ บริหารจดั การ
- ระบบ
วิธกี าร หลกั สูตร
- ชุดความรู้ - จัดระบบ
กลไก
ความ ข้อมลู แนวคิด (ร่าง) การบริหาร
พร้อม บรบิ ท สำคญั กรอบ สถานศกึ ษา
ของ - บริหาร
บุคลากร หลกั สตู รฯ จัดการ
หลักสูตร
- ประกนั
คณุ ภาพ
ภายใน
2. ร่างหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ
และตรวจสอบคณุ ภาพหลักสูตร
- ร่างหลกั สูตรตามองค์ประกอบที่กำหนด
- ตรวจสอบความถูกต้อง เหมาะสม ของหลักสตู ร
- ตรวจสอบเพ่ือใหก้ ารรับรอง
3. นำหลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะไปใช้
และปรับปรุง
- สร้างความเข้าใจ และวางระบบการนำหลักสูตรไปใช้
- ออกแบบโครงสร้างรายวชิ า รายวชิ า/ กิจกรรม
หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรียนรู้
- จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ และปรบั ปรงุ
4. ประเมินหลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะ
- เก็บรวบรวมข้อมูลการใช้หลักสตู ร
- ประเมนิ ผลการใช้หลกั สูตร
- ปรบั ปรงุ หลักสูตรใหส้ มบูรณ์
แผนภาพแสดงการจัดทำและใชห้ ลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะ
229
การจัดทำและใช้หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะให้มีประสิทธิภาพ มีรายละเอียดของการดำเนินการ
ในแต่ละขั้นตอน ดังนี้
ขน้ั ตอนท่ี 1 เตรยี มความพร้อมในการจดั ทำหลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะ
1) แต่งต้ังคณะกรรมการ
แต่งต้ังคณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรสถานศกึ ษา โดยแต่งตั้งคณะบุคคลท่ีมีหน้าท่ีรับผิดชอบ
การดำเนินการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะจากภาคส่วนต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ซ่ึงเป็นผู้ที่ยอมรับ
ในหลกั การของหลักสตู รฐานสมรรถนะและพรอ้ มเปลี่ยนแปลง
2) จดั ทำข้อมลู ความต้องการจำเปน็ ตามบรบิ ทของสถานศึกษา ชมุ ชน ท้องถิ่น และสถานการณ์
ปจั จุบนั
จัดทำข้อมูลความต้องการจำเป็นของผู้เรียนแต่ละระดับ และจุดเน้นตามบริบทของ
สถานศึกษา ชุมชนและท้องถ่ิน เนื่องจากหลักสูตรฐานสมรรถนะให้ความสำคัญกับการพัฒนาให้ผู้เรียนนำ
สงิ่ ทไี่ ดเ้ รียนรู้ไปใช้ได้จริงในการดำเนินชีวิต บริบทของสถานศึกษาจึงเก่ียวข้องโดยตรงกับผู้เรยี น ท้ังส่วนท่ีเป็น
สถานการณ์ หรือปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือการใช้ชีวิตในอนาคตของผู้เรียน รวมท้ังสถานการณ์ของ
ประเทศและโลกปจั จุบนั ทีบ่ ง่ บอกถึงสมรรถนะที่ผูเ้ รียนต้องมีเพื่อการใช้ชวี ิตในอนาคต
3) ศกึ ษาการจัดการศกึ ษาฐานสมรรถนะ
ศึกษาการจัดการศึกษาฐานสมรรถนะ ซ่ึงประกอบดว้ ย 1) หลักสตู รฐานสมรรถนะ 2) การจัด
การเรียนรู้ฐานสมรรถนะ และ 3) การวัดและประเมินผลฐานสมรรถนะ ซ่ึงองค์ประกอบทั้ง 3 องค์ประกอบ
มีความสอดคล้องและสัมพันธ์กันตลอดแนว เพ่ือทำความเข้าใจในหลักการของหลักสูตรฐานสมรรถนะ
อนั จะนำมาส่กู ารจดั ทำหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ
4) ศึกษาหลักสูตรโรงเรียนวัดหน้าเมือง พุทธศักราช 2565 ตาม(ร่าง)กรอบหลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐานพุทธศกั ราช.... ระดบั ประถมศกึ ษา
ศกึ ษา หลักสูตรโรงเรียนวัดหน้าเมือง พุทธศักราช 2565 ตาม(ร่าง)กรอบหลกั สูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช.... ระดับประถมศึกษา ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ วิสัยทัศน์ หลักการ
จดุ หมาย คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะหลกั 6 ดา้ น และกลุม่ สาระการเรยี นรู้
ข้ันตอนที่ 2 ร่างหลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะ และตรวจสอบคณุ ภาพหลักสตู ร
1) จัดทำ หลักสูตรโรงเรียนวัดหน้าเมือง พุทธศักราช 2565 ตาม(รา่ ง)กรอบหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพ้ืนฐานพุทธศักราช.... ระดับประถมศกึ ษา และรายละเอยี ดของหลักสูตร ไดแ้ ก่ วสิ ัยทัศน์ พนั ธกิจ
สมรรถนะหลัก คุณลักษณะอันพึงประสงค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา คำอธิบาย
รายวิชา/ กิจกรรม การวัดและประเมินผลและเกณฑ์การจบการศึกษา พร้อมทั้งจัดทำเอกสารระเบียบการวัด
และประเมนิ ผล ให้ตรงตามเปา้ หมายของ (รา่ ง) กรอบหลกั สูตรฯ ที่กำหนด ตามขัน้ ตอนตอ่ ไปนี้
1.1) วิเคราะห์เชื่อมโยงผลลัพธก์ ารเรยี นรขู้ อง หลักสตู รฐานสมรรนะโรงเรียนวัดหน้าเมือง กับ
บริบทของสถานศึกษาท่ีดำเนินการไว้ข้ันตอนที่ 1 เพ่ือปรับ หรือเพิ่มเติมผลลัพธ์การเรียนรู้ ให้สอดคล้องกับ
สภาพบรบิ ท จดุ เน้น ความพร้อม และความต้องการของสถานศกึ ษา และความถนัด ความสามารถ ความสนใจ
และความต้องการของผู้เรยี น
1.2) กำหนดโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ โดยศึกษากรอบโครงสร้างเวลาเรียน
ของหลักสูตรฐานสมรรนะโรงเรียนวัดหน้าเมือง สมรรถนะหลัก และผลลัพธ์การเรียนรู้ ตามกลุ่มสาระการ
เรียนรู้ แลว้ พิจารณาจดั ทำรายวิชา และเวลาเรียน ใหส้ อดคลอ้ งกบั บริบทและจุดเน้นของสถานศึกษา
230
หลกั สตู รโรงเรยี นวดั หนา้ เมอื ง พุทธศกั ราช 2565 ตาม(รา่ ง)กรอบหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขน้ั พื้นฐานพทุ ธศกั ราช.... ระดับประถมศกึ ษา ไดก้ ำหนดแนวการจัดโครงสร้างเวลาเรยี นของ
สถานศึกษา ในลักษณะการกำหนดชว่ งเวลาท่ียืดหยุ่น เพ่ือใหส้ ถานศึกษาไดพ้ จิ ารณากำหนดโครงสรา้ งเวลาใน
การจัดการเรียนรทู้ ่ีเอื้อต่อการพฒั นาผู้เรียนให้บรรลุสมรรถนะตามกรอบหลกั สูตรฯ และตามผลการวิเคราะห์
บริบทและจุดเนน้ ของสถานศกึ ษา สถานศกึ ษาพิจารณาและดำเนนิ การจัดโครงสร้างหลกั สูตรสถานศกึ ษา โดยมี
หลกั การ ดังน้ี
1. ยดึ สมรรถนะหลกั และผลการวิเคราะห์บริบทและจดุ เน้นของสถานศกึ ษาเป็นเป้าหมาย
ของการพฒั นาผูเ้ รยี นและการจดั เวลาในการเรยี นรู้
2. พัฒนาผู้เรียนตามความสามารถ ความต้องการ ความสนใจและเส้นทางการเรียนรู้
ของผู้เรยี น
3. ยดื หยุน่ ตามบรบิ ทและระบบนเิ วศทางการศึกษา (Ecosystem) ของแตล่ ะโรงเรยี น
4. บูรณาการการจัดการเรยี นรู้ ทัง้ ภายในกลมุ่ สาระการเรียนรู้และข้ามกลุ่มสาระการเรียนรู้
5. พัฒนาคุณภาพผเู้ รยี นตามจดุ เนน้ ของช่วงวยั และจดุ เนน้ การจดั การศึกษา
1.3) กำหนดผลลัพธ์การเรียนรู้ของรายวิชา การกำหนดผลลัพธ์การเรียนรู้ของรายวิชา
กำหนดจากข้อมูล
- ความตอ้ งการจำเป็นของผู้เรียนในช้นั ปี/ รายภาค
- จุดเน้นตามบริบทของสถานศึกษาท่ไี ด้จัดทำในข้ันตอนที่ 1
- คำบรรยายพฤตกิ รรมระดบั การพฒั นาของสมรรถนะหลักทีเ่ กย่ี วข้อง
- ผลลพั ธ์การเรียนรู้ช่วงชั้นของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ทเี่ กยี่ วข้อง
ผลลัพธ์การเรียนรู้รายวิชา เป็นความคาดหวังว่าผู้เรียนจะกระทำได้ โดยระบุสมรรถนะหลัก
ทเี่ ก่ยี วข้อง สมรรถนะเฉพาะ (ความรู้ ทกั ษะ และคณุ ลักษณะท่ีเช่ือมโยงกัน) และสถานการณ์
การบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้เมื่อจบช่วงช้ัน กำหนดให้ผู้เรียนใช้เวลาเรียนภายใน ๓ ปี
ซึ่งสถานศึกษาสามารถจะกำหนดผลลัพธ์การเรียนรู้แต่ละปี/ รายภาค ไต่ลำดับจากง่ายไปยาก หรือผลลัพธ์
การเรียนรู้เหมือนกันในแต่ละปี แต่มีความเข้มข้นของสมรรถนะเฉพาะ ระดับการพัฒนาสมรรถนะหลัก และ
สถานการณ์ทีห่ ลากหลายและซับซอ้ นมากข้ึน
1.4) จดั ทำคำอธบิ ายรายวชิ า
จัดทำคำอธิบายรายวิชา โดยนำผลลัพธ์การเรียนรู้รายวิชาช้ันปี/ รายภาค มาเขียน
เปน็ คำอธบิ ายรายวชิ า ซง่ึ สามารถเขียนได้หลายลักษณะ มอี งค์ประกอบทส่ี ำคัญ ดังน้ี
1.4.1) ช่ือรายวิชา สำหรับช่ือรายวิชา สถานศึกษาสามารถกำหนดได้ตาม
ความเหมาะสม ทง้ั นี้ ต้องสื่อความหมายไดช้ ัดเจน สอดคล้องกบั ผลลพั ธ์การเรียนรู้ชนั้ ปี/ รายภาค
1.4.2) เวลาเรียน
1.4.3) ข้อความท่ีเป็นการระบุรายละเอียดของความรู้ ทักษะ เจตคติและค่านิยม
ที่ผู้เรียนต้องใช้ร่วมกันเพื่อให้บรรลุความสามารถที่คาดหวังดังกล่าวมาเขียนเรียบเรียงเป็นคำอธิบายรายวิชา
ซง่ึ ประกอบด้วย
- ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนที่แสดงรายละเอียดพฤติกรรมบ่งชี้ของสมรรถนะหลัก
โดยระบวุ า่ ผเู้ รยี นทำอะไรได้ อยา่ งไร ในระดบั ใด ในเงอ่ื นไขใด สถานการณใ์ ด
- สมรรถนะเฉพาะ ซ่ึงประกอบดว้ ย ความรู้ ทกั ษะ และคณุ ลกั ษณะท่เี ชอื่ มโยงกัน
231
- สถานการณ์และบริบทการเรียนรู้ ท่ใี ชใ้ นการจดั การเรยี นร้ผู า่ นรปู แบบ ส่อื วธิ ีการ
ทหี่ ลากหลายอยา่ งเหมาะสม
ทั้งนี้ อาจมีการกำหนดรายละเอียดอ่ืน ๆ ท่ีสถานศึกษาเห็นว่าสำคัญจำเป็น เช่น
แนวทางการวัดและประเมินผลท่ีระบุรายละเอียดเก่ียวกับวิธีการ และเคร่ืองมือ นอกจากน้ี การคำอธิบายรายวิชา
ควรเขียนให้มีความกระชับ อาจแบ่งย่อหน้า หรือไม่แบ่งย่อหน้าก็ได้ แต่ต้องมีความชัดเจนเพียงพอในการนำไป
ออกแบบหนว่ ยการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรยี นรู้
2) ตรวจพจิ ารณาคุณภาพหลักสูตร
เมื่อจัดทำร่างหลักสูตรสถานศึกษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรมีการพิจารณาคุณภาพ ความถูกต้อง
เหมาะสม โดยสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ หรือการรับฟังความคิ ดเห็นจาก
ผทู้ ี่เก่ยี วข้อง เพ่ือนำขอ้ มูลทไ่ี ดม้ าพิจารณาปรับปรุงแก้ไขใหส้ มบูรณ์ย่งิ ขนึ้
3) เสนอคณะกรรมการสถานศึกษา/ คณะกรรมการขับเคลื่อนพ้ืนท่ีนวัตกรรมการศึกษา
พิจารณาใหค้ วามเห็นชอบ
นำเสนอ หลักสูตรฐานสมรรนะโรงเรียนวัดหนา้ เมอื ง และระเบียบการวัดและประเมนิ ผล ต่อ
คณะกรรมการสถานศึกษา/ คณะกรรมการขับเคล่ือนพื้นที่นวตั กรรมการศึกษา เพื่อพจิ ารณาให้ความเหน็ ชอบ
หากมีขอ้ เสนอแนะจากคณะกรรมการ ใหน้ ำขอ้ เสนอแนะดงั กลา่ วไปพจิ ารณาหลักสูตรฐานสมรรนะโรงเรยี นวดั
หนา้ เมอื ง ให้มีความเหมาะสมและชัดเจนยิ่งขึน้ กอ่ นการอนุมัติใชห้ ลักสตู ร และเมื่อได้รับความเหน็ ชอบจาก
คณะกรรมการสถานศึกษา/ คณะกรรมการขับเคล่ือนฯ แลว้ ให้จัดทำเปน็ ประกาศ หรือคำส่งั เร่อื ง ให้ใช้
หลักสตู รสถานศกึ ษา โดยผู้บรหิ ารสถานศึกษาและประธานกรรมการสถานศกึ ษาเป็นผู้ลงนาม หรอื ผูบ้ รหิ าร
สถานศกึ ษาเป็นผลู้ งนามเพียงผ้เู ดียว หรือตามท่ีคณะกรรมการขบั เคลือ่ นฯ เหน็ ชอบ
ขั้นตอนท่ี 3 นำหลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะไปใช้ และปรับปรุงการจดั การเรยี นรู้
1) นำหลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะไปใช้
นำหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะซึ่งได้กำหนดคำอธิบายรายวิชาไว้แล้วไปจัดทำ
โครงสร้างรายวิชา หน่วยการเรียนรู้ และแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ
ตามเปา้ หมาย
1.1) จัดทำโครงสรา้ งรายวชิ า
จัดทำโครงสร้างรายวิชา เพื่อช่วยให้เห็นภาพรวมของรายวิชาประกอบด้ว ย
ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ และเวลาเรียนของแต่ละหน่วย โดยมขี ้อคำนึงในการจัดทำโครงสร้างรายวชิ า ดังน้ี
⚫ การจัดลำดับหน่วยการเรียนรู้ ให้พิจารณาจากลำดับของการพัฒนาสมรรถนะเฉพาะ
ให้มีความต่อเนื่องจากงา่ ยไปยาก จากใกล้ตัวไปไกลตัวเพ่ือให้ผู้เรียนได้ส่ังสม ความรู้ ทักษะ เจตคติ/ ค่านิยม
และนำสิง่ ท่ีไดร้ ับมาพัฒนาสมรรถนะหลักอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเน้นการประเมินเพื่อพัฒนาความก้าวหน้า
โดยคำนงึ ถึงพฒั นาการ ศักยภาพ และธรรมชาติของผเู้ รยี นเปน็ สำคญั
⚫ ความเช่ือมโยงของหน่วยการเรียนรู้ท่ีจัดขึ้นวา่ มีความเก่ียวเนื่องเชื่อมโยงกันอย่างไร
เป็นลำดับขั้นตอนหรือไม่ หรือสามารถเรียนรู้แบบแยกส่วนได้ รวมท้ังหลักฐานการเรียนรู้ของรายวิชา
มีความสัมพันธ์กับหน่วยการเรียนรู้แต่ละหน่วยที่จัดข้ึนหรือไม่ อย่างไร ซึ่งจะนำมาสู่การจัดการเรียนรู้
ทมี่ ีความหมาย และกระต้นุ ให้ผ้เู รยี นเกิดความคดิ เช่อื มโยงและบูรณาการอยา่ งเปน็ ระบบ
232
⚫ การกำหนดเวลาเรียนของแต่ละหนว่ ยการเรยี นรู้ พิจารณาจากเวลา ความเข้มขน้ ของ
ผลลัพธ์การเรียนรู้เชิงสมรรถนะ โดยเวลาเรียนท่ีกำหนดข้ึนอาจต้องพิจารณาว่า นอกจากจะเป็นเวลาเรียนใน
หอ้ งเรียนที่กำหนดตามโครงสร้างเวลาเรียนแล้ว อาจมีความจำเป็นที่นักเรียนจะต้องการศึกษาด้วยตนเองนอก
ห้องเรียน หากเป็นเช่นนั้นครูผู้สอนจะต้องพิจารณาว่านักเรียนจะเป็นต้องใช้มีค วามเหมาะสมแล้ว
ทงั้ ในรายวิชาของตนเอง และตอ้ งพิจารณาร่วมกบั ครูผสู้ อนคนอื่นที่รับผดิ ชอบจดั การเรยี นรู้ในระดับชน้ั เดียวกัน
ด้วยวา่ เพ่ิมภาระให้กับผเู้ รยี นจนลดประสิทธิภาพการเรียนรู้หรือไมอ่ กี ดว้ ย
⚫ เม่ือนักเรยี นเรียนรหู้ น่วยการเรียนรู้สุดท้ายจบลง นักเรียนตอ้ งบรรลุจุดมุ่งหมายของ
รายวิชา กล่าวคือ นักเรียนควรได้รับการพัฒนาจนมีศักยภาพที่จะต่อยอดความชำนาญไปใช้ในสถานการณ์
หรอื บริบทท่ีท้าทาย และใกล้เคียงกับชวี ิตจรงิ หลังจากออกแบบหนว่ ยการเรียนรู้แลว้ ครผู ้สู อนสามารถกำหนด
ช่ือหน่วยการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับเน้ือหา หรือกิจกรรมภายในหน่วยการเรียนรู้ โดยอาจกำหนดให้เป็นชื่อ
ท่ีเร้าความสนใจ และทา้ ทายความสามารถของผูเ้ รยี น
1.2) จัดทำหนว่ ยการเรยี นรู้
จัดทำหน่วยการเรียนรู้ โดยพิจารณาผลลัพธก์ ารเรียนรู้รายปี/ รายภาค สมรรถนะหลัก และ
สมรรถนะเฉพาะท้งั ดา้ นความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะ ที่เชื่อมโยงและเก่ียวขอ้ งเป็นเร่ืองเดียวกัน มาบรู ณาการ
เป็นหน่วยการเรียนรู้ และจัดการเรียนการสอนในลักษณะองค์รวม ซึ่งสามารถจัดการเรียนการสอนบรู ณาการ
กบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อื่น ๆ ได้ เพ่ือพฒั นาผู้เรยี นใหม้ สี มรรถนะ
การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ ต้องออกแบบการจัดการเรียนรู้ (Learning) ควบคู่
กับการประเมินเพื่อการพัฒนา (Formative Assessment) ให้ผู้เรียนมีสมรรถนะตามจุดประสงค์การเรียนรู้
เชิงสมรรถนะ (Objective) ซงึ่ เปน็ เป้าหมายการเรยี นรู้ โดยมีรายละเอยี ด ดังตอ่ ไปน้ี
1. การกำหนดจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้เู ชิงสมรรถนะ
2. การกำหนดการประเมนิ การเรยี นรู้ และหลักฐานการเรยี นรู้
3. การกำหนดการจัดการเรียนรู้
โดยสรุป หน่วยการเรียนรูม้ อี งคป์ ระกอบดังนี้
๑. ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ และเวลาเรียน
๒. ผลลัพธ์การเรียนรูร้ ายวชิ าช้ันป/ี รายภาค
๓. สมรรถนะหลกั ทเี่ กย่ี วข้อง (ตามระดบั การพัฒนา)
๔. สมรรถนะเฉพาะ (ทัง้ ดา้ นความรู้ ทักษะ และคณุ ลกั ษณะทีเ่ ชื่อมโยงกัน)
๕. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้เชิงสมรรถนะ
๖. ความสัมพันธร์ ะหวา่ งจุดประสงค์เชิงสมรรถนะ กับหลักฐานการเรียนรู้
๗. การจดั การเรยี นรู้
๘. เกณฑ์การประเมนิ
ดังแสดงในภาพแผนตอ่ ไปนี้
ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ และเวลาเรียน
ผลลัพธ์การเรยี นรรู้ ายวิชาชั้นปี/ รายภาค
สมรรถนะหลกั ทีเ่ กีย่ วข้อง สมรรถนะเฉพาะ
(ตามระดับการพัฒนา) (ทงั้ ด้านความรู้ ทกั ษะ และคุณลกั ษณะ
ท่ีเช่ือมโยงกนั )
2) ระบบการจดั การเรียนรู้ควบคกู่ ารประเมินเพ่ือพฒั นาสมรรถนะผ้เู รียน
จุดประสงคก์ ารเรยี นรูเ้ ชิงสมรรถนะ
การจัดการเรียนรู้ หลักฐานการเรียนรู้
233
การประเมินเป็นส่วนหน่ึงที่บูรณาการอยู่ในกระบวนการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ควบคู่
การประเมินเพอ่ื พัฒนาสมรรถนะผ้เู รียนจึงเป็นระบบที่แสดงให้เหน็ ถึงโครงสรา้ งที่มอี งค์ประกอบท่ีหลากหลาย
ทแ่ี สดงใหเ้ หน็ วา่ การจัดการเรียนรดู้ ำเนินการควบคไู่ ปพร้อมกบั การประเมินตลอดแนว ดงั น้ี
1. การกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้เชิงสมรรถนะ ออกแบบการเรียนรู้ และออกแบบ
การประเมนิ
การกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้พิจารณาให้เหมาะสมตามสมรรถนะหลักและระดับ
สมรรถนะ ผลลพั ธ์การเรียนรู้รายวิชา/ ช่วงชั้น/ รายปี/ รายภาค และสมรรถนะเฉพาะ โดยบ่งบอกระดับสมรรถนะ
ที่นำมาใชใ้ นการออกแบบการจัดการเรียนรู้ หลังจากกำหนดจดุ ประสงค์การเรียนรู้เชิงสมรรถนะแล้ว ครผู ู้สอน
ดำเนินการออกแบบการจัดการเรียนรู้ และการประเมินไปพร้อมกัน ครูสามารถกำหนดวิธีการในการเก็บ
รวบรวมหลักฐานการเรียนรู้ดังกล่าวด้วยเครื่องมือและช่วงเวลาท่ีเหมาะสม โดยพิจารณากิจกรรมการเรียนรู้
ทส่ี ่งเสริมและเช่ือมโยงการเรียนร้ขู องผู้เรยี นอย่างต่อเน่ืองตลอดระยะการเรียนรู้ หลักฐานการเรียนรู้ในแต่ละ
ช่ ว ง ข อ ง ก า รเรีย น รู้ ใน ห น่ ว ย ก าร เรี ย น รู้ ห รื อ แ ผ น ก าร จั ด ก าร เรี ย น รู้ เป็ น ห ลั ก ฐ าน ส ำ คั ญ ท่ี แ ส ด ง ให้ เห็ น
ความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของผู้เรียน ก่อนท่ีจะไปถึงการทำผลงาน หรือชิ้นงานท่ีแสดงการมีสมรรถนะ
ในตอนท้ายของการเรียนรู้ โดยครอบคลุมทุกช่วงเวลาของกิจกรรมการเรียนรู้ เพ่ือให้สามารถดำเนินการ
เก็บรวบรวมหลกั ฐานท่ีแสดงพฤตกิ รรมบง่ ชไ้ี ด้ทนั ทว่ งที
2. วงจรการปฏิบตั กิ ารประเมินเพ่อื การเรียนรู้
วงจรนี้สำคัญอย่างยิง่ แสดงให้เห็นกจิ กรรมการประเมินท่ีบูรณาการกับกระบวนการเรียนรู้
ในการจัดการเรียนรู้ ครสู ามารถเริ่มด้วยการประเมินวินิจฉัยเพ่ือศึกษาพื้นฐานความรู้เดมิ หรือจดุ อ่อนจุดแข็ง
ของผเู้ รยี นที่มีอยู่เดิมก่อนเรยี น หรือการเรยี นรู้ หรือสมรรรถนะเดมิ กอ่ นเรยี นของผเู้ รยี น ซึง่ ชว่ ยให้ครูออกแบบ
การเรยี นรู้ หรือปรับการจัดการเรยี นรใู้ หเ้ หทมาะสมกับความต้องการของผ้เู รียนรายบคุ คลได้
จากนั้นครูอธิบายเป้าหมายการเรียนรู้ให้ผู้เรียนเข้าใจ ท้ังจุดประสงค์การเรียนรู้
เชงิ สมรรถนะของการเรียนรู้ในแต่ละหนว่ ยการเรียนรู้/ แผนการจดั การเรียนรู้/ ครง้ั รวมทง้ั ภาพความคาดหวัง
ของผลงาน หรือชิ้นงาน หรือพฤติกรรมท่ีผเู้ รยี นตอ้ งนำมาแสดงให้ผูเ้ รียนทราบ ซ่ึงจะเป็นการกำหนดมาตรฐาน
การประเมินการเรียนรู้ให้เข้าใจตรงกันระหว่างผู้เรียนท่ัวไปทุกคน และทำให้ผู้เรียนทราบเป้าหมาย
และเกดิ ความรับผดิ ชอบในการเรียนรูข้ องตนเอง
หลังจากท่ีเข้าใจภาพความคาดหวังของการเรียนรู้ตรงกันแล้ว จึงเร่ิมดำเนินการจัด
การเรียนรู้ควบคู่การประเมินเพื่อพัฒนา หมายความว่าในระหว่างการจัดการเรียนรู้ ครูและผู้เรียนติดตาม
การเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นระยะ ๆ ด้วยวิธีการประเมินความก้าวหน้า (Formative Assessment) ท่ีใช้
ทั้งการประเมินโดยครู เพ่ือน และการประเมินตนเองของผู้เรียน การประเมนิ ความก้าวหน้าทำให้ได้หลักฐาน
การเรียนรู้ที่แสดงความก้าวหน้าของผู้เรียนเป็นลำดับ มีการให้ข้อมูลป้อนกลับและการสนับสนุนช่วยเหลือ
ผูเ้ รียนตามความต้องการที่วเิ คราะห์จากหลักฐานการเรียนรู้ ในขณะเดียวกันผเู้ รียนจะกำกับติดตามการเรียนรู้
ของตนเองได้ โดยไมต่ ้องรอให้ถงึ การประเมนิ ในชว่ งทา้ ยของการเรียนรู้
ข้อมูลท่ีแสดงความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละช่วง หรือจุดสำคัญ (Key Point)
ควรได้รับการบันทึกลงในแบบแบบฟอร์มอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพ่ือให้ครู ผู้เรียน หรือผู้เก่ียวข้อง
เห็นพัฒนาการในการเรียนรู้ของผู้เรียน ครู หรือผู้เก่ียวข้องให้การสนับสนุนช่วยเหลือตามความต้องการ
ของผู้เรียนจากพัฒนาการท่ีเห็นได้ และผู้เรียนกำกับติดตามการเรียนรู้ของตนเองจากการได้เห็นเส้นทาง
การเรยี นรขู้ องตนเองไดช้ ัดเจนข้นึ
234
หากผเู้ รียนได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือในระหว่างทางอย่างเหมาะสม และเมื่อต้องประเมิน
สรุปผล (Summative Assessment) เพ่ือตัดสินวา่ ผู้เรียนมีสมรรถนะตามจุดประสงค์การเรยี นรู้หรอื ไม่ ผู้เรียน
จะสามารถบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ได้ แต่หากผู้เรียนยังไม่บรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ สามารถปรับปรุง
แก้ไขผลงาน หรอื ช้ินงาน โดยได้รบั การสนับสนุนช่วยเหลอื ท่ีเหมาะสมและมีคุณภาพยิ่งขึ้น และประเมินซ้ำได้
หรอื แม้กระท่ังผเู้ รยี นท่ีบรรลสุ มรรถนะแล้ว หากต้องการตอ่ ยอดการเรียนรู้ของตนเองให้บรรลุในระดับท่ีสูงขึ้น
ก็สามารถทำได้
เช่นเดียวกับการประเมินความก้าวหน้า ข้อมูลการประเมินสรุปผลควรได้รับการบัน ทึก
เพื่อให้เห็นระดับการบรรลุสมรรถนะของผู้เรียนตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้ต่าง ๆ และสามารถ
รวมเป็นแฟ้มสะสมงานของผู้เรียนได้ ซ่ึงหากต้องการให้มีความละเอียดสามารถนำข้อมูลการประเมิน
ความก้าวหนา้ มาใสใ่ นแฟม้ สะสมงานได้ดว้ ย
3. การพัฒนาตอ่ ยอด
เมื่อผู้เรียนมีสมรรถนะตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้แล้ว จะพัฒนาต่อเน่ืองตามวัตถุประสงค์
การเรียนรู้อื่นต่อไป ซ่ึงเป็นไปตามกระบวนการต้ังแต่การกำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ ออกแบบการจัด
การเรียนรู้และการประเมิน และวงจรการปฏิบัติการประเมินเพื่อการเรียนรู้ควบคู่การเรียนรู้ เป็นวงจร
ต่อเน่อื งกนั ทำใหก้ ารเรียนรู้เกิดเป็นเสน้ ทางการเรยี นรขู้ องผู้เรียนรายบคุ คลต่อไป
การเรยี นรู้ควบคู่การประเมนิ เพอื่ พัฒนา
วงจรของการปฏิบตั กิ ารประเมนิ เพอื่ การ
กาํ หนดจดุ ประสงค์ ออกแบบ ประเมนิ วนิ จิ ฉยั / จัดก
การเรยี นรู้ และออกแบบการประเมิน ศกึ ษาพน้ื ฐานเดมิ การป
ตามสมรรถนะหลกั ; ตคี วาม
และระดับสมรรถนะ พฤตกิ
ราย
ตามผลลพั ธ์การเรยี นรู้
รายวิชา/ ช่วงชั้น/ รายปี ผู้เรยี น
และกําก
ตามสมรรถนะเฉพาะ
235
รเรยี นรู้ ประเมนิ ซํ้า พฒั นาต่อยอด
ตามความต้องการ ตามลําดับการเรียนรู้
การเรียนรูค้ วบคู่
ประเมนิ เพื่อพฒั นา
มและบันทึก ใหข้ อ้ มลู ได้รับ
กรรมบง่ ชี้ ปอ้ นกลบั การสนบั สนนุ
ยบคุ คล ชว่ ยเหลอื
นสะทอ้ นคิด
กบั การเรียนรู้
236
11. แนวทางการจดั การเรียนรู้ และการประเมนิ การเรยี นรู้
1. การจดั การเรียนรู้
สถานศึกษาจดั กระบวนการเรียนรู้ด้วยวธิ กี ารท่หี ลากหลาย ในรปู แบบต่าง ๆ ดงั ตอ่ ไปนี้
1.1 จัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ซึ่งเป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด
การสร้างสรรค์ทางปัญญา (Constructivism) ที่เน้นกระบวนการเรียนรู้มากกวา่ เน้ือหาวิชา เพื่อชว่ ยให้ผู้เรียน
สามารถเช่ือมโยงความรู้ หรือสร้างความรู้ให้เกิดขึ้นในตนเอง ด้วยการลงมือปฏิบัติจริงผ่านส่ือหรือกิจกรรม
การเรียนรู้ ที่มีครูผู้สอนเป็นผู้แนะนำ กระตุ้น หรืออำนวยความสะดวก ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ข้ึน
โดยกระบวนการคิดข้ันสูง กล่าวคือ ผู้เรียนมีการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการประเมินค่าจากสิ่งท่ีได้รับจาก
กิจกรรมการเรียนรู้ ทำให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างมีความหมายและนำไปใช้ในสถานการณ์อื่นๆได้อย่างมี
ประสิทธภิ าพ (สถาพร พฤฑฒกิ ลุ , 2558)
ไชยยศ เรืองสุวรรณ (2553) ได้กลา่ วถงึ ลักษณะของการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning
เปน็ ดงั นี้
1) เป็นการเรียนการสอนที่พัฒนาศักยภาพทางสมอง ได้แก่ การคิด การแก้ปัญหา และการ
นำความรไู้ ปประยุกต์ใช้
2) เป็นการเรียนการสอนทเี่ ปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รียนมีสว่ นรว่ มในกระบวนการเรียนรู้สงู สดุ
3) ผเู้ รียนสร้างองคค์ วามรแู้ ละจดั กระบวนการเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง
4) ผู้เรียนมีส่วนรว่ มในการเรยี นการสอนทง้ั ในด้านการสร้างองคค์ วามรู้ การสร้างปฏิสมั พนั ธ์
รว่ มกัน รว่ มมอื กันมากกวา่ การแขง่ ขัน
5) ผู้เรียนเรียนรู้ความรับผิดชอบร่วมกัน การมีวินัยในการทํางาน และการแบ่งหน้าท่ีความ
รบั ผิดชอบ
6) เป็นกระบวนการสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนอา่ น พูด ฟัง คิดอย่างลุ่มลึก ผู้เรียนจะเป็นผู้
จดั ระบบการเรยี นรูด้ ้วยตนเอง
7) เปน็ กิจกรรมการเรียนการสอนทีเ่ นน้ ทักษะการคดิ ขน้ั สงู
8) เป็นกิจกรรมท่เี ปิดโอกาสให้ผเู้ รียนบูรณาการข้อมูลขา่ วสาร หรอื สารสนเทศ และหลักการ
ความคดิ รวบยอด
9) ผู้สอนจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้ปฏิบัติด้วย
ตนเอง
10) ความรเู้ กดิ จากประสบการณ์ การสร้างองคค์ วามรู้ และการสรุปทบทวนของผเู้ รียน
ณัชนัน แกว้ ชัยเจริญกจิ (2550) ได้กล่าวถึง บทบาทของอาจารย์ผ้สู อนในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
ตามแนวทางของ Active Learning ดังน้ี
1) จดั ให้ผู้เรยี นเป็นศูนยก์ ลางของการเรยี นการสอนกิจกรรมต้องสะท้อนความตอ้ งการในการ
พฒั นาผู้เรียนและเนน้ การนำไปใช้ประโยชนใ์ นชีวิตจรงิ ของผู้เรียน
2) สร้างบรรยากาศของการมีส่วนร่วม และการเจรจาโตต้ อบท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนมปี ฏิสัมพันธ์
ท่ีดกี ับผู้สอนและเพอ่ื นในชน้ั เรียน
3) จัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เป็นพลวัต ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรม
รวมท้ังกระตุ้นให้ผเู้ รยี นประสบความสำเร็จในการเรยี นรู้
4) จัดสภาพการเรยี นรูแ้ บบร่วมมือ ส่งเสรมิ ให้เกดิ การรว่ มมอื ในกลุ่มผู้เรยี น
237
5) จัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ท้าทาย และให้โอกาสผู้เรียนได้รับวิธีการสอนท่ี
หลากหลาย
6) วางแผนเกี่ยวกับเวลาในจัดการเรียนการสอนอย่างชัดเจน ท้ังในส่วนของเน้ือหา และ
กจิ กรรม
7) ครูผู้สอนต้องใจกวา้ ง ยอมรบั ในความสามารถในการแสดงออก และความคิดเของที่ผู้เรียน
ตวั อย่างเทคนิคการจดั การเรยี นรแู้ บบ Active Learning
การจดั การเรียนรแู้ บบ Active Learning สามารถสร้างให้เกิดขนึ้ ไดท้ ัง้ ในห้องเรียนและนอกห้องเรียน
รวมทัง้ สามารถใชไ้ ดก้ ับนักเรียนทุกระดับ ท้งั การเรียนร้เู ป็นรายบคุ คล การเรยี นรู้แบบกลุม่ เล็ก และการเรยี นรู้
แบบกลุ่มใหญ่ McKinney (2008) ได้เสนอตัวอย่างรูปแบบหรือเทคนิค การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่จะช่วย
ให้ผู้เรยี นเกิดการเรียนร้แู บบ Active Learning ได้ดี ได้แก่
1) การเรียนรู้แบบแลกเปล่ียนความคิด (Think-Pair-Share) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่
ให้ผู้เรียนคิดเก่ียวกับประเด็นท่ีกำหนดแต่ละคน ประมาณ 2-3 นาที (Think) จากน้ันให้แลกเปล่ียนความคิด
กบั เพอื่ นอกี คน 3-5 นาที (Pair) และนำเสนอความคิดเหน็ ตอ่ ผู้เรยี นทั้งหมด (Share)
2) การเรยี นรแู้ บบรว่ มมือ (Collaborative learning group) คอื การจดั กิจกรรมการเรียนร้ทู ี่
ให้ผเู้ รยี นไดท้ ำงานรว่ มกับผอู้ น่ื โดยจดั เป็นกล่มุ ๆ ละ 3-6 คน
3) การเรียนรู้แบบทบทวนโดยผู้เรียน (Student-led review sessions) คือการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทบทวนความรู้และพิจารณาข้อสงสัยต่าง ๆ ในการปฏิบั ติกิจกรรม
การเรยี นรู้ โดยครูจะคอยชว่ ยเหลือกรณีท่ีมปี ัญหา
4) การเรียนรู้แบบใช้เกม (Games) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีผู้สอนนำเกมเข้าบูรณา
การในการเรียนการสอน ซ่ึงใช้ได้ท้ังในขั้นการนำเข้าสู่บทเรียน การสอน การมอบหมายงาน และหรือข้ันการ
ประเมนิ ผล
5) การเรียนรู้แบบวิเคราะห์วีดีโอ (Analysis or reactions to videos) คือการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้ที่ให้ผ้เู รยี นได้ดูวีดีโอ 5-20 นาที แล้วให้ผเู้ รยี นแสดงความคิดเห็น หรือสะทอ้ นความคิดเก่ียวกับสง่ิ ท่ี
ไดด้ ู อาจโดยวธิ กี ารพูดโต้ตอบกัน การเขียน หรอื การร่วมกนั สรุปเปน็ รายกลุ่ม
6) การเรียนรู้แบบโต้วาที (Student debates) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดให้ผู้เรียน
ไดน้ ำเสนอข้อมูลทไ่ี ดจ้ ากประสบการณ์และการเรยี นรู้ เพ่อื ยนื ยนั แนวคดิ ของตนเองหรือกลุ่ม
7) การเรียนรู้แบบผู้เรียนสร้างแบบทดสอบ (Student generated exam questions) คือ
การจัดกิจกรรมการเรยี นร้ทู ใี่ ห้ผู้เรยี นสรา้ งแบบทดสอบจากสง่ิ ทไี่ ดเ้ รียนรมู้ าแลว้
8) การเรียนรู้แบบกระบวนการวิจัย (Mini-research proposals or project) คือการจัด
กิจกรรมการเรียนร้ทู ่อี ิงกระบวนการวิจัย โดยใหผ้ ู้เรียนกำหนดหัวข้อทีต่ ้องการเรียนรู้ วางแผนการเรียน เรียนรู้
ตามแผน สรุปความรู้หรือสร้างผลงาน และสะท้อนความคิดในส่ิงท่ีได้เรียนรู้ หรืออาจเรียกว่าการสอนแบบ
โครงงาน(project-based learning) หรอื การสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (problem-based learning)
9) การเรียนรู้แบบกรณีศึกษา (Analyze case studies) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้
ผู้เรียนได้อ่านกรณีตัวอย่างท่ีต้องการศึกษา จากนั้นให้ผู้เรียนวิเคราะห์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือ
แนวทางแก้ปญั หาภายในกลมุ่ แลว้ นำเสนอความคดิ เหน็ ตอ่ ผูเ้ รียนทัง้ หมด
10) การเรียนรู้แบบการเขียนบันทึก (Keeping journals or logs) คือการจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้ที่ผู้เรียนจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบเห็น หรือเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นในแต่ละวนั รวมทั้งเสนอความคิด
เพม่ิ เตมิ เก่ยี วกับบันทึกทีเ่ ขยี น
238
11) การเรียนรู้แบบการเขียนจดหมายข่าว (Write and produce a newsletter) คือการ
จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนร่วมกันผลิตจดหมายข่าว อันประกอบด้วย บทความ ข้อมูลสารสนเทศ
ขา่ วสาร และเหตกุ ารณ์ท่ีเกิดข้นึ แลว้ แจกจา่ ยไปยงั บุคคลอ่ืนๆ
12) การเรียนรู้แบบแผนผังความคิด (Concept mapping) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี
ให้ผู้เรียนออกแบบแผนผังความคิด เพื่อนำเสนอความคิดรวบยอด และความเช่ือมโยงกันของกรอบความคิด
โดยการใช้เส้นเป็นตัวเช่ือมโยง อาจจัดทำเป็นรายบุคคลหรืองานกลุ่ม แล้วนำเสนอผลงานต่อผู้เรียนอื่ นๆ
จากน้นั เปดิ โอกาสใหผ้ ูเ้ รียนคนอ่ืนไดซ้ ักถามและแสดงความคดิ เหน็ เพมิ่ เติม
1.2. จัดการเรียนรู้แบบ STEM Education คือ การสอนแบบบูรณาการข้าม กลุ่มสาระวิชา
(Interdisciplinary Integration) ระหว่าง ศาสตร์สาขาต่างๆ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science: S) เทคโนโลยี
(Technology: T) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineer: E) และ คณิตศาสตร์(Mathematics: M) โดยนำจุดเด่นของ
ธรรมชาติตลอดจนวิธีการสอนของแต่ ละสาขาวิชามาผสมผสานกันอย่าง ลงตัว เพื่อให้ผู้เรียนนำความรู้ทุก
แขนงมาใช้ในการแกป้ ัญหา การค้นควา้ และการพัฒนาส่งิ ต่างๆ ในสถานการณ์โลกปัจจุบัน ซ่งึ อาศัยการจดั การ
เรียนรู้ที่ครูผู้สอนหลายสาขาร่วมมือกัน เพราะในการทำงานจริงหรือในชีวิตประจำวันน้ันต้องใช้ความรหู้ ลาย
ด้านในการทำงานทั้งสิ้นไม่ได้แยกใช้ ความรเู้ ป็นส่วนๆ นอกจากน้ี STEM Education ยังเป็นการส่งเสริมการ
พัฒนา ทักษะสำคัญในโลกโลกาภิวัตน์ หรือทักษะท่ีจำเป็นสำหรับ ศตวรรษท่ี 21 อีกด้วย ทั้งน้ี STEM
Education เป็นการจัดการศกึ ษาท่ีมีแนวคิด และลักษณะดงั นี้
1) เป็นการบูรณาการข้ามกลุ่มสาระวิชา (Interdisciplinary Integration) นั่นคือเป็น
การบูรณาการระหว่างศาสตร์สาขาต่างๆ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (S) เทคโนโลยี (T) วิศวกรรมศาสตร์ (E) และ
คณิตศาสตร์ (M) ท้ังนี้ได้นำจุดเด่นของธรรมชาติตลอดจนวิธีการสอนของแต่ละ สาขาวิชามา ผสมผสานกัน
อยา่ งลงตัว ดงั นี้
- วิทยาศาสตร์ (S) เน้นเกี่ยวกับความเข้าใจใน ธรรมชาติ โดยนักการศึกษามักชี้แนะให้
อาจารย์ ครูผู้สอนใช้วิธีการสอนวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการสืบเสาะ (Inquiry-based Science Teaching)
กจิ กรรมการสอนแบบแก้ปญั หา (Scientific Problem-based Activities) ซึง่ เป็นกิจกรรมท่ี เหมาะกบั ผู้เรียน
ระดับประถมศึกษา แต่ไม่เหมาะกับผ้เู รยี น ระดับมัธยมศึกษา หรือมหาวทิ ยาลัย เพราะทำให้ผู้เรียนเบื่อหน่าย
และไม่ สนใจ แต่การสอนวิทยาศาสตรใ์ น STEM Education จะทำให้นักเรยี นสนใจ มคี วามกระตือรือรน้ รสู้ ึก
ทา้ ทายและเกิดความมั่นใจในการเรียน ส่งผลให้ผู้เรยี นสนใจท่ี จะเรยี นในสาขาวิทยาศาสตร์ในระดับช้ันท่ีสูงขึ้น
และประสบความสำเรจ็ ในการเรยี น
- เทคโนโลยี(T) เป็นวิชาที่เก่ียวกับกระบวนการ แก้ปัญหา ปรับปรุง พัฒนาสิ่งต่างๆ หรือ
กระบวนการต่างๆ เพ่ือตอบสนองความต้องการของคนเรา โดยผ่านกระบวนการ ท างานทางเทคโนโลยีที่
เรียกว่า Engineering Design หรือ Design Process ซึ่งคล้ายกับกระบวนการสืบเสาะ ดังน้ัน เทคโนโลยีจึง
มิได้หมายถงึ คอมพวิ เตอร์ หรอื ICT ตามทีค่ นสว่ น ใหญเ่ ข้าใจ
- วิศวกรรมศาสตร์(E) เป็นวิชาที่ว่าด้วยการคดิ สร้างสรรค์พัฒนานวัตกรรมต่างๆ ให้กับนิสิต
นักศึกษาโดยใช้ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีซึ่งคน ส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเป็นวิชาท่ี
สามารถเรียนไดแ้ ต่ จากการ ศึกษาวิจัยพบวา่ แม้แตเ่ ด็กอนบุ าลกส็ ามารถเรียนได้ดีเช่นกนั
- คณติ ศาสตร์ (M) เป็นวชิ าท่ีมิได้หมายถึงการนบั จำนวนเท่าน้ัน แต่เกย่ี วกับองคป์ ระกอบอื่น
ท่ีสำคัญ ประการแรก คือกระบวนการคิดคณิตศาสตร์ (Mathematical Thinking) ซ่ึงได้แก่การเปรียบเทียบ
การจำแนก/จัดกลุ่มการ จัดแบบรูป และการบอกรูปร่างและคุณสมบัติ ประการที่สอง คือภาษาคณิตศาสตร์
239
เด็กจะสามารถถ่ายทอดความคิดหรือ ความเข้าใจความคิดรวบยอด (Concept) ทางคณิตศาสตร์ได้โดยใช้
ภาษาคณิตศาสตร์ในการสื่อสาร เช่น มากกว่า น้อยกว่า เล็กกว่า ใหญ่ กว่า ฯลฯ ประการสุดท้าย คือการ
ส่งเสรมิ การคิด คณิตศาสตร์ขั้นสูง (Higher-Level Math Thinking) จาก กิจกรรมการเล่นของเด็กหรือการทำ
กจิ กรรมในชวี ติ ประจำวนั
2) เป็นการบูรณาการท่ีสามารถจัดสอนได้ในทุกระดับชั้น ตั้งแต่ช้ันอนุบาล – มัธยมศึกษา
ตอนปลาย โดยพบว่าใน ประเทศสหรัฐอเมริกาได้กำหนดเป็นนโยบายทาง การศึกษาให้ แต่ละรัฐนา STEM
Education มาใช้ ผลจากการศึกษาพบว่า ครผู ู้สอนใช้วธิ ีการสอนแบบ Project-based Learning, Problem-
based Learning, Design-based Learning ทำให้นักเรียนสามารถ สร้างสรรค์พัฒนาชิ้นงานได้ดีและถ้า
ครูผู้สอนสามารถใช้STEM Education ในการสอนได้เร็วเท่าใดก็ จะย่ิงเพ่ิมความสามารถและศักยภาพผเู้ รียน
ได้มากข้ึนเท่านั้นซึ่งในขณะนี้ในบางรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกามี การนำ STEM Education ไปสอนต้ังแต่
ระดบั วยั กอ่ นเรียน (Preschool) ดว้ ย
3) เป็นการสอนที่ ทำให้ผู้เรียนเกิดพัฒนาการด้านต่างๆ อย่างครบถ้วน และสอดคล้องกับ
แนว การพัฒนาคนให้มีคุณภาพในศตวรรษท่ี ๒๑ เช่น ด้านปัญญา ผู้เรียนเข้าใจในเนอ้ื หาวิชา ด้านทักษะการ
คิด ผู้เรียนพัฒนาทักษะการคิด โดยเฉพาะการคิดข้ันสูง เช่น การคิดวิเคราะห์ การคิด สร้างสรรค์ฯลฯ
ด้านคุณลักษณะ ผู้เรียนมีทักษะการทำงานกลุ่มทักษะการส่ือสารที่มีประสิทธิภาพ การเป็นผู้นำตลอดจนการ
น้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่น จากแนวคิดข้างต้นนักการศึกษาก็ยังได้มีบูรณาการศาสตร์อื่นประกอบ
เพ่ือใหก้ ารจัดการศึกษา STEM Education นั้นครอบคลุมและพัฒนาผู้เรียนได้อย่างแทจ้ ริงแบบรอบด้าน เช่น
การจัดการศึกษา STEAM Education ที่มีการบูรณาการศิลปะ (A) ทำให้ผู้เรียนมีโอกาสถ่ายทอดหรือ
ประยกุ ตใ์ ชแ้ นวคดิ สำคัญ (Concept) ด้วยความคดิ สร้างสรรค์และมีจินตนาการย่งิ ขน้ึ ผู้เรียนยังสามารถสอื่ สาร
ความคิดของตนเอง ในรูปแบบของดนตรีและการเคลื่อนไหว การส่ือสารด้วยภาษาท่าทางหรือ การวาดภาพ
หรือการสร้างโมเดลจำลอง ทำให้ชิ้นงานนั้นๆ มีองค์ประกอบด้านความสุนทรีย์ และความ สวยงาม เพ่ิมข้ึน
เกิดเป็นช้ินงานที่มีความสมบูรณ์ท้ังการใช้งานและ ความสวยงาม นอกจาก STEM Education จะเป็นการ
บรู ณาการ ศาสตร์ทง้ั ๔ สาขาดังท่ีกลา่ วข้างต้นแล้ว ยังเปน็ การบรู ณาการ ด้านบรบิ ท (Context Integration)
ที่เก่ียวข้องกับชีวิตประจำวันอีกด้วย ซ่ึงจะทำให้การสอน น้ันมีความหมายต่อผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนเห็นคุณค่า
ของการเรียนนั้นๆ และสามารถนำไป ใช้ประโยชน์ใน ชีวิตประจำวันได้ซ่ึงจะเพิ่มโอกาสการทำงาน การเพิ่ม
มลู คา่ และสามารถสรา้ งความแขง็ แกร่งให้กับประเทศ ดา้ นเศรษฐกิจได้
4) ข้ันตอนการจดั การการเรยี นรู้ตามวิธสี อนลกั ษณะสำคัญของสะเต็มศึกษา ประกอบด้วย
5 ประการ ได้แก่
4.1) เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้บูรณาการความรู้ และ ทักษะของวิชาท่ีเกี่ยวข้อง
ในสะเต็มศึกษาในระหว่างการเรียนรู้
4.2) มีการท้าทายผ้เู รยี นใหไ้ ดแ้ ก้ปัญหาหรอื สถานการณท์ ี่ผสู้ อนกำหนด
4.3) มกี จิ กรรมกระต้นุ การเรยี นรแู้ บบแอกทฟี (active learning) ของผู้เรยี น
4.4) ช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะในศตวรรษท่ี 21 ผ่านการทำกิจกรรม หรือ
สถานการณ์ท่ผี ู้สอนกำหนดให้และ
4.5) สถานการณ์หรือปัญหาท่ีใช้ในกิจกรรมมีความ เช่ือมโยงกับชีวิตประจำวันของ
ผูเ้ รียนหรือการประกอบอาชพี ในอนาคต