The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประมวลความรู้วิชาชีพเทคนิคการแพทย์ V1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Tirawat Wannatung, 2020-04-10 11:12:13

ประมวลความรู้วิชาชีพเทคนิคการแพทย์ V1

ประมวลความรู้วิชาชีพเทคนิคการแพทย์ V1

วิทยาศาสตร์การบรกิ ารโลหติ 229

complement ได้ ซึง่ จะเปน็ สาเหตุใหเ้ กดิ การแตกของเมด็ เลือดแดงในหลอดทดลอง โดย Anti-Lea

และ Anti-Leb สามารถท้าให้เกิด Hemolytic transfusion reaction (HTR) ได้

18. ขอ้ ใด ไม่ใช่ สาเหตขุ อง Hemolytic disease of newborn (HDN)

ก. Anti-E ข. Anti-Fya ค. Anti-Mia ง. Anti-Jka จ. Anti-P1

ตอบ จ. Anti-P1
Anti-P1 เป็น common non red cell stimulated IgM สามารถท้าใหเ้ กิด Immediate

และ Delayed hemolytic transfusion reaction ได้ แต่ไม่พบการเกิด Hemolytic disease of

newborn ทม่ี ีสาเหตจุ าก Anti-P1 น่ืองจากมีการพฒั นาของแอนตเิ จน P1 ชา้ มากใน Fetal cell

19. หมู่เลอื ดระบบใดเป็นสาเหตุทา้ ให้เกิด Delayed hemolytic transfusion reaction มากทีส่ ุด

ก. P ข. ABO ค. Kidd ง. MNs จ. Lewis

20. สาเหตกุ ารเกดิ delayed transfusion reaction มกั เกดิ กับ antibody ในขอ้ ใด

ก. Anti-E ข. Anti-Jka ค. Anti-D ง. Anti-M จ. Anti-Mia

ตอบ ข. Anti-Jka

*เฉลยสาหรับข้อ 19-20

Delayed hemolytic transfusion reaction (DHTR)

เกดิ จากการทผ่ี ูป้ ว่ ยมีแอนตบิ อดใี นระดับต้่ามาก จนไม่สามารถตรวจพบได้ดว้ ยการท้า

Antibody screening โดย Indirect antiglobulin test มักพบในผปู้ ่วยทไ่ี ด้รับเลือดบอ่ ย หรือเคย

ตั้งครรภม์ าแลว้ ผูป้ ่วยจะมีอาการซดี ลงทง้ั ๆ ทีไ่ มม่ ีร่องรอยของการเสียเลือด โดย DHTR มักจะเกิด

หลงั ไดร้ บั เลอื ดประมาณ 5-10 วัน ได้แก่ หมู่เลือดระบบ Kidd (Anti-Jka)

21. แอนตเิ จนของหมู่เลือดใดถกู ทา้ ลายได้ด้วยเอนไซม์

ก. แอนติเจน M และ Fyb ข. แอนติเจน Jka และ Lea

ค. แอนตเิ จน M และ E ง. แอนติเจน D และ P1

จ. แอนตเิ จน C และ K

ตอบ ก. แอนตเิ จน M และ Fyb

22. Antibody ในข้อใด ถกู ท้าลายได้ดว้ ย enzyme

ก. Anti-Lea ข. Anti-P1 ค. Anti-Mia ง. Anti-D จ. Anti-K

ตอบ ค. Anti-Mia

วทิ ยาศาสตรก์ ารบริการโลหิต 230

*เฉลยสาหรบั ขอ้ 21-22

การใช้เอนไซม์ (Enzyme treated cell)

Proteolytic enzyme เช่น papain, trypsin สามารถท้าปฏิกิริยากับเม็ดเลอื ดแดง เพ่ือ

น้ามาใช้ในการทดสอบหาแอนติบอดีชนิดต่างๆ ได้ โดยระดับปฏิกิริยาของแอนติบอดีบางชนิดจะ

เพ่มิ ขน้ึ เมอื่ ทา้ ปฏิกิรยิ ากบั เม็ดเลอื ดแดงท่ที ้าปฏิกิริยากบั เอนไซม์มาแลว้ เชน่ แอนตบิ อดีตอ่ หมูเลือด

ระบบ Rh, P, I, Kidd และ Sd โดยเอนไซม์จะไปท้าลาย N-acetyl neuraminic acid (Sialic acid)

ทา้ ให้แอนติเจนของหม่เู ลือดเหล่านี้เผยออกมาทีผ่ ิวเม็ดเลือดแดงมากขึน้ ในขณะเดยี วกัน เอนไซม์ยัง

สามารถท้าลายโครงสร้างของแอนติเจนในหมู่เลือดระบบ MN, Duffy, Mia ท้าให้ปฏิกิริยาเกิดได้

ลดลง

23. ขอ้ ใด คือปฏิกิรยิ าทีเ่ กิดจากการไดร้ ับเลือด (allergic reaction) ที่เกดิ รุนแรง (anaphylaxis

hypersensitivity)

ก. ปฏกิ ิริยาระหวา่ ง Ab กบั Ag ของ WBC

ข. ปฏกิ ริ ยิ าระหว่าง Ab กับ Ag ของ platelet

ค. ปฏิกริ ยิ าระหวา่ ง Ab กับ Ag ของ plasma

ง. แพส้ ารอาหารในเลอื ดของผบู้ รจิ าค

จ. ปฏิกิริยาระหวา่ ง IgA กับ Anti-IgA

ตอบ จ. ปฏกิ ริ ิยาระหวา่ ง IgA กบั Anti-IgA
ปฏิกริ ิยาท่เี กิดจากการได้รบั เลอื ด (allergic reaction) เปน็ อาการแพท้ ีเ่ กดิ ร่วมกบั การ

ได้รบั ส่วนประกอบของเลือด อาจพบอาการตั้งแตผ่ ่นื ลมพษิ ที่มีลักษณะเฉพาะคือขอบแดงเป็นวง

โดยรอบพ้ืนท่ี หากมีอาการรุนแรงถึงขั้น anaphylaxis จะพบอาการชดั เจน ไดแ้ ก่ ความดนั โลหติ ตา่้

หมดสติ และอาจเสยี ชีวิตได้ ซงึ่ สาเหตขุ องการเกิด anaphylaxis เกิดจากการสรา้ งแอนติบอดตี ่อ

IgA ส่วนมาก แอนตบิ อดีที่สรา้ งข้นึ จะเปน็ ชนิด IgG และ IgM

24. การมี Antibody สว่ นเกนิ ที่สามารถรบกวนการเกดิ ปฏิกริ ิยาการตรวจหาหมู่เลือด การกา้ จัดเอา

Antibody ท่ีรบกวนปฏกิ ิริยาออกไปนั้น สามารถใชเ้ ทคนิคใด

ก. Adsorption ข. Elution ค. การใช้น้ายา LISS

ค. การใช้ enzyme treated RBC ง. Inactivation of blood group antigen

ตอบ ก. Adsorption
Adsorption เป็นการดูดซับแอนติบอดีออกจากซีรัมโดยการน้ามาท้าปฏิกิริยากับเม็ด

เลือดแดงทมี่ ีแอนตเิ จนตรงกนั ซึ่งมปี ระโยชน์ในการแยกแอนตบิ อดีทีม่ ีหลายชนดิ ในตวั อยา่ งเดียวกัน

ออกจากกนั หรือแยก autoantibody ออกเพือ่ ให้ตรวจหา alloantibody ไดง้ า่ ยขึ้น

วทิ ยาศาสตร์การบรกิ ารโลหิต 231

25. ข้อใด เป็นลักษณะของปฏิกิริยาที่มีแอนติบอดีชนิด IgG ที่จ้าเพาะต่อแอนติเจนบนผิวเม็ดเลือด

แดง แต่ไมท่ ำใหเ้ กิดปฏกิ ริ ยิ าทันที

ก. Inhibition ข. Agglutination ค. Precipitation

ง. Sensitization จ. Neutralization

ตอบ ง. Sensitization
Sensitization เป็นการจับของแอนตบิ อดีบนผิวเม็ดเลือดแดง ไม่สามารถเห็นปฏกิ ิริยาท่ี

เกิดขึ้นได้ด้วยตาเปล่า ปฏิกิริยานี้ จะเป็นปฏิกิริยาเร่ิมต้นของการเกาะกลุ่มของเม็ดเลือดแดง

(Agglutination)

26. น้ายาใด ใช้ควบคณุ ภาพ Antiglobulin reagent

ก. A-cell, B-cell ข. Screening cell ค. IgG coated RBC

ง. IgM coated RBC จ. Panel cell

ตอบ ค. IgG coated RBC
27. นา้ ยา Antihuman globulin (AHG) ส่วนใหญ่เป็นชนิด polyspecific ตามมาตรฐานก้าหนดให้

มี antibody ชนดิ ใด

ก. anti-IgG ข. anti-IgM ค. anti-C3d ง. anti-IgA จ. anti-IgG และ anti-C3d

ตอบ จ. anti-IgG และ anti-C3d
28. ขอ้ ใด ไมไ่ ด้ เป็นสาเหตขุ อง False positive DAT

ก. ป่นั นานเกนิ ไป

ข. นา้ ยา Anti-globulin เส่อื มคณุ ภาพ

ค. มแี บคทีเรยี ปนเป้อื นในเลอื ด

ง. ใช้ clotted blood ที่แชใ่ น 4°C ค้างคนื ไวม้ าทดสอบ

จ. มี Metallic ion ในหลอด ทาให้ไปจับกบั protein RBC

ตอบ ข. น้ายา Anti-globulin เสื่อมคณุ ภาพ

*เฉลยสาหรบั ข้อ 26-28
Antihuman globulin test (Coomb’s test)

เป็นการใช้ Antihuman globulin จับกับ Fc ของ sensitized antibody บนผิวเม็ด
เลือดแดง ท้าให้เกิดการเกาะกลุ่ม มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซ่ึงน้ายา Antihuman globulin (AHG)
จะประกอบด้วยแอนติบอดีต่อ Human IgG และ Human C3d โดยการตรวจ Antihuman
globulin test แบง่ ได้เปน็ 2 วธิ ีคอื

วิทยาศาสตรก์ ารบรกิ ารโลหติ 232
1. Direct antihuman globulin test (DAT) เป็นการทดสอบว่าเม็ดเลือดแดงมีแอนติบอดีมา

sensitized แล้วในร่างกายหรือไม่ ช่วยในการวินิจฉัยภาวะ Hemolytic disease of newborn
(HDN), Autoimmune hemolytic anemia (AIHA)
2. Indirect antihuman globulin test (IAT) เป็นการทดสอบว่ามีแอนติบอดีอยู่ในซีรัมหรือไม่
โดยน้าซีรัมไปท้าปฏิกิริยากับเม็ดเลือดแดงในหลอดทดลอง มีประโยชน์ในการท้า Antibody
identification, การทดสอบความเข้ากันได้ของเลือด, การตรวจหาสาเหตุของ Delayed
hemolytic transfusion reaction
สาเหตุของความผิดพลาดในการทา Antihuman globulin test
- ผลลบปลอม: น้ายา Anti-globulin เสือ่ มคุณภาพ, การปั่นลา้ งเซลลน์ านเกินไป (ทา้ ใหแ้ อนตบิ อดี
หลดุ ออก), การลา้ งเซลล์ไม่เพียงพอ (ท้าให้ globulin ทเี่ หลือไป neutralize นา้ ยา AHG ได้)
- ผลบวกปลอม: นา้ เกลอื ท่ีเกบ็ ในขวดแก้วอาจมสี าร colloidal silica ที่มผี ลท้าใหเ้ กิดผลบวก
ปลอม, มี metallic ion ปนอยขู่ ณะท้าการทดสอบ, เครอื่ งแกว้ ไม่สะอาด, ปนั่ นานเกนิ ไป ทา้ ให้
เซลลเ์ กดิ การอัดแนน่
29. ขอ้ ใด ไม่ถูกตอ้ ง เก่ียวกบั หมู่เลือด Rh (D)
ก. Rh (D) แอนตเิ จนตรวจพบได้ทผ่ี ิวเมด็ เลือดแดงจากสายสะดือ (cord blood)
ข. ผ้ปู ว่ ยหมเู่ ลือด weak D ต้องรบั เลือด ควรใหเ้ ลือด D ลบ แกผ่ ู้ปว่ ย
ค. คนทีเ่ ปน็ หมู่ Rh (D) ลบทุกคนจะตรวจพบ Anti-D ใน serum
ง. Anti-D โดยท่ัวไปตรวจพบเป็น incomplete Ab
จ. ผู้ปว่ ย weak D บางรายเม่ือได้รบั เลือด D บวก สามารถสรา้ ง anti- D ได้
ตอบ ค. คนทีเ่ ป็นหมู่ Rh (D) ลบทกุ คนจะตรวจพบ Anti-D ใน serum
30. ความสมั พนั ธ์ในขอ้ ใด ท้าใหเ้ กิด hemolytic disease of the newborn ได้
ก. แม่ B, Rh negative ลูก A, Rh positive ข. แม่ A, Rh negative ลูก B, Rh positive
ค. แม่ O, Rh positive ลูก B, Rh positive ง. แม่ B, Rh negative ลกู O, Rh negative
จ. แม่ O, Rh positive ลกู O, Rh positive
ตอบ ค. แม่หมู่ O, Rh positive ลูกหมู่ B, Rh positive
31. ควรเลือกเลอื ดในข้อใด ให้ผูป้ ่วยหมู่เลือด weak D
ก. Dce/dCE ข. dCE/DcE ค. DCE/dce ง. dce/dce จ. dcE/DCe
ตอบ ง. dce/dce

32. ขอ้ ใด ผดิ เกี่ยวกับแอนตบิ อดตี ่อหมู่โลหิต Rh

ก. ผา่ นรกได้ ข. เป็นเหตุของ HDN ค. จับกับ Complement

ง. เปน็ Enzyme enhance จ. ปฏกิ ริ ิยาจะแรงขึ้นเมื่อกระตนุ้ ด้วย enzyme

วทิ ยาศาสตร์การบรกิ ารโลหิต 233
ตอบ ค. จบั กับ Complement
33. ข้อใด ไมถ่ ูกต้อง เก่ยี วกบั Rh(D) negative

ก. ผู้ป่วย weak D ทุกคน เมอ่ื รับเลอื ด Rh positive จะสร้าง Anti-D
ข. Rh negative หากจะต้องได้รบั เลือด ควรไดร้ บั Rh negative
ค. Weak D ตอ้ งท้าถงึ ข้ัน AHG ถงึ จะรายงานผลได้
ง. Rh negative พบเพียง 0.3% ของคนไทยทง้ั หมด
จ. แมท่ ่หี มเู่ ลอื ด Rh negative ท่ีไม่สร้าง Anti-D เมือ่ มีลกู ทเ่ี ป็น Rh positive ตอ้ งใหย้ า Rh
immunoglobulin หลงั คลอด 72 ชั่วโมง
ตอบ ก. ผ้ปู ว่ ย weak D ทุกคน เม่อื รับเลอื ด Rh positive จะสรา้ ง Anti-D
34. ข้อใด คือขอ้ บง่ ใช้ Rh Immunoglobulin
ก. แม่ weak D positive และลูก D positive
ข. แม่ D positive และลูก D negative ใน serum แม่
ค. แม่ D positive และลูก D negative และตรวจพบ anti-E
ง. แม่ Weak D positive ลกู D negative และ Weak D negative
จ. แม่ D negative ลูก D positive หรอื Weak D positive ไมต่ รวจพบ anti-D ใน serum แม่
ตอบ จ. แม่ D negative ลูก D positive หรอื Weak D positive ไมต่ รวจพบ anti-D ใน
serum แม่

*เฉลยสาหรับข้อ 29-34
การตรวจหมูเ่ ลือดระบบ Rh (D)

เนื่องจากแอนติเจน Rh (D) เป็นแอนติเจนท่ีแรงสามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้าง
แอนติบอดีได้ ท้าให้เกิดปฏิกิริยาท่ีรุนแรง ในผู้ป่วย Rh negative จะไม่สร้างแอนติบอดี แต่หาก
ผู้ป่วยได้รับเลือดที่เป็น Rh positive จะเกิดการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีข้ึนมา จึงไม่ควร
นา้ เลอื ดท่ีเปน็ Rh positive ไปให้กบั ผูป้ ว่ ย Rh negative

ในการตรวจหมู่เลือดระบบ Rh จะใช้ Monoclonal antibody ชนดิ IgM ซึง่ หากพบการ
เกาะกลุ่มของเม็ดเลือดแดง แสดงว่าเลือดน้ันเป็น Rh positive แต่ถ้าหาไม่เห็นปฏิกิริยาการเกาะ
กลุ่มของเม็ดเลือดแดง จะยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็น Rh negative ต้องน้าไปทดสอบหา Weak D
โดยน้ามาอุ่นท่ี 37Cแล้วทดสอบด้วยน้ายา Anti-human globulin (AHG) ถ้าให้ผลลบทุกขึ้นตอน
จึงสามารถสรุปได้ว่าเลือดนัน้ เป็น Rh negative แตถ่ ้า AHG ใหผ้ ลบวก แสดงว่าเลือดน้ันเป็น Weak
D ซงึ่ ถือว่าเปน็ Rh positive

Hemolytic disease of newborn (HDN) เป็นโรคท่ีมีการท้าลายเม็ดเลือดแดงของ
ทารกแรกเกิดมากขึน้ กว่าปกติ เป็นสาเหตสุ ้าคัญทีท่ ้าให้ทารกซีดและตัวเหลอื ง โดยชนดิ ของ HDN ท่ี

วทิ ยาศาสตรก์ ารบริการโลหติ 234

พบมากที่สุด จะเป็น Isoimmune HDN ซึ่งเกิดจากการที่แม่และทารกมีหมู่เลือดไม่ตรงกัน ท้าให้

เกิดปฏิกิริยาระหว่างแอนติบอดีของแม่ต่อต้านเม็ดเลือดแดงของลูก ท้าให้เม็ดลือดแดงของลูกถูก

ท้าลาย สามารถแบง่ Isoimmune HDN ออกเป็น 3 ชนดิ ดังนี้

1. Rhesus hemolytic disease (Rh-HDN) เป็น HDN ที่พบในทารกท่ีมีหมู่เลือด Rh

positive กับแมท่ ่มี ี Rh negative พบได้น้อยในประเทศไทย ขณะทแี่ ม่ตั้งครรภ์ จะมีเลอื ดของทารก

ในครรภ์บางส่วนหลุดเข้าสู่กระแสเลือดของแม่ สามารถกระตุ้นให้แม่สร้างแอนติบอดีต่อต้านได้ ท้า

ให้แม่มีการสร้าง Anti-D antibody เกิดขึ้นในการตั้งครรภ์ลูกคนแรก แต่ปริมาณของแอนติบอดีจะ

ไม่มากพอท่ีจะท้าให้เกิดโรค แต่เมื่อมีการต้ังครรภ์คร้ังที่ 2 ปริมาณของแอนติบอดีจะเพิ่มมากขึ้น

โดย IgG ของแม่จะสามารถผ่านรกเขา้ สู่กระแสเลอื ดของทารกในครรภ์ ทา้ ใหเ้ กดิ การแตกทา้ ลายของ

เมด็ เลอื ดแดงของลูก ท้าใหท้ ารกซดี และอาจเสียชวี ิตในครรภไ์ ด้ หากทารกไมต่ ายคลอด จะเส่ียงต่อ

การเกิด Hyperbilirubinemia ซึ่งอาจท้าให้เกิดภาวะสมองพิการเนื่องจากมีบิลิรูบินไปจับกับเซลล์

ประสาทในสมอง (Kerniterus) ได้ ซ่ึงการป้องกันสามารถท้าได้ด้วยการฉีด Immunoglobulin G

ชนิดต้าน Rh positive (RhoGam) ภายใน 72 ชั่วโมง เพือ่ ท้าลายเมด็ เลอื ดแดงของลูกท่เี ข้าสู่กระแส

เลอื ดแม่

2. ABO hemolytic disease (ABO-HDN) เป็น HDN ท่เี กดิ กับทารกทม่ี ีหมู่เลอื ด A หรือ B

และแม่มเี ลอื ดหมู่ O ทา้ ใหเ้ ม็ดเลือดแดงของทารกแตกจากแอนติบอดีของแมท่ ีผ่ ่านรกมาท้าปฏิกิริยา

กับเมด็ เลือดแดงของทารก ซ่ึงจะเป็น Isoimmune HDN ท่พี บได้บ่อยมากท่สี ดุ

3. Minor blood group hemolytic disease

Weak D
คนท่ีมีหมู่เลือด Rh positive เมื่อน้าเม็ดเลือดแดงมาทดสอบกับน้ายาตรวจ Anti-D จะเกิด

ปฏิกิริยาการจับกลุ่มมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่บางคร้ังเม็ดเลือดแดงจะท้าปฏิกิริยาได้น้อยหรือไม่

เกดิ ปฏิกิรยิ า ตอ้ งทดสอบต่อดว้ ย Antiglobulin test จึงจะบอกไดว้ ่าเม็ดเลือดแดงมแี อนติเจน D ซึ่ง

จะเรยี กเม็ดเลือดแดงทเี่ กิดปฏิกิรยิ าในลักษณะนี้วา่ Weak D ซง่ึ ถอื ว่าเป็น Rh positive

เลือดของผู้บริจาคโลหิตทุกคนจะต้องมีการตรวจว่าเป็น Weak D หรือไม่ ถึงแม้ว่าผู้ป่วย Rh

negative ท่ีได้รับเลือดจากผู้บริจาคที่เป็น Weak D จะกระตุ้นได้น้อยกว่าเลือด Rh positive แต่

หากผู้ป่วยมี Anti-D อยู่แล้ว และได้รับเลือดของผู้บริจาค Weak D อาจท้าให้เกิด Transfusion

reaction ที่รนุ แรงได้

35. Antibody ชนดิ ใด ทีพ่ บในหมเู่ ลือด O Bombay

ก. Anti–A , Anti–B , Anti–A,B ข. Anti–A , Anti–B , Anti–D

ค. Anti–A,B , Anti–H , Anti–D ง. Anti–A , Anti–B , Anti–H

จ. Anti–H , Ant–A , Anti–D

วทิ ยาศาสตร์การบรกิ ารโลหิต 235

ตอบ ง. Anti–A , Anti–B , Anti–H
36. ขอ้ ใดเป็นลักษณะของหมเู่ ลอื ด O Bombay

ก. บนเมด็ เลือดแดงพบ H antigen, ไม่มี anti-A, anti-B, Anti-H ใน serum, หลั่งในน้าลาย
ข. บนเมด็ เลอื ดแดงพบ H antigen, มี anti-A, anti-B, Anti-H ใน serum, หล่ังในนา้ ลาย
ค. บนเมด็ เลอื ดแดงไม่พบ H antigen, มี anti-A, anti-B, Anti-H ใน serum, หลั่งในนา้ ลาย
ง. บนเม็ดเลือดแดงไมพ่ บ H antigen, มี anti-A, anti-B, Anti-H ใน serum, ไมห่ ลงั่ ในน้าลาย
จ. บนเม็ดเลอื ดแดงไม่พบ H antigen, ไม่มี anti-A, anti-B, Anti-H ใน serum, หลงั่ ในน้าลาย

ตอบ ง. บนเม็ดเลอื ดแดงไม่พบ H antigen, มี anti-A, anti-B, Anti-H ใน serum, ไม่
หล่ังในนา้ ลาย

*เฉลยสาหรับขอ้ 35-36
Bombay phenotype หรอื O Bombay (Oh) หรอื ABHnull

Bombay phenotype เป็นหมู่เลือดที่ให้ผลการตรวจหมูเลือดในหลอดทดลองด้วยวิธี Cell
grouping และ serum grouping ให้ผลคล้ายหมู่เลือด O เน่ืองจากไม่มีแอนติเจน A และ B แต่
พบว่าในพลาสมาของคนท่ีเป็น Bombay phenotype จะสามารถท้าปฏิกิริยากับแอนติเจนบนผิว
เซลล์เมด็ เลือดแดงหมู่เลือด O ได้ ซึ่งเป็นปฏิกริ ยิ าทเ่ี กิดจาก Anti-H กบั แอนตเิ จน H บนผวิ ของเม็ด
เลอื ดแดงคนปกติ ซ่งึ การตรวจหมูเ่ ลือดของคนทมี่ ี Bombay phenotype จะใหผ้ ลดังนี้

ปฏกิ ิริยาของเม็ดเลอื ดแดงท่ีทดสอบกบั ปฏิกริ ิยาของพลาสมาเมือ่ ทดสอบกับ

Anti-A Anti-B Anti-A,B Anti-H Cell A Cell B Cell O
Neg Neg Neg Neg 4+ 4+ 4+

เนื่องจากคนที่เป็น Bombay phenotype จะไม่มีการสร้างแอนตอเจน H ท้าให้มีการสร้าง
Anti-H ในพลาสมา ซ่ึง Anti-H น้ี จะท้าปฏิกิริยารุนแรงกับแอนติเจน H จึงอาจเป็นสาเหตุของการ
แตกของเม็ดเลือดแดง โดยเฉพาะกับเม็ดเลือดแดงของคนหมู่เลือด O ท่ีมีแอนติเจน H บนผิวเม็ด
เลือดแดงมาก ดังนัน้ ผ้ทู ี่มี Bombay phenotype จงึ ไมส่ ามารถรับเลอื ดจากคนหมเู่ ลือด O ได้ ต้อง
รบั จากคนทีม่ ี Bombay phenotype ดว้ ยกนั เท่านั้น

ดงั นัน้ การตรวจทางธนาคารเลือดของผ้ทู ่มี ี Bombay phenotype จะพบวา่ เมด็ เลอื ดแดงจะ
ไม่มี A B H antigen แต่มี Anti-H ที่ให้ปฏิกิริยาแรง และเป็น Non secretor คือ จะไม่พบ A B H
substance ในนา้ หล่งั

วิทยาศาสตรก์ ารบรกิ ารโลหิต 236

37. ขอ้ ใดเปน็ มาตรฐานการตรวจ Infectious marker ในผู้บริจาคโลหิต

ก. PCR for HIV HBV และ HCV

ข. Syphilis, HBsAg, anti-HCV, Anti-HIV

ค. Syphilis, HBsAg, HCV Ag, Anti-HIV, PCR for HIV HBV และ HCV

ง. Syphilis, Anti-HBV , Anti-HCV , Anti-HIV, PCR for HIV HBV และ HCV

จ. Syphilis, HBsAg, Anti-HBV, Anti-HCV , Anti-HIV, HIV Ag, PCR for HIV HBV และ HCV

ตอบ จ. Syphilis, HBsAg, Anti-HBV, Anti-HCV , Anti-HIV, HIV Ag, PCR for HIV
HBV และ HCV
38. ข้อใดคอื อุณหภมู เิ หมาะสมที่ AABB แนะนาในการขนยา้ ยส่วนประกอบเลือด

ก. 1-6°C ข. 1-10°C ค. 2-6°C ง. 2-4°C จ. 4-8°C

ตอบ ข. 1-10°C
39. ส่วนประกอบของเลือดชนิดใดทเ่ี กดิ การปนเปือ้ นของแบคทเี รยี ได้งา่ ย

ก. whole blood ข. red blood cell ค. freeze frozen plasma

ง. cryoprecipitate จ. platelet concentrate

ตอบ จ. platelet concentrates
40. ข้อใด ไม่ถูกตอ้ ง

ก. Random platelet ตอ้ งมี platelet > 5.5x1010 /L

ข. Platelet concentrate เตรียมจาก WB ที่มีอายุไม่เกนิ 6-8 ชวั่ โมง

ค. Platelet concentrate ท่เี ก็บไว้ที่ 22°C ท้าใหม้ คี ุณภาพดกี วา่ ท่ี 4°C

ง. ผบู้ รจิ าคท่กี ิน Aspirin มา 3 วัน หา้ มน้ามาเตรยี ม Platelet concentrate

จ. เวลาให้ Platelet concentrate ห้ามใช้ชดุ กรอง เน่ืองจากท้าให้ Platelet คา้ งอย่ใู นชดุ กรอง

ตอบ จ. เวลาให้ Platelet concentrate หา้ มใชช้ ดุ กรอง เนอื่ งจากทาให้ Platelet คา้ ง
อยใู่ นชุดกรอง
41. ควรเลอื กสว่ นประกอบของเลือดชนดิ ใด ให้กบั ผ้ทู เี่ ปลยี่ นถา่ ยไขกระดูก

ก. leukocyte poor red cell

ข. leukocyte depleted red cell

ค. leukocyte rich red cell

ง. Irradiated leukocyte poor blood

จ. ไมม่ ีข้อถูก

ตอบ ง. Irradiated leukocyte poor blood

วทิ ยาศาสตร์การบริการโลหิต 237

42. ผู้ปว่ ยหมู่เลอื ด A ต้องการรบั เกล็ดเลอื ด ควรพจิ ารณาการใหด้ งั ขอ้ ใด

ก. ใหเ้ กล็ดเลอื ดหมู่ A หากไม่มีให้เกล็ดเลอื ดหมู่ B

ข. ให้เกลด็ เลอื ดหมู่ A หากไม่มใี หเ้ กล็ดเลือดหมู่ AB

ค. ใหเ้ กลด็ เลอื ดหมู่ A หากไมม่ ใี หเ้ กล็ดเลือดหมู่ O

ง. ให้เกล็ดเลือดหมู่ A หากไม่มีใหเ้ กล็ดเลือดหมู่ O หรือ AB

จ. ให้เกล็ดเลือดหมู่ A หากไม่มใี หเ้ กล็ดเลือดหมู่ B หรือ O หรือ AB

ตอบ ข. ให้เกล็ดเลือดหมู่ A หากไม่มใี ห้เกล็ดเลือดหมู่ AB (พิจารณาใหห้ มู่ A, O, B, AB

ตามลาดับ)
43. เลือดทีเ่ หมาะที่สดุ ส้าหรบั ผ้ปู ว่ ย Bone marrow transplant

ก. PRC อายไุ ม่เกิน 7 วัน

ข. Irradiated LPRC อายุไม่เกิน 7 วัน

ค. Washed red cells

ง. Leukocyte depleted Red blood cell, CMV negative

จ. Irradiated Leukocyte depleted Red blood cell, CMV negative

ตอบ จ. Irradiated Leukocyte depleted Red blood cell, CMV negative
44. ส่วนประกอบของเลอื ดในขอ้ ใด เหมาะจะให้กับผ้ทู ีเ่ ปน็ febrile non-hemolytic transfusion

reaction จากการรบั เลือดคร้งั ที่ 1

ก. Washed red cells ข. Leukocyte depleted blood ค. FFP

ง. Radiated RBCs จ. PRC

ตอบ ข. Leukocyte depleted blood
45. เมอ่ื ให้เลอื ดผู้ป่วยแล้วเกดิ ไข้ หนาวสน่ั ในการให้เลอื ดครั้งต่อไปควรให้เลือดชนดิ ใด

ก. Irradiate red blood cell ข. Pack red cell ค. Fresh whole blood

ง. CMV negative red blood cell จ. Leukocyte reduce red blood cell

ตอบ จ. Leukocyte reduce red blood cell
46. ควรเลือกส่วนประกอบเลือดชนิดใดให้ผู้ป่วย เมื่อผู้ป่วยหญิงมีอาการตกเลือด เลือดออกง่าย

และพบว่ามรี ะดบั Fibrinogen ต่้า

ก. Fresh whole blood ข. Cryoprecipitate

ค. Platelet concentrate ง. Fresh frozen plasma

จ. Platelet concentrate + Fresh frozen plasma

ตอบ ข. Cryoprecipitate

วทิ ยาศาสตรก์ ารบริการโลหติ 238

การรักษาด้วยการใหส้ ่วนประกอบของเลือด
การให้เม็ดเลือดแดง (Red blood cell transfusion)

การให้เม็ดเลือดแดงมจี ุดประสงค์เพื่อรัการะดับของออกซิเจนในกระแสเลือดให้เพียงพอ
ประกอบด้วย

1. เลือดครบสว่ น (Whole blood) จะประกอบดว้ ยส่วนของเมด็ เลอื ดและยังมีสว่ นประกอบ
ของสารน้าท่ีใช้ทดแทนปริมาตรของเลือดที่เสียไปได้ เหมาะส้าหรับผู้ที่ขาดทั้งส่วนของ
เม็ดเลือดแดงและพลาสมา เช่น ผู้ท่ีมีภาวะ Acute blood loss ท่ีเสียเลือดมากกว่าร้อย
ละ 20 ของปริมาตรเลือดในร่างกาย

2. เม็ดเลือดแดง (Packed red cell) ส่วนใหญ่จะใช้กับผู้ป่วยที่ต้องการเพิ่มปริมาณเม็ด
เลือดแดงและออกซิเจนในกระแสเลอื ด โดยไม่ต้องการเพ่ิมปริมาตรของเลอื ดในร่างกาย
ลดความเสี่ยงของ circulating overload

การใหเ้ กล็ดเลอื ด (Platelet transfusion)
เกล็ดเลือดเข้มข้น (Platelet concentration) สามารถเตรียมได้ 2 วิธี คือ Platelet

apheresis และการปั่นแยกจากเลือดครบส่วน การให้เกล็ดเลือดต้องให้ตรงหมู่ ABO ระหว่างผู้
ใหก้ บั ผู้รบั
การให้ผลติ ภณั ฑ์จากพลาสมา (Plasma transfusion)

พลาสมาเปน็ แหลง่ โปรตนี และปัจจยั การแขง็ ตัวของเลอื ดต่างๆ ผลิตภัณฑ์จากพลาสมาไดแ้ ก่
1. Fresh frozen plasma (FFP) เป็นพลาสมาที่เตรียมจากเลือดครบส่วนภายใน 6 ชั่วโมงหลงั

การเจาะเลือด แล้วน้าไปแช่แข็งท่ีอุณหภูมิ -20°C เพื่อรักษา coagulation factors ในการ
น้าไปให้กับผปู้ ่วย ต้องใช้ชุดกรองเลือดทุกคร้ัง โดยก่อนให้ จะน้า FFP มาละลายที่ 30-37°C
ประมาณ 30-45 นาที หลงั จากละลายแล้ว ควรนา้ ไปเก็บท่ี 1-6°C และควรนา้ ไปใหก้ บั ผู้ป่วย
ภายใน 24 ชัว่ โมง
2. Cryoprecipitate (CRYO) คือตะกอนที่เกิดจากการน้า FFP มาละลายท่ีอุณหภูมิตต้่า (4°C)
เมื่อน้าไปป่ันแยกที่ 4°C แยกพลาสมาส่วนเกินออกไป จะเหลือพลาสมากับตะกอน
cryoprecipitate เก็บไว้ที่ -20°C ในการน้าไปให้กับผู้ป่วย ต้องใช้ชุดกรองเลือดทุกครั้ง โดย
CRYO จะประกอบด้วย Factor VIII, Fibrinogen, Factor XIII, von Willebrand factor จงึ
น้าไปให้ในผู้ป่วย Hemophilia A, von Willebrand disease หรือผู้ที่ต้องการ fibrinogen
เช่นในคนทีม่ ีภาวะตกเลอื ด
3. Cryoprecipitate removed plasma เป็นพลาสมาท่ีได้จากการแยก cryoprecipitate
ออกไปแล้ว และรีบน้าไปแช่แข็งท่ีอุณหภูมิ -20°C ส่วนประกอบจะมีลักษณะใกล้เคียงกับ
FFP แต่จะมี Factor VIII, fibrinogen และ Factor XIII เหลอื อยูเ่ ลก็ นอ้ ย

วทิ ยาศาสตร์การบรกิ ารโลหติ 239
4. Fresh dried plasma เป็น fresh plasma ท่นี ้าไปผ่านกระบวนการ lyophilization ระเหย

น้าออกไป เหลือเป็นผงพลาสมาแหง้
การลดจานวนเมด็ เลือดขาว (Leukocyte depletion)

Neutrophil ที่ปะปนอยูใ่ น cellular component มผี ลเสยี หลายประการ ไดแ้ ก่ การ
กระตุน้ ให้เกดิ แอนตบิ อดตี ่อ HLA การเกิดไข้หนาวส่นั หลังการรบั เลอื ด ซ่ึงการลดจ้านวนเมด็ เลือด
ขาวในถุงเลือด สามารถทา้ ได้ 2 วธิ ีคือ Inverted centrifugation ท้าใหไ้ ด้ Leukocyte poor
packed red cell (LP-PRC) ซึง่ มี WBC<0.2x109/unit หรือการกรองเมด็ เลอื ดขาวออกโดยใช้ชุด
กรอง ทา้ ใหไ้ ด้ Leukocyte depleted PRC (WBC<5x106/unit) การลดจ้านวนเมด็ เลอื ดขาวนี้ จะ
ชว่ ยลดการเกดิ Febrile non hemolytic transfusion reaction (FNHTR) นอกจากน้ี ยงั เหมาะ
สา้ หรบั ผู้ทต่ี ้องไดร้ บั เลือดอยา่ งสม้่าเสมอ เช่น ผปู้ ว่ ยธาลัสซเี มีย และผู้ปว่ ยมะเร็ง เป็นตน้

*Febrile non hemolytic transfusion reaction (FNHTR) หมายถึง ภาวะแทรกซ้อน
หลังได้รับเลือด ที่ผู้ป่วยมีอาการไข้ มากกว่าหรือเท่ากับ 38°C หรือมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าระดับ
ก่อนรบั เลือด มากกว่าหรอื เท่ากับ 1 °C และ/หรือมีอาการหนาวสนั่ และอาจมอี าการปวดหัวคล่ืนไส้
ร่วมด้วย อาการเกิดขึ้นภายใน 4 ชั่วโมงภายหลังการรับเลือด โดยตัดสาเหตุอ่ืนๆ ออกไป เช่น HTR
ติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเหตอุ ืน่ ๆ
การฉายรังสี (Irradiation)

เน่อื งจาก Lymphocyte ของผู้บริจาค อาจทา้ ให้เกดิ ภาวะ Graft versus host disease;

GVHD) ในผู้รับได้ ดังนั้น เพื่อป้องกันการเกิด GVHD จึงใช้วิธีการฉายรังสีถุงเลือดเพื่อลด viable

lymphocyte ซงึ่ ขนาดรังสที ่ีใช้คือ 25 Gy เมอ่ื ฉายรังสีแลว้ ควรใหภ้ ายใน 14 วนั

วทิ ยาศาสตรก์ ารบรกิ ารโลหิต 240

เอกสารอ้างองิ

1 . Armstrong B. Introduction to Blood Transfusion Technology. ISBT Science Series
(2008) 3rded: Blackwell Publishing Ltd., 2008.
2. Brecher ME. Technical manual. 15th ed. Bethesda, Maryland: American Association
of Blood Banks, 2005.
3 . Harmening DM. Modern blood banking and transfusion practices. 5 th ed.
Philadelphia: F.A. Davis Company, 2005.
4. Immunohematology Journal, volume 25, number 1-4, 2009.
5. Immunohematology Journal, volume 26, number 1-3, 2010.
6 . Toby L. Simon, E. L. Snyder, B. G. Solheim, Christopher, P. Stowell, Ronald, G.
Strauss and Marian Petrides. Rossi's Principles of Transfusion Medicine, 4 th Ed., West
Sussex, UK: Blackwell Publishing Ltd. 2009.
7. เพ็ญนภา คลังสินศิรกิ ุล. ภูมคิ ุ้มกนั โลหติ วิทยาและธนาคารเลอื ด.พมิ พค์ รัง้ ที่ 1. ธนบรรณการพิมพ์,
เชียงใหม่, 2551.
8. พูนทรพั ย์ ผลาขจรศกั ด.์ิ คมู่ อื ปฏบิ ตั ิการธนาคารเลอื ด.พิมพ์ครง้ั ท่ี 2. ธนบรรณการพิมพ์,

เชยี งใหม่, 2552.

ภูมคิ มุ้ กนั วทิ ยาคลนิ ิก 241

ภมู คิ มุ้ กนั วิทยำคลนิ กิ

ประมวลความรูท้ างภูมคิ ุ้มกนั วทิ ยาคลินกิ
ปยิ ะฉัตร เอวาลิน รูปงาม

Basic Immunology
1. ขอ้ ใดคอื ลักษณะท่วั ไปของ Adaptive immunity ทแ่ี ตกตา่ งจาก Innate immunity

ก. ตอบสนองชา้ และไมจ่ ้าเพาะเจาะจง ข. ตอบสนองเร็วแตไ่ มจ่ า้ เพาะเจาะจง

ค. ตอบสนองเร็วและจา้ เพาะเจาะจง ง. ตอบสนองชา้ แตจ่ ้าเพาะเจาะจง

จ. ไมต่ อบสนองต่อ Ag ท่ีไมเ่ คยเจอ

ตอบ ง. ตอบสนองช้าแต่จาเพาะเจาะจง
2. อวัยวะใดในมนุษย์ทีเ่ กี่ยวข้องกับการสรา้ งและพฒั นาการของ T lymphocyte

ก. Lymph node ข. Bursa of fabricius

ค. Bone marrow และ Thymus ง. Lymph node และ Bursa of fabricius

จ. Thymus และ Bursa of fabricius

ตอบ ค. Bone marrow และ Thymus
3. Cell ในระบบ Innate immunity ทสี่ ามารถท้าลายเซลลม์ ะเรง็ คือขอ้ ใด

ก. Cytotoxic T Lymphocyte ข. Lymphokine-activated killer (LAK) cell

ค. NK cell ง. Neutrophil จ. Macrophage

ตอบ ค. NK cell
4. สว่ นประกอบของแอนติบอดีที่ชว่ ยในการจบั กนิ ของ Phagocyte คอื ข้อใด

ก. Fab ข. Fc ค. J chain ง. Light chain จ. Variable region

ตอบ ข. Fc
5. Cell ใดท่นี ้าเสนอแอนติเจนไดท้ ัง้ MHC class I และ MHC class II

ก. T cell ข. Neutrophil ค. Dendritic cell ง. PMN จ. NK cell

ตอบ ค. Dendritic cell
6. สว่ นใดของ Antibody ท่ใี ช้จับกับ Antigen

ก. Fab ข. Fc ค. J chain ง. Light chain จ. Constant region

ตอบ ก. Fab
7. สารใดต่อไปนมี้ ีความเปน็ Antigen มากท่ีสุด

ก. Protein ข. Lipid ค. Nucleic acid ง. Carbohydrate จ. Vitamin

ตอบ ก. Protein

ภมู คิ มุ้ กันวทิ ยาคลนิ กิ 242

8. Cytokines ในข้อใดมบี ทบาทส้าคญั มากทสี่ ดุ ในการก้าจดั virus

ก. IL-2 ข. IL-4 ค. TNF ง. IL-6 จ. IFN-α

ตอบ จ. IFN-α
9. ขอ้ ใดเปน็ ระบบภมู คิ มุ้ กนั จา้ เพาะท่มี ีบทบาทสา้ คญั ในการกา้ จัด Intracellular bacteria

ก. Complement ข. Cytokine ค. Cell mediated immune response

ง. Humoral immune response จ. Physical barrier

ตอบ ค. Cell mediated immune response
10. MHC class I และ class II จะท้าหนา้ ทน่ี า้ เสนอสว่ นของแอนตเิ จนใหแ้ ก่เซลล์ใด

ก. CD 4+ T cell และ CD8+ T cell ตามล้าดบั

ข. CD8+ T cell และ CD 4+ T cell ตามลา้ ดบั

ค. TH 1 cell และ TH2 cell ตามลา้ ดบั

ง. Regulatory T cell และ helper T cell ตามล้าดับ

จ. Cytotoxic T cell และ Regulatory T cell ตามลา้ ดับ

ตอบ ข. CD8+ T cell และ CD 4+ T cell ตามลาดับ
11. สารในข้อใดใช้ในการแยก Peripheral blood mononuclear cells (PBMC)

ก. Glucose ข. Triton X ค. Ficoll hypaque ง. Normal saline จ. Saponin

ตอบ ค. Ficoll hypaque
12. ข้อใดคืออวัยวะที่น้ามาปลกู ถ่าย ที่มลี ักษณะทางพันธกุ รรมต่างกันแต่อยู่ใน species เดียวกัน

ก. Autograft ข. Allograft ค. Isograft ง. Syngeneic graft จ. Xenograft

ตอบ ข. Allograft
13. ชายไทยโดนแตนต่อย มีการบวมแดง จากน้นั เกดิ ชอ็ ค หมดสติ นา่ จะเกีย่ วขอ้ งกับขอ้ ใดมากทสี่ ดุ

ก. IgG + IgM ข. IgG-Macrophage ค. IgE-Neutrophil ง IgE-Mast cell จ. IgD + IgE

ตอบ ง IgE-Mast cell
14. ข้อใดกล่าวถูกตอ้ งเกีย่ วกับ Multiple myeloma

ก. ผลิต monoclonal IgG หรือ IgM หรือ IgA หรอื IgE หรือ IgD รว่ มกบั free heavy chain

มากกวา่ ปกติ

ข. ทา้ Serum electrophoresis ได้ gamma globulin peak สูงกว่าปกติ

ค. ผู้ป่วยมี Bence Jones protein ในปัสสาวะ

ง. พบภาวะมะเรง็ ตอ่ มนา้ เหลือง จ. พบอัลบมู นิ สงู ในซีรัม

ตอบ ข. ทา Serum electrophoresis ได้ gamma globulin peak สูงกวา่ ปกติ

ภูมคิ ุ้มกนั วทิ ยาคลินกิ 243

15. ข้อใดใช้สา้ หรับ Passive Immunization

ก. BCG ข. Recombinant HBs Ag ค. Rabies immunoglobulin

ง. Toxoid จ. Influenza vaccine

ตอบ ค. Rabies immunoglobulin
16. ข้อใดกลา่ วถูกตอ้ งเกยี่ วกบั Active immunization

ก. การให้ Antibody หรอื gamma globulin ทจ่ี ้าเพาะต่อโรคน้นั ฉดี เขา้ ร่างกาย

ข. การท่ีทารกไดร้ บั ภูมคิ ุ้มกนั จากแม่

ค. ภมู คิ ้มุ กันเกดิ ขึน้ ทนั ทีหลงั immunization

ง. การฉีดกระตนุ้ ใหเ้ กดิ ภมู ิคมุ้ กันโรคทสี่ ร้างข้ึนเองทั้งดา้ น HIR และ CMIR

จ. เหมาะกบั ใช้ป้องกนั และรกั ษาโรคใหบ้ ุคคลท่ีมีภาวะบกพร่องทางภมู คิ มุ้ กัน

ตอบ ง. การฉดี กระตุ้นใหเ้ กิดภมู ิคุ้มกันโรคทส่ี ร้างขึ้นเองท้งั ดา้ น HIR และ CMIR
17. จงเรียงลา้ ดบั ขน้ั ตอนการท้า Mouse monoclonal antibody

1. Cell fusion (B cell + myeloma) 2. Immunization

3. Antibody production detection 4. Cell cultivation in HAT medium

5. Select hybridoma clone 6. limited dilution

ก. 1 -> 2 -> 3 -> 4 -> 5 -> 6 ข. 1 -> 3 -> 2 -> 4 -> 6 -> 5

ค. 2 -> 3 -> 4 -> 1 -> 6 -> 5 ง. 2 -> 3 -> 1 -> 4 -> 6 -> 5

จ. 3 -> 2 -> 1 -> 4 -> 5 -> 6

ตอบ ง. 2 -> 3 -> 1 -> 4 -> 6 -> 5
18. การทดสอบทม่ี ีการเคลือบแอนติเจนไว้บนเมด็ เลือดแดง เพ่ือใช้ตรวจหาแอนตบิ อดี หมายถงึ การ

ทดสอบใด

ก. Reverse passive agglutination ข. Reverse passive hemagglutination

ค. Passive hemagglutination ง. Direct passive hemagglutination

จ. Direct agglutination

ตอบ ค. Passive hemagglutination
19. เมอ่ื ตอ้ งการตรวจหา Antigen ของเชอ้ื ชนดิ หน่งึ โดยเคลอื บหลมุ Microtiter plate ดว้ ย

Antibody ตอ่ เชอื้ นนั้ แล้วเตมิ serum ทสี่ งสัย เมอื่ ล้างสว่ นทไ่ี มท่ า้ ปฏิกริ ยิ าออก แล้วตรวจสอบผล

โดยใช้ Specific antibody ทตี่ ดิ ฉลากด้วย Enzyme อยากทราบวา่ การทดสอบนอ้ี าศัยหลักการใด

ก. Homogeneous EIA ข. Indirect ELISA ค. Sandwich ELISA

ง. Competitive ELISA จ. IgM Captured ELISA

ตอบ ค. Sandwich ELISA

ภมู คิ ุม้ กนั วทิ ยาคลนิ ิก 244

20. อวยั วะใดในมนษุ ย์ท่ีเกีย่ วข้องกับการสรา้ งและพัฒนาการของ T lymphocyte

ก. Lymph node ข. Bursa of fabricius

ค. Bone marrow และ Thymus ง. Lymph node และ Bursa of fabricius

จ. Lymph node และ Bursa of fabricius

ตอบ ค. Bone marrow และ Thymus
21. ขอ้ ใดถกู ต้อง

ก. IgA ก่อใหเ้ กิดปฏกิ ริ ิยาเกาะกลุ่มได้ดีทส่ี ดุ ข. IgD กอ่ ใหเ้ กดิ ปฏิกิริยาเกาะกลมุ่ ไดด้ ีทสี่ ุด

ค. IgE ก่อใหเ้ กดิ ปฏกิ ริ ยิ าเกาะกลมุ่ ได้ดีที่สดุ ง. IgG ก่อใหเ้ กิดปฏกิ ิริยาเกาะกลุ่มไดด้ ีทส่ี ุด

จ. IgM กอ่ ใหเ้ กดิ ปฏกิ ิรยิ าเกาะกลุ่มได้ดที ่ีสดุ

ตอบ จ. IgM กอ่ ใหเ้ กิดปฏิกิรยิ าเกาะกล่มุ ได้ดีท่ีสุด
22. ข้อใดคือความหมายของ Immunogen

ก. สารท่สี ามารถที่ท้าปฏกิ ริ ยิ ากบั ภูมิคมุ้ กนั ได้

ข. สารทไี่ ม่สามารภกระตนุ้ ใหเ้ กดิ ภูมคิ ุ้มกันได้

ค. สารท่ชี กั น้าให้เกดิ การตอบสนองทางภูมิคุ้มกนั

ง. สารที่กระตุ้นให้เกดิ ภมู คิ ุ้มกนั กต็ ่อเม่ือน้าสารน้ันไปรวมกับโปรตนี ท่มี ีขนาดใหญ่

จ. สาร glycoprotein ทเี่ กดิ จากการตอบสนองของระบบภมู ิคุ้มกันต่อสง่ิ แปลกปลอม

ตอบ ค. สารที่ชักนาให้เกิดการตอบสนองทางภูมิคมุ้ กัน
23. ขอ้ ใดไม่จดั เป็นภูมคิ ุ้มกันแบบ Cell-mediated immune response (CMIR)

ก. Tuberculin test ข. Contact sensitivity ค. Antiviral immunity

ง. Tumor surveillance จ. Antibody secretion

ตอบ จ. Antibody secretion
24. ขอ้ ใดเปน็ ระบบภูมิคุม้ กันจ้าเพาะทีม่ บี ทบาทสา้ คัญในการกา้ จดั Intracellular bacteria

ก. Complement ข. Cytokine ค. Cell mediated immune response

ง. Humoral immune response จ. Physical barrier

ตอบ ค. Cell mediated immune response
25. กลไกของระบบภูมคิ ม้ กนั แบบจา้ เพาะที่ส้าคัญตอ่ เชอื้ ไวรสั คอื

ก. NK cell ข. Cytotoxic T cell ค. Type 1 Interferon

ง. Type 2 Interferon จ. Neutralization antibody

ตอบ ข. Cytotoxic T cell

ภูมิคุ้มกันวิทยาคลนิ กิ 245
Introduction to the immune response
ภูมิคุ้มกัน (Immunity) มาจากค้าภาษาละตนิ immunitas ในอดีตตัวอย่างท่ีชัดเจนแรก
ของการจดั การนีค้ อื การฉดี วัคซนี ไข้ทรพษิ ที่ประสบความสา้ เร็จของ Edward Jenner
Immune System คือระบบภูมิคุ้มกันท้ังหมดของร่างกายท่ีท้าหน้าที่ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคหรือส่ิง
แปลกปลอมเข้ามาท้าอันตรายต่อร่างกายหรือเมื่อแอนติเจนหรือสิ่งแปลกปลอมเข้ามาแล้วระบบ
ภูมิคุ้มกนั กจ็ ะพยายามก้าจัดออกไปโดยเร็วและมปี ระสิทธิภาพ
ประเภทของภูมิคุม้ กัน
1. ภูมิคุ้มกันโดยก้าเนิด (Innate immunity) หมายถึงภูมิคุ้มกันท่ีอยู่ในร่างกายหรือภูมิคุ้มกันที่
เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติตอบสนองรวดเร็ว และจัดเป็นกลไกการป้องกันส่ิงแปลกปลอมแบบไม่
จา้ เพาะเจาะจง
2. ภูมิคุ้มกันท่ีได้มาหรือภูมิคุ้มกันแบบจ้าเพาะ (Adaptive immunity) หมายถึงภูมิคุ้มกันที่
เกิดขึ้นภายหลัง ตอบสนองช้า ใช้เวลาประมาณ 3-7 วัน ประกอบด้วย B lymphocytes และ T
lymphocytes มีความจา้ เพาะและมีความจา้ (memory cells)
Immune cells
1. Neutrophil มี granule ทา้ หนา้ ทก่ี ินส่งิ แปลกปลอมโดยเฉพาะเชอื้ แบคทเี รยี ไดด้ ี
2. Basophil เม็ดเลือดขาวในกระแสเลือด มี granule เพียงเล็กน้อย และมีหน้าที่ไม่มากนักใน
ระบบภูมิค้มุ กนั แต่หากอยู่ในเนื้อเยื่อเรียกว่า mast cell หน้าท่ีหล่ังสารต่างๆออกจาก granule ใน
ผู้ป่วยโรคภมู แิ พ้ ex. Histamine , Leukotriene
3. Eosinophil มี granule ส่วนใหญ่ eosinophil อยใู่ นเนอื้ เย่อื บรเิ วณใต้ชั้นเย่ือบุ เป็นผู้ชกั นา้ ให้
เกดิ การสรา้ ง IgE ซ่ึงเปน็ ภมู คิ ้มุ กนั ตอ่ พยาธิ เช่ือว่า eosinophil ฆ่าพยาธโิ ดยวิธเี กาะติดตัวพยาธิที่มี
IgE เกาะอยู่
4. Monocyte มีหน้าท่ีกินส่ิงแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย หากอยู่ในเนื้อเยื่อเรียกว่า
macrophage มีช่อื ตา่ งกันตามเนือ้ เย่อื ทีอ่ ยู่
5. Lymphocyte ในกระแสเลือด มมี ากในต่อมน้าเหลือง ท้าหน้าทีส่ ้าคัญในภมู ิค้มุ กันระบบเซลล์
มกั มีจา้ นวนสูงข้นึ ในการตดิ เชือ้ ไวรสั ex.T lymphocyte,B lymphocyte
Innate immunity
ภูมิคุ้มกันโดยก้าเนิด (Innate immunity) หมายถึง ภูมิคุ้มกันที่อยู่ในร่างกายหรือ
ภูมคิ ุ้มกนั ทเี่ กิดขึน้ เองตามธรรมชาติ จดั เปน็ กลไกการป้องกนั ส่งิ แปลกปลอมแบบไมจ่ ้าเพาะเจาะจง
Innate immunity

ภมู ิคุม้ กนั วทิ ยาคลนิ กิ 246
- ระบบภูมิคุ้มกันที่ติดตัวมาแตก่ ้าเนดิ ได้แก่ พ้ืนผิวท่ีสัมผัส antigen โดยตรง คือ ผิวหนังและเยื่อบุ
ต่างๆ ซ่ึงมีคุณสมบัตเิ ฉพาะตัวในการป้องกันและก้าจัดส่ิงแปลกปลอมซ่ึงสว่ นใหญ่คือเชือ้ โรคออกไป
จากรา่ งกาย ไม่มีความจา้ เพาะและ จะเกดิ ข้ึนทันที

ภูมิคุ้มกันระบบจะจับกับช้ินส่วนที่มีลักษณะ เหมือนๆกันในกลุ่มเชื้อที่ก่อโรคที่เรียกว่า
pathogen - associated molecular pattern (PAMPs)โดยเซลล์ภูมิคุ้มกันจะมีตัวรับที่ใช่จับกับ
ส่วนของเชอื้ กอ่ โรคเรียกว่า pattern -recognition receptor (PRR) ในกลุ่มของ PRR ทงั้ หมด PRR
ท่ีมีความส้าคญั มากคอื Toll-like receptor (TLR) สามารถจับกบั เชอื้ ได้อย่างกวา้ งขวาง

Cytokines เป็นโปรตีนที่สร้างจากเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน เพ่ือสื่อสารกันระหว่างเซลล์
cytokines ท่ีสร้างจาก T และ B cells ที่เรียกว่า lymphokines ได้แก่ interleukin และ
interferon ส่ ว น ท่ี ส ร้ า ง จ า ก monocytes แ ล ะ macrophage เ รี ย ก ว่ า monokines แ ล ะ
cytokines ท่ีหล่ังออกมาอาจท้าหน้าที่เรียกเซลล์เม็ดเลือดขาวให้มารวมกันท่ีต้าแหน่งที่มีส่ิง
แปลกปลอม กระตุ้นการเพ่ิมจ้านวนเซลล์ ท้าให้เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันมีการเปล่ียนแปลงและ
ทา้ ลายเซลล์

Phagocytosis คือการกลืนกินของเซลล์ คือรูปแบบหนึ่งของการย่อยอาหารในเซลล์
หรือ โดยท่ีอนุภาคขนาดใหญ่ โอบล้อมรอบโดยเยื่อหุ้มเซลล์ของเซลล์และถูกน้าเข้าไปอยู่ภายใน
เซลล์ เพื่อท้าให้อนุภาคกลายเป็น Phagosome ซ่ึงก็คือช่องว่างในเซลล์ท่ีมีอาหารหรือสิ่ง
แปลกปลอมบรรจุอยู่

Complément system มีการท้างานเป็น 3 ชนิด classical pathway , alternative patway,
lectin pathway

- Lysis การทา้ ใหเ้ ซลล์แตก
- Opsonization
- Activation of inflammatory response
- Clearance of immune complexes

Adaptive immunity
Adaptive immune ท้าหน้าท่ีในการจ้าแนกหรือรับรู้ว่าได้ว่าเซลล์หรือส่ิงแปลกปลอมที่

เข้ามาไม่ใช่เซลล์ของตัวเอง แต่เป็นส่ิงแปลกปลอมและตอบสนองต่อเช้ือโรคแบบจ้าเพาะเจาะจง
เพ่ือท่ีจะก้าจัดเชื้อโรคได้อย่างเต็มท่ี และท้าหน้าท่ีพัฒนาการจดจ้าเช้ือโรค โดยมี Lymphocytes
เปน็ เซลล์ทสี่ ้าคญั ใน adaptive immune คือ

- B lymphocytes ผลิตจาก stem cell ของ bone marrow เม่ือสัมผัสกับ antigen แล้วจะ
เปล่ียนไปเป็น plasma cell มีหน้าที่ผลิตภูมิคุ้มกันแบบ humoral immunity คือ antibody ซึ่งมี

ภมู คิ ุม้ กนั วทิ ยาคลินิก 247
ประโยชน์ในการจ้าแนกชนิดของเช้ือโรคและการก้าจัดส่ิงแปลกปลอม โดย B cell แต่ละตัวจะมีรี
เซพเตอร์โปรตีน (receptor protein) เรียกว่า B cell receptor (BCR) บนผิวเซลล์ ซ่ึงจะมี
ความจ้าเพาะต่อแอนตเิ จนเพยี งหนึ่งชนิด cell receptor เปน็ อมิ มโู นกลอบลู ินที่ตดิ อย่บู นผวิ เซลล์

- T lymphocytes ผลติ จาก bone marrow ไปท่เี นอื้ เย่อื ต่อม thymus และพัฒนาเปน็ T cell
T cell แบ่งออกเป็น 2 ชนิด
Cytotoxic T cells (CD8) หรือ TC, killer T cell เซลล์มีการจดจ้าส่ิงแปลกปลอมว่าเปน็ เซลล์ของ
ตัวเองหรือเซลล์สิ่งแปลกปลอม ถ้าเป็นเซลล์ของส่ิงแปลกปลอม ก็จะเข้าไปฆ่าโดยอาศัยการส่ง
สัญญาณของ helper T-cells โดยร่างกายจะจดจ้าเซลล์หรือเชื้อโรคโดยการจับกันกับ MHC Class
I + peptide ทา้ ใหส้ ามารถจ้าแอนติเจนต่างๆ ทีเ่ คยเข้าสรู่ า่ งกายมาแล้ว

Helper T-cell หรือ CD4+lymphocytes เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวท่ีมีแอนติเจน ชนิด
CD4 บนผนังเซลล์ และมีความส้าคัญในการควบคุมให้เกิดการตอบสนองของ adaptive immune
ซ่งึ เซลล์นจ้ี ะไมท่ ้าลายเซลลท์ ่เี ป็นพิษ
และไม่สามารถฆ่าเซลลท์ ่ีเป็นสิ่งแปลกปลอม

Antibody
Immunoglobulin (Ig) คือโปรตีนชนิด globulin ที่ท้าหน้าท่ีด้านภูมิคุ้มกันด้านสารน้า

โดยมีส่วน Fab จับกับแอนติเจน และ Fc เป็นโปรตีนโครงสร้างที่ให้ complement และ Fc
receptor ของ phagocytes มาจับได้
Ig มที ัง้ หมด 5 กลุ่ม คอื

1. IgG เป็น immunoglobulin ท่ีมีขนาดเล็กที่สุด เป็นชนิดเดียวที่สามารถผ่านรกได้ และมี
ปริมาณมากท่ีสุดของ immunoglobulin ทั้งหมดในน้าเหลืองของคนปกติ มีบทบาทส้าคัญในการ
ป้องกันโรคติดเชือ้ ต่างๆ

2. IgA พบ 7-15 % ของ immunoglobulin ทั้งหมดในน้าเหลอื ง ผลติ โดย plasma cell ท่ีอยใู่ ต้
ชั้นเย่ือบุผิว ส่วนใหญ่อยู่ในสารคัดหล่ังต่างๆ เช่น น้านมมารดา น้าตา น้าลาย IgA ท่ีอยู่ในนมน้ า
เหลืองของมารดา เปน็ ภูมคิ ุม้ กนั ที่ช่วยปอ้ งกันทารกแรกคลอดจากการติดเชือ้

3. IgM มีขนาดใหญ่ท่ีสุด พบ 5-10% ของ immunoglobulin ท้ังหมดในน้าเหลือง เป็น
antibody ตัวแรกท่ีร่างกายสร้างข้ึนในการตอบสนองต่อ antigen ในระยะแรกที่ติดเชื้อ (primary
antibody response) หลงั จากน้ัน IgG จึงเพม่ิ ตามมา มีบทบาทส้าคัญในการทา้ ลาย antigen

4. IgD มปี รมิ าณน้อยมาก ประมาณ 0.03% ของ immunoglobulin ท้ังหมดในน้าเหลอื ง และยงั
ไม่ทราบคุณสมบตั ทิ ่ีแนช่ ัด

5. IgE ค้นพบหลังสุด มีปริมาณน้อยท่ีสุด คือพบประมาณ 0.003% ของ immunoglobulin
ทั้งหมดในนา้ เหลือง สัมพนั ธ์กับภาวะภมู แิ พ้ และเป็นภมู ิคุ้มกนั ท่สี า้ คัญในโรคพยาธิ

ภูมิคุม้ กนั วิทยาคลินิก 248
Cell Mediated Immunity

เป็นภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการท้าหน้าท่ีของเซลล์จ้าเพาะ เช่น T lymphocyte or T cell ท่ี
เป็นกลุ่มเซลล์ท่ีสร้างและพัฒนาจากต่อมไทมัส ที่จะถูกปล่อยออกมาในกระแสเลือดเพื่อเข้าไป
เจริญเติบโตในต่อมน้าเหลือง และม้ามต่อไป โดยมี Antigen presenting cells คือ B cell,
dendritic cells และ macrophages เปน็ เซลล์ท่ีท้าหน้าที่น้าเสนอ processed peptide antigen
ให้ T cell บางคร้ัง antigen ก็สามารถส่งให้กับ T cell ได้โดยไม่อาศัย antigen presenting cell
ในกรณที ่เี ซลล์นั้นแสดง antigen ทแี่ ปลกปลอมบนผิวเซลล์ทม่ี ี histocompatibility molecule อยู่
แลว้ เชน่ เซลลท์ ่ตี ดิ เช้ือไวรัส นอกจากนยี้ งั สามารถแยกแยะได้วา่ เซลล์ท่ีเขา้ มาเป็นเซลล์ของตัวเอง
หรอื antigen ของเซลลส์ ิง่ แปลกปลอม
Major Histocompatibility Complex (MHC)

เป็นระบบของ membrane protein ที่มีความหลากหลายมากในหมู่ประชากรและมี
บทบาทส้าคัญในการปลูกถ่ายอวัยวะ MHC ส้าหรับในมนุษย์อาจเรียกว่า human leukocytes
antigens (HLA) T-cell, B-cell Selection Stem cell เรียกว่า Thymocyte ท่ี Thymus gland
มี 2 กระบวนการ
1. Positive selection: ท้าปฎกิ ริ ิยาท้ังกบั foreign peptide และ self peptide
2. Negative selection: ถ้าเกิด self-peptide (ท้าปฎิกิริยากับเซลล์ตัวเอง) จะเกิด clonal
deletion (เลือกใหต้ าย)
T cells

T lymphocytes ผลติ จาก bone marrow ไปที่เนือ้ เยือ่ ตอ่ ม thymus และพฒั นาเป็น T cell
T cell แบง่ ออกเป็น 2 ชนดิ คือ helper T-cells และ Cytotoxic T cells

- Cytotoxic T cells หรอื TC, killer T cell ทา้ หน้าท่ี ก้าจัดเซลลท์ ่ีติดเช้ือไวรัสหรอื เซลล์มะเร็ง

cells โดยร่างกายจะจดจา้ เซลล์หรอื เชอ้ื โรคโดยการจบั กันกบั MHC Class I peptide

- Helper T-cells ท้าหน้าท่ีหลั่ง Cytokines โดยการจับกันกับ MHC Class II peptideเป็น

โปรตีนทส่ี ร้างจากเซลลใ์ นระบบภูมิคุ้มกัน เพ่ือส่ือสารกันระหว่างเซลล์ cytokines ท่ีสร้างจาก
T- และ B- cells ที่เรียกว่า lymphokines คือ interleukin (IL)และ interferon ส่วนท่ีสร้าง
จาก monocytes และ macrophage เรียกว่า monokines โดย cytokines ท่หี ล่งั ออกมาอา
ท้า หน้าที่เรียกเซลล์เม็ดเลือดขาวให้มารวมกันท่ีต้าแหน่งที่มีส่ิงแปลกปลอม กระตุ้นการเพิ่ม
จ้านวนเซลล์ ท้าใหเ้ ซลลใ์ นระบบภูมคิ ุม้ กนั มกี ารเปลย่ี นแปลง และทา้ ลายเซลล์
Principle of Antigen-Antibody Reaction and Its Application

Antibody (Ab) จะมีต้าแหน่งท่ีส้าม้ารถยึดเก้าะกับแอนติเจนได้อย่างน้อย 2 ด้าน (2
combining sites หรอื bivalent)

ภมู ิค้มุ กนั วิทยาคลนิ กิ 249

Antigen (Ag) จะมีต้าแหน่งที่สามารถเกาะกับแอนติบอดีได้หลายด้านหรือหลาย

epitope

ปฏิกิริยาระหว่างแอนติเจนและแอนติบอดีนนั้ เกิดจากการใช้แรงจับกัน อย่างอ่อนๆ ซึ่ง

เปน็ non-covalent bond

1. Hydrogen bonds 2. Electrostatic force หรอื Ionics bonds

3. Van der Waals forces 4. Hydrophobic bond

รูปแบบของปฏกิ ริ ิยาระหว่างแอนตบิ อดีและแอนตเิ จน

1. Precipitation (ปฏิกริ ิยาการตกตะกอน)

2. Agglutination (ปฏิกิรยิ าการเกาะกลุ่ม)

3. Neutralization (ปฏิกิรยิ าการลบลา้ งฤทธ์ิ)

4. Complement dependent reaction (ปฏิกิริยาซึง่ ต้องอาศยั คอมพลเี มนต์ร่วมด้วย)

5. Rapid immunoassays (immunochromatography test)

รูปแบบของปฏิกริ ิยาระหว่าง Ab และ Ag ที่ส้าคญั คอื

1.Precipitation (ปฏิกิริยาการตกตะกอน) คือ Ag อยู่ในสารละลายเมื่อรวมกับ Ab ในส่วนท่ี

เหมาะสมจะเกิดการตกตะกอน ถ้ามี Ab ท่ีปริมาณมากหรือ Ag มากไป จะเกิดตะกอนเล็กน้อย

หรือไม่มตี ะกอนใหญเ่ กิดขึ้นเลย

2. Agglutination(ปฏิกิริยาการเกาะกลุ่ม) เป็นปฏิกิริยาระหว่าง Ag ที่มีลักษณะเป็นอนุภาค กับ

Ab แล้วเกิดการรวมกลุ่มเป็นก้อนใหญ่ขึ้น มี3 แบบ คือ 1) Direct agglutination 2) Indirect

agglutination

3) Rapid immunoassays (immunochromatography test) เปน็ วิธกี ารตรวจแยกชนดิ ของ Ag

หรอื Ab ไม่ต้องลา้ ง ใชเ้ วลาไม่นาน และ ไม่ตอ้ งใช้เครือ่ งมอื พิเศษ เชน่ ปัสสาวะ โดยใช้สารประกอบ

ติดฉลากด้วยสีเป็นตัวติดตามผลของปฏิกิริยา ทดสอบโดยบนวัสดุที่สารซึมผ่านได้ โดยมี test line

และ control line ซึ่งประยุกต์มาจากวิธีการตรวจแบบ ELISA มี3 แบบ คือ ELISA technique

ไ ด้ แ ก่ Competitive ELISA, Sandwich ELISA แ ล ะ Indirect ELISA. Fluorescent-activated

cell sorting (FACS) เป็นการใช้เครื่อง Flow Cytometry ช่วยในการจ้าแนก ผลท่ีได้จะบ่งบอกถึง

คณุ สมบตั ขิ องเซลล์ เชน่ ขนาดความใหญ่เล็กของเซลล์ ปริมาณแกรนูลภายในเซลล์

การสรา้ งเสรมิ ภูมคิ มุ้ กนั
การที่ท้าใหร้ า่ งกายสร้างภูมิคุ้มกนั ต่อโรคโดยแบ่งเป็น 2 แบบคือ

1. Active immunization ร่างกายมีบทบาทในการสร้างภูมิคุ้มกันโรคด้วยตัวเอง โดยโปรตีนจะ

เปน็ แอนตเิ จนทด่ี ที ่สี ุด การรับแอนตเิ จนครัง้ แรกจะชา้ แต่พอรบั คร้งั ทสี่ องจะเร็ว และอย่ไู ด้นานเป็น

ปหี รอื ตลอดชวี ิตขึ้นอยกู่ ับชนดิ ของวัคซนี หรือ vaccination คือการท้าให้รา่ งกายสรา้ งภมู คิ ้นุ กันโรค

ภูมิคุ้มกันวิทยาคลินกิ 250
ด้วยตนเอง โดยการใช้แอนติเจนหรือวัคซีน แล้วจะกระตุ้นร่างกายให้ค่อยๆสร้างภูมิคุ้มกันชนิด
จ้าเพาะตอ่ โรคนั้นๆขน้ึ มา คือ ภมู ิคุ้มกันด้านสารน้าและด้านเซลล์. วัคซนี เปน็ การกระตนุ้ และชักน้า
รา่ งกายสร้างภมู ิคุม้ กันโรคทจ่ี า้ เพาะตอ่ สารนั้นๆขึ้นมาแบง่ ได้

2. Passive immunization คอื การท่ที า้ ให้รา่ งกายมภี ูมคิ มุ้ กนั โรคเกิดข้นึ ทันที โดยการให้สารที่มี
คุณภาพสมบัติป้องกันโรคได้อยู่แล้ว เช่น natural material antibody, immune globulin และ
antitoxin. หลักๆจะมี whole sera คือการน้าเซรุ่มของผู้ป่วยโรคนึงมาให้กับผู้ป่วยโดยตรง (ไม่ใช้
แล้ว) และ Immune serum globulin สกดั จากแกมมาโกลบุลินมี 2 แบบคอื ฉดี เขา้ กลา้ มเน้อื กับฉีด
เขา้ เสน้ เลือดดา้

Immunopotentiator สารเพ่ิมภูมิคุ้มกัน หมายถึงสารที่มีฤทธ์ิเพิ่มการตอบสนองของ
ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เช่น Adjuvant ท้าหน้าท่ีเก็บรวบรวมแอนติเจน และค่อยๆปล่อยจาก
บริเวณที่ฉีดเข้าไปท้าให้แอนติเจนสัมผัสกับเซลล์ได้ดียิ่งข้ึน ตัวอย่างท่ีใช้ในปัจจุบันได้แก่ Freund’s
adjuvant, Alum, MDP

Hypersensitivity
26. ข้อใดสมั พนั ธ์กบั การเกิด type I hypersensitivity

ก. แอนตบิ อดีเปน็ IgE มาจับบนผนังของ mast cell ข. การหลั่ง cytokine ของ T-lymphocyte

ค. เกิดขึน้ ในระยะเวลาภายหลงั 72 ช่ัวโมง ง. การมีภาวะ graft versus host disease

จ. การแพ้เลือดจากผ้บู ริจาคทีม่ ีหมู่เลือดเดียวกัน

ตอบ ก. แอนตบิ อดเี ปน็ IgE มาจับบนผนงั ของ mast cell
27. โรคใด ไมเ่ ก่ียวข้อง กบั Type I hypersensitivity

ก. Allergic rhinitis ข. Bronchial asthma ค. Anaphylactic shock

ง. Urticaria จ. Allergic contact dermatitis

ตอบ จ. Allergic contact dermatitis
28. ข้อใดเปน็ สาเหตุหลกั ท่ที ้าให้เกิด Type III hypersensitivity

ก. Soluble antigen ข. IgE ค. Mast cell

ง. Circulating immune complex จ. T lymphocyte

ตอบ ง. Circulating immune complex
29. ข้อใด ถูกตอ้ ง เกี่ยวกับ delayed type hypersensitivity

ก. มีการกระตุ้น T-lymphocyte ข. มีภาวะ Circulating immune complex

ค. มีการกระต้นุ B-lymphocyte ง. มกี ารกระตุน้ Mast cell

จ. ภาวะผืน่ แพ้ลมพิษ

ตอบ ก. มกี ารกระตุ้น T-lymphocyte

ภูมิคุ้มกันวทิ ยาคลนิ กิ 251

30. ปฏิกิรยิ าทีเ่ กดิ จากการใหเ้ ลอื ดของผ้ใู หไ้ มต่ รงกับผ้รู บั เปน็ ภาวะภมู ไิ วเกินแบบใด

ก.Type I hypersensitivity ข. Type II hypersensitivity

ค. Type III hypersensitivity ง. Type IV hypersensitivity

จ. Type V hypersensitivity

ตอบ ข. Type II hypersensitivity
Hypersensitivity

1.Type 1 Anaphylactic hypersensitivity แอนติเจน : แอนติเจนท่ีเป็นสาเหตุเรียกว่า

allergen เป็นสารท่ีมีอยู่ทว่ั ไปตามธรรมชาติ เชน่ เกสรดอกไม้ แอนติบอดี : มีบทบาทสา้ คัญ คือ IgE

เนื่องจากชอบจับกับ mast cell , basophil ของมนุษยด์ ้วยกัน โรคที่เกดิ จากภาวะภมู ิวัยเกิน type

นี้ แบ่งเป็น 2 ประเภท 1.systemic anaphylactic hypersensitivity อาการเกิดกับอวัยวะหลายๆ

ระบบพร้อมกัน 2. localized anaphylactic hypersensitivity อาการเกิดกับอวัยวะบางระบบ

เท่านัน้ เชน่ ลมพษิ

2.Type 2 Cytotoxic hypersensitivity แอนติเจน : เป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์ของ

ร่างกายแอนติบอดี : เป็นชนิด IgG หรือ IgM -Hemolytic transfusion reaction : การแตกของ

RBC ในร่างกายของผู้รับเลือดเน่ืองจากการให้เลือดผิดหมู่ -Hemolytic disease of newborn :

เกดิ จากความไม่เข้ากันระหวา่ งเลือดของมารดาและทารกในครรภ์

3.Type 3 Artus type และ immune complex hypersensitivity
แอนติเจน : เปน็ สารทีอ่ ย่ใู นกระแสเลือดหรือส่วนนา้ ของรา่ งกาย แอนติบอดี : IgG หรอื IgM

Arthus reaction = ปฏิกิริยาระหว่า งAg และ Ab ท้าให้มีการท้าลายของเส้นเลือดและเน้ือเยื่อใน

บรเิ วณนน้ั

4.Type 4 Cell mediated (delay) hypersensitivity แอนติเจน : สารหรอื สิง่ แปลกปลอม

ทว่ั ๆไป

Allograft rejection: การสลัดกราฟท์โดยระบบภูมิคมุ้ กนั ของผู้รับกราฟท์ ปฏิกริ ยิ าน้ีจะ

เกิดบริเวณเส้นเลอื ดภายในกราฟท์ เส้นเลือดจะถูกท้าลายท้าให้กราฟท์ขาดอาหารและเกดิ การตาย

เน่าของเนื้อเย่อื ภายในกราฟท์

Positive tuberculin skin test: ในคนท่ีเคยได้รับเช้ือวัณโรคมาก่อน ถ้าได้รับการฉีด

tuberculin, PPD ของเชื้อน้ีเข้า ในผิวหนัง ปฏิกิริยา delay type hypersensitivity จะเกิดท่ี

ผิวหนงั โดยผิวหนงั ตรงที่ฉดี จะเปน็ ตมุ่ นนู แดง

Graft versus host (GVH) reaction: เป็นปฏิกิริยาท่ีท้าให้ร่างกายของผู้รับกราฟท์ถูก

ท้าลายโดยเซลล์ของระบบภมู คิ ุ้มกนั ท่มี าจากกราฟท์

ภูมิค้มุ กันวทิ ยาคลนิ กิ 252

Autoimmunity
31. ข้อใดผดิ เก่ียวกับ Immunologic tolerance

ก. ภาวะ tolerance จะเกิดได้ทงั้ HMI และ CMI

ข. ภาวะปกติของเซลลใ์ นระบบภูมิคุม้ กนั จะไม่มี self-tolerance

ค. แอนตเิ จนท่เี หนี่ยวนา้ tolerance เรยี กวา่ tolerogenic antigen

ง. ความเข้าใจในระบบ tolerance จะมีประโยชนด์ า้ นการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ

จ. ภาวะทผ่ี ดิ ปกติใน self-tolerance จะทา้ ให้ภมู ิคมุ้ ทา้ ปฏกิ ิริยาต่อเนื้อเยื่อตวั เอง

ตอบ ข. ภาวะปกตขิ องเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันจะไม่มี self-tolerance
32. บรเิ วณใดท่เี กิดกลไก central tolerance ของ T cell และ B cell ตามลาดบั

ก. Thymus, Bone marrow ข. Thymus, Peripheral Tissue

ค. Bone marrow, Thymus ง. Bone marrow, Peripheral tissue

จ. Peripheral tissue, Thymus

ตอบ ก. Thymus, Bone marrow
33. Immature T-lymphocyte มีปฏิสัมพันธ์กับแอนติเจนของตนเองแบบใด ท้าให้เกิดขบวนการ

Negative selection (deletion)

ก. High avidity ข. Intermediate avidity

ค. Medium avidity ง. Low avidity จ. Super-Low avidity

ตอบ ก. High avidity
34. การท่ี immune cell เกิดภาวะไม่ตอบสนองทางภมู คิ ้มุ กนั ชว่ั คราว เรียกวา่ อะไร

ก. clonal ignorance ข. clonal deviation ค. clonal deletion

ง. clonal exhaustion จ. clonal anergy

ตอบ จ. clonal anergy
35. ขอ้ ใด ไม่ จัดเป็น Immunological privileged site

ก. เน้อื สมอง ข. เช้ืออสจุ ิ ค. เลนสล์ กู ตา ง. ตอ่ มน้าเหลือง จ. ภายในครรภข์ องมารดา

ตอบ ง. ตอ่ มน้าเหลือง
36. ขอ้ ใดเปน็ สาเหตุของ autoimmunity

ก. การท่มี ี T-cells เขา้ ไปใน Immune Privileged site

ข. การทีม่ เี ชอื้ จุลชพี อย่ใู น Immune Privileged site

ค. การกระต้นุ cytokines ใน Immune Privileged site

ง. การกระตุ้น complement ใน Immune Privileged site

จ. การท่มี ีแอนตเิ จนถกู ปลดปลอ่ ยออกมาจาก Immune Privileged site

ตอบ จ. การทีม่ แี อนติเจนถกู ปลดปล่อยออกมาจาก Immune Privileged site

ภมู ิคุ้มกันวิทยาคลนิ ิก 253

37. สภาวะ Hyperthyroidism และ Hypothyroidism พบไดใ้ นโรคใด ตามลา้ ดบั

ก. Grave’s disease, Hashimoto’s thyroiditis

ข. Systemic Lupus Erythematosus, Rheumatoid arthritis

ค. Type 1 diabetes, Autoimmune hemolytic anemia

ง. Graves’ disease, Rheumatoid arthritis

จ. Hashimoto’s thyroiditis, Systemic Lupus Erythematosus

ตอบ ก. Grave’s disease, Hashimoto’s thyroiditis
38. การตรวจหา Anti-dsDNA ใชใ้ นการวินิจฉัยโรคใด

ก. Graves’ disease ข. Myasthenia gravis ค. Hashimoto’s thyroiditis

ง. Autoimmune hemolytic anemia จ. Systemic Lupus Erythematosus

ตอบ จ. Systemic Lupus Erythematosus
39. การตรวจหา Anti-TSH receptor ใชใ้ นการวินิจฉัยโรคใด

ก. Autoimmune hemolytic anemia ข. Rheumatoid arthritis ค. Grave’s disease

ง. Type 1 diabetes จ. Systemic Lupus Erythematosus

ตอบ ค. Grave’s disease
40. ข้อใด ถูกตอ้ ง เก่ียวกับ Hashimoto’s Thyroiditis

ก. มภี าวะ hyperthyroidism ข. พบในเพศชายมากกว่าเพศหญงิ

ค. มอี าการแสดงที่สา้ คัญ คือ ตาโปน ง. สว่ นใหญ่ตรวจพบ anti-thyroglobulin

จ. สร้างแอนตบิ อดตี อ่ thyroid hormones

ตอบ ง. สว่ นใหญ่ตรวจพบ anti-thyroglobulin
41. Crithidia luciliae เป็น non-pathogenic flagellated parasite ท่ีนิยมน้ามาการตรวจ

วิเคราะห์สิง่ ใด

ก. Anti-ds DNA ข. Anti-ss RNA ค. Anti-histone

ง. Anti-centromere จ. Anti-nuclear membrane

ตอบ ก. Anti-ds DNA
42. เซลลใ์ ดนยิ มใชใ้ นการตรวจหา anti-nuclear antibody (ANA) และใช้ตรวจโดยวิธีใด

ก. Leukocyte, Polymerase Chain Reaction (PCR)

ข. Leukocyte, Passive hemagglutination (PHA)

ค. HEp-2 cell, Indirect Immunofluorescence (IIF)

ง. K937 cell, Immunochromatography (IC)

จ. HEp-2 cell, Dot blot hybridization (DBH)

ตอบ ค. HEp-2 cell, Indirect Immunofluorescence (IIF)

ภูมคิ ้มุ กนั วทิ ยาคลินิก 254

43. ข้อใด ถกู ต้อง เก่ียวกบั Rheumatoid arthritis

ก. จดั เป็น hypersensitivity type II

ข. C-reactive protein ในซรี มั มีคา่ ต่้ากวา่ ปกติ

ค. การตรวจพบ Rheumatoid factors จา้ เพาะตอ่ โรคน้ี

ง. ภาวะไขข้ออักเสบตรวจพบ lymphocyte จา้ นวนมากในน้าไขขอ้

จ. Rheumatoid factors คอื autoantibody ชนดิ IgM ที่สรา้ งตอ่ Fc region ของ IgG

ตอบ ค. HEp-2 cell, Indirect Immunofluorescence (IIF)
44. แอนตบิ อดีที่ตรวจพบไดส้ ว่ นใหญ่ในผูป้ ่วย SLE คอื แอนติบอดีต่อสว่ นใด

ก. Hematopoietic cells ข. Nuclear antigen ค. Neuronal cells

ง. Red blood cells จ. Platelet cells

ตอบ ข. Nuclear antigen

Autoimmunity and immunologic tolerance
Tolerance: ความทนทาน คือ ภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันไม่ตอบสนองต่อ Antigen Self-

tolerance หมายถึง ภาวะที่ไม่ท้าปฏิกิริยากับเซลล์ตัวเอง Loss of tolerance โรคที่ร่างกายท้า
ปฏกิ ริ ิยากบั เซลลต์ ัวเอง

Immunologically privilege site = อยู่ในท่ีๆหลบหลีกจากระบบเลือด, ยา, ระบบ
ภูมิคุ้มกัน เนื่องจากมี barrier เป็นตัวก้ัน ได้แก่ brain (สมอง), cornea (กระจกตา), testis (ต่อม
ลูกหมาก)

1. Autoimmune disease: เกดิ เมือ่ มภี มู ติ า้ นทานท่ผี ดิ ปกตติ อ่ Ag ของเนอื้ เยอ่ื ของรา่ งกายตัวเอง
ก่อให้เกิดพยาธิสภาพท่ีเป็นอันตราย เน่ืองจากการท้าลายเนื้อเยื่อโดยตรงหรือการไปยับย้ังการ
ทา้ งานของร่างกาย

2. Grave’s disease: เกิดจาก autoantibody ต่อ TSH-R ท้าหน้าท่ีคล้ายกับเป็น TSH เม่ือจับ
กับ TSH-R จะกระตุ้น adenylate cyclase และกระตุ้นให้เกิดการสร้าง thyroid hormone
จ้านวนมาก

3. Hashimoto’s thyroiditis : เกิดจากการท้าลายของต่อมไทรอยด์จาก autoantibody ต่อ
thyroid antigen ผู้ป่วยมักมีอาการของ hypothyroidism (คอหอยพอก) เนื่องจากขาดแคลน
ไทรอยด์

4. Goodpasture’s syndrome: เกิดจาก autoantibody ที่จ้าเพาะต่อ collagen type IV ซึ่ง
เป็น basement membrane antigen บริเวณเย่ือบุของกรวยไต ซึง่ เกิดการทา้ ลายโดยตรงสง่ ผลให้
ไตวาย

ภมู คิ ุม้ กันวทิ ยาคลินกิ 255

5. Systemic autoimmune disease: ผู้ ป่ ว ย จ ะ มี autoantibody ต่ อ nuclear antigen

นอกจากน้ี autoantibody ต่อ DNA, Histone เรียกรวมๆว่าเป็น nuclear antigen ยังสามารถ

ประกอบเปน็ immune complex ไปสะสมบรเิ วณกรวยไต, ผิวหนงั , ผนังหลอดเลอื ด ก่อให้เกดิ โรค

กรวยไตอกั เสบและขอ้ ต่ออักเสบได้

Tumor immunity
45.ข้อใด ไม่ถกู ตอ้ ง เก่ียวกับ tumor marker

ก. พบในภาวะมะเรง็ เท่านั้น ข. พบได้ในมะเร็งหลายชนิด

ค. สามารถพบได้ขณะเปน็ ทารกในครรภ์ ง. พบในกระแสเลอื ดหรอื ซรี ัม่

จ. ให้ค่าสงู กว่าปกตเิ มอื่ มีภาวะมะเรง็

ตอบ ก. พบในภาวะมะเร็งเท่าน้ัน
46. ขอ้ ใดตอ่ ไปนี้ไม่ใช่ Tumor Antigen ทพ่ี บใน oncofetal gene

ก. Alpha-fetoprotein ข. Carcinoembryonic antigen

ค. Prostate specific antigen ง. Trophoblast glycoprotein precursor

จ. Human chorionic gonadotropin

ตอบ ค. Prostate specific antigen
47. ถา้ ตอ้ งการตรวจวดั การตั้งครรภท์ ีม่ คี วามจ้าเพาะสงู จะตรวจวัดดว้ ยอะไร

ก. LH ข. LDH ค. FSH ง. Beta-hCG จ. Alpha-hCG

ตอบ ง. Beta-hCG
48. ขอใดเป็น marker ของ Hepatocellular carcinoma

ก. Beta-HCG ข. alpha-1-fetoprotein ค. alpha-2-fetoprotein

ง. Beta-1-fetoprotein จ. Beta-2-fetoprotein

ตอบ ข. alpha-1-fetoprotein

Tumor immunity
โรคมะเร็งเป็นโรคท่ีเกิดจากการเติบโตผิดปกติของกลุ่มเซลล์บางส่วนของร่างกาย มีการ

แบ่งตวั เพ่ิมจ้านวนของเซลลโ์ ดยที่ไมส่ ามารถควบคมุ ได้มีการเปลี่ยนแปลงรปู รา่ งทผ่ี ดิ ปกติและแทรก
ตัวเข้าไปในเน้ือเยื่อปกติสามารถแพร่ไปสู่บริเวณอื่นได้โดยผ่านระบบน้าเหลือง และระบบเลือด
TUMOR IMMUNOLOGY จ้าแนกได้เป็น 2 พวกคอื

Tumour specific antigen (TSA) คือแอนติเจนที่ปรากฏอยู่เฉพาะบนเซลล์มะเร็งและ
ไม่พบบนเซลล์ปกตไิ ม่ว่าจะระยะใดของการพัฒนา เช่น virus associated antigen เป็นแอนติเจน
ของไวรัสบนผิวเซลล์มะเร็งท่ีมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส, Chemically induced เกิดจากการ

ภมู คิ มุ้ กนั วิทยาคลินิก 256
พาเราของยีนบางกลุ่มจากสารเคมี, tumor specific antigen ปจั จบุ ันการคน้ หาแอนติเจนชนิดนี้ยัง
ไมป่ ระสบผลสา้ เรจ็ มะเร็งกล่มุ นี้มกั จะไม่มแี อนติเจนผิดปกตบิ นผิวเซลล์หรือมีนอ้ ยมาก

Tumor association antigen (TAA) คือแอนติเจนท่ีอาจพบในเซลล์ปกติได้ด้วยแต่มี
การปรากฏอย่างผดิ ปกติบนผวิ ของเซลล์มะเร็งแบง่ ไดเ้ ปน็ สองกลมุ่ ใหญ่ใหญ่คือ oncofetal antigen
เป็นแอนติเจนท่ีปรากฏในภาวะปกติในระยะไปตัวอ่อนในครรภ์มารดาแต่ไ ม่ปรากฏตอนท่ีเซลล์
เติบโต, differentiation antigenเป็นแอนติเจนที่ตรวจพบได้ตามปกติของผิวเซลล์เฉพาะในบาง
ระยะของการพัฒนาเซลล์เท่าน้ัน จะกลับมาพบข้ึนอีกคร้ังบนเซลล์มะเร็งท้าให้มีประโยชน์ในการ
จา้ แนกและทา้ ใหท้ ราบถงึ การกา้ เนดิ ของเซลลม์ ะเรง็

- กลไกในการก้าจัดเซลล์มะเรง็ เช่น T lymphocyte cytotoxic T lymphocyte สามารถทา้ ลาย
เซลล์มะเร็งได้โดยตรงโดยจะน้าเสนอAg ผ่าน Class I HLA, Macrophage พบเซลล์ Macrophage
จ้านวนมากบริเวณก้อนมะเร็ง สามารถท้าลายหรือหยุดย้ังการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ NK cell
เป็นเซลล์ทส่ี ามารถมาท้าลายเซลล์มะเร็งไดโ้ ดยตรง

- การวินจิ ฉยั โรคมะเรง็ เซลลม์ ะเรง็ หลายชนิดสามารถสร้างและหลั่งแอนติเจนแปลกปลอมออกมา
ในเลือดได้ ท้าให้สามารถตรวจสอบได้โดยวิธีการต่าง 1. alfa-fetoprotein (AFP) เป็น tumor
marker ของมะเร็งตับ 2. Carcinoembryonic antigen (CEA) เป็น tumor marker ของมะเร็ง
ล้าไส้ 3. Human chorionic gonadotropin (HCG) เป็น tumor marker ของมะเรง็ ไขป่ ลาอุก
Quality Control
49. ขอ้ ใดถูกต้องเกีย่ วกับนโยบายคณุ ภาพในห้องปฏบิ ตั ิการ

ก. การจดั การคณุ ภาพบคุ ลากร
ข.ระบบควบคมุ เอกสารคณุ ภาพ
ค. ระบบงบประมาณการด้าเนินการ
ง. ระบบสอื่ สารเฉพาะนักเทคนคิ ในหอ้ งปฏบิ ัติการ
จ. มุ่งมัน่ การมีขอบขา่ ยการควบคมุ คณุ ภาพเป็นลายลกั ษณ์อักษร
ตอบ จ. มุ่งม่นั การมขี อบข่ายการควบคมุ คณุ ภาพเปน็ ลายลกั ษณ์อักษร
50. EQA คอื อะไร
ก. การหา Reference intervals
ข. การตรวจวิเคราะห์ซา้ ในเครื่องมอื ชนิดเดยี วกนั
ค. เปรยี บเทยี บผลการตรวจวเิ คราะหใ์ นแต่ละวัน
ง. เปรียบเทียบผลการตรวจวเิ คราะห์เดยี วกนั กบั หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารอื่นๆ
จ. เปรียบเทียบผลการตรวจวเิ คราะหต์ ่างแผนก ในหอ้ งปฏบิ ตั ิการเดยี วกัน
ตอบ ง.เปรยี บเทียบผลการตรวจวิเคราะห์เดยี วกนั กบั ห้องปฏบิ ตั กิ ารอน่ื ๆ

ภูมิคมุ้ กนั วทิ ยาคลินิก 257

51.ขอ้ ใดกล่าวผิดเกี่ยวกบั การจัดการห้องปฏบิ ัติการ

ก. แยกห้องรบั ประทานอาหารจากสว่ นปฏบิ ัติการ

ข. แยกบริเวณทม่ี เี ชื้อและบรเิ วณปลอดเช้ือออกจากกัน

ค. ควรมหี อ้ งสุขาแยกเพศชายและหญงิ ไวเ้ พอ่ื สะดวกแก่การเก็บส่ิงสง่ ตรวจ

ง. จดั สว่ นลงทะเบยี นรับผู้ป่วยไว้ตรงบรเิ วณหนา้ ห้องเพือ่ สะดวกแกก่ ารเก็บสง่ิ ส่งตรวจ

จ. จดั หอ้ งปฏิบัตกิ ารจลุ ชีววิทยาไวต้ รงบริเวณหนา้ หอ้ งเพ่อื สะดวกแก่การรับสิ่งสง่ ตรวจ

ตอบ จ.จดั ห้องปฏบิ ตั กิ ารจุลชวี วิทยาไว้ตรงบริเวณหนา้ หอ้ งเพื่อสะดวกแก่การรับสง่ิ สง่ ตรวจ
52. การปฏิเสธส่งิ สง่ ตรวจคอื อะไร

ก. การยอมรบั สิ่งสง่ ตรวจทีท่ างหอ้ งแลบไม่สามารถตรวจได้

ข. การยอมรับสิ่งสง่ ตรวจ แต่สามารถยกเลกิ การตรวจวิเคราะห์ภายหลงั ได้

ค. การยอมรบั สิ่งสง่ ตรวจทท่ี างห้องแลบไม่สามารถตรวจได้ และไม่ตอ้ งต้องเก็บมาใหม่

ง. การไมย่ อมรบั ส่ิงสง่ ตรวจทที่ างหอ้ งแลบไมส่ ามารถตรวจได้ แลว้ จะต้องเกบ็ มาใหม่

จ. การไมย่ อมรับสิง่ ส่งตรวจที่ทางห้องแลบไม่สามารถตรวจได้ แตไ่ ม่ควรเกบ็ มาใหม่

ตอบ ง. การไม่ยอมรับสงิ่ ส่งตรวจท่ที างหอ้ งแลบไม่สามารถตรวจได้ แล้วจะต้องเก็บมาใหม่
53. ท่านแนใ่ จได้อยา่ งไรว่าผลการตรวจมีความแม่นยา้

ก. ท้าการสุ่มตรวจซา้ ข. ถามความพอใจของผใู้ ช้บริการ

ค. จัดท้า IQA ในห้องปฏบิ ตั กิ าร ง. ท้า IQA กบั องค์กรภายนอก

จ. ถา้ ไม่มั่นใจผลการตรวจให้ท้าการตรวจอกี รอบแล้วค่อยออกผล

ตอบ ค. จัดทา IQA ในหอ้ งปฏิบัตกิ าร
Serodiagnosis for viral infection
54. ขอ้ ใดถูกตอ้ งเก่ียวกบั ผลการตรวจการติดเชือ้ ไวรสั ตบั อักเสบบี

ก. ผ้ไู ดร้ บั วัคซีนพบ HBs Ab ข. ผไู้ ด้รบั วัคซนี พบ HBs Ag ค. ผ้ตู ิดเช้อื ไมพ่ บ HBs A

ง. ผู้ไดร้ ับวคั ซีนจะไมพ่ บ HBs Ab จ. ผูต้ ดิ เช้ือจะไมพ่ บ HBs Ab

ตอบ ก. ผู้ได้รบั วคั ซนี พบ HBs Ab
55.Test ตรวจขอใดบงบอกถึงภาวะ Acute Hepatitis B infection

ก. Anti-HBs ข. Anti-HBc ค. HBs Ag ง. HBe Ag จ. Anti-HBe

ตอบ ค. HBs Ag
56. ผูชายตรวจโรคไวรสั ตับอกั เสบบี มผี ลแลปดงั นี้

HBsAg negative, Anti-HBs positive และ Anti-HBc negative

ก. ไมเปนโรคตบั อกั เสบบี ข. เปนแบบเฉยี บพลนั ค. เปนโรคตบั อกั เสบบีแบบเรอ้ื รัง

ง. เคยเปนแตหายจากโรคและมภี ูมคิ ุมกนั แลว จ. ไมเปนโรคแตเคยฉีดวัคซนี และมภี ูมคิ มุ กนั แลว

ตอบ จ. ไมเปนโรคแตเคยฉีดวคั ซนี และมภี ูมคิ ุมกนั แลว

ภมู ิคุม้ กันวิทยาคลนิ ิก 258
57. ชายอายุ 20 ปี มาโรงพยาบาลเพื่อที่จะฉดี วัคซีนป้องกันตบั อักเสบบี ให้ประวัตวิ ่าไมแ่ นใ่ จว่าเคย
ได้รับ วัคซีนนี้แล้วหรือไม่ แพทย์จึงท้าการส่ังเจาะเลือดตรวจ Hepatitis profile อะไรเป็นตัวบ่งช้ี
บ้าง
ก. HBsAg, Anti-HBs, Anti-HBc (total) ข. HBsAg, Anti-HBs, Anti-HBcIgM
ค. HBsAg, Anti-HBs, Anti-HBcIgM, Anti-HBe
ง. HBsAg, Anti-HBs, Anti-HBc (total), Anti-HBe
จ. HBsAg, Anti-HBs, Anti-HBc (total), HBeAg
ตอบ ก. HBsAg, Anti-HBs, Anti-HBc (total)
5. HBsAg - Anti-HBs+ Anti-HBc+ Anti-HBe+ จงแปลผล
ก. เปน็ พาหะไวรัสตบั อกั เสบ ข. เปน็ ไวรสั ตับอกั เสบชนิดเฉียบพลนั
ค. เคยเป็นโรคแตห่ ายดีแล้ว ง. ไม่เคยเป็นโรค แตเ่ คยไดร้ บั วัคซีน
จ. ไมเ่ คยรับวัคซีน แนะนา้ ให้ไปฉีดวคั ซนี
ตอบ ค. เคยเป็นโรคแต่หายดแี ล้ว

Serodiagnosis of Hepatitis B virus infection
ไวรัสตับอักเสบ บี ถูกจัดอยู่ใน family Hepadnaviridae genus Orthohepadnavirus

เป็น DNA virus รูปร่างกลม อนุภาคไวรัส มี envelope (มี glycoprotein เรียกว่า HBsAg บนผิว)
ล้อมรอบ icosahedral nucleocapsid (core) ซ่ึงมี HBcAg เป็น phosphoprotein ส่วนอนุภาค
อิสระของไวรัสตับอักเสบ บี ซึ่งก็คือ HBsAg อนุภาคอิสระน้ีคือส่วนของ envelope ท่ีไม่มี core
หรือ capsid โดยส่วนนจี้ ะพบใน serum มากกว่าอนุภาคไวรัส ไวรัสตับอักเสบ บี สามารถตรวจหา
สว่ นประกอบของเชอ้ื และภมู คิ ุ้มกนั ต่อเช้อื ทัง้ หมด 6 ชนิด ได้แก่

HBsAg เป็นโปรตีนส่วนประกอบท่ีผิวของเช้ือไวรัสตับอักเสบบี บ่งบอกภาวะการติดเช้ือ
เฉียบพลัน ถ้าตรวจพบแสดงว่าขณะน้ันร่างกายก้าลังมีการติดเช้ือไวรัสตับอักเสบบีอยู่ หรือเป็น
พาหะของเช้อื

Anti-HBs หรือ HBsAb เป็นภูมิคุ้มกันต่อสว่ นผวิ ของเชือ้ ไวรัสตับอักเสบบี ท่ีร่างกายสร้างขึ้นใน
ระยะแรกของการตดิ เชอ้ื บง่ บอกวา่ รา่ งกายได้สร้างภูมิคุ้มกันไวรัสตับอกั เสบบีข้ึนแลว้ หรือเคยได้รับ
วัคซนี ไวรสั ตับอกั เสบบีมาก่อน

Anti HBc IgM เป็นภูมิคุ้มกันต่อสว่ นแกนกลาง (core) ของเชื้อ ซึ่งร่างกายสร้างข้ึนในระยะแรก
ของการติดเชื้อบ่งบอกว่าเพิง่ ได้รบั การติดเชือ้ ไวรสั ตบั อักเสบบี

Anti HBc total Ab บ่งบอกภาวะการติดเชอื้ เฉียบพลนั หรอื เรื้อรงั

ภมู ิคุ้มกนั วิทยาคลนิ กิ 259
HbeAg เป็นโปรตนี ส่วนประกอบของ core ของเช้ือไวรสั ตบั อกั เสบบี ซ่งึ จะพบเปน็ โมเลกลุ อิสระ
ได้ดว้ ย บ่งบอกภาวะท่เี ช้ือก้าลงั มีการแบง่ ตวั เพ่ิมจ้านวนอยู่ และสามารถแพร่สู้ผู้อืน่ ได้
Anti HBe บ่งบอกภาวะการติดเชื้อเรอื้ รงั หรือแสดงถึงภมู ิคมุ้ กันท่เี กดิ ข้ึนตามธรรมชาติหลังการ
ตดิ เชือ้

การวินิจฉัย HBV infection ต้องอาศัยการตรวจ marker เหล่าน้ีร่วมกับการดูระดับ
เอนไซม์ตับ วิธีท่ีมีความไวในการตรวจสอบและนิยมใช้กัน ได้แก่ EIA ใช้ตรวจหา HBsAg, HBeAg,
HBeAb, และ HBcAb รูปแบบของ serological markers ต่างๆที่พบได้หลังการติดเชื้อจะบ่งบอก
ถึงระยะของโรค

Serodiagnosis for syphilis
58. การทดสอบในข้อใดจัดเป็น screening test ส้าหรับ syphilis และหากแพทย์ต้องการติดตาม

ผลการรักษาโรคซิฟิลสิ แพทย์ควรสง่ ตรวจด้วยวิธีใดต่อไปนจี้ ึงจะเหมาะสมทีส่ ดุ

ก. TPI, FTA-ABS ข. VDRL, RPR ค. FTA-ABS, TPHA ง. ELISA, TPI จ.TPHA, VDRL

ตอบ ข. VDRL, RPR
59. เมือ่ ทา้ การตรวจหาการตดิ เชือ้ syphilis ขอ้ ใดเปน็ วิธกี ารตรวจทมี่ ีความจา้ เพาะเจาะจงมากท่ีสดุ

ก. VDRL ข. RPR ค. TPHA ง. PCR จ. TPI

ตอบ ค. TPHA
60. ข้อใดเป็นวธิ มี าตรฐานในการวนิ ิจฉัยทางห้องปฏิบตั กิ ารโรคตดิ เช้อื syphilis

ก. Flocculation test ข. Indirect fluorescence assay ค. Gram staining

ง. Isolate culture จ. Immunochromatography

ตอบ ก. Flocculation test
61. หากคนไขต้ รวจแลว้ VDRL แลว้ ได้ผล reactive จะตอ้ งท้าอยา่ งไรตอ่

ก. รายงานผลทันทีเพื่อการรกั ษาที่ทันเวลา

ข. รายงานผลทนั ทเี น่อื งจากเป็นโรคทร่ี นุ แรง

ค. รายงานผลไดท้ นั ทีโดยไม่ตอ้ งทา้ การทดสอบซา้ แตอ่ ย่างใด

ง. ทา้ การทดสอบซา้ โดยใช้ชดุ ทดสอบท่มี หี ลกั การแตกตา่ งกับวธิ แี รก

จ. ท้าการทดสอบซ้าโดยการเจอื จางตัวอย่างเพ่อื ให้ไดไ้ ตเตอร์สุดท้าย

ตอบ จ. ทาการทดสอบซา้ โดยการเจอื จางตวั อยา่ งเพ่อื ให้ไดไ้ ตเตอร์สดุ ท้าย
62. การทดสอบหา Reagin ซ่งึ เป็น non-Treponemal antibodies โดยการใชแ้ อนติเจนท่เี รยี กว่า

ก. Reagin antigen ข. Myoglobin ค. Cardiolipin

ง. Phospholipid จ. Lipoprotein

ตอบ ค. Cardiolipin

ภมู ิคมุ้ กนั วทิ ยาคลินิก 260
Serological test for syphilis
Syphilis

โรคซฟิ ลิ สิ (Syphilis) เปน็ โรคติดตอ่ ทางเพศสัมพันธ์ท่พี บได้ทัว่ โลก เกดิ จากการได้รบั เช้ือ
แบคทีเรียชนิด Treponema pallidum การตรวจวินิจฉัยโรคซิฟิลิสอาศัยประวัติการสัมผัสโรค
อาการและส่ิงตรวจพบทางคลนิ ิกร่วมกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ แต่เนื่องจากการเพาะเช้ือ T.
pallidum ทา้ ได้ยาก ต้องทา้ ในอัณฑะหนู และใช้เวลานาน ดงั น้นั การตรวจทางห้องปฏบิ ัติการจึงใช้
วธิ ีการตรวจหาเชื้อจากรอยโรค การตรวจทางน้าเหลอื งวิทยา (serological test) ทงั้ treponemal
และ nontreponemal tests, การตรวจนา้ ไขสันหลงั หรือการถา่ ยภาพ X-ray of long bone เพื่อ
ประกอบการวินจิ ฉัยโรค

การตรวจทางน้าเหลืองวิทยา (Serological test) เป็นการตรวจวิธีหน่ึงซึ่งถือว่ามี
ความสา้ คญั และนยิ มมาก ในปัจจบุ นั การตรวจวินจิ ฉัยโรคซฟิ ลิ ิสทางนา้ เหลอื งวทิ ยา เปน็ การตรวจหา
แอนตบิ อดที ร่ี ่างกายสรา้ งข้ึนมาต่อตา้ นเชอื้ T.pallidum ซึ่งแบง่ ออกได้เป็น 2 ชนดิ คือ reagin และ
specific antibody

Reagin เป็น non-specific Ab ตอ่ T. pallidum แตเ่ ป็น Ab ตอ่ tissue lipid เนอื่ งจาก
ตัวเช้ือ T. pallidum ท้าลาย tissue ของ host และ splitting เอาส่วนของ lipoidal fraction
ออกมา ซึ่งท้าหน้าท่ีเป็น hapten จากน้ันรวมตัวกับโปรตีนท่ีมาจาก T. pallidum ท้าให้สามารถ
เป็น Ag และกระตุ้นให้ร่างกายสร้าง Ab ขึ้นมาได้ถึงแม้ว่า reagin จะไม่ใช่ specific Ab และ
ตรวจสอบได้โดย non-specific Ag แต่ก็พบว่าในรายที่มีการติดเช้ือ T. pallidum จะตรวจพบ
reagin เกือบ 100% จากการศึกษา electrophoretic mobility พบว่า reagin จะอยู่ระหว่าง beta
และ gamma globulin

Specific Ab คอื Ab ทส่ี รา้ งขนึ้ ต่อตา้ นกับตวั T. pallidum โดยตรงและเป็นคนละตัวกบั
reagin สามารถตรวจได้โดย T. pallidum immobilization (TPI), Fluorescent Treponemal
Antibody Absorption Test (FTA-ABS), Treponema pallidum hemagglutination (TPHA)
Nontreponemal antibody test (Nonspecific, Reagin test)

เป็นการตรวจหาแอนติบอดี (reagin) ต่อ lipid substance (cardiolipin) ซ่ึงมีวิธีทน่ี ยิ ม
คอื Venereal Disease Research Laboratory (VDRL) และ Rapid Plasma Reagin (RPR)
Venereal Disease Research Laboratory (VDRL)

เป็นการทดสอบที่นิยมใช้กันมากในกลุ่ ม nontreponemal test โดยจัดเป็น
microscopic flocculation test นิยมใชใ้ นการตรวจคดั กรองโรคและตดิ ตามผลการรักษา

ภมู คิ ุม้ กนั วิทยาคลินกิ 261

Treponemal antibody (specific) test

เป็นการตรวจหาแอนติบอดีต่อเช้ือ T. pallidum ซึ่งนับเป็น specific test จึงใช้เป็น

confirmatory test กรณีที่ท้า screening test ให้ผล reactive หรือกรณีที่สงสัยว่าผู้ป่วยอยู่ใน

ระยะ latent หรือ late syphilis ระดับของแอนติบอดีน้ีจะตรวจพบตลอดชีวิต ถึงแม้จะได้รับการ

รกั ษาแล้ว จึงไมม่ ีประโยชนใ์ นการตดิ ตามผลการรักษา

Treponema pallidum hemagglutination (TPHA)
การทดสอบน้ีใช้หลักการของ passive hemagglutination โดยใช้เม็ดเลือดแดงสตั วป์ ีก

เคลือบด้วยสว่ นประกอบของ T. pallidum เมอื่ ทา้ ปฏกิ ิรยิ ากับแอนติบอดใี นซรี ั่มของผปู้ ่วยแลว้ ดูผล

ของการจับกลุ่มของเม็ดเลือดแดง ถ้าเม็ดเลือดแดงรวมกลุ่มตกตะกอนขอบเรียบอ่านเปน็ ผลลบ แต่

ถ้าแผก่ ระจายออกอา่ นผลเปน็ บวก

Immunological disorder and Immunodeficiency
11. ผู้ปว่ ยโรคใดขาดเอนไซม์ NADPH oxidase ท้าใหม้ กี ารตดิ เช้ือเรื้อรัง

ก. lymphoblastic lymphoma ข. DiGeorge Syndrome

ค. Ataxia-Telangiectasia ง. Chronic granulomatous disease

จ. Wiskott-Aldrich Syndrome

ตอบ ง. Chronic granulomatous disease
63. โรคใดทพี่ บ Immunoglobulin ปรมิ าณต้า่ มาก และพบ Btk mutation บนโครโมโซม X

ก. Selective IgA deficiency ข. CML ค. Glanzmann–Riniker syndrome

ง. X-linked thrombocytopenia จ. X-Linked Agammaglobulinemia

ตอบ จ. X-Linked Agammaglobulinemia
64. ผปู้ ่วยโรคใดจะมี T-Lymphocyte ลดลง และพบ 22q11 deletion

ก. lymphoblastic lymphoma ข. DiGeorge Syndrome

ค. Ataxia-Telangiectasia ง. Chronic granulomatous disease

จ. Wiskott-Aldrich Syndrome

ตอบ ข. DiGeorge Syndrome
65. โรคหรือภาวะใดพบ Antibody production defects

ก. Selective IgA deficiency ข. Chronic Granulomatous Disease

ค. DiGeorge Syndrome ง. Severe Combined Immunodeficiency Disease

จ. Acute lymphoblastic leukemia

ตอบ ข. DiGeorge Syndrome

ภูมิคุ้มกันวทิ ยาคลินกิ 262

66. ร่างกายมกี ารผลิตแต่สว่ น Fc ของ IgG และตอ่ มน้าเหลืองบรเิ วณ Waldeyer’s ring โต พบได้

ในโรคใด

ก. Mycosis fungoides ข. Ataxia-Telangiectasia ค. Franklin’s Disease

ง. Mu heavy chain disease จ. Waldenstrom’s macroglobulinemia

ตอบ ค. Franklin’s Disease
67. การพบ Bence-Jones protein ในปัสสาวะ มี Plasma cell ในไขกระดูกเพ่ิมข้ึนมากกวา่ ปกติ

monoclonal immunoglobulin เพิ่มขึ้นและพบได้ในปัสสาวะ และพบ lytic lesion bone เป็น

พยาธสิ ภาพทพ่ี บได้ในโรคใด

ก. Multiple myeloma ข. Waldenstrom’s macroglobulinemia

ค. Burkitt’s lymphoma ง. Hairy cell leukemia จ. Seligmann’s Disease

ตอบ ก. Multiple myeloma
68. ขอ้ ใด ไม่ใช่ สาเหตุของ Primary Immunodeficiency

ก. X-Linked Agammaglobulinemia ข. DiGeorge Syndrome

ค. Graft versus host disease ง. Chronic granulomatous disease

จ. Wiskott-Aldrich Syndrome

ตอบ ค. Graft versus host disease
69. ขอ้ ใดคือเซลลเ์ ปา้ หมายของ human immunodeficiency virus

ก. Helper T cell, Dendritic cell ข. Dendritic cell, B-cell ค. B-cell, Plasma cell

ง. Plasma cell, NK cell จ. NK cell, Neutrophil

ตอบ ก. Helper T cell, Dendritic cell

Serodiagnosis for HIV
70. ผู้ตดิ เชอื้ HIV ทเ่ี ข้าสู่ ระยะโรคเอดส์ (AIDS) สามารถพบ opportunistic infection ใด

ก. Kaposi's Sarcoma ข. Pneumocystis carinii

ค. Cryptococcus ง. Tuberculosis จ. ถูกทุกข้อ

ตอบ จ. ถูกทกุ ข้อ
71. ขอ้ ใด ผดิ เกยี่ วข้องกับการตรวจวินิจฉัยการตดิ เชื้อ HIV

ก. ตรวจหา antibody ต่อเชือ้ HIV ด้วยหลกั การ immunochromatography

ข. ตรวจหา P24 antigen

ค. ตรวจหาปริมาณ CD4+ T lymphocyte

ง. Nucleic acid testing ตอ่ เชอื้ HIV

จ. ตรวจหา antibody ต่อเชื้อ HIV ด้วยหลักการ agglutination

ภูมิคุม้ กนั วทิ ยาคลินกิ 263

ตอบ ค. ตรวจหาปริมาณ CD4+ T lymphocyte
72. ในการตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อ HIV ในทารกแรกคลอดอาย ุ1 สัปดาห์ โดยแม่เป็น HIV ควรใช้

วธิ ีใด

ก. Western blot ข. Indirect ELISA ค. PCR

ง. Immunochromatography จ. Gel agglutination

ตอบ ค. PCR
73. การพยากรณโ์ รคและการตรวจตดิ ตามในผู้ป่วย HIV ใช ้markerใดต่อไปน้ี

ก. p24Ag และ Anti-HIV ข. qualitative RNA และ CD8+T cell

ค.qualitative RNA และ CD4+T cell ง. viral load และ CD8+T cell

จ. viral load และ CD4+T cell

ตอบ จ. viral load และ CD4+T cell
74. ผู้ป่วยชายมาตรวจ anti-HIV: Reactive ด้วยเทคนิค immunochromatography ในฐานะ

เทคนิคการแพทย์ ควรดาเนินการตอ่ อย่างไร

ก. ท้าการทดสอบซ้าให้ผลบวก แลว้ รายงานผล

ข. ทดสอบซ้าด้วยชดุ ทดสอบตา่ งแอนตเิ จนอกี 1 การทดสอบ

ค. ทดสอบซ้าดว้ ยชุดทดสอบตา่ งแอนตเิ จนอกี 2 การทดสอบ

ง. ทดสอบด้วย Western blot

จ. ขอเจาะเลอื ดซ้า แล้วตรวจด้วยวีธิ ิเดิม

ตอบ ค. ทดสอบซ้าด้วยชุดทดสอบตา่ งแอนตเิ จนอีก 2 การทดสอบ
75. ชุดตรวจแรกทีใ่ ชใ้ นการตรวจหา anti-HIV ต้องมีคณุ สมบัติอย่างไร

ก. ราคาถูก ข. ความไวสงู ที่สุด ค. ความจ้าเพาะสูง ง. ความแม่นยา้ สูง จ. ความถกู ตอ้ งสงู

ตอบ ข. มีความไวสงู ทสี่ ุด
76. หลงั จากการตดิ เชอ้ื ไวรสั เอดส์ นานเทา่ ใดจึงสามารถตรวจพบ anti HIV ในซีรม่ั ได้

ก. 6 เดือน ข. 3 อาทิตย์- 3 เดอื น ค. 1 ปี ง. 6 วัน- 2 เดือน จ. 4 - 6 เดอื น

ตอบ ข. 3 อาทติ ย์- 3 เดือน
77. การตดิ เชื้อใดท้าใหไ้ ดผ้ ลบวกใน ASO test

ก. Streptococcus group A ข. Salmonella typhi ค. Staphylococcus aureus

ง. Streptococcus group B จ. Staphylococcus aureus group B

ตอบ ก. Streptococcus group A

ภูมคิ ุ้มกันวิทยาคลินกิ 264
78. ในการตรวจวินิจฉัยการติดเช้ือหัดเยอรมัน (Rubella) โดยใช้ paired serum ซึ่งมีวิธีการเจาะ
แบบใด
ก. เจาะ acute serum ช่วงมีอาการที่มาพบแพทย์และเจาะ convalescent serum ห่าง 1-2
สปั ดาห์
ข. เจาะ acute serum ช่วงมอี าการทีม่ าพบแพทยแ์ ละเจาะ convalescent serum ห่าง 1-2 วัน
ค. เจาะ convalescent serum ช่วงมีอาการมาพบแพทย์และเจาะ acute serum ห่าง 1-2
สัปดาห์
ง. เจาะ convalescent serum ชว่ งมอี าการมาพบแพทยแ์ ละเจาะ acute serum ห่าง 1-2 วนั
จ. เจาะ convalescent serum ชว่ งมอี าการมาพบแพทยแ์ ละเจาะ acute serum หา่ ง 1 เดือน
ตอบ ก. เจาะ acute serum ชว่ งมอี าการท่มี าพบแพทย์และเจาะ convalescent serum หา่ ง
1-2 สปั ดาห์

Serological test for Human Immunodeficiency Virus infection
Human immunodeficiency virus (HIV) เป็นเช้ือสาเหตุของ Acquired immune

deficiency syndrome (AIDS) HIV เป็น RNA virus อยู่ใน Family: Retroviridae และอยู่ใน
Subfamily: Orthoretrovirinae, Genus: Lentivirus HIV มี 2 ชนิดคือ HIV-1 และ HIV-2 ซ่ึงมี
สว่ นประกอบของโปรตีนแตกต่างกัน ในประเทศไทยพบ HIV-1 เปน็ ส่วนใหญ่

การตรวจการติดเชอื้ HIV มี 2 วิธใี หญ่ๆ
1. การตรวจคัดกรอง (screening test)

เป็นการตรวจหาภูมิต้านทานต่อเช้ือ (antibody) เป็นการทดสอบท่ีมีความไวและ
ความจ้าเพาะ โดยทั่วไปจะรายงานผลเป็นลบเม่ือตรวจเพียงครั้งเดียว แต่ถ้าการทดสอบเป็นบวก
ต้องท้าการทดสอบเพิ่มเติมด้วยการทดสอบอื่น เพื่อยืนยันผลบวก การตรวจคัดกรองแยกตาม
หลกั การทดสอบดงั น้ี

1.1 วิธี chemiluminescent microparticle immunoassay (CMIA)
ใชใ้ นเครื่องตรวจอตั โนมตั ิ เป็นการตรวจหาทัง้ antigen และ antibody (จงึ ใช้เป็นวิธแี รกใน

การทดสอบเพราะมีความไวกว่าวิธีอื่นท่ีเหลือ) โดยใช้ paramagnetic particle เป็น solid phase
ท่ีเคลือบด้วย HIV antigen หรอื antibody ตอ่ HIV และเมือ่ เราใส่ serum ของผู้ปว่ ยลงไป HIV Ab
หรือ HIV Ag ใน serum ก็จะท้าปฏิกิริยากับ HIV Ag หรือ HIV Ab ท่ีเคลือบบน particle ดังกล่าว
จากนั้น complex ที่เกิดข้ึนก็จะท้าปฏิกิริยากับ conjugate ท่ีติดฉลากด้วยสาร Acridinium เม่ือ
เติมน้ายาที่กระตุ้นหรือเร่งให้สาร Acridinium เปล่งแสงออกมา เครื่องก็จะวัดปริมาณแสงที่ได้ซึ่ง
สัมพันธ์กบั HIV Ab

ภูมคิ มุ้ กนั วทิ ยาคลินกิ 265
ค่าความไวของการตรวจ (sensitivity) และความจ้าเพาะของการตรวจ (specificity) นั้นสูงมาก
โอกาสผิดพลาดน้อยกวา่ 1%
1.2 Enzyme Linked Immunosorbent Assay (ELISA)

เปน็ วิธที ใี่ ช้กนั แพร่หลาย เหมาะกับการตรวจตัวอย่างจา้ นวนมาก
1.3 Particle agglutination (PA)

เป็นการทดสอบหา antibody ต่อเช้ือ HIV โดยอาศัยหลักการเกาะกลุ่มของ gel หรือ latex
particle ซ่งึ เคลอื บดว้ ย HIV Ag เมอ่ื จบั กบั Ab อ่านผลภายใน 2 ชวั่ โมง อย่างไรกต็ ามการเกาะกลุ่ม
อาจเกิดข้ึนอย่างไม่จ้าเพาะ ส้าหรับตัวอย่างท่ีมี hemolysis มาก จะอ่านผลได้ยาก นอกจากนี้ยัง
ตอ้ งระวังผลลบปลอม เมอื่ มแี อนติบอดีมากเกินไป ทา้ ให้อัตราส่วนการทา้ ปฏิกริ ิยาไมเ่ หมาะสมท้าให้
gel ไม่เกาะกลุ่ม อาจแก้ไขด้วยการเจือจางตัวอย่างมากข้ึน ต้องตรวจเพ่ิมเติมเพ่ือยืนยันผลบวก
เชน่ เดียวกับการตรวจคดั กรองวธิ ีอนื่ ๆ

1.4 การทดสอบแบบรวดเร็ว (Rapid test)
เป็นการทดสอบท่ีวิเคราะห์ผลการตรวจภายใน 3-15 นาที อ่านผลด้วยตาเปล่า นิยมใช้ใน

กรณีเร่งด่วน ไม่เหมาะกับการตรวจตัวอย่างจ้านวนมาก ที่ส้าคัญคือ มีราคาแพง และอาจให้ผลบวก
ปลอม และผลลบปลอมสงู กว่าวิธี ELISA หรอื PA ไม่แนะน้าให้ใชต้ รวจโลหติ บรจิ าค

2. การทดสอบชนิดตรวจยนื ยัน (Confirmatory test)
เพื่อเป็นการยืนยันผลบวกที่ได้จากวิธีตรวจคัดกรอง เป็นวิธีที่มีความจ้าเพาะสูง บ่งบอก

ภาวะการตดิ เช้ือ HIV ทแ่ี ท้จรงิ จดุ ประสงค์ เพื่อป้องกันความผิดพลาดจากการเกดิ ผลบวกปลอมโดย
วิธีการตรวจคดั กรอง ไม่ใชเ้ ป็นการตรวจยืนยันผลลบจากการตรวจคดั กรองน้ายาท่ีใช้ ได้แก่

2.1 Western Blot (WB)
เป็นวิธีที่ใช้เปน็ มาตรฐานท่ัวไป มีชุดน้ายาส้าเร็จรูปจ้าหนา่ ยโดยแผ่น membrane ทดสอบมี

แถบโปรตีนส่วนประกอบของเชื้อ HIV อยู่ ซ่ึงมีขนาดต่าง ๆ ท่ีแยกกันตามขนาดด้วยวิธี
Electrophoresis การวิเคราะห์และอ่านผล ใช้เวลา 6-24 ชม. ราคาแพงกว่าการทดสอบชนิดตรวจ
คัดกรอง ปจั จุบนั องค์การอนามยั โลกแนะน้าให้ใช้การตรวจโดยวธิ ีคดั กรองท่ีอาศัยหลักการต่างกนั 2
วิธีแทนการตรวจดว้ ย WB การตรวจด้วย WB ต้องท้าตามคู่มืออย่างเคร่งครัด ควรระบผุ ลให้ชัดเจน
ว่า anti-HIV positive, negative หรือ Indeterminate ส้าหรับผล Indeterminate ต้องมีการ
ตดิ ตามเจาะเลือดเพอ่ื ตรวจซา้ ซึ่งหากมีการติดเช้ือจรงิ ผลตรวจจะเปลยี่ นเป็นผลบวกหลงั การตรวจ
คร้ังแรกภายในเวลาไม่เกิน 6 เดือน WB ของบางบริษัทจะมีแถบแอนติเจน gp36 ของ HIV-2 อีก
แถบหนึ่ง ตอ้ งตรวจยืนยัน WB ทจ่ี ้าเพาะสา้ หรับ HIV-2 อกี ต่อไป

ภมู คิ มุ้ กันวทิ ยาคลินิก 266
2.2 Indirect Fluorescent Antibody Assay (IFA)

เป็นวิธีตรวจยืนยันอีกวิธีหน่ึง ได้มีการจัดเตรียมชุดน้ายาจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข ชุดน้ายาประกอบด้วยสไลด์แก้วชนิดหลุม เคลือบด้วยเซลล์ MT-4 ที่ติดเชื้อ
และไมต่ ดิ เช้ือ HIVในอตั ราสว่ น 1 ต่อ 3 วิเคราะห์โดย Ab ใน serum จะท้าปฏกิ ริ ิยากบั HIV Ag ใน
เซลล์ แล้วตรวจจับด้วย anti-human IgG-FITC(conjugate) ซ่ึงจะเรืองแสงเมื่อดูด้วย
Fluorescencense microscope วิธีนี้มีความจ้าเพาะใกล้เคียงวิธี WB แต่มีความไวน้อยกว่าและ
จ้าเปน็ ตอ้ งอาศัยผ้ทู ่ีมีประสบการณ์ในการอา่ นผล

2.3 Radioimmunoprecipitation assay (RIPA)
เป็นวิธีตรวจยืนยันท่ีมีหลักการคล้ายกับวิธี WB วิธีการยุ่งยาก ต้องเลี้ยงเช้ือในอาหารท่ีมี

กรดอะมโิ นที่ติดฉลากด้วยสารรงั สี ตกตะกอน Ag ทจ่ี บั กับ Ab ใน serum ด้วยโปรตีน A แยกโปรตีน
ด้วย SDS-PAGE และท้า Autoradiography ต้องใช้ห้องปฏิบัติการท่ีมีความปลอดภัยสูง และ
หอ้ งปฏบิ ัติการกมั มันตภาพรังสี จงึ ไมเ่ ปน็ ท่ีแพร่หลายในประเทศไทย
3. การทดสอบอน่ื

3.1 HIV Antigen Test
การทดสอบหา p24 ในกระแสเลือด มีประโยชน์ส้าหรับการตรวจการติดเชื้อเริ่มต้น และการ

ตรวจการติดเช้ือในทารกที่คลอดจากมารดาท่ีติดเชื้อ HIV การตรวจโลหิตบริจาคอาจตรวจหา
แอนติเจนเพิ่มเติมจากการตรวจแอนติบอดีเพ่ือป้องกันความผิดพลาด การตรวจหา p24 antigen
นั้นเดิมเคยมีปัญหาในด้านความไว(sensitivity) เนื่องจากมีการจับตัวกันของ p24 antigen และ
antibody ในเลอื ด ส่งผลใหก้ ารตรวจซง่ึ เปน็ การวัด free p24 มีความไวต้่าตอ่ มามกี ารดดั แปลงโดย
เพ่ิมข้ันตอน Immune complex dissociation (ICD) โดยใช้กรด (acid) หรือ ใช้ความร้อน (heat
denatured) ท้าใหม้ ีความไวสูงข้ึนมาก

3.2 Line immunoassay
เป็นการทดสอบที่คล้าย WB หากแต่ใช้ Ag ชนิดที่เป็น recombinant protein และ

synthetic peptide เคลอื บบน membrane โดยตรง และมี gp36 ของ HIV-2 แต่ gp36 แถบเดยี ว
ไม่สามารถใช้แยก HIV-1 และ HIV-2 ได้แน่นอน และไม่ถอื เปน็ การตรวจยนื ยันเหมอื น WB

3.3 การตรวจสารพันธุกรรม
เป็นการใช้เทคนิค PCR เข้ามาช่วย โดยจะตรวจหา DNA จาก proviral DNA หลักการคือ

ขยาย ปริมาณ DNA ดว้ ยเอนไซม์ DNA polymerase โดยก้าหนดขนาดและความจา้ เพาะของ DNA
เป้าหมาย มีความไวสูงมาก แต่อาจเกิดผลบวกปลอมได้หากมีการปนเปื้อน ปัจจุบันเทคนิค PCR มี
ประโยชนม์ ากส้าหรบั การตรวจการตดิ เชื้อ HIV ในทารกทคี่ ลอดจากมารดาทต่ี ิดเช้อื

3.4 การทดสอบหาแอนติบอดใี นสารคัดหลัง่ อื่น ๆ เชน่ น้าลาย น้านม ปัสสาวะ นา้ ไขสันหลัง

ภมู คิ ุ้มกันวทิ ยาคลนิ ิก 267
3.5 การตรวจหาปรมิ าณไวรัส (plasma HIV RNA หรือ viral load)
กราฟแสดงการเพ่ิมขน้ึ และลดลงของ HIV Ag และ HV Ab ของผู้ป่วยเอดส์หลงั รับเชื้อ

หลักการการตรวจวินจิ ฉยั การติดเชอื้ เอดส์ ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข ปี พ.ศ. 2557
1) การเลือกใชช้ ดุ ตรวจหาการติดเช้ือเอชไอวีใน algorithm ชุดตรวจทัง้ สามชุดตรวจต้องมีแอนติเจน
ทีแ่ ตกตา่ งกนั โดยอาจมีหลกั การทเี่ หมอื นกันได้
2) ชุดตรวจชนิด rapid test สามารถใช้เป็นชุดตรวจใน algorithm ได้ทั้งสามชุดตรวจ โดยต้องมี
แอนตเิ จนทแ่ี ตกต่างกนั
3) Window period ส้าหรับการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีปรับเปล่ียนจาก 3 เดือนเป็น 1 เดือน
เน่อื งจากชดุ ตรวจหาการตดิ เชอื้ ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีทก่ี า้ วหน้าขน้ึ
4) ในกรณผี ลการตรวจหาการติดเชอื้ เอชไอวี เป็น“สรปุ ผลไม่ได้ (inconclusive)” ให้ตดิ ตามผู้มารับ
บริการมาตรวจซ้าท่ี 2 สัปดาห์ และ/หรือ 1 เดือน และ 3 เดือน หากผลยังเป็น inconclusive ให้
สรุปผลวา่ ไม่ตดิ เชื้อได้
5) การตรวจหาการตดิ เชือ้ เอชไอวดี ว้ ยวธิ ี DNA PCR ในเดก็ ทค่ี ลอดจากแมท่ ต่ี ิดเชื้อ สามารถส่งตรวจ
ได้ทั้งแบบเลือดครบส่วนใส่หลอด EDTA หรือหยดเลือดบนกระดาษกรอง (Dried Blood Spot ;
DBS)
6) หากผลการตรวจ HIV DNA PCR ครั้งแรกเปน็ บวก ควรมีระบบการรายงานผลการตรวจแบบด่วน
เพ่ือตดิ ต่อผู้ประสานงานดา้ นเอชไอวีของโรงพยาบาลให้ตดิ ตามเด็กมาตรวจ HIV DNA PCR ซ้าทนั ที
หรือโดยเร็วทสี่ ุด

Serodiagnosis for bacterial infection
79. ขอ้ ใดเปน็ ชอ่ื strain ของ Proteus vulgaris ทใี่ ช้ช่วยในการวนิ จิ ฉัย Rickettsial disease

ก. OX-2 , OX-4 และ OX-19 ข. OX-2 , OX-9 และ OX-K
ค. OX-1 , OX-2 และ OX-19 ง. OX-2 , OX-19 และ OX-K จ. OX-4 , OX-19 และ OX-K
ตอบ ง. OX-2 , OX-19 และ OX-K

ภมู ิคุ้มกันวิทยาคลนิ ิก 268

29. ข้อใดไม่ใช่ opportunistic infection ในผ้ตู ิดเชอ้ื HIV ท่ีเขา้ สู่ ระยะโรคเอดส์ (AIDS)

ก. Kaposi's Sarcoma ข. Pneumocystis carinii

ค. Cryptococcus ง. Tuberculosis จ. Syphilis

ตอบ จ. Syphilis
80. ข้อใด ผดิ เกย่ี วข้องกบั การตรวจวนิ ิจฉยั การติดเชื้อ HIV

ก. ตรวจหา antibody ต่อเช้อื HIV ด้วยหลกั การ immunochromatography

ข. ตรวจหา P24 antigen

ค. ตรวจหาปรมิ าณ CD4+ T lymphocyte

ง. Nucleic acid testing ต่อเชื้อ HIV

จ. ตรวจหา antibody ต่อเชื้อ HIV ด้วยหลกั การ agglutination

ตอบ ค. ตรวจหาปริมาณ CD4+ T lymphocyte
81. ข้อใดคือเซลลเ์ ปา้ หมายของ human immunodeficiency virus

ก. Helper T cell, Dendritic cell ข. Dendritic cell, B-cell

ค. B-cell, Plasma cell ง. Plasma cell, NK cell

จ. NK cell, Neutrophil

ตอบ ก. Helper T cell, Dendritic cell
82. การตรวจหาการตดิ เชื้อ HIV ในผูใ้ หญ่และในเด็กอายุมากกว่า 18 เดอื นในประเทศไทย ปจั จบุ ัน

แนะน้าให้ตรวจโดยใชล้ ้าดบั ข้ันตอนแบบใด

ก. การตรวจคัดกรอง 1 วิธี เชน่ EIA และตรวจยืนยันด้วย Western blot

ข. การตรวจคดั กรอง 1 วิธี เชน่ EIA และตรวจยืนยนั ด้วย DNA PCR

ค. ตรวจคัดกรองด้วยหลกั การที่แตกต่างกนั 2 วิธตี ามลา้ ดบั ขนั้ ตอน

ง. ตรวจคัดกรองดว้ ยหลักการที่แตกต่างกนั 3 วธิ ตี ามล้าดับขนั้ ตอน

จ. ตรวจคัดกรองดว้ ยหลักการท่แี ตกตา่ งกนั 2-3 วิธีพร้อมกนั

ตอบ ง. ตรวจคัดกรองดว้ ยหลกั การที่แตกตา่ งกนั 3 วธิ ีตามลาดบั ขนั้ ตอน
83. Widal test ใช้ทดสอบการติดเชอ้ื ในขอ้ ใด

ก. Streptococcus species ข. Salmonella species ค. Chlamydia species

ง. Mycoplasma species จ. Legionella species

ตอบ ข. Salmonella species

84. H antigen ใชใ้ นการทดสอบหา antibody ต่อสว่ นใดของ S. typhi

ก. Somatic Ag ข. Flagella Ag ค. Pilli Ag

ง. capsular Ag จ. Outer membrane Ag

ตอบ ข. Flagella Ag

ภูมิค้มุ กันวทิ ยาคลนิ ิก 269
85. การสง่ ตรวจ convalescence serum ในการวินิจฉยั โรคตดิ เช้ือน้ันเปน็ การตรวจหาสิง่ ใด
ก. ตรวจหาปรมิ าณแอนติบอดีที่เพ่ิมข้ึน 2 เท่า ข. ตรวจหาปรมิ าณแอนตบิ อดีที่จ้าเพาะ 2 เทา่
ค. ตรวจหาปริมาณแอนติเจนท่ีเพม่ิ ขน้ึ 4 เท่า ง. ตรวจหาปรมิ าณแอนติบอดที ีเ่ พม่ิ ข้นึ 4 เทา่
จ. ตรวจหาปรมิ าณแอนติบอดที จ่ี า้ เพาะ 8 เท่า
ตอบ ง. ตรวจหาปรมิ าณแอนติบอดที ีเ่ พิ่มข้นึ 4 เท่า
Serodiagnosis of bacterial infections
การทดสอบเกยี่ วกับโรคตดิ เช้อื ทกุ ชนดิ

ควรเก็บตัวอยา่ งเลอื ด 2 ครัง้ (paired serum)

• ครงั้ แรก (acute serum) เจาะเมื่อมาพบแพทย์คร้งั แรก

• คร้ังท่ี 2 (convalescent serum) เก็บตัวอย่างเลือด หลังจากคร้ังแรก ประมาณ 7-
21 วัน

เพื่อตรวจหาระดับ antibody จาเพาะท่ีเพิ่มข้ึนอย่างน้อย 4 เท่า (4 fold rising titer) เมื่อ
เทียบกบั ระดบั ท่ีตรวจพบครัง้ แรก

หากมกี ารเพิ่มข้นึ เพียง 2 เท่า สงสยั วา่ อาจจะตดิ เชอ้ื อาจต้องเจาะซ้าในอกี ประมาณ 7 วนั
สิง่ สง่ ตรวจส่วนใหญท่ นี่ า้ มาทดสอบทาง serology มักเป็น serum จาก clotted blood
แต่ในบาง การทดสอบเชน่ การตรวจหาจา้ นวน CD4+ cell และ CD8+ cell ต้องใช้ whole blood
ที่ใส่สารกันเลือดแข็งเช่น EDTA หรือ ปัจจุบันชุดทดสอบส้าเร็จรูปบางยี่ห้อสามารถใช้ส่ิงส่งตรวจท่ี
เป็น whole blood จาก EDTA blood หรือ heparinized blood ได้ ส่วนสิ่งส่งตรวจอ่ืนๆที่ไม่ใช่
เลอื ด เช่น cerebrospinal fluid (CSF) มักส่งตรวจหา Cryptococcus antigen, Nasopharyngeal
swab/ aspirate/ wash, throat swab หรือ nasal swab มักส่งตรวจหาการติดเชื้อ influenza
เป็นต้น
Widal test
Widal test เป็นวิธีการทดสอบที่ช่วยวินิจฉัยโรคไข้ไทฟอยด์และพาราไทฟอยด์ ซ่ึงเกิด
จากเชื้อ Salmonella typhi และ S. paratyphi A, B และ C ตัวเช้ือสาเหตุ มีแอนติเจนท่ีส้าคัญ
ดังน้ี
1. O-antigen หรือ somatic antigen เป็นโพลีแซคคาไรด์ที่จับกับไลปิดเป็นไลโปโพลี
แซคคาไรด์จากสว่ นของผนงั เซลล์ (cell wall) ของแบคทีเรีย ซึ่งในส่วนของโพลีแซคคาไรด์ของเชื้อ
S. typhi จะมี antigenic determinant 2 ส่วน ที่สามารถทดสอบโดยวิธีการเกาะกลุ่ม
(agglutination) คอื factor 9 และ 12 ซึง่ factor 9 จะแสดงความจ้าเพาะของตัวเชื้อ Salmonella
group D ซ่ึงเป็นสายพันธ์สา้ คัญท่ีท้าให้เกิดโรค แอนติเจน O มีคุณสมบัติทนทานต่อแอลกอฮอล์ ฟี
นอล กรดเจือจาง และความร้อนที่ 100°C ถ้าให้แอนติเจน O ท้าปฏิกิริยาจ้าเพาะกับแอนตบิ อดีจะ

ภูมคิ ุม้ กันวิทยาคลนิ กิ 270
ท้าให้เกิดการเกาะกลุ่มที่มีลักษณะตะกอนละเอียด แผ่อยู่รอบๆ ก้นหลอดทดลอง (fine granular
agglutination)

2. H-antigen หรือ flagella antigen เป็นโปรตีนจากส่วนของ flagella ของแบคทีเรีย
ซ่ึงแอนติเจน H นี้จะมีความแตกต่างกันระหว่างตัวเชื้อ Salmonella แต่ละกลุ่ม มีคุณสมบัติถูก
ทา้ ลายไดด้ ้วยแอลกอฮอล์ ฟีนอล กรดเจือจาง และความร้อนท่ีสงู กว่า 60°C แตไ่ มถ่ กู ทา้ ลายด้วย
สารละลายฟอร์มาลินที่ความเข้มข้น 0.3% ถ้าให้แอนติเจน H ท้าปฏิกิริยากับแอนติบอดีจ้าเพาะจะ
เกิดปฏิกิริยาการเกาะกลุ่มที่มีลกั ษณะเปน็ ปุยเบาๆ (floccular agglutination)

3 . Vi- antigen เ ป็ น มิ ว โ ค โ พ ลี แ ซ ค ค า ไ ร ด์ มี ส่ ว น ป ร ะ ก อ บ ข อ ง N-
acetylgalactosaminouronic acid อยู่ในส่วนของผิวนอกคลุมอยู่บนชั้นของแอนติเจน O มี
คุณสมบัติถูกทา้ ลายได้ด้วยฟีนอล กรดเจือจาง และความร้อนท่ี 60°C แอนติเจนตัวน้ีเปน็ แอนตเิ จน
ที่แสดงความรุนแรงของตัวเช้ือ (virulent isolated) อย่างไรก็ตาม Vi-antigen นี้สามารถตรวจพบ
ไดใ้ นเช้ือในกลุ่ม Enterobacteriaceae อืน่ ๆ เชน่ E. coli และ Citrobacter species ได้ การตรวจ
พบแอนติบอดีต่อ Vi-antigen จะเกิดในระหว่างการติดเชื้อและจะหายไปหลังจากโรคอย่างรวดเรว็
แตก่ ารเตรียมค่อนขา้ งยาก จึงไมค่ อ่ ยมีคนนิยมตรวจ

แอนติบอดีต่อ O-antigen จะขึ้นก่อนภายใน 7-10 วัน หลังได้รับเชื้อและสูงสุดใน
สปั ดาห์ท่ี 3-5 ส่วนแอนติบอดตี ่อ H-antigen จะเพิม่ ขน้ึ ทหี ลังและถงึ จดุ สงู สุดชา้ กวา่ ในประเทศเรา
พบคนเปน็ พาหะของโรคมาก ดังน้ัน จะท้าใหค้ า่ ของแอนตบิ อดใี นคนปกตคิ อ่ นขา้ งสงู ซึ่งมคี ่าไตเตอร์
ของแอนติบอดีต่อ O-antigen เท่ากับ 80 และต่อ H-antigen เท่ากับ 160 แต่อย่างไรก็ตามให้ยึด
หลักการเพ่ิมข้นึ ของแอนติบอดี (rising titer) อย่างนอ้ ย 4 เท่า ช่วยในการวินิจฉัยใหแ้ น่นอนมากขน้ึ
Weil-Felix test

Weil-Felix test คือปฏิกิริยาระหว่าง Proteus Ag กับ Ab ต่อเช้ือ Ricketsia โรคท่ี
เกิดขึ้นแบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่มใหญ่ คือ scrub typhus, typhus group, spotted fever group,
trench fever และ Q fever การแยกเช้ือท้าได้ค่อนข้างยาก ดังน้ันจึงนิยมใช้ปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันมา
ช่วยในการวินิจฉัยโรค ricketsial diseases

Weil-Felix test เป็นวิธีการทดสอบที่ช่วยวินิจฉัยโรค Ricketsia โดยอาศัยหลักการ
direct agglutination test เนื่องจากแอนติบอดีต่อเช้ือ Ricketsia สามารถท้าปฏิกิริยาร่วมกับ
แอนติเจนชนิด “O” somatic polysaccharide จาก Proteus สายพันธ์ OX-19 และ OX-2 ของ
เช้ือ P. vulgaris และสายพันธ์ OX-K ของเช้ือ P. mirabilis ทา้ ให้เกิดปฏิกริ ิยาการเกาะกลุม่ เกิดข้ึน
ได้

ภูมคิ ุม้ กันวิทยาคลินิก 271
Latex agglutination test for Streptococcal infection / ASO test

anti-streptolysin O คือแอนติบอดีที่พบในซีร่ัมผู้ป่วยเกิดจากการติดเช้ือแบคทีเรีย
Beta- Haemolytic Streptococci of group A, C แ ล ะ G Streptolysin O คื อ toxin ข อ ง
แบคทีเรียท่ีมีคุณสมบัตเิ ป็นเอนไซมซ์ ึ่งมีคุณสมบัติเป็นแอนตเิ จนแปลกปลอมในร่างกาย ดังนนั้ การ
ตรวจพบแอนติบอดีต่อ streptococcus metabolites (anti-streptolysin O) จึงช่วยในการ
วินิจฉัยการติดเชื้อ โรคไขร้ ูมาหต์ ิค (rheumatic fever), โรคไตอกั เสบ (glomerulonephritis) และ
โรคติดเชือ้ Streptococcus

เอกสารอ้างอิง

1. คู่มอื ปฏบิ ตั กิ ารภมู คิ ุ้มกันวทิ ยาคลินิก. คณะเทคนคิ การแพทย์ มหาวิทยาลยั มหิดล, 2543.
2. ศักด์ิชัย เดชตรัยรัตน์และคณะ. คู่มือปฏิบัติการภูมิคุ้มกันวิทยาคลินิก. คณะเทคนิคการแพทย์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2550.
3. รศ.ดร. กัญญานันท์ กฤษศิริวุฒินันท์ พ้ืนฐานวิทยาภูมิคุ้มกันและหลักการทดสอบทางวิทยา
ภูมคิ ุ้มกัน พมิ พ์คร้ังท่ี 1 กรุงเทพฯ, โรงพิมพว์ ัชรนิ ทร์ พี.พี., 2555.
4. ค่มู อื ส่งตรวจทางภูมคิ ้มุ กันวิทยาคลนิ กิ . คณะแพทย์ศาสตรศ์ ิรริ าชพยาบาล มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล
5. คมู่ อื ชุดทดสอบ BioSystems®
6. คู่มือห้องปฏิบัติการอิมมูโนวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยา. คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวทิ ยาลยั มหิดล.
7. พไิ ลพันธ์ พุธวัฒนะ ไวรสั วิทยา พิมพค์ รงั้ ที่ 2 กรุงเทพฯ, อกั ษรสยามการพมิ พ์, 2540.
8. คูม่ ือชดุ ทดสอบ ABBON®
9. คมู่ ือชุดตรวจส้าเรจ็ รูป ACON®
10. แนวทางการตรวจวินิจฉัยและการดแู ลรกั ษา ผูต้ ิดเช้อื เอชไอวแี ละผปู้ ว่ ยเอดสร์ ะดับชาติ, 2553
11. สมชาย แสงกิจพร, แนวทางการตรวจการติดเช้ือเอชไอวี คู่มือสาหรับห้องปฏิบัติการ,
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ
12. แนวทางการตรวจวินิจฉยั และการดูแลรักษา ผ้ตู ดิ เชือ้ เอชไอวแี ละผปู้ ว่ ยเอดส์ระดับชาติ, 2553
13. สมชาย แสงกิจพร, แนวทางการตรวจการติดเช้ือเอชไอวี คู่มือสาหรับห้องปฏิบัติการ,
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ
14. คูม่ อื ชดุ ทดสอบ อเลีย ดีเทอรม์ ีน HIV®

กฏหมายและจรรยาบรรณวิชาชีพเทคนคิ การแพทย์ 272

กฎหมำยและจรรยำบรรณวิชำชีพเทคนคิ กำรแพทย์

ประมวลความรทู้ างกฎหมายวิชาชพี เทคนคิ การแพทย์
บญุ พะเยาว์ เลาหะจินดา

พระราชบัญญตั ิสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๕๙

สมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั มหาวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู มพี ระราชโองการโปรดเกล้าฯ
ใหป้ ระกาศวา่
โดยท่เี ปน็ การสมควรแกไ้ ขเพ่ิมเติมกฎหมายวา่ ดว้ ยสถานพยาบาล
จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้ตราพระราชบัญญตั ิข้นึ ไวโ้ ดยคา้ แนะน้าและยินยอมของ
สภานติ ิบญั ญตั แิ ห่งชาติ ดงั ต่อไปน้ี
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินเ้ี รยี กว่า “พระราชบญั ญัตสิ ถานพยาบาล (ฉบบั ที่ ๔)
พ.ศ. ๒๕๕๙”
มาตรา ๒ พระราชบญั ญตั ิน้ใี หใ้ ชบ้ ังคบั ตง้ั แตว่ ันถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา
เป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในบทนิยามคา้ ว่า “สถานพยาบาล” ในมาตรา ๔ แห่งพระราชบญั ญตั ิ
สถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ ซ่ึงแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบัญญตั สิ ถานพยาบาล (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ.
๒๕๕๕ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนี้แทน

กฏหมายและจรรยาบรรณวชิ าชพี เทคนิคการแพทย์ 273
“สถานพยาบาล” หมายความว่า สถานท่รี วมตลอดถงึ ยานพาหนะซึ่งจดั ไว้เพื่อการประกอบ
โรคศิลปะตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ การประกอบวิชาชีพเวชกรรมตาม
กฎหมายว่าด้วยวิชาชพี เวชกรรม การประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดงุ ครรภ์ตามกฎหมาย
ว่าด้วยวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ การประกอบวิชาชีพทันตกรรมตามกฎหมายว่าด้วย
วิชาชีพทันตกรรม การประกอบวิชาชีพกายภาพบ้าบัดตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพกายภาพบ้าบัด
การประกอบวิชาชีพ เทคนิคการแพทย์ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ การประกอบ
วิชาชีพการแพทย์แผนไทย และการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ตามกฎหมายว่า
ด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย หรือการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขอ่ืนตาม
กฎหมายว่าด้วยการนัน้ ทงั้ นี้ โดยกระทา้ เป็นปกติธรุ ะไม่ว่าจะได้รบั ประโยชนต์ อบแทนหรอื ไม่”
มาตรา ๔ ใหย้ กเลิกความในบทนยิ ามคา้ วา่ “ผู้ประกอบวิชาชีพ” ในมาตรา ๔ แห่ง
พระราชบัญญตั สิ ถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึง่ แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชบัญญตั สิ ถานพยาบาล
(ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๕ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปน้แี ทน

““ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ” หมายความวา่ ผปู้ ระกอบโรคศิลปะ ผปู้ ระกอบวชิ าชพี เวชกรรม
ผู้ประกอบวชิ าชีพการพยาบาลและการผดงุ ครรภ์ ผู้ประกอบวชิ าชพี ทันตกรรม ผ้ปู ระกอบวชิ าชีพ
เภสัชกรรม ผปู้ ระกอบวิชาชีพกายภาพบ้าบดั ผปู้ ระกอบวชิ าชพี เทคนคิ การแพทย์ ผปู้ ระกอบวิชาชีพ
การแพทยแ์ ผนไทย ผปู้ ระกอบวชิ าชพี การแพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือผูป้ ระกอบวิชาชพี ทางการ
แพทยแ์ ละสาธารณสขุ อ่ืน ตามกฎหมายว่าดว้ ยการน้นั และให้หมายความรวมถงึ บุคคลตามมาตรา
๓๑ แห่งกฎหมายวา่ ด้วยการประกอบโรคศลิ ปะ”

มาตรา ๕ ใหย้ กเลิกความในบทนิยามคา้ วา่ “ผูอ้ นญุ าต” ในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญตั ิ
สถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

““ผู้อนญุ าต” หมายความว่า อธบิ ดกี รมสนับสนุนบริการสุขภาพหรือผ้ซู ง่ึ อธิบดกี รม
สนับสนุนบรกิ ารสขุ ภาพมอบหมาย”

มาตรา ๖ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบญั ญตั สิ ถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑
และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปนีแ้ ทน

“มาตรา ๕ พระราชบัญญัติน้ีมใิ หใ้ ช้บงั คับแกส่ ถานพยาบาลซ่งึ ดา้ เนินการโดยกระทรวง
ทบวง กรม องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน รฐั วิสาหกจิ สถาบันการศกึ ษาของรัฐ หนว่ ยงานอืน่ ของรัฐ
สภากาชาดไทย และสถานพยาบาลอืน่ ซึ่งรัฐมนตรปี ระกาศก้าหนด
สถานพยาบาลท่ีได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่ง ต้องมีลักษณะของสถานพยาบาลและมาตรฐานตาม
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขที่รัฐมนตรีประกาศก้าหนดโดยค้าแนะน้าของคณะกรรมการ เว้นแต่
สถานพยาบาลท่ีผ่านการรับรองคุณภาพจากหน่วยงานซ่ึงผู้อนุญาตก้าหนดเพ่ือประโยชน์แห่งการ
คุ้มครองผู้บริโภคด้านระบบบริการสุขภาพ ให้รัฐมนตรีโดยค้าแนะน้าของคณะกรรมการแจ้งให้

กฏหมายและจรรยาบรรณวชิ าชีพเทคนคิ การแพทย์ 274
สถานพยาบาลตามวรรคหน่ึงซึ่งไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามวรรคสอง
ด้าเนนิ การปรบั ปรุงหรือแก้ไขภายในระยะเวลาที่ก้าหนด”

มาตรา ๗ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๗ และมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.
๒๕๔๑ และให้ใชค้ วามต่อไปนแี้ ทน

“มาตรา ๗ ให้มคี ณะกรรมการคณะหนง่ึ เรียกวา่ “คณะกรรมการสถานพยาบาล” ประกอบดว้ ย
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกรรมการ อธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกช่อื อยา่ งอนื่
ที่มีฐานะเป็นกรมทุกกรมในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทน
กระทรวงมหาดไทย ผู้แทนส้านักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้แทนส้านักงานคณะกรรมการ
คุม้ ครองผู้บรโิ ภค และผู้แทนสถาบนั รบั รองคุณภาพสถานพยาบาล (องคก์ ารมหาชน) เป็นกรรมการ
โดยต้าแหนง่ กับกรรมการผู้ทรงคณุ วฒุ ิซง่ึ รัฐมนตรแี ตง่ ต้ังจากบคุ คล ดงั ต่อไปน้ี

(๑) ผู้ประกอบโรคศลิ ปะโดยค้าแนะน้าของคณะกรรมการการประกอบโรคศิลปะจา้ นวน
สองคนและผู้ประกอบวิชาชีพโดยค้าแนะน้าของสภาวิชาชีพ ซึ่งจัดต้ังขึ้นตามกฎหมายเพื่อควบคุม
การประกอบวิชาชีพนั้น จ้านวนหกคน ได้แก่ ผู้แทนแพทยสภา ผู้แทนสภาการพยาบาล ผู้แทนสภา
เภสัชกรรม ผู้แทนทันตแพทยสภา สภาวิชาชีพละหนึ่งคน และผู้แทนสภาวิชาชีพอื่นเลือกกันเอง
จา้ นวนสองคน ทั้งน้ี ตามหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเง่ือนไขทีร่ ฐั มนตรีประกาศก้าหนด

(๒) ผู้ทรงคุณวุฒิอ่ืนจ้านวนห้าคนซึ่งในจ้านวนน้ีจะต้องแต่งต้ังจากผู้ด้าเนินการสองคน
คณบดีคณะแพทยศาสตร์ในสถาบันอุดมศึกษาหนึ่งคน ผู้แทนสมาคมโรงพยาบาลเอกชนหน่ึงคน
และผู้แทนองค์กรเอกชนท่ีด้าเนินกิจกรรมทางด้านคุ้มครองผู้บริโภคหน่ึงคน ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ์
วิธีการ และเง่ือนไขท่ีรัฐมนตรีประกาศก้าหนด ให้รองอธิบดีซึ่งอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
มอบหมายเป็นกรรมการและเลขานกุ าร และผู้อา้ นวยการส้านกั สถานพยาบาลและการประกอบโรค
ศลิ ปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพเปน็ กรรมการ และผู้ช่วยเลขานุการ

มาตรา ๘ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๗ มีวาระการด้ารงต้าแหน่งคราวละสามปี
กรรมการซึ่งพ้นจากต้าแหน่งตามวาระ อาจได้รับแต่งต้ังอีกได้แต่จะด้ารงต้าแหน่งตดิ ตอ่ กันเกินสอง
วาระมิได้ ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากต้าแหน่งตามวาระ แต่ยังมิได้แต่งต้ังกรรมการ
ผู้ทรงคุณวุฒิใหม่ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒินั้นปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้แต่งต้ังกรรมการ
ผ้ทู รงคณุ วฒุ ใิ หม่”

มาตรา ๘ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.
๒๕๔๑ และให้ใช้ความต่อไปนแ้ี ทน “ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคณุ วุฒิพ้นจากต้าแหนง่ ก่อนวาระ ให้
รัฐมนตรีแต่งต้ังผู้อ่ืนเป็นกรรมการแทน และให้กรรมการซึ่งได้รับแต่งต้ังแทนอยู่ในต้าแหน่งเท่ากับ
วาระท่ีเหลืออยู่ของกรรมการซึ่งตนแทน แต่ถ้าวาระการด้ารงต้าแหน่งของกรรมการเหลือไม่ถึงเก้า
สิบวนั จะไม่แตง่ ตงั้ ก็ได้ ในการน้ีใหค้ ณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการเทา่ ทเ่ี หลอื อยู่”

กฏหมายและจรรยาบรรณวิชาชพี เทคนิคการแพทย์ 275
มาตรา ๙ ใหย้ กเลิกความในมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญตั สิ ถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ และให้
ใช้ความต่อไปนีแ้ ทน

“มาตรา ๑๑ คณะกรรมการมีหน้าที่ให้ค้าปรึกษา ให้ความเห็น และให้ค้าแนะน้าแก่
รัฐมนตรี หรือผอู้ นุญาตในเร่อื งดังต่อไปน้ี

(๑) การออกกฎกระทรวงหรือประกาศเพ่ือปฏบิ ตั กิ ารตามพระราชบญั ญตั ิน้ี
(๒) การอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล การด้าเนินการสถานพยาบาล การปิด
สถานพยาบาล หรอื การเพกิ ถอนใบอนุญาต
(๓) การส่งเสริมการพัฒนาคณุ ภาพการบริการของสถานพยาบาล
(๔) การควบคุมหรือการพจิ ารณาเร่ืองรอ้ งเรียนเกี่ยวกบั การดา้ เนินการสถานพยาบาล
(๕) การกา้ หนดลกั ษณะและมาตรฐาน หรอื การรับรองคุณภาพสถานพยาบาลท่ีไดร้ บั ยกเว้น
ตามมาตรา ๕ วรรคหนง่ึ และการแจ้งให้ด้าเนนิ การปรับปรุงหรอื แก้ไขสถานพยาบาลดงั กล่าว
(๖) การก้าหนดผู้ป่วยฉุกเฉินตามกฎหมายว่าด้วยการแพทย์ฉุกเฉิน โรคติดต่ออันตราย
โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังหรือโรคระบาดตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ หรือสาธารณภัยตา ม
กฎหมายว่าด้วยการป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งผู้ป่วยจ้าเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาล
โดยฉกุ เฉนิ จากสถานพยาบาล และการกา้ หนดหลกั เกณฑ์การด้าเนินการในกรณเี ชน่ วา่ นน้ั
(๗) เรอ่ื งอนื่ ๆ ตามที่รัฐมนตรีหรือผอู้ นญุ าตมอบหมาย”
มาตรา ๑๐ ให้เพิ่มความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๑๔/๑ แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.
๒๕๔๑
“มาตรา ๑๔/๑ สถานพยาบาลอาจจดั ให้มีการศึกษา การฝึกอบรม การวจิ ัยทางการแพทย์ และ
สาธารณสุข หรือการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือองค์กรเอกชน ใน
การถ่ายทอดเทคโนโลยีท่ีเหมาะสมที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบโรคศิลปะหรือการประกอบวิชาชีพ
ทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพของสถานพยาบาล ท้ังน้ี ให้
เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการน้ัน และหลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเง่ือนไขท่ีกา้ หนดในกฎกระทรวง”
มาตรา ๑๑ ใหย้ กเลิกความใน (๑) ของมาตรา ๒๕ แหง่ พระราชบัญญตั ิสถานพยาบาล
พ.ศ. ๒๕๔๑ ซ่ึงแก้ไขเพ่มิ เตมิ โดยพระราชบญั ญัติสถานพยาบาล (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๕ และใหใ้ ช้
ความตอ่ ไปน้ีแทน
“(๑) เปน็ ผู้ประกอบวชิ าชพี แตบ่ คุ คลเชน่ วา่ นีจ้ ะไดร้ ับอนุญาตให้เปน็ ผู้ดา้ เนนิ การตามประเภท
ใด หรือสถานพยาบาลทใี่ หบ้ ริการทางการแพทย์ใด ใหเ้ ปน็ ไปตามทกี่ า้ หนดในกฎกระทรวง”
มาตรา ๑๒ ให้ยกเลกิ ความในมาตรา ๓๒ แหง่ พระราชบัญญัตสิ ถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่ง
แก้ไขเพ่มิ เตมิ โดยพระราชบญั ญัตสิ ถานพยาบาล (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้ใช้ความต่อไปน้ี
แทน

กฏหมายและจรรยาบรรณวชิ าชพี เทคนคิ การแพทย์ 276
“มาตรา ๓๒ ผรู้ ับอนญุ าตตอ้ งแสดงรายละเอยี ดดังต่อไปน้ี ณ สถานพยาบาลนนั้

(๑) ชอ่ื สถานพยาบาล
(๒) รายการเกย่ี วกบั ผูป้ ระกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล
(๓) อตั ราคา่ รักษาพยาบาล คา่ ยาและเวชภณั ฑ์ คา่ บริการทางการแพทย์ คา่ บริการอื่น
และสิทธิของผู้ป่วยท่ีสถานพยาบาลต้องแสดงตามมาตรา ๓๓ วรรคหน่ึง การแสดง
รายละเอียดตามวรรคหน่ึง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขที่ก้าหนดใน
กฎกระทรวง”
มาตรา ๑๓ ให้ยกเลกิ ความในมาตรา ๓๓ แหง่ พระราชบัญญตั สิ ถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ และ
ใหใ้ ชค้ วามต่อไปน้ีแทน
“มาตรา ๓๓ รัฐมนตรีโดยค้าแนะน้าของคณะกรรมการมีอ้านาจประกาศก้าหนดชนิด หรือ
ประเภทของการรักษาพยาบาล ยาและเวชภัณฑ์ การบริการทางการแพทย์ หรือการบริการอื่นของ
สถานพยาบาล และสิทธขิ องผูป้ ว่ ย ซ่ึงผู้รับอนุญาตจะต้องแสดงตามมาตรา ๓๒ (๓) ผู้รับอนุญาตจะ
เรียกเก็บหรือยินยอมให้มีการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล ค่ายาและเวชภัณฑ์ ค่าบริการทาง
การแพทย์ หรือค่าบริการอื่นเกินอัตราท่ีได้แสดงไว้มิได้ และต้องให้บริการแก่ผู้ป่วยตามสิทธิที่ได้
แสดงไว้”
มาตรา ๑๔ ให้เพ่ิมความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๓๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.
๒๕๔๑
“มาตรา ๓๓/๑ เพ่ือประโยชน์ในการคุ้มครองสุขภาพของประชาชน ให้รัฐมนตรีโดยค้าแนะนา้
ของคณะกรรมการมีอ้านาจประกาศก้าหนดผู้ป่วยฉุกเฉินตามกฎหมายว่าด้วยการแพทย์ฉุ กเฉิน
โรคติดต่ออันตราย โรคติดต่อท่ีต้องเฝ้าระวัง หรือโรคระบาดตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ หรือสา
ธารณภัยตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งผู้ป่วยจ้าเป็นต้องได้รับการ
รกั ษาพยาบาลโดยฉกุ เฉนิ จากสถานพยาบาลตามมาตรา ๓๖”
มาตรา ๑๕ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ ซ่ึง
แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้ใช้ความต่อไปน้ี
แทน
“มาตรา ๓๔ ใหผ้ ู้ด้าเนนิ การมีหน้าทีแ่ ละความรับผดิ ชอบ ดังต่อไปน้ี
(๑) ควบคมุ และดูแลมิให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลประกอบวิชาชพี ผิดไปจากสาขาชั้น
หรือแผน ทผี่ ้รู ับอนญุ าตได้แจ้งไวใ้ นการขอรับใบอนุญาต หรือมใิ ห้บุคคลอนื่ ซงึ่ มิใช่เป็นผปู้ ระกอบ
วิชาชีพทา้ การประกอบวชิ าชีพในสถานพยาบาล
(๒) ควบคุมและดแู ลให้ผู้ประกอบวชิ าชพี ในสถานพยาบาลปฏบิ ตั หิ น้าทตี่ ามกฎหมายเกี่ยวกับ
การประกอบวชิ าชีพของตน

กฏหมายและจรรยาบรรณวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ 277
(๓) ควบคุมและดแู ลมใิ ห้มกี ารรับผูป้ ว่ ยไวค้ า้ งคนื เกินจา้ นวนเตียงตามทีก่ า้ หนดไว้ในใบอนญุ าต
เว้นแตก่ รณฉี ุกเฉินซึ่งหากไม่รับไวอ้ าจเกดิ อนั ตรายแกผ่ ปู้ ว่ ย
(๔) ควบคุมและดูแลสถานพยาบาลใหส้ ะอาด เรยี บร้อย ปลอดภัย และมีลกั ษณะอนั เหมาะสม
แก่การใชเ้ ปน็ สถานพยาบาล”
มาตรา ๑๖ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๖ แหง่ พระราชบัญญตั สิ ถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ และ
ใหใ้ ชค้ วามต่อไปนแี้ ทน
“มาตรา ๓๖ ผู้รับอนุญาตและผู้ด้าเนินการของสถานพยาบาลต้องควบคุมและดูแลให้มีการ
ช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยตามมาตรา ๓๓/๑ ซ่ึงอยู่ในสภาพอันตรายและจ้าเป็นต้องได้รับการ
รักษาพยาบาลโดยฉุกเฉิน เพื่อให้พ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพและตามประเภทของ
สถานพยาบาลนั้นๆ เพื่อประโยชน์สาธารณะ ในการด้าเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้สถานพยาบาลมี
หน้าที่ระดมทรัพยากร และมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเยียวยาหรือด้าเนินการตามความเหมาะสม
และความจ้าเป็น การด้าเนินการตามวรรคหน่งึ และวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ
เง่อื นไขทร่ี ฐั มนตรปี ระกาศกา้ หนดโดยค้าแนะน้าของคณะกรรมการ เมอื่ ใหก้ ารช่วยเหลอื เยยี วยาแก่
ผู้ป่วยตามวรรคหน่ึงแล้ว ถ้ามีความจ้าเป็นต้องส่งต่อหรือผู้ป่วย มีความประสงค์จะไปรับการ
รักษาพยาบาลท่ีสถานพยาบาลอ่ืน ผู้รับอนุญาตและผู้ด้าเนินการต้องจัดการให้มีการจัดส่งต่อไปยัง
สถานพยาบาลอ่ืนตามความเหมาะสม ทั้งน้ี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศ
ก้าหนดโดยค้าแนะน้าของคณะกรรมการ ค่าใช้จ่ายในการด้าเนินการตามวรรคหนึ่ง วรรคสอง และ
วรรคส่ี ให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเงอื่ นไขท่ีคณะรฐั มนตรีก้าหนด”
มาตรา ๑๗ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๘ แหง่ พระราชบญั ญัตสิ ถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ และ
ให้ใชค้ วามตอ่ ไปน้ีแทน
“มาตรา ๓๘ ผู้ใดประสงคจ์ ะโฆษณาหรอื ประกาศดว้ ยประการใดๆ เกยี่ วกับการประกอบกิจการ
ของสถานพยาบาล นอกจากช่ือและที่ต้ังของสถานพยาบาลตามท่ีปรากฏในใบอนุญาต ต้องได้รับ
อนุมัติ ข้อความ เสียง หรือภาพที่ใช้ในการโฆษณาหรือประกาศจากผู้อนุญาต ทั้งน้ี ให้เป็นไปตาม
หลักเกณฑ์ วิธีการ เง่ือนไข และค่าใช้จ่ายที่ผอู้ นญุ าตประกาศกา้ หนด การโฆษณาหรือประกาศด้วย
ประการใด ๆ ซ่ึงช่ือ ท่ีต้ัง หรือกิจการของสถานพยาบาล หรือคุณวุฒิ หรือความสามารถของผู้
ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล เพื่อชักชวนให้มีผู้มาขอรับบริการจากสถานพยาบาล โดยใช้
ข้อความ เสียง หรือภาพอันเป็นเท็จหรือโอ้อวดเกินความจริง หรือน่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดใน
สาระส้าคัญเกี่ยวกับการประกอบกิจการของสถานพยาบาล จะกระท้ามิได้ ค่าใช้จ่ายท่ีได้รับตาม
วรรคหนึง่ ให้นา้ ส่งคลงั เปน็ รายได้แผ่นดนิ ”
มาตรา ๑๘ ใหย้ กเลิกความในมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญตั สิ ถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ และ
ใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนแี้ ทน

กฏหมายและจรรยาบรรณวชิ าชพี เทคนคิ การแพทย์ 278
“มาตรา ๕๗ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๒๔ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจ้าคกุ
ไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหน่ึงแสนบาท หรือท้ังจ้าท้ังปรับ และศาลจะสั่งริบบรรดาสิ่งของที่ใช้ใน
การประกอบกิจการสถานพยาบาลดว้ ยก็ได้”
มาตรา ๑๙ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๖๒ แหง่ พระราชบัญญัตสิ ถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ และ
ให้ใช้ความต่อไปนีแ้ ทน
“มาตรา ๖๒ ผู้รับอนุญาตผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๓ วรรคสอง ต้องระวางโทษจ้าคุกไม่เกินหนึ่งปี
หรือปรบั ไมเ่ กนิ สองหมื่นบาท หรอื ทั้งจ้าทัง้ ปรบั ”
มาตรา ๒๐ ให้ยกเลกิ ความในมาตรา ๖๘ แหง่ พระราชบญั ญัตสิ ถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ และ
ใหใ้ ช้ความต่อไปน้ีแทน
“มาตรา ๖๘ ผู้ใดไมป่ ฏิบัติตามมาตรา ๓๘ วรรคหน่งึ ตอ้ งระวางโทษปรบั ไม่เกินสองหมื่นบาท
และใหป้ รับอีกวนั ละไม่เกินหนึง่ หมืน่ บาทนับแต่วนั ทฝี่ ่าฝนื ค้าสง่ั ที่ให้ระงับการโฆษณาหรอื ประกาศ
ทั้งนี้ จนกว่าจะระงับการโฆษณาหรือประกาศดังกล่าว
ผู้ใดฝา่ ฝืนมาตรา ๓๘ วรรคสอง ต้องระวางโทษจ้าคุกไมเ่ กินหน่งึ ปี หรอื ปรับไมเ่ กนิ สองหมื่นบาท
หรือทั้งจ้าทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหม่ืนบาทนับแต่วันที่ฝ่าฝืนค้าสั่งที่ให้ระงับการ
โฆษณา หรือประกาศ ทั้งน้ี จนกวา่ จะระงบั การโฆษณาหรือประกาศดังกลา่ ว”
มาตรา ๒๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๗๔ แห่งพระราชบญั ญตั ิสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑
และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนแี้ ทน
“มาตรา ๗๔ ในกรณีท่ีผู้กระท้าความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระท้าความผิดของนิติบุคคลนั้น
เกิดจากการสั่งการหรือการกระท้าของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการ
ด้าเนินงานของนิตบิ ุคคลนนั้ หรือในกรณีท่ีบุคคลดังกล่าวมีหนา้ ท่ีตอ้ งสั่งการหรือกระท้าการและละ
เว้นไม่สั่งการ หรือไม่กระท้าการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระท้าความผิด ผู้น้ันต้องรับโทษตามท่ี
บัญญัตไิ วส้ า้ หรับความผิดนั้น ๆ ดว้ ย”
มาตรา ๒๒ ใหย้ กเลิกความในวรรคหนงึ่ ของมาตรา ๗๕ แห่งพระราชบัญญตั ิสถานพยาบาล พ.ศ.
๒๕๔๑ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนีแ้ ทน
“มาตรา ๗๕ ใหม้ คี ณะกรรมการเปรยี บเทียบคดี
(๑) ในเขตกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็นประธาน
กรรมการ ผู้อ้านวยการส้านักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการ
สุขภาพ และผู้แทนส้านกั งานอัยการสูงสุด เป็นกรรมการ และให้อธิบดกี รมสนับสนุนบริการสุขภาพ
แต่งตั้งข้าราชการของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพคนหนึ่ง เป็นเลขานุการ และอีกไม่เกินสองคน
เปน็ ผชู้ ่วยเลขานกุ าร
(๒) ในเขตจงั หวัดอื่น ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด เปน็ ประธานกรรมการ อัยการจงั หวัด


Click to View FlipBook Version