สาระการเรียนรแู้ กนกลาง 90
ทงั้ ประเภท มกี ารเปลย่ี นแปลงจากประเภทหนง่ึ สาระการเรียนร้ทู อ้ งถ่นิ
ทหนึง่ หรอื ประเภทเดมิ ได้ โดยมแี บบรูปการ
และต่อเนือ่ งเปน็ วัฏจักร -
นิดมลี กั ษณะและสมบัติแตกต่างกัน มนุษย์ใช้
นชวี ิตประจำวนั ในลกั ษณะต่าง ๆ เชน่ นำแรม่ า -
าสฟี นั เคร่ืองประดับ อปุ กรณ์ทางการแพทย์ และ
ก่อสร้างต่าง ๆ เป็นต้น
เกิดจากการทบั ถม หรือการประทับรอยของ
นเกิดเปน็ โครงสรา้ งของซากหรอื ร่องรอยของ
อย่ใู นหิน ในประเทศไทยพบซากดึกดำบรรพ์ ที่
พชื ปะกำรงั หอย ปลา เตา่ ไดโนเสาร์ และรอยตนี
สามารถใชเ้ ปน็ หลกั ฐานหนง่ึ ทชี่ ่วยอธิบาย
งพน้ื ท่ีในอดีตขณะเกดิ ส่ิงมชี วี ติ น้ัน เชน่ หากพบ
อง หอยนำ้ จืด สภาพแวดลอ้ มบรเิ วณน้ันอาจเคย
าก่อน และหากพบซากดึกดำบรรพ์ของพืช
เวณน้นั อาจเคยเปน็ ปา่ มาก่อน นอกจากนี้ซากดกึ
ถใช้ระบุอายขุ องหนิ และเป็นข้อมูลในการศกึ ษา
งมีชีวติ
ทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทรส์ ธุ าอุทิศ
รหสั ตัวช้ีวัด ตัวชี้วัด - ลมบก ลมทะเล แ
ว 3.2 ป.6/4 4. เปรียบเทียบการเกิดลมบก ลมทะเล และ ไม่เทา่ กนั ทำให้อุณ
ว 3.2 ป.6/5 มรสุม รวมทัง้ อธิบายผลทมี่ ีต่อสงิ่ มชี ีวติ และ เกดิ การเคล่ือนที่ข
สิ่งแวดลอ้ ม จากแบบจำลอง ทีม่ ีอุณหภูมสิ ูง
ว 3.2 ป.6/6 - ลมบกและลมทะ
5. อธบิ ายผลของมรสมุ ตอ่ การเกดิ ฤดูของ บกเกดิ ในเวลากลา
ประเทศไทย จากข้อมลู ทรี่ วบรวมได้ ทะเลเกดิ ในเวลากล
- มรสมุ เป็นลมประ
6. บรรยายลักษณะและผลกระทบของนำ้ ทว่ ม กว้างระดับภูมภิ าค
การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม แผน่ ดินไหว ตะวนั ออกเฉียงเหน
สึนามิ กุมภาพันธท์ ำใหเ้ ก
ใตใ้ นชว่ งประมาณ
ให้เกิดฤดูฝน สว่ นช
กลางเดอื นพฤษภา
เสน้ ศนู ย์สูตร แสงอ
เวลาเท่ยี งวันทำให
จงึ ร้อนอบอ้าวทำให
- นำ้ ทว่ ม การกัดเซ
มีผลกระทบต่อชีวิต
หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิท
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง 91
และมรสมุ เกิดจากพน้ื ดนิ และ พนื้ น้ำร้อนและเยน็ สาระการเรียนร้ทู อ้ งถ่นิ
ณหภูมิอากาศเหนือพ้ืนดินและพน้ื นำ้ แตกตา่ งกัน จงึ
ของอากาศจากบริเวณท่ีมีอณุ หภมู ิต่ำ ไปยังบรเิ วณ -
ะเลเปน็ ลมประจำถิ่นท่ีพบบริเวณชายฝงั่ โดยลม -
างคนื ทำให้มีลมพดั จากชายฝงั่ ไปสูท่ ะเล ส่วนลม
ลางวนั ทำให้มลี มพดั จากทะเลเข้าสู่ชายฝ่ัง -
ะจำฤดูเกิดบริเวณเขตรอ้ นของโลก ซึ่งเป็นบริเวณ
ค ประเทศไทยได้รับผลจากมรสุม
นือในชว่ งประมาณกลางเดือนตลุ าคมจนถงึ เดอื น
กิด ฤดูหนาว และได้รับผลจากมรสมุ ตะวนั ตกเฉียง
ณกลางเดือนพฤษภาคมจนถึงกลางเดือนตุลาคมทำ
ชว่ งประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์จนถึง
าคมเปน็ ช่วงเปล่ยี นมรสมุ และประเทศไทยอยู่ใกล้
อาทิตย์เกือบตงั้ ตรงและต้ังตรงประเทศไทย ใน
ห้ได้รับความร้อนจำกดวงอาทิตย์อย่างเต็มที่อากาศ
ห้เกิดฤดูร้อน
ซาะชายฝั่ง ดินถลม่ แผ่นดินไหว และ สนึ ามิ
ตและสง่ิ แวดลอ้ มแตกต่างกนั
ทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทร์สุธาอุทิศ
รหสั ตัวชี้วัด ตัวช้ีวัด - มนษุ ย์ควรเรียนร
ว 3.2 ป.6/7 7. ตระหนกั ถึงผลกระทบของภัยธรรมชำติ อย่างสมำ่ เสมอ เต
และธรณีพิบตั ิภยั โดยนำเสนอแนวทางในการ ตามคำสั่งของผู้ปก
ว 3.2 ป 6/8 เฝ้าระวงั และปฏบิ ตั ติ นให้ปลอดภัยจากภัย ธรรมชำติและธรณ
ว 3.2 ป.6/9 ธรรมชำติและธรณพี ิบตั ภิ ยั ท่ีอาจเกิดใน
ท้องถนิ่ - ปรากฏการณเ์ รอื
8. สร้างแบบจำลองที่อธบิ ายการเกดิ บรรยากาศของโลก
ปรากฏการณ์เรือนกระจกและผลของ กลับสผู่ วิ โลก ทำให
ปรากฏการณ์เรือนกระจกต่อสง่ิ มชี วี ติ ดำรงชีวิต
9. ตระหนกั ถึงผลกระทบของปรากฏการณ์ - หากปรากฏการณ
เรอื นกระจกโดยนำเสนอแนวทางการปฏบิ ัติ เปลีย่ นแปลงภูมอิ า
ตนเพ่ือลดกิจกรรมทกี่ ่อให้เกดิ แก๊สเรอื น ก่อให้เกดิ แก๊สเรือน
กระจก
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่ม
คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้า
เหมาะสมโดยคำนึงถงึ ผลกระทบตอ่ ชวี ิต สังคม และสงิ่ แวดล้อม
รหสั ตัวชี้วัด ตวั ชีว้ ดั
--
หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิท
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง 92
ร้วู ธิ ีปฏบิ ตั ิตนให้ปลอดภัย เชน่ ติดตามข่าวสาร สาระการเรียนร้ทู ้องถนิ่
ตรียมถุงยงั ชีพ ให้พร้อมใชต้ ลอดเวลา และปฏบิ ตั ิ
กครองและเจา้ หนา้ ที่อยา่ งเคร่งครัดเมื่อเกิดภยั ทาง -
ณพี ิบัตภิ ัย
อนกระจกเกิดจากแก๊สเรือนกระจกในชั้น
ก กักเก็บความรอ้ นแลว้ คายความร้อนบางสว่ น
หอ้ ากาศ บนโลกมอี ุณหภมู ิเหมะสมต่อการ
ณเ์ รือนกระจกรนุ แรงมากข้นึ จะมผี ลตอ่ การ
ากาศโลก มนุษย์ จึงควรร่วมกันลดกจิ กรรมท่ี
นกระจก
มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์
างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี อย่าง
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่นิ
- -
ทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทรส์ ธุ าอุทิศ
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวติ จร
ในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจ
รหัสตัวชี้วดั ตวั ชวี้ ัด
ว 4.2 ป.6/1 1. ใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในการอธบิ ายและ - การแกป้ ัญหาอยา่ งเปน็
ออกแบบวธิ ีการแก้ปัญหาที่พบใน ประสิทธิภาพ
ชีวิตประจำวนั - การใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรก
ทุกกรณมี าใช้พจิ ารณา ใ
- แนวคดิ ของการทำงาน
- กำรพิจารณากระบวน
เปน็ วิธกี ารที่จะชว่ ยให้ก
ประสิทธภิ าพ
- ตวั อย่างปญั หา เช่น ก
เลข 1 – 1,000,000 โด
ในการเดนิ ทาง โดยคำน
ว 4.2 ป.6/2 2. ออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย - การออกแบบโปรแกรม
เพอ่ื แก้ปัญหาในชวี ติ ประจำวนั ตรวจหำ - การออกแบบและเขีย
ขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรมและแก้ไข ตรวจสอบเงอื่ นไข – หา
เมื่อพบจดุ ทท่ี ำใหผ้ ลลัพ
ถกู ต้อง
หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิท
93
ริงอยา่ งเป็นข้นั ตอนและเปน็ ระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร
จริยธรรม
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถิน่
นขนั้ ตอนจะชว่ ยให้แก้ปัญหาได้อยา่ งมี -
กะเปน็ การนำกฎเกณฑ์ หรือเงอ่ื นไขทค่ี รอบคลมุ
ในการแกป้ ัญหา
นแบบวนซ้ำ และเงื่อนไข
นการทำงานที่มีการทำงานแบบวนซ้ำ หรอื เงอื่ นไข
การออกแบบวธิ ีการแก้ปัญหาเปน็ ไปอย่างมี
การค้นหาเลขหนา้ ทตี่ ้องการให้เรว็ ทส่ี ุด, การทาย -
ดยตอบใหถ้ ูกภายใน 20 คำถาม, การคำนวณเวลา
นงึ ถึงระยะทาง เวลา จดุ หยดุ พัก
มสามารถทำไดโ้ ดยเขียน เปน็ ข้อความ หรอื ผงั งาน
ยนโปรแกรมท่ีมกี ารใชต้ วั แปร การวนซำ้ การ
ากมีข้อผิดพลาดให้ตรวจสอบการทำงาน ทีละคำส่งั
พธ์ไม่ถูกต้อง ให้ทำการแก้ไขจนกวา่ จะได้ผลลพั ธ์ท่ี
ทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทรส์ ธุ าอุทิศ
รหสั ตัวช้ีวดั ตวั ชี้วัด - การฝกึ ตรวจหำขอ้ ผิดพ
ว 4.2 ป.6/3 การหาสาเหตุของปญั หา
ว 4.2 ป.6/4 3. ใช้อินเทอรเ์ นต็ ในการค้นหาข้อมูล - ตวั อยา่ งปญั หา เช่น โป
อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ - ซอฟตแ์ วร์ที่ใชใ้ นการเ
- การค้นหาอย่างมีประส
4. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทำงาน ตอ้ งการในเวลาท่รี วดเร
รว่ มกนั อย่างปลอดภยั เขา้ ใจสิทธแิ ละ ขอ้ มูล มีความสอดคลอ้ ง
หน้าท่ีของตน เคารพในสทิ ธขิ องผูอ้ น่ื - การใช้เทคนิคการค้นห
แจ้งผเู้ กยี่ วขอ้ งเมื่อพบข้อมลู หรือบุคคลที่ รปู แบบของข้อมูล หรือช
ไมเ่ หมาะสม - การจัดลำดบั ผลลพั ธจ์
- การเรยี บเรยี ง สรุปสำ
- อันตรายจากการใชง้ า
การปอ้ งกนั
- วธิ ีกำหนดรหสั ผ่าน
- การกำหนดสทิ ธิ์การใช
- แนวทางการตรวจสอบ
ซอฟต์แวรท์ ่ีอยูบ่ นอินเท
หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิท
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง 94
พลาดจากโปรแกรมของผู้อนื่ จะชว่ ยพฒั นาทกั ษะ สาระการเรียนร้ทู อ้ งถ่นิ
าได้ดยี ่ิงข้นึ
ปรแกรมเกม โปรแกรมหาค่า ค.ร.น เกมฝึกพมิ พ์ -
เขียนโปรแกรม เชน่ Scratch, logo
สิทธิภาพ เปน็ การคน้ หาข้อมลู ท่ีไดต้ รงตามความ -
รว็ จากแหล่งข้อมูลที่น่าเช่ือถอื หลายแหล่ง และ
งกัน
หาขัน้ สูง เช่น การใช้ ตวั ดำเนินการ การระบุ
ชนิดของไฟล์
จากกาค้นหาของโปรแกรมคน้ หา
ำระสำคญั (บรู ณาการกบั วชิ าภาษาไทย)
านและอาชญากรรม ทางอนิ เทอร์เน็ต แนวทางใน
ชง้ าน (สทิ ธใิ์ นการเข้าถึง)
บและปอ้ งกนั มลั แวร์ – อันตรายจากการติดต้ัง
ทอร์เน็ต
ทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทรส์ ธุ าอุทิศ
95
สว่ นที่ 3
โครงสร้างหลกั สตู รโรงเรียนแก้วอินทร์สธุ าอทุ ศิ
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนแก้วอินทร์สุธาอุทิศ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560)
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ได้กำหนดโครงสร้างของหลักสูตรสถานศึกษา
เพือ่ ใหผ้ ู้สอนและผู้ที่เกย่ี วขอ้ งในการจัดการเรียนรตู้ ามหลกั สตู รของสถานศึกษามีแนวปฏบิ ตั ิ ดงั นี้
ระดับการศึกษา
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนแก้วอินทร์สุธาอุทิศ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 จัดการศกึ ษา ดังน้ี
ระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1- 6) การศึกษาระดับนี้เป็นช่วงแรกของการศึกษา
ภาคบงั คบั มงุ่ เนน้ ทกั ษะพ้นื ฐานดา้ นการอา่ น การเขียน การคดิ คำนวณ ทักษะการคดิ พ้ืนฐาน การติดต่อสื่อสาร
กระบวนการเรียนรู้ทางสังคม และพื้นฐานความเป็นมนุษย์ การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างสมบูรณ์และสมดุล
ท้ังในด้านร่างกาย สตปิ ัญญา อารมณ์ สงั คม และวัฒนธรรม โดยเน้นจดั การเรียนรูแ้ บบบูรณาการ
การจดั เวลาเรยี น
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนแก้วอินทร์สุธาอุทิศ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้จัดเวลาเรียนตามกลุ่มสาระการเรียนรู้
8 กลุ่ม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยจัดให้เหมาะสมตามบริบท จุดเน้นของโรงเรียนและสภาพของผู้เรียน
ดังนี้
1. ระดับชั้นประถมศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 จัดเวลาเรียนเป็นรายปี โดยมีเวลาเรียน
วนั ละ 6 ชั่วโมง
โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนแก้วอินทร์สุธาอุทิศ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ประกอบด้วยโครงสร้างเวลาเรียนและ
โครงสรา้ งหลกั สตู รช้ันปี ดงั น้ี
1. โครงสร้างเวลาเรียน เป็นโครงสร้างที่แสดงรายละเอียดในภาพรวม เวลาเรียนของแต่ละกลุ่ม
สาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระที่เป็นเวลาเรียนพื้นฐาน เวลาเรียนรายวิชาเพิ่มเติม และเวลาในการจัดกิจกรรม
พัฒนาผ้เู รยี นจำแนกแตล่ ะชน้ั ปี ในระดบั ประถมศึกษา ดังน้ี
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สุธาอทุ ิศ
96
โครงสร้างเวลาเรยี นระดับประถมศกึ ษา
หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นแก้วอนิ ทรส์ ุธาอุทศิ (ฉบบั ปรบั ปรุง พุทธศักราช 2560)
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 กำหนดกรอบโครงสร้างเวลาเรียน ดงั น้ี
กลุ่มสาระการเรยี นร/ู้ กิจกรรม เวลาเรียน
ระดับประถมศึกษา
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 ป.6
ภาษาไทย
คณติ ศาสตร์ 200 200 200 160 160 160
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 200 200 200 160 160 160
สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 80 80 80 120 120 120
ประวัติศาสตร์ 80 80 80 80 80 80
สขุ ศึกษาและพลศึกษา 40 40 40 40 40 40
ศลิ ปะ 20 20 20 80 80 80
การงานอาชพี 40 40 40 80 80 80
ภาษาต่างประเทศ 20 20 20 40 40 40
รวมเวลาเรียน (พน้ื ฐาน) 160 160 160 80 80 80
840 840 840 840 840 840
รายวชิ าเพ่มิ เติม
ภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสาร 40 40 40 40 40 40
120 120 120 120 120 120
กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น 40 40 40 40 40 40
กจิ กรรมแนะแนว
กิจกรรมนักเรียน 40 40 40 40 40 40
- ลกู เสือ-เนตรนารี 30 30 30 30 30 30
- ชุมนมุ 10 10 10 10 10 10
กิจกรรมเพื่อสังคมและ
1,000 ช่ัวโมง 1,000 ชั่วโมง
สาธารณประโยชน์
รวมเวลาทง้ั หมด
หมายเหตุ โรงเรยี นอย่ใู นโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ (10 โรงเรยี น)
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทร์สุธาอทุ ิศ
97
โครงสร้างหลกั สตู รช้ันปี เป็นโครงสร้างทแี่ สดงรายละเอียดเวลาเรยี นของรายวิชาพ้นื ฐาน
โครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศกึ ษา ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษา
ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 1
ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 1
รายวชิ า / กจิ กรรม เวลาเรียน
(ชม. / ปี)
รหัสวชิ าพื้นฐาน รายวชิ าพน้ื ฐาน
840
ท 11101 ภาษาไทย 200
200
ค 11101 คณติ ศาสตร์ 80
80
ว 11101 วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 40
40
ส 11101 สังคมศึกษา 40
40
ส 11102 ประวตั ศิ าสตร์ 120
40
พ 11101 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 40
120
ศ 11101 ศลิ ปะ 40
ง 11101 การงานอาชพี 40
30
อ 11101 ภาษาองั กฤษ 10
1,000
รายวชิ าเพม่ิ เติม
อ 11201 ภาษาอังกฤษเพ่ือการสอ่ื สาร
กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น
▪ กิจกรรมแนะแนว
▪ กิจกรรมนกั เรียน
ลูกเสอื เนตรนารี
ชมุ นมุ
▪ กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์
รวมเวลาเรียนทัง้ ส้ิน
หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สธุ าอทุ ศิ
โครงสรา้ งหลักสตู รสถานศึกษา ระดบั ช้ันประถมศกึ ษา 98
ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 2
เวลาเรยี น
ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 2 (ชม. / ป)ี
รายวชิ า / กิจกรรม 840
200
รหสั วิชาพ้นื ฐาน รายวิชาพืน้ ฐาน 200
80
ท 12101 ภาษาไทย 80
40
ค 12101 คณิตศาสตร์ 40
40
ว 12101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 40
120
ส 12101 สงั คมศึกษา 40
40
ส 12102 ประวัติศาสตร์ 120
40
พ 12101 สุขศกึ ษาและพลศึกษา
40
ศ 12101 ศลิ ปะ 30
10
ง 12101 การงานอาชีพ 1,000
อ 12101 ภาษาอังกฤษ
รายวิชาเพม่ิ เติม
อ 12201 ภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร
กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น
▪ กิจกรรมแนะแนว
▪ กจิ กรรมนกั เรยี น
ลกู เสอื เนตรนารี
ชมุ นมุ
▪ กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์
รวมเวลาเรียนทง้ั ส้นิ
หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทรส์ ธุ าอุทศิ
โครงสรา้ งหลักสตู รสถานศึกษา ระดบั ช้ันประถมศกึ ษา 99
ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 3
เวลาเรยี น
ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 3 (ชม. / ป)ี
รายวชิ า / กิจกรรม 840
200
รหสั วิชาพ้นื ฐาน รายวิชาพืน้ ฐาน 200
80
ท 13101 ภาษาไทย 80
40
ค 13101 คณิตศาสตร์ 40
40
ว 13101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 40
120
ส 13101 สงั คมศึกษา 40
40
ส 13102 ประวัติศาสตร์ 120
40
พ 13101 สุขศกึ ษาและพลศึกษา
40
ศ 13101 ศลิ ปะ 30
10
ง 13101 การงานอาชีพ 1,000
อ 13101 ภาษาอังกฤษ
รายวิชาเพม่ิ เติม
อ 13201 ภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร
กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น
▪ กิจกรรมแนะแนว
▪ กจิ กรรมนกั เรยี น
ลกู เสอื เนตรนารี
ชมุ นมุ
▪ กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์
รวมเวลาเรียนทง้ั ส้นิ
หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทรส์ ธุ าอุทศิ
โครงสร้างหลกั สูตรสถานศกึ ษา ระดับช้นั ประถมศึกษา 100
ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4
เวลาเรยี น
ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4 (ชม. / ปี)
รายวชิ า / กจิ กรรม 840
160
รหัสวิชาพื้นฐาน รายวิชาพน้ื ฐาน 160
120
ท 14101 ภาษาไทย 80
40
ค 14101 คณิตศาสตร์ 80
80
ว 14101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80
80
ส 14101 สังคมศึกษา 40
40
ส 14102 ประวตั ศิ าสตร์ 120
40
พ 14101 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา
40
ศ 14101 ศลิ ปะ 30
10
ง 14101 การงานอาชีพ 1,000
อ 14101 ภาษาองั กฤษ
รายวชิ าเพมิ่ เติม
อ 14201 ภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น
▪ กจิ กรรมแนะแนว
▪ กจิ กรรมนกั เรยี น
ลูกเสอื เนตรนารี
ชมุ นุม
▪ กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์
รวมเวลาเรียนทง้ั สิ้น
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทร์สุธาอุทศิ
โครงสร้างหลกั สตู รสถานศึกษา ระดบั ช้ันประถมศกึ ษา 101
ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 5
เวลาเรยี น
ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5 (ชม. / ปี)
รายวิชา / กิจกรรม 840
160
รหัสวิชาพื้นฐาน รายวชิ าพนื้ ฐาน 160
80
ท 15101 ภาษาไทย 80
40
ค 15101 คณติ ศาสตร์ 80
80
ว 15101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80
80
ส 15101 สังคมศึกษา 40
40
ส 15102 ประวตั ิศาสตร์ 120
40
พ 15101 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา
40
ศ 15101 ศลิ ปะ 30
10
ง 15101 การงานอาชพี 1,000
อ 15101 ภาษาองั กฤษ
รายวชิ าเพมิ่ เติม
อ 15201 ภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น
▪ กจิ กรรมแนะแนว
▪ กจิ กรรมนกั เรยี น
ลูกเสอื เนตรนารี
ชมุ นุม
▪ กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์
รวมเวลาเรียนทง้ั สิ้น
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สุธาอุทศิ
โครงสร้างหลกั สูตรสถานศึกษา ระดับช้ันประถมศกึ ษา 102
ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 6
เวลาเรยี น
ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 6 (ชม. / ปี)
รายวชิ า / กจิ กรรม 840
160
รหสั วิชาพ้ืนฐาน รายวิชาพนื้ ฐาน 160
80
ท 16101 ภาษาไทย 80
40
ค 16101 คณิตศาสตร์ 80
80
ว 16101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80
80
ส 16101 สังคมศึกษา 40
40
ส 16102 ประวตั ศิ าสตร์ 120
40
พ 16101 สุขศึกษาและพลศึกษา
40
ศ 16101 ศิลปะ 30
10
ง 16101 การงานอาชีพ
40
อ 16101 ภาษาอังกฤษ 1,000
รายวชิ าเพ่ิมเติม
อ 16201 ภาษาอังกฤษเพื่อการสือ่ สาร
กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน
▪ กจิ กรรมแนะแนว
▪ กิจกรรมนกั เรยี น
ลกู เสอื เนตรนารี
ชุมนมุ
▪ กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์
รายวชิ า/กิจกรรมทส่ี ถานศึกษาจัดเพม่ิ เติมตามนโยบายและจดุ เน้น
▪ กิจกรรมเพ่ิมเตมิ ภาษาอังกฤษ
รวมเวลาเรยี นทง้ั ส้นิ
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทร์สุธาอุทศิ
103
ส่วนที่ 4
คำอธบิ ายรายวชิ า
ในสว่ นของการจดั ทำคำอธบิ ายรายวิชาของหลักสูตรสถานศึกษากลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 นั้น
โรงเรียนแก้วอินทร์สุธาอุทิศ ได้ดำเนินการทุกรายวิชาของชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยเขียนในลักษณะความ
เรียงระบุองค์ความรู้ ทักษะ/กระบวนการ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามธรรมชาติของวิชาเป็นการเขียนใน
ภาพรวมที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียนและสะท้อนตัวชี้วัดในรายวิชาพืน้ ฐานหรือผลการเรียนรู้ในรายวิชาเพิ่มเติม
คำอธิบายรายวิชาจึงประกอบด้วยสว่ นประกอบดังต่อไปน้ี
- รหสั วชิ า
- ชอ่ื รายวิชา
- กล่มุ สาระการเรียนรู้
- ชนั้ ปี
- จำนวนเวลาเรยี น
นอกจากนั้น ในส่วนท่ี 4 น้ี ยงั ไดจ้ ัดทำรายละเอียดของโครงสรา้ งรายวชิ าพ้ืนฐานและ
รายวชิ าเพิ่มเติมของแตล่ ะสาระการเรียนรู้ไว้ด้วย ดังนั้นในสว่ นน้ีจึงประกอบด้วย
1. โครงสรา้ งสรา้ งรายวชิ าพ้ืนฐานและรายวชิ าเพ่ิมเติม
2. คำอธบิ ายรายวิชา
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทร์สธุ าอทุ ิศ
104
โครงสรา้ งรายวิชาพน้ื ฐานและเพิ่มเตมิ
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รายวชิ าตามโครงสรา้ งหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นแก้วอินทรส์ ุธาอุทิศ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ระดับประถมศึกษา
รายวิชาพืน้ ฐาน จำนวน 80 ช่ัวโมง
ว 11101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 80 ช่ัวโมง
ว 12101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 80 ชั่วโมง
ว 13101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 120 ช่ัวโมง
ว 14101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 120 ช่วั โมง
ว 15101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 120 ชว่ั โมง
ว 16101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รายวชิ าเพมิ่ เติม
-
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทร์สธุ าอทุ ศิ
105
คำอธิบายรายวิชา
รายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ว 11101 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 1 เวลา 60 ชัว่ โมง
ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับชื่อพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่บริเวณต่างๆ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการ
ดำรงชีวติ ในบรเิ วณที่พืชและสัตว์อาศัยอยู่ การร่วมกันดูแลรกั ษาสภาพแวดลอ้ มในท้องถิ่น รวมถึงลักษณะและ
หน้าที่ของส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ สัตว์ และพืชที่พบบริเวณโรงเรียน บริเวณชุมชนและบริเวณท้องถิน่
ทำหน้าทร่ี ว่ มกนั ของสว่ นตา่ งๆของรา่ งกายมนุษย์ในการทำกจิ กรรมต่างๆ การดูแลสว่ นต่างๆ ของร่างกายอย่าง
ถูกตอ้ ง ปลอดภยั และรักษาความสะอาดอยเู่ สมอ ชนดิ ละสมบัตขิ องวัสดทุ ่ีใชท้ ำวัตถรุ อบตวั การเกดิ เสยี งและ
ทิศทางการเคลอื่ นท่ขี องเสียง ลักษณะภายนอกของหิน ดาวทปี่ รากฏบนทอ้ งฟา้ ในเวลากลางวันและกลางคืน
ใช้กระบวนกลางทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
รวบรวมข้อมูล และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน และมีทักษะความรู้ในศตวรรษที่ 21 สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์
และสามารถทำงานร่วมกับผอู้ ่นื ได้
ตระหนักถึงประโยชน์ของการนำความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในการ
ดำรงชีวติ มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม ค่านิยมท่ีเหมาะสมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่าง
สร้างสรรคโ์ ดยใชว้ ธิ ีการของหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง และมเี จตคตทิ ่ีดีต่อการเรียนวทิ ยาศาสตร์
รหสั ตัวช้วี ดั
ว 1.1 ป.1/1 ป.1/2
ว 1.2 ป.1/1 ป.1/2
ว 2.1 ป.1/1 ป.1/2
ว 2.3 ป.1/1
ว 3.1 ป.1/1 ป.1/2
ว 3.2 ป.1/1
รวม 10 ตวั ชวี้ ดั
หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทร์สธุ าอุทิศ
106
คำอธบิ ายรายวิชา
รายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ว 12101 กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 เวลา 60 ชัว่ โมง
ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับพืชต้องการแสงและน้ำเพื่อการเจริญเติบโต ความจำเป็นที่พืชต้องได้รับน้ำ
และแสงเพื่อการเจริญเติบโต โดยดูและพืชให้ได้รับสิ่งดังกล่าวอย่างเหมาะสม วัฏจักรชีวิตของพืชดอก
ลักษณะของสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต สมบัติการดูดซับน้ำของวัสดุ การนำสมบัติการดูดซับน้ำของวัสดุไป
ประยุกตใ์ ช้ในการทำวัตถุในชวี ิตประจำวัน สมบตั ิทสี่ งั เกตได้ของวัสดุทเ่ี กิดจากการนำวสั ดุมาผสมกัน สมบัติท่ี
สงั เกตไดข้ องวสั ดุ เพ่ือนำมาเป็นวัตถใุ นการใช้งานตามวัตถุประสงค์ การนำวสั ดุทใี่ ช้แล้วกลับมาใหม่ ประโยชน์
ของการนำวัสดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ การนำวัสดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ แนวการเคลื่อนที่ของแสงจาก
แหล่งกำเนิด การมองเห็นวัตถุ คุณค่าของความรู้ของการมองเห็นแนวทางการป้องกันอันตรายจากการมอง
วัตถุที่อยู่ในบริเวณทีม่ ีแสงสว่างไมเ่ หมาะสม ส่วนประกอบของดิน การจำแนกชนดิ ของดินโดยใชล้ กั ษณะเนอ้ื
ดนิ และการจับตัวเปน็ เกณฑ์ การใช้ประโยชนจ์ ากดนิ
ใช้กระบวนกลางทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
รวบรวมข้อมูล และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ขั้นพ้ืนฐาน และมีทักษะความรู้ในศตวรรษที่ 21 สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์
และสามารถทำงานร่วมกับผ้อู น่ื ได้
ตระหนักถึงประโยชน์ของการนำความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในการ
ดำรงชีวิต มีจติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม คา่ นยิ มทเ่ี หมาะสมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่าง
สรา้ งสรรคโ์ ดยใชว้ ธิ ีการของหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง และมีเจตคตทิ ีด่ ีตอ่ การเรียนวิทยาศาสตร์
รหัสตัวชี้วัด
ว 1.2 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3
ว 1.3 ป.2/1
ว 2.1 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4
ว 2.3 ป.2/1 ป.2/2
ว 3.2 ป.2/1 ป.2/2
รวม 12 ตัวชี้วดั
หลักสูตรกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ุธาอทุ ิศ
107
คำอธิบายรายวชิ า
รายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ว 13101 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 3 เวลา 60 ชวั่ โมง
ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และการเจริญเติบโตของมนุษย์และสัตว์ที่พบ
บริเวณโรงเรียน บริเวณชุมชนและบริเวณท้องถิ่น วัฏจักรชีวิตของสัตว์ วัตถุประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนย่อยซ่ึง
สามารถแยกออกจากกันและประกอบกันเป็นวัตถุชน้ิ ใหม่ได้ การเปลย่ี นแปลงของวสั ดเุ ม่อื ทำให้รอ้ นขึ้นหรือทำ
ใหเ้ ยน็ ลง ผลของแรงที่มตี ่อการเปลยี่ นแปลงการเคลื่อนทขี่ องวัตถุ แรงสมั ผสั และแรงไมส่ ัมผัส วัสดุที่แม่เหล็ก
ดงึ ดูดได้ ข้ัวแม่เหล็ก การเปลี่ยนพลงั งานหนึ่งไปเปน็ อีกพลังงานหนึ่ง การทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แหล่ง
พลังงานในการผลิตไฟฟ้า การใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด และปลอดภัย การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ การเกิด
กลางวันกลางคืน การกำหนดทิศ และความสำคัญของดวงอาทิตย์ต่อสิ่งมีชีวิต ส่วนประกอบของอากาศและ
ความสำคัญของอากาศ ปัญหามลพิษทางอากาศในชมุ ชน ผลกระทบของมลพิษทางอากาศต่อสิ่งมีชวี ิต การลด
การเกิดมลพษิ ทางอากาศ การเกิดลม ประโยชนแ์ ละโทษของลม
ใช้กระบวนกลางทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
รวบรวมข้อมูล และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน และมีทักษะความรู้ในศตวรรษที่ 21 สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์
และสามารถทำงานรว่ มกบั ผ้อู ื่นได้
ตระหนักถึงประโยชน์ของการนำความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในการ
ดำรงชวี ิต มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม ค่านิยมที่เหมาะสมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่าง
สรา้ งสรรค์โดยใชว้ ิธกี ารของหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง และมีเจตคตทิ ดี่ ีตอ่ การเรียนวทิ ยาศาสตร์
รหัสตวั ชี้วดั
ว 1.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4
ว 2.1 ป.3/1 ป.3/2
ว 2.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4
ว 2.3 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3
ว 3.1 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3
ว 3.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4
รวม 20 ตัวช้วี ัด
หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทร์สธุ าอทุ ศิ
108
คำอธิบายรายวชิ า
รายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ว 14101 กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 เวลา 80 ชวั่ โมง
ศกึ ษาและเรียนรเู้ กย่ี วกับการจำแนกส่งิ มีชวี ิตเปน็ กลุ่มพืช กล่มุ สตั วแ์ ละกลุ่มไม่ใชพ่ ืชและไม่ใชส่ ตั ว์
การจำแนกพชื ออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มดี อก การจำแนกสัตว์ออกเปน็ สัตวม์ กี ระดกู สันหลงั และสัตวไ์ มม่ ี
กระดูกสนั หลัง หน้าท่ีของส่วนตา่ งๆของพืช สมบตั ิทางกายภาพของวสั ดุ และการนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั
สมบตั ิของสสารท้ัง 3 สถานะ ผลของแรงโนม้ ถว่ งของโลกที่มีต่อวตั ถุ การวัดน้ำหนกั ของวัตถุ มวลของวตั ถุที่มี
ผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนทีข่ องวัตถุ ตวั กลางของแสง การข้นึ และตกของดวงจนั ทร์
การเปลย่ี นแปลงรูปรา่ งของดวงจนั ทร์ องคป์ ระกอบของระบบสรุ ิยะ และคาบการโคจรของดาวเคราะหต์ ่าง
ใช้กระบวนกลางทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
รวบรวมข้อมูล และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน และมีทักษะความรู้ในศตวรรษที่ 21 สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์
และสามารถทำงานรว่ มกบั ผู้อ่นื ได้
ตระหนักถึงประโยชน์ของการนำความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในการ
ดำรงชวี ติ มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม ค่านิยมทเ่ี หมาะสมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่าง
สร้างสรรคโ์ ดยใช้วิธกี ารของหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง และมีเจตคตทิ ดี่ ีตอ่ การเรยี นวิทยาศาสตร์
รหสั ตัวชี้วดั
ว 1.2 ป.4/1
ว 1.3 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4
ว 2.1 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4
ว 2.2 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3
ว 2.3 ป.4/1
ว 3.1 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3
รวม 16 ตัวช้ีวัด
หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอทุ ิศ
109
คำอธิบายรายวชิ า
รายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ว 15101 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 5 เวลา 80 ชั่วโมง
ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมในแต่ละแหล่งที่อยู่
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิต การถ่ายทอด
ลักษณะทางพันธุกรรมของพืช สัตว์ และมนุษย์ การเปลี่ยนสถานะของสสาร การละลายของสารในน้ำ การ
เปลี่ยนแปลงทางเคมี การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และผันกลับไม่ได้ แรงลัพธ์ แรงเสียดทาน การได้ยินเสียง
ผ่านตวั กลาง ระดับเสียง การหลกี เลี่ยงและลดมลพิษทางเสยี ง ความแตกตา่ งของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ การ
ใช้แผนที่ดาว แบบรูปเส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้าในรอบปี ปริมาณน้ำในแต่ละแหล่ง
การใช้นำ้ อย่างประหยดั และการอนรุ ักษน์ ำ้ วฎั จกั รน้ำ กระบวนการเกดิ เมฆ หมอก น้ำค้าง น้ำค้างแขง็ ฝน หมิ ะ
และลกู เหบ็
ใช้กระบวนกลางทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
รวบรวมข้อมูล และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน และมีทักษะความรู้ในศตวรรษที่ 21 สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์
และสามารถทำงานรว่ มกับผู้อ่นื ได้
ตระหนักถึงประโยชน์ของการนำความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในการ
ดำรงชีวิต มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม ค่านยิ มที่เหมาะสมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่าง
สร้างสรรค์โดยใช้วิธีการของหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง และมเี จตคตทิ ด่ี ีตอ่ การเรยี นวิทยาศาสตร์
รหสั ตวั ช้ีวดั
ว 1.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4
ว 1.3 ป.5/1 ป.5/2
ว 2.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4
ว 2.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5
ว 2.3 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5
ว 3.1 ป.5/1 ป.5/2
ว 3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5
รวม 27 ตัวชี้วัด
หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทร์สธุ าอทุ ิศ
110
คำอธิบายรายวชิ า
รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ว 16101 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 เวลา 80 ชั่วโมง
ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับสารอาหาร และประโยชน์ของสารอาหารแต่ละประเภท การเลือก
รับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนที่เหมาะสมและปลอดภัยต่อสุขภาพ ระบบย่อยอาหาร
และการดูดซึมสารอาหาร การแยกสารผสมและวิธีแก้ปญั หาในชวี ิตประจำวนั เกี่ยวกบั การแยกสาร แรงไฟฟ้าซึ่ง
เกิดจากวัตถุที่ผ่านการขัดถู การต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย การต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรมและการนำไปใช้
ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน รวมถึงประโยชน์ ข้อจำกัด การ
ประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจำวัน การเกดิ เงามดื เงามัว ปรากฏการณ์สรุ ิยปุ ราคาและจันทรุปราคา เทคโนโลยีอวกาศ
กระบวนการเกิดหินอัคนี หินตะกอน และหินแปร วัฏจักรหิน การใช้ประโยชน์ของหินและแร่ การเกิดซากดึก
ดำบรรพ์และสภาพแวดล้อมในอดีตของซากดึกดำบรรพ์ การเกิดลมบก ลมทะเล และมรสุม ผลของมรสุมต่อ
การเกิดฤดูกาลของประเทศไทย ลักษณะและผลกระทบของภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย การเกิดและ
ผลกระทบของปรากฏการณ์เรอื นกระจกตอ่ สิง่ มชี วี ติ
ใช้กระบวนกลางทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
รวบรวมข้อมูล และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน และมีทักษะความรู้ในศตวรรษที่ 21 สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์
และสามารถทำงานรว่ มกับผ้อู นื่ ได้
ตระหนักถึงประโยชน์ของการนำความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในการ
ดำรงชวี ิต มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม ค่านยิ มท่ีเหมาะสมในการใชว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่าง
สร้างสรรค์โดยใช้วิธีการของหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง และมเี จตคตทิ ดี่ ตี อ่ การเรียนวิทยาศาสตร์
รหัสตวั ช้ีวัด
ว 1.2 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5
ว 2.1 ป.6/1
ว 2.2 ป.6/1
ว 2.3 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5 ป.6/6 ป.6/7 ป.6/8
ว 3.1 ป.6/1 ป.6/2
ว 3.2 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5 ป.6/6 ป.6/7 ป.6/8 ป.6/9
รวม 26 ตัวชี้วัด
หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทร์สธุ าอุทิศ
111
คำอธบิ ายรายวิชา
รายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาการคำนวณ ว 11101 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 1 เวลา 20 ชวั่ โมง
ศกึ ษาการแก้ปัญหาอยา่ งง่ายโดยใชข้ ้นั ตอนการแก้ปญั หา การแสดงลำดับขน้ั ตอนการทำงาน หรอื การ
แก้ปัญหาโดยใช้ ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ ตลอดจนการเขียนโปรแกรมสร้างลำดับของคำสั่งให้
คอมพิวเตอร์ทำงาน ศึกษาการใช้งานอุปกรณ์เทคโนโลยีเบื้องต้น การใช้ซอฟต์แวร์เบื้องต้น การสร้างและ
จัดเกบ็ ไฟล์อย่างเป็นระบบและการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั
โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้การคิดเชิงคำนวณและปัญหาเป็นฐาน (Problem – based
Learning) เพื่อเนน้ ให้ผ้เู รียนเกิดการเรียนรู้ จากการฝึกแก้ปัญหาต่าง ๆ ผ่านกระบวนการคดิ การปฏบิ ัติอย่างมี
ระบบ และสรา้ งองคค์ วามรูใ้ หม่จากการใชป้ ญั หาท่ีเกดิ ข้นึ จริงในชีวติ ประจำวันได้
เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการสื่อสารเบื้องต้นในก าร
แก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และ
เทคโนโลยไี ปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม และการดำรงชวี ิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ
ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการส่ือสาร และความสามารถในการตดั สินใจ และเป็นผู้
ท่ีมีจิตวิทยาศาสตร์ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มในการใชว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์
รหัสตัวชี้วดั
ว 4.2 ป.1/1 ป.1/2 ป.1/3 ป.1/4 ป.1/5
รวม 5 ตวั ช้ีวดั
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทรส์ ุธาอุทิศ
112
คำอธบิ ายรายวิชา
รายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาการคำนวณ ว 12101 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 เวลา 20 ช่วั โมง
ศึกษาการแสดงลำดบั ขัน้ ตอนการทำงานหรือแก้ปญั หาอย่างง่าย โดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ
ตลอดจนการเขียนโปรแกรมสร้างลำดับของคอมพิวเตอร์ทำงาน และตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรม ศึกษา
การใช้งานซอฟต์แวร์เบื้องต้น การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการสร้าง และจัดการกับข้อมูลอย่างเป็นระบบ
รวมถึงการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั
โดยอาศัยกระบวนการเรียนรูโ้ ดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน (Problem-Base Learning) เพอื่ เน้นให้ผู้เรียนเกิด
การเรียนรู้จากการฝึกแก้ปัญหาต่าง ๆ ผ่านกระบวนการคิด การปฏิบัติอย่างมีระบบ และสร้างองค์ความรู้ใหม่
จากการใชป้ ัญหาทีเ่ กิดขึ้นจรงิ ในชีวิตประจำวันได้
เพ่อื ให้ผเู้ รียนมีความรู้ ความเขา้ ใจ มีทกั ษะการคดิ เชิงคำนวณ การคิดวเิ คราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ มีทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการสื่อสารเบื้องต้นในการ
แก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ตอ่ สังคม และการดำรงชีวิตจนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ
ความสามารถในการแก้ปัญหา การจัดการทักษะในการสื่อสาร ความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้มี
จิตวทิ ยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มในการใช้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยอี ยา่ งสร้างสรรค์
รหสั ตวั ชี้วดั
ว 4.2 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4
รวม 4 ตวั ชี้วดั
หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทร์สุธาอทุ ิศ
113
คำอธบิ ายรายวิชา
รายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาการคำนวณ ว 13101 กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3 เวลา 20 ช่วั โมง
ศึกษาเกี่ยวกับการใช้อัลกอริทึมในการแก้ปัญหา โดยมีการใช้แนวคิดเชิงคำนวณเข้ามาช่วยในการ
แก้ปัญหา ศึกษาการเขียนโปรแกรมอย่างง่าย การตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรมซึง่ เรียนรูไ้ ด้จากเว็บไซต์
Code.org ศึกษาการสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย การรวบรวม
ประมวลผล นำเสนอข้อมูล และศึกษาการใช้งานซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนางานให้มี
ประสิทธิภาพ
โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–Based Learning) และวัฏจักรการ
เรียนร้แู บบ สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เพอ่ื เน้นใหผ้ เู้ รยี นไดล้ งมือปฏบิ ัติ ฝึกทักษะการคิด
เผชิญสถานการณ์การแก้ปญั หา วางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้ใหมด่ ้วยตนเอง
ผา่ นกระบวนการคดิ และปฏบิ ัติ โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการสื่อสารเบื้องต้นในการ
แก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และนำ
เทคโนโลยใี หม่ท่ีเกดิ ข้นึ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและการดำรงชีวิต จนสามารถพฒั นากระบวนการคิดและ
จินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการ
ตัดสนิ ใจ และเปน็ ผ้ทู ี่มีจิตวิทยาศาสตร์ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มในการใช้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
อย่างสร้างสรรค์
รหสั ตัวช้ีวัด
ว 4.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ป.3/5
รวม 5 ตวั ชวี้ ดั
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ุธาอุทิศ
114
คำอธบิ ายรายวชิ า
รายวิชาพนื้ ฐานวิทยาการคำนวณ ว 14101 กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 เวลา 40 ช่วั โมง
ศึกษาการใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา มาใช้พิจารณาในการแก้ปัญหา การอธิบายการทำงาน
หรือการคาดการณ์ผลลัพธ์ ศึกษาการออกแบบโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ storyboard หรือ การออกแบบ
อัลกอริทึม การเขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใชซ้ อฟตแ์ วร์ Scratch หรือ logo ศึกษาการใชอ้ ินเทอร์เนต็ ค้นหา
ความรู้ การใช้คำค้นที่ตรงประเด็น กระชับ การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล ศึกษาการรวบรวมข้อมูล
การประมวลผลอย่างง่าย วิเคราะห์ผลและสร้างทางเลือกทีเ่ ปน็ ไปได้ ตลอดจนประเมินทางเลือก พร้อมทั้งการ
นำเสนอข้อมูลในรูปแบบตามความเหมาะสม ศึกษาการใช้ซอฟต์แวร์เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน การใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั เขา้ ใจสิทธแิ ละหนา้ ทข่ี องตน เคารพในสิทธใิ นสิทธขิ องผู้อืน่
โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้การคิดเชิงคำนวณและปัญหาเป็นฐาน (Problem – based
Learning) เพอ่ื เน้นให้ผู้เรยี นเกดิ การเรียนรู้ จากการฝึกแก้ปัญหาต่าง ๆ ผา่ นกระบวนการคดิ การปฏบิ ัติอย่างมี
ระบบ และสรา้ งองคค์ วามรู้ใหม่จากการใช้ปญั หาที่เกดิ ขนึ้ จรงิ ในชวี ติ ประจำวนั ได้
เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ มีทักษะในการตั้งคำถาม หรือกำหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ตามที่กำหนดให้ หรือตาม
ความสนใจ คาดคะเนคำตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานที่สอดคล้องกับคำถาม วางแผนและสำรวจ
ตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมในการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งเชิง
ปริมาณและคุณภาพ ค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมินความน่าเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูล ใช้
เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใช้ให้
เกิดประโยชน์ตอ่ สังคม และการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจนิ ตนาการ ความสามารถใน
การแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้ที่มีจิตวิทยา
ศาสตร์ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์
รหัสตัวชี้วัด
ว 4.2 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4 ป.4/5
รวม 5 ตัวชวี้ ดั
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทรส์ ุธาอุทิศ
115
คำอธบิ ายรายวชิ า
รายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาการคำนวณ ว 15101 กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 เวลา 40 ชว่ั โมง
ศึกษาการใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การทำงาน การคาดการณ์ผลลัพธ์จากปญั หาอย่างง่าย
การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการใช้เหตุผลเชิงตรรกะอย่างง่าย ตรวจหาขอผิดพลาดและแก้ไข การใช้
อินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูล ติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกัน ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล การรวบรวม
ประเมิน นำเสนอข้อมูล และสารสนเทศตามวัตถุประสงค์ โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอินเทอร์เน็ตที่
หลากหลายเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย มีมารยาท เข้าใจสิทธิ
และหน้าท่ีของตนเอง เคารพในสทิ ธขิ องผู้อน่ื และแจ้งผู้เก่ียวข้องเมือ่ พบข้อมลู หรือบุคคลที่ไม่เหมาะสม
โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน (Problem-Base Learning) เพือ่ เน้นให้ผู้เรียนเกิด
การเรียนรู้จากการฝึกแก้ปัญหาต่าง ๆ ผ่านกระบวนการคิด การปฏิบัติอย่างมีระบบ และสร้างองค์ความรู้ใหม่
จากการใช้ปัญหาทเ่ี กิดข้ึนจริงในชีวติ ประจำวันได้
เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ มีทักษะในการตั้งคำถาม หรือกำหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ตามที่กำหนดให้ หรือตาม
ความสนใจ คาดคะเนคำตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานที่สอดคล้องกับคำถาม วางแผนและสำรวจ
ตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมในการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งเชิง
ปริมาณและคุณภาพ ค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมินความน่าเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูล ให้
เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ัญหา ตลอดจนนำความรคู้ วามเขา้ ใจในวิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยไี ปใช้ให้เกิด
ประโยชน์ต่อสังคมและการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการ
แก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร ความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้มีจิตวิทยาศาสตร์ มี
คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใชว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยอี ยา่ งสร้างสรรค์
รหัสตัวช้วี ัด
ว 4.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5
รวม 5 ตัวชว้ี ัด
หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทร์สุธาอทุ ิศ
116
คำอธบิ ายรายวชิ า
รายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาการคำนวณ ว 16101 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 เวลา 40 ชวั่ โมง
ศกึ ษาเกย่ี วกบั การออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งง่ายโดยใชโ้ ปรแกรม Scratch ศึกษาการแกป้ ัญหา
โดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ การใช้งานอินเทอร์เน็ต การค้นหาข้อมูลโดยใช้อินเทอร์เน็ต การประเมินความ
นา่ เช่ือถือ ศึกษาการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและความปลอดภยั ในการใชง้ านเทคโนโลยี
โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน ( Problem – based Learning) และวัฏจกั รการเรียนรู้
แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เพื่อเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญ
สถานการณ์การแก้ปัญหา วางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้วยตนเองผ่าน
กระบวนการคิดและปฏบิ ัติ โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์
เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการสื่อสารเบื้องต้นในการ
แก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และนำ
เทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม และการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิด
และจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการ
ตดั สินใจ และเปน็ ผทู้ ่มี ีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มในการใช้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
อยา่ งสรา้ งสรรค์
รหสั ตวั ชวี้ ดั
ว 4.2 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4
รวม 4 ตัวช้ีวดั
หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สธุ าอทุ ศิ
117
ส่วนท่ี 5
โครงสร้างหน่วยการเรยี นรู้
ในการจัดทำหลักสูตรรายวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆนั้น องค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้
ครผู สู้ อนสามารถนำหลกั สูตรไปใช้ไดอ้ ย่างมีคุณภาพและประสบความสำเร็จคือ การจัดหน่วยการเรยี นรใู้ นสว่ น
ของหลักสูตรรายสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์นี้ ได้จัดทำหน่วยการเรียนสำหรับระดับประถมศึกษาปีที่ 1
ตลอดปกี ารศึกษา ซึ่งมีรายละเอียดทีส่ ำคญั คือ
1. ชื่อหน่วยการเรียนรู้
2. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ัด
3. เวลาเรียน
4. คา่ นำ้ หนักคะแนน
หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทร์สธุ าอทุ ิศ
118
โครงสรา้ งรายวชิ า
รายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ว 11101 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เวลา 60 ชั่วโมง
ลำดบั ที่ ช่อื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด เวลา นำ้ หนกั
(ช่ัวโมง) คะแนน
1 สิ่งแวดลอ้ มรอบตวั ว 1.1 ป.1/1, ป.1/2
45
2 พชื ในสวน ว 1.2 ป.1/1 55
10 10
3 สำรวจสตั วร์ อบตัว ว 1.2 ป.1/1 10 10
1 20
4 ตวั เราน่ารู้ ว 1.2 ป.1/1, ป.1/2 10 10
สอบปลายภาคเรยี นท่ี 1 11 10
45
5 ของเล่นแสนสนกุ และ ว 2.1 ป.1/1, ป.1/2 45
1 20
ของใชใ้ กลต้ ัว 60 100
6 เสียงในชวี ิตประจำวนั ว 2.3 ป.1/1
7 หินบนผิวโลก ว 3.2 ป.1/1
8 ท่องไปในท้องฟา้ ว 3.1 ป.1/1, ป.1/2
สอบปลายภาคเรียนท่ี 2
รวมท้ังสิ้นตลอดปกี ารศึกษา
หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ุธาอุทศิ
119
โครงสรา้ งรายวิชา
รายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ว 12101 กล่มุ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 2 เวลา 60 ช่วั โมง
ลำดับท่ี ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชว้ี ัด เวลา น้ำหนกั
(ชวั่ โมง) คะแนน
1 วัสดรุ อบตวั ว 2.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4
17 20
2 ลกั ษณะของแสง ว 2.3 ป.2/1, ป.2/2 12 10
1 20
สอบปลายภาคเรียนท่ี 1 15 15
3 สงิ่ มชี ีวิตรอบตวั ว 1.2 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3 14 15
1 20
ว 1.3 ป.2/1 60 100
4 ดนิ ในทอ้ งถ่ิน ว 2.3 ป.2/1, ป.2/2
สอบปลายภาคเรยี นท่ี 2
รวมท้ังส้ินตลอดปกี ารศึกษา
หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทรส์ ุธาอุทศิ
120
โครงสรา้ งรายวชิ า
รายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ว 13101 กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 เวลา 60 ชว่ั โมง
ลำดบั ท่ี ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชีว้ ัด เวลา น้ำหนัก
(ชวั่ โมง) คะแนน
1 เรยี นรู้วิทยาศาสตร์ -
25
2 ชีวิตมนษุ ยแ์ ละสัตว์ ว 1.2 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4 12 10
65
3 วัสดุมหศั จรรย์ ว 2.1 ป.3/1, ป.3/2 9 10
1 20
4 แรงแสนสนุก ว 2.2 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4 8 10
13 15
สอบปลายภาคเรยี นที่ 1 85
1 20
5 สนุกกบั พลงั งาน ว 2.3 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3 60 100
6 อากาศรอบตัว ว 3.2 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4
7 ปรากฏการณ์ของดวงอาทติ ย์ ว 3.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3
สอบปลายภาคเรียนที่ 2
รวมท้ังส้นิ ตลอดปีการศึกษา
หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทร์สธุ าอทุ ิศ
121
โครงสรา้ งรายวชิ า
รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ว 14101 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลา 80 ชว่ั โมง
ลำดบั ท่ี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้ีวัด เวลา นำ้ หนัก
(ชัว่ โมง) คะแนน
1 โลกของพืช ว 1.2 ป.4/1
ว 1.3 ป.4/1, ป.4/2 12 10
2 สตั วโ์ ลกนา่ รู้ ว 1.3 ป.4/3, ป.4/4
3 วัสดุรอบตวั ว 2.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4 12 10
สอบปลายภาคเรยี นที่ 1 15 10
4 แรงโน้มถว่ ง ว 2.2 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3 1 20
5 แสงนา่ รู้ ว 2.3 ป.4/1 10 5
6 ระบบสุรยิ ะ ว 3.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3 12 10
สอบปลายภาคเรียนท่ี 2 17 15
รวมทั้งส้ินตลอดปีการศึกษา 1 20
80 100
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สุธาอุทศิ
122
โครงสร้างรายวิชา
รายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ว 15101 กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 5 เวลา 80 ชว่ั โมง
ลำดับที่ ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้ีวัด เวลา นำ้ หนัก
(ชั่วโมง) คะแนน
1 ส่งิ มชี ีวิตกับสภาพแวดลอ้ ม ว 1.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4
13 10
ว 1.3 ป.5/1, ป.5/2
14 10
2 การเปลี่ยนแปลงของสสาร ว 2.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4 12 10
1 20
3 แรงในชีวิตประจำวัน ว 2.2 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5 15 10
65
สอบปลายภาคเรยี นท่ี 1 18 15
1 20
4 ธรรมชาตขิ องเสียง ว 2.3 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5 80 100
5 ปรากฏการณ์ดวงดาว ว 3.1 ป.5/1, ป.5/2
6 แหล่งน้ำธรรมชาติ ว 3.2 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5
สอบปลายภาคเรยี นที่ 2
รวมทั้งสนิ้ ตลอดปกี ารศึกษา
หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สธุ าอุทิศ
123
โครงสร้างรายวิชา
รายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ว 16101 กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เวลา 80 ชั่วโมง
ลำดับที่ ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้วี ัด เวลา นำ้ หนัก
(ชั่วโมง) คะแนน
1 อาหารและการย่อยอาหาร ว 1.2 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5
15 13
2 การแยกสารในชวี ติ ประจำวนั ว 2.1 ป.6/1 10 5
14 12
3 ไฟฟา้ นา่ รู้ ว 2.2 ป.6/1
1 20
ว 2.3 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5, 12 10
ป.6/6 15 12
สอบปลายภาคเรียนที่ 1 12 8
4 ปรากฏการณ์การเปลย่ี นแปลง ว 3.2 ป.6/4, ป.6/5, ป.6/8 1 20
80 100
ของอากาศ
5 ปรากฏการณ์การเปลยี่ นแปลง ว 3.2 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/6, ป.6/7
ของโลก
6 ปรากฏการณ์ดาราศาสตร์และ ว 2.3 ป.6/7, ป.6/8
เทคโนโลยอี วกาศ ว 3.1 ป.6/1, ป.6/2
สอบปลายภาคเรียนที่ 2
รวมท้ังสิน้ ตลอดปกี ารศึกษา
หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทร์สธุ าอุทศิ
124
โครงสรา้ งรายวชิ า
รายวิชาพืน้ ฐานวิทยาการคำนวณ ว 11101 กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา 20 ช่ัวโมง
ลำดับที่ ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้วี ัด เวลา นำ้ หนกั
(ช่ัวโมง) คะแนน
1 การใช้งานเทคโนโลยเี บือ้ งตน้ ว 4.2 ป.1/4
2 การแกป้ ัญหาอยา่ งเปน็ ขน้ั ตอน ว 4.2 ป.1/1, ป.1/2 3 10
6 30
สอบปลายภาคเรียนท่ี 1 1 10
3 การเขยี นโปรแกรมเบือ้ งต้น ว 4.2 ป.1/3 6 25
4 การใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศ ว 4.2 ป.1/5 3 15
อยา่ งปลอดภัย 1 10
สอบปลายภาคเรียนท่ี 2 20 100
รวมท้ังสิน้ ตลอดปีการศึกษา
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอทุ ิศ
125
โครงสร้างรายวชิ า
รายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาการคำนวณ ว 12101 กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 2 เวลา 20 ช่ัวโมง
ลำดบั ท่ี ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชวี้ ัด เวลา นำ้ หนัก
(ชว่ั โมง) คะแนน
1 การแก้ปัญหาอย่างเปน็ ขนั้ ตอน ว 4.2 ป.2/1
2 การตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของ ว 4.2 ป.2/2 6 25
3 15
โปรแกรม
สอบปลายภาคเรยี นที่ 1 1 10
6 25
3 การจดั การไฟล์อยา่ งมีระบบ ว 4.2 ป.2/3 3 15
4 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ว 4.2 ป.2/4
1 10
อยา่ งปลอดภยั 20 100
สอบปลายภาคเรียนที่ 2
รวมท้ังส้นิ ตลอดปกี ารศกึ ษา
หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทรส์ ุธาอุทิศ
126
โครงสร้างรายวิชา
รายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาการคำนวณ ว 13101 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 3 เวลา 20 ชัว่ โมง
ลำดบั ท่ี ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชว้ี ัด เวลา น้ำหนกั
(ชัว่ โมง) คะแนน
1 อัลกอริทึมกบั การแก้ปัญหา ว 4.2 ป.3/1
3 15
2 การเขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย ว 4.2 ป.3/2 6 25
1 10
สอบปลายภาคเรยี นที่ 1 2 10
3 อินเทอรเ์ นต็ และเทคโนโลยี ว 4.2 ป.3/3, ป.3/5 3 10
สารสนเทศ 4 20
1 10
4 การรวบรวม ประมวลผล และ ว 4.2 ป.3/4 20 100
นำเสนอข้อมลู
6 การใช้งานซอฟต์แวร์ ว 4.2 ป.3/4
สอบปลายภาคเรียนที่ 2
รวมทั้งสนิ้ ตลอดปกี ารศึกษา
หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทรส์ ธุ าอุทิศ
127
โครงสร้างรายวชิ า
รายวิชาพืน้ ฐานวิทยาการคำนวณ ว 14101 กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 เวลา 40 ชัว่ โมง
ลำดบั ที่ ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ช้วี ัด เวลา น้ำหนกั
(ชวั่ โมง) คะแนน
1 ขน้ั ตอนวิธีในการแกป้ ญั หา ว 4.2 ป.4/1
7 15
2 การเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย ว 4.2 ป.4/2 12 25
1 10
สอบปลายภาคเรยี นที่ 1 5 10
10 20
3 การใช้งานอนิ เตอรเ์ น็ต ว 4.2 ป.4/3
4 10
4 การนำเสนอขอ้ มลู ด้วย ว 4.2 ป.4/4 1 10
40 100
ซอฟตแ์ วร์
5 การใช้เทคโนโลยอี ยา่ งปลอดภัย ว 4.2 ป.4/5
สอบปลายภาคเรียนท่ี 2
รวมท้ังส้ินตลอดปีการศกึ ษา
หลักสตู รกลุม่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทิศ
128
โครงสรา้ งรายวชิ า
รายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาการคำนวณ ว 15101 กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 5 เวลา 40 ชั่วโมง
ลำดับท่ี ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชว้ี ัด เวลา นำ้ หนกั
(ช่วั โมง) คะแนน
1 เหตุผลเชงิ ตรรกะกบั การ ว 4.2 ป.5/1
6 15
แกป้ ัญหา
13 25
2 การเขยี นโปรแกรมโดยใชเ้ หตุผล ว 4.2 ป.5/2
1 10
เชิงตรรกะ 11 25
8 15
สอบปลายภาคเรียนที่ 1
1 10
3 ขอ้ มลู สารสนเทศ ว 4.2 ป.5/3, ป.5/4 40 100
4 การใช้อนิ เทอร์เน็ตอย่าง ว 4.2 ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5
ปลอดภัย
สอบปลายภาคเรียนที่ 2
รวมท้ังส้นิ ตลอดปกี ารศกึ ษา
หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทรส์ ธุ าอทุ ิศ
129
โครงสร้างรายวิชา
รายวิชาพ้นื ฐานวิทยาการคำนวณ ว 16101 กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6 เวลา 40 ช่วั โมง
ลำดับที่ ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชวี้ ัด เวลา นำ้ หนกั
(ชว่ั โมง) คะแนน
1 การแกป้ ัญหาโดยใช้เหตุผล ว 4.2 ป.6/1
8 10
เชงิ ตรรกะ
11 30
2 การออกแบบและเขยี น ว 4.2 ป.6/2
1 10
โปรแกรมอย่างงา่ ย 13 30
สอบปลายภาคเรียนท่ี 1 6 10
3 การใชง้ านอินเทอร์เน็ตอย่างมี ว 4.2 ป.6/3 1 10
40 100
ประสิทธิภาพ
4 ความปลอดภัยในการใช้งาน ว 4.2 ป.6/4
เทคโนโลยสี ารสนเทศ
สอบปลายภาคเรียนที่ 2
รวมทั้งสิ้นตลอดปกี ารศกึ ษา
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ุธาอทุ ิศ
130
ส่วนที่ 6
การวัดผลและประเมนิ ผล
การเรยี นร้ทู ่ีผู้เรียนมีความสำคัญทสี่ ุด
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 22 ระบุว่า การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า
ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการ
จัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ ในมาตรา 22 (2) เน้น
การจัดการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ให้ความสำคัญของการบูรณาการความรู้ คุณธรรม
กระบวนการเรยี นรู้ตามความเหมาะสมของระดับการศึกษา ในส่วนของการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์นั้น ต้องให้
เกิดทัง้ ความรู้ ทักษะ และเจตคตดิ ้านวิทยาศาสตร์ รวมทั้งความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์เร่ืองการจัดการ
การบำรุงรกั ษา และการใช้ประโยชนจ์ ากทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มอยา่ งสมดุลยง่ั ยนื
ในส่วนของการจัดกระบวนการเรียนรู้ มาตรา 24 ของ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ ได้ระบุให้
สถานศึกษาและหนว่ ยงานท่เี ก่ยี วข้องดำเนนิ การดังน้ี
1. จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึงถึง
ความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล
2. ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพ่ือ
ปอ้ งกันและแก้ไขปญั หา
3. จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏบิ ตั ิ ให้ทำได้ คดิ เป็น ทำเป็น รักการ
อา่ น และเกิดการใฝร่ ูอ้ ย่างต่อเนื่อง
4. จดั การเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านตา่ ง ๆ อยา่ งได้สัดสว่ นสมดลุ กนั รวมท้งั ปลูกฝัง
คุณธรรม คา่ นิยมท่ดี ีงาม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคไ์ ว้ในทกุ กลุ่มสาระการเรียนรู้
5. ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และอำนวยความ
สะดวกเพอ่ื ให้ผู้เรียนเกิดการเรยี นรู้ และมีความรอบรู้ รวมทั้งสามารถใช้การวจิ ัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ
เรยี นรู้ ท้ังนี้ผ้สู อนและผู้เรยี นอาจเรยี นรู้ไปพร้อมกันจากสื่อการเรยี นการสอนและแหล่งวิทยาการประเภทต่าง ๆ
6. จัดการเรียนรูใ้ ห้เกิดข้ึนได้ทุกเวลาทุกสถานท่ีมีการประสานความร่วมมือกับบิดามารดา ผู้ปกครอง
และบคุ คลในชุมชนทุกฝ่าย เพอ่ื ร่วมกันพัฒนาผู้เรยี นตามศกั ยภาพ
การจัดการเรยี นรูต้ ามแนวดังกล่าว จำเป็นต้องเปล่ียนแปลงพฤติกรรมการสอนของผสู้ อนและการเรียน
ของผู้เรียน กล่าวคือลดบทบาทของผู้สอนจากการเป็นผู้บอกเล่าและบรรยาย เป็นการวางแผนจัดกิจกรรมให้
ผเู้ รยี นเกดิ การเรียนรโู้ ดยผ่านกระบวนการทีส่ ำคัญ คอื กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซึ่งเปน็ กระบวนการท่ีจะ
นำไปสู่การสร้างองค์ความรู้โดยผ่านกิจกรรมการสังเกต การตั้งคำถาม การวางแผนเพื่อการทดลอง การสำรวจ
ตรวจสอบ (investigation) ซึ่งเป็นวิธีการหาข้อมูลโดยตรงด้วยวิธีการที่หลากหลายทั้งเชงิ ปริมาณและคุณภาพ
กระบวนการแก้ปัญหา การสืบค้นข้อมูล การอภิปราย และการสื่อสารความรู้ในรูปแบบต่าง ๆ ให้ผู้อื่น
เข้าใจ กิจกรรมต่าง ๆ จะต้องเน้นที่บทบาทของผู้เรียนตั้งแต่เริ่ม คือ ร่วมวางแผนการเรียน การวัดผลและ
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทรส์ ุธาอทุ ศิ
131
ประเมินผล และต้องคำนึงว่ากจิ กรรมการเรียนน้นั เน้นการพฒั นากระบวนการคิด วางแผน ลงมือปฏิบัติ สืบค้น
ข้อมูล รวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการต่าง ๆ จากแหล่งเรียนรูห้ ลากหลาย ตรวจสอบ วิเคราะห์ข้อมูล การแก้ปัญหา
การมปี ฏสิ มั พนั ธซ์ ่ึงกันและกนั การสร้างคำอธิบายเกีย่ วกับข้อมลู ท่ีสืบค้นได้ เพอ่ื นำไปสคู่ ำตอบของปัญหาหรือ
คำถามต่าง ๆ ในทีส่ ดุ เปน็ การสร้างองค์ความรู้ ทงั้ นก้ี ิจกรรมการเรยี นร้ดู งั กล่าวต้องพฒั นาผเู้ รียนให้เจริญพัฒนา
ทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคม และสตปิ ัญญา
การจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เน้นกระบวนการที่นักเรียนเป็นผู้คิด ลงมือ
ปฏิบัติ ศึกษาค้นคว้าอย่างมีระบบด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งการทำกิจกรรมภาคสนามการสังเกต
การสำรวจตรวจสอบ การทดลองในห้องปฏิบัติการ การสืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิ และทุติ ยภูมิ
การทำโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศึกษาจากแหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น โดยคำนึงถึงวุฒิภาวะ
ประสบการณเ์ ดมิ ส่งิ แวดล้อมและวฒั นธรรมต่างกนั ทีน่ ักเรียนไดร้ ับรู้มาแล้วก่อนเข้าส่หู ้องเรยี น การเรียนรู้ของ
นกั เรยี นจะเกดิ ข้นึ ระหว่างทีน่ ักเรียนมสี ่วนร่วมโดยตรงในการทำกิจกรรมการเรยี นเหล่าน้นั จึงจะมีความสามารถ
ในการสืบเสาะหาความรู้ มคี วามสามารถในการแกป้ ญั หาด้วยวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ ได้พฒั นากระบวนการคิด
ขั้นสูง และคาดหวังว่ากระบวนการเรียนรู้ดังกล่าวจะทำให้นักเรียนได้รับการพัฒนาเจตคติทางวิทยาศาสตร์
มีคุณธรรม จริยธรรมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งสามารถสื่อสารและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
อย่างมีประสิทธภิ าพ
เจตคติทางวิทยาศาสตร์ หรือจติ วทิ ยาศาสตร์ที่คาดหวงั วา่ จะได้รับการพัฒนาขึน้ ในตัวนักเรียนโดยผ่าน
กระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ มีดังนี้
- ความสนใจใฝ่รู้
- ความซอื่ สตั ย์
- ความอดทนมุ่งมัน่
- การมใี จกวา้ งยอมรบั ฟังความคิดเห็น
- ความคิดสร้างสรรค์
- มคี วามสงสัยและกระตือรือรน้ ท่จี ะหาคำตอบ
- ยอมรบั เมอ่ื มีประจักษ์พยานหรือเหตุผลทเี่ พยี งพอ
ในการจัดการเรยี นการสอน ผสู้ อนตอ้ งศึกษาเป้าหมายและปรชั ญาของการจัดการเรยี นรูใ้ หเ้ ข้าใจอย่าง
ถ่องแท้ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ ทฤษฎีการเรียนรู้ต่าง ๆ ตลอดจนกระบวนการเรียนการสอนที่เน้น
กระบวนการและผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด แล้วพิจารณาเลือกนำไปใช้ออกแบบกิจกรรมที่หลากหลายให้
เหมาะสมกับเนื้อหาสาระ เหมาะกับสภาพแวดล้อมของโรงเรียน แหล่งความรู้ของท้องถิ่น และที่สำคัญคือ
ศักยภาพของผูเ้ รียนดว้ ย ดังนั้น ในเนื้อหาสาระเดียวกัน ผู้สอนแต่ละโรงเรยี นย่อมจดั การเรียนการสอนและใช้
สอื่ การเรียนการสอนที่แตกต่างกนั ได้
การจักการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ช่วยให้มีการพัฒนาในทุก ๆ ด้าน และครอบคลุมถึงเรื่องของ
ความตระหนกั และผลของวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีอกี ด้วย การจัดการเรยี นการสอนกล่มุ วิทยาศาสตร์ในทุก
ระดับจึงต้องดำเนินการที่จะส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาที่สมบรู ณ์เพื่อให้บรรลุเปา้ หมายที่วางไว้ โดยจัด
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2564 โรงเรียนแกว้ อินทรส์ ธุ าอทุ ิศ
132
กิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มวิทยาศาสตร์ที่เน้นกระบวนการที่ผู้เรียนเป็นผู้คิด ลงมือปฏิบัติ ศึกษาค้นคว้า
อย่างมีระบบด้วยกิจกรรมหลากหลาย กิจกรรมที่จะจัดให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้มีหลากหลาย
เช่น
- กิจกรรมภาคสนาม
- กิจกรรมแกป้ ัญหา
- กจิ กรรมการสังเกต
- กิจกรรมสำรวจตรวจสอบ
- กิจกรรมการทดลอง
- กิจกรรมสบื ค้นขอ้ มลู ทง้ั จากแหลง่ ข้อมูลท่ีเป็นบุคคล เอกสารในหอ้ งสมดุ หรือ
หนว่ ยงานในท้องถ่นิ จนถงึ การสบื คน้ ทางเครอื ขา่ ยอินเทอร์เน็ต
- กจิ กรรมศึกษาคน้ คว้าจากสอื่ ต่าง ๆ และแหลง่ เรียนรใู้ นท้องถ่นิ
- กิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์
- กจิ กรรมอภิปราย
ฯลฯ
กระบวนการเรียนการสอนทใ่ี ช้การเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
การเรียนรู้เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การพัฒนาความคิดและความสามารถโดยอาศัย
ประสบการณแ์ ละปฏสิ ัมพันธร์ ะหว่างผูเ้ รียนและสงิ่ แวดล้อม ทำให้บุคคลดำเนินชวี ติ ไดอ้ ย่างมีความสขุ ในสังคม
ดงั น้ันกอ่ นท่ีครูผสู้ อนจะจัดการเรียนการสอน จะตอ้ งตระหนักว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นด้วยตวั ของผู้เรียนเอง การ
เรียนรู้เรื่องใหมจ่ ะมีพื้นฐานมาจากความรเู้ ดมิ ฉะนั้นประสบการณข์ องนักเรยี นจึงเปน็ ปจั จัยสำคญั ต่อการเรียนรู้
เป็นอย่างยิ่ง กระบวนการเรียนรู้ที่แท้จริงของนักเรียนไม่ได้เกิดจากการบอกเล่าของครูหรือนักเรียนเพียงแต่
จดจำแนวคิดต่าง ๆ ทม่ี ีผู้บอกให้เทา่ นัน้ กระบวนการท่ีนักเรียนจะต้องสบื ค้นเสาะหา สำรวจตรวจสอบ และ
ค้นคว้าด้วยวิธีการต่าง ๆ จะทำให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจและเกิดการรับรู้ความรู้นั้นอย่างยาวนาน สามารถ
นำมาใช้ได้เมื่อมีสถานการณ์ใด ๆ มาเผชิญหน้า ดังนั้นการที่นักเรียนจะสร้างองค์ความรู้ได้จึงต้องผ่าน
กระบวนการเรยี นร้ทู หี่ ลากหลาย โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ( inquiry process )
กระบวนการสืบเสาะหาความรู้
กระบวนการเรียนการสอนเน้นการสืบเสาะหาความรู้จะเป็นการพัฒนาให้ผู้เรียนได้รับความรู้และ
ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ปลูกฝังให้ผู้เรียนรูจ้ กั ใช้ความคิดของตนเอง สามารถเสาะหาความรู้หรอื
วเิ คราะห์ข้อมลู ได้
การจดั การใหน้ ักเรยี นเรยี นแบบสบื เสาะหาความรู้ อาจทำเปน็ ข้นั ตอนดังนี้
1) ขั้นสร้างความสนใจ (engagement) เป็นการนำเข้าสู่บทเรียนหรือเรื่องที่สนใจ ซึ่งอาจเกิดข้ึน
เองจากความสงสัย หรืออาจเริ่มจากความสนใจของตัวนักเรียนเอง หรอื เกดิ จากการอภปิ รายภายในกลุ่ม เรื่อง
ที่น่าสนใจอาจมาจากเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในช่วงเวลานั้น หรือเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับความรู้เดิมที่เพิ่ง
เรียนรู้มาแล้ว เป็นตัวกระตุ้นให้นักเรียนสร้างคำถาม กำหนดประเด็นท่ีจะศึกษา ในกรณีที่ยังไม่มปี ระเด็นใด
หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทศิ
133
น่าสนใจ ครูอาจให้ศึกษาจากสื่อต่างๆ หรือเป็นผู้กระตุ้นด้วยการเสนอประเด็นขึ้นมาก่อน แต่ไม่ควรบังคับให้
นักเรียนยอมรบั ประเดน็ หรอื คำถามทค่ี รกู ำลังสนใจเปน็ เร่ืองท่ีจะใชศ้ ึกษา
เมอ่ื มคี ำถามทีน่ ่าสนใจ และนักเรยี นสว่ นใหญย่ อมรับให้เปน็ ประเด็นที่ต้องการศึกษาจึงร่วมกันกำหนด
ขอบเขตและแจกแจงรายละเอียดของเรื่องที่จะศึกษาให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น อาจรวมทั้งการรวบรวมความรู้
ประสบการณ์เดมิ หรือความรู้จากแหล่งตา่ ง ๆ ทีจ่ ะนำไปสูค่ วามเข้าใจเร่ืองหรือประเดน็ ที่จะศึกษามากขน้ึ และ
มีแนวทางทีใ่ ช้ในการตรวจตรวจสอบอย่างหลากหลาย
2) ขั้นสำรวจและค้นหา (exploration) เมื่อทำความเข้าใจในประเด็นหรือคำถามที่สนใจจะศึกษา
อย่างถ่องแท้แล้ว ก็มีการวางแผนกำหนดแนวทางการสำรวจตรวจสอบ ตั้งสมมุติฐาน กำหนดทางเลือกท่ี
เป็นไปได้ ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อสนเทศหรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ วิธีการตรวจสอบอาจทำได้
หลายวิธี เช่น ทำการทดลอง ทำกิจกรรมภาคสนาม การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยสร้างสถานการณ์จำลอง
(simulation) การศกึ ษาหาข้อมลู จากเอกสารอา้ งองิ หรอื จากแหลง่ ข้อมูล
ต่าง ๆ เพอ่ื ใหไ้ ดม้ าซึง่ ขอ้ มูลอย่างเพียงพอทจ่ี ะใชใ้ นขัน้ ต่อไป
3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (explanation) เมื่อได้ข้อมูลอย่างเพียงพอจากการสำรวจตรวจสอบ
แล้ว จึงนำข้อมูล ข้อสนเทศที่ได้มาวิเคราะห์ แปรผล สรุปผล และนำเสนอผลที่ได้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น
บรรยายสรุป สร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ หรือวาดรูป สร้างตาราง การค้นพบในขั้นน้ีอาจเป็นไปได้หลาย
ทาง เช่น สนับสนุนสมมุติฐานที่ตั้งไว้ โต้แย้งกับสมมุติฐานที่ตั้งไว้ หรือไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ได้กำหนดไว้
แต่ผลที่ไดจ้ ะอย่ใู นรูปใด กส็ ามารถสร้างความร้แู ละช่วยใหเ้ กดิ การเรียนรไู้ ด้
4) ขั้นขยายผลความรู้ (elaboration) เป็นการนำความรู้ที่สร้างขึ้นไปเชื่อมโยงกับความรู้เดิมหรือ
แนวคดิ ที่ไดค้ น้ คว้าเพ่มิ เติม หรอื นำแบบจำลองหรอื ข้อสรปุ ทไ่ี ด้ไปอธิบายสถานการณ์หรือเหตุการณอ์ นื่ ๆ ถา้ ใช้
อธิบายเรื่องต่าง ๆ ได้มากก็แสดงว่าข้อจำกัดน้อย ซึ่งก็จะช่วยให้เชื่อมโยงกับเรื่องต่าง ๆ และทำให้เกิดความรู้
กว้างขวางขน้ึ
5) ขั้นประเมิน (evaluation) เป็นการประเมินการเรียนรู้ด้วยกระบวนการต่าง ๆ ว่านักเรียนมี
ความรู้อะไรบา้ ง อย่างไร และมากน้อยเพยี งใดจากขั้นนี้จะนำไปสู่การนำความรู้ไปประยุกต์ในเร่ืองอ่นื ๆ
การนำความรู้หรือแบบจำลองไปใช้อธิบายหรือประยุกต์ใช้กับเหตุการณ์หรือเรื่องอื่น ๆ จะนำไปสู่ข้อ
โต้แย้งหรือข้อจำกัดซึ่งจะก่อให้เป็นประเด็นหรือคำถาม หรือปัญหาที่จะต้องสำรวจตรวจสอบตอ่ ไป ทำให้เกิด
เป้นกระบวนการที่ต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ จึงเรียกว่า inquiry cycle กระบวนการสืบเสาะหาความรู้จึงช่วยให้
นักเรียนเกิดการเรียนรู้ทั้งเนื้อหาหลักและหลักการ ทฤษฎี ตลอดจนการลงมือปฏิบัติ เพื่อให้ได้ความรู้ซึ่งจะ
เปน็ พ้นื ฐานในการเรยี นรู้ต่อไป
การสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ นอกจากจะใช้กระบวนการดังกล่าวแล้ว อาจใช้วิธีในการสืบ
เสาะหาความร้ดู ว้ ยรปู แบบอื่น ๆ อีก ดงั น้ี
การค้นหารูปแบบ (pattern seeking) โดยที่นักเรียนเริ่มด้วยการสังเกตและบันทึกปรากฏการณ์
ตามธรรมชาติ หรือทำการสำรวจตรวจสอบโดยที่ไม่สามารถควบคุมตัวแปรได้ แล้วคิดหารูปแบบจากข้อมูล
เช่น จากการสังเกตผลฝรั่งในสวนจากหลายแหล่ง พบว่าฝรั่งที่ได้รับแสงจะมีขนาดโตกว่าผลฝรั่งที่ไม่ได้รับแสง
นักเรยี นก็สรา้ งรูปแบบและสร้างความร้ไู ด้
หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทร์สธุ าอทุ ศิ
134
การจำแนกประเภทและการระบุชื่อ (classification and identification) เป็นการจัดประเภท
ของวตั ถหุ รือเหตุการณ์เป็นกลุ่ม หรอื การระบชุ ื่อวัตถหุ รือเหตุการณ์ที่เป็นสมาชิกของกลุ่ม เช่น เราจะแบ่งสัตว์
ไม่มกี ระดกู สันหลังเหล่านีไ้ ดอ้ ย่างไร วัสดใุ ดนำไฟฟ้าได้ดีหรือไมด่ ี สารตา่ ง ๆ เหล่านจี้ ำแนกอยูใ่ นกลุ่มใด
การสำรวจและค้นหา (exploring) เป็นการสังเกตวัตถุหรือเหตุการณ์ในรายละเอียด หรือทำการ
สังเกตต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น ไข่กบมีการพัฒนาการอย่างไร เมื่อผสมของเหลวต่างชนิดกันเข้าด้วยกันจะ
เกดิ อะไรขน้ึ
การพัฒนาระบบ (developing system) เป็นการออกแบบ ทดสอบและปรับปรุงสิ่งประดิษฐ์หรือ
ระบบ
- ท่านสามารถออกแบบสวติ ซค์ วามดันสำหรบั วงจรเตือนภยั ไดอ้ ย่างไร
- ทา่ นสามารถสรา้ งเทคนิคหรอื หามวลแหง้ ของแอปเปิลได้อย่างไร
การสร้างแบบจำลองเพื่อการสำรวจตรวจสอบ (investigate models) เป็นการสร้างแบบจำลอง
เพอ่ื อธบิ าย เพื่อให้เห็นถึงการทำงาน เช่น สรา้ งแบบจำลองระบบนเิ วศ
กระบวนการแกป้ ัญหา (problem solving process)
การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มีจุดมุ่งหมายประการหนึ่ง คือ เน้นให้นักเรียนได้ฝึกแก้ปัญหาต่าง ๆ
โดยผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติอย่างมีระบบ ผลที่ได้จากการฝึกจะช่วยให้นักเรียนสามารถตัดสินใจ
แก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยวิธีการคิดอย่างสมเหตุสมผล โดยใช้กระบวนการหรือวิธีการ ความรู้ ทักษะต่าง ๆ และ
ความเขา้ ใจในปญั หานนั้ มาประกอบกันเพื่อเปน็ ข้อมูลในการแกป้ ญั หา
เพอ่ื ใหเ้ ข้าใจไดต้ รงกนั ถึงความหมายท่แี ท้จรงิ ของปัญหา ได้มีผใู้ หค้ วามหมายไวด้ งั นี้
“ ปัญหา” หมายถึง สถานการณ์ เหตุการณ์ หรือสิ่งที่พบแล้วไม่สามารถจะใช้วิธีการใดวิธีการหน่ึง
แกป้ ญั หาไดท้ นั ที หรอื เมอื่ มปี ัญหาเกิดข้นึ แลว้ ไมส่ ามารถมองเห็นแนวทางแก้ไขไดท้ ันที
“ แบบฝกึ หัด “ หมายถึง สถานการณ์ เหตุการณ์ หรอื สงิ่ ทพ่ี บแล้วสามารถแกไ้ ขหรือเลือกวิธีแก้ไข
ไดท้ นั ที หรอื มองเห็นไดช้ ดั เจนวา่ มีวธิ แี ก้ไขที่แน่นอน
การแก้ไขปัญหาอาจทำได้หลายวิธี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของปัญหา ความรู้และประสบการณ์ของผู้
แกป้ ญั หานนั้
กจิ กรรมการคดิ และปฏิบัติ (Hands-on Mind-on Activities)
นักการศึกษาวิทยาศาสตร์แนะนำให้ครูจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้คิดและลงมือปฏิบัติ เมื่อนักเรียนได้
ลงมือปฏิบัติจริง หรือได้ทำการทดลองต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ก็จะเกิดความคิดและคำถามที่หลากหลาย
ตวั อยา่ งกิจกรรม ไดแ้ ก่
- นำแม่เหล็กเขา้ ใกลว้ สั ดตุ ่าง ๆ แล้วสังเกตผลท่เี กดิ ขึ้น
- ใชว้ ตั ถุต่าง ๆ ถกู ับผ้าชนิดตา่ ง ๆ แล้วนำมาแขวนไวใ้ กลก้ นั หรือนำมาแตะชน้ิ
กระดาษ แลว้ สงั เกตการเปล่ยี นแปลง
- ตอ่ หลอดไฟฟา้ หลายหลอดกับถา่ นไฟฉาย สังเกตและเปรียบเทยี บผลที่เกดิ ขึน้ ใช้
กลอ้ งจลุ ทรรศน์สอ่ งดเู นื้อเย่ือของส่งิ มชี ีวติ สงั เกตและเปรยี บเทียบเน้ือเยื่อของสิ่งมีชวี ิตต่าง ๆ
- เป่าลมหายใจลงไปในน้ำปนู ใส สงั เกตการเปล่ยี นแปลงท่เี กดิ ข้ึน
หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2564 โรงเรยี นแกว้ อินทรส์ ุธาอทุ ิศ
135
เมอื่ นักเรียนได้ทำกิจกรรมลักษณะน้ีแลว้ จะทำใหส้ งั เกตผลที่เกิดข้ึนดว้ ยตนเอง ซึ่งเป็นข้อมูล
ที่จะนำไปสู่การถามคำถาม การอธิบาย การอภิปราย หาข้อสรุปและการศึกษาต่อไป กิจกรรมลักษณะนี้จึง
ส่งเสริมให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติและฝึกคิด นำมาสู่การสร้างความรู้ด้วยตนเองด้วยความเข้าใจและเป็นการ
เรยี นรู้อย่างมีความหมาย
การเรยี นร้แู บบร่วมมอื รว่ มใจ (Cooperative Learning)
การเรียนรูแ้ บบร่วมใจ เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สามารถนำมาใช้ในการเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์ได้
อย่างเหมาะสมวธิ ีหนึ่ง เนื่องจากขณะน้ีนกั เรียนทำกิจกรรมร่วมกันในกลุ่ม นักเรียนจะไดม้ ีโอกาสแลกเปล่ยี น
ความรกู้ บั สมาชกิ ของกลุ่ม และการท่แี ตล่ ะคนมวี ัยใกล้เคียงกัน ทำใหส้ ามารถสอื่ สารกันได้เปน็ อยา่ งดี แต่การ
เรียนรแู้ บบร่วมมือร่วมใจที่มปี ระสทิ ธิภาพน้นั ต้องมีรูปแบบหรือมีการจัดระบบอยา่ งดี นักการศึกษาหลายท่าน
ได้ทำการศึกษาคน้ คว้าอยา่ งกวา้ งขวาง เพ่ือจะนำมาใชใ้ นการเรียนการสอนวิชาต่าง ๆ รวมทั้งวิชาวิทยาศาสตร์
และคณิตศาสตรด์ ้วย
การพัฒนาความสามารถและทักษะที่สำคัญของผู้เรียนในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี
การเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ในระดับต่าง ๆ นั้น นอกจากมุ่งหวังให้นักเรียนได้พัฒนาความรู้
ความเข้าใจในแนวความคิดหลักที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในบทเรียนแล้ว ยังมุ่งหวังให้นักเรียนได้พัฒนา
ความสามารถในการตดั สนิ ใจ พฒั นาความคิดชัน้ สงู และพัฒนาทักษะการสือ่ สารด้วย
ความสามารถในการตดั สินใจ (Decision Making)
การจัดกิจกรรมต่าง ๆ ครูควรจัดสถานการณ์ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนฝึกตัดสินใจ เช่น กิจกรรมการ
แก้ปัญหา การศึกษาค้นคว้าอย่างมีระบบ การสืบเสาะหาความรู้ หรืออาจจัดกิจกรรมการแสดงบทบาทสมมุติ
โดยสรา้ งสถานการณ์ข้ึนเอง และเปิดโอกาสให้นกั เรียนแสดงบทบาทสมมุติโดยเป็นผทู้ ่เี ก่ยี วขอ้ งกับการตัดสินใจ
ในเรื่องที่สำคัญของบ้านเมือง เช่น การสร้างเขื่อน การสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ การแก้ปัญหาต่าง ๆที่
เกดิ ข้ึนในโรงเรยี นหรือชุมชน การตัดสินใจเก่ียวกบั ปัญหาบ้านเมืองนัน้ จะต้องอย่บู นพื้นฐานของข้อมูลที่เชื่อถือ
ได้อย่างมีเหตุผลและส่งผลดีต่อส่วนรวม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและการพัฒนาท่ียั่งยืน ทั้งนี้จะต้อง
พิจารณาทางเลือกทีด่ ีทสี่ ุด ส่งผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มนอ้ ยท่สี ดุ กอ่ ให้เกดิ การพฒั นาทย่ี ง่ั ยืนและคุณภาพชีวิต
ที่ดี
การพฒั นาความคิดขั้นสูง ( Higher- ordered Thinking )
การคิดขั้นสูงเป็นความสามารถทางสติปัญญาประการหน่ึงที่ต้องพฒั นาให้เกิดในขณะที่นักเรียนเข้ามา
อยู่ในโรงเรียน เพื่อเรียนรู้เนื้อหาและหลักการ รวมทั้งแนวคิดในวิชาต่าง ๆ ความคิดขั้นสูงประกอบด้วย
ความคดิ ในดา้ นตา่ ง ๆ คอื
1. ความคิดวเิ คราะห์ คือความคิดท่เี กย่ี วขอ้ งกับการจำแนก รวบรวมเป็นหมวดหมู่
รวมทั้งการจัดประเด็นต่างๆ เช่น การจำแนกชนิดของหิน โดยพิจารณาลักษณะภายนอกเป็นเกณฑ์
การจำแนกใบไม้โดยพจิ ารณารปู ร่างของใบ ขอบใบ และเสน้ ใบเปน็ เกณฑ์
หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศกั ราช 2564 โรงเรียนแกว้ อนิ ทร์สธุ าอทุ ิศ