The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง
Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustianability Education Institution

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Benjapuk Jongmuanwai, 2021-11-05 19:57:33

การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง

การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง
Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustianability Education Institution

Keywords: การศึกษา 4.0

144

การพฒั นารูปแบบการบริหารจดั การศกึ ษา 4.0 ทีม่ ีประสิทธผิ ลตอ การเปนองคก รคณุ ภาพของสถานศกึ ษาเขม แข็ง

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

- 1 เม่อื แนใจวา ประเดน็ สมั ภาษณไ มมีความสอดคลองกับวัตถปุ ระสงค
4) แบบการสัมภาษณที่ความสอดคลองเทากับ 1.00 กอนนําไปใชในการศกึ ษาวิจัย
ผลแนวทางการบริหารจดั การศึกษา 4.0 ท่ีมีประสทิ ธผิ ลตอ การเปนองคก รคณุ ภาพกับกลุมเปา หมาย

แบบสัมภาษณรูปแบบ
1) ศึกษาเอกสาร (Documentary study) หลักการ แนวคิดทฤษฎี และงานวิจัยท่ี

เกย่ี วขอ ง รวมทั้งกรอบจากผลรปู แบบความสัมพนั ธเชงิ สาเหตขุ องปจ จัยการบรหิ ารจดั การศึกษา 4.0 ท่มี ี
ประสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพของสถานศึกษาเขมแข็ง เพื่อใหไดขอมูลที่หลากหลาย เปน
กรอบการสรา ง

2) สรางแบบสัมภาษณ ซ่ึงไดวางกรอบไว มีลักษณะเปนเคาโครง (Outline) เปน
แนวคําถาม เพื่อเปนแนวในการสัมภาษณหรือการสนทนาและแลกเปลี่ยนเรียนรูใหครบถวนตาม
วัตถุประสงควิจยั โดยหัวขอสนทนาจะสอดคลอ งกับการบริหารจดั การ แนวทางและปจ จัยท่มี ีอิทธิพล
ตอการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ทีมีประสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพ มีอะไรบาง และตัวช้ีวัด
เปนอยา งไร?

3) ตรวจสอบใหสมบูรณในการศกึ ษาวจิ ยั ผลรูปแบบการบริหารจดั การศกึ ษา 4.0 ท่ีมี
ประสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพของสถานศึกษาเขม แข็ง กอ นนําไปใชในการอบรมปฏิบัติการ
กับกลุม ตัวอยาง

แบบสมั ภาษณผลกระทบรปู แบบ
1) ศึกษาเอกสาร (Documentary study) หลักการ แนวคิดรูปแบบการบริหารจัด

การศึกษา 4.0 ทมี่ ปี ระสิทธิผลตอ การเปน องคก รคณุ ภาพของสถานศกึ ษาเขม แขง็ เปนกรอบการสราง
2) ยกรางแบบสัมภาษณ ชนิดกึ่งโครงสราง ในประเด็นการสัมภาษณผลกระทบ

รูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพ 3 ประเด็นสําคัญวา
ควรเปน อยา งไร ดังนี้

- ทานคิดวา “เปาประสงคการจัดการศึกษาท่ีพึงประสงค” ในการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมี
ประสทิ ธผิ ลตอ การเปนองคกรคุณภาพ ควรเปน อยางไร ?
- ทา นคิดวา “ความทา ทายการจัดการศึกษาในการบรรลุเปา ประสงค” ในการบริหารจัดการศึกษา
4.0 ทม่ี ปี ระสทิ ธผิ ลตอการเปน องคก รคณุ ภาพ” ควรเปนอยา งไร ?
- ทานคิดวา “กลไกการขับเคลื่อนไปสูการปฏิบัติ” ในการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มี
ประสิทธิผลตอการเปน องคกรคณุ ภาพ” ควรเปน อยางไร ?

3) นําไปตรวจสอบความสอดคลอง (Item of Objective Congruence) โดย
ผเู ช่ียวชาญทางการศึกษา จํานวน 5 คน กําหนดเกณฑก ารใหคะแนน ดงั นี้

+1 เมื่อแนใจวา ประเดน็ สมั ภาษณมคี วามสอดคลอ งกบั วัตถปุ ระสงค

สาํ นกั พฒั นาระบบบรหิ ารงานบคุ คลและนติ กิ าร
สํานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

145

การพัฒนารูปแบบการบริหารจดั การศึกษา 4.0 ทม่ี ปี ระสทิ ธผิ ลตอการเปนองคกรคุณภาพของสถานศกึ ษาเขม แขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

0 เม่อื ไมแ นใ จวา ประเดน็ สมั ภาษณมคี วามสอดคลอ งกบั วตั ถปุ ระสงค
- 1 เม่ือแนใจวา ประเดน็ สมั ภาษณไมมีความสอดคลอ งกับวตั ถปุ ระสงค
4) แบบการสัมภาษณมีความสอดคลองเทากับ 1.00 กอนนําไปใชศึกษาผลกระทบ
รูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ทมี่ ีประสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพ ดานเปาประสงคการ
จัดการศึกษาท่ีพึงประสงค ความทาทายการจัดการศกึ ษาในการบรรลุเปาประสงค กลไกการขบั เคลื่อนไปสู
การปฏบิ ัติ
2. เคร่ืองมอื ที่ใชในการเก็บรวบรวมขอมูลในการวจิ ยั เชงิ ปริมาณ เพ่ือใชในการสํารวจความคดิ เห็น
ท่ีเปนแบบสอบถามชนิดกึ่งโครงสราง มีลักษณะเปนแบบสอบถาม ประมาณคา 5 ระดับ จํานวน 2 ชุด
ประกอบดว ย (1) แบบสอบถามรูปแบบความสมั พันธเชิงสาเหตขุ องปจจัยการบริหารจัดการศกึ ษา 4.0 ที่มี
ประสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพ (2) แบบสอบถามความพึงพอใจตอรูปแบบการบริหารจัด
การศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพ มีขั้นตอนการสรางและหาคุณภาพของ
เคร่ืองมือ ดงั น้ี

แบบสอบถามรปู แบบความสมั พันธเ ชิงสาเหตุ
1) การศึกษาเอกสาร (Documentary study) งานวิจัยท่ีเก่ียวของ และวิเคราะห

กรอบแนวคิด (Conceptual)
2) วิเคราะหขอบขายเนื้อหาที่สอดคลองกับวัตถุประสงค และขอมูลจากการ

สัมภาษณแนวทางการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพ นํามา
วิเคราะห เพ่ือสกัดประเด็นท่ีสําคัญ แลวนําไปสังเคราะหรวมกับผลท่ีไดจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจัยที่เกยี่ วขอ งเปน กรอบแนวคดิ ในการสราง รวมท้งั วิเคราะหหลกั การสรางแบบสอบถามท่ดี ี จาก
เอกสาร งานวจิ ยั ที่เก่ยี วขอ ง

3) สรา งแบบสอบถามรูปแบบความสมั พนั ธเชิงสาเหตขุ องปจ จัยการบรหิ ารจดั การศกึ ษา
4.0 ที่มปี ระสิทธิผลตอการเปน องคกรคณุ ภาพ ชนิดก่งึ โครงสราง (Semi structure questionnaire) มี
ลักษณะเปนขอคําถาม แบบมาตราสวนประมาณคา ระดับ 5 ขั้น (5- Ratting scales) เพ่ือใชวัดตัว
แปรท่ีศึกษา แบงออกเปน 4 ตอน ไดแก ตอนท่ี 1 ขอมูลพ้ืนฐาน ตอนที่ 2 คําถามเกี่ยวกับการบริหารจัด
การศึกษา 4.0 ทีม่ ีประสิทธผิ ล ครอบคลุม 6 ดาน ไดแก (1) ความสามารถในการผลิตนักเรียนใหมีผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนสูง (2) ความสามารถในการพัฒนาผูเรียน ใหมีเจตคติท่ดี ี (3) ความสามารถในการปรับเปล่ียน
และการพัฒนาสถานศกึ ษา (4) ความสามารถในการแกปญหาภายในสถานศกึ ษา (5) ความผูกพนั ตอองคก าร
(6) สมรรถนะของผูเรียน ตอนที่ 3 คําถามเกีย่ วกับปจจัยการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ทม่ี ีประสิทธิผลตอ
การเปนองคกรคุณภาพ ครอบคลุม 5 ตัวแปร คอื (1) ภาวะผูนําทางวิชาการ (2) การบริหารจัดการคุณภาพ
(3) การบริหารทรัพยากรมนุษย (4) บรรยากาศสถานศึกษา (5) การประกันคุณภาพภายใน และตอนท่ี 4

สํานักพฒั นาระบบบรหิ ารงานบุคคลและนิติการ
สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

146

การพฒั นารูปแบบการบรหิ ารจัดการศึกษา 4.0 ทม่ี ีประสทิ ธผิ ลตอการเปนองคกรคณุ ภาพของสถานศกึ ษาเขม แขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

ขอ เสนอแนะเพม่ิ เติมแบบปลายเปด โดยกําหนดการใหนํ้าหนักคะแนนตวั เลือกของบุญชม ศรีสะอาด

(2553 : 71)1

ระดบั ปจ จยั ความหมาย

5 ระดับมากทีส่ ุด

4 ระดับมาก

3 ระดับปานกลาง

2 ระดับนอ ย

1 ระดับนอ ยทส่ี ุด

การแปลความหมายตามเกณฑคาเฉลยี่ ดงั น้ี

คา เฉล่ีย 4.51 – 5.00 หมายถึง ปจจยั การบรหิ ารจัดการศึกษา 4.0 เปน ปจจยั

ท่มี อี ทิ ธิพลตอการเปนองคก รคณุ ภาพอยใู น

ระดบั มากทสี่ ดุ

คา เฉล่ีย 3.51 – 4.50 หมายถงึ ปจจัยการบริหารจดั การศึกษา 4.0 เปนปจ จัย

ท่ีมอี ทิ ธิพลตอการเปน องคกรคุณภาพอยูใน

ระดับมาก

คาเฉลย่ี 2.51 – 3.50 หมายถงึ ปจจัยการบรหิ ารจดั การศกึ ษา 4.0 เปนปจ จยั

ท่มี อี ทิ ธพิ ลตอการเปนองคกรคุณภาพอยูใน

ระดบั ปานกลาง

คา เฉลย่ี 1.51 – 2.50 หมายถงึ ปจจัยการบริหารจดั การศกึ ษา 4.0 เปนปจ จยั

ทม่ี ีอิทธิพลตอการเปนองคก รคณุ ภาพอยูใ น

ระดับนอย

คาเฉล่ยี 1.00 – 1.50 หมายถึง ปจ จัยการบรหิ ารจัดการศกึ ษา 4.0 เปน ปจ จัย

ทม่ี อี ทิ ธิพลตอ การเปน องคกรคุณภาพอยใู น

ระดบั นอ ยที่สดุ

4) นําไปตรวจสอบความสอดคลอง (Item of Objective Congruence) โดย

ผูเชีย่ วชาญทางการศกึ ษา จาํ นวน 5 คน กาํ หนดเกณฑก ารใหคะแนน ดังนี้

+1 เมื่อแนใจวา ขอคาํ ถามมคี วามสอดคลองกับวตั ถุประสงค

0 เม่ือไมแ นใจวา ขอ คาํ ถามมคี วามสอดคลองกบั วตั ถุประสงค

- 1 เม่ือแนใจวา ขอคาํ ถามไมมคี วามสอดคลองกบั วตั ถปุ ระสงค

5) แบบสมั ภาษณมคี วามสอดคลองเทา กับ 1.00 กอนนาํ ไปทดลองใช

1 บญุ ชม ศรีสะอาด. การวิจยั เบ้ืองตน . กรงุ เทพฯ: สํานักพมิ พพิริยะสาน.

สาํ นกั พัฒนาระบบบริหารงานบคุ คลและนติ ิการ
สาํ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

147

การพฒั นารปู แบบการบริหารจัดการศกึ ษา 4.0 ทม่ี ปี ระสิทธผิ ลตอ การเปน องคก รคุณภาพของสถานศึกษาเขมแขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

6) นําไปทดลองใช (Try out) กับผูบริหาร และบุคลากรครูในสถานศึกษาท่ีสังกัด
สํานกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษามัธยมศึกษาขอนแกน ท่ีไมใชกลุมตวั อยาง จํานวน 50 คน ภายหลังการ
ทดลองใช นําไปหาคุณภาพรายขอ ไดแก คาอํานาจจําแนก (Discrimination) โดยใชเกณฑคา r
(Corrected Item-total Correlation) ตองมีคาไมต่ํากวา 0.20 ขึ้นไป (ไพรัตน วงษนาม, 2547 :
316) และหาคาความเช่ือมั่นโดยใชคาสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค (Cronbach’ s alpha
coefficient, 1970 : 14)2 ผลการทดลองใช พบวา 1) การบรหิ ารจัดการศกึ ษา 4.0 ทม่ี ปี ระสิทธิผล มี
คา อํานาจจําแนก อยูระหวาง 0.17-0.77 ซ่ึงในขอท่ีมีคา r (corrected item-total correlation) ตํา่
กวา 0.20 มี 2 ขอ ไดทําการตัดออก และมีคาความเชื่อมั่นเทากับ 0.89 2) ภาวะผูนําทางวิชาการ มี
คา อาํ นาจจาํ แนก อยูระหวา ง 0.40-0.67 มคี า ความเชื่อมน่ั เทา กบั 0.83 3) การบริหารจัดการคุณภาพ
มีคาอาํ นาจจําแนก อยูระหวาง 0.35-0.74 มีคา ความเชื่อมั่นเทากับ 0.88 4) การบริหารทรัพยากร
มนุษย มีคาอํานาจจําแนก อยูระหวาง 0.63-0.84 มีคาความเช่ือม่ันเทากับ 0.89 5) การประกัน
คุณภาพภายใน มีคาอํานาจจําแนก อยูระหวาง 0.51-0.73 มีคาความเช่ือมั่นเทากับ 0.91 6)
บรรยากาศสถานศึกษา มีคาอํานาจจําแนก อยูระหวาง 0.07-0.57 ซึ่งในขอที่ มีคา r (Corrected
item-total correlation) ต่ํากวา .20 ซง่ึ มี 1 ขอ ไดทําการตดั ออก มีคาความเช่ือม่นั เทา กับ 0.84

7) นําผลการทดลองใชปรับปรุงแกไขเพ่ือจัดทําเปนแบบสอบถามท่ีสมบูรณท่ีสุด
จากนั้นจึงนําไปใชจริงกับกลุมตัวอยาง เพ่ือศึกษาผลรูปแบบความสัมพันธเชิงสาเหตุของปจจัยการ
บริหารจดั การศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลตอการเปนองคก รคณุ ภาพของสถานศกึ ษาเขมแขง็

แบบสอบถามความพึงพอใจ
1) การศึกษาเอกสาร (Documentary study) งานวิจัยท่ีเก่ียวของ และวิเคราะห

กรอบแนวคดิ (Conceptual)
2) วิเคราะหขอบขายเน้ือหาที่สอดคลองกับวัตถปุ ระสงค รวมทั้ง วิเคราะหหลักการ

สรา งแบบสอบถาม จากเอกสาร งานวิจยั ท่เี กยี่ วขอ ง
3) ส รางแ บ บ สอบถามความพึ งพอใจ ชนิ ดกึ่ งโครงสราง (Semi structure

questionnaire) มีลักษณะเปนขอคําถาม แบบมาตราสวนประมาณคา ระดับ 5 ข้ัน (5- Ratting
scales) แบงออกเปน 3 ตอน ไดแก ตอนท่ี 1 ขอมูลพื้นฐาน ตอนที่ 2 คําถามเกี่ยวกับความพึงพอใจ ใน 4
ดาน ไดแ ก ดานบริบทการประชุมเชิงปฏิบัตกิ าร ดานปจจยั นําเขา ประกอบดว ย วิทยากรและเนื้อหา
การประชุม สิ่งอาํ นวยความสะดวก ดานกระบวนการ ดา นผลผลิต และตอนท่ี 3 ขอเสนอแนะเพิ่มเตมิ
แบบปลายเปด โดยกาํ หนดการใหน ้ําหนักคะแนนตวั เลือก ของบุญชม ศรสี ะอาด (2553 : 71)3

2 Cronbach. The evolution of research. Michigan: U.S.A.
3 Edit, 1.

สาํ นกั พฒั นาระบบบริหารงานบคุ คลและนติ ิการ
สํานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

148

การพฒั นารปู แบบการบริหารจดั การศึกษา 4.0 ทีม่ ีประสิทธผิ ลตอการเปน องคก รคณุ ภาพของสถานศกึ ษาเขมแขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

ระดบั ความพึงพอใจ ความหมาย

5 ระดบั มากที่สุด

4 ระดับมาก

3 ระดับปานกลาง

2 ระดับนอย

1 ระดับนอยทสี่ ดุ

การแปลความหมายตามเกณฑค าเฉลย่ี ดังนี้

คา เฉลี่ย 4.51 – 5.00 หมายถงึ ความพึงพอใจในระดบั มากทส่ี ุด

คาเฉลีย่ 3.51 – 4.50 หมายถึง ความพึงพอใจในระดับมาก

คา เฉลย่ี 2.51 – 3.50 หมายถงึ ความพงึ พอใจในระดบั ปานกลาง

คาเฉลี่ย 1.51 – 2.50 หมายถงึ ความพงึ พอใจในระดบั นอย

คาเฉลยี่ 1.00 – 1.50 หมายถงึ ความพงึ พอใจในระดับนอยที่สดุ

4) นําไปตรวจสอบความสอดคลอง (Item of Objective Congruence) โดย

ผเู ช่ยี วชาญทางการศึกษา จํานวน 5 คน กาํ หนดเกณฑการใหค ะแนน ดังนี้

+1 เมือ่ แนใจวา ขอ คําถามมคี วามสอดคลองกับวตั ถุประสงค

0 เม่อื ไมแ นใจวา ขอคาํ ถามมคี วามสอดคลอ งกับวัตถุประสงค

- 1 เม่ือแนใจวา ขอ คาํ ถามไมม คี วามสอดคลอ งกบั วตั ถปุ ระสงค

5) แบบสอบถามมคี วามสอดคลองเทา กบั 1.00 กอ นนาํ ไปทดลองใช

6) นําไปทดลองใช (Try out) กับผบู รหิ ารโรงเรียน และบคุ ลากรครูในสถานศกึ ษาท่ี

สังกัดสํานักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษาขอนแกน ท่ีไมใชกลุมตัวอยาง จํานวน 30 คน เพื่อหา

คาความเชื่อม่ันโดยใชคาสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค (Cronbach’ s alpha coefficient,

1970: 14)4 คาความเช่ือมั่นท้ังฉบับเทากับ 0.92 จากนั้นจึงนําไปใชจริงกับกลุมตัวอยาง ศึกษา

ผลกระทบดานความพึงพอใจจากผเู ขา อบรมปฏิบัตกิ าร

3. เคร่ืองมือท่ีใชในการเก็บรวบรวมขอมูลในการวิจัยเชิงปริมาณ เพื่อใชในการศึกษาผลกระทบ
การบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพ ดานความรู ความเขาใจ เปน
แบบทดสอบชนิดปรนัยแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จาํ นวน 20 ขอ มีข้นั ตอนการสรา งและหาคุณภาพ ดังน้ี

แบบทดสอบวดั ความรู
1) วิเคราะหเนื้อหาสาระหลกั สูตรการอบรมปฏิบัติการ โดยการวเิ คราะหจุดประสงค

ไดนํามากาํ หนดเปนจุดประสงคเชงิ พฤตกิ รรม ดานพทุ ธิพสิ ัย

4 Edit, 2

สาํ นักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนติ ิการ
สาํ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

149

การพัฒนารปู แบบการบริหารจดั การศกึ ษา 4.0 ท่ีมีประสทิ ธิผลตอการเปนองคก รคุณภาพของสถานศึกษาเขมแขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

2) สรางแบบทดสอบวัดความรู ความเขาใจ เปน แบบทดสอบปรนยั ชนิดเลือกตอบ 4
ตวั เลือก จํานวน 30 ขอ เพือ่ เลอื กแบบทดสอบท่ีมีคุณภาพ ตามเกณฑท่ตี ง้ั ไว เลือก จํานวน 20 ขอ

3) นําไปใหผูเชี่ยวชาญ 5 คน ตรวจสอบความสอดคลอง ใชเกณฑคา 0.50 ข้นึ ไปถือ
วา แบบทดสอบขอนัน้ ใชไ ด แบบทดสอบทกุ ขอ มีความสอดคลอ ง เทากบั 1.00

4) นําไปทดลองใชกับผูบริหาร และบุคลากรครูในสถานศึกษาที่สังกัดสํานกั งานเขต
พ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแกน ทไ่ี มใชกลมุ ตัวอยา ง จาํ นวน 20 คน

5) นําผลการทดสอบมาหาคาความยากงาย (p) และคาอํานาจจําแนก (r) เปนราย
ขอ คัดเลือกขอสอบ ที่มีคาความยากงายระหวาง 0.20 – 0.80 คาอํานาจจําแนกต้ังแต 0.20 ขึ้นไป
เลือกขอสอบ จํานวน 20 ขอ และนําคาคะแนนจากการทดสอบ มาวิเคราะหหาคาความเช่ือม่ันท้ัง
ฉบับ ใชสูตรของ Kuder - Richardson (KR -20) แบบทดสอบมีคาความเชื่อม่ันเทากับ 0.91
จากนั้น จึงนําไปใชจริงกับกลุมตัวอยาง ศึกษาผลกระทบดานความรู ความเขาใจการบริหารจัด
การศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพ โดยการเปรียบเทียบระหวางคะแนนกอน
การอบรมกบั หลงั การอบรมจากผเู ขา อบรมปฏบิ ตั ิการ

การเก็บรวบรวมขอ มลู

การศึกษาวิจัยพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ทีม่ ีประสิทธผิ ลตอการเปน องคกร
คุณภาพของสถานศึกษาเขมแข็ง แบงออกเปน 4 ขั้นตอนการศึกษาวิจัย ประกอบดวย 1) ศึกษา
แนวทางการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพ 2) สรางและพัฒนา
รูปแบบความสมั พันธเ ชิงสาเหตุของปจจัยการบริหารจดั การศึกษา 4.0 ท่ีมปี ระสทิ ธผิ ลตอ การเปนองคก ร
คุณภาพ 3) พัฒนารูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพ
และ 4) ศกึ ษาผลกระทบการใชรูปแบบการบรหิ ารจัดการศกึ ษา 4.0 ทีม่ ปี ระสิทธิผลตอการเปนองคกร
คุณภาพ โดยในแตละขั้นตอน มกี ารเกบ็ รวมรวมขอมลู ตามลําดบั ดังน้ี

ขน้ั ตอนท่ี 1 การศึกษาแนวทางการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลตอการเปน
องคกรคุณภาพ

ในข้ันตอนท่ี 1 ศึกษาแนวทางการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผลตอการเปน
องคกรคุณภาพของสถานศกึ ษาเขมแขง็ มีการเก็บรวบรวมขอมูล ดังนี้

1. ศกึ ษาวิเคราะหเอกสาร งานวิจยั ทีเ่ กยี่ วขอ งสกู ารสังเคราะห สรปุ วรรณกรรมท่ีเกี่ยวขอ ง
2. ศึกษาสภาพปญหาการบรหิ ารจัดการศกึ ษาของสถานศึกษา
3. จดั ประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู และสมั ภาษณด วยแบบสัมภาษณแนวทางการบริหารจัด
การศกึ ษา 4.0 ท่มี ีประสิทธิผลตอ การเปนองคก รคณุ ภาพทีอ่ าศัยมุมมองพหุบริบทและวัฒนธรรม กับ

สํานกั พฒั นาระบบบริหารงานบุคคลและนิตกิ าร
สํานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

150

การพัฒนารปู แบบการบรหิ ารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธผิ ลตอการเปน องคกรคณุ ภาพของสถานศึกษาเขมแขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

กลุมเปาหมายไดแก ประธาน Clusters ในเขตตรวจราชการท่ี 1- 20 จํานวน 20 คน ผูอํานวยการ
สาํ นักงานเขตพน้ื ท่ีในพน้ื ท่รี ะดบั ประถมศึกษาและระดับมธั ยมศึกษา ทเ่ี ปนตวั แทนท้งั 4 ภูมภิ าคๆละ
3 คน รวม 12 คน และผูอ ํานวยการสถานศกึ ษาทีเ่ ปนตวั แทนทั้ง 4 ภมู ิภาคๆ ละ 10 คน รวม 40 คน
รวมท้ังหมดจาํ นวน 72 คน จากการจดบันทึกดวยแบบบันทกึ เชิงสงั เคราะห และแบบบันทึกเทปการ
แลกเปลย่ี นเรียนรู และการสมั ภาษณ

4. รวบรวมขอมูล นําไปวิเคราะหผลแนวทางการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมี
ประสทิ ธผิ ลตอการเปนองคกรคุณภาพของสถานศึกษาเขม แขง็ ซึ่งเปนการวิจัยเชิงคณุ ภาพ

ขั้นตอนที่ 2 การสรางและพัฒนารูปแบบความสัมพันธเชิงสาเหตุของปจจัยการบริหารจัด
การศกึ ษา 4.0 ที่มปี ระสิทธผิ ลตอการเปน องคกรคุณภาพ

ในข้ันตอนท่ี 2 สรางและพัฒนารูปแบบความสัมพันธเชิงสาเหตุของปจจัยการบริหารจัด
การศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพของสถานศึกษาเขมแข็ง มีการเก็บรวบรวม
ขอมูล ดังนี้

1. การศึกษาเอกสาร และงานวิจัยท่ีเก่ียวของ และวิเคราะหกรอบแนวคิด
(Conceptual)

2. วิเคราะหขอบขายแนวทางการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลตอการเปน
องคกรคุณภาพ นํามาวิเคราะห เพื่อสกัดประเด็นที่สําคัญ แลวนําไปสังเคราะหรวมกับผลที่ไดจาก
การศึกษาเอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเกีย่ วของเปน กรอบแนวคิด

3. ดําเนินการสํารวจความคิดเห็น (Survey) ดวยแบบสอบถามรูปแบบความสัมพนั ธเชิง
สาเหตุของปจจัยการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพ จากการ
สอบถามของคณะวิจัย และการสอบถามผานทาง Website ในชองทางการออนไลน (On- line) กับ
กลุมตัวอยาง (Sample) ที่ใชในการสํารวจ ไดแก ผูอํานวยการเขตพ้ืนที่ บุคลากรฝายตางๆท่ีปฏิบัติ
หนาทใ่ี นสาํ นักงานเขต ผูอาํ นวยการสถานศึกษาและบุคลากรครู รวมจาํ นวนท้ังหมด 580 คน

4. จัดเก็บรวบรวมขอมูลใหครบตามจํานวนกลุมตัวอยางที่กําหนดไว นําไปวิเคราะหผล
รปู แบบความสัมพันธเ ชงิ สาเหตขุ องปจ จัยการบรหิ ารจดั การศึกษา 4.0 ทีม่ ปี ระสิทธิผลตอ การเปนองคก ร
คณุ ภาพของสถานศึกษาเขม แข็ง ซงึ่ เปนการวิจัยเชงิ ปริมาณ

ขัน้ ตอนที่ 3 การพัฒนารูปแบบการบรหิ ารจัดการศึกษา 4.0 ทีม่ ีประสิทธิผลตอการเปน
องคกรคุณภาพ

ในขัน้ ตอนที่ 3 พัฒนารูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลตอการเปน
องคกรคณุ ภาพของสถานศกึ ษาเขม แข็ง มกี ารเกบ็ รวบรวมขอ มูล ดงั นี้

สํานักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิตกิ าร
สํานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

151

การพัฒนารูปแบบการบรหิ ารจดั การศกึ ษา 4.0 ท่ีมปี ระสิทธิผลตอ การเปนองคกรคณุ ภาพของสถานศกึ ษาเขมแขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

1. นํารางรูปแบบการบริหารจัดการศกึ ษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพ
ของสถานศึกษาเขม แข็ง ท่ไี ดจากสรางกรอบแนวคดิ ในการศกึ ษารูปแบบความสัมพันธเชิงสาเหตุของ
ปจจัยการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสทิ ธิผลตอการเปนองคก รคุณภาพของสถานศกึ ษาเขมแขง็

2. จดั ประชุมแลกเปลี่ยนเรยี นรู ระดมสมอง และสมั ภาษณท ี่อาศยั มุมมองพหุบรบิ ทและ
วฒั นธรรม ดวยแบบสัมภาษณรูปแบบการบริหารจัดการศกึ ษา 4.0 ที่มีประสิทธผิ ลตอ การเปนองคกร
คุณภาพ กับกลุมเปาหมาย ไดแก ประธาน Clusters เขตตรวจราชการที่ 1- 20 จํานวน 20 คน
ผูอาํ นวยการสํานักงานเขตพ้ืนทใี่ นพ้ืนทีร่ ะดับประถมศึกษาและระดับมธั ยมศึกษา ที่เปนตัวแทนทัง้ 4
ภูมิภาคๆ ละ 3 คน รวม 12 คน และผูอํานวยการสถานศึกษา ภูมิภาคๆ ละ 10 คน รวม 40 คน
รวมทั้งหมด จํานวน 72 คน จากแบบบันทึกเชิงสงั เคราะห และแบบบันทึกเทป

3. รวบรวมขอมูล นําไปวิเคราะหผลรูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ทมี่ ปี ระสิทธผิ ล
ตอ การเปนองคก รคุณภาพของสถานศึกษาเขมแข็ง ซง่ึ เปนการวจิ ยั เชิงคณุ ภาพ

ขั้นตอนที่ 4 การศึกษาผลกระทบการใชรูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมี
ประสิทธิผลตอการเปน องคกรคณุ ภาพ

ในขั้นตอนที่ 4 ศึกษาผลกระทบการใชรูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมี
ประสิทธิผลตอ การเปนองคกรคณุ ภาพของสถานศึกษาเขมแขง็ มกี ารเก็บรวบรวมขอมลู ดังน้ี

1. จดั ทาํ โครงการประชมุ อบรมปฏบิ ัติการสรางเสริมความรกู ารบรหิ ารจัดการศึกษา 4.0
ทีม่ ีประสทิ ธิผลตอ การเปน องคกรคุณภาพของสถานศึกษาเขม แขง็ ตามพืน้ ที่การขับเคลื่อนการบริหาร
ทางการศึกษ าใน สวน ภู มิภ าค ที่ สั งกัดสํ านักงาน คณ ะกรรมการการศึกษ าข้ันพ้ื น ฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ โดยแบงออกเปน 4 ภูมิภาค ประกอบดวย 1) ภาคใต คือ จังหวัดสุราษฏรธานี
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือคือจังหวัดขอนแกน ภาคกลางและภาคตะวันออก คือ จังหวัดชลบุรี
ภาคเหนือ คือ จังหวัดเชียงใหม โดยมีกลุมตัวอยาง (Sample) ที่เขารวมการประชุม/อบรม ไดแก
ผูอาํ นวยการเขตพน้ื ท่ี บุคลากรฝายตางๆทีป่ ฏิบัติหนา ทใี่ นสาํ นกั งานเขต ผูอาํ นวยการสถานศกึ ษาและ
บุคลากรครู รวมจํานวนท้งั หมด 580 คน

2. กอนการประชุม/อบรมในแตละภูมิภาคของผูเขารวมประชุม/อบรม ไดทําการ
ทดสอบวดั ความรู ความเขาใจ ดวยแบบทดสอบที่สรางขึ้น บันทกึ เปนคะแนนกอ นการอบรม

3. ดําเนินการประชุม/อบรมปฏิบัติการในแตละภูมิภาค จากการเสวนา/ อภิปราย/การ
บรรยายพิเศษเก่ียวกับการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพของ
สถานศกึ ษาเขม แขง็ ใหก บั ผูเขารว มประชุม/อบรม

4. หลังการประชุม/อบรม ไดท ําการทดสอบความรู ความเขา ใจ ดวยแบบทดสอบทเี่ ปน
ชุดเดียวกันกับกอนการประชุม/อบรม บันทึกเปนคะแนนหลังการอบรม รวบรวมขอมูลใหครบตาม
จํานวนกลมุ ตัวอยา ง นําไปวิเคราะหผลกระทบดานความรู ความเขา ใจการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ี

สํานักพฒั นาระบบบรหิ ารงานบคุ คลและนิตกิ าร
สํานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

152

การพัฒนารปู แบบการบรหิ ารจัดการศกึ ษา 4.0 ทีม่ ปี ระสทิ ธิผลตอ การเปนองคก รคณุ ภาพของสถานศึกษาเขม แขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

มีประสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพของสถานศึกษาเขมแข็งของผูเขาประชุม/อบรม โดยการ
เปรยี บเทยี บคาความแตกตางระหวางคะแนนกอ นและหลงั การอบรม ซ่งึ เปน การวิจยั เชิงปริมาณ

5. กอนการปดการประชุม/อบรม ไดด าํ เนนิ การเกบ็ รวบรวมขอมูลเพ่มิ เตมิ ดงั นี้
5.1 ดําเนินการสํารวจความคิดเห็นดวยแบบสอบถามความพึงพอใจ เก็บรวบรวม

ขอมลู ใหค รบตามจาํ นวน นาํ ไปวเิ คราะหผ ลความพงึ พอใจ ซ่ึงเปน การวจิ ยั เชงิ ปรมิ าณ
5.2 การแลกเปลี่ยนเรียนรู การสนทนากลุม และการสัมภาษณ ที่อาศัยมุมมองพหุ

บริบทและวัฒนธรรม ดวยแบบสัมภาษณผลกระทบรูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมี
ประสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพของสถานศึกษาเขมแข็ง จากแบบบันทึกเชิงสังเคราะห และ
แบบบันทกึ เทป รวบรวมขอมูลนําไปวิเคราะหผลกระทบดานเปาประสงคก ารจัดการศึกษาทพ่ี ึงประสงค
ความทาทายการจัดการศึกษาในการบรรลุเปาประสงค กลไกการขบั เคลื่อนไปสูการปฏิบัติ ซงึ่ เปนการวิจัย
เชงิ คุณภาพ

การวเิ คราะหขอมูล

การวิเคราะหขอมูลในการวิจัยน้ี ดานการวิเคราะหขอมูลการวิจัยเชิงคุณภาพ ใชการ
วิเคราะห 3 ขั้นตอน คือ การลดทอนขอมูล การจัดระบบขอมูล การตีความนําสูบทสรุป สวนการ
วิเคราะหขอมูลเชิงปริมาณ ใชสถิติเชิงพรรณนา คาความถี่ คารอยละ คาเฉล่ีย และสวนเบ่ียงเบน
มาตรฐาน การทดสอบคา t-test คาความสัมพันธ (r) วิเคราะหองคประกอบเชิงยืนยัน
(Confirmatory Factor Analysis: CFA) ซึง่ สามารถจาํ แนกการวิเคราะหต ามเปาหมายการวิจัย ดังนี้

1. การวิเคราะหผลแนวทางการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลตอการเปน
องคกรคุณภาพของสถานศึกษาเขมแข็ง เปนการวิเคราะหขอมูลเชิงคุณภาพ ดวยเทคนิคการวิเคราะห
แบบถอดรหัสแบบสามเสา (Triangulation Analysis) อาศัย 3 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 การลดทอน
ขอมูล (Data Reduction) ขั้นตอนนี้ ขอมูลจากการศึกษาเอกสาร (Documentary) /พหุศึกษา
(Multiple Case study) จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู ลดทอนขอมลู ใหส ามารถลงรหัส (Coding) เพื่อ
จําแนกประเภทของตัวแปรเชิงคุณภาพ ใหสามารถแจงนับความถี่ได ข้ันท่ี 2 การจัดระบบขอมูล
(Data Organization) คือ การจําแนกประเภทของตัวแปรจัดรวมกลุมตัวแปรเปนองคประกอบหรือ
มิติ (Elements or Dimensions) ของแนวคิด จากนั้นจึงรวมกลุมองคประกอบใหเปนแนวคิด
(Concepts) เรียกวิธีน้ีวา แบบจําลองการวิเคราะหตัวแปรสูแนวคิด (Indicator-Concept Model)
และขั้นที่ 3 การตคี วาม (Interpretation) คือการระบุทิศทางและแนวโนมของความสัมพันธระหวาง
แนวคิด ดวยการอธิบายและโตแยง รวมท้ังตีความ และเช่ือมโยงความสัมพันธเชิงเหตุผล ตามกรอบ
แนวคิดการวิเคราะหน ําไปสูบ ทสรปุ (Conclusion)

สาํ นักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนติ กิ าร
สาํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

153

การพัฒนารปู แบบการบรหิ ารจดั การศกึ ษา 4.0 ที่มีประสทิ ธิผลตอ การเปน องคกรคณุ ภาพของสถานศึกษาเขม แข็ง

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

2. การวเิ คราะหผลรูปแบบความสัมพันธเ ชิงสาเหตุของปจจัยการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่
มปี ระสิทธิผลตอการเปนองคกรคุณภาพของสถานศกึ ษาเขมแขง็ เปนการวเิ คราะหขอมูลเชิงปริมาณ โดย
ใชส ถติ ิเชิงพรรณนา คา ความถ่ี คารอยละ คาเฉล่ีย และสว นเบี่ยงเบนมาตรฐาน วเิ คราะหอ งคประกอบ
เชิงยืนยนั (Confirmatory Factor Analysis :CFA) สามารถจําแนกการวิเคราะหต ามเปา หมาย ดงั นี้

2.1 การวเิ คราะหขอมลู พนื้ ฐานโดยใชค า ความถี่ คารอ ยละ
2.2 การวิเคราะหปจจัยการบริหารจัดการศึกษา 4.0 เปนปจจัยที่มีอทิ ธิพลตอการ
เปนองคกรคุณภาพของสถานศึกษาเขมแข็งเพื่อหาคาเฉล่ีย และคาความเบ่ียงเบนมาตรฐาน ท้ัง
โดยรวม และรายดา น
2.3 การวิเคราะหหาคาน้ําหนักองคประกอบของตัวแปรแฝงตามโมเดล โดยการ
วิเคราะหอ งคประกอบเชิงยนื ยนั (CFA)
2.4 การวิเคราะหโมเดลความสัมพันธเชิงสาเหตุ (Causal relationship model)
ผลการวิเคราะหจะแสดงถึงตัวแปรตนทีม่ ีอิทธิพลตอตวั แปรตามอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ จากนั้นจึง
ทําการตรวจสอบความกลมกลืนของโมเดลกบั โมเดลท่ไี ดจ ากขอ มลู เชิงประจักษ หากโมเดลท้ังสองไม
กลมกลืนกัน จะทําการปรับโมเดลตามคําแนะนําของโปรแกรมวิเคราะห ซึ่งการประเมินความ
สอดคลองของโมเดลกับขอมูลเชิงประจักษ โดยใชคาสถิติท่ีใชในการตรวจสอบความสอดคลองของ
โมเดลความสมั พนั ธเชิงทฤษฏีกบั ขอ มูลเชิงประจักษ ไดแ ก คาสถิติความสอดคลอง (David, G. A., &
Thomas, M. A.5; Keeves, P. J.,19886) ดังน้ี
1) คา ไคสแควร (χ2) ทคี่ าํ นวณมาจากฟงกช ั่นความสอดคลอ งตา่ํ สดุ (Fmin) คณู กับ
n - 1 เม่ือ n คือ จํานวนกลุมตัวอยาง โดยแนวคิดของการทดสอบความสอดคลองของโมเดลตาม
สมมติฐานกับขอมูลเชิงประจักษมีสมมติฐาน (H0) วาเมตริกซความแปรปรวน- ความแปรปรวนรวม
ของโมเดล (€) เทากับเมตรกิ ซความแปรปรวน-ความแปรปรวนรว มที่สังเกตไดของกลุมตัวอยาง (€ó)
เปนการทดสอบสมมติฐานที่แตกตางจากการวิเคราะหทว่ั ไป คือ ตองการใหมกี ารยอมรับสมมติฐาน
H0 โดยตองการใหคา p-value มีคามากกวา 0.05 เมื่อกําหนดคาความเชื่อมั่น 95% หรือ มีคา
มากกวา 0.01 เมื่อกําหนดคาความเชื่อมน่ั 99% โมเดลที่สอดคลองกับขอมูลเชิงประจักษ ควรมีคา
ไคสแควรตํ่า

2) คาไคสแควรหารดวยองศาความเปนอิสระ (χ2/ df or CMIN/ DF) ในการ
ตรวจสอบความสอดคลองของโมเดลมขี อจํากัดในกรณที ่ี n มีคามาก จะทาํ ใหคาไคสแควรส งู มาก จน
อาจทาํ ใหส รุปผลไมถกู ตอ ง ดังนนั้ จึงตองแกไ ขโดยพิจารณาคา χ2/ df ซ่งึ ควรมคี า นอ ยกวา 3.00

3) คาดชั นีวดั ความสอดคลอ งสมบรู ณ (Absolute Fit Indices)

5 David, G. A., & Thomas, M. A. Thomas- kilmann conflict mode interest. New York:X/ COM In coporated.
6 Keeves, P. J. (1988). Education research, methodology and measurement: An international Handbook. Oxford:
Pergamon.

สาํ นกั พฒั นาระบบบรหิ ารงานบุคคลและนิติการ
สาํ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

154

การพัฒนารปู แบบการบรหิ ารจดั การศึกษา 4.0 ทมี่ ีประสทิ ธิผลตอ การเปนองคกรคณุ ภาพของสถานศกึ ษาเขม แข็ง

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

3.1) ดัชนีวัดระดับความสอดคลอง (Goodness of Fit Index: GFI) แสดงถึง
ปรมิ าณความแปรปรวนและความแปรปรวนรวมทอ่ี ธิบายไดดว ยโมเดล

3.2) ดัชนีวัดระดับความสอดคลองปรับแก (Adjusted Goodness of Fit
Index: AGFI) แสดงถึง ปริมาณความแปรปรวนและความแปรปรวนรวมท่ีอธิบายไดดวยโมเดล โดย
ปรับแกด ว ยคาองศาอิสระ คา GFI และ AGFI ทยี่ อมรับวาสอดคลอ ง ควรมีคาตั้งแต 0.9 ขึ้นไป

3.3) ดัชนีรากท่ีสองของคาความคลาดเคล่ือนกําลังสองของการประมาณคา
(Root Mean Square of Approximation: RMSEA) เปนดัชนีท่ีพัฒนามาจากคาฟงกช่ันความตาง
ประชากร(Population Discrepancy Function: PDF) เนื่องจากเม่ือเพิ่มจํานวนพารามิเตอรอิสระ
คาสถิตดิ งั กลา วจะมคี าลดลง เพราะคา สถิตินี้ มคี า ขึ้นอยกู บั องศาอิสระ

คา RMSEA นอยกวา 0.05 แสดงวาโมเดลมีความสอดคลองท่ดี มี าก
คา RMSEA ระหวาง 0.08-0.10 แสดงวา โมเดลมคี วามสอดคลอ งเลก็ นอย
คา RMSEA ระหวา ง 0.05-0.08 แสดงวา โมเดลมีความสอดคลองดี
คา RMSEA มีคา มากกวา 1.00 แสดงวา โมเดลยงั ไมมคี วามสอดคลอ ง
4) นอกจากน้ี ใชคาสถิติแสดงอิทธิพลทางตรงและทางออม (Direct and indirect
effect) ของตัวแปรรูปแบบ ตลอดจน เสนอตารางแสดงอิทธิพลรวมของตัวแปรรูปแบบ (Total
effect) โมเดลท่ีทําการปรับแกไข (Modification indices)และเปนโมเดลที่มีความสอดคลองกับ
ขอ มลู เชงิ ประจักษ

3. การวิเคราะหผลรูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผลตอการเปน
องคกรคุณภาพของสถานศึกษาเขมแขง็ เปนการวิเคราะหขอมูลเชิงคุณภาพ ดว ยเทคนิคการวิเคราะห
แบบถอดรหัสแบบสามเสา(Triangulation Analysis) อาศัยแนวทาง 3 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 การ
ลดทอนขอมูล (Data Reduction) ข้ันตอนน้ีขอมูลจากการศึกษาเอกสาร (Documentary) /พหุ
ศึกษา (Multiple Case study) จากการแลกเปล่ียนเรียนรู ลดทอนขอมูลใหสามารถลงรหัส
(Coding) เพื่อจําแนกประเภทของตัวแปรเชิงคุณภาพ ใหสามารถแจงนับความถ่ีได ขั้นท่ี 2 การ
จัดระบบขอมูล (Data Organization) คือการจําแนกประเภทของตัวแปรจัดรวมกลุมตัวแปรเปน
องคประกอบหรือมติ ิ (Elements or Dimensions) ของแนวคิด จากน้ันจึงรวมกลุมองคประกอบให
เปนแนวคิด (Concepts) เรียกวิธีน้ีวา แบบจําลองการวิเคราะหตัวแปรสูแนวคิด (Indicator-
Concept Model) และข้ันท่ี 3 การตีความ (Interpretation) คือการระบุทิศทางและแนวโนมของ
ความสัมพันธระหวางแนวคดิ ดวยการอธิบายและโตแยง รวมทั้งตีความ และเชื่อมโยงความสัมพันธ
เชิงเหตผุ ล ตามกรอบแนวคดิ การวิเคราะหนาํ ไปสบู ทสรปุ (Conclusion)

สาํ นักพฒั นาระบบบรหิ ารงานบุคคลและนติ ิการ
สาํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

155

การพฒั นารูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ทม่ี ีประสทิ ธผิ ลตอ การเปน องคก รคุณภาพของสถานศกึ ษาเขมแขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

4. การวิเคราะหผลกระทบการใชรูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผล
ตอการเปนองคกรคุณภาพของสถานศึกษาเขมแข็ง เปนการวิเคราะหขอมูลท้ังเชิงปริมาณและเชิง
คณุ ภาพ ซง่ึ สามารถจําแนกการวเิ คราะหขอมูลตามเปาหมายการวจิ ัย ดังน้ี

4.1 ผลดา นความรู ความเขา ใจ การบริหารจัดการศกึ ษา 4.0 ทม่ี ีประสิทธผิ ลตอการ
เปนองคกรคุณภาพของสถานศกึ ษาเขม แข็ง เปนการวิเคราะหขอ มลู เชิงปริมาณ ใชส ถิติคาเฉล่ยี และ
สวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบคาความแตกตางดวยคาที (t-test for dependent
sample)

4.2 ผลดานความพงึ พอใจ เปนการวิเคราะหขอ มูลเชิงปริมาณ ใชส ถิตคิ าเฉลี่ย และ
สวนเบยี่ งเบนมาตรฐาน เทยี บกบั เกณฑทาํ กาํ หนด

4.3 ผลการเปรียบเทียบความสัมพันธระหวางคะแนนความกาวหนาของดานความรู
ความเขาใจกับความพึงพอใจ เปนการวิเคราะหขอมูลเชิงปริมาณ ใชสถิติการวิเคราะหความสัมพันธ
(Pearson Correlation) (Pearson, 1993)7

4.4 ผลดานเปาประสงคก ารจัดการศกึ ษาที่พงึ ประสงค ดานความทา ทายการจัดการศกึ ษา
ในการบรรลุเปาประสงค ดานกลไกการขับเคล่ือนไปสูการปฏิบัติ เปนการวิเคราะหขอมูลคุณภาพ ดวย
เทคนิคการวิเคราะหแบบถอดรหัสแบบสามเสา(Triangulation Analysis) อาศัยแนวทาง 3 ข้ันตอน
คือ ข้ันตอนท่ี 1 การลดทอนขอมูล (Data Reduction) ขั้นตอนนี้ขอมูลจากการศึกษาเอกสาร
(Documentary) /พหุศึกษา (Multiple Case study) จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู ลดทอนขอมูลให
สามารถลงรหัส (Coding) เพ่ือจําแนกประเภทของตัวแปรเชิงคุณภาพ ใหสามารถแจงนับความถ่ีได
ขัน้ ตอนท่ี 2 การจดั ระบบขอ มลู (Data Organization) คอื การจําแนกประเภทของตัวแปรจัดรวมกลุม
ตัวแปรเปนองคประกอบหรือมิติ (Elements or Dimensions) ของแนวคิด จากน้ันจึงรวมกลุม
องคประกอบใหเปนแนวคิด (Concepts) เรียกวิธีนี้วา แบบจําลองการวิเคราะหตัวแปรสูแนวคิด
(Indicator-Concept Model) และข้ันตอนที่ 3 การตีความ (Interpretation) คือการระบุทิศทาง
และแนวโนมของความสัมพันธระหวางแนวคิด ดวยการอธิบายและโตแยง รวมทั้งตีความ และ
เชือ่ มโยงความสัมพนั ธเชิงเหตผุ ล ตามกรอบแนวคดิ การวเิ คราะหนําไปสูบทสรปุ (Conclusion)

7 Pearson. An examination of the relationship between participative management and perceived institutional
effectiveness in North Carolina Community Colleges. Dissertation Abstracts International, 53(15), 1351-A.

สํานกั พฒั นาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ
สาํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

บทท่ี 4

ผลการวิจยั

การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพ
ของสถานศึกษาเข้มแข็ง โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาแนวทางการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมี
ประสิทธิผลตอ่ การเป็นองค์กรคุณภาพ สรา้ งและพัฒนารูปแบบความสัมพันธเ์ ชงิ สาเหตุของปัจจัยการ
บริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพ พัฒนารูปแบบการบริหารจัด
การศึกษา 4.0 ท่ีมีประสทิ ธิผลตอ่ การเป็นองคก์ รคุณภาพ และศึกษาผลกระทบการใช้รูปแบบการบริหาร
จดั การศกึ ษา 4.0 ทีม่ ีประสทิ ธผิ ลตอ่ การเปน็ องค์กรคณุ ภาพ น้ี มสี ญั ลักษณ์และข้อมูลนำเสนอ ดังนี้

สัญลักษณท์ ่ีใช้ในการแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมลู
1. สัญลักษณท์ ี่ใชแ้ ทนตวั แปร
1.1 ตัวแปรแฝงภายนอก (Exogenous latent variable)

IL หมายถงึ ภาวะผู้นำทางวิชาการ
1.2 ตัวแปรแฝงภายใน (Endogenous latent variable)

CLS หมายถึง บรรยากาศสถานศกึ ษา
MQ หมายถึง การบรหิ ารจดั การคุณภาพ
HR หมายถึง การบริหารทรพั ยากรมนุษย์
IQ หมายถึง การประกนั คุณภาพภายใน
EFF หมายถึง การบรหิ ารจัดการศึกษา 4.0 ทม่ี ีประสทิ ธิผล
1.3 ตวั แปรสงั เกตได้ภายนอก (Exogenous observed variable)
mis หมายถึง การกำหนดภารกิจของสถานศึกษา
tea หมายถึง การจัดการเรียนการสอน
cli หมายถึง การจดั สภาพแวดลอ้ มสถานศกึ ษา
sup หมายถงึ การส่งเสริมบคุ ลากรใหพ้ ฒั นาตนเองดา้ นวชิ าการ
1.4 ตัวแปรสงั เกตไดภ้ ายใน (Endogenous observed variable)
ope หมายถงึ บรรยากาศแบบเปดิ
aut หมายถึง บรรยากาศแบบอิสระ
con หมายถึง บรรยากาศแบบควบคุม
fam หมายถงึ บรรยากาศแบบสนิทสนม
pat หมายถงึ บรรยากาศแบบรวบอำนาจ
clo หมายถึง บรรยากาศแบบปิด
bp หมายถงึ การปฏิบัตทิ ่เี ป็นเลิศ
cus หมายถงึ ความพึงพอใจ
tec หมายถึง การจดั ระบบและใชส้ ารสนเทศ
par หมายถงึ การมีสว่ นร่วมของบคุ ลากร

สำนกั พฒั นาระบบบรหิ ารงานบคุ คลและนิตกิ าร
สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

157

การพัฒนารูปแบบการบริหารจดั การศกึ ษายคุ 4.0 ท่ีมีประสทิ ธผิ ลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

de หมายถึง การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา
pl หมายถึง การจัดกระบวนการเรียนรู้
ce หมายถงึ การตรวจสอบคณุ ภาพการศึกษา
ei หมายถึง การประเมนิ คุณภาพภายในของสถานศึกษา
rec หมายถึง การสรรหา
dev หมายถึง การพัฒนา
pre หมายถึง การรักษาบุคลากร
use หมายถงึ การใช้ประโยชน์
ach หมายถงึ ผู้เรยี นมีผลสัมฤทธิท์ างการเรียนสงู
ati หมายถงึ ผ้เู รยี นมเี จตคติที่ดี
aj หมายถงึ ความสามารถในการปรับเปลี่ยนและพัฒนาสถานศึกษา
sl หมายถึง ความสามารถในการแก้ไขปัญหาในสถานศกึ ษา
com หมายถงึ ความผกู พนั ต่อองคก์ าร
comp หมายถึง สมรรถนะของผูเ้ รียน
2. ค่าสถติ ิ
แทน คา่ เฉล่ีย
 แทน จำนวนกลุ่มตัวอยา่ ง
แทน ค่าความเบย่ี งเบนมาตรฐาน
n แทน ค่าสัมประสทิ ธิ์สหสัมพนั ธ์ระหวา่ งตัวแปร x และ y
S.D. แทน ค่าไคสแควร์ (Chi-square)
r แทน Relative chi-square
X2 แทน Degrees of freedom
CMIN/ DF แทน Root Mean Square Error of Approximation
df แทน Comparative Fit Index
RMSEA แทน Goodness of Fit Index
CFI แทน Normed Fit Index
GFI แทน Root Mean square Residual
NFI แทน สถติ ติ รวจสอบขนาดตวั อยา่ งต่ำสดุ ท่จี ะยอมรับ H0
RMR แทน Squared multiple correlation
HOELTER แทน อทิ ธพิ ลรวม (Total effect)
R แทน อิทธิพลทางออ้ ม (Indirect effect)
TE แทน อิทธิพลทางตรง (Direct effect)
IE
DE

สำนกั พฒั นาระบบบริหารงานบคุ คลและนติ กิ าร
สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

158

การพัฒนารปู แบบการบริหารจดั การศึกษายุค 4.0 ที่มีประสิทธผิ ลตอ่ การเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศกึ ษาเขม้ แข็ง

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

* แทน ความมีนยั สำคัญทางสถิตทิ ่ีระดับ .05
** แทน ความมีนัยสำคัญทางสถติ ิท่ีระดับ .01
Skewness แทน คา่ ความเบ้
Kurtosis แทน ค่าความโดง่

ตอนที่ 1 ผลแนวทางการบริหารจัดการจัดศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเป็น
องคก์ รคณุ ภาพของสถานศึกษาเขม้ แขง็

ผลแนวทางการบริหารจัดการจัดศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของ
สถานศึกษาเข้มแข็ง จากการสังเคราะห์เอกสาร การแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม และการ
สัมภาษณ์ท่ีอาศัยมุมมองพหุบริบทและวัฒนธรรม กับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ประธาน Clusters ในเขต
ตรวจราชการท่ี 1- 20 ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ในพื้นท่ีระดับประถมศึกษาและระดับ
มัธยมศึกษา ท่ีเป็นตัวแทนทั้ง 4 ภูมิภาคๆ และผู้อำนวยการสถานศึกษาท่ีเป็นตัวแทนทั้ง 4 ภูมิภาคๆ
รวม 72 คน มผี ลการวจิ ยั ดงั น้ี

ผลแนวทางการบริหารจัดการศกึ ษา 4.0 ทมี่ ีประสิทธผิ ล

“...สถานศึกษาต้องมีคอร์สพิเศษ สนองตอบความต้องการของผู้เรียน โดยต้องมีการ
ปรับปรุงหลักสูตร ประเมินผลการเรียนและปรับเปล่ียนกระบวนการจัดกิจกรรมการ เรียนการสอน
พฒั นานวตั กรรมเพ่ือนำมาใช้ในห้องเรยี นใหส้ อดคล้องกับความต้องการในท้องถ่นิ น้นั ๆ ...”

(ผู้ให้สัมภาษณ์: ประธาน Clusters, พ.ศ. 2563)
“...การบริหารจัดการศึกษา ท่ีมีประสิทธิผล คือ ผลท่ีเกิดจากการบริหารจัดการศึกษา
ซ่ึงถ้าสามารถผลิตผู้เรียนให้มีระเบียบวินัย มีความขยันอดทนรอบคอบ มีคุณธรรมและจริยธรรมใน
การดำเนินชีวติ คือ ทักษะชีวติ ต้องควบคู่ไปกบั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน โดยเฉพาะอย่างย่ิงสมรรถนะท่ี
จำเปน็ สำหรบั ผ้เู รียนตามท่หี ลักสูตรไดก้ ำหนดไว้ด้วย...”

(ผูใ้ ห้สมั ภาษณ์: ประธาน Clusters ผ้อู ำนวยการสำนักงานเขตพ้นื ท่ี, พ.ศ. 2563)
“...การที่เราปั้นเด็กให้มีทักษะเบื้องต้นเหล่านี้ เป็นการสร้างความม่ันใจให้เด็กแล้วพอ
อ่านออกเขียนได้ พอมีความคล่องความเก่งในเร่ืองนี้แล้ว ต้องมีทักษะในด้านการส่ือสาร การคิด การ
แกป้ ญั หา การใชท้ กั ษะชวี ิต และการใชเ้ ทคโนโลย.ี ..”
“…สร้างการมภี าคภมู ิใจในการเป็นสมาชิก มีความมุ่งม่นั ในการทำงาน ตลอดจน มีส่วน
ร่วมทำให้สถานศึกษาบรรลุ เป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมถึง ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ซึ่งพิจารณาได้จาก
ผู้เรียนเป็นคนดี มีคุณธรรม นำ ความรู้ โดยสามารถอ่านออกเขียนได้ มีทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ และ

สำนักพัฒนาระบบบรหิ ารงานบคุ คลและนติ กิ าร
สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

159

การพัฒนารปู แบบการบริหารจดั การศกึ ษายคุ 4.0 ท่ีมปี ระสิทธผิ ลตอ่ การเป็นองคก์ รคุณภาพของสถานศกึ ษาเขม้ แขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

ผู้เรียนตอ้ งสำเร็จการศึกษาใน ระดบั ชัน้ สูงสดุ ของสถานศึกษาตามเกณฑ์ โดยท่ีเป็นผมู้ ีคุณลักษณะที่ดี
มจี ติ สาธารณะ สามารถอยู่ ร่วมในสังคมของชุมชนไดอ้ ย่างมคี วามสุข…”

(ผู้ให้สมั ภาษณ์:ผ้อู ำนวยการสถานศึกษา, พ.ศ. 2563)

“…ผลที่เกิดกับครูผู้ปฏิบัติงานในสถานศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน ผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้อง เกิด
ความพึงพอใจ ความเช่ือมั่นและการยอมรับ นำมาซึ่งความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย
เป้าหมาย การวัดผลสัมฤทธิ์ สามารถพัฒนาเตม็ ตามศกั ยภาพ…”

(ผู้ให้สัมภาษณ์: ประธาน Clusters ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่, พ.ศ. 2563)
แนวทางการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผล ควรต้องมีองค์ประกอบด้านต่าง ๆ
และตัวบ่งช้ี ดงั ตาราง 4.1 และ ตาราง 4.2

ตาราง 4.1 ความถีข่ องตัวบ่งช้ีแนวทางการบริหารจดั การศกึ ษา 4.0 ทม่ี ีประสทิ ธผิ ล
จากการสัมภาษณก์ บั กลุ่มเปา้ หมาย

ตวั บ่งชี้ ประธาน กล่มุ เป้าหมาย ผูอ้ ำนวยการ ความถี่
Clusters ผอู้ ำนวยการ ผอู้ ำนวยการ สถานศึกษา
สำนกั งานเขต สำนกั งานเขต 4
ผเู้ รยี นมผี ลสมั ฤทธส์ิ ูง ✓ ✓ 4
✓ พนื้ ที่ พื้นที่ ✓ 4
ผู้เรียนมเี จตคติที่ดี ✓ ประถมศึกษา มธั ยมศึกษา ✓
ความสามารถในการปรบั เปลย่ี นและ 4
พัฒนาสถานศึกษา ✓ ✓✓ ✓
ความสามารถในการแกป้ ัญหาภายใน ✓✓ 4
สถานศกึ ษา ✓ ✓✓ ✓ 4
ความผกู พนั ต่อองคก์ าร ✓ ✓
สมรรถนะของผ้เู รียน ✓✓

✓✓
✓✓

ตาราง 4.2 ตัวบง่ ชี้ แนวทางการบริหารจดั การศึกษา 4.0 ทม่ี ปี ระสทิ ธิผล
และแนวปฏิบตั ิ

ตวั บง่ ช้ี แนวปฏบิ ตั ิ
ผู้เรยี นมผี ลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนสงู
การจัดกจิ กรรมหรือโครงการเพอ่ื พฒั นาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรยี นส่งผลใหม้ ี
ผู้เรยี นมีเจตคติทด่ี ี ผลสัมฤทธส์ิ งู โดยเฉลี่ยทกุ วิชา ไดร้ บั รางวลั ทางดา้ นวชิ าการ และสามารถสอบแขง่ ขันเขา้ ศึกษา
ตอ่ ใน สถานศกึ ษาอื่นไดเ้ พ่ิมขนึ้
ความสามารถในการปรบั เปล่ียน
และพัฒนาสถานศกึ ษา ผ้เู รยี นมรี ะเบียบวนิ ยั มีความขยนั อดทน รอบคอบ มีคุณธรรม จรยิ ธรรมเหมาะสมกบั วยั เรยี น
มองเห็นประโยชนส์ ่วนรวม มากกว่าประโยชน์สว่ นตน

ปฏบิ ตั ิงานเพ่อื ให้บรรลุวัตถปุ ระสงค์ของสถานศกึ ษา โดยมกี ารปรบั ปรงุ หลักสูตร ประเมนิ ผล
การเรยี นและปรับเปลย่ี นกระบวนการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน พัฒนานวัตกรรมมาใช้ใน
การจดั การเรยี นรู้ให้สอดคล้องกบั ความต้องการของท้องถ่ิน ทันต่อการเปลีย่ นแปลงของสงั คม

สำนักพฒั นาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ
สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

160

การพฒั นารปู แบบการบรหิ ารจัดการศึกษายคุ 4.0 ท่ีมีประสิทธผิ ลต่อการเปน็ องค์กรคุณภาพของสถานศกึ ษาเขม้ แขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

ตาราง 4.2 (ตอ่ )

ตัวบง่ ชี้ แนวปฏบิ ตั ิ
ความสามารถในการแกป้ ญั หา
ภายในสถานศกึ ษา นำผลการเรียนรู้ของผูเ้ รยี นมาเป็นข้อมลู ในการวางแผนเพ่ือพัฒนาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน
และแกป้ ญั หาทีเ่ กดิ จากการเรียนการสอนได้อยา่ งเหมาะสม สามารถปกครองดูแลผู้เรียนใหม้ ี
ความผกู พนั ต่อองค์การ ระเบยี บวินยั เพอ่ื ลดพฤตกิ รรมทีเ่ ปน็ ปัญหาของผเู้ รียนและครู โดยผูบ้ ริหารและครูร่วมกัน
วางแผนเพอ่ื กำหนดแนวปฏบิ ตั ิในการควบคุมพฤติกรรมของผเู้ รยี น
สมรรถนะของผเู้ รยี น
ความรสู้ กึ ของบุคลากรทีม่ ีต่อสถานศกึ ษาอยา่ งเปน็ อนั หนงึ่ อนั เดียว ความประทบั ใจ และ
ภาคภมู ิใจในการเปน็ สมาชกิ มีความมงุ่ มน่ั ในการทำงาน มสี ว่ นรว่ มทำให้สถานศกึ ษาบรรลุ
เป้าหมาย

คุณลกั ษณะทผี่ เู้ รียนทกุ คนพึงมีและใช้ได้อยา่ งเหมาะสมในดา้ นการสือ่ สาร การคิด การ
แกป้ ัญหา การใช้ทกั ษะชวี ติ และการใช้เทคโนโลยี เพือ่ ผลกั ดันให้ผู้เรียนเป็นคนดี มีปญั ญา
และมีความสขุ

จากตาราง 4.1 และ 4.2 ผลแนวทางการบริหารจดั การศึกษา 4.0 ท่มี ปี ระสทิ ธผิ ล พบว่า
1. ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง จากการที่สถานศึกษาได้จัดกิจกรรมหรือโครงการ
เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนส่งผลให้มีผลสัมฤทธิ์สูงโดยเฉล่ียทุกวิชา ได้รับรางวัล
ทางดา้ นวชิ าการ และสามารถสอบแข่งขันเข้าศึกษาต่อในสถานศกึ ษาอื่นได้เพ่ิมขน้ึ
2. ผู้เรียนมีเจตคติที่ดี จากการมีระเบียบวินัย มีความขยัน อดทน รอบคอบ มีคุณธรรม
จรยิ ธรรมเหมาะสมกับวัยเรียน และมองเหน็ ประโยชนส์ ว่ นรวม มากกว่าประโยชน์ส่วนตน
3. ความสามารถในการปรับเปล่ียนและพัฒนาสถานศึกษาจากการปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุ
วัตถุประสงค์ของสถานศึกษา โดยมีการปรับปรุงหลักสูตร ประเมินผลการเรียนและปรับเปลี่ยน
กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน พัฒนานวัตกรรมเพ่ือนำมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ให้
สอดคล้องกับความต้องการท้องถิ่น ทันตอ่ การเปลีย่ นแปลงของสงั คม
4. ความสามารถในการแกป้ ัญหาภายในสถานศึกษา จากการนำผลการเรียนรู้ของผเู้ รียนมา
เป็นข้อมูลในการวางแผนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแก้ปัญหาที่เกิดจากการเรียนการ
สอนได้อย่างเหมาะสม สามารถปกครองดูแลผู้เรียนให้มีระเบียบวินัยเพ่ือลดพฤติกรรมที่เป็นปัญหา
ของผู้เรียนและครู โดยผบู้ ริหารและครูร่วมกนั วางแผนเพื่อกำหนดแนวปฏิบตั ใิ นการควบคุมพฤติกรรม
ของผเู้ รยี น
5 ความผูกพันต่อองค์การ จากความรู้สึกของบุคคลที่มีต่อองค์การอย่างเป็นอันหนึ่งอัน
เดียวกับองคก์ าร มีความประทับใจ และภาคภูมิใจในการเปน็ สมาชกิ ขององค์การ มคี วามมุ่งมั่นในการ
ทำงาน ตลอดจน มสี ่วนรว่ มทำให้องคก์ ารบรรลเุ ป้าหมายทตี่ ั้งไว้
6. สมรรถนะของผู้เรียน จากคุณลักษณะท่ีทุกคนพึงมีและใช้ได้อย่างเหมาะสมในด้านการ
สื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวิต การใช้เทคโนโลยี เพื่อผลักดันให้ผู้เรียนเป็นคนดี มี
ปญั ญา และมีความสขุ

สำนกั พัฒนาระบบบรหิ ารงานบุคคลและนติ กิ าร
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

161

การพฒั นารูปแบบการบรหิ ารจัดการศึกษายุค 4.0 ท่มี ีประสทิ ธิผลต่อการเป็นองคก์ รคุณภาพของสถานศึกษาเขม้ แข็ง

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

ผลแนวทางการบรหิ ารจัดการจดั ศกึ ษา 4.0 ทม่ี ีประสทิ ธผิ ลตอ่ การเป็นองค์กรคณุ ภาพ

ภาวะผนู้ ำทางวิชาการ
“...ผู้นำต้องทำให้ดู ถ้าไม่ทำใครจะเช่ือ ต้องพัฒนาตนเองก่อนลูกน้องถึงจะเช่ือ ผู้นำ

คือ หลักสำคัญในการทำงาน เม่อื มองในรูปของสถานศกึ ษาเข้มแขง็ ก็ต้องเน้นที่วชิ าการ มีเป้าหมายที่
ชัดเจน มีการประชุมช้ีแจง นิเทศติดตาม ประสานสัมพันธ์ในปฏิบัติงาน และสนับสนุนทรัพยากรด้าน
ต่าง ๆ ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน การนิเทศการเรียนการสอนของครู และส่งเสริม
สนบั สนุนวัสดุ อุปกรณ์การศกึ ษา คอื บทบาทหลัก ๆ ของผบู้ รหิ าร...”

การบรหิ ารจดั การคณุ ภาพ
“...การเทียบเคียงกับตัวช้ีวัดที่ต้ังข้ึน และนำไปเทียบเคียงกับสถานศึกษาอ่ืน

ประการนี้สำคัญมาก ๆ เพื่อทราบปัจจุบันอยู่ในระดับใด และต้องปรับปรุงอย่างไร รวมทั้ง การสร้าง
ความพึงพอใจ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ขาดไม่ได้ในการบริหารสถานศึกษาในปจั จบุ นั ...”

การบรหิ ารทรัพยากรมนษุ ย์
“...ความพึงพอใจในการทำงาน ตลอดจนการดูแลในรูปค่าตอบแทนและสวัสดิการที่

จูงใจเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คนดี มีความรู้ มีความสามารถเหมาะสมกับงานน้ันมีเยอะ แต่จะ
ทำวิธไี หนที่จะได้มา และเขาจะอยู่กับโรงเรียนได้นานเท่าใด จัดคนให้ตรงกับงาน เหมาะสมกับความรู้
มคี วามสำคญั ทสี่ ดุ ...”

การประกันคณุ ภาพภายใน
“...สถานศึกษาควรมีการกำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา และจัดทำ

แผนพัฒนาการจัดการศึกษา เป็นกรอบและทิศทางว่าดำเนินงานมาตรงจุดหรือไม่ แต่ท่ีสำคัญก็คือ
มาตรฐานการศึกษา การจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักสูตรสถานศึกษา และการจัดกระบวนการ
เรียนรเู้ สรมิ หลักสตู ร คือ การจัดคอรส์ พิเศษใหก้ ับผูเ้ รียน…”

บรรยากาศสถานศึกษา
“...เม่ือพูดถึงบรรยากาศ มองว่ามีความสำคัญต่อผู้บริหารและบุคลากรคือ ถ้ามี

บรรยากาศเปิด คือ บรรยากาศที่เป็นมิตร บุคลากรก็จะมีขวัญกำลังใจดี มีความพอใจในงาน มี
แรงจูงใจ ส่งผลให้เกิดความร่วมมือในการทำงาน ผลก็จะส่งไปถึงผู้เรียนโดยตรง สิ่งแวดล้อมมี
ความสัมพันธ์กับทัศนคติและพฤติกรรมในการทำงาน หากผู้ปฏิบัติงานพอใจในสภาพแวดล้อมของ
หนว่ ยงานทตี่ นทำงาน จะรสู้ กึ พอใจที่จะทำงานนนั้ อย่างเต็มความสามารถ ทำให้เกดิ ประสิทธผิ ล...”

(ผู้ให้สมั ภาษณ์: ประธาน Clusters ผอู้ ำนวยการสำนกั งานเขตพน้ื ที่
ผู้อำนวยการสถานศกึ ษา, พ.ศ. 2563)

สำนกั พัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนติ กิ าร
สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

162

การพฒั นารูปแบบการบรหิ ารจัดการศกึ ษายุค 4.0 ทม่ี ปี ระสทิ ธิผลตอ่ การเป็นองคก์ รคณุ ภาพของสถานศึกษาเขม้ แข็ง

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

แนวทางการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของ
สถานศึกษาเขม้ แข็ง ควรต้องมอี งคป์ ระกอบดา้ นตา่ ง ๆ และตัวบง่ ช้ี ดงั ตาราง 4.3 และ ตาราง 4.4

ตาราง 4.3 ความถี่ของตวั บ่งชี้แนวทางการบริหารจดั การศกึ ษา 4.0 ที่มีประสทิ ธผิ ลตอ่ การเป็นองค์กร
คุณภาพ จากการสัมภาษณ์กบั กล่มุ เป้าหมาย

ตัวบง่ ชี้ ประธาน กลุ่มเป้าหมาย ผอู้ ำนวยการ ความถี่
Clusters สถานศกึ ษา
ภาวะผู้นำทางวชิ าการ ผอู้ ำนวยการ ผู้อำนวยการ 4
การบริหารจดั การคุณภาพ ✓ สำนกั งานเขต สำนกั งานเขต ✓ 4
การบรหิ ารทรัพยากรมนุษย์ ✓ ✓ 4
การประกนั คณุ ภาพภายใน ✓ พืน้ ที่ พ้นื ที่ ✓ 4
บรรยากาศสถานศึกษา ✓ ประถมศกึ ษา มัธยมศึกษา ✓ 4
✓ ✓
✓✓

✓✓

✓✓

✓✓

✓✓

ตาราง 4.4 ตวั บง่ ช้ี แนวทางการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ทมี่ ปี ระสิทธผิ ลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพ
และแนวปฏิบัติ

ตวั บ่งชี้ แนวปฏบิ ัติ
ภาวะผนู้ ำทางวชิ าการ
การบริหารจดั การคุณภาพ การมพี ฤติกรรมเป็นแกนนำในเชิงวิชาการของการนำความรู้ แนวคิด วิธีการ เทคโนโลยีต่าง ๆ
ที่มปี ระสทิ ธภิ าพมาใชใ้ นการบริหารจดั การ ใหเ้ กดิ ประโยชน์สงู สดุ แก่บคุ ลากรครแู ละผ้เู รียน
การบรหิ ารทรัพยากรมนษุ ย์
วิธีการปฏิบัติงานท่ีมีแนวคิดเชิงกลยุทธ์ในการดำเนินงานขององค์กรที่ครอบคลุมทุกส่วนของ
การประกันคุณภาพภายใน องค์กร โดยให้ความสำคญั ในเรอื่ งความตอ้ งการจำเปน็ ของทกุ ส่วนฝ่าย โดยที่ทุกคนปฏิบัตงิ าน
บรรยากาศสถานศึกษา อยู่ภายในองค์การได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานบนพ้ืนฐานของวัฒนธรรมองค์กร
เป้าหมายสงู สดุ คอื การสร้างความเปน็ เลิศใหก้ บั องคก์ ร

ภาระงานของผู้บริหารในการบรหิ ารจัดการบุคลากรในองค์กร ซ่ึงบุคลากรในองค์กรถือว่าเป็น
ทรัพยากรมนุษย์ที่ผู้บริหารโดยใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการบริหารจัดการบุคลากรในความ
รับผิดชอบ โดยการให้ความเอาใจใส่บุคลากรทุกคนในองค์กร เพ่ือความมีประสิทธิภาพและ
ประสทิ ธผิ ลในองคก์ ร

การบรหิ ารเพือ่ ทีจ่ ะได้ทราบขีดความสามารถในการจัดการศึกษาของสถานศกึ ษาว่าบรรลุตาม
เป้าหมาย หรือ มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาหรือไม่ สามารถนำผลการประเมิน ไป
แก้ไขข้อบกพรอ่ งไดท้ ันที เพื่อการพฒั นาอย่างต่อเน่ือง

สภาพแวดลอ้ มชนิดตา่ ง ๆ เมอื่ นำมารวมกันแล้วมผี ลกระทบต่อระดบั ของการทำงาน หรอื การ
ปฏิบัติงานของผูด้ ำเนินงานภายในสถานศึกษา ซ่งึ ภายใต้สภาพแวดลอ้ ม ดังกลา่ วนี้ มีการรับรู้
ทางตรงและทางอ้อม โดยบรรยากาศจะเป็นแรงกดดันที่สำคัญที่จะมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมใน
การปฏบิ ตั งิ านของบคุ ลากรในสถานศกึ ษา

จากตาราง 4.3 และ 4.4 ผลแนวทางการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผลต่อการ
เปน็ องค์กรคุณภาพของสถานศกึ ษาเข้มแข็ง ในปจั จัยสำคญั พบว่า

สำนกั พฒั นาระบบบรหิ ารงานบคุ คลและนติ ิการ
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

163

การพัฒนารูปแบบการบริหารจดั การศกึ ษายุค 4.0 ท่ีมีประสิทธิผลต่อการเปน็ องคก์ รคณุ ภาพของสถานศึกษาเข้มแขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

1. ภาวะผู้นำทางวิชาการ จากการมีพฤติกรรมเป็นแกนนำในเชิงวิชาการของการนำความรู้
แนวคิด วิธีการ เทคโนโลยีต่าง ๆ ท่ีมีประสิทธิภาพมาใช้ในการบริหารจัดการ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
แก่บคุ ลากรครแู ละผู้เรยี น

2. การบริหารจัดการคุณภาพ ในวิธีการปฏิบัติงานที่มีแนวคิดเชิงกลยุทธ์ในการดำเนินงาน
ขององค์กรที่ครอบคลมุ ทกุ ส่วนขององค์กร โดยใหค้ วามสำคัญในเรื่องความตอ้ งการจำเป็นของทุกสว่ น
ฝ่าย โดยท่ีทุกคนปฏิบัติงานอยู่ภายในองค์การได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานบนพ้ืนฐานของ
วฒั นธรรมองคก์ ร เป้าหมายสูงสดุ คือ การสร้างความเปน็ เลิศให้กบั องค์กร

3. การบริหารทรัพยากรมนุษย์ จากภาระงานของผู้บริหารในการบริหารจัดการบุคลากรใน
องค์กร ซ่ึงบุคลากรในองค์กรถือว่าเป็นทรัพยากรมนุษย์ท่ีผู้บริหารโดยใช้ท้ังศาสตร์และศิลป์ในการ
บริหารจัดการบุคลากรในความรับผิดชอบ โดยการให้ความเอาใจใส่บุคลากรทุกคนในองค์กร เพ่ือ
ความมีประสิทธภิ าพและประสทิ ธผิ ลในองคก์ ร

4. การประกันคุณภาพภายใน จากการบริหารเพื่อที่จะได้ทราบขีดความสามารถในการจัด
การศึกษาของสถานศึกษาว่าบรรลุตามเป้าหมาย หรือ มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาหรือไม่
สามารถนำผลการประเมิน ไปแกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ งไดท้ ันที เพ่อื การพฒั นาอยา่ งต่อเนอ่ื ง

5. บรรยากาศสถานศึกษา จากสภาพแวดลอ้ มชนดิ ตา่ ง ๆ เมื่อนำมารวมกนั แลว้ มีผลกระทบ
ต่อระดับของการทำงาน หรือ การปฏิบัติงานของผู้ดำเนินงานภายในสถานศึกษา ซึ่งภายใต้
สภาพแวดล้อม ดังกล่าวน้ี มีการรับรู้ทางตรงและทางอ้อม โดยบรรยากาศจะเป็นแรงกดดันท่ีสำคัญที่
จะมอี ิทธพิ ลตอ่ พฤตกิ รรมในการปฏบิ ัตงิ านของบคุ ลากรในสถานศึกษา

ตอนท่ี 2 ผลรูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตขุ องปจั จัยการบริหารจัดการศกึ ษา 4.0 ที่มี
ประสทิ ธผิ ลต่อการเป็นองค์กรคณุ ภาพ

ผลรูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมี
ประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง จากการสำรวจกับกลุ่มตัวอยา่ ง ได้แก่
ผอู้ ำนวยการเขตพืน้ ท่ี บุคลากรฝ่ายต่างๆที่ปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีในสำนกั งานเขต ผู้อำนวยการสถานศึกษาและ
บคุ ลากรครู รวมจำนวน 580 คน มีผลการวจิ ัย ดังนี้

1. ผลตัวแปรของปัจจัยการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กร
คุณภาพ ในความเบ้ และความโด่งของตัวแปรของปัจจยั การบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผล
ภาวะผู้นำทางวิชาการ การบริหารจัดการคุณภาพ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ การประกันคุณภาพ
ภายใน และบรรยากาศสถานศึกษา แสดงดังตาราง 4.5

สำนักพฒั นาระบบบริหารงานบุคคลและนิตกิ าร
สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

164

การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการศกึ ษายคุ 4.0 ท่ีมปี ระสิทธผิ ลตอ่ การเปน็ องค์กรคุณภาพของสถานศกึ ษาเข้มแข็ง

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

ตาราง 4.5 ค่าเฉลยี่ ค่าเบย่ี งเบนมาตรฐาน ความเบ้ และความโด่งของตัวแปรของปจั จัย
ในตัวแปรท่สี งั เกตได้

ตัวแปร  S.D. Skewness Kurtosis

การบรหิ ารจัดการศกึ ษา 4.0 ท่ีมีประสทิ ธิผล 4.64 0.44 -1.11 0.86
4.10 0.61 -0.65 1.60
1. ผู้เรียนมผี ลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสงู 4.40 0.58 -0.70 0.10
2. ผู้เรียนมเี จตคตทิ ่ีดี
3. ความสามารถในการปรับเปลี่ยนและพัฒนา 4.54 0.43 -0.68 -0.26
สถานศกึ ษา 4.53 0.47 -0.50 -0.97
4. ความสามารถในการแก้ปญั หาภายในสถานศกึ ษา 4.11 0.54 -0.23 -0.70
5 ความผกู พนั ต่อองคก์ าร 4.34 0.51 -0.64 0.10
6. สมรรถนะของผเู้ รียน
4.57 0.45 -0.93 0.48
รวม 4.59 0.44 -0.84 -0.32
4.50 0.45 -0.70 -0.03
ภาวะผูน้ ำทางวิชาการ 4.31 0.52 -0.33 -0.51
4.50 0.47 -0.70 -0.10
1. การกำหนดภารกจิ ของสถานศึกษา
2. การจดั การเรยี นการสอน 4.28 0.59 -0.70 -0.21
3. การจดั สภาพแวดล้อมของสถานศกึ ษา 4.52 0.49 -0.73 -0.51
4. การส่งเสรมิ บคุ ลากรใหพ้ ฒั นาตนเองดา้ นวิชาการ 4.33 0.59 -0.67 -0.34
4.37 0.59 -0.57 -0.41
รวม 4.38 0.57 -0.67 -0.37

การบริหารจดั การคุณภาพ 4.24 0.59 -0.72 0.68
4.51 0.51 -0.78 0.20
1. การปฏบิ ัตทิ เ่ี ป็นเลศิ 4.28 0.62 -0.60 -0.52
2. ความพงึ พอใจ 4.24 0.66 -0.31 -0.100
3. การจัดระบบและใช้สารสนเทศ 4.32 0.60 -0.60 -0.16
4. การมีสว่ นร่วมของบุคลากร

รวม

การบริหารทรัพยากรมนษุ ย์

1. การสรรหา
2. การพฒั นา
3. การรกั ษาบุคลากร
4. การใชป้ ระโยชน์

รวม

สำนกั พัฒนาระบบบริหารงานบคุ คลและนิติการ
สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

165

การพฒั นารปู แบบการบริหารจดั การศกึ ษายคุ 4.0 ที่มปี ระสิทธผิ ลต่อการเปน็ องคก์ รคุณภาพของสถานศกึ ษาเข้มแข็ง

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

ตาราง 4.5 (ตอ่ )

ตวั แปร  S.D. Skewness Kurtosis

การประกันคณุ ภาพภายใน 4.53 0.58 -1.02 0.19
4.56 0.51 -0.95 0.15
1. การพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา 4.52 0.57 -1.31 1.10
2. การจดั กระบวนการเรียนรู้ 4.64 0.52 -1.42 1.22
3. การตรวจสอบคณุ ภาพการศกึ ษา 4.66 0.44 -0.97 -0.38
4. การประเมินคณุ ภาพภายในของสถานศกึ ษา 4.34 0.51 -1.13 0.46
5. การจัดทำรายงานประจำปี
4.40 0.53 -0.32 -0.83
รวม 4.34 0.60 -0.32 -1.10
3.81 1.01 -0.98 0.79
บรรยากาศสถานศกึ ษา 4.11 0.82 -0.95 1.34
3.70 1.03 -0.49 -0.38
1. บรรยากาศแบบเปิด 2.61 1.30 0.55 -1.04
2. บรรยากาศแบบอิสระ 3.82 0.88 -0.42 -0.20
3. บรรยากาศแบบควบคุม
4. บรรยากาศแบบสนิทสนม
5. บรรยากาศแบบรวบอำนาจ
6. บรรยากาศแบบปิด

รวม

จากตาราง 4.5 ผลตัวแปรของปัจจัยการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการ
เป็นองค์กรคุณภาพ ในความเบ้ และความโด่งของตัวแปรของปัจจัยการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมี
ประสิทธิผล ภาวะผู้นำทางวิชาการ การบริหารจัดการคุณภาพ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ การ
ประกันคุณภาพภายใน และบรรยากาศสถานศึกษา พบว่า การบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมี
ประสทิ ธผิ ล ตัวแปรที่มีคา่ เฉลีย่ มากทสี่ ุด คือ ผู้เรียนมีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นสูง โดยมีค่าเฉล่ีย 4.64
รองลงมา คือ ความสามารถในการแก้ปัญหาภายในสถานศึกษา ความผูกพันต่อองค์การ
ความสามารถในการปรับเปลีย่ นและพัฒนาสถานศึกษา สมรรถนะของผู้เรียน และผู้เรียนมีเจตคติท่ีดี
โดยมีค่าเฉลี่ย 4.54, 4.53, 4.40, 4.11 และ 4.10 ตามลำดับ ภาวะผู้นำทางวิชาการ ตัวแปรท่ีมี
คา่ เฉลี่ยมากที่สุด คือ การจัดการเรียนการสอน โดยมีค่าเฉลี่ย 4.59 รองลงมา คือ การกำหนดภารกิจ
ของสถานศึกษา การจดั สภาพแวดลอ้ มของสถานศกึ ษา และการส่งเสริมบคุ ลากรให้พฒั นาตนเองด้าน
วิชาการ โดยมีค่าเฉล่ีย 4.57, 4.50 และ 4.31 ตามลำดับ การบริหารจัดการคุณภาพ ตัวแปรท่ีมี
ค่าเฉล่ียมากท่ีสุด คือ ความพึงพอใจ โดยมีค่าเฉลี่ย 4.52 รองลงมา คือ การมีส่วนร่วมของบุคลากร
การจัดระบบและใช้สารสนเทศ และ การปฏิบัติที่เป็นเลิศ โดยมีค่าเฉล่ีย 4.37, 4.33 และ 4.38
ตามลำดับ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ตัวแปรที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ การพัฒนาโดยมีค่าเฉลี่ย
4.51 รองลงมา คือ การรักษาบุคลากร มีค่าเฉลี่ย 4.28 ส่วนการสรรหาและการใช้ประโยชน์ มี
ค่าเฉล่ียเท่ากัน คือ 4.24 การประกันคุณภาพภายใน ตัวแปรที่มีค่าเฉล่ียมากท่ีสุด คือ การจัดทำ

สำนกั พฒั นาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

166

การพฒั นารูปแบบการบริหารจัดการศกึ ษายุค 4.0 ทม่ี ปี ระสิทธผิ ลตอ่ การเปน็ องค์กรคณุ ภาพของสถานศึกษาเขม้ แขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

รายงานประจำปี โดยมีค่าเฉลี่ย 4.66 รองลงมา คอื การประเมินคณุ ภาพภายในของสถานศึกษา การ
จัดกระบวนการเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพการศึกษา และการตรวจสอบคุณภาพการศึกษา โดยมี
ค่าเฉลย่ี 4.64, 4.56, 4.53 และ 4.52 ตามลำดับ บรรยากาศสถานศึกษา ตัวแปรท่ีมีค่าเฉลี่ยมากท่ีสุด
คือ บรรยากาศแบบเปิด โดยมีค่าเฉลี่ย 4.40 รองลงมา คือ บรรยากาศแบบอิสระ บรรยากาศแบบ
สนิทสนม บรรยากาศแบบควบคมุ บรรยากาศแบบรวบอำนาจ และบรรยากาศแบบปดิ โดยมีค่าเฉลี่ย
4.34, 4.11, 3.81, 3.70 และ 2.61 ตามลำดบั นอกจากนี้ ค่าส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน พบว่า สว่ นใหญ่
อยู่ในเกณฑ์ท่ีเหมาะสม คือ มีค่าน้อยกว่า 1 โดยตัวแปรที่มีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานสูงสุด คือ ตัวแปร
บรรยากาศแบบปิด และตัวแปรบรรยากาศแบบรวบอำนาจ โดยมีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.30
และ 1.03 ตามลำดับ และตัวแปรที่มีค่าเบ่ียงเบนมาตรฐานน้อยท่ีสดุ คือ ตัวแปรความสามารถในการ
แก้ปัญหาภายในสถานศึกษา โดยมีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.43 สำหรับค่าความเบ้ พบว่า มีค่า
ความเบ้ติดลบทุกตัว ยกเว้นตัวแปรบรรยากาศแบบปิด ที่มีค่าความเบ้เป็นบวก คือ 0.55 แสดงว่า
เป็นค่าที่เบ้มาทางซ้ายเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น กลุ่มตัวอย่างจะตอบในลักษณะปานกลางค่อนไปทางมาก
เป็นส่วนใหญ่ โดยตัวแปรท่ีมีค่าความเบ้มากที่สุด คือ ตัวแปรการประเมินคุณภาพภายในของ
สถานศึกษา มีค่าความเบ้เท่ากับ -1.42 ส่วนตัวแปรท่ีมีความเบ้น้อยที่สุด คือ ตัวแปรสมรรถนะของ
ผู้เรียน มีค่าความเบ้เท่ากับ -0.33 สำหรับค่าความโด่ง พบว่า ส่วนมากอยู่ในเกณฑ์ มีค่าน้อยกว่า 1
ข้อมูลส่วนใหญ่จะเกาะกลุ่มกัน และไม่มกี ารกระจายที่แตกต่างกันมากเกินไป ตัวแปรบรรยากาศแบบ
สนิทสนม การประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษา การตรวจสอบคุณภาพการศึกษามีค่าเกิน 1 มี
คา่ ความโดง่ เท่ากับ 1.34, 1.22, 1.10 ตามลำดบั แสดงวา่ เปน็ ขอ้ มลู ทมี่ กี ารแจกแจงเปน็ โค้งปกติ

2. ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการ
เปน็ องค์กรคณุ ภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง ประกอบดว้ ย

2.1 การวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสังเกตได้ทั้งหมด โดยหา
ค่าสัมประสิทธ์สหสัมพันธ์แบบเพียรสัน (Pearson’s coefficient correlation) ระหว่างตัวแปร
สังเกตได้ 29 ตัวแปร เพื่อให้ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรในโมเดล และนำไปใช้ตรวจสอบ
ความสอดคล้องของโมเดล แสดงดงั ตาราง 4.6

สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบคุ คลและนติ ิการ
สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

167

การพัฒนารปู แบบการบรหิ ารจดั การศกึ ษายุค 4.0 ท่ีมปี ระสิทธผิ ลตอ่ การเปน็ องค์กรคุณภาพของสถานศกึ ษาเขม้ แข็ง

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

ตาราง 4.6 ค่าสหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสังเกตได้ ตัวแปรที่มีอิทธิพลต่อปัจจัยการบริหารจัด
การศึกษา 4.0 ทมี่ ีประสิทธิผลตอ่ การเปน็ องค์กรคณุ ภาพ

Core ah ati aj sl com comp mis tea cli sup bp cus tea par rec dev pre use de pl ce el

ah 1.00 1.00
0.57**
ati 0.36** 1.00 0.41**
0.39**
ai 0.51** 0.44** 1.00 0.04
0.06
sl 0.56** 0.52** 0.53** 1.00 0.02
0.13**
com 0.39** 0.50** 0.50** 0.42** 1.00

comp 0.38** 0.63** 0.57** 0.54** 0.56** 1.00

mis 0.42** 0.37** 0.60** 0.60** 0.39** 0.45** 1.00

tea 0.45** 0.38** 0.62** 0.64** 0.37** 0.44** 0.54** 1.00

cli 0.50** 0.34** 0.52** 0.54** 0.26** 0.37** 0.57** 0.63** 1.00

sup 0.37** 0.37** 0.47** 0.54** 0.30** 0.41** 0.39** 0.61** 0.52** 1.00

bp 0.42** 0.31** 0.47** 0.32** 0.36** 0.36** 0.36** 0.32** 0.33** 0.54** 1.00

cus 0.35** 0.22** 0.45** 0.45** 0.23** 0.37** 0.41* 0.57** 0.57** 0.57** 0.53** 1.00

tea 0.39** 0.46** 0.51** 0.41** 0.29** 0.44** 0.45** 0.45** 0.47** 0.46** 0.49** 0.39** 1.00

par 0.43** 0.44** 0.55** 0.52** 0.38** 0.48** 0.50** 0.54** 0.49** 0.55** 0.53** 0.52** 0.64** 1.00

rec 0.28** 0.36** 0.49** 0.33** 0.29** 0.50** 0.36** 0.38** 0.45** 0.48** 0.64** 0.53** 0.51** 0.52** 1.00

dev 0.31** 0.36** 0.49** 0.53** 0.38** 0.49** 0.68** 0.43** 0.42** 0.46** 0.45** 0.52** 0.51** 0.55** 0.44** 1.00

pre 0.44** 0.40** 0.56** 0.49** 0.44** 0.65** 0.58** 0.38** 0.43** 0.46** 0.44** 0.38** 0.62** 0.48** 0.48** 0.58** 1.00

use 0.32** 0.35** 0.48** 0.40** 0.50** 0.54** 0.47** 0.39** 0.51** 0.48** 0.53** 0.64** 0.39** 0.44** 0.59** 0.48** 0.57** 1.00

de 0.31** 0.37** 0.46** 0.25** 0.35** 0.35** 0.45** 0.29** 0.24** 0.19** 0.52** 0.31** 0.52** 0.37** 0.42** 0.39** 0.48** 0.39** 1.00

pl 0.46** 0.31** 0.57** 0.44** 0.44** 0.43** 0.54** 0.53** 0.50** 0.38** 0.50** 0.51** 0.48** 0.52** 0.44** 0.51** 0.47** 0.54** 0.50** 1.00

ce 0.36** 0.26** 0.38** 0.57** 0.28** 0.45** 0.55** 0.52** 0.50** 0.55** 0.44** 0.53** 0.33** 0.38** 0.44** 0.60** 0.52** 0.36** 0.56** 0.65** 1.00

el 0.36** 0.26** 0.38** 0.57** 0.29** 0.46** 0.55** 0.55** 0.51** 0.55** 0.48** 0.53** 0.51** 0.38** 0.40** 0.61** 0.52** 0.53** 0.56** 0.56** 0.68**

re 0.21** 0.20** 0.35** 0.32** 0.32** 0.37** 0.54** 0.29** 0.33** 0.27** 0.41** 0.26** 0.34** 0.38** 0.38** 0.53** 0.51** 0.29** 0.57** 0.46** 0.50**

ope 0.31** 0.27** 0.47** 0.38** 0.42** 0.37** 0.48** 0.33** 0.44** 0.31** 0.44** 0.44** 0.37** 0.46** 0.32** 0.43** 0.38** 0.44** 0.43** 0.64** 0.50**

aut 0.21** 0.28** 0.47** 0.31** 0.40** 0.51** 0.48** 0.32** 0.37** 0.29** 0.40** 0.34** 0.41** 0.43** 0.50** 0.43** 0.54** 0.46** 0.49** 0.58** 0.41**

com 0.10 0.05 0.08 0.04 0.08 0.03 0.05 0.13** 0.01 0.19** 0.09** 0.24** 0.05 0.11** 0.09* 0.09* 0.96* 0.19* 0.09* 0.03 0.02

fam 0.10* 0.26** 0.25** 0.20** 0.27** 0.27** 0.19** 0.21** 0.16** 0.20** 0.31** 0.32** 0.30** 0.40** 0.35** 0.33** 0.27** 0.39** 0.27** 0.29** 0.28**

pat 0.12** 0.01 0.06 0.06 0.08 0.08* 0.03 0.07 0.04 0.23** 0.05 0.23** 0.04 0.09* 0.09* 0.06 0.09* 0.20** 0.12** 0.01 0.03

clo 0.04 0.18** 0.12** 0.03 0.27** 0.20** 0.04 0.42 0.01 0.16** 0.12** 0.12** 0.02 0.18** 0.21** 0.01 0.05 0.24** 0.12** 0.02 0.04
Core re ope aut com fam pat clo

re 1.00

ope 0.46** 1.00

aut 0.49** 0.57** 1.00

com 0.10* 0.04 0.08 1.00

fam 0.13** 0.34** 0.38** 0.33** 1.00

pat 0.19** 0.78 0.01 0.73** 0.36** 1.00

clo 0.09* 0.04 0.16** 0.46** 0.31** 0.57** 1.00 * มนี ยั สำคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดับ 0.05,** มีนยั สำคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดับ 0.01

จากตารางท่ี 4.6 ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสังเกตได้ ตัวแปรท่ีมีอิทธิพลต่อปัจจัย
การบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพ เม่ือพิจารณาตัวแปร พบว่า
ค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่จัดอยู่ในองค์ประกอบของตัวแปรแฝงเดียวกัน มีค่า
สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์กันในทางบวกทุกตัว และเม่ือพิจารณาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างตัว

สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบคุ คลและนิตกิ าร
สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

168

การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการศกึ ษายคุ 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเปน็ องค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเข้มแขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

แปรสังเกตได้ 29 ตวั แปร พบวา่ มคี ่าสัมประสทิ ธ์สิ หสมั พนั ธ์มคี ่าเป็นบวก โดยตวั แปรสังเกตไดท้ กุ ตัวมี
ความสัมพันธก์ ันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.05 (p < 0.05 ) ยกเว้นตัวแปร con และตัวแปร
pat ท่ีมีความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรท่ีจัดอยู่ในองค์ประกอบของตัวแปรแฝงเดียวกัน อย่างไม่มี
นยั สำคัญทางสถิติ โดยที่ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธข์ องตัวแปรสังเกตไดใ้ นองคป์ ระกอบการบริหารจัด
การศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผล (EFF) คือ ตัวแปร ach, ati, aj, sl, com และตัวแปร comp มีค่าอยู่
ในช่วง 0.36 - 0.63 ค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ของตัวแปรสังเกตได้ ในองค์ประกอบ ภาวะผู้นำทาง
วิชาการ (IL) คือ ตัวแปร mis, tea, cli และตัวแปร sup มีค่าอยู่ในช่วง 0.39 - 0.63 ค่าสัมประสิทธิ์
สหสัมพันธ์ของตัวแปรสังเกตได้ ในองค์ประกอบการบริหารจัดการคุณภาพ (MQ) คือ ตัวแปร bp,
cus, tec และตัวแปร par มีค่าอยูใ่ นช่วง 0.39 - 0.64 ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพนั ธข์ องตัวแปรสังเกตได้
ในองค์ประกอบการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (HR) คือ ตัวแปร rec, dev, pre และตัวแปร use มีค่า
อยู่ในช่วง 0.44 - 0.59 ค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ของตัวแปรสังเกตได้ ในองค์ประกอบการประกัน
คุณภาพภายใน (IQ) คือ ตัวแปร de, pl, ce และตัวแปร ei มีค่าอยู่ในช่วง 0.32 - 0.68 ค่า
สมั ประสิทธ์ิสหสัมพนั ธข์ องตวั แปรสังเกตได้ ในองคป์ ระกอบบรรยากาศสถานศกึ ษา (CLS) คือ ตัวแปร
ope, aut, con, fam, pat และตัวแปร clo มีค่าอยู่ในช่วง 0.01 - 0.73 และจากการพิจารณาค่า
Kaiser-meyer-olkin measure of sampling adequacy (KMO) ในตัวแปรแฝง มีค่าเท่ากับ 0.85,
0.78, 0.75, 0.78, 0.74 และ 0.66 ซ่ึงมีค่ามากกว่า 0.5 จึงมีความเหมาะสมในการวิเคราะห์
องค์ประกอบได้ ส่วนค่าสถิติทดสอบ Bartlett’s test of sphericity ซ่ึงเป็นค่าสถิติที่ใช้ทดสอบ
สมมติฐาน พบว่า มีนัยสำคัญทางสถิติ แสดงว่า ตัวแปรมีความสัมพันธ์กัน สามารถวิเคราะห์
องค์ประกอบได้

2.2 การวเิ คราะห์น้ำหนักองคป์ ระกอบเชิงยืนยนั เพอ่ื ตรวจสอบความตรงโมเดลการ
วัดตัวแปรแฝงของปัจจัยการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของ
สถานศึกษาเข้มแข็ง ของตัวแปรแฝงแต่ละตัวแปรว่ามีความเหมาะสมในการเป็นตัวแทนการวัด
(Construct validity) ซ่ึงเกณฑใ์ นการพิจารณาคัดเลือกตวั แปรในโมเดลการวัดกำหนดว่าควรจะเลอื ก
เฉพาะตัวแปรที่มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบเกิน 0.30 ข้ึนไป ซึ่งแบ่งออกเป็น 6 ปัจจัย คือ ปัจจัยการ
บริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผล ปัจจัยภาวะผู้นำทางวิชาการ ปัจจัยการบริหารจัดการ
คุณภาพ ปัจจัยการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ปัจจัยการประกันคุณภาพภายใน และปัจจัยบรรยากาศ
สถานศึกษา มผี ลการวเิ คราะห์ ดงั น้ี

1) การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันของปัจจัยการบริหารจัดการ 4.0 ที่มี
ประสิทธิผลต่อการเปน็ องค์กรคณุ ภาพ

1.1) การวิเคราะห์ความสัมพันธ์และตัวแปรสาเหตุกับการบริหารจัดการศึกษา 4.0
ท่ีมีประสทิ ธิผลตอ่ การเปน็ องคก์ รคณุ ภาพ

สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบคุ คลและนิตกิ าร
สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

169

การพัฒนารูปแบบการบรหิ ารจดั การศึกษายุค 4.0 ทีม่ ีประสทิ ธผิ ลต่อการเปน็ องค์กรคุณภาพของสถานศกึ ษาเข้มแขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

ตาราง 4.7 คา่ สหสมั พนั ธ์ระหวา่ งตวั แปรสงั เกตกับตวั แปรปจั จยั การบริหารจดั การ 4.0
ทม่ี ีประสทิ ธิผลต่อการเป็นองคก์ รคณุ ภาพ

Correlations ah ati aj sl com comp
ah 1.00
ati 0.36** 1.00 1.00
aj 0.52** 4.11
sl 0.56** 0.44** 1.00 0.56
com 0.39**
0.38** 0.52** 0.53** 1.00
comp 4.64
0.50** 0.50** 0.42** 1.00
 0.44
S.D. 0.63** 0.57** 0.54** 0.56**
X2
KMO 4.10 4.40 4.54 4.53
Bartlett’s test
** มนี ัยสำคญั ทางสถติ ิทีร่ ะดับ 0.01. 0.61 0.58 0.43 0.47

1391.20

0.85

0 .00

จากตาราง 4.7 ผลวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสังเกตได้ในตัวแปรแฝงด้าน
การบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพ เม่ือพิจารณาตัวแปร 6 ตัว
แปร พบว่า ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสังเกตได้ ท่ีมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์กันใน
ทางบวก โดยตัวแปรสังเกตได้ทุกตัว มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 (p <
0.01) โดยท่ีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ของตัวแปรสังเกตได้ ในองค์ประกอบการบริหารจัดการศึกษา
4.0 ท่ีมปี ระสิทธิผลต่อการเปน็ องค์กรคุณภาพ มีค่าอยู่ในช่วง 0.36 ถึง 0.63 และจากการพิจารณาค่า
Kaiser-meyer-olkin measure of sampling adequacy (KMO) ในตัวแปรแฝง มีค่าเท่ากับ 0.86
ซึ่งมีค่ามากกว่า 0.50 จึงมีความเหมาะสมในการวิเคราะห์องค์ประกอบ และค่าสถิติทดสอบ
Bartlett’s test of sphericity ซ่ึงเป็นค่าสถิติท่ีใช้ทดสอบสมมติฐาน พบว่า มีนัยสำคัญทางสถิติ
แสดงว่า ตัวแปรมีความสัมพันธ์กัน สามารถวิเคราะห์องค์ประกอบได้ และผลการวิเคราะห์
องคป์ ระกอบเชงิ ยนื ยนั (Confirmatory factor analysis) ของแต่ละปัจจัย เป็นดังนี้

1.2) การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันของตัวแปรการบริหารจัดการศึกษา 4.0
ท่มี ีประสิทธผิ ลต่อการเปน็ องคก์ รคณุ ภาพ

สำนกั พฒั นาระบบบรหิ ารงานบุคคลและนิติการ
สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

170

การพัฒนารูปแบบการบริหารจดั การศึกษายุค 4.0 ทมี่ ปี ระสิทธิผลต่อการเป็นองคก์ รคณุ ภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

รูปภาพ 4.1 การวเิ คราะห์ปจั จัยเชงิ ยนื ยันตัวแปรแฝงการบรหิ ารจัดการศึกษา 4.0
ทม่ี ปี ระสิทธิผลต่อการเปน็ องคก์ รคุณภาพ

ah .23 e1

0.48** ati .59 e2

0.77**
EFF 0.73** aj .54 e3

0.68** sl .46 e4
0.66**

0.80** com .44 e5

comp .65 e6

Chi-square = 9.749, df = 5, p= 0.83, CFI = 0.997, NFI = 0.993, CMIN/ DF= 1.950, GFI= 0.995, RMSEA = 0.041,
RMR = 0.004.
** p < = 0.01.

จากรูปภาพ 4.1 ปัจจัยเชิงยืนยันตัวแปรแฝงการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มี
ประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง แสดงว่า น้ำหนักองค์ประกอบของตัว
แปรสังเกตได้ ในตัวแปรแฝงการบรหิ ารจัดการศกึ ษา 4.0 ท่ีมปี ระสทิ ธิผล ซ่ึงประกอบไปด้วย ตวั แปร
สงั เกต ดังน้ี ผู้เรียนท่ีมีผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นสูง (ah) ผู้เรียนมีเจตคติที่ดี (ati) ความสามารถในการ
ปรับเปลี่ยนและพัฒนาสถานศึกษา (aj) ความสามารถในการแก้ปัญหาในสถานศึกษา (sol) ความ
ผกู พันในองค์การ (com) และตัวแปรสังเกตได้ สมรรถนะของผู้เรยี น (comp) พบว่า ตัวแปรสังเกตได้
มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบท่ียอมรับได้ (มากกว่า 0.30) มีค่าเป็นบวก และมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
0.01 มีรายละเอียด ดังนี้ (1) ตัวแปรสังเกตได้ ผู้เรียนที่มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูง (ah) มีน้ำหนัก
ปัจจัยในรูปของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ 0.48 (2) ตัวแปรสังเกตได้ ผู้เรียนมีเจตคติที่ดี (ati) มี
น้ำหนักปัจจัยในรูปของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ 0.77 (3) ตัวแปรสังเกตได้ ความสามารถในการ
ปรับเปลี่ยนและพัฒนาสถานศึกษา (aj) มีน้ำหนักปัจจัยในรูปของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ 0.73 (4)
ตัวแปรสังเกตได้ ความสามารถในการแก้ปัญหาในสถานศกึ ษา (sol) มีน้ำหนกั ปัจจัยในรูปของคะแนน
มาตรฐาน เท่ากับ 0.68 (5) ตัวแปรสังเกตได้ ความผูกพันต่อองค์การ (com) มีน้ำหนักปัจจัยในรูป
ของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ 0.66 และ (6) ตัวแปรสังเกตได้ สมรรถนะของผู้เรียน (comp) มี
น้ำหนักปัจจัยในรูปของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ 0.80 ทั้งน้ี เมื่อศึกษาถึงสถิติที่เกี่ยวข้อง พบว่า ค่า

สำนกั พัฒนาระบบบรหิ ารงานบคุ คลและนติ ิการ
สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

171

การพัฒนารปู แบบการบริหารจดั การศกึ ษายคุ 4.0 ท่มี ีประสทิ ธผิ ลต่อการเปน็ องค์กรคณุ ภาพของสถานศึกษาเข้มแขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

Chi-square มีค่าเท่ากับ 9.749 ค่า p-value มี ค่าเท่ากับ 0.083 น่ันคือ โมเดลการวัด มีความ
กลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ท่ีระดับ 0.05 เมื่อพิจารณาค่าสถิติตัวอื่น ๆ พบว่า ค่า CFI มีค่า
เท่ากับ 0.997 ซึง่ มคี ่ามากกว่า 0.97 ค่า NFI มีค่าเทา่ กับ 0.993 ซึ่งมีค่ามากกวา่ 0.95 คา่ CMIN/ DF
มคี ่าเทา่ กับ 1.950 ซึง่ มีค่าน้อยกวา่ 3 ค่า GFI มีคา่ เทา่ กับ 0.995 ซง่ึ มคี ่ามากกว่า 0.90 ค่า RMSEA มี
ค่าเท่ากับ 0.041 ซ่ึงมีค่าน้อยกว่า 0.08 และค่า RMR มีค่าเท่ากับ 0.004 ซึ่งมีค่าน้อยกว่า 0.05
นอกจากน้ัน ได้ทำการตรวจสอบความเหมาะสมของขนาดกลุ่มตัวอย่างท่ีจะยอมรับ H0 ได้ค่า
HOELTER 0.05 เท่ากับ 658 ซง่ึ มากกว่า 200 สรุปได้ว่า โมเดลการวัดปัจจัยการบริหารจัดการศึกษา
4.0 ที่มีประสิทธิผลตอ่ การเปน็ องคก์ รคุณภาพ มคี วามสอดคลอ้ งกับข้อมูลเชงิ ประจกั ษ์

2) การวิเคราะห์องคป์ ระกอบเชิงยนื ยันของตัวแปรภาวะผ้นู ำทางวชิ าการ
2.1) วเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธ์ระหว่างตัวแปรสงั เกตไดก้ บั ภาวะผู้นำทางวชิ าการ

ตาราง 4.8 คา่ สหสัมพนั ธ์ระหว่างตัวแปรสังเกตไดข้ องภาวะผ้นู ำเชิงวชิ าการ

Correlations mis tea cli sup
mis 1.00
tea 0.54** 1.00
cli 0.57** 0.63** 1.00
sup 0.39** 0.61** 0.52** 1.00
4.57 4.59 4.50 4.31

S.D. 0.45 0.44 0.45 0.52
X2 855.52
KMO 0.78
Bartlett’s test 0 .00
** มีนัยสำคญั ทางสถิติท่ีระดับ 0.01.

จากตาราง 4.8 ผลความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสังเกตได้ในตัวแปรแฝง ภาวะผู้นำทาง
วิชาการ เมื่อพิจารณาตัวแปร 4 ตัวแปร พบว่า ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสังเกตได้ มี
ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์กันในทางบวก โดยตัวแปรสังเกตได้ทุกตัว มีความสัมพันธ์กันอย่างมี
นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 (p< 0.01) โดยท่ีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของตัวแปรสังเกตได้ใน
องค์ประกอบของภาวะผู้นำทางวชิ าการ มีคา่ อยใู่ นช่วง 0.39 - 0.63 และจากการพิจารณาค่า Kaiser-
meyer-olkin measure of sampling adequacy (KMO) ในตัวแปรแฝง มีค่าเท่ากับ 0.78 ซึ่งมีค่า
มากกวา่ 0.50 จึงมีความเหมาะสมในการวเิ คราะหอ์ งค์ประกอบ และค่าสถิติทดสอบ Bartlett’s test
of sphericity ซึ่งเป็นค่าสถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐาน พบว่า มีนัยสำคัญทางสถิติ แสดงว่า ตัวแปรมี
ความสัมพันธก์ นั สามารถวเิ คราะห์องคป์ ระกอบได้

2.2) วเิ คราะห์องค์ประกอบเชงิ ยืนยนั ภาวะผนู้ ำทางวิชาการ

สำนกั พัฒนาระบบบริหารงานบคุ คลและนติ กิ าร
สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

172

การพัฒนารปู แบบการบรหิ ารจดั การศกึ ษายุค 4.0 ที่มีประสิทธิผลตอ่ การเปน็ องค์กรคณุ ภาพของสถานศึกษาเขม้ แข็ง

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

รปู ภาพ 4.2 การวิเคราะหป์ ัจจัยเชงิ ยืนยนั ตวั แปรแฝง ภาวะผู้นำทางวชิ าการ

sup .36 e1

0.60**
cli .68 e2

LI 0.82**
0.77** tea .59 e3
0.69**

mis .48 e4

Chi-square = 3.891, df = 2, p= 0.143, CFI = 0.998, NFI = 0.995, CMIN/ DF= 1.946, GFI= 0.997, RMSEA = 0.040,
RMR = 0.003.
** p < = 0.01.

จากรูปภาพ 4.2 องค์ประกอบเชิงยืนยัน ปัจจัยภาวะผู้นำทางวิชาการ ในน้ำหนัก
องค์ประกอบของตัวแปรสังเกตได้ ในตัวแปรแฝง ภาวะผู้นำทางวิชาการ (IL) ซ่ึงประกอบไปด้วย ตัว
แปรสังเกตได้ ดังน้ี การจัดการเรียนการสอน (tea) การจัดสภาพแวดล้อมของโรงเรียน (cli) และการ
สง่ เสริมบุคลากรให้พฒั นาตนเองด้านวิชาการ (sup) พบว่า ตวั แปรสังเกตไดม้ ีค่าน้ำหนกั องค์ประกอบ
ที่ยอมรับได้ (มากกว่า 0.30) มีค่าเป็นบวก และมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 มีรายละเอียด ดังนี้
(1) ตัวแปรสังเกตได้ การกำหนดภารกิจของสถานศึกษา (mis) มีน้ำหนักปัจจัยในรูปของคะแนน
มาตรฐาน เท่ากับ 0.69 (2) ตัวแปรสังเกตได้ การจัดการเรียนการสอน (tea) มีน้ำหนักปัจจัยในรูป
ของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ 0.77 (3) ตวั แปรสังเกตได้ การจัดสภาพแวดล้อมของสถานศึกษา (cli)
มีน้ำหนักปัจจยั ในรูปของคะแนนมาตรฐาน เทา่ กบั 0.72 (4) ตัวแปรสงั เกตได้ การส่งเสรมิ บุคลากรให้
พัฒนาตนเองด้านวิชาการ (sup) มีน้ำหนักปัจจัยในรูปของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ 0.60 เม่ือศึกษา
ถงึ สถิติที่เก่ียวข้อง พบว่า ค่า Chi-square มีค่าเท่ากับ 3.891 ค่า p-value มีค่าเท่ากับ 0.143 โมเดล
การวัด มีความกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ระดับ 0.05 เม่ือพิจารณาค่าสถิติตัวอ่ืน ๆ พบว่า ค่า
CFI มีค่าเท่ากับ 0.998 ซ่ึงมีค่ามากกว่า 0.97 ค่า NFI มีค่าเท่ากับ 0.995 ซึ่งมีค่ามากกว่า 0.95 ค่า
CMIN/ DF มีค่าเท่ากับ 1.946 ค่า GFI มีค่าเท่ากับ 0.997 ซ่ึงมีค่ามากกว่า 0.90 ค่า RMSEA มีค่า
เท่ากับ 0.040 ซึ่งมีค่าน้อยกว่า 0.08 และค่า RMR มีค่าเท่ากับ 0.003 ซึ่งมีค่าน้อยกว่า 0.05
นอกจากน้ัน ได้ทำการตรวจสอบความเหมาะสมของขนาดกลุ่มตัวอย่างที่จะยอมรับ H0 ได้ค่า
HOELTER 0.05 เท่ากับ 892 ซึ่งมากกว่า 200 สรุปได้ว่า โมเดลการวัดปัจจัยเชิงยืนยัน ของปัจจัย
ภาวะผูน้ ำทางวชิ าการ มคี วามสอดคล้องกับขอ้ มลู เชิงประจักษ์

3) การวิเคราะห์องค์ประกอบเชงิ ยืนยนั ของตัวแปรการบริหารจดั การคุณภาพ
3.1) วเิ คราะหค์ วามสัมพนั ธ์ระหว่างตัวแปรสงั เกตไดก้ ับการบรหิ ารจดั การคณุ ภาพ

สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบคุ คลและนิติการ
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

173

การพฒั นารปู แบบการบริหารจดั การศกึ ษายคุ 4.0 ท่มี ีประสิทธผิ ลตอ่ การเป็นองคก์ รคณุ ภาพของสถานศกึ ษาเขม้ แขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

ตาราง 4.9 ค่าสหสัมพนั ธ์ระหวา่ งตัวแปรสงั เกตไดข้ องการบริหารจดั การคุณภาพ

Correlations bp cus tec par
bp 1.00
cus 0.53** 1.00
tec 0.49** 0.39** 1.00
par 0.53** 0.52** 0.64** 1.00
4.28 4.52 4.33 4.37

S.D. 0.59 0.49 0.59 0.59
X2 779.23
KMO 0.76
Bartlett’s test 0 .00
** มีนัยสำคญั ทางสถิติทร่ี ะดบั 0.01.

จากตาราง 4.9 ผลความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสังเกตได้ในตัวแปรแฝง การบริหาร
จัดการคุณภาพ เม่ือพิจารณาตัวแปร 4 ตัวแปร พบว่า ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร
สังเกตได้ มีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์กันในทางบวก โดยตัวแปรสังเกตได้ทุกตัว มีความสัมพันธ์กัน
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 (p< 0.01) โดยที่ค่าสมั ประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของตัวแปรสังเกต
ได้ในองค์ประกอบของการบริหารจัดการคุณภาพ มีค่าอยู่ในช่วง 0.39 - 0.64 และจากการพิจารณา
ค่า Kaiser-meyer-olkin measure of sampling adequacy (KMO) ในตัวแปรแฝง มีค่าเท่ากับ
0.76 ซึ่งมีค่ามากกว่า 0.50 จึงมีความเหมาะสมในการวิเคราะห์องค์ประกอบ และค่าสถิติทดสอบ
Bartlett’s test of sphericity ซึ่งเป็นค่าสถิติท่ีใช้ทดสอบสมมติฐาน พบว่า มีนัยสำคัญทางสถิติ
แสดงวา่ ตวั แปรมีความสัมพันธก์ นั สามารถวเิ คราะห์องค์ประกอบได้

3.2) วเิ คราะห์องค์ประกอบเชงิ ยนื ยนั การบรหิ ารจัดการคณุ ภาพ

รูปภาพ 4.3 การวิเคราะหป์ จั จัยเชงิ ยนื ยันตัวแปรแฝง การบริหารจดั การคุณภาพ

par .45 e1

0.67**
tec .46 e2

MQ 0.68**
0.80** cus .64 e3
0.68**

bp .46 e4

Chi-square = 1.276, df = 2, p= 0.528, CFI = 1.000, NFI = 0.998, CMIN/ DF= 0.638, GFI= 0.999, RMSEA = 0.000,
RMR = 0.006.
** p < = 0.01.

สำนกั พัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนติ กิ าร
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

174

การพฒั นารปู แบบการบรหิ ารจัดการศกึ ษายคุ 4.0 ท่มี ปี ระสทิ ธิผลต่อการเปน็ องค์กรคณุ ภาพของสถานศึกษาเข้มแขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

จากรูปภาพ 4.3 องค์ประกอบเชิงยืนยัน ปัจจัยการบริหารจัดการคุณภาพ ในน้ำหนัก
องคป์ ระกอบของตวั แปรสังเกตได้ ในตวั แปรแฝง การบรหิ ารจัดการคุณภาพ (MQ) ซึ่งประกอบไปด้วย
ตัวแปรสังเกตได้ ดังนี้ การปฏิบตั ิที่เป็นเลิศ (bp) ความพงึ พอใจ (cus) การจดั ระบบและใชส้ ารสนเทศ
(tec) และการมีส่วนร่วมของบุคลากร (par) พบว่า ตัวแปรสังเกตได้มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบที่
ยอมรับได้ (มากกว่า 0.30) มีค่าเป็นบวก และมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 มีรายละเอียด ดังนี้
(1) ตัวแปรสังเกตได้ การปฏิบัติที่เป็นเลิศ (bp) มีน้ำหนักปัจจัยในรูปของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ
0.68 (2) ตัวแปรสังเกตได้ ความพึงพอใจ (cus) มีน้ำหนักปัจจัยในรูปของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ
0.80 (3) ตัวแปรสังเกตได้ การจัดระบบและใช้สารสนเทศ (tec) มีน้ำหนักปัจจัยในรูปของคะแนน
มาตรฐาน เทา่ กับ 0.68 (4) ตวั แปรสงั เกตได้ การมสี ว่ นร่วมของบุคลากร (par) มีนำ้ หนกั ปจั จัยในรูป
ของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ 0.67 เม่ือศึกษาถึงสถิติที่เกี่ยวข้อง พบว่า ค่า Chi-square มีค่าเท่ากับ
1.276 ค่า p-value มีค่าเท่ากับ 0.528 โมเดลการวัด มีความกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ท่ีระดับ
0.05 เมื่อพิจารณาค่าสถิติตัวอื่น ๆ พบว่า คา่ CFI มคี ่าเท่ากับ 1.000 ซึ่งมีคา่ มากกว่า 0.97 ค่า NFI มี
คา่ เท่ากับ 0.998 ซ่ึงมีค่ามากกว่า 0.95 ค่า CMIN/ DF มีคา่ เท่ากับ 0.638 ค่า GFI มีคา่ เท่ากับ 0.999
ซึง่ มีค่ามากกว่า 0.90 ค่า RMSEA มีค่าเท่ากับ 0.000 ซงึ่ มีค่าน้อยกวา่ 0.08 และค่า RMR มีค่าเท่ากับ
0.006 ซึ่งมีค่าน้อยกว่า 0.05 นอกจากนั้น ได้ทำการตรวจสอบความเหมาะสมของขนาดกลุ่มตัวอย่าง
ที่จะยอมรับ H0 ได้ค่า HOELTER 0.05 เท่ากับ 2719 ซ่ึงมากกว่า 200 สรปุ ได้ว่า โมเดลการวัดปัจจัย
เชิงยนื ยัน ของปจั จัยการบริหารจัดการคณุ ภาพ มีความสอดคล้องกับขอ้ มูลเชิงประจกั ษ์

4) การวิเคราะหอ์ งค์ประกอบเชิงยืนยนั ของตัวแปรการบรหิ ารทรัพยากรมนษุ ย์
4.1) วเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธ์ระหวา่ งตัวแปรสังเกตได้กับตัวแปรบรหิ ารทรัพยากรมนุษย์

ตาราง 4.10 คา่ สหสัมพนั ธร์ ะหว่างตวั แปรสงั เกตได้ของการบริหารทรัพยากรมนุษย์

Correlations rec dev pre use
rec 1.00
dev 0.44** 1.00
pre 0.48** 0.58** 1.00
use 0.59** 0.48** 0.57** 1.00
4.24 4.51 4.28 4.24

S.D. 0.59 0.51 0.62 0.66
X2 774.35
KMO 0.78
Bartlett’s test 0 .00
** มนี ัยสำคญั ทางสถิตทิ ่ีระดบั 0.01.

จากตาราง 4.10 ผลความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสังเกตได้ในตัวแปรแฝง การบริหาร
ทรัพยากรมนุษย์ เมื่อพิจารณาตัวแปร 4 ตัวแปร พบว่า ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร

สำนักพฒั นาระบบบริหารงานบุคคลและนิตกิ าร
สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

175

การพฒั นารูปแบบการบรหิ ารจัดการศกึ ษายุค 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

สังเกตได้ มีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์กันในทางบวก โดยตัวแปรสังเกตได้ทุกตัว มีความสัมพันธ์กัน
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.01 (p< 0.01) โดยท่ีค่าสมั ประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ของตัวแปรสังเกต
ได้ในองค์ประกอบของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีค่าอยู่ในช่วง 0.44 - 0.59 และจากการพิจารณา
ค่า Kaiser-meyer-olkin measure of sampling adequacy (KMO) ในตัวแปรแฝง มีค่าเท่ากับ
0.78 ซ่ึงมีค่ามากกว่า 0.50 จึงมีความเหมาะสมในการวิเคราะห์องค์ประกอบ และค่าสถิติทดสอบ
Bartlett’s test of sphericity ซึ่งเป็นค่าสถิติท่ีใช้ทดสอบสมมติฐาน พบว่า มีนัยสำคัญทางสถิติ
แสดงวา่ ตวั แปรมีความสมั พันธก์ นั สามารถวเิ คราะหอ์ งค์ประกอบได้

3.2) วเิ คราะห์องคป์ ระกอบเชิงยนื ยนั การบรหิ ารทรัพยากรมนุษย์

รปู ภาพ 4.4 การวเิ คราะห์ปจั จัยเชิงยนื ยันตัวแปรแฝง การบรหิ ารทรัพยากรมนุษย์

use .68 e1

0.82**
pre .47 e2

HR 0.69**
0.60** dev .35 e3
0.71**

rec .51 e4

Chi-square = 1.026, df = 1, p= 0.311, CFI = 1.000, NFI = 0.999, CMIN/ DF= 1.026, GFI= 0.999, RMSEA = 0.007,
RMR = 0.002.
** p < = 0.01.

จากรูปภาพ 4.4 องค์ประกอบเชิงยืนยัน ปัจจัยการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ในน้ำหนัก
องค์ประกอบของตัวแปรสังเกตได้ ในตัวแปรแฝง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ (HR) ซ่ึงประกอบไป
ด้วย ตัวแปรสังเกตได้ ดังนี้ การสรรหา (rec) การพัฒนา (dev) การรักษาบุคลากร (pre) และการใช้
ประโยชน์ (use) พบว่า ตัวแปรสังเกตได้มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบที่ยอมรับได้ (มากกว่า 0.30) มีค่า
เป็นบวก และมีนัยสำคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.01 มีรายละเอียด ดังน้ี (1) ตัวแปรสังเกตได้ การสรรหา
(rec) มีน้ำหนักปัจจัยในรูปของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ 0.71 (2) ตัวแปรสังเกตได้ การพัฒนา
(dev) มีน้ำหนักปัจจัยในรูปของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ 0.60 (3) ตัวแปรสังเกตได้ การรักษา
บุคลากร (pre) มีน้ำหนกั ปัจจัยในรูปของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ 0.69 (4) ตวั แปรสังเกตได้ การใช้
ประโยชน์ (use) มีน้ำหนักปัจจัยในรูปของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ 0.82 เมื่อศึกษาถึงสถิติที่
เกี่ยวข้องพบว่า ค่า Chi-square มีค่าเท่ากับ 1.026 ค่า p-value มีค่าเท่ากับ 0.311 โมเดลการวัด มี
ความกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ระดับ 0.05 เมื่อพิจารณาค่าสถิติตัวอ่ืน ๆ พบว่า ค่า CFI มีค่า

สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบคุ คลและนติ กิ าร
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

176

การพฒั นารปู แบบการบริหารจดั การศกึ ษายุค 4.0 ท่มี ปี ระสทิ ธผิ ลตอ่ การเปน็ องค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเขม้ แขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

เท่ากับ 1.00 ซ่ึงมีค่ามากกว่า 0.97 ค่า NFI มีค่าเท่ากับ 0.999 ซ่ึงมีค่ามากกว่า 0.95 ค่า CMIN/ DF
มคี ่าเท่ากบั 1.026 ซ่ึงมคี ่าน้อยกว่า 3 ค่า GFI มีค่าเท่ากับ 0.999 ซงึ่ มีค่ามากกว่า 0.90 คา่ RMSEA
มีค่าเท่ากับ 0.007 ซึ่งมีค่าน้อยกว่า 0.08 และค่า RMR มีค่าเท่ากับ 0.002 ซ่ึงมีค่าน้อยกว่า 0.05
นอกจากน้ัน ได้ทำการตรวจสอบความเหมาะสมของขนาดกลุ่มตัวอย่างท่ีจะยอมรับ H0 ได้ค่า
HOELTER 0.05 เท่ากับ 2169 ซ่ึงมากกว่า 200 สรุปได้ว่า โมเดลการวัดปัจจัยเชิงยืนยันของปัจจัย
การบริหารทรพั ยากรมนุษย์ มคี วามสอดคลอ้ งกับขอ้ มูลเชงิ ประจักษ์

5) การวิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบเชิงยนื ยนั ของตวั แปรการประกนั คณุ ภาพภายใน
5.1) วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสังเกตได้กับตัวแปรการประกันคุณภาพ
ภายใน

ตาราง 4.11 คา่ สหสมั พนั ธ์ระหว่างตัวแปรสงั เกตกับตัวแปรปจั จยั การประกนั คณุ ภาพภายใน

Correlations de pl ce ei re
de
pl 1.00 1.00
ce 4.66
ei 0.50** 1.00 0.44
re
0.55** 0.64** 1.00

S.D. 0.32** 0.56** 0.68** 1.00
X2
KMO 0.57** 0.46** 0.50** 0.57**
Bartlett’s test
** มีนยั สำคญั ทางสถิตทิ ่ีระดบั 0.01. 4.53 4.56 4.52 4.64

0.58 0.51 0.57 0.52

1344.25

0.74

0 .00

จากตาราง 4.11 ผลความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสังเกตได้ในตัวแปรแฝง การประกัน
คุณภาพภายใน เมื่อพิจารณาตัวแปร 5 ตัวแปร พบว่า ค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร
สังเกตได้ มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์กันในทางบวก โดยตัวแปรสังเกตได้ทุกตัว มีความสัมพันธ์กัน
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 (p< 0.01) โดยท่ีค่าสมั ประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของตัวแปรสังเกต
ได้ในองค์ประกอบของการประกันคุณภาพภายใน มีค่าอยู่ในช่วง 0.32 - 0.68 และจากการพิจารณา
ค่า Kaiser-meyer-olkin measure of sampling adequacy (KMO) ในตัวแปรแฝง มีค่าเท่ากับ
0.74 ซึ่งมีค่ามากกว่า 0.50 จึงมีความเหมาะสมในการวิเคราะห์องค์ประกอบ และค่าสถิติทดสอบ
Bartlett’s test of sphericity ซึ่งเป็นค่าสถิติท่ีใช้ทดสอบสมมติฐาน พบว่า มีนัยสำคัญทางสถิติ
แสดงวา่ ตวั แปรมีความสัมพันธก์ ันสามารถวิเคราะหอ์ งค์ประกอบได้

5.2 การวิเคราะหอ์ งค์ประกอบเชงิ ยืนยันปจั จยั การประกันคณุ ภาพภายใน

สำนกั พัฒนาระบบบริหารงานบคุ คลและนติ ิการ
สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

177

การพัฒนารปู แบบการบริหารจัดการศึกษายคุ 4.0 ท่ีมปี ระสทิ ธผิ ลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศกึ ษาเข้มแขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

รูปภาพ 4.5 การวเิ คราะหป์ จั จยั เชิงยนื ยันตวั แปรแฝงการประกันคุณภาพภายใน

de .60 e1

0.78** pl .42 e2

0.64**
IQ 0.75** ce .56 e3

0.87** ei .76 e4
0.69**

re .47 e5

Chi-square = 8.423, df = 3, p= 0.038, CFI = 0.996, NFI = 0.994, CMIN/ DF= 2.808, GFI= 0.994, RMSEA = 0.056,
RMR = 0.005.
** p < = 0.01.

จากรูปภาพ 4.5 องค์ประกอบเชิงยืนยัน ปัจจัยการประกันคุณภาพภายใน ในน้ำหนัก
องค์ประกอบของตัวแปรสังเกตได้ ในตัวแปรแฝง การประกนั คุณภาพภายใน (IQ) ซ่ึงประกอบไปด้วย
ตัวแปรสังเกตได้ ดังนี้ การพัฒนาคุณภาพการศึกษา (de) การจัดกระบวนการเรียนรู้ (pl) การ
ตรวจสอบคุณภาพการศึกษา (ce) การประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษา (ei) และการจัดทำ
รายงานประจำปี (re) พบว่า ตัวแปรสังเกตได้มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบท่ียอมรับได้ (มากกว่า 0.30)
มีค่าเป็นบวก และมีนัยสำคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.01 มีรายละเอียด ดังนี้ (1) ตัวแปรสังเกตได้ การ
พัฒนาคุณภาพการศึกษา (de) น้ำหนักปัจจัยในรูปของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ 0.78 (2) ตัวแปร
สงั เกตได้ การจัดกระบวนการเรยี นรู้ (pl) น้ำหนกั ปัจจัยในรูปของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ 0.64 (3)
ตัวแปรสังเกตได้ การตรวจสอบคุณภาพการศึกษา (ce) น้ำหนักปัจจัยในรูปของคะแนนมาตรฐาน
เท่ากับ 0.75 (4) ตัวแปรสังเกตได้ การประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษา (ei) น้ำหนักปัจจัยใน
รูปของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ 0.87 (5) ตัวแปรสังเกตได้ การจัดทำรายงานประจำปี (re) น้ำหนัก
ปัจจัยในรูปของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ 0.69 เมื่อศึกษาถึงสถิติที่เก่ียวข้องพบว่า ค่า Chi-square มี
ค่าเท่ากับ 8.423 นั่นคือ โมเดลการวัดไม่กลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ท่ีระดับ 0.05 อย่างไรก็ตาม
สถิตทิ ดสอบ Chi-square จะมีค่าไคสแควร์มาก เม่ือขนาดตัวอย่างใหญ่ จะทำใหป้ ฏิเสธ H0 ดงั นน้ั จึง
พิจารณาค่าสถิติตัวอื่น ๆ คือ ค่า CFI มีค่าเท่ากับ 0.996 ซ่ึงมีค่ามากกว่า 0.97 ค่า NFI มีค่าเท่ากับ
0.994 ซึ่งมีค่ามากกว่า 0.95 ค่า CMIN/ DF มีค่าเท่ากับ 2.808 ซ่ึงมีค่าน้อยกว่า 3 ค่า GFI มีค่า
เท่ากับ 0.994 ซึ่งมีค่ามากกว่า 0.90 ค่า RMSEA มีค่าเท่ากับ 0.056 ซึ่งมีค่าน้อยกว่า 0.08 และค่า
RMR มีค่าเท่ากับ 0.005 ซ่ึงมีค่าน้อยกว่า 0.05 นอกจากนั้น ได้ทำการตรวจสอบความเหมาะสมของ

สำนักพฒั นาระบบบรหิ ารงานบุคคลและนติ กิ าร
สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

178

การพฒั นารปู แบบการบริหารจัดการศกึ ษายุค 4.0 ทมี่ ีประสทิ ธิผลต่อการเปน็ องคก์ รคุณภาพของสถานศึกษาเขม้ แขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

ขนาดกลุ่มตัวอย่างท่ีจะยอมรับ H0 ได้ค่า HOELTER 0.05 เท่ากับ 538 ซึ่งมากกว่า 200 สรุปได้ว่า
โมเดลการวัดปัจจัยเชิงยืนยันของปัจจัยการประกันคุณภาพภายใน มีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิง

ประจกั ษ์

6) การวิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบเชิงยนื ยันของตวั แปรบรรยากาศสถานศึกษา
6.1) วิเคราะหค์ วามสัมพันธร์ ะหว่างตัวแปรสังเกตไดก้ บั ตัวแปรบรรยากาศสถานศึกษา

ตาราง 4.12 คา่ สหสมั พันธร์ ะหวา่ งตวั แปรสังเกตกับตวั แปรปจั จยั บรรยากาศสถานศึกษา

Correlations ope aut con fam pat clo
ope 1.00
aut 0.57** 1.00 1.00
con 0.04* 2.61
fam 0.33** 0.08* 1.00 1.30
pat 0.08*
clo 0.36** 0.38** 0.33** 1.00
4.40
 0.06* 0.73** 0.36** 1.00
S.D. 0.53
X2 0.16** 0.46** 0.31** 0.57**
KMO
Bartlett’s test 4.34 3.81 4.11 3.70
** มีนยั สำคญั ทางสถิติทรี่ ะดับ 0.01.
0.60 1.01 0.82 1.03

1154.51

0.66

0.00

จากตาราง 4.12 ผลวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสังเกตได้ในตัวแปรแฝง
บรรยากาศสถานศึกษา เม่ือพิจารณาตัวแปร 6 ตัวแปร พบว่า ค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ระหว่างตัว
แปรสังเกตได้ ที่มีค่าสัมประสทิ ธิ์สหสัมพนั ธ์กันในทางบวก โดยตวั แปรสังเกตได้ทุกตัว มีความสัมพันธ์
กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05, 0.01 (p < 0.05, 0.01) โดยท่ีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์
ของตัวแปรสังเกตได้ ในองค์ประกอบบรรยากาศสถานศึกษา มีค่าอยู่ในช่วง 0.06 ถึง 0.73 และจาก
การพิจารณาค่า Kaiser-meyer-olkin measure of sampling adequacy (KMO) ในตวั แปรแฝง มี
คา่ เท่ากับ 0.66 ซงึ่ มีค่ามากกว่า 0.50 จงึ มีความเหมาะสมในการวิเคราะห์องค์ประกอบ และค่าสถิติ
ทดสอบ Bartlett’s test of sphericity ซึ่งเป็นค่าสถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐาน พบว่า มีนัยสำคัญทาง
สถิติ แสดงว่า ตัวแปรมีความสมั พนั ธก์ ัน สามารถวิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบได้

6.2) การวิเคราะห์องค์ประกอบเชงิ ยนื ยันของตวั แปรบรรยากาศสถานศึกษา

สำนักพฒั นาระบบบริหารงานบุคคลและนติ ิการ
สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

179

การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการศึกษายุค 4.0 ที่มีประสทิ ธผิ ลตอ่ การเป็นองคก์ รคณุ ภาพของสถานศึกษาเขม้ แขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

รูปภาพ 4.6 การวเิ คราะห์ปจั จยั เชงิ ยืนยนั ตวั แปรแฝงบรรยากาศสถานศกึ ษา

clo .38 e1

0.61** pat .84 e2

0.92**
CLS 0.41** fam .17 e3

0.79** con .62 e4
0.02
0.08 aut .00 e5

ope .01 e6

Chi-square = 406.695, df = 9, p= 0.000, CFI = 0.635, NFI = 0.649, CMIN/ DF= 45.188, GFI= 0.810, RMSEA = 0.276,
RMR = 0.072.
** p < = 0.01.

จากรูปภาพ 4.6 องค์ประกอบเชิงยืนยัน ปัจจัยบรรยากาศสถานศึกษา ในน้ำหนัก
องคป์ ระกอบของตัวแปรสังเกตได้ ในตวั แปรแฝง บรรยากาศสถานศกึ ษา(CLS) ซ่งึ ประกอบไปด้วย ตัว
แปรสังเกตได้ ดังนี้ บรรยากาศแบบเปิด (ope) บรรยากาศแบบอิสระ (aut) บรรยากาศแบบควบคุม
(con) บรรยากาศแบบสนิทสนม (fam) บรรยากาศแบบรวบอำนาจ (pat) และบรรยากาศแบบปิด
(clo) พบว่า ตัวแปรสังเกตได้มคี ่าน้ำหนักองค์ประกอบที่ยอมรับได้ (มากกว่า 0.30) จำนวน 4 ตัวแปร
เท่านั้น คือ บรรยากาศแบบควบคุม (con) บรรยากาศแบบสนิทสนม (fam) บรรยากาศแบบรวบ
อำนาจ (pat) และบรรยากาศแบบปิด (clo) ได้ดำเนินการตัด ตัวแปรสังเกตได้ท่ีค่าน้ำหนัก
องค์ประกอบต่ำกว่า 0.30 และไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ คือ ตัวแปรบรรยากาศแบบเปิด(ope)
บรรยากาศแบบอิสระ (aut) แล้วทำการวิเคราะห์ปัจจัยเชิงยืนยันอันดับ 2 (Second order
confirmatory factor analysis) ในตวั แปรแฝง ปัจจยั บรรยากาศสถานศึกษา

สำนักพัฒนาระบบบรหิ ารงานบุคคลและนติ กิ าร
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

180

การพฒั นารูปแบบการบริหารจัดการศกึ ษายุค 4.0 ทม่ี ปี ระสิทธิผลต่อการเป็นองคก์ รคณุ ภาพของสถานศึกษาเขม้ แขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

รูปภาพ 4.7 การวเิ คราะหป์ ัจจัยเชงิ ยืนยันตวั แปรแฝง บรรยากาศสถานศกึ ษา (อนั ดบั 2)

clo .37 e1

0.61**
pat .86 e2

CLS 0.93**
0.39** fam .15 e3
0.78**

con .61 e4

Chi-square = 1.753, df = 1, p= 0.185, CFI = 0.999, NFI = 0.998, CMIN/ DF= 1.753, GFI= 0.998, RMSEA = 0.036,

RMR = 0.008.

** p < = 0.01.

จากรูปภาพ 4.7 องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับสอง ปัจจัยบรรยากาศสถานศึกษา ใน
น้ำหนัก องค์ประกอบของตัวแปรสังเกตได้ ในตัวแปรแฝง บรรยากาศสถานศึกษา (CLS) ซึ่งประกอบ
ไปด้วย ตัวแปรสังเกตได้ ดังนี้ บรรยากาศแบบควบคุม (con) บรรยากาศแบบสนิทสนม (fam)
บรรยากาศแบบรวบอำนาจ (pat) และบรรยากาศแบบปิด (clo) พบว่า ตัวแปรสังเกตได้มีค่าน้ำหนัก
องค์ประกอบท่ียอมรับได้ (มากกว่า 0.30) และมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 มีรายละเอียด ดังนี้
(1) ตัวแปรสังเกตได้ บรรยากาศแบบควบคุม (con) มีน้ำหนักปัจจัยในรูปของคะแนนมาตรฐาน
เทา่ กบั 0.78 (2) ตวั แปรสังเกตได้ บรรยากาศแบบสนิทสนม (fam) มีน้ำหนักปจั จยั ในรูปของคะแนน
มาตรฐาน เท่ากบั 0.39 (3) ตัวแปรสังเกตได้ บรรยากาศแบบรวบอำนาจ (pat) มนี ้ำหนกั ปจั จัยในรูป
ของคะแนนมาตรฐาน เทา่ กบั 0.93 (4) ตัวแปรสังเกตได้ บรรยากาศแบบปิด (clo) มนี ้ำหนักปัจจัยใน
รูปของคะแนนมาตรฐาน เท่ากับ 0.61 เมื่อศึกษาถึงสถิติที่เกี่ยวข้องพบว่า ค่า Chi-square มีค่า
เท่ากับ 1.753 ค่า p-value มีค่าเท่ากับ 0.185 โมเดลการวัด มีความกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์
ที่ระดับ 0.05 เม่ือพิจารณาค่าสถิติตัวอื่น ๆ พบว่า ค่า CFI มีค่าเท่ากับ 0.999 ซึ่งมีค่ามากกว่า 0.97
ค่า NFI มีค่าเท่ากับ 0.998 ซึ่งมีค่ามากกว่า 0.95 ค่า CMIN/ DF มีค่าเท่ากับ 1.753 ซึ่งมีค่าน้อยกว่า
3 ค่า GFI มีค่าเท่ากับ 0.998 ซ่ึงมีค่ามากกว่า 0.90 ค่า RMSEA มีค่าเท่ากับ 0.036 ซ่ึงมีค่าน้อยกว่า
0.08 และค่า RMR มีค่าเท่ากับ 0.008 ซึ่งมีค่าน้อยกวา่ 0.05 นอกจากน้ัน ได้ทำการตรวจสอบความ
เหมาะสมของขนาดกลุ่มตัวอย่างที่จะยอมรับ H0 ได้ค่า HOELTER 0.05 เท่ากับ 1269 ซ่ึงมากกว่า
สรปุ ได้ว่า โมเดลการวดั ปัจจัยเชิงยืนยันของปัจจัยบรรยากาศสถานศึกษา มีความสอดคล้องกับข้อมูล
เชิงประจกั ษ์

2.3 โมเดลความสัมพันธเ์ ชงิ สาเหตุของปัจจยั

สำนักพฒั นาระบบบรหิ ารงานบคุ คลและนิติการ
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

181

การพฒั นารูปแบบการบรหิ ารจดั การศึกษายุค 4.0 ทม่ี ีประสทิ ธิผลต่อการเป็นองคก์ รคุณภาพของสถานศกึ ษาเข้มแขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

1) โมเดลความสมั พันธ์เชงิ สาเหตุของปจั จัยการบรหิ ารจัดการศึกษา 4.0 ที่มปี ระสทิ ธิผล
ตอ่ การเปน็ องคก์ รคณุ ภาพของสถานศึกษาเขม้ แข็ง

จากการวิเคราะห์โมเดลความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงเส้นของโมเดลความสัมพันธ์เชิง
สาเหตุของปัจจัยการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของ
สถานศึกษาเข้มแข็ง ตามกรอบแนวคิดการวิจยั เพื่อตรวจสอบความกลมกลืนของโมเดล ที่สร้างข้ึนกับ
ขอ้ มลู เชิงประจักษ์ พบวา่ ตัวแปรสังเกตได้ในแต่ละตัวแปรแฝงของโมเดลตามสมมติฐานการวจิ ัยเป็น
ตัวชว้ี ัดจริงตามกรอบแนวคิดการวิจัย ซึ่งสอดคลอ้ งกับโมเดลการวัด แต่เม่ือพิจารณาความสัมพันธ์เชิง
สาเหตุของแต่ละตัวแปร พบว่า เส้นอิทธิพลบางเส้นมีค่าติดลบ และไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ โดยเส้น
อิทธิพลท่ีไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ประกอบด้วย เส้นอิทธิพลภาวะผู้นำทางวิชาการ (IL) ไปยังตัวแปร
การบริหารทรัพยากรมนุษย์ (HR) เส้นอิทธิพลการบริหารจัดการคุณภาพ (MQ) ไปยังตัวแปรการ
บรหิ ารจัดการศกึ ษา 4.0ท่มี ปี ระสิทธิผล (EFF) เส้นอิทธพิ ลการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (HR) ไปยังตัว
แปรการบริหารจัดการศึกษา 4.0ท่ีมีประสิทธิผล (EFF) เมื่อพิจารณาค่าดัชนีความกลมกลืน พบว่า
การทดสอบค่าไคสแควร์ (Chi-square) มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01, ค่า CFI เท่ากับ 0.69 ค่า
NFI เท่ากับ 0.67 ค่า CMIN/ DF เท่ากับ 11.75 ค่า GFI เท่ากับ 0.67 ค่า RMSEA เท่ากับ 0.13 ค่า
RMR เท่ากับ 0.04 ซึ่งมีค่าดัชนีในภาพรวมส่วนใหญ่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ ดังนั้น ผู้วิจัยจึงได้ พัฒนา
โมเดลตามคำแนะนำของโปรแกรม โดยใช้ดัชนีตัวแปร (Modification indices) และหลังจากปรับ
รปู แบบการวัด จนคา่ ดัชนีวดั ความสอดคล้องของโมเดลได้จนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

2) โมเดลความสัมพันธ์เชงิ สาเหตุของปัจจัยการบริหารจดั การศึกษา 4.0 ท่ีมปี ระสิทธผิ ล
ต่อการเป็นองคก์ รคุณภาพของสถานศึกษาเข้มแขง็ ท่ปี รับแกต้ ามคำแนะนำของโปรแกรม

สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบคุ คลและนติ ิการ
สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

182

การพฒั นารูปแบบการบริหารจดั การศกึ ษายคุ 4.0 ทมี่ ีประสทิ ธิผลต่อการเปน็ องคก์ รคุณภาพของสถานศกึ ษาเข้มแข็ง

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

รูปภาพ 4.8 โมเดลความสมั พันธ์เชิงสาเหตขุ องปจั จยั การบริหารจัดการศึกษา 4.0
ท่มี ปี ระสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคณุ ภาพของสถานศกึ ษาเข้มแข็ง ท่ปี รบั แก้

de .40

.59 con .63** pl .66
ce .60
.77** CLS IQ ei .83
.78** re .38
.14 fam ah .36
ati .37
.37** aj .67
si .67
.84 pat .912* com .30
* comp .47
.43
.61** .50** R2=0.73 .62** rec .49
.29** dev .54
.38 clo R2=0.02 pre
.12* use .42

.53 mis .73** .86** .60**
IL EFF .61**
.57 tea .75**
.75** .82**
.69**

.47 cli .75**

.57 sup .92** R2=0.97 .69**
R2=0.85
.41 bp .44**
MQ R2=0.94
.64** .09**
.66**
.47 cus .68**
HR .7o**
.63** .74**
.65**
.39 tec

.75**

.57 par

Chi-Square = 562.16, X2/ df = 2.92 , P-value = 0.00, CFI = 0.96 ;GFI=0.93,NFI=0.95,
RMSEA = 0.05,RMR=0.03

จากรปู ภาพ 4.8 โมเดลความสัมพันธเ์ ชิงสาเหตขุ องปัจจัยการบรหิ ารจัดการศึกษา 4.0 ท่ี
มีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง ผลจากการที่ได้ทำการปรับโมเดล
ความสมั พนั ธเ์ ชงิ สาเหตุ พบว่า ภาวะผู้นำทางวิชาการ (IL) มอี ทิ ธพิ ลไปยงั การบรหิ ารจัดการศึกษา 4.0
ที่มีประสิทธิผล (EFF) มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบเท่ากับ 0.75 ภาวะผนู้ ำทางวิชาการ (IL) มีอิทธิพลไป

สำนกั พฒั นาระบบบริหารงานบุคคลและนิตกิ าร
สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

183

การพัฒนารปู แบบการบริหารจดั การศกึ ษายคุ 4.0 ท่ีมีประสิทธิผลตอ่ การเป็นองคก์ รคุณภาพของสถานศึกษาเขม้ แขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

ยังบรรยากาศสถานศึกษา (CLS) มีคา่ น้ำหนักองค์ประกอบเท่ากับ 0.13 ภาวะผู้นำทางวิชาการ (IL) มี
อิทธิพลไปยังการบริหารจัดการคุณภาพ (MQ) มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบเท่ากับ 0.92 ภาวะผู้นำทาง
วิชาการ (IL) มีอิทธิพลไปยังการประกันคุณภาพภายใน (IQ) มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบเท่ากับ 0.86
การบริหารจัดการคุณภาพ (MQ) มีอิทธิพลไปยังการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (HR) มีค่าน้ำหนัก
องค์ประกอบเทา่ กับ 0.97 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ (HR) มีอิทธิพลไปยังการบริหารจัดการศึกษา
4.0 ที่มีประสิทธิผล (EFF) มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบเท่ากับ 0.40 การประกันคุณภาพภายใน (IQ) มี
อิทธิพลไปยังการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผล (EFF) มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบเท่ากับ
0.29 และบรรยากาศสถานศึกษา (CLS) มีอิทธิพลเชิงลบไปยังการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมี
ประสทิ ธิผล (EFF) สรุปได้ว่า โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยการบรหิ ารจัดการศึกษา 4.0 ที่
มีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง มีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิง
ประจักษ์ โดยพจิ ารณาจากค่า Chi-square = 562.16, df = 192, ค่า CMIN/ DF = 2.92, ค่า NFI =
0.95, ค่า GFI = 0.93, ค่า RMSEA = 0.05, ค่า RMR = 0.30 ตัวแปรทั้งหมดในโมเดล มีตัวแปรที่มี
อิทธิพลต่อการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศึกษา
เข้มแข็ง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ ปัจจัยภาวะผู้นำทางวิชาการ (IL) ปัจจัยการประกันคุณภาพ
ภายใน (IQ) และปัจจัยการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (HR) และปจั จยั บรรยากาศสถานศกึ ษา (CLS)

3) ค่าอิทธพิ ล ค่าสหสมั พันธ์พหุคูณกำลังสองของตัวแปรทเ่ี ปน็ สาเหตุ และตัวแปรทีเ่ ป็น
ผลของรูปแบบความสัมพนั ธโ์ ครงสร้างเชิงเสน้ ของโมเดลความสัมพันธเ์ ชิงสาเหตุของปัจจยั การบริหาร
จดั การศึกษา 4.0 ทมี่ ีประสิทธิผลต่อการเปน็ องคก์ รคณุ ภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง

สำนักพัฒนาระบบบรหิ ารงานบคุ คลและนติ ิการ
สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

การพฒั นารปู แบบการบริหารจัดการศกึ ษายคุ 4.0 ทม่ี ีประสิทธผิ ลต่อการเปน็ องคก์ รคุณภาพของสถาน

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustai

ตาราง 4.13 ค่าอทิ ธิพล ค่าสหสมั พนั ธพ์ หคุ ูณกำลังสองของตัวแปรท่เี ปน็ สาเหตุ ตวั แ

ตวั แปรผล บรรยากาศสถานศกึ ษา การบรหิ ารจัดการคณุ ภาพ

(CLS) (MQ)

ตัวแปรเหตุ DE IE TE DE IE TE

ภาวะผู้นำวิชาการ (IL) 0.13** - 0.13** 0.92** - 0.92*

บรรยากาศสถานศึกษา (CLIS --- - - -

การบริหารจัดการคุณภาพ (MQ) - - - - - -

การบรหิ ารทรัพยากรมนษุ ย์ (HR) - - - - - -

การประกนั คุณภาพภายใน (IQ) - - - - - -

ตวั แปรแฝงนอก mis tea cli sup

ความเทย่ี ง 0.75 0.75 0.81 0.75

ตัวแปรแฝงใน ach ati aj sl com comp

ความเทย่ี ง 0.66 0.66 0.67 0.75 0.66 0.56

ตวั แปร pl ce ei re con fam

ความเทยี่ ง 0.66 0.67 0.75 0.75 0.67 0.66

สมการโครงสร้าง CLS MQ IQ HR EFF

คา่ R-square 0.02 0.85 0.73 0.94 0.02 78

** มีนัยสำคัญทางสถติ ิทีร่ ะดบั 0.01

184

นศกึ ษาเขม้ แขง็

inability Educational Institution.

แปรท่เี ปน็ ผลของรูปแบบความสมั พันธ์โครงสร้างเชิงเส้น โมเดลความสัมพนั ธ์เชิงสาเหตุ

การประกันคณุ ภาพภายใน การบริหารทรพั ยากรมนุษย์ การจัดการศกึ ษา 4.0 ทมี่ ี

(IQ) (HR) ประสิทธิผล (EFF)

DE IE TE DE IE TE DE IE TE

** 0.86** - 0.86** - 0.89** 0.89** 0.75** 0.10** 0.85**

- - - - - - - 0.05** - - 0.05**

- - - 0.97** - 0.97** - 0.39** 0.39**

- - - - - - 0.40** - 0.40**

- - - - - - 0.29** - 0.29**

p bp cus tec par rec dev pre use de
6 0.75 0.75 0.75 0.67 0.75 0.74 0.75 0.67 0.66
m pat clo
6 0.67 0.67

สำนักพฒั นาระบบบรหิ ารงานบุคคลและนติ กิ าร
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

185

การพฒั นารปู แบบการบรหิ ารจัดการศึกษายุค 4.0 ท่มี ปี ระสิทธผิ ลตอ่ การเปน็ องค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเขม้ แขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

จากตาราง 4.13 ค่าอทิ ธิพล ค่าสหสมั พนั ธ์พหุคูณกำลงั สองของตัวแปรท่ีเปน็ สาเหตุ และตัว
แปรท่ีเป็นผลของรูปแบบความสมั พันธ์โครงสร้างเชงิ เส้นของโมเดลความสัมพันธเ์ ชิงสาเหตุของปัจจัย
การบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มปี ระสทิ ธิผลตอ่ การเปน็ องค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเข้มแขง็ พบว่า
ปัจจัยทมี่ ีอิทธิพลตอ่ การบริหารจัดการศึกษา 4.0 ทม่ี ีประสทิ ธิผล คอื ปัจจัยภาวะผู้นำทางวิชาการ (IL)
ปัจจัยบรรยากาศสถานศึกษา (CLS) ปัจจัยการประกันคุณภาพภายใน (IQ) และปัจจัยการบริหาร
ทรพั ยากรมนษุ ย์ (HR) สามารถสรุปไดด้ ังน้ี

1. ปัจจัยภาวะผู้นำทางวิชาการ (IL) มีอิทธิพลทางตรงเชิงบวก ไปยังการบริหารจัด
การศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผล (EFF) ปัจจัยบรรยากาศสถานศึกษา (CLS) ปัจจัยการบริหารจัดการ
คุณภาพ (MQ) และปัจจัยการประกันคุณภาพภายใน (IQ) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.01
ด้วยขนาดอิทธิพล 0.75, 0.13, 0.92 และ 0.86 ตามลำดับ และมีอิทธิพลทางอ้อมเชิงบวกไปยังการ
บริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผล (EFF) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.01 ด้วยขนาด
อิทธิพล 0.10 ทั้งนี้ ยังพบอีกว่า ปัจจัยภาวะผู้นำทางวิชาการ (IL) มีอิทธิพลทางอ้อมเชิงบวกไปยัง
ปัจจยั การบริหารทรพั ยากรมนษุ ย์(HR)อยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถิติทรี่ ะดบั 0.01 ขนาดอิทธพิ ล 0.89

2. ปัจจัยบรรยากาศสถานศึกษา (CLS) มีอิทธิพลทางตรงเชิงลบ ไปยังการบริหารจัด
การศกึ ษา 4.0 ที่มปี ระสิทธิผล (EFF) อย่างมนี ยั สำคัญทางสถิติ ทร่ี ะดบั 0.01 ขนาดอทิ ธิพล -0.05

3. ปัจจัยการบรหิ ารจัดการคณุ ภาพ (MQ) มีอทิ ธิพลทางตรงเชงิ บวกไปยังปัจจัยการบริหาร
ทรัพยากรมนุษย์ (HR) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.01 ขนาดอิทธิพล 0.97 และมีอิทธิพล
ทางอ้อมเชิงบวกไปยังการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผล (EFF) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่
ระดบั 0.01 ขนาดอทิ ธพิ ล 0.39

4. ปัจจัยการประกันคุณภาพภายใน (IQ) มีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกไปยังการบริหารจัด
การศกึ ษา 4.0 ทมี่ ีประสิทธิผล (EFF) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิตทิ ่รี ะดบั 0.01 ขนาดอิทธพิ ล 0.29

5. ปัจจัยการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (HR) มีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกไปยังการบริหารจัด
การศกึ ษา 4.0 ทีม่ ปี ระสทิ ธผิ ล (EFF) อย่างมนี ัยสำคัญทางสถิตทิ ่ีระดับ 0.01 ขนาดอทิ ธิพล 0.40

และเม่ือพิจารณาค่า R-square พบว่า การส่งอิทธิพลของตัวแปรสังเกตได้ จำนวน 27 ตัว
ผ่านตัวแปรแฝง 6 ตัว มีสมการพยากรณ์ที่สามารถทำนายการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมี
ประสิทธิผล ในภาพรวมแล้ว มีค่าสัมประสิทธิ์การทำนายสูง โดยตัวแปรปัจจัยการบริหารทรัพยากร
มนุษย์ (HR) มีสมการพยากรณ์สูงสุด คือ ร้อยละ 94 รองลงมา ได้แก่ ปัจจัยการบริหารจัดการ
คณุ ภาพ (MQ) ร้อยละ 85 ปัจจัยการประกันคุณภาพภายใน (IQ) ร้อยละ 73 ทงั้ นี้ มีสมการพยากรณ์
ท่ีสามารถทำนายปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กร
คุณภาพของสถานศึกษาเขม้ แข็ง ได้ร้อยละ 78

สำนกั พัฒนาระบบบรหิ ารงานบคุ คลและนิติการ
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

186

การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการศกึ ษายุค 4.0 ท่ีมีประสทิ ธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศกึ ษาเข้มแขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

ตอนท่ี 3 ผลรูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กร
คุณภาพ

ผลรูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของ
สถานศึกษาเข้มแข็ง จากการนำปัจจัยการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ตามกรอบความสัมพันธ์ของ
ปัจจัย ทั้ง 5 ตัวแปรมา การแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม และการสัมภาษณ์ที่อาศัยมุมมองพหุ
บริบทและวัฒนธรรม กับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ประธาน Clusters ในเขตตรวจราชการท่ี 1- 20
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพ้ืนท่ีในพ้ืนที่ระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา ท่ีเป็นตัวแทนทั้ง 4
ภูมิภาคๆ และผู้อำนวยการสถานศึกษาที่เป็นตัวแทนท้ัง 4 ภูมิภาคๆ รวม 72 คน เพ่ือให้มีความ
ชดั เจนและสอดคลอ้ งกัน ประกอบดว้ ย 6 องคป์ ระกอบ 42 ตัวชวี้ ัด สามารถสรุปได้ ดงั นี้

ตาราง 4.14 องค์ประกอบรปู แบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ทม่ี ีประสิทธผิ ลต่อการเปน็
องคก์ รคณุ ภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง กบั นยิ ามและตวั ชี้วดั

องคป์ ระกอบรูปแบบ นยิ าม/ ตวั ชว้ี ดั

1. การบริหารจัดการศกึ ษา 4.0 การบริหารจัดการศึกษา และผลจากการบริหารจัดการ โดยใช้ทรัพยากร
ท่ีมีประสิทธิผล จากภายในและภายนอกสถานศึกษา ที่ส่งผลให้สามารถบรรลุเป้าหมายด้าน
การบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของ
2. ภาวะผูน้ ำทางวชิ าการ สถานศึกษาเข้มแข็ง โดยอาศัยความร่วมมือจากผู้บริหาร บุคลกรครูใน
สถานศึกษา และผู้มีส่วนเก่ียวข้องทุกฝ่าย มี 6 ตัวช้ีวัด ได้แก่ (1.1) ผู้เรียนมี
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูง (1.2) ผู้เรียนมีเจตคติท่ีดี (1.3) ความสามารถใน
การปรับเปล่ียนและพัฒนาสถานศึกษา 1.4) ความสามารถในการแก้ปัญหา
ภายในสถานศกึ ษา (1.5) ความผกู พันตอ่ องคก์ าร (1.6) สมรรถนะของผเู้ รยี น

ผู้บริหารสถานศึกษามีพฤติกรรมเป็นแกนนำในเชิงวิชาการของการนำ
ความรู้ แนวคิด วิธีการ ตลอดจน เทคโนโลยีต่าง ๆ ท่ีมีประสิทธิภาพมาใช้ใน
การบริหารจัดการ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แก่บุคลากรครูและผู้เรียน ในการ
กำหนดภ ารกิจของสถานศึกษา การจัดการเรียนการสอน การจัด
สภาพแวดลอ้ มสถานศึกษา ส่งเสรมิ บคุ ลากรใหพ้ ัฒนาตนเองด้านวชิ าการ มี 10
ตัวชี้วัด ได้แก่ (2.1) การมีวิสัยทัศน์กว้างไกล (2.2) การสร้าง วัฒนธรรม
องค์การ (2.3) การนำพาการเปลี่ยนแปลงทดี่ ีมาสู่สถานศกึ ษา (2.4) การบรหิ าร
ความเสี่ยง (2.5) การทำงานมีลักษณะเชิงบูรณาการ(2.6) สร้างสรรค์การ
เปลี่ยนแปลงอย่างมีกลยทุ ธ์ (2.7) การมอี ิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ (2.8) การใช้
อำนาจตามบทบาทและหน้าท่ีท่ีดีงาม (2.9) การสร้างแรงบันดาลใจ (2.10)
การคำนึงถึงความเปน็ ปัจเจกบคุ คล

สำนกั พฒั นาระบบบริหารงานบุคคลและนติ ิการ
สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

187

การพัฒนารูปแบบการบรหิ ารจดั การศึกษายคุ 4.0 ทีม่ ีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเขม้ แขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

ตาราง 4.14 (ต่อ)

องค์ประกอบรูปแบบ นยิ าม/ ตวั ช้วี ัด

3. การบริหารจดั การคณุ ภาพ วิธีการปฏิบัติงานที่มีแนวคิดเชิงกลยุทธ์ในการดำเนินงานขององค์กรที่
ครอบคลุมทุกส่วนขององค์กร ให้ความสำคัญในเรื่องความต้องการจำเป็นของ
4. การบริหารทรพั ยากรมนุษย์ ทุกส่วนฝ่าย โดยที่ทุกคนปฏิบัติงานอยู่ภายในองค์การได้เข้ามามีส่วนร่วมใน
5. การประกันคณุ ภาพภายใน การดำเนินงานบนพื้นฐานของวัฒนธรรมองค์กร เป้าหมายสูงสุด คือ การสร้าง
6. บรรยากาศสถานศึกษา ความเป็นเลิศให้กับองค์กร ของการปฏิบัติที่เป็นเลิศ ความพึงพอใจ การ
จัดระบบและใช้สารสนเทศ การมีส่วนร่วมของบุคลากร มี 7 ตัวชี้วัด ได้แก่
(3.1) การนำองค์กร (3.2) การวางแผนเชิงกลยุทธ์ (3.3) การมุ่งเน้นผู้เรียน
(3.4) การวัด การวิเคราะห์และการจัดการความรู้ (3.5) การมุ่งเน้นบุคลากร
(3.6) การมงุ่ เน้นการดำเนนิ การ (3.7) ผลลพั ธ์

ภาระงานของผู้บริหารในการบริหารจัดการบุคลากรในองค์กร ซ่ึงบุคลากร
ในองคก์ รถือวา่ เป็นทรัพยากรมนุษย์ทผ่ี ู้บริหารโดยใช้ทัง้ ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ในการ
บริหารจัดการบุคลากรในความรับผิดชอบ โดยการให้ความเอาใจใส่บุคลากร
ทุกคนในองค์กร เพ่ือความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในองค์กร มี 4
ตัวชี้วัด ได้แก่ (4.1) การสรรหา (4.2) การพัฒนา (4.3) การรักษาบุคลากร
(4.4) การใชป้ ระโยชน์

การบริหารเพ่ือท่ีจะได้ทราบขีดความสามารถในการจัดการศึกษาของ
สถานศึกษาว่าบรรลุตามเป้าหมาย หรือ มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
หรือไม่ สามารถนำผลการประเมิน ไปแกไ้ ขข้อบกพร่องไดท้ ันที เพอื่ การพัฒนา
อย่างต่อเน่ือง มี 5 ตัวช้ีวัด ได้แก่ (5.1) การพัฒนาคุณภาพการศึกษา (5.2)
การจัดกระบวนการเรยี นรู้ (5.3) การตรวจสอบคุณภาพการศกึ ษา (5.4) การ
ประเมินคุณภาพภายในของสถานศกึ ษา (5.5) การจดั ทำรายงานประจำปี

บรรยากาศสถานศึกษาท่ีมีลักษณะของบรรยากาศแบบเปิด บรรยากาศแบบ
อิสระ บรรยากาศแบบควบคุม บรรยากาศแบบสนิทสนมตามสถานการณ์การ
ปฏิสัมพนั ธท์ างสังคม ระหว่างผู้นำและบุคลากร ซ่ึงองคก์ รทางการศึกษาน้นั จะ
ประกอบไปด้วยบุคลากรท่ีมีทัศนคติ ค่านิยมปทัสถาน และ ความรู้
ความสามารถของการปฏิบัติงานที่แตกต่างกัน โดยจะส่งผลต่อแรงจูงใจในการ
ปฏิบัติงาน มี 10 ตวั ช้วี ดั ไดแ้ ก่ (6.1) การจดั การเรียนการสอนยึดหลกั การดแู ล
แบบครบวงจรและเท่าเทียม (6.2) บคุ ลากรครู จุดเน้น คือ สรา้ งครูคุณภาพสูง
คณุ ภาพเป็นเลิศ คัดเลือกครูเข้มข้น คัดเลือกครทู ่ีมีความมุ่งมั่น และตระหนัก
ในวิชาชีพ บ่มเพาะ ทกั ษะอาชีพครู (6.3) เปิดโอกาสให้ครูเลือกใช้วธิ ีการสอน
ที่เหมาะสมกับกลุ่มผู้เรียนที่ตนเองรับผิดชอบอย่างอิสระ (6.4) เปิดโอกาสให้
ผู้เรียนเลือกสง่ิ ที่จะเรียนรรู้ องรับความถนดั ความสนใจในแบบเฉพาะตัว

สำนกั พัฒนาระบบบรหิ ารงานบคุ คลและนติ กิ าร
สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

188

การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการศึกษายุค 4.0 ทม่ี ีประสิทธิผลต่อการเป็นองคก์ รคุณภาพของสถานศกึ ษาเขม้ แข็ง

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

ตาราง 4.14 (ตอ่ ) นิยาม/ ตวั ชี้วดั

องค์ประกอบรูปแบบ

(6.5) โครงสร้างหลักสูตรมีความเข้มข้น มีมาตรฐาน (6.6) การจัดโครงสร้าง
หลักสตู ร และกำหนดวิธกี ารสอน ที่เปลย่ี นแกนกลางของการเรียนการสอนจาก
เน้ือหาสาระ เปน็ การให้ผเู้ รียนเปน็ ศนู ย์กลาง มีเปา้ หมายในลักษณะบรู ณาการ
(6.7) การประเมิน เน้นการประเมินพัฒนาการเรียนรู้ (6.8) การวัดและ
ประเมินผลท่ียึดสภาพจริง (6.9) เทคโนโลยีสารสนเทศ ICT เป็นปัจจัย
ส่งเสรมิ การเรียนรู้ (6.10) การใช้ ICT ใหเ้ ปน็ กจิ กรรมการพัฒนาด้านความรู้

จากตาราง 4.14 รูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กร
คุณภาพของสถานศกึ ษาเข้มแข็ง ประกอบดว้ ย 6 องค์ประกอบ 42 ตัวช้ีวัด มีดงั นี้

1. การบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผล: การบริหารจัดการศึกษา และผลจาก
การบริหารจัดการ โดยใช้ทรัพยากรจากภายในและภายนอกสถานศึกษา ท่ีส่งผลให้สามารถบรรลุ
เป้าหมายด้านการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธผิ ลต่อการเป็นองคก์ รคุณภาพของสถานศกึ ษา
เขม้ แข็ง โดยอาศัยความรว่ มมือจากผบู้ ริหาร บคุ ลกรครูในสถานศึกษา และผมู้ สี ่วนเก่ียวข้องทกุ ฝ่าย มี
6 ตัวชี้วัด ได้แก่ (1.1) ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง (1.2) ผู้เรียนมีเจตคติท่ีดี (1.3)
ความสามารถในการปรับเปล่ียนและพัฒนาสถานศึกษา (1.4) ความสามารถในการแก้ปัญหาภายใน
สถานศกึ ษา (1.5) ความผกู พันต่อองค์การ (1.6) สมรรถนะของผู้เรยี น

2. ภาวะผนู้ ำทางวิชาการ: ผู้บริหารสถานศกึ ษามพี ฤติกรรมเป็นแกนนำในเชิงวิชาการของ
การนำความรู้ แนวคิด วิธกี าร ตลอดจน เทคโนโลยีตา่ ง ๆ ท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพมาใช้ในการบริหารจัดการ
ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แก่บุคลากรครูและผู้เรียน ในการกำหนดภารกิจของสถานศึกษา การจัดการ
เรียนการสอน การจัดสภาพแวดล้อมสถานศึกษา ส่งเสริมบุคลากรให้พฒั นาตนเองด้านวชิ าการ มี 10
ตัวชี้วดั ได้แก่ (2.1) การมีวิสัยทัศน์กว้างไกล (2.2) การสร้าง วัฒนธรรมองค์การ (2.3) การนำพาการ
เปล่ียนแปลงที่ดีมาสู่สถานศึกษา (2.4) การบริหารความเส่ียง (2.5) การทำงานลักษณะเชิงบูรณาการ
(2.6) สร้างสรรค์การเปลี่ยนแปลงอย่างมีกลยุทธ์ (2.7) การมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ (2.8) การใช้
อำนาจตามบทบาทและหน้าที่ที่ดีงาม (2.9) การสร้างแรงบันดาลใจ (2.10) การคำนึงถึงความเป็น
ปัจเจกบุคคล

3. การบริหารจัดการคุณภาพ: วิธีการปฏิบัติงานท่ีมีแนวคิดเชิงกลยุทธ์ในการดำเนินงาน
ขององคก์ รท่ีครอบคลมุ ทุกส่วนขององคก์ ร ให้ความสำคัญในเรือ่ งความต้องการจำเป็นของทกุ ส่วนฝ่าย
โดยท่ีทุกคนปฏิบัติงานอยู่ภายในองค์การได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานบนพื้นฐานของ
วัฒนธรรมองค์กร เป้าหมายสูงสุด คือ การสร้างความเป็นเลิศให้กับองค์กร ของการปฏิบัติที่เป็นเลิศ

สำนักพฒั นาระบบบรหิ ารงานบคุ คลและนิติการ
สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

189

การพฒั นารปู แบบการบรหิ ารจัดการศกึ ษายุค 4.0 ท่ีมปี ระสทิ ธผิ ลต่อการเป็นองคก์ รคณุ ภาพของสถานศกึ ษาเข้มแข็ง

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

ความพึงพอใจ การจัดระบบและใช้สารสนเทศ การมีส่วนร่วมของบุคลากร มี 7 ตัวชี้วัด ได้แก่ (3.1)
การนำองค์กร (3.2) การวางแผนเชิงกลยุทธ์ (3.3) การมุ่งเน้นผู้เรียน (3.4) การวัด การวิเคราะห์และ
การจัดการความรู้ (3.5) การมงุ่ เนน้ บุคลากร (3.6) การม่งุ เน้นการดำเนินการ (3.7) ผลลัพธ์

4. การบริหารทรัพยากรมนุษย์: ภาระงานของผู้บริหารในการบริหารจัดการบุคลากรใน
องค์กร ซ่ึงบุคลากรในองค์กรถือว่าเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ผู้บริหารโดยใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการ
บริหารจัดการบุคลากรในความรับผิดชอบ โดยการให้ความเอาใจใส่บุคลากรทุกคนในองค์กร เพ่ือ
ความมีประสิทธภิ าพและประสิทธผิ ลในองค์กร มี 4 ตัวช้ีวัด ได้แก่ (4.1) การสรรหา (4.2) การพัฒนา
(4.3) การรักษาบุคลากร (4.4) การใชป้ ระโยชน์

5. การประกันคุณภาพภายใน: การบริหารเพ่ือท่ีจะได้ทราบขีดความสามารถในการจัด
การศึกษาของสถานศึกษาว่าบรรลุตามเป้าหมาย หรือ มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาหรือไม่
สามารถนำผลการประเมิน ไปแก้ไขข้อบกพร่องได้ทันที เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเน่ือง มี 5 ตัวชี้วัด
ได้แก่ (5.1) การพัฒนาคุณภาพการศึกษา (5.2) การจัดกระบวนการเรียนรู้ (5.3) การตรวจสอบ
คณุ ภาพการศึกษา (5.4) การประเมนิ คุณภาพภายในของสถานศกึ ษา (5.5) จดั ทำรายงานประจำปี

6. บรรยากาศสถานศึกษา: บรรยากาศสถานศึกษาท่ีมีลักษณะของบรรยากาศแบบเปิด
บรรยากาศแบบอิสระ บรรยากาศแบบควบคุม บรรยากาศแบบสนิทสนมตามสถานการณ์การ
ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ระหว่างผู้นำและบุคลากร ซึ่งองค์กรทางการศึกษานั้นจะประกอบไปด้วย
บุคลากรท่ีมีทัศนคติ ค่านิยมปทัสถาน และความรู้ ความสามารถของการปฏิบัติงานท่ีแตกต่างกัน
โดยจะส่งผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน มี 10 ตัวชี้วัด ได้แก่ (6.1) การจัดการเรียนการสอนยึด
หลักการดูแลแบบครบวงจรและเท่าเทียม (6.2) บคุ ลากรครู จุดเน้น คือ สรา้ งครูคุณภาพสงู คุณภาพ
เป็นเลิศ คัดเลือกครูเข้มข้น คดั เลอื กครูที่มีความม่งุ ม่ัน และตระหนักในวิชาชพี บม่ เพาะ ทักษะอาชีพ
ครู (6.3) เปดิ โอกาสให้ครูเลือกใช้วิธีการสอนที่เหมาะสมกบั กลมุ่ ผู้เรียนท่ตี นเองรบั ผิดชอบอยา่ งอิสระ
(6.4) เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกสิ่งท่ีจะเรียนรู้รองรับความถนัด ความสนใจในแบบเฉพาะตัว (6.5)
โครงสร้างหลักสูตรมีความเข้มข้น มีมาตรฐาน (6.6) การจัดโครงสร้างหลักสูตร และกำหนดวิธีการ
สอน ท่ีเปลี่ยนแกนกลางของการเรียนการสอนจากเนื้อหาสาระ เป็นการให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มี
เป้าหมายในลักษณะบูรณาการ (6.7) การประเมิน เน้นการประเมินพัฒนาการเรียนรู้ (6.8) การวัด
และประเมินผลท่ยี ดึ สภาพจริง (6.9) เทคโนโลยสี ารสนเทศ ICT เปน็ ปัจจยั ส่งเสรมิ การเรียนรู้ (6.10)
การใช้ ICT ให้เป็นกิจกรรมการพัฒนาดา้ นความรู้

สำนกั พฒั นาระบบบรหิ ารงานบุคคลและนติ ิการ
สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

190

การพฒั นารปู แบบการบริหารจัดการศึกษายุค 4.0 ทม่ี ีประสิทธิผลตอ่ การเปน็ องคก์ รคณุ ภาพของสถานศกึ ษาเข้มแขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

ตอนที่ 4 ผลกระทบการใช้รูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการ
เปน็ องค์กรคณุ ภาพ

ผลกระทบการใช้รูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ท่ีมีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กร
คุณภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง จากการประชุม/อบรมปฏิบัติการกับกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่
ผู้อำนวยการเขตพืน้ ที่ บุคลากรฝ่ายต่างๆที่ปฏิบัตหิ นา้ ทใ่ี นสำนกั งานเขต ผู้อำนวยการสถานศกึ ษาและ
บุคลากรครู รวมจำนวน 580 คน ในด้านความรู้ ความเข้าใจ จากการทดสอบด้วยแบบวัด ด้านความ
พึงพอใจ จากการสำรวจด้วยแบบสอบถาม การเปรียบเทียบความสัมพันธ์ของความรู้กับความพึง
พอใจ และด้านเป้าประสงค์การจัดการศึกษาที่พึงประสงค์ ด้านความท้าทายการจัดการศึกษาในการบรรลุ
เป้าประสงค์ ด้านกลไกการขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติ จากการแลกเปล่ียนเรียนรู้ และการสัมภาษณ์ที่อาศัย
มุมมองพหุบรบิ ทและวัฒนธรรม มีผลการวิจยั ดงั น้ี

1. ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ
ความรู้ ความเข้าใจรูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเป็น

องค์กรคุณภาพ จากการเปรียบเทียบคะแนนการทดสอบระหว่างก่อนและหลังการอบรม และการ
ทดสอบค่าความแตกต่าง t-test ดังตาราง 4.15

ตาราง 4.15 ผลการเปรยี บเทยี บคะแนนความรู้และความเขา้ ใจก่อนและหลัง
การประชมุ เชิงปฏบิ ตั กิ าร

ภูมิภาค X S.D. X S.D. ความ S.D. t Sig.
ก่อน หลงั อบรม แตกตา่ ง
1.49 31.13 .00**
อบรม X 1.70 40.96 .00**

ภาคใต้ (n=88) 11.28 2.41 16.11 1.88 4.83 1.61 49.87 .00**
5.76
ภาคกลางและภาค 11.08 2.73 16.84 1.65 1.56 35.96 .00**
5.54 1.67 76.78 .00**
ตะวันออก (n=143)
4.58
ภาคตะวันออก เฉยี ง 10.01 2.45 15.56 1.78 5.24

เหนือ (n=120)

ภาคเหนือ (n=148) 10.24 2.43 14.81 1.95

รวม 10.52 1.95 15.77 2.56

** นยั สำคัญทางสถิติทรี่ ะดบั 0.01.

จากตาราง 4.15 ด้านความรู้ ความเข้าใจ พบว่า โดยรวม ก่อนการประชุมอบรมเชิง
ปฏิบัติการ ผู้เข้าประชุม มีค่าเฉล่ียคะแนนเท่ากับ 10.52 คะแนน ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน 1.95 หลัง
การประชุมอบรมมีค่าเฉล่ียคะแนนเท่ากับ 15.77 คะแนน ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน 2.56 จะเห็นได้ว่า

สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบคุ คลและนิติการ
สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

191

การพัฒนารูปแบบการบรหิ ารจัดการศกึ ษายคุ 4.0 ที่มีประสิทธผิ ลต่อการเปน็ องค์กรคณุ ภาพของสถานศกึ ษาเขม้ แขง็

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

การประชุมอบรมเชิง ทำให้ผู้เข้าประชุมมีค่าเฉล่ียคะแนนด้านความรู้และความเข้าใจเพิ่มขึ้นเท่ากับ
5.24 คะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.67 และเมื่อทดสอบความแตกต่างของค่าเฉล่ียคะแนนก่อน
และหลัง พบว่า ค่าเฉล่ียคะแนนหลังการประชุมอบรมเชิงปฏิบัติการสูงกว่าค่าเฉล่ียคะแนนก่อนการ
ประชุมอบรม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 แสดงให้เห็นว่า การประชุมอบรมเชิง
ปฏิบัติการสามารถพัฒนาความรู้ ความเข้าใจของผูเ้ ข้าประชุมเชงิ ปฏิบัติการไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ

2. ด้านความพงึ พอใจ
ความพงึ พอใจ จำแนกตามรายด้านและรายขอ้ ดงั ตาราง 4.16

ตาราง 4.16 ค่าเฉลย่ี ระดบั ความพึงพอใจ จำแนกตามรายดา้ น และรายขอ้

การประชุมอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร ระดบั ความพึงพอใจ
X S.D. ความหมาย
ด้านบรบิ ทการประชมุ อบรมเชงิ ปฏบิ ัติการ
1. ความสอดคล้องกับนโยบายของ การจดั การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน 4.53 0.68 มากทสี่ ดุ
2. วัตถุ/ประสงคแ์ ละเป้าหมายสอดคลอ้ งกบั การปฏิรปู การศกึ ษา 4.57 0.63 มากทส่ี ดุ
3. การก่อเกิดประโยชนต์ ่อการบรหิ ารการจดั การศึกษา 4.0 ท่ีมี
ประสิทธผิ ลต่อการเป็นองคก์ รคณุ ภาพของสถานศกึ ษาเข้มแข็ง 4.53 0.68 มากที่สุด
ด้านบรบิ ทการประชุมเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร
4. การเป็นนโยบายส่งเสริม สนับสนนุ การดำเนนิ งาน 4.56 0.65 มากที่สดุ
5. สามารถชว่ ยในการสือ่ สาร รบั สง่ ข้อมลู และอำนวยความสะดวก 4.55 0.66 มากท่ีสดุ

เฉลีย่ 4.54 0.65 มากท่ีสดุ

ด้านปจั จยั นำเขา้ 1. ด้านวทิ ยากรและเนื้อหาการประชมุ

6. วทิ ยากรมีความรู้ ความสามารถตรงตามหลกั สตู รการประชุม 4.54 0.68 มากที่สุด
มากที่สุด
7. มีเทคนคิ /วิธกี ารถา่ ยทอดความรอู้ ยา่ งมีประสิทธผิ ล 4.55 0.66 มากที่สดุ
มากทส่ี ดุ
8. จดั ลำดับความสมั พนั ธ์ของเนือ้ หาไดค้ รบถ้วนและเหมาะสม 4.59 0.63
มากที่สุด
9. เอกสารประกอบการประชมุ พอเพียงกับผเู้ ข้ารว่ มประชมุ /อบรม 4.55 0.65 มาก

ดา้ นปัจจยั นำเข้า 2. ด้านส่งิ อำนวยความสะดวก มากที่สดุ
มากทสี่ ดุ
10. สถานทีป่ ระชุมและท่พี ัก สะดวกในการเดนิ ทางและปลอดภัย 4.53 0.69 มากที่สุด

11. ห้องประชุมมีบุคลากรอำนวยความสะดวกและเหมาะสม 4.50 0.68

12. ส่ืออปุ กรณใ์ นการประชุมมคี วามเหมาะสม 4.53 0.66

13. เวลาและตารางการจัดประชุม มีความเหมาะสม 4.56 0.65

เฉล่ยี 4.54 0.64

ด้านกระบวนการ 4.51 0.68 มากท่ีสดุ
14. กระบวนการประชมุ มขี น้ั ตอน ระบบที่ชดั เจน

สำนกั พฒั นาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

192

การพฒั นารูปแบบการบริหารจัดการศึกษายุค 4.0 ทีม่ ีประสทิ ธผิ ลต่อการเป็นองคก์ รคุณภาพของสถานศกึ ษาเขม้ แข็ง

Developing Model to Education Management 4.0 of Quality Organization Effectiveness to Sustainability Educational
Institution.

ตาราง 4.16 (ต่อ) ระดับความพึงพอใจ

การประชมุ อบรมเชงิ ปฏิบัตกิ าร X S.D. ความหมาย
4.53 0.66 มากทส่ี ดุ
15. การมสี ่วนร่วมกจิ กรรมกระบวนการประชุมอยา่ งต่อเนอื่ ง 4.55 0.69 มากที่สดุ
16. กิจกรรมระหว่างการประชมุ มคี วามเหมาะสม 4.56 0.65 มากท่ีสุด
17. การดำเนนิ การเสร็จส้นิ ตามระยะเวลาที่กำหนด
4.53 0.67 มากท่ีสดุ
เฉลีย่
4.52 0.68 มากทสี่ ดุ
ด้านผลผลิต 4.55 0.66 มากท่สี ดุ
18. สามารถนำไปใชใ้ นการปฏิบัตงิ านไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ 4.53 0.66 มากท่สี ุด
19. ทำใหเ้ กดิ ประโยชนท์ ่ีคุ้มค่า และสามารถบรรลุวัตถปุ ระสงค์ 4.54 0.65 มากที่สดุ
เป้าหมาย
20. มีความรู้ ความเข้าใจเกิดองคค์ วามรู้ท่มี ีประสทิ ธิผล 4.53 0.67 มากที่สดุ
21.เกิดผลสำเร็จในการบรหิ ารจดั การ ทีเ่ กดิ ประโยชน์สงู สดุ ตอ่ 4.54 0.66 มากทส่ี ุด
การศกึ ษา

เฉล่ีย

รวมเฉลีย่

จากตาราง 4.16 ความพึงพอใจต่อการประชุมอบรมเชิงปฏิบัติการ พบว่า โดยภาพรวมอยู่
ในระดับมากที่สุด ( X = 4.54,S.D.= 0.66) เมื่อพิจารณาแยกเป็นด้านเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย
(1-3) ลำดับท่ี 1 ด้านบริบทการประชุมเชิง ลำดับท่ี 2 ด้านปัจจัยนำเข้า ในด้านวิทยากรและเน้ือหา
การประชุม และด้านสิ่งอำนวยความสะดวก ลำดับที่ 3 ด้านกระบวนการ ส่วนด้านผลผลิต มีค่าเฉล่ีย
ตำ่ สดุ ซึง่ อยใู่ นระดบั มากที่สดุ เชน่ กนั ตามลำดับ

3. การเปรยี บเทียบความสัมพนั ธข์ องความรู้ กับความพึงพอใจ
ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งคะแนนความก้าวหน้าของความรู้ กับความพึงพอใจต่อการประชุม

อบรมเชิงปฏบิ ตั กิ าร ดงั ตาราง 4.17

ตาราง 4.17 ความสัมพันธ์ระหวา่ งคะแนนความก้าวหน้าของความรู้ กบั ความพงึ พอใจ

ความสัมพนั ธ์

ตวั แปร ความกา้ วหน้า ความพึงพอใจ

ความก้าวหนา้ ของความรู้ - .79**
ความพงึ พอใจตอ่ การประชมุ เชงิ ปฏิบัติการ .79** -
**p<.01

สำนักพฒั นาระบบบรหิ ารงานบคุ คลและนิตกิ าร
สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ


Click to View FlipBook Version