The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานการพิจารณาศึกษา แนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรไทย ด้วยการวิจัยและนวัตกรรม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by เอกสาร, 2022-10-09 01:50:35

รายงานการพิจารณาศึกษา แนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรไทย ด้วยการวิจัยและนวัตกรรม

รายงานการพิจารณาศึกษา แนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรไทย ด้วยการวิจัยและนวัตกรรม

๑๑๕

๒.๘.๒.๑๑ ร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. .... (นายอนุทิน ชาญวีรกูล สมาชิก
สภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทย กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ซ่ึงสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติรับหลักการแห่ง
รา่ งพระราชบญั ญัติ และอยใู่ นช้นั การพิจารณาของคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั ของสภาผูแ้ ทนราษฎร

เหตุผลในการเสนอร่างพระราชบัญญัติฉบบั นี้ โดยท่ีประมวลกฎหมายยาเสพ
ติดไม่ไดก้ าหนดใหก้ ญั ชาเป็นยาเสพตดิ ให้โทษ ซึ่งเปิดโอกาสใหม้ กี ารนากญั ชา กญั ชงมาใช้ประโยชน์ทาง
การแพทย์ การวิจัย และนามาใช้ในอุตสาหกรรมอื่น แต่ก็ยังมีข้อจากัดบางประการที่ส่งผลกระทบต่อ
โอกาสในการนาไปใช้ในการดูแลสุขภาพ การป้องกัน บาบัดโรค รักษาผู้ป่วย การศึกษาวิจัยหรือการ
พัฒนานวัตกรรม ฉะน้ัน เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิในการดูแลสุขภาพของตน และส่งเสริมให้มีการใช้
ประโยชน์จากกัญชา กัญชง ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ท้ังในด้านการพัฒนาภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผน
ไทย ตลอดจนองค์ความรู้ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน และอุตสาหกรรมอ่ืน ๆ จึงควรสนับสนุนการนา
กัญชา กัญชง มาใช้ในการศึกษาวิจยั การใชป้ ระโยชน์ในทางการแพทย์ สุขภาพ การใช้ตามวิถชี ีวติ ชมุ ชน
ตลอดจนเปิดโอกาสให้มีการผลิต ขาย นาเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพ่ือส่งเสริมเกษตรกรรม
อุตสาหกรรม และเศรษฐกิจของประเทศและเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคมิให้มีการบริโภคกัญชา
กัญชงอย่างไม่เหมาะสม ซ่ึงอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค สมควรกาหนดมาตรการกากับดูแล ควบคุม
การขาย การโฆษณาและการบริโภคกัญชา กัญชง เพ่ือคุ้มครองสุขภาพของบุคคล จึงเสนอร่าง
พระราชบัญญตั นิ ้ี

๒.๘.๒.๑๒ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์กัญชา กัญชง พ.ศ. ....
(นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ สมาชิก สภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
ซ่ึงสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติรับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติ และอยู่ในช้ันการพิจารณาของ
คณะกรรมาธิการวิสามญั ของสภาผู้แทนราษฎร

เหตุผลในการเสนอร่างพระราชบัญญัติฉบับน้ี โดยท่ีกัญชาและกัญชงเป็นพืช
ที่มีสรรพคุณในทางยาและทางเศรษฐกิจ สามารถนามาใช้ในทางการแพทย์และส่งเสริมให้เป็นพืชที่มี
คุณค่าทางเศรษฐกิจ สมควรกาหนดให้มีการอนุญาตให้นามาใช้ประโยชน์และกาหนดมาตรการที่
เหมาะสมเพ่ือป้องกันการนาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและมุ่งเน้นการป้องกันการ
แพร่กระจายในทางที่ไม่ถูกต้อง ซ่ึงจะเป็นผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งในกลุ่มเยาวชนซึ่งเป็นกาลังสาคัญของประเทศ ดังน้ัน เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว
และส่งเสรมิ ให้มกี ารใชป้ ระโยชน์กัญชา กัญชง ให้เกดิ ประโยชน์สูงสุดในทุก ๆ ด้าน จึงสมควรสนับสนุน
การนากญั ชา กญั ชง ใหม้ กี ารผลิต นาเขา้ สง่ ออก จาหน่าย หรือมไี วใ้ นครอบครอง เพอ่ื สง่ เสริม ทางด้าน
การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ การศึกษาวิจัย การเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม อันเป็นการส่งเสริม
เศรษฐกิจของประเทศ ประชาชนมีสุขภาพที่ดี สร้างรายได้แก่ประชาชน และเพ่ือเป็นการคุ้มครอง
ประชาชนมิใหม้ ีการนากัญชา กญั ชง ไปใชใ้ นทางที่ผดิ อนั อาจเป็นอนั ตรายตอ่ ประชาชนผบู้ ริโภคได้ โดย
การกาหนดมาตรการกากับดูแล ตรวจสอบ ควบคมุ และอนญุ าตการผลิต นาเขา้ ส่งออก จาหน่าย มไี ว้
ในครอบครอง และการใช้กัญชา กัญชง รวมถึงการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายกัญชา กัญชงแห่งชาติ
ขึ้นดว้ ย เพือ่ ให้เกิดประสทิ ธภิ าพสูงสดุ ในการดาเนินการใหบ้ รรลเุ ปา้ หมาย จึงเสนอร่างพระราชบญั ญตั ิน้ี

๑๑๖

๒.๘.๓ กฎหมายเก่ยี วกบั การควบคุมการประกอบวิชาชีพและบริการสุขภาพ
๒.๘.๓.๑ พระราชบัญญตั วิ ชิ าชพี เภสชั กรรม พ.ศ. ๒๕๓๗

เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยท่ีการประกอบ
โรคศิลปะแผนปัจจบุ ันสาขาเภสัชกรรมอย่ใู นความควบคมุ ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการประกอบ
โรคศิลปะ ซึ่งคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปะทาหน้าที่ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ
สาขาต่าง ๆ ทั้งแผนปัจจุบัน และแผนโบราณ ในปัจจุบันวิชาการและเทคโนโลยีทางด้านเภสัชศาสตร์
ในประเทศไทยได้เจริญก้าวหนา้ ข้นึ เปน็ อันมาก ประกอบกับจานวนผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาเภสัชกรรม
มีจานวนมากขึ้น สมควรแยกการควบคุมการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ออกจากอานาจหน้าท่ี
ของคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปะ โดยจัดตั้งสภาเภสัชกรรมข้ึนทาหน้าที่ส่งเสริม
และควบคุมมาตรฐานการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมได้โดยอิสระ เหมาะสมและมีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน
จึงจาเป็นต้องตราพระราชบญั ญัตนิ ี้

๒.๘.๓.๒ พระราชบญั ญตั วิ ชิ าชพี การแพทยแ์ ผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๖
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยท่ีการประกอบโรค

ศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทยและสาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ อยู่ในความควบคุมตามกฎหมาย
ว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ ซึ่งมีคณะกรรมการการประกอบโรคศิลปะ ทาหน้าท่ีกากับดูแลการ
ประกอบโรคศิลปะตา่ ง ๆ และมีคณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทยแ์ ผนไทยและสาขาการแพทย์แผน
ไทยประยุกต์ ทาหน้าทค่ี วบคุมการประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทยแ์ ผนไทยและสาขาการแพทย์แผน
ไทยประยุกต์ รวมท้ังจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ซึ่งในปัจจุบันจานวนผู้ประกอบโรคศิลปะในสาขา
การแพทย์แผนไทยและสาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์มีจานวนเพิ่มมากขึ้นประกอบกับมีบุคลากร
เหล่าน้ีมีคุณสมบัติ วัยวุฒิ ความรู้ความชานาญด้านวิชาชีพแพทย์แผนไทยและวิชาชีพแพทย์แผนไทย
ประยุกต์ อีกท้ังในปัจจบุ ันวิทยาการและเทคโนโลยีทางด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนไทย
ประยกุ ต์ ได้เจรญิ ก้าวหน้าขึน้ เปน็ อันมาก และมศี ักยภาพเพียงพอท่จี ะปกครองตนเองได้ในวงการแพทย์
แผนไทยด้วยกัน อีกทั้งเพื่อให้เป็นการสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ท่ีให้บุคคลมี
เสรีภาพในการประกอบกิจการหรือประกอบอาชีพและการแข่งขนั โดยเสรีอย่างเป็นธรรม รวมตลอดจน
ให้ประชาชนมีสว่ นร่วมทางการเมืองโดยตรง จึงสมควรแยกการกากับดูแลและการควบคุมการประกอบ
วิชาชีพการแพทย์แผนไทยและการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ออกจากอานาจหน้าที่
ของคณะกรรมการการประกอบโรคศลิ ปะและคณะกรรมการวชิ าชีพสาขาการแพทยแ์ ผนไทยและสาขา
การแพทย์แผนไทยประยุกต์ โดยจัดตั้ง “สภาการแพทย์แผนไทย” ขึน้ เพื่อส่งเสริมการประกอบวชิ าชีพ
การแพทย์แผนไทยและการประกอบวิชาชพี การแพทย์แผนไทยประยุกต์ กาหนดและควบคุมมาตรฐาน
และจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
ประยุกต์ ให้เป็นไปตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและควบคุมมิให้มีการแสวงหา
ประโยชน์โดยมิชอบจากบุคคลซ่ึงไม่มีความรู้อันก่อให้เกิดภัยและความเสียหายแก่ประชาชน พร้อมกับ
เป็นการสนับสนุน ส่งเสริม พัฒนาให้วิชาชีพการแพทย์แผนไทยมีความเจริญก้าวหน้าในภายภาคหน้า
ต่อไป จงึ จาเปน็ ต้องตราพระราชบญั ญัตนิ ี้

๑๑๗

๒.๘.๔ กฎหมายเกี่ยวกบั ผบู้ ริโภค
๒.๘.๔.๑ พระราชบญั ญตั ิคุ้มครองผบู้ ริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากปัจจุบันนี้การ

เสนอสินค้าและบริการต่าง ๆ ต่อประชาชนนับวันแต่จะเพิ่มมากข้ึน ผู้ประกอบธุรกิจการค้าและผู้ที่
ประกอบธุรกิจโฆษณาได้นาวิชาการในทางการตลาดและทางการโฆษณามาใช้ในการส่งเสริมการขาย
สนิ ค้าและบริการ ซ่ึงการกระทาดังกล่าวทาให้ผบู้ ริโภคตกอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบ เพราะผู้บริโภคไม่อยู่
ในฐานะที่ทราบภาวะตลาด และความจริงท่ีเก่ียวกับคุณภาพและราคาของสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้
อย่างถูกต้องทันท่วงที นอกจากนั้นในบางกรณีแม้จะมีกฎหมายให้ความคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคโดย
การกาหนดคุณภาพและราคาของสินค้าและบริการอยู่แล้วก็ตาม แต่การที่ผู้บริโภคแต่ละรายจะไป
ฟ้องร้องดาเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจการค้าหรือผู้ประกอบธุรกิจโฆษณาเม่ือมีการละเมิดสิทธิของ
ผบู้ ริโภค ยอ่ มจะเสียเวลาและคา่ ใชจ้ ่ายเป็นการไมค่ ุม้ คา่ และผูบ้ รโิ ภคจานวนมากไม่อยใู่ นฐานะท่จี ะสละ
เวลาและเสียค่าใช้จ่ายในการดาเนินคดีได้ และในบางกรณีก็ไม่อาจระงับหรือยับยั้งการกระทาท่ีจะเกิด
ความเสียหายแก่ผบู้ รโิ ภคไดท้ นั ท่วงที สมควรมีกฎหมายใหค้ วามคุ้มครองสทิ ธิของผู้บริโภคเปน็ การทว่ั ไป
โดยกาหนดหน้าท่ีของผู้ประกอบธรุ กิจการคา้ และผู้ประกอบธุรกิจโฆษณาต่อผูบ้ ริโภค เพ่ือให้ความเป็น
ธรรมตามสมควรแก่ผู้บริโภค ตลอดจนจัดให้มีองค์กรของรัฐท่ีเหมาะสมเพื่อตรวจตรา ดูแล และ
ประสานงานการปฏิบัติงานของส่วนราชการต่าง ๆ ในการให้ความคุ้มครองผู้บริโภค จึงจาเป็นต้องตรา
พระราชบัญญัตนิ ้ีข้ึน

๒.๘.๔.๒ พระราชบญั ญตั วิ ิธีพจิ ารณาคดีผบู้ ริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยท่ีปัจจุบันระบบ

เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และมีการนาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ใน
การผลิตสินค้าและบริการมากข้ึน ในขณะที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ในเร่ืองของคุณภาพสินค้า
หรือบริการตลอดจนเทคนิคการตลาดของผู้ประกอบธรุ กิจ ท้ังยังขาดอานาจตอ่ รองในการเขา้ ทาสัญญา
เพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการ ทาให้ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่เสมอ นอกจากน้ี เม่ือเกิดข้อ
พพิ าทขึ้น กระบวนการในการเรยี กรอ้ งค่าเสียหายต้องใช้เวลานานและสรา้ งความย่งุ ยากให้แก่ผู้บรโิ ภคท่ี
จะต้องพิสูจน์ถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ ซ่ึงไม่อยู่ในความรู้เห็นของตนเอง อีกท้ังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการ
ดาเนินคดีสูง ผู้บริโภคจึงตกอยู่ในฐานะท่ีเสียเปรียบจนบางคร้ังนาไปสู่การใช้วิธีการท่ีรุนแรงและ
ก่อให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างผู้ประกอบธุรกิจกับกลุ่มผู้บริโภคท่ีไม่ได้รับความเป็นธรรม อันส่งผล
กระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ สมควรให้มีระบบวิธีพิจารณาคดีที่เอ้ือต่อการใช้สิทธิ
เรียกร้องของผู้บริโภค เพื่อให้ผู้บริโภคท่ีได้รับความเสียหายได้รับการแก้ไขเยียวยาด้วยความรวดเร็ว
ประหยัด และมีประสทิ ธิภาพ อันเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค ขณะเดียวกัน เป็นการส่งเสริมให้ผู้
ประกอบธุรกจิ หันมาใหค้ วามสาคญั ต่อการพฒั นาคณุ ภาพของสินคา้ และบรกิ ารให้ดียง่ิ ข้ึน จึงจาเป็นต้อง
ตราพระราชบัญญัตนิ ี้

๑๑๘

๒.๘.๔.๓ พระราชบัญญัติความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดข้ึนจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย
พ.ศ. ๒๕๕๑

เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยที่สินค้าในปัจจุบันไม่ว่าจะ
ผลิตภายในประเทศหรือนาเข้า มีกระบวนการผลิตท่ีใช้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสูงข้ึนเป็น
ลาดับ การท่ีผู้บริโภคจะตรวจพบว่าสินค้าไม่ปลอดภัยกระทาได้ยาก เมื่อผู้บริโภคนาสินค้าท่ีไม่ปลอดภัยไปใช้
อาจก่อให้เกิดอันตรายตอ่ ชีวติ ร่างกาย สุขภาพ อนามยั จติ ใจ หรือทรพั ยส์ ินของผู้บรโิ ภคหรือบุคคลอน่ื ได้ แต่
การฟอ้ งคดีในปัจจบุ นั เพื่อเรียกคา่ เสยี หายมคี วามยุ่งยาก เนอื่ งจากภาระในการพิสจู นถ์ งึ ความจงใจหรอื ประมาท
เลนิ เลอ่ ในการกระทาผิดของผู้ผลิตหรือผู้นาเข้าตกเป็นหน้าทขี่ องผไู้ ด้รบั ความเสียหายตามหลกั กฎหมายทั่วไป
เพราะยังไม่มีกฎหมายให้ความคุ้มครองผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายท่ีเกิดจากสินค้าโดยมีการกาหนดหน้าท่ี
ความรบั ผิดชอบในความเสยี หายของผูผ้ ลิตหรอื ผ้เู กี่ยวขอ้ งไวโ้ ดยตรง จงึ สมควรใหม้ กี ฎหมายว่าด้วยความรบั ผดิ
ต่อความเสียหายท่ีเกิดข้ึนจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย โดยนาหลักความรับผิดโดยเคร่งครัดมาใช้ อันจะมีผลให้
ผู้เสียหายไม่ต้องพิสูจน์ถึงความไม่ปลอดภัยของสินค้า ตลอดจนได้รับการชดใช้ค่าเสียหายที่เป็นธรรม
จึงจาเป็นต้องตราพระราชบญั ญัตนิ ้ี

๒.๘.๕ กฎหมายเก่ยี วกับการคา้
๒.๘.๕.๑ พระราชบญั ญตั สิ ิทธิบัตร พ.ศ. ๒๕๒๒
เหตุผลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ฉิ บบั น้ี คือ เพอ่ื สง่ เสริมใหม้ ีการคน้ ควา้

วจิ ัย และประดิษฐ์ผลติ ภัณฑ์หรือกรรมวิธใี ดข้ึนใหม่และการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์
และเปน็ การกา้ วหนา้ ทางเทคนิคในเกษตรกรรม อตุ สาหกรรม และพาณิชย์กรรมในประเทศ และเพอื่ ให้
ผู้ประดิษฐ์และผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ได้รับการคุ้มครองการประดิษฐ์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดย
ห้ามมิให้บุคคลอ่ืนลอกหรือเลียนการประดิษฐ์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์น้ีโดยมิให้ค่าตอบแทน จึง
จาเป็นต้องตราพระราชบญั ญตั ฉิ บับนขี้ น้ึ

๒.๘.๕.๒ พระราชบัญญัตคิ ้มุ ครองพันธ์พุ ืช พ.ศ. ๒๕๔๒
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากประเทศไทยเป็น

ประเทศเกษตรกรรม ฐานะในทางเศรษฐกิจของประเทศและของประชาชนจึงข้ึนอยู่กับการเกษตรเป็น
สาคัญ แต่ปรากฏว่าการเพาะปลูกของเกษตรกรให้ผลต่อไร่น้อยกว่าที่ควรจะได้รับมากและผลิตผลยังมี
คุณภาพไมไ่ ด้มาตรฐาน เมื่อมกี ารแข่งขันในตลาดต่างประเทศ สนิ ค้าเกษตรของประเทศไทยจึงตกอยใู่ น
ฐานะเสยี เปรยี บท้ังในด้านคุณภาพและราคา อันเป็นผลเสียหายแก่เศรษฐกจิ ของประเทศโดยตรง ทั้งน้ี
กเ็ พราะประเทศไทยยงั ขาดการส่งเสริมและการควบคุมการใช้พันธุ์พืชที่ดี ท้ังยงั ปล่อยใหม้ ีการประกอบ
การคา้ พนั ธพุ์ ชื โดยเสรไี มม่ กี ารควบคุมแตป่ ระการใด ท้ัง ๆ ที่ขณะนมี้ ผี ้สู ัง่ พนั ธ์พุ ชื จากต่างประเทศเข้ามา
จาหน่ายภายในประเทศและมีการผลิตพันธุ์พืชจาหน่ายแก่เกษตรกรเพ่ิมข้ึนทุกปี และปรากฏว่ามีการ
จาหน่ายพันธุ์พืชเสอ่ื มคุณภาพและพนั ธุ์พืชปลอมปนอยู่เสมอ นอกจากนั้นก็ยังมีการโฆษณาเท็จหรือเกิน
ความเป็นจริงเกี่ยวกับคุณภาพของพันธุ์พืชเป็นการหลอกลวงให้เกษตรกรได้รับความเสียหาย ฉะนั้น
เพื่อใหเ้ กษตรกรไดร้ ับความคุ้มครองอย่างเพียงพอ และผู้ประกอบการค้าพันธ์พุ ืชสามารถดาเนนิ กิจการ
ไปด้วยดี สมควรมีกฎหมายว่าด้วยพันธ์ุพืชเพ่ือประโยชน์ในการส่งเสริมเกษตรกรรมของประเทศให้
เจริญร่งุ เรอื ง และมผี ลดตี ่อเศรษฐกิจของประเทศต่อไป จงึ จาเปน็ ตอ้ งตราพระราชบญั ญตั นิ ้ีขึน้

๑๑๙

๒.๘.๕.๓ พระราชบญั ญัติสง่ เสริมการลงทนุ พ.ศ. ๒๕๒๐
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากสภาพและความ

ต้องการทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศได้เปลี่ยนแปลงไป ทาให้การดาเนินงานส่งเสริมการลงทุน
ตามกฎหมายว่าดว้ ยการสง่ เสริมการลงทุนปจั จบุ นั ไม่สามารถสนองความตอ้ งการของประเทศในดา้ นการ
เร่งรดั การลงทุนเพื่อประโยชน์ในการสรา้ งงาน การเพม่ิ รายได้ และการกระจายรายได้ให้แกป่ ระชาชนได้
ดีพอ จาเป็นต้องปรับปรุงกฎหมายในเรื่องนี้เสียใหม่เพ่ือให้ความมั่นใจแก่ผู้ลงทุนโดยการกาหนดระบบ
การให้สิทธิและประโยชน์ที่เหมาะสมสาหรับการจูงใจให้มีการลงทุนในกิจการท่ีรัฐให้ความสาคัญและ
ประสงค์จะส่งเสริม ให้มีการคุ้มครองกิจการท่ีรัฐให้การส่งเสริมท่ีทันต่อเหตุการณ์และให้มีกลไกการ
บริหารงานส่งเสริมการลงทุนของรัฐที่สามารถอานวยความสะดวกและขจัดอุปสรรคในการลงทุน จึง
จาเปน็ ต้องตราพระราชบัญญัตินี้ข้นึ

๒.๘.๕.๔ พระราชบัญญัติสง่ เสรมิ วสิ าหกิจขนาดกลางและย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยท่ีวิสาหกิจขนาดกลาง

และขนาดย่อมซ่ึงเป็นกลุ่มวิสาหกิจส่วนใหญ่ของประเทศและมีความสาคัญต่อกระบวนการพัฒนา
เศรษฐกจิ และสังคมยงั ขาดความสามารถในการประกอบการท้งั ทางด้านเทคโนโลยี การผลติ การจดั การ
การตลาด และการเงิน ทาให้ไม่อาจแข่งขันกับวิสาหกิจขนาดใหญ่ได้ และประกอบกับในสภาพการณ์
ปัจจุบนั ประเทศไทยต้องเปิดเสรที างดา้ นการลงทุน การบริการ และการคา้ จึงทาใหว้ ิสาหกิจขนาดกลาง
และขนาดย่อมประสบภาวะทต่ี ้องแข่งขนั กบั กจิ การค้าทานองเดยี วกันมากยงิ่ ขน้ึ ท้ังระดบั ภายในประเทศ
และระดับนานาชาติ ดังนน้ั เพ่ือใหว้ สิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถพัฒนากิจการใหเ้ กดิ ความ
เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ และเป็นตัวจักรสาคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ จึงสมควรจัดให้มี
กระบวนการช่วยเหลือ ส่งเสริมและสนับสนุน และมาตรการด้านสิทธิและประโยชน์ที่เหมาะสม
นอกจากนี้ สมควรจัดต้ังสานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นศูนย์กลางประสาน
ระบบการทางานของส่วนราชการ องค์กรของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจท่ีมีหน้าที่ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง
และขนาดย่อมเพ่ือให้เกิดความต่อเน่ืองและสอดคล้องในทิศทางเดียวกัน จึงจาเป็นต้องตรา
พระราชบญั ญตั นิ ี้

๒.๘.๕.๕ พระราชบัญญตั ิสง่ เสรมิ วสิ าหกจิ ชมุ ชน พ.ศ. ๒๕๔๘
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยที่เศรษฐกิจชุมชนเป็น

พื้นฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจแบบพอเพยี ง และโดยท่ีเศรษฐกิจชุมชนในปัจจุบันจานวนหนึง่ ยงั อยู่ใน
ระดับที่ไม่พร้อมจะเขา้ มาแขง่ ขนั ทางการคา้ ท้ังในระดับภายในประเทศและระหว่างประเทศ สมควรให้มี
การส่งเสริมความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่น การสร้างรายได้ การช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน การพัฒนา
ความสามารถในการจัดการ และการพัฒนารูปแบบของวิสาหกิจชุมชน อันจะยังผลให้ชุมชนพึ่งพา
ตนเองได้และพัฒนาระบบเศรษฐกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็งพร้อมสาหรับการแข่งขันทางการค้าใน
อนาคตไม่ว่าในระดบั ใด รวมไปถึงการพัฒนาวสิ าหกจิ ชมุ ชนไปสกู่ ารเป็นผปู้ ระกอบกจิ การขนาดย่อมและ
ขนาดกลางต่อไป จงึ จาเปน็ ตอ้ งตราพระราชบัญญตั นิ ี้

๑๒๐

๒.๘.๖ กฎหมายเกี่ยวกบั การทรพั ยากรธรรมชาติ
๒.๘.๖.๑ พระราชบัญญตั คิ มุ้ ครองสิ่งบง่ ชท้ี างภมู ิศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๔๖
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ เนื่องจากประเทศไทยมี

นโยบายท่ีจะให้ความคุ้มครองส่ิงบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์เพ่ือป้องกันไม่ให้ประชาชนสับสนหรือหลงผิดใน
แหล่งภูมิศาสตร์ของสินค้า โดยกาหนดให้มีการขอข้ึนทะเบียนส่ิงบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สาหรับสินค้าที่มา
จากแหล่งภูมิศาสตร์และห้ามการใช้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์อันจะทาให้เกิดความสับสนหรือหลงผิดใน
แหล่งภูมิศาสตร์อันแท้จริงของสินค้าที่ระบุในทะเบียน ในขณะเดียวกันนโยบายดังกล่าวเป็นการอนุวัติ
การตามพันธกรณีที่ประเทศไทยมีตามข้อ ๒๒ ถึงข้อ ๒๔ แห่งความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทาง
ปัญญาท่ีเก่ียวกับการค้าในภาคผนวกท้ายความตกลงมาร์ราเกซจัดต้ังองค์การการค้าโลกด้วย แต่
กฎหมายไทยในปัจจุบันยังไม่เพียงพอท่ีจะรองรับนโยบายการให้ความคุ้มครองและรองรับพันธกรณี
ดังกลา่ วได้ สมควรมกี ฎหมายคุม้ ครองสงิ่ บง่ ชท้ี างภูมิศาสตร์ จงึ จาเป็นต้องตราพระราชบญั ญัตนิ ี้

๒.๘.๖.๒ พระราชบัญญตั ปิ า่ ไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔
โดยท่ีไม้ในป่าเป็นทรัพยากรสาคัญของชาติ และการทาไม้ซึ่งมิได้อยู่ในความ

ควบคุมโดยถูกต้องเป็นภัยอันร้ายแรง และปรากฏว่าได้มีการทาไม้ด้วยวิธีการอันไม่สุจริตทาให้ไม้ในป่า
ซ่งึ ควรสงวนถูกทาลายไปเป็นจานวนมาก จึงจาเปน็ ตอ้ งระงบั ความเสียหายนั้น และเห็นสมควรให้มีการ
ออกข้อกาหนดบางประการเพ่ือปอ้ งกันและระงับความเสียหายดังท่ีได้กล่าวแล้ว ต่อมาภายหลังได้มกี าร
แก้ไขเพ่ิมเติมหลายคร้ัง เน่ืองจากบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ บางมาตรา
มีข้อความไม่รัดกุมเหมาะสมกับกาลสมัย โดยเฉพาะบทกาหนดโทษ กาหนดไว้ต่ามากไม่ทาให้ผู้กระทา
ผิดเกรงกลัว หรอื เข็ดหลาบ เปน็ ช่องทางใหม้ ีการลักลอบตัดฟันไม้ทาลายป่า รวมท้ังลักลอบทาการแผ้ว
ถางป่ามากขึ้น เพราะไม้หรือของป่าทุกชนิดมีราคาสูงข้ึน จึงเป็นการสมควรแก้ไขเพ่ิมเติมเสียใหม่ ให้
เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อเป็นการป้องกันการทาลายป่าไม้ อันเป็นทรัพยากรของชาติ ให้มี
สภาพอันจะอานวยประโยชนแ์ ก่รฐั และประชาชนด้วยดสี บื ไป

๒.๘.๖.๓ พระราชบญั ญัตปิ า่ ชมุ ชน พ.ศ. ๒๕๖๒
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยท่ีเป็นการสมควร

ส่งเสริมให้ชุมชนได้ร่วมกับรัฐในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู จัดการ บารุงรักษ าและใช้ประโยชน์จาก
ทรัพยากรธรรมชาติ สงิ่ แวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพอยา่ งสมดุลและยง่ั ยนื ในรปู แบบของ
ปา่ ชุมชน เพ่ือให้ชุมชนสามารถจดั การป่าชุมชนและได้ประโยชนจ์ ากปา่ ชุมชน อนั จะส่งผลให้ชุมชนดแู ล
รักษาทรพั ยากรธรรมชาติ สง่ิ แวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศให้มีความสมบรู ณ์
และยัง่ ยืน จึงจาเป็นตอ้ งตราพระราชบัญญตั นิ ้ี

๒.๘.๖.๔ พระราชบญั ญตั ปิ า่ สงวนแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากป่าไม้เป็น

ทรัพยากรธรรมชาติท่ีสาคัญย่ิงของชาติ และรัฐบาลได้กาหนดจุดหมายไว้ในแผนพัฒนาการเศรษฐกิจ
แห่งชาติว่า จะสงวนป่าไม้ไว้เป็นเน้ือที่ประมาณร้อยละ ๕๐ แห่งเน้ือท่ีประเทศไทย คือ เป็นเน้ือท่ีป่า
สงวนรวมประมาณ ๒๕๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร หรือ ๑๕๖ ล้านไร่ ซ่ึงปรากฏว่าป่าไม้ที่สงวน คุ้มครอง
ไวแ้ ล้ว และทย่ี ังมไิ ด้สงวนคุม้ ครองไดถ้ กู บกุ รกุ และถกู ทาลายไปเปน็ จานวนมาก แมป้ ่าไมใ้ นบริเวณตน้ น้า
ลาธารกถ็ ูกแผ้วถางเผาทาลายไปเป็นอันมาก ซึ่งอาจเป็นเหตใุ ห้เกิดความแห้งแลง้ พ้นื ดินพงั ทลาย ลาน้า

๑๒๑

ตืน้ เขิน หรอื เกิดอทุ กภัยอันเป็นผลเสียหายแก่การเกษตรและเศรษฐกจิ ของประเทศอย่างร้ายแรง ท้ังน้ี
เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยการคมุ้ ครองและสงวนป่าที่ใช้บังคบั อยู่ มีวธิ ีการไมร่ ดั กุมเหมาะสมตอ้ งเสยี เวลา
ดาเนินการเปน็ เวลานาน จึงจะประกาศกาหนดเปน็ ป่าสงวนหรอื เปน็ ปา่ คุ้มครองได้ เป็นเหตใุ ห้บุคคลบาง
จาพวกฉวยโอกาสทาลายป่าได้กว้างขวางย่ิงขึ้น นอกจากน้ัน ได้กาหนดโทษผู้ฝ่าฝืนไว้ไม่เหมาะสมกับ
กาลสมัย ผู้กระทาผิดไม่เข็ดหลาบเป็นช่องทางให้มีการบุกรุกทาลายป่ามากขึ้น รัฐบาลจึงเห็นเป็นการ
จาเป็นอันรีบด่วนที่จะต้องดาเนินการปรับปรุงกฎหมายเร่ืองนี้เสียใหม่ เพ่ือให้สามารถดาเนินการ
คมุ้ ครองป้องกนั เพอ่ื รกั ษาไวซ้ ึง่ ทรพั ยากรธรรมชาตอิ นั มคี ่าของชาติ และเพ่ือมใิ ห้อาชพี เกษตรกรรมของ
ประชาชนส่วนใหญ่และเศรษฐกจิ ของประเทศถูกกระทบกระเทอื นจากผลของการทาลายป่า

๒.๘.๗ กฎหมายเฉพาะอืน่ ๆ
๒.๘.๗.๑ พระราชบัญญตั ิสง่ เสริมการใช้ประโยชนผ์ ลงานวจิ ัยและนวตั กรรม พ.ศ. ๒๕๖๔
เหตุผลในการตราพระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่การวิจัยและพัฒนา

นวัตกรรมเปน็ พื้นฐานสาคญั ในการพฒั นาประเทศในอนาคต และท่ผี ่านมารัฐได้ใหท้ ุนสนับสนุนการวิจัย
และพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง แต่โดยที่ผู้รับทุนหรือนักวิจัยไม่สามารถเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและ
นวัตกรรมได้ด้วยข้อจากัดด้านกฎหมายและกฎระเบียบของภาครัฐ จึงไม่มีการนาผลงานวิจัยและ
นวัตกรรมท่ีเกิดขึ้นไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ดังน้ัน เพื่อให้มีการนาผลงานวิจัยและนวัตกรรม
ไปใช้ อันจะเป็นประโยชน์ทั้งการต่อยอดการวิจัยและต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม และเป็น
แรงจูงใจให้มีการวจิ ยั และนวัตกรรมที่เกิดจากเงินสนับสนุนของภาครฐั ได้ มีกลไกการบริหารจัดการและ
ติดตามการนาผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ รวมทั้งกาหนดมาตรการบังคับใช้สิทธิโดยรัฐ
ในกรณีจาเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างประโยชน์ของผู้เป็นเจ้าของ
ผลงานวจิ ัยและนวัตกรรมและประโยชน์ส่วนรวม จงึ จาเป็นตอ้ งตราพระราชบัญญัตินี้

๒.๘.๗.๒ พระราชบญั ญตั ิสขุ ภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยท่ีสุขภาพหมายถึง

ภาวะของมนุษยท์ ่ีสมบูรณ์ท้ังทางกาย ทางจติ ทางปัญญา และทางสงั คม เชอ่ื มโยงกันเป็นองคร์ วมอยา่ ง
สมดุล การวางระบบ เพ่ือดูแลแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพของประชาชน จึงไม่อาจมุ่งเน้นที่การจัดบริการ
เพื่อการรักษาพยาบาลเพียงด้านเดียว เพราะจะทา ให้รัฐและประชาชนต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก และจะ
เพิ่มมากขึ้นตามลา ดับในขณะเดียวกันโรคและปัจจัยที่คุกคามสุขภาพมีการเปลี่ยนแปลงและมีความ
ยงุ่ ยากสลับซับซ้อนมากขึ้น จาเป็นต้องดาเนินการให้ประชาชนมีความรู้เท่าทัน มีส่วนร่วม และมีระบบ
เสริมสร้างสุขภาพและระวังป้องกันอย่างสมบูรณ์ สมควรมีกฎหมายว่าด้วยสุขภาพแห่งชาติ เพื่อวาง
กรอบและแนวทางในการกาหนดนโยบายยุทธศาสตร์และการดาเนินงานด้านสุขภาพของประเทศ
รวมท้ังมีองค์กรและกลไกเพื่อให้เกิดการดาเนินงานอย่างต่อเน่ืองและมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย อันจะ
นาไปสู่เป้าหมายในการสรา้ งเสริมสุขภาพ รวมทง้ั สามารถดูแลแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพของประชาชนได้
อยา่ งมปี ระสิทธิภาพและท่ัวถงึ จึงจาเป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญัตนิ ี้

๒.๘.๗.๓ ร่างประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง ให้สิทธิเสียภาษีในอัตราศูนย์สาหรับสุราสามทับ
ทนี่ าไปใช้ในอตุ สาหกรรมผลติ ภัณฑส์ มุนไพร

๑๒๒

๒.๘.๘ กฎกระทรวง
๑) กฎกระทรวง การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตผลิต นาเข้า หรือขาย

ผลติ ภณั ฑ์สมนุ ไพร พ.ศ. ๒๕๖๓
๒) กฎกระทรวง การข้ึนทะเบียนตารับผลิตภณั ฑ์สมนุ ไพร การแจง้ รายละเอียดและการจด

แจ้งผลิตภณั ฑส์ มุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๓
๓) กฎกระทรวง กาหนดค่าธรรมเนียม ลด และยกเว้นค่าธรรมเนียมการดาเนินการ

เก่ยี วกบั ผลิตภณั ฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๓
๒.๘.๙ ประกาศ
๑) ประกาศกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เรื่อง กาหนดแบบ

ตามระเบยี บกระทรวงสาธารณสุข ว่าดว้ ยการรับรองหมอพ้ืนบ้าน พ.ศ. ๒๕๖๒
๒) ประกาศกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เร่ือง กาหนดแบบ

ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ เร่ือง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขการแจ้ง
เป็นผู้ประกอบการ พ.ศ. ๒๕๖๓

๓) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง กาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไข
ในการข้ึนบัญชีผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เช่ียวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนท้ังในประเทศ
และต่างประเทศ เพ่ือทาหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถาน
ประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑส์ มนุ ไพร พ.ศ. ๒๕๖๔

๔) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง ช่อื ประเภท ชนิดหรือลักษณะของผลิตภัณฑ์
สมนุ ไพรซ่งึ การผลติ นาเขา้ หรือขายตอ้ งได้รับใบอนุญาต พ.ศ. ๒๕๖๓

๕) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชือ่ ประเภท ชนิดหรือลักษณะของผลิตภัณฑ์
สมนุ ไพรซ่ึงการผลติ หรือนาเข้าเพือ่ ขาย ต้องได้รับใบสาคัญการขน้ึ ทะเบียนตารับ ใบรับแจ้งรายละเอียด
หรือใบรับจดแจ้ง และชื่อ ปริมาณ และเง่ือนไขของวัตถุท่ีอาจใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์สมุนไพร
สาหรบั ผลติ ภณั ฑ์สมนุ ไพรทข่ี อจดแจง้ พ.ศ. ๒๕๖๔

๖) ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรือ่ ง ด่านตรวจสอบผลิตภณั ฑส์ มุนไพรทน่ี าเขา้
๗) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง ยาตามองค์ความรู้การแพทย์ทางเลือก
พ.ศ. ๒๕๖๓
๘) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง โรคท่ีเป็นลักษณะต้องห้ามของผู้รับอนุญาต
และผมู้ หี น้าทปี่ ฏบิ ตั ิการเกี่ยวกับผลติ ภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๓
๙) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เง่ือนไขของผลิตภัณฑ์
สมนุ ไพรขายทั่วไป (ฉบับท่ี ๒)
๑๐) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธกี าร และเง่ือนไข การรับเงิน
การจ่ายเงนิ และการเกบ็ รกั ษาเงนิ ทจี่ ดั เก็บตามกระบวนการพจิ ารณาผลิตภณั ฑส์ มนุ ไพร พ.ศ. ๒๕๖๔
๑๑) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขเก่ียวกับ
การโฆษณาผลติ ภัณฑส์ มนุ ไพร พ.ศ. ๒๕๖๔
๑๒) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขของ
ผลติ ภัณฑส์ มนุ ไพรขายท่ัวไป

๑๒๓

๑๓) ประกาศคณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ เรื่อง การกาหนดประเภท
ผู้ประกอบการ พ.ศ. ๒๕๖๓

๑๔) ประกาศคณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ เร่ือง หลักเกณฑ์ วิธีการ และ
เงือ่ นไขการแจ้งเป็นผปู้ ระกอบการ พ.ศ. ๒๕๖๓

๑๕) ประกาศคณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ เร่ือง หลักเกณฑ์ วิธีการ และ
เงื่อนไขการสง่ เสรมิ ผปู้ ระกอบการ พ.ศ. ๒๕๖๓

๑๖) ประกาศคณะกรรมการผลิตภัณฑ์สมุนไพร เรื่อง การแสดงช่ือของผลิตภัณฑ์
สมุนไพรในการข้ึนทะเบียนตารับ แจ้งรายละเอียด หรือจดแจ้งผลิตภัณฑ์สมุนไพร และการแสดงฉลาก
และเอกสารกากับผลติ ภัณฑส์ มุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๔

๑๗) ประกาศคณะกรรมการผลิตภัณฑ์สมุนไพร เรื่อง กาหนดให้แสดงคาเตือนและ
ข้อความคาเตอื นในฉลากและเอกสารกากับผลติ ภณั ฑ์สมุนไพร (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ.๒๕๖๓

๑๘) ประกาศคณะกรรมการผลิตภัณฑ์สมุนไพร เร่ือง กาหนดให้แสดงคาเตือนและ
ข้อความคาเตือนในฉลากและเอกสารกากบั ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๓

๑๙) ประกาศคณะกรรมการผลติ ภณั ฑส์ มนุ ไพร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงอื่ นไข
การเปรยี บเทยี บตามพระราชบัญญัติผลติ ภัณฑส์ มนุ ไพร พ.ศ. ๒๕๖๒

๒๐) ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรอ่ื ง บัญชยี าหลักแห่งชาติด้าน
สมนุ ไพร พ.ศ. ๒๕๖๔

๒๑) ประกาศสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง กาหนดแบบคาขอและ
ใบสาคญั การข้ึนทะเบยี นตารับ ใบรับแจง้ รายละเอยี ด และใบรบั จดแจ้งผลติ ภัณฑ์สมนุ ไพร พ.ศ. ๒๕๖๓

๒๒) ประกาศสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เร่ือง กาหนดแบบคาขอและ
ใบอนุญาตผลิต นาเขา้ หรอื ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๓

๒๓) ประกาศสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เร่ือง หลักเกณฑ์ วิธีการ และ
เง่ือนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตโฆษณาผลติ ภณั ฑส์ มุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๔

๒๔) ประกาศสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เร่ือง หลักเกณฑ์การโฆษณา
อาหาร พ.ศ. ๒๕๖๔

๒.๙ มาตรฐานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง

๒.๙.๑ มาตรฐานการผลติ
๒.๙.๑.๑ มาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practice)
๒.๙.๑.๒ มาตรฐานเกษตรอนิ ทรีย (มกท.) IFOAM accredited
๒.๙.๑.๓ มาตรฐานผลิตภณั ฑ์อนิ ทรีย์ Organic Thailand

๒.๙.๒ มาตรฐานสารสกัด
๒.๙.๒.๑ มาตรฐาน Thai Herbal Pharmacopoeia (THP)
๒.๙.๒.๒ มาตรฐาน monograph

๑๒๔

๒.๙.๓ มาตรฐานการรับรองผลิตภัณฑ์
๒.๙.๓.๑ มาตรฐานผลิตภัณฑข์ อง อย.
๒.๙.๓.๒ มาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม (มอก.)
๒.๙.๓.๓ มาตรฐานของหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร ISO/IEC 17025 (GLP)
(ซงึ่ จะมคี วามเกยี่ วโยงกบั ใบรบั รองผลติ ภัณฑ์หรอื เอกสาร Certificate of Analysis (COA)
๒.๙.๓.๔ มาตรฐานโรงงานผลิต GMP (Good Manufacturing Practice)
๒.๙.๓.๕ มาตรฐานการปฏิบตั ิการวิจยั ทางคลินกิ GCP (Good Clinical Practice)

๒.๙.๔ มาตรฐานอืน่ ๆ
๒.๙.๔.๑ มาตรฐาน HACCP (Hazards Analysis and Critical Control Points)
๒.๙.๔.๒ มาตรฐาน ISO (International Standards Organization)

๒.๙.๕ มาตรฐานสานักงานมาตรฐานผลติ ภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
นายกรัฐมนตรีในการประชมุ คณะรัฐมนตรี เม่อื วนั ท่ี ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ มีข้อส่ังการให้

กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์เรง่ สร้างความเช่ือมโยงระหวา่ งหน่วยงานในการวางแผนพัฒนาสมุนไพร
ใหค้ รบวงจร และยงั่ ยืน ตามกรอบยุทธศาสตรแ์ ผนแม่บทแห่งชาตวิ ่าด้วยการพฒั นาสมนุ ไพรไทย ฉบับที่
๑ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ท้ังนี้ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข
จึงได้ประสานให้สานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม จัดทา
สมุนไพรไทยเป็นมาตรฐานผลิตภณั ฑ์อตุ สาหกรรม (มอก.) เพอ่ื สามารถผลิตและขายในเชงิ พาณชิ ย์ และ
ส่งออกได้ ทั้งนี้ สานักงานมาตรฐานผลิตภัณ ฑ์อุตสาหกรรมได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ
(Memorandum of Understanding – MoU) ความร่วมมือด้านการกาหนดมาตรฐานกับองค์กร
กาหนดมาตรฐาน ร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อดาเนินการกาหนด
มาตรฐานผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยเป็นมาตรฐาน มอก. อันจะเกิดประโยชน์ในการพัฒนา
ผู้ประกอบการสมุนไพรในประเทศ และยกระดับอุตสาหกรรม สมุนไพรไทยให้ได้มาตรฐาน และสร้าง
ความม่ันใจแก่ผู้บริโภคในการใช้สมุนไพร เมื่อวันท่ี ๑๙ กันยายน ๒๕๕๙ ซ่ึงในปัจจุบันสานักงาน
มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมได้จัดทามาตรฐานสารสกัด และมาตรฐานน้ามันหอมระเหยอย่าง
ตอ่ เนื่อง เพ่ือให้สินค้าสมุนไพรไทยเกิดมาตรฐาน และสามารถแข่งขันไดใ้ นเชงิ พาณชิ ย์

๒.๙.๖ มาตรฐานสานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
ผลิตภณั ฑ์สมุนไพรอยใู่ นการควบคมุ กากับดูแลของสานักงานคณะกรรมการอาหารและ

ยา (อย.) ภายใต้กฎหมายท่ีเกี่ยวข้อง เช่น ยาจากสมุนไพร ยาแผนไทยหรือยาแผนโบราณภายใต้
กฎหมายว่าด้วยอาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสมุนไพร กฎหมายว่าด้วยเครื่องสาอาง เป็นต้น จาก
การดาเนินการที่ผ่านมาปรากฏว่าผลิตภัณฑ์สมุนไพรจานวนมากประสบปัญหาในการอนุมัติ เช่น
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสมุนไพรส่วนใหญ่ไม่สามารถกล่าวอ้างสรรพคุณด้านส่งเสริมสุขภาพหรือลด
ปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรค ผลิตภัณฑ์ยาพัฒนาจากสมุนไพรและยาแผนโบราณที่มีการประยุกต์และพัฒนา
ตอ่ ยอดไม่มีหลักฐานเพียงพอท่ีจะขึ้นทะเบียนได้ ทาให้เกิดการลักลอบโฆษณาและสง่ เสริมการขายผ่าน
สื่อสงั คมออนไลน์และระบบขายตรงทีม่ ีการโอ้อวดสรรพคณุ และคณุ ประโยชน์ของผลติ ภณั ฑ์

๑๒๕

การขออนุญาตผลิตภัณฑ์สมนุ ไพร
สมนุ ไพร หมายถึง ผลิตผลธรรมชาติท่ไี ด้จากพชื สตั ว์ จุลชีพ หรือแร่ ท่ีใช้ผสม ปรงุ หรอื แปร
สภาพ เปน็ ผลิตภัณฑส์ มนุ ไพร
ผลติ ภัณฑ์สมนุ ไพรตามเอกสารน้ี หมายถงึ ผลิตภณั ฑส์ มนุ ไพรตามความใน (๑) (๒) และ
(๔) ของนิยาม ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบญั ญตั ิผลติ ภัณฑส์ มนุ ไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ ไดแ้ ก่
๑. ยาจากสมุนไพร หมายถึง ยาแผนไทย ยาพัฒนาจากสมุนไพร ยาแผนโบราณที่ใช้กับ
มนุษย์ตามกฎหมายว่าด้วยยา หรือยาตามองค์ความรู้การแพทย์ทางเลือกตามท่ีรัฐมนตรีโดยคาแนะนา
ของคณะกรรมการประกาศกาหนด เพื่อการบาบัด รักษา และบรรเทาความเจ็บป่วยของมนุษย์ หรือการ
ปอ้ งกันโรค
๒. ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพ่ือสุขภาพ หมายถึง ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์
ท่ีมีส่วนประกอบสาคัญที่เป็นหรือแปรสภาพจากสมุนไพร ซึ่งพร้อมที่จะนาไปใช้แก่มนุษย์เพื่อให้เกิดผล
ต่อสุขภาพ หรือการทางานของร่างกายให้ดีขึ้น เสริมสร้างโครงสร้างหรือการทางานของร่างกาย
หรอื ลดปัจจัยเสย่ี งของการเกิดโรค
๓. วัตถุอ่ืนตามที่รัฐมนตรีโดยคาแนะนาของคณะกรรมการประกาศกาหนดให้เป็น
ผลติ ภณั ฑส์ มุนไพร

ทัง้ น้ี ผลิตภัณฑ์สมุนไพร มสี ารสาคญั ทีไ่ ดม้ าจากสมุนไพร ไดแ้ ก่
๑. พืช ส่วนของพชื วติ ามินแรธ่ าตุที่ไดจ้ ากพชื หรือสิง่ ทไ่ี ด้จากพชื
๒. สัตว์ สว่ นของสัตว์ หรอื เภสัชวตั ถุ (เครือ่ งยา) ทีไ่ ดจ้ ากสัตว์ ที่ไม่ใช่มนษุ ย์
๓. แร่ ทอี่ ยู่ในตาราทใ่ี ชใ้ นยาตามองคค์ วามรู้ด้ังเดมิ ตามรฐั มนตรปี ระกาศ
๔. สารสังเคราะห์เลียนแบบสิ่งท่ีได้จากธรรมชาติตามหลักเกณฑ์ที่ประกาศกาหนด
ตามมาตรา ๔ (๔) เช่น สารท่ีเคยมีประวัติการอนุญาตเป็นยาแผนโบราณ หรือ สารที่อ้างอิงการใช้
ตามองคค์ วามรดู้ งั้ เดิม เช่น พมิ เสน การบูร นา้ มนั ระกา
๕. สารสกัดจากสมุนไพร รวมถึงสารสกัดที่ผ่านกระบวนการทาให้บริสุทธ์ิขึ้น
(Refined extract)
ท้งั นี้ไม่รวมถึง
๑. ผลิตภัณฑ์สมุนไพรทม่ี ีการวิจัยพัฒนาสมุนไพรด้วยกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
จนได้ตัวยาสมุนไพรหรือสารสาคญั จากสมุนไพร ทอ่ี ยูใ่ นลักษณะเปน็ สารบรสิ ุทธิ์ (purified substance)
หรืออนพุ ันธ์ ซงึ่ ทราบสตู รโครงสรา้ งแน่ชัด
๒. ผลิตภัณฑ์ท่ีใช้เป็นอาหารในรูปแบบปกติ (conventional food) เช่น เครื่องดื่ม
ไม่จากดั ปรมิ าณการบริโภค
แนวทางการกากับดูแลผลิตภัณฑ์สมุนไพรแบ่งการกากับดูแลตามหลกั การจัดการความ
เสย่ี งของผลติ ภณั ฑ์ โดยแบง่ ประเภทผลติ ภัณฑอ์ อกเปน็ ๒ ประเภท ดังน้ี
๑) ผลิตภัณฑ์ท่ีมีความเส่ียงสูง (high risk product category) หมายถึง ผลิตภัณฑ์
สมนุ ไพรทม่ี ขี อ้ บ่งใช้ เพอ่ื บาบัด รักษา และการบรรเทา หรอื การปอ้ งกันโรค ในกรณีดังตอ่ ไปน้ี
๑.๑) ผลิตภัณฑ์ท่ีบาบัด รักษา และการบรรเทา หรือการป้องกันโรค ความเจ็บป่วย
หรือโรคชนิดท่รี ้ายแรง (serious form)

๑๒๖

๑.๒) ผลติ ภณั ฑ์ท่อี าจนาไปใช้ในทางท่ผี ดิ
๑.๓) ผลิตภณั ฑท์ ี่ตอ้ งมีการควบคุมการใช้เป็นพเิ ศษ เพื่อความปลอดภยั ของผู้บรโิ ภค
๑.๔) ผลิตภัณฑ์ปราศจากเช้ือชนิดฉีดเข้าสู่ร่างกาย (sterile injections) หรือชนิดใช้
สาหรับดวงตา
๑.๕) ผลติ ภณั ฑ์ท่ีมีรปู แบบและวธิ ีใชซ้ บั ซ้อนหรอื ยากในการบริหารผลติ ภณั ฑเ์ ข้าสรู่ า่ งกาย
๑.๖) ผลิตภัณฑ์ท่ีอาจเกิดผลข้างเคียงท่ีร้ายแรงหรือมีความสาคัญที่ต้องควบคุม
ความปลอดภยั
ความเจ็บปว่ ยหรอื โรคชนดิ ทร่ี า้ ยแรง (serious form) หมายถงึ อาการ โรค หรอื ความ
เจ็บป่วยที่การวินิจฉัยหรือรักษาจาเป็นต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์ท่ีมีคุณสมบัติเหมาะสม หรืออยู่
นอกเหนือความสามารถของผ้บู รโิ ภคทจี่ ะรกั ษาได้ดว้ ยตัวเอง หรือประเมนิ อย่างถกู ตอ้ งดว้ ยตัวเองไดโ้ ดย
ปราศจากการปรึกษาอย่างสม่าเสมอจากบุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ซึ่งความ
เจ็ บ ป่ ว ย ห รือ โรค ช นิ ด ที่ ร้าย แ รง เช่ น alcoholism, anxiety state, infectious respiratory
syndromes, psychotic conditions, inflammatory and debilitating arthritis, addiction
(ย ก เว้ น nicotine addiction), arteriosclerosis, asthma, cancer, congestive heart failure,
convulsions, dementia, depression, diabetes, gangrene, glaucoma, haematologic
bleeding disorders, hepatitis, hypertension, nausea and vomiting of pregnancy, obesity,
rheumatic fever, septicaemia, sexually transmitted diseases, strangulated hernia,
thrombotic and embolic disorders, thyroid disease, ulcer of the gastro-intestinal tract
๒) ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ความเสี่ยงสูง (non-high risk product category) หมายถึง
ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่มีความเส่ียงสูง รวมถึงผลิตภัณฑ์ท่ีมีความเสี่ยงต่อสุขภาพอยู่ในระดับต่า
และมีช่วงความปลอดภัย ในการใช้กว้าง (wide safety margins) โดยข้อบ่งใช้ วัตถุประสงค์การใช้
สรรพคณุ หรือข้อความกลา่ วอ้างทางสุขภาพ เกี่ยวข้องกับการเสรมิ สร้างสุขภาพ การบารุงสุขภาพ การ
ป้องกันการขาดอาหาร ลดความเส่ียงในการเกิดโรค รวมท้ังการบาบัด บรรเทา รักษาโรค ป้องกัน
อาการผดิ ปกติ หรือความเจบ็ ป่วยชนดิ ท่ีไม่ร้ายแรง (non-serious form)
ความเจ็บป่วยหรือโรคชนิดท่ีไม่ร้ายแรง (non-serious form) หมายถึง อาการ โรค
หรือความเจ็บป่วยที่นอกเหนือจากอาการ โรค หรือความเจ็บป่วยชนิดที่ร้ายแรง ซ่ึงรวมถึงอาการ โรค
หรือความเจบ็ ป่วยที่หายได้เอง เมื่อทิ้งไวร้ ะยะเวลาหน่งึ ก็จะหายไปได้เองตามธรรมชาติ หรือหากปล่อย
ทิ้งไว้แลว้ คาดว่าอาการจะดขี นึ้ น้อยกวา่ ผลลพั ธ์ท่ไี ด้จากการใชผ้ ลติ ภัณฑ์
การแบง่ ประเภทและคานยิ ามของผลติ ภัณฑส์ มนุ ไพร
ก. ยาตามองค์ความรดู้ ้งั เดิม
ยาจากสมุนไพรตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ท่ีใช้เพื่อการบาบัด รักษา และบรรเทาความเจ็บป่วย
ของมนุษย์หรือการป้องกันโรค ซึ่งประกอบด้วย ยาตามองค์ความรู้ดั้งเดิมตามตาราแผนไทย หรือตารา
แผนจีน หรือยาท่ีปรุงตามการประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทยหรือแผนจีนซ่ึงการผสม ปรุง
หรือแปรสภาพสมุนไพรที่เป็นไปตามองค์ความรู้ดั้งเดิมมีข้อมูลท่ีมากเพียงพอ และเช่ือถือได้ในความ
ปลอดภัยและสรรพคณุ โดยไมจ่ าเป็นต้องทาการศึกษาดา้ นความปลอดภยั หรือประสทิ ธภิ าพเพ่มิ เติม ซึ่ง
ยาตามองคค์ วามรูด้ งั้ เดมิ แบง่ เป็น ๒ ประเภท ดงั นี้

๑๒๗

(๑) ยาแผนไทย (ก๑) หมายถึง ยาท่ีได้จากสมุนไพรโดยตรง หรือที่ได้จากการผสม ปรุง
หรือแปรสภาพสมุนไพร ที่มุ่งหมายสาหรับใช้ตามศาสตร์องค์ความรู้การแพทย์แผนไทยหรือยา
ท่ีรัฐมนตรีประกาศกาหนดให้เป็นยาแผนไทย รวมถึง ยาท่ีบรรจุในตารายาที่เป็นที่ยอมรับในระดับชาติ
และตารบั ยาที่ต้ังตามศาสตร์องคค์ วามรกู้ ารแพทย์แผนไทย

(๒) ยาแผนจีน (ก๒) หมายถึง ยาที่ได้จากสมุนไพรโดยตรง หรือที่ได้จากการผสม ปรุง
หรือแปรสภาพสมุนไพร ท่ีมุ่งหมายสาหรับใช้ตามศาสตร์องค์ความรู้การแพทย์แผนจีนหรือยาตามท่ี
รัฐมนตรีประกาศกาหนดให้เปน็ ยาแผนจนี รวมถึงยาที่บรรจุในตารายาทีเ่ ปน็ ทย่ี อมรบั ในระดบั ชาติ และ
ตารับยาทีต่ ้งั ตามศาสตร์องคค์ วามร้กู ารแพทย์แผนจนี

ข. ยาพัฒนาจากสมนุ ไพร
ยาที่ได้จากสมุนไพรโดยตรง หรือท่ีได้จากการผสม ปรุง หรือแปรสภาพสมุนไพร ที่ไม่ใช่

ยาแผนไทยหรือยาตามองค์ความรู้การแพทย์ทางเลือกตามท่ีรัฐมนตรีโดยคาแนะนาของคณะกรรมการ
ประกาศกาหนดและใช้เพ่ือการบาบัด รักษา และบรรเทาความเจ็บป่วยของมนุษย์ หรือการป้องกันโรค
กล่าวคือ เป็นยาสมุนไพรท่ีมีการพัฒนาจากองค์ความรู้ด้ังเดิม ยาจากสมุนไพรที่ยอมรับท่ัวไป
หรือยาจากสมุนไพรใหม่ ซ่ึงต้องใช้เอกสารหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพ่ือสนับสนุนคุณภาพ ความปลอดภัย
และประสิทธภิ าพ ในแล้วแต่ละกรณี โดยยาพัฒนาจากสมนุ ไพร แบ่งเปน็ ๔ ประเภท ดงั นี้

(๑) ยาจากสมุนไพรที่พัฒนาการผลิต (modified formulation) (ข๑) หมายถึง ยาจาก
สมุนไพรที่มีการพัฒนากรรมวิธีการผลิตท่ีแตกต่างจากองค์ความรู้ดั้งเดิมในด้านรูปแบบยา โดย
นอกเหนือจากการต้งั ตามศาสตร์องค์ความรูก้ ารแพทยแ์ ผนไทยหรือแผนจีน ซึ่งมตี ัวยาสาคญั ความแรง
ขนาดการใช้ยา ลักษณะการปลดปลอ่ ยยา (release characteristics) และสรรพคณุ สอดคล้องกับตารบั เดิม

(๒) ยาจากสมุนไพรทยี่ อมรับทั่วไป (well-established herbal medicines) (ข๒) หมายถึง
ยาจากสมุนไพรที่มีข้อมูลปรากฏในเอกสารทางวิชาการ (bibliographical evidence) ซ่ึงเพียงพอและ
เปน็ ที่ยอมรบั ในทางการแพทย์ (well-established medicinal use) และเอกสารไดร้ ับการยอมรับจาก
หน่วยงานกากับดูแลด้านยา หรือเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาตดิ ้านสมุนไพร หรือเป็นยาในมอโนกราฟ
ท่ีสานักงานคณะกรรมการอาหารและยาเห็นชอบ โดยคาแนะนาของคณะกรรมการผลิตภัณฑ์สมุนไพร
ซึ่งการยื่นคาขอต้องผ่านกระบวนการขอคาแนะนาจากสานักงานคณะกรรมการอาหารและยาเป็นราย
กรณไี ป

(๓) ยาจากสมุนไพรท่ีวิจัยพัฒนา (scientifically established herbal medicines) (ข๓)
หมายถึง ยาจากสมุนไพร ยาตามองค์ความรู้การแพทย์ทางเลือกอ่ืนที่นอกเหนือจากประกาศกาหนด
ท่ีต้องอาศัยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุน เช่น ข้อมูลที่ไม่ใช่การศึกษาทางคลินิก การศึกษาวิจัย
ทางคลินิกขอ้ มลู จากวารสารทางวิชาการ ร่วมกบั ขอ้ มูลตามองคค์ วามรู้ทสี่ ืบทอดต่อกันมา

(๔) ยาจากสมุนไพรใหม่ (ข๔) หมายถึง ยาจากสมุนไพรทีไ่ ดจ้ ากสมนุ ไพรชนิดใหม่ ไมม่ กี ารใช้
ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ซง่ึ ตอ้ งอาศยั ข้อมูลทางวทิ ยาศาสตร์มาสนบั สนนุ เช่น ขอ้ มลู ทไ่ี มใ่ ช่การศึกษาทาง
คลนิ ิกและการศึกษาวิจัยทางคลินกิ ขอ้ มลู จากวารสารทางวชิ าการ

๑๒๘

ค. ผลติ ภณั ฑ์สมนุ ไพรเพ่ือสขุ ภาพ
ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบสาคัญที่เป็นหรือแปรสภาพจาก

สมุนไพร ซ่ึงพร้อมที่จะนาไปใช้แก่มนุษย์เพื่อให้เกิดผลต่อสุขภาพ หรือการทางานของร่างกายให้ดีขึ้น
เสริมสร้างโครงสร้างหรือการทางานของร่างกาย หรือลดปัจจัยเส่ียงของการเกิดโรค ท้ังนี้ไม่รวมถึง
ผลิตภัณฑ์สมุนไพรท่ีใช้เพื่อการบาบัดรักษา และบรรเทาความเจ็บป่วยของมนุษย์ หรือการป้องกันโรค
โดยผลติ ภณั ฑ์สมุนไพรเพื่อสขุ ภาพ แบ่งเปน็ ๔ ประเภท ดงั นี้

(๑) ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพท่ีเป็นไปตามองค์ความรู้ดั้งเดมิ (ค๑) หมายถึง ผลิตภัณฑ์
สมุนไพรเพ่ือสขุ ภาพท่ีมปี ระวตั ิการใชต้ ามองค์ความรู้ด้งั เดมิ ตามแผนไทยหรอื แผนจีน ดังน้ี

๑.๑ สูตรส่วนประกอบ และสารที่ออกฤทธิ์ (active ingredients) เป็นไปตามองค์
ความรู้ด้ังเดมิ

๑.๒ มีวัตถุประสงค์การใช้อา้ งองิ ตามองค์ความรู้ดงั้ เดิม
๑.๓ ขนาดความแรง (strength) และขนาดทใ่ี ช้ เปน็ ไปตามองค์ความร้ดู ัง้ เดิม
๑.๔ ชอ่ งทางการบริหารผลิตภณั ฑ์ (route of administration) เปน็ ไปตามองค์ความรู้
ด้ังเดิม
(๒) ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพที่พัฒนาไปจากองค์ความรู้ด้ังเดิม (ค๒) หมายถึง
ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพที่มีประวัติการใช้ตามองค์ความรู้ด้ังเดิมตามแผนไทยหรือแผนจีน แต่มี
การพัฒนากรรมวิธีการผลิตที่แตกต่างจากองค์ความรู้ด้ังเดิมในด้านรูปแบบ โดยนอกเหนือจากการต้ัง
ตามศาสตร์องค์ความรู้การแพทย์แผนไทยหรือแผนจีน ซงึ่ มีส่วนประกอบสาคัญ ความแรง ขนาดการใช้
ลักษณะการปลดปล่อย ส่วนประกอบสาคัญ (release characteristics) และข้อความกล่าวอ้างทาง
สุขภาพสอดคล้องกับตารบั เดิม ดงั นี้
๒.๑ สูตรส่วนประกอบ และสารท่ีออกฤทธิ์ (active ingredients) เป็นไปตามองค์
ความรดู้ ัง้ เดิม
๒.๒ มีวตั ถปุ ระสงค์การใชอ้ ้างอิงตามองคค์ วามร้ดู งั้ เดมิ หรอื เทยี บเคียงได้กับองค์ความรู้
ด้ังเดิม
๒.๓ ขนาดความแรง (strength) และขนาดท่ีใช้ เป็นไปตามองค์ความรู้ด้ังเดิม หรือ
เทียบเคยี งไดก้ บั องคค์ วามรู้ดั้งเดมิ
๒.๔ ชอ่ งทางการบริหารผลิตภัณฑ์ (route of administration) เป็นไปตามองคค์ วามรู้
ดั้งเดิม หรือเทียบเคียงไดก้ ับองค์ความรูด้ ้ังเดิม
(๓) ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพ่ือสุขภาพที่อ้างอิงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ (ค๓) หมายถึง
ผลิตภัณฑ์ สมุนไพรเพ่ือสุขภาพท่ีต้องใช้เอกสารหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพ่ือสนับสนุนคุณภาพ ความ
ปลอดภัย และประสทิ ธิภาพ ในแล้วแตล่ ะกรณี โดยแบง่ ไดเ้ ป็น ๒ กรณี ดังน้ี
๓.๑ ผลิตภัณฑ์ประกอบด้วยสมุนไพรหรือส่วนประกอบสาคัญอ่ืน ท่ีมีประวัติการใช้
ตั้งแต่ ๑๕ ปขี ึน้ ไป
๓.๒ ผลิตภัณฑ์ประกอบด้วยสมุนไพรหรอื ส่วนประกอบสาคัญอนื่ ที่มปี ระวตั กิ ารใช้นอ้ ย
กว่า ๑๕ ปี

๑๒๙

(๔) เวชสาอางสมุนไพร (ค๔) หมายถึง ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ที่มุ่งหมายสาหรับใช้ทา ถู
นวด โรยพ่น หยอด ใส่ อบ หรือกระทาด้วยวิธีอื่นใดกับส่วนภายนอกของร่างกายมนุษย์ รวมถึงฟนั และ
เย่ือบุช่องปาก เพื่อให้เกิดผลต่อสุขภาพหรือการทางานของร่างกายให้ดีข้ึน เสริมสร้างการทางานของ
รา่ งกายให้อยู่ในสภาพดี โดยมีตวั อย่างผลติ ภณั ฑ์ ดังนี้

๑) กลุ่มผลิตภัณฑ์ปลูกผม หรือลดการหลุดร่วงของเส้นผม (anti-hair loss products)
ยกเว้นข้อความกล่าวอ้าง คาว่า “anti-hair loss products” และ “ลดการขาดร่วงของเส้นผม” จาก
การใชผ้ ลติ ภณั ฑ์ ท่ีทาใหผ้ มนุ่มลน่ื และเส้นผมไม่พันกนั

๒) กลุ่มผลิตภัณฑ์ทันตกรรม ยกเว้น ยาสีฟัน น้ายาบ้วนปาก สเปรย์ระงับกลิ่นปาก
และผลติ ภัณฑ์ฟอกสีฟนั ทีแ่ สดงสรรพคุณปอ้ งกนั ฟันผุ ให้ฟนั แข็งแรง และลดกลิ่นปาก

๓) ผลิตภัณฑ์ลดการคันของหนังศีรษะ ยกเว้น ลดอาการคันจากผลิตภัณฑ์สระผมที่
ชว่ ยลดความมันของหนงั ศีรษะ

๔) กลมุ่ ผลิตภณั ฑก์ าจัดไฝ ฝ้า
๕) ผลิตภัณฑ์รักษาฝ้า กระ และทาให้ผิวขาวกระจ่างใส ยกเว้น ผลิตภณั ฑ์ที่ทาให้ผิว
ทีม่ ีปัญหาหมองคลา้ แลดูกระจ่างใสขึน้
๖) กลุ่มผลิตภัณฑ์ anti-sunburn ยกเว้น ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทาหลังจากการออกแดด
(after sun product)
๗) กลุ่มผลิตภัณฑ์รักษาหรือลดการเกิดสิว ยกเว้น ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ลดความมันบน
ใบหนา้ เพ่อื ลดการเกดิ สวิ
๘) กลุ่มผลิตภัณฑ์ป้องกันการแห้งแตก หรือเพ่ิมความเรียบเนียนของผิว ยกเว้น
ผลิตภณั ฑ์ทปี่ อ้ งกนั การแหง้ แตกโดยการเพม่ิ ความชมุ่ ชื้น หรือผลิตภณั ฑท์ ี่ให้ความเรยี บเนยี นของผิวทาง
กายภาพ
๙) กลุ่มผลิตภณั ฑ์ที่เพ่ิมความกระจา่ งใสของผิวโดยป้องกนั การสรา้ งของเมลานนิ
๑๐) กลุม่ ผลติ ภัณฑ์ท่ีเพ่ิมความกระจ่างใสของผวิ โดยเรง่ การสลายตวั ของเมลานิน
๑๑) กลุ่มผลิตภณั ฑล์ บริว้ รอย ยกเวน้ ผลติ ภัณฑ์ที่ลบริ้วรอยจากการใหค้ วามชุ่มช้นื
๑๒) กลุม่ ผลติ ภณั ฑ์ลดการคันของผิวหนังทม่ี สี าเหตุจากผิวแห้ง (atopicprone skin)
๑๓) กลุ่มผลิตภัณฑ์ลดผวิ หนังแตกลาย ยกเว้น ผลิตภณั ฑท์ ่ีปอ้ งกนั การแตกลาย จาก
การใหค้ วามชุ่มชน้ื
การจดั แบ่งข้อบ่งใช้ สรรพคณุ และขอ้ ความกล่าวอ้างทางสขุ ภาพ
๔.๑ ยาจากสมนุ ไพร
แบ่งข้อบ่งใช้ หรอื สรรพคุณ เป็น ๓ ประเภท ดงั นี้
(๑) ข้อบ่งใช้หรือสรรพคุณด้านสุขภาพตามองค์ความรู้ดั้งเดิม (traditional health use)
หมายถึงข้อบ่งใช้หรือสรรพคุณที่มีการใช้เพื่อให้มีสุขภาพดีตามปกติโดยทั่วไป หรือส่งเสริมสุขภาพให้ดี
ขึ้น โดยเป็นการใช้ตามศาสตร์องค์ความรู้ดั้งเดิม ที่มีพื้นฐานการใช้จากการสั่งสมประสบการณ์ และอยู่
บนพน้ื ฐานของกรอบแนวคดิ ดา้ นองคค์ วามร้ดู ้ังเดมิ อยา่ งเฉพาะเจาะจง

๑๓๐

(๒) ข้อบ่งใช้หรือสรรพคุณด้านการรักษาตามองค์ความรู้ด้ังเดิม (traditional treatment)
หมายถึงข้อบ่งใชห้ รือสรรพคุณทีใ่ ชเ้ พอ่ื การบาบดั รักษา หรือบรรเทาความเจบ็ ป่วย หรือการปอ้ งกนั โรค
โดยอา้ งองิ ตามศาสตร์องค์ความรู้ดั้งเดิม

(๓) ข้อบ่งใช้หรือสรรพคุณด้านการรักษาตามข้อมูลวิทยาศาสตร์ (scientifically
established treatment) แบ่งเป็น ๒ ประเภท ดงั นี้

๓.๑ ข้อบ่งใช้หรือสรรพคุณด้านการรักษาตามข้อมูลวิทยาศาสตร์ ที่มีความเกี่ยวข้อง
กับศาสตร์องค์ความรู้ดั้งเดิม หมายถึง ข้อบ่งใช้หรือสรรพคุณด้านการบาบัด รักษา หรือบรรเทาความ
เจ็บป่วยของมนุษย์หรือการป้องกันโรค ที่อ้างอิงเอกสารหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ โดยข้อบ่งใช้หรือ
สรรพคณุ มีทมี่ าหรือมีความสอดคลอ้ งกบั ศาสตรอ์ งคค์ วามรูก้ ารแพทย์แผนไทยหรอื องคค์ วามรกู้ ารแพทย์
ทางเลือกตามท่รี ฐั มนตรโี ดยคาแนะนาของคณะกรรมการประกาศกาหนด

๓.๒ ข้อบ่งใช้หรือสรรพคุณด้านการรักษาตามข้อมูลวิทยาศาสตร์ ไม่สอดคล้องกับ
ศาสตร์องค์ความรู้ดั้งเดิม หมายถึง ข้อบ่งใช้หรือสรรพคุณด้านการบาบัด รักษา หรือบรรเทาความ
เจ็บป่วยของมนุษย์หรือการป้องกันโรค ท่ีอ้างอิงเอกสารหลักฐานทางวิทยาศาสตร์โดยข้อบ่งใช้หรือ
สรรพคุณนั้น ไม่สอดคล้องกับศาสตร์องค์ความรู้การแพทย์แผนไทยหรือองค์ความรู้การแพทย์ทางเลือก
ตามทีร่ ัฐมนตรโี ดยคาแนะนาของคณะกรรมการประกาศกาหนด

๔.๒ ผลิตภณั ฑส์ มุนไพรเพื่อสุขภาพ
แบง่ ข้อบ่งใช้ หรอื ข้อความกล่าวอา้ งทางสุขภาพ เป็น ๔ ประเภท ดงั น้ี
(๑) การกล่าวอ้างทางสุขภาพทั่วไปหรือหน้าท่ีของสารอาหาร (general or nutritional

claim) หมายถึง การกล่าวอ้างทางสุขภาพด้านการเสริมสารอาหาร หรือเพ่ือให้มีสุขภาพดีตามปกติ
โดยท่วั ไป ซึ่งคณุ ประโยชนจ์ ากการเสรมิ สารอาหารควรมากกวา่ ปริมาณสารอาหารท่ีได้รับต่อวัน

ตัวอย่าง
- เป็นแหล่งสารต้ังต้นของวิตามินเอในร่างกาย ที่มีส่วนช่วยคงสภาพปกติของการ
มองเหน็
- เปน็ แหล่งของสารตา้ นอนมุ ูลอิสระ
- บารงุ รา่ งกาย
- ช่วยลดอาการออ่ นเพลยี
- เพิ่มความแขง็ แรงของรา่ งกาย
(๒) การกล่าวอ้างหน้าท่ี (functional claim) หมายถึง การกล่าวอ้างทางสุขภาพที่
สอดคล้องกับผลต่อสุขภาพเชิงบวก เพื่อคงสภาพหรือเสริมสร้างโครงสร้างของร่างกาย หรือปรับการ
ทางานของร่างกาย เพื่อให้ร่างกายทาหน้าที่ตามปกติ โดยแบ่งเป็นกรณีที่การกล่าวอ้างทางสุขภาพไม่
สัมพันธ์กับโรค และกรณีท่ีระบุความสัมพันธ์กับโรค ท้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ผ่อนคลาย
ความไม่สบายเล็กน้อยของร่างกายจากบางกระบวนการทางสรีรวิทยา รวมถึง ภาวะความไม่สบาย
เล็กน้อยท่ีอาจพบได้ในกลุ่มประชากรผสู้ งู อายุ หญิงวัยหลงั หมดประจาเดอื น หญิงตั้งครรภ์
ตวั อย่าง
- บารุง/เสริมสุขภาพของข้อ
- มีสว่ นช่วยเสริมสร้างภูมคิ ุม้ กนั

๑๓๑

- มสี ว่ นช่วยเพม่ิ การเจรญิ เติบโตของจุลินทรยี ท์ ี่มคี ุณภาพในลาไส้และทางเดินอาหาร
- เสริมการทาหน้าทแ่ี ละสุขภาพของตับ
- เสรมิ /ช่วยใหส้ ดชน่ื กระปรกี้ ระเปร่า หรือมชี ีวติ ชีวา
- ชว่ ยลดความไม่สบายของร่างกาย จากภาวะหมดประจาเดือน
- ชว่ ยย่อยอาหารเพอื่ ลดอาการอาหารไมย่ ่อย
- เสริมสุขภาพในวยั สูงอายุ
- เสริมสุขภาพในภาวะหมดประจาเดือน
(๓) การกล่าวอ้างลดความเสี่ยงในการเกิดโรค (disease risk reduction claim) หมายถึง
การกล่าวอ้างทางสุขภาพท่ีมีการเปล่ียนแปลงอย่างมีนัยสาคัญ หรือลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรค
หรือภาวะสุขภาพที่เกยี่ วข้อง
ตัวอย่าง
- ช่วยลดปจั จัยเส่ยี งของการเกิดโรคกระดูกพรุน โดยทาใหก้ ระดกู แขง็ แรง
- ช่วยลดปจั จยั เสีย่ งของการเกดิ ภาวะไขมันผดิ ปกติ
(๔) การกล่าวอ้างเวชสาอางสมุนไพร หมายถึง การกลา่ วอา้ งทางสขุ ภาพที่มคี วามมุ่งหมาย
สาหรบั ใชท้ า ถู นวด โรย พ่น หยอด ใส่ อบ หรอื กระทาดว้ ยวิธอี ืน่ ใดกบั สว่ นภายนอกของรา่ งกายมนษุ ย์
รวมถึงฟนั และเยอื่ บุชอ่ งปาก เพ่อื ให้เกดิ ผลต่อสุขภาพหรือการทางานของรา่ งกายใหด้ ีข้ึน เสริมสรา้ งการ
ทางานของร่างกายใหอ้ ยู่ในสภาพดี
ตัวอยา่ ง
- ส่งเสริมให้รากผมหรือเสน้ ผมมีสุขภาพดี
- กระตุน้ หรือคงสภาพการเจรญิ เตบิ โตของเส้นผม
- ลดความรนุ แรงของการเกิดสิว
- เพ่ิมความยืดหยนุ่ ของผวิ
- ทาให้ผวิ มสี ุขภาพดี
- ซอ่ มแซมผิวหนังจากการแหง้ แตก
- ทาใหผ้ วิ ขาวหรือผิวกระจ่างใส
นอกจากนี้ข้อบ่งใช้ สรรพคุณ และข้อความกล่าวอ้าง ของผลิตภัณฑ์สมุนไพรบาง
ประเภทยงั แบ่งตามความเฉพาะเจาะจงของข้อความ ดงั นี้
๑. ข้อบ่งใช้ สรรพคุณ ข้อความกล่าวอ้าง โดยทั่วไป แบบไม่เฉพาะเจาะจง (non-
specific or general indications) หมายถึง

๑.๑ การคงสภาวะปกติทางด้านสุขภาพ ในด้านการเจริญเติบโต การพัฒนา และการ
ทางาน ตามปกติของรา่ งกาย

๑.๒ การส่งเสริมการทางานร่างกายให้ดีข้ึน (health enhancement) ท่ีไม่ระบุ
ความสมั พนั ธ์กับชื่อสภาวะ อาการ หรอื ชอ่ื โรค

๑.๓ การเสริมวติ ามนิ แร่ธาตุ หรอื เพิม่ โภชนาการของสารอาหาร ทสี่ ่งผลต่อการคง
สภาวะสุขภาพดีตามปกติ ในปรมิ าณทแี่ นะนาตอ่ วัน

๑๓๒

๑.๔ การบรรเทาสภาวะที่เกิดจากความไม่สบายของร่างกาย โดยไม่ระบุ
ความสัมพันธ์กบั ช่ือของโรค

๒. ข้อบ่งใช้ สรรพคุณ ข้อความกล่าวอ้าง แบบเฉพาะเจาะจง (specific indications)
หมายถึง

๒.๑ การส่งเสริมการทางานร่างกายให้ดีข้ึน (health enhancement) โดยระบุ
ความสมั พันธ์กับช่ือสภาวะ อาการ หรอื ชอ่ื โรค

๒.๒ การลดความเสีย่ งหรอื ความถ่ขี องชื่อสภาวะ อาการ หรอื ชอื่ โรค
๒.๓ การกลา่ วอ้างทางสขุ ภาพของการเสริมสรา้ งสารอาหารทีเ่ ก่ียวข้องกับประโยชน์
ทางการรกั ษาแบบเฉพาะเจาะจงกบั ชอื่ โรค
๒.๔ การบาบัด บรรเทา รักษา และป้องกันอาการที่เกี่ยวข้องกับชื่อสภาวะ อาการ
หรอื ชื่อโรค (สานักงานคณะกรรมการอาหารและยา กองผลติ ภณั ฑ์สมนุ ไพร, ม.ป.ป.)

ภาพท่ี ๑๐๙ ข้นั ตอนเบือ้ งตน้ สาหรบั การยนื่ คาขอขึน้ ทะเบียนผลติ ภณั ฑส์ มุนไพร

(ท่มี า : https://www.fda.moph.go.th/Herbal/SitePages/index.html)
สมุนไพรในประเทศไทยเป็นส่ิงท่ีอยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน นามาประยุกต์ใช้ท้ังใน

แพทย์แผนโบราณและแพทย์แผนปัจจุบัน ด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีท่ีทันสมัย
มากข้ึนการนาสมุนไพรท่ีพบในท้องถิ่นมาพัฒนาต่อยอด โดยการวิจัย พัฒนา ออกแบบ และวิศวกรรม
เพ่ือค้นคว้าสร้างสรรค์ และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรม จึงสนับสนุนให้เกิดสารสกัดและผลิตภัณฑ์
สขุ ภาพจากสมุนไพร ที่สามารถประยุกต์ใช้ในรปู แบบท่ีหลากหลายยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ผู้บริโภค
เกิดความมั่นใจ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจึงควรผ่านการรับรองจากสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา
(อย.) ก่อนนาไปผลิตหรือจาหน่าย ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองยังเพ่ิมขีดความสามารถในการแข่งขัน
และสร้างความน่าเช่ือถือท้ังในระดับประเทศและนานาชาติ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร
จึงจาเป็นต้องคานึงถึงกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ ตลอดจน
มาตรฐานท่ีเก่ียวข้อง เพื่อให้ผลงานวิจัยสามารถส่งต่อไปยังผู้ผลิต และได้รับการยอมรับจากผู้ใช้
อันเป็นการสร้างความเชื่อมนั่ ต่อสมนุ ไพรไทยอยา่ งต่อเน่ืองและยัง่ ยืน

๑๓๓
๒.๑๐ สทิ ธิบตั ร สิทธปิ ระโยชน์ การตลาด การประชาสัมพันธ์ การคุ้มครองผู้บรโิ ภค

๒.๑๐.๑ สิทธิบตั ร สทิ ธิประโยชน์ ข้อมูลการยน่ื ขอจดสทิ ธิบัตรและอนุสิทธบิ ัตรและข้อมูลการ
ใช้ประโยชนท์ รพั ย์สนิ ทางปญั ญาเกย่ี วกับผลติ ภัณฑ์สมุนไพร

๒.๑๐.๑.๑ ข้อมลู การขอสทิ ธบิ ัตรในระดบั โลก
๑) ภาพรวมสากล (Global Overview)
แผนภาพที่ ๗ ภาพรวมสากล (Global Overview)

จากการใช้โปรแกรมรวบรวมการขอจดสิทธิบัตรมีแนวโนม้ ในต่างประเทศภาพรวมทวั่ โลก
ในมุมอุตสาหกรรมสมุนไพร มีสิทธิบัตรประมาณ ๕๗,๕๖๓ คาขอ ส่วนอนุสิทธิบัตรประมาณ ๔,๓๓๙ คา
ขอ มคี าขอเก่ยี วกบั การออกแบบ Designs ประมาณ ๘๓๔ คาขอ

๒) ๒๕ ประเทศหลกั ในการขอจดสิทธิบตั รสมุนไพร
แผนภาพท่ี ๘ ๒๕ ประเทศหลักในการขอจดสทิ ธิบตั รสมนุ ไพร

๑๓๔
โดยประเทศจีนเป็นประเทศหลักในการขอจดสิทธิบตั รสมุนไพร รองลงมาประเทศเกาหลี
และสหรฐั อเมริกา ตามลาดับส่วนประเทศไทยอย่ใู นลาดับที่ ๑๘ ถือวา่ อย่ใู น Top 25
๓) ๕ อันดับของนวตั กรรมเกยี่ วกบั สมนุ ไพรท่ีขอและรบั จดทะเบยี น
แผนภาพที่ ๑๐ อันดับของนวัตกรรมเกี่ยวกบั สมุนไพรทขี่ อและรบั จดทะเบยี น

นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรจะชัดเจนว่าอันดับแรก คือ เคมีและสูตรทางการแพทย์
หรือยาต่าง ๆ อันดับ ๒ เป็นเครื่องจักรกล mechanical engineering และอันดับ ๓ คือ เครื่องมือ
จะเห็นได้ว่านักวิจัยคิดค้นนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรส่วนใหญ่จะถูกเอาไปใช้ในการเป็น
สารประกอบ

๔) การขอและการรับจดทะเบียน
แผนภาพท่ี ๑๑ การขอและการรบั จดทะเบยี น

๑๓๕
จะเห็นว่าให้ความสาคัญกับเร่ืองสมุนไพรมากข้ึนในช่วงปี ๒๐๑๐ กว่า ๆ ในส่วนของคา
ขอเพ่ิมมากข้ึนแตก่ ารรับจดทะเบียนสทิ ธิบัตรไม่ไดเ้ พม่ิ ข้ึน สะท้อนให้เห็นว่าการคิดนวัตกรรมความใหม่
เร่มิ จะน้อยลง
๕) การขอจดสทิ ธบิ ัตรเกย่ี วกบั สูตรสมุนไพรซ่ึงทว่ั โลกให้ความสนใจ

แผนภาพท่ี ๑๒ การขอจดสทิ ธบิ ัตรเกยี่ วกับสตู รสมุนไพร

ส่วนใหญ่เป็นการขอจดสิทธิบัตรเกี่ยวกับสูตรสมุนไพรซ่ึงท่ัวโลกให้ความสนใจเรื่อง
สมุนไพรมากข้ึนในช่วง ปี ค.ศ. ๒๐๐๖ จนถึงปัจจุบนั ในขณะเดียวกันการรบั จดทะเบียนสิทธบิ ัตรไม่ได้
เพ่มิ ขน้ึ แตใ่ นส่วนของคาขอกลบั เพ่ิมขึ้นอยา่ งมีนยั สาคญั อยา่ งไรกต็ ามคาขอจดสทิ ธิบัตรทผ่ี า่ นและได้รับ
ความคมุ้ ครอง ๓๓.๗% และคาขอท่ีไม่ผา่ น ๖๖.๓%

๒.๑๐.๑.๒ ข้อมลู การขอจดสทิ ธิบตั รในประเทศไทย
๑) ภาพรวมในไทย
แผนภาพท่ี ๑๓ ภาพรวมในไทย (Thailand Overview)

๑๓๖

ในส่วนภาพรวมการขอจดสิทธิบัตรของประเทศไทยจากท้ังหมด ๑,๐๒๒ คาขอ
โดยส่วนใหญ่จะขอจดอนุสทิ ธิบัตร ๖๕๗ คาขอ สิทธิบตั ร ๓๕๔ คาขอ และสิทธิบตั รออกแบบผลิตภัณฑ์
๑๑ คาขอ

๒.๑๐.๒ การตลาด การประชาสัมพนั ธ์
สมุนไพรมีความสาคัญทั้งทางด้านสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจ แต่ด้วยยุคดิจิทัลท่ีมีการ

ตดิ ต่อสือ่ สารอย่างไร้พรมแดนด้วยเทคโนโลยีท่กี ้าวกระโดดสง่ ผลให้การบริโภคสมุนไพรไม่ว่าจะเปน็ เพ่ือ
บริโภคเองในครัวเรอื นหรือเพื่อทาการค้าเชงิ พาณิชย์ อาจเกิดการคลาดเคล่ือนของการรับร้ขู อ้ มลู ในการ
บริโภค ดังน้ัน การสร้างการรับรู้ การตลาด การประชาสัมพันธ์จาเป็นต้องสามารถเข้าถึงผู้บริโภค
ได้ชัดเจน มีความถูกต้อง ส่งเสริมให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีความเชื่อมั่น และใช้สมุนไพรไทย
อย่างถกู ตอ้ ง และเหมาะสม

ด้านการตลาด
ปัจจุบันความต้องการสมุนไพรในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเน่ือง จากกระแสความใส่ใจ
ในการดูแลรักษาสุขภาพ การป้องกันโรคด้วยวิถีการรักษาทางธรรมชาติด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ
ของผู้บริโภคนานาประเทศ สาหรับประเทศไทย พืชสมุนไพรที่เป็นท่ีรู้จักด้านสรรพคุณและนามาใช้
ประโยชน์ได้มีมากกว่า ๑,๘๐๐ ชนิด โดยมีประมาณ ๓๐๐ ชนิด ท่ีจัดจาหน่ายในตลาดหมุนเวียน
อีกทั้งยังถือเป็นวัตถุดิบที่สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย อาทิ ยาจากสมุนไพร ผลิตภัณฑ์
เสรมิ อาหาร เครอ่ื งปรุงอาหาร เครือ่ งสาอางและสปา และอาหารสตั ว์
แผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ต้องการมุ่ง
เป้าหมายให้ประเทศไทยเปน็ ประเทศที่สง่ ออกวตั ถดุ บิ สมุนไพรคณุ ภาพและผลิตภัณฑส์ มนุ ไพรชน้ั นาของ
ภูมิภาค ASEAN ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ และการสร้างมูลค่าของวัตถุดิบสมุนไพรและผลิตภัณฑ์ของ
สมุนไพรภายในประเทศ อันจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสมุนไพรไทยในตลาดท้ังในและ
ตา่ งประเทศ
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ในฐานะหน่วยงานซ่ึงรับผิดชอบด้านการส่งเสริมการขยาย
ตลาดในต่างประเทศ สาหรบั ผลติ ภัณฑ์สมนุ ไพรไทย ได้เล็งเห็นถงึ โอกาสทางการคา้ และการลงทนุ จึงได้
จัดทา “คู่มือการตลาดสมุนไพรในต่างประเทศ” โดยรวบรวมข้อมูลและข้อคิดเห็นจากสานักส่งเสริม
การค้าในต่างประเทศทวั่ โลก เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้ศึกษาสรา้ งความเขา้ ใจในสถานการณ์ปัจจุบัน
ของตลาดสมนุ ไพรและผลิตภณั ฑส์ มนุ ไพรในประเทศต่างๆ ทวั่ โลก ชอ่ งทางจาหน่ายและแนวโนม้ ตลาด

๑๓๗
ภาพที่ ๑๑๐ คู่มือการตลาดสมนุ ไพรในตา่ งประเทศ

(ท่ีมา : https://nph.dtam.moph.go.th/index.php/news-nph/download-document-
nph/118-2017-09-17-08-33-21)

ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ดาเนินการสนับสนุนโครงการและ
กิจกรรมท่ีก่อให้เกิดองค์ความรู้ การวิจัยพัฒนา รวมท้ังแนวทางการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรไทย
ในวงกว้างอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรบั และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แห่งผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสมุนไพร
ไทย การดาเนินงานดังกล่าวสอดคล้องกับแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับท่ี ๑
พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๖๔ โดยหน่ึงในแผนงาน คือ “โครงการการศกึ ษาโอกาสทางการตลาดสารสกัดสมุนไพร
ไทยเป้าหมาย” ซ่ึงมีวัตถุประสงค์ เพื่ อศึกษาสถานภาพ และแนวโน้มการใช้สารสกัดหลัก
ในสมุนไพรเป้าหมาย ๔ ชนิด ได้แก่ บัวบก ขมิ้นชัน ไพล และกระชายดา ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
เช่น ๑) อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องด่ืม ๒) อุตสาหกรรมเสริมอาหาร ๓) อุตสาหกรรมยา
และ ๔) อุตสาหกรรมเครื่องสาอาง ข้อมูลสรุปจากการศึกษาฉบับนี้ จะเป็นส่วนสาคัญท่ีสนับสนุน
การเผยแพร่ข้อมูลทางการตลาดและศักยภาพของสารสกัดจากสมุนไพรที่สาคัญของประเทศสี่ชนิด
อย่างเป็นระบบเพื่อให้หน่วยงานที่เก่ียวข้องและผู้ประกอบการทางด้านสมุนไพรใช้ประโยชน์จากผล
การศึกษาโดยไม่เพียงทาให้ผู้อ่านได้รับความรู้เก่ียวกับโอกาสทางการตลาดของสารสกัดสมุนไพร
เป้าหมายเท่าน้นั แต่ยงั สามารถช่วยเสนอแนวทางในการสร้างสรรคก์ ารพัฒนาผลิตภณั ฑ์ และนวตั กรรม
จากสารสกัดสมุนไพรไทย ซึ่งนาไปสู่การประยุกต์ใช้ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ
อย่างมีทิศทางต่อไป (สานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ศูนย์นาโนเทคโนโลยี
แหง่ ชาติ, ๒๕๖๒)

๑๓๘

ภาพที่ ๑๑๑ โครงการศกึ ษาโอกาสทางการตลาดสารสกดั สมนุ ไพรไทยเปา้ หมาย

(ทีม่ า : http://waa.inter.nstda.or.th/stks/pub/2019/20190117-Final-herb.pdf)

การส่งเสรมิ ด้านการตลาดของกญั ชา โดย กองสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจ จัดประชุมเชงิ ปฏิบตั กิ ารกัญชา
ในอุตสาหกรรมสุขภาพและการจับคู่เจรจาธุรกิจส่วนของกัญชาที่ไม่ใช่ยาเสพติดระหว่างวสิ าหกิจชุมชนและ
โรงงานผู้ผลิตยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพร วันท่ี ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๘.๐๐ – ๑๖.๓๐ น.
ณ ศูนย์ส่งเสริมผู้ประกอบการสมุนไพร อาคาร ๓ ช้ัน ๓ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
โดยมีผูป้ ระกอบการเข้าร่วมกวา่ ๒๗ บริษัท ร่วมกับ ๕ วิสาหกิจชมุ ชนผู้ปลูกกญั ชาและกัญชง เกิดการเจรจา
ธุรกิจท้ังหมด ๒๕ คู่ค้า โดยมีความต้องการ ใบกัญชาสด ใบกัญชา ลาต้นและรากแห้ง และสารสกัด CBD
คิดเปน็ มูลคา่ กวา่ ๔๐ ล้านบาท (กระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก, ๒๕๖๔)

ด้านการประชาสัมพนั ธ์
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์สร้างความเช่ือม่ันผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย โดยการพัฒนาวิธี
ตรวจสอบเอกลักษณ์สารสาคัญในเคร่ืองสาอาง สามารถบ่งชี้สมุนไพรท่ีระบุว่า เป็นส่วนผสมอยู่ใน
เครื่องสาอางผสมสมุนไพรได้แล้ว ๒๖ ชนิด ได้แก่ กวาวเครือขาว ขมิ้นชัน ไพล บัวบก ตะไคร้หอม
ตะไครแ้ กง ชาเขียว หมอ่ น มะกรดู ว่านหางจระเข้ เมล็ดองนุ่ กระชายดา เทียนกง่ิ ชะเอมเทศ มะละกอ
แครอท ทานตะวัน กระเทียม แตงกวา อัญชัน มะคาดีควาย ฟักข้าว มะหาด มังคุด มะขาม และกาแฟ
เพ่ือเฝ้าระวังคุณภาพผลิตภณั ฑ์เครือ่ งสาอางผสมสมุนไพรที่วางขายในท้องตลาดได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
ยิ่งข้ึน โดยกระทรวงสาธารณสุขดาเนินงานด้าน Medical Hub ด้วยการจัดทาแผนยุทธศาสตร์การ
พัฒนาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (พ.ศ. ๒๕๕๗ – ๒๕๖๐) และร่วมกับ ๘ กระทรวง
และภาคเอกชน ได้ยกร่างแผนแม่บทแหง่ ชาติว่าด้วยการพัฒนาสมนุ ไพรไทยฉบับท่ี ๑ พ.ศ.๒๕๖๐ – ๒๕๖๔
มีเปา้ หมายเพ่อื กาหนดนโยบาย และมาตรการสง่ เสรมิ ให้เกิดการพัฒนาสมนุ ไพรไทยทเี่ ปน็ ระบบ มีความย่งั ยืน
มีการวิจัยพัฒนาให้เป็นที่ยอมรับ รวมทั้งผลักดัน ให้พืชสมุนไพรของไทยเป็น ๑ ในพืชเศรษฐกิจตัวใหม่

๑๓๙
ที่ขับเคล่ือนโมเดลไทยแลนด์ ๔.๐ และนโยบายประชารัฐของรัฐบาลสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลิตภัณฑ์
จากสมนุ ไพรไทย และโอกาสขยายช่องทางธุรกจิ สมุนไพร ไปยงั ประเทศสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น

นอกจากการตรวจวิเคราะห์เพื่อเฝ้าระวังการปนเปื้อนของสารห้ามใช้โลหะหนัก และ
เชื้อจุลินทรีย์ในเครื่องสาอางแล้ว กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ทาการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
เคร่ืองสาอางผสมสมุนไพร เพื่อหาสารสาคัญบ่งชี้สมุนไพรท่ีระบุว่า เป็นส่วนผสมของเครื่องสาอาง
สมุนไพรไปแล้วจานวน ๔๓๕ ตัวอย่าง พบว่ายังมีเคร่ืองสาอางผสมสมุนไพร ท่ีตรวจไม่พบสาระสาคัญ
บ่งชี้สมุนไพรตามท่ีระบุไว้ ดงั นั้น กรมวทิ ยาศาสตร์การแพทย์จะได้นาองค์ความรู้ ไปช่วยผูป้ ระกอบการ
ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยพัฒนากระบวนการผลิต รวมถึงการดูแลรักษาวัตถุดิบ เพื่อช่วยกันผลักดัน
ผลติ ภัณฑส์ มุนไพรไทยให้มคี ณุ ภาพต่อไป (กระทรวงสาธารณสขุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, ๒๕๖๐)

ภาพที่ ๑๑๒ กระบวนการตรวจวเิ คราะห์การผลติ

(ทมี่ า : https://www3.dmsc.moph.go.th/post-view/204)
ตามที่เกิดสถานการณ์การระบาดของเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ระลอกใหม่มี
ความรุนแรงและกระจายหลายพ้ืนที่ ทาให้มีผู้ติดเช้ือและมีผู้ท่ีมีความเส่ียงสูงที่ต้องกักตัวเพิ่มมากข้ึน
และด้วยนโยบายของรัฐบาลให้มีมาตรการในการรองรับผู้ป่วยที่อาจจะมีปริมาณมากโดยให้มีการดูแล
รักษาผู้ป่าย COVID-19 ในที่พักระหว่างรอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล (Home Isolation)
และการดูแลรักษาในโรงพยาบาลสนามสาหรับคนในชุมชน (Community Isolation) กรมการแพทย์
แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ตระหนักถึงความสาคัญในการให้ความรู้เพื่อดูแลรักษาสุขภาพของ
ประชาชนด้วยภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร เช่น การใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรสาหรับ
การรักษาผู้ป่วย COVID-19 ที่มีอาการรุนแรงน้อย และการใช้ตารับยาไทยอีกหลายตารับที่มีข้อบ่งใช้

๑๔๐

และสรรพคุณ ในการดูแลรักษาและส่งเสริมสุขภาพของประชาชนตามอาการ เช่น ยาห้าราก
ยาจันทน์ลีลา ยาประสะจันทน์แดง และยาหอมนวโกฐ ที่ได้มีการนามาใช้ดูแลสาหรับผู้ป่วยตามอาการ
ของการเกิดโรค ซ่ึงเป็นยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ จึงได้จัดทาคู่มือการใช้ยาแผนไทย
ในสถานการณ์โรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ขึ้น เพื่อเป็นแนวทางให้ประชาชน
สามารถนาไปใช้ในการดูแลรักษาสุขภาพของตนเองและชุมชนได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย (กระทรวง
สาธารณสขุ กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก, ๒๕๖๔)

นอกจากน้ีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ยังได้จัดทาระบบคลังความรู้ภูมิ
ปัญญาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกในรูปแบบห้องสมุดดิจิทัล (TTDKL) ในชื่อ
“คลังความรู้ DTAM” เพ่ือให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว เช่น การสืบค้น
ขอ้ มูลสมนุ ไพร พจนานุกรมศพั ท์แพทย์และเภสัชกรรมแผนไทย ตาราการแพทย์แผนไทย งานวจิ ัย และ
ข้อมูลด้านกฎหมาย ฯลฯ เป็นการส่งเสริมการใช้ประโยชน์คลังความรู้ในการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิ
ปัญญาฯ สนับสนุนการขึ้นทะเบียนยาสมุนไพร ระบบบริการสุขภาพ การต่อยอดงานวิจั ยอย่าง
กว้างขวางในทุกระดับ การดูแลสุขภาพ และการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนของประเทศ (กระทรวง
สาธารณสุข กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก, ๒๕๕๘)

แผนภาพที่ ๑๔ กระบวนการพัฒนาระบบสารสนเทศ

๑๔๑
แผนภาพท่ี ๑๕ การพฒั นาระบบคุณภาพวารสารการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก

(ทม่ี า : http://ttdkl.dtam.moph.go.th/frmc_about_it.aspx)
สาหรับการใช้ยาสมุนไพรในการรักษาภายในโรงพยาบาลนั้นกรมการแพทย์แผนไทยและ
การแพทย์ทางเลือก ได้มีการจัดทา “ฐานข้อมูลการใช้สมุนไพรในโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวง
สาธารณสุข” ภายใต้ช่ือ “HDC TTM Service” เป็นระบบการจัดการสารสนเทศ (MIS) ข้อมูล
การบริการด้านแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก ทไี่ ด้พัฒนาต่อยอดโดยรับการประมวลผลขอ้ มูล
๔๓ แฟ้มมาตรฐานจาก HDC (Health Data Center) ทุกวัน ซงึ่ เปน็ เครื่องมอื ท่ีนาขอ้ มูลมาจัดหมวดหมู่
ทสี่ ะดวกในการค้นหา และสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในการวิเคราะห์เพื่อประกอบการตดั สนิ ใจได้อย่าง
รวดเร็วทันสถานการณ์ HDC TTM Service พัฒนาให้ใช้งานได้ทั้งจากเว็บเบราว์เซอร์ ผ่านทาง
คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โน๊ตบุ๊ค อุปกรณ์เคล่ือนท่ีต่างๆ เช่น Tablet iPhone iPad ได้ (กระทรวง
สาธารณสขุ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, ๒๕๕๘)
ตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพร ฉบับท่ี ๑ พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๖๔ กาหนด
ยุทธศาสตร์ส่งเสริมสมุนไพรไทยเพื่อการรักษาโรคและการสร้างเสริมสุขภาพ ครอบคลุมการพัฒนา
ระบบบริการการแพทยแ์ ผนไทย การวจิ ยั ตารับยาสมุนไพรและสมุนไพรในอาหาร การพฒั นาบุคลากรที่
เก่ียวข้องกับการแพทย์แผนไทย การเข้าถึงตารับยาสมุนไพรในสถานบรกิ ารสาธารณสุข การส่งเสรมิ ภูมิ
ปัญญาการแพทย์พ้ืนบ้าน และส่งเสริมการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง กรมการแพทย์แผนไทยและ
การแพทย์ทางเลือก ร่วมมือกับสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
และผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร จัดทา “นามานุกรมผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย (Thai Herbal Products
Directory : Thai-D) ฉบับท่ี ๑ ปีพุทธศักราช ๒๕๖๐” เพ่ือเป็นแหล่งอ้างอิงผลิตภัณฑ์สมุนไพร

๑๔๒
ท่ีมมี าตรฐานของประเทศ นามานุกรมฉบบั นี้ ไดร้ วบรวมขอ้ มลู ผลติ ภัณฑส์ มุนไพร ได้แก่ ยาแผนโบราณ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสมุนไพร และสารสกัดจากสมุนไพร โดยเน้ือหาประกอบด้วย ชื่อการค้า
ส่วนประกอบสาคัญ วิธีใช้ รูปแบบ ความแรง ขนาดบรรจุ สรรพคุณ ประโยชน์ ข้อห้าม ข้อควรระวัง
รวมถึงขอ้ มูลของบรษิ ัทหรอื โรงงานทผ่ี ลติ ที่สามารถติดตอ่ ได้ ซึ่งเปน็ ข้อมูลผลิตภัณฑส์ มุนไพรท่มี ีการใช้
อยู่จริงในประเทศไทย ข้อมูลผลิตภัณฑ์สมุนไพรในเอกสารฉบับนี้ได้รับการรับรองจากบริษัทผู้ผลิตว่ามี
ความถูกต้อง ตรงตามที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนกับสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา
(กระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก, ๒๕๖๐)

ภาพท่ี ๑๑๓ นามานกุ รมผลิตภัณฑส์ มุนไพรไทย

(ที่มา : https://nph.dtam.moph.go.th/index.php/news-nph/download-document-
nph/116-thai-d)

บทท่ี ๓

วธิ ีการพิจารณาศกึ ษา

รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรไทย ด้วยการวิจัย
และนวัตกรรม เป็นการศึกษาข้อมูลด้านสมุนไพรไทยเพื่อรวบรวม วิเคราะห์ สังเคราะห์หาแนวทาง
ในการพัฒนาพืชสมุนไพรไทยให้มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย สร้างความน่าเช่ือถือในการใช้
งานท้ังด้านการส่งเสรมิ สขุ ภาพและการบาบัดรักษาโรคต่าง ๆ ส่งเสริมภาพลักษณ์ของสมุนไพรให้เป็นที่
รจู้ ักทั้งในและตา่ งประเทศโดยทาการรวบรวมขอ้ มูลในทกุ ด้านตั้งแต่ตน้ ทาง กลางทาง จนถงึ ปลายทาง
เพื่อค้นหาปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาพืชสมุนไพร กระบวนการผลิต ผลกระทบด้านคุณภาพ
มาตรฐานของพชื สมุนไพรการใชส้ มุนไพรเพือ่ การรักษาทางการแพทย์ และกฎหมาย ระเบยี บ ข้อบงั คบั
ในการอนุญาตพืชสมุนไพรการนาเข้าส่งออกพืชสมุนไพรเชิงพาณิชย์ อันสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย แผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปประเทศ
ด้านสาธารณสุขปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาสมุนไพร นโยบายของทั้งภาครัฐและเอกชนท่ีมีส่วน
เกี่ยวข้องในการพัฒนาพืชสมุนไพร ซึ่งการศึกษาในครั้งน้ีจะก่อประโยชน์ต่อเกษตรกรคือเกิดการส่งเสริม
ให้เกษตรกรเข้าใจและตระหนกั ถงึ ประโยชน์ในการปลูกพืชสมุนไพรที่มีคุณภาพ สาหรับนักวิจัยจะเกิด
ประโยชน์ด้านการสนับสนุนการวิจัยท่ีมากขึ้นจากท้ังหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยผู้ประกอบการ
จะได้รับประโยชน์คือมีวัตถุดิบท่ีมีมาตรฐานและมีงานวิจัยที่ดีด้านสมุนไพรมาต่อยอ ดผลิต
เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรในระดับอุตสาหกรรมสามารถผลิตขายในประเทศและส่งออกได้อย่างมีมาตรฐาน
สาหรบั องค์กรของภาครฐั และเอกชน และการนาไปใช้ประโยชน์ ไปประยุกตใ์ ช้ในการกาหนดนโยบาย
การพัฒนาสมนุ ไพรของประเทศ ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ ข้อบงั คับในการอนุญาตพชื สมุนไพร
การนาเขา้ สง่ ออกพืชสมุนไพรเชงิ พาณิชย์ ซ่งึ แนวทางในการวิจัยและนวัตกรรมและพัฒนาพืชสมุนไพร
อย่างครบวงจร สามารถพลิกโฉมการผลิตพืชสมุนไพรไทยได้ต่อไป ซึ่งการศึกษาในครั้งน้ีได้กาหนด
แนวทางในการศึกษาไว้ ดังน้ี

๑. จัดตั้งอนุกรรมาธิการ คณะทางานและบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาทาการรวบรวม วิเคราะห์
และสังเคราะห์ข้อมูลในการจัดทาแนวทางพลิกโฉมการผลิตพืชสมุนไพร วิจัยและนวัตกรรม และการ
นาไปใชป้ ระโยชน์

๒. รูปแบบการศึกษาเป็นการศึกษาโดยใช้กระบวนการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative
Research) ศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลจากเอกสาร การอภิปรายกลุ่มย่อย (Small Group
Discussion) การสัมภาษณ์แบบเจาะลึก (In-depth Interview) และการศึกษาดูงาน เป็นเครื่องมือ
ที่ใช้ในการศึกษา

๓. ศึกษาดูงานยงั สถานท่ีท่ีมกี ารวิจัยและพฒั นาพืชสมุนไพร และสถานทท่ี ี่ประสบความสาเร็จ
ในการวิจัยพฒั นาสมุนไพร เพอื่ ศึกษาตัวอยา่ งแนวทางการพฒั นาพืชสมนุ ไพรและนามาใช้เป็นต้นแบบ
ในการออกแบบนโยบายการพัฒนาพืชสมุนไพรของประเทศ โดยลงพื้นท่ีศึกษาดูงาน ณ แปลงเกษตรกรรม
ท่ีมีการเพาะปลูกและพัฒนาสายพันธุ์ของสมุนไพร หน่วยงานวิจัยของท้ังภาครัฐและเอกชน โรงงานผลิต
ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร มหาวิทยาลัยท่ีมีการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาพืชสมุนไพร โรงพยาบาล
ทส่ี ่งเสรมิ การใชพ้ ชื สมุนไพร

๑๔๔

๔. สมั ภาษณอ์ อนไลน์โดยเชญิ ผูแ้ ทนกลมุ่ ชุมชน เกษตรกร วสิ าหกิจชมุ ชน/ OTOP โรงพยาบาล
มหาวิทยาลัย ภาคเอกชนมาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงและประกอบการพิจารณาเพ่ือรับทราบประเด็น
ปญั หา อปุ สรรค และข้อเสนอแนะเก่ียวกับการจะพลิกโฉมพชื สมนุ ไพร จานวน ๖๕ ราย

๕. คณะกรรมาธิการวิสามัญเป็นผู้วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลให้ได้มาซ่ึงแนวทางในการพลิกโฉม
พืชสมุนไพรและจัดทารายงานการพจิ ารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรไทยด้วยการวิจัย
และนวัตกรรม ตามวตั ถุประสงค์ของการศกึ ษา

๓.๑ กรรมาธิการและบุคคลที่เกย่ี วข้อง

๓.๑.๑ คณะกรรมาธกิ ารวิสามัญศกึ ษาแนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรไทยด้วยการวจิ ัย

และนวตั กรรม วุฒิสภา ได้มีมตเิ ลอื กตาแหนง่ ตา่ ง ๆ ดังนี้

๑. พลอากาศเอก ประจิน จ่นั ตอง เปน็ ประธานคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั

๒. พลเอก ดนัย มีชูเวท เปน็ รองประธานคณะกรรมาธิการสามญั

คนท่หี นง่ึ

๓. รองศาสตราจารย์ พลเอก ไตรโรจน์ ครุธเวโช เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการสามัญ

คนที่สอง

๔. นางสวุ รรณี สริ เิ วชชะพนั ธ์ เป็นรองประธานคณะกรรมาธกิ ารสามญั

คนทส่ี าม

๕. นายวิวรรธน์ แสงสุรยิ ะฉตั ร เปน็ เลขานกุ ารคณะกรรมาธกิ ารสามญั

๖. นายดเิ รกฤทธิ์ เจนครองธรรม เปน็ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามญั

๗. ศาสตราจารยเ์ กียรติคณุ ไกรสิทธ์ิ ตนั ติศิรินทร์ กรรมาธิการวิสามญั

๘. นายขจร เราประเสริฐ กรรมาธิการวิสามญั

๙. นายขวัญชยั วศิ ิษฐานนท์ กรรมาธิการวสิ ามัญ

๑๐. นายณรงค์ รตั นานุกูล กรรมาธกิ ารวสิ ามัญ

๑๑. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ธนกร ราชพิลา กรรมาธิการวสิ ามัญ

๑๒. นางเบญจรตั น์ จรยิ ธาราสิทธ์ิ กรรมาธิการวิสามญั

๑๓. นางสาวผกากรอง ขวญั ขา้ ว กรรมาธิการวิสามญั

๑๔. ผูช้ ว่ ยศาสตราจารยร์ ะวิวรรณ์ เจรญิ ทรัพย์ กรรมาธกิ ารวสิ ามญั

๑๕. นางสาววรสดุ า ยงู ทอง กรรมาธกิ ารวิสามัญ

๑๖. ศาสตราจารยพ์ ิเศษวันชยั ศิรชิ นะ กรรมาธกิ ารวสิ ามญั

๑๗. นางสาววิภารัตน์ ดีออ่ ง กรรมาธกิ ารวสิ ามัญ

๑๘. นางศิรินา ปวโรฬารวิทยา กรรมาธิการวิสามัญ

๑๙. พลตารวจโท สมหมาย กองวิสัยสขุ กรรมาธิการวสิ ามัญ

๒๐. ศาสตราจารย์เกียรติคุณสยมพร ศริ ินาวิน กรรมาธกิ ารวสิ ามญั

๒๑. นายสวสั ดิ์ สมัครพงศ์ กรรมาธกิ ารวิสามัญ

๑๔๕

๒๒. นายสุรเดช จิรฐั ติ ิเจริญ กรรมาธิการวสิ ามัญ

๒๓. นายอาพล จนิ ดาวัฒนะ กรรมาธิการวิสามัญ

๒๔. นายอุดม วรญั ญรู ัฐ กรรมาธกิ ารวสิ ามญั

๒๕. พลตรี โอสถ ภาวไิ ล กรรมาธิการวสิ ามัญ

๓.๑.๒ คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั ได้มีมตติ ้ังทีป่ รกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ ดงั นี้

คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรด้วยการวิจัย

และนวัตกรรม วุฒิสภา ได้มีคาสั่งแต่งต้ังที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ตามคาส่ังที่ ๑/๒๕๖๔ วันท่ี ๑๖

ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จานวน ๓ คน ดังน้ี

๑. รองศาสตราจารย์ ดร.ชยาพร วฒั นศริ ิ

๒. รองศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ธวัชชยั กมลธรรม

๓. แพทย์หญงิ โศรยา ธรรมรกั ษ์

คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรด้วยการวิจัย

และนวัตกรรม วุฒิสภา ได้มีคาสั่งแต่งตั้งท่ีปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ตามคาส่ังท่ี ๕/๒๕๖๔

วนั ที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จานวน ๓ คน ดงั น้ี

๑. ศาสตราจารยพ์ เิ ศษ ดร.กาญจนา เงารงั ษี

๒. รองศาสตราจารยน์ ายแพทย์สัตวแพทย์ปานเทพ รตั นากร

๓. พลเรือเอก ชาญชัย เจรญิ สวุ รรณ

คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรด้วยการวิจัย

และนวตั กรรม วุฒสิ ภา ไดม้ ีคาสง่ั แต่งตงั้ ท่ีปรกึ ษาคณะกรรมาธิการวสิ ามญั ตามคาสง่ั ท่ี ๖/๒๕๖๕ วันท่ี

๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ จานวน ๒ คน ดังน้ี

๑. พนั ตารวจตรี ยงยทุ ธ สาระสมบตั ิ

๒. นายศกั ดิช์ ยั ธนบุญชัย

คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรด้วยการวิจัย

และนวัตกรรม วุฒิสภา ได้มีคาสั่งแต่งตั้งท่ีปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ตามคาส่ังท่ี ๗/๒๕๖๕ วันที่ ๓

กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๖๕ จานวน ๑ คน ดงั น้ี

ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ เภสัชกรหญงิ ดร.สธุ รี า เตชคณุ วุฒิ

คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรด้วยการวิจัย

และนวัตกรรม วุฒิสภา ไดม้ ีคาสง่ั แต่งตั้งที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ตามคาส่ังที่ ๘/๒๕๖๕ วันที่

๒๔ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๖๕ จานวน ๑ คน ดังนี้

นายแพทยว์ ิฑรู ย์ ด่านวบิ ลู ย์

๑๔๖

๓.๑.๓ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีมติแต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการตามข้อบังคับการประชุม

วุฒสิ ภา พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๘๗ วรรคสี่ ดังนี้

๑. นางปยิ มาภรณ์ ทองปยุ ผู้บงั คับบญั ชากลุ่มงานบรกิ ารเอกสารอา้ งองิ

ในการประชุมกรรมาธิการ

สานักกรรมาธิการ ๒

๒. นางสาวมาณริกา จันทาโภ วทิ ยากรชานาญการพิเศษ

กลมุ่ งานบริการเอกสารอ้างอิง

ในการประชุมกรรมาธกิ าร

สานักกรรมาธิการ ๒

๓.๒ คณะอนกุ รรมาธกิ าร

คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการพลิกโฉมพืชสมุนไพรด้วยการวิจัยและนวัตกรรม

วุฒสิ ภา ไดต้ งั้ คณะอนุกรรมาธกิ าร จานวน ๒ คณะ ดังนี้
๓.๒.๑ คณะอนุกรรมาธิการด้านการผลิตพืชสมุนไพร วิจัยและนวัตกรรม และการนาไปใช้
ประโยชน์
ที่ประชุมมีมติคณะอนุกรรมาธิการด้านการผลิตพืชสมุนไพร วิจัยและนวัตกรรม
และการนาไปใช้ประโยชน์ (คาสั่งคณะกรรมาธิการ ที่ ๒/๒๕๖๔ วันท่ี ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔) โดยมี
องค์ประกอบ หนา้ ที่และอานาจ ดงั นี้
๓.๒.๑.๑ องคป์ ระกอบ
๑) พลเอก ดนยั มชี ูเวท ประธานคณะอนกุ รรมาธิการ
๒) ศาสตราจารย์เกียรติคุณไกรสิทธิ์ ตนั ตศิ ิรินทร์ ร องประธาน คณะ อนุ
กรรมาธิการ คนทีห่ นงึ่
๓) นายวิวรรธน์ แสงสรุ ิยะฉัตร ร องประธาน คณะ อนุ
กรรมาธกิ าร คนทห่ี นง่ึ
๔) นายชาญวิทย์ ผลชวี ิน อนกุ รรมาธิการ
๕) พลเอก ประสาท สขุ เกษตร อนกุ รรมาธิการ
๖) รองศาสตราจารย์โฆษิต ศรภี ูธร อนุกรรมาธกิ าร
๗) นางอรชร อิงคานุวฒั น์ อนุกรรมาธิการ
๘) นางสาวผกากรอง ขวัญขา้ ว อนุกรรมาธิการ
๙) ผูช้ ว่ ยศาสตราจารยร์ ะวิวรรณ์ เจรญิ ทรัพย์ อนุกรรมาธิการ

๑๐) ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ธนกร ราชพลิ า อนุกรรมาธกิ าร

๑๑) รองศาสตราจารย์นรศิ า คาแกน่ อนุกรรมาธกิ าร

๑๒) ผชู้ ่วยศาสตราจารย์วรวิทย์ วาณชิ ยส์ ุวรรณ อนกุ รรมาธกิ ารและเลขานกุ าร

๑๔๗

๓.๒.๑.๒ ทป่ี รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธิการ

๑) พลตารวจโท สมหมาย กองวสิ ยั สุข

๒) นายสวสั ด์ิ สมัครพงศ์

๓) นางศริ ินา ปวโรฬารวิทยา

๔) นางเบญจรัตน์ จริยธาราสิทธิ์

๕) นายสุรเดช จริ ัฐติ เิ จริญ

๖) นางสาวเสริมสุข สลักเพช็ ร์

๗) ศาสตราจารยเ์ กยี รติคุณสยมพร ศริ นิ าวิน

๘) รองศาสตราจารย์ ดร.เกศินี ประทุมสวุ รรณ

๓.๒.๑.๓ ผู้ชว่ ยเลขานุการประจาคณะอนกุ รรมาธิการ

๑) นางสาวมาณรกิ า จนั ทาโภ ผ้ชู ่วยเลขานุการ คนทหี่ น่งึ

๒) นางธนสิ ร ยอดอินทร์ ผ้ชู ว่ ยเลขานกุ าร คนที่สอง

๓) นางสาวศภุ ลักษณ์ แจ้งใจ ผ้ชู ว่ ยเลขานุการ คนท่สี าม

๔) นายขจรศักดิ์ จยั วัฒน์ ผ้ชู ว่ ยเลขานุการ คนทส่ี ่ี

๓.๒.๑.๔ หน้าที่และอานาจ
๑) พิจารณา รวบรวม ศึกษาวเิ คราะห์และเสนอแนะเกยี่ วกบั การผลติ พชื สมุนไพร

การวิจัยและนวัตกรรม ที่สามารถนามาใช้ในลักษณะของอาหาร อาหารเสริม ยา และเวชสาอาง
เพื่อให้เกดิ ประโยชนส์ งู สดุ ทงั้ ทางดา้ นสงั คมและเศรษฐกจิ

๒) เสนอแนะการผลติ พชื สมนุ ไพร การวจิ ัยและนวตั กรรม และการนาไปใช้
ประโยชน์เชื่อมโยงกระบวนการต้นทาง กลางทาง และปลายทาง โดยเน้นการนาวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรมมาช่วยในการพัฒนาและขับเคลื่อนกระบวนการผลิต และแปรรูป
ในทุกขัน้ ตอน เพ่ือให้ผลผลิตของพืชสมุนไพรในรูปแบบต่าง ๆ มีคุณภาพ มาตรฐาน และสรรพคุณที่ดี
เป็นทยี่ อมรับของแพทย์และผ้ใู ช้ประโยชน์ ท้งั ในประเทศและต่างประเทศ

๓) ประสานการดาเนินงานกับคณะอนุกรรมาธิการด้านกฎหมาย ระเบียบ
ประกาศ ขอ้ บังคบั มาตรฐานอาหารและยา สทิ ธิบัตร/สิทธปิ ระโยชน์ การค้มุ ครองผู้บริโภค การตลาด
และการประชาสมั พันธ์

๔) รายงานผลการดาเนินการต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณา
ดาเนนิ การในสว่ นทีเ่ ก่ียวข้องต่อไป

๕) ดาเนินงานอ่นื ใดตามทค่ี ณะกรรมาธิการวสิ ามญั มอบหมาย
๓.๒.๒ คณะอนุกรรมาธิการด้านกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ มาตรฐานอาหาร
และยา สิทธบิ ตั ร/สทิ ธิประโยชน์ การคมุ้ ครองผบู้ ริโภค การตลาดและการประชาสัมพันธ์

ท่ีประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ มาตรฐานอาหาร

และยา สิทธิบัตร/สิทธิประโยชน์ การคุ้มครองผู้บริโภค การตลาดและการประชาสัมพันธ์ (คาสั่งคณะกรรมาธิการ

ท่ี ๓/๒๕๖๔ วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔) โดยมอี งคป์ ระกอบ หนา้ ท่ีและอานาจ ดังน้ี

๑๔๘

๓.๒.๒.๑ องคป์ ระกอบ

อนกุ รรมาธกิ าร

๑) รองศาสตราจารย์ พลเอก ไตรโรจน์ ครุธเวโช ประธานคณะอนุกรรมาธิการ

๒) นางสุวรรณี สิรเิ วชชะพันธ์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ

คนท่หี น่งึ

๓) นายอุดม วรญั ญรู ัฐ รองประธานคณะอนุกรรมาธกิ าร

คนท่สี อง

๔) นายสมชาย เสียงหลาย อนุกรรมาธกิ าร

๕) นางสาวศิรพิ ร ไชยสูรยกานต์ อนกุ รรมาธกิ าร

๖) นายวราวธุ เสริมสินสิริ อนกุ รรมาธกิ าร

๗) นายภเชศ จารมุ นต์ อนุกรรมาธกิ าร

๘) ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยศ์ รีบษุ ย์ ศรีไชยจรูญพง อนกุ รรมาธิการ

๙) รองศาสตราจารย์พสิ ิฐ เขมาวุฆฒ์ อนุกรรมาธิการ

๑๐) ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์เบญญา มะโนชยั อนุกรรมาธกิ าร

๑๑) ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารยร์ จุ ิกาญจน์ ศริ ิวาลย์ อนกุ รรมาธกิ าร

๑๒) รองศาสตราจารยส์ ดุ สวาสด์ิ ดวงศรีไสย์ อนุกรรมาธิการ

และเลขานกุ าร

ผ้ชู ่วยเลขานกุ าร

๑) นายสพุ ฒั น์ โพธ์ิเงนิ ผู้ชว่ ยเลขานุการ คนทห่ี นง่ึ

๒) นางธนสิ ร ยอดอินทร์ ผ้ชู ่วยเลขานกุ าร คนทส่ี อง

๓) นางสาวดารณี อรุณวรากรณ์ ผู้ช่วยเลขานุการ คนท่ีสาม

๔) นางสาวจิณหจ์ ุฑา กนั ตะสุวรรณ ผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร คนท่ีสี่

ทป่ี รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร
๑) นายณรงค์ รตั นานุกูล
๒) นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม
๓) พลตรี โอสถ ภาวไิ ล
๔) นายอาพล จนิ ดาวฒั นะ
๕) ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ปลิ นั ธนา เลศิ สถติ ธนกร
๖) รองศาสตราจารยธ์ วชั ชัย กมลธรรม
๗) พลเอก ประสงค์ ลอ้ มทอง
๘) นายณสพน โพธวิ์ ิจิตร


Click to View FlipBook Version