วชิ า สค. 311 หลกั และวิธกี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผู้สอน ผศ.ดร.ป่ ินหทยั หนนู วล 194
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
- ฐานความรู้ ประวัติของชุมชนกุฎจีน ชุมชนกุฎีจีนเป็นชุมชนเก่าแก่ท่ีมีหลายเช้ือชาติและ
ศาสนา ส่วนใหญ่จะมีชาวโปรตุเกสอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ โดยในสมัยก่อนคนโปตุเกสเป็นผู้
กอบกู้เอกราชจึงทําให้พระเจ้าตากสินไว้ใจเพราะพระเจ้าตากสินเช่ือว่าชาวโปรตุเกสซ่ือสัตย์จึง
ได้มอบท่ีดินให้แก่ชาวโปรตุเกส ชาวโปรตุเกสได้สร้างวัดและสร้างโบสถ์ ซ่ึงโบสถ์หลังท่ี3 และ
ฝังพของคุณพ่อไวห้ ลงั โบสถเ์ พื่อเปน็ การระลึกถึง
ความรู้สึกของผู้บันทึกคือรู้สึกการได้รับรู้ประวัติศาสตร์ของชาวโปรตุเกสท่ีเคยอาศัยอยู่ในท่ี
แห่งน้ีตามท่ีเคยได้ยินว่าเคยมีชาวโปรตุเกสในไทย ทํามาหากินต่างๆ และได้นําวัฒนธรรมต่างๆเข้ามา
จนสืบทอดกนั มาจนถงึ ปจั จุบัน จึงได้รับรวู้ ่าเป็นท่แี หง่ น้ี
วิชา สค. 311 หลกั และวธิ กี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผูส้ อน ผศ.ดร.ป่ ินหทัย หนูนวล 195
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
เม่ือพู ดถึงศาสนา ศาสนาท่ีผู้คนภายในกุฎีจีนน้ันมี 3 ศาสนา 4ความเช่ือท่ีอยู่ด้วยกันน้ัน
ประกอบไปด้วยศาสนาพุ ทธคริสต์ อิสลาม แต่ส่วนใหญ่เป็นคาทอลิกในอดีตนับถือโรมันคาทอลิก
100% โดยท่คี นท่คี รองทด่ี ินจะตอ้ งเปน็ คาทอลิกเท่าน้นั ซง่ึ เป็นกฎหมายบังคบั
• ผู้บันทึกเม่ือได้ฟงั จึงได้รู้ว่าการท่ีแต่งงานน้ันจะต้องเป็นคาทอลิกเหมือนกัน แต่ในกรณีท่ีไม่ใช่
คาทอลิก ก็สามารถแต่งงานได้แต่ต้องเรียนรู้ในศาสนา ในตอนแรกผู้บันทึกมีความคิดคิดว่า
ชุมชนแห่งน้ีเป็นชุมชนท่ีนับถือศาสนาพุ ทธเน่ืองจากช่ือชุมชนกุฎีจีน จึงทําให้รู้ว่าส่วนใหญ่จะ
เป็นคริสต์ซ่ึงเป็นสิ่งท่ีน่าแปลกมากมีความหลากหลายความเช่ือแต่สามารถอยู่ด้วยกันได้เป็น
ชุมชนท่ีสงบสุข มีเทศกาลทางศาสนา จะมีพิธี 4คร้ังในหน่ึงปี รู้สึกถึงความเป็นชุมชนท่ียึด
โยงด้วยศาสนา
การให้ความรู้แบบจําลองให้เห็นว่า พระมานูเอลท่ี 1 แห่ง
ราชอาณาจักรโปรตุเกส วาสกู ดา กามานํากองเรือ 4 ลํา พร้อม
ลูกเรือ170 คน เดินทางข้ามแหลมกู๊ดโฮปมาถึงอินเดีย ซ้ือพริกไทย
และเคร่อื งเทศกลบั ไปขายนได้กําไรมหาศาล
• ผู้บันทึกมีความรู้สึกว่าทําให้ได้เห็นเรือจําลองของนักเดินเรือ
ชาวโปรตุเกสท่ีเดินทางมาไทย ทําให้ได้รู้ว่าชนชาติโปรตุเกสมี
ความสัมพันธ์ทางการค้ากบั ไทยมายาวนานแลว้
วิชา สค. 311 หลักและวธิ กี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ สู้ อน ผศ.ดร.ป่ ินหทัย หนนู วล 196
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
ภาพของคนในชุมชนกุฎีจีนช่วงแรกท่อี าศัยอยู่ จากการแตง่ งานกันของคนในชมุ ชน ทําให้เกิด
ความสัมพันธ์แบบเครือญาติ คือ ในหน่ึงครัวเรือนอาจมีครอบครัวท่ีมีนามสกุลแตกต่างกันอาศัยอยู่
ร่วมกนั และในแตล่ ะนามสกลุ จะมกี ารกระจายครวั เรอื นอยู่ทว่ั ไป
• ความรู้สึกของผู้บันทึกคือการท่ีได้เห็น คนในชุมชนกุฎีจีนช่วงแรกท่ีอาศัยอยู่ ซ่ึงทําให้เห็นว่า
ผคู้ นในชมุ ชนในอดตี เปน็ อย่างไร
บอกเล่าเร่ืองราวของสํารับอาหารคาวตํารับโปรตุเกสท่ียังคงอยู่คู่บ้านของชาวไทยเช้ือสาย
โปรตุเกสหากนับย้อนกลับไปถึงสมัยอยุธยา อาหาเหล่าน้ีได้ผ่านการปรุงแต่งและผสมผสาวัฒนธรรม
โปรตุเกส - ไทย มานานร่วมคร่ึงศตวรรษ สัพแหยกเป็นอาหารจานหลักท่ีรับประทานคู่กับข้าวสวย
ร้อนๆ บางบ้านนําไปกินกับขนมปัง แต่ขนิษฐาจับมาใส่ในกระทงทองเพื่อให้รับประทานเป็นของว่าง
วิชา สค. 311 หลกั และวธิ กี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ูส้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 197
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
ดแู ลว้ คล้ายกับไส้กระหรป่ี ๊ บั หากไม่เหมือนเสียทีเดียว เพราะว่าสัพแหยกไม่ได้ใส่ผงกะหร่ี แตใ่ ส่ผงขมน้ิ
แทนสัพแหยก ถ้าเป็นภาษาอังกฤษ คือ Subject หากภาษาโปรตุเกสจะออกเสียงท่ีต่างออกไป
คนโบราณฟงั คล้ายสัพแหยก เลยเรียกชอ่ื น้สี ืบมา
• ผู้บันทึกได้รู้ว่าเป็นอาหารไทยชนิดหน่ึงซ่ึงได้รับอิทธิพลจากโปรตุเกส พบได้ท่ีชุมชนกุฎีจีน
กรุงเทพมหานคร เป็นอาหารคาว ทําจากเน้ือสัตว์สับละเอียด ผัดกับเคร่ืองเทศ ซ่ึงมีความน่า
ทานอยา่ งมาก
พิพิธภัณฑ์คือการเดินทางข้ามกาลเวลาแบบหน่ึง พิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีนแห่งน้ีคือการนําทุก
คนย้อนเวลากลับไปเข้าใจความเป็นมาของชาวโปรตุเกสท่ีกุฎีจีนต้ังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนมาถึงใน
ยุคปัจจุบันจากรูปท่ีเป็นเตียงนอนเป็นการนําเสนอประวัติศาสตร์ ผ่านข้าวของเคร่ืองใช้และความ
เปน็ อยู่ของคนในชมุ ชนกุฎีจนี เม่อื เดินเข้าไปจะพบเตียงนอนขนาดเลก็ หลงั น่ารักรุน่ สัก 50-60 ปีกอ่ น
วชิ า สค. 311 หลกั และวธิ ีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ ินหทยั หนูนวล 198
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
• ผู้บันทึกมีความสนใจในงานโบราณคดีด้วยคือการท่ีวัตถุบางช้ินท่ีเต็มไปด้วยความทรงจํา
ความผูกพันและชีวิต เพราะความสําคัญของส่ิงของสักช้ินมาจากความทรงจํา เร่ืองเล่า
และความผกู พันด้วย
สภาพความเป็นอยู่ของชุมชนกุฎีจีน สภาพแวดล้อมบริเวณใกล้เคียงมีความายในชุมชนกุฎี
จีน อาคารบ้านเรือนในชุมชนส่วนใหญ่เป็นอาคารไม้ มีบางส่วนเปล่ียนเป็นแบบตึก และแบบคร่ึงตึก
คร่ึงไม้ ในบางครอบครัวหากมีสมาชิกเพ่ิมข้ึนก็อาจจะต่อเติมไปข้างบางส่วนตามความเหมาะ สมและ
ขอบเขตอันมีจํากัดของสถานท่ีเน่ืองจากภายในชุมชนกุฎีจีนน้ีมีสถานท่ีในชุมชนค่อยข้างจํากัดเน่ือง
ดว้ ยมี ประซากรเปน็ จํานวนมาก
• จากท่ีผู้บันทึกได้เห็นคือ พบว่าส่วนใหญ่ลักษณะอาคารส่วนใหญ่ในชุมชนเป็นอาคารไม้
มีบางส่วนเปล่ียนเป็นแบบตึก และแบบคร่ึงตึกคร่ึงไม้ ในชุมชนกุฎีจีนมีพ้ืนท่ีโล่งเพียงบริเวณ
สนามเด็กเล่น และลานสาธารณะรอบ ๆ วัด ซ่ึงเป็นบริเวณท่ีคนในชุมชนมาทํากิจกรรมต่าง ๆ
และมีการทําความสะอาด ซ่อมแซมชุมชน บูรณะชุมชน มีประชากรประมาณ 185 คน 261
หลังคา 305 ครวั เรือน
วชิ า สค. 311 หลกั และวธิ ีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผสู้ อน ผศ.ดร.ป่ ินหทยั หนนู วล 199
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
ผ้บู นั ทึก: น.ส.ผลผกา บญุ ทพิ ย์ 6205681429 ฃ
บันทึกภาคสนาม “ชุมชนกฎุ จี ีน”
คาํ สะท้อนความหมาย : การจดั สรรพื้นทีแ่ ละอาณาเขตของชมุ ชนกุฎจี ีน
จากรูปภาพข้างต้นแสดงให้เห็นถึงแผนท่ีลักษณะภูมิประเทศของชุมชนกุฎีจีนและแผนท่ี
สถานท่ีท่องเท่ียวในชุมชนกุฎีจีนซ่ึงเป็นลักษณะการมองชุมชนแบบภาพรวม หรือ แบบ Holistic
view ทําให้นักศึกษา สามารถทราบถึงการจัดสรรปันส่วนพื้นท่ีต่าง ๆ ของชุมชนผ่านการศึกษาแผน
ท่ีดังกล่าวชุมชนกุฎีจีนมีลักษณะทางกายภาพเป็นแบบรวมศูนย์กลางโดยมีการกระจายเส้นทางออก
จ า ก บ ริ เ ว ณ ใ จ ก ล า ง พื้ น ท่ี ซ่ึ ง เ ป็ น โ บ ส ถ์ ห รื อ วั ด ซ า ง ต า ค รู้ ส โ ด ย เ ส้ น ท า ง ห ลั ก ข อ ง ชุ ม ช น ทุ ก เ ส้ น จ ะ
เช่ือมต่อจากชุมซนเข้าหาโบสถ์ อีกท้ังแผนท่ีดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นถึงทางเข้าออกของชุมชนซ่ึงมี
ลั ก ษ ณ ะ เ ป็ น พื้ น ท่ี ปิ ด เ น่ื อ ง จ า ก ท า ง เ ท้ า ท่ี เ ดิ น เ ข้ า อ อ ก ชุ ม ช น กั บ ภ า ย น อ ก จ ะ ต้ อ ง ผ่ า น ศ า ส น ส ถ า น
นอกเหนือจากน้ันแผนท่ียังสะท้อนให้นักศึกษาเห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นเฟน้ ของคนในชุมชนโดยจะ
สังเกตได้จากลักษณะการก่อต้ังบ้านเรือนท่ีค่อนข้างมีการกระจุกตัวอย่างหนาแน่น ชุมชนกุฎีจีนยัง
เป็นชุมชนท่ีมีอาณาเขตติดกับแม่น้ําเจ้าพระยาและจากการฟงั บรรยายในช่วงของท่านวิทยากรนาวินี
พงษ์ไทยทําให้นักศึกษาทราบว่าในสมัยก่อนชุมชนกุฎีจีนมักจะพบกับสถานการณ์น้ําท่วมในทุก ๆ ปี
เน่ืองจากมีอาณาเขตติดกับแม่น้ําเจ้าพระยาจึงส่งผลต่อลักษณะของอาคารบ้านเรือนซ่ึงชาวบ้านจะ
นิยมสร้างบ้านให้มีลักษณะท่ี เป็นใต้ถุนสูงเพ่ือป้องกันปัญหาน้ําท่วมแต่ในปัจจุบันลักษณะของอาคาร
บ้านเรือนได้มีการเปล่ียนแปลงไปเป็นลักษณะบ้านติดพื้นเน่ืองจากทางกรุงเทพมหานครได้เข้ามาดูแล
ทําเข่ือน เก็บน้ําทําให้ในทุกปีไม่มีน้ําท่วมเหมือนดังก่อนหรืออาจมีบ้างแต่ชาวบ้านก็สามารถใช้กระสอบ
ทรายในการป้องกันได้ในช่วงท้ายท่านวิทยากรได้กล่าวเสริมว่าในอดีตช่วงท่ีมีน้ําท่วมมักจะเป็น
ช่วงเวลาสนุกสนานของเด็ก ๆ ในชุมชนซ่ึงมักจะออกมาเล่นน้ํา ตกปลา ซ่ึงเป็นวิถีการละเล่นท่ีไม่
สามารถพบเจอได้อีกต่อไปในปัจจุบันเน่ืองจากไม่มีน้ําท่วม และพฤติกรรมการละเล่นของเด็กในชุมชน
ก็เปล่ียนแปลงไปตามกาลเวลา จะเห็นได้ว่าจากการศึกษาแผนท่ีดังกล่าวทําให้นักศึกษาสามารถนํา
ลักษณะทางกายท่ีปรากฏในแผนท่ีมาเช่ือมโยงกับการจัดสรรพ้ื นท่ีและสะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนใน
ชุมชนไดด้ งั ข้อความข้างตนั
วิชา สค. 311 หลกั และวธิ กี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผสู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 200
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564
คาํ สะทอ้ นความหมาย : ศึกษาชมชนผ่านการสะทอ้ นประวตั ิศาสตร์ความเป็นมาในมิติตา่ ง ๆ ของชุมชนกุฎจี ีน
จากการฟงั บรรยายและการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมนักศึกษาสามารถนําความรู้และวิวัฒนาการ
ของชุมชนมาเช่ือมโยงกับรูปภาพข้างต้นได้ดังต่อไปน้ี จากรูปภาพท่ี 1 จะเป็นรูปภาพแสดงเครือญาติ
ของคนในชุมชนซ่ึงสะท้อนให้เห็นถึงวิวัฒนาการในมิติด้านประชากรของชุมชนกุฎีจีนหากย้อนไปในยุค
สมัยอยุธยาบันทึกทางประวัติศาสตร์ได้มีการระบุไว้ว่าโปรตุเกสเป็นชาวตะวันตกชนชาติแรกท่ีอพยพ
เข้ามาในแผ่นดินไทย ก่อนท่ีกรุงศรีอยุธยาจะแตกสมเด็จพระเจ้าตากสินได้พากลุ่มคนซาวจีน มุสลิม
และโปรตุเกสจํานวนหน่ึงออกมาก่อนมีการรบ หลังจากสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงกอบกู้เอกราชและ
สถาปนากรุงธนบุรีข้ึนพระองค์ได้รวบรวมเหล่าไพร่พลท่ีกระจัดกระจายหลังจากศึกสงคราม จากน้ันก็
ได้พระราชทานแผ่นดินท่ีอยู่อาศัยให้แก่ไพร่พลเหล่าน้ันได้ทํามาหากินจนมีการก่อต้ังชุมซนกุฎีจีนซ่ึงอยู่
ต่อมาจากศาลเจ้าเกียนอันเกงซ่ึงเป็นศาลเจ้าท่ีชาวจีนด้ังเดิมก่อต้ังไว้เพื่อเป็นสถานท่ีสร้างความสงบ
สุข และความร่มเย็นให้แก่ชาวจีนฮกเก้ียนภายในศาลเจ้าจะมีงานจิตรกรรมฝาผนังซ่ึงจะสะท้อนให้เห็น
ถึงความสวยงามและประวัติศาสตร์แบบฮเก้ียน ไพร่พลท่ีอพยพเข้ามาในชุมซนกุฎีจีนส่วนใหญ่เป็น
การอพยพเข้ามาของ 17 นามสกุลเป็นกลุ่มชาวโปรตุเกสท่ีสืบเช้ือสายมาแต่เดิมซ่ึงในปัจจุบันยังคง
ดํารงชีวิตอยู่ดังปรากฎร่องรอยนามสกุลเก่าในชุมชน คือ (1) กัลมาพิจิตร (2) แก้วขจร (3) โกลิลา
นนท์(4) โกญจนาท (5) ไกรประสิทธ์ิ (6) จเรินสุข (7) จุลละมณฑล (8) ดากรู้ส (9) ทรรทรานนท์
(10) ธนูสิงห์ (11)นิตโย (12) ประสาทพร (13) มณีประสิทธ์ิ (14) สกุลทอง (15) สวสุต (16) สิงหทัต
และ (17) หอมนิยม ในอดีตจะเห็นว่าในชุมชนมีกลุ่มนามสกุลท่ีไม่หลากหลายมากนักเน่ืองจากไม่
อนุญาตให้คนท่ีนับถือศาสนาอ่ืนเข้ามาอยู่ชุมชนแต่ภายหลังท่ีมีการออกกฎหมายใหโดยการยกเลิก
ข้อจํากัดดังกล่าวไปซ่ึงชุมชนอนุญาตให้ผู้ศาสนาอ่ืนเข้ามาได้แต่จําเป็นต้องเรียนรู้เก่ียวกับศาสนา
คริสต์นิยายคาอลิกเพ่ือให้ทราบถึงวิธีการปฏิบัติอยู่ของคนต่างศาสนา อีกท้ังยังต้องเข้าโบสถ์ทุกวัน
อาทิตย์ร่วมกับคนในชุมชน ด้วยเหตุน้ีจึงทําให้จํานวนประชากรในชุมชนมีวิวัฒนาการกลายเป็นชุมชท่ี
มีความหลากหลายทางวงตระกูลทากข้ึน จนปัจจุบันมีถึง 83 นามสกุล จากรูปภาพท่ี 2.1 และ 2.2 จะ
เป็นรูปภาพแสดงถึงความเช่ือของคนในชุมชนซ่ึงสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายในมิติด้านศาสนา
ของผู้คนในชุมชนกุฎีจีน ซ่ึงนักศึกษาสังเกตเห็นว่าในย่านชุมชนมีการก่อต้ังศาสนสถานท่ีมีความ
วิชา สค. 311 หลักและวธิ ีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ สู้ อน ผศ.ดร.ป่ ินหทัย หนูนวล 201
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
แตกต่างไม่ว่าจะเป็นวัด โบสถ์ หรีอมัสยิด ผนวกกับการฟงั ประวัติศาสตร์ของชุมชนจึงทําให้นักศึกษา
ทราบว่าชุมชนกุฎีจีนเป็นชุมชนท่ีมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมเน่ืองจากชุมชนก่อตัวข้ึนมาจาก
การรวมตัวของคนหลากหลายเช้ือชาติตามท่ีท่านวิทยากรได้บรรยายจึงทําให้ชุมชนมีความแตกต่าง
ทางด้านศาสนา วัฒนธรรมขนบธรรมเนียม ซ่ึงประกอบไปด้วย 3 ศาสนา 4 ความเช่ือ คือ ศาสนา
คริสต์นิกายคาทอลิกของชาวโปรตุเกส ศาสนาพุทธมหายานของชาวจีนฮกเก้ียน ศาสนาพุทธเถรวาท
ของชาวไทย และศาสนาอิสลามของชาวมุสลิม จากในห้องเรียนท่านวิทยากรได้กล่าวเสริมว่าโดยส่วน
ใหญ่คนในชุมชนมักจะนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก อีกท้ังในห้องเรียนยังมีเพ่ือนนักศึกษา
สอบถามถึงการอยู่ร่วมกันของผู้คนท่ีมีความแต่กต่างทางด้านศาสนาว่ามีการอยู่ร่วมกันอย่างไรซ่ึง
ได้รับคําตอบว่าผู้คนในชุมชนต่างมีความภาคภูมิใจในศาสนาของตนและในขณะเดียวกันต่างก็ยกย่อง
ให้เกียรติศาสนิกชนของศาสนาอ่ืนยกตัวอย่างท่ีเห็นได้ชัดคือเม่ือมีประเพณี หรือวันสําคัญทางศาสนา
ผู้คนในชุมชนก็จะมีการช่วยเหลือกัน หากมีพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ชาวพุ ทธ หรือ
ชาวอิสลามก็จะร่วมใจกันเข้ามาช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นการช่วยจัดสถานท่ี หรือการแบ่งปันอาหาร
เคร่ืองด่ืม นอกเหนือจากน้ันคนในชุมชนกุฎีจีนยังถูกยึดโยงกันด้วยศาสนาดังจะเห็นได้จากการไป
โบสถ์ทุกวันอาทิตย์ของศาสนิกชนในศาสนาคริสต์ซ่ึงหลังเลิกโบสถ์พวกเขาจะมีการพู ดคุยพบปะกัน
เป็นชมรมหรือสโมสรเล็ก ๆ ด้วยเหตุน้ีเองจึงทําให้ชุมชนกุฎีจีนเป็นชุมชนท่ีมีเอกลักษณ์ มีความ
ผูกพันธ์ท่ามกลางความหลากหลายของเช้ือชาติ วัฒนธรรมและศาสนา จากรูปภาพท่ี 3 จะเป็น
รูปภาพแสดงถึงภูมิปัญญาด้านอาหารของคนในชุมชนซ่ึงสะท้อนให้เห็นถึงวิถีการดํารงชีวิต
และเอกลักษณ์ของผู้คนในชุมชนกุฎีจีนจากการฟังบรรยายในห้องเรียนวิทยากรได้กล่าวว่าในสมัย
อดีตผู้คนในชุมชนไม่ได้รับประทานอาหารแบบไทยแท้เน่ืองจากส่วนใหญ่เป็นชาวโปรตุเกสซ่ีงนิยม
รับประทานอาหารแนวตะวันตก เช่น สตูเน้ือสัตว์ ของอบ และของทอดและเน่ืองจากคนในชุมชนไม่ได้
มีปฏิสั มพั นธ์กับคนภายนอกจึงทําให้ไม่มีความหลากหลายของอาหารจนกระท่ังเวลาผ่านไปผู้คนใน
ชุมชนมีการแลกเปล่ียนกับคนภายนอกชุมชนมากข้ึน จึงทําให้มีการนําเอาอาหารไทยเขามาประยุกต์
กับอาหารโปรตุเกสหรือท่ีเรียกว่าอาหารสยามโปรตุเกสสะท้อนให้เห็นถึงวิถีการดํารงชีวิตท่ีเปล่ียนไป
ผ่านหน้าตาอาหารของคนในชุมชน อีกท้ังอาหารยังได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนน่ันคือ "ขนม
ฝร่ังกุฎีจีน" ซ่ึงเป็นมรดกท่ีตกทอดมาจากบรรพบุรุษเป็นเอกลักษณ์อยู่คู่กับชาวไทยเช้ือสายโปรตุเกส
โดยตัวขนมจะมีลักษณะคล้ายขนมไข่ และหน้าของขนมจะประกอบไปด้วยฟกั ทองเช่ือมแบบจีนหาก
กล่าวถึงชุมชนกุฎีจีนจะต้องนึกถึงขนมฝร่ังกุฎีจีนแน่นอนนักศึกษามองว่านอกจากอาหารท่ีจะแสดง
ถึงวิถีชีวิต เอกลักษณ์ของคนในชุมชนแล้ว อาหารยังแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ท่ีมีความเฉพาะของ
ชุมชนน้ีอีกด้วย ดังน้ันการศึกษาชุมชนผ่านประวัติศาสตร์ความเป็นมาในมิติต่าง ๆ ข้างต้นท่ีนักศึกษา
กล่าวมาเป็นเสมือนการศึกษาชุมชนผ่านการประยุกต์เอาศาสตร์ด้านโบราณคดีมาประยุกต์ใช้ทําให้
นักศึกษาได้เขา้ ใจชมุ ชนอยา่ งลกึ ซง้ึ
วชิ า สค. 311 หลกั และวธิ ีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผสู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 202
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
คําสะทอ้ นความหมาย : การสร้างรายได้ การสืบทอดภมู ิปญั ญา และการสร้างเอกลักษณข์ องผลิตภัณฑ์
จากการฟงั บรรยายในห้องเรียนสะท้อนให้เห็นว่าชุมชนกุฎีมีการนําเอาภูมิปัญญาด้านต่าง ๆ
มาสร้างเป็นอัตลักษณ์ของชุมชนอีกท้ังอัตลักษณ์น้ันยังสามารถท่ีจะสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชนซ่ึง
นักศึกษาจะขอยกตัวอย่างอัตลักษณ์ท่ีเห็นได้อย่างชัดเจนของชุมชนกุฎีจีน คือ ขนมฝร่ังกุฎีจีน ได้แก่
ส่วนประกอบ เคร่ืองมือและกระบวนการซ่ึงปัจจุบันยังคงรักษาอัตลักษณ์ด้ังเดิมแต่โบราณไว้ ได้แก่
ภูมิปัญญาด้านเคร่ืองมือและกระบวนการในการทําท่ียังคงใช้ทักษะของคนในชุมชนเป็นหลัก จากการ
ค้นคว้าข้อมูลพบว่าในปัจจุบันมีชาวบ้านท่ีสืบทอดภูมิปัญญาการทําขนมฝร่ังกุฎีจีนหลัก 1 3 ราย
ได้แก่ ร้านหลานย่าเป้า เป็นร้านขนมฝร่ังกุฎีจีนร้านดังของชุมชนโดยย่าเป้าเป็นชาวไทยเช้ือสาย
โปรตุเกสท่ีสืบสานการทําขนมด้วยวิธีการอบในแบบด้ังเดิมอีกท้ังยังมีรอยหยักของพิมพ์ขนมคมชัด
เป็นเอกลักษณ์ของร้านมาออกแบบเป็นตราสัญลักษณ์ ต่อมาเป็นร้านป้าอําพรรณ ซ่ึงเป็นร้านท่ีมี
การรวบรวมขนมหลากหลายชนิดท่ีเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวกุฎีจีน และสุดท้ายคือร้านธนูสิงห์ซ่ึง
ผลิตขนมโดยการปรับใช้ประบวนการสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการผลิตโดยทางร้านจะใช้รูปทรงของขนม
ฝร่งั กุฎีจีนตามรปู แบบของรา้ นธนูสิงหม์ าเป็นตราสัญลกั ษณ์เฉพาะตัว ดังจะเหน็ ไดว้ า่ นอกจาก
การสร้างรายได้แล้วแต่ละร้านยังมีการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะของตนข้ึนมาแม้ว่าจะเป็นขนมชนิด
เดียวกันแต่ก็สามารถทําให้มีความหลากหลายและไม่จําเจ นอกเหนือจากน้ันจากการบรรยายใน
ห้องเรียนได้มีนักศึ กษาสอบถามถึงการสื บทอดภูมิปัญญาเน่ืองจากขนมมีสู ตรจํากัดเพี ยงแค่ไม่ก่ี
ตระกูลจึงอาจทําให้เกิดการสูญหายไปได้หากรุ่นลูกรุ่นหลานของตระกูลน้ัน ๆ ไม่อยากสานต่อกิจการ
ทางบ้านวิทยากรจึงกล่าวเสริมว่าในส่วนน้ีทางชุมชนได้เล็งเห็นถึงความสําคัญจึงมีการเปิดสอนการ
ทําขนมโดยจะต้องมีการนัดหมายล่วงหน้าพบว่ามีผลตอบรับค่อนข้างเป็นท่ีน่าพอใจและส่วนใหญ่ผู้ท่ี
เข้ามาฝึกทําขนมก็มักจะเป็นนักท่องเท่ียว หรือเยาวชนท่ีสนใจซ่ึงถือว่าเป็นการเผยแพร่ความรู้ด้านภูมิ
ปญั ญานไ้ี มใ่ ห้ขาดหายไปจากชุมซนนน่ั เอง
วชิ า สค. 311 หลักและวธิ ีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ูส้ อน ผศ.ดร.ป่ ินหทยั หนนู วล 203
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
คําสะท้อนความหมาย : สถานท่รี วมใจของคนในชุมชน (Landmark)
จากรูปภาพข้างต้นสะท้อนให้นักศึกษาเห็นถึงสถานทราสําคัญของคนในชุมชนหรือสถานท่ีท่ี
เปน็ แหล่งยดึ เหนี่ยวจติ ใจของคนในชุมชนนั่นเองในภาพเปน็ วัดชางตาครสู้ ซึ่งสรา้ งเปน็ โบสถ์หลังที่ 3
ในสมัยคุณพ่อกูเลียลโม ก๊ิน ดาครู้ส เน่ืองจากโบสถ์หลังท่ี 2 ของวัดมีสภาพท่ีคับแคบและชํารุดทรุด
โทรมวิทยากรได้กล่าวว่าโบสถ์หลังท่ี 3 น้ีได้รับอิทธิพลสถาปัตยกรรมแบบเรเนสซองส์ แบบนีโอ-
คลาสสิคซ่ึงแบ่งออกเป็น 3 ส่วนในส่วนท่ี 1 คือ หอระฆังกาลียอง ซ่ึงจะใช้เป็นสัญญาณในการบอก
ถึงเหตุการณ์สําคัญแก่ชาวบ้านมีท้ังหมด 16 ใบซ่ึงแต่ละใบจะมีเสียงโน๊ตท่ีแตกต่างกันอีกท้ังยัง
สามารถตีเสียงระฆังเป็นบทเพลงใช้ละเล่นในเทศกาลต่าง ๆ ได้ต่อมาในส่วนท่ี 2 ตัวอาคารจะใช้เป็น
สถานท่ีประกอบพิธีกรรมทางศาสนามีกระจกท่ีประดับเป็นรูปพระคัมภีร์ท่ีมีความสวยงาม ในส่วน
สุดท้ายคือส่วนท่ี 3 สังฆภัทข์ ซ่ึงเป็นสถานท่ีเก็บของใช้เก่ียวกับพิธีทางศาสนาสถานท่ีแห่งน้ีเป็น
เสมือนศูนย์ของคนในชุมชนเป็นโบสถ์ หรือวัดท่ีให้ผู้คนในชุมชนได้มาทํากิจกรรมร่วมกันในทุก ๆ วัน
อาทติ ย์มีการพูดคยุ พบปะ สร้างปฏิสัมพันธก์ ัน
คาํ สะท้อนความหมาย : การขัดเกลาเยาวชนผ่านเร่อื งเล่าของคนในชุมชน
จากรูปภาพข้างต้น สะท้อนให้นักศึกษาเห็นถึงการส่ังสอน หรือการขัดเกลาเยาวชนของคนใน
ชุมชนซ่ึงจะเห็นว่าผู้ใหญ่หรือพ่อแม่ได้มีการออกกลอุบายผ่านการสร้างเร่ืองเล่าเพื่อใช้เป็นเคร่ืองมือ
ในการกําหนดเวลากลับบ้านของลูก ๆ หลาน ๆ ท่ีมักจะละเล่นกันจนลืมเวลากลับบ้านโดยเร่ืองเล่าจะ
พู ดถึง "ผีหนูเล๊ียบ" ซ่ึงจะออกมาจับตัวเด็กท่ีไม่ยอมกลับบ้านก่อนเวลาหกโยงเย็นทําให้เด็ก ๆ
วชิ า สค. 311 หลักและวิธีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 204
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
ในชุมชนมีความหวาดกลัวและไม่กล้าท่ีจะกลับบ้านดึกน่ันเองอีกท้ังจากการฟงั บรรยายในห้องเรียน
นักศึกษายังทราบถึงความคาดหวังท่ีชุมชนมีต่อเยาวชนน่ันคือชุมชนอยากท่ีจะถ่ายทอดความรู้ ความ
เป็นมาของชุมชนให้เยาวชนได้ทราบจึงทําให้เกิดการจัดโครงการนําลูก ๆ หลาน ๆ หรือเยาวซนท่ีมี
ความสนใจท่ีออกมาสํ ารวจและเรียนรู้ชุมซนเช่นเดียวกับนักท่องอันจะเป็นการถ่ายทอดความรู้เพื่ อ
ไม่ใหว้ ัฒนธรรมอนั ดงี ามของชุมชนตอ้ งเสือนหายไป
คาํ สะท้อนความหมาย : บรรยากาศภายในชมุ ชนและสิ่งอาํ นวยความสะดวกต่าง ๆ
จากรูปภาพข้างตันแสดงให้เห็นถึงบรรยายกาศภายในชุมชนซ่ึงมีสิ่งท่ีนักศึกษาค่อนข้างสะดุด
ตาน่ันคือความสะอาดของชุมชน จะเห็นได้จากในรูปภาพว่าบริเวณถนนไม่มีเศษขยะเลยแม้ว่าชุมชนน้ี
จะเต็มไปด้วยท่องเท่ียวทําให้นักศึกษาได้สะท้อนถึงความเป็นระเบียบของผู้นในชุมชนและจากการ
ค้นคว้าเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากความเป็นระเบียบของผู้คนแล้วชุมชนยังได้รับความช่วยเหลือจาก
สํานักงานเขตธนบุรีในเร่ืองของการจัดการขยะมูลฝอยตามพ้ืนท่ีต่าง ๆ เช่น การกวาดพื้นจราจรทาง
เท้า การจัดให้มีถังขยะท่ีแยกประเภทได้ การบํารุงรักษาต้นไม้ การทําความสะอาด และลอกท่อระบาย
น้ํา เป็นต้น อีกท้ังยังมีสิ่งอํานวยความสะดวกในด้านความปลอดภัย เช่น การจัดให้มีถังดับเพลิงตาม
แหล่งต่าง ๆ ในชุมชน ตามนโยบายการพัฒนาชุมชนของกรุงเทพมหานคร จากการฟงั การบรรยาย
ยังพบว่าชุมชนกุฎีจีนยังมีการรณรงค์ และการส่งเสริมให้ชุมชนกลายเป็นพื้นท่ีปลอดยาเสพติด
เน่ืองจากในอดีตชุมชนเคยประสบกับปัญหาเก่ียวกับการใช้สารเสพติด แต่ผู้นําชุมชนก็ได้จัดการกับ
ปัญหาเหล่าน้ีได้โดยการจัดต้ังศูนย์ฝ้าระวังภัยยาเสพติด ซ่ึงจะทําหน้าท่ีให้คําปรึกษา และแนะนํา
ประชาชนเก่ียวกับปัญหายาเสพติด ด้วยการร่วมมือร่วมใจของสํานักงานเขต ผู้นําชุมชน และสมาชิก
ในชุมชนจงึ ทําใหก้ ุฎจี นี เป็นชุมชนทน่ี กั ท่องเทย่ี วใหค้ วามสนใจน่นั เอง
วชิ า สค. 311 หลกั และวิธีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ้สู อน ผศ.ดร.ป่ ินหทยั หนนู วล 205
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
คาํ สะทอ้ นความหมาย : การสนับสนุนชุมชน
จากรูปภาพข้างตันแสดงถึงแหล่งสนับสนุนต่าง ๆ ของชุมชนกุฎีจีนซ่ึงจากการฟงั บรรยาย
ในห้องเรียนทําให้นักศึกษาได้ทราบถึงหน่วยงานภายนอกหรือทรัพยากรภายนอกท่ีข้ามาให้ความ
ช่วยเหลือกับชุมชนไม่ว่าจะเป็นสํานักงานเขตพื้นท่ีธนบุรซ่ึงจะให้งบประมาณรายเดือน เดือนละ 7500
บาทโดยให้ผู้นําชุมชนเป็นผู้จัดสรรงบประมาณน้ันเองอีกท้ังยังมีมหาวิทยาลัย บริษัท รวมถึงผู้ใหญ่ใจ
ดีในหมู่บ้าน เป็นต้น เน่ืองด้วยสถานการณ์โควิด-19 สมาชิกในชุมชนหลายคนจึงต้องเผชิญกับ
ผลกระทบทําให้มีองค์กรเอกชน หรือองค์กรภายนอกเข้ามาให้การสนับสนุนไม่ว่าเป็นการช่วยบริจาค
อาหารข้าวกล่อง ดังจะเห็นได้จากภาพข้างต้น ท่ีแสดงถึงหมายเลขร้านค้าท่ีเข้ามาทําอาหารให้แก่
สมาชิกในชุมชนแต่ละวันซ่ึงวิธีการแจกข้าวกล่องคือจะให้สมาชิกในชุมชนรับคูปองจากน้ันจะให้ข้าแถว
รอรับอาหารอย่างเป็นระเบียบ นอกเหนือจากองค์กรเอกชนท่ีเข้ามาสนับสนุนในด้านอาหารการกิน
แล้วโรงพยาบาลเองก็เข้ามาสนับสนุนในเร่ืองของการตรวจ ATK ให้กับสมาชิกในชุมชน รวมถึงการ
เข้ามาให้ความรู้ในเร่ืองของการปรับตัวต่อสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงการป้องกันโรคเครียดใน
ผู้สูงอายุ หรือการป้องกันการตีตราและการมีอคติต่อผู้ป่วยโควิด-19 ในชุมชน ส่วนในช่วง
สถานการณ์ปกติชุมชนมีแหล่งสนับสนุนจากองค์กรต่าง ๆ มากมาย ในส่วนของด้านสาธารณสุขจะ
เป็นศูนย์บริการสาธารณสุข 26 เจ้าคุณพระประยูร์วงศ์ ซ่ึงจะให้การช่วยเหลือเบ้ืองตัน ให้การบริการ
ยารักษาโรค อีกท้ังชุมชนยังมีอาสาสมัครต่าง ๆ ซ่ึงเป็นแหล่งทรัพยากรภายใน ได้แก่ อาสาสมัคร
สาธารณสุข (อสส.) ซ่ึงจะคอยดําเนินงานด้านสุขภาพ ประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวให้คนในชุมชนเร่ืองการ
เข้ารับบริการด้านสาธารณสุข การป้องกันโรค การเฝ้าระวังความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ เป็นต้น อีกท้ัง
ยังมีอาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือน (อปพร.)ซ่ึงจะทําหน้าท่ีคอยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยใน
ชุมชน รักษาความสงบของพื้นท่ี เช่น การจัดหากระสอบทรายในฤดูน้ําหลาก นอกเหนือจากท่ีกล่าว
มาข้างต้นยังมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) ซ่ึงเป็นตัวแทนในการป้องกัน
ยาเสพติด ร่วมกับคนในชุมชน จะเห็นได้ว่าชุมชนกุฎีจีนมีแหล่งสนับสนุนค่อนข้างมากไม่ว่าจะเป็น
องค์กรภายนอก แหล่งทรัพยากรภายใน หรือหน่วยงานต่าง ๆ จึงทําให้ชุมชนกุฎีจีนเป็นชุมชนท่ีมี
ความเขม้ แขง็ และเป็นชมุ ชนแบบอย่างท่คี วรค่าแก่การเข้าไปสัมผัส
วิชา สค. 311 หลักและวิธกี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผสู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนูนวล 206
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
คําสะทอ้ นความหมาย : บทบาทการเป็นผู้นําหญิงในชมุ ชน
จากรูปภาพข้างต้นสะท้อนให้นักศึกษาเห็นถึงบทบาทการเป็นผู้นําหญิงในชุมชนซ่ึงบุคคล
ทางขวามือในภาพคือ นางป่ ินทอง วงษ์สกุล ซ่ึงเป็นผู้ดํารงตําแหน่งประธานชุมชนกุฎีจีนมาเป็น
ระยะเวลา 8 ปี ในส่วนน้ีทําให้นักศึกษาสะท้อนถึงมิติของการให้คําจํากัดความของคําว่าเพศในประการ
ท่ีหนึงคือผู้คนในชุมชนน้ีไม่ได้มองว่าต้องเป็นเพศชายเท่าน้ันจึงจะสามารถข้ึนมาเป็นผู้นําชุมขนได้
และประการท่ีสองคือการให้คุณค่าแก่เพศหญิงซ่ึงจากรายงานชุมชนกุฎีจีนท่ีได้สัมภาษณ์พี่ป่ ินทําให้
ทราบถึงเหตุผลของการได้รับตําแหน่งน้ีเน่ืองจากคุณเล็งเห็นว่าในชุมชนน้ีไม่มีเคยมีผู้นําท่ีเป็นพศ
หญิงเข้ามาทํางานอีกท้ังลักษณะงานส่วนใหญ่ยังค่อนข้างมีความละเอียด ท้ังในเร่ืองของการจัดทํา
เอกสาร การประสานงาน หรือการต้อนรับดังน้ันคุณพ่อจึงมองว่าการท่ีให้ผู้หญิง หรือพ่ีป่ ินข้ึนมาทํา
หน้าทน่ี ้จี ึงนา่ จะมีความเหมาะสมตอ่ ภาระงานมากกวา่ เพศชายน่นั เอง
อ้างอิง
สลิลทพิ ย์ สอนศรี และคณะ. รายงานการศึกษาชุมชนกุฎจี นี . (2563). สารสนเทศทอ้ งถน่ิ
ธนบุร.ี (มปป.). ขอ้ มลู พ้ืนฐานของชุมชนกุฎีจนี . ค้นเมอ่ื 12 ตลุ าคม 2564, จาก
http://human.bsru.ac.th/localinformation/?page id=382#
วชิ า สค. 311 หลกั และวิธกี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ้สู อน ผศ.ดร.ป่ ินหทัย หนูนวล 207
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
ผู้บันทึก: น.ส.ณชิ กานต์ เรืองเดชา 6205681437
ฃ
ชุมชนกุฎีจีนได้เร่ิมมีมาต้ังแต่ในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา จึงมีชาวจีนฮกเก้ียนเข้ามาพักใน
บริเวณน้ีก่อนท่ีจะเดินทางไปค้าขายในอยุธยา จึงมีการต้ังศาลเจ้าเกียนอันเกง นอกจากจะมีชาวจีน
แล้วน้ันยังมีชาวโปรตุเกสเข้ามาอยู่อาศัยในบริเวณน้ัน มีการก่อสร้างโบสซางตาครู้สข้ึน นอกจากน้ัน
ก็ยังมีชาวอิสลามเข้ามาอาศัยและได้สร้างมัสยิดบางหลวง หรือท่ีเรียกว่า กุฎีขาว และชาวพุ ธศาสนิก
ชนบริเวณน้นั กไ็ ด้สรา้ งวดั กัลยาณมิตรวรมหาวหิ าร
โบสถ์ซางตาครู้ส ได้ก่อต้ังข้ึนโดยมีความหมายว่า ไม้กางเขนศักด์ิสิทธ์ิ โบสถ์น้ีเป็นสถานท่ี
สําคัญแห่งหน่ึงของชุมชน บ่งบอกเห็นได้ว่าเป็นชุมชนท่ีมีคนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์เป็นชาว
คาทอลิก อีกท้ังยังเป็นเอกลักษณ์สําคัญของชุมชนแห่งน้ีหรือเรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของย่าน
ชุมชน โบสถ์แห่งน้ีเป็นการสร้างสถาปัตยกรรมได้อย่างงดงามและน่าดึงดูด โดยมีอิทธิพลมาจาก
สถาปัตยกรรมแบบยุคเรอเนซองค์ผสมสานกับนีโอคลาสสิค สร้างข้ึนตามความนิยมของคนในสมัย
น้ัน มีลักษณะท่ีโดดเด่นคือ หอระฆังทรงแปดเหล่ียมประดับบนยอดด้วยไม้กางเขน และในทุก ๆ วัน
อาทติ ยจ์ ะมีการทํากจิ กรรมรวมกันท่โี บสถ์ ทาํ ให้คนในชมุ ชนสนิทกันและสามัคคีกนั
วิชา สค. 311 หลักและวธิ ีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 208
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
ภายในชุมชนมีการเดินทางท่ีค่อนข้างแคบ เน่ืองจากเป็นชุมชนเก่าแก่และอยู่ติดริมน้ํา จึงยาก
ท่ีจะขยายพื้นท่ี อยู่อาศัย จึงต้องเดินตามตรอกซอยหรือใช้รถจักรยานยนต์เพื่อเดินทาง มีลักษณะ
คล้ายกับชุมชนอ่ืน ๆ ใกล้เคียง รวมท้ังอาจทําให้เกิดอันตรายต่อผู้ท่ีเดินเท้าในซอย เน่ืองจากมี
รถจักรยานยนต์ท่ีขับสวนทางกันไปมาอย่างตลอด จึงต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมากท้ัง
นกั ทอ่ งเท่ยี วและผู้คนในชุมชน
ชุมชนกุฎจี นี มีการสืบทอดการทาํ ขนมมาอยา่ งยาวนาน และมีความโดดเดน่ และเปน็ เอกลกั ษณ์
ให้กบั ชุมชนเป็นอย่างยง่ิ ดึงดดู นกั ทอ่ งเทย่ี วให้สนใจเข้ามาเทย่ี วภายในชุมชนไดเ้ ปน็ อย่างดี อยา่ งเช่น
ขนมกุฎจี ีน ขนมกสุ ลงั และขนมกวยตัส การทาํ ขนมน้นั จะใช้รปู แบบการทําอยา่ งดง้ั เดมิ เป็นตน้ โดย
จะมรี า้ นขายขนมอยู่ 3 บา้ น ซง่ึ ขนมกฎุ ีจีนขนมกุสลงั และขนมกวยตสั นน้ั เป็นขนมด้งั เดิมของชาว
โปรตเุ กส ถอื ได้ว่าเป็นขนมเคก้ แห่งแรกของไทยอกี ด้วย แต่การทาํ ขนมน้นั ค่อนข้างใช้เวลาและมคี วาม
ละเอยี ดออ่ น ทุกคนจึงพยายามจะสืบทอดการทําขนมไวใ้ หร้ ุน่ ลูกหลานตอ่ ไปได้มากท่สี ุด
วชิ า สค. 311 หลกั และวธิ ีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 209
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564
ไม่เพียงแต่ขนมท่ีมีช่ือเสียงของชุมชนกุฎีจีน แต่ยังรวมไปถึงอาหารท่ีเป็นวัฒนธรรมโดดเด่น
และหนีไม่พ้นเมนูขนมจีนแกงค่ัวไก่ ท่ีทุกคนหลายคนต้องถามหาเม่ือมาเยือนถึงชุมชนกุฎีจีน โดยใน
อดตี มีการรบั ประทานอาหารโดยการกลนื กันทางวฒั นธรรมเกิดขน้ึ ไมว่ ่าจะเปน็ หมูอบมันฝรง่ั สัพพแหยก
โดยลักษณะของบา้ นเรือนทอ่ี ยู่อาศัยนน้ั บา้ นเปน็ ลักษณะบา้ นไทยใตถ้ ุนสูงเพื่อปอ้ งกันนา้ํ ทว่ ม
ชุมชนกฎุ ีจีนนน้ั มคี วามหลากหลายทางศาสนา แต่บ้านเรอื นกย็ งั คงความเป็นไทยเหมอื นกับชุมชนอ่นื ๆ
ท่วั ไป เน่อื งดว้ ยจากสภาพแวดลอ้ มและการต้งั ทําเลท่อี ยู่อาศัย จึงเล่ยี งไมไ่ ดท้ จ่ี ะสร้างบ้านลกั ษณะน้ี
เพื่อให้สามารถยา้ ยของข้นึ ทส่ี ูงไดเ้ ม่อื เวลาน้าํ หลากไดอ้ ยา่ งเปน็ ปกติ
วิชา สค. 311 หลักและวิธีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ้สู อน ผศ.ดร.ป่ ินหทัย หนูนวล 210
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
พิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน เป็นพิพิธภัณฑ์ท่ีเก็บรวบรวมประวัติความเป็นมาของชุมชนต้ังแต่สมัย
อยุธยาจนถึงปัจจุบัน เป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชาวบ้านในชุมชนกุฎีจีน เราสามารถ
ศึกษาประวัติศาสตร์ของชุมชนได้ผ่านพิพิธภัณฑ์ชุมชนพัฒนาการความเป็นมาจนนํามาสู่การกําหนดสร้าง
ให้ความหมายของสิ่งต่าง ๆ ภายในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นขนบธรรมเนียม ประเพณี ความเช่ือ และศาสนา
ชุมชนกุฎีจีนมีความเข้มแข็งในชุมชนเป็นอย่างมาก ทําให้ยังสามารถสืบทอดและอนุรักษ์วัฒนธรรม
ประเพณีใหค้ งอยู่ได้สืบไป
จากสถานการณ์โควิด-19ท่ีผ่านมา ชุมชนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ผู้คนในชุมชนขาดรายได้
จากการทํางาน ท้ังน้ีก็ยังได้รับความช่วยเหลือจาก บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จํากัด ผ่านโครงการ "ชุมชนดีมี
รอยย้ิม" ทําให้เกิดการสร้างกิจกรรมภายในชุมชน เพื่อลดความตึงเครียดให้กับผู้สูงวัยชุมชน ผู้นําชุมชน
สร้างกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมปลูกผักสวนครัว กิจกรรมปลูกฟา้ ทะลายโจร รวมถึงมีกิจกรรม
ท่ีกลุ่มคณะทําความสะอาดชุมชนโดยกิจกรรมต่างๆจะมีการกําหนดวันเวลาผ่านทางปฏิทินชุมชน เพ่ือให้
ชุมชนเป็นชุมชนท่ีสะอาด ปราศจากเช้ือและมีความเรียบร้อยตามหลักของการควบคุมการแพร่ระบาดโค
วิด-19
จากการท่ีชุมชนมีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก มีความเข้มแข็งและความสามัคคีกันในชุมชน มีความ
เป็นอันหน่ึงเดียวกันของคนในชุมชน ทําให้ชุมชนยังสามารถรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีท่ีดีเอาไว้ได้ เป็น
ชุมชนสะอาด ปลอดสารเสพติด มีการบริหารจัดการชุมชนท่ีดีจึงทําให้นักท่องเท่ียวสามารถเข้าไปเย่ียมชม
ได้ และเปน็ การสร้างรายได้ให้ชุมชนได้อกี ดว้ ย
วชิ า สค. 311 หลกั และวิธกี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผสู้ อน ผศ.ดร.ป่ ินหทยั หนนู วล 211
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564
ผบู้ นั ทึก: น.ส.นางสาวมณั ฑติ า บวั สุวรรณ 6205681445
ฃ
(ฐานความรกู้ าํ เนิดชุมชนกฎุ ีจนี )
จากการร่วมศึกษาชุมชนในช้ันเรียนออนไลน์ชุมชนกุฎีจีนในคร้ังน้ี ทําให้ข้าพเจ้าได้รู้จัก "ชุมซนกุฎี
จีน" เป็นคร้ังแรกผ่านการบอกเล่าของพี่ด้วงท่ีเป็นหน่ึงในชาวบ้านท่ีอาศัยอยู่ในย่านชุมชนน้ี ในช่วงแรกพ่ี
ด้วงได้กล่าวถึงความเป็นมาของชุมชนกุฎีจีนท่ีมีมาต้ังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ซ่ึงในขณะน้ันกรุงศรีอยุธยา
มีการค้าขายอย่างคึกคัก ทําให้ผู้ท่ีมาค้าขายท่ีเป็นชาวจีนฮกเก้ียนได้มีการเข้ามาในบริเวณน้ีเพ่ือเป็นการ
หยุดพักชว่ั คราวเป็นถาวร ต่อมาจงึ มีการสร้าง ศาสนสถานจีนขน้ึ เช่น ศาลเจ้าเกียนอนั เกง เป็นต้น
นอกจากชาวจีนทเ่ี ขา้ มาอาศัยอยูใ่ นบรเิ วณชมุ ชนแลว้ ยงั มชี าวโปรตุเกสเขา้ มาอาศัยอยเู่ ชน่ กัน ณ
บริเวณ "โบสถ์ซางตาครู้ส" เพื่อทําการค้าขายและเผยแพร่ศาสนา อีกท้ังยังมีชาวอิสลามท่ีมีการเข้ามา
อาศัยอยู่ในบริเวณน้ีโดยได้มีการสร้างมัสยิดไว้ในพ้ืนท่ีชุมชนอีกด้วย เรียกว่า "มัสยิดบางหลวง" หรือ "กุฎี
ขาว" สําหรับศาสนาพุ ทธน้ันมีการสร้างศาสนสถานไว้ ได้แก่ "วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร" และ "วัดประยุ
ร่วงศาวาสวรวิหาร" กล่าวคือชุมชนกุฎีจีนแห่งน้ีจึงเป็นชุมชนท่ีอยู่ร่วมกันของ 3 ศาสนา ซ่ึงได้แก่ พุ ทธ
คริสต์ อิสลามส่วนด้านความเช่ือมี 4 ความเช่ือ ซ่ึงได้แก่ พุ ทธเถรวาท พุ ทธมหายาน คริสต์ และอิสลาม
สิ่งเหล่าน้ลี ้วนเปน็ ส่ิงท่มี คี ณุ ค่าอย่างยง่ิ ต่อชุมชนกฎุ จี ีน
(โบสถ์คาทอลกิ หลังแรก) (สถาบันชมุ ชน : โบสถ์ซางตาครสู้ )
วิชา สค. 311 หลกั และวธิ ีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผูส้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนูนวล 212
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
เดิมชุมกุฎีจีนมีช่ือว่า "ค่ายแม่พระลูกประคํา" หลังจากกอบกู้เอกราชให้ประเทศได้สําเร็จ มีการ
พาคนคาทอลิกเข้ามายังบริเวณน้ี และได้สร้างโบสถ์หลังแรกข้ึนบนท่ีดินพระราชทานจากพระเจ้าตาก
ต่อมามีการสร้างโบสถ์หลังท่ีสอง และสามข้ึน ซ่ึงโบสถ์หลังท่ีสามคือ "โบสถ์ซางตาครัซ" เป็นภาษา
โปรตุเกสท่ีมีความหมายว่า ไม้กางเขนศักด์ิสิทธ์ิ อันเป็นสถาปัตยกรรมท่ีมีความโดดเด่นแบบแบบเรอ
เนสซองส์ผสมผสานนีโอคลาสสิก เปรียบเสมือนสัญลักษณ์และศูนย์กลางของย่านชุมชน ผู้คนใน
ย่านชุมชนถูกยึดโยงเข้าไว้ด้วยศาสนา สถาบันเหล่าน้ีทําให้เห็นความสัมพันธ์ของผู้คนภายในชุมชนกุฎี
จีน อาทิเช่น ผู้ใหญ่ภายในชุมชนจะถ่ายทอดความรู้พิธีกรรมต่าง ๆ ให้แก่เด็ก ๆ เพื่อเป็นการสืบทอด
แบบรุ่นสู่รุ่น เป็นต้น นอกจากน้ีขุมชนแห่งน้ียังมีวัฒนธรรมอาหารท่ีมีความโตดเด่นอีกด้วย กล่าวคือ
ภายในชุมชนต้ังแต่อดีตมีการรับประทานสตูว์, เมนูอบ/ทอด (อาหารสยาม-โปรตุเกส) และยังมีขนม
อีกชนิดหน่ึงท่ีถูกขนานนามว่าเป็นเค้กก้อนแรกของประเทศไทยคือ"ขนมฝร่ังโปรตุเกส" และยังมีขนม
พ้ืนบา้ นชนิดอน่ื ๆ อีกมากมาย อาทิเช่น ขนมกว๋ ยตสั , ขนมกุสลัง เปน็ ต้น
(ฐานความรวู้ ฒั นธรรมอาหารชุมชนกฎุ จี ีน)
นอกจากน้ีภายในชุมชนกุฎีจีนยังมีการจัดต้ังข้ึนของ "พิพิธภัณฑ์กุฎีจีน" ซ่ึงมีข้ึนมาเพื่อบอก
เล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชุมชน อีกท้ังยังสะท้อนถึงวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนเช่นกัน
กล่าวคือ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการความเป็นมาสู่การกําหนดสร้างให้ความหมายชุมชนผ่าน
การศึกษาประวัติศาสตร์ชุมชน ผ่านวรรณคดีชุมชน ภายในชุมชนเองยังมีการส่ือสารกับคนในชุมชน
ผ่านสัญลักษณ์ท่ีแฝงไปด้วยความเช่ือบางอย่าง ดังจะเห็นได้จากความเช่ือ "ผีหัวพริก" หรือ "ผีหนู
เล๊ียบ" ท่ีเปรียบเสมือนกุสโลบายของผู้ใหญ่ในชุมชนในการใช้กํากับพฤติกรรมของลูกหลานให้กลับ
บ้านก่อนเวลาหกโมงเย็น นอกจากน้ีภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีการบอกเล่าถึงประวัติชีวิตบุคคลสําคัญ
ของชมุ ชนอีกด้วย
วิชา สค. 311 หลกั และวธิ ีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผสู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 213
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
(ฐานความรปู้ ระวัติศาสตร์ชมุ ชน : พิพิธภัณฑ์กุฎีจนี และประวัตชิ วี ติ บุคคลสําคญั ของชมุ ชนกฎุ จี นี )
ลักษณะทางภูมิศาสตร์ในชุมชนจะมีลักษณะเดิม ไม่เปล่ียนแปลงมาต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
มีลกั ษณะเป็นซอยแคบ ๆ สัญจรดว้ ยการเดนิ จึงทําให้ภายในชมุ ชนมลี กั ษณะทเ่ี งียบสงบ ไมว่ นุ่ วาย นอกจากน้ี
ชุมชนกุฎจี นี ยังมแี ผนทีเ่ ดินดินทสี่ ามารถใช้สําหรับสัญจรหรือทอ่ งเท่ยี วภายในชมุ ชนได้เช่นกัน
(เส้นทางการจราจรภายในชุมชนกฎุ จี ีน) (แผนท่เี ดินดนิ ชุมชนกฎุ จี นี )
ชุมชนกุฎีจีนมีโครงสร้างองค์กร โดยท่ีมีพ่ีป่ ิน เป็นประธานชุมชน (ผู้นําหญิง) นอกจากน้ียังมี
การขบั เคล่อื นยา่ น นาํ ไปสู่การจดั ต้งั คณะกรรมการย่านกุฎจี นี โดยมีประธานชมุ ชน 6 ชุมชน ประกอบ
ไปด้วยชุมชนกุฎีจีน ชุมชนวัดกัลยา ชุมชนกุฎีขาว ชุมชนวัดประยูร ชุมชนบุบผาราม และชุมชนนง
คราม โดยแต่ละชนจะคัดเลือกมาเพียง 5 คนเข้ามาป็นคณะกรรมการ และมีเจ้าอาวาสของวัดและ
หน่วยงานต่างปรึกษาฯ มีการแบ่งหน้าท่ีการทํางานอย่างชัดเจน และมีการประชุมหารือกันท่ีมหา
วิทยาลัยราชภัฏธนบุรีนอกจากน้ียังมีการประสานทรัพยากรภายนอกกับหน่วยงานราชการในการ
พัฒนาชุมชนกุฎีจีนให้เป็นย่านท่องเท่ียว หากคนภายในชุมชนมีความเดือดร้อนคณะกรรมการชุมชน
จะพิจารณาความเดือดร้อนให้เป็นไปตามจํานวนท่ีหน่วยงานสามารถช่วยเหลือได้ โดยจะเขียนเป็น
รายช่ือของผู้เดือดร้อนไว้ นอกจากน้ียังมีการทํากิจกรรมร่วมกันภายในชุมชน เพ่ือลดความเครียดท่ี
เกิดข้ึนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยจะมีการกําหนดวันการทํากิจกรรมต่าง ๆ
ผ่านปฏทิ ินชุมชน
วชิ า สค. 311 หลกั และวธิ ีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ้สู อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 214
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
(ปฏิทินชุมชนกฎุ จี นี ) (การทางานร่วมกนั ของผ้นู าหญงิ ภายในชมุ ชนกุฎ)ี
ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ท่ีมีความรุนแรงในขณะน้ีส่งผลให้คนในชุมชนได้รับผลกระทบ
เป็นอย่างมากเช่น ขาดรายได้จากการประกอบอาชีพ เป็นต้น แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากบริษัทไทย
เบฟเวอเรจ จํากดั (มหาชน) ผ่านโครงการ "ชุมชนดีมีรอยย้มิ " อกี ทง้ั ยังมีการรับสมคั รจิตอาสาภายใน
ชุมชน เชน่ มัคคุเทศก์สูงวัยเปน็ ตน้
วชิ า สค. 311 หลกั และวิธีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผ้สู อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนูนวล 215
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
ผู้บนั ทึก: นายวงศกร หมานมา 6205681510 ฃ
บนั ทกึ ภาคสนามชมุ ชนกุฎีจนี
ชุมชนกุฎีจีน เป็นย่านชุมชนเก่าแก่ของฝ่ ังธนบุรีท่ีมีประวัติความเป็นมาอันยาวนานต้ังแต่สมัย
กรุงธบบุรีโดยเร่ิมจากกรุงศรีอยุธยาท่ีมีชาวต่างชาติได้เดินเรือผ่านแม่น้ําเจ้าพระยา บริเวณสะพาน
พุ ทธในปัจจุบัน ซ่ึงพระนารายณ์มหาราชได้มีการออกกฎให้พักเรือในบริเวณดังกล่าวเพื่อตรวจสอบ
สินค้า ว่ามีของต้องห้ามหรือไม่ จึงทําให้มีการเร่ิมต้ังถ่ินถานของชาวต่างๆชาติโดยเฉพาะชาวจีนและมี
การอยู่กันอย่างถาวร โดยได้เร่ิมมีการต้ังศาลเจ้า วัดต่างๆเกิดข้ึน และยังเป็นย่านชุมชนท่ีมีความ
หลากหลายทางเช้ือชาติ ศาสนาและวัฒนธรรมอย่างมากแห่งหน่ึงในกรุงเทพมหานคร ท้ังชาวไทย
จีน ฝร่ัง ญวน มอญ ฯลฯ ท่ีอพยพจากกรุงเก่ามาต้ังถ่ินฐานอยู่บริเวณด้านทิศใต้ของคลองบาง
หลวง หรือคลองบางกอกใหญใ่ กล้ริมฝ่ งั แม่นา้ํ เจา้ พระยา
ลักษณะการรวมตัวกันของคนในชุมชนต้ังแต่อดีตข้ึนมาเป็นย่านกุฎีจีน ซ่ึงได้มีชาวโปรตุเกส
เป็นชาวตะวันตกชาติแรกท่ีเข้ามาค้าขายในสมัยอยุธยา เม่ืออยุธยาแตกพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้พาคน 3
กลมุ่ คอื ชาวโปรตเุ กส จีน มุสลิม และพระราชทานทด่ี ินในการประกอบสัมมาอาชีพ และท่อี ยูอ่ าศัย
สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ชาวจีนได้มีการมารวมตัวกันมากข้ึน โดยเฉพาะชาวจีนฮกเก้ียนท่ี
เข้ามามีบทบาทมากในยุคสมัยน้ัน โคยได้มีการคัดลองมาจากราชวงศ์ชิง ดังจะเห็นได้จากในสมัยรั
ชกาลท่ี 3 ได้มีการสร้างตัวอาคารศาลเจ้าใหม่ องค์พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม และมีการถ่ายทอด
เร่ืองราวของสามก๊กผ่านฝาผนังของศาลเจ้า ท่ีแสดงให้เห็นถึงความศรัททาของผู้คนท่ีนับถือศาสนา
พุ ทธนิกายมหายาน รวมท้ังผู้คนชาวโปรตุเกสท่ีช่วยกอบกู้บ้านเมืองต้ังแต่สมัยพระเจ้าตากสิน
มหาราช พระเจ้าตากสินมหาราชจึงมีการพระราชทานท่ีดินให้ รวมถึงคนเช้ือสายอ่ืนๆท้ังชาวมุสลิมท่ี
จะเห็นได้จากการสร้างมัสยิดวังหลวง รวมถึงคนไทยเองก็ได้มีการอาศัยอยู่ในพื้นท่ีดังกล่าวอันได้มี
การสร้าง วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารอันเป็นศาสนาพุ ทธนิกายเถรวาทต้ังแต่อดีตคนในชุมชนส่วน
วชิ า สค. 311 หลกั และวธิ กี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ูส้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 216
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
ใหญ่จะนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกแต่คนศาสนาอ่ืนก็สามารถท่ีจะอยู่ร่วมกันในชุมชนได้
สามารถท่ีจะยอมรับวัฒนธรรมร่วมกัน อาทิเช่นหากคน ใดมีการแต่งงานนอกศาสนา คู่สมรสสามารถ
ท่ีจะย้ายเข้ามาอยู่ในชมชนได้ แต่ต้องเรียนรู้วัฒนธรรมในชุมชนเพ่ือท่ีจะเป็นการรักษาและสืบสาน
ศาสนา วัฒนาธรรมประเพณีให้คงอยู่ไม่สูญหายไป การอยู่ร่วมกันหลากหลายศาสนาจะเห็น ได้จาก
เป็นแหล่งท่ีต้ังศาสนสถานท่ีสําคัญหลายศาสนาท้ัง วัดประยุรวงศาวาส, วัดซางตาครู้ส, ศาลเจ้า
เกยี นอันเกง, วคั กัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และ มัสยิดบางหลวง ตลอดรมิ ฝ่ งั แมน่ า้ํ เจ้าพระยา
วัดซางตาครสู้
สถานท่ีท่ีสําคัญในชุมชน ได้แก่วัดซางตา ครูส ท่ีมีความหมายว่า กางเขนศักด์ิสิทธ์ิ ท่ีจะมีการ
จัดพิธีในวันท่ี 14กันยายนของทุกปี เดิมเป็นค่ายช่ือค่ายแม่พระลูกประกัม และ ได้มีการสร้างโบสถ์ถึง
3คร้ัง คร้ังแรกเป็นไม้มีลักษณะคล้ายๆโรงนา หลังจากน้ันได้เกิดไฟไหม้ และได้มีการบูรณะซ่อมแซม
โดยได้นําเอาศิลปะแบบเรเนซองส์และนีโอคลาสสิคมาใช้ในการสร้างโบสถ์คร้ังท่ี 3 หลังจากน้ันใน
ชุมชนได้ยึดโบสถ์เป็นศูนย์กลางในชุมชน โดยได้สร้างบ้านเรือนอยู่บริเวณรอบ ๆ โบสถ์ ในตัวโบสถ์มี
3 ส่วนได้แก่ 1. หอระฆัง ท่ีเรียกว่ากาลียอง 16แต่ละใบจะมีช่ือเรียกเฉพาะ 2.อาคารท่ีใช้ในการประกอบ
พิธีกรรมทางศาสนา 3.ท่ีเก็บสังฆภัณฑ์ ในแต่จะมีพิธีท่ีคนในชุมชนร่วมกันประกอบพิธีท้ังหมด 4 คร้ัง
ได้แก่ วันคริสมาสต้ วันศุกร์ศักด์ิสิทธ์ิ วันอีสเตอร์ วันกางเขนศักด์ิสิทธ์ิ ซ่ึงท้ัง 4 พิธีกรรมจะมีการ
ถ่ายทอดพิธีทางศาสนาให้คนรุ่นใหม่ได้สืบสานและสืบทอด มีโครงการเยาวชนช่วยเหลืองานของวัดใน
วันศุกร์ศักด์ิสิทธ์ิ ซ่ึงมีหน้าท่ีดิครูป ร้อยมาลัย มีการสอนการทําขนมกเสร็จพิธีกรรมทางศาสนาจะมี
การนําอาหารพวกของอบ ของทอดจําพวกสตู มาน่ังกินรวมความสามัคคีของผู้คนในชุมชน โดยใน
อดีตผู้คนในชุมชนจะนับถือศาสนาคริสต์ท้ัง 100% การให้เช่าท่ีดินในชุมชนต้องมีการเซ็นสัญญากับ
โบสถ์โดยไมส่ ามารถทจ่ี ะโอนท่ดี นิ ใหก้ บั คนทน่ี ับถอื ศาสนาอน่ื ได้
วชิ า สค. 311 หลักและวธิ ีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผ้สู อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 217
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
ในอคีตคนในชุมชนจะนิยมสร้างบ้านท่ีมีใต้ถุนสูง เพราะในพื้นท่ีดังกล่าวจะมีน้ําท่วมทุก ๆ ปี
เด็ก ๆ ส่วนใหญ่มักจะชอบเด่นน้ําในเวลาน้ําท่วม เพราะในอดีตน้ําในพ้ืนท่ีดังกล่าวสะอาดและไม่มี
มลทิน แต่ในปัจจุบันได้มีการปรับเปล่ียนการสร้างบ้านแบบสมัยใหม่ เพราะทางกรุงเทพมหานครได้มี
การสรา้ งประตรู ะบายนา้ํ ใหแ้ กช่ ุมชน ปัญหาน้าํ ท่วมจงึ ลดลง
วัฒนธรรมยดึ ยงด้วยศาสนา
ถึงคนในชุมชนจะมีหลากหลายศานาอาศัยอยู่ร่วมกัน แต่ทุก ๆ คนในชุมชนต่างท่ีจะเรียนรู้ใน
การอยู่ร่วมกับโดยเคารพความแตกต่างของแต่ละศาสนา ตัวอย่างเช่นการทําขนมจีนแกงไก่ค่ัว
(ท่ีรับวัฒนธรรมมาจากชาวเขมรต้ังแต่สมัยรัชการท่ี 1 เม่ือชนะจากสงครามได้เอาเขมรกลับมายัง
สยามด้วย) มีการรับประทานอาหารร่วมกันได้ เช่นการทานข้าวหมกไก่ การลดความเคร่งทางด้าน
ศาสนาลง มุสลิมสามารถท่ีจะใช้ช้อน จาน ทานอาหารร่วมกับศาสนาอ่ืนได้ นอกเหนือจากประเพณี
ศาสนา คนในชุมชนได้มีการช่วยเหลือกันมาตลอด เพราะมีความเช่ือท่ีว่า ในอดีตทุก ๆ คน ทุก ๆ
ศาสนาตา่ งเสี่ยงชวี ิตดว้ ยกนั มา
วชิ า สค. 311 หลักและวิธกี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ้สู อน ผศ.ดร.ป่ ินหทยั หนนู วล 218
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
ขนมฝร่ังกุฎีจีน ท่ีถือเป็นขนมเค้กก้อนแรกของประเทศไทย เป็นขนมท่ีแสดงถึงวัฒนธรรม
ไทยร่วมกบั โปรตเุ กส
เร่ืองเล่าภายในชุมชน "หนูเล้ียบ" ท่ีเป็นเร่ืองเล่าต้ังแต่อดีต เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กในชุมชน
ออกไปเล่นนอกบ้านหลังจาก 6 โมงเย็น เพราะจะทําให้หนูเล้ียบจับไปเล่นด้วยแล้วจะปล่อยให้เด็กกลับ
บ้านเม่ือหนูเล้ียบเหน่ือยแล้ว จึงทําให้เก็กรีบกลับบ้านและไม่กล้าออกไปเล่นนอกบ้านหลังจาก 6 โมง
เยน็ เพราะกลวั หนูเล้ยี บจบั ไป
การทํางานร่วมกันของคนในชุมชน
วชิ า สค. 311 หลกั และวิธีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ้สู อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนูนวล 219
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
จะมีการขับเคล่ือนย่าน ไปพร้อมๆกันท้ังทางค้านการท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรมชุมชนและการ
พัฒนาชุมชน โดยให้ตัวแทนแต่ละชุมชน ชุมชนละ 5 คน มาน่ังพูดคุยกันเพื่อร่วมกันขับเคล่ือน โดยมี
ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีเป็นศูนย์กลางท่ีร่วมในการประสานงานกับคนในชุมชน ดังตัวอย่าง
สถานการณ์โควิคในปัจจุบัน ท่ีได้มีบริษัทมาทําการแจกอาหารให้แก่คนในชุมชน การแก้ไขปัญหา
ร่วมกันในเร่ืองของความเหล่ือมล้ําของคนในชุมชน โดยได้รับทุนของโครงการมาชุมชนละ 40,000
บาท โดยมรประชากรในชุมชน 1,850 กน มีผู้ต้องการความช่วยเหลือ 261 ครัวเรือน แต่ทาง
งบประมาณไม่เพี ยงพอต่อความต้องการของคนในชุมชน จึงทําให้มีการจัดลําดับครัวเรือนท่ี
เดือดร้อน 20 ครัวเรือน หากมีงบประมาณการช่วยเหลือ 20 ครัวเรือนแรกจะได้รับความช่วยเหลือ
กอ่ น
การจัดกรรมให้คนในชุมชนได้ทําร่วมกันทุกวัน ในช่วงสถานการณ์โควิด จะมีจะมีทางอพปร.
ของชุมชนมาพ่นยาฆ่าเช้ือภายในชุมชน การปรับเปล่ียนการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาจากทํา
กิจกรรมในสถานท่ีได้เปล่ียนมาเป็นการใช้เคร่ืองเสียงตามสายให้คนในชุมชนประกอบพิธีกรรมภายใน
บ้านเรือนของตนเองซ่ึงอาสาสมัครมีหน้าท่ีในการทํางานแจกคนในชุมชน อัดกรองการตรวจเช้ือโควิด
ซ่ึง อพปร. จะมีท้ังหมด 23 คนและการบริหารจัดการในชุมชน จะเน้นในการพู ดคุยประชาสัมพันธ์ให้
คนตระหนักถึงการตรวจโควิด การติดเช้ือ และวิธีการรักษาประสานงานกับหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง โดย
มีหน่วยงานท่ีช่วยเหลือทางสุขภาพ ได้แก่ ศูนย์ 26 อสส. และนักเรียนพยาบาลท่ีเข้ามาช่วยเหลือ
ทางด้านครอบคร่ัวผู้ได้รับผลกระทบ มีการจัดกิจกรรมให้แก่ผู้สูงอายุในชุมชน โดยการให้ออกมาทํา
กิจกรรมร่วมกัน เช่นการปลูกพืชผักสวนครัว การนําพยาบาลมาอบรมการสอนวิธีการหายใจให้หาย
เครียด ส่วนผลกระทบหลักๆ ท่ีเกิดจากการแพร่ระบาคของโรคโควิค คือ คนใน ชุมพนตกงานมาก
ข้นึ รายไดล้ ดลง ภาวะเครียดเพ่ิมสูงข้นึ
แผนการพัฒนาชุมชนในอนาคตจะมีการปรบั ปรุงเส้นทางให้มีคุณภาพ การนําสายไฟฟา้ ลงดิน
ปรบั ปรุงทางเดนิ ให้ไดค้ ณุ ภาพและสะอาด เพ่ือยกระดบั การทอ่ งเทย่ี ว
วิชา สค. 311 หลักและวธิ ีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ูส้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนนู วล 220
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
ผบู้ นั ทกึ : น.ส.ชนนิ าถ สีดาํ 6205681528 ฃ
บันทกึ สนาม “ชุมชนกฎุ จี นี กรงุ เทพมหานคร”
การเรียนรู้ภาคสนามออนไลน์ในคร้ังน้ีวิทยากรผู้บรรยายถือได้ว่าเป็นบุคคลสําคัญของชุมชน
กุฎีจีนท่ีซ่ึงมีบทบาทและเป็นผู้รักษาวัฒนธรรมอันตีงามของชุมชนแห่งน้ีเอาไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้เห็น
พั ฒนาการของสั งคมท่ีเคยเกิดข้ึนต้ังแต่อดีตจนล่วงมาสู่ ยุคปัจจุบันไม่ให้สู ญหายไปตามกาลเวลา
บคุ คลสําคัญ 3 ท่าน ไดแ้ ก่
1. คุณตัวง บุญนิตย์ สิมะเสถียร ซ่ึงจากการสัมภาษณ์ก็พบว่าสกุล 'สิมะเสดียร' เป็นหน่ึงใน
สกุลของชุมขนกุฎีจีน วัดกัลยาณมิตรท่ีได้สืบทอดสกุลมาเป็นเวลาหลายร้อยปีและเป็นผู้ดูแลศาลเจ้า
เกยี นอันเกง
2. คุณตอง นาวนิ ี พงศ์ไทย ผ้ดู แู ลพิพิธภณั ฑ์ประจาํ ชมุ ชนโปรตเุ กสตง้ั แต่ พ.ศ. 2560
3. คุณป่ นิ ป่ นิ ทอง วงษ์สกลุ ประธานชุมชนกฎุ ีจนี ท่ซี ง่ึ ยกบทบาทผู้นาํ ท่เี ปน็ ผู้หญงิ
จากคําบอกเล่าด้วยรอยย้ิมและเป่ ียมไปด้วยความภาคภูมิใจได้กล่าวว่า ชุมชนกุฎีจีนเป็นหน่ึง
ในย่านกะดีจีนท่ีซ่ึงประกอบไปด้วย 6 ชุมชน ได้แก่ วัดกัลยา กุฎีขาว วัดประยูร บุปผารามและนง
คราม เป็นชุมชนท่ีอยู่ริมแม่น้ําเจ้าพระยาต้ังอยู่แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ซ่ึงได้
ก่อต้ังมาเป็นระยะเวลานานกว่า 200 ปี โดยต้ังแต่สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงก่อต้ังกรุงธนบุรี ณ ท่ี
แห่งน้ีจึงเป็นท่ีต้ังรกรากของชาวไทยเช้ือสายโปรตุเกส ซ่ึงชาวโปรตุเกสถือเป็นชาติตะวันตกชาติแรก
ท่ีได้เข้ามาในสยาม ชุมชนแห่งน้ีในอดีตจึงเป็นแหล่งสําคัญในการค้าขายทางน้ํา เป็นจุดพักเรือ ณ
บริเวณป้อมวิไชยเยนทร์ โดยได้รับการก่อสร้างเม่ือคร้ังสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเพื่อตรวจของ
ผิดกฎหมายภายในเรือก่อนจะข้ึนไปค้าขาย ณ กรุงศรีอยุธยาได้ นานวันเข้ามีหลากหลายเช้ือชาติเข้า
มาพํานักรวมถึงชาวจีนจึงทําให้เกิดการต้ังถ่ินฐานท่ีเป็นถาวรมากย่ิงข้ึน ทําให้มีการต้ังศาสนสถานซ่ึง
ก็คือวัดหรือศาลเจ้าและมีบันทึกท่ีเป็นลายลักษณ์อักษรจากกรมศิลปากรได้แปลหนังสือบันทึกของ
ชาวเดนมาร์กซ่ึงกล่าวถึงการเผยแพร่ศาสนาของภิกษุจีนซ่ึงได้โดยสารมากับเรือสินค้าน่ันเอง และใน
สมัยของกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นชาวจีนได้เพ่ิมจํานวนเพ่ิมมากข้ึนโดยเฉพาะชาวจีนฮกเก้ียน ในเวลา
ต่อมาในสมัยรัชกาลท่ี 3 จึงได้สร้างตัวอาคารศาลเจ้าใหม่แทนอันเก่าท่ีทรุดโทรม ซ่ึงก็คือศาลเจ้า
เกยี นอนั เกง เกยี นคอื ฮกเกย้ี น แปลวา่ อนั เปน็ ความสงบสุขร่มเย็น ศาลเจา้ ดังกล่าวจึงเปน็ สัญลกั ษณ์
ของชาวจีนท่ีเม่ือเดินทางมาค้าขายก็จะมากราบไหว้ และมีชาวโปรตุเกสอีกส่วนหน่ึงท่ีได้เข้าในเวลา
เดียวกันอาศัยอยู่ฝ่ ังโบสถ์ขานตาครู้ส และมีมัสยิดของอิสลามเรียกว่ามัสยิดบางหลวงหรือกุฎีขาวท่ีมี
สถาปัตยกรรมเปน็ มสั ยดิ ทรงไทยแตกตา่ งจากมัสยดิ โดยทว่ั ไป
ชุมชนกุฏิจีนจึงเป็นความลงตัวท่ีสมบูรณ์แบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแง่ของวิถีชีวิตการ
ผสมผสานวัฒนธรรมเข้าด้วยกันระหว่างชาวพุทธท่ีเป็นท้ังพุทธวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร วัดประยุร
วงศาวาสวรวิหารซ่ึงเป็นเถรวาทและศาลเจ้าคือพุทธมหายาน องค์ประธานจึงเป็นพระโพธิสัตว์ รวมไป
ถึงชาวคริสต์ ชาวอิสลาม จึงเป็นท่ีมาของคํากล่าว 3 ศาสนา 4 ความเช่ือ (2 สายมหายานและเถร
วาท) ชุมชนกุฎีจีนจึงเป็นตัวอย่างของชุมชนท่ีน่าสนใจท่ีจะศึกษาในการอยู่ร่วมกันของคนต่างศาสนา
เพื่อผลลัพธ์คือการอยู่กันอยา่ งผาสุก
วิชา สค. 311 หลักและวธิ กี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 221
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
ในส่วนของประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชาวกุฎีจีนเป็นท่ีน่าสนใจสําหรับนักศึกษาเน่ืองจาก
เก่ียวกับการเมืองของประเทศในสมัยก่อน กษัตริย์พระเจ้ากรุงธนบุรีได้พระราชทานท่ีดินส่วนหน่ึงให้
เป็นรางวัลกับชาวโปรตุเกสท่ีซ่ึงเป็นทหารและยังมีชีวิตอยู่จํานวน 79 คน ท่ีได้ถอยทัพออกมาพร้อม
กันก่อนท่ีกรุงศรีอยุธยาจะแตกพ่ายต้ังแต่เดือนมกราคม และเสียกรุงในอีก 3 เดือนถัดมา ซ่ึงเม่ือ
ได้รับพระราชทานท่ีดินช่ือแรกเร่ิมเดิมท่ีของชาวกุฎีจีน คือ 'ค่ายแม่พระลูกประคํา' และได้สร้างโบสถ์
คาทอลิกซ่ึงเป็นไปตามผังเมืองเหมือนฝ่ ังยุโรป หมายถึง โบสถ์เป็นศูนย์กลางและชุมชนล้อมรอบ ซ่ึง
โบสถ์ปัจจุบันได้สร้างสถาปัตยกรรมแบบเรเนสซองค์ผสมนีโอคลาสสิก เป็นโบสถ์ท่ีสวยงามและเป็น
เอกลักษณ์โดดเด่นของชาวกุฎีจีน นามว่ โบสถ์ซานตาครูส (เป็นภาษาโปรตุเกสเพ่ือเป็นการให้เกียรติ
ชาวโปรตุเกส) แปลว่า กางเขนศักด์ิสิทธ์ิ และความรู้ใหม่ท่ีนักศึกษาพึงได้รับจากการฟงั บรรยายใน
คร้ังน้ี เม่ือคร้ังในอดีตชาวชุมชนกุฎีจีนได้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกทุกคน พ้ืนท่ีบริเวณ
ชุมชนกุฎีจีนหากใครจะถือกรรมสิทธ์ิเซ่าท่ีดินจะต้องเป็นผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
เท่าน้ันงเป็นไปตามกฎหมายต้ังแต่ปี 2457 แต่ในปัจจุบันผู้คนในกุฏิจีนจึงไม่มีเพี ยงผู้นับถือ
โรมันคาทอลิกเท่าน้ัน สืบเน่ืองจากสํานักวาติกันมิได้ชัดขวางการคบค้ากับศาสนาอ่ืน ๆ แต่เพียงผู้ท่ี
จะเข้ามาอยู่ในพ้ืนท่ีของความเป็นคริสต์ผู้น้ันจักต้องเรียนรู้วัฒนธรรม ศาสนาพิธีกรรม การกระทํา
ของโรมนั คาทอลกิ ด้วยเช่นกัน
ชุมชนกุฎีจีนจึงถือได้ว่าเป็นชุมชนท่ียึดโยงวิถีชีวิตกับศาสนา เน่ืองจากเม่ือไปโบสถ์ในวัน
อาทิตย์ทุกคนก็จะพบปะกัน พู ดคุยกัน และมีวันสําคัญ 4 เทศกาลใหญ่ๆ ท่ีจะนําพาลูกหลานกลับบ้าน
มาพบบรรยากาศเกา่ ๆความเป็นชาวกุฎีจีนท่สี ืบอยใู่ นสายโลหิต
ประวัติศาสตร์ของชุมชนกุฎีจีนช่วยส่งเสริมให้เห็นถึงคุณค่าของวัฒนธรรมด้ังเดิมท้ังท่ี เป็น
นามธรรมและรูปธรรม อาทิ นามสกุลต้ังเดิมของผู้สืบเช้ือสายเดิมของกลุ่มชาวโปรตุเกสท่ียังปรากฎ
ร่องรอยให้เห็นเป็นท่ีประจักษ์ว่าเคยเกิดข้ึนจริงและได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ รวมไปถึงอาหาร
การกินท่ีแปลกตาไปจากสายตาของชาวสยาม ดังเช่นชาวโปรตุเกสไม่นิยมชมชอบทานข้าวท่ีเป็นของ
ชาวเอเชีย จึงเป็นท่ีมาของขนมฝร่ังกุฎีจีนอาจกล่าวได้ว่าเป็นเค้กก้อนแรกของประเทศไทยท่ีจะกรอบ
นอก นมุ่ ในและตกแต่งไปดว้ ยลกู เกด ฟกั เช่อื ม ลกู พลับแห้ง ซ่งึ นอกจากน้ยี ังมีก๋วยตสั หรอื พายสัปปะ
รด บัวลอยญวน และขนมจีนแกงไก่ค่ัว (ซ่ึงสันนิษฐานได้ว่าได้นําเส้นขนมจีนมาแทนเส้นสปาเก็ตต้ี
เน่ืองจากข้อมูลพบว่ามีชาวญวนอาศัยอยู่บริเวณน้ันด้วยเช่นกันเส้นขนมจีนจึงหาได้ง่ายกว่าเส้นแบบ
ทช่ี าวโปรตเุ กสรบั ประทาน)
ขอบคุณภาพจาก : รายงานการศึกษาชุมชน ชมุ ชนกฏุ ีจนี
วิชา สค. 311 หลักและวิธกี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ สู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนูนวล 222
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
ในปัจจุบันชุมชนกุฏิจีนเป็นชุมชนการท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรมโดยขับเคล่ือนไปพร้อมกันท้ัง 6
ชุมชนและมีมหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรีเป็นผู้ดูแล โดยส่วนใหญ่บุคคลทํางานคือมัคคุเทศก์สูงวัยและ
ด้วยความกลมเกลียวกันต้ังแต่คร้ังอดีตของชาวบ้านย่านกะดีจีนท้ัง 6 ชุมชนทําให้ง่ายต่อการพัฒนา
และยกระดบั ชมุ ชนไปพร้อมกัน
ในการบริหารจัดการท่ัวไปในชุมชนจะมีกลุ่มอปพร. (อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน) 23
คน. เป็นหน่วยสําคัญท่ีดูแลเบ้ืองต้นในการช่วยเหลือเหตุกรณ์ฉุกเฉินภายในชุมชนเพื่อเป็นการ
ป้องกันและดูแลตัวเองให้ได้ซ่ึงในสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ประธานชุมชนได้ทําโครงการ
แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในชุมชนเน่ืองจากลักษณะของโรคท่ีติดค่อนข้างง่าย ผู้คนได้รับความ
ลําบากจากการตกงานจึงได้รับงบประมาณสนับสนุนชุมชนละ 40,000 บาท และในฐานะของความ
ผู้นําจึงต้องเล็งเห็นความเดือดร้อนของลูกบ้านจึงได้จัดเตรียมรายช่ือผู้เดือดร้อนมากท่ีสุดไว้ก่อนใน
การช่วยเหลือเบ้ืองต้น และเพ่ือลดความตึงเครียดเน่ืองจากศาสนสถานทางศาสนาต้องปิดช่ัวคราว
เพ่ือความปลอดภัย และรวมไปถึงป้องกันโรคซึมเศร้าโดยเฉพาะในผู้สูงอายุจึงมีการจัดกิจกรรม
มากมายเพื่อนันทนาการแก่ลูกบ้านภายในชุมชน เช่น กิจกรรมปลูกผักสวนครัว การบูรณะช่อมแชม
การทาํ ความสะอาดชุมชน และมเี สียงตามสายในการละหมาด เทศน์ทดแทนการเขา้ วัดหรือมัสยิด
ภายหลังการคล่ีคลายของโรคระบาด ประธานชุมชนมีความคาดหวังท่ีจะปรับปรุงชุมชนให้เป็น
ลักษณะท่องเท่ียวมากย่ิงข้ึน รวมท้ังแก้ไขสภาพแวดล้อมภายในชุมชน เช่น สายไฟท่ีระโยงระยางก็จะ
ปรับปรุงให้ดูสะอาดตามากย่ิงข้ึน และหากมีเหตุการณ์น้ําท่วมเน่ืองจากติดริมแม่น้ําเจ้าพระยาท่ีจะเกิดข้ึน
ได้บ่อยคร้ังสั ญลักษณ์ของชุมชนคือการตีระฆังให้ลูกบ้านได้ทราบเพื่ อป้องกันภัยโดยสรุปจากการลง
ภาคสนามในคร้ังน้ี นักศึกษามองว่าชุมซนกุฎีจีนเป็นหน่ึงในชุมชนเก่าแก่ของประเทศไทยท่ีมีคุณค่าทาง
วัฒนธรรมอย่างมาก หากภาครัฐได้เข้าไปสนับสนุนอยู่เบ้ืองหลังชุมชนให้ผู้คนมีอาชีพการงานท่ีม่ันคง
อาจจะเป็นการดีท่ีจะทําให้พวกเขายังคงสืบทอดพหุวัฒนธรรมให้ดํารงอยู่ต่อไป เน่ืองจากโลกแปรเปล่ียนไป
ตามกาลเวลาแตว่ ัฒนธรรมคอื ส่ิงดงี ามท่คี วรคา่ แกก่ ารเรยี นรู้รากเหงา้ ตวั ตนของผู้คน
วิชา สค. 311 หลักและวธิ กี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ้สู อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 223
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
เคร่อื งมือการศึกษาชมุ ชน
*เนอ่ื งจากเปน็ การบนั ทกึ ภาคสนามแบบออนไลน์ การใช้เครอ่ื งมอื จงึ นาํ มาใช้เพียงบางส่วน
เคร่อื งมือท่ี 1 แผนทเ่ี ดินดิน
“แ ผ น ท่ี เ ดิ น ดิ น ” เ ป็ น เ ส มื อ น บั น ไ ด ข้ั น แ ร ก
ท่ีสําคัญท่ีสุดท่ีจะสามารถเข้าถึงและเข้าใจชุมชน
จ า ก ภ า พ คื อ แ ผ น ท่ี เ ดิ ม ข อ ง ชุ ม ช น กุ ฎี จี น
สําหรับการท่องเทย่ี วในชมุ ชน
จากภาพเป็นการลงพ้ื นท่ีชุมชนและสํ ารวจ
สถานท่ีจริงด้วยตนเอง เพ่ือดูลักษณะกายภาพ
ของชมุ ชนกุฎีจีนวา่ เปน็ เชน่ ไร
เคร่อื งมอื ท่ี 2 ปฏิทินชมุ ชนกุฎจี นี
ขอบคุณภาพจาก:
รายงานการศึกษาชุมชน ชุมชนกุฎจี ีน
วชิ า สค. 311 หลักและวิธีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ูส้ อน ผศ.ดร.ป่ ินหทยั หนูนวล 224
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
เคร่ืองมือส่วนหน่ึงในการศึกษาชุมชน คือ ปฏิทินชุมชนกุฎีจีน จากภาพเป็นปฏิทินชุมชน
ตามปกติท่ีแสดงเอกลักษณ์ของชุมชนกุฎีจีนท่ีจะมีเทศกาลสําคัญ 4 เทศกาลในทุก ๆ ปี
ได้แก่
1. วันฉลองวัดท่ีได้รับพระราชทานท่ีดิน เป็นวันท่ีพระเจ้าตากสินมหาราชได้พระราช
ทด่ี นิ แกช่ าวโปรตเุ กส โดยส่วนใหญจ่ ะจัดในวนั ท่ี 14 กนั ยายน
2. วันคริสต์มาสเป็นเทศกาลของชาวครสิ ต์ทว่ั โลก
3. วันข้าวหม้อแกงหม้อคล้ายคลึงวันปีใหม่สากลจะจัดในช่วงวันท่ี 31 ธันวาคม ถึง 1
มกราคมและมกี ารรวมตัวกนั ท่โี บสถซ์ านตาครสู้
4. วนั ศุกรศ์ ักด์สิ ิทธ์ิ เป็นวนั ท่รี ะลึกถึงวนั พระเจ้าเยซูโดนตรงึ ไม้กางเขน
*ในปัจจุบนั การเกดิ ข้นึ ของเทศกาลจะตอ้ งคาํ นงึ ถงึ โรคทก่ี าํ ลังแพรร่ ะบาด
ป ฏิ ทิ น ชุ ม ช น กุ ฎี จี น แ บ บ ฉ บั บ ร า ย เ ดื อ น ใ น ช่ ว ง
สถานการณ์ของการเผชิญโรคระบาด COVID-19 จะเห็นได้ว่า
ในแต่ละวันชุมชนจะมีกิจกรรมมากมายจากท้ังตัวชุมชนเองและ
จากผู้มาเยือน สะท้อนถึงการเป็นชุมชนท่ีมีบทบาทอย่างมากใน
ประเทศไทยเปน็ ท่นี า่ สนใจจากหลากหลายฝ่าย
วิชา สค. 311 หลกั และวิธีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ ินหทยั หนูนวล 225
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
อ้างองิ
สลลิ ทพิ ย์ สอนศร,ี จดิ าภา เหลอื งสกลุ ไทย, ปญั ฑิตา ปรีดาผล, สหรฐั จนั ทร์เมือง, ธีร์ เภาธะทัต, ..., จรี นันท์
พุทธานันท์. (2563). รายงานการศึกษาชุมชน ชมุ ชนกฎุ ีจีน. สืบค้นจาก
file:///C:/Users/WarComPT/Downloads/%E0%B8%8AE0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%99
%E0%B8%81%E0%B8%B8E0%B8%8E%E0%B8%B5E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8999%20-920%
E0%B8%A3% E 09B8%B2% E0B8%A2 E09B887%E09B8%B29E09B8%999E0%B8981 E0% B8B2%路
0B8%A3E09B8%A8E09B89B69E09B89819E0%B8%A9%E0%B8%B2E0B8%8A%E0%B8%B85E0%B8%A1%
E0%B898A%E09B8%99%20%E0%B8%AA%E0%B8%84.311920(9E09B8%819E0%B89A5%E0%B8%B8.pdf
วิชา สค. 311 หลกั และวธิ ีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผูส้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 226
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
ผูบ้ นั ทกึ : น.ส. บวั บญุ ชูเชอ้ื 6205681536 ฃ
การเขียนบันทกึ ภาคสนาม
รปู ภาพ ท่ีทําการชมุ ชน รปู ภาพ แผนทช่ี มุ ชน / แผนที่ต้งั โต๊ะ
รูปภาพ แผนท่ที อ่ งเทีย่ ววิถถี ่ินกะดีจีน รูปภาพ แผนที่การทอ่ งเที่ยวกุฎจี นี
/แผนที่ท่องเทยี่ วในยา่ นกฎุ จี ีน
วชิ า สค. 311 หลกั และวิธีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ้สู อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนูนวล 227
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
รูปภาพ โบสถ์ซางตาครสู้
โบสถ์ซางตาครู้สเป็นสถปัตยกรรมแบบเรอเนชองส์และน่ีโอคลาสสิก โดยคําว่า "ซางตาครู้ส"
แปลว่า"กางเขนศักด์ิสิทธ์ิ" โบสถ์หลังน้ีสร้างอยู่บนท่ีดินท่ีได้รับพระราขทานมาจากพระเจ้าตากสิน
มหาราช โดยโบสถ์ซางตาครู้สได้ถูกสร้างมาแล้วด้วยกัน 3 คร้ัง โบสถ์หลังแรกเป็นการสร้างด้วยไม้
แบบยกสูงมีใต้ถุน ต่อมาได้เกิดไฟไหม้ทําให้มีการสร้างโบสถ์ข้ึนมาใหม่ โดยโบสถ์หลังท่ีสองจะมีการ
สร้างอิฐและปูน และในเวลาต่อมาก็ได้มีการก่อสร้างใหม่เป็นคร้ังท่ีสามซ่ึงก็คือโบสถ์ซางตาครู้สท่ีเรา
ได้เห็นอยู่ในปัจจุบัน และในส่วนของโบสถ์จะมีการแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนท่ี 1. หอระฆัง ส่วน
ท่2ี . มีไวป้ ระกอบศาสนา ส่วนท่3ี . สังฆภณั ฑไ์ ว้เกบ็ ของประกอบพิธที างศาสนา
นอกจากน้ีชุมชนบ้านกุฎีจีนเป็นชุมชนท่ียึดโยงด้วยศาสนา มีท้ังหมด 3 ศาสนา 4 ความเช่ือ
ได้แก่ศาสนาพุ ทธ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม โดยส่วนใหญ่คนภายในชุมชนจะนับถือศาสนา
ครสิ ต์ ภายในชมุ ชนจะมีท้งั ศาลเจ้า โบสถ์ วดั และมัสยิด
รปู ภาพ การลงพ้ืนท่ศี ึกษาชุมชน
วิชา สค. 311 หลักและวธิ ีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ้สู อน ผศ.ดร.ป่ ินหทยั หนนู วล 228
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
รปู ภาพ รปู ป้ นั นักบุญเทเรซา (ST. THERESA) รูปภาพ ตารางการจัดการ/ตารางงานของผนู้ าํ ชุมชนและสมาชิก
ภายในชุมชนจะมีการจัดการชุมชนในเร่ืองของด้านความปลอดภัย คือ มีการแขวนถัง
ดับเพลิงเอาไว้เน่ืองจากว่า หากเกิดเหตุฉุกไฟไหม้ชาวบ้านจะได้สามารถใช้ถังดับเพลิงเพื่อดับไฟได้
นอกจากนใ้ี นบริเวณนก้ี ย็ ังเปน็ เขตปลอดบุหร่อี ีกดว้ ย
รปู ภาพ การจัดการชมุ ชน
มีการต้ังถังขยะไว้หลากหลายเพ่ือท่ีสมาชิกชุมชนจะได้ทําการแยกขยะ เพ่ือให้ง่ายต่อการ
จดั การเกบ็ ขยะและง่ายตอ่ การนาํ ไปรไี ซเคลิ
วชิ า สค. 311 หลกั และวิธีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 229
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
รปู ภาพ การมีกจิ กรรมร่วมกนั ในชุมชน
ภายในชุมชนจะมีสนามหรือพ้ืนท่ีไว้ให้เด็ก ๆ ภายในชุมชนหรือคนภายในชุมชนได้ทํากิจกรรม
ร่วมกัน เชน่ การเล่นกีฬา
รปู ภาพ การใหค้ วามชว่ ยเหลือสมาชิกในชุมชนภายใต้สถานการณ์ Covid - 19
จากการได้ฟังประธานชุมชนจะเห็นว่าในช่วงสถานการณ์ Covid – 19 ได้มีการให้ความ
ช่วยเหลือผู้ท่ีเดือดร้อนไม่สามารถหาอาหารหรือออกไปซ้ือของได้ เช่น คนพิการ คนซรา ผู้ป่วยติด
เตียง ดังน้ันภายในชุมชนได้มีการนําอาหารใส่กล่องเพื่อนําไปแจกจ่ายให้ผู้ท่ีต้องการความช่วยเหลือ
ตามบ้านเรอื นต่าง ๆ
วิชา สค. 311 หลกั และวิธกี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ สู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 230
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
รูปภาพ การลงชมุ ชน
(ทม่ี ารูปภาพจติ กรรมบนกําแพง https://th.readme.me/p/12251)
จะเห็นได้ว่าบริเวณท่ีเป็นกําแพงปูนจะมีจิตกรรมบนกําแพง รูปวาดต่าง ๆ ให้ได้ดูตลอดทาง
โดยรปู ภาพจะเปน็ ภาพสะท้อนใหเ้ หน็ ถึงวิถีชวี ติ และกิจกรรมตา่ ง ๆ ของคนในชุมชน
รูปภาพ การลงชุมชน
จะเห็นได้วา่ บรเิ วณทางเดนิ ภายในชุมชนกฎุ จี ีนค่อนข้างทจ่ี ะแคบ ดงั นน้ั อาจมีข้อจาํ กดั ในเร่อื ง
ของการเดินทาง
วชิ า สค. 311 หลักและวิธีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ ินหทยั หนูนวล 231
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
รปู ภาพ ปา้ ยบอกระยะทาง รูปภาพ ขนมซาโมซ่า (Samosa)
วัฒนธรรมการกินอาหารของชุมชนกุฎีจีนท่ีมีมาต้ังแต่อดีต คือ การทานสตูว์หรือของจําพวก
ของทอดขนมซาโมซ่า เป็นขนมประเภททอด ท่ีมีส่วนผสม คือ แป้ง มันฝร่ัง ถ่ัวลันเตา หัวหอมใหญ่
ขิงสด กระเทียมพริกช้ีฟา้ เขียว เมล็ดผักชี เมล็ดย่ีหร่าป่น ขม้ิน ผงเคร่ืองเทศการัม มาซาลา และเนย
อนิ เดยี
รปู ภาพ รา้ นปา้ อําพรรณ
ร้านป้าอําพรรณเป็นหน่ึงในร้านขายขนมฝร่ังข้ึนช่ือของชุมซนกุฎีจีน เน่ืองจากว่าปัจจุบัน
ภายในชุมชนกุฎีจีนมีเพียงไม่ก่ีบ้านเท่าน้ันท่ีมีการทําขนมฝร่ังกุฎีจีน โดยสูตรต่าง ๆ ของการทําขนม
ก็จะเป็นสูตรท่ีสืบทอดต่อกันมา ภายในร้านจะขายขนมฝร่ังกุฎีจีน ขนมก๋วยตัส ขนมกุสลัง ขนม
กะหรป่ี ๊ ปั ไส้ไก่ และขนมนางนวล
วชิ า สค. 311 หลักและวธิ กี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผสู้ อน ผศ.ดร.ป่ ินหทยั หนนู วล 232
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
ขนมฝรง่ั กฎุ จี ีน
(ทม่ี ารปู ภาพขนมฝรง่ั กฎุ ีจนี https://www.lazada.co.th/products/3-i161092791.html)
ขนมฝร่ังกุฎีจีนเป็นขนมลูกผสมระหว่างจีนกับฝร่ัง ตัวขนมเป็นตํารับของโปตุเกส และหน้า
ของขนมเป็นจีน วัตถุดิบท่ีใช้ทําขนมประกอบไปด้วยแป้ง ไข่ และน้ําตาล ตีให้ส่วนผสมเข้ากันจนข้ึนฟู
โรยด้วยลูกเกดลูกพลับ ฟักเช่ือม และน้ําตาลทราย แล้วนําไปเทใส่แม่พิมพ์แล้วอบจนขนมสุก
นอกจากนจ้ี ากการไดฟ้ งั การบรรยายจะพบวา่ ขนมฝร่งั กฎุ ีจนี น้นั ถือว่าเป็นเคก้ ก้อนแรกของไทย
รปู ภาพ ร้านอาหารสยาม โปรตุเกส บา้ นสกลุ ทอง
สกุลทองคือ 1 ใน 17 นามสกุลเช้ือสายโปรตุเกส ในกุฎีจีน และสกุลทองก็เป็นท่ีมาของช่ือ
ร้านอาหารสยาม โปรตุเกส บ้านสกุลทอง โดยร้นอาหารบ้านสกุลทองได้เปิดร้านอาหารท่ีบ้านไม้
เก่าแก่ท่ีอยู่สืบทอดกันมากว่า 5 รุ่น เพ่ือบอกเล่าเร่ืองราวของสํารับอาหารคาวตํารับโปรตุเกสท่ียังคง
อยู่คู่บ้านของชาวไทยเช้ือสายโปรตุเกสและมีขนมไทยโบราณท่ีหาทานได้ค่อนข้างยาก ร้านอาหารบ้าน
สกุลทองเป็นร้านอาหารท่ีเปิดให้บริการแบบPrivate Course มีเมนูอาหารข้ึนช่ือมากมาย เช่น ของ
ว่างชาววัง และ สํารับโปรตุเกส ประกอบไปด้วย ขนมช่อม่วง ขนมจีบนก หมูสัพแหยก ขนมจีนแกง
ไก่ค่วั ตม้ มะฝาดตม้ เคม็ โปรตเุ กส หมซู ัลโม
วิชา สค. 311 หลกั และวธิ กี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผ้สู อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนนู วล 233
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
รปู ภาพ ขนมช่อมว่ ง
(ทีม่ ารูปภาพขนมช่อมว่ ง https://atkitchenmag.com/place-thai-portugal-food-ban-sakulthong-house/)
ขนมช่อม่วงเป็นอาหารว่างของไทยและเป็นหน่ึงในของว่างชาววังจากร้านอาหารสยาม
โปรตุเกส บ้านสกุลทอง ส่วนผสมประกอบไปด้วย แป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม แป้งมัน น้ําเปล่า
น้ําดอกอัญชันหรือสีผสมอาหารสีม่วง หัวไซโป้หวานสับละเอียด กระเทียมสับ ถ่ัวสิสงค่ัวบดหยาบ ๆ
เกลอื ปน น้าํ ตาลป๊ บิ รากผักชหี น่ั ทอ่ น ๆ กระเทียมกลีบ พริกไทยดาํ เม็ด และกระเทียมเจียวสําหรับโรย
หน้า นําส่วนผสมต่าง ๆ มาผัดให้แห้งจากน้ันป้ ันเป็นลูกกลม ๆ พอดีคํา ห่อด้วยแป้งสีม่วงท่ีได้ทําไว้
จากน้ันจึงใช้แหนบจับจีบท่ีตัวแป้งไปเร่ือย ๆ เป็นช้ัน ๆ จนครบรอบ เม่ือจับจีบเป็นดอก ๆ
จนหมดแลว้ นาํ ไปน่งึ
รูปภาพ ขนมจีบนก
(ทมี่ ารูปภาพขนมจบี นก https://atkitchenmag.com/place-thai-portugal-food-ban-sakulthong-house/)
ขนมจีบนกเป็นเมนูของว่างชาววังอีกเมนูจากร้านอาหารสยาม โปรตุเกส บ้านสกุลทอง โดย
ขนมจีบนกเป็นอาหารว่างของไทยท่ีทําได้ยาก โดยส่วนผสมจะประกอบไปด้วย แครอท งาดํา
กระเทียม รากผักชี พริกไทยหอมใหญ่ เน้ือกุ้งสับละเอียด น้ําตาลป๊ ีบ น้ําตาลทราย เกลือ ถ่ัวลิสงค่ัว
บดหยาบ แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน แป้งท้าวยายม่อม หัวกะทิ นําส่วนผสมลงไปผัดจนส่วนผสมเข้ากัน
จากน้ันป้ ันแป้งเป็นก้อนกลม ๆ แล้วข้ึนรูปให้คล้ายผลชมพู่และใส่ไส้ จากน้ันทําให้รูปร่างให้เป็นนก ใส่
ปากแครอท ตดิ ตางาดํา ใช้แหนบบีบเพื่อทาํ จีบให้มลี กั ษณะคลา้ ยปีกนกแล้วนาํ ไปนง่ึ
วิชา สค. 311 หลกั และวิธกี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ สู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนูนวล 234
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
รูปภาพ ทีต่ งั้ ของอาณาจักรสยาม รูปภาพ สัตว์ประจาํ ชาติของประเทศโปรตเุ กส
รูปภาพ การเผยแพรศ่ าสนาในกรุงสยาม รูปภาพ โบสถค์ าทอลิกหลงั แรกในไทย
รูปภาพ อิทธิพลของภูมปิ ัญญา รูปภาพ การก่อสรา้ งแบบชาวตะวนั ตกในอยุธยา
และวัฒนธรรมโปรตเุ กสทมี่ ีตอ่ สยาม และภาษาทางการทตู และการค้า
วชิ า สค. 311 หลกั และวธิ กี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผู้สอน ผศ.ดร.ป่ ินหทยั หนูนวล 235
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564
รปู ภาพ การทหารของโปรตเุ กส รูปภาพ คําศัพทภ์ าษาโปรตุเกส และพืชพรรณ
และอาชพี ของชาวโปรตเุ กส ของโปรตเุ กสทน่ี ําเข้ามาในสยาม
รูปภาพ โปรตเุ กสมหาอํานาจทางทะเล รูปภาพ ยา่ นตา่ ง ๆ มนกรงุ ธนบรุ ศี รี
มหาสมทุ รราชธานี
รปู ภาพ กาํ เนิดกุฎีจีน รปู ภาพ กฎุ จี นี : เมอื่ ฝรงั่ เข้ามา
วชิ า สค. 311 หลักและวธิ ีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผ้สู อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนูนวล 236
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
รปู ภาพ กฎุ ีจนี : เม่ือฝรัง่ จากไป รปู ภาพ กุฎจี นี ในปัจจุบนั
รปู ภาพ ทายาทของคอนสแตนตนิ ฟอลคอน & มารี กมี าร์
การลม่ สลายของอธุยา
วิชา สค. 311 หลกั และวิธีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ สู้ อน ผศ.ดร.ป่ ินหทัย หนนู วล 237
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
รปู ภาพ บา้ นวินด์เซอร์
บ้านวินด์เชอร์เป็นมรดกตกทอดของ "ตระกูลวินด์เซอร์" ซ่ึงเป็นตระกูลท่ีมีบทบาทสําคัญ
ทางด้านการค้าและศาสนาของกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าของบ้านหลังน้ีคือ นางสมบุญ วินด์เซอร์
บุตรสาวเจ้าของโรงสีในคลองบางหลวง ซ่ึงได้สมรสกับนายหลุยสั วินด์เซอร์ บุตรชายของนายกา
เนียร วินด์เซอร์ กัปตันเรือชาวอังกฤษและได้มาต้ังรกรากอยู่ในชุมขนกุฎีจีน บนท่ีดินของโบสถ์ซาง
ตาครสู้ ทไ่ี ด้รับพระราชทานจากพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช.
สําหรับกัปตันกาเนียร วินด์เซอร์ เป็นคนแรกท่ีมีเรือกลไฟเดินทางค้าขายระหว่างกรุงเทพฯ -
สิงคโปร์และได้รับพระราชทานบรรดาศักด์ิเป็น "ขุนสมุทรโคจร" จากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว รวมท้ังได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ไเป็นล่ามของราชทูตสยามท่ีออกไปทําหนังสือสัญญาทาง
พระราชไมตรีกับฝร่ังเศสในสมัยจักรพรรดินโปเลียนท่ี ๓ อีกท้ังยังเป็นเจ้าของกิจการ "ห้าง
วินดเ์ ซอร์" หรอื "ห้างสี่ตา" ท่ถี นนเจริญกรุงดว้ ย
รปู ภาพพระเจา้ มานเู อลท่ี 1 และธงราชวงศ์โปรตุเกส
พระเจ้ามานูเอลท่ี 1 เป็นพระมหากษัตริย์ของโปรตุเกสท่ีครองราชย์ต้ังแต่ ค.ศ. 1495 จนถึง
ค.ศ.1521 รัชสมัยของพระองค์มีเหตุการณ์สําคัญ คือ การขับไส่ชาวมุสลิมและชาวยิวท่ีไม่ยอมเข้ารับ
วชิ า สค. 311 หลกั และวิธีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ ้สู อน ผศ.ดร.ป่ ินหทยั หนนู วล 238
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
การทําพิธีศีลล้างบาปออกจากประเทศ, นโยบายอันชาญฉลาดเพื่อวางตัวเป็นกลางในความขัดแย้ง
ระหวา่ งฝร่งั เศสกบั สเปนและการสานต่อการขยายอาณาเขตทางทะเล โดยเฉพาะในอนิ เดยี และบราซลิ
รูปภาพ อยธุ ยาหลงั ถกู ทาํ ลาย
7 มษายน 2310 กําแพงกรุงศรีอยุธยาถูกทําลาย หรือเรียกง่าย ๆ ว่ากรุงแตก โดยพระราช
พงศาวดารพม่าได้มีการบรรยายความอดอยากในกรุงศรีอยุธยาไว้ว่ามีคนหนีไปหากองทัพพม่าทุกวัน
ทําให้พม่ารู้สถานการณ์ในกรุงได้เป็นอย่างดี ซ่ึงสอดคล้องกับหลักฐานฝ่ ังไทยท่ีบันทึกไว้เช่นกันว่า
ราษฎรพากันหนีเข้าเมืองไป อาหารขาดแคลน มีคนอดโซเป็นอันมาก เกิดโจรปลันสะดมมิได้ขาด
ราษฎรพากันหนีออกไปหาพม่าเพื่อได้อาหารมาประทังชีวิตอยู่เนือง ๆ นอกจากน้ันยังมีคําบรรยาย
ผู้เห็นเหตุการณ์ ระบุว่าเม่ือพม่าเข้าเมืองแล้วก็กวาดต้อนผู้คน เก็บทรัพย์สมบัติ สั่งให้เผาพระนคร
และปราสาททั้ง 3 องค์ และให้เผาอารามและวิหารเสียใหห้ มด และส่ังใหท้ ําลายกําแพงเมืองและบรรดา
เข้าของท่มี อี ยู่ในกรงุ ศรอี ยธุ ยา' เปน็ ต้น
รปู ภาพ ประวัติพิพิธภัณฑบ์ ้านกฎุ จี นี เชอ้ื สายโปรตเุ กส
วิชา สค. 311 หลักและวิธกี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 239
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
โดยพิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีนท่ีเราได้เห็นกันน้ัน สร้างข้ึนด้วยทุนส่วนตัวเท่าน้ัน ไม่ได้รับการ
สนบั สนุนจากหน่วยงานหรอื องคก์ รใด ๆ ทง้ั ส้ิน
รปู ภาพ ประวตั ิพิพิธภัณฑ์บ้านกุฎจี นี รูปภาพ ลักษณะพ้ืนที่สวนฝ่ ังธนฯ
รปู ภาพ แผนท่เี มืองธนบุรศี รีมหาสมุทร ราชธานี รปู ภาพ นามสกุลเชื้อสายโปรตเุ กสในกฎุ จี นี
รูปภาพ นามสกุลเชอื้ สายโปรตุเกสในกุฎจี นี รูปภาพ นามสกุลครอบครวั ท่ีอาศัยในกุฎจี ีน ปัจจบุ ัน
วิชา สค. 311 หลกั และวิธีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารยผ์ สู้ อน ผศ.ดร.ป่ ินหทัย หนนู วล 240
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
รปู ภาพ ผหี วั พรกิ /ผหี นเู ลี๊ยบ
ผีหนูเล๊ียบเป็นกุศโลบายของผู้ใหญ่ในชุมชนท่ีจะมีไว้ใช้กับเด็ก 1 ท่ีออกไปเล่นน อกบ้านจนค่ํา
มืดไม่ยอมกลับบ้านหรือกลับบ้านค่ํามืด โดยเร่ืองเล่าดังกล่าวจะทําให้เด็ก 1 ท่ีออกจากบ้านไปว่ิงเล่น
กลบั บา้ นเรว็ ขน้ึ หรอื กลบั บา้ นกอ่ นฟา้ มืด
รปู ภาพ พิพิธภัณฑบ์ า้ นกฎุ ีจนี รูปภาพ ผผี ้าสามวฒั นธรรม
วชิ า สค. 311 หลกั และวธิ กี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผสู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 241
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
รปู ภาพ ห้องนอนของชุมชนกฎุ ีจีนในสมยั กอ่ น
ในส่วนน้ีจะเป็นการนําเสนอประวัติศาสตร์ผ่านข้าวของเคร่ืองใช้และความเป็นอยู่ของคนใน
ชุมชนกุฎีจีนในสมัยก่อนว่าเตียงนอนมีลักษณะอย่างไรและการจัดห้องนอนเป็นอย่างไร โดยในการจัด
ห้องนอนน้ันใกล้กับเตียง จะมีโต๊ะ และห้ิงพระประดิษฐานรูปเคารพของพระเยซูและพระนางมารีย์
พรหมจารี (พระแม่มารี) อยู่คนส่วนมากในชุมชนน้ันนับถือศาสนาคริสต์ดังน้ันปกติแล้วภายในบ้าน
ของชาวครสิ ต์ท่กี ฎุ ีจนี บางหลงั กจ็ ะมีห้งิ พระเกือบทุกห้อง
รูปภาพ ครวั แมแ่ ฉล้ม
วชิ า สค. 311 หลกั และวธิ ีการสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 242
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
ในส่วนน้ีจะเป็นการนําเสนอประวัติศาสตร์ผ่านข้าวของเคร่ืองใช้และความเป็นอยู่ของคนใน
ชุมชนกุฎีจีนในสมัยก่อน โดยในมุมน้ีจะทําให้เห็นข้าวของเคร่ืองใช้ในครัวสมัยก่อนว่ามีรูปร่างหน้าตา
อยา่ งไร และทําใหเ้ หน็ ว่าสมยั กอ่ นนน้ั มอี ปุ กรณ์อะไรทแ่ี ตกตา่ งไปจากปจั จบุ นั บ้าง
รปู ภาพ เคร่อื งใช้ภายในบ้านสมยั กอ่ น
ในส่วนน้ีจะเป็นการนําเสนอประวัติศาสตร์ผ่านข้าวของเคร่ืองใช้และความเป็นอยู่ของคนใน
ชุมชนกุฎีจีน โดยในตู้จะมีการจัดแสดงเคร่ืองกระเบ้ืองจีนท่ีคนในสมับก่อนใช้กัน เช่น กระโถน
และชาม เปน็ ตน้
รปู ภาพ โมห่ นิ
โม่หินเป็นอุปกรณ์ท่ีป้าแฉล้มเอาไว้ใช้ทําแป้งสดเองเพื่อนําแป้งสดมาทําเป็นขนม โดยขนมท่ีทํา
จากแป้งสดนจ้ี ะมีรสชาตทิ ด่ี ขี ้นึ และอร่อยเพ่ิมมากขน้ึ
วชิ า สค. 311 หลกั และวธิ กี ารสังคมสงเคราะห์ 3 Section 7800/01 อาจารย์ผูส้ อน ผศ.ดร.ป่ ินหทัย หนนู วล 243
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
รปู ภาพ สํารับอาหารไทยโปรตเุ กสประจําชมุ ชนกฎุ ีจนี ท่ยี งั คงกินกนั ในทุกวันน้ี
รปู ภาพ สัพพแหยก
สัพพแหยกเป็นอาหารไทยโปรตุเกสโบราณของชาวชุมชนกุฎีจีน โดยมีการคาดว่าสัพแหยก
น่าจะมีสูตรมาจากชาวอินเดีย-โปรตุเกส คําว่า "สัพแหยก" (สับ-พะ-แหยก) บ้างก็ว่ามาจากคําว่า
subject (สับเช่) ในภาษาโปรตุเกสซ่ึงแปลว่าคนใต้บังคับ บ้างก็แปลว่าเป็นกิริยาของการสับเน้ือสัตว์
ลักษณะเหมือนไส้กะหร่ีป๊ ับแต่มีกล่ินเคร่ืองเทศแรงกว่า ใส่ผงขม้ินให้สีเหลือง รสชาติเปร้ียวนํา
เค็ม หวาน สูตรโบราณจะใช้เน้ือวัวสับแต่ปัจจุบันได้เปล่ียนมาเป็นเน้ือไก่หรือหมูสับเพื่อให้กินง่ายมาก
ข้นึ จะทานเป็นกับข้าว ทานคูก่ บั ข้าวสวยรอ้ น ๆหรือทานเป็นของวา่ งโดยนําไปทานกับขนมปังก็ได้