The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ท33101 ชั้น ม.6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Pueng Chalokdee, 2022-09-21 11:18:24

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ท33101 ชั้น ม.6

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ท33101 ชั้น ม.6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

การวดั และ ประเมนิ ผล (มกี ารวดั ทีแ่ สดงใหเ้ หน็ ถงึ ภาระงาน/ชิน้ งาน)

สง่ิ ทีต่ ้องการวดั วิธกี ารวดั เครอ่ื งมอื ท่ีใช้ในการวดั เกณฑผ์ ่าน
ดา้ นความรู้ (K) 1. ทดสอบก่อนเรยี น- หลงั เรียน
2. สังเกตพฤติกรรมระหวา่ งเรียน 1. ทดสอบก่อนเรียน- หลังเรียน 1.ผา่ นเกณฑ์

2. แบบประเมินพฤติกรรม รอ้ ยละ 70

ระหว่างเรยี น 2. ผา่ นเกณฑ์

ระดับคุณภาพ 1

ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) 1. ทำแบบฝกึ หดั 1. ใบงานที่ 1การเขียนโนม้ น้าวใจ ผ่านเกณฑ์ระดบั

ดา้ นสมรรถนะที่สำคญั ของ 1. ทำแบบฝกึ หัด คุณภาพ 1
ผ้เู รยี น 2. สงั เกตพฤติกรรมระหวา่ งเรียน
1. ใบงานที่ 1การเขียนโน้มน้าวใจ ผา่ นเกณฑร์ ะดบั

2. แบบประเมนิ พฤติกรรม คุณภาพ

ระหวา่ งเรยี น 1

สงิ่ ทตี่ ้องการวัด วิธกี ารวัด เครอ่ื งมือที่ใช้ในการวดั เกณฑ์ผ่าน

ด้านการอ่าน คิด วเิ คราะห์ 1. ทำแบบฝึกหัด 1.ใบงานที่ 1 การเขยี นโนม้ น้าวใจ ผ่านเกณฑร์ ะดับ

2. สังเกตพฤติกรรมระหว่างเรียน 2.แบบประเมนิ พฤติกรรมระหวา่ ง คณุ ภาพ 1

เรียน

ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ 1.สงั เกตพฤติกรรมระหว่างเรียน แบบประเมนิ พฤตกิ รรมระหว่าง ผา่ นเกณฑร์ ะดบั
ประสงค์ (A) 2.สงั เกตการตอบคำถามและการ
ร่วมกจิ กรรม เรียน คณุ ภาพ 1

เกณฑ์การวดั และ ประเมินผล
เกณฑร์ ะดบั คุณภาพพฤตกิ รรมการเรียนรูข้ องนักเรยี นระหว่างเรียน กำหนดเกณฑ์การให้คะแนน/

ระดบั คณุ ภาพ ดงั นี้
1. ด้านความร/ู้ ด้านทกั ษะกระบวนการ กำหนดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน/ระดบั คุณภาพ ดังนี้

คะแนน/ระดบั คุณภาพ ความสามารถของนักเรียน
3 มคี วามเข้าใจ สามารถอธิบาย ตอบคำถามและดำเนินการ
แกป้ ญั หาได้คำตอบท่ีถูกต้องครบถ้วนเป็นอยา่ งดเี ยย่ี ม
ดเี ย่ยี ม และชดั เจน
มคี วามค่อนข้างเขา้ ใจ สามารถอธิบาย ตอบคำถามและ
2 ดำเนินการแกป้ ัญหาได้คำตอบที่ถกู ต้องเปน็ อยา่ งดี
ดี มีความเข้าใจพอสมควร สามารถอธบิ าย ตอบคำถามและ
1 ดำเนินการแกป้ ัญหาได้คำตอบท่ถี ูกต้องได้เปน็ บางส่วน
ผ่าน ไมม่ ีความเขา้ ใจ ไม่สามารถอธิบาย ไมส่ ามารถตอบ
0 คำถามและดำเนินการแก้ปญั หาได้คำตอบที่ถกู ต้องได้
ไม่ผา่ น (ปรบั ปรงุ )

2. ดา้ นสมรรถนะที่สำคัญของนกั เรียน กำหนดเกณฑ์การใหค้ ะแนน/ระดับคณุ ภาพ ดงั นี้

สมรรถนะที่ 1 ความสามารถในการสื่อสาร ตวั ชี้วดั ท่ี 1 ใช้ภาษาถา่ ยทอดความรคู้ วามเข้าใจ ความคิด

ความรูส้ ึก และทศั นะของตนเองดว้ ยการพดู และการเขียน

พฤติกรรมบ่งช้ี ระดับคณุ ภาพ

ดีเย่ยี ม (3) ดี (2) ผา่ น (1) ไม่ผ่าน (0)

1.พดู ถ่ายทอดความรู้ พูดถ่ายทอดความรูค้ วาม พดู ถ่ายทอดความรู้ความ พูดถา่ ยทอดความรคู้ วาม ไมพ่ ูดถ่ายทอด

ความเข้าใจจากสารท่ี เข้าใจจากสารทีอ่ ่าน ฟงั ดู เข้าใจจากสารท่อี ่าน ฟงั ดู เข้าใจจากสารทอ่ี า่ น ฟัง ความรูค้ วามเข้าใจ

อา่ นฟัง หรือดดู ้วย ด้วยภาษาของตนเองได้ ด้วยภาษาของตนเองได้ ดดู ว้ ยภาษาของตนเองได้ จากสารที่อ่าน ฟงั

ภาษาของตนเองได้ อยา่ งคล่องแคลว่ ชดั เจน อยา่ งชดั เจนแต่ขาด บา้ ง ดูดว้ ยภาษาของ

คลอ่ งแคลว่ ตนเองได้

2. พดู ถ่ายทอด พดู ถ่ายทอดความคดิ พูดถ่ายทอดความคิด พดู ถา่ ยทอดความคิด พูดถ่ายทอด

ความคดิ ความรูส้ กึ ความร้สู ึกและทศั นะจาก ความรูส้ ึกและทัศนะจาก ความรสู้ กึ และทศั นะจาก ความคิดความรู้สกึ

และทศั นะของตนเอง สารทีอ่ า่ น ฟัง หรือดู สารทีอ่ า่ น ฟัง หรอื ดู สารทอ่ี ่าน ฟัง หรือดูดว้ ย และทศั นะจากสาร

จากสารท่อี า่ น ฟงั ตามที่กำหนดได้อย่าง ตามทีก่ ำหนดได้อยา่ งมี ภาษาของตนเองไดบ้ า้ ง ท่อี ่าน ฟัง หรอื ดู

และดดู ้วยภาษาของ สมเหตุสมผล คล่องแคลว่ เหตุผล ด้วยภาษาของ และเหตผุ ลไม่เพียงพอ ตามแบบ

ตนเองได้ ชัดเจนด้วยภาษาของ ตนเองได้

ตนเองได้

3. เขียนถ่ายทอด เขยี นถา่ ยทอดความรู้ เขยี นถ่ายทอดความรู้ เขยี นถ่ายทอดความรู้ เขยี นถ่ายทอด

ความรูค้ วามเข้าใจ ความเข้าใจจากสารท่ีอา่ น ความเข้าใจจากสารท่ีอา่ น ความเขา้ ใจจากสารท่ี ความรู้ความเข้าใจ

จากสารทอ่ี ่านฟังหรือ ฟงั หรอื ดูด้วยภาษาของ ฟังหรอื ดูดว้ ยภาษาของ อ่านฟังหรือดูด้วยภาษา จากสารท่อี า่ นฟงั

ดูด้วยภาษาของ ตนเองได้ใจความ ตนเองไดใ้ จความสำคญั ของตนเองไดใ้ จความ หรอื ดู ตามแบบ

ตนเองได้ ครอบคลุมครบถว้ นและ เปน็ ส่วนใหญ่แตไ่ ม่ สำคัญเป็นเปน็ บางสว่ น

ถูกต้องตามหลักการใช้ ครบถ้วนสมบรู ณแ์ ละมี และมขี ้อบกพร่องในการ

ภาษา ข้อบกพร่องในการใชห้ ลกั ใชห้ ลักภาษาไมเ่ กิน 3

ภาษาไม่เกิน 2 แห่ง แห่ง แต่ไม่เกนิ 5 แห่ง

4. เขียนถา่ ยทอด เขียนถ่ายทอดความคิด เขยี นถ่ายทอดความคิด เขียนถา่ ยทอดความคดิ เขยี นถ่ายทอด

ความคิดความรู้สึก ความรู้สึกและทัศนะของ ความรู้สกึ และทศั นะของ ความรสู้ กึ และทศั นะของ ความคดิ ความรสู้ ึก

และทัศนะของตนเอง ตนเองจากสารท่อี ่านฟัง ตนเองจากสารทีอ่ ่านฟงั ตนเองจากสารท่ีอ่านฟัง และทัศนะของ

จากสารท่ีอ่านฟงั หรือ หรือดดู ้วยภาษาของ หรอื ดดู ว้ ยภาษาของ หรอื ดดู ว้ ยภาษาของ ตนเองจากสารที่

ดูด้วยภาษาของ ตนเองได้ใจความ ตนเองได้ใจความสำคัญ ตนเองได้ใจความสำคญั อา่ นฟังหรือดู ตาม

ตนเองได้ ครอบคลุมครบถว้ นและ เป็นส่วนใหญ่แตไ่ ม่ เปน็ เปน็ บางส่วน และมี แบบ

ถูกต้องตามหลักการใช้ ครบถว้ นสมบรู ณแ์ ละมี ข้อบกพร่องในการใช้

ภาษา ข้อบกพร่องในการใช้หลัก หลักภาษาไม่เกนิ 3 แหง่

ภาษาไมเ่ กิน2 แห่ง แต่ไมเ่ กิน 5 แห่ง

สมรรถนะที่ 2 ความสามารถในการคดิ ระดบั คณุ ภาพ ไมผ่ ่าน(ปรบั ปรุง)
ตวั ช้ีวัดที่ 1 คิดพ้ืนฐาน (การคิดวเิ คราะห์) ดี (2) ผ่าน (1) (0)

พฤตกิ รรมบ่งช้ี มีพฤติกรรมบง่ ชี้ 3 มีพฤติกรรมบ่งชี้ 2 มีพฤติกรรมบ่งช้ี
ดเี ยีย่ ม (3) พฤติกรรมใด
พฤติกรรมในบรบิ ท พฤติกรรมในบรบิ ท พฤติกรรมหนงึ่
1. จำแนก จัด มพี ฤติกรรมบง่ ช้ี ดังนี้ หรือไม่ปรากฏ
หมวดหมู่ จดั ลำดบั 1. จำแนกการแปลงได้ ของการดำเนนิ ของการดำเนนิ พฤติกรรมใดเลย
ความสำคญั และ 2. จัดหมวดหมู่ลกั ษณะ
เปรยี บเทียบข้อมลู ใน การแปลงได้ ชีวิตประจำวันได้ ชวี ติ ประจำวันได้ ไมส่ ามารถระบุ
บริบทของการ 3. จดั ลำดับความสำคัญได้ ความสัมพันธข์ องการ
ดำเนินชีวติ ประจำวัน 4. เปรียบเทยี บขอ้ มูลได้ อย่างเหมาะสม อย่างเหมาะสม แปลงแต่ละจุดได้
ถูกต้อง และไม่
ในบรบิ ทของการดำเนิน สอดคลอ้ งกบั ความ สอดคล้องกับความ สามารถเชื่อมโยงกับ
ชวี ติ ประจำวันได้อยา่ ง ภาพต้นแบบได้
เหมาะสมสอดคล้องกบั เปน็ จรงิ เปน็ จรงิ สามารถระบุหลักการ
ความเป็นจรงิ สำคัญ แนวคิดหรือ
2. หาความสัมพนั ธ์ ระบคุ วามสัมพันธข์ องการ ระบุความสมั พันธ์ ระบุความสมั พันธ์ ความรทู้ ีป่ รากฏจาก
ของส่วนประกอบ แปลงแต่ละจดุ สามารถ การแปลงท่ีพบเหน็ ใน
ต่างๆของข้อมลู ที่พบ เชอื่ มโยงกบั ภาพต้นแบบ ของการแปลงแต่ละ ของการแปลงแตล่ ะ บรบิ ทของการดำเนิน
เหน็ ในบริบทของการ ได้อย่างถกู ต้องครบถว้ น ชวี ิตประจำวันไม่
ดำเนนิ ชวี ิตประจำวนั จุดสามารถ จดุ ได้ถูกตอ้ ง แตไ่ ม่ ถกู ต้อง

3. สามารถระบุ สามารถระบุหลักการ เช่ือมโยงกับภาพ สามารถเชื่อมโยง
หลกั การสำคญั สำคญั แนวคดิ หรือความรู้
แนวคดิ หรือความร้ทู ี่ ทปี่ รากฏจากการแปลงท่ี ตน้ แบบได้อยา่ ง กับภาพต้นแบบได้
ปรากฏในข้อมลู ท่ีพบ พบเห็นในบรบิ ทของการ
เห็นในบรบิ ทของการ ดำเนินชวี ิตประจำวนั ได้ ถกู ต้อง
ดำเนนิ ชวี ติ ประจำวัน อยา่ งถูกต้องครบถว้ น
สามารถระบุ สามารถระบุ

หลกั การสำคัญ หลักการสำคญั

แนวคดิ หรอื ความรู้ แนวคิดหรือความรู้

ท่ีปรากฏจากการ ทปี่ รากฏจากการ

แปลงที่พบเหน็ ใน แปลงท่พี บเห็นใน

บริบทของการ บรบิ ทของการ

ดำเนนิ ชีวิต ดำเนิน

ประจำวัน ได้อย่าง ชีวิตประจำวันได้

ถูกต้องแต่ไม่ ถูกต้องบางส่วน

ครบถว้ น และไมค่ รบถว้ น

สมรรถนะท่ี 5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

ตัวช้ีวัดท่ี 1 เลือกและใชเ้ ทคโนโลยเี พอื่ พัฒนาตนเองและสงั คม

พฤตกิ รรมบ่งช้ี ระดับคุณภาพ

ดีเย่ียม (3) ดี (2) ผา่ น (1) ไม่ผ่า

1. เลอื กและใช้ เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยที ่ี เลือกและใชเ้ ทคโนโลยที ี่ เลือกและใช้เทคโนโลยี เลือกและใช้เทคโนโลยีท่ีเหมาะ

เทคโนโลยีใน เหมาะสมในการสบื ค้น เหมาะสมในการสืบคน้ ท่ีเหมาะสมในการ รวบรวม และสรุปความรู้ด้วยต

การเรียนรอู้ ยา่ ง คน้ ควา้ รวบรวม และสรุป คน้ ควา้ รวบรวม และ สบื ค้น ค้นคว้า

สร้างสรรค์และ ความรดู้ ้วยตนเองได้อย่าง สรปุ ความรู้ดว้ ยตนเองได้ รวบรวม และสรุป

มคี ณุ ธรรม ถูกต้องมีความหลากหลาย อย่างถูกต้อง มีความ ความร้ดู ้วยตนเองได้

แปลกใหมแ่ ละเป็นประโยชน์ หลากหลายแปลกใหม่ อยา่ งถูกต้อง มคี วาม

ต่อตนเองและสงั คม โดย และเป็นประโยชน์ตอ่ หลากหลายแปลกใหม่

สามารถแนะนำผู้อน่ื ได้ ตนเองและสังคม และเปน็ ประโยชน์ต่อ

ตนเองหรอื สังคม

2. เลือกและใช้ เลอื กและใช้เทคโนโลยีท่ี เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยีที่ เลือกและใชเ้ ทคโนโลยี เลอื กและใช้เทคโนโลยีใหผ้ ้อู ่นื

เทคโนโลยใี น เหมาะสมในการรบั และส่งสาร เหมาะสมในการรับและ ท่ีเหมาะสมในการรบั คำนงึ ถงึ ผลกระทบตอ่ ผู้อ่นื

การส่อื สารอย่าง ให้ผอู้ ืน่ เข้าใจได้อย่างถูกต้องมี สง่ สารใหผ้ อู้ น่ื เขา้ ใจได้ และสง่ สารให้ผู้อืน่

สรา้ งสรรคแ์ ละ ความหลากหลายแปลกใหม่ อย่างถูกต้อง มคี วาม เข้าใจได้อยา่ งถูกต้อง

มคี ณุ ธรรม โดยไมท่ ำให้ผู้อืน่ เดือดรอ้ น หลากหลายแปลกใหม่ โดยไม่ทำให้ผู้อืน่

และสามารถแนะนำผู้อนื่ ได้ โดยไม่ทำใหผ้ ู้อ่นื เดอื ดร้อน

เดอื ดรอ้ น

3. เลือกใช้ เลอื กและใช้เทคโนโลยีที่ เลือกและใช้เทคโนโลยที ่ี เลือกและใชเ้ ทคโนโลยี เลือกและใชเ้ ทคโนโลยเี พ่ือลด

เทคโนโลยีใน เหมาะสมเพอ่ื ลดขั้นตอน เวลา เหมาะสมเพอ่ื ลดข้นั ตอน ทเี่ หมาะสมเพ่ือลด ทำงานและนำเสนอผลงานได้โ

การทำงานอย่าง ทรัพยากรในการทำงานและ เวลา ทรพั ยากรในการ ขนั้ ตอน เวลา

สร้างสรรคแ์ ละ นำเสนอผลงานทเี่ ปน็ ทำงานและนำเสนอ ทรพั ยากรในการ

มคี ณุ ธรรม ประโยชนต์ อ่ ตนเองและสงั คม ผลงานท่ีเป็นประโยชน์ ทำงานและนำเสนอ

และสามารถแนะนำคนอ่นื ได้ ต่อตนเองและสังคม ผลงานทเี่ ปน็ ประโยชน์

ต่อตนเองหรอื สังคม

4. การเลอื ก เลือกและใชเ้ ทคโนโลยที ี่ เลือกและใช้เทคโนโลยที ี่ เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยี เลือกใชเ้ ทคโนโลยีในการแก้ปัญ

และใช้ เหมาะสม ในการแก้ปัญหา เหมาะสม ในการ ในการแกป้ ัญหาได้ดว้ ย

เทคโนโลยีใน อย่างสร้างสรรค์ได้ด้วยตนเอง แกป้ ัญหาอย่าง ตนเอง ทำใหเ้ กดิ

การแก้ปัญหา ทำให้เกดิ ประโยชนต์ ่อตนเอง สร้างสรรค์ไดด้ ว้ ยตนเอง ประโยชนต์ ่อตนเอง

อย่างสรา้ งสรรค์ และสังคม โดยไมท่ ำใหผ้ ู้อื่น ทำใหเ้ กดิ ประโยชน์ตอ่ และสงั คม

และมีคุณธรรม เดือดรอ้ น และสามารถ ตนเองและสังคม

แนะนำผอู้ น่ื ได้

3. ด้านการอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียน กำหนดเกณฑ์การให้คะแนน/ระดบั คุณภาพ ดงั นี้

ประเดน็ การประเมิน ระดบั คณุ ภาพ

ดีเย่ยี ม (3) ดี (2) ผ่าน (1) ไมผ่ ่าน(ปรบั ปรุง)

(0)

ตวั ชว้ี ัดที่ 1 สามารถคัด อา่ นข้อมลู ได้ครบถ้วน อ่านข้อมูลไดค้ รบถ้วน อ่านข้อมูลไดบ้ างส่วน อ่านข้อมลู ไม่ได้และ

สรรสือ่ ที่ต้องการอ่าน ถกู ต้องชัดเจน และ ถูกต้อง ถูกต้องเลก็ น้อย ไม่ถูกต้อง

เพื่อหาข้อมูลสารสนเทศ รวดเร็ว

ไดต้ ามวัตถุประสงค์

สามารถสรา้ งความเขา้ ใจ

และประยุกตใ์ ช้ความรู้

จากการอ่าน

ตัวชว้ี ัดท่ี 2 สามารถจับ สามารถสรุปประเด็น สามารถสรุปประเด็น สามารถสรุปประเด็น ไมส่ ามารถสรปุ

ประเดน็ สำคัญและ สำคัญลำดบั ขั้นตอน สำคัญลำดับขนั้ ตอน สำคญั ลำดับขนั้ ตอน ประเดน็ สำคญั

ประเด็นสนับสนนุ โต้แยง้ จากส่อื ข้อมูลได้อย่าง จากสื่อข้อมูลไดอ้ ย่าง จากสอ่ื ข้อมูลไดบ้ ้าง ลำดบั ขัน้ ตอนจาก

ถูกต้อง ครบถว้ น ถกู ต้อง ส่ือขอ้ มูลไม่ถกู ต้อง

ตวั ช้วี ดั ที่ 4 สามารถสรปุ แสดงทรรศนะและการ แสดงทรรศนะและการ แสดงทรรศนะและ แสดงทรรศนะและ

คุณค่า แนวคิด แง่คิดท่ี โต้แยง้ โดยมีเหตุผล โตแ้ ยง้ โดยมเี หตผุ ล การโต้แยง้ โดยมี การโตแ้ ย้งโดยมี

ได้จากการอ่าน สนับสนนุ ได้ครบถ้วน สนบั สนุนได้เป็น เหตผุ ลสนบั สนุนได้ เหตุผลสนบั สนนุ

และถูกต้อง สว่ นมาก เป็นส่วนนอ้ ย ไมไ่ ด้

ตัวช้ีวัดที่ 5 สามารถสรปุ เขยี นแสดงทรรศนะ แสดงทรรศนะและการ แสดงทรรศนะและ แสดงทรรศนะและ
อธบิ าย ขยายความ และการโต้แยง้ พร้อม โตแ้ ยง้ พร้อมท้งั อธบิ าย การโต้แย้งพร้อมทง้ั การโตแ้ ย้งได้น้อย
แสดงความเหน็ โต้แยง้ ท้ังอธิบายแสดงความ แสดงความคิดเห็นได้ อธบิ ายแสดงความ มากหรอื ไมส่ ามารถ
สนบั สนุน โนม้ น้าว โดย คดิ เหน็ ได้ถกู ต้อง ถูกต้อง เข้าใจได้บ้าง คิดเห็นได้ถูกต้องบา้ ง สรปุ ไดเ้ ลย
การเขียนสอื่ สารใน เข้าใจง่ายและชดั เจน
รปู แบบตา่ งๆ เชน่ ผงั
ความคดิ เป็นตน้

4. ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) : ข้อ 4 ใฝ่เรยี นรู้ กำหนดเกณฑ์การใหค้ ะแนน/ระดับคุณภาพ ดงั นี้

ตวั ชวี้ ัดที่ 4.1 ตัง้ ใจเพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ รว่ มกิจกรรม

พฤติกรรมบ่งชี้ พฤตกิ รรมสำคัญ ระดับคุณภาพ

ดีเย่ยี ม (3) ดี (2) ผ่าน (1) ไมผ่ า่ น

(ปรับปรุง) (0)

4.1.1 ตั้งใจเรยี น 1. เขา้ เรยี นตรงเวลา เข้าเรยี นตรงเวลา เขา้ เรยี นตรงเวลา เขา้ เรยี นตรง เข้าเรียนไม่ตรง

4.1.2 เอาใจใสแ่ ละ 2. ทำงานถูกต้อง ส่ง ตง้ั ใจเรียน เอาใจ ตงั้ ใจเรียน เอาใจใส่ เวลา ตั้งใจเรียน เวลา ไมต่ ง้ั ใจ

มีความเพียร งานครบ ใส่ และมีความ และมีความเพียร เอาใจใส่ และมี เรียน ไม่มสี ่วน

พยายามในการ 3. ทำงานทีไ่ ดร้ บั เพยี รพยายามใน พยายามในการ ความเพยี ร รว่ มในกิจกรรม

เรียนรู้ มอบหมายสำเร็จ การเรยี นรู้ มสี ่วน เรยี นรู้ มีสว่ นร่วม พยายามในการ การเรียน

4.1.3 มสี ่วนรว่ ม ครบถว้ น ถกู ต้อง รว่ มในกิจกรรม ในกิจกรรมการ เรียนรู้ มีสว่ น

ในการเรียนรู้และ 4. มีสว่ นร่วมใน การเรยี นเปน็ เรยี นบ่อยคร้ัง ร่วมในกิจกรรม

เขา้ ร่วมกจิ กรรม กจิ กรรมการเรียน ประจำ การเรยี นเปน็

ตา่ งๆ บางคร้ัง

เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
1. ด้านความร/ู้ ด้านทักษะกระบวนการ

- โดยถือเกณฑผ์ ่านจากการทำแบบทดสอบ ผา่ นเกณฑร์ ะดับคุณภาพร้อยละ 70 ขน้ึ ไป
- การสงั เกตพฤติกรรมระหว่างเรยี น และการตรวจใบงาน ผา่ นเกณฑร์ ะดับคณุ ภาพ 1 ข้ึนไป
2. ด้านสมรรถนะท่ีสำคัญของนักเรยี น
- โดยถอื เกณฑผ์ า่ นจากการสังเกตพฤติกรรมระหวา่ งเรยี นผ่านเกณฑร์ ะดบั คุณภาพ 1 ขึ้นไป
3. ด้านการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน
- โดยถือเกณฑผ์ า่ นจากการสังเกตพฤตกิ รรมระหว่างเรียนผ่านเกณฑร์ ะดบั คุณภาพ 1 ข้ึนไป
4. ด้านดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ข้อ 4 ใฝเ่ รียนรู้
- โดยถอื เกณฑผ์ ่านจากการสังเกตพฤตกิ รรมระหวา่ งเรยี นผ่านเกณฑ์ระดบั คุณภาพ 1 ขึ้นไป

การประเมนิ พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนระหว่างเรยี น
ด้านความร้/ู ด้านทักษะกระบวนการ

หลักการประเมิน : การประเมนิ คร้งั น้จี ะทำการประเมินเปน็ กล่มุ โดยครูผ้สู อนจะเปน็ ผู้ประเมินตาม
เกณฑป์ ระเมนิ ดังน้ี

3 หมายถึง ดีเยี่ยม 2 หมายถึง ดี 1 หมายถงึ ผ่าน 0 หมายถึง ไม่ผา่ น/ปรับปรงุ

เลขที่ รายการประเมิน รวม ผลการประเมนิ

ความรู้ การถาม- ความ ความ ความ การแก้ไข (เฉล่ีย) ผ่าน ไม่ผ่าน

ความเข้าใจ ตอบ ครบถ้วน ถูกต้อง ชดั เจน ปัญหา

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

ข้อเสนอแนะ
............................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ............................................ผู้ประเมนิ
( นางสาวพริ าวรรณ โฉลกดี )

เกณฑ์การประเมนิ คะแนน 2.5 – 3.0 ระดบั คณุ ภาพ ดีเยี่ยม (3)
คะแนน 1.5 – 2.4 ระดบั คุณภาพ ดี (2)
คะแนน 1.4 – 1.0 ระดบั คุณภาพ ผ่าน (1)
คะแนน 0.9 – 0 ระดับคุณภาพ ไม่ผ่าน (0)

การประเมนิ พฤติกรรมการเรียนรู้ของนกั เรียนระหวา่ งเรยี น

ดา้ นสมรรถนะทส่ี ำคญั ของนักเรยี น
หลกั การประเมนิ : การประเมนิ ครงั้ นจ้ี ะทำการประเมินเป็นกลุ่มโดยครูผ้สู อนจะเป็นผู้ประเมนิ ตามเกณฑ์
ประเมนิ ดงั นี้
3 หมายถึง ดีเย่ียม 2 หมายถึง ดี 1 หมายถงึ ผ่าน 0 หมายถงึ ไม่ผา่ น/ปรับปรุง

เลขที่ สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะท่ี 5 รวม สรปุ ผลการประเมนิ

ตัวชีว้ ดั ท่ี 1 ตัวช้วี ัดท่ี 1 ตัวช้วี ัดที่ 1 (เฉล่ยี ) ผา่ น ไมผ่ ่าน

พฤติกรรมบ่งชี้ พฤตกิ รรมบ่งชี้ พฤตกิ รรมบ่งชี้

1 2341 2 3 1 2 3 4

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

ขอ้ เสนอแนะ
............................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ............................................ผปู้ ระเมนิ
( นางสาวพิราวรรณ โฉลกดี )

เกณฑ์การประเมนิ คะแนน 2.5 – 3.0 ระดับคณุ ภาพ ดเี ยย่ี ม (3)
คะแนน 1.5 – 2.4 ระดับคุณภาพ ดี (2)
คะแนน 1.4 – 1.0 ระดบั คุณภาพ ผ่าน (1)
คะแนน 0.9 – 0 ระดบั คณุ ภาพ ไมผ่ า่ น (0)

การประเมินพฤตกิ รรมการเรียนรู้ของนักเรยี นระหวา่ งเรยี น

ด้านการอา่ น คดิ วิเคราะห์และเขียน

หลักการประเมิน : การประเมินครั้งนจ้ี ะทำการประเมินเปน็ กลุม่ โดยครผู สู้ อนจะเป็นผูป้ ระเมินตามเกณฑ์

ประเมิน ดังน้ี

3 หมายถึง ดีเย่ียม 2 หมายถึง ดี 1 หมายถงึ ผ่าน 0 หมายถงึ ไม่ผ่าน/ปรบั ปรุง

เลขที่ ประเดน็ การประเมนิ รวม สรุปผลการประเมิน

ตวั ชว้ี ดั ที่ 1 ตวั ช้ีวดั ที่ 2 ตัวชว้ี ดั ท่ี 4 ตวั ชว้ี ัดที่ 5 (เฉลี่ย) ผ่าน ไมผ่ ่าน

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

ขอ้ เสนอแนะ
............................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

ลงช่อื ............................................ผปู้ ระเมนิ
( นางสาวพิราวรรณ โฉลกดี )

เกณฑก์ ารประเมิน คะแนน 2.5 – 3.0 ระดับคณุ ภาพ ดเี ยี่ยม (3)
คะแนน 1.5 – 2.4 ระดบั คุณภาพ ดี (2)
คะแนน 1.4 – 1.0 ระดับคุณภาพ ผา่ น (1)
คะแนน 0.9 – 0 ระดับคุณภาพ ไม่ผา่ น (0)

การประเมนิ พฤตกิ รรมการเรียนรู้ของนกั เรยี นระหว่างเรยี น
ดา้ นดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) : ขอ้ 4 ใฝ่เรียนรู้
หลักการประเมนิ : การประเมินครง้ั นีจ้ ะทำการประเมินเปน็ กลุ่มโดยครูผสู้ อนจะเป็นผ้ปู ระเมนิ ตามเกณฑ์
ประเมนิ ดังน้ี
3 หมายถึง ดีเย่ียม 2 หมายถึง ดี 1 หมายถงึ ผา่ น 0 หมายถึง ไม่ผ่าน/ปรบั ปรุง

เลขท่ี ตัวชวี้ ัดที่ 4.1 ตัวช้วี ัดที่ 6.1 ตวั ชีว้ ัดท่ี 6.2 รวม สรุปผลการประเมนิ
รายการประเมนิ รายการประเมิน รายการประเมนิ (เฉลยี่ ) ผ่าน ไม่ผา่ น
พฤติกรรมบง่ ชี้ พฤติกรรมบ่งช้ี พฤติกรรมบ่งช้ี
123 123 123

1
2
3
4
5
6
7
8
9

ขอ้ เสนอแนะ
............................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ............................................ผู้ประเมนิ
( นางสาวพริ าวรรณ โฉลกดี )

เกณฑก์ ารประเมิน คะแนน 2.5 – 3.0 ระดับคุณภาพ ดเี ย่ียม (3)
คะแนน 1.5 – 2.4 ระดบั คุณภาพ ดี (2)
คะแนน 1.4 – 1.0 ระดับคุณภาพ ผ่าน (1)
คะแนน 0.9 – 0 ระดบั คณุ ภาพ ไมผ่ า่ น (0)

ชือ่ หน่วย : พัฒนาทกั ษะส่ือสารการเขยี น หนว่ ยที่ : 2 เวลา : 9 ชวั่ โมง
ชื่อแผน : การเขยี นเชญิ ชวน แผนท่ี : 3 เวลา : 1 ชวั่ โมง
ชื่อวิชา : ภาษาไทย รหัส ท33101 ชน้ั ม.6
ชือ่ ผสู้ อน : นางสาวพิราวรรณ โฉลกดี

สาระสำคญั
การเขยี นเชญิ ชวนก็เป็นการโน้มนา้ วใจอย่างหน่งึ ท่ตี ้องการเชิญชวนใหผ้ ู้อา่ นปฏิบัตติ าม เปน็ การพยายาม

ทำให้ผูอ้ น่ื เปล่ยี นแปลงพฤตกิ รรม ทศั นคติ ความเชอื่ หรือค่านยิ ม โดยใช้ข้อความท่ีสรา้ งสรรค์ มีเจตนาดี มี
จดุ ประสงค์ มีคุณธรรมจริยธรรม และใชภ้ าษาไปในทางเสนอแนะ อ้อนวอน ขอรอ้ ง ไมข่ เู่ ข็ญ คุกคาม บังคับ หรือ
หลอกลวง

มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท 2.1 ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นส่ือสาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขียนเรือ่ งราว
ในรปู แบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอยา่ งมี
ประสทิ ธิภาพ
ตวั ชว้ี ดั
ท 2.1 ม. 4-6/1 เขียนสอื่ สารในรูปแบบต่าง ๆ ได้ตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ โดยใช้ภาษาเรียบเรียง
ถกู ตอ้ ง มีข้อมูล และสาระสำคัญชัดเจน

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (แสดงให้เหน็ ถงึ ภาระงาน/ชน้ิ งาน)
ด้านความรู้ (K) :
1. อธบิ ายเกย่ี วกับการเขียนเชญิ ชวนได้ (K)
ด้านทักษะกระบวนการ (P) :
1. เขยี นเชญิ ชวนได้ (P)
ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) :
1. ใฝเ่ รียนรู้ (A)

สมรรถนะทีส่ ำคัญของผ้เู รียน
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคิด

การอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขียน
ตวั ชว้ี ดั ท่ี 5 สามารถสรปุ อธิบาย ขยายความ แสดงความเห็นโตแ้ ยง้ สนบั สนนุ โนม้ น้าว โดยการเขยี น
ส่อื สารในรูปแบบต่างๆ เชน่ ผังความคิด เป็นตน้

คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
ข้อท่ี 4 ใฝเ่ รียนรู้
ตวั ชี้วัดและพฤติกรรมบ่งช้ี

ตวั ชวี้ ัด พฤติกรรมบง่ ชี้
4.1 ตั้งใจ เพียรพยายามในการ 4.1.1 ตงั้ ใจเรียน
เรยี นและการเขา้ ร่วมกจิ กรรม 4.1.2 เอาใจใสแ่ ละมคี วามเพียรพยายามในการเรยี นรู้
การเรียนรู้ 4.1.3 สนใจเข้าร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ต่างๆ

สาระการเรียนรู้ (เน้อื หา-เขียนเปน็ รายขอ้ )
1. การเขยี นเชิญชวน

กจิ กรรมการเรียนรู้ ( ใช้กระบวนการเรยี นรแู้ บบรว่ มมือ)

ขนั้ นำ
1. ครใู หน้ ักเรยี นชมตวั อยา่ งการเขียนเชิญชวนจากส่ือเพาเวอรพ์ อยท์ ครสู ่มุ ถามนักเรยี นให้ตอบคำถามวา่
“นกั เรียนชอบข้อความใด เพราะอะไร” และ
“ข้อความขา้ งตน้ มีจดุ ประสงคใ์ ห้ผู้อา่ นปฏิบัติอย่างไร”
2. ครสู รปุ ให้นกั เรยี นฟังวา่ ข้อความข้างต้นเป็นข้อความเชญิ ชวน มีจุดประสงค์ชกั ชวนใหผ้ ู้อา่ นคล้อยตาม
และปฏิบัตติ าม
ขั้นสอน
1. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาความรูเ้ รื่อง การเขียนเชิญชวน จากหนังสือเรียนหลักภาษาและการใช้ภาษาไทย ม.6
หนา้ 171 -173 ครูอธิบายเพิ่มเตมิ และยกตัวอย่างข้อความเชิญชวน เพือ่ ให้นักเรยี นเข้าใจได้อยา่ งชัดเจน
2. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุม่ กลุ่มละ 3 – 4 คนตามความสมัครใจ เพ่อื ดตู วั อย่างการเขียนเชิญชวนจากส่อื
เพาเวอร์พอยท์อีกคร้ัง จากนั้นให้นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ทำใบงานที่ 1 จับคู่ข้อความเชิญชวน ช่วยกันจับคู่ขอ้ ความ
เชิญชวนเหลา่ นัน้ กบั ประเภททน่ี กั เรยี นได้ศกึ ษา (ระบวุ า่ เป็น คำขวัญ คำเชญิ ชวน หรอื คำโฆษณาสนิ คา้ ) กลุ่ม
ใดตอบคำถามเสรจ็ เรียบรอ้ ยกอ่ นใหย้ กมือ กลมุ่ อื่นๆ แจ้งตามลำดบั
3. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั เฉลยใบงานท่ี 1. กลมุ่ ทตี่ อบถูกเป็นลำดบั แรกจะได้คะแนนสูงสดุ จากน้ัน
ช่วยกนั วเิ คราะห์ลักษณะการใชภ้ าษาในขอ้ ความเชิญชวนประเภทตา่ ง ๆ วา่ มลี ักษณะเด่นอยา่ งไรบ้าง
4. ครมู อบหมายให้นกั เรียนแต่ละกลุม่ ทำ ชิ้นงานท่ี 1 เรอ่ื ง การเขียนเชิญชวน แล้วสง่ ตวั แทนออกมา
นำเสนอหนา้ ชั้นเรียน
5. ให้นักเรียนและครูร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั ข้อความท่ีแต่ละกลมุ่ นำเสนอวา่ เหมาะสมหรือไม่
และมีสว่ นใดที่ควรปรบั ปรงุ แกไ้ ขหรือไม่ แล้วให้นกั เรียนเลือกข้อความท่ชี ืน่ ชอบมากทส่ี ุด 1 ข้อความโดยให้
นกั เรียนแสดงความคดิ เห็นดว้ ยว่าเพราะเหตุใดจงึ เลอื กข้อความนี้ และถ้าใช้ขอ้ ความน้ีในสื่อสาธารณะจะไดร้ ับการ
เชือ่ ถือหรือไม่เพราะเหตใุ ด ใหน้ ักเรยี นตรวจสอบผลงานอีกคร้งั ก่อนนำส่งครู
7. นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน เรอื่ ง การเขียนโน้มนา้ วใจและการเขียนเชญิ ชวน แลว้ ร่วมเฉลย
พรอ้ มกบั ครูผูส้ อน
ขั้นสรปุ
1. ใหน้ กั เรยี นและครูร่วมกนั สรปุ ความรู้ ดงั น้ี

การเขยี นโนม้ นา้ วใจเป็นการพยายามทำให้บุคคลอืน่ เปลี่ยนพฤติกรรม ทัศนคติ ความเช่ือ หรอื ค่านยิ ม
โดยใช้ข้อความที่สรา้ งสรรค์ มีเจตนาดี มจี ดุ ประสงค์ มีคุณธรรมจริยธรรม และใชภ้ าษาไปในทางเสนอแนะ
อ้อนวอน ขอร้อง ไม่ขเู่ ขญ็ คุกคาม บงั คับ หรือหลอกลวง การเขยี นเชิญชวนก็เป็นการโน้มนา้ วใจอย่างหนึง่ ท่ี
ต้องการเชญิ ชวนใหผ้ ้อู า่ นปฏิบตั ติ าม

2.กิจกรรมเสนอแนะ ใหน้ ักเรียนสบื คน้ งานเขยี นประเภทละ 5 ตวั อย่าง ดงั น้ี
2.1 คำขวญั
2.2 คำเชญิ ชวน
2.3 โฆษณาสนิ คา้

สื่อ และ แหล่งการเรียนรู้
1. ตัวอยา่ งข้อความเชญิ ชวน
2. สือ่ เพาเวอร์พอยท์ ตวั อย่างการเขยี นเชญิ ชวน
3. แบบทดสอบ เรอ่ื ง การเขยี นโนม้ น้าวใจและการเขียนเชิญชวน
4. หนังสือเรียนวิชาภาษาไทย หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา
5. Internet

การวดั และ ประเมนิ ผล (มีการวดั ท่ีแสดงใหเ้ ห็นถึงภาระงาน/ชน้ิ งาน)

ส่งิ ทตี่ ้องการวัด วธิ กี ารวัด เครอื่ งมอื ท่ีใช้ในการวดั เกณฑผ์ า่ น
ดา้ นความรู้ (K) 1.ผ่านเกณฑ์
1. ทำแบบฝกึ หดั 1. ใบงานที่ 1 จบั คู่ข้อความเชิญ รอ้ ยละ 60
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) 2.ผ่านเกณฑ์
2. ทดสอบเรอ่ื งการเขียนเชญิ ชวน ชวน รอ้ ยละ 60
ผา่ นเกณฑ์ระดับ
2. แบบทดสอบ เรอื่ ง การเขยี น คณุ ภาพ 1
ผ่านเกณฑ์ระดับ
เชิญชวน คณุ ภาพ 1
ผา่ นเกณฑร์ ะดับ
1. ทำแบบฝกึ หดั 1.ชิ้นงานที่ 1 การเขียนเชญิ ชวน คณุ ภาพ 1
ผา่ นเกณฑ์ระดบั
ด้านสมรรถนะท่ีสำคัญของ 1. ทำแบบฝกึ หัด 1.ชน้ิ งานที่ 1 การเขยี นเชญิ ชวน คุณภาพ 1
ผเู้ รียน 1.ช้นิ งานที่ 1 การเขียนเชิญชวน
ด้านการอ่าน คดิ วิเคราะห์ 1. ทำแบบฝึกหดั

ด้านคุณลักษณะอนั พงึ 1.สงั เกตพฤตกิ รรมระหวา่ งเรียน แบบประเมินพฤติกรรมระหวา่ ง
ประสงค์ (A) เรยี น

เกณฑ์การวัดและการประเมินผล
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
การประเมนิ พฤตกิ รรมการเรียนรขู้ องนักเรยี นระหว่างเรยี นมกี ารให้คะแนนดังนี้

3 หมายถึง ดเี ย่ยี ม
2 หมายถึง ดี
1 หมายถงึ ผ่าน
0 หมายถงึ ไม่ผ่าน (ปรับปรงุ )

เกณฑ์ระดบั คณุ ภาพพฤตกิ รรมการเรียนร้ขู องนักเรยี นระหวา่ งเรียน กำหนดเกณฑ์การใหค้ ะแนน/

ระดับคุณภาพ ดังนี้

1. ด้านความรู้ กำหนดเกณฑ์การใหค้ ะแนน/ระดับคณุ ภาพ ดงั นี้

คะแนน ความสามารถของนักเรยี น

ผ่าน 1. ทำใบงานที่ 1 จบั คู่ขอ้ ความเชิญชวนถกู ต้อง ตั้งแต่ 6 ข้อข้นึ ไป

2. แบบทดสอบ เรอื่ ง การเขียนเชิญชวนถกู ตอ้ ง 6 ข้อขนึ้ ไป

ไมผ่ า่ น 1. ทำใบงานที่ 1 จบั คู่ข้อความเชญิ ชวนถูกตอ้ ง ต้ังแต่ 0-5 ขอ้

2. แบบทดสอบ เร่ือง การเขียนเชญิ ชวนถูกต้อง ต้งั แต่ 0-5 ขอ้

2. ด้านทักษะกระบวนการ กำหนดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน/ระดบั คณุ ภาพ ดังน้ี

ระดับคณุ ภาพ ความสามารถของนกั เรยี น

3 ใช้ภาษาได้ถูกต้อง เหมาะสม ตามหลักของการใช้ภาษาในการเขียนเชิญชวน มีมารยาท

ดเี ย่ียม ในการเขยี นเชิญชวนสามารถเรียบเรียงถ้อยคำได้สละสลวย อ่านง่าย เข้าใจง่าย สะกด

คำถูกตอ้ งทกุ คำ

2 ใชภ้ าษาได้ถูกต้องเหมาะสมตามหลักของการใช้ภาษาในการเขยี นเชญิ ชวน มีมารยาทใน

ดี การเขยี นเชญิ ชวน ใช้ภาษาท่ีอ่านแล้วเขา้ ใจง่าย แต่สะกดคำผิดพลาด 1-2 คำ

1 ใชภ้ าษาได้ถูกต้องเหมาะสมตามหลักของการใช้ภาษาในการเขียนเชิญชวน มมี ารยาทใน

ผ่าน การเขยี นเชญิ ชวนแต่ยงั เรยี บเรียงถอ้ ยคำสบั สน สะกดคำผิดพลาด 3-4 คำ

0 ไมส่ ามารถใช้ภาษาไดต้ ามหลักของการใช้ภาษาในการเขียนเชญิ ชวนและไม่ตระหนกั ถึง

ไมผ่ า่ น (ปรบั ปรุง) มารยาทในการเขียนเชิญชวนเรียบเรียงถ้อยคำสับสน สะกดคำผิดพลาดเกนิ กว่า 4 คำ

3. ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) กำหนดเกณฑ์การให้คะแนน/ระดับคุณภาพ ดงั น้ี
ขอ้ 4 ใฝเ่ รียนรู้
ตวั ชวี้ ดั ที่ 4.1 ต้ังใจเพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ รว่ มกิจกรรม

พฤตกิ รรมบ่งชี้ พฤติกรรมสำคัญ ดเี ย่ียม (3) ระดับคณุ ภาพ ไมผ่ ่าน
ดี (2) ผ่าน (1) (ปรบั ปรุง) (0)
4.1.1 ตง้ั ใจเรยี น 1. เขา้ เรยี นตรง เข้าเรียนตรง เข้าเรยี นไม่ตรง
4.1.2 เอาใจใส่ เวลา เวลา ตง้ั ใจเรยี น เข้าเรยี นตรง เข้าเรียนตรง เวลา ไมต่ ัง้ ใจ
และมคี วามเพยี ร 2. ทำงานถูกต้อง เอาใจใส่ และมี เรยี น ไม่มีสว่ น
พยายามในการ สง่ งานครบ ความเพียร เวลา ต้ังใจเรยี น เวลา ตงั้ ใจเรียน รว่ มในกิจกรรม
เรยี นรู้ 3. ทำงานท่ไี ด้รบั พยายามในการ การเรียน
4.1.3 มสี ่วนรว่ ม มอบหมายสำเรจ็ เรยี นรู้ มสี ว่ น เอาใจใส่ และมี เอาใจใส่ และมี
ในการเรียนรู้และ ครบถ้วน ถูกต้อง รว่ มในกิจกรรม
เขา้ ร่วมกจิ กรรม 4. มีส่วนรว่ มใน การเรียนเป็น ความเพยี ร ความเพียร
ตา่ งๆ กจิ กรรมการเรยี น ประจำ
พยายามในการ พยายามในการ

เรยี นรู้ มสี ่วน เรียนรู้ มีส่วน

ร่วมในกจิ กรรม ร่วมในกิจกรรม

การเรียน การเรยี นเป็น

บ่อยครงั้ บางครั้ง

เกณฑก์ ารประเมินผล
1. ด้านความรู้

- โดยถือเกณฑ์ผา่ นจากการทำแบบฝกึ หัดท่ี 1.1 ผ่านเกณฑ์ระดบั คุณภาพร้อยละ 60 ขนึ้ ไป
- โดยถือเกณฑผ์ ่านจากการทำแบบทดสอบ เร่ือง การเขียนเชิญชวนผ่านเกณฑร์ ะดบั คุณภาพรอ้ ยละ 60 ขึ้นไป
2. ดา้ นทกั ษะกระบวนการ
- โดยถอื เกณฑ์ผา่ นจากการประเมนิ ช้ินงานท่ี 1 การเขยี นเชญิ ชวน ผ่านเกณฑร์ ะดบั คุณภาพ 1 ขึ้นไป
3. ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ข้อ 4 ใฝเ่ รียนรู้
- โดยถอื เกณฑผ์ า่ นจากการสังเกตพฤติกรรมระหวา่ งเรียนผ่านเกณฑร์ ะดบั คุณภาพ 1 ขึ้นไป

การประเมินพฤตกิ รรมการเรียนรู้ของนกั เรยี นระหวา่ งเรียน
ด้านดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) : ข้อ 4 ใฝเ่ รยี นรู้
หลกั การประเมิน : การประเมินครัง้ นีจ้ ะทำการประเมินเป็นกลุ่มโดยครูผู้สอนจะเป็นผ้ปู ระเมินตามเกณฑ์
ประเมนิ ดงั นี้
3 หมายถึง ดีเยี่ยม 2 หมายถึง ดี 1 หมายถงึ ผ่าน 0 หมายถงึ ไม่ผ่าน/ปรับปรุง

เลขท่ี ตวั ชีว้ ัดที่ 4.1 ตวั ช้วี ดั ท่ี 6.1 ตัวชวี้ ัดท่ี 6.2 รวม สรปุ ผลการประเมิน
รายการประเมนิ รายการประเมนิ รายการประเมิน (เฉล่ีย) ผ่าน ไมผ่ ่าน
พฤติกรรมบ่งช้ี พฤติกรรมบ่งชี้ พฤติกรรมบ่งช้ี
123 123 123

1
2
3
4
5
6
7
8
9

ข้อเสนอแนะ
............................................................................................................................. .........................................

.......................................................................................... .....................................................................

ลงชื่อ............................................ผู้ประเมิน
( นางสาวพิราวรรณ โฉลกดี )

เกณฑ์การประเมนิ คะแนน 2.5 – 3.0 ระดับคุณภาพ ดีเยยี่ ม (3)
คะแนน 1.5 – 2.4 ระดบั คุณภาพ ดี (2)
คะแนน 1.4 – 1.0 ระดบั คุณภาพ ผา่ น (1)
คะแนน 0.9 – 0 ระดับคุณภาพ ไม่ผา่ น (0)

แบบทดสอบ เรื่อง การเขยี นโน้มน้าวใจและการเขยี นเชญิ ชวน

วชิ าภาษาไทย รหัส ท 33101 ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 6

คำช้แี จง ใหน้ กั เรยี นเลือกคำตอบที่ถกู ต้อง
1. ประโยคข้อใดเปน็ การใช้ภาษาในการโนม้ น้าวใจ

1. ปา่ ไม้เป็นศนู ย์รวมของชวี ติ และพืชพรรณต่าง ๆ
2. หากสญู เสยี ป่าไม้ ก็เทา่ กับสญู เสยี แหลง่ กำเนิดชวี ติ
3. ปจั จุบันนี้ปา่ ไมข้ องประเทศไทยกำลังลดจำนวนลงเร่ือย ๆ
4. ถึงเวลาแล้วทเี่ ราควรหนั มารกั ษาปา่ ปกป้องป่าไม้ของเรา
2. การโนม้ น้าวใจควรใชภ้ าษาลกั ษณะใด
1. ชักจงู และเชญิ ชวน
2. กลา่ วโทษและตำหนิ
3. สรา้ งเง่อื นไข
4. วิงวอนขอร้อง
3.ขอ้ ใดเปน็ การเขียนโน้มน้าวใจ
1. ชวี ิตจะวอดวาย ถา้ เขา้ ใกล้ยาเสพติด
2. เดก็ ในวนั น้ีคือผ้ใู หญ่ในวันหน้า
3. แมน่ ้ีมบี ญุ คุณอันใหญห่ ลวง
4. กรงุ ศรอี ยุธยาไม่สิน้ คนดี
4. ขอ้ ใดเปน็ ปจั จัยสำคัญของการโน้มน้าวใจ
1. การสรา้ งความบันเทิง
2. การใช้ภาษาใหค้ ล้อยตาม
3. ความนา่ เชื่อถือของสาร
4. การสรา้ งความสะเทือนอารมณ์

5. ทุกวันนี้ศกึ ไกลยงั ไม่หว่ ง แตห่ วนั่ ทรวงศึกใกลไ้ ลข่ ่มเหง

ถา้ คนไทยหันมาฆา่ กันเอง จะรอ้ งเพลงชาตไิ ทยให้ใครฟัง

ขอ้ ความนใ้ี ช้กลวิธีการโน้มนา้ วใจอยา่ งไร

1. โนม้ นา้ วใจโดยใชเ้ หตุผล

2. โนม้ นา้ วใจโดยอ้างบคุ คลสำคญั

3. โน้มนา้ วใจโดยใชอ้ ารมณ์สะเทือนใจ

4. โนม้ นา้ วใจโดยแสดงขอ้ ดขี ้อเสีย

6. นกั เรียนคิดว่าข้อความในข้อ 5 จะเปลีย่ นพฤติกรรมของผูร้ ับสารอย่างไร

1. ทำใหค้ นไทยรกั และสามคั คีกัน

2. ทำใหค้ นไทยเห็นความสำคัญของสถาบนั ชาติ

3. ทำให้คนไทยรกั ความเปน็ ไทยและร่วมกันสบื สานประเพณีไทย

4. ทำให้คนไทยมีนำ้ ใจช่วยเหลอื ซง่ึ กนั และกัน

คนเราประกอบข้นึ ดว้ ยกายและใจ โดยใจจะเปน็ ผูค้ อยควบคมุ กายใหท้ ำหรอื ไม่ให้ทำสิง่ ต่าง ๆ ตามทใ่ี จ

ต้องการพระสัมมาสัมพุทธเจา้ ตรัสวา่ ทุกอย่างมีใจเป็นใหญ่ สำเรจ็ ได้ด้วยใจ ถา้ ใครมีใจช่วั เสียแล้ว การพดู การ

กระทำของเขาก็ยอ่ มช่วั ตามไปด้วย เพราะการพดู ชั่วทำช่ัวนน้ั ความทุกขก์ ย็ ่อมตามสนองเขา เหมือนวงล้อเกวยี นที่

หมนุ เวยี นตามบดขย้รี อยเท้าโคท่ีลากมันไป แต่ถ้ามีใจบริสุทธ์ิ การพดู การกระทำ กย็ ่อมบริสทุ ธิ์ตามไปด้วยเพราะ

การพดู การกระทำท่ีบริสทุ ธิ์ดงี ามนั้น ความสุขก็ย่อมตามสนองเขา เหมอื นเงาทไ่ี ม่พรากไปจากร่างฉะนน้ั ดงั นั้นผทู้ ่ี

ปรารถนาหาความสุข ความก้าวหนา้ ทั้งหลาย จึงต้องฝึกใจตนเองใหง้ ดเวน้ บาป ซ่ึงทำได้โดย ตอ้ งฝึกให้ใจมี

หิริโอตตปั ปะเสียก่อน

ตัดทอนจาก http://bannpeeploy.exteen.com

7. จากขอ้ ความข้างตน้ ผสู้ งสารมีเจตนาอยา่ งไร

1. ตักเตือน 2. แนะนำ 3. สงั่ สอน 4. เชญิ ชวน

8. ปจั จยั ที่ทำใหก้ ารโน้มนา้ วใจในข้อ ๗ เปน็ ท่ยี อมรับคือสิ่งใด

1. การใช้ภาษาแสดงเหตผุ ลที่เหมาะสม

2. การเรียบเรยี งคำพดู อย่างสละสลวย

3. การอา้ งถึงคำกลา่ วของบคุ คลทไ่ี ด้รบั ความเคารพ

4. การช้ีให้เหน็ ขอ้ ดีและข้อเสียท่ชี ัดเจน*jj

9. ข้อใดเป็นสถานการณ์ทีป่ รากฏใช้การโน้มนา้ วใจ

1. การประกาศผลคะแนนสอบปลายภาคและกำหนดการเปดิ - ปดิ ภาคเรียน

2. การประกาศอพยพคนในสถานการณน์ ้ำทว่ มเขตดอนเมือง

3. การเจรจาขอเวนคนื ทดี่ ินเพ่อื ทำถนนตดั ใหม่

4. การประชาสมั พันธใ์ ห้ไปรว่ มงานไทยเทย่ี วไทย

10. ขอ้ ใดเป็นการโนม้ น้าวใจประเภทกล่าวถึงเหตุและผล

1. ประเทศไทยจะอยู่ได้ ถ้าคนไทยสามัคคี

2. สามคั คีคือพลงั สร้างสนั ติ

3. รว่ มแรง รว่ มใจ สร้างเมืองไทยใหเ้ ขม้ แขง็

4. ชาตไิ ทยพัฒนา เพราะประชาสามคั คี

***************************

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-Test) เรือ่ ง การเขียนโนม้ นา้ วใจและการเขยี นเชิญชวน
1. 4 2. 1 3. 1 4. 2 ๕. 3
๖. 1 ๗. 2 ๘. 3 ๙. 4 1๐. 4

ชิ้นงานที่ 1 เรอ่ื ง การเขียนเชิญชวน

สมาชิกในกลุม่ ชนั้ ม.6/..........
1............................................................................. เลขท่ี ...................
2............................................................................. เลขที่ ...................
3............................................................................. เลขที่ ...................
4............................................................................. เลขที่ ...................

ให้นกั เรียนเขียนคำขวัญเพื่อเชญิ ชวนนกั เรียนโรงเรียนแนงมดุ วทิ ยาร่วมกันรักษาความสะอาดของโรงเรยี น
โดยเขียนคำขวญั และตกแตง่ ให้สวยให้สวยงาม

ใบงานที่ 1 เรื่อง จบั ค่ขู ้อความเชิญชวน

สมาชิกในกลุ่ม ชนั้ ม.6/..........
1............................................................................. เลขท่ี ...................
2............................................................................. เลขท่ี ...................
3............................................................................. เลขที่ ...................
4............................................................................. เลขท่ี ...................

ใหน้ ักเรยี นระบุว่าขอ้ ความทีก่ ำหนดใหเ้ ปน็ การเขียนเชิญชวนประเภทใด

1. คำขวญั 2. คำเชิญชวน 3. โฆษณาสนิ คา้

1. อา่ นวันละนิด จติ แจม่ ใส
2. ร่วมสง่ ตอ่ ความดเี พอ่ื ช่วยรณรงคส์ รา้ งกระแสการบรจิ าคโลหติ โดยโพสต์ภาพ และขอ้ ความ
พรอ้ มติดHashtag#1to3blood เจ็บนี้เพ่ือเธอ ตัง้ คา่ ข้อความเปน็ Public (สาธารณะ)สอบถาม
รายละเอียดเพ่ิมเติม ได้ท่ี ฝ่ายประชาสัมพนั ธ์และจัดหาผู้บริจาคโลหิต โทร. 0 2256 4300, 0
2263 9600-99 ต่อ 1101
3. ลูกสาวก็ได้ ลูกชายก็ดี อย่ามเี กนิ สอง
4. UIC ขอเชิญชวนผทู้ สี่ นใจเข้าร่วมโครงการสรา้ งและพฒั นาผปู้ ระกอบการโดยใชค้ วามรู้ใน
สถาบันอดุ มศึกษาเป็นฐาน
5. มิสทีน มาแล้วค่ะ
6. ฝนตกทั่วฟา้ เพราะป่าชว่ ยไว้ ไร้ส้ินทุกข์ภัย เมืองไทยร่มเยน็
7.ขอเชิญผสู้ นใจทุกท่านเข้าร่วมชมนิทรรศการผลงานประดิษฐค์ ิดคน้ ในงาน "วันนกั ประดิษฐ"์
ประจำปี 2560 ในวนั ท่ี 2-4 กพ. 60 ณ.ฮอลล์ 9 อมิ แพ็ค เมืองทองธานี
8. รกั ษน์ ้ำ รักษป์ ลา รักซากุระ
9. เทสโก้ โลตสั ท่ี 1 เรือ่ งถกู ทส่ี ดุ
10. ช่วยชีวติ ทา่ นได้ หากใช้หมวกกันน็อก

ชอ่ื หน่วย : พัฒนาทกั ษะส่ือสารการเขียน หน่วยที่ : 2 เวลา : 9 ชัว่ โมง
ชือ่ แผน : การเขียนโครงการ แผนท่ี : 4 เวลา : 1 ชั่วโมง
ช่ือวิชา : ภาษาไทย รหัส ท33101 ชนั้ ม.6
ชอ่ื ผู้สอน : นางสาวพริ าวรรณ โฉลกดี

สาระสำคญั
การเขยี นโครงการเปน็ การวางแผนกิจกรรมเพ่ือให้บรรลุตามเปา้ หมายท่ตี ั้งไว้ โดยตวั โครงการตอ้ งระบุช่ือ

โครงการและแผนการดำเนนิ งานเอาไว้อย่างครบถ้วนชัดเจน เพอ่ื จะสามารถใชเ้ ป็นแนวทางในการดำเนนิ โครงการ
ได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวดั
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสื่อสาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเรื่องราวใน
รปู แบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมี
ประสิทธภิ าพ
ตวั ช้วี ดั
ท 2.1 ม. 4-6/1 เขียนสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ ได้ตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ โดยใชภ้ าษาเรยี บเรยี งถูกต้อง
มขี อ้ มลู และสาระสำคัญชัดเจน
ท 2.1 ม. 4-6/4 ผลติ งานเขียนของตวั เองในรูปแบบตา่ ง ๆ
ท 2.1 ม. 4-6/5 ประเมินงานเขียนของผู้อ่ืนแล้วนำมาพฒั นางานเขียนของตัวเอง
ท 2.1 ม. 4-6/8 มมี ารยาทในการเขยี น

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายเกีย่ วกับการเขยี นโครงการได้ (K)
2. เขยี นโครงการไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง (P)
3. มีมารยาทในการเขียน (A)

สาระการเรียนรู้
การเขยี นโครงการ

สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
1. ความสามารถในการส่ือสาร

- ทกั ษะการอ่าน
- ทักษะการฟัง การดู และการพูด
2. ความสามารถในการคดิ
- การจำแนก
- การใหเ้ หตุผล
- การวิเคราะห์
- การสงั เคราะห์
- การประยกุ ต์/การปรบั ปรงุ
- การสรุปความรู้
- การประเมนิ คา่

คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
ใฝเ่ รยี นรู้
ตัวชี้วดั ท่ี 4.1 ตงั้ ใจ เพยี รพยายามในการเรยี นรู้

ชิ้นงานหรอื ภาระงาน

ชิน้ งานท่ี 2 เรอ่ื ง การเขียนโครงการ

คำถามท้าทาย
การเขยี นโครงการทดี่ จี ะช่วยให้การดำเนินโครงการบรรลุวตั ถปุ ระสงค์และประสบความสำเรจ็ ไดอ้ ย่างไร

การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ นำ
1. ครูนำนกั เรยี นสนทนาเกย่ี วกับกจิ กรรมหรือโครงการต่าง ๆ ที่โรงเรียนจดั ข้นึ โดยชใ้ี ห้เห็นวา่ แต่ละ

กิจกรรมทีจ่ ดั ขึน้ น้ันต้องมีการวางแผน และนกั เรียนทราบหรอื ไม่ว่าการวางแผนการก่อนทำกจิ กรรมต่าง ๆ นั้นมี
ข้ันตอนอยา่ งไรบ้าง

ข้นั สอน
2. ให้นักเรยี นศึกษาความรูเ้ รื่อง การเขียนโครงการ ครอู ธิบายเพิ่มเติมและยกตวั อย่างโครงการเพื่อให้
นักเรียนเขา้ ใจได้อย่างชดั เจน
3. ให้นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 - 4 คน ครแู จกตวั อยา่ งโครงการใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มนำไปศึกษา แลว้ ให้
นักเรียนสรุปองคป์ ระกอบของโครงการโดยเปรยี บเทียบกบั ความรู้ทีน่ กั เรียนได้ศึกษา

4. ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มอภิปรายเกีย่ วกับโครงการทน่ี กั เรยี นสนใจหรือเหน็ ว่ามีประโยชน์ พร้อม

ต้งั คำถามว่า หากนกั เรยี นต้องการทำโครงการนน้ั จะมแี นวทางในการวางแผนการดำเนนิ การอยา่ งไร
5. ให้นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันคดิ หัวข้อโครงการทสี่ นใจขึน้ มากลุ่มละ 1 หวั ข้อ เป็นหัวขอ้ ท่เี กีย่ วข้องกับ

เรื่องใดหรือวชิ าใดก็ได้ โดยครูกำหนดว่าควรเปน็ หวั ข้อทีใ่ ชเ้ วลาในการดำเนินการส้ัน ๆ ไมเ่ กิน 1-2 วนั จากนั้นให้
นักเรยี นทดลองร่างโครงการ แล้วสง่ ตวั แทนออกมานำเสนอหนา้ ชัน้ เรยี น (ตัวอยา่ งคำตอบ การเกบ็ ข้อมูลคำทมี่ กั
เขียนผดิ จากส่ือหรอื สิ่งพมิ พ์ตา่ ง ๆ ความนิยม ในการรับประทานอาหารในรา้ นคา้ ของโรงเรยี น ความพึงพอใจ
ต่อการบริการในห้องสมดุ การใชป้ ระโยชนจ์ ากพชื ผักสวนครัว)

6. ใหน้ ักเรยี นและครรู ว่ มกันประเมนิ และปรบั แก้โครงการทีแ่ ต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอ แล้วให้แต่ละกลุ่ม
นำไปปรับแกเ้ พ่ือเขียนเปน็ โครงการจริงตอ่ ไป

7. ใหน้ กั เรียนทำช้ินงานท่ี 2 เร่ือง การเขียนโครงการ โดยเขยี นจากร่างโครงการท่ปี รับแกแ้ ลว้ นกั เรยี น
คดั ลอกตน้ ฉบับเก็บไว้กลมุ่ ละ 1 ชุด แล้วรวบรวมผลงานสง่ ให้ครตู รวจ

ขนั้ สรปุ
8. ใหน้ กั เรยี นและครรู ่วมกันสรปุ ความรู้ ดังนี้

๏ การเขียนโครงการเป็นการวางแผนกจิ กรรมเพือ่ ใหบ้ รรลตุ ามเป้าหมายทตี่ ้ังไว้ โดยตัวโครงการต้อง
ระบุช่ือโครงการและแผนการดำเนินงานเอาไวอ้ ยา่ งครบถว้ นชัดเจน เพอ่ื จะสามารถใช้เป็นแนวทางในการดำเนนิ
โครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

9. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คำถามท้าทาย ดังนี้
๏ การเขียนโครงการทด่ี จี ะชว่ ยใหก้ ารดำเนนิ โครงการบรรลุวตั ถุประสงคแ์ ละประสบความสำเรจ็ ได้

อยา่ งไร
10. ครูสัง่ งานให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ดำเนินการตามโครงการท่ีเขยี นข้นึ เพ่ือใหน้ ักเรยี นสามารถเขยี นรายงาน

การดำเนนิ โครงการในชัว่ โมงถัดไป

การจัดบรรยากาศเชงิ บวก
เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นได้แสดงความคิดเห็น และทำงานรว่ มกนั เปน็ กลมุ่

สือ่ การเรียนรู้
1. ตวั อย่างโครงการ
2. ช้ินงานที่ 2 เรอื่ ง การเขียนโครงการ

การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้

สง่ิ ที่ต้องการวดั วิธีการวดั เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวัด เกณฑ์ผา่ น
1. อธบิ ายเก่ียวกับการเขยี น ผ่านเกณฑ์ระดบั
โครงการได้ (K) ทำช้ินงานที่ 2 เรอื่ ง การเขียน ชิ้นงานท่ี 2 เรือ่ ง การเขยี น คุณภาพ 2
2. เขยี นโครงการไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ผ่านเกณฑ์ระดบั
(P) โครงการ โครงการ คุณภาพ 2
3. มีมารยาทในการเขยี น (A) ผ่านเกณฑร์ ะดบั
ทำชน้ิ งานที่ 2 เรื่อง การเขยี น ช้ินงานท่ี 2 เรอ่ื ง การเขยี น คุณภาพ 2

โครงการ โครงการ

สงั เกตพฤตกิ รรมระหวา่ งเรียน แบบประเมนิ พฤตกิ รรม

ระหวา่ งเรยี น

การประเมนิ ผลตามสภาพจริง
การประเมินชนิ้ งานท่ี 2 ให้ผู้สอนพิจารณาจากเกณฑ์การประเมินผลตามสภาพจรงิ (Rubrics)

เร่อื ง การเขยี นโครงการ

เกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั คะแนน
การเขยี นโครงการ
4 32 1

ตอบคำถาม ตอบคำถามขาด ตอบคำถามขาด ตอบคำถามขาด
ครบถ้วน ได้ ไป 1-2 ประเดน็ ไป 3-4 ประเดน็ มากกว่า 4
ใจความสมบูรณ์ เขียนสะกดคำ สะกดคำ ประเดน็ สะกด
เขยี นสะกดคำ ถูกต้องทงั้ หมด ผิดพลาด 1-2 คำผิดพลาด
ถูกต้องทงั้ หมด ตำแหน่ง มากกว่า 4
ใชร้ ะดับภาษา ตำแหน่ง
ไดถ้ ูกต้อง

ชิ้นงานท่ี 2 เรอื่ ง การเขยี นโครงการ

วิชาภาษาไทย รหัส ท33101 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6

ใหน้ ักเรยี นเขยี นโครงการจดั กิจกรรมตามความสนใจของนกั เรยี นตามรปู แบบท่ีไดศ้ ึกษามา

ชอื่ โครงการ……………………………………………………………………………………………….................................
หลกั การและเหตุผล…………………………………………………………………………………...................................
……………………………………………………………………………………………………….……………………………………
………………………………………………………………….…………………………………………………………………………
…………………………….……………………………………………………………………………………………………….………
…………………………………………………………………………………....................................................................
…………………………….……………………………………………………………………………………………………….………
…………………………………………………………………………………....................................................................
วตั ถุประสงค์โครงการ ………………………………………………………………………………………………..……………
………………………………………………………………………………………………….…………………………………………
…………………………………………………………….………………………………………………………………………………
………………………………………………….……………………………………………………………………………………….…
ขอบเขตของโครงการ ……………………………………………………………………………….………………..…….……
……………………………………………………………………………………………………………………………...………………
.วิธกี ารดำเนนิ โครงการ........................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
…………………………….……………………………………………………………………………………………………….………

ระยะเวลาการดำเนินโครงการ…………………………………………………………………..…….................…………
……………………………………………………………………………………………………………….………..……………………
…………………………………………………………………………………………………………………………...…………………
งบประมาณและทรัพยากรท่ีใช้ …………………………………………………...........................................………
……………………………………………………………………………………………….……………………………………………
………………………………………………………….…………………………………………………………………………………
…………………….…………………………………………………………………………………………………………………….…
ผู้รบั ผดิ ชอบโครงการ …………………………………………………………………………………................................
……………………………………………………………………………………………………….………………………………….…
………………………………………………………………….…………………………………………………………….……………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….….
การประเมนิ โครงการ …………………………………………………………….......................................................
……………………………………………………………………………………………………….………………………………..……
………………………………………………………………….………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………..……….
ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะได้รบั ……………………………………………………………………….....................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

ช่อื – สกลุ ..........................................................................................................ชนั้ ม.6/........... เลขท่ี ....................

ชื่อหน่วย : พัฒนาทักษะสื่อสารการเขยี น หนว่ ยท่ี : 2 เวลา : 9 ชว่ั โมง
ชือ่ แผน : การเขยี นรายงานการดำเนินโครงการ แผนที่ : 5 เวลา : 1 ช่วั โมง
ช่ือวิชา : ภาษาไทย รหสั ท33101 ชน้ั ม.6
ชอ่ื ผูส้ อน : นางสาวพิราวรรณ โฉลกดี

สาระสำคญั
การเขียนรายงานการดำเนินโครงการเปน็ การสรุปกจิ กรรมท่ีได้ทำไปแล้วตามโครงการที่เขยี นไว้

ควรเขียนให้อยู่ในเชิงวชิ าการ แต่กค็ วรใช้ภาษาทอ่ี ่านเขา้ ใจไดง้ า่ ยดว้ ย

มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชว้ี ัด
มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขยี นเขียนสื่อสาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขยี นเรอ่ื งราวใน
รปู แบบตา่ ง ๆ เขยี นรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งมี
ประสิทธิภาพ

ตวั ชว้ี ดั
ท 2.1 ม. 4-6/1 เขียนสอื่ สารในรูปแบบต่าง ๆ ไดต้ รงตามวัตถุประสงค์ โดยใช้ภาษาเรยี บเรยี งถกู ต้อง

มขี ้อมูล และสาระสำคญั ชดั เจน
ท 2.1 ม. 4-6/4 ผลิตงานเขยี นของตัวเองในรปู แบบตา่ ง ๆ
ท 2.1 ม. 4-6/5 ประเมนิ งานเขยี นของผ้อู ื่นแลว้ นำมาพฒั นางานเขยี นของตวั เอง
ท 2.1 ม. 4-6/8 มีมารยาทในการเขยี น

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ส่ตู ัวช้ีวัด
๑. อธบิ ายเกย่ี วกับการเขียนรายงานการดำเนนิ โครงการได้ (K)
๒. เขยี นรายงานการดำเนินโครงการได้อยา่ งถกู ต้อง (P)
๓. มมี ารยาทในการเขียน (A)

สาระการเรยี นรู้
การเขยี นรายงานการดำเนินโครงการ

สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการส่ือสาร
- ทักษะการอา่ น
- ทกั ษะการเขียน
- ทักษะการฟัง การดู และการพูด

2. ความสามารถในการคิด
- การจำแนก
- การให้เหตผุ ล
- การวิเคราะห์
- การสังเคราะห์
- การประยกุ ต/์ การปรบั ปรงุ
- การสรปุ ความรู้
- การประเมินคา่

3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา

คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
ใฝเ่ รยี นรู้
ตัวชวี้ ัดท่ี 4.1 ต้ังใจ เพยี รพยายามในการเรียนรู้

ชนิ้ งานหรือภาระงาน
ช้ินงานที่ 3 เร่ือง การเขยี นรายงานการดำเนินโครงการ

คำถามท้าทาย
นกั เรียนคดิ ว่าจะสามารถนำรายงานการดำเนินโครงการไปใชป้ ระโยชน์ได้อยา่ งไรบ้าง

การจดั กิจกรรมการเรียนรู้
ขัน้ นำ
1. ครนู ำนกั เรียนสนทนาถึงโครงการท่ีสงั่ ให้นักเรียนไปดำเนินการเมื่อชว่ั โมงที่แล้ว โดยถามเกย่ี วกับการ

ดำเนินการ อุปสรรค ปัญหา ผลท่ีไดร้ บั
ขั้นสอน
2. ใหน้ ักเรียนศึกษาความรู้เร่ือง การเขียนรายงานการดำเนินโครงการ ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมและ

ยกตัวอยา่ งรายงานการดำเนินโครงการ แลว้ ใหน้ กั เรยี นวิเคราะห์เปรียบเทียบกับความรู้ที่ศึกษา
3. ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมารายงานผลการดำเนนิ โครงการของตนเอง พร้อมเปดิ โอกาสให้นกั เรียน

ในชั้นเรยี นซกั ถามและเสนอแนะ แล้วให้นักเรียนและครูช่วยกันสรปุ รวบรวมขอ้ เสนอแนะต่าง ๆ
4. ให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ เขยี นโครงรา่ งรายงานการดำเนนิ โครงการของกลมุ่ ตนเอง แล้วส่งตวั แทน

ออกมานำเสนอโครงรา่ งรายงานหน้าชน้ั เรยี น
5. ใหน้ ักเรียนฟังการนำเสนอโครงรา่ งรายงานการดำเนินโครงการ จากน้นั เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นแสดง

ความคิดเหน็ เพ่ือใหแ้ ต่ละกลมุ่ นำไปปรับแกใ้ นรายงานการดำเนนิ โครงการของตนเอง
6. ให้นักเรยี นทำช้ินงานที่ 3 เรื่อง การเขียนรายงานการดำเนินโครงการ โดยเขยี นจากรา่ งรายงานท่ี

ปรบั แก้แลว้ รวบรวมผลงานส่งให้ครตู รวจ

ขั้นสรปุ
7. ใหน้ กั เรยี นและครรู ่วมกนั สรุปความรู้ ดังน้ี

๏ การเขยี นรายงานการดำเนินโครงการเปน็ การสรุปกจิ กรรมที่ได้ทำไปแลว้ ตามโครงการที่
เขียนไว้ ควรเขยี นให้อยู่ในเชงิ วิชาการ แต่กค็ วรใชภ้ าษาที่ผู้อ่านเข้าใจไดง้ ่ายด้วย

8. ใหน้ กั เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดังน้ี
๏ นกั เรยี นคิดวา่ จะสามารถนำรายงานการดำเนนิ โครงการไปใช้ประโยชน์ไดอ้ ย่างไรบา้ ง

การจัดบรรยากาศเชงิ บวก
เปดิ โอกาสให้นักเรยี นได้แสดงความคิดเห็น และทำงานรว่ มกันเป็นกลุ่ม

สื่อการเรยี นรู้
1. ตัวอย่างรายงานการดำเนินโครงการ
2. ชิ้นงานที่ 3 เรอ่ื ง การเขยี นรายงานดำเนนิ โครงการ

การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้

สง่ิ ทีต่ ้องการวัด วิธกี ารวดั เคร่อื งมอื ทีใ่ ชใ้ นการวดั เกณฑ์ผา่ น
1. อธบิ ายเก่ยี วกบั การเขียนรายงาน ผา่ นเกณฑ์ระดับ
การดำเนินโครงการได้ (K) ทำชิ้นงานท่ี 3 เร่อื ง การเขยี น ชน้ิ งานที่ 3 เรอื่ ง การเขยี น คุณภาพ 2
2. เขยี นรายงานการดำเนินโครงการ ผ่านเกณฑร์ ะดบั
ได้อยา่ งถูกตอ้ ง (P) รายงานดำเนนิ โครงการ รายงานดำเนินโครงการ คุณภาพ 2
3. มีมารยาทในการเขยี น (A) ผ่านเกณฑร์ ะดับ
ทำชน้ิ งานที่ 3 เรื่อง การเขียน ชิ้นงานท่ี 3 เร่ือง การเขยี น คุณภาพ 2

รายงานดำเนนิ โครงการ รายงานดำเนินโครงการ

สงั เกตพฤติกรรมระหวา่ งเรียน แบบประเมนิ พฤตกิ รรม

ระหว่างเรยี น

การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) การประเมินช้นิ งานท่ี 3 ให้ผู้สอนพิจารณาจากเกณฑ์การ

ประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrics) เร่อื ง การเขียนรายงานดำเนินโครงการ

เกณฑ์การ ระดบั คะแนน

ประเมนิ 4 3 21

การเขียน เรยี บเรยี งลำดบั เรียบเรียงลำดับขน้ั ตอนได้ เรยี บเรยี งลำดับ เรยี บเรียงลำดับ

รายงาน ข้นั ตอนได้ครบถ้วนและ ครบถว้ นตามงคป์ ระกอบ ขัน้ ตอนไม่ครบถ้วน มี ขนั้ ตอนไมค่ รบถ้วน มี
ดำเนิน ถูกต้องตามองค์ประกอบ ของการเขียนโครงการ มี การสลับลำดับ การสลับลำดบั

โครงการ ของการเขยี นรายงาน การสลับลำดับผดิ พลาด ผิดพลาด 3-4 ผดิ พลาดมากกวา่ 5

การดำเนนิ การโครงการ 1-2ตำแหนง่ เขยี นสะกด ตำแหนง่ สะกดคำ ตำแหน่ง สะกด

เขียนสะกดคำถูกต้อง คำถูกตอ้ งทง้ั หมด ผดิ พลาด 3-4 คำผดิ พลาดมากกวา่ 5

ทัง้ หมด ตำแหน่ง ตำแหนง่

ชอ่ื หน่วย พัฒนาทกั ษะสื่อสารการเขยี น หน่วยท่ี : 2 เวลา : 9 ชวั่ โมง
ช่ือแผน : การเขียนเรยี งความเก่ยี วกับอดุ มคติ แผนที่ : 1 เวลา : 1 ชั่วโมง
ช่ือวิชา : ภาษาไทย รหสั ท 33101 ชน้ั ม.6
ช่อื ครูผสู้ อน : นางสาวพริ าวรรณ โฉลกดี

สาระสำคัญ
การเขยี นเรียงความเก่ียวกับอุดมคตเิ ป็นการเขียนเกี่ยวกบั ความคดิ และจนิ ตนาการโดยอยู่บนพ้นื ฐาน

ของความดี ความงาม และความจรงิ อนั เป็นเป้าหมายของชีวติ หรือจากประสบการณท์ ผ่ี ่านมา โดยใชภ้ าษาใน
การเรียบเรยี งเนือ้ หาดว้ ยรูปแบบเรยี งความ คือ มคี ำนำ เนือ้ เรือ่ ง และสรปุ

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียนเรอ่ื งราวใน
รปู แบบตา่ ง ๆ เขยี นรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้าอย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ

ตวั ช้ีวัด
ท 2.1 ม. 4-6/2 เขยี นเรยี งความ
ท 2.1 ม. 4-6/4 ผลติ งานเขยี นของตัวเองในรปู แบบตา่ ง ๆ
ท 2.1 ม. 4-6/8 มมี ารยาทในการเขียน

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายเกีย่ วกบั เรยี งความและการเขียนเรยี งความเกย่ี วกับอดุ มคติได้ (K)
2. เขยี นเรยี งความเกีย่ วกับโลกอุดมคติได้ (P)
3. มีมารยาทในการเขยี น (A)

สาระการเรียนรู้

1. หลกั การเขยี นเรียงความ
2. การเขยี นโครงเร่อื งเรียงความ

2.1 แบบเปน็ หัวข้อ
2.2 แบบเป็นแผนภาพความคิด หรอื ผังความคิด
3. การเขียนเรยี งความเกย่ี วกับอุดมคติ

สมรรถนะทีส่ ำคญั ของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
- ทักษะการเขียน

- ทกั ษะการฟงั การดู และการพดู

2. ความสามารถในการคิด

- การวิเคราะห์

- การประเมินค่า

3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา

คุณลักษณะอนั พึงประสงค์

ขอ้ ที่ 4 ใฝ่เรียนรู้

ตัวช้ีวดั และพฤติกรรมบ่งช้ี

ตัวชวี้ ัด พฤติกรรมบ่งช้ี

4.1 ตัง้ ใจ เพียรพยายามในการ 4.1.1 ต้งั ใจเรียน

เรียนและการเข้ารว่ มกิจกรรม 4.1.2 เอาใจใส่และมีความเพียรพยายามในการเรียนรู้

การเรียนรู้ 4.1.3 สนใจเข้าร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้ต่างๆ

ชน้ิ งาน/ภาระงานที่แสดงผลการเรียนรู้
เรยี งความเกย่ี วกับโลกอดุ มคติ

กจิ กรรมการเรยี นรู้ ( ใชก้ ระบวนการเรยี นรแู้ บบรว่ มมือ)
ข้ันนำ
1. ครนู ำนกั เรยี นสนทนาเกีย่ วกับ อนาคตของนกั เรยี นในอีก 20 ปขี ้างหนา้ นักเรยี นคิดว่าแตล่ ะคนจะ

เป็นอย่างไร และเปน็ เช่นน้นั ได้อยา่ งไร
2. ครูสรปุ ใหน้ ักเรียนฟงั วา่ สิ่งทน่ี กั เรยี นคิดและจนิ ตนาการขน้ึ มานนั้ หากอยบู่ นพื้นฐานของความดี

ความงาม และความจรงิ อันเป็นเปา้ หมายของชวี ิต หรอื จากประสบการณ์ท่ีผ่านมา จะเรียกสิ่งนัน้ ว่า อดุ มคติ
ข้ันสอน
3. ให้นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 3 คน ครูแจกแบบบนั ทกึ ให้กลมุ่ ละ 1 แผน่ ให้นกั เรยี นฟงั และรบั ชม

เพลง What I’ve done โดยแนะนำใหน้ ักเรียนสงั เกตเหตุการณท์ ีเ่ กิดขึ้นในเพลง และบันทึกสิ่งที่นักเรียนไดด้ ู
ซ่งึ สะท้อนปัญหาท่ีเกิดข้นึ ในโลกปัจจุบนั

4. ครสู อบถามนักเรยี นแตล่ ะกลุ่มว่าได้บนั ทึกเหตุการณ์อะไรบ้าง รู้สึกอย่างไรกบั ภาพทีเ่ หน็ และถา้
เลือกได้ อยากให้โลกเป็นอย่างไร โดยสรปุ ให้นกั เรียนฟังวา่ โลกที่นักเรียนตอ้ งการนนั้ คือ โลกในอุดมคติ

5. ครชู ้แี จงใหน้ ักเรยี นทราบ ถงึ ภาระงานในชัว่ โมงเรียนน้คี อื การเขยี นโครงเรื่องเรียงความ และการ
เขยี นเรยี งความเกี่ยวกับอดุ มคติ โดยใช้สอ่ื เพาเวอร์พอยท์ เรอ่ื ง การเขียนเรียงความเกี่ยวกบั อดุ มคติ โดยให้
นกั เรียนศึกษาเพ่มิ เตมิ ในหนังสอื เรียนหลกั ภาษาและการใช้ภาษาไทย หน้า 191- 198

6.ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ ความรู้ นกั เรยี นเข้าใจรูปแบบมี 2 แบบ คอื เขยี นเปน็ หัวข้อ และเขียน
เปน็ ผงั ความคดิ แล้วศึกษาความรู้เรอ่ื ง การเขียนเรยี งความเกย่ี วกบั อดุ มคติ

7. ครแู จกกระดาษ ใบกจิ กรรม ท่ี 1.1 เร่อื ง การเขียนโครงร่างเรียงความเกย่ี วกบั อุดมคติ

ให้กล่มุ ละ 1 แผ่น ให้นักเรยี นเขียนโครงรา่ งเรียงความเกี่ยวกบั เรอ่ื ง โลกในอดุ มคตติ ามความคิดของนักเรยี น
8. ครูคอยให้คำแนะนำและเสนอแนะประเดน็ ท่ีน่าสนใจตา่ ง ๆ และปรบั ปรุงใหเ้ หมาะสม
9. ให้นกั เรียนเขียนเรียงความ เร่อื ง โลกในอดุ มคติ (รายบุคคล) โดยเขยี นจากโครงรา่ งทก่ี ลุ่มกำหนด

ไว้ แล้วรวบรวมผลงานส่งให้ครตู รวจ นดั หมายส่งผลงานในช่วั โมงถัดไป
ขัน้ สรุป

10. ใหน้ กั เรียนและครูรว่ มกันสรปุ ความรู้ ดงั น้ี
๏ การเขยี นเรียงความเกี่ยวกับอุดมคตเิ ปน็ การเขียนเกยี่ วกับความคดิ และจนิ ตนาการโดยอยู่

บนพน้ื ฐานของความดี ความงาม และความจริงอันเป็นเป้าหมายของชีวติ หรอื จากประสบการณ์ที่ผ่านมา โดย
ใช้ภาษาในการเรียบเรียงเนื้อหาด้วยรูปแบบเรียงความ คือ มีคำนำ เน้อื เรื่อง และสรุป

11. นักเรียนทำแบบทดสอบ ที่ 1.1 เร่อื ง การเขยี นเรียงความเกยี่ วกับอดุ มคติ

สื่อการเรียนรู้ และแหล่งเรยี นรู้
1. ใบกิจกรรมเรื่อง การเขียนโครงร่างเรยี งความโลกในอุดมคติ
2. มวิ สิควิดีโอ เพลง What I’ve done ศลิ ปนิ Linkin park จากเว็บไซต์ youtube.com
3. กระดาษ และอุปกรณว์ าดเขยี น

การวดั และ ประเมินผล

สิง่ ท่ีต้องการวดั วธิ กี ารวดั เครื่องมอื ที่ใชใ้ นการวดั เกณฑผ์ ่าน
1. อธิบายเกย่ี วกับเรียงความ ทำแบบทดสอบ 1.1 การเขยี น แบบทดสอบ 1.1 การเขียน ผา่ นเกณฑ์รอยละ
และการเขียนเรียงความ เรยี งความเกีย่ วกับอุดมคติ เรียงความเกีย่ วกับอดุ มคติ 60
เกี่ยวกับอดุ มคติได้ (K)
2. เขียนเรยี งความเกยี่ วกบั ทำใบกจิ กรรมที่ 1.2 เขียน แบบประเมินการเขียน ผา่ นเกณฑร์ ะดับ
โลกอุดมคติได้ (P) เรยี งความเกยี่ วกับอุดมคติ เรยี งความตามสภาพจริง คุณภาพ 2
3. มีมารยาทในการเขยี น (A) สังเกตพฤติกรรมระหวา่ งเรยี น แบบประเมนิ พฤตกิ รรม ผ่านเกณฑร์ ะดับ
ระหวา่ งเรยี น คณุ ภาพ 2

เกณฑก์ ารวดั และการประเมินผล

1. ดา้ นความรู้ กำหนดเกณฑ์การให้คะแนน/ระดับคุณภาพ ดังน้ี

คะแนน ความสามารถของนักเรียน

ผา่ น 1. แบบทดสอบ เร่อื ง การเขียนเรียงความเกย่ี วกับอดุ มคติถูกตอ้ งตั้งแต่ 6 ข้อข้นึ ไป

ไม่ผา่ น 1. แบบทดสอบ เรื่อง การเขยี นเรียงความเกยี่ วกับอดุ มคติถูกต้องตงั้ แต่ 0-5 ขอ้

2. ด้านทักษะกระบวนการ กำหนดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน/ระดบั คณุ ภาพ ดงั น้ี

ระดบั คุณภาพ ความสามารถของนกั เรยี น

3 เน้ือหาสอดคล้องกบั ช่อื เรื่อง ไม่ออกนอกประเดน็ ครบถว้ นสมบรู ณ์ มตี ัวอยา่ ง/ข้อสนบั สนุน

ดีเยยี่ ม ชดั เจน ลำดบั เน้ือหาได้อย่างเหมาะสมสะกดคำได้ถกู ต้อง

2 เนื้อหาสอดคล้องกับชอ่ื เร่ือง ไมอ่ อกนอกประเด็น ครบถว้ นสมบูรณ์ มตี ัวอยา่ ง/ข้อสนบั สนุน

ดี ชดั เจนในบางประเด็น ลำดบั เนอ้ื หาได้อย่างเหมาะสม สะกดคำผิดพลาด1-2 ตำแหน่ง

1 เนื้อหาสอดคลอ้ งกบั ชื่อเรื่อง ไมอ่ อกนอกประเด็นครบถว้ นสมบรู ณ์ มีตวั อย่าง/ข้อสนบั สนนุ

ผา่ น บางประเดน็ แตไ่ ม่ค่อยชดั เจน ลำดับเน้ือหาสบั สนบางส่วน สะกดคำผิดพลาด 3-4 ตำแหนง่

0 เนอ้ื หาไมส่ อดคล้องกบั ชื่อเรื่อง เขยี นออกนอกประเด็น ไม่มีตัวอย่าง/ข้อสนบั สนนุ ลำดบั

ไม่ผ่าน (ปรับปรุง) เน้ือหาสบั สน สะกดคำผิดพลาด มากกวา่ 4 ตำแหนง่

3. ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) กำหนดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน/ระดับคณุ ภาพ ดงั นี้

ข้อ 4 ใฝ่เรยี นรู้

ตวั ช้วี ดั ท่ี 4.1 ตั้งใจเพยี รพยายามในการเรยี นและเขา้ ร่วมกิจกรรม

พฤตกิ รรมบ่งช้ี พฤติกรรมสำคญั ระดับคุณภาพ

ดีเยยี่ ม (3) ดี (2) ผา่ น (1) ไมผ่ า่ น

(ปรบั ปรุง) (0)

4.1.1 ต้งั ใจเรยี น 1. เข้าเรยี นตรง เข้าเรยี นตรง เข้าเรยี นตรง เขา้ เรียนตรง เข้าเรียนไม่ตรง

4.1.2 เอาใจใส่ เวลา เวลา ต้งั ใจเรยี น เวลา ต้ังใจเรียน เวลา ตั้งใจเรยี น เวลา ไมต่ ั้งใจ

และมีความเพยี ร 2. ทำงานถกู ต้อง เอาใจใส่ และมี เอาใจใส่ และมี เอาใจใส่ และมี เรยี น ไมม่ สี ่วน

พยายามในการ สง่ งานครบ ความเพียร ความเพียร ความเพียร ร่วมในกิจกรรม

เรียนรู้ 3. ทำงานทไ่ี ด้รับ พยายามในการ พยายามในการ พยายามในการ การเรียน

4.1.3 มสี ว่ น มอบหมายสำเร็จ เรยี นรู้ มสี ว่ น เรียนรู้ มีส่วน เรยี นรู้ มสี ว่ น

รว่ มในการเรียนรู้ ครบถว้ น ถูกต้อง รว่ มในกิจกรรม ร่วมในกจิ กรรม รว่ มในกิจกรรม

และเขา้ รว่ ม 4. มสี ่วนร่วมใน การเรียนเปน็ การเรยี น การเรียนเปน็

กจิ กรรมต่างๆ กิจกรรมการเรียน ประจำ บ่อยคร้งั บางครงั้

เกณฑก์ ารประเมินผล

1. ด้านความรู้

- โดยถือเกณฑผ์ ่านจากการทำแบบทดสอบที่ 2.1 เรอื่ ง การเขียนเรียงความเกี่ยวกับอดุ มคติ ผา่ นเกณฑ์

ระดบั คุณภาพร้อยละ 60 ขึ้นไป

2. ด้านทกั ษะกระบวนการ

- โดยถอื เกณฑผ์ ่านจากการประเมนิ ช้ินงานที่ 1 การเขยี นเรียงความ โลกในอดุ มคติ ผา่ นเกณฑ์ระดับ

คณุ ภาพ 2 ขน้ึ ไป

3. ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ข้อ 4 ใฝ่เรียนรู้

- โดยถอื เกณฑผ์ ่านจากการสังเกตพฤติกรรมระหว่างเรียนผ่านเกณฑร์ ะดับคณุ ภาพ 2 ขึ้นไป

การประเมินพฤตกิ รรมการเรียนรูข้ องนกั เรยี นระหวา่ งเรยี น
ดา้ นดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) : ขอ้ 4 ใฝเ่ รียนรู้
หลกั การประเมิน : การประเมินคร้ังน้ีจะทำการประเมินเป็นกลุ่มโดยครูผสู้ อนจะเปน็ ผู้ประเมินตามเกณฑ์
ประเมิน ดงั น้ี 3 หมายถงึ ดีเยีย่ ม 2 หมายถงึ ดี 1 หมายถงึ ผา่ น 0 หมายถึง ไม่
ผา่ น/ปรบั ปรงุ

เลขท่ี ตวั ชี้วดั ท่ี 4.1 รวม สรปุ ผลการประเมนิ
รายการประเมิน (เฉลย่ี ) ผ่าน ไมผ่ ่าน
พฤติกรรมบ่งชี้
123

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
ข้อเสนอแนะ
............................................................................................................................. ...................................
......

ลงชอื่ ............................................ผปู้ ระเมิน
( นางสาวพิราวรรณ โฉลกดี )

เกณฑ์การประเมนิ คะแนน 2.5 – 3.0 ระดบั คุณภาพ ดีเยยี่ ม (3)
คะแนน 1.5 – 2.4 ระดับคุณภาพ ดี (2)
คะแนน 1.4 – 1.0 ระดับคุณภาพ ผ่าน (1)
คะแนน 0.9 – 0 ระดับคุณภาพ ไม่ผา่ น (0)

ใบกจิ กรรม ที่ 1.1 เรื่อง การเขียนโครงรา่ งเรยี งความเก่ยี วกบั โลกอุดมคติ
ให้นกั เรียนเขยี นโครงรา่ งเรยี งความเก่ียวกบั โลกอุดมคติ

ชอ่ื เรือ่ ง…………………………………………………………………
คำนำ

…………….………………………………………………………………………………………………......…………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………….……………………………………………………………………………………………………..........
เน้ือหา

ประเด็นที่
๑......................................................................................................................................................
ตัวอยา่ ง

............................................................................................................................. ......................................

ประเด็นที่
๒.................................................................................................................................. ...................
ตัวอย่าง

................................................................................................................ ...................................................
ประเด็นที่
๓.................................................................................................................................. ....................
ตวั อยา่ ง
............................................................................................................................................................ .......
ประเดน็ ท่ี
๔......................................................................................................................................................
ตัวอยา่ ง
............................................................................................................................. ......................................
ประเด็นท่ี
๕.................................................................................................................................. ....................
ตัวอยา่ ง
............................................................................................................................. ......................................
สรปุ
……………..…………………………………………………………………………………………......….…………………………………
…………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………....

แบบทดสอบท่ี 1.1 เรอื่ ง การเขียนเรียงความเก่ียวกับอดุ มคติ
วิชาภาษาไทย รหัส ท 33101 ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 6

ชื่อ – สกลุ ........................................................................................... ชั้น ม. 6/........ เลขที่ ...........

คำชีแ้ จง ให้นักเรียนทำเคร่ืองหมาย  ทบั เลือกคำตอบทถ่ี กู ต้อง

1. อันชาตใิ ดไรช้ ่างชำนาญศลิ ป์ เหมือนนารินไรโ้ ฉมบรรโลมสง่า

ใครใครเห็นไม่เป็นทีจ่ ำเรญิ ตา เขาจะพากนั เย้ยให้อบั อาย

ศลิ ปกรรมนำใจให้สร่างโศก ช่วยบรรเทาทกุ ข์ในโลกใหเ้ หือดหาย

จำเริญตาพาใจใหส้ บาย อีกร่างกายกจ็ ะพลอยสุขสราญ

คำประพันธน์ ส้ี ามารถนำมาประกอบการเขียนเรยี งความเกยี่ วกบั อะไร

1. ความเจริญรงุ่ เรอื งทางสถาปตั ยกรรม 2. มรดกทางศิลปวัฒนธรรม

3. ความสำคัญของศิลปะ 4. ความงดงามของศิลปะ

2. “หากจะกลา่ วถงึ ความรักบนโลกใบน้ี ไม่วา่ รกั แบบใดกส็ ามารถนำพาความทกุ ข์มาไดท้ ้ังสิ้น หากแตย่ งั มี

ความรกั อกี ประการหนึง่ ท่จี ะนำความสุขมาให้แกผ่ ู้มอบความรกั เสมอ นน่ั คือความรักท่มี ีตอ่ สตั วโ์ ลกท้ังหลาย”

ข้อความนเ้ี หมาะสมจะใชเ้ ป็นสว่ นใดของเรยี งความ

1. คำนำ 2. เนื้อเร่อื ง 3. สรปุ 4.

ข้อเสนอแนะ

3. เนอ้ื หาใดเปน็ ส่วนประกอบท่ีสำคัญทส่ี ุดในการเขียนเรยี งความเรอื่ ง “การสรา้ งความสามัคคี”

1. แนวทางในการสรา้ งความสามคั คี 2. ความสำคญั ของความสามัคคี

3. ผลของการมีความสามัคคี 4. ความหมายของความสามัคคี

4. ขอ้ เสนอแนะใชข้ ้อความต่อไปนี้ตอบคำถามข้อ 4 - 5

ขนบธรรมเนียมประเพณีทีด่ งี ามของพุทธบรษิ ัท ลว้ นแตเ่ กิดข้ึนมาเพราะความกตัญญูกตเวที เปน็ ไปได้

เพราะความกตัญญกู ตเวที และมุ่งหมายจะชุบย้อมธรรมะ คือความกตัญญูกตเวทีน้ี ให้ฝังแนน่ อยู่ในจติ ใจของ

บุตรหลาน ผ้เู ปน็ อนชุ นไปอย่างม่นั คง จารตี ประเพณตี ่าง ๆ เชน่ การปลงศพผู้เป็นอปุ ชั ฌายจ์ ารยเ์ ปน็ ตน้ นัน้

มงุ่ หมายจะซักซ้อมความกตัญญูกตเวทใี นหัวใจของทกุ คนยิ่งกว่าทจ่ี ะมุ่งหมายอย่างอนื่ จงึ ได้เกดิ ประเพณีทุ่มเท

เพอื่ การจัดงานอยา่ งไม่คำนึงถึงความหมดเปลืองและความยากลำบากทุก ๆ ประการ ท้งั น้ีเพราะเหน็ ความ

จำเปน็ ในการทโี่ ลกเราจักต้องเป็นโลกท่ีอาบย้อมอยดู่ ้วยความกตญั ญูกตเวที จงึ จะเปน็ โลกทร่ี ม่ เยน็

(พทุ ธทาส ภกิ ข,ุ โลกจะรอดได้ แม้เพราะกตัญญูกตเวที)

ขอ้ ความนน้ี า่ จะอยู่ในสว่ นใดของเรยี งความ

1. คำนำ 2. เกร่ินนำเนอื้ เร่ือง 3. นำก่อนสรปุ 4.สรปุ

5. ขอ้ ความนีเ้ สนอแนวคดิ เกยี่ วกับเรอื่ งใด

1. ความกตญั ญูกตเวที 2. ประเพณีทางพระพุทธศาสนา

3. การจัดพิธกี รรมอย่างส้นิ เปลือง 4. พธิ กี รรมทางศาสนา

6. ข้อใดคือความหมายของเรียงความเกี่ยวกบั อดุ มคติ

1. เร่อื งราวทเ่ี กยี่ วกบั ความดงี าม แนวทางทนี่ ำไปสเู่ ป้าหมายอนั สงู สดุ ของมนุษย์

2. เรอ่ื งราวท่ีเกยี่ วกับความเช่ือ ความศรัทธาในพุทธศาสนาทน่ี ำพาไปสูน่ ิพพาน

3. เรอ่ื งราวทเี่ กี่ยวกบั ปรชั ญา ความรักและความผูกพนั ของสัตว์โลกต่าง ๆ

4. เรือ่ งราวที่เกี่ยวกบั การศึกษาคน้ คว้าเพอ่ื พฒั นาประเทศและโลกในอนาคต

7. การเขียนเรียงความเกี่ยวกับอดุ มคตคิ วรระลึกถึงปจั จยั ในขอ้ ใดเปน็ อันดบั แรก

1. การใช้ภาษาในการเขยี น 2. การค้นควา้ ข้อมลู ประกอบ

3. สาระสำคญั ทีต่ ้องการสื่อ 4. การเลือกใช้คำคมและสภุ าษติ

8. ข้อใดเปน็ หัวข้อทเี่ หมาะสมในการเขยี นเรียงความเก่ยี วกับอดุ มคติ

1. ตแี ผ่ชีวิตคนบนั เทงิ 2. นิวเคลียร์ : พลังแหง่ อนาคต

3. เคล็ดลบั สู่ความสำเร็จ 4. สร้างโลกใหส้ ดใสด้วยหวั ใจสามัคคี

9. การเขียนเรียงความเกีย่ วกับอุดมคติ มกี ารแบ่งเนื้อหาอย่างไร

1. คำนำ เนือ้ เรื่อง ส่วนสรปุ 2. เนอื้ เรอ่ื ง สรุป ข้อเสนอแนะ

3. คำนำ ขอ้ เสนอแนะ เนื้อเร่ือง 4. คำนำ เนอ้ื เรื่อง ขอ้ เสนอแนะ

10. หัวขอ้ เรยี งความในข้อใดท่นี กั เรยี นสามารถเขยี นโดยแสดงความคิดเหน็ ของตนเองได้มากท่สี ุด

1. แนวทางการอนรุ ักษ์พลงั งานอยา่ งยัง่ ยนื 2. กรุงเทพฯของฉัน

3. บุคคลในดวงใจ 4. สถานท่ีทอ่ งเทีย่ วทฉ่ี ันแนะนำ

********************************

เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน (Post-Test) เรื่อง การเขียนเรียงความเกย่ี วกบั อดุ มคติ ๕. ๑
๑. ๓ ๒. ๑ ๓. ๑ ๔. ๔ ๑๐. ๓
๖. ๑ ๗. ๓ ๘. ๔ ๙. ๑

ชอื่ -สกลุ ....................................................................................................................ชน้ั ม.6/.............. เลขท่ี
..............

ใบกิจกรรมที่ 1.2 เขียนเรยี งความเก่ียวกับอดุ มคติ

……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………..….
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………

ชอื่ -สกลุ ....................................................................................................................ชนั้ ม.6/.............. เลขที่
..............

ใบกิจกรรมท่ี 1.3 แบบบันทึกการฟงั การดู

……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………

ชื่อหน่วย : พากเพียรส่ือสารการอา่ น หน่วยท่ี : 3 เวลา : 6 ชวั่ โมง
ช่ือแผน : การอ่านจบั ใจความขา่ ว แผนท่ี : 1 เวลา : 1 ชั่วโมง
ชอื่ วิชา : ภาษาไทย รหัส ท 33101 ชั้น ม.6
ช่ือครูผู้สอน : นางสาวพริ าวรรณ โฉลกดี

สาระสำคัญ
การอ่านจบั ใจความมุ่งเน้นการเก็บสาระสำคัญจากเร่ืองท่ีอ่าน ผอู้ ่านจึงต้องใช้สมาธแิ ละความเขา้ ใจ

อีกทั้งยังต้องฝกึ ฝนเพ่ือให้การอา่ นจบั ใจความมปี ระสิทธภิ าพ โดยเฉพาะการอา่ นขา่ วท่ีจะตอ้ งอา่ นจบั ใจความ
สำคญั ของข่าวนนั้ ๆ ให้เข้าใจเพือ่ ใหร้ บั ข่าวสารได้ถูกต้องชัดเจน

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรแู้ ละความคดิ เพอ่ื นำไปใชต้ ัดสินใจแกป้ ญั หา
ในการดำเนนิ ชีวิต และมีนสิ ัยรกั การอา่ น
ตวั ช้วี ัด
ท 1.1 ม. 4-6/3 วเิ คราะห์และวิจารณ์เรือ่ งทอี่ ่านในทุก ๆ ดา้ นอย่างมเี หตผุ ล
ท 1.1 ม. 4-6/4 คาดคะเนเหตกุ ารณจ์ ากเร่ืองทอ่ี า่ นและประเมินค่าเพ่ือนำความรคู้ วามคดิ
ไปใช้ตดั สินใจแกป้ ัญหาในการดำเนินชวี ติ
ท 1.1 ม. 4-6/5 วิเคราะห์ วจิ ารณ์แสดงความคิดเหน็ โตแ้ ย้งเกีย่ วกับเรื่องท่อี ่าน และเสนอ
ความคิดใหมอ่ ย่างมเี หตุผล
ท 1.1 ม. 4-6/8 สงั เคราะห์ความรูจ้ ากการอา่ นสอื่ ส่ิงพมิ พ์ ส่อื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ และแหลง่ การเรียนรู้
ตา่ ง ๆ มาพฒั นาตน พฒั นาการเขียน และพฒั นาความรู้ทางอาชีพ

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายหลกั การอ่านจับใจความได้ (K)
2. อธบิ ายลักษณะการอา่ นข่าวได้ (K)
3. อา่ นจับใจความข่าวได้ (P)
4. เห็นความสำคญั และตระหนกั ถึงความสำคัญของการอา่ นจบั ใจความ (A)
5. มีมารยาทในการอา่ น (A)

สาระการเรียนรู้
- หลกั การอา่ นจบั ใจความ
- การอ่านขา่ ว

สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน
1. ความสามารถในการส่ือสาร
- ทักษะการอา่ น

- ทักษะการเขยี น
- ทักษะการฟัง การดู และการพดู
2. ความสามารถในการคดิ
- การจำแนก
- การให้เหตผุ ล
- การวเิ คราะห์
- การสงั เคราะห์
- การสรุปความรู้
- การประเมนิ คา่
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต

คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
ใฝ่เรียนรู้
ตวั ชวี้ ัดที่ 4.2 แสวงหาความรูจ้ ากแหลง่ เรยี นรู้ต่าง ๆ ทง้ั ภายในและภายนอกโรงเรยี น ด้วยการ

เลือกใชส้ ่ืออยา่ งเหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรปุ เป็นองค์ความรู้ สามารถนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวันได้

ชิน้ งานหรือภาระงาน
1. ฝึกทกั ษะการอา่ นจับใจความเบือ้ งตน้
2. ฝึกทักษะการอา่ นขา่ ว
3. ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง การอ่านจับใจความเบื้องตน้

การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้นนำ
1. ครูผู้สอนตงั้ คำถามกับนักเรียนว่า “การจบั ใจความเร่ืองท่ีอา่ นสำคัญอยา่ งไร” แลว้ ใหน้ ักเรยี น

เสวนาแลกเปลี่ยนความคดิ เห็นโดยใช้เหตุผลสนับสนนุ ทรรศนะของตนเอง
2. ใหน้ ักเรียนและครรู ่วมกันสรุปผลการเสวนา แล้วนำผลการสรุปมาใชเ้ ปน็ ความรใู้ นการศึกษาเรื่อง

การอา่ นจับใจความ
ขน้ั สอน
3. ให้นักเรียนศึกษาความรู้เร่ือง “การอ่านจับใจความ” พร้อมการอธบิ ายเพ่ิมเติมจากครูผสู้ อนโดย

นำเสนอตัวอย่างหรือประสบการณ์เพ่ือใหน้ ักเรยี นเข้าใจได้อย่างชดั เจน
4. ครผู สู้ อนให้นักเรียนอ่านข้อความสั้น ๆ แลว้ ใหน้ ักเรียนเขียนใจความสำคัญลงในกระดาษพร้อมกับ

สังเกตวธิ ีการอ่านจับใจความของตนเอง เช่น สามารถอ่านแลว้ จบั ใจความได้เลย อ่านจับใจความสำคัญโดย
การร่างข้อมูลไว้กอ่ น หรือตอ้ งอา่ นมากกว่า 1 รอบจึงจะสามารถจบั ใจความสำคญั ได้

5. ครูผ้สู อนรวบรวมวิธีการอา่ นจับใจความของนักเรียนทง้ั ห้องเพ่ือแสดงใหเ้ หน็ วิธีการอ่านต่าง ๆ แล้ว
สรุปวธิ ีการอ่านจบั ใจความที่ถูกต้อง และใหค้ วามรูเ้ พ่ิมเติมเก่ยี วกบั จุดมงุ่ หมายของการอ่านจับใจความ ดงั น้ี

1) สามารถบอกรายละเอยี ดของเร่ืองราวทอ่ี ่านได้อย่างชดั เจน
2) สามารถปฏบิ ตั ติ ามคำสั่งและคำแนะนำได้
3) เพื่อฝึกการอ่านเรว็ และสามารถตอบคำถามได้ถูกตอ้ ง
4) สามารถสรปุ หรอื ย่อเรื่องที่อ่านได้
5) อา่ นแล้วสามารถคาดการณ์ และหาความจริง แสดงข้อคดิ เหน็ ได้
6. ใหน้ ักเรียนศึกษาความร้เู ร่ือง “การอ่านข่าว” พรอ้ มการอธบิ ายเพิม่ เติมจากครผู ู้สอน โดย
สอดแทรกตวั อย่างขา่ วและใจความสำคญั จากข่าวเพอื่ ใหน้ ักเรยี นเข้าใจได้อย่างชัดเจน
7. ครูผู้สอนใหน้ กั เรียนอ่านข่าวจากหนงั สอื พมิ พ์ แลว้ แบ่งกลุ่ม กลุม่ ละ 5 คน ช่วยกนั จบั ใจความสำคัญ
จากขา่ ว เขียนลงกระดาษ เพื่อนำเสนอและตอบคำถามของครูเก่ยี วกับขา่ วน้นั แล้วให้นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั
ประเมินว่ากลุ่มใดจบั ใจความสำคัญจากข่าวไดด้ ีท่สี ุดโดยใช้ความรู้ทศี่ ึกษาเป็นตวั ประเมนิ
8. ใหน้ ักเรยี นทำใบงานที่ 1.1 เร่ือง การอา่ นจบั ใจความเบื้องต้น แลว้ ร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้อง
ขัน้ สรปุ
9. ให้นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั นี้
๏ การอา่ นจบั ใจความมุง่ เนน้ การเก็บสาระสำคญั จากเร่ืองที่อา่ น ผอู้ ่านจึงตอ้ งใช้สมาธแิ ละความ
เข้าใจ อีกท้งั ยังต้องฝึกฝนเพ่ือใหก้ ารอ่านจบั ใจความมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการอ่านข่าวท่ีจะต้องจับใจความ
สำคัญของขา่ วนั้น ๆ ให้เข้าใจ เพอื่ ใหร้ บั ขา่ วสารได้ถูกต้องชัดเจน
10. ใหน้ กั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ ำถามท้าทาย ดังนี้
๏ หากเราอ่านข่าวโดยจับใจความสำคัญไมเ่ ป็น อาจจะส่งผลเสียอย่างไรบา้ ง
11. ครูผ้สู อนสง่ั งานใหน้ ักเรียนเลอื กเรื่องสัน้ 1 เรอื่ ง จาก 2 เรื่องที่ครูกำหนด เพ่ืออ่านและทำความ
เข้าใจก่อนศึกษาเรื่อง “การอ่านจับใจความเรื่องส้นั ” ในช่วั โมงตอ่ ไป

การจัดบรรยากาศเชิงบวก
ให้นักเรยี นนำเสนอผลงานหน้าช้นั เรยี นแล้วชว่ ยกันประเมินผลงานโดยเพอ่ื นนักเรยี นและครผู ู้สอนช่วย

สรา้ งบรรยากาศกระตือรอื ร้น และได้ทำงานร่วมกนั เปน็ กลุ่ม

ส่ือการเรียนรู้
1. ตวั อย่างข้อความสนั้ ๆ
2. ข่าวจากหนังสอื พมิ พ์
3. ใบงานที่ 1.1 เรื่อง การอ่านจับใจความเบ้ืองต้น

การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้

ส่ิงที่วัด วิธกี ารวดั เคร่อื งมือวดั เกณฑ์ผา่ น
1.อธบิ ายหลักการอ่านจับ ตรวจใบงานท่ี 1.1 ใบงานท่ี 1.1 ระดบั 2 ขน้ึ ไป
ใจความได้ (K)
2. อธิบายลักษณะการอา่ น ตรวจใบงานท่ี 1.1 ใบงานที่ 1.1 ระดับ 2 ขึ้นไป
ขา่ วได้ (K)
3.อ่านจับใจความข่าวได้ (P) ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานท่ี 1.1 ระดบั 2 ขึ้นไป
4. เห็นความสำคญั และ ตรวจใบงานท่ี 1.1 ใบงานท่ี 1.1 ระดบั 2 ขน้ึ ไป
ตระหนักถึงความสำคญั ของ
การอ่านจับใจความ (A) ใบงานท่ี 1.1 ระดับ 2 ขนึ้ ไป
5. มมี ารยาทในการอ่าน (A) ตรวจใบงานท่ี 1.1

การประเมนิ ใบงานที่ 1.1 ให้ผ้สู อนพิจารณาจากเกณฑ์การประเมินผลตามสภาพจรงิ (Rubrics)
เรือ่ ง การอา่ นจบั ใจความเบ้ืองต้น

เกณฑก์ ารประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1
32

การอ่านจับใจความ เขยี นเน้อื หาสาระ เขยี นเน้อื หาสาระ เขียนเนอ้ื หาสาระ เขยี นเน้ือหาสาระ
เบ้ืองต้น
ไดถ้ ูกต้อง ตรง ได้ถูกตอ้ ง ตรง ไดถ้ ูกต้อง ตรง ไดบ้ ้าง ใช้ภาษา

ประเด็น ประเด็น ประเดน็ แตใ่ จความ ไม่ถูกต้อง สะกดคำ

ทกุ ข้อและได้ ทุกข้อและได้ วกวน และใช้เคร่ืองหมาย

ใจความต่อเน่อื ง ใจความตอ่ เนือ่ ง ใช้ภาษาถูกต้อง วรรคตอน ผดิ 5-6

ใชภ้ าษาถกู ต้อง ใชภ้ าษาถกู ต้อง สื่อความหมาย แห่ง ตัวอักษรอา่ น

สื่อความหมาย สือ่ ความหมาย ชัดเจน ยาก ไม่สะอาด ไม่

ชดั เจน ลำดบั ความ ชัดเจน ลำดบั ความ สะกดคำและใช้ เป็นระเบียบ

ไมว่ กวน ไม่วกวน เครื่องหมายวรรค

สะกดคำและใช้ สะกดคำและใช้ ตอน ผิด 3-4 แหง่

เคร่ืองหมายวรรคตอน เครื่องหมายวรรค ตัวอักษรอ่านงา่ ย

ถูกต้อง ตวั อักษร ตอน ผิด 1-2 แหง่ สะอาด ขาดความ

อา่ นงา่ ย สะอาด ตัวอักษรอา่ นงา่ ย เปน็ ระเบยี บ

เป็นระเบียบ สะอาด เป็น

ระเบียบ

กิจกรรมเสนอแนะ
ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 4-6 คน อ่านข่าวทเ่ี ปน็ ประเด็นสนใจในขณะนัน้ จากหนงั สือพมิ พ์หลาย ๆ

ฉบับ แลว้ นำมาอภิปรายเปรยี บเทียบว่าหนงั สือพิมพ์ฉบับใดเชอ่ื ถือไดบ้ า้ ง

ความร้เู พ่ิมเติมสาหรบั ครู
วิธีจบั ใจความสาคญั

วิธีเกบ็ ใจความสำคัญมหี ลายอย่าง ข้นึ อยู่กับความชอบว่าอย่างไร เชน่ การขดี เสน้ ใต้ การใช้สีตา่ ง ๆ
กนั แสดงความสำคัญมากน้อยของขอ้ ความ การบนั ทกึ ย่อเป็นส่วนหนึ่งของการอา่ น จับใจความสำคญั ท่ีดี แตผ่ ู้
ท่ยี อ่ ควรย่อด้วยสำนวนภาษาและสำนวนของตนเอง ไม่ควรย่อด้วยการตัดเอาข้อความสำคัญมาเรยี งต่อกัน
เพราะ
อาจทำให้ผู้อ่านพลาดสาระสำคญั บางตอนไปอันเปน็ เหตุใหก้ ารตคี วามผิดพลาดคลาดเคล่ือนได้ วิธจี บั ใจความ
สำคญั มหี ลกั ดังน้ี

1. พิจารณาทีละย่อหน้า หาประโยคใจความสำคญั ของแตล่ ะหนา้
2. ตัดสว่ นทีเ่ ปน็ รายละเอยี ดออกได้ เชน่ ตวั อยา่ ง สำนวนโวหาร อุปมาอุปไมย ตัวเลขสถติ ิ ตลอดจน
คำถามหรือคำพดู ของผู้เขียนซึ่งเป็นส่วนขยายใจความสำคัญ
3. สรปุ ใจความสำคัญดว้ ยสำนวนภาษาของตนเอง
ตวั อย่างท่ี 1
การรดนำ้ ตน้ ไม้ หรือสนามหญ้า ควรจะรดชว่ งเชา้ หรือช่วงเยน็ มากกวา่ เพราะเวลาเทยี่ ง หรอื ช่วงแดด
จ้า จะทำให้น้ำร้อยละ 50 ระเหยไปในอากาศ หรือใหต้ ้นไม้ไดใ้ ชเ้ พียงคร่ึงเดียว เทา่ นั้น
ใคร/อะไร : การรดนำ้ ตน้ ไมห้ รือสนามหญ้า
อยา่ งไร : ควรรดชว่ งเชา้ หรือช่วงเยน็
เพราะอะไร : เวลาเทยี่ ง หรือแดดจ้า ตน้ ไม้จะได้น้ำเพียงครึง่ เดียว
ใจความสำคัญ : การรดน้ำตน้ ไม้หรือสนามหญ้า ควรรดชว่ งเชา้ หรือชว่ งเยน็

เพราะเวลาเที่ยงหรือแดดจา้ ต้นไม้จะได้น้ำเพยี งครึ่งเดยี ว
ตัวอย่างท่ี 2
บ้านในชนบท มักจะปลกู ต้นไผ่ทำเปน็ ร้ัวบา้ น เพราะไม้ไผม่ ีหนาม ป้องกันขโมยไดด้ ี เมืองในสมยั
โบราณน้นั ยงั ไม่มกี ำแพงเพชร เขากป็ ลกู ตน้ ไผท่ ำเปน็ รัว้ ไว้ก็มี
ใคร/อะไร : บ้านในชนบท
ทำอะไร : ปลูกต้นไม้
ทำไม : เป็นร้วั บ้าน กันขโมยได้
เพราะอะไร : ต้นไผม่ ีหนาม
ใจความสำคัญ : บา้ นในชนบท ปลูกต้นไม้ไผ่เป็นรัว้ บ้านกนั ขโมยได้

เพราะตน้ ไผม่ ีหนาม

ใบงานท่ี 1.1 เร่ือง การอ่านจบั ใจความเบอื้ งต้น
ให้นักเรียนบอกใจความสำคัญจากขอ้ ความทีก่ ำหนดให้

1. เมื่อคนอยูก่ บั คนด้วยกนั กย็ ังต้องมีศลี มวี นิ ัยวางไว้แล้วเวลาอยูร่ ว่ มกบั หมาซ่งึ ไม่ใชค่ นจึงตอ้ งกำหนดศีลธรรม
กำหนดวินัยไวเ้ ชน่ เดยี วกันมฉิ ะนน้ั จะอยรู่ ว่ มกันไม่ได้การท่จี ะใหห้ มาอยูใ่ นศลี นน้ั กจ็ ำเปน็ ต้องมผี ูใ้ ห้ศลี ผทู้ ี่จะให้ศลี
หมาได้กค็ ือผทู้ ่ีหมาเคารพเหมือนกบั คนไมย่ อมรับศลี จากฆราวาสดว้ ยกันแต่ยอมรบั ศีลจากพระ ฉะนัน้ กอ่ นท่ีใครจะ
หัดหมาใหอ้ ยู่ในกำหนดใด ๆ ได้ผนู้ น้ั จะต้องอยู่ในฐานะท่ีเคารพของหมาเสยี กอ่ น

ใจความสำคัญ คือ………………………………………………………………………………….........

2. สุนทรภไู่ ด้สญู ส้นิ ชีวิตไปแล้วสิ้นไปในวาระทท่ี ่านกลับได้ดำรงเกยี รติอันควรแก่ปรีชาสามารถของท่าน คือ เมื่อท่าน
ไดเ้ ป็นพระศรสี ุนทรโวหารเจา้ กรมอาลักษณใ์ นสมเดจ็ พระป่ินเกล้าเจา้ อยหู่ ัวแต่นามและวรรณคดีของทา่ นยังอยโู่ ดย
ความดงี ามและคุณคา่ ในตวั เองเราได้รบั ท้ังความบันเทงิ และความสะเทือนใจในรสแห่งคติธรรมอนั แสดงออกโดย
ภาษาอันไพเราะซาบซ้ึงใจจากวรรณคดที ี่ทา่ นฝากไว้

ใจความสำคญั คือ………………………………………………………………………………….........

3. ปัจจุบันนี้ชีวิตของเยาวชนตกอยู่ท่ามกลางส่ิงแวดล้อมท่ีเป็นอบายมุขได้แก่ สุรา ยาเสพติด
การพนนั และสถานเริงรมยต์ ่าง ๆ ถ้าเยาวชนมีเวลาวา่ งมากเกนิ ไปก็อาจถูกชักจงู ไปสู่อบายมุขได้โดยง่ายหาก
เยาวชนตกเปน็ ทาสของอบายมุขแลว้ ก็อาจจะกลายเปน็ อาชญากรในท่สี ดุ กฬี าจึงเปน็ กิจกรรมยามว่างทส่ี ำคัญซึ่งจะ
ชว่ ยป้องกนั ไมใ่ หเ้ ยาวชนหนั เหไปสอู่ บายมุขได้

ใจความสำคญั คือ………………………………………………………………………………….........

4. ปะการังเป็นแหล่งพักพิงของปลาตัวเล็ก แต่ปัจจบุ ันถูกพ่อค้าปลาตู้ทำลายโดยใช้วิธีฉีดพ่นยาสลบไปตามคอ
ปะการัง เพ่อื จบั ปลาสีสวย ๆ ไปขาย มีผลทำใหป้ ะการงั ตายไปด้วย เมอื่ ปะการงั ตาย ปลาเล็กปลาน้อยซ่ึงเป็นอาหาร
ของปลาใหญก่ ถ็ ูกทำลาย ปะการงั เปรียบเสมือนหม้อข้าวของชาวประมง การทำลายปะการังจงึ เทา่ กับเป็นการทุบ
หมอ้ ขา้ วของชาวประมงจำนวนมาก

ใจความสำคัญ คือ………………………………………………………………………………….........

5. จะรู้ว่าแต่งกายเหมาะตัวนัน้ ไม่ยาก มีกระจกส่อง กระจกน้ันมิใชก่ ระจกทส่ี ่องทุกวันในบ้าน กระจกบานสำคญั อย่ใู น
แววตาของคนอ่ืน ๆ มนุษยด์ ูตวั เองมาต้ังแตเ่ กิด รักและหลงตวั เอง มักมองไม่เหน็ หรอื เห็นไมต่ รงกับคนอ่ืนความ
เหมาะตวั ได้แก่ แตง่ กายใหเ้ หมาะกับรูปลกั ษณะวยั รวมท้ังฐานะทางเศรษฐกจิ และสังคม สาวน้อยอายุ 18 แต่งตัว
โลดโผนอย่างไรมคี นเหน็ งาม คุณป้าอ้วนต๊ตุ ะ๊ อายุ 50แต่งตัวเหมอื นกนั คนสงสาร

ใจความสำคัญ คือ………………………………………………………………………………….........

เฉลยใบงานท่ี 1.1 เรือ่ ง การอ่านจับใจความเบื้องต้น
ให้นกั เรียนบอกใจความสำคัญจากข้อความที่กำหนดให้
1.

เมอ่ื คนอยกู่ ับคนดว้ ยกนั กย็ งั ต้องมีศลี มวี ินยั วางไวแ้ ล้วเวลาอยู่รว่ มกับหมาซึง่ ไมใ่ ช่คนจงึ ต้องกำหนดศลี ธรรมกำหนด
วนิ ัยไว้เช่นเดยี วกันมิฉะน้ันจะอยูร่ ว่ มกนั ไม่ได้การทจี่ ะใหห้ มาอยู่ในศีลน้ันก็จำเปน็ ต้องมผี ูใ้ ห้ศลี ผู้ทจี่ ะใหศ้ ีลหมาได้กค็ ือผู้ท่ี
หมาเคารพเหมอื นกับคนไม่ยอมรบั ศีลจากฆราวาสดว้ ยกันแต่ยอมรบั ศีลจากพระ ฉะนนั้ กอ่ นท่ีใครจะหัดหมาให้อยู่ใน
กำหนดใด ๆ ไดผ้ ู้น้นั จะต้องอยู่ในฐานะทเี่ คารพของหมาเสียกอ่ น
ใจความสำคญั คือ คนที่จะฝึกหัดหมาไดต้ ้องเปน็ คนท่หี มาเคารพ
2.

สนุ ทรภู่ได้สูญสิน้ ชีวิตไปแล้วส้นิ ไปในวาระท่ีท่านกลับได้ดำรงเกียรติอันควรแก่ปรีชาสามารถของท่าน คือ เมื่อท่านได้เป็น
พระศรีสุนทรโวหารเจา้ กรมอาลักษณ์ในสมเดจ็ พระปนิ่ เกลา้ เจ้าอยู่หวั แตน่ ามและวรรณคดขี องท่านยงั อยู่โดยความดงี าม
และคุณค่าในตัวเองเราได้รบั ท้ังความบนั เทิงและความสะเทอื นใจในรสแห่งคตธิ รรมอันแสดงออกโดยภาษาอันไพเราะ
ซาบซ้ึงใจจากวรรณคดที ่ีท่านฝากไว้
ใจความสำคญั คือ วรรณคดขี องสุนทรภมู่ คี ุณค่าทางคติธรรมและคณุ ค่าทางภาษาทีไ่ พเราะซาบซ้งึ
3.

ปัจจุบันน้ีชีวิตของเยาวชนตกอยู่ท่ามกลางส่ิงแวดล้อมที่เป็นอบายมุขได้แก่ สุรา ยาเสพติด การพนนั และสถาน
เรงิ รมยต์ า่ ง ๆ ถ้าเยาวชนมเี วลาวา่ งมากเกินไปกอ็ าจถกู ชักจงู ไปสู่อบายมุขได้โดยงา่ ยหากเยาวชนตกเป็นทาสของ
อบายมุขแล้วก็อาจจะกลายเป็นอาชญากรในทีส่ ุดกีฬาจงึ เป็นกิจกรรมยามวา่ งทสี่ ำคัญซ่งึ จะชว่ ยปอ้ งกนั ไม่ใหเ้ ยาวชนหัน
เหไปสอู่ บายมขุ ได้
ใจความสำคัญ คือ การปอ้ งกนั ไม่ให้เยาวชนหนั เหไปสู่อบายมุขได้
4.

ปะการังเป็นแหล่งพักพิงของปลาตัวเล็ก แต่ปัจจบุ ันถูกพ่อค้าปลาตทู้ ำลายโดยใช้วธิ ีฉีดพ่นยาสลบไปตามคอปะการัง เพื่อ
จบั ปลาสสี วย ๆ ไปขาย มีผลทำใหป้ ะการงั ตายไปด้วย เมื่อปะการงั ตาย ปลาเลก็ ปลานอ้ ยซ่งึ เป็นอาหารของปลาใหญก่ ็
ถูกทำลาย ปะการังเปรียบเสมือนหมอ้ ขา้ วของชาวประมง การทำลายปะการังจงึ เท่ากับเป็นการทุบหม้อข้าวของ
ชาวประมงจำนวนมาก
ใจความสำคญั คือ ให้คนไทยตระหนักถงึ คณุ ค่าของปะการังหากทำลายปะการังจงึ เท่ากับเป็นการทุบหม้อ
ขา้ วของชาวประมง
5.

จะรวู้ ่าแต่งกายเหมาะตัวนั้นไม่ยาก มีกระจกส่อง กระจกน้ันมิใช่กระจกทส่ี ่องทุกวนั ในบ้าน กระจกบานสำคัญอยู่ในแวว
ตาของคนอื่น ๆ มนุษยด์ ตู ัวเองมาตั้งแต่เกิด รกั และหลงตัวเอง มกั มองไมเ่ หน็ หรือเหน็ ไม่ตรงกับคนอ่นื ความเหมาะตัว
ไดแ้ ก่ แตง่ กายให้เหมาะกบั รูปลักษณะวัย รวมท้งั ฐานะทางเศรษฐกจิ และสงั คม สาวนอ้ ยอายุ 18 แตง่ ตัวโลดโผนอย่างไร
มีคนเหน็ งาม คุณปา้ อว้ นตุต๊ ะ๊ อายุ 50แต่งตวั เหมือนกันคนสงสาร

ใจความสำคัญ คือ การแต่งกายใหเ้ หมาะสมกับวัย บุคลิกภาพ ฐานะทางเศรษฐกิจและสงั คม


Click to View FlipBook Version