๑๘๐ Weiten, Wayne. Psychology : Themes and Variations, Briefer Version 4thed. U.S.A. : Wadsworth Publishing Company, 2000. Plotnik, Rod. Introduction to Psychology. 4 thed, U.S.A. : Cole Publishing Company, 1996. Kalat, James W.. Introduction to Psychology. 5 thed, U.S.A. : Wadsworth, 1999. Piaget, J.. Judgment and Reasoning in the Child. Paterson, N.J. : Littlefield Adams, 1964. Bruner, J.S.. Study in Cognitive Growth : A Collaboration at the Center for Cognitive Studies. New York : John Wilety and Sons, 1966. Ausubel, D.P.. The Psychology of Meaningful Verbal Learning. New York: John Wilety and Sons, 1966. สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ณ ธษ า ราชบัณ ฑิ ต. วัยใสใสหั วใจมี วัฒ น ธ ร รม , [ออนไลน์]. แห ล่งที่ม า:https://www. m-culture.go.th [๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๑]. โรงเรียนผดุงนารี จังหวัดมหาสารคาม [ออนไลน์], แหล่งที่มา http://www.phadungnaree.ac.th [๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙]. โรงเรียนมหาวิชานุกูล [ออนไลน์], แหล่งที่มา https://data.bopp-obec.info/emis/schooldataview.php?School_ID=1044410582&Area_CODE=6501 [๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙]. โ รง เ รี ย น ส า ธิ ต ม ห า วิ ท ย า ลั ย ร า ช ภั ฎ ม ห า ส า ร ค า ม , [อ อ น ไล น์ ], แ ห ล่ ง ที่ ม า : http://satit.rmu.ac.th/satit_register/main1.php. [๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙]. โรงเรี ย น ส า รค าม พิ ท ย าค ม [อ อ น ไล น์ ], แ ห ล่งที่ ม า http://data.bopp-obec.info/web/ index_view_history.php?School_ID= 1044410582 & page = history [๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙]. โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม [ออนไลน์], แหล่งที่มา : https://satit.msu.ac.th/th/ [๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙]. สาวิตรี ทยานศิล. สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว, [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: http://www. hiso.or.th [๖ เมษายน ๒๕๖๐]. Steinberg, L.1999. Adolescence. th ed.USA:McGraw-Hil., [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: www. educ-bkkthon.com [๘ เมษายน ๒๕๖๐].
ภาคผนวก
๑๘๒ ภาคผนวก ก บทความการวิจัย ๑. ชื่อเรื่อง : การปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของ นักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในอ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ๒. ชื่อผู้วิจัย : พระครูสารกิจประยุต, ดร. พระครูโพธิธรรมานุศาสก์และนางฤดี แสงเดือนฉาย ๓. บทคัดย่อ บทความวิจัยเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา อ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม เป็นการ วิจัยเชิงทดลองในพื้นที่ ใช้รูปแบบการวิจัยแบบผสานวิธีทั้งการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ผลการวิจัยพบว่า (๑) หลักสติปัฏฐาน ๔ คือ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน (การตามระลึกรู้กาย) เวทนา สติปัฏฐาน (การตามระลึกรู้เวทนา) จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน (การตามระลึกรู้จิต) และธัมมานุ ปัสสนาสติปัฏฐาน (การตามระลึกรู้ธรรม) เป็นหลักธรรมส าคัญในพระพุทธศาสนาที่สอนให้เรียนรู้ ปรากฎการณ์ของสติหรือจิต เพื่อสร้างความสมดุลทางกาย ความรู้สึก และเห็นความจริงอย่างลึกซึ้ง ภายในร่างกายของมนุษย์ ผู้ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน ๔ จะได้รับประโยชน์ในปัจจุบันคือร่างกายและ จิตใจแข็งแรงมากขึ้น ประโยชน์ภายภาคหน้าคือการไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น และประโยชน์สูงสุดคือ การเข้าถึงพระนิพพานอันเป็นภาวะหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวงได้ตามหลักการพระพุทธศาสนา (๒) สภาพการเรียนรู้หลักสติปัฏฐาน ๔ ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ( X =๒.๙๓) (๓) ผลจากการสร้างชุดกิจกรรมการอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ทั้งการเตรียม ครูผู้สอน การประชุมก่อนและหลังการเรียนการสอนเพื่อวางแผนการบูรณาการร่วมกัน วิธีการสอน แบบอบรม รวมถึงการลงพื้นที่ส ารวจสภาพพื้นที่จริง สามารถประเมินค่าความเหมาะสมของหลักสูตร โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ( X =๓.๔๐) และผลจากการทดลองใช้ชุดกิจกรรมการอบรมการ ปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับ มัธยมศึกษาโดยทดลองใช้กับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนที่มีพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์จาก โรงเรียนมัธยมศึกษา โดยการคัดเลือกจากครูประจ าชั้นและผู้สมัครใจ สามารถประเมินค่าความ เหมาะสมของหลักสูตร โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ( X =๓.๔๐) (๔) ผลการประเมินชุด กิจกรรมการอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของ นักเรียน โดยทดสอบผู้เข้าอบรม ก่อนเข้าอบรม และหลังเข้าอบรม พบว่า ผู้เข้าอบรมมีความรู้เพิ่มขึ้น ทุกคน ระดับความพึงพอใจของผู้เข้าอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อันไม่พึงประสงค์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับดี( X =๓.๖๐) สอดคล้องกับผลบันทึกจากการสังเกตแบบมี ส่วนร่วมซึ่งแสดงผลว่ากลุ่มตัวอย่างมีความตั้งใจในการปฏิบัติ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและปฏิบัติได้ ถูกต้องตรงตามหลักสติปัฏฐาน ๔ ค าส าคัญ: สติปัฏฐาน ๔, พฤติกรรม, นักเรียนระดับมัธยมศึกษา
๑๘๓ Abstract The purpose of this research is to apply the foundations of mindfulness (Satipaṭṭhāna 4) to changing unwanted behavior of high school students in Mueang District, Maha Sarakham Province. This research is experimental in the area, using mixed methods research of qualitative and quantitative research. The result of the research shows that 1) Satipaṭṭhāna 4 is kaya mindfulness of the body (Contemplation of the Body), Vedanā mindfulness of feelings or sensations (Contemplation of the Feelings), Citta mindfulness of mind or consciousness (Contemplation of Mind) and dhammās mindfulness of Mind-objects (Contemplation of Mind-objects) It is an important principle in Buddhism that teaches to learn the phenomena of consciousness or mind to create a balance of physical, feeling and see the profound truth within the human body. Those who follow Satipaṭṭhāna 4 will benefit in the present, the body and mind become stronger, the next benefit is to reach a better world and the greatest benefit is to reach Nirvana, which is a state of liberation from all suffering according to the principles of Buddhism. 2) Based on the results of Satipaṭṭhāna 4 learning experience of high school students, the overall picture was at a moderate level ( X =2.93) 3) The result of creating a set of activities, training, the application of Satipaṭṭhāna 4, including teacher preparation, meetings before and after the course, to plan the integration. The method of teaching training is to survey the actual conditions Able to assess the suitability of the course as a whole at a moderate level ( X =3.40) and the results of the experiment using the Training Package of Satipaṭṭhāna 4 to change the unwanted behavior of high school students by experimenting with the target group which are students with undesirable behavior from the secondary school by selecting from classmates and volunteers Able to assess the suitability of the course as a whole at a moderate level ( X =3.40) 4) Evaluation of the training activity package, the application of Satipaṭṭhāna 4 in the adjustment of unwanted behavior by students by testing the participants Before the training and after the training, found that all of the participants had increased knowledge, the level of satisfaction of the participants, the application of Satipaṭṭhāna 4 in the modification of unwanted behaviors, in general, was at a good level. ( X =3.40) This is consistent with the results of the participatory observation, which shows that the samples have the intention to change behavior and practice correctly according to Satipaṭṭhāna 4. Keywords: Satipaṭṭhāna 4, Behavior, High school students, ๔. บทน ำ ๔.๑ ความส าคัญและที่มาของปัญหา หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เพื่อใช้เป็น แนวทางในการด าเนินชีวิตได้อย่างมากมายหลายด้านในทุกแง่มุมของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักสติ ปัฏฐาน ๔ เป็นหลักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่สมบูรณ์ที่สุด มีปรากฏอยู่ในมหาสติปัฏฐานสูตร การ ปฏิบั ติ วิปั สสน าก รรม ฐ าน ต าม แน วส ติปัฏ ฐ านนี้สมเด็จพ ระสัมม าสัมพุท ธเจ้ าต รัส ว่ า เป็นหนทางเดียว ที่ท าให้จิตบริสุทธิ์ หมดจด ท าให้พ้นจากทุกข์และบรรลุมรรคผลนิพพานและสติปัฏ ฐาน ๔ ชื่อว่าเป็นเอกายนมรรคหรือทางสายเอก (พระโสภณมหาเถระ มหาสีสยาดอ, ๒๕๔๙: ๗)
๑๘๔ สติปัฏฐาน คือธรรมเป็นที่ตังแห่งสติ ข้อปฏิบัติมีสติเป็นประธาน หรือการตั้งสติก าหนด พิจารณาสงบทั้งหลายให้รู้เห็นเท่าทันตามความเป็นจริง การมีสติก ากับดูสิ่งต่างๆ และความเป็นไป ทั้งหลาย โดยรู้เท่าทันตามสภาวะของมัน ไม่ถูกครอบง าด้วยความยินดียินร้ายที่ท าให้มองเห็นเพียนไป ตามอ านาจกิเลสมี ๔ อย่าง คือ ๑) กายานุปัสสนา การตั้งสติก าหนดพิจารณากาย การมีสติก ากับดู รู้เท่าทันกายและเรื่องทางกาย ๒) เวทนานุปัสสนา การตั้งสติก าหนดพิจารณาเวทนา หรือการมีสติ ก ากับดูรู้เท่าทันเวทนา ๓) จิตตานุปัสสนา การตั้งสติก าหนดพิจารณาจิต หรือการมีสติก า กับดูรู้เท่า ทันจิตหรือสภาพและอาการของจิต ๔) ธัมมานุปัสสนา การตั้งสติก าหนดพิจารณาธรรมหรือการมีสติ ก ากับดูรู้เท่าทันธรรมเรียกสั้น ๆ ว่า กาย เวทนา จิต ธรรม (พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต), ๒๕๓๙ : ๒๙๔ - ๒๙๗) ผู้ใดปฏิบัติตามแนวแห่งสติปัฏฐาน ๔ นี้อย่างต่อเนือง ด้วยความเพียรและความฉลาด ย่อมจะได้บรรลุมรรคผล นิพพาน สามารถตัดมูลเหตุแห่งวัฏฏะ พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ไม่หลง ผิดในสภาวธรรม มองเห็นสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง จิตของผู้นั้นก็จะมีความสงบสุขร่มเย็น ไม่เร่า ร้อนเพราะเพลิงกิเลสตัณหา พระพุทธองค์ได้ตรัสถึงอานิสงส์ของการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานว่ามีอยู่ ๔ ประการ คือเมือใกล้ตายจะได้สติ ระลึกถึงบุญกุศล คุณงามความดีทีตนได้ท าไว้ ไม่หวั่นกลัวต่อ ความตายเมื่อตายแล้ว จะได้ไปสู่สุคติ คือการเกิดในโลกสวรรค์หรือกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ที่เป็นบัณฑิต ชนถ้ายังไม่บรรลุในชาตินี้จะเป็นเชื่อเป็นพื้นฐาน เป็นอุปนิสัยส่งเสริมให้บรรลุมรรคผล นิพพานใน ชาติหน้าต่อไป แต่ถ้าได้เจริญวิปัสสนาตามแนวสติปัฏฐาน ๔ นี้ เป็นเวลา ๗ วัน ถึง ๗ ปีต่อเนื่องกัน จะได้ผลคือจะได้เป็นบรรลุธรรมในชาตินี้(ม.มู. (ไทย) ๑๒/๑๒๘ - ๑๓๑/๑๓๗ -๑๓๘) ด้วยภาวะสังคมปัจจุบัน มีปัญหาสังคมต่างๆ มากมาย ไม่ว่าปัญหาที่เกิดจากตัวเอง ครอบครัว และสิ่งแวดล้อม ล้วนแต่เพิ่มความทุกข์ให้แก่มวลมนุษย์ในสังคมปัจจุบันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาในเรื่องพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ของวัยรุ่นเพิ่มสูงขึ้น ทั้งปัญหาเด็กและเยาวชน ในสภาพการณ์ปัจจุบัน มีปัญหาใหญ่ ๆ อยู่ ๔ เรื่อง เรียงตามล าดับความรุนแรงได้ดังนี้ คือปัญหา เรื่องยาเสพติดพบว่าเด็กเข้าไปเกี่ยวข้องในทุกขั้นตอนของวงจรยาเสพติด ตั้งแต่การผลิต การจ าหน่าย และการเสพยา โดยพบว่าเด็กเข้าไปเกี่ยวข้องมีจ านวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี ปัญหาเรื่องโรคเอดส์ มีเด็กที่ เป็นก าพร้าจ านวนมหาศาลที่พ่อแม่ตายด้วยโรคเอดส์และเด็กที่ติดเชื้อเอดส์จากแม่จากจ านวนเด็ก ก าพร้านับแสนคน พบเด็กติดเชื้อเอดส์ถึง ๓๐,๐๐๐ คน เด็กเหล่านี้จะเป็นปัญหาและสร้างภาระ บางอย่างให้กับสังคมเป็นอันมาก ปัญหาเรื่องการทารุณกรรมเด็ก พบปัญหาเกี่ยวกับเด็กถูกท าร้าย ร่างกายถูกทารุณกรรม ข่มขืน หรือถูกบังคับให้ขายบริการทางเพศ มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นและปัญหา เรื่องเด็กหลบหนีออกจากบ้าน เนื่องจากทนต่อสภาพความเป็นอยู่ในครอบครัวไม่ไหวกลายเป็นเด็ก เร่ร่อนมีอยู่ประมาณ ๑๕,๐๐๐ - ๑๗,๐๐๐ คน ทั่วประเทศ (วัลลภ ตังคณานุรักษ์, ๒๕๔๐ : ๕ - ๖) ปัจจุบันได้มีแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่นทั้งชายและหญิงเกิดขึ้นตามสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร และ ขยายตัวไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ต่อเนื่องตลอดเวลา โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของแฟชั่นเสื้อผ้าวัยรุ่น อาทิ ชุดสายเดี่ยว เกาะอก กระโปรงสั้น ขณะเดียวกัน ก็เกิดมีแหล่งมั่วสุมของเยาวชนที่นัดพบกันเพื่อ ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ มั่วสุมยาเสพติดประเภทยาอี ยาบ้า แม้กระทั่งการซื้อขายหนังสือ วีดีโอ วี ซีดีลามก รวมทั้งการขายบริการทางเพศจนติดเชื้อเอดส์ โดยพบว่าการมีเพศสัมพันธ์ของเยาวชนหญิง เริ่มตั้งแต่ อายุ ๑๓ ปี ส่วนชายเริ่มตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี ซึ่งปัญหาทั้งหมดของเยาวชนนั้นยากเกินกว่า หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งจะรับผิดชอบได้เพียงหน่วยงานเดียว การด าเนินการแก้ไขต้องเป็น
๑๘๕ ยุทธศาสตร์เชิงบูรณาการ โดยจะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง(เสรี วงษ์มณฑา, ๒๕๔๒ : ๑๙) จังหวัดมหาสารคาม เป็นจังหวัดที่มีปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดในระดับปานกลาง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของสังคม และสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือจ านวนผู้เสพผู้ติดยา ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมี จ านวนมากขึ้น ซึ่งกลุ่มเสี่ยงส่วนใหญ่อยู่ในวัยเรียนและวัยท างาน ท างานอีกทั้งจังหวัดมหาสารคามถือ ได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีสถาบันการศึกษาทุกระดับ มีนักเรียนนักศึกษามาจากทั่วประเทศเดินทางมาศึกษาในพื้นที่ จึงท าให้ยากต่อการควบคุม ติดตาม และมีบางกลุ่มน ายาเสพติดเข้ามาเพื่อเสพและจ าหน่าย จึงมีแนวโน้มนักเสพหน้าใหม่จะมีอายุลด น้อยลงทุกปีถึงแม้จะมีผลการด าเนินงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ในปี พ.ศ.๒๕๕๖ เป็นอันดับ ๒ ของจังหวัดขนาดกลาง แต่ก็ยังคงนโยบายเน้นด้านการบ าบัดรักษาเพื่อเป็นการลด จ านวนผู้เสพ ผู้ติดยา ตัดวงจรการแพร่ระบาดของยาเสพติด พร้อมน าผู้สมัครใจเข้ารับบ าบัด เพื่อโอกาสในการปรับตัวเป็นคนดีกลับคืนสู่สังคม ซึ่งตามแผนงานการสร้างพลังสังคมและพลังชุมชน เอาชนะยาเสพติดของจังหวัด ได้ให้ความส าคัญกับการสร้างความเข้มแข็งให้แก่แกนน า ชุมชนและ ชุมชน โดยให้ชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหายาเสพติดภายใต้โครงการพัฒนาหมู่บ้าน/ ชุมชนเข้มแข็งเอาชนะยาเสพติดอย่างยั่งยืน (ศูนย์อ านวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จังหวัด มหาสารคาม, ๒๕๕๖ : ๒๕) จึงมีความจ าเป็นอย่างมากที่จะต้องมีการปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน ๔ เพื่อให้เยาวชน สามารถน าหลักธรรมและแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องไปใช้ในชีวิตของตนเองได้โดยใช้หลักธรรมทาง พระพุทธศาสนาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเยาวชน ดังเช่นในงานวิจัยเรื่อง “ผลของการปฏิบัติสมาธิ ที่มีต่อความฉลาดทางอารมณ์ : กรณีศึกษาผู้ปฏิบัติธรรมโครงการเฉลิมพระเกียรติตามรอยเบื้องพระ ยุคลบาทวัดโสมนัสวิหาร พบว่า การปฏิบัติสมาธิตามหลักพุทธศาสนาด้วยการพัฒนาสติอย่างต่อเนื่อง บนฐานทั้ง ๔ คือ กาย เวทนา จิต ธรรม นั้นส่งผลให้เกิดคุณลักษณะ ๔ ประการ คือ พัฒนากาย พัฒนาพฤติกรรม พัฒนาจิต และพัฒนาปัญญา ซึ่งเป็นการพัฒนาทั้งความฉลาดทางอารมณ์ และการ พัฒนาความฉลาดทางปัญญาไปพร้อม อย่างไรก็ตามพุทธศาสนาเน้นการพัฒนาจิตมาเป็นอันดับต้น โดยการพัฒนากายและพฤติกรรมเป็นการพัฒนาการทางสังคมก่อให้เกิดความฉลาดทางอารมณ์ด้านดี การพัฒนาปัญญาก่อให้เกิดความฉลาดทางอารมณ์ ด้านเก่งการพัฒนาจิต เป็นการพัฒนาการทาง อารมณ์ ก่อให้เกิดความฉลาดทางอารมณ์ ด้านสุข (สุธรรมมา วรนาวิน, ๒๕๕๑ : บทคัดย่อ) และจาก งานวิจัยที่ผ่านมามีการสร้างชุดกิจกรรมในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเฉพาะทางหรือ ไม่ได้ครอบคลุม หลักสติปัฏฐานที่ลงไปสูการแก้ไขปัญหาของเยาวชนตามแนวทางพระพุทธศาสนา จากเหตุผลข้างต้น ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาว่าหลักสติปัฏฐาน ๔ สามารถปรับเปลี่ยน พฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา อ าเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัด มหาสารคาม ได้อย่างไร ซึ่งผลการศึกษาครั้งนี้สามารถน าไปใช้เป็นแนวทางพัฒนาเยาวชนให้มีความ ฉลาดทางอารมณ์ด้านการตระหนักรู้ตนเองตามหลักสติปัฏฐาน ๔ เพื่อน ามาปรับใช้ชีวิตประจ าวันให้ อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
๑๘๖ ๔.๒ วัตถุประสงค์ของกำรวิจัย ๑. เพื่อศึกษาหลักสติปัฏฐาน ๔ ส าหรับการเรียนรู้ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในอ าเภอ เมือง จังหวัดมหาสารคาม ๒. เพื่อศึกษาสภาพการใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ส าหรับการเรียนรู้ของนักเรียนระดับ มัธยมศึกษาในอ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ๓. เพื่อสร้างและทดลองใช้ชุดกิจกรรมอบรมการใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในอ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ๔. เพื่อประเมินชุดกิจกรรมอบรมการใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในอ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ๔.๓ ขอบเขตการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ใช้รูปแบบวิธีการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Method) คือการวิจัยเชิง ปริมาณ (Quantity Research) และเชิงคุณภาพ (Quality Research) โดยใช้วิธีในการวิจัย ดังนี้ ๑. ขอบเขตเนื้อหา (Documentary Research) โดยการใช้เทคนิคในการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) จากหนังสือ สิ่งตีพิมพ์เอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องหลักสติปัฏฐาน ๔ ๒. ขอบเขตพื้นที่ (Field Research) โรงเรียนมัธยมในเขตอ าเภอเมือง จังห วัด มหาสารคาม ๓. ขอบเขตประชากร ได้แก่ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ในเขตอ าเภอเมือง มหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม มีทั้งหมด ๖ โรงเรียน รวมนักเรียนทั้งหมด ๕,๓๑๘ คน ๔.๔ วิธีด าเนินการวิจัย งานวิจัยครั้งนี้ ใช้รูปแบบการวิจัยแบบผสานวิธีทั้งการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ร่วมกัน (Mixed methodology) มีวิธีการด าเนินการวิจัยและแบ่งขั้นตอนการวิจัยไว้เป็น ๔ ระยะ ดังนี้ ระยะที่ ๑ ศึกษาหลักสติปัฏฐาน ๔ ส าหรับการเรียนรู้ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาใน อ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ศึกษาสภาพการเรียนรู้หลักสติปัฏฐาน ๔ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในโรงเรียน ในอ าเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ประชากร ได้แก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ในอ าเภอเมืองมหาสารคามจังหวัดมหาสารคาม ประกอบด้วย ๖ โรงเรียนได้แก่ โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม โรงเรียนผดุงนารี โรงเรียนมหาชัยพิทยาคาร โรงเรียนมหาวิชานุกูล โรงเรียนสารคามพิทยาคม และโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม รวมทั้งหมด ๕,๓๑๘ คน ผู้วิจัยใช้การสุ่มอย่างง่าย และการค านวณกลุ่มตัวอย่าง ตามแบบของทาโรยามาเน่ (Yamane) จ านวน ๓๗๒ คน
๑๘๗ เครื่องมือวิจัยระยะที่ ๑ ศึกษาการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในอ าเภอเมืองมหาสารคามจังหวัดมหาสารคาม การสร้างและการหาคุณภาพของเครื่องมือการวิจัย ระยะที่ ๑ เครื่องมือการเก็บ รวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบส ารวจสภาพการเรียนรู้หลักสติปัฏฐาน ๔ ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ตอนปลายในอ าเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ส าหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย จ านวน ๒๐ ข้อ และมีวิธีการด าเนินการวิจัย ดังนี้ ๑. ศึกษาเอกสาร งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในอ าเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัด มหาสารคาม ๒. วิเคราะห์ข้อมูลที่ศึกษาเพื่อก าหนดเป็นโครงสร้างและขอบเขตเนื้อหา ปัญหาของ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาในพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายใน อ าเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม น าแนวคิดและทฤษฏีมาสร้างเป็นแบบส ารวจสภาพ ปัญหา น าเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความถูกต้องและความเหมาะสมของภาษา ผู้เชี่ยวชาญให้ ข้อเสนอแนะการใช้ภาษาให้กระชับในข้อค าถาม แล้วผู้วิจัยน ามาปรับปรุงแก้ไขตามค าแนะน าแบบ ส ารวจสภาพปัญหาที่แก้ไขแล้วให้ผู้เชี่ยวชาญ ๕ คน ได้ให้ค าแนะน าปรึกษา โดยผู้วิจัยได้ปรับปรุง แก้ไขด้านข้อค าถามในแต่ละประเด็น น ามาจัดหมวดหมู่ปัญหากับความต้องการให้ชัดเจน และน ามา วิเคราะห์เพื่อสร้างชุดกิจกรรมการอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอัน ไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในอ าเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ต่อไป ๓. ผู้เชี่ยวชาญจ านวน ๕ คน ได้ตรวจสอบเครื่องมือการวิจัย ๔. ผู้วิจัยได้น าเครื่องมือที่สร้างขึ้นมาหาค่าดัชนีความสอดคล้องตามวัตถุประสงค์รายข้อ (Index of Item – Objective Congruence) ๕. การทดสอบหาความเชื่อมั่นของเครื่องมือ (Reliability) ผู้วิจัยน าแบบสอบถามที่ผ่าน การแก้ไขปรับปรุงจากผู้เชี่ยวชาญมาทดสอบความเชื่อมั่นโดยการขออนุญาตเก็บข้อมูลตัวอย่าง (Try out) โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในอ าเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งมีลักษณะ คล้ายคลึงกับประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้จ านวน ๓๐ คน เพื่อหาค่าความเชื่อมั่น (Reliability) ของแบบสอบถามโดยวิธีหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (α - Coefficient) ตามวิธีของ“ครอนบาค (Cronbach) ผู้วิจัยได้ค่าสัมประสิทธิ์ของความสอดคล้องรายข้อ และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ข้อมูลเป็นแบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่น (Reliability) เท่ากับ ๐.๗๖๓ ระยะที่ ๒ การใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ส าหรับการเรียนรู้ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาใน อ าเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ใช้กระบวนการสนทนากลุ่ม แบ่งออกเป็น ๖ กลุ่ม โดยใช้เนื้อหาสภาพปัญหาและความต้องการพัฒนาพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับ มัธยมศึกษาในอ าเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม มีผู้วิจัยเป็นผู้อ านวยการ และผู้ร่วมวิจัย เป็นผู้จดบันทึกการสนทนากลุ่ม กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ พระสงฆ์ครูเยาวชน ผู้ปกครอง ผู้น าชุมชนและ เจ้าหน้าที่ต ารวจที่อยู่ในชุมชนต่างๆ ในเขตอ าเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม จ านวน ๖๐ คน เพื่อค้นหาสภาพปัญหาพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนติดเกมติดยาเสพติด/การพนันมี เพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร หนีเรียน ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ผู้ปกครอง และร่วมกันคัดเลือกนักเรียนที่มีปัญหา
๑๘๘ เข้ารับการอบรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในอ าเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัด มหาสารคาม ระยะที่ ๓ สร้างและทดลองใช้ชุดกิจกรรมการอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ผู้วิจัยได้เลือกผู้ทรงคุณวุฒิสนทนากลุ่ม Focus Group Discussion ประกอบด้วยเป็นผู้เชี่ยวชาญตรวจสร้างชุดกิจกรรม จ านวน ๕ คน ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักธรรม ทางพระพุทธศาสนา ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมท้องถิ่น สื่อและสารสนเทศ ผู้เชี่ยวชาญด้านจัด ฝึกอบรมนักเรียน ผู้เชี่ยวชาญด้านรูปแบบ และหลักสูตร ผู้เชี่ยวชาญการวัดและประเมินผล ได้พิจารณาความเหมาะสมของชุดกิจกรรม และตรวจสอบความตรงของเนื้อหา (Content Validity) เครื่องมือวิจัยระยะที่ ๓ มีการสร้างชุดกิจกรรม ดังนี้ ๑. จากสภาพการเรียนรู้ในระยะที่ ๑ ผู้วิจัยได้น ามาเป็นประเด็นการรับรู้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการร่างชุดกิจกรรมการอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ๒. ร่างแบบประเมินชุดกิจกรรมการอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ส าหรับ ผู้เชี่ยวชาญประเมินชุดกิจกรรม ๓. ร่างกิจกรรมส าหรับสร้างชุดกิจกรรมการอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ การสร้างและการหาคุณภาพของเครื่องมือการวิจัย ระยะที่ ๓ ๑.๑ ศึกษาเอกสาร แนวคิด หลักการ และวิธีการสร้างแบบสนทนากลุ่ม Focus Group Discussion แบบมีโครงสร้าง ๑.๒ ร่างชุดกิจกรรมการอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในอ าเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัด มหาสารคาม เพื่อตรวจสอบให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การวิจัย ผู้เชี่ยวชาญได้ให้ข้อเสนอแนะ ๑.๓ จัดเวทีวิพากษ์ชุดกิจกรรมเพื่อป รับป รุงให้มีความเห มาะสมของเนื้อห า โดยก าหนดเป็นกรอบในการสร้างแบบสัมภาษณ์ (Focus Group Discussion) ๑.๔ ผู้วิจัยแก้ไขตามข้อเสนอแนะด้านการจัดหมวดหมู่ประเภทให้มีความชัดเจน ๑.๕ น าชุดกิจกรรมการอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในอ าเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัด มหาสารคาม ที่ได้แก้ไขแล้วไป ทดลองใช้กับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนที่มีพฤติกรรมอันไม่พึง ประสงค์จากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในอ าเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม โดยการ คัดเลือกจากครูประจ าชั้นและสมัครใจเข้าร่วมโครงการ จ านวน ๖ โรงเรียน โรงเรียนละ ๕ คน รวม ทั้งสิ้น จ านวน ๓๐ คน ระยะที่ ๔ ประเมินผลชุดกิจกรรม ดังนี้ ๑. เครื่องมือวิจัยระยะที่ ๔ ได้แก่ แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการ อบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับ มัธยมศึกษาในอ าเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม
๑๘๙ ๒. กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนในอ าเภอเมือง มหาสารคาม โดยคัดเลือกจากครูประจ าชั้นและนักเรียนที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ จ านวน ๖ โรงเรียน โรงเรียนละ ๕ คน รวมทั้งสิ้น จ านวน ๓๐ คน ๓. แบบสอบถามการติดตามหลังการอบรม ๔.๕ ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มประชากร ที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล จ านวน ๓๗๒ คน ก าหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดย ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างง่าย และการค านวณกลุ่มตัวอย่างตามแบบของทาโร ยามาเน่ (Yamane) กลุ ่มตัวอย ่าง ในการจัดสนทนากลุ่มในครูในโรงเรียนมัธยมในเขตอ าเภอเมือง จังหวัด มหาสารคาม (Focus Group) ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเยาวชนในเขต อ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งประกอบด้วยพระสงฆ์ครูเยาวชน ผู้ปกครอง ผู้น าชุมชน และ เจ้าหน้าที่ต ารวจ ที่อยู่ในชุมชนต่างๆ ในเขตอ าเภอเมืองมหาสารคาม จ านวน ๖๐ คน คือ โรงเรียน สาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม โรงเรียนมหาชัยพิทยาคาร โรงเรียนมหาวิชานุกูล โรงเรียน สารคามพิทยาคม และโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กลุ่มตัวอย่าง ส าหรับน าชุดกิจกรรมการอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาที่ได้แก้ไขแล้วไปทดลองใช้กับ กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนที่มีพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์จากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายใน อ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม โดยการคัดเลือกจากครูประจ าชั้นและสมัครใจเข้าร่วมโครงการ จ านวน ๖ โรงเรียน โรงเรียนละ ๕ คน รวมทั้งสิ้น จ านวน ๓๐ คน ๕. ผลการวิจัย ๑. ผลจากการศึกษาหลักสติปัฏฐาน ๔ ส าหรับการเรียนรู้ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในอ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม (๑) หลักสติปัฏฐาน ๔ คือ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน (การตาม ระลึกรู้กาย) เวทนาสติปัฏฐาน (การตามระลึกรู้เวทนา) จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน (การตามระลึกรู้จิต) และธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน (การตามระลึกรู้ธรรม) เป็นหลักธรรมส าคัญในพระพุทธศาสนาที่สอน ให้เรียนรู้ปรากฎการณ์ของสติหรือจิต เพื่อสร้างความสมดุลทางกาย ความรู้สึก และเห็นความจริง อย่างลึกซึ้งภายในร่างกายของมนุษย์ ผู้ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน ๔ จะได้รับประโยชน์ในปัจจุบันคือ ร่างกายและจิตใจแข็งแรงมากขึ้น ประโยชน์ภายภาคหน้าคือ การไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น และประโยชน์ สูงสุดคือ การเข้าถึงพระนิพพานอันเป็นภาวะหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวงได้ตามหลักการ พระพุทธศาสนา ๒. สภาพการใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ส าหรับการเรียนรู้ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาใน อ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม พบว่า หลักสติปัฏฐาน ๔ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายใน โรงเรียนในอ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง คือ มีค่าเฉลี่ย ( X ) เท่ากับ ๒.๙๓ และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) เท่ากับ ๐.๙๙ เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า สภาพการเรียนรู้ด้านจิตตานุปัสสนา คือ การรู้เท่าทันจิตใจมีค่ามากที่สุดคือ มีค่าเฉลี่ย ( X ) เท่ากับ
๑๙๐ ๓.๑๕ และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) เท่ากับ ๐.๘๗ รองลงมา สภาพการเรียนรู้ด้านกายานุ ปัสสนา คือการรู้เท่าทันกาย มีค่าในระดับปานกลาง คือ มีค่าเฉลี่ย ( X ) เท่ากับ ๓.๑๒ และมีส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) เท่ากับ ๑.๑๑ ตามล าดับ ๓. ผลจากการสร้างชุดกิจกรรมการอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ทั้งการเตรียม ครูผู้สอน การประชุมก่อนและหลังการเรียนการสอนเพื่อวางแผนการบูรณาการร่วมกัน วิธีการสอน แบบอบรม รวมถึงการลงพื้นที่ส ารวจสภาพพื้นที่จริง สามารถประเมินค่าความเหมาะสมของหลักสูตร โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ( X =๓.๔๐) และผลจากการทดลองใช้ชุดกิจกรรมการอบรมการ ปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับ มัธยมศึกษาโดยทดลองใช้กับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนที่มีพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์จาก โรงเรียนมัธยมศึกษา โดยการคัดเลือกจากครูประจ าชั้นและผู้สมัครใจ สามารถประเมินค่าความ เหมาะสมของหลักสูตร โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ( X =๓.๔๐) ๔. ผลจากการประเมินผลชุดกิจกรรมการอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียน โดยทดสอบผู้เข้าอบรม ก่อนเข้าอบรม และหลัง เข้าอบรม พบว่า ผู้เข้าอบรมมีความรู้เพิ่มขึ้นทุกคน ระดับความพึงพอใจของผู้เข้าอบรมการปรับใช้ หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับดี( X = ๓.๔๐) สอดคล้องกับผลบันทึกจากการสังเกตแบบมีส่วนร่วมซึ่งแสดงผลว่ากลุ่มตัวอย่างมีความตั้งใจใน การปฏิบัติ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและปฏิบัติได้ถูกต้องตรงตามหลักสติปัฏฐาน ๔ ๖. อภิปรายผล จากผลการวิจัยสามารถน ามาอภิปรายผลตามวัตถุประสงค์การวิจัย ดังนี้ ๑. สภาพการเรียนรู้หลักสติปัฏฐาน ๔ ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาซึ่งสอดคล้องกับงาน ของวิจัยของซึ่งสอดคล้องกับประโยชน์ของการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแนวสติปัฏฐาน ๔ พระธรรม ปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) (๒๕๔๗) ที่กล่าวไว้ว่าประโยชน์ในเบื้องต้นกล่าวคือ ท าให้จิตผ่อนคลาย หาย ความวิตกกังวล มีความสุข และท าให้การท างานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งยังได้รับประโยชน์ใน ท่ามกลางคือ จะไม่เป็นทุกข์เพราะจะมีสติรู้เท่าทันผัสสะและเกิดปัญญาในการไม่ปล่อยให้จิตปรุงแต่ง จนเกิดทุกข์ซึ่งสอดคล้องกับงานของ รุ้งสวรรค์วรรณสุทธิ์(๒๕๔๐) พบว่า ลักษณะทางพุทธศาสนา และลักษณะทางจิตสังคม ได้แก่ ความเชื่ออ านาจในตน แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ทัศนคติต่ออาชีพ การเกษตรและการรับรู้การสนับสนุนทางสังคม มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับพฤติกรรมในการปฏิบัติงาน ของนักศึกษา นอกจากนี้ ยังพบว่าลักษณะทางพุทธศาสนามีความสัมพันธ์เชิงบวกกับลักษณะทางจิต สังคม ได้แก่ ความเชื่ออ านาจในตนแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ทัศนคติต่ออาชีพการเกษตรและการรับรู้การ สนับสนุนทางสังคม ๒. ผลจากการสร้างและทดลองชุดกิจกรรมการอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียน ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ พุฒินาท ทรงสมบัติชัย (๒๕๕๓) พบว่า หลังการทดลอง กลุ่มทดลองมีคะแนนความฉลาดทางอารมณ์ด้านการ ตระหนักรู้ตนเองสูงขึ้นกว่าก่อนการทดลอง และสูงขึ้นกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ ระดับ .๐๑ และในระยะติดตามผล หลังการทดลอง กลุ่มทดลองมีคะแนนความฉลาดทางอารมณ์ด้าน
๑๙๑ การตระหนักรู้ตนเองไม่ลดซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ สุพัตรา ตันประเสริฐ (๒๕๔๗) พบว่า หลัง การทดลองฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแนว สติปัฏฐาน ๔ ตามแนว คุณแม่สิริกรินชัย แล้วนักศึกษา พยาบาล กลุ่มทดลองมีคะแนนความฉลาดทางอารมณ์ด้านการตระหนักรู้ตนเองมากกว่านักศึกษากลุ่ม ควบคุม อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ และสอดคล้องกับงานวิจัยของ อารีย์ นุ้ยบ้านด่าน (๒๕๔๙) ที่พบว่า นักศึกษาพยาบาลที่ฝึกสมาธิแบบวิปัสสนากรรมฐานมีระดับสติสูงกว่านักศึกษาที่ ไม่ได้ฝึกอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ ๓. ผลการประเมินชุดกิจกรรมการอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ สอดคล้องกับ งานวิจัยของ ทิพย์ธิดา ณ นคร และ พระมหาโสภณ วิจิตฺตธมฺโม (๒๕๖๒) ได้เขียนบทความเรื่อง สติ ปัฏฐาน ๔ กับการพัฒนาตนในชีวิตประจ าวัน สรุปได้ว่า สติเข้าไปพิจารณาสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นเท่าทัน ตามความเป็นจริง การมีสติก ากับดูสิ่งต่าง ๆ และความเป็นไปทั้งหลายให้รู้เท่าทันตามสภาวะของสิ่ง นั้น ๆ ไม่ถูกครอบง าด้วยความยินดียินร้ายที่ท าให้มองเห็นเพียงไปตามอ านาจกิเลส การเจริญสติโดย ใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ นี้เป็นเครื่องช าระใจให้บริสุทธิ์ ท าให้เราทั้งหลายเข้าใจค าว่า รูปนาม และไตร ลักษณ์ได้ดียิ่งขึ้น รู้จักวิธีด าเนินชีวิตที่ถูกต้อง ไม่หลง ไม่มัวเมา และเป็นคนมีเมตตากรุณ า ไม่เบียดเบียน หรือเอารัดเอาเปรียบกัน เป็นคนว่าง่าย สอนง่าย ไม่มีมานะทิฏฐิไม่ถือตัว มีกายวาจาใจ บริสุทธิ์ และสามารถควบคุมตัวเองได้ในทุกสถานการณ์ ท าให้เราอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุข ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ ณ อภัย พวงมะลิ(๒๕๖๑) เรื่อง “การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยการ ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐานสี่ของศูนย์ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานวัดถ้ าพระผาคอก อ าเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย” ผลการวิจัย พบว่า หลังการปฏิบัติพบว่าทั้งสองกลุ่มมีความ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น สุขภาพกายสุขภาพจิตดีขึ้น มีความสุขความพอใจในชีวิตตนเอง เข้าใจ เพื่อนมนุษย์ มีสติปัญญาแก้ปัญหาในชีวิตได้ดีขึ้น เข้าใจและยอมรับความจริงส าหรับความ เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น นอกจากนั้น ยังพบแนวทางไปใช้ได้โดยเป็นแนวปฏิบัติเพื่อให้มีสติสัมปชัญญะ ให้รู้ทันในปัจจุบันในสิ่งที่เกิดหรือปรากฏในฐานทั้ง ๔ คือ กาย เวทนา จิต และธรรม ซึ่งต้องรู้และ เข้าใจถึงลักษณะหรือคุณสมบัติสืบสาวไปถึงเหตุและปัจจัยที่ท า ให้เกิดหรือปรากฏขึ้น รู้และเข้าใจถึง กระบวนการเกิด รู้และเข้าใจถึงเหตุและปัจจัยการดับตลอดจนท าการดับของรูปนามอย่างถ่องแท้ สามารถน าพาให้ผู้ฝึกปฏิบัติมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสติปัญญา คือ เป็นผู้ที่เก่งคน เก่งงาน และเก่งเรียนและสามารถสร้างประโยชน์สุขให้กับตนเองและผู้อื่นเกิดการ พัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ อลิศา ริมดุสิต (๒๕๕๕) พบว่า หลักสูตรวิปัสสนาสาหรับเยาวชนโดยพระวิปัสสนาจารย์และวิทยากรที่ทรงคุณวุฒิ โดยยึดหลักมหาสติ ปัฏฐาน ๔ และมีกิจกรรมด้านปริยัติเพื่อส่งเสริมความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องทางพระพุทธศาสนา เช่น โครงการศึกษาพระอภิธรรม บรรยายพระไตรปิฎกและการสอนภาษาบาลี เป็นการเสริมศรัทธา ของผู้ปฏิบัติวิปัสสนาให้มั่นคงยิ่งขึ้นแรงจูงใจในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ด้านสุขภาพจิต อยู่ใน ระดับมากที่สุดรองลงมาคือ ด้านความเชื่อทางศาสนาและด้านกาย ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า เพศ อายุระดับการศึกษา อาชีพ และประสบการณ์การปฏิบัติวิปัสสนาที่แตกต่างกัน เป็นปัจจัยต่อ แรงจูงใจในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแตกต่างกัน สถานภาพและรายได้ที่แตกต่างกัน ไม่เป็นปัจจัย ต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่แตกต่างกัน
๑๙๒ ๗. สรุปและข้อเสนอแนะ จากผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์การวิจัย มีข้อสรุปและข้อเสนอแนะ ดังต่อไปนี้ ๗.๑ สรุปผลการวิจัย หลักสติปัฏฐาน ๔ เป็นหลักธรรมส าคัญในพระพุทธศาสนาที่สอนให้เรียนรู้ปรากฎการณ์ ของสติหรือจิต เพื่อสร้างความสมดุลทางกาย ความรู้สึก และเห็นความจริงอย่างลึกซึ้งภายในร่างกาย ของมนุษย์ ผู้ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน ๔ จะได้รับประโยชน์ในปัจจุบันคือร่างกายและจิตใจแข็งแรง มากขึ้น ประโยชน์ภายภาคหน้าคือ การไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น และประโยชน์สูงสุดคือ การเข้าถึงพระ นิพพานอันเป็นภาวะหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวงได้ตามหลักการพระพุทธศาสนา จากสภาพการ เรียนรู้และผลจากการสร้างและทดลองชุดกิจกรรมการอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ทั้งการ เตรียมครูผู้สอน การประชุมก่อนและหลังการเรียนการสอนเพื่อวางแผนการบูรณาการร่วมกัน วิธีการ สอน แบบอบรม รวมถึงการลงพื้นที่ส ารวจสภาพพื้นที่จริง สามารถประเมินค่าความเหมาะสมของ หลักสูตร โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนผลการประเมินชุดกิจกรรมการอบรมการปรับใช้ หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียน โดยทดสอบผู้เข้าอบรม ก่อนเข้าอบรม และหลังเข้าอบรม พบว่า ผู้เข้าอบรมมีความรู้เพิ่มขึ้นทุกคน ระดับความพึงพอใจของผู้ เข้าอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ โดยภาพรวม อยู่ในระดับดีสอดคล้องกับผลบันทึกจากการสังเกตแบบมีส่วนร่วมซึ่งแสดงผลว่ากลุ่มตัวอย่างมีความ ตั้งใจในการปฏิบัติ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและปฏิบัติได้ถูกต้องตรงตามหลักสติปัฏฐาน ๔ ผลการวิจัยข้างต้นแสดงให้เห็นว่า การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแนวสติปัฏฐาน ๔ มีประโยชน์ต่อนักเรียนเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะการสร้างพื้นฐานแห่งการด าเนินชีวิตตามหลัก พระพุทธศาสนาได้ ท าให้สามารถก าหนดรู้ในสภาวธรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตนเองได้ เกิดความ พยายามและรู้คุณค่าตัวเองมากขึ้น กล้าท าในสิ่งที่ดีและมีคุณค่าต่อชีวิตตนเองและผู้อื่น ๗.๒ ข้อเสนอแนะเพื่อน าผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ ๑. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เทศบาลเมืองมหาสารคาม หน่วยงานราชการ หรือ สถานศึกษาอื่นๆ ควรน าหลักสติปัฏฐาน ๔ ไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ๒. หน่วยงานภาครัฐและเอกชนควรน าหลักสติปัฏฐาน ๔ ไปเผยแพร่ผ่านโซเซียลมีเดีย ทั้งในด้านหลักสูตรการอบรม การจัดท าสื่อวิดีทัศน์ และการจัดตารางอบรมเยาวชนและผู้มีปัญหา ๓. หน่วยงานภาครัฐและเอกชนควรส่งเสริมสนับสนุนให้มีการจัดอบรมเกี่ยวกับการปฏิบัติ ตนตามจรรยาบรรณในแต่ละวิชาชีพ เพื่อให้การด าเนินงานด้านการส่งเสริมจริยธรรมของแต่ละชุมชน เป็นรูปธรรม ตรงตามความต้องการเพื่อจะได้น าไปปฏิบัติ สามารถใช้เป็นแนวทางในการด ารงชีวิตและ การประกอบอาชีพในอนาคตต่อไป
๑๙๓ ๘. เอกสารอ้างอิง เกสินี วงค์พนัสสัก. (๒๕๔๕). สถิติวิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อจริยธรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ตอนปลาย จังหวัดล าพูน. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ทิพย์ธิดา ณ นคร และ พระมหาโสภณ วิจิตฺตธมฺโม. (๒๕๖๒). สติปัฏฐาน ๔ กับการพัฒนาตนใน ชีวิตประจ าวัน. วารสารพุทธจิตวิทยา. (๔)๑., ๑๑๖ - ๑๒๘. ณ อภัย พวงมะลิ. (๒๕๖๑). การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนว สติปัฏฐานสี่ของศูนย์ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานวัดถ้ าพระผาคอก อ าเภอเวียงชัย จังหวัด เชียงราย. หลักสูตรป รัชญ าดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาผู้น าทางการศึกษ าและพัฒน า ทรัพยากรมนุษย์บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่. พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์. พิมพ์ครั้งที่ ๑๐, กรุงเทพมหานคร : บริษัท สหธรรมิก จ ากัด, ๒๕๓๙. พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). (๒๕๔๗). สัมมาสมาธิและสมาธิแบบพุทธ. กรุงเทพฯ : ธรรมสภา. พระโสภณมห าเถระ(มห าสีสยาดอ) รจน า, แปลและเรียบเรียงโดยพระคันธสาราภิวงศ์, พระพรหมโมลี ตรวจช าระ. (๒๕๔๙). มหาสติปัฏฐานสูตร ทางสู่พระนิพพาน, พิมพ์ครั้งที่ ๒, กรุงเทพมหานคร : ไทยรายวันการพิมพ์. พุฒินาท ทรงสมบัติชัย. ผลการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแนวสติปัฏฐาน ๔ ต่อความฉลาดทาง อารมณ์ด้านการตระหนักรู้ตนเองของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕. วารสารศึกษา ศาสตร์ ฉบับวิจัยบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๔ ตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๕๓ : ๑๓๘. มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (๒๕๓๙). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม ๑๐. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (๒๕๓๙). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม ๑๒. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. วัลลภ ตังคณานุรักษ์. (๒๕๔๐). เด็กเร่ร่อน : ปัญหาและทางออก. กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า. ศูนย์อ านวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จังหวัดมหาสารคาม. (๒๕๕๖). สรุปผลการด าเนินงาน ปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดอย่างยั่งยืน ปี ๒๕๕๖. เอกสารอัดส าเนา. สุพัตรา ตันประเสริฐ. (๒๕๔๗). ผลของการฝึกวิปัสสนากรรมฐานตามโปรแกรมการฝึกของคุณแม่สิริ กรินชัยที่มีต่อความฉลาดทางอารมณ์ด้านการตระหนักรู้ตนเองของนักศึกษาพยาบาลที่มี ลักษณะการเก็บตัวและแสดงตัว. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยา พัฒนาการมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. เสรี วงษ์มณฑา. (๒๕๔๒). พฤติกรรมผู้บริโภค. กรุงเทพฯ : บริษัท ธีระฟิล์มและไซเท็กซ์. โสภาค ภู่ดอก. (๒๕๔๑). บทบาทของพระสงฆ์ในการพัฒนาเยาวชน : ศึกษาเฉพาะกรณีศูนย์ศึกษา พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ภาคที่ ๑๖. ใน วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชา ศึกษาศาสตร์เพื่อพัฒนาชุมชน. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
๑๙๔ อารี นุ้ยบ้านด่าน. (๒๕๔๙). ผลของการฝึกสมาธิแบบวิปัสสนากรรมฐานต่อระดับความเครียดและ ระดับสติของนักศึกษาพยาบาล ชั้นปีที่ ๒ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. รายงานการ วิจัย. สงขลา : มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. อลิศา ริมดุสิต. (๒๕๕๕). แรงจูงใจในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน : กรณีศึกษาผู้เข้าปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐานยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (ศูนย์ ๑) เพชรเกษม ๕๔. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย. .
ภาคผนวก ข กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการน าผลวิจัยไปใช้ประโยชน์
๑๙๖ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการน าผลจากโครงการวิจัยไปใช้ประโยชน์ ๑. กิจกรรมการเผยแพร่ผลการวิจัย ๑.๑ เผยแพร่ในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และเว็ปไซต์ของมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์มหาสารคาม ๑.๒ สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย น าเสนอ ผลการวิจัยและข้อเสนอแนะจากศึกษาหลักสติปัฏฐาน ๔ สภาพการใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ การสร้าง และทดลองใช้ชุดกิจกรรมอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ และการประเมินชุดกิจกรรมอบรมการ ปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับ มัธยมศึกษา ในอ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม เพื่อน าไปสู่การพัฒนารูปแบบการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในรายละเอียดดังนี้ ๒. กิจกรรมการถ่ายทอดผลการวิจัยสู่กลุ่มเป้าหมาย ๒. กิจกรรมการถ่ายทอดผลการวิจัยสู่กลุ่มเป้าหมาย ด าเนินการ ดังนี้ ๒.๑ สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ประสาน สื่อมวลชนแถลงผลการวิจัยให้สื่อมวลชนรับทราบผลการวิจัยและน าไปเผยแพร่ต่อสังคมทั่วประเทศ ๒.๒ สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ประสานงานคณะสงฆ์เพื่อขอความร่วมมือในการถ่ายทอดองค์ความรู้จากการวิจัย ไปสู่สาธารณชนให้รับทราบ ๒.๓ ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะในการศึกษาวิจัยครั้งต่อไป โดยให้มีการด าเนินงาน ดังนี้ - คณะสงฆ์ควรมีมติให้น าผลการวิจัย เรื่อง การปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในอ าเภอเมือง จังหวัด มหาสารคาม ไปประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการงานคณะสงฆ์ด้านการเผยแผ่และศึกษาเคราะห์ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อนักเรียน เยาวชน และชุมชน - หน่วยงานราชการมีความมั่นใจในบทบาทของพระสงฆ์ที่สามารถถ่ายทอด องค์ความรู้และแก้ไขปัญหานักเรียนและเยาวชน เพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตและปัญญา - ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก าหนดแผน ให้มีวัดพัฒนาตัวอย่างด้านการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมแก่นักเรียนและเยาวชน และจัดตั้ง หน่วยฝึกอบรมที่เน้นด้านการพัฒนาทั้ง ๔ ด้าน (ภาวนา ๔) โดยสนับสนุนให้พระสงฆ์และแกนน า เครือข่ายมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมอย่างเหมาะสม - มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมคุณธรรมและ จริยธรรมให้แก่นักเรียนและเยาวชน เพื่อให้นิสิตและประชาชนได้เรียนรู้แนวทางการส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมเชิงพุทธซึ่งสอดคล้องกับวิถีชุมชน - มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้สนับสนุนให้มีการเรียนการสอน นอกห้องเรียน โดยส่งคณะนิสิตลงพื้นที่ออกเยี่ยมนักเรียน เยาวชน ในโรงเรียนและชุมชน ส่งผลให้ ประชาชนเห็นภาพลักษณ์ใหม่ของพระสงฆ์ไทยจาริกกับการแก้ไขปัญหาสังคมไทยอีกมิติหนึ่ง
๑๙๗ ๓. กิจกรรมด้านการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษา - สามารถน ากระบวนการศึกษาวิจัยไปประยุกต์ในการเรียนการสอนในรายวิชาธรรม ภาคปฏิบัติ พระพุทธศาสนากับสงคมสงเคราะห์ สงคมสงเคราะห์แนวพุทธ พระพุทธศาสนากับการ พัฒนาสังคมของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย - อาจารย์ นักวิชาการ นิสิตของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้น า ผลงานวิจัยไปท าการศึกษาต่อยอดองค์ความรู้ในเรื่องการพัฒนานักเรียน เยาวชน ชุมชน และการ บูรณการให้เข้ากับการด ารงชีวิตประจ าวัน - หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานที่ดูแลเยาวชนไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น น าผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้าวิชาการในเรื่องการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา และการด าเนินโครงการแบบ การมีส่วนร่วมพหุภาคี
ภาคผนวก ค ตารางเปรียบเทียบวัตถุประสงค์ กิจกรรมที่วางแผนไว้ และกิจกรรมที่ได้ด าเนินการมาและผลที่ได้รับของโครงการ
๑๙๙ ตารางเปรียบเทียบวัตถุประสงค์ กิจกรรมที่วางแผนไว้ และกิจกรรมที่ได้ด าเนินการมาและผลที่ได้รับของโครงการ กิจกรรม ผลที่ได้รับ บรรลุ วัตถุประสงค์ โดยท าให้ ๑. ศึกษาข้อมูลปฐมภูมิ/ทุติย ภูมิจาก ท าให้ทราบสภาพปัจจุบัน ภ าพ รวมเกี่ ย วกับ สภ าพ ปั ญ ห าก า รป รับ เป ลี่ ย น พฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ ข อ ง นั ก เ รี ย น ร ะ ดั บ มัธยมศึกษา ในอ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ข้อที่ ๑ - ๒ ส า ม า ร ถ วิ เค ร า ะ ห์ สภาพปัจจุบัน ๒. เขียนโครงการวิจัยน าเสนอ ต่อสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ สถ าบัน วิจัยพุท ธศ าสต ร์ อนุมัติทุนอุดหนุนการวิจัย ข้อที่ ๑ – ๔ ส า ม า ร ถ น า โครงการวิจัยมาค้นคว้า แ ล ะ วิ เ ค ร า ะ ห์ ตามล าดับ ๓. ผู้วิจัยศึกษาแนวคิดและ ท ฤ ษ ฎี ที่ เกี่ ย ว ข้ องกั บ ก า ร งานวิจัย แล้วด าเนินการจัดท า บัญชีรายชื่อประชากรในแต่ละ กลุ่มตามเกณฑ์การคัดเลือก ประมวลข้อมูลเชิงประจักษ์ จากผลการค้นคว้าหนังสือ และงานวิจัย ข้อที่ ๑ - ๒ ได้รับข้อเสนอแนะการ ท า วิ จั ย จ า ก ผู้ อ า น ว ย ก า ร ส ถ า บั น วิ จั ย พุ ท ธ ศาสตร์ แล้วลงนามท า สั ญ ญ า ก า ร วิ จั ย ปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ๔ . ส ร้ า ง เค รื่ อ ง มื อ วิ จั ย (แบบสอบถามและสัมภาษณ์ กลุ่มตัวอย่าง) ได้เครื่องมือการวิจัย ข้อที่ ๑ – ๓ มีเครื่องมือในการวิจัย ทั้งเชิงปริมาณและเชิง คุณภาพ ๕. ส่งร่างรายงานความก้าวหน้า การวิจัยครั้งที่ ๑ ให้สถาบันวิจัย พุทธศาสตร์ตรวจสอบความ ถูกต้องในบทที่ ๑ - ๓ และ แบบสอบถามและสัมภาษณ์ กลุ่มตัวอย่าง ได้ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไข ป รั บ ป รุง ร่ าง ร า ย ง า น ความก้าวหน้าการวิจัยและ แบบสอบถามและสัมภาษณ์ กลุ่มตัวอย่าง ข้อที่ ๑ - ๒ ปรับปรุงร่างรายงาน ความก้าวหน้างานวิจัย บ ท ที่ ๑ - ๓ พร้อมแบบสอบถาม แ ล ะสั ม ภ าษ ณ์ ก ลุ่ ม ตัวอย่างให้ถูกต้องตาม ค า แ น ะ น า ข อ ง ผู้ทรงคุณวุฒิ
๒๐๐ กิจกรรม ผลที่ได้รับ บรรลุ วัตถุประสงค์ โดยท าให้ ๖ . แ จ ก แบ บ ส อบ ถ าม แ ล ะ สัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง ได้ รับ ค ว าม ร่ ว ม มื อ จ า ก พ ร ะ ส ง ฆ์แ ล ะผู้ มี ส่ ว น เ กี่ ย ว ข้ อ ง ไ ด้ ต อ บ แ บ บ ส อ บ ถ า ม แ ล ะ ให้ สัมภาษณ์ ข้อที่ ๒ – ๔ ได้ค าตอบการวิจัยจาก ผู้ที่เกี่ยวข้อง ๗. รวบ รวมข้อมูล วิเคราะห์ ข้อมูลการวิจัยจากข้อมูลทั้งเชิง ปริมาณและเชิงคุณภาพ ท ร าบ ผ ล ก า รวิจัยข้อมู ล วิเคราะห์ข้อมูลการวิจัยจาก ข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิง คุณภาพ ข้อที่ ๑ – ๔ ได้ ผ ล ก า ร วิ จั ย เชิ ง ปฏิบัติการ แบบมีส่วน ร่วม ๘. วิเคราะห์ข้อมูลแล้วเรียบ เ รี ย งง า น วิ จั ย ส รุ ป เป็ น ผลการวิจัย ได้ผลการวิจัยภ าคเอสาร และเชิงปฏิบัติการ แล้วให้ ผู้ทรงคุณวุฒิของสถาบันวิจัย พุทธศาสตร์ตรวจสอบร่าง วิจัยฉบับสมบูรณ์ ข้อที่ ๑ – ๔ ได้รับข้อเสนอแนะการ ป รับ ป รุงแ ล ะ แ ก้ไข ง า น วิ จั ย จ า ก ผู้ทรงคุณวุฒิแล้วแล้ว แ ก้ไข ร่ าง วิ จั ย ฉ บั บ สมบูรณ์ (ครั้งที่ ๒) ๙. ปรับปรุง แก้ไขงาน และสรุป ผลการวิจัยตามข้อเสนอแนะส่ง ให้ สถ าบัน วิจัยพุท ธศ าสต ร์ ตรวจสอบความถูกต้อง งานวิจัยมีความสมบูรณ์และ ถูกต้องตามข้อเสนอแนะ ของผู้ทรงคุณวุฒิ ข้อที่ ๑ – ๔ ง า น วิ จั ย มี รู ป แ บ บ ถูกต้องตามหลักการ วิ จั ย แ ล ะเผ ย แ ผ่ ต่ อ สาธารณชน ๑๐. น าเสนอผลการน างานวิจัย ไปใช้ประโยชน์ ก ลุ่ ม เ ป้ า ห ม า ย แ ล ะ ผู้ เ กี่ ย ว ข้ อ ง รั บ ท ร า บ ผล ก า รวิจั ย น าไป สู่ ก า ร ทบทวนและพัฒนา ข้อที่ ๑ – ๔ ได้น าเสนอผลงานให้ เป็ น ที่ ป ร ะ จั ก ษ์ ต่ อ ส า ธ า ร ณ ช น แ ล ะ มหาวิทยาลัย ๑ ๑ . ส่ ง ฉ บั บ ส ม บู ร ณ์ ให้ สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์อนุมัติ จบโครงการวิจัย จั ด พิ ม พ์ ท า รูป เล่ ม แ ล ะ เผยแพร่ผลงานวิจัย ข้อที่ ๑ – ๔ บรรลุวัตถุประสงค์การ วิจัยของมหาวิทยาลัย และผู้วิจัย
ภาคผนวก ง แบบประเมินชุดกิจกรรมและแบบสอบถามการวิจัย
๒๐๒ แบบทดสอบความรู้ เรื่อง หลักปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในอ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ก่อนอบรม และหลังอบรม (ส าหรับผู้เข้าอบรม) ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ค ำชี้แจง : ให้นักเรียนท ำเครื่องหมำย X เลือกค ำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว ข้อที่ ๑ ข้อใดคือความหมายของสมาธิ ก. การยืน เดิน นั่ง อย่างมีสติ ข. การนั่งดูลมหายใจ ค. การท าใจให้มั่นคงในสิ่งเดียว ง. การสงบจิตด้วยการบริกรรมว่า พุทโธ ข้อที่ ๒ การฝึกสมาธิเบื้องต้นจะได้ประโยชน์ต่อการศึกษาอย่างไร ก. ชะลอความแก่ ข. หายจากการหวาดกลัว ค. มีจิตใจสบายหายเครียด ง. เสริมความจ ามีประสิทธิภาพการท างาน ข้อที่ ๓ ผลของการบริหารจิตช่วยพัฒนาบุคลิกภาพอย่างไร ก. มีนิสัยสุภาพ อ่อนโยน ข. มีความเข้มแข็ง ไม่อ่อนแอ ค. จิตมีก าลังเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา ง. มีนิสัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ข้อที่ ๔ ข้อใดเป็นกายานุปัสสนา ก. ระลึกถึงความสงบ ข. ระลึกถึงร่างกาย ค. ระลึกถึงลมหายใจเข้าออก ง. ระลึกถึงสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ ข้อที่ ๕ การที่มนุษย์กินเนื้อสัตว์จึงกล่าวว่า ร่างกายเป็นดุจดังป่าช้าทิ้งซากศพตรงกับข้อ ใดในกายาวิปัสสนา ก. ปฏิกูลมนสิการ ข. ก าหนดอิริยาบถ ค. ธาตุววัฏฐาน ง. นวสีวถิกา ข้อที่ ๖ การพิจารณาความรู้สึกทุกข์ สุข เฉยๆ เป็นการบริหารจิตตามข้อใด ก. กายานุปัสสนา ข. เวทนานุปัสสนา ค. จิตตานุปัสสนา ง. ธัมมานุปัสสนา ข้อที่ ๗ การพิจารณาว่าชีวิตประกอบด้วยรูปและนาม เป็นการพิจารณาข้อใด ก. กายานุปัสสนา ข. เวทนานุปัสสนา ค. จิตตานุปัสสนา ง. ธัมมานุปัสสนา ข้อที่ ๘ การเดินจงกรมมี ๖ ระยะ ระยะที่ ๓ คือข้อใด ก. ยกส้นเท้าขึ้น เรียกว่า ยกส้นหนอ ข. ยกเท้าจะก้าวไปข้างหน้า เรียกว่า ยกหนอ ค. ยกเท้าไปข้างหน้า เรียกว่า ย่างหนอ
๒๐๓ ง. ยกเท้าก้าวไปข้างหน้าเท้าอีกข้างหนึ่ง เรียกว่า กดหนอ ข้อที่ ๙ วิธีคิดแบบสามัญลักษณะ เป็นการคิดแบบใด ก. คิดแบบแยกแยะองค์ประกอบ ข. คิดทุกแง่มุมรอบด้าน ค. คิดแบบหลักการและจุดมุ่งหมาย ง. คิดแบบรู้เท่าทันความเป็นจริง ข้อที่ ๑๐ ขณะที่นักเรียนก าลังท าข้อสอบจัดว่าเป็นการคิดแบบใด ก. คิดตามหลักการจุดหมาย ข. คิดแบบเป็นอยู่ในขณะปัจจุบัน ค. คิดทุกแง่มุมรอบด้าน ง. คิดแบบแก้ปัญหา ข้อที่ ๑๑ วิธีการเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน จะต้องท าอิริยาบถอย่างไร ก. นั่งเพียงอย่างเดียว ข. ยืนหรือเดินก็ได้ ค. นอนเพียงอย่างเดียว ง. อยู่ในอิริยาบถไหนก็ได้ แต่ต้องมีสติก าหนดที่จิต ข้อที่ ๑๒ วิธีคิดแบบแยกส่วน คือวิธีคิดที่ตรงกับข้อใด ก. คิดแบบกระจายเนื้อหา ข. คิดแบบแยกแยะ ค. คิดตามเหตุตามผล ง. คิดแบบแก้ปัญหา ข้อที่ ๑๓ ผู้เจริญสติอย่างสมบูรณ์จะเกิดผลเช่นไร ก. หลุดพ้น เป็นอิสระ ข. มีสติยั้งคิด ค. ตัดสรรพสิ่ง ง. มีศีลบริสุทธิ์ ข้อที่ ๑๔ ข้อใดไม่ใช่ “การคิดอย่างถูกวิธี” (อุปายมนสิการ) ก. คิดถูกเรื่อง ข. ส าเร็จผลตามที่คิด ค. คิดรอบคอบ ง. ย้ าคิดจนเป็นนิสัย ข้อที่ ๑๕ สร้างรั้วบ้านป้องกันภัย “สร้างพลังจิต” ป้องกันอะไรที่ส าคัญที่สุด ก. ความวุ่นวายใจ ข. ความฟุ้งซ่าน ค. ความกระวนกระวายใจ ง. ความทุกข์ ข้อที่ ๑๖ การเจริญสติปัฏฐาน โดยการฝึกสติให้มีพลัง รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงจิต ก่อให้จิตเกิดอาการเช่นไร ก. ท าให้จิตเคลื่อนไหว ข. ท าให้จิตมีอาการสงบ ค. ท าให้จิตเปลี่ยนแปลง ง. เสริมสมรรถภาพทางกาย ข้อที่ ๑๗ ปัญญาในพระพุทธศาสนามีความหมายว่าอย่างไร ก. ความเชื่อที่ประกอบไปด้วยญาณพิเศษ ข. การมีความประพฤติทางกาย วาจา เป็นปกติ ค. การเสียสละก าลังกาย ง. ความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเหตุและผล ข้อที่ ๑๘ ในขณะนั่งสมาธิควรจะเน้นหลักธรรมใดเป็นตัวน า ก. สติ ข. ปัญญา ค. ศีล ง. ขันติ
๒๐๔ ข้อที่ ๑๙ การพิจารณ ารู้ทันการเปลี่ยนแปลงจิตของตนเอง ถือว่าเป็นการเจริญ สติปัฏฐานข้อใด ก. กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ข. เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ค. จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ง. ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ข้อที่ ๒๐ การตั้งสติก าหนดอารมณ์ ถือว่าเป็นการปฏิบัติสติปัฏฐาน ในข้อใด ก. กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ข. เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ค. จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ง. ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
๒๐๕ การวิเคราะห์หาค่าความเที่ยงตรงตามเนื้อหา ค่าความยากง่ายและค่าอ านาจจ าแนกของแบบส ารวจการเรียนรู้ เรื่อง การปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในอ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ตารางที่ ค-1 ค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมกับแบบทดสอบ ข้อสอบ (ข้อที่) ผู้เชี่ยวชาญ ค่าดัชนีความสอดคล้อง คนที่ 1 คนที่ I.O.C. 2 คนที่ 3 คนที่ 4 คนที่ 5 1 +1 0 +1 +1 0 0.6 2 +1 +1 +1 0 +1 0.8 3 +1 +1 +1 +1 +1 1.0 4 +1 +1 0 +1 +1 0.8 5 +1 +1 +1 +1 +1 1.0 6 0 +1 +1 +1 0 0.6 7 +1 +1 +1 +1 +1 1.0 8 +1 +1 +1 +1 +1 1.0 9 +1 +1 +1 +1 0 0.8 10 +1 +1 +1 +1 +1 1.0 11 +1 +1 +1 +1 +1 1.0 12 +1 0 +1 +1 0 0.6 13 +1 +1 +1 0 +1 0.8 14 +1 +1 +1 +1 +1 1.0 15 +1 +1 0 +1 +1 0.8 16 +1 +1 +1 +1 +1 1.0 17 0 +1 +1 +1 0 0.6 18 +1 +1 +1 +1 +1 1.0 19 +1 +1 +1 +1 +1 1.0 20 +1 +1 +1 +1 0 0.86
๒๐๖ Item -Total Statistic Scale Mean if Item Deleted Scale Variance if Item Deleted Corrected ItemTotal Correlation Cronbach’s Alpha if Item Deleted A1 117.00 91.310 -.128 .779 A2 117.30 84.976 .248 .758 A3 117.27 83.099 .329 .753 A4 117.47 88.878 .007 .771 A5 117.07 83.651 .300 .755 A6 117.17 88.075 .073 .766 b1 117.23 80.875 .482 .745 b2 117.47 85.637 .206 .760 b3 117.20 89.338 -.028 .774 b4 117.07 88.133 .091 .764 b5 117.30 85.390 .400 .753 b6 117.07 85.030 .263 .757 C1 117.50 87.638 .096 .765 C2 117.47 88.809 .020 .769 C3 117.10 83.472 .363 .752 C4 117.30 84.976 .303 .755 C5 117.30 80.769 .491 .744 C6 117.50 85.155 .349 .754 D1 117.40 84.731 .393 .752 D2 117.50 82.534 .457 .748 D3 117.63 87.275 .135 .763 D4 117.37 79.826 .656 .738 D5 117.23 83.357 .447 .749 D6 117.33 89.264 .028 .765 E1 117.47 83.568 .517 .748 E2 117.63 83.551 .561 .747 E3 117.50 88.259 .082 .764 E4 117.43 86.254 .244 .758 E5 117.53 85.637 .318 .755 E6 117.50 85.224 .343 .754 F1 117.07 89.926 .048 .772 F2 117.47 85.568 .280 .756 F3 117.33 86.161 .189 .761 F4 117.57 83.564 .376 .752 F5 117.63 86.378 .235 .758 F6 117.13 82.602 .419 .749
๒๐๗ ตำรำงอบรมกำรปรับใช้หลักสติปัฏฐำน ๔ ในกำรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึง ประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษำในอ ำเภอเมือง จังหวัดมหำสำรคำม ภำคปริยัติ หัวข้อกำรเรียนรู้: หน่วยภำคปริยัติ ชั่วโมง หน่วยที่ ๑ สมำทำนพระกัมมัฏฐำน - สมาทานศีล - ขอขมาพระรัตนตรัย - ขอขมากัมมัฏฐาน - ชี้แจงระเบียบ กติกา และมารยาทการเข้าปฏิบัติกรรมฐาน ๑ หน่วยที่ ๒ ประโยชน์ของกำรเจริญวิปัสสนำ - ความหมาย “สมาธิ, ภาวนา, กัมมัฏฐาน” ตามแนวพระพุทธศาสนา - สมถะ วิปัสสนา และความสัมพันธ์ของศีล สมาธิ ปัญญา - การเสริมสร้างสุขภาพกาย - การพัฒนาจิตเป็นอิสระอย่างแท้จริง - ความจ าดีกับการเจริญวิปัสสนา - การปฏิบัติงานกับการปฏิบัติธรรมที่มีประสิทธิภาพ - การท าให้เกิดปัญญาในทางริเริ่มสร้างสรรค์ - การมองสิ่งทั้งหลายตรงตามความเป็นจริง - การได้รับความสุขและความสงบที่ไม่เคยมี ๑ หน่วยที่ ๓ กำรบริหำรกำยและกำรบริหำรจิต - ชีวิตและองค์ประกอบของชีวิต (ขันธ์ อายตนะ ธาตุ) - โรคทางกายและโรคทางจิต - สาเหตุและวิธีป้องกัน (สัปปายะ กฎไตรลักษณ์อริยสัจ) - ความสัมพันธ์ระหว่างกายกับจิต - เครื่องขวางกั้นการปฏิบัติธรรม (สักกายทิฏฐิ/นิวรณ์/ปลิโพธ) - ลักษณะของจิตที่ฝึกได้แล้ว - ขั้นตอนการเตรียมการลงสู่ภาคปฏิบัติ - อานิสงส์การปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน ๔ ๑ หน่วยที่ ๔ วิธีปฏิบัติตำมหลักกำยำนุปัสสนำสติปัฏฐำน ๑ หน่วยที่ ๕ วิธีปฏิบัติตำมหลักเวทนำนุปัสสนำสติปัฏฐำน ๑ หน่วยที่ ๖ วิธีปฏิบัติตำมหลักจิตตำนุปัสสนำสติปัฏฐำน ๑ หน่วยที่ ๗ วิธีปฏิบัติตำมหลักธัมมำนุปัสสนำสติปัฏฐำน ๑ หน่วยที่ ๘ กำรเดินจงกรม ๖ ระยะ ๑
๒๐๘ ตำรำงอบรมกำรปรับใช้หลักสติปัฏฐำน ๔ ในกำรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึง ประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษำในอ ำเภอเมือง จังหวัดมหำสำรคำม ภำคปฏิบัติ หัวข้อกำรเรียนรู้ : หน่วยภำคปฏิบัติ ชั่วโมง หน่วยที่ ๑ การรับพระกัมมัฏฐาน - ท าวัตรเช้า สวดมนต์เจริญสมาธิ - พิธีมอบกายถวายอัตภาพก่อนรับกัมมัฏฐาน - แผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล - ท าวัตรเย็น สวดมนต์เจริญสมาธิ - แผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล ๑ หน่วยที่ ๒ กำรใช้สติก ำหนดอิริยำบถและกำรเดินจงกรมระยะที่ ๑ - วิธีปฏิบัติตามหลักมหาสติปัฏฐานสูตร - ฝึกก าหนดอิริยาบถ ๔ - ฝึกเดินจงกรมระยะที่ ๑ - ฝึกเดินจงกรมสลับกับการนั่งสมาธิ โดยอธิษฐานจิตทุกขั้นตอน - ฝึ ก ก าห น ด ต้ น จิ ต (ก า ร อ ย า ก ล ลั ด เป ลี่ ย น อิ ริ ย าบ ถ ต่ าง โด ย ฝึ ก ให้ใช้สติก าหนดที่ใจก่อนทุกครั้งที่อยากเปลี่ยนอิริยาบถ) - ฝึกวิธีปฏิบัติเมื่อได้ยินเสียงขณะนั่งสมาธิ - ฝึกการเคลื่อนไหวอิริยาบถอย่างมีสติ - สอบอารมณ์กับพระอาจารย์ลู้ฝึกอบรม ๓ หน่วยที่ ๓ กำรใช้สติก ำหนดอิริยำบถและกำรเดินจงกรมระยะที่ ๒ - วิธีปฏิบัติตามหลักมหาสติปัฏฐานสูตร - ฝึกก าหนดอิริยาบถ ๔ - ฝึกเดินจงกรมระยะที่ ๒ - ฝึกเดินจงกรมสลับกับการนั่งสมาธิ โดยอธิษฐานจิตทุกขั้นตอน - ฝึ ก ก าห น ด ต้ น จิ ต (ก า ร อ ย า ก ล ลั ด เป ลี่ ย น อิ ริ ย าบ ถ ต่ าง โด ย ฝึ ก ให้ใช้สติก าหนดที่ใจก่อนทุกครั้งที่อยากเปลี่ยนอิริยาบถ) - ฝึกวิธีปฏิบัติเมื่อได้ยินเสียงขณะนั่งสมาธิ - ฝึกการเคลื่อนไหวอิริยาบถอย่างมีสติ - สอบอารมณ์กับพระอาจารย์ลู้ฝึกอบรม ๓ หน่วยที่ ๔ กำรใช้สติก ำหนดอิริยำบถและกำรเดินจงกรมระยะที่ ๓ - วิธีปฏิบัติตามหลักมหาสติปัฏฐานสูตร - ฝึกก าหนดอิริยาบถ ๔ - ฝึกเดินจงกรมระยะที่ ๓ - ฝึกเดินจงกรมสลับกับการนั่งสมาธิ โดยอธิษฐานจิตทุกขั้นตอน ๓
๒๐๙ หัวข้อกำรเรียนรู้ : หน่วยภำคปฏิบัติ ชั่วโมง - ฝึ ก ก าห น ด ต้ น จิ ต (ก า ร อ ย า ก ล ลั ด เป ลี่ ย น อิ ริ ย าบ ถ ต่ าง โด ย ฝึ ก ให้ใช้สติก าหนดที่ใจก่อนทุกครั้งที่อยากเปลี่ยนอิริยาบถ) - ฝึกวิธีปฏิบัติเมื่อได้ยินเสียงขณะนั่งสมาธิ - ฝึกการเคลื่อนไหวอิริยาบถอย่างมีสติ - สอบอารมณ์กับพระอาจารย์ลู้ฝึกอบรม หน่วยที่ ๕ กำรใช้สติก ำหนดอิริยำบถและกำรเดินจงกรมระยะที่ ๔ - วิธีปฏิบัติตามหลักมหาสติปัฏฐานสูตร - ฝึกก าหนดอิริยาบถ ๔ - ฝึกเดินจงกรมระยะที่ ๔ - ฝึกเดินจงกรมสลับกับการนั่งสมาธิ โดยอธิษฐานจิตทุกขั้นตอน - ฝึ ก ก าห น ด ต้ น จิ ต (ก า ร อ ย า ก ล ลั ด เป ลี่ ย น อิ ริ ย าบ ถ ต่ าง โด ย ฝึ ก ให้ใช้สติก าหนดที่ใจก่อนทุกครั้งที่อยากเปลี่ยนอิริยาบถ) - ฝึกวิธีปฏิบัติเมื่อได้ยินเสียงขณะนั่งสมาธิ - ฝึกการเคลื่อนไหวอิริยาบถอย่างมีสติ - สอบอารมณ์กับพระอาจารย์ลู้ฝึกอบรม ๓ หน่วยที่ ๖ กำรใช้สติก ำหนดอิริยำบถและกำรเดินจงกรมระยะที่ ๕ - วิธีปฏิบัติตามหลักมหาสติปัฏฐานสูตร - ฝึกก าหนดอิริยาบถ ๔ - ฝึกเดินจงกรมระยะที่ ๕ - ฝึกเดินจงกรมสลับกับการนั่งสมาธิ โดยอธิษฐานจิตทุกขั้นตอน - ฝึ ก ก าห น ด ต้ น จิ ต (ก า ร อ ย า ก ล ลั ด เป ลี่ ย น อิ ริ ย าบ ถ ต่ าง โด ย ฝึ ก ให้ใช้สติก าหนดที่ใจก่อนทุกครั้งที่อยากเปลี่ยนอิริยาบถ) - ฝึกวิธีปฏิบัติเมื่อได้ยินเสียงขณะนั่งสมาธิ - ฝึกการเคลื่อนไหวอิริยาบถอย่างมีสติ - สอบอารมณ์กับพระอาจารย์ลู้ฝึกอบรม ๓ หน่วยที่ ๗ กำรใช้สติก ำหนดอิริยำบถและกำรเดินจงกรมระยะที่ ๖ - วิธีปฏิบัติตามหลักมหาสติปัฏฐานสูตร - ฝึกก าหนดอิริยาบถ ๔ - ฝึกเดินจงกรมระยะที่ ๖ - ฝึกเดินจงกรมสลับกับการนั่งสมาธิ โดยอธิษฐานจิตทุกขั้นตอน - ฝึ ก ก าห น ด ต้ น จิ ต (ก า ร อ ย า ก ล ลั ด เป ลี่ ย น อิ ริ ย าบ ถ ต่ าง โด ย ฝึ ก ให้ใช้สติก าหนดที่ใจก่อนทุกครั้งที่อยากเปลี่ยนอิริยาบถ) - ฝึกวิธีปฏิบัติเมื่อได้ยินเสียงขณะนั่งสมาธิ - ฝึกการเคลื่อนไหวอิริยาบถอย่างมีสติ - สอบอารมณ์กับพระอาจารย์ลู้ฝึกอบรม ๓
๒๑๐ วัตถุประสงค์และแนวทำงกำรวัดผลและประเมินผลที่ได้จำกกำรสนทนำกลุ่ม ภำคปริยัติ ขอบข่ำยเนื้อหำ : ภำคปริยัติ วัตถุประสงค์กำรเรียนรู้ แน วท ำ งก ำ รวัด และประเมินผล หน่วยที่ ๑ สมำทำนพระกัมมัฏฐำน - ขอขมาพระรัตนตรัย - สมาทานศีล - ขอขมากัมมัฏฐาน - ระเบียบ กติกา และมารยาทการ เข้าปฏิบัติ - เข้ า ใ จ ค ว า ม เป็ น ม า แ ล ะ ความส าคัญของการสมาทานพระ กัมมัฏฐาน - อธิบายแนวทางการการเข้าสู่ การปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐานได้ การสังเกต พฤติกรรมกลุ่ม/ รายบุคคล หน่ วยที่ ๒ ป ระโยชน์ ก ำ รเจ ริญ กัมมัฏฐำน - สมาธิ ตามแนวพุทธ - ส ม ถ ะ วิ ปั ส ส น า แ ล ะ ความสัมพันธ์ของศีล สมาธิ ปัญญา - เสริมสร้างสุขภาพกาย - จิตเป็นอิสระอย่างแท้จริง - ความจ าดี - การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ - เกิดปัญญาในทางริเริ่มสร้างสรรค์ - มองสิ่งทั้งหลายตรงตามเป็นจริง - ได้รับความสุขและความสงบที่ไม่ เคยมี - เข้ าใจค ว ามส าคัญ ของก า ร ปฏิบัติกัมมัฏฐาน - อธิบายประโยชน์ของการเจริญ สติปัฏฐาน - อธิบายประโยชน์ของการน า ห ลั กส ติปั ฏ ฐ าน ม าใช้ใน ก า ร พัฒนาคุณภาพชีวิตได้ การสัมภาษณ์ การทดสอบ หน่วยที่ ๓ กำรบริหำรกำยและกำร บริหำรจิต - ชีวิตและองค์ประกอบของชีวิต (ขันธ์ อายตนะ ธาตุ) - โรคกาย โรคจิต ตามแนวพุทธ ศาสน์ - สาเหตุและวิธีป้องกัน (สัปปายะ กฎไตรลักษณ์อริยสัจ) - ความสัมพันธ์ระหว่างกายกับจิต - เครื่องขวางกั้นการปฏิบัติธรรม (สักกายทิฏฐิ/นิวรณ์/ปลิโพธ) - ลักษณะของจิตที่ฝึกได้แล้ว - ขั้นตอนในการเตรียมการลงสู่ - เข้าใจความความส าคัญของการ บริหารกายและการบริหารจิต - อธิบายความจ าเป็นในการน า ห ลั กส ติปั ฏ ฐ าน ม าใช้ใน ก า ร บริหารกายและบริหารจิตได้ - บอกอานิสงส์การปฏิบัติตาม หลักสติปัฏฐาน ๔ ได้ การสัมภาษณ์ การทดสอบ
๒๑๑ ขอบข่ำยเนื้อหำ : ภำคปริยัติ วัตถุประสงค์กำรเรียนรู้ แน วท ำ งก ำ รวัด และประเมินผล ภาคปฏิบัติ - อานิสงส์ของการปฏิบัติตามหลัก สติปัฏฐาน หน่วยที่ ๔ วิธีปฏิบัติตำมหลักกำยำ นุปัสสนำสติปัฏฐำน - อธิบายแนวปฏิบัติตาม หลักกายานุปัสสนาสติ ปัฏฐานได้ - สามารถปฏิบัติตามหลัก กายานุปัสสน าสติปัฏ ฐานได้ - ส าม า รถ แน ะน าแ ล ะ น าพาลู้อื่นปฏิบัติได้หลัก กายานุปัสสน าสติปัฏ ฐานได้ การสัมภาษณ์การ ทดสอบ หน่วยที่ ๕ วิธีปฏิบัติตำมหลักเวทนำ นุปัสสนำสติปัฏฐำน - อธิบายแนวปฏิบัติตาม หลักเวทนานุปัสสนาสติ ปัฏฐานได้ - สามารถปฏิบัติตามหลัก เวทนานุปัสสนาสติปัฏ ฐานได้ - ส าม า รถ แน ะน าแ ล ะ น าพาลู้อื่นปฏิบัติได้หลัก เวทนานุปัสสนาสติปัฏ ฐานได้ การสัมภาษณ์การ ทดสอบ หน่วยที่ ๖ วิธีปฏิบัติตำมหลักจิตตำ นุปัสสนำสติปัฏฐำน - อธิบายแนวปฏิบัติตาม หลักจิตตานุปัสสนาสติ ปัฏฐานได้ - สามารถปฏิบัติตามหลัก จิตตานุปัสสน าสติปัฏ ฐานได้ - ส าม า รถ แน ะน าแ ล ะ น าพาลู้อื่นปฏิบัติได้หลัก จิตตานุปัสสน าสติปัฏ ฐานได้ การสัมภาษณ์ การทดสอบ
๒๑๒ ขอบข่ำยเนื้อหำ : ภำคปริยัติ วัตถุประสงค์กำรเรียนรู้ แน วท ำ งก ำ รวัด และประเมินผล หน่วยที่ ๗ วิธีปฏิบัติตำมหลักธัมมำ นุปัสสนำสติปัฏฐำน - อธิบายแนวปฏิบัติตาม หลักธัมมานุปัสสนาสติ ปัฏฐานได้ - ส า ม า ร ถ ป ฏิ บั ติ ต า ม หลักธัมมานุปัสสนาสติ ปัฏฐานได้ - ส าม า รถ แน ะน าแ ล ะ น าพ า ลู้ อื่ น ป ฏิ บั ติได้ หลักธัมมานุปัสสนาสติ ปัฏฐานได้ การสัมภาษณ์ การทดสอบ หน่วยที่ ๘ วิธีกำรเดินจงกรมทั้ง ๖ ระยะ การเดินจงกรมระยะที่ ๑ การเดินจงกรมระยะที่ ๒ การเดินจงกรมระยะที่ ๓ การเดินจงกรมระยะที่ ๔ การเดินจงกรมระยะที่ ๕ การเดินจงกรมระยะที่ ๖ - อ ธิบ ายห ลั ก ก า รเดิ น จงกรมทั้ง ๖ ระยะได้ - สามารถเดินจงกรมทั้ง ๖ ระยะได้อย่างถูกต้อง - ส าม า รถ แน ะน าแ ล ะ น าพาลู้อื่นเดินจงกรมได้ ทั้ง ๖ ระยะ การสัมภาษณ์ การทดสอบ วัตถุประสงค์และแนวทำงกำรวัดผลและประเมินผลที่ได้จำกกำรสนทนำกลุ่ม ภำคปฏิบัติ หัวข้อกำรเรียนรู้ : หน่วยภำคปฏิบัติ วัตถุประสงค์กำรปฏิบัติ แนวทำงกำรวัด และประเมินผล หน่วยที่ ๑ กำรรับพระกัมมัฏฐำน - พิธีมอบกายถวายอัตภาพก่อนรับ กัมมัฏฐาน - ท าวัตรเช้า สวดมนต์เจริญสมาธิ - แล่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล - ท าวัตรเย็น สวดมนต์เจริญสมาธิ - แล่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล - สามารถกล่าวค าถวายอัตต ภาพต่อพระอาจารย์ได้ - สามารถปฏิบัติตามแนว ทางการรับพระกัมมัฏฐานได้ การสังเกต พฤติกรรมกลุ่ม/ รายบุคคล การสัมภาษณ์ การทดสอบ ภาคปฏิบัติ หน่วยที่ ๒ กำรใช้สติก ำหนดอิริยำบถและ กำรเดินจงกรมระยะที่ ๑ - วิธีปฏิบัติตามหลักมหาสติปัฏฐานสูตร - สามารถเดินจงกรม ระยะที่ ๑ และใช้ สติก าหนดอิริยาบถ การสัมภาษณ์การ ท ด ส อ บ ภาคปฏิบัติ
๒๑๓ หัวข้อกำรเรียนรู้ : หน่วยภำคปฏิบัติ วัตถุประสงค์กำรปฏิบัติ แนวทำงกำรวัด และประเมินผล - ฝึกก าหนดอิริยาบถ ๔ - ฝึกเดินจงกรมระยะที่ ๑ - ฝึกเดินจงกรมสลับกับการนั่งสมาธิ โดย อธิษฐานจิตทุกขั้นตอน - ฝึกก าหนดต้นจิต (การอยากลลัดเปลี่ยน อิริยาบถต่าง โดยฝึกให้ใช้สติก าหนดที่ใจ ก่อนทุกครั้งที่อยากเปลี่ยนอิริยาบถ) - ฝึกวิธีปฏิบัติเมื่อได้ยินเสียงขณะนั่ง สมาธิ - ฝึกการเคลื่อนไหวอิริยาบถอย่างมีสติ - สอบอารมณ์กับพระอาจารย์ลู้ฝึกอบรม ได้ - ส าม า รถ แ น ะน า และน าพาลู้อื่นเดิน จงกรมระยะที่ ๑ ได้ หน่วยที่ ๓ กำรใช้สติก ำหนดอิริยำบถและ กำรเดินจงกรมระยะที่ ๒ - วิธีปฏิบัติตามหลักมหาสติปัฏฐานสูตร - ฝึกก าหนดอิริยาบถ ๔ - ฝึกเดินจงกรมระยะที่ ๒ - ฝึกเดินจงกรมสลับกับการนั่งสมาธิ โดย อธิษฐานจิตทุกขั้นตอน - ฝึกก าหนดต้นจิต (การอยากลลัดเปลี่ยน อิริยาบถต่าง โดยฝึกให้ใช้สติก าหนดที่ใจ ก่อนทุกครั้งที่อยากเปลี่ยนอิริยาบถ) - ฝึกวิธีปฏิบัติเมื่อได้ยินเสียงขณะนั่ง สมาธิ - ฝึกการเคลื่อนไหวอิริยาบถอย่างมีสติ - สอบอารมณ์กับพระอาจารย์ลู้ฝึกอบรม - สามารถเดินจงกรม ระยะที่ ๒ และใช้ สติก าหนดอิริยาบถ ได้ - ส าม า รถ แ น ะน า และน าพาลู้อื่นเดิน จงกรมระยะที่ ๒ ได้ การสัมภาษณ์การ ท ด ส อ บ ภาคปฏิบัติ หน่วยที่ ๔ กำรใช้สติก ำหนดอิริยำบถและ กำรเดินจงกรมระยะที่ ๓ - วิธีปฏิบัติตามหลักมหาสติปัฏฐานสูตร - ฝึกก าหนดอิริยาบถ ๔ - ฝึกเดินจงกรมระยะที่ ๓ - ฝึกเดินจงกรมสลับกับการนั่งสมาธิ โดย อธิษฐานจิตทุกขั้นตอน - ฝึกก าหนดต้นจิต (การอยากลลัดเปลี่ยน อิริยาบถต่าง โดยฝึกให้ใช้สติก าหนดที่ใจ - สามารถเดินจงกรม ระยะที่ ๓ และใช้ สติก าหนดอิริยาบถ ได้ - ส าม า รถ แ น ะน า และน าพาลู้อื่นเดิน จงกรมระยะที่ ๓ ได้ การสัมภาษณ์การ ท ด ส อ บ ภาคปฏิบัติ
๒๑๔ หัวข้อกำรเรียนรู้ : หน่วยภำคปฏิบัติ วัตถุประสงค์กำรปฏิบัติ แนวทำงกำรวัด และประเมินผล ก่อนทุกครั้งที่อยากเปลี่ยนอิริยาบถ) - ฝึกวิธีปฏิบัติเมื่อได้ยินเสียงขณะนั่ง สมาธิ - ฝึกการเคลื่อนไหวอิริยาบถอย่างมีสติ - สอบอารมณ์กับพระอาจารย์ลู้ฝึกอบรม หน่วยที่ ๕ กำรใช้สติก ำหนดอิริยำบถและ กำรเดินจงกรมระยะที่ ๔ - วิธีปฏิบัติตามหลักมหาสติปัฏฐานสูตร - ฝึกก าหนดอิริยาบถ ๔ - ฝึกเดินจงกรมระยะที่ ๔ - ฝึกเดินจงกรมสลับกับการนั่งสมาธิ โดย อธิษฐานจิตทุกขั้นตอน - ฝึกก าหนดต้นจิต (การอยากลลัดเปลี่ยน อิริยาบถต่าง โดยฝึก ให้ใช้สติก าหนดที่ใจ ก่อนทุกครั้งที่อยากเปลี่ยนอิริยาบถ) - ฝึกวิธีปฏิบัติเมื่อได้ยินเสียงขณะนั่ง สมาธิ - ฝึกการเคลื่อนไหวอิริยาบถอย่างมีสติ - สอบอารมณ์กับพระอาจารย์ลู้ฝึกอบรม - สามารถเดินจงกรม ระยะที่ ๔ และใช้ สติก าหนดอิริยาบถ ได้ - ส าม า รถ แ น ะน า และน าพาลู้อื่นเดิน จงกรมระยะที่ ๔ ได้ การสัมภาษณ์การ ท ด ส อ บ ภาคปฏิบัติ หน่วยที่ ๖ กำรใช้สติก ำหนดอิริยำบถและ กำรเดินจงกรมระยะที่ ๕ - วิธีปฏิบัติตามหลักมหาสติปัฏฐานสูตร - ฝึกก าหนดอิริยาบถ ๔ - ฝึกเดินจงกรมระยะที่ ๕ - ฝึกเดินจงกรมสลับกับการนั่งสมาธิ โดย อธิษฐานจิตทุกขั้นตอน - ฝึกก าหนดต้นจิต (การอยากลลัดเปลี่ยน อิริยาบถต่าง โดยฝึกให้ใช้สติก าหนดที่ใจ ก่อนทุกครั้งที่อยากเปลี่ยนอิริยาบถ) - ฝึกวิธีปฏิบัติเมื่อได้ยินเสียงขณะนั่ง สมาธิ - ฝึกการเคลื่อนไหวอิริยาบถอย่างมีสติ - สอบอารมณ์กับพระอาจารย์ลู้ฝึกอบรม - สามารถเดินจงกรม ระยะที่ ๕ และใช้ สติก าหนดอิริยาบถ ได้ - ส าม า รถ แ น ะน า และน าพาลู้อื่นเดิน จงกรมระยะที่ ๕ ได้ การสัมภาษณ์การ ท ด ส อ บ ภาคปฏิบัติ
๒๑๕ หัวข้อกำรเรียนรู้ : หน่วยภำคปฏิบัติ วัตถุประสงค์กำรปฏิบัติ แนวทำงกำรวัด และประเมินผล หน่วยที่ ๗ กำรใช้สติก ำหนดอิริยำบถและ กำรเดินจงกรมระยะที่ ๖ - วิธีปฏิบัติตามหลักมหาสติปัฏฐานสูตร - ฝึกก าหนดอิริยาบถ ๔ - ฝึกเดินจงกรมระยะที่ ๖ - ฝึกเดินจงกรมสลับกับการนั่งสมาธิ โดย อธิษฐานจิตทุกขั้นตอน - ฝึกก าหนดต้นจิต (การอยากลลัดเปลี่ยน อิริยาบถต่าง โดยฝึกให้ใช้สติก าหนดที่ใจ ก่อนทุกครั้งที่อยากเปลี่ยนอิริยาบถ) - ฝึกวิธีปฏิบัติเมื่อได้ยินเสียงขณะนั่ง สมาธิ - ฝึกการเคลื่อนไหวอิริยาบถอย่างมีสติ - สอบอารมณ์กับพระอาจารย์ลู้ฝึกอบรม - สามารถเดินจงกรม ระยะที่ ๖ และใช้ สติก าหนดอิริยาบถ ได้ - ส าม า รถ แ น ะน า และน าพาลู้อื่นเดิน จงกรมระยะที่ ๖ ได้ การสัมภาษณ์การ ท ด ส อ บ ภาคปฏิบัติ
๒๑๖ แบบสอบถามการวิจัย เรื่อง การปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาในอ าเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ------------------------------------------ ค ำชี้แจง ๑. แบบสอบถามชุดนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเกี่ยวกับการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ใน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในอ าเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ๒. แบบสอบถามชุดนี้ แบ่งออกเป็น ๕ ตอน คือ ตอนที่ ๑ แบบสอบถามข้อมูลทั่วไปของลู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ ๒ แบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในอ าเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ตอนที่ ๓ แบบสอบถามความพึงพอใจของลู้เข้าอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในอ าเภอเมือง จังหวัด มหาสารคาม ตอนที่ ๔ แบบสอบถามการติดตามหลังการอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในอ าเภอเมือง จังหวัด มหาสารคาม๓. กรุณาตอบแบบสอบถามทุกข้อตามความคิดเห็นของท่านเพื่อความสมบูรณ์ในการ วิเคราะห์ ๔. ข้อมูลจากแบบสอบถามนี้ใช้เพื่อเป็นประโยชน์การวิจัยเท่านั้น และจะไม่ส่งลลกระทบ ใด ต่อลู้ตอบแบบสอบถามแต่ประการใด ๕. ลู้วิจัยขอขอบพระคุณและขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง ที่ท่านได้ให้ความร่วมมือในการตอบ แบบสอบถาม มา ณ โอกาสนี้ พระครูสารกิจประยุต ลู้วิจัย
๒๑๗ ตอนที่ ๑ แบบสอบถำมข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถำม ค ำชี้แจง โปรดท าเครื่องหมาย ลงใน [ ] หน้าข้อความที่ตรงกับสถานภาพความเป็นจริง ส่วนที่ ๑ ลักษณะทั่วไปของวัดที่ท ำกำรศึกษำ ค าชี้แจง : กรุณาขีดเครื่องหมาย ลงหน้าข้อที่เกี่ยวข้องกับตัวท่าน ๑. สถำนภำพของผู้ตอบแบบสอบถำม พระสงฆ์ ชาย หญิง ๒. อำยุ ๑๖ ปี ๑๗ ปี ๑๘ ปี ๑๙ – ๒๐ ปี ๒๑ – ๒๕ ปี ๒๖ – ๒๙ ปี ๓๐ - ๔๐ ปี ๔๑ – ๕๐ ปี ๕๑ – ๖๐ ปี ๖๑ ปีขึ้นไป ๓. ระดับกำรศึกษำ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ระดับปริญญาตรี สูงกว่าระดับปริญญาตรีขึ้นไป ๔. บทบำทหรือสถำนภำพ พระสงฆ์ ลู้บริหารโรงเรียน ลู้น าชุมชน อื่น ตอนที่ ๒ แบบสอบถำมเกี่ยวกับสภำพกำรปรับใช้หลักสติปัฏฐำน ๔ ในกำร ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษำใน อ ำเภอเมืองมหำสำรคำม จังหวัดมหำสำรคำม ค ำชี้แจง กรุณาอ่านข้อค าถามแล้วกรุณาให้ความคิดเห็นเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับสภาพการ ปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับ มัธยมศึกษาในอ าเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ว่าปฏิบัติได้มากน้อยเพียงใด ให้ท าเครื่องหมาย ในช่องระดับความคิดเห็น ข้อละ ๒ เครื่องหมาย (ระดับปฏิบัติและ ระดับปัญหา) ที่ตรงกับสภาพจริงมากที่สุด โดยพิจารณาตามเกณฑ์ ดังนี้ ๕ หมายถึง มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด ๔ หมายถึง มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ๓ หมายถึง มีการปฏิบัติอยู่ในระดับปานกลาง ๒ หมายถึง มีการปฏิบัติอยู่ในระดับน้อย ๑ หมายถึง มีการปฏิบัติอยู่ในระดับน้อยที่สุด
๒๑๘ ค ำอธิบำย จากตัวอย่างจะเห็นว่ามีเครื่องหมาย เครื่องหมาย ในหมายเลข ๕ หมายความว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด และมีเครื่องหมาย ในช่องหมายเลข ๑ หมายความว่า ได้มีการ ปฏิบัติงานอยู่ในระดับน้อยที่สุด ข้อที่ สภำพกำรใช้หลักสติปัฏฐำน ๔ ในกำรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอัน ไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษำในอ ำเภอเมือง มหำสำรคำม จังหวัดมหำสำรคำม ระดับกำรปฏิบัติ ๕ ๔ ๓ ๒ ๑ กำยำนุปัสสนำสติปัฏฐำน ๑ ในขณะเดินอยู่ สายตาของนักเรียนมองไกลประมาณ ๒ – ๓ เมตร และจิตใจจดจ่ออยู่ที่อาการเคลื่อนไหวของเท้าในขณะที่ก าลังก้าว ๒ ในขณ ะที่เดินอยู่นักเรียนกล่าวค าบ ริกรรมในใจกับอาการ เคลื่อนไหวสัมพันธ์กัน ๓ ขณะที่เดินอยู่ นักเรียนเดินช้า จิตใจจดจ่อมีสติก าหนดรู้อย่าง ต่อเนื่อง ๔ ในขณะที่นั่งอยู่ นักเรียนนั่งขัดสมาธิ ตั้งกายตรง คอตรง และมีสติ ระลึกรู้อาการเคลื่อนไหวของท้องพอง – ยุบ ๕ ในขณะที่นักเรียนก าลังท างานสิ่งใดสิ่งหนึ่ง นักเรียนมีสติอยู่กับมือ ที่ก าลังหยิบจับสิ่งนั้น เวทนำนุปัสสนำสติปัฏฐำน ๖ เมื่อนักเรียนเกิดอาการคัน นักเรียนก าหนดรู้ว่า “คันหนอ” ๗ เมื่อนักเรียนเกิดความทุกข์ นักเรียนรู้ทันความทุกข์ และวางใจเป็น กลางได้ ๘ เมื่อเกิดความทุกข์ทางกาย เช่น ปวดขา ปวดหัว นักเรียนสามารถ ท าใจให้เป็นกลางได้ ๙ ขณะที่นักเรียนมีความสุข นักเรียนก าหนดรู้ว่ามีความสุข และไม่ แสดงออกมากจนเกินไป ๑๐ ขณะที่ร่างกายเกิดความเบาสบาย นักเรียนก็สามารถก าหนดรู้เท่า ทัน โดยการก าหนดว่า “สบายหนอ ” จิตตำนุปัสสนำสติปัฏฐำน ๑๑ ขณะที่นักเรียนจิตใจฟุ้งซ่าน นักเรียนก็สามารถรู้เท่าทัน และ ก าหนดว่า “ฟุ้งซ่านหนอ ” ๑๒ ขณะที่นักเรียนหงุดหงิด ก็รู้ว่าหงุดหงิด และไม่แสดงอาการ หงุดหงิดออกมา ๑๓ ขณะที่นักเรียนร าคาญ ก็รู้ว่าร าคาญ และไม่แสดงอาการร าคาญ ออกมา
๒๑๙ ข้อที่ สภำพกำรใช้หลักสติปัฏฐำน ๔ ในกำรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอัน ไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษำในอ ำเภอเมือง มหำสำรคำม จังหวัดมหำสำรคำม ระดับกำรปฏิบัติ ๕ ๔ ๓ ๒ ๑ ๑๔ ขณะที่นักเรียนโกรธ ก็รู้ว่าโกรธและไม่แสดงอาการโกรธออกมา ๑๕ ขณะที่จิตใจของนักเรียนเกิดความโลภอยากได้ของคนอื่น นักเรียน ก็สามารถรู้ทัน และหักห้ามจิตใจได้ ๓.๔ กำรติดตำมประเมินผล ๑๖ เมื่อนักเรียนง่วงนอนในขณะที่ก าลังเรียน นักเรียนก าหนดรู้ว่า ง่วง นอน และหาวิธีท าให้หายง่วง และตั้งใจเรียน ๑๗ เมื่อนักเรียนเห็นของที่สวยงาม นักเรียนคิดแต่เพียง เห็นหนอ ไม่ แสดงอาการตื่นเต้นจนเกินไป ๑๘ เมื่อนักเรียนได้กลิ่น นักเรียนก าหนดรู้ว่า กลิ่นหนอ ไม่แสดง อาการรังเกียจเมื่อได้กลิ่นเหม็น และไม่ยินดีเมื่อได้กลิ่นหอม ๑๙ เมื่อนักเรียนรับประทานอาหารที่ไม่อร่อย แต่มีประโยชน์นักเรียนก็ รับประทานโดยไม่ติดกับรสชาติ ๒๐ ขณะที่นักเรียนสัมลัสมือกับเพื่อนเพศตรงข้าม นักเรียนก็ก าหนดรู้ ว่าเพียงสัมลัสหนอ ไม่รู้สึกอะไร ตอนที่ ๓ แบบสอบถำมความพึงพอใจของผู้เข้าอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ใน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในอ าเภอ เมือง จังหวัดมหาสารคาม ค ำชี้แจง กรุณ าอ่ านข้อค าถามแล้วกรุณ าให้ความคิดเห็นเพื่อพิจารณ าเกี่ยวกับ แบบสอบถามความพึงพอใจของลู้เข้าอบรมการปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในอ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ว่าปฏิบัติได้มาก น้อยเพียงใด ให้ท าเครื่องหมาย ในช่องระดับความคิดเห็น ข้อละ ๒ เครื่องหมาย (ระดับปฏิบัติและ ระดับปัญหา) ที่ตรงกับสภาพจริงมากที่สุด โดยพิจารณาตามเกณฑ์ ดังนี้ ๕ หมายถึง มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด ๔ หมายถึง มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ๓ หมายถึง มีการปฏิบัติอยู่ในระดับปานกลาง ๒ หมายถึง มีการปฏิบัติอยู่ในระดับน้อย ๑ หมายถึง มีการปฏิบัติอยู่ในระดับน้อยที่สุด
๒๒๐ ค ำอธิบำย จากตัวอย่างจะเห็นว่ามีเครื่องหมาย เครื่องหมาย ในหมายเลข ๕ หมายความว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด และมีเครื่องหมาย ในช่องหมายเลข ๑ หมายความว่า ได้มีการ ปฏิบัติงานอยู่ในระดับน้อยที่สุด ข้อที่ ควำมพึงพอใจของผู้เข้ำอบรมกำรใช้หลักสติปัฏฐำน ๔ ในกำร ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับ มัธยมศึกษำ ในอ ำเภอเมือง จังหวัดมหำสำรคำม ระดับกำรปฏิบัติ ๕ ๔ ๓ ๒ ๑ ด้ำนควำมรู้และควำมเข้ำใจหลักสติปัฏฐำน ๔ ๑ ความรู้เรื่องหลักสติปัฏฐาน ๔ ก่อนเข้าอบรม ๒ ความรู้เรื่องหลักสติปัฏฐาน ๔ หลังเข้าอบรม ๓ มีความรู้และเข้าใจเนื้อหาสาระและกิจกรรมการอบรม ๔ เนื้อหาและการอธิบายตรงตามวัตถุประสงค์การอบรม ๕ มั่นใจในแนวทางการปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน ด้ำนกำรปฏิบัติตำมหลักสติปัฏฐำน ๔ ๖ ลู้เข้าอบรมมีโอกาสได้ตอบข้อซักถามด้านสติปัฏฐาน ๗ ลู้เข้าอบรมเรียนรู้การปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน ๘ ลู้เข้าอบรมก าหนดอิริยาบถได้ตามหลักสติปัฏฐาน ๙ ลู้เข้าอบรมควบคุมสติได้ตามหลักสติปัฏฐาน ๑๐ ลู้เข้าอบรมวัดลลการปฏิบัติได้เองตามหลักสติปัฏฐาน ด้ำนกำรน ำควำมรู้ไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ และประยุกต์ใช้ในชีวิต ๑๑ เกิดทักษะการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ ๑๒ อธิบายหลักและแนวปฏิบัติสติปัฏฐาน ๑๓ ขยายลลและถ่ายทอดความรู้ด้านสติปัฏฐาน ๑๔ ตั้งใจที่จะน าองค์ความรู้มาพัฒนาการศึกษาเล่าเรียน ๑๕ ตั้งใจที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์
๒๒๑ ตอนที่ ๔ แบบสอบถำมกำรติดตำมหลังกำรอบรมกำรใช้หลักสติปัฏฐำน ๔ ในกำร ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษำ ในอ ำเภอเมือง จังหวัดมหำสำรคำม ค าชี้แจง กรุณาอ่านข้อค าถามแล้วกรุณาให้ความคิดเห็น เกี่ยวกับลลการติดตามหลังการ อบรมการใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับ มัธยมศึกษา ในอ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ตามสภาพจริงที่เกิดขึ้น ๔.๑ ด้ำนควำมรับผิดชอบ ..................................................................................................................................... ......... ......................................................................................................................... ..................... ............................................................................................................................. ................. ๔.๒ ด้ำนควำมมีระเบียบวินัย .............................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................. .............................................................................................................................................. ๔.๓ ด้ำนควำมอุตสำหะ ........................................................................................................................... ................... ............................................................................................................................. ................. .............................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................. ๔.๕ ด้ำนควำมกตัญญู .............................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................. ........................................................................................................................................ ...... ๔.๖ ด้ำนกำรพัฒนำคุณภำพจิต .............................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................. .............................................................................................................................................. ขอบคุณที่ไห้ความร่วมในการตอบแบบสอบถาม
ภาคผนวก จ หนังสือขอความอนุเคราะห์ผู้ทรงคุณวุฒิตรวจสอบเครื่องมือการวิจัย รายชื่อผู้ตอบแบบสอบถามและให้ค าสัมภาษณ์การวิจัย
๒๒๓
๒๒๔
๒๒๕ รศ.ดร.ไชยยศ เรืองสุวรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิประจ ำโครงกำรวิจัย
๒๒๖ รายชื่อผู้ตอบแบบสอบถามและให้ค าสัมภาษณ์การวิจัย รายนามผู้เข้าร่วมโครงการวิจัย เรื่อง การปรับใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในอ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ณ วัดขุนพรหมด าริ บ้านอุปราช ต าบลท่าสองคอน อ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ---------------------------- ครูโรงเรียนมหาชัย ดร. ส ำเนียง มำพร คุณครู สมชิต ภูวนำท คุณครู สมหมำย นันทจักร คุณครู นับทอง เทศบุตร คุณครู โชดก สำมำรถ ค ครูโรงเรียนผดุงนารี คุณครู ปรียำนุช จันทรำช รองผู้อ ำนวยกำรโรงเรียนผดุงนำรี ดร. นิคม วิทำโน ฝ่ำยวิชำกำร นำงสุธิดำ สำตำรม ผู้ช่วยวิชำกำร ดร. จิตรำ พิกุลทอง นำงสำวลัดดำวรรณ สุทธิสินธุ ครูโรงเรียนสารคามพิทยาคม นำงวำทินี ทองอำสน นำยทวี พิมสินธุ นำยสมชัย คงถ่วงวงศ์ นำยอำวุธ เคลือแดง นำงอำภำพร ปัญญำฟู ครูโรงเรียนมหาวิชานุกุล คุณครู เกษม บุญบรรจง ผู้อ ำนวยกำรโรงเรียนมหำวิชำนุกุล คุณครู ขวัญใจ สำยสุวรรณ ฝ่ำยวิชำกำร คุณครู ปรัชญำพร ดวงชำทม คุณครู อัมพร ทินประดัง คุณครู ครองทรัพย์ สำยสุวรรณ
๒๒๗ ครูโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ดร. นุกุล ดุดแถลง ผู้อ ำนวยกำรโรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยรำชภัฎมหำสำรคำม คุณครู เจษฎำกร รันศรี คุณครู ทิติยำ จันทเขต คุณครู อรัญญำ ประทุมชัย คุณครู สำธิต ศิวรมย์ ครูโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม นำยสัจจพงษ์ ญำตินิยม รองผู้อ ำนวยกำรฝ่ำยบริหำร นำยวุฒิศักดิ์ บุญแน่น รองผู้อ ำนวยกำรฝ่ำยวิชำกำร นำงศรีสุดำ สิงห์ชุม ผู้ช่วยผู้อ ำนวยกำรฝ่ำยแผนฯ นักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในอ าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม 1. นำงสำวสุดำรัตน์ วิเศษ 2. นำงสำวพัชรินทร์ เดชค ำภู 3. นำงสำวธนำภำ ค ำสวัสดิ์ 4. นำยณัฐวุฒิ ระดำไสย์ 5. นำยทิวำ ศรีสุนทร 6. นำงสำวปริชดำวรรณ สอนเสนำ 7. นำงสำวแพรวนภำ ระดำบุตร 8. นำงสำวรัชรินทร์ แสนไชย 9. นำงสำววชิรำภรณ์ โพนกองเส็ง 10. นำงสำววำสนำ แสงค ำ 11. นำงสำว รัตนำภรณ์ วงศ์โพธิสำร 12. นำงสำวศิริลักษณ์ ภำแกด ำ 13. นำงสำวตรียำนุช เประนำม 14. นำงปภัชญำ ประทุมวัน 15. นำงสำวพัชรี ชะรำประทีป 16. นำยภูมิกร กำรุณรัตน์ 17. นำงสำวมินตรำ โคตรสีเขียว 18. นำยเวชพิสิฐ วรรณศรี 19. นำงสำวจตุพร ทับสีแก้ว 20. นำงสำวพัฒระภี บุตรเรียง 21. นำงสำวลลิตำ ส ำเริงรัมย์ 22. นำงสำวสุดำรัตน์ ชอบค้ำ 23. นำงสำวกำญจนำ อัปมระกำ
๒๒๘ 24. นำยเกียรติภูมิ ศิริกุล 25. นำงสำวจุฬำรัตน์ กุลวงค์ 26. นำงสำวชุติมำ แสนสุริยวงศ์ 27. นำงสำวฑนัญญำ สุวรรณอ ำไพ 28. นำงสำวณัฐยำ ตำแสงสำ 29. นำงสำวดรุณี เกษหอม 30. นำงสำวเต็มฤทัย แสนสุธำ ผู้น าชุมชน นำงสุกัญญำ สมบัติตรำ ผู้ใหญ่บ้ำน หมู่ ๓ ต ำบลท่ำสองคอน อ ำเภอเมือง จังหวัด มหำสำรคำม 44000 นำยอั้ว ทันขวำ ผู้ใหญ่บ้ำน หมู่ ๑๔ ต ำบลท่ำสองคอน อ ำเภอเมือง จังหวัดมหำสำรคำม 44000 น.ส.สุกัญญำ เสนำ ผู้ใหญ่บ้ำน หมู่ ๑๙ ต ำบลท่ำสองคอน อ ำเภอเมือง จังหวัดมหำสำรคำม 44000 นำยสวรรค์ ลำขุมเห็ก สอบต.ท่ำสองคอน ต ำบลท่ำสองคอน อ ำเภอเมือง จังหวัด มหำสำรคำม 44000 นำยหนูกัน ทินวัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนหมู่ ๓ ต ำบลท่ำสองคอน อ ำเภอเมือง จังหวัด มหำสำรคำม 44000 นำงอมร เนื่องวงค์ษำ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำน หมู่ ๓ ต ำบลท่ำสองคอน อ ำเภอเมือง จังหวัด มหำสำรคำม 44000 นำงสุกัญญำ สมบัติตรำ ผู้ใหญ่บ้ำน หมู่ ๓ ต ำบลท่ำสองคอน อ ำเภอเมือง จังหวัด มหำสำรคำม 44000 นำยอั้ว ทันขวำ ผู้ใหญ่บ้ำน หมู่ ๑๔ ต ำบลท่ำสองคอน อ ำเภอเมือง จังหวัดมหำสำรคำม 44000 น.ส.สุกัญญำ เสนำ ผู้ใหญ่บ้ำน หมู่ ๑๙ ต ำบลท่ำสองคอน อ ำเภอเมือง จังหวัดมหำสำรคำม 44000 นำยสวรรค์ ลำขุมเห็ก สอบต.ท่ำสองคอน ต ำบลท่ำสองคอน อ ำเภอเมือง จังหวัด มหำสำรคำม 44000 นำยหนูกัน ทินวัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำนหมู่ ๓ ต ำบลท่ำสองคอน อ ำเภอเมือง จังหวัด มหำสำรคำม 44000 นำงอมร เนื่องวงค์ษำ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำน หมู่ ๓ ต ำบลท่ำสองคอน อ ำเภอเมือง จังหวัด มหำสำรคำม 44000
๒๒๙ ผู้ปกครองนักเรียน นำงเกตุศิรินทร์ ภำแกด ำ นำยจ ำเริญ ภำแกด ำ นำงประกำยแก้ว วงศ์โพธิสำร นำยสุภสำร วงศ์โพธิสำร นำยสันติ สิงห์ค ำป้อง นำงสำววิไลรัตน์ ภูเมฆ นำยสุริยัน เบ้ำหัวดง นำยล ำเพย ศรีสถำน นำงสุวิมล พันธ์แป๊ะ นำงสำวบุษดี แพ่งสองคอน นำยสวงนศักดิ์ ดีรัมย์ นำยค ำเป็ง ทินภำ นำยศิริชัย ทินภำ นำงพิรญำ โคชำรี นำยค ำใส สีเสนำ นักเรียนระดับมัธยมศึกษา นำยพิศณุพงษ์ ดีรัมย์ นำยอัลฟำ ทินภำ นำยสุรชัย สีเสนำ นำยวรวัฒน์ เมฆเสน นำงสำวรัตนพันธ์ ศรีเคนขันธ์ นำงสำววรัญญำ เบ้ำหัวดง นำยไกรวิน ศรีสถำน นำยกัมปนำท พินแป๊ะ นำงเกศรินทร์ วงศ์พิมพ์ นำยอธิกำร สุขศรี นำงสำวศิริลักษณ์ ภำแกด ำ นำงสำว รัตนำภรณ์ วงศ์โพธิสำร นำย พรพิทักษ์ สิงห์ค ำป้อง