The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กองร้อยอาวุธเบา รส. 7-10

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by training7005, 2024-05-24 03:22:05

กองร้อยอาวุธเบา รส. 7-10

กองร้อยอาวุธเบา รส. 7-10

๑๙๗ ซ. การปฏิบัติในการระวังป้องกันและการลวง ในความพยายามทุกครั้งจะต้องป้องกันมิให้ข้าศึกรู้ ได้ว่าการผลัดเปลี่ยนจะเกิดที่ใด การผลัดเปลี่ยนควรมีการปฏิบัติในห้วงที่ทัศนวิสัยจํากัด ๑) ในการวางกําลัง การปฏิบัติ และการใช้วิทยุ ของหน่วยรับการผลัดเปลี่ยนจะต้องดํารงไว้ ตลอดเวลาในการผลัดเปลี่ยน ๒) ทั้ง ๒ กองร้อยควรที่จะอยู่ในเครือข่ายวิทยุของหน่วยรับการผลัดเปลี่ยน กองร้อยที่รับการ ผลัดเปลี่ยนควรจะดํารงการติดต่อสื่อสารไว้ตามปกติในขณะเดียวกับที่หน่วยผลัดเปลี่ยนเฝ้าฟัง เมื่อใดที่การ ผลัดเปลี่ยนเสร็จสิ้น และให้สัญญาณตามที่นัดหมายไว้ก่อน ให้กองร้อยที่ทําการผลัดเปลี่ยนความถี่มายัง ความถี่ที่กําหนด ๓) สิ่งที่กระทําในการรักษาความปลอดภัย (ที่ตรวจการณ์และการลาดตระเวน) จะต้องดํารงไว้ตาม ตารางที่กําหนด สิ่งนี้อาจจะต้องการกําลังพลบางส่วนจากหน่วยที่ทําการผลัดเปลี่ยน ทําการวางไว้แทนภายใต้ การควบคุมการปฏิบัติการของหน่วยที่รับการผลัดเปลี่ยนก่อนการผลัดเปลี่ยนจะเกิดขึ้น ๔) การวางแผนและการประสานงานเพิ่มเติมจะมีความต้องการเมื่อ การผลัดเปลี่ยนเป็นการปฏิบัติ กันระหว่างกองร้อยทหารราบเบา และกองร้อยทหารราบยานเกราะ และเมื่อการผลัดเปลี่ยนทางลึกหรือทาง ข้างไม่สามารถปฏิบัติได้ ถ้ากองร้อยที่ถูกผลัดเปลี่ยนเป็นกองร้อยยานเกราะทหารควรจะลงจากรถ หลังจาก นั้นยานเกราะจะถอยไปข้างหลัง ทหารอาจจะทําการขึ้นรถหรือเคลื่อนถอยไปข้างหลังด้วยเท้าแล้วเข้าพื้นที่รวม พลจนกว่าจะทําการบรรจบกับยานเกราะ ถ้าเป็นไปได้กองร้อยที่ถูกผลัดเปลี่ยนจะใช้การเคลื่อนย้าย ยานพาหนะตามปกติในการเปลี่ยนที่ตั้งด้วยยานพาหนะบางส่วนไปทางด้านหลังก่อนการผลัดเปลี่ยน ซึ่ง เป็นไปได้เมื่อหน่วยได้ใช้เทคนิคการเพิ่มเติมสิ่งอุปกรณ์นอกที่ตั้ง ยานพาหนะทุกคันจะเคลื่อนย้ายไปยังจุด เพิ่มเติมสิ่งอุปกรณ์เพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่กลับมายังที่ตั้งของตน ด.แผนเผชิญเหตุ ผู้บังคับกองร้อยที่จะอยู่ในที่ที่เขาสามารถควบคุมและตรวจการณ์การผลัดเปลี่ยนได้ดี ที่สุด การปฏิบัติในการผลัดเปลี่ยนจะอยู่ภายใต้การควบคุมของ ผบ.ร้อย.ที่รับการผลัดเปลี่ยนจนกว่าเงื่อนไข ในการโอนความรับผิดชอบจะเกิดขึ้น ถ้าข้าศึกทําการเข้าตีก่อนการโอนความรับผิดชอบ หน่วยรองของ กองร้อยทําการผลัดเปลี่ยนที่อยู่ในพื้นที่จะอยู่ภายใต้การควบคุมการปฏิบัติการของ ผบ.ร้อย. ที่รับการ ผลัดเปลี่ยน ถ้าข้าศึกทําการเข้าตีหลังจากมีการถ่ายโอน ผบ.ร้อย. ของหน่วยเข้าผลัดเปลี่ยนจะเข้าควบคุมการ ปฏิบัติการของทุกหน่วยในกองร้อยที่รับการผลัดเปลี่ยนจนกว่าจะย้ายไปด้านหลัง แผนควรที่จะมีการพัฒนาให้ ครอบคลุมเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเหล่านี้ ความเข้าใจที่ชัดเจนของเวลาที่หน่วยจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุม จะต้องได้รับการเห็นชอบก่อน แผนเผชิญเหตุควรที่จะกําหนดให้หน่วยที่มิได้ปฏิบัติ เทคนิคนี้จะให้ความอ่อน ตัวกับแผนการผลัดเปลี่ยนด้วยการกําหนดให้หน่วยที่เข้ามาผลัดเปลี่ยนหน่วยสุดท้ายเป็นกองหนุน ๖ - ๘ การปฏิบัติในการผลัดเปลี่ยน เมื่อถึงเวลาเริ่มต้นในการผลัดเปลี่ยน กองร้อยที่ทําการผลัดเปลี่ยนจะ เคลื่อนที่ไปยังจุดประสาน และจะติดต่อกับพลนําทางของกองร้อยที่รับการผลัดเปลี่ยน (รูปที่ ๖ - ๔) พลนําทาง จะนํากองร้อยไปยังจุดปล่อย/จุดแยก ที่จะมีการบรรจบกับพลนําทางของหมวดและตอน พลนําทางของหมวด จะนําหมวดไปยังจุดปล่อย/จุดแยกกําหนดที่พลนําทางของหมู่จะทําการบรรจบกับหมู่ของตน ก. ใช้ลําดับขั้นที่ระบุในคําสั่ง แต่ละหมวดจะปฏิบัติการผลัดเปลี่ยน ผบ.หมวดจะปล่อยการควบคุมของ หมู่ตน และพลนําทางของหมู่จะนําหมู่ไปยังที่ตั้งที่อยู่ใกล้ด้านหลังของที่มั่นตั้งรับของตน จากนั้น ผบ.หมู่จะเริ่ม ผลัดเปลี่ยนครั้งละ ๒ - ๓ นาย จนกระทั่งการผลัดเปลี่ยนเรียบร้อย ก่อนที่ทหารแต่ละคนและ ผบ.หน่วยที่ถูก ผลัดเปลี่ยนจะออกจากที่ตั้งนั้น จะต้องจัดวางกําลังพลและ ผบ. หน่วยรองของหน่วยที่มาผลัดเปลี่ยนในที่ตั้ง และพื้นที่โดยรอบ


๑๙๘ ข. เม่อืทท่ีหารแต่ละคนหรอืผบ.หน่วย ไดร้บัการผลดัเปลย่ีน เขาจะเคล่อืนทไ่ีปยงัทร่ีวมพล ของหม่ ูเม่อืแต่ละหม่รูวมกนัแลว้จะเคล่อืนทต่ี่อไปยงัทร่ีวมพลของหมวด เม่อืแต่ละหมวดไดร้วมกนัแลว้และ ผบ.หมวดไดเ้ปลย่ีนความรบัผดิชอบในการตงั้รบัแลว้จะทาํการเคล่อืนทไ่ีปยงัทร่ีวมพลของกองรอ้ย หลงัจาก กองรอ้ยไดร้วมกนัแลว้และมกีารโอนความรบัผดิชอบเสรจ็สมบรูณ์ผบ.รอ้ย. ทถ่ีูกผลดัเปลย่ีนจะเคล่อืนยา้ย กองรอ้ยของตนตามคาํสงั่ของ ผบ.พนั. รปูท ี่ ๖ - ๔ กองรอ้ยผลดัเปลี่ยนหน่วย (ภาพวาดกองรอ้ย)


๑๙๙ ตอนที่ ๓ การปฏิบัติการรนถอย่ การปฏิบัติการร่นถอยคือ การจัดกําลังเคลื่อนที่ห่างออกจากข้าศึก โดยอาจเกิดจากการบังคับหรือ ความสมัครใจก็ได้แต่ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ในการเคลื่อนย้ายมาข้างหลังจะต้องได้รับการอนุมัติจาก ผบช.ชั้นสูง ก่อน การปฏิบัติการนี้ (รั้งหน่วง ถอนตัว ถอย) จะปฏิบัติเพื่อรบกวน สร้างความยุ่งยาก ทําให้ข้าศึกกระจัด กระจาย เสียเวลาและทําลายข้าศึก การปฏิบัติการนี้เพื่อให้ได้เวลา หลีกเลี่ยงการรบภายใต้เงื่อนไขที่ เสียเปรียบ หรือดึงข้าศึกให้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่ไม่เอื้ออํานวย วิธีการนี้อาจจะใช้เพื่อเปลี่ยนย้ายที่ตั้งด้วย ซึ่ง จะช่วยร่นระยะทางในการติดต่อสื่อสารหรือเพื่อจะนํากําลังไปใช้ที่อื่น ในการปฏิบัติการร่นถอยทุกแบบจะมี ความยากลําบาก การรั้งหน่วงและการถอนตัวจะมีความเสี่ยงโดยธรรมชาติของตัวเอง เพื่อมุ่งสู่ความสําเร็จ การร่นถอยจะต้องได้รับการจัดที่มีระเบียบและมีการปฏิบัติเป็นอย่างดี ๖ - ๙ การรั้งหน่วง เจตนารมณ์ในการรั้งหน่วงคือการทําให้ข้าศึกช้าลง สร้างความสูญเสียให้แก่ข้าศึก และ หยุดข้าศึก (ถ้าเป็นไปได้) โดยไม่ทําการรบอย่างแตกหัก สิ่งนี้จะกระทําสําเร็จด้วยการตั้งรับ การผละออก จากการรบ การเคลื่อนที่และการตั้งรับอีกครั้ง กองร้อยอาจจะทําการรั้งหน่วงเพื่อดึงให้ข้าศึก เข้ามาอยู่ใน พื้นที่ที่ฝ่ายเราได้เปรียบ หน่วยที่ทําการรั้งหน่วงจะถูกคาดหวังให้ทําการรบด้วยความรุกรบ ในกรอบ แนวความคิดของ ผบช. สิ่งดังกล่าวนี้มักจะหมายถึงการตีโต้ตอบหรือการตีทําลายการเข้าตี เมื่อสามารถทําได้ กองร้อยจะไม่ทําการรั้งหน่วงโดยอิสระ กองร้อยจะทําการรบโดยเป็นส่วนหนึ่งของกองพัน กองร้อยจะทําการ รั้งหน่วงจากแนวรบหน้าหรือที่มั่นรบก็ได้ ก. ในการรั้งหน่วงต่อข้าศึกที่บรรทุกบนยานเกราะจะเป็นการปฏิบัติการที่ยากยิ่ง กองร้อยจะตกเป็น เป้าหมายในการระดมยิงได้ง่าย และจะมีความเสี่ยงอย่างรวดเร็วในการถูกทําลายหรือการถูกล้อม กองร้อยต้อง ลดข้อได้เปรียบเรื่องความคล่องแคล่วของข้าศึกด้วยเครื่องกีดขวาง การยิงและการใช้ภูมิประเทศอย่างมี ประสิทธิภาพ ผบ.พัน. ควรที่จะให้คําแนะนําที่ชัดเจนแก่ ผบ.ร้อย. ถึงเงื่อนไขในการผละออกจากการรบหรือ เมื่อใดที่การรบแตกหักจะเกิดขึ้น ข. ปกติแล้ว ผบ.พัน. จะกําหนดแนวรบแรกให้แก่กองร้อย เมื่อไม่มีการยึดครองภูมิประเทศ บน เส้นทางเข้าประชิดของข้าศึก ในบริเวณที่มีเส้นทางเข้าประชิดหลายเส้นทาง หรือเมื่อแนวรบของกองพันมี ความกว้างมาก ผบ.พัน. จะกําหนดเส้นทางขึ้นมากกว่าหนึ่งเส้นทางที่จะให้กองร้อยปิดกันข้าศึกไม่ให้ข้าม จนกว่าจะถึงเวลาที่กําหนด ค. ผบ.ร้อย. อาจจะกําหนดพื้นที่หรือที่มั่นรั้งหน่วงเริ่มต้นหรือตามลําดับให้แก่หมวด (รูปที่ ๖ - ๕) โดยหมวดทําการตั้งรับและถอนตัวภายในเขตทางด้านหลังที่กําหนดให้ ง. ที่มั่นรั้งหน่วง จะต้องมีคุณลักษณะในการเป็นที่มั่นในการตั้งรับเป็นอย่างดี โดยควรที่จะมีพื้นการยิง ไปข้างหน้าที่มีประสิทธิภาพ และคุ้มครองเส้นทางการถอนตัวไปด้านหลัง ถ้าเส้นทางในการถอนตัวที่ดีไม่ สามารถหาได้ให้วางแผนใช้ฉากควันกําบังการถอนตัว จ. ปกติแล้ว ผบ.พัน.จะกําหนดที่มั่นรบเป็นขั้นตอนให้แก่กองร้อย เมื่อสถานการณ์หนึ่งในสองนี้เกิดขึ้น กองพันทําการรั้งหน่วงในภูมิประเทศจํากัด ที่สามารถบังคับช่องทางการเคลื่อนที่ของข้าศึกให้มาในพื้นที่ที่เลือก ได้ มีภูมิประเทศที่ควบคุมเส้นทางในการเข้าประชิดหรือเขตรับผิดชอบของกองพันแคบ ฉ. เมื่อใดที่ ผบ.พัน.กําหนดที่มั่นรบเป็นขั้นตอนให้กองร้อยจากที่มั่นรั้งหน่วง (รูปที่ ๖ -๖) กองร้อยจะ ทําการเคลื่อนที่จากที่มั่นรบหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง ตามที่ ผบ.พัน กําหนด ถ้าการปฏิบัตินี้เป็นการปฏิบัติที่ สอดคล้องกับแผนของกองพัน ผบ.ร้อย. จะเลือกใช้ที่มั่นรบของหมวด และปฏิบัติการรบรั้งหน่วงระหว่างที่มั่น รบของกองร้อยที่ถูกกําหนด ผบ.ร้อย. จะต้องกําหนดว่าที่มั่นใดบ้างที่ต้องการการเตรียมการโดยแบ่งมอบเวลา และทรัพยากรให้


๒๐๐ ช. ถา้การรงั้หน่วงมกีารปฏบิตัใินระยะทางทไ่ีกล ทงั้๒ วธิคีวรจะนํามาใช้ โดยจะใชว้ธิใีดกไ็ด้ ผบ.รอ้ย. จะเลอืกทต่ีงั้ของหมวดและเสน้ทางให้ถา้มภีมูปิระเทศทม่ีกีารป้องกนัดา้นหน้าของเสน้ขนั้ (กาํหนด โดย ผบ.พนั. ) ผบ.รอ้ย. อาจจะกาํหนดใหม้กีารตงั้รบับรเิวณนนั้ ในเวลาทต่ีอ้งการทก่ีาํหนดไวท้เ่ีสน้ขนั้นนั้ ซ. ในการรงั้หน่วงทงั้๒ แบบ ผบ.รอ้ย. จะเสรมิการยงิของกองรอ้ยดว้ยการยงิสนบัสนุน ควนัสนาม ทุ่นระเบดิและเคร่อืงกดีขวาง ด. ทงั้การรงั้หน่วงในแนวรบและการรงั้หน่วงจากทม่ีนั่รบ ผบ.รอ้ย. จะสง่ชุดเตรยีมทม่ีนั่ทาํการ ลาดตระเวนเสน้ทางและทต่ีงั้ชุดลาดตระเวนอาจจะกาํหนดเสน้ทางและทม่ีนั่รบและเลอืกทต่ีงั้สาํหรบัปืนกล จรวดดรากอน จรวดโทว์และ ค. และอาจจะนําหน่วยทม่ีาถงึเขา้ทต่ีงั้ของตน เตรยีมแจกจ่าย สป. น้ําและ กระสนุในแต่ละทต่ีงั้และอาจจะประสานกบัหน่วยใด ๆ ทอ่ียดู่า้นหลงัของกองรอ้ยเม่อืมกีารผา่นแนว ถา้ กองรอ้ยไดม้กีารลาดตระเวนโดยตลอดพน้ืทแ่ีละมกีารซกัซอ้มการรงั้หน่วง ชุดเตรยีมทม่ีนั่อาจจะไมม่คีวาม จาํเป็นตอ้งใช้ รปูท ี่ ๖ - ๕ การรบหน่วงเวลาในเขต


๒๐๑ ต. ผบ.พนั.จะมอีาํนาจในการควบคุมทเ่ีหนือกว่าในการรงั้หน่วงแบบทม่ีนั่รบ ผบ.รอ้ย. จะมอีาํนาจการ ควบคมุในการรงั้หน่วงมากเม่อืมกีารรงั้หน่วงในแนวรบ อย่างไรกต็าม ผบ.พนั. สามารถบงัคบัการควบคมุ เพม ิ่ ขน้ึไดใ้นการเคล่อืนทไ่ีปขา้งหลงัของกองรอ้ยดว้ยการกาํหนดเสน้ขนั้และเวลาสาํหรบัเสน้ขนั้น้ี ถ. ถา้การตดิต่อสอ่ืสารกบัผบ.พนั. ทุกวธิขีาดหมด ผบ.รอ้ย. จะทาํการถอนตวัดว้ยตนเอง ถา้เขาทาํ การรงั้หน่วง ในเวลาทต่ีอ้งการหรอืถา้การถอนตวัของเขาไม่ทาํ ใหเ้กดิอนัตรายต่อภารกจิเขาจะตอ้งรายงานให้ ผบ.พนั. ไดท้ราบถงึการปฏบิตัขิองเขา ถา้ผบ.หมวด ขาดการตดิต่อกบักองรอ้ย เขากจ็ะทาํเช่นเดยีวกนั บางเวลาการรบแตกหกัอาจจะมคีวามตอ้งการเพ่อืทาํการรบไปใหถ้งึเวลาทก่ีาํหนดไว้ ท. ผบ.รอ้ย. และ ผบ.หมวด จะทาํการลาดตระเวนทต่ีงั้และเสน้ทางก่อนทก่ีารรงั้หน่วงจะเรม ิ่ ขน้ึแผน และการซกัซอ้มจะทาํ ในรายละเอยีดตามเวลาทอ่ีาํนวยให้ รปูท ี่ ๖ - ๖ การรบหน่วงเวลาจากท ี่ มนั่รบ


๒๐๒ น. ปกติแล้ว ผบ.พัน. จะให้คําสั่งยุทธการ ครบทั้ง ๕ หัวข้อ แก่ ผบ.ร้อย. ซึ่งจะประกอบด้วย ๑) การจัดเฉพาะกิจ ภารกิจและแนวความคิดของกองพัน ๒) ภารกิจของกองร้อย ในแนวความคิดของกองพันที่มีการกระจายอํานาจ อาจจะมีการ กําหนดการรั้งหน่วงที่ให้ความยืดหยุ่นสูงสุดแก่ ผบ.ร้อย. ในการปฏิบัติภารกิจในกรณีอื่น ๆ กองร้อยควรที่ ได้รับกิจเฉพาะมากขึ้นดังเช่น ก) สกัดกั้นข้าศึกทางด้านใต้ไว้ ๑ ชม. ข) ทําลายข้าศึกในพื้นที่ระดมยิงที่กําหนด ค) ทําให้ข้าศึกแปรรูปขบวนกระจัดกระจายในเส้นทางการเข้าประชิด ๓) ที่ตั้งการรั้งหน่วงเริ่มต้น ๔) แผนในการควบคุม การเข้าทําการรบ การผละออกและการเคลื่อนที่ ๕) ที่ตั้งแบบแนวรบหรือที่มั่นรบ ๖) ที่ตั้งที่รวมพลของกองร้อย (ถ้ามีการใช้) ๗) เส้นทางทั่วไป ระหว่างที่ตั้งหนึ่งไปอีกที่ตั้งหนึ่ง (รั้งหน่วงแบบที่มั่นรบ) ๘) คําแนะนํา เกี่ยวกับชุดเตรียมที่มั่น (ถ้าใช้) ๙) คําแนะนําพิเศษอื่น ๆ ที่ใช้ในการควบคุมจรวดโทว์ และ ค. การเคลื่อนย้ายยานยนต์ของ กองร้อย ๑๐) ลําดับความเร่งด่วนในการสนับสนุนของทหารช่าง บ. ปกติ ผบ.ร้อย. จะให้คําสั่งยุทธการ ๕ ข้อ แบบสมบูรณ์แก่ ผบ.หมวดโดยรวมถึง ๑) ภารกิจของหมวด ปกติแล้วจะไม่ใช่งานการรั้งหน่วง ผบ.ร้อย. ควรที่จะพัฒนาแนวความคิดที่ กําหนดภารกิจให้ชัดเจน ๒) ที่มั่นรบขั้นต้นที่ทําการตั้งรับ ๓) แผนในการควบคุมเมื่อเกิดการรบ ลําดับขั้นและเงื่อนไขในการผละออกจากการรบและ คําแนะนําในการเคลื่อนที่ ๔) ที่ตั้งตามลําดับไปทางด้านหลัง ๕) เส้นทางทั่วไปจากที่ตั้งหนึ่งไปยังอีกที่ตั้งหนึ่ง ๖) คําแนะนําสําหรับชุดเตรียมที่มั่นของกองร้อย (ถ้ามีการใช้) ๗) คําแนะนําพิเศษอื่น ๆ ที่ใช้ในการควบคุมจรวดโทว์ และ ค. ๘) คําแนะนําในการขนย้าย สป. ยุทโธปกรณ์และยานพาหนะ ๙) ความเร่งด่วนในการสนับสนุนทางการช่าง ๖ - ๑๐ การถอนตัว ในการถอนตัว กองร้อยจะผละออกจากการปะทะกับข้าศึกแล้วทําการเปลี่ยนที่ตั้งใหม่ เพื่อภารกิจอื่นต่อไป ภารกิจนี้อาจจะเป็นการรั้งหน่วงข้าศึก การป้องกันที่ตั้งอื่นหรือการเข้าตีต่อที่หมายอื่น มี วิธีการถอนตัว ๒ แบบ ได้แก่ ไม่อยู่ภายใต้ความกดดันและอยู่ภายใต้ความกดดัน กองร้อยจะทําการผละออก จากการรบแล้วเคลื่อนที่ไปยังด้านหลังขณะที่กองร้อยไม่ได้ถูกข้าศึกเข้าตี กองร้อยจะต้องมีความพร้อมที่จะทํา การรบในทิศทางด้านหลัง หรือกลับมาทําการตั้งรับถ้าข้าศึกทําการเข้าตี ในการถอนตัวภายใต้ความกดดัน กองร้อยจะผละออกจากการรบแล้วเคลื่อนที่ไปด้านหลังในขณะที่ยังมีการปะทะอยู่กับข้าศึก ในการปะทะกับ ข้าศึกนั้นอาจจะมีขนาดใดก็ได้ ตั้งแต่การเข้าตีขนาดใหญ่ไปจนถึงการลาดตระเวนขนาดเล็ก


๒๐๓ ก. การถอนตวันอกความกดดนัการถอน ตวันอกความกดดนัจะปฏบิตัดิว้ยการรกัษาความลบั การลวง โดยทท่ีาํ ไดด้ทีส่ีดุในเวลากลางคนืหรอืในระหว่างทศันวสิยัทจ่ีาํกดั (หมอก หมิะ ฝ่นุหรอืควนั) โดยปกตทิุกหมวดจะเคล่อืนยา้ยไปดา้นหลงัในเวลาเดยีวกนัอย่างไรกต็ามกองรอ้ยจะเหลอืกาํลงัสว่นหน่ึงไว้ เรยีกว่าสว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะ โดยจะเป็นสว่นหน่ึงของสว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะของกองพนัเพ่อืทาํการคุม้ครองใน การถอนตวัดว้ยการลวงและดาํเนินกลยุทธเ์ม่อืตอ้งการ (รปูท่ี๖ - ๗) ๑) ขนาด การประกอบกาํลงัและภารกจิของสว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะของกองพนัจะถูกกาํหนดโดย ผบ. พนั. และจะกาํหนดผรู้บัผดิชอบดว้ย ซง่ึโดยปกตแิลว้จะเป็นรอง ผบ.พนั. ผบ.รอ้ย. อาวุโส หรอืผบ.รอ้ย. อวบ. รอ้ยใดรอ้ยหน่ึง ๒) ผบ.พนั. อาจจะกาํหนดใหท้งั้กองรอ้ยเป็นสว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะของกองพนัหรอืใหก้องรอ้ยทเ่ีหลอื สว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะของกองรอ้ยไว้ โดยทส่ีว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะของทงั้๓ กองรอ้ยจะรวมกนัเป็นสว่นทเ่ีหลอืไว้ ปะทะของกองพนั ๓) ขนาดการประกอบกาํลงัและภารกจิของสว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะของกองรอ้ย จะถูกกาํหนดโดย ผบ. รอ้ย. เขาจะเป็นผกู้าํหนด ผบู้งัคบัสว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะดว้ยโดยปกตแิลว้จะเป็น รอง ผบ.รอ้ย. หรอืผบ.หมวด ใดหมวดหน่งึ ๔) ถา้กองรอ้ยถูกเลอืกใหเ้ป็นสว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะของกองพนัผบ.รอ้ย. จะตอ้งยา้ยทต่ีงั้ของหมวด และอาวุธใหค้มุ้ครองการถอนตวัของกองพนั (รปูท่ี๖ - ๘) ตามปกตแิลว้จะรวมเอาการยา้ยทต่ีงั้ของหมวดเขา้ ไปยงัทต่ีงั้ของแต่ละกองรอ้ย (การผลดัเปลย่ีนหน่วย) เพ่อืคุม้ครองเสน้ทางเขา้ประชดิทอ่ีนัตรายมากทส่ีดุในการ เขา้มายงัทต่ีงั้ดงักล่าว และทาํการปรบัยา้ยทต่ีงั้ของอาวธุใหค้มุ้ครองเสน้ทางเขา้ประชดิทอ่ีนัตรายมากทส่ีดุใน การเคล่อืนทเ่ีขา้มายงัพน้ืทข่ีองกองพนัสว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะของกองรอ้ยจะไดร้บัการเพม ิ่ เตมิกาํลงัจากกองพนั ดว้ยครง่ึหน่ึงของจรวดโทว์ค. จรวดต่อสอู้ากาศยาน รถถงัและเคร่อืงตรวจจบัภาคพน้ืดนิ รปูท ี่ ๖ - ๗ การถอนตวันอกความกดดนั


๒๐๔ รปูท ี่ ๖ - ๘ การเปล ี่ ยนท ี่ ตงั้หน่วย ๕) ถา้กองรอ้ยถูกกาํหนดใหจ้ดัสว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะของกองรอ้ย ปกตแิลว้จะทาํการจดักาํลงั๑ ใน ๓ ของกาํลงัของอาวธุปืนเลก็ของกองรอ้ย (หน่ึงหมวด) และครง่ึหน่ึงของอาวุธหลกัของกองรอ้ย อย่างไรกต็าม ผบ.รอ้ย. อาจจะใหแ้ต่ละหมวดกาํหนดสว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะของหมวดไวจ้ะรวมกนัเป็นสว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะของ กองรอ้ย ๖) ถา้หมวดถูกเลอืกใหเ้ป็นสว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะของกองรอ้ย ผบ.หมวดจะปรบัยา้ยทต่ีงั้ของหม่แูละ อาวุธใหค้มุ้ครองการถอนตวัของกองรอ้ย ปกตจิะรวมเอาการปรบัยา้ยทต่ีงั้ของหมใู่นแต่ละทต่ีงั้ของหมวดเพ่อื คุม้ครองเสน้ทางการเขา้ประชดิทอ่ีนัตรายทส่ีดุทจ่ีะเขา้มายงัทต่ีงั้และทาํการปรบัยา้ยทต่ีงั้ของอาวุธใหค้มุ้ครอง เสน้ทางการเขา้ประชดิทอ่ีนัตรายมากทส่ีดุทจ่ีะเขา้มายงัพน้ืทข่ีองกองรอ้ย ๗) ถา้แต่ละหมวดมสีว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะ (โดยเป็นสว่นหน่ึงของสว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะของกองรอ้ย) แต่ ละหมวดเหลอืหน่ึงในสามของกาํลงัของอาวธุปืนเลก็ (หน่งึหม)ู่และครง่ึหน่งึของอาวธุหลกั (ปืนกล ๑ กระบอก และจรวดดรากอน ๑ กระบอก) ผบู้งัคบัสว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะของหมวดตามปกตจิะเป็น ผบ.หมู่ของหมทู่เ่ีป็น สว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะ เมอ่ืการถอนตวัเรม่ิขน้ึสว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะของแต่ละหมวดจะเขา้มาอยใู่ตก้ารควบคุมของ ผบ. สว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะของกองรอ้ย หน่วยทท่ีาํการถอนตวัจะใชเ้ทคนคิและมาตรการทเ่ีหมอืนกบัหน่วยทถ่ีูก ผลดัเปลย่ีนในการผลดัเปลย่ีน ๘) สว่นทเ่ีหลอืไวป้ะทะ ไม่ว่ากองพนัหรอืกองรอ้ยทาํการซ่อนพรางในการถอนตวัและลวงขา้ศกึ ดว้ยการใชร้ปูแบบในการปฏบิตักิารตามปกตขิองหน่วยต่อไป ถา้ขา้ศกึทาํการเขา้ตใีนขณะทม่ีกีารถอนตวัสว่น ทเ่ีหลอืไวป้ะทะจะคมุ้ครองสว่นถอนตวัหลกัดว้ยการยงิเม่อืใดทส่ีว่นใหญ่เขา้ไปยงัทต่ีงั้แห่งใหมห่รอือย่ใูนระยะ


๒๐๕ หรือเวลาที่กําหนดจากที่ตั้งเดิม ผบ.ส่วนที่เหลือไว้ ปะทะจะสั่งให้ส่วนที่เหลือไว้ปะทะถอนตัว คําสั่งนี้ ควรจะสั่งด้วยวิทยุหรือโทรศัพท์ส่วนที่เหลือไว้ปะทะทําการถอนตัวด้วยการใช้แผนพื้นฐานเหมือนกับที่ส่วนใหญ่ ใช้ ถ้าเกิดการโจมตี ส่วนที่เหลือไว้ปะทะอาจจะต้องทําการรั้งหน่วงไปด้านหลังจนกว่าจะผละออกจากการรบได้ หลังจากนั้นจะทําการถอนตัวไปด้านหลัง ค.ของกองร้อยอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของส่วนที่เหลือไว้ปะทะ โดยที่ ส่วนหนึ่งของกระสุนอาจจะให้ส่วนใหญ่แบกหามไป ๙) ผบ.พัน. อาจจะส่งชุดเตรียมสถานที่ไปยังที่ตั้งแห่งใหม่ก่อนที่การถอนตัวจะเกิดขึ้น ปกติแล้วชุด ดังกล่าวจะประกอบด้วยกําลังพลของกองบังคับการกองพัน และตัวแทนของแต่ละกองร้อย (ชุดเตรียมสถานที่ ของกองร้อย) ตัวแทนของกองร้อย (ภายใต้การควบคุมของ รอง ผบ.ร้อย.) โดยปกติจะมีจ่ากองร้อย กําลังพล จาก บก.พัน. รอง ผบ.มว. และพลนําทางของแต่ละหมวด ๑๐) เมื่อชุดเตรียมสถานที่ของกองร้อยมาถึงที่ตั้งแห่งใหม่ ในแต่ละส่วนจะทําการลาดตระเวนความ เหมาะสมเลือกที่ตั้ง พื้นที่ เส้นทางและตําบลตรวจการณ์ของกองร้อย เมื่อกองร้อยมาถึงพลนําทางของหมู่จะ เข้ามาพบและนําหมู่ของตนเข้าไปยังที่ตั้ง รอง ผบ.มว. จะบรรยายสรุปให้ ผบ. หมวด ทราบถึงที่ตั้งและข่าวสาร อื่น ๆ ที่สําคัญ จ่ากองร้อยจะบรรยายสรุปให้แก่ ผบ. ร้อย. ๑๑) ผบ.พัน. ปกติแล้วจะแจ้งให้ ผบ.ร้อย. ทราบในเรื่อง ก) เมื่อใดที่การถอนตัวจะเริ่มขึ้น ข) ที่รวมพลของกองพันอยู่ไหน(ถ้ามีการใช้)และอะไรบ้างที่แต่ละกองร้อยต้องปฏิบัติเมื่อมาถึง ค) ที่รวมพลของแต่ละกองร้อยอยู่ที่ใด ง) เส้นทางไหนที่จะใช้จากที่รวมพลของกองร้อยไปยังที่รวมพลของกองพันหรือที่ตั้งอื่น จ) ขนาด การประกอบกําลังภารกิจ และ ผบ. ของส่วนที่เหลือไว้ปะทะของกองพัน ฉ) ภารกิจที่จะมาถึงของกองพันและกองร้อย ช) เมื่อใดที่จะมีการเคลื่อนย้ายยานพาหนะของกองร้อยไปด้านหลัง ซ) คําแนะนําพิเศษอื่น ๆ ในการควบคุมจรวดโทว์และ ค. และการใช้ข่ายวิทยุในการลวง ๑๒) การข่าวสารที่ได้รับจาก ผบ.พัน. ผบ.ร้อย. จะวางแผนและแจ้งให้ ผบ.มว. รอง ผบ.มว. และจ่า กองร้อยทราบในเรื่องต่อไปนี้ ก) เมื่อไรและที่ไหนที่การถอนตัวจะเริ่มขึ้น ข) ที่ไหนคือที่รวมพลของกองร้อย และหมวดจะต้องปฏิบัติอะไรบ้างเมื่อมาถึง ค) เส้นทางใดที่ใช้ในการเคลื่อนที่จากที่รวมพลของหมวดมายังที่รวมพลของกองร้อย ง) ขนาด การประกอบกําลัง ภารกิจ และ ผบช. ของส่วนที่เหลือไว้ปะทะของกองร้อย จ) แผนการถอนตัวและการบรรจบของส่วนที่เหลือไว้ปะทะ ฉ) ภารกิจของกองร้อยและหมวดที่จะมาถึง ช) เมื่อใดที่จะทําการเคลื่อนย้ายยานพาหนะของกองพันไปด้านหลัง ซ) คําแนะนําพิเศษอื่น ๆ ๑๓) ถ้าส่วนที่เหลือไว้ปะทะของกองร้อยยึดครองที่ตรวจการณ์ และที่ตั้งของกองร้อยอื่น ผบ.ร้อย. จะต้องสนใจในการประสานและลําดับการปฏิบัติของการผลัดเปลี่ยน การผลัดเปลี่ยนจะต้องเกิดขึ้นตามเวลาที่ กําหนดและก่อนที่กองร้อยจะถอนตัว ๑๔) นยส. ของส่วนที่เหลือไว้ปะทะ (หนึ่งใน นยส.ของกองร้อย) จะบรรจุแผนการยิงเสริมความมั่นคง ให้แก่กองพันและการประสานการยิงเล็งจําลองทั้งหมดสําหรับส่วนที่เหลือไว้ปะทะ อย่างไรก็ตามในบางกรณี นยส. ของกองพันจะยังคงอยู่กับส่วนที่เหลือไว้ปะทะ


๒๐๖ ๑๕) ก่อนที่การถอนตัวจะเริ่มขึ้น ยานพาหนะของทุกกองร้อยหรือยุทโธปกรณ์ที่ไม่ จําเป็นในการถอนตัวจะทําการเคลื่อนย้ายไปด้านหลัง โดยอาจจะย้ายไปยังที่ตั้งต่อไปหรือที่รวมพลที่จะ สามารถบรรจบกับกองร้อย ค. อาจจะทําการเคลื่อนที่ไปยังที่ตั้งที่สามารถสนับสนุนถอนตัวด้วย ที่ตั้งหลาย ๆ อย่าง อาจจะมีการกําหนดให้แก่ ค. ตลอดเส้นทางการถอนตัวเพื่อให้การคุ้มครองต่อเนื่อง ๑๖) ในเวลาเฉพาะของคําสั่งของกองพันที่การถอนตัวเริ่ม ทหารจะเคลื่อนที่ออกจากที่ตั้งรับไปยังที่ รวมพลของหมู่ตนเอง และหมู่จะเคลื่อนที่ไปยังที่รวมพลของหมวด จากนั้นหมวดจะเคลื่อนที่ไปยังที่รวมพล ของกองร้อย เมื่อใดที่กําลังพลและยุทโธปกรณ์ครบเรียบร้อย กองร้อยจะทําการเคลื่อนย้ายไปตามคําสั่งของ ผบ.พัน. การเคลื่อนที่จะสมบูรณ์ได้ด้วยคุณลักษณะในการซ่อนพรางและรักษาความลับ ๑๗) เมื่อใดที่ส่วนหลักของกองพันอยู่ยังที่ตั้งต้องทราบระยะเวลาที่กําหนด หรือได้รับคําสั่งจาก ผบ.พัน. ส่วนที่เหลือไว้ปะทะจะต้องถอนตัว โดยจะดําเนินการตามแผนเบื้องต้นที่เหมือนกับที่ส่วนใหญ่ได้ใช้ ข. การถอนตัวภายใต้ความกดดัน จะปฏิบัติเมื่อกองร้อยอยู่ภายใต้ความกดดันของข้าศึก ต้องทําการ ถอนตัวจากพื้นที่ หรือถูกบังคับให้ออกจากที่มั่นตั้งรับด้วยข้าศึก (รูปที่ ๖ -๙) กองร้อยอาจจะทําการเคลื่อนที่ ไปยังที่ตั้งอื่นเพื่อทําการตั้งรับต่อไปหรือผละออกจากการรบเพื่อไปยังที่ตั้งอื่นและปฏิบัติภารกิจอื่น แต่ละ กองร้อยจะทําการผละออกจากข้าศึกด้วยการดําเนินกลยุทธ์ไปทางด้านหลัง เมื่อใดที่กองร้อยได้ผละออกและ เคลื่อนที่ไปยังที่รวมพลทางด้านหลังแล้ว ผบ.พัน. จะเป็นผู้กําหนดว่าจะให้ทําอะไรต่อไป ซึ่งอาจจะทําหน้าที่ คุ้มครองการเคลื่อนที่ไปด้านหลังของกองร้อยอื่น เข้าที่ตั้งรับใหม่หรือเคลื่อนย้ายไปปฏิบัติภารกิจอย่างอื่น ๑) โดยปกติแล้วจะไม่มีเวลาเพียงพอในการวางแผนในรายละเอียด หรือทําการซักซ้อมการถอนตัว ภายใต้ความกดดัน ผบช. จะทําการวางแผนอย่างรวดเร็วแล้วให้คําสั่งเป็นส่วน ๆ ๒) ผบ.ร้อย. จะควบคุมลําดับขั้นในการถอนตัวของหมวด ปกติแล้วการตกลงใจของ ผบ.ร้อย. จะ ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ข้าศึกทําการเข้าตี และความหนักหน่วงที่แต่ละหมวดปะทะกับข้าศึก เมื่อใดที่ ผบ.พัน. กําหนดให้กองร้อยทําการถอนตัว ปกติแล้ว ผบ.ร้อย. จะทําการถอนตัวโดยหมวดที่ปะทะกับข้าศึกน้อยที่สุด เป็นหน่วยแรก ผบ.ร้อย. จะสั่งให้หมวดดังกล่าวผละออกจากการรบ แล้วเคลื่อนที่ไปยังที่ที่สามารถคุ้มครองการ ถอนตัวของหมวดที่ทําการปะทะกับข้าศึกหนักกว่า หลังจากนั้นหมวดจะเปลี่ยนหน้าที่และขยับหน่วยไปทาง ด้านหลังด้วยการใช้การดําเนินกลยุทธ์ ๓) ในบางจุดของการปฏิบัตินี้กองร้อยจะหยุดดําเนินกลยุทธ์ และใช้วิธีการคุ้มครองการเคลื่อนที่ไป ทางด้านหลัง โดยสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อกองร้อยมิได้อยู่ภายใต้การยิงเล็งตรงของข้าศึก หรือเมื่อใดที่กองร้อยอื่นให้ การคุ้มครองในการเคลื่อนที่ เมื่อกองร้อยผละออกจากการรบได้แล้วก็จะเคลื่อนที่ภายใต้การควบคุมของ ผบ.พัน. ๔) ถ้ากองร้อยทําการถอนตัวด้วยการผ่านแนวของทหารฝ่ายเดียวกันกลับไปยังด้านหลัง ผบ.ร้อย. จะส่งชุดเตรียมสถานที่เพื่อทําการประสานกับหน่วยนั้น ชุดเตรียมที่มั่นควรที่จะหมายที่ตั้งใหม่ การ ติดต่อสื่อสาร การส่งมอบการรบ จุดประสาน จุดผ่านช่องทางผ่าน ที่รวมพล พลนําทาง การควบคุม การจราจร การยิงสนับสนุน และการช่วยรบก่อนที่จะมีการผ่านมาด้านหลัง (ตอนที่ ๑ บทที่ ๖)


๒๐๗ รปูท ี่ ๖ - ๙ การถอนตวัภายใต้ความกดดนั ๖ - ๑๑ การถอย การถอยจะเป็นการปฏบิตักิารร่นถอยทห่ีน่วยทม่ีไิดป้ะทะกบัขา้ศกึทาํการเคล่อืนยา้ยมา ดา้นหลงัในรปูแบบทม่ีกีารจดัการ กองรอ้ยต่าง ๆ จะปฏบิตักิารถอยโดยเป็นสว่นหน่ึงของหน่วยขนาดใหญ่ โดยการใชเ้ทคนิคในการเคล่อืนทท่ีางยทุธวธิีการเดนิทางดว้ยเทา้และการเคล่อืนยา้ยบนถนนดว้ยยานพาหนะ การถอยอาจจะเกดิหลงัจากการถอนตวัหรอือาจจะเรม ิ่ ตน้ก่อนทจ่ีะปะทะกบัขา้ศกึ ตอนท ี่ ๔ การบรรจบ ปกตกิารบรรจบหน่วยจะเกดิขน้ึในพน้ืทท่ีข่ีา้ศกึควบคมุไว้ โดยจะขน้ึอย่กูบัการควบคมุการวางแผนใน รายละเอยีด การประสานงานและการอาํพราง ๖ - ๑๒ การวางแผน แผนในการบรรจบจะตอ้งมคีวามละเอยีด โดยจะตอ้งครอบคลุมหวัขอ้ต่อไปน้ี ก. การเลอืกสถานท่ีกาํหนดจุดบรรจบหลกัและรอง ซง่ึมคีวามง่ายในการหาในเวลากลางคนืมกีาร กาํบงัและซ่อนพราง และไม่อยใู่นแนวทเ่ีป็นธรรมชาติสถานทน่ี้ีตอ้งง่ายในการป้องกนัในหว้งเวลาสนั้ๆ และ ควรจะมเีสน้ทางทเ่ีขา้ถงึและเสน้ทางหลบหนีดว้ย ข. สญัญาณบอกฝ่าย สญัญาณทงั้ระยะไกลและใกลจ้ะตอ้งมเีพ่อืช่วยใหห้น่วยทหารฝ่ายเดยีวกนัไม่ยงิ กนัเอง แมว้่าหน่วยจะมกีารแลกเปลย่ีนความถแ่ีละนามเรยีกขานของวทิยุ แต่กค็วรทจ่ีะหลกีเลย่ีงการใชว้ทิยุ ในการบอกฝ่ายเน่ืองจากยงัอยใู่นหว้งอนัตรายจากภยัคุกคาม สญัญาณบอกฝ่ายดว้ยการมองเหน็และฟังเสยีง จะตอ้งมกีารวางแผนการใชไ้ว้ ๑) การแลกเปลย่ีนสญัญาณและการตอบสญัญาณจะเป็นสง ิ่ หน่ึง โดยอาจจะเป็นการถามตอบ รหสัผ่านหรอืเป็นการรวมตวัเลขในการสง่สญัญาณระยะใกล้และอาจจะมกีารแลกเปลย่ีนสญัญาณดว้ยการใช้ ไฟฉาย ไฟเคมีไฟอนิฟราเรด และแผ่นผา้สญัญาณสาํหรบัการบอกระยะไกล


๒๐๘ ๒) อาจจะมีการกําหนดสัญญาณด้วยการ วางไว้ที่จุดบรรจบ ตัวอย่างเช่น วางก้อนหินไว้ใน รูปแบบที่ตกลงกันไว้ การทําเครื่องหมายที่ต้นไม้ หรือการจัดเรียงไม้หรือกิ่งไม้ เครื่องหมายดังกล่าวนี้จะวาง ไว้ที่ตําบลบรรจบที่แน่นอน หน่วยแรกที่มาถึงสถานที่บรรจบจะวางเครื่องหมายและจัดชุดประสานงานเฝ้า ตรวจไว้ เมื่อหน่วยต่อไปมาถึงจะหยุดที่เครื่องหมายแล้วเริ่มส่งสัญญาณบอกฝ่ายตั้งแต่ระยะไกล ค. การยิง จะมีการวางแผนการยิงเล็งจําลองเสมอ โดยใช้เสียงกลบเกลื่อนการเคลื่อนที่ ทําการลวง ข้าศึกเรื่องเจตนารมณ์ของฝ่ายเรา และทําให้ข้าศึกไขว้เขว ทําการวางแผนการยิงเล็งจําลองตามช่องทาง แทรกซึม และบริเวณตําบลบรรจบ ถ้าเกิดมีการปะทะเกิดขึ้น แนวห้ามยิงและพื้นที่ควบคุมการยิงที่อยู่โดยรอบ พื้นที่บรรจบ เส้นขั้นอาจจะใช้เป็นแนวห้ามยิง เพื่อใช้ในการปรับเมื่อหน่วย ๒ หน่วย เคลื่อนที่เข้าหากัน ง. แผนเผชิญเหตุ รปจ. ของหน่วยหรือผนวกการยุทธ์บรรจบในคําสั่งยุทธการ จะต้องครอบคลุม เหตุการฉุกเฉินดังต่อไปนี้ ๑) การปะทะกับข้าศึกก่อนการบรรจบ ๒) การปะทะกับข้าศึกระหว่างการบรรจบ ๓) การปะทะกับข้าศึกหลังการบรรจบ ๔) ห้วงเวลาที่ต้องรอที่ตําบลบรรจบ ๕) จะทําอย่างไรถ้ามีบางส่วนไม่สามารถทําการบรรจบได้ ๖) จุดบรรจบและจุดรวมพลสํารอง ๖ - ๑๓ การปฏิบัติการยุทธ์บรรจบ ในการบรรจบนั้นระเบียบการปฏิบัติจะเริ่มเมื่อหน่วยเคลื่อนที่มาที่จุด บรรจบ ถ้ามีการใช้วิทยุหน่วยจะรายงานที่ตั้งด้วยการใช้เส้นขั้น จุดตรวจ และมาตรการควบคุมอื่น ๆ แต่ละ หน่วยจะเลือกชุดติดต่อเล็ก ๆ ในการส่งไปยังจุดบรรจบ ส่วนที่เหลือจะคงยังคอยอยู่ที่จุดรวมพลเพื่อบรรจบ ผบ.หน่วย จะกําหนดหน้าที่ให้แต่ละบุคคลในชุดติดต่อโดยแน่ชัดและทําการประสานการปฏิบัติเพื่อที่จะรวม หน่วยที่จะทําการบรรจบให้เป็นหน่วยเดียวกัน การซักซ้อมเต็มรูปแบบจะมีการปฏิบัติถ้ามีเวลาเพียงพอ รูปที่ ๖-๑๐ จะแสดงให้เห็นถึงการบรรจบของกองร้อยโดยหมวดที่ ๓ ที่ทําการแทรกซึมก่อน เพื่อทําการลาดตระเวน ณ ที่หมายและการสถาปนาจุดรวมพล ณ ที่หมาย และส่วนที่เหลือของกองร้อยจะทําการแทรกซึมต่อมา ก. หน่วยจะหยุดและกําหนดจุดรวมพลประมาณ ๓๐๐ ม. ห่างจากจุดบรรจบชุดติดต่อจะถูกส่งไปยังจุด บรรจบ ซึ่งจะทําการกําหนดจุดแน่นอนและเฝ้าตรวจพื้นที่ในกรณีที่เป็นหน่วยแรกที่เข้าพื้นที่ จะตรวจกวาด พื้นที่โดยรวดเร็วและทําเครื่องหมายที่จะทําการบรรจบ ใช้สัญญาณบอกฝ่ายที่ได้ตกลงกันมาก่อน อาจจะทํา การกําบังและซ่อนพรางตนเองแล้วเฝ้าตรวจจุดบรรจบ ข. หน่วยต่อมาที่เข้ามาถึงสถานที่จะทําตามขั้นตอนข้างบน เมื่อชุดติดต่อไปถึงสถานที่และตรวจพบ สัญญาณบอกฝ่าย ชุดจะให้สัญญาณบอกฝ่ายจากระยะไกลซึ่งจะทําการตอบรับจากชุดติดต่อแรก แล้วทั้ง ๒ หน่วยจะทําการถามตอบสัญญาณผ่านในระยะใกล้


๒๐๙ รปูท ี่ ๖ - ๑๐ ภาพวาด การบรรจบของกองรอ้ย ค. ชุดตดิต่อทาํการประสานการปฏบิตัติามทต่ีอ้งการในการบรรจบของหน่วย เช่น การเคล่อืนยา้ยของ หน่วยหน่ึงไปยงัทน่ีดัพบของอกีหน่วยหน่ึง หรอืในการดาํเนินการปฏบิตัภิารกจิต่อไป


๒๑๐ ตอนที่ ๕ การข้ามลํานํ้า ในบางครั้งกองร้อยอาจจําเป็นต้องทําการข้ามสิ่งกีดขวางที่เป็นนํ้า ที่มีขนาดตั้งแต่ลําธารไปจนถึงแม่นํ้า ผบช. จะต้องไม่ให้เสียความริเริ่มด้วยการให้ลํานํ้าที่เป็นสิ่งกีดขวางมาทําให้เกิดความล่าช้า หน่วยจะต้องทํา การข้ามให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้ ในการลาดตระเวนทางแผนที่อากาศ และพื้นดินอย่างละเอียดจะเป็นสิ่งที่ สําคัญในการปฏิบัติการนี้ สิ่งกีดขวางที่เป็นลํานํ้า ถ้าก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ (อาจจะเป็นความลึก ความเร็วของ กระแสนํ้า) กองร้อยอาวุธเบาต้องนําไปเฉพาะเครื่องมือพิเศษเท่านั้น ซึ่งถ้าไม่นําไปแล้วจะทําให้ไม่สามารถ บรรลุภารกิจได้ ทัศนวิสัยจํากัดจะเป็นเงื่อนไขในความปลอดภัยมากที่สุดในการปฏิบัติการข้ามนํ้า ๖ - ๑๔ เมื่อมีข้าศึก ในการข้ามลํานํ้า อาจจะทําการปฏิบัติตรงข้ามกับที่ตั้งของข้าศึก ในกรณีนี้จะต้องเลือก สถานที่ในการข้ามที่หลีกเลี่ยงการยิงของข้าศึก กองร้อยจะใช้แนวทางเดียวกันกับแนวทางที่ใช้ในการเจาะ เครื่องกีดขวางอื่น ๆ แผนนี้จะต้องรวมเอาการยิงกดต่อข้าศึก การสกัดกั้นข้าศึก การรักษาฐานเริ่มปฏิบัติการที่ ฝั่งไกลของสิ่งกีดขวาง และการลดการกีดขวางบริเวณกองร้อยผ่านเข้าไป ที่ตั้งของข้าศึกและอาวุธที่จะทําการ ระดมยิงต่อส่วนที่ข้ามนํ้าจะต้องทําการยิงกด ถ้าการข้ามปฏิบัติภายใต้การยิงของข้าศึก ผบ.ร้อย. ต้องใช้ แผนการยิงเล็งจําลองและควันที่วางไว้ในการยิงกดต่อข้าศึกและสกัดกั้นการตรวจการณ์มายังสถานที่ข้ามนํ้า ถ้ามีการใช้ฉากควัน ควันลวงควรจะถูกยิงไปยังสถานที่ที่มีความคล้ายกับสถานที่ใช้ข้ามด้วยเรือเล็ก เชือก ๑๒๐ ฟุต หรือแพแสวงเครื่อง สามารถใช้ได้ในการข้ามลํานํ้าบริเวณที่ลุยข้ามไม่ได้ของทหารราบที่ไม่มีอุปกรณ์ ช่วยเหลืออื่น ๆ ข้อพิจารณาเทคนิคในการรักษาความปลอดภัยและการวางแผนจะเหมือนกัน กองร้อย อาวุธเบาโดยปกติจะทําการข้ามภายใต้การยิงของข้าศึก โดยการเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยทหารขนาดใหญ่ ๖ - ๑๕ เมื่อไมมีข้าศึก ่ ในระหว่างการข้ามลํานํ้าที่ไม่มีข้าศึก จะมีส่วนหนึ่งของกองร้อยข้ามแล้วยึดฝั่งไกล การยิงกดต่อข้าศึกตามแผนล่วงหน้าจะถูกใช้ก็ต่อเมื่อข้าศึกทําการต่อต้าน ชุดสะพาน (ถ้ามีการใช้สะพานเชือก) ต้องมีการซักซ้อมเป็นอย่างดี รส. ๙๐ - ๕ จะอธิบายถึงการสร้างสะพานเชือก ก. รอง ผบ.ร้อย. หรือผู้บังคับหน่วยที่กําหนดอื่น ๆ ควรที่จะได้รับการกําหนดหน้าที่ให้เป็นผู้บังคับ ท่าข้าม โดยจะรับผิดชอบในการปฏิบัติบริเวณที่ข้าม และจะพิจารณาเรื่องเงื่อนไขต่าง ๆ ดังนี้ ๑) ความกว้างและลึกของนํ้า ๒) ความเร็วกระแสนํ้า ๓) คุณลักษณะของฝั่งและบริเวณขึ้นลง ๔) สถานการณ์ข้าศึกโดยรอบของที่วางแผนข้าม ข. สิ่งต่อไปนี้ต้องมีการวางแผนและประสานงาน ๑) การติดต่อสื่อสาร ๒) การระวังป้องกันฝั่งใกล้และไกลของที่ข้าม ๓) ผู้นําทางพื้นดินที่คุ้นเคยกับบริเวณที่ข้าม ๔) พื้นที่รวมพลของทั้ง ๒ ฝั่ง ๕) บริเวณเฝ้าคุ้มกันเพื่อป้องกันสถานที่ข้าม ๖) สัญญาณฉุกเฉิน ในกรณีที่การข้ามจะถูกยกเลิก ๗) เครื่องช่วยกําหนดทิศทางระหว่างบริเวณขึ้นลง (ถ้าใช้เรือ) ๘) มาตรการควบคุมที่เหมาะสม (จุดประสาน เส้นขั้น จุดนัดพบ และอื่น ๆ) ค. ข้อพิจารณาเรื่องความปลอดภัยควรที่จะกําหนดตัวผู้ช่วยชีวิต พิสูจน์ทราบผู้ที่ว่ายนํ้าอ่อนหรือไม่ เป็นและตรวจสอบสะพานและเชือกต่าง ๆ


๒๑๑ ตอนที่ ๖ การลาดตระเวน หน่วยลาดตระเวนคือส่วนแยกที่ส่งออกไปจากหน่วยขนาดใหญ่ เพื่อปฏิบัติการรบหรือหาข่าวสาร หน่วยลาดตระเวนอาจจะเป็นชุดยิง หมู่ หมวด หรือกองร้อย ๖ - ๑๖ ความเกี่ยวข้อง ผบ.ร้อย. อาจจะมีส่วนร่วมในการลาดตระเวนวิธีใดวิธีหนึ่งใน ๓ ทาง โดยอาจจะเป็น ผู้นําหน่วยลาดตระเวนขนาดกองร้อย กําหนดหน่วยลาดตระเวนขนาดเล็กจากกองร้อย (ตามคําสั่งของกองพัน) หรือทําการส่งหน่วยลาดตระเวนไปเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการของกองร้อย การปฏิบัติการลาดตระเวนประจํา ของกองร้อยจะอยู่ในแผนการลาดตระเวน และตรวจตราของกองร้อยหรือกองพัน รส.๗ - ๘ จะอธิบายถึงการ ลาดตระเวนของหมู่และหมวด ก. เมื่อใดที่เตรียมการลาดตระเวนในขนาดของกองร้อย ผบ.ร้อย. จะได้รับคําสั่งนี้จาก ผบ.พัน. และจะ ได้รับข่าวสารข้าศึกจาก ฝอ.๒ แล้วปฏิบัติตามระเบียบการนําหน่วย ประสานงานและพัฒนาแผน ข. เมื่อมีการเตรียมการลาดตระเวนตามภารกิจของกองพัน ผบ.ร้อย. จะต้องมั่นใจว่าหน่วยมีการ เตรียมการและมีการจัดยุทโธปกรณ์ที่มีความเหมาะสมกับภารกิจ ผบ.ร้อย. จะช่วย ผบ.หน่วยลาดตระเวนใน การเตรียมการ ประสานงานและการตรวจสอบขั้นสุดท้ายก่อนที่หน่วยลาดตระเวนจะออกปฏิบัติหน้าที่ ค. เมื่อใดที่ ผบ.ร้อย. วางแผนจัดหน่วยลาดตระเวนในการสนับสนุนการปฏิบัติการของกองร้อย จะต้องตกลงใจเรื่องภารกิจ การจัด เวลา และสถานที่สําหรับการไปและกลับ และเส้นทาง (ถ้าทําได้) ให้แก่ หน่วยลาดตระเวน หรืออาจแต่เพียงกําหนดภารกิจและปล่อยให้ ผบ.หมวด วางแผนในการลาดตระเวนเอง ผบ. ร้อย. อาจจะช่วยในการวางแผนการยิงสนับสนุน การช่วยรบ และการสื่อสารให้ด้วย ง. การวางแผนในการปฏิบัติ ณ ที่หมาย กําหนดตามรูปแบบการลาดตระเวน ๑) การลาดตระเวนหาข่าว (พื้นที่หรือเขต) ในการรวบรวมข่าวสารหรือยืนยันหรือหักล้างข่าวสารที่ ได้รับมาก่อนหน้านี้เพื่อความถูกต้อง ๒) การลาดตระเวนรบ (ซุ่มโจมตี ตีโฉบฉวย หรือระวังป้องกัน) จะทําเพื่อการระวังป้องกัน รบกวน ทําลายหรือจับข้าศึก ยึดยุทโธปกรณ์และสถานที่ตั้ง หน่วยลาดตระเวนรบจะทําหน้าที่ในการรวบรวมและ รายงานข่าวสารด้วย ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับภารกิจหรือไม่ ๓) ถ้าไม่คํานึงถึงแบบในการลาดตระเวน จะมีหลักการสําคัญหลายอย่างในการทําให้การ ลาดตระเวนสําเร็จภารกิจ อันได้แก่ การวางแผนละเอียด การลาดตระเวนโดยตลอดการควบคุมอย่างแน่นแฟ้น และการระวังป้องกันรอบตัว ๖ - ๑๗ การจัด ผู้บังคับกองร้อยจะตกลงใจกําหนด ส่วนหรือชุดใดที่จะปฏิบัติภารกิจนี้ ทําการเลือกคนหรือ หน่วยสําหรับส่วนหรือชุดนี้ จากนั้นจะกําหนดอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จําเป็น ตามปกติแล้วควรที่จะใช้การจัดหน่วย ตามปกติ (หมู่และหมวด) และตามสายการบังคับบัญชา (ผบ.หมู่ และ ผบ.หมวด) ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อให้บรรลุความต้องการ ตัวอย่างเช่น การลาดตระเวนรบอาจจะทําการจัด เช่น บก.ร้อย เป็น บก.ลว. หมวด ๑ เป็นส่วนโจมตี หมวด ๒ เป็นส่วนระวังป้องกัน หมวด ๓ และหมวดอาวุธทําหน้าที่เป็นส่วนสนับสนุน เมื่อใดที่มีการจัดเฉพาะกิจลาดตระเวนของกองร้อย จํานวนคนที่ต้องการเท่านั้นที่จะมีส่วนร่วม ตัวอย่างเช่น ถ้า ส่วนระวังป้องกันต้องการเพียง ๓ ชุดระวังป้องกัน ผบ.ร้อย. ควรจะมอบงานให้แก่หมวดเพียง บก.ส่วนระวัง ป้องกันและ ๓ ชุดยิง ก. โดยปกติแล้วหน่วยลาดตระเวนจะประกอบด้วย บก.ลว. และส่วนที่จําเป็นต่อภารกิจ ๑) บก.ลว. บก.ลว.ของหน่วยลาดตระเวนขนาดกองร้อย อาจจะประกอบด้วยจํานวนคนเท่ากับ บก. ร้อย. ตามปกติ อย่างไรก็ตามถ้าไม่คํานึงถึงขนาดของหน่วยลาดตระเวน ผบ.ร้อย. อาจจะต้องลดกําลัง บก.ลว. เพื่อให้ตรงกับความต้องการของภารกิจ บก.ลว. จะมีความรับผิดชอบเช่นเดียวกับส่วนบังคับบัญชาอื่น ๆ


๒๑๒ ๒) สว่นปฏบิตัิในการลาดตระเวนหาขา่ว (รปูท่ี๖ - ๑๑) หน่วยลาดตระเวนจะมสีว่นลาดตระเวนหา ขา่วและสว่นระวงัป้องกนั ในการลาดตระเวนเขตหน่วยลาดตระเวนจะมสีว่นลาดตระเวนหลายชุด (รปูท่ี๖ - ๑๒) โดยแต่ละชุดจะจดัการระวงัป้องกนัตนเอง การลาดตระเวนรบโดยปกตจิะประกอบดว้ยสว่นโจมตีสว่น ระวงัป้องกนัและสว่นสนบัสนุน (รปูท่ี๖ - ๑๓) บางครงั้อาจจะมกีารเวน้สว่นสนบัสนุนเม่อืมกีารรวมกนักบัสว่น โจมตหีรอืมคีวามตอ้งการกองหนุน ข. แต่ละสว่นของหน่วยลาดตระเวนอาจจะมกีาํลงัใหม่ โดยเป็นชุดตามความจาํเป็นเพอ่ืปฏบิตังิานใน รปูแบบต่าง ๆ (รปูท่ี๖ - ๑๔) รปูท ี่ ๖ - ๑๑ หน่วยลาดตระเวนพืน้ท ี่


๒๑๓ รปูท ี่ ๖ - ๑๒ หน่วยลาดตระเวนเขต รปูท ี่ ๖ - ๑๓ หน่วยลาดตระเวนรบ ๑) สว่นของการลาดตระเวนหาขา่วจะจดักาํลงัใหเ้ป็นชดุลาดตระเวนหาขา่วหลาย ๆ ชุด ในพน้ืทท่ีท่ีาํ การลาดตระเวน หรอืเป็นชุดลาดตระเวนและตรวจตราในการลาดตระเวนเขต ชุดลาดตระเวนและตรวจตราจะ จดัการระวงัป้องกนัตนเอง ในขณะทท่ีาํการลาดตระเวนสว่นระวงัป้องกนัจะจดักาํลงัตามจาํนวนชุดระวงั ป้องกนัทต่ีอ้งการในการป้องกนัพน้ืทท่ีห่ีมาย


๒๑๔ ๒) สว่นของการลาดตระเวนรบจะจดักาํลงัเป็นชุดตามตอ้งการสาํหรบังานต่าง ๆ ดว้ย (โจมตีระวงั ป้องกนัสนบัสนุน และตามวตัถุประสงคพ์เิศษ) ก) การจดัชุดโจมตตีงั้แต่๒ ชุด ขน้ึไปกต็่อเม่อืสว่นโจมตไีม่สามารถควบคุม โดยตรงดว้ย ผบ. สว่นโจมตีซง่ึอาจจะเป็นกรณีเมอ่ืทห่ีมายถูกโจมตจีากทต่ีงั้มากกว่า ๑ ท่ี ข) ชุดระวงัป้องกนัจะจดัตามความตอ้งการทจ่ีะป้องกนัหรอืโดดเดย่ีวพน้ืทท่ีห่ีมาย ค) ชุดสนบัสนุนตงั้แต่ ๒ ชุดขน้ึไป จะถูกจดัขน้ึเม่อือาวุธทงั้หมดของสว่นสนบัสนุนไม่สามารถ ควบคมุโดยตรงดว้ยผบู้งัคบัหน่วยสนบัสนุน โดยอาจจะเกดิขน้ึในกรณีเม่อืมอีาวุธสนบัสนุนจาํนวนมาก หรอืมี ระยะทางไกลกนัภายในสว่นสนบัสนุนจะขน้ึการควบคมุโดยตรงกบัผบ. สว่น ง) ชุดเพ่อืวตัถุประสงคพ์เิศษอาจจะถูกจดัตงั้ขน้ึสาํหรบัภารกจิทร่ีวมเอาการใชส้นบัสนุน ลาดตระเวน วตัถุระเบดิเปลพยาบาล และการจบักุมเชลยศกึ รปูท ี่ ๖ - ๑๔ การจดักาํลงัของส่วนต่าง ๆ ๖ - ๑๘ การตีโฉบฉวย การตโีฉบฉวยจะเป็นการเขา้ตแีบบจโู่จมต่อทต่ีงั้หรอืสถานทส่ีาํหรบัวตัถุประสงค์ พเิศษ นอกเหนือจากการเขา้ยดึภูมปิระเทศ การปฏบิตัจิะเพอ่ืทาํลายทต่ีงั้หรอืสถานท่ีทาํลายหรอืจบัขา้ศกึ หรอืยุทโธปกรณ์หรอืเพ่อืชว่ยเหลอืเชลยศกึฝ่ายเรา ก. คุณลกัษณะทส่ีาํคญัการจโู่จม อาํนาจการยงิและการปฏบิตัทิร่ีุนแรงจะเป็นคุณลกัษณะทส่ีาํคญั ในความสาํเรจ็ของการตโีฉบฉวย การจโู่จมจะสาํเรจ็ไดด้ทีส่ีดุโดยทาํการเขา้ตเีม่อืขา้ศกึไม่คาดคดิวา่จะมกีาร เขา้ตีเม่อืทศันวสิยัเลวหรอืจากทศิทางทไ่ีม่คาดคดิอาํนาจการยงิจะรวมไปยงัตําบลวกิฤตแิละสงัหารขา้ศกึ ความรุนแรงจะสาํเรจ็ไดด้ทีส่ีดุดว้ยใชก้ารจ่โูจม การรวมการยงิและการเขา้ตทีห่ีา้วหาญ ข. ขอ้พจิารณาในการวางแผน แมว้่าจะมกีารอธบิายกระบวนการวางแผนในบทท่ี๔ ไปแลว้ซง่ึ สามารถนํามาประยุกตใ์ชใ้นการตโีฉบฉวย แต่ยงัมบีางอย่างทแ่ีตกต่าง โดยปกตแิลว้การตโีฉบฉวยจะปฏบิตัิ ต่อขา้ศกึทม่ีคีวามแขง็แกร่งเทา่เทยีมหรอืมากกว่าฝ่ายเรา และปฏบิตัใินดนิแดนทข่ีา้ศกึควบคุมอย่ ูแผนจะตอ้ง


๒๑๕ สร้างความมั่นใจว่า หน่วยจะไม่ถูกตรวจจับได้ก่อน จะเริ่มการโจมตี แผนในการถอนกลับหรือการถอน ตัวจะต้องมีการพัฒนาและประสานงานเพื่อให้มั่นใจว่าหน่วยจะยังคงอยู่หลังจากปฏิบัติภารกิจ ณ ที่หมายเป็น ผลสําเร็จ อาจจะมีความสลับซับซ้อนมากขึ้นในการวางแผนการยิงสนับสนุน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความลึกที่จะเข้าตีโฉบฉวย สิ่งนี้อาจทําให้ต้องพึ่งพาปืนใหญ่ การสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด ปืนใหญ่ยิงจาก C - 130 โจมตี และ เฮลิคอปเตอร์มากกว่าปกติ ท้ายสุดคือการตีโฉบฉวยมักจะต้องการข่าวกรองที่ละเอียด ณ พื้นที่ที่หมาย สิ่งนี้ อาจจะหาได้จากหน่วยเหนือ หรือกองร้อยอาจจะต้องการพัฒนาข่าวสารนี้ด้วยการลาดตระเวน ค. การปฏิบัติ ณ ที่หมาย ปกติแล้วที่หมายของการตีโฉบฉวยจะเป็นตําบลที่มีความสําคัญ ซึ่งข้าศึกจะ เตรียมการป้องกัน และโดยทั่วไปข้าศึกจะเพิ่มกําลังในบริเวณดังกล่าว เพื่อโต้ตอบการคุกคามใดๆ ต่อสิ่ง ดังกล่าวนี้ จึงจําเป็นอย่างยิ่งที่ส่วนโจมตีจะต้องทําการโจมตีอย่างรวดเร็วและแม่นยําตลอดที่หมาย โดยจะต้อง ใช้เวลาให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ณ ที่หมาย ในการจัดเฉพาะกิจของหน่วยควรจะประกอบด้วยกําลังพลและ ชุดที่จําเป็นในการบรรลุภารกิจให้สมบูรณ์เท่านั้น โดยเฉพาะในระหว่างทัศนวิสัยจํากัด เพื่อลดความสับสนและ การบาดเจ็บของฝ่ายเดียวกัน ในการโจมตีจะต้องมีการซักซ้อมทุกขั้นตอนเพื่อให้มั่นใจว่าจะมีการปฏิบัติอย่าง ถูกต้อง ง. การเตรียมการ เพื่อให้บรรลุการจู่โจม ความรุนแรง และความเร็วในการปฏิบัติที่ต้องการ การ เตรียมการของหน่วยเป็นสิ่งสําคัญต่อความสําเร็จของการปฏิบัติการ ความต้องการต่อไปนี้จะเป็นสิ่งสําคัญของ ภารกิจการตีโฉบฉวย ๑) ใช้ข่าวกรองสูงสุด การรวบรวมและกระจ่ายข่าวสารต้องดําเนินการอย่างต่อเนื่องโดยจะต้อง เตรียมให้แก่หน่วยตีโฉบฉวย แม้ในขณะที่อยู่ในเส้นทางไปสู่พื้นที่เป้าหมาย เพื่อให้มั่นใจว่าภารกิจจะสําเร็จ หน่วยจะต้องได้รับข่าวสารล่าสุดที่ข้าศึกได้พัฒนาไป ณ พื้นที่ที่หมายเพื่อป้องกันการถูกจู่โจม ๒) การพัฒนาแผน ขั้นตอนในการวางแผนย้อนกลับและขั้นตอนในการวางแผนจะมีอยู่ในบทที่ ๒ ซึ่งจะช่วยในการวางแผนรายละเอียดที่ต้องการในการตีโฉบฉวย แผนจะต้องมีการกําหนดขั้นตอนดังต่อไปนี้ ก) ขั้นที่ ๑ หน่วยแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ที่หมาย ข) ขั้นที่ ๒ จากนั้นจะทําการโดดเดี่ยวที่หมายให้ตัดขาดจากการสนับสนุน หรือเพิ่มเติมกําลัง จากภายนอกรวมไปถึงการคุกคามทางอากาศของข้าศึก ค) ขั้นที่ ๓ กําลังของข้าศึกที่อยู่ ณ ที่หมายหรืออยู่ใกล้จะถูกเอาชนะโดยการจู่โจมและการ เข้าตีที่รุนแรง การใช้อํานาจการยิงที่มีอยู่เพื่อรอผลให้ข้าศึกสับสน ง) ขั้นที่ ๔ ภารกิจจะต้องสําเร็จโดยเร็วก่อนที่ข้าศึกที่รอดชีวิตจะฟื้นตัวหรือได้รับการเพิ่มเติม กําลัง จ) ขั้นที่ ๕ หน่วยจะทําการถอนตัวอย่างรวดเร็วจากที่หมายแล้วทําการถอนตัวกลับหรือ แทรกซึมเพื่อบรรจบกับหน่วยทหารฝ่ายเดียวกันหรือเพื่อปฏิบัติภารกิจอื่นต่อไป ๓) การประสานงาน ปกติแล้วการประสานงานจะปฏิบัติโดยผ่านไปยัง บก.พัน. ในบางครั้งกองร้อย อาจจะประสานโดยตรงกับหน่วยข้างเคียง หน่วยสนับสนุน ประเทศที่ให้การสนับสนุนหลัก หรือกองกําลัง พันธมิตร ๔) การซักซ้อม การซักซ้อมจะกระทําต่อทุกส่วนในการตีโฉบฉวย เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการ ปฏิบัติที่แม่นยํา โดยที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงแผนได้บ้างก่อนที่จะมีการปฏิบัติ การซักซ้อมแบบเต็มรูปแบบ ควรที่จะมีการปฏิบัติภายใต้เงื่อนไขที่ใกล้ความจริงมากที่สุด จ. เงื่อนไขที่พึงปรารถนา ความสําเร็จของการตีโฉบฉวยจะเกิดขึ้นได้โดย


๒๑๖ ๑) เริ่มการปฏิบัติการในเวลาและ สถานที่ที่ไม่คาดคิด โดยการใช้ประโยชน์จาก ความมืดและทัศนวิสัยที่จํากัด และทําการเคลื่อนที่ไปบนภูมิประเทศที่ข้าศึกได้พิจารณาแล้วว่าผ่านไม่ได้ ๒) หลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับด้วยเทคนิคการเคลื่อนที่ที่เหมาะสม และการใช้ทักษะในการกําบัง และซ่อนพรางที่จะใช้การกําบังทางธรรมชาติของภูมิประเทศให้เกิดประโยชน์ ๓) กําหนดเวลาในการปฏิบัติการให้ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด ๔) ให้การสนับสนุนที่มีอยู่ทั้งหมดทั้งที่อยู่ในอัตราและนอกอัตรา รวมไปถึงการใช้อาวุธพิเศษ เช่น การใช้ระเบิดนําวิถีจากกองทัพอากาศ หรือลูกปืนใหญ่นําวิถี ที่ใช้แสงเลเซอร์ในการชี้เป้าหมาย ๕) ปฏิบัติการด้วยความรวดเร็ว รุนแรง แม่นยํา และห้าวหาญ โดยการรวมพลังอํานาจกําลังรบ ไปยังเวลาและสถานที่แตกหัก ๖) ผละออกจากการปฏิบัติโดยเร็วที่สุด หลังจากที่ภารกิจเสร็จสมบูรณ์ ๗) ถอนตัวอย่างว่องไวตามเส้นทางที่วางแผนไว้รวมไปถึงแผนการลวง ฉ. พันธกิจ โดยปกติแล้วจะมี ๔ พันธกิจ ที่หน่วยจะต้องปฏิบัติเมื่อทําการตีโฉบฉวย ในแต่ละส่วนย่อย จะได้รับการจัดและมอบยุทโธปกรณ์ให้ปฏิบัติเฉพาะส่วนหนึ่งของการปฏิบัติการทั้งหมด โดยจะขึ้นอยู่กับ ภารกิจเฉพาะ ธรรมชาติของเป้าหมาย สถานการณ์ข้าศึก และภูมิประเทศ พันธกิจดังกล่าวคือ ๑) กลุ่มบังคับบัญชาทําการควบคุมการเคลื่อนที่และปฏิบัติการ ณ ที่หมาย ปกติหน่วยนี้จะ ประกอบด้วย ผบ.ร้อย. ผู้บังคับหน่วยรองอื่น ๆ และผู้บังคับหน่วยสนับสนุนอื่นๆ ๒) ส่วนระวังป้องกัน โดยจะมีการจัดหน่วยจากการกําหนดด้วยภารกิจของกําลังที่เข้าตีโฉบฉวย ขนาดและรูปแบบของกําลังข้าศึก และความคล่องแคล่วและสถานะของความพร้อมของข้าศึก ภูมิประเทศและ เส้นทางการเข้าประชิดในพื้นที่ เวลาที่ต้องการที่จะปิดกั้นพื้นที่ที่หมาย ส่วนระวังป้องกันอาจจะ ก) ทําการป้องกัน จุดนัดพบ ณ ที่หมาย ข) แจ้งเตือนแต่เนิ่นถึงการเข้ามาของข้าศึก ค) ปิดกั้น เส้นทางเข้าประชิดไปยังพื้นที่ที่หมาย ง) ป้องกันไม่ให้ข้าศึกหนีออกจากที่หมาย จ) ทําการเฝ้าตรวจให้แก่หน่วย ณ ที่หมาย และทําการยิงกดเมื่อหน่วยถอนตัว ฉ) ให้การป้องกันภัยทางอากาศระยะใกล้ ๓) ส่วนสนับสนุนจะทําการยิงอย่างหนาแน่นที่ต้องการ เพื่อทําให้ที่หมายหมดการต่อต้าน เนื่องจากการยิงจากหน่วยนี้จะมีความรุนแรงและทําลายล้าง โดยที่หน่วยต้องมีการควบคุมอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีความมั่นใจในความแม่นยําที่ต้องการ สําหรับแผนที่วางไว้หรือที่สั่งการ การยิงจะเลื่อนไปข้างหน้าหรือ ย้ายการยิง เพื่อคุ้มครองการดําเนินกลยุทธ์ของส่วนโจมตี โดยทําการยิงกดการยิงของข้าศึกที่ยิงมาจากที่หมาย หรือยิงมาจากทางอากาศ หน่วยสนับสนุนอาจจะได้รับตําบลแน่นอน ที่จะได้รับการคุ้มครองด้วยการยิงในการ สนับสนุนส่วนระวังป้องกัน ถ้าหน่วยตอบโต้เร็วของข้าศึกเคลื่อนที่มายังพื้นที่ที่หมาย โดยอาจจะรวมเอา เส้นทางเข้าออกของที่หมาย ลักษณะภูมิประเทศสําคัญ สถานที่ตั้งใกล้เคียงกับที่หมายหลัก เมื่อใดที่ส่วน โจมตีปฏิบัติการสําเร็จ หรือได้รับคําสั่งจาก ผบ.หน่วยตีโฉบฉวย ส่วนสนับสนุนจะเปลี่ยนย้ายไปยังที่ตั้งใหม่ ที่วางแผนไว้ การจัดหน่วยสนับสนุนจะถูกกําหนดได้ดังต่อไปนี้ ก) ขนาดของที่หมาย ภูมิประเทศของพื้นที่โดยรอบ การคุกคามของข้าศึก (รวมทั้งทาง อากาศ) ในพื้นที่ส่วนนี้ควรจะมีความสามารถทําให้ข้าศึกหมดการต่อต้าน (ถ้าได้รับการสนับสนุนจากทาง อากาศหรือปืนเรือ) และจะทําการย้ายการยิงเมื่อส่วนโจมตีเริ่มปฏิบัติหรือได้รับสั่งจาก ผบ.หน่วย ตีโฉบฉวย ข) ภารกิจของหน่วยโจมตี ค) ที่ตั้งตําบลยิงที่เหมาะสม


๒๑๗ ง) ขนาดและธรรมชาติของข้าศึก ในพื้นที่ที่หมาย และขีดความสามารถของข้าศึกใน การเพิ่มเติมกําลังให้แก่ที่หมาย จ) การยิงสนับสนุนของหน่วยอื่น (การโจมตีทางอากาศ ปืนเรือ จรวดนําวิถีพื้นสู่พื้น และการ ยิงของปืนใหญ่) ๔) ส่วนโจมตีจะทําการยึดและทําให้ที่หมายปลอดภัย ให้การป้องกันแก่ชุดระเบิดทําลาย ชุด ค้นหา ชุดควบคุมเชลยศึก และชุดอื่น ๆ ก) การจัดของส่วนโจมตีจะจัดให้พอเหมาะกับภารกิจ ในแต่ละที่หมายจะต้องทําการตรวจ อย่างระมัดระวัง ภารกิจของส่วนนี้คือการเอาชนะการต้านทานและทําให้ที่หมายปลอดภัย ทําลายที่ตั้งและ ยุทโธปกรณ์ของข้าศึก ชุดปฏิบัติการพิเศษอื่น ๆ อาจจะมีความต้องการด้วย ตัวอย่างเช่น ชุดซุ่มยิงอาจจะ ต้องการเพื่อกําจัดยามที่สําคัญ ในการจับข้าศึกเป็นเชลย ปลดปล่อยผู้ถูกจับกุม ยึดหรือทําลายยุทโธปกรณ์ ส่วนโจมตีควรที่จะได้รับการจัดให้เป็นชุดโจมตี ชุดเชลยศึก ชุดค้นหา ชุดเสนารักษ์ ชุดระเบิดทําลายและ ชุดเจาะเครื่องกีดขวาง ข) การทําลายที่หมายเป็นจุดหรือสถานที่ตั้งที่มีการป้องกันแข็งแรง โดยที่กําลังทางอากาศไม่ สามารถเข้าใกล้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอ ส่วนโจมตีอาจจะทําการจัด ๑ ชุด ขนาดเล็กที่มีเครื่องมือ กําหนดเป้าหมายด้วยเลเซอร์ และจากสถานที่กําบังและซ่อนพราง คนใดคนหนึ่งในชุดจะสามารถนําทางให้ เครื่องบินฝ่ายเราทิ้งระเบิดนําวิถีด้วยเลเซอร์ได้จากสถานที่ที่ปลอดภัย ช. การเลือกสถานที่ สถานที่ที่ทําการเลือกเพื่อเป็นสถานที่ส่งลงหรือทิ้งลงควรต้องสนับสนุนการ ปฏิบัติ ณ ที่หมาย มีทางเลือก ๒ หนทางในการเลือกสถานที่ คือ ๑) หน่วยสามารถที่จะลงใกล้หรือบนที่หมายแล้วยึดที่หมายไว้ได้ก่อนที่ข้าศึกจะตอบโต้กลับ ซึ่งจะทําให้ไม่ต้องให้กําลังพลเดินเท้าทางพื้นดิน แล้วแบกอุปกรณ์ในการทําการรบที่หนัก ถ้าไม่มีพื้นที่ที่ เหมาะสมที่จะส่งลงใกล้กับที่หมาย หรือข้าศึกมีการปฏิบัติที่เข้มแข็งใกล้ ๆ ก็ไม่ควรเลือกใช้หนทางปฏิบัตินี้ ๒) หน่วยสามารถที่จะส่งลงในพื้นที่ที่ข้าศึกไม่เห็นไกลออกไปจากที่หมาย จากนั้นทําการรวม กําลัง จัดกําลัง และทําการเคลื่อนที่ไปยังจุดนัดพบ ณ ตําบลใกล้ที่หมาย โดยจะเข้าทําการยึดที่หมาย หลังจากที่ส่วนสนับสนุนและส่วนระวังป้องกันเข้าที่เรียบร้อย ทางเลือกนี้จะทําให้การประสานงานง่ายขึ้น ด้วย การจัดตั้งหน่วยควบคุมขนาดเล็กขึ้นก่อนที่จะมีการปะทะกับข้าศึก ซ. การปฏิบัติการตีโฉบฉวย หน่วยจะทําการเคลื่อนที่ไปยังจุดนัดพบ ณ ที่หมาย เมื่อจุดนัดพบ ณ ที่หมายปลอดภัย การลาดตระเวนของ ผบ.หน่วยจะเริ่มขึ้นเพื่อทําการยืนยันแผน จากนั้นส่วนและชุดต่าง ๆ จะเข้าที่ตั้งของตนเอง ๑) ชุดนําของส่วนระวังป้องกันจะเคลื่อนที่ไปยังที่ตั้ง (รูปที่ ๖ - ๑๕) ที่ซึ่งสามารถรักษาจุด นัดพบ ณ ที่หมาย แจ้งเตือนการเข้ามาของข้าศึก และปิดกั้นเส้นทางเข้ามาสู่พื้นที่ที่หมาย โดยที่จะกําหนด ที่ตั้งให้เหมาะสมที่จะป้องกันข้าศึกหนีออกจากที่หมายด้วย และจะปฏิบัติงานเหล่านี้ร่วมกันในขีด ความสามารถของตน ๒) เมื่อส่วนโจมตีและส่วนสนับสนุนเคลื่อนเข้าที่ตั้ง ส่วนระวังป้องกันจะแจ้งข่าวสารการปฏิบัติ ของข้าศึกทั้งหมดให้ ผบช.ทราบ โดยที่จะทําการยิงเมื่อถูกตรวจพบหรือ ผบ.หน่วยสั่งการ ๓) เมื่อเริ่มการโจมตี ส่วนระวังป้องกันจะขัดขวางไม่ให้ข้าศึกเข้าหรือออกจากพื้นที่ที่หมาย ๔) เมื่อการโจมตีเสร็จสิ้นลง ส่วนระวังป้องกันจะคุ้มกันการถอนตัวของหน่วยมายังจุดนัดพบ ณ ที่หมาย โดยจะทําการถอนตัวตามคําสั่งหรือตามสัญญาณที่วางแผนไว้


๒๑๘ รปูท ี่ ๖ - ๑๕ ชุดระวงัป้องกนัเคลื่อนท ี่ไปยงัท ี่ มนั่ ๕) สว่นสนับสนุนจะเขา้ทต่ีงั้ก่อนสว่นโจมตี (รปูท่ี๖ - ๑๖) จากทต่ีงั้น้ีจะทาํการยงิกดต่อ ทห่ีมายและเล่อืนยา้ยการยงิเม่อืการโจมตเีรม ิ่ ขน้ึ ปกตแิลว้จะคมุ้กนัการถอนตวัของสว่นโจมตอีย่างรวดเรว็จาก พน้ืทท่ีห่ีมาย โดยจะถอนตามคาํสงั่หรอืสญัญาณ ๖) สว่นโจมตจีะจดัวางกาํลงัใหใ้กลก้บัทห่ีมายเพยีงพอทจ่ีะทาํการโจมตอีย่างรวดเรว็ถา้ ขา้ศกึตรวจพบ เม่อืใดทม่ีกีารเล่อืนหรอืยา้ยการยงิสว่นโจมตจีะเขา้ตแีละรกัษาทห่ีมายไว้โดยจะป้องกนัชุด ระเบดิทาํลาย ชดุคน้หา และชดุปฏบิตักิารพเิศษอ่นืๆ ในขณะชุดต่างๆ นนั้กาํลงัปฏบิตัหิน้าท่ีเม่อืไดร้บัคาํสงั่ ชุดโจมตจีะทาํการถอนตวัไปยงัจุดนดัพบ ณ ทห่ีมาย ชุดโจมตคีวรทม่ีขีนาดเลก็ทส่ีดุเท่าทจ่ีะทาํ ได้และทาํการ ปฏบิตักิารซกัซอ้มโดยตลอดเพ่อืหลกีเลย่ีงความสบัสน ณ ทห่ีมาย ๗) ณ จุดนดัพบ ณ ทห่ีมาย หน่วยลาดตระเวนจะรวมกาํลงัและเคล่อืนทไ่ีปยงัระยะท่ี ปลอดภยัเพยีงพอ เพ่อืจดักาํลงัและกระจายขา่วสาร จากนนั้กจ็ะกลบัไปยงัแนวทหารฝ่ายเดยีวกนัหรอืปฏบิตัิ ภารกจิอน่ืต่อไป ๖ - ๑๙ การซุ่มโจมตีการซมุ่ โจมตแีละการโจมตทีจ่ีโู่จมจากทต่ีงั้ทม่ีกีารซ่อนพรางไปยงัเป้าหมายทเ่ีคล่อืนท่ี หรอืทาํการหยุดชวั่คราว โดยอาจจะรวมเอาการโจมตใีนระยะใกลห้รอืทาํลายเป้าหมาย หรอืการโจมตอีาจจะ ทาํดว้ยการยงิเพยีงอย่างเดยีว โดยไมจ่าํเป็นตอ้งมกีารยดึครองพน้ืทไ่ีว้กองรอ้ยจะทาํการวางแผน เตรยีมการ และปฏบิตัลิาดตระเวนซุ่มโจมตเีช่นเดยีวกบัหมวด (รส.๗ - ๘) การซุ่มโจมตเีป็นยุทธวธิทีม่ีปีระโยชน์เน่อืงจาก ก. กาํลงัทม่ีขีนาดเลก็ไดร้บัการฝึกทด่ีมีวีนิยัแมจ้ะจาํกดัทอ่ีาวธุและยทุโธปกรณ์สามารถทาํลาย กาํลงัขา้ศกึทม่ีขีนาดใหญ่ ข. ลดประสทิธภิาพการเอาชนะของขา้ศกึดว้ยการทาํลายและรบกวนขา้ศกึ


๒๑๙ ค. ขวญัและประสทิธภิาพของขา้ศกึจะ ลดอย่างหนกัเม่อืถูกซมุ่ โจมตดีว้ยกาํลงัขนาดเลก็ รปูท ี่ ๖ - ๑๖ ส่วนสนับสนุน และ ส่วนโจมตีเคลื่อนท ี่ไปยงัท ี่ มนั่ ก. การปฏบิตัิความสาํเรจ็ในการซุ่มโจมตตีอ้งเกดิจากการปฏบิตัทิแ่ีม่นยาํความรุนแรง ความเรว็และ ความหา้วหาญ สาํหรบัความสาํเรจ็ทจ่ีะเกดิขน้ึการปฏบิตักิารซุ่มโจมตตีอ้งเน้นในเร่อืงต่อไปน้ี ๑) การจโู่จม การจ่โูจมจะเหนือกว่าสงิ่อ่นืใด โดยจะขยายผลการปฏบิตัใิหแ้ก่การซมุ่ โจมตีการจโู่จม จะเพม ิ่ ความสญูเสยีและความสบัสนใหแ้ก่ขา้ศกึโดยหน่วยมกีารเสย่ีงทน่ี้อยทส่ีดุ ๒) การประสานอาํนาจการยงิและอาํนาจการทาํลายขวญัการประสานอาํนาจการยงิจะใชเ้พ่อืใหเ้กดิ การขม่ขวญัและทาํลายขวญัขา้ศกึมากทส่ีดุ ก) ปรมิาตรในการรวมอาํนาจการยงิกบัระเบดิและทุ่นระเบดิและการโจมตทีร่ีุนแรง จะหยุดยงั้ กาํลงัใจการตอบโตข้องขา้ศกึการจ่โูจมจะเพม ิ่ การทาํลายขวญัและโอกาสในความสาํเรจ็ซง่ึจะช่วยป้องกนั การผนัแปรทไ่ีม่คาดคดิของการซุ่มโจมตีตวัอย่างเช่น การซุ่มโจมตตี่อหน่วยใหญ่กว่าทค่ีาดคดิ ข) อาวุธทุกชนิดตอ้งถูกวางดว้ยการประสานการยงิในพน้ืทส่ีงัหาร และโดยตลอดเสน้ ทางเขา้ออก อาวธุค. ควรทจ่ีะใชถ้า้ภูมปิระเทศอาํนวย ขาหยงั่และแกนควงสงูควงสา่ยของปืนกลจะนํามาใช้ เพม ิ่ ความมนั่คงในการยงิทหารราบทุกนายจะใชห้ลกัยงิเพ่อืกาํหนดแนวยงิซา้ยขวา และหลกัทางระดบั เพ่อืความมนั่คงในการยงิ โดยเฉพาะในเวลากลางคนืเคร่อืงยงิลกูระเบดิเอม็.๒๐๓ (M203) จะวางไวคุ้ม้ครอง พน้ืทอ่ีบักระสนุและเสน้ทางการหลบหนี


๒๒๐ ๓) การควบคุม การควบคุมมีความ จําเป็นอย่างยิ่ง ผู้บังคับหน่วยต้องติดต่อกับทุกคนใน หน่วยให้พร้อมปฏิบัติต่อข้าศึกที่จะมาถึง ก) ผบ.หน่วยไม่ควรที่จะเคลื่อนที่ไปมาในบริเวณซุ่มโจมตีระหว่างห้วงเวลาที่สําคัญ วิธีการที่ นํามาใช้ให้ทุกคนมีการตื่นตัว สามารถทําได้โดยผูกเชือกหรือเถาวัลย์กับขาหรือแขนในการกระตุกเรียกเบา ๆ ทุกคนในการซุ่มโจมตีสามารถที่จะทําให้ตื่นตัวได้ถ้าข้าศึกเข้ามา ข) ผบ.หน่วยจะเริ่มเปิดฉากการซุ่มโจมตีด้วยเครื่องมือที่สร้างความบาดเจ็บล้มตาย การจุด ระเบิดกระจายแบบวงแหวนคู่จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะเปิดฉากการซุ่มโจมตี วิธีการที่ดีอื่น ๆ ได้แก่ ใช้ ปรส.ยิง กระสุนสังหารบุคคลหรือการใช้ปืนกล นกหวีดหรือเครื่องให้แสงสัญญาณไม่ควรนํามาใช้ เนื่องจากกระทําให้ ข้าศึกมีเวลาที่จะตอบโต้กลับ (๑) เมื่อข้าศึกถูกโจมตี ข้าศึกจะตอบโต้กลับ กําลังที่ทําการซุ่มโจมตีจะมีเวลาไม่กี่วินาที ในการทําลายข้าศึกก่อนที่ข้าศึกจะตั้งตัวจากการชะงักงันในชั้นต้น และหนีออกจากพื้นที่สังหาร ไม่ว่าจะเป็น การตีโต้ตอบโดยตรง หรือการถอนตัวการยิงในขั้นต่อไปและการจุดระเบิดต้องทําการวางแผนไว้ (๒) ผบ.หน่วย จะเป็นผู้เปิดฉากการซุ่มโจมตีเว้นแต่ว่าจะมีคนใดคนหนึ่งในการซุ่มโจมตี รู้ว่าตนเองเปิดเผยให้ข้าศึกเห็นจะได้รับอํานาจให้ทําการปฏิบัติได้ด้วยการยิง เพื่อสังหารโดยไม่ใช้การตระโกน (๓) ในการสั่งหยุดยิงจะอยู่ในการควบคุมของ ผบ.หน่วย การใช้นกหวีดหรือเครื่องมือ อื่น ๆ สามารถใช้เรียกความสนใจจากนั้นจะเป็นการให้สัญญาณหยุดยิง ๔) การระวังป้องกัน ด้านปีกและหลังของการซุ่มโจมตีจะเป็นพื้นที่ที่เปิดให้ทําการตีโต้ตอบ ในการ เพิ่มการระวังป้องกันปีกและหลังจะกระทําได้ดังนี้ ก) วางกําลังทางลึก ข) กําหนดพื้นที่ในการตรวจการณ์ ค) ติดตั้งเครื่องมือในการตรวจจับความเคลื่อนไหว ง) บังคับใช้วินัยในการใช้แสงและเสียง จ) มีแผนการถอนตัวที่ดี ฉ) รักษาความปลอดภัยเส้นทางถอนตัว ช) ปฏิบัติด้วยความรวดเร็วและรุนแรง ซ) วางกําลังระวังป้องกันในการปิดกั้นพื้นที่ซุ่มโจมตี ด) ทําการพรางให้ดี ๕) ความง่าย ความง่ายจะทําให้การปรับปรุงแผนมีโอกาสสําเร็จ แผนการซุ่มโจมตีต้องมีความ ชัดเจนและกระทัดรัดที่จะทําให้เกิดความสําเร็จที่มากที่สุด ตัวอย่างเช่น ก) กําหนดภารกิจแก่ส่วนระวังป้องกันส่วนสนับสนุนและส่วนโจมตี ต้องมีความชัดเจน กระทัดรัด ข) งานที่จะปฏิบัติด้วยส่วนซุ่มโจมตีควรที่จะง่ายในการเข้าใจ ค) แผนเผชิญเหตุควรมีความง่าย ง) เส้นทางที่ไปยังที่ตั้งและเส้นทางถอนตัวไม่ควรตัดกัน ทั้งสองเส้นควรจะสั้นที่สุด และเป็น เส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด ๖) การฝึกฝนและวินัยตนเอง ข้อได้เปรียบทุกข้อต้องขยายผล วินัยต้องเข้มงวด จะต้องไม่มีการ นอน พูด กิน หรือสูบบุหรี่บริเวณพื้นที่ ซุ่มโจมตี ถ้าที่ซุ่มโจมตีถูกจัดตั้งเป็นระยะเวลานาน ให้ส่วนในการ ซุ่มโจมตีกลับมายังจุดนัดพบ ณ ที่หมายในเวลาที่กําหนดเพื่อพักผ่อน การขยายเวลาในการซุ่มโจมตีเป็น ๒๔, ๓๖, ๔๘ ชั่วโมงจะต้องการเวลา ๖ - ๘ ชั่วโมง ในการจัดผลัดพักอาจจะต้องใช้กําลังพลในกองร้อยทุก ๆ คน


๒๒๑ ในการขยายเวลาในการซุ่มโจมตีระดับหมวด กําลัง พลที่เหนื่อยอ่อนไม่สามารถจะจัดเป็นพวกซุ่มโจมตี ได้ดี พวกเขาจะไม่สามารถปฏิบัติการได้อย่างกระฉับกระเฉงได้ตลอดทั้งวันและจะต้องตื่นตัวตลอดทั้งคืน ข. การจัดกําลัง หน่วยที่จะทําการซุ่มโจมตีจะต้องทําการจัดเฉพาะกิจ เพื่อปฏิบัติพันธกิจต่อไปนี้ โจมตี ระวังป้องและสนับสนุน กําลังที่ใช้ในการซุ่มโจมตี ควรมีการจัดเฉพาะกิจให้สอดคล้องกับ อจย. โดยเป็น หมวดหมู่และชุดยิง อจย. ไม่ควรมีการปรับแก้เพื่อแบ่งส่วนที่เล็กกว่านี้ในการซุ่มโจมตีการจัดใน อจย. อาจจะ มีการเพิ่มเติมกําลังด้วยปืนกล หรือชุดต่อสู้รถถังหรือหมู่ ค.๖๐ มม. ๑) ส่วนโจมตี ส่วนนี้จะกําหนดให้มีภารกิจในการโจมตี โดยอาจจะเคลื่อนย้ายโดยตรงไปยังที่ตั้ง ของตนเอง หรือเคลื่อนที่ไปยังจุดนัดพบ ณ ที่หมายก่อนภารกิจอาจจะรวมเอาการปฏิบัติดังต่อไปนี้ ก) ทําหน้าที่เป็นส่วนโจมตีหลัก ข) ทําการหยุดขบวนยานยนต์หรือเป้าหมายที่เคลื่อนที่ ค) สังหารหรือจับข้าศึก ง) ตรวจค้นสิ่งอุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ จ) ทําลายยานพาหนะและสิ่งอุปกรณ์ ชุดตรวจค้นอาจจะไม่จําเป็นต้องใช้เสมอไป ผบ.หน่วย ต้องกําหนดการใช้และเวลาที่จะใช้ เมื่อใดที่ ทหารต้องออกจากที่ระวังป้องกันที่เลือกไว้เป็นอย่างดีหรือ ที่ตั้งที่ซุ่มโจมตีที่ซ่อนพราง ทหารคนนั้นอาจจะถูก ยิงได้จากข้าศึกที่อาจจะซ่อนอยู่ และเตรียมพร้อมไว้ ถ้าเป็นการปฏิบัติการในเวลากลางคืน ห้ามใช้พลุส่องสว่าง หรือพลุสะดุดในพื้นที่ค้นหา เพราะจะเป็นการเปิดเผยชุดค้นหาแก่ข้าศึก ให้ตั้งสมมุติฐานไว้เสมอว่ามีข้าศึกหลบ ซ่อนอยู่ ซึ่งการซุ่มโจมตีไม่ได้สังหารข้าศึกได้ทั้งหมด เครื่องช่วยมองในเวลากลางคืนหรือไฟฉายที่พรางไฟแดง ซึ่งพันเทปติดไว้กับ ปลย.เอ็ม.๑๖ ควรจะนํามาใช้ในการค้นหาที่รวดเร็ว อย่างไรก็ตามไฟฉายสีขาวอาจจะทํา ให้เร็วกว่าในกรณีที่การสูญเสียความสามารถของการมองในเวลากลางคืน ไม่เป็นเรื่องที่สําคัญมาก ถ้ามีการยิง ต่อสู้จากข้าศึกอย่างมาก หรือการซุ่มโจมตีพลาดต่อส่วนหลัก ผบ.หน่วย อาจจะเลือกการผละออกจากข้าศึก โดยไม่มีการตรวจค้นในพื้นที่สังหาร ๒) ส่วนระวังป้องกัน ส่วนนี้จะกําหนดภารกิจให้ทําการระวังป้องกัน โดยอาจจะทําการเคลื่อนที่ไป ยังที่ตั้งของตนโดยตรง หรืออาจจะใช้วิธีการที่เริ่มจากจุดปล่อย ภารกิจเหล่านี้อาจจะเป็นบางส่วนหรือทั้งหมด ของการปฏิบัติต่อไปนี้ ก) ระวังป้องกันทางปีก หลัง หรือจุดนัดพบ ณ ที่หมาย ข) ให้การแจ้งเตือนล่วงหน้า ค) ปิดกั้นพื้นที่สังหารเพื่อป้องกันมิให้ข้าศึกหนีออกไปหรือเพิ่มเติมกําลัง ง) ช่วยเหลือในการปฏิบัติการซุ่มโจมตี จ) คุ้มครองการถอนตัวของกําลังซุ่มโจมตีหลัก ๓) ส่วนสนับสนุน หน่วยจะกําหนดภารกิจส่วนสนับสนุนโดยให้ทําการยิงซึ่งอาจจะรวมเอาการใช้ อาวุธดังต่อไปนี้ ก) การยิงของอาวุธอัตโนมัติในอัตราสูงสุด ข) การยิงของอาวุธต่อต้านยานเกราะ ค) การยิงของ ค. ง) ทุ่นระเบิด จ) อาวุธที่ทําให้เกิดเพลิง ค. สถานที่ซุ่มโจมตี เมื่อใดที่ทําการเลือกสถานที่ซุ่มโจมตี ทุกแหล่งข่าวสารจะต้องถูกใช้เพื่อเพิ่มการ จู่โจม การขยายผลต่อจุดอ่อนข้าศึก และการแสวงประโยชน์จากภูมิประเทศ โดยจะเน้นยํ้าในเรื่อง


๒๒๒ ๑) การกําบังและซ่อนพรางทาง ธรรมชาติแก่กําลังซุ่มโจมตี ๒) เส้นทางเข้าและถอนตัว (อย่างน้อย ๒เส้นทาง) ซึ่งควรจะเป็นทางตรงหรือง่าย ๓) มีการตรวจการณ์และพื้นการยิงดี ๔) เป็นภูมิประเทศที่ดูแล้วไม่อันตราย ๕) เส้นทางการหนีของข้าศึกมีน้อย ๖) จํากัดการเพิ่มเติมกําลังของข้าศึก ๗) ใกล้กับพื้นที่รวมพลหรือพื้นที่นัดพบ ๘) ภูมิประเทศที่บังคับช่องทางให้ข้าศึกเข้ามาสู่เขตสังหาร และมีเครื่องกีดขวางทางธรรมชาติที่ จะทําให้ข้าศึกติดอยู่ภายใน หมายเหตุ พยายามเลือกสถานที่ที่มีการคุ้มครองจากการยิงเล็งจําลองจากฝ่ายเดียวกัน ๑) ใช้ข้อดีจากภูมิประเทศ ให้เน้นหนักไปถึงการขยายผลการกําบังและซ่อนพรางจากธรรมชาติ ของภูมิประเทศ การทําสถานที่การซุ่มโจมตีและที่ตั้งของแต่ละบุคคลให้ยึดพื้นฐานจากภูมิประเทศมากกว่าการ พยายามปรับภูมิประเทศหรือแก้ให้เป็นรูปทรงเรขาคณิต ๒) กีดกั้นการเคลื่อนที่ของข้าศึก ด้วยเครื่องกีดขวางทางธรรมชาติหรือสร้างเครื่องกีดขวางขึ้นเอง โดยควรจะมีการวางแผนไว้ ง. แบบของการซุ่มโจมตี มี ๒ แบบ คือการซุ่มโจมตีเป็นจุดและเป็นพื้นที่ ๑) การซุ่มโจมตีเป็นพื้นที่อาจจะจัดตั้งได้โดยหมวด กองร้อยหรือกองพัน โดยจะใช้เพื่อบังคับทิศ ทางการเคลื่อนที่ของข้าศึกให้เข้ามาในพื้นที่ที่กําหนด หรือก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย การซุ่มโจมตีเป็น พื้นที่จะประกอบด้วยลําดับจํานวนจุดซุ่มโจมตี ขนาดและสถานที่ของการซุ่มโจมตีจะถูกกําหนดด้วยการ วิเคราะห์ปัจจัยของการรบ ก) กองร้อยอาจจะทําการซุ่มโจมตีโดยอิสระ หรือเป็นส่วนหนึ่งของการซุ่มโจมตีของกองพัน กองร้อยอาจจะได้รับแนวทางที่กําหนดเป็นพิเศษ หรืออาจจะเป็นเพียงพื้นที่ปฏิบัติการ หรือกําหนดในภารกิจก็ ได้ ผบ.ร้อย. อาจทําการพัฒนาแนวความคิดในรายละเอียดมากที่สุดในการซุ่มโจมตีรวมการ ซึ่งสนับสนุนโดย การซุ่มโจมตีขนาดเล็กสําหรับการระวังป้องกัน และการแยกที่หมาย หรือ ผบ.ร้อย. อาจจะกําหนดพื้นที่ ปฏิบัติการให้แก่หมวดโดยให้ทําการปฏิบัติแบบแยกการ ข) ข้อพิจารณาในการเลือกสถานที่ซุ่มโจมตีเป็นจุด โดยการเป็นส่วนหนึ่งของการซุ่มโจมตีเป็น พื้นที่ของกองร้อยจะมีดังนี้ (๑) ทําให้มั่นใจว่าในการยิงจากกําลังซุ่มโจมตีหนึ่ง จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อหน่วยซุ่ม โจมตีอื่น (๒) หนทางที่ข้าศึกน่าจะปฏิบัติทั้งก่อนและหลังการซุ่มโจมตี (๓) แผนการถอนตัวและการบรรจบ หลังจากภารกิจการซุ่มโจมตีสําเร็จ ค) ผบ.ร้อย. จะต้องกําหนดเงื่อนไขที่ชัดเจนให้แก่แต่ละ ผบ. หน่วย สถานที่ซุ่มโจมตีว่าเมื่อใด จะเริ่มเปิดฉากการยิง ๒) การซุ่มโจมตีเป็นจุดจะถูกจัดตั้งขึ้นบนสถานที่ที่ใกล้เคียงอุดมคติมากที่สุด เพื่อสร้างความ เสียหายอย่างรุนแรงให้แก่ข้าศึก เช่นการซุ่มโจมตีจะต้องสามารถรับกําลังข้าศึกที่มากกว่า ๑ ทิศทาง สถานที่ ซุ่มโจมตีควรที่จะสามารถปฏิบัติการซุ่มโจมตีได้ ๒ - ๓ ทิศทางหลัก ทิศทางอื่นๆ จะต้องได้รับการคุ้มครองด้วย ส่วนระวังป้องกันซึ่งให้การแจ้งเตือนล่วงหน้าเรื่องการเข้าตีของข้าศึก


๒๒๓ ก) รูปแบบต่าง ๆ ส่วนใหญ่ของการ ซุ่มโจมตีเป็นจุดหาได้ที่ รส.๗ - ๘ ข) อย่างไรก็ตาม รูปแบบอื่น ๆ ได้แก่ การซุ่มโจมตีด้วยกลไก ซึ่งจะประกอบด้วยการตั้งระเบิด ดาวกระจายเป็นลําดับในการตั้งวงแหวนหลัก โดยจะบังคับการจุดระเบิด หรือจุดระเบิดโดยการเริ่มจากการ ปฏิบัติของข้าศึก การซุ่มโจมตีด้วยกลไกจะใช้เป็นปกติ เพิ่มเติมการใช้กําลังพลเตรียมการยิงข้าศึกด้วยอาวุธ เล็งตรง หากการซุ่มโจมตีแบบกลไกไม่ทํางาน หรือถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดไม่มีประสิทธิภาพ การซุ่ม โจมตีแบบกลไกจะใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการบังคับทิศในพื้นที่ขนาดใหญ่ในการใช้หน่วยขนาดเล็ก ถ้า การซุ่มโจมตีแบบกลไกได้ผล และกําลังพลของเราไม่เปิดเผยที่ตั้ง ก็จะทําให้ข้าศึกเกิดความสับสน ซึ่งจะทําให้ ลบล้างขวัญ และประสิทธิภาพของข้าศึก จ. การปฏิบัติการซุ่มโจมตี การอําพรางและการระวังป้องกันจะเป็นปัจจัยที่สําคัญ วิธีการต่าง ๆ ต่อไปนี้จะทําให้บรรลุปัจจัยดังกล่าว • วางกําลังระวังป้องกันและเครื่องมือในการแจ้งเตือนเป็นอันดับแรก • ใช้เส้นทางที่ดีที่สุดไปยังที่ซุ่มโจมตีหลักซึ่งมีการระวังป้องกัน • เข้าที่ตั้งที่ซุ่มโจมตีอย่างรวดเร็ว และติดตั้งเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารและส่งสัญญาณ • กําหนดที่ตั้งอาวุธหลัก (อาวุธกล, อาวุธต่อสู้รถถัง) • วางระเบิดดาวกระจาย พลุสะดุด และกับระเบิด • ทําให้มั่นใจว่าอาวุธทุกชนิดวางได้อย่างถูกต้อง กําหนดพื้นที่การยิงให้มีการสนับสนุนซึ่งกันและ กันและครอบคลุมพื้นที่อับกระสุน ๑) การซ่อนพราง ในระหว่างการเตรียมปฏิบัติภารกิจ แต่ละคนจะทําการพรางตนเองและ ยุทโธปกรณ์ และรัดตรึงอาวุธมิให้เกิดเสียงในที่ซุ่มโจมตี เตรียมที่ตั้งโดยให้เปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นธรรมชาติที่มี อยู่ที่นั้นให้น้อยที่สุด ปกปิดสิ่งดัดแปลงที่เกิดขึ้นเพื่อป้องกันการเกิดหลักฐานที่ยึดพื้นที่อยู่ ๒) การเคลื่อนที่ ให้ทําการเคลื่อนที่ให้น้อยที่สุด ควบคุมจํานวนคนที่เคลื่อนที่ในเวลาเดียวกัน ให้ใกล้ชิดที่สุด ให้ทุกคนเงียบที่สุดเท่าที่จะทําได้โดยเฉพาะในเวลากลางคืน บังคับวินัยการใช้แสงเสียงในเวลา กลางคืนและห้ามการสูบบุหรี่ ๓) สัญญาณ เปลี่ยนสัญญาณเสียงและการมองเห็น เช่น นกหวีดหรือแสงสัญญาณ เพื่อเลี่ยง การเป็นรูปแบบและทําให้ข้าศึกเตรียมตัว สัญญาณ ๓ - ๔ อย่างง่าย ๆ ที่ต้องการในการปฏิบัติการซุ่มโจมตี สัญญาณเหล่านี้จะใช้เพื่อ ก) ให้การแจ้งเตือนการเข้ามาของข้าศึกล่วงหน้า สัญญาณของกําลังระวังป้องกันเพื่อให้ ผบ.ส่วนทราบถึงทิศทางเข้ามาของข้าศึกที่ถูกต้อง อาจจะถูกกําหนดโดยใช้สัญญาณมือ วิทยุหรือโทรศัพท์ สนาม ข) ในการเปิดฉากการยิง อาจจะใช้การจุดระเบิดหรือทุ่นระเบิด จากนั้นจะเปิดฉากการยิง อย่างหนัก โดยทันทีโดยให้หนาแน่นและแม่นยําที่สุด เวลาที่เหมาะสมและการยิงจะช่วยเพิ่มความสําเร็จในการ จู่โจมได้ดีเช่นเดียวกับการทําลายที่หมาย ค) การเลื่อนหรือย้ายการยิง ถ้ามีการโจมตีเขตสังหาร คําสั่งด้วยคําพูด นกหวีด หรือ เครื่องดอกไม้เพลิง อาจจะนํามาใช้เมื่อใดที่มีการโจมตีเขตสังหาร การเลื่อน หรือย้ายการยิงจะต้องมีความ แม่นยําเหมือนกับตอนเริ่มต้นการซุ่มโจมตี มิฉะนั้นการโจมตีอาจจะล่าช้าและทําให้ข้าศึกมีโอกาสที่จะตั้งตัว และตอบโต้กลับ ง) การถอนตัว สัญญาณในการถอนตัวจะใช้คําสั่งด้วยคําพูด นกหวีด หรือพลุสัญญาณก็ได้


๒๒๔ ๔) จุดนัดพบ ณ ที่หมาย กําหนดจุดนัด พบ ณ ที่หมายให้มีระยะห่างเพียงพอจากที่ซุ่มโจมตี โดยจะทําให้ข้าศึกไม่สามารถเอาชนะได้ในกรณีที่ข้าศึกเข้าตีต่อพวกซุ่มโจมตี ให้วางสิ่งของบรรทุกต่าง ๆ ไว้ที่ จุดนัดพบ และลาดตระเวนเส้นทางถอนตัวไปยังจุดนัดพบ (ถ้าเป็นไปได้ให้ทําทุกนาย) เส้นทางการถอนตัว ควรจะมีการกําบังและซ่อนพรางให้แก่หน่วยและหลบซ่อนการไล่ติดตามของข้าศึกซึ่งเป็นข้อพิจารณาหลักใน การเลือกที่ซุ่มโจมตี โดยอาจจะเป็นความสําคัญในการอยู่รอดหลังจากปฏิบัติการซุ่มโจมตี เมื่อให้สัญญาณ กําลังที่ซุ่มโจมตีจะถอนตัว (ด้วยความเงียบ)อย่างรวดเร็วไปยังจุดนัดพบ ถ้ามีการไล่ติดตาม การถอนตัวอาจจะ ทําเป็นขั้นสลับด้วยทุ่นระเบิดหรือการซุ่มโจมตีเร่งด่วนในการใช้เพื่อรั้งหน่วงกําลังที่ไล่ติดตาม ๕) การซุ่มโจมตีที่หลากหลาย ใช้วิธีการซุ่มโจมตีมากกว่า ๑ แบบ ถ้าวิธีใดถูกใช้มากกว่าเพื่อน ข้าศึกจะทําการพัฒนาการป้องกันที่มีประสิทธิภาพต่อต้านได้ และจะเป็นผลที่ให้เกิดการชะงักงันน้อยลงในการ ซุ่มโจมตี เนื่องจากข้าศึกรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่มีวิธีการใดวิธีการเดียวที่เหมาะสมกับทุกภูมิประเทศ ยุทโธปกรณ์ สภาพอากาศ และขีดความสามารถของข้าศึก ให้ใช้สัญญาณหลาย ๆ แบบทั้งเสียงและการเห็น ใช้การยิงของอาวุธ ทุ่นระเบิด เครื่องมือในการตรวจจับเป้าหมาย เท่าที่จะทําได้และใช้สัญญาณแตกต่างกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการจับแนวทางได้ ๖) การปฏิบัติที่ว่องไว ความเร็วในการปฏิบัติในการซุ่มโจมตีและการถอนตัว ต้องสามารถป้องกัน การตอบโต้กลับของกําลังข้าศึกจากการระดมยิงของฝ่ายซุ่มโจมตี ปกติแล้วความเร็วจะช่วยหยุดยั้งการสูญเสีย และความล้มเหลว ความเร็วจะช่วยเพิ่มความสําเร็จในการผละออกจากการรบ ฉ. ความสําเร็จในการซุ่มโจมตี ข้อเน้นในความสําเร็จมีดังนี้ ๑) ข่าวกรอง จะทําให้มั่นใจว่าข้าศึกจะถูกซุ่มโจมตีในเวลาและสถานที่ที่ข้าศึกคาดคิดว่าจะถูกซุ่ม น้อยที่สุดหรือเตรียมการสู้รบน้อยที่สุด ๒) วางแผนให้ละเอียด ฝึกให้ทุกขั้นตอนและซักซ้อมทุกส่วนในทุกขั้นการปฏิบัติการซุ่มโจมตี สิ่ง เหล่านี้จะทําให้มั่นใจได้ถึงผลที่ทําให้เกิดการชะงักงันของข้าศึก และการปฏิบัติที่แม่นยํา ๓) เครื่องมือตรวจจับเป้าหมายที่มีอยู่ จะทําให้เกิดประสิทธิภาพเหมือนกับในเวลากลางวันในการ ปฏิบัติในเวลากลางคืน เมื่อมีการเคลื่อนที่ การยิง หรือการตรวจจับการเคลื่อนที่ของข้าศึก เพื่อหลีกเลี่ยงการ ถูกตรวจจับเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจจับเป้าหมายที่มีสัญญาณให้ข้าศึกตรวจจับได้จะไม่ควรใช้จนกว่าการเปิด ฉากการซุ่มโจมตีจะเกิดขึ้น ๔) ใช้อํานาจการยิงที่มีอยู่ทั้งหมดโดยจะเน้นไปยังอาวุธต่อสู้รถถัง อาวุธอัตโนมัติและอาวุธยิงเป็น พื้นที่ และกระสุนนําวิถีต่าง ๆ ๕) ความเร็ว จะช่วยให้การจู่โจมประสพผลสําเร็จ และเพิ่มความปลอดภัยให้แก่กําลังพล ๖) การกําบังและซ่อนพราง รวมไปถึงการป้องกันทั้งหมดให้ใช้จากภูมิประเทศในขณะที่ทําการ เคลื่อนที่หรือในขณะที่เข้ายึดครองที่ตั้งซุ่มโจมตี ๖ - ๒๐ ฐานลาดตระเวน ฐานลาดตระเวนจะเป็นที่ตั้งที่จัดขึ้นเมื่อหน่วยลาดตระเวนหยุดสําหรับในแต่ละห้วง เวลา เมื่อหน่วยต้องหยุดเป็นเวลานาน ในสถานที่ที่ไม่มีการคุ้มครองจากหน่วยทหารฝ่ายเดียวกัน จะต้องใช้ มาตรการระวังป้องกันเชิงรับและเชิงรุก เวลาที่จะอยู่ในฐานลาดตระเวนขึ้นอยู่กับความต้องการในเรื่องการ รักษาความลับ ซึ่งควรที่จะอยู่ในฐานเท่าที่จําเป็นเท่านั้น แต่ไม่ควรเกิน ๒๔ ชั่วโมง เว้นไว้แต่กรณีฉุกเฉิน หน่วยไม่ควรใช้ฐานลาดตระเวนเดิมมากกว่า ๑ ครั้ง กองร้อยจะเลือกและเข้าฐานลาดตระเวนด้วยเหตุผล และการปฏิบัติเช่นเดียวกับหมวด (รส.๗ - ๘) ข้อพิจารณาในการตั้งรับวงรอบ (บทที่ ๕) จะใช้ประยุกต์ใน การจัดตั้งฐานลาดตระเวนของกองร้อยเช่นกัน


๒๒๕ ตอนที่ ๗ การปฏิบัติการหลังแนวข้าศึก การปฏิบัติการหลังแนวข้าศึกสามารถใช้ได้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจในการตั้งรับหรือรั้งหน่วง ในการ ตั้งรับข้าศึกอาจจะทําการอ้อมผ่านทหารฝ่ายเรา ซึ่งในระหว่างนั้นจะทําให้เกิดโอกาสที่จะเข้าตีต่อจุดอ่อนของ ข้าศึกเพื่อรั้งหน่วงข้าศึกได้ ๖ - ๒๑ วัตถุประสงค์ หน่วยที่อยู่หลังแนวข้าศึกสามารถก่อให้เกิดการสูญเสียแก่ข้าศึกได้ตลอดแนวความลึก ของขบวนข้าศึก โดยจะสามารถก่อกวนทําลายความแน่นแฟ้นในการรุกด้วยการเข้าตีต่อการบังคับบัญชา การ ควบคุม การติดต่อสื่อสารที่สําคัญ การสนับสนุนการรบและการสนับสนุนการช่วยรบอื่น ๆ และอาจจะทําการ สกัดกั้นเส้นทางในการติดต่อสื่อสาร และการส่งกําลังบํารุง ในการปฏิบัติดังกล่าวสามารถที่จะหันเหความ พยายามหลักของข้าศึกได้ด้วยการบังคับให้ข้าศึกวางอํานาจกําลังรบมาปฏิบัติการในพื้นที่ส่วนหลัง กําลังพล ทุกนายในส่วนที่อยู่หลังแนวข้าศึกสามารถเตรียมข่าวกรองบุคคลของกําลังข้าศึกในพื้นที่ได้และสามารถร้องขอ และปรับการยิงปืนใหญ่และเครื่องบินได้ ๖ - ๒๒ รูปแบบ รูปแบบ มี ๒ รูปแบบ ในการปฏิบัติการหลังแนวข้าศึกดังนี้ ก. แบบไม่ได้วางแผนมาก่อน การปฏิบัติการหลังแนวข้าศึกแบบไม่มีการวางแผนมาก่อน จะเป็น วิธีการหนึ่งที่หน่วยพบว่าตนเองถูกตัดขาดจากส่วนอื่น ๆ ของฝ่ายเดียวกัน กําหนดเวลาไว้ไม่แน่นอน โดยที่ ไม่มีการวางแผนไว้เป็นการเฉพาะหรือไม่มีเป้าหมาย ข. แบบประณีต การปฏิบัติการหลังแนวข้าศึก แบบประณีตจะเป็นการปฏิบัติการที่หน่วยได้วางแผน ในการปฏิบัติในพื้นที่ที่ข้าศึกควบคุมอยู่ในเมื่อส่วนต่าง ๆ แยกจากกันแต่ยังมีความแน่นแฟ้นอยู่ สําหรับเวลาที่ แน่นอนหรือจนกว่าจะมีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้น สิ่งนี้จะต้องการการวางแผนที่ขยายออกไปสําหรับในขั้นการ ก่อกําลัง ขั้นการปฏิบัติการ และขั้นการบรรจบ ๑) ขั้นการก่อกําลังในขั้นนี้หน่วยรบ สนับสนุนการรบ สนับสนุนการช่วยรบ และหน่วยส่งกําลัง บํารุงที่ต้องการจะเข้ามายังพื้นที่ที่กําหนดไว้ในเขตปฏิบัติการ ยานพาหนะ และยุทโธปกรณ์ที่ไม่ต้องการจะ ทําการเคลื่อนย้ายออกไป ในขั้นตอนนี้สามารถทําได้ทั้งเปิดเผยและปกปิด ก) ในกรณีที่เปิดเผย หน่วยจะต้องทําการรบต่อเนื่องจากที่ตั้งในการตั้งรับปัจจุบันใน ขณะที่ข้าศึกเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ และกําลังฝ่ายเราส่วนอื่นทําการถอนตัว เทคนิคนี้จะทําให้หน่วยอยู่รอดได้ก็ ต่อเมื่อหน่วยปฏิบัติหลังแนว ข้าศึกมีอํานาจการยิงที่รุนแรงและมีขีดความสามารถในการควบคุมหรือรักษาภูมิ ประเทศสําคัญหรือแตกหักจากที่มั่นตั้งรับของตนได้ หมายเหตุ เทคนิคนี้จะเป็นสิ่งที่พึงประสงค์น้อยที่สุด เพราะข้าศึกจะใช้ประโยชน์ด้วยการแบ่งแยกที่ตั้งของ ฝ่ายเราด้วยการยิงกด ตัดขาด และรวมกําลังเอาชนะฝ่ายที่อยู่หลังแนวได้ ข) ถ้ามีการปกปิด หน่วยจะเคลื่อนย้ายส่วนต่าง ๆ ไปยังที่ตั้งโดยใช้เทคนิคในการลักลอบเพื่อ หลีกเลี่ยงการตรวจจับ หน่วยจะปล่อยให้ข้าศึกผ่านหน่วยไปโดยไม่เกิดการปะทะจนกว่าหน่วยจะมีความพร้อม ที่จะเริ่มการเข้าตีต่อเป้าหมายที่คุ้มค่า ๒) ขั้นการปฏิบัติการ ขั้นตอนนี้จะเริ่มในทันทีที่หน่วยที่อยู่หลังแนวข้าศึกได้เข้าอยู่ในที่กําหนด และหน่วยทหารฝ่ายเดียวกันอื่น ๆ ได้ทําการถอนตัวในระหว่างขั้นตอนนี้ หน่วยจะปฏิบัติการรบในการ สนับสนุนภารกิจของตนและเจตนารมณ์ของผู้บังคับบัญชา การปฏิบัติการรบจะรวมเอาการลาดตระเวนหาข่าว การตีโฉบฉวย และการซุ่มโจมตีต่อที่หมายที่มีโอกาสต่าง ๆ ถ้า ผบช. มีความต้องการที่จะทําการควบคุม มากขึ้น ก็สามารถจัดความเร่งด่วนของเป้าหมายโดยรูปแบบ หรือแบ่งมอบงานให้สอดคล้องกับแนวทางการ เคลื่อนที่ของข้าศึก


๒๒๖ ๓) ขั้นตอนในการบรรจบ ขั้นตอนนี้จะ อยู่ในทุกแผนที่มีการบรรจบกับฝ่ายเดียวกัน หรือ เมื่อสิ้นสุดการปฏิบัติการ โดยที่จะไม่รวมอยู่ในการบรรจบระหว่างหน่วยปฏิบัติการหลังแนวด้วยกัน ข้าศึก ที่ปฏิบัติภารกิจในระหว่างขั้นการปฏิบัติการ การบรรจบสามารถจะทําได้หลังจากการเสริมความมั่นคงแล้ว แต่ จะต้องรวมหน่วยเล็ก ๆ ที่แทรกซึมไปยังหน่วยทหารฝ่ายเดียวกัน หมายเหตุ หน่วยปฏิบัติการหลังแนวสามารถที่จะคอยในที่ใดที่หนึ่งจนกว่าฝ่ายเราจะทําการตีโต้ตอบมาถึงยัง ที่ตั้งนั้น หรือเขาสามารถเคลื่อนที่ผ่านข้าศึกไปยังที่ตั้งฝ่ายเราได้ ๖ - ๒๓ การวางแผน ระเบียบการนําหน่วยจะนํามาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติการหลังแนวข้าศึกผู้ที่วางแผน จะต้องเข้มงวดจริงจังในเรื่องต่อไปนี้ ก. การจัดเฉพาะกิจ หน่วยที่ปฏิบัติการหลังแนวข้าศึกจะมีเฉพาะทหารและยุทโธปกรณ์ที่ต้องการใน การปฏิบัติภารกิจเท่านั้น โดยสามารถให้การระวังป้องกันตนเอง ซ่อนตัวได้ง่าย และสามารถเคลื่อนที่ผ่าน ภูมิประเทศยากลําบากได้ หมายเหตุ ขึ้นอยู่กับปัจจัยการรบ หน่วยขนาดเล็กสามารถเพิ่มเติมกําลังได้เมื่อต้องการด้วยหน่วยสนับสนุน การรบและหน่วยสนับสนุนการช่วยรบ ผู้ที่จะตกลงใจในเรื่องนี้จะขึ้นอยู่กับระดับของการปฏิบัติการ เป้าหมาย ของแต่ละส่วน คือให้มีความเพียงพอในตนเองเท่าที่จะเป็นไปได้ ข. การลาดตระเวนหาข่าวปกติจะมีความสําคัญ ในการปฏิบัติการหลังแนวข้าศึกจะมีความสําคัญมาก ด้วย ในการรายงานหรือข่าวสารที่ต้องการรวบรวมสถานที่ที่เหมาะสมของฐานลาดตระเวน ที่ตรวจการณ์ ที่ ซ่อนของแหล่งนํ้า แนวทางเคลื่อนที่ของพลเดินเท้าและพลบรรทุกยานเกราะ เขตสังหาร พื้นที่ระดมยิง เส้นทางที่มีการกําบังและซ่อนพราง ค. การสนับสนุนการช่วยรบ เนื่องจากหน่วยที่อยู่หลังแนวข้าศึกจะไม่มีการติดต่อโดยตรงกับหน่วยที่ ทําการสนับสนุน ดังนั้นอาหาร กระสุน ถ่านวิทยุ นํ้า และเวชภัณฑ์ ต้องมีการซุกซ่อนไว้ในการเตรียมการ สําหรับสูญเสียและเชลยศึกจะขึ้นอยู่กับแผนของกองร้อยและกองพัน ง. แผนการลวง การปฏิบัติการหลังแนวข้าศึกเกือบทั้งหมดจะดําเนินการด้วยการปกปิด มีความ จําเป็นอย่างยิ่งที่จะชักจูงให้ข้าศึกเข้าใจผิดในระหว่างความพยายามนี้ จะทําให้ข้าศึกปฏิบัติในสิ่งที่ต้องการ ตามที่หน่วยวางแผนปฏิบัติไว้ การลวงสามารถทําได้โดยตลอดในการปฏิบัติภารกิจ จ. แนวความคิดในการปฏิบัติ ในเกือบทุกกรณีหน่วยจะปฏิบัติในลักษณะกลุ่มเล็ก ๆ ในพื้นที่ ปฏิบัติการของตนเอง อย่างไรก็ตามแนวความคิดขึ้นอยู่กับเจตนารมณ์ของ ผบช. ๖ - ๒๔ การฝ่ าวงล้อม การฝ่าวงล้อมอาจจะมีความจําเป็นเมื่อส่วนปฏิบัติการหลังแนวข้าศึกถูกจับได้ และ ตกอยู่ในวงล้อมโดยข้าศึกหรือจากสถานการณ์อื่น ๆ ซึ่งทําให้กองร้อยตกอยู่ในวงล้อม ก. ข้อพิจารณาทั่วไป สถานการณ์พิเศษในเวลาที่อยู่ในวงล้อมจะกําหนดการปฏิบัติที่เหมาะสม โดย หน่วยที่อยู่ในวงล้อม ถ้ากองร้อยยังมีประสิทธิภาพในการรบ และยังอยู่ในจุดที่สามารถปฏิบัติภารกิจต่อได้ตาม แนวความคิดของผู้บังคับบัญชาชั้นสูง การตีฝ่าวงล้อมอาจจะไม่ต้องพิจารณานํามาใช้ก็ได้ ถ้าการตีฝ่าวงล้อม มีความจําเป็นหรือถูกกําหนดโดยกองบัญชาการหน่วยเหนือ ผู้ที่มีอาวุโสสูงสุดในวงล้อมจะเข้าควบคุมกําลังทุก ส่วนที่ถูกล้อม จากนั้นก็จะตกลงใจว่าจะทําการตีฝ่าวงล้อมหรือกระทําการแทรกซึมออกเพื่อป้องกันการถูกจับ หรือถูกทําลาย เทคนิคใดก็ตามที่ถูกเลือกควรจะเลือกทําการในห้วงที่ทัศนวิสัยจํากัดและโดยเร็วที่สุดเท่าที่ เป็นไปได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าศึกรู้ที่ตั้งของฝ่ายเรา และเพิ่มเติมกําลังต่อต้านกับกําลังที่อยู่ในวงล้อม ข. การตีฝ่าวงล้อม การตีฝ่าวงล้อมจะได้รับการวางแผนเหมือนกับการเข้าตีอื่น ๆ ซึ่งจะมีข้อพิจารณา พิเศษอื่น ๆ ต่อไปนี้ ปกติแล้วกําลังฝ่ายเราจะอยู่ในที่มั่นตั้งรับ และเสริมความมั่นคงในการตั้งรับเป็นความ ต้องการอันดับแรก โดยจะสําเร็จเหมือนกับการตั้งรับรอบตัวที่อธิบายในบทที่ ๕ เมื่อกําลังพลมีความปลอดภัย ผบ.ร้อย. จะสั่งให้ลาดตระเวนหาข่าวเรื่องจุดอ่อนของข้าศึก หรือช่องว่างที่สามารถขยายผลด้วยการเข้าตี


๒๒๗ จากนั้นจะทําการวางแผนการเข้าตีและรวมอํานาจ การยิงสนับสนุนทั้งหมด โดยรวมเอาการยิง ภายนอกเข้าไปด้วยถ้าหาได้ แผนอาจจะรวมเอาอุบายเพื่อลวงข้าศึกเรื่องที่ตั้งของการเข้าตีหลักที่ถูกต้อง สิ่งนี้ อาจจะยาก เว้นเสียแต่ว่าจะมีข้อพิจารณากําลังฝ่ายเราที่หาได้ แผนต้องมีการพิจารณาอย่างระมัดระวังในเรื่อง เวลาที่ต้องการให้หน่วยผละออกจากที่มั่นตั้งรับวงรอบในการติดตามส่วนเข้าตีหลัก การฝ่าวงล้อมอาจจะ ล้มเหลวเพราะการถอนตัวออกก่อนเวลาของการตั้งรับวงรอบ แผนเผชิญเหตุที่เปลี่ยนเป็นการแทรกซึม ออกแบบแยกการโดยกําลังส่วนที่เหลืออาจจะมีประสิทธิภาพในกรณีนี้ ค. การฝ่าวงล้อมด้วยการแทรกซึมออก การปฏิบัติเริ่มต้นจะทําโดยการตีฝ่าวงล้อม เมื่อใดที่หน่วย ลาดตระเวนค้นพบช่องว่างหรือความอ่อนแอของข้าศึก ผบ.ร้อย. จะตกลงใจว่าจะขยายผลอย่างไร โดยจะต้อง ตกลงใจด้วยว่าขนาดของหน่วยแทรกซึมออกจะมีขนาดเท่าใด ถ้าเป็นไปได้ควรใช้เทคนิคเหมือนกับการถอน ตัวนอกความกดดัน เงื่อนไขนี้ทําให้หน่วยในการตั้งรับวงรอบบางลง ทิ้งส่วนที่เหลือไว้ปะทะเพื่อลวงข้าศึก และจัดการระวังป้องกันการโจมตีของข้าศึก เมื่อถึงเวลาที่กําหนดหรือได้รับคําสั่งส่วนที่เหลือไว้ปะทะจะผละ ออกแล้วแทรกซึมออกไปยังช่องทางที่กําหนด ผบ.ร้อย. จะต้องกําหนดจํานวนช่องทางที่ใช้ไม่ว่าจะมีแผนใน การบรรจบกันก่อนที่จะกลับเข้าไปในแนวทหารฝ่ายเดียวกันหรือไม่


๒๒๘ บทที่ ๗ การสนับสนุนการรบ “ ผู้บังคับหน่วยทางยุทธวิธีต้องมีความเข้าใจในเทคนิคของการควบคุมและรวมอํานาจการยิง การดําเนิน กลยุทธ์ และการพิทักษ์หน่วย การประสานการยิงของอาวุธยิงเล็งตรงและเล็งจําลอง การใช้การยิงจากทาง อากาศและทางทะเล และการใช้การรวมอํานาจการยิงแทนการรวมกําลังทหาร ” รส. ๑๐๐ - ๕ เพื่อเป็นการเพิ่มเติมความรู้ในการใช้ เครื่องมือที่ใช้ในการยิงสนับสนุนทั้งการยิงตรงและการยิงจําลอง ผู้บังคับกองร้อยต้องรู้ถึงวิธีการใช้ส่วนสนับสนุนการรบ ที่ไม่ได้อยู่ในการจัดของหน่วยที่ทําการสนับสนุน กองร้อย ตอนที่ ๑ ความสัมพันธ์ทางการบังคับบัญชา ผู้บังคับกองร้อยต้องมีความเข้าใจความสัมพันธ์ในการบังคับบัญชาหรือการสนับสนุนที่กําหนดไว้ ระหว่างกองร้อยของตนและหน่วยที่ให้การสนับสนุน ๗ - ๑ ความสัมพันธ์ในการบังคับบัญชา ความรับผิดชอบในการบังคับบัญชาและอํานาจที่กําหนดขึ้นเป็น ปกติประจําโดยจะมีความสัมพันธ์เป็นมาตรฐานดังต่อไปนี้ ก. หน่วยในอัตรา หน่วยนี้จะเป็นการจัดที่เป็นส่วนสําคัญของการจัดในกองทัพบก และได้จัดทําเป็น บัญชีอยู่ในอัตราการจัดอาวุธยุทโธปกรณ์ หรืออยู่ในตารางอัตราการแจกจ่าย ข. หน่วยขึ้นตรง หน่วยนี้จะวางไว้ในอัตราที่เป็นการถาวร และถูกควบคุมหรือบริหารโดยหน่วย บังคับบัญชาที่หน่วยนั้นขึ้นตรง ค. หน่วยสมทบ ในความสัมพันธ์นี้หน่วยจะได้รับการกําหนดให้ขึ้นการบังคับบัญชากับหน่วยที่ไม่ใช่ หน่วยแม่ของตนเป็นการชั่วคราว หน่วยสมทบจะอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บังคับบัญชาของหน่วยที่ ตนเองไปสมทบ ๑) ผู้บังคับกองร้อยจะปฏิบัติในเรื่องการบังคับบัญชาและการควบคุมเช่นเดียวกันกับหน่วยใน อจย. ๒) จะอยู่ภายใต้อํานาจที่มีข้อจํากัดเฉพาะของผู้บังคับบัญชาที่ดําเนินการต่อส่วนสมทบ ความสัมพันธ์นี้จะมีในเรื่องความรับผิดชอบในการสนับสนุนการช่วยรบ การพิจารณาโทษ การฝึก และ งานทางยุทธการ (ความรับผิดชอบในการย้ายหรือเลื่อนยศจะยังคงอยู่กับหน่วยแม่) อย่างไรก็ตามภาระในการ บริหารและการส่งกําลังบํารุงจะต้องอยู่กับหน่วยที่รับการสมทบ ง. การควบคุมทางยุทธการ ความสัมพันธ์ที่ให้แก่หน่วย ภายใต้การควบคุมของผู้บังคับบัญชาสําหรับ การปฏิบัติการเฉพาะ ความสัมพันธ์นี้จะจํากัดด้วยพันธกิจ เวลา หรือสถานที่ การควบคุมทางยุทธการ จะไม่รับ เอาความรับผิดชอบในการบริหาร การส่งกําลังบํารุง วินัย การจัดภายในหรือการฝึก ความสัมพันธ์ของ ผู้บังคับบัญชากับหน่วยควบคุมทางยุทธการจะเป็นความสัมพันธ์เช่นเดียวกับหน่วยรองในการสมทบหรือใน อัตรา


๒๒๙ ๗ - ๒ ความสัมพันธ์ในการสนับสนุน สิ่งนี้คือ การปฏิบัติของส่วนหรือหน่วยที่ช่วยป้องกันเสริมให้ สมบูรณ์ หรือคํ้าจุนให้อีกหน่วยหนึ่ง ตามคําสั่งที่ต้องการเช่น สนับสนุน หน่วยสนับสนุน จะช่วยเหลือหน่วยอื่น แต่ไม่ได้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของหน่วยนั้น ความสัมพันธ์ของผู้บังคับบัญชากับหน่วยสนับสนุนจะมีดังนี้ ก. จะต้องมั่นใจได้ว่า หน่วยสนับสนุนมีการสถาปนาการติดต่อและการสื่อสาร ข. ต้องให้หน่วยสนับสนุนรับรู้สถานการณ์และการสนับสนุนที่ต้องการ ค. ต้องได้รับคําปรึกษาในข้อพิจารณาเรื่องการใช้หน่วยสนับสนุนจากผู้บังคับหน่วยสนับสนุน การร้องขอการสนับสนุนไปยังหน่วยสนับสนุนจะต้องถือเสมือนการให้คําสั่ง ในกรณีที่เกิดความขัดแย้ง ผู้บังคับหน่วยสนับสนุนจะแจ้งเรื่องดังกล่าวกลับไปยังผู้บังคับบัญชาของหน่วยแม่ อย่างไรก็ตามคําร้องขอหรือ คําสั่งที่ยังเป็นปัญหาจะยังคงเป็นการยอมรับกันจนกว่าปัญหาหรือความขัดแย้งจะได้รับการแก้ไข ก. การสนับสนุนโดยตรง สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อหน่วยหนึ่งที่อยู่ใต้การบังคับบัญชาของผู้บังคับบัญชา ของหน่วยสนับสนุนให้แก่หน่วยอีกหน่วยหนึ่งเป็นการเฉพาะ หน่วยสนับสนุนจะสนองตอบโดยตรงต่อคําร้อง ขอของหน่วยรับการสนับสนุน ผู้บังคับกองร้อยจะไม่แยกหน่วยสนับสนุนออกไป ไม่มีการแบ่งมอบใหม่ และไม่ จัดหน่วยสนับสนุนเฉพาะกิจขึ้นใหม่โดยเปลี่ยนการจัด ข. การสนับสนุนส่วนรวม หน่วยที่ทําการสนับสนุนส่วนรวมต่อกองพันจะยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม ของผู้บังคับหน่วยของตนจะทําการสนับสนุนทั้งหมดแก่กองพัน ไม่เฉพาะกองร้อยใดกองร้อยหนึ่ง ผู้บังคับ กองร้อยร้องขอการสนับสนุนจากหน่วยสนับสนุนส่วนรวมโดยผ่านทางกองพัน ตอนที่ ๒ เครื่องมือที่ไม่อยูในอัตราการจัด ่ การสนับสนุนการรบของกองร้อยทหารราบ จะจัดเตรียมโดยผู้บังคับกองพันและหน่วยสนับสนุน โดย จะรวมเอาการยิงจาก ค. หรือ ปรส. ของกองพัน หรือได้รับการยิงจากปืนใหญ่สนาม อากาศยานทางยุทธวิธี หรือปืนเรือ การป้องกันภัยทางอากาศจะเตรียมการโดยกองพัน ปตอ. ของกองพล หมวดลาดตระเวนอาจจะ ทําการสนับสนุนกองร้อยด้วย การสนับสนุนการรบอื่น ๆ จะเตรียมโดยทหารช่าง และหน่วยข่าวกรองทาง ทหาร ๗ - ๓ กองพัน ตอน ค. และตอน ปรส. ของกองพันจะตอบสนองการร้องขอการสนับสนุนจากกองร้อยอาวุธ เบา ตามแผนการยิงของกองพัน หมวดลาดตระเวนของกองพันและพลซุ่มยิง ปกติจะสนับสนุนโดยตรงสําหรับ กองพัน อย่างไรก็ตามในบางเวลาอาจจะปฏิบัติการในพื้นที่ปฏิบัติการของกองร้อยได้ ก. ปกติตอน ปรส.หรือ อาวุธ ตถ.ขนาดกลางของกองพัน จะได้รับการกําหนดความรับผิดชอบพื้นที่ สําหรับกองพัน ๑) เมื่อใดที่อาวุธ ตถ.ขนาดหนักถูกติดตั้งในพื้นที่ของกองร้อย ผู้บังคับตอนหรือหมู่จะทําการ ประสานที่ตั้งหรือพื้นที่การยิงกับผู้บังคับกองร้อย ผู้บังคับบัญชาอาจจะให้ผู้บังคับหน่วยเข้ามาในข่ายโทรศัพท์ ของกองร้อยหรือเข้ามาในข่ายวิทยุ ตอนโทว์หรือหมู่อาจจะทําการสมทบหรือยู่ภายใต้การควบคุมทางยุทธการ กับกองร้อยอาวุธเบา ในกรณีนี้ผู้บังคับกองร้อยจะมอบหมายภารกิจและที่ตั้งให้เพื่อสนับสนุนแนวความคิด ซึ่ง จะใช้ระบบการยิงนี้เพื่อให้ได้ขีดความสามารถในการทําลายยานเกราะในระยะการยิงที่ไกลที่สุด กล้องของ จรวดโทว์จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสําหรับแผนการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจของกองร้อย ๒) หมวดต่อสู้รถถังจะมีขีดความสามารถในการทดแทนระบบอาวุธโทว์ โดยอาจจะใช้เครื่องยิงลูก ระเบิดอัตโนมัติ ๔๐ มม. (MK19) หรือ ปก.๙๓ (M2) สิ่งนี้จะทําให้หมวดทําการยิงสนับสนุนได้เมื่อไม่มีการ คุกคามจากยานเกราะของข้าศึก ทั้ง ๒ ระบบอาวุธนี้จะสามารถยิงได้จากรถฮัมวี่ โดยการเปลี่ยนแท่นยิงหรือ จะทําการยิงให้ตกพื้นดินโดยใช้ขาหยั่ง รส.๗ - ๒๐ จะมีเรื่องเกี่ยวกับ MK19 ในรายละเอียด


๒๓๐ ก) ปืน MK19 จะมีระยะหวังผล ๑,๕๐๐ ม. ต่อเป้าหมายเป็นจุดและ ๒,๒๐๐ ม. สําหรับ เป้าหมายเป็นพื้นที่ โดยที่มีอัตราการยิงต่อเนื่อง ๔๐ นัด ต่อนาทีและมีอัตราการยิงเร็ว ๖๐ นัดต่อนาที ระบบ ของอาวุธ (ปืน ขาหยั่งและควงสูงควงส่าย มีนํ้าหนักประมาณ ๕๕ กก.) แต่จะใช้ลังกระสุนบรรจุ ๘ นัด หนัก ๓๙ กก. นํ้าหนักของระบบทําให้หมดโอกาสที่จะบรรทุกไปบนหลังในระยะทางไกล ในระยะทางใกล้ ๆ เครื่องเล็ง AN/PVS สามารถทําการติดตั้งบนอาวุธเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการยิงในเวลากลางคืน ข) ลูกกระสุนมาตรฐาน คือ กระสุนระเบิดแรงสูง ๒ วัตถุประสงค์ จะสามารถทะลุผ่าน ยานเกราะหนา ๕๐ มม. หรือคอนกรีตหนา ๔๐ ซม. ได้ ลูกกระสุนระเบิดแรงสูงสามารถที่จะใช้ในการยิงไปยัง หน่วยทหารในพื้นที่เปิดหรือเป้าหมายที่ไม่แข็งแรงได้ กระสุนทั้ง ๒ ชนิดจะมีรัศมีระเบิด ๑๕ ม. และวิถี กระสุนทางราบในระยะ ๘๐๐ ม. อาวุธนี้จะใช้ในบทบาทการยิงเล็งจําลองต่อเป้าหมายในระยะ ๘๐๐ ม. จนถึง ระยะยิงหวังผลสูงสุด วิธีการในการควบคุมการยิงเล็งจําลองจะเหมือนกับการยิง ค.๖๐ มม. ได้แก่ การวาง โดยตรง การวางเป็นแนว หรือใช้ผู้ตรวจการณ์ในการปรับการยิง และใช้ควงสูงควงส่ายเพื่อการปรับแก้ปืน ค) ในการรุก MK19 สามารถใช้ได้เหมือนกับ ค.๖๐ มม. ในบทบาทการยิงเล็งจําลองและ เหมือนกับจรวดโทว์ในบทบาทการยิงเร็วตรง MK 19 สามารถที่จะใช้ได้จากที่ตั้งในการ คุ้มครอง เพื่อทําการ ยิงข่มถ้าเกิดการปะทะกับข้าศึก อาวุธสามารถใช้ในการยิงกดหรือทําลายอาวุธข้าศึกหรือที่ตั้งบนที่หมายก่อนที่ ทหารราบจะโจมตี โดยอาจจะทําการสนับสนุนในการปิดล้อมพื้นที่ที่หมายด้วยการยิงสกัดกั้นเส้นทางที่น่าจะ เป็นเส้นทางการเข้าประชิดด้วยการรวมอํานาจในการยิงทําลาย เมื่อใดที่มีการใช้จากขาหยั่ง M3 และควงสูง ควงส่าย ปืนจะมีความแม่นยําเป็นอย่างมากสําหรับแบบอาวุธที่ใช้ยิงเป็นพื้นที่ ง) ในการตั้งรับ MK19 จะมีความสามารถและประสิทธิภาพในการยิงทั้งบทบาทการยิงเล็งตรง และการยิงเล็งจําลอง โดยที่สามารถกําหนดความเร่งด่วนของเป้าหมาย หรือฉากป้องกันสุดท้ายได้เหมือน ค. ๖๐ มม. ดังนั้นข้าศึกจะพยายามค้นหาและทําลายอาวุธชนิดนี้ตั้งแต่เริ่มแรกในการเข้าตี เว้นเสียแต่ว่า MK19 จะใช้ยิงจากที่ตั้งยิงที่ทําการขุดและมีการเตรียมการซ่อนพรางเป็นอย่างดี จําไว้ว่าอาวุธนี้เป็นอาวุธที่คุ้มค่ามาก ที่ข้าศึกจะทําลาย ขีดความสามารถในการเคลื่อนที่ของ MK19 เมื่อติดตั้งอยู่บนรถฮัมวี่จะต้องสามารถชดเชย จุดอ่อน คือ การถูกตรวจจับและทําลายได้ ข. กองร้อยจะได้รับการยิงสนับสนุนจาก ค. ของกองพัน คําสั่งของกองพันกําหนดความเร่งด่วนในการ ยิงและกําหนดการแบ่งมอบเป้าหมายตามลําดับความเร่งด่วน ผู้บังคับกองร้อยจะพิจารณาลําดับความเร่งด่วน ของตนในแผนของกองพัน ถ้าเป็นความเร่งด่วนอันดับ ๑ การร้องขอการยิงของตนจะมีความสําคัญเหนือกว่า หน่วยในกองพันอื่นๆ สิ่งนี้อาจจะทําให้ผู้บังคับกองร้อยพึ่งพา ค.ของกองร้อยน้อยลง หรืออาจจะเคลื่อนที่ไป โดยไม่มี ค.ของกองร้อย เพื่อเป็นการลดนํ้าหนักการบรรทุกของทหาร ผู้บังคับกองพันควรที่จะรู้ว่ากองร้อยมิได้ นํา ค.ไปด้วยในกรณีนี้ ผู้บังคับกองร้อยต้องมีความเข้าใจในความเสี่ยงที่รวมอยู่ด้วย ตัวอย่างเช่น ลําดับความ เร่งด่วนในการยิงอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าเป้าหมายตามลําดับความเร่งด่วนถูกแบ่งมอบให้แก่กองร้อย ผู้ บังคับกองร้อยทําการวางแผนการใช้ในเวลาและสถานที่ที่ทําให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ค. หมวดลาดตระเวนของกองพันจะได้รับการจัดและเครื่องมือสําหรับการลาดตระเวน แต่มิใช่เพื่อการ ยึดหรือรักษาภูมิประเทศ ภารกิจหลักคือการลาดตระเวนและการกําบัง เมื่อใดที่หมวดลาดตระเวนปฏิบัติงาน ใกล้กับกองร้อย ผู้บังคับกองร้อยอาจจะทําการติดต่อสื่อสารกับผู้บังคับหมวดลาดตระเวนผ่านทางข่ายบังคับ บัญชาของกองพัน หรืออาจจะใช้ทัศนสัญญาณ สัญญาณที่จําเป็นและขั้นตอนในการประสานจะกําหนดระหว่าง ผู้บังคับกองร้อยและผู้บังคับหมวดลาดตระเวน ถ้าหมวดลาดตระเวนจะต้องผ่านเข้ามาในกองร้อย จุดประสาน จุดผ่าน ช่องผ่าน พลนําทาง และระเบียบจะต้องมีการกําหนดไว้ หมวดลาดตระเวนอาจจะทําการสมทบกับ กองร้อยในภารกิจต่อต้านการลาดตระเวน หมวดลาดตระเวนทําหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้แก่ผู้บังคับบัญชา


๒๓๑ (มิใช่หมัดเด็ด) ในสนามรบ หมวดลาดตระเวนจะให้ข่าวสารของสนามรบอย่างต่อเนื่องในการปฏิบัติการ โดย จะใช้อาวุธในอัตราการจัดเฉพาะการป้องกันตนเองเท่านั้น ง. ชุดซุ่มยิงอาจจะทําหน้าที่ในการสนับสนุนกองร้อยในภารกิจพิเศษ ชุดซุ่มยิงจะมีประสิทธิภาพที่สุด เมื่อได้รับมอบงานให้สังหารกําลังพลข้าศึกที่กําหนดเฉพาะ และเมื่ออนุญาตให้ปฏิบัติด้วยการให้เสรีในการ ปฏิบัติตามสมควร ๗ - ๔ หน่วยสนับสนุนอื่น ๆ ปืนใหญ่และในบางกรณี อากาศยานทางยุทธวิธีหรือเฮลิคอปเตอร์ โจมตีจะ สนับสนุนกองพัน ด้วยการตอบสนองการร้องขอการยิงจากกองร้อยต่าง ๆ ตามลําดับความเร่งด่วนในการยิง ก. ปืนใหญ่สนาม นยส. จะเป็นผู้วางแผนการยิงของปืนใหญ่ (ในการสนับสนุนแนวความคิดของผู้บังคับ กองพันในการปฏิบัติการ) โดยทําการประสานในการพัฒนาแผนร่วมกับ ฝอ.๓ การวางแผนการยิงสนับสนุน กองร้อยด้วยอาวุธวิถีโค้งจะกระทําโดยชุด ผตน. และอนุมัติแผนโดย ผบ.ร้อย. การรวมอํานาจในการยิงเล็ง จําลองจะเป็นความสําคัญของกองร้อยที่จะทําให้สําเร็จ ผลที่เกิดจากการยิงของปืนใหญ่ต่อข้าศึกจะยังให้เกิด การสูญเสียให้มากกว่าการใช้อาวุธในอัตราของกองพัน กองร้อยปืนใหญ่จะก่อให้เกิดการทําลายอย่างมาก มี ความแม่นยําและเพิ่มอํานาจกําลังรบให้เมื่อ ผบ.ร้อย. ทําการใช้อย่างถูกต้อง ตารางที่ ๗ - ๑ จะเป็นบัญชี แสดงขีดความสามารถของระบบการยิงเล็งจําลองที่อาจจะใช้ในการสนับสนุนกองร้อยทหารราบ ๑) ปืนใหญ่สนามสามารถทําการยิงกระสุนระเบิดแรงสูง กระสุนส่องสว่างและกระสุนเพลิง หน่วยปืน ใหญ่ขนาด ๑๕๕ มม. สามารถที่จะทําการยิงแบบ ๒ วัตถุประสงค์คือการยิงกระสุนตามปกติและการยิงวางทุ่น ระเบิด กระสุนทุ่นระเบิดจะเป็นลูกระเบิดที่บรรจุทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล และทุ่นระเบิดต่อต้านรถถัง ซึ่งเมื่อ ระเบิดแล้วจะกระจายเป็นบริเวณกว้าง เนื่องจากจะมีการดีดตัวเองออกในระยะสูงเหนือที่หมายระหว่างที่อยู่บน อากาศซึ่งอยู่ในวิถีกระสุน ลูกกระสุนจะมีผลในการต่อต้านบุคคลและยังสามารถเจาะเหล็กได้หนาถึง ๗ ซม. กระสุนทุ่นระเบิดโปรยหว่านจะบรรจุทุ่นระเบิดจํานวนมากที่มีอุปกรณ์ในการทําลายตัวเอง ซึ่งจะมีการตั้งเวลา ให้ทําการจุดระเบิดในเวลาที่กําหนด (ตารางที่ ๗ - ๒) ลูกระเบิดอาจจะบรรจุทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคลหรือ ทุ่นระเบิดต่อต้านยานเกราะ ซึ่งทําให้พร้อมในเวลาอันหลังจากที่ตกถึงพื้น ปกติแล้วกองร้อยจะได้ใช้หรือวาง แผนการใช้กระสุนระเบิดโปรยหว่าน แต่ผู้บังคับกองร้อยควรที่จะมีความคุ้นเคยกับอาวุธชนิดนี้ (รส.๗ - ๒๐) ๒) การยิง ค. และ ป. สามารถที่จะผสมผสานกันได้เพื่อให้ครอบคลุมที่หมาย ตัวอย่างเช่น ค. ทําการ ยิงส่องสว่างในขณะที่ ป. ทําการยิงระเบิดแรงสูงหรือกระสุนทุ่นระเบิด เป็นความรับผิดชอบของ ผบ.ร้อย. ต้อง ทําให้มั่นใจว่าในแต่ละระบบ (ค., ป. และการยิงเล็งตรง) ได้ใช้ในสถานที่และเวลาที่เกิดผลต่อข้าศึกสูงสุด


๒๓๒ ตารางท ี่ ๗ - ๑ ขีดความสามารถการยิงอาวธุวิถีโค้ง(เลง็จาํลอง)


๒๓๓ ตารางท ี่ ๗ - ๒ เวลาพรอ้มระเบิดและเวลาทาํลายตวัเอง ข. การป้องกนัภยัทางอากาศ ในการป้องกนัภยัทางอากาศ ปกตถิา้มกีารจดัใหจ้ะเป็นชุดบรรทุกหลงั (สตงิเกอร)์ โดยอย่ใูนหรอืใกลก้บัทต่ีงั้ของกองรอ้ย ชุด ๒ คน มจีรวดนําวถิี๖ นดัอยใู่นยานพาหนะ (ฮมัว)่ี ควรทจ่ีะมกีารกาํหนดทต่ีงั้ในการป้องกนัภยัทางอากาศใหแ้ก่เครอ่ืงมอืทม่ีคีวามสาํคญัยง ิ่ ซง่ึผบู้งัคบับญัชา คาดวา่จะเป็นเป้าหมายโจมตทีางอากาศ (ตวัอย่างเช่น ขบวนสมัภาระของกองรอ้ย) ทต่ีงั้เหล่าน้คีวรทจ่ีะมกีาร คุม้กนัเสน้ทางทน่ี่าเป็นเสน้ทางบนิโจมตขีองอากาศยานขา้ศกึ ๑) ระยะในการวางแผนการใชส้ตงิเกอรค์อื ๕,๐๐๐ ม. ร่องรอยหลงัจากทท่ีาํการยงิอาวธุน้ีอาจจะ ชใ้ีหเ้หน็จุดทต่ีงั้ถา้นกับนิของขา้ศกึเหน็ร่องรอยพน้ืทก่ีารระเบดิ (หน้าและหลงั) กาํลงัพลตอ้งออกไปใหพ้น้ จากพน้ืทท่ีย่ีงิเพ่อืใหพ้น้จากเปลวเพลงิและการตรวจจบัของนกับนิขา้ศกึ ๒) ในแต่ละชุดบรรทุกหลงัจะไดร้บัการแจง้เตอืนของอากาศยานทก่ีาํลงัเขา้มา ผา่นทางเครอืขา่ย แจง้เตอืนล่วงหน้าในการป้องกนัภยัทางอากาศ ผบู้งัคบักองรอ้ยควรทจ่ีะใหชุ้ดเขา้มาอย่ใูนขา่ยของกองรอ้ยได้ ซง่ึจะทาํ ใหชุ้ดไดท้ราบการเขา้มาของอากาศยานของขา้ศกึการแจง้เตอืนภยัทางอากาศน้ีจะกระจายแก่ กาํลงัพลทงั้หมดของกองรอ้ย ๓) ในขณะทก่ีองรอ้ยทาํการเคล่อืนท่ีชุดจรวดนําวถิสีามารถสนบัสนุนไดท้งั้การตงั้ยงิคุม้ครองหรอื ดว้ยการเคล่อืนทอ่ีย่ใูนรปูขบวนของกองรอ้ย ในการตงั้ยงิคมุ้ครอง ชุดจรวดนําวถิจีะถูกกาํหนดใหอ้ยใู่นระยะ ๕๐๐ - ๑,๐๐๐ ม. หลงัจากสว่นนําโดยใหอ้ย่ ู๒ ใน ๓ ของระยะยงิจรวดนําวถิอีย่ดูา้นหน้าเพ่อืป้องกนักองรอ้ย ถา้มกีารรวมเขา้ดว้ยกนั ปกตชิดุจรวดนําวถิจีะเตรยีมการเคล่อืนทโ่ีดยลงจากรถ และใชภู้มปิระเทศทด่ีทีส่ีดุใน การสนบัสนุนภารกจิป้องกนัภยัทางอากาศ ชุดจรวดนําวถิสีามารถทจ่ีะแบ่งออกเป็น ๑ ปืนในการตงั้คุม้ครองอกี ๑ ปืนเคล่อืนทไ่ีปกบัหน่วย ๔) ปกตแิลว้เคร่อืงมอืในการป้องกนัภยัทางอากาศ จะสนบัสนุนโดยตรงใหก้องพนัและแบ่งมอบ ใหเ้ป็นสว่นหน่ึงในการระวงัป้องกนัของกองรอ้ย ๕) หน่วยป้องกนัภยัทางอากาศอ่นืๆ อาจจะใชใ้นการสนบัสนุนกองพนัดว้ย ไดแ้ก่ กองรอ้ย ปตอ. ขนาด ๔๐ มม. จากกองพนั ปตอ. ของกองพล จะไดร้บัการจดัวางกาํลงัใหป้้องกนัเคร่อืงมอืของกองพลท่ี สาํคญัยง ิ่ ถา้หน่วย ปตอ. มทีต่ีงั้ใกลก้บักองรอ้ย กองรอ้ยควรทจ่ีะประสานทต่ีงั้ของอาวุธในเร่อืงการระวงั ป้องกนัและการแจง้เตอืนอากาศยาน โดยอาจจะแลกเปลย่ีนความถว่ีทิยุหรอืการเช่อืมสายโทรศพัทเ์ขา้ ดว้ยกนัจะทาํ ใหก้ารป้องกนัดขีน้ึและการแจง้เตอืนล่วงหน้าจะไดร้บัการสถาปนาขน้ึ ในกรณีฉุกเฉินและเม่อืไม่ มกีารคุกคามจากทางอากาศ ปตอ. ๔๐ มม. สามารถใชใ้นบทบาทการสนบัสนุนทางพน้ืดนิต่อขา้ศกึทท่ีาํการ เดนิเทา้หรอือยใู่นยานพาหนะรบ ระยะยงิหวงัผลไกลสดุในการเลง็ตรงคอื๒,๒๐๐ ม. และบทบาทการยงิเลง็ จาํลอง อยใู่นระยะ ๔,๕๐๐ ม.


๒๓๔ ๖) โดยปกติแล้ว กองร้อยทหารราบจะ ไม่ได้รับมอบเครื่องมือในการป้องกันภัยทางอากาศ ดังนี้หลักการจึงต้องประยุกต์จากพื้นฐานมาตรการป้องกันเชิงรับในทุกขั้นตอนของภารกิจทางยุทธวิธี อาวุธใน อัตราสามารถที่จะทําให้มีประสิทธิภาพได้สูงสุด ถ้าใช้หลักการในการใช้อาวุธปืนเล็กในการป้องกันภัยทาง อากาศ (รส.๗ - ๘) ผู้บังคับกองร้อยต้องมั่นใจได้ว่าทหาร ภายในหน่วยมีความรู้สถานการณ์ควบคุมอาวุธที่ ถูกต้อง สิ่งนี้จะใช้เพื่อป้องกันการยิงต่ออากาศยานของฝ่ายเรา และเพื่อป้องกันทหารทําการยิงอากาศยาน ของข้าศึก แล้วทําให้เปิดเผยที่ตั้งของกองร้อย ๗) ผู้บังคับกองร้อย พิจารณาปัจจัยต่อไปนี้ในการจัดความเร่งด่วนในการป้องกันภัยทางอากาศ * แดง - การโจมตีใกล้จะเกิดหรืออยู่ในระหว่างการดําเนินการ * เหลือง - การโจมตีน่าจะเกิด * ขาว - ไม่น่าจะมีการโจมตี ก) ระดับสถานะการควบคุมอาวุธ จะบ่งชี้ให้เห็นถึงเสรีในการยิงต่ออากาศยานของข้าศึก โดยที่สามารถป้องกันอากาศยานฝ่ายเราในขณะที่ทําการป้องกันภัยทางอากาศ สถานะ อาจจะเป็น (๑) อาวุธยิงเสรี หน่วยสามารถทําการยิงต่ออากาศยานใด ๆ ที่มิได้แสดงตนว่าเป็น อากาศยานของฝ่ายเดียวกับเรา (เป็นสถานะที่มีการควบคุมน้อยที่สุด) (๒) อาวุธพร้อมยิงควบคุม หน่วยทําการยิงต่ออากาศยานที่พิสูจน์ทราบว่าเป็นอากาศ ยานของข้าศึกเท่านั้น (๓) อาวุธยิงระวัง หน่วยจะไม่ทําการยิงยกเว้นในการป้องกันตนเอง หมายเหตุ เงื่อนไขการเป็นปรปักษ์จะอ้างถึงอากาศยานที่ได้รับการพิสูจน์ทราบหรือกําหนดให้เป็นข้าศึกหรือ ฝ่ายเราว่าเป็นอย่างไร เงื่อนไขดังกล่าวปกติแล้วจะกระจายไปทางช่องความถี่ของหน่วยป้องกันภัยทางอากาศ แต่ก็อาจจะส่งไปยังกองร้อยได้ด้วยการใช้เครือข่ายบังคับบัญชาของกองพัน อย่างไรก็ตามอากาศยานใดที่ ดูเหมือนจะปฏิบัติตนเป็นปรปักษ์อาจจะได้รับการกําหนดให้เป็นปรปักษ์ ข) ความล่อแหลม ผู้บังคับกองร้อยจะตกลงใจว่าหน่วยใดในกองร้อยของตนจะมีโอกาสถูก โจมตีมากที่สุด ยานพาหนะจะถูกตรวจพบได้ง่ายกว่ากําลังพล หน่วยที่เคลื่อนที่จะตรวจพบได้มากกว่าหน่วยที่ อยู่กับที่ ค) ความสําคัญ ผบ.ร้อย. จะกําหนดว่าหน่วย อาวุธ และเครื่องมือชนิดใดที่จะมีความสําคัญ มากกว่ากันในการปฏิบัติการ ง) ความสามารถในการฟื้นฟู บางหน่วยอาจจะเกิดความเสียหายและสูญเสียอย่างหนักจาก ผลของการโจมตีทางอากาศ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลานานในการที่จะกลับมาเป็นอย่างเดิม ค. การสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด ปกติ สอก. จะกระทําโดยกองทัพอากาศ แต่อาจจะกระทํา ได้โดยกองบินทหารเรือหรือกองบินนาวิกโยธิน อากาศยานใน สอก. จะบรรทุกวัตถุระเบิดหลายชนิด โดยจะ รวมเอาลูกระเบิด (แบบอิสระและแบบนําทิศ) ลูกระเบิดหว่านจรวดต่อต้านยานเกราะ ระเบิดเพลิง จรวด และ ระเบิดกระจาย โดยทั่วไปวัตถุระเบิดของ สอก. จะมีประสิทธิภาพอย่างมากต่อรถถังและยานหุ้มเกราะ เป็น เป้าหมายเคลื่อนที่และกําลังทหารเป็นกลุ่ม (ทั้งเปิดเผยและปกปิด) อากาศยาน สอก. บางชนิดจะบรรทุกปืนกล ๒๐ มม. ที่ยิงอย่างมีประสิทธิภาพต่อยานหุ้มเกราะขนาดเบา เครื่องบิน A - 10 จะบรรทุกปืนกลอากาศ ๓๐ มม. ที่ยิงอย่างมีประสิทธิภาพต่อรถถังและยานเกราะ แม้ว่า นยส. ของกองร้อยจะมิได้เป็นผู้กําหนดเป้าหมาย หลัก แต่ก็มีขีดความสามารถในการชี้เป้าหมายเลเซอร์ให้แก่ระเบิดของ สอก. ได้อย่างแม่นยําได้ ง. ปืนเรือ ส่วนติดต่อการยิงทางอากาศนาวี และปืนเรือจะเป็นผู้วางแผนและควบคุมในการ สนับสนุนนี้ โดยที่จะทําการสนับสนุนการยิงให้ในการปฏิบัติการชุดควบคุมการยิงชายฝั่ง จากส่วนติดต่อการยิง ทางอากาศนาวีและปืนเรือ อาจจะทําหน้าที่ในการสนับสนุนกองพันทหารราบในกรณีที่มีการยิงจากปืนเรือ


๒๓๕ ชุดควบคุมการยิงชายฝั่งจะประกอบด้วย ชุด ติดต่อการยิงปืนเรือและชุดกําหนดเป้าหมายปืนเรือ ชุดติดต่อจะช่วย นยส. ของกองพัน ในการวางแผนและควบคุมการยิงสนับสนุนของปืนเรือ ชุดกําหนด เป้าหมายที่เหมือนกับ นยส.ของกองร้อยอาจจะปฏิบัติหน้าที่โดยการเป็นส่วนดําเนินกลยุทธ์ส่วนหนึ่งของ กองร้อย จ. ทหารช่าง หมวดทหารช่างอาจจะถูกกําหนดให้ช่วยโดยตรงกับกองพัน ทหารช่างที่สนับสนุน ทหารราบเดินเท้าเรียกว่าแซบเปอร์ แต่ละหมวดจะมีเครื่องตรวจค้นทุ่นระเบิด ชุดวัตถุระเบิด และเลื่อยยนต์ ทหารเหล่านี้จะใช้สิ่งอุปกรณ์จากธรรมชาติในการประดิษฐ์ และการฝึกเป็นพิเศษในการที่จะทําให้ภารกิจ หลาย ๆ อย่างบรรลุภารกิจ ยานเกราะถากถางขุดเจาะ และเครื่องมือขุดเจาะขนาดเล็ก จากกองพันทหารช่าง อาจจะทําการสมทบกับส่วนทหารช่างยานเกราะถากถางดังกล่าว จะเป็นรถขุดที่มีประสิทธิภาพสูงในการขุด หลุมที่ตั้งเพื่อป้องกันและสําหรับงานในการต่อต้านความคล่องแคล่ว ส่วนเครื่องมือขุดเจาะขนาดเล็ก จะใช้ใน การขุดที่ตั้งยิงของอาวุธได้ดีที่สุดหรือในการขุดสนามเพลาะ ๑) ในการสนับสนุนทางการช่างให้แก่ กองร้อยอาวุธเบา จะทําได้ใน ๓ แบบใหญ่ๆ ได้แก่ ให้ ความคล่องแคล่ว ต่อต้านความคล่องแคล่ว และการอยู่รอด ทหารช่างจะให้การสนับสนุนนี้อาจจะด้วยการ ปฏิบัติโดยหน่วยทหารช่างเอง หรืออํานวยความสะดวกหรือช่วยเหลือให้กองร้อยทหารราบปฏิบัติ ปกติแล้ว งานต่าง ๆ จะอยู่ในแต่ละหัวข้อใหญ่ที่แสดงในตารางที่ ๗ - ๓ ดังนี้ ความคล่องแคล่ว - เจาะเครื่องกีดขวาง - อํานวยความสะดวกในการข้ามช่องว่าง - กวาดล้างทุ่นระเบิด - สร้างเส้นทางในการรบ - กวาดเส้นทาง ต่อต้านความคล่องแคล่ว - สร้างเครื่องกีดขวางเพื่อให้ข้าศึกหันเหหยุดอยู่กับที่สกัดกั้นหรือทําลาย ความอยู่รอด - ก่อสร้างที่มั่นของยานรบหรืออาวุธหลัก - ก่อสร้างที่ป้องกันฐานปืนใหญ่ - ก่อสร้างที่มั่นแข็งแรง ตารางที่ ๗ - ๓ ภารกิจทหารช่าง ๒) ในการสนับสนุนทางการช่างให้แก่กองร้อยในระหว่างปฏิบัติการรุก ปกติแล้วจะสมทบให้หรือ ให้ช่วยโดยตรงแก่หน่วย ผู้บังคับกองร้อยจะตกลงใจในการใช้ทหารช่างเพื่อสนับสนุนในการดําเนินกลยุทธ์ ให้แก่กองร้อยที่ดีที่สุด เทคนิคในการอํานวยความสะดวกของทหารช่างจะเป็นขีดความสามารถที่จะต้อง นํามาใช้ ผบ.ร้อย. จะต้องทําให้มั่นใจได้ว่าทหารช่างจะอยู่ในภารกิจการลาดตระเวนหรืออยู่กับหน่วยนําในการ เคลื่อนที่ด้วย ถ้ามีความต้องการที่จะเจาะ จะต้องให้ทหารช่างอยู่ในแผนนี้ด้วย ปกติแล้วส่วนเจาะจะเป็นหมวด ทหารราบ ถ้ามีการสมทบหมู่ทหารช่างให้แก่กองร้อย ก็ควรที่จะสมทบหมู่นี้ให้กับส่วนเจาะ ทหารช่างสามารถ


๒๓๖ ที่จะนํามาใช้ในระหว่างการซักซ้อม เพื่อทํา การฝึกให้แก่ทหารราบในการใช้เครื่องมือในการเจาะ ในระหว่าง การเสริมความมั่นคง ทหารช่างสามารถเตรียมเครื่องกีดขวางเพื่อสนับสนุนแผนการยิงของกองร้อย ความ รับผิดชอบในการร้องขอและขนส่ง สป.๔ สําหรับงานทหารช่างจะเป็นของหน่วยที่ได้รับการสนับสนุน โดยไม่ คํานึงถึงความสัมพันธ์ในการบังคับบัญชาหรือการสนับสนุน ๓) ในการสนับสนุนทางการช่างให้แก่กองร้อยในระหว่างการปฏิบัติการตั้งรับปกติ จะใช้ในการ ช่วยโดยตรงแก่หน่วย หมู่หรือหมวดทหารช่างที่ไม่มีรถดันดิน จะเป็นหน่วยที่มีประสิทธิภาพสูงในการต่อต้าน ความคล่องแคล่วได้ด้วยการเตรียมสนามทุ่นระเบิด เครื่องกีดขวางลวดหนามและเครื่องกีดขวางอื่น ๆ เช่น จําหล่อลวด ท่อนซุงขัดขวาง ตั้งต้นซุง ผู้บังคับหน่วยทหารช่างจะต้องอยู่ร่วมในขั้นตอนการวางแผน เพื่อให้ มั่นใจได้ว่าแผนฉากขัดขวางได้รวมอยู่ในขั้นตอนการดําเนินกลยุทธ์ และลําดับขั้นการยิง แผนฉากขัดขวาง สนับสนุนแผนการดําเนินกลยุทธ์และการยิงในหลายหนทาง ได้แก่ ก) เครื่องกีดขวางจะสามารถขัดขวางการเคลื่อนที่ของข้าศึกและทําให้การยิงของฝ่ายเรามี ประสิทธิภาพเป็นอย่างดี และทําให้กําลังข้าศึกต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นในการดําเนินกลยุทธ์ ข) เครื่องกีดขวางอาจจะทําให้ข้าศึกหยุดอยู่กับที่หรือสกัดกั้นข้าศึกไว้ ซึ่งจะทําให้ทําการยิง ทําลายข้าศึกนี้ได้ ค) เครื่องกีดขวางสามารถที่จะทําให้ข้าศึกเปลี่ยนทิศทาง หรือป้องกันไม่ให้ข้าศึกใช้ ภูมิประเทศในการป้องกันตน สิ่งนี้จะทําให้อาวุธเล็งตรงสามารถทําการยิงจากทางปีกหรือทางด้านหลังไปยัง ยานเกราะของข้าศึกอย่างได้ผล หมายเหตุ ที่ตั้งของเครื่องกีดขวางมีความสําคัญยิ่ง โดยที่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อข้าศึกไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน แต่ถ้าข้าศึกสามารถตรวจพบเครื่องกีดขวางในระหว่างการลาดตระเวน ข้าศึกอาจจะว่างแผนในการอ้อมผ่าน หรือทําการเจาะได้ แม้ว่า ผบ.ร้อย. จะตกลงใจในการใช้เครื่องมือของทหารช่างในทางที่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และ ทําการจัดความเร่งด่วนของงานทางการช่าง นอกจากนี้จะต้องได้รับข้อเสนอแนะและรับคําปรึกษาจากผู้บังคับ หน่วยทหารช่าง ฉ. นชค. ในการลาดตระเวนและการล้างพิษจะดําเนินการโดย กองร้อยทหารวิทยาศาสตร์ มว. วิทยาศาสตร์จากกองร้อยวิทยาศาสตร์ อาจจะทําการสมทบให้แต่ละกรม ผบ.กรม สามารถควบคุมหมวด ทั้งหมดหรืออาจจะให้แต่ละหมู่ล้างพิษ สนับสนุนให้แต่ละกองพัน ๑) การริเริ่มและการควบคุมการปฏิบัติการ นชค. ส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับกองพันขึ้นไป กองร้อย อาวุธเบาจะปฏิบัติงานตามที่กําหนด การใช้มาตรฐานป้องกันที่กําหนด รับและส่งรายงานและเตรียมชุดหรือ บุคคล เมื่อถูกร้องขอกองร้อยอาวุธเบาจะทําการล้างพิษแบบเร่งด่วนของบุคคลและเครื่องมือ นายสิบ นชค.จะ ช่วยผู้บังคับบัญชาโดยการเสนอแนะการล้างพิษ กํากับดูแลชุดล้างพิษและขั้นตอนต่าง ๆ ทําการประสานกับ รอง ผบ.ร้อย. หรือจ่ากองร้อย และ ฝอ.ของกองพัน สําหรับเครื่องมือเพิ่มเติมที่จําเป็นในการปฏิบัติการล้างพิษ เร่งด่วน ๒) สําหรับกองพันจะมีนายทหารและนายสิบเคมี ซึ่งจะช่วย ผบ.พัน. ในการวางแผนและทําการฝึก และการปฏิบัติการ นชค. ในระดับกองร้อยจะมีชุดป้องกัน นชค. ซึ่งจะมีนายทหาร ๑ คน นายสิบ ๒ คน นายทหารเคมีจะเป็นนายทหารในกองร้อยที่ได้รับมอบหมายงานเพิ่มเติมตําแหน่ง ๑ ตําแหน่ง ของนายสิบ (นายสิบยุทธการ นชค.) จะได้รับมอบอํานาจตาม อจย. อีกคนหนึ่ง (ผู้ช่วยนายสิบยุทธการ นชค.) เป็นนายสิบ คนหนึ่งในกองร้อยที่กําหนดให้มีหน้าที่เพิ่มเติม ชุดป้องกัน นชค.ของกองร้อยจะมีความรับผิดชอบในการให้


๒๓๗ คําปรึกษาและช่วยเหลือ ผบ.ร้อยในการวางแผนและ ทําการฝึกและปฏิบัติการด้าน นชค. และยังทําการ ปรนนิบัติบํารุงอุปกรณ์ นชค. ในอัตรา ๓) เพราะจํานวนการเติบโตของประเทศที่มีขีดความสามารถในการใช้อาวุธ นชค. และความ ประสงค์ที่แสดงออกของบางประเทศที่จะใช้อาวุธ นชค. กองร้อยทหารราบต้องวางแผนด้วยการเริ่มการรบ ภายใต้สภาพ นชค. ๔) ผบ.ร้อย. มีความรับผิดชอบในการเตรียมหน่วยในการปฏิบัติการภายใต้สภาพ นชค. โดย ก) ปฏิบัติการปกติโดยต่อเนื่องและลดตามความเป็นเป้าหมายคุ้มค่าของหน่วย โดยใช้ภูมิ ประเทศเป็นเครื่องป้องกัน และเพิ่มมาตรการในการป้องกันเพื่อให้งานส่วนต่าง ๆ บรรลุภารกิจ ข) กําหนดชั้นในการป้องกัน โดยเฉพาะที่จะทําให้ลดความเสี่ยงในการสูญเสียเป็นจํานวนมาก เมื่อมีการเผชิญต่อการคุกคาม นชค. ๕) นายสิบ นชค. และการกําหนดการเฝ้าตรวจและชุดค้นหา จะมีความรับผิดชอบ ในเรื่อง ก) พิจารณาอันตรายจาก นชค. ที่เกิดขึ้นด้วยการเฝ้าตรวจ แจ้งการเกิดการใช้อาวุธเคมี การ ใช้เครื่องตรวจจับ และการเตรียมบุคคลในการใช้การปฏิบัติในการป้องกันที่เหมาะสม ข) การปฏิบัติในความพยายามในการเฝ้าตรวจและค้นหาในการกําหนดขอบเขตและความเข้ม ของพิษเคมี ในพื้นที่ที่กําหนดเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการของกองร้อยและกองพัน ค) ล้างพิษให้แก่บุคคลและยุทโธปกรณ์ ง) ให้คําแนะนําในการเตรียมตัวป้องกันที่เกิดจากการสูญเสียจากรังสีนิวเคลียร์ให้มีน้อยที่สุด จ) ปฏิบัติการควบคุมความเสียหายเป็นพื้นที่ เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดเมื่อข้าศึกใช้อาวุธ นิวเคลียร์ ฉ) ข่าวกรองทางทหาร ฝอ.๒ ของกองพันทหารราบเป็นผู้วางแผนในการใช้ หน่วยข่าวกรอง ทางทหารที่มาสนับสนุนซึ่งจะได้รับจากกองพัน ข่าวกรองทางทหารของกองพลเมื่อส่วนแยกของหน่วยข่าว กรองทางทหารมาถึงพื้นที่กองร้อย ผู้บังคับกองร้อยจะประสานที่ตั้งให้ ปกติแล้วหน่วยข่าวกรองทางทหารที่มา สนับสนุนจะประกอบด้วยเครื่องมือตรวจจับและเรดาห์ ควบคุมระยะไกลในเวลากลางวันและในเวลากลางคืน ๑) เครื่องมือตรวจจับและเรดาร์ (RADAR) ควบคุมระยะไกล อาจจะช่วยเสริมระบบแจ้ง เตือนล่วงหน้าของหมวด โดยการครอบคลุมพื้นที่อับ หรือแจ้งการเคลื่อนที่ของข้าศึก ผู้ควบคุมเครื่องมือ ดังกล่าวเมื่อตรวจพบข้าศึกกําลังเคลื่อนที่จะสามารถช่วย ผตน. ในการร้องขอและปรับการยิงไปยังข้าศึกได้ โดยจะสามารถประมาณจํานวนทหารและยานพาหนะของข้าศึกได้ด้วยเครื่องมือที่มีอยู่ ๒) ชุดเรดาร์สามารถที่จะตั้งอยู่ได้ในพื้นที่ของกองร้อย แต่ละชุดจะมีเรดาร์ AN/PPS -15 และ AN/PPS -5A เรดาร์ AN/PPS - 5A สามารถตรวจจับบุคคลเคลื่อนที่ได้ในระยะ ๖,๐๐๐ ม. และยานยนต์ เคลื่อนที่ในระยะ ๑๐,๐๐๐ ม. สําหรับเรดาห์ AN/PPS -15 จะเป็นแบบที่บุคคลแบกไม่ได้ และสามารถตรวจจับ บุคคลที่เคลื่อนที่ในระยะ ๑,๕๐๐ ม. และยานยนต์ที่เคลื่อนที่ในระยะ ๓,๐๐๐ ม. โดยที่จะสามารถทําการกวาด จับในพื้นที่กว้างหรือเฝ้าตรวจในพื้นที่เล็กหรือเป้าหมายเป็นจุด (ตัวอย่างเช่นสะพาน) และสามารถที่จะนําทาง ให้ทหารฝ่ายเราในการเข้าตีในเวลากลางคืนหรือการนําทางกลับหรือหน่วยที่หลงทางไปยังจุดผ่าน ๓) เรดาห์ควรที่จะมีการติดตั้งในที่สามารถใช้การรวมคลื่นให้แคบลง เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสใน การถูกตรวจจับโดยข้าศึก เรดาห์ที่กําลังทํางานจะมีความง่ายที่จะถูกตรวจจับด้วยเครื่องมือของข้าศึก การ กําหนดที่ตั้งควรมีการระวังป้องกันแต่ควรห่างจากหน่วยอื่น ๆ ชุดเรดาร์จะเชื่อมสายโทรศัพท์ในข่ายของ กองร้อยเพื่อจะรวมข่าวสารของข้าศึกในกองร้อย


๒๓๘ ตอนที่ ๓ การวางแผนการยิงสนับสนุน ผบ.กรม และนายทหารประสานการยิงจะเป็นผู้เริ่มต้นการวางแผนการยิง การวางแผนจากบนลงล่าง จะรวมเอาความเร่งด่วนและการกําหนดที่ตั้งของเครื่องมือในการยิงสนับสนุนความรับผิดชอบ สําหรับการ วางแผนหรือการปฏิบัติเป้าหมายสําคัญของกรม อาจจะถูกกําหนดให้แก่ ผบ.พัน. หรือ ผบ.ร้อย. ตามลําดับ อย่างไรก็ตามแผนจะต้องมีความชัดเจนในตําบลแตกหักหรือเป้าหมายที่สําคัญ เพราะฉะนั้นเป้าหมายสําคัญใน กรม ซึ่งอาจจะทําการพัฒนาโดย ผบ.ร้อย. หรือ ผบ.พัน. ปกติแล้วจะถูกวางแผนแล้วส่งต่อไปยัง ศอย.ของ ปืนใหญ่ เป้าหมายเพิ่มเติมที่นอกเหนือจากการวางแผนของนายทหารการยิงสนับสนุนอาจจะถูกนํามาใช้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของข้าศึก ๗ - ๕ เจตนารมณ์ของผู้บังคับบัญชาส่วนดําเนินกลยุทธ์ ผู้บังคับกองร้อยจะต้องมีความมั่นใจว่า นยส. มี ความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ในเจตนารมณ์สําหรับการดําเนินกลยุทธ์และการยิงสนับสนุน ต้องพิสูจน์ทราบถึง บทบาทของการยิงสนับสนุนต่อขั้นตอนในการดําเนินกลยุทธ์ (เมื่อใด ที่ไหน อะไร และทําไม) โดยการอธิบาย ในรายละเอียดของแนวความคิดในการปฏิบัติลําดับขั้นในการปฏิบัติ และงานสําหรับการยิงสนับสนุนของ นยส. ก. ในการเตรียม ระดับของการให้แนวทางนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย การยิงของปืนใหญ่ไม่สามารถกระทําได้ โดยทันที จะต้องใช้เวลา ๓ - ๗ นาทีในการดําเนินการต่อเป้าหมายและการยิงไปยังพื้นที่เป้าหมาย ในการ วางแผนต้องให้เวลาในส่วนนี้ด้วย ในขณะที่ทําการจําลองยุทธ์ในการดําเนินกลยุทธ์ ผบ.ร้อย. จะวิเคราะห์เลือก เป้าหมายสําคัญหรือพื้นที่ระดมยิง ความเร่งด่วนของเป้าหมาย ความเร่งด่วนของการยิง ลําดับการยิง และ ผลลัพธ์ที่ต้องการ จากนั้นจะสามารถมองเห็นว่าจะทําอย่างไรและเมื่อไรในการยิงประสานสอดคล้องของอาวุธ เล็งตรงและเล็งจําลองในการทําลายข้าศึกและป้องกันฝ่ายเรา ข. ปกติแล้ว ผบ.ร้อย. จะกําหนดให้ความพยายามหลักของกองร้อยเป็นลําดับแรกของความเร่งด่วนใน การยิง ลําดับความเร่งด่วนจะต้องการเมื่อมีหน่วยตั้งแต่ ๒ หน่วยขึ้นไปมีความต้องการในการยิงในเวลา เดียวกัน เขาจะต้องกําหนดว่าสถานที่ใดที่จะต้องทําการยิงควันกําบังหรือทําการยิงส่องสว่าง การทําการยิงข่ม และการยิงเตรียม ๗ - ๖ กระบวนการในการวางแผน ในขณะที่ ผบ.ร้อย. กําลังพัฒนาและกลั่นกรองแผนทางยุทธวิธี นยส. จะทําการพัฒนาและกลั่นกรองในส่วนของการยิงสนับสนุนในแผนนั้น นยส.จะไม่รอให้ ผบ.ร้อย. ทําแผนดําเนิน กลยุทธ์ให้สําเร็จก่อนจะสร้างแผนการยิงโดยใช้แผนการยิงสนับสนุนแบบเร่งด่วนและแบบประณีต โดยจะ ขึ้นอยู่กับเวลาที่มีอยู่ ในกรณีอื่น เป้าหมายจะต้องถูกวางให้อยู่ในช่องการวางแผนการยิงสนับสนุนให้เร็วที่สุด เท่าที่จะทําได้ เพื่อจะทําให้เป้าหมายสามารถดําเนินการได้ในส่วนการยิงสนับสนุนของกองพันหรือ ศอย. ของกองร้อยปืน ถ้าไม่คํานึงถึงว่าวิธีการวางแผนใดที่จะนํามาใช้ แผนการยิงสนับสนุนของกองร้อยจะมีดังนี้ * หมายเลขและที่ตั้งเป้าหมาย * เป้าหมายที่คาดการณ์ * ผู้รับผิดชอบหลักและรองในการยิงแต่ละเป้าหมาย * ความพยายามที่ต้องการ (ทําลาย ยิงข่ม ยิงขัดขวาง ยิงเจาะเกราะ) และความมุ่งหมาย * ความถี่และนามเรียกขานวิทยุในการร้องขอการยิง * เวลาที่จะยิงไปยังเป้าหมาย * ลําดับความเร่งด่วนในการยิง * ขนาดที่ตั้ง รหัส และสัญญาณฉุกเฉินในการเริ่ม การยิงฉากป้องกันขั้นสุดท้าย ข่าวสารอื่น ๆ อาจจะรวมอยู่ด้วยตามความจําเป็นหรือตามความเหมาะสม


๒๓๙ ก. นยส. ของกองร้อย จะเป็นผู้ปฏิบัติเกือบทั้งหมดของการวางแผนการยิงของกองร้อย อย่างไรก็ ตามอาจจะได้รับเป้าหมายและข่าวสารเป้าหมายจากผู้บังคับหมวด ผตน. และ นยส. ของกองพัน ผบ.หน่วย และ นยส. ไม่ควรที่จะวางแผนเป้าหมายมากเกินไป ๑) กองร้อยจะเป็นผู้วางแผนหมายเลขเป้าหมาย ซึ่งจะรวมอยู่ในแผนการยิงปกติ โดยจะขึ้นอยู่กับ ความเร่งด่วนในการยิงสนับสนุนของกองร้อยและหมายเลขเป้าหมายที่ได้รับการแบ่งมอบจํานวนเป้าหมายของ ปืนใหญ่สนามทั้งหมดในแผนการยิงสนับสนุนของกรม หรือแผนการยิง ค. ของกองพันอาจจะเป็นข้อจํากัด เพราะจํานวนเป้าหมายที่มากเกินไปนั้นจะทําให้การยิงตามแผนเบาบาง และยังจะนําไปสู่เวลาในการตอบสนอง ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามหลักการของการแบ่งมอบเป้าหมายนี้จะไม่เป็นข้อบังคับในการวางแผน ๒) การวางแผนการไม่เป็นทางการ จะดําเนินด้วยที่ตั้งของเป้าหมายที่ถูกบันทึกบนแผ่นร่าง ภูมิประเทศ แผนที่ของ นยส. หรืออาจจะบันทึกอยู่ในเครื่องมือดิจิตอลสําหรับการอ้างอิงหรือส่งต่ออย่างรวดเร็ว แผนการยิงของ ค. ควรจะเป็นส่วนประกอบของแผน หลักการในการพิจารณา ปกติแล้วจะเป็นกระสุนที่มีอยู่ และความสามารถในการเพิ่มเติมกระสุนอย่างรวดเร็วจะระมัดระวังเพื่อให้มั่นใจว่าการวางแผนจะมุ่งไปยัง ความต้องการในการยิงสนับสนุนตําบลสําคัญซึ่งพิสูจน์ทราบโดย ผบ.ร้อย. ข. นยส. ของกองร้อยจะทําแผนการยิงให้สมบูรณ์และบรรยายสรุปให้ ผบ.ร้อย. ทราบ โดย ผบ.ร้อย. อาจจะมีการปรับเปลี่ยนหรืออนุมัติแผนซึ่งเขาจะทําการตัดสินใจในขั้นสุดท้าย เมื่อใดที่ ผบ.ร้อย. อนุมัติแผน นยส. จะต้องมั่นใจว่า เป้าหมายจะต้องถูกส่งผ่านไปยังส่วนการยิงสนับสนุนของกองพัน ที่ซึ่งแผนการยิงจะ รวมอยู่ในขั้นการดําเนินกลยุทธ์ของกองพัน ค. นยส. จะต้องทําให้มั่นใจว่า ผบ.หมวด และ ผตน. ต้องมีความคุ้นเคยในแผนการยิงเป็นอย่างดี โดยเตรียมแผ่นบริวารเป้าหมายให้แก่ผู้บังคับหมวด ผตน. และ ผบ.ร้อย. ด้วยแผนการยิงสนับสนุนของ กองร้อยอาจจะกระจายโดยการทําเป็นบัญชีเป้าหมาย และตารางปฏิบัติการยิงสนับสนุน สิ่งนี้ต้องทําให้เสร็จใน เวลาที่เพียงพอในการที่จะทําให้หน่วยรอง สามารถทําการบรรยายสรุปให้แก่ หมวด และตอนของตนได้ (แผนการยิงที่ดีที่พร้อมกับคําสั่งยุทธการของกองร้อยจะดีกว่าแผนการยิงที่สมบูรณ์ที่ส่งมอบให้ที่แนวออกตี) ง. แผนการยิงสนับสนุนของกองพัน อาจจะทําการแจกจ่ายในรูปแบบของตาราง ตารางปฏิบัติการยิง สนับสนุน มีความรัดกุม และเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่แสดงให้เห็นปัจจัยหลาย ๆ อย่างของแผนใน รายละเอียด โดยอาจจะช่วย นยส. ของกองร้อย หรือ ผบ.ร้อย. ให้เข้าใจว่าแผนการยิงสนับสนุนการดําเนิน กลยุทธ์อย่างไร โดยแผนจะอธิบายว่า นยส. หรือ ผตน. ปรับการยิงอาวุธชนิดใด แผนการยิงและเวลาใดใน ระหว่างการรบที่อาวุธยิงเหล่านี้จะนํามาใช้ สําหรับรายละเอียดเพิ่มเติมในตารางการยิงสนับสนุนของกองพัน ดู ได้ที่ รส.๗ - ๒๐ จ. ข้อดีของตารางคือ การลดแผนลงมาให้เหลือหน้าเดียวและทําให้ง่ายขึ้น ตารางการยิงสนับสนุนของ กองร้อย (รูปที่ ๗ - ๑) จะกําหนดความรับผิดชอบในการปฏิบัติ และลดโอกาสผิดพลาดที่แผนการยิงจะไม่ได้รับ การปฏิบัติ การกระจายแผนการยิงเป็นความรับผิดชอบของ ผบ.ร้อย. และผู้บังคับหน่วยรองหลักต้องมีความ เข้าใจถึงการแบ่งชั้นเป้าหมาย และวิธีการในการยิงไปยังเป้าหมายเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการ ฉ. รูปที่ ๗ - ๑ เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ของตารางการยิงสนับสนุนของกองร้อยในการเข้าตีประณีตในที่ รวมพล การยิงฉากป้องกันขั้นสุดท้ายของปืนใหญ่สนามจะมอบให้แก่ หมวด ๑ และ ๒ โดยหมวด ๓ จะได้รับ ฉากป้องกันจาก ค. หมวด ๒ จะได้รับความเร่งด่วนในการยิงของ ค. จากแนวออกตีไปยังจุดตรวจ ๗ และจาก จุดตรวจ ๗ ไปยังที่หมายเขียว หมวด ๓ จะได้รับมอบเป้าหมายเร่งด่วนของ ค. โดยการกําหนดเป็น คก.๓๐๑๗ หมวด ๒ จะเป็นหมวดสํารองในการปฏิบัติ หมวด ๑ ได้รับแบ่งมอบฉากการยิงของ ค. หมวด ๒ และ ๓ ได้รับการแบ่งมอบฉากการยิงของปืนใหญ่สนามในระดับกองร้อย ข่าวสารในแต่ละตารางจะประกอบด้วย


๒๔๐ ๑) ความเร่งดว่นของการยงิสนบัสนุน ดว้ยอาวธุวถิโีคง้ใหแ้ก่หมวด จะอยมู่ ุมซา้ยบนของ ช่องตารางทเ่ีหมาะสม (ป.สนาม) ๒) ถา้หน่วยไดร้บัการแบ่งมอบ ฉากการยงิป้องกนัขนั้สดุทา้ย แบบการยงิเลง็จาํลองจะหมายถงึ ความรบัผดิชอบในการยงิฉากป้องกนัขนั้สดุทา้ย จะปรากฏในชอ่งถดัไป (การยงิฉากป้องกนัชนั้สดุทา้ยของ ป. สนาม) ๓) หมายเลขเป้าหมายของเป้าหมายเรง่ด่วนทแ่ีบ่งมอบใหห้มวด จะปรากฏในชอ่งกอ่นหน้าโดย วธิคีวามรบัผดิชอบในการยงิสนบัสนุนในการยงิไปยงัเป้าหมาย และตามดว้ยหมายเลขเป้าหมาย (ค. ปม. เร่งด่วน คก. ๓๐๑๔) ๔) ถา้นยส. ของกองรอ้ยรบัผดิชอบในการเรม ิ่ ยงิพเิศษ หมายเลขเป้าหมายกลุ่มหรอืลาํดบัจะทาํ เป็นบญัชใีนช่องสาํหรบันยส. (คก.๓๐๑๒) คาํแนะนําทม่ีงุ่ เน้นการยงิพเิศษทไ่ีม่อย่ใูนบญัชเีป้าหมายจะอย่ใูน ช่องดงักล่าว ๕) ความรบัผดิชอบของสว่นรองในการปฏบิตัใินการยงิพเิศษ จะทาํเป็นบญัชใีนมุมขวาล่างของ ช่อง (หมวด ๒) ถา้การยงิไม่ไดด้าํเนินการในเวลาทเ่ีขาหวงัว่าจะไดเ้หน็หน่วยน้จีะเป็นผเู้รม ิ่ (เวน้ ไวแ้ต่ว่า คาํสงั่ไม่ใหท้าํ ) ๖) ในแต่ละมาตรการในการยงิสนบัสนุนจะถูกวางไวใ้นทเ่ีกดิผลกระทบ ตามดว้ยคาํทก่ีาํหนด สาํหรบัมาตรการจะแสดงอย่ใูนชอ่ง (แนวประสานการยงิขนั้สดุทา้ย - ชา้งศกึ) สาํหรบัพน้ืทป่ีระสาน หว้งอากาศ เวลาในการมาถงึของการสนบัสนุนทางอากาศโดยใกลช้ดิหรอืฮ.โจมตีจะถูกกาํหนดในบญัชี (พน้ืทป่ีระสานหว้งอากาศ 1400 Z) ๗) ปัจจยัอ่นืๆ ทป่ีระยุกตใ์ชก้บัหมวดทแ่ีน่นอนในระหว่างเวลาเฉพาะ อาจจะรวมอยใู่นชอ่งท่ี เหมาะสม คาํแนะนําทวั่ ไปจะไดร้บัการแจกจ่ายในสว่นลายลกัษณ์อกัษรของคาํสงั่ยุทธการ รปูท ี่ ๗ - ๑ ตารางปฏิบตัิการยิงสนับสนุนของกองรอ้ย


๒๔๑ ๗ - ๗ เป้าหมาย เป้าหมายอาจจะเป็นบุคคล ยานยนต์ สิ่งของหรือภูมิประเทศที่กําหนดขึ้นและเป็นตัวเลขใน การอ้างอิงหรือทําการยิง ทุกเป้าหมาย สามารถที่จะจัดขึ้นเป็นเป้าหมายตามเหตุการณ์ (เกิดขึ้นระหว่างการรบ ไม่มีการวางแผนเข้าตี) หรือเป้าหมายที่วางแผนไว้ (การยิงที่เตรียมการไว้ก่อน) ในแต่ละเป้าหมายที่วางแผนไว้ อาจจะมีการแบ่งลงไปอีกโดยอาจเป็นเป้าหมายตามเวลาหรือตามร้องขอ เป้าหมายตามเวลาจะเป็นเป้าหมายที่ วางแผนไว้ที่จะโอบตีในเวลาที่แน่นอน ส่วนเป้าหมายตามคําร้องขอจะเป็นเป้าหมายที่วางแผนไว้ที่จะทํา การยิงเมื่อมีการร้องขอ ก. เป้าหมายที่มีความเร่งด่วน จะเป็นเป้าหมายที่สามารถจะก่อให้เกิดผลเด็ดขาดต่อภารกิจของหน่วย ผบ.กรม อาจจะแบ่งมอบเป้าหมายที่มีความเร่งด่วนของปืนใหญ่ให้แก่กองพัน ผู้บังคับกองพันก็อาจจะส่ง เป้าหมายที่มีความเร่งด่วนนี้ต่อไปให้แก่ กองร้อยใต้บังคับบัญชาของตน ปกติแล้วเป้าหมายที่มีความเร่งด่วน ของกองร้อย จะกําหนดโดย ผบ.ร้อย. (ด้วยคําแนะนําของ ชุดยิงสนับสนุน) ข. เมื่อใดที่ ผบ.พัน. กําหนดเป้าหมายที่มีความเร่งด่วน จะต้องให้คําแนะนําเฉพาะแก่ นยส. และ กองร้อยใต้การบังคับบัญชา ว่าเมื่อใดเป้าหมายที่แน่นอนจะเปลี่ยนเป็นเป้าหมายที่มีความเร่งด่วน และเมื่อใด ที่จะเลิกเป็นเป้าหมายที่มีความเร่งด่วน ผลที่ต้องการให้เกิดขึ้น ณ ที่หมาย และกระสุนพิเศษชนิดใดที่จะ นํามาใช้หน่วยยิงจะวางแนวการยิงไปยังเป้าหมายที่มีความเร่งด่วน เมื่อตนมิได้รับมอบหมายภารกิจยิงไปยังที่ อื่น สิ่งนี้จะช่วยลดเวลาในการปฏิบัติ ในแต่ละกองร้อย ป.สนาม ปกติจะมี ๑ เป้าหมายที่มีความเร่งด่วน แนว ฉากการยิงป้องกันขั้นสุดท้ายจะเป็นตัวอย่างหนึ่งของเป้าหมายที่มีความเร่งด่วนในสถานการณ์การตั้งรับ ค. หมายเลขเป้าหมายจะถูกกําหนดในแต่ละที่หมายที่วางแผนไว้โดย นยส. ของกองร้อย หมายเลข เป้าหมาย (๒ พยัญชนะและเลข ๔ ตัว) จะเตรียมไว้สําหรับทุกส่วนในแผนการยิง โดยจะใช้เป็นดัชนีของทุก ข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หมายดังเช่นที่ตั้งคําอธิบาย และขนาดในทุกจุดอ้างเป้าหมาย ซึ่ง กําหนดเป้าหมายโดย นยส. ของกองร้อย จะถูกกําหนดเป็นหมายเลขเป้าหมาย ตอน ค. จะมีห้วงของ หมายเลขเป้าหมาย ดังนั้นจึงสามารถกําหนดหมายเลขเป้าหมายได้เมื่อผู้ตรวจการณ์กําหนดว่า “ บันทึกเป็น เป้าหมาย ” เพื่อการลงบันทึกให้สมบูรณ์ ง. เป้าหมายมาตรฐาน จะเป็นพื้นที่รัศมีประมาณ ๑๐๐ ม. สัญลักษณ์ของเป้าหมายมาตรฐานจะเป็นรูป เครื่องหมายบวก ซึ่งอาจจะมีการปรับเอียงได้ในกรณีถ้าเป้าหมายอยู่ใกล้กันมาก หรือเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เข้าใจ ผิดว่าเป็นจุดตัดของเส้นกริด จุดตัดของเส้นจะแสดงถึงจุดศูนย์กลางของเป้าหมาย บัญชีเป้าหมายจะอธิบายถึง ลักษณะของเป้าหมายและข่าวสารที่เกี่ยวข้องโดยตรงอื่น ๆ (สิ่งนี้จะใช้กับการวางแผนเป้าหมายสําหรับกระสุน ตามแบบและกระสุนตามแบบปรับปรุง) ๑) การนํามาใช้กับการรบด้วยวิธีรุก เป้าหมายต่อไปนี้ควรจะนําไปใช้ต่อการโจมตีที่ตั้งของข้าศึกที่ พิสูจน์ทราบแล้ว หรือที่คาดการณ์ หรือน่าจะเป็นที่ตั้งของข้าศึก เช่นที่ตรวจการณ์ ที่ตั้งต่อสู้รถถัง สี่แยก หรือ ภูมิประเทศที่ครอบคลุมแนวทางในการเข้าตี ๒) การนํามาใช้กับการรบด้วยวิธีรับ ที่หมายเหล่านี้ควรที่จะมีการเลือกเพื่อทําลายข้าศึกในขณะที่ เข้าตีโดยวางแผนเป้าหมายไว้ที่ท่าข้ามนํ้า สะพาน ทางแคบที่จํากัดการเคลื่อนที่ สี่แยก เครื่องกีดขวางหรือ ที่ตั้งที่จะเป็นที่เฝ้าตรวจที่น่าจะเป็นได้ จ. เมื่อใดที่เป้าหมายที่คาดการณ์ไว้มีการเคลื่อนที่ จะมีความต้องการในการวางแผนพิเศษ กําหนด จุดเริ่มการปฏิบัติซึ่งจะทําให้ ผตน. มีเวลาเพียงพอที่เริ่มการร้องขอการยิง หน่วยยิงมีเวลาในการเตรียมการ และทําการยิง และเวลาในการขับเคลื่อนลูกระเบิดที่จะวิ่งเข้าสู่เป้าหมาย ผตน. จะร้องขอการยิงเมื่อหน่วยหรือ ยานยนต์ข้าศึกเคลื่อนที่ถึงจุดเริ่มการปฏิบัติ และข้าศึกยังคงทําการเคลื่อนที่เข้าสู่เป้าหมาย ถ้ามีการคํานวณ เวลาที่เหมาะสม ข้าศึกและกระสุนปืนใหญ่จะ มาถึงยังเป้าหมายในเวลาเดียวกัน ฉ. เป้าหมายในรูปแบบอื่น (เส้นตรง กลุ่ม อันดับ) จะมีอยู่ใน รส.๗ - ๒๐


๒๔๒ ๗ - ๘ การยิงฉากป้องกนัขนั้สุดท้าย การยงิฉากป้องกนัขนั้สดุทา้ย จะเป็นการยงิตามแผนโดยทนัทีเพ่อืทาํ การสกดักนั้การเคล่อืนทข่ีองขา้ศกึ โดยเฉพาะอย่างยง ิ่ หน่วยทหารเดนิเทา้ทเ่ีขา้ใกลแ้นวหรอืพน้ืทต่ีงั้รบัพน้ืท่ี ดงักล่าวจะถูกผนวกใหอ้ยใู่นแผนการตงั้รบัรปูแบบของการวางแผนการยงิฉากป้องกนัขนั้สดุทา้ย อาจจะมกีาร ปรบัเปลย่ีนใหเ้หมาะสมกบัสถานการณ์ทางยุทธวธิี โดยจะมกีารลากเสน้ตามมาตรฐานสว่นบนแผ่นบรวิาร เป้าหมายขนาดของการยงิฉากป้องกนัขนั้สดุทา้ยจะถูกกาํหนดโดย ตวัเลขและแบบของอาวุธทใ่ีชใ้นการยงิ (รปูท่ี๗ - ๒) ผบ.รอ้ย. มคีวามรบัผดิชอบสาํหรบัทต่ีงั้ทแ่ีน่นอนของการยงิฉากป้องกนัขนั้สดุทา้ย นยส. ของ กองรอ้ยจะ ก. รายงานทต่ีงั้ของแนวยงิฉากป้องกนัขนั้สดุทา้ยทต่ีอ้งการไปยงัศอย. ทส่ีนบัสนุน ข. ปรบัการยงิเลง็จาํลองไปยงัทต่ีงั้ทต่ีอ้งการโดยอาวธุทใ่ีช้ ค. สง่การรอ้งขอการยงิฉากป้องกนัขนั้สดุทา้ยไปยงัศอย. ทส่ีนบัสนุน อาํนาจในการรอ้งขอการยงิฉากป้องกนัขนั้สดุทา้ย จะใหแ้ก่ ผบ.หน่วย (ปกตจิะเป็น ผบ.รอ้ย. หรอืผบ. หมวด) ทอ่ีย่ใูนพน้ืทท่ีม่ีกีารยงิฉากป้องกนัขนั้สดุทา้ย การยงิฉากป้องกนัขนั้สดุทา้ยจะเป็นความเร่งด่วนสงูสดุ ของทุกเป้าหมายทก่ีาํหนดใหแ้กว่ธิกีารยงิสนบัสนุน การยงิฉากป้องกนัขนั้สดุทา้ยจะทาํการยงิกต็่อเม่อืตอ้งการ ทจ่ีะขบัไล่การโจมตขีองขา้ศกึการยงิก่อนกาํหนดจะทาํ ใหส้ญูเสยีกระสนุและทาํ ใหข้า้ศกึหลกีเลย่ีงพน้ืทก่ีลุ่ม กระสนุตกกระทบ รปูท ี่ ๗ - ๒ ขนาดของการยิงฉากป้องกนัขนั้สุดท้าย ๗ - ๙ กระสุนพิเศษ ในการยงิเพ่อืการกาํบงัจะใชก้ระสนุควนัและกระสนุฟอสฟอรสัขาว เพ่อืทจ่ีะลด ความสามารถของขา้ศกึดว้ยการกาํบงัการมองเหน็สนามรบ (กระสนุระเบดิแรงสงูอาจจะใชใ้นการกาํบงัการ มองเหน็ของขา้ศกึโดยฝ่นุและเปลวเพลงิแต่กไ็มค่วรใชเ้ป็นวธิกีารหลกั) เน่ืองจากวา่ควนัจะเปลย่ีนไปตาม กระแสลมและชนั้ของภมูปิระเทศ ดงันนั้ ในการใชจ้ะตอ้งทาํการประสานกบัหน่วยทหารฝ่ายเดยีวกนัอ่นืๆ ทจ่ีะ มผีลกระทบต่อการปฏบิตักิารเมอ่ืมกีารใชอ้ย่างเหมาะสม การยงิเพ่อืกาํบงัจะสามารถ


๒๔๓ * ทําให้ความเร็วยานยนต์ของข้าศึกช้าลง * บดบังการมองเห็นของพลประจําอาวุธเล็งตรงของข้าศึก * ลดความแม่นยําของการตรวจการณ์ในการยิงโดยการบดบังที่ตรวจการณ์ และที่บังคับการของข้าศึก * สร้างความสับสน และสร้างความกลัวให้เกิดขึ้นในหมู่ข้าศึก * จํากัดประสิทธิภาพของทัศนสัญญาณในการบังคับบัญชาและควบคุมของข้าศึก ก. การยิงฉากควัน จะมีความสัมพันธ์ใกล้เคียงกับการยิงกําบัง ซึ่งจะใช้ควันและฟอสฟอรัสขาว รวมอยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม ในการยิงฉากควันจะบดบังส่วนดําเนินกลยุทธ์ของฝ่ายเดียวกัน เพื่อซ่อนพราง ลักษณะของการปฏิบัติการ ตัวอย่างเช่น ใช้การยิงเพื่อกําบังการข้ามแม่นํ้า สําหรับกําลังที่โอบการยิงกําบัง อาจจะช่วยในการเสริมความมั่นคง ณ ที่หมาย โดยการยิงระเบิดควันในพื้นที่หลังที่หมาย โดยที่อาจจะใช้ใน การลวงข้าศึกให้เชื่อว่าหน่วยมีการดําเนินกลยุทธ์ โดยแท้ที่จริงแล้วมิได้ทําในการยิงฉากควันต้องการการ เตรียมการด้วยความระมัดระวังไว้ก่อนเช่นเดียวกับการยิงกําบัง ข. กระสุนพิเศษอาจจะใช้ในการส่องสว่าง โดยอาจจะใช้ตามตารางเวลาหรือตามที่ร้องขอ โดยมีการ ใช้เพื่อให้หน่วยทหารฝ่ายเดียวกันใช้อาวุธเล็งตรงและทําการปรับการยิงเล็งจําลอง การส่องสว่างในพื้นที่สงสัย ว่าข้าศึกจะมีการเคลื่อนที่ หรือใช้ในการนําทิศของหน่วย ๗ - ๑๐ ที่ตั้งที่ตรวจการณ์หน้า เพื่อให้แน่ใจว่าการยิงเล็งจําลองสามารถที่จะทําการร้องขอบนเป้าหมาย พิเศษ ผตน. จะต้องอยู่ในพื้นที่ตั้งที่เหมาะสม เพราะว่ามีการวางแผนเป้าหมายเล็งจําลองจากกองร้อยไปยัง หมวด ผตน. เฉพาะจะต้องตั้งอยู่ในที่สามารถตรวจการเป้าหมายสําหรับการปฏิบัติการร่วมกัน หรือจุดอ้าง เป้าหมาย ผู้ตรวจการณ์หลักคือผู้ตรวจการณ์หน้าที่สนับสนุนในแต่ละหมวดปืนเล็ก อย่างไรก็ตามทหารคนอื่น สามารถที่จะทําหน้าที่นี้ได้ตราบเท่าที่เขามีขีดความสามารถในการติดต่อสื่อสารและได้รับการฝึกและมีความ เข้าใจในภารกิจ ก. เมื่อใดที่เป้าหมายถูกส่งผ่านไปยังหมวด หรือถูกรวมอยู่ในหมวดในแผนการยิงสนับสนุน ผู้ บังคับหมวดจะต้องกําหนดที่ตั้งของผู้ตรวจการณ์ และต้องมั่นใจว่าเขาจะมีความเข้าใจในเรื่องต่อไปนี้อย่าง ถูกต้อง ๑) ลักษณะโดยธรรมชาติและคําอธิบายของเป้าหมาย ที่เขาคาดว่าจะทําการยิง ๒) ผลที่ต้องการให้เกิดขึ้น (ทําลาย รั้งหน่วง ขัดขวาง ยิงข่มและอื่น ๆ) และวัตถุประสงค์ ๓) วิธีการติดต่อสื่อสาร ข่ายวิทยุ นามเรียกขาน และ ศอย. ที่จะเรียก ๔) เมื่อใดหรืออยู่ภายใต้สภาวการณ์ใด ที่เป้าหมายจะถูกยิง ๕) ความสัมพันธ์ของความเร่งด่วนของเป้าหมาย ๖) วิธีในการยิงและวิธีการในการควบคุมที่จะใช้ในการร้องขอการยิง ก) วิธีการในการยิง (ปรับการยิงหรือยิงหาผล) ความต้องการในการปรับการยิงควรจะมีการ คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า เมื่อที่ตั้งของเป้าหมายได้มีการตั้งสมมุติฐานอย่างแท้จริงตามระเบียบการกําหนดจุดบน แผนที่ ในการใช้เทคนิคนี้ที่ตั้งของเป้าหมายอาจมีความคลาดเคลื่อนอย่างมากถึง ๕๐๐ ม. ซึ่งสามารถเป็นการ คาดการณ์ที่ยอมรับได้ ในการยิงกระสุนนัดแรกสําหรับการหาผล ควรที่จะใช้เมื่อเป้าหมายสามารถที่จะกําหนด ได้อย่างแน่นอน ก่อนที่จะมีการปรับการยิง การสํารวจพื้นที่เป้าหมายหรือการใช้การหาระยะด้วยเลเซอร์จาก ที่ตั้งที่แน่นอน เมื่อต้องมีการปรับการยิง เวลาเพิ่มเติมที่ต้องการให้ภารกิจการยิงสําเร็จ จะประมาณ ๒ - ๔ นาที ซึ่งต้องมีการพิจารณาในกระบวนการวางแผน


๒๔๔ ข) วิธีในการควบคุม (เวลา ณ เป้าหมาย ตามคําสั่งของข้าพเจ้าหรือเมื่อพร้อม) วิธีในการ ควบคุมควรที่จะแสดงให้เห็นถึงระดับความต้องการในการประสานสอดคล้องที่ต้องปฏิบัติในขณะที่เวลา ณ เป้าหมาย และตามคําสั่งของข้าพเจ้า จะทําให้ผู้ตรวจการณ์มีการควบคุมเวลาการยิงที่แม่นยํามากกว่า สิ่งนี้ จะทําสําเร็จได้โดยการเพิ่มความอ่อนตัวของหน่วยยิงและสามารถลดจํานวนภารกิจยิงลงได้ภายในห้วงเวลาที่ ได้รับ ข. ถ้าผู้ตรวจการณ์ไม่สามารถอยู่ในตําแหน่งที่จะเห็นเป้าหมาย และแนวเริ่มการปฏิบัติหรือจุดอ้าง เป้าหมายจากเงื่อนไขของทัศนวิสัยในเวลาที่คาดว่าเป้าหมายจะถูกยิง กองบังคับการที่วางแผนเป้าหมาย จะต้องได้รับการแจ้งให้ทราบและเป้าหมายใหม่จะต้องได้รับการกําหนดขึ้น ณ จุดที่สามารถทําให้บรรลุ วัตถุประสงค์ของผู้บังคับบัญชาสําหรับในการยิงสนับสนุน ๗ - ๑๑ การซักซ้อมและการปฏิบัติ เมื่อใดที่แผนการยิงสนับสนุนได้รับการพัฒนาและมีการประสานแล้ว ควรจะมีการซักซ้อม ในเวลาที่กองร้อยซักซ้อมการดําเนินกลยุทธ์ ก็จะทําการซักซ้อมแผนการยิงด้วย บัญชี เป้าหมายจะได้ถูกนํามาใช้ในเวลาที่มีการปฏิบัติในการดําเนินกลยุทธ์ การยิงจะได้รับการร้องขอ (แม้ว่าจะไม่มี การปฏิบัติการยิงจริงจากหน่วยยิง) ให้เหมือนกับที่จะเป็นในระหว่างการปฏิบัติการ ในสภาวการณ์ทางอุดม คติ แนวการยิงป้องกันขั้นสุดท้ายสามารถที่จะทําการปรับได้ในระหว่างการซักซ้อม การซักซ้อมบนภูมิประเทศ จะแสดงให้เห็นถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการมองเห็น การติดต่อสื่อสารและการประสานงานในแผนการยิง สนับสนุน ในการซักซ้อมควรจะกระทําภายใต้เงื่อนไขที่บั่นทอน (กลางคืน สภาวะเคมี) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าแผน จะสามารถปฏิบัติได้ในทุก ๆ สภาวการณ์ ก. ถ้าเวลาหรือเงื่อนไขไม่อํานวยให้ทําการซักซ้อมเต็มรูปแบบ ผู้บังคับหน่วยหลักจะต้องไปพบกัน สามารถที่จะพบกัน และทําการบรรยายสรุปแผน โต๊ะทรายที่อธิบายถึงลักษณะภูมิประเทศสามารถใช้ได้ ผู้ ปฏิบัติแต่ละคนจะอธิบายถึงสิ่งอะไรบ้างที่เขาทํา ที่ไหนที่จะปฏิบัติ และวิธีการที่เขาจะปฏิบัติเมื่อสูญเสียผู้บังคับ หน่วยหลัก การปฏิบัติของแผนการยิงสนับสนุนจะถูกรวมอยู่ในกระบวนการนี้ และจะต้องมีการซักซ้อมใน แนวทางเดียวกัน ข. ในขณะที่มีการปฏิบัติการ แผนการยิงจะได้รับการปฏิบัติ เป้าหมายจะถูกยิงเมื่อต้องการ และ จะมีการปรับการยิงเนื่องจากการตอบโต้ของข้าศึก เป้าหมายที่มีความเร่งด่วน จะถูกยกเลิกเมื่อฝ่ายเราได้ ปฏิบัติการผ่านไปแล้วหรือเมื่อไม่มีความสัมพันธ์อีกต่อไปกับการดําเนินกลยุทธ์ ๗ - ๑๒ การติดต่อสื่อสาร นยส. สามารถเฝ้าฟังเครือข่ายวิทยุได้ ๓ - ๔ เครือข่าย ภารกิจของกองร้อยและ ความ เร่งด่วนจะเป็นตัวกําหนดเครือข่ายเฉพาะที่เฝ้าฟัง ก. ข่ายบังคับบัญชาของกองร้อย FM (เสียง) ผู้บังคับหมวด รอง ผบ.ร้อย. และหน่วยสมทบจะใช้ ข่ายนี้ในการส่งรายงาน รับคําแนะนํา และร้องขอการยิงชุดตรวจการณ์ด้วยเลเซอร์ที่สมทบกับกองร้อยจะ เฝ้าฟังข่ายนี้ บก.ร้อย จะเป็นสถานีบังคับข่าย นยส. ของกองร้อยจะเฝ้าฟัง ถ้าตนได้ถูกแยกออกจากการ บังคับบัญชาของ นยส. ข. ข่ายบังคับการยิง ค. กองพัน FM (เสียง) ผตน. ใช้ข่ายนี้ในการร้องขอการยิงจากหมวด ค. ของ กองพัน สถานีอื่นในข่ายนี้จะมี บก.ของชุดยิงสนับสนุนและส่วนสนับสนุนการยิงของกองพัน หมวด ค. ของ กองพันจะทําหน้าที่เป็นสถานีบังคับข่าย ค. ข่ายกองร้อย ค. (เสียง) ผู้ตรวจการณ์หรือ นยส. ของกองร้อย จะใช้ข่ายนี้ในการร้องขอการยิง จากกองร้อย ค. ง. ข่ายบังคับการยิงของ ป.สนาม FM (เสียง) ข่ายนี้จะใช้ในการบังคับการยิงของ ป. สนาม บก.ของ ชุดยิงสนับสนุนอาจจะใช้ระบบดิจิตอลในการร้องขอการยิงจาก ผตน. มาในข่ายนี้ ศอย. ของกองพันที่


๒๔๕ สนับสนุนโดยตรงจะเป็นสถานีบังคับข่าย เมื่อมีชุตตรวจการณ์รบด้วยเลเซอร์ด้วยจะใช้ข่ายนี้ในการร้องขอการ ยิงของ ป.สนาม ศอย. ของร้อย ป. และส่วนยิงสนับสนุนของ กองพันจะอยู่ในข่ายนี้ด้วย ๗ - ๑๓ การยิงเล็งจําลองในการสนับสนุนใกล้ชิด การยิงเล็งจําลองในการสนับสนุนที่ได้ผลมักจะมีการร้อง ขอการยิง ป. และ ค.ให้ยิงใกล้ต่อกําลังทหารราบฝ่ายเดียวกัน ในการรวมเอาความปลอดภัยในการยิงและใน การดําเนินกลยุทธ์ ต้องการการวางแผนที่ระมัดระวังการประสานงานอย่างใกล้ชิด และความรู้ในขีปนวิถีของ อาวุธที่สนับสนุน ในการยิงสนับสนุนระยะใกล้ที่พบโดยทั่วไปคือการยิงฉากป้องกันขั้นสุดท้ายในการปฏิบัติการ ตั้งรับและการยิงข่มหรือการยิงกําบังเพื่อสนับสนุนทางการโจมตีต่อที่ตั้งของข้าศึก เมื่อมีการวางแผนการยิงนี้ ผบช. จะต้องพิจารณา ก. ผลที่ต้องการ ในการตั้งรับอาจจะเป็นการทําลายทหารของข้าศึกหรือเป็นการบั่นทอนประสิทธิภาพ ของยานยนต์ข้าศึกโดยการทําให้ข้าศึกทําการรบโดยการปิดป้อม ในการเข้าตีอาจใช้การยิงกดหรือการยิงเพื่อ รบกวนการตรวจการณ์ของข้าศึกจะทําให้การเจาะและการยึดฐานประสพผลสําเร็จ ข. มาตรฐานของการขับส่งกระสุนปืน มีสิ่งแปรผันหลายอย่างที่กระทบต่อความแม่นยําของอาวุธ นยส. จะมีความรู้ในทางเทคนิคที่สามารถช่วย ผบ.ได้ อาวุธเหล่านี้เป็นระบบอาวุธพื้นที่ ซึ่งหมายความว่า กระสุนทุกนัดที่ยิงจากลํากล้องเดียวกันจะตกกระทบเป็นพื้นที่โดยรอบที่หมายหรือจุดที่เล็ง ในการกระจายนี้จะ มีความยาวมากกว่าความกว้าง เงื่อนไขของสภาวะอากาศ (ลม อุณหภูมิ ความชื้น) เงื่อนไขของอาวุธและ ประสิทธิผลของพลประจําอาวุธ จะมีผลกระทบต่อความแม่นยําทั้งสิ้น ค. การป้องกันหน่วยของตนในขณะที่กระสุนปืนตกกระทบ ในที่มั่นตั้งรับที่มีการเตรียมการเป็น อย่างดี ซึ่งมีการกําบังศีรษะ การยิงฉากป้องกันขั้นสุดท้ายสามารถที่จะปรับให้ใกล้ได้อย่างมาก (ในระยะรัศมี การระเบิด)เมื่อต้องการ ผบ.ร้อย. จะทําได้แม้กระทั่งร้องขอการยิงปืนใหญ่ลงบนที่ตั้งกองร้อยของตน ด้วยการ ใช้ชนวนเวลาสําหรับการระเบิดกลางอากาศ ในระหว่างการเข้าตีนั้นจะมีอันตรายมากยิ่งกว่าในการร้องขอการ ยิงเล็งจําลองระยะใกล้ ผบ.ร้อย. พิจารณาภูมิประเทศ สถานที่เจาะ และที่ตั้งของข้าศึกในการกําหนดถึง ระยะใกล้เท่าใดที่จะทําการปรับการยิงเล็งจําลองในการสนับสนุนหน่วยของเขา ง. การสนธิการยิงข่ม เมื่อใดที่มีการสนธิการยิงข่มในการสนับสนุนการเจาะและการโจมตี ตําบล ต่อไปนี้จะเป็นสิ่งสําคัญ ๑) ความอันตรายจะเพิ่มขึ้นตามขนาดของอาวุธ ให้ใช้ปืนใหญ่ในการปิดล้อมที่หมาย ใช้ ค. ของ กองพันยิงไปยังที่ตั้งของข้าศึกที่ห่างจากจุดเจาะและใช้ ค.๖๐ มม. เอ็ม.๒๐๓ และอาวุธเล็งตรงในการยิงข่ม ระยะใกล้ ๒) ความปลอดภัยจะเพิ่มขึ้นเมื่อการโจมตีอยู่ห่างออกจากแนวปืนเป้าหมาย ถ้ากระสุนมาเหนือ ศีรษะของส่วนโจมตี ความปลอดภัยจะลดลง ๓) การยิงของ ค.๖๐ มม. ที่วางในแนวตรงหรือวางในแนวตั้งจะเป็นระบบที่ตอบสนองได้ดีที่สุด โดยสามารถที่จะตรวจตําบลกระสุนตกและทําการปรับได้เป็นอย่างดี วิธีการที่ปลอดภัยที่สุดที่คือการยิง ค. ๖๐ มม. ต่อขาหยั่ง ๒ ขา ๔) ในอุดมคติ หน่วยยิงจะทําการบันทึกก่อนภารกิจการยิงสนับสนุนระยะใกล้ กระสุนนัดแรกที่ทํา การยิงอาจจะตกนอกเป้าหมายจากระยะที่พิจารณาไว้ เมื่อมีการปรับการยิงของหน่วยยิง ณ เป้าหมายแล้ว การย้ายจากที่หมายนั้นจะมีความถูกต้องแม่นยํามากขึ้น ค. กําหนดเวลาและการควบคุม สิ่งสุดท้ายที่ต้องการในการสนธิของการยิงข่มเหล่านี้ ด้วยการ กําหนดเวลาและการควบคุมเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเป้าหมายเหล่านี้ได้มีการเริ่มยิง การปรับ และการย้ายการยิงที่ เหมาะสม ถ้าทําได้ นยส. ของกองร้อย ควรจะกําหนดสถานที่ที่สามารถเฝ้าตรวจเป้าหมายเหล่านี้ (เป็นไปได้


๒๔๖ ด้วยส่วนสนับสนุน) ตารางการปฏิบัติในรายละเอียด ที่กําหนดความรับผิดชอบให้แต่ละเป้าหมาย ให้แก่ ผบ.หน่วยหรือ ผตน. ที่อยู่ในที่ตั้งที่ดีที่สุด ในการควบคุมควรจะมีการพัฒนา ทหารเหล่านี้จะต้องรู้ว่าเมื่อใดที่แต่ละเป้าหมาย/ กลุ่ม/อันดับ จะถูกยิงผลอะไรที่ต้องการในที่ตั้งของข้าศึก และเมื่อใดจะมีการย้ายหรือเลื่อนการยิง พิจารณา การใช้พลุสัญญาณ หรือสัญญาณอื่น ๆ เพื่อให้มั่นใจในการติดต่อสื่อสาร ๗ - ๑๔ การสนับสนุนทางอากาศยุทธวิธี ในระดับกองร้อย สิ่งที่ต้องถูกเพ่งเล็งเป็นการเฉพาะ ในการ สนับสนุนทางอากาศยุทธวิธีคือ การสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด ภารกิจในการสนับสนุนทางอากาศโดย ใกล้ชิดคือการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายข้าศึก ซึ่งอยู่ใกล้กําลังฝ่ายเรา ภารกิจในการสนับสนุนทางอากาศ โดยใกล้ชิดจะต้องมีการควบคุมอย่างระมัดระวัง เพื่อให้บรรลุผลสูงสุด ด้วยความเสี่ยงที่น้อยที่สุดของกําลัง ฝ่ายเรา ปกติแล้วจะทําการโจมตีต่อที่หมายที่ข้าศึกยึดครองอยู่ในการตั้งรับ การสนับสนุนทางอากาศโดย ใกล้ชิด จะทําการทําลายเป้าหมายในพื้นที่ระดมยิง และอาจจะทําการช่วยเหลือ เมื่อข้าศึกเข้าใกล้ที่มั่นในการ ตั้งรับ ก. ภารกิจในการสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด อาจจะเป็นการวางแผนล่วงหน้า (ที่กองพัน) หรือ จะเป็นไปตามเหตุการณ์ ปกติภารกิจที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าจะควบคุมโดยผู้ควบคุมอากาศยานหน้าของ ทอ. จะมีการใช้วิทยุพิเศษสําหรับหน่วยนี้ ผู้ควบคุมอากาศยานหน้าบนพื้นดินจะหาที่อยู่ของตนเอง สามารถ เห็นเป้าหมาย ถ้าผู้ควบคุมอากาศยานหน้าไม่มีหรือไม่สามารถมาถึงพื้นที่ตามเวลา นยส. หรือ ผตน. สามารถ ควบคุมภารกิจการสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิดนี้ ในระดับกองร้อย การสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด จะ ประกอบด้วยสิ่งสําคัญต่อไปนี้ ๑) ทําสัญญาณบอกหน่วยและยานยนต์ฝ่ายเดียวกัน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุการโจมตีฝ่ายเดียวกัน สิ่งนี้สามารถทําได้โดยใช้แผ่นผ้าสัญญาณ ควันสี หรือพลุสัญญาณ หรือเครื่องมือ อื่นใดที่ทําให้ทางอากาศ ทราบได้ ๒) กําหนดที่ตั้งของข้าศึกหรือเป้าหมาย เพื่อช่วยให้นักบินสามารถพิสูจน์ทราบได้ สิ่งนี้สามารถ ทําได้โดยกระสุนส่องวิถี ฟอสฟอรัสขาว ควัน หรือการส่องสว่างในเวลากลางคืน แผ่นผ้าสัญญาณและควัน หรือแสงสามารถที่จะใช้ชี้ไปยังข้าศึกจากที่ตั้งของฝ่ายเราได้ ๓) ใช้การยิงข่มอาวุธต่อสู้อากาศยานของข้าศึกเป็นภารกิจที่เร่งด่วน ในระหว่างมีการโจมตี ทําลายทางอากาศของฝ่ายเรา จรวดนําวิถีป้องกันภัยทางอากาศของข้าศึกและระบบปืนจะเป็นเป้าหมายที่มี คุณค่ายิ่งสําหรับอาวุธทางพื้นดินและการยิงข่ม การยิงข่มอาวุธต่อสู้อากาศยานของข้าศึกสามารถเพิ่มความอยู่ รอดให้แก่อากาศยานของฝ่ายเรา เนื่องจากจะทําให้อากาศยานเหล่านั้นมีความแม่นยําในการใช้อาวุธมากขึ้น และสามารถอยู่ในอากาศได้นานขึ้น ๔) ป้องกันและช่วยเหลือ ผู้ควบคุมอากาศยานหน้าบนพื้นดินถ้าจําเป็น ขอบเขตและความเร่งด่วน นี้จะขึ้นอยู่กับแนวทางในคําสั่งของกองพัน ตัวอย่างเช่น เมื่อกองร้อยทําหน้าที่เป็นส่วนนํา ผู้ควบคุมอากาศยาน หน้า อาจจะเคลื่อนที่ไปด้วยในรูปการดําเนินกลยุทธ์เชิงรุก กองร้อยจะให้การระวังป้องกันและเพิ่มเติม สป. ให้ผู้ควบคุมอากาศยานหน้าในขณะที่ยังคงอยู่กับกองร้อย ข. รูปที่ ๗ - ๓ จะเป็นตัวอย่างของคําขอการสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิดแบบ ๙ บรรทัด โดยจะ เตรียมข่าวสารที่ต้องการในเรื่องความปลอดภัย และการนําอากาศยานไปยังเป้าหมาย ข้อพิจารณานี้ควรที่จะ บันทึกย่อไว้สําหรับที่จะเติมคําร้องขอนี้ ๑) ในบางครั้งกระสุนกําหนดจุด จะไม่ยิงตรงไปยังเป้าหมาย ในกรณีนี้ผู้ที่ทําการร้องขอจะให้การ ปรับการยิงโดยเร็วที่สุดเมื่อกระสุนกระทบพื้น ตัวอย่างเช่น “ จากตําบลกระสุนตกไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ๑๕๐ เมตร ”


Click to View FlipBook Version