หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทรส์ ธุ าอทุ ศิ
คำนำ
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์แลเทคโนโลยี
ได้ดำเนินการจัดทำมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ดำเนินการจัดทำ
สาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 พร้อมท้ังจัดทำสาระการเรียนรู้แกนกลางของ
กลุ่มสาระการเรียนรู้และสาระดังกล่าวในแต่ละระดับช้ัน เพอื่ ให้เขตพน้ื ที่การศึกษา หน่วยงาน ระดับท้องถิ่น
และสถานศึกษาทุกสังกัดที่จัดการศึกษาข้ันพื้นฐาน ได้นำไปใช้เป็นกรอบและทิศทางในการพัฒนาหลักสูตร
สถานศึกษา และจดั การเรียนการสอน
กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ตามคำสั่ง
กระทรวงศึกษาธิการที่ สพฐ. 1239/2560 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2560 และคำสั่งสำนักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ 30/2561 ลงวันที่ 5 มกราคม 2561 ให้เปลี่ยนแปลงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560) โดยมีคำสงั่ ใหโ้ รงเรียนดำเนินการ
ใช้หลักสูตรในปกี ารศึกษา 2561 โดยใหใ้ ช้ในชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 1 และ 4 ตงั้ แต่ปีการศึกษา 2561 เปน็ ต้นมา
ให้เป็นหลกั สตู รแกนกลางของประเทศ โดยกำหนดจดุ หมาย และมาตรฐานการเรียนรูเ้ ปน็ เปา้ หมายและกรอบ
ทศิ ทางในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนมีพัฒนาการเตม็ ตามศักยภาพ มคี ุณภาพและมีทกั ษะการเรียนรู้ในศตวรรษ
ที่ 21 เพอ่ื ให้สอดคล้องกบั นโยบายและเป้าหมายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน
โรงเรียนแก้วอินทร์สุธาอุทิศ จึงได้ทำการปรับปรุงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พทุ ธศกั ราช 2560 ในกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อ
นำไปใช้ประโยชน์และเป็นกรอบในการวางแผนจัดการเรียนการสอน โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพ
ผูเ้ รียน ใหม้ กี ระบวนการนำหลักสตู รไปสู่การปฏิบัติ โดยมีการกำหนดวิสัยทัศน์ จดุ หมาย สมรรถนะสำคัญของ
ผเู้ รียน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชว้ี ัด โครงสร้างเวลาเรียน ตลอดจนเกณฑ์การ
วัดประเมินผลให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้โรงเรียนสามารถกำหนดทิศทางใน
การจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนในแต่ละระดับตามความพร้อมและจุดเน้น โดยมีกรอบแกนกลางเป็น
แนวทางท่ชี ัดเจนเพื่อตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0 มีความพร้อมในการกา้ วสสู่ ังคมคณุ ภาพ มีความรู้อย่าง
แทจ้ ริง และมีทกั ษะในศตวรรษที่ 21
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชีว้ ัดที่กำหนดไว้ในเอกสารนี้ ช่วยทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใน
ทุกระดบั เห็นผลคาดหวังทต่ี ้องการในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนท่ีชดั เจนตลอดแนว ซ่ึงจะสามารถช่วยให้
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับท้องถิ่นและสถานศึกษาร่วมกันพัฒนาหลักสูตรได้อย่างมั่นใจ ทำให้การจัดทำ
หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทร์สุธาอทุ ศิ
หลักสูตรในระดบั สถานศึกษามีคุณภาพและมีความเปน็ เอกภาพยิ่งข้ึน อกี ทั้งยังชว่ ยใหเ้ กิดความชัดเจนเร่ืองการ
วัดและประเมินผลการเรียนรู้ และช่วยแกป้ ัญหาการเทียบโอนระหวา่ งสถานศึกษา ดังนั้นในการพัฒนาหลักสูตร
ในทุกระดับตั้งแต่ระดับชาติจนกระทั่งถึงสถานศึกษา จะต้องสะท้อนคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และ
ตัวช้วี ัดทกี่ ำหนดไวใ้ นหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน รวมท้งั เปน็ กรอบทิศทางในการจัดการศึกษาทุก
รปู แบบ และครอบคลุมผ้เู รยี นทกุ กล่มุ เป้าหมายในระดับการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน
การจัดหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะ
ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่คาดหวังได้ ทุกฝ่ายท่ีเกี่ยวข้อง คณะครู ผู้บริหาร และคณะกรรมการ
สถานศึกษาขั้นพื้นฐานร่วมรับผิดชอบ โดยร่วมกันทำงานอย่างเป็นระบบ และต่อเนื่อง ในการวางแผน
ดำเนินการ ส่งเสริมสนับสนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรับปรุงแก้ไข เพื่อพัฒนาเยาวชนของชาติไปสู่คุณภาพตาม
มาตรฐานการเรยี นรทู้ กี่ ำหนดไว้
กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โรงเรียนแก้วอนิ ทรส์ ุธาอทุ ิศ
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทิศ
สารบญั หนา้
เร่ือง 1
4
คำนำ 95
สารบัญ 103
ส่วนท่ี 1 ความนำ 117
ส่วนท่ี 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 130
สว่ นที่ 3 โครงสร้างหลกั สูตรสถานศึกษา 156
ส่วนที่ 4 คำอธบิ ายรายวชิ า 157
สว่ นที่ 5 หนว่ ยการเรียนรู้
สว่ นท่ี 6 การวัดผลและประเมนิ ผล
บรรณานกุ รม
ภาคผนวก
หลักสูตรกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศักราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทร์สุธาอทุ ศิ
1
สว่ นที่ 1
ความนำ
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนแก้วอินทร์สุธาอุทิศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีหลักการที่
สำคัญ ดงั น้ี
1. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐาน
การเรยี นรู้เป็นเป้าหมายสำหรับพัฒนาเดก็ และเยาวชนให้มีความรู้ ทกั ษะ เจตคติ และคุณธรรม บนพน้ื ฐานของ
ความเป็นไทยควบคู่กับความเป็นสากล
2. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาค
และมคี ณุ ภาพ
3. เป็นหลักสูตรการศกึ ษาที่สนองการกระจายอำนาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
ให้สอดคลอ้ งกบั สภาพและความต้องการของทอ้ งถิ่น
4. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านสาระการเรียนรู้ เวลาและการจัดการ
เรียนรู้
5. เปน็ หลกั สูตรการศึกษาทเ่ี น้นผเู้ รยี นเปน็ สำคัญ
6. เป็นหลกั สูตรการศกึ ษาสำหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอธั ยาศยั
ครอบคลุมทุกกลมุ่ เป้าหมาย สามารถเทยี บโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์
วสิ ยั ทัศน์
โรงเรียนแก้วอินทร์สุธาอุทิศ เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ โดยจัดการศึกษาให้นักเรียนมีความรู้
คู่คุณธรรม มีวินัย ส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรม อนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและสิ่งแวดล้อม พัฒนาคุณภาพการศึกษา
ใหไ้ ด้มาตรฐานภายใต้ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
พนั ธกิจ
1. ทกุ ฝ่ายมสี ว่ นร่วมในการพัฒนาองค์กรให้เป็นองค์กรแหง่ การเรียนรู้
2. ร่วมมอื กนั ทุกฝา่ ยจดั การศึกษาระดับปฐมวัย โดยเน้นพัฒนาการดา้ น รา่ งกาย สติปญั ญา อารมณ์
จิตใจ และสงั คมให้เปน็ ไปตามพัฒนาการร่วมมอื กบั ทุกฝา่ ยจัดการศกึ ษาระดับประถมศึกษา โดยเนน้ ความรู้
ความสามารถด้านภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีและ
ส่งิ แวดลอ้ ม งานอาชพี มีสุนทรยี ภาพด้านดนตรี กีฬา ศิลปะ
3. พัฒนาผ้เู รยี นให้มีวนิ ยั ในตนเอง มีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมทีพ่ ึงประสงค์ มีความ
รับผดิ ชอบ ขยนั ประหยดั ซื่อสตั ย์ และอดทนรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์
หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สธุ าอุทิศ
2
4. สร้างเครอื ขา่ ยความร่วมมือในชมุ ชนให้เกดิ ความพึงพอใจตอ่ การจดั การศึกษาเน้นการ
ประชาสมั พนั ธ์ ปลกู จิตสำนึกรับผดิ ชอบตอ่ สังคมและสาธารณะ อนุรักษ์สงิ่ แวดล้อมรว่ มกบั ชุมชน
เป้าประสงค์
เพ่ือใหร้ ะบบการบรหิ ารการจัดการทางการศึกษาเกดิ ประสทิ ธิภาพ ครูและบุคลากรทางการ
ศกึ ษามศี ักยภาพเปน็ มอื อาชีพ ผ้เู รียนมคี วามรู้ มีคุณธรรม มที ักษะในการดำรงชีวติ ในสงั คมอยา่ งมีความสขุ
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนแก้วอินทร์สุธาอุทิศ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 มุ่งให้ผเู้ รยี นเกดิ สมรรถนะสำคญั 5 ประการ ดังนี้
1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้
ภาษาถ่ายทอดความคิด ความร้คู วามเขา้ ใจ ความร้สู กึ และทศั นะของตนเองเพ่ือแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสารและ
ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรอง เพื่อขจัดและลด
ปญั หาความขัดแยง้ ต่าง ๆ การเลอื กรบั หรือไมร่ บั ขอ้ มูลข่าวสารด้วยหลกั เหตุผล และความถูกตอ้ ง ตลอดจนการ
เลือกใช้วธิ ีการส่อื สาร ท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพโดยคำนงึ ถึงผลกระทบท่ีมตี อ่ ตนเอง และสังคม
2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด
อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือ
สารสนเทศเพอ่ื การตัดสินใจเกี่ยวกบั ตนเองและสังคมได้อยา่ งเหมาะสม
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ท่ี
เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลกั เหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์
และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและ
แก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและ
สิง่ แวดล้อม
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่างๆ ไปใช้ใน
การดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกันใน
สังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ อย่าง
เหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยง
พฤติกรรมไม่พึงประสงคท์ ี่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อ่นื
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้าน
ต่างๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร
การทำงาน การแก้ปัญหาอยา่ งสร้างสรรค์ ถกู ต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทรส์ ุธาอทุ ศิ
3
คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
2. ซ่ือสตั ยส์ ุจรติ
3. มวี ินยั
4. ใฝ่เรยี นรู้
5. อยูอ่ ย่างพอเพียง
6. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
7. รกั ความเปน็ ไทย
8. มจี ติ สาธารณะ
คา่ นยิ มหลกั ของคนไทย 12 ประการ
1. มคี วามรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์
2. ซอื่ สตั ย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณใ์ นสง่ิ ทด่ี ีงามเพอื่ ส่วนรวม
3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผ้ปู กครอง ครบู าอาจารย์
4. ใฝ่หาความรู้ หม่นั ศกึ ษาเลา่ เรียนทง้ั ทางตรง และทางออ้ ม
5. รักษาวัฒนธรรมประเพณไี ทยอนั งดงาม
6. มีศีลธรรม รกั ษาความสัตย์ หวังดีตอ่ ผอู้ ื่น เผอ่ื แผแ่ ละแบ่งปัน
7. เขา้ ใจเรยี นรกู้ ารเปน็ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ ท่ีถูกต้อง
8. มรี ะเบยี บวินยั เคารพกฎหมาย ผู้น้อยร้จู กั การเคารพผใู้ หญ่
9. มสี ตริ ูต้ วั รูค้ ดิ รทู้ ำ รปู้ ฏิบตั ิตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั
10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่ายจำหน่าย และพร้อมที่จะ
ขยายกจิ การเมอ่ื มคี วามพร้อม เมอื่ มีภูมคิ มุ้ กันท่ดี ี
11. มีความเข้มแข็งทั้งร่างกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลสมีความละอาย
เกรงกลัวตอ่ บาปตามหลักของศาสนา
12. คำนึงถงึ ผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาตมิ ากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง
หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทศิ
4
สว่ นท่ี 2
กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทนำ
ตัวชี้วัดและสาระการเรยี นรูแ้ กนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง
พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 นี้ ได้กำหนดสาระการเรียนรู้
ออกเป็น 4 สาระ ไดแ้ ก่ สาระท่ี 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ สาระท่ี 3 วิทยาศาสตร์
โลกและอวกาศ และสาระที่ 4 เทคโนโลยี มีสาระเพิ่มเติม 4 สาระ ได้แก่ สาระชีววิทยา สาระเคมี สาระฟิสิกส์
สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ซึ่งองค์ประกอบของหลักสูตร ทั้งในด้านของเนื้อหา การจัดการเรียนการ
สอน และการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้นั้น มคี วามสำคญั อยา่ งยง่ิ ในการวางรากฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ของผู้เรียนในแต่ละระดับช้ัน ให้มีความต่อเนือ่ งเชื่อมโยงกัน ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึงชั้นมัธยมศึกษา
ปีท่ี 6 สำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้กำหนดตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางที่ผู้เรียน
จำเป็นต้องเรียนเป็นพื้นฐาน เพื่อให้สามารถนำความรู้นี้ไปใช้ในการดำรงชีวิตหรือศึกษาต่อในวิชาชีพที่ต้องใช้
วทิ ยาศาสตร์ได้
โดยจัดเรียงลำดับความยากง่ายของเนื้อหาแต่ละสาระในแต่ละระดับชั้นให้มีการเชื่อมโยงความรู้กับ
กระบวนการเรียนรู้ และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผูเ้ รียนพัฒนาความคิด ทั้งความคิดเป็นเหตเุ ปน็
ผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มีทักษะที่สำคัญทั้งทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะใน
ศตวรรษที่ 21 ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอย่าง
เป็นระบบ สามารถตดั สนิ ใจ โดยใช้ข้อมลู หลากหลายและประจักษพ์ ยานทีต่ รวจสอบได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการ
เรียนรู้วิทยาศาสตร์ท่ีมุ่งหวังให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อผู้เรียนมากที่สุด จึงได้จัดทำมาตรฐาน ตัวชี้วัดและสาระการ
เรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ขึ้น เพื่อให้สถานศึกษา ครูผู้สอน ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ได้ใช้เป็น
แนวทางในการพฒั นาหนงั สือเรยี น คูม่ อื ครู สอื่ ประกอบการเรียนการสอน ตลอดจนการวัดและประเมนิ ผล โดย
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่จัดทำขึ้นนี้ได้ปรับปรุง เพื่อให้มีความสอดคล้อง
และเชื่อมโยงกันภายในสาระการเรียนรู้เดียวกันและระหว่างสาระการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ ตลอดจนการเชื่อมโยงเนื้อหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับการงานอาชีพและเทคโนโลยีด้วย
นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงเพื่อให้มีความทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลง และความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการต่าง ๆ
และทัดเทยี มกับนานาชาติ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สรปุ เป็นแผนภาพได้ ดังน้ี
หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สุธาอทุ ิศ
5
สาระที่ 2
วิทยาศาสตรก์ ารภาพ
มาตรฐาน
ว 2.1-ว 2.3
สาระที่ 1 กลุ่มสาระ สาระท่ี 3
วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ
การเรียนรู้
มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ มาตรฐาน
ว 1.1-ว 1.3 ว 3.1-ว 3.2
สาระที่ 4
เทคโนโลยี
มาตรฐาน
ว 4.1-ว 4.2
วิทยาศาสตรเ์ พม่ิ เตมิ
▪ สาระชีววทิ ยา
▪ สาระเคมี
▪ สาระฟสิ กิ ส์
▪ สารโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
หลักสตู รกลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ุธาอทุ ศิ
6
เปา้ หมายของวทิ ยาศาสตร์
ในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองมากที่สุด เพื่อให้ได้ทั้ง
กระบวนการและความรู้ จากวิธีการสังเกต การสำรวจตรวจสอบ การทดลอง แล้วนำผลที่ได้มาจัดระบบเป็น
หลกั การ แนวคดิ และองคค์ วามรู้
การจัดการเรยี นการสอนวิทยาศาสตร์จงึ มีเปา้ หมายทสี่ ำคญั ดังนี้
1. เพื่อให้เขา้ ใจหลกั การ ทฤษฎี และกฎท่เี ปน็ พ้นื ฐานในวชิ าวทิ ยาศาสตร์
2. เพื่อให้เข้าใจขอบเขตของธรรมชาติของวิชาวิทยาศาสตร์และข้อจำกัดในการศึกษาวิชา
วิทยาศาสตร์
3. เพื่อให้มที ักษะทสี่ ำคัญในการศึกษาค้นควา้ และคดิ ค้นทางเทคโนโลยี
4. เพื่อให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มวลมนุษย์ และ
สภาพแวดลอ้ มในเชงิ ท่ีมีอิทธิพลและผลกระทบซง่ึ กันและกนั
5. เพื่อนำความรู้ ความเข้าใจ ในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อ
สังคมและการดำรงชีวติ
6. เพื่อพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหา และการจัดการ
ทกั ษะในการสือ่ สาร และความสามารถในการตดั สนิ ใจ
7. เพื่อให้เป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีอยา่ งสร้างสรรค์
เรยี นร้อู ะไรในวิทยาศาสตร์
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ที่เน้นการเชื่อมโยงความรู้กับ
กระบวนการ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้
และแก้ปัญหาที่หลากหลาย ใหผ้ เู้ รียนมสี ่วนรว่ มในการเรยี นรูท้ ุกขน้ั ตอน มีการทำกจิ กรรมด้วยการลงมือปฏิบัติ
จรงิ อยา่ งหลากหลาย เหมาะสมกับระดับชน้ั โดยกำหนดสาระสำคญั ดงั น้ี
1. วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับ ชีวิตในสิ่งแวดล้อม องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิตการ
ดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์ การดำรงชีวิตของพืช พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการ
ของสง่ิ มชี ีวิต
2. วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับ ธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสารการ
เคล่อื นท่ี พลังงาน และคลื่น
3. วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับ องค์ประกอบของเอกภพ ปฏิสัมพันธภ์ ายใน
ระบบสุริยะ เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้า
อากาศ และผลต่อสงิ่ มชี ีวิตและส่งิ แวดลอ้ ม
หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทศิ
7
4. เทคโนโลยี
● การออกแบบและเทคโนโลยี เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตใน
สังคมที่มีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเรว็ ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น
ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้
เทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบตอ่ ชวี ิต สังคม และส่ิงแวดลอ้ ม
● วทิ ยาการคำนวณ เรยี นรูเ้ กย่ี วกบั การคิดเชิงคำนวณ การคดิ วเิ คราะห์ แก้ปัญหา
เป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สอื่ สาร ในการแก้ปัญหาที่พบในชีวติ จรงิ ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้
สาระท่ี 1 วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิต กับสิ่งมีชีวิต และ
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การ
เปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของ ประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการ
แก้ไขปัญหาสง่ิ แวดลอ้ ม รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิง่ มีชีวติ หน่วยพืน้ ฐานของสิง่ มีชีวิต การลำเลียงสารเข้า และออกจากเซลล์
ความสมั พนั ธข์ องโครงสร้าง และหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตวแ์ ละมนุษย์ทีท่ ำงานสัมพันธ์
กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน
รวมท้งั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม
การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลาย ทางชีวภาพและ
วิวัฒนาการของส่ิงมีชวี ติ รวมทั้งนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกับ
โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติ ของการเปลี่ยนแปลง
สถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิด ปฏิกิริยาเคมี
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวนั ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะ การเคลื่อนที่
แบบตา่ ง ๆ ของวัตถรุ วมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลย่ี นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏิสมั พันธ์ระหว่าง
สสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของ คลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้อง
กบั เสียง แสง และคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทัง้ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอทุ ิศ
8
สาระที่ 3 วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวฒั นาการของเอกภพ กาแล็กซีดาวฤกษ์
และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ ที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการ
ประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลก
และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้า อากาศและภูมิอากาศโลก
รวมทัง้ ผลต่อส่งิ มชี ีวิตและสงิ่ แวดลอ้ ม
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยีเพอื่ การดำรงชวี ิตในสงั คมท่มี ีการเปลี่ยนแปลง อยา่ งรวดเร็ว
ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณติ ศาสตร์และ ศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือ
พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้
เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยคำนงึ ถึงผลกระทบต่อชีวติ สังคม และสงิ่ แวดล้อม
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็น ขั้นตอนและเป็น
ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหา
ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ร้เู ท่าทัน และมจี ริยธรรม
คุณภาพผเู้ รยี น
จบชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 3
❖ เขา้ ใจลกั ษณะท่ัวไปของส่ิงมชี วี ติ และการดำรงชีวติ ของสงิ่ มีชวี ติ รอบตัว
❖ เข้าใจลักษณะที่ปรากฏ ชนิดและสมบัติบางประการของวัสดุที่ใช้ทำวัตถุ และการ
เปลยี่ นแปลงของวัสดรุ อบตวั
❖ เขา้ ใจการดึง การผลัก แรงแม่เหลก็ และผลของแรงท่ีมีต่อการเปล่ยี นแปลง การเคล่ือนท่ี
ของวัตถุ พลังงานไฟฟา้ และการผลิตไฟฟ้า การเกิดเสียง แสงและการมองเหน็
❖ เข้าใจการปรากฏของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาว ปรากฏการณ์ขึ้นและตกของดวง
อาทิตย์ การเกิดกลางวันกลางคืน การกำหนดทิศ ลักษณะของหิน การจำแนกชนิดดินและการใช้ประโยชน์
ลกั ษณะและความสำคัญของอากาศ การเกิดลม ประโยชนแ์ ละโทษของลม
❖ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ตามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจ
สังเกต สำรวจตรวจสอบโดยใช้เครื่องมืออย่างง่าย รวบรวมข้อมูล บันทึก และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ
ด้วยการเขียนหรือวาดภาพ และส่อื สารสงิ่ ที่เรยี นรดู้ ้วยการเล่าเรือ่ ง หรือด้วยการแสดงท่าทางเพอ่ื ให้ผอู้ นื่ เขา้ ใจ
❖แกป้ ัญหาอย่างงา่ ยโดยใชข้ นั้ ตอนการแก้ปัญหามีทักษะในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและ
การส่อื สารเบ้ืองตน้ รักษาขอ้ มูลส่วนตวั
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทร์สุธาอทุ ิศ
9
❖แสดงความกระตือรือร้นสนใจที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษา
ตามท่กี ำหนดให้หรือตามความสนใจ มีสว่ นรว่ มในการแสดงความคิดเหน็ และยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ผูอ้ ่ืน
❖แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่นรอบคอบประหยัด
ซ่อื สัตย์ จนงานลุลว่ งเปน็ ผลสำเร็จ และทำงานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งมคี วามสขุ
❖ ตระหนักถึงประโยชน์ของการใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการ
ดำรงชีวิต ศึกษาหาความรูเ้ พม่ิ เตมิ ทำโครงงานหรือช้นิ งานตามท่กี ำหนดให้หรอื ตามความสนใจ
จบช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6
❖ เข้าใจโครงสร้าง ลักษณะเฉพาะและการปรับตัวของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งความสัมพันธ์ของ
สง่ิ มีชวี ติ ในแหล่งทอี่ ยู่ การทำหนา้ ที่ของสว่ นตา่ ง ๆ ของพชื และการทำงานของระบบย่อยอาหารของมนุษย์
❖ เข้าใจสมบัติและการจำแนกกลุ่มของวัสดุ สถานะและการเปลี่ยนสถานะของสสารการ
ละลาย การเปลย่ี นแปลงทางเคมี การเปลยี่ นแปลงทีผ่ ันกลับไดแ้ ละผันกลบั ไมไ่ ด้ และการแยกสารอย่างง่าย
❖ เข้าใจลักษณะของแรงโน้มถว่ งของโลก แรงลัพธ์ แรงเสียดทาน แรงไฟฟ้าและผลของแรง
ตา่ งๆ ผลท่ีเกิดจากแรงกระทำตอ่ วัตถุ ความดนั หลักการท่มี ีตอ่ วตั ถุ วงจรไฟฟา้ อย่างงา่ ย ปรากฏการณ์เบื้องต้น
ของเสียง และแสง
❖ เข้าใจปรากฏการณ์การขึ้นและตกรวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์
องค์ประกอบของระบบสุริยะ คาบการโคจรของดาวเคราะห์ ความแตกต่างของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ การ
ขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์ การใช้แผนทีด่ าว การเกดิ อปุ ราคา พฒั นาการและประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศ
❖ เข้าใจลักษณะของแหล่งน้ำ วัฏจักรน้ำ กระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้ำค้าง น้ำค้างแข็ง
หยาดน้ำฟ้า กระบวนการเกิดหิน วัฏจักรหิน การใช้ประโยชน์หินและแร่ การเกิดซากดึกดำบรรพ์ การเกิดลม
บก ลมทะเล มรสุม ลักษณะและผลกระทบของภัยธรรมชาติ ธรณีพิบัติภัย การเกิดและผลกระทบของ
ปรากฏการณ์เรอื นกระจก
❖ค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมินความน่าเชื่อถือตัดสินใจเลือกข้อมูลใช้
เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการทำงานร่วมกัน เข้าใจสิทธิ
และหนา้ ทข่ี องตน เคารพสทิ ธขิ องผู้อืน่
❖ ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ตามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจ
คาดคะเนคำตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานที่สอดคล้องกับคำถามหรือปัญหาที่จะสำรวจตรวจสอบ
วางแผนและสำรวจตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสม ในการเก็บ
รวบรวมขอ้ มลู ทัง้ เชงิ ปรมิ าณและคณุ ภาพ
หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทร์สธุ าอทุ ิศ
10
❖ วิเคราะห์ข้อมูล ลงความเห็น และสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลที่มาจากการสำรวจ
ตรวจสอบในรูปแบบที่เหมาะสม เพื่อสื่อสารความรู้จากผลการสำรวจตรวจสอบได้อย่างมีเหตุผลและหลักฐาน
อา้ งอิง
❖ แสดงถงึ ความสนใจ มงุ่ มัน่ ในสงิ่ ทจ่ี ะเรยี นรู้ มีความคิดสร้างสรรคเ์ กยี่ วกับเรื่องท่ีจะศึกษา
ตามความสนใจของตนเอง แสดงความคิดเห็นของตนเอง ยอมรับในข้อมูลที่มีหลักฐานอ้างอิง และรับฟังความ
คิดเหน็ ผอู้ ื่น
❖ แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่น รอบคอบ ประหยัด
ซ่ือสตั ย์ จนงานลุลว่ งเปน็ ผลสำเร็จ และทำงานรว่ มกับผู้อื่นอยา่ งสร้างสรรค์
❖ ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใช้ความรู้และกระบวนการ
ทางวทิ ยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต แสดงความชน่ื ชม ยกยอ่ ง และเคารพสทิ ธิในผลงานของผู้คิดค้นและศึกษาหา
ความรเู้ พิ่มเตมิ ทำโครงงานหรอื ช้ินงานตามที่กำหนดให้หรอื ตามความสนใจ
❖ แสดงถึงความซาบซึ้ง ห่วงใย แสดงพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้ การดูแลรักษา
ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมอยา่ งรูค้ ณุ ค่า
จบช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 3
❖ เข้าใจลักษณะและองคป์ ระกอบท่ีสำคัญของเซลล์สิง่ มชี วี ิต ความสัมพันธ์ของการทำงานของระบบ
ต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ การดำรงชีวิตของพืช การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงของยีน
หรือโครโมโซม และตัวอย่างโรคทีเ่ กิดจากการเปล่ยี นแปลงทางพนั ธุกรรม ประโยชน์และผลกระทบของสง่ิ มีชีวิต
ดัดแปรพันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ ปฏิสัมพนั ธ์ขององค์ประกอบของระบบนิเวศและการถา่ ยทอด
พลังงานในสิ่งมีชวี ิต
❖ เข้าใจองค์ประกอบและสมบัติของธาตุ สารละลาย สารบริสุทธิ์ สารผสม หลักการแยกสาร
การเปลี่ยนแปลงของสารในรูปแบบของการเปลี่ยนสถานะ การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี และ
สมบัตทิ างกายภาพ และการใช้ประโยชน์ของวสั ดุประเภทพอลิเมอร์ เซรามกิ ส์ และวัสดุผสม
❖ เข้าใจการเคลื่อนท่ี แรงลัพธ์และผลของแรงลัพธ์กระทำต่อวัตถุ โมเมนต์ของแรง แรงที่ปรากฏใน
ชีวิตประจำวัน สนามของแรง ความสัมพันธ์ของงาน พลังงานจลน์ พลังงานศักย์โน้มถ่วง กฎการอนุรักษ์
พลังงาน การถ่ายโอนพลังงาน สมดุลความร้อน ความสัมพันธ์ของปริมาณทางไฟฟ้า การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน
พลงั งานไฟฟา้ และหลักการเบอ้ื งต้นของวงจรอเิ ลก็ ทรอนิกส์
❖ เข้าใจสมบัติของคลื่น และลักษณะของคลื่นแบบต่าง ๆ แสง การสะท้อน การหักเหของแสงและ
ทศั นปู กรณ์
❖ เข้าใจการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ การเกิดฤดู การเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์
การเกิดข้างข้ึนข้างแรม การขน้ึ และตกของดวงจันทร์ การเกดิ นำ้ ข้นึ นำ้ ลง ประโยชนข์ องเทคโนโลยอี วกาศ และ
ความก้าวหน้าของโครงการสำรวจอวกาศ
หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทรส์ ุธาอทุ ศิ
11
❖ เข้าใจลักษณะของชั้นบรรยากาศ องค์ประกอบและปัจจัยที่มีผลต่อลมฟ้าอากาศ การเกิดและ
ผลกระทบของพายุฟ้าคะนอง พายุหมุนเขตร้อน การพยากรณ์อากาศ สถานการณ์ การเปล่ยี นแปลงภูมิอากาศ
โลก กระบวนการเกิดเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์และการใช้ประโยชน์ พลังงานทดแทนและการใช้ประโยชน์
ลักษณะโครงสร้างภายในโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาบนผิวโลก ลักษณะชั้นหน้าตัดดิน
กระบวนการเกิดดิน แหล่งน้ำผวิ ดิน แหล่งน้ำใตด้ ิน กระบวนการเกิดและผลกระทบของภัยธรรมชาติ และธรณี
พิบตั ิภัย
❖ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยี ได้แก่ ระบบทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
ความสัมพันธร์ ะหวา่ งเทคโนโลยกี ับศาสตร์อ่ืน โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์ หรอื คณิตศาสตร์ วเิ คราะห์ เปรียบเทียบ
และตัดสินใจเพื่อเลือกใช้เทคโนโลยี โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ประยุกต์ใช้ความรู้
ทักษะ และทรัพยากรเพื่อออกแบบและสร้างผลงานสำหรับการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันหรือการประกอบ
อาชีพ โดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมทั้งเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสม ปลอดภัย รวมทง้ั คำนึงถงึ ทรัพย์สนิ ทางปัญญา
❖ นำข้อมูลปฐมภูมิเขา้ สูร่ ะบบคอมพวิ เตอร์ วิเคราะห์ ประเมิน นำเสนอข้อมูลและสารสนเทศได้ตาม
วัตถปุ ระสงค์ ใชท้ กั ษะการคิดเชิงคำนวณในการแกป้ ัญหาท่ีพบในชีวติ จริง และเขียนโปรแกรมอย่างง่ายเพ่ือช่วย
ในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารอยา่ งรเู้ ท่าทันและรบั ผิดชอบต่อสังคม
❖ ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาที่เชื่อมโยงกับพยานหลักฐาน หรือหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่มีการ
กำหนดและควบคุมตัวแปร คิดคาดคะเนคำตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานที่สามารถนำไปสู่การสำรวจ
ตรวจสอบ ออกแบบและลงมือสำรวจตรวจสอบโดยใช้วัสดุและเครื่องมือที่เหมาะสม เลือกใช้เครื่องมือและ
เทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมในการเก็บรวบรวมข้อมูล ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพที่ได้ผลเที่ยงตรงและ
ปลอดภัย
❖ วิเคราะห์และประเมินความสอดคล้องของข้อมูลที่ได้จากการสำรวจตรวจสอบจากพยานหลักฐาน
โดยใช้ความรู้และหลักการทางวิทยาศาสตร์ในการแปลความหมายและลงข้อสรุปและสื่อสารความคิด ความรู้
จากผลการสำรวจตรวจสอบหลากหลายรูปแบบ หรือใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจได้อย่าง
เหมาะสม
❖ แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น รับผิดชอบ รอบคอบ และซื่อสัตย์ ในสิ่งที่จะเรียนรู้ มีความคิด
สร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตามความสนใจของตนเอง โดยใช้เครื่องมือและวิธีการที่ให้ได้ผลถูกต้อง
เชื่อถือได้ ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็นของตนเองรับฟังความคิดเห็นผู้อ่ืน
และยอมรับการเปลี่ยนแปลงความร้ทู ่คี น้ พบ เมอ่ื มขี อ้ มูลและประจกั ษ์พยานใหม่เพ่ิมขน้ึ หรือโต้แยง้ จากเดมิ
❖ ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้ความรู้และ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพ แสดงความชื่นชม ยก
ย่อง และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้น เข้าใจผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบของการพัฒนาทาง
วิทยาศาสตร์ตอ่ ส่ิงแวดล้อมและต่อบริบทอื่น ๆ และศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ทำโครงงานหรือสร้างชิ้นงานตาม
ความสนใจ
หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทร์สธุ าอทุ ศิ
12
❖ แสดงถึงความซาบซึ้ง ห่วงใย มีพฤติกรรมเกี่ยวกับการดูแลรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ และ
ความหลากหลายทางชีวภาพ
จบชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6
❖ เข้าใจการลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ กลไกการรักษาดุลยภาพของมนุษย์ ภูมิคุ้มกันใน
ร่างกายของมนุษย์และความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน การใช้ประโยชน์จากสารต่าง ๆ ที่พืชสร้างขึ้น การ
ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม วิวัฒนาการที่ทำให้เกิดความหลากหลายของ
สิ่งมีชีวติ ความสำคญั และผลของเทคโนโลยีทางดเี อ็นเอต่อมนษุ ย์ สิ่งมชี วี ติ และสง่ิ แวดล้อม
❖ เข้าใจความหลากหลายของไบโอมในเขตภูมิศาสตร์ต่าง ๆ ของโลก การเปลี่ยนแปลงแทนที่ใน
ระบบนิเวศ ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติ และการแกไ้ ขปญั หาสิง่ แวดลอ้ ม
❖ เข้าใจชนิดของอนุภาคสำคัญที่เป็นส่วนประกอบในโครงสร้างอะตอม สมบัติบางประการของธาตุ
การจัดเรยี งธาตใุ นตารางธาตุ ชนิดของแรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ งอนุภาคและสมบัติต่าง ๆ ของสารท่มี ีความสัมพันธ์
กบั แรงยึดเหนีย่ ว พนั ธะเคมี โครงสรา้ งและสมบตั ขิ องพอลเิ มอร์ การเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี ปจั จยั ที่มผี ลต่ออัตราการ
เกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี และการเขียนสมการเคมี
❖ เข้าใจปริมาณที่เก่ียวกับการเคล่ือนที่ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งแรง มวลและความเร่งผลของความเรง่
ที่มีต่อการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็ก ความสัมพันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็กและ
กระแสไฟฟ้า และแรงภายในนิวเคลียส
❖ เข้าใจพลังงานนิวเคลียร์ ความสัมพันธ์ระหว่างมวลและพลังงาน การเปลี่ยนพลังงานทดแทนเป็น
พลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีด้านพลังงาน การสะท้อน การหักเห การเลี้ยวเบน และการรวมคลื่น การได้ยิน
ปรากฏการณ์ทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับเสียง สีกับการมองเหน็ สี คลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าและประโยชนข์ องคล่นื แม่เหล็กไฟฟ้า
❖ เข้าใจการแบ่งชั้นและสมบัติของโครงสร้างโลก สาเหตุ และรูปแบบการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีท่ี
สมั พนั ธ์กับการเกิดลักษณะธรณีสัณฐาน สาเหตุ กระบวนการเกิดแผน่ ดินไหว ภูเขาไฟระเบดิ สึนามิ ผลกระทบ
แนวทางการเฝา้ ระวงั และการปฏบิ ัตติ นใหป้ ลอดภัย
❖ เข้าใจผลของแรงเนื่องจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอริออลิส ที่มีต่อการหมุนเวียน
ของอากาศ การหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจูด และผลที่มีต่อภูมิอากาศ ความสัมพันธ์ของการ
หมุนเวียนของอากาศ และการหมุนเวียนของกระแสน้ำผิวหน้าในมหาสมุทร และผลต่อลักษณะลมฟ้าอากาศ
สิ่งมีชีวิตและส่งิ แวดล้อม ปจั จยั ตา่ ง ๆ ทม่ี ีผลตอ่ การเปลีย่ นแปลงภมู อิ ากาศโลก และแนวปฏบิ ตั ิเพือ่ ลดกิจกรรม
ของมนุษย์ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก รวมทั้งการแปลความหมายสัญลักษณ์ลมฟ้าอากาศที่
สำคัญจากแผนท่ีอากาศ และข้อมูลสารสนเทศ
❖ เข้าใจการกำเนิดและการเปลี่ยนแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อุณหภูมิของเอกภพ หลักฐานท่ี
สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง ประเภทของกาแล็กซี โครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางช้างเผือก
กระบวนการเกิดและการสร้างพลงั งาน ปจั จยั ทีส่ ่งผลต่อความส่องสวา่ งของดาวฤกษ์ และความสัมพันธ์ระหว่าง
หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทรส์ ธุ าอทุ ิศ
13
ความส่องสว่างกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ ความสัมพันธ์ระหว่างสี อุณหภูมิผิว และสเปกตรัมของดาวฤกษ์
วิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงสมบัติบางประการของดาวฤกษ์ กระบวนการเกิดระบบสุริยะ การแบ่งเขต
บริวารของดวงอาทิตย์ ลักษณะของดาวเคราะห์ที่เอื้อต่อการดำรงชีวิต การเกิดลมสุริยะ พายุสุริยะและผลที่มี
ตอ่ โลก รวมทง้ั การสำรวจอวกาศและการประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยอี วกาศ
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นทักษะทางสติปัญญา (Intellectual) ที่นักวิทยาศาสตร์และผู้ที่นำ
วิธีการทางวิทยาศาสตร์มาแก้ปัญหา ใช้ในการศึกษาค้นคว้า สืบเสาะหาความรู้ และแก้ปัญหาต่าง ๆ ทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์แบ่งออกได้เป็น 13 ทักษะ ทักษะท่ี 1-8 เปน็ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ข้ัน
พื้นฐาน และทักษะที่ 9-13 เป็นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูงหรือขั้นผสมหรือขั้นบูรณาการ ทักษะ
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรท์ ้ัง 13 ทักษะ มดี งั นี้
1. การสังเกต (Observing) หมายถึง การใช้ประสาทสัมผัสอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน ได้แก่
ตา หู จมูก ลิ้น ผิวกาย เข้าไปสัมผัสโดยตรงกับวัตถุหรือเหตุการณ์ เพื่อค้นห้าข้อมูลซึ่งเป็นรายละเอียดของสิ่งนั้น
โดยไม่ใส่ความเห็นของผู้สังเกตลงไป ข้อมูลที่ได้จากการสังเกตประกอบด้วยข้อมูลเชิงคุณภาพ ข้อมูลเชิงปริมาณ
และข้อมูลท่ีเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตเห็นได้จากวัตถุหรือเหตุการณ์นั้น ความสามารถที่แสดงให้เห็นว่าเกิด
ทักษะนี้ประกอบด้วยการชี้บ่งและการบรรยายสมบัติของวัตถุได้โดยการกะประมาณและการบรรยายการ
เปล่ียนแปลงของส่ิงทสี่ งั เกตได้
2. การลงความเห็นจากข้อมูล (Inferring) หมายถึง การเพิ่มความคิดเห็นให้กับข้อมูลที่ได้จากการสังเกต
อย่างมีเหตุผล โดยอาศัยความรู้และประสบการณ์เดิมมาช่วย ความสามารถที่แสดงให้เห็นว่าเกิดทักษะนี้ คือ การ
อธิบายหรือสรุป โดยเพ่มิ ความคิดเห็นใหก้ ับข้อมูลโดยใช้ความรหู้ รือประสบการณเ์ ดิมมาชว่ ย
3. การจำแนกประเภท (Classifying) หมายถึง การแบ่งพวกหรือเรียงลำดับวัตถุหรือสิ่งที่มีอยู่ใน
ปรากฏการณโ์ ดยมีเกณฑ์ และเกณฑ์ดังกล่าวอาจใช้ความเหมือน ความแตกต่าง หรือความสัมพนั ธ์อย่างใดอย่างหนึ่ง
ก็ได้ ความสามารถที่แสดงว่าเกิดทักษะนี้แล้ว ได้แก่ การแบ่งพวกของสิ่งต่าง ๆ จากเกณฑ์ที่ผู้อื่นกำหนดให้ได้
นอกจากนั้นสามารถเรียงลำดับสิ่งของด้วยเกณฑ์ของตัวเองพร้อมกับบอกได้ว่าผู้อื่นแบ่งพวกของสิ่งของนั้นโดยใช้
อะไรเป็นเกณฑ์
4. การวดั (Measuring) หมายถึง การเลอื กใช้เครื่องมือและการใช้เคร่ืองมือน้ันทำการวัดหาปริมาณของส่ิง
ต่าง ๆ ออกมาเป็นตัวเลขที่แน่นอนได้อย่างเหมาะสมกับสิ่งที่วัด แสดงวิธีใช้เครื่องมืออย่างถูกต้อง พร้อมทั้งบอก
เหตุผลในการเลือกใช้เครื่องมือ รวมทัง้ ระบหุ นว่ ยของตัวเลขท่ีได้จากการวัดได้
5. การใช้ตัวเลข (Using Numbers) หมายถึง การนับจำนวนของวัตถุและการนำตัวเลขที่แสดงจำนวนท่ี
นับได้มาคิดคำนวณโดยการบวก ลบ คูณ หาร หรอื การหาค่าเฉล่ีย ความสามารถท่ีแสดงให้เห็นว่าเกิดทักษะนี้ ได้แก่
การนับจำนวนสิ่งของได้ถูกต้อง เช่น ใช้ตัวเลขแทนจำนวนการนับได้ ตัดสินได้ว่าวัตถุ ในแต่ละกลุ่มมีจำนวนเท่ากัน
หรือแตกต่างกัน เป็นต้น การคำนวณ เช่น บอกวิธีคำนวณ คิดคำนวณ และแสดงวิธีคำนวณได้อย่างถูกต้อง และ
ประการสุดท้ายคือ การหาค่าเฉล่ีย เช่น การบอกและแสดงวธิ ีการหาค่าเฉล่ยี ได้ถูกต้อง
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทร์สธุ าอทุ ิศ
14
6. การหาความสมั พันธ์ระหว่างสเปสกับสเปสและสเปสกับเวลา(Using Space/Time Relationships)
สเปสของวัตถุ หมายถึง ที่ว่างที่วัตถุนั้นครองที่อยู่ ซึ่งมีรูปร่างลักษะเช่นเดียวกับวัตถุนั้นโดยทั่วไป
แล้วสเปสของวตั ถุจะมี 3 มิติ คือ ความกว้าง ความยาว และความสงู
ความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปสของวัตถุ ไดแ้ ก่ ความสัมพันธ์ระหว่าง 3 มติ ิ กับ 2 มิติ ความสัมพันธ์
ระหว่างตำแหน่งที่ของวัตถุหนึ่งกับอีกวัตถุหนึ่ง ความสามารถที่แสดงให้เห็นว่าเกิดทักษะการหาความสัมพันธ์
ระหวา่ งสเปสกับสเปส ไดแ้ ก่ การชบ้ี ่งรปู 2 มิติ และ 3 มิติได้ สามารถวาดภาพ 2 มติ ิ จากวตั ถุหรือจากภาพ 3 มิติ
ได้
ความสัมพนั ธ์ระหว่างสเปสกับเวลา ไดแ้ ก่ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างการเปลี่ยนตำแหน่งที่อยู่ของวัตถุกับเวลา
หรือความสัมพันธ์ระหว่างสเปสของวัตถุที่เปลี่ยนไปกับเวลาความสามารถที่แสดงให้เห็นว่าเกิดทักษะการหา
ความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับเวลา ได้แก่ การบอกตำแหน่งและทิศทางของวัตถุโดยใช้ตวั เองหรือวัตถุอื่นเป็นเกณฑ์
บอกความสัมพันธร์ ะหว่างการเปลีย่ นตำแหน่ง เปลี่ยนขนาด หรอื ปรมิ าณของวัตถุกับเวลาได้
7. การสื่อความหมายข้อมูล (Communicating) หมายถึง การนำข้อมูลที่ได้จาการสังเกต การวัด การ
ทดลอง และจากแหล่งอื่น ๆ มาจัดกระทำเสียใหม่โดยการหาความถี่ เรียงลำดับ จัดแยกประเภท หรือคำนวณหาค่า
ใหม่ เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจความหมายได้ดีขึ้น โดยอาจเสนอในรูปของตาราง แผนภูมิ แผนภาพ ไดอะแกรม กราฟ
สมการ การเขียนบรรยาย เป็นต้น ความสามารถที่แสดงให้เห็นว่าเกิดทักษะนี้แล้ว คือการเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้อยู่
ในรปู ใหมท่ ่ีเข้าใจดีข้ึน โดยจะต้องร้จู ักเลือกรูปแบบทีใ่ ช้ในการเสนอข้อมูลได้อยา่ งเหมาะสม บอกเหตผุ ลในการเสนอ
ข้อมูลในการเลือกแบบแสนอข้อมูลนั้น การเสนอข้อมูลอาจกระทำได้หลายแบบดังที่กล่าวมาแล้ว โดยเฉพาะการ
เสนอข้อมูลในรูปของตาราง การบรรจุข้อมูลให้อยู่ในรูปของตารางปกติจะใส่ค่าของตัวแปรอิสระไว้ทางซ้ายมือของ
ตาราง และคา่ ของตวั แปรตามไวท้ างขวามือของตารางโดยเขียนค่าของตวั แปรอิสระไว้ให้เรียงลำดับจากคา่ น้อยไปหา
ค่ามาก หรือจากค่ามากไปหาคา่ น้อย8. การพยากรณ์ (Predicting) หมายถึง การคาดคะเนคำตอบล่วงหน้าก่อนการ
ทดลอง โดยอาศัยปรากฏการณ์ที่เกิดซ้ำ หลักการ กฎ หรือ ทฤษฏีที่มีอยู่แล้วในเรื่องนั้นมาช่วยสรุป เช่น การ
พยากรณ์ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลข ได้แก่ ข้อมูลที่เป็นตารางหรือกราฟ ซึ่งทำได้สองแบบ คือ การพยากรณ์ภายใน
ขอบเขตของข้อมูลที่มีอยู่ กับการพยากรณ์นอกขอบของข้อมูลที่มีอยู่ เช่น การพยากรณ์ผลของข้อมูลเชิงปริมาณ
เป็นต้น
9. การชี้บ่งและการควบคุมตัวแปร (Identifying and Controlling Variables) หมายถึง การชี้บ่งตัวแปร
ต้น ตัวแปรตาม และตวั แปรทตี่ ้องควบคุมให้คงที่ในสมมุติฐาน หน่งึ ๆ
ตัวแปรต้น หมายถึง สิ่งที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผลต่าง ๆ หรือสิ่งที่เราต้องการทดลองดูว่าเป็นสาเหตุท่ี
ก่อใหเ้ กดิ ผลเช่นน้ันจริงหรือไม่
ตวั แปรตาม หมายถึง สิ่งทเ่ี ปน็ ผลเน่ืองมาจากตัวแปรต้น เมือ่ ตัวแปรตน้ หรือส่ิงท่ีเปน็ สาเหตุเปล่ียนไป ตัว
แปรตามหรือส่ิงที่เปน็ ผลจะแปรตามไปด้วย
ตัวแปรที่ต้องควบคุมให้คงที่ หมายถึง สิ่งอื่น ๆ นอกเหนือจากตัวแปรต้นที่จะทำให้ผลการทดลอง
คลาดเคล่อื น ถา้ หากว่าไมม่ ีการควบคุมให้เหมือนกนั
หลักสตู รกลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทรส์ ุธาอุทิศ
15
10. การตั้งสมมุติฐาน (Formulating Hypotheses) หมายถึง การคิดหาคำตอบล่วงหน้าก่อนทำการ
ทดลอง โดยอาศัยการสังเกต อาศัยความรู้หรือประสบการณ์เดิมเป็นพื้นฐาน คำตอบที่คิดล่วงหน้านี้ ยังไม่ทราบ
หรือยังไม่เป็นทางการ กฎหรือทฤษฏีมาก่อน สมมุติฐาน คือคำตอบที่คิดไว้ล่วงหน้ามีกล่าวไว้เป็นข้อความที่บอก
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต้นกับตัวแปรตามสมมตุ ิฐานท่ีต้ังข้นึ อาจถูกหรือผิดก็ได้ซึ่งทราบได้ภายหลังการทดลอง
หาคำตอบเพื่อสนับสนุนสมมุติฐานหรือคัดค้านสมมุติฐานทต่ี ั้งไว้ สง่ิ ที่ควรคำนึงถึงในการตั้งสมมุติฐาน คือ การบอก
ชือ่ ตวั แปรตน้ ซ่ึงอาจมีผลต่อตัวแปรตามและในการตั้งสมมุติฐานต้องทราบตัวแปรจากปัญหาและสภาพแวดล้อมของ
ตัวแปรนั้น สมมุติฐานที่ตั้งขึ้นสามารถบอกให้ทราบถึงการออกแบบการทดลอง ซึ่งต้องทราบว่าตัวแปรไหนเป็นตัว
แปรตน้ ตัวแปรตาม และตวั แปรที่ต้องควบคุมใหค้ งท่ี
11. การกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการของตัวแปร (Defining Variables Operationally) หมายถึง การ
กำหนดความหมายและขอบเขตของค่าต่าง ๆ ที่อยู่ในสมมุติฐานที่ต้องการทดลองและบอกวิธีวัดตัวแปรที่เกี่ยวกับ
การทดลองนน้ั
12. การทดลอง (Experimenting) หมายถึง กระบวนการปฏิบัติการเพื่อหาคำตอบจากสมมุติฐานที่ตั้งไว้
ในการทดลองจะประกอบไปดว้ ยกจิ กรรม 3 ขน้ั คอื
12.1 ออกแบบการทดลอง หมายถึง การวางแผนการทดลองก่อนลงมือทดสอบจรงิ
12.2 ปฏิบัติการทดลอง หมายถึง การลงมือปฏิบัติจริงและให้อุปกรณ์ได้อย่างถูกต้องและ
เหมาะสม
12.3 การบันทึกผลการทดลอง หมายถึง การจดบันทึกข้อมูลท่ีได้จากการทดลองซ่ึงอาจเป็นผล
จากการสงั เกต การวดั และอืน่ ๆ ได้อย่างคล่องแคล่วและถูกต้อง การบันทกึ ผลการทดลอง อาจอยใู่ นรูปตารางหรือ
การเขียนกราฟ ซึ่งโดยทั่วไปจะแสดงค่าของตัวแปรต้นหรือตัวแปรอิสระบนแกนนอนและค่าของตัวแปรบนแกนต้ัง
โดยเฉพาะในแต่ละแกนต้องใช้สเกลท่ีเหมาะสม พร้อมท้ังแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งของค่าของตัวแปรท้ังสองบนกราฟ
ดว้ ย
ในการทดลองแต่ละครั้งจำเป็นอาศัยการวิเคราะห์ตัวแปรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง คือสามารถที่จะบอกชนิดของ
ตัวแปรในการทดลองว่า ตัวแปรนั้นเป็นตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม หรือตัวแปรที่ต้องควบคุม ในการทดลองหนึ่ง ๆ
ต้องมีตัวแปรตัวหนึ่งเท่านั้นที่มีผลต่อการทดลอง และเพื่อให้แน่ใจว่าผลที่ได้เกิดจากตัวแปรนั้นจริง ๆ จำเป็นต้อง
ควบคุมตวั แปรอื่นไม่ให้มีผลต่อการทดลอง ซึง่ เรียกตัวแปรนี้วา่ ตัวแปรทตี่ ้องควบคุมให้คงท่ี
13.การตีความหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป (Interpreting Data and Making Conlusion) การ
ตีความหมายข้อมูล หมายถึง การแปลความหมายหรือบรรยายลักษณะข้อมูลที่มีอยู่ การตีความหมายข้อมูล ใน
บางครั้งอาจต้องใช้ทักษะอื่นๆ ด้วย เช่น การสังเกต การคำนวณ เป็นต้น และการลงข้อสรุป หมายถึง การสรุป
ความสัมพันธ์ของข้อมูลทั้งหมด ความสามารถที่แสดงให้เห็นว่าเกิดทักษะการลงข้อสรุปคือบอกความสัมพันธ์ของ
ข้อมูลได้ เช่น การอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรบนกราฟ ถ้ากราฟเป็นเส้นตรงก็สามารถอธิบายได้ว่าเกิด
อะไรขนึ้ กับตวั แปรตามขณะทีต่ ัวแปรอสิ ระเปลยี่ นแปลงหรือถา้ ลากกราฟเปน็ เส้นโคง้ ให้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง
ตัวแปรก่อนที่กราฟเส้นโค้งจะเปลี่ยนทิศทางและอธิบายความสัมพันธ์ ระหว่างตัวแปรหลังจากที่กราฟเส้นโค้ง
เปล่ยี นทิศทางแลว้
หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สธุ าอุทิศ
16
คุณลักษณะด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ จติ วิทยาศาสตร์
1.เหน็ คณุ ค่าทางวิทยาศาสตร์
ลกั ษณะช้ีบ่ง/พฤตกิ รรม
1.1 นยิ มยกยอ่ งกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
1.2 นิยมยกยอ่ งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์
1.3 เพิ่มพนู ความร้แู ละประสบการณท์ างวิทยาศาสตร์
1.4 ตระหนกั ความสำคัญของวิทยาศาสตร์ ในการพฒั นา
คณุ ภาพชีวิต
2.คณุ ลกั ษณะทางวิทยาศาสตร์ 2.1.1 การยอมรบั ข้อสรปุ ที่มีเหตผุ ล
2.1 ความมเี หตผุ ล 2.1.2 มคี วามเชอ่ื ว่าสิ่งทเ่ี กิดข้ึนตอ้ งมีสาเหตุ
2.1.3 นิยมยกยอ่ งบคุ คลท่ีมีความคิดอย่างมีเหตุผล
2.1.4 เห็นคณุ คา่ ในการสืบหาความจรงิ ก่อนท่จี ะยอมรบั หรอื
ปฏบิ ัตติ าม
2.2 ความอยากรู้อยากเหน็ 2.2.1 ชื่อวา่ วธิ กี ารทดลองคน้ ควา้ จะทำให้ค้นพบวิธีการแก้ปัญหา
ได้
2.2.2 พอใจใฝห่ าความรู้ทางวทิ ยาศาสตรเ์ พ่ิมเติม
2.2.3 ชอบทดลองคน้ ควา้
2.3 ความใจกว้าง 2.3.1 ตระหนักถึงความสำคัญของความมีเหตผุ ลของผอู้ ่ืน
2.3.2 ยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ และคำวิจารณ์ของผูอ้ ่ืน
2.4 ความมรี ะเบียบในการทำงาน 2.4.1 ตระหนักถึงการระวังรักษาความปลอดภัยของ
ตนเองและเพ่ือนในขณะทดลองวิทยาศาสตร์
2.4.2 เหน็ คุณคา่ ของการระวังรักษาเคร่ืองมอื ทใี่ ช้มิใหแ้ ตกหกั
เสยี หาย ในขณะทดลองวทิ ยาศาสตร์
2.5 การมีคา่ นยิ มต่อความเสยี สละ 2.5.1 ตระหนักถึงการทำงานใหส้ ำเร็จลุลว่ งตามเป้าหมายโดยไม่
คำนึงถงึ ผลตอบแทน
2.5.2 เต็มใจทจ่ี ะอทุ ิศตนเพอื่ การสรา้ งผลงานทาง
วทิ ยาศาสตร์
หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทร์สุธาอุทิศ
17
จติ วิทยาศาสตร์
คุณลักษณะดา้ นจติ พสิ ัย ลกั ษณะชี้บ่ง/พฤตกิ รรม
2.6 การมคี ่านิยมต่อความซ่ือสัตย์ 2.6.1 เหน็ คณุ ค่าต่อการเสนอผลงานตามความเปน็ จริงทที่ ดลองได้
2.6.2 ตำหนิบคุ คลที่นำผลงานผู้อื่นมาเสนอเปน็ ผลงานของตนเอง
2.7 การมคี ่านิยมต่อการประหยดั 2.7.1 ยินดีท่จี ะรักษาซ่อมแซมส่ิงท่ีชำรุดใหใ้ ช้การได้
2.7.2 เห็นคุณค่าของการใช้วัสดอุ ุปกรณ์อย่างประหยัด
2.7.3 เห็นคุณคา่ ของวสั ดทุ ่ีเหลอื ใช้
หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทร์สุธาอทุ ศิ
18
โครงสรา้ งหลกั สตู รสถานศกึ ษา
ระดับประถมศกึ ษา
กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 1 2 ชว่ั โมง/สัปดาห์ 80 ช่วั โมง/ปี
วิชาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว11101
ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 2 ชั่วโมง/สปั ดาห์ 80 ชั่วโมง/ปี
วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว12101
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ 80 ชั่วโมง/ปี
วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว13101
ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 3 ชั่วโมง/สัปดาห์ 120 ช่วั โมง/ปี
วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว14101
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 5 3 ช่วั โมง/สัปดาห์ 120 ชว่ั โมง/ปี
วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว15101
ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 6 3 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ 120 ชัว่ โมง/ปี
วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว16101
หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สธุ าอุทศิ
19
มาตรฐานการเรยี นรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสมั พันธร์ ะหว่างสงิ่ ไมม่ ีชวี ิตกับสิง่ มีชีวิตและ
ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสง่ิ มีชีวิตกับสง่ิ มีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลงั งานการเปล่ียนแปลงแทนทีใ่ น
ระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบท่มี ีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม
แนวทางในการอนุรักษธ์ รรมชาตแิ ละการแก้ไขปัญหาสงิ่ แวดล้อมทั้งนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัติของส่ิงมชี วี ติ หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและ
ออกจากเซลล์ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ขี องระบบต่าง ๆ ของสัตวแ์ ละมนุษยท์ ่ที ำงานสัมพนั ธ์กัน
ความสมั พันธข์ องโครงสรา้ ง และหนา้ ทข่ี องอวยั วะต่าง ๆ ของพชื ท่ีทำงานสมั พันธก์ นั รวมทั้งนำความร้ไู ปใช้
ประโยชน์
มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสำคัญของการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม สารพันธุกรรม
การเปลยี่ นแปลงทางพันธุกรรมท่ีมีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชวี ภาพและวิวฒั นาการของส่ิงมีชวี ติ
รวมทัง้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
หมายเหตุ : มาตรฐาน ว 1.1 – ว .3 สำหรบั ผูเ้ รียนในระดับชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 1 ถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6
สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสมบตั ขิ องสสารกับ
โครงสร้างและแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนุภาค หลกั และธรรมชาตขิ องการเปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร การเกิด
สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวิตประจำวนั ผลของแรงทก่ี ระทำต่อวตั ถุ ลกั ษณะการเคลื่อนท่ี
แบบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมท้งั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลย่ี นแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏิสมั พันธ์ระหวา่ ง
สสารและพลังงาน พลงั งานในชวี ติ ประจำวัน ธรรมชาติของคล่นื ปรากฏการณ์ท่เี กย่ี วข้องกบั เสียง แสง และ
คลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทั้งนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
หมายเหตุ : มาตรฐาน ว 2.1 – ว 2.3 สำหรับผเู้ รยี นในระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 ถงึ ระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปี
ท่ี 6
สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และวิวฒั นาการของเอกภพ
กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์และระบบสุรยิ ะ รวมทงั้ ปฏสิ ัมพันธภ์ ายในระบบสุรยิ ะทสี่ ง่ ผลต่อสงิ่ มชี ีวติ และการประยุกต์ใช้
เทคโนโลยอี วกาศ
หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทร์สุธาอทุ ิศ
20
มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองคป์ ระกอบและความสัมพนั ธ์ของระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลก และ
บนผวิ โลก ธรณีพิบตั ภิ ัย กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมท้งั ผลตอ่ สิง่ มีชีวติ และ
สงิ่ แวดล้อม
หมายเหตุ : มาตรฐาน ว 3.1 – ว 3.2 สำหรบั ผเู้ รยี นในระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 ถงึ ระดับช้นั ประถมศึกษา
ปีที่ 6
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่ือการดำรงชวี ติ ในสงั คมท่ีมีการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเรว็
ใชค้ วามรแู้ ละทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อืน่ ๆ เพ่ือแก้ปัญหา หรือ พฒั นางานอยา่ งมี
ความคิดสรา้ งสรรคด์ ว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลอื กใช้เทคโนโลยอี ย่างเหมาะสมโดยคำนึงถงึ
ผลกระทบต่อชวี ิต สงั คม และส่งิ แวดล้อม
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชิงคำนวณในการแก้ปัญหาทพ่ี บในชวี ติ จรงิ อย่างเปน็ ขน้ั ตอนและเปน็
ระบบใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหาได้อย่างมี
ประสทิ ธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม
หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทิศ
21
ตวั ชว้ี ัดชั้นปี
สาระที่ 1 วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสิ่งไม่มีชีวิตกับ
สิ่งมีชีวิต และ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตต่างๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การ
เปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไข ปัญหา
ส่ิงแวดลอ้ มรวมทง้ั นาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
ตัวชีว้ ดั ชน้ั ปี ป. 3
ป. 1 ป. 2 -
1. ระบุชอื่ พืชและสตั วท์ ี่อาศัยอยู่
บรเิ วณต่าง ๆ จากข้อมลู ทรี่ วบรวม ป. 6
ได้
2. บอกสภาพแวดล้อม ที่
เหมาะสมกับการดำรงชีวิตของ
สัตวใ์ นบรเิ วณทอี่ าศัยอยู่
ป. 4 ป. 5
1. บรรยายโครงสรา้ ง และ
ลกั ษณะของสงิ่ มีชีวิตทเี่ หมาะสม
กับการดำรงชีวิตซึง่ เปน็ ผลมาจาก
การปรบั ตัวของส่ิงมีชวี ิตใน แตล่ ะ
แหลง่ ที่อยู่
2. อธบิ าย ความสัมพันธ์ระหวา่ ง
สิ่งมชี ีวิตกับสิ่งมชี วี ติ และ
ความสัมพนั ธ์ ระหว่างสิง่ มชี ีวิตกับ
สง่ิ ไม่มีชีวติ เพื่อประโยชน์ต่อการ
ดารงชีวติ
3. เขียนโซ่อาหารและระบุ
บทบาทหน้าท่ีของสิง่ มชี วี ิตทเ่ี ปน็
ผ้ผู ลติ และผูบ้ ริโภคในโซ่อาหาร
หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทศิ
22
ตัวชว้ี ัดชั้นปี ป. 6
ป. 4 ป. 5 -
4. ตระหนักในคุณคา่ ของ
สิ่งแวดลอ้ มทม่ี ี ต่อการดำรงชีวติ
ของสงิ่ มีชีวติ โดยมสี ่วนร่วมในการ
ดแู ลรกั ษาสง่ิ แวดล้อม
สาระที่ 1 วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลียงสารเข้าและออกจาก
เซลล์ ความสัมพันธ์ของ โครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน
ความสัมพนั ธข์ องโครงสรา้ งและหน้าทีข่ องอวัยวะต่างๆ ของพชื ทท่ี ำงานสมั พันธ์กนั รวมทงั้ นาความรู้ไปใช้
ประโยชน์
ตวั ชีว้ ดั ชัน้ ปี
ป. 1 ป. 2 ป. 3
1. ระบชุ ื่อ บรรยาย ลักษณะและ 1. ระบุวา่ พืชตอ้ งการแสงและนำ้ 1. บรรยายสงิ่ ท่ี จำเปน็ ตอ่ การ
บอก หน้าที่ของสว่ นต่างๆ ของ เพอื่ การเจรญิ เตบิ โต โดยใชข้ ้อมูล ดำรงชีวติ และการเจริญเติบโต
ร่างกายมนุษย์ สตั ว์ และพชื จาก หลกั ฐานเชิง ประจักษ์ ของมนษุ ยแ์ ละสตั ว์ โดยใชข้ ้อมลู
รวมทงั้ บรรยายการทำหน้าที่ 2. ตระหนักถึงความจำเป็นทพ่ี ืช ที่รวบรวมได้
รว่ มกันของ สว่ นตา่ ง ๆ ของ ตอ้ งไดร้ บั นำ้ และแสงเพื่อ การ 2. ตระหนักถึง ประโยชน์ของ
ร่างกายมนุษยใ์ น การทำกิจกรรม เจริญเตบิ โต โดยดแู ลพืชให้ได้รบั อาหาร น้ำ และ อากาศ โดยการ
ตา่ ง ๆ จากข้อมลู ทีร่ วบรวมได้ สิ่งดังกลา่ วอยา่ งเหมาะสม ดแู ลตนเองและ สตั วใ์ ห้ได้รับ สิ่ง
3. ตระหนกั ถงึ ความสำคัญของ 3. สร้างแบบจำลองท่บี รรยาย เหล่านอ้ี ย่าง เหมาะสม
สว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกายตนเอง วัฎจกั รชีวติ ของพืชดอก 3. สรา้ งแบบจำลองที่
โดยการดูแล ส่วนต่างๆ อย่าง บรรยายวัฏจักร ชวี ติ ของสตั ว์
ถกู ต้อง ให้ปลอดภยั และรกั ษา และ เปรียบเทยี บ วฏั จกั รชีวิต
ความ สะอาดอยู่เสมอ ของ สัตว์บางชนิด
4. ตระหนักถึงคุณค่าของชวี ติ
สตั ว์ โดยไมท่ ำให้วฏั จกั รชวี ติ ของ
สัตว์เปลย่ี นแปลง
หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ุธาอุทศิ
ป. 4 ตวั ชว้ี ัดช้นั ปี 23
1. บรรยายหน้าที่ ของราก ลำต้น ป. 5
ใบและดอกของพชื ดอกโดยใช้ ป. 6
ข้อมูลที่รวบรวมได้ 1. ระบุสารอาหารและบอก
ประโยชน์ของ สารอาหารแต่ละ
ประเภทจากอาหารท่ีตนเอง
รบั ประทาน
2. บอกแนวทางในการเลือก
รับประทาน อาหารให้ได้
สารอาหารครบถว้ นในสดั ส่วนท่ี
เหมาะสมกบั เพศและวัย รวมทั้ง
ความปลอดภัยต่อสขุ ภาพ
3. ตระหนกั ถึงความสำคัญของ
สารอาหาร โดยการเลอื ก
รับประทาน อาหารทีม่ ี
สารอาหาร ครบถว้ นในสัดส่วนที่
เหมาะสมกบั เพศ และวัย รวมทง้ั
ปลอดภัยต่อสุขภาพ
4. สร้างแบบจำลอง ระบบย่อย
อาหาร และบรรยายหนา้ ทข่ี อง
อวัยวะในระบบยอ่ ยอาหาร
รวมทงั้ อธบิ ายการย่อย อาหาร
และการ ดูดซึมสารอาหาร
5. ตระหนกั ถงึ ความสำคัญของ
ระบบยอ่ ยอาหาร โดยการบอก
แนวทางในการดแู ลรกั ษาอวยั วะ
ในระบบย่อยอาหารใหท้ างาน
เป็นปกติ
หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทร์สธุ าอุทศิ
24
สาระท่ี 1 วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร
พันธกุ รรม การเปลยี่ นแปลงทางพันธุกรรมทีม่ ีผลต่อสงิ่ มีชวี ิต ความหลากหลายทางชีวภาพและววิ ฒั นาการ
ของสงิ่ มชี ีวติ รวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวชว้ี ัดชน้ั ปี
ป. 1 ป. 2 ป. 3
- 1. เปรียบเทียบ ลกั ษณะของสิง่ มชี ีวิต
และสิ่งไม่มชี วี ิต จากข้อมลู ที่รวบรวม
ได้
ป. 4 ป. 5 ป. 6
1. จำแนกสง่ิ มชี วี ิตโดยใชค้ วาม 1. อธบิ ายลกั ษณะทางพันธกุ รรมทม่ี ี -
เหมือนและความแตกต่างของ การถา่ ยทอดจากพ่อแมส่ ่ลู ูกของพืช
ลกั ษณะของสง่ิ มีชวี ติ ออกเป็น กลุ่ม สัตว์ และมนษุ ย์
พชื กลุ่มสัตว์ และกลมุ่ ท่ไี มใ่ ช่พืช 2. แสดงความอยากร้อู ยากเห็นโดยการ
และสัตว์ ถามคำถามเกีย่ วกับลกั ษณะท่ี
2. จำแนกพชื ออกเปน็ พชื ดอกและ คลา้ ยคลึงกนั ของตนเองกับพ่อแม่
พืชไม่มีดอก โดยใช้การมีดอกเปน็
เกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้
3. จำแนกสตั ว์ออกเปน็ สตั วม์ ีกระดูก
สันหลงั และสตั วไ์ มม่ ีกระดูกสันหลัง
โดยใชก้ ารมกี ระดูกสนั หลงั เป็น
เกณฑ์ โดยใช้ข้อมลู ท่ีรวบรวมได้
4. บรรยายลกั ษณะ เฉพาะที่สงั เกต
ได้ของสัตวม์ กี ระดกู สันหลังในกลุ่ม
ปลา กล่มุ สัตว์สะเทนิ น้าสะเทินบก
กลมุ่ สตั ว์เล้ือยคลาน กล่มุ นก และ
กลมุ่ สตั วเ์ ล้ยี งลูกดว้ ยน้ำนม และ
ยกตัวอยา่ งส่งิ มีชีวิตในแต่ละกลุ่ม
หลักสตู รกลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ุธาอทุ ิศ
25
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ
โครงสรา้ งและแรงยดึ เหนี่ยวระหว่างอนภุ าค หลักและธรรมชาตขิ องการเปลย่ี นแปลงสถานะของสสาร การ
เกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี
ตวั ชีว้ ัดช้นั ปี
ป. 1 ป. 2 ป. 3
1. อธบิ ายสมบัตทิ ี่สงั เกตได้ของ 1. เปรียบเทยี บสมบัติการดดู ซับน้ำ 1. อธิบายวา่ วัตถุประกอบข้ึนจาก
วสั ดุทีใ่ ชท้ ำวตั ถุซ่งึ ทำจากวัสดุชนิด ของวัสดโุ ดยใช้หลักฐานเชงิ ชิน้ ส่วน ยอ่ ย ๆ ซง่ึ สามารถแยก
เดียวหรือหลายชนดิ ประกอบกัน ประจักษ์ และระบุการนำสมบัติ ออกจากกนั ได้และประกอบกัน
โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ การดดู ซับน้ำของวัสดุไป เป็นวัตถุชิน้ ใหมไ่ ด้ โดยใชห้ ลกั ฐาน
2. ระบุชนิดของวสั ดุและจัดกลมุ่ ประยุกตใ์ ช้ในการทำวัตถใุ น เชิงประจักษ์
วัสดตุ ามสมบัตทิ ่สี งั เกตได้ ชวี ติ ประจำวนั 2. อธบิ ายการเปลย่ี นแปลงของ
2. อธบิ ายสมบัติทสี่ งั เกตได้ของวัสดุ วัสดุเม่ือทำให้ร้อนขึ้นหรือทำให้
ทีเ่ กิดจากการนำวัสดมุ าผสมกัน เย็นลง โดยใช้หลักฐานเชงิ
โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ประจกั ษ์
3. เปรยี บเทียบสมบตั ิทีส่ งั เกตได้
ของวัสดเุ พ่ือนำมาทำเป็นวัตถุใน
การใช้งานตามวตั ถุประสงค์ และ
อธบิ ายการนำวสั ดุท่ีใชแ้ ล้วกลับมา
ใชใ้ หมโ่ ดยใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์
4. ตระหนักถึงประโยชน์ของการนำ
วสั ดทุ ี่ใช้แล้วกลับมาใชใ้ หม่ โดย
การนำวสั ดทุ ใี่ ชแ้ ล้วกลับมาใช้ใหม่
ป. 4 ป. 5 ป. 6
1. เปรยี บเทยี บสมบัติทางกายภาพ 1. อธบิ ายการเปล่ียนสถานะ ของ 1. อธบิ ายและเปรียบเทียบการ
ดา้ นความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การ สสารเมื่อทำใหส้ สารร้อนขน้ึ หรอื แยกสารผสมโดยการหยิบออก
นำความรอ้ น และการนำไฟฟ้าของ เย็นลง โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ การร่อน การใชแ้ ม่เหลก็ ดึงดดู
วสั ดุโดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ 2. อธิบายการละลายของสารในน้ำ การรินออก การกรอง และการ
จากการทดลองและระบุการนำ โดยใชห้ ลักฐานเชิงประจกั ษ์ ตกตะกอน โดยใช้หลกั ฐานเชิง
สมบตั ิเรอื่ งความแข็ง สภาพ 3. วเิ คราะหก์ ารเปลยี่ นแปลงของ ประจักษ์ รวมทั้งระบุวธิ ีแก้ปัญหา
ยืดหยนุ่ การนำความร้อน และการ สารเมื่อเกิดการเปลยี่ นแปลงทาง ในชวี ติ ประจำวนั เกี่ยวกบั การแยก
นำไฟฟ้าของวสั ดไุ ปใชใ้ น เคมี โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ สาร
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทร์สุธาอุทิศ
26
ตัวชวี้ ดั ชน้ั ปี
ชีวติ ประจำวนั ผ่านกระบวนการ 4. วเิ คราะห์และระบุการ
ออกแบบชิน้ งาน เปล่ยี นแปลงที่ผันกลบั ได้และการ
2. แลกเปล่ียนความคิดกบั ผ้อู ่ืนโดย เปล่ยี นแปลงทผ่ี นั กลับไมไ่ ด้
การอภปิ รายเกยี่ วกบั สมบัตทิ าง
กายภาพของวสั ดุอย่างมีเหตผุ ล
จากการทดลอง
3. เปรยี บเทียบสมบัตขิ องสสารทัง้
3 สถานะ จากข้อมูลที่ได้จากการ
สังเกตมวล การต้องการทอ่ี ยู่
รปู รา่ งและปรมิ าตรของสสาร
4. ใชเ้ คร่อื งมือเพื่อวดั มวล และ
ปรมิ าตรของสสารท้ัง 3 สถานะ
สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทาต่อวัตถุ ลักษณะการ
เคลื่อนทแี่ บบตา่ งๆ ของวัตถุ รวมทง้ั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ตัวชว้ี ัดชัน้ ปี
ป. 1 ป. 2 ป. 3
- - 1. ระบผุ ลของแรงทีม่ ีต่อการ
เปลยี่ นแปลง การเคลื่อนที่ของวตั ถุจาก
หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์
2. เปรียบเทยี บและยกตัวอยา่ งแรง
สมั ผัสและแรงไมส่ มั ผัสทีม่ ผี ลตอ่ การ
เคลื่อนที่ของวัตถโุ ดยใช้หลักฐานเชงิ
ประจกั ษ์
3. จำแนกวตั ถโุ ดยใช้การดึงดูดกับ
แม่เหล็กเปน็ เกณฑ์จากหลกั ฐานเชิง
ประจกั ษ์
4. ระบุขวั้ แม่เหล็กและพยากรณผ์ ลที่
เกดิ ขึ้นระหว่างข้ัวแมเ่ หล็กเม่ือนำมาเข้า
ใกล้กนั จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์
หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทศิ
27
ป. 4 ตวั ชว้ี ดั ชั้นปี ป. 6
1. ระบุผลของแรงโนม้ ถว่ งทมี่ ีตอ่ ป. 5 1. อธิบายการเกิดและผลของแรง
วตั ถุจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ไฟฟา้ ซึง่ เกิดจากวตั ถทุ ีผ่ ่านการ ขัดถู
2. ใชเ้ ครอื่ งชัง่ สปริงในการวดั 1. อธิบายวธิ กี ารหาแรงลพั ธข์ อง โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์
นำ้ หนกั ของวตั ถุ แรงหลายแรงในแนวเดยี วกนั ที่
3. บรรยายมวลของวัตถุที่มีผล กระทำต่อวัตถุในกรณีทีว่ ตั ถุอย่นู ง่ิ
ตอ่ การเปล่ียนแปลงการเคล่อื นที่ จากหลักฐานเชิงประจักษ์
ของวัตถจุ ากหลักฐานเชงิ 2. เขยี นแผนภาพแสดงแรงที่
ประจกั ษ์ กระทำต่อวัตถุท่อี ยู่ในแนวเดยี วกนั
และแรงลพั ธ์ที่กระทำต่อวัตถุ
3. ใช้เครื่องชั่งสปริงในการวดั แรงท่ี
กระทำต่อวตั ถุ
4. ระบุผลของแรงเสยี ดทานที่มีต่อ
การเปลย่ี นแปลงการเคลื่อนที่ของ
วัตถุจากหลักฐานเชงิ ประจักษ์
5. เขยี นแผนภาพแสดงแรงเสยี ด
ทานและแรงที่อยู่ในแนวเดยี วกันที่
กระทำตอ่ วัตถุ
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์
ระหวา่ งสสาร และพลังงาน พลังงานในชีวติ ประจาวนั ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณ์ทีเ่ ก่ียวข้องกบั เสียง
แสง และคลืน่ แม่เหล็กไฟฟ้า รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชวี้ ัดชน้ั ปี
ป. 1 ป. 2 ป. 3
1. บรรยายการเกิดเสียงและทิศ 1. บรรยายแนวการเคลอ่ื นที่ของแสง 1. ยกตัวอย่างการเปล่ียนพลงั งาน
ทางการเคล่อื นที่ของเสยี งจาก จากแหล่งกำเนิดแสง และอธิบาย หนง่ึ ไปเป็นอีกพลังงานหนงึ่ จาก
หลักฐานเชิงประจักษ์ การมองเห็นวตั ถุ จากหลักฐานเชงิ หลักฐานเชงิ ประจักษ์
ประจกั ษ์ 2. บรรยายการทำงานของเครื่อง
2. ตระหนักในคุณค่าของความรู้ กำเนิดไฟฟา้ และระบแุ หล่งพลงั งาน
ของการมองเห็นโดยเสนอแนะแนว ในการผลติ ไฟฟ้าจากข้อมูลทีร่ วบรวม
ทางการป้องกนั อนั ตรายจากการมอง ได้ 3. ตระหนักในประโยชน์และโทษ
วตั ถทุ ่ีอยู่ในบรเิ วณทม่ี ีแสงสวา่ งไม่ ของไฟฟ้าโดยนำเสนอวธิ ีการใช้ไฟฟ้า
เหมาะสม อยา่ งประหยดั และปลอดภยั
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สธุ าอทุ ิศ
28
ตวั ชี้วดั ชนั้ ปี
ป. 4 ป. 5 ป. 6
1. จำแนกวัตถุเปน็ ตวั กลาง
โปรง่ ใส ตวั กลางโปร่งแสง และ 1. อธบิ ายการไดย้ ินเสยี งผ่าน 1. ระบุสว่ นประกอบและบรรยาย
วัตถุทบึ แสง จากลักษณะการ
มองเหน็ สิง่ ตา่ ง ๆ ผ่านวตั ถุน้ัน ตัวกลางจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ หนา้ ที่ของแต่ละสว่ นประกอบของ
เป็นเกณฑโ์ ดยใช้หลกั ฐานเชิง
ประจกั ษ์ 2. ระบุตัวแปร ทดลองและอธิบาย วงจรไฟฟ้าอย่างงา่ ยจากหลักฐานเชงิ
ลักษณะและการเกิด เสยี งสูง เสียง ประจักษ์
ตำ่ 2. เขยี นแผนภาพและต่อวงจรไฟฟ้า
3. ออกแบบการทดลองและอธิบาย อยา่ งง่าย
ลกั ษณะและการเกิด เสียงดงั เสยี ง 3. ออกแบบการทดลองและทดลอง
ค่อย ด้วยวธิ ที เ่ี หมาะสมในการอธบิ าย
4. วดั ระดับเสียงโดยใชเ้ คร่ืองมือวัด วิธีการและผลของการต่อเซลล์ไฟฟ้า
ระดบั เสียง แบบอนกุ รม 4. ตระหนกั ถึง
5. ตระหนักในคุณคา่ ของความรู้เรือ่ ง ประโยชน์ของความรู้ของการตอ่
ระดับเสยี งโดยเสนอแนะแนวทางใน เซลล์ไฟฟ้าแบบอนกุ รมโดยบอก
การหลีกเลยี่ งและลดมลพิษทางเสียง ประโยชน์และการประยกุ ต์ใช้ใน
ชีวิตประจำวัน
5. ออกแบบการทดลองและทดลอง
ดว้ ยวิธีทีเ่ หมาะสมในการอธบิ ายการ
ตอ่ หลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบ
ขนาน
6. ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้
ของการต่อหลอดไฟฟา้
แบบอนกุ รมและแบบขนาน โดย
บอกประโยชน์ ข้อจำกัด และการ
ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำวัน
7. อธิบายการเกดิ เงามดื เงามัวจาก
หลักฐานเชิงประจกั ษ์
8. เขยี นแผนภาพรังสีของแสงแสดง
การเกดิ เงามืดเงามัว
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทรส์ ธุ าอุทศิ
29
สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี
ดาวฤกษ์ และ ระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตและการประยุกต์ใช้
เทคโนโลยี อวกาศ
ตวั ชี้วัดชั้นปี
ป. 1 ป. 2 ป. 3
1.ระบดุ าวท่ีปรากฏบนท้องฟ้าใน 1. อธิบายแบบรปู เสน้ ทางการขึ้น
เวลากลางวัน และกลางคนื จาก และตกของ ดวงอาทิตย์โดยใช้
ขอ้ มูลท่ีรวบรวมได้ หลักฐานเชิง ประจักษ์
2. อธบิ ายสาเหตุที่มองไมเ่ หน็ ดาว 2. อธิบายสาเหตกุ ารเกิด
ส่วนใหญ่ในเวลากลางวนั จาก ปรากฏการณ์ การขึน้ และตกของดวง
หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ อาทิตย์ การเกดิ กลางวัน กลางคืน
และการ กำหนดทิศ โดยใช้
แบบจำลอง
3. ตระหนักถงึ ความสำคญั ของ ดวง
อาทติ ย์ โดย บรรยายประโยชนข์ อง
ดวงอาทติ ยต์ ่อสิ่งมชี วี ติ
ป. 4 ป. 5 ป. 6
1. อธบิ ายแบบรูป เส้นทางการขึ้น 1. เปรียบเทียบความแตกตา่ งของ 1. สรา้ งแบบจำลองที่อธบิ ายการ
และตกของ ดวงจันทร์ โดยใช้ ดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษจ์ าก เกดิ และเปรียบเทียบ ปรากฏการณ์
หลักฐานเชิง ประจักษ์ แบบจำลอง สุริยปุ ราคาและ จนั ทรปุ ราคา
2. สรา้ งแบบจำลองที่ อธบิ ายแบบ 2. ใชแ้ ผนท่ดี าวระบุตำแหน่งและ 2. อธบิ าย พัฒนาการ ของเทคโนโลยี
รูป การเปลี่ยนแปลง รปู รา่ งปรากฏ เสน้ ทาง การขนึ้ และตกของกลุ่ม อวกาศ และ ยกตัวอย่างการนา
ของดวงจันทร์ และพยากรณ์รูปรา่ ง ดาวฤกษบ์ นทอ้ งฟ้า และอธบิ าย เทคโนโลยอี วกาศมาใชป้ ระโยชนใ์ น
ปรากฏของดวงจนั ทร์ แบบรูปเสน้ ทางการข้นึ และตก ชวี ิตประจำวนั จากขอ้ มูลที่รวบรวม
3. สร้างแบบจำลอง แสดง ของกลุม่ ดาวฤกษ์บนท้องฟา้ ใน ได้
องค์ประกอบ ของระบบสุรยิ ะ และ รอบปี
อธิบาย เปรียบเทียบคาบ การโคจร
ของ ดาวเคราะห์
ต่าง ๆ จากแบบจำลอง
หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอทุ ศิ
30
สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก
และบนผิวโลก ธรณีพิบตั ภิ ัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลตอ่ สิ่งมีชีวติ
และสงิ่ แวดลอ้ ม
ตัวชวี้ ัดชน้ั ปี
ป. 1 ป. 2 ป. 3
1. อธบิ ายลกั ษณะภายนอกของ 1. ระบุสว่ นประกอบของดิน และ 1. ระบุสว่ นประกอบของอากาศ
หนิ จากลกั ษณะเฉพาะตัวท่ี จำแนกชนิดของดินโดยใชล้ กั ษณะ บรรยายความสำคญั ของอากาศ และ
สงั เกตได้ เนอ้ื ดนิ และการจับตวั เป็นเกณฑ์ ผลกระทบของมลพษิ ทางอากาศ ต่อ
2. อธิบายการใช้ประโยชนจ์ ากดิน สง่ิ มีชวี ติ จากข้อมลู ทรี่ วบรวมได้
จากข้อมลู ทร่ี วบรวมได้ 2. ตระหนักถงึ ความสำคัญของ
อากาศ โดยนาเสนอแนวทางการ
ปฏบิ ตั ิตนในการลดการเกดิ มลพิษ
ทางอากาศ
3. อธบิ ายการเกดิ ลมจากหลักฐาน
เชงิ ประจกั ษ์
4. บรรยายประโยชนแ์ ละโทษของลม
จากข้อมูลท่รี วบรวมได้
ป. 4 ป. 5 ป. 6
- 1. เปรียบเทยี บปรมิ าณนำ้ ใน แต่ละ 1. เปรียบเทียบกระบวนการเกิดหิน
แหล่งและระบุปริมาณน้ำทม่ี นษุ ย์ อคั นี หนิ ตะกอน และหินแปร และ
สามารถนำมาใชป้ ระโยชน์ได้ จาก อธิบาย วฏั จักรหินจากแบบจำลอง
ข้อมูลท่รี วบรวมได้ 2. บรรยายและยก ตวั อยา่ งการใช้
2. ตระหนกั ถงึ คณุ ค่าของน้ำโดย ประโยชน์ของหนิ และแร่ในชีวิต
นำเสนอแนวทาง การใช้นำ้ อย่าง ประจำวนั จากข้อมูลทีร่ วบรวมได้
ประหยดั และการอนรุ ักษน์ ้ำ 3. สร้างแบบจำลองท่ีอธิบายการเกิด
3. สรา้ งแบบจำลองท่ีอธบิ ายการ ซากดกึ ดำบรรพแ์ ละคาดคะเน
หมุนเวยี นของนำ้ ในวฏั จกั รนำ้ สภาพแวดลอ้ มในอดีตของซากดึกดำ
4. เปรยี บเทียบกระบวนการเกดิ เมฆ บรรพ์
หมอก นำ้ ค้าง และนำ้ คา้ งแข็ง จาก 4. เปรียบเทยี บการเกิดลมบก ลม
แบบจำลอง ทะเล และมรสุม รวมท้ังอธบิ ายผลท่ี
หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ุธาอทุ ศิ
31
ตัวชี้วดั ช้ันปี มีต่อสงิ่ มชี ีวติ และส่ิงแวดล้อมจาก
5. เปรียบเทยี บกระบวนการเกดิ ฝน แบบจำลอง
หมิ ะ และลูกเหบ็ จากข้อมูลท่ี 5. อธิบายผลของมรสุมต่อการเกิด
รวบรวมได้ ฤดขู องประเทศไทย จากข้อมูลท่ี
รวบรวมได้
6. บรรยายลกั ษณะและผลกระทบ
ของน้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่งดิน
ถล่ม แผน่ ดนิ ไหว สึนามิ
7. ตระหนักถงึ ผลกระทบของภัย
ธรรมชาติและธรณพี บิ ัตภิ ัย โดย
นำเสนอแนวทางในการเฝ้าระวงั และ
ปฏิบัติตนใหป้ ลอดภยั จากภัย
ธรรมชาตแิ ละธรณีพบิ ัติภัยที่อาจเกดิ
ในทอ้ งถิน่
8. สรา้ งแบบจำลองที่อธบิ ายการเกิด
ปรากฏการณ์เรือนกระจกและผล
ของปรากฏการณ์เรือนกระจกต่อ
สง่ิ มชี วี ิต
9. ตระหนักถึงผลกระทบของ
ปรากฏการณ์เรือนกระจกโดย
นำเสนอแนวทาง การปฏบิ ตั ติ นเพื่อ
ลดกจิ กรรมท่ีก่อให้เกิดแกส๊ เรือน
กระจก
หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทรส์ ธุ าอุทศิ
32
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่าง
รวดเรว็ ใช้ ความรูแ้ ละทกั ษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตร์อ่ืนๆ เพื่อแก้ปญั หาหรอื พฒั นา
งาน อย่างมีความคิดสรา้ งสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลอื กใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ ง เหมาะสม
โดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อชวี ติ สังคม และสิง่ แวดลอ้ ม
ตวั ชวี้ ดั ชัน้ ปี
ป. 1 ป. 2 ป. 3
---
ป. 4 ป. 5 ป. 6
---
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวติ จริงอย่างเป็นขั้นตอนและ
เป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทนั และมจี รยิ ธรรม
ตัวชว้ี ดั ช้นั ปี
ป. 1 ป. 2 ป. 3
1. แกป้ ญั หาอย่างง่าย โดยใช้การ 1. แสดงลำดับข้ันตอนการทำงาน 1. แสดงอลั กอริทมึ ในการทำงาน
ลองผิด ลองถูก การเปรยี บเทียบ หรือการแกป้ ญั หาอยา่ งง่ายโดยใช้ หรอื การแก้ปัญหาอยา่ งงา่ ยโดยใช้
2. แสดงลำดับข้ันตอนการทำงาน ภาพ สญั ลกั ษณ์ หรือข้อความ ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ
หรอื การแกป้ ัญหาอยา่ งงา่ ย โดยใช้ 2. เขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใช้ 2. เขยี นโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้
ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ ซอฟต์แวร์หรอื สือ่ และตรวจหา ซอฟต์แวร์หรือสอื่ และตรวจหา
3. เขยี นโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ ข้อผิดพลาดของโปรแกรม ขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม
ซอฟตแ์ วร์ หรือส่อื 3. ใชเ้ ทคโนโลยีในการสร้าง จัด 3. ใชอ้ ินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ 4.
4. ใชเ้ ทคโนโลยีในการสรา้ ง หมวดหมู่ คน้ หา จัดเกบ็ เรยี กใช้ รวบรวม ประมวลผล และ นำเสนอ
จัดเก็บ เรยี กใช้ข้อมูลตาม ขอ้ มูลตามวัตถุประสงค์ 4. ใช้ ข้อมลู โดยใช้ซอฟต์แวรต์ าม
วัตถปุ ระสงค์ เทคโนโลยี สารสนเทศอย่าง วตั ถปุ ระสงค์
5. ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศอยา่ ง ปลอดภยั ปฏิบตั ิ ตามขอ้ ตกลงใน 5. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่าง
ปลอดภัย ปฏิบตั ติ ามข้อตกลงใน การใช้คอมพิวเตอร์ ร่วมกนั ดูแล ปลอดภยั ปฏิบตั ิตามข้อตกลงใน
การใช้คอมพวิ เตอร์รว่ มกนั ดูแล รักษา อปุ กรณเ์ บ้ืองต้น ใช้งาน การใช้อินเทอร์เน็ต
รกั ษาอปุ กรณ์เบือ้ งต้น ใช้งานอยา่ ง อยา่ ง เหมาะสม
เหมาะสม
หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทร์สุธาอทุ ิศ
33
ตวั ช้ีวดั ชั้นปี
ป. 4 ป. 5 ป. 6
1. ใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในการ 1. ใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการ 1. ใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในการ
แกป้ ัญหา การอธบิ ายการทำงาน แก้ปัญหา การอธิบาย การงาน การ อธบิ ายและ ออกแบบวิธีการ
การคาดการณ์ผลลพั ธ์ จากปัญหา คาดการณ์ผลลัพธ์จากปญั หาอย่าง แกป้ ญั หาที่พบใน ชีวติ ประจำวัน
อย่างง่าย ง่าย 2. ออกแบบและเขียนโปรแกรม
2. ออกแบบ และเขียนโปรแกรม 2. ออกแบบและเขยี น โปรแกรมท่ี อย่างง่ายเพื่อแก้ปัญหาในชวี ติ
อยา่ งง่าย โดยใชซ้ อฟต์แวรห์ รือส่ือ มกี ารใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะอยา่ งง่าย ประจำวัน ตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดของ
และตรวจหาข้อผดิ พลาดและแก้ไข ตรวจหาข้อผิดพลาดและแกไ้ ข โปรแกรมและแก้ไข
3. ใช้อนิ เทอร์เนต็ ค้นหาความรู้ 3. ใช้อินเทอร์เนต็ ค้นหาข้อมลู 3. ใช้อินเทอร์เนต็ ในการคน้ หา
และประเมนิ ความนา่ เช่ือถือของ ตดิ ตอ่ สอ่ื สาร และทำงานรว่ มกนั ขอ้ มูลอย่างมีประสิทธภิ าพ
ขอ้ มูล ประเมนิ ความน่าเช่ือถือของข้อมลู 4. ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ
4. รวบรวม ประเมนิ นำเสนอ 4. รวบรวม ประเมนิ นำเสนอ ทำงานร่วมกันอย่างปลอดภยั
ขอ้ มูลและสารสนเทศ โดยใช้ ขอ้ มลู และสารสนเทศ ตาม เขา้ ใจสทิ ธแิ ละหน้าท่ีของตน
ซอฟต์แวร์ที่หลากหลาย เพ่ือ วตั ถุประสงค์โดยใชซ้ อฟต์แวรห์ รือ เคารพในสิทธิของผู้อืน่ แจง้
แกป้ ญั หาในชีวติ ประจำวนั บรกิ ารบนอินเทอรเ์ นต็ ที่ ผู้เกยี่ วข้องเมอื่ พบข้อมูลหรือ
5. ใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศอย่าง หลากหลาย เพ่อื แก้ปญั หาใน บคุ คลที่ไมเ่ หมาะสม
ปลอดภัย เข้าใจ สิทธิและหน้าท่ี ชีวิตประจำวนั
ของตน เคารพใน สิทธิของผู้อื่น 5. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง
แจง้ ผ้เู ก่ียวขอ้ งเมื่อพบขอ้ มลู หรือ ปลอดภัย มีมารยาท เข้าใจสิทธิ
บุคคลที่ ไม่เหมาะสม และหนา้ ที่ของตน เคารพในสิทธิ
ของผู้อนื่ แจ้งผู้เก่ยี วข้อง เมื่อพบ
ขอ้ มูลหรือบุคคล ที่ไม่เหมาะสม
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทร์สุธาอุทศิ
ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ชัน้ ประถมศกึ ษา
สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่าง
ตา่ งๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลยี่ นแปลงแทนทีใ่ นระบบนเิ วศ ค
และส่งิ แวดล้อม แนวทางในการอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละการแก้ไขปัญหาส่งิ
รหัสตัวชี้วดั ตวั ชว้ี ดั สาระ
ว 1.1 ป.1/1 1. ระบชุ ่อื พชื และสัตว์ที่อาศัยอย่บู รเิ วณ -บริเวณตา่ ง ๆ ในทอ้ งถ่ิน
ตา่ ง ๆ จากข้อมลู ท่รี วบรวมได้ แหล่งนำ้ อาจพบพชื และ
-บริเวณท่ีแตกต่างกนั อา
ว 1.1 ป.1/2 2. บอกสภาพแวดล้อมทเ่ี หมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ มของแตล่ ะ
การดำรงชวี ติ ของสัตว์ในบรเิ วณทอี่ าศยั ดำรงชีวิตของพชื และสตั
อยู่ นำ้ มีน้ำเป็นทอ่ี ยู่ อาศัยข
และมี แหล่งอาหารของห
มะม่วงเปน็ แหลง่ ทอี่ ยู่ แ
- ถ้าสภาพแวดลอ้ มในบร
เปลย่ี นแปลง จะมผี ลต่อ
หลกั สตู รกล
34
งและสาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่ิน
าปที ่ี 1
งสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตและความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต
ความหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อทรัพยากรธรรมชาติ
งแวดลอ้ มรวมทั้งนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ะการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถิ่น
น เช่น สนามหญา้ ใตต้ ้นไม้ สวนหยอ่ ม -สำรวจ สังเกต และรวบรวมพืช และสัตว์ที่
ะสตั ว์หลายชนิดอาศยั อยู่ พบบรเิ วณรอบบา้ นและโรงเรียน
าจพบพชื และสัตว์แตกตา่ งกัน เพราะ
ะบรเิ วณจะมี ความเหมาะสมต่อการ -ตรวจสอบ และระบุสง่ิ มชี วี ิตทพี่ บบริเวณรอบ
ตว์ ท่อี าศยั อยูใ่ นแต่ละบรเิ วณ เชน่ สระ บา้ นและโรงเรียน
ของหอย ปลา สาหรา่ ย เปน็ ทหี่ ลบภยั -ระบปุ ัญหา เสนอแนวทางในการแก้ไข และ
หอยและปลา บรเิ วณต้นมะมว่ งมี ต้น อนรุ ักษ์ทรัพยากร
และมีอาหารสำหรบั กระรอกและมด
ริเวณทพ่ี ชื และสัตว์อาศยั อยมู่ กี าร
อการดำรงชีวิตของพืชและสัตว์
ลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) โรงเรียนแก้วอนิ ทรส์ ุธาอุทิศ
สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัตขิ องสิ่งมีชีวติ หนว่ ยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลำเล
ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท
ประโยชน์
รหัสตวั ชี้วัด ตวั ชีว้ ดั ส
ว 1.2 ป.1/1 1. ระบุชือ่ บรรยายลักษณะและบอก - มนุษย์มีส่วนตา่ ง ๆ ทีม่
หนา้ ทขี่ องส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกายมนุษย์ ในการดำรงชีวติ เชน่ ตา
สัตว์ และพชื รวมทั้งบรรยายการทำ ปอ้ งกันอันตรายให้กับตา
หน้าทร่ี ว่ มกนั ของส่วนต่าง ๆ ของ เป็นทางผา่ นของเสยี ง ป
ร่างกายมนุษยใ์ นการทำกจิ กรรมต่าง ๆ ฝีปากบนลา่ ง แขนและม
จากข้อมลู ท่รี วบรวมได้ ขยับได้ สมอง มหี น้าท่ีค
เป็นก้อนอยใู่ นกะโหลกศ
รว่ มกันในการทำกจิ กรร
- สตั วม์ ีหลายชนิด แต่ละ
แตกตา่ งกัน เพื่อใหเ้ หมา
ส่วนกบ เตา่ แมว มขี า 4
- พชื มสี ่วนตา่ ง ๆ ท่มี ลี กั
การดำรงชีวิตโดยทั่วไป
เล็ก ๆ ทำหน้าทด่ี ดู น้ำ ล
กา้ น ทำหนา้ ทช่ี กู ่ิงก้าน
หนา้ ทีส่ รา้ งอาหาร นอก
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ
35
ลยี งสารผ่านเซลลค์ วามสัมพันธ์ของโครงสรา้ ง และหน้าท่ีของระบบต่างๆ
ที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กันรวมทั้งนำควา มรู้ไปใช้
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถน่ิ
มีลักษณะและหนา้ ท่แี ตกต่างกนั เพื่อใหเ้ หมาะสม -ระบสุ ว่ นประกอบ และบอกหนา้ ท่ี
ามหี น้าที่ ไวม้ องดู โดยมีหนังตาและขนตาเพ่ือ ของอวยั วะภายนอกของสตั วท์ ะเลท่ี
า หมู ีหน้าท่ีรับฟังเสยี ง โดยมีใบหูและรูหู เพือ่ พบบริเวณรอบบ้านและโรงเรียน
ปากมีหนา้ ทพี่ ูด กินอาหาร มีช่องปาและมีริม
มือมีหนา้ ทยี่ ก หยิบ จบั มีท่อนแขนและนวิ้ มือท่ี
ควบคมุ การทำงานของสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย
ศรี ษะ โดยส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกายจะทำหน้าท่ี
รม ในชวี ิตประจำวัน
ะชนิดมีส่วนต่าง ๆ ทมี่ ีลักษณะและหนา้ ท่ี
าะสม ในการดำรงชีวติ เช่น ปลามคี รบี เป็นแผ่น
4 ขาและมเี ท้า สำหรับใชใ้ นการเคลื่อนที่
กษณะและหน้าท่ีแตกต่างกนั เพื่อให้เหมาะสมใน
รากมีลักษณะเรยี วยาว และแตกแขนงเป็นราก
ลำตน้ มลี ักษณะเป็นทรงกระบอกตั้งตรงและมีกงิ่
ใบ และดอก ใบมีลกั ษณะเป็นแผน่ แบน ทำ
กจากน้ีพืชหลายชนดิ อาจมีดอกท่ีมสี ี รปู ร่างตา่ ง ๆ
ทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทร์สธุ าอทุ ิศ
รหสั ตวั ชี้วัด ตวั ชว้ี ัด ส
ทำหน้าท่ีสบื พันธุ์ รวมท้ัง
ว 1.2 ป.1/2 2. ตระหนกั ถึงความสำคญั ของส่วนตา่ ง ซ่งึ สามารถงอกเปน็ ตน้ ให
ๆ ของรา่ งกายตนเอง โดยการดูแลส่วน - มนุษย์ใช้สว่ นต่าง ๆ ขอ
ต่าง ๆ ดำรงชวี ิต มนุษยจ์ งึ ควรใ
อยา่ งถูกต้อง ใหป้ ลอดภยั และรกั ษา และรักษา ความสะอาด
ความสะอาดอยู่เสมอ สว่างเพยี งพอ ดูแลตาให
ตาอย่เู สมอ
สาระที่ 1 วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลกั ษณะทา
สิ่งมีชวี ิต ความหลากหลายทางชีวภาพและววิ ัฒนาการของส่ิงมชี ีวติ รวมทง้ั นำควา
รหัสตัวชี้วัด ตัวช้วี ดั ส
--
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิท
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง 36
งมีผลท่ีมีเปลอื ก มีเนื้อห่อหมุ้ เมล็ด และมเี มล็ด สาระการเรียนรู้ท้องถนิ่
หม่ได้
องร่างกายในการทำกิจกรรมตา่ ง ๆ เพ่ือการ -
ใช้ส่วนต่าง ๆของร่างกายอยา่ งถูกต้อง ปลอดภัย
ดอยเู่ สมอ เชน่ ใช้ตามองตัวหนงั สือในที่ ๆ มแี สง
หป้ ลอดภัยจากอนั ตราย และรกั ษาความสะอาด
างพันธกุ รรม สารพนั ธกุ รรม การเปลย่ี นแปลงทางพนั ธกุ รรมท่ีมีผลต่อ
ามรูไ้ ปใช้ประโยชน์
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถิ่น
--
ทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ุธาอุทศิ
สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พนั ธ์ระห
และธรรมชาตขิ องการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเก
รหัสตวั ช้ีวัด ตัวช้ีวดั ส
ว 2.1 ป.1/1 1. อธิบายสมบัติทีส่ ังเกตได้ของวัสดทุ ีใ่ ช้ -วัสดทุ ี่ใชท้ ำวตั ถทุ ่เี ปน็ ข
ทำวัตถซุ ่งึ ทำจากวัสดชุ นดิ เดยี ว หรอื พลาสตกิ ยาง ไม้ อฐิ หนิ
หลายชนดิ ประกอบกนั โดยใช้หลักฐาน สังเกตไดต้ ่าง ๆ เช่น สี น
เชงิ ประจักษ์ - สมบัติท่สี งั เกตไดข้ องว
ว 2.1 ป.1/2 2. ระบชุ นิดของวัสดแุ ละจัดกลุ่มวสั ดุ เปน็ เกณฑ์ในการจัดกลุ่ม
ตามสมบตั ิทส่ี งั เกตได้ เพอื่ ทำเปน็ วัตถตุ า่ ง ๆ เช
กระทะ
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงท่ีกระทาต่อ
ประโยชน์
รหสั ตัวชี้วดั ตัวชี้วัด ส
--
หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ
37
หว่างสมบตั ิของสสารกับโครงสรา้ งและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาคหลัก
กิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถนิ่
ของเล่น ของใช้ มีหลายชนดิ เชน่ ผา้ แก้ว -อธิบายสมบัตขิ องวัสดทุ ใ่ี ชท้ ำอุปกรณ์
น กระดาษ โลหะ วัสดุแต่ละชนดิ มสี มบตั ิท่ี และเคร่ืองมือในชวี ิตประจำวัน
นมุ่ แข็ง ขรุขระ เรยี บ ใส ขุ่น ยดื หดได้ บดิ งอได้
วัสดุแต่ชนิดอาจเหมือนกัน ซ่ึงสามารถนำมาใช้
มวสั ดุได้ วัสดุบางอยา่ งสามารถนำมาประกอบกัน
ชน่ ผ้าและกระดุม ใช้ทำเส้อื ไมแ้ ละโลหะ ใช้ทำ
อวัตถุ ลักษณะการเคลอ่ื นท่แี บบต่างๆ ของวตั ถุ รวมทั้งนำความร้ไู ปใช้
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถน่ิ
- -
ทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทรส์ ธุ าอุทิศ
สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2. 3 เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอ
ชวี ิตประจำวนั ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณท์ ีเ่ กี่ยวข้องกบั เสียง แสง และคล่ืนแ
รหัสตัวชี้วดั ตัวชีว้ ัด ส
ว 2.3 ป.1/1 1. บรรยายการเกดิ เสียงและทศิ ทาง การ -เสียงเกิดจากการสนั่ ขอ
เคล่ือนที่ของเสยี งจากหลกั ฐานเชงิ ซง่ึ มีทัง้ แหลง่ กำเนิดเสยี ง
ประจักษ์ สร้างขน้ึ เสียงเคล่อื นที่อ
สาระที่ 3 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการข
ระบบสุริยะที่ส่งผลตอ่ สงิ่ มชี ีวติ และการประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีอวกาศ
รหัสตัวช้ีวดั ตัวชีว้ ดั ส
ว 3.1 ป.1/1 1. ระบดุ าวทปี่ รากฏบนท้องฟ้าในเวลา - บนทอ้ งฟ้ามีดวงอาทิต
กลางวัน และกลางคืนจากข้อมูลท่ี มองเหน็ ดวงอาทติ ย์และ
ว 3.1 ป.1/2 รวบรวมได้ สามารถมองเหน็ ดาว
2. อธบิ ายสาเหตุท่ีมองไมเ่ ห็นดาวส่วน -ในเวลากลางวันมองไม
ใหญ่ ในเวลากลางวนั จากหลักฐานเชงิ จงึ กลบแสงของดาว สว่ น
ประจักษ์ ดวงจันทร์ เกอื บทกุ คนื
หลักสตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ
38
อนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลงั งาน พลังงานใน
แม่เหลก็ ไฟฟา้ รวมท้งั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ ้องถ่นิ
องวัตถุ วตั ถทุ ่ีทำใหเ้ กิดเสยี งเป็นแหล่งกำเนิดเสยี ง -จำแนกแหล่งที่มาของเสยี งรอบ ๆ
งตามธรรมชาตแิ ละแหลง่ กำเนิดเสียงทม่ี นษุ ย์ โรงเรียน
ออกจากแหลง่ กำเนดิ เสียงทกุ ทศิ ทาง
ของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุรยิ ะ รวมทง้ั ปฏิสัมพันธ์ภายใน
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนร้ทู อ้ งถ่ิน
ตย์ ดวงจันทร์ และดาว ซึง่ ในเวลากลางวนั จะ -
ะอาจมองเห็นดวงจนั ทรบ์ างเวลาในบางวนั แตไ่ ม่
-
ม่เหน็ ดาวส่วนใหญเ่ นื่องจากแสงอาทิตยส์ วา่ งกว่า
นในเวลากลางคืนจะมองเหน็ ดาวและมองเห็น
ทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สธุ าอุทศิ
สาระท่ี 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวน
เปล่ยี นแปลงลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศโลกรวมทัง้ ผลตอ่ สิ่งมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม
รหสั ตัวชี้วดั ตวั ช้วี ัด ส
ว 3.2 ป.1/1 1. อธบิ ายลักษณะภายนอกของหนิ จาก -หนิ ท่อี ยใู่ นธรรมชำติมีล
ลกั ษณะเฉพาะตวั ทส่ี ังเกตได้ ลวดลาย นำ้ หนัก ความแ
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่ม
คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้า
เหมาะสมโดยคำนึงถงึ ผลกระทบต่อชีวิต สงั คม และส่ิงแวดล้อม
รหสั ตัวชี้วัด ตวั ชี้วดั สา
--
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคำนวณในการแก้ปญั หาทพ่ี บในชีวิตจร
ในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปญั หาได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ร้เู ท่าทนั และมีจ
รหสั ตวั ชี้วัด ตัวชวี้ ดั สา
ว 4.2 ป.1/1 1. แกป้ ญั หาอย่างง่ายโดยใชก้ ารลองผดิ - การแก้ปัญหาให้ประส
ลองถกู การเปรียบเทยี บ แก้ปญั หา
หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิท
39
นการเปลี่ยนแปลงภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการ
ม
สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถิ่น
ลักษณะภายนอกเฉพาตวั ทีส่ ังเกตได้ เชน่ สี -
แข็ง และเน้อื หนิ
มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์
างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี อย่าง
าระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น
- -
ริงอยา่ งเปน็ ขนั้ ตอนและเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร
จรยิ ธรรม
าระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่นิ
สบความสำเรจ็ ทำไดโ้ ดยใชข้ ้ันตอนการ -
ทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทรส์ ธุ าอทุ ศิ
รหสั ตวั ช้ีวัด ตวั ช้ีวดั สา
- ปญั หาอย่างง่าย เช่น
ว 4.2 ป.1/2 2. แสดงลำดบั ข้นั ตอนการทำงาน หรือ จดั หนังสอื ใสก่ ระเปา๋
การแก้ปัญหาอย่างงา่ ยโดยใช้ภาพ - การแสดงข้ันตอนการแ
สญั ลักษณ์ หรือขอ้ ความ หรอื ใช้สัญลกั ษณ์
- ปญั หาอยา่ งง่าย เช่น เ
ว 4.2 ป.1/3 3. เขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใช้ จัดหนังสอื ใส่กระเปา๋
ซอฟตแ์ วร์หรือสอื่ - การเขียนโปรแกรมเป็น
ทำงาน
ว 4.2 ป.1/4 4.ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสรา้ ง จัดเกบ็ - ตวั อย่างโปรแกรม เช
เรียกใชข้ อ้ มลู ตามวตั ถุประสงค์ ยอ่ ขยายขนาด เปล่ยี นร
- ซอฟตแ์ วร์ หรือส่ือทีใ่ ช
การเขียนโปรแกรม, Co
- การใชง้ านอุปกรณเ์ ทค
สมั ผัส การเปดิ -ปิด อุปก
-การใชง้ านซอฟต์แวรเ์ บ
การสร้างไฟล์ การจดั เก
โปรแกรมประมวลคำ โป
-การสรา้ งและจัดเก็บไฟ
ไดง้ า่ ยและรวดเรว็
หลักสตู รกลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิท