The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jaruneesbms, 2021-09-24 16:25:44

ilovepdf_merged

ilovepdf_merged

กรณตี วั อย่างท่ี 1 การวจิ ัยเชงิ ปฏิบ

เครื่องมอื เพื่อใช้ในการวจิ ัยตามกรอบแนวคิด จําแน

1) แบบสังเกต (observation form) ทัง้ แบบมีส่วนร่ว

2) แบบสอบถาม (questionnaire) แบบสมั ภาษณเ์ ช
(focus group interview)

3) แบบตรวจสอบหรือบันทึก (examining/records)
(archival documents) แผนท่ี (maps) เครอ่ื งบันท
หลกั ฐานส่งิ ของ (artifacts) และบันทกึ ภาคสนาม (fi
หนา้ ทใี่ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ในส่วนท่เี กีย่ วข้องกบั
หมบู่ า้ น โดยแบง่ เวลาในการปฏิบัติงานตามตารางกํา
เห็นชัดเจนและแฝงเรน้ จากขั้นตอนการวิจยั เชงิ ปฏบิ

บตั ิการท่ีเก่ียวขอ้ งกับการบรหิ ารการศึกษา

นกเป็นสามกลมุ่ ดงั น้ี

วมหรอื ไม่มีส่วนรว่ ม

ชิงลึก (in-depth interview) หรอื แบบสัมภาษณก์ ลุ่ม

) เชน่ บนั ทึกอนุทนิ (journal) แบบตรวจสอบเอกสาร
ทกึ เสยี งและบนั ทกึ ภาพ (audiotapes and videotapes)
ield notes) เปน็ ตน้ โดยผ้วู จิ ัยและผ้รู ว่ มวจิ ัยตา่ งมีบทบาท
บตนเอง เรม่ิ จากการปฏบิ ัติภาคสนามในโรงเรยี นและ
าหนดวันและเดอื น เพ่อื ใหเ้ หน็ สภาพขอ้ เทจ็ จริงท้ังในส่วนที่
บัติการแบบมสี ว่ นร่วมท้งั 10 ขัน้ ตอน

กรณีตัวอย่างท่ี 1 การวจิ ัยเช

ข้อมูลที่ไดจ้ ากเคร่อื งมอื ทเี่ ลอื กใชใ้ นการวิจัยท่ีไดจ้ ากกา
ได้นํามาวเิ คราะห์ร่วมกันเปน็ ระยะ ๆ ดังนี้
1) จดั ทาํ ข้อมลู ให้เปน็ หมวดหมู่ตา่ งๆ โดยพิจารณาถึงว
และหาความถ่ีของปรากฏการณ์ทเ่ี กดิ โดยแบ่งออกเปน็ 6
ความหมาย (Ineaning) ความสมั พนั ธ์ (relationship)
(setting) คือ ภาพรวมทุกแง่มมุ ท่ีสามารถบนั ทกึ จากภาค
ปฏิบัตกิ ารแบบมสี ว่ นรว่ ม

2) จดั แบง่ ขอ้ มูลจากบันทึกภาคสนามของผ้วู จิ ยั ในสว่ น
ใน 10 ขั้นตอน ของการวจิ ยั เชิงปฏิบัตกิ ารแบบมสี ว่ น

3) การวเิ คราะห์ข้อมูลทําใหเ้ ป็นสภาพปจั จุบนั จากขอ้ ค
ของการวิจยั เชงิ ปฏิบัติการแบบมสี ว่ นร่วม โดยนาํ ราย
ที่วเิ คราะห์แลว้ ไปให้บคุ ลากรท่เี กี่ยวขอ้ งไดร้ ับทราบ ช
เพ่ือปรับปรงุ รายงานใหถ้ กู ต้องสมบรู ณ์มากขึ้น การตร

ชิงปฏบิ ตั กิ ารท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั การบริหารการศึกษา
ารจัดกจิ กรรมต่างๆ ทงั้ 10 ขั้นตอน

วัตถปุ ระสงค์ของการวจิ ัยเป็นหลักในการแบ่งปรากฏการณ์
6 สถานการณ์ คอื การกระทํา (acts) กจิ กรรม (activities)
การมีส่วนร่วมในกิจกรรม (participation) สภาพสงั คม
คสนามเกี่ยวกบั กจิ กรรมใน 10 ข้ันตอนของการวิจัยเชิง

นทเ่ี ปน็ ขอ้ ความพรรณนา เหตกุ ารณเ์ กยี่ วกับกจิ กรรม
นร่วม

ความพรรณนาเหตกุ ารณเ์ กย่ี วกบั กิจกรรมใน 10 ขั้นตอน
ยงานการวิเคราะหข์ อ้ มูลของแต่ละวตั ถุประสงค์ของการวจิ ัย
ชว่ ยยนื ยนั ตรวจแกไ้ ขผลการวเิ คราะห์ และคาํ แนะนาํ
รวจสอบข้อมลู จะใช้บคุ ลากรหลายคนในเหตุการณ์

กรณีตวั อยา่ ง 1

สรุปผลการวจิ ัย นําเสนอตามวตั ถุประสงค์ของการวจิ ยั

1) สภาพทเ่ี คยเปน็ มา สภาพปจั จุบนั สภาพปัญหา สภาพท่ีค
พฒั นางานวิชาการ

2) การเปล่ยี นแปลงการเรยี นรู้ และความรจู้ ากการปฏิบตั ิจร

1) สภาพทเ่ี คยเป็นมา สภาพปจั จุบนั สภาพปญั หา สภาพทคี่
สภาพท่ีคาดหวงั การพัฒนางานวชิ าการ

1.1) สภาพงานวชิ าการของโรงเรียนทีเ่ คยเปน็ มา โรงเรียนดา้ น
และมชี มุ ชนเข้ามาชว่ ยเหลอื ส่วนงานวิชาการ ผบู้ รหิ ารโรงเรยี น
เปน็ ประเด็นหลกั รองลงมา คือ การพัฒนาส่อื การเรียนรู้ การวดั
ทางการเรียน เดก็ ขาดทักษะการคดิ วเิ คราะห์สงั เคราะห์ ครูขาด
หลกั สูตรสถานศึกษามกี ารพัฒนาน้อย หรอื ปัญหาครูมีภารกิจอื่น
โครงสร้างบทบาทหนา้ ที่ของครู หรือเครอื ขา่ ยท่เี กย่ี วข้องไมช่ ัดเ
ทง้ั หมดจงึ ตกอยู่ท่ผี บู้ รหิ ารโรงเรียนเพียงคนเดียว

1 การวจิ ัยเชิงปฏบิ ตั กิ ารท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การบรหิ ารการศกึ ษา

ยตามลําดับดงั น้ี

คาดหวงั ทางเลือกเพื่อแกป้ ัญหาหรือบรรจุ สภาพทคี่ าดหวงั การ

ริง
คาดหวัง ทางเลอื กเพ่ือแก้ปัญหาหรือบรรจุ

นบริหารจดั การทั่วไป ไดร้ ับงบประมาณสนนั สนุนจากรัฐบาล
นและครผู ูส้ อนให้ความสําคญั ในด้านการเรียนการสอน
ดและประเมนิ ผล และการพฒั นาหลักสูตร ปญั หาดา้ นผลสัมฤทธิ์
ดทกั ษะการจัดการเรยี นการสอนทเี่ นน้ ผ้เู รียนเปน็ สาํ คญั การพฒั นา
นไมไ่ ด้สอนอยา่ งเตม็ ท่ี มีสาเหตจุ ากครไู ม่ครบช้นั โรงเรียนจดั
เจนเกดิ ความสับสนในการปฏบิ ัติงานไม่มีการกระจาย ภาระงาน

กรณตี วั อย่าง ที่ 1 การว

1.2) โรงเรียนดําเนนิ การจดั ด้านการเรยี นการสอนเป็นประเดน็ หลกั ร
การพัฒนาหลกั สูตร และการประกนั คณุ ภาพภายในและภายนอก

1.3) สภาพปญั หาในปจั จุบัน โรงเรยี นบ้านบึงฉมิ มปี ัญหาท่ีสาํ คญั หลาย
ครผู ู้สอนไมค่ รบช้ัน และงบประมาณอดุ หนนุ จากรัฐมีจํากดั แต่โ

1.4) สภาพที่คาดหวัง โรงเรียนบ้านบงึ ฉมิ มุ่งหวงั ผ่านการประเมนิ คุณ
ตามมาตรฐานการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐานมีคา่ ระดบั “ด”ี หรือ ระดับ

1.5) การประเมินทางเลอื กเพอื่ แก้ปญั หาหรือบรรลุสภาพทค่ี าดหวงั จ
มาตรฐานการศึกษาขน้ั พืน้ ฐานและ พฒั นางานวชิ าการ คือ 1) โคร
และพฒั นาองคก์ รอย่างเปน็ ระบบครบวงจร 2) โครงการพฒั นาหล
เรยี นรู้ท่เี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาํ คัญ และ 3) โครงการจดั กจิ กรรมส่งเสรมิ

วจิ ยั เชงิ ปฏิบตั กิ ารท่เี กย่ี วขอ้ งกับการบริหาร
รองลงมา คอื การพฒั นาสอ่ื การเรยี นรู้ การวัดและ ปรกะเามนิรผศลึกษา

กโรงเรยี น ตามลําดับ
ยประการ ได้แก่ ปญั หานกั เรียนมผี ลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนต่ําปัญหา
โรงเรยี นมจี ุดเดน่ คอื ชุมชนให้การสนบั สนนุ
ณภาพภายในทอี่ งิ สถานศกึ ษา
บ “3” ข้นึ ไป
จัดทําเป็นแผนปฏิบตั ิการงานวิชาการ จาํ นวน 3 โครงการเพื่อแก้ไข
รงการพฒั นาการจดั องค์กร โครงสรา้ งการบรหิ ารและจดั งานวชิ าการ
ลักสูตรสถานศกึ ษาและสาระหลกั สูตรท้องถ่นิ และการจัดกระบวนการ
มคณุ ภาพผเู้ รียนอย่างหลากหลาย

กรณตี ัวอยา่ ง ท่ี 1 การวิจัยเชิงปฏ

2) การเปลีย่ นแปลง การเรยี นรู้ และความรจู้ ากการปฏ
2.1) การเปล่ยี นแปลงจากการปฏบิ ัตจิ ริง จาํ แนกเปน็ ส
การเปลยี่ นแปลงที่ไมค่ าดหวงั ดงั นี้

โครงการที่ 1 โครงการพัฒนาการจดั องคก์ รโครงสรา้ งการบรหิ
วงจร โดยบรรลผุ ลสาํ เร็จ 5 ตวั ช้ีวัด 5 กจิ กรรม ผลการดาํ เนินง

โครงการท่ี 2 โครงการพฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษาและการจดั ก
บรรลผุ ลสาํ เร็จ 6 ตัวชว้ี ัด 4 กจิ กรรม ได้แก่ การประชมุ ปฏิบัต
และการนเิ ทศการสอน แตใ่ นภาพรวมของโครงการมผี ลการดํา

โครงการท่ี 3 โครงการจดั กิจกรรมสง่ เสริมคุณภาพผ้เู รยี นอย่าง
กิจกรรม ไดแ้ ก่ การประชมุ เชงิ ปฏบิ ัตกิ ารเพอื่ การวางแผนจดั กิจ
คา่ นิยมท่ดี ีงาม กจิ กรรมสืบสานประเพณแี ละภูมปิ ญั ญาไทย กจิ
ประชาธปิ ไตย ทค่ี า่ ระดับ 3.00 หรอื “ด”ี ขน้ึ ไป

ฏิบตั ิการทีเ่ กี่ยวข้องกบั การบริหารการศกึ ษา

ฏบิ ตั ิจริง
สองลักษณะ คอื การเปลีย่ นแปลงตามท่คี าดหวงั และ

หารและจัดการงานวิชาการ และพัฒนาองคก์ รอย่างเปน็ ระบบครบ
งานเมือ่ ประเมนิ แล้วสามารถดาํ เนินการได้อยู่ท่ีคา่ ระดับ 3 ขนึ้ ไป

กระบวนการเรยี นรู้ท่ีเน้นผู้เรยี นเปน็ สําคญั มี 7 ตัวชี้วดั 5 กจิ กรรม
ตกิ ารจดั ท่าหลักสตู รทอ้ งถ่นิ การศกึ ษาดงู าน กิจกรรมพ่อครแู มค่ รู
าเนินการอยู่ในระดับ 3.00 หรือ "ด"ี ซงึ่ เป็นไปตามเปาู หมาย

งหลากหลายดว้ ยหลักการ บรู ณาการ บรรลผุ ลสําเรจ็ 7 ตัวช้ีวดั 7
จกรรม การดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี น กิจกรรมทางวิชาการ กจิ กรรม
จกรรมกีฬา ดนตรี ศิลปะ และกิจกรรมสง่ เสริมความเป็น

กรณีตวั อย่าง ท่ี 1 การวิจัยเชิงปฏ

2) การเปลย่ี นแปลง การเรยี นรู้ และความร้จู ากการปฏ
2.2) การเปลี่ยนแปลงที่ไมค่ าดหวัง

นักเรยี นมพี ฤติกรรมดีข้นึ ไดแ้ ก่ การไม่ใช้จ่ายฟุมเฟอื ย
เช่ือฟงั พอ่ แม่ นอนตน่ื ไมส่ าย เชอ่ื ฟังผู้ใหญแ่ ละมรี ะเบยี บวนิ ยั เพ
มคี วามสุขไม่ขาดเรียน

ครูศึกษาแผนการจัดเรียนรู้แบบบูรณาการ และสอนตามแผนกา
เพม่ิ ขึ้น และใช้สอื่ /ใชเ้ ทคโนโลยใี นการจดั การเรยี นการสอนและ

ผู้บรหิ ารโรงเรยี น พบว่ามคี วามรแู้ ละเขา้ ใจทักษะการบริหารงา
ในการจดั การศกึ ษาของโรงเรยี น ทั้งจากภายในและนอกโรงเรยี
ระบบครบวงจร

ฏิบตั กิ ารท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั การบริหารการศกึ ษา

ฏิบัตจิ ริง

พม่ิ ขน้ึ ต้ังใจเรยี น

ารเรียนรู้ จดั การเรียนรู้แบบบูรณาการท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ
ะมรี ปู แบบการจัดการเรียนรทู้ หี่ ลากหลาย
านวิชาการ รู้เทคนคิ วิธกี าร สง่ เสรมิ ใหผ้ ้เู กีย่ วขอ้ งเข้ามามสี ว่ นร่วม
ยนมากยงิ่ ขึ้น และ ดําเนินงานบรหิ ารจดั การงานวชิ าการอยา่ งเปน็

กรณตี ัวอยา่ ง ที่ 1 การวจิ ยั เชิงปฏ

2) การเปลย่ี นแปลง การเรยี นรู้ และความรจู้ ากการปฏ

2.2) การเปลยี่ นแปลงท่ไี มค่ าดหวัง

ผปู้ กครองนักเรยี น พบวา่ ผู้ปกครองมที ศั นคตเิ ปล่ียนไปจากเด
การจัดการศกึ ษาต้องอาศยั ทง้ั ทางโรงเรยี น บา้ น และชมุ ชน นอ
การศกึ ษามากขน้ึ และเขา้ มามบี ทบาทในการจดั การเรยี นรกู้ ารพ
ตนเอง

คณะกรรมการสถานศึกษา พบวา่ รจู้ ักบทบาทหนา้ ท่ีของตนเอ
เปน็ หวั แรงใหญใ่ นการระดมทรพั ยากรมาบรหิ ารจดั การศกึ ษาเข
มคี วามพรอ้ มในการจดั การเรียนรู้ เข้ามามีบทบาทในการมสี ว่ น

ระดบั โรงเรยี น พบว่า โรงเรียนมหี ลักสตู รทอ้ งถ่ิน มีคมู่ ือการปฏ
ครบวงจรต้ังแต่การมวี ิสยั ทัศน์ มีแผนกลยุทธ์ แผนปฏบิ ตั กิ าร โค
และการรายงานผลผบู้ ริหาร

ฏิบตั ิการทีเ่ ก่ียวข้องกับการบรหิ ารการศึกษา

ฏบิ ตั จิ รงิ

ดมิ ที่มีทศั นคตวิ า่ การจดั การศึกษาเป็นของโรงเรียน เปล่ยี นเป็น
อกจากนี้มีพฤติกรรมเอาใจใส่ดูแลบุตรหลานของตนเองใน
พฒั นาโรงเรยี นมากกว่าเดิม เพราะเขา้ ใจบทบาทและหนา้ ท่ีของ

องชดั เจน เขา้ ไปมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของโรงเรยี น
ขา้ มาช่วยเหลอื สนบั สนนุ ปจั จยั การบรหิ าร ในโรงเรียน
นร่วม และกาํ หนดทศิ ทางการจดั การศกึ ษาของโรงเรยี นมากข้ึน

ฏบิ ตั งิ านตามหน้าที่ของผูท้ ่ีเก่ยี วข้องโรงเรยี นการทํางานเป็นระบบ
ครงการ/กิจกรรม การตดิ ตาม กาํ กับ การประเมนิ ผล

กรณตี วั อย่าง ที่ 1 การวจิ ัยเชิงปฏ

2) การเปล่ยี นแปลง การเรยี นรู้ และความรจู้ ากการปฏ
2.2) การเปล่ียนแปลงที่ไม่คาดหวัง

ผูว้ ิจยั พบว่า ผูว้ ิจัยรูว้ ิธีการสรา้ งมิตรภาพกับผรู้ ว่ มวิจยั และเรยี
ทมี่ ีความแตกตา่ งกนั รู้การเชอ่ื มโยงภาพความสัมพันธ์ระหวา่ งอ
เก่ียวเนอ่ื งสมั พันธ์กนั ของงานวชิ าการ รกู้ ารออกแบบการวางแผ
และความรสู้ กึ นึกคิดของผรู้ ว่ มวจิ ยั

ผนู้ าํ ทอ้ งถ่นิ พบวา่ ผูน้ าํ ทอ้ งถ่ินรู้ถึงแนวทางในการร่วมพัฒนาก

ศกึ ษานเิ ทศกแ์ ละนักวิเคราะหน์ โยบายและแผน ร้วู ธิ กี ารประส
ในรปู แบบของการทํางานรว่ มกนั ตามหลกั การบรู ณาการ

ฏบิ ตั กิ ารทเี่ กยี่ วข้องกับการบริหารการศกึ ษา

ฏบิ ัติจรงิ

ยนรกู้ ารสร้างแรงจงู ใจใหเ้ กิดขน้ึ ร่วมกนั ระหวา่ งผู้วิจัยและผู้ร่วมวจิ ัย
อดตี และปจั จบุ นั ท่เี ชือ่ มโยงไปสู่ภาพความคาดหวังท่มี ีความ
ผนด้วยหลักการบรู ณาการจากสภาพทีเ่ ป็นจริงบนสภาพบรบิ ท

การศึกษา รู้และประยุกต์ นาํ ไปใช้ในงานอนื่ ของชุมชนท้องถนิ่
สานงาน ส่งเสรมิ สนบั สนนุ และช่วยเหลืองานวชิ าการของโรงเรยี น

กรณีตวั อย่าง ท่ี 2 การวจิ ยั เชิงปฏบิ ัต

ตวั อยา่ งท่ี 2 : การวจิ ัยเชิงปฏิบตั ิการแบบมสี

ชือ่ เร่อื ง : การพัฒนากิจกรรมการเรียน

การวจิ ยั เชิงปฏิบตั กิ ารแบบม

ชื่อผู้วจิ ัย : พระจกั รพล สริ ธิ โร (ปูองศริ )ิ

ปที วี่ จิ ยั : 2559

คาํ ถามการวจิ ัย

ผลการดาํ เนนิ งานข้ันตอนต่างๆ ของการวิจยั เช

การดาํ เนนิ งานน้นั กอ่ ใหเ้ กิดการเปลีย่ นแปลงการเรียนรู้ และ

วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ัย

เพ่ือพฒั นากิจกรรมการเรยี นรใู้ นโรงเรียนศรจี ัน

สภาพปัจจบุ ัน สภาพปัญหา สภาพทีค่ าดหวัง ทางเลือกเพื่อแ

และผลทีเ่ กิดขึ้น ทง้ั กรณีการเปลีย่ นแปลงทคี่ าดหวังและไม่ค

ระดับกลมุ่ และระดับองค์การ รวมท้ังความรู้ใหม่ทเี่ กดิ ขึน้ จ

และการสะท้อนผลสองวงจรของการวจิ ัยเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารแบบ

ติการท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั การบริหารการศกึ ษา

ส่วนร่วม
นรู้ในโรงเรียนพระปริยตั ิธรรมศรจี นั ทร์วทิ ยา :
มีสว่ นรว่ ม

ชงิ ปฏบิ ตั กิ ารแบบมสี ่วนร่วมทีก่ าํ หนดเป็นอยา่ งไร ?
ะความรู้ใหม่ อะไรบา้ ง ?

นทร์วทิ ยา จงั หวัดเลย โดยม่งุ ศกึ ษาสภาพท่ีเคยเปน็ มา
แก้ปญั หา การนําทางเลอื กท่เี ลอื กสรรสู่การปฏิบัติ
คาดหวัง การเรยี นรู้ทเี่ กิดขึน้ จากการปฏบิ ตั ทิ ั้งระดบั บุคคล
จากกระบวนการวางแผน การปฏิบตั ิ การสังเกต
บมสี ่วนรว่ ม

กรณีตัวอย่าง ท่ี 2 การวจิ ัยเชงิ ปฏิบัตกิ าร

ขอบเขตการวิจยั
1. งานวจิ ัยครั้งน้เี ป็นการวจิ ยั เชงิ ปฏิบตั กิ ารแ

โดยมีผู้ร่วมวิจัยคือผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา กรรมการสถานศกึ
และนักวิจยั

2. ระยะเวลาในการวิจัยเชิงปฏบิ ตั กิ ารแบบม
การนําแผนไปปฏิบัติ การสงั เกต และการสะท้อนผล ภายใ
พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ถงึ วันที่ 31 มนี าคม พ.ศ.2559

3. สถานทท่ี ใ่ี ชใ้ นการทาํ การวจิ ยั ในคร้ังนี้ คอื
ตาํ บลกดุ ปอุ ง อําเภอเมือง จังหวดั เลย

รที่เกยี่ วขอ้ งกับการบรหิ ารการศึกษา

แบบมสี ่วนร่วมในโรงเรยี นศรีจันทร์วทิ ยา
กษา ผู้นําชมุ ชน ครูผู้สอน จาํ นวน 22 คน
มีสว่ นรว่ ม 2 วงจร ของกจิ กรรมการวางแผน
ในปกี ารศกึ ษา 2558 ระหวา่ งวนั ที่ 16
อ โรงเรยี นพระปริยตั ิธรรมศรีจันทร์วทิ ยา

กรณตี ัวอย่าง ท่ี 2 การวจิ ยั เชิงปฏิบัติก

วธิ ีดําเนนิ การวิจัย
การวิจัยครั้งนเี้ ปน็ การวิจยั เชิงปฏิบัตกิ าร

PAR) ทมี่ ีรูปแบบเนน้ ความเปน็ ศาสตร์เชงิ วิพากษ์ ( Cri
เชงิ วพิ ากษ์ (Critical approach) แสดงหลักฐานประก
ร่วมกันคิดรว่ มกันปฏบิ ัติรว่ มกนั สังเกตผล และรว่ มกนั ส
ประสบการณ์การเรยี นรู้ ทเ่ี กิดขึ้นทัง้ ในระดับตวั บุคคลร

1. ดาํ เนนิ การวิจัยเชิงปฏบิ ัตกิ ารแบบมีสว่
การวิจยั 10 ขัน้ ตอน ยดึ ถือหลักการ 10 ประการ จรรย
ประการ ตามทกี่ ล่าว ในบทท่ี 2 โดยเฉพาะจรรยาบรรณ
กระบวนการวิจัยแต่เริม่ แรก รวมทง้ั ขอ้ เสนอแนะ และผ
ผรู้ ่วมการวิจัยต่างมีอทิ ธพิ ลต่อการทํางาน แต่ผู้ท่ไี ม่ประ
สว่ นบคุ คล เพราะเป็นจรรยาบรรณที่เก่ยี วข้องกับสิทธิส

การทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับการบรหิ ารการศกึ ษา

รแบบมีสว่ นร่วม (Participatory action research:
itical science) นาํ เสนอผลการวจิ ัยอิงกับแนวคดิ
กอบทั้งข้อมลู สถติ ิ ภาพถ่าย เอกสารหรอื อน่ื ๆ ถงึ ส่งิ ท่ีได้
สะทอ้ นผลการเปลย่ี นแปลง ทง้ั ทสี่ าํ เร็จและไม่สําเร็จ และ
ระดับกล่มุ บคุ คลและระดับองค์การ
วนรว่ ม 2 วงจร วงจรละ 1 ภาคเรียน โดยมขี ้นั ตอน
ยาบรรณ 10 ประการ และบทบาทของนักวิจยั 10
ณเก่ยี วกบั การแสดงใหท้ ราบถงึ ธรรมชาติของ
ผลประโยชน์ให้แกผ่ ้รู ว่ มวิจยั ทราบ และจรรยาบรรณ
ะสงคม์ สี ว่ นร่วมต้องไดร้ ับการยอมรบั และเคารพในสิทธิ
สว่ นบคุ คล

กรณีตวั อยา่ ง ท่ี 2 การวิจัยเชิงปฏบิ ัต

วธิ ีดาํ เนินการวิจัย
2. ให้ความสําคญั กับกรอบแนวคดิ เชิงทฤ

มคี วามหมาย และอยา่ งมีประโยชนท์ ี่จะทํา ใหผ้ ูว้ ิจัยมคี
การใหค้ ําแนะนาํ ตอ่ ผู้ร่วมวิจัย ในลักษณะทไ่ี ม่ใชเ่ ปน็ กา
ต่อการนําไปปฏบิ ตั ิของผู้ร่วมวจิ ยั แต่จะตอ้ งคาํ นงึ ถงึ กา

3. การสรา้ งทศั นคตทิ ดี่ ใี ห้เกิดข้ึนกับผ้รู ว่
ดว้ ยกันได้ ไม่ได้เปน็ เสน้ ขนานที่ไมม่ ีวนั บรรจบกัน สร้าง
ตระหนกั ถงึ ความสัมพนั ธ์เชิงบวกในลกั ษณะสามเสา้ ระ
“นักวจิ ยั ” “นักทฤษฎี” และ “นกั ปฏบิ ัติ”

4. แสดงบทบาทการสง่ เสริมสนับสนนุ กา
แก่ผรู้ ว่ มวจิ ัย โดยหากมกี ารตดั สินใจรว่ มกนั จากผู้รว่ มว
เพ่มิ พนู โลกทัศนเ์ พิ่มเติม เชน่ การศึกษาดูงานของบุคค
สมั มนา การเชญิ วิทยากร เปน็ ต้น ผวู้ ิจยั จะทาํ หนา้ ท่ีส่ง
ต่างๆ เหล่าน้นั ใหแ้ กผ่ ้รู ่วมวจิ ยั ดว้ ย

ตกิ ารท่ีเกยี่ วข้องกบั การบรหิ ารการศกึ ษา

ฤษฎี ท่ีจะต้องทบทวนขึ้นมาอย่างมีจดุ มุง่ หมายอย่าง
ความไวเชิงทฤษฎีต่อการนําไปใช้อธิบายปรากฏการณ์หรือ
ารยัดเหยียด ไมใ่ หเ้ ป็นตัวชี้นํา หรอื ไมใ่ ห้มีอิทธิพล
ารเปน็ ทางเลอื กการเปน็ ตวั เสริม
วมวิจยั และผเู้ กีย่ วข้องวา่ ทฤษฎีกบั การปฏบิ ตั ิเป็นสิ่งท่ีไป
งกรอบแนวคดิ ให้ผู้ร่วมวิจยั และผู้เก่ียวข้องได้เขา้ ใจและ
ะหว่าง “การวจิ ัย”“ทฤษฎี” และ“การปฏิบัติ” หรอื

ารเสริมพลงั ทางวิชาการ (Academic empowerment)
วจิ ยั วา่ มีความประสงคท์ ี่จะศกึ ษาหาความรู้ความเข้าใจหรือ
คลหรือหนว่ ยงานทีท่ ําประสบผลสําเรจ็ การจดั อบรม
งเสรมิ สนับสนนุ และอํานวยความสะดวกในการจดั กิจกรรม

กรณีตัวอยา่ ง ที่ 2 การวจิ ยั เชิงปฏบิ ตั กิ าร

วิธีดาํ เนินการวิจยั
5. ผูว้ จิ ยั เน้นบทบาทการเป็นผู้มสี ่วนรว่ มแล

สะดวกให้มกี ารปฏิบตั ิตามแผนเชงิ ปฏิบตั กิ ารท่ีกาํ หนดไว้โ
ตามหลักการ “ม่งุ การเปลีย่ นแปลง และมุง่ ให้เกดิ การกระ
ชว่ ยเหลือใดๆทไ่ี ดอ้ ยา่ งง่ายๆหรอื สาํ เรจ็ รูปเกินไป

6. ใหม้ ีการบนั ทึกผลการดาํ เนินงานทัง้ ของผ
1) การเปลย่ี นแปลงในกิจกรร
2) การเปล่ยี นแปลงในคาํ อธิบ
3) การเปลีย่ นแปลงในความส
4) การพัฒนาตนเองจากการร

แลกเปล่ียนความคดิ เหน็ กันเป็นระยะๆ ตามหลกั การรบั ฟ
วิพากษ์และประเมินตนเอง ตลอดจนเกิดกระบวนการเรยี
ครั้งน้ี ประกอบดว้ ย

รที่เกยี่ วข้องกบั การบรหิ ารการศกึ ษา

ละเปน็ ผู้สง่ เสรมิ สนบั สนุนและอาํ นวยความ
โดยมุ่งให้บรรลผุ ลตามวัตถปุ ระสงค์ทกี่ าํ หนด
ะทํา เพ่อื บรรลผุ ล” พยายามไม่ใหค้ วาม

ผู้วิจยั และผูร้ ่วมวจิ ยั โดยคาํ นึงถึงหลักการบนั ทกึ
รมและการปฏิบตั ิ
บายถงึ ส่งิ ทีป่ ฏิบตั ิ
สัมพนั ธ์ทางสังคมและรปู แบบองค์การ
ร่วมในการวจิ ยั และจัดใหม้ กี ารพบปะ สนทนา
ฟงั ข้อคดิ เห็นจากผรู้ ่วมวจิ ัยทุกคน การวิเคราะห์
ยนรู้รว่ มกันอย่างเป็นระบบวธิ ีดาํ เนนิ การวิจยั

กรณตี วั อย่าง ท่ี 2 การวจิ ัยเชิงปฏบิ ตั กิ า

พื้นทด่ี ําเนนิ การวจิ ยั
การวจิ ยั เชงิ ปฏิบตั ิการแบบมสี ่วนร่วมเรอื่

พระปริยัติธรรมศรจี นั ทรว์ ทิ ยา จงั หวดั เลย” เป็นการวจิ
โดยการเลือกแบบเจาะจงตามคุณลกั ษณะ 3 ประการคือ

1) เปน็ โรงเรียนที่จดั กิจกรรมการเรียนรูก้
ศตวรรษท่ี 21

2) เป็นโรงเรยี นที่มคี วามประสงคเ์ ข้าร่วมก
ปฏบิ ัตกิ ารแบบมสี ่วนร่วมโดยผู้อาํ นวยการและคณะกรร

3) เป็นโรงเรียนท่ีผ้วู ิจยั ทํางานอยู่จงึ มคี วา
ขอ้ มูลในการสงั เกต การสมั ภาษณ์ และการบนั ทึกภาพห
ปฏบิ ตั งิ านภาคสนามได้ตลอดระยะเวลาทจ่ี ะทําการวิจัย

ารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับการบรหิ ารการศกึ ษา

อง “การพฒั นากิจกรรมการเรียนรู้ในโรงเรยี น
จัยในระดับโรงเรียน (School-wide) ทีไ่ ด้มา

การเรยี นการสอนทย่ี งั ไมท่ ันสมัยในยคุ การศึกษา

การพัฒนากิจกรรมการเรยี นรดู้ ว้ ยการวจิ ัยเชิง
รมการสถานศกึ ษา
ามสะดวกและความเปน็ ไปได้ตอ่ การท่จี ะเข้าไปเกบ็
หรือเสียงในกิจกรรมท่ีดาํ เนินการสามารถเขา้ ไป


กรณีตัวอย่าง ท่ี 2 การวจิ ัยเชิงปฏบิ ัติกา

ผ้รู ว่ มวจิ ยั และบทบาทของผ้รู ่วมวจิ ัย
1. ผู้รว่ มวจิ ัย เนอ่ื งจากการวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ า

การเรยี นรูภ้ ายในโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรมศรจี ันทรว์ ทิ ยา ผ
participant) เป็นบคุ ลากรเฉพาะภายในโรงเรยี น คือ คณะ

2. บทบาทของผ้รู ว่ มวิจัย ผวู้ จิ ยั และผรู้ ่วมวจิ
เชงิ ปฏบิ ตั กิ ารแบบมสี ่วนร่วมที่ วโิ รจน์ สารรตั นะ (2558)

ารท่ีเก่ียวขอ้ งกับการบริหารการศึกษา

ารแบบมีส่วนรว่ มนีเ้ ปน็ การพัฒนากจิ กรรม
ผวู้ จิ ยั จงึ ได้กําหนดผู้รว่ มวจิ ัย (Research
ณะครู จํานวนรวมทง้ั ส้ิน 22 คน
จยั มีบทบาทโดยยดึ แนวทางการวจิ ัย
พฒั นาขึน้ ท้งั 10 ข้นั ตอนใน 2 วงจร

การวิจัยเช

ข้นั ตอนการวจิ ยั
การวิจัยครง้ั น้ี มี 2 วงจร 10 ขั้นตอน ในป

ปกี ารศกึ ษา 2558 และภาคเรียนท่ี 2 ได้ดําเนนิ การในแ

ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมการ (Preparation) แบง่ ออก
กิจกรรม ต่างๆดังรายละเอียดดังนี้

ระยะที่ 1 การสร้างความเป็นกันเองกบั ผ
1) เสรมิ สรา้ งความเปน็ กันเอง ความรว่ มม
2) เสริมสรา้ งความกล้าคดิ กล้าแสดงทศั น
3) ลดความขดั แย้งที่จะเกดิ ข้นึ ในอนาคต
พบปะพูดคยุ และแสดงความคดิ เห็น โดยดําเนินการในว

กรณีตวั อยา่ ง ที่ 2

ชงิ ปฏิบตั ิการทเี่ กยี่ วข้องกบั การบริหารการศึกษา

ปี การศึกษา 2558 ระหว่างภาคเรยี นที่ 1
แตล่ ะข้ันตอนดงั น้ี

กเป็น 3 ระยะโดยแตล่ ะระยะประกอบดว้ ย

ผ้รู ่วมวิจัย มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื
มือ สัมพันธภาพอันดีใหเ้ กิดขึน้
นะ
ประกอบดว้ ย 1 กิจกรรม คอื การจัดประชุม
วนั ที่ 6 มถิ ุนายน 2558

กา

ระยะที่ 2 การใหค้ วามร้เู บอ้ื งต้นสาํ หรับการ
ประกอบด้วย 2 กิจกรรม คือ

1) การเปดิ ตวั โครงการวิจยั และนาํ เสนอกรอบ
1.1) สร้างความคุ้นเคย ความร้สู ึกเป็นเพอื่
1.2) เสริมพลงั ดา้ นความรู้ความเขา้ ใจเก่ีย

โดยดําเนินการในวนั ที่ 12 กรกฎาคม 2558 และ 2) การเต
มีวัตถปุ ระสงค์เพอ่ื ให้ผรู้ ่วมวจิ ัยมคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วก
แนวคิดเชงิ เทคนคิ ที่สําคัญสามารถนําแนวคิดเชงิ เทคนิคที่ไ
ในวนั ท่ี 17,18 กรกฎาคม 2558

กรณีตวั อย่าง ที่ 2

ารวิจัยเชงิ ปฏิบัตกิ ารที่เกยี่ วขอ้ งกับการบรหิ ารการศกึ ษา

รวจิ ัย (ระเบยี บวธิ วี ิจยั ท่ใี ช้และแนวคิดเชิงเทคนคิ )

บแนวคดิ การวิจยั มีวตั ถุประสงค์เพอ่ื
อนรว่ มงาน และความเปน็ ผู้ร่วมการวจิ ัย
ยวกบั วิธกี ารวิจัยเชงิ ปฏบิ ตั ิการแบบมีส่วนรว่ ม
ตรียมความพร้อมเบ้ืองต้นใหก้ บั ผู้ร่วมวจิ ัย
กบั ระเบยี บ วิธกี ารวจิ ัยเชิงปฏบิ ัตกิ ารแบบมีสว่ นรว่ มและ
ได้มาประยกุ ต์ใช้ในการดําเนนิ งาน โดยดําเนนิ การ

กา

ระยะที่ 3 การปลอ่ ยให้ผู้ร่วมวจิ ยั รว่ มกันคิด
บคุ คลท่ีมีอยู่เดิม (Tacit knowledge) ประกอบดว้ ย 2 ก

1) กิจกรรมร่วมคิดและวางแผนจากความร
1.1) เป็นการดงึ ศกั ยภาพของผรู้ ว่ มวิจัย
1.2) เพื่อให้ทราบถงึ พ้นื ฐานของแต่ละค

ผู้วิจยั แต่ละคน เพราะหากให้ความรู้ทางทฤษฎีไปแลว้ อาจเ
สามารถใช้เปน็ ตัวช้ีวดั พฒั นาการของแตล่ ะคนไดโ้ ดยดําเนิน

2) จัดทาํ ปฏิทนิ การดาํ เนินงาน มีวตั ถุประ
2.1) เพ่ือเป็นแนวทางในการดาํ เนินกา
2.2) เพ่ือถอดบทเรยี นทไี่ ด้จากการปฏ

2558

กรณีตัวอยา่ ง ท่ี 2

ารวิจยั เชงิ ปฏบิ ัติการท่ีเก่ยี วข้องกับการบริหารการศึกษา

ด ร่วมกนั วางแผน อย่างเต็มที่กอ่ นโดยใช้ความรู้สว่ น
กจิ กรรม คอื
รู้ส่วนบุคคลทีม อยู่เดิมมวี ตั ถุประสงค์ เพ่ือ
ยออกมาอยา่ งเต็มทก่ี อ่ น
คนที่มีอยู่ อกี ทัง้ ยังอาจไดค้ วามรู้ใหม่ๆที่ซอ่ นอยใู่ นตวั
เปน็ การปดิ กน้ั ความคดิ ภายในของเขาได้ และท่ีสาํ คัญ
นการในวันที่ 1-9 สิงหาคม 2558
ะสงค์ เพ่ือ
ารวิจยั ท้ัง 10 ขั้นตอน
ฏบิ ตั กิ ิจกรรมรว่ มกันโดยดาํ เนินการในวันที่ 15 สิงหาคม

กา

ข้ันตอนที่ 2 การวางแผน (Planning) ประกอบ

1) การวิเคราะห์กจิ กรรมการเรยี นร้ทู ่ีตอ้ งการ
เพอ่ื ให้ผู้รว่ มวิจัยได้รว่ มกันวเิ คราะห์ “สภาพของการพฒั นา
เกย่ี วกบั การพฒั นากิจกรรมการเรยี นรู้ในปัจจุบนั ” “การพัฒ
“ทางเลือกทห่ี ลากหลายเพื่อการแกป้ ญั หาการพฒั นากจิ กร
เพ่ือปฏบิ ตั ิการแกป้ ัญหาการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้” โด

2) การจัดทาํ แผนปฏิบัติการมีวัตถปุ ระสงค์เพ
ในการพฒั นาโดยดําเนนิ การในวนั ท่ี 2-9 ตลุ าคม 2558

กรณีตวั อยา่ ง ท่ี 2

ารวจิ ัยเชงิ ปฏิบัตกิ ารท่ีเกี่ยวข้องกับการบริหารการศึกษา

บด้วย 2 กจิ กรรม คอื

รพฒั นาหรอื ตอ้ งการเปลี่ยนแปลง มีวัตถุประสงค์
ากจิ กรรมการเรยี นรทู้ ่ีเคยเป็นมา” “สภาพปญั หาที่สาํ คัญ
ฒนากิจกรรมการเรียนรทู้ ่คี าดหวังจากการแกป้ ญั หา”
รรมการเรียนรู้” “การประเมินและเลือกทางเลือก
ดยดําเนนิ การในวันท่ี 4-20 กนั ยายน 2558
พอื่ ร่วมกันจัดทําแผนปฏบิ ัติการเพ่ือเป็นแนวทาง

กา

ขั้นตอนท่ี 3 การปฏิบตั ิการ (Acting) ประกอบด

1) จัดทําเคร่อื งมอื ในการวิจัย มีวตั ถุประสงค์เ
รวบรวมข้อมลู จากการปฏิบัติงาน โดยดําเนินการในวันที่ 7

2) การประเมินการพฒั นากจิ กรรมการเรียนร
แผนปฏบิ ตั กิ ารลงสกู่ ารปฏบิ ัติ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื การประเม
พระปริยัตธิ รรมศรีจันทรว์ ิทยาศรจี ันทร์วิทยา กอ่ นการนําแ
ผรู้ ว่ มวจิ ยั ได้ รว่ มกันจัดทําข้ึน เพ่ือนําขอ้ มลู ทไี่ ด้ไวเ้ ปรยี บเท
โดยดําเนนิ การในวันที่ 8 พฤศจกิ ายน 2559

3) การนําแผนปฏิบัติการลงสู่การปฏิบตั ิ มีวัต
ไดจ้ ากการจดั กระทาํ รว่ มกัน โดยดําเนินการในวันที่ 9 พฤศ

กรณีตวั อย่าง ท่ี 2

ารวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั ิการที่เก่ยี วขอ้ งกับการบรหิ ารการศกึ ษา

ดว้ ย 3 กิจกรรม คอื

เพือ่ ร่วมกนั จดั ทําเครื่องมอื ในการวจิ ยั เพื่อใชใ้ นการเกบ็
พฤศจกิ ายน 2558
รู้ของโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรมศรีจันทรว์ ิทยา ก่อนนาํ
มนิ การพฒั นากจิ กรรมการเรยี นรขู้ องโรงเรียน
แผนปฏบิ ัติการลงสกู่ ารปฏิบัติด้วยเครื่องมอื ท่ผี วู้ ิจยั และ
ทยี บกับขอ้ มลู การดาํ เนินงานในระยะตอ่ ๆ ไป

ตถุประสงค์เพ่ือร่วมกันลงมือปฏิบัตติ ามแผนปฏบิ ัตกิ ารที่
ศจกิ ายน 2558

การ

ขั้นตอนท่ี 4 การสงั เกตผล (Observing) ประก

1. ขน้ั ตอนการกาํ หนดรปู แบบและวิธกี ารสงั
การสงั เกตผลตามสภาพจรงิ ของผลการดาํ เนนิ งานทีค่ าดหว
เพอื่ การปรบั ปรงุ แกไ้ ขดาํ เนินโครงการ/กิจกรรมและร่วมกับ
และการเปล่ยี นแปลงการเรยี นรแู้ ละความรู้ใหม่ทีเ่ กดิ ขึ้นโดย

2. ขนั้ ตอนการสงั เกตและเสนอรายงานผล
ความพงึ พอใจของผูว้ ิจัยและผ้รู ่วมวจิ ยั ผรู้ ว่ มวิจยั แบ่งออกเป

1 ) สว่ นรายละเอยี ดของโครงการ
2) ส่วนรายละเอยี ดแผนพฒั นาบคุ ลากรรา
3. ข้ันตอนการประเมินและสรุปผลมีวตั ถปุ ร
เหน็ ชอบ และความพงึ พอใจของแต่ละโครงการโดยดําเนินก

กรณีตัวอย่าง ที่ 2

รวิจยั เชิงปฏบิ ัตกิ ารท่ีเกี่ยวขอ้ งกับการบริหารการศกึ ษา

กอบดว้ ย 3 ขนั้ ตอนคือ

งเกตผล มวี ัตถุประสงค์เพอื่ ร่วมกันกําหนดรปู แบบ
วัง และไมค่ าดหวงั จุดเด่นจดุ บกพร่อง และข้อเสนอแนะ
บสรปุ สิ่งทกี่ ระทําสําเร็จไมส่ ําเร็จสง่ิ ทค่ี วรปรบั ปรุงแกไ้ ข
ยดําเนินการในวันท่ี 14 ธันวาคม 2558
มีวตั ถุประสงคเ์ พือ่ ให้มีการสงั เกตผลและรายงานผล
ปน็ 2 ส่วน

รายบคุ คล โดยดําเนนิ การในวนั ท่ี 19 ธันวาคม 2559
ระสงค์ เพอ่ื ร่วมกันสรปุ ผลการสงั เกตผลและขอมติ
การในวันที่ 25 ธันวาคม 2558



ขนั้ ตอนท่ี 5 การสะท้อนผล (Reflecti
1 ) การสะท้อนผลการปฏบิ ัต

มีวตั ถุประสงคเ์ พ่อื สะทอ้ นผลการดําเนนิ
สําเร็จทาํ ไมส่ ําเรจ็ สงิ่ ท่ีควรปรบั ปรงุ แก้ไข
28 ธันวาคม 2558

กรณีตวั อยา่ ง ที่ 2

การวิจัยเชงิ ปฏบิ ัติการที่เกย่ี วขอ้ งกับการบริหารการศึกษา

ing) ประกอบด้วย 1 ขั้นตอนย่อยดงั นี้คอื
ตงิ านโครงการหลงั การปฏบิ ตั แิ ล้วเสร็จ
นงานทีผ่ า่ นมาทั้งหมดเพือ่ ให้ทราบถึงส่งิ ท่ีทํา
ขและการเรยี นรู้ท่ีเกดิ ขึ้นโดยดาํ เนินการในวันที่

กา

ขน้ั ตอนที่ 6 การวางแผนใหม่ ( Re-Planning)

1) การศึกษาวิเคราะห์สภาพปจั จบุ นั ของการ
การดําเนินงานในทุกขั้นตอนทผ่ี ่านมาพร้อมทง้ั ได้นาํ เสนอผ
การดําเนินงานตามผลการประเมนิ ท้งั ก่อนและหลังการนําแ
เกยี่ วกบั สภาพการเปลี่ยนแปลงของการพฒั นากจิ กรรมการ
ผรู้ ่วมวจิ ยั ได้ร่วมพัฒนาขึ้นซ่ึงกาํ หนดไว้ 5 ด้านโดยใชเ้ ครอ่ื ง
ของโรงเรียนศรจี ันทร์วทิ ยา) ใหแ้ ก่ผรู้ ่วมวจิ ยั ไดร้ บั ทราบรวม
ไมบ่ รรลคุ วามคาดหวังก่อนที่ จะร่วมกันวเิ คราะหส์ ภาพปจั จ
เพ่อื นาํ ไปกาํ หนด “สภาพทค่ี าดหวังจากการแก้ปญั หา ” “ก
เลือกทางเลอื ก”

2) การจัดทาํ แผนปฏบิ ตั ิการใหม่ มีวัตถปุ ระส
ประเมนิ นํามาจดั ทาํ แผนปฏิบตั ิการใหม่โดยทงั้ 2 กิจกรรมด

กรณีตวั อยา่ ง ท่ี 2

ารวจิ ยั เชงิ ปฏิบัตกิ ารท่ีเกย่ี วขอ้ งกับการบริหารการศึกษา

) ประกอบด้วย กิจกรรมคือ

รพัฒนางาน มวี ตั ถุประสงค์เพอื่ ทบทวนขอ้ มลู
ผลการประเมินเปรียบเทียบความกา้ วหนา้ ใน
แผนลงส่กู ารปฏบิ ตั มิ าเปรียบเทียบกนั เพอ่ื ชใ้ี ห้เหน็ ข้อมลู
รเรยี นรใู้ นโรงเรียนศรีจนั ทร์วิทยาตามตวั ชี้วัดทผ่ี ้วู ิจยั และ
งมอื การวจิ ัยฉบบั ที่ 3 (แบบประเมินกิจกรรมการเรยี นรู้
มทงั้ นาํ เสนอให้เหน็ ถงึ ส่งิ ทบ่ี รรลุความคาดหวงั และสง่ิ ที่ยัง
จุบันปญั หาและสาเหตุของปัญหาและสาเหตขุ องปญั หา
การระบทุ างเลอื กท่หี ลากหลาย ” “การประเมนิ และ

สงค์เพ่อื นาํ ทางเลอื กท่ีผ้วู จิ ยั และผู้ร่วมวิจยั ไดร้ ่วมกนั
ดา เนินการในวันที่ 8 มกราคม 2559

กา

ขัน้ ตอนท่ี 7 การปฏบิ ัตใิ หม่ (Re-acting) ประก

1) การสรา้ งขวญั กาํ ลงั ใจกอ่ นการปฏิบตั ิใหมม่
ใหผ้ รู้ ว่ มวจิ ยั เกิดความกระหายและฮกึ เหิมในการลงมือปฏิบ

2) การกําหนดแนวปฏิบตั ิร่วมกัน มวี ตั ถุประส
2.1) รว่ มกนั วางแนวปฏบิ ัตเิ พอื่ ให้แผนปฏบิ
2.2) รว่ มกนั พิจารณาทบทวนแกไ้ ขเครื่องม

ปฏิบัติงานใหม่ โดยดาํ เนนิ การในวนั ท่ี 16 มกราคม 2559
3) การนําแผนลงส่กู ารปฏบิ ัติใหม่ มีวตั ถุประ

จากการจดั ทํารว่ มกันโดยดําเนนิ การในวนั ท่ี 16 มกราคม –

กรณีตวั อย่าง ที่ 2

ารวิจยั เชงิ ปฏบิ ตั ิการท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั การบริหารการศึกษา

กอบด้วยกิจกรรม

มีวัตถุประสงคเ์ พ่ือสรา้ งแรงกระตุ้นและสร้างขวัญกาํ ลงั ใจ
บตั ิโดยดาํ เนินการในวันที่ 15 มกราคม 2559
สงคเ์ พ่อื
บตั ิการใหม่บรรลุตามจดุ มุ่งหมาย
มือการวิจยั เพอ่ื ใชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มลู จากการ

ะสงคเ์ พอื่ รว่ มกนั ลงมือปฏิบัติตามแผนปฏบิ ตั ิการใหม่ท่ีได้
– 14 กมุ ภาพนั ธ์ 2559

กา

ข้นั ตอนท่ี 8 การสงั เกตผลใหม่ ( Re-observin

1 ) ขน้ั ตอนการกําหนดรปู แบบและวิธกี ารส
การสงั เกตผลตามสภาพจรงิ ของผลการดาํ เนนิ งานที่คาดหว
เพ่ือการปรบั ปรงุ แก้ไขดําเนินโครงการ/กจิ กรรมและร่วมกับ
แก้ไขและการเปล่ยี นแปลงการเรยี นรแู้ ละความรใู้ หม่ที่เกดิ ข

2) ขั้นตอนการสงั เกตและเสนอรายงานผลม
ของความพึงพอใจของผู้วจิ ยั และผูร้ ่วมวิจัยผู้รว่ มวิจัยแบง่ อ

1 ) สว่ นรายละเอยี ดของโครงการ
2) ส่วนรายละเอียดแผนพัฒนาบุคลากรรายบ
3) ข้ันตอนการประเมินและสรุปผล มวี ตั ถุปร
และความพึงพอใจของแต่ละโครงการดาํ เนนิ การในวันที่ 5

กรณีตัวอย่าง ที่ 2

ารวจิ ัยเชงิ ปฏบิ ตั ิการท่ีเกย่ี วข้องกบั การบรหิ ารการศึกษา

ng) ประกอบดว้ ย 3 ขน้ั ตอนคือ

สังเกตผล มวี ัตถุประสงคเ์ พื่อรว่ มกันกาํ หนดรปู แบบ
วงั และไมค่ าดหวงั จดุ เด่นจุดบกพรอ่ งและขอ้ เสนอแนะ
บสรุปส่ิงท่ีกระทาํ สําเร็จหรอื ไม่สําเรจ็ ส่งิ ทีค่ วรปรบั ปรงุ
ขึ้น
มวี ตั ถุประสงค์เพอ่ื ให้มีการสงั เกตผลและรายงานผล
ออกเปน็ 2 ส่วน

บุคคล
ระสงค์เพื่อร่วมกนั สรปุ ผลการสงั เกตผลและขอมตเิ ห็นชอบ
มนี าคม 2559


Click to View FlipBook Version