The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่มที่ 1 สรุปผลการดำเนินงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by suparath.le, 2023-07-09 11:21:08

เล่มที่ 1 สรุปผลการดำเนินงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข

เล่มที่ 1 สรุปผลการดำเนินงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข

1


ก คำนำ เอกสารเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบการนำเสนอผลงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติด และอบายมุข ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ เพื่อประกอบการพิจารณาการ ประเมินผลงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ปีการศึกษา ๒๕๖๕ สังกัดสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประเภทผลงานดีเด่น ระดับเพชร ซึ่งโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้นำเสนอ ข้อมูลสถานศึกษา ผลการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ ๕ มาตรการ ตามตัวบ่งชี้ทั้งเชิงปริมาณ เชิงคุณภาพ ประกอบเอกสารหลักฐานที่ใช้ในการอ้างอิง เพื่อใช้ประกอบการพิจารณา ของคณะกรรมการการ นำเสนอได้นำเสนอครอบคลุมทุกงานที่ได้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยการมีส่วนร่วม ของทุกภาคส่วน ได้แก่ คณะครูบุคลากร นักเรียน ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษา ชุมชน ท้องถิ่น หน่วยงาน ต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนและภาคีเครือข่าย ข้อมูลที่นำเสนอเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติงานของโรงเรียนวัด โพสพผลเจริญ ซึ่งจะเป็นแนวทางในการดำเนินงานป้องกันปัญหายาเสพติดและอบายมุข เพื่อประโยชน์ในการ พัฒนาทักษะชีวิตและสร้างภูมิคุ้มกันปัญหาพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของนักเรียนต่อไป โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ขอขอบคุณคณะครู บุคลากร คณะกรรมการ สถานศึกษา ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ทุกหน่วยงาน ทุกองค์กร และขอขอบใจนักเรียนโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ที่ให้ความร่วมมือในการดำเนินงาน และขับเคลื่อนโครงการสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติดและอบายมุข จน ประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์เป็นอย่างดีไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต ๒


ข สารบัญ หน้า คำนำ ก สารบัญ ข คำรับรองผลการดำเนินงาน ค ใบสมัคร ง สำเนาเกียรติบัตร (ระดับเงินที่สถานศึกษาเคยได้รับ) จ สำเนาเกียรติบัตร (ระดับทองที่สถานศึกษาเคยได้รับ) ฉ บทที่ 1 บทนำ 1 - ข้อมูลสถานศึกษา 3 บทที่ 2 สถานการณ์ยาเสพติดรอบสถานศึกษา 14 บทที่ 3 ผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ 5 มาตรการ 18 1) มาตรการด้านการป้องกัน 18 2) มาตรการด้านการค้นหา 135 3) มาตรการด้านการรักษา 143 4) มาตรการด้านการเฝ้าระวัง 166 5) มาตรการด้านการบริหารจัดการ 190 บทที่ 4 กิจกรรมห้องเรียนสีขาว 232 บทที่ 5 ภาพรางวัล ผลงานดีเด่น 331


ค คำรับรองผลการดำเนินงาน โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ปีการศึกษา ๒๕๖๕ สังกัด สพฐ. สช. สอศ. กศน. ระดับทอง ระดับเพชร ……………………………………………………………… ๑. ข้อมูลสถานศึกษา สถานที่ตั้ง ๑๘ หมู่ที่ ๑๘ ถนน ลำลูกกา ตำบล/แขวง คูคต อำเภอ/เขต ลำลูกกา จังหวัด ปทุมธานี โทรศัพท์ ๐๒-๕๒๓-๗๙๘๗ โทรศัพท์ (มือถือ) ๐๖๒-๗๙๒-๘๙๙๕ โทรสาร ๐๒-๕๒๓-๗๙๘๗ E-mail [email protected] ๒. ข้อมูลผู้ปฏิบัติหน้าที่ ปีการศึกษา 256๕ ชื่อ - นามสกุล (ผู้บริหารสถานศึกษา) นางสาวชุตินันท์ พั่วนะคุณมี ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา ชื่อ - นามสกุล (ผู้รับผิดชอบโครงการ) นายสุเนตร ซาวจำปา ตำแหน่ง ครู ได้ตรวจสอบผลการดำเนินงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ และมีผลงานในระดับดีเด่น ขอรับรองว่าข้อมูลทั้งหมดเป็นความจริง (ลงชื่อ)............................................................. (ลงชื่อ) ............................................................. (..........................................................) ( นายคำโพธิ์ บุญสิงห์) ตำแหน่ง...................................................... ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประธานคณะกรรมการประเมิน ประถมศึกษาปทุมธานี เขต ๒ วันที่..........เดือน................................. พ.ศ. ๒๕๖๖ วันที่..........เดือน........................... ...... พ.ศ. ๒๕๖๖ (ลงชื่อ)..................................................... ( นายกฤษณะ เลิศวิชานันท์ ) ตำแหน่ง ศึกษาธิการจังหวัดปทุมธานี วันที่.................เดือน........................................พ.ศ.............................


ง ใบสมัครเข้ารับการประเมิน โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ปีการศึกษา ๒๕๖๕ สังกัด สพฐ. สช. สอศ. กศน. ระดับเงิน ระดับทอง ระดับเพชร ……………………………………………………………… คำชี้แจง ให้ผู้เสนอผลงานกรอกข้อมูล ดังนี้ ๑. ชื่อสถานศึกษา โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต ๒ สถานที่ตั้ง เลขที่ ๑๘ หมู่ที่ ๑๘ ถนน ลำลูกกา ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โทรศัพท์ ๐๒-๕๒๓-๗๙๘๗ โทรสาร ๐๒-๕๒๓-๗๙๘๗ E-mail [email protected] ๒. ชื่อ (ผู้บริหารสถานศึกษา) นางสาวชุตินันท์ พั่วนะคุณมี ระยะเวลาของปีการศึกษาที่ดำเนินงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ตั้งแต่วันที่ ๑๖ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ เดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ รวมระยะเวลา - ปี ๑๑ เดือน โทรศัพท์ มือถือ ๐๖๒๗๙๒๘๙๙๕ E-mail [email protected] ๓. ชื่อ (ครูผู้รับผิดชอบโครงการ) นายสุเนตร ซาวจำปา ระยะเวลาของปีการศึกษาที่ดำเนินงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ตั้งแต่วันที่ ๑๖ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ เดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ รวมระยะเวลา - ปี ๑๑ เดือน โทรศัพท์ ๐๒-๕๒๓-๗๙๘๗ โทรสาร ๐๒-๕๒๓-๗๙๘๗ E-mail [email protected] ๔. สถานศึกษาได้รับรางวัลชูเกียรติเสมา ป.ป.ส. ของปีการศึกษา (กรุณาแนบสำเนาเกียรติบัตรทุกระดับที่ได้รับ หากไม่มีหลักฐานยืนยันให้ถือว่าเริ่มประเมินระดับเงินใหม่) ปีการศึกษา ๒๕๖๐ ประเภทผลงานดีเด่น ระดับเงิน ปีการศึกษา ๒๕๖๑ ประเภทผลงานดีเด่น ระดับทอง ขอรับรองว่าข้อมูลทั้งหมดเป็นความจริง (ลงชื่อ) .............................................. ผู้สมัคร (นางสาวชุตินันท์ พั่วนะคุณมี) ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ วันที่ ๑๕ เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๖


จ สำเนาเกียรติบัตร (ระดับเงินที่สถานศึกษาเคยได้รับ)


ฉ สำเนาเกียรติบัตร (ระดับทองที่สถานศึกษาเคยได้รับ)


1 บทที่ 1 บทนำ หลักการและเหตุผล ภัยอันน่ากลัวของยาเสพติดได้ขยายตัวลุกลามเข้าไปในโรงเรียนเพิ่มมากขึ้น ศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อ เอาชนะยาเสพติด กระทรวงศึกษาธิการได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการป้องกัน และแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา พบปัญหาที่สถานศึกษามีปัญหาของพฤติกรรมที่จัดอยู่ในระดับต้น ๆ เป็นจำนวน มาก ได้แก่ ปัญหาการดื่มสุรา สูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า ปัญหาชู้สาว ปัญหาสื่อลามก ปัญหาหนีเรียน ปัญหาทะเลาะ วิวาท ปัญหาติดเกม ปัญหาติดการพนัน ปัญหาฟุ่มเฟือย และวัตถุนิยมเกินฐานะ จากปัญหาในสถานศึกษานำไปสู่ ปัญหาระดับชาติที่ทุกฝ่ายต้องเข้ามาช่วยแก้ไข คือ ปัญหายาเสพติด ปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร และอีก หลากหลายปัญหาที่เกิดจากปัจจัยเสี่ยง ต้องเฝ้าระวังทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา การสื่อสารเทคโนโลยีต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อประชาชน ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ ซึ่งปรากฏปัญหาให้เห็น มากมายทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด อันนำมาซึ่งปัญหาครอบครัวที่เกิดความทุกข์ ความวิตกกังวล ความเครียด ส่งผลให้เกิดการปรับตัวที่ไม่เหมาะสม หรืออื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ทดลอง และสร้างประสบการณ์ใหม่ ให้แก่ตนเอง อาจพลั้งพลาดและตกเป็นเหยื่อของยาเสพติดและอบายมุข ในหลากหลายลักษณะ อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของยาเสพติดนั้นยังคงเกิดขึ้นทั่วประเทศ ทั่วทวีป และแพร่กระจายเป็นวงกว้างใน หลากหลาย ประเทศทั่วโลก จากสถานการณ์ปัญหา ดังกล่าวข้างต้น กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดมาตรการป้องกันเด็กและ เยาวชนก่อนวัยเสี่ยงและในวัยเสี่ยง ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เรียนรู้ถึงโทษและพิษภัยของยาเสพติด รู้จัก วิธีปฏิเสธหลีกเลี่ยงยาเสพติดและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพื่อหลีกเลี่ยงการหมกมุ่นมั่วสุมกับยาเสพติดและ อบายมุข ตลอดจนดูแลช่วยเหลือ นักเรียน ที่ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงได้กำหนดนโยบายให้ผู้บริหารองค์กร หลัก หน่วยงาน และสถานศึกษาดำเนินการโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ในการดำเนินงานไปสู่เป้าหมายหรือความสำเร็จนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยเฉพาะ บุคลากรทางการศึกษาทุกคนในสถานศึกษา ซึ่งมีครู อาจารย์ เป็นหลักสำคัญในการดำเนินการพัฒนา คุณภาพชีวิตของ นักเรียน ให้เติบโตงดงามและเป็นบุคคลที่มีคุณค่าของสังคม การพัฒนานักเรียนให้เป็นบุคคลที่มี คุณภาพทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา มีความรู้ ความสามารถ และมีคุณธรรมจริยธรรม ดำเนินวิถีชีวิตที่ เป็นสุข ตามที่สังคมมุ่งหวัง โดยผ่านกระบวนการทางการศึกษาที่สถานศึกษาทุกแห่งต้องดำเนินการจัดการศึกษา ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการให้เยาวชนเป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ สามารถดำรงตนให้อยู่ใน สังคมได้อย่างมีความสุข นอกจากจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้นักเรียนได้รับกระบวนการเรียนรู้แล้ว การ ป้องกันและการ ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากปัจจัยเสี่ยงรอบสถานศึกษาที่มีพฤติกรรมไปเกี่ยวข้อง กับยาเสพติด ร้านเกม การพนัน หนีเรียน ทะเลาะวิวาท ก่ออาชญากรรม เป็นปัญหาสังคมที่ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ต้องเข้าไปช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาไม่ให้มีพฤติกรรมเสี่ยง ซึ่งมาจากปัจจัยเสี่ยงและผลกระทบ จากแหล่งอบายมุข โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ตระหนักและเห็นความสำคัญของการเฝ้าระวัง การรณรงค์ต่อต้าน รวมทั้งการ แก้ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดและอบายมุขในพื้นที่ จึงเข้าร่วมโครงการสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติด และอบายมุข ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ในปีการศึกษา ๒๕๖๐ และดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนถึงปีการศึกษา ๒๕๖๕ ในปัจจุบัน โดยยกระดับความเข้มข้นของการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ นำไปสู่เป้าหมายสูงสุดคือการยกระดับเป็นสถานศึกษาสีขาว ที่ผู้เรียนและบุคลากรในโรงเรียนทุกคนปลอดจาก ปัญหายาเสพติด และอบายมุขร้อยละ ๑๐๐


2 วัตถุประสงค์ ๒.๑ เพื่อลดช่องว่างระหว่างครูกับนักเรียนให้นักเรียนมีความใกล้ชิด กล้าบอกปัญหา และเสนอความ คิดเห็นได้ ๒.๒ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดและอบายมุข ๒.๓ เพื่อลดปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดและอบายมุขทั้งในและนอกสถานศึกษา ๒.๔ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมกระบวนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และอบายมุขของสถานศึกษาให้มีกระบวนการที่เข้มแข็งต่อเนื่องและยั่งยืน เป้าหมาย ๑. ด้านปริมาณ - โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้เข้าร่วมโครงการสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติด และรับการ ประเมินผลการดำเนินงานปีละ 1 ครั้ง เพื่อประกาศให้เป็นสถานศึกษาสีขาว - ผู้บริหารสถานศึกษา กรรมการสถานศึกษา ครูอาจารย์ นักเรียน นักศึกษาแกนนำและผู้ปกครอง ให้การสนับสนุนส่งเสริมการดำเนินโครงการห้องเรียนสีขาว ๒. ด้านคุณภาพ - นักเรียน มีจิตสาธารณะรู้จักเสียสละดูแลช่วยเหลือกัน มีภาวการณ์เป็นผู้นำและผู้ตามที่ดีมีความรู้คู่ คุณธรรม - การมีส่วนร่วมในการดูแลช่วยเหลือระหว่างบ้านและสถานศึกษา มีผู้ปกครอง ครู อาจารย์ที่ปรึกษา และครูประจำชั้นติดตามพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์และร่วมกันแก้ไข ผู้รับผิดชอบโครงการ ๑. ฝ่ายกิจการนักเรียน ๒. ครูที่ปรึกษา ตัวชี้วัดความสำเร็จ - เชิงปริมาณ ร้อยละ ๘๐ ผู้บริหารสถานศึกษา กรรมการสถานศึกษา ครู อาจารย์ นักเรียนใน สถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการห้องเรียนสีขาว/แผนกสีขาวมีความพึงพอใจ - เชิงคุณภาพ ร้อยละ ๘๐ นักเรียน ร่วมปฏิบัติตามกระบวนการดำเนินงานโครงการห้องเรียนสีขาว ส่งผลให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่พึงประสงค์เป็นแบบอย่างที่ดีงามของสังคม การประเมินผลโครงการ ๑. ห้องเรียนประเมินตนเอง และรายงานผลการประเมินให้โรงเรียนทราบของทุกภาคเรียน ๒. สถานศึกษารายงานศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงศึกษาธิการ ทุกปี การศึกษา ผลที่คาดว่าจะได้รับ ๑. นักเรียน มีความรู้คู่คุณธรรม เติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ ไม่ไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดและอบายมุข ๒. ความร่วมมือระหว่างบ้านกับสถานศึกษามีความเข้มแข็งช่วยเหลือนักเรียน ให้มีพฤติกรรมพึงประสงค์ เป็นเยาวชนที่ดีของประเทศไทย ๓. การดำเนินงานโครงการห้องเรียนสีขาว มีคุณภาพนำไปสู่ โครงการสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติด และอบายมุข


3 1. ข้อมูลทั่วไป ชื่อโรงเรียน วัดโพสพผลเจริญ ที่ตั้ง ๑๘ หมู่ ๑๘ ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต ๒ โทรศัพท์ ๐๒-๕๒๓๗๙๘๗ โทรสาร ๐๒-๕๒๓๗๙๘๗ e-mail phosop@pathum๒.net website www.posopschool.ac.th เปิดสอนระดับชั้น ปฐมวัยปีที่ ๒ ถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เนื้อที่ ๗ ไร่ - ตารางวา เขตพื้นที่บริการ หมู่ ๓ ๔ ๕ ๑๑ ๑๗ และ ๑๘ ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ประวัติโรงเรียนโดยย่อ โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๖ โดยใช้ศาลาการเปรียญของวัดโพสพผลเจริญ เป็น ที่เรียน มีพระอธิการถม ไทยประจง เจ้าอาวาสวัดโพสพผลเจริญเป็นผู้ดำเนินการ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๗๖ ทาง ราชการ ได้ยกฐานะโรงเรียนขึ้นเป็นโรงเรียนประชาบาล โดยพระอธิการถม ไทยประจง ได้ลาสิกขาบทมาดำรง ตำแหน่งครูใหญ่โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ประวัติการเปิดสอน พ.ศ. ๒๔๖๖ เริ่มก่อตั้งโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ โดยใช้ศาลาการเปรียญเป็นที่เรียน พ.ศ. ๒๔๗๖ ได้เปลี่ยนฐานะจากโรงเรียนวัดมาเป็นโรงเรียนประชาบาล และต่อมาได้เปลี่ยนจาก โรงเรียนประชาบาลเป็นโรงเรียนประชาบาลแบบจัดตั้ง เปิดสอนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๔ พ.ศ. ๒๕๑๙ โรงเรียนเริ่มเปิดสอนชั้นประถมปีที่ ๕ โดยใช้เลขประจำโรงเรียน ปท.๑๑๙ พ.ศ. ๒๕๒๓ โรงเรียนได้โอนจากการสังกัดกระทรวงมหาดไทยไปสังกัดสำนักงานคณะกรรมการ การประถมศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ เปิดทำการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ๑ ถึง ชั้นประถมปีที่ ๖ พร้อมทั้งเปลี่ยนการใช้เลขประจำโรงเรียนจาก ปท.๑๑๙ มาเป็น พ.ส. ปัจจุบัน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต ๒ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ เปิดสอนระดับชั้นปฐมวัยและระดับประถมศึกษา ๒. สภาพปัจจุบัน ๒.๑ ภารกิจหลัก โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ตั้งอยู่เลขที่ ๑๘ หมู่ ๑๘ ตำบลคูคต อำเภอลำลูกการ จังหวัดปทุมธานี เป็นโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต ๒ สำนักงานงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ มีภารกิจหลักที่สำคัญ คือ ๑. จัดการศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการเข้าเรียนใน ชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ ซึ่งเป็นการศึกษาภาคบังคับ ๒. จัดการศึกษาระดับประถมศึกษา ให้แก่เด็กที่มีอายุในเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับทุกคนได้เข้ารับ การศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาขั้นพื้นฐาน ข้อมูลสถานศึกษา


4 ๒.๒ ปริมาณงาน จากภารกิจในการจัดการศึกษาดังกล่าว ในปีการศึกษา ๒๕๖๓ โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญมีจำนวน นักเรียนและจำนวนห้องเรียนในความรับผิดชอบทั้งสิ้น ดังนี้ ตารางที่ ๑ แสดงจำนวนห้องเรียน จำนวนนักเรียน จำแนกตามชั้นเรียน (ข้อมูล ณ วันที่ 12 มกราคม ๒๕๖6) ระดับชั้นเรียน จำนวนห้อง เพศ รวม เฉลี่ยต่อห้อง ชาย หญิง ก่อนประถม อนุบาลปีที่ ๑ - - - - - อนุบาลปีที่ ๒ ๑ 15 16 31 อนุบาลปีที่ ๓ ๑ 23 ๑6 ๓9 รวม ๒ ๓8 32 70 ประถมศึกษา ประถมศึกษาปีที่ ๑ 1 14 18 32 ประถมศึกษาปีที่ ๒ ๒ 19 33 52 ประถมศึกษาปีที่ ๓ ๒ 23 27 50 ประถมศึกษาปีที่ ๔ 1 ๒6 ๑๘ ๔4 ประถมศึกษาปีที่ ๕ ๒ 22 23 45 ประถมศึกษาปีที่ ๖ ๒ 30 17 57 รวม ๑0 ๑34 136 270 รวมทั้งหมด ๑2 ๑72 ๑๖8 ๓40 ๒.๓ ปัจจัยสนับสนุน จากปริมาณงาน มีปัจจัยสนับสนุนการศึกษาตามภารกิจหลัก ประกอบด้วย ๒.๓.๑ จำนวนบุคลาการและข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับบุคลากร ดังนี้ ตารางที่ ๒ แสดงจำนวนบุคลากร ตำแหน่งบริหาร ครู/วุฒิการศึกษา ภาระงานสอน และการพัฒนาตนเอง ที่ ชื่อ - สกุล อายุ อายุ ราชการ ตำแหน่ง/ วิทยฐานะ วุฒิ วิชาเอก สอนวิชา/ชั้น ๑ นางสาวชุตินันท์ พั่วนะคุณมี ๔๔ ๑๘ ปี ผู้อำนวยการ ชำนาญการพิเศษ กศ.ม. การบริหาร การศึกษา พระพุทธศาสนา ๒ นางปรียนันท์ เจษฎางกูร ณ อยุธยา ๕๙ ๓๘ ปี ครูชำนาญการ พิเศษ ค.บ. ภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษ ป.๔ - ๖ 3 น.ส.อัมพร ศรีหรั่งไพโรจน์ ๔๖ ๒๒ ปี ครูชำนาญการ พิเศษ ค.บ. การศึกษา ปฐมวัย อนุบาล ๓ 4 นางสาวพรรณิกา แซ่ลี้ ๓๗ ๑๓ ปี ครูชำนาญการ พิเศษ ศป.ม. มานุษยดุริ ยางควิทยา กลุ่มสาระศิลปะ 5 นายสมคะเน โตวัฒนา ๔๖ ๑๑ ปี ครูชำนาญการ พิเศษ ค.ม. การบริหาร การศึกษา ภาษาไทย ป.๔ - ๖


5 ที่ ชื่อ - สกุล อายุ อายุ ราชการ ตำแหน่ง/ วิทยฐานะ วุฒิ วิชาเอก สอนวิชา/ชั้น 6 นายสุเนตร ซาวจำปา ๔๔ ๕ ครู บธ.บ ศศ.บ การจัดการ สารสนเทศ คอมพิวเตอร์/ ไทยคดีศึกษา สังคมศึกษา ป.๔ - ๖ 7 นายเอกลักษณ์ อ่อนสำลี ๓๘ ๘ ปี ครู อส.บ คอมพิวเตอร์ กลุ่มสาระ วิทยาการคำนวณ ป.๑-๖ 8 นางสาวศุภรัตน์ เลิศสุทธิไกรศรี ๒๘ ๕ ปี ครู ศษ.ม. ปฐมวัยศึกษา อนุบาล ๒ 9 นายยศพล มุงเมือง ๒๘ ๔ ปี ครู ค.บ. คณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์ ป.๔ - ๖ 10 นางอุสิชา กอบกระโทก ๔๓ ๗ ปี ครู ค.บ. ประถมศึกษา ประจำชั้นป.๑ 11 นางสาวมณสิกานต์ ล้านแปง ๓๑ ๘ ปี ครู ศษ.ม. บริหาร การศึกษา ภาษาไทย ป.๒-๓ ๑2 นางสาวอรพินท์ เกษหอม ๒๙ - ครูผู้ช่วย ค.บ. วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ป. ๒-๖ ๑3 นางสาวขวัญนภา เชื้อกุณะ ๒๙ - ครูผู้ช่วย ค.บ. สังคมศึกษา สังคมป.๑-๓ ประวัติฯ หน้าที่ พลเมือง ป.๒-๓ ตารางที่ ๓ แสดงจำนวนครู ครูจ้างสอน/พี่เลี้ยงอนุบาล /พี่เลี้ยงเด็กพิการ/เจ้าหน้าที่ธุรการ ที่ ชื่อ - สกุล อายุ ประสบการณ์ การสอน/การ ทำงาน วุฒิ วิชาเอก สอนวิชา/ชั้น ตำแหน่ง จ้างด้วยเงิน ๑ น.ส.นุสรา ภูพันนา ๓๒ - ค.บ. ภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษ ครูอัตรา จ้าง อบจ. ๒ นายอติชาติ ยอดยศ 24 - ค.บ. พละศึกษา สุขศึกษา - พละ ครูอัตรา จ้าง อบจ. ๓ น.ส.มณีจันทร์ จ้อยจุ้ย ๕๕ ๒๒ ปี รศ.บ. ป.ตรี รัฐศาสตร์ พี่เลี้ยงเด็กพิการ พี่เลี้ยงเด็ก พิการ สพฐ. ๔ นางลำใย จ้อยจุ้ย ม.๖ -- แม่บ้าน แม่บ้าน รายได้ สถานศึกษา จำนวนครูที่สอนวิชาตรงเอก ๑๔ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ ภาระงานสอนเฉลี่ยของครู ๑ คน เท่ากับ ๒๕ ชม./สัปดาห์ ภาระงานที่โรงเรียนมอบหมายเฉลี่ยของครู ๑ คน เท่ากับ ๓.๗๕ ชม./สัปดาห์


6 ๒.๓.๒ อาคารเรียน และอาคารประกอบ ตารางที่ ๔ แสดงจำนวนอาคารเรียน อาคารประกอบ โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ที่ อาคาร จำนวน ห้อง หมายเหตุ ๑ อาคารเรียน หลัง ๓๔ ห้องเรียน ๒ อาคารโรงอาหาร ๑ หลัง ๑ ห้อง ๓ อาคารเอนกประสงค์ ๑ หลัง - ๔ บ้านพักครูเรือนแถว ๑ หลัง ๓ ห้อง ๕ บ้านพักครูแบบชายโสด ๑ หลัง ๔ ห้อง ๖ ส้วม ๓ หลัง ๑๔ ห้อง แผนที่โรงเรียน


7 ๒.๓.๓ รายชื่อคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปีการศึกษา ๒๕๖๕) ๑) นายนุชิต สังข์ใจ ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ๒) พระครูปลัดประภัสสร ปญฺญาวุโธ กรรมการผู้แทนองค์กรศาสนา ๓) นายอรรถพร สังข์ใจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔) ด.ต.สนั่น พงษ์สุวรรณ กรรมการผู้แทนผู้ปกครอง ๕) นายเกียรติ ธรรมศิริ กรรมการผู้แทนองค์กรปกครองท้องถิ่น ๖) ร.ต.ชันษา พิมศรี กรรมการผู้แทนองค์กรชุมชน ๗) นางปรียนันท์ เจษฎางกูร ณ อยุธยา กรรมการผู้แทนครู ๘) นายเอกลักษณ์ อ่อนสำลี กรรมการผู้แทนศิษย์เก่า ๙) นางสาวชุตินันท์ พั่วนะคุณมี กรรมการและเลขานุการ แผนผังโรงเรียน


8 ๒.๓.๔ รายชื่อคณะกรรมการภาคีเครือข่าย ๑) นางชุติมา ใจใหญ่ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดประชุมราษฎร์ ๒) นายประพจน์ วงศ์ปาน ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเกตุประภา ๓) นางพรรณิภา ช่วยเมือง ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนประชานิกรอำนวยเวทย์ ๔) นางสาวชุตินันท์ พั่วนะคุณมี ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ๕) นางสุภารมย์ โลทะกะ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองคูคต ๖) พันตำรวจโท สุรชา โคตรวงษ์ทอง สว.ป. สภ.คูคต ๗) นางจีรนันท์ จิตมณี รักษาการหัวหน้างานบริการสุขภาพ ศูนย์การแพทย์ธรรมศาตร์คูคต คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ๘) นางปูชิตา ไกรวาส ประธานเครือข่ายผู้ปกครอง ๙) เด็กหญิงรุจจิรา ตาสว่าง ประธานนักเรียนโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ๑๐) นายสมคะเน โตวัฒนา ครูประจำชั้น ๑๑) นายสุเนตร ซาวจำปา หัวหน้างานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ๒.๔ ข้อมูลสภาพชุมชนโดยรวม ๑) สภาพชุมชนรอบบริเวณโรงเรียนมีลักษณะเป็นชุมชนที่มีประชากรอยู่ค่อนข้างมาก มีประชากรประมาณ 75,000 คน บริเวณใกล้เคียงโดยรอบโรงเรียนได้แก่ เทศบาลเมืองคูคต วัดโพสพผลเจริญ สถานีตำรวจคูคต โรงงาน ตลาด ศูนย์การแพทย์ ปั๊มน้ำมัน อู่ซ่อมรถ ธนาคาร เป็นต้น อาชีพ หลักของชุมชน คืออาชีพค้าขาย พนักงานโรงงาน รับจ้าง รับราชการส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ประเพณี/ ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป คือประเพณีการทำบุญในวันสำคัญทางศาสนา ,วันสำคัญทาง ราชการ, ประเพณีลอยกระทง, ประเพณีขึ้นปีใหม่, ประเพณีสงกรานต์ ๒) ผู้ปกครองส่วนใหญ่ จบการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 6 อาชีพหลัก คือรับจ้าง และค้าขาย ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ฐานะทางเศรษฐกิจ/รายได้โดยเฉลี่ยต่อครอบครัว ต่อปี 42,000 บาท จำนวนคนเฉลี่ยต่อครอบครัว 4 คน ๓) โอกาสและข้อจำกัดของโรงเรียน โรงเรียนตั้งอยู่ในบริเวณวัด มีเจ้าอาวาสเป็นคณะกรรมการสถานศึกษาและคณะกรรมการ ศึกษาท่านอื่นได้มาจากคนในชุมชน และเด็กนักเรียนส่วนมากเป็นเด็กที่มาจากนอกเขตบริการ ย้ายติดตาม ครอบครัวซึ่งอพยพย้ายถิ่นเข้ามาทำมาหากินในอาชีพรับจ้างชั่วคราวเมื่อหมดงานก็ต้องย้ายไปที่อื่น เด็กต้อง ติดตามไปด้วย นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่เป็นปัญหาของการเรียนการสอนของเด็กและครู ส่วนเด็กที่อยู่ในเขตบริการ ส่วนมากจะเรียนที่โรงเรียนเอกชน เพราะโรงเรียนเอกชนรับเด็กอนุบาลตั้งแต่ 3 ขวบ ผู้ปกครองจึงนำเด็กไปฝาก เรียนที่โรงเรียนเอกชนเพื่อเป็นการลดภาระของผู้ปกครองที่ไม่มีเวลาดูแลและต้องทำมาหากิน นี่ก็เป็นอีกสาเหตุ หนึ่งที่ทำให้เด็กในเขตบริการส่วนมากไปเข้าโรงเรียนเอกชน โรงเรียนจึงต้องรับนักเรียนนอกเขตบริการ เนื่องมาจากเศรษฐกิจ และผู้ปกครองส่วนมากไม่ค่อยมีเวลาให้กับเด็กและสถานศึกษา นอกจากนี้บริเวณรอบๆ โรงเรียนมีแหล่งมั่วสุมมาก เช่น ตู้เกมเป็นต้น


9 ส่วนที่ ๒ ข้อมูลด้านการปฏิบัติงาน เนื่องจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทั้งด้านการสื่อสารเทคโนโลยีต่าง ๆ ซึ่งนอกจากจะส่งผล กระทบต่อผู้คนในเชิงบวกในเชิงลบก็มีปรากฏการณ์เช่นกัน เป็นต้นว่า ปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาการแพร่ระบาด ของยาเสพติด ปัญหาการแข่งขันในรูปแบบต่าง ๆ ปัญหาครอบครัวที่เกิดความทุกข์ ความวิตกกังวล ความเครียด มีการปรับตัวที่ไม่เหมาะสม หรืออื่น ๆ ภาพความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการพัฒนานักเรียน ให้เป็นไปตามความมุ่งหวัง นั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทุกคน โดยเฉพาะบุคลากรทางการศึกษาทุกคนในสถานศึกษา ซึ่งมีครู อาจารย์เป็นหลักสำคัญในการดำเนินการพัฒนาคุณภาพชีวิตของนักเรียน นักศึกษา ให้เติบโตงดงามและ เป็นบุคคลที่มีคุณค่าของสังคม การพัฒนานักเรียน ให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา มีความรู้ความสามารถ และมีคุณธรรมจริยธรรม ดำเนินวิถีชีวิตที่เป็นสุขตามที่สังคมมุ่งหวัง โดยผ่านกระบวนการทางการศึกษาที่ สถานศึกษาทุกแห่งต้องดำเนินการจัดการศึกษาตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการให้เป็นคนดี คนเก่ง มีความสุข นอกจากดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนให้นักเรียน นักศึกษา ได้รับกระบวนการเรียนรู้แล้ว การ ป้องกันและการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจากปัจจัยเสี่ยงรอบสถานศึกษาที่มีพฤติกรรมไปเกี่ยวข้องกับ ยาเสพติด ร้านเกมส์ การพนัน หนีเรียน ทะเลาะวิวาท ก่ออาชญากรรม เป็นปัญหาสังคมที่ผู้ปกครอง ครู อาจารย์ ต้องเข้าไปช่วยเหลือและแก้ไขไม่ให้มีพฤติกรรมเสี่ยง การดำเนินงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้แนวคิดและหลักการของ ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาและต่อต้านยาเสพติด อบายมุขอย่างยั่งยืน โดยยึด หลักความเข้าใจ ความเข้าถึง (การดูแลช่วยเหลืออย่างทั่วถึง) และมุ่งพัฒนาคุณภาพผู้เรียนทุกด้าน พร้อมทั้ง สอดแทรกหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่นักเรียนเพื่อใช้ในการสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจ โรงเรียนวัด โพสพผลเจริญ ได้ดำเนินการโดยใช้กระบวนการดังกล่าว ด้วยการจัดตั้ง หมู่บ้านคุณธรรม น้อมนำศาสตร์ พระราชาสู่การพัฒนาและต่อต้านยาเสพติดอบายมุขอย่างยั่งยืน การจัดตั้งหมู่บ้านคุณธรรม จึงเปรียบเสมือนการเปลี่ยนห้องเรียนเป็นบ้าน และเปลี่ยนโรงเรียนเป็น หมู่บ้าน ที่สมาชิกทุกคนมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันในรูปแบบโครงงานคุณธรรม ทั้ง ระดับครอบครัว (ห้องเรียน) และระดับหมู่บ้าน (โรงเรียน) ภายใต้การน้อมนำศาสตร์พระราชามาใช้ในการดำเนินกิจกรรมทุกขั้นตอน ทั้งนี้หมู่บ้านคุณธรรมที่จัดตั้ง ขึ้นนั้น มีรายละเอียดดังนี้ ๑. หมู่บ้านที่จัดตั้งขึ้น เป็นหมู่บ้านคุณธรรม มีบ้านหรือครอบครัว จำนวน 5 ครอบครัว ได้แก่ 1.1 บ้านเลขที่ ๔/๑ หมายถึง ห้องเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔/๑ 1.2 บ้านเลขที่ ๕/๑ หมายถึง ห้องเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕/๑ 1.3 บ้านเลขที่ ๕/๒ หมายถึง ห้องเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕/๒ 1.4 บ้านเลขที่ ๖/๑ หมายถึง ห้องเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖/๑ 1.5 บ้านเลขที่ ๖/๒ หมายถึง ห้องเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖/๒ ๒. บ้านแต่ละหลัง ประกอบด้วยสมาชิกในครอบครัว ได้แก่ ๒.๑ พ่อและแม่ หมายถึง ครูที่ปรึกษาหรือครูประจำชั้น ซึ่งมีจำนวน ๑ คน/ห้องเรียน ๒.๒ ลูก หมายถึง นักเรียนทุกคนในห้องเรียน มีบทบาทหน้าที่ตามการดำเนินการกิจกรรมห้องเรียน สีขาว ได้แก่ หัวหน้าห้องเรียน รองหัวหน้าฝ่ายการเรียน รองหัวหน้าฝ่ายการงาน รองหัวหน้าฝ่ายกิจกรรม และรอง หัวหน้าฝ่ายสารวัตรนักเรียน ๓. บ้านทุกหลังหรือทุกครอบครัว ร่วมกันกำหนดข้อตกลง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และลดปัญหา พฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและอบายมุข โดยครูที่ปรึกษา ซึ่งมีบทบาท เปรียบเสมือนพ่อและแม่ มีหน้าที่ ดูแลและให้ความช่วยเหลือนักเรียนหรือลูก ๆ ในด้านต่าง ๆ ด้วยความรัก ความ


10 เข้าใจ ให้การดูแลอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และเสมอภาค เปิดใจรับฟังความคิดเห็นหรือปัญหาของลูกด้วยความเต็ม ใจ กล่าวคือ ดูแลนักเรียนด้วยวิธีการแห่งศาสตร์พระราชา (เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา) ๔. บ้านแต่ละหลังหรือแต่ละครอบครัว ต้องร่วมกันจัดทำโครงงานยาเสพติดและอบายมุข (ระดับ ห้องเรียน) ภายใต้กรอบโครงงานเกี่ยวกับห้องเรียนปลอดบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า หรือ ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือ ปลอดยาเสพติด หรือ ปลอดสื่อลามกอนาจาร หรือปลอดการพนัน หรือ ปลอดการทะเลาะวิวาท โดยในโครงงาน แต่ละระดับชั้น ครูผู้สอนต้องให้นักเรียนมีความรู้เรื่องพิษภัยของบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด สื่อลามกอนาจาร การพนัน และการทะเลาะวิวาท โทษของการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ ยาเสพติด สื่อลามกอนาจาร การพนัน และการทะเลาะวิวาท และวิธีที่จะหลีกหนีให้พ้นจากบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด สื่อลามกอนาจาร การพนัน และการทะเลาะวิวาท เพื่อจะได้นำความรู้ที่ได้รับไปเป็นแนวทางในการป้องกัน ตัวเองให้ห่างไกลจาก บุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด สื่อลามกอนาจาร การพนัน และการทะเลาะวิวาทต่อไป และ หมู่บ้านมีการจัดทำโครงงาน (ระดับโรงเรียน) จำนวน ๑ โครงงาน ซึ่งเป็นโครงงานที่สมาชิกในหมู่บ้านร่วมกัน กำหนดขึ้นและมีส่วนร่วมในการจัดทำ โครงงานทุกคน ๕. หมู่บ้านคุณธรรมที่จัดตั้งขึ้น ได้รับการดูแลและบริหารจัดการโดยผู้ใหญ่บ้าน นั่นคือ ผู้อำนวยการ โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ และมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน คือ หัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียน มีนักจิตวิทยาของหมู่บ้าน คือ เจ้าหน้าที่เสมารักษ์ ทำหน้าที่ ให้คำปรึกษา ในการช่วยเหลือและติดตามแก้ไขปัญหาพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ใน ทุกด้าน เช่น บุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยาเสพติด สื่อลามกอนาจาร การพนัน และการทะเลาะวิวาท เป็นต้น มีการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาหรือความต้องการ รวมทั้งข้อเสนอแนะต่างๆ ของ นักเรียน ส่งต่อมา ตามลำดับขั้น กล่าวคือ จากลูก สู่พ่อแม่หรือครูที่ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่เสมารักษ์ จากนั้นข้อมูลดังกล่าว จะถูกส่ง ต่อไปยังผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และมีการรายงานให้ผู้ใหญ่บ้านทราบเป็นระยะ ๖. หมู่บ้านคุณธรรมที่จัดตั้งขึ้น มีภาคีเครือข่าย ซึ่งเป็นองค์กรหรือหน่วยงานภายนอก สถานศึกษา ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และบุคคลหรือ องค์กรที่ร่วมดำเนินงานใน ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน มีภารกิจและเป้าหมายร่วมกัน คือ การดูแล ช่วยเหลือ ปกป้อง คุ้มครองนักเรียนทุก คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดและ อบายมุขสู่สถานศึกษาทุกรูปแบบ ร่วมกัน ขับเคลื่อนการดำเนินงานทุกขั้นตอน (ตามระบบการดูแล ช่วยเหลือนักเรียนที่เข้มแข็ง) เปรียบเสมือนในหมู่บ้าน ประกอบด้วยหน่วยงานต่างๆ เช่น โรงพยาบาล สถานีตำรวจ ร้านค้าเป็นต้น เพื่อประโยชน์ในการดูแลช่วยเหลือ นักเรียน หรือส่งต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๗) ในการดำเนินงานหรือกิจกรรมของหมู่บ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดทำโครงงานคุณธรรมนั้น มีการ สอดแทรกแนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นหลักปรัชญาแห่งศาสตร์พระราชา ประกอบ กับการ น้อมนำวิธีการแห่งศาสตร์พระราชา คือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาในการดำเนินงานทุกขั้นตอนจึงอาจกล่าวได้ว่า เป็นการสร้างเกราะกำบังหรือการล้อมรั้วหมู่บ้านด้วยศาสตร์พระราชา เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ทางจิตใจให้แก่นักเรียน ให้นักเรียนมีจิตใจเข้มแข็ง ต่อสู้กับยาเสพติดและอบายมุขต่าง ๆ ได้ ในการพัฒนานักเรียนให้เป็นบุคคลมีคุณภาพทั้งร่างกายและจิตใจ และสติปัญญา มีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรมจริยธรรม ดำเนินวิถีชีวิตที่เป็นสุขตามที่สังคมมุ่งหวัง โดยผ่านกระบวนการทางการศึกษาที่สถาน ต้อง ดำเนินการจัดการศึกษาตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการให้เยาวชนเป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ จึงได้กำหนดนโยบายให้ผู้บริหารองค์กรหลัก หน่วยงานและสถานศึกษาดำเนินการโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ดังนี้ ๑. ผู้บริหารทุกระดับนำนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดไปสู่การปฏิบัติจัดทำแผนปฏิบัติ การครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายและการมีส่วนร่วมของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและนอกสถานศึกษา


11 ๒. ผู้บริหารทุกระดับ ครูอาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา ต้องให้ความสำคัญและมีจิตสำนึกร่วมกันที่ จะปกป้องคุ้มครองดูแลช่วยเหลือนักเรียนไม่ให้ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ให้ความร่วมมือและร่วมแรงร่วมใจ จัด กิจกรรมทั้งในหลักสูตรและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๓. ผู้บริหารสถานศึกษา ส่งเสริม สนับสนุนจัดกิจกรรมป้องกันและเฝ้าระวังยาเสพติดในสถานศึกษาเป็น ส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน เช่น กิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ต่าง ๆ ค่ายคุณธรรม กิจกรรมลูกเสือและเนตรนารี ป้องกันยาเสพติด กิจกรรมกีฬาป้องกันยาเสพติด ส่งเสริมการรวมกลุ่มของนักเรียน นักศึกษาทั้งในส่วนของชุมนุม และสภานักเรียน ๔. ผู้บริหารสถานศึกษาจัดการเรียนการสอนให้ความรู้เสริมสร้างจิตสำนึก ทักษะชีวิต ภูมิคุ้มกันต่อต้าน ยาเสพติดและอบายมุข จัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาทุกคนให้ทั่วถึงโดยสร้างเครือข่ายแกนนำทุก ระดับในสถานศึกษา ๕. ผู้บริหารสถานศึกษาจัดระบบการดำเนินงานยุทธศาสตร์ ๕ มาตรการ ตามโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข คือ มาตรการป้องกัน มาตรการค้นหา มาตรการรักษา มาตรการเฝ้าระวัง มาตรการ บริหารจัดการ ภายใต้กลยุทธ์ ๔ ต้อง ๒ ไม่ ที่กำหนดให้สถานศึกษาต้องมียุทธศาสตร์ ต้องมีแผนงาน ต้องมีระบบ ข้อมูลต้องมีเครือข่าย ไม่ปกปิดข้อมูลและไม่ไล่ออกคู่มือการดำเนินงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติด และอบายมุข พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๖. ผู้บริหารทุกระดับ อำนวยการ กำกับ ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานและจัดมาตรการ เสริมแรงให้แก่ผู้รับผิดชอบด้านยาเสพติดดีเด่น ด้วยการยกย่องชมเชย มอบโล่ เกียรติบัตร เลื่อนขั้นเงินเดือนกรณี พิเศษ มาตรการลงโทษบุคลากรที่ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ให้ออกจากราชการและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบ วิชาชีพนอกจากนี้กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง นโยบายการป้องกันและแก้ไข ปัญหายาเสพติด โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ประกาศเมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ มีสาระสำคัญเพื่อให้ผู้บริหารองค์กรหลัก หน่วยงาน และสถานศึกษา ดำเนินการ ดังนี้ ๑) ผู้บริหารสถานศึกษานำนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โครงการสถานศึกษาสี ขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ไปสู่การปฏิบัติให้มีแผนปฏิบัติการครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายและการมีส่วนร่วม ของคณะผู้บริหาร ครูอาจารย์และกลุ่มเป้าหมายนักเรียน นักศึกษาทั้งในและนอกสถานศึกษา ๒) ผู้บริหารหน่วยงานและผู้บริหารสถานศึกษา ส่งเสริม สนับสนุน การดำเนินงานการป้องกันและ แก้ไขปัญหายาเสพติด โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข เพื่อสร้างและพัฒนาระบบการ ดำเนินงานที่เข้มแข็งต่อเนื่องและยั่งยืน ๓) ผู้บริหารหน่วยงานและผู้บริหารสถานศึกษา อำนวยการ กำกับ ติดตามและประเมินผลการ ดำเนินงานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข และ จัดทำมาตรการเสริมแรงให้แก่ผู้รับผิดชอบด้วยการยกย่อง ชมเชย มอบโล่เกียรติยศ เกียรติบัตรและการเลื่อนขั้น เงินเดือนกรณีพิเศษ ๔) ผู้บริหารหน่วยงานและผู้บริหารสถานศึกษา อำนวยการ กำกับ ติดตามและประเมินผลการ ดำเนินงานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข และใช้ มาตรการลงโทษบุคลากรที่ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ให้ออกจากราชการและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ๕) ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ตรวจติดตามผลการดำเนินงาน และผู้บริหารหน่วยงาน และผู้บริหารสถานศึกษา จัดตั้งคณะกรรมการติดตาม ประเมินผล และรายงานผลการดำเนินงานการป้องกันและ แก้ไขปัญหายาเสพติด โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ๖) ผู้บริหารหน่วยงานและผู้บริหารสถานศึกษา สรุปรายงานต้นสังกัดเพื่อสรุปผลรายงานศูนย์ อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงศึกษาธิการ


12 โดยการดำเนินงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดการป้องกันและแก้ไขพฤติกรรมไม่พึง ประสงค์ จำแนกพฤติกรรมได้ ๔ ด้าน ดังนี้ ๑. แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อให้การดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดได้ผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น จึงกำหนดแนว ทางการปฏิบัติไว้ดังนี้ ๑) สถานศึกษาพยายามป้องกันและแก้ไขให้ถึงที่สุด โดยไม่ไล่นักเรียน ให้พ้นไปจากสถานศึกษาเป็นภาระ สังคม หรือสถาบันอื่น ๒) หน่วยงานต้นสังกัด ผู้บริหารสถานศึกษา และคณะครู รายงานสภาพการใช้สาร/ยาเสพติด ให้ กระทรวงศึกษาธิการทราบโดยไม่ถือเป็นความผิด แต่จะพิจารณาเป็นความดีความชอบในการรายงานตามความ จริง ๓) ผู้บริหารสถานศึกษา คณะครู และบุคลากร ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่สูบบุหรี่ หรือแสดง พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งจัดสถานศึกษาเป็นเขตปลอดบุหรี่และปลอดยาเสพติด แนวทางการดำเนินงานและจัดกิจกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาที่ ดำเนินการโดยกลุ่มสนใจที่มีกิจกรรมหลากหลาย เช่น - โครงการห้องเรียนสีขาว - จัดรายการออกเสียงตามสาย - จัดการเดินรณรงค์ประชาสัมพันธ์เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด นิทรรศการยาเสพติด - ให้ความรู้การป้องกันยาเสพติด โทษทางกฎหมาย ทักษะชีวิต - อบรมนักเรียนแกนนำต้านภัยยาเสพติด - จัดค่ายคุณธรรม - จัดกิจกรรมทำบุญวันพระ - จัดกิจกรรมออกกำลังกายทุกวันพุธ - จัดอบรมลูกเสือต้านภัยยาเสพติด - ปรับปรุงบรรยากาศและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้นักเรียนเล่นกีฬา - ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด/ยาเสพติด - จัดกิจกรรมฟื้นฟูสถานที่บำบัดคลินิกเสมารักษ์ - จัดกิจกรรมเฝ้าระวัง มีตู้แดงเสมารักษ์ - จัดกิจกรรมส่งเสริมความสามารถด้านดนตรีไทย - จัดกิจกรรมอบรมสร้างภูมิคุ้มกัน ฯลฯ ๒. แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาสื่อลามกอนาจารและปัจจัยเสี่ยง ๑) สถานศึกษาตรวจค้นและป้องกันมิให้นักเรียน นำสื่อลามกอนาจารเข้ามาเผยแพร่ในสถานศึกษา มีการ ตรวจค้นหาและมาตรการควบคุมดูแลการใช้โทรศัพท์มือถือ ๒) สถานศึกษาให้ความรู้กับนักเรียน ถึงโทษ ภัยและวิธีการป้องกันจากสื่อลามกอนาจาร ๓. แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการพนัน ๑) จัดกิจกรรมให้ความรู้กับนักเรียน ถึงโทษ ภัย และวิธีการป้องกันการพนัน และให้นักเรียน รู้จัก ประหยัดอดออม ๒) ป้องปรามมิให้นักเรียน เล่นการพนันทุกรูปแบบในสถานศึกษา และตรวจค้นแหล่งที่อาจมั่วสุม เช่น ร้านเกม สถานบันเทิง แหล่งการพนันผิดกฎหมาย เป็นต้น


13 ๓) ส่งคุณครู หรือประสานสารวัตรนักเรียนเพื่อสุ่มตรวจนักเรียน นักศึกษา ที่อาจไปมั่วสุมตามแหล่ง อบายมุข แหล่งการพนัน ของชุมชนหรือของพื้นที่ กิจกรรมด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการพนันในสถานศึกษา ได้แก่ - จัดกิจกรรมให้นักเรียน รู้หลักประหยัดตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง - ป้องกันไม่ให้นักเรียน นักศึกษา เล่นการพนันทุกรูปแบบในสถานศึกษา และตรวจค้นสถานที่ ซึ่งอาจเป็นแหล่งมั่วสุม - ให้คุณครู ประสานงานกับพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา ใน การสุ่มตรวจนักเรียน นักศึกษา ที่ไปมั่วสุมตามแหล่งการพนันและแหล่งอบายมุขของชุมชน ๔. แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาท ๑) ติดตามตรวจสอบพฤติกรรมเสี่ยงของนักเรียน ที่มีปัญหาเป็นรายกรณีหรือรายกลุ่ม และส่งครูไปเยี่ยม ถึงบ้าน เพื่อเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยง ๒) ตรวจค้นหาการพกพาอาวุธเข้ามาในสถานศึกษาและเพิ่มโทษผู้ทำผิดที่เคยถูกตักเตือนมาแล้ว ๓) สถานศึกษาจัดกิจกรรมนักเรียน ให้ครอบคลุม ตั้งแต่การกำหนดระเบียบวินัย กิจกรรมแนะแนว และ กิจกรรมเสริมหลักสูตร ๔) สร้างองค์กรเครือข่ายระหว่างบ้าน โรงเรียน ชุมชน ตำรวจ โดยมีระบบสื่อสารโทรคมนาคมและระบบ ข้อมูลเพื่อเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยง กิจกรรมด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาทะเลาะวิวาทในสถานศึกษา ได้แก่ - ติดตามตรวจสอบพฤติกรรมเสี่ยงของนักเรียน นักศึกษา ที่มีปัญหาเป็นรายกรณีหรือรายกลุ่ม และให้ครูไปเยี่ยมบ้านเพื่อเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงต่อการทะเลาะวิวาท - สถานศึกษาจัดกิจกรรมนักเรียน นักศึกษา ให้ครอบคลุมตั้งแต่การกำหนดระเบียบ วินัย กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมเสริมหลักสูตร และกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ - ให้สร้างองค์กรเครือข่ายระหว่างบ้าน โรงเรียน ชุมชน และตำรวจ โดยมีระบบการสื่อสาร โทรคมนาคม และระบบข้อมูลเพื่อเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยง


14 บทที่ 2 สถานการณ์ยาเสพติดรอบสถานศึกษา ๒.๑ สถานการณ์ยาเสพติดในปัจจุบัน ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) เป็นยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนาประเทศไทยโดยได้ กำหนดวิสัยทัศน์ “ประเทศไทย มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยังยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” มีกลไกขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติตามลำดับเพื่อให้เกิดประสิทธิผลตามเป้าหมายโดย การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นประเด็นปัญหา ภายใต้แผนแม่บทด้านความมั่นคง ที่มุ่งเน้นการ ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด และลดระดับความรุนแรงของปัญหาตามยุทธศาสตร์ชาติ และนำไปสู่ ผลสัมฤทธิ์ “สังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด” สถานการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติดในประเทศไทย พบว่า กลุ่มผู้ค้าเพิ่มปริมาณยาเสพติดจำนวนมาก เพื่อทุ่มตลาดกระตุ้นความต้องการของผู้เสพให้คงอยู่ ราคาที่ถูกลงเป็นปัจจัยเสริมให้กลุ่มผู้เสพเข้าถึงยาเสพติดได้ ง่าย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การติดต่อสื่อสารเป็นช่องทางติดต่อค้าข้ายยาเสพติดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เช่น การใช้ Facebook, Line, Twitter โดยช่องทางที่พบมากที่สุด คือ Twitter รองลงมาคือ Facebook ส่งผลให้ การค้ายาเสพติดขยายวงกว้าง ซึ่งกลุ่มผู้เสพยาเสพติดส่วนใหญ่มีอายุ ๑๕ - ๒๔ ปี คิดเป็นร้อยละ ๓๖ หรือมี สัดส่วนมากกว่า ๑ ใน ๓ ของผู้เสพทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้มีงานทำ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงาน และรับจ้างมาก ที่สุด ยาเสพติดที่มีการใช้มากที่สุดคือ ยาบ้า ร้อยละ ๗๔.๔ รองลงมาคือกัญชา ร้อยละ ๕.๙ และไอซ์ ร้อยละ ๕.๗ ยาเสพติดที่ต้องมีการเฝ้าระวัง คือ ไอซ์ เฮโรอีน คีตามีน เอ็กซ์ตาซี และกัญชา (คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามยาเสพติด แผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๖๓) ปัญหายาเสพติดเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาสังคม ดำรงอยู่ควบคู่ไปกับการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของยาเสพติดในกลุ่มเยาวชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญ เป็นวัยที่มีความเสี่ยงสูงต่อการใช้ยา เสพติด ก้าวเข้าสู่วัยรุ่นเป็นช่วงการปรับตัว มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนทำให้มีความอยากรู้อยากลอง เมื่อเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด สมองจะถูกทำลายส่งผลถึงการเรียน และอาจชักชวนเพื่อนให้มายุ่งเกี่ยวกับยาเสพ ติด ส่งผลให้ปัญหายาเสพติดทวีความรุนแรงมากขึ้น ปัญหาการดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จากข้อมูลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ พบว่ามีการดื่ม เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพในเชิงลบมากกว่าเชิงบวก โดยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็น ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดภาระโรค และการบาดเจ็บเป็นอันดับต้น ๆ เมื่อเทียบกับปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ จากข้อมูลของ องค์การอนามัยโลก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุของความเจ็บป่วยมากกว่า ๒๐๐ โรค ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่ว โลกประมาณปีละ ๓.๓ ล้านคน ในประเทศไทยการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อให้เกิดการเสียชีวิตซึ่งเป็นการ เสียชีวิตจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs ร้อยละ ๕๙ และประเภทของโรค NCDs พบว่า การดื่มเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ก่อภาระโรคในรูปแบบของปัญหาสุขภาพจิตมากที่สุด คือ ร้อยละ ๗๓ รองลงมา คือ โรคตับแข็ง ร้อย ละ ๑๓ และโรคมะเร็ง ร้อยละ ๑๒ นอกจากนี้ พบว่าในกลุ่มเยาวชน เป็นวัยแห่งการอยากรู้อยากลองจากการเชิญ ชวนให้ดื่ม อยากทำในสิ่งที่ท้าทาย สงผลให้มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มเป็นทั้ง นักดื่มหน้าใหม่ และนักดื่มประจำ และยังพบปัญหาที่มีสาเหตุมาจากการดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รุนแรง มากขึ้น เช่น การใช้ความรุนแรงจากความมึนเมากับครอบครัวหรือสังคม การเกิดอุบัติเหตุจากการขาดสติ ไม่ สามารถควบคุมตนเองได้ มีความสามารถในการทำหน้าที่ต่างๆบกพร่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขับขี่ยานพาหนะ รวมไปถึงการทะเลาะวิวาท การฆ่าตัวตาย หรือก่ออาชญกรรม เป็นต้น


15 ปัญหาการสูบบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เป็นสาเหตุสำคัญต่อการเสียชีวิตของคนไทย ซึ่ง นับว่าเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเสียชีวิตจากโรคที่เกี่ยวข้องถึง ๕๕,๐๐๐ ราย หรือร้อยละ ๑๑.๒ ของจำนวนการ เสียชีวิตทั้งหมด และยังพบว่าคนไทยเสียชีวิตเพราะบุหรี่ถึง ๗๒,๖๕๖ คน มีโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุ การตายหลักของโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า และยังส่งผลทำให้ผู้เสียชีวิตแต่ละคนเสียชีวิตเร็วขึ้นด้วย จากผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ พบว่า ประชากรสูบบุหรี่ทั้งสิ้น ๑๐.๗ ล้านคน (ร้อยละ ๑๙.๑) เป็นเพศชายมีอัตราการสูบบุหรี่สูงกว่าเพศหญิง ๒๒ เท่า (ร้อยละ ๓๗.๗ และร้อยละ ๑.๗ ตามลำดับ) นอกจากนั้น อัตราการสูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้าของผู้ที่มีระดับการศึกษาในระดับประถมศึกษามีอัตราการสูบบุหรี่ ปัจจุบันสูงที่สุด รองลงมาเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ผู้ที่ไม่เคยเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และ ระดับอุดมศึกษา ตามลำดับ (ร้อยละ ๒๒.๐, ๒๑.๕, ๑๘.๑, ๑๘.๐ และ ๗.๗ ตามลำดับ) จากการสำรวจดังกล่าวจะ เห็นได้ว่าการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็ก และเยาวชน ยังคงต้องให้ความสำคัญมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อ เป็นการป้องกันนักสูบหน้าใหม่ เพราะการสูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้ายังคงเป็นกระแสความนิยมที่สร้างค่านิยมวัยรุ่นแบบ ใหม่ในกลุ่มเดียวกัน การเข้าถึงง่ายจากการพบเห็น เรียนรู้ และการซื้อของทานออนไลน์ ความอยากรู้อยากลอง ตามวัยและการละเลยโทษพิษภัยของการสูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า ทำให้เยาวชนไทยมีแนวโน้มการสูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า เพิ่มสูงขึ้น และมีนักสูบหน้าใหม่อายุน้อยลงไปทุกปี (ข้อมูลสาเหตุการตายจากกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๖๐ วิเคราะห์โดยศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.), ๒๕๖๑ และมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่, เมษายน ๒๕๖๓) ปัญหาสื่อลามกอนาจาร ปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทันสมัย สื่อสารไร้ขีดจำกัด สื่อดิจิทัล เว็บไซต์ต่าง ๆ เข้าถึงง่าย และค่านิยมสังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีการเผยแพร่คลิปการใช้ชีวิตผ่านอินเตอร์ เว็บไซต์ อย่างแพร่หลาย รวมถึงสื่อลามกอนาจารซึ่งเป็นปัญหาหนึ่งของการล่วงละเมิดทางเพศ การมีเพศสัมพันธ์ ก่อนวัยอันควร ส่งผลถึงการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร เกิดปัญหาเรียนไม่จบหรือต้องออกจากสถานศึกษาเพื่อไปเลี้ยง บุตรทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนไทยไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ปัญหาการพนัน ผลการวิจัยพบว่า ผลเสียหายของการพนันมีทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิตใจ เศรษฐกิจ และสังคม อาทิ ขาดประสิทธิภาพในการเรียน การทำงาน ปัญหาด้านการเงิน ปัญหาความสัมพันธ์ กับครอบครัว ปัญหายักยอก ฉ้อโกง อาชญากรรม รวมไปถึงปัญหาที่เชื่อมโยงไปสู่ปัญหาอื่น ๆ เช่น ติดเหล้า และสารเสพติดอื่น ๆ มีการวิจัยระบุว่า ผลเสียหายทางอ้อมที่เกิดกับคนเสพติดการพนันคือ การเพิ่มความเสี่ยงในการติดเหล้าและสาร เสพติดอื่นที่มีผลเสียต่อสุขภาพ และคนเสพติดการพนัน จะมีนิโคตินในร่างกายมากกว่าคนทั่วไปซึ่งการเสพติด ซ้ำซ้อนจะทำให้การแก้ปัญหายุ่งยากขึ้นไปอีก (ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ โรงแรมเอเชีย กรุงเทพฯ) ปัญหาทะเลาะวิวาท เด็กและเยาวชนเริ่มใช้ความรุนแรงมากขึ้น สื่อเผยแพร่ข่าวการทะเลาะวิวาทของ เยาวชนหลายพื้นที่ แต่ละครั้งมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งฝ่ายเดียว สองฝ่าย หรือผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง บางเหตุการณ์ถึงขั้น เสียชีวิต สร้างความเดือดร้อน ความเสียหายทั้งผู้ก่อเหตุ ผู้ปกครอง และสถาบัน มีการประกาศสงครามผ่านทาง อินเตอร์เน็ต เว็บไซต์ต่าง ๆ ใช้ถ้อยคำยั่วยุรุนแรง หรือประกาศใช้สัญลักษณ์ หรือมีแนวคิด “การทะเลาะวิวาทเพื่อ ศักดิ์ศรี” โดยการทะเลาะวิวาททวีความรุนแรงในระดับที่สูงขึ้น ใช้อาวุธปืนยิงกันทั้งในสถานที่เอกชนและสถานที่ ราชการ เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จากสถานการณ์ สภาพแวดล้อมของสังคมปัจจุบันเห็นได้ว่า พฤติกรรมของเด็กและเยาวชนมีแนวโน้มทวี ความรุนแรงมากขึ้น ทั้งปัญหายาเสพติด การสูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สื่อลามก อนาจาร การพนัน การทะเลาะวิวาท โดยสาเหตุสำคัญมากจากปัญหาครอบครัว ปัจจัยสภาพแวดล้อมที่เป็น อบายมุข สิ่งยั่วยุ และการใช้ความรุนแรงในสังคม ซี่งมีผลกระทบต่อเด็ก เยาวชน และผู้เกี่ยวข้องอีกมากมาย นอกจากนี้ เด็กและเยาวชนที่ขาดความตระหนักรู้ การปลูกฝังความรู้ คุณธรรม จริยธรรม ทักษะการคิดวิเคราะห์ ขาดเหตุผลในการแก้ไขปัญหา และไม่ได้รับการดูแลช่วยเหลือที่เหมาะสม จะเป็นปัญหาคุณภาพชีวิตของคนไทยใน


16 อนาคต ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการได้มอบนโยบายการจัดการศึกษาสู่การปฏิบัติให้สถานศึกษาทุกแห่งต้อง ดำเนินการจัดการศึกษา มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ ดำรงตนอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข สอดคล้องตามแนวคิดการจัดการศึกษาแห่งชาติที่กำหนดวิสัยทัศน์ (Vision) ว่า “คนไทยทุกคนได้รับการศึกษา และเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการ เปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ ๒๑” โดยการมีส่วนร่วมบูรณาการการทำงาน ส่งเสริมสนับสนุน ป้องกัน และ ช่วยเหลือของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน และทุกคนที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและ แก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะปัจจัยเสี่ยง และผลกระทบจากแหล่งอบายมุข ๒.๒ สถานการณ์ยาเสพติดรอบสถานศึกษา สถานการณ์ยาเสพติดในเขต ตำบลคูคต ในอดีตทีผ่านมาการแพร่ระบาดปัญหายาเสพติดจะเป็นจำพวก ยาบ้า กัญชา และพีชกระท่อม มีการใช้ในกลุ่มวัยรุ่นเป็นจำนวนมาก เนื่องจากพื้นที่ตำบลคูคต เป็นลักษณะของ ชุมชุนเมืองมีประชากรจากที่ต่าง ๆ มาอาศัย การคมนาคมสะดวกทำให้เป็นเส้นทางในการขนส่งยาเสพติดเข้า กรุงเทพและใช้เป็นที่พักยา ประกอบกับตำบลคูคต มีประชากรจำนวนมากที่มาจากหลายแหล่งที่อยู่ รวมถึงมีชาว ต่างด้าวมาอยู่อาศัย และทำงานด้วย ในปัจจุบัน ได้มีการแก้ไขกฎหมายยาเสพติด ยกเลิกพีชกระท่อมจากบัญชียาเสพติดชนิด 5 และมีการ แก้ไขยกเลิก กัญชา จากบัญชียาเสพติประเภท 5 แต่มีส่วนดอกยังเป็นยาเสพติดอยู่ และการต้มน้ำกระท่อมมาดื่ม กิน ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ต้องได้รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยา ซึ่งทางภาครัฐไม่มีการ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจกฎหมายที่แก้ไขใหม่นี้ จึงทำให้วัยรุ่นเข้าใจผิดคิดว่าสามารถที่จะกระทำได้ จึงมี การเสพกัญชา ต้มน้ำกระท่อมกิน และในปัจจุบันมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติด (ยาบ้า) เป็นจำนวนมากเพราะ ราคาถูก คนเสพเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีการแก้ไขกฎหมายยาเสพติดของรัฐบาลที่เน้นว่า ผู้เสพคือผู้ป่วยต้อง ได้รับการรักษา และแก้ไขความผิดเกี่ยวกับยาบ้าในข้อหาจำหน่าย ครอบครอง ครอบครองเพื่อเสพ จึงเป็น สาเหตุให้ผู้เสพยาเสพติดเข้าถึงได้ง่ายขึ้นเพราะโทษเบาและหาได้ง่าย โทษจะหนักบางข้อหาเท่านั้น ตารางที่ 5 แสดงสถิติการจับกุมยาเสพติดของสถานีตำรวจภูธรคูคต ปี พุทธศักราช ประเภทของยาเสพติดที่จับกุม ประเภทความผิดที่จับกุม ยาบ้า ไอซ์ กัญชา อื่น ครอบครอง เสพ อื่น 2563 144 176 13 51 93 101 100 2564 174 84 25 161 115 215 113 2565 280 - - 40 81 200 39 ที่มา : สถานีตำรวจภูธรคูคต จากตารางแสดงสถิติการจับกุมยาเสพติดของสถานีตำรวจภูธรคูคต จะพบว่า ในเขตตำบลคูคต มีการแพร่ ระบาดของยาเสพติด ซึ่งมากที่สุดคือ ยาบ้า ยาไอซ์ กัญชา และอื่น ๆ ในปีพ.ศ. 2565 จะเห็นว่า ได้มีการจับกุม ยาบ้าได้ถึง 280 ราย และยาเสพติดอื่น ๆ 39 ราย โดยแยกเป็น ผู้เสพ 200 ราย ผู้ครอบครอง 81 และอื่นๆ 39 ราย สภาพชุมชนรอบบริเวณโรงเรียนมีลักษณะเป็นชุมชนที่มีประชากรอยู่ค่อนข้างมาก มีประชากรประมาณ 75,000 คน บริเวณใกล้เคียงโดยรอบโรงเรียนได้แก่ เทศบาลเมืองคูคต วัดโพสพผลเจริญ สถานีตำรวจคูคต โรงงาน ตลาด ศูนย์การแพทย์ ปั๊มน้ำมัน อู่ซ่อมรถ ธนาคาร เป็นต้น อาชีพหลักของชุมชน คืออาชีพค้าขาย พนักงานโรงงาน รับจ้าง รับราชการส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ จากการออกเยี่ยมบ้านนักเรียนโรงเรียนวัดโพสพ


17 ผลเจริญ ได้พบข้อมูลว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่ จบการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 6 อาชีพหลัก คือรับจ้าง และ ค้าขาย ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ฐานะทางเศรษฐกิจ/รายได้โดยเฉลี่ยต่อครอบครัว ต่อปี 42,000 บาท จำนวนคนเฉลี่ยต่อครอบครัว 4 คน นอกจากนี้ยังพบว่า สมาชิกในครอบครัวของนักเรียนได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติดและอบายมุข ต่าง ๆ ดังนี้ สูบบุหรี่ 51 คน มีสมาชิกในครอบครัวของนักเรียน ดื่มสุรา 50 คน มีสมาชิกในครอบครัวของนักเรียน ดื่ม สุราและสูบบุหรี่ 58 คน ครอบครัวของนักเรียนที่มีสมาชิกในครัวเรือน สูบบุหรี่ ก็จะได้รับพิษจากควันบุหรี่ ส่งผลเกิดความเสี่ยงต่อ สุขภาพ ครอบครัวของนักเรียนที่มีสมาชิกดื่มสุรา ก็จะได้รับผลกระทบเรื่องการทะเลาะวิวาทในครอบครัว และ ด้านเศรษฐกิจในครัวเรือน มีผลทำให้นักเรียนโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญมีความเสี่ยงที่อาจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยา เสพติด และอบายมุข ร่วมถึงสื่อลามกอนาจาร โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ตระหนักและเห็นความสำคัญของการเฝ้าระวัง การรณรงค์ต่อต้าน รวมทั้งการ แก้ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดและอบายมุขในพื้นที่ จึงเข้าร่วมโครงการสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติด และอบายมุข ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ในปีการศึกษา ๒๕๖๐ และดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนถึงปีการศึกษา ๒๕๖๕ ในปัจจุบัน โดยยกระดับความเข้มข้นของการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ นำไปสู่เป้าหมายสูงสุดคือการยกระดับเป็นสถานศึกษาสีขาวที่ผู้เรียนและบุคลากรในโรงเรียนทุกคนปลอดจาก ปัญหายาเสพติดและอบายมุขร้อยละ ๑๐๐


18 บทที่ 3 ผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ 5 มาตรการ โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้ดำเนินโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข โดย ดำเนินงานตามยุทธศาสตร์โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข 5 มาตรการ 16 ตัวบ่งชี้ ประกอบด้วย 1. มาตรการด้านการป้องกัน ( 4 ตัวบ่งชี้ ) 2. มาตรการด้านการค้นหา ( 3 ตัวบ่งชี้ ) 3. มาตรการด้านการรักษา ( 2 ตัวบ่งชี้ ) 4. มาตรการด้านการเฝ้าระวัง ( 2 ตัวบ่งชี้ ) 5. มาตรการด้านการบริหารจัดการ ( 5 ตัวบ่งชี้ ) โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญเห็นถึงความสำคัญด้านการป้องกันความเสี่ยงจากอบายมุข โดยทางโรงเรียนจัด กิจกรรมห้องเรียนสีขาว มีการจัดการเรียนการสอนตามแนวทางการจัดการเรียนรู้ การสร้างสร้างภูมิคุ้มกันสารเสพ ติดเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนให้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ ซึ่ง ทางโรงเรียนได้ดำเนินการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้ 1.1 สถานศึกษาดำเนินการกิจกรรมห้องเรียนสีขาว/แผนกสีขาว โรงเรียนมีการดำเนินงานของกิจกรรมห้องเรียนสีขาว ตามโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพ ติดและอบายมุข ซึ่งได้กำหนดกลยุทธ์เพื่อเป็นกระบวนการในการดำเนินงานภายในกิจกรรมห้องเรียนสีขาว โดยจัด ให้องค์ประกอบทั้ง 4 ด้าน คือ มีแหล่งเรียนรู้ ดูแลช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อด้วยคุณธรรม และสร้างสรรค์ด้วยกิจกรรม โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1. มีแหล่งเรียนรู้ มีการจัดกิจกรรมในห้องเรียน เช่น การจัดบอร์ด จัดทำสื่อที่เป็นสิ่งพิมพ์ ฯลฯ ที่ ให้ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด บุหรี่/บุหรี่ฟ้า การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สื่อลามกอนาจาร การพนัน การ ทะเลาะวิวาท โรคเอดส์ การตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร อบายมุข อุบัติภัย โดยนำสถานการณ์ข่าวสารทุกด้านมาเสนอ ให้เพื่อนนักเรียนรับรู้ตามสถานการณ์ปัจจุบัน 2. ดูแลช่วยเหลือ จัดให้มีนักเรียนแกนนำ เพื่อให้คำปรึกษาดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตอบสนอง ปัญหาของพฤติกรรมของนักเรียน และช่วยเหลือด้านการเรียนโดยให้คำปรึกษา แนะนำ และให้การช่วยเหลือ หาก ไม่สามารถแก้ไขได้ให้รายงานครูประจำชั้นทราบเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป 3. เอื้อเฟื้อด้วยคุณธรรม มีหลักธรรมประจำห้องเรียน เพื่อให้นักเรียนทุกคนมีคติพจน์หรือ หลักธรรมคำสอนตามศาสนาที่ตนนับถือมาเป็นหลักยึดปฏิบัติในห้องเรียน 4. สร้างสรรค์ด้วยกิจกรรม มีกิจกรรมที่สร้างสรรค์ที่จะช่วยให้มีความสามัคคี และใช้เวลาว่างให้ เป็นประโยชน์ ไม่ไปมั่วสุมกับยาเสพติด บุหรี่/บุหรี่ฟ้า การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สื่อลามกอนาจาร การพนัน การทะเลาะวิวาท เช่น การเล่นกีฬา การเลานดนตรี ศิลปะ และกิจกรรมตามที่กลุ่มสนใจร่วมกันจัดทำขึ้น เพื่อ พัฒนาร่างกายและจิตใจ รวมทั้งกิจกรรมทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษาร่วมกับชุมชน ผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข 1. มาตรการด้านการป้องกัน


19 ทางโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้กำหนดให้มีการประเมินผลการดำเนินงานของห้องเรียนสีขาว โดย การขับเคลื่อนกลยุทธ์ทั้ง 4 ด้านของห้องเรียนสีขาว มีกลไกของการขับเคลื่อนการทำงานในรูปแบบของการจัด องค์กรภายในห้องเรียนสีขาว ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้โรงเรียนปลอดยาเสพติดทุกชนิด คณะกรรมการดำเนินงาน ของแต่ละห้องจะแบ่งออกเป็นฝ่ายต่าง ๆ 4 ฝ่ายงาน ดังนี้ 1) ฝ่ายการเรียน มีหน้าที่ช่วยเหลือในด้านวิชาการเกี่ยวกับการเรียน การบ้าน โครงงาน หรือปัญหา การเรียนในห้องเรียน ต้องรับผิดชอบแก้ไขช่วยเหลือ และให้คำแนะนำ คำอธิบาย ชี้แนะ แหล่งเรียนรู้ และนำเสนอ ครูที่ปรึกษา 2) ฝ่ายการงาน มีหน้าที่ดูแลความสะอาดเรียบร้อยในห้องเรียน รักษาของมีค่าและทรัพย์สมบัติ ของห้องเรียน วัสดุอุปกรณ์ที่ชำรุด ป้องกันอุบัติเหตุภายในห้องเรียน จัดสภาพสิ่งแวดล้อมในห้องเรียนให้น่าเรียน และป้องกันไม่ให้มีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นในห้องเรียน 3) ฝ่ายกิจกรรม มีหน้าที่จัดกิจกรรมที่สร้างสรรค์ ทั้งในห้องเรียน และกิจกรรมในทุกระดับชั้น เช่น การเล่นดนตรี กีฬา ศิลปะ วัฒนธรรม และจัดกิจกรรมในกลุ่มสนใจของเพื่อน ๆเพื่อใช้เวลาว่างให้ เป็นประโยชน์ ไม่ไปมั่วสุมหรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม 4) ฝ่ายสารวัตรนักเรียน สอดส่องดูแลความเรียบร้อยทั้งในห้องเรียนและมุมอับ เช่น ห้องน้ำ หรือที่ บริเวณอาคาร แหล่งที่ไปมั่วสุมสูบบุหรี่ ดูแลเพื่อน หากมีพฤติกรรมที่ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือพฤติกรรมเสี่ยง รวมทั้งปัญหาส่วนตัวในด้านต่าง ๆ ให้คณะกรรมการห้องเรียนแก้ไข แต่หากไม่สามารถแก้ไขได้ ให้นักเรียนบอกครู ที่ปรึกษาเพื่อแก้ไขต่อไป คณะกรรมการห้องเรียนสีขาว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4


20 คณะกรรมการห้องเรียนสีขาว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/1 คณะกรรมการห้องเรียนสีขาว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/2


21 คณะกรรมการห้องเรียนสีขาว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 คณะกรรมการห้องเรียนสีขาว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2


22 โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญมีการประเมินผลการดำเนินงานกิจกรรมห้องเรียนสีขาวระดับดีเด่นทุกภาคเรียน ซึ่งมีผลการประเมินห้องเรียนระดับดีเด่น ดังนี้


23


24


25


26


27


28


29


30


31


32


33


34


35


36


37


38


39


40


41


42


43


Click to View FlipBook Version