๔๗ รปูท ี่ ๒ - ๘ ภาพรา่งหนทางปฏิบตัิของการตงั้รบั ๒) การวาดภาพการรบตามแนวกวา้งพน้ืทป่ีฏบิตักิาร ผบู้งัคบักองรอ้ยจะใชเ้ทคนิคแบบน้ ี ดว้ยการแบง่หนทางปฏบิตัอิอกเป็นสว่น ๆ ในทางลกึหลงัจากนนั้จะทาํการจาํลองยุทธต์ามลาํดบัของแต่ละ ขนั้ตอน ตวัอย่างของการจาํลองยุทธใ์นการเขา้ตีหนทางปฏบิตัถิูกแบง่ออกตามลาํดบัขนั้ตอนดงัน้ี ก) เคล่อืนทจ่ีากพน้ืทร่ีวมพลไปยงัฐานออกตี ข) เคล่อืนทจ่ีากแนวออกตไีปยงัจุดนดัพบ ณ ทห่ีมาย ค) การปฏบิตัทิ่ีจุดนดัพบ ณ ทห่ีมาย ง) การจดัขบวนรบก่อนการโจมตี จ) การโจมตี ฉ) การเสรมิความมนั่คง แต่ละลาํดบัขนั้จะเป็นขนั้ตอนของการจาํลองยุทธ์ตวัอย่างเช่น เม่อืใดทก่ีารจาํลองยุทธไ์ปถงึขนั้ โจมตีเทคนิคแบบวาดภาพการรบตามพน้ืทส่ีาํคญัจะนํามาใชใ้นการจาํลองยุทธจ์นถงึในรายละเอยีดของการรบ แตกหกัเทคนิคน้ีอาจนําไปใชไ้ดเ้ช่นเดยีวกนัในการจาํลองยุทธห์นทางปฏบิตัใินการตงั้รบั ๓) การวาดภาพการรบตามแนวทางเคล่อืนทป่ีระชดิเทคนิคน้จีะนํามาใชม้ากทส่ีดุในการ จาํลองยุทธข์องการตงั้รบัเมอ่ืมกีารวาดภาพการรบตามหลายเสน้ทางทจ่ีะตอ้งพจิารณา ผนู้ ําในการจาํลอง ยุทธเ์ลอืกหนทางปฏบิตัทิจ่ีะกระทาํต่อหนทางทข่ีา้ศกึน่าจะปฏบิตัมิากทส่ีดุดว้ยการเพ่งเลง็ต่อแต่ละแนวทาง เคล่อืนทข่ีองขา้ศกึ
๔๘ ข. การจําลองยุทธ์ ในการจําลองยุทธ์หนทางปฏิบัติของฝ่ายเราต่อหนทางที่ข้าศึกน่าจะปฏิบัติมาก ที่สุด ความรุกรบของกองร้อยจะเป็นตามที่ผู้บังคับกองร้อยคาดหวังให้เกิดขึ้น โดยการแบ่งหนทางปฏิบัติเป็น ขั้นตอนการปฏิบัติหรือเหตุการณ์ แล้วทําการวิเคราะห์แต่ละขั้นตอนหรือเหตุการณ์ เพื่อกําหนดผลลัพธ์หรือ การต่อต้านการปฏิบัติที่น่าจะเกิดขึ้น หลังจากนั้นพิจารณาถึงการตอบโต้การปฏิบัติที่เป็นไปได้ การดําเนิน กรรมวิธีเกี่ยวกับ การปฏิบัติ การต่อต้านการปฏิบัติ และการตอบโต้การปฏิบัติ จะกระทําอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งภารกิจสําเร็จหรือหนทางปฏิบัติล้มเหลว ตัวอย่างหนึ่งสําหรับการจําลองยุทธ์หนทางปฏิบัติในการ เข้าตีและตั้งรับ ได้แก่ ๑) การจําลองยุทธ์หนทางปฏิบัติการเข้าตี โดยยึดถือตามหนทางปฏิบัติในข้อที่ ๒ - ๑๙ ช. ๑) ก) การปฏิบัติแรก : กองร้อยเคลื่อนที่จากที่รวมพลไปยังฐานออกตี (๑) การต่อต้านการปฏิบัติของข้าศึก : ไม่มีความเสี่ยงในการถูกตรวจพบหรือมีเพียง เล็กน้อย ข) การปฏิบัติที่ ๒ : กองร้อยผ่านแนวออกตีและเคลื่อนที่ตามเส้นหลักการรุกนํ้าเงิน (๑) การต่อต้านการปฏิบัติของข้าศึก : มีความเสี่ยงปานกลางในการถูกตรวจพบบริเวณ พื้นที่อันตรายทางหลวงหมายเลข ๒๗ ถ้าถูกตรวจพบข้าศึกอาจระดมยิงด้วยอาวุธเล็งจําลอง (๒) การตอบโต้การปฏิบัติของฝ่ายเรา : ยิงกดไปยังที่ตั้งของข้าศึกที่ทราบ(เนิน ๓๒๕) และตําบลที่คาดว่ามีข้าศึก (NB ๔๒๓๒๔๓) ผละออกจากการปะทะแล้วเคลื่อนที่ต่อตามเส้นหลักนํ้าเงินไปยัง จุดนัดพบ ณ ที่หมาย ค) การปฏิบัติที่ ๓ : เข้ายึดครองจุดนัดพบ ณ ที่หมาย (๑) การต่อต้านการปฏิบัติของข้าศึก : ไม่มี ง) การปฏิบัติที่ ๔ : การลาดตระเวนของผู้บังคับหน่วย (๑) การต่อต้านการปฏิบัติของข้าศึก : ถ้าถูกตรวจพบ ข้าศึกอาจเพิ่มการระวังป้องกัน ในพื้นที่หรือเพิ่มการลาดตระเวน (๒) การตอบโต้การปฏิบัติของฝ่ายเรา : หนทางเลือกจะประกอบด้วยการลาดตระเวน สมบูรณ์ การริเริ่มการยิงเตรียมของปืนใหญ่อย่างรวดเร็ว และการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ หรือการ เคลื่อนย้ายไปยังจุดนัดพบสํารอง ณ ที่หมายและให้คําสั่งเป็นส่วน ๆ จ) การปฏิบัติที่ ๕ : หน่วยสนับสนุนและระวังป้องกันเคลื่อนที่ไปยังที่ตั้งที่กําหนด กองร้อย (-) เข้ายึดที่มั่นเตรียมตะลุมบอน (๑) การต่อต้านการปฏิบัติของข้าศึก : ถ้าข้าศึกตรวจพบกองร้อย ข้าศึกอาจกระทํา อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ ระดมยิงด้วยอาวุธเล็งตรงและเล็งจําลอง ปรับย้ายที่ตั้งใหม่ของกําลังพลและยานรบใน พื้นที่ตั้งรับหรือถอนตัวไปยังที่มั่นสํารอง (๒) การตอบโต้การปฏิบัติของฝ่ายเรา : เริ่มต้นการโจมตีด้วยหน่วยสนับสนุนจาก ที่อยู่ปัจจุบัน ฉ) การปฏิบัติที่ ๖ หน่วยสนับสนุนทําการเริ่มยิง ในขณะที่หมวดนําทําการเจาะเครื่องกีด ขวาง (๑) การต่อต้านการปฏิบัติของข้าศึก : ทําการยิงโต้ตอบไปยังหน่วยสนับสนุน ร้องขอ การยิงเล็งจําลอง เมื่อถูกตรวจพบผู้บังคับหน่วยข้าศึกจะมุ่งหมายความสนใจไปยังพื้นที่เจาะ ที่มั่น ๒ แห่งที่มี พื้นการตรวจการณ์ดีจะเป็นที่ซึ่งทําการยิงอาวุธปืนเล็กไปยังกําลังส่วนเจาะ (ฝ่ายเรา) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้าศึกจะพยายามเปลี่ยนย้ายที่ตั้งหมู่ทางด้านทิศตะวันออก ไปยังสนามเพลาะบริเวณใกล้เคียงพื้นที่เจาะ
๔๙ (๒) การตอบโต้การต่อต้านการปฏิบัติ : หน่วยสนับสนุนจะทําการเปลี่ยนที่ตั้งใหม่ เท่าที่จําเป็นเพื่อป้องกันข้าศึกไม่ให้เคลื่อนที่ไปยังส่วนพื้นที่เจาะ หน่วยที่ให้การสนับสนุนโดยใกล้ชิด (ที่ร่วม ไปกับส่วนเจาะ) ยิงกดไปยังที่ตั้งทั้งสองแห่งของข้าศึกบริเวณใกล้พื้นที่เจาะหมวดนําเข้ายึดฐานการเจาะ และ เริ่มกวาดล้างสนามเพลาะมุ่งตรงไปยังที่บังคับการของข้าศึก ถ้าการเจาะไม่ประสบผลสําเร็จเพราะการเพิ่มเติม โดยหมู่ทางทิศตะวันออกของข้าศึก ส่วนเจาะ (ระดับหมวด) จะต้องดํารงความกดดันในพื้นที่นี้ ในขณะที่ หมวดที่ติดตามมาเคลื่อนที่ไปยังพื้นที่เจาะสํารอง เพื่อปฏิบัติการเจาะและกวาดล้างไปยังที่บังคับการของข้าศึก หมวดนําจะผละจากการปะทะแล้วเคลื่อนที่ติดตามไปยังพื้นที่เจาะสํารองเมื่อได้รับคําสั่ง ช) การปฏิบัติที่ ๗ : หมวดนําเข้ายึดที่หมายและเริ่มส่งผ่านหมวดที่ติดตามมา (ความ พยายามหลัก) (๑) การต่อต้านการปฏิบัติของข้าศึก : หนทางเลือกจะประกอบด้วยการเปลี่ยนที่ตั้ง ของทหาร การใช้กองหนุน การร่นถอยจากที่ตั้ง หรือการตีโต้ตอบด้วยหน่วยอื่น (๒) การตอบโต้การต่อต้านการปฏิบัติของฝ่ายเรา : การเข้าตีต่อไป เมื่อหมวดนํา สามารถยึดที่หมายได้ การเปลี่ยนที่ตั้งของข้าศึกบางส่วนจะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อย ถ้าข้าศึกมีกองหนุนก็จะ มีขนาดเล็กเกินไปที่จะมีผลกระทบมาก ถ้าข้าศึกพยายามถอนตัวฝ่ายเราก็จะใช้ส่วนยิงสนับสนุน (โดย นายทหารยิงสนับสนุน) ทําลายข้าศึก การตีโต้ตอบไม่น่าจะเกิดขึ้นและอาจปฏิบัติโดยกําลังที่ถูกโดดเดี่ยว ซึ่ง จะใช้เวลาแจ้งเตือนล่วงหน้าอย่างน้อยที่สุด ๑๕ นาที ซ) การปฏิบัติที่ ๘ : หมวดความพยายามหลักสามารถยึดครองภูมิประเทศและทําลายที่ บังคับการของข้าศึกได้ สองหมวดที่เหลือกวาดล้างที่หมายที่กําหนด (๑) การต่อต้านการปฏิบัติของข้าศึก : ถอนตัวหรือรอความช่วยเหลือจากหน่วยอื่น ที่มั่นที่เหลือจะถูกควบคุมด้วยพื้นที่สูงข่ม ที่ถูกยึดด้วยความพยายามหลัก (๒) การตอบโต้การปฏิบัติของฝ่ายเรา : ไม่มี ๒) การจําลองยุทธ์หนทางปฏิบัติในการตั้งรับ โดยยึดถือตามหนทางปฏิบัติในข้อ ๒- ๒๒ ช. ๒) ก) การปฏิบัติแรก : หน่วยลาดตระเวนของกองพลหรือกรมของข้าศึกเคลื่อนที่เข้ามาใน พื้นที่ของกองร้อย (๑) การต่อต้านการปฏิบัติของฝ่ายเรา : หน่วยระวังป้องกันระดมยิงด้วยการยิงเล็ง ตรงและเล็งจําลอง (๒) การตอบโต้การปฏิบัติของข้าศึก : ถ้าหน่วยลาดตระเวนข้าศึกถูกทําลาย ข้าศึก อาจส่งหน่วยอื่นเข้ามาทดแทน ถ้าไม่ถูกทําลายข้าศึกอาจทําการถอนตัวหรืออ้อมผ่าน ข) การปฏิบัติที่ ๒ : สถานีควบคุมและรายงานของข้าศึกเข้ามาในพื้นที่ของกองร้อย (๑) การต่อต้านการปฏิบัติของฝ่ายเรา : หมวดในแนวหน้ารายงานสถานการณ์ เพื่อเป็นการยืนยันหนทางปฏิบัติที่ข้าศึกน่าจะกระทํามากที่สุด ตอนต่อสู้รถถังเตรียมริเริ่มซุ่มโจมตีบริเวณ ทางแยก (๒) การตอบโต้การปฏิบัติของข้าศึก : ถ้าสถานีควบคุมและรายงานไม่สามารถตรวจ พบหมวดในแนวหน้าหรือส่วนลาดตระเวนก่อนหน้านี้ไม่ได้กําหนดที่ตั้งของกองร้อย ในกรณีดังกล่าวนี้ข้าศึกจะ ใช้การยิงเล็งจําลองในขณะที่สถานีควบคุมและรายงานระบุที่ตั้งการวางกําลังของกองร้อย ค) การปฏิบัติที่ ๓ : ตอนต่อสู้ยานเกราะริเริ่มซุ่มโจมตีต่อสถานีควบคุมและรายงานของ ข้าศึก หมวดในแนวหน้าปะทะข้าศึกในพื้นที่ด้วยการยิงเล็งตรงและเล็งจําลอง
๕๐ (๑) การต่อต้านการปฏิบัติของข้าศึก : สถานีควบคุมและรายงานเข้าที่กําบังและ รายงานกองร้อยนําปรับขบวนรบ ทําการยิงตอบโต้และพยายามที่จะสู้รบกับหมวดในพื้นที่ตั้งรับหน้า และร้อง ขอการยิงเล็งจําลองในการรวมอํานาจการยิงมายังฝ่ายเรา (๒) การตอบโต้การปฏิบัติของฝ่ายเรา : หลีกเลี่ยงปะทะแตกหัก ดํารงการกระจาย กําลัง ง) การปฏิบัติที่ ๔ : หมวดความพยายามหลักระดมยิงข้าศึกทางทิศใต้ของเนิน ๖๕๗ ลําดับ ความเร่งด่วนของการยิงให้กับด้านความพยายามหลัก (๑) การต่อต้านการปฏิบัติของข้าศึก : ข้าศึกจะพยายามรวมอํานาจการยิงไปยังความ พยายามหลักโดยทําการตรึงด้วยการยิงเล็งตรงและเล็งจําลอง พร้อมด้วยการเข้าตีทางปีกโดยทหารราบเดิน เท้า และเปลี่ยนย้ายที่ตั้งยิงอาวุธเล็งจําลอง (ปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิด) เพื่อสนับสนุนการเข้าตี (๒) การตอบโต้การปฏิบัติของฝ่ายเรา : หมวดในแนวหน้าระดมยิงกําลังข้าศึกที่ ติดตามมาเพื่อขัดขวางการเข้าตีต่อความพยายามหลัก ทําลายและรบกวนเครื่องมือในการบังคับบัญชา/การ ควบคุมและสนับสนุนการรบเมื่อข้าศึกเคลื่อนเข้ามาในพื้นที่ และร้องขอการสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด ณ ตําบลที่ข้าศึกรวมกําลังกันที่เนิน ๖๕๗ (ตามแผนการสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิดที่วางไว้) จ) การปฏิบัติที่ ๕ : ข้าศึกทําการโจมตีต่อหมวดความพยายามหลัก กองพันข้าศึก ระลอกที่ ๒ อาจเคลื่อนที่ผ่านเข้ามาในพื้นที่ของหมวดแนวหน้า (๑) การต่อต้านการปฏิบัติของฝ่ายเรา : ย่อมขึ้นอยู่กับศักยภาพการรบที่ข้าศึกมีใน การสนับสนุนการเข้าตี ทั้งนี้อาจมอบคําสั่งเป็นส่วน ๆ ให้ตอนต่อสู้รถถัง และหมวด (-) ในพื้นที่ด้านทิศ เหนือ เข้าโจมตีหันเหกําลังข้าศึกที่เข้าตีด้านความพยายามหลัก การเข้ามาถึงของกองพันข้าศึกระลอกที่ ๒ แสดงว่าส่วนเข้าตีหลักของข้าศึกได้เข้ามาในพื้นที่ของเราแล้ว ในกรณีดังกล่าวนี้หนทางปฏิบัติที่ข้าศึกน่าจะ กระทํามากที่สุดจะเปลี่ยนไป ซึ่งมีความต้องการคําสั่งเป็นส่วน ๆ จากกองพัน ฉ) การปฏิบัติที่ ๖ : ความพยายามหลักฝ่ายเราประสบความสําเร็จในการรักษาเนิน ๖๕๗ (๑) การต่อต้านการปฏิบัติของข้าศึก : กําลังที่เหลืออยู่ของหน่วยเข้าตีจะเข้ายึดครอง ที่มั่นตั้งรับบริเวณใกล้เนิน ๖๕๗ เพื่อปรับกําลังใหม่และเตรียมการเข้าตีต่อไป หรือสนับสนุนการเข้าตีของ หน่วยอื่น ถ้ากองพันที่เป็นหน่วยนําไม่ประสบความสําเร็จ ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่กองพันในระลอกที่ ๒ จะเข้ามา ปฏิบัติการในพื้นที่แห่งนี้ (๒) การตอบโต้การปฏิบัติของฝ่ายเรา : ให้คําสั่งเป็นส่วน ๆ โดยรวมอํานาจกําลังรบ ทั้งหมดที่มีเพื่อทําลายกําลังของข้าศึกส่วนนี้ก่อนที่จะมีการปรับกําลังใหม่ การปฏิบัติ : ถ้าความพยายามหลักฝ่ายเราไม่ประสบความสําเร็จในการรักษาเนิน ๖๕๗ (๓) การต่อต้านการปฏิบัติของข้าศึก : ข้าศึกประสบความสําเร็จในการเข้าตีจะทํา การจัดระเบียบใหม่และเข้าตีต่อไป โดยจะขึ้นอยู่กับการสูญเสียของเขา ข้าศึกอาจจะส่งผ่านกองร้อยอื่น ปฏิบัติการต่อไป (๔) การตอบโต้การปฏิบัติของฝ่ายเรา : หมวดความพยายามหลักถอนตัวไปยังจุด นัดพบในภูมิประเทศจํากัด จัดระเบียบใหม่และขัดขวางข้าศึกเคลื่อนที่ขึ้นไปทางทิศเหนือ หมวดในแนวหน้า ยังคงทําลายข้าศึกในพื้นที่ต่อไป กองร้อยรายงานสถานการณ์ให้แก่กองพันทราบและดําเนินการรบกวนข้าศึก ที่ผ่านเข้ามาในพื้นที่ ช) การปฏิบัติที่ ๗ : ขยายผลความสําเร็จของความพยายามหลักฝ่ายเรา (แม้ว่าความ พยายามหลักจะไม่สามารถรักษาเนิน ๖๕๗ ไว้ได้ แต่ศักยภาพในการรบของข้าศึกก็ลดลงและกําลังชนของ ข้าศึกก็ถูกรบกวน) การรวมอํานาจกําลังรบเข้ากระทําต่อความความอ่อนแอของข้าศึกจะเปิดโอกาส
๕๑ โดยตลอดพื้นที่ของกองร้อย เช่น ที่ตั้งของข้าศึกที่โดดเดี่ยว เครื่องมือในการบังคับบัญชา/การควบคุม และ สนับสนุนการรบ (๑) การต่อต้านการปฏิบัติของข้าศึก : ข้าศึกจะพยายาม ปรับกําลังใหม่และทําการ เข้าตีต่อไป (๒) การตอบโต้การปฏิบัติของฝ่ายเรา : ดํารงการกดดันต่อข้าศึกตลอดความลึกของ รูปขบวนโดยใช้ปืนใหญ่ เครื่องยิงลูกระเบิด การสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิดต่อต้านความแข็งแกร่ง ค. ความรอบรู้ด้านข้อมูลข่าวสาร ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ในการจําลองยุทธ์ของแต่ละหนทาง ปฏิบัติ ผู้บังคับหน่วยควรจะต้องรู้ถึงผลดีและผลเสีย รวมทั้งพิสูจน์ทราบแต่ละเหตุการณ์วิกฤติที่จะกําหนด ความสําเร็จและความล้มเหลวของแต่ละหนทางปฏิบัติ ปัจจัยนี้จะถูกใช้ในขั้นที่ ๔ ในการเปรียบเทียบหนทาง ปฏิบัติ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ได้รับเพิ่มเติมในขั้นนี้ จะทําให้ผู้บังคับหน่วยมีความรอบรู้เพิ่มมากขึ้นสําหรับการ ปฏิบัติภารกิจ ผู้บังคับกองร้อยจะใช้ข้อมูลข่าวสารนี้ภายหลังเมื่อได้ขยายผลจากหนทางปฏิบัติที่เลือกไปสู่การ วางแผนขั้นต้นของกองร้อย ๒ - ๒๑ การเปรียบเทียบหนทางปฏิบัติ ในขั้นที่ ๔ ของกรรมวิธีประมาณสถานการณ์ ผู้บังคับกองร้อยจะทํา การเปรียบเทียบหนทางปฏิบัติและเลือกเพียงหนทางปฏิบัติเดียวที่จะทําให้บรรลุภารกิจมากที่สุด ผู้บังคับ กองร้อยจะพิจารณาข้อดีและข้อเสียของแต่ละหนทางปฏิบัติ และพิจารณารวมไปถึงเหตุการณ์วิกฤติที่กระทบ ต่อแต่ละหนทางปฏิบัติ หลังจากนั้นจะเลือกปัจจัยสําคัญพื้นฐานของภารกิจนี้ แล้วนําปัจจัยดังกล่าวนี้ไป เปรียบเทียบทุกหนทางปฏิบัติ ผู้บังคับกองร้อยอาจเปรียบเทียบหนทางปฏิบัติด้วยการใช้เพียงของแต่ละ หนทางปฏิบัติ วิธีการนี้จะมีแง่คิดที่สําคัญมากกว่าการใช้ปัจจัยสําคัญเปรียบเทียบทุกหนทางปฏิบัติ ก. ข้อได้เปรียบและเสียเปรียบ สิ่งนี้จะเป็นการระบุถึงความเข้มแข็งและความอ่อนแอซึ่งบันทึกไว้ใน ระหว่างการจําลองยุทธ์ สิ่งดังกล่าวนี้อาจเกี่ยวข้องกับภารกิจ ภูมิประเทศ ข้าศึก หรือสิ่งต่าง ๆ ในยุทธการ โดยอาจนํามาประยุกต์ใช้เพียงหนทางปฏิบัติเดียวหรือทุกหนทางปฏิบัติก็ได้ ๑) ตัวอย่างของข้อได้เปรียบประกอบด้วย ก) ใช้เส้นทางที่มีการปกปิดกําบังและซ่อนพรางมากที่สุด ข) เพิ่มเวลาให้กับการลาดตระเวนของผู้บังคับหน่วย ค) สนับสนุนการลดนํ้าหนักบรรทุกของทหาร ง) เปิดโอกาสที่ดีมากสําหรับการจู่โจม จ) จํากัดความเสี่ยงตามแนวทางเคลื่อนที่รอง ๒) ตัวอย่างข้อเสียเปรียบประกอบด้วย ก) มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกตรวจพบจากที่ตรวจการณ์ของข้าศึก ข) กระสุน เครื่องยิงลูกระเบิดจะเพิ่มนํ้าหนักบรรทุกแก่ทหาร ค) ข้อกําหนดของเวลาทําให้ต้องเคลื่อนที่ในเวลากลางวัน ง) ไม่ได้โจมตีต่อจุดอ่อนของข้าศึก ข. เหตุการณ์วิกฤติในทุก ๆ การยุทธ์ จะมีเหตุการณ์หรือกิจกรรมที่มีผลกระทบสําคัญต่อความสําเร็จ ของภารกิจ สิ่งเหล่านี้อาจพิสูจน์ทราบได้ระหว่างการวิเคราะห์ภารกิจ การวิเคราะห์สถานการณ์ หรือการ จําลองยุทธ์ โดยปกติหน่วยระดับกองร้อยจะประยุกต์เหตุการณ์วิกฤติเข้ากับทุกหนทางปฏิบัติ ปัจจัยสําคัญใน การเปรียบเทียบมักจะเป็นผลมาจากเหตุการณ์วิกฤติ ตัวอย่างเหตุการณ์วิกฤติที่เป็นไปได้ประกอบด้วย ๑) การผ่านแนว (ฝ่ายเดียวกัน) ไปข้างหน้า ๒) การข้ามลํานํ้าใหญ่ที่มุ่งเข้าสู่ที่หมาย ๓) การเจาะเครื่องกีดขวางที่มีการคุ้มครอง
๕๒ ๔) การยึดพื้นที่เจาะ ณ ที่หมาย ๕) การส่งกลับผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ๖) การเอาชนะการลาดตระเวนของข้าศึก ๗) การควบคุมการยิงของหน่วยไปยังพื้นที่ระดมยิง (โจมตี) ค. ปัจจัยสําคัญ มีปัจจัยตามปกติที่ต้องเพ่งเล็งในการเปรียบเทียบแต่ละหนทางปฏิบัติปัจจัยนี้จะถูก เลือกสําหรับแต่ละภารกิจทางยุทธวิธี โดยยึดถือพื้นฐานจากความสําเร็จของภารกิจเป็นหลัก ปัจจัยดังกล่าวจะ มีความสําคัญเพราะว่ามีผลกระทบโดยตรงต่อความสําเร็จของภารกิจ รายละเอียดที่มากเกินไปจะลด ความสําคัญของปัจจัยที่สําคัญยิ่ง เพราะฉะนั้นผู้บังคับกองร้อยจะต้องจํากัดจํานวนปัจจัยสําคัญที่จะนํามา พิจารณา โดยปกติ ๓ ถึง ๗ ปัจจัยจะมีความเหมาะสมในการเปรียบเทียบ แบบพื้นฐานของปัจจัยสําคัญมี ๒ แบบ คือ ปัจจัยกิจเฉพาะ และปัจจัยทั่วไป ๑) ปัจจัยกิจเฉพาะ ปัจจัยนี้เกิดจากความต้องการของกิจเฉพาะ โดยทั่วไปจะถูกกําหนดด้วย เหตุการณ์วิกฤติ ซึ่งพิสูจน์ทราบในระหว่างการจําลองยุทธ์และอาจเป็นผลลัพธ์จากข้อได้เปรียบและเสียเปรียบ ของแต่ละหนทางปฏิบัติ ตัวอย่างดังนี้ ก) การส่งกลับผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ข) นํ้าหนักบรรทุกของทหาร ค) ประสิทธิภาพในการบรรลุภารกิจ ง) การใช้เวลา ๒. ปัจจัยทั่วไป ปัจจัยนี้จะใช้กับทหารราบในทุกการยุทธ์ ประกอบด้วยหลักการสงครามการ รบร่วมอากาศ - พื้นดิน ความเสี่ยงที่พัวพันอยู่ คุณลักษณะของการรบด้วยวิธีรุกและวิธีรับ และแนวทางหลัก นิยมอื่น ๆ แม้ว่าปัจจัยนี้จะประยุกต์ใช้ในทุกการปฏิบัติทางยุทธวิธี แต่จะมีปัจจัยจํานวนหนึ่งที่สําคัญมากต่อ ภารกิจ ผู้บังคับกองร้อยจะต้องกําหนดให้ได้ว่าเป็นปัจจัยใดแล้วบันทึกรายการเป็นปัจจัยสําคัญ ตัวอย่างเช่น ก) การระวังป้องกัน ข) ความง่าย ค) การขยายผลต่อความอ่อนแอของข้าศึก ง) ความเสี่ยงที่ใคร่ครวญ จ) การรบกวนการเข้าตีของข้าศึก ฉ) การรวมอํานาจกําลังรบ ณ จุดแตกหัก ช) การใช้ทัศนวิสัยที่จํากัด ซ) การใช้อาวุธหลัก ง. ตารางการตกลงใจ เมื่อผู้บังคับกองร้อยได้ทําการเลือกปัจจัยสําคัญแล้ว จะต้องตกลงใจว่าหนทาง ปฏิบัติใดจะสนับสนุนปัจจัยสําคัญได้ดีที่สุด ผู้บังคับกองร้อยใช้แต่ละปัจจัยสําคัญเปรียบเทียบหนทางปฏิบัติ แล้วทําการตกลงใจ ๑) ตารางการตกลงใจหนทางปฏิบัติ จะทําให้ง่ายต่อการพิจารณาปัจจัยสําคัญในรายละเอียด ได้มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีปัจจัยสําคัญจํานวนมากสําหรับการเปรียบเทียบหนทางปฏิบัติของผู้บังคับกองร้อย จึงมีความจําเป็นที่ผู้บังคับกองร้อยจะใช้ปัจจัยสําคัญจากการประมาณสถานการณ์ เพื่อพัฒนาตารางการตก ลงใจ ปัจจัยกิจเฉพาะจะถูกใช้มากขึ้นเท่าที่เป็นไปได้ ดังตัวอย่างตารางการตกลงใจตามรูปที่ ๒ - ๙
๕๓ ๒) มีหลายวิธีการปฏิบัติที่นํามาใช้ในการจัดทําตารางการตกลงใจสําหรับวิธีการที่ง่ายที่สุด ก็คือ การให้เครื่องหมาย + กับหนทางปฏิบัติที่สนับสนุนได้ดีที่สุดในแต่ละปัจจัยสําคัญ ส่วนหนทางปฏิบัติที่เหลือทั้ง หมดให้เครื่องหมาย - นอกจากนี้มีอีกวิธีการหนึ่ง ก็คือ การให้ลําดับดีเด่นแต่ละหนทางปฏิบัติในแต่ละปัจจัย สําคัญ โดยหนทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับแต่ละปัจจัยสําคัญให้ ๑ ดีรองลงมาให้ ๒ และตํ่าสุดให้ ๓ ซึ่ง หนทางปฏิบัติที่มีผลรวมน้อยที่สุด จะเป็นหนทางปฏิบัติที่สนับสนุนปัจจัยสําคัญได้ดีที่สุด ๒ - ๒๒ การตกลงใจ ขั้นที่ ๕ ของการประมาณสถานการณ์คือการตกลงใจ ผู้บังคับกองร้อย จะเลือก หนทางปฏิบัติที่คิดว่ามีโอกาสดีที่สุดในการบรรลุภารกิจ ผลลัพธ์จากการเปรียบเทียบหนทางปฏิบัติในขั้นที่ ๔ จะช่วยในการตกลงใจดังกล่าวนี้ ผู้บังคับกองร้อยอาจไม่เลือกหนทางปฏิบัติที่ตารางการตกลงใจบ่งชี้ว่าเป็น หนทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ทั้งนี้อาจจะมีปัจจัยบางอย่างที่ไม่ได้รวมอยู่ในตารางการตกลงใจ แต่ในขณะนั้นมี ผลกระทบที่โดดเด่นต่อภารกิจ ตัวอย่างเช่น ในขณะที่ทําการวิเคราะห์กําลังทหารที่มีอยู่ในขั้นที่ ๒ และทําการ เลือกปัจจัยสําคัญในขั้นที่ ๔ ผู้บังคับกองร้อยอาจไม่ทราบถึงสถานภาพปัจจุบันของสภาพทางกายของ กองร้อย หลังจากที่ได้รับทราบการประเมินค่าถึงความอ่อนล้าของกองร้อย ผู้บังคับกองร้อยอาจตกลงใจว่าสิ่งนี้ เป็นปัจจัยสําคัญที่สุดในการพิจารณาการตกลงใจครั้งนี้ แม้ว่าการตกลงใจได้กระทําเสร็จแล้วและแจกจ่ายคําสั่ง ไปก่อนที่จะพิจารณาข่าวสารนี้ ผู้บังคับกองร้อยก็ควรที่จะปรับปรุงการประมาณสถานการณ์โดยทันที และตก ลงใจว่าสิ่งนี้อาจมีผลกระทบอะไรต่อภารกิจ กระบวนการในการประมาณสถานการณ์ที่ต่อเนื่องนี้จะทําให้ผู้ บังคับกองร้อยตกลงใจในระหว่างการรบได้อย่างรวดเร็ว ปัจจัย หนทางปฏิบัติ (หป.) หป.๑ หป.๒ หป.๓ ๑) การจู่โจม ๒) ความอ่อนตัว ๓) ความเร็ว ๔) อํานาจกําลังรบ ณ จุดแตกหัก ๕) การใช้ภูมิประเทศสําคัญ ๖) นํ้าหนักบรรทุกของทหาร สรุปผลรวม ๒ ๓ ๑ รูปที่ ๒ - ๙ ตารางตกลงใจการหาหนทางปฏิบัติ ๒ - ๒๓ จัดทําแผนสมบูรณ์ ข้อเพ่งเล็งของกระบวนการนี้จะเกิดจากผลการใช้อํานาจกําลังรบที่จุดแตกหัก เพื่อให้เกิดผลดังกล่าวนี้ ผู้บังคับกองร้อยจะกําหนดที่ตั้งให้กับหน่วยและอาวุธ มอบงานและวัตถุประสงค์พร้อม ทั้งแบ่งมอบทรัพยากร กําหนดมาตรการควบคุม และการประสานสอดคล้องกิจกรรมต่างๆโดยทบทวนการ พิจารณาเหตุผลจากการประมาณสถานการณ์เพื่อให้แผนสมบูรณ์ขึ้น ในการทําแผนขั้นต้นให้สมบูรณ์ผู้บังคับ กองร้อยจะเริ่มต้นด้วยหนทางปฏิบัติที่เลือกไว้ในขั้นที่ ๕ ของการประมาณสถานการณ์แล้วขยายความหนทาง ปฏิบัติดังกล่าวนี้ไปเป็นคําสั่งยุทธการที่สมบูรณ์ทั้ง ๕ ข้อ แบบของคําสั่งยุทธการจะเป็นแนวทางหนึ่งสําหรับ การตัดสินใจว่าข่าวสารอะไรที่ต้องการเพื่อให้แผนมีความสมบูรณ์
๕๔ ก. การจัดเฉพาะกิจ การจัดเฉพาะกิจโดยทั่วไปเป็นพื้นฐานมาจากหนทางปฏิบัติ แต่บางโอกาสอาจ มาจากผลลัพธ์การจําลองยุทธ์ อย่างไรก็ตามผู้บังคับกองร้อยจะต้องยึดถือตามการจัดเฉพาะกิจในคําสั่งของกอง พัน และให้มั่นใจว่าเครื่องมือทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ความควบคุมได้รวมอยู่ในแผนของตนเอง ผู้บังคับกองร้อย กําหนดการจัดเฉพาะกิจโดยทั่วไปจากหนทางปฏิบัติ และพัฒนาการจัดเฉพาะกิจที่แน่นอนจนถึงระดับหมู่และ อาวุธให้กับแต่ละหมวดของตนเอง ข. สถานการณ์ข้าศึก สถานการณ์ข้าศึกในคําสั่งยุทธการของกองพัน (ข้อ ๑ ก) แม้ว่าจะใช้เป็น พื้นฐาน แต่ผู้บังคับกองร้อยจะทําการกลั่นกรองเพื่อเตรียมรายละเอียดที่ต้องการอย่างเพียงพอต่อหน่วยรอง ของตน ผู้บังคับกองร้อยจะพิจารณาถึงผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ข้าศึกเพื่อกําหนดข่าวสารที่ต้องกล่าวไว้ใน ย่อหน้าที่ ๑ ก. สิ่งนี้อาจประกอบด้วยการประกอบกําลัง การวางกําลัง ความแข็งแกร่ง กิจกรรมล่าสุดและขีด ความสามารถของข้าศึก หนทางที่ข้าศึกน่าจะปฏิบัติมากที่สุดซึ่งใช้ในกระบวนการจําลองยุทธ์ แผ่นบริวาร ข้าศึกควรที่จะรวมอยู่ด้วย ค. สถานการณ์ฝ่ายเรา ข่าวสารนี้จะหาได้ในข้อ ๑ ข, ข้อ ๒ และ ข้อ ๓ คําสั่งยุทธการของกองพัน ภารกิจและแนวความคิดในการปฏิบัติของกองพันอยู่ในข้อ ๒ และ ๓ ก. ตามลําดับ หน่วยข้างเคียงของ กองร้อย (ซ้าย ขวา หน้าและหลัง) สามารถหาได้จากแผ่นบริวารยุทธการ แถลงภารกิจหน่วยข้างเคียง จะอยู่ ในข้อ ๑ ข. (กองพันข้างเคียง) และ ๓ ก. (กองร้อยข้างเคียง) หน่วยที่ให้การสนับสนุนกองร้อยจะอยู่ในการจัด เฉพาะกิจของกองพันและย่อหน้าที่ ๑ ข. (นอกกองพัน) และข้อ ๓ (เครื่องมือของกองพัน) ง. แถลงภารกิจ แถลงภารกิจจะถูกกําหนดในขั้นที่ ๑ ของการประมาณสถานการณ์ โดยปกติจะเขียน โดยชัดเจนในข้อ ๓ ของคําสั่งยุทธการกองพัน จ. แนวความคิดในการปฏิบัติ จะบรรยายถึงความตั้งใจของผู้บังคับกองร้อยมีอย่างไรบ้าง เพื่อบรรลุ ภารกิจของตนเอง ในระดับของกองร้อยข้อย่อยของการดําเนินกลยุทธ์และการยิงจะรวมอยู่ด้วยกันเมื่อต้องการ ให้แนวความคิดมีความชัดเจนหรือต้องการความมั่นใจในการประสานสอดคล้องก็อาจมีข้อย่อยเพิ่มเติม เช่น งานช่าง สงครามอีเล็กทรอนิกส์ การข่าวกรอง และการป้องกันภัยทางอากาศแผ่นบริวารและแผ่นภาพลายเส้น แนวความคิดจะนํามาใช้ในการอ้างอิง ๑) การดําเนินกลยุทธ์ ในข้อย่อยของการดําเนินกลยุทธ์ควรที่จะเพ่งเล็งไปยังการปฏิบัติที่ แตกหัก อย่างไรก็ดีอาจบรรยายการดําเนินกลยุทธ์ตลอดการปฏิบัติในระดับของกองร้อย ข้อย่อยการดําเนิน กลยุทธ์ที่กําหนดภารกิจให้แก่หมวด/ตอน และยืนยันความพยายามหลัก ปกติจะไม่ต้องการความชัดเจน เพิ่มเติม เมื่อใดที่มีความต้องการข่าวสารเพิ่มเติมในการที่จะให้ความชัดเจนต่อแนวความคิด ผู้บังคับกองร้อย อาจสอดแทรกในหัวข้อแนวความคิดในการปฏิบัติ ข่าวสารเกี่ยวกับรูปขบวนการเคลื่อนย้าย หรือเทคนิค หรือ ลําดับการเคลื่อนย้ายควรรวมอยู่ด้วยถ้าช่วยเพิ่มความชัดเจนแนวความคิด ปกติข้อย่อยคําแนะนําในการ ประสานจะเป็นหัวข้อที่เหมาะสมสําหรับรูปแบบของข่าวสารนี้ ๒) การยิง จะบรรยายถึงความตั้งใจของผู้บังคับกองร้อยในการยิงสนับสนุนการดําเนินกลยุทธ์ ของตน นายทหารยิงสนับสนุนของกองร้อยอาจจะเตรียมรายละเอียดในเรื่องนี้ โดยยึดถือแนวทางของผู้บังคับ กองร้อย โดยปกติจะแถลงวัตถุประสงค์ที่จะทําให้สําเร็จด้วยการยิง ความเร่งด่วนในการยิงของกองร้อยและ กําหนดความเร่งด่วนของเป้าหมายต่าง ๆ บัญชีเป้าหมายหรือแผ่นบริวารอาจนํามาใช้การอ้างอิง กิจเฉพาะของ เครื่องยิงลูกระเบิดกองร้อยควรที่จะแถลงไว้ในข้อย่อยนี้ ถ้าช่วยให้เกิดความชัดเจนตามแนวความคิดในการ ปฏิบัติ ๓) การปฏิบัติงานช่างจะปรากฏบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในการตั้งรับ ในข้อย่อยนี้ต้องการให้มีความ ชัดเจนเกี่ยวกับแนวความคิดในการปฏิบัติสําหรับการเตรียมเครื่องกีดขวาง สนามทุ่นระเบิดและป้อมสนาม
๕๕ เมื่อใดที่กองร้อยได้รับการสนับสนุนเครื่องมือหรือ หน่วยทหารช่าง ผู้บังคับกองร้อยจะต้องกําหนด แนวทางในการใช้ เครื่องมือนั้น ๆ โดยอาจกระทําด้วยการกําหนดความเร่งด่วนของความพยายาม (ความอยู่รอด การต่อต้าน ความคล่องแคล่ว ความคล่องแคล่ว) และความเร่งด่วนในการสนับสนุนหน่วยรอง (หมวดที่ ๓ หมวดที่ ๑ ตอน ต่อสู้อากาศยาน หมวดที่ ๒ ตอน ค.๖๐ และที่บังคับการกองร้อยตามลําดับ) ฉ. งานสําหรับหน่วยดําเนินกลยุทธ์ ในหัวข้อนี้จะกําหนดงานและข้อจํากัดของ หมวดและตอนในแต่ละ หน่วยรองโดยแยกเป็นแต่ละข้อย่อย ข่าวสารจะได้มาจาก ๒ แหล่ง คือ งานและข้อจํากัดที่พิสูจน์ทราบระหว่าง การวิเคราะห์ภารกิจและกระบวนการจําลองยุทธ์ ๑) งานจากการวิเคราะห์ภารกิจ อาจต้องการหน่วยรองเพียงหน่วยเดียวในการปฏิบัติให้สําเร็จ ในกรณีนี้ผู้บังคับกองร้อยจะตกลงใจว่าหน่วยใดเป็นหน่วยที่ต้องปฏิบัติงานนี้และมอบหมายให้ ตัวอย่างของ งานมีดังต่อไปนี้ ก) จัดเตรียม ๑ หมู่ เพื่อแบกหามกระสุนสําหรับหมวดเครื่องยิงลูกระเบิดของกองพัน ข) จัดตั้งที่ตรวจการณ์ ๑ แห่ง บริเวณพิกัด NB ๒๓๓๘๗๖ ไม่ช้ากว่า ๒๓๑๐๐๐ พ.ย. ในงานอื่น ๆ อาจต้องการหน่วยรอง ๒ หน่วย หรือมากกว่าหรือทั้งกองร้อยที่จะ ดําเนินการ ในกรณีนี้ผู้บังคับกองร้อยจะต้องทํารายการของงานและข้อจํากัดในคําแนะนําในการประสาน ๒) งานจากการจําลองยุทธ์ของหนทางปฏิบัติ ซึ่งจะประกอบด้วย ก) ทําอย่างไรจึงจะเกิดการประสานสอดคล้อง ข) การระวังป้องกันกองร้อยตลอดห้วงการยุทธ์จะดําเนินการอย่างไร ค) ทําอย่างไรจึงจะรวมอํานาจกําลังรบ ณ จุดแตกหัก ง) จะดําเนินการอย่างไรกับนํ้าหนักบรรทุกของทหาร จ) ทําอย่างไรจึงจะลดอํานาจกําลังรบของข้าศึก เพื่อทําให้แต่ละความต้องการประสบความสําเร็จ ผู้บังคับกองร้อยจะแบ่งมอบกิจเฉพาะพร้อมทั้ง กําหนดข้อจํากัดให้กับแต่ละหน่วยรอง โดยอาจบันทึกไว้ในหัวข้อนี้หรือบันทึกอยู่ในแผ่นบริวารยุทธการหรือ แผ่นภาพแนวความคิดก็ได้ ช. งานสําหรับหน่วยสนับสนุนการรบ มว. ค.๖๐ และหน่วยสนับสนุนอื่น ๆ (ทหารช่าง ปืนใหญ่ ป้องกันภัยทางอากาศและอื่น ๆ) จะกล่าวไว้ในส่วนนี้ ซ. คําแนะนําในการประสาน ข้อความดังกล่าวนี้ต้องการให้เป็นประโยชน์ต่อหน่วยรองตั้งแต่ ๒ หน่วยขึ้นไปเพื่อใช้ในการประสานการปฏิบัติ ซึ่งอาจกําหนดขึ้นโดยกองพัน หรือพื้นฐานความต้องการจากการ พัฒนาหนทางปฏิบัติของผู้บังคับกองร้อย ถ้าเรื่องใดไม่เป็นประโยชน์ต่อหน่วยรองทุกหน่วย จะต้องระบุให้ ชัดเจนว่าหน่วยใดเป็นหน่วยที่จะต้องปฏิบัติ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ๑) การป้องกันสารเคมีระดับ ๔ มีผลตั้งแต่ ๑๖๐๗๐๐ มี.ค.๓๙ ๒) ตารางเวลาของกองร้อย ๓) หมวด ๒ และ ๓ ให้บรรทุกลูกระเบิดยิง ค. หน่วยละ ๓๐ นัด ๔) แผนการเสริมความมั่นคง ๕) การซักซ้อมของกองพันใน ๒๑๑๕๐๐ ธ.ค.๔๐ ด. การสนับสนุนการช่วยรบ ข้อความในข้อนี้จะให้ข่าวสารการส่งกําลังบํารุงที่สําคัญที่ต้องการสําหรับ การดํารงความอยู่รอดของกองร้อยในระหว่างการปฏิบัติ ข่าวสารส่วนใหญ่จะนํามาจากคําสั่งยุทธการของ กองพันและความต้องการเพิ่มเติมที่เกิดจากแนวความคิดของผู้บังคับ กองร้อย ซึ่งอาจประกอบด้วย ๑) ที่ตั้งขบวนสัมภาระของกองร้อย
๕๖ ๒) แผนการส่งกลับผู้เสียชีวิตและ บาดเจ็บ ๓) คําแนะนําในการเก็บรักษาเครื่องหลัง สิ่งอุปกรณ์ และยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ๔) แผนการเพิ่มเติมสิ่งอุปกรณ์ ต. การบังคับบัญชาและการสื่อสาร ในข้อนี้จะกําหนดที่ตั้งของเครื่องมือในการบังคับบัญชาควบคุม ตลอดจนที่อยู่ของบุคคลสําคัญในระหว่างการปฏิบัติ โดยจะรวมทั้งข่าวสารจากคําสั่งยุทธการกองพันซึ่งหน่วย รองจําเป็นต้องทราบ ๑) สถานที่ตั้ง ที่บังคับการหลักของกองพัน และกลุ่มบังคับบัญชา ๒) การติดต่อสื่อสารวิกฤติที่ต้องการ เช่น การเฝ้าฟังวิทยุจะมีผลเมื่อผ่านแนวออกตี ๓) การสื่อสารสําหรับเหตุการณ์หรือการปฏิบัติเฉพาะ โดยแนวความคิดของกองร้อยจะ เหมือนกับความต้องการของผู้บังคับกองร้อยซึ่งจะประกอบด้วย ก) สถานที่อยู่ของผู้บังคับกองร้อยหรือ ที่บังคับการกองร้อยและรองผู้บังคับกองร้อย ข) การปรับปรุงระเบียบปฏิบัติประจําของหน่วย เช่น การเปลี่ยนลําดับการบังคับบัญชา หรือการทําเครื่องหมายเขตรับขึ้น ค) สัญญาณฉุกเฉินสําหรับการปฏิบัติวิกฤติ ง) ข่าวสารทางการสื่อสาร หมายเหตุ : แผนขั้นต้นควรที่จะมีข่าวสาร เพื่อสามารถแจกจ่ายและปฏิบัติได้ในกรณีที่ไม่มีเวลาพิสูจน์ทราบ ด้วยการลาดตระเวน ตอนที่ ๔ การปฏิบัติการต่อเนื่อง การปฏิบัติการต่อเนื่องเป็นการรบที่ดําเนินการตามวงรอบอย่างต่อเนื่องด้วยระดับความเข้มสูง ซึ่ง ต้องการทหารที่สามารถทําการรบได้ระยะเวลายาวนานโดยไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย โอกาสในการนอนมี เพียงเล็กน้อยตลอดห้วงเวลากลางวันและกลางคืน การดํารงความต่อเนื่องในการยุทธ์จะปฏิบัติตลอด ๒๔ ชั่วโมงต่อวันโดยมีโอกาสนอนเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ๒ - ๒๔ การดํารงความต่อเนื่อง คือการที่กําลังทหารหรือหน่วยขนาดเล็กชุดเดียวกันสู้รบติดพันอยู่ในการรบ โดยไม่มีโอกาสผละออกหรือมีเวลาเพียงเล็กน้อยสําหรับทหารในการนอน หน่วยทหารราบจะต้องวางแผนเป็น ประจําสําหรับการดํารงความต่อเนื่องในการรบ ๒ - ๒๕ การบั ่นทอนขีดความสามารถในการรบ ในขณะที่การยุทธ์ดําเนินไปอย่างต่อเนื่อง กําลังทหารจะ แสดงอาการให้เห็นถึงผลโดยทั่วไปของความเหนื่อยล้าและขาดการนอน หากปราศจากการแก้ไขหน่วยจะ แสดงออกถึงการเสื่อมประสิทธิภาพของการรบ จากบทเรียนที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่าการปฏิบัติจะลดลง ๒๕ เปอร์เซ็นต์ ในแต่ละ ๒๔ ชั่วโมงที่ไม่มีการนอน หลังจาก ๙๖ ชั่วโมงการปฏิบัติจะอยู่ใกล้ศูนย์ การกําหนด ความอดทนจะต้องเสริมด้วยการทําในสิ่งตรงข้ามกับผลกระทบเพื่อทําให้อัตราการเสื่อมสภาพลดลง มันเป็น การยากที่จะปฏิบัติงานที่ได้รับให้ได้ตามมาตรฐานที่กําหนด ผู้บังคับหน่วยจําเป็นต้องรู้ถึงลักษณะอาการที่ แสดงออกถึงการอดนอนที่เกิดขึ้นกับหน่วยรอง ก. จากการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าการแสดงออกมาทุกตําแหน่งหน้าที่ไม่ได้เสื่อมสภาพลงในระดับที่ เท่ากัน ผลการแสดงออกในตําแหน่งหน้าที่ที่มีงานหนักด้านการใช้สมอง (การตกลงใจการคํานวณ การคิด การทําข้อพิจารณา) จะเสื่อมสภาพลงมากกว่าตําแหน่งที่ซึ่งใช้กําลังกายเป็นหลัก (การยิง การวิ่ง การยก การขุด)
๕๗ ข. สิ่งที่เพิ่มการเสื่อมสภาพจะมีผลจาก ความกลัว ความเหนื่อยล้า การอดนอน ซึ่งจะเป็น เหตุให้สูญเสียประสิทธิภาพในการปฏิบัติการป้องกันสารเคมีระดับ ๔ ในขณะที่หน่วยใช้เครื่องมือในการป้องกัน นิวเคลียร์ชีวะเคมีเต็มอัตรา การตัดสินใจจะลดลง การติดต่อสื่อสารจะมีประสิทธิภาพน้อย และการไหลเวียน ของข่าวสารระหว่างหน่วยจะลดลง ๒ - ๒๖ การดํารงความต่อเนื่อง การดํารงไว้ซึ่งประสิทธิภาพ ในสถานการณ์ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการดํารงการ ยุทธ์ให้ได้รับชัยชนะ ต่อไปนี้จะเป็นวิธีการของผู้บังคับหน่วยในการที่จะลดความเสื่อมสภาพ พัฒนาขีด ความสามารถของทหารและเตรียมหน่วยให้มีความพร้อมในการรบต่อเนื่อง ก. สร้างสุขภาพที่ดีให้เกิดขึ้นในตัวทหาร มาตรการป้องกันจะใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเพื่อ รักษาสุขภาพของทหารและความตื่นตัว สิ่งนี้จะรวมถึงการปรับปรุงและการดํารงไว้ซึ่งสุขภาพที่ดี การรักษา ความสมดุลทางโภชนาการและการสร้างภูมิคุ้มกัน ข. เตรียมผู้นําที่ดี ผู้นําจะเป็นหลักในการดํารงความต่อเนื่องในการรบของหน่วย ค. กําหนดมาตรฐานที่สูง ความสําเร็จในระหว่างการรบต่อเนื่องมีความต้องการทหารอาชีพที่มี มาตรฐานสูงสุด ง. พัฒนาความมั่นใจเป็นบุคคล หน่วยจะสามารถต้านทานสถานการณ์ที่เป็น (ฝ่ายตรงกันข้าม) ต่อ การรบต่อเนื่องได้ง่ายขึ้น ถ้าทหารทุกคนจะดํารงไว้ซึ่งการมองเหตุการณ์ในแง่ดี และแสดงออกถึงความมั่นใจ ซึ่งหากกระทําได้ตามนี้ก็จะเปรียบเสมือนกําแพงที่แข็งแกร่งในการต่อต้านความเครียดและความเสื่อมสภาพ การปฏิบัติ จ. จัดตั้งข่ายการติดต่อสื่อสารที่เชื่อถือได้ ในการรบความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของหน่วยฝ่ายเรา และข้าศึกจะช่วยรักษาชีวิตทหาร ฉ. การฝึกแลกเปลี่ยน จะช่วยทําให้เกิดความมั่นใจว่าจะสามารถหาบุคคลมาปฏิบัติหน้าที่ได้ในงาน วิกฤติหรือช่วยปฏิบัติงานที่มีความวิกฤติ ควรจะกําหนดความเร่งด่วนสําหรับการฝึกแลกเปลี่ยน ช. พัฒนา (แนวความคิด) ในการจัดการกับความเครียดเป็นทักษะการรบที่มีความสําคัญในการรบ ต่อเนื่อง ปัญหาอาจขยายความรุนแรงเพิ่มขึ้นถ้าผู้บังคับหน่วยและทหารไม่ได้นอนวันละ ๔ ชั่วโมงติดต่อกัน หลายวัน ทั้งนี้ตามอุดมคติเวลาทั้ง ๔ ชั่วโมง ควรจะเป็นเวลาที่ต่อเนื่องกัน ซ. พัฒนาร่างกายให้แข็งแรง การที่มีร่างกายแข็งแรงจะทําให้สามารถหายจากการอ่อนล้าได้อย่าง รวดเร็ว ด. เสริมสร้างความทรหด ทหารที่แข็งแรงสมบูรณ์จะยืนหยัดต่อความเครียดของการรบที่ต่อเนื่องได้ ดีกว่า ต. เสริมสร้างจิตใจและความมุ่งมั่นในการเอาชัยชนะ ในการรบที่ต่อเนื่องการอุทิศหัวใจที่เด็ดเดี่ยว อย่างแท้จริงจะให้ความเข้มแข็งเป็นพิเศษในการเอาชนะ ถ. ส่งเสริมความสามัคคี ความรักหมู่รักคณะ ขวัญและกําลังใจ ตลอดจนความรักใคร่ผูกพันจะทํา ให้หน่วยอยู่ร่วมกัน ความรักหมู่รักคณะจะทําให้พวกเขาอุทิศตนให้กับความผูกพันของหน่วย และความรัก หมู่รักคณะจะเป็นแหล่งกําเนิดที่สําคัญของความเข้มแข็ง ในการอดทนต่อความเครียดที่เกิดขึ้นในการรบที่ ต่อเนื่อง ท. ประกันและส่งเสริมให้ทหารได้มีเสรีในการปฏิบัติตามความเชื่อของเขา อย่าสนใจเบื้องหลังของ ศาสนาของเขา ทหารโดยทั่วไปจะอุ่นใจและมีจิตใจ ถ้าผู้บังคับกองร้อยสนับสนุนหรือช่วยให้อนุศาสน์กองพัน มาเยี่ยมเยียนหน่วย
๕๘ ๒ - ๒๗ แผนการพักผอนของหน่ ่วย ผู้บังคับ หน่วยจะต้องมั่นใจได้ว่าหน่วยของเขาสามารถปฏิบัติ หน้าที่ในการรบที่มีความต่อเนื่อง หนทางเดียวที่หน่วยจะสามารถปฏิบัติการรบที่ต่อเนื่องได้ด้วยการที่ทหาร และผู้บังคับหน่วยมีการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ก. ผู้บังคับกองร้อยจะต้องกําหนดและบังคับใช้แผนการทํางาน – พักผ่อน – นอนหลับ สําหรับ กองร้อย ซึ่งจะกําหนดให้ผู้บังคับหน่วยมีการนอนหลับเช่นเดียวกันกับทหาร ลําดับความเร่งด่วนในการนอน หลับจะมุ่งไปสู่ผู้ที่ทําหน้าที่จัดทําข้อพิจารณา และตกลงใจที่วิกฤติเพื่อความสําเร็จของภารกิจ ข. แผนควรจะยินยอมให้ทหารได้มีเวลานอนหลับอย่างน้อย ๔ - ๕ ชั่วโมงของแต่ละ ๒๔ ชั่วโมง สิ่งนี้จะทําให้การปฏิบัติสามารถดํารงอยู่ได้ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน เวลา ๖ - ๘ ชั่วโมงของการนอนหลับ สามารถทําให้การปฏิบัติต่อเนื่องได้อย่างไม่มีกําหนด
๕๙ บทที่ ๓ การเคลื่อนที่ การเคลื่อนที่จะมีความเร็วเพียงใดขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ ความคล่องแคล่วของหน่วยและ สถานการณ์ของข้าศึกที่เผชิญอยู่ จุดเด่นประการหนึ่งของกองร้อยอาวุธเบา คือความสามารถในการเคลื่อนที่ ผ่านเกือบทุกสภาพภูมิประเทศและลมฟ้าอากาศ ถ้ากองร้อยอาวุธเบาสามารถเคลื่อนที่โดยไม่ถูกตรวจพบก็จะ มีข้อได้เปรียบเหนือกําลังข้าศึก ถ้าเกิดถูกตรวจพบในระหว่างการเคลื่อนที่ ข้าศึกอาจรวมอํานาจการรบต่อ กองร้อยได้ ความสามารถในการเพิ่มหรือดํารงความริเริ่ม มักจะขึ้นอยู่กับการเคลื่อนที่ของหน่วยที่ไม่ถูกตรวจ พบ กองร้อยอาวุธเบาจะต้องอาศัยภูมิประเทศเป็นอย่างมากในการป้องกันการยิงจากข้าศึก ผบ.ร้อย. สามารถ ป้องกันกองร้อยของตนเองในระหว่างการเคลื่อนที่ได้ด้วยการใช้รูปขบวนและวิธีการเคลื่อนที่ที่เหมาะสม และ การประยุกต์ใช้หลักพื้นฐานในการเคลื่อนที่ที่จะกล่าวถึงในบทนี้ ๓ - ๑ หลักการพื้นฐาน การประมาณสถานการณ์ของ ผบ.ร้อย. จะช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าทําอย่างไรหน่วย ของตนจึงจะเคลื่อนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งไม่มีรูปแบบที่กําหนดไว้ตายตัว หลักการพื้นฐานต่อไปนี้ เป็นแนวทางสําหรับการวางแผนการเคลื่อนที่ของกองร้อยอย่างมีประสิทธิภาพ ก. อย่าสับสนระหว่างการเคลื่อนที่กับการดําเนินกลยุทธ์ การดําเนินกลยุทธ์หมายความถึงการ เคลื่อนที่ที่มีการยิงสนับสนุนเพื่อที่จะช่วงชิงที่มั่นที่ได้เปรียบเหนือข้าศึก ในระดับกองร้อย การพิจารณาทั้งสอง ประการจะมีความคาบเกี่ยวกัน ในขณะที่ทําการวางแผนการเคลื่อนที่ของกองร้อย ผบ.ร้อย. จะต้องมั่นใจได้ ว่าหน่วยจะต้องเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่สนับสนุนการเปลี่ยนเป็นการดําเนินกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว ทันทีที่เกิด การปะทะข้าศึกหมู่และหมวดจะได้รับการยิงสนับสนุนอย่างมีประสิทธิภาพ และ ผบ.หน่วย สั่งการเริ่มต้น การดําเนินกลยุทธ์หน่วยของตน ทั้งนี้จะเกิดขึ้นได้ด้วยการฝึกทําการรบที่เหมาะสม ข. การลาดตระเวน การลาดตระเวนควรจะกระทําในทุกระดับหน่วย สถานการณ์ข้าศึกและเวลาที่มี อยู่จะเป็นข้อจํากัดการ ลว.ของหน่วย ผู้บังคับหน่วยทุกคนในทุกระดับจะต้องทําการหาข่าวสารภูมิประเทศและ ข้าศึกในเชิงรุก เทคนิคประการหนึ่งในการลาดตระเวนที่มีประสิทธิภาพ คือการส่งส่วนลาดตระเวนขนาดเล็กไป ข้างหน้าหมวดนํา แม้ว่าหน่วยนี้จะห่างจากกองร้อยไปข้างหน้าเพียง ๑๕ นาที แต่ก็สามารถให้ข่าวสารที่มี คุณค่าหรือให้กองร้อยมีเวลาตอบโต้อย่างเพียงพอ ค. การใช้ภูมิประเทศและลมฟ้าอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ กองร้อยควรจะเคลื่อนที่ในเส้นทางที่ กําบังและซ่อนพราง การเคลื่อนที่ในขณะทัศนวิสัยจํากัดจะเพิ่มการซ่อนพราง และข้าศึกมีความตื่นตัวน้อยใน ห้วงเวลาดังกล่าว การวางแผนจะหลีกเลี่ยงการเคลื่อนที่ผ่านพื้นที่อันตราย ง. การเคลื่อนที่เป็นหมวดและหมู่ ข้อได้เปรียบของกองร้อยในการเคลื่อนที่เป็นหมู่ และ หมวด ประกอบด้วย ๑) เคลื่อนที่ได้เร็วกว่า ๒) มีความปลอดภัยสูงกว่า หน่วยขนาดเล็กจะถูกตรวจพบได้ยากกว่า เพราะว่าหน่วยมีความ ต้องการการกําบังและซ่อนพรางน้อยกว่า ๓) กระจายกําลังได้ดีกว่า การกระจายกําลังจะทําให้เกิดความยุ่งยากมากยิ่งขึ้นต่อข้าศึกที่จะรวม อํานาจการยิงต่อกองร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยิงเล็งจําลอง การสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิดและการใช้ สารเคมีหน่วยรองสามารถที่จะมีพื้นที่ในการดําเนินกลยุทธ์เพิ่มขึ้น
๖๐ ๔) การระวังป้องกันดีกว่า เป็นการยากมากขึ้นต่อข้าศึกที่จะตกลงใจว่ากําลังของฝ่ายเรากําลังทํา อะไร ถ้ารายงานการตรวจการณ์ของข้าศึกทั้งหมดเป็นหน่วยขนาดหมู่ แม้ว่าโดยปกติข้อได้เปรียบจะมีนํ้าหนัก มากกว่าข้อเสียเปรียบ แต่ในการวางแผนการเคลื่อนที่แบบกระจาย ผบ.ร้อย. ควรที่จะพิจารณาสิ่งต่อไปนี้ด้วย (ก) การรวมกําลังเป็นกองร้อยใช้เวลามาก (ข) ในเหตุการณ์ที่มีการปะทะ การรวมอํานาจการรบขนาดใหญ่ที่จะสนับสนุนการเข้าตี เร่งด่วนหรือการผละออกจากการปะทะจะใช้เวลาที่นานกว่า (ค) อาจมีบางหมู่ที่ไม่มีวิทยุสื่อสาร แต่สามารถลดปัญหานี้ได้ด้วยการวางแผนเผชิญเหตุ และ ด้วยการใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่ จ. การดํารงการระวังป้องกันในระหว่างการเคลื่อนที่ ความรับผิดชอบขั้นต้นของ ผบ.ร้อย. คือการ ป้องกันกองร้อยตลอดเวลา ระหว่างการเคลื่อนที่เป็นช่วงเวลาที่มีความวิกฤตมาก เพราะกองร้อยจะเป็น เป้าหมายที่มีความล่อแหลมเป็นอย่างยิ่งจากการระดมยิงของข้าศึก เพื่อเป็นการเสริมหลักการพื้นฐานดังกล่าว มาแล้ว ผบ.ร้อย. จะต้องเตรียมการสําหรับการเคลื่อนที่ของกองร้อยดังต่อไปนี้ ๑) ใช้รูปขบวนและวิธีการเคลื่อนที่ที่เหมาะสม ๒) เคลื่อนที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่สถานการณ์จะอํานวย ซึ่งจะเป็นการลดความสามารถของข้าศึกใน การตรวจพบและประสิทธิภาพในการยิงเมื่อตรวจพบ ๓) ต้องมีความมั่นใจว่าหน่วยรองมีส่วนระวังป้องกันที่เหมาะสมทางด้านปีก ด้านหน้าและด้านหลัง ในระยะห่างเพียงพอต่อการป้องกันการยิงเล็งตรงของข้าศึกมายังกําลังส่วนใหญ่ (ปกติรูปขบวนของกองร้อย และวิธีการเคลื่อนที่จะจัดส่วนระวังป้องกันทางด้านหน้าให้มีกําลังมาก ซึ่งกําลังส่วนนี้จะระวังป้องกันทางด้าน ปีกและด้านหลังด้วย ทั้งนี้ รปจ. ของกองร้อยควรจะกําหนดหน่วยรับผิดชอบในการระวังป้องกัน) ๔) กวดขันในการใช้เสียงและแสง ๕) ทําให้มั่นใจว่าทหารทุกคนทําการพรางตนเองและยุทโธปกรณ์ ฉ. ให้การปะทะด้วยกําลังขนาดที่เล็กที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในการปะทะด้วยกําลังขนาดเล็ก ผบ.ร้อย. จะสามารถดํารงขีดความสามารถในการดําเนินกลยุทธ์ด้วย (อํานาจ) การรบส่วนใหญ่ของตน ส่วนที่ถูกข้าศึก ระดมยิงก่อนมักจะได้รับการสูญเสีย และอาจถึงขั้นถูกข้าศึกกดดัน และตรึงให้อยู่กับที่ ๓ - ๒ ที่ตั้งของผู้บังคับหน่วยและอาวุธหลัก ที่ตั้งของผู้บังคับหน่วยและอาวุธหลักจะขึ้นอยู่กับ สถานการณ์ เทคนิคและรูปขบวนในการเคลื่อนที่ และการจัดของกองร้อยอาวุธเบา ในหัวข้อนี้จะเป็น แนวทาง ผบ.ร้อย.ในการตกลงใจเลือกที่ตั้งของเครื่องมือและบุคคลต่าง ๆ ก. ผบ.ร้อย. จะอยู่ ณ ตําบลที่สามารถเห็นและควบคุมกองร้อยได้ดีที่สุด ซึ่งโดยปกติจะอยู่กับที่ ทก. ร้อยเป็นหลัก แต่ในบางโอกาสอาจต้องเคลื่อนที่ออกจาก ทก.ร้อย. โดยจะนําพนักงานวิทยุโทรศัพท์ ข่ายของ กองร้อยไปด้วย ร่วมไปกับ หมวดใดหมวดหนึ่ง โดยไม่รบกวนรูปขบวนเป็นส่วนรวม ปกติ ผบ.ร้อย. (พร้อม ด้วย ทก.ร้อย.) จะเคลื่อนที่อยู่ด้านหลังหมวดนํา ข. ทก.ร้อย. ประกอบด้วย ผบ.ร้อย., พลวิทยุ, บก.ชุดยิงสนับสนุน, นายสิบสื่อสาร และบุคคลอื่น ๆ เพิ่มเติมเท่าที่จําเป็น ซึ่งอาจได้แก่ รอง ผบ.ร้อย., จ่ากองร้อย และส่วนระวังป้องกัน เป็นต้น โดยที่ตั้ง ทก. ร้อย. จะอยู่ ณ ตําบลที่เกื้อกูลต่อการควบคุมบังคับบัญชาและการดํารงการติดต่อสื่อสารได้ดีที่สุด ในบางครั้ง ทก.ร้อย.อาจจําเป็นต้องตั้งอยู่ห่างจาก ผบ.ร้อย. ในกรณีเช่นนี้ รอง ผบ.ร้อย.จะเป็นผู้ควบคุม ทก.ร้อย. (หรือ บางส่วนของทก.ร้อย.) พร้อมทั้งดํารงการติดต่อสื่อสารกับหน่วยเหนือและหน่วยข้างเคียงต่อไปอย่างต่อเนื่อง ตลอดห้วงเวลาที่ผบ.ร้อย.ไปอยู่ ณ ตําบลที่สามารถควบคุมกองร้อยได้ดีที่สุด ถึงแม้ว่า ทก.ร้อย.จะเคลื่อนที่ โดยอิสระแต่โดยปกติจะต้องอยู่ในรูปขบวนของกองร้อยเพื่อให้ได้รับการระวังป้องกันจาก มว.ปล.และส่วนอื่น ๆ
๖๑ ค. นายทหารยิงสนับสนุนของกองร้อย โดยปกติจะเคลื่อนที่ไปกับ ผบ.ร้อย. ในบางโอกาสอาจอยู่ ณ บริเวณที่เกื้อกูลต่อการควบคุมการยิงเล็งจําลองหรือถ่ายทอดการร้องขอการยิงจากผู้ตรวจการณ์หน้าของ หมวด ง. เครื่องยิงลูกระเบิดของกองร้อย โดยปกติอยู่ในรูปขบวน ณ บริเวณ ซึ่งสามารถสนองตอบการยิง ได้ดีที่สุดเมื่อเกิดการปะทะกับข้าศึก เครื่องยิงลูกระเบิดควรจะตั้งอยู่ในพื้นที่มีความปลอดภัยซึ่งอาจอยู่ใน หน่วยใดหน่วยหนึ่งของกองร้อย โดยปกติจะไม่อยู่ท้ายสุดของรูปขบวนกองร้อย เพราะข้อจํากัดเกี่ยวกับขีด ความสามารถในการรักษาความปลอดภัย และนํ้าหนักที่ทหารบรรทุกจะทําให้เป็นหน่วยที่ช้าที่สุดในกองร้อย ในกรณีที่อยู่ท้ายสุดของรูปขบวนการเคลื่อนที่ แม้ว่าจะเฉลี่ยกระสุนให้แบกหามโดยทหารหน่วยอื่นในกองร้อย แต่จะขาดความพร้อมในการใช้งาน หมู่ ค. อาจจัดไปขึ้นสมทบกับ มว.ปล. ซึ่งจะทําให้ มว.ปล. มีความสามารถ ในการยิงเล็งจําลอง คุ้มครองในระหว่างการเคลื่อนที่โดยไม่ต้องเปลี่ยนย้ายที่ตั้งยิงของ หมู่ ค. ทุกครั้ง จ. หมู่ ตถ. หรือ ตอน ตถ. ที่มีอยู่ในอัตราหรือได้รับสมทบจากหน่วยเหนือ อาจเคลื่อนที่ไปเป็น หน่วยหรือแยกสมทบให้กับ มว.ปล. ถ้าเคลื่อนที่เป็นหน่วยจะทําให้ ผบ.ร้อย. สามารถรวมอํานาจการต่อสู้ยาน เกราะได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าแยกสมทบไปกับ มว.ปล.จะทําให้กองร้อยมีอํานาจการต่อสู้ยานเกราะอย่าง ครอบคลุมรูปขบวนการรบ โดยไม่ต้องมีการโยกย้าย อว.ตถ. จากหมวดหนึ่งไปยังอีกหมวดหนึ่ง ฉ. หน่วยสมทบอื่น ๆ ที่ตั้งของหน่วยสมทบอื่น ๆ จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เครื่องมือในการสนับสนุน การรบ เช่น ทหารช่างและชุดอาวุธต่อสู้อากาศยานจะถูกกําหนดให้อยู่ ณ บริเวณที่สามารถสนับสนุนกองร้อย ได้ดีที่สุด ตัวอย่างเช่น ทหารช่างจะติดตามหมวดนําซึ่งสามารถตอบสนองงานตามภารกิจได้มากกว่าและชุด อาวุธต่อสู้อากาศยานจะอยู่บริเวณภูมิประเทศที่เกื้อกูลต่อการสู้รบกับอากาศยานของข้าศึก ช. ยานยนต์ล้อ การสมทบหน่วยที่มียานยนต์ล้อ เช่น จรวดโทว์, มว.ค., รถพยาบาล หรือยานพาหนะ ส่งกําลัง จะเป็นการเพิ่มภาระให้กับ ผบ.ร้อย. ดังนั้นโดยปกติในการเคลื่อนที่ผ่านภูมิประเทศ จะไม่สนับสนุน ยานยนต์ล้อให้กับ ร้อย.อวบ. ทั้งนี้กองร้อยอาจทําการคุ้มครองถนนหรือเส้นทางลําลอง สําหรับให้ยานยนต์ล้อ ดังกล่าวนี้เคลื่อนที่ผ่าน พร้อมทั้งเพิ่มการระวังป้องกันภูมิประเทศจํากัดทางปีก ๓ - ๓ รูปขบวนในการเคลื่อนที่ กองร้อยมีรูปขบวนในการเคลื่อนที่พื้นฐานอยู่ ๖ แบบ คือ รูปขบวน กองร้อยแถวตอน รูปขบวนกองร้อยหน้ากระดาน รูปขบวนกองร้อยสามเหลี่ยมแหลมหลัง รูปขบวนกองร้อย สามเหลี่ยมแหลมหน้า รูปขบวนกองร้อยแถวตอน หมวดแถวตอน รูปขบวนกองร้อยขั้นบันไดทางขวาหรือ ซ้าย รูปขบวนจะบ่งบอกถึงที่ตั้ง หมู่/หมวด ของกองร้อยที่มีความสัมพันธ์กัน ทั้งนี้แนวทางพิจารณาว่าจะ จัดรูปแบบการเคลื่อนที่อย่างไร ก็คือในทุกรูปขบวนที่ใช้จะต้องส่งเสริมการควบคุม ระวังป้องกันและอํานาจ การยิง รูปขบวนที่ดีที่สุดในการใช้จะขึ้นอยู่กับ • ภารกิจ • สถานการณ์ข้าศึก • ภูมิประเทศ • ลมฟ้าอากาศ และปัจจัยด้านทัศนวิสัย (ความสามารถในการควบคุม) • ความเร็วในการเคลื่อนที่ที่ต้องการ • ระดับความอ่อนตัวที่ต้องการ ก. เมื่อเคลื่อนที่ผ่านภูมิประเทศ ระยะห่างระหว่างบุคคลและระหว่างหน่วยจะแปรเปลี่ยนไปตามสภาพ ภูมิประเทศและสถานการณ์ ทหารควรจะสังเกตการณ์ให้ครอบคลุมเขตรับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อ ตรวจสอบว่าบริเวณใดบ้างที่มีลักษณะคล้ายกับที่ตั้งของข้าศึก และมองหาที่กําบังที่สามารถใช้ได้อย่างรวดเร็ว ในกรณีปะทะกับข้าศึก
๖๒ ข. ผบ.ร้อย. อาจกําหนดรูปขบวนที่หมวด จะต้องใช้ภายในรูปขบวนของกองร้อย ถ้า ผบ.ร้อย.ไม่ กําหนด ผบ.มว. สามารถเลือกใช้รูปขบวนได้เอง ตัวอย่าง ผบ.มว.ที่เป็นหน่วยนํา จะเลือกใช้รูปขบวนที่มีการ ตรวจการณ์และการรวมอํานาจการยิงไปข้างหน้าอย่างดี (รูปขบวนสามเหลี่ยมแหลมหลัง) ผบ.มว. ที่ ๒ อาจเลือกใช้รูปขบวนที่เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วไปยังที่มั่นที่สามารถคุ้มครอง และมีการระวังป้องกันทางปีกได้ ดี (สามเหลี่ยมแหลมหน้า) รูปขบวนการเคลื่อนที่ของ หมวดและหมู่ตลอดจนเทคนิค ได้กล่าวไว้ใน รส.๗ - ๘ ค. ระหว่างการเคลื่อนที่ในรูปขบวนใดก็ตาม โดยปกติกองร้อยจะมุ่งไปในแนวทางที่ให้ง่ายต่อการ ควบคุม หมวดหลัก ซึ่งก็คือ หมวดนํา แต่ถ้าใช้รูปขบวนหน้ากระดานหรือสามเหลี่ยมแหลมหลัง ผบ.ร้อย. จะต้องกําหนด หมวดหลักที่แน่นอน เพื่อให้หมวดอื่น ๆ รักษาความเร็วและทิศทางการเคลื่อนที่ไปตาม หมวดหลัก การปฏิบัติดังกล่าวนี้จะช่วยอํานวยต่อการควบคุม และเปลี่ยนรูปขบวนของกองร้อยได้อย่าง รวดเร็ว โดยปกติ ผบ.ร้อย. จะอยู่ในรูปขบวน ณ บริเวณซึ่งสามารถตรวจการณ์ และควบคุมทิศทางการ เคลื่อนที่ของ หมวดหลักได้ดีที่สุด ทั้งนี้อาจกําหนดภูมิประเทศเด่นชัด และใช้มาตรการควบคุมตามที่กล่าวไว้ ในข้อ ๓ - ๕ สําหรับชี้นําการเคลื่อนที่ของหมวดหลัก ง. เทคนิคประการหนึ่งที่ใช้ในการกระตุ้นหน่วย เพื่อให้การเคลื่อนที่กระทําตามขีดความสามารถที่ เป็นไปได้หรือรายงานความพร้อมในการเคลื่อนที่ วิธีการดังกล่าวนี้ก็คือ ระบบของสภาวะความพร้อม ๔ ระดับ ซึ่งใช้สื่อนําด้วยจํานวนเวลาที่มีอยู่ของหน่วยก่อนการเคลื่อนที่ ได้แก่ ๑) สภาวะความพร้อมระดับ ๑ : เตรียมการเคลื่อนที่โดยทันที ๒) สภาวะความพร้อมระดับ ๒ : เตรียมการเคลื่อนที่ภายใน ๑๕ นาที ๓) สภาวะความพร้อมระดับ ๓ : เตรียมการเคลื่อนที่ภายใน ๑ ชม. ๔) สภาวะความพร้อมระดับ ๔ : เตรียมการเคลื่อนที่ภายใน ๒ ชม. ด้วยวิธีการดังกล่าวนี้จะทําให้ ผบ.ร้อย. สามารถกระตุ้นหน่วยให้เร่งรีบและเตรียมการอย่างรัดกุม ทั้งสําหรับการเคลื่อนที่หรือรายงานความพร้อมในการเคลื่อนที่ จ. จุดเด่นและจุดด้อยในแต่ละรูปขบวนการเคลื่อนที่ของกองร้อย (รูปที่ ๓ - ๑ แสดงความหมายของ สัญลักษณ์) มีดังนี้ : ผบ.ร้อย. : รอง ผบ.ร้อย. • • • : จ่ากองร้อย : มว.ปล. • • • • อว. : มว.อว. : หมู่ ปล. • : ตอน ตถ. : ตอน ค. รูปที่ ๓ - ๑ คําอธิบายสัญลักษณ์
๖๓ ๑) รปูขบวนกองรอ้ยแถวตอน รปูขบวนน้จีะทาํ ใหก้องรอ้ยเขา้ปะทะดว้ย ๑ หมวด และดาํเนิน กลยุทธด์ว้ย ๒ หมวด ทางดา้นหลงัถอืว่าเป็นรปูขบวนทม่ีคีวามอ่อนตวัและง่ายต่อการปรบัเปลย่ีนเป็นรปู ขบวนอ่นื ใหก้ารระวงั ป้องกนัรอบตวัดแีละเคล่อืนทไ่ีดเ้รว็นอกจากน้ียงัสง่ผลดตี่อการกระจายกาํลงั เกอ้ืกลูต่อการดาํเนินกลยุทธแ์ละการควบคุมโดยเฉพาะอย่างยง ิ่ ระหว่างทศันวสิยัจาํกดัตลอดจนมอีาํนาจการ ยงิทางปีกดีแต่อาํนาจการยงิทางดา้นหน้าและดา้นหลงัมอียา่งจาํกดัรปูท่ี๓ - ๒ แสดงถงึแบบหน่ึงของรปู ขบวนแถวตอนกองรอ้ย ซง่ึหมวดนําใชร้ปูขบวนสามเหลย่ีมแหลมหลงัหมวดทอ่ีย่กูลางใชร้ปูขบวน สามเหลย่ีมแหลมหน้า และหมวดสดุทา้ยใชร้ปูขบวนแถวตอน รปูท ี่๓ - ๒ รปูขบวนกองรอ้ยแถวตอน
๖๔ ๒) รปูขบวนกองรอ้ยหน้ากระดาน รปูขบวนน้จีะวางกาํลงั๓ หมวด ทางดา้นหน้าในทศิ ทางการเคล่อืนท่ีเดยีวกนัเป็นรปูขบวนทท่ีาํ ใหม้อีาํนาจการยงิสงูสดุทางดา้นหน้า แต่ทางปีกจะมอีาํนาจ การยงิน้อยทส่ีดุและเป็นรปูขบวนทย่ีากต่อการควบคมุทงั้น้ีผบ.รอ้ย.จะตอ้งกาํหนดหมวดหลกั (ปกตหิมวด ย่านกลาง) สาํหรบัใหห้มวดอ่นืๆ ทเ่ีหลอืยดึถอืเป็นหลกัในการเคล่อืนท่ีนอกจากน้ีการระวงัป้องกนัทางปีก และดา้นหลงัจะไม่ดเีท่าทค่ีวร แต่สามารถแกป้ัญหาไดโ้ดยให้หมวดทางปีกทงั้๒ ขา้ง ใชร้ปูขบวนขนั้บนัได รปูท่ี๓ - ๓ แสดงถงึแบบหน่ึงของรปูขบวนหน้ากระดานกองรอ้ย ซง่ึหมวดย่านกลางใชร้ปูขบวนหน้ากระดาน หมวดทางปีกซา้ยใชร้ปูขบวนขนั้บนัไดทางซา้ย และหมวดทางปีกขวาใชร้ปูขบวนขนั้บนัไดทางขวา รปูท ี่๓ - ๓ รปูขบวนกองรอ้ยหน้ากระดาน ๓) รปูขบวนกองรอ้ยสามเหลย่ีมแหลมหน้า (ลม ิ่ ) รปูขบวนน้จีะวางกาํลงั๑ หมวดดา้นหน้า และ ๒ หมวด ดา้นหลงัทาํ ให้๒ หมวดดา้นหลงัสามารถใหก้ารเฝ้าตรวจคุม้ครอง หรอืตดิตามหมวดนํา อกีทงั้ ยงัมอีาํนาจการยงิมากพอสมควรทใ่ีชไ้ดโ้ดยทนัททีงั้ดา้นหน้าและทางปีก นอกจากน้ีผบ.รอ้ย. สามารถใช้ กาํลงัเขา้ปะทะดว้ยหน่วยขนาดเลก็ (หม)ู่โดยมกีาํลงัเหลอืสาํหรบัดาํเนินกลยุทธ์๑ - ๒ หมวด ถา้กองรอ้ยถูก โจมตทีางปีกใดปีกหน่ึง กจ็ะมกีาํลงัเหลอื๑ หมวด เขา้ดาํเนินกลยุทธไ์ดอ้ย่างอสิระ อย่างไรกต็ามรปูขบวนน้ี ยากต่อการควบคุม แต่จะอาํนวยต่อการเคล่อืนทไ่ีดเ้รว็กว่ารปูขบวนกองรอ้ยสามเหลย่ีมแหลมหลงัโดยมหีมวด นําเป็นหน่วยหลกัในการเคล่อืนท่ีรปูท่ี๓ - ๔ แสดงถงึแบบหน่ึงของรปูขบวนกองรอ้ยสามเหลย่ีมแหลมหน้า ของกองรอ้ย โดยหมวดนําใชร้ปูขบวนกองรอ้ยสามเหลย่ีมแหลมหน้าหมวด ทางซา้ยใชร้ปูขบวนกองรอ้ยแถว ตอนและหมวดทางขวาใชร้ปูขบวนกองรอ้ยขนั้บนัไดทางขวา
๖๕ รปูท ี่๓ - ๔ รปูขบวนกองรอ้ยสามเหล ี่ ยมแหลมหน้า ๔) รปูขบวนกองรอ้ยสามเหลย่ีมแหลมหลงั (ตวัว)ีรปูขบวนน้จีะวางกาํลงั๒ หมวดทางดา้นหน้า และ ๑ หมวด ทางดา้นหลงัทาํ ใหม้อีาํนาจการยงิมากพอทใ่ีชไ้ดโ้ดยทนัทใีนการเขา้ปะทะดา้นหน้าและทางปีก อกีทงั้ยงัมกีาํลงั๑ หมวด ดา้นหลงัทส่ีามารถเฝ้าตรวจคมุ้ครองและตดิตามหมวดทางดา้นหน้า ถา้กองรอ้ยถูก โจมตทีางปีกใดปีกหน่ึง สามารถใชก้าํลงั๒ หมวด ยงิตอบโต้และอกี๑ หมวด เขา้ดาํเนินกลยุทธไ์ดอ้ย่างอสิระ อย่างไรกต็ามรปูขบวนน้ียากต่อการควบคุมและเคล่อืนทไ่ีดช้า้ผบ.รอ้ย.จะตอ้งกาํหนดหมวดทางดา้นหน้า หมวดใดหมวดหน่ึงเป็นหน่วยหลกัในการเคล่อืนท่ีรปูท่ี๓ - ๕ แสดงถงึรปูขบวนกองรอ้ยสามเหลย่ีมแหลม หลงั โดยทท่ีุกหมวดใชร้ปูขบวนกองรอ้ยสามเหลย่ีมแหลมหน้า
๖๖ รปูท ี่๓ - ๕ รปูขบวนกองรอ้ยสามเหล ี่ ยมแหลมหลงั ๕) รปูขบวนกองรอ้ยแถวตอนหมวดแถวตอน รปูขบวนจะจดัวางกาํลงัหมวดและหมใู่นทางลกึ ดา้นหลงัของหน่วยนํา ซง่ึเป็นรปูขบวนทง่ี่ายทส่ีดุในการควบคุมและทาํ ใหเ้คล่อืนทไ่ีดเ้รว็ทส่ีดุในภูมปิระเทศ และทศันวสิยัจาํกดัอกีทงั้ยงัสง่ผลดตี่อการเพมิ่การควบคุมและการซ่อนพราง แต่ใหก้ารระวงัป้องกนัน้อยทส่ีดุ และการดาํเนินกลยุทธม์คีวามยงุ่ ยากมากทส่ีดุรปูท่ี๓ - ๖ แสดงถงึรปูขบวนกองรอ้ยแถวตอน หมวดแถว ตอน ซง่ึทุกหน่วยจดัรปูขบวนแถวตอน (ก) ทอ่ีย่ทูด่ีทีส่ีดุของ ผบ.รอ้ย.จะอย่กูบัทก.มว.นํา หรอืทางขวาดา้นหลงัสว่นระวงัป้องกนั หน้า ซง่ึจะเป็นการเพม ิ่ ประสทิธภิาพการควบคมุและการตดัสนิใจในสถานการณ์วกิฤติทก.รอ้ย.จะอย่ดูา้นหลงั หมวดนําในระยะห่างพอสมควร เพ่อืหลกีเลย่ีงการรบกวนการเคล่อืนทข่ีองหมวดนํา แต่จะตอ้งเกอ้ืกลูต่อการ ตดิต่อสอ่ืสารกบัสว่นอ่นืๆ ในรปูขบวน (ข) รอง ผบ.รอ้ย. หรอืจ่ากองรอ้ย อย่บูรเิวณทา้ยสดุของรปูขบวน หรอืบรเิวณใกลเ้คยีง เพ่อืแสดงออกถงึความเป็นผนู้ ํา และป้องกนัการขาดการตดิต่อภายในรปูขบวน (ค) รปูขบวนน้ีจะมคีวามล่อแหลมต่อการขาดการตดิต่อภายในรปูขบวน จงึสมควรใชเ้ม่อืมี ความจาํเป็นเท่านนั้และในหว้งเวลาสนั้กองรอ้ยทม่ีกีาํลงัพล ๑๒๐ นาย จะมคีวามยาวรปูขบวนน้ีมากกว่า ๖๐๐ เมตร ซง่ึจะใชเ้วลาเคล่อืนทผ่ี่านมากกว่า ๒๐ นาที
๖๗ รปูท ี่๓ - ๖ รปูขบวนกองรอ้ยแถวตอนหมวดแถวตอน ๖) รปูขบวนกองรอ้ยขนั้บนัไดทางขวาหรอืซา้ย รปูขบวนน้ีจะใชใ้นสถานการณ์ทก่ีารปะทะกบั ขา้ศกึใกลจ้ะเกดิขน้ึทางดา้นหน้า หรอืปีกขา้งใดขา้งหน่ึง โดยปกตจิะมเีคร่อืงกดีขวางหรอืหน่วยอ่นื ฝ่าย เดยีวกนัทางปีกของกองรอ้ยอกีดา้นหน่ึง ซง่ึอย่ตูรงขา้มกบัปีกของขนั้บนัไดเพ่อืป้องกนัขา้ศกึเขา้ปะทะ ทางดา้นนนั้รปูขบวนน้ีจะทาํ ใหม้อีาํนาจการยงิและการป้องกนัทางปีกของขนั้บนัไดเป็นอย่างดีแต่ทางปีกฝัง่ ตรงขา้มจะมอีาํนาจการยงิและการป้องกนัน้อยมาก รปูท่ี๓ - ๗ แสดงถงึแบบหน่ึงของรปูขบวนกองรอ้ย ขนั้บนัไดทางขวา ซง่ึหมวดนําใชร้ปูขบวนกองรอ้ยขนั้บนัไดทางซา้ย หมวดย่านกลางใชร้ปูขบวนกองรอ้ย สามเหลย่ีมแหลมหน้า และกองรอ้ยสดุทา้ยใชร้ปูขบวนกองรอ้ยแถวตอน
๖๘ รปูท ี่๓ - ๗ รปูขบวนกองรอ้ยขนั้บนัไดทางขวา ๗) การเลอืกรปูขบวน ผบ.รอ้ย.จะเลอืกใชร้ปูขบวนใหเ้หมาะสมกบัความตอ้งการในการควบคมุ การระวงัป้องกนัอาํนาจการยงิและความเรว็ในการเคล่อืนท่ีซง่ึรปูขบวนการเคล่อืนทแ่ีต่ละแบบมจีุดเด่น/จุด ดอ้ย ดงัน้ี รปูขบวนกองรอ้ย การระวงัป้องกนัการยิง การควบคมุความเรว็ แถวตอน • กระจายกาํลงัดี • ดา้นหน้าและหลงัดี • ง่ายต่อการควบคมุ • เคล่อืนทเ่ีรว็ • รวป.รอบตวัดี • ทางปีกดทีส่ีดุ • รปูขบวนทอ่ี่อนตวั หน้ากระดาน • ดา้นหน้าดทีส่ีดุ • ดา้นหน้าดทีส่ีดุ • ควบคมุยาก • เคล่อืนทช่ีา้ • จุดดอ้ยดา้นปีก • จุดดอ้ยดา้นปีกและ • รปูขบวนทไ่ีม่ และหลงัหลงัอ่อนตวั
๖๙ รูปขบวนกองร้อย การระวังป้องกัน การยิง การควบคุม ความเร็ว สามเหลี่ยม • รวป.รอบตัวดี • ดีด้านหน้าและ • ยากต่อการควบคุม • เคลื่อนที่เร็ว แหลมหน้า ทางปีก น้อยกว่ารูปขบวน กว่ารูปขบวน หน้ากระดาน หน้ากระดาน สามเหลี่ยม • ดีทางด้านหน้า • ดีมากทางด้านหน้า • ควบคุมได้ยากมาก • เคลื่อนที่ช้า แหลมหลัง แถวตอน • ด้านหน้าและหลัง • ทางปีกดีมาก แต่ • ง่ายต่อการควบคุม • เคลื่อนที่เร็ว มว.แถวตอน น้อย ด้านหน้าและหลัง • ซ่อนพรางได้อย่าง น้อยมาก มีประสิทธิภาพ ขั้นบันได • ดีทางด้านหน้า • ดีทางด้านหน้าและ • ควบคุมยาก • เคลื่อนที่ช้า และปีกของขั้นบันได ปีกของขั้นบันได ๓ - ๔ วิธีการในการเคลื่อนที่ วิธีในการเคลื่อนที่เมื่อยังไม่ปะทะกับข้าศึกมี ๓ แบบ ผบ.ร้อย.จะตกลงใจ เลือกใช้วิธีใดย่อมขึ้นอยู่กับแนวโน้มของการปะทะกับข้าศึก ความต้องการด้านความเร็ว สภาพภูมิประเทศและ ทัศนวิสัย วิธีการเคลื่อนที่ไม่เป็นรูปแบบที่ตายตัว ระยะห่างระหว่างทหารเป็นบุคคลและหน่วยจะเปลี่ยนแปลง ไปตามภารกิจ ข้าศึก ภูมิประเทศ ทัศนวิสัย และปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อการควบคุม วิธีการเคลื่อนที่ ๓ แบบ ได้แก่ การเคลื่อนที่แบบเดินทาง การเคลื่อนที่แบบเดินทางเฝ้าตรวจ การเคลื่อนที่แบบเฝ้าตรวจ เป็นห้วงๆ ก. วิธีการเดินทาง ใช้เมื่อความเร็วมีความสําคัญและการปะทะกับข้าศึก ยังอยู่ห่างไกลหรือไม่น่าจะ เกิดขึ้น (รูปที่ ๓ - ๘) กองร้อยจะเคลื่อนที่ด้วยรูปขบวนแถวตอน โดยมีระยะห่างระหว่างหมวด ๒๐ - ๕๐ เมตร ย่อมขึ้นอยู่กับความเกื้อกูลของทัศนวิสัยเกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศ ลมฟ้าอากาศ และแสงสว่าง ทั้งนี้รูป ขบวนการเคลื่อนที่ของกองร้อยทั้ง ๖ แบบ จะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อใช้วิธีการเคลื่อนที่แบบเดินทางโดย ๑) ปกติ ผบ.ร้อย.จะติดตามไปกับหมวดหลัก เพื่อให้ง่ายต่อการบังคับทิศทาง และควบคุมการ เคลื่อนที่ซึ่งจะทําให้สามารถตรวจการณ์เห็นเส้นทางและควบคุมหมวดหลัก ได้ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง ๒) ทุกหมวดใช้วิธีการเคลื่อนที่แบบเดินทาง โดยให้มีระยะต่อระหว่างทหารเป็นบุคคลและเป็นหมู่ อย่างเพียงพอที่จะดํารงไว้ซึ่งการกระจายกําลังในกรณีที่ปะทะกับข้าศึก
๗๐ รปูท ี่๓ - ๘ วิธีการเคลื่อนท ี่ แบบเดินทาง ข. วธิกีารเคล่อืนทแ่ีบบเดนิทางเฝ้าตรวจ เป็นวธิทีใ่ีชก้ารเฝ้าระวงัหรอืเฝ้าตรวจไปพรอ้มกบัการ เคล่อืนทต่ีลอดรปูขบวนอย่างต่อเน่ืองวธินี้ีใชเ้มอ่ืการปะทะขา้ศกึน่าจะเกดิขน้ึและความเรว็ยงัมคีวามสาํคญั (รปูท่ี๓ - ๙) รปูขบวนทใ่ีชว้ธิกีารเคล่อืนทแ่ีบบเดนิทางเฝ้าตรวจไดอ้ย่างมปีระสทิธภิาพ คอืแถวตอน และ สามเหลย่ีมแหลมหน้า
๗๑ รปูท ี่๓ - ๙ วิธีการเคลื่อนท ี่ แบบเดินทางเฝ้าตรวจ ๑) ระยะห่างระหว่างหมวดนําและหมวดทต่ีดิตามมาไมต่ายตวัแต่อย่างไรกต็าม หมวดทต่ีดิตาม มาจะตอ้งอยหู่่างไปขา้งหลงัหมวดนําอย่างเพยีงพอ เพ่อืหลกีเลย่ีงอนัตรายร่วมกนัจากอาวุธยงิเลง็ตรงของ ขา้ศกึแต่กต็อ้งใกลเ้พยีงพอทจ่ีะสนบัสนุนการยงิหรอืการดาํเนนิกลยุทธ์เม่อืหมวดนําเกดิการปะทะกบัขา้ศกึ ๒) โดยปกตหิมวดนําใชว้ธิกีารเคล่อืนทแ่ีบบเดนิทางเฝ้าตรวจ ในขณะทห่ีมวดอ่นืๆ ใชว้ธิกีาร เคล่อืนทแ่ีบบเดนิทาง โดยยดึถอืการเคล่อืนทต่ีามหมขู่องหมวดทห่ีน่วยดงักล่าวน้ีตดิตาม อย่างไรกต็าม ผบ. รอ้ย. อาจใหห้มวดนําใชว้ธิกีารเคลอ่ืนทแ่ีบบเฝ้าตรวจ - เป็นหว้งๆ จ. วธิกีารเคล่อืนทแ่ีบบเฝ้าตรวจ - เป็นหว้งๆ วธินี้ีใชเ้ม่อืคาดว่าการปะทะกบัขา้ศกึจะเกดิขน้ึหรอืใกล้ จะเกดิขน้ึ (รปูท่ี๓ - ๑๐) ซง่ึถอืเป็นวธิทีใ่ีหค้วามปลอดภยัมากทส่ีดุแต่เคล่อืนทไ่ีดช้า้ทส่ีดุกระทาํ โดยใชก้าร เฝ้าระวงัหรอืเฝ้าตรวจ สลบักบัการเคลอ่ืนทไ่ีปขา้งหน้าเป็นหว้ง ๆ อย่างต่อเน่ือง โดยจดักาํลงัสว่นหน่ึงของ
๗๒ กองรอ้ยเป็นสว่นเฝ้าตรวจและสว่นเคล่อืนท่ีสว่นเฝ้า ตรวจปฏบิตัหิน้าทค่ีมุ้ครองใหก้บัสว่นเคล่อืนท่ีดว้ย การเขา้ยดึทม่ีนั่เฝ้าตรวจทม่ีกีารปกปิดกาํบงัการตรวจการณ์และพน้ืการยงิดีซง่ึสามารถใหก้ารคุม้ครองสว่น เคล่อืนทไ่ีดต้ลอดหว้งการเคล่อืนทไ่ีปขา้งหน้า สาํหรบัสว่นเคลอ่ืนทจ่ีะปฏบิตัหิน้าทเ่ีคล่อืนทไ่ีปยดึทม่ีนั่ขา้งหน้า ในระยะห่างไม่เกนิขดีความสามารถของอาวธุในสว่นเฝ้า เม่อืเขา้ยดึทม่ีนั่ ใหมข่า้งหน้าไดแ้ลว้กจ็ะวางกาํลงัและ ปฏบิตัหิน้าทค่ีมุ้ครอง ใหก้บักาํลงัทเ่ีหลอืทงั้หมดของกองรอ้ยเคล่อืนทไ่ีปขา้งหน้า ทงั้น้ใีนการเคล่อืนทท่ีุกครงั้ จะใหค้วามสาํคญั ไปยงัทม่ีนั่แหง่ ใหม่ ซง่ึจะใหค้วามคุม้ครองกบัสว่นเคล่อืนทต่ี่อไป ดงันนั้เม่อืใชว้ธิกีารสลบัก็ จะเป็นการหมุนเวยีนเปลย่ีนบทบาทระหว่างสว่นเฝ้าตรวจกบัสว่นเคล่อืนท่ี โดยในการเคล่อืนทแ่ีต่ละหว้งของ หมวดเดมิจะปฏบิตัหิลงัจากหมวดเฝ้าตรวจเคล่อืนทไ่ีปขา้งหน้าถงึทม่ีนั่เฝ้าตรวจต่อไปเรยีบรอ้ยแลว้ รปูท ี่๓ - ๑๐ วิธีการเคลื่อนท ี่ เฝ้าตรวจ - เป็นห้วงๆ ๑) สว่นเคล่อืนท่ี โดยปกตมิกีาํลงั๑ หมวด จะเคล่อืนทไ่ีปตามเสน้ทางทป่ีกปิดกาํบงัและซ่อน พรางไปเขา้ทม่ีนั่ตามท่ีผบ.รอ้ย. กาํหนดให้ โดยอาจเคล่อืนทด่ีว้ยวธิกีารเคล่อืนทแ่ีบบเดนิทางเฝ้าตรวจ หรอื การเฝ้าระวงัเป็นหว้งกไ็ด้ถา้ผบ.รอ้ย.สามารถตรวจการณ์ไดต้ลอดเสน้ทางการเคล่อืนท่ีกอ็าจกาํหนดวธิกีาร เคล่อืนทโ่ีดยเฉพาะใหก้บัหมวดสว่นเคล่อืนท่ีแต่ถา้ผบ.รอ้ย. ไม่ไดก้าํหนดวธิทีแ่ีน่นอน ผบ.มว. จะตอ้ง พจิารณาเลอืกวธิกีารเคล่อืนทด่ีว้ยตนเอง เม่อืหมวดสว่นเคล่อืนทไ่ีปถงึทม่ีนั่ ใหม่แลว้จะวางกาํลงัเฝ้าตรวจ คุม้ครองใหก้บัการเคล่อืนทข่ีองกาํลงักองรอ้ยสว่นทเ่ีหลอืและจะตอ้งอย่ใูนทม่ีนั่แห่งน้ใีนขณะท่ีหมวดอ่นื
๗๓ เคลื่อนที่ไปเข้ายึดที่มั่นข้างหน้าแห่งต่อไป (วิธีการ สลับ) เมื่อตกลงใจจะเคลื่อนที่ไปยังบริเวณใด ผบ. ร้อย. จะต้องค้นหาที่มั่นที่มีการปกปิดกําบังซ่อนพราง ตลอดจนมีพื้นการยิงและการตรวจการณ์ดี ๒) ส่วนเฝ้าตรวจ โดยปกติมีกําลัง ๑ หมวด พร้อมด้วย ๑ หมู่ ค.๖๐ จะอยู่ในที่มั่นที่พร้อมให้ การสนับสนุนส่วนเคลื่อนที่ถ้าเกิดการปะทะกับข้าศึก สําหรับหมวดอื่น ๆ ที่เหลือเตรียมพร้อมรอคอยคําสั่งเข้า ดําเนินกลยุทธ์ หรือสนับสนุนการยิงให้กับส่วนเคลื่อนที่โดยปกติ ผบ.ร้อย. จะอยู่กับส่วนเฝ้าระวัง กองร้อย อาจหมุนเวียนสลับหมวดที่เป็นส่วนเฝ้าตรวจและส่วนเคลื่อนที่ หรือเปลี่ยนที่มั่นส่วนเฝ้าตรวจเดิมก่อนการ เคลื่อนที่แต่ละห้วง ๓) ก่อนการเคลื่อนที่แต่ละห้วง ผบ.ร้อย. จะต้องชี้แจง ผบ.มว. ทุกคน ดังนี้ ก) ที่มั่นของส่วนเฝ้าตรวจ ข) ที่ตั้งของที่มั่นเฝ้าตรวจแห่งต่อไป ค) เส้นทางการเคลื่อนที่ของส่วนเคลื่อนที่ ง) การปฏิบัติเมื่อเกิดการปะทะกับข้าศึก จ) แผนตามลําดับขั้นตอนของการปฏิบัติ ฉ) การให้คําสั่งต่อไปจะกระทําอย่างไร ๓ - ๕ วิธีในการควบคุม การใช้รูปขบวนและวิธีการเคลื่อนที่อย่างเหมาะสมจะช่วย ผบ.ร้อย.ในการ ควบคุมกองร้อย มาตรการควบคุมเพิ่มเติมมักจะมีความต้องการอยู่เสมอ วิธีต่อไปนี้จะช่วยในการควบคุมการ เคลื่อนที่ของกองร้อย ก. ลายเส้น ปกติกองพันจะกําหนดมาตรการควบคุมลายเส้น ในการผสมผสานการเคลื่อนที่ของทุก กองร้อยเข้าด้วยกันเป็นการเคลื่อนที่ของกองพันหรือโครงร่างของการดําเนินกลยุทธ์ ผบ.ร้อย. อาจ จําเป็นต้องกําหนดมาตรการควบคุมอื่น ๆ เพิ่มเติมในการควบคุมหน่วย ผบ.ร้อย. จะต้องมั่นใจว่าในแต่ละ มาตรการควบคุมลายเส้นจะสามารถชี้ให้เห็นได้ง่ายบนภูมิประเทศ ซึ่งอาจประกอบด้วยเส้นแบ่งเขต เส้นทาง จุดตรวจสอบ จุดแยก ที่หมายระหว่างทาง ซึ่งน่าจะเป็นที่ตั้งของ ขศ. และการควบคุมการยิงเล็งตรง ข. การลาดตระเวน การลาดตระเวนก่อนการปฏิบัติจะช่วยในการควบคุมระหว่างการเคลื่อนที่ จะทํา ให้ ผบ.ร้อย. มีความคิดที่ชัดเจนขึ้นว่าการเคลื่อนที่บริเวณใดมีความยากมากกว่าและบริเวณใดบ้างมีความ ต้องการมาตรการควบคุมลายเส้น ทั้งนี้ การลาดตระเวนจะต้องกระทําโดย ผบ.หน่วย ทุกระดับ ค. พลนําทาง แนวทางที่ดีที่สุดต่อการควบคุมสมควรใช้ผู้ที่คุ้นเคยหรือเคยเห็นภูมิประเทศดังกล่าวมา แล้วแต่ถ้าไม่สามารถจัดพลนําทางดังกล่าวข้างต้นได้ตลอดห้วงการเคลื่อนที่ ก็ให้ใช้พลนําทางสํารวจเฉพาะ พื้นที่ยากลําบาก และนํากองร้อยเคลื่อนที่ผ่านพื้นที่ดังกล่าวนี้ ง. เครื่องมือช่วยนําทาง ผบ.หน่วย ทุกคนจะต้องใช้เข็มทิศและพลนับก้าวในการเคลื่อนที่ทุกครั้ง โดย เลือกใช้เส้นทางที่อํานวยต่อ ผบ.หน่วย ได้ใช้ภูมิประเทศที่เห็นเด่นชัดในการรักษาทิศทางการเคลื่อนที่อย่าง ต่อเนื่อง จ. การเคลื่อนที่เมื่อทัศนวิสัยจํากัด การใช้มาตรการควบคุมที่กล่าวมาแล้วดังกล่าวข้างต้นเป็นวิธีการ ที่ดีที่สุดในการควบคุมการเคลื่อนที่เมื่อทัศนวิสัยจํากัด อย่างไรก็ตามมาตรการควบคุมต่อไปนี้ จะช่วยเพิ่มการ ควบคุมเป็นพิเศษในห้วงทัศนวิสัยจํากัด ๑) ใช้เครื่องช่วยมองเห็นในเวลากลางคืน หรือกล้องกลางคืน ทั้งนี้การเคลื่อนที่ในทัศนวิสัยจํากัด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทหารทุกคนไม่จําเป็นต้องใช้กล้องกลางคืน ถ้าไม่ใช่ในส่วนระวังป้องกันทางด้านหน้า ปีกและด้านหลัง ก็จะทําให้หน่วยทั้งหมดสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น นอกจากนี้สมควรหมุนเวียนผู้ใช้กล้อง กลางคืนเพื่อดํารงประสิทธิภาพในการเคลื่อนที่ ผบ.หน่วยที่สําคัญตลอดรูปขบวนสมควรใช้กล้องกลางคืนด้วย
๗๔ เช่นเดยีวกนัแต่ถา้ไมม่กีารใชใ้นลกัษณะดงักล่าวน้ีกลอ้งกลางคนืทงั้หมดกส็มควรนํามาใชเ้ม่อืเกดิการ ปะทะกบัขา้ศกึ ๒) ลดระยะต่อระหว่างบุคคลและหน่วย รปูขบวนทม่ีรีะยะต่อชดิกนัจะทาํ ใหใ้ชส้ญัญาณมอืได้ และยงัช่วยลดโอกาสรปูขบวนถกูตดัขาดในขณะเกดิการปะทะ อย่างไรกต็าม ผบ.หน่วย ทุกระดบัจะตอ้ง พยายามดาํรงไวซ้ง่ึการกระจายกาํลงัตลอดเวลาเท่าทเ่ีป็นไปได้หน่วยทผ่ี่านการฝึกมาเป็นอย่างดจีะสามารถ ปฏบิตักิารในเวลากลางคนืไดเ้หมอืนกบัการปฏบิตัใินเวลากลางวนั ๓) การใชม้าตรการอ่นืๆ ซง่ึจะรวมไปถงึการใชแ้ถบเรอืงแสงตดิดา้นหลงัของหมวกเหลก็การ ลดความเรว็ในการเคล่อืนท่ีการใชส้ายโทรศพัทส์าํหรบัการตดิต่อสอ่ืสารหรอืนําทางหน่วย และการเคล่อืนท่ี ของ ผบ.หน่วยขน้ึไปใกลก้บัสว่นหน้าของรปูขบวน ๓ - ๖ การระวงัป้องกนัระหว่างการเคล ื่ อนท ี่ ในระหว่างการเคล่อืนท่ีแต่ละหมวดจะไดร้บัมอบเขต รบัผดิชอบ ซง่ึจะขน้ึอย่กูบัทอ่ียขู่องหน่วยในรปูขบวนในทาํนองเดยีวกนัแต่ละชุดยงิและหม่ ูปล. จะไดร้บัการ แบ่งมอบเขตรบัผดิชอบ ภายในเขตรบัผดิชอบทห่ีมวดไดร้บัมอบ ดงันนั้กองรอ้ยจะมกีารระวงัป้องกนัรอบตวั (รปูท่ี๓ - ๑๑) รปูท ี่๓ - ๑๑ การระวงัป้องกนัรอบตวั ก. ในระหว่างทห่ียุดพกัระยะเวลาสนั้ทหารจะตอ้งกระจายกาํลงัออกไปและใชท้ ่านอนยงิหลงัทก่ีาํบงั โดยเฝ้าระวงัในเขตรบัผดิชอบทไ่ีดร้บัมอบเหมอืนกบัขณะเคล่อืนท่ีผบ.หน่วย.จดัตงั้ทต่ีรวจการณ์รวมทงั้วาง ปืนกลและอาวุธ ตถ.ในบรเิวณทค่ีาดว่าขา้ศกึจะใชเ้คล่อืนทเ่ีขา้มา ทหารทเ่ีหลอืจะตอ้งอยใู่นสภาพเตรยีมพรอ้ม
๗๕ การพูดคุยให้กระทําเท่าที่จําเป็นและใช้เสียงเบามาก (กระซิบ) อีกทั้งจะต้องเคลื่อนไหวน้อยที่สุดเท่าที่ จําเป็นเช่นเดียวกันทหารที่มีกล้องกลางคืนให้ใช้ตรวจการณ์กวาดทั่วพื้นที่ ซึ่งข้าศึกอาจใช้ซ่อนเร้นใน ระหว่างทัศนวิสัยจํากัด ข. ในระหว่างการหยุดพักนาน ผบ.ร้อย. จะต้องจัดการตั้งรับวงรอบ (บทที่ ๕) และเลือกภูมิประเทศ ตั้งรับที่ดีที่สุด (การกําบังและซ่อนพรางดี) รปจ. ของกองร้อยจะระบุถึงการปฏิบัติที่ต้องการในระหว่างการหยุด พักนาน ค. การเพิ่มการระวังป้องกัน โดยอาจจัดชุดซุ่มโจมตีขนาดเล็กวางกําลังซ่อนเร้นอยู่ในที่มั่นเดิม หลังจากการหยุดพักระยะเวลาสั้น ทั้งนี้การจัดกําลังชุดซุ่มโจมตีที่เหมาะสมที่สุด สมควรจัดจากหมวดที่อยู่ ย่านกลางของรูปขบวนกองร้อย ถ้ามีข้าศึกเคลื่อนที่ติดตามกองร้อย ชุดซุ่มโจมตีดังกล่าวนี้ก็จะปฏิบัติการโจมตี ข้าศึก แล้วถอนตัวไปบรรจบกับกําลังส่วนใหญ่ของกองร้อย ซึ่งจะต้องมีการประสานและให้เกิดความเข้าใจ ร่วมกันทุกหน่วยภายในรูปขบวนกองร้อย ง. ก่อนที่จะเข้าวางตัวในที่มั่นหลักต่าง ๆ (เช่นจุดนัดพบ ณ ที่หมาย ฐานลาดตระเวน หรือที่รวมพล) ผบ.ร้อย. จะต้องมั่นใจว่าข้าศึกไม่รู้เกี่ยวกับที่มั่นดังกล่าว นอกจากการใช้ชุดซุ่มโจมตีขนาดเล็ก ผบ.ร้อย. อาจ จัดชุดระวังป้องกันซ่อนเร้นอยู่ในหรือใกล้ที่มั่นที่จะใช้ในขณะที่กองร้อยเคลื่อนที่ผ่านไป หลังจากนั้นกองร้อยจะ เคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งถึงเวลากลางคืน จึงจะเคลื่อนที่วกกลับไปบรรจบกับชุดระวังป้องกัน ซึ่งจะเป็น ผู้ลาดตระเวนที่มั่น และนําทางให้กองร้อยเคลื่อนที่เข้าไป ๓ - ๗ การเคลื่อนที่โดยเป็นส่วนหนึ่งของกองพัน โดยปกติกองร้อยจะเคลื่อนที่โดยเป็นส่วนหนึ่ง ของกองพัน ผบ.พัน. จะกําหนดที่อยู่ของกองร้อยภายในรูปขบวนกองพัน ผบ.ร้อย. ใช้รูปขบวนและวิธีการ เคลื่อนที่ที่เหมาะสมที่สุดกับแนวโน้มที่จะเกิดการปะทะกับ ข้าศึกและภารกิจของหน่วย โดยไม่ต้องคํานึงถึงที่ อยู่ของกองร้อยภายในรูปขบวนกองพัน ทั้งนี้จะต้องพร้อมที่จะเข้าปะทะหรือสนับสนุนกองร้อยอื่น ๆ ด้วยการ ยิงเพียงอย่างเดียวหรือด้วยการดําเนินกลยุทธ์ ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้กล่าวไว้ใน รส.๗ - ๒๐ กอง พันทหารราบ
๗๖ บทที่ ๔ การปฏิบัติการรุก ก. การเข้าตีจะต้องมีความรุนแรงและรวดเร็วอย่างเพียงพอ ที่จะบังคับให้ข้าศึกต้องหยุดนิ่งโดยทันที จนตก อยู่ในสภาวะเพลี่ยงพลํ้า ขาดความเป็นปึกแผ่น และป้องกันไม่ให้ข้าศึกฟื้นตัวก่อนการตั้งรับจะถูกทําลาย ทั้งนี้ ฝ่ายเข้าตีจะต้องเปิดเผยตนเองให้น้อยที่สุดจากการยิงและการตรวจการณ์ของข้าศึก เพื่อดํารงไว้ซึ่งการจู่โจม และความอยู่รอด โดยใช้การดําเนินกลยุทธ์ การยิงต่อต้าน หลีกเลี่ยงเครื่องกีดขวาง ดํารงการระวังป้องกัน อย่างต่อเนื่อง ทําให้มั่นใจในการบังคับบัญชาและควบคุม พร้อมทั้งรวมอํานาจกําลังรบไว้สําหรับการสู้รบ ณ ที่ หมายแตกหัก ข. โดยปกติกองร้อยอาวุธเบา จะปฏิบัติการรบด้วยวิธีรุกโดยเป็นส่วนหนึ่งของกําลังที่ใหญ่กว่า การ ปฏิบัติการรุกจะทําให้ ผบ.ร้อย. มีโอกาสเลือกเวลาและสถานที่เข้าทําการรบ และขยายผลด้วยกําลังที่เข้มแข็ง ของกองร้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งดังกล่าวนี้ ผบ.ร้อย. จะต้องดํารงรักษาความริเริ่ม ในการปฏิบัติการเข้าตีกองร้อยอาวุธเบา ใช้การดําเนินกลยุทธ์ตามเส้นทางที่มีความต้านทานน้อยที่สุด พร้อม ทั้งใช้ภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์ต่อการกําบังและซ่อนพราง การเคลื่อนที่เข้าหาข้าศึกด้วยเส้นทางอ้อมเท่าที่ กระทําได้ จะเปิดโอกาสดีที่สุดในการจู่โจมต่อข้าศึก การแทรกซึมเข้าด้วยหน่วยขนาดเล็กผ่านแนวที่มั่นตั้งรับ หลักของข้าศึก จะทําให้กองร้อยอาวุธเบาสามารถรวมอํานาจกําลังรบเข้าโจมตีต่อจุดอ่อนของข้าศึก ทันทีที่ สามารถช่วงชิงความได้เปรียบ กองร้อยอาวุธเบาจะต้องเข้าโจมตีด้วยความรวดเร็วและรุนแรง โดยปกติภายใต้ การกําบังของความมืดหรือทัศนวิสัยจํากัด จะส่งเสริมให้ภารกิจบรรลุความสําเร็จได้ดีกว่าเวลากลางวัน ดัง ตัวอย่างที่ปรากฏในประเทศฟิลิปปินส์ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ ค. เมื่อเดือน มกราคม ๒๔๘๘ ขณะที่กองทัพสนามที่ ๖ ทําการรุกผ่านเกาะลูซอน กองพันจู่โจมที่ ๖ ได้รับมอบภารกิจให้ปฏิบัติการตีโฉบฉวยหลังแนวข้าศึก เพื่อปลดปล่อยเชลยศึกฝ่ายเรามากกว่า ๕๐๐ คน ใน ค่ายกักกันใกล้เมืองพันกาเทียน ผบ.พัน. ทราบดีว่าหน่วยขนาดเล็กจะเปิดโอกาสให้ประสพความสําเร็จด้าน การจู่โจมได้ดีที่สุด จึงได้ตกลงใจใช้กําลังเพียง ๑ กองร้อย (+) เข้าปฏิบัติการตีโฉบฉวย โดยจัดกําลังจาก กองร้อยที่ ๓ และ ๑ หมวดของกองร้อยที่ ๖ มีกําลังรวมทั้งสิ้น ๑๒๘ นาย นอกจากนี้ยังจะได้รับการ สนับสนุนจากกองโจรในท้องถิ่นหลายหน่วย ง. สิ่งที่มุ่งเน้นขั้นต้น ก็คือ การรวบรวมข่าวกรองวิกฤตที่ส่งผลต่อความสําเร็จของภารกิจโดยใช้การ ลาดตระเวนทั้งทางอากาศและทางพื้นดิน พร้อมด้วยการเฝ้าตรวจค่ายกักกันอย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน ก่อนที่จะตีโฉบฉวย การปฏิบัติเริ่มแรกกระทําโดยการแทรกซึมเป็นระยะทาง ๑๔ ไมล์ ผ่านกําลังข้าศึกไปยัง เมืองที่อยู่ห่าง ๕ ไมล์ ทางด้านทิศเหนือของค่ายกักกัน ทั้งนี้จะต้องทําให้เสร็จอย่างสมบูรณ์ภายในคืนวันที่ ๒๘ มกราคม และกองร้อยเข้าบรรจบกับหน่วยกองโจรซึ่งปฏิบัติการเฝ้าตรวจค่ายกักกันเชลยศึกอยู่
๗๗ ภาพสงัเขปเส้นทางการแทรกซึมเขา้และการแทรกซึมออก จ. เชลยศกึออกจากค่ายกกักนัและเคล่อืนทไ่ีปทางทศิเหนอืทหารจโู่จมเสยีชวีติจากการสรู้บในค่ายกกักนั ๒ นาย และเชลยศกึเสยีชวีติจากโรคหวัใจลม้เหลว ๑ นาย ฉ. ขบวนสง่กลบัเชลยศกึเคล่อืนทอ่ีย่างรวดเรว็เท่าทจ่ีะกระทาํ ไดไ้ปยงัแนวทหารฝ่ายเดยีวกนัจนถงึเวลา ๑๑๐๐ ของวนัท่ี๓๑ มกราคม กแ็ทรกซมึออกไดส้าํเรจ็เป็นระยะทาง ๑๙ ไมล์กลบัเขา้บรรจบกบักาํลงัสว่น หน้าของกองทพัสนามท่ี๖ ผลจากการปฏบิตัภิารกจิครงั้น้ีสามารถชว่ยเหลอืเชลยศกึได้ ๕๑๒ คน สงัหาร ขา้ศกึไดม้ากกว่า ๔๐๐ คน กาํลงัทหารจ่โูจมเสยีชวีติในการรบ ๒ คน บาดเจบ็ ในการรบ ๒ คน และกาํลงั กองโจรสญูเสยี๒๗ คน ช. การเขา้ตคีรงั้น้ีประสพความสาํเรจ็เน่ืองจาก ผบ.รอ้ย.ไดป้ระยุกตห์ลกัการพน้ืฐานสาํหรบัการเขา้ตอีย่าง มปีระสทิธภิาพ ซง่ึผบ.รอ้ย. ในปัจจุบนัจะตอ้งนําหลกัการพน้ืฐานดงักล่าวน้ีมาประยุกตใ์ชเ้ช่นเดยีวกนั ความสาํเรจ็ของการเขา้ตคีรงั้น้ีเรม ิ่ ตน้ดว้ยการเตรยีมการอย่างละเอยีดรอบคอบ ใชค้วามมดืและการเคล่อืนท่ี ออ้มผ่านไปยงัจุดแตกหกัเป็นปัจจยัแห่งความสาํเรจ็ความรเิรม ิ่ ในการรวมอาํนาจกาํลงัรบอย่างรุนแรงดว้ยการ ดาํรงการจ่โูจมและความเรว็สง่ผลใหส้ามารถยดึควบคุมค่ายกกักนัไดอ้ย่างรวดเรว็แนวความคดิทง่ี่ายต่อความ เขา้ใจอย่างชดัเจนของทุกคน รวมทงั้พน้ืฐานจากผลการลาดตระเวนอย่างมปีระสทิธภิาพ การปฏบิตัอิย่าง รวดเรว็และรุนแรงยงัเป็นหวัใจของชยัชนะในการรบประชดิซง่ึผบ.หน่วยทหารราบทุกระดบัตงั้แต่ระดบั กองรอ้ยลงมา สมควรนําไปเป็นแนวทางและประยุกตใ์ชอ้ย่างเหมาะสม
๗๘ ซ. หน่วยกองโจรได้แจ้งว่ามีการเคลื่อนไหวของกําลังทหาร และรถถังข้าศึกจํานวนมากโดยรอบค่ายกักกัน อันเนื่องมาจากข้าศึกถอนตัวออกห่างจากกองทัพสนามที่ ๖ ดังนั้นจึงได้ตกลงใจเลื่อนการตีโฉบฉวยออกไป ๒๔ ชม. เพื่อทําการลาดตระเวนในรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งจากผลการลาดตระเวนยืนยันที่ตั้ง กําลังข้าศึกระดับกองพลบริเวณใกล้เมือง คาบานา-ตวน และยังมีกําลังข้าศึกประมาณ ๒๐๐ - ๓๐๐ คน พักแรม อยู่ใกล้ห้วยคาบูทางทิศตะวันออกของค่ายกักกัน นอกจากนี้กําลังข้าศึกในค่ายกักกันเท่าที่ทราบมีกําลัง ๒๕๐ คน ด้วยข่าวสารดังกล่าวนี้ ทําให้แผนการปฏิบัติมีความสมบูรณ์ ด. แผนการปฏิบัติเริ่มต้นด้วยการเข้าตีโฉบฉวยเวลาคํ่าของวันที่ ๓๐ มกราคม โดยแยกที่หมายด้วยเครื่อง ปิดกั้นถนนบนเส้นทางหลวงหลัก เพื่อป้องกันการเพิ่มเติมกําลังจากทางทิศตะวันออกหรือตะวันตก ส่วน สนับสนุนจะเข้าทําลายป้อมยามและรังปืนกลข้าศึก ในขณะที่ส่วนโจมตีเจาะผ่านประตูเข้า – ออกหลัก เพื่อ ตัดรอนกําลังข้าศึกในค่ายกักกันและปลดปล่อยเชลยศึก พร้อมทั้งจัดเตรียมเครื่องมือแบกหามโดยพลเรือน ท้องถิ่นมากกว่า ๕๐ ชุด เพื่อขนย้ายเชลยศึกที่ไม่สามารถเดินด้วยตนเองได้ ต. เมื่อเวลา ๑๙๔๕ ทุกหน่วยเข้าประจําที่มั่นที่กําหนด การเข้าตีเริ่มต้นโดยส่วนสนับสนุนเข้าโจมตีที่ตั้ง ยามข้าศึกแล้วส่วนโจมตีเข้าตีอย่างรุนแรงต่อค่ายกักกัน และยึดควบคุมให้ได้ภายใน ๑๒ นาที หลังจากนั้น การขนย้ายเชลยศึกก็จะเริ่มขึ้น ข้าศึกทางทิศตะวันออกได้ทําการตอบโต้เกือบจะทันทีทันใด การสู้รบรุนแรง เกิดขึ้นที่เครื่องปิดกั้นถนนด้านห้วยคาบู แต่ข้าศึกไม่สามารถผ่านที่มั่นดังกล่าวนี้ได้ จนกระทั่งถึงเวลา ๒๐๑๕
๗๙ ภาพสงัเขปการปฏิบตัิณ ท ี่ หมาย ตอนท ี่ ๑ หลกัพืน้ฐานการรบด้วยวิธีรกุ กองรอ้ยอาวุธเบา เป็นหน่วยทเ่ีหมาะสมทส่ีดุสาํหรบัการเขา้ตใีนเวลากลางคนืการเขา้ตใีนเวลากลางคนื เป็นการเขา้ตทีม่ีปีระสทิธภิาพสงูสดุเพ่อืทาํลายการบงัคบับญัชาและการควบคมุของขา้ศกึตลอดจนเคร่อืงมอื สนบัสนุนการรบและการช่วยรบ เม่อืตอ้งการทจ่ีะสรู้บกบักาํลงัขา้ศกึกองรอ้ยอาวธุเบาจะตอ้งดาํรงการจโู่จม และใชก้ารเคล่อืนทอ่ีอ้มผ่านไปยงัจุดแตกหกั ในกรณีทป่ีฏบิตักิารต่อเน่ืองหรอืตอ้งการสรู้บกบัขา้ศกึทม่ีอีาํนาจ การยงิและความคล่องแคล่วเหนอืกว่าอย่างเด่นชดักองรอ้ยอาวุธเบาจะตอ้งไดร้บัการเพม ิ่ เตมิเคร่อืงมอื สนบัสนุนการรบและการช่วยรบ
๘๐ ๔ - ๑ ความมุ่งหมาย การเข้าตีเป็นการปฏิบัติที่ มีความมุ่งหมายอย่างหลากหลาย ทั้งนี้ความ มุ่ง หมายบางประการ ได้แก่ ก. เพื่อทําลายกําลังพล เครื่องมือ และทรัพยากรของข้าศึก ข. เพื่อยึดครองหรือรักษาภูมิประเทศสําคัญหรือแตกหัก ค. เพื่อให้ได้มาซึ่งข่าวสาร ง. เพื่อลวงหรือหันเหกําลังข้าศึก จ. เพื่อตรึงข้าศึกให้อยู่ในที่มั่น ฉ. เพื่อทําลายหรือทําให้เสียระเบียบการเข้าตีของข้าศึก ๑) ฝ่ายเข้าตีจะต้องมีอํานาจกําลังรบที่เหนือกว่า ณ จุดแตกหัก เพื่อเอาชนะการตั้งรับของข้าศึก ออมกําลังที่จะใช้ในพื้นที่อื่นเพื่อความสําเร็จในการรวมอํานาจกําลังรบ ณ จุดแตกหัก ทันทีที่การเข้าตีประสพ ความสําเร็จ จะต้องดํารงการกดดันข้าศึกอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง เพื่อให้ข้าศึกเสียความสมดุล ๒) การเข้าตีจะต้องหลีกเลี่ยงความแข็งแกร่งของข้าศึก โดยวัตถุประสงค์ของ ผบ.หน่วย จะต้องมุ่ง โจมตีข้าศึก ด้วยการรวมอํานาจกําลังรบสูงสุดจากทิศทางและเวลาที่ข้าศึกไม่คาดคิดหรือคาดการณ์ไว้น้อยที่สุด ๔ - ๒ คุณลักษณะการรบด้วยวิธีรุก ความสําเร็จในการปฏิบัติการรบด้วยวิธีรุก จะต้องใช้การจู่โจม การรวมอํานาจกําลังรบ ความเร็ว ความอ่อนตัว และความห้าวหาญด้วยจิตใจรุกรบ ผบ.ร้อย. เป็นผู้ตัดสินใจว่า ทําอย่างไรจึงจะนําปัจจัยดังกล่าวนี้มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละภารกิจ ก. การจู่โจม ความสําเร็จในการจู่โจมของหน่วยจะเกิดขึ้นได้ด้วยการเข้าโจมตีข้าศึกอย่างรุนแรง ใน เวลา สถานที่ หรือรูปแบบการปฏิบัติ (วิธีการ/ทิศทาง) ที่ข้าศึกไม่ได้เตรียมการมาก่อน การจู่โจมแบบเบ็ดเสร็จ เป็นสิ่งที่จําเป็นไม่บ่อยครั้งนัก การรั้งหน่วงแบบง่าย ๆ หรือทําให้ข้าศึก สับสน/เสียระเบียบการปฏิบัติ มักจะ ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ ๑) การจู่โจมจะทําให้การตอบโต้ของข้าศึกชักช้า การบังคับบัญชาและควบคุมมีความยุ่งยาก รวมทั้ง ส่งผลทางด้านจิตวิทยาต่อทหารและ ผบ.หน่วย ซึ่งอาจทําให้การเข้าตีประสพความสําเร็จด้วยกําลังเพียง เล็กน้อยกว่าที่คาดคิดไว้ ๒) ขีดความสามารถของกองร้อยอาวุธเบาในการเข้าตีขณะที่ทัศนวิสัยจํากัด ด้วยการปฏิบัติการ เป็นหน่วยขนาดเล็กและการแทรกซึมเป็นหัวใจแห่งความสําเร็จในการจู่โจมบ่อยครั้ง ทั้งนี้กองร้อยจะต้องขยาย ผลความสําเร็จจากการจู่โจมก่อนที่ข้าศึกจะฟื้นตัว ข. ความเร็ว จะส่งเสริมการจู่โจมในการรักษาความเสียสมดุลของข้าศึก ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ให้กับกําลังเข้าตี และป้องกันไม่ให้ฝ่ายตั้งรับใช้มาตรการตอบโต้อย่างมีประสิทธิภาพ ๑) ในการขยายผลอย่างเหมาะสม ความเร็วจะสร้างความสับสนและจํากัดความคล่องแคล่วของฝ่าย ตั้งรับ จนกระทั่งไม่สามารถหยุดยั้งฝ่ายเข้าตีได้ ความเร็วเป็นปัจจัยสําคัญที่ต้องการในทุกการปฏิบัติการยุทธ์ โดยผ่านการวางแผนอย่างรอบคอบ ๒) กองร้อยอาวุธเบา เพิ่มความเร็วในการเข้าตี โดยใช้แผนง่ายกระจายอํานาจการควบคุมและใช้ คําสั่งแบบมอบภารกิจ สําหรับความเร็วในการเคลื่อนที่ย่อมขึ้นอยู่กับ การลาดตระเวน การลดนํ้าหนักบรรทุก ของทหาร การใช้รูปขบวน/วิธีการเคลื่อนที่ที่เหมาะสมและการเลือกเส้นทางที่ดี ความเร็วในการวางแผนมีผล จาก รปจ. ที่มีประสิทธิภาพ ความสามารถของผู้นําหน่วย และการใช้เวลาอย่างเหมาะสม ค. การรวมอํานาจกําลังรบ ฝ่ายเข้าตีจะต้องรวมอํานาจกําลังรบ ณ ตําบลและเวลาที่จะบรรลุผลการ รบแตกหัก ผบ.หน่วย ทุกระดับจะต้องพยายามรวมอํานาจกําลังรบให้บังเกิดผล ในขณะที่ดํารงไว้ซึ่งการ กระจายกําลังเป็นหน่วยขนาดเล็ก
๘๑ ๑) เนื่องจากฝ่ายเข้าตีมักจะเคลื่อนที่ผ่าน ภูมิประเทศที่ฝ่ายตั้งรับเตรียมการไว้ จึงอาจเปิดเผย ตัวเองต่อการยิงของข้าศึก ดังนั้นการรวมอํานาจกําลังรบให้ได้รับชัยชนะ ฝ่ายเข้าตีจะต้องลดประสิทธิภาพ การยิงของข้าศึก และลดเวลาในการเปิดเผยตนเองต่อการยิงของข้าศึกให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะกระทําได้ ๒) ความท้าทายสําหรับ ผบ.ร้อย. ที่จะต้องรวมอํานาจกําลังรบ ในขณะที่ลดความสามารถในการ ตอบโต้ของฝ่ายข้าศึก การปฏิบัติที่ส่งผลให้ข้าศึกต้องโยกย้ายอํานาจ (ศักยภาพ) การรบออกไปจากจุด แตกหัก จะส่งผลให้มีความได้เปรียบด้านอํานาจกําลังรบในพื้นที่นั้นเป็นอย่างมาก ง. ความอ่อนตัว ในการเข้าตีโดยทั่วไปแผนขั้นต้นบางส่วนจะถูกปรับปรุงให้เข้ากับสถานการณ์ที่ เปลี่ยนแปลงไป คําสั่งแบบมอบภารกิจและความสามารถในการดํารงความริเริ่มของ ผบ.หน่วยรอง จะทําให้ มั่นใจว่าได้มีการปรับปรุงหรือพัฒนาแผนการปฏิบัติ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ๑) ผบ.หน่วย จะต้องคาดการณ์ถึงความไม่แน่นอนและพร้อมที่จะขยายผลจากโอกาสดังกล่าวนี้ ความต้องการด้านความอ่อนตัวมีอยู่บ่อยครั้งที่ขึ้นอยู่กับปริมาณข่าวกรองเกี่ยวกับข้าศึก ๒) ผบ.ร้อย. จะต้องสร้างความอ่อนตัวให้เกิดขึ้นภายในแผนของตนเองในระหว่างการประมาณ สถานการณ์ โดยปฏิบัติตามกระบวนการจําลองยุทธ์ พัฒนาความรอบรู้เกี่ยวกับหนทางปฏิบัติของข้าศึกที่ น่าจะเป็นไปได้ กองหนุนจะทําให้ ผบ.ร้อย. มีความอ่อนตัวเพิ่มขึ้น จ. ความห้าวหาญ คือความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะเผชิญกับการปฏิบัติที่เสี่ยงอันตรายอย่างกล้าหาญ เพื่อเพิ่มโอกาสในการบรรลุความสําเร็จ ผบ.หน่วยที่ห้าวหาญจะพัฒนาความมั่นใจด้วยการประมาณ สถานการณ์อย่างละเอียดรอบคอบ การปฏิบัติของ ผบ.หน่วย แม้ว่าจะรวดเร็วและเด็ดขาด แต่จะต้องอยู่บน พื้นฐานความคิดอย่างมีเหตุผล ที่มุ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ทางยุทธวิธีและความรอบรู้ทั้งกําลังพลของตนเอง ข้าศึก และภูมิประเทศ ๑) ผบ.หน่วย ที่ห้าวหาญเท่าที่ผ่านมาจะใช้การเคลื่อนที่อ้อมผ่านไปข้างหลัง ดําเนินกลยุทธ์เพื่อ ดํารงความได้เปรียบเหนือข้าศึก ค้นหาเพื่อเข้าตีข้าศึกทางปีกหรือด้านหลัง และขยายผลความสําเร็จโดยทันที แม้ว่าโอกาสจะเปิดให้ในห้วงระยะเวลาสั้นก็ตาม ๒) ความกล้าหาญและการประเมินค่าความเสี่ยงที่กระทําอย่างสมํ่าเสมอ (นิจ) จะเป็นปัจจัยหลัก สําคัญของความสําเร็จในการรบด้วยวิธีรุก อย่างไรก็ตามจะต้องยึดมั่นในภารกิจและเจตนารมณ์ของ ผบ.หน่วย เหนือ ๔ - ๓ ลําดับขั้นการรบด้วยวิธีรุก การรบด้วยวิธีรุกทุกครั้งมักจะเกิดขึ้นตามลําดับขั้น แม้ว่าห้วงการ ปฏิบัติและลักษณะการปฏิบัติของแต่ละลําดับขั้นอาจมีการผันแปร ลําดับขั้นการรบด้วยวิธีรุกโดยทั่วไป ประกอบด้วย การเตรียมการ การเข้าตี การขยายผล และการไล่ติดตาม ก. การเตรียมการกองร้อยอาวุธเบา เตรียมการรบด้วยวิธีรุก โดยใช้ระเบียบการนําหน่วย ซึ่ง รวมทั้งการวางแผน การแจกจ่ายคําสั่ง การเตรียมกําลังพล/ยุทโธปกรณ์ การปฏิบัติการลาดตระเวน และการ ซักซ้อมการปฏิบัติตามแผน ข. การเข้าตี โดยปกติกองร้อยอาวุธเบา เข้าตีโดยเป็นส่วนหนึ่งของกําลังที่ใหญ่กว่า ลําดับขั้นการ เข้าตีอาจรวมทั้งการเข้าตีแบบเร่งด่วนหรือแบบประณีต ขั้นในการเข้าตีส่วนใหญ่ของกองร้อยอาวุธเบาจะ ประกอบด้วย การเคลื่อนที่เข้าหาที่หมาย การโจมตีหรือการปฏิบัติต่อที่หมาย และการจัดระเบียบใหม่หรือเสริม ความมั่นคง ค. การขยายผล โดยปกติกองร้อยอาวุธเบาทําการขยายผลโดยเป็นส่วนหนึ่งของกําลังที่ใหญ่กว่า อย่างไรก็ตามกองร้อยอาวุธเบาอาจทําการขยายผลความสําเร็จทางยุทธวิธีในระดับหน่วยของตนเองได้ ภายในกรอบแนวความคิดในการปฏิบัติของ ผบ.หน่วยเหนือ
๘๒ ง. การไล่ติดตาม วัตถุประสงค์ของการไล่ ติดตาม ก็คือ การทําลายกําลังข้าศึกให้หมดสิ้นไป โดยสมบูรณ์ หรือไม่สามารถสู้รบต่อไปได้ กองร้อยอาวุธเบาอาจเป็นส่วนหนึ่งในการขยายผลของกําลังที่ใหญ่ กว่า ๔ - ๔ โครงร่างการรบด้วยวิธีรุก แนวความคิดที่สมบูรณ์และธรรมดาของการปฏิบัติการยุทธ์ จะเป็น พื้นฐานทางยุทธวิธีของการรบด้วยวิธีรุกทั้งปวง การปฏิบัติการรบด้วยวิธีรุกของกองร้อยอาวุธเบา จะ ประกอบด้วย การลาดตระเวนและระวังป้องกัน การเข้าตีหลักและเข้าตีสนับสนุน และบางครั้งอาจมีการ ปฏิบัติของกองหนุน กองร้อยอาวุธเบาอาจปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวข้างต้นโดยเป็นส่วนหนึ่งของ กองพันทหารราบ ก. การลาดตระเวนและระวังป้องกัน ก่อนการเข้าตีจะเริ่มขึ้นจะต้องค้นหาข้าศึกให้พบเสียก่อน การ ปฏิบัติดังกล่าวนี้จะรวมทั้งการกําหนดที่ตั้งทางปีก ช่องว่าง จุดอ่อน และเครื่องกีดขวางภายในที่มั่นหรือรูป ขบวนการรบของฝ่ายข้าศึก ในขณะเดียวกันกําลังฝ่ายเราจะต้องได้รับการป้องกันจากการจู่โจมของข้าศึก และ ยังคงดํารงขีดความสามารถในการวางกําลังอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดการปะทะกับข้าศึก ๑) การลาดตระเวน กระทําเพื่อให้ได้มาซึ่งข่าวสารเกี่ยวกับข้าศึกหรือภูมิประเทศ การลาดตระเวน ของกองร้อยอาวุธเบา จะเพ่งเล็งในการรวบรวมข่าวสารที่มีความจําเป็นต่อการเข้าตี ความต้องการดังกล่าวนี้ จะถูกกําหนดโดย กองพัน หรือ ผบ.ร้อย. ๒) การระวังป้องกัน ใช้เป็นมาตรการป้องกันการตรวจการณ์หรือการยิงของข้าศึกมายัง ร้อย.อวบ. หมวด/หมู่ปืนเล็ก ทุกหน่วยจะต้องรับผิดชอบการระวังป้องกันตนเอง และอาจได้รับมอบภารกิจในการระวัง ป้องกันเฉพาะพื้นที่ โดยเป็นส่วนหนึ่งในแผนการลาดตระเวนและการระวังป้องกันของกองร้อยอาวุธเบา ๓) กองร้อยอาวุธเบา หมวด และ หมู่ ปืนเล็ก จะปฏิบัติการลาดตระเวนจัดตั้งที่ตรวจการณ์ เคลื่อนที่ด้วยรูปขบวนและเทคนิคการเคลื่อนที่ที่เหมาะสม เพื่อให้ได้รับความสําเร็จทั้งด้านการลาดตระเวนและ ระวังป้องกัน ผบ.หน่วย และกําลังพลทุกคนจะต้องมีความเข้าใจที่ชัดเจนว่าจะต้องทําอะไรบ้างให้บรรลุ ความสําเร็จ ในบางกรณีอาจกระทําเฉพาะการตรวจการณ์และรายงานเท่านั้น และในบางกรณีอาจต้องเข้าทํา การสู้รบด้วย ข. การเข้าตี การเข้าประชิดข้าศึกด้วยการดําเนินกลยุทธ์ เพื่อสังหารหรือจับข้าศึกเป็นเชลย ถือเป็น งานหลักของทหารราบในการทําสงคราม กองร้อยอาวุธเบาอาจได้รับมอบหมายให้เป็นส่วนเข้าตีหลัก หรือส่วน เข้าตีสนับสนุนของกองพันทหารราบ ทั้งนี้กองร้อยอาวุธเบาจะต้องกําหนดส่วนเข้าตีหลักและส่วนเข้าตี สนับสนุนของกองร้อยเช่นเดียวกัน ๑) ส่วนเข้าตีหลักทําให้ภารกิจบรรลุความสําเร็จในระดับกองร้อย ถ้าการเข้าตีของหมวดใดจะทําให้ บรรลุภารกิจของกองร้อย มว.นั้น ก็จะถือเป็นส่วนเข้าตีหลัก ๒) หมวดที่เป็นส่วนเข้าตีสนับสนุนจะช่วยให้ส่วนเข้าตีหลักบรรลุความสําเร็จ โดยใช้การพราง การ ลวง ตรึง และแยกหน่วยข้าศึกออกจากกัน เพื่อเข้ายึดภูมิประเทศสําคัญต่อภารกิจของกองร้อยหรือป้องกันส่วน เข้าตี หลังจากการตีโต้ตอบของข้าศึก กําลังที่ติดตามและสนับสนุนจะถือเป็นส่วนเข้าตีสนับสนุนเช่นเดียวกัน และเป็นกําลังที่เข้าทําการรบด้วยแต่ไม่ใช่กองหนุน ทั้งนี้จะกําหนดงานเฉพาะที่สนับสนุนส่วนเข้าตีหลัก ซึ่งอาจ ประกอบด้วย ทําลายหน่วย/ที่ตั้งข้าศึกที่ส่วนเข้าตีหลักอ้อมผ่าน รื้อถอน/ทําลายเครื่องกีดขวาง รักษาเส้นทาง การติดต่อสื่อสาร ป้องกันพื้นที่/สิ่งอํานวยความสะดวกที่สําคัญ จัดชุดควบคุมเชลยศึก ชุดระเบิดทําลาย ชุด รักษาพยาบาลและส่งกลับรวมทั้งการเพิ่มเติมกระสุนให้กับส่วนเข้าตีหลัก ๓) ความพยายามหลัก จะมุ่งเกี่ยวกับอํานาจกําลังรบ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งระหว่างการเข้าตี ทั้งการ เข้าตีหลักและความพยายามหลัก ถือเป็นกลไกสําหรับการรวมกําลังและการประสานอํานาจกําลังรบ แต่มี ความหมายไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น แนวความคิดของกองร้อยในการเข้ายึดที่มั่นดัดแปลงของข้าศึก โดยให้ มว.ปล.ที่ ๑ เป็นส่วนเข้าตีสนับสนุนให้การสนับสนุนด้วยการยิง มว.ปล.ที่ ๒ ปฏิบัติการเจาะและยึดครอง
๘๓ ฐานเจาะ มว.ปล.ท่ี๓ เขา้ยดึจดุแตกหกัภายในทม่ีนั่ดดัแปลง (ทบ่ีงัคบัการของขา้ศกึ) ดงันนั้มว.ปล.ท่ี๓ ซง่ึปฏบิตักิารขนั้แตกหกัใหบ้รรลุภารกจิของกองรอ้ยจงึเป็นสว่นเขา้ตหีลกัของการปฏบิตัคิรงั้น้ ีอย่างไรกต็าม ความสาํเรจ็ของ มว.ปล.ท่ี๓ ย่อมขน้ึอย่กูบัความสาํเรจ็ของ มว.ปล.ท่ี๒ โดยเฉพาะอย่างยง ิ่ ในขณะท่ี มว.ปล.ท่ี๒ เขา้ทาํการเจาะถอืเป็นการปฏบิตัทิว่ีกิฤตทส่ีดุมว.ปล.ท่ี๒ อาจไดร้บัการกาํหนดใหเ้ป็นความ พยายามหลกัขนั้ตน้ (รปูท่ี๔ - ๑ ) โดยไดร้บัการสนบัสนุนจาก มว.ปล.ท่ี๑ ในขณะเขา้ทาํการเจาะ แต่ ย่อมขน้ึอย่กูบัการเขา้ทาํการรบของ มว.ปล.ท่ี๓ เน่ืองจากจะตอ้งใหก้ารสนบัสนุนสว่นเขา้ตหีลกั รปูท ี่ ๔ - ๑ แผนผงัแนวความคิดในการโจมตีหลกั ค. กองหนุน ในการเขา้ตจีะวางน้ําหนกัไปดา้นความพยายามหลกัเพ่อืขยายผลแห่งความสาํเรจ็ เพม ิ่ เตมิกาํลงัหรอืดาํรงความหนุนเน่ือง จนขา้ศกึไม่สามารถตโีตต้อบหรอืเตรยีมการระวงัป้องกนั ๑) กองหนุนจะไดร้บัมอบหมายใหป้ฏบิตักิาร ณ จุดแตกหกัของการรบ เพ่อืสรา้งความมนั่ ใจใน ความสาํเรจ็ของภารกจิหรอืใชป้ระโยชน์เม่อืมโีอกาสทจ่ีะก่อใหเ้กดิความสาํเรจ็ในการเขา้ตีดงันนั้กองหนุน จะตอ้งมคีวามพรอ้มอย่เูสมอ อย่างไรกต็ามการใชก้องหนุนจะตอ้งพจิารณาอย่างรอบคอบและคุม้ค่า ไม่ใหเ้กดิ กรณีใชก้องหนุนไม่เหมาะสมก่อนเวลาอนัควร เพราะจะทาํ ใหก้ารปฏบิตักิาร ณ จุดแตกหกัขาดความหนุนเน่ือง และไม่ประสบชยัชนะอย่างเดด็ขาด กองหนุนช่วยเสรมิใหแ้ผนมคีวามอ่อนตวัแต่เม่อืใดกต็ามทค่ีวามอ่อนตวั จากกองหนุนไมม่คีวามเป็นไปได้ผบ.รอ้ย. จะตอ้งจดัเตรยีมความอ่อนตวัดว้ยเคร่อืงมอือ่นืๆ เช่น
๘๔ ภารกิจเตรียมพร้อม หรือเพิ่มงานการลาดตระเวน/ การระวังป้องกันสําหรับหมวดปืนเล็ก มาตรการ ควบคุมที่สนับสนุนการแจกจ่ายคําสั่งเป็นส่วน ๆ อย่างรวดเร็ว จะทําให้แผนมีความอ่อนตัวด้วยเช่นกัน ๒) หน่วยที่กําหนดให้ทําหน้าที่กองหนุนจะไม่ได้รับการแบ่งมอบภารกิจเฉพาะ แต่ ผบ.หน่วย กองหนุนจะได้รับทราบแนวทางในการวางแผน ตัวอย่างเช่น ลําดับความเร่งด่วน เตรียมปฏิบัติหน้าที่เป็นส่วน เข้าตีหลัก เตรียมการเคลื่อนที่เข้าปะทะทันทีหลังจากความพยายามหลักประสพความสําเร็จ เพื่อดํารงการ ปะทะกับข้าศึกไว้ เตรียมการสกัดกั้นการตีโต้ตอบของข้าศึกตามแนวทางการเคลื่อนที่ ๒ เคลื่อนที่ไปทางทิศ ตะวันตกเพื่อป้องกันการถูกตัดแยกหรือทําลายกําลังของส่วนเข้าตีหลัก ผบ.หน่วยกองหนุนจะต้องเตรียมการ สําหรับแต่ละภารกิจดังกล่าวนี้ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจเตรียมพร้อม และอาจไม่จําเป็นที่จะต้องการให้ ภารกิจของกองร้อยบรรลุความสําเร็จก็ได้ ทั้งนี้ ผบ.หน่วยกองหนุนควรจะได้รับทราบถึงหลักเกณฑ์พื้นฐาน หรือเงื่อนไขที่ ผบ.ร้อย. จะใช้ริเริ่มแต่ละภารกิจเตรียมพร้อม ๓) ขนาดกําลังและกองบังคับการการควบคุมบังคับบัญชาของกองหนุน ย่อมขึ้นอยู่กับการ ประมาณสถานการณ์ของ ผบ.ร้อย. ทั้งนี้โดยปกติถ้าสถานการณ์ข้าศึกไม่กระจ่างชัดมากขึ้นเท่าใด กองหนุนก็ จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเท่านั้น ถ้ากองร้อยทําหน้าที่เป็นส่วนเข้าตีหลักและกองพันมีการจัดกองหนุน ในกรณีนี้ กองร้อยก็ควรมีกองหนุนขนาดเล็กหรือไม่มีเลยก็ได้ อย่างไรก็ตามถ้ากองร้อยทําหน้าที่เป็นส่วนเข้าตีสนับสนุน กองหนุนขนาดใหญ่อาจมีความจําเป็น เมื่อใดที่กองหนุนไม่มี บก.มว. รวมอยู่ด้วย รอง ผบ.ร้อย. หรือจ่า กองร้อยอาจทําหน้าที่เป็น ผบ.หน่วยกองหนุน ทั้งนี้ ผบ.หน่วยกองหนุนจะต้องมีความเข้าใจในภารกิจ เตรียมพร้อมดังกล่าวข้างต้น พร้อมทั้งเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และทําให้หน่วยมีความพร้อมที่จะ เข้าปฏิบัติการในระยะเวลาอันสั้น ๔ - ๕ แบบของการดําเนินกลยุทธ์ความสัมพันธ์เกี่ยวกับการวางกําลังของฝ่ายตรงข้ามกับอีกฝ่ายหนึ่ง จะบ่งบอกถึงแบบการดําเนินกลยุทธ์ ซึ่งประกอบด้วย ๕ แบบ ได้แก่ การตีเจาะ การตีโอบ การตีตลบ การตี ตรงหน้า และการแทรกซึม ซึ่งรายละเอียดได้กล่าวไว้ใน รส.๗ - ๒๐ โดยในการเข้าตีทุกครั้ง ผบ.ร้อย.จะต้อง กําหนดแบบการดําเนินกลยุทธ์ ในการใช้อํานาจกําลังรบทั้งปวงเข้าปฏิบัติการ ณ จุดแตกหัก ผบ.ร้อย. อาจ พิจารณาเลือกใช้แบบการดําเนินกลยุทธ์พื้นฐานแบบเดียวหรือหลายแบบผสมกันก็ได้ การลาดตระเวนเป็น ปัจจัยสําคัญสําหรับการเลือกแบบดําเนินกลยุทธ์ที่เหมาะสม การดําเนินกลยุทธ์จะต้องอาศัยความริเริ่ม การ จู่โจม ความเร็ว และการลักลอบเป็นสิ่งสําคัญต่อการระวังป้องกันหน่วย และป้องกันไม่ให้ข้าศึกตอบโต้อย่างมี ประสิทธิภาพ ก. การตีเจาะ ๑) การตีเจาะ ใช้เมื่อไม่สามารถเข้าโจมตีต่อปีกของข้าศึกได้ หรือเมื่อเวลามีไม่เพียงพอที่จะดําเนิน กลยุทธ์แบบอื่น โดยมีความมุ่งหมายเพื่อตัดแยกการตั้งรับของข้าศึกในกว้างด้านหน้าแคบ ทําให้เกิดช่องว่าง ในขอบหน้าพื้นที่ตั้งรับหลัก ซึ่งจะส่งผลให้สามารถเข้าปฏิบัติการทางปีกทั้งสองข้างและทางด้านหลังของข้าศึก (รูปที่ ๔ - ๒) ๒) โดยปกติกองร้อยอาวุธเบา จะปฏิบัติการตีเจาะเป็นส่วนหนึ่งของกําลังที่ใหญ่กว่า การตีเจาะอาจ กระทํา ณ จุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้ ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับกําลังที่มีอยู่ อย่างไรก็ตามกองร้อยอาวุธเบามักจะ มุ่งเน้นการใช้อํานาจกําลังรบไปที่การเจาะจุดเดียว
๘๕ รปูท ี่ ๔ - ๒ การเข้าตีเจาะ ข. การตีโอบ ๑) การตโีอบ สว่นเขา้ตหีลกัจะหลกีเลย่ีงขา้ศกึในทม่ีนั่หลกัดา้นหน้า ซง่ึมกีารวางกาํลงัป้องกนัและ เตรยีมการรวมอาํนาจการยงิไวเ้ป็นอย่างดีในขณะเดยีวกบัทส่ีว่นเขา้ตสีนบัสนุนทาํการตรงึกาํลงัฝ่ายตงั้รบัทาง ดา้นหน้า เพ่อืลดขดีความสามารถของขา้ศกึในการตอบโตต้ ่อสว่นเขา้ตหีลกัดว้ยการบบีบงัคบัใหข้า้ศกึตอ้ง สรู้บ ๒ ทศิทาง การดาํเนินกลยุทธข์องสว่นเขา้ตดีา้นความพยายามหลกัจะกระทาํทางปีกและดา้นหลงัของ ขา้ศกึการเขา้ตทีางปีกเป็นการแปรรปูแบบหน่งึของการตโีอบ ทงั้น้ีความสาํเรจ็ในการเขา้ถงึปีกและดา้นหลงั ของขา้ศกึเป็นผลสบืเน่ืองมาจากการเคล่อืนทข่ีองขา้ศกึ (รปูท่ี๔ - ๓) จะเกดิช่องว่างหรอืจุดอ่อนทเ่ีกอ้ืกลูต่อ การตโีอบทางปีกและดา้นหลงั ๒) ความสาํเรจ็ในการตโีอบจาํเป็นตอ้งคน้หาปีกหรอืสรา้งความเป็นไปไดใ้นการเขา้ตทีางปีก ใน การรบปะทะและการตโีตต้อบอาจทาํ ใหท้ราบปีกทแ่ีทจ้รงิของขา้ศกึ ในสภาวะทข่ีา้ศกึมคีวามเคล่อืนไหวน้อย มากซง่ึอาจมชี่องว่างหรอืจุดอ่อนในการตงั้รบัของขา้ศกึการตโีอบจะประสพความสาํเรจ็ขน้ึอยกู่บัความสามารถ ของสว่นเขา้ตสีนบัสนุน ในการตรงึขา้ศกึในแนวทม่ีนั่หลกัดา้นหน้าแลว้ยงัจะตอ้งอาศยัความคล่องแคล่วในการ เคล่อืนทส่ีงูและการปฏบิตักิารจ่โูจม ตลอดจนการประสานงานอยา่งแน่นแฟ้น อยา่งไรกต็าม
๘๖ ถา้สถานการณ์เออ้ือาํนวยให้สว่นเขา้ตหีลกัจะ เลอืกใชก้ารดาํเนินกลยทุธด์ว้ยการตโีอบมากกว่าการ ตเีจาะ เน่ืองจากมโีอกาสปรบัอาํนาจกาํลงัรบและลดการสญูเสยีไดด้กีว่า รปูท ี่ ๔ - ๓ การเข้าตีโอบ ค. การตีตลบ ๑) การตตีลบเป็นแบบหน่ึงของการตโีอบ ซง่ึฝ่ายเขา้ตพียายามหลกีเลย่ีงการตงั้รบัทงั้หมดของ ขา้ศกึเพ่อืเขา้ยดึควบคมุภูมปิระเทศสาํคญัทางลกึดา้นหลงัของขา้ศกึและตามเสน้ทางการตดิต่อสอ่ืสาร ซง่ึ จะทาํ ใหข้า้ศกึประสบภยัคุกคามหลกัทางดา้นหลงัจนตอ้งหนัเหหรอืดงึกาํลงัออกจากแนวทม่ีนั่ตงั้รบัและถูก บงัคบัใหท้าํการสรู้บทางดา้นหลงั ๒) เพ่อืความสาํเรจ็ในการตตีลบ หน่วยจะตอ้งพยายามหนัเหหรอืดงึกาํลงัขา้ศกึออกไปใหไ้ด้ โดย เขา้ตตี่อตําบลสาํคญัทข่ีา้ศกึจะตอ้งสรู้บเพ่อืรกัษาไว้เช่น เสน้หลกัการสง่กาํลงัทต่ีงั้ยงิปืนใหญ่หรอืทบ่ีงัคบั การหลกัสาํหรบัการเขา้ตตี่อทห่ีมายแตกหกัหน่วยเขา้ตตีลบจะตอ้งมกีาํลงัเขม้แขง็เพยีงพอทจ่ีะทาํ ใหเ้กดิภยั คุกคามอย่างแทจ้รงิต่อฝ่ายขา้ศกึ (รปูท่ี๔ - ๔ ) กองรอ้ยอาวุธเบาไม่สามารถเขา้ตตีลบต่อหน่วยขา้ศกึระดบั กรมได้แต่สามารถจะเขา้ตตีลบต่อหน่วยระดบักองพนั ๓) การตตีลบปกตจิะเขา้ตเีลยระยะทห่ีน่วยทหารฝ่ายเดยีวกนัอ่นืๆ จะใหก้ารสนบัสนุนได้จงึ จาํเป็นตอ้งมคีวามคล่องแคล่วและกาํลงัเขม้แขง็เพยีงพอทจ่ีะปฏบิตักิารเป็นอสิระได้ทงั้น้อีาจมสีว่นเขา้ตี สนบัสนุนหรอืไม่มกีไ็ด้
๘๗ รปูท ี่ ๔ - ๔ การเข้าตีตลบ ง. การตีตรงหน้า ๑) การตตีรงหน้า เป็นการเขา้โจมตตี่อขา้ศกึตลอดกวา้งดา้นหน้าในทศิทางหรอืบนเสน้ทางทต่ีรงและ สนั้ทส่ีดุซง่ึสามารถดาํเนินกลยุทธเ์ขา้หาขา้ศกึไดอ้ย่างรวดเรว็ทงั้น้ีสว่นใหญ่จะกระทาํ ในการเขา้ตแีบบ เร่งด่วน การขยายผลและไล่ตดิตาม สาํหรบัในการเขา้ตแีบบประณีตเป็นแบบการดาํเนินกลยุทธท์พ่ีงึประสงค์ น้อยทส่ีดุเน่ืองจากฝ่ายเขา้ตจีะล่อแหลมทจ่ีะเปิดเผยตนเองต่อการรวมอาํนาจการยงิของฝ่ายตงั้รบั ในขณะ เดยีวกบัทฝ่ี่ายเขา้ตถีูกจาํกดัประสทิธภิาพการยงิของตนเอง ๒) การตตีรงหน้า แมว้่าเป็นแบบดาํเนินกลยุทธท์ง่ี่ายทส่ีดุอย่างไรกต็ามการตตีรงหน้าจะใชไ้ดผ้ล สาํหรบัการเอาชนะจุดอ่อนของขา้ศกึทต่ีงั้สว่นระวงัป้องกนัหรอืกาํลงัขา้ศกึทเ่ีสยีระเบยีบ ทงั้น้บีอ่ยครงั้ทก่ีารตี ตรงหน้าเป็นแบบดาํเนินกลยุทธท์ด่ีทีส่ีดุในกรณีทค่ีวามเรว็และความงา่ยเป็นปัจจยัสาํคญั
๘๘ จ. การแทรกซึม ๑) การแทรกซมึเป็นวธิกีารเขา้ถงึดา้นหลงัของขา้ศกึผ่านแนวทม่ีนั่ตงั้รบัทข่ีา้ศกึเตรยีมการไว้ โดย ปราศจากการสรู้บ (รปูท่ี๔ - ๕) ดว้ยการกาํบงั/ซ่อนเรน้การเคล่อืนทท่ีงั้หมดหรอืบางสว่นของกาํลงัเขา้ตผี่าน แนววางกาํลงัของขา้ศกึเขา้สตู่ําบลทเ่ีกอ้ืกลูดา้นหลงัขา้ศกึหน่วยทแ่ีทรกซมึจะตอ้งหลกีเลย่ีงการตรวจจบัและ การปะทะกบัขา้ศกึ ๒) กองรอ้ยอาวธุเบา เป็นหน่วยทม่ีกีารจดัเหมาะสมกบัการปฏบิตักิารแทรกซมึดว้ยการใชก้าํลงั ขนาดเลก็ผ่านช่องว่างการป้องกนัของขา้ศกึและเปิดเผยร่องรอยเพยีงเลก็น้อยในขณะเคล่อืนท่ีซง่ึเป็นการ ปฏบิตัใิหก้ารแทรกซมึเป็นแบบดาํเนินกลยุทธท์ม่ีปีระสทิธภิาพ รปูท ี่ ๔ - ๕ การแทรกซึม ตอนท ี่ ๒ การแทรกซึม การแทรกซมึเป็นแบบดาํเนินกลยุทธ์ทใ่ีชโ้ดยหน่วยทหารราบในหลายสถานการณ์ โดยเฉพาะใน ระหว่างการเขา้ตอีาจไดร้บัการตอบโตจ้ากขา้ศกึในทม่ีนั่ตงั้รบัแขง็แรง ดงันนั้จงึตอ้งหลกีเลย่ีงความแขง็แกร่ง ของขา้ศกึ โดย ผบ.หน่วย อาจใหห้น่วยเคล่อืนทด่ีว้ยการลกัลอบผ่านช่องว่าง หรอืออ้มผ่านทต่ีงั้ขา้ศกึเขา้ไป ปฏบิตักิารในพน้ืทส่ีว่นหลงัของขา้ศกึกองรอ้ยอาวธุเบาอาจแทรกซมึเพ่อืปฏบิตักิารตโีฉบฉวย ซุ่มโจมตหีรอื เขา้ตแีบบอ่นืๆ นอกจากน้ีการแทรกซมึอาจนําไปใชส้าํหรบัการปฏบิตักิารอ่นืๆ อกีหลายรปูแบบ ดงัเช่นการ หลบอย่หูลงัแนวขา้ศกึและการลาดตระเวน เป็นตน้
๘๙ ๔ - ๖ หลักพื้นฐาน การแทรกซึมจะทําให้ทหาร ราบใช้ขีดความสามารถของตนให้เป็นประโยชน์ ทั้งนี้ในขณะปฏิบัติการแทรกซึม กองร้อยอาวุธเบาสามารถดําเนินกลยุทธ์ด้วย หมู่/หมวดปืนเล็ก เข้าไปยังที่ หมายสําคัญโดยไม่ถูกตรวจพบ ได้ผลด้านการจู่โจม และหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการยิงของข้าศึก ทัศนวิสัย จํากัด สภาพอากาศที่เลวร้าย และภูมิประเทศที่ยากลําบาก จะลดโอกาสในการถูกตรวจพบระหว่างทําการ แทรกซึม ก. ความมุ่งหมายของการแทรกซึม ๑) เพื่อรวบรวมข่าวสาร ๒) เพื่อเข้าตีต่อจุดอ่อนของข้าศึก ๓) เพื่อยึดควบคุมภูมิประเทศสําคัญ หรือทําลายสิ่งอํานวยความสะดวกที่สําคัญต่อการสู้รบด้านหลัง ที่มั่นข้าศึก ๔) เพื่อรบกวนหรือทําให้ข้าศึกเสียระเบียบ ด้วยการซุ่มโจมตีในพื้นที่ส่วนหลังของข้าศึก หรือเข้าตี กองหนุน หน่วยยิงสนับสนุน และที่บังคับการของข้าศึก ข. ลําดับขั้นตอนการแทรกซึม มีดังต่อไปนี้ ๑) การลาดตระเวน : ค้นหาช่องว่าง/จุดอ่อนในการตั้งรับของข้าศึกและกําหนดที่ตั้งข้าศึก ๒) การเตรียมการ : ปฏิบัติตามระเบียบการนําหน่วย ๓) การแทรกซึม : หลีกเลี่ยงการปะทะกับข้าศึก เคลื่อนที่ด้วยหน่วยขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ๔) การสถาปนาความมั่นคง : การบรรจบและเตรียมการสําหรับปฏิบัติการ ณ ที่หมาย ๕) การปฏิบัติ : ปฏิบัติภารกิจให้สําเร็จโดยสมบูรณ์ ค. การแทรกซึมไม่ได้หมายความว่าหน่วยทั้งหมด จะเคลื่อนที่ผ่านที่มั่นข้าศึกโดยปราศจากการถูก ตรวจพบหรือการสู้รบเสมอไป ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับภารกิจ กองร้อยอาวุธเบายังคงสามารถบรรลุภารกิจอย่าง สมบูรณ์ได้แม้ว่ามีบาง หมู่ ปล. อาจเกิดการปะทะกับข้าศึกตามเส้นทางระหว่างการบรรจบ ถึงแม้ว่าจะกระตุ้น ให้ข้าศึกอาจมีความคิดว่าอะไรกําลังจะเกิดขึ้น แต่เป็นเรื่องยากมากที่จะประมาณการได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน ว่า การปะทะขนาดเล็กที่เกิดขึ้นนั้นหมายความถึงอะไร การรักษาความปลอดภัยทางการยุทธ์อาจต้องการ เพียง ผบ.หน่วยหลักเท่านั้นที่รู้แผนการปฏิบัติทั้งหมดในระหว่างขั้นการแทรกซึม เพื่อป้องกันการเปิดเผยอัน เนื่องจากผู้บาดเจ็บหรือเชลยศึกฝ่ายเรา ๔ - ๗ ข้อพิจารณา แผนการแทรกซึมจะต้องเตรียมให้พร้อมและสมบูรณ์ หน่วยจะต้องมีเวลาอย่าง เพียงพอสําหรับเตรียมการและเคลื่อนย้าย กองร้อยอาวุธเบาอาจทําการแทรกซึมด้วยตนเอง หรือเป็นส่วน หนึ่งของกองพัน ในกรณีใดก็ตามการใช้เทคนิคและรูปขบวนการเคลื่อนที่ ย่อมขึ้นอยู่กับแนวโน้มหรือความ เป็นไปได้ที่จะเกิดการปะทะกับข้าศึก รวมทั้งลักษณะภูมิประเทศ ทัศนวิสัย และความต้องการเกี่ยวกับ ความเร็วและการควบคุม ก. ขนาด ขนาดของหน่วยแทรกซึมขึ้นอยู่กับเวลาที่มีอยู่ การกําบัง/ซ่อนพราง และข้าศึก นอกจากนี้ อาจมีข้อพิจารณาอื่น ๆ ประกอบด้วย ความต้องการด้านการติดต่อสื่อสาร ความยากของการนําทางและ จํานวนเส้นทางแทรกซึม โดยทั่วไปหน่วยที่เล็กกว่าสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่า และใช้ประโยชน์จากการซ่อน พรางที่มีอยู่ได้ดีกว่า แต่จะเพิ่มปริมาณในการบรรจบและความต้องการเวลามากขึ้น การแทรกซึมเป็นกองร้อย หรือหมวดทําให้มั่นใจเกี่ยวกับการควบคุม และมีอํานาจกําลังรบเพียงพอในกรณีที่เกิดการปะทะ ข. ช่องทางแทรกซึมกองร้อยอาวุธเบา อาจได้รับมอบเป็นช่องทางหรือเป็นพื้นที่แทรกซึมก็ได้ ผบ.ร้อย. จะต้องตกลงใจว่า จะเคลื่อนที่ผ่านช่องทางแทรกซึมของกองร้อยด้วยกําลังทั้งกองร้อยพร้อมกัน หรือ แบ่งมอบช่องทางแทรกซึมให้แต่ละหมวด ภายในช่องทางแทรกซึมของกองร้อย นอกจากนี้ ผบ.ร้อย. อาจมี หนทางเลือกอื่นด้วยการกําหนดเวลาเริ่มต้นที่ลํ้าเหลื่อมกัน ให้แต่ละหมวดใช้ช่องทางแทรกซึมของกองร้อย
๙๐ ร่วมกันก็ได้ อย่างไรก็ตามช่องทางแทรกซึมควรจะ มีความกว้างอย่างเพียงพอ ที่จะช่วยให้หน่วยแทรก ซึมสามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางตามแผน เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับข้าศึกได้ ๑) ในกรณีที่ ร้อย.อวบ. ใช้ช่องทางแทรกซึมเดียว ผบ.ร้อย. จะต้องเลือกเส้นทางและกําหนดจุดนัด พบ ณ ที่หมาย (รูปที่ ๔ - ๖) แต่ถ้าใช้ช่องทางแทรกซึมหลายช่องทาง ผบ.ร้อย. แบ่งมอบช่องทางแทรกซึมให้ แต่ละหมวดและเวลาเริ่มปฏิบัติ พร้อมทั้งเลือกจุดบรรจบสําหรับหมวดและเลือกจุดนัดพบ ณ ที่หมาย ผบ.มว. เป็นผู้เลือกเส้นทางเคลื่อนที่ผ่านช่องทางแทรกซึมของตน ๒) ในการตกลงใจที่จะใช้ช่องทางแทรกซึมเดียวหรือหลายช่องทาง ผบ.ร้อย. จะต้องพิจารณาถึง ปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ ดังนี้ ก) การเคลื่อนที่ด้วยช่องทางแทรกซึมเดียว จะส่งผลต่อการปฏิบัติ คือ (๑) อาจทําให้ ร้อย.อวบ. เข้าจุดนัดพบ ณ ที่หมายได้เร็วขึ้น (๒) ง่ายต่อการควบคุม (๓) ง่ายต่อการนําทาง (๔) เพิ่มโอกาสที่ ร้อย.อวบ. จะถูกตรวจพบ (๕) เตรียมอํานาจกําลังรบได้เข้มแข็งกว่าถ้าถูกตรวจพบ ข) การเคลื่อนที่ด้วยช่องทางแทรกซึมหลายช่องทาง (รูปที่ ๔ - ๗) หรือด้วย ๑ หมวด ใน ๑ ช่องทาง จะส่งผลต่อการปฏิบัติ คือ (๑) ความต้องการในการบรรจบ (๒) การควบคุมกระทําได้ยาก (๓) การนําทางอาจยากลําบากเพิ่มขึ้น (๔) ลดโอกาสที่ ร้อย.อวบ.จะถูกตรวจพบ อย่างไรก็ตามถ้าถูกตรวจพบจะมีอํานาจกําลัง รบน้อย ค. เส้นทางแทรกซึม เส้นทางที่เลือกจะต้องมีคุณลักษณะดังนี้ ๑) หลีกเลี่ยงที่ตั้งข้าศึก ๒) มีการกําบังและซ่อนพราง ๓) ง่ายต่อการควบคุมและนําทาง ๔) หลีกเลี่ยงเครื่องกีดขวางและพื้นที่อันตราย (ก) เส้นทางแทรกซึม ควรจะมีการลาดตระเวนล่วงหน้าโดยไม่ให้ข้าศึกรู้ตัว ทั้งนี้อาจกระทําได้ เฉพาะการลาดตระเวนบนแผนที่เท่านั้น อย่างไรก็ตามควรจะพิจารณาใช้การนําทาง หรือการจัดทํา เครื่องหมายบนเส้นทางด้วย (ข) จุดนัดพบอาจเลือกจากการลาดตระเวนบนแผนที่ หรือเลือกในระหว่างเคลื่อนที่ไปตาม เส้นทางก็ได้ ถ้ากองร้อยอาวุธเบา ต้องกระจายกําลังอันเนื่องจากการปฏิบัติของข้าศึกจะต้องไปรวมกําลัง ณ จุดนัดพบสุดท้ายที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งไม่อยู่ภายในระยะยิงของอาวุธปืนเล็กข้าศึก หรือย่านกระสุนตก การรวม หน่วยจะรอจนกว่ากําลังพลทุกหน่วยเข้ามาถึงจุดนัดพบ หรือถึงเวลาที่กําหนดก่อนที่จะปฏิบัติภารกิจต่อไป ถ้า ขาด ผบ.ร้อย. ให้ผู้ที่มีอาวุโสสูงสุดในจุดนัดพบนั้น เป็นผู้ควบคุมหน่วยและตกลงใจทําอย่างไรจึงจะปฏิบัติ ภารกิจต่อไปให้ดีที่สุด (ค) กําหนดจุดนัดพบ ณ ที่หมายให้ใกล้ที่หมายมากที่สุด โดยไม่ถูกตรวจพบหรือสูญเสีย การระวังป้องกัน นอกจากนี้ควรมีพื้นที่กว้างขวางเพียงพอต่อการวางกําลังของกองร้อยอาวุธเบา และจะต้องให้ เกิดความมั่นใจในความปลอดภัยก่อนที่จะเข้าวางกําลัง
๙๑ รปูท ี่ ๔ - ๖ เส้นทางการแทรกซึมเส้นทางเดียว รปูท ี่ ๔ - ๗ เส้นทางการแทรกซึม
๙๒ ง. จุดบรรจบ เมื่อใช้ช่องทางแทรกซึมหลาย ช่องทาง มว.ปล. ทุกหมวดจะต้องมารวมกัน ณ จุด บรรจบ แล้วเคลื่อนที่เป็นกองร้อยไปยังจุดนัดพบ ณ ที่หมาย ห้ามวางแผนการบรรจบที่จุดนัดพบ ณ ที่หมาย เป็นอันขาด ถ้าหน่วยใดพลาดการบรรจบจะต้องเคลื่อนที่ไปยังจุดบรรจบตามเหตุการณ์ที่อยู่ห่างจากจุดนัดพบ ณ ที่หมาย แล้วทําการบรรจบด้วยหน่วยขนาดเล็กห่างจากจุดนัดพบ ณ ที่หมาย จ. สัญญาณ ทัศนสัญญาณ เช่น สัญญาณมือ - แขน เครื่องมือแสงอินฟราเรดและไฟฉายที่ครอบด้วย กระจกสี จะลดโอกาสในการถูกตรวจพบ ทั้งนี้ให้หลีกเลี่ยงการใช้สัญญาณเสียงและแสง สัญญาณที่รู้โดยทั่ว กันมีความสําคัญสําหรับการปฏิบัติ ณ จุดบรรจบหรือจุดนัดพบ ๑) การเฝ้าฟังวิทยุ ควรจะนํามาบังคับใช้ เว้นแต่เมื่อจําเป็นต้องรายงานความคืบหน้าในการ ปฏิบัติของหน่วย หรือเมื่อหน่วยถูกข้าศึกตรวจพบและจําเป็นต้องได้รับการยิงสนับสนุน ๒) การส่งข่าวทางวิทยุในขณะที่ผ่านแนวขั้นหรือจุดตรวจสอบ ควรเป็นข้อความที่สั้นซึ่ง อาจใช้รหัสคําพูดเดียว โดยอาจไม่ต้องใช้นามเรียกขานเพื่อตรวจสอบหน่วย ดังนั้นจึงต้องจัดให้แต่ละหน่วยมี รหัสคําพูดที่แตกต่างกัน ๓) เมื่อหน่วยต้องปฏิบัติการภายใต้สภาวะการณ์ที่ไม่สามารถติดต่อทางวิทยุได้ เนื่องจาก จํากัดด้วยสภาพภูมิประเทศหรือระยะทาง หน่วยสามารถที่จะเฝ้าฟังหรือส่งรหัสได้เฉพาะในห้วงเวลาที่ กําหนดให้เท่านั้น โดยในห้วงเวลาดังกล่าวนี้ หน่วยจะต้องเคลื่อนที่ไปยังภูมิประเทศหรือติดตั้งเสาอากาศสนาม ซึ่งจะทําให้สามารถติดต่อสื่อสารได้ ฉ. การยิงสนับสนุน การยิงอาวุธเล็งจําลองต้องมีการวางแผนไว้อยู่เสมอ แต่จะใช้เมื่อเกิดการปะทะ หรือเมื่อจําเป็นต้องสนับสนุนภารกิจ ถ้าการปะทะกับข้าศึกเกิดขึ้นหน่วยที่แทรกซึมควรใช้การยิงอาวุธเล็ง จําลอง เพื่อหันเหความสนใจของข้าศึกกดดันต่อที่มั่นข้าศึก และกําบังการเคลื่อนที่ของฝ่ายเดียวกันเพื่อ ช่วยเหลือในการผละออกจากการปะทะ การยิงอาวุธเล็งจําลองอาจใช้ช่วยในการนําทาง และทําให้ทหารข้าศึก ต้องเข้าหาที่กําบัง ช. การปฏิบัติเมื่อเกิดการปะทะ เมื่อทําการแทรกซึมหลายช่องทาง ถ้าข้าศึกตรวจพบช่องทางใด ช่องทางหนึ่งจะทําให้ข้าศึกมีความตื่นตัว ซึ่งจะส่งผลให้หน่วยแทรกซึมส่วนอื่นตกอยู่ในสภาวะอันตราย คําสั่งยุทธการจะต้องกําหนดการปฏิบัติในกรณีที่ถูกข้าศึกตรวจพบจะให้ปฏิบัติภารกิจต่อไป หรือกลับเข้ามาใน แนวฝ่ายเดียวกัน สําหรับหน่วยที่เคลื่อนที่ติดตามมาก็ควรที่จะเปลี่ยนช่องทางแทรกซึมไปใช้ช่องทางสํารอง ถ้าทหารภายในหน่วยพูดเป็นภาษาของข้าศึก แสดงว่าหน่วยได้เปิดเผยตนเองต่อที่ตรวจการณ์หรือการ ลาดตระเวนของข้าศึก ในกรณีเช่นนี้ ผบ.หน่วย จะต้องอยู่บริเวณด้านหน้าหรือค่อนไปทางด้านหน้าของรูป ขบวน คําสั่งจะต้องระบุถึงการปฏิบัติเมื่อมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตด้วยเช่นเดียวกัน ซ. วิธีดําเนินการต่อผู้บาดเจ็บ/เสียชีวิตและเชลยศึก ในระหว่างการแทรกซึมอาจเป็นการยากที่จะ ดําเนินการส่งกลับผู้บาดเจ็บ/เสียชีวิต โดยปราศจากการป้องกันอันตราย ทั้งนี้ผู้บาดเจ็บ/เสียชีวิตอาจถูกแบก หามไปยังจุดนัดพบ ณ ที่หมายหรือจุดบรรจบ แล้วทําการส่งกลับเมื่อภารกิจจบหรือถูกยกเลิก และอาจทิ้งไว้ แล้วกลับมารับไปภายหลัง การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บเสียชีวิต หรือเชลยศึกไปยังจุดนัดพบ ณ ที่หมาย จะเป็น อันตรายในขณะที่พยายามหลีกเลี่ยงการถูกตรวจพบ ในกรณีที่ผู้บาดเจ็บถูกทิ้งไว้จะต้องมีทหารคนอื่นและยา รักษาอยู่ด้วย สําหรับผู้เสียชีวิตในการรบควรจะถูกซุกซ่อน และกลับมาค้นหาภายหลัง สําหรับเชลยศึกอาจทิ้ง ไว้ ณ จุดนัดพบจุดใดจุดหนึ่งโดยมีผู้ควบคุม และทําการส่งกลับเมื่อปฏิบัติการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด. การซักซ้อม ทหารทุกคนจะต้องเข้าใจแผนและหน้าที่ของตนเอง หน่วยควรซักซ้อมรูปขบวน และวิธีการเคลื่อนที่รวมทั้งการปฏิบัติเกี่ยวกับ