The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการสอบสวนคดีอุบัติเหตุ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by raschaiwud, 2021-03-17 13:05:58

คู่มือการสอบสวนคดีอุบัติเหตุ

คู่มือการสอบสวนคดีอุบัติเหตุ

Keywords: สอบสวน

บทท่ี 2 การวเิ คราะห์สาเหตุการเกดิ อบุ ัตเิ หตุทางถนน

ปัจจยั ท่เี ป็นไปได้มากของอุบัติเหตุ
- ปัจจัยคน คนขับรถตู้รับ-ส่งนักเรียนขับออกจากซอยโดยประมาท และคนขับรถบัสใช้
ความเรว็ เกนิ
- ส่วนปัจจัยรองคือ ต�ำแหน่งการติดต้ังสัญญาณไฟกระพริบควรอยู่ในต�ำแหน่งท่ีท�ำให้รถท่ี
ก�ำลังออกจากซอยมองเหน็ ได้ชัดเจน
ข้อเสนอแนะระยะกลางและระยะยาว
ระยะกลาง : ตดิ ต้ังอปุ กรณก์ น้ั การจราจรสองทิศทางดว้ ยเกาะกลางจริง หรือ Barrier อ่ืนๆ
ระยะยาว : สรา้ งทางออกใหมข่ องจราจรจากยา่ นทอ่ี ยอู่ าศัยด้านซา้ ยมอื ของทาง (ท่ปี จั จบุ ันใช้
เข้าออกทางซอยวดั เจดีย์สถาน) ให้เข้าสูท่ างถนนเชยี งใหม-่ แม่แตงโดยตรงที่จุดอื่นทปี่ ลอดภยั กว่า
วทิ ยากรสรปุ ข้อมลู
การชี้จุดชนจะตกอยู่ที่เกิดเหตุ จากการสืบสวนกรณีอุบัติเหตุ วัตถุพยาน ภาพถ่ายมุมกว้าง
ภาพเกดิ เหตุที่ไดจ้ ากส่อื มีคณุ ภาพดี และเกดิ เหตใุ กล้โรงพกั แต่ยงั ไมร่ ้จู ดุ ชนว่าอยู่ ณ จดุ ใด
ผงั บรเิ วณท่ีเกดิ เหตุ เพือ่ บอกเราว่าสุดทา้ ยแล้วรถแตล่ ะคันจะอยู่ ท่ีใด ตอ้ งหาตำ� แหน่งสดุ ท้าย
ของรถใหไ้ ด้ เพอื่ ใหส้ ามารถระบจุ ดุ เกดิ เหตไุ ด้ สง่ิ ทป่ี รากฏในวนั เกดิ เหตุ รอ่ งรอยความเสยี หายทเี่ กดิ
ข้ึนจากรถทกุ คัน โดยรอ่ งรอยจะบอกวา่ รถใด ชนกบั รถอะไร และบอกวา่ ผ้บู าดเจบ็ มากนอ้ ยเพยี งใด
ผู้บาดเจบ็ อย่ใู นรถ อยู่สว่ นใด บาดเจ็บจากส่วนใดในรถ ใหถ้ ่ายรูปภาพจาก 8 ทิศทางรอบคนั รถที่
ประสบเหตุ
รถบสั เสียหายนอ้ ยมาซ่ึงเสยี หายเฉพาะส่วนหนา้ รถ รถ SUV มผี ้เู สียชีวิต ผโู้ ดยสารดา้ นหลงั
เปน็ ผทู้ ่เี สยี ชวี ติ
เร่มิ จากรถตรู้ บั นักเรียน มาถงึ ปากซอยดา้ นซา้ ย ซึง่ เปน็ ทาง 3 แยกเฉยี ง รถทัวรม์ าทางขวาใน
มมุ ถนนโคง้ เขา้ มา ตามภาพรถตนู้ า่ จะมองเหน็ รถทวั ร์ และรถทวั รน์ า่ จะมองเปน็ รถตู้ แตถ่ า้ เรามาดว้ ย
ความเรว็ สงู กอ็ าจสง่ ผลใหม้ องไมเ่ หน็ รถทก่ี ำ� ลงั ออกจากปากซอย รถตคู้ ดิ วา่ จะขา้ มถนนพน้ เนอ่ื งจาก
เปน็ รถเลนเดียว รถทัวรค์ ิดว่าเบรคไม่ทนั จึงเบยี่ งออกขวา ทำ� ใหช้ นกับรถ SUV แลว้ ไปเกีย่ วกับบ้าน
ชาวบา้ น ท้งั น้ีมีมอไซดต์ ามมาจงึ ประสบเหตุด้วย
การหาความเร็วก่อนทรี่ ถจะชนกนั เป็นเทา่ ใด เราอาศัยหลักการของโมเมนตัม ในการหาความ
เร็วกอ่ นทจี่ ะชน
คา่ ประมาณการเปน็ จดุ ออ่ นในการเขยี นสำ� นวนได้ แตจ่ ะมปี ญั หาไดถ้ า้ มกี ารวดั จรงิ ใหท้ างทถี่ กู
ตอ้ ง ตอ้ งมีการวัดจรงิ จากคำ� บอกเล่ากต็ าม จากการวัดจรงิ ก็ตาม

50 คูม่ ือการสอบสวนคดีอบุ ตั ิเหตุทางถนน

บทที่ 2 การวิเคราะหส์ าเหตกุ ารเกิดอบุ ัติเหตทุ างถนน

กรณีศึกษา: 17M 25540306 062 – รถทวั ร์ 2 ช้ัน ชนรถกระบะกลางสีแ่ ยกทางหลวงจงั หวัด
ตาก (ทางหลวงหมายเลข 1:พหลโยธิน ตัดทางหลวงหมายเลข 12: ตาก-สโุ ขทัย) อ. เมอื ง จ.
ตาก
กรณีรถทัวรช์ นรถกระบะทกี่ �ำลงั เล้ียวขวา สง่ ผลให้รถทวั รเ์ ลยไปชนป้ายบอกทางทอ่ งเทย่ี ว สง่
ผลให้พนักงานรถทัวร์เสียชีวิต และผู้โดยสารบนรถกระบะเสียชีวิต การวัดความเร็วในการชน
เนือ่ งจากแรงระหว่างรถทัวร์ และรถกระบะแตกต่างกนั โดยขนาด
ปจั จัยคน
พนกั งานขบั รถทวั รโ์ ดยสารฝา่ ไฟแดง เนอื่ งจากพยายามจะขบั ผา่ นทางแยกเพอื่ ใหท้ นั รถโดยสาร
ในขนาดเดยี วกนั
ปัจจยั ถนนและสภาพแวดล้อม
สภาพถนนและการมองเหน็ ในเวลาเกดิ เหตไุ ม่เป็นปัจจัย แตร่ ะยะไฟเหลือง 2 วินาทีสั้นเกินไป
หรอื จะหยุดอย่างปลอดภยั โดยเฉพาะรถหนกั เมอ่ื สญั ญาณไฟเปลยี่ นเปน็ ไฟเหลอื ง
ปจั จยั รถ
ไมม่ ี
สาเหตุท่ีเกิดอุบัติเหตุมาจากการต้ังไฟเหลืองผิด กรณีน้ีมาจากเวลาไฟเขียวไฟแดงที่ผิดเวลา
และพฤตกิ รรมฝ่าฝนื สญั ญาณไฟ (ฝ่าไฟแดง) ของพนักงานขับรถทัวร์โดยสาร และสาเหตุหนึ่งทอ่ี ยู่
เบอื้ งหลงั คือ แรงกดดันที่รถท่ีมากันเปน็ ขบวน รถคันหลงั ในขบวนตอ้ งการขบั ให้ทนั รถคันหน้า
เสาบอกทางทถ่ี ูกตอ้ งหลุดออกไปจากฐานในกรณที ่ีเกิดการชน ซ่งึ เปน็ แนวปฏบิ ัติในหนว่ ยงาน
ท่ีดี ซึง่ จะมคี ่าใชจ้ ่ายสงู ในการปรับแก้ ประกอบกบั การใชไ้ ฟเหลืองในไทย ตามหลักไฟเหลอื งคือให้
เตรยี มหยดุ รถ เวน้ เสียแต่การหยดุ จะท�ำให้เกดิ เหตทุ างถนน หรือหยุดแล้วจะไม่ปลอดภยั
ข้อเสนอแนะกรณดี งั กลา่ ว
ประเทศไทยต้องเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะการผ่าไฟแดง โดยการลงทุนติดต้ัง
กลอ้ งถ่ายภาพผู้ผา่ ไฟแดงอตั โนมัติ (Red Light Camera) แลว้ ดำ� เนนิ การจบั ปรับตามกฎหมาย
- หน่วยงานทางตรวจสอบการตั้งเวลาไฟเหลืองและไฟแดงทั้งหมดท่ีทางแยกในความรับผิด
ชอบ ใหส้ อดคล้องกบั ความเรว็ รถ และความกวา้ งของทางแยก
- ประเทศไทยต้องเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายการคาดเขม็ ขดั นริ ภยั ขณะขับข่ีและโดยสาร
- หนว่ ยงานทางศกึ ษาความเปน็ ไปไดใ้ นการปรบั การตดิ ตงั้ เสาในเขตทางหลวงเปน็ แบบทหี่ ลดุ
จากฐานได้ง่ายเม่อื ถกู รถชน (Breakaway Pole) อันจะช่วยลดความรนุ แรงของอุบัตเิ หตุ

ค่มู อื การสอบสวนคดอี ุบตั เิ หตทุ างถนน 51

บทท่ี 2 การวิเคราะหส์ าเหตุการเกดิ อุบตั เิ หตทุ างถนน

กรณีศึกษาที่ 05R 25540628 069 อุบัติเหตุรถโดยสารเสยท้าย รถบัสนักท่องเท่ียว หน้าปั๊ม
ปตท. อ.คลองขลงุ จ.ก�ำแพงเพชร เสียชีวิต 5 ราย บาดเจ็บ 34 ราย
รถทวั รท์ ่องเทย่ี วมผี โู้ ดยสารเป็นชาวตา่ งชาติท้งั หมด 23 คน เพื่อเดนิ ทางไปเท่ยี ว จ.เชยี งใหม่
เม่อื เวลาประมาณ 23.15 น. รถมาถึงเขต อ.คลองขลุง รถทวั รไ์ ดจ้ อดรถเพื่อให้ผูโ้ ดยสารรบั ประทาน
อาหารปม๊ั นำ้� มนั ปตท.ฝั่งขาล่อง ประมาณ 1 ชวั่ โมง จากน้ันเปลีย่ นให้ผขู้ บั รถมือสองเป็นคนขับ ขับ
รถทัวร์ออกจากปม๊ั เวลาประมาณ 00.15 น. (28 ม.ิ ย.54)โดยออกทาง ทางเข้าร้านอาหารทอ่ี ย่ใู น
บริเวณเดียวกันกับปั๊มน�้ำมัน จุดที่รถทัวร์ออกมาเป็นจุดกลับรถ รถทัวร์มาจอดรอจะตัดกระแสรถ
เท่ยี วลอ่ งเพื่อเขา้ จุดกลับรถ
และรถโดยสารประจำ� ทาง บขส. สวรรคโลก-กรงุ เทพ ออกจากท่ารถ อ.ศรนี คร จ.สโุ ขทัย แวะ
รบั ผ้โู ดยสารรายทาง ขณะมาถงึ อ.คลองขลุง มผี ู้โดยสารในรถประมาณ 30 คน
ขณะจอดรอ คนขบั รถทวั รเ์ หน็ รถพว่ ง 2 คนั ในทศิ ทางขาลอ่ ง กำ� ลงั วงิ่ เขา้ จดุ กลบั รถดว้ ยความเรว็
ตำ�่ ทร่ี ะยะประมาณ 200-300 เมตร จงึ ไดข้ บั รถตดั ขา้ มชอ่ งจราจรขาลอ่ งไปจอดรอทช่ี อ่ งเปดิ (Open-
ing) ของจุดกลับรถ เพื่อรอชอ่ งวา่ งในกระแสจราจรขาข้ึน จะเลย้ี วขวาขน้ึ เหนือไปเชยี งใหม่ ขณะรอ
รถทวั รถ์ กู ชนตง้ั แตท่ กี่ ลางตวั รถดา้ นขวาไปถงึ ลอ้ ขวาโดยรถประจำ� ทาง บขส. ทว่ี งิ่ มาในชอ่ งจราจรท่ี
3 ของขาล่องที่ว่งิ มาดว้ ยความเร็วสงู ชนโดยไม่มกี ารเบรก หลงั การชนรถทวั ร์หมนุ ขวาและหยุดใน
ลกั ษณะหนั หวั รถไปทางทศิ เหนอื รถ บขส.เสยี หลกั ไถลโคง้ ซา้ ยพงุ่ ตกลงไปในคนู ำ้� ขา้ งทางใกลบ้ รเิ วณ
ประตูทางเข้าร้านอาหารที่อยู่ด้านซ้ายทาง มีผู้โดยสารเสียชีวิตและบาดเจ็บจ�ำนวนมาก มีชาวต่าง
ชาติ มกี ารรอ้ งเรยี นจากองั กฤษในการใชร้ ถโดยสารในประเทศไทย ผขู้ บั รถทวั รไ์ ดร้ บั การแจง้ ขอ้ กลา่ ว
หา ขับรถโดยประมาท แตเ่ จา้ ของกจิ การรถทวั ร์ไม่ถกู พจิ ารณาโทษทางกฎหมาย
ปัจจยั คน
- พฤตกิ รรมการขบั รถ/ใชถ้ นน:การเลือกใช้ความเรว็ การใชเ้ กียร์ การเบรก การเลย้ี ว การให้
สญั ญาณ ขับรถผดิ ชอ่ งทาง การเลย้ี วกลบั รถ การใชอ้ ปุ กรณค์ วามปลอดภัย
- การไมป่ ฏบิ ตั ิตามกฎจราจร : ฝ่าฝืนสญั ญาณ ตามหลงั กระชั้นชิด แซงในท่ีห้ามแซง
- ประสบการณ์ในการขับขี่/ใบขบั ข่/ี การเกิดอบุ ตั เิ หตุ
- ประสาทการรับรู้ ความตั้งใจ กจิ กรรมในรถ
- การด่ืมของมึนเมา การใช้ยา สารเสพตดิ
- ภาวะร่างกาย/โรคประจำ� ตัว/อารมณ์ ความลา้ ระยะเวลา/ระยะทางในการขบั รถ
- เพศ อายุ สถานภาพสมรส อาชีพ
- ลกั ษณะการเดินทาง : ตน้ ทาง ปลายทาง วตั ถปุ ระสงค์ ความคนุ้ เคยเสน้ ทาง



52 คูม่ ือการสอบสวนคดอี ุบตั ิเหตทุ างถนน

บทที่ 2 การวเิ คราะหส์ าเหตุการเกดิ อุบตั ิเหตทุ างถนน

ปจั จัยถนน
- แนวเส้นทางและรปู ตัด:รัศมโี คง้ การยกโค้ง การขยายโค้ง
- ระยะมองเห็น
- อปุ กรณ์ควบคุมจราจร : เครือ่ งหมาย ป้าย สัญญาณไฟ
- อปุ กรณ์กัน้ ขา้ งทาง
- สภาพขา้ งทาง?
- สภาพผวิ ทาง ไหล่ทาง การระบายน�ำ้
- ไฟฟา้ ส่องสว่าง
- ส่ิงอ�ำนวยความสะดวก
- การจอดรถ
ปจั จยั รถ
- สภาพรถไม่สมบูรณ์ ช�ำรุด: ระบบพวงมาลัย เบรก ยาง ไฟ ทีป่ ัดน้ำ� ฝน ฟิล์มกรองแสง ข้อ
ต่อรถพ่วง
- สภาพรถไมป่ ลอดภัย: น้�ำหนักเกิน การปรับแตง่ รถ ตวั รถไม่แข็งแรง การยดึ เก้าอีท้ ไี่ ม่เปน็
มาตรฐาน
- อปุ กรณ์ความปลอดภัย : หมวก เข็มขดั ถงุ ลมนริ ภัย
ปจั จยั ส่ิงแวดลอ้ ม

- สภาพอากาศ: หมอก ฝน ลม อณุ หภมู ิ แดด มืด/สวา่ ง
- อุปสรรคจากมนุษย์: ควันไฟ
สรุปปจั จยั ทเ่ี กิดอุบตั เิ หตุ
• ปัจจัยคน : ปัจจยั คนขับรถเปน็ ปจั จัยส�ำคัญปจั จัยหนึ่ง คนขับรถทวั ร์ไม่ไปกลบั รถในจดุ ท่ี
มีไว้ให้ (ห่างไป 500 เมตร) แต่ใช้ทางเข้าในบริเวณนั้นเป็นทางออกเพ่ือเข้าสู่จุดกลับรถที่
เกดิ เหตุ เปน็ พฤตกิ รรมท่ีคนขบั รถทำ� เปน็ ประจ�ำจนคดิ ว่าเปน็ สง่ิ ท่ไี ม่ผิด แต่การออกรถใน
ลกั ษณะดังกลา่ วจะท�ำให้ตัวรถขวางทางว่งิ รถขาลอ่ ง เสยี่ งต่อการถูกชน นอกจากน้ัน คน
ขับรถโดยสารก็วิ่งด้วยความเร็วสูงเข้าสู่บริเวณกลับรถ โดยไม่ได้ตระหนัก (หรือไม่ได้คาด
หวงั ) ว่าจะมรี ถอ่นื ในช่องจราจรท่ี 3 (ตดิ เกาะกลาง) ดงั น้นั เมื่อเหน็ รถทัวรข์ วางทางวิง่ ไม่
สามารถหลบเลยี่ งการชนได้
• ปจั จยั ถนน และสภาพแวดลอ้ ม: จดุ กลบั รถไดร้ บั การออกแบบตามมาตรฐานกรมทางหลวง
อุบตั ิเหตุเกดิ ตอนกลางคืน บรเิ วณจดุ กลบั รถมีไฟฟา้ แสงสวา่ ง และตดิ ตง้ั ไฟกะพรบิ เหลือง
(ท่ไี ฟยงั ท�ำงานได)้ ซึ่งเปน็ การเตือนวา่ ขา้ งหนา้ เปน็ จุดเสี่ยง

คูม่ อื การสอบสวนคดอี บุ ัติเหตุทางถนน 53

บทที่ 2 การวเิ คราะห์สาเหตกุ ารเกดิ อบุ ตั เิ หตุทางถนน

ปัจจยั ของความรุนแรงของอบุ ตั เิ หตุ
• พบว่า สกรู และน็อตที่ใช้ไม่สามารถยึดที่น่ังโดยสารให้ติดกับพื้นรถทัวร์ได้ ท้ังๆท่ีหลัง
การชนรถหมนุ ขวาไมเ่ กนิ 90 องศา เหตทุ ี่ทีน่ ่ังโดยส่วนมาก (30 ท่ีจาก 44 ท่ี) หลดุ จาก
พ้ืนรถ อาจเพิ่มความอันตรายท่ีรุนแรงแก่ผู้โดยสารได้ จะเห็นได้ว่าการยึดท่ีนั่งกับพ้ืนรถ
เปน็ ปญั หาจริงที่พบในรถยนต์โดยสารสาธารณะ ทั้งรถชั้นเดยี วและสองช้นั

กรณศี กึ ษาที่ 53R 25561023 081: รถทวั รผ์ า้ ปา่ ผสู้ งู อายอุ ำ� เภอสารภแี หกโคง้ บนทางหลวงสาย
พะเยา-วังเหนอื กม. 30 จ.ล�ำปาง เสยี ชวี ติ 22 ราย บาดเจ็บ 17 ราย
รถทวั รด์ งั กลา่ วไดอ้ อกเดนิ ทางเชา้ ประสบเหตตุ อนมดื รถทงั้ คณะมี 4 คนั เปน็ รถทวั รแ์ บบไทย
ระบบการซ่อมแซมรถอาจไม่มีการรายงานท่ีชัดเจนแน่นอน คนขบั รถแจง้ วา่ รถทัวร์ดังกล่าวไมอ่ ย่ใู น
สภาพดีปกติ เชน่ หน้าจอหน้าปัด คอนโทรลไมป่ กติ ก่อนถึงจุดเกิดเหตุรถทัวร์ดังกล่าวลงเนินมาได้ 5
กิโลเมตรแลว้ ก่อนถงึ จดุ เกดิ เหตุ 1 กโิ ลเมตร คนขบั ทราบแลว้ ว่าเบรคไม่ท�ำงาน จึงได้แจ้งผูโ้ ดยสาร
ให้ทราบ และเม่ือถึงโค้งเกิดเหตุ มีรถสวนทางขึ้นมาท�ำให้ขับเบ่ียงออกทางซ้ายเล็กน้อย จึงท�ำให้
ควบคุมรถไมอ่ ยู่ จงึ ตกลงไป 15 เมตร ท�ำให้หลงั คารถหลุดออก ไม่มีการพลกิ คว่ำ� เบาะท่นี ั่งหลดุ
เหลอื อยูโ่ ซนด้านหลัง
กรณีขับรถลงเขาแล้ว เม่ือเบรคแล้วเบรคเกิดไม่ท�ำงานเป็นกรณีท่ีเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ต้องอาศัย
ความชำ� นาญของผขู้ บั รถ และตอ้ งรใู้ นเสน้ ทางทไ่ี ปดว้ ย หากมบี อ่ กรวดเปน็ ทางจอดฉกุ เฉนิ อาจชว่ ย
ลดอุบัตเิ หตไุ ด้ แต่ในประเทศไทยยังมีทางจอดดังกลา่ วนอ้ ย
- ปัจจัยเร่อื งตวั รถไม่พรอ้ ม โครงสรา้ งตัวรถอาจมปี ัญหา จากเกา้ อ้ีที่หลดุ ออกมาจากตัวรถ
ปัจจุบันมีการทดสอบรถโดยการทรงตัวในขณะพ้ืนเอียง หรือตะแคงด้านใดด้านหนึ่ง แต่เป็น
เพียงทดสอบการทรงตัวเท่าน้ัน ยังไม่ได้มีการทดสอบเมื่อรถตะแคงแล้วผู้โดยสารปลอดภัย มีการ
สอบถามเรอ่ื งสภาพรถทัวร์ ทั้งภายนอก และภายใน โครงสรา้ ง เบาะน่ัง เจา้ ของรถ นายจ้างไม่ได้รับ
ความผดิ ถา้ เปรียบเทียบกับบรษิ ัทท่ดี ี ท่ีมกี ารตรวจสอบสภาพรถอยตู่ ลอดเวลา

54 คูม่ อื การสอบสวนคดอี ุบตั ิเหตุทางถนน

กฎหมายที่เก่ียวขอ้ ง บทที่ 3

กบั การสอบสวนคดอี บุ ตั ิเหตุ
ทางถนน

กล่าวน�ำ
กฎหมายคอื “ขอ้ บงั คบั ของสังคม ท่กี ำ� หนดให้ถอื ปฏิบัตติ าม ผ้ใู ดฝ่าฝนื ตอ้ งถกู ลงโทษ” ใน
มุมมองของประชาชนที่ถูกบังคับใช้กฎหมายไม่ว่ากฎหมายจะมีท่ีมาโดยชอบหรือไม่ก็ตาม แต่เม่ือ
กฎหมายมผี ลบงั คบั ใชแ้ ลว้ ทกุ คนกจ็ ำ� เปน็ ทจี่ ะตอ้ งปฏบิ ตั ติ าม ซงึ่ กอ่ นทกี่ ฎหมายจะบงั คบั ใชน้ น้ั จะ
ต้องมีการพิจารณาท่ีถ่ีถ้วนแล้ว ในสภาวการณ์ปกติต้องผ่านกระบวนการที่ตราไว้ตามกฎหมาย
รัฐธรรมนูญ เช่น พระราชบัญญัติต้องผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติ กฎกระทรวงต้องผ่าน
ความเหน็ ชอบของคณะรัฐมนตรี เปน็ ตน้ โดยที่ประชาชนมีหนา้ ทีต่ อ้ งปฏบิ ัตติ ามกฎหมายน้นั แต่ถา้
กฎหมายน้นั ไม่ถูกต้อง หรือไมส่ ามารถทจี่ ะปฏิบตั ิตามได้ ก็จะตอ้ งกลบั ไปแก้ไขตามกระบวนการ
การพิจารณาว่ากฎหมายจะถูกต้องหรือยุติธรรมหรือไม่นั้น ไม่ได้ข้ึนอยู่ท่ีกฎหมายเพียงอย่าง
เดยี ว หากแตอ่ ยทู่ ผ่ี บู้ งั คบั ใชก้ ฎหมายนน้ั ดว้ ย ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเดจ็
พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ในพธิ พี ระราชทานประกาศนยี บตั รแกผ่ สู้ อบไลไ่ ดว้ ชิ า
ความรูช้ ัน้ เนตบิ ณั ฑติ สมัยที่ 33 ปกี ารศึกษา 2523 ณ อาคารใหม่ สวนอมั พร 29 ตลุ าคม 2524 ว่า

“กฎหมายเปน็ เพียงเครอื่ งมือส�ำหรับวนิ จิ ฉยั ในการอำ� นวยความยุติธรรม
การอ�ำนวยความยตุ ิธรรมจะต้องอาศัยตัวผ้ใู ชก้ ฎหมาย

ต้องรกั ษาความสจุ รติ มมี โนธรรมของนกั กฎหมายไว้เสมอชวี ิต
จงึ จะสามารถเป็นทีพ่ ่ึงของประชนได้อยา่ งแทจ้ รงิ ”

พนกั งานสอบสวนจงึ จำ� เปน็ ตอ้ งรอบรทู้ ง้ั กฎหมาย และมมี โนธรรมทจี่ ะตอ้ งรกั ษาไว้ เพอื่ ใหค้ วาม
เปน็ ธรรมกับประชาชนโดยเสมอหนา้ กนั ในบทนี้ จะได้กล่าวถงึ กฎหมายทีเ่ กี่ยวข้องกับการปฏิบตั ิ
งานดา้ นการสอบสวนคดอี บุ ตั เิ หตทุ างถนน เพอื่ ใหพ้ นกั งานสอบสวนมคี วามพรอ้ มในการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี
ต่อไป ในทีน่ จี้ ะขอยกตวั อย่างมาตราสำ� คัญตามกฎหมายฉบบั ต่างๆ ดังตอ่ ไปน ี้

คู่มือการสอบสวนคดอี บุ ัตเิ หตทุ างถนน 55

บทที่ 3 กฎหมายทเี่ กีย่ วข้องกบั การสอบสวนคดอี ุบัติเหตุทางถนน

1. ประมวลกฎหมายอาญา

โทษอันเกิดจากการกระท�ำผิดกฎหมายอาญานั้น ไม่สามารถรับโทษแทนกันได้ เป็นเร่ืองของ
ปัจเจกบคุ คล บคุ คลใดกระท�ำความผิดอนั กฎหมายบญั ญัตไิ ว้ ก็ตอ้ งไดร้ บั โทษตามกฎหมายน้ัน
มาตรา 59 บคุ คลจะตอ้ งรบั ผดิ ในทางอาญากต็ อ่ เมอ่ื ไดก้ ระทำ� โดยเจตนา เวน้ แตจ่ ะไดก้ ระทำ�
ความโดยประมาท ในกรณที ่กี ฎหมายบญั ญตั ิใหต้ ้องรบั ผดิ เมอ่ื ไดก้ ระทำ� โดยประมาท หรือเวน้ แตใ่ น
กรณีทก่ี ฎหมายบัญญัตไิ ว้โดยแจง้ ชัด ให้ต้องรบั ผดิ แมไ้ ด้กระทำ� โดยไม่มีเจตนา
กระทำ� โดยเจตนา ไดแ้ ก่ กระทำ� โดยรสู้ ำ� นกึ ในการทก่ี ระทำ� และในขณะเดยี วกนั ผกู้ ระทำ� ประสงค์
ต่อผล หรอื ย่อมเลง็ เห็นผลของการกระทำ� น้นั
ถ้าผู้กระท�ำมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดจะถือว่าผู้กระท�ำประสงค์ต่อผล
หรือยอ่ มเล็งเห็นผลของการกระท�ำนนั้ มิได้
กระท�ำโดยประมาท ได้แก่ กระท�ำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระท�ำโดยปราศจากความ
ระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นน้ันจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์และผู้กระท�ำอาจใช้ความ
ระมัดระวงั เชน่ วา่ นั้นได้ แตห่ าไดใ้ ชใ้ ห้เพียงพอไม่
การกระท�ำให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดข้ึนโดยงดเว้นการท่ีจักต้องกระท�ำ
เพอ่ื ปอ้ งกันผลนน้ั ดว้ ย
คำ� อธิบายเพิม่ เติม การกระท�ำความผิดโดยประมาท (เกยี รตขิ จร วจั นะสวัสด,์ิ 2538)
การกระท�ำโดยประมาท ได้แก่ กระท�ำความผิดไม่ใช่โดยเจตนา แต่กระท�ำโดยปราศจากความ
ระมัดระวัง ซ่ึงบุคคลในภาวะเช่นนั้น จักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระท�ำอาจใช้ความ
ระมัดระวงั เช่นวา่ นน้ั ได้ แตห่ าไดใ้ ช้ใหเ้ พยี งพอไม่ มี 2 องคป์ ระกอบ กล่าวคือ
1. ความระมดั ระวงั ตาม “วสิ ยั ของบคุ คล” (บคุ คลทมี่ ลี กั ษณะเชน่ เดยี วกบั ผกู้ ระทำ� ) “ในภาวะ
เชน่ นัน้ ” (บุคคลเช่นเดยี วกบั ผู้กระท�ำซ่งึ อยูใ่ นขณะนั้น)
- บุคคลธรรมดา พิจารณาจากอายุ เพศ การศกึ ษา ฯลฯ
- ผู้มีวิชาชพี พจิ ารณาจากผมู้ วี ิชาชพี ในระดับปกติ / ผู้เช่ียวชาญ
2. ความระมดั ระวงั ตามพฤตกิ ารณ์ พจิ ารณาจากขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื เหตตุ า่ งๆ ภายนอกตวั ผกู้ ระทำ�
ทเี่ กดิ ขนึ้ หรือมีอยขู่ ณะนนั้
มาตรา 291 การกระท�ำโดยประมาทเปน็ เหตุใหผ้ ู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำ� คกุ ไมเ่ กิน 10
ปี ปรบั ไมเ่ กิน 20,000 บาท หรือทั้งจำ� ทงั้ ปรบั ใช้ในกรณีที่มผี ถู้ งึ แกค่ วามตายไม่วา่ จะเปน็ การตาย
ทันทีในท่ีเกิดเหตุ หรือไปตายทีโ่ รงพยาบาลกต็ าม กรณนี ีอ้ ยูใ่ นอ�ำนาจศาลอาญา หรือ ศาลจังหวดั
ตอ้ งท�ำส�ำนวนการสอบสวนเตม็ รูปแบบ

56 คูม่ อื การสอบสวนคดอี บุ ัติเหตุทางถนน

บทที่ 3 กฎหมายทีเ่ กยี่ วข้องกบั การสอบสวนคดีอุบตั เิ หตทุ างถนน

มาตรา 300 การกระทำ� โดยประมาทเป็นเหตุให้ผอู้ น่ื ไดร้ ับอันตรายสาหสั มโี ทษจำ� คกุ ไม่เกนิ
3 ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ 6,000 บาท หรอื ทงั้ จำ� ทง้ั ปรบั ใชใ้ นกรณมี ผี บู้ าดเจบ็ สาหสั อนั กฎหมายบญั ญตั ิ
ไวว้ ่า อาการสาหสั มอี ะไรบา้ ง เชน่ ตาบอด สูญเสยี ฆานประสาท (การได้กล่นิ ) เปน็ ตน้
เปน็ คดที อ่ี ยใู่ นอำ� นาจศาลแขวง ในการดำ� เนนิ การสอบสวนกรณมี รี ถชนกนั อยา่ เพง่ิ แจง้ ขอ้ กลา่ ว
หา ให้รวบรวมหลักฐานให้ชัดเจนก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วต้องผัดฟ้อง พนักงานสอบสวนควรท�ำการ
สอบสวนใหเ้ สร็จสิน้ ก่อน แลว้ จงึ แจ้งข้อกล่าวหา แล้วคอยติดตามว่า เมอื่ สง่ สำ� นวนการสอบสวนไป
ใหพ้ นกั งานอยั การแล้ว มีปัญหาขดั ข้องหรอื ต้องแกไ้ ขส�ำนวนหรือไม่ พนกั งานสอบสวนตอ้ งบริหาร
การสอบสวนด้วย
มาตรา 390 ผู้ใดกระท�ำโดยประมาท และการกระทำ� นน้ั เปน็ เหตุใหผ้ ู้อื่นรบั อนั ตรายแกก่ าย
หรอื จติ ใจ ตอ้ งระวางโทษจำ� คกุ ไมเ่ กนิ หนงึ่ เดอื น หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ หนง่ึ พนั บาท หรอื ทงั้ จำ� ทงั้ ปรบั ความ
ผิดน้ีใช้ในกรณีท่ีมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และอยู่ในอ�ำนาจพนักงานสอบสวนท่ีจะท�ำการเปรียบ
เทยี บปรบั ได้
สำ� หรบั อาการแบบใดจะเปน็ อนั ตรายแกก่ ายหรอื จติ ใจนนั้ มคี ำ� พพิ ากษาศาลเทยี บเคยี งได้ เชน่
- อนั ตรายแกร่ า่ งกาย หมายถงึ เปน็ แผลมเี ลอื ดออก รกั ษาเกนิ 3 วนั แตไ่ มถ่ งึ กบั อนั ตรายสาหสั
- ส่วนอันตรายแกจ่ ติ ใจ เปน็ อนั ตรายถึงข้ันสลบ หรอื สติฟ่นั เฟอื น
- สว่ นกรณีท่ีไม่ถึงเป็นอันตรายแก่กายหรอื จิตใจ ไดแ้ กอ่ าการ บวม โน ชำ�้ หนังถลอก เลอื ด
ไหลซึมรักษา 3 วันหาย
- ท�ำให้รสู้ กึ ว้าเหว่ เปล่าเปลยี่ ว กลัว ไมใ่ ช่อนั ตรายแกจ่ ิตใจ
มาตรา 73 เดก็ อายยุ งั ไมเ่ กนิ สบิ ปี กระทำ� การอนั กฎหมายบญั ญตั เิ ปน็ ความผดิ เดก็ นนั้ ไมต่ อ้ ง
รบั โทษ ให้พนกั งานสอบสวนส่งตวั เด็กตามวรรคหนง่ึ ใหพ้ นกั งานเจา้ หนา้ ท่ีตามกฎหมายว่าดว้ ยการ
คมุ้ ครองเดก็ เพอื่ ดำ� เนนิ การคุม้ ครองสวสั ดภิ าพตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการนนั้
ในการดำ� เนนิ การตามมาตรา 73 กรณีเด็กอายไุ ม่เกิน 10 ปี ขบั รถไปชนผอู้ ่นื เด็กนน้ั ไม่ตอ้ งรับ
โทษ ในทางปฏิบัติต้องทำ� สำ� นวนไปยงั อัยการ ไมต่ อ้ งใช้ค�ำว่าเห็นควรสัง่ ฟอ้ ง หรอื เห็นควรสงั่ ไม่ฟอ้ ง
เพราะตามพระราชบัญญัตศิ าลเยาวชนฯ ไมม่ ีค�ำดงั กลา่ วเหมือนประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความ
อาญา และไมส่ ามารถท�ำการเปรยี บเทยี บปรบั ได้
มาตรา 74 เดก็ อายกุ วา่ สบิ ปแี ตย่ งั ไมเ่ กนิ สบิ หา้ ปี กระทำ� การอนั กฎหมายบญั ญตั เิ ปน็ ความผดิ
เด็กนนั้ ไมต่ ้องรับโทษ แต่ใหศ้ าลมีอำ� นาจท่ีจะด�ำเนินการดงั ต่อไปน้ี
(1) ว่ากล่าวตักเตือนเด็กน้ันแล้วปล่อยตัวไป และถ้าศาลเห็นสมควรจะเรียกบิดา มารดา ผู้
ปกครอง หรือบคุ คลทีเ่ ด็กน้นั อาศัยอย่มู าตักเตือนดว้ ยกไ็ ด้
(2) ถา้ ศาลเหน็ วา่ บดิ า มารดา หรอื ผปู้ กครองสามารถดแู ลเดก็ นน้ั ได้ ศาลจะมคี ำ� สง่ั ใหม้ อบตวั

คูม่ ือการสอบสวนคดอี บุ ัตเิ หตทุ างถนน 57

บทท่ี 3 กฎหมายท่ีเกย่ี วข้องกบั การสอบสวนคดอี ุบตั เิ หตทุ างถนน

เดก็ นน้ั ให้แกบ่ ิดา มารดา หรือผู้ปกครองไป โดยวางขอ้ กำ� หนดให้บดิ า มารดาหรือผปู้ กครองระวัง
เดก็ นน้ั ไมใ่ หก้ อ่ เหตรุ า้ ยตลอดเวลาทศ่ี าลกำ� หนดซงึ่ ตอ้ งไมเ่ กนิ สามปแี ละกำ� หนดจำ� นวนเงนิ ตามทเ่ี หน็
สมควรซงึ่ บดิ า มารดา หรอื ผู้ปกครองจะตอ้ งช�ำระตอ่ ศาลไม่เกนิ ครั้งละหนึง่ หมืน่ บาท ในเมอ่ื เด็กนัน้
ก่อเหตรุ ้ายขน้ึ ถา้ เด็กนน้ั อาศยั อย่กู บั บุคคลอืน่ นอกจากบิดา มารดา หรอื ผู้ปกครอง และศาลเห็นว่า
ไมส่ มควรจะเรยี กบดิ า มารดา หรอื ผปู้ กครองมาวางขอ้ กำ� หนดดงั กลา่ วขา้ งตน้ ศาลจะเรยี กตวั บคุ คล
ทีเ่ ด็กนั้นอาศัยอยู่มาสอบถามวา่ จะยอมรบั ข้อกำ� หนดทำ� นองที่บัญญตั ไิ ว้สำ� หรับบิดา มารดา หรอื ผู้
ปกครองดงั กล่าวมาข้างต้นหรอื ไม่ก็ได้ ถา้ บคุ คลทเ่ี ด็กนั้นอาศยั อยูย่ อมรับขอ้ ก�ำหนด เช่นวา่ นนั้ กใ็ ห้
ศาลมคี ำ� สงั่ มอบตัวเดก็ ให้แก่บคุ คลน้นั ไปโดยวางขอ้ กำ� หนดดังกล่าว
(3) ในกรณีท่ีศาลมอบตวั เด็กให้แก่บิดา มารดา ผปู้ กครอง หรือบคุ คลทเี่ ด็กน้ันอาศัยอยตู่ าม
(2) ศาลจะก�ำหนดเง่ือนไขเพ่ือคุมความประพฤติเด็กนั้นเช่นเดียวกับที่บัญญัติไว้ในมาตรา 56 ด้วย
ก็ได้ ในกรณีเช่นว่านี้ ให้ศาลแต่งตั้งพนักงานคุมประพฤติหรือพนักงานอ่ืนใดเพื่อคุมความประพฤติ
เด็กนัน้
(4) ถา้ เด็กน้ันไมม่ บี ดิ า มารดา หรอื ผู้ปกครอง หรอื มแี ต่ศาลเหน็ วา่ ไมส่ ามารถ ดแู ลเด็กนัน้ ได้
หรือถ้าเด็กอาศัยอยู่กับบุคคลอื่นนอกจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง และบุคคลนั้นไม่ยอมรับข้อ
กำ� หนดดงั กลา่ วใน (2) ศาลจะมคี ำ� สงั่ ใหม้ อบตวั เดก็ นน้ั ใหอ้ ยกู่ บั บคุ คลหรอื องคก์ ารทศี่ าลเหน็ สมควร
เพอ่ื ดแู ลอบรม และสงั่ สอนตามระยะเวลาทศ่ี าลกำ� หนดกไ็ ดใ้ นเมอื่ บคุ คลหรอื องคก์ ารนน้ั ยนิ ยอม ใน
กรณเี ชน่ วา่ นใี้ หบ้ คุ คลหรอื องคก์ ารนน้ั มอี ำ� นาจเชน่ ผปู้ กครองเฉพาะเพอ่ื ดแู ล อบรม และสง่ั สอน รวม
ตลอดถงึ การกำ� หนดทอี่ ยแู่ ละการจดั ใหเ้ ดก็ มงี านทำ� ตามสมควร หรอื ใหด้ ำ� เนนิ การคมุ้ ครองสวสั ดภิ าพ
เดก็ ตามกฎหมายว่าด้วยการนนั้ ก็ได้ หรือ
(5) สง่ ตวั เด็กนน้ั ไปยังโรงเรียน หรอื สถานฝึกและอบรม หรือสถานทีซ่ ง่ึ จัดตัง้ ขึน้ เพื่อฝกึ และ
อบรมเดก็ ตลอดระยะเวลาทศี่ าลกำ� หนด แตอ่ ยา่ ใหเ้ กนิ กวา่ ที่เด็กน้ันจะมีอายุครบสบิ แปดปี
คำ� สั่งของศาลดังกลา่ วใน (2) (3) (4) และ (5) นน้ั ถ้าในขณะใดภายในระยะเวลาทีศ่ าลก�ำหนด
ไว้ ความปรากฏแกศ่ าลโดยศาลรเู้ อง หรอื ตามคำ� เสนอของผมู้ สี ว่ นไดเ้ สยี พนกั งานอยั การ หรอื บคุ คล
หรือองคก์ ารท่ศี าลมอบตัวเดก็ เพื่อดูแล อบรมและส่งั สอน หรือเจา้ พนกั งานว่า พฤตกิ ารณ์เกี่ยวกับ
คำ� สงั่ นนั้ ไดเ้ ปลย่ี นแปลงไป กใ็ หศ้ าลมอี ำ� นาจเปลยี่ นแปลงแกไ้ ขคำ� สงั่ นนั้ หรอื มคี ำ� สงั่ ใหมต่ ามอำ� นาจ
ในมาตราน้ี

2. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ผลอันเกิดจากการกระท�ำผิดทางแพ่ง หรือผลของความเสียหายที่เกิดขึ้น ตีราคาเป็นเงินหรือ
ผลประโยชน์ได้ และผูก้ ระท�ำความผดิ หยบิ ยืมทรัพย์ผู้อ่ืนมาชดใช้ หรือ ใหผ้ ้อู ่นื ชดใช้แทนกันได้ ข้อ
กฎหมายทเ่ี กี่ยวขอ้ งคอื ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์

58 คูม่ อื การสอบสวนคดีอุบตั เิ หตุทางถนน

บทที่ 3 กฎหมายทีเ่ ก่ยี วข้องกับการสอบสวนคดีอบุ ตั เิ หตทุ างถนน

มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทําต่อบุคคลอ่ืนโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย
ถึงแก่ชีวิตก็ดีแก่ร่างกายก็ดีอนามัยก็ดีเสรีภาพก็ดีทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหน่ึงอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้
น้นั ทาํ ละเมดิ จาํ ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพ่อื การน้นั
มาตรา 425 นายจ้างตอ้ งรว่ มกนั รบั ผิดกับลกู จ้างในผลแหง่ ละเมดิ ซ่งึ ลูกจา้ งไดก้ ระท�ำไปใน
ทางการทจี่ ้างน้นั
มาตรา 426 นายจา้ งซง่ึ ไดใ้ ชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนใหแ้ กบ่ คุ คลภายนอกเพอ่ื ละเมดิ อนั ลกู จา้ งได้
ท�ำนนั้ ชอบท่ีจะได้ชดใช้จากลกู จา้ งนั้น
มาตรา 437 บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกําลัง
เครอ่ื งจกั รกล บคุ คลนน้ั จะตอ้ งรบั ผดิ ชอบเพอื่ การเสยี หายอนั เกดิ แตย่ านพาหนะนน้ั เวน้ แตจ่ ะพสิ จู น์
ไดว้ ่าการเสยี หายน้ันเกดิ แต่เหตสุ ุดวิสยั หรอื เกดิ เพราะความผิดของผตู้ อ้ งเสียหายน้ันเองความข้อน้ี
ใหใ้ ชบ้ งั คบั ไดต้ ลอดถงึ ผมู้ ไี วใ้ นครอบครองของตน ซง่ึ ทรพั ยอ์ นั เปน็ ของเกดิ อนั ตรายไดโ้ ดยสภาพ หรอื
โดยความมุง่ หมายทีจ่ ะใช้หรอื โดยอาการกลไกของทรัพยน์ ้นั ดว้ ย
- ส�ำหรบั ความเชื่อมโยงระหว่างกฎหมายแพง่ กับการประกันภยั มีบางประการ เช่นบรษิ ทั รับ
ประกันรถไว้ ถา้ ตามกฎหมาย บริษัทท่เี อาประกันเป็นบริษัทที่รับประกนั ค้�ำจุน เพ่อื รับผิดทางแพง่
ถา้ รถทที่ ำ� ประกนั ภยั ไวไ้ ปชนรถคนั อนื่ เสยี หาย ประกนั ภยั จะมาชดใชแ้ ทน โดยดทู ผ่ี ลของการพจิ ารณา
ความรบั ผดิ ในทางอาญาก่อน วา่ ฝา่ ยใดเปน็ ฝ่ายผดิ ฝ่ายนนั้ ตอ้ งชดใช้

3. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

มาตรา 37 คดีอาญาเลกิ กันได้ ดงั ต่อไปน้ี
(1) ในคดีมีโทษปรับสถานเดียว เมื่อผู้กระท�ำผิดยินยอมเสียค่าปรับในอัตราอย่างสูงส�ำหรับ
ความผิดนั้นแก่พนักงานเจ้าหน้าทกี่ ่อนศาลพจิ ารณา
(2) ในคดคี วามผดิ ทเ่ี ปน็ ลหโุ ทษหรอื ความผดิ ทมี่ อี ตั ราโทษไมส่ งู กวา่ ความผดิ ลหโุ ทษ หรอื คดี
อน่ื ทมี่ โี ทษปรบั สถานเดยี วอยา่ งสงู ไมเ่ กนิ หนง่ึ หมน่ื บาท หรอื ความผดิ ตอ่ กฎหมายเกย่ี วกบั ภาษอี ากร
ซงึ่ มโี ทษปรบั อยา่ งสงู ไมเ่ กนิ หนงึ่ หมน่ื บาท เมอื่ ผตู้ อ้ งหาชำ� ระคา่ ปรบั ตามทพี่ นกั งานสอบสวนไดเ้ ปรยี บ
เทยี บแลว้
(3) ในคดคี วามผดิ ทเี่ ปน็ ลหโุ ทษหรอื ความผดิ ทมี่ อี ตั ราโทษไมส่ งู กวา่ ความผดิ ลหโุ ทษ หรอื คดี
ทม่ี โี ทษปรบั สถานเดยี วอยา่ งสงู ไมเ่ กนิ หนงึ่ หมน่ื บาท ซงึ่ เกดิ ในกรงุ เทพมหานครเมอื่ ผตู้ อ้ งหาชำ� ระคา่
ปรับตามที่นายต�ำรวจประจ�ำท้องท่ีต้ังแต่ต�ำแหน่งสารวัตรข้ึนไป หรือนายต�ำรวจชั้นสัญญาบัตรผู้
ทำ� การในต�ำแหนง่ นั้นๆ ไดเ้ ปรยี บเทียบแล้ว

คู่มือการสอบสวนคดอี ุบัติเหตุทางถนน 59

บทที่ 3 กฎหมายทเ่ี ก่ยี วข้องกบั การสอบสวนคดีอุบัตเิ หตุทางถนน

(4) ในคดซี งึ่ เปรยี บเทยี บไดต้ ามกฎหมายอนื่ เมอ่ื ผตู้ อ้ งหาไดช้ ำ� ระคา่ ปรบั ตามคำ� เปรยี บเทยี บ
ของพนกั งานเจา้ หน้าทแ่ี ลว้
มาตรา 38 ความผิดตามอนุมาตรา (2) (3) และ (4) แห่งมาตราก่อน ถา้ เจา้ พนักงานดงั กล่าว
ในมาตราน้ันเห็นว่าผู้ตอ้ งหาไม่ควรได้รับโทษถึงจำ� คกุ ใหม้ ีอำ� นาจเปรยี บเทยี บด่ังนี้
(1) ให้กำ� หนดคา่ ปรับซง่ึ ผ้ตู ้องหาจะพึงช�ำระ ถ้าผู้ตอ้ งหาและผู้เสียหายยินยอมตามน้ัน เมือ่ ผู้
ตอ้ งหาไดช้ ำ� ระเงนิ คา่ ปรบั ตามจำ� นวนทเ่ี จา้ หนา้ ทก่ี ำ� หนดใหภ้ ายในเวลาอนั สมควรแตไ่ มเ่ กนิ สบิ หา้ วนั
แล้ว คดีน้ันเป็นอันเสร็จเด็ดขาดถ้าผู้ต้องหาไม่ยินยอมตามท่ีเปรียบเทียบ หรือเม่ือยินยอมแล้ว ไม่
ชำ� ระเงินค่าปรับภายในเวลาก�ำหนดในวรรคก่อน ใหด้ �ำเนินคดตี อ่ ไป
(2) ในคดมี คี า่ ทดแทน ถา้ ผเู้ สยี หายและผตู้ อ้ งหายนิ ยอมใหเ้ ปรยี บเทยี บ ใหเ้ จา้ หนา้ ทก่ี ะจำ� นวน
ตามท่ีเหน็ ควรหรือตามที่คคู่ วามตกลงกนั
มาตรา 39 สิทธนิ �ำคดีอาญามาฟอ้ งยอ่ มระงบั ไปด่งั ตอ่ ไปน้ี
(1) โดยความตายของผู้กระทำ� ผิด
(2) ในคดคี วามผดิ ต่อสว่ นตวั เม่ือได้ถอนค�ำร้องทกุ ข์ ถอนฟ้องหรือยอมความกนั โดยถูกต้อง
ตามกฎหมาย
(3) เมอ่ื คดีเลิกกนั ตามมาตรา 37
(4) เมื่อมคี ำ� พิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซงึ่ ไดฟ้ ้อง
(5) เมื่อมกี ฎหมายออกใชภ้ ายหลงั การกระทำ� ผิดยกเลิกความผดิ เช่นนั้น
(6) เมือ่ คดขี าดอายุความ
(7) เมื่อมกี ฎหมายยกเว้นโทษ

4. พระราชบญั ญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522

มาตรา 32 ในการใช้ทางเดินรถผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้รถชนหรือโดนคนเดินเท้า
ไม่ว่าจะอยู่ ณ ส่วนใดของทาง และต้องให้สัญญาณเตือนคนเดินเท้าให้รู้ตัวเมื่อจ�ำเป็น โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง เด็ก คนชรา หรือคนพิการที่ก�ำลังใช้ทาง ผู้ขับข่ีต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการ
ควบคมุ รถของตน
สำ� หรบั มาตรา 32 นี้ อธิบายไดว้ ่าเปน็ การคมุ้ ครองคนเดินเท้า จะเดนิ อย่สู ่วนไหนถา้ มรี ถยนต์
ชน เฉ่ียวชน กจ็ ะเป็นการขบั รถโดยประมาท หรอื สาหัส หรือถงึ แกค่ วามตาย และแตค่ วามหนกั เบา
ของอาการบาดเจ็บท่ีเกิดขึ้น กฎหมายไม่ได้บัญญัติไว้โดยตรง ในการตั้งข้อกล่าวหา โดยพนักงาน
สอบสวนตอ้ งตั้งขอ้ กลา่ วหาให้เป็นไปตามข้อมูลตามจรงิ
มาตรา 33 ในการขบั รถ ผขู้ บั ขตี่ อ้ งขบั รถในทางเดนิ รถดา้ นซา้ ยและตอ้ งไมล่ ำ�้ กง่ึ กลางของทาง

60 ค่มู ือการสอบสวนคดีอุบัติเหตทุ างถนน

บทท่ี 3 กฎหมายทเี่ กีย่ วข้องกบั การสอบสวนคดีอุบตั ิเหตทุ างถนน

เดนิ รถ เว้นแต่ในกรณีตอ่ ไปนี้ ใหเ้ ดนิ ทางขวาหรือล้ำ� กงึ่ กลางของทางเดินรถได้
(1) ด้านซ้ายของทางเดนิ รถมสี ิ่งกดี ขวางหรือถกู ปิดการจราจร
(2) ทางเดนิ รถนน้ั เจ้าพนักงานจราจรก�ำหนดใหเ้ ป็นทางเดินรถทางเดียว
(3) ทางเดินรถนน้ั กว้างไม่ถงึ หกเมตร
ในประเทศไทย ผขู้ บั ขร่ี ถตอ้ งขบั ชดิ ชอ่ งทางดา้ นซา้ ยเสมอ ซง่ึ จะตา่ งกบั ตา่ งประเทศ โดยในไทย
มีขอ้ ยกเวน้ กรณีมสี งิ่ กีดขวาง หรือเจ้าพนักงานให้เดนิ รถทางเดยี ว หรอื ทางเดนิ รถนน้ั กว้างไม่ถึง 6
เมตร มาตราน้ี ตอ้ งเดนิ ทางรถทางซา้ ยเสมอ หากมกี รณเี ฉย่ี วชน ตอ้ งดวู า่ จดุ ทเ่ี ฉยี่ วชนอยใู่ นชอ่ งทาง
ใด ผขู้ ับข่ีฝา่ ยใดเป็นผู้ขบั ล้ำ� เข้าไปในชอ่ งทางเดินรถของอีกฝ่าย
มาตรา 40 ผู้ขับข่ีต้องขับรถให้ห่างรถคันหน้าพอสมควรในระยะที่จะหยุดรถได้โดยปลอดภัย
ในเมือ่ จ�ำเป็นตอ้ งหยดุ รถ ผขู้ บั ข่ีซึง่ ขบั รถขึน้ สะพานหรอื ทางลาดชันต้องใชค้ วามระมัดระวงั ไม่ใหร้ ถ
ถอยหลังไปโดนรถคนั อืน่
สำ� หรับ มาตรา 40 นี้ ใชว้ เิ คราะห์กรณขี ับรถชนทา้ ย อบุ ตั ิเหตุบางครัง้ ชนแบบหลายคนั ต่อกัน
ไป เชน่ รถ1 ชนรถ 2 ชนคนั ที่ 3 พนักงานสอบสวนต้องแยกแยะใหไ้ ดว้ ่าคใู่ ดเป็นคู่ใด บางกรณคี นั
ทา้ ยสดุ ชนตอ้ งมกี ารสอบสวนใหด้ ี ประกอบการวเิ คราะหก์ ารพจิ ารณาคดี ตอ้ งชแี้ จง้ ใหค้ กู่ รณฟี งั ตาม
พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 40 เปน็ อยา่ งไร ใหพ้ นกั งานสอบสวนพจิ ารณาตามความจรงิ
มาตรา 43 ห้ามมใิ ห้ผูข้ ับข่ขี ับรถ
(1) ในขณะหยอ่ นความสามารถในอนั ทีจ่ ะขับ
(2) ในขณะเมาสรุ าหรอื ของเมาอยา่ งอื่น
(3) ในลักษณะกีดขวางการจราจร
(4) โดยประมาทหรอื น่าหวาดเสียว อนั อาจเกิดอนั ตรายแก่บคุ คลหรอื ทรัพยส์ ิน
(5) ในลักษณะที่ผิดปกติวิสัยของการขับรถตามธรรมดาหรือไม่อาจแลเห็นทางด้านหน้าหรือ
ดา้ นหลงั ดา้ นใดด้านหนงึ่ หรอื ทง้ั สองด้านไดพ้ อแกค่ วามปลอดภัย
(6) คร่อมหรือทับเส้นหรือแนวแบ่งช่องเดินรถ เว้นแต่เมื่อเปล่ียนช่องเดินรถ เลี้ยวรถหรือ
กลับรถ
(7) บนทางเท้าโดยไมม่ เี หตุอนั สมควร เว้นแตร่ ถลากเขน็ สำ� หรบั ทารก คนป่วยหรอื คนพิการ
(8) โดยไมค่ �ำนึงถึงความปลอดภัยหรอื ความเดอื ดร้อนของผ้อู ่นื
มาตรา 43 ทวิ หา้ มมใิ หผ้ ขู้ บั ขเี่ สพยาเสพตดิ ใหโ้ ทษตามกฎหมายวา่ ดว้ ยยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ หรอื
เสพวัตถุท่ีออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาททั้งนี้
ตามท่ีอธิบดีก�ำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน
พนักงานเจ้าหน้าท่ีหรือผู้ตรวจการมีอำ� นาจจัดให้มีการตรวจสอบผู้ขับขี่รถบางประเภทตามที่อธิบดี
ก�ำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่าได้เสพยาเสพติดให้โทษหรือเสพวัตถุท่ีออกฤทธิ์ต่อจิต

คมู่ อื การสอบสวนคดอี ุบัตเิ หตทุ างถนน 61

บทที่ 3 กฎหมายทีเ่ กยี่ วข้องกบั การสอบสวนคดอี บุ ัตเิ หตุทางถนน

และประสาทตามวรรคหนึ่งหรือไม่ และหากผลการตรวจสอบในเบ้ืองต้นปรากฏว่าผู้ขับขี่นั้นไม่ได้
เสพก็ให้ผู้ขับข่ีน้ันขับรถต่อไปได้ ในกรณีผู้ขับข่ีตามวรรคสองไม่ยอมให้ตรวจสอบ ให้เจ้าพนักงาน
จราจร พนักงานสอบสวนพนักงานเจ้าหน้าท่ี หรอื ผู้ตรวจการมอี �ำนาจกักตวั ผนู้ น้ั ไว้ เพือ่ ดำ� เนนิ การ
ตรวจสอบไดภ้ ายในระยะเวลาเทา่ ทจี่ ำ� เปน็ แหง่ กรณเี พอื่ ใหก้ ารตรวจสอบเสรจ็ สน้ิ ไปโดยเรว็ และเมอื่
ผู้นั้นยอมรับการตรวจสอบแล้ว หากผลการตรวจสอบในเบ้ืองต้นปรากฏว่าไม่ได้เสพ ก็ให้ปล่อยตัว
ไปทันที การตรวจสอบตามมาตรานี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีก�ำหนดในกฎกระทรวง
(“มาตรา 43 ทวิ” บญั ญัติเพิม่ โดย พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2535 มาตรา 3 และหลัง
สุดแกไ้ ขโดย พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2542 มาตรา 4)
มาตรา 43 ตรี ในกรณเี หตุอนั ควรเชื่อว่าผู้ขับข่ผี ูใ้ ดฝา่ ฝืนมาตรา 43 (1) หรอื (2) ผตู้ รวจ
การมีอ�ำนาจสง่ั ใหผ้ ู้นนั้ หยดุ รถและส่ังใหม้ ีการทดสอบตามมาตรา 142 ดว้ ย
มาตรา 43 จัตวา ในกรณที ผี่ ู้ตรวจการพบวา่ ผขู้ บั ขี่ผู้ใดฝ่าฝนื มาตรา 43 (1) หรือ (2) หรือ
มาตรา 43 ทวิ วรรคหน่ึงให้ผู้ตรวจการส่งตัวผู้น้ันพร้อมพยานหลักฐานในเบ้ืองต้นแก่พนักงาน
สอบสวนผมู้ อี ำ� นาจโดยเรว็ แตไ่ มต่ อ้ งเกนิ หกชว่ั โมงนบั แตเ่ วลาทพ่ี บการกระทำ� ความผดิ ดงั กลา่ วเพอื่
ด�ำเนินคดตี ่อไป
มาตรา 43 เบญจ ในการปฏบิ ตั ิหนา้ ทต่ี ามมาตรา 43 ทวิ และมาตรา 43 ตรี ให้ผูต้ รวจการ
แสดงบตั รประจำ� ตวั ของตนซง่ึ ออกตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการขนสง่ ทางบกหรอื กฎหมายวา่ ดว้ ยรถยนต์
ตอ่ ผซู้ ง่ึ เกี่ยวข้อง (มาตรา 43 ตรี ถึงมาตรา 43 เบญจ เพมิ่ โดย พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบบั ที่ 6) พ.ศ.
2542 มาตรา 5)
มาตรา 45 ห้ามมใิ หผ้ ขู้ ับข่ขี บั รถแซงเพือ่ ขนึ้ หน้ารถอ่นื ด้านซ้ายเวน้ แตใ่ นกรณีตอ่ ไปนี้
(1) รถทจ่ี ะถูกแซงกำ� ลังเลยี้ วขวาหรอื ใหส้ ัญญาณว่าจะเลีย้ วขวา
(2) ทางเดนิ รถนน้ั ได้จดั แบง่ เป็นชอ่ งเดินรถในทิศทางเดียวกนั ไวต้ ั้งแตส่ องช่องข้ึนไป การขับ
รถแซงดา้ นซา้ ยตาม (1) หรือ (2) จะกระทำ� ได้เมื่อไม่มีรถอื่นตามมาในระยะกระชน้ั ชดิ และมีความ
ปลอดภยั พอ
กรณนี ีห้ า้ มมใิ หแ้ ซงซา้ ย กรณตี วั อยา่ ง รถ Taxi เปดิ ประตูแล้วมรี ถมาชน ตอ้ งพิจารณาวา่ มกี าร
จอดรถชดิ ขอบทางหรอื ไม่ มคี �ำวินิจฉัยถ้ารถจกั รยานยนต์ แซงซ้าย ต้องน�ำ มาตรา 40 มาปรับใช้
หรือ รถจักรยานยนต์วงิ่ ในชอ่ งวา่ งระหว่างเลน เช่นน้ีแลว้ รถจักรยานยนต์มีความผิด
มาตรา 46 หา้ มมิใหผ้ ู้ขบั ขีข่ บั รถแซงขน้ึ หนา้ รถอนื่ ในกรณีตอ่ ไปนี้
(1) เมื่อรถก�ำลังข้ึนทางชัน ขันสะพาน หรืออยู่ในทางโค้ง เว้นแต่จะมีเคร่ืองหมายจราจรให้
แซงได้

62 คู่มือการสอบสวนคดอี บุ ตั ิเหตทุ างถนน

บทที่ 3 กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกบั การสอบสวนคดอี ุบตั เิ หตุทางถนน

(2) ภายในระยะสามสบิ เมตรกอ่ นถงึ ทางขา้ ม ทางรว่ มทางแยกวงเวยี นหรอื เกาะทสี่ รา้ งไวห้ รอื
ทางเดนิ รถที่ตดั ข้ามทางรถไฟ
(3) เม่อื มีหมอก ฝน ฝ่นุ หรือควนั จนทำ� ใหไ้ มอ่ าจเห็นทางข้างหนา้ ได้ในระยะหกสิบเมตร
(4) เมอ่ื เข้าทค่ี ับขนั หรอื เขตปลอดภัย
ตามมาตราน้ี หา้ มมใิ หผ้ ขู้ บั ขร่ี ถแซงขนึ้ หนา้ รถอน่ื ในกรณดี งั ตอ่ ไปนี้ (ทางโคง้ ทางแยก) เมอื่ รถ
ก�ำลงั ขน้ึ ทางชนั หรอื กรณจี ดุ ไฟขา้ งทางแล้วทำ� ให้ทัศนวิสัยไมป่ ลอดภยั
มาตรา 52 ในทางเดินรถที่สวนกันได้ หา้ มมิให้ผู้ขับขกี่ ลบั รถหรือเลี้ยวรถทางขวาในเมื่อมรี ถ
อนื่ สวนหรอื ตามมาในระยะนอ้ ยกวา่ หนงึ่ รอ้ ยเมตร เวน้ แตเ่ มอ่ื เหน็ วา่ ปลอดภยั และไมเ่ ปน็ การกดี ขวาง
การจราจรของรถอืน่ (“มาตรา52” แกไ้ ขโดย พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2535)
มาตรา 59 เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ มีอํานาจสั่งให้ผู้ขับขี่เคล่ือนย้ายรถที่
หยดุ หรอื จอดอยู่อนั เป็นการฝ่าฝนื บทแห่งพระราชบัญญตั นิ ไ้ี ด้ เจา้ พนักงานจราจรหรือพนกั งานเจา้
หน้าที่มีอํานาจเคลื่อนย้ายรถที่หยุดหรือจอดอยู่อันเป็นการฝ่าฝืน บทแห่งพระราชบัญญัติน้ีหรือใช้
เครือ่ งมอื บงั คับไม่ให้เคลื่อนยา้ ยรถดงั กลา่ วได้ การเคลือ่ นย้ายรถหรือใช้เครื่องมอื บังคบั ใหร้ ถท่ีหยุด
หรือจอดอยู่ไม่ให้เคลื่อนย้ายได้ตามวรรคสอง เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ต้องรับ
ผดิ สาํ หรบั ความเสยี หายใด ๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการปฏบิ ตั ติ ามมาตรานเ้ี วน้ แตค่ วามเสยี หายนนั้ จะเกดิ ขนึ้
จากการกระทาํ โดยจงใจหรอื ประมาทเลนิ เลอ่ เจา้ ของรถหรอื ผขู้ บั ขต่ี อ้ งชาํ ระคา่ ใชจ้ า่ ยในการทร่ี ถถกู
เคลอื่ นยา้ ยหรอื ถกู ใชเ้ ครอ่ื งมอื บงั คบั ไมใ่ หเ้ คลอื่ นยา้ ย ตลอดจนคา่ ดแู ลรกั ษารถระหวา่ งทอี่ ยใู่ นความ
ครอบครองของเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าท่ี ทั้งนี้ตามอัตราท่ีกําหนดในกฎกระทรวง
ซ่งึ ตอ้ งกําหนดอัตราค่าใช้จ่ายไมน่ ้อยกวา่ คันและห้าร้อยบาทและคา่ ดูแลรกั ษาไม่นอ้ ยกว่าวันละสอง
ร้อยบาท เงินท่ีได้จากเจ้าของรถหรือผู้ขับข่ีไม่ชําระค่าใช้จ่ายและค่าดูแลรักษาตามวรรคสี่ เป็นราย
ไดท้ ไี่ มต่ อ้ งนําสง่ กระทรวงการคลัง และให้นาํ มาเปน็ คา่ ใชจ้ า่ ยในการปฏิบตั ิการ
- ตามระเบียบที่อธิบดีกําหนด ในกรณีท่ีเจ้าของรถหรือผู้ขับข่ีไม่ชําระค่าใช้จ่ายและค่าดูแล
รกั ษาตามวรรคส่ี เจา้ พนักงานจราจรหรอื พนกั งานเจา้ หน้าทม่ี อี าํ นาจยดึ หนว่ งรถน้ันไวไ้ ด้จนกวา่ จะ
ไดร้ ับชําระคา่ ใช้จา่ ย และค่าดแู ลรกั ษาดงั กล่าวโดยในระหว่างที่ยดึ หนว่ งนัน้ ใหค้ าํ นวณคา่ ดแู ลรกั ษา
เป็นรายวัน ถ้าพ้นกําหนดสามเดือนแล้วเจ้าของรถหรือผู้ขับข่ียังไม่ช�ำระค่าใช้จ่ายและค่าดูแลรักษา
ดงั กล่าวให้เจา้ พนกั งานจราจรหรอื พนักงาน เจา้ หนา้ ท่มี อี าํ นาจนาํ รถน้ันออกขายทอดตลาด ไดเ้ งิน
จากการขายทอดตลาดเมอื่ ไดห้ กั คา่ ใชจ้ า่ ยและคา่ ดแู ลรกั ษาท่ี คา้ งชาํ ระแลว้ เหลอื เงนิ เทา่ ใดใหค้ นื แก่
เจา้ ของหรอื ผู้มีสทิ ธทิ ่ีแท้จริงตอ่ ไป (“มาตรา 59” แกไ้ ขโดย พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ.
2535)
- มาตรา 59 วรรค 4 นี้ ไม่ได้ให้ค�ำนิยามว่าขับรถประมาทหรือหวาดเสียวว่าอย่างไร คือไม่
เจตนา แต่ไม่ใช้ความระมัดระวังเช่นสามีขับรถพาภรรยา ไปแล้วประสบเหตุ ภรรยาเจ็บ พนักงาน

คู่มอื การสอบสวนคดอี บุ ัตเิ หตทุ างถนน 63

บทท่ี 3 กฎหมายทีเ่ ก่ยี วข้องกับการสอบสวนคดีอบุ ัตเิ หตทุ างถนน

สอบสวนตอ้ งปรบั สามี เพอื่ ปอ้ งกนั การเบกิ พรบ.คมุ้ ครองผปู้ ระสบภยั จากรถ เจา้ พนกั งานตอ้ งตรวจ
สอบวา่ รถมีร่องรอยการเฉยี่ วชนหรือไม่ เพื่อปอ้ งกนั การเบกิ เงิน พรบ. แต่มีการปกปดิ ความผิด หรือ
รถคนละคันกับท่ีเกิดเหตุ
มาตรา 70 ผู้ขับข่ซี งึ่ ขบั รถเข้าใกลท้ างร่วมทางแยก ทางขา้ ม เส้นใหร้ ถหยุดหรือวงเวียน ตอ้ ง
ลดความเร็วของรถ
มาตรา 71 ภายใต้บังคับมาตรา 21 และมาตรา 26 เมื่อผ้ขู บั ขี่ขบั รถมาถงึ ทางรว่ มทางแยกให้
ผขู้ ับขป่ี ฏบิ ัตดิ งั นี้
(1) ถา้ มีรถอ่ืนอยูใ่ นทางรว่ มทางแยก ผูข้ บั ข่ีตอ้ งใหร้ ถในทางรว่ มทางแยกนั้นผ่านไปกอ่ น
(2) ถ้ามาถึงทางร่วมทางแยกพร้อมกันและไม่มีรถอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถท่ี
อย่ทู างดา้ นซ้ายของตนผ่านไปก่อน
(3) ถ้าสัญญาณจราจรไฟสีเขียวปรากฏข้างหน้าแต่ในทางร่วมทางแยกมีรถอื่นหยุดขวางอยู่
จนไม่ สามารถผ่านพ้นทางร่วมทางแยกไปได้ ผู้ขับข่ีจะต้องหยุดรถท่ีหลังเส้นให้รถหยุดจนกว่าจะ
สามารถเคลอื่ นรถผา่ นพน้ ทางรว่ มทางแยกไปได้ ผขู้ บั ขจี่ ะตอ้ งหยดุ รถทหี่ ลงั เสน้ ใหร้ ถหยดุ จนกวา่ จะ
สามารถเคลอื่ นรถผ่านพน้ ทางร่วมทางแยกไปได้ (มาตรา 71 “(3)” เพิ่มเตมิ โดย พ.ร.บ.จราจรทาง
บก (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2535)
- กรณีทางเอก และทางโท ในกรณีที่มาถึงทางแยกพร้อมกันไม่มีสัญญาณไฟ ให้ทางเอกไป
กอ่ น หรือถ้าเป็นกรณีทางแยก ทางร่วมเปน็ ทางเอกเสมอกนั กันใหร้ ถทางซ้ายไปกอ่ น
มาตรา 78 ผใู้ ดขบั รถหรอื ควบคมุ สตั วใ์ นทางซงึ่ กอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกบ่ คุ คลหรอื ทรพั ยส์ นิ
ของผอู้ น่ื ไมว่ า่ จะเปน็ ความผดิ ของผขู้ บั ข่ี หรอื ผขู้ ห่ี รอื ควบคมุ สตั วห์ รอื ไมก่ ต็ าม ตอ้ งหยดุ รถ หรอื สตั ว์
และให้ความช่วยเหลือตามสมควร และพร้อมท้ังแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ีท่ีใกล้
เคยี งทนั ที กบั ต้องแจ้งช่อื ตัว ชื่อสกุล และทอี่ ยูข่ องตนและหมายเลขทะเบยี นรถแก่ผูไ้ ด้รบั ความเสยี
หายดว้ ย
ในกรณีท่ีผู้ขับข่ีหรือผู้ข่ีหรือควบคุมสัตว์หลบหนีไปหรือไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ
สถานท่เี กดิ เหตุ ให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระท�ำความผดิ และใหพ้ นักงานเจ้าหน้าทม่ี ีอ�ำนาจยดึ รถคัน
ท่ีผขู้ ับข่ีหลบหนี
หรอื ไมแ่ สดงตนวา่ เปน็ ผขู้ บั ข่ี จนกวา่ คดถี งึ ทส่ี ดุ หรอื ไดต้ วั ผขู้ บั ข่ี ถา้ เจา้ ของหรอื ผคู้ รอบครองไม่
แสดงตวั ต่อพนกั งานเจ้าหน้าท่ีภายในหกเดอื นนับแต่วันเกดิ เหตุ ใหถ้ ือว่า รถน้ันเป็นทรพั ยส์ ินซ่ึงได้
ใช้ในการกระทำ� ความผดิ หรอื เกี่ยวกบั การกระท�ำความผดิ และให้ตกเป็นของรฐั
- กรณชี นแลว้ หนี ผใู้ ดขบั รถหรอื ขหี่ รอื ควบคมุ สตั วใ์ นทาง ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกบ่ คุ คล
หรอื ทรพั ยส์ นิ ตอ้ งหยดุ รถหรอื สตั วแ์ ลว้ ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ถา้ หนตี อ้ งแจง้ ขอ้ กลา่ วหาตามขอ้ เทจ็ จรงิ

64 ค่มู ือการสอบสวนคดอี ุบตั เิ หตุทางถนน

บทท่ี 3 กฎหมายที่เกยี่ วขอ้ งกบั การสอบสวนคดอี บุ ตั เิ หตทุ างถนน

แนวทางปฏบิ ตั ติ ้องมผี มู้ าแจง้ แลว้ ถา่ ยรปู เกดิ เหตุ แล้วสวบถามค่กู รณีที่ชนแล้วหนี ถา้ จะทะเบียน
รถ ยีห่ อ้ สี ได้ ก็ดกู ลอ้ ง หาขอ้ มูลผู้ครอบครองผถู้ อื กรรมสทิ ธ์ิ
- วิธีตรวจสอบ คือโทร.ตรวจสอบที่หมายเลข 1133 สอบถามช่ือผู้ครอบครอง และผู้ถือ
กรรมสทิ ธิ์ ขอตรวจสอบเบอื้ งตน้ เมอื่ ไดร้ ายชอ่ื ผหู้ ลบหนแี ลว้ จงึ แจง้ เหตทุ เี่ กดิ ขนึ้ ถา้ เกดิ ฟอ้ งเฉยี่ วชน
แล้วหลบหนี แล้วปรับ กรณีท่ีไมม่ ีผู้บาดเจ็บ ใหท้ ำ� ตามหน้าท่ใี หส้ มบูรณ์แบบ เม่อื พนกั งานสอบสวน
ได้รับแจ้ง ต้องดำ� เนินการตามหนา้ ที่ อาจมบี ริษัทประกนั ภยั ขอทราบสำ� นวนคดี จงึ ต้องด�ำเนินการ
ปรับเพ่ือเป็นหลักฐานให้กับคู่กรณี และบริษัทประกันภัยด้วย กรณีท่ีชนแล้วไม่มีคู่กรณี ไม่มีกล้อง
วงจรปิด ก็ลงบนั ทึกประจำ� วันไว้ เน่ืองจากตรวจสอบไม่ได้

5. พระราชบญั ญตั ิ รถยนต์ พ.ศ.2522

มาตรา 42 ผขู้ บั รถตอ้ งไดร้ บั ในอนญุ าตขบั รถ และตอ้ งมใี บอนญุ าตขบั รถและสำ� เนาภาพถา่ ย
ใบร่มู อื จดทะเบียนรถในขณะขับหรอื ควบคมุ ผ้ฝู ีกหัดขับรถเพ่ือแสดงต่อเจา้ พนักงานไดท้ นั ที เวน้ แต่
ผู้ฝึกหัดขับรถยนต์ตามมาตรา57ในกรณีที่ผู้ขับรถเป็นคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราช
อาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ผู้ขับรถซ่ึงเป็นคนต่างด้าวน้ันจะใช้ใน
อนญุ าตขบั รถตามมาตรา 42 ทวิ ขบั รถในราชอาณาจกั รกไ็ ด้ และในกรณนี จ้ี ะตอ้ งมใี บอนญุ าตขบั รถ
ดังกล่าวพร้อมด้วยเอกสารตามท่ีระบุไว้ในอนุสัญญาและหรือความตกลงท่ีมีอยู่ระหว่างรัฐบาลไทย
กับรัฐบาลของประเทศนนั้ ๆ เพือ่ แสดงต่อเจ้าพนกั งานได้ทนั ท”ี (มาตรา 42 “วรรคสอง” บญั ญตั ิ
เพม่ิ โดย พ.ร.บ. รถยนต์ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2530 มาตรา 3)
มาตรา 42 ทวิ ในกรณที ีม่ คี วามตกลงระหว่างรัฐบาลไทย และรัฐบาลต่างประเทศว่าด้วยการ
ยอมรับในอนุญาตขับรถภายในประเทศซึ่งกันและกัน คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราช
อาณาจกั รเปน็ การชวั่ คราวตามกฎหมายวา่ ดว้ ยคนเขา้ เมอื งและมใี นอนญุ าตขบั รถทอี่ อกโดยพนกั งาน
เจ้าหน้าท่ีหรือสมาคมยานยนต์ท่ีได้รับอนุญาตจากรัฐบาลของประเทศท่ีมีความตกลงดังกล่าวกับ
รัฐบาลไทย อาจใช้ในอนุญาตขบั รถของประเทศนัน้ ขับรถในราชอาณาจักรไดต้ ามประเภทและชนดิ
ของรถทร่ี ะบไุ วใ้ นในอนญุ าตขบั รถนน้ั แตต่ อ้ งปฏบิ ตั ติ ามอนสุ ญั ญาและหรอื ความตกลงทมี่ อี ยรู่ ะหวา่ ง
รัฐบาลไทยกับรัฐบาลของประเทศนั้น ๆ และตามบทบัญญัติทั้งหลายในส่วนที่เก่ียวกับหน้าที่ของผู้
ขับรถตามพระราชบัญญตั ิน้ี” (“มาตรา 42 ทว”ิ บัญญตั เิ พ่มิ โดย พ.ร.บ. รถยนต์ (ฉบับที่ 8) พ.ศ.
2530 มาตรา 4)

6. พระราชบัญญตั ิขนส่งทางบก พ.ศ.2522

มาตรา 23 หา้ มมใิ หผ้ ใู้ ดประกอบการขนสง่ ประจำ� ทาง การขนสง่ ไมป่ ระจำ� ทาง การขนสง่ โดย
รถขนาดเล็ก หรือการขนส่งส่วนบุคคล เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนการขออนุญาต

คู่มอื การสอบสวนคดีอุบตั ิเหตทุ างถนน 65

บทท่ี 3 กฎหมายท่เี ก่ยี วข้องกบั การสอบสวนคดอี บุ ัติเหตุทางถนน

และการอนุญาตให้เป็นไปตามหลกั เกณฑ์และวิธกี ารทีก่ �ำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 56 เมื่อรถของผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่
ร่างกายหรือชีวิตของบุคคลใดนอกจากความรับผิดตามที่ก�ำหนดไว้ในมาตรา 59 ผู้ได้รับใบอนุญาต
ประกอบการขนส่งซ่ึงเป็นเจ้าของรถท่ีก่อให้เกิดความเสียหายจะต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายเบ้ืองต้นให้แก่ผู้
เสียหายหรือทายาท ในกรณีที่ผู้เสียหายถึงแก่ความตายค่าใช้จ่ายเบ้ืองต้นซ่ึงจะต้องจ่ายให้แก่ผู้เสีย
หาย ให้จ่ายตามความร้ายแรงของความเสียหาย ท้ังนี้ ตามอัตราที่ก�ำหนดในกฎกระทรวงเพ่ือ
ประโยชนแ์ หง่ พระราชบญั ญตั ินี้ ค่าใช้จา่ ยเบ้ืองตน้ หมายถงึ คา่ ใชจ้ า่ ยทีต่ ้องใช้ในการรกั ษาพยาบาล
รวมทัง้ คา่ ใช้จา่ ยอน่ื ๆ ระหวา่ งการรักษาพยาบาลและหรือค่าปลงศพ
- เมื่อรถผู้ได้รับอนุญาตแล้วก่อให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกาย เช่นรถเมล์ไปชนคนตาย ผู้
ประกอบการ หรือเจ้าของรถเมล์ตอ้ งชำ� ระคา่ เสียหายในกรณตี าย

ตวั อย่างค�ำพพิ ากษาศาลคดอี ุบตั เิ หตทุ างถนน
1. จำ� เลยขบั รถยนตโ์ ดยประมาทชนผอู้ นื่ จนถงึ แกค่ วามตาย รถคนั แรกเบรกทำ� ใหฝ้ นุ่ ตลบ มอง
ไมเ่ ห็น จ�ำเลยจึงชนท้ายรถคันหน้า มีผลให้มีผู้เสียชีวติ ศาลตัดสินให้มีความผิด เนอื่ งจากสภาพถนน
ไมเ่ อือ้ อำ� นวย แตก่ ย็ งั ไมร่ ะมัดระวัง เปน็ ผลให้บุคคลอ่นื ถงึ ความตาย
2. จ�ำเลยบรรทุกไม้เสาไฟฟา้ น�้ำหนกั มาก เกดิ เหตเุ สาหลน่ เปน็ ผลใหร้ ถตามมาชนเสาทหี่ ล่น
เสยี ชวี ติ จำ� เลยมคี วามผดิ เนอื่ งจากมหี นา้ ตอ้ งระมดั ระวงั และรบั ผดิ ชอบรถทขี่ บั ตลอดจนตามภาระ
หนา้ ที่ หรือสัญญาจา้ งทีต่ ้องท�ำการขนส่งและดูแลไมเ้ สาไฟฟ้าไมใ่ ห้ตกหลน่ จ�ำเลยไมเ่ ก็บไมเ้ สาเป็น
เหตุใหเ้ กิดอุบตั เิ หตุ จ�ำเลยจงึ มีความผดิ ฐานประมาทท�ำให้ผู้อืน่ ตาย
3. ฎกี า 383/2537 รอ้ ยตำ� รวจเอกวนิ ยั ระบวุ า่ จำ� เลยขบั รถดว้ ยความเรว็ ศาลมองในเรอื่ งของ
วสั ดุ ถา้ ใชค้ ณุ ภาพดกี อ็ าจลดอบุ ตั เิ หตไุ ด้ โดยดจู ากรอยหา้ มลอ้ ของรถจำ� เลย ซงึ่ รถจำ� เลยไมไ่ ดข้ บั รถ
เรว็ เป็นความเสียหายจากผู้ทไี่ ด้รบั ความเสยี หายเองโดยผู้เสียหายวงิ่ ตดั หน้ารถ ใหร้ ะยะกระชัน้ ชิด
- รถยนตโ์ ดยสารเสยี หลักชนรถคันอนื่ มรี อยห้ามลอ้ 70 เมตร และไถลอกี 40 เมตร ถือวา่
กระทำ� การโดยประมาทเนื่องจากฝนตก ดูจากจดุ ห้ามล้อ ดูสภาพผขู้ บั ข่ีด้วย เชน่ เมาสรุ าหรือไม่ ดู
จากสภาพผกู้ ระท�ำความผดิ

ปจั จัยท่ศี าลใชใ้ นการวินิจฉัย เมื่อเกิดอบุ ตั ิเหตุบนถนน
1. ตวั ผู้ขับข่ี มีความพรอ้ มในการขบั ขห่ี รือไม่ มอี าการเมาสุราหรือสารเสพติดอน่ื หรอื ไม่
2. สภาพตวั รถเปน็ ไปตามกฎหมายหรือไม่ เช่นมกี ารบรรทกุ ไม่จัดให้มีเครอ่ื งหมายแสดงจุดท่ี
ล�้ำออกมา

66 คมู่ ือการสอบสวนคดีอบุ ตั เิ หตุทางถนน

บทท่ี 3 กฎหมายท่เี ก่ยี วข้องกับการสอบสวนคดีอุบตั เิ หตุทางถนน

3. สภาพแวดล้อม ในสภาพการจราจรปกติ ฝนตกหรือไม่ ถนนล่นื หรอื ไม่
4. พจิ ารณาบุคคลผเู้ สียหาย วา่ มกี ารกระทำ� อนั เปน็ ความเสีย่ งต่อตวั เขาเองหรือไม่

7. พระราชบัญญัตคิ มุ้ ครองผปู้ ระสบภยั จากรถ พ.ศ. 2535

การประกันภัยรถยนต์ แบ่งเปน็ 2 ภาค
1. ภาคบงั คับ
การประกนั ภยั รถยนตภ์ าคบงั คบั คอื กฎหมายบงั คบั ใหท้ ำ� ตามพระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองผปู้ ระสบ
ภัยจากรถ พ.ศ. 2535 กำ� หนดใหเ้ จา้ ของรถ หรอื ผู้ท่เี อารถมาใช้ หรือนำ� เขา้ มาใช้ ต้องจดั ให้มีการเอา
ประกนั ภยั เจา้ ของรถใดฝา่ ฝนื มคี วามผดิ ตามกฎหมาย ถกู ปรบั ไมเ่ กนิ 10,000 บาท โดยบงั คบั เจา้ ของ
รถกอ่ น เพอื่ สง่ เสรมิ ใหส้ งั คมดแู ลกนั และกนั และบงั คบั ใหม้ กี ารคมุ้ ครองเฉพาะการบาดเจบ็ หรอื เสยี
ชวี ติ เจตนารมณข์ องกฎหมายตอ้ งการสรา้ งหลกั ประกนั ตอ่ การคมุ้ ครองตอ่ การบาดเจบ็ หรอื เสยี ชวี ติ
ของบุคคลเป็นหลักส�ำคัญ ที่มาของกฎหมายฉบับนี้คือการที่มีผู้ถูกชนแล้วหนี หาผู้รับผิดชอบไม่ได้
สง่ ผลต่อรัฐตอ้ งจดั หางบประมาณแผ่นดินในการอดุ หนุนการดแู ลผู้บาดเจบ็ จากเหตุดังกล่าว
ท้ังนี้จึงมีการบังคับวงเงินไว้อย่างชัดเจน โดยบริษัทประกันจะต้องให้การคุ้มครองตามที่รัฐ
กำ� หนด โดยรฐั มอบหมายใหอ้ ำ� นาจนายทะเบยี น คอื สำ� นกั งานคณะกรรมการกำ� กบั และสง่ เสรมิ การ
ประกอบธุรกิจและประกันภัย (ส�ำนักงาน คปภ.) เป็นผู้ให้การคุ้มครองตามวงเงินที่ก�ำหนดรวมถึง
อัตราค่าเบี้ยประกันภัยเรียกเก็บตามที่นายทะเบียนเห็นชอบ และประกาศเท่าน้ัน ซ่ึงจะเห็นได้ว่า
การประกันภัยภาคบังคับ จะเป็นการบังคับทั้งฝั่งเจ้าของรถ และฝั่งบริษัทประกันภัย รัฐท�ำหน้าท่ี
ดูแลควบคมุ ใหท้ ำ� ตามกฎหมาย
2. ภาคสมคั รใจ
การประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ เป็นการขยายความคุ้มครองตามความสมัครใจ ซ้ือความ
คุม้ ครองตอ่ ทรัพยส์ นิ เพิม่ เติม
- เจ้าของรถสมคั รใจ
- คุ้มครองทรัพย์สนิ /บาดเจ็บ/เสยี ชีวิต
- วงเงินขนึ้ อยู่กับความพอใจ 2 ฝ่าย
บรษิ ทั ผรู้ บั ประกนั ภยั จะยดึ กฎหมายจราจรเปน็ สำ� คญั ในการตดั สนิ ใจจา่ ยเงนิ คา่ สนิ ไหมทดแทน
แต่ทง้ั นีข้ นึ้ อยู่กบั เงื่อนไขในสัญญาการประกนั ภยั ตามประเภททท่ี �ำไวด้ ้วย
พ.ร.บ. คมุ้ ครองผปู้ ระสบภัยจากรถ เปน็ กฎหมายว่าด้วยการใหค้ วามคุม้ ครองต่อผูป้ ระสบภยั
อันเกิดจากการใช้รถเพื่อบรรเทาผลร้ายหรือค่าเสียหายต่อชีวิต-ร่างกาย ของคน โดยมีเจตนารมณ์
ดังนี้

คู่มอื การสอบสวนคดอี บุ ตั ิเหตทุ างถนน 67

บทที่ 3 กฎหมายทเี่ ก่ียวข้องกับการสอบสวนคดีอุบตั ิเหตุทางถนน

o เพ่ือเปน็ มาตรการท่ีใหก้ ารคมุ้ ครองตอ่ ชีวิตร่างกายของมนุษย์ในอนาคต
o เพ่ือเป็นมาตรการทางสังคมที่มุ่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันท่วงที ตัวอย่างเช่น
มาตรา 20 บอกวา่ ถา้ ผปู้ ระสบเหตไุ ดร้ บั ความเสยี หายจากรา่ ยกายหรอื อนามยั ไมไ่ ดบ้ อก
วา่ ใครผดิ หรือถกู ให้บริษัทประกันภัยจา่ ยคา่ เสยี หายเบื้องตน้ ภายใน7 วัน สว่ นคดที ำ� ไป
ตามปกติ เมอ่ื สรปุ คดไี ด้ บรษิ ทั ประกนั ภยั ทเี่ ปน็ ฝา่ ยถกู จะไปเรยี กเกบ็ เงนิ จากบรษิ ทั ประกนั
ภัยที่เป็นฝ่ายผดิ ต่อไป ปญั หาทเ่ี กิดคอื รถทมี่ ปี ระกนั ไปชนกับรถทไ่ี มม่ ีประกัน
o เพอ่ื เปน็ มาตรการทใ่ี หผ้ มู้ ฐี านะทางสงั คมโดยเฉพาะเจา้ ของรถเขา้ มามสี ว่ นรว่ มรบั ผดิ ชอบ
ต่อสงั คม
o เพ่อื เป็นมาตรการทางสงั คมเพ่อื เสรมิ สร้างสรา้ งจิตส�ำนึกความรับผดิ ชอบแก่ผ้ขู ับขรี่ ถ
o เพื่อเปน็ มาตรการทางสังคมเพื่อบรรเทาโทษต่อผู้ขบั ข่ีรถ
o เพ่อื เปน็ การใหก้ ารคุม้ ครองตอ่ บุคคลทสี่ ามเป็นส�ำคญั
สาระสำ� คญั ของ พ.ร.บ.ค้มุ ครองผูป้ ระสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 แกไ้ ขเพิ่มเตมิ พ.ศ.2540
ผ้มู ีหนา้ ทท่ี �ำประกันภัย
- เจ้าของรถ (ผู้ถอื กรรมสิทธิ)์
- ผเู้ ข้าซื้อ (ผู้ครอบครองรถ)
- เจา้ ของรถท่นี �ำรถจดทะเบียนต่างประเทศเขา้ มาใช้ในประเทศ
รถท่ีตอ้ งท�ำประกันภยั
- รถยนตท์ กุ ชนดิ ทุกประเภทตามกฎหมาย ว่าดว้ ยรถยนต์ การขนสง่ ทางบก รถยนต์อน่ื ท่ีมี
ไวใ้ ช้ไม่ว่าจะเดินด้วยก�ำลงั เคร่อื งยนต์หรอื ไฟฟา้ กต็ าม
รถทไี่ ดร้ บั การยกเวน้ ไม่ตอ้ งท�ำประกนั ภัย
- รถส�ำหรบั พระมหากษัตรยิ ์ รัชทายาท ผ้สู ำ� เร็จราชการแทนรถของสำ� นกั พระราชวงั
- รถของกระทรวง ทบวง กรม รถของสว่ นราชการ รถขององค์กรรฐั ธรรมนูญ
บทกำ� หนดโทษ
- เจ้าของรถ ไม่ทำ� ประกันภยั มโี ทษปรบั ไม่เกิน 10,000 บาท
- ผทู้ ี่นำ� รถไม่มีประกนั พ.ร.บ.มาใช้ ปรับ ไม่เกนิ 10,000 บาท
ผู้ท่ีมหี น้าท่ีรับประกนั ภยั
- บรษิ ทั ประกนั วินาศภยั
- บรษิ ทั กลางคมุ้ ครองผูป้ ระสบภัยจากรถจ�ำกัด (เฉพาะรถจักรยานยนต)์

68 คู่มอื การสอบสวนคดีอุบตั ิเหตุทางถนน

บทท่ี 3 กฎหมายทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับการสอบสวนคดอี บุ ตั ิเหตทุ างถนน

ความคุม้ ครองการประกนั ภัยภาคบังคับ ตามค�ำสง่ั นายทะเบยี นที่ 15/2559 ประเภทความ
คมุ้ ครอง
- คุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อชีวิต – ร่างกายหรืออนามัย ของบคุ คล คุ้มครองทกุ คนท่ี
ขบั ข่ี ไม่วา่ จะมีใบขบั ขห่ี รอื ไมก่ ็ตาม แมก้ ระท่งั เมาก็ค้มุ ครอง
- คมุ้ ครองทุกคนรวมถงึ ผู้ขับขี่รถท่กี ระท�ำประมาท / ไม่มใี บขับขี่ / ดม่ื สุรา
- แยกความค้มุ ครองระหวา่ งผขู้ บั ข่รี ถทก่ี ระท�ำประมาท กบั ผทู้ ี่ถกู กระทำ� (ผูโ้ ดยสาร/บุคคล
ภายนอก)

การจา่ ยค่าเสียหาย บริษัทประกันต้องจ่ายภายใน 7 วนั นับแต่วนั ทม่ี าย่ืนขอรับค่าเสยี หายโดย
เอกสารต้องสมบูรณ์ กรณีท่ีบริษัทประกันภัยไม่จ่ายภายในระยะเวลาท่ีก�ำหนดจะถูกปรับค่าประวิง
เวลาการจา่ ย 500,000 บาท และปรบั อกี วนั ละ 20,000 โดยหน่วยงานกำ� กับบริษทั ประกันภยั จะ
เป็นผูท้ ำ� การปรับคา่ ประวิงดงั กลา่ ว
บทลงโทษ
- ผูใ้ ดกต็ ามมาย่ืนคำ� รอ้ งเพ่อื ขอรับค่าเสียหายเบอื้ งต้นเปน็ เท็จ มโี ทษจ�ำคุกไมเ่ กนิ 5 ปี ปรับ
เปน็ เงินจ�ำนวน 100,000 บาท หรือท้งั จ�ำท้งั ปรับ

คูม่ ือการสอบสวนคดอี ุบัตเิ หตุทางถนน 69

บทที่ 3 กฎหมายที่เก่ยี วข้องกบั การสอบสวนคดีอบุ ตั เิ หตุทางถนน

- กรมธรรมใ์ ดเกดิ อบุ ตั เิ หตตุ งั้ แต่ 1 เมษายน 2559 เปน็ ตน้ ไป จะมคี วามคมุ้ ครองใหมส่ ำ� หรบั
ผู้โดยสารหรือบคุ คลภายนอก ได้แก่
- ความเสยี หายเบอ้ื งตน้ จะไดร้ บั ความคมุ้ ครองเชน่ เดมิ สำ� หรบั ผโู้ ดยสารหรอื บคุ คลภายนอก
จะมกี ารแยกย่อยดังตอ่ ไปน้ี
o บาดเจบ็ ต่อร่างกายและอนามัย ได้รบั ความคมุ้ ครองเบ้ืองต้น 80,000 บาท
o กรณสี ญู เสยี ชวี ติ สญู เสยี อวยั วะ หรอื ทพุ พลภาพ อาทเิ ชน่ สญู เสยี นว้ิ มอื หรอื นวิ้ เทา้ ตงั้ แต่
1 องคุลี (นิว้ ขาดเกนิ 1 ข้อนิ้ว) ได้รบั ความคุม้ ครอง 200,000 บาท
o กรณีสญู เสีย ตา มอื แขน ขา เทา้ อย่างใดอยา่ งหนึง่ เป็นจำ� นวน 1 ขา้ ง หรอื อวยั วะอืน่
ใด เช่น ตบั ไต ม้าม อย่างใดในรา่ งกาย ไดร้ บั ความคุ้มครอง 250,000 บาท
o กรณีสญู เสีย ตา มือ แขน ขา เท้า เทียบเท่ากนั ทพุ พลภาพถาวร เนอ่ื งจากมผี ลตอ่ การ
ด�ำรงชีพ ได้รบั ความคมุ้ ครอง 300,000 บาท
เงื่อนไขที่เขา้ ข่ายสามารถเรียกร้องค่าเสยี หายผปู้ ระสบภัยจากรถ ต้องเขา้ ข่ายดังตอ่ ไปน้ี
1. ต้องมีบุคคลแสดงเจตนาน�ำรถมาใช้
2. เป็นกิจกรรมเก่ยี วเน่อื งในระหวา่ งใชร้ ถ และมเี หตุ กอ่ ใหเ้ กิดอนั ตรายต่อชวี ติ และร่างกาย
ตวั อยา่ งท่ี 1 จอดรถจกั รยานยนต์ อยบู่ ้านแล้วรถจักรยานยนต์ล้มทับขาลูกขาด ไมถ่ อื วา่
เป็นผูป้ ระสบภยั จากรถ
ตวั อยา่ งท่ี 2 พ่อขี่จักรยานยนต์พาลูกไปซื้อของหน้าปากซอย จอดรถไว้แล้วรถล้มทับขา
ลกู ขาด กรณนี ้ถี อื วา่ เป็นผู้ประสบภยั จากรถ เนอ่ื งจากเข้าเง่ือนไขทัง้ 2 ขอ้ ข้างตน้

70 ค่มู ือการสอบสวนคดอี บุ ัตเิ หตทุ างถนน

บทท่ี 3 กฎหมายที่เก่ียวขอ้ งกบั การสอบสวนคดีอบุ ตั เิ หตุทางถนน

ตารางท่ี 2 กรณรี ถประกนั ภยั ชนกบั คูก่ รณี

ตามมาตรา 20 เม่อื ผปู้ ระสบภัยไดร้ บั ความเสยี หายต่อชวิ ติ ร่างกาย หรอื อนามัย กำ� หนดให้
ประกันภัยต้องจ่ายค่าเสียหายเบ้ืองต้น ค่ารักษาพยาบาลบาดเจ็บไม่เกิน 30,000 บาท กรณีเสีย
อวัยวะ/ทุพพลภาพ/ตาย ไม่เกนิ 35,000 บาท รวมกนั แลว้ ต้องไม่เกิน 65,000 บาท
สว่ นน้จี ะจา่ ยในกรณีท่ยี งั ไม่รู้ผลคดี หรอื จ่ายในกรณผี ้ขู ับขี่ละเมิดเอง เช่นขับข่ไี ปล้มเอง หรอื
ใชร้ ถผดิ วตั ถุประสงค์ (มีบุคคลนง่ั ซ้อนท้าย 3-4 คน)

คูม่ อื การสอบสวนคดอี บุ ัติเหตุทางถนน 71

บทที่ 3 กฎหมายทีเ่ ก่ียวข้องกับการสอบสวนคดอี บุ ัติเหตุทางถนน

ตารางความคมุ้ ครองตาม พ.ร.บ.คุม้ ครองผ้ปู ระสบภัยจากรถ

72 คู่มอื การสอบสวนคดีอุบตั เิ หตทุ างถนน

บทที่ 3 กฎหมายที่เกยี่ วขอ้ งกบั การสอบสวนคดอี ุบัติเหตุทางถนน

ตวั อยา่ งความประมาทของบคุ คลจากค�ำพิพากษาศาลฏกี า
1) ความประมาทเกิดจากผู้ขับข่ี คือ ผู้ขับขี่รถไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.
2522โดยเครง่ ครดั จนกระทงั่ เฉยี่ วชนรถผอู้ น่ื ทำ� ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกท่ รพั ยส์ นิ และบคุ คล การไม่
ปฏิบัตติ ามกฎหมายจราจรมีรายละเอียดดังนี้
(1) ประมาทเพราะความบกพรอ่ งทน่ี ำ� รถทมี่ สี ภาพไมม่ นั่ คงแขง็ แรง หรอื อาจเกดิ อนั ตราย
ออกมาใช้ในทางเดินรถ เป็นความผดิ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
ตวั อยา่ งฎีกาสำ� คญั ไดแ้ ก่ ผู้ขบั รถซ่ึงห้ามลอ้ ใช้การไม่ได้ขึน้ สะพานเบี่ยงอันเป็นทส่ี งู แล้ว
เครื่องยนต์ดับรถถอยหลังลงมา ผู้ขับรถมองท้ายรถไม่เห็น เพราะมีสิ่งของที่บรรทุกมาในรถบัง รถ
ชนราวสะพานเบ่ียงพลัด ตกลงไปในคลองคนโดยสารตายและบาดเจ็บ ถือว่าเป็นการกระท�ำโดย
ประมาท มใิ ช่เหตนุ อก อำ� นาจหรอื อุบตั เิ หตุ (ฎ. 323/07)
หมายเหตุ กรณีผขู้ ับขนี่ �ำรถสภาพไม่ม่นั คงออกมาใช้ในทาง จะอา้ งว่าเป็นเหตุสดุ วิสัยไม่
ได้ (สมศกั ด์ิ เอีย่ มพลับใหญ่, 2558)
(2) ประมาทเพราะการใช้สัญญาณไฟหรือสญั ญาณของรถ กลา่ วคอื ผ้ขู บั ขี่รถไมป่ ฏบิ ตั ิ
ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 11 ต้องเปิดไฟหรอื ใชแ้ สงสวา่ งตามประเภทลักษณะและเงือ่ นไข
ทีก่ �ำหนดในกฎกระทรวง สามารถมองเห็นได้ชัดแจ้งไมน่ อ้ ยกว่า 150 เมตร
(3) การบรรทุกสิ่งของ กล่าวคือ ผขู้ บั ข่ีรถไมป่ ฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา
15 วรรค 1 รถที่บรรทกุ ของยน่ื เกนิ ความยาวของตัวรถ ไม่จุดไฟสัญญาณแสงแดงไว้ทีป่ ลายสุดของ
สง่ิ ของท่ี บรรทุกให้เห็นได้ในระยะไมน่ อ้ ยกว่า 150 เมตร เพือ่ ให้ผู้ขบั ขี่รถตามหลงั หรอื ดา้ นขา้ งได้
เห็น หากไม่ปฏบิ ตั ิตาม มีรถแล่นมาชนขา้ งหลังหรือดา้ นขา้ ง ผ้ขู บั ขีร่ ถบรรทกุ มีความผิด
ตวั อยา่ งฎีกาส�ำคญั ได้แก่ รถบรรทุกรถแทรกเตอร์ใบมีดจานไถยื่นล้ำ� นอกตวั โดยมิไดต้ ดิ
สญั ญาณถอื วา่ ประมาท (ฎ.67/39) ,รถบรรทกุ ออ้ ยลน้ ทา้ ยรถเปน็ ประมาทแมอ้ กี ฝา่ ยประมาทดว้ ยก็
ไมพ่ น้ ผดิ (ฎ.7213/40),ขบั รถผา่ นเปน็ ประจำ� ยอ่ มทราบวา่ โครงเหลก็ รกุ ลำ�้ หากเกดิ เฉยี่ วชนถอื วา่ คน
ขบั ประมาท (ฎ.872/45) และผขู้ บั ขร่ี ถบรรทกุ ไมแ้ ปรรปู โผลพ่ น้ ทา้ ยตวตั ไปถกู ผตู้ าย ขณะเดนิ อยบู่ น
ไหลท่ างถือว่าขบั รถโดยประมาท (ฎ.4473/29)
(4) ขับรถฝ่าสัญญาณจราจร กล่าวคือ ผู้ขับข่ีรถไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
มาตรา 21 วรรค 1 การขับขร่ี ถในทางถนน ผูข้ บั ขต่ี ้องรสู้ ญั ญาณจราจรและเครือ่ งหมายจราจร จะ
อ้างไม่รคู้ วามหมายของสญั ญาณหรือเคร่ืองหมายจราจรมิได้
ตัวอย่างฎีกาส�ำคัญ ได้แก่ ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรส่ีแยกเป็นเหตุเฉ่ียวชนกันขึ้นมี
ความผิดประมาทฝา่ ยเดยี ว (ฎ.1554/30), ขบั ข่ีมาถงึ สแ่ี ยกทเี่ กดิ เหตปุ ฏิบตั ิตามสัญญาณจราจรและ
เครอ่ื งหมายจราจรทต่ี ดิ ตงั้ ไวแ้ ตม่ ปี า้ ยสญั ญาณจราจรใหห้ ยดุ เพอื่ ดคู วามปลอดภยั แตก่ บั แลน่ ออกไป

คมู่ ือการสอบสวนคดีอบุ ตั เิ หตทุ างถนน 73

บทที่ 3 กฎหมายทเี่ กี่ยวขอ้ งกับการสอบสวนคดอี บุ ัติเหตทุ างถนน

โดยไม่ได้หยุดเฉี่ยวชนกับรถอ่ืนอีกด้านหน่ึงด้วยความเร็วสูงถือได้ว่ามีความประมาทร่วมด้วย (ฎ.
2862/31), ขบั ขร่ี ถฝา่ ฝนื ปา้ ยจราจรใหร้ ะวงั รถไฟและไมห่ ยดุ รถเหน็ รถไฟแลน่ มาระยะหา่ ง 30 เมตร
กับเร่งเครื่องเพื่อเข้ามาทางรถไฟเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถไฟ ถึงแม้การรถไฟแห่งประเทศไทยไม่มีแผง
กนั้ ขณะรถไฟแลน่ ผา่ นทเี่ กดิ เหตถุ ือวา่ ผ้ขู ับขฝ่ี ่าฝนื ปา้ ยจราจรประมาทฝ่ายเดียว (ฎ.526/34), จอด
รถเลยเส้นท่ีก�ำหนดขวางทางถือว่าประมาท (ฎ.2212/32), ผู้ตายขับข่ีรถจักรยานยนต์มาจอดติด
สญั ญาณไฟจราจรสแี ดงทสี่ แี่ ยก ผตู้ ายขบั ขร่ี ถจกั รยานยนตเ์ ลย้ี วขวาทนั ทโี ดยไมร่ อสญั ญาณไฟเลยี้ ว
ขวา ขณะทร่ี ถโดยสารแล่นมามสี ญั ญาณไฟจราจรสีเขียว จึงเปน็ ความผดิ ประมาทของผ้ตู ายเอง (ฎ.
2031/35)
(5) ขบั รถโดนคนเดนิ เทา้ กลา่ ว คอื ผขู้ บั ขร่ี ถไมป่ ฏบิ ตั ติ าม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา
32 “ในการใชท้ างเดนิ รถผขู้ บั ขต่ี อ้ งใชค้ วามระมดั ระวงั ไมใ่ หร้ ถชนหรอื โดนคนเดนิ เทา้ ไมว่ า่ จะอยู่ ณ
สว่ นใดของทาง และตอ้ งใหส้ ญั ญาณเตือนคนเดินเท้าให้รู้ตัวเม่อื จำ� เป็นโดยเฉพาะอยา่ งยิ่ง เดก็ คน
ชรา หรอื คนพิการ ที่ก�ำลงั ใชท้ างผูข้ บั ขต่ี ้องใชค้ วามระมัดระวงั เปน็ พเิ ศษในการควบคมุ รถของตน”
กฎหมายมีวัตถุประสงค์คุ้มครองความปลอดภัยประชาชน โดยเฉพาะเด็กไม่ให้ถูกรถชนไม่ว่าจะอยู่
ณ สว่ นใดของทาง เมอ่ื ผขู้ บั ขรี่ ถควรหยดุ รถเพอื่ ใหค้ นเดนิ เทา้ หรอื เดก็ ขา้ มถนนไปกอ่ น กฎหมายกลา่ ว
ดังกล่าวเก่ียวกบั ความสงบเรียบรอ้ ย (ฎ.1987/57)
(6) ลกั ษณะการขบั รถ กลา่ วคอื ผขู้ บั ขฝ่ี า่ ฝนื ไมป่ ฏบิ ตั ติ าม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา
33-40
ตวั อยา่ งฎกี าสำ� คญั ไดแ้ กข่ บั ขล่ี ำ้� เขา้ ไปดา้ นขวาไปเฉย่ี วชนในชอ่ งทางเดนิ รถดา้ นขวาทแ่ี ลน่
มาผู้ขับขี่ล�้ำเข้าไปในเลนตรงข้ามเป็นฝ่ายผิด (ฎ.657/29), ผู้ขับข่ีรถบรรทุกต้องเดินรถด้านซ้ายไม่
ปฏบิ ัตติ ามมาตรา 35 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 การกระทำ� จงึ เป็นความผิด (ฎ.2962/25), ผู้
ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ปฏิบัติ ตามมาตรา 35 วรรค 2 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ก�ำหนดให้รถ
จกั รยานยนตต์ อ้ งเดนิ ชอ่ งซา้ ยสดุ ซง่ึ หากผตู้ ายปฏบิ ตั ติ ามกฎจราจรกอ็ าจไมท่ ำ� ใหเ้ กดิ รถเฉย่ี วชนกนั
ถอื ไดว้ า่ ผตู้ ายไดก้ ระทำ� ผดิ อยดู่ ว้ ยผตู้ ายจงึ ไมใ่ ชผ่ เู้ สยี หายโดยนติ นิ ยั ฯ (ฎ.200/55) ,ผขู้ บั ขร่ี ถตามหลงั
รถอนื่ ควรตอ้ งเวน้ ระยะใหห้ า่ งมากพอทจี่ ะหยดุ รถไดท้ นั โดยไมช่ นรถคนั หนา้ ยอ่ มจะตอ้ งระมดั ระวงั
เวน้ ระยะใหห้ า่ งมากขึ้นเมอื่ จ�ำเลยไมเ่ ว้นระยะดงั กลา่ วรถไปชนรถคนั หนา้ เป็นเหตใุ หบ้ คุ คลเสยี ชวี ิต
ยอ่ มถอื ไดว้ า่ ผขู้ บั ขตี่ ามหลงั ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามมาตรา 40 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ จงึ มคี วามผดิ กระทำ� โดย
ประมาททำ� ใหค้ นตายตาม ป.อาญา มาตรา 291 (ฎ.127/03)
หมายเหตุ ผขู้ บั ขร่ี ถทางถนน รถคนั หลงั ตอ้ งขบั ขรี่ ถใหห้ า่ งและระมดั ระวงั คนหนา้ แตห่ าก
เปน็ การขบั ข่รี ถทางลาดชนั หรอื ทางลอด (อโุ มงค)์ หรือขึ้นสะพานจะกลบั กนั คอื รถคันหน้าหรือบน
สะพานหรอื รถลงอุโมงค์ ต้องระมดั ระวงั คันหลัง แตท่ งั้ นีร้ ถคนั หลังก็ตอ้ งมรี ะยะห่างพอสมควรและ
ตอ้ งระมดั ระวงั ด้วยเชน่ กนั

74 คมู่ ือการสอบสวนคดอี ุบตั เิ หตทุ างถนน

บทที่ 3 กฎหมายทีเ่ กย่ี วข้องกบั การสอบสวนคดีอุบัติเหตทุ างถนน

(7) ข้อห้ามส�ำหรับผู้ขับขี่ กล่าวคือ ผู้ขับขี่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม มาตรา 43 แห่ง
พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522
ตัวอย่างฎีกาส�ำคัญ ได้แก่ ผู้ขับข่ีรถยนต์ในขณะเมาสุราเป็นความผิดตามมาตรา43 (2)
(4), 157, 160วรรคทา้ ย ผูข้ ับขร่ี ถยนต์ฝา่ ฝืนกฎจราจรด้วยความเรว็ สงู ลำ้� เส้นเข้าไปในชอ่ งทางรถวง่ิ
สวนมาเฉยี่ วชนรถจักรยานยนต์ทผ่ี ู้ตายขับขม่ี า ผขู้ บั ข่ีรถยนต์มีความผดิ ตาม มาตรา 43 (2) (4),
157, 160 วรรคท้าย พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ และ ป.อาญา มาตรา 291 จึงเป็นการกระทำ� กรรมเดยี ว
กฎหมายหลายบท (ฎ.2775/47) และมี พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบบั ท่ี 6) พ.ศ.2542 ยกเลิกและ
แกไ้ ขโดยกำ� หนด หา้ มมใิ หผ้ ขู้ บั ขเี่ สพยาเสพตดิ ใหโ้ ทษตามกฎหมายวา่ ดว้ ยยาเสพตดิ ใหโ้ ทษหรอื เสพ
วตั ถุทอ่ี อกฤทธิ์ต่อจติ และประสาท มีผลทำ� ให้ผู้ขับข่ีทีเ่ สพเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) มคี วามผดิ ตาม
มาตรา 43 ทวดิ ว้ ย (ราชกิจจานเุ บกษา เล่มที่ 116 ,ตอนที่ 20 ก, หนา้ 13, 25 มีนาคม 2542) คดผี ู้
ขบั ขี่เสพยาเสพติด เปน็ ความผิดเก่ยี วกับยาเสพตดิ
ตวั อย่างฎกี าสำ� คญั ได้แก่ โจทกฟ์ ้องขอใหล้ งโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดใหโ้ ทษฯ มาตรา
57,91 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 43 ทวิ วรรคหนึ่ง, 157/1 และ พ.ร.บ.รถยนต์ฯ มาตรา 57 ฉ,
66/4 ซง่ึ เปน็ การกระทำ� กรรมเดยี วเปน็ ความผดิ ตอ่ กฎหมายหลายบท แมต้ าม พ.ร.บ.จราจรฯ มาตรา
43 ทวิ วรรคหนึ่ง, 157/1 และ พ.ร.บ.รถยนตฯ์ มาตรา 57, 66/4 จะเปน็ บทหนัก แตค่ วามผดิ ตาม
มาตราดงั กลา่ วถอื วา่ เปน็ ความผดิ เกย่ี วกบั ยาเสพตดิ ตาม พ.ร.บ.วธิ พี จิ ารณาคดยี าเสพตดิ ฯ มาตรา 5
ฟอ้ งโจทกจ์ งึ เปน็ ฟอ้ งทข่ี อใหล้ งโทษจำ� เลยในความผดิ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยยาเสพตดิ คำ� พพิ ากษาศาล
อทุ ธรณ์ จึงเปน็ ท่สี ุดตาม พ.ร.บ.วธิ พี ิจารณาคดยี าเสพติดฯ ม.18 วรรค 1 และตามมาตรา 19 วรรค
1 คูค่ วามอาจย่ืนคำ� ขอโดยทำ� เป็นค�ำร้องพรอ้ มกบั ฎกี าตอศาลฎีกา ภายในกำ� หนดหนึ่งเดอื นนบั แต่
วันอ่านพิพากษาให้คู่ความฝ่ายที่ขออนุญาตฎีกาฟังเพ่ือขอให้พิจารณารับฎีกาไว้วินิจฉัยได้ แต่ฎีกา
ของจ�ำเลยไม่ได้มีค�ำขอดังกล่าว แม้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในค�ำพิพากษาศาลช้ันต้น จะ
อนุญาตให้จ�ำเลยฎีกา ก็ไม่ต้องด้วยบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ศาลช้ันต้นสั่งรับฎีกาของจำ� เลย
เป็นการมิชอบ ศาลฎกี าไมร่ ับวินิจฉัย (ฎ.683/55)
(8) การขับแซงและผ่านขึน้ หน้า กล่าวคอื ผขู้ บั ขฝี่ า่ ฝืนไม่ปฏบิ ัตติ ามมาตรา 11, ต้องให้
สญั ญาณกอ่ นแซง มาตรา 44, หา้ มแซงซา้ ย มาตรา 45, หา้ มแซงเดด็ ขาด มาตรา 46, ห้ามแซงลำ�้
เข้าไปในเสน้ กงึ่ กลางทางเดนิ รถ มาตรา 47 และหา้ มแซงล้ำ� เข้าไปในชอ่ งเดนิ รถประจ�ำทาง มาตรา
48 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
ตวั อย่างฎกี าทเี่ กย่ี วข้อง ไดแ้ ก่ การขับแซงตามมาตรา 11 หมายความวา่ ขบั รถแซงข้นึ
หน้า รถ ทีก่ ำ� ลังแล่นอย่ดู ว้ ยกัน (ฎ.1214/03)
ผขู้ บั ขร่ี ถแซงและผา่ นขน้ึ หนา้ เมอื่ แซงผา่ นขนึ้ หนา้ รถทถี่ กู แซงไปในระยะหา่ งเพยี งพอ จงึ
ขับชิดซา้ ยของทางเดินรถ การขับรถแซงรถอ่นื แล้วชดิ ซ้ายตดั หนา้ รถคนั ท่ถี ูกแซงในระยะกระช้ันชดิ

คู่มือการสอบสวนคดอี ุบัตเิ หตุทางถนน 75

บทท่ี 3 กฎหมายทเ่ี กีย่ วข้องกบั การสอบสวนคดอี ุบัติเหตุทางถนน

เม่ือเกิดอบุ ัตเิ หตุ ถอื วา่ เป็นความผิดของผขู้ ับแซงดว้ ย
ผขู้ บั ขร่ี ถคนั ทถ่ี กู แซงมองเหน็ และมรี ะยะหา่ งพอสมควรแลว้ ไมร่ ะมดั ระวงั ถอื วา่ ประมาท
มากกว่า
ผ้ขู ับขร่ี ถเปลีย่ นชอ่ งทางเดินรถในระยะกระชน้ั ชดิ และขับรถเร็ว ถือได้ว่าประมาท

ผู้ขบั ข่ีรถแซงรถในท่ีคบั ขนั ถอื ว่าประมาท
ผขู้ บั ขร่ี ถแซงเพอ่ื ขนึ้ หนา้ รถคนั อน่ื กอ่ นระยะสามสบิ เมตรกอ่ นถงึ ทางแยก แตเ่ มอ่ื ถงึ ระยะ
สามสิบเมตรก่อนจะถึงทางแยก ก็ยังไม่สามารถแซงข้ึนหน้าไปได้ ผู้ขับขี่ต้องหยุดแซงและน�ำรถเข้า
เส้นทางเดินรถของตนทันที การฝ่าฝืนขับแซงข้ึนไปและเกิดชนกันข้ึนเป็นความผิดของผู้ขับรถคันท่ี
แซง (ฎ. 826/33)
(9) การออกรถ เล้ยี วรถ และกลับรถ กล่าวคอื ผ้ขู ับขี่รถฝ่าฝนื ไมป่ ฏบิ ตั ิตามมาตรา 50-
53 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
การขับรถออกจาที่จอดถ้ามีรถจอด หรือมีสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้า ผู้ขับข่ีต้องให้
สญั ญาณดว้ ยมือและแขน หรอื ไฟสญั ญาณ และจะออกรถไปไดเ้ มือ่ เห็นวา่ ปลอดภยั และไมก่ ดี ขวาง
การจราจรของรถผู้อน่ื ตาม มาตรา 50 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
การเล้ียวรถตาม ม.51 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ยกตัวอยา่ งฎีกาทเี่ กย่ี วขอ้ ง ไดแ้ ก่ ผู้
ขบั รถยนตจ์ ะเลย้ี วซา้ ย แตไ่ มน่ ำ� รถเขา้ ชดิ ซา้ ยทางเดนิ รถดา้ นซา้ ย กลบั เลย้ี วรถตดั หนา้ รถในระยะชนั้
ชดิ ในลักษณะกีดขวางจราจร ถอื วา่ กระทำ� โดยประมาทเปน็ เหตใุ หเ้ กิดรถเฉี่ยวชนกนั ทำ� ให้ผู้ขับขีค่ ู่
กรณีได้รับบาดเจ็บสาหัส ถือได้ว่าเป็นการกระท�ำผิดในครั้งคราวเดียวที่ต่อเนื่องเก่ียวพันกัน อัน
เป็นการกระท�ำผิดกรรมเดียวผดิ ตอ่ กฎหมายหลายบท (ฏ. 5012/33)

การหา้ มกลับรถหรือเลี้ยวรถทางขวา ตาม มาตรา 52 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
- ผขู้ บั ขี่รถกลับรถขณะมีรถอ่ืนตามมาระยะนอ้ ยกว่า 100 เมตร ถอื วา่ ประมาท
ผขู้ บั ขร่ี ถยนตก์ ำ� ลงั กลบั รถในขณะทมี่ รี ถอนื่ ตามมาในระยะนอ้ ยกวา่ 100 เมตร จงึ เปน็ การ
ขบั ขรี่ ถฝา่ ฝนื ตามมาตรา 52 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯซงึ่ เปน็ กฎหมายกำ� หนดไวเ้ พอ่ื ความ ปลอดภยั ใน
การขับรถถือไดว้ ่าขบั รถยนต์โดยความประมาทส่วนผู้ขบั ข่ีรถจกั รยานยนต์ในชอ่ งเดนิ รถที่ 2 ไมข่ บั
ในชอ่ งทางเดนิ รถซา้ ยสดุ ตามมาตรา 35 วรรค 2 กด็ ี หรอื ขบั รถจกั รยานยนตด์ ว้ ยความเรว็ เกดิ สมควร
หรือไม่ก็ดีไม่ว่าการกระท�ำของผู้ขับข่ีรถยนต์จะเป็นการกระท�ำโดยประมาทหรือไม่ก็หาท�ำให้การก
ระท�ำของผู้ขบั ข่รี ถยนต์ทีเ่ ป็นการกระท�ำโดยประมาทกลบั เปน็ ไม่ประมาทได้ไม่ (ฏ.112/42)
- ผ้ขู ับขี่รถยนตเ์ ลี้ยวขวาตัดหน้ารถอนื่ ถือวา่ ประมาท

ผขู้ บั ขรี่ ถยนตเ์ ลยี้ วขวาตดั หนา้ ผขู้ บั ขร่ี ถจกั รยานยนตจ์ นเปน็ เหตรุ ถชนกบั รถจกั รยานยนต์
เปน็ เหตใุ หผ้ ขู้ บั ขร่ี ถจกั รยานยนตไ์ ดร้ บั บาดเจบ็ สาหสั ถอื ไดว้ า่ ผขู้ บั ขร่ี ถยนตก์ ระทำ� ความผดิ ตามมาตรา

76 คู่มอื การสอบสวนคดีอบุ ตั ิเหตุทางถนน

บทท่ี 3 กฎหมายที่เกย่ี วข้องกบั การสอบสวนคดีอุบตั ิเหตุทางถนน

43 (4), 157 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เป็นเหตุให้ผู้อ่ืนได้รบั บาดเจ็บสาหัสเปน็ ความผิดตาม ป.อาญา
มาตรา 300 การกระท�ำของผู้ขับขร่ี ถยนต์ จงึ เปน็ กรรมเดยี วเปน็ ความผิดต่อกฎหมายหลายบท ตอ้ ง
ลงโทษหนักตาม ป.อาญา มาตรา 300 (ฏ .3557/31)
- ผูข้ ับขรี่ ถเลีย้ วขวากลบั รถในชอ่ งห้ามกลับรถ ถือว่าประมาท

ผู้ขับข่ีรถบรรทุกเคลื่อนออกจากไหล่ทางแล้วเลี้ยวขวาตัดหน้ารถทางตรงท่ีแล่นตามมา
เพ่ือจะกลับรถข้ามไปยังอีกถนนหนึ่งโดยปกติวิสัยจะต้องใช้ความระมัดระวัง ให้รถท่ีแล่นตามมาได้
พ้นไปใหป้ ลอดภยั กอ่ น ผ้ขู บั ขีร่ ถบรรทกุ เล้ียวขวาตัดหน้ารถจักรยานยนตใ์ นระยะกันช้นั ชดิ โดยไม่
ระมัดระวังเป็นเหตุให้เฉ่ียวชน ผู้ขับข่ีรถจักรยานยนต์ จึงเป็นความประมาทเลินเล่อของผู้ขับขี่รถ
บรรทกุ แต่ฝ่ายเดียว (ฏ .659/39)
- ผขู้ ับข่รี ถไม่มไี ฟหนา้ และไฟเลี้ยวทั้งกลับรถในทางลงเนนิ แม้ถูกชนถือว่าประมาท

- ผ้ขู ับขรี่ ถจากทางด้านไหล่ทางด้านซา้ ยเลยี้ วขวาทนั ที ถือวา่ ประมาท
(10) การหยุดและจอดรถ กล่าวคือ ผู้ขับข่ีรถฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรา 54-64
พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
การหยุดรถหรือการจอดรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องให้สัญญาณมือและแขนหรือไฟ
สญั ญาณกอ่ นทจี่ ะหยดุ รถหรอื จอดรถในระยะไมน่ อ้ ยกวา่ 30 เมตร และจะหยดุ รถหรอื จอดรถไดเ้ มอ่ื
ผขู้ ับข่เี หน็ วา่ ปลอดภัยและไม่เป็นการกีดขวางการจราจร
ผู้ขับข่ีรถจอดรถทางด้านซ้ายของทางเดินรถและจอดรถให้ด้านซ้ายของรถขนานชิดกับ
ขอบทางหรอื ฟตุ บาท หรอื ไหลท่ างในระยะหา่ งไม่เกิน 25 ซม.หรือจอดรถตามทิศทางหรือดา้ นหน่งึ
ด้านใดของทางเดินรถที่เจ้าพนักงานจราจรก�ำหนดไว้ แต่ในกรณีที่มีช่องเดินรถประจ�ำทางอยู่ทาง
ด้านซ้ายสุดของทางเดินรถ ห้ามไม่ให้ผู้ขับขี่รถจอดรถในลักษณะดังกล่าวในเวลาก�ำหนดให้ใช้ช่อง
เดนิ รถประจ�ำทางนนั้ ๆ
- การจอดรถหันหัวรถย้อนเส้นทาง ถอื วา่ ประมาท
ผขู้ บั ข่ีรถยนต์จอดรถชดิ ขอบทางด้านทเี่ จา้ พนักงานจราจรก�ำหนด แตห่ นั หัวสวนทางกบั
รถคนั อื่นที่จะแลน่ เข้ามาในซอยท่เี กิดเหตุ เปน็ การจอดรถด้านขวาของทางเดินรถ ไม่จอดรถใหด้ ้าน
ซา้ ยของรถขนานชดิ กบั ขอบทางในระยะหา่ งเกนิ 25 เซนตเิ มตร จงึ เปน็ ความผดิ ตามมาตรา 54 วรรค
2 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ โดยชดั แจง้ โดยไม่จ�ำเป็นตอ้ งค�ำนงึ ว่าการจอดรถดังกลา่ วเปน็ การกีดขวาง
หรือไมแ่ ละเกิดอนั ตรายแก่ผใู้ ชร้ ถใชถ้ นนหรอื ไม่ (ฎ.5556/33)
- การจอดรถเสียเลยส่วนโค้งสะพาน ไดเ้ ปิดไฟกะพรบิ และนำ� เบาะรถมาวางไว้ แต่อยู่
ในระยะหา่ งเพยี ง 30 เมตร ถือว่ามีความผิดประมาทเลินเล่อ

คูม่ ือการสอบสวนคดอี ุบัตเิ หตทุ างถนน 77

บทที่ 3 กฎหมายท่ีเก่ยี วขอ้ งกับการสอบสวนคดอี ุบตั ิเหตุทางถนน

ผขู้ บั ขีร่ ถโดยสารได้จอดรถอยู่บนสะพาน เน่ืองจากรถเสียตง้ั แตเ่ วลา 22.00 น.โดยมีไฟ
กะพรบิ ไวด้ ้านทา้ ยรถและนำ� เบาะรถมาวางพาดไวด้ า้ นท้ายรถโดยสาร ท้ังนำ� ถุงพลาสติกมาผูกติดไว้
เพอ่ื ใหเ้ หน็ ไดเ้ ปน็ เครอื่ งหมายในการปอ้ งกนั เหตุ แตจ่ ดุ ทร่ี ถโดยสารจอดอยเู่ ปน็ สว่ นโคง้ กลางสะพาน
ไปเพียง 30 เมตร จากส่วนโค้งกลางสะพานเป็นระยะท่ีกระชั้นชิดคาดเห็นได้ว่าอาจจะก่อให้เกิด
อนั ตรายแกร่ ถยนตท์ สี่ ญั จรได้ การกระทำ� ของผขู้ บั ขร่ี ถโดยสาร จงึ เปน็ ความผดิ ประมาทเลนิ เลอ่ เปน็
เหตโุ ดยตรงท่กี อ่ ใหเ้ กดิ อนั ตราย (ฎ. 3335/40)
- ผู้ขับขีร่ ถยนต์บรรทุกของไมเ่ ปดิ ไฟทา้ ยหรือแสงสว่างน้อย ถือว่ามคี วามผดิ ประมาท
ผู้ขบั ข่ีรถยนต์บรรทุกของจอดรถอยบู่ นผิวจราจรทงั้ คันเมอ่ื ขน้ึ เนนิ ไปประมาณ 50 เมตร
และคลมุ ผา้ ใบไวโ้ ดยไมไ่ ดเ้ ปดิ ไฟทา้ ยหรอื สญั ญาณใดๆ เตอื นใหผ้ ขู้ บั รถอน่ื ทราบเปน็ เหตใุ หร้ ถอนื่ แลน่
มาด้วยความเร็ว 50 กม./ชม. แม้จะมแี สงสวา่ งจากไฟหนา้ รถ แตก่ ็เหน็ รถยนตบ์ รรทุกของเมอ่ื เขา้ ไป
ใกลก้ นั ประมาณ 7-8 เมตรแลว้ ทำ� ใหผ้ ขู้ บั ขรี่ ถอนื่ ขบั รถหลบหลกี ไมท่ นั จงึ เปน็ เหตใุ หช้ นทา้ ยรถยนต์
บรรทกุ ของ ดงั นเ้ี หตเุ กดิ เพราะผขู้ บั ขรี่ ถยนตบ์ รรทกุ ของเปน็ ฝา่ ยประมาทแตฝ่ า่ ยเดยี ว คนั ขบั รถอน่ื
จึงไม่ประมาทดว้ ย (ฎ. 3464/30)
- ผขู้ บั ข่รี ถบรรทกุ จอดรถเวลากลางคนื เปิดไฟหรีห่ น้ารถและไฟทา้ ย ถอื วา่ ไม่ประมาท
- ผู้ขับขี่รถบรรทุกจอดรถเปิดไฟกะพริบหน้าหลังและเปิดไฟใหญ่หน้ารถ ถือว่าไม่
ประมาท
- ผขู้ ับขร่ี ถจอดรถใกล้ทางรถไฟ ถอื ว่าประมาทมากกว่า
- ผู้ขับข่รี ถในทางเดินรถหรือไหล่ทางตอ้ งเปดิ ไฟหรอื ใช้แสงสว่างตามท่ีกฎกระทรวง
- ผู้ขบั ขี่รถจอดรถในเวลากลางคนื ไมเ่ ปดิ ไฟ ถอื วา่ ประมาท
- ผ้ขู ับข่รี ถจอดรถในเวลากลางคนื ท้ายรถล�้ำออกไปโดยไม่เปดิ ไฟ ถือว่าประมาท
- ผู้ขับขี่รถจอดรถในเวลากลางคืนไม่เปิดไฟหรือใช้แสงสว่างและล�้ำเข้าช่องทาง ถือว่า
ประมาท
- ผู้ขบั ข่รี ถความเร็วสูง ชนทา้ ยรถที่จอด โดยไม่ให้สญั ญาณไฟถือว่าประมาทกวา่
- ผขู้ ับข่รี ถไมป่ ฏิบตั ิตามป้ายจราจร และชนกบั รถไฟ ถือว่าประมาทฝา่ ยเดียว
- หากมพี นกั งานปดิ เปิดแผงกนั้ ละเวน้ ไมค่ วบคมุ ถือวา่ รถไฟประมาทฝ่ายเดยี ว
(11) ขอ้ กำ� หนดเก่ยี วกับความเร็วของรถ กลา่ วคือ ผูข้ ับข่ฝี า่ ฝนื ไม่ปฏบิ ัติตามมาตรา 67-
70 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
- ผขู้ ับขรี่ ถความเรว็ เกนิ กฎหมายกำ� หนด ขณะฝนตกและเป็นทางโค้ง ถือวา่ ประมาท
- ผู้ขับข่ีรถความเร็วเกินกฎหมายก�ำหนดผ่านชุมชนหรือหมู่บ้านหรือท่ีอยู่อาศัย ถือว่า
ประมาท
- ผขู้ บั ขรี่ ถความเรว็ สงู เกนิ กฎหมายกำ� หนดเสยี หลกั ขวางถนน ถอื วา่ ประมาทฝา่ ยเดยี ว

78 ค่มู อื การสอบสวนคดีอบุ ัตเิ หตทุ างถนน

บทที่ 3 กฎหมายทเี่ ก่ยี วข้องกับการสอบสวนคดอี ุบตั ิเหตทุ างถนน

(12) การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกหรือวงเวียน กล่าวคือ ผู้ขับขี่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม
มาตรา 71-74 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
- ผขู้ บั ขีร่ ถมาบริเวณสแ่ี ยกไม่มีสัญญาณจราจร ปรากฏวา่ มรี ถอน่ื แล่นมาถึงสแ่ี ยกกอ่ น
ผขู้ บั ขร่ี ถมาทีหลงั จะต้องหยดุ หรือชะลอ ความเร็วรถแลว้ ปล่อยให้รถอ่นื ผ่านไปก่อน (ฎ. 2689/30)
- ผขู้ บั ขรี่ ถมาทางเอกมาถงึ ทางรว่ มทางแยกภายหลงั ตอ้ งใหผ้ ขู้ บั ขรี่ ถทางโทผา่ นไปกอ่ น
ตามมาตรา 71 (1) พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ถงึ แมผ้ ขู้ บั ขร่ี ถมาทางเอกกเ็ ปน็ ฝา่ ยประมาท (ฎ.4738/30)
- ผขู้ บั ขรี่ ถทกุ คนั เมอ่ื ถงึ ทางรว่ มทางแยกตอ้ งลดความเรว็ และปฏบิ ตั ติ ามปา้ ยสญั ญาณดว้ ย
- ผู้ขบั ขีร่ ถไม่ถอื ปฏบิ ตั ติ ามปา้ ยสัญญาณจราจรใหห้ ยุดก่อนที่จะขับรถผา่ นสีแ่ ยกท่ีเกิด
เหตุ ถอื ว่าขับรถโดยประมาท
สรุปการขับขีร่ ถผา่ นทางร่วมทางแยกท่ไี มม่ ีสญั ญาณไฟจราจรหรอื เครอ่ื งหมายจราจร
1. ฝ่ายใดถึงทางรว่ มทางแยกก่อนไปกอ่ น
2. ถงึ พรอ้ มกนั รถทางเอกไปก่อน
3. ถ้าไม่มที างเอก และทางโท รถทางซ้ายไปก่อน
(13) ผูข้ ับข่รี ถฉุกเฉินขณะปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี คือ ได้รับสทิ ธิตามมาตรา 75-76 พ.ร.บ.จราจร
ทางบกฯ

- ถึงแมม้ สี ทิ ธติ ามกฎหมายแต่ก็ตอ้ งใชค้ วามเร็ว ตามสมควรแกพ่ ฤตกิ ารณ์
ผขู้ บั ขรี่ ถราชการตำ� รวจไปตามถนสนโดยใชส้ ญั ญาณไฟแดงกะพรบิ และแตรไซเรนเพอื่ นำ�
คนประสบอุบัติเหตุส่งโรงพยาบาล การขับรถโดยใช้สัญญาณดังกล่าว ไม่ได้หมายความว่าจะขับรถ
เรว็ เท่าใดกไ็ ด้ หากเกดิ ความเสียหายขึ้น แตจ่ ะต้องขับรถด้วยความเร็วไม่สูงเกินกวา่ ทค่ี วรกระท�ำใน
พฤติการณเ์ ชน่ น้นั และตอ้ งใช้ความระมัดระวงั ในฐานะที่ต้องใช้ความเร็วสูงกวา่ ธรรมดาตามสมควร
แกพ่ ฤติการณ์ดว้ ย (ฎ. 619 /10)
(14) อุบตั เิ หตุ กลา่ วคือ ผู้ใดขับขี่รถฝ่าฝืนไมป่ ฏิบัติตาม ม.78-84 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ

- ผู้ขับขี่รถก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินจะต้องหยุดรถให้ความช่วย
เหลือและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ีที่ใกล้เคียงทันที สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระท�ำความผิด และ
พนกั งานเจ้าหน้าทม่ี ีอำ� นาจยึดรถคนั เกดิ เหตทุ ่หี ลบหนีหรือไมแ่ สดงตนว่าเปน็ ผขู้ บั ขี่
หลงั เกดิ เหตุ ผขู้ บั ขร่ี ถชนแลว้ หลบหนไี ปโดยไมไ่ ดแ้ จง้ เหตตุ อ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทที่ ใ่ี กลเ้ คยี ง
ทนั ที ผขู้ บั ขรี่ ถจงึ มคี วามผดิ ตามมาตรา 78 วรรค 1 ถงึ แมผ้ ขู้ บั ขรี่ ถจะอา้ งวา่ ไมม่ เี จตนาไมแ่ จง้ เหตตุ อ่
พนกั งานเจ้าหนา้ ท่ีทันที เพราะไปแจ้งใหเ้ จ้าของรถทราบเหตุ หารบั ฟงั ได้ไม่ (ฎ .7146/ 44)

คู่มอื การสอบสวนคดีอบุ ตั ิเหตุทางถนน 79

บทที่ 3 กฎหมายทเ่ี กีย่ วข้องกบั การสอบสวนคดีอบุ ัตเิ หตทุ างถนน

จำ� เลยเขน็ รถขายโรตไี ปตามไหลท่ างถนนสายจอมทอง- เชยี งใหม่ และถกู รถจกั รยานยนต์
ขับตามหลังมาเฉี่ยวชนเป็นเหตุให้จ�ำเลยได้รับบาดเจ็บ และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ถึงแก่ความตาย
จากนน้ั จำ� เลยหลบหนไี ปไม่ชว่ ยเหลอื เช่นนี้ รถเข็นของจ�ำเลยไม่ใช่ “รถ” ตามนยิ าม พ.ร.บ.จราจร
ทางบกฯ เป็นเพียงวัสดุอุปกรณ์และเครื่องใช้ประกอบอาชีพขายโรตี จ�ำเลยจึงไม่อยู่ในบังคับตาม
มาตรา 78 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ฎ. 4445/43
(15) รถบรรทุกคนโดยสาร คือ เจ้าของรถบรรทุกคนโดยสารหรือผู้ขับขี่รถบรรทุกคน
โดยสารหา้ มฝา่ ฝนื ไมป่ ฏิบัติ ตาม ม. 85-91 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
(16) รถแท็กซี่ คือ ผู้ขับขี่รถแท็กซี่โดยสารห้ามฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรา93-102
พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
(17) คนเดนิ เทา้ คอื คนเดนิ ทางเทา้ หา้ มฝา่ ฝนื ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามมาตรา 103-110 พ.ร.บ.จราจร
ทางบกฯ
- ผขู้ บั ขรี่ ถชนหรอื โดนคนเดนิ เทา้ บนทางโดยถกู ตอ้ งตามกฎหมาย จะเปน็ ฝา่ ยประมาท
แตฝ่ า่ ยเดยี ว (ฎ.4066/40)
(18) การเกาะ หอ้ ยโหนรถ คอื ห้ามผู้ใด เกาะ หอ้ ยโหน ฝ่าฝนื ไมป่ ฏิบัตติ ามมาตรา 124
พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
- ผ้ขู บั ขรี่ ถยนต์โดยสารทราบว่ามผี ้โู ดยสารยนื เกาะ หอ้ ยโหนบนั ไดรถท่ีตนก�ำลังขบั อยู่
โดยไม่จัดการมิให้มีการเกาะห้อยโหน เช่นน้ันเสีย ผู้ขับข่ีรถยนต์โดยสารมีความผิดประมาท (ฎ.
624/15)
หมายเหตุ หากผูข้ บั ข่รี ถโดยสารไม่ร้วู ่ามคี นเกาะห้อยโหนอยแู่ ละเกิดอบุ ัตเิ หตขุ ้ึน ผู้ขับขี่
ไมม่ คี วามผดิ เป็นความผดิ ของคนท่ีเกาะหอ้ ยโหนเอง ถา้ ผูข้ บั ข่รี ถโดยสารร้วู ่ามีคนเกาะห้อยโหนรถ
เพราะรถไม่ว่าง ยงั ปล่อยใหค้ นที่เกาะห้อยโหนและเกดิ อุบตั ิเหตขุ ึ้น ผู้ขับขี่รถโดยสารมีความผดิ ฐาน
กระท�ำโดยประมาท
(19) ทำ� สง่ิ อนื่ ใดตก หก หรอื ไหลอยบู่ นทาง คอื ผใู้ ดทำ� สง่ิ ของตกไหลอยบู่ นทางหา้ มฝา่ ฝนื
ไม่ปฏบิ ตั ติ าม มาตรา 129 พ.ร.บ.จราจรทางบก

- ผขู้ บั รถยนตบ์ รรทกุ เสาไฟฟา้ มาตามถนนในเวลากลางคนื ลอ้ รถพว่ งหลดุ ทำ� ใหเ้ สาตกลง
มาขวางถนนเป็นเหตุให้รถอื่นแล่นมาชนเสาไฟฟ้าได้รับบาเจ็บและถึงแก่ความตาย ผู้ขับรถยนต์
บรรทกุ เสาไฟฟ้ามีความผดิ ประมาทท�ำใหค้ นตาย (ฎ.1909/16)

(20) ความประมาทเกิดจากผู้เผาทำ� ให้เกิดควันไฟ คือ ห้ามผู้ใดเผาหรือกระทำ� การใดๆ
ภายในระยะ 50 เมตรจากทางเดินรถเป็นเหตุให้เกิดควันหรือสิ่งอื่นใดในลักษณะที่อาจท�ำให้ไม่
ปลอดภัยแก่การจราจรในทางเดินรถนัน้ ( มาตรา 130 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ)

80 ค่มู อื การสอบสวนคดีอุบัตเิ หตุทางถนน

บทท่ี 3 กฎหมายทเี่ กีย่ วขอ้ งกับการสอบสวนคดอี ุบัตเิ หตุทางถนน

- จำ� เลยเปน็ เจา้ ของบอ่ ของโรงงานกระสอบเกดิ จากไฟไหมเ้ ศษปอในวนั เวลาเกดิ เหตอุ ยู่
ห่างจากถนนที่เกดิ เหตุประมาณ 20 เมตร แลว้ กลุ่มควนั ไฟดังกลา่ วถูกลมพัดลอยไปครอบคลุมผิว
จราจร เป็นเหตุให้รถยนต์ที่ขับมาถึงท่ีเกิดเหตุไม่สามารถเห็นทางข้างหน้าได้ จึงเฉี่ยวชนกันถูกชน
ทา้ ยรถ ทำ� ใหไ้ ดร้ บั บาดเจบ็ สาหสั ขอ้ เทจ็ จรงิ ฟงั ไดว้ า่ จำ� เลยปลอ่ ยใหค้ นงานทำ� การเผาเศษปอทเี่ หลอื
เป็นประจ�ำ ปล่อยปละละเลยไม่จัดวางมาตรการป้องกันแต่อย่างใด พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เป็น
เหตุสุดวิสัยของจ�ำเลยกลา่ วอา้ ง แต่เพราะจำ� เลยประมาทเลนิ เล่ออยา่ งรา้ ยแรงจ�ำเลยตอ้ งรบั ผิด (ฎ
.1789/18)
(21) การแขง่ รถในทาง คือ ห้ามมใิ ห้ผใู้ ดแขง่ รถในทาง เวน้ แต่ไดร้ บั อนุญาตเปน็ หนงั สือ
จากเจา้ พนกั งาน หา้ มมใิ หผ้ ใู้ ดจดั สนบั สนนุ หรอื สง่ เสรมิ ใหม้ กี ารแขง่ รถในทางเวน้ แตจ่ ะไดร้ บั อนญุ าต
เปน็ หนังสอื จากเจา้ พนกั งาน (ตามมาตรา 134 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ)
- การแขง่ รถในทาง และรถท่ีใชก้ ระท�ำผิดศาลสัง่ ให้ริบ
ผู้ขับข่ีรถจักรยานยนต์ใช้รถจักรยานยนต์ในการกระท�ำผิดฐานแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับ
อนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจร เป็นทรัพย์สินซึ่งใช้ในการกระท�ำผิดศาลสั่งริบรถ
จกั รยานยนตไ์ ด้ตาม ป.อาญา มาตรา 33 (1) (ฎ.4773/39)
- โจทก์บรรยายไว้ในบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาว่า จ�ำเลยขับรถยนต์ของกลาง
ดว้ ยความประมาทและโดยไมค่ �ำนึงถงึ ความปลอดภยั หรอื ความเดอื ดรอ้ นของผ้อู ื่น อันเป็นความผดิ
ตามมาตรา 43, 160 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เจ้าพนักงานจบั จ�ำเลยและยดึ รถของกลางใช้ในการกระ
ทำ� ผดิ เปน็ ของกลางในคดี โจทกอ์ า้ ง ป.อาญา มาตรา 33 อนั เปน็ บทบญั ญตั เิ รอื่ งรบิ ทรพั ย์ และมคี ำ� ขอ
ให้ริบรถยนต์ของกลางด้วย เม่ือจ�ำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงฟังยุติ ตามท่ีโจทก์ฟ้องว่า
รถยนต์ของกลางท่ีได้ใช้ในการกระท�ำผิด จ�ำเลยจะฎีกาโต้แย้งรถยนต์ของกลางมิใช่ทรัพย์ท่ีไม่ใช่ใน
การกระท�ำผิด แม้ พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มีโทษหนักถึงท่ีสุดลงโทษแก่จ�ำเลยไม่ให้ริบทรัพย์สินดัง
กล่าว แตจ่ ะถอื ว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวไวโ้ ดยเฉพาะแลว้ จงึ ไมอ่ าจน�ำหลักท่ัวไปใน ป.อาญา มาใช้บงั คบั
กบั จำ� เลยยกข้นึ มากล่าวอา้ งในฎีกาหาไม่กต็ าม เน่อื งจาก ป.อาญา มาตรา 33 ก�ำหนดให้ศาลรบิ
ทรพั ยส์ นิ ได้ นอกเหนอื ไปจากกรณที กี่ ฎหมายอน่ื บญั ญตั ไิ วด้ ว้ ย ดงั นน้ั เมอื่ ฟงั ไดว้ า่ รถยนตข์ องกลาง
เปน็ ทรัพย์ทีไ่ ดใ้ ช้ในการกระท�ำผิด ศาลจึงมีอำ� นาจพพิ ากษารบิ รถยนต์ของกลางได้ (ฎ.595 /51)
2) รฐั เปน็ ผ้เู สียหาย ในความผิดตามพระราชบญั ญตั ิจราจรทางบกฯ
- เจา้ ของรถท่ีเสียหายเพราะถกู รถยนต์ขับชนมิใช่ผู้เสยี หาย เน่ืองจากการกระท�ำความ
ผดิ ของจำ� เลย ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ทโ่ี จทกฟ์ อ้ ง อนั เปน็ ความผดิ เกย่ี วกบั รฐั เจา้ ของรถจงึ ไมใ่ ช่
ผู้เสยี หายทจ่ี ะมสี ิทธิขอเข้ารว่ มเป็นโจทกก์ บั พนักงานอยั การ (ฎ.1141/31)
- โจทก์ฟอ้ งขอใหล้ งโทษจำ� เลยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 43, 45, 157 และ
ป.อาญา มาตรา 300 สำ� หรบั ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรฯ เป็นความผิดที่รัฐเปน็ ผู้เสยี หาย โจทก์

คมู่ อื การสอบสวนคดีอุบตั ิเหตทุ างถนน 81

บทท่ี 3 กฎหมายที่เกย่ี วขอ้ งกับการสอบสวนคดอี บุ ตั ิเหตุทางถนน

ร่วมคงเปน็ ผู้เสียหายเฉพาะขอ้ หา ป.อาญา มาตรา 300 เทา่ น้ัน เมอ่ื ผู้เสยี หายยืน่ คำ� ร้องขอเขา้ เป็น
โจทก์รว่ มเฉพาะข้อหาความผดิ ป.อาญา มาตรา 300 (ฎ. 3201/34)
- คดอี าญาทพี่ นกั งานอยั การฟอ้ งจำ� เลยในความผดิ ฐานกระทำ� โดยประมาทเปน็ เหตใุ ห้
ผู้อน่ื ถึงแกค่ วามตาย และความผิด มาตรา 56, 152 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เจา้ ของรถยนตจ์ �ำเลยขับ
ชนได้รับความเสียหายย่อมไม่ใช่ผู้เสียหายในข้อหาความผิดฐานกระท�ำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่น
ถงึ แกค่ วามตาย สว่ นข้อหาความผิดตาม มาตรา 56, 152 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ รัฐเปน็ ผู้เสียหาย
เจา้ ของรถยนต์คันดังกลา่ วจงึ ไมม่ ีอำ� นาจฟอ้ งคดอี าญาดังกลา่ ว และถือไม่ได้ว่าพนกั งานอัยการฟอ้ ง
คดแี ทนเจ้าของรถยนต์ ดงั น้ี การทเี่ จ้าของรถยนตค์ นั เกดิ เหตเุ ปน็ โจทก์ฟอ้ งคดีเอง ยอ่ มมใิ ชค่ ดแี พ่ง
ท่เี กย่ี วเนอื่ งกบั คดีอาญาตาม ป.วิอาญา มาตรา 51 นำ� อายุความในทางอาญาทีย่ าวกวา่ มาใชบ้ งั คับ
ตาม ป.แพ่งฯ มาตรา 448 วรรค 2 ตอ้ งใช้อายุความ 1 ปี ตาม ป.แพ่งฯ มาตรา 448 วรรค 1 (ฎ.
1949 / 42) (สมศักด์ิ เอ่ียมพลับใหญ่, 2558)
3. สิทธเิ รยี กรอ้ งคา่ สนิ ไหมทดแทนเก่ียวกับคดีอุบัติเหตุทางถนน
1) นายจา้ งร่วมรับผดิ กับลกู จ้างในทางการท่จี า้ ง ( ม.425 ป.แพ่งฯ)
- กรมไปรษณยี โ์ ทรเลขอออนญุ าตใหบ้ รุ ษุ ไปรษณยี ข์ บั รถยนตข์ องกรมฯรบั สง่ ขา้ ราชการ
ในกรมฯ นอกเวลาราชการปกติ เพอื่ ใหข้ า้ ราชการไมต่ อ้ งมาสายและอำ� นวยความสะดวกและประหยดั
ซง่ึ เปน็ สวสั ดกิ ารและเปน็ ประโยชนแ์ กก่ รมฯ การขบั รถของบรุ ษุ ไปรษณยี ์ จงึ เปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงค์
และเปน็ การท�ำงานนอกเวลา ก็ไมท่ �ำให้การขบั รถยนตม์ ิใช่ราชการของกรมฯ เมือ่ การขับรถยนต์ไป
กอ่ ใหเ้ กิดความเสียหายแก่ผ้อู ื่น กรมไปรษณีย์ฯจึงต้องร่วมรบั ผิดดว้ ย (ฎ.702/17)
- ลกู จา้ งขบั รถยนตก์ รมชลประทาน ไปสง่ ตามคำ� สงั่ ของหวั หนา้ ไมน่ ำ� รถเกบ็ เขา้ อตู่ ามขอ้
บังคับ แต่ลูกจ้างขับรถออกไปรับประทานอาหารโดยล�ำพัง เสร็จแล้วขับรถกลับบ้านพักอยู่ในกรม
ชลประทาน เกดิ อบุ ัตเิ หตรุ ถเฉีย่ วชนขึน้ ถอื ได้วา่ ยังเป็นการปฏิบัติงานของลูกจ้างขบั รถยนต์ ดังน้ัน
กรมชลประทานร่วมรับผิดในผลละเมดิ ของลกู จา้ งขับรถยนต์ (ฎ.879-880 /14)
- รถเบรกแตก คนขับจึงขับรถไปซ่องเบรก โดยนายจ้างไม่ได้ใช้แล้วแล้วเกิดอุบัติเหตุรถ
เฉ่ยี วชนกัน ถอื วา่ คนขับรถไดก้ ระทำ� ในทางกานท่ีจ้าง นายจา้ งต้องร่วมรับผิด (ฎ.1217/08)
- บริษทั กอ่ สร้างถนนไม่ตดิ ปา้ ยหรือท�ำเครื่องหมายเตอื นผู้สญั จร และไมร่ ดนำ�้ ไหลท่ างที่
ถมดินลูกรัง เปน็ เหตใุ หม้ ฝี ุน่ มองไม่เหน็ ทาง อันเปน็ เหตุสว่ นหนึง่ ทำ� ให้รถเฉ่ียวชนกนั บริษัทกอ่ สร้าง
ถนน ตอ้ งรบั ผดิ รว่ มกนั ในผลละเมิด (ฎ.713/17)
- ลูกจ้างมีหน้าที่ซ่อมเคร่ืองยนต์น�ำรถยนต์ออกไปแล่นลองเครื่องแล้วเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยว
ชนขนึ้ ถือว่านายจ้างต้องรับผิดละเมิดที่เกิดจากการขับรถทดลองเครื่องของลกู จ้างนั้นดว้ ย นายจ้าง
อา้ งเหตเุ พ่อื ปฏเิ สธความรบั ผิดต่อบุคคลภายนอกได้ (ฎ.2171-2173 /17)

82 คมู่ ือการสอบสวนคดีอุบตั เิ หตุทางถนน

บทที่ 3 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกบั การสอบสวนคดีอบุ ตั ิเหตทุ างถนน

- ลูกจ้างขับรถประจ�ำของจ�ำเลยในทางการท่ีจ้างไปเฉ่ียวชนรถผู้อ่ืน เจ้าหน้าท่ีต�ำรวจส่ัง
ให้ลูกจ้างของจ�ำเลยขบั รถไปสถานตี �ำรวจเพอื่ ตกลงค่าเสียหาย ถือได้วา่ เป็นเรอื่ ง เก่ียวเน่ืองกับเหตุ
ท่ีเกิดในทางการท่ีจ้างของจ�ำเลย ยังไม่ขาดตอน ลูกจ้างของจ�ำเลยขับรถชนกับรถที่บุตรโจทก์ขับ
บุตรโจทก์ตาย จ�ำเลยจึงตอ้ งรับผิด (ฎ.897/19)
- ลกู จา้ งขบั รถไปเดนิ สายไฟใหว้ ดั โดยไดร้ บั คำ� สง่ั จากนายจา้ งซงึ่ ไวใ้ จลกู จา้ งในการปฏบิ ตั ิ
หนา้ ท่ี แตร่ ะหวา่ งทางเสน้ ทางขากลบั ลกู จา้ งแวะดมื่ สรุ ากบั เพอ่ื น จากนน้ั ลกู จา้ งขบั รถไปชนรา้ นของ
ผอู้ ืน่ ทำ� ใหท้ รัพย์สนิ เสียหาย ถอื ไดว้ า่ การกระท�ำไปในทางการที่จ้าง นายจา้ งต้องรบั ผิดร่วมกนั ในผล
ละเมิด (ฎ.1653/23)
- คนงานก่อสร้างได้กระท�ำโดยประมาท ผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารต้องร่วมรับผิด (ฎ.
2336/23)
- ลูกจ้างขับรถบรรทุกไปรับจ้างบุคคลอ่ืนน�ำคนป่วยส่งโรงพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต
จากนายจ้าง แต่เมื่อการรบั จ้างยงั อยู่ในระหว่างท�ำกระท�ำการท่จี า้ ง นายจา้ งตอ้ งร่วมรับผดิ จากการ
ละเมิดของลูกจา้ ง (ฎ.275/32)
- นายจา้ งยนิ ยอมให้ ลกู จา้ งนำ� รถยนตบ์ รรทกุ และกญุ แจรถไปเกบ็ ไวท้ บี่ า้ น และนายจา้ ง
ได้ยินยอมให้ลกู จา้ งนำ� รถยนตบ์ รรทกุ ไปใชไ้ ด้ตลอดเวลา ตราบใดทรี่ ถยนต์บรรทกุ ยังไม่กลับมา อยู่
กบั นายจา้ ง ถอื ไดว้ า่ ลูกจา้ งขบั รถยนตบ์ รรทกุ ไปในทางการทจ่ี า้ งของนายจา้ ง ดงั นนั้ นายจา้ งรว่ มรบั
ผิดร่วมกันในผลละเมดิ (ฎ.5367/38)
- ระเบยี บเก่ียวกบั การใช้รถไม่อาจใช้ยนื ยันบุคคลภายนอกเพือ่ ปดั ความรับผิดได้
2) กรณีใดบ้างท่ีถือวา่ “ไม่เปน็ ทางการทีจ่ า้ ง”
- ลูกจ้างเป็นเด็กประจ�ำปั้มน้�ำมันท�ำหน้าที่เติมน้�ำมันและล้างรถ แล้วน�ำรถแล่นไปลอง
เครื่องถือว่าไม่เป็นการกระท�ำในทางการทีจ่ ้าง นายจ้างไมต่ ้องรว่ มรับผิดทางละเมิด (ฎ.801/21)
- ผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาตามสายบงั คบั บญั ชาและขบั รถไปเปน็ เรอ่ื งเออ้ื เฟอ้ื สว่ นตวั ถอื วา่ ไมเ่ ปน็
ไปในทางการทจี่ า้ ง (ฎ.1043/40)
- ลกู จา้ งแอบขนึ้ ไปเอากญุ แจรถทแี่ ขวนไวต้ ามปกตทิ ต่ี กึ สามชน้ั แลว้ ขบั ไปเทย่ี วโดยพลการ
แลว้ จนเกดิ เหตรุ ถเฉยี่ วชนกนั ถอื ไมไ่ ดว้ า่ ลกู จา้ งกระทำ� ไปในทางการทจี่ า้ งของนายจา้ ง ดงั นน้ั นายจา้ ง
ไมต่ อ้ งร่วมรับผิดทางละเมดิ (ฎ.992/29)
- ลกู จา้ งขบั รถดว้ ยความประมาทเฉย่ี วชน ผตู้ ายไดร้ บั บาดเจบ็ สาหสั แลว้ นำ� ไปทงิ้ หมกนำ�้
ในครู ิมถนนเพ่ือปกปิดฯ เป็นเหตใุ ห้ผ้ตู ายถึงแก่ความตาย นายจ้างไมต่ อ้ งรบั ผดิ ในผลแหง่ ความเสยี
หายทีเ่ กดิ ข้นึ เพราะความตาย (ฎ.2060 /24)

ค่มู อื การสอบสวนคดีอุบัตเิ หตุทางถนน 83

บทท่ี 3 กฎหมายทีเ่ กี่ยวข้องกบั การสอบสวนคดีอบุ ัติเหตทุ างถนน

3) กรณีการเขา้ รว่ มกจิ การ
กรณีตอ้ งรับผิด
- เจ้าของรถยนต์น�ำรถเข้าร่วมกับบริษัทฯซ่ึงได้เข้าร่วมกับผู้ได้รับอนุญาตเดินรถยนต์โดย
ประจำ� ทาง โดยตา่ งแบง่ ผลประโยชนก์ นั ถอื ไดว้ า่ ผรู้ ว่ มกจิ การตอ้ งรว่ มรบั ผดิ ในการละเมดิ (ฎ.79/11
และ ฎ.1895/12)
- บรษิ ทั ประกอบกจิ การของสง่ คนโดยสารโดยใชร้ ถแทก็ ซ่ี เจา้ ของรถทนี่ ำ� รถเขา้ รว่ มกจิ การ
กบั บรษิ ัทฯ ลกู จา้ งของเจา้ ของรถแทก็ ซถี่ ือวา่ เปน็ ลูกจ้างของบรษิ ัทฯ ฎ.1574/26
- องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพเช่ารถของผู้ให้เช่ามาขับ คนขับรถของผู้ให้เช่า ถือได้ว่า
เป็นตัวแทนขององคก์ ารขนสง่ มวลชนกรุงเทพ ถอื ได้วา่ ผูร้ ่วมกิจการต้องร่วมรับผิด (ฎ.2258 /27)
การนำ� รถยนตไ์ ปรบั จา้ งหาผลประโยชนร์ ว่ มกนั ถอื ไดว้ า่ รว่ มกนั ครอบครองรถยนตแ์ ละ เปน็
นายจา้ งของคนขับรถยนต์
จำ� เลยลงชอ่ื เปน็ ผปู้ ระกอบการขนสง่ รถยนตค์ นั เกดิ เหตแุ ทน ก.โดยไดผ้ ลประโยชนต์ อบแทน
เชน่ น้นั เมื่อ ข.เป็นลูกจา้ งของจ�ำเลยขับรถยนต์คันดังกล่าวในทางการที่จ้างของจ�ำเลยชนรถรถยนต์
ของโจทก์ได้รับความเสียหาย จ�ำเลยย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ในผลแห่งการท�ำละเมิดนั้นด้วย (ฎ.
500/34)
ข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีผลประโยชน์ร่วมกันในการประกอบการขนส่ง ก็ต้องร่วมกันรับผิด
กบั ลูกจ้างในผลแห่งละเมิดท่ีลูกจา้ งไดท้ �ำไปในทางการท่จี า้ ง
- พฤติการณ์ท่ีจ�ำเลยที่ 2 เป็นผู้มีช่ือในทะเบียนรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุมีชื่อเป็นผู้
ประกอบการขนส่ง ที่ข้างรถยนต์บรรทุกมีช่ือของจ�ำเลยท่ี 2 และจ�ำเลยท่ี 1 ยอมรับว่าน�ำรถยนต์
บรรทุกไปประกอบการขนส่งในนามของจ�ำเลยที่ 2 ฟังได้ว่าจ�ำเลยท้ังสองมีผลประโยชน์ร่วมกันใน
ประกอบการขนส่งและร่วมกันเป็นนายจ้างของ ก. ผู้ขับรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าว เมื่อ ก.ผู้เป็น
ลกู จา้ งกระทำ� ละเมดิ ในทางการทจี่ า้ งและในการประกอบการขนสง่ อนั เปน็ ธรุ กจิ ทจี่ ำ� เลยท่ี 1-2 มผี ล
ประโยชน์รว่ มกนั จ�ำเลยที่ 2 จงึ ต้องร่วมกนั รับผิดด้วย (ฎ.1567/37)
กรณไี มต่ อ้ งรับผิด
นำ� รถยนตเ์ ขา้ ว่งิ โดยสารในเสน้ ทางสมั ปทานโดยพลการไมต่ อ้ งรับผดิ
- ขอ้ เทจ็ จรงิ ฟงั ไดว้ า่ จำ� เลยที่ 4 ยนิ ยอมใหจ้ ำ� เลยท่ี 3 นำ� รถยนตค์ นั เกดิ เหตเุ ขา้ รว่ มบรกิ าร
เดินรถรังสง่ ผโู้ ดยสารในเสน้ ทางทีจ่ ำ� เลยท่ี 4 ไดร้ ับสัมปทาน การทจ่ี ำ� เลยที่ 3 นำ� รถยนตเ์ ข้าวิ่งรบั ส่ง
ผู้โดยสารในเส้นทางดังกล่าวเป็นการกระท�ำไปโดยพลการ ผู้ขับขี่รถยนต์คันเกิดเหตุซึ่งเป็นลูกจ้าง
ของจำ� เลยท่ี 3 จงึ ไมใ่ ชล่ กู จา้ งของจำ� เลยท่ี 4 ดว้ ย จำ� เลยที่ 4 จงึ ไมต่ อ้ งรว่ มกบั จำ� เลยท่ี 3 รบั ผดิ ชดใช้

84 คมู่ อื การสอบสวนคดีอุบตั ิเหตทุ างถนน

บทท่ี 3 กฎหมายท่เี กี่ยวข้องกบั การสอบสวนคดีอุบตั เิ หตุทางถนน

คา่ เสียหายแก่โจทกแ์ ก่โจทก์ท้ังสอง (ฎ. 2082 /37)
4) ระหว่างตัวการและตัวแทน (ม.427 ป.แพ่งฯ)
ความรับผิดของตัวการและตัวแทน หมายถึง ตัวการต้องร่วมรับผิดกับตัวแทนในผลแห่ง
ละเมดิ ซึ่งตัวแทนไดก้ ระท�ำไปภายในขอบอำ� นาจในฐานะตวั แทน กรณใี ดต้องรบั ผิด และกรณใี ดไม่
ต้องรับผิดจะกลา่ วดังตอ่ ไปน้ี
กรณที ่ีเป็นตวั การตวั แทน
- มารดาเป็นเจ้าของรถยนต์โดยสาร ได้มอบหมายให้บุตร รู้นิติภาวะเป็นตัวแทนในการ
รับขนสง่ ผู้โดยสาร เก็บผลประโยชนใ์ หแ้ กม่ ารดา แม้มารดาจะมใิ ช่นายจา้ งของบุตร แตเ่ ม่ือบตุ รขับ
รถโดยประมาท ทำ� ใหร้ ถควำ�่ และผโู้ ดยสารบาดเจบ็ กเ็ ปน็ การทำ� ละเมดิ ในการเปน็ ตวั แทนของมารดา
จงึ ตอ้ งรบั ผดิ รว่ มด้วยกันตาม ม.427 ป.แพ่งฯ (ฎ.1049/05)
- ผขู้ ับรถยนตป์ ระจำ� ทางใชห้ รือมอบให้ผูอ้ ่นื ขบั รถแทน และปล่อยให้ขับเรว็ ในอัตราเกนิ
กวา่ กฎหมายกำ� หนดเปน็ เหตใุ หร้ ถควำ่� ทำ� ใหผ้ โู้ ดยสารเสยี ชวี ติ ถอื วา่ ผมู้ หี นา้ ทข่ี บั รถยนตป์ ระจำ� ทาง
กระทำ� ละเมิดดว้ ย (ฎ.1049/05)
- จำ� เลยท่ี 2 เจ้าของเรอื ยนตข์ ับเรือไมเ่ ป็น ได้ใช้ จ�ำเลยท่ี 1 ขับเรอื โดยน่ังไปในเรือดว้ ย
จ�ำเลยท่ี 2 เป็นตัวการต้องรับผิดในละเมิดที่จ�ำเลยที่ 1 ตัวแทนโดยปริยายได้ขับเรือโดยประมาท
เลินเลอ่ (ฎ.2385/18)
- แคดด้ขี ับรถกอลฟ์ ถือว่าเปน็ ตวั แทน (ฎ.5545/42)
กรณไี ม่ถอื วา่ เป็นตวั การตวั แทน
- เจา้ ของรถยนตน์ ำ� รถยนตไ์ ปซอ่ มทอ่ี ซู่ อ่ มทอ่ี ซู่ อ่ มรถแลว้ เจา้ ของรถยนตว์ านใหช้ า่ งซอ่ ม
รถ ขับรถยนต์คันน้ันไปส่งที่อื่น เม่ือส่งเสร็จแล้ว ช่างซ่อมรถขับรถกลับมาอู่ไปเฉี่ยวชนกับรถ
จักรยานยนตร์ ะหวา่ งทาง ดังนี้ ช่างซ่อมรถไมไ่ ดเ้ ป็นตวั แทนหรือลกู จา้ งของเจ้าของรถยนต์ เจ้าของ
รถยนตไ์ มต่ อ้ งรบั ผดิ ในการละเมิดนัน้ (ฎ.1176 /10)
- ให้ยืมรถเพื่อไปรับเงินที่จะให้ยืม ไม่ใช่ตัวแทน จึงไม่ต้องรับผิดในการละเมิดน้ัน (ฎ.
5549-5550/41)
กรณตี ัวแทนเชิด
- สหกรณ์แทก็ ซย่ี อมใหจ้ �ำเลยที่ 1 น�ำรถแท็กซข่ี องสหกรณ์ออกขบั รถบรรทุกโดยสารใน
กจิ การองสหกรณ์ เป็นการาเชดิ ใหเ้ ขา้ ใจวา่ จ�ำเลยที่ 1 เป็นตัวแทน จำ� เลยที่ 1 ท�ำละเมิดชนรถโจทก์
สหกรณต์ อ้ งรงั ผิดรว่ มด้วยตามมาตรา 427, 821 ป.แพ่งฯ (ฎ.3116/23)

คูม่ ือการสอบสวนคดีอบุ ตั เิ หตทุ างถนน 85

บทที่ 3 กฎหมายที่เกี่ยวขอ้ งกบั การสอบสวนคดีอบุ ัติเหตทุ างถนน

- รถแทก็ ซีร่ ันเกิดเหตุมีชือ่ จำ� เลยที่ 2 และหมายเลขโทรศัพท์ของจำ� เลยท่ี 2 ปรากฏอยู่
ข้างรถ การทจี่ ำ� เลยท่ี 1 น�ำรถคนั ดงั กลา่ วออกมาขบั รบั ผโู้ ดยสาร ย่อมเปน็ การแสดงออกต่อโจทก์ซงึ่
เป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตว่าจ�ำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนเชิดของจ�ำเลยที่ 2 เจ้าของรถในการรับจ้าง
บรรทุกผู้โดยสาร จ�ำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดกับจ�ำเลยท่ี 1 ในผลแห่งละเมิดที่เกิดข้ึน ตาม ม.
427,821 ป.แพง่ ฯ (ฎ.1627/44)
- จ�ำเลยและ ก.กระทำ� กิจการแสวงหาผลประโยชน์รว่ มกนั จากรถยนต์แทก็ ซ่คี นั เกดิ เหตุ
ก. จึงเป็นตัวแทนของจ�ำเลยและจ�ำเลยจะต้องร่วมรับผิดในการกระท�ำละเมิดของ ก.ตาม ม.427
ป.แพ่งฯ (ฎ.694 /31)
กรณีไมเ่ ป็นตัวการตัวแทน
- ความรับผิดของตัวการในผลแห่งละเมิดที่ตัวแทนกระท�ำไปตามมาตรา 427 ป.แพ่งฯ
น้นั จะตอ้ งเปน็ ตัวการตง้ั ตวั แทนใหไ้ ปทำ� การตดิ ตอ่ หรอื มคี วามสมั พนั ธก์ ับบุคคลท่ี 3 โจทก์ฟอ้ งให้
จ�ำเลยท่ี 2 ในฐานะเปน็ ตัวการรว่ มกันรบั ผิดกับจ�ำเลยท่ี 1 ซง่ึ เป็นตัวแทน เม่อื โจทก์นำ� สืบไม่ไดว้ ่า
จำ� เลยที่ 1 ขบั รถยนตบ์ รรทกุ ถา่ นของจ�ำเลยที่ 2 ไดท้ �ำการติดตอ่ หรอื มีความสัมพนั ธก์ ับบุคคลที่ 3
อันจะเข้าลักษณะเป็นตัวแทนแล้ว จำ� เลยที่ 1 จงึ ไม่ใชต่ วั แทนของจำ� เลยท่ี 2 และจ�ำเลยท่ี 2 ไม่ต้อง
รว่ มรบั ผิดกับจำ� เลยท่ี 1 ในฐานะตวั การตวั แทนตามท่โี จทกฟ์ อ้ ง (ฎ.619/07)
5) ความรบั ผดิ ของบพุ การหี รอื บดิ ามารดาหรอื ผอู้ นบุ าลหรอื ผเู้ ยาว์ (มาตรา 429 ป.แพง่ ฯ)
กรณีทีต่ อ้ งรับผดิ
- ผขู้ บั ขรี่ ถเปน็ ผเู้ ยาวไ์ ปไหนมาไหนโดยบดิ ามารดาไมไ่ ดค้ วบคมุ และไมส่ นใจสงั เกต ถอื ได้
ว่าบิดามารดาไม่ไดใ้ ชค้ วามระมัดระวังตามสมควรแก่กรณี จึงร่วมรบั ผิด (ฎ.1557/23)
- ผขู้ บั ขร่ี ถจกั รยานยนตเ์ ปน็ บตุ รมานานพอแลว้ แตบ่ ดิ ามารดายนื ยนั ไมท่ ราบวา่ บตุ รขบั ขี่
รถฯมาก่อน ถือได้ว่าบิดามารดาไม่ได้ใช้ความระมัดระวัง ตามสมควรแก่กรณี จึงร่วมรับผิด (ฎ.
3344/24)
- บิดามารดาปล่อยปละละเลยให้บุตรขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยรู้ว่าไม่มีใบอนุญาตขับขี่
ถอื ได้วา่ บดิ ามารดา ไม่ได้ใชค้ วามระมดั ระวงั ตามสมควรแกก่ รณี จึงร่วมรับผดิ (ฎ.2260/29)
- บิดามารดาให้การแต่เพียงว่าบุตรรู้นิติภาวะแล้ว ไม่มีประเด็นที่จะน�ำสืบให้พ้นผิด ซึ่ง
มิได้เป็นอย่างเดียวกันกับการใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลแต่อย่างใด จึงร่วมรับผิด
(ฎ.2134/23)
- บดิ ายอมใหบ้ ุตรขบั ขร่ี ถจกั รยานยนต์ แลน่ ออกไปทางถนนสาธารณะ ถอื ไดว้ ่าบิดา ไม่
ไดใ้ ช้ความระมดั ระวัง ตามสมควรแกก่ รณี จงึ รว่ มรับผดิ (ฎ.2982/29)

86 ค่มู ือการสอบสวนคดีอบุ ตั เิ หตุทางถนน

บทท่ี 3 กฎหมายท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การสอบสวนคดอี ุบัตเิ หตทุ างถนน

- ต้องเป็นบิดามารดาโดยชอบด้วยกฎหมาย (ฎ.5545/46)
กรณีท่ไี ม่ตอ้ งรบั ผดิ
- บดิ ามารดาของเดก็ ซงึ่ หนจี ากบา้ นไปตงั้ แตอ่ ายุ 12 ปี แมถ้ กู ลา่ มโซไ่ วก้ ย็ งั หนจี นอายุ 18
ปไี ปรับจา้ งขบั รถยนต์ บดิ ามารดาใชค้ วามระมดั ระวงั ดแู ลอย่างดีแล้ว นอกเหนืออำ� นาจบดิ ามารดา
จะระวังได้ ถอื ไดว้ า่ บดิ ามารดาไม่ต้องรบั ผิดในละเมดิ ของบตุ รขับรถชนผ้อู ื่น (ฎ. 62/22)
- บุตรไปเท่ียวกับเพื่อน ต่อมาเพื่อนให้บุตรขับรถจนเฉี่ยวชนรถผู้อื่นได้รับความเสียหาย
ถอื ไดว้ า่ บิดามารดาใช้ความระมดั ระวังตามสมควรแกห่ น้าทแ่ี ลว้ ไม่ต้องรบั ผิด (ฎ. 2118 /40)
- บตุ รมอี ายุ 19 ปใี กล้รนู้ ติ ิภาวะ ทำ� งานเลี้ยงชพี ดว้ ยตนเอง ไมเ่ ป็นภาระแกบ่ ดิ ามารดา
ถอื ไดว้ ่า บุตรทไี่ ม่เป็นภาระ บิดามารดาไม่ต้องรบั ผดิ (ฎ. 8138/55)
6) ความรบั ผดิ ของครบู าอาจารย์ นายจา้ งหรอื ผรู้ บั ดแู ลผไู้ รค้ วามสามารถ (ม.430 ป.แพง่ ฯ)
- บดิ าไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย ถอื วา่ เปน็ ผปู้ กครองตอ้ งรว่ มรบั ผดิ หากปลอ่ ยละเลยนำ� กญุ แจ
รถยนต์ที่เก็บไว้ในล้ินชักเก็บเงินโดยไม่ใส่กุญแจแล้วบุตรหยิบเอากุญแจไปขับรถจนเกิดอุบัติเหตุถือ
ได้ว่าไม่ไดใ้ ช้ความระมดั ระวงั จงึ รว่ มรบั ผดิ ฎ.9184 /39
7) ความรบั ผิดของลกู หน้รี ว่ ม (ม.432 ป.แพง่ ฯ)
กรณีทต่ี อ้ งรับผดิ
ความประมาทเลินเล่อของทัง้ สองฝา่ ยไมย่ ิง่ หยอ่ นกว่ากนั ความรับผิดจงึ ตกเปน็ พับทัง้ สอง
ฝา่ ยต้องรว่ มกันรบั ผดิ ตอ่ คนข่ีจกั รยานยนตอ์ ย่ขู า้ งทางแลว้ ถกู รถคันหน่งึ คว่ำ� ทับตาย
- รถยนต์ 2 คนั สวนและชนกนั ตรงเสน้ กงึ่ กลางถนน เปน็ ความประมาทเลนิ เลอ่ ของรถทง้ั
สองคัน ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ความรับผิดชอบจึงพับกันไป ทั้งสองฝ่ายต่างร่วมกันรับผิดต่อคนขับข่ี
จกั รยานยนตอ์ ยขู่ า้ งทางแลว้ ถกู รถคนั หนงึ่ ควำ่� ทบั ตาย คา่ ทำ� ศพและคา่ อปุ การะเลย้ี งดทู ขี่ าดไปเพราะ
ท�ำละเมิดให้เขาถึงตาย แม้มีคนออกค่าใช้จ่ายให้และไม่ยากไร้ ผู้ท�ำละเมิดก็ต้องรับผิดเต็มจ�ำนวน
ละเมิดเปน็ ผดิ นัดนับแตว่ ันท�ำละเมิด จงึ ฟ้องได้โดยไม่ตอ้ งบอกกลา่ วกอ่ นฟ้องค่าเสียหายทสี่ งู เกินไป
ศาลฎกี าแกล้ ดลงมผี ลถงึ จำ� เลยทไ่ี มฎ่ กี าดว้ ยโดยเปน็ หนร้ี ว่ มเพราะละเมดิ ทแ่ี บง่ แยกไมไ่ ดภ้ าพถา่ ยที่
เกดิ เหตรุ ถชนกนั เปน็ ภาพจำ� ลองวตั ถมุ พี ยานเบกิ ความรบั รองการถา่ ยภาพ ฟงั เปน็ พยานได้ (ฎ.143-
144 /21)
ในระหวา่ งจำ� เลยร่วม หากไม่ปรากฏพฤติการณอ์ ย่างอืน่ สมควรให้รบั ผิดในสว่ นเท่าๆกนั
- โจทก์กับจำ� เลยท่ี 1 รว่ มกันทุจริตยกั ยอกเงนิ ของสหกรณ์ไป จึงต้องร่วมกันรบั ผดิ ชดใช้
ค่าสินไหมทดแทนแก่สหกรณ์ตาม ม.432 วรรค 1 ป.แพ่งฯ ในระหว่างโจทก์กับจ�ำเลยท่ี 1 ไม่มี
พฤตกิ ารณท์ ส่ี มควรใหโ้ จทกก์ บั จำ� เลยที่ 1 รบั ผดิ ยงิ่ หยอ่ นกวา่ กนั จงึ ตอ้ งรบั ผดิ เปน็ สว่ นเทา่ ๆ กนั ตาม

คูม่ ือการสอบสวนคดีอุบตั เิ หตุทางถนน 87

บทที่ 3 กฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับการสอบสวนคดอี บุ ัติเหตุทางถนน

มาตรา 432 วรรค 3 เมอื่ โจทกไ์ ดช้ �ำระเงนิ ให้สหกรณ์ไป ยอ่ มรับชว่ งสิทธมิ าไล่เบี้ยเอากับจำ� เลยที่ 1
และจ�ำเลยที่ 2 ผ้คู �ำประกนั ของจ�ำเลยท่ี 1 ด้วยตามมาตรา 226 ป.แพง่ ฯ (ฎ.1067/24)
ขับรถว่ิงคู่กันไปแล้วเกิดกระแทรกกันจนรถยนต์คันหน่ึงเสียหลักว่ิงข้ามเกาะกลางถนนไป
ชนบุคคลอื่นถงึ แกค่ วามตาย ถือว่าต่างท�ำละเมดิ ไม่ใชล่ ะเมิดร่วมกัน
- รถยนตท์ ่ีจำ� เลยท่ี 1 และที่ 2 ขบั ว่ิงคู่กันไปแลว้ เกิดกระแทกกัน รถยนตท์ ีจ่ ำ� เลยท่ี 1 ขบั
เสยี หลกั วง่ิ ขา้ มเกาะกลางถนนไปชนสามแี ละบดิ าโจทกถ์ งึ ตาย เปน็ เรอื่ งตา่ งทำ� ละเมดิ ของจำ� เลยที่ 2
ดว้ ย จำ� เลยท่ี 1 ประมาทมาก ศาลให้จ�ำเลยที่ 1 และที่ 3 ใชค้ ่าเสียหาย 9 ส่วน จำ� เลยที่ 2 ใช้ 1 สว่ น
(ฎ .615-616 /23)
- ลูกจ้างและนายจา้ งถอื วา่ เป็นเจ้าหน้ีร่วมเลือกฟ้องบงั คบั คนใดคนหนงึ่ ได้ (ฎ.624/45)
8) ความรบั ผดิ ของผ้คู วบคุมดแู ลยานพาหนะอนั เดินด้วยเครือ่ งจักรกล (ม.437 ป.แพง่ ฯ)
คดีเก่ยี วกับรถยนต์
- หากปรากฏวา่ รว่ มกนั ครอบครองใชร้ ถบรรทกุ ประโยชนร์ ว่ มกนั ถอื วา่ ตอ้ งรว่ มกนั รบั ผดิ
(ฎ.548 /18)
- เจ้าของรถน่ังไปด้วยกับรถขณะเกิดเหตุ ถือได้ว่าเป็นผู้ครอบครองรถ ต้องรับผิด
(ฎ.2850/23)
- เป็นเจา้ ของรถยนตแ์ ละน่ังควบคมุ รถไปดว้ ยในขณะเกดิ เหตุ แมม้ ไิ ด้เป็นนายจา้ ง ถือได้
ว่าเปน็ ผู้ครอบครองรถ ต้องรบั ผดิ (ฎ.1078/26)
- ลูกจ้างขบั รถยนตโ์ ดยสารประจ�ำทางไปในทางการทจ่ี ้าง ถือวา่ ครอบครองควบคุมดูแล
ยานพาหนะดว้ ยเครอื่ งจักรกลตามมาตรา 437 ป.แพง่ ฯ (ฎ.765/33)
กรณไี ม่ต้องรบั ผดิ
- จำ� เลยรบั วา่ ขบั รถยนตช์ นรถสามลอ้ ทโี่ จทกข์ บั อยู่ จำ� เลยมหี นา้ ทนี่ ำ� สบื วา่ ไมต่ อ้ งรบั ผดิ
ตาม ม.437 ป.แพง่ ฯ (ฎ.559/00)
- จำ� เลยเปน็ เจา้ ของรถยนตท์ ชี่ นกนั จำ� เลยไมใ่ ชน่ ายจา้ งของคนขบั รถ ไมไ่ ดค้ วามวา่ จำ� เลย
ครอบครองรถยนต์ จำ� เลยไม่ตอ้ งรบั ผิดชอบ ตาม ม.437 ป.แพง่ ฯ ผ้รู ับประกนั ค�้ำจุนของจำ� เลยก็ไม่
ตอ้ งรับผดิ ดว้ ย (ฎ.103/22)
- เจ้าของรถเมาสุรานอนหลับอยู่ในรถยนต์ เพ่ือนของเจ้าของรถขับรถไปธุระของเพื่อน
รถชนผู้อน่ื เจ้าของไม่ใช่ผคู้ รอบครองหรอื ควบคมุ ตาม ตาม ม.437 ป.แพง่ ฯ (ฎ.3076/22)

88 คู่มือการสอบสวนคดีอบุ ัติเหตุทางถนน

บทท่ี 3 กฎหมายที่เกีย่ วข้องกบั การสอบสวนคดีอุบัติเหตุทางถนน

- ผู้ตายโดยสารมาในรถยนต์ของจ�ำเลยท่ี 3 ซึ่งเดินด้วยก�ำลังเคร่ืองจักรกลเช่นเดียวกับ
รถยนตข์ องจำ� เลยที่ 1,2 ที่ก่อใหเ้ กดิ ความเสยี หาย ความเสียหายมไิ ดเ้ กดิ จากยานพาหนะที่เดนิ ดว้ ย
กำ� ลงั เครอื่ งจกั รกลของจำ� เลยที่ 3 แตฝ่ า่ ยเดยี ว จึงน�ำบทบญั ญตั ิ ตาม ม.437 (ฎ.2379-2380/32)
- กรณรี ถยนตอ์ นั เปน็ พาหนะซง่ึ ตา่ งเดนิ ดว้ ยเครอ่ื งจกั รกลชนกนั นน้ั จะนำ� ม.437 ป.แพง่ ฯ
มาบังคับหาได้ไม่ พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ป.ว.59 ก็สันนิษฐานความผิดของคนขับรถน�ำมาใช้ในคดี
แพ่งไม่ได้ ฎ.1091 /23
- จ�ำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์คันเกิดเหตุ แต่ปรากฏจากค�ำฟ้องของโจทก์ว่าใน
ขณะเกิดเหตุ หญิงไม่ทราบช่ือเป็นผู้ขับข่ีรถยนต์คันเกิดเหตุ หญิงไม่ทราบช่ือ จึงเป็นผู้ครอบครอง
รถยนตค์ ันเกดิ เหตุ จ�ำเลยไมไ่ ดค้ รอบครอง จ�ำเลยไมต่ ้องรับผิดดว้ ย (ฎ. 2399/33)
(สมศักดิ์ เอยี่ มพลบั ใหญ่, 2558)
9) ค่าสนิ ไหมทดแทนท่ีพงึ เรียกร้อง
9.1) กรณที �ำให้ตาย(ม.443,445,1649-50,1739)

9.1.1 ค่าปลงศพและคา่ ใชจ้ ่าย
กรณีที่ต้องรับผดิ
- แมจ้ ะมบี คุ คลอน่ื ออกคา่ ใชจ้ า่ ยและไมย่ ากไรก้ เ็ รยี กคา่ ทำ� ศพและคา่ อปุ การะเลย้ี ง
ดทู ขี่ าดไปได้ (ฎ.143-144/21) หรอื แมม้ ีผูบ้ รจิ าคเงินก็ต้องรบั ผิดคา่ ปลงศพ (ฎ.3391/25)
- ทายาทมสี ทิ ธเิ รยี กคา่ ปลงศพได้ (ฎ.3208 /38), หากผตู้ ายไมม่ ผี สู้ บื สนั ดาน พนี่ อ้ ง
ตามความเปน็ จริงสามารถเรียกคา่ ปลงศพได้ (ฎ.4828/29)
กรณไี มต่ ้องรับผดิ
- ภริยาท่ไี ม่ชอบดว้ ยกฎหมาย ไมส่ ทิ ธิเรียกคา่ ปลงศพ (ฎ.212-213/25)
- ค่าใช้จ่ายท่ีญาติของผู้ตายเดินทางจากต่างจังหวัดไปร่วมงานศพ เรียกไม่ได้
ฎ.2437/22

9.1.2 คา่ ขาดไร้อุปการะ
กรณที ่ตี อ้ งรับผดิ
- แมบ้ ดิ ามไิ ดร้ บั มอบอำ� นาจจากมารดาใหฟ้ อ้ ง บดิ ากเ็ รยี กคา่ ขาดอปุ การะเลย้ี งดไู ด้
ทง้ั หมด (ฎ.1809-1810/23)
- มารดาของผตู้ ายและบตุ รผเู้ ยาวซ์ งึ่ ไมใ่ ชบ่ ตุ รโดยชอบดว้ ยกฎหมายของผตู้ าย เรยี ก
ค่าขาดไรอ้ ปุ การะได้ (ฎ.800 /20)

คมู่ ือการสอบสวนคดอี ุบตั เิ หตุทางถนน 89

บทท่ี 3 กฎหมายที่เก่ียวขอ้ งกบั การสอบสวนคดอี บุ ัติเหตทุ างถนน

- สามีภรยิ าอยดู่ ้วยกนั ไดช้ ว่ ยกันค้าขาย แสดงว่ามอี ุปการะซ่งึ กนั และกนั สามารถ
เรยี กคา่ ขาดไร้อปุ การะได้ (ฎ.1617/12)
- แมบ้ ดิ าจะมรี ายได้ สว่ นผตู้ ายไมม่ รี ายไดก้ เ็ รยี กคา่ ขาดไรอ้ ปุ การะได้ (ฎ.1938 /23)
กรณีไม่ตอ้ งรบั ผดิ
- ความวา้ เหวข่ าดท่เี คารพ เรียกไมไ่ ด้ (ฎ.677 /01) และคา่ ทีส่ ญู เสยี บุตร เรยี กไม่
ได้ (ฎ.292 /02)
กรณีไมถ่ ึงตาย
- ผทู้ �ำละเมดิ ไมต่ ้องรบั ผิดตอ่ ผ้อู า้ งว่าขาดไรอ้ ุปการะ (ฎ.292/05)
- บุตรนอกสมรถไมม่ ีสทิ ธเิ รียกคา่ อปุ การะเลยี้ งดู (ฎ.513/46)
9.1.3 ค่าขาดแรงงาน
กรณีที่ต้องรบั ผิด
- คา่ ขาดแรงงานค�ำนวณเทา่ กับค่าจา้ งที่นายจ้างชำ� ระใหแ้ ก่ลกู จา้ ง (ฎ.3983/28)
- ค่าขาดประโยชน์จากแรงงานได้เท่าเงินเดือนท่ีโจทก์ต้องจ่ายในระหว่างพักรักษา
ตวั (ฎ.584/13)
- บดิ ามารดามอบหนา้ ทใี่ หบ้ ตุ รทำ� การแทนอนั ใดอนั หนงึ่ ในครวั เรอื น กเ็ รยี กคา่ ขาด
แรงงานในครัวเรอื น (ฎ.6905/38)
กรณไี มต่ อ้ งรบั ผดิ
- การท่ลี ูกจา้ งเสยี ชวี ติ ถอื ไม่ได้วา่ โจทก์ตอ้ งขาดแรงงาน (ฎ.2664/25)
- เงนิ ทโี่ จทกจ์ า่ ยใหล้ กู จา้ งตามคำ� สงั่ ของแรงงานจงั หวดั โจทกไ์ มม่ สี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งเปน็
คา่ บาดแรงงาน (ฎ.1047/22)
9.2) กรณไี ม่ถงึ ตาย ความรับผิดและคา่ เสยี หายกรณไี มถ่ ึงตาย (ม.444,446)
9.2.1 ค่ารักษาพยาบาลและคา่ ใชจ้ ่าย ( ม.444,446)
กรณตี อ้ งรบั ผดิ
- คา่ ใชจ้ า่ ยในการรักษาพยาบาลเรียกได้ (ฎ.1145 /12)
- ค่าทดแทนท่ีเสียสุขภาพอนามัยกระดูกข้อเท้าเคล่ือนเดินไม่ได้ เรียกได้
(ฎ.634 /01)
- แม้เป็นข้าราชการสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลก็มีสิทธิเรียกจากจ�ำเลยได้ (ฎ.
2455/19)

90 ค่มู ือการสอบสวนคดีอุบตั ิเหตทุ างถนน

บทท่ี 3 กฎหมายทเ่ี กย่ี วข้องกบั การสอบสวนคดีอุบัตเิ หตทุ างถนน

9.2.2 ค่าเสียความสามารถประกอบการางานในอนาคต
กรณตี อ้ งรบั ผดิ
- โจทกเ์ รยี กคา่ เสยี ความสามารถประกอบการงานและคา่ เสยี หายแกร่ า่ งกายได้ (ฎ.
1895/12)
- แมไ้ ดร้ ับเงินมาบางสว่ นก็นำ� เงนิ ชว่ ยเหลอื มาหกั ออกไมไ่ ด้ (ฎ.4466/51)
- คา่ จา้ งคนใชเ้ ลีย้ งดูบุตร เรียกได้ (ฎ.1721/13) และคา่ กายภาพบำ� บัดเรยี กได้ (ฎ.
7292/43)
กรณีไม่ตอ้ งรบั ผิด
- หากผู้ตายต้องห้ามตามกฎหมายไม่ไดข้ ับรถยนต์สองแถวรบั จา้ ง มารดาไมม่ สี ทิ ธิ
เรยี กคา่ รายไดจ้ ากการขบั รถสองแถวรับจา้ ง (ฎ.5183/37)
9.2.3 คา่ แรงในครวั เรือนหรืออตุ สาหกรรมของบุคคลภายนอก
- คา่ ขาดแรงงานในครอบครัว กรณีมีโจทก์หลายคน หากปรากฏวา่ โจทก์บางคนได้
รบั ประโยชน์จากการทีโ่ จทกค์ นหน่งึ ไดร้ บั ประโยชน์จากการทำ� งานแล้ว เรียกไม่ได้ (ฎ.567/38)
(สมศักด์ิ เอ่ียมพลบั ใหญ่, 2558)

ตัวอยา่ งคำ� พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ เกย่ี วกับคดอี ุบัตเิ หตทุ างถนน
ผฟู้ อ้ งคดเี ปน็ ลกู จา้ งประจำ� ตำ� แหนง่ พนกั งานขบั รถยนตข์ องเทศบาลเมอื งสกลนคร (ผู้
ถกู ฟอ้ งคดี) ได้รับมอบหมายให้ขับรถยนตต์ พู้ าเจ้าหน้าทไ่ี ปติดต่อราชการท่จี งั หวดั กาฬสนิ ธุ์ เมื่อขบั
มาถงึ บริเวณท่ีเกิดเหตุ บรเิ วณผาเสวย อ.สมเดจ็ จ.กาฬสินธุ์ ไดม้ รี ถยนตบ์ รรทกุ กะบะเรง่ เครื่องแซง
รถยนต์บรรทกุ สิบล้อเข้ามาอย่างกะทนั หนั ในช่องทางเดนิ รถของผูฟ้ ้องคดี ในระยะกะชั้นชดิ ผฟู้ อ้ ง
คดีหักหลบไปทางด้านขวา รถยนต์ตู้เสียหลักไถลไปชนกับรถยนต์บรรทุกสิบล้อได้รับความเสียหาย
ต่อมาผู้ถูกฟ้องได้มีค�ำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจ�ำนวนเงิน 152,000 บาท ตาม
ความเห็นของกระทรวงการคลงั ผู้ฟอ้ งคดเี ห็นว่าไดใ้ ชค้ วามระมัดระวงั พอควรแล้ว อีกทัง้ เหตุที่เกดิ
ขึน้ มไิ ดเ้ กิดจากความประมาทของผ้ฟู อ้ งคดี จึงนำ� คดีมาฟ้องขอใหเ้ พกิ ถอนคำ� สง่ั ของผถู้ ูกฟอ้ งคดี
ค�ำวินิจฉยั ของศาลปกครองสูงสดุ
การกระท�ำที่จะถือได้ว่าเห็นการกระท�ำการด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
หมายถงึ การกระทำ� โดยมไิ ดเ้ จตนา แตเ่ ปน็ การกระทำ� ซงึ่ บคุ คลพงึ คาดหมายไดว้ า่ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ความ
เสียหายข้ึนได้ และหากใช้ความระมัดระวังแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายได้
แต่กลับมิได้ใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นเลย จากข้อเท็จจริงท่ีปรากฏในค�ำส่ังของผู้ถูกฟ้องคดีอ้าง

ค่มู อื การสอบสวนคดีอบุ ตั ิเหตทุ างถนน 91

บทที่ 3 กฎหมายท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การสอบสวนคดีอุบตั เิ หตุทางถนน

เพยี งวา่ “นา่ เชอ่ื วา่ ผฟู้ อ้ งคดขี บั รถเรว็ เกนิ กวา่ ทแี่ จง้ ” เหน็ วา่ แมข้ อ้ เทจ็ จรงิ จะรบั ฟงั ไดว้ า่ ผฟู้ อ้ งคดขี บั
รถเรว็ เกนิ กวา่ ทแ่ี จง้ จรงิ แตข่ อ้ เทจ็ จรงิ ดงั กลา่ ว มไิ ดแ้ สดงใหเ้ หน็ วา่ ในภาวะทมี่ รี ถยนตบ์ รรทกุ กระบะ
เรง่ เครอื่ งแซงรถยนตบ์ รรทกุ สบิ ลอ้ เขา้ มาในชอ่ งทางเดนิ รถของผฟู้ อ้ งคดอี ยา่ งกะทนั หนั ผฟู้ อ้ งคดอี าจ
ใชค้ วามระมดั ระวงั แมเ้ พยี งเลก็ นอ้ ยกอ็ าจปอ้ งกนั มใิ หร้ ถยนตต์ เู้ กดิ ความเสยี หายได้ แตผ่ ฟู้ อ้ งคดกี ลบั
มไิ ดใ้ ชค้ วามระมดั ระวงั เชน่ วา่ นน้ั เลย การทผ่ี ถู้ กู ฟอ้ งคดอี า้ งวา่ ผฟู้ อ้ งคดขี บั รถมาดว้ ยความเรว็ เกนิ กวา่
ทแ่ี จง้ เพยี งประการเดยี ว ยงั ไมเ่ พยี งพอทจ่ี ะรบั ฟงั ไดว้ า่ เปน็ สาเหตใุ หเ้ กดิ เหตลุ ะเมดิ ในครงั้ นี้ เนอ่ื งจาก
ข้อเทจ็ จรงิ รบั ฟังได้ว่ามีรถยนต์บรรทุกกระบะขับแซงรถยนตบ์ รรทกุ สบิ ล้อ เข้ามาในช่องทางเดินรถ
ของผฟู้ อ้ งคดใี นระยะกระชนั้ ชดิ ดว้ ย เมอื่ ไมป่ รากฏวา่ ผฟู้ อ้ งคดขี บั รถดว้ ยความประมาทเลนิ เลอ่ อยา่ ง
รา้ ยแรง คำ� สง่ั ใหผ้ ฟู้ อ้ งคดชี ดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนจากเหตลุ ะเมดิ ดงั กลา่ ว จงึ เปน็ คำ� สง่ั ทย่ี งั ไมม่ เี งอื่ นไข
ขอ้ เท็จจรงิ อันเปน็ เหตุให้มกี ารออกคำ� สั่ง คำ� สงั่ ของผถู้ ูกฟอ้ งคดี จึงเปน็ คำ� สง่ั ทีไ่ มถ่ กู ตอ้ งตามมาตรา
10 วรรค 1 ประกอบกับมาตรา 8 วรรค 1 พ.ร.บ.ความผิดละเมิดฯ พพิ ากษาให้เพกิ ถอนคำ� สง่ั ของผู้
ถกู ฟอ้ งคดี ปรากฏตามคำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.10/2552 (แนวคำ� วนิ จิ ฉยั ของศาลปกครอง
เล่ม 7, สวัสดกิ ารสำ� นกั งานปกครอง,พมิ พ์ครั้งแรก,กรุงเทพ:บริษัทประชาชน,หน้า 56-58, 2555)

92 คูม่ อื การสอบสวนคดอี บุ ตั เิ หตุทางถนน

การสอบสวน บทที่ 4

คดอี บุ ัติเหตุทางถนน

สำ� หรบั ขัน้ ตอนการสอบสวนอุบตั เิ หตุทางถนน ได้ถกู ก�ำหนดไว้ในค�ำสั่งส�ำนกั งานต�ำรวจ
แหง่ ชาตทิ ่ี 419//2556 ลงวนั ท่ี 1 กรกฎาคม 2556 เรอื่ ง การอำ� นวยความยตุ ธิ รรมในคดอี าญา
การท�ำส�ำนวนการสอบสวน และมาตรการควบคุม ตรวจสอบ เร่งรัดการสอบสวนคดีอาญา
บทท่ี 2 การอ�ำนวยความยุติธรรมในคดีอาญา ขอ้ 1 การรบั แจ้งความ ได้ก�ำหนดหลกั เกณฑ์
วิธกี ารเกยี่ วกับการรับแจง้ ความ ซ่งึ พนกั งานสอบสวนในฐานะผู้รบั แจง้ ความพึงระลึกไว้เสมอ
วา่ การรบั แจง้ ความเปน็ หนา้ ทท่ี จ่ี ะตอ้ งบรกิ ารประชาชน เพอ่ื ใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั การทวี่ า่ “เปน็
ต�ำรวจมอื อาชีพ เพื่อความผาสุกของประชาชน” จึงตอ้ งรับแจ้งความและใหบ้ ริการทกุ เร่ือง
โดยให้ปฏิบตั ิ ดงั นี้

1. บทนยิ ามทตี่ อ้ งรเู้ กี่ยวกบั คดีจราจร
“การรบั แจง้ ความ” หมายถงึ การทพ่ี นกั งานสอบสวนหรอื เจา้ หนา้ ทซ่ี งึ่ มหี นา้ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง
ได้รับแจ้งความเรื่องราวต่างๆจากผู้ที่มาแจ้งยังหน่วยงานที่มีอ�ำนาจสอบสวน ท้ังที่ไม่เกี่ยวกับ
คดีอาญาและเก่ยี วกับคดีอาญา
“การแจ้งความท่ีเก่ียวกับคดีอาญา” หมายถึง การที่ผู้แจ้งมาแจ้งต่อเจ้าหน้าท่ีต�ำรวจ
ถึงเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นซ่ึงเกี่ยวกับการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษในคดีอาญาท่ัวไป หรือคดีจราจร
ทางบก
“คดีจราจรทางบก” หมายถึง คดีท่ีกล่าวหาว่าผู้ใดขับรถในทางโดยประมาทเป็นเหตุ
ทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย และหรือผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และหรือ
อันตรายสาหัส และหรือถึงแก่ความตาย ซ่ึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ.2522 มาตรา 43(4), มาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 มาตรา 300 และ
มาตรา 391
“สำ� นวนการสอบสวน” หมายความวา่ บรรดาสรรพเอกสารทกุ ชนดิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั คดที ี่
พนักงานสอบสวนได้รวบรวมไว้ เช่น บันทึกค�ำให้การผู้ท่ีพนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงาน
อื่นเป็นผู้ท�ำ เอกสารที่ยื่นเป็นพยาน ค�ำร้องทุกข์หรือค�ำกล่าวโทษที่ยื่นต่อเจ้าพนักงาน เพื่อ

คูม่ ือการสอบสวนคดีอบุ ตั เิ หตุทางถนน 93

บทที่ 4 การสอบสวนคดีอุบัติเหตทุ างถนน

ประสงคท์ ราบขอ้ เทจ็ จรงิ และพฤตกิ ารณต์ า่ งๆ อนั เกย่ี วกบั ความผดิ ทถี่ กู กลา่ วหาเพอ่ื ทจี่ ะรตู้ วั
ผูก้ ระทำ� ความผิดและพิสจู น์ให้เหน็ ความผดิ หรอื ความบริสุทธข์ิ องผูต้ อ้ งหา
“ส�ำนวนคดีจราจรทางบก” หมายถึง ส�ำนวนการสอบสวนคดีทกี่ ล่าวหาวา่ ผู้ใดขับรถใน
ทางโดยประมาทเปน็ เหตใุ หเ้ กิดอันตรายแก่ชีวิต และหรือทรัพยส์ นิ ของผอู้ น่ื ซง่ึ เป็นความผิด
ตามพระราชบัญญัติจราจร พ.ศ.2522 มาตรา 43(4), มาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 291 มาตรา 300 และ มาตรา 391
“ขอ้ หา” หมายถงึ ขอ้ เทจ็ จรงิ เกยี่ วกบั การกระทำ� ทง้ั หลายทกี่ ลา่ วหาวา่ ผตู้ อ้ งหาไดก้ ระทำ�
ผิดรวมทั้งรายละเอียดท่ีเกี่ยวกับเวลา และสถานท่ีซ่ึงเกิดการกระท�ำนั้นๆ อีกท้ังบุคคลหรือ
สิ่งของทเี่ ก่ยี วขอ้ งดว้ ยพอสมควรเทา่ ท่จี ะทำ� ให้ผู้ต้องหาเขา้ ใจได้ดี
“ฐานความผิด” หมายถึง ความผิดทผี่ ู้ตอ้ งหาถูกกลา่ วหาตามทป่ี ระมวลกฎหมายอาญา
หรอื กฎหมายอืน่ ทีม่ โี ทษทางอาญาใหช้ ่ือฐานความผิดไว้ เชน่ ฐานลักทรัพย์ ฐานฉ้อโกง ฐาน
ท�ำใหแ้ ทง้ ลกู ฐานทอดทง้ิ เดก็ คนปว่ ยเจบ็ หรอื คนชรา ฐานคา้ มนุษย์ เป็นต้น ส่วนความผิดอน่ื
ใดทปี่ ระมวลกฎหมายอาญาหรอื กฎหมายอน่ื ทมี่ โี ทษทางอาญาทมี่ ไิ ดใ้ หช้ อื่ ฐานความผดิ ไว้ เชน่
ความผดิ ตอ่ ชวี ติ มบี ทมาตราทงั้ ทเ่ี ปน็ ความผดิ ในการฆา่ ผอู้ นื่ ความผดิ ในการทำ� รา้ ยผอู้ น่ื ถงึ แก่
ความตายโดยไมม่ เี จตนาฆา่ ความผดิ ในการทำ� ใหผ้ อู้ นื่ ถงึ แกค่ วามตายโดยประมาท เปน็ ตน้ ใน
การใหช้ อ่ื ฐานความผดิ อาจใชช้ อ่ื ฐานความผดิ โดยสรปุ สาระสำ� คญั ขององคป์ ระกอบความผดิ ท่ี
กล่าวหาได้ เช่น ความผิดฐานฆ่าผู้อ่ืน ความผิดฐานท�ำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยไม่เจตนา
ความผดิ ฐานทำ� ให้ผอู้ ื่นถงึ แก่ความตายโดยประมาท
“ผกู้ ลา่ วหา” หมายถงึ ผรู้ อ้ งทกุ ขห์ รอื ผกู้ ลา่ วโทษ ซง่ึ จะเปน็ ผเู้ สยี หายหรอื มใิ ชผ่ เู้ สยี หาย
ก็ได้
“ทาง” หมายความว่า ทางเดนิ รถ ช่องเดนิ รถชอ่ งเดนิ รถประจ�ำทาง ไหล่ทาง ทางเท้า
ทางร่วมทางแยก ทางลาด ทางโค้งสะพานและลานท่ีประชาชนใช้ในการจราจร และให้
หมายความรวมถึงทางส่วนบุคคลที่เจ้าของยินยอมให้ ประชาชนใช้ในการจราจร หรือที่เจ้า
พนกั งานจราจรได้ประกาศ ใหเ้ ป็นทางตามพ.ร.บ.นี้ด้วยแต่ไมร่ วมไปถึงทางรถไฟ
“การจราจร” หมายความว่า การใชท้ างของผู้ขับขี่ คนเดินเทา้ หรอื คนที่จูง ขี่ หรือไล่
ตอ้ นสตั ว์
“รถ” หมายความว่า ยานพาหนะทางบกทกุ ชนิด เว้นแตร่ ถไฟและรถราง

94 คมู่ ือการสอบสวนคดอี ุบตั ิเหตทุ างถนน

บทที่ 4 การสอบสวนคดีอุบัตเิ หตุทางถนน

2. การเตรยี มตัวของพนกั งานสอบสวน
2.1 กฎหมาย ระเบียบ คำ� ส่งั ทพ่ี นักงานสอบสวนตอ้ งรู้
1) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59, 291, 300, 390
2) ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา มาตรา 37, 39, 140, 141, 142
3) ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 420, 437
4) พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติ
(ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2535 มาตรา 43(4) และ 157, 78 และ 160, 43(2) และ 160 ตรี

5) พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522
6) พระราชบญั ญตั ขิ นสง่ พ.ศ. 2522
7) พระราชบญั ญัตทิ างหลวง พ.ศ. 2535
8) พระราชบัญญตั คิ ้มุ ครองผปู้ ระสบภยั จากรถ พ.ศ. 2535
9) ประกาศเจา้ พนกั งานจราจร
10) ประมวลระเบยี บการตำ� รวจเกีย่ วกับคดี ลักษณะ 8 บทท่ี 3
11) ประมวลระเบยี บการต�ำรวจเก่ยี วกับคดี ลักษณะ 18 บทที่ 3 ข้อ 498
12) หนงั สอื ตร.ท่ี 0503/21923 ลง 18 ส.ค. 2523
13) คำ� สั่ง ตร.ที่ 419/2556 ลง 1 ก.ค. 2556
2.2 หลกั ส�ำคญั ของพนักงานสอบสวน
เมอ่ื พนกั งานสอบสวน ไดร้ บั คำ� สง่ั ใหไ้ ปประจ�ำ ณ ทอ้ งท่ใี ด สิง่ ทีพ่ นกั งานสอบสวน
ต้องทราบ คอื
1) เมอื่ ประจำ� อยทู่ อ้ งท่ี ตอ้ งรขู้ อ้ มลู ทอ้ งถนิ่ เชน่ ชอ่ื ถนน (เสน้ หลกั เสน้ รอง) ตรอก
ซอย ช่อื แยก, ทางส่วนบคุ คลท่ปี ระชาชนยนิ ยอมใหใ้ ชใ้ นการจราจร
2) หลงั จากรับแจ้งเหตุจะต้องรบี ออกไปตรวจที่เกิดเหตุ
3) ขณะตรวจทเ่ี กดิ เหตไุ มค่ วรทำ� ตวั สนทิ สนมกบั ฝา่ ยหนงึ่ ฝา่ ยใดใหค้ วามยตุ ธิ รรม
กบั คู่กรณี
4) กรณีไมท่ ราบจุดชน คกู่ รณนี ำ� ชีค้ นละจุดตอ้ งระบุทง้ั สองจุดในแผนท่ี
2.3 การเตรยี มเครอื่ งมอื อปุ กรณก์ ารออกไปตรวจสถานทเ่ี กดิ เหตขุ องพนกั งานสอบสวน
1) ปากกา
2) สมุดบนั ทึก (สมุดตรวจทเี่ กดิ เหตจุ ราจร)
3) ไฟฉาย (พร้อมใช้งาน) และเสอื้ สะท้อนแสง (เวลากลางคนื )
4) วทิ ยสุ ือ่ สาร (เตรียมชาร์ทแบตกอ่ นเข้าเวร)
5) รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์

ค่มู ือการสอบสวนคดีอุบัติเหตทุ างถนน 95

บทที่ 4 การสอบสวนคดีอบุ ัติเหตทุ างถนน

6) กลอ้ งถา่ ยรปู (เตรยี มชารท์ แบตกอ่ นเขา้ เวร เคลยี ร์ Memory card พรอ้ มใชง้ าน)
7) เทปวดั ระยะ
8) ร่ม (กรณีมีฝนตก)
9) สี
10) ผูช้ ่วยพนักงานสอบสวน
11) สมุดตรวจทเ่ี กดิ เหตุ พรอ้ มแฟ้มเอกสาร
- คำ� ใหก้ ารผกู้ ล่าวหา, พยาน ผู้ตอ้ งหา
- บญั ชขี องกลาง
- แผนทเี่ กิดเหตุ
- รายงานชนั สูตรพลกิ ศพ
- ใบนำ� สง่ ผู้บาดเจ็บ ศพ
- ใบตอ่ ค�ำใหก้ าร
- กระดาษขาว
- กระดาษตราครุฑ
- กระดาษบันทึกขอ้ ความ
- บนั ทกึ การจบั กมุ
- บันทึกการตรวจคน้
- หมายเรียกพยาน
- หมายเรยี กผ้ตู ้องหา
- แบบรายงานพบศพไมท่ ราบช่อื
12) พนักงานสอบสวนต้องแต่งเครื่องแบบให้เรียบร้อย และมีหมวกตามระเบียบ
สรา้ งภาพลักษณท์ ่ีดีแกอ่ งคก์ รต�ำรวจ
3. หลกั การตรวจทเ่ี กดิ เหตุในคดีจราจร
3.1 ระเบยี บทเี่ กยี่ วขอ้ งในการตรวจทเี่ กดิ เหตใุ นคดจี ราจร
ตามประมวลระเบียบการตำ� รวจเกีย่ วกบั คดี ลกั ษณะ 18 บทท่ี 3 ข้อ 498 “เมอ่ื มี
เหตเุ กยี่ วกบั ความผดิ ในการขบั รถเกดิ ขน้ึ ใหพ้ นกั งานสอบสวนรบี ไปสบื สวนสอบสวนยงั สถาน
ทเี่ กดิ เหตทุ นั ที เพอ่ื หาพยานหลกั ฐาน และทำ� แผนทเี่ กดิ เหตไุ วป้ ระกอบคดแี ลว้ จดั การเคลอื่ น
ย้ายรถทีช่ นกัน ส่ิงอ่นื ใด อย่าใหก้ ดี ขวางการจราจร”

96 คู่มอื การสอบสวนคดีอบุ ตั ิเหตุทางถนน

บทที่ 4 การสอบสวนคดอี บุ ัตเิ หตุทางถนน

3.2 คำ� แนะนำ� ในการออกไปตรวจดทู เี่ กดิ เหตคุ ดรี ถชน
3.2.1 เมื่อได้รับแจ้งเหตุพนักงานสอบสวนจะต้องรีบออกไปตรวจดูที่เกิดเหตุโดยมิ
ชกั ชา้ เพอ่ื ใหท้ ราบในเบอื้ งตน้ วา่ รถแตล่ ะคนั มาจากถนนดา้ นใด โดยมกี ารสอบสวนผขู้ บั ขห่ี รอื
ประชาชนผปู้ ระสบเหตุ ณ จุดเกดิ เหตุโดยยอ่ ๆ ไวช้ ัน้ หนง่ึ วา่ ชนกันที่ใด เพราะเหตุอย่างใด
ของฝ่ายไหน จึงเกิดเหตขุ นึ้
3.2.2 ในคดรี ถชนกนั ไมว่ า่ จะมผี บู้ าดเจบ็ หรอื เสยี ชวี ติ ในทเี่ กดิ เหตหุ รอื ไม่ พนกั งาน
สอบสวนไม่ควรออกไปแต่ลำ� พังคนเดียว ควรจัดให้มีกำ� ลังเจ้าหน้าที่อีกอย่างน้อย ๒-๓ นาย
ตดิ ตามไปช่วยเหลือด้วยเพ่อื ประโยชนด์ งั น้ี
(1) ในการห้ามการจราจร เพื่อแยกรถที่เกิดอุบัติเหตุออกแอบไว้ข้างทาง
หรือเพือ่ ประโยชน์ในการวัดถนน หาระยะตา่ งๆ
(2) ในการสอ่ งไฟหารอยหา้ มลอ้ วา่ เรม่ิ จากจดุ ใด ถงึ จดุ ใด หารอ่ งรอยหลกั
ฐานอ่นื เพิม่ เติม(หากเป็นเวลากลางคืน)
(3) ให้สัญญาณการจราจร เม่ือจะตัดถนนด้านหน่ึงด้านใด(ห้ามยวดยาน)
เพ่อื ล�ำเลยี งผู้บาดเจ็บหรือตายสง่ สถานพยาบาลหรือถ่ายรปู ท่เี กิดเหตุ ฯลฯ
3.2.3 ควรใชร้ ถของสถานีต�ำรวจ ซง่ึ มไี ฟสญั ญาณฉกุ เฉนิ หรอื แตรสญั ญาณฉุกเฉิน
เพอ่ื ใชไ้ ฟสญั ญาณหรอื แตรสญั ญาณฉกุ เฉนิ ในการไปดทู เี่ กดิ เหตโุ ดยดว่ น เพอ่ื ชว่ ยนำ� สง่ คนเจบ็
ใหถ้ งึ มอื แพทยโ์ ดยเรว็ ทส่ี ดุ หรอื ชว่ ยเหลอื ผทู้ ถี่ กู รถอดั บบี รถควำ่� หรอื จมนำ�้ และกรณมี บี คุ คล
ติดอยู่ภายในรถใหร้ อดชีวิต หรือได้รบั การชว่ ยเหลอื เร็วท่ีสุด
3.2.4 ระหว่างเดินทางไปยังท่ีเกิดเหตุรถชนกัน หากได้ทราบทางวิทยุจาก ต�ำรวจ
ภธู ร ตำ� รวจทางหลวง หรอื สายตรวจฯ ซง่ึ อยู่ ณ จดุ เกดิ เหตเุ พม่ิ เตมิ เขา้ มาวา่ มผี ไู้ ดร้ บั บาดเจบ็
และเสียชีวิตจ�ำนวนมาก ควรจะไดว้ ิทยุติดตอ่ สง่ั การประสานงานกับทางสถานตี ำ� รวจ ให้ช่วย
ด�ำเนินการในเรอ่ื งตา่ งๆ แล้วแตก่ รณี
(1) ตดิ ตอ่ แผนกตรวจทสี่ ถานทเี่ กดิ เหตุ (หนว่ ยพสิ จู นห์ ลกั ฐาน) มารว่ มตรวจ
สถานทเี่ กิดเหตุ และถ่ายรูปประกอบคดี
(2) ติดตอ่ ขอรถพยาบาลมาชว่ ยลำ� เลยี งคนเจ็บ น�ำสง่ โรงพยาบาล หรือขอ
สนับสนุนรถเก็บศพจากมูลนิธิต่างๆ มาช่วยน�ำศพออกจากที่เกิดเหตุ เพื่อจะได้เคลียร์เส้น
ทางการจราจรโดยเร็ว
(3) ตดิ ตอ่ แพทยร์ ว่ มชนั สตู รพลกิ ศพ และอาจจะขอใหแ้ พทยช์ ว่ ยแนะนำ� ใน
เรื่องการน�ำส่งผู้บาดเจ็บสาหัส ซ่ึงจะต้องระมัดระวังในการเคล่ือนย้ายคนเจ็บเป็นพิเศษ เช่น
กรณีผูบ้ าดเจบ็ สลบไม่ได้สติ และมีการหักของกระดกู สันหลัง หรอื คอ สง่ โรงพยาบาลโดยเร็ว

คมู่ อื การสอบสวนคดีอบุ ตั เิ หตทุ างถนน 97

บทท่ี 4 การสอบสวนคดอี บุ ตั เิ หตุทางถนน

และควรขอค�ำปรึกษาวา่ จะนำ� ส่งทใ่ี ด ท่ีมีแพทย์ผ้ชู �ำนาญ หรอื ใกล้ท่สี ุด
(4) แจ้งผู้บงั คบั บัญชาช้ันผใู้ หญใ่ ห้ทราบ เพื่อจะไดม้ าร่วมอำ� นวยการตรวจ
สถานที่เกดิ เหตุ พิจารณาระดมกำ� ลงั ตำ� รวจเพม่ิ เติม หรือขอก�ำลงั ตำ� รวจจากสถานีตำ� รวจใกล้
เคียงเพ่ิมเติมและช่วยเหลือหรือสั่งการหน่วยเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เช่น ขอรถ
พยาบาลเพม่ิ เตมิ จดั แพทย-์ พยาบาล และโลหติ เตรยี มไวเ้ พอื่ ชว่ ยเหลอื ผบู้ าดเจบ็ ทอี่ าการหนกั
และอาจไมส่ ามารถนำ� เคล่ือนทีไ่ ด้ในขนั้ แรก (โดยอาจจะถกู อัดตดิ ค้าง ไม่สามารถน�ำออกจาก
ยวดยานได้)
(5) ขอกำ� ลังเพมิ่ เตมิ เชน่ รถสายตรวจ รถสายตรวจจราจร ซง่ึ อาจจะต้อง
ระดมก�ำลังต�ำรวจท่วี า่ งราชการ ท้งั สถานตี ำ� รวจ หรือระดมก�ำลังจากสถานีตำ� รวจข้างเคียง
- เพอ่ื กั้นถนน บางตอนเปน็ การช่วั คราว
- เพอ่ื รกั ษาทรพั ย์สนิ ของผ้บู าดเจบ็
- เพอ่ื กนั บคุ คลภายนอกไมใ่ หเ้ ขา้ มามงุ จำ� นวนมาก อนั ทำ� ใหเ้ จา้ หนา้ ที่
ต่างๆ ปฏบิ ตั งิ านไม่สะดวก
- เพอื่ อ�ำนวยความสะดวกในการจราจร หากจำ� เป็นอาจตอ้ งจดั ใหร้ ถ
เดินทางเดียว หรอื เปลี่ยนให้ใชเ้ ส้นทางอ่ืนเปน็ การชว่ั คราว โดยแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาเหนือขน้ึ
ไปทราบ และพจิ ารณาสงั่ การด้วย
- เพ่อื ช่วยลำ� เลยี งคนเจบ็ ข้ึนรถ และน�ำส่งโรงพยาบาล
- เพ่ือรกั ษาสถานทเ่ี กิดเหตุ ฯลฯ
3.2.5 ตดิ ตอ่ สถานตี ำ� รวจใกลเ้ คยี งเพอ่ื ทราบ และจดั กำ� ลงั ตำ� รวจจราจร และตำ� รวจ
ทอ้ งทอ่ี อกมาอำ� นวยความสะดวกในการจดั รถเดนิ ทางเดยี ว หรอื เปลยี่ นเสน้ ทางชว่ั คราวจนกวา่
จะเปิดการจราจรเป็นปกตไิ ด้
3.2.6 ให้หาแผงกั้นคน แผงก้ันจราจร แผงกั้นศพ ไฟสัญญาณกระพริบเตือน (สี
เหลอื ง) ป้ายเตอื นอบุ ตั เิ หตุขา้ งหนา้ ระวงั ฯลฯ ตดิ ไปกบั รถดว้ ย เพอ่ื จะได้สะดวกต่อการติด
ตงั้ และอำ� นวยความสะดวกแกป่ ระชาชนในการสญั จรไปมา และการปฏบิ ตั งิ านของตำ� รวจ ณ
ทีเ่ กดิ เหตุ
3.2.7 ติดต่อขอรถยกจากจราจร-ทางหลวง-ดับเพลิง หรือเอกชน ที่มีรถยกใกล้ท่ี
เกดิ เหตุ และสะดวกเพ่อื แยกรถทตี่ ดิ กนั ณ ท่เี กิดเหตุ หรือลาก-ยก มาสถานีต�ำรวจ
3.2.8 วทิ ยเุ รยี กรถวทิ ยุ หรอื รถสายตรวจตา่ งๆ มาชว่ ยในขนั้ แรก(กอ่ นทรี่ ถพยาบาล
จะมาถงึ ) เพ่อื ช่วยด�ำเนนิ การในเร่อื งดังน้ี

98 คูม่ อื การสอบสวนคดอี ุบัตเิ หตทุ างถนน

บทท่ี 4 การสอบสวนคดอี ุบัติเหตุทางถนน

(1) น�ำผู้บาดเจบ็ หนกั ส่ง โรงพยาบาล โดยใช้สญั ญาณไฟ และแตรสญั ญาณ
ฉุกเฉนิ
(2) อ�ำนวยความสะดวกการจราจร
(3) กระพรบิ ไฟสญั ญาณฉกุ เฉนิ บนหลงั คารถ เตอื นใหร้ ถทว่ี งิ่ ผา่ นไป-มา ได้
ใช้ความระมดั ระวงั ขณะผ่านจดุ เกดิ เหตุ และไมห่ ยุดหรือจอดดู กีดขวางรถในทาง และการ
จราจร
(4) ใหช้ ว่ ยตดิ ตอ่ ประสานงานกบั สถานตี ำ� รวจขา้ งเคยี ง เพอื่ จดั กำ� ลงั ตำ� รวจ
ออกมาอ�ำนวยความสะดวกในเส้นทางที่เกี่ยวข้องและติดต่อโรงพยาบาลข้างเคียงท่ีเกิดเหตุ
เพ่อื ให้ทราบล่วงหน้าในการเตรยี มแพทย์ พยาบาล และห้องผา่ ตัด
ซึ่งโดยมากวิทยุรับส่งของพนักงานสอบสวน มักมีก�ำลังส่งไม่พอ และ
พนักงานสอบสวนมีภารกิจต่างๆมาก จนไม่สามารถจัดท�ำทุกสิ่งทุกอย่างได้ (จึงมีแนวคิดให้
ก�ำหนดต�ำแหน่ง “ผชู้ ่วยพนักงานสอบสวน”)
3.2.9 เม่ือถึงท่ีเกิดเหตุ ให้ตรวจสอบจากบัตรประจ�ำตัว หรือเอกสารภายในรถ
หรอื รถวา่ ผบู้ าดเจบ็ หรอื ตาย เปน็ ใคร มอี าชพี ตำ� แหนง่ หรอื รถของผใู้ ด หากเปน็ บคุ คลสำ� คญั
หรอื ตำ� แหนง่ สงู หรอื เปน็ รถราชการหนว่ ยใด คณะใด ใหพ้ จิ ารณาแจง้ กบั ทางสถานตี ำ� รวจและ
ผ้บู ังคับบญั ชาเพ่ือทราบ และอ�ำนวยความสะดวกในการตดิ ตอ่ ญาติ และหน่วยที่เกย่ี วขอ้ ง
3.2.10 กรณรี ถชนกันธรรมดา ไมม่ ีผใู้ ดบาดเจบ็ หรือเสียชวี ิต ให้สอบถามผู้ขับขที่ ้ัง
สองฝา่ ยรวมถงึ ประชาชนผเู้ หน็ เหตกุ ารณ์ ณ จดุ เกดิ เหตุ เพอ่ื ทราบวา่ รถแตล่ ะคนั แลน่ มาจาก
ทิศทางใดถนนด้านใด มุ่งหนา้ ไปดา้ นใด มใี ครเปน็ คนขบั และเพราะเหตใุ ด จงึ เกิดเหตเุ ฉย่ี ว
ชนกนั ขน้ึ
3.2.11 เมอื่ รถชนกันแลว้ อยใู่ นสภาพใด มรี ่องรอยอะไรในทเี่ กิดเหตุบ้าง เชน่ รอย
ห้ามล้อของรถแต่ละคัน เส้นทางก่อนเกดิ เหตุ จุดชน สงิ่ ทกี่ ะเทาะ เศษดนิ รองหยดหรอื รอย
หรอื คราบนำ้� มนั เครอื่ ง และเศษชนิ้ สว่ นอปุ กรณส์ ว่ นควบของรถแตล่ ะคนั ทรี่ ว่ งตกหลน่ บนถนน
ขณะเกดิ เหตุชนกนั (ตรงจุดใดมาก อาจสนั นิษฐานได้ว่า เป็น “จุดชน” ได้)
3.2.12 เมอื่ รถชนแลว้ รถแตล่ ะคนั กระเดน็ ไถล เลอื่ น ปดั ไปอยใู่ นสภาพใด มบี คุ คล
บาดเจ็บ ตาย อยใู่ นรถ หรือกระเดน็ ออกนอกรถ ทีใ่ ด อยา่ งใด
3.2.13 จัดให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ตามความจ�ำเป็น รวมทั้งจัดหายาน
พาหนะนำ� ผบู้ าดเจบ็ สง่ โรงพยาบาล หรอื สถานอี นามยั ฯ ไปรบั การบำ� บดั รกั ษาเยยี วยา และให้
แพทย์ลงความเหน็ เก่ียวกบั อาการบาดแผล

คมู่ ือการสอบสวนคดีอบุ ตั เิ หตทุ างถนน 99


Click to View FlipBook Version