The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่มที่ 1 สรุปผลการดำเนินงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by suparath.le, 2023-07-09 11:21:08

เล่มที่ 1 สรุปผลการดำเนินงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข

เล่มที่ 1 สรุปผลการดำเนินงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข

94 ๔.๒ ทีมงานแกนนำจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ภายในห้องเรียน นักเรียนแกนนำฝ่ายกิจกรรมมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น กิจกรรมวันงดสูบบุหรี่โลก กิจกรรมวัน ต่อต้านยาเสพติดโลก กิจกรรมวันงดดื่มสุราแห่งชาติและรณรงค์งดดื่มแอลกอฮอล์ กิจกรรมด้านศิลปะ/ดนตรี/กีฬา รวมถึงกิจกรรมด้านคุณธรรม/จริยธรรม กิจกรรมวันต่อต้านยาเสพติดโลก กิจกรรมด้านศิลปะ


95 ๔.๓ ทีมงานแกนนำให้ความร่วมมือและจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์นอกห้องเรียน นักเรียนแกนนำฝ่ายกิจกรรมให้ความร่วมมือและจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์นอกห้องเรียน เช่น กิจกรรมจิตอาสา/บำเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมเกี่ยวกับสถาบันหลักของชาติ กิจกรรมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม กิจกรรม เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมและประเพณี รวมถึงกิจกรรมเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย กิจกรรมด้านดนตรี กิจกรรมด้านกีฬา กิจกรรมจิตอาสา/บำเพ็ญประโยชน์


96 กิจกรรมเกี่ยวกับสถาบันหลักของชาติ กิจกรรมเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมและประเพณี


97 ๔.๔ ทีมงานแกนนำจัดทำโครงงานเกี่ยวกับห้องเรียนปลอดบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า หรือ ปลอดเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ หรือ ปลอดยาเสพติด หรือ ปลอดสื่อลามกอนาจาร หรือ ปลอดการพนัน หรือ ปลอดการทะเลาะวิวาท นักเรียนแกนนำฝ่ายกิจกรรมมีการจัดทำโครงงานเกี่ยวกับห้องเรียนในเรื่องต่าง ๆ เช่น นักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 จัดทำโครงงานเรื่อง สายใยรักและสามัคคี


98


99


100


101


102 1.2 สถานศึกษาจัดทำประกาศและมอบรางวัลหรือเกียรติบัตรห้องเรียนสีขาวดีเด่น โรงเรียนมีการประเมินผลการดำเนินงานกิจกรรมห้องเรียนสีขาวทุกห้อง เดือนละ 1 ครั้ง และมีการ ประกาศผลงานห้องเรียนสีขาวดีเด่นทุกเดือนและมีการมอบรางวัลแก่ห้องเรียนสีขาวดีเด่น ซึ่งกระบวนการในการ ประเมินผลนั้นวัดจากเกณฑ์การประเมินทั้ง 4 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายการเรียน ฝ่ายการงาน ฝ่ายสารวัตรนักเรียน และ ฝ่ายกิจกรรม ซึ่งเป็นการประเมินอย่างต่อเนื่องทุกเดือน ประกาศผลงานห้องเรียนสีขาวดีเด่นประจำเดือนสิงหาคม


103 ประกาศผลงานห้องเรียนสีขาวดีเด่นประจำเดือนกันยายน


104 ประกาศผลงานห้องเรียนสีขาวดีเด่นประจำเดือนพฤศจิกายน


105 ประกาศผลงานห้องเรียนสีขาวดีเด่นประจำเดือนธันวาคม


106 ประกาศผลงานห้องเรียนสีขาวดีเด่นประจำเดือนมกราคม


107 1.3 สถานศึกษามีการดำเนินงานโครงการโรงเรียนปลอดบุหรี่/ปลอดบุหรี่ไฟฟ้า และปลอดเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ 7 มาตรการ โรงเรียนมีการดำเนินโครงการโรงเรียนปลอดบุหรี่ โดยดำเนินงานภายใต้ 7 มาตรการ เพื่อโรงเรียน ปลอดบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดังนี้ มาตรการที่ 1 การกำหนดนโยบาย “สถานศึกษาปลอดบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้าและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์”ของ สถานศึกษา ทางโรงเรียนจัดทำนโยบายสถานศึกษาเป็นเขตปลอดบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า และเขตปลอดเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์เป็นลายลักษณ์อักษร และลงนามโดยผู้บริหาร มีการเผยแพร่นโยบายสู่นักเรียน ผู้ปกครอง และผู้ที่ เกี่ยวข้องทั้งในและนอกสถานศึกษา รวมถึงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์นโยบายผ่านช่องทางที่หลากหลาย ประกาศกำหนดให้เป็นสถานศึกษาปลอดบุหรี่


108 ประกาศนโยบายของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ


109 มาตรการที่ 2 การบริหารจัดการในสถานศึกษาปลอดบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้าและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทางโรงเรียนมีการจัดตั้งคณะทำงานหรือคณะกรรมการสถานศึกษาปลอดบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้าและ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกำหนดบทบาทหน้าที่อย่างชัดเจนและประเมินตนเองในการดำเนินงานสถานศึกษา ปลอดบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้าและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ


110 คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ


111 คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ


112 มาตรการที่ 3 การจัดสภาพแวดล้อมเพื่อ “สถานศึกษาปลอดบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้าและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” โรงเรียนมีการจัดสภาพแวดล้อมภายในสถานศึกษาให้เป็นเขตปลอดบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้าและเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ตามที่กฎหมายกำหนด มีเครื่องหมายแสดงเขตปลอดบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า และเขตปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามกฎหมาย และเครื่องหมาย ห้ามสูบบุหรี่ /บุหรี่ไฟฟ้า และห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณทางเข้า – ออก ของสถานศึกษา มีเครื่องหมายแสดงเขตปลอดบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า และเขตปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามกฎหมายบริเวณ ภายในสถานศึกษา (บริเวณนอกอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง)


113 มีเครื่องหมายแสดงเขตปลอดบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า และเขตปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามกฎหมายบริเวณ ทางเข้า – ออก อาคารและภายในอาคารสถานที่ โรงเรียนมีการปรับปรุงสภาพแวดล้อมไม่ให้เอื้อต่อการสูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า และบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


114 มาตรการที่ 4 การสอดแทรกเรื่องบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้าและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในการเรียนการสอนและ กิจกรรมนอกหลักสูตร โรงเรียนมีการวางแผนและกำหนดกิจกรรมเพื่อสอดแทรกเรื่องโทษ พิษภัย ผลกระทบของบุหรี่/บุหรี่ ไฟฟ้า และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ รวมถึงวิชาสุขศึกษาและพลศึกษาและกิจกรรมต่าง ๆ ทั้ง ในและนอกหลักสูตร มีการบูรณาการสอดแทรกเรื่องโทษ พิษภัย ผลกระทบของบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า และเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ในรายวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา


115 แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา


116 มีการบูรณาการสอดแทรกเรื่องโทษ พิษภัย ผลกระทบของบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า และเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ในรายวิชาวิทยาศาสตร์


117 แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์


118 แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์


119 แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์


120 มีการกำหนดกิจกรรมเพื่อสอดแทรกเรื่องโทษ พิษภัย ผลกระทบของบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า และบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


121 มาตรการที่ 5 การมีส่วนร่วมของนักเรียนในการขับเคลื่อนสถานศึกษาปลอดบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้าและ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โรงเรียนมีการส่งเสริมให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง เพื่อควบคุมยาสูบ และเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ ทั้งบริเวณในและนอกสถานศึกษา โรงเรียนส่งเสริมให้นักเรียนสร้างสรรค์สื่อการเรียนรู้ เพื่อให้นักเรียนในสถานศึกษามีภูมิคุ้มกันในการ ปกป้องตนเองจากการสูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า และการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


122 โรงเรียนส่งเสริมให้นักเรียนร่วมรณรงค์บ้านและชุมชนปลอดบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า และปลอดเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ มาตรการที่ 6 การดูแลช่วยเหลือนักเรียนไม่ให้สูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้าและไม่บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โรงเรียนมีกระบวนการคัดกรอง ป้องกัน และติดตามนักเรียนกลุ่มเสี่ยงเพื่อป้องกันการริเริ่มสูบบุหรี่/ บุหรี่ไฟฟ้า และบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนักเรียน รวมถึงมีกระบวนการในการดูแลช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา เพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า และบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


123 บันทึกการคัดกรองนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/2


124 สรุปข้อมูลพฤติกรรมเสี่ยงของเพื่อนในห้อง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1


125 แบบบันทึกการให้คำปรึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2


126 มาตรการที่ 7 การมีกิจกรรมร่วมกันระหว่างสถานศึกษากับชุมชน ทางโรงเรียนมีการจัดกิจกรรมสร้างความตระหนักเรื่องโทษ พิษภัย และผลกระทบของผลิตภัณฑ์ ยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับชุมชน ในการกิจกรรมนอกหลักสูตร ได้มีครู D.A.R.E มาสอนให้ความรู้ต้านยาเสพติดให้กับนักเรียน มีการจัดอบรมให้ความรู้ด้านพิษภัยของยาเสพติดโดยวิทยากรจาก รพ.ปฐมภูมิธรรมศาสตร์


127 1.4 สถานศึกษาจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เพื่อป้องกันยาเสพติด การสูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า การบริโภค เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สื่อลามกอนาจาร การพนัน การทะเลาะวิวาท โรงเรียนมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อป้องกันยาเสพติด ประกอบด้วย 1. กิจกรรม ครู D.A.R.E เพื่อต่อต้านการใช้ยาเสพติดในเด็กนักเรียน ตามโครงการสถานศึกษาสี ขาวปลอดยาเสพติดและอบายมุข มีวัตถุประสงค์ที่จัดขึ้นเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับพิษภัยของยาเสพติด ให้นักเรียน ตระหนักถึงโทษของพิษภัยยาเสพติด ที่ส่งผลต่อตนเองและครอบครัว ซึ่งมีโทษทางกฎหมายทำให้ตนเองเสีย อนาคตได้ ทางโรงเรียนได้ประสานความร่วมมือกับสถานีตำรวจภูธรคูคต และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี โดย ทางสถานีตำรวจภูธรคูคต ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท. สุรชา โคตรวงษ์ทอง มาให้ความรู้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 5 ในทุกวันพฤหัสบดี สัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง เพื่อให้นักเรียนได้ตระหนักถึงบทลงโทษหากนักเรียนหรือ ครอบครัวไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ได้ยกตัวอย่างผู้ต้องหาในคดียาเสพติดที่ต้องเสียอนาคต เพราะยุ่งเกี่ยวกับยาเสพ ติด ทั้งที่เป็นผู้เสพและผู้ค้า อธิบายโทษของบุหรี่ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ ซึ่งเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีไม่ สามารถซื้อบุหรี่ได้ การสูบบุหรี่ในสถานที่ราชการและที่สาธารณะ ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกินสองพันบาท และ เรื่องบุหรี่ไฟฟ้าที่ปัจจุบันมีขายในโลกออนไลน์ ทำให้หาซื้อได้ง่าย แต่ผิดกฎหมายเนื่องจากจัดเป็นของลักลอบ นำเข้า การครอบครองการจำหน่ายย่อมผิดกฎหมาย ซึ่งสามารถเอาผิดได้ 3 ข้อหา คือ ทั้งนำเข้า ขาย และ ครอบครอง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ราชการเป็นสิ่งผิดกฎหมาย โดยผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุก เพื่อให้นักเรียนโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้รู้ถึงข้อกฎหมาย ตระหนักถึงผลกระทบทั้งต่อตนเองและครอบครัว ผลที่ได้จากการจัดกิจกรรมครู D.A.R.E พบว่า นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับข้อกฎหมายต่าง ๆ และ ตระหนักถึงผลเสียต่อตนเองและครอบครัวหากถูกดำเนินคดี ซึ่งทำให้นักเรียนในโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญไม่มีใคร ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด


128 2. กิจกรรมโครงการสภานักเรียน เพื่อปลูกฝังให้นักเรียนมีภาวะผู้นำ เสียสละ สร้างความสามัคคี ฝึกความรับผิดชอบ ช่วยเหลือผู้อื่น มีจิตอาสา ยอมรับในความคิดของผู้อื่นมีความเป็นประชาธิปไตย นอกจากนั้น โครงการสภานักเรียน ยังช่วยส่งเสริมให้นักเรียนสภามีภาวะผู้นำช่วยดูแลนักเรียนคนอื่นๆ ให้ห่างไกลยาเสพติด การสูบบุหรี่ สื่อลามกอนาจาร การทะเลาะวิวาท โดยปัญหาที่มักพบในโรงเรียน คือ ปัญหาการทะเลาะวิวาท ทาง โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้มีแนวทางการแก้ปัญหาการทะเลาะวิวาท โดยเริ่มต้นจากครู ลดการใช้ความรุนแรง กับนักเรียน ใช้วิธีการแก้ปัญหาพฤติกรรมของนักเรียนด้วยเหตุผล มีการหาแนวทางร่วมกันระหว่างครูและนักเรียน โดยสภานักเรียนเป็นตัวแทนของนักเรียนในโรงเรียน รับฟังปัญหา รับฟังข้อเสนอแนะจากเพื่อน และนำมาเข้าร่วม ประชุมกับครูและผู้บริหาร เช่น เรื่องทรงผม การมาโรงเรียน เพื่อช่วยกันกำหนดกฎกติกาของโรงเรียน และ ประกาศเป็นกฎของโรงเรียนให้นักเรียนในโรงเรียนได้ปฏิบัติตาม ครูลดการตี การใช้คำพูดรุนแรง การทำให้อับอาย เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ในนักเรียนที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ได้มีการเรียกคุยส่วนตัว โดยครู ประจำชั้น เพื่อให้เข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริง และพยายามหาข้อดีของนักเรียนเพื่อกล่าวคำชมเชย ให้นักเรียนที่มี พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ได้มองเห็นตนเองในด้านดีได้ชัดเจนขึ้น เพื่อให้เขาได้รู้ว่าพฤติกรรมที่ดีนักเรียนก็มีและทำ ได้ เป็นการเสริมสร้างกำลังใจ ใช้วิธีนำน้ำดีไล่น้ำเสีย แนะนำวิธีที่เหมาะสมเมื่อนักเรียนต้องเจอกับสิ่งเร้าที่ทำให้ เกิดความรู้สึกโกรธ เช่น เดินหนี บอกเพื่อนชัดเจนว่าไม่ชอบที่เพื่อทำพฤติกรรมแบบนี้ หรือให้รีบแจ้งครูประจำชั้น เป็นต้น เมื่อครูเป็นแบบอย่างของการไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ นักเรียนโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญจึงมีเหตุ ทะเลาะวิวาทที่น้อยลง ทั้งนี้สภานักเรียนช่วยกันดูแลพฤติกรรมต่าง ๆ ของเพื่อนและน้อง ๆ เป็นแบบอย่างที่ดี ให้กับผู้อื่นได้ ผลที่ได้จาการจัดกิจกรรมสภานักเรียนพบว่า ทำให้นักเรียนมีความเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี เสียสละ ทำงานส่วนรวม เป็นแบบอย่างที่ดี ช่วยให้ทุกคนเข้าใจนักเรียนที่มีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ช่วยนักเรียน แก้ปัญหาอย่างเหมาะสม ห่างไกลจากปัญหายาเสพติดและอบายมุข


129 3. โครงการคุณธรรม กิจกรรมสวดมนต์ ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม เพื่อให้นักเรียนมีสมาธิ ยึด มั่นในการทำความดี ละเว้นความชั่ว ฝึกจิตให้ผ่อนคลาย มีเมตตา มีสติ มีบุคลิกภาพที่ดี โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ จัดกิจกรรมสวดมนต์ทุกวันศุกร์ โดยนักเรียนจะได้สวดมนต์ บทนมัสการพระรัตนตรัย บทสวดพระพุทธคุณ บท สวดพระธรรมคุณ บทสวดพระสังฆคุณ บทสวดชะยะสิทธิคาถา ทำนองสังโยคและ/ทำนองสรภัญญะ การสวดมนต์ ทำให้นักเรียนได้ฝึกจิต เจริญสติภาวนา ช่วยให้จิตใจสงบ ฝึกให้นักเรียนปล่อยวาง ผ่อนคลายความคิดจากเรื่องที่ สร้างความทุกข์ร้อนใจ ให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน ยึดมั่นในคุณงามความดี โดยมีพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว จิตใจ ให้ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข ไม่เบียดเบียนผู้อื่น หลังจากสวดมนต์ นักเรียนจะได้เจริญสตินั่งสมาธิ และสวด บทแผ่เมตตา ให้ตนเองและผู้อื่น จากนั้นจะมีกิจกรรมเล่านิทานคุณธรรม เพื่อให้เป็นข้อคิดเตือนใจให้นักเรียนได้นำ แนวคิดที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นสิ่งสะท้อนชีวิตให้นักเรียนรับรู้ว่าชีวิตย่อมมีอุปสรรค ผลจากการจัดกิจกรรมสวดมนต์ นั่งสมาธิ พบว่า นักเรียนทุกคนได้สวดมนต์ นั่งสมาธิ ฟังนิทาน คุณธรรมในทุกวันศุกร์ มีนักเรียนตัวแทนได้เข้าร่วมการแข่งขันการสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะ ได้รับรางวัลรอง ชนะเลิศอันดับ 1 ของจังหวัดปทุมธานี นอกจากนี้นักเรียนได้นำข้อคิดที่ได้จากนิทานคุณธรรมนำมาปรับใช้ใน ชีวิตประจำวัน เช่น นิทานคุณธรรมเรื่อง ความซื่อสัตย์ นักเรียนที่พบเจอสิ่งของที่ไม่ใช้ของตนเองก็นำมาส่งที่ห้อง ธุรการ เพื่อตามหาเจ้าของต่อไป ทำให้นักเรียนมีความภาคภูมิใจในตนเอง เมื่อนักเรียนต้องเจอกับปัญหาที่สร้าง ความทุกข์ร้อนใจให้นักเรียน นักเรียนก็ได้มีแนวทางการแก้ปัญหาที่ถูกต้องเหมาะสมที่ได้จากนิทานคุณธรรม ตัวแทนได้เข้าร่วมการแข่งขันการสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ของจังหวัดปทุมธานี


130 4. โครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ กิจกรรมความร่วมมือกับศูนย์การแพทย์ปฐมภูมิ แพทย์ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่ 24 มิถุนายน 2565 ทางโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้รับความร่วมมือ จากพยาบาลวิชาชีพมาอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับประเภทของยาเสพติด สมองติดยา และพิษภัยของยาเสพติด เพื่อให้นักเรียนได้เกิดความรู้ความเข้าใจ รู้ทันเกี่ยวกับภัยของยาเสพติด ผลจากการจัดโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ กิจกรรมความร่วมมือกับศูนย์การแพทย์ปฐมภูมิ พบว่า นักเรียนรู้จักประเภทของยาเสพติดนักเรียนตระหนักถึงพิษภัยของยาเสพติด เห็นถึงโทษของยาเสพติดที่มี ผลต่อสมอง ทำให้เกิดความเสียหายกับสมอง และโทษของยาเสพติดที่มีผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย ทำให้เสียเงิน เสียเวลา ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข


131 5. โครงการสถานศึกษาปลอดยาเสพติดและอบายมุข กิจกรรมเดินรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด เพื่อให้นักเรียนตระหนักถึงพิษภัยของการเสพยาเสพติด รู้ว่ายาเสพติดเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ทำลายชีวิต และเป็น แบบอย่าง เชิญชวนให้คนในชุมชนได้เห็นโทษภัยของยาเสพติด ผลจากการจัดโครงการสถานศึกษาปลอดยาเสพติดและอบายมุข กิจกรรมเดินรณรงค์ ต่อต้าน ยาเสพติด พบว่า นักเรียนได้นำความรู้ที่ได้จากการเรียนเรื่องโทษของยาเสพติด การอบรมจากหน่วยงานต่าง ๆ ให้เห็นถึงโทษ และพิษภัยของยาเสพติด นักเรียนนำความรู้ที่ได้มาจัดทำป้ายนิเทศ ป้ายประกาศ เชิญชวนให้คนใน ชุมชนข้างโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด 6. โครงการโรงเรียนคุณธรรม กิจกรรมไปวัด วันพระ เพื่อให้นักเรียนได้เข้าวัดทำบุญ รู้จักแบ่งปัน มีเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และได้สัมผัสวิถีชีวิตในชุมชนของเรา ผลจากการจัดโครงการโรงเรียนคุณธรรม กิจกรรมไปวัด วันพระ พบว่า นักเรียนได้ทำบุญทุกวัน พระ ได้เห็นวิถีชีวิตคนในชุมชน สัมผัสถึงความสงบ ร่มเย็น และเกิดความปีติยินดี ที่ได้เป็นผู้ให้ผู้แบ่งปัน และได้มี สิ่งยึดเหนียวจิตใจเพื่อให้เกรงกลัวและละอายใจในการทำบาป มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นคนดี ไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น ใช้ชีวิตที่เรียบง่ายห่างไกลจากยาเสพติด ที่อาจทำให้ชีวิตพบกับปัญหามากมายตามมา


132 7. โครงการโรงเรียนคุณธรรม กิจกรรมค่ายพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม อบรมคุณธรรม-จริยธรรม “ธรรมะสู่โรงเรียน” ได้รับความอนุเคราะห์จากพระอาจารย์ พงศ์ศักดิ์ ฟักแสง และพระรณกร ศศิประภาณิช เป็น วิทยากร อบรมเพื่อส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมให้นักเรียน ในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เพื่อให้นักเรียนได้ เห็นคุณค่าของการมีชีวิต ความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ การปฏิบัติตนเป็นชาวพุทธที่ดี มารยาทชาวพุทธ ผลจากการจัดโครงการโรงเรียนคุณธรรม กิจกรรมค่ายพัฒนาคุณธรรม พบว่า นักเรียนได้เรียนรู้ เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตที่มีความสงบเรียบง่าย และนำไปปรับใช้ในชีวิตของตนเอง ในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ไม่ เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ลดการทะเลาะกันในห้องเรียน เห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ อย่างสงบ 8. โครงการกีฬาสีภายในต้านภัยยาเสพติด เป็นการส่งเสริมความสามัคคี เสริมสร้างร่างกายให้ แข็งแรง ให้ผู้เรียนรู้จักการแข่งขันกีฬา ให้รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลจากยาเสพติด โดยโรงเรียนได้จัดกิจกรรมขึ้นในวันที่ 5 มกราคม 2566 ผลจากการจัดโครงการกีฬาสีภายใน พบว่า นักเรียนได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาประเภทต่าง ๆ ทั้งนี้นักเรียนได้ฝึกซ้อมกีฬาและแข่งขันกีฬาตลอดสองสัปดาห์ นักเรียนได้เรียนรู้ที่เป็นทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ และสร้าง ความมุ่งมั่นตั้งใจในการที่จะพัฒนาตนเอง รู้จักหน้าที่ของตนเอง รับผิดชอบในงานที่ตนเองได้รับมอบหมาย มี ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีความสุขสนุกสนาน ร่างกายแข็งแรง ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ สร้างความสัมพันธ์กับ ครอบครัว ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด


133 9. กิจกรรมดนตรีไทย และดนตรีสากล ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาศักยภาพ ตามความสนใจ และ เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ฝึกระเบียบวินัย สร้างความมั่นใจในตนเอง ผลจากการจัดกิจกรรมดนตรีไทย และดนตรีสากล พบว่า นักเรียนสามารถบรรเลงเครื่องดนตรี ได้ มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งต่างๆ มากขึ้น มีวินัยในการควบคุมตนเอง เห็นคุณค่าในตนเอง เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและอบายมุข 10. กิจกรรมนาฏศิลป์ พัฒนาศักยภาพของผู้เรียน ตามความสนใจ ฝึกความกล้าแสดงออก เสริม ความมั่นใจส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เห็นคุณค่าในตนเอง เพื่อห่างไกลจากยาเสพติด ผลจากการจัดกิจกรรมนาฏศิลป์ พบว่า นักเรียนได้ฝึกการรำและออกแสดงตามงานต่าง ๆ ของ โรงเรียนและชุมชน เช่น งานวันแม่ งานวันเด็กแห่งชาติ งานเปิดบ้านวิชาการ นักเรียนได้ใช้เวลาว่างให้เกิด ประโยชน์ ได้เห็นคุณค่าในตนเอง ภาคภูมิใจในตนเอง ห่างไกลยาเสพติด


134 11. กิจกรรมศิลปะ ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาศักยภาพ ความคิดสร้างสรรค์ ให้ผู้เรียนมีความ มั่นใจ ภาคภูมิใจในตนเอง ผลจากการจัดกิจกรรมศิลปะ พบว่า นักเรียนได้สร้างชิ้นงานศิลปะที่หลากหลายด้วยตนเอง นักเรียนได้ฝึกสมาธิ ผ่อนคลายจากความเครียด เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง ได้แลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน ระหว่างเพื่อน ได้มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลยาเสพติด 12. กิจกรรมฝึกอาชีพ อบรมการทำขนมไทย ขนมต้มและขนมถั่วแปบ เพื่อฝึกอาชีพให้กับ นักเรียนและให้นักเรียนได้รู้จักขนมไทย ผลจากการจัดกิจกรรมฝึกอาชีพ อบรมการทำขนมไทย พบว่า นักเรียนได้ฝึกทำขนมไทยชนิด ต่างๆ ฝึกการทำงานร่วมกัน การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งได้ฝึกทักษะการขนมไทย เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวัน หรือในอนาคต สร้างความมั่นใจให้นักเรียน ให้นักเรียนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ได้ฝึกอาชีพ มี ความภาคภูมิใจในตนเอง ใช้ชีวิตให้ห่างไกลจากยาเสพติด


135 โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้ดำเนินการตามมาตรการด้านการค้นหาเพื่อทำการคัดกรองนักเรียน เป็น รายบุคคล ตามระบบการดำเนินงานดูแลช่วยเหลือ เพื่อคัดกรองนักเรียน และแยกกลุ่มนักเรียนเพื่อให้สะดวกใน การดูแล ป้องกัน ช่วยเหลือ แก้ไข เข้าถึงนักเรียนทุกคนและดำเนินการผ่านโครงการ กิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียน 2.1 สถานศึกษามีข้อมูลนักเรียนรายบุคคล งานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้มีการจัดระบบการบริหารงานให้ สอดคล้องและสนองตอบต่อ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 (มาตรา 6) กำหนดให้การจัด การศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และ คุณธรรมมีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมี ความสุข และจัดการ ศึกษาที่ให้ความสำคัญแก่ผู้เรียนทุกคนโดยยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนา ตนเองได้ตาม ธรรมชาติและเต็มศักยภาพ (มาตรา 22) ทั้งนี้การจัดกระบวนการเรียนการสอน ยังคำนึงถึงความ แตกต่าง ระหว่างบุคคล มีการบูรณาการในด้านความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพให้ผู้เรียนรู้จักการประยุกต์ ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ 1. ในการบริหารงานโรงเรียนได้กำหนดบุคลากรและบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างชัดเจน เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ดังนี้ 1) คณะกรรมการอำนวยการ (ทีมนำ) ประกอบด้วยผู้อำนวยการ และหัวหน้าบริหารงาน ทั้ง 4 ฝ่ายซึ่งจะให้คำปรึกษา และสนับสนุนด้านงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินงาน นิเทศติดตามผลงานหรือร่วม กิจกรรมตาม ความเหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ 2) คณะกรรมการประสานงาน (ทีมประสาน) ประกอบด้วย หัวหน้างานระบบการดูแล ช่วยเหลือ นักเรียน หัวหน้างานแนะแนว และหัวหน้ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ช่วยประสานงานให้คำแนะนำ ชี้แนะ แนวทางการปฏิบัติงานและ ช่วยเหลือแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้กับครูที่ปรึกษาทุกท่าน 3) คณะกรรมการปฏิบัติงาน (ทีมทำ) ซึ่งถือได้ว่ามีความสำคัญมากที่สุดเพราะผลงานจะดีได้ ต้องอาศัย ความร่วมมือร่วมใจของคณะครูที่ปรึกษาทุกท่านที่ทุ่มเท กำลังกาย กำลังใจด้วยความรักและเมตตา นักเรียนซึ่ง ครูที่ปรึกษาจะต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการสร้างศรัทธาเพื่อให้เกิดความไว้วางใจพร้อมที่จะดูแล ช่วยเหลือ และให้คำปรึกษากับนักเรียนทุกคน จะเห็นได้จากขั้นตอนการทำงาน คือ 3.1 การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคลซึ่งในการทำงานครู 1 คนจะมีนักเรียนที่อยู่ในความ ดูแลประมาณ 20 – 30 คน ทำให้มีการดูแลได้อย่างทั่วถึงโดยที่ครูที่ปรึกษาจะรู้จักนักเรียนจากการสัมภาษณ์ใน คาบกิจกรรม โฮมรูมหรือเวลาพักตามความเหมาะสม 3.2 การคัดกรองนักเรียนจะได้ข้อมูลจากการประเมินตนเอง (SDQ) ของนักเรียนหากครู ที่ปรึกษามีข้อ สงสัยจากการประเมินตนเองของนักเรียน ครูที่ปรึกษาก็จะทำแบบประเมินร่วมด้วยหรือให้ ผู้ปกครอง ทำแบบประเมินนักเรียนในสมุดระเบียนสะสม บางครั้งอาจจะใช้วิธีการสังเกต การสัมภาษณ์นักเรียน การสอบถามเพื่อนในกลุ่มด้วยก็ได้ 3.3 การจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ความสามารถและทักษะด้านต่าง ๆ หลังจากการคัด กรองนักเรียน แล้วงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้ร่วมกับหัวหน้างานแนะแนว หัวหน้างานกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน สร้างกิจกรรมที่หลากหลายในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมศักยภาพให้กับนักเรียนทั้งหมดตามความสามารถ เช่น กิจกรรมวิชาการของทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้แก่ การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ด้านดนตรีด้าน กีฬา กิจกรรมจิตอาสา กิจกรรมส่งเสริมประชาธิปไตย กิจกรรมค่ายคุณธรรม - จริยธรรม 3.4 การจัดกิจกรรมจิตอาสา ทางโรงเรียนมีการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่าง ๆ ที่ หลากหลายและเปิดโอกาสให้นักเรียนสามารถจัดกลุ่มกิจกรรมที่นักเรียนสนใจ เช่น เพื่อนช่วยเพื่อน พี่ช่วยน้อง 2. มาตรการด้านการค้นหา จัดการ


136 เยี่ยมบ้านทั้งนี้เพื่อลดปัญหาการมั่วสุมและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ซึ่งจะมีครูที่ปรึกษากิจกรรมและครูแนะแนว คอยดูแลให้คำแนะนำในการทำกิจกรรมต่าง ๆ 3.5 การส่งต่อ จากผลการดำเนินงานการจัดกิจกรรมค่ายคุณธรรม-จริยธรรม การจัด กิจกรรมเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาสารเสพติดมีการอบรมกลุ่มแกนนำ การแสดงดนตรีต้านยาเสพติด กิจกรรมกีฬา กิจกรรมจิตอาสา กิจกรรมส่งเสริมประชาธิปไตยและสร้างภาวะผู้นำ ฯลฯ เหล่านี้ช่วยให้นักเรียนทุกคนสามารถ ปรับตัวและอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ดังนั้น ส่วนใหญ่การส่งต่อจึงเป็นการส่งต่อภายใน เนื่องจากไม่มีกรณี ร้ายแรงโดยจะมีครูที่ปรึกษา และหัวหน้าระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนร่วมกับหัวหน้างานแนะแนวตลอดจน คณะกรรมการฝ่ายบริหาร ของโรงเรียนร่วมกันแก้ปัญหาตามความเหมาะสม 2. การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน งาน ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้มีการจัดประชุมผู้ปกครองเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง ครูกับผู้ปกครอง ผู้ปกครองกับผู้ปกครอง และมีการจัดตั้งคณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครองระดับโรงเรียน ระดับห้องเรียน ห้องเรียนละ 5 คน เพื่อช่วยประสานงานดูแลนักเรียนและส่งเสริมกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนที่จัดให้กับนักเรียน การประสานความร่วมมือในการดูแลนักเรียนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาลตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี และหน่วยงานเอกชนในท้องถิ่น เพื่อช่วยเหลือดูแลนักเรียนในด้านต่าง ๆ ทั้งทุนการศึกษา การ อบรมให้ความรู้ด้านต่าง ๆ การสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ด้านการศึกษา ตารางที่ 6 ตารางข้อมูลการเยี่ยมบ้าน รายการ จำนวน คิดเป็นร้อยละ จำนวนนักเรียนทั้งหมด นักเรียนชาย 173 51.49 นักเรียนหญิง 166 49.40 รวมนักเรียนทั้งหมด 336 100 จำนวนนักเรียนที่ได้ออกเยี่ยมบ้าน นักเรียนชาย 173 51.49 นักเรียนหญิง 166 49.40 รวมนักเรียนที่ได้ออกเยี่ยมบ้าน 336 100 ตารางพบว่าจำนวนนักเรียนชั้นอนุบาล 2 - ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีจำนวนทั้งหมด 336 คน นักเรียนที่ได้ ออกเยี่ยมบ้าน เป็นนักเรียนชาย จำนวน 173 คน คิดเป็นร้อยละ 51.49 เป็นนักเรียนหญิง 166 คน คิดเป็น ร้อยละ 49.4 รวมทั้งสิ้น 336 คน คิดเป็นร้อยละ 100.0


137 ตารางที่ 7 ตารางผลของการเยี่ยมบ้านนักเรียน รายการ จำนวน คิดเป็นร้อยละ กลุ่มปกติรวม 256 77.08 กลุ่มเสี่ยงด้านการเรียน 35 10.42 กลุ่มเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ 33 9.82 กลุ่มเสี่ยงด้านการคุ้มครองนักเรียน 7 2.08 กลุ่มเสี่ยงด้านการทะเลาะวิวาท 2 0.60 กลุ่มเสี่ยงด้านยาเสพติด 1 0.30 กลุ่มเสี่ยงรวม 76 22.62 กลุ่มช่วยเหลือรวม 76 22.62 จากตารางพบว่า ผลการคัดกรองนักเรียนชั้นอนุบาล 2 - ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้ออกเยี่ยมบ้าน ทั้งหมด 336 คน อยู่ในกลุ่มปกติ 259 คน คิดเป็นร้อยละ 77.08 อยู่ในกลุ่มเสี่ยงด้านการเรียน 35 คน คิดเป็น ร้อยละ 10.42 อยู่ในกลุ่มเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ 33 คน คิดเป็นร้อยละ 9.82 ตารางที่ 8 ตารางจำนวนนักเรียนที่มีพฤติกรรมและความเสี่ยงด้านสุขภาพ รายการ จำนวน คิดเป็นร้อยละ ร่างกายไม่แข็งแรง 7 2.08 นักเรียนมีโรคประจำตัวหรือเจ็บป่วย บ่อย 7 2.08 นักเรียนป่วยเป็นโรคร้าย/เรื้อรัง 0 0.00 สมรรถภาพทางร่างกายต่ำ 4 1.19 มีภาวะทุพโภชนาการ 3 0.89 รวม 21 6.25 จากตาราง ผลการคัดกรองพฤติกรรมและความเสี่ยง นักเรียนชั้นอนุบาล 2 – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้าน สุขภาพ พบว่ามีนักเรียนร่างกายไม่แข็งแรง ทั้งสิ้น 7 คน คิดเป็นร้อยละ 2.08 นักเรียนมีโรคประจำตัวหรือ เจ็บป่วยบ่อยทั้งสิ้น 7 คน คิดเป็นร้อยละ 2.08 นักเรียนป่วยเป็นโรคร้าย/เรื้อรัง ทั้งสิ้น 0 คิดเป็นร้อยละ 0 นักเรียนมีสมรรถภาพทางร่างกายต่ำ ทั้งสิ้น 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.19 นักเรียนมีภาวะทุพโภชนาการ ทั้งสิ้น 3 คน คิดเป็นร้อยละ 0.89 รวมทั้งสิ้น 21 คน คิดเป็นร้อยละ 6.25 ของนักเรียนทั้งหมด


138 ตารางที่ 9 ตารางจำนวนนักเรียนที่มีพฤติกรรมและความเสี่ยงด้านสวัสดิการหรือความปลอดภัย รายการ จำนวน คิดเป็นร้อยละ พ่อแม่แยกทางกัน หรือ แต่งงานใหม่ 86 25.60 ที่พักอาศัยอยู่ในชุมชนแออัดหรือใกล้แหล่งมั่วสุม 9 2.68 บุคคลในครอบครัวเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง/เรื้อรัง 10 2.98 มีความขัดแย้ง/ทะเลาะกันในครอบครัว 4 1.19 ไม่มีผู้ดูแล 0 0.00 ถูกทารุณ/ทำร้ายจากบุคคลในครอบครัว/เพื่อนบ้าน 0 0.00 ถูกล่วงละเมิดทางเพศ 0 0.00 เล่นการพนัน 1 0.30 รวม 110 32.74 ผลการคัดกรองพฤติกรรมและความเสี่ยง นักเรียนชั้นอนุบาล 2 – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้านสวัสดิการ หรือความปลอดภัย พบว่ามีนักเรียนพ่อแม่แยกทางกันหรือแต่งงานใหม่ ทั้งสิ้น 86 คิดเป็นร้อยละ 25.60 นักเรียนที่พักอาศัยอยู่ในชุมชนแออัดหรือใกล้แหล่งมั่วสุม ทั้งสิ้น 9 คน คิดเป็นร้อยละ 2.68 นักเรียนที่บุคคลใน ครอบครัวเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง/เรื้อรัง ทั้งสิ้น 10 คน คิดเป็นร้อยละ 2.98 นักเรียนมีความขัดแย้ง/ทะเลาะกัน ในครอบครัว ทั้งสิ้น 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.19 นักเรียนไม่มีผู้ดูแล ทั้งสิ้นคิด 0 คน เป็นร้อยละ 0 นักเรียนถูก ทารุณ/ทำร้ายจากบุคคลในครอบครัว/เพื่อนบ้าน ทั้งสิ้น 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 นักเรียนถูกล่วงละเมิดทางเพศ ทั้งสิ้น 0 คิดเป็นร้อยละ 0 นักเรียนเล่นการพนัน ทั้งสิ้น 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.30 รวมทั้งสิ้น 110 คน คิดเป็น ร้อยละ 32.74 ตารางที่ 10 ตารางจำนวนนักเรียนที่มีพฤติกรรมด้านการใช้สารเสพติด รายการ จำนวน คิดเป็นร้อยละ คบเพื่อนในกลุ่มที่ใช้สารเสพติด/บุหรี่ 0 0.00 สมาชิกในครอบครัวห้องเกี่ยวกับยาเสพติด 0 0.00 อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใช้สารเสพติด 1 0.30 ปัจจุบันเกี่ยวข้องกับสารเสพติด 0 0.00 เป็นผู้ติดบุหรี่ สุรา หรือการใช้สารเสพติดอื่นๆ 0 0.00 ไม่มีพฤติกรรมการใช้สารเสพติด/บุหรี่ 335 99.70 รวม 336 100.00 จากตารางผลการคัดกรองพฤติกรรมด้านการใช้สารเสพติดของ นักเรียนชั้นอนุบาล 2 – ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 ด้านสุขภาพ พบว่ามีนักเรียนคบเพื่อนในกลุ่มที่ใช้สารเสพติด/บุหรี่ ทั้งสิ้น 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0.00 สมาชิกในครอบครัวห้องเกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งสิ้น 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0.00 นักเรียนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใช้ สารเสพติด ทั้งสิ้น 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.30 นักเรียนที่ปัจจุบันเกี่ยวข้องกับสารเสพติด ทั้งสิ้น 0 คน คิดเป็น ร้อยละ 0.00 นักเรียนเป็นผู้ติดบุหรี่ สุรา หรือการใช้สารเสพติดอื่นๆ ทั้งสิ้น 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0.00 นักเรียน ไม่มีพฤติกรรมการใช้สารเสพติด/บุหรี่ ทั้งสิ้น 335 คน คิดเป็นร้อยละ 99.70 รวมทั้งสิ้น 336 คน คิดเป็นร้อย ละ 100.00


139 ตารางที่ 11 ตารางจำนวนนักเรียนที่มีพฤติกรรมด้านการใช้สารเสพติด รายการ จำนวน คิดเป็นร้อยละ มีการทะเลาะวิวาท 2 0.60 ก้าวร้าว เกเร 4 1.19 ทะเลาะวิวาทเป็นประจำ 0 0.00 ทำร้ายร่างกายผู้อื่น 0 0.00 ทำร้ายร่างกายตนเอง 0 0.00 ไม่มีพฤติกรรมการใช้ความรุนแรง 330 98.21 รวม 336 100.00 จากตารางผลการคัดกรองพฤติกรรมด้านการใช้ความรุนแรง พบว่า มีการทะเลาะวิวาท ทั้งสิ้น 2 คน คิด เป็นร้อยละ 0.60 ก้าวร้าว เกเร ทั้งสิ้น 4 คิดเป็นร้อยละ 1.19 ทะเลาะวิวาทเป็นประจำ ทั้งสิ้น 0 คิดเป็นร้อยละ 0 ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ทั้งสิ้น 0 คิดเป็นร้อยละ 0.00 ทำร้ายร่างกายตนเอง ทั้งสิ้น 0 คิดเป็นร้อยละ 0.00 ไม่มี พฤติกรรมการใช้ความรุนแรง ทั้งสิ้น 330 คิดเป็นร้อยละ 98.21 รวมทั้งสิ้น 336 คิดเป็นร้อยละ 100.00 ตารางที่ 12 ตารางจำนวนนักเรียนที่มีพฤติกรรมทางเพศ รายการ จำนวน คิดเป็นร้อยละ อยู่ในกลุ่มขายบริการ 0 0.00 ใช้เครื่องมือสื่อสารที่เกี่ยวกับด้านเพศเป็นหลัก 0 0.00 ตั้งครรภ์ 0 0.00 หมกมุ่นในการใช้เครื่องมือสื่อสารที่เกี่ยวข้อง ทางเพศ 0 0.00 มีการมั่วสุมทางเพศ 0 0.00 ไม่มีพฤติกรรมทางเพศตามที่กล่าวมา 336 100.00 รวม 336 100.00 จากตาราง ผลการคัดกรองพฤติกรรมทางเพศนักเรียนชั้นอนุบาล 2 – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่าทุก ด้านมีนักเรียนที่มีพฤติกรรมทางเพศ ทั้งสิ้น 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0.00


140 ตารางที่ 13 ตารางจำนวนนักเรียนที่มีพฤติกรรมการติดเกม รายการ จำนวน คิดเป็นร้อยละ เล่นเกมเกินวันละหนึ่งชั่วโมง 122 36.31 ขาดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ 4 1.19 เก็บตัวแยกตัวจากกลุ่มเพื่อน 1 0.30 ใช้จ่ายเงินผิดปกติ 0 0.00 อยู่ในกลุ่มเพื่อนเล่นเกมส์ 1 0.30 ร้านเกมอยู่ใกล้บ้านหรือโรงเรียน 3 0.89 ใช้เวลาเล่นเกมเกินสองชั่วโมง 35 10.42 หมกมุ่นจริงจังในการเล่นเกม 4 1.19 อื่นๆ 0 0.00 รวม 170 50.60 และผลการคัดกรองพฤติกรรมด้านการติดเกม พบว่านักเรียนเล่นเกมเกินวันละหนึ่งชั่วโมง ทั้งสิ้น 122 คน คิดเป็นร้อยละ 36.31 นักเรียนขาดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ทั้งสิ้น 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.19 นักเรียนเก็บตัวแยกตัวจากกลุ่มเพื่อน 1 คน ทั้งสิ้นคิดเป็นร้อยละ 0.30 นักเรียนใช้จ่ายเงินผิดปกติ ทั้งสิ้น 0 คิด เป็นร้อยละ 0.00 นักเรียนอยู่ในกลุ่มเพื่อนเล่นเกมส์ ทั้งสิ้น 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.30 ร้านเกมอยู่ใกล้บ้านหรือ โรงเรียน ทั้งสิ้น 3 คน คิดเป็นร้อยละ 0.89 ใช้เวลาเล่นเกมเกินสองชั่วโมง ทั้งสิ้น 35 คน คิดเป็นร้อยละ10.42 หมกมุ่นจริงจังในการเล่นเกม ทั้งสิ้น 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.19 อื่นๆ ทั้งสิ้น 0 คิดเป็นร้อยละ 0.00 รวมทั้งสิ้น 170 คิดเป็นร้อยละ 50.60 2.2 สถานศึกษามีการคัดกรอง จำแนกกลุ่มปลอด/กลุ่มเสี่ยง/กลุ่มเสพ/กลุ่มติด/กลุ่มค้า โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญมีการคัดกรองนักเรียนเป็นรายชั้นเรียน มีการจัดระบบงาน และกิจกรรมที่ ส่งเสริมความประพฤติให้เหมาะสม มีความรับผิดชอบต่อสังคม และความปลอดภัยให้กับนักเรียน นำระบบดูแล ช่วยเหลือนักเรียนมาพัฒนาคุณภาพชีวิตของนักเรียน โดยการนำกระบวนการของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน 5 ขั้นตอน ได้แก่ การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล การคัดกรองนักเรียน การส่งเสริมนักเรียน การป้องกันและแก้ไข ปัญหา และการส่งต่อ เพื่อนำไปใช้ในชั้นเรียนได้อย่างเหมาะสมและนักเรียนได้รับการคุ้มครองและดูแล โดยมี ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา ในสถานศึกษาเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิต ตารางที่ 14 แสดงผลการคัดกรองนักเรียน ประจำปีการศึกษา ๒๕๖5 ภาคเรียน จำนวน นักเรียน กลุ่มนักเรียน/จำนวน (คน) กลุ่มปลอด กลุ่มเสี่ยง กลุ่มเสพ กลุ่มติด กลุ่มค้า ๑/๒๕๖5 130 130 - - - - ๒/๒๕๖5 136 136 - - - - ค่าความเปลี่ยนแปลง (ร้อยละ) - - - - - -


141 2.3 สถานศึกษามีการรายงานการสำรวจสภาพการใช้สารเสพติด/ยาเสพติดในระบบ CATAS โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญมีข้อมูลนักเรียนรายบุคคล และได้มีการคัดกรอง จำแนกตามกลุ่มต่าง ๆ และยังมีการรายงานระบบดูแลและติดตามการใช้สารเสพติดภายในสถานศึกษา ทั้งภาคเรียนที่ 1 และภาคเรียนที่ 2 ในระบบสารสนเทศเพื่อดูแลและติดตามการใช้สารเสพติดในสถานศึกษา (CATAS)


142 สรุปผลการรายงานระบบดูแลและติดตามการใช้สารเสพติดในสถานศึกษา (CATAS) โรงเรียนวัด โพสพผลเจริญ ไม่มีนักเรียนใช้สารเสพติด/ยาเสพติด ทั้งสิ้น 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0


143 โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญเป็นสถานศึกษาสีขาวที่ปลอดสิ่งเสพติด ปลอดการทะเลาะวิวาท ปลอดการ ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ปลอดการพนันและอบายมุข ปลอดสิ่งลามกอนาจาร และปลอดอุบัติภัย 100% ไม่มี นักเรียนที่ต้องส่งต่อเพื่อรักษาหรือบำบัดยาเสพติด แต่ทางสถานศึกษามีความตระหนักและเฝ้าระวังนักเรียนกลุ่ม เสี่ยง จึงได้ดำเนินงานในมาตรฐานที่ 3 ด้านการรักษา ดังนี้ 3.1. สถานศึกษามีนโยบายในการบำบัดรักษาและส่งต่อหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข หรือ หน่วยงานอื่น การศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มี ศักยภาพในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ สถานศึกษาได้เล็งเห็นคุณค่าของการพัฒนา และปรับเปลี่ยน พฤติกรรมให้เป็นไปในทางที่ดีและถูกต้องเหมาะสมกับวัย มีวินัยในตนเอง มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมอันพึง ประสงค์ของนักเรียน เนื่องจากคุณภาพชีวิตของคนเราเป็นตัวชี้วัดบ่งบอก ถึงความเจริญ เนื่องจากโรงเรียนวัด โพสพผลเจริญ ไม่มีนักเรียนที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด การทะเลาะวิวาท การพนันและอบายมุขสิ่งลามกอนาจาร และการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร แต่มีเพียงนักเรียนกลุ่มเสี่ยงที่อาศัยอยู่ในแหล่งชุมชนที่ มั่วสุมและมีเพื่อนที่ติดยา เสพติดในชุมชน สถานศึกษามุ่งเน้นให้นักเรียนเป็นคนดี คนเก่ง และอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุขและมีบทบาท หน้าที่ช่วยให้นักเรียนกลุ่มเสี่ยงปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวและหลีกเลี่ยงจากยาเสพติด โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญไม่มีนักเรียนที่ติดสิ่งเสพติด ทะเลาะวิวาท ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร การ พนันและอบายมุขสิ่งลามกอนาจาร จึงไม่มีนักเรียนที่ต้องส่งต่อเพื่อรักษาหรือบำบัดยาเสพติด แต่ทางสถานศึกษา ได้ร่วมมือและประสานงานกับหน่วยงานภายนอก ได้แก่ สถานีตำรวจภูธรคูคต โรงพยาบาลลำลูกกา มาเป็น วิทยากรให้ความรู้ เพิ่มพูนประสบการณ์แก่นักเรียนเรื่องยาเสพติด และการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ทั้งยังเปิด โอกาสให้นักเรียนได้ร่วมแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน สร้างความตระหนักให้นักเรียนเป็น เยาวชนที่เห็นคุณค่าในตนเองไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้ดำเนินงานตามมาตรการด้านการรักษา โดยมีการกำหนดนโยบาย แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน สร้างเครือข่ายในการบำบัดและรักษา และจัดตั้งคลินิกเสมารักษ์ สถานศึกษามี นโยบายในการบำบัดรักษา/ส่งต่อหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุขหรือหน่วยงานอื่น และดำเนินการช่วยเหลือ แก่นักเรียน ดังนี้ ๑. โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้จัดบริการการให้คำปรึกษาแนะนำโดยครูที่ปรึกษาและจัดการเรียนการ สอนเสริมพิเศษให้กับนักเรียนกลุ่มนี้ ๒. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเบี่ยงเบนต่างๆให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสมโดยการใช้กิจกรรมกลุ่มเพื่อนในการให้ ความช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหา ๓. สร้างค่านิยมใหม่ในเรื่องการคบเพื่อน และการไม่สูบบุหรี่ 4. ดำเนินมาตรการป้องปรามโดยเข้มงวดในการตรวจค้นการลักลอบนำบุหรี่ ยาเสพติด/ สิ่งเสพติดมาใช้ 5. จัดทำกลุ่มบำบัดในลักษณะของค่ายนักเรียนในโรงเรียนโดยมีครูที่ปรึกษาดูแลอย่างใกล้ชิดมีระเบียบที่ รัดกุม และถ้านักเรียนได้รับผลจากการสูบบุหรี่โรงเรียนจะประสานกับผู้ปกครองเพื่อแนะนำให้ผู้ปกครองพนักเรียน ไปพบแพทย์ เพื่อรักษาอาการที่ปรากฏ ๖. ประสานงานกับผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาโดยผู้ปกครอง สามารถเข้ามามีส่วน ร่วมในโครงการดูแลช่วยเหลือนักเรียนกลุ่มติดบุหรี่ นอกจากนี้ โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญยังได้นำกลยุทธ์ในการ ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษามาสู่การปฏิบัติจริงอย่างจริงจังต่อเนื่อง คือ ต้องมียุทธศาสตร์ ต้อง มีแผนงาน ต้องมีระบบข้อมูล ต้องมีเครือข่าย ไม่ปกปิดข้อมูล และไม่ไล่นักเรียนออกจากระบบ ถ้าหากโรงเรียนมี การตรวจพบนักเรียนที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ จะดำเนินการตามมาตรการบำบัดรักษาให้นักเรียนเลิกบุหรี่ 3. มาตรการด้านการรักษา


Click to View FlipBook Version