The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงสร้าง+แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ป.4

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ning.np, 2022-05-23 04:28:25

โครงสร้าง+แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ป.4

โครงสร้าง+แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ป.4

7. ตรวจคาตอบของผ้เู รยี น นาคะแนนของสมาชิกทุกคนในกลุม่ มารวมกนั เป็นคะแนนกลุ่ม
8. กลุ่มที่ได้คะแนนรวมสูงสุด ( ในกรณีที่แต่ละกลุ่มมีจานวนสมาชิกไม่เท่ากันให้ใช้คะแนนเฉลี่ยแทนคะแนน
รวมจะไดร้ บั คาชมเชย )

6. การวัดและประเมนิ ผล

การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี ารวัดผล เคร่อื งมอื วัด เกณฑก์ าร
จุดประสงค์ ประเมินผล

ความรู้ความเข้าใจ (K) - ตรวจกิจกรรมฝกึ ทกั ษะ - กจิ กรรมฝึกทักษะ 80% ขน้ึ ไป ถอื ว่า

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝกึ หัด ผ่านเกณฑ์การ

ประเมิน

- สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ ทักษะและ 80% ขน้ึ ไป ถอื วา่

การทางานรายบุคคล/กลุม่ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ผ่านเกณฑ์การ

ประเมิน

คณุ ลักษณะนิสัย (A) 1. สงั เกตจากการเรียนมี - แบบประเมิน 80% ขึน้ ไป ถือว่า
ความรบั ผิดชอบต่องานทสี่ งั่ คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์การ
และส่งงานได้ทนั ตามท่ี อนั พึงประสงค์ ประเมนิ
กาหนด
2. สังเกตจากการเรียนใฝ่
เรยี นรู้
3. สงั เกตจากการม่งุ มั่นใน
การทางาน

7. สือ่ /แหลง่ การเรยี นรู้

1) หนังสือเรยี นคณิตศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 การบวก ลบ คณู หารระคน
2) แบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 การบวก ลบ คูณ หารระคน
3) แถบโจทยป์ ญั หาการบวก การลบ การคูณและการหารระคน
4) ใบความรู้

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครผู ู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่ือ................................................... ผู้บรหิ าร
(...........................................................)

ใบความรู้

โจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคูณและการหารระคน คือสถานการณท์ ี่โจทย์
ปญั หาแตล่ ะข้อจะมีการคานวณเพ่ือหาคาตอบ โดยใช้ข้ันตอนมากกวา่ 1 ข้ันตอน

ตัวอย่าง โจทยป์ ัญหา พอ่ ค้ามขี ้าวสาร 3,705 กิโลกรมั ตอ้ งการบรรจุขา้ วสารถุงละ 15 กิโลกรมั
แล้วขายถุงละ 85 บาท ลกู หน้นี าเงนิ มาใชห้ นอ้ี ีก 45,000 บาท พ่อค้าจะมเี งนิ ทงั้ หมดกี่บาท

1. อ่านโจทยเ์ ข้าใจหรือยัง 1. อา่ นเข้าใจแล้วค่ะ

2. โจทยก์ าหนดอะไร 2.1 พ่อคา้ มขี า้ วสาร 3,705 2.2 ต้องการบรรจุข้าวสารถุงละ

กโิ ลกรัม 15 กิโลกรัม ขายถุงละ 85

3. โจทย์ตอ้ งการทราบอะไร บาท
2.3 ลูกหนีน้ าเงนิ มาใช้หน้อี ีก 45,000

4. ดาเนินการแกโ้ จทยป์ ัญหา บาท
อย่างไร 3. พ่อค้าจะมีเงินทงั้ หมดกี่บาท

4.1 เขียนประโยค 4.2 วิธที า
สัญลกั ษณ์ก่อนค่ะ
[(3,705÷15)×85]+45,000 พ่อคา้ มีข้าวสาร 3,705 กก.
=
ต้องการบรรจุขา้ วสารถุงละ 15 กก.
5. คาตอบที่หาได้คืออะไร
จะไดข้ ้าวสาร 3,705÷15 = 247 ถุง

ขายถุงละ 85 บาท

จะได้เงนิ ทั้งหมด 247×85 = 20,995 บาท

ลูกหนใ้ี ช้หนใ้ี ห้อกี 45,000 บาท

พอ่ ค้าจะมีเงนิ ท้ังหมด 20,995+45,000 = 65,995

บาท

ตอบ ๖๕,๙๙๕ บาท

5. คาตอบ พ่อค้ามีเงินทั้งหมด 65,995 บาท

กิจกรรมท่ี 1
16.1

ตัวอยำ่ ง “กอ้ ยซ้ือแอปเปลิ 500 ผล จัดแบง่ ใส่กลอ่ ง กลอ่ งละ 20 ผล นาไปขายกล่องละ 72 บาท
แล้วนาเงนิ ไปซอ้ื กระเปา๋ เปน็ เงนิ 1,500 บาท กอ้ ยจะเหลือเงินเทา่ ไร”

1. อ่านโจทยเ์ ข้าใจหรือยัง 1. อ่านเขา้ ใจแล้วค่ะ

2. โจทย์กาหนดอะไรให้บา้ ง 2.1 ก้อยซื้อแอปเปิล 2.2 จัดแบ่งใสก่ ล่อง
3. โจทย์ตอ้ งการทราบอะไร 500 ผล กล่องละ 20 ผล
4. ดาเนินการแก้โจทย์ปญั หาอยา่ งไร
2.3 นาไปขายกลอ่ งละ 2.4 นาเงนิ ซ้ือกระเป๋า
72 บาท เปน็ เงนิ 1,500 บาท

3. ก้อยจะเหลอื เงินเท่าไร

4.1 ประโยคสัญลักษณ์ 4.2 วธิ ีทา
[(500 20)72]–1,500
= ก้อยซื้อแอปเปลิ 500 ผล

5. คาตอบที่หาได้คืออะไร จดั แบง่ ใสก่ ล่อง กลอ่ งละ 20 ผล

ไดแ้ อปเปลิ (500 20) 25

กล่อง

นาไปขายกล่องละ 72 บาท

ขายแอปเปิลได้ท้ังหมด 25 72 = 1,800 บาท

นาเงินไปซ้ือกระเปา๋ เป็นเงนิ 1,500

บาท

ก้อยจะเหลือเงนิ 1,800 – 1,500 = 300

5บ. าคทาตอบ กอ้ ยจะเหลอื เงิน 300 บาท
ตอบ กอ้ ยจะเหลือเงนิ ๓๐๐ บาท

กิจกรรมที่ 2
16.2

โจทย์ ร้านขายกระเป๋ามีกระเป๋าใบใหญ่ 65 ใบ ขายราคาใบละ 199 บาท และขายกระเป๋าใบเล็กใบ
ละ 35 บาท จานวน 90 ใบ ถ้าขายกระเป๋าใบใหญ่และใบเล็กจะไดเ้ งนิ เท่าไร

1. อ่านโจทยเ์ ข้าใจหรือยงั 1. อ่านเขา้ ใจแลว้ คะ่

2. โจทย์กาหนดอะไร 2.1 รา้ นขายกระเป๋ามี 2.2 ขายกระเป๋าใบเล็ก
3. โจทย์ต้องการทราบอะไร กระเป๋าใบใหญอ่ ยรู่ ้าน 65 ใบ ใบละ 35 บาท จานวน
ขายราคาใบละ 199 บาท 90 ใบ

4. ดาเนินการแก้โจทยป์ ญั หาอย่างไร 3. ถ้าขายกระเป๋าใบใหญ่และใบเลก็ จะไดเ้ งนิ เทา่ ไร

4.1 ประโยค 4.2 วธิ ที า

สญั ลักษณ์ ร้านขายกระเป๋ามีกระเป๋าใบใหญ่ 65

(65×199)+(90×35) = ใบ

ขายใบละ 199 บาท

จะได้เงนิ 65×199 = 12,935

บาท

ร้านขายกระเปา๋ มีกระเปา๋ ใบเลก็ 90

ใบ

ขายใบละ 35 บาท คดิ เปน็ เงิน 90×35 = 3,150

บาท

ขายกระเป๋าทั้งหมดจะได้เงนิ 12,935+3,150 =

5. คาตอบทีห่ าไดค้ ืออะไร 5. ค1า6ต,0อ8บ5 ขบาายทกระเป๋าทงั้ หมดจะไดเ้ งนิ 16,085 บาท
ตอบ ๑๖,๐๘๕ บาท

แผนที่ 61-62 สปั ดาหท์ ่ี 16

โรงเรยี นขจรเกยี รติพฒั นา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/……………..……... ช่ือผสู้ อน ….……………………………………………..……….…...

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 จานวน 2- คาบ

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 การบวก ลบ คณู หารจานวนนับ

เรอ่ื ง การสร้างโจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั

มาตรฐานการเรยี นรู้ ค1.1เข้าใจถึงความหลากหลายของการแสดงจานวนระบบจานวนการดาเนินการของจานวนผลทเ่ี กิดขึ้นจาก

การดาเนินการสมบตั ิของการดาเนินการและนาไปใช้

ตวั ชวี้ ัดค1.1ป.4/12 สรา้ งโจทยป์ ญั หา 2 ขัน้ ตอน ของจานวนนับและ 0 พร้อมท้ังหาคาตอบ

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

การสร้างโจทยป์ ญั หาการบวก ลบ คูณ หารระคน ตอ้ งเข้าใจเก่ียวกับสว่ นประกอบของโจทย์ปัญหาและสร้างให้
สอดคล้องกบั ภาพและเหมาะสมกับสถานการณใ์ นชวี ิต

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1) อธิบายหลกั การสรา้ งโจทย์ปญั หาการบวก ลบ คูณ หารระคนและมีความสมเหตสุ มผลของคาตอบ (K)
2) เขยี นสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคนของจานวนนับจากภาพหรือขอ้ ความที่กาหนดใหไ้ ด้ (P)
3) รบั ผดิ ชอบต่อหน้าที่ทีไ่ ด้รับมอบหมาย (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถน่ิ

การสรา้ งโจทย์ปญั หาการบวก ลบ คณู หารระคน

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ชวั่ โมงที่ 1

1. ครกู ล่าวสวสั ดที ักทายนักเรียน จากน้ันครูทบทวนวธิ ีการหาผลลัพธ์การบวก ลบ คณู และหารระคน โดยนกั เรยี น
ทากจิ กรรมโดยครแู จกกระดาษสี Post it ใหน้ กั เรียนครั้งละ 1 แผน่ คละสีกนั จากนน้ั ครูชีแ้ จงวา่ สาหรบั กระดาษสชี มพใู ห้
นกั เรียนเขียนโจทยก์ ารบวกและการลบ กระดาษสเี หลืองใหน้ ักเรยี นเขียนโจทยก์ ารลบและการคูณ กระดาษสเี ขียวใหน้ กั เรียน
เขยี วโจทยก์ ารหารและการบวก และกระดาษสีสม้ ให้ นกั เรียนเขยี นโจทย์การคูณและการหาร

2. ครจู ะเขยี นคาตอบบนกระดาน เช่น คาตอบเท่ากบั 256 จากนนั้ นกั เรียนจะตอ้ งสรา้ งโจทย์ต่างๆ ทม่ี ีคาตอบเท่ากบั
จานวนท่คี รูเขียนบนกระดาน ลงในกระดาษสี Post it ท่ีตนเองไดร้ บั

3. เม่อื นกั เรียนแตล่ ะคนเขยี นเสร็จ ครูสุม่ ตวั แทนนักเรยี น 5 -6 คน บอกโจทย์หน้าชั้นเรียนและให้เพ่ือนๆ ช่วย
ตรวจสอบความถูกต้อง จากน้ันครใู หน้ กั เรียนนากระดาษของตนเองมาตดิ รวมกันเป็นแถวในฟิวเจอรบ์ อรด์ จะไดล้ กั ษณะดัง
ภาพ

4. ครทู ากิจกรรมเช่นเดมิ อีก 3-4 ครงั้ จากน้นั นาฟิวเจอร์บอรด์ ตดิ ไวร้ อบๆ ห้องเรยี นเพื่อใชเ้ ปน็ แหล่งเรยี นรู้
(เมอ่ื หมดคาบเรียน ครนู าคาตอบของนักเรยี นไปตรวจสอบความถกู ตอ้ งอีกครง้ั )

5. ครใู ห้นกั เรยี นหาใบแสดงราคาสินค้าจากอินเตอร์เนต็ จากนั้นใหน้ ักเรยี นร่วมกันสร้างโจทย์ปัญหาการบวก ลบ
คูณ หารระคนโดยใช้ข้อมูลจากใบแสดงราคาสินค้าท่ีหาได้ และครูจะเป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องของโจทย์ปัญหาว่ามี
สว่ นประกอบครบถว้ นหรอื ไม่ และมีความสมเหตุสมผลหรอื ไม่

6. ครูเน้นย้ากับนักเรียนว่า โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคนจะเป็นโจทย์ปัญหา 2 ข้ันตอนต้อง
ประกอบดว้ ย สงิ่ ท่โี จทยก์ าหนดให้ 3 ขอ้ ความ และสิง่ ท่โี จทย์ถาม 1 ข้อความ

7. ครูทาเช่นน้ีประมาณ 4 ครั้ง ข้ึนอยูก่ บั เวลา
ตัวอย่างใบแสดงราคาสนิ คา้

8. ครูให้นักเรียนทากิจกรรมทักษะในหนังสือเรียนคณิตศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 เรื่อง การสร้างโจทย์ปัญหาบวก ลบ คูณ
หารระคน จากนัน้ นามาส่งใหค้ รูตรวจ และครจู ะส่งคนื ในคาบเรียนถดั ไป

ช่ัวโมงที่ 2 (ต่อ)

1. ครูให้นักเรียนทางานกลุ่มร่วมกันทั้งชั้นเรียน โดยครูอธิบายว่าจะให้นักเรียนสร้างปฏิทินโจทย์ปัญหา โดยครูอาจ
กาหนดเดอื นทผ่ี ่านมาแลว้ หรือใหน้ กั เรียนรว่ มกันเลือกและโหวตเดอื นที่นกั เรียนชืน่ ชอบ

2. เม่อื ไดเ้ ดือนท่ตี ้องการ ครูให้นกั เรียนแต่ละคนเลือกวา่ ตนเองชอบวนั ท่เี ทา่ ไร (1 วันต่อ 1 คน) จากน้ันให้นักเรียนไป
ค้นคว้าหาข้อมูลข่าว/เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันน้ันๆ จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ อินเทอร์เน็ต เป็นต้น โดยให้
หาภาพขา่ วนนั้ ๆ มา 2 ภาพ

3. ให้นักเรยี นแต่ละคนสร้างโจทยป์ ญั หาการหารจากข่าว/เหตุการณ์น้ันๆ และเขียนแสดงวิธีทาลงใน A4 พร้อมท้ังนา
ภาพขา่ ว 1 ภาพตดิ เปน็ ภาพประกอบให้เรียบรอ้ ย สว่ นภาพขา่ วอกี 1 ภาพ ให้นามาตดิ ลงในปฏิทินขนาดใหญ่ ที่ครเู ตรยี มไว้ให้

4. เม่อื นักเรียนทุกคนทาเสร็จ ครสู ุ่มตัวแทนนกั เรียนออกมานาเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรยี น โดยใหน้ กั เรียนเล่า
ขา่ วโดยส้นั ให้เพ่ือนๆ ฟัง จากนน้ั ใหบ้ อกโจทยป์ ัญหาที่แตง่ ขน้ึ และวิธีทาอยา่ งคร่าวๆ พร้อมทัง้ ให้นักเรียนในช้ันเรียนร่วมกัน
ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของโจทย์ปญั หา

5. ครนู าผลงานของนกั เรียนมาเย็บเลม่ รวมกนั เพอ่ื ใชเ้ ป็นแหลง่ ความรู้ในชน้ั เรียน
ตัวอยา่ งปฏิทนิ

6. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปหลกั การสร้างโจทยป์ ัญหาการบวก ลบ คณู และหารระคนวา่
(นกั เรยี นตอ้ งเขา้ ใจเกย่ี วกับส่วนประกอบของโจทยป์ ญั หา และต้องสร้างใหส้ อดคลอ้ งกบั ภาพและเหมาะสมกบั
สถานการณ์ในชีวติ จริง)

7. ครใู ห้นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียน เรือ่ งการบวกลบคูณหารระคน และร่วมกันเฉลยคาตอบ
8. ครใู ห้นักเรยี นทาใบงาน เรอื่ ง การสรา้ งโจทยป์ ญั หาการบวกลบคณู หารระคน จากนั้นครูสุ่มตัวแทนนักเรียนออกมา
นาเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน พรอ้ มทั้งให้นักเรียนในห้องช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง
9. ครใู หน้ ักเรียนทาแบบฝึกหดั ในหนังสือแบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 เป็นการบา้ นสง่ ในคาบถดั ไป

6. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมนิ ผล วิธีการวดั ผล เคร่ืองมอื วัด เกณฑก์ าร
จดุ ประสงค์ ประเมนิ ผล

ความรู้ความเข้าใจ (K) - ตรวจกิจกรรมฝกึ ทกั ษะ - กิจกรรมฝึกทักษะ 80% ขึน้ ไป ถือวา่

ทักษะ/กระบวนการ (P) - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหดั ผ่านเกณฑ์การ

ประเมิน

- สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ ทักษะและ 80% ข้นึ ไป ถือวา่

การทางานรายบุคคล/กลมุ่ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์การ

ประเมนิ

คณุ ลกั ษณะนิสัย (A) 1. สงั เกตจากการเรียนมี - แบบประเมิน 80% ขน้ึ ไป ถือวา่
ความรับผิดชอบต่องานท่ีส่ัง คณุ ลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์การ
และส่งงานไดท้ นั ตามที่ อนั พึงประสงค์ ประเมิน
กาหนด
2. สังเกตจากการเรียนใฝ่
เรียนรู้
3. สังเกตจากการมุง่ มนั่ ใน
การทางาน

7. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้

1) หนงั สอื เรยี นคณิตศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4 การบวก ลบ คณู หารระคน
2) แบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 การบวก ลบ คูณ หารระคน
3) ใบงาน เรอ่ื ง การสรา้ งโจทยป์ ัญหาการบวกลบคูณหารระคน
4) กระดาษสี Post it
5) ฟิวเจอร์บอร์ด
6) กระดาษ A4
7) ปฏิทินขนาดใหญ่

8. กิจกรรมเสนอแนะ
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................

ลงช่ือ............................................ครผู สู้ อน ลงชือ่ ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่ือ................................................... ผ้บู ริหาร
(...........................................................)

ใบงาน
เร่อื ง การสร้างโจทย์ปัญหาการบวก ลบ คณู และหารระคน

คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นคน้ คว้าหาขา่ วและข้อมลู ต่างๆ ทน่ี ่าสนใจมาสร้างโจทยป์ ญั หาการบวก ลบ คูณ และหารระคน
1. สร้างโจทย์ปัญหาระคนได้ ดังน้ี

2. สร้างโจทย์ปญั หาระคนได้ ดงั นี้

สร้างโจทยป์ ัญหาระคนได้ ดงั น้ี
3.

แผนท่ี 63-64 สัปดาหท์ ่ี 16

โรงเรยี นขจรเกยี รติพัฒนา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรียนท่ี ……1…/……………..……... ชือ่ ผูส้ อน ….……………………………………………..……….…...

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 จานวน - คาบ

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 การบวก ลบ คูณ หารจานวนนับ

เรือ่ ง การเฉลี่ย

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ัด

มาตรฐานการเรียนรู้ ค1.1เขา้ ใจถึงความหลากหลายของการแสดงจานวนระบบจานวนการดาเนนิ การของจานวนผลที่เกดิ ขน้ึ จาก

การดาเนินการสมบตั ิของการดาเนินการและนาไปใช้

ตวั ชว้ี ดั ค1.1ป.4/10 หาผลลพั ธก์ ารบวก ลบ คูณ หารระคนของจานวนนบั และ 0

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

การเฉลย่ี เป็นการนาคา่ ของทุกจานวนมารวมกนั แลว้ หารดว้ ยจานวนทั้งหมด

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1) อธิบายวธิ ีการหาคา่ เฉลย่ี (K)

2) วเิ คราะห์โจทยป์ ัญหาการเฉล่ยี ได้ (K)

3) เขียนแสดงวิธที าของคา่ เฉล่ียของจานวนหลายจานวนทีก่ าหนดให้ได้ (P)

4) รบั ผิดชอบตอ่ หนา้ ที่ทไี่ ดร้ บั มอบหมาย (A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถน่ิ

การเฉลี่ย

5. กิจกรรมการเรยี นรู้
ชัว่ โมงท่ี 1

1. ครูแบ่งนักเรยี นออกเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 4 คน ใหน้ กั เรียนทากิจกรรม “คู่คิด” โดยครูแจกบัตรโจทย์การบวก ลบ คูณ
หารระคน และบัตรคาตอบ กลุ่มละ 1 ชุด ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มหาคาตอบจากบัตรโจทย์ แล้วจับคู่กับบัตรคาตอบให้ตรงกัน
กลุ่มใดทาไดถ้ กู ต้องและเรว็ ทส่ี ดุ กลุ่มน้นั เปน็ ผ้ชู นะ

2. นกั เรียนตอบคาถามกระตนุ้ ความคิด การบวก ลบ คูณ หารระคน จะตรวจสอบ ความสมเหตุสมผลของคาตอบ
ได้อย่างไร (พิจารณาตามคาตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของครผู ูส้ อน)

3. นักเรียนแต่ละกลุ่ม ร่วมกันศึกษาตัวอย่างการหาค่าเฉลี่ย จากหนังสือเรียนคณิตศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 จากนั้นบันทึก
ความรูล้ งในแบบบนั ทึกการอา่ น

4. ครเู ขยี นตัวเลข 5 จานวน บนกระดาน จากนน้ั ครูหาคา่ เฉลี่ยของตวั เลขท้ัง 5 จานวนใหน้ กั เรยี นดเู ปน็ ตัวอย่าง

5. ครูกาหนดตัวเลขบนกระดานใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่ม กลุ่มละ 1 ชุด (3-5 จานวน) แล้วให้นักเรียนแข่งกันหาค่าเฉล่ีย
จากบตั รตวั เลขท่ีกาหนด โดยแตล่ ะกลุม่ สง่ ตัวแทนมาเขยี นคาตอบบนกระดาน กลุ่มใดเขียนเสร็จก่อนและถูกต้องจะได้ข้อละ 2
คะแนน กลุ่มใดมคี ะแนนมากกว่า จะเป็นผ้ชู นะ

6. นกั เรียนตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ การหาค่าเฉลี่ยมหี ลกั การอย่างไร (ให้นาคา่ ของทุกจานวนมารวมกนั
แลว้ หารด้วยจานวนทงั้ หมด)

7. นักเรยี นร่วมกันสรุปเก่ยี วกับวิธกี ารหาค่าเฉลีย่ (นาจานวนตา่ งๆ ท่ตี ้องการเฉล่ียมาบวกกัน แลว้ หารดว้ ย
จานวนทงั้ หมดของจานวนท่ีมาบวกกัน)

ชัว่ โมงที่ 2 (ตอ่ )

1. ครแู ละนักเรยี นทบทวนความหมายของค่าเฉลี่ย (การหารผลรวมของข้อมลู ท้งั หมดดว้ ยจานวนขอ้ มลู ทั้งหมด)
2. ครูให้นักเรียนทากิจกรรม “ฉลาก เฉลี่ย” โดยให้แต่ละคนออกมาจับฉลากเม่ือได้ยินเสียงนกหวีดให้นักเรียนจับ
กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน น่งั เป็นวงกลมแล้วหาค่าเฉลี่ยจานวนที่สมาชิกแต่ละคนได้รับโดยมีครูคอยตรวจสอบการคิดคานวณอย่าง
ใกล้ชิด เมื่อทุกกลุ่มหาเฉลี่ยได้เสร็จครูให้ตัวแทนบอกค่าเฉล่ียของแต่ละกลุ่ม กลุ่มที่มีค่าเฉล่ียสูงสุดได้รับคะแนนสะสม 1
คะแนน
3. ครูใหน้ ักเรยี นนาฉลากมาคืน แล้วหยิบใบใหมไ่ ป ทากิจกรรมแบบเดมิ 3-4 รอบ
4. สรุปคะแนนคนทไี่ ด้รับคะแนนสงู สดุ เปน็ ผชู้ นะ
5. ครูให้นักเรียนทากิจกรรมฝึกทักษะ ในหนังสือเรียนคณิตศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 ลงในสมุด เม่ือทาเสร็จแล้วส่งครู
ตรวจสอบ
6. ครสู ุ่มนักเรยี นออกไปเฉลยกิจกรรมฝึกทกั ษะหน้าช้นั เรียน คนละ 1 ขอ้
7. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรปุ หลักการหาค่าเฉลีย่ (การเฉล่ียเปน็ การนาค่าของทกุ จานวนมารวมกันแลว้
หารดว้ ยจานวนทัง้ หมด)
8. ครูถามคาถามกระตุ้นความคดิ นกั เรียนว่าการหาคา่ เฉลยี่ ใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจาวันได้อยา่ งไร
(พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพินิจของครผู สู้ อน)
9. ครูเล่าสถานการณ์สมมติให้นักเรียนฟังว่า ถ้านักเรียนท้ังห้องทาคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ได้รวมกันทั้งหมด 1,500
คะแนน ซึ่งคะแนนเตม็ ในครั้งน้ีคือ 100 คะแนน นักเรียนคิดว่าแต่ละคนได้คะแนนประมาณเท่าใด คิดหาคาตอบได้อย่างไร ให้
นักเรยี นรว่ มกนั อภปิ ราย (คดิ หาคาตอบได้จากค่าเฉล่ีย คอื นาคะแนนทงั้ หมดหารด้วยจานวนนักเรยี นในหอ้ งเรยี น)
10. ครูแบ่งนกั เรยี นออกเปน็ กล่มุ (กลมุ่ เดมิ จากคาบท่แี ล้ว) นักเรยี นร่วมกันทาใบงาน เร่ือง การเฉลี่ย เม่ือทาเสร็จแล้ว
นาคาตอบมาอภปิ รายแลกเปลยี่ นความคิดเห็นภายในกลุ่ม
11. ครูตรวจสอบความถูกต้องของใบงาน เมื่อมีขอ้ ผิดพลาดให้นักเรยี นกลบั ไปแกไ้ ข
12. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ความหมายของการเฉลีย่ และหลกั การหาคา่ เฉลีย่ (การหารผลรวมของขอ้ มลู
ทง้ั หมดดว้ ยจานวนข้อมูลทั้งหมด)

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมินผล วิธีการวดั ผล เครื่องมอื วัด เกณฑ์การ
จดุ ประสงค์ ประเมนิ ผล
- ตรวจกจิ กรรมฝกึ ทักษะ - กจิ กรรมฝึกทักษะ
ความร้คู วามเข้าใจ (K) - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหดั 80% ขนึ้ ไป ถือว่า
ผา่ นเกณฑ์การ
ประเมิน

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) - สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมินทักษะและ 80% ขึ้นไป ถอื วา่

การทางานรายบุคคล/กลมุ่ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์การ

ประเมนิ

คณุ ลกั ษณะนสิ ยั (A) 1. สังเกตจากการเรียนมี - แบบประเมิน 80% ข้ึนไป ถือวา่
ความรับผดิ ชอบต่องานทีส่ งั่ คุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์การ
และส่งงานไดท้ ันตามท่ี อันพึงประสงค์ ประเมิน
กาหนด
2. สังเกตจากการเรยี นใฝ่
เรยี นรู้
3. สังเกตจากการมุ่งม่นั ใน
การทางาน

7. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้

1) หนังสอื เรยี นคณิตศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 การเฉลย่ี
2) แบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 การเฉลยี่
3) ใบงาน เรอ่ื ง การเฉลีย่
4) กิจกรรม “คคู่ ดิ ”
5) ฉลาก กจิ กรรม “ฉลาก เฉลยี่ ”

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................

ลงช่ือ............................................ครผู สู้ อน ลงชอ่ื ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)

ใบงาน
เรื่อง การเฉลี่ย

คาช้ีแจง : ใหน้ ักเรียนหาค่าเฉล่ยี ของจานวนท่ีกาหนดให้ต่อไปนี้

1. 7 8 5 10 15 คา่ เฉลี่ย คือ

2. 11 12 14 15 18 ค่าเฉลยี่ คอื

3. 13 16 18 19 24 คา่ เฉลี่ย คือ

4. 21 23 28 27 31 ค่าเฉลย่ี คือ

5. 32 42 52 12 22 ค่าเฉลี่ย คอื

6. 18 22 34 17 35 42 ค่าเฉลย่ี คอื

7. 9 14 27 32 45 59 คา่ เฉลี่ย คอื

8. 51 52 41 37 8 15 ค่าเฉลี่ย คอื

คาช้แี จง : หาคาตอบของโจทย์ต่อไปน้ี
1. สมคิดและน้องชายอกี 2 คนไปรับจ้างล้างจานในหอ้ งอาหาร นอกจากคา่ จ้างรายช่ัวโมงแล้วไดท้ ปิ จากลกู ค้า ดังน้ีคอื
สมคดิ ได้ 150 บาท น้องคนท่ี 1 ได้ 125 บาท นอ้ งคนเลก็ ได้ 175 บาท ทงั้ สามนาเงินรวมกันและเฉล่ยี แบง่ กนั จะได้คนละกี่
บาท

2. สดุ าไปเล่นเกมจับฉลากไดข้ นมมา 3 หอ่ ดังนี้ ห่อทห่ี น่ึงมีขนม 60 ชิ้น ห่อทสี่ องมีขนม 55 ชิน้ หอ่ ท่ีสามมีขนม 65 ชิ้น
สุดาได้ขนมเฉล่ยี แลว้ หอ่ ละกชี่ ิ้น

3. นกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 ของโรงเรยี นแห่งหนึ่งจานวน 10 คน มคี ะแนนทดสอบท้ายบทดงั นี้
17 18 16 15 14 12 13 15 12 18 คะแนนเฉลีย่ ของนักเรียนทง้ั หมดเปน็ เทา่ ใด

ใบงาน เฉลย
เรอ่ื ง การเฉลย่ี

คาช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นหาคา่ เฉลยี่ ของจานวนที่กาหนดให้ตอ่ ไปน้ี

1. 7 8 5 10 15 ค่าเฉล่ยี คือ 9

2. 11 12 14 15 18 คา่ เฉลย่ี คอื 14

3. 13 16 18 19 24 ค่าเฉลย่ี คอื 18

4. 21 23 28 27 31 คา่ เฉลี่ย คอื 26

5. 32 42 52 12 22 ค่าเฉลยี่ คือ 32

6. 18 22 34 17 35 42 ค่าเฉลี่ย คือ 28

7. 9 14 27 32 45 59 ค่าเฉลยี่ คอื 31

8. 51 52 41 37 8 15 คา่ เฉล่ีย คอื 34

คาชแี้ จง : หาคาตอบของโจทย์ต่อไปน้ี
1. สมคดิ และน้องชายอีก 2 คนไปรับจา้ งลา้ งจานในหอ้ งอาหาร นอกจากคา่ จ้างรายชว่ั โมงแลว้ ได้ทปิ จากลูกคา้ ดังนค้ี อื
สมคิดได้ 150 บาท น้องคนท่ี 1 ได้ 125 บาท น้องคนเล็กได้ 175 บาท ทั้งสามนาเงินรวมกนั และเฉลยี่ แบ่งกนั จะได้คนละก่ี
บาท

150 บาท
2. สุดา ไปเลน่ เกมจบั ฉลากได้ขนมมา 3 หอ่ ดงั น้ี ห่อทีห่ นงึ่ มีขนม 60 ชิ้น หอ่ ท่สี องมขี นม 55 ช้ิน ห่อท่สี ามมขี นม 65 ชิน้
สุดาไดข้ นมเฉล่ียแล้วหอ่ ละกชี่ ิ้น

60 ช้ิน

3. นักเรียนช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 3 ของโรงเรยี นแหง่ หนึ่งจานวน 10 คน มีคะแนนทดสอบท้ายบทดงั นี้
17 18 16 15 14 12 13 15 12 18 คะแนนเฉลยี่ ของนักเรียนท้งั หมดเปน็ เท่าใด
15 คะแนน

กจิ กรรม “คคู่ ดิ ”

บตั รโจทย์ บตั รคาตอบ 

56 x (12,112 - 8,554) 199,248
34,773 + (625 ÷ 25) 34,798
(225 x 15) ÷ 25 135
(7,987 + 3,569) - 8,996 2,560

(8,250 ÷ 50) x (75,411 - 58,769) 2,745,930

ฉลาก กิจกรรม “ฉลาก เฉล่ีย” 45 
55
85 40
15
90 10
65 60
25 75
35 125
85 80
70 115
100
110
10

แผนที่ 65 สปั ดาห์ที่ 17

โรงเรยี นขจรเกียรติพัฒนา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรียนท่ี ……1…/…2563……... ชื่อผ้สู อน ….……………………………………………..……….…...

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 4 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 เวลา

เรื่อง การบอกเวลา การเขยี นเวลาโดยใช้จดุ และการอ่าน

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวดั

มาตรฐาน ค 2.1 เขา้ ใจพ้นื ฐานเกย่ี วกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาดของสิง่ ที่ต้องการวัด และนาไปใช้

ตวั ช้ีวัดค2.1ป.4/1 แสดงวิธหี าคาตอบของโจทยป์ ญั หาเก่ียวกับเวลา

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

1. การบอกเวลาเปน็ นาฬกิ าและนาที ใชม้ หัพภาค (.) หรอื ทวิภาค (:)
2. ระยะเวลา หมายถงึ ช่วงเวลาทีต่ ่อเนอ่ื งจากเวลาหน่ึงถึงอกี เวลาหนึง่ เคร่ืองหมายวรรคตอนที่ใชค้ ือ ทวภิ าค (:)
3. 60 วนิ าที เท่ากับ 1 นาที

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธิบายเกีย่ วกับการอา่ นและการเขยี นบอกเวลาโดยใชจ้ ุด (K)
2. อา่ นและเขียนบอกเวลาเป็นนาฬกิ าและนาทโี ดยใช้จุด (P)
3. เห็นคณุ ค่าของการอา่ นและเขยี นบอกเวลาโดยใชจ้ ุด เพอื่ นาไปใชบ้ อกเวลาในชีวิตประจาวนั (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่

การบอกระยะเวลาเปน็ วินาที นาที

5. กจิ กรรมการเรียนรู้

1. ครูนานาฬิกาทีม่ ลี กั ษณะแตกตา่ งกนั คอื นาฬิกาบอกเวลาโดยใช้ตวั เลข และนาฬกิ าบอกเวลาโดยใชเ้ ข็มระบุ

เวลา โดยตัง้ เวลาให้ตรงกนั มาให้นักเรียนพจิ ารณา แล้วถามคาถามกระต้นุ ความคดิ ดังน้ี

4 : 45

 นาฬิกาเรือนท่ี 1 และเรือนที่ 2 เป็นแบบใด (แบบใช้ตัวเลข, แบบใช้เขม็ ระบเุ วลา)
 เวลาของนาฬิกาทง้ั สองเรอื นตรงกนั หรือไม่ (ตรงกัน)
 นักเรยี นชอบนาฬิกาแบบใด เพราะเหตใุ ด (ตวั อยา่ งคาตอบ แบบใชต้ วั เลข เพราะดงู า่ ย)

2. ครเู ลือกนกั เรียน 2 - 3 คน ให้อ่านเวลาจากนาฬกิ า (ในกิจกรรมข้อ 1) ครเู ขียนเวลาที่นักเรียนอา่ นบนกระดาน

หลังจากน้นั ครูและนักเรียนร่วมกันพิจารณาการอ่านเวลาที่ถูกต้องพร้อมกัน (4 นาฬกิ า 45 นาที)

3. นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายวธิ กี ารอา่ นเวลาจากหนา้ ปดั นาฬิกา ครูถามคาถามนักเรยี น ดังน้ี
 นาฬกิ าเรือนนี้บอกเวลาอยา่ งไร (บอกเวลาโดยใช้เข็มระบุเวลา)
 นาฬกิ าเรือนน้มี ีเขม็ ก่ีเข็ม (2 เข็ม)
 เขม็ 2 เขม็ ต่างกนั อยา่ งไร (เข็มส้ัน, เข็มยาว)
 เข็มสั้นชที้ ่เี ลขใด (เลยเลข 6 มาเลก็ นอ้ ย)
 เขม็ สน้ั บอกเวลาอยา่ งไร (บอกเวลาเปน็ ชัว่ โมง)
 เขม็ ยาวช้ที ่เี ลขใด (เลข 2)
 เขม็ ยาวบอกเวลาอย่างไร (บอกเวลาเปน็ นาที)
 ถ้าเข็มยาวเดนิ ครบ 1 รอบ จะเป็นเวลากี่นาที (60 นาท)ี
 เขม็ ยาวเดินครบ 1 รอบ เข็มสั้นจะหมนุ กี่ชอ่ ง (1 ชอ่ ง)
 60 นาที เท่ากับก่ชี ว่ั โมง (1 ช่วั โมง)
 นาฬกิ าเรือนน้ีบอกเวลาเท่าไร (6 นาฬิกา 10 นาที/18 นาฬิกา 10 นาที)

นกั เรยี นร่วมกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง

4. นักเรียนและครรู ่วมกนั สนทนาเกี่ยวกับเรอื่ งเวลาในชีวิตประจาวัน โดยครถู ามคาถาม ดงั นี้

 นักเรียนเร่ิมเรยี นเวลากน่ี าฬิกา (8 นาฬกิ า 30 นาที)
 ช่วงเวลาที่นักเรยี นเรยี นหนังสอื เปน็ ช่วงเวลาใด (ชว่ งเวลากลางวัน)
ครตู ดิ ภาพนาฬิกาโดยเล่อื นเข็มสั้นและเขม็ ยาวให้ตรงกบั เวลาทีน่ กั เรียนเข้าเรียน

ครูถามคาถามนักเรยี นเพิ่มเติม ดังน้ี

 นกั เรยี นเข้านอนเวลาเท่าไร (ตามประสบการณ์นักเรยี น เชน่ 20 นาฬิกา
30 นาที)

 ช่วงเวลาท่นี ักเรียนเขา้ นอนเป็นชว่ งเวลาใด (ช่วงเวลากลางคืน)
 เข็มสนั้ และเขม็ ยาวของนาฬกิ าเหมอื นกบั เวลา 8 นาฬิกา 30 นาที

หรือไม่ (เหมอื นกัน)

 ดงั นัน้ ใน 1 วัน แบ่งออกเป็นกี่ช่วงเวลา อะไรบ้าง (2 ช่วงเวลา คือ
กลางวัน และกลางคืน)

นกั เรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง

5. ครูติดแถบโจทย์บนกระดานและใหน้ กั เรยี นแข่งขันกนั ตอบคาถาม ดงั นี้

เวลา 10 นาที เขม็ ยาวชีท้ ี่ตัวเลขใด (เลข 2)

เวลา 45 นาที เข็มยาวชท้ี ี่ตวั เลขใด (เลข 9)

นักเรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง
6. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน โดยครแู จกภาพนาฬิกากลุ่มละ 2 ภาพ แล้วใหน้ ักเรียนอา่ นเวลาจากหนา้ ปดั
นาฬิกา ทั้งช่วงเวลากลางวนั และกลางคืนลงในกระดาษ พร้อมทงั้ ตกแต่ง
ให้สวยงาม เชน่

กลางวัน 6 นาฬกิ า 50 นาที
กลางคืน 18 นาฬิกา 50 นาที

11 : 25 กลางวนั 11 นาฬิกา 25 นาที
กลางคนื 23 นาฬิกา 25 นาที

ใหผ้ ูแ้ ทนนกั เรียนออกมานาเสนอผลงานหน้าช้ันเรยี น เพอื่ ร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง

7. ใหน้ ักเรียนรว่ มกนั สรปุ เกี่ยวกบั การบอกเวลาเปน็ นาฬิกาและนาที โดยครูถามคาถาม ดังน้ี

 เข็มส้ันบอกเวลาเปน็ อะไร (ชั่วโมง)
 เขม็ ยาวบอกเวลาเป็นอะไร (นาท)ี
 เข็มยาวเดินครบ 1 รอบ เป็นเวลากีน่ าที (60 นาที)
 เขม็ ยาวเดนิ ครบ 1 รอบ เข็มสั้นหมนุ กี่ชอ่ ง (1 ช่อง)
 60 นาที เท่ากบั กช่ี ว่ั โมง (1 ช่ัวโมง)
 ใน 1วัน มีชว่ งเวลากี่ช่วง อะไรบา้ ง (2 ช่วง คือ ช่วงกลางวันและช่วงกลางคืน)
 เราสามารถนาความรู้ เร่อื ง การบอกเวลาเปน็ นาฬิกา และนาทีไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั อยา่ งไรบ้าง (ตัวอยา่ ง
คาตอบ ใช้บอกเวลาตน่ื นอน ใชบ้ อกเวลาเลกิ เรียน)

นักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง

8. ใหน้ ักเรียนและครูร่วมกันสรปุ ความรู้ ดังนี้

 การบอกเวลาเป็นนาฬกิ าและนาทีจากหน้าปัดนาฬิกา เข็มส้นั บอกเวลาเป็นช่วั โมง เข็มยาวบอกเวลาเปน็ นาที
9. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครูถามคาถามท้าทาย ดังน้ี

 การบอกเวลาเปน็ นาฬิกาและนาทมี วี ิธกี ารบอกโดยวิธอี นื่ อีกหรอื ไม่ อย่างไร

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมินผล วิธกี ารวดั ผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การ
จุดประสงค์ ประเมินผล

ความรู้ความเข้าใจ (K) - ตรวจกิจกรรมฝึกทักษะ - กจิ กรรมฝกึ ทักษะ 80% ขึน้ ไป ถอื วา่

- ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหดั ผ่านเกณฑ์การ

ประเมนิ

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) - สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมินทักษะและ 80% ขนึ้ ไป ถือวา่

การทางานรายบุคคล/กลุ่ม กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ ผ่านเกณฑ์การ

ประเมิน

คณุ ลักษณะนิสัย (A) 1. สังเกตจากการเรียนมี - แบบประเมนิ 80% ขึ้นไป ถอื วา่

ความรับผิดชอบต่องานทีส่ งั่ คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์การ

และส่งงานไดท้ ันตามท่ี อนั พึงประสงค์ ประเมิน

กาหนด

2. สงั เกตจากการเรยี นใฝ่

เรยี นรู้

3. สังเกตจากการม่งุ มนั่ ใน

การทางาน

7. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้

1. นาฬิกา
2. ใบความรู้
3. แบบฝกึ เสรมิ ทกั ษะ

8. กิจกรรมเสนอแนะ
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ............................................ครผู ้สู อน ลงชอื่ ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชื่อ................................................... ผบู้ รหิ าร
(...........................................................)

ใบความรู้

1. บอกเวลาโดยใชภ้ าษาเขียน
การบอกเวลาโดยใชภ้ าษาเขยี น บอกเวลาเป็น นาฬิกา หรือ นาฬิกากับนาที โดยเข็มสั้นบอกเวลาเป็น

นาฬกิ า และเข็มยาวบอกเวลาเปน็ นาที
ใน 1 วนั มี 24 ช่ัวโมง จงึ บอกเวลาได้ตงั้ แต่ 0 นาฬิกา ถงึ 24 นาฬิกา (เที่ยงคนื )

เวลากลางวนั เวลากลางคนื

อ่านวา่ 9 นาฬิกา 5 นาที อา่ นว่า 21 นาฬกิ า 5 นาที

2. การบอกเวลาโดยใชจ้ ุด

การบอกเวลาโดยใช้จุด ตวั เลขหนา้ จุดจะบอกเวลาเปน็ นาฬิกา ตัวเลขหลงั จดุ บอกเวลาเป็นนาที
- ตัวเลขบอกนาฬิกา มตี ัง้ แต่ 0 นาฬิกา ถึง 24 นาฬิกา
- ตัวเลขบอกนาฬิกา มตี ัง้ แต่ 1 นาที ถึง 59 นาที

(การเขียนตัวเลขบอกนาที ตอ้ งใช้ตวั เลข 2 ตัวเสมอ)

เวลากลางวัน เวลากลางคนื

อ่านว่า อ่านวา่
9 นาฬิกา 5 นาที 21 นาฬิกา 5 นาที
เขยี นแทนดว้ ย
เขยี นแทนดว้ ย
9.05 น. 21.05 น.

แบบฝกึ เสรมิ ทกั ษะ
1. เขียนบอกเวลาโดยใชภ้ าษาเขียน

นาฬกิ า เวลากลางวัน เวลากลางคืน

(1)

................................................. .................................................
................................................. .................................................
................................................. .................................................

(2)
................................................. .................................................
................................................. .................................................
................................................. .................................................

(3)
................................................. .................................................
................................................. .................................................
................................................. .................................................

(4)
................................................. .................................................
................................................. .................................................
................................................. .................................................

(5)
................................................. .................................................
................................................. .................................................
................................................. .................................................

เฉลยแบบฝกึ เสริมทักษะ

เวลากลางวนั
1. สบิ สามนาฬกี า
2. เก้านาฬกิ า
3. สิบหา้ นาฬิกา
4. สบิ สองนาฬกิ า
5. เจ็ดนาฬกิ า

กลางคืน
1. หนงึ่ นาฬกิ า
2. ยีส่ ิบเอด็ นาฬกิ า
3. สามนาฬิกา
4. ย่สี บิ ส่นี าฬกิ า
5. สิบเก้านาฬกิ า

แผนท่ี 66 สปั ดาห์ที่ 17

โรงเรียนขจรเกยี รติพัฒนา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรียนท่ี ……1…/…2563……... ชือ่ ผู้สอน ….……………………………………………..……….…...

กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 เวลา

เร่ือง การบอกเวลา การเขียนเวลาโดยใชจ้ ดุ และการอา่ น

1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวชวี้ ดั

มาตรฐาน ค 2.1 เขา้ ใจพืน้ ฐานเก่ยี วกับการวัด วดั และคาดคะเนขนาดของสิง่ ที่ต้องการวัด และนาไปใช้

ตัวชว้ี ดั ค2.1ป.4/1 แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทยป์ ญั หาเกย่ี วกบั เวลา

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

1. การบอกเวลาเปน็ นาฬกิ าและนาที ใชม้ หัพภาค (.) หรอื ทวภิ าค (:)
2. ระยะเวลา หมายถึง ชว่ งเวลาที่ตอ่ เนือ่ งจากเวลาหนงึ่ ถึงอกี เวลาหนง่ึ เคร่ืองหมายวรรคตอนท่ีใชค้ ือ ทวภิ าค (:)
3. 60 วนิ าที เทา่ กบั 1 นาที

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธิบายเกี่ยวกับการอา่ นและการเขยี นบอกเวลาโดยใชจ้ ดุ (K)
2. อ่านและเขยี นบอกเวลาเป็นนาฬกิ าและนาทีโดยใชจ้ ุด (P)
3. เห็นคุณค่าของการอ่านและเขียนบอกเวลาโดยใชจ้ ดุ เพ่อื นาไปใช้บอกเวลาในชีวิตประจาวนั (A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถิน่

การบอกระยะเวลาเป็นวินาที นาที

5. กจิ กรรมการเรียนรู้

1. ใหน้ ักเรียนทบทวนความรู้เรอื่ ง การบอกเวลาเปน็ นาฬิกาและนาที โดยครูตดิ ภาพนาฬกิ าบนกระดานแล้วให้
นกั เรียนบอกเวลาทงั้ กลางวันและกลางคนื ดงั น้ี

กลางวัน 5 นาฬิกา 15 นาที
กลางคนื 17 นาฬิกา 15 นาที

นักเรียนรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง

2. จากกิจกรรมข้อ 1 ครใู หผ้ ู้แทนนักเรยี นออกมาเขียนบอกเวลาโดยใช้จุด (5.15 น. / 5:15 น.) ครูถามคาถามนกั เรยี น

 ตัวเลขที่อยู่หนา้ จุดบอกเวลาเปน็ อะไร (นาฬิกา)
 ตัวเลขท่ีอยหู่ ลงั จดุ บอกเวลาเป็นอะไร (นาที)
 น. เปน็ อักษรยอ่ ของคาวา่ อะไร (นาฬกิ า)

 เวลากลางวันเป็นชว่ งเวลาใด (ตหี นึ่งถึงเที่ยงวนั / 1.00 น. - 12.00 น.)
 เวลากลางคืนเปน็ ชว่ งเวลาใด (บ่ายโมงถงึ เท่ยี งคนื / 13.00 น. - 24.00 น.)

3. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กล่มุ ละ 5 คน ครูแจกภาพนาฬกิ าใหก้ ลุ่มละ 1 ภาพ เพอ่ื ร่วมกจิ กรรม ดังนี้

 นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มอ่านเวลาจากหน้าปัดนาฬิกาและเขียนบอกเวลาโดยใชจ้ ุด ทง้ั เวลากลางวันและกลางคนื
 นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มสลบั ภาพนาฬกิ าจนครบทุกกล่มุ
 ผู้แทนกลุ่มออกมานาเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน
 นกั เรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง
4. ครูแจกบัตรคาให้นักเรียนคนละ 1 บัตร แลว้ ให้นักเรียนวาดภาพนาฬิกาโดยใชเ้ ข็ม

ให้ตรงกบั บัตรคาพร้อมตกแตง่ ใหส้ วยงาม จากนนั้ ให้นกั เรียนสลับบัตรคากบั เพอื่ นให้ครบ 5 บตั ร ครูเลือกผลงานของ

ผแู้ ทนนักเรยี นท่ที าถูกตอ้ ง 2 - 3 คน ออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรยี น และรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง

ตัวอยา่ งบตั รคา 17.45 นาที อีก 30 นาที 23.00 น. 17.45 น. อีก 30 นาที 23.00 น.

5. ให้นกั เรียนร่วมกันสรปุ เกย่ี วกบั การบอกเวลาเป็นนาฬกิ าและนาที โดยครถู ามคาถามทา้ ทายดงั นี้

 การเขียนบอกเวลาโดยใช้จุดตัวเลขท่ีอยหู่ นา้ จุดบอกเวลาเปน็ อะไร (นาฬิกา)
 ตัวเลขที่อยหู่ ลงั จดุ บอกเวลาเป็นอะไร (นาท)ี
 เวลา 1 วัน มีกชี่ ว่ งเวลา อะไรบา้ ง (2 ช่วงเวลา คือ ชว่ งกลางวันและช่วงกลางคืน)
นักเรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง

6. ให้นักเรยี นและครูรว่ มกันสรุปความรู้ ดงั น้ี

 ในการเขียนบอกเวลาโดยใชจ้ ดุ ตัวเลขที่อยูห่ น้าจุดบอกเวลาเปน็ นาฬิกา ตัวเลขทอี่ ยูห่ ลงั จุดบอกเวลาเป็น
นาที

7. ใหน้ กั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูถามคาถามทา้ ทาย ดังน้ี

 ถา้ นกั เรียนไม่มีความรู้เรื่อง การบอกเวลา จะเกิดผลอยา่ งไร
8. ใหน้ กั เรียนทาใบงาน การอ่านและการเขยี นบอกเวลาโดยใช้จุด จากน้ันให้ผู้แทนนักเรียนท่ีทางานถูกต้อง 2 - 3 คน

ออกมานาเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน พรอ้ มทง้ั รว่ มกนั อภปิ รายวา่ มีข้อใดท่ียาก และมีวิธีการใดที่ช่วยให้หาคาตอบได้ถูกต้อง

และรวดเร็วข้นึ

6. การวดั และประเมินผล

การวดั และประเมนิ ผล วิธกี ารวดั ผล เครอ่ื งมอื วัด เกณฑก์ าร
จุดประสงค์ ประเมนิ ผล

ความรู้ความเข้าใจ (K) - ตรวจกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะ - กิจกรรมฝกึ ทักษะ 80% ขน้ึ ไป ถอื ว่า
ผ่านเกณฑ์การ
- ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหดั ประเมนิ

ทักษะ/กระบวนการ (P) - สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ ทักษะและ 80% ข้นึ ไป ถอื วา่

การทางานรายบุคคล/กลุ่ม กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ ผ่านเกณฑ์การ

ประเมิน

คุณลกั ษณะนสิ ยั (A) 1. สงั เกตจากการเรียนมี - แบบประเมนิ 80% ขึ้นไป ถอื ว่า
ความรบั ผิดชอบต่องานท่ีสัง่ คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์การ
และสง่ งานได้ทนั ตามท่ี อนั พงึ ประสงค์ ประเมิน
กาหนด

2. สังเกตจากการเรยี นใฝ่
เรียนรู้
3. สงั เกตจากการมุง่ ม่นั ใน
การทางาน

7. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้

1. นาฬกิ า
2. ใบความรู้
3. แบบฝึกเสรมิ ทักษะ

8. กิจกรรมเสนอแนะ
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................

ลงช่อื ............................................ครผู ู้สอน ลงช่อื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่ือ................................................... ผ้บู รหิ าร
(...........................................................)

ใบความรู้
นาฬกิ า มเี ข็มบอกเวลาที่มีหน่วยเปน็ ชว่ั โมง นาที และวินาที คอื

เข็มส้ัน ใชบ้ อกเวลาเป็น ชั่วโมง

เขม็ ยาว ใชบ้ อกเวลาเป็น นาที

เข็มบางๆ เลก็ ๆ ใช้บอกเวลาเป็น วนิ าที

เขม็ สนั้ บอก ชวั่ โมง เขม็ ยาว บอก นาที

เขม็ บางๆ เลก็ ๆ บอก วินาที

บอกเวลาจากหน้าปดั นาฬกิ า อาจใช้วธิ ีเขียนบอกเป็นนาฬิกา และนาทีหรอื อาจใชภ้ าษาพดู แทนได้ เชน่

13 นาฬิกา หรอื บา่ ยโมง

1 นาฬิกา หรอื ตี
หนึ่ง

อา่ นเวลาเปน็ นาฬกิ าและนาที แบบฝกึ เสรมิ ทักษะ

กลางวัน กลางคนื
(1) (1)

(2) (2)

(3) (3)

เฉลยแบบฝกึ เสริมทักษะ

(กลางวัน)
2. 16 นาฬิกา 10 นาที
3. 10 นาฬกิ า 15 นาที
4. 9 นาฬกิ า 40 นาที

(กลางคืน)
1. 4 นาฬิกา 10 นาที
2. 19 นาฬิกา 10 นาที
3. 19 นาฬกิ า 35 นาที

การอ่านและการเขยี นบอกเวลาโดยใช้จดุ
ใหน้ ักเรยี นอา่ นเวลาจากหน้าปดั นาฬกิ า และเขียนบอกเวลาโดยใชจ้ ดุ

กลางวนั

กลางวัน

กลางคนื

แผนที่ 67 สปั ดาหท์ ่ี 17

โรงเรยี นขจรเกยี รติพัฒนา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นที่ ……1…/…2563……... ชอื่ ผู้สอน ….……………………………………………..……….…...

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 จานวน 1 คาบ

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 เวลา

เรอ่ื ง การบอกเวลา การเขียนเวลาโดยใชจ้ ุดและการอา่ น

1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชี้วัด

มาตรฐาน ค 2.1 เขา้ ใจพนื้ ฐานเก่ียวกบั การวัด วดั และคาดคะเนขนาดของสิง่ ท่ีตอ้ งการวัด และนาไปใช้

ตวั ช้ีวัดค2.1ป.4/1 แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปญั หาเกีย่ วกบั เวลา

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

1. การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที ใชม้ หัพภาค (.) หรอื ทวภิ าค (:)

2. ระยะเวลา หมายถึง ช่วงเวลาทีต่ อ่ เนอ่ื งจากเวลาหน่งึ ถึงอกี เวลาหน่ึง เครื่องหมายวรรคตอนที่ใชค้ อื ทวิภาค (:)

3. 60 วินาที เทา่ กบั 1 นาที

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายเกี่ยวกับการบอกเวลาเปน็ นาฬิกา นาที และวนิ าที (K)

2. อ่านเวลาจากหนา้ ปัดนาฬิกาและเขียนบอกเวลาเป็นนาฬกิ า นาที และวนิ าที (P)

3. เห็นคณุ คา่ ของการบอกเวลาเป็นนาฬิกา นาที และวินาที เพ่อื นาไปบอกเวลาในชีวิตประจาวนั (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ

การบอกระยะเวลาเปน็ วินาที นาที

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

1. ครแู ละนกั เรยี นสังเกตนาฬกิ าจาลองแบบใชเ้ ข็มระบเุ วลา 2 เรือน หลงั จากนั้นครูถามคาถามกระตนุ้ ความคิดของ

นกั เรยี น

(1) (2)

 นาฬิกาท้งั สองเรือนเหมือนหรือแตกต่างกันอยา่ งไร (นาฬกิ าทงั้ สองเรือนใชเ้ ขม็ ระบเุ วลาเหมือนกัน แต่
ตา่ งกนั ท่ีจานวนเขม็ ท่ีระบเุ วลาของทงั้ สองเรือนไมเ่ ทา่ กัน)

 ส่งิ ทเ่ี พิ่มมาในนาฬกิ าเรือนท่ี (2) คอื อะไร (เขม็ วนิ าที)

 นาฬิกาเรือนใดบอกเวลาได้ดกี วา่ กัน เพราะเหตุใด (เรอื นที่ (2) เพราะบอกเวลาได้ละเอียดกวา่ นาฬกิ าเรอื นที่
(1))

2. ใหน้ กั เรยี นพิจารณาการเดินของเข็มวนิ าที เข็มสัน้ และเขม็ ยาว จากนาฬิกาเรือนท่ี (2) จากนนั้ ครถู ามคาถาม
กระตุ้นความคิดของนักเรียนจากการสงั เกตการเดินของเข็มนาฬกิ า ดังน้ี

 เขม็ วนิ าทีมีลักษณะการเดินอย่างไร (เดนิ เร็วกว่าเขม็ สน้ั และเขม็ ยาว)
 เขม็ วนิ าทีเดนิ ครบ 1 รอบ เข็มยาวจะเดินได้ก่ีช่อง (เข็มยาวเดินได้ 1 ช่อง)
 เข็มวินาทีเดินครบ 1 รอบ เป็นเวลาเท่าใด (60 วินาที)
 เข็มยาวเดินครบ 1 รอบ จะเป็นเวลาเทา่ ใด ( 1 ชว่ั โมง)
จากนน้ั ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรุปการเดินของนาฬิกา ดงั น้ี
1) เขม็ วนิ าที เดินครบ 1 รอบ เข็มยาวเดินไปได้ 1 ชอ่ งเล็ก เท่ากบั เวลา 1 นาที
2) เข็มยาวเดนิ ครบ 1 รอบ เขม็ ส้ันเดนิ ไปได้ 1 ช่องตัวเลข เท่ากบั เวลา 1 ชั่วโมง

ดังน้ัน 1 ช่วั โมง เทา่ กบั 60 นาที
1 นาที เทา่ กบั 60 วนิ าที

3. ครตู ิดภาพนาฬกิ าบนกระดานแล้วใหน้ ักเรียนแข่งขันกันอ่านเวลาจากหนา้ ปัดนาฬิกา นักเรียนคนใดตอบถูกได้
1 คะแนน
ตัวอย่างนาฬกิ า

กลางวัน กลางคนื

(15 นาฬกิ า 7 นาที 35 วนิ าท)ี (18 นาฬกิ า 25 นาที 50 วนิ าท)ี

4. ครแู จกแถบโจทย์เวลาให้นกั เรยี นคนละ 1 แถบ แลว้ ใหน้ ักเรยี นวาดภาพนาฬิกาและเขยี นเขม็ นาฬิกาตาม

กาหนดลงในกระดาษเปลา่ จากนน้ั ให้นักเรยี นสลับโจทย์กบั เพ่อื นใหค้ รบ

5 แถบโจทยเ์ วลาและตกแต่งผลงานให้สวยงาม โดยครูเลอื กผลงานของนกั เรยี นทีท่ างานไดถ้ กู ต้องและสวยงามมา 1 - 2

ผลงานเพอื่ นาเสนอหนา้ ชัน้ เรียน

ตวั อยา่ งแถบโจทย์เวลา 8 นาฬิกา 10 นาที 25 วินาที

22 นาฬกิ า 30 นาที 40 วนิ าที

5. ให้นักเรียนรว่ มกันสรุปการบอกเวลาเป็นนาฬกิ า นาที และ วนิ าที โดยครูถามคาถาม ดงั น้ี

 เข็มวินาทีเดนิ ครบ 1 รอบ เขม็ ยาวจะเดินไปได้กช่ี ่อง (1 ช่องเล็ก)

 เข็มวนิ าทีเดนิ ครบ 1 รอบ เป็นเวลากีว่ นิ าที (60 วนิ าท)ี
 60 วนิ าที เท่ากับก่นี าที (1 นาที)
นักเรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง

6. ใหน้ กั เรยี นและครูรว่ มกันสรุปความรู้ ดงั นี้

 ในการบอกเวลาเป็นนาฬิกา นาที และวนิ าที เข็มวินาทเี ป็นเขม็ ที่เดนิ เร็วกวา่ เขม็ ยาวและเข็มสนั้ เข็มวนิ าที
เดินครบ 1 รอบ เป็นเวลา 60 วินาที

7. ให้นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครูถามคาถามท้าทาย ดงั น้ี

 นกั เรยี นสามารถนาความรู้เร่ือง การบอกเวลาเปน็ นาฬกิ า นาที และวินาที ไปใช้
ในชีวิตประจาวนั ได้อยา่ งไรบา้ ง

6. การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั ผล เคร่อื งมือวัด เกณฑ์การ
ประเมนิ ผล
การวดั และประเมินผล
จุดประสงค์ - ตรวจกจิ กรรมฝึกทกั ษะ - กิจกรรมฝกึ ทักษะ 80% ขน้ึ ไป ถือวา่

ความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหัด ผา่ นเกณฑ์การ

ทักษะ/กระบวนการ (P) ประเมนิ

คุณลักษณะนิสยั (A) - สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมินทักษะและ 80% ขึน้ ไป ถอื ว่า

การทางานรายบุคคล/กลมุ่ กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ ผ่านเกณฑ์การ

ประเมนิ

1. สังเกตจากการเรยี นมี - แบบประเมนิ 80% ขึน้ ไป ถือว่า

ความรบั ผดิ ชอบต่องานทีส่ ่ัง คณุ ลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์การ

และสง่ งานได้ทนั ตามที่ อันพึงประสงค์ ประเมิน

กาหนด

2. สงั เกตจากการเรียนใฝ่

เรยี นรู้

3. สงั เกตจากการมุง่ ม่นั ใน

การทางาน

7. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้

1. นาฬิกาจาลอง
2. แถบโจทย์เวลา
3. ภาพนาฬกิ า
4. กระดาษเปล่า

8. กิจกรรมเสนอแนะ
......................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ............................................ครผู ้สู อน ลงชอื่ ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่ือ................................................... ผ้บู ริหาร
(...........................................................)

แผนที่ 68 สัปดาห์ท่ี 17

โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรียนที่ ……1…/…2563……... ชอ่ื ผสู้ อน ….……………………………………………..……….…...
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 เวลา ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 จานวน 1 คาบ
เรื่อง การบอกระยะเวลา

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชวี้ ดั

มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพน้ื ฐานเกยี่ วกบั การวัด วัดและคาดคะเนขนาดของส่ิงท่ีต้องการวัด และนาไปใช้

ตวั ชว้ี ดั ค2.1ป.4/1 แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเก่ยี วกบั เวลา

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

วินาที นาที ช่ัวโมง บอกระยะเวลาต่างกัน

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบายเกี่ยวกับการบอกระยะเวลา (K)
2. บอกระยะเวลา (P)
3. มีความกระตือรอื ร้นในการเข้ารว่ มกิจกรรม (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถน่ิ

การบอกระยะเวลา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

1. ให้นกั เรียนเล่าประสบการณ์ การปฏบิ ัตกิ จิ กรรมในชีวิตประจาวนั โดยระบเุ วลาเร่มิ ต้นและเวลาสิน้ สุด แล้วให้
นักเรยี นในช้ันชว่ ยกนั วาดภาพนาฬิกาตามเวลาดังกล่าวและเขยี นคาอ่านเวลา
เชน่ นกั เรยี นเรมิ่ เรียนเวลา 09.00 น. และเลกิ เรยี น 15.30 น.

นกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง

9 นาฬกิ า 15 นาฬิกา 30 นาที

09.00 น. 15.30 น.

2. จากกจิ กรรมข้อ 1 ครูถามคาถามนกั เรยี น ดังน้ี

 นักเรียนเรมิ่ เรียนเวลาเทา่ ไร (9. 00 น.)
 นักเรียนเลกิ เรยี นเวลาเทา่ ใด (15. 30 น.)

 นักเรียนใช้เวลาอยใู่ นโรงเรียนนานเท่าใด (6 ช่ัวโมง 30 นาที)
 นกั เรียนมวี ธิ ีคิดอย่างไร

09.00 น. 10.00 น. 11.00 น. 12.00 น. 13.00 น. 14.00 น. 15.00 น. 15.30 น.

1 ชวั่ โมง 1 ช่วั โมง 1 ชวั่ โมง 1 ช่วั โมง 1 ชว่ั โมง 1 ช่วั โมง 30 นาที

รวมเป็นเวลา 6 ช่ัวโมง 30 นาที

นักเรยี นร่วมกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง

3. ครดู าเนินกิจกรรมขอ้ 1 และข้อ 2 อีกคร้ัง

4. ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 กลมุ่ ครแู จกบัตรภาพนาฬิกาทีร่ ะบุหมายเลขบตั รภาพให้นักเรียนคนละ 1 ภาพ แล้ว

ใหน้ กั เรยี นกลุม่ ท่ี 1 จับคกู่ บั นักเรยี นกลุม่ ท่ี 2 ที่ได้บัตรภาพหมายเลขเดียวกนั โดยให้นักเรียนกลมุ่ ท่ี 1 เป็นเวลาเร่ิมตน้

นกั เรียนกลุม่ ที่ 2 เป็นเวลาส้นิ สุด แลว้ ใหน้ กั เรียนตอบวา่ ระยะเวลาระหวา่ งกลุ่มที่ 1 กบั กลุม่ ที่ 2 นานเทา่ ไร จากนนั้ ครใู ห้

ผแู้ ทนนักเรยี น 2 - 3 คู่ ออกมานาเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน

ครแู ละนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง

5. ให้นกั เรยี นร่วมกนั สรปุ เกี่ยวกบั การบอกระยะเวลา โดยครถู ามคาถามนกั เรียน ดังน้ี

 การบอกระยะเวลา นักเรยี นต้องทราบอะไรบา้ ง (เวลาเร่ิมตน้ และเวลาสนิ้ สดุ )
6. ให้นกั เรียนและครูร่วมกนั สรปุ ความรู้ ดังนี้

 วนิ าที นาที ชวั่ โมง บอกระยะเวลาตา่ งกนั
7. ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครถู ามคาถามท้าทาย ดงั นี้

 นกั เรยี นมีวธิ ีการบอกระยะเวลาโดยใชว้ ธิ คี ดิ แบบอ่นื อีกหรอื ไม่ อยา่ งไร

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมินผล วธิ ีการวดั ผล เคร่อื งมือวดั เกณฑ์การ
จุดประสงค์ ประเมนิ ผล

ความรู้ความเขา้ ใจ (K) - ตรวจกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะ - กิจกรรมฝึกทักษะ 80% ขึน้ ไป ถอื ว่า

ทักษะ/กระบวนการ (P) - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หัด ผ่านเกณฑ์การ

คณุ ลักษณะนสิ ัย (A) ประเมนิ

- สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมินทักษะและ 80% ขนึ้ ไป ถอื ว่า

การทางานรายบุคคล/กลมุ่ กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์การ

ประเมิน

1. สังเกตจากการเรยี นมี - แบบประเมนิ 80% ข้ึนไป ถือว่า

ความรบั ผดิ ชอบต่องานทีส่ ่ัง คณุ ลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์การ

และส่งงานไดท้ ันตามที่ อันพงึ ประสงค์ ประเมิน

กาหนด

2. สงั เกตจากการเรยี นใฝ่

เรยี นรู้

3. สังเกตจากการม่งุ มั่นใน
การทางาน

7. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้

1. บัตรภาพนาฬกิ า

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ............................................ครูผู้สอน ลงช่อื ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่ือ................................................... ผบู้ รหิ าร
(...........................................................)

.

แผนที่ 69 สปั ดาห์ท่ี 18

โรงเรียนขจรเกียรตพิ ฒั นา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรียนท่ี ……1…/…2563……... ชื่อผู้สอน ….……………………………………………..……….…...
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 เวลา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จานวน 1 คาบ
เรื่อง การบอกระยะเวลา

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้วี ดั

มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพ้ืนฐานเกย่ี วกับการวดั วัดและคาดคะเนขนาดของส่งิ ที่ต้องการวดั และนาไปใช้

ตวั ชวี้ ดั ค2.1ป.4/1 แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหาเกีย่ วกบั เวลา

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

วนิ าที นาที ชั่วโมง บอกระยะเวลาตา่ งกัน

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธิบายเกยี่ วกบั การบอกระยะเวลา (K)

2. บอกระยะเวลา (P)

3. มีความกระตือรอื ร้นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถนิ่

การบอกระยะเวลา

5. กิจกรรมการเรียนรู้

1. ให้นักเรยี นทบทวนความรเู้ รอ่ื ง การบอกระยะเวลา โดยให้ผแู้ ทนนักเรียน 2 คน ออกมาวาดภาพนาฬิกา พรอ้ มทงั้
เขยี นบอกเวลาของเวลาเร่มิ ต้นและเวลาสิ้นสดุ

16.10 น. 20.30 น.

แล้วใหน้ ักเรียนในชน้ั เรียนบอกระยะเวลา (4 ชั่วโมง 20 นาท)ี

2. ครตู ดิ ภาพนาฬกิ าแสดงเวลาเรมิ่ กิจกรรม และตดิ แถบระยะเวลากิจกรรมบนกระดาน แลว้ ให้นกั เรยี นออกมาวาดภาพ

นาฬิกาแสดงเวลาเลกิ กจิ กรรม

ดังตัวอยา่ ง เวลาเรมิ่ กจิ กรรม ระยะเวลากจิ กรรม 4 ชวั่ โมง 25 นาที

กลางวัน

เวลาเลกิ กิจกรรม

กลางวัน

นกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง

ครดู าเนินกิจกรรมนีอ้ ีก 3-4 ครั้ง

3. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน เพอื่ ร่วมกจิ กรรม ดงั นี้

 ครแู จกภาพนาฬิกาของเวลาเลิกกจิ กรรม และแถบโจทยร์ ะยะเวลากจิ กรรม
 ให้นักเรยี นชว่ ยกนั วาดภาพนาฬิกาแสดงเวลาเริ่มกจิ กรรม
 นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ สลับภาพนาฬิกาแสดงเวลาเลิกกจิ กรรม แตใ่ ช้แถบโจทยร์ ะยะเวลาเลกิ กจิ กรรมเดิม
 นักเรียนช่วยกันวาดภาพนาฬกิ าแสดงเวลาเรมิ่ กจิ กรรม
 นกั เรียนชว่ ยกันตกแตง่ ผลงานใหส้ วยงาม
 ใหผ้ ้แู ทนนกั เรยี นออกมานาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน
 นักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง
4. ใหน้ กั เรยี นร่วมกันสรุปเก่ียวกบั การบอกระยะเวลา โดยครถู ามคาถาม ดังนี้

 การบอกระยะเวลา ต้องทราบอะไรบา้ ง
(เวลาเร่ิมตน้ กจิ กรรม และเวลาสิ้นสุดกจิ กรรม)

 นกั เรยี นสามารถนาความรเู้ ร่ือง การบอกระยะเวลา ไปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจาวันอย่างไรบ้าง
(ตวั อย่างคาตอบ ใช้บอกระยะเวลาในการเรยี นหนงั สือ ใชบ้ อกระยะเวลาในการทางาน)

5. ให้นกั เรยี นและครูร่วมกันสรุปความรู้ ดังนี้

 วินาที นาที ชว่ั โมง บอกระยะเวลาตา่ งกัน เราสามารถนาความรู้เร่อื ง
การบอกระยะเวลา ไปใช้บอกระยะเวลาในการทากจิ กรรมต่าง ๆ ในชวี ติ ประจาวันได้

6. ให้นักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครถู ามคาถามท้าทาย ดังน้ี

 ถา้ นกั เรียนไม่มีความร้เู รอ่ื ง การบอกระยะเวลา จะเกิดผลอยา่ งไร

6. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมนิ ผล วิธกี ารวดั ผล เครอ่ื งมือวดั เกณฑ์การ
จุดประสงค์ ประเมนิ ผล

ความรู้ความเขา้ ใจ (K) - ตรวจกจิ กรรมฝึกทกั ษะ - กิจกรรมฝกึ ทักษะ 80% ขึ้นไป ถอื ว่า

ทักษะ/กระบวนการ (P) - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหดั ผ่านเกณฑ์การ

ประเมนิ

- สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมินทักษะและ 80% ขน้ึ ไป ถอื วา่

การทางานรายบุคคล/กลุม่ กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์การ

ประเมิน

คุณลกั ษณะนิสยั (A) 1. สงั เกตจากการเรียนมี - แบบประเมนิ 80% ข้ึนไป ถือวา่
ความรบั ผดิ ชอบต่องานทีส่ ัง่ คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์การ
และสง่ งานได้ทนั ตามที่ อันพงึ ประสงค์ ประเมิน
กาหนด
2. สงั เกตจากการเรียนใฝ่
เรียนรู้
3. สงั เกตจากการมุ่งมนั่ ใน
การทางาน

7. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้

1. บัตรภาพนาฬกิ า
2. แถบระยะเวลา

8. กิจกรรมเสนอแนะ
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครผู ู้สอน ลงชือ่ ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่ือ................................................... ผูบ้ ริหาร
(...........................................................)

แผนท่ี 70 สัปดาหท์ ่ี 18

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี ……1…/…2563……... ชือ่ ผสู้ อน ….……………………………………………..……….…...
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 เวลา ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 จานวน 1 คาบ
เรอ่ื ง ความสัมพันธ์ของหนว่ ยเวลา

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ดั

มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพน้ื ฐานเกย่ี วกับการวัด วดั และคาดคะเนขนาดของสงิ่ ที่ตอ้ งการวดั และนาไปใช้

ตวั ชี้วดั ค2.1ป.4/1 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเกยี่ วกบั เวลา

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

หน่วยเวลา วินาที นาที ช่วั โมง วนั สปั ดาห์ เดอื น และปี มีความสัมพันธก์ ัน

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธบิ ายความสมั พนั ธ์ของหน่วยเวลา (K)
2. นาความสัมพันธ์ของหนว่ ยเวลามาคดิ หาคาตอบ (P)
3. มีความกระตอื รือร้นในการเขา้ รว่ มกิจกรรม (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถิ่น

ความสมั พนั ธ์ของหน่วยเวลา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้
1. ใหน้ ักเรียนทบทวนเก่ยี วกับเวลา โดยครใู หน้ กั เรยี นสง่ ลกู บอลใหเ้ พ่ือนไปเรื่อย ๆ เม่ือครูใหส้ ญั ญาณ “หยดุ ”

นกั เรียนท่ีถือลูกบอลอยูจ่ ะตอบคาถามคนละ 1 คาถาม ดงั น้ี

 1 นาที มีกี่วนิ าที (60 วินาที)  1 ชัว่ โมง มีกีน่ าที (60 นาที)
 1 วัน มกี ช่ี ว่ั โมง (24 ชั่วโมง)  1 สัปดาห์ มกี ี่วนั (7 วนั )
 1 เดอื น มีกวี่ นั (30 วนั )  1 ปี มีกเ่ี ดือน ( 12 เดือน)
 1 ปี มีก่ีวนั (365 วัน)
ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้องของคาตอบ

2. ครูให้นักเรียนพิจารณามาตราเวลาใน 1 วัน และ 1 ปี ดงั น้ี

มาตราเวลา (ใน 1 ป)ี มาตราเวลา (ใน 1 วัน)

7 วัน เป็น 1 สัปดาห์ 60 วินาที เป็น 1 นาที
*30 วนั เปน็ 1 เดือน 60 นาที เป็น 1 ชวั่ โมง
52 สัปดาห์ เป็น 1 ปี 24 ชั่วโมง เป็น 1 วัน
12 เดือน เปน็ 1 ปี
*365 วนั เปน็ 1 ปี
* คา่ ทีใ่ ชใ้ นการคานวณ

3. ครูตดิ แถบโจทยบ์ นกระดาน แล้วให้นักเรียนช่วยกนั หาคาตอบ ดังนี้

 พอ่ ขบั รถไปทางานและขับกลับบ้านวันละ 60 นาที พอ่ ขับรถ (1) ชว่ั โมง
 จิ๋วขับรถทุกวนั ใน 1 ปี จิว๋ ขบั รถ (365) วนั
 แมท่ าอาหารทุกวัน ตลอด 52 สัปดาห์ แมท่ าอาหาร (1) ปี
นกั เรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง

4. ให้นกั เรียนหาความสัมพันธ์ของเวลาโดยติดแถบโจทย์บนกระดาน ดังนี้

2 ชว่ั โมง คิดเป็นกี่นาที

จากน้นั ครูถามคาถามเพ่ือใหน้ ักเรยี นคิดหาคาตอบ ดงั น้ี

 จากตวั อย่าง กาหนดหนว่ ยเวลาอะไรมาให้ (ช่วั โมง)
 ใหห้ าหนว่ ยอะไร (นาที)
 หน่วยที่กาหนดให้เปน็ หนว่ ยใหญห่ รือหน่วยเล็กกวา่ หน่วยทีต่ ้องการหา (หนว่ ยใหญ่)
 หน่วยทตี่ ้องการให้หาเป็นหนว่ ยใหญ่หรือหนว่ ยเลก็ กว่าหนว่ ยทก่ี าหนดให้ (หน่วยเล็ก)
 วธิ ีคิดน้เี ป็นการทาหนว่ ยใหญ่ให้เป็นหนว่ ยเล็กหรอื หนว่ ยเลก็ เปน็ หนว่ ยใหญ่ (หน่วยใหญ่ใหเ้ ป็นหน่วยเลก็ )
 หน่วยชว่ั โมงสมั พันธ์กับหน่วยนาทอี ย่างไร (1 ชวั่ โมง เปน็ 60 นาที)
 ควรใช้วิธีคณู หรือหารหาคาตอบ เพราะอะไร (การคูณ เพราะเปน็ การทาหนว่ ยใหญ่ใหเ้ ป็นหน่วยเล็ก)
 ครใู หผ้ แู้ ทนนักเรยี นออกมาแสดงวธิ คี ดิ และอธิบายวิธหี าคาตอบ จากนัน้ ครูและนักเรยี นตรวจสอบความถกู ต้อง
ดงั น้ี

1 ชว่ั โมง เป็น 60 นาที

2 ชวั่ โมง เปน็ 2 × 60 = 120 นาที

ดังนน้ั การทาหน่วยใหญ่ใหเ้ ป็นหน่วยเล็กใช้วิธคี ณู

5. ครตู ิดแถบโจทย์บนกระดาน ดงั นี้

กระดาน 12 นาที คิดเปน็ ก่ีวินาที
ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามเชน่ เดียวกับกิจกรรมข้อ 2 จากน้ันให้ผู้แทนนักเรยี น 1 คน ออกมาแสดงวธิ ที าบน

1 นาที คดิ เปน็ 60 วนิ าที
12 นาที คิดเปน็ 12 × 60 = 720 วินาที

ครูและนกั เรียนร่วมกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
6. ครยู กตัวอย่างการหาความสัมพนั ธ์ของหนว่ ยเวลาจากหน่วยเล็กไปหน่วยใหญ่ โดยตดิ แถบโจทยบ์ นกระดาน ดงั น้ี

36 เดือน เทา่ กบั กป่ี ี

จากนัน้ ครถู ามคาถามกระตุน้ ความคดิ ของนักเรียน ดงั นี้
 โจทย์กาหนดหน่วยอะไรมาให้ (เดือน)
 โจทยใ์ หห้ าหน่วยอะไร (ปี)
 หนว่ ยทีก่ าหนดให้เปน็ หน่วยใหญ่หรอื เล็กกว่าหน่วยทต่ี ้องการหา (หน่วยเลก็ )
 หน่วยท่ตี ้องการหาเป็นหนว่ ยใหญ่หรือเลก็ กว่าหน่วยที่กาหนดให้ (หนว่ ยใหญ่)
 วธิ ีคิดน้เี ป็นการทาหนว่ ยใหญ่ให้เป็นหนว่ ยเลก็ หรอื ทาหน่วยเล็กใหเ้ ป็นหน่วยใหญ่
(ทาหนว่ ยเลก็ ให้เป็นหน่วยใหญ่)
 ควรใช้วธิ ีคณู หรอื หารหาคาตอบ เพราะอะไร (การหาร เพราะเปน็ การทาหน่วยเล็กให้เป็นหน่วยใหญ)่
จากนั้นครูให้นักเรียนคิดแสดงวธิ หี าคาตอบดว้ ยตัวเอง ครูใหผ้ ู้แทนนักเรียน 1 คน ออกมาเขยี นแสดงวธิ ีทาบน
กระดาน ดังน้ี
12 เดือน เป็น 1 ปี
36 เดอื น เป็น 36 ÷ 12 = 3 ปี
ดงั นัน้ การทาหนว่ ยเล็กให้เป็นหนว่ ยใหญใ่ ชว้ ธิ หี าร
7. ให้นักเรยี นแบ่งกลุม่ กล่มุ ละ 5 คน ครูแจกแถบโจทย์ใหน้ กั เรียนกลุ่มละ 1 แถบ
แล้วดาเนินกจิ กรรม

 ให้นักเรยี นเขยี นคาตอบจากโจทย์ลงในกระดาษ
 แตล่ ะกลุ่มสลับโจทยก์ ันเพ่ือหาคาตอบให้ครบ 3 โจทย์
 แตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอผลงานของกลุม่ หนา้ ชั้นเรยี นเพ่ือตรวจสอบความถูกต้อง

ตัวอยา่ งแถบโจทย์ คณุ พ่อออกกาลงั กาย 120 นาที คุณพ่อออกกาลงั กายกี่ช่ัวโมง (2 ช่ัวโมง)

โรงเรยี นปดิ เทอม 6 สปั ดาห์ เท่ากับก่วี นั (42 วัน)

8. ใหน้ กั เรยี นร่วมกันสรุปเกี่ยวกบั ความสัมพันธข์ องหน่วยเวลา โดยครูถามคาถาม ดังนี้

 การทาหนว่ ยเวลาจากหน่วยเลก็ ใหเ้ ปน็ หนว่ ยใหญ่ใชว้ ธิ ีการใด (การหาร)
 การทาหนว่ ยเวลาจากหนว่ ยใหญ่ใหเ้ ป็นหนว่ ยเล็กใชว้ ธิ ีการใด (การคณู )
 นกั เรยี นร่วมกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง
9. ใหน้ ักเรียนและครรู ่วมกันสรุปความรู้ ดงั น้ี

 หนว่ ยเวลา วินาที นาที ชว่ั โมง วัน สปั ดาห์ เดอื น และปี มคี วามสัมพนั ธ์กนั
10. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครูถามคาถามท้าทาย ดังนี้

 ถ้านกั เรียนไม่มีความรเู้ ร่อื ง ความสัมพนั ธข์ องเวลา จะมีผลกับนักเรียนอยา่ งไร

6. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมินผล วธิ ีการวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑก์ าร
จุดประสงค์ ประเมินผล

ความรู้ความเข้าใจ (K) - ตรวจกิจกรรมฝึกทกั ษะ - กิจกรรมฝึกทักษะ 80% ขึ้นไป ถือวา่

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหัด ผา่ นเกณฑ์การ

คณุ ลกั ษณะนสิ ยั (A) ประเมิน

- สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ ทักษะและ 80% ขึ้นไป ถอื วา่

การทางานรายบุคคล/กลมุ่ กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ ผ่านเกณฑ์การ

ประเมิน

1. สังเกตจากการเรียนมี - แบบประเมิน 80% ขึ้นไป ถือว่า

ความรบั ผดิ ชอบต่องานท่สี ่งั คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์การ

และสง่ งานได้ทันตามท่ี อนั พงึ ประสงค์ ประเมนิ

กาหนด

2. สงั เกตจากการเรียนใฝ่

เรียนรู้

3. สังเกตจากการมุง่ มัน่ ใน

การทางาน

7. ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้

1. ลูกบอล
2. แถบมาตราเวลา
3. แถบโจทย์

8. กิจกรรมเสนอแนะ
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................

ลงช่ือ............................................ครผู ูส้ อน ลงชอ่ื ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชื่อ................................................... ผ้บู ริหาร
(...........................................................)

แผนที่ 71 สปั ดาห์ท่ี 18

โรงเรยี นขจรเกยี รติพัฒนา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี ……1…/…2563……... ชือ่ ผู้สอน ….……………………………………………..……….…...
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 เวลา ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 จานวน 1 คาบ
เรือ่ ง ความสัมพนั ธข์ องหนว่ ยเวลา

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ดั

มาตรฐาน ค 2.1 เขา้ ใจพน้ื ฐานเกี่ยวกบั การวัด วดั และคาดคะเนขนาดของสง่ิ ท่ีต้องการวัด และนาไปใช้

ตวั ช้ีวดั ค2.1ป.4/1 แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปญั หาเกย่ี วกับเวลา

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

หน่วยเวลา วนิ าที นาที ชวั่ โมง วัน สัปดาห์ เดือน และปี มีความสมั พันธ์กัน

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธบิ ายความสัมพันธข์ องหน่วยเวลา (K)
2. นาความสัมพันธ์ของหนว่ ยเวลามาคดิ หาคาตอบ (P)
3. มคี วามกระตอื รือรน้ ในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ ้องถ่นิ

ความสมั พนั ธข์ องหน่วยเวลา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

1. ให้นกั เรยี นทบทวนความรเู้ ร่อื ง ความสัมพนั ธ์ของหนว่ ยเวลา โดยครูตดิ แถบโจทย์

บนกระดานแล้วให้ผู้แทนนกั เรียนออกมาเขียนคาตอบบนกระดาน

ปุ๊กกี้อ่านหนงั สือสัปดาห์ละ 2 วัน ปุ๊กก้อี า่ นหนงั สือเปน็ เวลากี่ชวั่ โมง (48 ช่วั โมง)

จิ๋วออกกาลังกายสปั ดาหล์ ะ 4 วัน ใน 1 ปี จ๋วิ ออกกาลังกายก่ี (6 เดือน 28 วัน)

นกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบควเดามอื ถนูกต้อง

2. ครูแจกแถบโจทยใ์ หน้ ักเรียนคนละ 1 โจทย์ แลว้ ดาเนินกจิ กรรม ดังนี้

 นกั เรยี นหาคาตอบของแถบโจทยล์ งในกระดาษ

 นกั เรียนจบั คกู่ ับเพื่อนแล้วสลบั แถบโจทยก์ นั เพ่ือหาคาตอบ

 นกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ถ้ามีผิดใหช้ ว่ ยกนั แก้ไขใหถ้ ูกต้อง

 นักเรยี นแต่ละค่จู บั กลมุ่ 4 คน แลว้ สลับแถบโจทย์กันเพือ่ หาคาตอบ

 นกั เรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้อง
 แตล่ ะกลมุ่ เลอื กผลงานของคนทท่ี างานถกู ตอ้ งและสวยงาม เพอื่ นามาเสนอหนา้ ชน้ั เรียน
 นกั เรียนในชัน้ เรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้อง
3. ใหน้ กั เรียนนง่ั เป็นวงกลมพร้อมท้ังส่งลกู บอลต่อกันเรื่อย ๆ ไปทางขวามือ และร่วมกันรอ้ งเพลงแล้วดาเนินการ

เล่นเกม ดงั นี้

 ใหน้ ักเรยี นส่งลกู บอลไปเรื่อย ๆ
 เมือ่ ครูพูดวา่ หยดุ ลูกบอลอยูท่ ่ีใครให้ออกมาหยิบแถบโจทย์ในกล่องปรศิ นา
 นาแถบโจทย์มาติดบนกระดาน แลว้ หาคาตอบ
 นักเรียนคนอืน่ ๆ ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง ถ้าผดิ ใหช้ ว่ ยกนั แนะนาจนสามารถตอบถูก
 ดาเนินกจิ กรรมนอ้ี ีก 5 - 6 ครง้ั
4. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันสรปุ เก่ียวกับความสมั พันธข์ องเวลา โดยครถู ามคาถาม ดังน้ี

 การทาหน่วยเวลาหนว่ ยใหญใ่ ห้เป็นหนว่ ยเลก็ ใช้วิธกี ารใด (การคณู )
 การทาหนว่ ยเวลาหนว่ ยเลก็ ให้เป็นหน่วยใหญ่ใชว้ ธิ ีการใด (การหาร)
 นกั เรยี นสามารถนาความรเู้ รื่อง ความสัมพันธ์ของหน่วยเวลาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั อย่างไร (ตวั อยา่ ง
คาตอบ ใช้บอกเวลาจากช่ัวโมงเปน็ นาที บอกเวลาจากวนิ าทีเปน็ นาท)ี

ครูยกตัวอยา่ งการเปล่ยี นหนว่ ยเวลาหลายๆ ตัวอยา่ ง ใหน้ ักเรียนฝึกเปลีย่ นหนว่ ยเวลา แลว้ รว่ มกัน

อภปิ รายวธิ ีการเปลยี่ นหนว่ ยเวลา ดังน้ี

การเปล่ียนหน่วยเวลาจาก การเปลีย่ นหน่วยเวลาจาก
หน่วยยอ่ ยเป็นหนว่ ยใหญ่
หน่วยใหญ่เป็นหนว่ ยย่อย
จานวนวนิ าที ÷ 60 = นาที
จานวนนาที × 60 = วินาที จานวนนาที ÷ 60 = ช่ัวโมง
จานวนช่ัวโมง ÷ 24 = วัน
จานวนชวั่ โมง × 60 = นาที จานวนวนั ÷ 7 = สัปดาห์
จานวนวัน ÷ 30 = เดอื น
จานวนวนั × 24 = ชวั่ โมง จานวนสัปดาห์ ÷ 52 = ปี
จานวนเดอื น ÷ 12 = ปี
จานวนสปั ดาห์ × 7 = วนั จานวนวัน ÷ 365 = ปี

จานวนเดือน × 30 = วัน

จานวนปี × 365 = วัน

จานวนปี × 52 = สปั ดาห์

จานวนปี × 12 = เดอื น

ครยู กตัวอย่างโจทย์การเปล่ียนหน่วยเวลาจากหนว่ ยใหญ่เป็นหนว่ ยย่อย และจากหนว่ ยย่อยเปน็ หน่วยใหญ่ ดงั น้ี

ตวั อย่าง นดิ ทางานวนั ละ 480 นาที คิดเป็นกช่ี ่วั โมง
วธิ ีคดิ 60 นาที เป็น 1 ชว่ั โมง

480 ÷ 60 = 8 ชัว่ โมง
ดงั น้นั นิดทางานวันละ 8 ช่ัวโมง

หลังจากที่นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับเร่ือง ความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยเวลาแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย จนได้
ขอ้ สรุปว่า

- การเปล่ียนหน่วยเวลา เปน็ การเปลีย่ นหนว่ ยเวลาจากหนว่ ยหนง่ึ เปน็ อกี หนว่ ยหนึ่ง โดยใช้ความสัมพันธ์ของหน่วย
เวลาท่กี าหนดในมาตราเวลามาชว่ ย

5. ใหน้ ักเรยี นและครรู ว่ มกันสรุปความรู้ ดังน้ี
 หนว่ ยเวลา วินาที นาที ชั่วโมง วัน สัปดาห์ เดือน และปี มีความสัมพันธก์ ัน เราสามารถนาความรเู้ รอ่ื ง

ความสมั พนั ธ์ของหนว่ ยเวลาไปใช้ในการบอกเวลาในชวี ติ ประจาวัน และใช้เป็นพื้นฐานในการเรยี นขนั้ สูงต่อไป
6. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูถามคาถามทา้ ทาย ดงั นี้
 นักเรียนมวี ธิ ีการคานวณหาคาตอบโดยใช้ความสัมพันธข์ องเวลาอยา่ งไรใหส้ ามารถคดิ คานวณได้รวดเร็วข้ึน
7. ให้นกั เรยี นทาใบงาน ความสัมพนั ธ์ของหน่วยเวลา จากนน้ั ให้ผู้แทนนักเรียนทีท่ างานถกู ต้อง 1-2 คน ออกมา

นาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรียน พรอ้ มทง้ั ร่วมกนั อภปิ รายวา่ ข้อใดท่ียาก มีวธิ กี ารใดท่สี ามารถช่วยใหห้ าคาตอบไดถ้ ูกตอ้ งและรวดเร็ว
ขนึ้ และจะนาความรู้ไปใชใ้ นเรื่องใดไดบ้ ้าง

6. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมินผล วิธีการวัดผล เคร่ืองมือวัด เกณฑ์การ
จุดประสงค์ ประเมนิ ผล

ความรู้ความเขา้ ใจ (K) - ตรวจกจิ กรรมฝึกทักษะ - กิจกรรมฝกึ ทักษะ 80% ขึน้ ไป ถือวา่

ทกั ษะ/กระบวนการ (P) - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หัด ผ่านเกณฑ์การ

คณุ ลักษณะนสิ ยั (A) ประเมิน

- สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมินทักษะและ 80% ข้ึนไป ถอื วา่

การทางานรายบุคคล/กลมุ่ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์การ

ประเมิน

1. สังเกตจากการเรียนมี - แบบประเมนิ 80% ขน้ึ ไป ถอื ว่า

ความรับผดิ ชอบต่องานท่ีสง่ั คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์การ

และสง่ งานไดท้ ันตามที่ อนั พงึ ประสงค์ ประเมนิ

กาหนด

2. สังเกตจากการเรียนใฝ่

เรยี นรู้

3. สังเกตจากการมุ่งม่ัน

7. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้

1. ลูกบอล
3. แถบโจทย์

8. กิจกรรมเสนอแนะ
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................

ลงชื่อ............................................ครผู ู้สอน ลงชอื่ ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่ือ................................................... ผบู้ รหิ าร
(...........................................................)

ความสมั พันธ์ของหน่วยเวลา

ใหน้ กั เรียนเติมคาตอบ
1. โรงเรียนปิดเทอม 3 สัปดาห์ เท่ากับ _______ วนั
2. ชา้ งตั้งท้องนานประมาณ 20 เดอื น เท่ากับ _______ ปี _______ เดอื น
3. ช่างรับเหมาปลกู อาคารเรียนนาน 2 ปี 3 เดือน เทา่ กบั _______ เดอื น
4. ปีที่เดือนกุมภาพันธม์ ี 29 วนั เรียกวา่ ปอี ธกิ สุรทนิ ปอี ธกิ สรุ ทนิ มที ง้ั หมด _______ วนั
5. กู้เงนิ ปลกู บ้าน กาหนดใช้เงินคนื เปน็ รายเดือนรวม 156 เดือน เทา่ กับ _______ ปี

6. ปหี นึ่งเปิดเรยี นนานประมาณ 9 เดือน ระดับประถมศึกษากาหนดใหเ้ รียน 6 ปี
มเี วลาเปดิ เรียน _______ ปี _______ เดอื น

7. ดูโทรทศั นว์ นั ละประมาณ 2 ชั่วโมง ในเวลา 1 เดอื น
ดโู ทรทัศนน์ าน _______ วัน _______ ชัว่ โมง

8. วนั หนึ่งใช้เวลานอน 10 ช่วั โมง ในเวลา 1 ปี ใช้เวลานอน _______ วนั _______ ช่วั โมง
9. ออกกาลังกายสัปดาห์ละ 3 วัน ในเวลา 1 ปี ออกกาลงั กาย _______ เดือน _______ วนั
10. เด็กคนหน่งึ เกดิ มาได้นาน 1,350 นาที เขาเกิดมาได้นาน _______ ช่วั โมง _______ นาที

แผนท่ี 71-72 สัปดาห์ท่ี 18

โรงเรยี นขจรเกยี รติพัฒนา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี ……1…/…2563 ……... ช่ือผ้สู อน ….……………………………………………..……….…...
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 เวลา ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 จานวน 2 คาบ
เร่ือง การเปรยี บเทยี บระยะเวลา

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ดั

มาตรฐาน ค 2.1 เขา้ ใจพน้ื ฐานเก่ยี วกบั การวดั วัดและคาดคะเนขนาดของส่งิ ที่ต้องการวัด และนาไปใช้

ตัวชว้ี ัดค2.1ป.4/1 แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทยป์ ญั หาเกย่ี วกบั เวลา

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

การเปรียบเทียบระยะเวลาสามารถทาได้โดยการทาให้ระยะเวลาท่ตี อ้ งการเปรียบเทียบเป็นหน่วยเดียวกนั ก่อน ซึง่ ใช้
ความสัมพันธ์ระหวา่ งหนว่ ยเวลาในการเปลยี่ นหน่วย

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1) พิจารณาและอธิบายหลกั การเปรยี บเทยี บระยะเวลาได้ (K)
2) สามารถเขียนและตรวจสอบไดว้ า่ ระยะเวลาที่โจทย์กาหนด มากกวา่ นอ้ ยกว่า หรอื เท่ากนั ได้ (P)
3) รับผดิ ชอบตอ่ หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้ (A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนร้ทู อ้ งถ่นิ

การเปรียบเทียบระยะเวลาโดยใชค้ วามสมั พนั ธ์
ระหวา่ งหนว่ ยเวลา

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

ช่ัวโมงที่ 1

1. ครูทบทวนความสมั พนั ธเ์ วลา โดยเขียนข้อความเหล่านีบ้ นกระดาน

- 1 นาที เท่ากับ วนิ าที (60)

- 1 ชว่ั โมง เทา่ กบั นาที (60)

- 1 วัน เทา่ กบั ชั่วโมง (24)

- 1 สัปดาห์ เท่ากับ วนั (7)

- 1 เดือน เทา่ กบั วัน (30)

- 1 ปี เท่ากับ เดอื น (12)

- 1 ปี เทา่ กับ วนั (365 ) หรือ วัน (366)

- 1 ปี เทา่ กับ สปั ดาห์ (52)

2. สมุ่ นักเรยี นออกมาเติมตัวเลขลงในช่องว่าง ครูตรวจสอบความถูกต้องและให้นักเรียนอ่านความสัมพันธ์เวลาพร้อม

กัน

3. ครูติดแถบประโยคบนกระดาน ให้นกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายว่าเวลาดงั กล่าวมีคา่ เท่ากบั กีน่ าที

100 นาที * * 60 ชวั่ โมง

2 วนั 12 ชัว่ โมง * * 120 นาที

50 ช่วั โมง * * 1 ชว่ั โมง 40 นาที

18 เดอื น * * 70 นาที

1 ชวั่ โมง 10 นาที * * 2 วัน 2 ชว่ั โมง

2 ชั่วโมง * * 1 ปี 6 เดอื น

4. ครตู ดิ แถบประโยคตอ่ ไปบนกระดานให้นักเรียนเปรียบเทยี บเวลาท้ังสอง อภิปรายรว่ มกนั จนได้ข้อสรปุ ว่า

1 ชว่ั โมง 45 นาที มคี า่ เท่ากบั 105 นาที

5. ครูบอกนักเรียนว่าการเปรียบเทียบระยะเวลาสามารถทาได้โดยการทาให้ระยะเวลาที่ต้องการเป็นหน่วยเดียวกัน

กอ่ น ซึง่ ใชค้ วามสัมพันธ์ระหว่างหนว่ ยเวลาในการเปลี่ยนหนว่ ยแล้วยกตวั อย่างเพ่มิ เติม 4-5 ตัวอยา่ ง

6. ครูตดิ แถบประโยคต่อไปนบ้ี นกระดาน สุม่ นกั เรียนออกมาเขียน คาวา่ “นอ้ ยกวา่ มากกวา่ เท่ากบั ”

ให้ถูกต้องคนละหนึ่งขอ้

1 ชั่วโมง 75 นาที

1 ชวั่ โมงครง่ึ 90 นาที

2 วนั 50 ชัว่ โมง

72 ชว่ั โมง 3 วนั

50 ช่วั โมง 3 วนั

24 เดือน 2 ปี คร่ึง

18 เดอื น 1 ปี 6 เดือน

7. นักเรียนในห้องร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง หากมีข้อใดผดิ ร่วมกนั แกไ้ ข

8. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปหลักการเปรียบเทียบระยะเวลา

9. ครูให้นักเรียนทากิจกรรมฝึกทักษะ ในหนังสือเรียนคณิตศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 ลงในสมุดเม่ือทาเสร็จแล้วส่งให้ครู

ตรวจสอบ

ชัว่ โมงที่ 2 (ตอ่ )

1. ครเู ขียนขอ้ ความเหลา่ น้ีบนกระดาน แลว้ ขออาสาสมคั รออกมาลากเสน้ เชื่อมโยงระยะเวลาท่เี ท่ากัน

100 นาที * * 60 ช่ัวโมง

2 วนั 12 ชว่ั โมง * * 120 นาที

50 ช่วั โมง * * 1 ช่ัวโมง 40 นาที

18 เดือน * * 70 นาที

1 ช่ัวโมง 10 นาที * * 2 วัน 2 ช่ัวโมง

2 ชว่ั โมง * * 1 ปี 6 เดอื น

2. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง

3. นักเรยี นบอกความสัมพันธ์เวลาพรอ้ มๆ กนั


Click to View FlipBook Version