๑๙๙
แผนภาพที่ ๒๒ กระบวนการพัฒนายาจากสมุนไพร และมาตรฐานทเี่ กยี่ วข้อง
หมายเหตุ: GAP = การปฏิบัติทางการเกษตรท่ีดี (Good Agricultural Practice), ISO 17034: = มาตรฐานที่กาหนดการ
รับรองหน่วยผลิตหรือจัดเตรียมวัสดุอ้างอิง General requirements for the competence of reference material
producers, ISO/IEC 17025 = มาตรฐานเกี่ยวกับข้อกาหนดว่าด้วยความสามารถของห้องปฏิบัติการทดสอบและ
ห้ อ ง ป ฏิ บั ติ ก า ร ส อ บ เ ที ย บ ( The International Organization for Standardization/ The International Electro-
technical Commission 17025), OECD = องค์การเพ่ือความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for
Economic Cooperation and Development), GCP = การปฏิบตั กิ ารวจิ ยั ทางคลินกิ ทด่ี ี (Good Clinical Practice, GCP),
GMP = กระบวนการผลติ ทด่ี ี (Good Manufacturing Practice)
๓) ข้อค้นพบการจัดทามาตรฐานห้องปฏิบัติการ และการทดสอบคุณภาพของพืชสมุนไพร
และผลติ ภัณฑส์ มนุ ไพร
วัตถุดิบและสารสกัดสมุนไพรถูกใช้เป็นสารตั้งต้นในผลิตภัณฑ์หลายประเภท ได้แก่ ยา อาหาร
อาหารเสริม และเคร่ืองสาอาง การควบคุมคุณภาพของวัตถุดบิ และสารสกัดสมุนไพรจึงเป็นการควบคุม
คุณภาพผลิตภัณฑ์ต้ังแต่ต้นทาง จากการสารวจของกรมวิทยาศาสตร์บริการเพื่อเก็บข้อมูลศักยภาพ
ห้องปฏิบัติการวิเคราะห์วัตถุดิบและสารสกัดสมุนไพร ของหน่วยงานและมหาวิทยาลัยในประเทศไทย
พบว่า มหาวิทยาลัยมีห้องปฏิบัติการด้านสมุนไพรอยู่เป็นจานวนมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นห้องปฏิบัติการ
สาหรับการศึกษาวิจัย และยังไม่ได้การรับรองตามมาตรฐานสากล (ISO/IEC 17025, OECD GLP, GCP)
อีกทั้งชนิดของสมุนไพรท่ีห้องปฏิบัติการแต่ละแห่งวิเคราะห์ทดสอบได้ ยังมีจานวนน้อยเม่ือเทียบกับชนิด
ข อ ง ส มุ น ไ พ ร ท่ี ใ ช้ กั น อ ยู่ ใ น ท้ อ ง ต ล า ด วิ ธี ท ด ส อ บ ส มุ น ไ พ ร ยั ง ไ ม่ เ ป็ น วิ ธี ม า ต ร ฐ า น
ที่ยอมรับร่วมกัน เน่ืองจากการวิเคราะห์สมุนไพรแต่ละชนิดจะต้องมีการพัฒนาวิธีวิเคราะห์
มีการตรวจสอบความใชไ้ ด้ของวิธวี ิเคราะห์ โดยอ้างอิงจากงานวิจัยท่ีผา่ นมา หรือเป็นวิธีมาตรฐานทีเ่ ป็น
ทยี่ อมรับในระดบั สากล
๒๐๐
การควบคุมตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) เร่ิมจากการกาหนดพ้ืนที่ปลูก การคัดเลือก
สายพนั ธุท์ มี่ คี ณุ ภาพดี ดาเนนิ การปลูกให้ได้ตามมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practice) การเกบ็ เกีย่ ว
การจัดการผลผลิตหลังการเก็บเก่ียวและนาเข้าสู่กระบวนการสกัดท่ีเหมาะสม เพื่อให้ได้สารสกัดท่ีมีคุณภาพ
แต่เน่ืองจากกระบวนการพัฒนาเพ่ือผลิตเป็นสารสกัดท่ีมีมาตรฐาน โดยเฉพาะอย่างย่ิงการผลิตผลิตภัณฑ์ยา
ยังมีส่ิงท่ีต้องคานึงถึงหลายด้าน โดยเฉพาะการขอมาตรฐานในแต่ละขั้นตอนของการผลิต
ท่ีค่อนข้างจะมีความซับซ้อนเชิงเทคนิค และเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ปัญหาที่พบ คือ
การขาดการเชื่อมต่อข้อมูลด้านมาตรฐาน/วิธีการทดสอบ/ห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น การพัฒนายา
จากวัตถุดิบและสารสกัดสมุนไพรเพ่ือให้สามารถจาหน่ายเชิงพาณิชย์ จึงจาเป็นต้องอาศัยการบูรณาการ
ระหวา่ งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทีเ่ ก่ยี วขอ้ งตลอดหว่ งโซ่คณุ ค่า
ในปัจจุบันมีงานวิจัยด้านการผลิตสารสกัดจากธรรมชาติค่อนข้างมาก แต่ส่วนใหญ่ไม่สามารถ
พัฒนาเป็นยาท่ีขึ้นทะเบียนได้ สิ่งสาคัญคือการขาดความเชื่อมโยงระหว่างการทางานของภาคการวิจัย
(สถาบันการศึกษา/มหาวิทยาลัย) และภาคการผลิต (ภาคเอกชน/ภาคอุตสาหกรรม) รวมถึงขาด
การศึกษาข้อกาหนด กฎเกณฑ์ ระเบียบต่าง ๆ ในการพัฒนายาจากสมุนไพรตั้งแต่ต้นทาง (การปลูก
พืชสมนุ ไพร) กลางทาง (การวิจยั พัฒนากระบวนการสกดั การทดสอบฤทธ์ิในห้องปฏบิ ัตกิ าร การผลติ ใน
ระดับโรงงานต้นแบบ) และปลายทาง (การวิจัยในห้องปฏิบัติการและสัตว์ทดลอง การวิจัยในมนุษย์
การข้ึนทะเบียนยา และการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ) ภาคการวิจัยมีงานวิจัยจานวนมาก
แต่ขาดการขยายผลจากระดับห้องปฏิบัติการ (Lab scale) ขึ้นเป็นระดับโรงงานต้นแบบ (Pilot scale)
จึงทาให้ไม่สามารถเชอ่ื มตอ่ กบั การผลิตในระดับอุตสาหกรรม (Industrial scale) ได้
สมุนไพรที่มีจาหนา่ ยในทอ้ งตลาดมีหลากหลายรูปแบบ เช่น วัตถุดิบ (สด/แห้ง) รูปแบบชิ้นส่วน
ของพืชหรือรูปแบบผง สารสกัด (ผง/เหลว) เป็นต้น ซ่ึงสามารถหาซื้อได้ตามวัตถุประสงค์
หรือการนาไปใช้ประโยชนข์ องผูบ้ รโิ ภค มีมาตรฐานทเ่ี กยี่ วข้องกับวัตถุดิบสมุนไพรเปน็ จานวนมาก ต้งั แต่
ตารามาตรฐานยาสมุนไพรไทย มาตรฐานสินค้าเกษตร (สมุนไพรสด/สมุนไพรแห้ง) มาตรฐาน
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมุนไพรแห้ง/สารสกัดสมุนไพร) มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (สมุนไพรแห้ง)
โดยส่วนใหญ่ยังไม่มีการระบุปริมาณสารสาคัญหรือสารออกฤทธิ์ ดังจะเห็นได้จากยาแคปซูลสมุนไพร
ท่ีกฎหมายยังไม่ได้บังคับให้มีการระบุปริมาณสารสาคัญไว้ข้างบรรจุภัณฑ์ ทาให้ผู้บริโภคเกิดการสับสน
ส่งผลให้ผลติ ภัณฑส์ มุนไพรขาดความน่าเชอื่ ถอื ต่อการรกั ษา
กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) เล็งเห็นถึงความสาคัญของการควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบ
และสารสกัดสมุนไพร ซ่ึงเป็นสิ่งสาคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมสมุนไพรในอนาคต โดยเฉพาะ
การวิเคราะห์หาปริมาณสารสาคัญ จึงได้มีการศึกษาโครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพของวัตถุดิบ
และสารสกดั สมุนไพร และได้รวบรวมความแตกตา่ งของแต่ละมาตรฐานไว้
๒๐๑
ตารางท่ี ๓ มาตรฐานท่ีควบคมุ คุณภาพวัตถุดบิ และสารสกัดสมนุ ไพรในปัจจุบนั
รายการ THP มกษ. มผช. มอก.
วตั ถุ สาร แคป วัตถดุ ิบ วตั ถุ วัตถุ วัตถุ สาร
ดบิ สกดั ซลู สด ดบิ ดิบ ดิบ สกดั
แห้ง แห้ง
๑. คุณลกั ษณะทีต่ ้องการ
- ลักษณะท่ัวไป สี กลน่ิ
- ปรมิ าณสารสาคัญ
- ส่ิงแปลกปลอม
- ความชืน้
(ผง) (ผง)
๑. สารปนเปื้อน
๒. สุขลกั ษณะ
- สขุ ลักษณะ
- จลุ นิ ทรยี ์
ตามมาตร
ฐานข้อกาหนดที่
เกี่ยวข้อง
- อลั ฟาทอกซนิ
- ปริมาณสารพษิ ตกค้าง
-หมายเหตุ: THP (Thai Herbal Pharmacopoeia) = ตารามาตรฐานยาสมุนไพรไทย โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
กระ-ทมรวกงษส.า=ธามราณตสรขุฐานสินคา้ เกษตร โดยสานักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแหง่ ชาติ
มผช. = มาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ชมุ ชน
มอก. = มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยสานักงานมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์อตุ สาหกรรม
จากความเข้มแข็งของประเทศไทยด้านความหลากหลายของสมุนไพร ทาให้มีหน่วยงานท่ีมี
งานวิจยั ด้านสมนุ ไพรที่มีศกั ยภาพในการพัฒนาสมนุ ไพรใหเ้ ป็นผลติ ภณั ฑต์ ่าง ๆ อยา่ งไรกต็ าม ยงั พบว่า
ห้องปฏิบัติการทดสอบแต่ละแห่งต่างมีวิธีการทดสอบของตัวเอง (In house method) และยังขาดการ
เชื่อมโยงข้อมูลในภาพรวม อีกท้ังการวิเคราะห์ปริมาณสารสาคัญในสมุนไพรยังมีความคลาดเคล่ือน
ได้ง่ายเน่ืองจากเป็นสารธรรมชาติ ดังนั้น ความท้าทายของประเทศคือ การจัดการระบบโครงสร้าง
พ้ืนฐานทางคุณภาพของประเทศที่มีอยู่ให้มีความเชื่อมโยงและรองรับการขับเคล่ือนเศรษฐกิจ
เพื่อเป็นการวางรากฐานการพัฒนาในระยะยาวอันจะนาไปส่กู ารพัฒนาและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ
จึงจาเป็นต้องมีทิศทางในการพัฒนาเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคเกษตร
โดยการส่งเสรมิ การปลูกพชื สมุนไพรให้เป็นพืชเศรษฐกิจตามความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมในแตล่ ะพื้นท่ี
๒๐๒
เช่น แหล่งรับซื้อสมุนไพรเพ่ือคัดเลือกสมุนไพรในเบ้ืองต้น มุ่งแปรรูปเพ่ือป้อนในตลาดอุตสาหกรรม
ผลิตภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์เครื่องสาอาง ส่งเสริมการทาการตลาดผ่านการสร้าง
ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์และสรรพคุณของสมุนไพรไทย โดยใช้โอกาสจากความต้องการ
ของผบู้ ริโภคในปจั จุบันที่หนั มาใสใ่ จสุขภาพ ทัง้ ตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ
๔) ขอ้ คน้ พบการวจิ ยั และนวัตกรรมเกย่ี วกบั พชื สมนุ ไพรและการวจิ ยั ในมนษุ ย์
ฟ้าทะลายโจรการรับมอื กับโรคอบุ ัติใหมด่ ว้ ยภูมปิ ญั ญาการแพทยด์ งั้ เดิมในตา่ งประเทศ:
กรณศี กึ ษาโควดิ -๑๙
ในประเทศไทยยังมีการพัฒนาด้านองค์ความรู้ทางวิชาการเพื่อสนับสนุนการใช้ยาสมุนไพร
เพ่ือรักษาโควิด-๑๙ น้อยมากและจากการค้นหาข้อมูลพบว่ามีงานวิจัย จานวน ๔ ฉบับ แบ่งได้เป็น
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในฐานข้อมูลของประเทศไทย จานวน ๒ ฉบับ และอีก ๒ ฉบับ ตีพิมพ์ในวารสาร
ต่างประเทศ โดยสมุนไพรที่มีการวิจยั คือ ฟา้ ทะลายโจรและกระชาย ในส่วนของฟา้ ทะลายโจรนน้ั นบั ว่า
เปน็ ท่ีจับตามองของต่างประเทศ มีการศกึ ษาพบว่าสารสกดั ฟา้ ทะลายโจรช่วยยับย้ังการแบ่งตวั ของไวรัส
SAR-CoV-2 ในหลอดทดลอง และมีรายงานเบื้องต้นของการนาฟ้าทะลายโจรเพ่ือใช้บรรเทาอาการใน
ผู้ป่วยโควิด-๑๙ ซึ่งเป็นการศึกษา randomized control trial ในจานวนผู้ป่วย ๕๗ ราย และการศึกษา
ย้อนหลังพบว่าผู้ป่วยที่ได้รับฟ้าทะลายโจรมีการเกิดปอดอักเสบน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ รับฟ้าทะลายโจร
อยา่ งมีนัยสาคญั ซง่ึ ปัจจบุ ันงานวจิ ยั ดังกลา่ วอยู่ระหว่างการตีพิมพ์
ปัจจุบันยาฟ้าทะลายโจรได้บรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร มีข้อบ่งใช้ในผู้ป่วยใช้กับ
ผ้ปู ว่ ยโรคโควิด ๑๙ ท่มี คี วามรนุ แรงน้อย เพอื่ ลดการเกดิ โรคท่รี นุ แรง และในแนวทางเวชปฏบิ ตั ิ การวินจิ ฉัย
ดแู ลรกั ษา และปอ้ งกนั การติดเชอื้ ในโรงพยาบาล กรณโี รคติดเชื้อไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)
แนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติด
เช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ฉบับปรับปรุง วันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ สาหรับแพทย์
และบุคลากรสาธารณสุข ท่ีระบุให้ พิจารณาใช้ฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยท่ีมีอาการน้อย ไม่มีปัจจัยเสี่ยง
ต่อการเกิดโควิด-๑๙ ท่ีรุนแรง และไม่มีข้อห้ามต่อการใช้ ฟ้าทะลายโจร ข้อมูลจากการศึกษาเบื้องต้น
พบว่าช่วยลดโอกาสการดาเนินโรคไปเป็นปอดอักเสบได้ ซ่ึงขณะนี้กาลังมีการศึกษาเพ่ิมเติมในส่วน
ของกระชาย ยังเป็นการศึกษาในระดับหอ้ งทดลอง พบว่า สารสกดั กระชายมีฤทธิ์ต้านไวรัส SAR-Co-V2
ในหลอดทดลอง ทง้ั นมี้ ีฤทธ์ิท่ีดกี วา่ สารสกดั ขิงและฟา้ ทะลายโจร ต่อมามกี ารนายาผงหยาบฟา้ ทะลายโจร
และสารสกัดกระชายไปใช้ในกลุ่มผู้ต้องขังที่ติดเช้ือโควิด-๑๙ ที่ไม่มีอาการ พบว่ามีประสิทธิผลในการ
กาจัดไวรสั SARS-CoV-2 ในร่างกายได้เร็วกวา่ ยาฟาวพิ ริ าเวยี ร์
ขอ้ สรุปจากการทบทวนวรรณกรรม
๑. การแพทย์ดั้งเดิม เปน็ ทุนที่สาคัญของระบบสุขภาพ ที่สามารถนาออกมาใช้ในยามวิกฤต และ
ยิ่งประเทศท่ีมีประสบการณ์ในการนาการแพทย์ดั้งเดิมมาใช้รักษาโรคระบาด จะเป็นข้อได้เปรียบ
ท่ีสาคญั ในการนามาใชใ้ นช่วงโควดิ -๑๙
๒๐๓
๒. การมีโครงสร้างพื้นฐาน และการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบจะเอื้อให้มีการนาการแพทย์
ด้ังเดิมมาใช้มากข้ึน เช่น ประเทศจีน มีโครงสร้างการบริหารที่ชัดเจน ในระยะแรกกระจาย
การให้บริการการแพทย์จีนไปยังพ้ืนท่ีเป้าหมาย พร้อมพัฒนาระบบการศึกษาวิจัย หรือประเทศเกาหลี
ทถี่ งึ แม้ไมส่ ามารถบูรณาการนาการแพทยเ์ กาหลเี ข้ามาบรกิ ารได้ แต่ใชเ้ ทคโนโลยี telemedicine มาใช้
ให้ผูป้ ่วยท่ีเขา้ บริการ หรือประเทศอินเดียท่ีมีกระทรวง AYUSH ท่ีดูแลการแพทยด์ ั้งเดิมแยกออกมาจาก
กระทรวงสาธารณสขุ ก็ได้ออกแนวทางการดแู ล ตัง้ แตก่ ารปอ้ งกัน จนถงึ การรักษาดว้ ยการแพทย์ดง้ั เดิม
๓. ถึงแม้จะมีการบริการการแพทย์ดั้งเดิมที่เข้มแข็ง แต่การวางนโยบายให้มีการศึกษาวิจัยท่ีได้
คณุ ภาพ ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ท่ีมีมาตรฐานก็จะช่วยส่งเสริมให้มีการนามาใช้อย่างกว้างขวาง
และสร้างใหเ้ กิดการยอมรับของระบบการแพทย์และประชาชน
อย่างไรก็ตาม มีความพยายามของภาครัฐ ในการศึกษาวิจัยยาจากสมุนไพรเพ่ือทาให้เกิดการ
ยอมรับ โดยการบรรจุยาผงฟ้าทะลายโจรและยาสารสกัดฟ้าทะลายโจรไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ให้ใช้กับ
ผู้ป่วยโรคโควิด-๑๙ ที่มีความรุนแรงน้อย เพื่อลดการเกิดโรคที่รุนแรง เมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔
โดยมีเง่ือนไขให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกจัดให้มีการประเมินประสิทธิผล
และความปลอดภัยอย่างเป็นระบบ เน่ืองจากในช่วงที่มีการบรรจุยาฟ้าทะลายโจรเข้าบัญชียาหลัก
แห่งชาติ ยังไมม่ ีข้อมูลประสิทธิผลและความปลอดภัยที่เพียงพอสาหรับโรคโควิด-๑๙ จากการที่มีข้อมูล
ทางวิชาการท่ีไม่เพียงพอ ส่งผลใหก้ ารใช้ยาฟ้าทะลายโจรถูกจากัดการใช้ โดยในช่วงแรกกรมการแพทย์
ได้กาหนดให้ยาฟ้าทะลายโจรอยู่ในแนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเช้ือ
ในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ฉบับปรับปรุง วันท่ี ๒๕ มิถุนายน
พ.ศ. ๒๕๖๔ สาหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข โดยระบุว่า “ให้แพทย์พิจารณาใช้ฟ้าทะลายโจร
ในผู้ป่วยท่ีมีอาการน้อย ไม่มีปัจจัยเส่ียงต่อการเกิดโควิด-๑๙ ที่รุนแรง และไม่มีข้อห้ามต่อการใช้
ฟา้ ทะลายโจร” ต่อมา มีแนวทางเวชปฏิบัติ ฯ ฉบับปรับปรุง ออกมาเม่ือวันท่ี ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔
เปลย่ี นแปลงแนวทางโดย “ให้พิจารณาให้ยาฟ้าทะลายโจรในกลมุ่ ทไี่ ม่มีอาการขนึ้ กับดุลยพินจิ ของแพทย์
และไม่ใหย้ าฟา้ ทะลายโจร และยาตา้ นไวรสั รว่ มกัน เพราะอาจมีผลข้างเคียงจากยา” ซึ่งในทางวชิ าการแล้ว
หากไม่มีอาการก็ไม่มีความจาเป็นท่ีต้องใช้ยา ทาให้ในทางปฏิบัติสถานพยาบาลไม่ได้ใช้ฟ้าทะลายโจร
ในผู้ป่วย
การใช้ฟ้าทะลายโจรเป็นไปอย่างกวา้ งขวางในเรือนจา เนื่องจากเกิดการระบาดอย่างรวดเร็วจน
ยากต่อการควบคุม เพราะเรือนจาต้องรับผู้ต้องขังใหม่ทุกวัน การพักอาศัยของผู้ต้องขังไม่สามารถเว้น
ระยะหา่ งท่ีปลอดภยั ได้ ทาใหใ้ นช่วงปลายเดอื นเมษายน ๒๕๖๔ พบคลัสเตอรผ์ ู้ติดเชอื้ ท่เี รือนจาเชยี งใหม่
ท่ีมีผู้ต้องขังราว ๖,๕๐๐ คน พบว่าติดเชื้อมากกว่าคร่ึงหนึ่ง ทาให้ผู้บริหารในขณะนั้นต้องหาวิธีที่รับมือ
กับการระบาด โดยไดจ้ ัดซ้อื ฟา้ ทะลายโจรด้วยใชง้ บประมาณของเรือนจามาให้ผ้ตู ้องขงั การใช้ฟา้ ทะลายโจร
กับผู้ต้องขังท่ีติดเช้ือโควิด-๑๙ ที่เชียงใหม่ และสามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของเช้ือได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
จึงกลายเปน็ แบบอยา่ งใหก้ บั เรอื นจาอ่นื ๆ นาไปใช้ตอ่ ไป
จากข้อมูลที่กรมราชทัณฑ์ได้มีหนังสือแจ้งรายงานข้อเท็จจริงมายังคณะกรรมาธิการวิสามัญ
ศกึ ษาแนวทางพลิกโฉมพืชสมนุ ไพรดว้ ยการวจิ ัยและนวตั กรรม สามารถสรปุ ผลเป็นตาราง ไดด้ งั น้ี
๒๐๔
ตารางท่ี ๔ การใช้ยาฟา้ ทะลายโจรเพ่ือการกั ษาโรคโควดิ -๑๙ ในเรอื นจา
เรอื นจา ผู้ตอ้ งขัง ผตู้ ดิ เชอื้ ใช้ฟ้า อาการแยล่ ง ใช้ฟาวพิ ริ า เสียชีวิต
ทงั้ หมด (คน) (รอ้ ยละ) ทะลายโจร (คน) เวยี ร์ (คน) (คน)
(คน) (คน) (รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ) (ร้อยละ) (รอ้ ยละ)
๖,๕๓๘
เชียงใหม่ ๖,๕๕๘ (รอ้ ยละ ๕,๐๔๕ ๐ ๑,๒๕๕ ๓
๙๖.๙๕) (ร้อยละ (ร้อยละ ๐) (ร้อยละ (ร้อยละ
นนทบรุ ี ๒,๗๘๕ ๗๙.๓๕) ๑๙.๗๕) ๐.๐๕)
๒,๔๘๙
บางขวาง ๕,๖๐๗ (รอ้ ยละ ๑,๗๔๘ ๑ ๖๙๒ ๑
๘๗.๖๗) (ร้อยละ (ร้อยละ (รอ้ ยละ (ร้อยละ
รวม ๑๔,๙๕๐ ๗๐.๒๓) ๐.๐๖) ๒๗.๘๐) ๐.๐๔)
๕,๔๘๐
(รอ้ ยละ ๕,๐๐๗ ๑๙ ๔,๒๗๐ ๓
๙๗.๗๓) (รอ้ ยละ (รอ้ ยละ (รอ้ ยละ (ร้อยละ
๙๑.๓๗) ๐.๓๕) ๗.๗๙) ๐.๐๕)
๑๔,๓๒๗
(รอ้ ยละ ๑๑,๘๐๐ ๒๐ ๖,๒๑๗ ๗
๙๕.๘๓) (ร้อยละ (รอ้ ยละ (ร้อยละ
๘๒.๓๖) ๐.๑๔) ๔๓.๓๙) (รอ้ ยละ
๐.๐๕)
ข้อมูลการรายงานของเรือนจาที่ส่งมายังคณะกรรมาธิการนั้นมีความใกล้เคียงกับรายงาน
ของศนู ยบ์ รหิ ารสถานการณ์แพรร่ ะบาดของโรคตดิ ต่อเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ท้งั น้พี บอตั ราการเสียชีวิต
ในเรือนจา ร้อยละ ๐.๑๙ ในขณะท่ีในภาพรวมของประเทศเป็น ร้อยละ ๐.๙๑ ซึ่งอาจแสดง
ให้เห็นว่า การใช้ยาฟ้าทะลายโจรและสมุนไพรอ่ืน ๆ มีส่วนช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจาก
การติดเชอื้ โควิด-๑๙
จากข้อมูลพบว่า แม้ว่าจะมีการใช้ยาฟ้าทะลายโจรอย่างแพร่หลาย แต่ไม่สามารถดาเนินการวิจัยให้มี
หลักฐานสนับสนุนการใช้ได้ทันการณ์ เพ่ือสร้างความน่าเช่ือถือให้กับบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงการผูกติด
ความคิดของบางกลุ่มกับการศึกษาวิจัยท่ีจาเป็นสาหรับยาสังเคราะห์ท่ีผลิตออกใหม่ ซึ่งจาเป็นต้องใช้การวิจัย
เชิงทดลองแบบมีกลุ่มเปรียบเทียบตลอดกระบวนการ ในขณะที่การวิจัยการใช้ยาสมุนไพรท่ีมีใช้มานานมาก
สามารถหาหลักฐานข้อมูลหลายส่วนจากการวิจัยโดยการรวบรวมข้อมูลที่มีอยู่แล้วมากมาย โดยวิธีการ
ที่เหมาะสมได้ จึงนับเป็นความเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขปัญหาในการผลิตข้อมูลหลักฐานเชิงวิชาการ
ด้านความปลอดภัยและผลจากการใช้สมุนไพรต่อสุขภาพ รวมถึงเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขและ
เศรษฐศาสตร์คลนิ กิ และการเปรียบเทยี บเพอ่ื การกาหนดนโยบาย (Decision analysis) ใหท้ นั การณ์และนา่ เชอื่ ถอื
๒๐๕
๔.๒ สรปุ ข้อค้นพบ ปญั หาอุปสรรค และความตอ้ งการ รวมถึงประเด็นอน่ื ๆ ทีเ่ ก่ียวข้องกับสมุนไพร
และผลิตภัณฑ์
เพ่ือให้เห็นภาพชัดเจนของข้อค้นพบ ปัญหาอุปสรรค และความต้องการ รวมถึงประเด็นอ่ืน ๆ
ที่เกีย่ วขอ้ งกบั สมนุ ไพรและผลติ ภณั ฑ์ จงึ ได้สรปุ เปน็ หัวข้อในแต่ละดา้ น ดังตอ่ ไปนี้
๔.๒.๑ ด้านคุณภาพผลิตภณั ฑ์ มาตรฐาน และการรับรอง
๑) ผลผลิตและวัตถุดิบสมุนไพรมีคุณภาพไม่สม่าเสมอและมีการปนเปื้อน ของ
เชอื้ จุลินทรีย์ ยาปราบศัตรูพชื เช้ือรา หรอื โลหะหนกั กอปรกบั วัตถดุ ิบสมุนไพรบางชนิดมีการเก็บจากปา่
หรือปลกู ในครัวเรือน (กลุ่มเกษตรกรรายย่อย) จึงขาดการบริหารจัดการพันธ์สุ มุนไพรและระบบการปลูกที่ดี
(กรมวิทยาศาสตรบ์ ริการ, ๒๕๖๓)
๒) สถานประกอบการผลิตยาสมุนไพรแผนโบราณที่ได้มาตรฐานมีน้อย โดยพบว่ามี
สถานประกอบการท่ีได้มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practices) เพียง ๕๓ แห่ง
(กรมวทิ ยาศาสตร์บริการ, ๒๕๖๓)
๔.๒.๒ ดา้ นหอ้ งปฏบิ ัตกิ ารและขอ้ กาหนดมาตรฐาน
๑) ขาดการเชื่อมต่อข้อมูลด้านมาตรฐาน วิธีการทดสอบ และห้องปฏิบัติการ
ท่ีเก่ียวข้องกับสารสกัดและผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยพบว่าการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพ
จาเป็นต้องมีการควบคุมตลอดห่วงโซ่คุณค่า ต้ังแต่การกาหนดพื้นท่ีปลูก การคัดเลือกพันธุ์สมุนไพรท่ีมี
คณุ ภาพดี การปลกู ให้ได้ตามมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practice) วิธีการเกบ็ เกยี่ วการจัดการ
ผลผลิตหลังการเก็บเกี่ยว และนาเข้าสู่กระบวนการสกัดที่เหมาะสม แต่เน่ืองจากกระบวนการพัฒนา
เพ่ือผลิตเป็นสารสกัดท่ีมีมาตรฐาน (โดยเฉพาะการผลิตเป็นยา) มีส่ิงที่ต้องคานึงถึงหลายด้าน รวมถึง
การขอมาตรฐานซ่งึ แต่ละข้นั ตอนการผลติ คอ่ นข้างมคี วามซับซ้อนเชงิ เทคนคิ และเกยี่ วขอ้ งกับหนว่ ยงาน
ทหี่ ลากหลาย (ทม่ี า: กรมวิทยาศาสตร์การแพทย)์
๒) หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดทาข้อมูลทางยา ( Monograph)
ของผลิตภัณฑ์สมุนไพร ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการได้ทันท่วงที อันเป็นผลมาจากภาครัฐ
มีการกาหนดนโยบายและทิศทางของผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่ชัดเจน (ที่มา: กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์)
ซ่ึงกระบวนการในการจัดทา Monograph ต้องใช้เวลาในการปฏิบัติการดังกล่าวไม่น้อยกว่า ๒ ปี
ต่อสมุนไพร ๑ ชนิด โดยปัจจุบันมี Monograph ของสมุนไพรอยู่เพียง ๑๐๙ Monograph
ดังรายละเอยี ดในแผนภาพท่ี ๒๑
๒๐๖
แผนภาพที่ ๒๓ จานวน Monograph ของวตั ถดุ บิ สารสกดั และผลิตภณั ฑจ์ ากสมนุ ไพร
ที่มา: กรมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์, ๒๕๖๕
๓) ห้องปฏิบัติการในระบบทั้งจากภาครัฐและเอกชนท่ีได้การรับรองมาตรฐาน
ISO 17025 สาหรับการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์สมุนไพรตามข้อกาหนดต่าง ๆ ทางกฎหมาย
มีไม่เพียงพอและมีค่าใช้จ่ายสูง จากการสารวจของกรมวิทยาศาสตร์บริการพบว่ามีห้องปฏิบัติการ
วิเคราะห์ด้านวัตถุดิบและสารสกัดสมุนไพรของหน่วยงานและมหาวิทยาลัยในประเทศ รวมท้ังสิ้น ๒๔ แห่ง
แบ่งเป็น ๓ หน่วยงาน และ ๒๑ มหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตามพบว่ามหาวิทยาลัยมีห้องปฏิบัติการ
ด้านสมุนไพรอยู่เป็นจานวนมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นห้องปฏิบัติการสาหรับการศึกษาวิจัยท่ียังไม่ได้การ
รับรองความสามารถตามมาตรฐานสากล (ISO/IEC17025, OECD GLP, GCP) ดังตัวอย่างในตารางที่ ๕
นอกจากนชี้ นดิ ของสมุนไพรทหี่ ้องปฏบิ ัตกิ ารแต่ละแห่งวิเคราะหท์ ดสอบไดย้ ังมีจานวนน้อยเม่ือเทียบกับ
ชนดิ ของสมนุ ไพรทใี่ ชก้ นั อย่ใู นทอ้ งตลาด (ที่มา: กรมวทิ ยาศาสตร์การแพทย์)
๒๐๗
ตารางที่ ๕ หนว่ ยงานและมหาวิทยาลยั ทม่ี ีบทบาทหนา้ ท่ดี า้ นการทดสอบวตั ถดุ บิ และสารสกดั สมนุ ไพร
หอ้ งปฏิบัติการ หอ้ งปฏบิ ัติการ ห้องปฏิบตั ิการทดสอบ มาตรฐานท่ี หมาย
วิจัย ISO/IEC17025 GLP อา้ งอิง เหตุ
หน่วยงานนอก อว.
๑. สถาบนั วิจัยสมนุ ไพร ไดร้ บั รอง ๑ ๑ In-house/THP รบั
(กรมวิทยาศาสตรก์ ารแพทย)์ รายการ (เฉพาะ ทดสอบ
รายการทเ่ี ปน็
สารสาคญั ใน
สมุนไพร
หน่วยงานใน อว.
๑. กรมวทิ ยาศาสตรบ์ ริการ ยงั ไมไ่ ด้รบั การ In-house/THP รับ
รบั รอง ทดสอบ
๒. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ ไม่ทราบข้อมูล รับ
และเทคโนโลยแี ห่งประเทศไทย ทดสอบ
๓. มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ยงั ไม่ได้รบั การ THP รับ
(ศนู ยว์ ิจัยค้นคว้าและพัฒนา รับรอง ทดสอบ
ยา สานกั งานวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีขน้ั สูง)
๔. มหาวทิ ยาลัยบรู พา (คณะ ยังไมไ่ ดร้ บั การ In-house/ICH รบั
เภสัชศาสตร์) รับรอง ทดสอบ
๕. มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล (ศนู ย์ อยู่ระหวา่ งยน่ื ๑ In- รบั
วเิ คราะห์คุณภาพผลิตภณั ฑ์ ขอการรบั รอง house/THP/BP ทดสอบ
คณะเภสชั ศาสตร)์
๖. มหาวทิ ยาลัย ยังไม่ได้รบั การ THP รับ
อบุ ลราชธานี (หนว่ ยทดสอบ รบั รอง ทดสอบ
คุณภาพและมาตรฐาน
ผลิตภัณฑ์สุขภาพ คณะ
เภสัชศาสตร์)
๗. มหาวทิ ยาลยั วลัยลกั ษณ์ ยงั ไมไ่ ดร้ บั การ In-house รบั
(สานกั วิชาเภสัชศาสตร์) รับรอง ทดสอบ
๘. มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ ยงั ไม่ไดร้ บั การ THP รับ
(ศนู ยน์ วตั กรรมสมนุ ไพร รับรอง ทดสอบ
คณะเภสชั ศาสตร์)
๒๐๘
หอ้ งปฏิบตั ิการ หอ้ งปฏิบัติการ ห้องปฏิบัตกิ ารทดสอบ มาตรฐานท่ี หมาย
เหตุ
๙. มหาวทิ ยาลยั วิจัย ISO/IEC17025 GLP อา้ งอิง รบั
มหาสารคาม (คณะเภสชั ทดสอบ
ศาสตร)์ ยงั ไม่ได้รบั การ THP
๑๐. มหาวิทยาลัยสงขลา รบั รอง รับ
นครนิ ทร์ (คณะเภสัชศาสตร์ ทดสอบ
และคณะวิทยาศาสตร)์ ยงั ไม่ไดร้ บั การ In-house/THP
จุฬาลงกรณ์ ม.รงั สติ รับรอง
ม.แมฟ่ ้าหลวง ม.ศลิ ปากร
ม.นเรศวน ม.อสี เทริ ์นเอเชยี ไม่ระบขุ น้ึ กบั สารมาตรฐานทมี่ ีอยู่
ม.เกษตรฯ (KAPI)
ท่ีมา: กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ข้อมูล ณ เดือน มถิ ุนายน ๒๕๖๓
๔) การผลิตวัสดุอ้างอิงรับรอง (Certified Reference Materials, CRM) และ
โปรแกรมการเปรียบเทียบผลการวัดที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบวัตถุดิบและสารสกัดสมุนไพร
ยงั มีไมเ่ พยี งพอตอ่ ความต้องการ (ทีม่ า: กรมวิทยาศาสตร์การแพทย)์
๕) อัตราค่าบริการในการตรวจวิเคราะห์มีราคาค่อนข้างสูง จากตัวอย่างด้านล่างจะ
เห็นได้ว่าค่าบริการตรวจวิเคราะห์ค่อนข้างสูงส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงได้ยาก (ที่มา:
กรมวิทยาศาสตรก์ ารแพทย)์
๕.๑) การวิเคราะห์ปริมาณสารสาคัญในสมุนไพรและผลิตภัณฑ์ยาจากสมุนไพร
เช่น andrographolide ในฟา้ ทะลายโจรดว้ ยวธิ ี HPLC อตั ราค่าบรกิ าร ๕,๐๐๐ บาท/ตัวอยา่ ง
๕.๒) การวิเคราะห์ปริมาณสารสาคญั THC และ CBD ดว้ ยวธิ ี HPLC อตั ราค่าบริการ
๕,๐๐๐ บาท/ชนิดสาร/ตวั อย่าง
๕.๓) การปนเป้ือนเช้ือจุลินทรีย์ ๗ รายการ ในวัตถุดิบ/แคปซูล/ชาชงสมุนไพรตาม
Thai Pharmacopoeia Volume I and II Supplement 2005 อัตราค่าบริการ ๕,๐๐๐ บาท/ตวั อยา่ ง
๕.๔) การตรวจวิเคราะห์โลหะหนัก (ตะกวั่ สารหนู แคดเมียม และปรอท) ด้วยวิธี
atomic absorption spectroscopy อัตราคา่ บรกิ าร ๔,๐๐๐ บาท/ชนิดสาร
๕.๕) การวิเคราะห์สารเคมปี อ้ งกนั กาจัดศัตรพู ืชตกคา้ ง ๑๐๖ ชนดิ สาร ด้วยเทคนิค
GC-MS/MS ในพืชกัญชา สารสกัดน้ามันกัญชา และตารับยาแผนไทย อัตราค่าบริการ ๙,๐๐๐ บาท/
ตัวอย่าง
๕.๖) การตรวจสอบชนิดพันธ์ุพืช (โดยรูปวิธานตามหลักอนุกรมวิธาน) อัตรา
ค่าบรกิ าร ๑,๒๐๐ บาท/ตวั อย่าง
๕.๗) การตรวจสาร ๕,๗-dimethoxyflavone ในเครื่องสาอางผสมสมุนไพรกระชายดา
ดว้ ยวธิ ี HPLC ตรวจเอกลักษณ์ทางเคมแี ละหาปริมาณสาร อตั รารวม ๕,๐๐๐ บาท/ตวั อยา่ ง
๒๐๙
๖) ผงสมนุ ไพรส่วนใหญ่ขาดการกาหนดมาตรฐานที่ชัดเจน มเี พียงสมนุ ไพรบางชนดิ ที่มี
มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) หรือ มาตรฐานผลิตภณั ฑ์ชุมชน (มผช.) รองรับ อย่างไรก็ตาม
มาตรฐานเหล่าน้ยี ังไม่มีการระบถุ ึงปริมาณสารสาคัญ ซึง่ จุดน้นี า่ จะใช้เป็นตัวกาหนดราคาผงสมนุ ไพรและ
ใช้ในการคัดเลือกคุณภาพของวัตถุดบิ จากแหล่งตา่ ง ๆ ในประเทศ ก่อนนาเข้าสู่อุตสาหกรรมแปรรูปได้
(ท่มี า: กรมวทิ ยาศาสตร์บรกิ าร)
๗) ตารับยาไทยมีองค์ประกอบของสมุนไพรท่ีหลากหลาย โดยบางตารับมีสารสาคัญ
ตัวเดียวกัน การควบคุมคุณภาพจึงทาได้ยาก ซึ่งอาจมีผลให้ปริมาณสารออกฤทธิ์สูงเกินค่าท่ีมาตรฐาน
กาหนด (ที่มา: ภาคเอกชน)
๘) ข้ันตอนและกระบวนการได้มาซ่ึงใบรับรองผลการวิเคราะห์คุณภาพ สินค้า
(Certificate of Analysis: COA) ของสารสกัดสมุนไพรมีค่าใช้จ่ายสูงและใช้เวลานาน
(ทมี่ า: ผ้เู ชย่ี วชาญด้านสมุนไพร)
๙) บุคลากรในห้องปฏิบัติการท่ีมีความรู้ความเข้าใจและความเช่ียวชาญเฉพาะ
มีน้อย รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญท่ีมีศักยภาพในการจัดทาข้อมูลทางยา (Monograph) ยังมีจานวนจากัด
เนื่องจากกระบวนการเหล่าน้ีต้องอาศัยนักวิทยาศาสตร์ที่มีความรู้ความเข้าใจ และความเชี่ยวชาญ
ที่เฉพาะเจาะจง ท้ังในด้านการปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการ ความเชี่ยวชาญเฉพาะในสายงาน
ทางเภสชั ศาสตร์ตลอดจนองคค์ วามรใู้ นด้านพชื สมุนไพรอกี ดว้ ย
๔.๒.๓ ดา้ นบคุ ลากรทางการแพทย์
๑) บุคลากรทางการแพทย์ส่วนมากยังไม่ให้การยอมรับผลิตภัณฑ์สมุนไพรและการ
รักษาทางการแพทย์แผนไทย จึงทาให้การส่ังจ่ายยาสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้แก่ผู้ป่วยมีน้อย
(ทมี่ า: กรมวทิ ยาศาสตร์บรกิ าร)
๒) บคุ ลากรทางการแพทยข์ าดความเชอ่ื มัน่ ในผลิตภัณฑ์สมุนไพร เน่ืองจากผลติ ภณั ฑ์
ส่วนใหญ่ยงั ขาดขอ้ มลู รับรองจากการทดลองทางคลินิก ซง่ึ การทดลองบางส่วนยังไม่ได้มาตรฐาน โดย
พบว่ามีจานวนกลุ่มตัวอย่างที่ทดสอบไม่มากพอต่อการยอมรับตามเกณฑ์การข้ึนทะเบียนของสานักงาน
คณะกรรมการอาหารและยา (ท่มี า: สานักงานคณะกรรมการอาหารและยา)
๓) การบริการทางการแพทย์แผนไทย/แผนไทยประยุกต์ยังขาดการเชื่อมโยงกับ
มาตรฐานการรักษากับการแพทย์แผนปัจจุบัน ส่งผลให้การบริการทางการแพทย์แผนไทยและการใช้
ผลติ ภัณฑ์สมุนไพรในการรกั ษามนี ้อย (ทีม่ า: สานกั งานหลกั ประกันสุขภาพแห่งชาต)ิ
๔) การเข้าถึงและการใช้บริการการแพทย์แผนไทยยังมีน้อย จากการสารวจพบว่าการ
เข้าถึงการบริการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐ กรณีการใช้
บริการแผนกผู้ป่วยนอก (OPD) ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓ มีการใช้บริการเพียง
ร้อยละ ๑๙-๒๕ ของจานวนบริการผปู้ ่วยนอกทั้งหมด ดังแสดงในตารางท่ี ๖ (ทมี่ า: กรมการแพทย์แผนไทย
และการแพทยท์ างเลอื ก)
๒๑๐
ตารางที่ ๖ สดั ส่วนบรกิ ารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลอื กในสถานบรกิ ารสาธารณสุขของรัฐ
เฉพาะแผนกผู้ป่วยนอก (OPD) ทกุ สทิ ธิ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓
(ทีม่ า: รายงานการสาธารณสุขไทย ดา้ นการแพทย์แผนไทย การแพทย์พ้นื บ้าน และการแพทย์ทางเลือก
พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓, กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก)
๕) บุคลากรทางการแพทย์แผนไทยมีน้อย ซึ่งส่งผลให้เกิดการขาดความต่อเน่ือง
ในการพัฒนาการแพทย์แผนไทย และระบบการคัดเลือกบุคลากรทางการแพทย์แผนไทยขาดความทันสมัย
ยังมีรปู แบบการวัดประสิทธิภาพของบคุ ลากรแบบเดิม ๆ
๔.๒.๔ ดา้ นการสง่ ออก
๑) ผู้ประกอบการต้องใช้เวลานานในการศึกษาข้อกฎหมาย/ระเบียบเพ่ือการส่งออก
ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เนื่องจากกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับการนาเข้าสินค้ากลุ่มสมุนไพรและ
ผลติ ภณั ฑ์ของแต่ละประเทศมีความซบั ซ้อนและมีภาษาเฉพาะแตกต่างกนั ส่งผลใหผ้ ู้ประกอบการต้องใช้
เวลาในการทาความเข้าใจและศกึ ษาให้ครบถว้ นจึงจะดาเนินการได้ (ทมี่ า: กรมสง่ เสรมิ การคา้ )
๒) ใบรับรองผลการวิเคราะห์คุณภาพสินค้า (Certificate of Analysis: COA) ของ
สารสกดั สมนุ ไพรมีค่าใชจ้ า่ ยสูงและใชเ้ วลานาน อีกทั้งส่วนใหญไ่ มม่ ีใบรับรอง COA หรอื มนี ้อยสง่ ผลให้
สารสกดั สมุนไพรไทยไมส่ ามารถแข่งขันได้ ทั้งการส่งออกหรือใชเ้ ป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑท์ ่ีสามารถขึ้น
ทะเบยี นรับรองผลติ ภณั ฑ์
๔.๒.๕ ดา้ นการตลาดและสง่ เสริมการขาย
๑) การประชาสัมพันธ์และโฆษณาสรรพคุณผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่สามารถทาได้หรือ
ทาไดอ้ ยา่ งจากดั เนือ่ งจากถูกจัดอย่ใู นกลุ่มผลิตภณั ฑย์ า (ท่มี า: ภาคเอกชน) รวมถงึ บางคร้ังมกี ารอธิบาย
สรรพคุณแบบครอบจักรวาล ซ่ึงถือเป็นจุดอ่อนในการส่งเสริมการบริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพรทางอ้อม อีกท้ัง
ยังเป็นส่วนหน่งึ ของการทาลายความเช่อื มนั่
๒) การประชาสัมพันธ์ การสื่อสาร และการบริหารจัดการเก่ียวกับผลติ ภัณฑ์สมุนไพร
รวมถึงการบริการทางการแพทย์แผนไทย เพื่อให้ประชาชนเข้าสู่ระบบของสานักงานหลักประกัน
สขุ ภาพแห่งชาติ ยังไม่ทแ่ี พรห่ ลาย (ทีม่ า: สานกั งานหลักประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาต)ิ
๓) การนายาแผนไทยเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติยังทาได้น้อย สืบเนื่องจากบริบทของ
บัญชียาหลักมีความเป็นวิทยาศาสตร์แบบใหม่ ขณะที่ยาแผนไทยถือเป็นวิทยาศาสตร์แบบเก่า (ที่มา:
สานักงานหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติ)
๒๑๑
๔) ขาดการส่งเสริมการเข้าถึงยา/ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไปยังผู้บริโภค รวมถึงการส่ือสาร
การกากับดูแล และการส่งเสริมการตลาด เพ่ือประชาสัมพันธ์การใช้วัตถุดิบและสารสกัดสมุนไพรให้
ผู้บริโภคเกดิ การรบั รรู้ ับทราบอย่ใู นวงท่ีจากดั (ทมี่ า: ผูเ้ ชย่ี วชาญดา้ นเภสชั กรรม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์)
๕) การรับรู้เกี่ยวกับเครื่องหมายที่ได้รับการรับรองคุณภาพและมาตรฐานสาหรับ
สมุนไพรและผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภคยังมีอยู่อย่างจากัด (ท่ีมา: กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์
ทางเลอื ก)
๖) ผลิตภัณฑ์สมุนไพรบางส่วนมีการโฆษณาสรรพคุณเกินจริงหรือเป็นผลิตภัณฑ์ปลอม
โดยเฉพาะอย่างย่ิงในสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งเป็นยุคของเทคโนโลยีจึงมีการโฆษณาผ่านทางส่ือออนไลน์
ต่าง ๆ ซ่ึงสามารถทาได้ง่ายและรวดเร็วกว่าในอดีต ทาให้บางคร้ังข้อมูลที่มีการโฆษณาเกินจริงมีการ
แพรก่ ระจายอย่างรวดเรว็ (ทม่ี า: สานักงานคณะกรรมการอาหารและยา)
๔.๒.๖ ดา้ นการกากบั ดแู ล
๑) การข้ึนทะเบียนอาหารและยาของผลิตภัณฑ์สมุนไพรในอดีตมักจะใช้เวลานาน
เน่ืองจากที่ผ่านมาต้องใช้ผลงานวิจัยในประเทศประกอบการพิจารณาเท่านั้น อีกท้ังคากล่าวอ้าง
ทางสุขภาพ (Positive lists) ท่ีผ่านการยอมรับ และข้อมูลการควบคุมคุณภาพมาตรฐานยาสมุนไพร
(Thai Herbal Pharmacopoeia: THP) ของผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยังมีน้อยไม่ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ท่ีมี
การผลิตอยู่ในปัจจบุ นั (ท่มี า: ภาคเอกชน กรมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์ สานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา)
๒) กระบวนการขออนุญาต การดาเนินการตา่ ง ๆ ของภาครัฐท่ีเกยี่ วข้องกับสมุนไพรและ
ผลิตภัณฑ์ รวมถึงการพัฒนากฎหมายลาดับรองท่ีจะแก้ปัญหาให้แก่ผู้ประกอบการมีความล่าช้า เช่น
การขออนุญาตต้องผ่านการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นข้ันตอนท่ีต้องใช้
ระยะเวลา เปน็ ตน้ (ทีม่ า: กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก)
๔.๒.๗ ด้านความพร้อมของเกษตรกร/ผู้ประกอบการ และความสามารถในการแข่งขัน
๑) เกษตรกรขาดความรู้และทักษะการผลิตท่ีดี ปัจจุบันพบว่าเกษตรผู้ปลูกสมุนไพร
ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อยที่ยังขาดองค์ความรู้และทักษะที่เหมาะสมในการผลิตสมุนไพรให้ได้
ประสิทธิภาพ ท้ังในเชิงปริมาณ คุณภาพ และมาตรฐาน โดยคานึงถึงเร่ืองของสารสาคัญของสมุนไพร
แต่ละชนิดเป็นหลักซ่ึงข้อมูลงานวิจัยด้านการผลิตสมุนไพรให้ได้คุณภาพ/ได้ปริมาณสารสาคัญสูงน้ัน
มีอยู่บางส่วน ไม่ได้มีการจัดทาเป็นคู่มือหรือเอกสารเผยแพร่ให้แก่เกษตรกรสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย
และงานวิจัยบางเรื่องกไ็ ม่เหมาะสมต่อสถานการณ์ปัจจบุ ันแล้ว นอกจากนี้ การปลูกสมนุ ไพรของเกษตรกร
รายย่อยการควบคมุ คุณภาพผลผลิตนนั้ จงึ เป็นเรื่องท่คี ่อนขา้ งยาก สง่ ผลใหข้ าดแคลนผลผลติ ทีม่ คี ุณภาพ
สม่าเสมอสาหรับการผลิต/แปรรปู ในระดบั อุตสาหกรรมตอ่ ไป (ที่มา: กรมสง่ เสริมการเกษตร)
๒) ขาดกลไกในการเชื่อมโยงระบบการผลิต ตั้งแต่การผลิตวัตถุดิบสมุนไพร
จนถึงการแปรรูปไปเป็นสารสกัด และผลิตภัณฑ์สมุนไพร ส่งผลให้ธุรกิจยาสมุนไพรของไทยยังคงมี
อตั ราการเติบโตทางเศรษฐกจิ ค่อนข้างตา่ เมือ่ เทยี บกับตลาดโลก (ท่ีมา: กรมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์)
๒๑๒
๓) ผู้ประกอบการในธุรกิจผลิตภัณฑ์สมุนไพรขาดความพร้อมและความเข้าใจเกี่ยวกับ
กฎระเบียบการขออนุญาต จึงทาให้จานวนผู้ขอรับรองมาตรฐานในปัจจุบันมีน้อย ซ่ึงในส่วนนี้ถือเป็น
อุปสรรค/ความยากลาบากของกระบวนการขอรับรองมาตรฐานสาหรับผู้ประกอบการรายย่อย
(ท่มี า: สานักงานมาตรฐานผลิตภณั ฑ์อตุ สาหกรรม)
๔) ผู้ประกอบการยังไม่เข้าใจและเห็นความสาคัญของการควบคุมคุณภาพ (ท่ีมา:
สานักงานคณะกรรมการอาหารและยา)
๕) ผู้ประกอบการรายย่อยหรือวิสาหกิจชุมชนส่วนใหญ่ผลิตสมุนไพรและผลิตภัณฑ์ตาม
มาตรฐานท่ีตรงตามข้อกาหนดของกฎหมายได้ยาก สาเหตุมาจากมาตรฐานการผลิตและมาตรฐาน
ผลิตภัณฑ์ท่ีภาครัฐกาหนดมักอ้างอิงมาจากมาตรฐานในต่างประเทศ จึงไม่สอดคล้องกับบริบทของ
ผู้ประกอบการรายยอ่ ยหรอื วสิ าหกจิ ชมุ ชน เชน่ มาตรฐาน GMP เปน็ ตน้
๖) ต้นทุนการผลิตสารสกัดจากสมุนไพรของไทยสูง จึงแข่งขันกับต่างประเทศได้ยาก
เน่ืองจากกระบวนการสกัดสารสาคัญจากสมุนไพรต้องใช้แอลกอฮอล์เป็นตัวทาละลายในการสกัด
แต่ประเทศไทยยังคงประสงค์ปัญหาแอลกอฮอล์มีราคาแพง กอปรกับอุปกรณ์และเคร่ืองมือ
ในหอ้ งปฏิบัติการที่เก่ียวข้องมีการนาเขา้ จากตา่ งประเทศซึ่งมรี าคาสงู สง่ ผลใหต้ ้นทุนการสกดั สูงขึน้ ตามไปดว้ ย
ทาใหไ้ มค่ มุ้ คา่ ในการลงทนุ และยากทจี่ ะแข่งขนั กับต่างประเทศ ผูป้ ระกอบการสว่ นใหญจ่ ึงนาเข้าสารสกดั
จากต่างประเทศจานวนมาก คิดเป็นมูลค่าประมาณ ๗๐๘,๐๓๙ ล้านบาท ขณะท่ีมีการส่งออกเพียง
๕๖,๐๕๖ ล้านบาท ดังแสดงใน แผนภาพท่ี ๒๑ ถ้าหากในจุดนี้ประเทศไทยสามารถสกัดสารสกัด
สมุนไพรได้เองในราคาต้นทุนที่เหมาะสมจะช่วยให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ อีกท้ังยังช่วยลดมูลค่า
และระยะเวลาการสงั่ ซ้อื สารมาตรฐานจากต่างประเทศไดอ้ ีกด้วย (ท่มี า: ภาคเอกชน)
๒๑๓
แผนภาพที่ ๒๔ สถิตขิ ้อมูลการนาเขา้ -ส่งออกสมุนไพร ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓
ทม่ี า: กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก, ๒๕๖๕
๗) สถานที่ให้บริการการผลิตสารสกัดมีจากดั ซ่งึ ในปจั จบุ ันโรงสกดั สารสกดั จากสมนุ ไพร
ถอื วา่ มีอยู่น้อยมากและไมเ่ พียงพอตอ่ การใชป้ ระโยชน์ (ทม่ี า: กรมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย)์
๔.๒.๘ ด้านการวจิ ัยพฒั นานวตั กรรม
การวิจัยและนวัตกรรมด้านสมุนไพรไทยยังขาดระบบการทางานท่ีดีและขาดการส่งเสริม
อย่างเป็นรูปธรรม มีสมุนไพรอีกหลายชนิดที่มีความน่าสนใจแต่ยังขาดการวิจัยและพัฒนาที่จะนาไปสู่
การพัฒนาไปเป็นยา อาหารเสริม เคร่ืองสาอาง และยังขาดความนิยมจากคนส่วนใหญ่จึงทาให้
ผูป้ ระกอบการ นกั วจิ ัย และเกษตรกรให้ความสนใจในการปลูก วิจัย หรือผลติ เป็นผลิตภัณฑ์ตา่ ง ๆ ไดน้ ้อย
รวมท้ังไม่ได้ทาการวิจัยหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่หรือสมุนไพรชนิดใหม่ ส่งผลให้
ขาดความหลากหลายของผลติ ภัณฑใ์ นท้องตลาด
๒๑๔
งานวิจัยด้านการผลิตสารสกัดจากธรรมชาติมีค่อนข้างมาก แต่ยังไม่สามารถพัฒนาเป็นยาที่
ข้ึนทะเบียนได้ ปัญหาสาคัญคือการขาดความเช่ือมโยงระหว่างการทางานของภาคการวิจัย
(สถาบันการศึกษา/มหาวิทยาลัย) และภาคการผลิต (ภาคเอกชน/ภาคอุตสาหกรรม) รวมถึงขาด
การศึกษาข้อกาหนด กฎเกณฑ์ ระเบียบต่าง ๆ ในการพัฒนายาจากสมุนไพรต้ังแต่ต้นทาง (การปลูก
พชื สมุนไพร) กลางทาง (การวจิ ยั พฒั นากระบวนการสกดั การทดสอบฤทธ์ใิ นหอ้ งปฏิบัติการ การผลิตใน
ระดับโรงงานต้นแบบ) และปลายทาง (การทดสอบพรีคลินิก การทดสอบทางคลินิก การข้ึนทะเบียนยา
และการผลิตในระดับอุตสาหกรรม) ภาคการวิจัยมีงานวิจัยจานวนมากแต่ขาดการขยายสเกลการผลิต
จากระดับห้องปฏิบัติการ (Lab scale) ขึ้นเป็นระดับโรงงานต้นแบบ (Pilot scale) จึงไม่สามารถ
เชอ่ื มต่อกบั การผลติ ในระดบั อุตสาหกรรม (Industrial scale) ได้
การพลิกโฉมสมุนไพรด้วยการวิจัยและนวัตกรรมจะต้องอาศัยเสาหลักของการพัฒนา
สมุนไพรและนวัตกรรมซ่งึ ประกอบด้วย ภูมิปัญญา เทคโนโลยีสมุนไพร และการตลาดซึ่งขบั เคลอื่ นผ่าน
แนวคิดธรรมชาติและวิทยาศาสตร์ นาไปสู่นวัตกรรมสมุนไพร โดยเสาหลกั ท่ี ๑ ภูมิปัญญาประเทศไทย
มีภูมิปัญญาด้านสมุนไพรจานวนมากและมีหลักฐานการใช้ท่ีชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นตารายาสมุนไพร หรือ
ตารายาแพทย์แผนไทย ซ่ึงภูมิปัญญาเหล่าน้ีมีประวัติการใช้มาอย่างยาวนาน มีความปลอดภัยในการใช้
แต่ปัจจุบันยังขาดการส่งเสริมที่ดีเพ่ือมุ่งสู่การเป็นนวัตกรรมสมุนไพร เสาหลักที่ ๒ คือเทคโนโลยี
สมุนไพร ประเทศไทยยังขาดการพัฒนาด้านนี้ แม้ว่างานวิจัยด้านสมุนไพรจะมีมากแต่ยังขาดการต่อยอด
จนกลายเป็นนวัตกรรมสมุนไพรท่ีมุ่งสู่การพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีสามารถวางจาหน่ายได้ เสาหลักท่ี ๓
การตลาดประเทศไทยยังขาดความชัดเจนในการส่งเสริมพืชสมุนไพร การแปรรูป การพัฒนาเป็น
ผลิตภัณฑอ์ ย่างชดั เจน และยังตอ้ งพึ่งพาการนาเขา้ วัตถุดิบสมุนไพรจากต่างประเทศเขา้ มาใชใ้ นการผลติ
จึงขาดความม่ันคงด้านสมุนไพรและส่งผลต่อการพัฒนาการตลาดเป็นอย่างมาก การส่งเสริมนวัตกรรม
สมนุ ไพรจงึ ตอ้ งเรม่ิ จากแกป้ ญั หาใน ๓ เสาหลักดงั กล่าวกอ่ น
การวิจัยและนวัตกรรมด้านสมุนไพรไทยยังขาดระบบการทางานที่ดีและขาดการส่งเสริมอย่าง
เป็นรูปธรรม มีสมุนไพรอีกหลายชนิดท่ีมีความน่าสนใจแต่ยังไม่ได้รับการวิจัยและพัฒนาท่ีจะนาไปสู่
การพัฒนาไปเปน็ ยา อาหารเสรมิ เครื่องสาอาง และยังไมไ่ ดร้ ับความนิยมจากผู้บริโภคส่วนใหญ่จึงทาให้
ผู้ประกอบการ นกั วจิ ยั และเกษตรกรใหค้ วามสนใจในการปลูก วิจยั หรือผลติ เปน็ ผลติ ภณั ฑต์ ่าง ๆ ไมม่ ากนัก
รวมท้งั ไม่ได้ทาการวจิ ัยหรือพฒั นาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหมห่ รอื สมนุ ไพรชนดิ ใหม่ สง่ ผลให้ขาดความหลากหลาย
ของผลติ ภณั ฑ์ในท้องตลาด
๑) นักวิจัยขาดความเข้าใจเก่ียวกับกฎระเบียบการขออนุญาตผลิตภัณฑ์สมุนไพร ส่งผล
ให้การต่อยอดผลงานวิจัยไปใช้ในเชิงพาณิชย์เป็นไปได้ยาก (ที่มา: สานักงานคณะกรรมการอาหาร
และยา)
๒) นักส่งเสริมการเกษตรขาดองค์ความรู้/ทักษะเฉพาะด้านในการผลิตสมุนไพร
ซึง่ นกั สง่ เสรมิ การเกษตรเปน็ บคุ ลากรท่ีมีความใกล้ชิดกบั เกษตรกรมากท่ีสดุ ในการนาองค์ความรกู้ ารผลติ
พชื สมนุ ไพรไปถ่ายทอดสู่เกษตรกร ดงั นน้ั การพัฒนาศักยภาพให้แกน่ ักส่งเสรมิ การเกษตรจงึ จาเป็นอยา่ งย่ิง
๓) ขาดความต่อเนื่องของระบบให้ทุนวิจัยในการสนับสนุนงานวิจัยด้านสมุนไพร
โดยเฉพาะงานวิจัยด้านคลินิก (Clinical study) ซ่ึงมีความสาคัญอย่างมาก เน่ืองจากช่วยให้เกิด
๒๑๕
ความม่ันใจว่าผลิตภณั ฑ์สมุนไพรท่ไี ด้มีการวจิ ัยทางคลินิกแลว้ จะเปน็ ผลติ ภัณฑ์ท่ีมคี ณุ ภาพและน่าเชื่อถือ
แต่ดว้ ยข้อจากัดเรอ่ื งของทุนและงบประมาณวิจยั ในภาคการเกษตรทมี่ ีอยู่อย่างจากัด ไม่เพยี งพอต่อการ
พัฒนาการวิจัย กอปรกับการทดลองทางคลินิกที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นเม่ือ
งานวิจยั ท่เี กย่ี วกับการทดสอบฤทธ์ิของสารสาคัญในพชื สมุนไพรบางชนดิ แลว้ มักไม่ได้ดาเนนิ การต่อและ
ส้นิ สุดอยู่ท่ีองคค์ วามรู้พื้นฐานด้านฤทธิ์ของสารสกัดเพียงเทา่ น้ัน (ท่ีมา: สานักงานคณะกรรมการอาหาร
และยา)
๔) งานวิจัยด้านการผลิตสารสกัดจากธรรมชาติมีจานวนค่อนข้างมาก แต่ยังไม่สามารถ
พัฒนาเป็นยาท่ีข้ึนทะเบียนได้ เน่ืองจากขาดความเชื่อมโยงระหว่างการทางานของภาคการวิจัย
(สถาบันการศึกษา/มหาวิทยาลัย) และภาคการผลิต (ภาคเอกชน/ภาคอุตสาหกรรม) รวมถึงขาด
การศกึ ษาขอ้ กาหนด กฎเกณฑร์ ะเบียบตา่ ง ๆ ในการพฒั นายาจากสมุนไพรตัง้ แต่ตน้ ทาง กลางทาง และ
ปลายทางซ่ึงพบว่าภาคการวิจัยมีงานวิจัยจานวนมาก แต่ขาดการขยายสเกลการผลิตจากระดับ
ห้องปฏิบตั กิ าร (Lab scale) ไปยังระดบั โรงงานตน้ แบบ (Pilot scale) จึงไมส่ ามารถเชือ่ มตอ่ กับการผลิต
ในระดบั อุตสาหกรรม (Industrial scale) ได้ (ท่ีมา: กรมวทิ ยาศาสตร์การแพทย)์
๕) ข้อมูลงานวจิ ัยและพฒั นาพืชสมุนไพรและผลิตภณั ฑ์มอี ยูเ่ ป็นจานวนมาก แต่ไมค่ ่อยมี
การเผยแพร่ให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย หรืองานวิจัยบางเรื่องไม่เหมาะสมกับสถานการณ์
ปัจจุบนั (ทม่ี า: กรมสง่ เสริมการเกษตร)
๖) ผู้ประกอบการสมุนไพรรายย่อยมีเงินทุนในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่
เพียงพอ ทาให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรในรูปแบบใหม่ ๆ ยังเป็นไปได้ยาก ส่งผลให้ในตลาด
ผลิตภัณฑ์สมุนไพรมักพบผลิตภัณฑ์รูปแบบเดิมอยู่เป็นจานวนมาก (ท่ีมา: สานักงานคณะกรรมการ
อาหารและยา)
๗) ผู้ผลิตนวัตกรรมขาดความเขา้ ใจในประเด็นเกีย่ วกับทรัพย์สินทางปัญญาอย่างถอ่ งแท้
โดยนกั วจิ ยั ขาดความเข้าใจวา่ ทรัพย์สินทางปัญญาเปน็ กลไกสาคญั ในการขับเคล่อื นอตุ สาหกรรมสมนุ ไพร
ขาดความเข้าใจในกรอบกฎเกณฑ์ของทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งในส่วนของสิทธิบัตรการประดิษฐ์
(Patent) อนุสิทธิบัตร (Petty Patent) สิทธบิ ัตรออกแบบผลติ ภัณฑ์ (Design Patent) และ เครื่องหมาย
การค้า (Trademark) รวมท้ังยังขาดความเข้าใจในการใชป้ ระโยชน์จากทรัพย์สินทางปญั ญาวา่ นอกจาก
การใชท้ รัพย์สินทางปัญญาในแง่เป็นเชิงรับเพื่อคุ้มครองป้องกนั มใิ หค้ นอื่นมาใชท้ รัพย์สินทางปัญญาแล้ว
ยังสามารถใช้ทรัพย์สินทางปัญญาในแง่เชิงรุก เพ่ือสร้างรายได้ได้อีกด้วย ซ่ึงเมื่อพิจารณาแล้วพบว่า
คนไทยไม่ให้ความสนใจเรื่องการขอจดสิทธิบัตรมากนักเมื่อเทียบกับต่างประเทศ โดยจากการศึกษา
พบว่าจีนเป็นประเทศหลักในการขอจดสิทธิบัตรสมุนไพร รองลงมา ได้แก่ เกาหลี และสหรัฐอเมริกา
ตามลาดับ ขณะที่ไทยอยู่ในลาดับที่ ๑๘ จากแผนภาพท่ี ๙ จะเห็นว่ามีการให้ความสาคัญกับเร่ือง
สมุนไพรมากขน้ึ ต้งั แตป่ ี ๒๐๑๐ โดยมีคาขอทเ่ี พิ่มมากขึน้ อยา่ งไรกต็ ามการรบั จดทะเบยี นสิทธิบตั รไม่ได้
เพิ่มขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าการคิดค้นนวัตกรรมความใหม่เร่ิมน้อยลง และ/หรือศักยภาพในการเขียน
สทิ ธิบัตรขาดการพฒั นา (ท่มี า: กรมทรพั ย์สินทางปัญญา)
๒๑๖
๘) จานวนการจดทรัพย์สินทางปัญญายังมีน้อย จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า คนไทย
มีจานวนการจดสิทธิบัตรเกี่ยวกับสมุนไพรค่อนข้างน้อย สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากในอดีตต้องดาเนินการ
ภายใต้กฎหมายว่าด้วยเร่ืองยา ซึ่งจะกาหนดกรรมวิธีการปรุงและอยู่ในคัมภีร์การปรุงยาที่ทุกคนมีสิทธ์ิ
ที่จะเข้าถึง ดังน้ันการปรุงยาจึงไม่สามารถนาไปจดสิทธิบัตรได้ ซึ่งหลังจากมีกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์
สมุนไพร หลายหนว่ ยงานเริ่มคดิ ค้นสูตรและวิธีในการปรุงยาที่เปน็ ของตัวเองเฉพาะเพื่อท่ีจะสามารถขอ
เปน็ ผลติ ภณั ฑ์และดัดแปลงได้ (ที่มา: กรมทรพั ย์สินทางปัญญา)
๙) ขาดการกาหนดนโยบายจากหน่วยงานรัฐเพื่อสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมท่ีชัดเจน
ภายใตก้ รอบความตอ้ งการของภาคอตุ สาหกรรม (ทมี่ า: กรมทรพั ย์สินทางปญั ญา)
๑๐) การอนมุ ัติสทิ ธบิ ัตรมกั ใช้เวลานาน การขอจดทะเบียนใช้ระยะเวลานานในการอนุญาต
ในขณะที่เทคโนโลยีได้มีการพัฒนาและก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว จึงควรแก้ไขปัญหาคอขวดในข้ันตอน
และกระบวนการพิจารณาอนญุ าต
๔.๒.๙ ด้านแหล่งวตั ถุดบิ
๑) แหล่งกาเนิดสมุนไพรและจานวนสมุนไพรตามธรรมชาติลดลงอยา่ งรวดเร็ว สาเหตุ
สาคัญเกิดจากการสูญเสียพื้นท่ีป่าอันเป็นแหล่งกาเนิดของสมุนไพร หรืออยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์
นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากการลักลอบเก็บสมุนไพรเพ่ือส่งออกไปยังต่างประเทศ การใช้ประโยชน์
สมุนไพรจากแหลง่ กาเนิดในวถิ ีทางท่ไี ม่ยัง่ ยืน ที่สง่ ผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบการพึ่งพาตนเองด้าน
สุขภาพทอ้ งถน่ิ และลดทอนศักยภาพการพัฒนาพืชสมุนไพร เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกจิ และการคา้ ของ
ประเทศ ในอนาคต (ท่ีมา: รายงานการสาธารณสุขไทย ด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พ้ืนบ้าน และ
การแพทยท์ างเลอื ก พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓, กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก)
๒) ข้อค้นพบ สภาพปัญหาและอุปสรรคทางด้านกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ
และข้อบังคับท่ีเกี่ยวข้อง รวมท้ังการพิจารณาจุดเน้นทางยุทธศาสตร์ภายในร่างแผนปฏิบัติการด้าน
สมุนไพรแห่งชาติ ฉบับท่ี ๒ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ จากข้อค้นพบและปัญหาอุปสรรคในอุตสาหกรรม
สมนุ ไพรไทย ด้านกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ และข้อบังคับทเ่ี กย่ี วข้อง รวมทงั้ การพิจารณาจุดเน้นทาง
ยทุ ธศาสตร์ภายในร่างแผนปฏิบัติการดา้ นสมุนไพรแห่งชาติ ฉบับท่ี ๒ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ สามารถจัด
กลุ่มการศึกษาพิจารณาความเชื่อมโยงตามกลุ่มกฎหมายได้เป็น ๗ ประเด็น ได้แก่ ๑) การวิจัยพัฒนา
นวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา ๒) แหล่งวัตถุดิบจากธรรมชาติและการเพาะปลูก ๓) มาตรฐาน
กระบวนการ ผลิตภัณฑ์ ห้องปฏิบตั ิการ ๔) ความพรอ้ มของผู้ประกอบการ/ความสามารถในการแข่งขัน
ที่ส่งผลต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์และความเช่ือมั่น ๕) การตลาด การประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขาย
และการส่งออก ๖) บุคลากรการทางการแพทย์ผู้สั่งใช้ และ ๗) การกากับดูแล การคุ้มครองผู้บริโภค และ
อภิบาลระบบ ดังสรปุ ในตารางท่ี ๗
๒๐
ตารางที่ ๗ ความเชอ่ื มโยงระหว่างปญั หาอปุ สรรค จดุ เนน้ ทางยุทธศาสต
ประเด็น สภาพปัญหาอปุ สรรค จุดเน
(นโยบ
๑. แหล่งวตั ถดุ ิบจาก • แหลง่ กาเนิดสมนุ ไพรและจานวนสมุนไพรตาม จดุ เน้นย
ธรรมชาติ และ การ ธรรมชาตลิ ดลงอยา่ งรวดเรว็ สาเหตสุ าคญั เกิดจาก สง่ เสรมิ
เพาะปลูก สมนุ ไพร
การสญู เสยี พนื้ ทปี่ ่าอนั เปน็ แหลง่ กาเนดิ ของ
สมุนไพร นอกจากน้ยี ังมีสาเหตมุ าจากการลกั ลอบ (Suppl
เกบ็ สมุนไพรเพื่อส่งออกไปยงั ตา่ งประเทศ หรืออยู่ อุตสาห
ในภาวะใกลส้ ญู พันธ์ุ
• วตั ถดุ ิบสมนุ ไพรมคี ณุ ภาพไมส่ มา่ เสมอและมกี าร จดุ เนน้ ย
ปนเป้อื นของเช้อื จลุ ินทรีย์ ยาปราบศตั รูพืช เช้ือรา มาตรฐา
หรือโลหะหนกั กอปรกับวัตถดุ ิบสมนุ ไพรบางชนิด พัฒนาต
มีการเก็บจากป่าหรือปลูกในครัวเรอื น (เกษตรกร
รายย่อย) ขาดการบริหารจดั การพนั ธ์สุ มนุ ไพรและ
ระบบการปลูกทด่ี ี
๒. มาตรฐาน • หอ้ งปฏิบตั ิการในระบบทั้งจากภาครฐั และเอกชนท่ี จุดเน้นย
กระบวนการ ได้การรับรองมาตรฐาน ISO๑๗๐๒๕ สาหรับการ พัฒนาอ
ผลติ ภณั ฑ์ เพมิ่ ขดี ค
หอ้ งปฏบิ ัตกิ าร ตรวจวิเคราะหผ์ ลติ ภณั ฑ์มไี มเ่ พยี งพอและมี
แขง่ ขนั
ค่าใช้จา่ ยสงู
ของสาร
๐๙
ตร์ และกฎหมายท่ีเกยี่ วข้องรายประเด็น
นน้ ทางยทุ ธศาสตร์ กฎหมายท่ีเกย่ี วข้อง ทศิ ทางในการพฒั นา
ข้อเสนอเชงิ นโยบาย
บายสมนุ ไพรแหง่ ชาติ)
ประกาศ เพ่ิม “แผนจัดการ
ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๑ การ • พระราชบัญญตั ิคมุ้ ครอง เพอ่ื ค้มุ ครองสมุนไพร” ใน
มการผลติ วตั ถดุ บิ พ้นื ทอี่ นุรกั ษ์ และ
และส่งเสรมิ ภมู ปิ ญั ญา กาหนด “เขตพืน้ ทีค่ ุ้มครอง
พรเข้าส่หู ่วงโซ่อปุ ทาน การแพทย์แผนไทย พ.ศ. สมนุ ไพร”เพม่ิ เตมิ
ly Chain)ใน
๒๕๔๒
หกรรมสมนุ ไพร
ยทุ ธศาสตร์ที่ ๒ การใช้ • พระราชบัญญตั คิ มุ้ ครอง เพ่ิมการจดทะเบียนคุ้มครอง
านวตั ถดุ บิ เพือ่ การ พันธพุ์ ืช พ.ศ. ๒๕๔๒ พันธุ์พชื สมุนไพรพน้ื เมอื ง
ตน้ ทาง เฉพาะถ่นิ
(ต้องประเมินผลสัมฤทธ์ิ ลด
ความซา้ ซ้อน และเสริมกนั ) ๒๑๗
• พระราชบัญญตั ิ • เพ่ิมหมวด การสง่ เสริม
มาตรฐานสนิ ค้าเกษตร การประกอบการ
พ.ศ. ๒๕๕๑ • เพิม่ การกาหนดปรมิ าณ
สารสาคญั ในมาตรฐาน
วตั ถดุ บิ ทจ่ี ะนาไปใชใ้ น
อุตสาหกรรมต่อเนอ่ื ง
โดยเฉพาะ ยา สารสกดั
และเวชสาอาง
ยทุ ธศาสตร์ที่ ๓ การ • สมดุ ปกขาว“ การปฏิรปู สนับสนุน (รา่ ง)
อตุ สาหกรรมสารสกัด การพฒั นาโครงสร้าง พระราชบญั ญัตโิ ครงสร้าง
ความสามารถการ พน้ื ฐานทางคณุ ภาพของ พ้นื ฐานทางคณุ ภาพของ
และเพิ่มสดั ส่วนมลู ค่า ประเทศ (National ประเทศ พ.ศ. ...
รสกัดในหว่ งโซ่อปุ ทาน Quality Infrastructure:
NQI)
๒๑
ประเดน็ สภาพปัญหาอุปสรรค จดุ เน
(นโยบ
• มาตรฐานสมนุ ไพร [Monograph] มจี านวนน้อย
ไมส่ ามารถตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการ
• ผู้เชีย่ วชาญท่มี ศี กั ยภาพในการจดั ทามาตรฐาน
สมุนไพร [Monograph] มีจานวนจากัด /บุคลากร
ในห้องปฏิบตั ิการที่มคี วามร้คู วามเขา้ ใจ/ความ
เชย่ี วชาญเฉพาะมจี ากดั
• การผลติ วัสดอุ ้างองิ รบั รอง (Certified Reference
Materials, CRM) และโปรแกรมการเปรยี บเทียบ
ผลการวดั ทีเ่ กีย่ วข้องกับการทดสอบวตั ถุดบิ และ
สารสกดั สมนุ ไพรยงั มไี ม่เพียงพอตอ่ ความตอ้ งการ
• ขาดการเช่ือมต่อข้อมลู ด้านมาตรฐาน วิธกี าร
ทดสอบ และห้องปฏบิ ัติการที่เกย่ี วข้องกับสารสกัด
และผลิตภัณฑส์ มนุ ไพร การขอมาตรฐาน ซง่ึ แตล่ ะ
ขัน้ ตอนการผลติ คอ่ นขา้ งมคี วามซบั ซอ้ นเชิงเทคนคิ
และเกย่ี วขอ้ งกบั หน่วยงานหลายหน่วยงาน
๓.ความพรอ้ มของ • เกษตรกรขาดความรูแ้ ละทักษะการผลติ ทีด่ ี โดยใน • จดุ เ
ผปู้ ระกอบการ / ปจั จุบันพบวา่ เกษตรผู้ปลูกสมนุ ไพรสว่ นใหญเ่ ปน็ การ
ความสามารถในการ เกษตรกรรายยอ่ ยทยี่ งั ขาดองคค์ วามรู้และทกั ษะที่ ผปู้ ร
เหมาะสมในการผลิตสมุนไพรให้ได้ประสทิ ธิภาพ ผลิต
แข่งขันทีส่ ่งผลต่อ • ผปู้ ระกอบการในธรุ กจิ ผลติ ภณั ฑ์สมุนไพรขาด • จดุ เ
คณุ ภาพผลติ ภณั ฑ์
และ ความเช่อื ม่นั ความพรอ้ มและความเข้าใจเกี่ยวกบั กฎระเบยี บ การ
การขออนญุ าต และยงั ไม่เขา้ ใจและไมเ่ หน็ การ
ความสาคญั ของการควบคมุ คณุ ภาพ โดยเฉพาะ ผลิต
ผ้ปู ระกอบการรายย่อยหรอื วสิ าหกิจชมุ ชนส่วน ประ
ใหญ่ผลติ สมนุ ไพรและผลติ ภณั ฑต์ ามมาตรฐานที่
ตรงตามข้อกาหนดของกฎหมายได้ยาก
๑๐
น้นทางยทุ ธศาสตร์ กฎหมายทีเ่ กยี่ วข้อง ทิศทางในการพฒั นา ๒๑๘
บายสมนุ ไพรแหง่ ชาติ) ข้อเสนอเชิงนโยบาย
• พระราชบญั ญตั ิ เพ่มิ หมวด การสง่ เสรมิ การ
นน้ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๔ มาตรฐาน ประกอบการ
รส่งเสริมศกั ยภาพ ผลิตภณั ฑ์อุตสาหกรรม
ระกอบการผลติ พ.ศ. ๒๕๑๑ • จัดระบบการรบั รอง
ตภณั ฑส์ มนุ ไพร มาตรฐานหรอื ส่งเสรมิ ให้
น้นเชิงยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๕ • พระราชบญั ญตั พิ ฒั นา ภาคเอกชนเข้ามาให้การ
รสง่ เสริมการเขา้ ถงึ และ ระบบมาตรวทิ ยา รับรองแล้ว การฝึกอบรม
รใช้ประโยชนจ์ าก แหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๐ พัฒนา สนบั สนนุ ส่ิง
ตภณั ฑ์สมนุ ไพรอยา่ งมี อานวยความสะดวก
ะสิทธภิ าพ • พระราชบญั ญตั ิ
มาตรฐานสนิ ค้าขาออก • ประกาศ
พ.ศ. ๒๕๐๓ คณะกรรมการนโยบายฯ
เรอื่ ง การสง่ เสรมิ
• พระราชบญั ญัติ ผู้ประกอบการของ
มาตรฐานสนิ ค้าเกษตร หน่วยงานรัฐ (กาหนด
พ.ศ. ๒๕๕๑ หน่วยงานตา่ ง ๆ ของรฐั
ท่ีตอบสนองสทิ ธิการ
• พระราชบญั ญัติ ไดร้ บั การสง่ เสรมิ ที่
ผลติ ภณั ฑส์ มุนไพร พ.ศ. ชัดเจน)
๒๕๖๒
• เปิดใหม้ กี ารใช้สถานท่ี
ร่วมชัดเจนใน พรบ.
๒๑
ประเดน็ สภาพปัญหาอุปสรรค จุดเน
(นโยบ
• สถานประกอบการผลิตยาสมนุ ไพรแผนโบราณท่ี
ได้มาตรฐานมนี อ้ ย
• ตน้ ทุนการผลติ สารสกัดจากสมุนไพรของไทยสูงจงึ
แขง่ ขันกับตา่ งประเทศได้ยาก เพราะ ตน้ ทุนการ
ผลิตสงู (แอลกอฮอล์) อปุ กรณ์และเครื่องมือใน
หอ้ งปฏบิ ัตกิ ารมีราคาสงู และ สถานทใ่ี ห้บริการ
การผลิตสารสกดั มจี ากดั ไม่เพียงพอตอ่ การใช้
ประโยชน์
๔. การตลาด การ • การประชาสมั พันธแ์ ละโฆษณาสรรพคณุ ผลติ ภณั ฑ์ จดุ เน้นย
ประชาสมั พันธ์ การ สมนุ ไพรไมส่ ามารถทาได้หรือทาได้อยา่ งจากัด สง่ เสรมิ
สง่ เสริมการขาย และ ในขณะทผี่ ลิตภณั ฑส์ มุนไพรบางสว่ นมีการโฆษณา ช่องทาง
การสง่ ออก
สรรพคณุ เกินจรงิ
๑๑
นน้ ทางยุทธศาสตร์ กฎหมายทเ่ี ก่ยี วข้อง ทิศทางในการพัฒนา ๒๑๙
บายสมนุ ไพรแห่งชาติ) ข้อเสนอเชงิ นโยบาย
• (ร่าง) ประกาศกรม (ประมวลกฎหมาย
ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๖ การ สรรพสามติ เร่ือง ให้ ผลติ ภณั ฑส์ ุขภาพ)
มภาพลักษณแ์ ละขยาย สิทธิเสยี ภาษใี นอตั รา เมือ่ ประกาศฯ ฉบบั ดังกลา่ ว
งการตลาด ศูนยส์ าหรบั สรุ าสามทบั มีผลบงั คบั ใชจ้ าเปน็ ตอ้ งมี
ท่ีนาไปใช้ใน การประชาสมั พนั ธ์ และ
อุตสาหกรรมผลติ ภณั ฑ์ ประเมนิ ผลสมั ฤทธ์ิของการ
สมุนไพร ออกกฎระเบยี บต่อไป
• พระราชบัญญตั สิ ง่ เสรมิ เสนอใหม้ ีแผนงานสง่ เสรมิ
วิสาหกจิ ขนาดกลางและ วิสาหกจิ ขนาดกลางและ
ขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ ขนาดยอ่ มรายสาขา
ผลติ ภณั ฑ์จากสมุนไพร เป็น
• พระราชบญั ญัตสิ ่งเสริม การเฉพาะ
วสิ าหกจิ ชมุ ชน พ.ศ. ตดิ ตามแผนการพฒั นาและ
๒๕๖๒ สง่ เสริมกิจการวิสาหกจิ
ชมุ ชน ฉบบั ใหม่
• พระราชบญั ญัตกิ องทนุ
หม่บู า้ นและชมุ ชนเมอื ง แก้บทเรื่อง โทษอาญาของ
แหง่ ชาติ ๒๕๔๗ การโฆษณา (การ
เปรียบเทยี บปรบั )
• พระราชบัญญตั ิ ตดิ ตามผลสมั ฤทธ์ิในการ
ผลติ ภณั ฑ์สมุนไพร พ.ศ. ปรับปรุง
๒๕๖๒
• ระเบียบสานักนายกฯ ว่า
ด้วย การพัฒนาระบบยา
แห่งชาติ
๒๑
ประเดน็ สภาพปญั หาอุปสรรค จดุ เน
(นโยบ
๕.บคุ ลากรการทาง • การรับรเู้ กย่ี วกบั เครือ่ งหมายทไี่ ดร้ บั การรบั รอง
การแพทย์ผสู้ ั่งใช้ คุณภาพและมาตรฐานสาหรบั สมนุ ไพรและ
ผลติ ภณั ฑ์ของผบู้ รโิ ภคยงั มอี ยู่อย่างจากดั
• การประชาสมั พันธ์ การส่อื สาร และการบรหิ าร
จัดการเกย่ี วกบั ผลิตภณั ฑส์ มุนไพรและการบริการ
ทางการแพทยแ์ ผนไทย เพื่อให้ประชาชนเข้าสู่
ระบบของสานกั งานหลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ
ยังไม่ท่แี พร่หลาย
• ยาแผนไทยเขา้ สบู่ ญั ชียาหลักแหง่ ชาตมิ ีจานวน
น้อย
• ผู้ประกอบการต้องใช้เวลานานในการศึกษาขอ้
กฎหมาย/ระเบียบ เพ่ือการส่งออกผลิตภัณฑ์
สมนุ ไพร
• ใบรบั รองผลการวเิ คราะหค์ ณุ ภาพสนิ คา้
(Certificate of Analysis, COA) สาหรับการ
สง่ ออก ของสารสกดั สมนุ ไพรมคี ่าใชจ้ ่ายสงู และใช้
เวลานาน
• บคุ ลากรทางการแพทยไ์ มใ่ หก้ ารยอมรับผลิตภณั ฑ์
สมุนไพร เน่ืองจาก ผลติ ภณั ฑส์ มนุ ไพรสว่ นใหญ่
ขาดข้อมูลรบั รองจากการทดลองทางคลินกิ
• การเขา้ ถึงและการใช้บริการการแพทยแ์ ผนไทยยัง
มีน้อย เนอื่ งจากบคุ ลากรทางการแพทยแ์ ผนไทย
ในระบบสาธารณสขุ ของรัฐมจี านวนน้อย และ
ระบบการสอบบุคลากรทางการแพทย์แผนไทยไม่มี
ความทนั สมัย
• การบริการทางการแพทย์แผนไทย/แผนไทย
ประยกุ ตย์ ังขาดการเช่ือมโยงกบั มาตรฐานการ
๑๒
นน้ ทางยุทธศาสตร์ กฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ทศิ ทางในการพัฒนา
บายสมนุ ไพรแห่งชาต)ิ ข้อเสนอเชิงนโยบาย
• ประกาศคณะกรรมการ
หลักประกันสุขภาพ งบประมาณต่อหัวประชากร
แหง่ ชาติ เรอื่ ง เหมาจ่ายเพ่มิ เตมิ จากผู้ปว่ ย
หลักเกณฑก์ าร นอกทว่ั ไป ควรแยกค่ายา
ดาเนนิ งานและการ สมุนไพรในบญั ชียาหลักแหง่
บรหิ ารจดั การกองทุน ขาติ ออกจากบริการด้าน
หลกั ประกนั สุขภาพ การแพทยแ์ ผนไทย เพ่ือจะ
แหง่ ชาติ (ส่วนการ เพม่ิ แรงจูงใจในการสงั่ ใชย้ า
บรกิ ารการแพทยแ์ ผน ในบัญชียาหลกั แหง่ ชาติ
ไทย)
๒๒๐
- • พระราชบัญญตั วิ ชิ าชพี • ระบบการศึกษาตอ่ เนื่อง
การแพทย์แผนไทย พ.ศ. • วิทยาลยั ฝึกฝนความรู้
๒๕๕๖ ความเชี่ยวชาญเฉพาะ
• พระราชบัญญตั วิ ชิ าชีพ
เวชกรรม
• พระราชบัญญัติวชิ าชพี
เภสชั กรรม พ.ศ. ๒๕๓๗
๒๑
ประเด็น สภาพปญั หาอุปสรรค จดุ เน
(นโยบ
๖.การวจิ ยั พัฒนา รกั ษากับการแพทย์แผนปจั จุบนั สง่ ผลใหก้ าร
นวัตกรรมและ บริการทางการแพทย์แผนไทยและการใช้ จุดเน้นย
ทรัพย์สินทางปญั ญา ผลติ ภณั ฑส์ มนุ ไพรในการรักษามีนอ้ ย วิจยั และ
• จานวนการจดทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา ยงั มนี ้อย สว่ น ไทยสร้า
ใหญ่เปน็ อนสุ ทิ ธบิ ตั ร แตแ่ นวโนม้ ลดลง เน่อื งจาก เศรษฐก
ขาดนวตั กรรม ขาดความตระหนัก ไม่มศี กั ยภาพ
ในการเขยี นสทิ ธบิ ตั ร ความเข้าใจในการยืน่ ฯ
• ผู้ประกอบการสมนุ ไพรรายย่อยมีเงินทุนในการ
วิจัยและพฒั นาผลติ ภณั ฑ์สมนุ ไพรไม่เพยี งพอ
• งานวิจยั ดา้ นการผลติ สารสกดั จากธรรมชาตมิ ี
จานวนคอ่ นขา้ งมาก แตเ่ ข้าถึงยาก และยังไม่
สามารถพัฒนาเปน็ ยาที่ขนึ้ ทะเบยี นได้
• ขาดความต่อเน่ืองของระบบให้ทุนวจิ ยั โดยเฉพาะ
งานวิจยั ดา้ นคลนิ ิก
๑๓ กฎหมายท่เี กยี่ วขอ้ ง ทิศทางในการพฒั นา
ข้อเสนอเชิงนโยบาย
นน้ ทางยทุ ธศาสตร์
บายสมนุ ไพรแห่งชาต)ิ
ยุทธศาสตรท์ ี่ ๘ การ • พระราชบัญญัตสิ ง่ เสรมิ • พัฒนา ระเบียบ
ะนวตั กรรมสมนุ ไพร
างมูลคา่ เพิม่ ทาง การใช้ประโยชน์ ข้อบงั คบั และเงื่อนไข
กิจ
ผลงานวิจยั และ ของแหลง่ ทุน กากบั ดแู ล
นวัตกรรม พ.ศ. ๒๕๖๔ ใหเ้ ป็นหน้าท่ขี องนกั วิจัย
หรือผู้รบั ทนุ ในการ
นาเข้าข้อมูลผลการวจิ ัย ๒๒๑
และนวัตกรรมใหร้ วดเรว็
ครบถว้ น และมี
สาระสาคญั ตามที่
กาหนด
• การบริหารกฎหมาย
และ การตดิ ตาม
ประเมนิ ผลสมั ฤทธิ์
• พระราชบญั ญตั สิ ง่ เสริม • ประเมินผลสัมฤทธใิ์ น
การลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ การปรับปรุง พฒั นา
กฎระเบยี บ สนบั สนุน
การวิจยั พัฒนา และ
อตุ สาหกรรมสารสกดั
• พระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครอง • ทบทวนและปรับปรงุ
และส่งเสรมิ ภมู ิปัญญา ระเบยี บคณะกรรมการฯ
การแพทยแ์ ผนไทย พ.ศ. วา่ ดว้ ยการบรหิ าร การ
๒๕๔๒ ใช้จา่ ยเงนิ กองทนุ
คมุ้ ครองฯ
ประเดน็ สภาพปัญหาอปุ สรรค ๒๑
จุดเน
(นโยบ
๗. การกากบั ดูแล • การข้ึนทะเบยี นผลติ ภณั ฑส์ มนุ ไพร ใช้เวลา จุดเน้นเ
การคมุ้ ครองผูบ้ รโิ ภค เตรียมการนาน เนอ่ื งจาก มีขอ้ กาหนด มาตรฐาน การสง่ เ
และ อภบิ าลระบบ ขอ้ ห้าม และ เอกสารตา่ ง ๆ จานวนมาก การใชป้
ผลิตภณั
• กระบวนการขออนุญาต การดาเนนิ การต่าง ๆ ประสิท
ของภาครฐั ทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั สมนุ ไพรและผลติ ภณั ฑ์
และการปรบั ปรงุ หรือ พัฒนากฎหมาย ระเบยี บ
ไมท่ ันสถานการณ์
๑๔
น้นทางยทุ ธศาสตร์ กฎหมายทเ่ี กีย่ วข้อง ทศิ ทางในการพฒั นา ๒๒๒
บายสมนุ ไพรแหง่ ชาติ) • พระราชบญั ญตั สิ ทิ ธบิ ัตร ข้อเสนอเชงิ นโยบาย
เชิงยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๕ พ.ศ. ๒๕๒๒ • เพิ่มหมวด : หมวด...
เสริมการเขา้ ถึงและ การส่งเสรมิ กระบวนการ
ประโยชนจ์ าก • ประมวลกฎหมายยาเสพ ขอรบั สทิ ธบิ ตั ร
ณฑส์ มนุ ไพรอยา่ งมี ติด พ.ศ. ๒๕๖๔
ทธภิ าพ • ระบุให้มหี น่วยงานที่
• รา่ งพระราชบญั ญตั ิพืช รบั ผดิ ชอบหนา้ ทสี่ ง่ เสริม
กระท่อม พ.ศ. .... ชดั เจน และกาหนดใหม้ ี
การจดั ต้ังงบประมาณ
• ร่างพระราชบญั ญัติ ขึ้นมาเฉพาะ
กญั ชา กัญชง พ.ศ. ....
• ลดทอนการกากับดแู ลให้
• พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บ เหมาะสมกับความเสย่ี ง
บริหารราชการแผน่ ดนิ สง่ เสรมิ ให้เกิดการใช้
ประโยชนท์ างเศรษฐกจิ
และทางการแพทย์ จาก
พืชสมุนไพรใหม่ สมดุล
กับมาตรการจัดการ
ความเสยี่ งในการ
นาไปใช้ในทางท่ีไม่
เหมาะสม
• นาแนวคดิ เรอ่ื ง
Regulatory Sandbox
มาใช้ เพอื่ ผอ่ นปรนการ
ใชป้ ระโยชนภ์ ายใต้การ
กากบั ดแู ลวิธกี ารใหม่ ๆ
มาบัญญตั ไิ ว้ในกฎหมาย
การจัดตั้งหน่วยบรกิ าร
รูปแบบพเิ ศษ ภายใตก้ ากบั
ฯ เพ่อื ให้เกิดความคล่องตัว
ประเด็น สภาพปัญหาอุปสรรค ๒๑
จดุ เน
(นโยบ
๑๕
นน้ ทางยุทธศาสตร์ กฎหมายทีเ่ กยี่ วข้อง ทศิ ทางในการพัฒนา
บายสมนุ ไพรแห่งชาต)ิ ข้อเสนอเชงิ นโยบาย
(ฉบับท่ี ๗) พ.ศ. ๒๕๕๐
(มาตรา ๔๐/๑) ในกระบวนการอนมุ ตั ิ
อนญุ าต และ สง่ เสริมการ
• พระราชบญั ญัตสิ ุขภาพ ประกอบการ
แหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐
ทบทวน มติสมชั ชาสขุ ภาพ
แหง่ ชาติ /ธรรมนญู สุขภาพ
เกย่ี วกบั การแพทย์แผนไทย
สมุนไพรไทย ใหม้ ี
คณะกรรมการขับเคลอ่ื น
ติดตามประเมิน ตอ่ เนอ่ื ง
๒๒๓
๒๒๔
๔.๓ ภาพรวมของกฎหมายท่เี ก่ียวขอ้ งกับสมนุ ไพร
ยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพร ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สาคัญที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการดูแล
บรรเทาความเจ็บป่วยของประชาชนในฐานะผู้บริโภคสินค้าและบริการ จึงจาเป็นต้องมีกฎหมาย
ระเบียบและประกาศในการควบคุมและดูแลการดาเนินงานของหน่วยงานและบุคลากรที่เก่ียวข้อง
ตลอดห่วงโซ่คุณค่าของผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้ผลิตภัณฑ์ท่ีมีคุณภาพ ปลอดภัย
และได้มาตรฐาน นอกจากนี้กฎหมายยังมีส่วนช่วยในการสนับสนุน ส่งเสริม และควบคุมผลิตภัณฑ์
สมุนไพร ตลอดจนส่งผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าท้ังในและต่างประเทศอีกด้วย
ปัจจุบันไทยมีกฎหมายอยู่หลายฉบับทั้งที่ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาแล้วและอยู่ระหว่าง
การรอประกาศ ซ่ึงในการศึกษาพิจารณาน้ีได้แบ่งกลุ่มกฎหมายที่สาคัญออกเป็น ๗ ด้าน ที่สนับสนุน/
สง่ เสริมและกากบั ดแู ลดา้ นตา่ ง ๆ อันจะนาไปสู่การพลกิ โฉมสมุนไพร ได้แก่
๔.๓.๑ ด้านวจิ ัยพัฒนาผลิตภณั ฑแ์ ละทรพั ย์สนิ ทางปัญญา
๔.๓.๑.๑ พระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตก รรม
พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้บัญญัติขึ้นเพื่อส่งเสริมการนาผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในมิติต่าง ๆ
ตลอดจนแก้ปัญหาเร่ืองสิทธิความเป็นเจ้าของผลงานวิจัยระหว่างหน่วยงานให้ทุนกับผู้รับทุน
เพื่อสร้างแรงจูงใจให้มีการนาผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ อันจะเป็นการต่อยอดการวิจัย
และตอ่ เศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยสาระสาคญั ของกฎหมายน้ี ไดแ้ ก่
๑) ใหผ้ รู้ ับทนุ สามารถเป็นเจา้ ของผลงานวิจัยทไ่ี ดร้ บั ทุนสนบั สนนุ จากรัฐได้
๒) กาหนดหลักเกณฑ์ในการโอนผลงานวิจัยและนวัตกรรมของผู้เป็นเจ้าของ
ผลงานใหแ้ ก่บุคคลอ่นื และหน้าท่ีของผ้รู ับโอนผลงาน
๓) ให้ผู้เป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรมต้องใช้ประโยชน์ บริหารจัดการ
และรายงานผลการใช้ประโยชนต์ อ่ ผู้ใหท้ นุ
๔) ให้ผู้ท่ปี ระสงคจ์ ะใชป้ ระโยชน์ผลงานวจิ ัยและนวตั กรรม สามารถขออนญุ าต
ใชป้ ระโยชนไ์ ดโ้ ดยเสนอเงอ่ื นไขและค่าตอบแทน
๕) กาหนดหนว่ ยงาน วิธีการส่งเสรมิ และการจัดสรรเงินค่าตอบแทนแกน่ ักวจิ ยั
เพอ่ื ส่งเสริมการนาเทคโนโลยที เี่ หมาะสมไปใชป้ ระโยชนใ์ นวงกวา้ ง
๔.๓.๑.๒ พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้บัญญัติข้ึนเพ่ือให้มีมาตรการคุ้มครองและส่งเสริมให้เอกชน ชุมชน และองค์กรเอกชน
ตระหนกั ถงึ คณุ คา่ ของภูมิปัญญาการแพทยแ์ ผนไทยและสมนุ ไพร และมีสว่ นรว่ มในการอนรุ กั ษพ์ ฒั นาและ
ใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยสาระสาคัญของกฎหมายน้ี ได้แก่ กาหนดให้มีคณะกรรมการคุ้มครองและ
สง่ เสริมภูมิปญั ญาการแพทย์แผนไทย ซ่งึ มีอานาจหน้าที่ในการส่งเสริมและพัฒนาการใชป้ ระโยชน์จากภูมิ
ปัญญาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร กาหนดการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
กาหนดประเภท ลักษณะ ชนิด และชื่อของสมุนไพรที่มีค่าต่อการศึกษา/วิจัย หรือมีความสาคัญ
ทางเศรษฐกิจหรืออาจจะสูญพันธุ์ ให้เป็นสมุนไพรควบคุมเพ่ือประโยชน์ในการคุ้มครองสมุนไพร
และใหม้ ีการจดั ตั้งกองทุนภูมปิ ัญญาการแพทยแ์ ผนไทยขนึ้ อีกดว้ ย
๒๒๕
๔.๓.๑.๓ พระราชบัญญัติสิทธิบัต ร พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้บัญญัติข้ึนเพ่ือส่งเสริม
ให้มีการค้นคว้าวิจัยและประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์หรือกรรมวิธีใด ๆ ข้ึนใหม่ รวมท้ังการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่
โดยผู้ประดิษฐ์หรือออกแบบผลิตภัณฑ์จะได้รับการคุ้มครองการประดิษฐ์หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์น้ัน ๆ
ด้วยการห้ามมิให้บุคคลอ่ืนลอกเลียน หรือเลียนการประดิษฐ์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์
โดยผู้ทรงสิทธิบัตรไม่ได้ค่าตอบแทน โดยสาระสาคัญของกฎหมายนี้ คือ ให้มีการกาหนดเกี่ยวกับ
สิทธิบัตรการประดษิ ฐ์ ทั้งการขอรบั สทิ ธิบตั รในการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ การประดิษฐ์ที่มีขั้นตอนการประดิษฐ์
สงู ขึ้น และการประดษิ ฐ์ที่สามารถประยุกต์ในทางอุตสาหกรรม โดยให้สทิ ธบิ ัตรการประดษิ ฐท์ ั้งสิทธิบัตร
ผลิตภัณฑ์และสิทธิบัตรกรรมวิธี มีอายุย่ีสิบปีนับแต่วันขอรับสิทธิบัตรในราชอาณาจักร การกาหนด
อนุสิทธิบัตร การกาหนดให้มีคณะกรรมการสิทธิบัตรซึ่งมีอานาจหน้าที่ให้คาแนะนาหรือคาปรึกษา
แก่รัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติน้ี การวินิจฉัยอุทธรณ์คาส่ังหรือคาวินิจฉัย
ของอธิบดเี กย่ี วกบั สทิ ธิบตั รและอนุสิทธิบัตร
๔.๓.๑.๔ พระราชบัญญัติคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้บัญญัติข้ึน
เพื่อส่งเสริมให้มีการพัฒนาคุณภาพของสินค้าที่ผลิตในท้องถิ่นให้ดีข้ึน ซ่ึงเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา
ทางการค้าของประเทศ โดยการคุ้มครองดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้ผู้ผลิตในท้องถ่ินมีความต้องการ
ที่จะเสริมสร้างภาพพจน์สินค้าของตน และป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคสับสนในแหล่งภูมิศาสตร์ของสินค้า
โดยมีสาระสาคัญ คือ การกาหนดคานิยมของ “ส่ิงบ่งช้ีทางภูมิศาสตร์” ซึ่งมุ่งเน้นตัวสินค้าเป็นสาคัญ
และยังมีการกาหนดคาขอข้ึนทะเบียนส่ิงบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ การกาหนดบทลงโทษในกรณีท่ีไม่ปฏิบัติ
ตามเงื่อนไขหรือกระทาการใด ๆ โดยมิชอบ รวมไปถึงกาหนดให้มีคณะกรรมการส่ิงบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์
ซ่ึงประกอบด้วยบุคคลจากหลายฝ่ายท้ังภาครัฐและเอกชน
๔.๓.๑.๕ พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้บัญญัติขึ้นเพ่ือเพ่ิม
ประสทิ ธภิ าพและความคุ้มค่าในการให้สทิ ธแิ ละประโยชนด์ า้ นภาษีอากรของรัฐ และเพอ่ื ใหค้ ณะกรรมการ
ส่งเสริมการลงทุนมีความคล่องตัวและยืดหยุ่นมากข้ึนในการให้สิทธิและประโยชน์ตามความเหมาะสม
ของสภาวะทางเศรษฐกิจและสภาวะด้านการคลังของรัฐ โดยมีสาระสาคัญ ได้แก่ การกาหนด
ให้มีคณะกรรมการส่งเสรมิ การลงทนุ ที่สามารถมอบอานาจให้สานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
มีอานาจหรือการกระทาใด ๆ แทนได้ ซึ่งสานักงานดังกล่าวมีหน้าที่ส่งเสริมให้มีการลงทุนในประเทศ
รวมถึงการอานวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้สนใจการลงทุน ตลอดจนมีหน้าที่วิเคราะห์
โครงการส่งเสริมการลงทุน นอกจากน้ียังมีการกาหนดข้อพิจารณาสาหรับโครงการที่จะมีสิทธิ์ได้รับสิทธิ
และประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุน ทั้งหมดน้ีเพ่ือให้ความม่ันใจแก่ผู้ลงทุนผ่านการกาหนดระบบ
การใหส้ ิทธิและประโยชน์ทเ่ี หมาะสมสาหรับการจงู ใจให้มีการลงทนุ ในกิจการท่รี ัฐให้การส่งเสรมิ
๔.๓.๒ ด้านมาตรฐานกระบวนการ วัตถุดิบ ผลิตภณั ฑ์
๔.๓.๒.๑ พระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้บัญญัติข้ึนเพื่อเป็น
กลไกในกาหนดมาตรฐานและการตรวจสอบรับรองมาตรฐานสนิ ค้าเกษตร เพ่อื สง่ เสรมิ สินค้าสินคา้ เกษตร
ให้ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยหรือเพ่ือป้องกันความเสียหายอันอาจจะเกิดแก่ประชาชน
หรอื แก่กจิ การค้าสินค้าเกษตรหรือเศรษฐกิจของประเทศ โดยสาระสาคัญของกฎหมายนี้ คือ กาหนดให้
มีคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตรเพ่ือเป็นกลไกในการขับเคล่ือนนโยบาย แผนงานและมาตรการ
เกี่ยวกับการส่งเสริมและดาเนินการเกีย่ วกบั มาตรฐานสนิ คา้ เกษตร นอกจากนย้ี งั มีการกาหนดให้
๒๒๖
๑) สานักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ มีอานาจมอบหมาย
ให้หน่วยงานอื่นของรัฐมีอานาจออกใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นาเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐาน
บังคบั
๒) ผู้ผลิตสินค้าเกษตรบางขนาดหรือลักษณะของกิจการซึ่งได้รับการยกเว้น
ไม่ต้องได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต หรือได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอรับการตรวจสอบและได้รับใบรับรอง
ตามมาตรฐานบังคบั จากผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน
๓) สานักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติมีอานาจให้ความ
เห็นชอบผู้ตรวจสอบและรับรองมาตรฐานของต่างประเทศที่ไม่มีข้อตกลงหรือความร่วมมือระหว่าง
ประเทศเก่ียวกบั การยอมรับผลการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานซ่งึ กนั และกนั ได้
มาตรฐานวัตถุดิบพืชสมนุ ไพรสามารถนาไปใช้เปน็ เครื่องมอื ในการขบั เคลอ่ื นตามนโยบายของ
ภาครัฐที่ส่งเสริมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมสมุนไพร ภายใตแ้ ผนแม่บทว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย
ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๕ ทีค่ รอบคลุมการพัฒนาสมุนไพรไทยต้งั แต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง เพอื่ ผลักดนั
ให้ประเทศไทยเป็นประเทศส่งออกวัตถุดิบสมุนไพรคุณภาพและผลิตภัณฑ์สมุนไพรชั้นนาของภูมิภาค
อาเซยี น เป็นการเพิม่ ขีดความสามารถในการแขง่ ขันของสมนุ ไพรไทยอย่างตอ่ เน่อื งและเป็นระบบ
๔.๓.๒.๒ พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ได้บัญญัติข้ึน
เพื่อให้มีการกาหนดมาตรฐานเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมอุตสาหกรรม รวมทั้งความปลอดภัย
ป้องกันความเสียหายท่ีอาจจะเกิดกับประชาชน กิจการอุตสาหกรรม ตลอดจนเศรษฐกิจของประเทศ
โดยสาระสาคัญของกฎหมายนี้ คือ กาหนดให้มีการจดั ต้งั สานกั งานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อตุ สาหกรรมข้ึน
ในกระทรวงอุตสาหกรรม และให้มีคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ซึ่งมีอานาจหน้าที่
ที่เกี่ยวขอ้ งกับการขออนุญาต การตรวจสอบ และการออกใบอนุญาตใหเ้ ป็นไปตามหลกั เกณฑ์และวิธกี าร
ท่กี าหนดในกฎกระทรวง รวมท้งั บทลงโทษตา่ ง ๆ
๔.๓.๒.๓ พระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าขาออก พ.ศ. ๒๕๐๓ ได้บัญญัติขึ้นเพื่อให้มี
กฎหมายควบคุมและกากับดูแลสินค้าขาออกของไทยให้มีมาตรฐาน ท้ังในด้านคุณภาพ (ชนิด น้าหนัก
ปริมาณ สิ่งเจือปน) การบรรจุ (หุ้มห่อ ผูกมัด) หรือความถูกต้องตามสภาพของสินค้า เป็นต้น ให้เป็นท่ี
เช่อื ถือในต่างประเทศและเพม่ิ ขีดความสามารถในการแขง่ ขันของประเทศ โดยสาระสาคัญของกฎหมาย
น้ี คือ กาหนดให้มีการจดั ต้ังคณะกรรมการมาตรฐานสนิ ค้า ซงึ่ มีอานาจหน้าทเี่ กี่ยวกับข้อกาหนดมาตรฐาน
สนิ คา้ การค้าขาออก การประกอบธรุ กจิ ตรวจสอบมาตรฐานสนิ ค้า ผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินคา้ พนักงาน
ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า การตรวจสอบมาตรฐานสินค้าและการออกใบรับรองมาตรฐานสินค้า อานาจ
หน้าที่ของพนักงานเจา้ หน้าที่ และบทกาหนดโทษตา่ ง ๆ ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง
๔.๓.๒.๔ พระราชบัญญัติพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๐ ได้บัญญัติข้ึน
เนื่องจากงานในด้านพัฒนาระบบมาตรวิทยาของประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานหลักรับผิดชอบแล ะ
ดาเนินการ ทาให้การวัดการตรวจสอบ การทดสอบ และการสอบเทียบเคร่ืองมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ
ที่มีความสาคัญต่อการผลิตและการควบคุมคุณภาพยังไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลอันเป็นท่ียอมรับ
ของนานาประเทศ ดังนั้นกฎหมายฉบับนี้จึงมีสาระสาคัญในการกาหนดให้มีมาตรการในการสร้างระบบ
และมาตรฐานด้านมาตรวิทยาของประเทศโดยสอดคล้องกับหลักปฏิบัติของมาตรวิทยาทางฟิสิกส์
ทางเคมีและ ชีวภาพให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด ต่อการพัฒนาคุณภาพ
๒๒๗
ของบริการทางการแพทย์ อุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมเกษตร ซึง่ ล้วนแต่เป็น
ปัจจัยสาคัญท่ีส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน และความสามารถในการแข่งขัน
ของภาคอุตสาหกรรม หลักของประเทศ รวมท้ังกาหนดให้มีคณะกรรมการมาตรวิทยาแห่งชาติ
ซ่ึงเป็นอานาจหน้าท่ีของสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ และการใช้จ่ายเงินกองทุน เพื่อการพัฒนาระบบ
มาตรวิทยา เพ่ือใหก้ ารดาเนินงานของสถาบนั มาตรวทิ ยาแห่งชาตเิ ป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพมากย่งิ ขนึ้
๔.๓.๓ ดา้ นการเข้าถงึ วตั ถดุ ิบสมุนไพรจากธรรมชาติ
๔.๓.๓.๑ พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธ์ุพืช พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้บัญญัติข้ึนเพื่อส่งเสริม
ให้มีการพัฒนาและปรับปรุงพันธ์ุพืชใหม่ ๆ เพ่ิมเติมด้วยการคุ้มครองตามกฎหมาย เพ่ือส่งเสริม
การอนุรกั ษแ์ ละพัฒนาการใช้ประโยชนจ์ ากพันธุ์พืชพ้นื เมอื งเฉพาะถิ่น พันธ์ุพืชพื้นเมืองทั่วไป และพนั ธ์พุ ืชป่า
รวมทั้งส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่างย่ังยืน โดยสาระสาคัญ
ของกฎหมายน้ี ได้กาหนดให้ ผู้รับปฏิบัติ คือ สานักคุ้มครองพันธ์ุพืช กรมวิชาการเกษตร ประกอบด้วย
๘ หมวด ๖๙ มาตรา จาแนกพนั ธุ์พืชเปน็ ๔ ประเภท คือ ๑) พันธุ์พืชใหม่ ๒) พันธุ์พืชพ้ืนเมืองเฉพาะถ่ิน
มกี ารคุ้มครองทรพั ย์สนิ ทางปัญญาดว้ ยระบบจดทะเบยี น ๓) พันธุพ์ ืชพนื้ เมืองท่ัวไป (พนั ธ์ุการค้าในตลาด/
พันธ์ุของรัฐ/พันธุน์ าเข้าทีไ่ ม่ได้จดทะเบยี น/พันธดุ์ ้ังเดิม) และ ๔) พันธุพ์ ชื ปา่ เป็นการคุ้มครองเชิงอนรุ ักษ์
มีการควบคมุ ระบบการเข้าถึง (การเก็บ จดั หา รวบรวม เพอื่ ใชใ้ นการศกึ ษา ทดลอง วิจยั หรอื ปรับปรุงพนั ธพุ์ ชื )
และต้องแบ่งปันผลประโยชน์ นอกจากนี้ยังกาหนดให้มีคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืชมีอานาจหน้าท่ี
ในการวางระเบียบที่เก่ียวข้องกบั การศึกษา ทดลอง วจิ ัยและพฒั นาพนั ธพ์ุ ืช กาหนดลักษณะของพันธุ์พืช
และกระบวนการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ ท่ีเป็นประโยชน์ต่อการปลูก การบริโภค เภสัชกรรม การผลิต
ตลอดจนการแปรรูป กาหนดสิทธิขอรับความคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ที่ได้จากการปรับปรุงพันธุ์พืช
การคุม้ ครองพันธ์ุพืชพืน้ เมอื งเฉพาะถนิ่ พนั ธ์พุ ืชพืน้ เมอื งทว่ั ไป และพันธุ์พชื ป่า หมวดท่เี กย่ี วขอ้ งโดยตรงกบั
พืชสมุนไพร คือ หมวดท่ี ๓ การคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ หมวดที่ ๔ การคุ้มครองพันธุ์พืชพื้นเมืองเฉพาะถ่ิน
หมวดท่ี ๕ การคุ้มครองพนั ธ์ุพชื พืน้ เมืองท่วั ไป และพันธุพ์ ชื ปา่
กฎหมายน้ีตราไว้ให้สอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศตามที่ประเทศ
ได้เป็นภาคีสมาชิก คอื อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention of Biological
Diversity: CBD) ประเทศไทยได้ร่วมเป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
ลาดับที่ ๑๘๘ จากประเทศภาคี ๑๙๓ ประเทศ วัตถุประสงค์ของอนุสัญญาฯ เพื่อการอนุรักษ์
ความหลากหลายทางชีวภาพ และเพื่อการใช้ประโยชน์องค์ประกอบของความหลากหลายทางชีวภาพ
อย่างย่งั ยืน ตลอดจนการแบ่งปันผลประโยชน์จากการใช้ทรพั ยากรพันธกุ รรมอยา่ งยุติธรรมและเท่าเทยี ม
และได้วางมาตรการต่าง ๆ ในการคุ้มครองส่งิ มีชีวิตทห่ี ลากหลาย รวมถึงพืชสมนุ ไพรซึง่ อนุสัญญากาหนด
แนวทางการดาเนนิ การคุ้มครองชนิดพนั ธ์พุ ืชแก่รฐั ภาคีแต่ละประเทศใหน้ าไปปฏิบัติ ซึ่งคุ้มครองชนิดพนั ธ์ุ
พืชเดิมไม่ใหถ้ ูกคุกคามและรวมถึงการฟื้นฟชู นิดพนั ธ์ุพชื ท่ถี ูกคุกคามหรือคุกคามไปแลว้ ใหก้ ลบั สสู่ ภาพเดมิ
ซึง่ แนวทางการอนรุ ักษ์ไม่เฉพาะพืชท่ีขึ้นในพื้นถนิ่ น้นั ๆ แต่ยังสามารถอนรุ กั ษ์ในสถานท่ีอ่ืนทไี่ ม่ได้กระทา
ในโรงเพาะเลี้ยง เช่น รูปธนาคารยีน การผสมพนั ธเ์ุ ทียม การเก็บในรปู แบบเน้ือเยื่อในหลอดแก้ว เป็นต้น
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก และสานักงานนโยบาย
และแผนทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม เป็นหนว่ ยงานประสานงานหลัก
๒๒๘
จากพันธกรณีดังกล่าว นามาสู่การตราพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธ์ุพืช
พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในด้านการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการใช้
ประโยชน์อย่างย่ังยืนและมีการกาหนดการแบ่งปันผลประโยชน์ ท่ีรับผิดชอบโดยกรมวิชาการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีเน้ือหาบางส่วนในพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒
หมวดท่ี ๔ การใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ มาตรา ๓๔ มีหลักการคล้ายกับพระราชบัญญัติ
คุ้มครองพันธ์ุพืช พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยต้องได้รับอนุญาตและมีการแบ่งปันผลประโยชน์ อย่างไรก็ตาม
การจัดทาบัญชีความหลากหลายทางชีวภาพของพืชและการใช้ประโยชน์สาหรับเป็นข้อมูลประกอบการ
บังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธ์ุพืช พ.ศ. ๒๕๔๒ และเพื่อดาเนินการให้เป็นไปตามพันธะกรณี
ยังขาดแคลน และปัจจุบันได้มีร่างพระราชบัญญัติความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. .... เกิดข้ึน จัดทา
โดยสานักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฐานะหน่วยงานประสานงานกลาง
แหง่ ชาตขิ องอนุสญั ญาวา่ ด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ซง่ึ ขณะน้ีอย่รู ะหวา่ งการดาเนินการ
นอกจากน้ียังมี อนุสั ญญา ว่าด้ วยก าร ค้าร ะหว่ างป ระเ ทศซ่ึ งชนิ ดสัต ว์ป่ า
และพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species
of Wild Fauna and Flora: CITES) ประเทศไทยเป็นสมาชิก ลาดับท่ี ๘๐ คณะกรรมการ CITES
ในประเทศไทย สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมอบหมายให้ส่วนราชการมีหน้าที่โดยตรง
และดูแลชนิดพันธุ์ท่ี CITES ควบคุม โดย สัตว์ป่า พืชป่า ของป่า อยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้
และพืชอยู่ในความรับผิดชอบของกรมวิชาการเกษตร และสัตว์นา้ อยู่ในความรับผิดชอบของกรมประมง
วัตถุประสงค์ของ CITES คือการอนุรักษ์เพื่อประโยชน์แห่งมวลมนุษยชาติโดยเน้นทรัพยากรสัตว์ป่า
และพืชป่าท่ีใกล้สูญพันธ์ุหรือถูกคุกคามไม่ให้มีปริมาณลดลงจนสูญพันธ์ุ ซ่ึงพืชสมุนไพรเป็นหน่ึงในพันธ์ุพืช
ท่คี วบคุมระบบการควบคุมคือต้องมีใบอนญุ าตในการนาเข้า (Import) ส่งออก (Export) นาผา่ น (Transit)
และส่งกลับออกไป (Re-export) แบ่งออกเป็น ๓ บัญชี คือ ชนิดพันธ์ุบัญชีหมายเลข ๑ ห้ามค้าโดย
เด็ดขาดเน่ืองจากใกล้สูญพันธ์ุยกเว้นเพื่อการศึกษา วิจัย และเพาะพันธุ์ ท้ังนี้ต้องได้รับความยินยอมจาก
ประเทศ ที่จะนาเข้าเสียกอ่ น ประเทศส่งออกจึงจะออกใบอนญุ าตส่งออกใหไ้ ด้ ซึง่ จะตอ้ งคานงึ ถงึ ความอยู่
รอดของชนิดพันธ์ุนั้น ชนิดพันธุ์ในบัญชีหมายเลข ๒ เป็นชนิดที่ไม่ถึงใกล้จะสูญพันธ์ุจึงอนุญาต
ให้ค้าได้แต่ต้องควบคุมไม่ให้เกิดความเสียหายหรือลดปริมาณลงอย่างรวดเร็วจนถึงจุดใกล้จะสูญพันธุ์
โ ด ย ป ร ะ เ ท ศ ที่ จ ะ ส่ ง อ อ ก ห นั ง สื อ อ นุ ญ า ต ใ ห้ ส่ ง อ อ ก แ ล ะ รั บ ร อ ง ว่ า ก า ร ส่ ง อ อ ก แ ต่ ล ะ ค รั้ ง จ ะ ไ ม่
กระทบกระเทือนต่อการดารงอยู่ของชนิดนั้น ชนิดพันธ์ุในบัญชีหมายเลข ๓ เป็นชนิดพันธุ์ท่ีได้รับ
การคุม้ ครองตามกฎหมายของประเทศใดประเทศหนึ่งและขอความร่วมมือประเทศภาคใี ห้ช่วยดูแลการนาเข้า
ต้องมีหนังสือรับรองการส่งออกจากประเทศถ่ินกาเนิด ซ่ึงพืชในบัญชี CITES มีประมาณ ๓๐,๐๐๐ ชนิด
โดย ๓๖๕ ชนิด มีการใช้ประโยชน์ในด้านสมุนไพร อาหารเสริม เครื่องสาอาง เช่น กฤษณา ระย่อม
โกฐกระดูก กล้วยไม้ กระบองเพชร และโสม ประเทศไทยได้ดาเนินการตามพันธะกรณีในฐานะภาคี
สมาชิก มีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องพืชอนุรักษ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ กาหนดพืชอนุรักษ์
ตามบัญชี CITES ดังน้ันการค้าวัตถุดิบสมุนไพรโดยเฉพาะการนาเข้า-ส่งออก เพื่อใช้เป็นตัวยา
ในยาสมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรในรูปแบบอ่ืนไม่ว่าจะในปริมาณเพียงเล็กน้อย ต้องศึกษาก่อนว่า
พืชสมุนไพรน้ันอยู่ในบัญชีพืชอนุรักษ์หรือไม่ดังเช่นในกรณีสมุนไพรที่เป็นส่วนผสมในยาหอม ท่ีประเทศ
เนเธอแลนด์ห้ามนาเข้ายาหอม เน่ืองจากตรวจพบว่ามีส่วนผสมท่ีเป็นพืชอนุรักษ์ในบัญชีที่ ๑
๒๒๙
ตามอนุสัญญา CITES น่นั คือ โกฐกระดกู มีการปลูกมากในประเทศจีน อินเดีย เนปาล ภฏู าน และมีการนาเข้า
จากประเทศจนี ซ่ึงตอ้ งมีใบอนุญาตเคลื่อนยา้ ยและนาออก เพอ่ื ใหป้ ระเทศปลายทางอนุญาตเข้าประเทศ
จะเห็นได้ว่าเจตนารมณ์ของกฎหมายเพ่ือการคุ้มครองพันธุ์พืชไม่ให้สูญหาย
รกั ษาทรัพยากรธรรมชาติไม่ให้ขาดแคลนและมีใช้อยา่ งย่ังยืน โดยการจากัดการเขา้ ถึงและการแบ่งปัน
ผลประโยชน์ พันธ์ุพืชพ้ืนเมืองเฉพาะถิ่น พันธ์ุพืชพื้นเมืองท่ัวไป และพันธุ์พืชป่า เพ่ือไม่ให้เกิดกรณี
Bio-piracy หรือ โจรสลัดชีวภาพ คือบุคคลท่ีเข้ามาแสวงผลประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพและ
ภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยไม่ได้ขออนุญาตหรือมีการแบ่งปันผลประโยชน์แก่ผู้เป็นเจ้าของอย่างเป็นธรรม
อย่างในกรณีตัวอย่างเปล้าน้อยมีสรรพคุณรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลาไส้มีบริษัทต่างประเทศ
จดสิทธิบัตรและผลิตยารักษาโรคกระเพาะจาหน่าย หรืออีกในหลายกรณีที่เข้าข่ายนี้ทาให้ประเทศไทย
เสียโอกาสเนื่องจากประเทศท่ีได้เปรียบในเรื่องเทคโนโลยีชีวภาพส่งผลกระทบต่อ โอกาสทางการค้า
นอกจากความหลากหลายทางชวี ภาพในประเทศไทยทอี่ าจถกู คุกคาม ภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่นท่ีเป็นองค์ความรู้
เก่ยี วข้องกับการใช้สมุนไพรกเ็ ปน็ ท่ีจับตามองและใชเ้ ป็นความรพู้ ื้นฐานพัฒนาตอ่ ยอด/แนวทางการพฒั นา
ยาและเกิดเป็นกรณีโจรสลัดชีวภาพที่ผ่านมา จึงได้เกิดเป็นร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริม
ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้ึน มีหลักการเช่นเดียวกับพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช
พ.ศ. ๒๕๔๒ และพระราชบญั ญัติอื่น ๆ ที่มพี ้ืนฐานจากพันธกรณจี ากอนสุ ญั ญาทีเ่ กีย่ วขอ้ ง
๔.๓.๓.๒ พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็นกฎหมายที่ถูกบัญญัติข้ึน
โดยมีเจตนารมณ์ในการอนุรักษ์คุ้มครองป่าไม้ ไม่ให้มีการบุกรุกโดยอาศัยช่องว่างทางกฎหมาย
ในการบุกรุกทาให้ป่าเสื่อมโทรม ซึ่งตามมาตร ๔ “ป่า” หมายถึง ที่ดินใดที่เอกชนไม่ได้มีกรรมสิทธ์ิ
หรือสิทธิครอบครองตามกฎหมายที่ดินถือว่าที่ดินเหล่าน้ันยังคงเป็นป่าอยู่ ส่วนกรณีที่ดินที่มีบุคคลได้มา
ตามกฎหมายท่ีดินแล้ว ที่ดินน้ันย่อมไม่เป็นป่า เช่น ท่ีดินที่มีหนังสือแสดงกรรมสิทธ์ิ ได้แก่ โฉนดที่ดิน
โฉนดแผนท่ี โฉนดตราจองและตราจองทตี่ ราว่า “ไดท้ าประโยชนแ์ ล้ว” โดยมีสาระสาคัญ คือ การจะเข้า
ไปทาไม้หวงห้ามในป่า เก็บหาของป่าหวงห้าม หรือแผ้วถางป่า ต้องขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
กอ่ น มเิ ช่นนัน้ จะมีความผิดตามพระราชบัญญัตปิ า่ ไม้ เวน้ แต่เปน็ การทาไม้หวงห้ามในปา่ โดยอาศยั อานาจ
ตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๕๘๔ คือ พนักงานเจ้าหน้าท่ีกระทาไปเพื่อประโยชน์
ในการบารุงป่า การค้นคว้า หรือการทดลองในทางวิชาการ หรือผู้เก็บหาเศษไม้ปลายไม้ตายแห้ง
ทลี่ ้มขอนนอนไพร
๔.๓.๓.๓ พระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้บัญญัติข้ึนเพื่อมุ่งหมายให้ชุมชน
ได้ประโยชน์จากป่าชุมชนเกิดเจตคติในการดูแลรักษาและจัดการป่าชุมชนร่วมกับรัฐ เพ่ือปอ้ งกันการบุก
รกุ ทาลายป่า รักษาฟ้ืนฟทู รัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมให้สมบูรณ์ย่ังยืนอยู่เป็นมรดกทางธรรมชาติ
ของประเทศและมนุษยชาติสืบไป รวมท้ังมุ่งหมายเพื่อกาหนดสาระแห่งสิทธิของชุมชนในการอนุรักษ์
ฟนื้ ฟูจัดการ บารุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน
โดยมีสาระสาคัญ คือ กาหนดให้ “ป่าชุมชน” หมายถึง ป่านอกเขตอนุรักษ์หรือพ้ืนที่อื่นของรัฐนอกเขต
ป่าอนุรักษ์ โดยชุมชนร่วมกับรัฐ ในการจัดการ บารุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ
ส่งิ แวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพได้อยา่ งสมดลุ และยงั่ ยนื ตามวิธที ีก่ ฎหมายบัญญัติ ซึง่ ในท่ีน้ี
ได้มีการแบ่งกลไกการบริหารจัดการป่าชุมชน ออกเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน
๒๓๐
คณะกรรมการป่าชุมชนประจาจังหวัด และคณะกรรมการจัดการป่าชุมชน รวมถึงกาหนดหน้าท่ีความ
รับผดิ ชอบของสมาชิกป่าชุมชน และเงือ่ นไขการใชป้ ระโยชนใ์ นเขตป่าชุมชน เปน็ ต้น
๔.๓.๓.๔ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ ได้บัญญัติข้ึนเพ่ือให้มีการ
คมุ้ ครองป้องกันรกั ษาปา่ ไม้ เนอื่ งจากปา่ ไม้เป็นทรพั ยากรธรรมชาตทิ ่ีสาคญั อยา่ งมาก และมแี นวคดิ ในการ
อนุรกั ษ์ปา่ สงวนแห่งชาติ คือ สงวนและรักษาทรพั ยากรป่าไม้ไวเ้ พอื่ ประโยชนใ์ นด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ
อยา่ งยัง่ ยนื และนาผลประโยชน์จากป่าไม้มาเพอื่ การพัฒนาอย่างมีประสทิ ธิภาพและใหม้ ีการใช้ประโยชน์
ให้นานท่ีสุด โดยมสี าระสาคญั ไดแ้ ก่
๑) ควบคุมให้มีหลักเขตและป้ายหรือเครื่องหมายอ่ืนแสดงแนวเขตป่าสงวน
แห่งชาตไิ ว้ตามสมควรเพอื่ ให้ประชาชนเห็นไดว้ า่ เปน็ เขตป่าสงวนแห่งชาติ
๒) ดาเนินการสอบสวน และวินิจฉัยคาร้องถ้าปรากฏว่าผู้ร้องได้เสียสิทธิหรือ
เส่อื มเสียประโยชน์
๓) มีหนังสือเรียกบุคคลมาให้ถ้อยคาหรือให้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องในการ
สอบสวนกรณีต่าง ๆ
๔) ต้ังอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่
คณะกรรมการมอบหมาย
ในเขตป่าสงวนแห่งชาติห้ามไม่ให้บุคคลใดยึดถือครอบครองทาประโยชน์หรือ
อยอู่ าศยั ในทด่ี นิ ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทาไม้ เกบ็ หาของป่า หรอื กระทาดว้ ยประการใด ๆ อนั เป็นการ
เส่อื มเสยี แก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ
การทาไม้หรือการเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติให้กระทาได้เม่ือได้รับ
ใบอนุญาตจากพนักงานเจ้าหนา้ ท่ี หรอื เมอื่ พนักงานเจา้ หน้าทไี่ ด้ประกาศอนุญาตไว้เป็นคราว ๆ ในเขตป่า
สงวนแห่งชาติแหง่ หนง่ึ แห่งใดโดยเฉพาะ
กรณีป่าสงวนแห่งชาติแห่งใดมีสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรมให้อธิบดีโดยอนุมัติ
รัฐมนตรีมีอานาจอนุญาตเป็นหนังสือให้บุคคลหน่ึงบุคคลใดทาการบารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่าหรือ
ไม้ยืนต้นในเขตป่าเสื่อมโทรมได้ภายในระยะเวลาและตามเง่ือนไขทก่ี าหนดในหนังสืออนญุ าต แตใ่ นกรณี
ทจ่ี ะอนุญาตให้เกนิ ๒,๐๐๐ ไร่ ตอ้ งได้รบั อนมุ ตั จิ ากคณะรฐั มนตรี
๔.๓.๔ ด้านปจั จยั การผลิต
๔.๓.๔.๑ ร่างประกาศกรมสรรพสามิต เร่ือง ให้สิทธิเสียภาษีในอัตราศูนย์สาหรับ
สุราสามทับท่ีนาไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร เป็นการกาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงอ่ื นไข การขอใช้สทิ ธใิ์ นอตั ราภาษีศนู ย์ สาหรบั สรุ าสามทบั หรือแอลกอฮอล์ทใ่ี ชใ้ นอตุ สาหกรรม เพ่อื
สง่ เสริมอุตสาหกรรมและลดต้นทุนของผปู้ ระกอบการ อย่างไรก็ตามจะต้องนาไปใช้ในอุตสาหกรรมตามที่
ประกาศไว้เท่าน้ัน ซึ่งสาระสาคัญของประกาศน้ี คือ ให้เพ่ิมเติมอุตสาหกรรมทาผลิตภัณฑ์สมุนไพร ให้
เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สามารถขอสิทธ์ิเสียภาษีในอัตราศูนย์ ท้ังนี้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวต้องไม่มี
แอลกอฮอล์อยู่ในผลิตภัณฑ์สมุนไพรสาเร็จรูป และต้องเป็นอุตสาหกรรมทไี่ ด้รับอนุญาตตามกฎหมายว่า
ดว้ ยผลิตภัณฑ์สมนุ ไพร อันจะเป็นการส่งเสรมิ อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพรและเพิ่มขีดความสามารถ
ในการแข่งขันของประเทศอีกดว้ ย
๒๓๑
๔.๓.๕ ด้านบุคลากรการแพทย์และการใชผ้ ลติ ภัณฑส์ ุขภาพจากสมุนไพร
๔.๓.๕.๑ พระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามมาตรา ๓
“การประกอบวิชาชพี การแพทยแ์ ผนไทย” หมายถึง การประกอบวชิ าชีพท่กี ระทาหรอื มงุ่ หมายจะกระทา
ตอ่ มนษุ ยเ์ กีย่ วกับการแนะนา การตรวจโรค การวนิ ิจฉยั โรค การบาบดั โรค การรักษาโรค การป้องกนั โรค
การส่งเสริมและการฟ้ืนฟูสุขภาพ โดยอาศัยองค์ความรู้ด้านเวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย การผดุงครรภ์
ไทย การนวดไทย การแพทย์พื้นบ้านไทย และองค์ความรู้ด้านอ่ืน ๆ ตามท่ีรัฐมนตรีประกาศกาหนด
โดยคาแนะนาของคณะกรรมการ ทั้งน้ี ด้วยกรรมวิธีการแพทย์แผนไทยซ่ึงถา่ ยทอดหรือพัฒนาสืบต่อกัน
มาตามตาราการแพทย์แผนไทยหรือจากสถานศึกษาที่สภาการแพทย์แผนไทยรับรอง” จะเห็นว่าหน่ึง
ในบทบาทหน้าท่สี าคญั ของผู้ประกอบวิชาชพี การแพทย์แผนไทย คือ การบาบดั โรค การรักษาโรค การป้องกัน
โรค การสง่ เสริมและการฟ้ืนฟูสุขภาพ โดยอาศยั องค์ความรูด้ า้ นเภสชั กรรมไทย ซง่ึ เกยี่ วขอ้ งกับการปรงุ ยา
การสง่ั ใชย้ าและการจา่ ยยาแผนไทยและยาพัฒนาจากสมนุ ไพรโดยตรง
๔.๓.๕.๒ พระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. ๒๕๓๗ ตามมาตรา ๔ “วิชาชีพเภสัช
กรรม” หมายถงึ วิชาชีพทีเ่ ก่ียวกับการกระทาในการเตรียมยา การผลิตยา การประดษิ ฐ์ยา การเลอื กสรร
ยา การวิเคราะห์ยา การควบคุมและการประกันคุณภาพยา การปรุงและการจ่ายยาตามใบสั่งยาของผู้
ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผ้ปู ระกอบวชิ าชีพทนั ตกรรม ผู้ประกอบวิชาชพี การสัตวแพทย์ การปรุงยา การ
จ่ายยาการขายยา และการดาเนินการตามกฎหมายว่าด้วยยาและกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับยา
การให้คาแนะนาปรึกษาและการคุ้มครองผู้บริโภคด้านยา รวมทั้งการดาเนินการหรือร่วมกับผู้ประกอบ
วิชาชีพด้านการแพทย์และสาธารณสุขในการค้นหา ป้องกันและแก้ไขปัญหาท่ีเก่ียวเน่ืองกับการใช้ยา
จะเห็นว่าหนึ่งในบทบาทหน้าท่ีสาคัญของผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมคือการจ่ายยา การขายยา
รวมทั้งผลิตภณั ฑส์ มนุ ไพร
๔.๓.๕.๓ พระราชบญั ญัติสขุ ภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้ให้ความสาคัญกบั ภูมปิ ญั ญา
ท้องถ่ินด้านสุขภาพการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือกอื่น ๆ จึงได้กาหนด
สาระสาคญั ไว้ ดังนี้
๑) มาตรา ๔๖ ได้กาหนดให้มีการจัดทาธรรมนูญวา่ ด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ
เพ่ือใช้เป็นกรอบและแนวทางในการกาหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์และการดาเนินงานด้านสุขภาพ
ของประเทศเปน็ เสมือนพิมพเ์ ขียวท่ีภาคส่วนต่าง ๆ มาร่วมกันกาหนดภาพอนาคตที่พงึ ประสงคข์ องระบบ
สุขภาพทกุ หน่วยงาน องค์กรรวมถงึ ชุมชนท้องถ่ินจึงสามารถนาใชอ้ ้างอิงประกอบการจดั ทาแผนนโยบาย
รวมถึงกติการว่ มของชุมชนได้
๒) มาตรา ๔๗ กาหนดใหธ้ รรมนูญวา่ ดว้ ยระบบสขุ ภาพแห่งชาติตอ้ งสอดคล้อง
กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และอย่างน้อยต้องมีสาระสาคัญท่ีเก่ียวข้องกับ (๗) การส่งเสริม
สนับสนุน การใช้และการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถ่ินด้านสุขภาพการแพทย์แผนไทย การแพทย์พ้ืนบ้าน
และการแพทย์ทางเลอื กอื่น ๆ
โดยความสาเร็จของการประยุกต์ใช้ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ
คอื การก่อเกิดและขยายตัวของธรรมนูญสุขภาพเฉพาะพ้ืนที่ ซ่ึงชุมชนท้องถิ่นจัดทาขึ้นเพื่อใช้เป็นกติกา
ร่วมในการสร้างระบบสุขภาพของตนเอง ซึ่งปัจจุบันมีพ้ืนท่ีประกาศใช้แล้วประมาณ ๑๐๐ แห่ง และ
๒๓๒
กาลังขยายไปอย่างรวดเร็ว ผ่านการดาเนินงานกับภาคียุทธศาสตร์ เช่น สานักงานหลักประกันสุขภาพ
สาขาเขต สานักงานเขตการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน เปน็ ตน้
ธรรมนญู ว่าดว้ ยระบบสขุ ภาพแหง่ ชาติ คือ กรอบและแนวทางในการกาหนด
นโยบาย ยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพของประเทศ เป็นเสมือนพิมพเ์ ขียวที่ภาคส่วนต่าง ๆ มาร่วมกันกาหนด
ภาพอนาคตที่พึงประสงค์ของระบบสุขภาพ ทุกหน่วยงาน องค์กรรวมถึงชุมชนท้องถิ่นจึงสามารถนาใช้
อ้างอิงประกอบการจัดทาแผนนโยบาย รวมถึงกติการ่วมของชุมชนได้ เช่น แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ
สังคม แห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ การสนับสนุนโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยต้นแบบ รวมถึงนโยบาย
สนับสนุนการบริการปฐมภูมิ และการจัดให้มีหมอประจาครอบครัวของกระทรวงสาธารณสุข และการ
ทบทวนมติบีโอไอในการส่งเสริมการลงทุนด้านบริการสุขภาพ เป็นต้น ความสาเร็จของการประยุกต์ใช้
ธรรมนญู ว่าด้วยระบบสุขภาพแหง่ ชาติ ฉบบั ปัจจุบัน ทป่ี ระกาศใช้เมือ่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๒ คือ การก่อเกดิ
และขยายตัวของธรรมนูญสุขภาพเฉพาะพื้นที่ ซึ่งชมุ ชนท้องถนิ่ จัดทาข้ึนเพื่อใช้เป็นกตกิ ารว่ มในการสร้าง
ระบบสุขภาพของตนเอง ปัจจุบันมีพ้ืนที่ประกาศใช้แล้วประมาณ ๑๐๐ แห่ง และกาลังขยายไปอย่าง
รวดเร็ว ผ่านการดาเนินงานกับภาคียุทธศาสตร์ เช่น สานักงานหลักประกันสุขภาพสาขาเขต สานักงาน
เขตการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน เป็นต้น
๔.๓.๖ ดา้ นการส่งเสริมผู้ประกอบการ
๔.๓.๖.๑ พระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓
ได้บัญญัติข้ึนเพ่ือส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้สามารถพัฒนากิจการให้มีความเ ข้มแข็ง
มีประสิทธิภาพ และเป็นกลไกสาคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยจัดให้มีกระบวนการ
ช่วยเหลือ ส่งเสริม/สนับสนุน และมาตรการด้านสิทธิและประโยชน์ที่เหมาะสมอย่างเป็นรูปธรรม และ
จดั ตั้งสานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพอ่ื เป็นศูนย์กลางประสานระบบการทางาน
ของส่วนราชการ องค์กรของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจที่มีหน้าท่ีส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
เพือ่ ให้เกิดความต่อเนอ่ื งและสอดคล้องในทิศทางเดียวกัน มสี าระสาคญั ได้แก่
๑) การกาหนดความหมายหรือลักษณะและขนาดของกิจการที่เป็นวิสาหกิจ
ขนาดกลางและขนาดย่อม
๒) การกาหนดโครงสร้างการบริหารงาน ได้แก่ คณะกรรมการส่งเสรมิ วิสาหกิจ
ขนาดกลางและขนาดย่อม คณะกรรมการบริหารสานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
และสานกั งานส่งเสรมิ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
๓) กาหนดให้มีกองทุนสง่ เสริมวสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม (มาตรา ๓๒)
๔) กาหนดให้สานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจัดทา
แผนปฏิบตั ิการ (มาตรา ๓๘) และยังกาหนดใหส้ ่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจท่ีมีหน้าที่
ดาเนินการตามแผนปฏิบัติการและรายงานผลการดาเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ต่อคณะกรรมการ
(มาตรา ๓๙ ๔๐ และมาตรา ๔๑)
๕) กาหนดให้วสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ มหรือองค์การเอกชนทป่ี ระสงค์
จะขอรับความช่วยเหลือ ส่งเสริม หรือสนับสนุนจากกองทุนให้ย่ืนคาขอต่อสานักงาน หรือหน่วยงานท่ี
ไดร้ บั มอบหมายใหเ้ ป็นผ้จู ดั การกองทนุ (มาตรา ๔๒)
๒๓๓
๔.๓.๖.๒ พระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้บัญญัติข้ึน
เพื่อมีจุดมุ่งหมายในการส่งเสริมคณะบุคคลหรือชุมชนให้ประกอบกิจการในลักษณะของวิสาหกิจชุมชน
ที่นาทรัพยากรและภูมิปัญญาในท้องถิ่นมาพัฒนาและผลิตเป็นสินค้าและบริการ เพ่ือให้กิจการดังกล่าว
มีความม่ันคง มีความสามารถในการแข่งขัน และสามารถพัฒนาไปเป็นกิจการวิสาหกิจขนาดกลาง
และขนาดยอ่ มได้ตอ่ ไป โดยมสี าระสาคญั คือ
๑) ให้มีการจดทะเบียนรบั รองสถานะของวิสาหกจิ ชมุ ชนและเครอื ข่ายวสิ าหกิจ
ชุมชนท่ีจะขอรับการสง่ เสริมตามพระราชบัญญตั ิน้ี โดยยื่นขอจดทะเบยี นตอ่ กรมสง่ เสริมการเกษตร
๒) ให้มคี ณะกรรมการสง่ เสรมิ วิสาหกจิ ชุมชน เพอ่ื ใหก้ ารสง่ เสรมิ วิสาหกิจชมุ ชน
เป็นเอกภาพ โดยใหม้ ีคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชมุ ชน คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชมุ ชนจังหวัด
และคณะกรรมการประสานนโยบายกองทุนเพอื่ พัฒนากิจการวสิ าหกจิ ชมุ ชน
๓) ให้คณะกรรมการจัดให้มีมาตรการในการส่งเสริม สนับสนุนวิสาหกิจชุมชน
หรือเครอื ขา่ ยวิสาหกจิ ชุมชนที่จดทะเบยี นกบั กรมสง่ เสริมการเกษตร
๔.๓.๖.๓ พระราชบัญญตั สิ ง่ เสรมิ การลงทุน พ.ศ. ๒๕๒๐ ดงั รายละเอียดในหัวข้อ ๔.๓.๑.๕
๔.๓.๗ ด้านการกากับดูแล การปลกู แปรรปู ผลติ จาหน่าย และการคุ้มครองผ้บู รโิ ภค
๔.๓.๗.๑ พระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้บัญญัติขึ้นเพื่อให้มี
คณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าท่ีกาหนดนโยบายสมุนไพรและแผนยุทธศาสตร์
ผลิตภัณฑ์สมุนไพร การศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรท้ังระบบ รวมถึงการส่งเส ริม
ผู้ประกอบการ และให้มีคณะกรรมการผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อกากับดูแลผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยมี ๑)
กระบวนการอนุมัติให้ผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดด้วย ๓ วิธีการกล่าวคือ การขึ้นทะเบียนตารับ การจดแจ้ง
และการแจ้งรายละเอียด ๒) กระบวนการอนุมัติสถานท่ีผลิต นาเข้า ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร ๓)
กระบวนการพิจารณาอนุมัติการโฆษณา ซ่ึงทั้งหมดจะส่งผลต่อผลิตภัณฑ์สมุนไพรในมิติต่าง ๆ ๕ ด้าน
ได้แก่ ๑) ด้านส่งเสรมิ การประกอบการ ๒) ดา้ นการคุ้มครองผบู้ รโิ ภค ๓) ด้านการส่งเสริมนวัตกรรม ๔) ด้าน
การสง่ เสรมิ เศรษฐกิจฐานราก และ ๕) ด้านการส่งเสรมิ การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ เพ่อื ช่วยเพิม่ ความนยิ ม
และเกิดความรอบรู้เท่าทัน เพื่อให้มีกฎหมายควบคุมและกากับดูแลผลิตภัณฑ์สมุนไพร รวมทั้งมีการ
ส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรอย่างเป็นระบบและครบวงจร ซ่ึงจะทาให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยมี
มาตรฐานเป็นทยี่ อมรับในระดบั สากล
นอกจากน้ันยังพบว่าในส่วนของการควบคุม/กากับผลิตภัณฑ์สมุนไพร
กฎหมายฉบบั นีไ้ ดม้ สี ่วนชว่ ยในการแก้ปัญหาในหลาย ๆ ด้าน เช่น
๑) การแก้ปัญหาการขาดความเชอื่ มั่นและการยอมรับอันเน่ืองมาจากผลติ ภณั ฑ์
ไม่ได้คณุ ภาพ โดย
(๑) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง เกณฑ์มาตรฐาน ค่าความบริสุทธ์ิ
หรอื คุณลกั ษณะอ่ืนอนั มีความสาคญั ต่อคุณภาพ และคา่ คลาดเคลื่อนสาหรบั ตารับผลติ ภณั ฑ์สมุนไพรท่ีข้ึน
ทะเบียน แจง้ รายละเอยี ด หรือจดแจ้ง (หน่วยงานท่ดี แู ล: กระทรวงสาธารณสุข) ซงึ่ เปน็ การกาหนดเกณฑ์
มาตรฐานผลิตภัณฑ์สมุนไพร เช่น จะต้องไม่มีการปนเป้ือนเช้ือจุลินทรีย์และโลหะหนักเกินเกณฑ์
มาตรฐาน เป็นต้น ซ่งึ อ้างองิ มาตรฐานสากล ไดแ้ ก่ มาตรฐานอาเซียน
๒๓๔
(๒) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข
เก่ียวกับการผลิต และการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์สมุนไพร รวมทั้งลักษณะของสถานที่ผลิต และเก็บรักษา
ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และอุปกรณ์ที่จาเป็นต้องใช้ (หน่วยงานท่ีดูแล: กระทรวงสาธารณสุข) ซ่ึงเป็นการ
กาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขเกี่ยวกับการผลติ สถานทผ่ี ลิต หนา้ ท่ีผู้รับอนญุ าตและผู้ปฏบิ ัตกิ าร
ที่ต้องทาในกระบวนการผลิตที่ดี (GMP) โดยมีการแบ่งหลักเกณฑ์ตามความเสี่ยงของกระบวนการผลิต
ผลิตภัณฑ์สมุนไพร สาหรับการผลิตผลิตภัณฑ์สาเร็จรูปหากเป็นกระบวนการผลิตที่มีความเสี่ยงสูงจะใช้
เกณฑ์ PICS GMP หากเป็นกระบวนการผลิตท่ีมีความเสี่ยงไม่สูงจะใช้เกณฑ์ ASEAN GMP กรณีเป็น
วัตถุดิบที่มีกระบวนการผลิตท่ีมีความเส่ียงสูงจะใช้เกณฑ์ PICS GMP หากเป็นวัตถุดิบท่ีมีกระบวนการ
ผลิตที่มีความเส่ียงไมส่ ูงจะใช้เกณฑ์ WHO GMP เป็นการคุ้มครองให้ผู้บริโภคได้รับผลิตภณั ฑ์ท่ีมีคุณภาพ
แต่ยงั คงคานึงถงึ ผปู้ ระกอบการทมี่ ีหลายระดบั นอกจากนยี้ งั มกี ารกาหนดให้มีระยะเวลาในการปรบั ตวั หา้ ปี
สาหรับผู้ประกอบการขนาดเล็ก ที่ผลติ ผลติ ภัณฑ์สมุนไพรที่มีกระบวนการผลิตทมี่ คี วามเสย่ี งไมส่ งู
(๓) ประกาศคณะกรรมการผลิตภัณฑ์สมุนไพร เร่ือง กาหนดวิธีควบคุม
คุณภาพและข้อกาหนดเฉพาะของผลติ ภัณฑส์ มุนไพร และหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเงอื่ นไขเก่ยี วกับหนงั สอื
รับรองผลการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์สมุนไพร (หน่วยงานที่ดูแล: กระทรวงสาธารณสุข) ซึ่งเป็นการกาหนด
ผลิตภัณฑ์สมุนไพรท่ีขอขึ้นทะเบียนตารับต้องมีวิธีควบคุมคุณภาพและข้อกาหนดเฉพาะของผลิตภัณฑ์
สมุนไพร ซึ่งต้องประกอบด้วย หัวข้อการทดสอบ วิธีการทดสอบ และเกณฑ์มาตรฐาน พร้อมทั้งหนังสือ
รบั รองผลการวิเคราะห์ตามหัวข้อการทดสอบ วธิ กี ารทดสอบ และเกณฑ์มาตรฐานของผลติ ภัณฑส์ มนุ ไพร
นั้น อย่างน้อย ๑ รุ่นการผลิต ซึ่งวิธีควบคุมคุณภาพและข้อกาหนดเฉพาะของผลิตภัณฑ์สมุนไพร ให้
เป็นไปตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการทกี่ าหนด ผลติ ภณั ฑ์สมนุ ไพรท่ขี อแจง้ รายละเอียด หรือจดแจ้งผลิตภณั ฑ์
สมุนไพรต้องมีหนังสือรับรองผลการวิเคราะห์ของผลิตภัณฑ์สมุนไพรน้ันอย่างน้อย ๑ รุ่นการผลิต โดยมี
รายละเอียดของหัวข้อการทดสอบ วิธีการทดสอบ และเกณฑ์มาตรฐานของผลิตภัณฑ์สมุนไพร เป็นการ
คุ้มครองผู้บริโภค แต่ได้มีการคานึงถึงการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ยาแผนไทย จึงมีการกาหนดในส่วน
ผลติ ภัณฑ์สมุนไพรประเภทยาแผนไทย สาหรับหัวขอ้ การทดสอบอ่นื นอกเหนือจากคา่ ความเป็นกรด-ดา่ ง
ขนาดอนภุ าค การปนเปอ้ื นเชื้อจลุ ินทรีย์และโลหะหนัก จะมผี ลใช้บังคบั เมอ่ื พ้นกาหนดสามปี นับแต่วนั ที่
ประกาศนี้มผี ลใช้บังคับเพื่อเป็นการใหผ้ ู้ประกอบการมีความพร้อมในการปฏบิ ตั ิตามกฎหมาย
๒) การแกป้ ัญหาผู้ประกอบการรายย่อยหรือวิสาหกิจชุมชนส่วนใหญ่ผลติ สมุนไพร
และผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานท่ีตรงตามข้อกาหนดของกฎหมายได้ยาก โดยมีประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เร่ือง ชื่อ ประเภท ชนิดหรือลักษณะของผลิตภัณฑ์สมุนไพรซ่ึงการผลิต นาเข้า หรือขายต้องได้รับใบอนุญาต
พ.ศ. ๒๕๖๓ (หน่วยงานที่ดูแล: กระทรวงสาธารณสุข) ซึ่งเป็นการกาหนดผู้ที่จะผลิต นาเข้า
หรือขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรต้องมาขอใบอนุญาตผลิต นาเข้า หรือขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร แต่ไม่รวมถึง
การผลิตโดยการเปล่ียนรูปสมุนไพรอย่างง่าย โดยวิสาหกิจชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วยวิสาหกิจชุมชน
หรือเกษตรกรรายย่อย และไม่รวมถึงการขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรขายท่ัวไป ภายในระยะเวลา ๕ ปีแรกนับแต่
วันที่ประกาศน้ีมีผลใช้บังคับการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรประเภทลูกประคบโดยวิสาหกิจชุมชน ตามกฎหมาย
ว่าด้วยวิสาหกิจชุมชน ให้ผลิตได้โดยไม่ต้องได้รับใบอนุญาตผลิต เป็นการคุ้มครองผู้บริโภคแต่ก็คานึงถึง
ผู้ประกอบการรายย่อยที่ผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีความเสี่ยงต่าจึงออกข้อยกเว้นว่าไม่ต้องมาขอรับ
ใบอนุญาตผลิตเปน็ เวลา ๕ ปแี รก โดยอนาคตอาจมีการทบทวนตอ่ อายกุ ารไมต่ ้องมาขอรับใบอนุญาต
๒๓๕
๓) การแก้ปัญหาผลิตภัณฑ์สมุนไพรท่ีมีส่วนประกอบสารสกัดกัญชา/กัญชง
ไม่ไดค้ ุณภาพตามมาตรฐาน โดยมีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง การดาเนินการเก่ยี วกับผลติ ภัณฑ์
สมุนไพรที่มีส่วนประกอบสารสกัดจากกัญชาหรือสารสกัดจากกัญชง (Hemp) ท่ีได้รับการยกเว้นจากการ
เปน็ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. ๒๕๖๔ (หน่วยงานทด่ี ูแล: กระทรวงสาธารณสุข) โดยกาหนดใหผ้ ู้รับอนุญาตที่
จะผลิตหรือขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรท่ีมีส่วนประกอบของสารสกัดกัญชาหรือสารสกัดกัญชงท่ีได้รับการ
ยกเว้นจากการเป็นยาเสพติดให้โทษ ต้องมาขอใบอนุญาตผลิตหรือขาย และข้ึนทะเบียนตารับ แจ้ง
รายละเอียด หรือจดแจ้งผลิตภัณฑ์สมุนไพร มีการกาหนดคุณสมบัติ จานวน และหน้าที่ของผู้มีหน้าที่
ปฏิบัติการ เป็นต้น ซ่ึงเป็นการเปิดให้ผู้ประกอบการสามารถมาขออนุญาตผลิตภัณฑ์สมุนไพร
ที่มีส่วนประกอบของสารสกัดกัญชาหรือกัญชงได้ โดยยังมีการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์สมุนไพร
เพอื่ เป็นการคุ้มครองผบู้ รโิ ภค
๔) การแก้ปัญหาการประชาสัมพันธ์และโฆษณาสรรพคุณ/คุณประโยชน์
ของผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่สามารถทาได้หรือทาได้อย่างจากัด โดยมีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเก่ียวกับการโฆษณาผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๔ (หน่วยงานท่ีดูแล:
กระทรวงสาธารณสุข) ซ่ึงในการโฆษณาเดิมทีใชก้ ฎหมายวา่ ดว้ ยยา จะคอ่ นขา้ งเครง่ ครดั และเขม้ งวดมาก
แต่หลังจากประกาศใช้กฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์สมุนไพรแล้ว เริ่มจะผ่อนคลายเงื่อนไขเกี่ยวกับ
การโฆษณามากข้ึน เพราะจะอยู่ตรงกลางระหว่างยากับอาหารทาให้การโฆษณาประชาสัมพันธ์เป็นไป
ไดร้ าบรืน่ มากย่ิงขนึ้
๕) การแก้ปัญหาการโฆษณาผลติ ภณั ฑส์ มุนไพรท่ีไม่เป็นธรรมตอ่ ผู้บรโิ ภค และ/
หรือการโฆษณาเกินจริง โดยออกเป็นประกาศสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เร่ือง หลักเกณฑ์
วิธีการ และเง่ือนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตโฆษณาผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๔
(หน่วยงานทดี่ ูแล: กระทรวงสาธารณสุข) ซ่ึงกาหนดข้ันตอนการดาเนินการขอใบอนุญาตโฆษณา รวมถึง
เอกสารหลักฐานต่าง ๆ กาหนดช่องทางหรือสิ่งท่ีใช้เป็นสื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์สมุนไพร เช่น ส่ือดิจิทัล
ส่ือกลางแจ้ง เป็นต้น กาหนดบุคคลที่สามารถขอรับใบอนุญาตโฆษณาผลิตภัณฑ์สมุนไพร เป็นการ
คุม้ ครองผู้บริโภคใหไ้ ดร้ บั ส่ือโฆษณาทตี่ อ้ งผ่านการพิจารณาอนญุ าตก่อน
๖) การแก้ปัญหาการเข้าถึงสมุนไพรได้ยากของผู้บริโภค โดยมีประกาศ
กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขของผลิตภัณฑ์สมุนไพรขายท่ัวไป ซึ่งเป็นการ
กาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของผลิตภัณฑ์สมุนไพรขายทั่วไป (หน่วยงานที่ดูแล: กระทรวง
สาธารณสุข) ซึ่งผลิตภัณฑ์สมุนไพรขายทั่วไปคือ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ขายได้ในสถานที่ท่ีไม่ต้องมี
ใบอนุญาตขายเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพรมากข้ึน เพิ่มช่องทางจาหน่าย
ในอนาคตจะมีการออกประกาศแก้ไขเพ่ิมเติมบัญชีแนบท้าย เช่น เพิ่มรายการตารับยาแผนไทยที่จะ
สามารถเปน็ ผลิตภัณฑ์สมนุ ไพรขายทวั่ ไปได้
๗) การแกป้ ญั หาความล่าชา้ ในการขอและออกใบอนุญาตผลิต นาเข้า หรือขาย
ผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยประกาศเป็นกฎกระทรวง การขึ้นทะเบียนตารับผลิตภัณฑ์สมุนไพร การแจ้ง
รายละเอียดและการจดแจ้งผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๓ (หน่วยงานท่ีดูแล: กระทรวงสาธารณสุข)
ซ่ึงเป็นการกาหนดข้ันตอนการย่ืนคาขอ การออกใบอนุญาตผลิต นาเข้า หรือขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร
การแก้ไขเปล่ียนแปลง การต่ออายุใบอนุญาตฯ ซ่ึงมีข้ันตอนอย่างละเอียดและกาหนดระยะเวลาการ
๒๓๖
ทางาน เป็นผลดีต่อผู้ประกอบการในการทราบกาหนดเวลาท่ีชัดเจนในการขออนุญาต นอกจากนี้
ยังมีการระบุเรื่องการให้ยื่นคาขอทางระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออานวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ
ซึ่งกฎหมายเดิมไมไ่ ดม้ กี ารระบเุ ร่อื งระยะเวลาการทางาน และการให้ย่นื ผ่านทางระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ไว้
๘) การแก้ปัญหาความล่าช้าและความสะดวกในการขอรับใบสาคัญการข้ึน
ทะเบียนตารบั ใบรับจดแจง้ ใบรับแจ้งรายละเอยี ดผลิตภัณฑ์สมนุ ไพร โดยมกี ฎกระทรวง การขึ้นทะเบยี น
ตารับผลติ ภณั ฑ์สมนุ ไพร การแจง้ รายละเอียดและการจดแจ้งผลติ ภัณฑส์ มนุ ไพร พ.ศ. ๒๕๖๓ (หน่วยงาน
ท่ีดูแล: กระทรวงสาธารณสุข) ซ่ึงเป็นการกาหนดข้ันตอนการยื่นคาขอ การข้ึนทะเบียนตารับ การแจ้ง
รายละเอียด และการจดแจ้งผลิตภัณฑ์สมุนไพร การแก้ไขเปล่ียนแปลง การต่ออายุใบสาคัญฯ ซึ่งมี
ขั้นตอนอย่างละเอียดและกาหนดระยะเวลาการทางาน เป็นผลดีต่อผู้ประกอบการในการทราบ
กาหนดเวลาที่ชัดเจนในการขออนุญาต นอกจากนี้ยังมีการระบุเร่ืองการให้ย่ืนคาขอทา งระบบ
อิเล็กทรอนิกส์เพ่ืออานวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ ซึ่งกฎหมายเดิมไม่ได้มีการระบุเร่ืองระยะเวลา
การทางาน และการใหย้ ่นื ผา่ นทางระบบอิเลก็ ทรอนิกสไ์ ว้
๙) การแก้ปญั หาความล่าชา้ ในกระบวนการพจิ ารณาอนุญาต โดยออกประกาศ
กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขในการขึ้นบัญชีผู้เชี่ยวชาญ องค์กร
ผู้เช่ียวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อทาหน้าที่ในการ
ประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบ
ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๔ (หน่วยงานที่ดูแล: กระทรวงสาธารณสุข) ซึ่งเป็นการกาหนดคุณสมบัติ
มาตรฐาน หน้าที่ความรบั ผิดชอบ และเง่อื นไขการดาเนินงานของผู้เชีย่ วชาญ องค์กรผูเ้ ชี่ยวชาญ รวมถึง
การขึ้นบัญชี การแก้ไขเปลี่ยนแปลง การยกเลิกเพิกถอนการข้ึนบัญชี การอุทธรณ์ และค่าใช้จ่ายในการข้ึน
บญั ชผี ู้เชยี่ วชาญ องค์กรผูเ้ ชีย่ วชาญ เพือ่ ทาหน้าทีใ่ นการประเมนิ เอกสารทางวิชาการ การตรวจวเิ คราะห์
การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อให้ได้ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมใน
การประเมินเอกสารทางวิชาการ เพอ่ื ทาใหก้ ระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภณั ฑส์ มุนไพรรวดเร็วข้ึน
๑๐) การแก้ปัญหาค่าใช้จ่ายในการดาเนินการต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับผลิตภัณฑ์
สมุนไพร โดยมีกฎกระทรวง กาหนดค่าธรรมเนียม ลด และยกเว้นค่าธรรมเนียมการดาเนินการเกี่ยวกับ
ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ๒๕๖๓ (หน่วยงานท่ีดูแล: กระทรวงสาธารณสุข) ซ่ึงเป็นการกาหนด
ค่าธรรมเนียมท่ีผู้ประกอบการต้องจ่ายหลังได้รับใบอนุญาตต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สมุนไพร อัตรา
ค่าธรรมเนยี มทก่ี าหนดจะสงู กว่าอัตราค่าธรรมเนยี มเดิมหากเทียบกบั ยาแผนโบราณ เนอ่ื งจากใบอนญุ าต
มีอายุ ๕ ปี แต่ใบอนุญาตสาหรับยาแผนโบราณมีอายุ ๑ ปี และมีอัตราค่าธรรมเนียมของบางประเภทท่ี
เพ่ิมข้ึนจากเดิม เช่น ใบอนุญาตโฆษณา นอกจากน้ีมีการกาหนดการลดหย่อนค่าธรรมเนียมแก่
ผู้ประกอบการท่ีมาขอรับการส่งเสริมท่ีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่งไม่เคยมีการ
กาหนดการลดหย่อนไว้ในกฎหมายเดิม และอาจมีการทบทวนอตั ราคา่ ธรรมเนยี มในอนาคต
๔.๓.๗.๒ พระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ ได้บัญญัติข้ึนเพ่ือควบคุมการผลิตขาย
และนายาเข้ามาในประเทศ ตลอดจนการให้มีเภสัชกรรับผิดชอบการขายยาอันตราย ยาควบคุมพิเศษ
และปฏิบัติการอื่น ๆ เพ่ือให้ความคุ้มครองแก่ผู้บริโภคให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยสาระสาคัญ
ของกฎหมายน้ี คือ การควบคุมผลิตภัณฑ์ยา ซ่ึงครอบคลุมตั้งแต่การผลิต การขาย ตลอดจนการนาเข้า
ทั้งยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณหรือยาแผนไทย นอกจากนี้ยังกาหนดให้ผู้ที่จะผลิต ขาย หรือนาเข้า
๒๓๗
ผลิตภัณฑ์ยา ต้องได้รับใบอนุญาตแต่ละประเภทก่อนจึงจะดาเนินการได้ ในการอนุญาตจะพิจารณา
ถึงคุณสมบัติของผู้รับอนุญาต ความเหมาะสมของสถานท่ี และผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการ นอกจากนี้กฎหมาย
ฉบับนย้ี ังมีการกาหนดหนา้ ท่ีของผู้รับอนุญาตและผู้มหี น้าท่ปี ฏิบตั กิ ารไว้ชัดเจน
๔.๓.๗.๓ พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้บัญญตั ิขึ้นให้พระราชบัญญัติฉบับนี้มี
ไว้เพ่ือควบคุมคุณภาพอาหาร โดยมุ่งคุ้มครองผู้บริโภคเป็นสาคัญ ซ่ึงวิธีการในการควบคุมจะมุ่งเน้นเรื่องการขอ
อนญุ าต การตรวจสอบ การขน้ึ ทะเบยี น รวมถึงการโฆษณาเก่ียวกบั อาหาร โดยสาระสาคัญของกฎหมายน้ี
คือ ใช้ในการควบคุมดูแลเก่ียวกับอาหารทั้งหมดในประเทศ ตั้งแต่กระบวนการผลิต การจัดต้ังโรงงาน
ตลอดจนการนาเข้า-ส่งออกเพื่อจาหน่าย นอกจากนี้ยังกากับดูแลด้านฉลากและการโฆษณา
รวมถงึ เรื่องอื่น ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั อาหาร เพ่ือควบคุมคณุ ภาพของอาหารใหเ้ กิดความปลอดภัยแกผ่ ู้บริโภค
โดยการดาเนินงานภายใต้พระราชบัญญัตินี้อยู่ภายใต้การกากับดูแลของสานักงานคณะกรรมการอาหาร
และยา มอี านาจหนา้ ทใี่ นการกาหนดหลักเกณฑท์ ่ีเก่ียวขอ้ งกบั การขอใบอนญุ าตผลิต นาเขา้ และจาหน่าย
และการกาหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของอาหารควบคุมเฉพาะตามชื่อ ประเภท ชนิด หรือลักษณะ
ของอาหารนนั้ ๆ ที่ผลติ เพือ่ การจาหนา่ ย
๔.๓.๗.๔ พระราชบญั ญตั ิเคร่อื งสาอาง พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้บัญญตั ิขึน้ เพื่อใช้ในการควบคุม
เคร่ืองสาอางที่ผลิตหรือนาเข้า เพ่ือความปลอดภัยของผู้บริโภค ภาครัฐจึงกาหนดนโยบายในการควบคุม
โดยการรับขึ้นทะเบียนเคร่ืองสาอางควบคุมและกากับดูแลให้ผู้ผลิต ผู้นาเข้า และผู้ขายปฏิบัติ
ตามหลักเกณฑ์ที่กาหนดไว้ โดยสาระสาคัญของกฎหมายนี้ คือ มาตรการคุ้มครองความปลอดภัย
ของผู้บริโภคเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เคร่ืองสาอาง ทั้งในด้านการห้ามผลิต นาเข้า หรือขายเคร่ืองสาอาง
บางประเภท การกาหนดวัตถุท่ีห้ามใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสาอาง การกาหนดมาตรฐานสถานท่ีผลิต
และบรรจภุ ัณฑ์ มาตรการควบคมุ ฉลากและการโฆษณาเคร่อื งสาอาง และมาตรการควบคมุ เครื่องสาอาง
ที่ไม่ปลอดภัย ในการใช้เคร่ืองสาอางปลอมและเคร่ืองสาอางไม่ได้มาตรฐาน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
ตอ่ ผู้บริโภค รวมท้งั ปรับปรงุ บทกาหนดโทษและอตั ราคา่ ธรรมเนยี มใหเ้ หมาะสมยงิ่ ข้นึ
๔.๓.๗.๕ ประมวลกฎหมายยาเสพตดิ และพระราชบญั ญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด
พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นกฎหมายเก่ียวกับการป้องกัน ปราบปราม และควบคุมยาเสพติด มีการปรับปรุง
บทบัญญตั ิกฎหมายให้เหมาะสมกบั สภาพการณ์ปัจจบุ ัน กาหนดใหม้ ีระบบอนญุ าตเพ่อื ใหก้ ารควบคุมและ
การใช้ประโยชน์ยาเสพติดในทางการแพทย์ ทางวิทยาศาสตร์ และทางอุตสาหกรรม มีประสิทธิภาพ
และมุ่งเน้นการป้องกันการแพร่กระจายยาเสพติดและการใช้ยาเสพติดในทางท่ีไม่ถูกต้องอั นจะนาไปสู่
การเสพติดยาเสพติด โดยกาหนดมาตรการควบคุมพิเศษในการตราพระราชกฤษฎีกากาหนดพื้นท่ีหน่ึง
พื้นที่ใดกระทาการทดลองเพาะปลูกพืชท่ีเป็นหรือให้ผลผลิตเป็นยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธ์ิ
หรืออาจใช้ผลิตเป็นยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ ผลิตและทดสอบเกี่ยวกับยาเสพติดเสพ
หรือครอบครอง ยาเสพติดตามประเภทและปริมาณที่กาหนด ซึ่งการกาหนดมาตรการดังกล่าว
เพ่ือประโยชน์ในการศึกษาวิจัย การลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติด และการป้องกัน ปราบปราม
และแก้ไขปัญหายาเสพติด นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงอนุบัญญัติ คือ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง ระบชุ ่ือยาเสพติดใหโ้ ทษประเภท ๕ พ.ศ. ๒๕๖๓ ซงึ่ มีผลใช้บงั คบั ต้งั แตว่ ันท่ี ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๓
เป็นต้นไป ได้กาหนดยกเว้นส่วนของกัญชา กัญชง ที่ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ ไว้เฉพาะ
ที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตในประเทศ เช่น เปลือก ลาต้น เส้นใย ก่ิงก้าน ราก ใบ เมล็ดกัญชง หรือสารสกัด
๒๓๘
ที่มีสารแคนนาบไิ ดออล (cannabidiol, CBD) เปน็ สว่ นประกอบและต้องมสี ารเตตราไฮโดรแคนนาบนิ อล
(tetrahydrocannabinol, THC) ไม่เกินร้อยละ ๐.๒ โดยน้าหนัก ซึ่งการยกเว้นส่วนของกัญชา กัญชง
ที่ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เป็นการกาหนดเพื่อให้สามารถนาส่วนที่ไม่ใช่ยาเสพติด
มาใช้ประโยชน์ได้ ซ่ึงการจะนาส่วนดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์
การศึกษาวิจัย ผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยา อาหาร เครื่องสาอาง ก็ให้ดาเนินการตามกฎหมาย
ว่าด้วยการนัน้ เช่น
๑) เปลือก ลาต้น เสน้ ใย ใช้ศึกษาวิจัย เคร่ืองสาอาง เช่น สบู่ แชมพู ครีมนวดผม
ครมี ขดั ผวิ หรอื ใชใ้ นอตุ สาหกรรมต่าง ๆ เชน่ ส่ิงทอ ยานยนต์ กระดาษ
๒) กิ่งก้าน ใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ศึกษาวิจัย ผลิตภัณฑ์สมุนไพร
เชน่ ตารับยาแผนไทย ผลิตภณั ฑส์ มุนไพรใช้ภายนอก หรือเคร่อื งสาอาง เชน่ สบู่ แชมพู ครีมขัดผวิ
๓) ราก ใชเ้ พอื่ ประโยชน์ทางการแพทย์ ศึกษาวจิ ัย เครือ่ งสาอาง เช่น สบู่ ผงขัดผิว
๔) ใบ ใช้เพ่ือประโยชน์ทางการแพทย์ ศึกษาวิจัย ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เช่น
ตารบั ยาแผนไทย ชาใบกญั ชา อาหาร เชน่ เคร่อื งเทศไทย ผงชูรสกัญชา หรอื เครอื่ งสาอาง เช่น สบู่ แชมพู
ครมี ขัดผิว
๔) สารสกัดที่มีสารแคนนาบิไดออล (CBD) เป็นส่วนประกอบและต้องมีสารเต
ตราไฮโดรแคนนาบินอล (THC) ไม่เกินร้อยละ ๐.๒ โดยน้าหนัก ใช้เพ่ือประโยชน์ทางการแพทย์
ศกึ ษาวิจยั ผลติ ภณั ฑส์ มุนไพร เช่น ยาจากสมนุ ไพร เวชสาอางสมนุ ไพร ผลติ ภัณฑ์สมนุ ไพรใชภ้ ายนอก ยา
เช่น ยาจากสารสกัด อาหาร เช่น เครื่องด่ืมที่มี CBD เป็นส่วนผสม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
หรอื เครือ่ งสาอาง
๕) เมล็ดกัญชง น้ามันจากเมล็ดกัญชง สารสกัดจากเมล็ดกัญชง ใช้เป็นเมล็ดพันธุ์
ศกึ ษาวิจยั ผลติ ภัณฑ์ตา่ ง ๆ เชน่ ยา อาหาร สมนุ ไพร เคร่อื งสาอาง
๖) เมล็ด และช่อดอกกญั ชาทีเ่ ปน็ ยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ ยังสามารถใช้
ประโยชนเ์ ปน็ เมล็ดพันธ์ุ ใชเ้ พ่ือประโยชน์ทางการแพทย์ ศึกษาวิจยั ผลติ สารสกัด โดยในสว่ นนจ้ี ะต้องขอ
อนุญาตจากสานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท ๕
พ.ศ. ๒๕๖๕ ไดป้ ระกาศในราชกิจจานเุ บกษาเมื่อวันท่ี ๙ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๕ โดยจะมีผลใชบ้ ังคับเมื่อพ้น
กาหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือ จะมีผลใช้บังคับต้ังแต่วันที่ ๙
มถิ ุนายน ๒๕๖๕ เปน็ ตน้ ไป โดยมสี าระสาคญั คือ การกาหนดใหเ้ ฉพาะสารสกัดจากทกุ ส่วนของพืชกัญชา
หรอื กัญชงเทา่ น้ันทเ่ี ปน็ ยาเสพติดใหโ้ ทษประเภท ๕ เว้นแต่ สารสกดั ท่มี ปี รมิ าณสารเตตราไฮโดรแคนนาบนิ อล
(tetrahydrocannabinol, THC) ไม่เกินร้อยละ ๐.๒ โดยน้าหนัก เฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้สกัดจาก
พืชกัญชาหรือกัญชงท่ีปลูกภายในประเทศ และสารสกัดจากเมล็ดของพืชกัญชาหรือกัญชงที่ได้จากการ
ปลกู ภายในประเทศ ซึง่ จะส่งผลให้พืชกัญชาและกัญชงไม่เป็นยาเสพตดิ ให้โทษ ดังนั้น ประกาศกระทรวง
สาธารณสุขฉบบั ปี ๒๕๖๕ จึงเป็นกฎหมายท่สี ่งเสริมสนับสนุนการนากัญชาหรือกญั ชงท่ีเป็นพืชสมุนไพร
มาใช้ประโยชนท์ ัง้ ในทางการแพทย์ การศกึ ษาวจิ ยั อุตสาหกรรม และเศรษฐกจิ ได้มากข้ึน
๒๓๙
๔.๓.๗.๖ ร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. .... (ฉบับคณะรัฐมนตรี) เป็นร่าง
กฎหมายท่ีจัดให้มีข้ึนภายหลังจากการยกเลิกการกาหนดให้พืชกระท่อมเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท ๕
ซึ่งสามารถนาพืชกระท่อมไปใช้ประโยชน์ได้ ประกอบกับเป็นพืชท่ีมีมูลค่าในทางเศรษฐกิจ ควรกาหนด
มาตรการกากับดูแล การขาย การนาเข้าหรือส่งออกใบกระท่อมเพื่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
แกป่ ระชาชนมากท่ีสดุ โดยรา่ งกฎหมายฉบบั ดังกล่าว มีสาระสาคัญดงั น้ี
๑) กาหนดให้ใบกระท่อม หมายความรวมถึง ใบของพืชกระท่อม น้าต้ม
ใบกระท่อม และสารสกดั จากใบกระทอ่ ม
๒) ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถเพาะหรือปลูกพืชกระท่อม มีไว้ใน
ครอบครองและบรโิ ภคใบกระท่อมได้โดยไมต่ ้องขออนญุ าต
๓) การนาเข้าหรือส่งออกใบกระท่อม ต้องได้รับใบอนุญาตจากเลขาธิการ
คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามยาเสพติด โดยบคุ คลตอ้ งมีคุณสมบัตแิ ละไมม่ ีลักษณะต้องหา้ ม
๔) การแปรรูปใบกระท่อมเป็นสินคา้ หรอื ผลติ ภัณฑ์ ใหด้ าเนินการตามกฎหมาย
วา่ ด้วยการนน้ั รวมถงึ การขาย นาเขา้ ส่งออก หรือการโฆษณา
๕) กาหนดให้สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
มีหน้าที่ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริม ศึกษาวิจัย และพัฒนาการใช้ประโยชน์จาก
พืชกระท่อม เพอื่ ผลักดนั ให้เป็นพชื ที่มีมูลคา่ ทางเศรษฐกจิ
๖) หา้ มขายใบกระทอ่ มใหแ้ ก่ผทู้ ่ีมีอายุตา่ กวา่ สิบแปดปี สตรีมีครรภ์ สตรีใหน้ มบตุ ร
และบคุ คลอืน่ ตามทร่ี ฐั มนตรวี า่ การกระทรวงสาธารณสุขกาหนด
๗) ห้ามขายใบกระท่อมในสถานที่ และวิธีการท่ีกาหนด เช่น ห้ามขาย
ในสถานศึกษา หอพัก สวนสาธารณะ หรือห้ามขายดว้ ยวิธีใชเ้ ครื่องขาย
๘) ห้ามมิให้มีการบริโภคใบกระท่อม โฆษณา หรอื สือ่ สารการตลาด ในลักษณะ
ของการปรงุ ผสมกบั ยาเสพติด
๙) กาหนดบทลงโทษในกรณีทมี่ ีการฝา่ ฝืน หรอื ไมป่ ฏบิ ัตติ ามกฎหมาย
๔.๓.๗.๗ ร่างพระราชบญั ญัติกญั ชา กัญชง พ.ศ. .... ซึ่งนานยอนทุ นิ ชาญวีรกูล กับคณะ
เป็นผเู้ สนอ และรา่ งพระราชบัญญตั ิส่งเสรมิ การใชป้ ระโยชน์กญั ชา กัญชง พ.ศ. .... ซ่ึงนางพรรณสริ ิ กลุ นาถศิริ
กับคณะ เปน็ ผู้เสนอ พชื กัญชาเป็นพชื เสพติดทีอ่ ยูภ่ ายใต้การควบคุมตามอนุสัญญาเด่ยี วว่าด้วยยาเสพติด
ให้โทษ ค.ศ. ๑๙๖๑ อนุสัญญาว่าด้วยวัตถุท่ีออกฤทธ์ิต่อจิตและประสาท ค.ศ. ๑๙๗๑ และอนุสัญญา
สหประชาชาตวิ ่าดว้ ยการต่อตา้ นการลักลอบคา้ ยาเสพติดและวตั ถทุ อ่ี อกฤทธติ์ ่อจิตประสาท ค.ศ. ๑๙๘๘
และประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิกจึงต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาดังกล่าว ดังนั้น หากในวันที่ ๙ มิถุนายน
๒๕๖๕ พืชกัญชาหรือกัญชงไม่เป็นยาเสพติดให้โทษตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุช่ือยา
เสพติดให้โทษประเภท ๕ พ.ศ. ๒๕๖๕ จึงมีประเด็นว่าจะต้องมีกฎหมายบัญญัติข้ึนไว้เป็นการเฉพาะ
เพอื่ ควบคุมและสง่ เสริมสนับสนุนการใช้ประโยชนจ์ ากพชื กญั ชาหรือกญั ชง
ซ่ึงร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับ ดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณา
ของสภาผู้แทนราษฎร เป็นร่างกฎหมายท่ีสนับสนุนการนากัญชา กัญชง มาใช้ในการศึกษาวิจัย
การใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ สุขภาพ การใชต้ ามวถิ ีชุมชน รวมทง้ั กาหนดใหม้ กี ารผลติ ขาย นาเขา้ ส่งออก
๒๔๐
หรอื มีไว้ในครอบครองเพอื่ ส่งเสริมเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และเศรษฐกิจของประเทศ และมมี าตรการ
กาหนดดูแล ควบคุมการขาย การโฆษณาและการบริโภคกัญชา กัญชง โดยมีสาระสาคญั ดังนี้
๑) การใช้กัญชา กัญชง เป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์สาเร็จรูป
ให้เปน็ ไปตามกฎหมายวา่ ด้วยผลติ ภัณฑ์สมนุ ไพร ยา อาหาร เคร่อื งสาอาง เครอ่ื งมือแพทย์ วตั ถุอนั ตราย
๒) การผลิต นาเข้า ส่งออก หรือขาย ต้องได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต
ตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงื่อนไขท่ีกาหนดในกฎกระทรวง
๓) การเพาะ ปลูก เพื่อใช้ประโยชน์ในครัวเรือน (เพ่ือการบริโภคส่วนบุคคล
เพื่อดูแลรักษาสุขภาพของตนเองและครอบครัวท่ีอาศัยอยู่ในที่อยู่อาศัยเดียวกัน ทั้งน้ี ไม่เกินปริมาณ
ที่กาหนดในกฎกระทรวง) ต้องจดแจ้งต่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือนายกองค์การบริหารส่วน
จังหวัด หรอื ผซู้ ่ึงได้รับมอบหมาย ตามหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเงือ่ นไขท่ีกาหนดในกฎกระทรวง
๔) ผู้รับอนุญาตฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ กฎกระทรวง
หรือประกาศ ใหผ้ ู้อนุญาต (เลขาธิการ อย. หรือผู้ซ่ึงเลขาธิการ อย. มอบหมาย) ว่ากล่าวตักเตือน พักใช้
ใบอนุญาต หรอื เพิกถอนใบอนุญาต
๕) ผู้จดแจง้ ฝา่ ฝนื หรอื ไม่ปฏิบตั ิตามพระราชบัญญัติ กฎกระทรวง หรอื ประกาศ
ให้ผู้รับจดแจ้ง (ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด) ว่ากล่าวตักเตือน
ส่ังให้ทาลาย หรือเพิกถอนใบรับจดแจ้ง ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขท่ีรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
สาธารณสุขโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกาศกาหนด
๖) ห้ามโฆษณา เว้นแต่ได้รับใบอนุญาต การขออนุญาตโฆษณาเป็นไปตาม
หลกั เกณฑ์ วิธีการ และเงอ่ื นไขทคี่ ณะกรรมการกาหนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา
๗) การโฆษณาส่วนของกัญชา กัญชง สารสกัด หรือกากจากการสกัด เป็นไป
ตามทร่ี ัฐมนตรวี ่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกาศกาหนด
๘) ห้ามผู้รับอนุญาตขายกัญชา กัญชง เพื่อการนาไปบริโภค แก่บุคคลซึ่งมีอายุ
ต่ากว่ายี่สิบปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร และบุคคลอื่นตามท่ีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ประกาศกาหนด
๔.๓.๗.๘ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้บัญญัติข้ึนเพื่อให้
ความคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค กาหนดหน้าท่ีของผู้ประกอบธุรกิจการค้าและผู้ประกอบธุรกิจโฆษณา
ตอ่ ผบู้ รโิ ภค และคุม้ ครองสิทธิของผู้บริโภคที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทาสญั ญา เพ่ือให้ความเปน็ ธรรม
แก่ผู้บริโภค รวมทั้งกาหนดมาตรการและกระบวนการคุ้มครองผู้บริโภคด้านความปลอดภัยของสินค้า
และบริการ โดยสาระสาคัญของร่างกฎหมายนี้ คือ มีการกาหนดเกี่ยวกับสิทธิผู้บริโภค โดยให้มีการ
จัดตั้งสานักงานคณะกรรมการค้มุ ครองผูบ้ ริโภค (สคบ.) เพื่อคุ้มครองผ้บู รโิ ภคเฉพาะเร่ือง ไดแ้ ก่ ฉลาก โฆษณา
สัญญา ความปลอดภัยของสินค้าและบริการ การให้ สคบ. หรือ องค์กรของผู้บริโภคที่ไม่แสวงหากาไร
ท่ี สคบ. รับรอง มสี ทิ ธิฟ้องแทนในกรณีเกิดความเสียหาย แตไ่ ม่มีอานาจบังคบั ผปู้ ระกอบการในเรื่องสิทธิ
ผู้บริโภค และกาหนดกระบวนการคุ้มครองผู้บริโภคด้านความปลอดภัยของสินค้าและบริการ อย่างไรก็
ตามพระราชบญั ญตั ินี้ไม่รวมผลิตภัณฑย์ า เนอ่ื งจากมีพระราชบัญญัตยิ า พ.ศ.๒๕๑๐ ใชบ้ ังคับอยู่แลว้
๒๔๑
๔.๓.๗.๙ พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มีหมุดหมายเพ่ือให้มี
ระบบพิจารณาคดีทเี่ อื้อต่อการใช้สิทธิเรยี กร้องของผบู้ ริโภค เพื่อให้ผทู้ ่ีไดร้ ับความเสียหายได้รับการแกไ้ ข
เย่ียวยา และมีประสิทธิภาพในการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค โดยมีสาระสาคัญ คือ การกาหนดคดี
ผูบ้ รโิ ภค ได้แก่ คดีแพ่งระหว่างผู้บริโภคและผู้ประกอบการ รวมถึงคดีแพ่งตามกฎหมายความรับผิดชอบ
ต่อความเสยี หายท่ีเกิดข้นึ จากสนิ คา้ ไม่ปลอดภยั การกาหนดกระบวนการพจิ ารณาทางศาล ตัง้ แต่ขนั้ ตอน
กอ่ นฟอ้ งคดีตอ่ ศาล เช่น การให้สิทธิผูบ้ ริโภคขอคุ้มครองช่วั คราว ข้นั ตอนที่คดอี ยูใ่ นระหวา่ งการพิจารณา
ของศาล เช่น การกาหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องยื่นฟ้องต่อผู้บริโภคต่อศาลที่ผู้บริโภคมีภูมิลาเนาอยู่ใน
เขตศาลได้เพียงแห่งเดียว ขั้นตอนการอุทธรณ์ และข้ันตอนการบังคับคดี จะเห็นได้ว่ากฎหมายน้ีเน้นให้
ผบู้ ริโภคได้รบั ความคมุ้ ครอง คอื ไดร้ บั สิทธ์ิเยยี วยาเม่อื เกิดความเสยี หายจากการบรโิ ภคผลิตภณั ฑ์
๔.๓.๗.๑๐ พระราชบัญญัติความรับผิดต่อความเสียหายท่ีเกิดข้ึนจากสินค้าท่ี
ไม่ปลอดภยั พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้บัญญัติขน้ึ เพื่อให้ความคมุ้ ครองผบู้ ริโภคท่ีได้รับความเสียหายอันเกิดจากสินค้า
ที่ไม่ปลอดภัย โดยมีการกาหนดหน้าที่ความรับผิดชอบความเสียหายของผู้ผลิต เช่น ผู้ว่าจ้างผลิต ผู้ขาย
ไว้โดยตรง ซ่ึงผู้เสียหายไม่ตอ้ งพิสูจน์ถึงความไมป่ ลอดภัยและสามารถได้รับการชดใช้ค่าเสียหายท่เี ป็นธรรม
มีสาระสาคัญของกฎหมาย คอื “สินค้า” ตามกฎหมายน้ีครอบคลุมถึง ยาสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมนุ ไพรอื่น ๆ
กาหนดให้ผู้เสียหายมภี าระพิสจู นว์ า่ ผ้เู สยี หายได้รบั ความเสียหายจากสินค้าของผปู้ ระกอบการ โดยการใช้
หรือเก็บรักษาที่เป็นไปตามปกติ กาหนดผู้มีอานาจฟ้องคดีแทนผู้เสียหาย การฟ้องคดีแบบกลุ่ม
ของผู้เสียหาย หน้าท่ีของผู้ประกอบการท่ีเก่ียวกับสินค้าที่ไม่ปลอดภัย รวมถึงการกาหนดค่าเสียหาย
สาหรับความเสยี หายตอ่ จิตใจและการกาหนดคา่ เสยี หายเพอื่ การลงโทษ
๔.๔ บทวเิ คราะห์ ความเชอ่ื มโยง สภาพปญั หา จุดเนน้ ทางยุทธศาสตร์และกฎหมายทเ่ี ก่ียวขอ้ ง
จากข้อค้นพบและปัญหาอุปสรรคในอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย (หัวข้อที่ ๔.๒) กฎหมาย ประกาศ
ระเบียบ และข้อบังคับท่ีเกี่ยวข้อง (หัวข้อที่ ๔.๓) รวมทั้งการพิจารณาจุดเน้นทางยุทธศาสตร์ภายใน
ร่างแผนปฏิบัติการด้านสมุนไพรแห่งชาติ ฉบับท่ี ๒ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ สามารถจัดกลุ่มการศึกษา
พจิ ารณาความเช่ือมโยงตามกลมุ่ กฎหมายได้เป็น ๘ ประเด็นสาคัญทจ่ี ะนาไปสกู่ ารพลิกโฉมสมุนไพรไทย
ได้แก่ ๑) แหล่งวัตถุดิบจากธรรมชาติและการเพาะปลูก ๒) มาตรฐานกระบวนการ ผลิตภัณฑ์
ห้องปฏิบัติการ ๓) ความพร้อมของผู้ประกอบการ/ความสามารถในการแข่งขันท่ีส่งผลต่อคุณภาพ
ผลิตภัณฑแ์ ละความเชือ่ ม่ัน ๔) การสง่ เสริมให้มีการจดสิทธิบัตร อนุสิทธิบตั ร และการใช้ประโยชน์ในมิติ
ของการสง่ เสริมการลงทุนใหผ้ ูป้ ระกอบการขนาดเลก็ และกลาง โดยเฉพาะวิสาหกจิ ชุมชนอย่างมนี ยั สาคญั
๕) การตลาด การประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขายและการส่งออก ๖) บุคลากรทางการแพทย์
ผสู้ ัง่ ใช้ ๗) การวิจยั พัฒนานวัตกรรมและทรัพยส์ ินทางปญั ญา และ ๘) การกากับดูแลการคุ้มครองผบู้ ริโภค
และอภิบาลระบบ