The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานการพิจารณาศึกษา แนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรไทย ด้วยการวิจัยและนวัตกรรม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by เอกสาร, 2022-10-09 01:50:35

รายงานการพิจารณาศึกษา แนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรไทย ด้วยการวิจัยและนวัตกรรม

รายงานการพิจารณาศึกษา แนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรไทย ด้วยการวิจัยและนวัตกรรม

๒๔๒

๔.๕ กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และ ข้อบังคบั ทีต่ ้องปรบั ปรงุ
จากผลการศึกษาความเช่ือมโยงและการวิเคราะห์กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และข้อบังคับ

ที่เกี่ยวข้องท้ังในแง่การสนับสนุน ส่งเสริม และควบคุม รวมทั้งข้อค้นพบและปัญหาอุปสรรคที่มีใน
อตุ สาหกรรมสมุนไพรดงั ท่ไี ดก้ ล่าวไปแลว้ ในหวั ข้อ ๔.๓ พบว่ามกี ฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และข้อบังคับ
ทค่ี วรได้รบั การแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ หรอื ปรบั ปรงุ โดยแบ่งเป็นประเด็นตามกลุ่มกฎหมาย ดงั น้ี

๔.๕.๑ แหลง่ วตั ถุดิบสมุนไพรจากธรรมชาติและการเพาะปลกู
เป็นท่ีทราบกนั ดีวา่ แหล่งกาเนดิ สมุนไพรและจานวนสมุนไพรตามธรรมชาตินน้ั มีการลดลง

อย่างรวดเร็ว สาเหตุสาคัญเกิดจากการสูญเสียพ้ืนที่ป่าอันเป็นแหล่งกาเนิดของสมุนไพร นอกจากน้ี
ยังมีสาเหตุมาจากการลักลอบเก็บสมุนไพรเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ หรืออยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์
น อก จา กน้ั น วั ต ถุดิ บส มุน ไ พ รที่ เพา ะป ลูก /เก็ บไ ด้ยัง มีคุ ณภ าพ ไ ม่ สม่า เส มอ แ ล ะมี การ ปน เป้ื อน ขอ ง
เชื้อจลุ ินทรยี ์ ยาปราบศัตรพู ืช เชอ้ื รา หรือโลหะหนกั เปน็ ตน้ ประกอบกบั วัตถดุ ิบสมนุ ไพรบางชนิดมีการ
เก็บจากป่าหรือปลูกในครัวเรือน (เกษตรกรรายย่อย) จึงขาดการบริหารจัดการพันธ์ุสมุนไพรและระบบ
การปลูกท่ีดี ดังนั้น จึงจาเปน็ ตอ้ งพิจารณา กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และข้อบังคับ ทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั

๑) บทบาทชมุ ชนในการอนุรักษแ์ ละใชป้ ระโยชนจ์ ากวัตถุดิบสมุนไพรจากธรรมชาติ
๒) การสง่ เสรมิ การเพาะปลกู ทไี่ ดม้ าตรฐาน
ดงั รายละเอียดตอ่ ไปนี้
๔.๕.๑.๑ พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
พ.ศ. ๒๕๔๒

พระราชบญั ญตั ิคุ้มครองและสง่ เสรมิ ภมู ิปญั ญาการแพทยแ์ ผนไทย พ.ศ. ๒๕๔๒
เปน็ กฎหมายเฉพาะที่กาหนดมาตรฐาน มาตรการการคุ้มครองสมุนไพรและบริเวณถ่นิ กาเนดิ ของสมุนไพร
ซ่งึ จาเพาะประเด็นมากกว่า สาระสาคัญในพระราชบัญญตั ิคุ้มครองพันธ์ุพชื พ.ศ. ๒๕๔๒ พระราชบญั ญัติ
ปา่ ไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ พระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. ๒๕๖๒ และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๐๗ โดยในมาตรา ๕๗ - ๖๕ ของพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์
แผนไทย พ.ศ. ๒๕๔๒ มีการกาหนดมาตรการดาเนนิ การในพน้ื ท่ี ๓ ประเภท ไดแ้ ก่

๑) พื้นที่เขตอนุรักษ์ เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองสมุนไพรและบริเวณถ่ิน
กาเนิดของสมุนไพร ในพ้ืนที่เขตอนุรักษ์ท่ีมีระบบนิเวศตามธรรมชาติ มีความหลากหลายทางชีวภาพ
หรอื อาจได้รบั ผลกระทบกระเทอื นจากการกระทาของมนุษยไ์ ด้โดยงา่ ย คณะรัฐมนตรสี ามารถพิจารณาให้
ความเห็นชอบแผนปฏบิ ัติการ ที่เรียกว่า “แผนจัดการเพ่ือคุ้มครองสมุนไพร” ซงึ่ รฐั มนตรีว่าการกระทรวง
สาธารณสุขไดจ้ ัดทาและเสนอใหพ้ ิจารณาแผนฯ ดงั กล่าวให้เกดิ ความร่วมมือและประสานงานกันระหวา่ ง
ส่วนราชการ รวมไปถึงชุมชนที่เก่ียวข้อง เพ่ือรักษาสภาพธรรมชาติ ระบบนิเวศตามธรรมชาติ
ความหลากหลายทางชีวภาพ และคุณค่าของสมุนไพรในพื้นท่ีบริเวณนั้น โดยปัจจุบันคณะรัฐมนตรีได้ให้
ความเห็นชอบแผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพ้ืนท่ีเขตอนุรักษ์ ภูผากูด จังหวัดมุกดาหา ร
พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๓ (แผนระยะส้ัน) แล้ว เมอ่ื วนั ท่ี ๒ มกราคม ๒๕๕๑

๒) พ้ืนที่นอกเขตอนุรักษ์ ที่มีระบบนิเวศตามธรรมชาติหรือมีความหลากหลาย
ทางชีวภาพที่อาจถูกทาลาย หรอื อาจได้รับผลกระทบจากการกระทาของมนุษย์ได้โดยงา่ ย หรือมีการเข้า
ไปใช้ประโยชน์จากสมุนไพรอันมีลักษณะเป็นการเสี่ยงต่อการสูญพันธ์ุหรือมีการลดลงของพันธุกรรม

๒๔๓

หรือทางราชการมีวัตถปุ ระสงค์จะสง่ เสรมิ ให้ประชาชนไดม้ ีส่วนรว่ มในการจดั การบรหิ าร การพฒั นา และ
การใช้ประโยชน์จากสมุนไพรในพ้ืนท่ีน้ัน สามารถกาหนดให้พ้ืนที่นั้นเป็นเขตพื้นท่ีคุ้มครองสมุนไพร
เพ่ือประโยชน์ในการรว่ มมือและประสานงาน ใหเ้ กิดประสทิ ธิภาพในการจดั การบริหารพ้นื ท่ีคุม้ ครองสมุนไพร
หรอื ใชป้ ระโยชน์จากสมุนไพร

๓) ที่ดินของเอกชน เพ่ือสนับสนุนให้เอกชนมีส่วนร่วมในการคุ้มครอง ส่งเสริม
และพฒั นาสมุนไพร เจา้ ของหรือผ้คู รอบครองทดี่ ินที่เปน็ ถ่ินกาเนดิ ของสมุนไพรหรือท่ีดินทจ่ี ะใช้ปลูกสมุนไพร
สามารถนาทีด่ ินนน้ั ไปขอข้นึ ทะเบียนตอ่ นายทะเบยี น เพอ่ื ขอรับความช่วยเหลือหรอื ขอรับการสนับสนนุ ตอ่ ไป

อย่างไรก็ดี “แผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพร” ยังมีจากัดเฉพาะในพ้ืนที่เขต
อนุรักษ์ภูผากูด จังหวัดมุกดาหาร และเป็นแผนการดาเนินการระยะส้ัน (พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๓) เท่าน้ัน
ดังน้ันส่ิงท่ีควรมีการดาเนินการ คือ จัดทำแผนจัดกำรคุ้มครองสมุนไพรในพ้ืนที่เขตอนุรักษ์ต่ำง ๆ

เพ่ิมเติม เพ่ืออนุรักษ์และใช้ประโยชน์สมุนไพรหำยำกอย่ำงสมดุล พร้อมท้ังเชื่อมโยงกับกำรพัฒนำ

องค์ควำมรู้ เพ่ือกำรเพำะปลูกเชิงพำณิชย์ สำหรับสมุนไพรที่เป็นเครื่องยำหำยำกและรำคำสูง

ท่ีปัจจุบันต้องพ่ึงพำกำรนำเข้ำจำกต่ำงประเทศ รวมทั้งมีกำรลักลอบนำเข้ำ นอกจำกนี้ยังควรมี

กำรศกึ ษำเพ่มิ เติม เพอื่ กำหนด “เขตพื้นที่คมุ้ ครองสมุนไพร” ให้มำกข้ึน เพื่อประโยชน์ในกำรรว่ มมือ

และประสำนงำนให้เกิดประสิทธิภำพในกำรจัดกำรบริหำรพื้นท่ีคุ้มครองสมุนไพร หรือใช้ประโยชน์

จำกสมนุ ไพรในพื้นท่นี อกเขตอนุรกั ษ์

๔.๕.๑.๒ พระราชบัญญัติคุม้ ครองพนั ธพ์ุ ืช พ.ศ. ๒๕๔๒
หมวดที่ ๔ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธ์ุพืช พ.ศ. ๒๕๔๒ เรื่อง คุ้มครอง

พันธ์ุพืชพื้นเมืองเฉพาะถ่ิน โดยมีสาระสาคัญ คือ การกาหนดสิทธิและข้ันตอนของชุมชน โดยองค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่ิน กลุ่มเกษตรกรหรือสหกรณ์ที่ได้รับหนังสือสาคัญแสดงการจดทะเบียน พันธุ์พืช
พื้นเมืองเฉพาะถ่ินเป็นผู้ทรงสิทธิในพันธ์ุพืชพ้ืนเมืองเฉพาะถิ่นแทนชุมชนน้ัน มีสิทธิแต่ผู้เดียวในการ
ปรับปรุงพันธ์ุ ศึกษา ค้นคว้า ทดลอง วิจัย ผลิต ขาย ส่งออกนอกราชอาณาจักร หรือ จาหน่ายด้วย
ประการใดซ่ึงส่วนขยายพันธุ์ของพันธุ์พืชพ้ืนเมืองเฉพาะถ่ิน จะสามารถเช่อื มโยงกับการกาหนดเขตพ้ืนที่
คุ้มครองสมุนไพรของชุมชนตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ เพ่ือให้เกิดการเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามาที่ส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ใช้ประโยชน์
พฒั นา ปรับปรุง พันธ์ุพืชสมุนไพร อย่างไรก็ดีส่ิงที่ควรดาเนินการต่อ คือ ต้องมีกำรประเมินผลสัมฤทธ์ิ

ของกฎหมำยที่บญั ญตั ิไว้ พร้อมท้งั พจิ ำรณำอปุ สรรค ควำมย่งุ ยำก ขัน้ ตอนในกำรปฏิบัติตำมกฎหมำย

โดยต้องทบทวนกระบวนกำรให้ง่ำยต่อกำรดำเนินกำร อำนวยควำมสะดวกในกำรดำเนินกำรมำกข้ึน

นอกจำกนั้นจำเป็นต้องพิจำรณำควำมซ้ำซ้อนของกฎหมำยท้ังสองฉบับในแง่ของเจตนำรมณ์ของ

กฎหมำย เพ่ือกำหนดบทบัญญัติให้ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ลดควำมซ้ำซ้อน เพื่อป้องกันควำมสับสน

และกำรมขี นั้ ตอนในกำรปฏิบัติเกินควำมจำเปน็

๔.๕.๑.๓ พระราชบัญญัติมาตรฐานสินคา้ เกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑
ตามมาตรา ๑๖ ในพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑

ไดก้ าหนดมาตรฐานบังคบั และมาตรฐานทว่ั ไปสาหรบั สินคา้ เกษตรเก่ยี วกับ

๒๔๔

๑) วธิ ีการ กรรมวิธี หรือกระบวนการจดั การการผลิตหรือคณุ ลกั ษณะของสนิ ค้า
เกษตรที่เก่ียวกับคุณภาพและความปลอดภัยทางเคมี ชีวภาพ กายภาพ ความปลอดภัยด้านสุขอนามัย
หรือสุขอนามัยพชื หรือลักษณะอื่นที่เกีย่ วข้อง

๒) หีบหอ่ การบรรจุหีบหอ่ การทาเคร่อื งหมายหรือฉลาก
๓) การตรวจสอบ ประเมิน ทดสอบ ทดลอง วิเคราะห์ หรือวิจัยท่ีเก่ียวกับ ๑)
หรอื ๒)
๔) ข้อกาหนดรายการอยา่ งอื่นทีเ่ ก่ียวกับสนิ คา้ เกษตรตามทรี่ ฐั มนตรีประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษา
อย่า งไ ร ก็ต า มยั งคง ข าด การ กา ห น ด มาต รฐ าน สิ น ค้า เกษ ต ร เก่ี ย ว ปริ มา ณ
สารสาคัญ อีกทั้งในพระราชบัญญัติดังกล่าวยังขาดประเด็นการส่งเสริมที่ชัดเจน ดังน้ัน ส่ิงที่ควร
ดาเนนิ การต่อจากนี้ ได้แก่ การเพ่ิมข้อกาหนดเกี่ยวกับปรมิ าณสารสาคญั ในมาตรฐานทั้งในด้านการปลูก
และ/ หรือวัตถุดิบสมุนไพร โดยเฉพาะสาหรับวัตถุดิบที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมยาจากสมุนไพร
ผลิตภัณฑ์เสรมิ อาหาร เป็นต้น รวมทั้งกาหนดให้มกี ารเพิ่มหมวดการสง่ เสริมผ้ปู ระกอบการหรือยกระดับ
มาตรฐานสินค้าเกษตร

๔.๕.๒ มาตรฐานกระบวนการ ผลติ ภณั ฑ์ และห้องปฏบิ ตั กิ าร
คณะทางานสมุดปกขาว“ การปฏิรปู การพฒั นาโครงสร้างพ้นื ฐานทางคณุ ภาพของประเทศ

ไดก้ ล่าวไวว้ ่า “…ในการสร้างและผลิตนวัตกรรมน้ัน ตอ้ งการความสามารถในการบ่งชี้องคป์ ระกอบใหม่ท่ี
ทาให้เกิดสมรรถนะใหม่ เช่น การเติมส่วนประกอบอาหารท่ีมีประโยชน์ (Functional ingredient) ใน
อาหารเสริม หรืออาหารฟังก์ชัน (Functional food) จะต้องสามารถบ่งช้ีว่ามีส่วนประกอบอาหารท่ีมี
ประโยชน์น้ันในอาหารเสริม รวมท้ังระบุปริมาณด้วย นอกจากน้ีหากต้องการอ้างถึงประโยชน์จาก
สว่ นประกอบอาหารท่มี ีประโยชนน์ นั้ ก็ต้องสามารถระบุบทบาทของส่วนประกอบอาหารทมี่ ีประโยชนน์ ้นั
ต่อสุขภาพได้ เป็นต้น การบ่งชี้และการระบุปริมาณองค์ประกอบใหม่ที่ทาให้เกิดสมรรถนะใหม่
จาเป็นต้องใช้การวัด และการทดสอบ ซง่ึ หลายกรณีจาเป็นต้องมีการกาหนดกระบวนการทดสอบไว้เป็น
มาตรฐาน ดังนั้นหากไม่มีความสามารถในการวัดหรือทดสอบเพ่ือบ่งช้ีและระบุปริมาณขององค์ประกอบใหม่
ก็จะไม่สามารถพัฒนานวัตกรรม อ้างการค้นพบ หรือการเป็นนวัตกรรมได้ เม่ือไม่สามารถทาได้ ก็จะไม่
สามารถแสวงหาประโยชน์เชิงพาณิชย์จากนวัตกรรม และหรือนานวัตกรรมเข้าสู่ตลาดได้ อย่างไรก็ตาม
การนานวัตกรรมเข้าสู่ตลาด จาเป็นต้องมีการพิสูจน์สมรรถนะและความปลอดภัยของนวัตกรรมน้ัน ๆ
ดงั น้ัน ความสามารถสร้างหลักเกณฑ์ทางวิชาการเพื่อให้เกิดการตรวจสอบสมรรถนะและความปลอดภัย
ของนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ จึงเป็นเคร่ืองมือเชิงยุทธศาสตร์ในการนานวัตกรรมเข้าสู่ตลาด
หากโครงสร้างพ้ืนฐานทางคุณภาพของประเทศไม่มีความสามารถท่ีจะบ่งช้ี ระบุและวางหลักเกณฑ์
ที่น่าเช่ือถือแล้ว ก็จะทาให้ผู้ประกอบการไทยสูญเสียโอกาสทางการตลาดในการเข้าสู่ตลาดก่อน รวมทั้ง
มีต้นทุนในการผลิตสูงข้ึน เนื่องจากต้องส่งนวัตกรรมไปทดสอบยังต่างประเทศ…” ซ่ึงปัจจุบันพบว่าวิธี
มาตรฐานในการทดสอบมีไม่ทันต่อความต้องการของผู้ประกอบการ จานวนห้องปฏิบัติการในระบบท้ัง
จากภาครัฐและเอกชนทไี่ ด้การรับรองมาตรฐาน ISO/IEC๑๗๐๒๕ สาหรับการตรวจวิเคราะห์ผลติ ภัณฑ์
ยังมีไม่เพียงพอและมีค่าใช้จ่ายสูง รวมทั้งการผลิตวัสดุอ้างอิงรับรอง (Certified Reference Materials,
CRM) และโปรแกรมการเปรียบเทียบผลการวัดท่เี กี่ยวข้องกบั การทดสอบวัตถดุ บิ และสารสกัดสมุนไพรยัง

๒๔๕

มีไม่เพียงพอต่อความต้องการและราคาแพง นอกจากนี้ยังพบว่ามาตรฐานสมุนไพร (Monograph)
มีจานวนน้อยทาให้ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการ เน่ืองจากผู้เชี่ยวชาญท่ีมศี ักยภาพในการจดั ทา
มาตรฐานสมุนไพรมจี านวนจากัด อีกท้ังบุคลากรในห้องปฏิบัติการทม่ี คี วามรู้ความเขา้ ใจ/ความเชี่ยวชาญ
เฉพาะมีไม่เพียงพอ ในขณะท่ีในภาพรวมขาดการเช่ือมต่อข้อมูลด้านมาตรฐาน วิธีการทดสอบ และ
ห้องปฏิบตั ิการท่ีเก่ียวขอ้ งกับสารสกดั และผลติ ภัณฑ์สมุนไพร การขอมาตรฐาน ซ่งึ แต่ละข้ันตอนการผลิต
ค่อนข้างมีความซับซ้อนเชิงเทคนิค และเกี่ยวข้องกับหน่วยงานหลายหน่วยงาน ดังที่ได้กล่าว ไปแล้ว
ในหัวข้อ ๔.๒ ดงั น้นั จงึ จาเป็นต้องพจิ ารณากฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และข้อบงั คับ ท่เี ก่ยี วข้องกบั ;

๑) เพิ่มมาตรฐานวัตถุดิบ สารสกัดสมุนไพร เพ่ือใช้อ้างอิงในการควบคุมคุณภาพ
เพ่ือตอบสนองความต้องการ

๒) สง่ เสรมิ หอ้ งปฏิบัติการทีม่ ีมาตรฐานจานวนมากขึ้น ราคาถกู ลง
๓) การส่งเสริมเกษตรกรและผู้ประกอบการให้มีศักยภาพสามารถปฏิบัติได้ตามมาตรฐาน
ที่กาหนด
โดยมีรายละเอยี ดดังนี้
๔.๕.๒.๑ การปรบั ปรุงโครงสรา้ งพนื้ ฐานทางคุณภาพของประเทศ

ในระบบภาพรวมของประเทศ พบว่าประเทศไทยมีพัฒนาการด้าน National
Quality Infrastructure: NQI พอสมควร มกี ารดาเนินการทั้งด้านมาตรวทิ ยา การกาหนดมาตรฐานการ
รบั รองระบบงาน และการตรวจสอบและรบั รอง โดยมีการจัดตัง้ หนว่ ยงานภาครัฐเพอื่ ดาเนินงานเก่ียวกับ
NQI ขึ้น แต่กระจายอยู่ในหลายหน่วยงานท้ังระดับกรมและระดับกอง มีขอบข่ายความรับผิดชอบ
ไม่ชดั เจนเกดิ ความซ้าซอ้ น โครงสร้างการดาเนินงานของหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ยงั ขาดความเช่ือมโยงเปน็ ระบบ
ท่ีมีความเก้ือกูลกัน รวมถึงความสามารถในการดาเนินงานบางด้าน ยังขยายไปไม่ทันกับการพัฒนา
อุตสาหกรรมและบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไปของ NQI จึงจาเป็นต้องเสริมสร้างความเข้มแข็ง สร้างความ
เช่ือมโยง และยกระดับความรู้ความเข้าใจและความรับรู้ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพ่ือปรับตัวให้สามารถ
รองรับสถานการณ์ท่ีเปล่ียนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซ่ึงเป็นปัญหารากฐาน ในการทางานซ้าซ้อน
ขาดประสิทธิภาพของหน่วยงานต่าง ๆ ในระบบ ซ่ึงส่งผลให้เกิดปัญหาข้างต้น ดังนั้นการจัดการปัญหา
อย่างยั่งยืนจึงควรจัดกำรในระบบรำกฐำนของปัญหำ โดยกำรพัฒนำกฎหมำยใหม่ตำมข้อเสนอ

คณะทำงำนสมุดปกขำว“ กำรปฏิรูปกำรพัฒนำโครงสร้ำงพื้นฐำนทำงคุณภำพของประเทศ

(National Quality Infrastructure: NQI)” ซึ่ง นาย ดาริ สุโขธนัง ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ

มาตรวิทยาแห่งชาติและคณะได้ยกร่างขึ้นภายใต้การสนับสนุนของสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยยกร่ำงพระรำชบัญญัติโครงสร้ำงพ้ืนฐำนทำงคุณภำพของ

ประเทศใหเ้ ปน็ กฎหมำยแม่ (Basic law) โดยมสี าระสาคัญ คือ

๑) กาหนด วัตถุประสงค์ หลักการ ขอบเขต โครงสร้าง องค์ประกอบและ
ความสมั พันธ์ระหว่างองคป์ ระกอบของโครงสร้างพ้นื ฐานทางคุณภาพของประเทศ

๒) กาหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายโครงสร้างพ้ืนฐานทางคุณภาพของ
ประเทศให้มีหน้าท่ีในการกาหนดนโยบายและทิศทางในการพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานทางคุณภาพของ
ประเทศรวมท้งั การกากบั ดูแล

๒๔๖

๓) กาหนดให้คณะกรรมการนโยบายโครงสรา้ งพืน้ ฐานทางคณุ ภาพของประเทศ
จัดทาแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศและเชื่อมโยงแผนแม่บทฯกับแผนพัฒนา
เศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ และแผนหลกั ของชาติด้านอื่น ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง

๔) กาหนดให้องค์กรหลักของโครงสร้างพ้ืนฐานทางคุณภาพของประเทศมพี ันธกิจ
หลักดา้ นเดยี วแตค่ รอบคลมุ ทกุ มติ ิ คือ

(๑) พฒั นาความสามารถเฉพาะในด้านนนั้
(๒) สรา้ งการยอมรบั ตามข้อตกลงระหว่างประเทศ
(๓) จดั ทาแผนยุทธศาสตรเ์ ฉพาะดา้ นให้สอดคลอ้ งกบั ขอ้ ๓)
(๔) พฒั นาบทบาทของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศท่เี กยี่ วขอ้ ง
(๕) ประสานงานและบรู ณาการกับองค์กร NQI อื่น
๕) กาหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงสร้างพื้นฐานทาง
คณุ ภาพของประเทศอย่างสมา่ เสมอ
๖) กาหนดให้มีการประเมินความพร้อม สมรรถนะและประสิทธิภาพของ
โครงสร้างพืน้ ฐานทางคุณภาพของประเทศเป็นระยะ
๔.๕.๒.๒ พระราชบญั ญัตมิ าตรฐานสนิ ค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑
พระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ มีสาระสาคัญ
คือ การกาหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรท่ไี ม่มกี ฎหมายบัญญัติไวโ้ ดยเฉพาะ เชน่ พชื สมนุ ไพร ทั้งมาตรฐาน
บังคับและมาตรฐานทั่วไป การตรวจสอบและรองรับ การออกใบอนุญาตผู้ผลิต นาเข้า ส่งออก
โดยได้ออกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่ือง กาหนด มาตรฐานสนิ ค้าเกษตร: พืชสมุนไพรแห้ง
เล่ม ๑ - ๕ เป็นมาตรฐานภาคสมัครใจ นอกจากนั้นยังมีมาตรฐานด้านกระบวนการภาคสมัครใจด้วย
เช่น ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่ือง กาหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร: การปฏิบัติทาง
การเกษตรที่ดีสาหรับพืชสมุนไพรตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ (มาตรฐาน
เลขท่ี มกษ. ๓๕๐๒ - ๒๕๖๑) โดยดาเนินการกาหนด มาตรฐานการปฏิบตั ิทางการเกษตรท่ีดี หรือ GAP
พชื สมุนไพรครอบคลุมการตรวจสอบรับรองพืชสมนุ ไพร รวม ๔๑ ชนิด (ขณะน้ีอยู่ระหวา่ งการจดั ทาค่มู ือ
ประกอบการปฏิบัติตามมาตรฐาน GAP พืชสมุนไพร จานวน ๓ ชนดิ ได้แก่ ฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน และ
กระชายดา) รวมทั้งได้มีการพัฒนาและยกระดับเจ้าหน้าท่ีผู้ตรวจประเมินสู่ความเป็นมืออาชีพให้
เหมาะสมกับสถานการณ์การเปล่ียนแปลงปัจจุบันรองรับการดาเนินการถ่ายโอนภารกิจด้านการ
ตรวจสอบและรับรองตามมาตรฐาน โดยสานักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.)
ได้ดาเนนิ การพฒั นาศักยภาพหน่วยตรวจสอบและรับรอง (CB/IB) เพ่ือรองรบั ระบบการตรวจสอบรับรอง
ตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสาหรับพืชสมุนไพร (มกษ. ๓๕๐๒-๒๕๖๑) และมาตรฐาน
สินค้าเกษตร เร่ือง เกษตรอินทรีย์: การผลิต แปรรูป แสดงฉลาก และจาหน่ายผลิตผลและผลิตภัณฑ์
เกษตรอนิ ทรีย์ (มกษ. ๙๐๐๐-๒๕๖๔) ใหแ้ ก่หนว่ ยตรวจสอบรับรองท้งั ภาครัฐและเอกชน โดยมุ่งเนน้ การ
สร้างองค์ความรู้ด้านการตรวจสอบและรับรองตามมาตรฐานส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นต่อการผลิตสินค้า
เกษตรและอาหารของไทยใหเ้ ป็นที่ยอมรับของตลาดทัง้ ในประเทศและระหว่างประเทศ

๒๔๗

ขณะที่ปัญหาที่พบ คือ เกษตรกรไม่สามารถยกระดับการเพาะปลูกเพ่ือให้
ผลผลิตสมุนไพร เป็นไปตามมาตรฐานที่กาหนดข้ึน เช่น กรณีของการยกระดับมาตรฐานการปลูกให้ได้
มาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practice) นอกจากการจัดระบบกำรรบั รองมำตรฐำนหรอื สง่ เสริม

ให้ภำคเอกชนเข้ำมำให้กำรรับรองแล้ว กำรฝกึ อบรมพัฒนำ สนับสนุนสิง่ อำนวยควำมสะดวก เพ่ือให้

เกษตรกรเกิดแรงจูงใจและลดอุปสรรคในกำรปรับเปล่ียนพฤติกรรม เป็นส่ิงท่ีต้องดำเนินกำร ภำยใต้

แผนแม่บทว่ำด้วยกำรพัฒนำสมุนไพรไทย ปี ๒๕๖๐- ๒๕๖๔ ที่ครอบคลุมกำรพัฒนำสมุนไพรไทย

ต้ังแต่ต้นทำง กลำงทำง และปลำยทำง เพ่ือให้ประเทศไทยเป็นประเทศส่งออกวัตถุดิบสมุนไพร

คุณภำพและผลิตภัณฑ์สมุนไพรช้ันนำของภูมิภำคอำเซียน กำรเพ่ิมขีดควำมสำมำรถในกำรแข่งขัน

ของสมุนไพรไทยอย่ำงต่อเนื่องและเป็นระบบกำรสร้ำงควำมเชื่อม่ันกำรตรวจสอบและรับรอง

กระบวนกำรผลติ ทกุ ขั้นตอนจะนำมำสู่ควำมม่ันใจของผ้บู ริโภคในตลำดท้งั ในและต่ำงประเทศ

๔.๕.๒.๓ พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ และที่แก้ไข
เพม่ิ เตมิ

พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๘ (๑)
กาหนดให้คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) มีอานาจพิจารณากาหนด แก้ไข
และยกเลิกมาตรฐาน ปัจจุบันสานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้กาหนดมาตรฐาน
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจากสารสกัดจากพืชสมุนไพร เพ่ือประโยชน์ในการส่งเสริมอุตสาหกรรม จานวน
๑๒ มาตรฐาน ซึ่งเป็นมาตรฐานท่ัวไป (ภาคสมัครใจ) ตามมาตรา ๑๕ โดย สมอ. ยกร่างเพื่อเสนอ กมอ.
เห็นชอบและเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมลงนามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมกาหนด
มาตรฐานดังกล่าวและประกาศในราชกิจจานเุ บกษาต่อไป โดยผู้ใดทาผลิตภัณฑอ์ ุตสาหกรรมท่ีมปี ระกาศ
กาหนดมาตรฐานดังกล่าวแล้ว ประสงค์จะแสดงเคร่ืองหมายมาตรฐานกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมน้ัน ให้
ย่นื คาขอต่อ สมอ. และให้พนกั งานเจา้ หน้าทตี่ รวจสอบและได้รบั ใบอนุญาตจากเลขาธิการ สมอ. ก่อนนา
ผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรมนั้นออกจากสถานท่ีผลติ ตามมาตรา ๑๖ จงึ จะสามารถแสดงเคร่อื งหมายมาตรฐาน
ได้ ทัง้ น้ีปจั จบุ ันยังไมม่ ีผู้ใดได้รับใบอนุญาตแสดงเครอื่ งหมายมาตรฐานกับผลติ ภัณฑอ์ ุตสาหกรรมดังกลา่ ว

การกาหนดมาตรฐานมีกลไกขั้นตอนและหน่วยงานรับผิดชอบระบุชัดเจนใน
กฎหมาย ๒ ฉบับข้างต้น (พระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ และ พระราชบัญญัติ
มาตรฐานผลิตภณั ฑ์อตุ สาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑) แต่การสง่ เสรมิ ให้เกษตรกรและผู้ประกอบการใหส้ ามารถ
ปฏิบัติได้ตามกฎหมายเป็นความผิดชอบของหน่วยงานท่ีรักษากฎหมายด้วย อย่างไรก็ตามไม่ได้มีการ
กาหนดไว้ในบทบัญญตั ิ ว่าด้วย หมวดการส่งเสริมผู้ประกอบการ เชน่ เดียวกับพระราชบญั ญตั ิ ผลติ ภณั ฑ์
สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งกาหนดให้ผู้ประกอบการแจ้งเพื่อขอรับการสนับสนุนภายใต้ขอบเขตการ
สนับสนุนท่ีระบุไว้ ดังน้ันส่ิงท่ีควรดาเนินการ คือ เพ่ิมกำรกำหนดควำมรับผิดชอบท่ีเก่ียวข้องกับ

กำรส่งเสริมให้เกษตรกรและผู้ประกอบกำรให้สำมำรถปฏิบัติได้ตำมกฎหมำย อันได้แก่ หน่วยงำน

ท่ีรกั ษำกฎหมำยของแต่ละฉบบั ในบทบญั ญัติวำ่ ดว้ ยหมวดกำรส่งเสรมิ ผปู้ ระกอบกำร

๒๔๘

๔.๕.๓ ความพร้อมของผู้ประกอบการ/ความสามารถในการแข่งขันอันส่งผลต่อคุณภาพ
ผลติ ภัณฑ์และความเช่อื มั่น

จากข้อค้นพบในหัวข้อ ๔.๒ ท่ีพบว่าเกษตรผู้ปลูกสมุนไพรส่วนใหญ่ซึ่งเป็นเกษตรกร
รายย่อยยังขาดองค์ความรู้และทักษะที่เหมาะสมในการผลิตสมุนไพรให้ได้ประสิทธิภาพ ประกอบกับ
ผ้ปู ระกอบการในธุรกิจผลิตภัณฑ์สมุนไพรขาดความพร้อมและความเข้าใจเก่ียวกับกฎระเบียบการขออนุญาต
และยังไม่เข้าใจและไม่เห็นความสาคัญของการควบคุมคุณภาพ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย
หรอื วสิ าหกิจชุมชนส่วนใหญ่ผลติ สมนุ ไพรและผลติ ภัณฑต์ ามมาตรฐานทตี่ รงตามขอ้ กาหนดของกฎหมาย
ได้ยาก ส่งผลให้สถานประกอบการผลิตที่ได้มาตรฐานยังมีน้อย ซึ่งมีผลต่อคุณภาพและความเชื่อม่ันของ
ผู้บริโภค นอกจากน้ันยังพบปัญหาต้นทุนการผลิตสารสกัดจากสมุนไพรของไทยสูง ทาให้ไม่สามารถ
แข่งขันกับต่างประเทศได้ เพราะต้นทุนการผลิตสูง (แอลกอฮอล์) รวมท้ังอุปกรณ์และเคร่ืองมือใน
ห้องปฏบิ ัติการมีราคาสูง และสถานท่ใี หบ้ ริการการผลิตสารสกดั มจี ากัดไมเ่ พยี งพอต่อการใชป้ ระโยชน์

ดงั นัน้ จึงจาเป็นต้องพิจารณา กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และขอ้ บงั คบั ท่ีเกีย่ วข้องกับ ๑)
สิทธิในการได้รับการส่งเสรมิ พัฒนาศกั ยภาพ โดยเฉพาะผปู้ ระกอบการรายเลก็ ๒) การลดตน้ ทุนการผลิต
ที่จาเป็นในอุตสาหกรรมสมุนไพร ๓) การเข้าถึงแหล่งทุนในการพัฒนา และ ๔) ศักยภาพในการสร้าง
นวัตกรรม โดยมีรายละเอียดดังน้ี

๔.๕.๓.๑ พระราชบัญญัตผิ ลิตภัณฑส์ มนุ ไพร พ.ศ. ๒๕๖๒
ประเด็นที่ ๑ ในหมวด ๑๑ การส่งเสริมผู้ประกอบการตามพระราชบัญญัติ

ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ มีสาระสาคัญ กาหนดให้ผู้ประกอบการแจ้งต่ออธิบดี เพ่ือขอรับสิทธิใน
การได้รับการสง่ เสรมิ ความสามารถ ไดแ้ ก่

๑) สนับสนุนการประกอบกิจการตามความพร้อมและความต้องการของ
ผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร หรือให้ความช่วยเหลือในการ
ศึกษาวิจัย เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ ท้ังในด้านการส่งเสริมการเพาะปลูก การเพาะเล้ียง การ
ส่งเสรมิ คณุ ภาพ การผลติ การจัดการ และการตลาด

๒) ส่งเสริมการรวมตัวหรือความร่วมมือกันระหว่างผ้ปู ระกอบการกบั ภาคธุรกิจ
หรืออตุ สาหกรรมอืน่

๓) ลดหรอื ยกเว้นค่าธรรมเนยี มตามท่ีกาหนดทา้ ยพระราชบัญญตั ิน้ี
๔) ใหค้ าปรึกษาในการปฏบิ ัตติ ามหลกั เกณฑ์ มาตรฐาน หรอื การเตรียมเอกสาร
ทางวิชาการเกี่ยวกับการผลิตหรือการขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร การขอรับการประเมินรับรองมาตรฐาน
การขอขนึ้ ทะเบียนตารับ การแจ้งรายละเอียด หรอื การจดแจ้งผลติ ภณั ฑส์ มุนไพรท่ีจะผลิต โดยไม่ต้องเสยี
ค่าใช้จ่าย
๕) อบรมพัฒนาศักยภาพในการประกอบการให้สามารถปฏิบัติตามมาตรฐาน
ท่ีกฎหมายกาหนด โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการอบรม ท้ังนี้ให้เป็นไปตามหลักสูตรที่อธิบดี
ประกาศกาหนด
๖) ให้ประชาสัมพันธ์เอกสารคาแนะนา คู่มือ หนังสือวิชาการ หรือเอกสารอื่น
ใดท่สี ่วนราชการจัดทาขน้ึ เพื่อเผยแพรค่ วามรู้ พัฒนาศักยภาพผ้ปู ระกอบการ โดยไม่ตอ้ งเสียคา่ เอกสาร
๗) สิทธแิ ละประโยชน์อน่ื ตามที่คณะกรรมการนโยบายกาหนด

๒๔๙

โดยการได้รับการส่งเสริมตามข้อ ๑)-๗) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเง่ือนไขท่ีคณะกรรมการนโยบายกาหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซ่ึงประกาศ
คณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติได้กาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการขอรับสิทธิ
อย่ำงไรก็ตำมควรจะครอบคลุมไปถึงกำรกำหนดให้หน่วยงำนต่ำง ๆ ของรัฐ ตอบสนองสิทธิดังกล่ำว

ของผู้ประกอบกำรอย่ำงเป็นรูปธรรม รวมท้ังกำรรับฟังควำมเห็น เพื่อเสนอสิทธิและประโยชน์อ่ืน

เพมิ่ เติมตำมท่บี ญั ญัติใน ๗) ดังแสดงในตำรำงที่ ๙

ตารางที่ ๘ กรอบการสง่ เสรมิ เพอ่ื พฒั นาศักยภาพผู้ประกอบการและหนว่ ยงานทร่ี ับผิดชอบ

กรอบการส่งเสรมิ ผู้ประกอบการ หนว่ ยงานที่รับผิดชอบ

๑ การส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรหรือให้ความช่วยเหลือ สานักงานคณะกรรมการ

ในการศึกษาวจิ ัย สง่ เสริมวทิ ยาศาสตร์ วิจัยและ

- ด้านการส่งเสริมการเพาะปลูก การเพาะเลย้ี ง นวตั กรรม กรมวชิ าการเกษตร

- ดา้ นการสง่ เสรมิ คณุ ภาพ การผลิต การจัดการ
- ดา้ นการตลาด ฯลฯ

๒ ส่งเสริมการรวมตวั หรือความร่วมมือกนั ระหวา่ งผปู้ ระกอบการ กรมการแพทยแ์ ผนไทยและ

กับภาคธุรกจิ หรอื อตุ สาหกรรมอืน่ การแพทยท์ างเลอื ก

๓ ลดหรือยกเว้นคา่ ธรรมเนยี ม กรมการแพทย์แผนไทยและ

การแพทย์ทางเลือก และ

สานกั งานคณะกรรมการ

อาหารและยา

๔ ให้คาปรกึ ษาในการปฏิบตั ติ ามหลักเกณฑ์ มาตรฐาน หรอื การ สานักงานคณะกรรมการ

เตรยี มเอกสารทางวชิ าการ อาหารและยา

๕ อบรมพฒั นาศักยภาพในการประกอบการ กรมการแพทย์แผนไทยและ

การแพทยท์ างเลือก

๖ เอกสารคาแนะนา คมู่ อื หนงั สอื วชิ าการ หรอื เอกสารอน่ื ใดท่ี สานักงานคณะกรรมการ

สว่ นราชการจัดทาขนึ้ เพอื่ เผยแพรค่ วามรู้ อาหารและยา

ประเด็นที่ ๒ การเปิดให้มีการใช้สถานท่ีร่วมชัดเจนในพระราชบัญญัติ (ประมวล
กฎหมายผลิตภัณฑ์สุขภาพ) ปัจจุบันพืชสมุนไพร หรือ สารสกัดสมุนไพร สามารถนาไปใช้ในการผลิต
ผลิตภัณฑ์สุขภาพได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เคร่ืองสาอาง หรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรอ่ืน ๆ ซึ่งถูก
กากับดูแลโดยกฎหมายท่ีแตกต่างกัน เพื่อเป็นการลดต้นทุนในกระบวนการผลิต หากสามารถใช้สถานที่
ในการผลิตร่วมกันได้ในสถานที่เดียวกันแม้จะต่างผลิตภัณฑ์ ต่างกฎหมาย จะทาให้เกิดความประหยัด
และเพ่ิมขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างชาติ อย่างไรก็ดียังไม่มีบทบัญญัติในพระราชบัญญัติ

ผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาหาร เคร่ืองสาอาง กาหนดสาระสาคัญของหลักการดังกล่าวไว้อย่างชัดเจน

๒๕๐

จงึ ทาให้การนาหลักการใช้สถานทร่ี ่วมมาใช้ มีความไม่สะดวกในการอนุมัติ อนุญาต ในกำรน้ีจึงเห็นควร

ที่จะกำหนดให้มีบทบัญญัติว่ำด้วยกำรอนุญำตให้ใช้สถำนท่ีร่วมกันดังกล่ำวไว้ในกฎหมำยทั้ง ๓ ฉบับ

ตอ่ ไป

๔.๕.๓.๒ พระราชบัญญัติส่งเสริมวิ สาหกิจชุมชน (ฉบับท่ี ๒)พ.ศ. ๒๕๖๒
และพระราชบญั ญัติกองทุนหมบู่ า้ นและชมุ ชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗

การส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะวิสาหกิจชุมชนน้ัน จาเป็น
อย่างย่ิงท่ีหน่วยงานภาครัฐต้องให้การส่งเสริมอย่างเหมาะสม รวมทั้งการร่วมบูรณาการ จากหลาย

หน่วยงาน ซึ่งตามมาตรา ๒๔ ของกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน กาหนดให้มีคณะกรรมการ
สง่ เสรมิ วิสาหกจิ ชุมชน ซ่งึ มกี รมส่งเสรมิ การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณเ์ ปน็ สานกั งานเลขานกุ าร
มีหน้าท่ีและอานาจจัดทาแผนการพัฒนาและส่งเสริมกิจการวิสาหกิจชุมชน ประสานงานกับหน่วยงาน

ท้ังภาครัฐ/ภาคเอกชนและกองทุนที่เกี่ยวข้องกับกิจการวิสาหกิจชุมชน (เช่น กองทุนหมู่บ้าน
ซ่ึงมีพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ กากับอยู่) เพื่อให้การส่งเสริม
กจิ การวสิ าหกิจชมุ ชนเป็นไปอย่างมเี อกภาพและมปี ระสิทธภิ าพ ควรจัดใหม้ ขี อ้ มูลสถติ เิ ก่ียวกบั วิสำหกิจ

ชุมชน รวมท้ังวิเครำะห์ปัญหำและอุปสรรค และจัดให้มีกำรอบรมให้ควำมรู้แก่วิสำหกิจชุมชนอย่ำง

ตอ่ เน่ือง โดยปัจจุบนั ยังอยใู่ นขั้นตอนการจัดทาแผนการพัฒนาและส่งเสรมิ กจิ การวสิ าหกิจชุมชนฉบบั ใหม่

๔.๕.๓.๓ พระราชบัญญตั สิ ง่ เสรมิ วิสาหกจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม พ.ศ. ๒๕๔๓

การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมน้ัน ดาเนินการโดยสานักงาน
สง่ เสรมิ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ซึ่งได้ถกู จัดตั้งข้นึ ตามพระราชบัญญัติสง่ เสริมวิสาหกิจ

ขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ มีสถานะเป็นหน่วยงานของรัฐภายใต้การกากับดูแลของ
คณะกรรมการ ๒ คณะ ประกอบด้วย ๑) คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
มีอานาจหน้าที่ในการกาหนดนโยบายและแผนการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พร้อมทั้ง
กากบั การดาเนนิ งานของคณะกรรมการบรหิ ารสานกั งานส่งเสริมวสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดย
มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีได้รับมอบหมายให้ทาหน้าท่ีแทน และมี

ผู้อานวยการสานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นกรรมการและเลขานุการ ๒)
คณะกรรมการบริหารสานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีอานาจหน้าที่วางนโยบาย

บริหารงาน ควบคุม กากับดูแลและรับผิดชอบในกิจการของ สสว. โดยมีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็น
ประธานกรรมการ และผู้อานวยการสานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นกรรมการและ

เลขานุการ อย่ำงไรก็ตำมพบว่ำแผนงำนส่งเสริมวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม

รำยสำขำนั้น ไม่มีสำขำท่ีเกี่ยวกับอุตสำหกรรมด้ำนผลิตภัณฑ์จำกสมุนไพรเป็นกำรเฉพำะ

ภำยใต้ (ร่ำง) แผนกำรส่งเสริมวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม ฉบับท่ี ๕ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๗)

จึงเห็นควรเสนอใหม้ ีกำรจัดทำแผนฯ ขึน้ เป็นกำรเฉพำะรำยสำขำ

๒๕๑

๔.๕.๓.๔ ร่างประกาศกรมสรรพสามิต เรื่องให้สิทธิเสียภาษีในอัตราศูนย์สาหรับสุรา
สามทบั ทนี่ าไปใชใ้ นอุตสาหกรรมผลิตภณั ฑส์ มุนไพร

กระบวนการผลิตสารสกัดจากสมุนไพร มักจะใช้แอลกอฮอล์เป็นตัวทาละลาย
เพื่อสกัดสารสาคัญออกจากสมุนไพร ดังนั้นราคาแอลกอฮอล์จึงเป็นปัจจัยการผลิตที่สาคัญ การลดภาษี
สรรพสามติ จึงชว่ ยทาให้ต้นทุนการผลติ สารสกัดลดลง และทาใหอ้ ุตสาหกรรมสมนุ ไพรสามารถแขง่ ขันได้
ในช่วงเร่ิมต้น เป็นการส่งเสริมการผลิตสารสกัดและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ช่วยลดหรือทดแทนการ
นาเข้าสารสกัดจากต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นการสง่ เสริมเกษตรกรอกี ทางหนง่ึ ซ่งึ ช่วยให้เกษตรกรมรี ายได้
เพม่ิ ข้ึนจากการปลูกสมนุ ไพร

สุราสามทับ (แอลกอฮอล์) คือ สุรากล่ันท่ีมีแรงแอลกอฮอล์ตั้งแต่ ๘๐ ดีกรีข้ึนไป
ซึ่งผลิตเพื่อนาไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมทั้งเป็นวัตถุดิบในการผลิตสุราด้วย ซ่ึงสุราสามทับเป็น
“สินค้า” ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้กาหนดสินค้าสุราไว้ตอนท่ี ๑๓
ในบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตท้ายพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ผู้ประกอบ
อุตสาหกรรมและผ้นู าเขา้ สุราสามทบั (แอลกอฮอล์) ตอ้ งปฏิบัติตามท่กี ฎหมายกาหนดรวมทั้งตอ้ งเสยี ภาษี
สรรพสามิตตามอัตราภาษีที่กาหนดในกฎกระทรวงกาหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับท่ี ๒)
พ.ศ. ๒๕๖๐ ลงวันท่ี ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ ออกตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐
ในอัตราตามปริมาณลิตรละ ๖ บาทแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ดังนั้น เพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้รับสิทธิ
ทางภาษี คือ องค์การสุรา กรมสรรพสามิต ที่ขายสุราสามทับให้กับผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สุราสามทับ
เพอ่ื ผลติ สมุนไพรจากกรมสรรพสามติ และผูน้ าเข้าสรุ าสามทบั เพ่ือผลิตสมนุ ไพรไดร้ ับสิทธิเสยี ภาษีใน
อัตราศูนย์บาทต่อลิตร เป็นการลดต้นทุนทางภาษี และสนับสนุนให้ผู้ใช้สุราสามทับสาหรับทา
ผลิตภณั ฑส์ มนุ ไพรได้ตามหลกั เกณฑ์ ดงั นี้

๑) ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ตามพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒
ประกอบไปด้วยกลุม่ อตุ สาหกรรมสมนุ ไพร เครือ่ งสาอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาหารและยา

๒) คุณสมบัติและเง่ือนไขของอุตสาหกรรมสมุนไพรท่ีได้รับสิทธิประโยชน์
ตามพระราชบัญญัตผิ ลิตภณั ฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบด้วยผูป้ ระกอบการสมุนไพรวิสาหกิจชุมชน
ขนาดกลางและขนาดย่อม และผู้ประกอบการที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน เช่น มาตรฐานวัตถุดิบ (GAP, PGS,
มาตรฐานเกษตรอนิ ทรยี ์) มาตรฐานการผลิต (HACCP, GMP) และมาตรฐานผลิตภัณฑ์ (มผช. และ มอก.)

๓) การนาสุราสามทับไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตภณั ฑ์สมนุ ไพร
(๑) เป็นตัวทาละลายวัตถุดิบหรือสารเคมีท่ีใช้ในอุตสาหกรรมท่ีเกี่ยวข้อง

กับสุขภาพ
(๒) เป็นตัวสกัดสมุนไพร โดยวิธีการแช่ หรือใช้เทคโนโลยี (สตรีม)

โดยการทาให้แอลกอฮอล์หรือน้าใหเ้ ดือด แล้วอดั ฉีดเข้าไปในผงสมุนไพร
(๓) การสกัดด้วยแอลกอฮอล์ จะสามารถควบแน่นกลับมาใช้ใหม่

ได้แค่ร้อยละ ๗๐ เพราะหากนากลับมากกว่านั้น จะเร่ิมใช้พลังงานไม่คุ้มค่าในการควบแน่น
ซึ่งเป็นการสูญเสียระหว่างกระบวนการผลิตร้อยละ ๑๐ และติดอยู่กับสารสกัดร้อยละ ๒๐%
เม่ือนาไปทา Spray Dry แอลกอฮอล์จะระเหยไปหมด ดังนั้นในกระบวนการสกัดใหม่จะต้องเติม
แอลกอฮอลเ์ ข้าไปอกี รอ้ ยละ ๓๐ หรอื ๑ ใน ๓

๒๕๒

ซึ่งเม่ือประกาศฯ ฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้จาเป็นต้องมีการประชาสัมพันธ์
และประเมินผลสมั ฤทธ์ิของการออกกฎระเบียบตอ่ ไป

๔.๕.๔ การตลาด การประชาสมั พันธ์ การส่งเสรมิ การขาย และการส่งออก
จากปัญหาอุปสรรคท่ีเก่ียวข้องกับการตลาด การประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขาย

และการส่งออก ท่ีพบว่าการประชาสัมพันธ์/การโฆษณาสรรพคุณผลิตภัณฑ์สมุนไพรทาได้อย่างจากัด
ขณะท่ีผลิตภัณฑ์สมุนไพรบางส่วนมีการโฆษณาสรรพคุณเกินจริง กอปรกับประชาชนและผู้บริโภคมีการ
รับรู้เกี่ยวกับเคร่ืองหมายรับรองคุณภาพและมาตรฐานสาหรับผลิตภัณฑ์สมุนไพรมีอยู่อย่างจากัด อีกท้ัง
การประชาสัมพันธ์ การสื่อสาร และการบริหารจัดการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สมุนไพรและการบริการทาง
การแพทย์แผนไทย ให้ประชาชนเข้าสู่ระบบของสานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติยังไม่แพร่หลาย
ยาแผนไทย/ยาท่ีพัฒนาจากสมุนไพรเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติมีจานวนน้อย นอกจากนี้ยังพบว่า
ผปู้ ระกอบการต้องใช้เวลานานในการศึกษาข้อกฎหมาย/ระเบียบเพ่ือการสง่ ออกผลติ ภัณฑส์ มนุ ไพร และ
ใบรับรองผลการวิเคราะห์คุณภาพสินค้า (Certificate of Analysis, COA) สาหรับการส่งออกมีค่าใช้จ่ายสูง
และใช้เวลานาน ล้วนแล้วแต่ส่งผลให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพรได้ในวงแคบไม่เป็นท่ีแพร่หลาย
รวมท้ังยังส่งผลกระทบต่อมูลค่าตลาดและการส่งออกผลิตภัณฑ์สมุนไพรของไทยโดยรวมอีกด้วย ดังน้ัน
จึงจาเป็นต้องพิจารณา กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับ ๑) ประสิทธิภาพการ
กากับดูแลการโฆษณาโอ้อวด/เกนิ จรงิ ๒) การผ่อนปรนความเข้มงวดของหลกั เกณฑ์การอนญุ าตโฆษณา
๓) การส่งเสริมและลดอุปสรรคในการสั่งใช้ยาจากสมุนไพรในระบบหลักประกันสุขภาพ ดังรายละเอียด
ต่อไปนี้

๔.๕.๔.๑ พระราชบญั ญตั ผิ ลิตภณั ฑส์ มุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒
ในบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๑๒๑ ซึง่ กาหนดใหบ้ รรดาความผิดตามพระราชบญั ญัตินี้ท่ีมีโทษปรบั สถานเดียวหรือเป็นความผิด
ที่มีโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน ให้เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาหรือผู้ซึ่งเลขาธิการมอบหมาย
มอี านาจเปรียบเทยี บได้ ซึ่งโทษการโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต และ/หรือโฆษณาในลักษณะต้องห้ามฝ่าฝืน
มาตรา ๗๐ และ ๗๔ น้ัน ระวางโทษจาคุกไมเ่ กิน ๑ ปี จึงไม่สามารถเปรียบเทยี บปรับได้ตอ้ งส่งพนักงาน
สอบสวนดาเนนิ การ ดังน้ันเพ่ือให้การลงโทษเปรียบเทียบปรับได้รวดเร็ว อนั ส่งผลต่อการหยุดพฤตกิ รรม
การการกระทาผิด จึงขอเสนอปรับแก้กฎหมาย เพื่อให้สานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
สามารถมีอานาจเปรียบเทียบปรับได้เช่นเดียวกับกฎหมายฉบับอื่นที่อยู่ในความรับผิดชอบของ อย.
กล่าวคือ ให้แก้ไขมำตรำ ๑๒๑ ดังรำยละเอียดที่ได้กล่ำวในข้ำงต้น โดยปรับแก้ไขเป็น “กำหนดให้

บรรดำควำมผดิ ตำมพระรำชบัญญตั ินีท้ ่มี โี ทษปรบั สถำนเดยี ว หรือเปน็ ควำมผิดท่มี โี ทษจำคุกไม่เกนิ หน่งึ ปี

ให้เลขำธิกำรคณะกรรมกำรอำหำรและยำหรือผู้ซึ่ งเลขำธิกำรมอบหมำยมีอำนำจเปรียบเทียบได้ ”

ท้ังนี้ตำมหลักเกณฑ์ วิธีกำร และเงื่อนไขท่ีคณะกรรมกำรประกำศกำหนด เพื่อให้ อย. มีอำนำจ

เปรียบเทียบปรับในกรณีของกำรโฆษณำผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ได้รับอนุญำตซึ่งฝ่ำฝืนมำตรำ ๗๐

หรือมำตรำ ๗๔ ได้ ซ่งึ จะทำให้ อย. สำมำรถดำเนินกำรตำมกฎหมำยกับผู้กระทำผดิ ไดร้ วดเรว็ ย่ิงข้นึ

๒๕๓

๔.๕.๔.๒ ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๕๑

การเพ่ิมรายการยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ เป็นหนึ่งในมาตรการ
ส่งเสริมการใช้ยาจากสมุนไพรในระบบหลักประกันสุขภาพ ซ่ึงกลไกการคัดเลือกยาเข้าบัญชียาหลัก
แห่งชาตินั้นอยู่ภายใต้ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑
มีสาระสาคัญ คือ การตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เพ่ือทาหน้าท่ีกาหนดนโยบายแห่งชาติ
ด้านยาและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ จัดทาบัญชียาหลักแห่งชาติ และอ่ืน ๆ เพ่ือให้
การกาหนดนโยบายแห่งชาตดิ ้านยาและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแหง่ ชาติเปน็ ไปอย่างมรี ะบบ
และมปี ระสิทธภิ าพ

ใน ส่ ว น ข องก าร พั ฒ น าบัญ ชียา ห ลัก แ ห่ ง ชา ตินั้ น ไ ด้ มีกา ร แ ต่ งต้ั ง
คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร แยกออกจากอนุกรรมการพัฒนาบัญชี
ยาหลักแห่งชาติของยาแผนปัจจุบัน ปัจจุบันมีรายการยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ
จานวนท้ังสิ้น ๙๔ รายการ ทัง้ ยาแผนไทยและยาพฒั นาจากสมนุ ไพร โดยการพิจารณาคดั เลอื กยาเปน็ ไป
ตามหลกั การที่กาหนดไวข้ ้างตน้ โดยครอบคลุมเกณฑ์ทัง้ ๓ ประการ ดงั น้ี

๑) เปน็ รายการยาทีม่ สี รรพคณุ /ขอ้ บ่งใช้ ที่
(๑) เม่ือเปรียบเทียบกับรายการยา/สูตรยาในบัญชียาจากสมุนไพรเดิม

หรือมาตรฐานการรักษาเดมิ แล้วดีกว่า หรือเป็นทางเลอื กในการรกั ษา หรอื
(๒) ไมเ่ คยมีอยู่ในบัญชยี าจากสมุนไพรเดิม หรือ
(๓) เป็น ร ายการ ท่ีใช้ทด แ ทน ห รื อเสริ มการรั กษาแ ผน ปัจจุบัน

หรือไม่สามารถใชย้ าแผนปัจจุบนั ได้
๒) เป็นรายการที่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข

หรอื หมอพืน้ บ้าน มีประสบการณแ์ ละมคี วามจาเปน็ ต้องใชใ้ นสถานพยาบาล
๓) เ ป็ น ร า ย ก า ร ย า ที่ มี ส่ ว น ป ร ะ ก อ บ เ ป็ น ส มุ น ไ พ ร ท่ี ส า ม า ร ถ ผ ลิ ต

หรอื ปลกู ไดใ้ นประเทศหลายชนิดหรอื ปริมาณมากกวา่ รอ้ ยละ ๖๐
อย่างไรกต็ ามหลังจากมีการเปล่ียนแปลงครั้งสาคัญ โดยแยกคณะอนุกรรมการ

พัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ออกจากคณะอนุกรรมการฯ ที่รับผิดชอบคัดเลือกยาแ ผน
ปัจจุบันเข้าในบัญชียาหลักฯ และมอบหมายให้ กองผลิตภัณฑ์สมุนไพร สานักงานคณะกรรมการอาหาร
และยา รบั ผิดชอบในส่วนงานเลขานุการ รวมท้ังปรับปรงุ กลไกและกระบวนการทางานในการคดั เลือกยา
จากสมุนไพรเข้าสู่บัญชยี าหลักแห่งชาติใหม่ (ปรับปรุง ณ วันท่ี ๖ เมษายน ๒๕๖๔) ดังนั้น จึงต้องมีกำร

ตดิ ตำมและประเมินผลสัมฤทธิ์ของกำรปรบั ปรุงระบบกำรคดั เลอื ก และกฎระเบียบทีเ่ ก่ียวข้องต่อไป

๔.๕.๔.๓ ประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เร่ือง หลักเกณฑ์
การดาเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และหลักเกณฑ์
วธิ ีการ เง่ือนไขการรบั คา่ ใช้จา่ ยเพือ่ บริการสาธารณสุขของหนว่ ยบริการ

การบริหารจัดการเงินของกองทุนหลักประกันสุขภาพ เพ่ือซ้ือบริการ
ด้านสาธารณสุขให้กับประชาชนนั้นจะส่งผลกระทบต่อบริการประเภทนั้น ๆ ของหน่วยบริการต่าง ๆ

๒๕๔

โดยเฉพาะบริการการแพทยแ์ ผนไทย ซง่ึ มีการจัดสรรงบประมาณต่อรายประชากรให้หน่วยบริการ เพ่ือซอ้ื
บริการแพทย์แผนไทยให้กับประชาชน รวมถึงการสั่งจ่ายยาจากสมุนไพรให้กับผู้รับบริการด้วย ดังนั้น
จานวนงบประมาณต่อรายประชาชนจึงมีความสาคัญ เพราะอาจส่งผลให้ต่อการเข้าถึงบริการการแพทย์
แผนไทยฯ อันเป็นสิทธิของประชาชนและอัตราในการสั่งใช้ยาจากสมุนไพรในระบบหลักประกันสุขภาพ
อีกด้วย ดังนั้น จึงต้องมีกำรประเมินผลของหลักเกณฑ์ดังกล่ำวอย่ำงต่อเน่ือง เพื่อให้เกิดกำรจัดสรร

งบประมำณที่เหมำะสม นอกจำกน้ันหำกแยกกำรบริหำร “ค่ำยำจำกสมุนไพร” ออกจำกบริกำร

ทำงกำรแพทย์แผนไทยอนื่ ๆ เช่ือว่ำจะทำให้กำรสั่งใชย้ ำจำกสมุนไพรเป็นไปตำมมำตรฐำนกำรรักษำ

มำกข้ึน และส่งเสรมิ ให้เกดิ ควำมนยิ มและเชอ่ื ม่นั ยำจำกสมนุ ไพรในหมขู่ องประชำชนมำกย่งิ ข้ึน

๔.๕.๕ บคุ ลากรทางการแพทย์ผู้สัง่ ใช้
จากปัญหาการไม่ยอมรับและขาดความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์สมุนไพรเนื่องจากผลิตภัณฑ์

สมุนไพรส่วนใหญ่ขาดข้อมูลรับรองจากการทดลองทางคลินิก การเข้าถึงและการใช้บริการการแพทย์
แผนไทยยังมีน้อย การขาดการเช่ือมโยงกับมาตรฐานการรักษาระหว่างการบริการทางการแพทย์
แผนไทย/แผนไทยประยุกต์ที่ส่งผลให้มีการใช้ผลิตภณั ฑ์สมุนไพรในการรักษามีน้อย ดังน้ันจึงจาเป็นต้อง
พิจารณา กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และข้อบังคับ ที่เก่ียวข้องกับ ๑) การพัฒนาสมรรถนะ
ความเช่ียวชาญในการสั่งใช้ยาจากสมุนไพรและการวิจัยพัฒนายาจากสมุนไพรนวัตกรรมใหม่ ๆ
ผ่านการศึกษาวิจัยทางคลินิกอันเป็นที่ยอมรับ ๒) การส่งเสริมบทบาทการแพทย์แผนไทย
โดยเชื่อมโยงกบั การแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั ในระบบหลกั ประกนั สุขภาพ

จากการวิเคราะห์ในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และข้อบังคับ
พบว่า วิชาชีพทางการแพทย์ที่สั่งใช้ยาจากสมุนไพรนั้นจะอยู่ภายใต้การกากับดูแลของสภาวิชาชีพ
ตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ พระราชบัญญัติวิชาชีพ
เวชกรรม พ.ศ. ๒๕๒๕ พระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. ๒๕๓๗ เป็นต้น โดยสาระสาคัญ
ของกฎหมายวิชาชีพน้นั จะมีคณะกรรมการประกอบดว้ ยคนในวชิ าชีพนั้น ๆ มีอานาจหนา้ ท่ใี นการกากับ
ดูแลจรรยาบรรณวชิ าชพี และมีข้อบังคบั ต่าง ๆ ในการพฒั นาสมรรถนะและความเชีย่ วชาญภายในวิชาชพี เชน่
ในกรณีสภาเภสัชกรรมได้มีการจัดตั้ง “วิทยาลัยเภสัชกรรมสมุนไพรแห่งประเทศไทย” ข้ึน
เพ่ือบริหารและจัดการเรียนการสอน การฝึกอบรม ให้ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมมีความรู้
ความชานาญในการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม สาขาเภสัชกรรมสมุนไพร ซ่ึงเป็นเรื่องเฉพาะทาง
ต่อยอดจากท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตรปริญญาตรีเภสัชศาสตรบัณฑิต อันเป็นการส่งเสริมการศึกษา
และเป็นการพฒั นาความรคู้ วามชานาญดา้ นเภสชั กรรมสมนุ ไพรแผนปจั จุบนั ให้กบั ผู้ประกอบวิชาชพี เภสัชกรรม
ตามทกี่ าหนดไว้พระราชบญั ญัติวชิ าชพี เภสัชกรรม พ.ศ. ๒๕๓๗ และฉบับแกไ้ ขเพม่ิ เติมและเป็นการตอบสนอง
แผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับท่ี ๑ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔ ในส่วนที่เก่ียวข้อง
กับสภาเภสัชกรรมด้วย นอกจากนั้นยังมีระบบการเก็บ “หน่วยกิตการศึกษาต่อเนื่อง” เพื่อส่งเสริม
ให้คนในวิชาชีพมีการเรียนรคู้ วามรูท้ างเภสัชศาสตรใ์ หม่ ๆ อยา่ งตอ่ เนอื่ งผา่ นการฝึกอบรมอย่างเหมาะสม

๒๕๕

ดังน้ัน กลไกภำยใต้สภำวิชำชีพ โดยเฉพำะกำรฝึกอบรม ข้อบังคับเรื่องกำรศึกษำ

ต่อเนื่อง กำรมีวิทยำลัยสร้ำงควำมชำนำญเฉพำะ เชื่อว่ำจะช่วยเพิ่มควำมมั่นใจในกำรสั่งใช้ยำ

จำกสมุนไพรมำกข้ึน มีกำรศึกษำวิจัยพัฒนำนวัตกรรมยำจำกสมุนไพรทำงคลินิกมำกขึ้น อีกท้ังยัง

สำมำรถออกแบบกำรพัฒนำสมรรถนะให้เช่ือมโยงกำรแพทย์แผนไทยและกำรแพทย์แผนปัจจุบัน

เขำ้ หำกนั ได้อกี ดว้ ย

๔.๕.๖ การวจิ ยั พฒั นานวตั กรรมและทรัพย์สินทางปัญญา
จากปัญหาอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยพัฒนานวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา

ได้แก่ ๑) ผู้ประกอบการสมุนไพรรายย่อยมีเงินทุนในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่เพียงพอ
๒) งานวิจัยด้านการผลิตสารสกัดจากธรรมชาติมีจานวนค่อนข้างมาก แต่เข้าถึงยาก และยังไม่สามารถ
พัฒนาเป็นยาท่ีขึ้นทะเบียนได้ ๓) ขาดความต่อเนื่องของระบบให้ทุนวิจัย โดยเฉพาะงานวิจัยด้านคลินิก
และ ๔) จานวนการจดทรัพย์สินทางปัญญายังมีน้อยและมีแนวโน้มว่าจะมีปริมาณลดลงเนื่องจากขาด
ความตระหนักรู้และความเข้าใจในการยื่นฯ กอปรกับมีศักยภาพในการเขียนสิทธิบัตรไม่เพียงพอ
จาเปน็ ต้องพจิ ารณา กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และขอ้ บังคบั ท่เี ก่ยี วข้องกบั ;

๑) จานวนทุนวจิ ัยและการเข้าถงึ
๒) การสร้างแรงจูงใจในการวิจัยพัฒนา เช่น การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากผลการวิจัย
นวัตกรรม อยา่ งเป็นธรรม สทิ ธิประโยชน์ด้านภาษี เปน็ ต้น
๓) การบรู ณาการเชอ่ื มโยงผลการวิจัยตา่ ง ๆ ไปสู่ความพร้อมในการขออนุญาต
๔) การส่งเสริมความตระหนักและศักยภาพในการเขยี น/ยื่นขอสิทธิบตั ร

ดังรายละเอียดตอ่ ไปน้ี
๔.๕.๖.๑ พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
พ.ศ. ๒๕๔๒

ตามมาตรา ๗๖ พระราชบญั ญตั คิ ุ้มครองและสง่ เสริมภูมิปญั ญาการแพทย์แผนไทย
พ.ศ. ๒๕๔๒ กาหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งเรียกว่า “กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย”
ในกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก* กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นทุนหมุนเวียน
สาหรบั ใชจ้ า่ ยเก่ียวกบั การดาเนินงานทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั การคมุ้ ครองและสง่ เสรมิ ภมู ปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทย
ดังนั้นกองทุนดังกลา่ วสามารถนามาใช้ประโยชนใ์ นการส่งเสริมการวิจัยพัฒนาผลิตภณั ฑ์ ขยายสรรพคุณ
ต่อยอดตารับยาจากภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย เพื่อการส่งเสริมและพัฒนาการใช้ประโยชน์จากภูมิ
ปัญญาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรได้ซ่ึงสอดคล้องกับอานาจหน้าท่ีของคณะกรรมการคุ้มครองและ
ส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ตามมาตรา ๖ (๒) ดังน้ันสิ่งที่ควรดาเนินการ คือ ทบทวนและ

ปรับปรุงระเบียบคณะกรรมกำรฯ ว่ำด้วยกำรบริหำรกำรใช้จ่ำยเงินกองทุนฯ โดยควำมเห็นชอบของ

กระทรวงกำรคลัง เพื่อให้เกิดควำมคล่องตัวและเอ้ือให้เกิดกำรนำไปใช้ในกำรวิจัยพัฒนำ

อย่ำงสมประโยชนจ์ ำกเจตนำรมณข์ องกฎหมำยต่อไป ซึง่ จะเป็นกำรเพิ่มแหลง่ ทุนในกำรศกึ ษำวิจยั อัน

นำไปสกู่ ำรพลิกโฉมสมุนไพรไทย

๒๕๖

๔.๕.๖.๒ พระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม
พ.ศ. ๒๕๖๔

จากปัญหาภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการมีการนางานวิจัยและนวัตกรรม
ไปใชป้ ระโยชน์คอ่ นข้างนอ้ ย กอปรกบั ขอ้ จากัดดา้ นกฎหมายและกฎระเบียบของภาครัฐที่กาหนดให้สทิ ธิ
ความเปน็ เจา้ ของผลงานวิจัยและนวตั กรรมเป็นของรัฐ ซ่ึงรฐั ขาดความเชย่ี วชาญและไม่ไดม้ ีบทบาทหนา้ ท่ี
ในการนาผลงานวจิ ยั ไปใชป้ ระโยชน์ ซง่ึ พระราชบัญญัติฉบบั นี้ไดแ้ ก้ไขปรบั ปรงุ ขอ้ จากดั ดังกลา่ ว ดงั น้ี

๑) มาตรา ๘ ซึ่งกาหนดให้ผลงานวิจัยและนวตั กรรมที่เกิดข้ึนจากทุนสนับสนุน
ของรัฐเป็นของผ้รู บั ทนุ เม่ือผู้รบั ทุนไดเ้ ปดิ เผยผลงานและแจง้ ความประสงค์จะเปน็ เจ้าของผลงานวจิ ยั และ
นวัตกรรม

๒) มาตรา ๑๒ ซ่ึงกาหนดให้ผู้รับทุนหรือนักวิจัยซ่ึงเป็นเจ้าของผลงานมีหน้าที่
บรหิ ารจัดการผลงานวจิ ยั และนวตั กรรมและรายงานการใชป้ ระโยชน์ต่อผใู้ ห้ทนุ

๓) มาตรที่ ๑๕ ซึง่ กาหนดสามารถโอนผลงานวิจัยและนวัตกรรมซ่ึงผรู้ ับทนุ หรอื
นักวิจัยเป็นเจ้าของไปเป็นของบุคคลอ่ืนได้ แต่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ให้ทุน และต้ องนาไปจด
ทะเบยี นทรพั ย์สนิ ทางปญั ญาตามกฎหมายว่าดว้ ยการนนั้ ดว้ ย (หนว่ ยงานทด่ี ูแล: กระทรวงการอดุ มศกึ ษา
วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม)

ดังน้ันพระราชบัญญัตินี้จึงถือได้ว่าเป็นกลไกสาคัญในการส่งเสริมการนา
ผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในมิติต่าง ๆ ตลอดจนแก้ปัญหาเรื่องสิทธิความเป็นเจ้าของ
ผลงานวจิ ยั ระหวา่ งหนว่ ยงานให้ทุนกับผู้รับทนุ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้มกี ารนาผลงานวจิ ัยและนวตั กรรมไป
ใช้ประโยชน์ อันจะเป็นการปรับเปล่ียนเข้าสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม ลดความเหลื่อมล้า สร้างรายได้
เพื่อให้หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง รวมถึงผู้ผลิตในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมสมุนไพรตลอดห่วงโซ่
สามารถเข้าถึง Appropriate technology และนวัตกรรมได้ง่ายขึ้น เพ่ือใช้ปรับปรุงกระบวนการผลิต
และบริการ พร้อมท้ังยกระดับรายได้ให้สูงข้ึน และยังและเป็นแรงจูงใจให้มีการวิจัยและสร้างนวัตกรรม
เพม่ิ ข้นึ อีกดว้ ย

อย่างไรก็ดีการนาผลการวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพต้องมกี ารรวบรวมฐานข้อมูลผลการวิจัยอย่างเป็นระบบ สืบค้นและเข้าถึงได้ง่าย โดยต้ังแต่
ปีงบประมาณ ๒๕๖๓ เป็นต้นมา ทุกโครงการที่ได้งบจัดสรรจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและ
นวตั กรรม (กองทุน ววน.) ซึ่งเปน็ งบวจิ ัยหลักของประเทศท่ีสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมวทิ ยาศาสตร์
วจิ ัยและนวัตกรรม (สกสว.) เป็นผู้ดแู ลอยู่ โดยเม่ือ สกสว. จัดสรรงบไปยัง PMU (ส่วน Strategic fund)
และหน่วยงานต่าง ๆ (ส่วน Fundamental fund) จะต้องรายงานผลไปยังระบบสารสนเทศวิจัยและ
นวัตกรรมแห่งชาติ (NRIIS) ซ่ึงขณะน้ีมีระเบียบให้นักวิจัย/ผู้รับทุนมีระเบียบให้นักวิจัยนำเข้ำข้อมูล

อยู่แล้ว หำกแต่เป็นควำมสมคั รใจมิได้บังคับให้นำเข้ำข้อมูลท่ีจำเป็น ดังน้ันสิ่งที่ต้องพฒั นำต่อไป คือ

กำรพัฒนำ ระเบียบ ข้อบังคับ และเงื่อนไขของแหล่งทุน กำกับดูแลให้เป็นหน้ำท่ีของนักวิจัยหรือ

ผู้รับทุนในกำรนำเข้ำข้อมูลผลกำรวิจัยและนวัตกรรมให้รวดเร็ว ครบถ้วน และมีสำระสำคัญตำม

ท่กี ำหนด เชน่ บทคัดย่องำนวจิ ัย รำยงำนฉบบั สมบูรณ์ ผลงำนท่ไี ดต้ พี ิมพใ์ นวำรสำรวิชำกำร เอกสำร

สรุปกำรวิจัย (Research brief) เป็นต้น พร้อมทั้งเร่งประชำสัมพันธ์ให้ทรำบถึงสิทธิ ตลอดจน

๒๕๗

ติดตำมประเมินผลสัมฤทธ์ิของกฎหมำยและมำตรกำรต่ำง ๆ และควรมีกำรประสำนควำมร่วมมือกับ

หน่วยงำนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดกำรผลักดันงำนวิจัยและนวัตกรรมไปสู่กำรยกระดับ

กระบวนกำรต่ำง ๆ ในอตุ สำหกรรมสมุนไพรตอ่ ไป

๔.๕.๖.๓ พระราชบัญญัตสิ ่งเสรมิ การลงทนุ พ.ศ. ๒๕๒๐
ตามมาตรา ๑๖ วรรค ๒ ได้กาหนดให้คณะกรรมการประกาศกาหนดประเภท

และขนาดของกจิ การที่จะให้การส่งเสริมการลงทุนโดยกาหนดเง่ือนไขในการให้การส่งเสรมิ ไว้ด้วย ซึ่งใน
อดีตการส่งเสริมการลงทุนน้ัน ประเภทของอตุ สาหกรรมท่ีมีการส่งเสริม คอื อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ
การผลิตสารสกัดหรอื ผลิตภณั ฑจ์ ากสารสกดั สมนุ ไพรยกเวน้ ยา สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน และเครอ่ื งสาอาง โดย

๑) หากต้องการต้ังโรงงานในไทยหรือตอ้ งการผลิตสารสกัดทีใ่ ช้เทคโนโลยีขน้ั สูง
เช่น ใช้เอนไซม์ในการสกัดอาจจะขายเป็นสารสกัดหรือผลิตต่อเน่ืองเป็นผลิตภัณฑ์จากสารสกัดช้ันสูงท่ี
ผลิตเองในโครงการ ในกรณีดังกล่าวสามารถขอบีโอไอให้สิทธ์ิเป็น A๒ ซ่ึงจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้
เปน็ เวลา ทัง้ สน้ิ ๘ ปี

๒) กิจการท่ีผลิตผลิตภัณฑ์จากสารสกัดหรือเก่ียวข้องกับสารสกัด และมีการ
ผลิตสารสกัดท่ีใช้เทคโนโลยีที่ไม่ใช่ชั้นสูง เช่น ใช้น้าหรือใช้เคมีในการสกัด เมื่อสกัดออกมาแล้วขายเป็น
สารสกัดแตไ่ มไ่ ด้มีการใชเ้ ทคโนโลยขี ้นั สูง สิทธจิ ะนอ้ ยลงเปน็ A๓ คอื การยกเวน้ ภาษีเปน็ เวลา ๕ ปี

๓) โรงงานผลิตผลติ ภัณฑ์จากสารสกดั แต่มิได้มีการสกัดเอง ถือว่าเป็น B๑ บีโอไอ
จะใหก้ ารสนบั สนุนเฉพาะเรอื่ งของการยกเว้นอากรเครือ่ งจักร แต่ไม่ใหเ้ รอ่ื งของการยกเว้นภาษี

๔) อุตสาหกรรมที่เก่ียวข้องกับผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์หรือผลิตภัณฑ์
เสริมอาหาร มีเงื่อนไขว่าต้องมีการสกัดเองในโครงการ จึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ เป็น A๒ (ยกเว้นภาษี
เงินได้เปน็ เวลา ๘ ป)ี

๕) ผู้ประกอบการท่ีเกี่ยวข้องกับการผลิตยาได้มีการให้การส่งเสริมทั้งยาแผน
ปัจจุบันและยาแผนโบราณน้ันไม่มีเงื่อนไขเรื่องการสกัด โดยยาแผนโบราณจะได้รับการยกเว้นภาษีเป็น
เวลา ๕ ปี แต่ในการทายานั้นบีโอไอกาหนดเง่ือนไขไว้ว่าถ้าโรงงานมาขอรับการส่งเสริมกิจการของ
หมวดยาจะตอ้ งมเี งือ่ นไขได้รับมาตรฐาน GMP ในแนวทางของ PICS

หลังจากการมีพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ จึงนาไปสู่
การปรับปรุงเง่ือนไขการสนับสนุน โดยออกประกาศฯและนาเสนอต่อนายกรัฐมนตรีที่เป็นประธาน
คณะกรรมการฯ ในวันท่ี ๓ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๕ โดยประกอบด้วย

๑) เร่ืองสารสกัด กรณีท่ีใช้เทคโนโลยีข้ันสูงซึ่งหมายถึงผลิตภัณฑ์จากสารสกัด
(Finished product) จะได้สิทธ์ิของ A๒ การยกเว้นภาษีเงินได้เป็นเวลา ๘ ปี แต่ว่ามีเงื่อนไขว่าในกรณี
ของการผลิตภณั ฑจ์ ากสารสกดั ทเี่ ปน็ Finished product ต้องได้รบั การขึน้ ทะเบยี นจากหนว่ ยงานของรฐั
ท่ีเกย่ี วข้องถ้าไม่สามารถดาเนินการไดจ้ ะถูกเพกิ ถอน

๒) การใช้เทคโนโลยที ี่ไมใ่ ช่ข้ันสูง ได้รับยกเว้นภาษเี ป็นเวลา ๕ ปี โดยมีเงือ่ นไข
การขน้ึ ทะเบียนเหมอื นกัน หากไม่ไดผ้ ลิตสารสกดั เองจะถูกรบั รองอยใู่ นหมวดยาแผนโบราณจากเดิมที่อยู่
ในหมวดยา ซึ่งมีกาหนดเงื่อนไขว่าต้องได้รับการข้ึนทะเบียนและการรับรองมาตรฐานสถานที่ผลิตยา
ตามกฎหมายลาดับรองของสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ดังน้ันโครงการใดที่ผ่านการส่งเสริม

๒๕๘

การลงทุนจากบีโอไอจึงม่ันใจได้ว่าได้ผ่านการดาเนินการตามเงื่อนไขท่ีมีการรับรองมาตรฐาน ตอนท้าย
ของประเภทนี้ ในกรณีน้ีอาจมีการร่วมทาวิจัยกับมหาวิทยาลัยก่อนท่ีจะมาขอโดยหากสามารถนา
ผลงานวิจัยมารบั รองหรือตอ่ ยอดในเชงิ พาณิชย์ไดจ้ ะไดร้ บั การสง่ เสรมิ เพ่มิ เติมอีก ๑ ปี

การเพ่ิมเติมสิทธิ วิธีการให้สิทธิจะพิจารณาในเร่ืองร้อยละ ๑ ถึงร้อยละ ๓
เมื่อเทียบกับรายได้ใน ๓ ปีแรก ถ้าหากทาได้ร้อยละ ๓ จะได้รับการเพิ่มสิทธิอีก ๓ ปี อย่างไรก็ตาม
ในกรณที ่ีเป็น SME เรื่องพน้ื ทใี่ นการคิดวงเงินจะลดน้อยลง

นอกจากน้ันหากมีการทาวิจัยพัฒนาสามารถเพ่ิมเติมสิทธิประโยชน์ถึง ๕ ปี
ยกตัวอย่างเช่น กรณกี ารทายาแผนโบราณพ้ืนฐานจากเดิมได้รับการส่งเสรมิ เป็นเวลา ๕ ปี จากนั้นมีการ
ทาวิจัยพัฒนานวัตกรรมโดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษา รายได้ใน ๓ ปีแรก ๑๐๐ ล้านบาท มีเงินลงทุน
วิจัยและพัฒนา ๕ ล้านบาท เมื่อเทียบกับร้อยละ ๕ สิทธิประโยชน์ตรงน้ีสามารถเพ่ิมเติมจากเดิม
อีก ๕ รวมเป็น ๑๐ ปีได้ ซึ่งถือว่าเป็นการจูงใจให้ผู้ประกอบการไทยเข้ามาลงทุนโดยตั้งฐานการผลิต
ในประเทศและยงั เปน็ การส่งเสริมให้เพมิ่ การลงทนุ ดา้ นการวจิ ยั พฒั นาอกี ดว้ ย

สาหรบั พระราชบญั ญัติประกอบธุรกิจของคนตา่ งดา้ วไดม้ กี าหนดเงอ่ื นไขภายใต้
พระราชบัญญัติฉบับน้ี โดยมีบัญชีแนบท้ายบัญชี ๑ บัญชี ๒ บัญชี ๓ ไว้ บัญชี ๓ หมายความว่า
ผู้ประกอบการต่างชาติสามารถได้รับการผ่อนผันให้ดาเนินกิจการได้แต่อาจจะต้องได้รับการส่งเสริม /
สนับสนุนจากบีโอไอและกระทรวงพาณิชย์ แต่ในส่วนของบัญชี ๑ ค่อนข้างเคร่งครัดมาก หน่ึงในนั้นคือ
เรื่องการสกัดสมุนไพรไทยซ่งึ ไมอ่ นญุ าตใหต้ ่างชาติทา ยกเวน้ มกี ารร่วมลงทุนรว่ มกับคนไทย

จากรายละเอียดท่ีได้กล่าวในข้างต้นจะเห็นได้ว่าการแก้ไขปรับปรุงกฎระเบียบ
เงื่อนไขในการสนับสนุนการลงทุนภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ มีการขยาย
ประเภทกิจการท่ีจะได้รับการสนับสนุน เพิ่มสิทธิประโยชน์และส่งเสริมการวิจัยพัฒนานวัตกรรม
สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมสมุนไพร โดย ส่ิงที่ควรดาเนินการต่อไป คือ
กำรประชำสัมพันธ์ให้ทรำบถึงสิทธิ กำรติดตำมประเมินผลสัมฤทธิ์ของมำตรกำร และกำรปรับปรุง

อย่ำงต่อเนื่องต่อไป อีกท้ังต้องมีกำรประสำนควำมร่วมมือกับหน่วยงำนอ่ืน ๆ ที่เก่ียวข้อง เพ่ือ ให้

ผขู้ อรับกำรสนบั สนนุ สำมำรถปฏบิ ัตติ ำมเง่ือนไขที่กำหนดได้

๔.๕.๖.๔ พระราชบญั ญัติสทิ ธบิ ัตร พ.ศ. ๒๕๒๒
สื บ เ นื่ อ ง จ า ก พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ฉ บั บ น้ี มี ส า ร ะ ส า คั ญ เ กี่ ย ว กั บ สิ ท ธิ บั ต ร

สิทธิการออกแบบผลิตภัณฑ์ อนุสิทธิบัตร กระบวนการขอรับ กระบวนการออก สิทธิของผู้ทรงสิทธิ
การใช้สิทธิ การคืน การเพิกถอน การเลิกข้อถือสิทธิ แต่จากปัญหาจานวนการจดทรัพย์สินทางปัญญา
ยังมีน้อย กอปรกับมีแนวโน้มลดลงอีกด้วย โดยพบว่าส่วนใหญ่เป็นการขอและออกอนุสิทธิบัตร
นอกจากน้ันพบว่าเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาหรือนั กวิจัยยังมีข้อจากัดในการเขียนสิทธิบัต รและ
ขาดความเขา้ ใจในการยน่ื ขอสทิ ธบิ ตั รอกี ด้วย

ดังนั้น การส่งเสริมศักยภาพในการเขียนสิทธิบัตร รวมทั้งการทาความเข้าใจ
เรอ่ื งสิทธิและกระบวนการขอใช้สิทธิจงึ เร่ืองจาเป็น โดยสง่ิ ท่ีควรดาเนินการ คือ ต้องระบุให้มหี น่วยงำน

ท่ีรับผิดชอบหน้ำที่ดังกล่ำวท่ีชัดเจน อีกทั้งกำหนดให้มีกำรจัดต้ังงบประมำณข้ึนมำเฉพำะ

เพ่ือให้เกิดควำมคล่องตัวในกำรดำเนินกิจกรรมเชิงส่งเสริมพัฒนำศักยภำพของนักวิจัยหรือเจ้ำของ

๒๕๙

ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ซ่ึงต้องกำหนดข้ึน เป็น หมวด... กำรส่งเสริมกระบวนกำรขอรับสิทธิบัตร

ในพระรำชบญั ญตั ิให้เกดิ ควำมชัดเจนในโอกำสต่อไป

๔.๕.๗ การกากบั ดแู ล การคมุ้ ครองผบู้ ริโภค และอภบิ าลระบบ
ปัญหาต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการกากับดูแล การคุ้มครองผู้บริโภค และอภิบาลระบบ

ได้แก่ กระบวนการขออนุญาต การดาเนินการต่าง ๆ ของภาครัฐที่เก่ียวข้องกับสมุนไพรและผลิตภัณฑ์
และการปรับปรงุ หรอื พัฒนากฎหมาย ระเบียบ ไม่ทนั สถานการณ์ และการขึน้ ทะเบียนผลติ ภณั ฑ์สมนุ ไพร
ใช้เวลาเตรียมการนาน เนื่องจากมีข้อกาหนด มาตรฐาน ข้อห้าม และเอกสารต่าง ๆ จานวนมาก
จึงตอ้ งพจิ ารณา กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และข้อบังคบั ที่เกี่ยวข้องกบั ;

๑) การปรับปรุงพัฒนากฎหมายให้เหมาะสมกบั โอกาสทางเศรษฐกิจและความเสย่ี ง
๒) การเพ่ิมประสิทธิภาพของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกากับดูแลและส่งเสริมการ
ประกอบการ
๓) การสร้างกลไกการอภิบาลระบบการกากับดูแลและส่งเสริมพัฒนาให้มีความต่อเน่ือง
โดยมรี ายละเอียดดงั ต่อไปนี้
๔.๕.๗.๑ ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๖๔ ร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม
พ.ศ. .... และรา่ งพระราชบัญญัติกัญชา กญั ชง พ.ศ. ....

ด้วยหลักการในการลดทอนการกากับดูแลให้เหมาะสมกับความเส่ียง
ส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจและทางการแพทย์จากพืชสมุนไพรใหม่ สมดุลกับมาตรการ
จดั การความเสี่ยงในการนาไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ทาให้การ “ปลดล็อค” พชื กัญชา กัญชง กระท่อม
ในช่วงของการประกาศใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๖๔ แทน พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
เดมิ สง่ ผลให้จากเดมิ พืชกัญชา กญั ชง กระท่อม เคยมกี ารกากับดแู ลเข้มงวด ภายใตก้ ฎหมายยาเสพติดให้โทษ
มาอยู่ภายใต้การกากับดูแลของกฎหมายผลิตภัณฑ์สุขภาพท่ีเหมาะสม (กฎหมายว่าผลิตภัณฑ์สมุนไพร
อาหาร เคร่ืองสาอาง) เช่นเดียวกับการกากับดูแลผลิตภัณฑ์ท่ีทาจากพืชสมุนไพรอ่ืน ๆ อย่างไร ก็ดี
กฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาหาร เคร่ืองสาอางน้ัน จะเน้นกากับดูแลกระบวนการแปรรูปเป็น
ผลติ ภณั ฑ์สาเร็จรปู ดังนนั้ การกากบั ดูแลการปลกู การจาหน่าย การนาเข้าพืชสมุนไพร เพือ่ ควบคุมความเส่ียง
ท่ีจะลักลอบนาพืชที่ยังไม่ได้แปรรูปไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม จึงต้องมีกฎหมายขึ้นมาดูแลเพ่ือกากับดูแล
กล่าวคือ ร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. ….
(ไมม่ กี ารกากับดแู ลด้านการเพาะปลูก) เปน็ การเฉพาะ ซงึ่ เม่ือพจิ ารณาสาระสาคญั ของร่างพระราชบญั ญตั กิ ญั ชา
กัญชง พ.ศ. .... พบว่ามีประเด็นที่อาจจะมีการนากัญชา กัญชง ไปใช้ในทางท่ีผิดได้ กล่าวคือ ร่าง
พระราชบัญญัตินี้ไม่ได้กาหนดมาตรการในการควบคุมการบริโภคในบุคคลซึ่งมีอายุต่ากว่าย่ีสิบปี สตรีมี
ครรภ์ สตรีให้นมบุตร มีเพียงมาตรการควบคุมการขาย ซึ่งหากกาหนดให้มีการจดแจ้ง
การเพาะปลูก เพื่อใช้ประโยชน์ในครัวเรือนแล้วการควบคุมการขายก็อาจจะไม่สามารถใช้บังคับได้
เน่อื งจากไมจ่ าเป็นตอ้ งไปซอื้ กัญชา กัญชง ก็สามารถหากญั ชา กัญชง ไดจ้ ากครวั เรอื นท่ีไดร้ ับใบจดแจ้ง

ร่างพระราชบัญญัติท้ัง ๒ ฉบับข้างต้น เป็นการออกแบบระบบการกากับดูแล
พชื สมุนไพรความเสย่ี งสูงขน้ึ มาใหมใ่ นสงั คมไทย จงึ ต้องรับฟงั ควำมคิดเหน็ อย่ำงกว้ำงขวำง เพอ่ื กำหนด

มำตรกำรในกำรควบคมุ กำกบั ดแู ล ให้เหมำะสม สมดลุ ระหว่ำงกำรเปดิ โอกำสให้นำมำใชป้ ระโยชน์

๒๖๐

สร้ำงเศรษฐกิจและทำงเลือกด้ำนสุขภำพ กับควำมเสี่ยงในกำรลักลอบไปใช้ในทำงที่ไม่เหมำะสม

รวมทั้งควำมไม่ปลอดภัยจำกกำรบริโภค อีกทั้งยังต้องมีกำรประเมินผมสัมฤทธิ์ของกฎหมำยอย่ำงใกล้ชิด

รวมท้ังควรมีกำรแก้ไข มำตรำ ๓๗/๑ โดยห้ำมผู้ใดบริโภคกัญชำ กัญชง เว้นแต่กำรบริโภคเพ่ือกำร

รักษำโรคตำมคำส่ังของผู้ประกอบวิชำชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชำชีพทันตกรรม ผู้ประกอบวิชำชีพ

กำรแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชำชีพกำรแพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือหมอพ้ืนบ้ำนตำมกฎหมำย

ว่ำด้วยวิชำชีพกำรแพทย์แผนไทย หรือบริโภคเพื่อกำรศึกษำวิจัย หรือบริโภคที่เป็นกำรใช้ประโยชน์

ในครัวเรอื นตำมทไ่ี ด้จดแจ้งไวแ้ ล้ว

อย่ำงไรก็ดีเห็นควรว่ำน่ำจะพิจำรณำกำรนำแนวคิดเร่ือง Regulatory

Sandbox มำใช้ เพ่ือผ่อนปรนกำรใช้ประโยชน์ภำยใต้กำรกำกับดูแลวิธีกำรใหม่ ๆ มำบัญญัติไว้

ในกฎหมำย เพือ่ ส่งเสริมนวัตกรรมในกำรกำกับดแู ลที่เหมำะสมกับควำมเส่ียง โดยมิให้ควำมเสียหำย

เกิดขึ้นในวงกว้ำง เช่นในอดีตสานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

เคยกาหนดพื้นที่นาร่องเสพพืชกระท่อมได้ โดยไม่เป็นความผิดตาม ม.๕๘/๒ แห่งพระราชบัญญัติ
ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีพ้ืนท่ีที่อยู่ในข่ายสามารถดาเนินการได้
จานวน ๑๓๕ หมู่บ้านชุมชน ซ่ึงเป็นพ้ืนท่ีที่ถูกกาหนดเป็นพื้นท่ีท่ีมีประวัติการใช้กระท่อมตามวิถีชุมชน
ดั้งเดมิ มาแล้ว มีพืชกระทอ่ มอยใู่ นพื้นที่ ขณะน้ียังมีบุคคลที่อาศยั ในพืน้ ท่ีดงั กล่าว ใช้พน้ื ทนี่ ารอ่ งที่ทาการ
เสพพืชกระท่อมได้โดยไม่เป็นความผิดและพร้อมปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เก่ียวข้อง
หรือกรณีของธนาคารแห่งประเทศไทย เคยออกแนวปฏิบัติเรื่องแนวทางการเข้าร่วมทดสอบและพัฒนา
นวตั กรรมทีน่ าเทคโนโลยีใหม่มาสนับสนุนการให้บริการทางการเงิน (Regulatory Sandbox) เป็นต้น

๔.๕.๗.๒ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๐
(มาตรา ๔๐/๑)

ด้วยข้อจากัดของระบบราชการทาให้กิจการบางอย่างท่ีเป็นลักษณะของงาน
บริการ ไมว่ ่าจะเปน็ งานบริการตรวจประเมนิ ทางวิชาการหรอื การสง่ เสรมิ การประกอบการของหน่วยงาน
รฐั ท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั การพลกิ โฉมสมุนไพรด้วยนวตั กรรมและวิจยั เชน่ สานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา
หรือกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ขาดความคล่องตัว และประสิทธิภาพไม่มากพอ
ซ่ึงทางสานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้ศึกษาเพื่อให้มีการจัดต้ังหน่วยบริการ
รปู แบบพิเศษ (Service Delivery Unit) ขึ้นในกระทรวง ทบวง กรมในสังกัดฝ่ายบริหาร เพื่อรับผิดชอบ
เปน็ ผู้ดาเนินงานให้บรกิ าร (service provider) บางประเภทแกส่ ่วนราชการเจ้าสงั กดั หรือส่วนราชการอืน่
หรือประชาชนโดยทั่วไป โดยมีอิสระความคล่องตัวในการบริหารงานได้อย่างพอเพียงต่อการส่งมอบ
บริการอยา่ งมีประสทิ ธิภาพและมคี ณุ ภาพ

การจัดต้ังหน่วยบริการรูปแบบพิเศษแต่เดิมอาศัยอานา จนายกรัฐมนตรีตาม
มาตรา ๑๑ (๘) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ โดยการวางระเบียบ
สานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงานของหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๘ ต่อมาเพื่อให้
หน่วยบริการรูปแบบพิเศษเป็นหนว่ ยงานที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย พระราชบญั ญตั ิระเบยี บบริหารราชการแผน่ ดิน
(ฉบับท่ี ๗) พ.ศ. ๒๕๕๐ จึ งได้บั ญญั ติ เก่ี ยวกั บการจั ดต้ังหน่ วยบริ การรู ปแบบพิ เศษไว้ ใน

๒๖๑

มาตรา ๔๐/๑ โดยให้ส่วนราชการภายในกรมท่ีมีลักษณะเป็นงานให้บริการหรือมีการให้บริการเก่ียวเนื่องอยู่ด้วย
และหากแยกงานบริหารออกเป็นหน่วยบริการรูปแบบพิเศษแล้ว จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายตามหลักเกณฑ์และ
วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดีย่ิงขึ้น ส่วนราชการดังกล่าวโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจะแยกการ
ปฏิบตั ริ าชการในเรอื่ งน้นั ไปจดั ตง้ั เปน็ หน่วยบริการรปู แบบพเิ ศษซึง่ มิใช่เปน็ ส่วนราชการหรือรฐั วสิ าหกจิ แตอ่ ย่ใู น
กากบั ของสว่ นราชการกไ็ ด้ โดยหลักการของหนว่ ยบรกิ ารรปู แบบพเิ ศษ คอื

๑) เป็นหน่วยงานให้บริการภายในของระบบราชการ โดยมีลักษณะก่ึงอิสระ
แต่ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล ยังคงถือเป็นส่วนหน่ึงของกรมและอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของหัวหน้า
ส่วนราชการระดับกรม มีเป้าหมายให้บริการหน่วยงานเจ้าสังกัดเป็นหลัก และหากมีกาลังการผลิต
ส่วนเกินจะให้บริการหน่วยงานอื่นและประชาชนได้ (ซ่ึงทาใหแ้ ตกต่างจากรัฐวิสาหกจิ ท่ีมิไดเ้ ปน็ นิติบคุ คล
เช่น โรงงานยาสูบฯ ที่ให้บรกิ ารสาธารณะทางอตุ สาหกรรมและพาณิชยกรรมแกป่ ระชาชนเปน็ หลัก)

๒) การดาเนนิ งานใชร้ ูปแบบวิธีการบริหารจดั การสมัยใหม่ สามารถจะเรียกเกบ็
คา่ บริการจากหนว่ ยงานเจ้าสังกัด หรือลูกคา้ ผรู้ ับบริการอ่ืน ๆ ได้

๓) ไม่มีวัตถุประสงค์เพ่ือแสวงหากาไร และไม่นาส่งรายได้เข้ารัฐโดยตรง
หรือจาเป็นต้องเล้ียงตัวเองได้เป็นสาคัญ แต่ในบางกรณีอาจมีการวางเงื่อนไขให้ต้องนาส่ง รายได้
เหนอื รายจ่ายบางสว่ นเข้ารฐั ตามสมควร

๔) ความสัมพนั ธก์ ับส่วนราชการเจ้าสงั กัด
การจัดตั้งหน่วยบริการรูปแบบพิเศษจะมีเง่ือนไขสาคัญบางประการที่ต้อง
พจิ ารณา กล่าวคือ
๑) จัดต้ังข้ึนจากการแปลงสภาพหน่วยงานบางหน่วยงานของส่วนราชการเจ้าสังกัด
ตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงานของหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๐ ยังคงเป็น
ส่วนหนง่ึ ของสว่ นราชการเจา้ สงั กัด และไม่มีฐานะเป็นนิติบคุ คลแยกจากสว่ นราชการเจ้าสังกดั
๒) ส่วนราชการเจ้าสังกัดจะต้ังงบประมาณอุดหนุนหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ
ในลักษณะค่าตอบแทนหรือค่าบริการในการใช้บริการของหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ หรือค่าใช้จ่ายใน
การลงทุนเรมิ่ แรก แต่จะตง้ั งบประมาณเพื่ออดุ หนนุ หนว่ ยบรกิ ารรปู แบบพิเศษไม่ได้
๓) สว่ นราชการเจ้าสงั กัดมอี านาจบรหิ ารจัดการ (ผา่ นการแต่งตง้ั คณะกรรมการ
และผูอ้ านวยการ และการให้นโยบาย)
๔) การดาเนินงานใด ๆ ของหน่วยบริการรูปแบบพิเศษต้องได้รับการมอบ
อานาจจากหัวหน้าสว่ นราชการหน่วยงานเจ้าสังกดั
๕) บคุ ลากรมสี ถานะเป็นพนกั งานของหน่วยบริการรปู แบบพิเศษ
๖) ได้รับการยกเว้นหรือผ่อนคลายกฎระเบียบ เพ่ือให้เกิดอิสระความคล่องตัว
ทางการบริหารจัดการ
ดังน้ัน ในกิจกำรสำคัญบำงข้ันตอนของกำรอนุมัติ อนุญำตของสำนักงำน

คณะกรรมกำรอำหำรและยำ เช่น กำรประเมินเอกสำรวชิ ำกำร กำรให้คำปรึกษำแนะนำ ฯลฯ รวมทั้ง

กิจกรรมกำรส่งเสริมกำรประกอบกำร เช่น กำรจับคู่ธุรกิจ กำรส่งเสริมกำรส่งออก ฯลฯ

ของกรมกำรแพทย์แผนไทยและกำรแพทย์ทำงเลอื ก ซ่ึงเปน็ ลักษณะงำนบริกำร สำมำรถทจี่ ะตั้งหน่วย

๒๖๒

บริกำรรูปแบบพิเศษ (SDU) เพื่อรับผิดชอบเป็นผู้ดำเนินงำนให้บริกำร (Service provider) อันจะ

ช่วยทำให้เกิดควำมคลอ่ งตวั และเพมิ่ ประสิทธภิ ำพมำกข้นึ ได้

๔.๕.๗.๓ พระราชบญั ญัติสขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐
พระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นกฎหมายที่มีความสาคัญในการวางกรอบและ

แนวทางการกาหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์และการดาเนินงานดา้ นสุขภาพของประเทศ รวมทั้งสรา้ งองค์กร
และกลไก เพื่อให้เกิดการดาเนินงานอย่างต่อเน่ืองและมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย อันจะนาไปสู่เป้าหมายใน
การสร้างเสริมสุขภาพและดูแลแก้ไขปัญหาสุขภาพของประชาชนอย่างเป็นองค์รวม ครบทั้ง ๔ มิติ คือ
กาย จิต สังคม และปัญญา ซ่ึงการพลิกโฉมสมุนไพรด้วยนวัตกรรมและวิจัย เป็นหนึ่งในนโยบาย
ยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพที่สาคญั ของประเทศ

“สมัชชาสุขภาพ” คือ เคร่ืองมือพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ
ท่ีเน้นการมีส่วนร่วม เกิดขึ้นตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐
ถือเป็นแนวทางใหม่ของการพัฒนานโยบายสาธารณะตามระบอบประชาธิปไตยแบบ มีส่วนร่วม
สมัชชาสุขภาพแบ่งออกเป็น ๓ ประเภท คือ ๑) สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ๒) สมัชชาสุขภาพเฉพาะพื้นที่
และ ๓) สมัชชาสขุ ภาพเฉพาะประเดน็ โดยพระราชบัญญตั ิสุขภาพแหง่ ชาติได้กาหนดให้มีการจัดสมชั ชา
สุขภาพแห่งชาติ เป็นประจาทุกปี อย่างน้อยปีละ ๑ คร้ัง เป็นกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะ
เพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วม (Participatory Healthy Public Policy Process) อันเป็นกระบวนการ
พัฒนาประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม (Participatory Democracy Development) และเป็นการ
เสริมสร้างความเข้มแข็งของสังคม (Social Empowerment) โดยอาศัยพลัง ๓ ภาค ส่วนที่เช่ือมโยงกัน
คือ พลังทางปัญญา พลงั ทางสังคม และพลงั รัฐ/การเมอื ง รวมทั้งเปน็ กระบวนการเรยี นร้รู ว่ มกันจากการปฏิบตั ิ
(Interactive Learning Through Action)

ในอดีตไดเ้ คยมีมตสิ มชั ชาสขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกับสมุนไพร
กล่าวคือ มติที่ ๒.๗ การพัฒนาการแพทย์แผนไทย การแพทย์พ้ืนบ้าน และการแพทย์ทางเลือก
ให้เป็นระบบบริการสุขภาพหลักของประเทศคู่ขนานกับการแพทย์แผนปัจจุบัน และมีการขับเคลื่อนมติ
อันนาไปสู่การเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมหลายประการ อย่างไรก็ดีมติสมัชชาสุขภาพท่ีผ่านมาเป็นมติ
ภาพรวมท้ังระบบการแพทย์ ดังนน้ั เพอื่ พัฒนานโยบายสาธารณะอย่างมีส่วนร่วม จึงควรกำหนดประเด็น

สมัชชำข้นึ มำเป็นกำรเฉพำะกบั เร่ือง กำรพลิกโฉมสมุนไพรดว้ ยนวตั กรรมและกำรวจิ ยั

นอกจากนนั้ ยังมีกลไกของธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแหง่ ชาติ ซ่ึงเป็นกรอบ
และแนวทางในการกาหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพของประเทศ เป็นเสมือนพิมพ์เขียว
ท่ีภาคส่วนต่าง ๆ มาร่วมกันกาหนดภาพอนาคตที่พึงประสงค์ของระบบสุขภาพ ทุกหน่วยงาน
องค์กร รวมถึงชุมชนท้องถิ่น จึงสามารถนาใช้อ้างอิงประกอบการจัดทาแผนนโยบาย รวมถึง
กตกิ ารว่ มของชุมชนได้ ซง่ึ ปัจจุบันอยู่ในการขัน้ ตอนการยกรา่ งธรรมนูญสขุ ภาพแหง่ ชาติ ฉบับที่ ๓ ซ่ึงควร

จะมีกำรกำหนด “พิมพ์เขียว” ด้ำนภำพอนำคตของกำรวิจัย/นวัตกรรมและกำรใช้สมุนไพรไทยใน

ระบบสขุ ภำพที่พึงประสงค์ร่วมกัน

๒๖๓

อย่างไรก็ดีกลไกสาคัญในการอภิบาลระบบสมุนไพร คือ คณะกรรมการ
นโยบายสมุนไพรแห่งชาติ ภายใต้พระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ ซ่ึงปัจจุบัน
มีการประชุมและขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ อย่างต่อเน่ือง ผ่านทางอนุกรรมการ ๕ ชุด
ได้แก่ คณะอนุกรรมการยุทธศาสตร์แห่งชาติ คณะอนุกรรมการวิจัยและนวัตกรรมสมุนไพร
คณะอนุกรรมการวัตถุดิบ คณะอนุกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ คณะอนุกรรมการ
ส่งเสริมภาพลักษณ์การตลาดสมุนไพร ในการนี้เพื่อให้การกากับ ดูแล และจัดการด้านกฎหมาย
กฎระเบียบ หลักเกณฑ์ ข้อบังคับ ต่าง ๆ ท่ีจะช่วยลดอุปสรรคและส่งเสริมนโยบาย จึงควรมี

คณะอนุกรรมกำรกำกับดูแลกฎหมำยขึ้นมำเป็นคณะอนุกรรมกำรอีกชุด เพื่อให้เกิดควำมต่อเนื่อง

และเพิ่มประสิทธิภำพในกำรขับเคล่อื นนโยบำยต่อไป

ท้ังน้ี จากท่ีคณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีการศึกษาและเชิญหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล
ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะแล้ว พบว่าข้อสรุปในเชิงประเด็นของกฎหมายมีข้อเสนอเบื้องต้นว่า
ในปัจจุบันมีกฎหมายที่เก่ียวข้องท้ังหมดกว่า ๓๐ ฉบับ เห็นว่าบทบัญญัติดังกล่าวครอบคลุมในเร่ือง
ของสมุนไพรแลว้ รวมทง้ั เร่ืองของการวิจัยมีกฎหมายท่ีดแู ลในเรอ่ื งของมาตรฐานและการดแู ลอนุรักษ์
บคุ ลากรทางการแพทย์ กฎหมายสง่ เสริมผู้ประกอบการ รวมถึงการคุ้มครองผบู้ ริโภค ไม่ว่าจะเป็นต้น
ทาง กลางทางและปลายทาง อย่างเพียงพอแล้ว แต่ประเด็นสำคัญท่ีควรตระหนัก ก็คือจะต้องให้
ควำมสำคัญกับกำรบังคับใช้กฎหมำยที่มีอยู่อย่ำงมีประสิทธิภำพ มีกำรสร้ำงกำรรับรู้
กำรประชำสัมพนั ธ์และกำรส่อื สำร ๒ ทำงกบั ประชำชนใหม้ ำกทส่ี ดุ

๔.๖ ขอ้ ค้นพบ สภาพปัญหาและอุปสรรคจากการสมั ภาษณอ์ อนไลน์
ผลการศึกษาสภาพปัญหาและอุปสรรคจากการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) ออนไลน์

กบั ผู้ทเี่ ก่ียวข้องกับการปลูก การแปรรูป และการนาสมนุ ไพรไทยไปใช้ประโยชน์ ประกอบด้วย พระสงฆ์
เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ผู้ประกอบการ ผู้แทนภาคธุรกิจมาให้ข้อมูล
ข้อเท็จจริงและประกอบการพิจารณา รวมทัง้ ส้ิน จานวน ๖๖ ราย ตามความคดิ เหน็ ของผ้ใู ห้สมั ภาษณ์ ทา
ให้คณะกรรมาธิการวสิ ามัญฯ ได้รับทราบข้อค้นพบปัญหาและอปุ สรรค รวมท้ังรับทราบข้อเสนอแนะมา
ประกอบการวิเคราะห์และหาแนวทางแก้ไขที่ตรงจุดเพ่ือจัดทาเป็นข้อเสนอแนะในการพลิกโฉม พชื
สมุนไพรอย่างเป็นรูปธรรม โดยแบง่ ออกเป็น ๔ กลมุ่ ดงั นี้

๑) กลุ่มผู้เพาะปลกู และหรอื ผรู้ วบรวมสมนุ ไพรระดับขนาดเลก็ และหรอื ผปู้ ระกอบการ
ระดับวิสาหกิจชุมชน และโอทอป (หนึ่งตาบลหน่ึงผลิตภัณฑ์) ประกอบด้วย ผู้แทนจากกลุ่มชุมชน
เกษตรกรจากภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน ภาคกลาง และเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัว จังหวัดสกลนคร

๒) กลุม่ ผ้เู พาะปลกู และหรอื ผู้รวบรวมสมนุ ไพรและหรือผู้แทนภาคเอกชน
๓) กลุ่มผู้เพาะปลูกและหรือผู้รวบรวมสมุนไพรจากมหาวิทยาลัย ประกอบด้วย ผู้แทนจาก
มหาวิทยาลัยแม่ฟา้ หลวง มหาวทิ ยาลยั แมโ่ จ้ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร

๒๖๔
๔) กลุ่มผู้เพาะปลูกและหรือผู้รวบรวมสมุนไพรจากโรงพยาบาล ประกอบด้วยผู้แทนจาก
โรงพยาบาลกุดชมุ และโรงพยาบาลพระปกเกลา้

ภาพท่ี ๑๑๕ ศกึ ษารายละเอยี ดผลติ ภณั ฑพ์ ชื สมุนไพรไทย OTOP และสัมภาษณอ์ อนไลน์
ศึกษารายละเอียดผลติ ภณั ฑ์พชื สมุนไพรไทย OTOP
ได้จากเอกสารประกอบเล่ม ๔/๑๑
หรอื จาก QR Code

ศึกษารายละเอียดสมั ภาษณอ์ อนไลน์
ไดจ้ ากเอกสารประกอบเลม่ สมั ภาษณอ์ อนไลน์
หรือจาก QR Code

๒๖๕

๔.๖.๑ กล่มุ ผู้เพาะปลูกและหรอื ผู้รวบรวมสมนุ ไพรขนาดเลก็ และหรอื ผปู้ ระกอบการระดบั
วิสาหกิจชุมชน และโอทอป ประกอบด้วย ผู้แทนจากพระสงฆ์ เกษตรกรจากภาคเหนือ ภาคใต้
ภาคอีสาน ภาคกลาง และเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จังหวดั สกลนคร จากการสัมภาษณ์พบว่า ขอ้ ค้นพบ ปัญหา อปุ สรรคของกลุ่มดงั กลา่ ว สรปุ ได้ ดังนี้

เทคโนโลยีที่ใช้ พบว่ากลุ่มผู้เพาะปลูกและหรือผู้รวบรวมสมุนไพรขนาดเล็กและหรือ
ผู้ประกอบการระดับวิสาหกิจชมุ ชน ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน มกี ารแปรรูปสมุนไพรเบื้องต้น ได้แก่ การล้าง
คัด หน่ั บด ตาก อบบรรจแุ คปซูล เพอ่ื ขายในทอ้ งถิ่น

ชอ่ งทางการจัดจาหนา่ ย พบวา่ สว่ นใหญ่จดั จาหนา่ ยหนา้ รา้ นในชุมชน และสว่ นมากเป็น
ฐานลกู คา้ เกา่ อย่างไรกต็ ามมบี างรายจดั จาหนา่ ยทางออนไลน์

ปัญหา อปุ สรรค:
๑) วัตถดุ ิบ

วัตถุดิบไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดท้ังชนิด ปริมาณ และ
คณุ ภาพมีปญั หาขาดแคลนวตั ถดุ ิบ เนอ่ื งจากสมุนไพรบางชนิดใชร้ ะยะเวลาในการปลกู นาน บางชนดิ ปลูก
ตามฤดูกาล และหลายชนิดขาดแคลน บางชนิดต้องหาในป่าสงวน นอกจากนี้ ยังพบวัตถุดิบท่ีไม่ได้
คุณภาพและมกี ารปนเปอ้ื นสารเคมี อกี ทงั้ มีแมลงมารบกวน และปจั จัยดา้ นสภาพภูมิอากาศในหลายพืน้ ที่
มคี วามแหง้ แลง้ ทาใหพ้ ชื สมุนไพรบางชนดิ ไม่สามารถออกผลผลิตได้

๒) เงนิ ทุน
มีปญั หา อุปสรรคเร่ืองตน้ ทนุ การผลิตมรี าคาสงู การลงทนุ พัฒนาโรงงานผลติ เพื่อให้

ผ่านตามมาตรฐานที่กาหนดมีมูลค่าสูง เงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอ ขาดศักยภาพการเข้าถึงเงินทุน
เน่ืองจากขอ้ จากดั ของรายได้และวัยของผ้กู ู้

๓) คน
แรงงานมีจานวนนอ้ ย เกษตรกรขาดองค์ความรูแ้ ละทกั ษะ

๔) สถานที่ อปุ กรณ์
พ้ืนท่ีไม่เพียงพอ ไม่มีโรงผลิต โรงตาก รวมทั้ง การแปรรูป ไม่ได้รับการรับรอง

ขาดอปุ กรณ์การผลติ แปรรูปทไ่ี ด้มาตรฐานและไม่เพยี งพอตอ่ การผลิตเพอื่ จาหนา่ ย
๕) หลักเกณฑ์ มปี ญั หา อปุ สรรคเนอ่ื งจากหลกั เกณฑม์ ีความยุง่ ยาก บางขอ้ ไม่เหมาะสม

กบั การผลติ สมนุ ไพรไทย เนือ่ งจากอิงตามหลักเกณฑ์ของการผลติ ยาแผนปัจจบุ นั มากเกนิ ไป
๖) มาตรฐาน การตรวจสารสาคัญ
มุ่งเน้นการผ่านเกณฑ์มาตรฐานท่ีมีการตรวจรับรองมากเกินไป รวมทั้งค่าใช้จ่ายใน

การตรวจสารสาคัญที่มีมูลค่าสูง สถานที่รับทดสอบคุณภาพวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่ครอบคลุม
ทกุ รายการ

๗) วิจยั
ขาดการวจิ ยั และพัฒนาทคี่ รบวงจรและสามารถนาไปใช้ประโยชนไ์ ด้จริง

๘) ตารับยา
ตารับยาของชาติสญู หาย เน่ืองจากไม่สามารถข้ึนทะเบยี นตารบั ยาได้

๒๖๖

๙) สถานการณแ์ พร่ระบาดของเชือ้ ไวรัสโคโรนา2019(COVID–19)
จากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา2019(COVID–19) ส่งผลใหย้ อด

จาหนา่ ยผลติ ภัณฑ์อืน่ ลดลง
๑๐) กฎหมาย ระเบียบ อย. การขอรบั รองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์
ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจานวนมากประสบปัญหาในการอนุมัติ ไม่สามารถขอข้ึนทะเบียนได้

เนื่องจากความไม่ชัดเจนเก่ียวกับกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ การออกกฎหมายไม่เบ็ดเสร็จ มีท้ัง
กฎหมายแม่บทและกฎหมายลาดับรอง กระบวนการท่ียุ่งยาก ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ไม่สามารถขอข้ึน
ทะเบยี น อย. ได้

๑๑) สาธารณปู โภค
เกษตรกรประสบปัญหาขาดแคลนแหล่งน้าสาหรับการเพาะปลูกสมนุ ไพรตลอดปี

๑๒) การตลาด การประชาสัมพนั ธ์
ปัญหาเร่ืองความต้องการของตลาดรับซื้อสมุนไพรมีตลาดรองรับน้อยตลาดวัตถุดิบ

สมุนไพรยังไม่มีความชัดเจนระหว่างผู้ซื้อและผู้ชาย ไม่มีสถานที่จาหนา่ ยกลาง แหล่งจาหน่ายไม่แน่นอน
นอกจากนผี้ ู้ประกอบการบางรายขาดความรเู้ รื่องการตลาดออนไลน์ สนิ คา้ บางชนิดทีม่ ีผลต่อกฎหมายไม่
สามารถประชาสัมพันธไ์ ด้ การทาการตลาดของผขู้ ายหากสมุนไพรไม่มีสรรพคุณที่ชัดเจนกท็ าการตลาดได้ยาก

๔.๖.๒ ๒) กลมุ่ ผู้เพาะปลกู และหรอื ผูร้ วบรวมสมนุ ไพรและหรือผู้แทนภาคเอกชนจากการ
สัมภาษณ์ พบว่า ขอ้ ค้นพบ ปัญหา อุปสรรคของกลมุ่ ดงั กลา่ ว สรปุ ได้ ดงั นี้

ปัจจยั การผลติ ไดแ้ ก่ ทุน วัตถดุ บิ นวัตกรรมและเทคโนโลยี
๑) ค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากการวิจัยเพ่ือขึ้นทะเบียนยานวัตกรรมต้องใช้งบประมาณอย่าง
นอ้ ย ๑๐ ล้านบาท
๒) ขาดแคลนวัตถุดิบบางชนิด รวมท้ังปัญหาในดา้ นการตรวจพบสารเคมีปนเป้ือนใน
สมุนไพรอนิ ทรยี ์
๓) ราคาวัตถดุ ิบของไทยจาหนา่ ยได้ในราคาท่ีต่ากว่าวัตถุดิบที่นาเข้าจากต่างประเทศ
เช่น จนี เวียดนาม
๔) ต้นทนุ ของวตั ถุดบิ สมุนไพรอินทรียม์ ีราคาสงู
๕) เทคโนโลยแี ละอุปกรณใ์ นการผลติ มรี าคาสงู
กฎ ระเบยี บ
๑) ความคลาดเคลื่อนในการส่งั ยาเน่ืองจากการแจ้งรายละเอียดและจดแจง้ คณุ สมบัติ
ในการรกั ษาโรคของสมุนไพรเพอ่ื ขึ้นทะเบียน อย. นอกจากน้ี ยาทเ่ี ปน็ นวตั กรรมส่วนใหญจ่ ะอย่นู อกบญั ชี
ยาหลกั แหง่ ชาติ
๒) กฎหมาย กฎระเบียบมไี ว้เพอ่ื เป็นกรอบในการจากดั จนยากท่จี ะขบั เคลือ่ นสมนุ ไพร
เน่ืองจากการกาหนดให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรอยู่ในหมวดหมู่ของยา เมื่อจัดประเภทเป็นยาจึงมีข้อจากัดที่
เข้มงวดอยา่ งเครง่ ครดั
๓) การขอขึ้นทะเบียน อย. ยากมาก มีการใช้เอกสารการทดลองทางวิทยาศาสตร์
จานวนมาก ท้งั ทเ่ี ป็นยาใช้ภายนอกสาหรบั รักษาแผล สรรพคณุ ไม่ซับซ้อนมาก ซ่ึงไม่สมเหตสุ มผลจะทาให้
การพัฒนายาจากพืชสมุนไพรเกิดขึน้ ไดภ้ ูมปิ ัญญาดัง้ เดมิ กจ็ ะคอ่ ย ๆ สูญหายไป

๒๖๗

๔) การอนุญาตให้กล่าวอ้างสรรพคุณยาแพทย์แผนไทย สามารถอ้างสรรพคุณไดเ้ พยี ง
๑ อาการเทา่ นน้ั ขณะทีม่ คี ณุ ประโยชนม์ ากมาย

๕) ข้อกาหนดเก่ียวกับการจัดจาหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพร เนื่องจากการขายยา
ออนไลน์ อย. อนุญาตเฉพาะยาสามญั ประจาบ้าน เชน่ ฟ้าทะลายโจรบรรจแุ ผง

๖) บัญชีรายช่ือสมุนไพรที่ อย จะให้การรับรองมีน้อยและไม่เป็นปัจจุบัน ขณะที่
ภาคเอกชนมกี ารวจิ ัยจานวนมากแล้วแตถ่ า้ ไมม่ ีในบญั ชขี อง อย. กไ็ ม่สามารถข้นึ ทะเบียนขอรับรองมาตรฐานได้

๗) ระเบียบ ประกาศ ของ อย. ที่มีข้อห้ามทาการโฆษณาสรรพคุณ เช่น คาว่า “ใส”
“เด้ง” เป็นการกีดกันทางการตลาดของผู้ประกอบการ เพราะการท่ีผู้บริโภคจะหาข้อมูลจะต้องสืบค้น
ผลิตภัณฑเ์ ครื่องสาอางจากคาดงั กลา่ ว เมือ่ เปน็ คาตอ้ งห้ามกจ็ ะทาให้สบื คน้ ไมเ่ จอผลติ ภณั ฑด์ ังกลา่ ว

การตลาดและการประชาสัมพันธ์
๑) การกล่าวอ้างโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงทาให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่ได้รับความ
เช่ือม่นั ในสรรพคุณของสมุนไพร
๒) ประชาชนขาดความเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ งเก่ยี วกบั การใชส้ มนุ ไพร
๓) ขาดการสรา้ งความตระหนกั รูเ้ กี่ยวกับการใช้สมนุ ไพรของประชาชน
๔) ตลาดวตั ถดุ บิ สมนุ ไพรยงั ไม่มีความชดั เจนระหวา่ งผู้ซ้ือและผชู้ าย
มาตรฐาน
โรงงานผลิตสารสกัดสมุนไพรยังไม่ได้รับรองมาตรฐานการปฏิบัติการด้านความ
ปลอดภัยท่ีดี (Good Security Practice: GSP)
ปจั จยั ภายนอก
สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา2019(COVID–19) เป็นอุปสรรคในการ
ตดิ ต่อกบั เกษตรกร และลกู ค้าบางสว่ น
๔.๖.๓ กลุ่มผู้เพาะปลูกและหรือผู้รวบรวมสมุนไพรจากมหาวิทยาลัย ประกอบด้วย ผู้แทน
จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยนเรศวร จากการสัมภาษณ์พบว่า
ขอ้ คน้ พบ ปัญหา อปุ สรรคของกลมุ่ ดงั กล่าว สรุปได้ดังน้ี
กฎ ระเบยี บ
๑) อุปสรรคทางกฎหมายท่ีเปน็ ปัญหาต่อการค้าพชื ตระกูลกัญชา กญั ชง ตลอดสายหว่ งโซ่
อุปทาน ส่งผลใหไ้ มม่ ีสายพนั ธท์ุ ีด่ ีเทา่ ท่ีควร
๒) การกาหนดมาตรฐานที่สูงเกนิ ไปสาหรับเกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย วิสาหกิจชุมชน
๓) การขอข้ึนทะเบยี นกรณผี ลิตภัณฑย์ าจากสมุนไพรใชเ้ อกสารจานวนมาก
นโยบาย การจดั การ
๑) การใหค้ วามสาคญั กับแพทยแ์ ผนไทย/แพทยท์ างเลอื กนอ้ ยกวา่ แพทยแ์ ผนปจั จุบนั
๒) การกาหนดราคาซอื้ ขายของสมนุ ไพรไมม่ คี วามแน่นอน
๓) สมุนไพรไมไ่ ด้เป็นพชื เศรษฐกิจทถ่ี ูกสง่ เสรมิ อยา่ งเป็นรูปธรรม
๔) ขาดการบรู ณาการเช่อื มโยงข้อมลู ระหว่างเกษตรกร ภาครฐั ผปู้ ระกอบการ

๒๖๘

วจิ ยั
๑) งานวิจยั ทาไดบ้ างสว่ น ไมค่ รบวงจร
๒) แหล่งสนบั สนุนทนุ วิจัยอยูอ่ ยา่ งกระจดั กระจายหลายแหล่งทนุ
๓) ขาดหนว่ ยงานท่ที าหน้าทร่ี วบรวมผลงาน วเิ คราะห์ ประเมนิ ผล และกาหนด
ทศิ ทางการวจิ ยั
๔) การทดลองขนาดเลก็ หรอื ผผู้ ลิตขนาดเล็กไม่สามารถทาการวิจัยในคนได้
ทุน
๑) เทคโนโลยีและการวิจัยใช้งบประมาณสงู
๒) งบประมาณทไี่ ดร้ บั ไม่เพียงพอทางานวจิ ยั ครบวงจร
๔.๖.๔ กลุ่มผู้เพาะปลูกและหรือผู้รวบรวมสมุนไพรจากโรงพยาบาล ประกอบดว้ ยผแู้ ทนจาก
โรงพยาบาลกุดชุม และโรงพยาบาลพระปกเกล้า จากการสัมภาษณ์พบว่า ข้อค้นพบ ปัญหา อุปสรรค
ของกล่มุ ดงั กลา่ ว สรุปได้ ดงั นี้
สาธารณูปโภค
เกษตรกรในพนื้ ทีข่ าดแหลง่ นา้ ชลประทานในการปลกู สมนุ ไพร
วตั ถดุ บิ
วตั ถุดบิ ไมเ่ พยี งพอกับกาลงั การผลติ ของโรงงาน ตอ้ งซ้อื วัตถดุ บิ จากตา่ งจงั หวดั
สถานท่ี อปุ กรณ์
๑) เกษตรกรขาดโรงตากแหง้ ภายหลงั การเกบ็ เกยี่ ว
๒) เคร่ืองจกั รของโรงพยาบาลมอี ายกุ ารใชง้ านนานเร่มิ เส่ือมประสทิ ธภิ าพ

จากข้อค้นพบ ปัญหาและอปุ สรรคของกลุ่มผู้เพาะปลูกและหรือผู้รวบรวมสมุนไพรระดับ
ขนาดเล็กและหรือผู้ประกอบการ ระดับวิสาหกิจชุมชน และโอทอป ประกอบด้วย ผู้แทนกลุ่มชุมชน
ผู้แทนเกษตรกรจากภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน ภาคกลาง และเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระ
เกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จังหวัดสกลนคร กลุ่มผู้เพาะปลูกและหรือผู้รวบรวมสมุนไพรและ
หรือผูแ้ ทนภาคเอกชน กลุ่มผู้เพาะปลูกและหรอื ผรู้ วบรวมสมนุ ไพรจากมหาวทิ ยาลยั ประกอบดว้ ย ผ้แู ทน
จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยนเรศวร และกลุ่มผู้เพาะปลูกและหรือผู้
รวบรวมสมุนไพรจากโรงพยาบาล ประกอบด้วยผู้แทนจากโรงพยาบาลกุดชุม และโรงพยาบาล
พระปกเกล้าพบวา่ โดยรวมปญั หา อุปสรรคมคี วามคล้ายคลงึ กนั ตงั้ แตต่ น้ ทาง กลางทาง และปลายทาง

ด้านการปลกู
- ขาดความพร้อมในกลมุ่ สมาชกิ
- พืน้ ทที่ ีใ่ ชใ้ นการเพาะปลกู ยังไม่ได้รบั การรบั รองมาตรฐานการปลกู
ด้านการแปรรูปและจดั เก็บ
- ขาดแคลนพ้นื ท่ีสาหรับแปรรูปสมนุ ไพร เนอื่ งจากอาศัยพนื้ ท่ีของวดั ในชุมชนเพือ่ ดาเนิน
กิจกรรมของกลุ่ม

๒๖๙

- อปุ กรณ์และเครอ่ื งมอื สาหรบั แปรรูปสมนุ ไพรไม่เพยี งพอ
- ขาดแคลนอุปกรณ์และสถานที่ที่เหมาะสมและได้มาตรฐานในการจัดเก็บสมุนไพร
ที่ผ่านการแปรรปู แลว้
ด้านการตลาดและการจัดจาหนา่ ย
- ขาดตลาดรองรับ และความไม่แนน่ อนของแหลง่ จาหน่าย
- ไม่มีคาส่งั ซอ้ื ทแ่ี น่นอน
- ขาดแหลง่ รบั ซอ้ื ทีแ่ นน่ อน
ดา้ นเงินทุน
- สมาชิกไม่กลา้ ท่ีจะดาเนนิ การกู้ยืมแหล่ง เน่ืองจากเปน็ กลุ่มสมาชิกสูงวยั เปน็ หลัก
- ยังขาดความชดั เจนของแผนการผลิตของกลมุ่ ทาใหด้ าเนนิ การกบั แหล่งทนุ ทาไดย้ าก
- เนอ่ื งจากรายไดท้ ่ไี มแ่ นน่ อน ทาใหก้ ารเขา้ ถงึ แหลง่ ทนุ เปน็ เร่อื งยาก
ดา้ นมาตรฐานผลิตภณั ฑ์
- ไม่มมี าตรฐานในการผลติ เนอ่ื งจากไม่มีทุนและเครอ่ื งมือยังไม่ได้มาตรฐาน
- ใชง้ บประมาณหรือเงินทุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จานวนมาก
- กระบวนการในการข้ึนทะเบียนผลติ ภณั ฑใ์ ช้ระยะเวลานานเกนิ ไป
ซ่ึงคณะกรรมาธิการวิสามัญจะได้นาไปรวบรวบเพื่อจัดทาเป็นข้อเสนอแนะเพ่ือแก้ไข
ปัญหาอปุ สรรคดังกลา่ วต่อไป

๔.๗ ข้อคน้ พบ สภาพปญั หาและอปุ สรรคจากการศึกษาดงู าน
ผลการศึกษาสภาพปัญหาและอุปสรรคจากการศึกษาดูงาน จานวน ๑๐ คร้ัง แบ่งออกเป็น

๔ กลุ่มได้ทาให้คณะกรรมาธิการวิสามัญได้รับทราบรายละเอียดข้อมูล ข้อค้นพบ ปัญหา อุปสรรค
เก่ียวกบั การพลิกโฉมพชื สมนุ ไพรไทยดว้ ยการวิจยั และนวตั กรรม ดังนี้

๔.๗.๑ กลมุ่ ภาคเอกชน
คณะกรรมาธิการวิสามัญได้ศึกษาดูงาน ณ โรงงานหมอเส็ง จังหวัดสระบุรี

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ ในฐานะผู้ผลิต แปรรูป และจาหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพร
ในสว่ นของภาคเอกชน จากการศกึ ษาดงู านพบวา่ ปัญหา อุปสรรคเกย่ี วกบั สมุนไพรไทยของภาคเอกชนสรปุ ได้
ดังน้ี

๑) สมนุ ไพรยงั คงถูกมองว่าเปน็ เพียงการแพทยท์ างเลือกทไ่ี มไ่ ด้รบั การยอมรบั และ
ใชร้ ักษาโรคได้อย่างจรงิ จงั การให้สมนุ ไพรเปน็ ที่ยอมรบั ต้องใชเ้ วลาในการปรบั ทัศนคติ

๒) อตุ สาหกรรมสมนุ ไพรไทยมีอุปสรรคดา้ นกฎระเบียบการขน้ึ ทะเบยี นอาหารและ
ยาทม่ี ีรายละเอียดทางวชิ าการมากเกนิ ไปและขน้ั ตอนทยี่ งุ่ ยากและเนน่ิ นาน

๓) ยาสมุนไพรไม่สามารถทาให้เป็นยาสมัยใหม่ได้ตามหลักวิชาการและระเบียบ
การขึ้นทะเบยี น

๔) การสรา้ งและรกั ษาความน่าเชอ่ื ถือและศรทั ธาในสมนุ ไพรไทยต้องอาศยั ความ
ร่วมมือของภาครฐั และภาคเอกชน

๒๗๐

๕) การรักษาแผนปจั จบุ นั รว่ มกับสมนุ ไพรยงั ขาดการยอมรบั จากบุคลากรทาง
การแพทย์แผนปัจจุบนั

๔.๗.๒ กลุ่มโรงพยาบาล
คณะกรรมาธิการวิสามัญได้ศกึ ษาดูงานโรงพยาบาล จานวน ๓ แห่ง ในฐานะผูผ้ ลิต แปรรูป

และจาหน่วยผลิตภัณฑ์สมนุ ไพร และอาหารเสริมกบั ผรู้ บั บริการ ๒ แห่ง ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภยั ภูเบศร
จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อวันพุธที่ ๒๙ ธนั วาคม ๒๕๖๔ และโรงพยาบาลหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี เม่ือวันพุธท่ี
๙ มีนาคม ๒๕๖๕ และ ๑ แห่งในฐานะผู้ดาเนนิ งานด้านเมืองสมนุ ไพรตามโครงการพัฒนาเมืองสมุนไพร
ณ โรงพยาบาลดอนตูม จังหวัดนครปฐม เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๕ จากการศึกษาดูงานพบว่า
ปญั หา อุปสรรคเก่ียวกับสมุนไพรไทยของโรงพยาบาลสรปุ ได้ดังนี้

พ้ืนท่ี อุปกรณ์
๑) สภาพพื้นดินและแหล่งน้าท่ีต่างกันส่งผลต่อการปลูกสมุนไพรท่ีต่างกัน รวมท้ัง
ระยะเวลาในการปลกู ท่ีตา่ งกนั
๒) กาลังการผลิตของโรงงานในโรงพยาบาลไม่สามารถผลิตได้ตามความต้องการ
จากปริมาณในการใชท้ สี่ ูงขึน้
๓) ปัญหาการบริหารจัดการคลินิกหรือบุคลากรด้านการแพทย์แผนไทยท่ีมีจานวนน้อย
เมื่อประชาชนต้องการเขา้ รับการรักษาจากแพทยแ์ ผนไทยกไ็ ม่สามารถไดร้ บั การรกั ษาท่ีเพียงพอ
ความเช่ือมั่น
๑) สมุนไพรยังคงถูกมองว่าเป็นเพียงการแพทย์ทางเลือกที่ไม่ได้รับการยอมรับและใช้
รักษาโรคได้อย่างจริงจัง การให้สมุนไพรเป็นที่ยอมรับต้องใช้เวลาในการปรับทัศนคติ
๒) การสร้างและรักษาความน่าเชื่อถือและศรัทธาในสมุนไพรไทย ต้องอาศัย
ความร่วมมือของบคุ ลกรทางการแพทย์
๓) การรักษาแผนปัจจุบันร่วมกับสมุนไพรยังขาดการยอมรับ จากบุคลากร
ทางการแพทย์แผนปจั จุบนั
กฎ ระเบียบ
๑) อุตสาหกรรมสมุนไพรไทยมีอุปสรรคด้านกฎระเบียบการขึ้นทะเบียนอาหาร
และยาท่ีมีรายละเอียดทางวิชาการมากเกินไปและขั้นตอนที่ยุ่งยากใช้เวลานาน
๒) ความไม่ชัดเจนเก่ียวกับกฎหมายแม่บทและกฎหมายลาดับรอง ระเบียบและ
แนวทางปฏิบัติเก่ียวกับกัญชา
มาตรฐาน ไม่มีสถานที่ตรวจสอบปริมาณสารสาคัญในกัญชา
ต้นทุน
๑) การลงทุนในการปลูกกัญชาในโรงเรือนท้ังระบบก่ึงปิดและระบบปิดมีราคาสูง
๒) ขาดงบประมาณในการจัดซื้อเคร่ืองมือ เครื่องจักร และอุปกรณ์ในการผลิตเพ่ิมเติม
เพอื่ ให้โรงงานผลติ มมี าตรฐานและผลติ ได้ในปรมิ าณมากขนึ้
การตลาด
๑) ไม่มีสถานที่จาหน่ายจึงไม่มีการหมุนเวียนเงินทุนสาหรับเพาะปลูกรอบต่อไป

๒๗๑

๒) การรับซ้ือพืชสมุนไพรจากเกษตรกรมีตลาดรองรบั ไม่เพียงพอ เพราะโดยหลักการตลาด
เมื่อมีการผลติ ก็ต้องสามารถจาหนา่ ยได้

การเข้าถึงข้อมูล
ความรู้เก่ียวกับการใช้สมุนไพร อาทิ การใชก้ ัญชง กัญชา และพืชกระท่อมในปรมิ าณท่ี
ไม่เหมาะสมทาใหเ้ ปน็ ผลรา้ ยต่อสุขภาพของผูใ้ ช้
๔.๗.๓ กลมุ่ มหาวิทยาลัย
คณะกรรมาธิการวิสามัญได้ศึกษาดูงานมหาวิทยาลัย จานวน ๕ แห่ง ประกอบด้วย
๑) มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เม่ือวันศุกร์ท่ี ๒๑ - วันเสาร์ที่ ๒๒
มกราคม ๒๕๖๕
๒) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (บางขุนเทียน) จังหวัดกรุงเทพมหานคร
เม่ือวันจันทร์ท่ี ๗ มีนาคม ๒๕๖๕
๓) ศูนย์การศกึ ษาจังหวดั สมทุ รสงคราม มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสุนันทา จังหวดั สมุทรสงคราม
เม่ือวันอังคารท่ี ๘ มีนาคม ๒๕๖๕
๔) มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จังหวัดราชบุรี เม่ือวันจันทร์ที่ ๑๔
มีนาคม ๒๕๖๕ และ
๕) มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ เม่ือวันอังคารท่ี ๑๙ เมษายน ๒๕๖๕
ในฐานะผู้ผลิต แปรรูปและการนาไปใช้ประโยชน์ รวมถึงการวิจัยและนวัตกรรมพืชสมุนไพร และการนา
เทคโนโลยีมาใช้ในการสกัดสารสาคัญจากสมุนไพร รวมท้ังในฐานะผู้ดาเนินงานเกี่ยวกับการพัฒนาดา้ น
สมนุ ไพร จากการศกึ ษาดูงานพบวา่ ปัญหา อปุ สรรคเกี่ยวกับสมนุ ไพรไทยของมหาวทิ ยาลัยสรุปได้ดงั น้ี
วัตถุดิบ และสาธารณูปโภค
การขาดแหลง่ นา้ ชลประทาน และขาดเมล็ดพนั ธทุ์ มี่ ีปริมาณสารสาคญั ตามท่ไี ดร้ บั อนุญาต
สารสกดั
๑) ปญั หาจากสารสกดั ผลไมห้ รือสมนุ ไพรตา่ ง ๆ คือสารฆา่ แมลงในเปลือกนอกของ
วตั ถดุ บิ หรือผวิ นอกของวตั ถดุ บิ
๒) การเข้าถึงผลิตภัณฑ์จากสารสกัดกัญชายังมีขน้ั ตอนท่ีมีความยุ่งยากและบันทึกข้อมูล
อยา่ งเปน็ ระบบระเบยี บ
การนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการผลิต การแปรรูป
การนาไปใช้ประโยชน์ผลติ ภัณฑ์จากพืชสมนุ ไพร
ขาดความต่อเน่ืองของการต่อยอดขยายผล เนื่องจากงบประมาณของแต่ละปีมีความ
ติดขัด บางปีขอได้ บางปีขอไม่ได้ จึงทาให้งานล่าช้าและขาดความต่อเน่ือง เนื่องจากการวิจัยและ
การทดลองบางอย่างต้องใช้ความต่อเน่ืองในการทดลองเพ่ือหาผลสัมฤทธ์ิ และสรุปผ ลการทดลอง
การสร้างมาตรฐาน การปลูกสมุนไพรยังใช้สารเคมีในการฆา่ แมลงคือการเร่งการเจริญเติบโตพืชสมุนไพร
จึงอยากให้มีการสร้างมาตรฐาน ต้ังแต่การปลูก การผลิต และการส่งออกสินค้าสู่ตลาด เพื่อรักษา
มาตรฐานให้มีมาตรฐานตามหลกั สากล
เจา้ หนา้ ท่ี
การขาดแคลนเจ้าหนา้ ที่ภาครัฐ มผี ปู้ ลกู จานวนมากแตม่ ผี ้ตู รวจประเมนิ จานวนนอ้ ย

๒๗๒

ตน้ ทนุ
๑) การขอรบั รองมาตรฐานพชื สมุนไพร มีค่าใชจ้ า่ ยค่อนข้างสูงในการตรวจวิเคราะห์
๒) การสง่ สมุนไพรทดสอบปริมาณสารสาคญั มรี าคาสงู ซงึ่ สง่ ผลให้เกษตรกรไมส่ ามารถ
เข้าถงึ ขน้ั ตอนนไี้ ด้
๓) ขาดงบประมาณในการดาเนนิ การโครงการตอ่ เนอ่ื ง
๔) สารสกัดกญั ชายังมรี าคาแพงเนอื่ งจากใชเ้ ทคโนโลยกี ารผลิตทม่ี มี ูลคา่ สูง
๕) กญั ชาทีใ่ ช้สาหรบั ทางการแพทยม์ ตี น้ ทนุ สงู มาก เนื่องจากตอ้ งมกี ารลงทนุ ด้าน
โครงสรา้ งพนื้ ฐานท่ีมมี ลู ค่าสงู
สถานท่ี อปุ กรณ์
๑) หอ้ งปฏิบตั กิ ารทส่ี ามารถรบั ทดสอบและมมี าตรฐาน ISO17025 ยงั ไมค่ รอบคลุมและ
ไม่เพยี งพอทจ่ี ะใหบ้ รกิ ารเกษตรกรทัง้ ประเทศ และตอ้ งรอเข้าคิวค่อนข้างนาน ทาใหเ้ กษตรกรหรือ
ผ้ปู ระกอบการรายย่อยเขา้ ไม่ถึงการบรกิ ารดงั กล่าว
๒) ขาดเครอ่ื งมือในการแปรรูปสมนุ ไพรภายหลังเก็บเกีย่ ว
ระบบ มาตรฐาน
๑) ปญั หาความลา่ ชา้ ของระบบราชการทม่ี ขี น้ั ตอนยงุ่ ยากและซบั ซ้อน
๒) การออกใบอนญุ าตใชร้ ะยะเวลานาน รวมทงั้ ความลา่ ช้าในกระบวนทางาน การ
ออกมาตรฐาน การขออนุญาต การดาเนินการต่าง ๆ ของภาครฐั
๓) ข้ันตอนการขออนุญาต มีความยุ่งยาก และไม่มีการรับประกันว่าจะได้รับอนุญาต
หรือไม่หลัง จากมีการลงทุนในส่ิงก่อสร้างและโครงสร้างพ้ืนฐาน และจะต้องเช่ือมโยงกับหน่วยงานท่ีนา
ผลผลิตไปใช้ประโยชน์ ซึ่งในประเทศไทยมีเพียงไม่ก่ีหน่วยงานท่ีนาผลผลิตกัญชาไปใช้ประโยชน์
ทางการแพทยอ์ ย่างจรงิ จงั
๔) หากสมนุ ไพรไม่ได้การรบั รองมาตรฐานการปลกู ทีด่ ี เกษตรกรไมส่ ามารถส่งสมุนไพร
มาแปรรปู ได้
๕) การใชด้ ุลพนิ จิ ในการตรวจประเมนิ จากเจ้าหน้าทสี่ าธารณสขุ จังหวดั ในแตล่ ะจังหวดั ท่ี
แตกต่างกนั
กฎหมาย ระเบยี บ
๑) ขอ้ จากดั ในทางระเบยี บกฎหมายทเ่ี กีย่ วกบั การจาหน่ายกญั ชาและทีเ่ กย่ี วขอ้ งอกี
หลายประการ
๒) การพฒั นาหรอื แกไ้ ขกฎหมายตา่ ง ๆ ขาดการเชอื่ มโยงกบั ตน้ ทางจงึ ไม่แกไ้ ขขอ้ จากดั ตา่ ง ๆ
๓) ระเบยี บเรือ่ งการขอรบั รองมาตรฐาน GAP กาหนดให้ผู้ขอรบั รองมาตรฐานตอ้ งมี
เอกสารแสดงกรรมสิทธทิ์ ด่ี นิ ส่งผลใหเ้ กษตรกรที่ใชป้ ระโยชนบ์ นทด่ี นิ เพือ่ ปลูกสมนุ ไพร
บนทด่ี ินทไี่ มม่ ีเอกสารสทิ ธไิ์ มส่ ามารถขอรับการรบั รองมาตรฐานดงั กลา่ วได้
๔) ระเบียบเร่ืองการปลูกกญั ชา เดมิ กญั ชาเปน็ ยาเสพตดิ ให้โทษประเภท ๕ ทาใหก้ าร
ผลิตในเชงิ อุตสาหกรรมเปน็ ไปได้อย่างลา่ ช้า และยังจากดั ในหน่วยงานของรัฐ หรอื ตอ้ งรว่ มมอื การปลกู กบั
หนว่ ยงานของรฐั

๒๗๓

๕) ระบบการปลูกยังอยู่บนพื้นฐานของการปลูกในระบบโรงเรือนทั้งแบบกึ่งปิด
และระบบปิดการจาหน่ายยังไมส่ ามารถทาไดใ้ นทางปฏิบัติ การส่งออกถงึ แม้ในกฎหมายอนุญาตให้ทาได้
แตใ่ นทางปฏบิ ตั ิยงั มีขอ้ จากดั ในทางระเบียบกฎหมายทีเ่ กี่ยวขอ้ งอีกหลายอย่าง

๖) กญั ชายงั ไม่สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ทางอาหารเพอ่ื สุขภาพและสนั ทนาการได้
๔.๗.๔ กลุ่มวดั

คณะกรรมาธิการวสิ ามัญไดศ้ ึกษาดูงานทวี่ ดั จานวน ๒ แหง่ ไดแ้ ก่ วดั เจดีย์หอย จังหวัดปทมุ ธานี
เม่ือวันศุกร์ท่ี ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ และสมาคมภูมิปัญญาหมอพ้ืนบ้าน วัดคีรีวงก์ (วัดน้าตก) จังหวัดชุมพร
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ในฐานะผ้ผู ลิต แปรรูปและการนาไปใช้ประโยชน์ในส่วนของ
ชุมชนและประชาชนท่ีสนใจ จากการศึกษาดูงานพบว่า ปัญหา อุปสรรคเก่ียวกับสมุนไพรไทยของวัด
สรุปได้ดังนี้

การสนับสนุนจากรัฐบาล
ขาดการสนับสนุนจากรัฐบาลไม่ให้หมอพ้ืนบ้าน แพทย์แผนไทยเข้าไปอยู่ในระบบบริการ
สุ ข ภา พเ ช่ น เ ดี ย ว กั บ แ พท ย์ แ ผ น ปั จ จุ บั น ใน ก า ร เ ข้ า ไ ป ช่ ว ยท า ก า ร รั ก ษ า ผู้ ป่ ว ย ใน โ ร ง พย า บ า ล ห รื อ
โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพตาบล
การตลาด การประชาสมั พันธ์
๑) ขาดการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย ความรู้ด้านภูมิปัญญาหมอพื้นบ้าน
และแพทย์แผนไทยให้กบั ประชาชนได้รับรแู้ ละเขา้ ถงึ
๒) ปัญหาเกี่ยวกบั นโยบายการสง่ เสริมทเ่ี นน้ ไปในทางธรุ กิจ เพราะโดยหลักแล้วยาสมุนไพรไทย
การผลติ การแปรรปู และการรกั ษา ควรคานงึ ถึงองคค์ วามรู้ตามหลกั ตารายาแพทยแ์ ผนไทยเปน็ สาคญั
๓) ปัญหาอุปสรรคที่อนุญาตให้ผลิตแต่ไม่สามารถนาไปประชาสัมพันธ์และจาหน่าย
เพือ่ เป็นการต่อการใชพ้ ชื สมนุ ไพรได้ รวมถึงขาดเงินทุนสนบั สนุนในการผลติ การแปรรปู และการนาไปใช้
ประโยชน์ด้วย จานวนบคุ ลากรท่เี กย่ี วกับแพทยแ์ ผนไทยมนี อ้ ย
๔) ปัญหาการส่งเสริมให้มีการปลูกพืชกระท่อมท่ีมีการส่งเสริม แต่ไม่มีแหล่งจาหน่าย
เนื่องจากเกิดกรณีผูป้ ระกอบการหรือเอกชนเข้ามาสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารปลกู แต่ขาดตลาดหรอื แหลง่ จาหน่าย
ระบบ มาตรฐาน
การขอรับรองเป็นหมอพื้นบ้าน กระบวนการประเมิน และการรับรองมาตรฐานต่าง ๆ
มีหลายกระบวนการและหลายข้ันตอน
เจ้าหน้าท่ี
ขาดอัตรากาลังด้านการแพทย์แผนไทยในการรักษาผู้ป่วยในคลินิก สถานพยาบาล
และโรงพยาบาล เป็นตน้
กฎหมาย กฎ ระเบียบ
๑) ปัญหาด้านกฎหมายในการรับรองการใช้พืชสมุนไพรท่ียังติดขัดในหลายส่วนทั้งในด้าน
การผลิตการใช้ การประชาสัมพันธ์ และการจาหน่าย โดยเฉพาะการรับรองมาตรฐาน หากได้รับการ
รับรองมาตรฐานการผลิตก็จะสามารถจาหน่ายได้ เพราะหากจาหน่ายได้ก็จะช่วยในการเผยแพร่การใช้
สมุนไพรไดม้ ากขึน้

๒๗๔

๒) การผลติ และแจกจ่ายยาสมนุ ไพรสามารถทาได้ แตต่ ดิ ปญั หาในสว่ นของการจดทะเบียน
รบั รองการผลติ ตามเกณฑ์มาตรฐาน จึงทาให้สง่ ผลตอ่ การผลิตและการแจกจา่ ยยาได้

๓) ปัญหาการห้ามเข้าไปเก็บพืชสมุนไพรในป่า เน่ืองจากพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ.
๒๕๑๘ เพอื่ ควบคมุ การค้าระหว่างประเทศในบัญชีแนบท้ายอนสุ ัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ

๔) ปัญหาอุปสรรคจากการที่สาธารณสุขจังหวัดเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์
สมนุ ไพรว่าได้มกี ารใชผ้ ่านการรับรองมาตรฐานหรือไม่ มกี ารสอบถามและตรวจสอบว่าการปรงุ ยาทีไ่ ดท้ า
การรักษาน้ันได้มีการจดทะเบียนผ่านการรับรองมาตรฐาน อย. แล้วหรือไม่ เพราะข้อเท็จจริงการผลิต
หรอื ปรุงยาจะมกี ารผลติ เทา่ ทใ่ี ชห้ รือที่ทาการรกั ษา

ภมู ิปัญญา
๑) ปัญหาการที่ไม่ได้นาภูมิปัญญาที่สืบทอดต่อกันจากปู่ ย่า ตา ยาย ในหมู่บ้านมาใช้ ผู้ที่
ได้รับความรู้ตกทอดกันมาเริ่มลดหายไปจากหมู่บ้าน ความพยายามยกระดับสถานะหมอพ้ืนบ้านให้เป็น
แพทย์แผนไทย จึงอาจสง่ ผลใหภ้ ูมปิ ญั ญาทส่ี บื ตอ่ กันมาเลือนหายไปได้
๒) ปัญหาการนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรมาดาเนินการในเชิงธุรกิจท่ีต้องผ่านการรับรอง
มาตรฐาน อาจทาให้ความรู้ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยหายไป เพราะต้องมีการปรับกระบวนการผลิตให้ผ่าน
มาตรฐานตา่ ง ๆ อาจส่งผลให้ภมู ิปัญญาหายไปได้
งบประมาณ
๑) งบประมาณทีใ่ ชส้ าหรบั การส่งเสริมการใชพ้ ชื สมุนไพรมกี ารจัดสรรให้นอ้ ยเพียงบางกลมุ่
เท่านน้ั
๒) ปัญหาโครงการสมุนไพรในพระราชดาริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี ๙)
ทีเ่ กยี่ วกบั ภมู ปิ ัญญาการใช้พืชสมุนไพรขาดการดแู ลงบประมาณท่ีจัดสรรโครงการ
จากการศึกษาดูงาน รับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหา อุปสรรคการพลิกโฉมพืชสมุนไพร
ไทยของคณะกรรมาธิการวสิ ามัญจากผู้แทนภาคเอกชน โรงพยาบาล มหาวทิ ยาลยั และวัด พบว่าปัญหา
มตี ้ังแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทางซ่ึงมีความสัมพันธ์เปน็ ห่วงโซ่อุปทาน ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการ
วิสามัญจะได้นาปัญหา อุปสรรคท่ีได้รับจากการสัมมนาไปจัดทาเอกสารรายงานการพิจารณาศึกษาแนวทาง
การพลิกโฉมพืชสมุนไพรไทย ด้วยการวิจัยและนวัตกรรม เสนอต่อวุฒิสภา เพื่อเป็นข้อเสนอเชิงนโยบาย
แก่หนว่ ยงานทเี่ กย่ี วขอ้ งต่อไป

๔.๘ ข้อคน้ พบ สภาพปัญหาและอุปสรรคจากการสมั มนา
ผลการศึกษาสภาพปัญหาและอุปสรรคจากการสัมมนา เรื่อง แนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพร

ไทยด้วยการวิจัยและนวัตกรรม จานวน ๒ ครั้ง จากการรับฟังความคิดเห็นของกรรมาธิการวิสามัญ
ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการ หน่วยงาน องค์กร หรือกลุ่มบุคคลท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขับเคล่ือนแนว
ทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรไทยด้วยการวิจัยและนวัตกรรม ประกอบด้วย ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข
ผู้แทนกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม ผู้ประกอบการ ผู้แทน
วิสาหกิจชมุ ชน ผแู้ ทนโอทอป ผแู้ ทนเกษตรกร และประชาชนผ้สู นใจ พบว่า

๒๗๕

๔.๘.๑ ครั้งท่ี ๑ เม่ือวันพฤหัสบดีท่ี ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ณ ห้องประชุม ๔๐๑ ๔๐๒-๔๐๓
ชั้น ๔ อาคารรัฐสภาควบคู่กับการสัมมนาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (โปรแกรม Cisco Webex Meeting)
เป็นการสัมมนาเก่ียวกับ (๑) การผลิตพชื สมนุ ไพร (๒) ปัจจัยทสี่ าคญั ต่อการผลิต (๓) ปัจจัยด้านคุณภาพ
มาตรฐาน ความปลอดภัย และสรรพคุณ และ (๔) การนาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวตั กรรม
มาใช้ในแต่ละกระบวนการ (๕) กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ ขอ้ บังคบั หลกั เกณฑท์ ่เี อ้ือและท่เี ป็นอุปสรรค
ในภาคของต้นทาง ซงึ่ ปัญหา อุปสรรคในการพลิกโฉมพชื สมุนไพรไทยดว้ ยการวจิ ัยและนวัตกรรม สรุปได้ดังน้ี

ปัญหา อุปสรรคด้านการผลิต พบว่ายังไม่มีการกาหนดมาตรฐานการปลูกสมุนไพรท่ี
ชัดเจนท่ีสอดคล้องกับการนาไปใช้ และไม่มีการกาหนดปริมาณสารสาคัญในมาตรฐานที่เกษตรกรใช้ใน
การเพาะปลูก การกาหนดมาตรฐานระดับแปลงปลูกยังไม่เชื่อมโยงกับมาตรฐานท่ีต้องการนาไปใช้
เน่อื งจากยังไม่มกี ารกาหนดคา่ มาตรฐานของสารสาคญั ในพืชสมุนไพรแต่ละชนิด ซึ่งเกณฑม์ าตรฐาน GAP
ยึดหลักความปลอดภัย ปลอดจากสารเคมีตกค้าง เกษตรกรปลูกแล้วได้ปริมาณผลผลิตสูง แต่ไม่ได้
สารสาคัญตามมาตรฐาน

ปญั หา อุปสรรคด้านการรับรู้ การเข้าถึงขอ้ มูลของเกษตรกร พบว่าเกษตรกรไม่ทราบ
แหล่งท่ีให้บริการตรวจวิเคราะห์สารสาคัญ การวิเคราะห์สารปนเปื้อน การขาดความรู้ความเข้าใจเร่ือง
มาตรฐานต่าง ๆ อาทิ มาตรฐาน GAP

ปญั หา อปุ สรรคด้านคุณสมบัติของสมุนไพร พบว่าคุณสมบัติทางเคมีและกายภาพของ
สมนุ ไพรขน้ึ อยู่กับความต้องการของตลาด เปน็ การตกลงระหว่างเกษตรกรและผู้รับซอ้ื

ปญั หา อปุ สรรคด้านสายพันธ์ุ พบวา่ อปุ สรรคสาคญั ของสมนุ ไพรคือการหาสายพันธทุ์ ี่ดี
ที่เหมาะสมสาหรับภมู ิประเทศและภูมอิ ากาศของประเทศไทย

ปัญหา อปุ สรรคด้านตน้ ทุน พบวา่ การขอรบั รองมาตรฐาน สมอ. ต้องมคี า่ ใชจ้ ่ายเพิม่ เติม
ซึ่งมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เป็นมาตรฐานตามความสมัครใจของผู้ประกอบการ ดังนั้น
หากเกษตรกรไม่เห็นถึงความจาเป็นก็ไม่ต้องลงทุนอันเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายแก่เกษตรกร นอกจากน้ี
อุปกรณต์ ้องใช้งบประมาณในการลงทนุ สูง

ปญั หา อุปสรรคดา้ นโครงสรา้ งพ้นื ฐาน พบว่า
๑) ขาดขอ้ มลู มหภาคของความต้องการใชส้ มุนไพรภายในประเทศ
๒) ไม่มีผู้รับผดิ ชอบหลัก และขาดการบรู ณาการระหวา่ งหน่วยงาน
๓) ขาดการประชาสัมพนั ธ์ใหร้ ้ถู งึ ขอ้ มลู ข่าวสารด้านสมุนไพร
๔) ขาดแผนงานใหญแ่ ละกรอบแนวคดิ ดา้ นการวจิ ัยมุ่งเปา้
ปญั หา อุปสรรคกลางทาง เกี่ยวกับการแปรรูป และการนาไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบ
อาหาร อาหารเสริม ยา และเวชสาอาง พบว่า
๑) คุณภาพของวัตถุดิบสมุนไพรไม่ดี ซ่ึงส่งผลต่อคุณภาพและประสิทธิภาพของสารสกัด
และผลิตภณั ฑ์สาเร็จรูป
๒) การควบคมุ คุณภาพของวัตถุดิบ สารสกดั และผลิตภัณฑ์สาเรจ็ รปู ตน้ ทุนสูงไม่เพยี งพอ
และครอบคลุม: สารมาตรฐาน (reference standard) เครื่องมือในการตรวจวิเคราะห์ ข้อกาหนด
มาตรฐานกลาง (Herbal monograph)
๓) เคร่ืองจกั รขนาดใหญแ่ ละอุปกรณใ์ นการแปรรูปราคาแพง

๒๗๖

๔) ผปู้ ระกอบการขาดความรู้ดา้ นเทคโนโลยีสมนุ ไพร
๕) การโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณท่ีเกินจริง แต่ในขณะเดียวกันกฎหมายก็เปิดโอกาสให้
โฆษณาไดน้ ้อย
ปญั หา อุปสรรคเก่ียวกับกระบวนการขอข้ึนทะเบียน อาหารและยา (อย.) มาตรฐาน
ผลติ ภัณฑ์อสุ าหกรรม (มอก.) การจดสทิ ธิบตั รและทรัพยส์ นิ ทางปัญญา และการคมุ้ ครองผ้บู รโิ ภค พบวา่
๑) การนาผลการวจิ ัยไปข้ึนทะเบยี นผลิตภัณฑ์ ยังไมม่ ปี ระสทิ ธภิ าพ ทาให้เกดิ งานวจิ ยั ข้นึ
ห้งิ จานวนมาก ไมส่ ามารถนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้
๒) การพัฒนาที่อิงกับฐานคิดทางด้านตะวันตกมากเกินไป ทาให้ผลิตภัณฑ์ของ
ผปู้ ระกอบการขนาดเลก็ ไม่สามารถไปถึงคณุ ภาพทภี่ าครัฐกาหนดมาตรฐานไว้ได้
๔.๘.๒ ครั้งที่ ๒ เม่อื วนั พฤหสั บดีท่ี ๒๘ เมษายน ๒๕๖๕ ณ หอ้ งประชุม ๔๐๒-๔๐๓
ช้ัน ๔ อาคารรฐั สภาและผ่านส่อื อิเลก็ ทรอนกิ ส์ (โปรแกรม (Zoom Meeting) สาระสาคญั สรุปได้ ดังน้ี
ปัญหา อุปสรรคด้านแหล่งวัตถุดิบจากธรรมชาติและการเพาะปลูก แหล่งกาเนิด
สมุนไพร และจานวนสมุนไพรตามธรรมชาติลดลงอยา่ งรวดเร็ว ขาดการบริหารจัดการสายพันธ์ุสมุนไพร
และระบบการปลกู ท่ีดสี ง่ ผลให้วัตถุดิบไม่ไดค้ ุณภาพและมีสารสาคัญปริมาณนอ้ ย
ปัญหา อุปสรรคด้านมาตรฐานกระบวนการผลิตภัณฑ์ห้องปฏิบัติการ สืบเน่ืองจาก
คณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ ได้กาหนดแผนงานจานวนมาก ทั้งระดับข้ันกฎหมายระเบียบ
ข้อบังคบั ซ่ึงมีมากกวา่ ๔๐ ฉบับ โดยเฉพาะเม่ือพิจารณาแผนปฏิบัติการด้านสมุนไพรแห่งชาติ ฉบับที่ ๑
พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๕ ปญั หาที่สาคญั คือเรอ่ื งของความซ้าซ้อน ขาดความเช่ือมโยง ไมเ่ กื้อกลู กัน อีกท้งั ยัง
มีปัญหาเรื่องมาตรฐานสมุนไพรสาหรับอ้างอิงมีน้อย ห้องปฏิบัติการที่มีมาตรฐานไม่เพียงพอและ
มีค่าใช้จ่ายค่าตรวจวิเคราะห์สูง การรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์สมุนไพรของ อย. ปัจจุบันต้องใช้ผลการ
รบั รองจากห้องปฏิบตั กิ ารทีไ่ ดม้ าตรฐาน ISO17025 ซึ่งมีคา่ ใชจ้ ่ายสูงในการขอใบรับรอง
ปัญหา อุปสรรคด้านความพร้อม/ความสามารถในการแข่งขัน (คุณภาพผลิตภัณฑ์
และความเชอ่ื มน่ั ) พบว่า
๑) ผู้ประกอบการขาดความรู้และทักษะการผลิตที่ดี ขาดความพร้อมและความเข้าใจ
เกีย่ วกบั กฎระเบยี บ ไมเ่ หน็ ความสาคญั ของการควบคมุ คณุ ภาพ นวัตกรรม
๒) เกษตรกร สว่ นใหญเ่ ปน็ รายยอ่ ยทีย่ งั ขาดองคค์ วามรภู้ าคทฤษฎีและทักษะภาคปฏิบัติ
ท่ีเหมาะสม
๓) สถานประกอบการผลติ ยาสมุนไพรแผนโบราณทไ่ี ดม้ าตรฐานมจี านวนนอ้ ย
๔) ต้นทุนการผลิตสูง (ตัวทาละลาย/แอลกอฮอล์/ปัจจัยการผลิต) แข่งขัน
กับตา่ งประเทศไดย้ าก
๕) อุปกรณ์วิทยาศาสตรแ์ ละเครอื่ งมอื ในห้องปฏิบัตกิ ารมีราคาสงู
๖) สถานประกอบการทีผ่ ลติ สารสกดั มีจานวนน้อย
ปญั หา อปุ สรรคด้านการตลาด การประชาสัมพนั ธ์ การสง่ เสรมิ การขาย และการสง่ ออก พบว่า
๑) การประชาสัมพันธ์/สื่อสารด้านการแพทย์แผนไทย เพื่อให้ประชาชนเข้าสู่ระบบ
บริการสขุ ภาพของสานกั งานหลักประกันสุขภาพแหง่ ชาติ (สปสช.) ยังไมแ่ พร่หลาย
๒) ยาแผนไทยและยาสมุนไพรเข้าสบู่ ญั ชียาหลักแห่งชาติมจี านวนน้อย

๒๗๗

๓) การประชาสมั พันธ์/โฆษณาสรรพคุณทาไดอ้ ย่างจากดั
๔) การรบั รูเ้ ก่ียวกับเคร่ืองหมายรบั รองผลติ ภณั ฑส์ มนุ ไพรของผู้บริโภคยงั มจี ากดั
๕) ผปู้ ระกอบการใช้เวลานานในการศกึ ษาขอ้ กฎหมาย/ระเบียบระหวา่ งประเทศเพอ่ื การส่งออก
๖) ใบรับรอง Certificate of Analysis (COA) ของสารสกัดสมุนไพรมีค่าใช้จ่ายในการ
วเิ คราะห์สูง
ปญั หา อปุ สรรคด้านบคุ ลากรทางการแพทยผ์ ู้สงั่ ใช้ : ด้านกาลังคน พบว่า
๑) บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ผนปัจจุบันไม่ใหก้ ารยอมรับผลติ ภณั ฑส์ มนุ ไพร
๒) บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ผนไทยในระบบของกระทรวงสาธารณสขุ มจี านวนนอ้ ย
๓) ขาดการเช่ือมโยงมาตรฐานการรักษาแบบผสมผสานการแพทย์แผนไทยและ
การแพทยท์ างเลอื กกบั การแพทยแ์ ผนปัจจุบัน
ปัญหา อุปสรรคด้านการวิจยั /พัฒนานวตั กรรมและทรัพย์สนิ ทางปัญญา พบว่า มีการ
จดสิทธิบตั ร จานวน ๒๒๗ คาขอ แตไ่ ด้รับการจดสิทธบิ ัตรเพียง ๒๗ สทิ ธิ สรุปได้วา่
๑) งานวิจยั มจี านวนค่อนขา้ งมากแตเ่ ข้าถึงรายงานการวจิ ัยคอ่ นข้างยาก
๒) งานวจิ ัยทางคลินิกมจี านวนน้อย (เนอ่ื งจากตน้ ทุนสูง ระดับความน่าเช่อื ถือของระเบียบวิธี
วจิ ัยนอ้ ย)
๓) ผู้ประกอบการรายย่อยมีเงินทุนในการทาวิจัยและพัฒนา ( Research &
Development: R&D) ไม่เพยี งพอ
๔) นักวิจัยขาดความเข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบการขออนุญาตผลิตภัณฑ์สมุนไพร
จากผลงานวิจัย
๕) ขาดความเช่ือมโยงระหว่างภาคการวิจยั และภาคการผลิต รวมถึงการศกึ ษากฎเกณฑต์ า่ ง ๆ
การขยายอตั ราการผลิตจงึ มีนอ้ ย
๖) จานวนการจดทรัพย์สินทางปัญญายังมีน้อย (ขาดนวัตกรรมทั้งกระบวนการและ
ผลติ ภณั ฑ์/ศักยภาพในการเขียนคาขอ)
๗) องค์ความรขู้ ้อมูลงานวิจัยตา่ ง ๆ คอ่ นขา้ งกระจดั กระจาย ขาดการวิเคราะหส์ ังเคราะห์
ผลงานวจิ ยั
ปญั หา อปุ สรรคด้านการกากบั ดแู ล การค้มุ ครองผู้บรโิ ภค และอภบิ าลระบบฯ พบว่า
๑) การขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สมุนไพร ใช้เวลาเตรียมการนานเน่ืองจากมีข้อกาหนด
มาตรฐาน ข้อห้ามและเอกสารประกอบตา่ ง ๆ จานวนมาก
๒) กระบวนการขออนญุ าต การดาเนินการต่าง ๆ ของภาครฐั ท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั สมนุ ไพรและ
ผลติ ภัณฑ์ และการปรบั ปรุง/พัฒนากฎหมาย ระเบียบ ไม่ทนั สถานการณ์

จากการรับฟังความคิดเห็นเก่ียวกับปัญหา อุปสรรคการพลิกโฉมพืชสมุนไพรไทยของ
คณะกรรมาธิการวิสามัญ ท่ีปรึกษา อนุกรรมาธิการ หน่วยงาน องค์กร หรือกลุ่มบุคคลท่ีมีส่วนเก่ียวข้อง
กบั การขับเคลื่อนแนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรไทยด้วยการวิจัยและนวัตกรรม ประกอบด้วย ผู้แทน
กระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผู้แทนกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม
ผปู้ ระกอบการ ผู้แทนวสิ าหกิจชุมชน ผแู้ ทนโอทอป ผแู้ ทนเกษตรกร และประชาชนผสู้ นใจ พบว่าปญั หา

๒๗๘

มีต้ังแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ซ่ึงมีความสมั พนั ธ์เป็นห่วงโซ่อุปทาน ทงั้ นี้ คณะกรรมาธิการ
วิสามัญได้นาปญั หา อุปสรรคและข้อคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะทไ่ี ด้รบั จากการสัมมนาไปจดั ทาขอ้ เสนอเชิง
นโยบายในบทท่จี ะกล่าวถงึ ต่อไป

๔.๙ แนวทางการแก้ปญั หาในมิติตา่ ง ๆ ทงั้ ระยะเร่งดว่ น ระยะกลาง ระยะยาว
จากการพิจารณาศึกษาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิ ได้แก่ ข้อมูลจากหน่วยงานและ

บคุ คลท่ีเกย่ี วข้อง การจดั ประชุมของคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั อนุกรรมาธิการ การเชญิ ผู้ที่เก่ยี วขอ้ งมาให้
ข้อมูล การรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนสมุนไพรไทย การสัมภาษณ์
การสัมมนา และการศึกษาดูงานเพื่อรับฟังความคิดเห็นเก่ียวกับปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะการ
พลิกโฉมพืชสมุนไพรไทยด้วยวิจัยและนวัตกรรมของคณะกรรมาธิการวิสามัญ การประมวลข้อมูลและ
สังเคราะห์ข้อมูลเอกสารจากการพิจารณาศึกษาของคณะอนุกรรมาธิการท้ัง ๒ คณะ พบว่าปัญหาของ
สมุนไพรไทยมีตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทางซ่ึงมีความสัมพันธ์เป็นห่วงโซ่อุปทาน ทั้งน้ี
คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญได้นาปญั หา อปุ สรรคท่ไี ดร้ บั จากการดาเนนิ การดงั กล่าวเพ่ือหาขอ้ ยุติและยนื ยัน
ข้อเสนอ ไปจัดทาเอกสารรายงานการพิจารณาศึกษาแนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรไทย ด้วยการวิจัย
และนวัตกรรม เสนอต่อวุฒิสภา เพ่ือเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยสรุป
แนวทางการแกป้ ัญหาในมิติตา่ ง ๆ ท้งั ระยะเร่งดว่ น ระยะกลาง ระยะยาว ดังนี้

๔.๙.๑ แนวทางการแก้ปญั หาในมิติต่าง ๆ ระยะเร่งด่วน
๑) เร่งพัฒนาความเชื่อมโยงและประสานงานการดาเนนิ การของคณะกรรมการนโยบาย

สมุนไพรแห่งชาติ แผนงานการวิจัยด้านพืชสมุนไพรในประเทศไทย มาตรการสนับสนุนทุนสาหรับ
ผู้ประกอบการ เพ่ือพัฒนาผลงานวิจัยและนวัตกรรมตามโจทย์ความต้องการของภาครัฐ หรือความ
ตอ้ งการจากภาคเอกชนท่ีมีตลาดใหญ่ กองทุนนวัตกรรมเพ่ืออุตสาหกรรม รวมท้ังพระราชบัญญัติส่งเสริม
การใชป้ ระโยชน์ ผลงานวิจยั และนวตั กรรม พ.ศ. ๒๕๖๔ ใหเ้ กดิ เปน็ ไปในทศิ ทางเดียวกัน

๒) กระทรวงสาธารณสุขควรทาการศึกษาความต้องการใช้พืชสมุนไพรให้มีความชัดเจน
ซ่ึงมีขนั้ ตอนดงั นี้

๒.๑) การสารวจจานวนประชากรที่ปว่ ยด้วยโรคพ้นื ฐานที่สามารถใช้ยาสมนุ ไพรรักษา
แทนการใชย้ าแผนปัจจบุ นั

๒.๒) ศึกษาปรมิ าณความตอ้ งการใชย้ าสมุนไพรในการรักษาผู้ปว่ ยตอ่ คนต่อปี
๒.๓) ศึกษาสูตรยาเหล่าน้ันว่ามีปริมาณสารสาคัญซ่ึงได้จากพืชสมุนไพรชนิดใดบ้าง
ปรมิ าณเท่าใดเพอ่ื คานวณจานวนความต้องการผลผลติ สมนุ ไพรทีแ่ ท้จริงสาหรับใช้ในการวางแผนการผลติ
เพ่ือป้อนตลาดยาสมุนไพรให้เพียงพอภายในประเทศ
๒.๔) ขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการผลิตยา อาหาร และเครื่องสาอางหรืออ่ืน ๆ ที่ใช้ พืช
สมุนไพรเป็นส่วนประกอบเพื่อติดตามสถานการณ์การผลิตยา ปริมาณสมุนไพรที่ใช้ แหล่งรับซ้ือวัตถุดิบ
สมุนไพร และราคารบั ซอื้ รวมถึงเกณฑค์ ณุ ภาพของวตั ถดุ ิบท่ีใชใ้ นการผลิตดว้ ย
๓) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องส่งเสริมการผลิตสมุนไพรในรูปแบบเกษตรพันธะ
สัญญา โดยจับคู่ธุรกิจระหว่างเกษตรกรที่มีความพร้อมในการผลิตกับผู้ประกอบการผลิตยาสมุนไพร
เพ่ือให้ได้ผลผลิตท่ีมีคุณภาพตามความต้องการ ในปริมาณ และระยะเวลาท่ีกาหนด ท้ังยังเป็นการจูงใจ

๒๗๙

และแก้ปัญหาราคาจาหนา่ ยสมุนไพรใหแ้ ก่เกษตรกรอยา่ งเปน็ ธรรม รวมท้งั ให้มีการแตง่ ตั้งคณะกรรมการ
กาหนด ราคาซื้อขายสมุนไพรอย่างเป็นธรรมตามเกณฑ์มาตรฐาน ประกอบด้วย ผูแ้ ทนเกษตรกร ผู้แทน
ผู้ประกอบการ และหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องร่วมเป็นกรรมการ เพ่ือให้เกิดการยอมรับ พัฒนากระบวนการผลิต
และกาหนดราคาซ้ือขายสมุนไพรอยา่ งเป็นธรรมตามเกณฑท์ กี่ าหนด

๔) รัฐบาลแต่งตั้งคณะกรรมการวิจัยสมุนไพรแห่งชาติ ให้มีบทบาทในการควบคุมกากับ
การวิจัยด้านสมุนไพรให้มีประสิทธิภาพ จัดทายุทธศาสตร์การวิจัย มีการบูรณาการทางานร่วมกันของ
ภาครัฐ เอกชนและประชาสังคม ตั้งเป้าหมายสมุนไพรและโรคที่มีศักยภาพในการวิจัย
การจดั ทาตวั ช้วี ัดท่สี ะท้อนการเพมิ่ มูลค่าทางเศรษฐกจิ และสุขภาพ และการจัดสรรงบประมาณท่ีชดั เจน
ไม่อย่ภู ายใตก้ รอบงบประมาณ โดยพิจารณาจัดตง้ั กองทุนวจิ ัยและพัฒนาสมุนไพรโดยขอรับการสนบั สนุน
งบประมาณจากภาษีอาการเฉพาะ (Earmark tax) เช่น เงินอากรพเิ ศษสดั สว่ น รอ้ ยละ ๑ ของมูลค่าการ
นาเขา้ ยาจากต่างประเทศ เปน็ ต้น

๕) สานกั งานการวิจัยแหง่ ชาติ (วช.) พัฒนาฐานขอ้ มูลทร่ี วบรวมงานวจิ ยั จากแหล่งทุนทัว่
ประเทศไทย และมีกลไกที่เชิญชวนให้นักวิจัยนาผลงานวิจัยรูปแบบบทสรุปผู้บริหารมาเผยแพร่ใน
ฐานข้อมูลดังกล่าว และเปิดโอกาสให้นักวิจัย ผู้ประกอบการเข้าถึงฐานข้อมูลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพ่ือ
ลดปัญหาการทาวจิ ยั ท่ซี บั ซ้อน

๖) สานักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) พัฒนาระบบสนับสนุนที่ทาให้กระบวนการวิจัยมี
ทิศทางสอดคล้องกับวาระของประเทศและเอื้ออานวยให้ทาวิจัยได้ทันการณ์มากขึ้น เช่น pool of
experts, online review platform for research ethics committees (เครือข่ายอนุมัติจริยธรรมการ
วิจยั ระดบั ประเทศ ทส่ี ามารถขออนุญาตศึกษาวจิ ัยผ่านระบบออนไลน์จากท่ีใดกไ็ ด้ทาวิจัยไดท้ ุกท)ี่ การประยกุ ต์
การนา electronic database มาใชจ้ ดั เกบ็ ขอ้ มลู เพื่อใหป้ ระเมนิ ผลการวจิ ัยได้เร็วขึ้น เป็นต้น

๗) สานักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) พัฒนา
รูปแบบการวิจัยใหม่ ๆ ที่แก้ปัญหาการวิจัยในรูปแบบเดิม เช่น การพัฒนา Adaptive platform
clinical trial ซ่ึงเป็นการวิจัยรูปแบบใหม่เพ่ือแก้ปัญหางานวิจัยทางคลินิกในรูปแบบเดิม โดยทาให้มี
ความยืดหยุ่นมากข้ึน โดยสามารถจะทาให้เกิดการเปรียบเทียบการรักษาท่ีต้องการทดสอบหลายชนิด
กบั การรักษามาตรฐานหรือยาหลอกไดใ้ นเวลาเดยี วกนั จึงทาใหม้ ีประสทิ ธภิ าพในด้านระยะเวลาที่ทาให้
เสร็จส้ินงานวจิ ยั ได้เร็วขึ้น และยังทาให้เกิดประสิทธิภาพในดา้ นงบประมาณด้วยการศึกษาแบบองคร์ วม
ด้วย Omic techniques เป็นวิธีการศึกษาส่ิงมีชีวิตแบบองค์รวมท้ังระบบ ต้ังแต่ระดับ สารพันธุกรรม
(genomic) การคัดลอกรหัสสารพันธุกรรม (transcriptomic) การแปลรหัสพันธุกรรมเป็นโปรตีน
(proteomic) และสารชีวเคมี สารชีวโมเลกุล และสารเมตาบอไลท์ต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึน (Metabolomic) การ
ประยุกต์ใช้องค์ความรู้การแพทย์ดัง้ เดิมในการวจิ ัยทางคลินิก โดยอาจศึกษาประสบการณ์จากประเทศ
ญีป่ นุ่ ทีม่ ี Kampo medicine ซ่งึ เป็นการแพทย์ดั้งเดมิ ของญปี่ ุ่นมคี วามพยายามในการผนวกความรู้ทาง
การแพทย์ดั้งเดิมเข้ามาสู่การวิจัยทางคลินิก แผนปัจจุบันอาจได้รับยาแคมโปชนิดเดียวกันก็ได้
แสดงให้เหน็ ว่าการแพทย์แคมโปมีการรักษาท่ีละเอียดและพิจารณาผปู้ ่วยซบั ซ้อนกว่าแนวทางการวิจัย
ดา้ นคณุ ภาพ ประสทิ ธิภาพ และความปลอดภัยของสมุนไพรเป้าหมาย

๒๘๐

๘) กระทรวงสาธารณสุขเร่งส่งเสริมให้เกิดการใช้การแพทย์แผนไทยและการแพทย์
พ้ืนบ้านอย่างกว้างขวางจะเป็นการเปิดอุปสงค์ของการพัฒนาสมุนไพร จากการสัมภาษณ์หมอพ้ืนบ้าน
แพทย์แผนไทย พบว่า การใช้บริการการแพทย์พ้ืนบ้านและการแพทย์แผนไทยยั งน้อย
หากประเทศไทยบูรณาการการแพทยท์ งั้ สองเขา้ สู่ระบบบรกิ ารสุขภาพของประเทศไทย กจ็ ะช่วยลดการ
นาเข้ายาจากต่างประเทศ ภาระงานของบุคลากรแผนปัจจุบัน และนาไปสู่การวิจัยและพัฒนายา
จากสมนุ ไพร ซ่ึงการพัฒนาระบบนีอ้ าจใชป้ ระสบการณ์จากประเทศญป่ี นุ่ เกาหลี จีน และอนิ เดีย ที่เปิด
โอกาสให้แพทย์พ้ืนบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในการบริการ กาหนดโรคท่ีประชาชนเข้าไปรับการรักษากับ
หมอพื้นบ้าน และมีระบบการส่งต่อจากหมอพ้ืนบา้ นมาทีส่ ถานพยาบาล มีการฝึกอบรมหมอพ้นื บา้ นใหม้ ี
การปรุงยาที่สะอาด และรู้เท่าทันโรคตามมุมมองของการแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อให้สามารถส่งต่อ
ผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสมท่ีสาคัญมีการประเมินผลการรักษาเป็นระยะในช่วงแรกของการดาเนินการ
สว่ นในกรณขี องแพทยแ์ ผนไทยน้นั แมว้ า่ ภาครัฐมีนโยบายส่งเสรมิ ใหม้ กี ารใช้ แต่ทางภาครฐั ควรมีระบบ
การจัดการความร้ขู องศาสตร์การแพทยแ์ ผนไทยอยา่ งเปน็ ระบบ โดยพฒั นาทฤษฎีโรค การตรวจวนิ จิ ฉัย
และการบาบัดโรคตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย โดยศึกษาแนวทาง pattern identification
ท่ีการแพทย์แผนจีนใช้ในการจัดทาแนวทางเวชปฏิบัติ ซ่ึงทาให้การใช้ยาแผนจีนสอดคล้องกับระยะการเกิด
และดาเนนิ โรค และนาไปใชใ้ นการศกึ ษาวิจัยทางคลินกิ อย่างกว้างขวางในปจั จุบนั

๔.๙.๒ แนวทางการแกป้ ญั หาในมติ ติ า่ ง ๆ ระยะกลาง
๑) ส่งเสริมให้มีการศึกษาข้อมูลพืชสมุนไพร ตารับยาสมุนไพรของไทยที่มี

ความน่าเชื่อถือ มีประวัติการใช้ และมีการบันทึกหลักฐานที่น่าเชื่อถือมาวิจัยและพัฒนาเป็นตารับยาท่ี
สามารถใช้ไดจ้ รงิ มคี ุณภาพ ประสิทธิภาพและความปลอดภยั ในการใช้ เพือ่ สร้างมลู ค่าเพม่ิ ให้กบั สมนุ ไพร
และตารายาไทย และเพ่มิ จานวนยาในระบบบัญชียาหลักเพมิ่ ความมั่นคงทางยาให้กับประเทศไทย

๒) ส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพรในประเทศไทย โดยจัดให้มีการควบคุมต้ังแต่
สายพันธ์ุของพืชสมุนไพร ตั้งแต่การวิจัยพัฒนาสายพันธ์ุที่ดี วิธีการปลูก วิธีการดูแลรักษา และการเก็บเก่ียว
ทีท่ าให้สมุนไพรมีคณุ ภาพ และมีความปลอดภัย ปราศจากเชื้อโรค ยาฆ่าแมลง และโลหะหนกั ซึง่ ปญั หา
พืชสมุนไพรท่ีมีการปนเป้ือนยาฆ่าแมลง โลหะหนัก และเชื้อโรค เป็นปัญหาหลักสาคัญในการต่อยอด
เน่ืองจากสมุนไพรที่ขาดคุณภาพมาตรฐานจะไม่สามารถนาไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยา
อาหารเสริมหรือเคร่ืองสาอางได้ ทาให้โรงงานผลิตต้องนาเข้าวัตถุดิบสมุนไพรจากต่างประเทศ รวมท้ัง
ส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงองค์ความรู้และงบประมาณในการจัดการ ในการจัดทามาตรฐานการปลูกให้
เป็นไปตามระบบการปฏิบัติท่ีดีทางการเกษตร (GAP) ในส่วนแปรรูปในข้ันต้นส่งเสริมกลุ่มเกษตรกรราย
ยอ่ ยหรอื วิสาหกิจชมุ ชนขนาดเล็กยงั ดา้ นเงนิ ทนุ ในการปลูก การตรวจวิเคราะห์มาตรฐาน และการมที ด่ี นิ เพอ่ื การ
เพาะปลกู

๓) สร้างความเชื่อมโยงระหว่างเกษตรกรและผู้ประกอบการ ทาให้การปลูกสมุนไพร การแปร
รูป ของเกษตรกรตรงตามความตอ้ งการของผผู้ ลิตผลติ ภณั ฑ์

๔) พัฒนามาตรฐานท่ีเกี่ยวข้องกับการจัดการและแปรรูปพชื สมุนไพร ครอบคลุมต้นทาง
กลางทาง และปลายทาง ได้แก่ มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี(Good Agricultural Practices:
GAP) มาตรฐานการปลูกและการเก็บเก่ียวรวบรวมที่ดีของพืชสมุนไพร (Good Agricultural and
Collection Practices: GACP) หลกั เกณฑ์หรือวิธกี ารสุขลักษณะท่ดี ี (Good Hygiene Practices: GHP)

๒๘๑

หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลติ (Good Manufacturing Practice: GMP) หลักเกณฑ์วธิ ีการการปฏิบัติ
ท่ีดีในห้องปฏิบัติการ (Good Laboratory Practices: GLP) มาตรฐานห้องปฏิบัติการการทดสอบ
(ISO/IEC17025) )หลักเกณฑ์วิธีการการปฏิบัติการท่ีดีทางคลินิก (Good Clinical Practices: GCP)
รวมถึงการจัดทาตารามาตรฐานยาสมุนไพรไทย (Thai Herbal Pharmacopoeia: THP( และตารายาของ
ประเทศไทย (Thai Pharmacopoeia: TP) เพ่ือเป็นแหล่งอ้างอิงในการตรวจวิเคราะห์คุณภาพวัตถุดิบ
สมุนไพร ให้มีความครอบคลุมพืชสมุนไพรและยาสมุนไพรทุกรายการที่มีการนามาผลิตในเชิงพาณิชย์
รวมท้งั การส่งเสริมใหผ้ ู้ประกอบการเขา้ ถงึ องค์ความรู้ดา้ นมาตรฐาน และสามารถนาไปปฏบิ ตั จิ รงิ ในระดบั
อุตสาหกรรมได้ และการสร้างมาตรฐานต่าง ๆ ท่ีชัดเจน เน่ืองจากมาตรฐานเกี่ยวกับสมุนไพรมีจานวนหลาย
มาตรฐานและออกจากหลายหน่วยงาน จึงทาให้เกดิ ความสับสนในการเลอื กใชห้ รอื จดั ทามาตรฐานต่าง ๆ

๕) ส่งเสริ มการทาวิจัยด้าน พืชสมุนไ พร ตั้งแต่ทด ลองใน ห้องปฏิบัติการ
การทดลองในสัตว์ ไปจนถึงการทดลองในมนุษย์ และส่งเสริมการนาผลงานวิจัยด้านสมุนไพรมาต่อยอด
จนกลายเป็นนวัตกรรมสมุนไพรที่มุ่งสู่การพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีสามารถวางจาหน่ายได้ เกิดการพัฒนา
ผลิตภัณฑ์รูปแบบใหมห่ รอื ยาสมนุ ไพรชนิดใหม่ เพื่อใหเ้ กดิ ความหลากหลายของผลติ ภัณฑ์ในทอ้ งตลาด

๖) สง่ เสรมิ งานวจิ ัยดา้ นสมุนไพรที่มคี วามหลากหลายและสามารถนาไปใชไ้ ด้จรงิ ในระบบ
อุตสาหกรรม เน่ืองจากส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักมีการทาซ้า ๆ กับสมุนไพรตัวเดิมหรืองานวิจัย
บางงานมคี วามซับซ้อนและใช้เทคโนโลยขี นั้ สูงเกนิ กว่าจะนามาตอ่ ยอดเพื่อผลิตในระดับอตุ สาหกรรม

๗) ส่งเสริมอุตสาหกรรมการแปรรูปและการสกัดสมุนไพรในประเทศ โดยมีการกาหนด
มาตรฐานที่แนน่ อนของสมนุ ไพรแต่ละชนดิ และมหี นว่ ยงานที่เข้ามาวิจยั และรบั รองมาตรฐาน เพ่ือใหเ้ กิด
ผลิตภณั ฑ์ทม่ี ีคณุ ภาพ

๔.๙.๓ แนวทางการแก้ปญั หาในมติ ติ ่าง ๆ ระยะยาว
๑) ส่งเสริมพืชสมุนไพรการปลูก การแปรรูป และการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน

เพ่ือลดการพ่ึงพาการนาเข้าวัตถุดิบสมุนไพรจากต่างประเทศเข้ามาใช้ในการผลิต ส่งผลให้
ขาดความมน่ั คงด้านสมุนไพรและส่งผลต่อการพฒั นาการตลาดเป็นอย่างมาก

๒) การส่งเสรมิ การใชผ้ ลิตภัณฑ์สมุนไพรในกล่มุ ประชาชนท่วั ไปและการส่งเสริมการใช้ใน
โรงพยาบาล คลินิกแพทย์แผนไทย เน่ืองจากปัจจุบันยังมีข้อจากัดและผู้เข้าถึงหรือทราบข้อมูลมีน้อย คลินิก
และสถานพยาบาลด้านแพทย์แผนไทยยังไม่เป็นที่นิยมและได้รับการส่งเสริมน้อย เพื่อเป็นการลดการ
นาเขา้ ยาจากตา่ งประเทศตอ่ ไป

๓๑

ตารางที่ ๙ แสดงข้อมลู การดาเนนิ งานดา้ นต่าง ๆ เกีย่ วกบั สมุนไพรของแต่ละปร

การดาเนินงาน ไทย จนี มาเ

1. มาตรฐานและ - มตี ารามาตรฐานยา - มาตรฐาน รัฐบาลจนี - ให้ความสา

คุณภาพ สมุนไพร (THP) รวบรวม เน้นยา้ ถึงความจาเป็นของ มาตรฐานขอ

ขอ้ กาหนด และขอ้ มลู การสร้างมาตรฐาน และมาตรฐา

อ่ืนๆ ในการควบคมุ เพ่อื ให้เกดิ การยกระดับ หอ้ งปฏบิ ตั กิ

คุณภาพ มาตรฐานยา การแพทยแ์ ผนจนี ให้ มาตรฐานระ

สมนุ ไพรแตล่ ะชนิดที่ ทัดเทยี มการแพทยแ์ ผน มุ่งเน้นการค

จาหนา่ ยในประเทศไทย ปจั จบุ ัน ทาให้ภาครฐั คุณภาพวัตถ

มาตรฐานการปฏบิ ตั ิทาง สามารถควบคมุ กากับได้ ทาง โดยการ

การเกษตรทีด่ ี (Good - มีตงั้ แต่มาตรฐานการ เกษตรแปลง

Agricultural Practices: ปลกู การแปรรูปเบื้องตน้ รายยอ่ ย

GAP) และการแปรรปู เปน็ เครอ่ื ง - ผลติ ผลติ ภ
- หลักเกณฑห์ รือวิธีการ ยา ที่มกี ารศึกษาอย่าง ท่มี มี ลู คา่ สูงท

สุขลักษณะที่ดี (Good จริงจังให้เหมาะสมกับพชื ต้องผา่ นการ

Hygiene Practices: แตล่ ะชนิด การลา้ งหน่ั พัฒนาของก

GHP) ตากทเ่ี หมาะสม เพื่อคงไว้ คลินิกและท

- หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารที่ ซง่ึ สารสาคญั รวมทั้งการ สร้างข้อมูลด
ดใี นการผลิต (Good สกดั ด้วย ปลอดภัย คณ

Manufacturing - การสร้างมาตรฐาน การ ประสทิ ธผิ ล

Practices: GMP) พฒั นาผลติ ภณั ฑแ์ ละ

- GMP PIC/S, GMP บรกิ ารให้ทนั สมยั มี
มาตรฐาน ทาใหบ้ ริการ
WHO และ GMP
และผลติ ภัณฑ์ของจีน
ASEAN
- มาตรฐานการปลูกและ สามารถส่งออกไปขายใน
การเก็บเกยี่ วรวบรวมทดี่ ี ต่างประเทศได้ อีกทง้ั ทา
ของพชื สมนุ ไพร (Good ใหม้ าตรฐานไดร้ ับการ
ยอมรับจนบางครง้ั ถกู
Agricultural and

๑๒

ระเทศ ญปี่ ่นุ เกาหลี อินเดยี ๒๘๒

เลเซยี - National Institute - ส่งเสริมแพทย์แผน ระบบบรกิ ารการแพทย์
าคญั ต่อ of Health Sciences เกาหลีแบบคูข่ นานกบั แผนเดมิ ของอนิ เดีย มี
องสมุนไพร (NIHS) เป็นสถาบันวิจยั การแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั การ พัฒนาคล้ายคลงึ
านของ ระดับชาตทิ ด่ี าเนนิ งาน - เกาหลใี หค้ วามสาคญั กบั ระบบบริการ
การที่ตอ้ งได้ ด้านหอ้ งปฏบิ ัติการเพอ่ื กับการควบคมุ กากบั การแพทย์แผนจีนใน
ะดบั สากล ซ่งึ การควบคมุ ยา ภายใต้ เครอื่ งยาสมนุ ไพร กับ ประเทศ จนี นน่ั คอื
ควบคมุ กระทรวงสาธารณสขุ การผลติ แพทย์แผน เป็นบริการแบบ
ถดุ ิบต้ังแตต่ ้น แรงงาน และสวสั ดิการ เกาหลี ผสมผสาน เลือกนาสิง่
รเนน้ การทา (Ministry of Health, - รัฐบาลเกาหลีใต้ดูแล ท่ดี ีและมี ประโยชน์มา
งใหญม่ ากกว่า Labour and Welfare) ตรวจสอบผลติ ภณั ฑ์ ใช้ โดยถือประโยชน์
ทาหนา้ ทีท่ ดสอบ วิจัย อาหารเพอ่ื สุขภาพอย่าง ของคนไข้เปน็ สาคญั
ภณั ฑส์ มุนไพร และศกึ ษาถงึ ความ เครง่ ครดั โดยผลติ ภณั ฑ์ ส่งิ ท่นี ามาใช้นนั้ มาจาก
ทีไ่ ดม้ าตรฐาน เหมาะสมของการ ทกุ ชิน้ จะต้องผา่ นการ ทงั้ การแพทย์แผน
รวจิ ยั และ ประเมินคุณภาพ ความ ตรวจสอบจากรัฐบาล ปัจจบุ นั และการแพทย์
การศกึ ษาปรี ปลอดภัยและ และผา่ นมาตรฐานสานกั แผน เดมิ ของอินเดยี
ทางคลินกิ เพ่อื ประสทิ ธภิ าพของเภสัช คณะกรรมการอาหาร เอง สิ่งทนี่ ามาใช้เป็น
ด้านความ ภัณฑ์ ผลติ ภณั ฑอ์ าหาร และยาเกาหลีใตก้ อ่ น จงึ หลักจากการแพทย์
คณุ ภาพและ และสารเคมที เ่ี กยี่ วข้อง จะ สามารถวางขายใน แผน ปจั จบุ ันคือ
ล กบั ชีวิตประจาวัน ตลาดในประเทศได้ เครอื่ งมอื และวธิ กี าร
- Pharmaceuticals ดังน้ันผลติ ภณั ฑอ์ าหาร ตรวจวินิจฉยั โรค เชน่
and Medical Devices เพื่อสขุ ภาพทผี่ ่านการ หูฟัง เครื่องวดั ความดนั
Agency (PMDA) มี ตรวจสอบโดยรัฐบาลจะ โลหติ เอกซเรย์ การ
บทบาทในการให้ ได้รับตราเครอื่ งหมาย ตรวจเลือด อลั ตรา
คาปรึกษา ทบทวน เพ่ือแสดงถงึ ความ ซาวด์ เปน็ ตน้ จาก
ประเมนิ การปฏบิ ตั ติ าม น่าเชือ่ ถอื และเพ่ือให้ การแพทย์แผนเดมิ
กฎเกณฑ์ตรวจสอบ ผ้บู ริโภคสามารถใชไ้ ด้ ดว้ ยกัน เช่น อายุรเวท

การดาเนนิ งาน ไทย จนี ๓๑

Collection Practices: นาไปเปน็ มาตรฐานระดบั มาเ

GACP) โลกและภมู ภิ าค
- หลกั เกณฑ์วิธีการการ
ปฏิบตั ิทดี่ ีใน

หอ้ งปฏิบัตกิ าร (Good
Laboratory Practices:

GLP)
- มาตรฐานห้องปฏิบตั กิ าร
การทดสอบ

(ISO/IEC17025)
- หลักเกณฑว์ ธิ ีการการ
ปฏิบตั กิ ารทดี่ ีทางคลินิก
(Good Clinical

Practices: GCP)

๑๓

เลเซยี ญ่ปี ุ่น เกาหลี อินเดีย

และเฝ้าระวงั ผลติ ภณั ฑ์ อย่างถกู ต้องและ อาจนา เอาวธิ กี ารฝกึ

หลังไดร้ บั การอนญุ าต ปลอดภัย ลมหายใจ และการ

รวบรวมและจดั ทา - หลกั เกณฑก์ าร บริหารรา่ งกายของวชิ า

ขอ้ มลู อาการไม่พึง ตรวจสอบความ โยคะ มาใช้ เปน็ ต้น

ประสงคต์ ่าง ๆ และมี ปลอดภัยของผลติ ภัณฑ์

งานด้านการบรรเทา Functional Food ที่

อาการไมพ่ งึ ประสงคท์ ่ี สาคัญโดยสรุป คือ การ

เกดิ ขน้ึ จากการใช้ ระบุสรรพคณุ ต้องเป็น

ผลติ ภณั ฑ์ พัฒนาร่าง จรงิ ตามผลงานการวิจัย

ระเบยี บ ข้อกาหนด ทางวิทยาศาสตร์ มี

แนวทางและมาตรฐานที่ ความปลอดภยั กบั

เก่ยี วขอ้ ง รวมถึง ผบู้ ริโภค และคณุ ภาพ

Japanese ไดม้ าตรฐาน โดยจะใช้ ๒๘๓

Pharmacopoeia ข้อมลู ประกอบการ

- ให้ความสนใจการใช้ วเิ คราะหจ์ าก

ผลิตภณั ฑ์ออแกนิคมาก หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารทดสอบ

ขึน้ และขอ้ มลู จากเอกสารท่ี

- หนว่ ยงาน DPPN ของ ยืน่ ขอผลิตหรอื จาหนา่ ย

NIHS ประกอบดว้ ย 3 เพื่อตรวจสอบ

ฝ่าย ไดแ้ ก่ สว่ นประกอบสารออก

ฝา่ ยท่ี 1 วตั ถดุ ิบเพื่อใช้ ฤทธิ์ท่มี ีประโยชน์ตอ่

ในยาสมุนไพร รา่ งกาย และ

(Materials for ผลข้างเคยี ง สาหรับ

natural medicines) ผลิตภณั ฑ์ GMOs

ฝ่ายที่ 2 ผลิตภณั ฑย์ า (Genetically

สมนุ ไพรและยาปลอม Modified Organisms)

(Products of natural หากตรวจสอบตาม

การดาเนนิ งาน ไทย ๓๑

จนี มาเ

๑๔

เลเซยี ญ่ีป่นุ เกาหลี อินเดีย

medicines and หลักเกณฑ์แล้วเข้าข่าย

counterfeit) เป็นผลติ ภณั ฑ์

โดยฝา่ ยท่ี 1 และ 2 มี Functional Food

พนั ธกจิ สาคัญในการ สามารถใหเ้ ครือ่ งหมาย

ทดสอบและวิจัยวัตถุดบิ รับรองวา่ เปน็ Health

สมนุ ไพรและผลติ ภณั ฑ์ Functional Food ได้

ยาตารบั สมุนไพร เพือ่ - มีการสง่ เสริม

ประกนั คณุ ภาพและ อุตสาหกรรมยาจาก

ความปลอดภัยของยา สมนุ ไพร สง่ เสริม

จากสมุนไพร เช่น อุตสาหกรรมยาแผน

- จัดทามาตรฐานยา เกาหลี สง่ เสรมิ การวิจยั

สมุนไพรใน Japanese พัฒนาและสรา้ ง ๒๘๔

Pharmacopoeia นวัตกรรมตา่ ง ๆ ท่ี

- วางแผนการจดั ทา เก่ยี วกับการแพทย์แผน

มาตรฐานหรอื แนวทาง เกาหลแี ละยาจาก

ในการพัฒนายา สมนุ ไพร มีสถาบันวจิ ยั

สมุนไพร ด้านสมุนไพรโดยเฉพาะ

- ประเมนิ คณุ ภาพยา และการกาหนด

สมุนไพร และผลติ ภณั ฑ์ แนวทางในการกากบั

เพ่ือสุขภาพ ดูแลการวจิ ัยทางคลินกิ

- ศึกษาวจิ ัยเพื่อ ของยาจากสมุนไพร

กาหนดการแบง่ กลมุ่

ผลิตภณั ฑท์ ี่เปน็ ไดท้ ั้งยา

และอาหารใหช้ ัดเจน

- การประกันคณุ ภาพ

ของยาสมนุ ไพรให้

การดาเนนิ งาน ไทย ๓๑

จนี มาเ

๑๕ อินเดยี

เลเซยี ญ่ปี ุน่ เกาหลี ๒๘๕
สอดคลอ้ งกับระดบั
นานาชาติ
ฝ่ายท่ี 3 สารเสพตดิ
และสารออกฤทธผ์ิ ดิ
กฎหมาย (narcotics
and illegal drugs) มี
พนั ธกจิ ในการทดสอบ
และวิจัยสง่ิ เสพติดและ
ยาผดิ กฎหมาย เพอ่ื ลด
ความเสย่ี งการเกดิ
อันตรายต่อสขุ ภาพ
- ทดสอบส่งิ เสพติด
สาหรบั นามาใชใ้ นทาง
การแพทย์
- ทดสอบและตรวจสอบ
สง่ิ เสพตดิ ผดิ กฎหมาย
สาหรบั นามาควบคมุ
ทางกฎหมาย
- ทดสอบฤทธิท์ างเภสัช
วทิ ยาของส่ิงเสพตดิ และ
สารที่เกี่ยวข้อง เพอื่
ประเมินอนั ตรายท่ีจะ
เกิดกับสุขภาพ
- ตรวจสอบยาทไ่ี มไ่ ด้
ข้ึนทะเบยี นเพ่ือปอ้ งกัน
อนั ตรายทีอ่ าจเกดิ กับ
สขุ ภาพ

๓๑

การดาเนินงาน ไทย จนี มาเ
2. สิทธบิ ัตร
ขอ้ มูลการขอจดสิทธบิ ัตร - รัฐบาลจนี สนบั สนนุ ตัวอย่างสทิ
ในประเทศไทย ทงั้ หมด การแพทยแ์ ผนจีนอยา่ ง คือ ตงกัต-อ
1,022 คาขอ โดยส่วน จรงิ จงั และตอ่ เน่อื ง ทาให้ ในช่อื ภาษาไ
ใหญจ่ ะขอจดอนสุ ทิ ธบิ ตั ร ทุกมหาวิทยาลัยมกี าร มาเลย์ (ปลา
657 คาขอ สิทธิบัตร สร้างองคค์ วามรเู้ พ่อื นามาทาเป็น
354 คาขอ และสทิ ธบิ ตั ร สนบั สนุนให้เกดิ การ โดยการสกดั
ออกแบบผลิตภณั ฑ์ 11 พัฒนา ส่วนรัฐบาลเองน้ัน ตามมาตรฐา
คาขอ กม็ หี นา้ ทใี่ นการสรา้ ง การศึกษาด้า
ระบบการเช่อื มตอ่ และทา ปลอดภยั แล
ใหท้ ุกภาคสว่ นเห็นและ และไดร้ บั กา
แลกเปลยี่ นขอ้ มูลของกัน คณุ ภาพจาก
และกนั มชี อื่ เสยี ง อ
- จีนเปน็ ประเทศหลกั ใน คณะกรรมก
การขอจดสิทธิบตั ร ยา (อย.) สห
สมนุ ไพร และเครือ่ งห
มาเลเซยี มสี
การเพ่มิ ฮอร
โทสเตอโรน
สมรรถภาพท
ผชู้ ายและเพ
ซ่ึงผลิตภณั ฑ
ร่วมมอื ในกา
สถาบนั เอม็ ไ
มาเลเซยี จด
สิทธบิ ัตรระด
สทิ ธบิ ัตรในส

๑๖

เลเซีย ญ่ปี ุ่น เกาหลี อินเดยี
ตวั อยา่ งสทิ ธิบตั ร
ทธิบัตรทสี่ าคญั - เปน็ การจดสทิ ธิบตั ร - ไมก้ ฤษณา “ชอนฮ - มีการบันทกึ ลงใน
อาลี หรือทีร่ จู้ ัก สารและอนุพันธซ์ งึ่ ได้ ฐานข้อมลู ภูมปิ ัญญา
ไทยว่า โสม จากพืชสมนุ ไพร ยาง” ผลิตภัณฑ์อาหาร ท้องถ่นิ ของ I-AIM โดย
าไหลเผือก) ได้ เสรมิ เพื่อสุขภาพ ผ่าน การ ข้ึนทะเบียนกบั
นผลิตภณั ฑ์ การจดสทิ ธิบตั ร TF หน่วยงานของรัฐเพือ่
ดนา้ ตงกตั -อาลี 343 แสดงความเป็นเจา้ ของ
านสากล ผา่ น - สิทธิบัตรส่วนใหญจ่ ะ ภูมิปัญญาของชมุ ชน
านความ เกี่ยวกับผลิตภณั ฑ์ของ โดยการจะนาภูมิ
ละพิษวทิ ยา ปัญญาดงั กล่าวไปใช้
ารรบั รอง โสมเกาหลี ต้องผ่านการเห็นชอบ
กหลายสถาบัน ของชุมชนหรอื เจา้ ของ
อาทิ ภมู ิปัญญาเสียกอ่ น ๒๘๖
การอาหารและ - Introduction to
หรฐั จีเอม็ พี TKDL (Tradition
หมายฮาลของ Knowledge Digital
สรรพคณุ ใน Library)
ร์โมนเทส เป็นสว่ นท่รี ิเร่ิมโดย
น เพิม่ รฐั บาลเพ่อื ประกาศ
ทางเพศของ ความเปน็ เจา้ ของและ
พิม่ จานวนอสุจิ ปกป้องการละเมิด
ฑ์นเ้ี ป็นความ ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา
ารวจิ ัยระหว่าง ทางการแพทย์และ
ไปทกี บั รัฐ สมนุ ไพรของประเทศ
ดทะเบียน อินเดยี
ดับโลกและ
สหรัฐอเมริกา


Click to View FlipBook Version