บันทกึ ข้อความ
ส่วนราชการ โรงเรยี นแนงมดุ วิทยา อำเภอกาบเชงิ จังหวัดสรุ ินทร์
ท่ี ศธ 04263.72 /........ วันที่ 17 พฤษภาคม 2565
เรอื่ ง ขออนุญาตใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้
เรียน ผ้อู ำนวยการโรงเรียนแนงมดุ วทิ ยา
ตามทีข่ ้าพเจา้ ได้รับมอบหมายให้ปฏบิ ตั ิการสอน ตามคำสั่งสอนที่ 046 /2565 ภาคเรยี นที่ 1
ปีการศึกษา 2565 ในรายวิชาภาษาไทย ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 6 จำนวน 2 คาบ ต่อสปั ดาห์ น้นั
บัดนี้ ขา้ พเจ้าไดด้ ำเนินการจดั ทำแผนการจดั การเรียนรู้ เรยี บร้อยแลว้ และเพื่อเปน็ การเตรยี มความ
พรอ้ มในการสอน อีกทั้งเพื่อใหก้ ารเรียนการสอนเปน็ ไปอย่างมีประสทิ ธภิ าพและเกดิ ผลดตี อ่ นักเรียน ขา้ พเจ้าจงึ
ขออนุญาตใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรนู้ จ้ี ดั การเรยี นการสอนให้แก่นกั เรยี น รายละเอยี ดดังแนบ ใน QR code นี้
จึงเรียนมาเพ่ือทราบและโปรดพจิ ารณา
ลงชือ่ ..................................................
( นางสาวพิราวรรณ โฉลกดี )
ตำแหนง่ ครู
ขอ้ เสนอแนะของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ กลุม่ บริหารวชิ าการ
แผนการจดั การเรียนรู้สอดคล้องกบั ตัวชีว้ ัด ใช้สอนได้.. เหน็ ควรอนญุ าต.................................................
.............................................................................. ..............................................................................
( นางสาวรัชนก ร่วมสขุ ) ( นายภมิ ุข สมานรักษ์ )
หัวหน้ากลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย หวั หน้ากลุม่ บรหิ ารงานวิชาการ
ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อำนวยการโรงเรยี น ขอ้ เสนอแนะของอำนวยการโรงเรียน
เห็นควรอนุญาต...................................................... ( / ) อนญุ าต
.............................................................................. ( ) ไม่อนญุ าต
( นายธีระวฒั น์ สมยิ่ง ) ( นายสาโรจน์ พฤษภา )
รองผอู้ ำนวยการโรงเรยี นแนงมุดวทิ ยา ผอู้ ำนวยการโรงเรียนแนงมุดวทิ ยา
ตารางการวเิ คราะห์มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด/สาระก
รายวชิ าภาษาไทย
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
เวลา 40 ชัว่ โมง
สาระที่ 1 การอา่ น
มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความร้แู ละความคดิ เพ่อื นำไปใช้ตดั สนิ ใจ แ
ผลการวเิ คราะหม์ าตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ดั /
มาตรฐาน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นรแู้
การเรียนรู้
ท 1.1 ม.4-6/1 อ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทรอ้ ย การอ่านออกเสียงบทร
กรองได้ถูกต้องเหมาะสมกับเรอื่ งท่ีอ่าน ประเภทต่างๆ และบท
โคลง ฉนั ท์ กาพย์ กลอ
ท 1.1 ม.4-6/2 ตีความ แปลความและขยายความจากเร่ือง การอ่านจับใจความวร
ทอ่ี า่ น วรรณกรรมในหนังสอื เ
ท 1.1 ม.4-6/3 วเิ คราะห์และวิจารณ์เรอ่ื งที่อ่านในทุกๆ ดา้ น บทเรยี นกลุ่มสาระอื่นๆ
อย่างมเี หตุผล
ท 1.1 ม.4-6/4 คาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ืองท่อี า่ น และ
ประเมินค่าเพ่ือนำความรู้ ความคิดไปใชต้ ัดสนิ ใจ
แกป้ ญั หาในการดำเนนิ ชีวิต
ท 1.1 ม.4-6/5 วเิ คราะห์ วิจารณ์ แสดงความคดิ เหน็ โต้แยง้
กบั เร่ืองที่อา่ น และเสนอความคดิ ใหม่อยา่ งมีเหตผุ ล
การเรยี นรู้แกนกลาง/ทอ้ งถิน่ /หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง
รหสั วิชา ท33101
ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6
จำนวน 1.0 หน่วยกิต
แก้ปญั หาในการดำเนนิ ชวี ิตและมนี สิ ยั รักการอา่ น
/สาระการเรยี นรเู้ พอื่ จัดทำคำอธิบายรายวิชา
แกนกลาง ความรู้ (K) ทกั ษะกระบวนการ คุณลักษณะ (A)
(P)
ร้อยแกว้ การอา่ นออกเสียงบทร้อย ทักษะการอา่ น รักความเป็นไทย
ทร้อยกรอง เช่น แกว้ และบทร้อยกรอง ทักษะการคดิ วิเคราะห์
อน และรา่ ย
รรณคดีและ การอา่ นแปลความ ตีความ ทักษะการแปลความ มีเจตคตทิ ี่ดีใน
เรียนรวมทั้ง และขยายความ ตคี วามและขยายความ การอ่าน
ๆ การอา่ นเพ่ือจบั ใจความ ทักษะการอา่ นจบั มมี ารยาทในการ
สำคัญ ใจความสำคญั อา่ น
การอ่านส่ือสิง่ พิมพ์และสือ่ ทกั ษะการสังเคราะห์ มีมารยาทในการ
อเิ ล็กทรอนกิ ส์ ทกั ษะการสืบคน้ อา่ น
หลกั การแสดงความ ทกั ษะการอา่ น มีมารยาทในการ
คิดเหน็ และการโต้แย้ง
ทักษะการคิดวิเคราะห์ อา่ น
สาระที่ 2 การเขียน
มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และ
ค้นควา้ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ผลการวเิ คราะห์มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชว้ี ัด/ส
มาตรฐาน ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรู้แกน
การเรยี นรู้
ท 2.1 ม.4-6/1 เขยี นสื่อสารในรปู แบบต่างๆ ได้ตรง การเขียนสื่อสารในรปู แบบตา่
ตามวัตถุประสงค์ โดยใชภ้ าษาเรียบเรียง - อธบิ าย
ถกู ต้อง มีข้อมูล และสาระสำคัญชดั เจน - บรรยาย
- พรรณนา
- จดหมายกจิ ธุระ
- โครงการและรายงานการดำ
โครงการ
- รายงานการประชุม
- การกรอกแบบรายการต่างๆ
ท 2.1 ม.4-6/2 เขียนเรยี งความ การเขยี นเรยี งความ
ท 2.1 ม.4-6/5 ประเมินงานเขยี นของผู้อน่ื แลว้ การประเมินคณุ ค่างานเขยี นใ
นำมาพฒั นางานเขยี นของตนเอง เชน่ แนวคิดของผูเ้ ขียน การใ
การเรยี บเรยี ง สำนวนโวหารแ
การเขียน
ท 2.1 ม.4-6/8 มีมารยาทในการเขียน มารยาทการเขยี น
ะเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและราย งานการศึกษา
สาระการเรียนร้เู พ่ือจดั ทำคำอธบิ ายรายวชิ า
นกลาง ความรู้ (K) ทกั ษะกระบวนการ (P) คุณลักษณะ (A)
างๆ เช่น การเขยี นบทความ การปฏบิ ตั ิ มีมารยาทในการ
การสบื คน้ เขียน
การคิดวเิ คราะห์
ำเนนิ
ๆ การเขยี นเรียงความเชิง การปฏบิ ตั ิ มีมารยาทในการ
อุดมคติ การสบื คน้ เขียน
ในด้านต่างๆ การประเมินคุณค่างาน การอ่าน มมี ารยาทในการ
ใชถ้ อ้ ยคำ เขยี น การปฏบิ ตั ิ เขียน
และกลวิธี การคดิ วิเคราะห์
มารยาทการเขยี น การปฏิบัติ/การวิเคราะห์ มีนิสัยรักการอ่าน
สาระท่ี 3 การฟัง การดู และการพูด
มาตรฐาน ท3.1 สามารถเลือกฟงั และดูอยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ควา
ผลการวิเคราะหม์ าตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้ีวัด
มาตรฐาน ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนร้แู กนกล
การเรยี นรู้
ท 3.1 ม.4-6/1 สรุปแนวคดิ และแสดง การพูดสรปุ แนวคิด และแสดงค
ท 3.1
ความคิดเห็นจากเรอื่ งทฟ่ี ังและดู คิดเห็นจากเรื่องท่ีฟังและดู
ท 3.1
ม.4-6/2 วเิ คราะห์ แนวคิด การใช้ การวิเคราะห์แนวคิด การใชภ้ า
ท 3.1
ภาษา และความน่าเชื่อถือจากเรื่องท่ี ความน่าเชอ่ื ถือจากเรอ่ื งทฟ่ี ังแล
ฟงั และดอู ย่างมเี หตุผล
ม.4-6/3 ประเมนิ เร่ืองท่ฟี งั และดู การพูดวิเคราะหว์ จิ ารณ์ และป
แลว้ กำหนดแนวทางนำไปประยุกต์ใช้ จากเร่อื งท่ีฟงั และดู
ในการดำเนินชวี ิต
ม.4-6/4 มีวิจารณญาณในการเลือก การเลือกเรือ่ งทีฟ่ งั และดูอย่างม
เร่ืองท่ีฟังและดู วิจารณญาณ
ามคิด และความร้สู ึกในโอกาสตา่ งๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์
ด/สาระการเรยี นรู้เพือ่ จดั ทำคำอธิบายรายวิชา
ลาง ความรู้ (K) ทักษะกระบวนการ (P) คุณลักษณะ (A)
ความ การพดู สรุปใจความ การคดิ วเิ คราะห์ ใฝ่เรียนรู้
มงุ่ ม่ันในการทำงาน
าษา และ วเิ คราะห์เรือ่ งท่ีฟังและ การปฏบิ ัติ มีมารยาทในการฟัง
และดู
ละดู ดู การคิด วเิ คราะห์
ประเมินค่า การพูดประเมินเร่ืองที่ การปฏิบัติ มีมารยาทในการฟัง
และดู
ฟงั และดู การคิดวิเคราะห์
มี วิจารณญาณในการฟัง การคดิ วเิ คราะห์ มมี ารยาทในการฟงั
และดู
สาระท่ี 4 หลักการใช้ภาษาไทย
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภา
ผลการวเิ คราะหม์ าตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ช้วี
มาตรฐาน ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
การเรียนรู้
ท 4.1 ม.4-6/1 อธบิ ายธรรมชาติของ ธรรมชาติของภาษา พลงั ของภาษ
ภาษา พลังของภาษา และลักษณะ และลักษณะของภาษา
ของภาษา - เสียงในภาษา
- สว่ นประกอบของภาษา
- องค์ประกอบของพยางค์และคำ
ท 4.1 ม.4-6/2 ใช้คำและกลุ่มคำสรา้ ง การใช้คำและกลุ่มคำสร้างประโยค
ประโยคตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ - คำและสำนวน
- การร้อยเรียงประโยค
- การเพิ่มคำ
- การใชค้ ำ
- การเขียนสะกดคำ
ท 4.1 ม.4-6/3 ใชภ้ าษาเหมาะสมแก่ ระดับของภาษา
โอกาส กาลเทศะ และบคุ คล คำราชาศัพท์
รวมทัง้ คำราชาศัพท์อยา่ งเหมาะสม
าษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ
วัด/สาระการเรียนรูเ้ พือ่ จัดทำคำอธิบายรายวชิ า
ความรู้ (K) ทักษะกระบวนการ (P) คุณลกั ษณะ (A)
ษา ลกั ษณะของภาษา การวเิ คราะห์ ใฝเ่ รียนรู้
การเปลี่ยนแปลงของ การอธิบาย
ภาษา
ค คำและกลมุ่ คำ การวิเคราะห์ ใฝ่เรียนรู้
การสร้างประโยค มุ่งมน่ั ในการทำงาน
รกั ความเป็นไทย
ระดบั ภาษา การวิเคราะห์ มงุ่ ม่ันในการทำงาน
ราชาศัพท์ การสบื คน้ รกั ความเปน็ ไทย
การปฏบิ ตั ิ
สาระท่ี 5 วรรณคดแี ละวรรณกรรม
มาตรฐาน ท 5.1เขา้ ใจและแสดงความคดิ เห็น วิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอ
ผลการวเิ คราะหม์ าตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชี้ว
มาตรฐาน ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรูแ้ กนกล
การเรียนรู้
ท 5.1 ม.4-6/1 . วเิ คราะห์และวจิ ารณ์ วรรณคดีและวรรณกรรมเกีย่ วก
วรรณคดแี ละวรรณกรรมตาม - ศาสนา
หลักการวจิ ารณเ์ บ้ืองต้น - ประเพณี
- พิธกี รรม
- สุภาษติ คำสอน
- เหตุการณ์ประวตั ิศาสตร์
- บันเทงิ คดี
- บันทกึ การเดนิ ทาง
- วรรณกรรมท้องถิ่น
ท 5.1 ม.4-6/2 วเิ คราะห์ลกั ษณะเด่นของ การวิเคราะห์คุณค่าและข้อคิดจ
วรรณคดีเชอ่ื มโยงกับการเรียนรู้ วรรณคดแี ละวรรณกรรม
ทางประวตั ิศาสตรแ์ ละวถิ ชี วี ติ ของ
สังคมในอดตี
ท 5.1 ม.4-6/5 รวบรวมวรรณกรรม วรรณกรรมพน้ื บ้านท่ีแสดงถึง
พื้นบ้านและอธบิ ายภูมปิ ญั ญาทาง - ภาษากับวัฒนธรรม
ภาษา - ภาษาถ่ิน
อยา่ งเหน็ คุณคา่ และนำมาประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตจรงิ
วัด/สาระการเรยี นรู้เพ่อื จดั ทำคำอธิบายรายวิชา
ลาง ความรู้ (K) ทักษะกระบวนการ คุณลักษณะ (A)
(P) ใฝเ่ รยี นรู้
รักความเปน็ ไทย
กบั การอา่ นวรรณคดีและ การปฏบิ ัติ
วรรณกรรม เร่ือง สาม การสบื คน้
ก๊ก การคดิ วเิ คราะห์
จาก การอา่ นวรรณคดแี ละ การปฏบิ ตั ิ ใฝเ่ รียนรู้
วรรณกรรม เรอ่ื ง การสบื คน้ รกั ความเป็นไทย
ขนุ ชา้ งขนุ แผน การคดิ วิเคราะห์
การอา่ นวรรณกรรม การปฏบิ ตั ิ ใฝเ่ รยี นรู้
พนื้ บ้าน การสืบคน้ รักความเปน็ ไทย
การคิดวเิ คราะห์
คำอธิบายรายวชิ าพื้นฐาน
รหัสวิชา ท 33101 ภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ
ศกึ ษาอา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรอง ตคี วาม แปลความ และขยายความเร่ืองที่อ่าน
จับใจความสำคญั วิเคราะหแ์ ละวิจารณเ์ ร่ืองที่อ่านอยา่ งมเี หตผุ ล แสดงความคดิ เห็น โต้แยง้ กับเร่ืองที่อ่าน
และเสนอความคดิ ใหมอ่ ย่างมีเหตุผล เขียนส่ือสารในรูปแบบต่างๆ ได้ ตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ โดยใช้ภาษา
เรียบเรยี งถกู ต้อง มีขอ้ มูล และสาระสำคัญชดั เจน วเิ คราะห์ แนวคดิ การใช้ภาษา และความนา่ เช่อื ถือจาก
เร่อื งท่ีฟงั และดู ประเมินเรื่องท่ฟี ังและดู แลว้ กำหนดแนวทางนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนนิ ชวี ติ และ อธิบาย
ธรรมชาตขิ องภาษา พลังของภาษา และลักษณะของภาษา วเิ คราะหแ์ ละวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม
ตามหลักการวจิ ารณ์เบือ้ งต้น สงั เคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อนำไป ประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ จรงิ
ใช้กระบวนการอา่ น การเขยี น ทักษะการฟังและดู การพูดและกระบวนการคดิ ในการอ่าน ออก
เสียงร้อยแก้วร้อยกรอง ตีความ แปลความ ขยายความ วิเคราะห์วิจารณ์ ประเมินค่า แสดงความคดิ เหน็
โต้แยง้ มีมารยาทในการสอ่ื สารเพ่ือใหเ้ กดิ ความร้คู วามคดิ สามารถส่อื สารด้วยภาษาทถ่ี ูกตอ้ งเหมาะสม
เหน็ คุณคา่ และรกั ษาภาษาไทย วรรณคดีวรรณกรรมไทยไว้เปน็ สมบัตแิ ละมรดกทางวฒั นธรรม
นำความรูห้ ลักการปฏบิ ตั ติ ามปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจำวัน
รหัสตัวชี้วดั
ท 1.1 ม.4-6/1 อา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้ถูกตอ้ งเหมาะสมกับเร่อื งทีอ่ ่าน
ท 1.1 ม.4-6/2 ตคี วาม แปลความและขยายความจากเรื่องท่ีอา่ น
ท 1.1 ม.4-6/3 วิเคราะห์และวจิ ารณเ์ รื่องทอ่ี ่านในทกุ ๆ ด้านอย่างมเี หตุผล
ท 1.1 ม.4-6/4 คาดคะเนเหตุการณ์จากเรือ่ งทอ่ี ่าน และประเมินค่าเพ่ือนำความรู้ ความคิดไปใช้ตัดสนิ ใจ
แกป้ ญั หาในการดำเนินชวี ิต
ท 1.1 ม.4-6/5 วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคดิ เหน็ โตแ้ ยง้ กับเรื่องท่ีอา่ น และเสนอความคิดใหมอ่ ยา่ ง
มีเหตุผล
ท 2.1 ม.4-6/1 เขยี นสอื่ สารในรปู แบบต่างๆ ได้ตรงตามวัตถปุ ระสงค์ โดยใช้ภาษาเรยี บเรยี งถูกต้อง
มีข้อมลู และสาระสำคัญชดั เจน
ท 2.1 ม.4-6/2 เขยี นเรยี งความ
ท 2.1 ม.4-6/5 ประเมนิ งานเขยี นของผู้อื่น แล้วนำมาพฒั นางานเขยี นของตนเอง
ท 2.1 ม.4-6/8 มมี ารยาทในการเขยี น
ท 3.1 ม.4-6/1 สรุปแนวคดิ และแสดงความคิดเห็นจากเร่ืองท่ีฟังและดู
ท 3.1 ม.4-6/2 วิเคราะห์ แนวคิด การใช้ภาษา และความน่าเชอื่ ถือจากเรื่องท่ีฟงั และดูอย่างมเี หตุผล
ท 3.1 ม.4-6/3 ประเมนิ เร่ืองทฟ่ี ังและดู แลว้ กำหนดแนวทางนำไปประยกุ ต์ใช้ในการดำเนนิ ชีวติ
ท 3.1 ม.4-6/4 มีวจิ ารณญาณในการเลอื กเร่ืองที่ฟังและดู
ท 4.1 ม.4-6/1 อธบิ ายธรรมชาติของภาษา พลงั ของภาษา และลักษณะของภาษา
ท 4.1 ม.4-6/2 ใช้คำและกลมุ่ คำสร้างประโยคตรงตามวตั ถปุ ระสงค์
ท 4.1 ม.4-6/7 วเิ คราะหแ์ ละประเมินการใชภ้ าษาจากส่ือสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนกิ ส์
ท 5.1 ม.4-6/1 วิเคราะหแ์ ละวจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมตามหลักการวิจารณเ์ บื้องตน้
ท 5.1 ม.4-6/2 วเิ คราะห์ลกั ษณะเด่นของวรรณคดเี ช่ือมโยงกบั การเรียนรู้ทางประวตั ิศาสตรแ์ ละวถิ ีชวี ติ
ของสังคมในอดตี
ท 5.1 ม.4-6/5 รวบรวมวรรณกรรมพ้ืนบา้ นและอธิบายภูมิปัญญาทางภาษา
รวมทั้งหมด 19 ตัวชีว้ ัด
โครงสรา้ งรายวชิ าภาษาไทย
ท 33101 ภาษาไทย กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลาเรียน 40 ชั่วโมง
ท่ี ชอ่ื หน่วยการ มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก
เรียนรู้ เรียนรู้ / (ชว่ั โมง) คะแนน
ตวั ชว้ี ัด
1 เรยี นรู้หลกั ท 4.1 ภาษาไทยเป็นภาษาคำโดด ไมม่ ีการ 9 10
ประจักษภ์ าษา ม. 4-6/1 เปลี่ยนแปลงรูปคำท่ีนำมาเรยี งเข้าเปน็
ม. 4-6/2 ประโยค มักเรียงคำขยายไว้ข้างหลัง
คำหลกั มเี สียงและรูปวรรณยุกต์ทีท่ ำให้
ความหมายของคำเปลย่ี นไป บางคำมี
ความหมายหลายอย่าง จะรู้ความหมายได้
เมอ่ื เข้ารูปประโยค มีตวั สะกดตรงตาม
มาตรา และไมใ่ ช้เคร่ืองหมายทณั ฑฆาต
2 พัฒนาทักษะ ท 2.1 ศึกษากระบวนการแสดงทรรศนะ และการ 9 10
สอื่ สาร ม. 4-6/1, โตแ้ ย้งทีม่ ปี ระสิทธภิ าพ หลักการการโนม้
การเขยี น ม. 4-6/2, นา้ วใจ การเขยี นเชิญชวน การเขยี น 1 20
ม. 4-6/5, โครงการ การประชุม และการเขียน 6 10
3 พากเพยี รสอ่ื สาร ม. 4-6/8 เรียงความ
การอ่าน
สรุปทบทวนสอบกลางภาค
ท 1.1 ฝกึ ทักษะการอา่ นออกเสียงบทร้อยแก้ว
ม. 4-6/1, และบทร้อยกรองประเภทตา่ ง ๆ การอ่าน
ม. 4-6/2, จบั ใจความสำคญั เปน็ การอ่านเพอื่ จดจำ
ม. 4-6/3, ทำความเข้าใจ อ่านเก็บความรู้ใน
ม. 4-6/4, สาระสำคญั ของเรื่อง
ม. 4-6/5
4 ฟัง ดู พดู ตาม ท 3.1 การวิเคราะห์และประเมนิ เรื่องทฟ่ี ังและดู 4 5
ครรลอง ม. 4-6/1, เพอ่ื ให้เกดิ ผลดี ควรพิจารณาแนวคิด การใช้
ม. 4-6/2, ภาษา ความน่าเชื่อถอื แนวทางการนำไป
ม. 4-6/3, ประยกุ ตใ์ ช้และการเลือกฟงั และดูอยา่ งมี
ม. 4-6/4, วิจารณญาณ สามารถนำข้อคิดขอ้ เสนอแนะ
ม. 4-6/6 ไปใช้ให้เกิดประโยชนใ์ นการดำเนนิ ชวี ติ ได้
5 ครองไว้ซึง่ วรรณคดี ท 5.1 วิเคราะห์และวจิ ารณ์วรรณคดีและ 9 15
ม. 4-6/1, วรรณกรรมตามหลกั การวิจารณเ์ บ้ืองต้น
ม. 4-6/2, สงั เคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดีและ 2 30
ม. 4-6/5 วรรณกรรมเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ จรงิ 40 100
สรุปทบทวนสอบปลายภาค
รวมตลอดภาคเรียน
ชื่อหน่วย : เรยี นรหู้ ลัก ประจักษ์ภาษา หนว่ ยที่ : 1 เวลา : 9 ชั่วโมง
ชอ่ื แผน : ลกั ษณะของภาษาไทย แผนที่ : 1 เวลา : 1 ชัว่ โมง
ชือ่ วิชา : ภาษาไทย รหสั ท33101 ช้นั ม.6
ช่อื ผูส้ อน : นางสาวพิราวรรณ โฉลกดี
สาระสำคญั
ภาษาไทย เป็นภาษาประจำชาติไทย มเี อกลักษณเ์ ฉพาะของตนเอง มีความงดงามทางภาษา ซ่งึ คนไทย
ใชต้ ิดตอ่ สือ่ สารระหวา่ งกนั เป็นมรดกทางภาษา เปน็ ภมู ิปญั ญาไทยซ่ึงมีลกั ษณะเฉพาะสะทอ้ นความเปน็ ไทย
คนไทยทุกคนจึงควรศึกษาภาษาไทยใหเ้ ข้าใจอยา่ งถ่องแท้และใชภ้ าษาไทยให้ถูกต้องเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวัด
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท 4.1 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลงั
ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติของชาติ
ตัวชี้วัด
ท 4.1 ม. 4-6/1 อธิบายธรรมชาตขิ องภาษา พลงั ของภาษา และลักษณะของภาษา
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้สตู่ วั ชี้วัด
1. อธบิ ายเก่ยี วกบั ลักษณะของภาษาไทย (K)
2. ใช้ภาษาไทยได้ถูกต้องตามลักษณะของภาษา (P)
3. ตระหนกั ถงึ คุณค่าของการใชภ้ าษาไทยให้ถกู ต้อง (A)
สาระการเรียนรู้
ลกั ษณะของภาษาไทย
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
- ทักษะการอา่ น
- ทกั ษะการเขยี น
- ทักษะการฟัง การดู และการพดู
2. ความสามารถในการคิด
- การจำแนก
- การสังเคราะห์
- การประยุกต์/การปรับปรงุ
- การประเมินค่า
- การสรุปความรู้
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
รกั ความเป็นไทย
ตัวช้ีวดั ที่ 7.2 เห็นคุณค่าและใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
ชนิ้ งานหรือภาระงาน
ใบงานท่ี 1 เรอ่ื ง ลกั ษณะของภาษาไทย
การจดั กิจกรรมการเรียนรู้
ขน้ั นำ
1. ครนู ำนกั เรยี นสนทนาเกยี่ วกับความแตกต่างของภาษาไทยกบั ภาษาต่าง ๆ เช่น ภาษาไทยกับ
ภาษาองั กฤษ ภาษาไทยกบั ภาษาจนี เปน็ ตน้ ซักถามเกย่ี วกบั ความแตกตา่ งระหว่าง 2 ภาษา เช่น การเรยี งคำใน
ประโยค เสยี งวรรณยุกตใ์ นแต่ละคำ การสะกดคำ เพ่ือใหน้ ักเรยี นสงั เกตเหน็ ลกั ษณะของภาษาไทย
ขนั้ สอน
2. ใหน้ กั เรียนศึกษาความรูเ้ รอื่ ง ลกั ษณะของภาษาไทย ครูอธิบายเพ่มิ เติมและยกตวั อย่างประกอบเพื่อให้
นกั เรียนเขา้ ใจได้อย่างชดั เจน
3. ให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 3-4 คน ชว่ ยกันหาคำ กลุ่มคำ หรอื ประโยคทแ่ี สดงลักษณะของภาษาไทยกลุม่
ละ 5 ตวั อยา่ ง แลว้ ให้นักเรยี นบอกคำ กล่มุ คำ หรอื ประโยคทีห่ าได้ทลี ะกลมุ่ โดยบอกด้วยวา่ แสดงลักษณะ
ของภาษาไทยอย่างไร ให้นกั เรียนและครรู ่วมกันตรวจสอบความถกู ตอ้ งของแตล่ ะกลุ่ม หากพบข้อผิดพลาด
ให้ช่วยกนั แกไ้ ขให้ถูกต้อง
4. ให้นักเรียนทำใบงานท่ี 1 เรื่อง ลักษณะของภาษาไทย แล้วร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง
5. ให้นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดงั น้ี
- ภาษาไทย เป็นภาษาประจำชาตไิ ทย มเี อกลักษณ์เฉพาะของตนเอง มีความงดงามทางภาษา ซึ่งคนไทยใช้
ตดิ ต่อส่ือสารระหว่างกนั เป็นมรดกทางภาษา เป็นภมู ปิ ัญญาไทยซ่งึ มลี กั ษณะเฉพาะสะท้อนความเป็นไทย คนไทยทุกคนจงึ
ควรศกึ ษาภาษาไทยใหเ้ ขา้ ใจอยา่ งถ่องแทแ้ ละใช้ภาษาไทยให้ถกู ต้องเหมาะสมและมปี ระสิทธิภาพ
ข้นั สรปุ
6. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ ำถามทา้ ทาย ดังน้ี
- หากชาติไทยไม่มภี าษาไทยใช้เป็นภาษาประจำชาติ จะมีผลตอ่ ชาวไทยในปจั จุบันอย่างไร
ส่ือการเรยี นรู้
ใบงานที่ 1 เร่ือง ลักษณะของภาษาไทย
การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
ส่ิงที่ต้องการวดั วธิ กี ารวดั เครอื่ งมือท่ีใช้ในการวดั เกณฑ์ผ่าน
1. อธิบายเก่ียวกับลักษณะของ ผ่านเกณฑร์ ะดับ
ภาษาไทย (K) ทำใบงานที่ 1 เร่ือง ลักษณะ ใบงานที่ 1 เรอ่ื ง ลกั ษณะ คณุ ภาพ 2
2. ใชภ้ าษาไทยได้ถูกตอ้ งตาม ผ่านเกณฑร์ ้อยละ
ลักษณะของภาษา (P) ของภาษาไทย ของภาษาไทย 60
3. ตระหนกั ถงึ คณุ ค่าของการใช้ ผา่ นเกณฑ์ระดบั
ภาษาไทยให้ถูกต้อง (A) ทำแบบทดสอบที่ 1 เรื่อง แบบทดสอบท่ี 1 เร่ือง คณุ ภาพ 2
ลกั ษณะของภาษาไทย ลักษณะของภาษาไทย
สงั เกตพฤตกิ รรมระหว่างเรียน แบบประเมนิ พฤติกรรม
ระหวา่ งเรยี น
เกณฑ์การวัดและการประเมินผล
1. ดา้ นความรู้ กำหนดเกณฑก์ ารให้คะแนน/ระดบั คุณภาพ ดงั น้ี
คะแนน ความสามารถของนักเรยี น
ผา่ น 1. แบบทดสอบ เรอ่ื ง ลกั ษณะของภาษาไทยถูกต้องต้งั แต่ 6 ขอ้ ข้นึ ไป
ไมผ่ า่ น 1. แบบทดสอบ เรือ่ ง ลกั ษณะของภาษาไทยถูกต้องตง้ั แต่ 0-5 ข้อ
2. ดา้ นทักษะกระบวนการ กำหนดเกณฑก์ ารให้คะแนน/ระดับคุณภาพ ดังนี้
ระดับคุณภาพ ความสามารถของนกั เรยี น
3 อธบิ ายลกั ษณะของภาษาไทยหลายลกั ษณะแสดงถึงความเขา้ ใจทลี่ ะเอยี ด ครอบคลุม
ชัดเจนตรงประเด็น มีการยกตวั อยา่ งประกอบทำใหเ้ ข้าใจมากยิ่งข้นึ
ดเี ย่ยี ม อธบิ ายลกั ษณะของภาษาไทยหลายลักษณะแสดงถึงความเข้าใจท่ีละเอยี ด ชัดเจนตรง
2 ประเด็น
ดี อธิบายลกั ษณะของภาษาไทยหลายลักษณะแสดงถึงความเข้าใจได้สั้น ๆ ตรงประเด็น
1
ผ่าน อธิบายลกั ษณะของภาษาไทยหลายลักษณะ แต่ไม่ละเอียดชัดเจน
0
ไมผ่ า่ น (ปรับปรุง)
3. ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) กำหนดเกณฑ์การให้คะแนน/ระดับคุณภาพ ดงั น้ี
ขอ้ 4 ใฝ่เรียนรู้
ตัวช้วี ดั ท่ี 4.1 ตั้งใจเพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ รว่ มกิจกรรม
พฤติกรรมบ่งช้ี พฤตกิ รรมสำคัญ ดีเย่ียม (3) ระดบั คณุ ภาพ ไม่ผา่ น
ดี (2) ผา่ น (1) (ปรบั ปรุง) (0)
4.1.1 ตงั้ ใจเรียน 1. เขา้ เรียนตรง เข้าเรียนตรง เข้าเรยี นไม่ตรง
4.1.2 เอาใจใส่ เวลา เวลา ต้งั ใจเรยี น เข้าเรยี นตรง เข้าเรยี นตรง เวลา ไม่ต้งั ใจ
และมีความเพยี ร 2. ทำงานถูกต้อง เอาใจใส่ และมี เวลา ตง้ั ใจเรยี น เวลา ตง้ั ใจเรียน เรยี น ไม่มสี ่วน
พยายามในการ สง่ งานครบ ความเพียร เอาใจใส่ และมี เอาใจใส่ และมี ร่วมในกิจกรรม
เรียนรู้ 3. ทำงานทีไ่ ด้รบั พยายามในการ ความเพียร ความเพยี ร การเรียน
4.1.3 มสี ว่ นรว่ ม มอบหมายสำเร็จ เรียนรู้ มีสว่ น พยายามในการ พยายามในการ
ในการเรยี นรแู้ ละ ครบถว้ น ถกู ต้อง รว่ มในกจิ กรรม เรียนรู้ มสี ่วน เรียนรู้ มสี ว่ น
เขา้ ร่วมกจิ กรรม 4. มีสว่ นร่วมใน การเรยี นเป็น ร่วมในกิจกรรม รว่ มในกิจกรรม
ต่างๆ กจิ กรรมการเรยี น ประจำ การเรียน การเรียนเปน็
บอ่ ยครัง้ บางครงั้
ใบความรู้ เรอ่ื ง ลักษณะของภาษาไทย
วิชาภาษาไทย รหัส ท33101 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6
ภาษาไทย เปน็ ภาษาทางการของประเทศไทย และภาษาแม่ของชาวไทย และชนเชื้อสายอื่นในประเทศไทย
ภาษาไทยเปน็ ภาษาในกลุ่มภาษาไต ซ่ึงเปน็ กลุม่ ย่อยของตระกูลภาษาไท-กะได สนั นษิ ฐานวา่ ภาษาในตระกูลนี้มี
ถ่ินกำเนดิ จากทางตอนใตข้ องประเทศจีน และนักภาษาศาสตรบ์ างทา่ นเสนอว่า ภาษาไทยนา่ จะเชือ่ มโยงกับ
ตระกูลภาษาออสโตร-เอเชยี ตกิ ตระกูลภาษาออสโตรนเี ซยี น ตระกลู ภาษาจีน-ทิเบต
ภาษาไทยเปน็ ภาษาท่มี รี ะดับเสยี งของคำแน่นอนหรือวรรณยกุ ต์เชน่ เดยี วกบั ภาษาจีน และออกเสยี งแยก
คำตอ่ คำ เปน็ ทลี่ ำบากของชาวต่างชาตเิ นื่องจาก การออกเสยี งวรรณยุกตท์ ีเ่ ป็นเอกลักษณ์ของแตล่ ะคำ และการ
สะกดคำที่ซบั ซ้อน นอกจากภาษากลางแล้ว ในประเทศไทยมีการใช้ภาษาไทยถิน่ อ่นื ดว้ ย ช่ือภาษาและที่มาคำวา่
ไทย หมายความว่า อสิ รภาพ เสรีภาพ หรอื อีกความหมายหนึ่งคือ ใหญ่ ยง่ิ ใหญ่ เพราะการจะเปน็ อิสระได้จะต้องมี
กำลังที่มากกวา่ แข็งแกรง่ กวา่ เพ่ือป้องกันการรุกรานจากข้าศกึ แม้คำน้ีจะมีรูปเหมือนคำยืมจากภาษาบาลีสันสกฤต
แต่แท้ที่จริงแลว้ คำนเ้ี ปน็ คำไทยแทท้ ีเ่ กิดจากกระบวนการสร้างคำทเี่ รียกวา่ “การลากคำเข้าวัด”
ซ่งึ เป็นการลากความวธิ หี น่ึง ตามหลักคตชิ นวทิ ยา คนไทยเป็นชนชาตทิ ่ีนบั ถือกนั วา่ ภาษาบาลีซ่งึ เป็นภาษาที่
บันทึกพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจา้ เป็นภาษาอันศักด์ิสทิ ธ์แิ ละเปน็ มงคล เมื่อคนไทยต้องการตั้งชื่อประเทศวา่ ไท
ซ่ึงเป็นคำไทยแท้ จึงเตมิ ตัว ย เขา้ ไปข้างท้าย เพ่ือให้มลี ักษณะคลา้ ยคำในภาษาบาลสี นั สกฤตเพ่ือความเป็นมงคลตาม
ความเช่ือของตน ภาษาไทยจึงหมายถึงภาษาของชนชาติไทยผู้เป็นไทน่ันเองระบบเสียงในภาษาไทย
แบ่งออกเปน็ 3 สว่ นคือ เสียงพยญั ชนะ เสยี งสระ เสียงวรรณยกุ ต์
จากวกิ ิพเี ดีย สารานุกรมเสรี
ใบงานที่ 1 เรอื่ ง ลักษณะของภาษาไทย
วิชาภาษาไทย รหัส ท33101 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 6
ลกั ษณะของภาษาไทยมีหลักสังเกตอย่างไรบ้าง
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
แบบทดสอบที่ 1 เรอื่ ง ลกั ษณะของภาษาไทย
วิชาภาษาไทย รหสั ท33101 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6
คำชี้แจง ให้นักเรยี นเลือกคำตอบท่ีถกู ต้องแล้วทำเครื่องหมาย x ทบั ตวั เลือกท่ถี กู ต้องท่สี ุด
1. ตวั เขียนในภาษาไทยมีลกั ษณะตรงตามขอ้ ใด
1 ตวั เขยี นแทนเสียง
2 ตัวเขยี นแทนพยางค์
3 ตัวเขยี นแทนคำ
4 ตัวเขยี นแทนวลี
2. เหตใุ ดจงึ มผี กู้ ลา่ วว่า “ภาษาไทยเป็นภาษาเสียงดนตร”ี
1 คำในภาษาไทยมีหลายเสยี ง
2 คำคำเดียวออกเสียงไดห้ ลายเสียง
3 มเี ครื่องหมายวรรณยุกตแ์ ทนเสียงดนตรี
4 ระดบั เสยี งสูงตำ่ ของคำ ทำใหค้ วามหมายคำเปล่ียนไป
3. ขอ้ ใดมีเสยี งวรรณยุกต์ทั้งเอก โท ตรี
1 บู๊เช็กเทยี น
2 ซิย่นิ กุกุ้ย
3 ชิเต้งช่ัน
4 ฮัน่ เถ่งมุย้
4. ชนดิ ของคำในข้อใดที่มเี ฉพาะในภาษาไทย
1 คำนาม
2 คำกรยิ า
3 คำขยาย
4 ลกั ษณนาม
5. ลกั ษณะสำคญั ของภาษาคำโดดคือขอ้ ใด
1 คำสว่ นใหญ่เปน็ คำพยางคเ์ ดยี วโดด
2 คำส่วนใหญ่เป็นคำเดี่ยว
3 คำสว่ นใหญ่สะกดตรงตามมาตรา
4 คำส่วนใหญไ่ มม่ กี ารเปลี่ยนแปลงรูปคำ
6. ข้อใดเป็นคำไทยแทท้ กุ คำ
1 ฉนั บังเอญิ เจอเพอ่ื นเก่าแถวสะพานพระป่ินเกลา้
2 นางรำคนนัน้ ช่างอรชรอ้อนแอ้นน่ารกั มาก
3 หนงั สอื สามก๊กเร่ืองนน้ั ฉนั อา่ นจบแลว้
4 วฒั นธรรมไทยควรไดร้ ับการสืบทอดสู่ชนรนุ่ หลัง
7. ขอ้ ใดไมใ่ ชห่ ลกั สงั เกตของลกั ษณะคำไทยแท้
1 เปน็ ภาษาโดด
2 มีโครงสร้างประโยคประธาน กรยิ า กรรม
3 ภาษาไทยสว่ นใหญเ่ รียงคำขยายไวห้ นา้ คำหลัก
4 ภาษาไทยมีเสียงวรรณยกุ ต์และรปู วรรณยุกตท์ ำให้ความหมายเปลีย่ นไป
8. คำในข้อใดเกดิ จากการกร่อนเสียงทกุ คำ
1 มะนาว สะใภ้ ตะขาบ
2 สะดอื ลกู กะพรวน กระโจน
3 ประทับ ตะเคียน ลกู กระดิ่ง
4 ประชดิ ตะวนั นกกะจาบ
9. ข้อใดไมใ่ ช่คำไทยแท้ทุกคำ
1 พระบาท อรชร วิสูตร เมฆ
2 ดนิ น้ำ ลม ไฟ
3 วทิ ยา บารมี บงั เอิญ เนรมิต
4 ดกู ร เล็ก ผัด อยา่ งน้ี
10. ข้อใดเปน็ ประโยคสำนวนภาษาตา่ งประเทศ
1 เดก็ คนนเ้ี หมือนแม่ของเขามาก
2 คนไหนท่มี าก่อนไดก้ อ่ น
3 ครสู ง่ั ใหน้ ักเรียนอ่านหนงั สือ
4 เขาพบว่าตวั เองอยู่ในห้องเพยี งลำพัง
*********
เฉลยใบงานที่ 1 เร่อื ง ลกั ษณะของภาษาไทย
1. ภาษาไทยมีลกั ษณะเปน็ ภาษาโดด เชน่ พอ่ แม่ ลม ไฟ ฯลฯ
2. ภาษาไทยมโี ครงสรา้ งประโยค ประธาน กรยิ า กรรม
3. เรียงคำสบั กนั ทำให้ความหมายเปล่ยี นไป
4. ภาษาไทยสว่ นใหญเ่ รยี งคำขยายไว้ด้านหลัง
5. ภาษาไทยมเี สียงวรรณยกุ ตแ์ ละรูปวรรณยุกต์
6. ภาษาไทยมีตวั สะกดตรงตามมาตรา
7. ภาษาไทยไมใ่ ช้เครื่องหมายทัณฑฆาต ฯลฯ
เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น (Post-Test) เร่อื ง ลกั ษณะของภาษาไทย
1. 1 2. 4 3. 4 4. 4 5. 4
6. 2 7. 3 8. 1 9. 3 10. 4
บนั ทกึ หลงั สอน
ผลทเี่ กดิ ขน้ึ กับผู้เรียนด้าน( K P A )
….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………..........................................…..…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………............................................………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………..........................................………………….……
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………..........................................….…………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ปญั หาและอุปสรรค
….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………..................................................
วิธกี ารแกไ้ ข
….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………….................................................
ลงช่อื .......................................................
( นางสาวพิราวรรณ โฉลกดี )
ครผู ้สู อน
บนั ทึกการตรวจ/การนเิ ทศ
ความเหน็ ของหวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
............................................................................................................................................................ ..........
......................................................................................................................... ...........................................................
.
ลงชอ่ื .................................................
( นางสาวรชั นก รว่ มสุข )
ความเห็นของหวั หน้ากลุม่ บริหารวิชาการ
............................................................................................................................. .........................................
............................................................................................................................. .......................................................
......................................................................................................................................................................... ...........
........................................................................................................................ ...........................................................
ลงชอื่ ..................................................
( นายภิมุข สมานรักษ์ )
ความเหน็ ของรองผู้อำนวยการโรงเรียน
......................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................
........................................................................................................................................................................... .........
ลงชอื่ ...................................................
( นายธรี ะวัฒน์ สมยงิ่ )
ความเหน็ ของผอู้ ำนวยการโรงเรยี น
......................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................
........................................................................................................................................................................... .........
ลงชอ่ื ...................................................
( นายสาโรจน์ พฤษภา )
ชื่อหน่วย : เรียนรู้หลัก ประจกั ษ์ภาษา หน่วยที่ : 1 เวลา : 9 ชว่ั โมง
ชื่อแผน : องค์ประกอบของพยางค์และคำ แผนท่ี : 2 เวลา : 1 ช่ัวโมง
ชือ่ วิชา : ภาษาไทย รหัส ท33101 ช้ัน ม.6
ชอื่ ผ้สู อน : นางสาวพิราวรรณ โฉลกดี
สาระสำคญั
ภาษาประกอบจากหนว่ ยเล็กเปน็ หน่วยใหญ่ จากเสยี งประกอบเป็นพยางค์ คำ กลุ่มคำ ประโยค และขอ้ ความ
หรอื เร่อื งราวตามลำดับ ทุกหนว่ ยของภาษาล้วนมีความสมั พันธก์ นั จงึ ควรเรียนรภู้ าษาไทยใหเ้ ขา้ ใจและใช้ภาษาอย่าง
มปี ระสิทธภิ าพ
มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชวี้ ดั
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท 4.1 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลัง
ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัติของชาติ
ตัวช้ีวัด
ท 4.1 ม. 4-6/1 อธิบายธรรมชาตขิ องภาษา พลงั ของภาษา และลกั ษณะของภาษา
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายเกยี่ วกับองค์ประกอบของพยางค์และคำได้ (K)
2. จำแนกสว่ นประกอบของพยางค์และคำ (P)
3. ตระหนกั และเหน็ ความสำคัญของการใช้ภาษาได้ถูกตอ้ ง (A)
สาระการเรียนรู้
องคป์ ระกอบของพยางค์และคำ
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน
1. ความสามารถในการส่อื สาร
- ทักษะการอา่ น
- ทักษะการเขียน
- ทักษะการฟัง การดู และการพูด
2. ความสามารถในการคดิ
- การจำแนก
- การสงั เคราะห์
- การปฏบิ ตั /ิ การสาธิต
- การประยุกต/์ การปรบั ปรงุ
- การประเมินคา่
- การสรปุ ความรู้
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
รักความเปน็ ไทย
ตัวชว้ี ดั ท่ี 7.2 เห็นคุณคา่ และใชภ้ าษาไทยในการสื่อสารได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม
ชิ้นงานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน ร่องรอยแสดงความร)ู้
ใบงานที่ 2 เรอื่ ง องคป์ ระกอบของพยางคแ์ ละคำ
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ขน้ั นำ
1. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ ถงึ การใช้ภาษาไทย โดยครูใชค้ ำถามทา้ ทาย ดงั น้ี
- นกั เรียนคิดวา่ พยางค์และคำสื่อความหมายในภาษาอยา่ งไรบ้าง
2. ให้นักเรยี นแสดงความคิดเห็นการใช้คำในชีวิตประจำวันและการใชค้ ำสอื่ สารท้ังการพูดและการเขียนใน
สถานการณต์ ่าง ๆ และครูอธิบายความหมายของพยางค์และคำ และสุ่มนักเรียนอธิบายความหมายของพยางค์และคำเป็น
รายบุคคล
ขน้ั สอน
3. ให้นักเรยี นศึกษาความรู้เร่อื ง องคป์ ระกอบของพยางคแ์ ละคำ จากนั้นให้นักเรยี นช่วยกนั จำแนก
ส่วนประกอบของพยางค์และคำแล้วรว่ มกันสรปุ ความรู้
4. ครยู กตัวอย่างพยางค์และคำบนกระดาน จบั ฉลากเลขท่ีใหน้ ักเรียนออกมาประกอบพยางคเ์ ปน็ คำและ
แล้วครูอธิบายการสรา้ งคำไทยและให้นกั เรียนฝึกสรา้ งคำแลว้ แต่งประโยคให้ถูกต้อง
5. ครใู หน้ กั เรยี นแบ่งกล่มุ เป็น 5 กลมุ่ เลน่ เกมจำแนกคำโดยแต่ละกลมุ่ จะมแี ผน่ แผนผังคำชนดิ ตา่ ง ๆ
และมีบตั รคำ 10 คำ ครเู ปา่ นกหวีดใหส้ ัญญาณนักเรียนแต่ละกลุม่ ตดิ คำให้ถูกกับชนิดของคำ กลุ่มไหนเรว็ ทีส่ ุดและ
ถกู ต้องเป็นฝ่ายชนะและไดร้ บั รางวลั
6. นกั เรียนใช้พยางคแ์ ละคำประกอบเปน็ เร่ืองราว โดยการเขยี นเล่าเรอ่ื งประวตั ชิ ีวิตของตนเองนำเสนอ
หนา้ ชั้น เพื่อน ๆ ชว่ ยกนั แสดงความคิดเห็นและสรปุ ความรู้
7. ใหน้ กั เรียนทำใบงานที่ 2 เร่ือง องค์ประกอบของพยางค์และคำ แล้วรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง
ข้ันสรปุ
9. ให้นักเรียนและครูรว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดงั นี้
- ภาษาประกอบจากหนว่ ยเล็กเป็นหนว่ ยใหญ่ จากเสยี งประกอบเป็นพยางค์ คำ กลุม่ คำ ประโยค และ
ขอ้ ความหรอื เรื่องราวตามลำดับ ทกุ หน่วยของภาษาล้วนมีความสมั พนั ธ์กันจึงควรเรียนรู้ภาษาไทยให้เขา้ ใจและ
ใช้ภาษาอย่างมปี ระสิทธิภาพ
ส่อื การเรียนรู้
1. บัตรคำ
2. ใบงานท่ี 2 เร่ือง พยางคแ์ ละคำ
3. ฉลาก
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
สิง่ ท่ีต้องการวัด วิธกี ารวัด เครอื่ งมือท่ีใชใ้ นการวัด เกณฑผ์ ่าน
1. อธิบายเกี่ยวกับองคป์ ระกอบ
ของพยางคแ์ ละคำได้ (K) ทำใบงานท่ี 2 เรอ่ื ง พยางค์ ใบงานท่ี 2 เร่อื ง พยางค์และ ผา่ นเกณฑร์ ะดบั
2. จำแนกสว่ นประกอบของ
พยางค์และคำ (P) และคำ คำ คุณภาพ 2
3. ตระหนกั และเห็นความสำคญั
ของการใช้ภาษาได้ถูกต้อง (A) ทำแบบทดสอบ เร่อื ง พยางค์ แบบทดสอบ เร่ือง พยางค์ ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ
และคำ และคำ 60
สงั เกตพฤติกรรมระหวา่ งเรียน แบบประเมินพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ระดับ
ระหว่างเรียน คุณภาพ 2
เกณฑก์ ารวดั และการประเมินผล
1. ด้านความรู้ กำหนดเกณฑก์ ารให้คะแนน/ระดับคุณภาพ ดังนี้
คะแนน ความสามารถของนกั เรยี น
ผ่าน 1. แบบทดสอบ เร่ือง องคป์ ระกอบของพยางค์และคำ ถกู ต้องตัง้ แต่ 6 ขอ้ ขน้ึ ไป
ไม่ผ่าน 1. แบบทดสอบ เร่อื ง องค์ประกอบของพยางค์และคำ ถูกต้องตงั้ แต่ 0-5 ข้อ
2. ด้านทกั ษะกระบวนการ กำหนดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน/ระดับคุณภาพ ดงั นี้
ระดบั คณุ ภาพ ความสามารถของนกั เรียน
3 อธิบายลกั ษณะของพยางค์และคำแสดงถึงความเข้าใจท่ีละเอยี ด ครอบคลมุ ชดั เจนตรง
ประเด็น มกี ารยกตวั อย่างประกอบทำให้เข้าใจมากย่ิงขึ้น
ดเี ยีย่ ม อธบิ ายลักษณะของพยางคแ์ ละคำแสดงถงึ ความเขา้ ใจที่ละเอียด ชัดเจนตรงประเดน็
2
ดี อธิบายลักษณะพยางคแ์ ละคำแสดงถึงความเข้าใจไดส้ ัน้ ๆ ตรงประเดน็
1 อธบิ ายลกั ษณะพยางค์และคำแตไ่ ม่ละเอียดชัดเจน
ผา่ น
0
ไมผ่ ่าน (ปรบั ปรงุ )
ความรู้เพิ่มเตมิ สำหรับครู
พยางค์ คอื เสยี งท่เี ปลง่ ออกมาคร้ังหนึง่ ๆ มีความหมายหรือไม่มคี วามหมายก็ได้ คําคำหนึ่งอาจมีพยางค์
เดยี วหรอื หลายพยางค์ก็ไดท้ ใ่ี ช้บรรจใุ นบทร้อยแกว้ หรือคำประพนั ธ์ประเภทรอ้ ยกรองต่าง ๆ ลว้ นเป็นพยางค์ คำ
ทงั้ สิ้น ซึง่ พยางค์นน้ั จะประสมเสียงในภาษา เพราะพยางค์เกดิ จากการเปลง่ เสยี งสระ เสียงพยญั ชนะ
และเสยี งวรรณยกุ ต์ ตดิ ตามกันอยา่ งกระชนั้ ชดิ
พยางค์ มีองค์ประกอบดังนี้ พยัญชนะตน้ สระ วรรณยุกต์ ตวั สะกด ตวั การันต์ ซ่ึงคำคำหนึง่ จะมีองค์ประกอบ
อย่างน้อย 3 ส่วนคือ
เสยี งพยญั ชนะตน้ คอื เสียงที่เปลง่ อันดับแรก อาจจะเป็นเสียงพยัญชนะตวั เดียวหรือสองตวั ท่เี ป็น
พยัญชนะควบกลำ้ เช่น พา (พยญั ชนะต้น คือ พ) เปน็ เสียงพยัญชนะตัวเดยี ว
ครัว (พยัญชนะต้น คอื คร) เป็นเสียงพยญั ชนะสองตวั พยัญชนะควบกลำ้
เสยี งสระ คอื เสยี งท่ีเปลง่ ออกมาได้สะดวก ตามติดมากับเสยี งพยัญชนะ เช่น มา (เสยี งสระ อา)
มด (เสยี งสระ โอะ) เสีย (เสียงสระ เอีย)
เสยี งวรรณยุกต์ คือ เสียงทีเ่ ปล่งออกมาพร้อมกับเสยี งสระ มีระดบั เสยี งสงู ต่ำต่างกันไป เหมอื นเสียงดนตรี
เม่อื (เสยี งวรรณยุกต์ โท) ขา (เสยี งวรรณยกุ ต์จตั วา) คำไทย เป็น หนว่ ยของภาษา ซ่งึ เป็นส่ิงสำคญั ในการใช้
ตดิ ต่อส่อื สารกัน คำมีความหมายได้หลายอยา่ ง อาจเปลยี่ นแปลงได้ตามการนำไปใชใ้ นการส่อื สารกนั ตามบรบิ ท
หรอื สถานการณต์ ่าง ๆ เมื่อเรียงเขา้ ประโยคจะมีความหมายตามเจตนาของผู้ส่งสาร
ความหมายของคำแบ่งออกเป็น 2 ประการ คือ
1. คำทมี่ คี วามหมายโดยตรง เป็นคำทมี่ ีความหมายตรงตามตวั หรือเป็นความหมายทป่ี รากฏใน
พจนานุกรม อาจมีได้มากกว่า 1 ความหมาย เช่น
ขนั น. ภาชนะสำหรบั ตกั นำ้ หรอื ใสน่ ้ำมหี ลายชนิด
ก. ทำใหต้ งึ หรอื ให้แน่นดว้ ยวิธหี มนุ กวดเร่งเขา้ ไป เช่น ขนั ชะเนาะ ขันเกลยี ว
ก. อาการร้องเป็นเสียงอยา่ งหนงึ่ ของไก่ หรือนกบางชนิด เช่น นกเขา
ก. หวั เราะ นึกอยากหัวเราะ
2. คำทม่ี คี วามหมายโดยนยั เปน็ ความหมายใหน้ ึกไปถึงอกี สิ่งหน่ึง ซง่ึ เปน็ ความหมายแฝงอยใู่ นคำ เชน่
หงส์ หมายถึง นกจำพวกเปด็ ลำตวั ใหญ่ คอยาว (ความหมายโดยตรง) หงส์ หมายถงึ ผู้ดี ผมู้ ีศกั ดิ์ศรี (ความหมาย
โดยนยั )
ใบงานท่ี 2 เร่ือง องค์ประกอบของพยางคแ์ ละคำ
วิชาภาษาไทย รหัส ท33101 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6
พยางคม์ สี ่วนประกอบใดบ้าง
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
คำมีองคป์ ระกอบใดบา้ งยกตัวอย่างประกอบใหช้ ดั เจน
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
เฉลยใบงานที่ 2 เรอ่ื ง องค์ประกอบของพยางค์และคำ
วิชาภาษาไทย รหัส ท33101 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6
พยางคม์ ีส่วนประกอบใดบา้ ง
1. พยญั ชนะ + สระ + วรรณยกุ ต์ เช่น แท้ มา สี
2. พยัญชนะ + สระ + วรรณยกุ ต์ + ตวั สะกด เช่น แก้ว ชา้ ง บ้าน
3. พยัญชนะ + สระ + วรรณยุกต์ + ตัวการันต์ เช่น เล่ห์ พา่ ห์
4. พยัญชนะ + สระ + วรรณยกุ ต์ + ตัวสะกด + ตวั การันต์ เช่น ศุกร์ แพทย์
คำมอี งค์ประกอบใดบ้างยกตัวอยา่ งประกอบใหช้ ัดเจน
มีองคป์ ระกอบ 2 สว่ น คือ รปู กับความหมาย เช่น ม้า (พยัญชนะ) + สระอา + รูปวรรณยกุ ต์โท (เสยี งตร)ี
ความหมาย สตั ว์ชนดิ หน่งึ ใช้ขี่เป็นพาหนะ
***************
เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน (Post-Test) 3. 4 4. 2 5. 4
1. 2 2. 2 8. 3 9. 1 10. 4
6. 2 7. 3
แบบทดสอบ เร่อื ง องคป์ ระกอบของพยางค์และคำ
วิชาภาษาไทย รหสั ท33101 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6
ใหน้ ักเรียนทำเครอื่ งหมาย x เลอื กคำตอบทถี่ ูกต้อง
1. “ค้อน” มสี ว่ นประกอบอะไรบา้ ง
1. พยญั ชนะต้น สระ วรรณยกุ ต์ 2. พยญั ชนะต้น สระ ตัวสะกด วรรณยุกต์
3. พยัญชนะตน้ สระ ตัวการนั ต์ 4. พยญั ชนะต้น สระ
2. ฉันไปชายทะเล ข้อความนมี้ ีก่ีคำ ก่พี ยางค์
1. 2 คำ 4 พยางค์ 2. 3 คำ 5 พยางค์
3. 4 คำ 4 พยางค์ 4. 4 คำ 5 พยางค์
3. “นันท์” มีสว่ นประกอบกสี่ ว่ น
1. 3 สว่ น 2. 4 ส่วน 3. 4. ส่วนพิเศษ 4. 5 สว่ น
4. คำว่า อธิปไตย มีก่ีพยางค์
1. 3 พยางค์ 2. 4 พยางค์ 3. 5 พยางค์ 4. 6 พยางค์
5. ข้อใดมีจำนวนพยางค์เท่ากับคำว่า พฤศจิกายน
1. มถิ ุนายน 2. มกราคม 3. ธันวาคม 4. กรกฎาคม
6. จงแยกส่วนประกอบของคำวา่ “ศกุ ร”์
1. พยญั ชนะต้น สระ ตวั สะกด ตวั การันต์
2. พยัญชนะต้น สระ วรรณยุกต์ ตัวสะกด ตวั การนั ต์
3. พยัญชนะตน้ สระ วรรณยกุ ต์ ตวั สะกด
4. พยญั ชนะต้น สระ ตวั สะกด ตวั การันต์
7. คำวา่ “แม”่ มีองค์ประกอบพยางค์อะไรบ้าง
1. พยัญชนะตน้ สระ 2. พยญั ชนะตน้ สระ ตวั สะกด
3. พยัญชนะต้น สระ วรรณยกุ ต์ 4. พยญั ชนะตน้ สระ ตัวการนั ต์
8. พยางค์ มีความหมายว่าอย่างไร
1. เสียงทเ่ี ปล่งออกมาแล้วไม่มีความหมาย 2. เสยี งทเี่ ปลง่ ออกมาแล้วมีความหมาย
3. เสียงทเี่ ปลง่ ออกมาแลว้ มีหรือไม่มีความหมายก็ได้ 4. เสียงทผ่ี า่ นจากลำคอโดยไมถ่ กู ปิดกั้น
9. ข้อใดคือความหมายของคำ
1. เสียงท่ีเปล่งออกมาแล้วมคี วามหมายอาจมีพยางคเ์ ดียวหรอื หลายพยางค์
2. เสยี งทเ่ี ปลง่ ออกมาแลว้ ไม่มคี วามหมายหรือมีความหมายกไ็ ด้
3. เสยี งทเี่ กดิ โดยธรรมชาตอิ าจจะเป็นการเลยี นเสียงฟา้ ร้อง
4. เสียงที่เกดิ โดยธรรมชาติอาจจะเป็นเสียงไก่ขัน
10. ขอ้ ใดมีจำนวนพยางคท์ ่ีออกเสียงมากท่ีสดุ
1. สรรพคณุ 2. กฤตกิ า 3. วรรณกรรม 4. เบญจมบพิตร
ชอ่ื หน่วย : เรยี นรหู้ ลกั ประจักษภ์ าษา หนว่ ยที่ : 1 เวลา : 9 ชั่วโมง
ชอื่ แผน : หลักการเขียนสะกดคำ แผนท่ี : 3 เวลา : 1 ช่ัวโมง
ชอ่ื วิชา : ภาษาไทย รหัส ท33101 ช้นั ม.6
ชื่อผสู้ อน : นางสาวพริ าวรรณ โฉลกดี
สาระสำคญั
การเขียนคำที่ออกเสียง อะ มที ้ังประวิสรรชนยี ์และไม่ประวสิ รรชนยี ์ จึงควรศึกษาหลักเกณฑ์การเขยี น
สะกดคำให้เข้าใจอยา่ งถ่องแท้และใชภ้ าษาไทยใหถ้ ูกต้องและมปี ระสทิ ธิภาพ
มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวัด
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท 4.1 เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลงั
ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ
ตัวชีว้ ัด
ท 4.1 ม. 4-6/2 ใชค้ ำและกลุ่มคำสรา้ งประโยคตรงตามวัตถุประสงค์
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้สูต่ ัวชี้วัด
1. อธบิ ายเกี่ยวกับการเขียนคำท่ีออกเสยี ง อะ ทั้งประวสิ รรชนีย์และไมป่ ระวสิ รรชนีย์ (K)
2. ใช้คำทป่ี ระวสิ รรชนยี แ์ ละไมป่ ระวสิ รรชนยี ์ ไดถ้ กู ต้อง (P)
3. เหน็ ความสำคญั และคุณคา่ ของการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง (A)
สาระการเรียนรู้
หลกั การประวสิ รรชนีย์และไม่ประวิสรรชนีย์
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
- ทกั ษะการอา่ น
- ทกั ษะการเขียน
- ทักษะการฟัง การดู และการพูด
2. ความสามารถในการคดิ
- การจำแนก
- การสงั เคราะห์
- การประยุกต/์ การปรบั ปรุง
- การประเมนิ คา่
- การสรปุ ความรู้
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
รักความเปน็ ไทย
ตัวชว้ี ดั ที่ 7.2 เหน็ คณุ ค่าและใช้ภาษาไทยในการสอ่ื สารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
ช้นิ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน ร่องรอยแสดงความรู้)
ใบงานที่ 3 เร่ือง หลักการประวิสรรชนีย์และไม่ประวสิ รรชนยี ์
การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
ขั้นนำ
1. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครใู ชค้ ำถามทา้ ทาย ดังนี้
- นักเรยี นคิดว่า คำท่ีประวสิ รรชนยี แ์ ละไมป่ ระวสิ รรชนีย์มกี ารเกิดของคำเหมือนหรอื ต่างกนั อย่างไร
ขัน้ สอน
2. ครูนำนักเรยี นสนทนาเก่ยี วกับคำทีอ่ อกเสยี งสระ อะ ท่ีประวิสรรชนยี แ์ ละไม่ประวสิ รรชนีย์ ซักถามวา่ คำ
ใดท่มี ักเขียนผดิ เพราะเหตุใด
3. ใหน้ ักเรยี นศึกษาความรเู้ รื่อง หลักการประวิสรรชนียแ์ ละไม่ประวสิ รรชนยี ์ ครอู ธิบายเพม่ิ เตมิ และ
ยกตัวอย่างประกอบ เพ่ือให้นักเรยี นเข้าใจได้อย่างชดั เจน
4. ใหน้ ักเรยี นยกตัวอย่างคำทป่ี ระวิสรรชนยี ์และไมป่ ระวิสรรชนีย์ ครเู ขยี นบนกระดานแลว้ ให้นักเรยี น
อา่ นออกเสยี งพร้อมกนั (กระโดด ตะปู มะขาม สะพาน ปฐม อยธุ ยา ตลาด สนุก)
5. ให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน เลือกข่าวหรือตอนหนง่ึ จากวรรณคดีและวรรณกรรม ค้นหาคำท่ี
ประวิสรรชนยี แ์ ละไม่ประวิสรรชนยี ์ นำเสนอหนา้ ช้ันเรยี นแลว้ ร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง
6. ใหน้ ักเรยี นทำใบงานที่ 3 เร่ือง หลกั การประวิสรรชนยี แ์ ละไม่ประวิสรรชนยี แ์ ล้วรว่ มกนั ตรวจสอบ
ความถกู ต้อง
ข้นั สรปุ
7. ให้นักเรยี นและครูรว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดงั นี้
- การเขยี นคำท่ีออกเสียง อะ มีทัง้ ประวสิ รรชนีย์และไม่ประวสิ รรชนีย์ จึงควรศึกษาหลักเกณฑ์การเขียน
สะกดคำใหเ้ ข้าใจอยา่ งถ่องแท้และใชภ้ าษาไทยให้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
การจดั บรรยากาศเชิงบวก
ให้นักเรยี นร่วมกันระดมความคดิ ทำงานเป็นกล่มุ เพ่อื เกดิ ความรู้ความเขา้ ใจในการเขยี นสะกดคำใน
การสื่อสารตา่ ง ๆ เพ่ือแลกเปล่ยี นเรียนรู้ ทัศนคติ และร่วมกนั ใชภ้ าษาไทยอย่างถกู ตอ้ งมีประสทิ ธิภาพ
สอ่ื การเรยี นรู้
ใบงานที่ 3 เร่ือง หลกั การประวสิ รรชนยี แ์ ละไม่ประวิสรรชนีย์
การวดั และประเมินผลการเรียนรู้
สิง่ ทีต่ ้องการวดั วิธกี ารวัด เคร่ืองมือทใี่ ช้ในการวัด เกณฑ์ผ่าน
ผ่านเกณฑ์ระดบั
1. อธบิ ายเกย่ี วกบั การเขยี นคำท่ี ทำใบงานท่ี 3 เรอ่ื ง หลักการ ใบงานที่ 3 เร่อื ง หลกั การ คุณภาพ 2
ออกเสยี ง อะ ท้ังประวิสรรชนยี ์ ประวสิ รรชนยี แ์ ละไม่ประ ประวสิ รรชนยี ์และไมป่ ระ ผ่านเกณฑร์ ะดับ
คณุ ภาพ 2
และไมป่ ระวิสรรชนยี ์ (K) วสิ รรชนีย์ วิสรรชนีย์
ผา่ นเกณฑร์ ะดบั
2. ใชค้ ำทป่ี ระวสิ รรชนยี ์และไม่ ทำใบงานท่ี 3 เรอื่ ง หลกั การ ใบงานท่ี 3 เรื่อง หลักการ คณุ ภาพ 2
ประวิสรรชนีย์ ได้ถูกต้อง (P) ประวิสรรชนยี แ์ ละไม่ประ ประวสิ รรชนียแ์ ละไม่ประ
วสิ รรชนยี ์ วิสรรชนยี ์
3.เห็นความสำคัญและคุณคา่ ของ สังเกตพฤตกิ รรมระหวา่ งเรียน แบบประเมินพฤตกิ รรม
การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง (A) ระหวา่ งเรยี น
1. ด้านความรู้และดา้ นทักษะกระบวนการ กำหนดเกณฑก์ ารให้คะแนน/ระดับคณุ ภาพ ดงั นี้
ระดับคุณภาพ ความสามารถของนกั เรียน
3 อธบิ ายการใช้ประวิสรรชนยี แ์ ละไม่ประวิสรรชนยี แ์ สดงถงึ ความเข้าใจทลี่ ะเอยี ด ครอบคลุม
ชัดเจน ตรงประเดน็ มกี ารยกตวั อยา่ งประกอบทำใหเ้ ข้าใจมากยงิ่ ขนึ้
ดเี ยย่ี ม อธบิ ายการใชป้ ระวิสรรชนียแ์ ละไม่ประวสิ รรชนยี ์แสดงถึงความเข้าใจทล่ี ะเอียด ชัดเจนตรง
2 ประเด็น
ดี อธบิ ายการใช้ประวิสรรชนีย์และไมป่ ระวสิ รรชนีย์แสดงถึงความเขา้ ใจไดส้ ัน้ ๆ ตรงประเด็น
1
ผ่าน อธิบายการใช้ประวสิ รรชนียแ์ ละไมป่ ระวสิ รรชนยี ์แตไ่ ม่ละเอียดชดั เจน
0
ไมผ่ ่าน (ปรับปรงุ )
กจิ กรรมเสนอแนะ
นกั เรยี นแบง่ กลุ่มช่วยกันค้นควา้ คำประวิสรรชนียแ์ ละไมป่ ระวสิ รรชนีย์ทีม่ ักจะสะกดผดิ และรวบรวมเป็น
รปู เลม่ ความรแู้ ละรว่ มกันวิเคราะห์วิจารณ์ แลกเปลย่ี นความรู้
ใบงานท่ี 3 เร่ือง คำประวิสรรชนยี ์และไม่ประวสิ รรชนีย์
จงบอกคำประวิสรรชนียแ์ ละไม่ประวสิ รรชนยี ท์ เี่ ป็นคำไทยและคำภาษาอ่นื
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
ชอ่ื – สกลุ .................................................................................................ชัน้ ม.6/.............เลขที่ ..........
ช่อื หน่วย : เรยี นร้หู ลัก ประจกั ษ์ภาษา หนว่ ยท่ี : 1 เวลา : 9 ชั่วโมง
ชอ่ื แผน : หลักการใช้ไมม้ ้วน ไมม้ ลายและหลกั การ แผนที่ : 4 เวลา : 1 ชั่วโมง
เขยี นอน่ื
ชอ่ื วิชา : ภาษาไทย รหัส ท33101 ช้ัน ม.6
ชอื่ ผู้สอน : นางสาวพริ าวรรณ โฉลกดี
สาระสำคญั
ภาษาไทยมหี ลักการเขียนสะกดคำมากมาย ทัง้ การเขียนสะกดคำท่ีใช้ ใ- (ไม้ม้วน) ไ- (ไม้มลาย) การใช้ อำ
การใช้ ศ ษ ส และหลกั การเขียนอ่นื จงึ ควรศึกษาหลักเกณฑก์ ารเขียนสะกดคำใหเ้ ขา้ ใจอย่างถอ่ งแทแ้ ละใช้ภาษาไทย
ใหถ้ กู ต้องและมีประสทิ ธภิ าพ
มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ช้ีวดั
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท 4.1 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ
ตัวช้ีวดั
ท 4.1 ม. 4-6/2 ใชค้ ำและกลุ่มคำสร้างประโยคตรงตามวัตถุประสงค์
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้สู่ตวั ชี้วัด
1. อธบิ ายหลักการใช้ไม้มว้ นและไมม้ ลายและหลกั การเขียนอ่ืน (K)
2. เขียนสะกดคำที่ใช้ไม้มว้ น ไม้มลาย และคำอน่ื (P)
3. ตระหนักถึงคณุ ค่าของการใช้ภาษาไทยให้ถกู ต้อง (A)
สาระการเรยี นรู้
หลกั การใช้ไมม้ ว้ น ไม้มลาย และหลักการเขียนอ่ืน
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
- ทักษะการอ่าน
- ทักษะการเขยี น
- ทกั ษะการฟัง การดู และการพูด
2. ความสามารถในการคิด
- การจำแนก
- การสงั เคราะห์
- การประยุกต์/การปรบั ปรงุ
- การประเมินค่า
- การสรุปความรู้
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
รกั ความเป็นไทย
ตัวช้ีวัดที่ 7.2 เหน็ คุณค่าและใช้ภาษาไทยในการสอื่ สารได้อย่างถกู ต้องเหมาะสม
ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน
ใบงานท่ี 4 เรื่อง หลักการใช้ไม้มว้ น ไม้มลาย และหลักการเขยี นอื่น
การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
ขน้ั นำ
1. ให้นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามทา้ ทาย ดังน้ี
- นักเรยี นมหี ลักการจำการใช้ ไมม้ ้วน (ใ-) ไมม้ ลาย (ไ-) อย่างไร
ขั้นสอน
2. ให้นกั เรียนอ่านบทประพันธ์จากแผ่นป้าย ดังนี้
ผู้ใหญ่หาผา้ ใหม่ ให้สะใภใ้ ชค้ ล้องคอ
ใฝใ่ จเอาใสห่ ่อ มหิ ลงใหลใครขอดู
จะใครล่ งเรือใบ ดูนำ้ ใสและปลาปู
ส่ิงใดอยู่ในตู้ มิใช่อยใู่ ตต้ ่ังเตียง
บา้ ใบถือใยบัว หูตามัวมาใกลเ้ คยี ง
เลา่ ทอ่ งอย่าละเลย่ี ง ยี่สิบม้วนจำจงดี
- นักเรยี นร่วมกันสนทนาเกย่ี วกบั คำที่ใช้ไมม้ ว้ น ซงึ่ หากแต่ละคนจำหลกั การเขียนไม้มว้ นได้กจ็ ะเปน็
ประโยชน์ในการเขียนสะกดคำให้ถูกต้อง
3. ให้นกั เรยี นศึกษาความรเู้ ร่ือง การใชไ้ ม้มว้ น ไมม้ ลาย และหลักการเขยี นอน่ื ครจู ับฉลากเลขท่ี
ใหน้ ักเรียนอธบิ ายหลักการใช้ไม้ม้วน ไม้มลาย และหลักการเขียนอน่ื แลว้ ร่วมกนั สรุปความร้คู วามเขา้ ใจ
4. ใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสียงบตั รคำท่ใี ช้ไมม้ ว้ น ไม้มลาย และหลักการเขยี นอื่น (ไนโตรเจน ไมล์ ผ้ใู หญ่
นยั น์ตา ไหหลำ อำมาตย์ อมฤต วรรณ สรรพ เกล็ด บล็อก ตำรวจฯลฯ) จากนั้น คัดตวั บรรจงคร่ึงบรรทดั ลงในสมุด
5. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลุ่ม กล่มุ ละ 3-4 คน ช่วยกันค้นควา้ คำทีม่ ักเขยี นผิดแลว้ แก้ไขให้ถกู ตอ้ ง นำเสนอหนา้ ช้นั
เรยี นแลว้ รว่ มกันสรปุ การนำเสนอ
6. นกั เรยี นวิเคราะหห์ ลกั การใชไ้ มม้ ว้ น ไม้มลาย และหลักการเขยี นอนื่ โดยเขียนแผนภาพความคดิ
แล้วร่วมกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง
หลักการใช้ ไมม้ ้วน (ใ-)
ศษส ใน ใต้ ใกล้ ฯลฯ
หลกั การใช้ น ณ หลักการเขยี น ไม้มลาย (ไ-)
จนั ทร์ นนิ ทา สะกดคำ ไทย ไม้ ไผ่
บัณฑิต มณโฑ
ไม้ไต่คู้ อำ อมั -รรม อัย เช่น ขยั ชยั
เม็ด เผด็ แขง็ ทำ คมั กรรม ภยั กษยั
7. ให้นกั เรยี นทำใบงานที่ 4 เรื่อง หลักการใช้ ใ- (ไม้ม้วน) ไ- (ไม้มลาย) และหลักการเขยี นอื่น
แล้วร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง
ขนั้ สรุป
8. ให้นักเรยี นและครูร่วมกันสรุปความรู้ ดังน้ี
- ภาษาไทยมหี ลกั การเขยี นสะกดคำมากมาย ทั้งการเขียนสะกดคำทใ่ี ช้ ใ- (ไม้ม้วน) ไ- (ไม้มลาย) การใช้
อำ การใช้ ศ ษ ส และหลกั การเขียนอ่นื จึงควรศึกษาหลักเกณฑ์การเขยี นสะกดคำให้เข้าใจอย่างถ่องแทแ้ ละใช้
ภาษาไทยให้ถูกต้องและมปี ระสทิ ธิภาพ
สอ่ื การเรยี นรู้
1. ฉลาก
2. ใบงานที่ 4 เร่ือง หลกั การใช้ไม้มว้ น ไมม้ ลายและหลกั การเขยี นอนื่
3. บตั รคำ
4. แผ่นป้าย
การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
ส่ิงท่ีต้องการวัด วิธกี ารวดั เครอื่ งมือทใี่ ช้ในการวดั เกณฑผ์ ่าน
1. อธบิ ายหลักการใช้ไม้ม้วนและ ทำแบบทดสอบ เร่ือง แบบทดสอบ เรื่อง หลักการ ผ่านเกณฑ์ระดบั
ไมม้ ลายและหลักการเขียนอน่ื (K) หลักการเขียนสะกดคำ เขยี นสะกดคำ คณุ ภาพ 2
2. เขียนสะกดคำท่ีใช้ไมม้ ้วน ไม้ ทำใบงานท่ี 4 เร่อื ง หลกั การ ใบงานที่ 4 เรอ่ื ง หลกั การใช้ ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ
มลาย และคำอืน่ (P) ใช้ ใ- (ไม้มว้ น) ไ- (ไม้มลาย) ใ- (ไมม้ ้วน) ไ- (ไมม้ ลาย) 60
และหลักการเขยี นอนื่ และหลกั การเขยี นอน่ื
3. ตระหนักถึงคณุ ค่าของการใช้ สงั เกตพฤติกรรมระหว่างเรยี น แบบประเมินพฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑร์ ะดบั
ภาษาไทยให้ถกู ต้อง (A) ระหวา่ งเรียน คุณภาพ 2
เกณฑก์ ารวดั และการประเมินผล
1. ดา้ นความรู้ กำหนดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน/ระดบั คณุ ภาพ ดงั นี้
คะแนน ความสามารถของนกั เรยี น
ผ่าน 1. แบบทดสอบ เรอ่ื ง หลักการเขยี นสะกดคำ ถูกตอ้ งตัง้ แต่ 6 ข้อขนึ้ ไป
ไมผ่ ่าน 1. แบบทดสอบ เรือ่ ง หลักการเขียนสะกดคำ ถูกตอ้ งตัง้ แต่ 0-5 ขอ้
2. ด้านทักษะกระบวนการ กำหนดเกณฑ์การให้คะแนน/ระดับคุณภาพ ดังนี้
ระดบั คณุ ภาพ ความสามารถของนักเรียน
3 อธบิ ายเรื่องหลกั การใช้ ใ- (ไม้ม้วน) ไ- (ไม้มลาย) และหลักการเขียนอืน่ แสดงถงึ ความเข้าใจที่
ละเอยี ด ครอบคลุมชดั เจน ตรงประเดน็
ดเี ยีย่ ม อธิบายเร่ืองหลักการใช้ ใ- (ไม้ม้วน) ไ- (ไม้มลาย) และหลกั การเขียนอน่ื แสดงถึงความเข้าใจที่
2 ละเอียด ครอบคลุมชัดเจน ตรงประเดน็ มีการยกตวั อย่างประกอบทำใหเ้ ข้าใจมากยงิ่ ขน้ึ
ดี อธบิ ายเรอ่ื งหลักการใช้ ใ- (ไม้มว้ น) ไ- (ไม้มลาย) และหลักการเขยี นอืน่ แสดงถงึ ความเขา้ ใจได้
1 ส้ัน ๆ ตรงประเดน็
ผ่าน อธบิ ายเรอ่ื งหลักการใช้ ใ- (ไม้ม้วน) ไ- (ไม้มลาย) และหลกั การเขียนอ่ืน แต่ไม่ละเอยี ดชัดเจน
0
ไม่ผา่ น (ปรับปรงุ )
3. ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) กำหนดเกณฑ์การใหค้ ะแนน/ระดบั คณุ ภาพ ดงั นี้
ขอ้ 4 ใฝเ่ รยี นรู้
ตวั ชี้วดั ท่ี 7.2 เห็นคุณค่าและใชภ้ าษาไทยในการสือ่ สารไดอ้ ยา่ งถกู ต้องเหมาะสม
พฤตกิ รรมบ่งชี้ ดเี ยย่ี ม (3) ระดบั คุณภาพ ปรับปรงุ (0)
ใชภ้ าษาไทย เลขไทย ดี (2) ผ่าน (1) ไมส่ นใจใช้
7.2.1 ใช้ภาษาไทย ในการสอื่ สารได้ ใชภ้ าษาไทย เลขไทย ใช้ภาษาไทย เลขไทย ภาษาไทยอย่าง
และเลขไทยในการสอื่ สาร ถกู ต้องเหมาะสม ในการสือ่ สารได้ ในการสื่อสารได้ ถกู ต้อง
ได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม แนะนำ ชกั ชวนให้ ถูกต้องเหมาะสม ถูกต้องเหมาะสม
7.2.2 ชักชวน แนะนำให้ ผอู้ ืน่ เหน็ คณุ ค่าในการ แนะนำ ชกั ชวนให้ แนะนำ ชักชวนให้
ผูอ้ ื่นเห็นคุณค่าของการใช้ ใชภ้ าษาไทยที่ถูกตอ้ ง ผ้อู น่ื เห็นคุณค่าใน ผ้อู น่ื ใชภ้ าษาไทยท่ี
ภาษาไทยท่ถี กู ต้อง เปน็ ประจำ การใช้ภาษาไทยที่ ถูกต้อง
เปน็ แบบอย่างที่ดี ถกู ต้อง
ด้านการใช้ภาษาไทย
การเขียนสะกดคำ
วิชาภาษาไทย รหัส ท 33101 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6
คำท่ีออกเสยี งเหมือนกันแตส่ ะกดต่างกนั ความหมายของคำกต็ ่างกัน เชน่
- การ หมายถึง งาน
- กาล หมายถงึ เวลา
- กาฬ หมายถึง ดำ
- รถ หมายถงึ ยานที่มีล้อสำหรับเคล่ือนท่ี
- รด หมายถึง เท, ราด
- รส หมายถงึ สงิ่ ที่รไู้ ดด้ ้วยล้ินโดยเฉพาะ
- ประพาส หมายถึง ไปเท่ียว
- ประภาษ หมายถงึ พูด
- ประภาส หมายถึง แสงสวา่ ง
นอกจากน้คี ำบางคำถา้ เขยี นสะกดผิดทำใหค้ วามหมายเปลีย่ นแปลงไป และทำใหต้ วั ผู้รบั สารเข้าใจผิดและทำ
ให้ตวั ผสู้ ่งสารขาดความน่าเชื่อถือ
เขารดนำ้ ตน้ ไม้ เป็น เขาลดน้ำต้นไม้
เมืองหน้าด่าน เปน็ เมอื งหน้าด้าน
จึงควรตระหนกั ในการใช้ภาษาไทยให้ถกู ต้องเพราะภาษาไทยเปน็ สมบตั ิของชาติ มีประวัตทิ ีย่ าวนาน
ภาษาไทยเปน็ เอกลักษณ์ของชาติไทย เราควรสืบทอดภาษาอันดงี าม ท่ีเปน็ ภมู ิปญั ญาไทย เป็นมรดกของชาติทบี่ รรพ
บุรุษได้สรา้ งภาษาและถา่ ยทอดรนุ่ ตอ่ รนุ่ เปน็ เครื่องมือในการใช้ติดต่อส่อื สารทัง้ ภาษาพูดและภาษาเขียน
ซง่ึ ภาษาไทยพ่อขนุ รามคำแหงได้ดัดแปลงจากภาษาขอมและมอญโบราณ ด่ังปรากฏหลักฐานในศลิ าจารึกหลกั ที่ 1
ทีพ่ ระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หว้ ได้ทรงพบในขณะท่ีธุดงค์ทางเหนือ พบทีป่ ราสาทเกา่
เมืองสโุ ขทัย เปน็ หลักฐานทางประวตั ิศาสตร์และต้นแบบของภาษาไทย
ใบงานที่ 4 เร่ือง หลกั การใช้ ใ- (ไม้มว้ น) ไ- (ไม้มลาย) และหลักการเขยี นอ่ืน
วิชาภาษาไทย รหัส ท33101 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6
ใหน้ ักเรยี นเขยี นคำทใี่ ช้ ใ- (ไมม้ ้วน) ไ- (ไม้มลาย) และหลกั การเขยี นอ่ืนพรอ้ มท้ังแสดงความคดิ เห็น
บอกเหตุผลท่ีทำให้สะกดคำผดิ
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
แบบทดสอบ เรอ่ื ง หลกั การเขียนสะกดคำ
วิชาภาษาไทย รหัส ท33101 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6
คำชแ้ี จง ให้นกั เรยี นทำเคร่อื งหมาย X ทบั ตัวเลือกที่เป็นคำตอบทถ่ี กู ต้องที่สดุ
1. ขอ้ ใดเขียนผดิ หลักการใชไ้ ม้ไต่คู้
1 เมก็ ซโิ ก เผดจ็
2 คอฟฟิช็อพ เซน็
3 เพช็ ฌฆาต อเนจ็ อนาถ
4 เปอรเ์ ซ็นต์ พล็อต
2. คำในข้อใดเติม ร ลงไปในคำเดมิ ท่ีประวิสรรชนีย์อยู่แลว้
1 สามารถ กระพัง
2 จระเข้ กระวัด
3 ชระมด สระคราญ
4 กระลบ ตะพงั
3. ขอ้ ใดกล่าวไม่ถูกต้องตามหลักการเขยี นสะกดคำ
1 การใช้ไม้ม้วนใชก้ ับคำไทย 20 คำ
2 คำไทยแท้ออกเสยี งอะพยางค์เดยี วทุกคำ
3 คำสว่ นใหญ่สะกดตรงตามมาตรา
4 การใชไ้ ม้ไตค่ ู้ทำให้เสียงสน้ั ลง
4. ข้อใดมีแมส่ ะกดมากทสี่ ดุ
1 สอ่ งดูหนา้ นอ้ งเสียทหี นงึ่ แล้วจงึ นอน
2 น้ำตาลยอ้ ยมากเม่ือไรได้หนกั หนา
3 อยา่ ดูถูกบุญกรรมว่าทำน้อย
4 อย่านอนเปล่าเอากระจกยกออกมา
5. ข้อใดคำหนา้ กร่อนลงไปเป็นเสียงสระ อะใหป้ ระวสิ รรชนีย์
1 กระทำ กระโดด กระจมุ๋ กระจม๋ิ
2 บะหม่ี บะจ่าง บะช่อ
3 มะเดหวี สะตาหมนั กะระตะ
4 ตะเคียน ตะวนั ตะขาบ
6. คำในข้อใดเปน็ คำอพั ภาส
1 ระรกิ ยะแยม้ วะวับ
2 ตะพาน สะอ้นื สะอาด
3 ตระกูล ตระหนัก ตระหง่าน
4 ธ ณฯ ฯพณฯ
7. ข้อใดเขยี นสะกดคำได้ถกู ต้องทุกคำ
1 เจยี ระนัย หลบั ใหล เหลก็ ไน
2 สะใภ้ หลงใหล ไจไหม
3 ไยบวั หมาใน ใฝ่ใจ
4 บรไู น ใหหลำ ไนจเี รยี
8. ขอ้ ใดมีรูปสระออกเสยี งทุกคำ
1 ภูมิภาค ภมู ิปญั ญา
2 ขดั สมาธิ คุณวฒุ ิ
3 เมรมุ าศ ยตุ ธิ รรม
4 ชาตนิ ยิ ม ชาตภิ ูมิ
9. คำที่ไม่ต้องประวิสรรชนยี ์ท่ยี ่อมาจากคำอื่นข้อใดผิด
1 ณ (ท)ี่
2 ฯพณฯ (พณหวั เจ้าท่าน)
3 ทนาย (ทา่ นนาย)
4 พนกั งาน (พ่อนักงาน)
10. ข้อใดเป็นคำที่มาจากภาษาอน่ื ทุกคำ
1 อรชร ชะเอม กวดั
2 ตะเลง มะนลิ า อะไหล่
3 ศึก เศิก ศอก
4 กระดาษ หญ้า ยาน
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง หลกั การเขยี นสะกดคำ
1. 3 2. 3 3. 2 4. 1 5. 4
6. 1 7. 2 8. 3 9. 1 10. 2
ชอ่ื หน่วย : เรียนรหู้ ลัก ประจักษภ์ าษา หนว่ ยที่ : 1 เวลา : 9 ช่วั โมง
ชื่อแผน : หลกั การสร้างคำในภาษาไทย (คำประสม) แผนท่ี : 5 เวลา : 1 ช่ัวโมง
ช่อื วิชา : ภาษาไทย รหสั ท33101 ชนั้ ม.6
ช่อื ผู้สอน : นางสาวพิราวรรณ โฉลกดี
สาระสำคัญ
คำประสมเกดิ จากการนำคำตั้งแต่ 2 คำขึ้นไปมารวมกันแล้วมีความหมายใหม่ แตย่ ังมีเค้าความหมายของคำ
เดิม กลุม่ คำบางกลุ่มคำหรือประโยคบางประโยคมีลกั ษณะคล้ายคำประสม เมอื่ นำไปใช้ควรพจิ ารณาความหมายให้
ถกู ต้อง
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลงั
ของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัตขิ องชาติ
ตัวชวี้ ัด
ท 4.1 ม. 4-6/6 อธบิ ายและวเิ คราะหห์ ลกั การสรา้ งคำในภาษาไทย
จุดประสงคก์ ารเรยี นรูส้ ู่ตวั ชี้วดั
1. อธิบายเกย่ี วกบั หลักการสร้างคำประสม (K)
2. นำคำประสมไปใช้ในการสือ่ สารได้ถูกตอ้ ง (P)
3. ตระหนกั ถึงคุณค่าของการใช้ภาษาไทยให้ถกู ต้อง (A)
สาระการเรยี นรู้
หลกั การสรา้ งคำประสม
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการส่อื สาร
- ทกั ษะการอ่าน
- ทกั ษะการเขียน
- ทักษะการฟัง การดู และการพูด
2. ความสามารถในการคดิ
- การจำแนก
- การสงั เคราะห์
- การประยกุ ต์/การปรบั ปรงุ
- การประเมินคา่
- การสรุปความรู้
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
รกั ความเป็นไทย
ตวั ช้ีวดั ที่ 7.2 เห็นคุณคา่ และใชภ้ าษาไทยในการสือ่ สารได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม
ชนิ้ งานหรือภาระงาน
ใบงานท่ี 5 เรื่อง คำประสม
คำถามท้าทาย
คำสแลงทีว่ ยั รุ่นใชใ้ นปัจจุบนั มคี ำใดบ้างทเ่ี ป็นคำประสม
การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
ข้นั นำ
1. ใหน้ ักเรยี นอ่านบตั รคำที่ครตู ิดหน้ากระดาน และสังเกตลกั ษณะของคำ
โทรศพั ท์เคลื่อนท่ี ยากนั ยงุ เครอื่ งดูดฝุ่น ผ้ากนั เปอื้ น
ขันพลาสติก ข้าพระพุทธเจ้า ทอ้ งฟ้าจำลอง ท่ีเขย่ี บหุ ร่ี
แล้วชว่ ยกนั แสดงความคดิ เห็นถึงคำต่าง ๆ ทีน่ ำมารวมกัน ครอู ธิบายเพ่ิมเตมิ
ข้ันสอน
2. ใหน้ ักเรียนศึกษาความรเู้ รื่อง คำประสม แลว้ ใหน้ กั เรียนทงั้ ช้นั เรยี นบอกคำประสมคนละ 1 คำ
จนครบทกุ คน หากคำใดไมใ่ ช่คำประสมให้นักเรียนและครชู ่วยท้วงตงิ
3. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลุม่ กลมุ่ ละ 3-4 คน อ่านข่าว หรอื เรอ่ื งส้ัน หรอื ตอนใดตอนหน่งึ ของวรรณคดี
และวรรณกรรม แลว้ ช่วยกันหาคำประสมทีป่ รากฏในเนื้อเรือ่ งและระบุที่มาของคำ เช่น เป็นคำนามประสมกบั
คำกริยา มีความหมายในทำนองเปรียบเทยี บ แล้วนำเสนอหน้าชัน้ เรียน ใหน้ กั เรียนและครรู ่วมกนั ตรวจสอบความ
ถูกต้อง
4. ให้นกั เรยี นนำข้อมลู ที่ได้จากการนำเสนอไปจดั ป้ายนเิ ทศนอกช่วั โมงเรียน เพ่ือเผยแพร่ความรู้
แก่เพ่ือนนกั เรียนและบุคคลท่ัวไป
5. ใหน้ ักเรยี นทำใบงานท่ี 5 เร่ือง คำประสม แลว้ รว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง
ขน้ั สรปุ
6. ให้นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ ดังนี้
- คำประสมเกิดจากการนำคำตงั้ แต่ 2 คำข้ึนไปมารวมกันแล้วมคี วามหมายใหม่ แต่ยังมเี คา้ ความหมายของ
คำเดิม กล่มุ คำบางกลุม่ คำหรือประโยคบางประโยคมลี กั ษณะคล้ายคำประสม เม่อื นำไปใช้ควรพิจารณาความหมาย
ใหถ้ ูกต้อง
7. ให้นักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ ำถามท้าทาย ดังน้ี
- คำสแลงท่วี ยั ร่นุ ใช้ในปัจจุบัน มคี ำใดบ้างทเ่ี ปน็ คำประสม
การจดั บรรยากาศเชงิ บวก
ให้นักเรยี นรว่ มกันระดมความคิดทำงานเปน็ กลุ่ม เพื่อเกิดความรคู้ วามเขา้ ใจในเร่อื งคำประสม วเิ คราะห์
คำจากงานเขียนตา่ ง ๆ ทัง้ วรรณคดี วรรณกรรม เพื่อแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ทศั นคติ และร่วมกนั ใช้ภาษาไทยอยา่ ง
ถกู ต้องมีประสิทธิภาพ
สอื่ การเรยี นรู้
1. บัตรคำ
2. ใบงานที่ 5 เร่อื ง คำประสม
การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
ส่ิงทีต่ ้องการวัด วธิ กี ารวัด เครื่องมอื ทใี่ ช้ในการวัด เกณฑ์ผา่ น
ผ่านเกณฑ์ระดบั
1. อธบิ ายเก่ียวกับหลกั การสร้าง ทำใบงานท่ี 5 เรอื่ ง คำประสม ใบงานที่ 5 เรือ่ ง คำประสม คุณภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์ระดับ
คำประสม (K) คณุ ภาพ 2
ผ่านเกณฑร์ ะดับ
2. นำคำประสมไปใช้ในการ ทำใบงานท่ี 5 เร่ือง คำประสม ใบงานท่ี 5 เร่ือง คำประสม คณุ ภาพ 2
สอ่ื สารไดถ้ ูกต้อง (P)
3. ตระหนกั ถงึ คุณค่าของการใช้ สังเกตพฤติกรรมระหวา่ งเรยี น แบบประเมนิ พฤตกิ รรม
ภาษาไทยให้ถกู ต้อง (A) ระหว่างเรยี น
เกณฑก์ ารวดั และการประเมินผล
1. ด้านความรู้และดา้ นทกั ษะกระบวนการ กำหนดเกณฑ์การใหค้ ะแนน/ระดับคุณภาพ ดงั นี้
ระดับคุณภาพ ความสามารถของนักเรยี น
3 อธบิ ายหลักการสร้างคำประสมหลายลกั ษณะแสดงถึงความเขา้ ใจที่ละเอียด ครอบคลมุ
ดเี ยี่ยม ชัดเจนตรงประเด็น มีการยกตวั อยา่ งประกอบทำใหเ้ ขา้ ใจมากยิ่งข้ึน
2 อธิบายหลักการสร้างคำประสมหลายลักษณะแสดงถงึ ความเขา้ ใจทีล่ ะเอียด ชดั เจนตรง
ดี ประเดน็
1 อธิบายหลักการสร้างคำประสมหลายลักษณะแสดงถึงความเขา้ ใจได้ส้ัน ๆ ตรงประเดน็
ผา่ น
0 อธบิ ายหลักการสร้างคำประสมหลายลักษณะ แต่ไม่ละเอยี ด ชัดเจน
ไม่ผา่ น (ปรับปรุง)