การวิจยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ
ผสมผสาน
การวิจัยแบบมีส่วนร่วม
(Participatory Research)
การวิจัยเชงิ ปฏิบตั ิการ
(Action Research)
การวจิ ัยเชิงคุณภาพ
(Qualitative Research)
การแบบมสี ว่ นร่วม
องค์ความรู้ใหม่ในการจัดการกับปัญหาท่ี
เกิดขน้ึ โดยการลงมอื ปฏิบตั ิ ควบคู่กับการวิจัย
และตลอดกระบวนการในการศึกษาปัญหา
วิเคราะห์ปัญหา วางแผนปฏิบัติ และติดตาม
ประเมินผล จะต้องคํานึงถึงการสร้าง
การมีส่วนร่วม ระหว่างนักวิจัย ผู้เช่ียวชาญ
ชุมชน ประชาชน และองค์กรที่เก่ียวข้องให้
เป็น เครือข่ายแห่งการร่วมมือในทุกขั้นตอน
ของการวจิ ยั
ขนั้ ตอนการวิจัยเชงิ ปฏบิ
ระยะการจ
ระยะของ (Planning
การทําวจิ ยั 3
(Research Phase)
ระยะก่อนทําวิจัย 2
(Pre-Research Phase)
1
บตั กิ ารแบบมีส่วนร่วม
จัดทําแผน
g Phase) ระยะการนํา
แผนไปปฏบิ ัติ
(Implementation ระยะการตดิ ตามและ
Phase) ประเมินผลการปฏิบัติงาน
4 (monitoring and
evaluation phase)
5
1. ระยะกอ่ นทาวิจยั (Pre
Step 01
Step 02
Step 03
e-Research Phase)
การคดั เลอื กชุมชนและการเข้าถงึ ชุมชน
การบรู ณาการตัวนกั วิจยั เขา้ กับชมุ ชน
การสาํ รวจข้อมูลเบอ้ื งตน้ ของชมุ ชน
2. ระยะของการทาวจิ ยั
2.การฝกึ อบรม 4
ทีมวจิ ยั
1.การศึกษาวเิ คราะห์ 3.การวิเคราะหป์ ัญ
ปญั หาร่วมกับชุมชน อาจเกดิ ข้นึ ใน
กระบวนการ PAR แ
กําหนดแนวทางแก
ย (Research Phase)
4.การออกแบบการวิจยั 6.การนาํ เสนอขอ้ มลู ตอ่ ท่ี
และเกบ็ ข้อมูล ประชมุ
ญหา 5.การวเิ คราะห์ขอ้ มูล
และ
กไ้ ข
3. ระยะการจดั ทาแผน
การอบรมทีมงาน 02 การศึก
วางแผน เปน็ ไป
01 แผน
0
การกําหนด
โครงการหรอื
กจิ กรรม
น (Planning Phase)
กษาความ การวางแผน
ปไดข้ อง เพ่ือตดิ ตามและ
นงาน
ประเมินผล
03 04 05
การแสวงหา
งบประมาณและ
หน่วยงานท่ี
สนับสนนุ
4. ระยะการนาแผนไปปฏบิ ตั
Stage 1
การกําหนดทมี งาน ก
ปฏิบัตกิ ารอาสาสมัคร ปฏ
ติ (implementation phase)
Stage 2
การอบรมทีมงาน
ฏิบัตกิ ารอาสาสมัคร
5. ระยะการตดิ ตามและประเม
(monitoring and evalu
การจดั ตง้ั ทมี งานติดตามและ
ประเมนิ ผลการปฏบิ ัติงาน
เพ่ือตดิ ตามการดาํ เนนิ งานของ
ฝุายปฏบิ ตั ิทกุ ระยะ
มนิ ผลการปฏิบัตงิ าน
uation phase)
เสนอผลการประชุมตอ่ ท่ีประชุม
จากสาระดงั กล่าวนน้ั
ข้นั ตอนการวจิ ยั แบบมีส่วนรว่
การเตรียมการ การ
01 02 0
การวางแผน
การวางแผนใหม่ การสังเก
06 07 0
การปฏิบตั ใิ หม่
วม 10 ขั้นตอน 2 วงจร
รปฏบิ ัติ การสะทอ้ นผล
03 04 05
การสังเกตผล
กตผลใหม่ การสรปุ ผลวิจยั
08 09 10
การสะท้อนผลใหม่
เทคนคิ หรอื เครือ่ งมือการศ
01 (future
A-I-C Confer
(appreciation- FSC
influence-Control) 02
ศกึ ษาชมุ ชนอยา่ งมีสว่ นรว่ ม
search
rence)
03
SWOT
2
(strength weakness
opportunity threat)
1. เทคนคิ A-I-C (appre
การเรียนรู้แลกเปลย่ี น กําห นด ยุ ทธศ าส
ประสบการณ์ เปิดโอกาสแสดง หาวธิ ีการ และเสนอท
ความคดิ เห็น รบั ฟัง ยอมรับ และ บรร ลุ ค วาม มุ่งห
สรุปรว่ มกันอยา่ งสร้างสรรค์ ทพ่ี ึงประสงค์
A1 : สภาพปัจจุบันที่รับรู้ สํารวจ I1 : การคิดกิจกรรม
สภาพจรงิ และสภาพท่ีอยากเห็น ใ ห้ บ ร ร ลุ ค ว า ม มุ่ ง
หรอื มงุ่ หวัง ประสงค์
A2: สภาพท่ีปรารถนาในอนาคต I2 : การจัดลาํ ดับคว
eciation-influence-Control)
สต ร์ ม าตร กา ร การทํางานร่วมกัน โดยนําเอา
ทางเลือก เพ่ือให้ โครงการและกิจกรรมมาสู่การ
หวัง บรร ลุภาพ ปฏิบัติ และจัดกลุ่มดําเนินการ
ท่ีแต่ละกลุ่มถนัด และแสวงหา
โครงการท่ีจะทํา ทรพั ยากร
หวัง /ภาพท่ีพ่ึง C1 : แบง่ ความรับผดิ ชอบ
C2 : จดั ทาํ แผนปฏิบตั กิ าร
วามสําคัญ
2. เทคนคิ FSC (future search C
อนาคตร่วมกัน เปน็ การประชุมเชงิ ปฏิบัตกิ าร
การวิเคราะห์ 01
เหตุการณ์ในอดีต
การวิเคราะห์เหตุการณ์ในอดีต เพ่ือเชื่อมโยง
กบั สภาพการณ์ และแนวโนม้ ในปจั จุบนั
สรา้ งจินตนาการถงึ อนาคต 03
การสร้างจนิ ตนาการถึงอนาคตที่พึงปรารถนา
ในประเดน็ หลกั ของการประชมุ เพอ่ื ร่วมกันกาํ หนดความคิดเห็น
และสรา้ งแผนปฏิบตั ิการไปสู่ อนาคตร่วมกัน
Conference) หรอื การประชุมเพอ่ื สรา้ ง
ร (work shop)
02 วิเคราะห์และสงั เคราะห์
3
สถานการณป์ ัจจบุ นั
การวเิ คราะห์และสงั เคราะห์สถานการณ์
ปัจจบุ นั เพื่อความเข้าใจในทิศทางและปัจจยั
ท่ีมอี ทิ ธิพลในประเด็นหลกั ของการประชุม
3. เทคนคิ การวเิ คราะห์โดยใช้ SW
(strength weakness opportunity thre
SW
Strengths Weaknesses
จุดอ่อน
จุดแข็ง
วิเคราะหจ์ ุดออ่ นของ
วิเคราะห์จดุ แข็ง องค์กร
ขององค์กร
WOT
eat) วิเคราะห์ชุมชนเพ่ือการพฒั นา
OT
Opportunities Threats
โอกาส อุปสรรค
สง่ ผลดีต่อ ภัยคกุ คามจาก
การดาํ เนินงาน ภายนอกเป็นอปุ สรรค
ตอ่ การดาํ เนนิ งาน
4. การสนทนากล่มุ (focu
2.การอภิปราย 4. มคี ว
แลกเปลี่ยน ของก
ความคดิ เหน็ ของขอ้ มูล สนทน
1. กจิ กรรมการเรม่ิ ต้น 3. หาขอ้ สรปุ ทจี่ ะ
ที่ดขี องการพฒั นา นําไปสู่การวางแผนท
ชมุ ชน
บุคคลทีร่ ว่ มสนทนากลุ่ม ไ
us group interview)
วามเที่ยงตรง ความเหน็ 6. กาํ หนดกล่มุ คนท่จี ะ
กลมุ่ หรือกระบวนการ พูดคยุ เวลา สถานท่ี
นากลุ่มเป็นการพดู คุย หวั ข้อทจี่ ะพูดคยุ และ
แบบธรรมชาติ บรรยากาศในการพูดคยุ
5. คนทมี่ บี ทบาทสําคัญ
ทีด่ ี คือ พธิ กี รหรือผูน้ ํากลุ่ม
(moderator)
ไม่ตาํ่ กวา่ 6-12 คน
บทบาทของบุคคลทีเ่ ข้าร่วมส
01 02
moderator discussion n
พิธีกร บคุ คลเปา้ หมาย
ของการสนทนา
สนทนากลุม่ (focus group interview)
03 04
note taker assistants
ผู้จดบนั ทกึ ผู้ชว่ ย
การสนทนา
5.ถอดบทเรยี น (After
เครื่องมือท่นี ํามาใช้ใน เพ่ือทบทวนวิธกี ารท
กระบวนการทํางาน ความสําเร็จและปัญห
นําบทเรียนท่ีไดจ้ ากความสําเร็จและ
ปญั หาที่เกดิ ขน้ึ มาจัดทาํ และพฒั นา
กระบวนการทาํ งานใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ
และประสิทธิผลมากข้นึ
Action Review: AAR)
ทํางานทั้งดา้ น ทบทวนเพอื่ รว่ มกันสะทอ้ น และ
หาทีเ่ กดิ ข้ึน ทบทวนกระบวนการตา่ ง ๆ
โดยมกี ารแลกเปลยี่ นประสบการณ์
การทาํ งาน แบ่งวิธกี ารเป็น 2 ลักษณะ คือ
การทํา AAR สําหรับผรู้ ่วมกจิ กรรม และ
การทํา AAR สําหรับผจู้ ดั กจิ กรรม
การทา AAR เป็นการแล
การทางาน แบ่งวิธกี
การทาํ AAR 01
สาํ หรับผูร้ ว่ มกจิ กรรม
เพื่อสะท้อนความสําเร็จ ปัญหา อุปสรรค
แ ล ะ ส่ิ ง ท่ี ผู้ ร่ ว ม กิ จ ก ร ร ม ไ ด้ เ รี ย น รู้
โดยใช้ 5 คําถาม หลังจากน้ันผู้จัดกิจกรรม
จ ะ ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล ท่ี ไ ด้ จ า ก ผู้ ร่ ว ม กิ จ ก ร ร ม
ไปพัฒนาปรับปรุงกระบวนการจัดกิจกรรม
ใหม้ ีประสทิ ธิภาพยงิ่ ข้นึ
ลกเปล่ยี นประสบการณ์
การเป็น 2 ลกั ษณะ
การทาํ AAR
02 สําหรับผจู้ ัดกิจกรรม
เพอื่ สะท้อนการจัดกจิ กรรมแต่ละคร้ัง
ใหเ้ หน็ ทกุ กระบวนการ ตง้ั แต่กอ่ น ระหวา่ ง
และหลังจัดกิจกรรม ทาํ ให้ทีมงานเกดิ การเรยี นรู้
ร่วมกันวา่ อะไรคือส่งิ ที่พฒั นาได้ดี อะไรคือ
ปัญหาอปุ สรรค และสรปุ แนวทางแก้ปญั หา
รว่ มกนั เพอ่ื จัดทําเปน็ แนวทาง/ขัน้ ตอน
ของการทาํ กิจกรรมครั้งตอ่ ไป หรอื เรยี นรตู้ อ่ ยอด
ไปที่กิจกรรมอื่น ๆ
5 คาถามท่ีใช้ใน
2.ได้ตามทีค่ าดหวัง
หรือไม่ เพราะอะไร ?
1.คาดหวงั จากอะไรใน 3. มีอะไรทเ่ี ปน็
กจิ กรรมคร้ังน้ี ? คาดหวงั และจะ
ใหด้ ขี น้ึ อย่า
นการทา AAR
4. มีสิง่ ทเ่ี กินความ
คาดหวังหรอื ไม่ ?
นไปไมต่ าม 5. จะทําอะไรต่อไปเพอ่ื ให้บรรลุ
ะปรับปรงุ สงิ่ ทคี่ าดหวงั หรอื ไดร้ ับบทเรียน
างไร ?
อะไรที่จะช่วยปรับปรุง
การทํางานครั้งต่อไป ?
การ
ตวั อยา่ งท่ี 1 : การวิจยั เชิงปฏิบัตกิ ารแบบมสี ่วนรว่ ม
ชื่อเรอื่ ง : “การพฒั นางานวชิ าการด้วยหลักการบูรณ
แบบมีส่วนรว่ ม"
ช่อื ผู้วิจัย : ศริ ิกลุ นามศิริ
ปที ่วี จิ ยั : 2552
วตั ถุประสงค์ :
1) เพือ่ ศกึ ษาสภาพทีเ่ คยเปน็ มา สภาพปัจจุบนั
หรอื บรรลุสภาพทค่ี าดหวงั การพัฒนางานวิชาการของโรงเรยี น
การปฏิบตั ิ และปรากฏการณท์ เี่ กดิ ข้ึนจากการนําทางเลือกไปป
และใช้ระเบียบวธิ ีวิจยั เชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนรว่ ม
2) เพอื่ ศกึ ษาสภาพการเปลย่ี นแปลง และการเ
โรงเรียน และ ความร้ใู หม่ท่เี กิดข้ึนจากการนาํ เอาหลกั การบูรณ
โรงเรียนประถมศกึ ษาขนาดเลก็ ท่ีเปน็ กรณีศึกษา ใช้ระเบียบว
กรณตี วั อย่าง ที่ 1
รวิจัยเชิงปฏบิ ตั กิ ารทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั การบรหิ ารการศกึ ษา
ณาการในโรงเรยี นขนาดเล็ก:การวจิ ัยเชงิ ปฏิบัติการ
น สภาพปัญหา สภาพท่ีคาดหวัง ทางเลอื กเพ่ือแก้ปัญหา
นขนาดเล็กท่ีเป็นกรณีศกึ ษาการเลอื กทางเลอื กเพ่อื
ปฏบิ ัติ ท่ีมีการใช้หลักการบูรณาการเป็นตัวสอดแทรก
เรยี นรทู้ ี่เกดิ ขึน้ ทัง้ ในระดบั ตวั บุคคล กลุ่มบคุ คล และ
ณาการมาเป็นตวั สอดแทรกเพอื่ พัฒนางานวิชาการของ
วธิ กี ารวิจยั เชงิ ปฏิบัติการแบบมสี ่วนรว่ ม
กา
ระเบยี บวิธีการวจิ ัย วิจยั เชิงปฏิบตั กิ ารแบบมีส่วนร่วม
ดําเนนิ การวิจัย
โรงเรียนที่ได้มาดว้ ยการส่มุ เจาะจง (purposive sampling) ตามคุณ
1) เป็นโรงเรียนขนาดเลก็ ทไ่ี ม่ไดม้ าตรฐานด้านผูเ้ รียนและไม่ผา่ นการ
2) เป็นโรงเรียนท่มี ีความประสงค์เขา้ ร่วมพัฒนางานวชิ าการด้วยการว
3) เปน็ โรงเรียนทมี่ คี วามเป็นไปได้ทีผ่ ู้วิจัยสามารถเข้าไปปฏิบัติงานภ
โดยพจิ ารณาในดา้ นการคมนาคม ความปลอดภยั การประสานงานต
การสมั ภาษณ์ และการบันทกึ ภาพ/เสียงในกจิ กรรมทด่ี าํ เนินการ
ผลจากการส่มุ เจาะจง ได้สถานทดี่ ําเนนิ การวจิ ยั คือ โรงเรยี นบา้ นบ
กรณีตัวอย่างท่ี 1
ารวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ัตกิ ารท่ีเก่ียวข้องกบั การบรหิ ารการศกึ ษา
ณลักษณะ 3 ประการคอื
รรับรองมาตรฐานการประเมินภายนอกของ สมศ.
วิจยั เชิงปฏบิ ตั กิ ารแบบมสี ่วนร่วม
ภาคสนามเป็นชว่ งๆ ในระยะเวลาติดต่อกันในเวลา 1 ปีการศึกษา
ตดิ ตอ่ ท่ีรวดเร็ว และการเข้าไปเก็บ ข้อมูลในการสังเกต
บงึ ฉิม ตําบลบึงฉมิ อาํ เภอเมืองขอนแก่น จงั หวัดขอนแก่น
การว
มีผู้ร่วมวิจยั (research participant) โดยยึดการมีส
หนว่ ยงานที่เกยี่ วข้อง จาํ นวน 66 คน ดังนี้
1) บุคลากรในโรงเรยี น ประกอบดว้ ย ผู้บรหิ ารโรงเรียน
คณะกรรมการโรงเรียน จาํ นวน 9 คน รวม 13 คน
2) บุคลากรภายนอกโรงเรยี น ประกอบด้วย เครือขา่ ยผ
จาํ นวน 1 คน นายกองค์การบริหารสว่ นตําบลบงึ ฉิม จ
และแผน ของสาํ นกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษาขอนแกน่ เข
การวิจยั ประกอบด้วย 2 วงจร 10 ขน้ั ตอน ในปีงบป
(คาบเก่ียวระหวา่ งภาคปลายปกี ารศึกษา 2550 และภา
กรณีตัวอย่างที่ 1
วจิ ัยเชิงปฏิบัตกิ ารท่ีเก่ียวข้องกบั การบริหารการศึกษา
ส่วนร่วมของผู้มสี ว่ นไดส้ ว่ นเสียในโรงเรยี น ในชุมชน และ
นและครู จาํ นวน 4 คน
ผูป้ กครองนกั เรียน 49 คน ผใู้ หญบ่ า้ นและกํานนั ตําบลบงึ ฉมิ
จาํ นวน 1 คน ศกึ ษานิเทศก์ และเจ้าหน้าทว่ี เิ คราะหน์ โยบาย
ขต 1 จํานวน 2 คน รวม 53 ราย
ประมาณ 2551
าคตน้ ปกี ารศึกษา 2551)
การ
ดําเนนิ การตามข้นั ตอน
ขั้นตอนท่ี 1 การเตรยี มการ (preparation) จดั ประชุมเชิงป
การนํากรอบความคดิ ของการวจิ ัยช้แี จงต่อผู้รว่ มวิจยั เสนอแน
ของผ้ทู ี่ไมป่ ระสงคท์ ่จี ะร่วมวิจยั รว่ มทั้งสร้างความตระหนกั ใน
กลุม่ บุคคล และองคก์ าร ตลอดจนวางแผน ดําเนนิ งานร่วมกนั
ข้ันตอนท่ี 2 การวางแผน (planning) จัดประชุมเชิงปฏิบตั
ถงึ สภาพที่เคยเป็นมา สภาพในปจั จุบัน สภาพท่ีคาดหวัง สภาพ
เป็นภาพรวม การประเมินเพือ่ กําหนด ประเด็นปัญหาท่ีตอ้ งกา
(action plan) เพือ่ ดาํ เนินงาน แบง่ ทมี รบั ผิดชอบโครงการ/
กิจกรรม
กรณีตัวอย่างท่ี 1
รวิจัยเชิงปฏบิ ตั กิ ารท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การบรหิ ารการศึกษา
ปฏบิ ัตกิ าร ณ โรงเรียนบ้านบึงฉมิ มจี ดุ มงุ่ หมายเพอื่
นะและช้ถี ึงประโยชนท์ ี่ผ้รู ่วมวจิ ัยจะไดร้ ับ และยอมรับสิทธิ
นการวจิ ัยและการปฏบิ ตั ิงานควบคู่กนั ไปทัง้ ในตัวบุคคล
นตลอดระยะเวลา 1 ปงี บประมาณ พ.ศ. 2551
ติ ณ โรงเรียนบ้านบงึ ฉิม เพื่อใหม้ กี ารศึกษาวเิ คราะหใ์ หท้ ราบ
พปญั หาอุปสรรคของการพัฒนางานวชิ าการของโรงเรยี นที่
ารปรบั ปรุงแก้ไขหรือพัฒนา การจดั ทําแผนปฏิบัติการ
/กิจกรรมตามแผนปฏิบัตกิ าร โดยแบ่งทมี ละ 1 โครงการ/
การ
ขัน้ ตอนที่ 3 การปฏิบัติ (acting) โดยแตล่ ะทีม นาํ โครง
จัดทําข้ึนเพ่อื ให้บรรลผุ ล
ข้ันตอนที่ 4 การสังเกตผล (observing) จดั ประชมุ เชงิ
evaluation) ทั้งผลท่คี าดหวงั และท่ไี ม่คาดหวงั และการ
ปฏบิ ัติงานว่า ได้องค์ความรูใ้ หม่ ทฤษฎใี หม่ หรือเกดิ การ
การดําเนินงาน
ขนั้ ตอนท่ี 5 การสะท้อนผล ( reflecting) ประชุมทีมย
ผลการเรียนรทู้ เ่ี กดิ ข้ึน และขอ้ เสนอแนะ เพือ่ การปรบั ปร
การดาํ เนนิ งานทผี่ ่านมา โดยภาพรวมผลการเรยี นรู้ทเี่ กดิ
กรณีตัวอย่างที่ 1
รวจิ ัยเชิงปฏิบัติการที่เก่ียวขอ้ งกบั การบรหิ ารการศึกษา
งการ/กิจกรรมที่รบั ผิดชอบไปปฏบิ ัติตามแผนปฏบิ ตั ิการที่
งปฏิบตั กิ าร เพื่อประเมนิ ผลที่เกดิ ขนึ้ (summative
รตคี วาม ปรากฏการณ์ตา่ งๆ จากกจิ กรรมหรือกระบวนการ
รเรยี นรู้ ใหม่อะไรบา้ งเก่ียวกับพฒั นางานวชิ าการ หลงั ส้ินสุด
ยอ่ ยของแตล่ ะทมี เพ่อื สรปุ ผลการดําเนินงานท่ผี า่ นมาท้ังหมด
รงุ แกไ้ ข แล้วผู้วิจัยนํามาสังเคราะหเ์ ขยี นเป็นสรุปผล
ดข้นึ และข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงแก้ไข
การว
ขั้นตอนท่ี 6 การวางแผนใหม่ (re- planning) จดั การป
และจัดทําแผนปฏิบตั ิการใหม่
ขน้ั ตอนท่ี 7 การปฏบิ ัติการ ใหม่ (acting) แตล่ ะทีมปัญ
มแี นวการดาํ เนนิ งานเหมือนกับขัน้ ตอนที่ 3
ขนั้ ตอนที่ 8 การสังเกตผลใหม่ (re-observing) จัดประ
evaluation) ทัง้ ผลทค่ี าดหวงั และท่ไี ม่คาดหวัง ท้ัง ทางบ
หรอื กระบวนการปฏบิ ัตงิ านว่า ได้องค์ความรู้ใหม่ ทฤษฎีใ
วิชาการ โดยใช้หลักการบรู ณาการเหมือนขั้นตอน 4
กรณีตัวอยา่ งที่ 1
วิจยั เชิงปฏบิ ัตกิ ารที่เกี่ยวขอ้ งกับการบริหารการศึกษา
ประชุมเชิงปฏบิ ตั กิ าร เพอื่ ศกึ ษาทบทวนผลการดําเนนิ งาน
ญหา นําแผนปฏิบัติการท่ีจดั ทาํ ขึน้ ไปปฏบิ ตั ิให้ บรรลุผล
ะชุมเชงิ ปฏิบัตกิ าร เพ่ือประเมินผลทเี่ กดิ ขึ้น (summative
บวกและลบ และการตีความปรากฏการณต์ า่ งๆ จากกิจกรรม
ใหม่ หรือเกดิ การเรียนรู้ใหมอ่ ะไรบา้ งเกยี่ วกบั พฒั นางาน
การ
ขั้นตอนท่ี 9 การสะทอ้ นผลใหม่ (re-refle
ทีมยอ่ ยของแต่ละทมี หลังวนั จัดสมั มนาเชงิ ป
ทัง้ หมด การเรยี นรู้ทเ่ี กดิ ข้ึน และขอ้ เสนอแน
สรปุ ผลการดาํ เนนิ งานทผี่ า่ นมาโดยรวม การ
จัดทําเป็นเอกสาร โดยใชแ้ นวคดิ และขอ้ สรุป
กรณีตวั อยา่ งท่ี 1
รวจิ ัยเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารที่เกี่ยวข้องกบั การบรหิ ารการศึกษา
ecting) ดาํ เนนิ การวิจัยเหมอื นกบั ขนั้ ตอนที่ 5 คอื จดั ประชมุ
ปฏิบตั ิในข้นั ตอนท่ี 8 เพอ่ื สรปุ ผลการดําเนินงานท่ีผ่านมา
นะเพ่ือปรบั ปรงุ แก้ไขแล้วผวู้ จิ ยั นํามาสังเคราะห์เขยี นเป็น
รเรยี นรูท้ ีเ่ กิดขึ้น และขอ้ เสนอแนะเพ่ือปรับปรุง แก้ไข แล้ว
ปในการดําเนนิ งานเช่นเดยี วกับการดาํ เนนิ การในข้ันตอนท่ี 5
การ
ข้นั ตอนท่ี 10 การสรุปผล (conclusion) มสี องระยะ
จดั ประชุมเชงิ ปฏิบตั ิการ 1 วนั เพ่ือถอดบ
ดําเนนิ งานในข้นั ตอนที่ 6-9 และระยะที่ 2 จดั ประชมุ เช
วิชาการในโรงเรยี นขนาดเลก็ " 1 วนั โดยมกี ารจดั ประชมุ
แสดงข้อมูล สถติ ิ ภาพถ่ายเอกสาร ผลการดําเนนิ งานท่ผี
จากการเรยี นรู้ ซงึ่ ผวู้ จิ ัยและผู้รว่ มวิจยั ได้ตกลงรว่ มกนั จดั
บ้านบึงฉมิ เพื่อหาข้อสรุปในประเดน็ ตา่ งๆ ดังน้ี
1) การเปล่ียนแปลงการปฏิบตั ิจริง
2) การเรียนร้จู ากการปฏิบัติจริง
3) องค์ความรู้จากการปฏบิ ตั ิจริง สาํ หรบั กจิ กรรมประ
การฉายภาพวิดีทัศน์ การแสดงของนักเรียน การจ
กรณีตัวอยา่ งท่ี 1
รวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั ิการท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั การบรหิ ารการศึกษา
คอื
บทเรียน (after action review: AAR) ศกึ ษาทบทวนผลการ
ชิงวชิ าการ "การประชมุ เชิงวชิ าการ: นวตั กรรมการพัฒนางาน
มเชงิ ปฏิบัติการสรุปผลการวิจัยตั้งแต่ข้นั ตอนที่ 1-9 พรอ้ ม
ผา่ นมา ทั้งการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขนึ้ การเรียนรู้ องค์ความรู้
ดให้มกี ารประชมุ เชิงปฏิบัติการขึน้ 2 ครง้ั ณ โรงเรยี น
ะกอบดว้ ย การประชุมปฏบิ ตั ิการ การจัดนทิ รรศการ
จําหน่ายผลผลิตนกั เรียนและชุมชน และการตรวจสขุ ภาพ