ไม่ได้กลบั บ้าน เพราะเงนิ ไม่มพี อ เนื่อง
จากตอ้ งออกจากวัดไปเช่าบา้ นอยู่ กบั
เรียนหนงั สอื ทม่ี หาวิทยาลยั ธรรม-
ศาสตร์ ท่าพระจนั ทรค์ ณะสังคมสง-
เคราะหศ์ าสตร์ (เรยี นไปด้วยทางานไป
ดว้ ย) เมื่อจบปริญญาก็สอบคัดเลอื กท่ี
กรมประชาสงเคราะห์และรับราชการที่
กรมประชาสงเคราะห์ จนเกษียณอายุ
ราชการ เมื่อ ต.ค.2542 ที่จงั หวัด
ชัยภมู ิ เม่อื เกษียณและมาอยู่ทห่ี ม่ทู ี่ 10
บา้ นซบั เจริญ ตาบลซบั สมบรู ณ์ อา-
เภอโคกโพธิ์ไชย โดยช่วยทางานสังคม
เปน็ ประธานกรรมการกองทนุ หมูบ่ ้าน
ตั้งแต่ พ.ศ.2544 และเปน็ ประธาน
เครือขา่ ยกองทุนหมู่บา้ นอาเภอโคก คณุ แมเ่ สยี่ น สงิ สง อายขุ ยั 85 ปี 3
โพธ์ไิ ชยจนปัจจบุ ัน
เดอื นเศษ ภาพกอ่ นเสยี ชวี ติ ราวปเี ศษ
68 วงปีชีวิตสมคิด สงิ สง 45 ปคี นกบั ควาย 51
(บน) สมนึก ช่นื ใจ รับ
พระราชทานปริญญาบตั ร สังคม
สงเคราะหศ์ าสตรบ์ ัณฑิต เมอ่ื ปี
พ.ศ.2510 ในพระราชวังดุสิต
สวนจิตรลดา รโหฐาน
52 68 วงปชี วี ติ สมคดิ สิงสง 45 ปีคนกับควาย
ย้อนตานาน
ซับแดง
สงั คม เภสชั มาลา
เรียบเรยี งจากคาบอกเลา่ ของ
สมคดิ สิงสง
สนัน่ กางทา
ชาวค่ายอาสา
ล่วงมาถึงปี พ.ศ.2512 เลือดเน้ือเช้ือไขของชาวซับแดง ผู้มี
โอกาสเข้าไปศึกษาต่อท่ีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (คณะวารสาร
ศาสตรแ์ ละส่ือสารมวลชน ขณะนั้นมีฐานะเป็นแผนกอิสระ สังกัดคณะ
สงั คมสงเคราะหศ์ าสตร์) ไดแ้ ก่ นายสมคดิ สิงสง เด็กหนุ่มผรู้ ะลกึ ถงึ คุณ
ของแผ่นดินเกิดทุกลมหายใจ ได้พาเพื่อนนักศึกษามาออกค่ายอาสา
พัฒนา
ราวปี พ.ศ.2514 สิ่งแรกที่ 'ชาวค่าย' มองเห็นคือการพัฒนา
แหล่งเกบ็ กกั น้า จึงพากันทาการขุดลอกสระวัดบา้ นซบั แดง เพอื่ เกบ็ กัก
น้าไว้ใชต้ ลอดปี เนอ่ื งจากกอ่ นหนา้ น้ันต้องไปหาบน้าจากบ่อน้าซับแดง
ระยะทางไปกลบั ราว 2 กิโลเมตร
ปีนั้นทางการโดยกรมทางหลวง ได้ลงมือก่อสร้างทางหลวง
จังหวัดสาย 229 คือเส้นทางที่โยงมาจากตัวจังหวัด ผ่านบ้านซับแดง
เพ่ือไปเชื่อมต่อเขตจังหวัดชัยภูมิท่ีช่องสามหมอ ชาวบ้านละแวกน้ันจึง
ตื่นตัวเรอ่ื งถนนหนทาง เพราะสมัยโน้นการคมนาคมลาบากยิ่งนัก จะ
ไปมาหาสู่กันแต่ละครั้งละหนต้องคิดแล้วคิดอีก คราเจ็บป่วยไข้ จะไป
หามดหาหมอต้องลุยน้าลุยโคลนไป ถนนท่ีดีสุดในละแวกน้ันคือทาง
เกวียน ซึ่งกลายเป็นปลักตมทันทีเม่ือฤดูฝนเยี่ยมเยือน ด้วยเหตุน้ี
ชาวบ้านจึงลุกข้ึนจับจอบเสียม มีดพร้าบรรดามีเข้าแผ้วถาง สร้างทาง
68 วงปชี วี ติ สมคิด สงิ สง 45 ปีคนกับควาย 53
เช่ือมจากหมู่บ้านของตนไปสู่ถนนลาดยางสาย 229 โดยการนาของ
นักศึกษาหนุม่ "สมคดิ สิงสง" โดยจดั ต้งั กลมุ่ เยาวชนในแตล่ ะหมู่บ้านขึ้น
เพอ่ื รวมพลังกันสร้างแปลงแหล่งสญั จร
จากพลังกระจ้อยกลายเป็นพลังมหาศาล สร้างสรรค์หนทาง
แก่ตัวเองโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย จากความเงียบในราวป่า เป็น
เสียงตะโกนกู่ จากการต่อสู้ที่แสนบริสุทธ์ิถูกแปรนัยยะเป็นอื่นพลัน
เม่ือกานันตาบลโพธ์ิไชย ได้รายงานไปยังหน่วยเหนือหรือหน่วยงาน
ทางราชการให้ทราบว่านักศึกษาพวกนี้ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล
เนื่องจากสามารถระดมคนได้มากมาย ทาการสร้างถนนได้กว่า 20
กิโลเมตร โดยใช้เวลาไม่ก่ีวนั
นับแต่น้ันเป็นต้นมา นักศึกษาฯ
ถูกทางการเพ่งเล็ง ถูกตั้งข้อสงสัย
ว่าเป็นกลุ่มคนที่ทาอะไรขัดแย้ง
กับหนว่ ยงานราชการ แต่เยาวชน
ปัญญาชน ผู้เป่ียมด้วยความหวังดี
ต่อประชาชนไกลปืนเที่ยงหาเอา
มาเป็นกังวลไม่ ยังคงจุดประทีป
ส่ อ ง ท า ง ใ ห้ ช า ว บ้ า น อ ย่ า ง
สม่าเสมอ สอนให้เขารู้จักการ
รวมกลุ่ม รู้จักการต่อรอง ให้
ตระหนักว่าผู้ผลิตคือผู้กาหนด
ราคา กระทั่งก่อเกิดชมรมชาวไร่
มันสาปะหลังซับแดงข้ึน โดยได้รับการสนับสนุนสินเช่ือจากธนาคาร
พาณชิ ยแ์ หง่ หน่งึ
กระทั่งเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ได้อุบัติขึ้น สมคิด สิงสง
เปน็ หนึ่งในนกั ศกึ ษาประชาชนท่ีเรียกร้องประชาธิปไตย เป็นหนึ่งในผู้
ใกล้ชิดเหตุการณ์ชนิดนอนกอดกับมัน เขานี้แหละที่ปรากฏในบันทึก
ของ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ว่า "ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งแหวกผู้คนเข้า
54 68 วงปชี วี ิตสมคดิ สงิ สง 45 ปคี นกบั ควาย
มาหา..." แน่นอนว่าเขารอดตายจากเหตุการณ์ครั้งนั้นจนได้นา
เรื่องราวต่างๆ มาถา่ ยทอดให้ชาวบ้านซับแดงและบ้านใกล้เคียงฟัง ใน
ค่าคืนบุญกฐินอนั มหี มอลาเสพงนั การณ์กลายเปน็ วา่ ผู้คนหันมาฟังเขา
พูด มากกว่าหมอลาทก่ี าลงั แสดงอยูบ่ นเวที
เหตุการณ์ 14 ตลุ าฯ 16 ทาให้เขาไมไ่ ด้กลับเข้าเรียนต่ออีกเลย
เขาและเพือ่ นนกั ศึกษาผู้พกพาหัวใจดวงเดยี วกลบั มายังซบั แดง กลับมา
สานฝันอันย่ิงใหญ่ต่อไป ประเสริฐ จันดา และพัลลพ ขันทะนันคา คือ
มิตรสหายรุ่นแรกๆ ของสานักซับแดง เรียกมันว่าสานักโก้หรูไปอย่าง
นั้นเอง ทั้งที่มันก็คือเถียงนาไม้ปีกเราดีๆ น่ีเอง อาจดูมีเกรดขึ้นมา
หน่อยตรงที่พัลลพมีฝีมือในการเย็บเรียงตับใบตอง เนื่องจากเป็นคน
เหนือท่ีมีประสบการณเ์ กย่ี วกับบา้ นชาวดอย
เขานิมิตกระท่อมหรือเถียงนาน้อยให้เป็นสานักได้อย่างเอก
อุ แม้จะมุงและแอ้มฝาด้วยตับตองแต่ภายในกลับอบอุ่นย่ิงนัก ซ้าเป็น
แหล่งสะสมหนังสือหนังหามากมาย โดยได้รับการอนุเคราะห์จากผอง
68 วงปีชีวติ สมคิด สิงสง 45 ปีคนกบั ควาย 55
เพ่อื นญาตมิ ิตรทางกรุงเทพฯ ว่ากันว่า นิตยสารการเมืองหรือหนังสือ
ปกใหมๆ่ จะถกู ทยอยส่งมาไมข่ าดสาย กลายเปน็ สงิ่ ประหลาดในสายตา
ของ ชาวบ้าน พวกเขารู้เห็น อยากจับต้อง แต่อ่านไม่ออก ซับแดงคร้ัง
กระโนน้ ผา่ นการเล่าเรยี น มาอย่างลุ่มๆ ดอนๆ จบประถมฯ 4 เสร็จก็
หย่าขาดจากตวั หนังสอื ไปเลย
ซ้าร้ายกว่าน้ัน คือมีไม่น้อยที่ไม่จบชั้นสูงสุดของโรงเรียน
(ป.4) เมื่อเป็นเช่นน้ี จึงมีปัญหาการรับ-ส่ง สารทางหนังสือ เยาวชน
หนุม่ สาว หรือใครต่อใครจะอ่านจดหมายที เขียนจดหมายที ต้องว่ิงไป
หา นายประหยดั ชานิงาน ซ่ึงเป็นคนเดียวท่ีอ่านหนังสือได้และดูคล่อง
กว่าคนอืน่
วันหน่ึงหนุ่มสาวท่มี ายังสานักฯ ได้กล่าวขึ้นว่า "สอนหนังสือให้
พวกเราหน่อยไดไ้ หม?" ประโยคน้ันได้ก่อให้เกิดแสงสว่างหรือความคิด
ที่วา่ เราควรจะสอนใหเ้ ขาอา่ นออกเขยี นได.้ .. แรกเรม่ิ เดิมทีก็สอน ก.ขอ
ก. กา ไปตามเรือ่ ง เรียกว่าเร่ิมนับหน่ึงกันเลยทีเดียว กลับปรากฏว่ามี
56 68 วงปีชีวติ สมคิด สงิ สง 45 ปคี นกบั ควาย
นักเรียนโค่งทยอยมาให้สอนไม่ขาดสาย ดาริเรื่องการก่อต้ังโรงเรียน
ผู้ใหญ่จึงมีข้ึน สมคิดเข้าอาเภอไปพบท่านศึกษาธิการอาเภอ แจ้งต่อ
ท่านว่าอยากต้งั โรงเรียนศึกษาผ้ใู หญ่ข้นึ จะทาไดไ้ หม
ท่านไม่เห็นด้วยและไม่อนุญาตเพราะเง่ือนไขในการจัดตั้ง
โรงเรียนสมัยนั้นไม่ใช่ทากันได้ง่าย ต้องผ่านข้ันตอนอะไรต่อมิอะไร
เยอะแยะ บางทีกว่าจะต้ังได้
กลายเป็นเหมือนสานวนที่ว่า
"กว่าถ่ัวจะสุก งาก็ไหม้" ไปโน่น
วิธีท่ีง่ายที่สุดคือ ไม่ต้องเป็น
โรงเรียน แต่ทาหน้าที่เหมือน
โรงเรียน ส่ิงน้ีเรียกกันในหมู่
มิตรว่า "ฝ่ายการศึกษากลุ่ม
เยาวชนซับแดง"
ประเสรฐิ จันดา
คร้ังน้ันประเสริฐ จันดา ได้
เขี ย นก วี ข้ึน บ ท หน่ึ ง ชื่ อ ว่ า
"เคยี วเกย่ี วดาว" ความว่า
"เคยี วคมเราถอื ชู ทางานอยกู่ ลางทุ่งกว้าง
เมอ่ื ไรไร่นาร้าง กจู ะเกยี่ วดาวมากนิ
เคยี วบางข้างคมบาด เลอื ดแดงสาดหยดสดู่ นิ
เกย่ี วขา้ วให้คนกนิ อย่าหมายหม่นิ ผถู้ อื เคยี ว
ดาวรายพรายนภา ไม่มีค่าสักดวงเดียว
ตราบใดทีไ่ ร้เคยี ว ทจี่ ะเกย่ี วกลมเกลยี วดาว
คมเคยี วเกย่ี วคอคน ผูก้ ดขี่กนิ แรงคาว
โจษจนั กันเกรียวกราว กูเกยี่ วดาวมาไวด้ ิน"
จุดประสงค์ในการเขียนไม่มีอะไรมากไปกว่าให้คนท่ีมาเรียน
หัดอ่านหัดเขียนตาม เผอิญอยู่มาวันหน่ึงเยาวชนซับแดงจะจัดทีม
68 วงปชี ีวิตสมคดิ สิงสง 45 ปคี นกบั ควาย 57
ฟุตบอลไปแข่งขันท่ีบ้านหินตั้ง เด็กหนุ่มนาวัสดุมาแกะรูปเคียวเก่ียว
ดาวแล้วพ่นสีใส่เสื้อตัวเอง ส่วนหน่ึงได้นาไปพ่นทับที่ป้ายปากทางเข้า
หมบู่ ้าน บ้านซบั แดงจงึ มีชือ่ เรียกอีกนยั หนงึ่ ว่า "หมูบ่ า้ นเคยี วเกยี่ วดาว"
ความเป็น เคียวเกี่ยวดาว ในความหมายของชาวบ้านก็แค่
รูปภาพรูปหนึ่ง รูปท่ีติดอยู่อกเสื้อยืดตัวหน่ึง และคนคนหนึ่งได้ใส่มัน
เพื่อกันร้อนกันหนาว เช่น วันหน่ึง นายลุย จีนรักษ์ ได้สวมมันไปทา
ธุระในตัวเมือง ขณะที่เขาเดินเฉิบๆ อยู่น้ัน ตารวจนายหนึ่งได้นาตัว
เขาไปซักถามด้วยน้าเสยี งดเุ ข้มว่า
"เครอ่ื งหมายเคียวเกย่ี วดาวเนย่ี คุณทาจริงหรือทาเลน่ ?"
"ทาจริงๆ ละซี หว่ ย.."
ยังไม่สิ้นคาตอบ นายลุยงงงันอย่างยิ่งกับกิริยาท่าทีของตารวจ
เขาเองตกใจหนา้ ซีดไปหมด แตก่ ็นึกไม่ออกว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป พูด
ส่าน้ี เร่ืองมันคือใหญ่โต ยุ่งยากแท้เว่ย ฮ่วย แม่นหยังวะ... ใน
ความหมายของเขา คอื ต้องการจะตอบตารวจว่า ตัง้ ใจพ่นสีทารูปนจ้ี ริง
ทากับมือจริงๆ ตอนทาไม่ได้เล่นไปด้วยทาไปด้วยเลยพับผ่า อะไร
ประมาณนี้ แต่กลับเป็นว่า ไปไหนมา? สามวาสองศอก... (ยิ่งอธิบาย
58 68 วงปีชีวติ สมคดิ สิงสง 45 ปีคนกับควาย
ยง่ิ สบั สน)
ช่ือของหมู่บ้าน ถูกมายา
สาไถยของคนบางกลุ่มนาไปเล่น
แร่แปรธาตุ จนมีนักจัดรายการ
วิทยุปากมอมบางคน โดยเฉพาะ
นักจัดรายการหญิงช่ือดังคนหน่ึง
นาไปขยายความเป็นตุเป็นตะ
กล่าวหาในเชิงเสียๆ หายๆ สร้าง
ภาพว่า "ซับแดง" เป็นย่ิงกว่า
แหล่งซ่องสุมอาวุธสงคราม เป็น
พวกขายชาติขายแผน่ ดินฯลฯ
ตอนแรกชาวซับแดงวางเฉย เพราะเคยคิดว่าหล่อนจะหยุด
หรือเหตุการณ์นั้นจะผ่านไป แต่ปรากฏว่าหนักข้อขึ้นตามลาดับ เพ่ือ
คงไว้ซ่ึงศักดิ์ศรีและความถูกต้อง สมคิด สิงสง จึงเขียนชี้แจงลง
หนงั สอื พมิ พ์ส่วนกลางและประกาศใหน้ กั จดั รายการหญิงคนนนั้ ขอขมา
หล่อนกล่าวว่า "ฉันก็ไม่รู้อะไร เขาให้พูดก็พูดไปอย่างน้ันเอง
ฉนั ไมม่ ีอะไรกบั บา้ นซบั แดงดอก..."
“ในช่วงนั้น เมื่อชาวบ้านประสบปัญหาแก้ไม่ได้หรือมีปัญหา
อะไรมักว่ิงเข้าหา ปรึกษาและให้หาทางช่วยเหลือ แม้แต่กรณีพิพาท
ระหว่างชาวบ้านกบั ข้าราชการหรือเจ้านายก็ไม่เว้น และพวกเราจะย่ืน
มือเขา้ ช่วยเหลืออย่างเตม็ ใจทุกครั้งไป จึงกลายเป็นว่าซับแดงเป็นศูนย์
รวมของปัญหาและที่แก้ปัญหา กระท่ังกลายเป็นเรื่องปกติไปสาหรับ
พวกเรา”
แน่นอนว่าการดารงตนเช่นนั้น เสมือนประกาศตัวเป็น
ปรปักษ์กับคนของรัฐ เผอิญช่วงน้ันมีเหตุการณ์ขวาพิฆาตซ้ายเกิดข้ึน
นักศึกษา นักการเมืองหัวก้าวหน้าถูกฆ่าตายคนแล้วคนเล่า อาทิ ดร.
บุญสนอง บญุ โยทยาน
68 วงปีชีวิตสมคดิ สิงสง 45 ปคี นกบั ควาย 59
บญั ชเี ลอื ด
สมคิด สงิ สง เป็นหน่ึงในบัญชีแดงของพวกมนั !
โป้ง!!
เสียงคารามล่ันของยมทูตดังข้ึนเหนือเนินซับแดง มันแหวก
ราตรีเดือนเพ็ญพุ่งเข้าหาสองสหายท่ีกาลังขับรถมอเตอร์ไซค์ซูซูกิ
A100 สีแดง (พาหนะท่ีซ้ือมาในนามชมรมชาวไร่มันสาปะหลัง และ
ดาวน์มาข่ไี ดป้ ระมาณ 1 เดอื น) มุง่ ตรงกลับบ้าน
เจ้าแห่งความตาย ยนื ดกั ตรงหนา้ มองเหน็ ชดั เจนว่ามันยืนเอา
ผ้าคลมุ หัวอยขู่ า้ งทาง (ดา้ นขวามือ) ตรงขา้ มกับพวกเขา
คืนนั้น เป็นปลายมิถุนายน 2517 เป็นปีท่ีกิจกรรม "ซับแดง"
กระหม่ึ ไปทัว่ ท้งั วนาและนาคร
ประมาณ 19.00 น. สมคิดขับรถ
ซ้อนมากับ นายสน่ัน กางทา
ห รื อ ม ห า เ ส ริ ฐ ( ต่ อ ม า ไ ด้
ผู้ใหญ่บ้านซับแดงอีกคนหนึ่ง)
คืนน้ันสมคิด พกปืน 2
กระบอก แต่มือทั้งสองต้องทา
หน้าที่อยู่กับแฮนด์มอเตอร์ไซค์
มั น ไ ม่ ว่ า ง พ อ ท่ี จ ะ โ ต้ ต อ บ สุ นั ข
ลอบกัดตัวนั้น ซ้าก็คือ คล้ายว่า
ถู ก ยิ ง เ ข้ า ใ ห้ แ ล้ ว . . มี บ า ง สิ่ ง
บ า ง อ ย่ า ง เ ย็ น เ ยี ย บ เ ข้ า ไ ป ใ น
ตัวตน ขณะที่รถซึ่งขับอยู่ส่ายไหว
ประหลาด แนน่ อนสตสิ ัมปชัญญะ
วบู วับคลา้ ยเกดิ อาการวงิ เวียน
"ฮ่วย บ่แม่นเฮาถูกยิงแล้ว
บ่ มหา..?"
"สบิ แ่ มน่ บ่ คือ เป็นเจบ็ ๆ "
60 68 วงปีชวี ติ สมคิด สงิ สง 45 ปคี นกับควาย
สังหรณ์บางอย่างบอกให้รู้ว่าไปข้างหน้าไม่ได้เป็นเด็ดขาด มือ
ประคองรถมาถึงโนนโคกซับแดง ( ร.ร.ซับสมบูรณ์ฯปัจจุบัน) จึง
ตัดสินใจเลี้ยวลงขวามือ พลันรถก็โจนลงบวกควาย (ปลักตม) สาลักขี้
ตมดบั เงยี บ ตอนนลี้ ่ะที่สมคิด ทราบว่าถกู ยงิ เขา้ แลว้ จรงิ ๆ สว่ นสนั่นถูก
ปืนเข้าท่ีหัวเข่าด้วยเช่นกัน คนเจ็บน้อยพยายามพยุงคนเจ็บมาก
ยักแย่ยักยันขึ้นจากบวกควายนอน ล้มปลิ้นล้มหงายในอันที่จะนารถ
นาคนข้ึนจากปลักเลน ที่สุดได้คน (สมคิด) มา พากันลากสังขารไปถึง
สนามโรงเรียนบา้ นซับแดง (โรงเรยี นประถมศึกษา)
"ไหวไหมพ?่ี " มหาเสริฐถามกระเสา่ ก่อนจะครางอูยย์...
"พอไหวอยู่ แต่ไปต่อไม่ได้....เอางี้ ปล่อยพี่ไว้น้ีแหละ เสริฐเข้า
ไปบอกบา้ นเฮาเดอ้ ให้เพนิ่ ไปแกง้ ครอ้ ไปหาหมอบรรจบ บอกเพิ่นว่า'
เฮาถูงยงิ ' เพิ่นจะรูเ้ องหรอก เด้อ เอาอยา่ งงี้เนาะ..."
เพื่อนต่างวัยละล้าละลัง แต่ต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหน่ึง
ท่ีสดุ ตดั สินใจวางร่างระโหยอันเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดไว้เดียวดายที่
เดนิ่ โรงเรียน หอบหัวเข่าพกิ าร โขยกเขยกเข้าสูห่ มบู่ า้ น
สมคิด สิงสง นอนนง่ิ เงยี บอย่ใู นความมดื กัดฟันกรอดเมื่อขยับ
ร่างที ระบมร้าวไปท่วั สรรพางค์กาย เขารู้แล้วว่าถูกคมกระสุนเจาะเข้า
ไปที่ใดบ้าง มีทั้งนอนน่ิงอยู่ในตัวเขาและทะลุออกไปยังโลกภายนอก
โคนขาถูกยิงทะลุ อกี ข้างกระสุนฝงั ใน รวมถงึ บริเวณลาตวั ใต้บั้นเอวลง
มาถูกลูกหว่านเจาะเข้าทักทายหลายแห่ง มาทราบตอนหลังว่าเป็น
กระสนุ ลกู ซองสน้ั เบอร์ 12 หรอื ที่เรียกกันว่าลกู เกา้
คืนน้ัน ถ้าเขาไม่ได้ใส่เส้ือเกราะสนาม กลายเป็นสัง(ตาย) ไป
แล้วจริง ๆ หรือหากมือปืน กระดกปืนสูงขึ้นมาหน่อย ลาคอ ใบหน้า
ศีรษะ ฯ เละเหมอื นกนั ...
กอ่ นหน้านมี้ ีบคุ คลคนหน่ึงช่ือสยาม มาบอกกบั เขาวา่
"พี่ เขาจะฆา่ พีน่ ะ ระวังตัวดว้ ย"
"คุณรู้ไดอ้ ย่างไง?"
"เขามาจา้ งผม..."
68 วงปีชีวิตสมคดิ สิงสง 45 ปคี นกับควาย 61
"เขาไหน?" สมคิดถามกลบั ติดตลก ตามนิสัย
"เขาไหน ผมบอกไมไ่ ด้ เอาเปน็ ว่า มนั ใหผ้ มยงิ พลี่ ะ่ แต่ผมไม่รบั
งานน"ี้
จิ้งจกทักยังต้องฟัง คนมาพูดบอกว่ามีคนปองร้าย ขนาดจ้าง
มือปืนมาฆ่ามาแกง ต้องย่ิงกว่าฟัง วันถัดมาสมคิดจึงนาเร่ืองไปเล่าให้
คณุ หมอบรรจบ (นามสกลุ จาไม่ได)้ ท่สี ถานอี นามัยแก้งคร้อฟงั
"คุณหมอ เตรยี มพร้อมไวด้ ว้ ยนะครับ ผมอาจถกู ยงิ ในเร็วๆนี"้
"พดู เปน็ เล่นไปไดน้ า่ คณุ สมคดิ "
"จริงครับ ผมได้ข่าวมาอยา่ งน้นั "
จากขา่ วนี้ทท่ี าใหเ้ ขาขวนขวายหาเสื้อเกราะสนามมาสวม แม้ไม่
กลัวแต่ไมป่ ระมาท ไปไหนมาไหนเขาจึงอยู่ภายใต้เส้ือเหล็กหนักอึ้ง คืน
นัน้ เขาสวมทบั ดว้ ยเส้อื แจก็ เก็ตฟิลด์
คืนน้ัน คือหลังจากได้ข่าวแล้ว 5 วัน คืนน้ันถ้าเขาตัดสินใจผิด
ขับตรงไปข้างหน้า "เส้ือเกราะ" คงป้องกันชีวิตเขาลาบาก เนื่องจากจะ
ถูกถลม่ ดว้ ยอาวธุ สงครามนานา
มาทราบทีหลังว่าพวกมันวาง"มือฆ่า" ไว้สามจุด เขาผ่านจุด
แรกมาไดอ้ ย่างไรไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากรู้ แต่มีคนมาออกปากว่าจัดการไม่
ทัน กระท่ังผา่ นขึน้ เนนิ มาทจ่ี ดุ สอง มือปืนผ้าคลุมหัวจึงมีโอกาสเหนี่ยว
ไก จดุ สามคอื ตรงท่ที างเขา้ หม่บู า้ นซบั แดง ตรงน้ีแหละทีพ่ วกมนั วางไว้
ว่า ตอ่ ใหม้ ปี กี บนิ ก็ไม่รอด
พวกมนั จอดรถต้ดู กั รอเลยทเี ดียว !
อีกสามปีต่อมา (2520) ความลับเหล่าน้ีถูกเปิดเผยข้ึนที่งาน
เล้ยี งแห่งหนงึ่ ในจังหวดั ชัยภูมิ "ถา้ คนของเรามีฝมี ือมากกวา่ นี้ คงไม่รอด
ไปได้..." และข่าวการพูดคุยน้ีถูกส่งถึงเขาท่ีสานัก A30 ซึ่งอยู่เขตแดน
ระหวา่ ง จีน กับ ลาว
เมือ่ คุณหมอบรรจบมาถึง จัดการพยาบาลเขาทันที โดยใช้สาลี
จุ่มแอลกอฮอล์แล้วหมุนเข้าไปในรูกระสุน แรกๆไม่เจ็บเลย เย็นจ้อย
สบาย แต่พักหลังต้องกัดฟันกรอดๆ บิดตัวเร่าๆ เขาถูกนาตัวไปท่ี
62 68 วงปีชวี ิตสมคดิ สิงสง 45 ปีคนกบั ควาย
อนามัยอาเภอแก้งคร้อ ซ่อนตัวรักษาบาดแผลอยู่ท่ีนั้นจนดีข้ึน
ตามลาดับ
วันท่ีถูกยิง ประเสริฐ จันดา ไม่อยู่ เขาไปภาคเหนือกับพัลลพ
แต่ข่าวปรากฏในส่ือหนังสือพิมพ์ว่าเขาถูกยิงพร้อมประเสริฐ จันดา
ความจริงเป็นคนละ "เสริฐ" กัน และวันนั้นมหาเสริฐ (สนั่น) เองไม่
ต้องการเปิดเผยตัว ไมเ่ คยคดิ จะลุกขน้ึ มาแก้ขา่ วแต่ประการไร
ข่าวสมคิด สิงสง ถูกดักยิงกระจายไปอย่างรวดเร็ว ดร.เขียน ธี
ระวิทย์ และวิทยากร เชียงกูล คือคณะแรกท่ีรุดมาเย่ียมยามถามข่าว
พร้อมเสนอใหน้ าตวั สมคิดเขา้ ไปรักษาท่กี รุงเทพฯ แตเ่ ขาปฏิเสธ
"ถ้ามันจะตายจริงๆ ขอตายท่ีบ้านเกิด ตายมันที่ซับแดงนี่ล่ะ"
เขายังบอกกับเพือ่ นอย่างหนักแน่นวา่ สามารถ ยืนหยดั อยู่ได้..
ต้ังแต่คืนท่ีสมคิดถูกยิง ชาวบ้านซับแดงพร้อมอาวุธ(ตามท่ีหา
ได้)ครบมือไดจ้ ดั เวรยามรักษาหมู่บ้านอย่างเข้มแข็ง ส่วนหนึ่งได้เข้ายึด
สถานีอนามัยไว้พร้อมกับตั้งกฎเกณฑ์ข้ึนว่า "คนในไม่ให้ออก คนนอก
ไม่ใหเ้ ข้า"
แน่นอนบรรยากาศของซบั แดง เกิดอาการ 'ไม่มีใคร ไว้ใจใคร'
68 วงปชี วี ิตสมคดิ สิงสง 45 ปคี นกับควาย 63
ตอนน้ันพวกเขาพูดว่าถ้าคนแปลกหน้าเดินเข้ามา ไม่ต้องถาม ยิงได้
ทันที...ตอนนั้น ข่าวบ้านนาทราย ถูกเผาวายวอดกาลังเป็นท่ีโจษขาน
ในหมู่ชาวบ้าน และสถานการณ์กาลังถูกป่ันให้เป็นไปในทานอง
เดยี วกนั ทุกคนจึงหวั่นกันอย่างยิ่งว่า ซับแดงจะตกอยู่ในชะตาเดียวกับ
นาทราย !
ล้มแผนเผาซบั แดง
แน่นอนซับแดงถูกทาสีเสียเปรอะ สถานการณ์เสมือนเตะลูก
ไปเข้าเท้าฝ่ายตรงข้าม รัฐกล่าวหาว่าซับแดงกาลังจะทาตัวเป็นเขต
ปลดปล่อย มีการซ่องสุมกาลังเพ่ือจะล้มล้างระบอบการปกครอง
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตอนนั้น ยามค่าคืนจะ
มีเครอื่ งบนิ บินผ่านมาทางซับแดงออกไปทางเขาภูผาเพ บางครั้งเสียง
สน่ันหวน่ั ไหว ซึง่ ไม่ทราบว่าเป็นของฝ่ายไหน ทแี่ น่ๆ กาลงั เกิดสงคราม
เวียดนาม ไทยอนุญาตให้สหรัฐอเมรกิ าใช้เปน็ ฐานทัพ ขนอาวุธไปถล่ม
เพื่อนบ้าน เช่นท่ีฐานทัพอู่ตะเภา
เป็นต้น เคร่ืองบินบี ๕๒ บรรทุก
ลูกระเบิดจากฐานฯอู่ตะเภามักจะ
บินผ่านแถวนี้ ไม่ว่ากลางวัน
กลางคืน จะได้ยินมันแผดคาราม
ให้ตระหนกตกใจอยู่บ่อยๆ บางที
เ ค รื่ อ ง บิ น จ า ก ฝ่ า ย ส ร้ า ง
ส ถ า น ก า ร ณ์ อ า จ เ ข้ า ผ ส ม โ ร ง
อย่างเช่นตอนกลางคืน จะมาบิน
วน ส่องไฟวาบๆ อยู่แถวตีนเขา
แล้วหายไปในความมืด
ทุกอย่างประจวบเข้ากันไปหมด
เพราะวันหนึ่งชาวบ้านซับแดง ได้
เดินขบวนไปร่วมชุมนุมเรียกร้อง
64 68 วงปีชีวติ สมคิด สงิ สง 45 ปคี นกบั ควาย
ขอความเป็นธรรมเกี่ยวกบั ทีท่ ากินในตัวเมืองขอนแกน่ (2517) เผอิญ
มีเด็กหนุ่มชาวซับแดงคนหนึ่งข้ึนพูดบนเวที พูดจาฉะฉาน มีเหตุมีผล
จนอาจารยเ์ ขียน ธีระวิทยท์ มี่ าสังเกตเหตกุ ารณส์ งสัยวา่ คนพูดเป็นใคร
เป็นนกั ศกึ ษา หรอื ชาวบา้ น เมื่อเขาพดู จบเรียกมาถามหรอื ชวนพูดคยุ
"เป็นคนบ้านซบั แดงครับ"
ตรงนี้แหละที่อาจารย์เขียนฉุกคิด และเป็นกังวลว่าซับแดง
อาจจะเป็น "นาทราย" รายต่อไป จึงกลับไปต้ังทีมงานขึ้นเพ่ือศึกษา
ข้อมูลต่างๆ หนึ่งในทีมงานที่จาได้คือ ดร.โกร่ง-วีระพงษ์ รามางกูร
(ปัจจุบัน) อ.สมบูรณ์ สุขสาราญ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์จากจุฬาฯ
คณะทางานไดม้ าสารวจข้อมลู โดยการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องต่างๆ ไม่ว่า
ชาวบ้าน เจ้าหน้าท่ีของรัฐ เช่น ผู้ว่าฯ ผู้กากับ ฯลฯ หลังจากรวบรวม
ข้อมูลเสร็จแล้วกลับไปพิมพ์หนังสือออกมาเล่มหนึ่งโดยวันแถลงข่าว
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
มารว่ มรบั ฟงั ด้วย
วันน้ันซับแดงได้ส่งตัวแทนไปร่วมด้วยสามส่ีคน เช่นตาผิว,
สนั่นและสมคิด เป็นต้น ปรากฏว่ามีสื่อมวลชนมาเตรียมทาข่าว
มากมาย ประชาชนสนใจเข้าฟังก็มาก แต่กลับปรากฏเหตุการณ์
ประหลาด "คนของทางการ" ไม่มาร่วมงานสักคน ตอนหนึ่งผู้ส่ือข่าว
ถามคณะผจู้ ัดงานว่า "ทาไมไม่เห็นตวั แทนทางราชการมาสกั ทีนะ"
พอดีสมคิดเหลือบไปเห็น พ.อ.วีระ ชินวัตร และ พ.ท. หาญ
พงศ์สิตานนท์ นงั่ อยู่แถวหลงั สุด จงึ บอกไปว่า
"มที างการมาอยู่ด้วยเหมือนกัน แต่คร้ังน้ีคงมาไม่เป็นทางการ
ใชไ่ หมครบั เออ เชิญถามท่านได้เลย"
มีเสียงฮือฮาดังขึ้น จากนั้นผู้ส่ือข่าวก็บินเข้าตอมนายทหารทั้ง
สองชนิดต้ังตัวตั้งหลักไม่ทันทีเดียว ต่างขอสัมภาษณ์จ้าละหว่ัน แม้
นายทหารท่านจะตอบว่าไม่มาเป็นทางการ ผมมาเป็นการส่วนตัว ผม
ทราบว่าเหตุการณ์ท่ีซับแดง ไม่มีอะไร ผมเข้าใจ ผมเข้าใจ...
จากการสัมภาษณ์ดว้ ยใจคร้งั นั้น ทาให้นายทหารท้งั สองอยู่กนั
68 วงปชี วี ติ สมคิด สงิ สง 45 ปีคนกับควาย 65
ลาบาก อึดอัดขัดข้อง จน พ.ท. หาญ
ตัดสินใจลาอออกจากราชการ คน
อ่ืนที่เหลือก็เดือดร้อนตามๆ กัน
ทั้งหมดถูกลงโทษฐานพูดความจริง
เกินไป ความจริงท่ีไม่สอดคล้องกับ
ทางการ และเป็นความจริงท่ีอานาจ
ไม่ตอ้ งการ...
ซับแดงตกอยู่ในอาการหวาดผวา
เพราะมีคนมาปล่อยข่าวต่างๆ นานา
บางคืนมีเครื่องบินมาบินวนเวียน
เหมือนกาลังจะหย่อนระเบิดลงใส่ให้
ราบพนาสูร มีการส่งไส้ศึกเข้ามาแยกทาลาย ปั่นป่วนสารพัด แต่
ส่วนมากยังยืนอยู่ข้างสมคิด แน่นอน 'ผู้เข้าข้าง' ย่อมมีหน่วยสอดแนม
ของรัฐปนอยู่ด้วย อย่างที่ทราบเหตุการณ์บ้านเมืองไม่สงบเสียแล้ว
ปรากฏกลุ่มต่างๆ ขึ้นมากมาย บางกลุ่มจัดต้ังเพื่อทาลายฝ่ายตรงข้าม
เชน่ กระทิงแดง นวพล
ใชล่ ะ่ ปฏบิ ัตกิ ารของกลุ่มเหล่านี้ ฮึกเหิมและได้ใจ ใช้อานาจใน
มือเท่ียวจัดการเขน่ ฆา่ ใครตอ่ ใครหลายคน โดยการปลุกกระแสของหัว
ขบวน สรา้ งความเกลยี ดชังใหเ้ กดิ ข้ึนในหมู่ประชาชนและยัดเยียดข้อหา
ให้ฝ่ายตรงข้าม แต่สมคิด ไม่ย่อท้อ สร้างเสริมอาวุธทางปัญญา และ
สะสมอาวุธปืนป้องกันตัวด้วยเหมือนกัน ผ่าซี ลูกปืนสมัยน้ันหาง่ายจะ
ตาย ราคาลกู ละ ๑.๕๐ บาท รวบรวมมาไดเ้ ป็นเข่ง แตเ่ ช่ือไหมไม่เคยได้
ใช้ยงิ ใครเลย อย่างเกง่ แค่ฝึกยิงเปา้ ตามหวั นาปลายไร่
การต่อสู้ในเมืองหลวงยังระอุ ต่างชิงไหวชิงพริบ ขณะที่หลาย
ฝ่ายเรียกร้องให้ทางการเปิดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. โดยเร็ว ท่ีสุดการ
รับสมัครเลือกต้ัง ส.ส. ก็เกิดขึ้นในปี ๒๕๑๘ ตอนแรกมีข่าวเก่ียวกับ
คุณสมบัติของผู้ที่จะรับเข้ารับเลือกเป็น ส.ส. ว่าจะต้องมีอายุครบ ๒๐
ปีบรบิ ูรณ์ สมคิดเองคดิ ว่างานน้ีต้องคลุกวงในให้ได้ โดยเตรียมท่ีจะลง
66 68 วงปีชวี ิตสมคิด สงิ สง 45 ปคี นกับควาย
สมัคร ส.ส. ในนามพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย แต่เอาเข้าจริง
เขากาหนดอายุผู้สมัครไว้ท่ีไม่ต่ากว่า ๒๕ ปี สมคิดจึงไม่มีสิทธ์ิด้วย
ประการฉะนี้
ตอนน้นั ถ้ามสี ทิ ธ์ิ กไ็ ม่แนเ่ หมอื นกันวา่ จะไมม่ ี ส.ส.ชือ่ สมคดิ สิง
สง เน่ืองจากกระแสนิยมพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยมาแรงจริง
ๆ คนหนุ่ม เลือดใหม่ ต่างเข้ามาเพียบ เช่น สุทัศน์ เงินหมื่น อุดร ทอง
น้อย ประยงค์ มูลสาร เป็นต้น ที่จังหวัดชัยภูมิ คุณสมัคร ชาลีกุล ใน
นามพรรคแนวร่วมสังคมนิยม ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง และแล้ว
สภาฯ ถูกยุบ มีการเลือกต้ังผู้เทนฯ ในปีถัดมา (๒๕๑๙) สมคิด สิงสง
อายุครบตามกาหนดพอดี จึงอาสาวัดดวงในเขต ๓ จังหวัดขอนแก่น
สังกัดพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย ปรากฏว่าได้คะแนนมาแค่ ๓
พนั กว่าคะแนน
ทาไมเปน็ เช่นน้นั ?
สาเหตุเน่ืองจาก พรรคฯ ได้ถูกโจมตี
ต่างๆ นานาจนกระแสตกวูบ เช่ือไม่
เชื่อ สมัคร ชาลีกุล ท่ีหนึ่งของจังหวัด
ชัยภูมิ ได้มาแค่ ๔ ร้อยกว่าแต้มเอง
คนของพรรคสังคมนิยม ถูกฆ่าตาย
อย่างโหดเห้ียม ดร.บุญสนอง บุญโย
ทยาน ถูกยิงตาย สมคิด และสมัคร
พรรคพวกพากันแห่ป้ายดาลงไปท่ีกรงุ เทพฯ
ลกู ผ้ชู าย "บ่ตายก็ยัง"
ปี พ.ศ.2519 คาราวานนาโดย หงา-สุรชัย จันทิมาธรมาเปิด
แสดงท่ีซับแดง แล้วย้ายการแสดงไปเรื่อยๆ สมคิดและเพื่อนติดตาม
คาราวานไปด้วยเช่นกัน ติดตามกันลงไปกรุงเทพฯ พักอยู่บ้านเช่า
คาราวาน ส่วนมหาเสริฐหรือสนั่น กางทา ไปเดินเตร่อยู่แถว
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผอิญขบวนการประท้วงการกลับมาของ
68 วงปีชีวติ สมคิด สงิ สง 45 ปคี นกับควาย 67
จอมพลถนอม กิตติขจรกาลังดาเนินอยู่พอดี แต่เหตุการณ์ไม่ค่อยจะดี
เสียแล้ว มีการปะทะกันระหว่างกลุ่มไม่เห็นด้วยกับการเดินขบวนของ
นักศึกษา มีการจับนักศึกษาผู้บริสุทธ์ิแขวนคอ มหาเสริฐได้เข้าไปอยู่
ในเหตุการณ์สยองนั้นด้วย เขาเป็นห่วงสมคิดว่าอยู่อย่างไร ในภาวะ
อึมครึมเช่นน้จี ะคิดอา่ นอย่างไรต่อไป ครน้ั ตอนเช้าตรู่ ของวนั ที่ 6 ต.ค.
19 มเี หตกุ ารณย์ งิ กนั การชุมนุมกลายเป็นสนามนองเลือด ตอนน้ีล่ะที่
นักศึกษาประชาชนแตกพ่าย ไปทิศ ไปทาง สนั่น กางทากับศักดา กาญ
จนพาณิชย์ นั่งแท็กซี่มาบ้านพักของหงา-คาราวาน อย่างอกส่ันขวัญ
แขวน เพราะตอนน้ันพวกกระทิงแดง นวพล พร้อมที่จะห้าห่ันฝ่าย
นิสิตนกั ศกึ ษาฯ ทุกขณะ ขอใหท้ ราบเถอะว่าพวกอยู่ไหน โชคดีที่วันนั้น
หลุดมาได้อย่างปลอดภัย โดยน่ังรถมาลงที่สี่แยกสะพานควาย ไปพบ
สมคดิ และเพอื่ น ซึ่งกาลังปรกึ ษากนั อยู่วา่ จะไปทีไ่ หน อยา่ งไร
10.00 น. ออกจากบ้านคาราวาน จับรถมาลงท่ีอาเภอปาก
ช่อง เขาพักที่โรงแรมวันชัย (โรงแรมปากช่อง) รุ่งข้ึน ( 7 ต.ค.2519)
จึงเข้าไปท่ีไร่ธารเกษมของคาสิงห์ ศรีนอก (ลาว คาหอม) ไปได้ไม่ถึง
ชั่วโมง ภรรยาลุงคาสิงห์ (ป้าตุ่น) ตะโกนบอกว่า "ทหารมา หลบ
ออกไปกอ่ นไดไ้ หม?"
จากคิดว่าจะได้กินกาแฟร้อน และหอมกรุ่นจากฝีมือป้าตุ่น
กลายเปน็ ตาลตี าเหลือกหลบเข้าไปซ่อนอยู่ในป่าหญ้าคอมมิวนิสต์สาก
คาย น่ิงเงยี บอยู่ภายใต้อกระทึก เบิ่งมองมาทางบ้านคาสิงห์ ซึ่งช่วงน้ัน
เป็นตอนท่ีเขาปล่อยวัวออกจากคอกพอดี จึงไม่ทราบว่าไหนขาวัว ขา
เจ้าหน้าที่ตารวจ ทหาร มันเยอะจริง ๆ ลายตาไปหมด จนกระท่ัง
เจ้าหน้าท่กี ลับออกไป เขาและมหา เสริฐ จึงค่อยคลานย่องแย่งออกมา
จากป่าหญ้าคอมมิวนสิ ต์
ท้ังสองทาลายบัตรประจาตัวประชาชน หลักฐานต่างๆ ของ
ตัวเองแทบทุกอย่าง ก่อนที่จะเดินทางออกมาจากไร่ธารเกษม ถึง
ตอนนี้ต้องคิดอ่านเรื่องเปล่ียนรูปลักษณ์เสียแล้ว ทาตัวให้เป็น
ชาวบ้านมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไปขอซื้อกล้วย ซื้อของห้ิวพะรุงพะรัง
68 68 วงปชี ีวิตสมคิด สงิ สง 45 ปีคนกบั ควาย
เหมือนตาสตี าสาจอมเป่ิน นั่งรถสองแถวจากปากช่องมาลงที่สีคิ้วก่อน
แล้วค่อยต่อรถมาที่ชัยภูมิ ถึงชัยภูมิเวลา ประมาณ 5 โมงเย็น ไปขอ
นอนทวี่ ดั บา้ นโนนสาธร
รุ่งขึ้น (8 ต.ค.2519) เดินเท้าออกจากวัดมาถึงโรงต้ม สี่แยก
นอกเมืองจังหวัดชัยภูมิ ตอนแรกคิดว่าจะเดินทางกลับซับแดงเลย แต่
มาเปล่ียนใจกลางทาง จับรถโดยสารสีส้ม ชัยภูมิ - ชุมแพ มาลงทาง
แยกเข้าอาเภอคอนสวรรค์ โชคดี
ย่ิงท่ีไม่ไปถึงช่องสามหมอ หรือเข้า
ไปซับแดง เนื่องจากคิดว่าจะมี
เจ้าหน้าที่ต้ังด่านตรวจอยู่ตรงนั้น
สังหรณ์ครั้งนี้ช่วยเขารอดมาได้
อย่างประหลาด ลงรถแล้วเดินลัด
เลาะเข้าป่าเข้าพงมาที่ห้วยสาม
หมอ ซ่ึงปีนั้นน้ากาลังไหลเช่ียวน่า
กลัว กระน้ันต้องตัดสินว่ายข้ามไป
ให้ได้ วธิ วี ่ายไมย่ ากหรอก ทง้ิ ตัวลงไป ประคองตวั ปล่อยให้น้ามันพัดไป
เร่ือยๆ จะสามารถเข้าหาฝั่งตรงข้ามได้เอง แต่ท่ียุ่งยากคือ กลัวว่าปืน
มันจะเปียก จึงต้องว่ายน้าแบบมืออีกข้างยกปืนยกไว้เหนือน้าตลอด
เมอื่ ข้ามไปได้ ปรึกษากันวา่ "จะไปปรากฏตัวไม่ได้หรอกเนาะ เพราะไม่
รู้ว่าบ้านเราจะมีเหตุการณ์อะไรไหม?"
ปรึกษาหารือกันอย่างน้ี ไม่ได้หมายความว่าจะไม่กลับบ้าน
เพยี งแตร่ อดสู ักระยะ ชว่ งรออยนู่ ้ีนา่ จะมีขา้ วน้าลูบท้อง รองท้องไว้บ้าง
พูดง่าย คือ หิวจนตาลาย พยายามเดินเลียบเลาะ ตัดเข้าเขตบ้านซับ
แดง จนกระทัง่ หลบไปอยู่ป่ากล้วยนายทอง หล่มแสง วนั นั้นตรงกับวัน
ออกพรรษาพอดี ที่วดั จงึ มงี านเทศกาลแหเ่ ทศน์กัณฑห์ ลอนกนั
กาลังจะกินขนมเส้นกับข้าวต้มมัด ที่มีคนนามาส่ง พลันได้ยิน
เสยี งเฮลคิ อปเตอร์ 2-3 ลาบินเลยี บภผู าแดงมาต่าๆ
"มนั มากนั แล้ว!" สมคิดบอกมหาเสริฐและพรรคพวกท่ีกาลังจะ
68 วงปชี วี ิตสมคดิ สิงสง 45 ปีคนกับควาย 69
ลอ้ มวงกินขา้ วมือ้ เชา้ บนเถยี งนานายทอง หล่มแสง
จริงดงั คาด อึดใจต่อมานายเพลิง(จานามสกุลไม่ได้) วิ่งกระหืด
กระหอบมาส่งข่าวว่าตารวจทหารเข้าล้อมไว้หมดแล้ว อย่าเข้าไปใน
บา้ นนะ อนั ตราย...
สมคดิ ถามมหาเสริฐว่า "เอาไงกันดี จะมอบตัวหรือสูต้ าย?"
สารวจลูกกระสุนแล้วมีอยู่ประมาณ ๓๐ เศษๆ ปืนส้ัน ๒ คน
๓ กระบอก
"สู้ตายพ่ี ไม่ยอมใหจ้ บั เปน็ !"
สนนั่ กางทา หรอื มหาเสรฐิ ยนื คาแขง็
สมคิดตัดสินใจในเวลานั้นว่า ถ้าข้ึนภูคงไม่ดี พวกน้ันคงสนใจ
ภูเขา จึงตัดสินใจสวนทางออกมายังท่ีราบ ไปซ่อนตัวอยู่ในป่ามอน
(หม่อน)ของนางสา กางทา เข้าไปอยู่ในนั้นโดยนอนหงายดู ฮ.ฯว่ามัน
จะบินลงจอดทใ่ี ด ท่สี ุด มองเหน็ มันบนิ เข้าไปจอดทส่ี นามโรงเรยี นบา้ น
ซับแดง
บ้านซับแดง ตกอยู่ในอาการตึงเครียด กองกาลังเจ้าหน้าท่ี
รวมแล้วประมาณ ๒ กองพัน มีผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น แม่ทัพ
ภาคท่ี 2 เป็นต้น เข้าไปบัญชาการสู้รบ เสมือนชาวซับแดงเป็นข้าศึก
ศตั รไู ปแลว้ เลอื ดไทยกาลังจะฆ่ากนั เอง
ผู้กาอานาจกาลังจะเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์และมือเปล่า
เหตเุ พราะทรรศนะทางการเมืองไม่ตรงกัน จริงแท้เทียวท่ีคนมีอานาจ
ยอ่ มกาจดั ผู้อ่อนแอกวา่ ได้ง่ายดาย
สมคิด สิงสง , สนั่น กางทา หรือ ชาวบ้านเป็นย่ิงกว่ามดแมง
กล่าวไปไยถึงการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ ดีดนิ้วมือเปาะเดียว หัวร้างข้าง
แตกกันแล้ว แต่น่ี,เขาจะเอากันถึงชีวิต ทายังกับว่าซับแดงคือสมรภูมิที่
รัฐจะต้องยึดคืนด้วยการรบหรือการเข่นฆ่า น่าขันเพียงไรกับความข้ี
เทอ่ ของฝ่ายบ้านเมืองในครงั้ นน้ั
จะไปไหน จะไปหลบอยู่ที่ใด...บ้านที่เคยฝังสายแห่แผ่สายดือ
บ้านท่ีเคยคิดว่าไม่มีท่ีใดปลอดภัยไปยิ่งกว่าน้ีแล้วกลับเต็มอยู่ด้วย
70 68 วงปีชวี ติ สมคิด สงิ สง 45 ปคี นกับควาย
ภยันตรายทุกซอกทุกมุม เจ้าหน้าที่
เข้าค้น ขึ้นรื้อหาเขาเสมือนว่าเขา
ไมใ่ ชค่ น ใชล่ ่ะ คนรักหวังดีต่อเขายังมี
ตารางนิว้ ท่ีใดอันตรายเขาย่อมรู้ จ่ึงมี
ท่ีว่างพอจะแอบเข้าหลบ ซ่ึงได้แก่ร้ัว
บ้านรกๆ ของเพื่อนบ้านนั่นแล
เผอิญตามรั้วตามราวจะปลูกหม่อน
ไว้เลี้ยงไหม ปลูกกล้วยไว้กิน ส่วน
ข่าวคราวก็ได้จากเจ้าของร้ัวน่ันเอง
เช่นยายคนหน่ึงทาทีหาบตะกร้าเดินหยับๆ ผ่านเจ้าหน้าท่ีไป โดยบอก
ว่าควายอีฉันสิออกลูก สิไปเบ่ิง (ดู) มัน บ่ไป บ่ได้ กะยังว่า ควายสิ
ออกลกู ....
วันน้ันทางการวางกาลังไว้ทุกทาง ทุกท่ีซ่ึงคาดกันว่าสมคิดจะ
เล็ดลอดออกไป โดยเฉพาะด้านภูเขา สมมุติพากันขึ้นภู เดินไปถึงตีน
เขาไดค้ งต้องนบั ว่าไกลทีส่ ุดแล้วสาหรบั ชวี ิตวันนั้น
เตชะบุญ ทาให้เขาไม่เลือกท่ีจะไปทางน้ัน พวกเขาหลบไปอยู่
กบั เด็กเลีย้ งควายจนค่า และค่าคนื นน้ั เทวดาฟ้าดินมาโปรด
ฝนตกมาขนานใหญ่ ยงั กบั ฟา้ ร่ัว
ทางการสั่งถอนกาลัง สมคิดเวลาน้ันคิดแต่เพียงต้องหาทาง
ออกจากหมู่บ้านให้ได้ จ่ึงต่อมาลัดเลาะตามชายป่า มาที่บ้านซับบอน
หนองทุม่ โสกนาดี หนองหวาย โดยมจี ดุ หมายปลายทางท่ีจะข้ามแม่น้า
ซีไปเขตอาเภอชนบท ระหว่างน้ันความหิวกลับเดินทางมาทักทายแล้ว
คงอยยู่ าวนาน ระโหยโรยแรงจนจะยกขาไม่ขึน้ เมอ่ื มาพบเจอป่ากล้วย
ชาวบ้านจงึ รี่เขา้ หาทันที เอื้อมมอื ไปปดิ มากัดกนิ กว๋ มๆ
"ขอยืมกินก่อนเด้อ..." ร้องบอกตามลมไป เพราะโดยนิสัย
สนั ดาน ไมเ่ คยคิดว่าจะขโมยของใครกินเดด็ ขาด
กล้วยดิบ คาคอ แค้นจ่อหล่อ...มันกลืนไม่ลง แม้จะหิวแสนหิว
ยังคงติดคอฝืดฝืน กัดฟันเดินทางต่อจากหนองหวายไปบ้านหนองแก
68 วงปชี ีวิตสมคดิ สงิ สง 45 ปคี นกบั ควาย 71
แตไ่ ปเจอเข้ากบั น้าซที บ่ี า้ นดอนหมูเสียก่อน คนพ้ืนถ่ินเรียกเหตุการณ์
นี้ว่า "น้าแก่งข้ึน" มองไหนต่างขาวพร่าไปสุดแนว ต้องเดินลัดเลาะไป
เร่อื ย กะวา่ จะหาทขี่ า้ มงา่ ย หรือแคบๆ แตไ่ ม่เจอ จนถึงปา่ มนั สาปะหลัง
แห่งหน่ึง ทราบภายหลังว่าเป็นป่ามันบ้านหนองหวาย หยุดพักโดย
นอนราบลงกับพ้ืน สมคดิ บอกมหาเสริฐวา่ กนิ มนั เนาะ...
"เอาง้นั น?่ี "
ถามท้งั ท่ีรวู้ ่าตอ้ งกนิ มนั อยู่แล้ว หัวมันน่ันเยอะจริงล่ะ ถอนข้ึน
ง่ายๆ แต่จะหาไฟไหนมาจ่ีมาเผา ไม้เขิดไม้ขีดไม่ติดตัวมาเลย เอาเหอะ
ตง้ั แต่ควายงวั มนั ยังไม่ปิ้งไมจ่ ่ี ฟาดมันโลด...
ว่าแลว้ กดั กนิ หวั มนั สาปะหลังดิบเสมอื นเอร็ดอร่อยเหลือกาลัง
ส่วนใครจะตดก่อนใครค่อยว่ากันทีหลัง เพราะดูเหมือนท้องกาลังอืด
ข้นึ ๆ
ที่วดั ปากนา้ นนทบุรี ในวนั ส่งสะกานหวอ่ ง_มงคล อุทก
เสาร์ 22 กันยายน 2561
72 68 วงปีชีวติ สมคดิ สิงสง 45 ปคี นกบั ควาย
พักอยใู่ นปา่ มนั สาปะหลงั ราว 3 ชวั่ โมง จึงออกเดนิ ต่อ มุ่งหน้า
สังคม เภสชั มาลา ในวันรบั โลเ่ ชดิ ชเู กยี รติ “ศลิ ปนิ มรดกอสี าน”
สาขาวรรณศลิ ป์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ปี พ.ศ.2561 กอ่ นรบั
ตาแหนง่ ประธานสโมสรนกั เขยี นภาคอสี านแหง่ ประเทศไทย
68 วงปชี วี ิตสมคดิ สิงสง 45 ปคี นกับควาย 73
ไปบ้านโนนสาวเอ้ ไปถึงแล้วกลับข้ามไม่ได้อีก งานนี้ต้องใช้เรือ
ขืนลอยข้ามไปมีหวังกลายเป็นหน่ึงเดียวกับแม่น้าซี หายลับไปจากโลก
แน่นอน สมคิดบอกให้มหาเสริฐเข้าไปติดต่อเรือ เขาเข้าไปถาม
ชาวบา้ นว่าใครมีเรือขา้ มฟากบ้าง
"ตาปานไง ตาปานแกมี"
"ปานไหนครับ?"
"ทาไมหรือ มีปานเดยี วแหละบา้ นนี้"
อะไร ไม่อะไร งานนี้ต้องรอบคอบทุกอย่าง ท่ีต้องถามให้อย่าง
นั้น เพราะจ่าปาน กาลังกระเห้ียนกระหือรือในการสร้างผลงาน จน
พ่หี นอ่ ย_สภุ ทั รา สมใจวงษ์ กลัดช่อดอกไม้แสดงความยนิ ดที นี่ อ้ งชาย
ได้รบั รางวลั รพีพรคนล่าสุด (2561) หลงั จากเคยแสดงความยินดเี มอ่ื
คราวรบั รางวัลเกยี รตยิ ศสนั ตปิ ระชาธรรม (พิเศษ) สาหรบั ผูอ้ ุทิศตน
เพอ่ื สงั คม ตามแนวทาง ดร.ปว๋ ย อึ๊งภากรณ์ เมอื่ ปี พ.ศ.2559 ที่
เรือนนภาลัย ราชาวดรี สี อร์ทแอนดโ์ ฮเตล็ หนา้ สนามบนิ ขอนแก่น
74 68 วงปีชวี ติ สมคิด สงิ สง 45 ปีคนกับควาย
ประกาศเสยี งก้องว่า บักสมคิด กูสิจับเอง บ่ได้ตัวเป็นสิจับตาย จับบ่ได้
บ่ม.ี .. บ่สัน้ กูสิลาออก
หน้าที่แกจะม่ันใจอย่างน้ัน เพราะนายจ่าท่านน้ีได้ช่ือว่ามือ
ปราบปืนโหด ตานานเหล่าเสือลุ่มน้าซีอย่างพวกเสือหงัด เสือหนัก
เสือหลาย ลูกนารี ยืนยันได้เป็นอย่างดี วีรเวร วีรกรรมคร้ังกระโน้น
เล่าขานมาตราบปัจจบุ ัน
สน่ัน ไปติดต่อเรือด้วยความระแวงระวัง เขาได้หมวกขาดที่
ชาวนาท้ิงไว้มาใบหน่งึ ใหพ้ ส่ี มคดิ ใสป่ ดิ บงั ใบหน้า
เขาบอกกับตาปานว่าจะข้ามไปบ้านวังแสง พ่อใหญ่ปาน เป็น
คนมนี ้าใจ ถามพวกเขาว่า "สู กินข้าวกันมาหรือยังล่ะหือ?" เมื่อตอบว่า
ยังหรอกพ่อใหญ่ แกเข้าไปวัดนาข้าวต้มมัดมาให้กินกัน(ท่ีวัดมีงานบุญ
ออกพรรษา) แตเ่ มื่อมาเหน็ เรอื แล้วใจแป้ว ใจหาย มองเห็นความตาย
กวกั มอื อยหู่ ย็อยๆ
เรียกกันวา่ เรือก้านตาล ลาเลก็ นิดเดียว
จะข้ามไปได้ต้องน่ังคนเดียว แสดงว่าต้องขนกันสองเท่ียว ไม่
เสียวได้ไง แต่เอาเถอะ หนตี ายมาหมาดๆ กลัวตายเพราะเรือล่มกระไร
อยู่ จึงตัดสินใจข้ามไปกับแก ตอนหนึ่งกลางลาน้า พ่อเฒ่ากล่าวข้ึนคา
หน่งึ
"ชวี ิตลกู ผ้ชู าย ไม่ตายกะยงั ละ่ วะ แมน่ บ่..."
นัยของมัน ทาให้ทราบว่าจริงๆ แล้วพ่อใหญ่ปานน่าจะรู้อะไร
มาบ้างหรอก อย่างน้อยก็เร่ืองที่ว่าเขาเป็นใคร จะไปไหน และทาไม
ต้องไป แต่แกเองไม่สร้างความอึดอัดใจใดๆ แก่คนท้ังสองเลย กระทั่ง
ข้ามมาสาเร็จ ได้ข้ึนฝ่ังทางบ้านวังแสง เขตอาเภอชนบทอย่างท่ีตั้งใจไว้
เรยี บรอ้ ย
บ้านวังแสง ก็คือแห่งหนคนลุ่มน้าซีท่ีอพยพไปหาท่ีทากินใหม่
แถวซับแดงครั้งกะโน้น กระน้ีจึงเสมือนได้คืนสู่สถานแห่งบรรพบุรุษ
ของพวกเขา คนื สู่อ้อมกอดญาติมิตรข้างแม่ ได้นอนตาหลับเต็มอิ่มครั้ง
แรก ณ ท่ีแห่งนี้ ต่ืนข้ึนเราค่อยคิดกันว่าจะเอายังไงต่อ สมคิดเปรยกับ
68 วงปชี วี ติ สมคิด สิงสง 45 ปคี นกบั ควาย 75
สหายร่วมตาย แล้วบอกกับสน่ันให้เดินทางเข้าเมืองขอนแก่น เพ่ือไป
พบทนายอุดม ตะนังสูงเนิน ซึ่งจะมาว่าความท่ีศาลจังหวัด แต่โชคไม่ดี
สน่ันไม่ได้พบทนายอุดม จึงกลับมาด้วยอาการผิดหวัง ไม่ทราบจะทา
ยังไงต่อ
11 ตลุ าคม 2519 ยงั คงอย่ทู ่ีบา้ นวังแสง ระหว่างนั้นชาววังแสง
บางคนกลับจากไปเอาบุญออกพรรษาท่ีบ้านซับแดง จึงได้นาข่าว
บางอยา่ งมาเล่าใหฟ้ ัง เขาบอกว่า ทงั้ ทหารตารวจ มาจับนายสมคิด "ถ้า
ใครจับนายสมคิดได้ จะใหส้ องแสน"
กลายเป็นคนมีคา่ หัวไปจนได้ไหมละ่ ...
12 ตุลา ฯ ให้สนั่น กางทา ไปติดต่อกับเพ่ือนทางอีสานใต้ แต่
ไม่เจอใครเลย ตอนน้ีสมคิดคิดว่าน่าท่ีเราจะต้องออกจากวังแสงเสีย
แลว้ เพราะไม่แน่ใจว่า "คา่ หวั " จะยวั่ น้าลายใคร หรือไม่?
อยา่ งวา่ เงินทองเข้าใครออกใครที่ไหน สองแสนสมัยน้ันเทียบ
กับสมัยนี้ไม่ต่ากว่าสองล้านแน่ แต่จะไปไหนล่ะหวา เออ ต้องไปเขมร
ผ่าเถอะ ความคิดตอนน้ันมีอย่างเดียว คือ ไปเขมร แต่ไม่รู้หรอกว่าจะ
ไปทาไม เอาเป็นว่าขอไปให้ไกลเข้าไว้เป็นพอ และในความรู้สึกของเขา
เขมรไกลกวา่ ลาว
ที่บ้าน (จาไม่ได้) รอยต่อระหว่างอาเภอบ้านไผ่กับอาเภอนา
เชือก จงั หวัดมหาสารคาม ทาทีไปติดต่อซื้อมันสาปะหลัง ขณะเจ้าบ้าน
กาลงั จะแกงไกใ่ ส่หน่อไม้ส้ม พลันมรี ถกะบะคันหน่ึงบึ่งมาจอดกึกท่ีหน้า
บ้าน ถามหาสมคดิ สิงสง
ท่ีแรกนึกว่า จนท.ตามมาเอาตัว จึงตบเอวจะชักปืน โดยท่ีลืม
ไปว่ารีวอลเวอร์ .357 แม็กนั่มกระบอกน้ันจานาไว้ท่ีบ้านวังแสงแล้ว
เพราะต้องการเงนิ ติดตวั แตเ่ ม่อื เหน็ หน้าก็รูว้ า่ คอื อาจารย์สเุ มธ คนผูน้ ้ี
สมคิดรู้ว่าเป็นอดีตเสรีไทย แต่ไม่รู้ว่าเป็นคนของพรรคคอมมิวนิสต์
แหง่ ประเทศไทย (พคท.) หรือไม่ คืนน้ันจึงถูกนาไปนอนท่ีบ้านดง (ถ้า
จาไมผ่ ดิ นะ แตจ่ าได้ว่าบ้านนอ้ี ยู่ในทอ้ งที่ อ.บา้ นไผ่ แถวแกง่ ละว้า)
รุ่งเช้า (13 ตลุ าคม 2519) ชาวคณะไดน้ าคนทงั้ สองผา่ นเข้ามา
76 68 วงปชี วี ติ สมคิด สิงสง 45 ปคี นกับควาย
ทางสามเหล่ียมขอนแก่น สมคิดบอกให้สนั่นกลับไปส่งข่าวคนบ้านเรา
เถอะว่าปลอดภัยแล้วไม่ต้องห่วง... แล้วผ่านตัวเมืองไปยังจุดหมาย
ปลายทางคือดงมูล นอนคืนที่บ้านดูนสาดต่อมาวันใหม่ 14 ตุลาคม
2519 ห้วงเวลาท่ีหลบหนีมานั้น เปน็ ตายเท่ากนั คนอยู่หลังโดยเฉพาะ
พอ่ และแม่ คงหว่ งหาปิ่มจะขาดใจ
แม.่ .แม่..ลูกปลอดภัยแล้ว...
ร าพึ ง แ ผ่ วใ น ห้ วง นึ ก แ ต่ กั ง วาน ส ะ ท้ าน ส ะ เ ทื อ น นั ก
และแล้วชีวิตก็จากบ้านไปสู่ป่า แล้วก็จากวนากลับสู่นาคร ชีวิต
ยอกย้อนเหมือนละครโรงใหญ่ ตราบใดท่ีม่านยังเปิด การแสดงยังคง
ดาเนนิ ต่อไป
เวลานี้สมคิด สิงสง อดีตผู้ใหญ่บ้านซับแดงคนท่ี 5 ดารง
ตาแหน่งนายกองค์การบรหิ ารสว่ นตาบลซับสมบรู ณ์ สว่ นสน่นั กางทา
สหายศึกผู้ตายแทนกันได้ในเวลานั้น ขณะนี้เขาเป็นผู้ใหญ่บ้านซับแดง
คนท่ี 7
หมายเหตุ : ขณะนี้ (2552) สมคิดพ้นวาระนายกองค์การ
บริหารส่วนตาบลซับสมบูรณ์ เปล่ียนผ่านให้คนรุ่นใหม่ ผันตัวเองมา
บริหารจัดการลุ่มน้า ส่วนสนั่นดารงตาแหน่งรองนายกองค์การ
บริหารส่วนตาบลซับสมบูรณ์
68 วงปีชวี ิตสมคิด สิงสง 45 ปคี นกับควาย 77
78 68 วงปชี ีวติ สมคดิ สงิ สง 45 ปีคนกบั ควาย
ปฐมภาคแห่ง
สมคิด สิงสง
กองบรรณาธกิ าร
เรียบเรียง
บา้ น ซบั แดงเปน็ หมตู่ งั้ อยูต่ นี ภูผา 79
แดง แม้ขน้ึ กบั เขตอาเภอ
มัญจาครี ี จงั หวัดของแกน่
แต่ก็อยใู่ กลเ้ ขตอาเภอแกง้ คร้อ กับอาเภอ
คอนสวรรค์ จังหวดั ชัยภูมิ ทั้ง สมคิด สงิ สง
กบั บา้ นซบั แดง เปน็ ท่รี ูก้ นั อย่างกว้างขวาง
ผา่ นสอื่ อย่างหนังสือพมิ พ์ครง้ั แรกเม่อื ปี
พ.ศ.2517 หลังเหตกุ ารณ์ลอบสงั หาร สมคดิ
สิงสง เม่อื เดอื นมิถุนายน และอีกครั้งเมอ่ื ปี
ถัดมา 2518 เมอื่ ดร.เขยี น ธีระวิทย์
อาจารย์ประจาคณะรฐั ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั กับคณะ มาเกบ็ ขอ้ มูลสอบถาม
ชาวบา้ นและฝา่ ยราชการเพอื่ วจิ ัย"บา้ นซบั
แดง" และพิมพห์ นงั สอื "ซบั แดง หมู่บา้ น
68 วงปชี วี ติ สมคิด สงิ สง 45 ปคี นกบั ควาย
เคยี วเกยี่ วดาว" ปถี ดั มาเมอื่ วนั ท่ี 10 ตลุ าคม 2519 กองกาลงั ทหารกบั
ฝา่ ยบ้านเมืองก็ปิดลอ้ มบ้านซับแดงเพอ่ื จับตัวสมคดิ สิงสง แตไ่ มพ่ บตวั
ป2ี 525 สมคดิ สงิ สงคนื สบู่ ้านซับแดงและอยู่ทนี่ ่ีถงึ ปจั จุบัน
(2561)ซึ่งก็ยงั มคี าถามวา่ "สมคิด คดิ และทาอะไร?อยู่"และยงิ่ เปน็ "สิง่ คา
ใจ"ของบางคนว่า" ....."เมอื่ ปี 2553 หลงั ฟ้ืนตัวออกจากโรงพยาบาล
สมคดิ สงิ สง มี"แรงฮดึ "เขยี นกาสรคาฉนั ท์ โดยใช้เวลา 1 เดือนกบั 1
สปั ดาห์ กจ็ บ 867 บท ของกาสรคาฉันท์
สมคดิ สงิ สง ประกาศเจตนารมณใ์ นปนี ้ันวา่ "ชีวติ ทเี่ หลือก่อน
ตาย ขออุทศิ ทมุ่ เทแรงกายและแรงใจเพ่อื ทางานเพยี ง 2 อย่างนี้ 1)
เขียนหนงั สอื 2)เป็นนกั อนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ซง่ึ งานเขยี นงานเพ่ือสงั คมในชว่ งปี 2553 สมคดิ สงิ สง นอ้ ม
นาเอาแนวคดิ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาเปน็ วัตรวถิ ี
กองบรรณาธกิ ารจึง "คัดสรร" งานเขียน (ในชว่ งหลงั พ.ศ.
2553) ของสมคิด สงิ สง ท่ีสมคิด สงิ สง เขียนภาพของ "บา้ นซบั แดง,
ถิน่ เดมิ ของบรรพชนกอ่ นอพยพมาถิ่นใหม่เป็นบ้านซบั แดง, ความอดุ ม
สมบูรณ์ของป่า-ป-ู ปลา-นา-น้า และสภาพชวี ติ ของชาวบา้ นซับแดง
เม่อื ยคุ นน้ั , และอีกสง่ิ กเ็ ปน็ "ภาพชีวิตของสมคิด สิงสง ตง้ั แต่จาความได้
และจบ ป.4 ท่โี รงเรียนประชาบาลบ้านซบั แดง จากนนั้ จึงไปเรยี นตอ่
ทเ่ี มืองหลวง ซ่งึ ฉายภาพ "ความทระนงตัว, ความเปน็ ตวั ของตวั เอง
ด้วยความถกู ตอ้ ง ตงั้ แต่วยั เยาว์"
เมือ่ เอ่ยนาม “สมคดิ สงิ สง” ผูค้ นจะนึกถงึ “ซบั แดง : หมบู่ า้ น
เคยี วเกย่ี ว” ขนึ้ โดยปรยิ าย คลา้ ยกบั วา่ นามสมคดิ กบั ซับแดงจะกลาย
เป็นองคเ์ อกภาพเดยี วกันในความรบั รขู้ องผู้คนไปเสยี แลว้ ดังนนั้ ใน
การราลึกถงึ ความเป็นมา การดารงอยู่ และความเป็นไปของสมคดิ สงิ
สง จงึ แยกไมอ่ อกทจี่ ะตอ้ งเอ่ยถงึ ความเปน็ มาและเปน็ ไปของหมู่บา้ น
แห่งนด้ี ้วย
คาว่า “แดง” ออกจะเป็นทแี่ สลงใจใครตอ่ ใครเรอ่ื ยมาในแต่ละ
ยคุ แตล่ ะสมยั
80 68 วงปีชวี ติ สมคิด สงิ สง 45 ปีคนกับควาย
เน่อื งจากในยคุ สงครามเยน็ คาว่า “แดง” หมายถงึ ความฝกั ใฝ่ใน
ฝ่ายคอมมิวนสิ ต์ หรือฝา่ ยสังคมนยิ ม ซง่ึ ชธู งสีแดงเปน็ สญั ลกั ษณ์
องคก์ รของพวกเขา อนั เปน็ ค่ตู อ่ ส้ขู องฝา่ ยทีข่ นานนามตนว่า “ค่ายเสรี
นยิ ม” ทม่ี สี หรัฐอเมรกิ าเปน็ หวั เรอื ใหญข่ องฝ่ายสมั พันธมิตรในชัยชนะ
เหนือสงครามโลกคร้ังที่ 2 ระหว่างปี 1939 - 1945 หรอื เมอ่ื ปี
พ.ศ.2488
จากวิกิพเี ดีย สารานุกรมเสรี พรรคคอมมิวนสิ ตแ์ หง่ ประเทศ
ไทย (พคท.) ก่อตง้ั เมื่อปี พ.ศ. 2485 แยกจากพรรคคอมมิวนสิ ต์ทะเล
ใต้ กองกาลงั ทหารหลกั คือกองทัพปลดแอกประชาชนแหง่ ประเทศไทย
(ทปท.)
พรรคคอมมิวนสิ ตแ์ ห่งประเทศไทย (พคท.) (อังกฤษ: Com-
munist Party of Thailand - CPT) เป็นพรรคคอมมิวนสิ ตใ์ นประเทศ
ไทย ไมเ่ คยจดทะเบียนจัดตงั้ ตามกฎหมายอยา่ งเปน็ ทางการ แต่ในทาง
ปฏิบัตกิ ถ็ ือเปน็ พรรคการเมอื ง มอี ดุ มการณ์การเมอื งชดั เจนตงั้ แต่
กอ่ ต้ัง ดาเนนิ แนวทางตาม ลทั ธิมาร์กซ์ ลทั ธิเลนิน และลัทธเิ หมา
นอกจากนน้ั ในอดตี ยงั มสี มาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎรไทย ซึง่ เป็นสมาชิก
ของ พคท. อกี ด้วย เชน่ นายประเสริฐ ทรัพยส์ ุนทร เปน็ ต้น
ในปัจจบุ ัน ถงึ แมจ้ ะยงั ไม่มกี ารประกาศยบุ พรรค แตก่ ม็ ไิ ด้มกี าร
เคลือ่ นไหวทางการเมอื งแตอ่ ยา่ งใด จนกระทงั่ พ.ศ. 2561 กไ็ ดม้ า
ลงทะเบยี นเป็นพรรคการเมอื ง แตไ่ ด้รับการปฏิเสธจากรัฐบาลด้วย
เหตผุ ลความม่นั คง
จงึ เม่ือเอ่ยนาม “บา้ นซบั แดง” พวกทมี่ หี ูหา
เรื่องกม็ ักจะรสู้ ึกไมค่ อ่ ยจะชอบใจ เพราะไป
นึกถงึ ธงแดงของ พคท. ทงั้ ๆ ที่คาว่า “ซับ
แดง” น้ี หมายถงึ บ่อนา้ ซบั น้าซึมท่ีไหล
ออกมาจากใตด้ นิ ท่ีตง้ั อยใู่ กล้ตน้ ไมแ้ ดงขนาดใหญ่ อนั ทาให้คน
ทงั้ หลายขนานนามบ่อน้าซบั แหง่ น้วี ่า “น้าซับแดง” และขนานนามภมู ิ
สถานแหง่ นนั้ วา่ “โคกซบั แดง” ตามสภาพทางภมู ศิ าสตรท์ เ่ี ป็นป่าโคก
68 วงปชี ีวิตสมคดิ สงิ สง 45 ปคี นกบั ควาย 81
แผ่นดิน ผู้คน บ้านเมือง
สมคดิ สิงสง ใชช้ ั้นเชงิ ทางวรรณศลิ ป์ รจนาเรือ่ งภมู สิ ถานตา-
นานถิน่ “บ้านซับแดง” ไว้ในบทกวีนพิ นธช์ ดุ “ปฐววี จนะคากรอง”
เรมิ่ ด้วยการพรรณนาเรอ่ื งราวของ “แผ่นดนิ ” เพอ่ื ปูพน้ื ให้เหน็ สภาพ
แวดล้อมทางธรรมชาตขิ องภมู สิ ถาน ว่าแตเ่ ดมิ นน้ั อุดมสมบูรณ์ไปดว้ ย
ทรัพยใ์ นดิน สนิ ในน้า ฯลฯ ยิง่ นกั จนสามารถรองรบั การยังชพี และ
ดารงอยูข่ องผู้คนไดโ้ ดยควรแก่อัตภาพ เปน็ ห่วงโซ่อาหารท่ีเอ้ืออานวย
แก่กนั และกัน เป็นสมนุ ไพรที่ใช้ในการเยียวยารักษาโรค เปน็ เครื่องใช้
ไม้สอย สง่ิ ปลกู สรา้ ง สารพัดสารพนั อนั อดุ มสมบูรณ์
แลว้ จึงตามด้วยเรือ่ งราวของ “ผ้คู น” และ “บ้านเมอื ง”
ดงั พรรณนาโวหาร ไวด้ ังนี้..
แผน่ ดิน
ร่าย
๏ บนพภิ พผนื น้ี แลนา มีดชี ว่ั ปะปน แลนา มีทง้ั คน พืช สตั ว์ แลนา
จตั ุบททวิบาท แลนา อีกชา้ งม้างัวควาย แลนา อีกมากมายคะนา
นบั แลนา ตายเทนิ ทบั บนดิน แลนา บ้างแทะกนิ ตัวทตี่ าย แลนา
แลว้ ขับถ่ายเป็นกองมลู แลนา ล้วนพอกพนู บนแผน่ ดนิ แลนา ตวั
ใหญ่กนิ ตัวนอ้ ย แลนา แมแ้ ต่เราเจ้าขอ้ ย หลายแหล่เกนิ ร้อยรอ้ ย
ต่างจอ้ งกนิ กันฯ
โคลง ๒ สภุ าพ
๏ ชวี ะอันหลากลว้ น หลายและมีมากถว้ น
ถ่องแทต้ ายถม ท่านเอยฯ
๏ อุตดมโดยโลกสรา้ ง คนคอยแต่ลบล้าง
เสพสนิ้ นับฉนาฯ
๏ สจั ธรรมว่าไว้ เกิดแกเ่ จ็บตายไซร้
แนแ่ ท้ทกุ นามฯ
82 68 วงปีชวี ติ สมคดิ สงิ สง 45 ปคี นกับควาย
โคลง ๔ ดน้ั ตามกาล ผนั แฮ
๏ เดือนสามเดอื นสคี่ ลอ้ ย แดดไหม้
หนาวเปลย่ี นเปน็ กันดาร ยืนหยดั ยงนอ
เตง็ ตงึ ดแู่ ดงหาญ โดยแดฯ
ใบหล่นยงั ยนื ได้
๏ ดอกดวงแลลูกไม้ โรยลง
ลาแม่เวนคนื คง สดู่ ้าว
ปวงสตั ว์ป่าออกดง หาเหยอ่ื กนิ เฮย
บางก็กนิ หมากพรา้ ว ไทรหินฯ
๏ ลางตัวกินเด่ือปลอ้ ง มะไฟหวาน
ลางชอบหมากบกหาญ เจาะไส้
กระแตไตเ่ ครอื ขาน หาคู่
ชวนเจาะกินหมากไม้ มวลมีฯ
๏ ลางตัวกนิ แลว้ ขี้ คนื ไพร
กนิ เมล็ดพาบนิ ไป ถา่ ยท้งิ
ฝนมากอ่ เกดิ ใบ ต้นออ่ น
อวยแด่พฤกษไ์ พรพริ้ง ดกหนาฯ
๏ ลมมาผะแผ่วพลิว้ ใบไหว
ใบแกป่ ลดิ ปลวิ ไป ห่อนฟนื้
โบยบนิ แหมะมไิ กล จากต้น แมเ่ ฮย
โรยร่วงลงปกพนื้ พสธุ าฯ
๏ อาณานับกวา่ กว้าง ยาวไกล แท้นอ
หนักเหนื่อยกายาไหว กอ่ สรา้ ง
แทะเลม็ แตม่ วลใบ ตองแก่ กนิ นา
ขอนโค่นลงรกร้าง เล็มกนิ ฯ
68 วงปีชีวติ สมคิด สิงสง 45 ปคี นกบั ควาย 83
๏ เดินดนิ กินอยดู่ ้วย ในดนิ
จนก่อรวงรงั ชิน ชอบได้
เป็นจอมปลวกปกี บิน แมงเมา่
บินว่อนตอมไฟไหม้ ดบั ตายฯ
๏ มวิ ายกป็ ีกรว่ ง หลน่ ไป
ขาอยูเ่ ดนิ ดนิ ไล เลียบน้า
ลกู ปลวกกอ่ รังใน จอมปลวก
สงู ทว่ มดินแลล้า สบหาวฯ
๏ ราวไพรในปา่ กวา้ ง เกินนบั
ตองแกห่ ล่นถมทบั ท่วั พื้น
ฝนแรกรว่ งกราวซบั ซึมแผน่ ดนิ เฮย
ตองออ่ นเขียวดงั ฟ้นื ป่างามฯ
๏ ตามพงมแี มกไม้ อตุ ดม เดมิ แล
มากเผ่าหลายพันธุส์ ม ถ่นิ ที่
นานวันแผข่ ยายถม- เถถงั่ มวลเฮย
ลางหน่อลางใบน้ี สมุนไพร ฯ
๏ ใครเจ็บแลปว่ ยไข้ เปน็ ยา
ลางดมื่ ลางถูทา ช่วยได้
ลางพอกเผือ่ ลดรา เจ็บปวด
หายดง่ั ทพิ ย์เสกให้ บนดินฯ
๏ เก็บกนิ เปน็ ผกั หญา้ อาหาร
ยอดออ่ นแกงผักหวาน ใสส่ ้ม
รอบปจี ึ่งมีวาร แกงยอด ผักนา
ใครอยา่ ฟนั ตน้ ลม้ ดับตายฯ
๏ ของสงู ภายยอดไม้ บนหาว แมเ่ อย
แหงนเบิ่งดงั ดดู าว อย่ฟู ้า
มดแดงไขร่ ังราว ใบห่อ มดแฮ
สูงลิ่วกลบั ดังท้า ทายคนฯ
84 68 วงปชี วี ติ สมคิด สงิ สง 45 ปคี นกับควาย
๏ มจี นกินอย่ไู ด้ โดยธรรม- ชาตเิ ฮย
เอาต่า1มัดปลายลา ไม้ส้าว2
แลเลง็ แหย่รงั นา มดร่วง ลงเอง
แยกไขต่ ัวมดกร้าว กดั มอื ฯ
๏ คอื วถิ ีบนแผน่ พนื้ ภาคดนิ เพอ่ื นเอย
คนยอ่ มหยัดชีวนิ อยไู่ ด้
เขาหาอยู่หากิน กนั แบบ ธรรมดา
ชพี จึ่งยงหยดั ไว้ ยนื ยาวฯ
๏ เรื่องราวเกดิ กอ่ ขึ้น สัจธรรม
บนแผน่ ดนิ นับฉนา เนนิ่ ชา้
พันปหี มืน่ แสนดา- เนินผา่ น แมเ่ อย
สืบตอ่ พงษ์พันธุ์กลา้ ชว่ั คนฯ
1ตา่ เป็นคาพนื้ บา้ นลาวอสี าน เขาเรยี ก “กะตา่ ” ภาษาไทยเรยี ก “ตะกรา้ ”
2“ไมส้ า้ ว” กเ็ ป็นภาษาถนิ่ หมายถงึ ไมย้ าวๆ น้าหนกั พอเหมาะ ใชส้ าหรบั สอยผลไม้ ยอดผกั
ตน้ สงู รวมทงั้ แหยร่ งั ไขม่ ดแดง
68 วงปชี ีวิตสมคดิ สิงสง 45 ปคี นกบั ควาย 85
ผูค้ น
ร่าย
๏ หวนเหน็ หนทางอดีต โดยจารตี ฮีตคอง ผองคนเขาอยูม่ า โดยประสา
ธรรมชาติ บาทเบีย้ ไมม่ ากมี อยู่ดีไดอ้ ยา่ งไร เตบิ ใหญต่ ราบลกู หลาน
กนั ดารยังยนื หยัด อัตคดั ยังยงยืน บ่ฝา่ ฝืนธรรมชาติ เขาฉลาดอยกู่ ับ
มัน น้ามากกก็ นิ ปลา หน้าแล้งกนิ กดุ จ่ี ตามกองขีง้ วั ควาย ฝนโปรย
ปรายดินชมุ่ เขียวชะอมุ่ ระบัดใบ พงไพรคอื ครัวคน หนา้ ฝนกินหน่อไม้
ห่อนไร้ซงึ่ กบเขยี ด บบ่ ังเบยี ดธรรมชาติ อาจเกบ็ กอบแตพ่ อกิน เสาะ
ทรัพย์สนิ แตพ่ ออยู่ มีนกหนบู อ่ ดอยาก อกี มมี ากปลาในน้า ในนาซา้
ปลกู แปลงขา้ ว ถงึ คราวหน้าเก็บเก่ียว ทาหนเดียวนาปี แตม่ ากมขี า้ วใน
ยงุ้ เปน็ ประกนั วันพรงุ่ สบื มอื้ คงคน บารนีฯ
วชิ ชมุ าลี
๏ คานึง คราวกอ่ นก้ี ปางเกา่ บฮู าน พนู้ เยอ
เถิงแมน่ มวลมากคน อยเู่ ยน็ มีฮ้อน
เป็นเมอื งบา้ น โดยดีมฮี ตี
คองเก่าก้อน มณีล้าคา่ คา3ฯ
๏ จัง่ ว่า มวลหมูน่ อ้ ย ขามขาบอาวุโส
ฟังคาสอน ส่ังใดคือได้
บ่มี หาญความโต้ ถกเถยี งคาพอ่
คาแม่ มคี ่าใช้ เสมอด้ามดง่ั ครฯู
๏ เขาจึง กรานกราบก้ม คุณพอ่ จนตาย
คณุ แม่ เทียมภสู งู ส่าดินเถงิ ฟา้
ภายผืนพื้น ผีเฮือนพ่อแม่
ปกลุ่มหล้า แลลูกและหลานฯ
๏ ในลุ่มน้า ตาปปู่ กปกั
เขาจงึ แปงกินทาน ทอดถวายทวยท้ัง
3หมายถึงทองคา (ลาว)
86 68 วงปชี วี ติ สมคดิ สิงสง 45 ปคี นกบั ควาย
มเหสกั เจ้า ตนใดในทปี
เดือนหก ตาปตู่ ้ัง ไหเหล้าไกต่ วั ฯ
๏ ถวายปู่แล้ว รับเศษขนุ ผี
พ่อจา้ 4 ถอนของถวาย เสยี่ งทายถึงน้า
ฝนสดิ หี อื บ่
คางไกช่ ้ี แถนฟ้าว่าใด๋ฯ
บ้งั ไฟ จุดเส่ียงซา้
๏ ดอนปบู่ า้ น เป็นเขตแหนหวง
สจู ง คงไพรหนา ปู่ตาเนายั้ง
เปน็ แดน ไผหาญลว่ ง ลองดมี เี หตุ
ตาปู่ ขมเคยี ดตง้ั หักถม้ิ ทกุ คอ สเู ด้ฯ
๏ อนั วา่ วงศ์โคตรเหง้า ครวั หนึง่ สบิ ซาว5
เขายงั ปนุ แปงปกั อยู่ดีมีไฮ้
ศลี ธรรมทา้ ว หญิงชายน้อยใหญ่
ฟงั คา พอ่ แม่ไว้ สุขสร้างอย่เู กษมฯ
๏ อันหนงึ่ ลกู อีกเต้า ตนใหญ่ครองเฮอื น
เถิงยาม มีหลานเหลน ใหญย่ อเขยใภ้6
พ่อแม่ เตือนตกตงั้ เฮอื นชานออกใหม่
ปนั แบง่ ให้ นาฮ้วั ไฮ่สวนฯ
๏ เถิงว่า เป็นเฮือนแล้ว ออกใหม่ครวั เขา
ยามมี ปปู ลาผัก ออ่ มแกงแลงเช้า
เขายอ่ ม ยอปนั ข้นึ ยังเฮือนพอ่ แม่
เอือ้ ยเท่าน้อง ลุงปา้ สง่ อาวฯ์
4คนทีช่ าวบา้ นยอมรบั นบั ถือใหเ้ ป็นผตู้ ดิ ตอ่ ส่อื สารกบั ผีตาป่ ู 87
5ซาวหมายถงึ จานวนย่สี บิ
6สะใภ้
68 วงปชี ีวิตสมคดิ สงิ สง 45 ปีคนกบั ควาย
โคลง ๔ สภุ าพ
๏ ไขสรู ย์เรอื งเร่ือฟา้ อรณุ ฉาน
เสียงย่าระฆงั ขาน แต่เชา้
เตอื นใจแตง่ คาวหวาน รอท่า เทยี วเฮย
เตรียมใสบ่ าตรพระเจ้า แก่ผ้ทู รงศีลฯ
๏ กนิ ทานทุกค่าเช้า แลงงาย ทา่ นเอย
เกลากล่อมจติ ใจภาย ผอ่ งแผ้ว
ละโลภเผอ่ื สมหมาย ปรโลก โพน้ แฮ
หวังพงึ่ บุญบาปแคลว้ ขาบไหวพ้ ทุ ธคณุ ฯ
๏ อนุ่ ใดในลุ่มหลา้ ปฐวี พอ่ เอย
ใดอุน่ เกนิ ใจมี อุน่ เอ้ือ
บาปบุญจกั ราคี พาหม่น หมองเฮย
บุญเบกิ ทางถากเพอื่ สเู่ สน้ ทางสวรรค์ฯ
๏ อันคนเขาอยไู่ ด้ โดยเย็น สุขแฮ
เขาแผบ่ ุญถงึ เขญ็ ขาดบ้าง
จนมีบ่ถือเป็น กาหนด นาพอ่
จนก็ทานเสาะสร้าง แต่นอ้ ยเตม็ ใจฯ
88 68 วงปีชีวติ สมคิด สิงสง 45 ปคี นกบั ควาย
บ้านเมือง
ร่าย
๏ แลหลงั ยงั อดตี กาล บา้ นเมอื งยงั มดื ดา ค่าลงจดุ ขี้ไต้ สมุ ไฟไลร่ ิ้นยุง
ห่อนจรุงแสงไฟฟา้ คา่ มาเรง่ กนิ แลง วับแวมแสงตะเกียงร้วั เอยี งเอน
ตัวท่ปี ลายชาน รบั ลมผา่ นมาดับร้อน นอนหงายดเู ดอื นดาว อนั พร่าง
พราวทวั่ แผ่นฟา้ พักผ่อนคลายเหนอ่ื ยล้า หลับได้ดงั ฝนั ฯ
โคลง ๔ สภุ าพ เวียนมา
๏ ไกข่ ันวนั ใหมม่ อ้ื อเี่ อย้ี ง
ใกลร้ งุ่ สักกนู า ขานขบั ระเบงแฮ
จอแจสง่ ภาษา คาบเชา้ แลงงายฯ
เขาต่ืนเตรยี มแตง่ เลี้ยง ลงนา เขาเฮย
๏ ลูกชายเขาแล่นร้อน ใส่ขอ้ ง
ยามเบด็ จับปูปลา หางเดอ่ื ง7
ลูกสาวส่คู รกหา แกลบรอ่ นราหมฯู
ตาตา่ วเปน็ ขา้ วกล้อง
๏ กานันผู้ใหญบ่ ้าน ตขี อ- รอ8แล
หมายส่งั อาเภอหนอ หนักแหนน้
กาหนดเลือกสอสอ ไปนั่ง สภาเฮย
แทนราษฎรท์ ั่วเขตแควน้ ขบั เคล่ือนยคุ สมยั ฯ
๏ ปวงไทยทุกหมู่บ้าน ตาบล
ทุกแหง่ ทุกตวั ตน แตง่ ตง้ั
ตัวแทนทว่ั ถงึ หน ทัว่ ประเทศ ทปี แฮ
ทกุ ขส์ ุขแทนทวยทง้ั ท่วั หลา้ แดนสยามฯ
7ครกกระเดื่อง เป็นเครอ่ื งมือตาขา้ วเปลือกเป็นขา้ วสาร 89
8“ขอรอ” หมายถึงเกราะเพ่อื เคาะเป็นสญั ญาณเรยี กประชมุ ลกู บา้ น
68 วงปีชีวิตสมคิด สิงสง 45 ปคี นกบั ควาย
๏ เขตคามเขาเปลี่ยนพน้ ยคุ สมัย
ลอื วา่ ประชาธิปไตย ต่นื แล้ว
อานาจทว่ั ทวยไทย ครองครอบ ปวงแฮ
กลับดง่ั ลงิ ได้แกว้ หอ่ นรู้ความหมายฯ
ร่าย
๏ สะอื้นภายในอก สะทกในหวั ใจ รัฐไทยเทยี วผดิ ทาง ทาลายล้าง
ทรัพยากร ฝันบวรอุตสาหกรรม นาเศรษฐกิจเฟอ่ื งฟู ลบหลูค่ ณุ คา่
ควาย ลบความหมายเคยค้าคนู เคยสมบรู ณด์ ว้ ยธรรมชาติ กลับตาฝาด
แลฟั่นเฟอื น เหน็ ดาวเดือนไรค้ ่าแลว้ เหน็ ดวงแก้วกลายเป็นหนิ ผืน
แผน่ ดนิ เคยรกชัฏ มาวบิ ตั ิดว้ ยพัฒนา หมายความว่าตอ้ งใหเ้ ตยี น เขียน
แผนทาลายปา่ นาพาทาลายดิน ดบั แดดนิ้ ส้นิ แหลง่ น้า ทาลายภาค
ชนบท ไปกาหนดตวั เมอื งใหญ่ เคยทาไร่อกี ไถนา ท้ิงข้าวกลา้ แลน่ เขา้
เมอื ง ที่รงุ่ เรอื งดว้ ยแสงสี ดว้ ยหลงทแ่ี ลหลงทศิ เห็นผดิ กลายเปน็ ชอบ
มิตรองไตร่ใหร้ อบคอบ กว่าร้เู กนิ สาย บารนีฯ
โคลง ๒ สภุ าพ
๏ วอดวายยบั ยอ่ ยแล้ว มีร่องรอยแตกแกว้
รั่วร้าวคนื ไฉน แลนาฯ
90 68 วงปชี วี ิตสมคิด สงิ สง 45 ปีคนกบั ควาย
๏ หลงไกลไปสู่เส้น คดิ รา่ รวยเฉกเฉน้
กดั เนอื้ ตนกนิ พอ่ เอยฯ
รา่ ย
๏ ยนิ นทิ านเลา่ ขา มบี ่อน้าหนึ่งลกึ งูน้อยคึกลงเล่น ไม่เหน็ ทางทขี่ ึน้ ฝง่ั
จะยงั ชีพอยอู่ ย่างไร มีสง่ิ ใดเปน็ อาหาร สดุ กนั ดารในชวี ติ คดิ ไมอ่ อก
บอกไมไ่ ด้ ตดั สนิ ใจกนิ หางตน กินหลายหนจนถึงหวั กลวั จกั สิน้ ชพี วาย
กลวั ตายจนรนราน เกินกว่าคิดฟงุ้ ซ่าน เขมอื บแม้กนิ หวั ตนแฮฯ
68 วงปชี ีวิตสมคิด สงิ สง 45 ปีคนกับควาย 91
ประวตั ิศาสตร์บา้ นซบั แดงเปน็ เรอ่ื งราวการอพยพเคลอื่ นย้าย
ของผู้คนจากท่ีราบลมุ่ น้าท่วมถึงในฤดนู ้าหลากของลุ่มน้าชี ตงั้ อยู่ทอ้ ง
ทอี่ าเภอชนบท จงั หวัดขอนแกน่ แถวบา้ นหว้ ยองึ่ หว้ ยคร้อ หลู งิ วัง
แสง เปน็ ตน้ จากทางฝั่งขวาของแมน่ ้า ข้นึ มาทางฝ่ังซ้าย ทีซ่ ่ึงมเี ทือกทวิ
ภูผาแดงขวางคัน่ อยู่
กองเกวยี นของผู้อพยพ ใช้ระยะเวลารอนแรมนับวนั นบั คืน
จากแหล่งลุ่มมงุ่ หนา้ สูโ่ คกสงู ทีซ่ ่งึ น้าจะทว่ มไมถ่ งึ และยงั มโี คกกว้าง ป่า
แปน และดงหนาปา่ ทบึ ใหเ้ ลอื กจบั จองเปน็ ทาเลทตี่ ั้งบ้านเรือนและ
เรอื กสวนไรน่ า
ผ้นู าในการอพยพเคลื่อนยา้ ยคอื พอ่ ตาสมบรู ณ์ ชน่ื ใจ คงจะ
92 68 วงปชี ีวิตสมคดิ สิงสง 45 ปีคนกบั ควาย
อยู่ในยคุ สมัยกอ่ น หรือหลังจากจากการเปลยี่ นแปลงการปกครอง
พ.ศ.2475 สกั เล็กนอ้ ย ดจู ากอายขุ องคนแกค่ นเฒ่ารนุ่ ท่ีมาเกิดพร้อม
ต้งั รกรากถ่นิ ฐานบ้านซบั แดง
ในภาพ (ซ้าย) คอื คุณยายขาว ชืน่ ใจ ยายเฒ่าผู้เป็นแมข่ องแม่
สมคดิ สงิ สง คูช่ ีวิตของคณุ ตาสม-บูรณ์ ชน่ื ใจ9 ผนู้ าการอพยพเคล่อื น
ยา้ ย และเป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรกของ
บ้านซบั แดง เมอ่ื ได้ รับจัดตงั้ ให้เป็น
หมู่บ้านตามสารบบการปกครอง
ทอ้ งที่ ตาม พ.ร.บ.ลักษณะปกครอง
ท้องทีพ่ .ศ.2457 เปน็ หมทู่ ี่ 9 ขนึ้
ตาบลโพธิ์ไชย อาเภอมญั จาครี ี
จังหวดั ขอนแกน่
ปัจจบุ นั เป็นหมู่ 5 ตาบลซับ
สมบรู ณ์ อาเภอโคกโพธ์ไิ ชย10 ท่ี
แยกตัวออกมาจากอาเภอมญั จาคีรี
และจดั ตั้งเป็นอาเภอใหม่ของจงั หวัด
ขอนแกน่ ราว 10 ปที ผ่ี ่านมานี้
สมคดิ สงิ สง บนั ทกึ เรอ่ื งราวชว่ ง “ยา้ ยถนิ่ ” ด้วยชนั้ เชิงทาง
วรรณศลิ ปไ์ วใ้ นชดุ “ปฐววี จนะคากรอง” ความว่า..
9ทำเนียบผใู้ หญบ่ ำ้ นบำ้ นซบั แดง 10อำเภอโคกโพธ์ิไชยแยกตวั มำจำก 2 ตำบลของ
อำเภอมญั จำคีรี ต้งั เป็ นก่ิงอำเภอเม่ือปี พ.ศ.
1. นายสมบูรณ์ ช่นื ใจ 2472-2489 2537 คือตำบลโพธ์ิไชย และตำบลบำ้ นโคก
2. นายแพงศรี ประจนั ตะเสน 2489- ตอ่ มำตำบลบำ้ นโคกแบ่งบำงส่วนออกไปเป็น
ตำบลนำแพง และตำบลโพธ์ิไชยแบง่ บำงส่วน
249... ออกเป็นตำบลซบั สมบูรณ์ ดงั น้นั ปัจจุบนั อำเภอ
3. นายหนู ลันทูน 249..- 2500 โคกโพธ์ิไชยจึงประกอบดว้ ยทอ้ งที่ 4 ตำบล คือ
4. นายผิว สะบก 2500-2525 ตำบลบำ้ นโคก ตำบลนำแพง ตำบลโพธ์ิไชย และ
5. นายสมคดิ สิงสง 2525-2529 ตำบลซบั สมบรู ณ์ และยกฐำนะข้ึนเป็นอำเภอเมื่อ
6. นายชนะ นาคโทน 2529-2543 8 กนั ยำยน 2550
7. นายสนั่น กางทา 2543-2547
8. นายสมั ฤทธ์ิ มูลเลิศ 2547- ปจั จบุ ัน
68 วงปีชีวิตสมคิด สิงสง 45 ปีคนกบั ควาย 93
ยา้ ยถน่ิ
โคลง ๔ ดนั้ แลเกลือ แรมลา
๏ ไทครวั 11หามหาบข้าว เผอื่ ใต้
ลดั ป่าไปตกเหนือ หลงทปี ฤๅพอ่
กองเกวยี นเคลอื่ นคลาเหลือ เดินทางฯ
ทางทอ่ งเคยเทยี วได้ รมิ ซี12
๏ ปางบรรพ์เสถียรสถติ ตงั้ แก่นเหงา้
รกรากยงยืนมี ชว่ั โคตร สกุลเฮย
ยืนนานเนนิ่ นบั ปี ขัดสนฯ
เกดิ กอ่ เรือนแยกเหยา้ ลกู หลาน
๏ บนนานบั แบง่ ให้ แบ่งได้
แยกย่อยสองสามงาน ดังกรอบ ขังนอ
เป็นนาขอบเหล็ก13ดาน สุดขนื ฯ
กินอยู่พอยาไส้ ยังเดมิ พ่อเอย
๏ ฝืนทนทกุ ขอ์ ยูย่ ั้ง ซง่ึ น้า
นาทว่ มยามมากเสรมิ เตม็ อิม่ ไหเฮย
มีปลาหลากหลายเติม ขาดเขินฯ
นาลม่ กลบั ซวยซ้า นบั ขบวน หน่อยนา
๏ จึงเชิญญาติพ่นี อ้ ง โยกยา้ ย
หาถิ่นดนิ แดนชวน บกุ เบิก บารนี
ตนี ภแู ผน่ ดินควร อตุ ดมฯ
เปน็ ปา่ รกพงร้าย
11ครอบครัวผอู้ พยพเคล่ือนยำ้ ย
12แม่น้ำซี
13นำขอบเหลก็ คือไม่สำมำรถบุกเบิกตอ่ ไปได้ เน่ืองจำกจำกดั ดว้ ยเขตแดนที่ติดกบั ผอู้ ื่น ไม่มีหวั
ไร่ปลำยนำท่ีจะขยำยออกไปไดอ้ ีกแลว้
94 68 วงปชี วี ิตสมคดิ สิงสง 45 ปีคนกบั ควาย
๏ สมนามสมแหลง่ ชอื่ “ซับแดง” ท่านเอย
มปี ่าพฤกษไ์ พรแจง แมกไม้
เรอื กสวนไร่นาแพง ซับช่มุ เย็นเฮย
เปน็ แหล่งธรรมชาติไว้ วางหวังฯ
๏ ยังยงู สงู เสยี ดฟ้า เทียมดาว เพอ่ื นเอย
พลวง มะค่า ยนื ยงั หาว อยูห่ ล้า
เตง็ รงั ดัง่ เทียนยาว ยังเมฆ ปานฤๅ
ประดแู่ ดงดงั ทา้ ทายสวรรคฯ์
๏ อันปผู นื แผน่ หล้า บนดิน ท่านเอย
ผองผกั มวลมีกนิ กอ่ เกอ้ื
อบู อบี 14ออ่ มอึ่ง15ถวลิ หวงั วาด
ปหี นง่ึ มีหน่งึ เพอื่ เก็บกนิ ฯ
๏ บนดนิ ดาษดนื่ แท้ อาหาร
ทิพยส์ ่งิ เสกบนั ดาล ด่งั ไท้
ฝนโปรยปา่ ใดปาน ทิพย์สฤษฏ์ สรรคเ์ ฮย
ดอกวา่ นเดย๋ี วหน่อไม้ มากมวลฯ
๏ สมควรผกั อลี อก ดอกกระเจยี ว
หาอยู่ทากินเหลยี ว เบง่ิ ฟา้
โดยธรรมชาตเิ ทยี ว เปน็ อยู่ ยงแฮ
เทยี วท่องภายลุ่มหล้า นิรันดร์ฯ
รา่ ยดัน้
๏ เถิงวันพายุฝน ตน้ เดอื นหา้ แดดจัด พะยุพดั กรรโชก หลา้ โลกฝุ่น
ตรลบ ราวแผ่นภพเอนระเนน ตรลอดเปน็ ทงั้ ราว ร่วงหล่นกราว
14พืชพ้ืนล่ำง มีหวั ชูใบออ่ นฤดูตน้ ฝน ใบอูบอีบเป็ นผกั และสมนุ ไพรกลิ่นหอม เป็ นหวำ้ นป่ ำ
ชนิดหน่ึง
15หมำยถึงอ่ึงอ่ำง มีหลำยสำยพนั ธุ์ กินเป็ นอำหำรไดอ้ ยำ่ งกบเขียด
68 วงปชี ีวติ สมคิด สงิ สง 45 ปคี นกบั ควาย 95
หมากม่วงป่า ฝนเทมาเท่าหนว่ ยไข่ บา้ งกอ้ นใหญล่ ูกเหบ็ ดินไดเ้ กบ็ ซับ
น้า ป่าเยน็ ฉ่าชุม่ ชวย อวยอง่ึ อ่างออกรู กรหู ากนิ แมงเมา่ เอาธาราฝน
ใหม่ หาจับควู่ างไข่ แพรพ่ ันธุ์ บารนฯี
โคลง ๒ เรียกคนเขามุ่งหมน้ั
๏ เสียงอง่ึ อลป่านน้ั แลนาฯ
มืดฟา้ งมทาง มงุ่ สเู่ สียงองึ่ รอ้ ง
๏ ลงเรอื นพลางพายขอ้ ง อง่ึ แลฯ
จดุ ไต้ตามหา ฟังเสียงองึ่ อา่ งไซร้
๏ ตาแลหูหากไว้ แมเ่ อยฯ
อัดแหน้นเกนิ หมาย วางลงคดิ ขบแก้
๏ ตะข้องพายหนักแปล้ หลายเฮยฯ
อง่ึ ร้องระงมหลวง จับเอาสูใส่ขอ้ ง
๏ ปวงมึงกจู กั ต้อง แลฤๅฯ
อาจไม่พอขงั แก้ซิน่ มดั ตีนถอ้ น
๏ ยังมีผืนซนิ่ ซ้อน กูเฮยฯ
ตา่ งแทด้ ังถงุ
โคลง ๔ ดนั้ เต็มแรง แม่เอย
๏ หาบคอนคงุ เพียบแปล้ ขนดั ข้อง
อ่งึ อ่างองึ อลแถลง สรู ยส์ ่ง แสงเฮย
ถงึ เรอื นชว่ งฟา้ แดง ระงมงนั ฯ
เสียงองึ่ โอ้บเอบ้ รอ้ ง แสงใส ทา่ นเอย
๏ จวบถึงวันใหม่มอ้ื ตกั ต้ม
สมุ ก่อกองฟนื ไฟ หาเกบ็ มานา
ยอดมะขามออ่ นจงไป ใบมะขามฯ
อึ่งไข่เหมาะต้มส้ม
96 68 วงปีชวี ติ สมคิด สิงสง 45 ปีคนกบั ควาย
๏ ยามมกี ม็ ากลน้ เกินกนิ
จึงเกบ็ เปน็ ทรัพยส์ นิ อึ่งย่าง
บางหมกหมกั ไหดิน แดกองึ่ 16 ไวแ้ ล
เก็บเผอื่ วนั หนา้ บ้าง อาหารฯ
๏ ถ่ินฐานไทครวั นี้ นับอดุ ม
หนที ่วมพอสขุ สม ปา่ กวา้ ง
หวั นาค่าควรชม ควรช่ืน ชนเฮย
หาใชแ่ หลง่ รกรา้ ง ดอกหนาฯ
๏ เป็นทางหาอยูย่ ง้ั ทากนิ ท่านเอย
ธรรมชาตสิ ืบทรพั ยส์ นิ ใหแ้ ลว้
จึงคนอย่บู นดนิ เขาอยู่ ยงแฮ
สงู ค่าควรดวงแกว้ เลอคณุ ฯ
16ปลำแดกอ่ึง คือกำรถนอมอำหำรลกั ษณะเดียวกนั กบั กำรหมกั ปลำร้ำ 97
68 วงปชี ีวติ สมคดิ สิงสง 45 ปคี นกบั ควาย
โคกบ้านฮ้าง
ยังมอี กี หนงึ่ เร่อื งราว ทีค่ นซับแดงรนุ่ หลังสว่ นใหญไ่ มเ่ คยรบั รู้
เนื่องจากเกดิ ไม่ทนั และแมแ้ ตส่ มคิดเองก็ไม่ทนั ไดเ้ หน็ ด้วยตาของตน
เพยี งแต่ไดร้ บั ร้รู ับฟังจากคนรุ่นกอ่ นที่เล่าขานสบื ตอ่ กนั มาวา่ ทต่ี ั้งแหง่
แรกของหม่บู ้านไมใ่ ช่ที่เปน็ บา้ นซบั แดงอยู่ในเวลาน้ี แตม่ ันมีนามเรยี ก
ขานวา่ “บา้ นภเู พ” ตามนามภเู ขาย่านนั้น
สมคิดเลา่ ว่า ตรงภผู าแดงซึ่งทอดแนวยาวอยเู่ บอ้ื งตะวันตก
หม่บู า้ นในเวลานี้ มันมภี เู ขาลกู หน่ึงมนี ามว่าภูผาเพ เนอ่ื งจากมี
รอ่ งรอยของการเพพงั ของหนา้ ผาปรากฏให้เหน็ อยจู่ นถงึ ปจั จบุ นั ถา้
มองจากดา้ นตะวันตกของภผู าแดง จากมุมมองบ้านสามขา ทอ้ งท่ีตาบล
ช่องสามหมอ อาเภอแกง้ ครอ้ จงั หวดั ชัยภมู ิ อนั มีตานานเร่ือง “หมาบกั
ทอก” แปดศอกบ่ทนั มนื ตา ยันภผู าขาดลงเปน็ บนั้ ซงึ่ เปน็ เรอื่ งราวใน
ตานาน “หว้ ยสามหมอ” และสมคดิ สงิ สง ไดส้ ร้างจินตนาการเรื่องราว
เหลา่ นไี้ ว้ในบทกวีนิพนธ์ชุด “ปฐววี จนะคากรอง” ความวา่ ..
หม่บู ้านภูเพ
ฮา่ ย
๘๕ ศรี ศรีมหาวาร จักขานแผน่ ดนิ เคา้ ไทครวั เต้าตนี ภูเพ ป่าวสกั เค
ไหว้เทพดา วาจาป่าวนางธรณี ขาบผเี สือ้ ผปี ู่ตา ขอเชญิ มารับรู้ ฝูงผูข้ า้
ฯ มาอาศัย แตเ่ มอื งไกลบอ่ นน้ามาก มาฝากผีแลฝากไข้ ไวต้ นี ภบู ่อน
อุตดม ขนุ บรม17เปน็ รากเหง้า ขุนลอเจ้าองค์เชษฐา ครองอาณาจกั ร
ล้านชา้ ง ผาล้านสรา้ งเมอื งหอแต จลุ งแลแดนแกวพนู้ ท้าวคาผงครอง
ล้านนา อยธุ ยาทา้ วอนิ น่ัง ทา้ วกมส่ังเมอื งคาม่วน ส่วนขนุ เจอื งครอง
17ในหนงั สือเมืองลำ้ นชำ้ งกล่ำวไวว้ ำ่ พระรำชโอรสท้งั ๗ ของขนุ บรมรำชำธิรำช ไดไ้ ปครอง
บำ้ นเมืองต่ำงๆ คือ ขนุ ลอ ครองเมืองลำ้ นชำ้ ง ขนุ ผำลำ้ นครองเมืองตำ้ หอ หรือหอแต ทำ้ วจุลง
ครองเมืองจลุ นี หรือเมืองแกว ทำ้ วคำผง ครองเมืองโยนก หรือลำ้ นนำ ทำ้ วอิน ครองลำ้ นเพยี คือ
อยธุ ยำ ทำ้ วกม ครองเมืองหลำ้ คำม่วน และ ทำ้ วเจือง ครองปะกนั เชียงขวำง
98 68 วงปีชวี ติ สมคิด สงิ สง 45 ปคี นกบั ควาย
เชียงขวาง ปวงข้าน้อยหลานเหลนหลอ้ น บม่ บี ่อนอาศยั ขอพรไชยขุน
โคตรเหง้า ฝงู ผู้ขา้ พระเจ้า หมายตงั้ แต่งสถาน อย่แู ลฯ
วิชชุมาลี
๏ ยามนั้น ศกั ราชต้งั ในหว่างโดยประมาณ
สองพนั พระวษา สีป่ ลายปรี อ้ ย
เจด็ สบิ กาลผันพน้ พรรษาพุทธะผ่าน
นิพพาน ภายเคลื่อนคลอ้ ย โดยดา้ มดง่ั บญุ ทา่ นเอยฯ
๏ ไทครัว พากันย้ัง หยดั อยู่ตนี ภู
โคกหนง่ึ ทาเลหนุน น่งั นอนเย็นเนอ้ื
ทางทิศ เหนอื ขนานหยู้ สายธารหว้ ยฮอ่ ม
อาศัย กนิ อาบเออื้ อวยไดด้ ั่งประสงค์ฯ
๏ เขาว่า ผาเพหย้อน “หมาบกั ทอก”18 ตีนยนั
ภเู พลง ฝั่งผาภายก้า
ยงั มี ชาละวันแข้19
ตนแขง็ โดยอาชญ์
เนาแหลง่ น้า ยังหว้ ยแมก่ ระแสฯ
๏ แข้ใหญ่ หวงเขตน้า หนกั กวา่ แดนใด
บ่วา่ ไผเล็งแล ลอ่ งลงยงั น้า
มันก็ ไววาฟา้ ว ราวีโดยอาชญ์
คนเขา ยาพ่องหยา้ น พญาแข้คาบคอฯ
๏ ฮ้อนฮอด ญาท่านท้าว ขนุ เพิ่นครองคน
จงึ ได้ เชิญชวนขอ ผู้มอี าคมกล้า
18ตำนำนภูผำเพมีวำ่ มีลูกสุนขั ตวั หน่ึงนำม “หมำบกั ทอก แปดศอกบ่ทนั (มืน)ลืมตำ ยนั ภูผำขำด
ลงเป็นบ้นั ” ภผู ำเพอยใู่ นเทือกเขำภผู ำแดง-ภเู มง็ เป็นสนั ปันน้ำลุ่มน้ำห้วยสำมหมอ ดำ้ น
ตะวนั ออกเฉียงเหนือ เชื่อมโยงกบั เทือกภโู คง้ ภแู ลนคำ ท่ีเป็นสนั ปันน้ำดำ้ นทิศตะวนั ตก รอยต่อ
ระหวำ่ งสนั ปันน้ำสองเทือกเขำน้ี มีช่องเขำขำดท่ีเรียกขำนวำ่ “ช่องสำมหมอ” เป็นท่ีซ่ึงลำห้วย
สำมหมอไหลผำ่ นลงสู่แม่น้ำซี
19จระเข้
68 วงปีชวี ิตสมคิด สงิ สง 45 ปีคนกับควาย 99
100 68 วงปีชวี ติ สมคิด สงิ สง 45 ปีคนกบั ควาย