The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอน รายวิชา ส31102 ม4 บ พ ค 2 64 ทศพล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sodsod1515, 2021-12-02 02:55:23

แผนการสอน รายวิชา ส31102 ม4 บ พ ค 2 64 ทศพล

แผนการสอน รายวิชา ส31102 ม4 บ พ ค 2 64 ทศพล

มาตรฐานการเรยี นรู้ การศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน

ส31102 สังคมศึกษา2 กล่มุ สาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม

ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 เวลาเรียน 40 ช่วั โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สาระท่ี 2 หน้าทีพ่ ลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนนิ ชวี ติ ในสงั คม

มาตรฐาน ส 2.1 เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าท่ีของการเป็นพลเมอื งดี มคี ่านยิ มท่ีดงี าม และ
ธำรงรกั ษาประเพณแี ละวัฒนธรรมไทย ดำรงชวี ิตอยูร่ ่วมกันในสังคมไทย และ
สงั คมโลกอยา่ งสันตสิ ขุ

ส 2.1 ม 4-6/1 วเิ คราะหแ์ ละปฏบิ ตั ิตนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกบั ตนเอง ครอบครัว ชุมชน
ประเทศชาติ และสงั คมโลก

ส 2.1 ม.4-6/2 วเิ คราะห์ความสำคัญของโครงสรา้ งทางสังคม การขดั เกลาทางสงั คม และการ
เปลย่ี นแปลงทางสังคม

ส 2.1 ม.4-6/3 ปฏบิ ตั ิตนและมีสว่ นสนบั สนนุ ให้ผู้อน่ื ประพฤติปฏบิ ตั เิ พ่ือเปน็ พลเมอื งดี ของ
ประเทศชาติ และสังคมโลก

ส 2.1 ม.4-6/4 ประเมินสถานการณ์สทิ ธิมนุษยชนในประเทศไทย และเสนอแนวทางพฒั นา
ส 2.1 ม.4-6/5 วิเคราะห์ความจำเปน็ ทีจ่ ะตอ้ งมีการปรบั ปรุงเปลย่ี นแปลงและอนุรักษ์วฒั นธรรมไทย
และเลอื กรบั วฒั นธรรมสากล

มาตรฐาน ส 2.2 เข้าใจระบบการเมอื งการปกครองในสงั คมปัจจุบนั ยดึ มัน่ ศรทั ธา และธำรง
รกั ษาไวซ้ ึง่ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็
ประมขุ

ส 2.2 ม.4-6/1 วเิ คราะห์ปัญหาการเมืองท่ีสำคญั ในประเทศจากแหลง่ ขอ้ มลู ต่างๆ พร้อมทงั้ เสนอ
แนวทางแก้ไข

ส 2.2 ม.4-6/2 เสนอแนวทางทางการเมอื งการปกครองทีน่ ำไปสคู่ วามเขา้ ใจ และการประสาน
ประโยชน์รว่ มกนั ระหวา่ งประเทศ

ส 2.2 ม.4-6/3 วิเคราะห์ความสำคัญและความจำเป็นท่ตี อ้ งธำรงรักษาไว้ซ่งึ การปกครองตาม
ระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษัตริยท์ รงเปน็ ประมุข

ส 2.2 ม.4-6/4 เสนอแนวทางและมีส่วนรว่ มในการตรวจสอบการใช้อำนาจรฐั

มาตรฐาน ส 2.1 เข้าใจและปฏิบตั ิตนตามหนา้ ที่ของการเป็นพลเมอื งดี มีคา่ นิยมทด่ี งี าม และ ธำรง
รกั ษาประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดำรงชวี ิตอยรู่ ่วมกนั ในสังคมไทย และ สังคมโลกอยา่ งสันติสขุ

ตัวชี้วัด นกั เรยี นร้อู ะไร นกั เรยี นทำอะไรได้
1.วิเคราะห์และปฏบิ ตั ติ นตาม
กฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ้ งกับตนเอง กฎหมายท่เี กย่ี วข้องกบั ตนเอง วเิ คราะหแ์ ละปฏบิ ัตติ นตาม
ครอบครัวชุมชน ประเทศชาติ
และสงั คมโลก ครอบครวั ชุมชน ประเทศชาติและ กฎหมายทเ่ี กยี่ วข้องกับตนเอง
2.วเิ คราะหค์ วามสำคัญของ
โครงสร้างทางสังคม การขัดเกลา สังคมโลกจะนำไปสู่ความสงบสุขใน ครอบครัว ชมุ ชน ประเทศชาติ
ทางสงั คมและ
การเปลีย่ นแปลงทางสังคม การอยู่รว่ มกนั และสังคมโลก

3.ปฏิบัติตนและมีส่วนสนบั สนนุ ความสำคัญของการจัดระเบยี บ วิเคราะหค์ วามสำคัญของโครงสร้าง
ให้ผอู้ ื่นประพฤตปิ ฏบิ ตั เิ พ่ือเป็น ทางสังคม การขดั เกลาทางสังคม มี ทางสังคม
พลเมืองดขี องประเทศชาติ และ การเปลย่ี นแปลงตามยุคสมยั ตอ้ ง
สงั คมโลก กำหนดแนวทางการแก้ปญั หา
4.ประเมินสถานการณส์ ทิ ธิ เพื่อใหอ้ ยรู่ ว่ มกนั อย่างสันติสขุ
มนุษยชนในประเทศไทย และ การปฏิบัติตนและสนับสนนุ ใหผ้ ูอ้ นื่ ปฏบิ ัติตนและมสี ว่ นสนบั สนุนให้
เสนอแนวทางพฒั นา ประพฤติ ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี ผู้อนื่ ประพฤติปฏิบตั เิ พ่ือเปน็
ทำให้สงั คมไทยและสังคมโลกสงบ พลเมืองดีของประเทศชาติ และ
5. วเิ คราะหค์ วามจำเปน็ ท่ีต้องมี สขุ สังคมโลก
การปรบั ปรงุ เปล่ยี นแปลงและ
อนุรกั ษว์ ัฒนธรรมไทย และเลอื ก การดำเนนิ ชีวิตอยรู่ ว่ มกันใน ประเมนิ สถานการณ์สทิ ธมิ นษุ ยชน
รบั วัฒนธรรมสากล
สงั คมไทย และสงั คมโลกอย่างสนั ติ ในประเทศไทย และเสนอแนวทาง

สขุ ต้องมกี ารประเมินสถานการณ์ พฒั นา

และเสนอแนวทาง การพฒั นาดา้ น

มนุษยชนของคนไทย

การอนุรกั ษ์วัฒนธรรมไทยและ วเิ คราะหค์ วามจำเป็นที่ตอ้ งมกี าร
เลอื กรับวฒั นธรรมสากล ปรบั ปรงุ เปลยี่ นแปลงและอนุรักษ์
วัฒนธรรมไทยและเลือกรับ
วฒั นธรรมสากล

มาตรฐาน ส 2.2 เขา้ ใจระบบการเมอื งการปกครองในสังคมปัจจุบัน ยึดม่ัน ศรัทธา และ
ธำรงรกั ษาไวซ้ ึง่ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมขุ

ตวั ช้ีวัด นักเรยี นรอู้ ะไร นกั เรยี นทำอะไรได้
1.วิเคราะห์ปญั หาการเมือง ปญั หาการเมอื งของไทยมีผลกระทบ วเิ คราะห์ปัญหาการเมืองทสี่ ำคัญใน
ทส่ี ำคญั ในประเทศจาก ต่อประชาชนและประเทศชาติ ประเทศ จากแหลง่ ข้อมลู ต่างๆ
แหล่ง พร้อมทงั้ เสนอแนวทางแก้ไข
ขอ้ มูลต่างๆ พร้อมทั้งเสนอ การเมอื งการปกครองมสี ่วนสำคญั ต่อ
แนวทางแกไ้ ข การประสานประโยชนร์ ่วมกนั ระหวา่ ง เสนอแนวทาง ทางการเมอื งการ
2.เสนอแนวทางทางการ ประเทศ ปกครองทน่ี ำไปสคู่ วามเข้าใจ
เมอื งการปกครองที่นำไปสู่ และการประสานประโยชน์ร่วมกนั
ความเขา้ ใจและการ พระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ศนู ย์รวม ระหวา่ งประเทศ
ประสานประโยชน์รว่ มกนั จติ ใจ และความมน่ั คงในการปกครอง
ระหว่างประเทศ ระบอบประชาธิปไตยของไทย วเิ คราะหค์ วามสำคญั และ ความ
3.วเิ คราะห์ความสำคัญและ จำเป็นทต่ี ้องธำรงรักษาไว้ซง่ึ การ
ความจำเป็นท่ตี ้องธำรง การมสี ่วนรว่ มในการตรวจสอบการใช้ ปกครองตามระบอบประชาธิปไตย
รกั ษาไว้ซงึ่ การปกครองตาม อำนาจ รฐั ตามรฐั ธรรมนูญแหง่ อนั มพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ
ระบอบประชาธิปไตยอันมี ราชอาณาจกั รไทย โดยองคก์ รอิสระ
พระมหา -กษตั รยิ ์ทรงเป็น และประชาชนสง่ ผลใหม้ ีการ เสนอแนวทางและมสี ว่ นรว่ มใน
ประมุข เปล่ยี นแปลงทางสงั คมท่ีดีข้ึน การตรวจสอบการใช้อำนาจรฐั
4.เสนอแนวทางและมีสว่ น
ร่วมในการตรวจสอบการใช้
อำนาจรัฐ

คำอธบิ ายรายวชิ า

รายวชิ าสังคมศกึ ษา 2 รหัสวิชา ส31102 จำนวน 1.0 หน่วยกิต

เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง/สปั ดาห์ อัตราส่วนคะแนนระหว่างเรียน : ปลายภาค 80 : 20
*******************************************************************

ศกึ ษา วิเคราะห์ ความสำคญั ของโครงสร้างทางสังคม การขัดเกลาทางสงั คมและการเปลยี่ นแปลงทาง

สังคม การแกป้ ัญหาและแนวทางการพัฒนาทางสังคม การปฏบิ ัติตนและสนบั สนุนใหผ้ ูอ้ ืน่ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นเปน็

พลเมอื งดขี องประเทศชาตแิ ละสังคมโลก วฒั นธรรมไทยทีส่ ำคัญ การปรับปรุงเปลย่ี นแปลงและอนุรกั ษ์

วัฒนธรรมไทย และเลือกรับวฒั นธรรมสากล สถานการณ์สทิ ธิมนุษยชนในประเทศไทยและแนวทางการพัฒนา

บทบัญญัตขิ องรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทยฉบับปัจจุบนั เก่ียวกับสิทธิมนษุ ยชน ปญั หาการเมืองท่ีสำคญั ใน

ประเทศไทย การเมอื ง การปกครอง การประสานประโยชน์รว่ มกันระหวา่ งประเทศ การแลกเปล่ียนเพ่ือ

ช่วยเหลือและส่งเสรมิ ด้านวัฒนธรรม การศกึ ษา เศรษฐกิจ สงั คม ความสำคัญและความจำเป็นท่ตี ้องธำรงรักษา

ไว้ซึง่ การปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมขุ การมสี ว่ นร่วมในการตรวจสอบ

การใชอ้ ำนาจรฐั กฎหมายแพ่งเกย่ี วกบั ตนเองและครอบครัว กฎหมายแพง่ เกี่ยวกบั นิติกรรมสัญญา กฎหมาย

อาญาในเรอื่ งความผิดเกยี่ วกบั ทรพั ย์ ความผิดเก่ียวกับชวี ติ และร่างกาย กฎหมายอ่นื ท่ีสำคัญ ข้อตกลงระหวา่ ง

ประเทศ

โดยใช้กระบวนการคดิ กระบวนการสบื ค้นขอ้ มูล กระบวนการปฏิบตั ิ กระบวนการทางสงั คม

กระบวนการเผชญิ สถานการณ์ กระบวนการแก้ปญั หา กระบวนการกลมุ่

เพอ่ื ใหเ้ กิดความร้คู วามเข้าใจ สามารถนำไปประยุกต์ปฏบิ ัติในการดำเนนิ ชวี ติ มีคุณธรรมจริยธรรม มี

คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ในดา้ นรักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ มีวินยั ใฝ่เรียนรู้ รกั ความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ

สามารถดำเนินชีวติ อยา่ งสนั ตสิ ุขในสงั คมไทยและสงั คมโลก

ตัวชี้วัด
1. รู้ เขา้ ใจความหมายและวิเคราะห์ โครงสร้างทางสังคม การจัดระเบยี บทางสงั คม การขัดเกลาทาง

สงั คม และเห็นความสำคัญในการอยรู่ ว่ มกันเปน็ สงั คม วเิ คราะห์สาเหตุของการเปลีย่ นแปลงทางสงั คม สาเหตุ
ของปัญหาสังคมไทย และแนวทางการพฒั นาสังคม

2. อธิบายความหมาย ลักษณะและความสำคัญของวัฒนธรรม วเิ คราะห์ความจำเป็นในการอนุรักษ์
วัฒนธรรมไทย ความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรม พรอ้ มท้ังเสนอแนวทางการอนุรักษว์ ัฒนธรรมไทย และวิธกี าร
เลอื กรับวัฒนธรรมสากลได้

3. วเิ คราะห์ ความสำคัญคุณลกั ษณะของพลเมืองดี การปฏบิ ัติตนเปน็ พลเมอื งดีตามหลกั คุณธรรม
จริยธรรม และอธิบายแนวทางการปฏบิ ัตติ นเปน็ พลเมอื งดี วิเคราะห์แนวทางการพัฒนาตน บทบาทหน้าที่การ
เป็นพลเมอื งดีของประเทศชาตแิ ละสังคมโลก

4. อธบิ ายความหมาย ความสำคัญ แนวคิด หลักการของสิทธมิ นษุ ยชน และวเิ คราะหค์ วามสำคญั ของ
ปฏิญญาสากลวา่ ด้วยสิทธิมนษุ ยชนแห่งสหประชาชาติ วเิ คราะห์ปัญหาสิทธิมนษุ ยชนในประเทศ และบทบาท
ขององค์กรระหว่างประเทศในเวทีโลกเกย่ี วกบั สิทธิมนษุ ยชนทีม่ ีผลต่อประเทศไทย

5. อธบิ ายการปกครองระบอบประชาธิปไตยฐานะ พระราชอำนาจของพระมหากษัตรยิ ไ์ ทยและ
วเิ คราะหค์ วามจำเป็นในการธำรงรกั ษาไว้ซงึ่ การปกครองระบอบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเปน็
ประมุข วเิ คราะห์ปญั หาการเมอื งไทย แนวทางในการสรา้ งความเข้าใจ และเสนอแนวทางแกไ้ ขได้

6. อธิบายความเปน็ มา โครงสรา้ ง ความสำคัญของรฐั ธรรมนญู อธิบายบทบัญญัตเิ ก่ยี วกบั รฐั สภา
คณะรัฐมนตรี ศาล พรรคการเมอื ง การเลอื กตัง้ รัฐบาล การจดั ตง้ั รัฐบาล และเสนอแนวทางการตรวจสอบการใช้
อำนาจรัฐได้

7.มีความรู้ วเิ คราะห์การปฏิบัติตนตามกฎหมายท่ีเกี่ยวกบั ตนเอง ครอบครวั กฎหมายแพ่งเกย่ี วกบั นติ ิ
กรรมสญั ญา กฎหมายอาญา กฎหมายท่ีสำคัญของประเทศ และข้อตกลงระหวา่ งประเทศ ย่อมสง่ ผลดีต่อความ
สงบเรยี บรอ้ ยในสงั คมระดบั ประเทศ และสังคมโลกได้

รวม 7 ตัวชี้วดั

หนว่ ยการเรียนรู้

รายวิชาสังคมศกึ ษา 2 รหสั วชิ า ส31102 จำนวน 1.0 หน่วยกิต
เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง/สัปดาห์ อตั ราส่วนคะแนนระหว่างเรียน : ปลายภาค 80 : 20

ท่ี หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน / สาระการเรยี นรู้ เวลา คะแนน

ตวั ชว้ี ัดชน้ั ปี ชัว่ โมง

1 สังคมมนษุ ย์ ส 2.1 ม. 4-6/2 โครงสรา้ งทางสังคมมีสถาบนั ทาง 5 10

สังคมเปน็ สว่ นสำคัญทที่ ำหน้าท่ใี น

การขดั เกลาทางสงั คม และมีสว่ น

ในการแกป้ ญั หาและพัฒนาสังคม

2 วฒั นธรรมไทย ส 2.1 ม. 4-6/5 วัฒนธรรมไทย มคี ณุ ค่าและ 5 15

ความสำคัญต่อการดำเนนิ ชวี ิตของ

ชาวไทย ซึง่ จะต้องรจู้ ักการ

ปรบั ปรุง เปลี่ยนแปลง และอนรุ ักษ์

วัฒนธรรมไทย และเลือกรับ

วฒั นธรรมสากลอยา่ งเหมาะสม

3 พลเมืองดีของ ส 2.1 ม. 4-6/3 การปฏิบัตติ นเปน็ พลเมอื งดขี อง 5 10

ประเทศชาติ ประเทศชาติและสงั คมโลกนน้ั ย่อม

และสงั คมโลก สง่ ผลต่อการอยู่รว่ มกนั อยา่ งสนั ติ

สขุ

4 สิทธมิ นุษยชน ส 2.1 ม. 4-6/4 ปัจจบุ นั นี้องคก์ รต่างๆ ทั้งใน 5 15

ประเทศและองค์กรระหว่าง

ประเทศตา่ งๆ ให้ความสำคญั กบั

สทิ ธิมนุษยชนในประเทศไทย และ

ร่วมมือกันแกไ้ ขปญั หาสทิ ธิ

มนษุ ยชนใหเ้ ป็นไปตามปฏิญญา

สากลว่าด้วยสิทธมิ นุษยชน

สอบกลางภาค 1

5 ระบอบการเมอื ง ส 2.2 การรว่ มมอื กนั แก้ปัญหาการเมอื ง 6 10

การปกครอง ม. 4-6/1 การปกครอง และประสาน

ม. 4-6/2 ประโยชน์ร่วมกนั ระหวา่ งประเทศ

ม. 4-6/3 เปน็ สว่ นสำคญั ในการธำรงรกั ษาไว้

ซ่ึงการปกครองระบอบ

ประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ์

ทรงเป็นประมขุ

6 รฐั ธรรมนญู แหง่ ส 2.2 ม. 4-6/4 การตรวจสอบการใชอ้ ำนาจรัฐตาม 5 15
25
ราชอาณาจักรไทย บทบญั ญัติของรัฐธรรมนูญแห่ง 8 100

ราชอาณาจักรไทยนัน้ สามารถ 1
40
ตรวจสอบไดโ้ ดยองคก์ รอสิ ระและ

ตรวจสอบโดยประชาชน ดังน้ัน

ประชาชนทกุ คนจึงควรมสี ่วนรว่ ม

ในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ

7 กฎหมายในชวี ติ ส 2.1 ม. 4-6/1 การปฏิบตั ติ นตามกฎหมายท่ี
ประจำวนั เกีย่ วกบั ตนเอง ครอบครัว
กฎหมายแพง่ เกย่ี วกับ นิติกรรม
สัญญา กฎหมายอาญา กฎหมายท่ี
สำคัญของประเทศ และขอ้ ตกลง
ระหว่างประเทศ ย่อมส่งผลดตี ่อ
ความสงบเรยี บร้อยในสังคม
ระดบั ประเทศ และสังคมโลก

ปลายภาค

รวม

แผนการวดั วดั ประเมินผล ต

รหสั วิชา ส๓๑๑๐๒ รายวิชาสงั คมศกึ ษา๒ ภาคเรยี นท่ี ๒ ปี การศกึ

อตั ราสว่ นคะแนนระหว่างเรยี น :

ครผู ้สู อน นายทศ

การวดั ผล สปั ดาห์ท่ี ตวั ชีว้ ดั /ผลการเรยี นรู้ สดั สว่ นคะ

KP

กอ่ นกลางภาค ๑-๙ ๑-๔ ๓๑
(๓๐คะแนน) ๕๓
๓๑
กลางภาค รวมคะแนนกอ่ นกลางภาค ๕๓
(๒๐คะแนน) ๑๐ ๑-๔ ๑๖ ๘
๑๐ ๑๐
หลงั กลางภาค รวมคะแนนกลางภาค
(๓๐คะแนน) ๑๐ ๑๐
๑๑-๑๙ ๕-๗ ๓๒
๕๓
ปลายภาค รวมคะแนนหลงั กลางภาค ๑๐ ๓
(๒๐คะแนน) ๒๐ ๕-๗ ๑๘ ๘
๑๐ ๑๐
รวมคะแนนปลายภาค
รวมคะแนนระหวา่ งเรยี น ๑๐ ๑๐
๔๔ ๒๖
รวมคะแนนทงั้ หมด ๕๔ ๓๖

ตามมาตรฐาน/ตวั ชีว้ ดั

กษา ๒๕๖๔ จานวน ๒ชวั่ โมง/สปั ดาห์ จานวน ๑.๐ หน่วยกิต

: ปลายภาคเรยี น = ๘๐ : ๒๐

ศพล ศรสี าระ

ะแนน รวม งานท่ีนกั เรยี นต้องทา/ได้รบั มอบหมาย วิธีการ/รปู แบบของ

A คะแนน ภาระงาน ชิ้นงาน เครื่องมือ

ในการวดั ผล

๑ ๓๐ ๑.สงั คมมนษุ ย์ ๑.สงั คมมนษุ ย์ แบบประเมินชิ้นงาน

๒ ๒.วฒั นธรรม ๒.วฒั นธรรม ของนกั เรียน

๑ ๓.พลเมอื งดี ๓.พลเมืองดี

๒ ๔.สิทธิ ๔.สิทธิ

๖ ๓๐

๒๐ แบบทดสอบ แบบทดสอบ การทดสอบกลางภาค

กลางภาค กลางภาค

๒๐

๓๐ ๑.ระบอบการเมอื ง ๑.ระบอบการเมือง แบบประเมินชิ้นงาน

๒ ๒.รฐั ธรรมนูญ ๒.รฐั ธรรมนญู ของนักเรยี น

๒ ๓.กฎหมาย ๓.กฎหมาย

๔ ๓๐

๒๐ แบบทดสอบ แบบทดสอบ การทดสอบปลายภาค

ปลายภาค ปลายภาค

๒๐

๑๐ ๘๐

๑๐ ๑๐๐

1

หน้าท่ีพลเมอื ง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวติ ในสังคม

กล่มุ สาระการเรยี นร้สู งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม

ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4-6 เวลาเรยี น 5

ชว่ั โมง

 มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ดั

ส 2.1 ม.4-6/2 วิเคราะห์ความสำคญั ของโครงสรา้ งทางสงั คม การขดั เกลาทางสงั คม และการ

เปลยี่ นแปลงทางสังคม

 สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

โครงสรา้ งทางสงั คมมสี ถาบนั ทางสงั คมเป็นส่วนสำคญั ที่ทำหน้าท่ีในการขดั เกลาทางสังคมและมีสว่ นในการ
แก้ปญั หาและพฒั นาสงั คม

 สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

1. โครงสร้างทางสงั คม
- การจัดระเบียบทางสังคม
- สถาบันทางสงั คม

2. การขดั เกลาทางสังคม
3. การเปล่ยี นแปลงทางสังคม
4. การแกป้ ัญหาและแนวทางการพฒั นาทางสงั คม

3.2 สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ

-

 สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ

- ทักษะการคิดวเิ คราะห์

4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต

- กระบวนการปฏบิ ตั ิ
- กระบวนการทำงานกลุ่ม

 คุณลักษณะอนั พึงประสงค์

1. มีวนิ ยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน

 ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

แผนผังความคิด เร่ือง สงั คมมนุษย์

 การวัดและการประเมินผล

7.1 การประเมินก่อนเรยี น

- แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรื่อง สังคมมนษุ ย์

7.2 การประเมนิ ระหว่างการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

1. ใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง สถาบันครอบครัว
2. ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง สถาบนั เศรษฐกิจ
3. ใบงานที่ 1.3 เรอ่ื ง สถาบันการเมืองการปกครอง
4. ใบงานที่ 1.4 เรอ่ื ง สถาบันการศึกษา
5. ใบงานท่ี 1.5 เรอ่ื ง สถาบันศาสนา
6. ใบงานที่ 1.6 เรอ่ื ง สถาบันนันทนาการ
7. ใบงานท่ี 1.7 เร่ือง การปฏิบัติตนเพ่ือเปน็ สมาชกิ ท่ีดีของสถาบันทางสังคม
8. ใบงานท่ี 1.8 เรอื่ ง ขา่ วปญั หาเดก็ และเยาวชนสมัยใหม่
9. ใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง สังคมยุคโลกาภิวตั น์
10. ใบงานท่ี 2.2 เร่ือง ปญั หาสงั คมไทย
11. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม

7.3 การประเมนิ หลังเรยี น

- แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรื่อง สงั คมมนุษย์

7.4 การประเมนิ ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- ประเมนิ แผนผงั ความคิด เร่อื ง สังคมมนษุ ย์

การประเมินช้นิ งาน / ภาระงาน (รวบยอด)
แบบประเมินแผนผงั ความคิด เรอ่ื ง สังคมมนษุ ย์

รายการประเมนิ ดมี าก (4) คำอธบิ ายระดับคุณภาพ / ระดบั คะแนน ปรับปรุง (1)
ดี (3) พอใช้ (2)

1.ความสำคญั วเิ คราะห์ วิเคราะห์ วิเคราะห์ วิเคราะห์

ของการอยู่ ความสำคญั ของ ความสำคญั ของ ความสำคัญของ ความสำคญั ของ

รว่ มกนั เป็น การอยูร่ ่วมกนั เปน็ การอยู่ร่วมกันเปน็ การอยูร่ ่วมกันเป็น การอยู่รว่ มกันเปน็

สงั คม สงั คมไดถ้ ูกต้อง สงั คมได้ถกู ตอ้ ง สังคมไดถ้ กู ต้อง สงั คมไดถ้ กู ตอ้ ง

ชัดเจน ชัดเจนเป็นสว่ น ชดั เจนเป็น แตไ่ ม่ชัดเจน

ใหญ่ บางสว่ น

2. โครงสร้าง อธบิ ายโครงสร้าง อธิบายโครงสร้าง อธบิ ายโครงสร้าง อธิบายโครงสร้าง

ทางสังคม ทางสังคมและ ทางสงั คมและ ทางสงั คมและ ทางสงั คมและ

ความสัมพันธ์ ความสัมพนั ธ์ ความสมั พนั ธ์ ความสมั พันธ์

ระหว่างสถาบันทาง ระหว่างสถาบนั ทาง ระหว่างสถาบันทาง ระหว่างสถาบนั ทาง

สังคมไดถ้ กู ต้อง สงั คมไดถ้ ูกตอ้ ง สังคมได้ถูกตอ้ ง สงั คมไดถ้ กู ตอ้ ง

ครบถ้วน สมบูรณ์ เกอื บครบถว้ น เป็นบางสว่ น เปน็ ส่วนน้อย

3. การขัด วเิ คราะหผ์ ลของ วิเคราะหผ์ ลของ วิเคราะหผ์ ลของ วเิ คราะหผ์ ลของ

เกลาทางสงั คม การขัดเกลาทาง การขดั เกลาทาง การขัดเกลาทาง การขัดเกลาทาง

สงั คมได้อยา่ งมี สังคมได้อย่างมี สังคมได้อยา่ งมี สังคมไดอ้ ยา่ งมี

เหตผุ ล ถกู ตอ้ ง เหตุผล ถกู ตอ้ ง เหตุผล ถูกตอ้ ง เหตผุ ล ถกู ต้อง

ชัดเจน ชดั เจนเปน็ สว่ น เปน็ บางส่วน เปน็ ส่วนนอ้ ย

ใหญ่

4. การ วเิ คราะหผ์ ลของ วเิ คราะหผ์ ลของ วเิ คราะหผ์ ลของ วิเคราะหผ์ ลของ

เปลีย่ นแปลง การเปลยี่ นแปลง การเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลง การเปลีย่ นแปลง

ในสงั คม ทางสงั คมไดอ้ ยา่ ง ทางสงั คมได้อย่าง ทางสงั คมไดอ้ ย่าง ทางสังคมไดอ้ ย่าง

มีเหตผุ ล ถกู ตอ้ ง มเี หตุผล ถกู ต้อง มเี หตุผล ถูกต้อง มีเหตผุ ล ถกู ตอ้ ง

ชัดเจน เปน็ สว่ นใหญ่ เป็นบางสว่ น เปน็ สว่ นน้อย

เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ

13-16 ดมี าก

9-12 ดี

5-8 พอใช้

1-4 ปรบั ปรุง

 กจิ กรรมการเรยี นรู้

 นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรื่อง สังคมมนษุ ย์

กจิ กรรมที่ โครงสร้างทางสงั คมและการขดั เกลาทางสังคม
1
วิธสี อนโดยการจัดการเรยี นร้แู บบร่วมมอื : เทคนคิ คู่คิด เวลา 3 ชว่ั โมง
วธิ สี อนแบบโมเดลซิปปา

1. ครูให้นกั เรยี นดภู าพ พอ่ แม่ และลกู (วัยแรกเกิด) แล้วให้นักเรียนร่วมกันอภปิ รายเกี่ยวกบั คำถาม
ทกี่ ำหนด แลว้ รว่ มกนั สรปุ ความหมาย และความสำคัญของการอยูร่ ว่ มกันเป็นสงั คม จากนน้ั ครู
อธิบายเพ่มิ เติมเกีย่ วกบั องค์ประกอบของสงั คมมนษุ ย์

2. ครูนำภาพบา้ นทีส่ วยงามมาใหน้ กั เรียนดู และสนทนาเชิงวเิ คราะหใ์ นประเด็นทีก่ ำหนด แล้วครู
อธิบายเชือ่ มโยงใหน้ ักเรียนเข้าใจว่า บ้านเปรยี บเหมอื นสงั คมหรือโลกที่มสี มาชิกอาศยั อยู่
โครงสร้างและองค์ประกอบของบา้ นมปี ระโยชน์ งดงามนา่ อยู่ ดังน้ันถ้าสมาชกิ ในครอบครวั
ตา่ งปฏิบตั ติ ามบทบาทหน้าท่กี ็สง่ ผลตอ่ บา้ น ชมุ ชน สังคม และโลกให้น่าอยเู่ ช่นกนั

3. ครูใหน้ กั เรียนดแู ผนภมู ิองค์ประกอบโครงสร้างทางสังคม และอธิบายให้นกั เรยี นเข้าใจลักษณะ
การจัดระเบยี บทางสงั คมและสถาบนั ทางสังคม

4. ให้นกั เรยี นรวมกนั เปน็ กลมุ่ กล่มุ ละ 6 คน และให้จับคูก่ ันเปน็ 3 คู่ แตล่ ะคู่ศกึ ษาความรู้ จากหนงั สอื เรียน
เรื่อง การจดั ระเบยี บทางสงั คม คู่ละ 1 เรื่อง ดังน้ี
- คูท่ ี่ 1 ศกึ ษาเรอ่ื ง ระบบคณุ ค่าของสงั คม
- คทู่ ่ี 2 ศกึ ษาเรือ่ ง บรรทัดฐานหรอื ปทสั ถานทางสังคม
- คู่ท่ี 3 ศกึ ษาเรอ่ื ง สถานภาพและบทบาท
โดยให้แต่ละคู่ผลดั กนั ศึกษาคน้ คว้าตามหวั ข้อท่กี ำหนดไว้ และผลดั กันเล่าเรือ่ งรอบวงในประเด็น
ท่ีสำคัญของหวั ข้อท่ตี นได้รบั มอบหมายใหเ้ พอื่ นในกลุ่มฟังจนครบทกุ เร่ือง จากนนั้ ครสู มุ่ เรียก
นกั เรียน 2 - 3 คู่ สนทนาซกั ถามเก่ียวกับองค์ประกอบของการจดั ระเบียบทางสงั คม โดยครคู อย
อธิบายเพ่ิมเติม

5. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ความรู้เรอ่ื ง การจัดระเบียบทางสังคม
6. ครสู นทนากับนกั เรียนเกย่ี วกับความจำเป็นที่ต้องมีสถาบันทางสังคม แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกันเขียน

ความรู้เดมิ เกี่ยวกบั สถาบันทางสงั คม ลงในกระดาษ และนำมาติดที่กระดานหนา้ ชนั้ เรยี นใหถ้ ูกตอ้ ง

7. นกั เรียนรวมกล่มุ กนั กล่มุ ละ 6 คน และให้ทุกคนมหี มายเลขประจำตัว 1-6 ตามลำดับ แล้วให้
นกั เรียนแตล่ ะคนทมี่ หี มายเลขเดียวกนั ไปรวมกนั เปน็ กลุ่มใหม่ และศึกษาความรจู้ ากหนงั สือเรียน
และทำใบงานท่ีกำหนดให้ ดงั นี้
- กลมุ่ หมายเลข 1 ทำใบงานที่ 1.1 เรื่อง สถาบนั ครอบครวั
- กลมุ่ หมายเลข 2 ทำใบงานท่ี 1.2 เรื่อง สถาบันเศรษฐกจิ
- กลุ่มหมายเลข 3 ทำใบงานที่ 1.3 เรอื่ ง สถาบันการเมอื งการปกครอง
- กลมุ่ หมายเลข 4 ทำใบงานที่ 1.4 เรอ่ื ง สถาบันการศึกษา
- กล่มุ หมายเลข 5 ทำใบงานท่ี 1.5 เรอื่ ง สถาบนั ศาสนา
- กลุ่มหมายเลข 6 ทำใบงานที่ 1.6 เรอ่ื ง สถาบนั นนั ทนาการ

8. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ศึกษาความรจู้ ากหนงั สือเรยี น และร่วมกนั สรปุ ความรู้ จากการศกึ ษาคน้ คว้า และ
ชว่ ยกนั ตอบคำถามในใบงานทแี่ ต่ละกลมุ่ ได้รบั ทำความเขา้ ใจเนื้อหาให้ชัดเจนในประเดน็ ทสี่ ำคัญ ที่
เปน็ ความรู้ใหม่ แล้วให้นกั เรยี นกลมุ่ ใหม่กลับเข้าสู่กลุ่มเดิม และนำข้อมลู ความรู้ทีไ่ ดร้ ับจากการศึกษาและ
ทำใบงานกลบั ไปขยายผลใหก้ ลุ่มเดิมของตนฟงั แล้วร่วมกนั สรุปและบันทกึ ลงในกระดาษแลว้ ออกมา
นำเสนอผลงานท่ีหนา้ ชนั้ เรียน จากนนั้ ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปความรเู้ รือ่ ง สถาบันทางสงั คม

9. นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันทำใบงานท่ี 1.7 เรอื่ ง การปฏบิ ัตติ นเพอ่ื เปน็ สมาชิกท่ดี ีของสถาบนั ทาง
สังคม แล้วออกมานำเสนอผลงานที่หนา้ ชนั้ เรียน

10. ครูให้นักเรยี นดภู าพการกระทำที่ไม่เหมาะสมของเยาวชน เช่น เล่นการพนัน เทีย่ วสถานบันเทิง
เสพสารเสพติด ฯลฯ แลว้ รว่ มกันอภปิ รายถึงสาเหตุ-ผลของการกระทำ รวมท้งั การมสี ว่ นร่วมของ
องคก์ รทางสังคมต่างๆ ในการขดั เกลา เพอ่ื ให้เยาวชนไดป้ รบั เปลีย่ นวถิ ีชวี ติ ให้เหมาะสม

11. ครอู ธิบายให้นกั เรยี นเข้าใจว่าจะมกี จิ กรรมการเรยี นรู้โดยใช้เทคนิคหมวกหกใบ และอธบิ ายถึง
ลักษณะพื้นฐานของหมวกหกใบ ครูชีแ้ จงบทบาท หน้าท่ี ขน้ั ตอน กติกา การอภิปรายให้นักเรียนเขา้ ใจ
แล้วครูอธิบายรายละเอียดของประเดน็ ที่จะอภปิ รายเกยี่ วกับการขดั เกลาทางสังคม

12. ครูอธิบายขั้นการใชห้ มวกหกใบ ให้นกั เรียนฟัง ดังน้ี
1) ครขู ออาสาสมคั รนักเรยี น 6 คน สาธิตวธิ กี ารใชห้ มวกหกใบตามสีของหมวก พรอ้ มอธิบาย
แนะนำตวั อย่างเพื่อสร้างความเข้าใจ
2) ครสู าธิตวธิ ีการใชห้ มวก ดงั น้ี
(1) หมวกฟ้า เร่มิ ตน้ ด้วยการนำอภิปรายและเป็นผสู้ รุปภาพรวมขนั้ ตอนสดุ ท้ายดว้ ย
(2) หมวกขาว เสนอข้อมลู ข้อเทจ็ จรงิ (เชน่ เรื่องนไ้ี ดข้ ้อมูลมาดว้ ยวธิ ใี ด)
(3) หมวกแดง แสดงความรู้สึก อารมณ์ (เช่น รู้สกึ อยา่ งไรกบั เร่ืองน)ี้
(4) หมวกดำ บอกขอ้ บกพรอ่ ง จดุ ออ่ น โทษหรอื ผลเสีย (เชน่ เรื่องนจ้ี ะเกดิ ผลเสียอะไรบา้ ง)
(5) หมวกเหลอื ง เสนอข้อคดิ ที่เป็นประโยชน์ (เชน่ เรือ่ งน้มี ขี อ้ ดีอย่างไร ทำอย่างไรจึงจะเกิด
ประโยชน)์
(6) หมวกเขยี ว เสนอแนวทางพฒั นา หรือปรบั ปรุงเปลยี่ นแปลงต่อไป (เช่น มีวิธกี ารใดที่
จะทำให้มนั ดขี ึ้น)

13. ครูใหน้ ักเรียนรวมกลุ่มกนั กลมุ่ ละ 6 คน ศกึ ษาความรเู้ รือ่ งการขดั เกลาทางสังคม จากหนงั สอื เรยี น
และทำใบงานที่ 1.8 เรอื่ ง ขา่ วปัญหาเดก็ และเยาวชนสมยั ใหม่ โดยใหน้ ักเรียนเลือกใช้หมวกคนละ
1 ใบ และเริ่มตน้ ฝึกปฏิบัติแสดงข้อคิด เสนอขอ้ ดขี ้อเสยี และแนวทางการแก้ไขพฒั นา ตามประเด็น
ในใบงาน

14. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ สรปุ ผลการอภปิ รายเก่ยี วกับ ปญั หาของเดก็ และเยาวชนสมยั ใหมแ่ ละการ
ขดั เกลาทางสงั คม แลว้ เสนอผลการอภปิ รายตอ่ ช้ันเรยี น จากนัน้ ครูและนักเรยี นชว่ ยกนั เสนอแนะ
เพมิ่ เติม

กิจกรรมท่ี การเปลี่ยนแปลงทางสงั คม การแกป้ ัญหาและแนวทางการพัฒนาสังคม
2ฃ
วิธสี อนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการกลุ่ม เวลา 2 ชวั่ โมง

1. ให้นกั เรียนร่วมกันวเิ คราะหภ์ าพการเดนิ ทางของคนไทยในอดตี และสนทนาซักถามในประเด็น

ทกี่ ำหนด แล้วครูและนกั เรียนช่วยกันสรปุ ความหมายและลกั ษณะการเปลี่ยนแปลงทางสังคม

2. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กล่มุ ละ 5-7 คน ตามความสมคั รใจ ใหแ้ ตล่ ะกลุม่ ศกึ ษาความรู้เร่อื ง การเปลย่ี นแปลง

ในสงั คม จากหนงั สอื เรยี น และทำใบงานที่ 2.1 เร่อื ง สงั คมยคุ โลกาภิวัตน์ โดยระดมพลังสมอง

วางแผนการทำงานและแบ่งหน้าทค่ี วามรบั ผิดชอบตามหัวขอ้ ในใบงาน แลว้ ออกมานำเสนอ

ผลงานทหี่ นา้ ช้ันเรียน

3. ครแู ละนกั เรยี นช่วยกนั สรปุ บทเรียน และเพ่มิ เติมในประเด็นสำคญั ครชู ่นื ชมผลงานนกั เรยี น

4. ครทู บทวนความรเู้ ดมิ เกี่ยวกับผลเสียท่ีเกิดจากการเปล่ียนแปลงสงั คม ทำให้เกดิ ปัญหาสังคมตามมา

และให้นกั เรียนชว่ ยกนั อภปิ รายปญั หาของสงั คมไทยที่กำลังประสบอยู่ โดยเขียนชื่อปัญหาบนกระดาน

5. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 5-7 คน ศกึ ษาค้นคว้า เร่อื ง ปัญหาสงั คมไทยและแนวทางการแกไ้ ขปญั หา จาก

หนงั สือเรยี น และทำใบงานท่ี 2.2 เร่ือง ปญั หาสงั คมไทย โดยใหน้ กั เรยี นร่วมกนั คิดว่า เรอื่ งใดบ้างที่เปน็

ปัญหาสงั คมอย่ใู นขณะนนั้ จากน้ันใหแ้ ต่ละกลุ่มร่วมกันตดั สนิ ใจเลือกปัญหาสำคัญ 1 ปัญหา

ทส่ี มาชิกในกล่มุ คดิ ว่าสามารถมีสว่ นร่วมในการป้องกันแก้ไขปญั หาได้ และช่วยกนั วิเคราะหแ์ ละตอบ

คำถามตามหัวขอ้ ในใบงาน

6. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำเสนอผลงานทห่ี นา้ ชนั้ เรยี น แลว้ ชว่ ยกันสรุปประเดน็ ปัญหาสำคญั ทตี่ ้องร่วมมอื กนั

แก้ไขอยา่ งเร่งดว่ น

7. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุม่ ชว่ ยกันทำแผนผังความคดิ เรอ่ื ง สังคมมนุษย์ โดยวเิ คราะห์ลักษณะสงั คมมนุษย์

ให้ครอบคลุมหัวข้อ ต่อไปนี้

1) ความสำคญั

2) โครงสร้างทางสังคม

3) การขดั เกลาทางสงั คม

4) การเปลยี่ นแปลงในสังคม

8. ครูเลือกผลงานท่มี ีคุณภาพอยู่ในเกณฑด์ ี แลว้ นำมาจดั ป้ายนิเทศแสดงผลงานของนักเรยี น

 นักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เร่ือง สงั คมมนษุ ย์

 สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้

9.1 สอื่ การเรยี นรู้

1. หนังสอื เรยี น หนา้ ที่พลเมอื ง ฯ ม.4-ม.6
2. ใบงานที่ 1.1 เรื่อง สถาบนั ครอบครัว
3. ใบงานท่ี 1.2 เรอื่ ง สถาบันเศรษฐกิจ
4. ใบงานท่ี 1.3 เรือ่ ง สถาบนั การเมืองการปกครอง
5. ใบงานท่ี 1.4 เรอ่ื ง สถาบันการศึกษา
6. ใบงานที่ 1.5 เรื่อง สถาบนั ศาสนา
7. ใบงานท่ี 1.6 เรอ่ื ง สถาบนั นันทนาการ
8. ใบงานที่ 1.7 เรื่อง การปฏบิ ัติตนเพ่ือเป็นสมาชิกท่ีดขี องสถาบันทางสงั คม
9. ใบงานที่ 1.8 เรื่อง ข่าวปญั หาเดก็ และเยาวชนสมัยใหม่
10. ใบงานที่ 2.1 เร่อื ง สังคมยคุ โลกาภิวัตน์
11. ใบงานท่ี 2.2 เร่อื ง ปัญหาสังคมไทย

9.2 แหล่งการเรียนรู้

1. หอ้ งสมุด
2. แหล่งข้อมูลสารสนเทศ

http://www.m-society.go.th
http://www.thaisociety.go.th

แบบทดสอบก่อนเรยี น-หลังเรียน ประจำหนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1

คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเลือกคำตอบท่ีถกู ต้องท่สี ุดเพียงข้อเดยี ว
1. เพราะเหตุใด มนษุ ย์จงึ ต้องอย่รู วมกนั เปน็ สงั คม

ก. เพอ่ื ถา่ ยทอดวัฒนธรรม
ข. เพือ่ สร้างความเจรญิ ให้กบั สังคม
ค. เพอ่ื สนองความต้องการพ้ืนฐานของมนุษย์
ง. เพ่ือสร้างความเป็นอนั หนงึ่ อันเดยี วกันในสังคม
2. ข้อใดจัดเปน็ สงั คม
ก. สุพจนน์ ัง่ อ่านหนงั สอื การต์ นู รมิ น้ำ
ข. สชุ าตยิ ืนรอรถเมล์สาย 113 ท่ปี ้ายรถเมล์
ค. นารีหัวเราะเสยี งดังเม่ือดูรายการชิงร้อยชิงล้าน
ง. วิชัยชวนแมไ่ ปเท่ยี วท่ีสนามหลวงในงานสัปดาห์วสิ าขบชู า
3. ข้อใดสอดคลอ้ งกับคำกล่าวทว่ี า่ “มนษุ ยเ์ ป็นสัตว์สังคม”
ก. มนุษย์สามารถใช้สมองและร่วมมือกันไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ข. มนุษย์ตอ้ งด้นิ รนเพอื่ ตอ่ สูก้ บั ความอยูร่ อดของชีวติ
ค. มนุษย์ตอ้ งอยรู่ วมกันเป็นกลุ่มเพอ่ื พึ่งพาอาศัยกนั
ง. มนุษย์สามารถปรับตัวเขา้ กับสภาพแวดลอ้ มได้ดี
4. สถาบนั ศาสนาควรมีบทบาทร่วมกับรฐั บาล ในเรอื่ งใด
ก. ใหค้ วามร่วมมอื กับรัฐอบรมสมาชิกให้มีเจตคตทิ ่ีดีตอ่ การปกครองของรฐั
ข. ปลูกฝังคา่ นิยม จรยิ ธรรม ความเป็นพลเมืองดีแกป่ ระชาชน
ค. ทว้ งตงิ วจิ ารณ์นโยบายท่ีไมเ่ หมาะสมของรัฐ
ง. ควบคมุ และระงับข้อขดั แยง้ ทเี่ กดิ ข้ึน
5. สถาบนั พน้ื ฐานแรกสุดของสังคมท่ีทำหน้าที่อบรมและขัดเกลาให้สมาชกิ คอื สถาบันใด
ก. สถาบันครอบครวั
ข. สถาบันเศรษฐกจิ
ค. สถาบนั การศึกษา
ง. สถาบันศาสนา
6. “โครงสรา้ งของสงั คม” คือข้อใด
ก. สง่ิ ทเ่ี ป็นองคป์ ระกอบค้ำจนุ สงั คม
ข.อดุ มการณข์ องสงั คมเพ่ือความม่ันคงถาวร
ค.วตั ถปุ ระสงคท์ ีว่ างไวเ้ พือ่ ให้บรรลถุ ึงเป้าหมาย
ง. ความสมั พันธอ์ ย่างมแี บบแผนท่ีเก้ือหนุนและโยงใยต่อกันและกัน

7. นายนพพรปฏบิ ตั ิตามระเบยี บของโรงเรยี นอย่างเคร่งครดั เขาปฏิบตั ิตามข้อใด
ก. คา่ นิยมทางสังคม
ข. บรรทดั ฐานทางสงั คม
ค. สถานภาพทางสังคม
ง. ศลี ธรรมจรรยา

8. ข้อใดไม่ใชว่ ิถีประชา
ก. วัยร่นุ ชอบใส่เสือ้ ยืด กางเกงยีนส์
ข. นกั เรียนพูดจาไมส่ ภุ าพจะถกู ติเตยี นเสมอ
ค. ห้ามสูบบหุ รีบ่ นรถประจำทาง ปรับ 2,000 บาท
ง. ชาวพุทธสวดมนต์ไหว้พระเพอ่ื ทำจติ ใจให้สงบ

9. ข้อใดถือเปน็ สถานภาพท่ไี ดม้ าดว้ ยความสามารถ
ก. หมอ่ มเจ้าชาตรเี ฉลิม ยคุ ล สรา้ งภาพยนตรอ์ ิงประวตั ิศาสตร์
ข. พรทิพย์ นาคหิรญั กนก ได้รับคดั เลอื กเปน็ นางงามจักรวาล
ค. นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นคนจงั หวดั สพุ รรณบุรี
ง. สัญญาเปน็ ลูกคนโตพ่อจงึ มอบกิจการให้เขาดแู ล

10. ข้อใดถือว่า เป็นการทำผิดจารีตหรอื กฎศีลธรรม
ก. ลกู อกตัญญู
ข. การเขียนหนังสอื ด้วยมือซ้าย
ค. การหลีกเล่ียงการเสียภาษี
ง. การไมท่ ำพธิ เี จิมรา้ นคา้ ทเี่ ปิดใหม่

11. องคก์ รใดทมี่ ีบทบาทสำคญั ท่ีสดุ ในกระบวนการขดั เกลาทางสงั คม
ก. วัด
ข. โรงเรยี น
ค. ครอบครวั
ง. ส่ือมวลชน

12. การกระทำใดถือว่าเปน็ การขดั เกลาทางสงั คมโดยทางอ้อม
ก. ในขณะรับประทานอาหารร่วมกัน คุณแม่จะบอกให้เคี้ยวอาหารหมดปากกอ่ นทจี่ ะพดู
ข. ดวงใจและเพื่อนสามารถรอ้ งเพลงตามจงั หวะท่ีฟังจากวิทยุได้ถกู ต้อง
ค. คุณครูใหน้ ักเรียนทำงานเป็นกลุ่มเพือ่ ฝึกความเป็นประชาธิปไตย
ง. คณุ ยายสอนให้สวยรจู้ ักทำความเคารพผู้ใหญ่

13. ขอ้ ใดกล่าวถงึ “การจัดระเบยี บทางสังคม” ได้อย่างชดั เจนที่สุด
ก. กฎระเบยี บและกติกาของกลุม่ คนทมี่ กี ารเปลีย่ นแปลงตลอดเวลา
ข. ความสัมพนั ธ์ของสมาชกิ ในแตล่ ะสังคมซ่งึ มีความผูกพนั ธ์กันอยา่ งแนน่ แฟ้น
ค. การอยู่ร่วมกนั ของกล่มุ คนในแต่ละสังคมซงึ่ มีการดำเนนิ ชีวติ ไม่แตกตา่ งกนั
ง. วธิ กี ารทีค่ นในสงั คมกำหนดขึน้ เพือ่ ใหเ้ ป็นระเบียบกฎเกณฑใ์ นการอยรู่ ว่ มกนั

14. ขอ้ ใดอธิบายลกั ษณะของสังคมไทยได้ถกู ต้องทส่ี ุด
ก. ภาพยนตรเ์ กาหลีมีอทิ ธพิ ลตอ่ การดำเนินชวี ติ ของคนปจั จุบันมากขนึ้
ข. เป็นสังคมทมี่ กี ารเปลีย่ นแปลงแบบค่อยเปน็ คอ่ ยไป
ค. ศูนยร์ วมจติ ใจของคนไทยคอื สถาบันพระมหากษัตรยิ ์
ง. โทรศัพทม์ อื ถอื ทำให้ภาษาไทยวบิ ัติมากขน้ึ

15. สถาบันใดในสงั คมไทยมบี ทบาทสำคญั ทส่ี ุด ท่ีจะทำให้สมาชิกในสังคมเปน็ พลเมืองดีตามท่สี งั คม
คาดหวงั
ก. สถาบนั ครอบครวั
ข. สถาบนั การศึกษา
ค. สถาบันการเมอื ง
ง. สถาบันศาสนา

16. ปัญหาสังคมตา่ งๆ ที่เกดิ ขึน้ มากมายในปัจจบุ นั มีสาเหตพุ ้ืนฐานมาจากขอ้ ใด
ก. วัฒนธรรมตะวนั ตกหลง่ั ไหลเขา้ มา
ข. ความบกพร่องของผบู้ รหิ ารประเทศ
ค. จำนวนการเพม่ิ ของจำนวนประชากร
ง. ความเสอื่ มโทรมทางศลี ธรรม จริยธรรม คา่ นิยมท่ีดี

17. ปญั หายาเสพติดเปน็ ปัญหาตอ่ สงั คมหลายๆ ดา้ น ข้อใดไม่ใช่ปัญหาทีเ่ ก่ยี วเนื่องกับปญั หายาเสพติด
ก. ปัญหาอาชญากรรม
ข. ปัญหาทำรา้ ยร่างกาย
ค. ปญั หาสิ่งแวดลอ้ มเป็นพษิ
ง. ปัญหาความรนุ แรงในครอบครวั

18. การกระทำในข้อใด ก่อใหเ้ กิดผลกระทบตอ่ ระบบนเิ วศและกลายเปน็ ปญั หาส่ิงแวดลอ้ มที่สำคัญ
ในสงั คมไทย
ก. การจราจรติดขัด
ข. การตัดไมท้ ำลายป่า
ค. การสรา้ งโรงงานอตุ สาหกรรมมาก
ง. การใช้วัสดอุ ปุ โภคบรโิ ภคไมเ่ หมาะสม

19. ปัญหาการทุจริตซ่งึ ถือเปน็ ปัญหาที่สำคญั ระดบั ชาติ ขอ้ ใดเป็นแนวทางการแกไ้ ขท่ีสำคญั
ก. สอนใหภ้ มู ิใจในศักดิ์ศรีของตนเอง
ข. รณรงคใ์ หค้ นในสังคมรงั เกยี จการทุจริต
ค. รณรงค์ให้ยดึ หลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ง. ปลูกฝังค่านิยมให้เหน็ ประโยชนส์ ว่ นรวมมากกว่าส่วนตน

20. แนวโน้มของสงั คมไทยในยคุ โลกาภวิ ตั น์จะมลี กั ษณะดงั ต่อไปนี้ ยกเวน้ ข้อใด
ก. ครอบครวั เด่ยี วมีมากขน้ึ
ข. คณุ ธรรมและจริยธรรมเสือ่ มลง

ค. ชายหญงิ นยิ มอย่กู นั ก่อนจะแต่งงาน
ง. เชือ่ ในเร่อื งโชคลางและไสยศาสตร์

เฉลย

1. ค 2. ง 3. ค 4. ข 5. ก
6. ง 7. ข 8. ค 9. ข 10. ก
11. ค 12. ข 13. ง 14. ค 15. ก
16. ง 17. ค 18. ข 19. ง 20. ง

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1

หนา้ ท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชวี ิตในสังคม

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 สังคมมนุษย์ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4-6

เรอื่ ง โครงสร้างทางสังคมและการขัดเกลาทางสังคม เวลา 3 ชว่ั โมง

1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างปกติสุขนั้น จะต้องมีการจัดระเบียบสังคมและมีสถาบันทางสังคม
ช่วยทำหน้าทขี่ ดั เกลาทางสงั คม

2. ตัวชวี้ ดั /จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

2.1 ตวั ชวี้ ดั
ส 2.1 ม.4-6/2 วิเคราะห์ความสำคญั ของโครงสร้างทางสงั คม การขดั เกลาทางสังคม

และการเปลยี่ นแปลงทางสงั คม

2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. รู้และเขา้ ใจความหมาย องค์ประกอบและเหน็ ความสำคัญในการอยูร่ ่วมกนั เป็นสังคม
2. วิเคราะหโ์ ครงสรา้ งทางสังคมและเหน็ ความสำคัญของการจัดระเบยี บทางสังคม
3. วเิ คราะห์ความสำคัญในการขดั เกลาทางสงั คม

3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

1. โครงสร้างทางสังคม
- การจัดระเบียบทางสงั คม
- สถาบันทางสังคม

2. การขัดเกลาทางสงั คม

3.2 สาระการเรียนรทู้ ้องถน่ิ

-

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น

4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ

- ทักษะการคิดวิเคราะห์

4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ

- กระบวนการทำงานกลมุ่

5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

1. มีวนิ ยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. ม่งุ มน่ั ในการทำงาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

(วิธีสอนโดยการจัดการเรยี นรแู้ บบร่วมมอื : เทคนคิ คคู่ ดิ วิธสี อนแบบโมเดลซิปปา)
 นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เรือ่ ง สังคมมนุษย์

ช่ัวโมงท่ี 1

1. ใหน้ กั เรียนดูภาพ พอ่ แม่ และลกู (วัยแรกเกดิ ) แลว้ ใหน้ ักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับคำถาม ต่อไปนี้
1) ทารกแรกเกิดในระยะเร่มิ ตน้ ของชีวติ จะตอ้ งได้รับการเล้ียงดูอย่างไรบ้าง และมีใครเป็นผชู้ ว่ ยเหลือ
แนวคำตอบ ต้องกนิ นม ตอ้ งขับถา่ ย ต้องอาบนำ้ สระผม เชด็ สะดือ ฉีดวัคซีน เปลีย่ นเสอ้ื ผ้า
และมบี ดิ ามารดา ญาตพิ ี่นอ้ ง แพทย์ พยาบาล พีเ่ ล้ียง เป็นผูช้ ่วยเหลือ
2) นกั เรียนคดิ ว่า เป็นไปไดห้ รอื ไม่ที่มนุษย์จะดำรงชวี ติ ตามลำพังโดยไม่เกยี่ วขอ้ งกบั ผอู้ น่ื เลย
แนวคำตอบ คงเป็นไปไดย้ าก เพราะมนุษยต์ อ้ งดำรงชวี ติ ดว้ ยปัจจยั 4 เพือ่ ตอบสนอง
ความต้องการพ้นื ฐานด้านชีวภาพ กายภาพ และการให้ได้มาซึ่งสง่ิ เหล่านี้
ต้องอาศยั พึง่ พาผ้อู นื่ เป็นส่วนใหญ่

2. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายสรปุ ความหมาย และความสำคัญของการอยู่ร่วมกนั เป็นสงั คม
แลว้ ครูอธบิ ายเพิม่ เติมเกีย่ วกับองค์ประกอบของสังคมมนุษย์

3. ครนู ำภาพบ้านทสี่ วยงามมาใหน้ ักเรยี นดู และสนทนาเชิงวิเคราะห์ในประเด็นเหล่านี้ เช่น
- โครงสร้างบ้าน ประกอบด้วยอะไรบา้ ง มคี วามสมั พันธก์ นั อย่างไร และมีประโยชนต์ อ่ สมาชกิ
ของบ้านอยา่ งไร
- ในทัศนะของนกั เรยี นคำวา่ บา้ นสวยงาม กบั บ้านนา่ อยู่ ตา่ งกันอยา่ งไร
- สมาชกิ ของบ้านควรมีพฤตกิ รรมอย่างไรตอ่ บา้ นที่สวยงาม เพอื่ ใหเ้ ปน็ บ้านทนี่ า่ อยู่ และนักเรยี น
กับคนในบา้ นไดก้ ระทำหรอื ไม่
- พฤติกรรมที่ทำให้บ้านไร้ความงามและไม่น่าอยูเ่ ปน็ อยา่ งไร นักเรียนได้กระทำหรือไม่
กระทำอย่างไร เป็นเพราะเหตุใด
ครูอธบิ ายเชื่อมโยงให้นักเรียนเข้าใจว่า บ้านเปรยี บเหมือนสงั คมหรือโลกทมี่ ีสมาชิกอาศยั อยู่
โครงสร้างและองคป์ ระกอบของบ้านมปี ระโยชน์ งดงามน่าอยู่ ดังนนั้ ถ้าสมาชิกในครอบครัว
ตา่ งปฏิบัตติ ามบทบาทหนา้ ที่ก็ส่งผลตอ่ บา้ น ชมุ ชน สงั คม และโลกใหน้ ่าอย่เู ช่นกนั

4. ครใู หน้ ักเรียนดูแผนภูมิองคป์ ระกอบโครงสรา้ งทางสงั คม และอธบิ ายใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจลกั ษณะ
การจัดระเบียบทางสงั คมและสถาบนั ทางสงั คม

โครงสร้างทางสังคม

การจัดระเบยี บทางสังคม สถาบนั ทางสังคม
¬ ระบบคุณค่าของสังคม ¬ สถาบนั ครอบครวั
¬ บรรทัดฐานหรอื ปทัสถานทางสังคม ¬ สถาบันเศรษฐกิจ
¬ สถานภาพและบทบาท ¬ สถาบนั การเมืองการปกครอง
¬ สถาบนั การศกึ ษา
¬ สถาบนั ศาสนา
¬ สถาบันนนั ทนาการ
¬ สถาบันสือ่ สารมวลชน

5. ให้นกั เรยี นรวมกนั เป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 6 คน และให้จับคู่กนั เปน็ 3 คู่ แต่ละคู่ศึกษาความรู้เรือ่ ง การจดั
ระเบยี บทางสังคม จากหนังสอื เรียน คลู่ ะ 1 เรื่อง ดงั น้ี
- ค่ทู ี่ 1 ศึกษาเรื่อง ระบบคณุ ค่าทางสังคม
- คู่ท่ี 2 ศกึ ษาเรื่อง บรรทัดฐานหรือปทัสถานทางสังคม
- คู่ท่ี 3 ศึกษาเรอ่ื ง สถานภาพและบทบาท

6. ใหแ้ ต่ละคู่ผลัดกนั ศกึ ษาคน้ คว้าตามหัวข้อท่ีกำหนดไว้ และผลัดกันเล่าเร่ืองรอบวงในประเด็นทีส่ ำคัญ
ของหวั ข้อท่ตี นได้รับมอบหมายใหเ้ พอื่ นในกลมุ่ ฟังจนครบทกุ เร่อื ง

7. ครสู มุ่ เรียกนักเรียน 2 - 3 คู่ สนทนาซกั ถามเก่ยี วกบั องค์ประกอบของการจดั ระเบยี บทางสงั คม
โดยครูคอยอธิบายเพมิ่ เตมิ

8. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรปุ ความรู้เรื่อง การจัดระเบียบทางสังคม

ช่ัวโมงท่ี 2

1. ครูสนทนากับนกั เรียนเกย่ี วกับความจำเปน็ ที่ตอ้ งมสี ถาบันทางสงั คม แล้วให้นกั เรยี นช่วยกันเขยี นความร้เู ดมิ
เกยี่ วกบั สถาบันทางสงั คม ลงในกระดาษ และนำมาตดิ ทก่ี ระดานหน้าช้ันเรียนให้ถกู ตอ้ ง

2. นกั เรียนรวมกลุม่ กนั กลุ่มละ 6 คน และใหท้ กุ คนมีหมายเลขประจำตัว 1-6 ตามลำดับ แล้วให้
นักเรยี นแต่ละคนที่มหี มายเลขเดียวกันไปรวมกนั เป็นกลมุ่ ใหม่ และศกึ ษาความรจู้ ากหนงั สือเรยี น
และทำใบงานท่กี ำหนดให้ ดงั นี้
- กลมุ่ หมายเลข 1 ทำใบงานท่ี 1.1 เรื่อง สถาบันครอบครวั
- กลุ่มหมายเลข 2 ทำใบงานท่ี 1.2 เรอื่ ง สถาบันเศรษฐกจิ
- กลมุ่ หมายเลข 3 ทำใบงานท่ี 1.3 เรอื่ ง สถาบนั การเมอื งการปกครอง

- กลมุ่ หมายเลข 4 ทำใบงานที่ 1.4 เรอื่ ง สถาบนั การศกึ ษา
- กลุม่ หมายเลข 5 ทำใบงานท่ี 1.5 เรอ่ื ง สถาบนั ศาสนา
- กล่มุ หมายเลข 6 ทำใบงานที่ 1.6 เร่อื ง สถาบนั นนั ทนาการ
3. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มศึกษาความรจู้ ากหนงั สอื เรยี น และรว่ มกนั สรุปความรู้ จากการศกึ ษาค้นคว้า และ
ชว่ ยกันตอบคำถามในใบงานทแ่ี ต่ละกลุ่มได้รบั ทำความเข้าใจเน้อื หาให้ชดั เจนในประเด็นท่ีสำคญั ที่
เป็นความรใู้ หม่
4. ใหน้ กั เรยี นกลมุ่ ใหม่กลับเข้าสกู่ ลุม่ เดมิ และนำข้อมลู ความรูท้ ่ไี ดร้ บั จากการศกึ ษาและทำใบงานกลับไป
ขยายผลให้เพอ่ื นกลมุ่ เดิมของตนฟงั
5. นักเรียนแต่ละกลมุ่ แลกเปล่ียนเรียนรูซ้ ึง่ กนั และกนั จนครบทกุ เรื่อง และย้ำเตอื นให้ทกุ คนตั้งใจฟังขอ้ มูล
6. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มช่วยกนั สรปุ ความรจู้ ากการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ซง่ึ กันและกนั แล้วบนั ทึกขอ้ สรุปลงใน
กระดาษ
7. นกั เรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกนั คดิ รูปแบบการนำเสนอผลงานให้นา่ สนใจ ซึง่ สามารถนำเสนอได้หลากหลาย
รูปแบบ แลว้ ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลงานทห่ี น้าชั้นเรยี น จากน้นั ครูและนักเรียนชว่ ย
สรปุ บทเรยี น
8. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ทำใบงานท่ี 1.7 เรอ่ื ง การปฏบิ ัตติ นเพื่อเปน็ สมาชกิ ที่ดีของสถาบันทาง
สงั คม แลว้ ออกมานำเสนอผลงานทหี่ น้าชั้นเรียน

ช่วั โมงที่ 3

1. ครูใหน้ ักเรียนดูภาพการกระทำทีไ่ มเ่ หมาะสมของเยาวชน เช่น เลน่ การพนนั เท่ยี วสถานบนั เทิง
เสพสารเสพตดิ ฯลฯ แลว้ ร่วมกนั อภิปรายถงึ สาเหตุ-ผลของการกระทำ รวมท้งั การมีส่วนร่วมของ
องคก์ รทางสังคมตา่ งๆ ในการขดั เกลา เพือ่ ให้เยาวชนไดป้ รับเปลี่ยนวถิ ชี วี ติ ให้เหมาะสม

2. ครูอธิบายใหน้ ักเรยี นเข้าใจวา่ จะมกี จิ กรรมการเรียนรูโ้ ดยใชเ้ ทคนิคหมวกหกใบ และอธิบายถงึ
ลกั ษณะพ้ืนฐานของหมวกหกใบ ครชู ้แี จงบทบาท หนา้ ท่ี ขั้นตอน กตกิ า การอภิปรายใหน้ กั เรยี นเข้าใจ

3. ครอู ธิบายรายละเอยี ดของประเด็นทีจ่ ะอภปิ รายเกย่ี วกบั การขดั เกลาทางสังคม
4. ครูอธิบายขั้นการสาธติ การใชห้ มวกหกใบ ดังน้ี

1) ครูขออาสาสมคั รนักเรียน 6 คน สาธิตวธิ กี ารใชห้ มวกหกใบตามสีของหมวก พรอ้ มอธิบาย
แนะนำตัวอย่างเพอื่ สร้างความเข้าใจ

2) ครูสาธติ วธิ ีการใช้หมวก ดังน้ี
(1) หมวกฟ้า เริ่มตน้ ด้วยการนำอภปิ รายและเป็นผูส้ รปุ ภาพรวมข้นั ตอนสุดทา้ ยด้วย
(2) หมวกขาว เสนอขอ้ มลู ขอ้ เทจ็ จริง (เช่น เร่อื งนไ้ี ด้ข้อมูลมาด้วยวิธใี ด)
(3) หมวกแดง แสดงความรูส้ กึ อารมณ์ (เชน่ รสู้ ึกอย่างไรกบั เร่อื งนี)้
(4) หมวกดำ บอกขอ้ บกพร่อง จุดอ่อน โทษหรือผลเสยี (เช่น เร่ืองนีจ้ ะเกิดผลเสยี อะไรบ้าง)
(5) หมวกเหลอื ง เสนอขอ้ คดิ ที่เปน็ ประโยชน์ (เช่น เร่ืองนม้ี ขี อ้ ดีอย่างไร ทำอย่างไรจึงจะเกิด
ประโยชน)์
(6) หมวกเขียว เสนอแนวทางพฒั นา หรือปรบั ปรุงเปลีย่ นแปลงต่อไป (เชน่ มีวิธีการใดท่ี

จะทำใหม้ นั ดขี นึ้ )
5. ขนั้ การฝึกปฏิบตั ิ ครใู ห้นกั เรยี นรวมกลุ่มกนั กล่มุ ละ 6 คน ศกึ ษาความรูเ้ รือ่ ง การขดั เกลาทางสังคม

จากหนังสอื เรียน และทำใบงานที่ 1.8 เร่ือง ขา่ วปัญหาเดก็ และเยาวชนสมัยใหม่
6. ให้นักเรยี นเลือกใชห้ มวกคนละ 1 ใบ และเรมิ่ ตน้ ฝึกปฏบิ ัตแิ สดงขอ้ คดิ เสนอขอ้ ดขี ้อเสยี และแนวทาง

การแก้ไขพัฒนา ตามประเด็นในใบงาน
7. ให้นักเรยี นแต่ละกลุม่ สรปุ ผลการอภิปรายเกีย่ วกบั ปัญหาของเด็กและเยาวชนสมยั ใหม่ และการ

ขัดเกลาทางสงั คม และเสนอผลการอภปิ รายต่อชั้นเรยี น จากนน้ั ครูและนักเรยี นชว่ ยกนั เสนอแนะ
เพมิ่ เติม

7. การวดั และประเมินผล

วธิ ีการ เครื่องมือ เกณฑ์
ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เร่อื ง สงั คม เรยี นรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง สงั คมมนษุ ย์
มนุษย์
ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานท่ี 1.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานที่ 1.2 ใบงานที่ 1.2 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 1.3 ใบงานท่ี 1.3 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 1.4 ใบงานที่ 1.4 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจใบงานที่ 1.5 ใบงานท่ี 1.5 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 1.6 ใบงานท่ี 1.6 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 1.7 ใบงานที่ 1.7 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 1.8 ใบงานที่ 1.8 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

8. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้

8.1สอ่ื การเรยี นรู้

1. หนงั สอื เรยี น หน้าที่พลเมืองฯ ม.4-ม.6
2. ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง สถาบันครอบครวั
3. ใบงานท่ี 1.2 เร่อื ง สถาบันเศรษฐกิจ
4. ใบงานที่ 1.3 เร่ือง สถาบนั การเมอื งการปกครอง
5. ใบงานที่ 1.4 เรือ่ ง สถาบนั การศกึ ษา
6. ใบงานที่ 1.5 เรื่อง สถาบนั ศาสนา
7. ใบงานที่ 1.6 เรอ่ื ง สถาบนั นันทนาการ
8. ใบงานที่ 1.7 เรื่อง การปฏบิ ตั ิตนเพ่ือเป็นสมาชิกที่ดขี องสถาบันทางสงั คม
9. ใบงานที่ 1.8 เรือ่ ง ขา่ วปัญหาเดก็ และเยาวชนสมัยใหม่

8.2แหลง่ การเรียนรู้

1. ห้องสมดุ
2. แหล่งข้อมูลสารสนเทศ

http://www.m-society.go.th

ใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง สถาบันครอบครัว

คำชี้แจง ให้สมาชิกหมายเลข 1 ศึกษาความรู้ เรอ่ื ง สถาบนั ครอบครวั จากหนงั สอื เรียน และรว่ มกนั อภปิ ราย
ตามหัวข้อทก่ี ำหนดให้

1. จงอธิบายความสำคัญของสถาบนั ครอบครัว

2. สมาชิกของสถาบนั มีบทบาทสำคญั ตอ่ การพัฒนาประเทศอย่างไร

ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง สถาบนั ครอบครัว

คำช้ีแจง ให้สมาชิกหมายเลข 1 ศกึ ษาความรู้เรอ่ื ง สถาบันครอบครวั จากหนงั สือเรยี น และร่วมกัน

อภิปรายตามหัวขอ้ ทีก่ ำหนดให้

1. จงอธิบายความสำคญั ของสถาบนั ครอบครัว

เป็นสถาบันพนื้ ฐานแรกของสังคมมนษุ ย์ ทุกสงั คมต้องมสี ถาบันครอบครัว เพ่ือผลติ สมาชิกใหม่อนั เป็นสาเหตุ
ทที่ ำใหส้ งั คมอยรู่ อด เป็นท่ีปลูกฝงั และถา่ ยทอดวัฒนธรรมอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ และทำหน้าที่ ขดั
เกลาทางสังคม สถาบันครอบครวั จึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างครอบครัวให้มีคณุ ภาพ ซ่ึงจะสง่ ผลใหส้ ังคมมี
ความเขม้ แข็งอีกด้วย

2. สมาชกิ ของสถาบันมบี ทบาทสำคัญตอ่ การพฒั นาประเทศอย่างไร มี

สมาชิกในครอบครวั แต่ละคนมบี ทบาทหน้าท่ตี า่ งกนั ถา้ ทุกคนร้บู ทบาทหนา้ ที่ มีความรับผดิ ชอบ
ยอ่ มเป็นพลังท่เี ขม้ แขง็ ทจี่ ะช่วยกนั พัฒนาสังคมและประเทศชาติ เช่น ชว่ ยกนั ใช้จา่ ยอย่างประหยดั
เงินออมในการลงทนุ ทำกิจการต่างๆ ชว่ ยกันอนรุ กั ษพ์ ลงั งานและสิ่งแวดล้อม

ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง สถาบนั เศรษฐกิจ

คำชี้แจง ให้สมาชกิ หมายเลข 2 ศึกษาความรู้ เรื่อง สถาบันเศรษฐกิจ จากหนงั สือเรยี น และรว่ มกนั

อภิปรายตามหัวขอ้ ท่กี ำหนดให้

1. จงอธบิ ายความสำคญั ของสถาบนั เศรษฐกิจ

2. สมาชิกของสถาบนั มบี ทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศอย่างไร

ใบงานท่ี 1.2 เรอื่ ง สถาบันเศรษฐกจิ

คำช้ีแจง ให้สมาชิกหมายเลข 2 ศึกษาความรู้ เรื่อง สถาบันเศรษฐกิจ จากหนังสือเรยี น และรว่ มกัน

อภิปราย

ตามหัวขอ้ ทีก่ ำหนดให้

1. จงอธบิ ายความสำคญั ของสถาบันเศรษฐกจิ

สถาบนั เศรษฐกจิ มสี ว่ นสำคญั ท่ีทำให้คนไทยมชี วี ติ ความเปน็ อยูท่ ด่ี ีขึ้น สามารถนำเงินท่หี ามาไดจ้ ับจ่ายใช้
สอย ทำให้คุณภาพชีวิตดขี ึน้ นอกจากน้ีสถาบนั เศรษฐกจิ ได้สร้างงาน สรา้ งอาชพี ใหก้ ับผคู้ นมากมาย มีการ
อพยพเคลื่อนยา้ ยของแรงงานทัง้ ภายในประเทศ และประเทศเพ่อื นบา้ น ซ่งึ สง่ ผลทงั้ ในดา้ นการพัฒนา และ
ปญั หาสงั คมตามมา

2. สมาชิกของสถาบนั มบี ทบาทสำคัญต่อการพฒั นาประเทศอยา่ งไร

สมาชกิ ของสถาบันทางเศรษฐกิจมบี ทบาทดา้ นการผลติ สินค้าและการบรกิ าร มกี ารผลติ ผลิตภณั ฑใ์ หมๆ่ มี
การแข่งขันกันในด้านคุณภาพและปรมิ าณ กอ่ ให้เกิดการวจิ ยั และพฒั นาประเทศชาติ นอกจากน้ี เมื่อสังคม
เข้าส่ยู ุคโลกาภิวตั น์ ทำให้เกิดการแลกเปล่ียนสนิ ค้าอยา่ งไร้พรมแดน ทำใหค้ วามเจรญิ กระจายไปยงั ประเทศ
ต่างๆ อยา่ งรวดเร็ว ก่อใหเ้ กิดการเปล่ยี นแปลงระบบเศรษฐกิจให้ก้าวลำ้ ทนั สมยั

ใบงานที่ 1.3 เรอ่ื ง สถาบันการเมอื งการปกครอง

คำชแ้ี จง ให้สมาชกิ หมายเลข 3 ศกึ ษาความรู้ เร่อื ง สถาบันการเมืองการปกครอง จากหนังสอื เรียน

และรว่ มกันอภปิ รายตามหวั ข้อทกี่ ำหนดให้

1. จงอธิบายความสำคญั ของสถาบนั การเมืองการปกครอง

2. สมาชกิ ของสถาบนั มบี ทบาทสำคญั ต่อการพัฒนาประเทศอย่างไร

ใบงานท่ี 1.3 เร่ือง สถาบนั การเมืองการปกครอง

คำชี้แจง ให้สมาชกิ หมายเลข 3 ศึกษาความรู้ เรอ่ื ง สถาบันการเมืองการปกครอง จากหนงั สอื เรยี น

และร่วมกันอภปิ รายตามหัวข้อท่ีกำหนดให้

1. จงอธบิ ายความสำคัญของสถาบนั การเมอื งการปกครอง

สถาบันทางการเมืองการปกครอง มคี วามสำคัญตอ่ การจัดระเบยี บทางสงั คมให้เป็นไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ย

และมีหน้าทีส่ ำคัญในการรักษาความม่ันคงและปกปอ้ งการรกุ รานจากสงั คมภายนอก นอกจากนี้

สถาบนั การเมืองการปกครอง มสี ว่ นสำคัญในการแกไ้ ขปญั หาความขดั แยง้ และปัญหา สังคม

ทีเ่ กิดข้ึน โดยใชก้ ฎหมายระเบียบข้อบงั คบั ตา่ งๆ เพ่ือควบคุมสงั คมให้ปกติสุข

2. สมาชกิ ของสถาบนั มบี ทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศอยา่ งไร

สมาชกิ ของสถาบันทางการเมอื งการปกครองมบี ทบาทสำคญั ในการบริหารประเทศเพ่ือความอยู่รอด
ของสังคม โดยแบง่ บทบาทหน้าทีเ่ ปน็ 3 ด้าน เชน่ ด้านบริหาร ดา้ นนติ บิ ญั ญัติ และด้านตลุ าการ เป็นตน้ สมาชิก
ของสถาบันทางการเมอื งการปกครอง จะตอ้ งปฏิบัตติ นตามบทบาทหน้าทขี่ องตนอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ซง่ึ จะ
สง่ ผลต่อความเป็นระเบียบเรยี บรอ้ ยของประเทศชาติ ซ่ึงทำให้เกิดความเจรญิ ก้าวหน้าในทุกๆ ด้าน

ใบงานที่ 1.4 เร่ือง สถาบนั การศกึ ษา

คำชี้แจง ให้สมาชิกหมายเลข 4 ศึกษาความรู้ เรื่อง สถาบันการศกึ ษา จากหนงั สอื เรยี น และรว่ มกนั
อภปิ รายตามหัวข้อทกี่ ำหนดให้

1. จงอธิบายความสำคัญของสถาบันการศึกษา

2. สมาชกิ ของสถาบันมบี ทบาทสำคัญตอ่ การพฒั นาประเทศอย่างไร

ใบงานที่ 1.4 เร่ือง สถาบันการศกึ ษา

คำช้ีแจง ใหส้ มาชิกหมายเลข 4 ศกึ ษาความรู้ เรื่อง สถาบนั การศกึ ษา จากหนังสือเรียน และร่วมกนั
อภิปรายตามหัวขอ้ ทก่ี ำหนดให้

1. จงอธิบายความสำคญั ของสถาบันการศึกษา
สถาบนั ทางการศึกษามีบทบาทสำคญั ในการขดั เกลาให้สมาชิกของสถาบนั มคี วามรู้ความสามารถ
เพ่ือนำมาประกอบอาชพี ช่วยถา่ ยทอดค่านยิ มวฒั นธรรม และบทบาทหนา้ ท่ี สถานภาพให้แก่สมาชิก ช่วย
อบรมและพฒั นาแรงงานใหม้ ีคุณภาพ การท่ีสมาชิกของสังคม มีความร้คู วามสามารถ และมคี ุณภาพชีวติ ท่ดี ี
จะเป็นประโยชนอ์ ยา่ งย่ิงตอ่ ความม่ันคงของสังคม

2. สมาชิกของสถาบันมบี ทบาทสำคัญต่อการพฒั นาประเทศอย่างไร
สมาชิกของสถาบันการศกึ ษาต้องร่วมมือกนั พฒั นาตนเอง พัฒนาสงั คมอย่างตอ่ เน่ือง ตอ้ งเรยี นรู้ตลอดชวี ติ
เพราะสังคมมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ต้องรเู้ ทา่ ทันและปรบั ตวั ให้ทันตอ่ การเปล่ยี นแปลง กระบวนการ
การศกึ ษาจงึ มสี ว่ นช่วยให้เกิดการพฒั นาสงั คมและประเทศชาติ

ใบงานที่ 1.5 เรอื่ ง สถาบันศาสนา

คำชแี้ จง ให้สมาชิกหมายเลข 5 ศึกษาความรู้ เรื่อง สถาบันศาสนา จากหนังสอื เรยี น และรว่ มกัน
อภปิ รายตามหัวข้อที่กำหนดให้

1. จงอธิบายความสำคญั ของสถาบันศาสนา

2. สมาชกิ ของสถาบันมีบทบาทสำคญั ต่อการพฒั นาประเทศอย่างไร

ใบงานที่ 1.5 เรอื่ ง สถาบนั ศาสนา

คำชแ้ี จง ให้สมาชกิ หมายเลข 5 ศึกษาความรู้ เรอ่ื ง สถาบันศาสนา จากหนังสอื เรยี น และรว่ มกนั

อภิปรายตามหวั ข้อที่กำหนดให้

1. จงอธบิ ายความสำคญั ของสถาบนั ศาสนา

สถาบันศาสนาเปน็ สถาบันที่ขัดเกลาให้สมาชกิ เป็นคนดี มคี ณุ ธรรม ซง่ึ สามารถช่วยลดความว่นุ วาย
และความขดั แยง้ ในสงั คมได้ เพราะศาสนาสอนให้คนทำความดี ละเวน้ ความช่วั ทำให้เกดิ พฤติกรรม
ทีถ่ ูกตอ้ งเหมาะสม นอกจากนี้ หลกั ธรรมหรอื ขอ้ บญั ญตั ขิ องศาสนา สามารถควบคุมสมาชกิ ให้ปฏิบัตติ าม
เพื่อเกิดความปรองดองในสงั คม

2. สมาชิกของสถาบันมีบทบาทสำคัญต่อการพฒั นาประเทศอยา่ งไร

สมาชกิ ของสถาบันศาสนามีบทบาทหน้าที่ในการตอบสนองความต้องการดา้ นจิตใจ พิธกี รรมทางศาสนา
กอ่ ใหเ้ กิดความรว่ มมือ รว่ มใจ ทำให้เกิดความกลมกลนื มคี วามรสู้ กึ เป็นพวกเดยี วกนั กอ่ ใหเ้ กดิ เอกภาพทาง
สังคมร่วมกัน ความศรัทธาในศาสนาก่อให้เกิดการสรา้ งสรรค์ศิลปวฒั นธรรมในรูปแบบตา่ งๆ เช่น ศาสนวัตถุ
ศาสนสถาน วัดยังเปน็ ศนู ยก์ ลางของสงั คมในการพฒั นาทุกๆ ด้านอีกดว้ ย

ใบงานที่ 1.6 เรอ่ื ง สถาบันนนั ทนาการ

คำชี้แจง ใหส้ มาชกิ หมายเลข 6 ศึกษาความรู้ เรื่อง สถาบนั นันทนาการ จากหนงั สอื เรยี น และรว่ มกนั
อภิปรายตามหัวขอ้ ท่กี ำหนดให้

1. จงอธิบายความสำคญั ของสถาบันนนั ทนาการ

2. สมาชกิ ของสถาบันมีบทบาทสำคัญตอ่ การพัฒนาประเทศอยา่ งไร

ใบงานท่ี 1.6 เร่อื ง สถาบันนนั ทนาการ

คำช้ีแจง ให้สมาชกิ หมายเลข 6 ศกึ ษาความรู้ เรอื่ ง สถาบันนันทนาการ จากหนงั สอื เรียน และร่วมกนั

อภิปรายตามหัวขอ้ ท่กี ำหนดให้

1. จงอธิบายความสำคญั ของสถาบันนันทนาการ

สถาบนั นันทนาการในปัจจุบนั ไดแ้ พรอ่ อกไปอยา่ งกวา้ งขวางทัง้ ในด้านศลิ ปกรรม ศิลปะการแสดง
ศิลปะดา้ นภาษา รวมไปถึงสถานบนั เทงิ สถานท่ีท่องเที่ยว อินเทอรเ์ นต็ มีผลให้สมาชกิ มีความเพลิดเพลนิ
มีความสุข มสี ขุ ภาพจิตที่ดี ช่วยผ่อนคลายความเครียดในการทำงาน และยังชว่ ยเสรมิ สรา้ งรา่ งกายใหแ้ ขง็ แรง
สมบรู ณ์อกี ด้วย

2. สมาชกิ ของสถาบันมบี ทบาทสำคญั ตอ่ การพฒั นาประเทศอยา่ งไร

สมาชิกของสถาบันนันทนาการมบี ทบาทหนา้ ทีส่ ำคัญในการสร้างความบันเทิงในด้านศลิ ปะการละเล่น การ
กฬี า เกมคอมพวิ เตอร์ การทอ่ งเทยี่ ว ฯลฯ และรว่ มกนั สร้างสรรคค์ วามบนั เทงิ ในรปู แบบใหม่ๆ
ท่ที ันสมยั อย่างหลากหลาย ส่งผลต่อการสร้างอาชีพ สรา้ งแรงงาน สร้างรายได้ใหแ้ กส่ มาชกิ ของสถาบัน
นอกจากนย้ี งั เกิดการแขง่ ขันในผลงานดา้ นต่างๆ เชน่ กฬี า ไดน้ ำช่ือเสยี งมาสูป่ ระเทศชาติอย่างมาก

ใบงานท่ี 1.7 เรอ่ื ง การปฏบิ ัตติ นเพื่อเป็นสมาชกิ ที่ดขี องสถาบนั ทางสังคม

คำช้แี จง
1. สมาชิกแต่ละกลุ่มรว่ มกนั คดิ แนวทางการปฏิบตั ิตนทแ่ี สดงถงึ การเป็นสมาชกิ ท่ีดีของสถาบันทางสงั คม
2. สมาชิกแตล่ ะคนปฏบิ ัติตนตามขอ้ กำหนดของกลุ่ม เป็นเวลา 2-3 สปั ดาห์ หรือตามความเหมาะสม

ตวั อยา่ งพฤตกิ รรมทก่ี ล่มุ รว่ มกนั กาหนด เชน่
1.
2.
3.
4.
5.

ประเมินผลการปฏบิ ตั ิ

ลำดับท่ี พฤตกิ รรมท่กี ำหนด พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติ ลงช่ือผ้รู บั รอง ดี ดี พอ ปรั
มา ใช้ บป
ก รุง

ลงชื่อ ผูร้ ายงาน

ใบงานท่ี 1.7 เรือ่ ง การปฏบิ ตั ิตนเพื่อเป็นสมาชกิ ทดี่ ีของสถาบันทางสงั คม

คำชแ้ี จง
1. สมาชิกแต่ละกลมุ่ รว่ มกันคิดแนวทางการปฏบิ ตั ิตนทแ่ี สดงถงึ การเปน็ สมาชกิ ท่ดี ขี องสถาบนั ทางสังคม
2. สมาชกิ แต่ละคนปฏบิ ัตติ นตามข้อกำหนดของกล่มุ เป็นเวลา 2-3 สปั ดาห์ หรือตามความเหมาะสม

ตวั อยา่ งพฤติกรรมท่กี ล่มุ รว่ มกนั กาหนด เช่น
1.
2.
3.
4.
5.

ประเมินผลการปฏบิ ัติ

ลำดับที่ พฤตกิ รรมที่กำหนด พฤตกิ รรมทปี่ ฏบิ ัติ ลงชอื่ ผรู้ ับรอง ดี ดี พอ ปรั
มา ใช้ บป
ก รุง

ลงชือ่ ผูร้ ายงาน
(หมายเหตุ พิจารณาตามการปฏิบัตขิ องนักเรยี น ให้อยูใ่ นดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน)

ใบงานที่ 1.8 เรือ่ ง ขา่ วปญั หาเดก็ และเยาวชนสมัยใหม่

คำช้แี จง ใหน้ กั เรียนอา่ นข่าวดังตอ่ ไปนี้ แล้ววเิ คราะห์ตามประเดน็ คำถามทก่ี ำหนดให้

นายอุดมเดช รัตนเสถียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า
ปจั จุบนั สภาพปัญหาเกดิ ข้นึ ในเดก็ และเยาวชนมแี นวโนม้ สงู ขึ้นอยา่ งมาก ปัญหาทพี่ บมากได้แก่

1. ปัญหายาเสพติด พบวา่ เด็ก เยาวชนมแี นวโน้มติดสารเสพติดเพ่ิมขน้ึ ผ้ทู ำผิดกฎหมายมีอายนุ อ้ ยลง มี
พฤติกรรมการสบู บุหรี่ ต้งั แต่อายุ 15 ปี สว่ นความผิดเกี่ยวกบั สารเสพติด 3 ลำดบั แรกได้แก่ แอมแฟตามีน สาร
ระเหยและกัญชา

2. ปัญหาการติดเกม ในเด็กและเยาวชนมีแนวโน้มสูงขึ้น เด็กใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการบันเทิงมากกว่า
การศึกษา โดยเฉพาะเด็กเล็กอายุ 10-14 ปี ชอบเล่นเกมออนไลนม์ ากที่สดุ และเลน่ ตลอดวันจนเสียสุขภาพ เกิด
ปัญหาการเก็บกด อารมณ์ฉุนเฉียว พฤติกรรมกา้ วร้าวหรอื ใช้ความรุนแรงในการตัดสินแก้ไขปัญหา บางรายนดั
พบเพอื่ ซื้อขายอาวุธทใี่ ชต้ อ่ สู้กันในเกมหรือแลกของรางวลั กัน จนเปน็ เหตุนำไปสกู่ ารทำร้ายร่างกายทะเลาะวิวาท
กันและเกดิ คดีอาชญากรรมตา่ งๆ ทป่ี รากฏเปน็ ขา่ ว

3. ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร พบว่า วัยรุ่นไทยมีค่านิยมการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุ
ยังน้อย มแี นวโน้มตงั้ ครรภก์ อ่ นวัยอันสมควร คือ อายุต่ำกว่า 20 ปี โดยไมไ่ ดค้ ดิ วางแผนและนำไปสู่ปัญหาการ
ทำแทง้ ปญั หาการตดิ เชื้อเอดส์ในกลมุ่ วยั รุน่ เพ่ิมมากขึน้

4. ปญั หาการมัว่ สุมของเยาวชนในหอพกั เปน็ ปญั หาทเี่ พ่ิมขนึ้ ทุกวนั เพราะวัยรนุ่ ส่วนใหญ่ทม่ี าเช่าหอพกั
อยรู่ วมกนั มคี วามเป็นอสิ ระ ไม่มีผูป้ กครองดแู ล ทำใหห้ ลายคนประพฤตติ นไมเ่ หมาะสม มีการม่ัวสุมกนั เลน่ การ
พนนั เสพยาเสพตดิ และจบั ค่อู ยู่ร่วมกนั ระหวา่ งหญงิ -ชาย

ปัญหาตา่ ง ๆ จำเป็นตอ้ งได้รบั ความร่วมมอื ในการป้องกนั แก้ไขจากทกุ ภาคส่วน

ทม่ี า : http://www.m-society.go.th/news_detail.php?newsid=2663

ประเด็นคำถาม
1. ปญั หาทีเ่ ดก็ และเยาวชนมพี ฤติกรรมไม่เหมาะสม มปี ญั หาใดบา้ ง

2. ผลของการกระทำเป็นอยา่ งไร

3. ปัญหาเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อสงั คมอย่างไร

4. แนวทางในการแกไ้ ขปัญหา ควรปฏิบตั อิ ยา่ งไร

ใบงานที่ 1.8 เรือ่ ง ขา่ วปญั หาเดก็ และเยาวชนสมัยใหม่

คำช้แี จง ใหน้ กั เรียนอา่ นข่าวดังตอ่ ไปนี้ แล้ววเิ คราะห์ตามประเดน็ คำถามทก่ี ำหนดให้

นายอุดมเดช รัตนเสถียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า
ปจั จุบนั สภาพปัญหาเกดิ ข้นึ ในเดก็ และเยาวชนมแี นวโนม้ สงู ขึ้นอยา่ งมาก ปัญหาทพี่ บมากได้แก่

1. ปัญหายาเสพติด พบวา่ เด็ก เยาวชนมแี นวโน้มติดสารเสพติดเพ่ิมขน้ึ ผ้ทู ำผิดกฎหมายมีอายนุ อ้ ยลง มี
พฤติกรรมการสบู บุหรี่ ต้งั แต่อายุ 15 ปี สว่ นความผิดเกี่ยวกบั สารเสพติด 3 ลำดบั แรกได้แก่ แอมแฟตามีน สาร
ระเหยและกัญชา

2. ปัญหาการติดเกม ในเด็กและเยาวชนมีแนวโน้มสูงขึ้น เด็กใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการบันเทิงมากกว่า
การศึกษา โดยเฉพาะเด็กเล็กอายุ 10-14 ปี ชอบเล่นเกมออนไลนม์ ากที่สดุ และเลน่ ตลอดวันจนเสียสุขภาพ เกิด
ปัญหาการเก็บกด อารมณ์ฉุนเฉียว พฤติกรรมกา้ วร้าวหรอื ใช้ความรุนแรงในการตัดสินแก้ไขปัญหา บางรายนดั
พบเพอื่ ซื้อขายอาวุธทใี่ ชต้ อ่ สู้กันในเกมหรือแลกของรางวลั กัน จนเปน็ เหตุนำไปสกู่ ารทำร้ายร่างกายทะเลาะวิวาท
กันและเกดิ คดีอาชญากรรมตา่ งๆ ทป่ี รากฏเปน็ ขา่ ว

3. ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร พบว่า วัยรุ่นไทยมีค่านิยมการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุ
ยังน้อย มแี นวโน้มตงั้ ครรภก์ อ่ นวัยอันสมควร คือ อายุต่ำกว่า 20 ปี โดยไมไ่ ดค้ ดิ วางแผนและนำไปสู่ปัญหาการ
ทำแทง้ ปญั หาการตดิ เชื้อเอดส์ในกลมุ่ วยั รุน่ เพ่ิมมากขึน้

4. ปญั หาการมัว่ สุมของเยาวชนในหอพกั เปน็ ปญั หาทเี่ พ่ิมขนึ้ ทุกวนั เพราะวัยรนุ่ ส่วนใหญ่ทม่ี าเช่าหอพกั
อยรู่ วมกนั มคี วามเป็นอสิ ระ ไม่มีผูป้ กครองดแู ล ทำใหห้ ลายคนประพฤตติ นไมเ่ หมาะสม มีการม่ัวสุมกนั เลน่ การ
พนนั เสพยาเสพตดิ และจบั ค่อู ยู่ร่วมกนั ระหวา่ งหญงิ -ชาย

ปัญหาตา่ ง ๆ จำเปน็ ตอ้ งได้รบั ความร่วมมอื ในการป้องกนั แก้ไขจากทกุ ภาคส่วน

ทม่ี า : http://www.m-society.go.th/news_detail.php?newsid=2663

ประเดน็ คำถาม
1. ปญั หาท่เี ด็กและเยาวชนมพี ฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสม มปี ัญหาใดบ้าง

ปญั หายาเสพตดิ ปญั หาการติดเกม ปัญหาการมเี พศสัมพนั ธ์ก่อนวยั อันควร ปญั หาการมว่ั สมุ

2. ผลของการกระทำเปน็ อยา่ งไร
เด็กและเยาวชนมปี ัญหาด้านสุขภาพและพฤตกิ รรม เช่น สารเสพตดิ ทำให้สมองเสอ่ื ม และเกิดโรคตา่ งๆ การ

มั่วสมุ ทางเพศนำมาซึง่ โรคเอดส์ และโรคทางเพศสัมพนั ธ์ นอกจากน้ี การติดเกมทำให้เกดิ ปญั หาเก็บกด
พฤตกิ รรมกา้ วร้าวรุนแรง เป็นตน้

3. ปัญหาเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อสังคมอยา่ งไร
ปัญหาดังกลา่ วสะท้อนใหเ้ ห็นถงึ สภาพปญั หาครอบครัวที่ขาดความอบอนุ่ ขาดการเอาใจใส่ดแู ลอยา่ งใกล้ชดิ

ขาดระเบียบวนิ ยั รักอสิ ระเกินขอบเขต ไม่เคารพเชอ่ื ฟงั คำสั่งสอน ปัญหาการคบเพ่ือน ฯลฯ ซึ่งเหล่านี้ทำให้
เยาวชนมพี ฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสม และเมือ่ โตเปน็ ผู้ใหญ่ ก็จะเปน็ ผู้ที่ด้อยประสิทธิภาพ อันจะ ทำให้สงั คม
อ่อนแอ ไมพ่ ฒั นาเท่าที่ควร

4. แนวทางในการแก้ไขปัญหา ควรปฏิบตั ิอยา่ งไร
ครอบครวั มสี ว่ นสำคัญในการอบรมเลยี้ งดู จึงควรส่งเสริมให้มีความสมั พันธ์อนั ดตี ่อกันในครอบครวั โรงเรยี น

ครู-อาจารย์ วดั ชมุ ชน และทุกภาคสว่ นควรรว่ มมอื กนั สอดสอ่ งดูแล และขดั เกลาเยาวชน ใหป้ ระพฤตติ นให้
เหมาะสม

แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่

ช่อื – ความ การแสดง การรับฟงั การตงั้ ใจ การรว่ ม รวม
สกลุ รว่ มมือ ความ ความ ทำงาน ปรบั ปรุง 20
ของ คดิ เหน็ คดิ เห็น ผลงานกลุ่ม คะแน
ลำดั ผู้รับ น
บที่ การ 43214321432143214321
ประเมิ



เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............../.................../................
ดีมาก = 4
1
ดี = 3
หมายเหตุ ครูอาจใชว้ ิธีการมอบหมายใหห้ วั หนา้ กล่มุ
พอใช้ = 2 เป็นผปู้ ระเมิน หรือใหต้ วั แทนกล่มุ ผลดั กนั ประเมนิ
หรอื ใหม้ ีการประเมินโดยเพื่อน โดยตวั นกั เรียนเอง
ปรบั ปรุง = ตามความเหมาะสมก็ได้

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

ช่ ว ง ร ะ ดั บ

คะแนน คุณภาพ

17 – 20 ดีมาก
13 – 16
9 – 12 ดี

5 – 8 พอใช้

ปรบั ปรุง

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2

หน้าทพ่ี ลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชวี ิตในสงั คม

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 สังคมมนุษย์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4-6

เร่ือง การเปล่ียนแปลงทางสงั คม การแก้ปญั หาและแนวทาง เวลา 2 ชั่วโมง

การพฒั นาสังคม

1 สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

สงั คมไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลกาภิวัตน์ ซึ่งมผี ลทัง้ ทางบวกและทางลบซึ่งผลกระทบทางลบ
อาจก่อใหเ้ กดิ ปัญหาสงั คมตามมา ดงั นน้ั ประชาชนทกุ คนตอ้ งรว่ มกันแกไ้ ขและช่วยกันสรา้ งแนวทางในการ
พฒั นาสังคม เพอื่ สร้างรากฐานทางสงั คมทีเ่ ข้มแข็ง

2 ตัวชีว้ ดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

2.1 ตวั ชว้ี ดั
ส 2.1 ม.4-6/2 วเิ คราะหค์ วามสำคญั ของโครงสรา้ งทางสงั คม การขัดเกลาทางสงั คม

และ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม

2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้

1. วเิ คราะหส์ าเหตุของการเปล่ยี นแปลงทางสงั คม
2. วเิ คราะห์สาเหตขุ องปัญหาสงั คมไทย และแนวทางการพฒั นาสังคม

3 สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

1. การเปล่ียนแปลงทางสังคม
2. การแก้ปญั หาและแนวทางการพัฒนาสงั คม

3.2 สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิน่

-

4 สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น

4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.2 ความสามารถในการคิด

- ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์

4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ

- กระบวนการปฏบิ ัติ
- กระบวนการทำงานกลมุ่

5 คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

1. มวี ินัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน

6 กิจกรรมการเรยี นรู้ (วธิ สี อนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการกล่มุ )

ช่วั โมงท่ี 1

1. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั วิเคราะหภ์ าพการเดินทางของคนไทยในอดีตและสนทนาซกั ถามในประเดน็
ดงั ต่อไปนี้
1) ในอดตี คนไทยเดินทางโดยเรือแจว เกวยี น สตั ว์พาหนะ ปัจจุบันคนไทยเดินทางโดยพาหนะใดบา้ ง
ผลของการเปลย่ี นแปลงวิธีเดนิ ทางมขี อ้ ดี ขอ้ เสยี อย่างไร
2) สาเหตุท่ีทำให้สงั คมไทยเปลยี่ นแปลงไปจากอดตี มีอะไรบ้าง และสง่ ผลต่อการพัฒนาอยา่ งไร

2. ครแู ละนักเรยี นชว่ ยกันสรปุ ความหมายและลกั ษณะการเปลีย่ นแปลงทางสังคม
3. นักเรยี นแบง่ กลมุ่ กลุม่ ละ 5-7 คน ตามความสมคั รใจหรอื คละกันตามความสามารถ เพอื่ ศึกษาความรู้

เรอ่ื ง การเปล่ยี นแปลงในสงั คม จากหนงั สอื เรียน และทำใบงานที่ 2.1 เร่ือง สังคมยคุ โลกาภวิ ตั น์
โดยใหแ้ ต่ละกลมุ่ กำหนดภาระหน้าท่ขี องสมาชกิ ในกลุ่ม ดงั น้ี
- หัวหนา้ กลมุ่ มีหนา้ ที่นำทางความคิด เสนอความคิด ประสานความคิด กระต้นุ ใหส้ มาชกิ คิด

และแบ่งหนา้ ท่ใี นการทำใบงาน
- สมาชกิ กลุ่มรบั ผิดชอบในงานที่ได้รบั มอบหมาย 2 คน ตอ่ 1 หวั ข้อ
- เลขานุการกลุม่ มีหน้าทีป่ ระสานงานการดำเนินงาน และรวบรวมผลงาน
4. ให้สมาชิกแต่ละกลมุ่ ระดมพลังสมอง วางแผนการทำงานและแบง่ หนา้ ทีค่ วามรับผิดชอบตาม
หัวข้อในใบงาน กำหนดเวลาการทำกจิ กรรมใหเ้ สรจ็ ตามความเหมาะสม
5. หัวหน้ากลุ่มและสมาชกิ ในกลุม่ ช่วยกันตรวจสอบและประเมินผลการดำเนนิ งาน และนำมาวิเคราะห์
รว่ มกนั ตามหัวข้อที่กำหนดให้ในใบงาน เมื่อประเมินผลงานเสร็จแลว้ ถา้ หากมีขอ้ มูล ไม่
เพียงพอ ให้แบง่ หนา้ ทกี่ ันไปคน้ คว้าข้อมูลเพ่ิมเตมิ เพ่อื ใหง้ านเสรจ็ ตามเวลาทกี่ ำหนด
6. สมาชกิ กลมุ่ นำผลงานทเี่ สร็จแลว้ มาพจิ ารณาประเมนิ ผลในภาพรวม ปรับปรงุ แกไ้ ขใหส้ มบรู ณ์
ตามความเหมาะสม แล้วส่งตวั แทนกล่มุ นำเสนอผลงานต่อชน้ั เรยี น
7. ครูและนักเรยี นชว่ ยกันสรปุ บทเรยี น และเพ่ิมเติมในประเดน็ สำคัญ ครชู ืน่ ชมผลงานนกั เรียน

ช่ัวโมงที่ 2

1. ครูทบทวนความร้เู ดิมเกยี่ วกับผลเสยี ทเี่ กิดจากการเปล่ยี นแปลงในสังคม ทำให้เกดิ ปญั หาสงั คมตามมา
และให้นักเรยี นชว่ ยกนั อภปิ รายปญั หาของสงั คมไทยทก่ี ำลงั ประสบอยู่ โดยเขียนชื่อปญั หาบนกระดาน

2. นักเรียนแบ่งเป็นกลุม่ กลุ่มละ 5-7 คน ให้แต่ละกลุม่ ศกึ ษาค้นคว้าเรื่อง ปญั หาสังคมไทยและแนวทางการ
แกไ้ ขปญั หา จากหนังสือเรียน และทำใบงานท่ี 2.2 เร่ือง ปัญหาสังคมไทย โดยให้นักเรียนร่วมกันคดิ ว่า
เรือ่ งใดบา้ งที่เปน็ ปญั หาสงั คมอยู่ในขณะนั้น จากนั้นให้แตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ตดั สนิ ใจ เลือกปญั หาสำคัญ 1
ปญั หา ทสี่ มาชกิ ในกล่มุ คิดวา่ สามารถมีส่วนรว่ มในการป้องกันแกไ้ ขปัญหาได้
แล้วช่วยกนั วิเคราะหแ์ ละตอบคำถามตามหวั ข้อในใบงาน

3. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ นำเสนอผลงานทีห่ น้าชนั้ เรียน แล้วช่วยกันสรปุ ประเด็นปัญหาสำคัญทตี่ ้องร่วมมอื
กนั แกไ้ ขอยา่ งเรง่ ด่วน

4. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกันทำแผนผงั ความคิด เร่อื ง สังคมมนุษย์ โดยวิเคราะห์ลักษณะสงั คมมนษุ ย์
ใหค้ รอบคลมุ หวั ขอ้ ต่อไปนี้
1) ความสำคญั ของการอยรู่ ่วมกันเป็นสังคม
2) โครงสร้างทางสังคม
3) การขัดเกลาทางสังคม
4) การเปล่ียนแปลงในสังคม

5. ครูเลอื กผลงานที่มคี ณุ ภาพอยู่ในเกณฑ์ดี แลว้ นำมาจดั ปา้ ยนิเทศแสดงผลงานของนกั เรียน

 นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง สังคมมนษุ ย์

7 การวัดและประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์
ใบงานที่ 2.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
วธิ ีการ ใบงานท่ี 2.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจใบงานที่ 2.1 แบบประเมนิ แผนผังความคิด เรอ่ื ง ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 2.2 สงั คมมนษุ ย์
ประเมนิ แผนผงั ความคิด เรอ่ื ง แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
สงั คมมนษุ ย์ แบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรียนรู้ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ ท่ี 1 เร่ือง สังคมมนษุ ย์
ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรื่อง สงั คม
มนษุ ย์

8 สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้

8.1สอ่ื การเรยี นรู้

1. หนงั สือเรียน หนา้ ทพ่ี ลเมืองฯ ม.4-ม.6
2. ใบงานท่ี 2.1 เร่อื ง สงั คมยุคโลกาภิวตั น์
3. ใบงานที่ 2.2 เรอ่ื ง ปัญหาสังคมไทย

8.2 แหลง่ การเรยี นรู้

1. หอ้ งสมดุ
2. แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ เช่น http://www.thaisociety.go.th

แบบประเมนิ แผนผังความคิด เรอ่ื ง สังคมมนุษย์

กลุ่มท.ี่ ................................................. .............................................................................. 2. ..............................................................................
สมาชิกของกลมุ่ 1. .............................................................................. 4. ..............................................................................
.............................................................................. 6. ..............................................................................
3.
5. คณุ ภาพผลงาน
432
ลำดั รายการประเมิน 1
บท่ี

1 ความสำคญั ของการอย่รู ่วมกันเป็นสังคม

2 โครงสรา้ งทางสงั คม

3 การขดั เกลาทางสงั คม

4 การเปลีย่ นแปลงในสังคม

รวม

เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงช่ือ..............................................................................ผู้ประเมิน
/ /....................... ........................... ........................
ดีมาก = 4

ดี = 3

พอใช้ = 2

ปรบั ปรุง = 1

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ช่ ว ง ร ะ ดั บ
คะแนน คุณภาพ
13-16 ดีมาก
9-12 ดี
5-8 พอใช้
1-4 ปรบั ปรุง

ใบงานที่ 2.1 เรอ่ื ง สังคมยุคโลกาภิวตั น์

คำสงั่ ใหน้ กั เรียนอ่าน เร่ือง สังคมยคุ โลกาภวิ ตั น์ แลว้ วิเคราะห์ตามหัวข้อต่อไปน้ี
1. สาเหตุของการเปลย่ี นแปลงของสังคมไทย มีเรื่องใดบ้างประมาณ 5-6 เร่อื ง และนำขอ้ ความ
มาเขยี นลงในตารางวเิ คราะห์ ขอ้ 1
2. วเิ คราะหป์ ระเภทของการเปล่ียนแปลงในสงั คมโดยขีดเครือ่ งหมาย ✓ ลงในตารางวิเคราะห์ ข้อ 2
3. บอกผลดแี ละผลเสยี ของการเปลยี่ นแปลงในสังคมโดยเขียนตอบในตารางวิเคราะห์ ข้อ 3, 4
4. บอกปัจจัยท่ีทำใหเ้ กิดการเปลีย่ นแปลงในสังคมโดยขีดเครอ่ื งหมาย ✓ ลงในตารางวิเคราะห์ ข้อ 5

ปจั จบุ นั สังคมไทยอยู่ท่ามกลางกระบวนการโลกาภิวตั น์ (Globalization) หรอื โลกไรพ้ รมแดน
ซึ่งเชือ่ มโยงสว่ นต่างๆ ของโลกเขา้ เป็นอันหนึ่งอันเดยี วกนั ดว้ ยความกา้ วหน้าของเทคโนโลยกี ารสอ่ื สาร
และสารสนเทศ

ทรัพยากรของประเทศดูเหมือนจะเหมาะกบั การเกษตรกรรมมากกวา่ อุตสาหกรรมสง่ ออก การผลิตสนิ ค้า
เนน้ ความจำเป็นมากกวา่ สินค้าฟมุ่ เฟอื ย สว่ นนโยบายการพฒั นาประเทศของรัฐบาลทุกชดุ กจ็ ะเนน้ การเตบิ โต เนน้
ผลกำไรสูงสุดตามระบบการผลิตเหมือนประเทศพัฒนาอตุ สาหกรรมใหม่ NICS (Newly Industrialized
Countries) ซ่ึงเท่ากบั ผลักดันใหเ้ กดิ การเอารัดเอาเปรียบ เกดิ ช่องวา่ งระหวา่ งคนรวยคนจนสภาพแวดลอ้ ม ค่านิยม
ทีเ่ นน้ ความม่งั คัง่ และเสพสุขทางวัตถุ ทำให้คนฉอ้ ฉลในทุกวงการ พร้อมที่จะทำ ทกุ อยา่ งเพ่อื เงนิ อำนาจ ไม่มี
จรรยาบรรณ ไมม่ ีมโนธรรม

อทิ ธพิ ลของโทรทัศน์ วทิ ยุ คอมพวิ เตอร์ และสอ่ื มวลชนเขา้ มามอี ิทธพิ ลต่อวิถีชีวิตประจำวัน พวกเดก็ จะ
ถูกสภาพแวดล้อมเหลา่ น้ีกล่อมเวลาใหเ้ ขาต้องแกง่ แย่ง แขง่ ขนั ชิงดีชงิ เดน่ มขี องดยี หี่ ้อดงั แต่งกายแฟชั่น
แปลกๆ ทำสีผม บรโิ ภคอาหารจานเดียว (Fast Food) ใชเ้ วลาว่างเดนิ ตามห้างสรรพสินค้า ฯลฯ สภาพเหลา่ นี้จะ
นำพาเดก็ รุ่นใหมไ่ ปส่กู ารเอาแต่ใจ มงุ่ หาความเฉพาะตัว เหน็ แกต่ ัวไมแ่ ครผ์ ้คู นรอบขา้ ง ใชช้ ีวติ รว่ มกับผ้อู ่นื ไม่เปน็
และเป็นคนแข็งกระดา้ ง ในดา้ นสิทธสิ ตรไี ทย มีโอกาสทดั เทียมชายมากขึ้น องค์การสหประชาชาติ กำหนดให้
วันที่ 8 มีนาคม เป็นวนั ระลกึ สตรสี ากล ประเทศไทยได้วางแผนในการพฒั นาสตรตี ้งั แตป่ ี 2524 สนับสนนุ ให้สตรี
เข้ามามีบทบาทพัฒนาเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรมของสงั คมและนานาชาติ

การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจขณะนี้ได้แก่ความเปน็ สากลของภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาหลกั (Mother
Language) ใชก้ ันทว่ั โลก ในประเทศไทยผา่ นธุรกิจ ปา้ ยชื่อรา้ น อาคาร ส่วนใหญ่ก็เขยี นเปน็ ภาษาอังกฤษ แม้แต่
ดารา นักแสดง กไ็ ด้นำเสนอดาราลกู ครึ่งเป็นตวั หลัก

การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเราจะมองเห็นว่าก้าวหน้าเด่นชัด การขยายตัวของประชากรของเมือง
และการสอ่ื สารและเทคโนโลยีกเ็ หมือนกัน แต่ผลรา้ ยท่ีตามมา คือ สภาพแวดล้อมท่ีดีงามถกู ทำลาย มีการตัดไม้
ทำลายป่า สัตว์ พืช แหล่งน้ำ แร่ธาตุถกู ทำลายมากขึ้น การใช้รถยนต์ใช้พลังงาน ใช้ตู้เย็น แอร์ สเปรย์ จะมีการ
ปล่อยสารพิษไปทำลายโอโซนมากขึ้น คุณภาพชีวิตลดลงมากกว่าจะทำให้ชีวิตมีความสุขข้ึน ยิ่งการส่งเสริมการ
ท่องเท่ยี วมากก็ยิง่ มีโสเภณี มีโรคเอดสม์ ากตามมา


Click to View FlipBook Version