ความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ภายใต้
สถานการณ์โควิด-19 รายวิชาภาษาไทยพื้นฐาน 3 (ท 22101)
ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 โรงเรยี นสาธติ มหาวิทยาลยั พะเยา
ศศธิ ร พลิ ึก
การศึกษาอิสระเสนอเป็นส่วนหนงึ่ ของการศกึ ษา
หลักสตู รปริญญาการศกึ ษาบณั ฑิต
สาขาวชิ าภาษาไทย
ตุลาคม 2564
ลิขสทิ ธิเ์ ปน็ ของมหาวิทยาลยั พะเยา
ความพึงพอใจตอ่ การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ภายใต้
สถานการณ์โควิด-19รายวิชาภาษาไทยพ้นื ฐาน 3 (ท 22101)
ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยพะเยา
ศศิธร พิลึก
การศึกษาอสิ ระเสนอเปน็ สว่ นหนึง่ ของการศกึ ษา
หลักสตู รปริญญาการศกึ ษาบัณฑิต
สาขาวชิ าภาษาไทย
ตลุ าคม 2564
ลิขสิทธิ์เปน็ ของมหาวิทยาลยั พะเยา
3
ผู้อำนวยกำรโรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำ หัวหน้ำกลุ่มงำนบริหำรวิชำกำร
หัวหน้ำกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย อำจำรย์พี่เลี้ยง และอำจำรย์นิเทศก์ ได้พิจำรณำ
กำรศึกษำอิสระ เร่ือง “ควำมพึงพอใจต่อกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์
โควิด-19 รำยวิชำภำษำไทยพื้นฐำน 3 (ท 22101) ระดับชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 2 โรงเรียนสำธิต
มหำวิทยำลัยพะเยำ” เห็นสมควรรับเป็นส่วนหนึ่งของกำรศึกษำตำมหลักสูตรปริญญำ
กำรศกึ ษำบณั ฑติ สำขำวิชำกำรศกึ ษำ ของมหำวิทยำลัยพะเยำ
.......................................................................... ผู้อำนวยกำรโรงเรยี นสำธติ มหำวิทยำลยั พะเยำ
(รศ.ปรยี ำนนั ท์ แสนโภชน์)
วันที.่ .........เดือน...............................พ.ศ..............
........................................................... หัวหน้ำกลุ่มงำนบรหิ ำรวชิ ำกำรโรงเรยี นสำธิตมหำวทิ ยำลยั พะเยำ
(วำ่ ที่รอ้ ยตรีมนสั ภูทวี)
........................................................... หวั หน้ำกลมุ่ สำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย
(นำยพิทยำ ดวงตำดำ)
............................................................ อำจำรย์พเ่ี ลยี้ งพีเ่ ลยี้ ง
(นำงสำวไพลิน อินคำ)
............................................................. อำจำรย์นิเทศก์
(ดร.ธวัช ชุมชอบ)
............................................................. อำจำรย์นิเทศก์
(นำยคงอมร เหมรตั น์รกั ษ)์
4
กิตติกรรมประกาศ
กำรศึกษำอิสระเรื่องนี้ สำเร็จได้ ต้องขอกรำบขอบพระคุณควำมอนุเครำะห์จำก
รศ.ปรียำนันท์ แสนโภชน์ ผู้อำนวยกำรโรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำ ที่ได้อนุเครำะห์
เปิดโอกำสให้นิสิตเข้ำฝึกประสบกำรณ์วิชำชีพครู และเล็งเห็นถึงควำมสำคัญของนิสิต
ฝึกประสบกำรณ์วิชำชีพครู ท้ังยังประสิทธิ์ประสำทวิชำควำมรู้ รวมถึงข้อแนะนำอันมีคุณค่ำยิ่ง
แก่ผู้วจิ ยั
ขอขอบพระคุณ อำจำรย์พิทยำ ดวงตำดำ หัวหน้ำกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย
อำจำรย์ไพลิน อินคำ อำจำรย์พี่เลี้ยง และบุคลำกรทำงกำรศึกษำโรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัย
พะเยำ ทุกท่ำน ที่คอยดูแลเอำใจใส่ อย่ำงใกล้ชิด ต่อเน่ือง และเป็นผู้ถ่ำยทอดวิชำควำมรู้ทำง
กำรศึกษำ รวมไปถึงประสบกำรณ์ชีวิตต่ำง ๆ ตลอดระยะเวลำ ฝกึ ประสบกำรณว์ ิชำชีพครูใน
สถำนศกึ ษำ
ขอขอบพระคุณ ดร.ธวัช ชุมชอบ และอำจำรย์คงอมร เหมรัตน์รักษ์ อำจำรย์นิเทศก์
อีกทั้งอำจำรย์ประจำสำขำวิชำภำษำไทย คณะศิลปศำสตร์ และอำจำรย์วิทยำลัยกำรศึกษำ
มหำวิทยำลัยพะเยำ ผู้มำกควำมสำมำรถ ที่ได้สละเวลำชี้แจงข้อบกพร่อง แนะนำข้อมูลทำง
วิชำกำรต่ำง ๆ และพิจำรณำรับกำรศึกษำอิสระฉบับนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของกำรศึกษำตำม
หลักสูตรปริญญำกำรศกึ ษำบัณฑติ สำขำวิชำกำรศกึ ษำ มหำวิทยำลยั พะเยำ
ขอขอบคุณสมำชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมงำนและเพื่อนร่วมรุ่น ผู้เป็นกัลยำณมิตร
ทุกคน ที่เฝำ้ คอยให้ กำรช่วยเหลือ สนับสนุน คอยเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน ผ่ำนร้อน ผ่ำนหนำว
ร่วมทุกข์ ร่วมสุข และร่วมรับรู้ส่งิ ตำ่ ง ๆ ด้วยกันเสมอมำ
สดุ ท้ำยนี้ ขอขอบคุณตัวผู้วิจัยเอง ที่ยังยืนหยัดฝ่ำฟันอุปสรรคอันต่ำง ๆ ให้มีชีวิตรอด
เพื่อได้มีโอกำสทำงกำรศึกษำ ผู้วิจัยจึงขอศึกษำแทนผู้ไม่มีโอกำสอย่ำงถึงที่สุด และ ขอมอบ
คุณค่ำและประโยชน์ของงำนวิจยั เรือ่ งน้ี ผวู้ ิจัยขอมอบเป็นเครื่องสักกำระแด่พระคณุ ของบพุ กำรี
ครูอำจำรย์ทุกท่ำน ตลอดจนบรรพชนที่ได้สร้ำงและสืบสำนมรดกทำงวัฒนธรรมอันล้ำค่ำใหผ้ ู้วิจัย
และชนรนุ่ หลังได้ศึกษำ
ศศธิ ร พิลึก
5
เรื่อง: ควำมพึงพอใจต่อกำรจัดกำรเรยี นกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 รำยวิชำภำษำไทยพืน้ ฐำน 3
(ท 22101) ระดับชั้นมธั ยมศึกษำปีที่ 2 โรงเรยี นสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำ
ผ้ศู ึกษาคน้ คว้า: ศศิธร พิลกึ กำรศึกษำอิสระ: กศ.บ. (กำรศึกษำ), มหำวิทยำลัยพะเยำ, 2564
อาจารยท์ ่ปี รึกษา: นำงสำวไพลนิ อนิ คำ
คาสาคญั : กำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์, ควำมพึงพอใจ, แผนกำรจดั กำรเรยี นร,ู้ ภำษำไทยพืน้ ฐำน
บทคดั ยอ่
งำนวิจัยเร่ือง “ควำมพึงพอใจต่อกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 รำยวิชำ
ภำษำไทยพื้นฐำน 3 (ท 21101) ระดับชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 2 โรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำ” มีวัตถุประสงค์เพื่อ
จัดรูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 และวัดควำมพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อ
กำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 โดยใช้แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ แบบประเมินควำมพึง
พอใจ และแบบประเมินค่ำดัชนีควำมสอดคล้อง (Index of Item-Objective Congruence) เป็นเคร่ืองมือในกำรวิจัย
ประชำกรที่ใช้ในกำรวิจัยคือ นักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษำปีที่ 2 ภำคเรยี นที่ 1 ปีกำรศึกษำ 2564 จำนวน 101 คน ซึ่ง
ใช้วิธีกำรเลือกกลุ่มตัวอย่ำงแบบเจำะจง (Purposive Sampling) วิเครำะห์ข้อมูลด้วยค่ำเฉล่ีย (Mean) และค่ำควำม
เบีย่ งเบนมำตรฐำน (Standard Deviation)
ผลกำรวิจัยพบว่ำ จำกกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ตำมแผนกำรจัดกำรเรียนรู้สำมำรถแบ่งรูปแบบ
กำรสอนได้ 4 รูปแบบ เม่อื เปรยี บเทียบโดยเรยี งลำดบั ตำมค่ำเฉลย่ี ( ) ระดับควำมพึงพอใจของนักเรยี นจำกมำกไปหำ
น้อย พบว่ำ รูปแบบที่ 2 (บรรยำยเนื้อหำโดยใช้ส่อื PowerPoint และทดสอบหรอื ทำใบงำนหลังเรยี นผ่ำนระบบ Google
Forms) มีค่ำเฉล่ีย ( ) เท่ำกับ 4.11 อยู่ในระดับพึงพอใจมำก รองลงมำเป็น รูปแบบที่ 1 (บรรยำยเนื้อหำโดยใช้ส่ือ
PowerPoint) มีค่ำเฉล่ีย ( ) เท่ำกับ 4.09 อยู่ในระดับพึงพอใจมำก รองลงมำเป็น รูปแบบที่ 3 (เปิดคลิปวิดีโอกำรสอน
ผ่ำน Windows Media Player และทดสอบหลังเรียนผ่ำนระบบ Google Forms) มีค่ำเฉลี่ย ( ) เท่ำกับ 4.04 อยู่ในระดับพึง
พอใจมำก และลำดับสุดท้ำยเป็น รูปแบบที่ 4 (เปิดคลปิ วิดีโอกำรสอนผ่ำน Windows Media Player) มีค่ำเฉล่ีย ( ) เท่ำกับ
3.94 อยู่ในระดับพึงพอใจมำก ส่วนระดับควำมพึงพอใจของนักเรียนต่อกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์โดยภำพรวม
มคี ่ำเท่ำกับ 4.05 อยู่ในระดบั พึงพอใจมำก
6
สารบัญ
บทท่ี หน้า
1 บทนา................................................................................................................... 1
ควำมเป็นมำและควำมสำคัญของปญั หำ........................................................... 1
วัตถุประสงค์ของกำรวจิ ัย ................................................................................. 3
ขอบเขตของกำรวิจยั ........................................................................................ 3
กรอบแนวคิดของกำรวิจัย ................................................................................ 5
คำนยิ ำมศพั ท์เฉพำะ......................................................................................... 5
ประโยชน์ที่จะได้รบั จำกกำรวิจยั ....................................................................... 6
2 เอกสารและงานวิจัยท่เี กี่ยวขอ้ ง......................................................................... 7
สถำนกำรณโ์ ควิด (Covid-19)........................................................................... 8
กำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ .................................................................... 13
แนวคิดกำรวัดควำมพึงพอใจ ............................................................................ 20
งำนวิจัยทีเ่ กี่ยวข้อง........................................................................................... 25
3 วิธีดาเนินการวิจัย ............................................................................................... 32
ประชำกรและกลุ่มตวั อย่ำง............................................................................... 32
เครือ่ งมือที่ใชใ้ นกำรวิจัย................................................................................... 32
กำรเกบ็ รวบรวมข้อมูล ..................................................................................... 36
กำรวิเครำะหข์ ้อมลู .......................................................................................... 36
สถิตทิ ีใ่ ชใ้ นกำรวิเครำะหข์ ้อมลู .......................................................................... 36
7
สารบญั (ต่อ)
บทท่ี หนา้
4 ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล........................................................................................ 36
ผลกำรวิเครำะหร์ ปู แบบกำรจัดเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์
โควิด-19 รำยวิชำภำษำไทยพืน้ ฐำน 3 (ท 22101)................................... 38
ผลกำรวิเครำะหค์ วำมพึงพอใจของนักเรียนตอ่ กำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์
ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 รำยวิชำภำษำไทยพืน้ ฐำน 3 (ท 21101) ....... 43
5 บทสรุป ................................................................................................................ 48
สรุปผลกำรวิจัย................................................................................................ 48
อภปิ รำยผลกำรวิจยั ......................................................................................... 51
ข้อเสนอแนะ..................................................................................................... 53
บรรณานกุ รม ................................................................................................................ 54
ภาคผนวก ..................................................................................................................... 60
ภำคผนวก ก แผนกำรจัดกำรเรียนรรู้ ำยวิชำภำษำไทยพืน้ ฐำน 3
(ท 22101) 8 สปั ดำห์ .................................................................... 61
ภำคผนวก ข แบบประเมินควำมพึงพอใจ .......................................................... 199
ประวตั ิผศู้ กึ ษาค้นคว้า .................................................................................................. 204
1
สารบญั ตาราง
ตาราง หน้า
1 แสดงรูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณโ์ ควิด-19 39
รำยวิชภำษำไทยพนื้ ฐำน 3 (ท 21101)............................................................. 43
2 แสดงค่ำเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) ควำมพึงพอใจของนกั เรียน
ต่อกำรจดั กำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 .........................
3 แสดงค่ำเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) ควำมพึงพอใจของนักเรียน
ต่อรูปแบบกำรจดั กำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณโ์ ควิด-19
1
บทที่ 1
บทนา
ความเปน็ มาและความสาคัญของปัญหา
ตั้งแต่ พ.ศ. 2562 จนถึงปัจจุบัน สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของเชื้อโควิด-19 เป็นหนึ่ง
ปัญหำหลักที่ส่งผลเสียร้ำยแรงต่อกำรดำเนินชีวิตของประชำกรไทยเป็นอย่ำงมำกในหลำย ๆ
ด้ำน โดยเฉพำะด้ำนกำรศกึ ษำของประเทศไทย ซึ่งสถำนศกึ ษำส่วนใหญ่ไม่สำมำรถจัดกำรเรียน
กำรสอนในห้องเรียนปกติ (On Site หรือ Face to Face) เพื่อลดควำมเสี่ยงกำรติดเช้ือโควิด-19
ของนักเรียนและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ ถึงอย่ำงไรก็ตำมกำรจดั กำรเรียนรู้ยังต้องดำเนินต่อไป
ภำยใต้สถำนกำรณ์ดังกล่ำว ในปีกำรศึกษำ 2564 สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้น
พื้นฐำนจึงจัดประชุมชี้แจงแนวทำงกำรแก้ไขปัญหำเกี่ยวกับกำรจัดกำรเรียนกำรสอนใน
สถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของเชื้อโควิด-19 อย่ำงต่อเน่ือง โดยสำนักงำนคณะกรรมกำร
กำรศึกษำขั้นพื้นฐำนได้เสนอแนวทำง กำรจัดกำรเรียนกำรสอนให้สถำนศึกษำเลือกดำเนินกำร
5 รูปแบบ โดยต้องคำนึงถึงระดับควำมเสี่ยงกำรติดเชื้อของพื้นที่ของสถำนศึกษำตั้งอยู่
ได้แก่ 1. On Site คือ นักเรียนสำมำรถมำเรียนในห้องเรียนตำมปกติ สำหรับสถำนศึกษำในพืน้ ที่
ปลอดภัย 2. On Air คือ กำรออกอำกำศกำรสอนผ่ำนกำรศึกษำทำงไกลผ่ำนดำวเทียม
(Distance Learning Television: DLTV) โดยใช้โรงเรียนวังไกลกังวลเป็นฐำนในกำรจัดกำรเรียน
กำรสอน 3. Online คือ ครูเป็นผู้จัดกำรเรียนกำรสอน โดยใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในเครือข่ำย
อินเทอร์เน็ตเป็นตัวช่วยในกำรจัดกำรเรียนกำรสอน 4. On Demand คือ กำรใช้งำนผ่ำนแอป
พลิเคชันต่ำง ๆ ที่ครูกับนักเรียนใช้ร่วมกัน และ 5. On Hand คือ กำรให้แบบเรียนสำเร็จรูปแก่
นกั เรียนไปเรียนด้วยตัวเองที่บ้ำน โดยมีครูหรอื ผปู้ กครองคอยช่วยเหลือ (ฐิติมำ ชำลีกุล, 2564,
สื่อออนไลน์)
กำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ (Online) เป็นอีกแนวทำงหนึ่งที่ครูผู้สอนส่วนใหญ่
เลือกใช้รูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนโดยใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศ (Information Technology:
IT) เพื่อลดปัญหำกำรติดเชื้อโควิด-19 เทคโนโลยีสำรสนเทศจึงเป็นระบบสื่อสำรที่มีประโยชน์
ต่อมนุษย์มำกที่สุด สำหรับช่วยเผยแพร่ข้อมูลข่ำวสำรต่ำง ๆ ให้ได้รับรู้ทั่วถึงกันอย่ำงรวดเร็ว
ในทกุ ทีแ่ ละทุกเวลำ (พงษ์พันธุ์ พรรณบวั หลวง และคณะ, ม.ป.ป., สือ่ ออนไลน์)
2
ดงั น้ัน เทคโนโลยีสำรสนเทศจึงมีประโยชน์ต่อผู้สอนในกำรช่วยอำนวยควำมสะดวกใน
กำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ เช่น ผู้สอนสำมำรถดำเนินกำรสอนนักเรียนได้ทุกสถำนที่
ช่วยบริหำรจัดกำรเช็กชื่อเข้ำเรียนและรับเอกสำรแบบทดสอบ ช่วยให้กำรประเมินกำรเรียน
สะดวกมำกขึ้น ลดเวลำกำรเดินทำงและค่ำใช้จ่ำยเพื่อไปสถำนศึกษำ เป็นต้น ทั้งนี้เทคโนโลยี
สำรสนเทศที่ใช้สำหรับอำนวยควำมสะดวกในกำรสอนออนไลน์มักจะอยู่ในรูปแบบของสื่อ
อิเล็กทรอนิกส์หลำกหลำยประเภท เช่น E-Learning (กำรเรียนรู้ผ่ำนสื่อเทคโนโลยีหรือ
ออนไลน์) CAI (คอมพิวเตอร์ช่วยสอน) E-book (เอกสำรอิเล็กทรอนิกส์ที่สำมำรถอ่ำนได้ท้ังใน
ระบบออฟไลน์และออนไลน์) เป็นต้น (สนุ ิสำ แช่มช้อย, ม.ป.ป., ส่อื ออนไลน์) ซึง่ เป็นทำงเลอื กให้
ผสู้ อนได้นำไปใช้จัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ตำมควำมถนัดของตนอีกด้วย
โรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำเป็นสถำนศึกษำแห่งหนึ่งที่ต้ังอยู่ในพื้นที่เสี่ยงใน
จังหวัดพะเยำ จึงออกมำตรกำรกำรจดั กำรเรียนกำรสอนในช่วงสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของ
เชื้อโควิด-19 โดยแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. On site 100 (เรียนที่โรงเรียน) 2. On line
50:50 (เรียนออนไลน์และเรียนที่โรงเรียนอย่ำงละครึ่ง) 3. On line 100 (เรียนออนไลน์) ซึ่ง
โรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำเลือกใช้แนวปฏิบัติกำรจัดกำรเรียนกำรสอนในรูปแบบ
On line 50:50 (8 สัปดำห์) และมีกำรวัดประเมินผลผ่ำนโปรแกรมสำเร็จรูป Microsoft Teams
หรือ Zoom และบทเรียนออนไลน์ในระบบ LMS เวอร์ชัน SatitLMS โดยจะให้อำจำรย์ประจำ
รำยวิชำสร้ำงห้องเรียนในรำยวิชำของตนเองผำ่ นระบบออนไลน์และเข้ำสอนตำมตำรำงสอนของ
โรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำ (งำนประชำสัมพันธ์โรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำ,
2564, สือ่ ออนไลน์)
ด้วยเหตุผลดงั กล่ำว ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะทำวิจัยเรื่อง กำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์
ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 รำยวิชำภำษำไทยพื้นฐำน 3 (ท 22101) ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษำปีที่ 2
โรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลยั พะเยำ เพือ่ ให้สอดคล้องกับแนวกำรปฏิบัติกำรจดั กำรเรียนกำรสอน
ของโรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำ ผู้วิจัยจึงจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้
สถำนกำรณ์โควิด-19 จำนวน 8 สัปดำห์ ประกอบด้วย เน้ือหำประกอบกำรสอน (Microsoft
PowerPoint หรือ PPT.) คลิปวิดีโอกำรสอนจำกครูผู้สอน ระบบ Google Forms สำหรับกำรเช็ก
ชื่อเข้ำช้ันเรียน กำรส่งงำน และกำรทำแบบทดสอบหรือแบบฝึกหัด ในระหว่ำงกำรสอนผวู้ ิจัยจะ
ใช้โปรแกรม Microsoft Teams เป็นห้องเรียนออนไลน์ เพื่อสร้ำงปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงครูกับ
นักเรียนได้ง่ำยขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับกำรจัดกำรเรียนกำรสอนรูปแบบ On line 50:50 ตำม
มำตรกำรกำรจดั กำรเรียนกำรสอนของโรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำ ปีกำรศึกษำ 2564 ที่
ได้ประกำศไว้
3
วัตถปุ ระสงคข์ องการวิจยั
1. เพือ่ จดั รูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19
2. เพื่อวัดควำมพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้
สถำนกำรณโ์ ควิด-19
ขอบเขตของการวจิ ัย
กำรวิจัยเรื่อง กำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 รำยวิชำ
ภำษำไทยพื้นฐำน 3 (ท 22101) ระดับช้ันมัธยมศึกษำปีที่ 2 โรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำ
แบ่งขอบเขตกำรวิจัยเป็น 4 ด้ำน ได้แก่ ขอบเขตด้ำนประชำกรและกลุ่มตัวอย่ำง ขอบเขตด้ำน
เนือ้ หำ ขอบเขตด้ำนระยะเวลำ และขอบเขตด้ำนตัวแปรทีศ่ ึกษำ ดังน้ี
1. ขอบเขตดา้ นประชากรและกล่มุ ตวั อยา่ ง
ประชำกรที่ใช้ในกำรวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 2 โรงเรียน
สำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำ จังหวดั พะเยำ ภำคเรียนที่ 1 ปีกำรศกึ ษำ 2564 จำนวน 101 คน
กลุ่มตัวอย่ำงที่ใช้ในกำรวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษำปีที่ 2
โรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำ จังหวัดพะเยำ ภำคเรียนที่ 1 ปีกำรศึกษำ 2564 จำนวน 101
คน ซึ่งใช้วธิ ีกำรเลือกกลุ่มตัวอย่ำงแบบเจำะจง (Purposive sampling)
เนื้อหำในกำรวิจัยคร้ังนี้ ได้แก่ หลักสูตรสถำนศึกษำกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย
โรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำ หนังสือเรียน รำยวิชำพื้นฐำนภำษำไทย วรรณคดีและ
วรรณกรรม กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้ันพื้นฐำน พ.ศ.
2551 ช้ันมัธยมศึกษำปีที่ 2 (ภำสกร เกิดอ่อน และคณะ, ม.ป.ป.) รวมถึงหนังสือและเอกสำรที่
เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบกำรสอนในแต่ละสปั ดำห์ ดังน้ี
หนว่ ยท่ี 1 พินิจสมบัติวรรณคดี
สัปดำห์ที่ 1 เรื่อง แนะนำรำยวิชำและควำมรู้พื้นฐำนวรรณคดีและวรรณกรรม จำนวน
2 ช่วั โมง
สัปดำหท์ ี่ 2 เรอ่ื ง โวหำรภำพพจน์ รสวรรณคดี และทดสอบหลงั เรียน จำนวน 2 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 งามวิถโี คลงภาพพระราชพงศาวดาร
สัปดำห์ที่ 3 เรื่อง โคลงภำพพระรำชพงศำวดำร ตอน พันท้ำยนรสิงห์และสมเด็จ
พระสรุ โิ ยทยั ขำดคอชำ้ ง จำนวน 2 ชว่ั โมง
4
สัปดำห์ที่ 4 เรือ่ ง คำรำชำศัพท์ จำนวน 2 ช่วั โมง
สัปดำห์ที่ 5 เร่ือง ทดสอบหลังเรียน เร่ือง โคลงภำพพระรำชพงศำวดำรและคำรำชำศัพท์
จำนวน 2 ช่ัวโมง
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 ร้องขับขานเสภาสามคั คีเสวก
สัปดำห์ที่ 6 เร่ือง บทเสภำสำมัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมำและทดสอบหลังเรียน
จำนวน 2 ชั่วโมง
สัปดำห์ที่ 7 เร่ือง บทเสภำสำมัคคีเสวก ตอน สำมัคคีเสวกและทดสอบหลังเรียน
จำนวน 2 ช่วั โมง
สัปดำห์ที่ 8 เร่ือง กำรเขียนจดหมำยกิจธุระและใบงำนจับผิดภำพจดหมำยกิจธุระ
จำนวน 2 ชว่ั โมง
3. ขอบเขตด้านระยะเวลา
ผู้วิจัยดำเนินกำรวิจัยเรื่องกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์
โควิด-19 รำยวิชำภำษำไทยพื้นฐำน 3 (ท 22101) ระดับชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 2 โรงเรียนสำธิต
มหำวิทยำลัยพะเยำ ในภำคเรียนที่ 1 ปีกำรศึกษำ 2564 ตั้งแต่วันที่ 17 เดือน พฤษภำคม พ.ศ.
2564 ถึงวันที่ 8 เดือนกรกฎำคม พ.ศ. 2564
4. ขอบเขตด้านตวั แปร
ตัวแปรอิสระ (independent variable) คือ กำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ 4
รปู แบบ ได้แก่ 1. บรรยำยเน้ือหำโดยใช้ส่ือ PowerPoint 2. บรรยำยเนื้อหำโดยใช้สื่อ PowerPoint
และทดสอบหรือทำใบงำนหลังเรียนผ่ำนระบบ Google Forms 3. เปิดคลิปวิดีโอกำรสอนผ่ำน
Windows Media Player และทดสอบหลังเรียนผ่ำนระบบ Google Forms 4. เปิดคลิปวิดีโอกำร
สอนผำ่ น Windows Media Player
ตัวแปรตำม (dependent variable) คือ ควำมพึงพอใจต่อกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
ออนไลน์
5
กรอบแนวคิดของการวจิ ยั
การจดั การเรียนการสอนออนไลนภ์ ายใตส้ ถานการณ์โควิด-19
การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ 4 รปู แบบ
1. บรรยายเนือ้ หาโดยใชส้ ื่อ PowerPoint
2. บรรยายเนื้อหาโดยใช้สือ่ PowerPoint และทดสอบหรอื ทาใบงาน
หลังเรียนผา่ นระบบ Google Forms
3. เปิดคลิปวิดโี อการสอนผา่ น Windows Media Player และทดสอบ
หลังเรียนผ่านระบบ Google Forms
4. เปิดคลิปวิดโี อการสอนผ่าน Windows Media Player
ความพึงพอใจตอ่ การจัดการเรียนการสอนออนไลน์
ภาพ 1 แสดงกรอบแนวคิดของการวิจยั
คานิยามศัพท์เฉพาะ
การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ หมำยถึง กำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ 4
รปู แบบ ได้แก่ 1. บรรยำยเนื้อหำโดยใช้ส่ือ PowerPoint 2. บรรยำยเน้ือหำโดยใช้สือ่ PowerPoint
และทดสอบหรือทำใบงำนหลังเรียนผ่ำนระบบ Google Forms 3. เปิดคลิปวิดีโอกำรสอนผ่ำน
Windows Media Player และทดสอบหลังเรียนผ่ำนระบบ Google Forms 4. เปิดคลิปวิดีโอกำร
สอนผ่ำน Windows Media Player ด้วยโปรแกรม Microsoft Teams โดยมีสื่อเติม คือ Google
Site ทีผ่ ู้วจิ ยั ได้พฒั นำขึน้
แผนการจัดการเรียนรู้ หมำยถึง แผนที่ใช้จัดกำรเรียนกำรสอนในรำยวิชำภำษำไทย
พืน้ ฐำน 3 (ท 22101) ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษำปีที่ 2 จำนวน 8 สปั ดำห์
6
ความพึงพอใจ หมำยถึง ควำมรู้สึกของผู้เรียนต่อกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์
4 รูปแบบ โดยประเมินท้ัง 3 ด้ำน ได้แก่ ด้ำนเนื้อหำสำระ ด้ำนรูปแบบและกำรนำเสนอ และ
ด้ำนประโยชน์ทีไ่ ด้รับ จำกแบบมำตรประมำณค่ำ (Rating Scale)
ประโยชน์ทจ่ี ะไดร้ ับจากการวิจยั
เพื่อนำระดบั ควำมพึงพอใจไปปรบั ปรุงกำรจัดกำรเรยี นกำรสอนออนไลน์ในคร้ังถดั ไป
7
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง
กำรศึกษำวิจัยครั้งนี้ กำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 รำยวิชำ
ภำษำไทยพื้นฐำน 3 (ท 22101) ระดับช้ันมัธยมศึกษำปีที่ 2 โรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำ
ซึ่งในกำรศึกษำนี้ ผู้วิจัยจะเสนอข้อมูลของเอกสำรและงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง โดยแบ่งข้อมูล
ออกเป็น 4 หัวข้อหลกั ดงั น้ี
1. สถำนกำรณโ์ ควิด (Covid-19)
1.1 กำรเผชิญสถำนกำรณโ์ ควิด (Covid-19)
1.2 ผลกระทบจำกสถำนกำรณโ์ ควิด (Covid-19)
1.3 แนวทำงกำรจัดกำรเรียนกำรสอนภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด (Covid-19)
2. กำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์
2.1 ควำมหมำยของกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนออนไลน์
2.2 องค์ประกอบของกำรจดั กำรเรียนกำรสอนออนไลน์
2.3 รปู แบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์
3. แนวคิดกำรวดั ควำมพึงพอใจ
3.1 ควำมหมำยกำรวัดควำมพึงพอใจ
3.2 ควำมสำคัญของควำมพึงพอใจ
3.3 ประเภทกำรวัดควำมพึงพอใจ
4. งำนวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
4.1 งำนวิจัยที่เกี่ยวข้องกบั สถำนกำรณโ์ ควิด (Covid-19)
4.2 งำนวิจัยทีเ่ กี่ยวข้องกบั กำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์
4.3 งำนวิจยั ทีเ่ กี่ยวข้องกับกำรวดั ควำมพึงพอใจ
8
สถานการณโ์ ควดิ (Covid-19)
1. การเผชิญสถานการณโ์ ควดิ (Covid-19)
กำรระบำดของเชื้อไวรัสโคโรน่ำ 2019 หรือโควิด-19 (Covid-19) ได้เริ่มต้นเม่ือ
ปลำยปี พ.ศ. 2562 และลุกลำมไปทั่วโลกสร้ำงควำมหวำดกลัวและส่งผลกระทบต่อสุขภำพ
สังคมและเศรษฐกิจของประชำกรและเม่ือต้นเดือนมกรำคม พ.ศ. 2563 มีกำรระบำดใหญ่
(pandemic) ซึ่งเปน็ กำรตดิ เช้ือทว่ั โลกอย่ำงรวดเร็วตำมประกำศขององค์กำรอนำมยั โลกเมื่อวันที่
11 มีนำคม พ.ศ. 2563 (กรมควบคุมโรคกระทรวงสำธำรณสุข, 2563ก) จำกสถิติเมื่อวันที่ 15
เมษำยน พ.ศ. 2563 ประชำกรท่ัวโลกมีผู้ติดเชื้อ 1,982,939 รำย และเสียชีวิต 126,761 รำย
โดย 5 ลำดับแรกของประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดประเทศสหรัฐอเมริกำ (609,516 รำย) เป็น
อันดับหนึ่งตำมด้วยสเปน (174,060 รำย) อิตำลี (162,488 รำย) เยอรมัน (132,362 รำย) และ
ฝรั่งเศส (131,362 รำย) และเม่ือพิจำรณำ 5 ลำดับแรกของประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตมำก
ที่สุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกำ (26,057 รำย) อิตำลี (21,067 รำย) สเปน (18,255 รำย) ฝร่ังเศส
(15,750 รำย) และสหรำชอำณำจักร (12,129 รำย) ตำมลำดับ (Dong, Du, & Gardner, 2020,
อ้ำงองิ ใน กรมควบคมุ โรคกระทรวงสำธำรณสุข, 2563ข)
สำหรับกำรระบำดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบแรกในประเทศไทยพบผู้ป่วยต้อง
สงสัยรำยแรกเม่ือวันที่ 21 มกรำคม พ.ศ. 2563 เป็นนักท่องเที่ยวหญิงชำวจีนอำยุ 74 ปี
ซึ่งเดินทำงมำถึงกรุงเทพมหำนครโดยเที่ยวบินจำกนครอู่ฮ่ันเมืองหลวงของมณฑลหู เป่ย์
สำธำรณรัฐประชำชนจีนและ ณ วันที่ 8 เมษำยน พ.ศ. 2563 พบอัตรำกำรติดเชื้อในประเทศ
ไทยจำนวน 2,369 รำย มีผู้เสียชีวิต 30 รำย ผู้ป่วยรำยใหม่ 111 รำย ในกรุงเทพและจังหวัด
นนทบุรี 1,250 รำย ภำคตะวันออกเฉียงเหนือ 101 รำย ภำคเหนอื 86 รำย ภำคกลำง 332 รำย
และภำคใต้ 409 รำย (กรมควบคุมโรคกระทรวงสำธำรณสุข, 2563 ก) และจำกสถิติเม่ือวันที่
22 เมษำยน 2563 ประเทศไทยมีกำรระบำดและมีจำนวนผตู้ ิดเช้ือโควิด-19 จำนวน 2,826 รำย
จำนวนผู้รักษำหำย 2,352 รำย คิดเป็นร้อยละ 83.2 ร้อยละของกำรรักษำหำยอยู่ในลำดับที่ 2
ของโลกรองจำกประเทศสำธำรณรัฐประชำชนจนี (กรมควบคุมโรคกระทรวงสำธำรณสุข, 2563ข)
ประเทศไทยเผชิญกับกำรระบำดของโรคติดต่ออุบัติใหม่หลำยครั้ง ทั้งกำรติดเชื้อ
ภำยในประเทศเองและจำกกำรเดินทำงเข้ำมำของผปู้ ่วยจำกประเทศที่มีกำรระบำดของโรค เช่น
พ.ศ. 2547-2551 มีกำรระบำดของโรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีกที่ติดเชือ้ มำสู่คน พ.ศ. 2558-2559
พบผู้ติดเช้ือโรคทำงเดินหำยใจตะวันออกกลำง พ.ศ. 2552 มีกำรระบำดของโรคไข้หวัดใหญ่
สำยพันธ์ุ H1N1 (2009) และ พ.ศ. 2559 มีรำยงำนผู้ติดเชื้อไวรัสซิกำ เป็นต้น (Keawsomboon et
al., 2018, อ้ำงอิงใน วิญญ์ทัญญู บุญทัน และคณะ, 2563, หน้ำ 325) ซึ่งปัจจุบันประเทศไทย
9
กำลังมีกำรระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 ข้อมูลขององค์กำรอนำมัยโลก (World
Health Organization: WHO, 2020a) เม่ือวันที่ 3 พฤษภำคม พ.ศ. 2563 มีผู้ติดเชื้อท่ัวโลกสะสม
ประมำณ 3 ล้ำนรำย ผู้เสียชีวติ ประมำณ 2 แสนรำย และยังคงตรวจพบผตู้ ิดเช้ือรำยใหม่รวมถึง
ผู้เสียชีวิตรำยใหม่อย่ำงต่อเน่ือง จำกข้อมูลของกรมควบคุมโรคกระทรวงสำธำรณสุข (Department
of Disease Control, Ministry of Public Health, 2020, อ้ ำงอิ งใน วิญ ญ์ ทั ญ ญู บุ ญ ทั น และคณ ะ
, 2563, หนำ้ 325)
2. ผลกระทบจากสถานการณ์โควดิ (Covid-19)
สุรตั น์ ทองหรี่ (2564) เม่ือสถำนกำรณ์ของโควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มมีทิศทำงที่
ดีขึ้นตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงมำกมำตรกำรต่ำง ๆ ที่รัฐบำลประกำศใช้ก่อนหน้ำนี้ จะค่อย ๆ ผ่อน
คลำยลงช่วยใหท้ กุ ภำคส่วนคลำยควำมตึงเครียดและกลบั มำกำรดำเนินกิจกรรมต่ำง ๆ ได้อย่ำง
เหมือนเดิม รวมถึงผู้บริโภคปรับเปลี่ยนวิถีกำรใช้ชีวิตไปอยู่บนสังคมออนไลน์และดิจิทัล
แพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น และจำกกำรที่หลำยฝ่ำยเคยคำดกำรณ์ว่ำ ดิจทิ ัลเทรนด์จะเปน็ นิวนอร์มอล
ในอนำคต เช่น กำรซื้อสินค้ำออนไลน์กำรใช้บริกำรส่งอำหำรพร้อมทำนกำรใช้อีเพย์เมนท์ชำระ
เงินกำรสื่อสำรผ่ำนแพลตฟอร์มต่ำง ๆ จนอำจเป็นบรรทัดฐำนกำรใช้ชีวิตแบบ New Normal ไป
แล้ว กำรแพร่ระบำดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และกำรแพร่ระบำดลุกลำมไปเกือบทั่วโลก กำรใช้
ชีวิตปกติในปัจจุบันจึงเปลี่ยนไปจำกเม่ือก่อน โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่ำง ๆ มำกมำย
แต่ในวิกฤติก็เป็นโอกำสของบำงธุรกิจโดยเฉพำะธุรกิ จที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและที่ สนใจ
คือ ธุรกิจดิจิทัลเอ็นเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งเข้ำมำตอบโจทย์กับสังคม New Normal ที่ทำให้ผู้คนเสพ
ควำมบันเทิงได้มำกขึ้นแม้ต้องเก็บตัวอยู่ในบ้ำน กำรเสพควำมบันเทิงบนโลกออนไลน์ในช่วง
วิกฤติก็โควิด-19 เปลี่ยนแปลงไปจำกอดีตมำกขึ้นด้วยจุดเด่นของดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เป็นกำร
สื่อสำรแบบสองทำง (Two-way Communication) ซึ่งตอบโจทย์ควำมต้องกำรของผู้ใช้ที่ต้องกำรมี
ปฏิสมั พันธ์ทำงสังคมตลอดเวลำ
สุพัตรำ รุ่งรัตน์, ซูลฟีเกอร์ มำโซ และยุทธนำ กำเด็ม (2563) กล่ำวถึงผลกระทบ
จำกสถำนกำรณ์โควิด (Covid-19) ว่ำ จำกสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคโควิด-19 ของ
ประชำชนในเขตเทศบำลเมอื งยะลำจังหวัดยะลำจำนวน 400 ตัวอย่ำงกระจำยใน 40 ชมุ ชนของ
เทศบำลนครเมืองยะลำ พบว่ำ ผลกระทบทำงเศรษฐกิจและสังคมจำกสถำนกำรณ์กำรแพร่
ระบำดของโรคอุบัติใหม่ไวรัสโคโรนำ 2019 (Covid-19) ในภำพรวมอยู่ในระดับปำนกลำง มีกำร
ปรับตัวโดยกำรสวมหน้ำกำกอนำมัยเพื่อไม่ให้รับเชื้อโควิด-19 ล้ำงมือด้วยสบู่ก่อนและหลังปรุง
อำหำร พกแอลกอฮอล์เจลบำงครั้ง และเว้นระยะเพื่อลดระยะเวลำกำรอยู่ในพื้นที่สำธำรณะ แต่
เห็นว่ำวิธีดังกล่ำวช่วยลดโอกำสกำรระบำดของโรคโควิด-19 ได้ปำนกลำงและยังไม่เชื่อมั่นใน
10
กำรปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันกำรแพร่ระบำดของโรคโควิด -19 ตำมแนวทำงของกระทรวง
สำธำรณสุข แนวทำงในกำรแก้ปัญหำผลกระทบทำงเศรษฐกิจโดยกำรช่วยเหลือเงินเยียวยำ
กำรส่งเสริมสร้ำงอำชีพ กำรใช้มำตรกำรช่วยเหลือเกี่ยวกับค่ำครองชีพ แนวทำงในกำร
แก้ปัญหำผลกระทบทำงสังคมท้ังแนวทำงดูแลด้วยตัวประชำชนเอง ได้แก่ กำรดูแลสุขภำพ
ลดกำรพบปะในสถำนที่สำธำรณะ ทุกคนในสังคมต้องเข้ำใจซึ่งกันและกัน ส่วนแนวทำงกำร
ส่งเสริมสุขภำพของประชำชนโดยภำครัฐ ได้แก่ กำรแจกหน้ำกำกอนำมัยให้ท่วั ถึง ส่งเสริมให้คน
ในชุมชนหันมำออกกำลังกำย กำรประชำสัมพันธ์ให้ข้อมูลกำรปฏิบัติเพื่อดูตนเอง กำรสร้ำง
ควำมรคู้ วำมเข้ำใจเกี่ยวกับกำรรกั ษำโรค และปรบั ปรงุ เร่อื งกำรรักษำทำงกำรแพทย์
สำนักงำนสถิติแห่งชำติ (ออนไลน์, 2563) ร่วมกับสถำบันวิจัยเพื่อพัฒนำประเทศ
ไทย (TDRI) คณะเศรษฐศำสตร์จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัยสำนักงำนพัฒนำนโยบำยสุขภำพ
ระหว่ำงประเทศไทย (IHPP) และทีมงำนด้ำนข้อมูลขององค์กำรสหประชำชำติ (UN Joint Team
on Data) เผยผลสำรวจผลกระทบโควิด-19 ด้ำนสังคมพบว่ำร้อยละ 50 ของผู้ตอบ
แบบสอบถำมมีควำมวิตกกังวลเกี่ยวกบั สถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคโควิด-19 และ กำรแพร่
ระบำดของโรค ส่งผลต่อกำรดำเนินชีวิตประจำวันมำกโดยเฉพำะด้ำนกำรเดินทำง กำรซื้อ
สินค้ำเพื่ออุปโภคและบริโภค และกำรเข้ำรับบริกำรทำงกำรแพทย์เม่ือเจ็บป่วย โดยวิธีบรรเทำ
ควำมวิตกกังวลนั้น ส่วนใหญ่ใช้เวลำในกำรท่องอินเทอร์เน็ตและเล่นสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึง
กำรใช้เวลำในกำรพูดคุยสนทนำกับบุคคลในครอบครัว ญำติหรือเพื่อนผ่ำนช่องทำงต่ำง ๆ ทำง
โทรศัพท์ สอ่ื สังคมออนไลน์ เป็นต้น สะท้อนให้เห็นว่ำในช่วงสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรค
โควิด-19 กำรสื่อสำรผ่ำนอินเทอร์เน็ตและสือ่ สังคมออนไลน์จึงเป็นช่องทำงหลักและสำคญั เป็น
อย่ำงมำกต่อกำรใช้เวลำและกำรปฏิสัมพันธ์ของคน ดังน้ัน ภำครัฐภำคเอกชนควรพิจำรณำ
จัดทำเนื้อหำที่ต้องกำรสื่อสำรไปยังประชำชนผ่ำนช่องทำงนี้เป็นหลัก ส่วนผลกระทบต่อกำร
เข้ำถึงสินค้ำอุปโภคและบริโภคผลสำรวจระบุว่ำร้อยละ 61.83 ยังซื้อกับร้ำนค้ำโดยตรงน้อยลง
และมีร้อยละ 39.71 ที่ซือ้ ผำ่ นระบบออนไลน์มำกขึ้นมีเพียงร้อยละ 12.22 ที่ซื้อสินค้ำจำกร้ำนค้ำ
โดยตรงมำกขึ้นในด้ำนอุปกรณ์ป้องกันไวรัสร้อยละ 43 ในรอบ 7 วันยังสำมำรถหำซื้อหน้ำกำก
อนำมัยได้มีร้อยละ 22 ที่หำซื้อไม่ได้และยังไม่ได้ซื้อร้อยละ 35 ทั้งหำกคำดกำรณ์ไปในอีกหนึ่ง
เดือนข้ำงหน้ำ พบว่ำ เกือบร้อยละ 60 วิตกกังวลว่ำหน้ำกำกอนำมัยจะไม่เพียงพอมีเพียง ร้อย
ละ 22.84 ที่ม่ันใจว่ำจะมีเพียงพอ ขณะที่แอลกอฮอล์ฆ่ำเช้ือและน้ำยำทำควำมสะอำดฆ่ำเช้ือน้ัน
ร้อยละ 45 กังวลว่ำจะไม่เพียงพอ และร้อยละ 31 มนั่ ใจว่ำจะมีเพียงพอส่วนเจลแอลกอฮอล์ล้ำง
มอื เปน็ อปุ กรณ์ทีเ่ ชือ่ ว่ำจะมีเพียงพอมำกที่สดุ ถึงเกือบร้อยละ 45 โดยมีร้อยละ 38 ที่กังวลว่ำจะ
มีไม่เพียงพอ ด้ำนควำมพร้อมในกำรเรียนออนไลน์ของบุตรหลำนกว่ำร้อยละ 60 ระบุว่ำไม่มี
11
ควำมพร้อมโดยปัญหำหลัก คือ ไม่มีคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต และผู้ปกครองไม่มีเวลำและ
ไม่มีทักษะด้ำนไอทีในกำรช่วยเหลือบุตรหลำนในกำรเรียนออนไลน์ ส่วนกำรป้องกันช่วยเหลือ
และดูแลคนในชุมชนที่พบมำกที่สุดร้อยละ 58.75 คือ กำรให้ควำมรู้ข้อมูลข่ำวสำรร้อยละ
32.70 คือ กำรแจกหน้ำกำกอนำมัย กำรวัดอุณหภูมิร้อยละ 21.25 ไม่มีกำรดำเนินกำรใด ๆ
ส่วนในด้ำนกำรศึกษำและกำรเรียนรู้นับจำกเด็กเล็ก ๆ ในสถำนรับเลี้ยงเด็ก กำรเตรียมควำม
พร้อมของเด็กอนุบำล กำรจัดกำรศึกษำข้ันพื้นฐำนสำหรับเด็กประถมศึกษำและมัธยมศึกษำ
กำรศึกษำในระดับอำชีวศึกษำและอุดมศึกษำ ตลอดไปจนถึงกำรพัฒนำทักษะของผู้ใหญ่วัย
แรงงำน ซึ่งแต่เดิมเรำจะเน้นเร่ืองกำรเรียนรู้ในห้องเรียนหรือห้องปฏิบัติกำรจริง แต่ New Normal
จะบังคับให้เรำต้องจัดสภำพกำรเรียนรู้ให้มีระยะห่ำง จำนวนผู้เรียนต่อห้องต้องลดลง กำรใช้
เวลำแต่ละคำบอำจต้องลดให้ส้ันลง ใช้เทคโนโลยีมำช่วยกำรเรียนรู้ให้มำกขึ้น ต้องมีกำรสร้ำง
แบบจำลองเพือ่ ทดแทนกำรจบั มอื สอนในห้องปฏิบัติกำรแบบเดิม ๆ
3. แนวทางการจดั การเรียนการสอนภายใตส้ ถานการณโ์ ควิด (Covid-19)
สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขึ้นพื้นฐำน (2564, สื่อออนไลน์) เม่ือวันที่ 6
มกรำคม 2564 กระทรวงศึกษำธิกำร นำยอัมพร พินะสำ เลขำธิกำรคณะกรรมกำรกำรศึกษำ
ข้ันพื้นฐำน (เลขำธิกำร กพฐ.) เป็นประธำนในกำรประชุมทำงไกลผ่ำนระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
เพื่อชี้แจงแนวทำงปฏิบัติในสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคโควิด-19 ในกำรเตรียมควำม
พร้อมรองรับสถำนกำรณ์ให้เป็นไปตำมมำตรกำรของ ศบค. (ศูนย์บริหำรสถำนกำรณ์แพร่
ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019) จึงได้เน้นย้ำในเร่ือง กำรปฏิบัติตำมประกำศของ
จังหวัดแต่ละจังหวัด โดยคำนึงถึงควำมปลอดภัยของนักเรียนและบุคลำกรเป็นสำคัญ ท้ังนี้ใน
จังหวัดที่ถูกประกำศให้เป็นพื้นที่สีแดง สีส้ม หรือสีเหลือง หำกมีเหตุจำเป็นต้องปิดเรียนทุก
โรงเรียนในจงั หวัดพืน้ ที่สีแดง ให้ดำเนินกำรจัดกำรเรียนกำรสอน ใน 5 รปู แบบ ได้แก่
1) On Site คือให้มำเรียนตำมปกติได้ในพื้นที่ที่ไม่ใช่สีแดง แต่ต้องเว้นระยะหรือลด
จำนวนนักเรียนต่อห้องลง สำหรับจังหวัดพื้นที่สีเขียว สำมำรถจัดกำรเรียนกำรสอนในโรงเรียน
ได้ตำมปกติ
2) On Air คือกำรออกอำกำศผ่ำน DLTV เป็นตัวหลักในกำรกระจำยกำรสอน โดย
ใช้โรงเรียนวังไกลกังวลเป็นฐำนในกำรจัดกำรเรียนกำรสอน สำมำรถดูได้ท้ังรำยกำรที่ออกตำม
ตำรำง และรำยกำรทีด่ ูย้อนหลัง
3) Online ให้ครูเป็นผู้จัดกำรเรียนกำรสอน ผ่ำนเคร่ืองมือที่ทำงโรงเรียนกระจำย
ไปสู่นักเรียน เปน็ รปู แบบทีถ่ กู ใช้ในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนจำนวนมำกที่สุด
4) On Demand เปน็ กำรใชง้ ำนผ่ำนแอปพลิเคชันตำ่ ง ๆ ทีค่ รกู บั นักเรียนใชร้ ่วมกนั
12
5) On Hand หำกจัดในรูปแบบอื่น ๆ ที่กล่ำวมำไม่ได้ให้โรงเรียนจัดแบบ On Hand
คือจัดใบงำนให้กับนักเรียน เป็นลกั ษณะแบบเรียนสำเร็จรปู ให้นักเรียนรบั ไปเป็นชดุ ไปเรียนด้วย
ตัวเองที่บ้ำน โดยมีครูออกไปเยี่ยมเป็นครั้งครำว หรือให้ผู้ปกครองทำหน้ำที่เป็นครูคอย
ช่วยเหลือ เพื่อใหน้ ักเรียนสำมำรถเรียนได้อย่ำงต่อเนื่อง ถึงแม้โรงเรียนจะปิดแต่ต้องไม่หยุดกำร
เรียนรู้
ไทยรัฐออนไลน์ (2564, ออนไลน์) กระทรวงศึกษำธิกำรได้ถอดบทเรียนกำรจัด
กำรศึกษำเพื่อรับมือสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ผ่ำนมำ ทำให้
ต้องคิดหำรูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนที่เหมำะสมกับแต่ละโรงเรียน เพรำะในแต่ละพื้นที่
มีกำรแพร่ระบำดของโรคที่แตกต่ำงกันตำมที่ ศบค.กำหนด ดังนั้น กระทรวงศึกษำธิกำรจะไม่
กำหนดรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเพื่อให้ทุกโรงเรียนจัดกำรเรียนกำรสอนเหมือนกันทั้งหมด โดย
ได้ต่อยอดรูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนแบ่งออกเป็น 5 รูปแบบ เพื่อให้มีควำมเหมำะสม
ต่อกำรรับมือกับกำรแพร่ระบำดระลอกใหม่นี้ คือ
1) On-site เรียนที่โรงเรียน โดยมีมำตรกำรเฝ้ำระวังตำมประกำศของศูนย์บริหำร
สถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (ศบค.)
2) On-air เรียนผ่ำนมูลนิธิกำรศึกษำทำงไกลผ่ำนดำวเทียม ในพระบรมรำชูปถัมภ์
หรือ DLTV
3) On-demand เรียนผ่ำนแอปพลิเคชันต่ำง ๆ
4) On-line เรียนผ่ำนอินเทอร์เน็ต
5) On-hand เรียนที่บ้ำนด้วยเอกสำร เช่น หนังสือ แบบฝึกหัดใบงำน ในรูปแบบ
ผสมผสำน หรืออำจใช้วิธีอื่น ๆ เช่น วิทยุ เป็นต้น
จำกกำรทบทวนวรรณกรรมเร่ืองสถำนกำรณ์โควิด (Covid-19) ทั้งในด้ำนกำรเผชิญ
สถำนกำรณ์โควิด ผลกระทบจำกสถำนกำรณ์โควิด และแนวทำงกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด เห็นว่ำโรงเรียนที่ผู้วิจัยฝึกประสบกำรณ์วิชำชีพครู (โรงเรียนสำธิต
มหำวิทยำลยั พะเยำ) ตงั้ อยู่ในพืน้ ที่ที่เสี่ยงตอ่ กำรติดเช้ือโควิด-19 ดงั นั้นผู้วจิ ัยจึงนำนโยบำยจำก
ทำงโรงเรียนประกำศให้จัดกำรเรียนกำรสอนรูปแบบออนไลน์ให้เป็นไปตำมมำตรกำรกำร
จัดกำรเรยี นกำรสอนภำยใต้สถำนกำรณ์โควิดที่กระทรวงศกึ ษำธิกำรชแี้ จงไว้
13
การจัดการเรียนการสอนออนไลน์
1. ความหมายของการจดั การเรียนการสอนออนไลน์
เมื่อกล่ำวถึงกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ บุคคลท่วั ไปมกั จะนึกถึงกำรนำ
เทคโนโลยีเข้ำมำใช้เป็นสื่อหรือเป็นช่องทำงหลักในกำรถ่ำยทอดควำมรู้แทนกำรรับฟังข้อมูล
แบบต่อหน้ำ รวมถึงกำรใช้เทคโนโลยีหรอื คอมพิวเตอร์มำพัฒนำสื่อช่วยเสริมกำรเรียนกำรสอน
(Computer Aided Instruction: CAI) แต่ควำมเป็นจริงกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ยังมี
ควำมหมำยครอบคลุมไปถึงรูปแบบกำรเรียนกำรสอนที่ออกแบบไว้อย่ำงเป็นระบบ และเป็นอีก
หนึ่งช่องทำงสำหรับกำรติดต่อสื่อสำรระหว่ำงผู้สอนและผู้เรียน ทำให้เกิดกำรเรียนกำรสอนบน
เว็บไซต์มำกมำย เช่น กำรสอนบนเว็บ (Web-Based Instruction : WBI) กำรเรียนบนเว็บ (Web-
Based Learning) และกำรเรียนกำรสอนอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Learning : E-Learning)
อีกทั้งผู้เรียนยังสำมำรถเข้ำถึงเน้ือหำได้ โดยไม่จำกัดเวลำและสถำนที่ ดังน้ันจึงมีนักวิชำกำร
หรือผู้ให้นิยำมได้เสนอคำจำกัดควำมของคำว่ำกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ไว้อย่ำง
หลำกหลำย เชน่
วีระ ไทยพำนิช (2557) ได้ให้ควำมหมำยไว้ว่ำ กำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์
หมำยถึง กำรบูรณำกำรระหว่ำงเทคโนโลยีปัจจุบันกับกระบวนกำรออกแบบกำรเรียนกำรสอน
เพื่อเพิ่มประสิทธิภำพทำงกำรเรียนรู้และกำรแก้ปัญหำเรื่องข้อจำกัดทำงด้ำนสถำนที่และเวลำ
ซึ่งกำรสอนบนเว็บจะเป็นกำรประยุกต์ใช้คุณสมบัติและทรัพยำกรของเวิล์ดไวด์เว็บ ใน
กำรจัดสภำพแวดล้อมที่ส่งเสริมและสนับสนุนกำรเรียนกำรสอน ซึ่งกำรเรียนกำรสอนที่จัดขึ้น
ผำ่ นเว็บอำจเป็นส่วนหนึ่งหรอื ท้ังหมดของกระบวนกำรสอน
ตำมพงศ์ สเลลำนนท์ (2555) ได้ให้ควำมหมำยไว้ว่ำ กำรจัดกำรเรียนกำรสอน
ออนไลน์ หมำยถึง กำรสอนแบบ Hypermedia-Based ที่เป็นกำรใช้ประโยชน์จำกแหล่งข้อมูล
ทำงอนิ เทอร์เนต็ เพือ่ สร้ำงสง่ิ แวดล้อมสำหรับกำรเรียนรู้ใหผ้ เู้ รียน
กฤษณำ สิกขมำน (2554) ได้ให้ควำมหมำยไว้ว่ำ กำรจัดกำรเรียนกำรสอน
ออนไลน์ หมำยถึง รูปแบบกำรเรียนกำรสอนที่มีกำรออกแบบกำรเรียนกำรสอนไว้อย่ำงเป็น
ระบบ มีกำรกำหนดวัตถุประสงค์หรอื เป้ำหมำยกำรจัดกำรเรียนกำรสอนไว้อย่ำงชดั เจน จัดกำร
เรียนกำรสอนตำมหลักทฤษฎีทำงกำรศึกษำ กำรนำเสนอเนื้อหำกำรจัดกิจกรรมกำรเรียน
กำรสอน และถ่ำยทอดกลยุทธ์กำรสอนใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำรเป็นเคร่ืองมือ
ซึ่งในปัจจุบันเน้นไปที่กำรใช้ระบบเครือข่ำยอินเทอร์เน็ต จึงทำให้ผู้เรียนสำมำรถเข้ำถึงและ
เรียนรู้โดยไม่จำกดั สถำนทีแ่ ละเวลำ
14
โอภำส เกำไศยำภรณ์ (2560) ได้ให้ควำมหมำยไว้ว่ำ กำรจัดกำรเรียนกำรสอน
ออนไลน์ หมำยถึง นวัตกรรมที่เข้ำถึงได้สะดวกสำหรับผู้เรียนและมีกำรออกแบบที่ดี ยึดผู้เรียน
เป็นศูนย์กลำง มีกำรออกแบบใหม้ ีปฏิสัมพันธ์กับผเู้ รียนและมีสภำพแวดล้อมในกำรเรียนรู้ที่เอื้อ
ให้กับผู้เรียน ทุกคนสำมำรถที่จะเรียนได้ทุกสถำนที่ทุกเวลำ โดยใช้ทรัพยำกรประเภทต่ำง ๆ ที่
อยู่ในรปู แบบของเทคโนโลยีดีจทิ ลั ต่ำง ๆ
ถนอมพร เลำหจรัสแสง (2545) ได้ให้ควำมหมำยไว้ว่ำ กำรจัดกำรเรียนกำรสอน
ออนไลน์ หมำยถึง กำรเรียนผ่ำนทำงสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งใช้ กำรนำเสนอเนื้อหำทำง
คอมพิวเตอร์ในรูปของสื่อมัลติมีเดีย ได้แก่ ข้อควำมอิเล็กทรอนิกส์ ภำพนิ่ง ภำพกรำฟิก วิดีโอ
ภำพเคลือ่ นไหว ภำพสำมมิติ
ศุภชัย สุขะนินทร์ (2545) ได้ให้ควำมหมำยไว้ว่ำ กำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์
หมำยถึง กำรเรียนที่ใช้เทคโนโลยีต่ำง ๆ ที่มีบนโลกมำใช้เรียนผ่ำนทำงคอมพิวเตอร์โดยอำศัย
เครือข่ำยคอมพิวเตอร์มำช่วย ดังน้ันจึงถือเป็นกำรศึกษำที่ไร้ขอบเขตสำมำรถกระทำกิจกรรม
บนห้องเรียนแบบออนไลน์ได้และเป็นที่นิยม เพรำะไม่มีข้อจำกัดเร่ืองเวลำ ระยะทำง และ
สถำนที่ในกำรเรียนกำรสอน นอกจำกนี้ยังสำมำรถตอบสนองต่อศักยภำพและควำมสำมำรถ
ของผู้เรยี นได้ดี
จำกควำมหมำยเกี่ยวกับกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ดังกล่ำว สำมำรถสรุปคำ
จำกัดควำมหรือควำมหมำยของกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ได้ว่ำ เป็นรูปแบบ
กำรจัดกำรเรียนกำรสอนที่เน้นกำรใช้งำนผ่ำนระบบเครือข่ำยอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ
กระบวนกำรเรียนกำรสอนที่เรียนรู้ผ่ำนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยนำเสนอเน้ือหำผ่ำนทำง
คอมพิวเตอร์ในรูปของสื่อมัลติมีเดีย เช่น ข้อควำมอิเล็กทรอนิกส์ ภำพนิ่ง ภำพกรำฟิก วิดีโอ
ภำพเคลื่อนไหว ภำพสำมมิติ ผู้เรียนสำมำรถเข้ำถึงและเรียนรู้ได้โดยไม่จำกัดสถำนที่และเวลำ
รวมถึงยังเป็นช่องทำงสำหรบั กำรตดิ ต่อสอ่ื สำรระหว่ำงผสู้ อนและผเู้ รียน
2. องคป์ ระกอบของการจดั การเรียนการสอนออนไลน์
ฐำปนีย์ ธรรมเมธำ (2557) ได้แบ่งองค์ประกอบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์
ออกเป็น 6 องค์ประกอบ ดังนี้ 1) เน้ือหำและสื่อกำรเรียน 2) ระบบนำส่งสำรสนเทศ 3)
ระบบสื่อสำรและปฏิสัมพันธ์ทำงกำรเรียน 4) ระบบกำรวัดและกำรประเมินผล 5) ระบบ
สนับสนนุ กำรเรียน และ 6) ผู้สอนและผู้เรยี น
15
วิทยำ วำโย และคณะ (2563) กล่ำวว่ำ กำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ เปน็ กำร
จัดกำรเรียนรู้ที่ผสมผสำนองค์ควำมรู้ร่วมกับนวัตกรรมกำรเรียนรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัย มี
รูปแบบกำรสอนที่หลำกหลำย องค์ประกอบของกำรจัดกำรเรียนกำรสอนแบบออนไลน์ สรปุ ได้
ดงั น้ี
1) ผู้สอน (Instructor) เป็นผู้ถ่ำยทอดเนื้อหำองค์ควำมรู้ต่ำง ๆ ให้กับผู้เรียนให้เกิด
ควำมเข้ำใจในเนื้อหำ ประสบกำรณ์ควำมเชี่ยวชำญของผู้สอนมีส่วนทำให้กำรสอนออนไลน์
บรรลุเป้ำหมำยซึ่งบทบำทของผู้สอนเป็นผู้ให้คำแนะนำ (Guide) พี่เลี้ยง (Mentor) เป็นผู้ฝึก
(Coach) อำนวยควำมสะดวก (Facilitators) เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสำมำรถเล็งเห็นศักยภำพของ
ตนเองในด้ำนกำรเรียนรู้ รวมถึงกำรพัฒนำสมรรถนะในกำรเรียนทักษะด้ำนควำมรู้ที่ใช้ในกำร
ทำงำน ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคนิคต่ำง ๆ ในกำรทำงำนที่สอนกนั ได้ (Hard Skill) เพื่อนำไปสู่
กำรปฏิบัติงำนที่เหมำะสม และกำรพัฒนำทักษะด้ำนอำรมณ์ควำมสำมำรถในกำรอยู่ร่วมกับ
ผู้อื่นรวมถึงกำรพัฒนำตนเอง (Soft Skill) เพื่อให้สำมำรถอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นได้อย่ำงมี
ควำมสุข รวมทั้งกำรส่งเสริมให้เกิดควำมเข้ำใจเน้ือหำกำรเรียนได้รวดเร็วและนำนขึ้น ท้ังนี้
ผู้สอนต้องพัฒนำสมรรถนะด้ำนกำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศเพื่อส่งเสริมกระบวนกำรจัดกำร
เรียนรู้ได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ และช่วยให้มีควำมพร้อมในกำรแก้ไขปัญหำเฉพำะหน้ำ ขณะที่
สอนและควรมีกำรติดตำมกำรเข้ำเรียนของผู้เรียนอย่ำงต่อเนื่อง เช่น ควำมถี่ของกำรเข้ำเรียน
จำนวนชั่วโมงกำรเรียน ปัญหำอุปสรรค ควำมต้องกำรในกำรช่วยเหลือเพิ่มเติมในกำรเรียน
เพื่อให้ผู้เรยี นได้รับประโยชน์จำกกำรเรียนกำรสอนแบบออนไลน์เพิ่มข้นึ
2) ผู้เรียน (Student) เปน็ ผู้รบั เนื้อหำและองค์ควำมรจู้ ำกผสู้ อนซึ่งผเู้ รียนจำเป็นต้อง
มีควำมพร้อมในด้ำนกำรใช้เทคโนโลยีและสำรสนเทศกำรรู้เท่ำทันสื่อ (Digital Literacy) สำมำรถ
สืบค้นวิเครำะหข์ ้อมลู ประเมินเนือ้ หำอย่ำงเปน็ ระบบโดยใช้วิจำรณญำณในกำรตัดสินใจเกีย่ วกับ
ข้อมูลได้อย่ำงเหมำะสม มีกำรเตรียมควำมพร้อมในกำรเรียนรู้ เช่นกำรศึกษำขอบเขตของ
เนือ้ หำก่อนเข้ำเรียนกำรสบื ค้นข้อมลู ทีเ่ กี่ยวข้องกับกำรเรียนรู้จำกแหล่งเรียนรู้ตำ่ ง ๆ กำรเตรียม
ระบบเครือข่ำยอินเทอร์เน็ตให้พร้อมใช้งำน กำรเตรียมสถำนที่สำหรับกำรเรียนที่เหมำะสม กำร
ติดต่อสื่อสำรแบบดิจิทัลกับผู้สอนเพื่อให้สำมำรถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนได้เหมำะสม รวมทั้งมี
ควำมฉลำดทำงอำรมณ์ในกำรใช้สื่อ (Digital Emotional Intelligence) อย่ำงเหมำะสม เช่น กำร
แบ่งปันข้อมลู ข่ำวสำรให้กับคนอืน่ กำรมีน้ำใจในโลกออนไลน์ เป็นต้น รวมทั้งควรเป็นผู้ทีม่ ีควำม
รับผิดชอบในกำรเรียนรู้ด้วยตนเองและมีคุณธรรมจริยธรรมในกำรเรียนรู้ มีส่วนร่วมในกำร
เรียนกำรส่งงำนตำมกำหนด มีกำรทบทวนควำมรู้อย่ำงสม่ำเสมอเพื่อให้ผู้เรียนได้รับประโยชน์
จำกกำรเรียนกำรสอนแบบออนไลน์เพิม่ ข้นึ
16
3) เน้ือหำ (Content) เป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้กำรเรียนกำรสอนบรรลุตำม
วัตถุประสงค์เนื้อหำควรมีกำรออกแบบโครงสร้ำงตำมวัตถุประสงค์ของรำยวิชำมีกำรวำง
แผนผังรำยวิชำเพื่อเป็นระบบนำทำงเชื่อมโยงไปสู่เนื้อหำต่ำง ๆ ในบทเรียน สำหรับข้อควำมของ
เนื้อหำควรมีควำมชัดเจนกระชับเข้ำใจง่ำยมีกำรปรับปรุงใหท้ ันสมัยอยู่ตลอดเวลำเพื่อใหผ้ ู้เรียน
ศึกษำทำควำมเข้ำใจได้ด้วยตนเองอย่ำงเหมำะสม รวมทั้งควรมีกำรจัดลำดับข้อมูลหัวข้อย่อย
ต่ำง ๆ ให้มีกำรเชื่อมโยงกันและเนื้อหำในบทเรียนสำมำรถที่จะส่งเสริมให้ผู้เรียนศึกษำค้นคว้ำ
เพิม่ เติมได้ภำยหลังจำกกำรเรียนออนไลน์
4) สื่อกำรเรียนและแหล่งเรียนรู้ (Instructional Media & Resources) ถือว่ำมี
ควำมสำคัญเป็นอย่ำงยิ่งต่อกำรจัดกำรศึกษำสื่อกำรสอนที่ดีจะเป็นส่วนช่วยให้ผู้เรียนสำมำรถ
ทำควำมเข้ำใจในเน้ือหำขณะที่เรียนได้ สื่อที่ใช้ในกำรสอนควรที่มีควำมแปลกใหม่ดึงดูดควำม
สนใจของผู้เรยี นและกระตุ้นกำรเรียนรู้ เชน่ วิดีโอ ภำพนิ่ง ภำพเคลือ่ นไหว สถำนกำรณ์จำลอง
บทควำมวิชำกำร เป็นต้น อย่ำงไรก็ตำมผู้สอนควรเลือกใช้สื่อให้เหมำะสม เช่น ขนำดตัวหนังสือ
สี ควำมคมชัดของรูปภำพ ควำมถูกต้องของข้อมูล รวมทั้งสื่อที่นำมำใช้ควรมีควำมสอดคล้อง
กับเนื้อหำของรำยวิชำเพื่อให้ผู้เรียนเกิดควำมเข้ำใจเพิ่มมำกขึ้น นอกจำกนี้แหล่งเรีย นรู้
(Resources) ได้แก่ หนังสือตำรำ E-book E-Journal ห้องสมุดเป็นทำงเลือกที่ทำให้ผู้เรียน
สำมำรถเข้ำถึงสื่อกำรเรียนรู้ด้วยกำรสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อนำมำประกอบกำรเรียนซึ่งแหล่ง
เรียนรู้ ควรมีควำมหลำกหลำยให้ผู้เรียนสืบค้นได้อย่ำงเพียงพอทำให้ผู้สอนไม่จำเป็นต้องใส่
เนือ้ หำในบทเรียนท้ังหมด
5) กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ (Learning Process) เป็นกระบวนกำรออกแบบกำร
เรียนรู้ให้กับผู้เรียนตำมหัวข้อวัตถุประสงค์ เนื้อหำสื่อกำรสอน กิจกรรมกำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด
ประเมินผล โดยอำศัยเทคโนโลยีสำรสนเทศมำออกแบบวิธีกำรจัดกำรเรียนรู้ภ ำยใต้
กระบวนกำรวิเครำะห์ (Analysis) วำงแผนออกแบบ (Planning Design) นำไปใช้ (Implement)
พั ฒ นำ (Development) ป ระเมินผล (Evaluation) หลักสูตรกำรเรียนรู้ให้กับ ผู้เรียนซึ่ง
กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่มีประสิทธิภำพควรส่งเสริมให้ผู้เรียนได้สำมำรถนำเน้ือหำไป
ประยุกต์สู่กำรเรียนรตู้ ำมสภำพจริง (Authentic Learning)
6) ระบบกำรติดต่อสื่อสำร (Communication Systems) มีส่วนสำคัญทำให้กำร
จัดกำรเรียนกำรสอนแบบออนไลน์ประสบควำมสำเร็จได้ซึ่งกำรติดต่อสื่อสำรแบ่งออกเป็น 2
ชนิด ได้แก่ 1) กำรสื่อสำรทำงเดียว (One-Way Communication) เป็นกำรถ่ำยทอดเน้ือหำผ่ำน
สื่อกำรสอน เช่น วิดีโอ (Video) PowerPoint ภำพนิ่ง (Slide) สถำนกำรณ์จำลอง (Scenario)
กรณีศึกษำ (Case Study) โดยไม่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงผู้สอนกับผู้เรียน 2) กำรสื่อสำรสองทำง
17
(Two-Way Communication) เป็นกำรถ่ำยทอดเน้ือหำผ่ำนสื่อกำรสอนเช่นคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
(Computer Assisted Instruction: CA) ระบบกำรจัดบทเรียน (Learning Management System:
LMS) หรือกำรเรียนโดยผ่ำนแอปพลิเคชันกำรประชุมทำงวิดีโอ เช่น Google Hangout Meet,
Zoom Meeting, Schoology, Webex, Microsoft Teams เป็นต้น ซึ่งผู้สอนและผู้เรียนสำมำรถ
พดู คยุ ซักถำมรว่ มกนั ได้ในขณะที่สอนและตรวจสอบควำมเข้ำใจของผู้เรยี นได้
7) ระบบเครือข่ำยเทคโนโลยีสำรสนเทศ (Network Systems) เป็นช่องทำงในกำร
อ ำ น ว ย ค ว ำ ม ส ะ ด ว ก ใ ห้ ก ำ ร เรี ย น ก ำ ร ส อ น มี ค ว ำ ม ร ำ บ ร่ื น ไ ด้ ร ะ บ บ เค รื อ ข่ ำ ย ส ำ ร ส น เท ศ
ประกอบด้วย 1) ระบบเครือข่ำยภำยในสถำบัน (Intranet) เป็นระบบเครือข่ำยคอมพิวเตอร์
ภำยในสถำนศึกษำซึ่งให้ผู้เรียนสำมำรถเข้ำมำใช้เครือข่ำยภำยในสถำนศึกษำสำหรับกำรเรียน
ออนไลน์ได้ 2) ระบบเครือข่ำยภำยนอกสถำบัน (Internet) ที่เชื่อมต่อระบบเครือข่ำย
คอมพิวเตอร์ท่ัวโลกเพื่อให้สำมำรถติดต่อสื่อสำรได้รวดเร็ว ซึ่งผู้เรียนสำมำรถใช้เครือข่ำย
อินเทอร์เน็ตสำหรับกำรเข้ำเรียนออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลำ รวมทั้งสืบค้นข้อมูลประกอบกำร
เรียนรู้ได้ อย่ำงไรก็ตำมอำจมีข้อจำกัดเกี่ยวกับควำมพร้อมของนักศึกษำในเร่ืองกำรเตรียม
อุปกรณ์เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ำยเทคโนโลยีสำรสนเทศและพื้นที่ที่ไม่มีสัญญำณเครือข่ำย
อินเทอร์เน็ตรวมถึงควำมเร็วของอินเทอร์เน็ตอำจทำให้กำรจัดกำรเรียนกำรสอนแบบออนไลน์
ไม่รำบรน่ื ได้
8) กำรวดั และกำรประเมินผล (Measurement and Evaluation) จำเป็นต้องมีกำรวัด
และประเมินผลโดยมีกำรวัดและประเมินผลท้ังระหว่ำงเรียน (Formative Assessment) เชน่ กำร
ต้ังคำถำมกำรสังเกตพฤติกรรมผู้เรียน สะท้อนคิด เป็นต้น และภำยหลังจัดกำรเรียน
(Summative Assessment) เช่น กำรทดสอบด้วยแบบทดสอบต่ำง ๆ เพื่อตรวจสอบควำมเข้ำใจ
ของผู้เรียนประสิทธิผลของกำรเรียนเพื่อสะท้อนควำมสำมำรถกำรเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งควรมี
ควำมหลำกหลำยเพื่อวัดประเมินผลผู้เรียนให้สอดคล้องตำมสภำพจริง อย่ำงไรก็ตำมผู้สอน
จำเป็นต้องออกแบบเคร่ืองมือวิธีกำรวัดและประเมินผลให้มีประสิทธิภำพ รวมท้ังควรมีกำร
ส่งเสริมคุณธรรมจรยิ ธรรมในกำรทดสอบออนไลน์เพื่อป้องกันกำรทจุ ริตในระหว่ำงกำรสอบ
ดังน้ัน จึงกล่ำวได้ว่ำองค์ประกอบของกำรจัดกำรเรียนกำรสอนแบบออนไลน์เป็นส่วน
สำคญั ที่จะทำให้กำรเรียนกำรสอนนั้นเกิดประสิทธิภำพ ซึง่ องค์ประกอบดังกล่ำวจำเป็นอย่ำงยิ่ง
ทีจ่ ะต้องออกแบบให้มีควำมสอดคล้องกับสถำนกำรณ์จริง โดยสำมำรถปรับเปลี่ยนใหเ้ หมำะกับ
ผเู้ รียนได้
18
3. รูปแบบการเรียนการสอน
วิทยำ วำโย และคณะ (2563) กล่ำวว่ำ เม่ือสถำนกำรณ์ที่ส่งผลทำให้ผู้สอนและ
ผเู้ รียนมปี ฏิสัมพันธ์ทำงดำ้ นวิชำกำรลดลง ไม่สำมำรถจดั กระบวนกำรเรียนกำรสอนตำมปกติได้
จึงจำเป็นอย่ำงยิ่งที่จะต้องมีกำรปรับรูปแบบกำรเรียนกำรสอนให้มีควำมเหมำะสมซึ่งกำรเรียน
กำรสอนแบบออนไลน์ถือว่ำเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เกิดกำรเรียนรู้ และสำมำรถดำเนินกำรได้
อย่ำงต่อเนื่อง แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือกำรคงไว้ซึ่งกำรมีปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงผู้สอนกับผู้เรียน
เพรำะกำรมีปฏิสัมพันธ์ของผู้สอนและผู้เรียนจะส่งผลทำให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจในกำรเรียนรู้เพื่อ
นำไปสู่กำรพัฒนำตนเองและยังส่งผลใหก้ ำรเรียนรู้มีคุณภำพ ปัจจุบันรปู แบบกำรเรียนกำรสอน
แบบออนไลน์มีหลำกหลำยวิธีที่ทำให้ผู้สอนและผู้เรยี นมีปฏิสมั พันธ์ร่วมกนั สรุปได้ดงั นี้
1) กำรเรียนกำรสอนออนไลน์ด้วยรูปแบบ Massive Open Online Courses: MOOC
เป็นรูปแบบกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ที่มีกำรปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงผู้สอนและผู้เรียนซึ่งเป็น
หอ้ งเรียนออนไลน์ทีม่ ขี นำดใหญ่สำหรับนักเรียนนิสิตนักศกึ ษำประชำชนทั่วไปทีส่ นใจเข้ำเรียนใน
สำขำที่ตนเองต้องกำรพัฒนำโดยมีองค์ประกอบ ได้แก่ วิดีโอกำรสอนบรรยำยเน้ือหำและกำร
ยกตวั อย่ำงประกอบเอกสำรกำรสอนแบบออนไลน์กำรตอบโต้แสดงควำมคิดเห็นระหว่ำงผสู้ อน
และผู้เรียน กำรประเมินผลกำรเรียน และกำรทดสอบผลจำกกำรสอนออนไลน์ด้วยรูปแบบ
MOOC ของ กชพรรณ นุ่นสังข์, วิภำวรรณ ชะอุ่ม เพ็ญสุขสันต์ และสำยฝน เอกวรำงกู” พบว่ำ
ผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนรำยวิชำจิตวิทยำพัฒนำกำรวัยผู้สูงอำยุเท่ำกับ 80.9 ส่วนรำยวิชำ
จิตวิทยำพัฒนำกำรวัยรุ่นเท่ำกับ 86.6 รวมทั้งผู้เรียนมีพฤติกรรมกำรมีส่วนร่วมในกำรเรียนรู้
ต้ังแต่ต้นจนจบรำยวิชำจิตวิทยำพัฒนำกำรวัยผู้สูงอำยุและรำยวิชำจิตวิทยำพัฒนำกำรวัยรุ่น
ค่ำเฉลี่ย 47.21 และ 49.46 ตำมลำดับและสอดคล้องกับกำรศึกษำ ของ วณิชำ พึ่งชมภู, ณัฐธ
ยำน์ สุวรรณคฤหำสน์ และบำเหน็จ แสงรัตน์ พบว่ำ พฤติกรรมกำรเรียนรู้ออนไลน์ในระบบ
Thai MOOC ในกำรทำกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนอยู่ในระดับมำกและผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียน
ก่อนและหลังกำรเรียนรู้มีควำมแตกต่ำงอย่ำงมีนัยสำคัญทำงสถิติจำกผลกำรวิจัยที่มีกำร
ประยุกต์ใช้วิธีกำรสอนออนไลน์ด้วยรูปแบบ MOOC มีประเด็นที่สำคัญที่ต้องมีกำรพัฒนำต่อ
จำกกำรมีปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงผู้สอนและผู้เรียน เช่น กำรพัฒนำกระบวนกำรคิดขั้นสูง กำรคิด
แก้ไขปัญหำอย่ำงสร้ำงสรรค์ เพื่อให้ผู้เรียนสำมำรถนำองค์ควำมรู้ไปใช้ในกำรปฏิบัติงำนต่อไป
อย่ำงไรก็ตำมกำรออกแบบเนื้อหำในกำรเรียนมีควำมสำคัญเนื่องจำกเป็นรูปแบบกำรเรียนรู้ที่
ประชำชนท่ัวไปสำมำรถเข้ำเรียนได้ จึงควรออกแบบเนื้อหำให้สอดคล้องกับผู้เรียนเพื่อให้
สำมำรถนำควำมรู้ไปใช้ในกำรดำเนินชีวติ ต่อได้อย่ำงเหมำะสม
19
2) ก ำ ร ส อ น ด้ ว ย รู ป แ บ บ Modular Object Oriented Dynamic Learning
Environment (Moodle) ซึ่งเป็นระบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนแบบเปิดเสมือนห้องเรียนจริงทำ
ให้ผู้สอนและผู้เรียนสำมำรถมีปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงกัน และกันได้โดยผู้สอนสำมำรถออกแบบ
เนื้อหำกิจกรรมกำรเรียน แบบทดสอบ ช่องทำงมอบหมำยงำน และกำรส่งงำน นอกจำกน้ันยัง
สำมำรถสร้ำงห้องสำหรับกำรตอบโต้ระหว่ำงผู้สอนและผู้เรียนได้ จำกกำรศึกษำ ของ ธัญญธร
เมธำลักษณ์ และคณะ พบว่ำ กลุ่มตัวอย่ำงที่เรียนด้วยโปรแกรม Moodle มีคะแนนผลกำรสอบ
สูงกว่ำกลุ่มควบคุมอย่ำงมีนัยสำคัญทำงสถิติ อย่ำงไรก็ตำม จำกกำรศึกษำ ของ วริศำ วรวงศ์,
พูลทรพั ย์ ลำภเจยี ม และวรำภรณ์ บญุ ยงค์ พบว่ำ กลุ่มทดลองที่ได้รับกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
ด้วยโปรแกรม Moodle กับกลุ่มควบคุมมีคะแนนควำมรู้ไม่แตกต่ำงกัน จะเห็นได้ว่ำ กำรเรียน
ด้วยโปรแกรม Moodle ในบำงสำขำยังจำเป็นต้องมีกำรวิเครำะห์ปัญหำอุปสรรคและควำม
เปน็ ไปได้ของกำรใช้รปู แบบกำรเรียนด้วยโปรแกรม Moodle โดยเฉพำะสำขำวิชำชีพที่จำเป็นต้อง
มีกำรฝึกทักษะร่วมขณะเรียน เพื่อให้กำรเรียนบรรลุวัตถปุ ระสงค์ได้ ดังนั้น กรณีที่จำเปน็ ต้องฝึก
ทักษะปฏิบัติในระหว่ำงกำรเรียนผู้สอน ควรสำธิตวิธีกำรปฏิบัติอย่ำงละเอียด ชัดเจน เพื่อให้
ผเู้ รียนสำมำรถที่จะทำควำมเข้ำใจและปฏิบตั ิตำมได้อย่ำงถกู ต้อง
3) วิธีกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ผ่ำนโปรแกรมกำรประชุมออนไลน์ได้ เช่น
โปรแกรม Zoom โปรแกรม Google Meeting Hangout เปน็ ต้น ซึ่งเป็นโปรแกรมกำรประชุมวิดีโอ
ทำงไกลที่ผู้สอนสำมำรถเตรียมเอกสำรประกอบกำรสอน เช่น PowerPoint วิดีโอ รูปภำพ
เอกสำรกำรสอนในรูปของไฟล์ Word Excel เป็นต้น โดยที่ผู้สอนและผู้เรียนสำมำรถมี
ปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงกำรเรียนกำรสอนได้ รวมทั้งสำมำรถบันทึกไฟล์ภำยหลังกำรสอนเพื่อให้
สำมำรถเรียนย้อนหลังได้ จำกกำรศึกษำ ของ เครือหยก แย้มศรี พบว่ำ ภำยหลังกำรใช้
แอปพลิเคชั่น Zoom Cloud Meeting ช่วยสอนในรำยวิชำปฏิบัติกำรผดุงครรภ์ส่งผลให้คะแนน
ควำมรู้และทักษะทำงกำรพยำบำลสูงกว่ำก่อนกำรเรียนอย่ำงมีนัยสำคัญทำงสถิติ อย่ำงไรก็
ตำมก่อนที่จะมีกำรเรียนกำรสอนผ่ำนโปรแกรมกำรประชุมออนไลน์ผู้สอนควรออกแบบเน้ือหำ
ให้สอดคล้องกับสื่อกำรสอนระยะเวลำ รวมทั้งควรมีกำรประเมินผลระหว่ำงและภำยหลังกำร
เรียนกำรสอนเพื่อตรวจสอบควำมเข้ำใจเนื้อหำของผู้เรยี น
จำกกำรทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับแนวคิดกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ ใน
ประเด็นที่ศึกษำเกี่ยวกับควำมหมำย องค์ประกอบ และรูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
ออนไลน์ จึงเป็นแนวทำงให้ผู้วิจัยจัดกำรเรียนกำรสอนด้วยวิธีกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ผ่ำน
โปรแกรมกำรประชุมออนไลน์ Microsoft Teams โดยใช้สื่อกำรเรียนอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบ Site
E-Learning เป็นสื่อเพิ่มเติมจำกกำรกำรสอนออนไลน์ผ่ำนโปรแกรม Microsoft Teams ทั้งนี้
20
หน้ำหลักจะประกอบด้วย คำอธิบำยรำยวิชำ ข้อมูลนักเรียน ข้อมูลผู้สอน กำรลำกิจ/ลำป่วย
กำรตรวจสอบกำรเข้ำเรียน และช่องทำงเข้ำสู่บทเรียนแต่ละสัปดำห์ ส่วน หน้ำย่อยที่เป็น
บทเรียนของแต่ละสัปดำห์จะประกอบด้วย 1) คลิปวิดีโอบันทึกกำรสอนจำกห้องเรียน
ออนไลน์ (Microsoft Teams) 2) เนื้อหำประกอบกำรสอน (Microsoft PowerPoints) และ 3)
แบบฝึกหัดท้ำยบทเรียน (Google Forms)
แนวคดิ การวดั ความพึงพอใจ
1. ความหมายการวัดความพึงพอใจ
เม่ือกล่ำวถึง กำรวัดควำมพึงพอใจ มักมีนักวิชำกำรหรือผู้ให้นิยมได้เสนอคำ
จำกัดควำมของคำวำ่ ควำมพึงพอใจ ไว้อย่ำงหลำกหลำย เชน่
ตำม พจนำนุกรมฉบับรำชบัณ ฑิตยสถำน พ.ศ. 2554 (รำชบัณ ฑิตยสภำ,
2556) ได้ให้ควำมหมำยของคำว่ำ ควำมพึงพอใจ หมำยถึง รัก ชอบใจ พึงใจ หมำยถึง พอใจ
ชอบใจ
จริ ำพร กำจัดทุกข์ (2552, หน้ำ 23) ควำมพึงพอใจ หมำยถึง ควำมรู้สึกที่เป็นกำร
ยอมรับควำมรู้สึกที่ยินดีควำมรู้สึกชอบในกำรได้รับบริกำรหรือได้รับกำรตอบสนองต ำมควำม
คำดหวงั หรอื ควำมตอ้ งกำรทีบ่ ุคคลน้ันได้ตง้ั ไว้
พิณ ทองพูน (2549, หน้ำ 21) กล่ำวว่ำ ควำมพึงพอใจ หมำยถึง ควำมรู้สึกชอบ
ยินดีเต็มใจหรือมีเจตคติที่ดีของบุคคลต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ควำมพึงพอใจจะเกิดขึ้นเม่ือได้รับกำร
ตอบสนองควำมตอ้ งกำรท้ังด้ำนวัตถุและจติ ใจ
กำญจนำ อรุณสุขรุจี (2546, หน้ำ 7) ได้ให้ควำมหมำยว่ำ ควำมพึงพอใจของ
มนุษย์เป็นกำรแสดงออกทำงพฤติกรรมที่เป็นนำมธรรมไม่สำมำรถมองเป็นรูปร่ำงได้ กำรที่เรำ
จะทรำบว่ำบุคคลมีควำมพึงพอใจหรือไม่ สำมำรถสังเกตได้จำกกำรแสดงออกที่ซับซ้อนและ
ต้องมีสิง่ เร้ำทีต่ รงต่อควำมตอ้ งกำรของบุคคล จึงจะทำให้บคุ คลเกิดควำมพึงพอใจ ดงั นนั้ สง่ิ เร้ำ
จงึ เปน็ แรงจูงใจของบุคคลนั้นให้เกิดควำมพึงพอใจในงำนน้ัน
สมบัตร บำรมี (2551, หน้ำ 13) ควำมพึงพอใจ หมำยถึง ควำมรู้สึกเป็นสุขที่เกิด
จำกทศั นคติทำงด้ำนบวกที่มตี ่อสิ่งเร้ำหรือสิง่ กระตุ้นท้ังจำกภำยในและภำยนอกของปัจเจกบุคคล
ชนะดำ วีระพันธ์ (2555) ควำมพึงพอใจเป็นควำมรู้สึกหรือทัศนคติทำงบวกของ
บุคคลที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือมีควำมชื่นชอบพอใจต่อกำรที่บุคคลอื่นกระทำกำรสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ตอบสนองควำมต้องกำรของบุคคลหนึ่งที่ปรำรถนำให้กระทำในสิ่งที่ต้องกำร ซึ่งจะเกิดขึ้นก็
ต่อเม่ือสิ่งน้ันสำมำรถตอบสนองควำมต้องกำรให้แก่บุคคลนั้นได้ แต่ทั้งน้ี ควำมพึงพอใจของแต่
21
ละบุคคลย่อมมีควำมแตกต่ำงกันหรอื มีควำมพึงพอใจมำกน้อยขึ้นอยู่กับค่ำนิยมของแต่ละบคุ คล
และควำมสัมพันธ์ของปจั จัยที่ทำให้เกิดควำมพึงพอใจตลอดจนสิ่งเร้ำต่ำง ๆ ซึ่งอำจสำมำรถทำ
ให้ระดับควำมพึงพอใจแตกต่ำงกันได้ เช่น ควำมสะดวกสบำยที่ได้รับ ควำมสวยงำม ควำมเป็น
กนั เอง ควำมภมู ิใจ กำรยกย่อง กำรได้รับกำรตอบสนองในสิ่งที่ตอ้ งกำรและควำมศรทั ธำ
วิมลสิทธิ์ หรยำงกูร (2549, หน้ำ 35) ได้กล่ำวถึงควำมหมำยของควำมพึงพอใจ
ว่ำ “ควำมพึงพอใจ” เป็นกำรให้ค่ำควำมรู้สึกของคนที่สัมผัสกับโลกทัศน์เกี่ยวกับกำรจัด
กำรสภำพแวดล้อมค่ำควำมรู้สึกของบุคคลที่มีต่อกำรจัดกำรสภำพแวดล้อมจะแตกต่ำงกันเช่น
ควำมรสู้ ึกดี-เลว พอใจ-ไม่พอใจ สนใจ-ไม่สนใจ”
นภำรัตน์ เสือจงพรู (2544, หน้ำ 9) ได้ให้ควำมหมำยว่ำควำมพึงพอใจเป็น
ควำมรู้สึกทำงบวกควำมรู้สึกทำงลบและควำมสุขที่มีควำมสัมพันธ์กันอย่ำงซับซ้อน โดยควำม
พึงพอใจจะเกิดข้ึนเม่อื ควำมรสู้ ึกทำงบวกมำกกว่ำทำงลบ
Shely (2553, อ้ำงอิงใน สุพัณณดำ ภำรำม, 2557, หน้ำ 11) แนวคิดเกีย่ วกับควำม
พึงพอใจว่ำเป็นควำมรู้สึกสองแบบของมนุษย์ คือ ควำมรสู้ ึกในทำงบวกและควำมรสู้ ึกในทำงลบ
ควำมรู้สึกในทำงบวกเม่ือเกิดขึ้นแล้วทำให้มีควำมสุข ควำมรู้สึกนี้เป็นควำมรู้สึกที่แตกต่ำงจำก
ควำมรู้ทำงบวกอื่น ๆ กล่ำวคือ เป็นควำมรู้สึกที่มีระบบย้อนกลับและควำมรู้สึกนี้ทำให้เกิด
ควำมสุขหรือควำมรู้สึกทำงบวกเพิ่มขึ้นได้อีก ดังนั้นจะเห็นได้ว่ำ ควำมรู้สึกที่สลับซับซ้อนและ
ควำมรู้สึกนี้จะมีผลต่อบุคคลมำกกว่ำควำมรู้สึกในทำงบวกอื่น ๆ ดังน้ัน ควำมรู้สึกในทำงบวก
ควำมรู้สึกในทำงลบ และควำมสุข มีควำมสัมพันธ์กันอย่ำงส ลับ ซับ ซ้อ น แ ล ะ ร ะ บ บ
ควำมสัมพันธ์ของควำมรู้สึกทั้งสำมนี้ เรียกว่ำ ระบ บ ควำมพึงพอใจ โดยควำมพึง
พอใจเกิดขึน้ เมอ่ื ระบบควำมพึงพอใจมีควำมรสู้ ึกทำงบวกมำกกว่ำทำงลบ
พิทักษ์ ตรุษทิบ (2551, หน้ำ 5) กล่ำวว่ำ ควำมพึงพอใจเป็นเพียงปฏิกิริยำด้ำน
ค ว ำม รู้ สึ ก ต่ อ สิ่ ง เร้ ำห รื อ สิ่ ง ก ร ะตุ้ น ที่ แ ส ด ง อ อ ก ม ำใน ลั ก ษ ณ ะข อ ง ผ ล ลั พ ธ์ สุ ด ท้ ำย ข อ ง
กระบวนกำรประเมินโดยบ่งบอกทิศทำงของผลกำรประเมินว่ำ เป็นไปในลักษณะทิศทำงบวก
หรอื ทิศทำงลบหรือไมม่ ีปฏิกิรยิ ำ คือ เฉย ๆ ต่อสง่ิ เร้ำ หรอื สิง่ ทีม่ ำกระตนุ้
แน่งน้อย พงษ์สำมำรถ (2551, หน้ำ 5) มีควำมเห็นว่ำ ควำมพึงพอใจ คือ ท่ำที่
ทว่ั ๆ ไปทีเ่ ป็นผลมำจำกท่ำทีทีม่ ตี ่อสง่ิ ตำ่ ง ๆ 3 ประกำร คือ
1) ปัจจัยเกี่ยวกับกิจกรรม
2) ปัจจยั เกีย่ วกับบุคคล
3) ลกั ษณะควำมสมั พนั ธ์ระหว่ำงกลุ่ม
22
บุญเรียง ขจรศิลป์ (2529) ได้ให้ทรรศนะเกี่ยวกับเร่ืองกำรวัดควำมพึงพอใจเป็น
ทัศนคติหรือเจตคติเป็นนำมธรรมเป็นกำรแสดงออกค่อนข้ำงซับซ้อนจึงเป็นกำรยำกที่จะ วัด
ทัศนคติได้โดยตรง แต่เรำสำมำรถที่จะวัดทัศนคติได้โดยอ้อมโดยวัดควำมคิดเห็นของบุคคล
เหล่ำนั้นแทน ฉะนั้นกำรวัดควำมพึงพอใจก็มีขอบเขตที่จำกัด ด้วยอำจมีควำมคลำดเคลื่อน
เกิดขึ้นถ้ำบุคคลเหล่ำน้ันแสดงควำมคิดเห็นไม่ตรงกับควำมรู้สึกที่แท้จริง ซึ่งควำมคลำดเคลื่อน
เหล่ำนยี้ ่อมเกิดข้ึนได้เปน็ ธรรมดำของกำรวัดโดยท่วั ๆ ไป
แมงเกิลสิดอร์ฟฟ์ (Mangelsdorff, 1978, อ้ำงอิงใน เทศบำลตำบลนำจอมเทียน,
2560, หนำ้ 7) กล่ำวว่ำ ควำมพึงพอใจเปน็ เกณฑอ์ ย่ำงหนึง่ ทีใ่ ชว้ ัดคณุ ภำพของงำน
จำกกำรให้ควำมหมำยของคำว่ำ ควำมพึงพอใจ โดยสรุปแล้วหมำยถึง ควำม
พึงพอใจเป็นควำมรู้สึกหรือทัศนคติของบุคคลต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งจะเกิดขึ้นเม่ือได้รับกำร
ตอบสนองควำมตอ้ งกำร โดยมีควำมพงึ พอใจมำกหรือนอ้ ยขึ้นอยู่กับค่ำนิยมของแตล่ ะบุคคล
2. ความสาคัญของความพึงพอใจ
วิชชุดำ คัมภีร์เวช (2556, หน้ำ 11) กล่ำวว่ำ ควำมพึงพอใจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วย
ให้งำนประสบควำมสำเร็จ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งงำนเกี่ยวกับกำรให้บริกำรซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ
ประกำรแรกที่เป็นตัวบ่งชี้ถึงควำมเจริญก้ำวหน้ำของงำนบริกำร กำรที่จะให้องค์กรทำงำน
ประสบควำมสำเรจ็ ได้น้ัน ผบู้ ริหำรและเจำ้ หน้ำที่ที่เกีย่ วข้องควรอย่ำงยิ่งที่จะต้องศกึ ษำให้ลึกซึ้ง
ถึงปัจจยั และองค์ประกอบต่ำง ๆ ที่จะทำให้ผู้มำรบั บริกำรเกิดควำมพึงพอใจ
ปภำวดี ดุลยจินดำ (2540, อ้ำงอิงใน พัฒนำ พรหมณี, ยุพิน พิทยำวัฒนชัย และจี
ระศักดิ์ ทัพผำ, 2563, หน้ำ 60) ได้กล่ำวถึงควำมสำคัญของควำมพึงพอใจต่อกำรดำเนินกำร
กิจกรรมหรอื กำรปฏิบตั ิงำนต่ำง ๆ ไว้ดังนี้
1) ช่วยเสริมสร้ำงคุณภำพชีวิตในกำรปฏิบัติงำนหรือทำกิจกรรมต่ำง ๆ หำกมีควำม
พึงพอใจจะส่งผลต่อควำมต้ังใจในกำรปฏิบัติงำนหรือทำกิจกรรมส่งผลให้เกิดผลงำนที่ดีนำมำ
ซึง่ ผลตอบแทนทีส่ งู ขึน้ มกี ำรดำรงชีวติ และคุณภำพชีวติ ทีด่ ีขนึ้
2) เกิดควำมรู้สึกกระตอื รอื ร้นมีควำมเช่ือม่ันและควำมมุ่งม่ันในกำรทำงำนควำมพึง
พอใจทำให้เกิดควำมสุขจำกกำรปฏิบัติงำนต้องกำรให้งำนมีประสิทธิภำพและเกิดประโยชน์
สงู สดุ ช่วยใหป้ ระสบควำมสำเร็จในกำรปฏิบตั ิงำน
3) เป็นสิ่งกำหนดลักษณะกำรดำเนินงำนหรือกำรปฏิบัติงำนที่ดี มีคุณภำพ
ตอบสนองตอ่ ควำมตอ้ งกำรและควำมคำดหวงั ของผู้รบั บริกำรที่เหมำะสมเกิดควำมประทับใจ
4) ช่วยพัฒนำคุณภำพของงำนหำกมีควำมพึงพอใจจะเกิดควำมเต็มใจทุ่มเท
สร้ำงสรรคแ์ ละส่งเสริมมำตรฐำนของงำนที่สงู ขนึ้
23
โดยสรุปแล้วควำมพึงพอใจมคี วำมสำคญั อันถือเป็นปจั จัยหนึง่ ที่บ่งบอกถึงควำมควำม
เจริญก้ำวหน้ำของงำนและเม่ือมีควำมพึงพอใจจะส่งผลให้เกิดผลงำนที่ดี ตลอดจนเกิดควำม
เตม็ ใจทุ่มเทสร้ำงสรรคแ์ ละส่งเสริมมำตรฐำนของงำนที่สูงขนึ้
3. ประเภทการวดั ความพึงพอใจ
สำโรช ไสยสมบัติ (2533, หน้ำ 39) กล่ำวว่ำ โดยทว่ั ไปกำรวัดควำมพึงพอใจมักจะ
กระทำกำรวัดกันในเร่ืองใดเร่ืองหนึ่งหรือประเด็นหนึ่งใน 2 ประเด็น คือ ควำมพึงพอใจของ
ผู้ปฏิบัติงำน (Job Satisfaction) และควำมพึงพอใจต่อกำรให้บริกำร (Service Satisfaction) ของ
องค์กรไม่ว่ำจะเป็นองค์กำรในลักษณะใดหรือมีจุดมุ่งหมำยของกำรดำเนินงำนประกำรใดก็ตำม
ซึง่ ได้รบั ควำมนิยมนำมำทำกำรศกึ ษำน้ัน จะเกิดขึน้ ได้หรอื ไม่นั้นจะต้องพิจำรณำถึงลักษณะของ
กำรให้บริกำรขององค์กร ประกอบกับระดับควำมรู้สึกของผู้รับบริกำรในมิติต่ำง ๆ ของแต่ละ
บคุ คล ดังนน้ั กำรวดั ควำมพึงพอใจตอ่ กำรบริกำรอำจจะกระทำได้หลำกหลำยวิธี ดังตอ่ ไปนี้
1) กำรใช้แบบสอบถำมซึ่งเป็นวิธีกำรที่นิยมใช้กันอย่ำงแพร่หลำยวิธีหนึ่งซึ่งอำจ
กระทำโดยกำรขอร้องหรอื ขอควำมร่วมมอื จำกกลุ่มบุคคลที่ต้องกำรวัดแสดงควำมคิดเห็นลงใน
แบบฟอร์มที่กำหนดคำตอบไว้ให้เลือกหรือเป็นคำตอบอิสระ โดยคำถำมที่ถำมอำจจะถำมถึง
ควำมพึงพอใจในด้ำนต่ำง ๆ ที่หน่วยงำนกำลังให้บริกำรอยู่ เช่น ลักษณ ะของกำร
ให้บริกำร สถำนทีใ่ หบ้ ริกำร ระยะเวลำในกำร ให้บริกำรพนักงำนที่ให้บริกำร เปน็ ต้น
2) กำรสัมภำษณ์เป็นอีกวิธีกำรหนึ่งในกำรที่จะได้ทรำบถึงระดับควำมพึงพอใจของ
ผู้มำใช้บริกำร ซึ่งเป็นวิธีกำรที่ต้องอำศัยเทคนิคและควำมชำนำญพิเศษของผู้สัมภำษณ์ ที่จะจูง
ใจให้ผู้ถูกสัมภำษณ์ตอบคำถำมให้ตรงกับข้อเท็จจริง กำรวัดระดับควำมพึงพอใจโดยวิธี
สมั ภำษณ์นบั ว่ำเป็นวิธีกำรที่ประหยัดและมีประสิทธิภำพหนึ่ง
ปริญญำ จเรรัชต์และคณะ (2546, หน้ำ 5) กล่ำวว่ำ มำตรวัดควำมพึงพอใจ
สำมำรถกระทำได้หลำยวิธี ได้แก่
1) กำรใช้แบบสอบถำมโดยผู้สอบถำมจะออกแบบสอบถำมเพื่อต้องกำรทรำบ
ควำมคิดเห็นซึง่ สำมำรถทำได้ในลักษณะที่กำหนดคำตอบให้เลือกหรอื ตอบคำถำมอิสระคำถำม
ดงั กล่ำวอำจถำมควำมพึงพอใจในด้ำนต่ำง ๆ เช่นกำรบริกำรกำรบริหำรและเงอื่ นไขต่ำง ๆ
2) กำรสัมภำษณ์เปน็ วิธีวัดควำมพึงพอใจทำงตรงทำงหน่ึงซึ่งต้องอำศัยเทคนิคและ
วิธีกำรที่ดีที่จะทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นจรงิ ได้
3) กำรสังเกตเป็นวิธีกำรวัดควำมพึงพอใจโดยสังเกตพฤติกรรมของบุคคล
เป้ำหมำยไม่ว่ำจะแสดงออกจำกกำรพูดกิริยำท่ำทำงวิธีนี้จะต้องอำศัยกำรกระทำอย่ำงจริงจัง
และกำรสังเกตอย่ำงมรี ะเบียบแบบแผน
24
ภณิดำ ชัยปัญญำ (2541) กล่ำวว่ำกำรวัดควำมพึงพอใจนั้นสำมำรถทำได้หลำยวิธี
ดังน้ี
1) กำรใช้แบบสอบถำมเพื่อต้องกำรทรำบควำมคิดเห็นซึ่งสำมำรถกระทำได้ใน
ลกั ษณะกำหนดคำตอบใหเ้ ลือกหรอื ตอบคำถำมอิสระคำถำมดังกล่ำวอำจถำมควำมพึงพอใจใน
ด้ำนต่ำง ๆ
2) กำรสัมภำษณ์เป็นวิธีกำรวัดควำมพึงพอใจทำงตรงซึ่งต้องอำศัยเทคนิคและ
วิธีกำรที่ดีจะได้ขอ้ มูลที่เปน็ จรงิ
3) กำรสังเกตเป็นวิธีวัดควำมพึงพอใจโดยกำรสังเกตพฤติกรรมของบุคคล
เป้ำหมำยไม่ว่ำจะแสดงออกจำกกำรพูดจำกริยำท่ำทำงวิธีนี้ต้องอำศัยกำรกระทำอย่ำงจริงจัง
และสงั เกตอย่ำงมรี ะเบียบแบบแผน
พัฒนำ พรหมณี, ยุพิน พิทยำวัฒนชัย และจีระศักดิ์ ทัพผำ (2563) กล่ำวว่ำ กำร
ประเมินควำมพึงพอใจในงำนเป็นกำรประเมินควำมรู้สึกควำมคิดและพฤติกรรมสำมำรถ
ประเมินได้ด้วยวิธีกำรสังเกต กำรสัมภำษณ์ และกำรสอบถำม ที่นิยม คือ ใช้แบบสอบถำมที่
สร้ำงขึ้นอย่ำงรอบคอบ และอย่ำงถูกต้องเหมำะสมตำมทฤษฎีของกำรวัดผลประเมินผลและ
แปลผล เพือ่ กำรนำไปใช้ประโยชน์ในกำรดำเนินงำนตำมควำมตอ้ งกำรต่อไป
Stromborg (1984, อ้ำงอิงใน สมหมำย เปียถนอม, 2551, หน้ำ 10) กำรวัดควำม
พึงพอใจของผู้ใช้บริกำรน้ัน จะวัดในเร่ืองใดน้ันย่อมแตกต่ำงกันไปตำมวัตถุประสงค์ของผู้ที่จะ
ศกึ ษำ แตม่ ีวธิ ีทีน่ ยิ มใช้กัน ดังน้ี
1) ก ำรสั ม ภ ำษ ณ์ วิธีนี้ ผู้ศึ ก ษ ำจ ะมี แบ บ สั ม ภ ำษ ณ์ ที่ มี ค ำถ ำม ซึ่ งได้ รับ
กำรทดสอบหำควำมเที่ยงตรงและควำมเชื่อม่ันแล้วทำกำรสัมภำษณ์กลุ่มตัวอย่ำง ข้อดีของ
วิธีนี้ คือ ผู้สัมภำษณ์อธิบำยคำถำมให้ผู้ตอบเข้ำใจได้ สำมำรถใช้กับกลุ่มตัวอย่ำงที่อ่ำนเขียน
หนังสือไม่ได้ แต่มีข้อเสีย คือ กำรสัมภำษณ์ต้องใช้เวลำมำกและอำจมีข้อผิดพลำดในกำรสื่อ
ควำมหมำย
2) กำรใช้แบบสอบถำม เป็นวิธีที่มีผู้นิยมใช้มำกที่สุดมีลักษณะเป็นคำถำมที่ได้
ทดสอบควำมเที่ยงตรงและควำมเชื่อมั่นแล้ว กลุ่มตัวอย่ำงเลือกตอบหรือเติมคำ ข้อดีของ
วิธีนี้ คือ ได้คำตอบที่มีควำมหมำยแน่นอนมีควำมสะดวกรวดเร็วในกำรสำรวจสำมำรถใช้กับ
กลุ่มตวั อย่ำงที่มขี นำดใหญ่ ข้อเสีย คือ ผู้ตอบต้องสำมำรถอ่ำนออกเขียนได้และมีควำมสำมำรถ
ในกำรคิดเป็นควำมพึงพอใจเป็นสภำวะที่มีควำมต่อเนื่องไม่สำมำรถบอกจุดเริ่มต้นหรือสิ้นสุด
ของควำมพึงพอใจได้แบบสอบถำมถึงนิยมสร้ำงเป็นแบบมำตรอันดับ
25
จำกประเภทกำรวัดควำมพึงพอใจดังกล่ำว สำมำรถสรุปได้ว่ำมีท้ังหมด 3 ประเภท
ได้แก่ กำรใช้แบบสอบถำม กำรสัมภำษณ์ และกำรสังเกต ทั้งนี้ผู้วิจัยจึงเลือกใช้กำรวัดควำมพึง
พอใจประเภทแบบสอบถำมเป็นเคร่ืองมือในกำรวัดควำมพึงพอใจของนักเรียนต่อกำรจัดกำร
เรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19
จำกกำรทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับแนวคิดกำรวัดควำมพึงพอใจ ในประเด็นที่ศึกษำ
เกี่ยวกับควำมหมำย ควำมสำคัญ และประเภทกำรวัดควำมพึงพอใจ จึงเป็นแนวทำงให้ผู้วิจัย
ประเมินกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ โดยแบ่งกำรประเมินออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ 1)
กำรประเมินระหว่ำงกำรพัฒนำโดยกลุ่มอำจำรย์ผู้เชี่ยวชำญที่มีมุมมองแตกต่ำงกัน เพื่อ
ปรับปรุงแก้ไขกำรจัดกำรเรียนก ำรสอนอ อนไลน์ให้มีป ระสิท ธิภำพก่อ น นำไป ใช้จริงกับ
ผู้เรียน และ 2) กำรประเมินหลังกำรพัฒนำโดยผู้เรียน ด้วยวิธีกำรประเมินจำกแบบสอบถำม
ควำมพึงพอใจของผู้เรียนเพื่อประเมินประสิทธิภำพ
งานวจิ ัยทเ่ี กีย่ วข้อง
เอกสำรและงำนวิจัยที่เกี่ยวข้องกับกำรวิจัยเร่ือง กำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์
ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 รำยวิชำภำษำไทยพื้นฐำน 3 (ท 22101) ระดับช้ันมัธยมศึกษำปีที่ 2
โรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำ ผู้วิจัยได้สังเครำะห์ข้อมูลจำกกำรวิเครำะห์ซึ่งสำมำรถสรุป
เป็น 3 ประเด็น ได้แก่ เอกสำรและงำนวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสถำนกำรณ์โควิด เอกสำรและ
งำนวิจัยที่เกี่ยวข้องกับกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ และเอกสำรและงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง
กับควำมพึงพอใจ ดังน้ี
1. งานวจิ ัยท่เี กีย่ วข้องกบั สถานการณ์โควดิ (Covid-19)
กำรแพร่ระบำดของเชื้อไวรัสโคโรน่ำ 2019 หรือ โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อ
สุขภำพและกำรใช้ชีวิตของประชำชนอย่ำงมำก เน่ืองจำกทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงทำงสังคม
เศรษฐกิจ หรือแม้แต่ตัวบุคคลท้ังสิ้น ไม่ว่ำจะเป็น กำรตกงำน กำรถูกเลิกจ้ำงงำน สมำชิก
ภำยในครอบครัวต้องอยู่ห่ำงกัน และมีกำรรักษำระยะห่ำงทำงสังคม รวมถึงส่งผลกระทบต่อ
กำรศึกษำ ทำให้จำเป็นต้องมีกำรจัดกำรเรียนกำรสอนในรูปแบบออนไลน์ ดังจะเห็นได้จำก
บทควำมวิจัยของณัฎธวรรณ คำแสน (2564) ควำมรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมในกำรป้องกัน
ตนเองจำกกำรติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของประชำชนในเขตอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี โดย
ศึกษำ ควำมรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมในกำรป้องกันตนเองจำกกำรติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ตลอดจนควำมสัมพันธ์กับปัจจัยส่วนบุคคลของประชำกรในอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
ผลกำรวิจัยพบว่ำ ประชำชนในอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี มีควำมรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อโค
26
วิด-19 ในระดับมำกและมั่นใจว่ำโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะถูกควบคุมได้ รวมถึงระดับ
กำรศกึ ษำ ควำมรู้ และทัศนคตมิ ีควำมสัมพนั ธ์ทำงบวกกบั พฤติกรรมกำรป้องกันตนเองจำกกำร
ติดเชอื้ ไวรสั โควิด-19
วิญญ์ทัญญู บุญทัน และคณะ (2563) ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมกำรสร้ำง
เสริมสุขภำพในกำรป้องกันกำรติดเชื้อไวรัสโคโรน่ำ 2019 (โควิด-19) ของผู้สูงอำยุ โดยศึกษำ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมกำรสร้ำงเสริมสุขภำพในกำรป้องกันกำรติดเชื้อไวรัสโคโรน่ำ
2019 (โควิด 19) ของผู้สูงอำยุ ผลกำรวิจัยพบว่ำ ผู้สูงอำยุไทยมีพฤติกรรมกำรสร้ำงเสริม
สุขภำพในกำรป้องกันกำรติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 อยู่ในระดับดี และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อ
พฤติกรรมกำรสร้ำงเสริมสุขภำพในกำรป้องกันกำรติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด 19) ของ
ผสู้ งู อำยมุ ำกทีส่ ดุ คือ ปัจจัยกำรรับรู้ควำมสำมำรถของตนเอง
สุพัตรำ รุ่งรัตน์, ซูลฟีกอร์ มำโซ และยุทธนำ กำเด็ม (2563) ผลกระทบทำง
เศรษฐกิจและสังคมจำกสถำนกำรณ์โควิด-19 ของประชำชนในเขตเทศบำลเมืองยะลำ จังหวัด
ยะลำ โดยได้ศึกษำผลกระทบทำงเศรษฐกิจและสังคม กำรปรับตัวกับกำรดำเนินวิถีชีวิตใหม่
ตลอดจนแนวทำงในแก้ปัญหำและบรรเทำผลกระทบทำงเศรษฐกิจ รวมถึงสังคมจำก
สถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคอุบัติใหม่ไวรัสโคโรนำ 2019 ของประชำชนในเขตเทศบำล
เมืองยะลำ จงั หวัดยะลำ ผลกำรวิจัยพบว่ำ ผลกระทบทำงเศรษฐกิจและสังคมจำกสถำนกำรณ์
กำรแพร่ระบำดของโรคอุบัติใหม่ไวรัสโคโรนำ 2019 ในภำพรวมอยู่ในระดับปำนกลำง มีกำร
ปรบั ตวั โดยกำรสวมหน้ำกำกอนำมัย เพื่อไม่ใหร้ บั เช้ือโควิด 19 ล้ำงมือดว้ ยสบู่ก่อนและหลงั ปรุง
อำหำรพกแอลกอฮอล์เจลบำงครงั้ และเว้นระยะ เพื่อลดระยะเวลำกำรอยู่ในพื้นที่สำธำรณะ
2. งานวจิ ยั ท่เี กี่ยวข้องกบั การจัดการเรียนการสอนออนไลน์
วิทยำ วำโย และคณะ (2563) ได้ทำกำรกำรเรียนกำรสอนแบบออนไลน์ภำยใต้
สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของไวรัส COVID-19: แนวคิดและกำรประยุกต์ใช้จัดกำรเรียนกำรสอน
พบว่ำ เกิดกำรปรบั ตัวเป็นวิถีชีวิตแบบใหม่ (New Normal) โดยเฉพำะสถำบันทำงกำรศึกษำที่ไม่
สำมำรถจัดกำรเรียนกำรสอนแบบปกติได้ จึงจำเป็นต้องใช้รูปแบบกำรเรียนกำรสอนแบบ
ออนไลน์ เพื่อให้กำรเรียนรู้เกิดควำมต่อเนื่อง กำรเรียนกำรสอนแบบออนไลน์มีองค์ประกอบ
ได้แก่ ผสู้ อน ผเู้ รียน เน้ือหำ สือ่ กำรเรียนและแหล่งเรียนรู้ กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ระบบกำร
ติดต่อสื่อสำร ระบบเครือข่ำยเทคโนโลยีสำรสนเทศ กำรวัดและกำรประเมินผล รูปแบบกำร
เรียนกำรสอนมีหลำกหลำยวิธี ที่ทำให้ผู้สอนและผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันได้กำรพิจำรณำ
องค์ประกอบและรูปแบบที่สอดคล้อง เหมำะสมกบั ลักษณะวิชำ และบริบทของผู้เรียนจะนำไปสู่
27
กำรประยุกต์ใช้สำหรับกำรจัดกำรเรียนกำรสอนแบบออนไลน์อย่ำงมีประสิทธิภำพ ส่งผลให้
ผเู้ รียนเกิดผลลัพธ์กำรเรียนรู้ตำมวัตถุประสงค์
สิริพร อินทสนธิ์ (2563) ศึกษำโควิด-19: กับกำรเรียนกำรสอนออนไลน์
กรณีศึกษำรำยวิชำกำรเขียนโปรแกรมเว็บ COVID-19 and Online Teaching case study: Web
Programming Course โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบำยถึงสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของเชื้อ
ไวรสั โคโรน่ำ (โควิด 19) กบั กำรเรียนกำรสอนออนไลน์ในรำยวิชำกำรเขียนโปรแกรมเวบ็ ซึ่งกำร
ระบำดของโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อระบบกำรศึกษำเป็นอย่ำงมำก เน่ืองจำกท้ังผู้เรียนและ
ผสู้ อนต้องมีกำรปรบั ตัวในกำรเรียนกำรสอนจำกกำรเรียนในห้องเรียนเป็นกำรสอนออนไลน์ ซึ่ง
มีกำรเลือกใช้โปรแกรมในกำรเรียนออนไลน์ซึ่งมีข้อดีข้อจำกัดแตกต่ำงกันไป ควำมพร้อมของ
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของผู้เรียน รวมถึงควำมเสถียรของสัญญำณอินเทอร์เน็ตท้ังของผู้สอน
และผู้เรียนอำจเกิดปัญหำได้ในระหว่ำงเรียน ซึ่งในรำยวิชำกำรเขียนโปรแกรมเว็บนั้นอำจำรย์
ผสู้ อนและนกั ศกึ ษำได้พดู คุยและปรับกระบวนกำรเรียนกำรสอนให้อยู่ในรปู แบบออนไลน์ โดยใช้
เคร่ืองมือแอปพลิเคชันในกำรเรียนออนไลน์หลัก ๆ ได้แก่ Line Zoom YouTube และ Google
Classroom ส่วนโปรแกรม Camtasia Studio ผู้สอนใช้สำหรับตัดต่อวิดีโอเพื่อใช้ในกำรสอนและ
ใช้โปรแกรม TeamViewer เข้ำสู่เคร่ืองคอมพิวเตอร์ผู้เรียน เม่ือผู้เรียนในรำยวิชำกำรเขียน
โปรแกรมเว็บเกิดปญั หำกำรเขียนโปรแกรมขดั ข้องข้นึ ในระหว่ำงเรียน แม้ผู้เรียนและผู้สอนจะอยู่
คนละพื้นที่กัน ซึ่งจำกกำรเรียนออนไลน์ในรำยวิชำกำรเขียนโปรแกรมเว็บไม่ค่อยพบปัญหำใน
กำรเรียนออนไลน์เกิดขึ้นมำกนัก เน่ืองจำกเป็นรำยวิชำปฏิบัติที่สำมำรถอัดคลิปวิดีโอและนำขึ้น
ไปเผยแพร่บน YouTube และให้นกั ศึกษำสำมำรถเข้ำมำศกึ ษำได้ตลอดเวลำทั้งในเวลำเรียนและ
นอกเวลำ ซึ่งผู้สอนเห็นว่ำกระบวนกำรเรียนกำรสอนออนไลน์สำมำรถทีจ่ ะแก้ไขปัญหำกำรเรียน
ที่ยังอยู่ในสถำนกำรณ์ไวรัสโคโรน่ำที่กำลังแพร่ระบำดได้อย่ำงดี และเหมำะกับรำยวิชำที่เป็น
เนือ้ หำปฏิบตั ิผ่ำนทำงคอมพิวเตอร์
สวุ ัฒน์ บรรลือ (2560) ศกึ ษำรปู แบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ทีเ่ หมำะสม
สำหรับมหำวิทยำลยั รำชภัฏอบุ ลรำชธำนี โดยมีวัตถปุ ระสงค์เพื่อพัฒนำรปู แบบกำรจัดกำรเรียน
กำรสอนออนไลน์ที่เหมำะสมสำหรบั มหำวิทยำลัยรำชภัฏอุบลรำชธำนีและหำประสิทธิภำพของ
รูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ที่พัฒนำขึ้น วิธีกำรดำเนินงำนแบ่งออกเปน็ 3 ขั้นตอน
คือ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษำควำมต้องกำรเกี่ยวกับรูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์จำก
อำจำรย์และนักศึกษำ เพื่อวิเครำะห์ สังเครำะห์ กรอบในกำรพัฒนำรูปแบบกำรจัดกำรเรียน
กำรสอนออนไลน์ข้ันตอนที่ 2 พัฒนำรูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ และข้ันตอนที่ 3
ทดสอบประสิทธิภำพของรูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ที่พัฒนำขึ้น กลุ่มตัวอย่ำงที่
28
ใช้ในกำรวิจัย ได้แก่ 1) อำจำรย์และนักศึกษำสำหรับสอบถำมควำมคิดเห็นเกี่ยวกับกำรจัดกำร
เรียนกำรสอนออนไลน์ จำนวน 80 คน 2) ผู้เชี่ยวชำญด้ำนกำรออกแบบกำรเรียนกำรสอน
ออนไลน์ จำนวน 3 คนและ 3) นักศึกษำสำขำวิชำวิทยำกำรคอมพิวเตอร์ ที่ลงทะเบียนเรียน
วิชำกำรจัดเก็บและกำรค้นคืนสำรสนเทศ จำนวน 84 คนเคร่ืองมือที่ใช้ในกำรวิจัย ได้แก่ 1)
แบบสอบถำมควำมต้องกำรรูปแบบกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ 2) แบบประเมินรูปแบบกำร
เรียนกำรสอนออนไลน์สำหรับผู้เชี่ยวชำญ 3) ต้นแบบรูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์
และ 4) แบบวดั ผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรยี นและทดสอบสมมตฐิ ำนโดยใช้สถิตทิ ีผ่ ลกำรวิจัยพบว่ำ
1) รูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์สำหรับมหำวิทยำลัยรำชภัฏ
อุบลรำชธำนี ประกอบไปด้วย 3 ข้ันตอนคือ 1) ข้ันตอนก่อนเรียน ซึ่งประกอบด้วยข้ันตอนย่อย
1.1) กำรวิเครำะห์ผู้เรียน 1.2) กำรวิเครำะห์เนื้อหำ 2) ขั้นตอนระหว่ำงเรียน ประกอบด้วย
ข้ันตอนย่อยคือ 2.1) ปฐมนิเทศรำยวิชำ 2.2) จัดกำรเรียนกำรสอนและ 3) ข้ันตอนกำร
ประเมินผล
2) กำรหำประสิทธิภำพของรูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ พบว่ำ
นักศึกษำกลุ่มที่เรียนด้วยรูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ และกลุ่มที่เรียนในช้ันเรียน
แบบปกติ มีผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนแตกต่ำงกันอย่ำงไม่มีนัยสำคัญทำงสถิติที่ระดับ. 05 น่ัน
แสดงว่ำกำรเรียนกำรสอนออนไลน์สำมำรถก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้เท่ำกับกำรเรียนในชั้นเรียน
แบบปกติ
สุณิสำ สำเร็จดี (2559) ศึกษำกำรพัฒนำระบบจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์
สำหรับวิทยำลัยพยำบำลบรม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนำระบบจัดกำรเรียนกำรสอน
ออนไลน์และประเมินควำมพึงพอใจต่อกำรใช้ระบบจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์สำหรับ
นักศึกษำพยำบำลศำสตรบัณฑิตช้ันปีที่ 2 จำนวน 80 คน ที่ลงทะเบียนเรียนในรำยวิชำ พย.
1210 กำรพยำบำลบุคคลที่มีปัญหำสุขภำพ 1 ผลกำรวิจัยพบว่ำ ระบบที่พัฒนำขึ้นเป็นที่ยอมรับ
ของผู้ใช้ โดยมีผลกำรประเมินควำมพึงพอใจต่อระบบโดยภำพรวมอยู่ในระดับมำก (X = 4.47,
S.D. = 0.32) โดยรำยด้ำนพบว่ำ ด้ำนฟังก์ชั่นกำรทำงำน (Functional Test) มีควำมพึงพอใจอยู่
ในระดับมำกที่สุด (X = 4.52, S.D. = 0.29) รองลงมำ ได้แก่ ด้ำนควำมสำมำรถในกำรทำงำน
ของระบบ (Functional Requirements Test) มีควำมพึงพอใจในระดับมำก (X = 4.48, S.D. =
0.41) ด้ำนกำรใช้งำน (Usability Test) มีควำมพึงพอใจในระดับมำก (X = 4.46, S.D. = 0.39)
และด้ำนควำมปลอดภัยของระบบ (Security Test) มีควำมพึงพอใจในระดับมำก (X = 4.43,
S.D. = 0.47) ตำมลำดับซึ่งผลของควำมพึงพอใจในภำพรวมและรำยด้ำนอยู่ในระดับมำกแสดง
ให้เห็นว่ำระบบสำมำรถนำไปใช้งำนได้
29
ชลธิชำ มำตย์ (2562) ได้ศึกษำเปรียบเทียบกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ระหว่ำง
มหำวิทยำลัยที่ระบบกำรเรียนกำรสอนแบบปิดและมหำวิทยำลัยที่มีระบบกำรเรียนกำรสอน
แบบเปิด พบว่ำ กำรเรียนกำรสอนออนไลน์มีประโยชน์ในกำรช่วยลดกิจกรรมและค่ำใช้จ่ำยใน
กำรเดินทำงรวมถึงลดควำมเสี่ยงในกำรติดโรคจำกกำรแพร่กระจำยของเช้ือโรค และนักศึกษำ
ยงั มองว่ำกำรมีปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงนักศกึ ษำและอำจำรย์และระหว่ำงนกั ศกึ ษำด้วยกันยงั มีควำม
จำเป็นเนอ่ื งจำกกำรมีปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงมนุษย์หรือ human touch ยังเป็นปัจจยั ที่สำคัญที่ทำให้
กำรเรียนกำรสอนประสบผลสำเรจ็
3. งานวิจยั ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับความพึงพอใจ
สมหมำย เปียถนอม (2551) ศึกษำควำมพึงพอใจของนักกำรศกึ ษำในกำรได้รับ กำร
บริกำรจำกมหำวิทยำลัยรำชภัฏนครปฐม โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้ำนคือ 1) กำรบริกำรด้ำน
วิชำกำร 2) กำรบริกำรด้ำนกิจกำรนักศึกษำ และ 3) กำรบริกำรด้ำนอำคำรสถำนที่ โดย
เคร่ืองมือที่ใช้ในกำรวิจัย คือ แบบสอบถำมแบบประมำณค่ำ 5 ระดับตำมตัวชี้วัดกพร. ที่ 3.2.1
ของมหำวิทยำลัยรำชภัฏนครปฐมประจำปีงบประมำณ พ.ศ. 2551 และวิเครำะห์ข้อมูลโดยใช้
โปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยวิธีกำรเชิงสถิติบรรยำย ได้แก่ ค่ำเฉลี่ยค่ำส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน
พบว่ำ ด้ำนกำรบริกำรด้ำนวิชำกำร อยู่ในระดับปำนกลำง ค่ำระดับควำมพึงพอใจเปน็ 3.24 ด้ำน
กำรบริกำรด้ำนกิจกำรนักศึกษำ อยู่ในระดับปำนกลำง ค่ำระดับควำมพึงพอใจเป็น 3.28 และ
ด้ำนกำรบริกำรดำ้ นอำคำรสถำนที่ อยู่ในระดับปำนกลำง ค่ำระดับควำมพึงพอใจเป็น 3.02
เทศบำลตำบลนำจอมเทียน (2560) ได้ทำกำรสำรวจควำมพึงงพอใจในคุณภำพกำร
บริหำรของเทศบำลตำบลนำจอมเทียน อำเภอสัตหับ จังหวัดชลบุบี ในกำรบริกำรของส่วน
รำชกำร พ.ศ. 2560 พบว่ำ ควำมพึงพอใจในคุณภำพกำรบริหำรงำนของเทศบำลตำบลนำจอม
เทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบรุ ีในกำรใหบ้ ริกำรของส่วนรำชกำร พ.ศ. 2560 ในภำพรวมอยู่ใน
ระดับมำกที่สุดคิดเป็นร้อยละ 45.05 (X = 4.75, S.D. = 0.64) (ตำมเกณฑ์กำรประเมินตัวชี้วัดของ
กระทรวงมหำดไทยระดับควำมพึงพอใจของประชำชนผู้รับบริกำรตำมมิติที่ 2มิติ ด้ำนคุณภำพ
กำรให้บริกำรข้อ 2.1 ได้ 10 คะแนน) สำหรับผลกำรศึกษำควำมพึงพอใจในโครงกำรที่สอดคล้อง
กับยุทธศำสตร์จังหวัดและโครงกำรดีเด่นของเทศบำลตำบลนำจอมเทียนอำเภอสัตหีบจังหวัด
ชลบุรีในกำรให้บริกำรของส่วนรำชกำร พ.ศ. 2560 พบว่ำ ควำมพึงพอใจในภำพรวมอยู่ในระดับ
มำกทีส่ ดุ คิดเป็นรอ้ ยละ 5.25 (X = 4.76, S.D. = 0.50)
เกวลี ผังดี และพิมพ์รดำ ครองยุติ (2556) ศึกษำควำมพึงพอใจที่มีต่อกำรจัดกำร
เรียนกำรสอน ในหลักสูตรของภำควิชำสถิติ คณะวิทยำศำสตร์ มหำวิทยำลัยขอนแก่น ปี
30
กำรศึกษำ 2556 ประชำกรที่ใช้ในกำรวิจัย คือ นักศึกษำระดับปริญญำตรีและนักศึกษำระดับ
ปริญ ญำโทที่กำลังศึกษำในหลักสูตรของภำควิชำสถิติ เคร่ืองมือที่ใช้ในกำรวิจัยเป็น
แบบสอบถำมด้วยมำตรำส่วนประมำณค่ำ 5 ระดับ และสถิติที่ใช้ในกำรวิเครำะห์ข้อมูล ได้แก่
ค่ำเฉลี่ยร้อยละระดับควำมพึงพอใจของนักศึกษำที่มีต่อกำรจัดกำรเรียนกำรสอน จำแนกตำม
กลุ่มสำขำ ช้ันปี เพศ พบว่ำ ควำมพึงพอใจของนักศึกษำที่มีต่อกำรจัดกำรเรียนกำรสอนใน
หลักสูตรของภำควิชำสถิติ คณะวิทยำศำสตร์ มหำวิทยำลัยขอนแก่น ปีกำรศึกษำ 2556 ทั้ง 5
ด้ำน อยู่ในระดับปำนกลำง โดยเรียงอันดับค่ำเฉลี่ยจำกมำกไปหำน้อย ได้แก่ 1. ด้ำนรำยวิชำใน
หลักสูตร 2. ด้ำนวิธีกำรสอนและกิจกรรมกำรเรียนกำรสอน 3. ด้ำนผู้สอน 4. ด้ำนกำรวัดและ
ประเมินผลกำรเรียนกำรสอนและ 5. ด้ำนปัจจัยสนบั สนุนกำรเรียนกำรสอน
อัญชลี ดุสิตสุทธิรัตน์, ธรรมรัตน์ ศัลยวุฒิ และ สุวิมล นภำผ่องกุล (2559) ศึกษำ
ควำมพึงพอใจของประชำชนต่อกำรให้บริกำรขององค์กำรบริหำรส่วนตำบลบำงโปรง อำเภอ
เมือง จังหวัดสมุทรปรำกำร ปีงบประมำณ 2559 กลุ่มตัวอย่ำงที่ใช้ในกำรวิจยั คร้ังน้จี ำนวน 400
คน เคร่ืองมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลในกำรศึกษำเป็นแบบสอบถำม และวิเครำะห์ข้อมูลใช้
โปรแกรมสำเร็จรูป ได้แก่ ค่ำควำมถี่ค่ำร้อยละและค่ำเฉลี่ย พบว่ำ ควำมพึงพอใจของประชำชน
ในภำพรวมประชำชนมีควำมพึงพอใจคิดเป็นร้อยละ 96.89 เมื่อพิจำรณำควำมพึงพอใจเป็นรำย
ด้ำน พบว่ำ ด้ำนขั้นตอนกำรให้บริกำรคิดเป็นร้อยละ 98.13 ด้ำนเจำ้ หน้ำที่ผู้ให้บริกำรประชำชน
คิดเป็นร้อยละ 98.59 ด้ำนช่องทำงในกำรให้บริกำรคิดเป็นร้อยละ 90.92 ด้ำนสิ่งอำนวยควำม
สะดวกคิดเป็นร้อยละ 97.83 เมื่อพิจำรณำเป็นรำยหมู่บ้ำน พบว่ำ ประชำชนในหมู่ที่ 3 และหมู่ที่
4 มีควำมพึงพอใจอยู่ในระดับมำก ส่วนประชำชนในหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 2 มีควำมพึงพอใจอยู่ใน
ระดับปำนกลำง
พฒั นำ พรหมณี, ยุพิน พิทยำวัฒนชัย และจีระศักดิ์ ทัพผำ (2563) กำรศึกษำนี้เป็น
บทควำมทีม่ ุ่งเสนอควำมพึงพอใจที่มีควำมสำคญั ต่อกำรดำเนินงำนขององค์กรตำ่ ง ๆ ท้ังภำครัฐ
และเอกชน ควำมพึงพอใจ หมำยถึง สภำวะทำงอำรมณ์ของบุคคล เม่ือได้รับกำรตอบสนอง
ควำมต้องกำรตำมควำมคำดหวัง ซึ่งแสดงออกมำเป็นควำมชอบหรือควำมไม่ชอบคุณลักษณะ
ของงำนในรำงวัลที่ได้รับจำกกำรทำงำนและในสภำพแวดล้อมของกำรทำงำน อันช่วยส่งเสริมให้
เกิดกำรปฏิบัติงำนทีม่ ีคุณภำพและควำมร่วมมอื ร่วมใจ โดยระบบงำนดำเนินไปด้วยควำมรำบร่ืน
เรียบร้อย มีบรรยำกำศในกำรทำงำนที่ดีและภำพลักษณ์ที่น่ำประทับใจ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่ง
ผู้รับบริกำรเกิดควำมพึงพอใจ กำรประเมินควำมพึงพอใจในงำนเป็นกำรประเมินควำมรู้สึก
ควำมคิดและพฤติกรรมสำมำรถประเมินได้ด้วยวิธีกำรสังเกต กำรสัมภำษณ์ และกำร
สอบถำม ที่นิยม คือ ใช้แบบสอบถำมที่สร้ำงขึ้นอย่ำงรอบคอบ และอย่ำงถูกต้องเหมำะสมตำม
31
ทฤษฎีของกำรวัดผลประเมินผลและแปลผล เพื่อกำรนำไปใช้ประโยชน์ในกำรดำเนินงำนตำม
ควำมตอ้ งกำรต่อไป
จำกกำรศกึ ษำงำนวิจัยข้ำงต้น จะเป็นฐำนคิดและมุมมองที่จะช่วยเผยให้เห็นถึงกำร
จัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 ที่มีควำมเชื่อมโยงและสัมพันธ์กับ
กำรวัดควำมพึงพอใจผ่ำนแบบประเมินควำมพึงพอใจต่อรูปแบบกำรจัดกำรเรียน กำรสอน
ออนไลน์ 4 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบที่ 1 บรรยำยเน้ือหำโดยใช้สื่อ PowerPoint รูปแบบที่ 2 บรรยำย
เน้ือหำโดยใช้สื่อ PowerPoint และทดสอบหรือทำใบงำนหลังเรียนผ่ำนระบบ Google Forms
รูปแบบที่ 3 เปิดคลิปวิดีโอกำรสอนผ่ำน Windows Media Player และทดสอบหลังเรียนผ่ำน
ระบบ Google Forms และรปู แบบที่ 4 เปิดคลิปวิดีโอกำรสอนผำ่ น Windows Media Player และ
แบบประเมินควำมพึงพอใจโดยภำพรวม ประกอบด้วย ด้ำนเน้ือหำสำระ ด้ำนรูปแบบและกำร
นำเสนอ และด้ำนประโยชน์ที่ได้รับ ซึ่งผู้วิจัยจะมุ่งเน้นจัดรูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
ออนไลน์ และวัดควำมพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ เพื่อใช้เป็น
แนวทำงในกำรปรบั ปรงุ กำรจดั กำรเรยี นกำรสอนออนไลน์ในครั้งถดั ไป
32
บทที่ 3
วธิ ีการดาเนนิ การวิจัย
กำรศึกษำเร่ือง ผลของเทคนิคกำรสอนบันได 5 ขั้น (QSCCS) ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์
ทำงกำรเรียนรู้วรรณคดีเรื่อง บทพำกย์เอรำวัณ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 โรงเรียน
พิไกรวิทยำ ผู้วิจัยได้ดำเนินกำรวิจัยตำมกระบวนกำรวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research)
โดยมขี ้ันตอนดังน้ี
1. ประชำกรและกลุ่มตวั อย่ำง
2. รูปแบบกำรวิจยั
3. เครื่องมือทีใ่ ชใ้ นกำรวิจัย
4. กำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู
5. กำรวิเครำะหข์ ้อมูล
6. สถิตทิ ีใ่ ชใ้ นกำรวิเครำะหข์ ้อมลู
ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง
ประชำกร คือ นักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษำปีที่ 2 โรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำ
อำเภอเมืองพะเยำ จงั หวดั พะเยำ ปีกำรศึกษำ 2564 จำนวน 101 คน
กลุ่มตัวอย่ำง คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 2 โรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัย
พะเยำ อำเภอเมืองพะเยำ จังหวัดพะเยำ ปีกำรศึกษำ 2564 จำนวน 101 คน โดยใช้วิธีกำรสุ่ม
กลุ่มตัวอย่ำงแบบไม่อำศัยควำมน่ำจะเป็น ด้วยกำรเลือกแบบเจำะจง จึงได้กลุ่มตัวอย่ำงท้ังสิ้น
จำนวน 101 คน
เครือ่ งมือทีใ่ ชใ้ นการวจิ ยั
ในกำรวิจัยนี้ผู้วิจัยได้ใช้เคร่ืองมือสำหรับเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกำรจัดกำรเรียน
กำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 รำยวิชำภำษำไทยพื้นฐำน 11 (ท 33101)
ระดับช้ันมัธยมศึกษำปีที่ 2 โรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำ เคร่ืองมือที่ใช้ในกำรวิจัยครั้งนี้
ประกอบด้วย 1) แผนกำรจัดกำรเรียนรู้รำยวิชำภำษำไทยพื้นฐำน 3 (ท 22101) ระดับชั้น
มัธยมศึกษำปีที่ 2 2) แบบประเมินควำมพึงพอใจ และ 3) แบบประเมินค่ำดัชนีควำมสอดคล้อง
(Index of Item-Objective Congruence: IOC) โดยมีรำยละเอียด ดังน้ี
33
1. แผนการจดั การเรียนรรู้ ายวิชาภาษาไทยพืน้ ฐาน 3 (ท 22101)
ผู้วิจัยได้สร้ำงแผนกำรจัดกำรเรียนรู้รำยวิชำภำษำไทยพื้นฐำน 3 (ท 22101) เพื่อ
กำรจดั กำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 โดยมีข้ันตอน ดังน้ี
1.1 ศึกษำหลักสูตรสถำนศึกษำ และหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน พ.ศ.
2551 กระทรวงศกึ ษำธิกำร
1.2 วิเครำะห์คำอธิบำยรำยวิชำ วตั ถปุ ระสงค์รำยวิชำ มำตรฐำนรำยวิชำ สำระกำร
เรียนรู้ กระบวนกำรจดั กำรเรยี นรู้ (กิจกรรมกำรเรียนร)ู้ และกระบวนกำรประเมินผล
1.3 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้รำยวิชำภำษำไทยพื้นฐำน 3 (ท 22101) จำนวน 8
สัปดำห์ โดยแบ่งเนือ้ หำ ดังน้ี
หนว่ ยท่ี 1 พินิจสมบัติวรรณคดี
สัปดำห์ที่ 1 เร่ือง แนะนำรำยวิชำและควำมรู้พื้นฐำนวรรณคดีและวรรณกรรม
จำนวน 2 ชวั่ โมง
สัปดำห์ที่ 2 เร่ือง โวหำรภำพพจน์ รสวรรณคดี และทดสอบหลังเรียน จำนวน 2
ชัว่ โมง
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 งามวิถโี คลงภาพพระราชพงศาวดาร
สัปดำห์ที่ 3 เร่ือง โคลงภำพพระรำชพงศำวดำร ตอน พันท้ำยนรสิงห์และสมเด็จ
พระสุรโิ ยทยั ขำดคอชำ้ ง จำนวน 2 ชัว่ โมง
สัปดำห์ที่ 4 เรื่อง คำรำชำศัพท์ จำนวน 2 ชวั่ โมง
สัปดำห์ที่ 5 เร่ือง ทดสอบหลังเรียน เร่ือง โคลงภำพพระรำชพงศำวดำรและคำ
รำชำศัพท์ จำนวน 2 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 ร้องขับขานเสภาสามัคคีเสวก
สัปดำห์ที่ 6 เร่ือง บทเสภำสำมัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมำและทดสอบหลังเรียน
จำนวน 2 ช่ัวโมง
สัปดำห์ที่ 7 เร่ือง บทเสภำสำมัคคีเสวก ตอน สำมัคคีเสวกและทดสอบหลังเรียน
จำนวน 2 ช่วั โมง
สัปดำห์ที่ 8 เร่ือง กำรเขียนจดหมำยกิจธุระและใบงำนจับผิดภำพจดหมำยกิจธุระ
จำนวน 2 ช่ัวโมง
โดยเน้ือหำในแต่ละสัปดำห์จะประกอบด้วย คลิปวิดีโอประกอบกำรสอน เน้ือหำ
ประกอบกำรสอน (Microsoft PowerPoints หรือ PPT.) และระบบ Google Forms สำหรับเช็กชื่อ
เข้ำชั้นเรยี น ทำแบบทดสอบหรอื แบบฝกึ หดั และติดตำมกำรสง่ งำน
34
1.4 นำแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่สร้ำงขึ้นเสนออำจำรย์ผู้เชี่ยวชำญ เพื่อตรวจสอบ
ควำมถกู ต้องเหมำะสม
1.5 ปรบั ปรุงแก้ไขแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ตำมข้อเสนอแนะของอำจำรย์ผเู้ ชย่ี วชำญ
1.6 นำแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ไปใช้จัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ของแต่ละสปั ดำห์
2. ขั้นตอนการสรา้ งแบบประเมินความพึงพอใจ
ผู้วิจัยได้สร้ำงแบบประเมินควำมพึงพอใจต่อกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์
ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 รำยวิชำภำษำไทยพืน้ ฐำน 3 (ท 22101) ตำมขั้นตอน ดงั น้ี
2.1 ศกึ ษำเอกสำรทีเ่ กี่ยวข้องและกำหนดแนวทำงในกำรสร้ำงแบบประเมินควำมพึง
พอใจ
2.2 สร้ำงแบบประเมินควำมพึงพอใจต่อกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้
สถำนกำรณ์โควิด-19 รำยวิชำภำษำไทยพื้นฐำน 3 (ท 22101) ในด้ำนเน้ือหำสำระ ด้ำนรูปแบบ
และกำรนำเสนอ และด้ำนประโยชน์ที่ได้รับ จำนวน 11 ข้อ ลักษณะของแบบประเมินเป็นแบบ
มำตรประมำณค่ำ (Rating Scale) แบ่งระดับควำมคิดเห็นเป็น 5 ระดับ ตำมเกณฑ์ ดังน้ี (บุญใจ
ศรสี ถิตย์รำกูร, 2555, หนำ้ 283)
1) ระดับควำมคิดเหน็ 5 ระดับ
พึงพอใจมำกทีส่ ดุ 5 คะแนน
พึงพอใจมำก 4 คะแนน
พงึ พอใจปำนกลำง 3 คะแนน
พึงพอใจน้อย 2 คะแนน
พึงพอใจน้อยทีส่ ดุ 1 คะแนน
กำรกำหนดเกณฑ์ระดับพึงพอใจของผู้ตอบแบบสอบถำมเพื่อแปลควำมหมำย
ค่ำเฉลี่ยไว้ 5 ระดับจำกกำรคำนวณระดับค่ำเฉลี่ย (บุญใจ ศรีสถิตย์รำกูร, 2555, หน้ำ 283)
ดงั น้ี
ระดบั ค่ำเฉลี่ย = คะแนนสงู สดุ -คะแนนต่ำสดุ
จำนวนชั้น
= (5-1)
5
= 0.8
จำกกำรคำนวณดังกล่ำว นำมำกำหนดเกณฑ์ในกำรวัดระดบั ควำมพึงพอใจ ดังน้ี
35
ค่ำเฉลี่ย 4.21 - 5.00 หมำยถึง พึงพอใจมำกทีส่ ดุ
ค่ำเฉลี่ย 3.41 – 4.20 หมำยถึง พึงพอใจมำก
ค่ำเฉลี่ย 2.61 – 3.40 หมำยถึง พึงพอใจปำนกลำง
ค่ำเฉลี่ย 1.81 - 2.60 หมำยถึง พึงพอใจน้อย
ค่ำเฉลีย่ 1.00 - 1.80 หมำยถึง พึงพอใจน้อยที่สดุ
กำรแปลควำมหมำยของส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (ชูศรี วงศ์รัตนะ, 2544, หน้ำ
64-78) ดังนี้ ส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน 0.000 - 0.999 หมำยถึง มีกำรกระจำยของข้อมูลไม่
แตกต่ำงกันมำก ส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน 1.000 ขึ้นไป หมำยถึง มีกำรกระจำยของข้อมูล
แตกต่ำงกนั มำก
2.3 นำแบบประเมินควำมพึงพอใจที่สร้ำงขึ้น ไปเสนอให้อำจำรย์ผู้เชี่ยวชำญ
ตรวจสอบควำมถูกต้องเหมำะสม
2.4 ปรับปรุงแก้ไขแบบประเมินควำมพึงพอใจ ตำมข้อเสนอแนะของอำจำรย์
ผเู้ ช่ยี วชำญ
2.5 นำแบบประเมินควำมพึงพอใจไปใช้กบั นักเรียน
3. แบบประเมินค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item-Objective Congruence: IOC)
3.1 ศึกษำเอกสำรที่เกี่ยวข้องและกำหนดแนวทำงในกำรสร้ำงแบบประเมินค่ำดัชนี
ควำมสอดคล้อง (IOC)
3.2 กำรสร้ำงแบบประเมินค่ำดัชนีควำมสอดคล้อง (IOC) ของประเดน็ แบบประเมิน
ควำมพึงพอใจต่อกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 รำยวิชำ
ภำษำไทยพื้นฐำน 3 (ท 22101) ในด้ำนเนื้อหำสำระ (5 ข้อ) ด้ำนรปู แบบและกำรนำเสนอ (4 ข้อ)
และด้ำนประโยชน์ที่ได้รับ (2 ข้อ) รวมท้ังหมด 11 ข้อ ลักษณะของแบบประเมินเป็นแบบมำตร
ประมำณค่ำ (Rating Scale) แบ่งระดบั ควำมคิดเหน็ เป็น 3 ระดับ ตำมเกณฑ์ ดงั น้ี
1) ระดับควำมคิดเห็น 3 ระดบั
เห็นด้วย +1 คะแนน
ไม่แน่ใจ 0 คะแนน
ไม่เหน็ ด้วย -1 คะแนน
2) เกณฑก์ ำรแปลควำมหมำยของระดบั ควำมคิดเห็น
ค่ำดัชนคี วำมสอดคล้องที่ยอมรับได้ มีคำ่ ตั้งแต่ 0.50 ขนึ้ ไป
3.3 นำแบบประเมินที่สร้ำงข้ึน เสนอต่ออำจำรย์ผู้เชีย่ วชำญ
36
การเก็บรวบรวมข้อมูล
กำรเกบ็ รวบรวมข้อมูลในครั้งนีม้ ีขั้นตอนดำเนนิ กำร ดังน้ี
ผู้วิจัยขอควำมร่วมมือจำกผู้ตอบแบบประเมินให้กรอกข้อมูล ตำมวัตถุประสงค์ของ
กำรวิจัยเพื่อวัดควำมพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกำรจัดกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์
ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 คือ แบบประเมินกำรจัดรูปแบบกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้
สถำนกำรณ์โควิด-19 และแบบประเมินควำมพึงพอใจต่อกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์
ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19
การวเิ คราะห์ขอ้ มลู
กำรวิเครำะหข์ ้อมูลที่รวบรวมได้จำกแบบประเมิน ผู้วิจัยได้ดำเนินกำรตรวจสอบควำม
ครบถ้วนสมบรู ณ์ของกำรตอบแบบประเมิน โดยกำรวิเครำะหข์ ้อมลู จำกกำรทำแบบประเมินของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 2 โรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำ อำเภอเมืองพะเยำ จังหวัด
พะเยำ ปีกำรศึกษำ 2564 ผู้วิจยั วิเครำะห์ข้อมูลในรูปของค่ำเฉลี่ยและค่ำเบี่ยงเบนมำตรฐำนกับ
ข้อคำถำมจำกแบบประเมิน ดังน้ี
1) วิเครำะห์กำรจัดรูปแบบกำรจัดกำรจัดก ำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้
สถำนกำรณ์โควิด-19 ด้วยค่ำเฉลี่ย (Mean หรือ ) และค่ำควำมเบี่ยงเบนมำตรฐำน (Standard
Deviation หรอื S.D.) โดยเสนอผลกำรวิเครำะหเ์ ป็นค่ำเฉลีย่ เลขคณิต
2) วิเครำะห์ควำมพึงพอใจของนักเรียนต่อกำรจัดกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์
ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 ด้วยค่ำเฉลี่ย (Mean หรือ ) และค่ำควำมเบี่ยงเบนมำตรฐำน
(Standard Deviation หรอื S.D.) โดยเสนอผลกำรวิเครำะหเ์ ป็นค่ำเฉลีย่ เลขคณิต
สถิติท่ใี ช้ในการวเิ คราะหข์ ้อมูล
1. สถิติพน้ื ฐาน
1.1 ค่ำเฉลีย่ (Mean)
เมื่อ แทน ค่ำเฉลีย่
แทน ผลรวมคะแนนทั้งหมด
แทน จำนวนนักศึกษำในกลุ่มทดลอง
37
1.2 ค่ำควำมเบีย่ งเบนมำตรฐำน (Standard Deviation)
เมื่อ แทน ควำมเบี่ยงเบนมำตรฐำนของคะแนน
แทน ผลรวมคะแนนทั้งหมด
แทน ผลรวมคะแนนแตล่ ะตวั ยกกำลังสอง
แทน จำนวนนักศึกษำในกลุ่มทดลอง
2. สถิติที่ใช้ในการหาคุณภาพของเครื่องมือท่ใี ช้ในการวิจัย คือ ค่ำควำมเที่ยงตรง
เชิงเนื้อหำ โดยกำรพิจำรณำหำค่ำดัชนีควำมสอดคล้อง (Index of Item-Objective Congruence: IOC)
เมือ่ แทน ดชั นคี วำมสอดคล้อง (ค่ำควำมเที่ยงตรงเชิงเนือ้ หำ)
แทน ผลรวมของกำรพจิ ำรณำของอำจำรย์ผเู้ ช่ยี วชำญ
แทน จำนวนอำจำรย์ผู้เชีย่ วชำญ
38
บทที่ 4
ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู
ผวู้ ิจัยได้ดำเนินกำรวิเครำะหข์ ้อมูลจำกแบบประเมินควำมพึงพอใจต่อกำรจดั กำรเรียน
กำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 ในรำยวิชำภำษำไทยพื้นฐำน 3 (ท 22101) ของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 2 โรงเรียนสำธิตมหำวิทยำลัยพะเยำ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วน ตำม
วัตถุประสงค์ของกำรวิจัย ได้แก่ 1) เพื่อจัดรูปแบบกำรจัดเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้
สถำนกำรณ์โควิด-19 และ 2) เพื่อวิเครำะห์ควำมพึงพอใจของนักเรียนต่อรูปแบบกำรจัดกำร
เรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 ดงั น้ี
ผ ลก ารวิเคราะห์รูป แบ บ ก ารจัด เรีย นก ารส อ นอ อ นไล น์ภ าย ใต้ส ถานก ารณ์ โควิด -19
รายวิชาภาษาไทยพืน้ ฐาน 3 (ท 22101)
จำกกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19 ผู้วิจัยนำเนื้อหำ
สำระจำกหน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1 พินิจสมบัติวรรณคดี หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 งำมวิถีโคลงภำพ
พระรำชพงศำวดำร และหน่วยกำรเรียนรู้ที่ 3 ร้องขับขำนเสภำสำมัคคีเสวก มำจัดทำแผนกำร
จัดกำรเรียนรู้ให้ครอบคลุมระยะเวลำดำเนินกำรวิจัย จำนวน 8 สัปดำห์ละ 2 ชั่วโมง โดยมี
หัวข้อเร่ืองที่สอน ดังนี้
1) สปั ดำหท์ ี่ 1 เร่อื ง แนะนำรำยวิชำและควำมรู้พ้ืนฐำนวรรณคดีและวรรณกรรม
2) สัปดำห์ที่ 2 เร่ือง โวหำรภำพพจน์ รสวรรณคดี และทดสอบหลังเรียน เร่ือง พื้นฐำน
วรรณคดีและวรรณกรรม โวหำรภำพพจน์
3) สัปดำห์ที่ 3 เร่ือง โคลงภำพพระรำชพงศำวดำร ตอน พันท้ำยนรสิงห์ และตอน
สมเด็จพระสุริโยทัยขำดคอช้ำง
4) สปั ดำหท์ ี่ 4 เรอ่ื ง คำรำชำศพั ท์
5) สัปดำห์ที่ 5 เรื่อง สรุปเน้ือหำ โคลงภำพพระรำชพงศำวดำรและคำรำชำศัพท์ และ
ทดสอบหลงั เรียน เร่อื ง โคลงภำพพระรำชพงศำวดำรและคำรำชำศัพท์
6) สปั ดำหท์ ี่ 6 เร่อื ง บทเสภำสำมัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมำ และทดสอบหลงั เรียน เร่ือง
บทเสภำสำมัคคีเสวก ตอน วศิ วกรรมำ
39
7) สัปดำห์ที่ 7 เรื่อง บทเสภำสำมัคคีเสวก ตอน สำมัคคีเสวก และทดสอบหลังเรียน
เร่อื ง บทเสภำสำมัคคีเสวก ตอน สำมคั คีเสวก
8) สัปดำหท์ ี่ 8 เร่อื ง กำรเขียนจดหมำยกิจธุระ และจบั ผดิ ภำพจดหมำยกิจธรุ ะ
กำรจัดกำรเรียนรู้แต่ละสัปดำห์ข้ำงต้น ผู้วิจัยจัดแบ่งรูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
แสดงรำยละเอียดตำมตำรำง 1 ดังน้ี
ตาราง 1 แสดงรูปแบบการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ภายใต้สถานการณ์โควิด-19
รายวิชาภาษาไทยพื้นฐาน 3 (ท 21101)
รูปแบบการสอน สปั ดาห์ จานวน เร่อื งทีส่ อนและรายละเอียดการสอน
รูปแบบท่ี 1 1 2ช่ัวโมง แนะนารายวิชาและความรู้พื้นฐานวรรณคดี
บรรยำยเนื้อหำ และวรรณกรรม
โดยใช้ส่ือ -บรรยำยรำยวิชำและชแี้ จงข้อตกลงเบื้องต้นใน
กำรเรียนรำยวิชำภำษำไทยพื้นฐำน 3 โดยใช้ส่ือ
PowerPoint
PowerPoint
-บรรยำยแนะนำเว็บไซต์รำยวิชำ Google Site
-บรรยำยเน้ือหำ เร่ือง ควำมรู้พ้ืนฐำนวรรณคดี
และวรรณกรรมโดยใช้สื่อ PowerPoint
รปู แบบท่ี 2 2 2ชั่วโมง โวหารภาพพจน์ รสวรรณคดี และทดสอบ
บรรยำยเนือ้ หำ หลงั เรียน เรือ่ ง พ้ืนฐานวรรณคดแี ละ
โดยใช้ส่อื วรรณกรรม โวหารภาพพจน์
PowerPoint และ -บรรยำยเนือ้ หำ เร่ือง โวหำรภำพพจน์ โดย
ทดสอบหรอื ทำใบ ใช้ส่อื PowerPoint
งำนหลังเรียนผ่ำน -บรรยำยเนือ้ หำ เร่ือง รสในวรรณคดี โดยใช้
ระบบ Google สือ่ PowerPoint
-ให้นกั เรียนทำแบบทดสอบหลังเรยี น เรือ่ ง
Forms
ควำมรพู้ ืน้ ฐำนวรรณคดีและวรรณกรรม
โวหำรภำพพจน์ ผ่ำนระบบ Google Forms
40
ตาราง 1 (ตอ่ ) จานวน เรอ่ื งที่สอนและรายละเอียดการสอน
รูปแบบการสอน สัปดาห์ 2 ช่ัวโมง
โคลงภาพพระราชพงศาวดารและคาราชา
5 2 ช่ัวโมง ศัพท์ และทดสอบหลังเรียน เรือ่ ง โคลง
ภาพพระราชพงศาวดารและคาราชาศัพท์
7 2 ช่ัวโมง -บรรยำยสรุปเน้ือหำ โคลงภำพพระรำช
พงศำวดำรและคำรำชำศัพท์ โดยใช้สอ่ื
8
PowerPoint
-ให้นกั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี นเร่อื ง
โคลงภำพพระรำชพงศำวดำรและคำรำชำ
ศัพท์ ผำ่ นระบบ Google Forms
บทเสภาสามคั คีเสวก ตอน สามัคคเี สวก
และทดสอบหลังเรียน
-บรรยำยเนือ้ หำ เร่ือง บทเสภำสำมคั คีเสวก
ตอน สำมัคคีเสวกโดยใช้สอ่ื PowerPoint
-ให้นกั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี นเร่อื ง
บทเสภำสำมัคคีเสวก ตอน สำมัคคีเสวก
ผำ่ นระบบ Google Forms
การเขียนจดหมายกิจธรุ ะ และจบั ผิดภาพ
จดหมายกิจธุระ
-บรรยำยเนือ้ หำ เร่ือง กำรเขียนจดหมำยกิจ
ธรุ ะ โดยใช้ส่อื PowerPoint
-ให้นักเรียนทำใบงำน เรือ่ ง จบั ผดิ ภำพ
จดหมำยกิจธุระ ผำ่ นระบบ Google Forms
41
ตาราง 1 (ตอ่ )
รปู แบบการสอน สัปดาห์ จานวน เร่อื งทีส่ อนและรายละเอียดการสอน
2 ช่ัวโมง
รูปแบบท่ี 3 6 บทเสภาสามัคคเี สวก ตอน วิศวกรรมา และ
2 ช่ัวโมง ทดสอบหลงั เรียน เร่อื ง บทเสภาสามัคคี
เปิดคลิปวิดีโอกำร เสวก ตอน วิศวกรรมา
2 ช่ัวโมง -ให้นักเรียนดคู ลิปวิดีโอกำรสอนเรื่อง บทเสภำ
สอนผ่ำน Windows สำมัคคีเสวก ตอน วศิ วกรรมำ ผำ่ น Windows
Media Player และ Media Player
ทดสอบหลังเรียน -ให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรยี นเรอ่ื ง บท
เสภำสำมคั คีเสวก ตอน วศิ วกรรมำ ผำ่ นระบบ
ผ่ำนระบบ Google
Google Forms
Forms
โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน พัน
รปู แบบท่ี 4 3 ทา้ ยนรสิงห์ และตอน สมเดจ็ พระสุรโิ ยทยั
เปิดคลิปวิดโี อ ขาดคอช้าง
กำรสอนผ่ำน -ให้นกั เรียนดูคลิปวิดีโอกำรสอนเรื่อง โคลงภำพ
พระรำชพงศำวดำร ตอน พันท้ำยนรสิงห์
Windows Media ผำ่ น Windows Media Player
Player -ให้นกั เรียนดคู ลิปวิดีโอกำรสอนเรื่อง โคลงภำพ
พระรำชพงศำวดำร ตอน พันท้ำยนรสิงห์
4 ผำ่ น Windows Media Player
คาราชาศัพท์
-ให้นกั เรียนดูคลิปวิดโี อกำรสอนเรือ่ ง คำรำชำ
ศัพท์ (1)
ผำ่ น Windows Media Player
-ให้นกั เรียนดูคลิปวิดีโอกำรสอนเรือ่ ง คำรำชำ
ศัพท์ (2)
ผำ่ น Windows Media Player
หมายเหตุ: สัปดำห์ หมำยถึง สัปดำหท์ ีจ่ ัดกำรเรียนกำรสอน
จำนวน หมำยถึง จำนวนชวั่ โมงที่ใช้จดั กำรเรียนกำรสอนตำมแผนกำรจดั กำรเรียนรู้
42
จำกตำรำง 1 รูปแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนออนไลน์ภำยใต้สถำนกำรณ์โควิด-19
รำยวิชำภำษำไทยพนื้ ฐำน 3 (ท 21101) ผวู้ ิจยั จดั แบ่งรปู แบบกำรสอนเปน็ 4 รปู แบบ ดงั นี้
1) รูปแบบที่ 1 (บรรยำยเนือ้ หำโดยใช้สื่อ PowerPoint) ซึง่ สัปดำหก์ ำรจัดกำรเรียนกำร
สอนทีเ่ ข้ำข่ำยรูปแบบดงั กล่ำว คือ
สัปดำหท์ ี่ 1 เร่อื ง แนะนำรำยวิชำและควำมรู้พ้ืนฐำนวรรณคดีและวรรณกรรม
2) รูปแบบที่ 2 (บรรยำยเนื้อหำโดยใช้สื่อ PowerPoint และทดสอบหรือทำใบงำนหลัง
เรียนผำ่ นระบบ Google Forms) ซึง่ สปั ดำหก์ ำรจดั กำรเรียนกำรสอนทีเ่ ข้ำข่ำยรปู แบบดังกล่ำว คือ
สัปดำห์ที่ 2 เรื่อง โวหำรภำพพจน์ รสวรรณคดี และทดสอบหลังเรียน เร่ือง พ้ืนฐำน
วรรณคดีและวรรณกรรม โวหำรภำพพจน์
สัปดำห์ที่ 5 เรื่อง สรุปเนื้อหำ โคลงภำพพระรำชพงศำวดำรและคำรำชำศัพท์ และ
ทดสอบหลังเรียน เร่อื ง โคลงภำพพระรำชพงศำวดำรและคำรำชำศัพท์
สัปดำห์ที่ 7 เร่ือง บทเสภำสำมัคคีเสวก ตอน สำมัคคีเสวก และทดสอบหลังเรียน เร่ือง
บทเสภำสำมัคคีเสวก ตอน สำมัคคีเสวก
สัปดำหท์ ี่ 8 เรอ่ื ง กำรเขียนจดหมำยกิจธรุ ะ และจบั ผดิ ภำพจดหมำยกิจธรุ ะ
3) รปู แบบที่ 3 (เปิดคลิปวิดีโอกำรสอนผ่ำน Windows Media Player และทดสอบหลัง
เรียนผำ่ นระบบ Google Forms) ซึ่งสปั ดำหก์ ำรจดั กำรเรียนกำรสอนที่เข้ำข่ำยรูปแบบดังกล่ำว คือ
สัปดำห์ที่ 6 เรื่อง บทเสภำสำมัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมำ และทดสอบหลังเรียน เร่ือง
บทเสภำสำมคั คีเสวก ตอน วศิ วกรรมำ
4) รูปแบบที่ 4 (เปิดคลิปวิดีโอกำรสอนผ่ำน Windows Media Player) ซึ่งสัปดำห์กำร
จดั กำรเรียนกำรสอนทีเ่ ข้ำข่ำยรปู แบบดังกล่ำว คือ
สัปดำห์ที่ 3 เร่ือง โคลงภำพพระรำชพงศำวดำร ตอน พันท้ำยนรสิงห์ และตอน สมเด็จ
พระสรุ ิโยทัยขำดคอช้ำง
สัปดำหท์ ี่ 4 เร่อื ง คำรำชำศัพท์