The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กองร้อยอาวุธเบา รส. 7-10

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by training7005, 2024-05-24 03:22:05

กองร้อยอาวุธเบา รส. 7-10

กองร้อยอาวุธเบา รส. 7-10

๑๐๖ ๖) ถ้าที่ตั้งของข้าศึกไม่สามารถอ้อมผ่านได้ ผู้บังคับหมวดที่ปะทะและผู้บังคับกองร้อยจะต้อง ปฏิบัติการเชิงรุกโดยฉับพลัน ผู้บังคับหมวดจะพยายามใช้การเข้าตีเจาะและทําลายที่ตั้งของข้าศึก ผู้บังคับ กองร้อยจะทําการประมาณสถานการณ์อย่างรวดเร็วและให้คําสั่งเป็นส่วน ๆ เพื่อที่จะทําให้แผนดําเนินการได้ ผู้บังคับกองร้อยไม่ควรที่จะใช้หมวดแบบกระจัดกระจาย โดยทําการประสานการปฏิบัติและการยิงซึ่งจะทําให้ สามารถเข้าตีข้าศึกด้วยอํานาจกําลังรบเต็มรูปแบบ ผู้บังคับกองร้อยควรที่จะดําเนินกลยุทธ์ในการโจมตีด้านปีก หรือด้านหลังของที่ตั้งของข้าศึก เมื่อข้าศึกถูกทําลายหรือถูกกดกองร้อยจะสามารถเคลื่อนที่ต่อไปยังที่หมายได้ ๗) เครื่องกีดขวางตามเส้นทางที่ทําการอ้อมผ่านหรือทําการเจาะแต่แรกนั้น ผู้บังคับกองร้อย จะต้องกําหนดหนทางที่ดีที่สุดที่จะจํากัดโดยไม่เสียแรงหนุนเนื่อง ผู้บังคับกองพันจะได้รับการรายงานถึงเครื่อง กีดขวางซึ่งจะมีผลกระทบต่อหน่วยที่เคลื่อนที่ตามมา หน่วยควรจะวางกําลังทหารช่างค่อนมาข้างหน้าเพื่อให้ สามารถใช้งานได้รวดเร็ว ๘) ถ้าส่วนสนับสนุน (จากกองร้อย) ถูกใช้ไป ควรที่จะมีการทดแทนก่อนที่ส่วนโจมตีจะเข้าถึงที่ เตรียมตะลุมบอน หน่วยสนับสนุนจะเริ่มการยิงไปยังที่หมายตามคําสั่งหรือเวลาที่กําหนดการยิงเล็งจําลองเพื่อ สนับสนุนจะมีการประสานสอดคล้องเพื่อให้กระสุนตกในเวลาเดียวกัน ค. การโดดเดี่ยวที่หมายและการเลือกที่เจาะ ปกติแล้วกองพันจะทําการแยกที่หมายให้โดดเดี่ยว เพื่อ กองร้อยรวม (อํานาจ) การรบไปยังที่มั่นแข็งแรงของข้าศึก (รูปที่ ๔ - ๑๗) ๑) กองร้อยจะทําการโดดเดี่ยวที่หมาย ในระหว่างที่ผู้บังคับหน่วยทําการลาดตระเวนด้วยการวาง ส่วนระวังป้องกันเพื่อป้องกันไม่ให้ข้าศึกเคลื่อนที่เข้าหรือออกจากที่หมาย ผู้บังคับกองร้อยจะต้องมั่นใจว่าหน่วย มีความเข้าใจว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไร ในบางครั้งอาจจะเพียงแต่เริ่มด้วยการเฝ้าตรวจและรายงานจนกว่า กองร้อยจะทําการจัดวางกําลังเตรียมเข้าโจมตีเมื่อถึงเวลาที่กําหนดหรือมีสัญญาณ ทหารจะเริ่มมาตรการใน การโดดเดี่ยวที่หมาย ๒) เมื่อได้ทําการโดดเดี่ยวที่หมายเรียบร้อยแล้ว ผู้บังคับกองร้อยจะเพ่งเล็งไปยังจุดที่จะทําการ เจาะหรือจุดที่โจมตี การโดดเดี่ยวที่หมายจะป้องกันมิให้ข้าศึกได้เพิ่มเติมกําลัง ณ ฐานการเจาะหรือทําการยิง กดต่อที่ตั้งหรืออาวุธที่มีพื้นการยิงและตรวจการณ์มายังที่เจาะ ส่วนสนับสนุนจะได้รับมอบความรับผิดชอบให้ ทําการโดดเดี่ยวที่หมาย ตอนที่ ๔ การเข้าตี ร้อย.อวบ.อาจปฏิบัติการเข้าตีโดยอิสระหรือเป็นส่วนหนึ่งของกองพัน ทั้งนี้การเข้าตีอาจเป็นแบบ เร่งด่วนหรือประณีตก็ได้ เนื่องจากความยุ่งยากในการควบคุมการยิง การนําทางการพิสูจน์ทราบกําลังฝ่าย เดียวกันและข้าศึก รวมทั้งทัศนวิสัยจํากัดต่อการเข้าตี ดังนั้นโดยปกติจะเข้าตีแบบประณีต ซึ่งต้องการ วางแผนและ ลว.อย่างละเอียด เมื่อได้รับคําสั่งเตือนจากกองพัน ผบ.ร้อย.เริ่มต้นดําเนินกรรมวิธีตามระเบียบ การนําหน่วยและเริ่มวางแผนของตนเอง ๔ - ๑๒ แบบการเข้าตี ร้อย.อวบ.ทําการเข้าตีเป็นส่วนหนึ่งของการยุทธ์ใดก็ได้ การตีโต้ตอบและการเข้าตี ยับยั้ง (การเข้าตีทําลายการเข้าตี) กล่าวไว้ในบทที่ ๕ การตีโฉบฉวยและซุ่มโจมตี กล่าวไว้ในบทที่ ๖ สําหรับ ในตอนนี้จะกล่าวเฉพาะการเข้าตีแบบเร่งด่วนและประณีต ก. การเข้าตีเร่งด่วน เมื่อ ร้อย.อวบ. เกิดการปะทะกับข้าศึก ร้อย.อวบ. อาจทําการเข้าตีเร่งด่วน ในขณะปะทะหน่วยจะต้องปฏิบัติการตอบโต้อย่างรวดเร็วที่สุด ด้วยการวางกําลัง กดดันข้าศึก เข้าตีผ่าน ช่องว่าง ทางปีกหรือจุดอ่อนของข้าศึก พร้อมทั้งรายงานสถานการณ์ให้ ผบ.หน่วยเหนือทราบ การเตรียมการ


๑๐๗ สําหรับเข้าตีเร่งด่วนกระทําเหมือนกับการเข้าตี ประณีต เพียงแต่เวลาและทรัพยากรที่สามารถใช้ได้ โดยทันทีมีอย่างจํากัด การฝึกเข้าตีระดับหมู่/มว. และระเบียบปฏิบัติประจําของกองร้อย จะสนับสนุนให้เกิด ความรวดเร็วทั้งการเตรียมการ และการปฏิบัติการเข้าตีเร่งด่วน ร้อย.อวบ.อาจทําการเข้าตีเร่งด่วนด้วยผล จากการเคลื่อนที่เข้าปะทะ การรบปะทะหรือโอกาสที่เกิดการปะทะระหว่างการเคลื่อนที่ นอกจากนี้อาจกระทํา ภายหลังประสพความสําเร็จในการตั้งรับ หรือปฏิบัติการเป็นส่วนหนึ่งของการรบด้วยวิธีรุก รวมทั้งใน สถานการณ์อื่น ๆ ที่ ร้อย.อวบ. มีโอกาสครองความริเริ่ม และปฏิบัติการรุกต่อกําลังข้าศึกที่ล่อแหลม ข. การเข้าตีประณีต โดยปกติ ร้อย.อวบ.ทําการเข้าตีประณีตโดยประสานเป็นส่วนหนึ่งของการเข้าตี ของกองพันด้วยการประยุกต์หลักพื้นฐานการยุทธ์ที่เหมือนกันทั้งการเข้าตีเร่งด่วนและประณีต รวมทั้ง ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็เช่นเดียวกัน สิ่งที่แตกต่างกันก็คือปริมาณการวางแผน การ ลว.การประสานงาน และ ระยะเวลาเตรียมการปฏิบัติ การเข้าตีประณีตมีการวางแผนที่รอบคอบ/แน่นอน โดยอยู่บนพื้นฐานข่าวสาร ในรายละเอียด ตลอดจนการ ลว. การเตรียมการและการซักซ้อมอย่างเพียงพอ การเข้าตีประณีตจะกระทําเมื่อ ข้าศึกมีการจัดเตรียมที่มั่นตั้งรับเป็นอย่างดี หรือเมื่อการเข้าตีเร่งด่วนไม่สามารถกระทําได้ ผบ.หน่วย มีเวลา เพียงพอทั้งในการประสานการยิงสนับสนุน การวิเคราะห์สถานการณ์และการประสานสอดคล้องในกิจกรรม ต่าง ๆ ค. การตีโฉบฉวย ถือเป็นการเข้าตีในลักษณะจู่โจมแบบหนึ่ง ซึ่งรวมทั้งแผนการถอนตัวจากที่หมาย ง. การซุ่มโจมตี เป็นการเข้าตีในลักษณะจู่โจมต่อหน่วยข้าศึกที่กําลังเคลื่อนที่หรือหยุดการเคลื่อนที่ ชั่วคราว ร้อย.อวบ. อาจทําการซุ่มโจมตีเป็นส่วนหนึ่งของการรบด้วยวิธีรุกหรือวิธีรับก็ได้ จ. การเข้าตียับยั้ง หรือการเข้าตีทําลายการเข้าตีเป็นการเข้าตีต่อที่หมายจํากัด เพื่อทําให้เกิดการ หน่วงเวลาให้ชักช้าทําให้เสียระเบียบในการสู้รบ หรือทําลายขีดความสามารถในการเข้าตีของข้าศึก ฉ. การตีโต้ตอบ เป็นการเข้าตีโดยกําลังฝ่ายตั้งรับเพื่อช่วงชิงความริเริ่ม หรือหยุดยั้งความสําเร็จใน การเข้าตีของข้าศึก ๔ - ๑๓ การพัฒนาแนวความคิดการรบด้วยวิ ธีรุก ภารกิจแถลงใหม่ (ที่กล่าวไว้ในบทที่ ๒) รวมทั้ง ข้อเท็จจริงที่สําคัญ และการพิจารณาอย่างมีเหตุผล เป็นสิ่งที่เพ่งเล็งในการพัฒนาแนวความคิดการรบด้วย วิธีรุก ก. การพัฒนาแนวความคิดเริ่มต้น ณ จุดแตกหักบนที่หมาย และกระทําย้อนกลับไปยังแนวออกตีใน ลักษณะเดียวกับการวางแผนย้อนกลับ ข้อพิจารณาประการแรกก็คือ การปฏิบัติแตกหัก ณ ที่หมาย หลังจาก นั้นจึงพิจารณาการปฏิบัติการเจาะ (ถ้าจําเป็น) กําหนดที่ตั้งส่วนสนับสนุนการรบ ส่วนโจมตี และส่วน ระวังป้องกัน รวมทั้งการ ลว. ของ ผบ.หน่วย การเข้ายึดครองจุดนัดพบ ณ ที่หมาย และการดําเนินกลยุทธ์จาก ที่ตั้งปัจจุบันของกองร้อยไปยังที่เตรียมตะลุมบอน เมื่อ ผบ.ร้อย. สามารถพิสูจน์ทราบจุดแตกหักได้แล้วก็จะ พัฒนาแนวความคิดการปฏิบัติของตนเองต่อไป ข. กําหนดจุดแตกหักและเวลาที่จะรวมอํานาจกําลังรบ ๑) แนวความคิดการปฏิบัติของ ผบ.พัน. และงานที่ ร้อย.อวบ.ได้รับมอบอาจระบุถึงจุดแตกหัก และเวลาเจาะจงที่แน่นอน ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงเมื่อ ร้อย.อวบ. เป็นความพยายามหลักของกองพัน ๒) ร้อย.อวบ. อาจได้รับมอบงานให้เป็นส่วนเข้าตีหลักในการเข้าตีของกองพัน ในกรณีเช่นนี้ จุดแตกหักของ ร้อย.อวบ. จะอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งใกล้เคียงกับที่หมาย (อาทิเช่น ภูมิประเทศสําคัญ ที่ตั้งข้าศึก ที่สําคัญ หรือที่บังคับการของข้าศึก) แนวความคิดการปฏิบัติของ ผบ.ร้อย. จะต้องพยายามก่อให้เกิดอํานาจ กําลังรบสูงสุด ณ จุดแตกหักนี้ เพื่อให้ภารกิจบรรลุผลสําเร็จ


๑๐๘ ๓) ในการรบด้วยวิธีรุกบ่อยครั้ง ที่มีการปฏิบัติวิกฤติตามลําดับหลายประการ ซึ่งจะต้องปฏิบัติให้ สําเร็จเพื่อให้บรรลุภารกิจของกองร้อยอย่างสมบูรณ์ ตัวอย่างเช่น การ ลว.ต้องค้นหาที่ตั้งข้าศึก และพิสูจน์ ทราบแผนการตั้งรับเพื่อชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อนของข้าศึกที่เป็นไปได้สําหรับการปฏิบัติการเจาะ ดังนั้นส่วนเจาะ ต้องประสพความสําเร็จในการเจาะเครื่องกีดขวางของข้าศึก เพื่อให้ส่วนโจมตีสามารถเข้าดําเนินกลยุทธ์ต่อ ที่หมายได้ และในสุดท้ายส่วนโจมตีต้องบรรลุความสําเร็จ ณ จุดแตกหัก ๔) ในขณะพัฒนาแนวความคิดการปฏิบัติ ผบ.ร้อย.จะต้องพิสูจน์ทราบการปฏิบัติวิกฤติ รวมทั้ง จุดแตกหักและเวลาที่ต้องรวมอํานาจกําลังรบให้ประสพความสําเร็จ หน่วยที่ได้รับมอบให้ปฏิบัติงานวิกฤติ ดังกล่าวนี้ จะถูกกําหนดให้เป็นความพยายามหลัก และได้รับการสนับสนุนด้วยกําลังส่วนที่เหลือของกองร้อย หน่วยรองที่ได้รับมอบการปฏิบัติวิกฤติขั้นสุดท้าย ซึ่งเป็นการปฏิบัติขั้นแตกหักที่ทําให้ภารกิจของกองร้อย ประสพความสําเร็จ จะถูกกําหนดให้เป็นส่วนเข้าตีหลัก ๕) ผบ.ร้อย. จะต้องพิสูจน์ทราบการปฏิบัติวิกฤติดังกล่าวนี้ และตกลงใจว่าเมื่อใดที่จะโยกย้าย ความพยายามหลัก ทั้งนี้แนวความคิดการปฏิบัติของ ผบ.ร้อย.จะต้องสนับสนุนความสําเร็จอย่างรวดเร็วในแต่ ละการปฏิบัติ การวางแผนและการปฏิบัติที่เหมาะสม จะส่งผลให้การปฏิบัติเกิดการประสานสอดคล้อง ในการ รวมอํานาจกําลังรบอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ณ ตําบลแตกหัก ซึ่งย่อมเกิดผลกระทบต่อข้าศึกเพิ่มขึ้น ตามลําดับ จนข้าศึกต้องสูญเสียอํานาจ (ศักยภาพ) การรบอย่างรวดเร็วและไม่มีความสามารถที่จะตอบโต้ส่วน เข้าตีหลัก ณ จุดแตกหัก ค. กําหนดผลที่ต้องการให้บรรลุ ณ จุดแตกหักเพื่อความสําเร็จภารกิจของกองร้อย โดยปกติความ มุ่งหมายที่แถลงไว้ในภารกิจของกองร้อย จะมีข้อความที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลที่ต้องการสําหรับส่วนเข้าตีหลัก อย่างไรก็ตามในบางครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างการปฏิบัติแบบแยกการ ผบ.ร้อย. จะต้องวิเคราะห์ สถานการณ์อย่างใกล้ชิดมากขึ้นในการกําหนดผลที่ต้องการ ง. กําหนดความมุ่งหมายที่จะให้สําเร็จด้วยความพยายามหลักและความพยายามสนับสนุนตลอดห้วง การปฏิบัติ (ความมุ่งหมายของความพยายามสนับสนุนจะต้องเชื่อมโยงอย่างชัดเจนกับความมุ่งหมายของ ความพยายามหลัก) ผบ.ร้อย.จะต้องหลีกเลี่ยงการใช้ส่วนเข้าตีหลักในการสนับสนุนด้านความพยายามหลักเร็ว เกินไป เนื่องจากจะเกิดความเสี่ยงในการที่ส่วนเข้าตีหลัก ไม่มีอํานาจกําลังรบอย่างเพียงพอ ณ จุดแตกหักและ เวลาที่จะรบแตกหัก ๑) ความมุ่งหมายของส่วนเข้าตีหลักมักจะได้จากการแถลงภารกิจของกองร้อย อย่างไรก็ตามใน บางครั้งความมุ่งหมายของกองร้อยอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อให้เหมาะสมกับ มว.เข้าตีหลัก แต่เมื่อ เปลี่ยนแปลงจะต้องมีความชัดเจนว่าความสําเร็จของส่วนเข้าตีหลักส่งผลต่อ ความสําเร็จของกองร้อย ๒) ความมุ่งหมายของความพยายามสนับสนุน จะกําหนดขึ้นจากสิ่งที่จะต้องกระทําให้สําเร็จ เพื่อ สนับสนุนความสําเร็จของความพยายามหลัก ตัวอย่างเช่น สนับสนุนความพยายามหลักในการดําเนินกล ยุทธ์ณ ที่หมาย สนับสนุนส่วนเจาะในการเจาะช่องเครื่องกีดขวาง ป้องกันการจู่โจมของข้าศึกต่อกําลังส่วน ใหญ่ หรือป้องกันข้าศึกตอบโต้การโจมตี ๓) ผบ.ร้อย. ใช้โครงร่างการรบด้วยวิธีรุกช่วยในการพัฒนาแนวความคิดการปฏิบัติของตนเอง ถึงแม้ว่าจะเพ่งเล็งไปยังการปฏิบัติแตกหักโดยส่วนเข้าตีหลักในพื้นที่ที่หมาย แต่การปฏิบัติของส่วนเข้าตี สนับสนุน ความต้องการด้านการ ลว.และระวังป้องกัน รวมทั้งกองหนุนที่ต้องการจะต้องเตรียมการไว้ด้วย เช่นเดียวกัน จ. กําหนดงานที่จําเป็นสําหรับแต่ละหน่วยรอง (ความพยายามหลักและความพยายามสนับสนุน) ซึ่งต้องการให้สําเร็จตามความมุ่งหมายที่กําหนดไว้


๑๐๙ ๑) เมื่อได้ประสานเชื่อมโยงความมุ่งหมายจะต้องกําหนดข้อความที่ชัดเจน สามารถปฏิบัติให้ สําเร็จผลได้ และระบุถึงภารกิจแตกหัก ทั้งนี้ภารกิจจะต้องชัดเจนเพ่งเล็งไปยังการปฏิบัติของหน่วยรองต่อ ที่หมาย กําลังข้าศึก และหน่วยทหารฝ่ายเดียวกัน ๒) กําหนดส่วนที่ตั้งส่วนเข้าตีหลักและเข้าตีสนับสนุน ที่จะรวมอํานาจกําลังรบ ณ ตําบลแตกหัก รวมทั้งความต้องการในการ ลว.พิสูจน์ทราบและระวังป้องกัน พร้อมทั้งพิจารณาถึงความต้องการกองหนุน และเครื่องมืออื่น ๆ ที่จะให้เกิดความอ่อนตัว ฉ. การจัดหน่วยเฉพาะกิจ (มว.และหมู่) เพื่อให้สําเร็จภารกิจ ๑) ผบ.ร้อย. แบ่งมอบทรัพยากรให้ความพยายามหลักเป็นลําดับแรกสุด และความพยายาม สนับสนุนเป็นลําดับต่อไป โดยปกติ ผบ.ร้อย. จะไม่จัดหน่วยเฉพาะกิจตํ่ากว่าระดับหมู่ อย่างไรก็ตามใน บางครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีกําลังอย่างจํากัด ผบ.ร้อย. อาจจัดหน่วยเฉพาะกิจที่ตํ่ากว่าระดับหมู่ก็ได้ ๒) ขนาดของการจัดหน่วยเฉพาะกิจอาจมีกําลังตั้งแต่ หมู่ ปล. ถึง มว.ปล.() ถ้าทรัพยากรมีไม่ เพียงพอที่จะให้เกิดความมั่นใจในสําเร็จภารกิจของความพยายามสนับสนุน อาจต้องปรับเปลี่ยนงานที่แบ่งมอบ ให้ ตัวอย่างเช่น ภารกิจเริ่มแรกทําหน้าที่เป็นส่วนระวังป้องกันทางปีกให้กับความพยายามหลักเพื่อป้องกัน การโอบ แต่อาจปรับเปลี่ยนให้ทําหน้าที่ส่วนกําบัง ซึ่งจะต้องปรับเปลี่ยนความมุ่งหมายความพยายามสนับสนุน ด้วยเช่นกัน ในกรณีเช่นนี้ความมุ่งหมายจะเปลี่ยนไปเป็น เพื่อจัดการแจ้งเตือนแต่เนิ่น และป้องกันข้าศึกจู่โจม ต่อความพยายามหลัก หรือถ้าภารกิจเริ่มแรกเป็นการสกัดกั้นแล้ว ภารกิจรั้งหน่วงอาจเป็นไปได้และยังคงทําให้ สําเร็จผลที่ต้องการได้ โดยไม่จําเป็นต้องปรับเปลี่ยนภารกิจและความมุ่งหมาย ช. กําหนดกองบังคับการบังคับบัญชาและควบคุมของแต่ละหน่วยเฉพาะกิจ ๑) ใช้ ผบ.มว.ทั้งหมดที่มีอยู่เป็น ผบ.หน่วยเฉพาะกิจ ถ้าต้องการ ผบ.หน่วยเพิ่มเติมก็จะใช้ รอง ผบ.มว. นายสิบประจํา มว. นยส.กองร้อย และ ผบ.หน่วย ของกองร้อยอื่น ๆ ตามความจําเป็น ๒) เมื่อไม่สามารถใช้ ผบ.หน่วยอาวุโสตามที่กล่าวมาแล้ว ก็อาจจัด ผบ.หมู่อาวุโสเป็น ผบ.หน่วย เฉพาะกิจหรือถ้ากองร้อยมีกองหนุนไม่เกิน ๑ หมู่ () ก็อาจกําหนดให้ ผบ.หมู่เป็น ผบ.หน่วยเฉพาะกิจ (กองหนุน) ซ. การจัดเฉพาะกิจให้เกิดความสมบูรณ์ โดยกําหนดการใช้หน่วยในอัตราและหน่วยสมทบที่มีอยู่ ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่เกี่ยวพันกับ นยส.เสนารักษ์ และหน่วยสมทบอื่น ๆ ผบ.ร้อย.อาจจัดส่วน งานดังกล่าวนี้ให้ขึ้นสมทบกับหน่วยรอง ซึ่งสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หรือจัดเตรียมไว้ให้เกิด ความอ่อนตัวสูงสุด ด. กําหนดมาตรการควบคุมที่มีความชัดเจน และสนับสนุนความสําเร็จของภารกิจที่ได้รับ ๑) กําหนดเวลาของเหตุการณ์ และการใช้มาตรการควบคุม (เส้นหลักการรุก เส้นแบ่งเขต ฐานออกตี ที่มั่นสนับสนุน ที่หมาย…..) ในการที่จะทําให้การปฏิบัติรองมีความประสานสอดคล้องโดยไม่ จํากัดความริเริ่ม ๒) มาตรการควบคุมที่แน่นอนจะเพิ่มความปลอดภัยให้แก่หน่วย ซึ่งรวมไปถึงมาตรการควบคุม การยิง ระเบียบปฏิบัติ สัญญาณหรือเครื่องหมายพิเศษที่มั่นใจว่าความเข้าใจตรงกัน ต. ส่วนที่มีความสําคัญของแนวความคิด ก็คือการปฏิบัติ ณ จุดแตกหัก จะต้องสมบูรณ์ การเพ่งเล็ง ในขั้นต่อไปของการพัฒนาแนวความคิดก็คือต้องทุ่มเทนํ้าหนักให้แก่ความพยายามหลัก ผู้บังคับกองร้อย สามารถทุ่มเทนํ้าหนักให้แก่ ความพยายามหลักได้หลายวิธี ได้แก่ ๑) สมทบหมู่หรืออาวุธเพิ่มเติม ๒) มอบความเร่งด่วนในการยิงและกําหนดความเร่งด่วนของเป้าหมายให้


๑๑๐ ๓) กําหนดความเร่งด่วนในการสนับสนุน (สนับสนุนการรบ สนับสนุนการช่วยรบ) เช่น มีความ เร่งด่วนลําดับ ๑ ในการใช้ทหารช่าง ๔) จํากัดพื้นที่รับผิดชอบของความพยายามหลัก โดยให้หน่วยมุ่งเน้นเพียงการปฏิบัติที่วิกฤติ ตัวอย่างเช่นมอบหมายงานการระวังป้องกันความพยายามหลัก ให้แก่ความพยายามสนับสนุน ๕) กําหนดที่ตั้งของทรัพยากรอื่น ๆ ในพื้นที่ของความพยายามหลัก เพื่อสนับสนุนความพยายาม หลักที่มุ่งเน้นไปยังการปฏิบัติที่เด็ดขาด ๖) ให้เวลาเพิ่มเติมในการเตรียมการ การซักซ้อม และการลาดตระเวน ถ. การปฏิบัติต่อไปนี้จะทําให้การพัฒนาแนวความคิดในการรุกที่สมบูรณ์ ๑) ทําแผนเคลื่อนย้ายให้สมบูรณ์ สิ่งนี้จะกําหนดการเคลื่อนที่ของหน่วยทั้งหมดจากที่ตั้งปัจจุบัน ไปจนถึงขั้นการเสริมความมั่งคง หนทางปฏิบัติในการขยายผลควรที่จะได้มีการพิจารณาเส้นทาง ลําดับการ เคลื่อนที่ เวลาและความต้องการในการระวังป้องกันและควบคุมต้องได้รับการพิจารณาและกําหนดให้มีความ เหมาะสม ๒) ทําแผน การลาดตระเวนและการระวังป้องกันให้สมบูรณ์ ความต้องการในการลาดตระเวนและ การระวังป้องกัน ณ ที่หมายอาจจะสมบูรณ์ แต่ผู้บังคับกองร้อยควรที่จะพิจารณาความต้องการทั้งหมดนี้ตลอด ทั้งภารกิจ สิ่งใดบ้างที่เป็นความต้องการในการระวังป้องกันในระหว่างการเคลื่อนที่ ที่จุดนัดพบ ณ ที่หมายและ ในระหว่างการเสริมความมั่นคง ในการปฏิบัติการลาดตระเวนของกองร้อยจะต้องทําการเพ่งเล็งไปยังการ ปฏิบัติที่แตกหัก แต่บางครั้งอาจจะรวมไปถึงการลาดตระเวนเส้นทางทั้งหมด พื้นที่อันตราย ภูมิประเทศสําคัญ หรือสถานที่อื่น ๆ ที่มีความวิกฤติต่อภารกิจ ผู้บังคับกองร้อยจะทําการจัดลําดับความเร่งด่วนของความต้องการ เหล่านี้และมอบหมายให้แก่หน่วยที่จะทํางานนี้ให้สําเร็จ ๓) ทําแผนการยิงให้สมบูรณ์ ผู้บังคับกองร้อยจะทําการวางแผนการยิงเล็งตรงและเล็งจําลองใน รายละเอียดให้เป็นไปตามสถานการณ์ แผนการยิงจะต้องกําหนดทุกขั้นตอนในการเข้าตีโดยจะรวมเอาการเข้า ประชิดไปยังที่หมาย การปฏิบัติ ณ ที่หมาย ภารกิจเผชิญเหตุและแผนการเสริมความมั่นคง ในบางเวลา สถานการณ์อาจจะไม่ต้องการวางแผนในระดับกองร้อยมากนัก แต่จะมีความต้องการในระดับหมวดมากกว่า ผู้บังคับหมวดปืนเล็กจะกระทําการประสานแผนการยิงซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติเป็นประจํา ๔) ทําการพัฒนาแผน สนับสนุนการช่วยรบ ผู้บังคับกองร้อยต้องวางแผนในการส่งกลับผู้ป่วยเจ็บ การเพิ่มเติมสิ่งอุปกรณ์ การขนย้ายเป้หลังและยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ผู้บังคับกองร้อยต้องวางแผนสําหรับการส่ง สิ่งอุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ ที่ต้องการสนับสนุนการเข้าตีหรือการปฏิบัติการต่าง ๆ ที่ตามมา และจะต้อง พิจารณาผลกระทบที่เกิดจากนํ้าหนักบรรทุกของทหารต่อภารกิจ และตามปกติแล้วจะมีการเพิ่มเติมคําแนะนํา เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทหารจะบรรทุกแต่ของที่ต้องการเท่านั้น อาจจะต้องวางแผนในการขนส่งสิ่งของต่าง ๆ ซึ่ง โดยปกติแล้วจะอยู่ที่ขบวนสัมภาระของกองพัน เพื่อที่จะสามารถดํารงไว้ซึ่งแรงผลักดันของการเข้าตีหรือ เตรียมการในการป้องกันต่อการตีโต้ตอบของข้าศึก ๕) วางแผนเผชิญเหตุที่น่าจะเกิด ผู้บังคับกองร้อยจะต้องมีการวางแผนล่วงหน้าในสิ่งที่อาจจะ เกิดขึ้นได้ เช่น การปฏิบัติเมื่อถูกตรวจพบระหว่างการแทรกซึมหรือในเหตุการณ์ที่มีการคุกคามเพิ่มขึ้นของ อาวุธเคมีจากการโจมตีของข้าศึก ๔ - ๑๔ การปฏิบัติ ณ ที่หมาย ที่หมายของกองร้อยจะมีหลายลักษณะโดยอาจจะเป็นพื้นที่สังหารของการ ซุ่มโจมตีหรือที่มั่นแข็งแรงที่ซับซ้อนในสภาพแวดล้อมของพื้นที่สิ่งปลูกสร้าง ในทุก ๆ กรณี การปฏิบัติของ กองร้อย ณ ที่หมายจะมีความวิกฤติ ดังนั้นจึงเป็นจุดศูนย์รวมไปยังแนวความคิดของผู้บังคับบัญชา การ พัฒนาแนวความคิดจะเริ่มต้นจากจุดแตกหัก ณ ที่หมาย ภารกิจของหน่วยรองทุกหน่วยจะรวมศูนย์ไปยังการ ปฏิบัติ


๑๑๑ ของความพยายามหลัก ณ จุดแตกหัก การประมาณสถานการณ์ของผู้บังคับบัญชาจะกําหนดว่าข้อพิจารณา ใดบ้างที่จะต้องรวมไว้สําหรับการปฏิบัติ ณ ที่หมาย ก. การปฏิบัติ ณ ที่หมายของกองร้อยจะปฏิบัติโดยชุด หมู่ หมวด การปฏิบัติอาจจะเป็นการเจาะ สิ่งกีดขวางของข้าศึก การทําลายป้อมสนาม การกวาดล้างสนามเพลาะ การค้นหาเชลยศึก การให้การรักษา และส่งกลับผู้ป่วยเจ็บ การสนับสนุนด้วยการยิง และงานอื่น ๆ งานต่าง ๆ เหล่านี้มีอยู่ใน รส.๗ – ๘ ว่าด้วย หมู่ หมวด ทหารราบ ข. เพื่อให้แนวความคิดมีความสมบูรณ์ ผู้บังคับกองร้อยจะต้องมีความมั่นใจว่าตนเองมีความเข้าใจ เป็นอย่างดีว่าอะไรจะต้องเกิดขึ้น ณ ที่หมาย ที่กองร้อยจะต้องปฏิบัติให้ภารกิจสําเร็จ จากนั้นจะมอบหมายงาน และทรัพยากรเพื่อให้ภารกิจมีความสมบูรณ์โดยจะต้องกําหนดปริมาณของรายละเอียดที่ต้องการในการควบคุม และการประสานสอดคล้องของการปฏิบัติของหน่วยรอง มาตรการดังกล่าวจะกําหนดให้มีความง่ายมากที่สุด เท่าที่เป็นไปได้ ๑) ปริมาณการควบคุมที่ต้องการจะแปรเปลี่ยนไปตามพื้นฐานของสถานการณ์ ในทุกการ ปฏิบัติการ มาตรการควบคุมที่จําเป็นเท่านั้นนอกนั้นควรนํามาใช้ให้น้อยที่สุดการควบคุมที่กําหนดให้แก่หน่วย จะมีความสัมพันธ์ต่อการเข้าตีหลัก วิธีการควบคุมที่กล่าวมาจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อมีการสู้ รบเกิดขึ้น ก) การลาดตระเวนที่มีประสิทธิภาพจะเป็นการเตรียมการควบคุมให้ผู้นําหน่วยมีความมั่นใจใน สถานการณ์และผลกระทบที่เกิดจากภูมิประเทศที่เกิดขึ้นกับหน่วยในระหว่างการปฏิบัติ ข) การซักซ้อมจะเป็นวิธีการที่ดีเลิศ ในการสร้างความมั่นใจในการควบคุมระหว่างการ ปฏิบัติการซักซ้อมแบบเต็มอัตราจะเป็นสิ่งสําคัญยิ่งในความสําเร็จของการเข้าตีประณีต สิ่งนี้จะสนับสนุนการ ประสานสอดคล้อง ๒) การประสานสอดคล้อง จะถูกเตรียมไว้ให้สัมพันธ์กับส่วนเข้าตีหลัก ถ้าส่วนสนับสนุนมีความ เข่าใจชัดเจนในเจตนารมณ์ของผู้บังคับบัญชาในเรื่องการยิงก็จะเตรียมการสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพได้ดีกว่า ถ้าผู้บังคับกองร้อยได้จัดทําตารางเวลาโดยละเอียด ก็จะสามารถเคลื่อนที่เริ่มการยิง เคลื่อนหรือย้ายฐานยิงตาม การปฏิบัติของความพยายามหลัก ในทํานองเดียวกันกองหนุนจะสามารถเคลื่อนย้ายหรือปรับเปลี่ยนที่ตั้งใหม่ โดยจะขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของความพยายามหลัก ค. ในย่อหน้าที่ ๔ - ๑๘ จะแถลงถึงการปฏิบัติของกองร้อย ณ ที่หมายในการเข้าตีต่อที่มั่นดัดแปลง ของข้าศึก หลักการพื้นฐานและข้อพิจารณาสําหรับที่มั่นที่มีความซับซ้อนจะได้รับการประยุกต์สําหรับที่หมาย อื่น ๆ ที่กองร้อยมักจะได้รับมอบ ๔ - ๑๕ การจัดระเบียบใหม ่ การจัดระเบียบใหม่ของหมวด ตอน หมู่ ก็เพื่อที่จะปฏิบัติภารกิจต่อไป สิ่งนี้ควร จะเป็นขบวนการที่ต่อเนื่องและควรที่จะอยู่ในระเบียบปฏิบัติของกองร้อย ในระหว่างการจัดระเบียบใหม่ผู้บังคับ หมวดแต่ละหมวดจะรายงานสถานการณ์ ที่ตั้ง การสูญเสีย สถานภาพกระสุนไปยังผู้บังคับกองร้อย ผู้บังคับ กองร้อยก็จะรายงานในทํานองเดียวกันให้ผู้บังคับกองพัน กระสุนจะได้รับการแจกจ่ายทดแทนและหน่วยจะ ได้รับการเพิ่มเติมสิ่งอุปกรณ์ต่างๆ ผู้ที่บาดเจ็บจะได้รับการปฐมพยาบาลและได้รับการส่งกลับไปส่วนหลัง ตําแหน่งที่สําคัญจะได้รับการทดแทน (ผู้บังคับหน่วยหรืออาวุธ) เชลยศึกจะได้รับการดําเนินการตามขั้นตอน และถูกส่งกลับไปยังตําบลรวบรวมเชลยศึก ข่าวสารและสิ่งของเชลยศึกจะถูกรวบรวมและรายงาน กองร้อยจะ ทําการจัดระเบียบใหม่หลังจากการเข้าตี แต่อาจจะไม่ได้รับการเสริมความมั่งคงเสมอไป ๔ - ๑๖ การเสริ มความมั ่นคง สิ่งนี้จะเป็นการจัดระเบียบและกําหนดที่ตั้งให้แก่หมวดและอาวุธ ณ ที่หมาย ที่ยึดได้ใหม่แล้วทําการตั้งรับเพื่อป้องกัน การตีโต้ตอบ ผู้บังคับกองร้อยควรที่จะวางแผนในการเสริม


๑๑๒ ความมนั่คงหลงัจากการเขา้ตไีวเ้สมอ กองรอ้ยอาจจะไม่ไดเ้สรมิความมนั่คงถา้ไม่สามารถบรรลุวตัถุประสงคท์ ่ี ไดร้บัหรอืกองรอ้ยมโีอกาสและอาํนาจ (ศกัยภาพ) ในการรบเพยีงพอทจ่ีะขยายผลเพ่อืใหก้ารเขา้ตปีระสพ ผลสาํเรจ็โดยยงัคงอยใู่นโครงสรา้งแนวความคดิของกองพนั ก. ผบู้งัคบักองรอ้ย จะกาํหนดถา้ภารกจิหรอืสถานการณ์บบีบงัคบัใหก้องรอ้ยตอ้งทาํการเสรมิความ มนั่คง ณ ทห่ีมายถา้มีผบู้งัคบักองรอ้ยอาาจจะกาํหนดใหก้องรอ้ยทาํการเสรมิความมนั่คงในภมูปิระเทศ ขา้งเคยีงหรอืถอนตวักลบัไปยงัจุดนดัพบ ณ ทห่ีมาย ขอ้เสยีของการเสรมิความมนั่คง ณ ทห่ีมาย ไดแ้ก่ ขา้ศกึ มคีวามคุน้เคยต่อภูมปิระเทศซง่ึการตโีตต้อบหรอืการยงิเลง็จาํลองอาจจะมกีารเตรยีมการไวเ้รยีบรอ้ยแลว้ ข. ขอ้พจิารณาในการวางแผนของการเสรมิความมนั่คง ณ ทห่ีมายจะมลีกัษณะคลา้ยกบัการตงั้รบั รอบตวั (บทท่ี๕) ผบู้งัคบักองรอ้ยจะกาํหนดแต่ละสว่นของทห่ีมายกองรอ้ยใหแ้ต่ละหมวดในการเสรมิความ มนั่คง โดยจะกาํหนดภารกจิและทต่ีงั้ใหแ้กแ่ต่ละหน่วยรองดว้ย นอกจากน้ีจะกาํหนดความพยายามหลกัและ กองหนุน เพ่อืใหม้นั่ ใจว่าทุกหน่วยจะทราบความรบัผดิชอบและทต่ีงั้ของตนเอง ผบู้งัคบักองรอ้ยจะรวบรวม เคร่อืงมอืทส่ีนบัสนุนเขา้มาในการตงั้รบัเม่อืมเีวลาจาํกดัผบู้งัคบักองรอ้ยจะใชว้ธิรีะบบนาฬกิาหรอืลกัษณะ ภูมปิระเทศในการเสรมิความมนั่คงได้ ๑) วธิรีะบบนาฬกิา ผบู้งัคบักองรอ้ยจะทาํการแบ่งทห่ีมายออกเป็นสว่น ๆ เหมอืนกบันาฬกิา (รปูท่ี๔ - ๑๔) ทศิทาง ๑๒ นาฬกิาอาจจะใชท้ศิทางจากเขม็ทศิหรอืทศิทางของขา้ศกึกไ็ด้จากนนั้จะกาํหนด สว่นใหแ้ต่ละหมวดมพีน้ืทแ่ีบบสว่นของเวลา รปูท ี่ ๔ - ๑๔ วิธีตามระบบเวลา ๒) วธิกีารใชล้กัษณะภูมปิระเทศ ผบู้งัคบักองรอ้ยจะมอบภมูปิระเทศทส่ีามารถมองเหน็ไดง้่าย ๒ แห่ง ใหแ้ต่ละหมวด ในการทจ่ีะเป็นเขตจาํกดัทางดา้นขวาและดา้นซา้ยของพน้ืทห่ีรอืทม่ีนั่รบ (รปูท่ี๔ - ๕)


๑๑๓ ค. ในระหว่างการเสรมิความมนั่คง จะมีการพฒันาการระวงัป้องกนั (ตําบลตรวจการณ์และ การลาดตระเวนระวงัป้องกนั) หมวดและพลประจาํอาวุธต่างๆ จะจดัวางในตําแหน่งทค่ีุม้ครองเสน้ทางทน่ี่าจะ เป็นเสน้ทางในการเขา้ประชดิพน้ืการยงิจะมกีารปรบัใหด้ทีม่ีนั่ ในการรบจะตอ้งมกีารเตรยีม สว่นการสนบัสนุน การช่วยรบจะมกีารเคล่อืนยา้ยไปขา้งหน้า สว่นผบู้าดเจบ็และเชลยศกึจะถูกสง่กลบัไปดา้นหลงั (บทท่ี๘) การ ปฏบิตัใินการจดัระเบยีบใหม่อ่นืๆ จะเกดิขน้ึดว้ย การยงิเลง็จาํลองจะมกีารประสานงานเพมิ่ขน้ึและแนวจาํกดั การยงิจะมกีารปรบัใหม่ รปูท ี่ ๔ - ๑๕ วิธีการใช้ลกัษณะภมูิประเทศ ๔ - ๑๗ การยิงสนับสนุน แผนน้ีจะมกีารพฒันาควบค่ไูปกบักลอุบายในการดาํเนินกลยุทธ์นายทหารการยงิ สนบัสนุนจะรวมอาํนาจการยงิ โดยขน้ึอย่กูบัแนวทางของผบู้งัคบักองรอ้ย ทจ่ีะสนบัสนุนการดาํเนินกลยุทธข์อง กองรอ้ยตลอดทงั้การปฏบิตักิาร ผลลพัธท์ต่ีอ้งการคอืความมนั่ ใจว่าการยงิเลง็จาํลองทงั้หมดจะมกีารประสาน สอดคลอ้งและสง่ผลกระทบอย่างมหาศาลต่อขา้ศกึสง ิ่ ดงักล่าวจะเกดิขน้ึไดด้ว้ยการเตรยีมวางแผนเป้าหมาย ในตําแหน่งทถ่ีูกตอ้ง ซง่ึในการใชอ้าวธุเลง็ไปยงัเป้าหมายใหด้ทีส่ีดุนนั้จะตอ้งใชช้นิด และชนวนของกระสนุ ผสมกนัไดอ้ย่างเหมาะสม และความรบัผดิชอบในการยงิทห่ีมายจะถูกกาํหนดโดย ผตู้รวจการณ์หน้าทอ่ีย่ทู่ี ตําบลทถ่ีูกตอ้งและมคีวามเขา้ใจว่าจะทาํการ การประสานสอดคลอ้งต่อเป้าหมายอย่างไรในการสนบัสนุนการ ดาํเนินกลยุทธ์ ก. ในการวางแผนการยงิโดยปกตแิลว้จะอย่เูหนือกว่าระดบักองรอ้ย เม่อืนายทหารการยงิสนบัสนุน เรม ิ่ การวางแผน ปกตแิลว้จะมบีญัชเีป้าหมายของกองพนัความเร่งดว่นของการยงิและทต่ีงั้ของเป้าหมาย ตามลาํดบัความเร่งดว่นของกองพนัและแนวทางของผบู้งัคบับญัชาในการใชเ้คร่อืงมอืในการยงิเลง็จาํลอง ข. แผนการยงิของกองรอ้ย จะเป็นขบวนการทต่ี่อเน่ืองโดยเรม ิ่ จากกองพนัผบู้งัคบักองรอ้ยและ นายทหารการยงิสนบัสนุนของกองรอ้ยจะกาํหนดเป้าหมายเพม ิ่ เตมิพฒันาความเร่งด่วนในการยงิของกองรอ้ย หรอืการกาํหนดความเร่งด่วนของทห่ีมายหรอืกาํหนดการแบ่งมอบทรพัยากรใหแ้ก่หมวด


๑๑๔ ค. การยิง เป็นแผนในการยิงสนับสนุนทุก ขั้นตอนในการเข้าตี การเข้าประชิดการจัดวางกําลัง เพื่อโจมตี การสนับสนุน การระวังป้องกันที่ตั้ง การแยกที่หมายและฐานเจาะ การโจมตีและการเสริมความ มั่นคงหรือการขยายผล ที่หมายจะถูกวางแผนไว้บนที่ตั้งที่ทราบหรือคาดไว้ของข้าศึก ซึ่งอาจจะมีการวางแผน ไว้บนเส้นทาง การเข้าประชิดหรือลักษณะภูมิประเทศที่เด่นชัดเพื่อให้เกิดความอ่อนตัว ง. การยิงเล็งจําลองจะถูกวางแผนไว้เพื่อกด เพื่อกําบัง ทําให้ข้าศึกหมดความสามารถทําลายลวงหรือ แบ่งแยกกําลังของข้าศึก ควันหรือระเบิดควันจะถูกใช้เพื่อทําการกําบังกองร้อยในระหว่างการเคลื่อนที่ข้าม พื้นที่อันตรายหรือในขณะทําการเจาะเครื่องกีดขวาง และสามารถที่จะใช้ตัดขาดที่หมายออกโดยการป้องกัน การเพิ่มเติมกําลังหรือส่วนการตีโต้ตอบ จ. การจัดลําดับความเร่งด่วนในการยิงของกองร้อย เพื่อที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งในการร้องขอการ ยิงระหว่าง ๒ หน่วยที่ขอมาในเวลาเดียวกัน การจัดความเร่งด่วนที่แตกต่างให้แก่แต่ละระบบการสนับสนุนการ ยิงดังตัวอย่างเช่น ความเร่งด่วนการยิงของปืนใหญ่ให้แก่หมวด ๑ หมวด ๒ หมวด ๓ ความเร่งด่วนในการยิง ของ ค. ให้แก่ หมวด ๒ หมวด๑ หมวด ๓ ฉ. ความเร่งด่วนในการจัดเป้าหมายเพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า เป้าหมายที่มีความวิกฤติจะได้รับ การจัดเป็นความเร่งด่วนอันดับ ๑ ในการโจมตี เมื่อมีการแบ่งมอบความเร่งด่วนของเป้าหมายจากกองพัน ผู้บังคับกองร้อยอาจจะเลือกปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งคือ กําหนดว่าเป้าหมายใดจะเป็นเป้าหมายที่มีความ เร่งด่วนหรืออาจจะแบ่งมอบอํานาจการยิงดังกล่าวให้แก่หมวดใดหมวดหนึ่งในการวางแผน โดยปกติแล้วในการ เข้าตี ผู้บังคับกองร้อย จะเป็นผู้กําหนดความเร่งด่วนของเป้าหมายอาจจะมีการเลื่อนหรือย้ายการยิงในระหว่าง การปกิบัติการเพื่อสนองตอบการยิงของเป้าหมายที่มีความวิกฤติของในแต่ละขั้นตอนของการเข้าตี ผู้บังคับ กองร้อยอาจจะกําหนดความรับผิดชอบในการตรวจการณ์และร้องขอการยิงให้แต่ละเป้าหมายที่มีความเร่งด่วน หน่วยยิงควรที่จะทราบว่าเมื่อใดที่เป้าหมายที่มีความเร่งด่วนจะมีการเลื่อน ดังนั้นจึงควรที่จะเฝ้าฟังข่ายการ บังคับบัญชา ซึ่งจะทําให้สามารถย้ายการยิงไปยังเป้าหมายที่มีความเร่งด่วนต่อไปเมื่อต้องการ ช. การยิงกดต่อระบบอาวุธของข้าศึก ณ ที่หมายในระหว่างการเข้าตีมักจะเป็นภารกิจสําคัญของ การวางแผนการยิงของกองร้อย ผู้บังคับกองร้อยจะต้องกําหนด (ถ้าผู้บังคับกองพันไม่ได้กําหนด) เวลาที่จะเริ่ม การยิงเล็งจําลองบนที่หมาย ถ้ากองร้อยถูกตรวจจับ การยิงดังกล่าวอาจจะเริ่มก่อนเวลาที่วางแผนไว้ โดยที่ จะต้องกําหนดในการเลื่อนการยิงออกไปเพื่อป้องกันการยิงถูกหน่วยทหารฝ่ายเดียวกันด้วย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ จะขึ้นอยู่กับแนวปืนและที่หมาย ความแม่นยําของระบบการยิง รัศมีที่กระจายของกระสุนตกและความสามารถ ของอาวุธเล็งตรงในการยิงกดข้าศึก โดยปกติแล้วการสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิดและการยิงของปืนใหญ่ จะต้องเลื่อนการยิงก่อน ค.๘๑ หรือ ค.๖๐ ในบทที่ ๗ จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมในการใช้อาวุธเล็งจําลองใกล้ต่อ ทหารฝ่ายเดียวกัน ซ. ที่ตั้งในการยิงของ ค. กองร้อยจะถูกเลือกในระหว่างการวางแผนการยิง โดยจะต้องพิจารณารวม เอาระยะยิงหวังผลไกลสุด แนวปืนและที่หมายที่ต้องการ แผนในการเคลื่อนย้ายกระสุน การควบคุมและ การระวังป้องกันที่ต้องการ ๑) ถ้า ค. สามารถสนับสนุนการเข้าตีจากที่ตั้งปัจจุบันใกล้แนวออกตี สิ่งนี้จะช่วยลดปัญหาในการ ขนส่งกระสุน ข้อดีจากที่ตั้งนี้คือกระสุนจะถูกแบกหามไปข้างหน้าเพื่อลดความต้องการในการขนย้ายเพิ่มเติม เป็นพิเศษที่จะนําไปสู่ที่ตั้งยิงและบุคคลที่ทําการระวังป้องกันจุดนัดพบ ณ ที่หมายจะให้การระวังป้องกัน ที่ตั้ง ยิงของ ค. ข้อเสียจะประกอบด้วยที่ตั้งของ จุดนัดพบ ณ ที่หมายควรจะมีการปรับให้เข้ากับที่ตั้งยิงของ ค. และ ค. น่าที่จะทําการยิงแบบใช้ศูนย์อํานวยการยิงมากกว่าที่จะใช้การวางพื้นยิงโดยเล็งตรง


๑๑๕ ๒) ทางเลือกอื่น ๆ คือการกําหนดที่ตั้ง ของ ค. ร่วมกับหน่วยสนับสนุน การปฏิบัตินี้ต้องการ การเคลื่อนย้ายกระสุนเพิ่มเติม แต่การควบคุมและการระวังป้องกันของ ค. จะดีกว่าที่ตั้งเดิม สิ่งนี้จะดูเหมือนจะ ช่วยในการวางพื้นยิงโดยวิธีเล็งตรง เพราะที่ตั้งในการสนับสนุนจะอยู่ในแนวสายตาไปยังที่หมาย ด. ผู้บังคับกองร้อย จะต้องมีความมั่นใจว่าแผนการยิงของกองร้อยจะได้รับการสนับสนุนด้วย มาตรการควบคุมที่เหมาะสม ความเข้าใจในความรับผิดชอบจะต้องมีความชัดเจน ทัศนสัญญาณต้องมีการ เตรียมไว้สําหรับการปฏิบัติที่วิกฤติ ดังเช่นการเริ่ม หยุดและเลื่อนย้ายการยิง ต. เครื่องบินปีกหมุนโจมตี การสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด อาวุธต่อสู้อากาศยานอาจจะใช้ในการ เพิ่มเติมการยิงสนับสนุน ตามปกติแล้วกองพันจะเป็นผู้วางแผนและควบคุมการยิงสนับสนุนชนิดนี้ โดยที่ กองร้อยจะเป็นผู้ร้องขอ ตอนที่ ๕ เทคนิคในการเข้าตี การโจมตีต่อที่มั่นดัดแปลงของข้าศึกและการเข้าตีเมื่อทัศนวิสัยจํากัดจะเป็น ๒ การเข้าตีที่มีความ จําเป็นต้องใช้กองร้อยอาวุธเบาปฏิบัติมากที่สุด หลักการพื้นฐานและเทคนิคต่าง ๆ ที่จะแถลงในตอนนี้จะช่วย ผู้บังคับกองร้อยในการวางแผน การเตรียมการและการปฏิบัติในการเข้าตี ๔ - ๑๘ การเข้าตีต่อที่มั ่นดัดแปลง ที่หมายในการเข้าตีที่ยากที่สุดของกําลังเดินเท้าคือการยึดและกวาดล้าง ที่มั่นดัดแปลงของข้าศึกที่มีเครื่องกีดขวางและป้อมสนามอย่างสุมบูรณ์ ผู้บังคับกองร้อยจะใช้เทคนิคที่เลี่ยงการ เข้าตีต่อส่วนที่แข็งแกร่งของข้าศึก ดังนั้นจึงต้องพิสูจน์ทราบและเข้าตีต่อส่วนที่อ่อนแอของการตั้งรับ ผู้บังคับ กองร้อยจะทําการลวงข้าศึกในส่วนที่เป็นจุดของความพยายามหลัก โดยจะใช้การจู่โจมเพื่อให้เกิดความ ได้เปรียบในการริเริ่มที่จะกําหนดเวลาและสถานที่ในการเข้าตี ผู้บังคับกองร้อยจะพยายามใช้การเข้าประชิด โดยการอ้อม เพื่อเข้าตีต่อปีกหรือด้านหลังของข้าศึกที่เปิดเผยขบวนการพัฒนาแนวความคิดแถลงไว้ในย่อ หน้าที่ ๔-๑๓ ซึ่งจะชี้เฉพาะลงไปในภารกิจของหน่วยรองและรายละเอียดในการวางแผนเข้าตี การเข้าตี ประณีตต่อที่มั่นดัดแปลงมักจะใช้การปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้ การลาดตระเวน และพัฒนาแนวความคิด การเคลื่อนที่ไปยังที่หมาย การแยก ที่หมายออกแล้วเลือกบริเวณที่จะทําการเจาะ ขยายผลการเจาะและกวาดล้างที่หมาย ก. การลาดตระเวนที่หมาย ผู้บังคับกองร้อยอาจจะทําการสํารวจด้วยตนเองหรือจะให้ผู้อื่นทําก็ได้ การลาดตระเวนจะต้องสามารถพิสูจน์ทราบถึงที่ตั้งข้าศึก (อาวุธ และพลยิง ที่ตั้ง การบังคับบัญชาและการ ควบคุม ยานพาหนะ) ระดับในการเตรียมการช่องว่างของการตั้งรับ จุดอ่อนที่ชัดเจนอื่น ๆ หลังการลาดตระเวน แล้วควรที่จะต้องเฝ้าตรวจไปยังที่หมายเพื่อให้มั่นใจว่าผู้บังคับบัญชาได้รับทราบข่าวสารการเปลี่ยนแปลง สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ๑) การลาดตระเวนอาจจะปฏิบัติด้วยวิธีการต่าง ๆ เทคนิคที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่ การจัดหน่วย ลาดตระเวนเฉพาะกิจซึ่งจะประกอบด้วยผู้บังคับส่วนโจมตี ส่วนสนับสนุนและส่วนเจาะ โดยควรจะมีบุคคล เพียงพอในการสถาปนาการตรวจตรา ณ ที่หมายและการรักษาความปลอดภัย ณ จุดนัดพบ ณ ที่หมาย หน่วยลาดตระเวนดังกล่าวอาจจะกลับมายังที่ตั้งของกองร้อยหรืออาจจะคอยบรรจบกับกองร้อยที่จุดที่กําหนด


๑๑๖ และนําส่วนใหญ่ไปยังจุดนัดพบ ณ ที่หมาย ใน บางครั้งหมวดลาดตระเวนของกองพันหรือเครื่องมือ อื่น ๆ อาจจะได้รับมอบหมายงานในการลาดตระเวนเพื่อสนับสนุนภารกิจของกองร้อย ๒) หลังจากที่ ผู้บังคับกองร้อยได้พัฒนาแนวความคิดของตนเองแล้ว ก็มักจะทําการจัดเฉพาะกิจ หน่วยโดยแบ่งออกเป็น ส่วนเจาะ ส่วนสนับสนุน ส่วนเข้าตี บางครั้งอาจมีกองหนุน โดยทั่วไปแล้วกองหนุนจะ อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้บังคับกองร้อยโดยที่จะมีที่ตั้งที่สามารถสนับสนุนการขยายผลของความสําเร็จใน การเข้าตีได้ดีที่สุด หรือเพิ่มอํานาจกําลังรบเมื่อจําเป็น กองหนุนไม่ควรที่จะอยู่ใกล้เกินไปนักซึ่งจะส่งผลให้ขาด ความอ่อนตัวในระหว่างการโจมตี ผู้บังคับกองหนุนจะต้องรู้ว่าสถานที่ใดที่เขาควรจะอยู่ในขณะที่ปฏิบัติการ เข้าตี ๓) กําลังที่เป็นส่วนเจาะปกติแล้วจะใช้หน่วยของทหารราบ และทหารช่างถ้ามีการเป็นส่วนหนึ่ง ของส่วนเจาะ เครื่องมือที่ใช้ในการเจาะที่เป็นระเบิดหรือเครื่องจักรกลจะทําการสมทบกับส่วนนี้ด้วยเช่นนี้ กําลังส่วนเจ่าะจะทําหน้าที่ในการเริ่มการเจาะหลังจากนั้นจะส่งมอบต่อไปยังส่วนโจมตี โดยอาจจะมีการจัดส่วน โจมตีของตนเอง (ในการป้องกันส่วนเจาะ) ส่วนสนับสนุน (เพื่อเพิ่มการยิงกดระยะใกล้) และส่วนเจาะ (ทํา หน้าที่เจาะเครื่องกีดขวางโดยแท้จริง) ๔) ส่วนสนับสนุนมีการจัดเพื่อสนับสนุนการยิง (เล็งตรงและเล็งจําลอง) ต่อส่วนเจาะในขั้นแรก หลังจากนั้นจะยิงสนับสนุนให้แก่ส่วนโจมตี ส่วนสนับสนุนจะประกอบด้วยหมู่ทหารราบ มว. หรือ หมู่ ค.๖๐ ชุด ปืนกลและพลยิง เอ็ม.๒๐๓ ความรับผิดชอบหลักคือ การยิงต่อข้าศึกที่จะระดมยิงไปยังส่วนเจาะ และทําการ แยกฐานเจาะออกจากการเพิ่มเติมกําลังของข้าศึก ๕) ปกติส่วนเข้าตีจะประกอบด้วย ๑ หรือ ๒ หมวดทหารราบขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของข้าศึก (จํานวนบุคคล ระดับในการเตรียมการและความซับซ้อนของป้อมสนาม) ขนาดการประกอบกําลังของส่วนเจาะ และส่วนสนับสนุน โดยทั่วไปแล้วส่วนเข้าตีขนาดเล็กที่ได้รับการสนับสนุนจากการยิงกดที่แม่นยํา ปริมาณสูงจะ มีประสิทธิภาพในการกวาดล้างที่หมาย ส่วนโจมตีอาจจะต้องปฏิบัติในการเจาะเครื่องกีดขวางของข้าศึก ณ ที่หมาย ๖) ผู้บังคับกองร้อย จะเป็นผู้กําหนดการจัดเฉพาะกิจที่ดีที่สุดให้แก่ภารกิจทั้งมวล ซึ่งควรที่จะมี ความง่ายและดํารงไว้ซึ่งการรวมกําลังของหน่วยถ้าเป็นไปได้ ในบางครั้งกองร้อยอาจจะเคลื่อนที่ไปยังจุดนัด พบ ณ ที่หมายด้วยการจัดตามปกติ (ไม่มีการสมทบ) แล้วทําการปรับกําลังใหม่ที่จุดนัดพบ ณ ที่หมาย หลังจากนั้นจะมีการปรับเปลี่ยนการจัดใหม่ในการเสริมความมั่นคงเพื่อทําการตั้งรับ ณ ที่หมาย ข. การเคลื่อนที่ไปยังที่หมาย กองร้อยจะเคลื่อนที่เข้าประชิดที่หมายในลักษณะที่เกื้อกูลในการจัดวาง กําลังก่อนการโจมตี อาจจะเป็นการเคลื่อนที่ที่ตั้งใจหลีกเลี่ยงการตรวจจับ ซึ่งจะทําให้กองร้อยสามารถเข้าไป ยังจุดนัดพบ ณ ที่หมาย และปฏิบัติการลาดตระเวน ณ ที่หมาย ของผู้บังคับหน่วยได้ หรือกองร้อยอาจจะผ่าน แนวออกตีภายใต้การกําบังด้วยการยิงกดอย่างหนักทั้งเล็งตรงและเล็งจําลอง การยิงยังคงมีความต่อเนื่อง จนกว่ากองร้อยจะเข้าถึงที่เตรียมตะลุมบอนหรือถึงแนวประสานการปฏิบัติขั้นสุดท้าย หรือมีการเลื่อนย้ายการ ยิงเพื่อให้โจมตีต่อที่หมายในบางกรณี หลักการพื้นฐานต่อไปนี้จะใช้เป็นส่วนหนึ่งของขั้นการเข้าตีนี้ (รูปที่ ๔– ๑๖) ๑) การเคลื่อนที่จากที่รวมพลไปยังแนวออกตีจะถูกกําหนดเวลาขึ้น ดังนั้นการเคลื่อนที่ผ่านแนว ออกตีจะเป็นความต่อเนื่อง หน่วยนําของกองร้อยจะทําการผ่านแนวออกตี ณ เวลาออกตีที่กําหนดไว้ โดยเฉพาะในคําสั่งยุทธการของกองพัน ก่อนที่จะมีการเคลื่อนที่ของกองร้อยจะมีการส่งหน่วยลาดตระเวน ทํา เครื่องหมายเส้นทางและทําการตรวจสอบเวลาที่จะใช้ในการเคลื่อนที่ไปยังแนวออกตี


๑๑๗ รปูท ี่ ๔ - ๑๖ การเคลื่อนท ี่ไปยงัท ี่ หมาย ๒) สว่นสนบัสนุนอาจจะเคล่อืนทห่ีน้าสว่นโจมตีและสว่นเจาะไปยงัแนวออกตเีพ่อืจะเขา้ทต่ีงั้ เพ่อืใหก้ารคมุ้ครองทจ่ีะมคีวามพรอ้มในการยงิเม่อืมกีารผ่านแนวออกตีค. จะทาํการเคล่อืนทไ่ีปขา้งหน้ายงั ทต่ีงั้ยงิใกลแ้นวออกตเีพ่อืทจ่ีะใหก้ารยงิครอบคลุมพน้ืทท่ีห่ีมายไดส้งูสดุ ๓) ผบู้งัคบักองรอ้ยจะหลกีเลย่ีงการหยุด ณ ฐานออกตีแต่ถา้มาถงึก่อนเวลาหรอืไดร้บัคาํสงั่ ให้ หยุดทฐ่ีานออกตีกอ็าจจะเขา้ยดึครองฐานออกตีทาํการระวงัป้องกนัทต่ีงั้แลว้คอยจนกว่าจะไดเ้วลาท่ี เคล่อืนทห่ีรอืจนกว่าจะไดร้บัคาํสงั่ ใหไ้ปได้


๑๑๘ ๔) ในระหว่างการเคลื่อนที่จากแนวออก ตีไปยังฐานออกตี กองร้อยจะใช้การกําบัง ซ่อน พราง ฉากควัน และการสนับสนุนการยิงที่ดีที่สุด ตอนต่อสู้รถถังสามารถทําการคุ้มกันจากที่ตั้งในการ สนับสนุนการรุกไปข้างหน้า ผู้บังคับตอนจะเปลี่ยนที่ตั้งยิงเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถสนับสนุนได้อย่างต่อเนื่อง ๕) ถ้ากองร้อยถูกยิงด้วยอาวุธเล็งจําลองในขณะเคลื่อนที่ จะต้องทําการเคลื่อนที่ออกอย่างรวดเร็ว จากตําบลกระสุนตก ถ้ามีการต่อต้านจากข้าศึกในระยะที่ใกล้ที่หมายก็ทําการยิงตอบโต้ในทันที ผู้บังคับหมวด ที่เกิดการปะทะจะให้ผู้ตรวจการณ์หน้าร้องขอและปรับการยิงไปยังข้าศึก โดยจะขึ้นอยู่กับสถานที่ รูปแบบของ การต้านทานและแผนของกองร้อย หมวดอาจจะได้รับคําสั่งให้ทําการอ้อมผ่านข้าศึกที่ไม่มีผลต่อภารกิจ ที่ตั้ง ของข้าศึกที่ทําการอ้อมผ่านจะถูกรายงานไปยังผู้บังคับกองร้อยซึ่งจะทําหน้าที่รายงานดังกล่าวให้แก่กองพัน ๖) ถ้าที่ตั้งของข้าศึกไม่สามารถอ้อมผ่านได้ ผู้บังคับหมวดที่ปะทะและผู้บังคับกองร้อยจะต้อง ปฏิบัติการเชิงรุกโดยฉับพลัน ผู้บังคับหมวดจะพยายามใช้การเข้าตีเจาะและทําลายที่ตั้งของข้าศึก ผู้บังคับ กองร้อยจะทําการประมาณสถานการณ์อย่างรวดเร็วและให้คําสั่งเป็นส่วน ๆ เพื่อที่จะทําให้แผนดําเนินการได้ ผู้บังคับกองร้อยไม่ควรที่จะใช้หมวดแบบกระจัดกระจาย โดยทําการประสานการปฏิบัติและการยิงซึ่งจะทําให้ สามารถเข้าตีข้าศึกด้วยอํานาจกําลังรบเต็มรูปแบบ ผู้บังคับกองร้อยควรที่จะดําเนินกลยุทธในการโจมตีด้าน ปีกหรือด้านหลังของที่ตั้งของข้าศึก เมื่อข้าศึกถูกทําลายหรือถูกกด กองร้อยจะสามารถเคลื่อนที่ต่อไปยัง ที่หมายได้ ๗) เครื่องกีดขวางตามเส้นทางที่ทําการอ้อมผ่านหรือทําการเจาะแต่แรกนั้น ผู้บังคับกองร้อย จะต้องกําหนดหนทางที่ดีที่สุดที่จะกําจัดโดยไม่เสียแรงหนุนเนื่อง ผู้บังคับกองพันจะได้รับการรายงานถึงเครื่อง กีดขวางซึ่งจะมีผลกระทบต่อหน่วยที่เคลื่อนที่ตามมา หน่วยควรจะวางกําลังทหารช่างค่อนมาข้างหน้าเพื่อให้ สามารถใช้งานได้รวดเร็ว ๘) ถ้าส่วนสนับสนุน (จากกองร้อย) ถูกใช้ไป ควรที่จะมีการทดแทนก่อนที่ส่วนโจมตีจะเข้าถึงที่ เตรียมตะลุมบอน หน่วยสนับสนุนจะเริ่มการยิงไปยังที่หมายตามคําสั่งหรือเวลาที่กําหนด การยิงเล็งจําลอง เพื่อสนับสนุนจะมีการประสานสอดคล้องเพื่อให้กระสุนตกในเวลาเดียวกัน ค. การโดดเดี่ยวที่หมายและการเลือกที่เจาะ ปกติแล้วกองพันจะทําการแยกที่หมายให้โดดเดี่ยวเพื่อ กองร้อยรวม (อํานาจ) การรบไปยังที่มั่นแข็งแรงของข้าศึก (รูปที่ ๔ - ๑๗) ๑) กองร้อยจะทําการโดดเดี่ยวที่หมาย ในระหว่างที่ผู้บังคับหน่วยทําการลาดตระเวนด้วย การวาง ส่วนระวังป้องกันเพื่อป้องกันไม่ให้ข้าศึกเคลื่อนที่เข้าหรือออกจากที่หมาย ผู้บังคับกองร้อยจะต้องมั่นใจว่า หน่วยมีความเข้าใจว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไร ในบางครั้งอาจจะเพียงแต่เริ่มด้วยการเฝ้าตรวจและรายงาน จนกว่ากองร้อยจะทําการจัดวางกําลังเตรียมเข้าโจมตีเมื่อถึงเวลาที่กําหนดหรือมีสัญญาณทหารจะเริ่มมาตรการ ในการโดดเดี่ยวที่หมาย ๒) เมื่อได้ทําการโดดเดี่ยวที่หมายเรียบร้อยแล้ว ผู้บังคับกองร้อยจะเพ่งเล็งไปยังจุดที่จะทําการ เจาะหรือจุดที่โจมตี การโดดเดี่ยวที่หมายจะป้องกันมิให้ข้าศึกได้เพิ่มเติมกําลัง ณ ฐานการเจาะหรือการยิงกด ต่อที่ตั้งหรืออาวุธที่มีพื้นการยิงและตรวจการณ์มายังที่เจาะ ส่วนสนับสนุนจะได้รับมอบความรับผิดชอบให้ทํา การโดดเดี่ยวที่หมาย ๓) ผู้บังคับกองร้อยจะรวมอํานาจกําลังรบไปยังการเจาะขั้นต้นหรือจุดเจาะ โดยใช้การยิงเล็ง จําลองเพื่อข่มหรือปิดบังต่อที่ตั้งของข้าศึกข้างเคียง แล้วทําการแยกออกจากฐานการเจาะ ง. เข้าตีและยึดฐานการเจาะ ปกติแล้วการเจาะที่ตั้งของข้าศึกจะเป็นความพยายามหลักเริ่มต้นของ กองร้อย ส่วนที่ทําการเจาะหรืออ้อมผ่านเครื่องกีดขวางที่ข้าศึกสร้างขึ้นทําการยึดฐานในสนามเพลาะและขยาย ช่องว่างให้พอสําหรับการผ่านของส่วนเข้าตี (รูปที่ ๔ - ๑๙)


๑๑๙ ๑) การเตรียมการ เมื่อใดที่หน่วยทํา การเจาะ จะต้องมีการเตรียมการในการปฏิบัติ ตามลําดับดังนี้ ก) ยิงข่มข้าศึกเพื่อคุ้มครองฐานการเจาะเครื่องกีดขวาง ข) ทําการกําบังการตรวจการณ์ของข้าศึก ไปยังส่วนเจาะด้วยการใช้ฉากควัน ค) คุ้มครองด้านไกลของการเจาะด้วยการยึดภูมิประเทศ หรือทําลายข้าศึกที่สามารถระดมยิง ไปยังฐานการเจาะ ง) ลดสิ่งกีดขวางหรือทําเครื่องหมายและขยายช่องเพื่อให้ส่วนโจมตีผ่านไปได้ ๒) การวางแผน การวางแผนในการปฏิบัติการเจาะ ควรจะมีการพิจารณาในสิ่งต่อไปนี้ ก) ส่วนที่ทําการเจาะเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางที่มีการกําบังและซ่อนพราง ถ้าเป็นไปได้ส่วน เจาะจะทําการซ่อนเร้นเพื่อรอเวลาในการที่จะเปิดเผยต่อการยิงของข้าศึกมายังส่วนเข้าตีและส่วนเจาะ ถ้าสิ่งนี้ ไม่สามารถปฏิบัติได้ หรือถ้าความพยายามในการเจาะไม่สามารถดําเนินการได้ ส่วนเจาะจะทําการเคลื่อนที่ ภายใต้การยิงกดของส่วนสนับสนุน


๑๒๐ รปูท ี่ ๔ - ๑๗ การโดดเด ี่ ยวเป้าหมาย


๑๒๑ รปูท ี่ ๔ - ๑๘ การเจาะและการรกัษาฐานการเจาะ


๑๒๒ ข) การเจาะที่มั่นของข้าศึกจะกระทํา ณ พื้นที่กว้างด้านหน้าแคบ แนวความคิดคือการทํา การเจาะช่องแคบ ๆ ไปยังที่มั่นตั้งรับของข้าศึก หลังจากนั้นจะทําการขยายให้พอที่ส่วนโจมตีสามารถผ่านไป ได้อย่างรวดเร็ว ปกติแล้วกองร้อยจะรวมอํานาจกําลังรบไปยังจุดเจาะเพียงจุดเดียวในกรณีที่ต้องเจาะ ๒ แห่งก็ เพื่อให้การสนับสนุนซึ่งกันและกันหรือไม่ทําให้เสียผลในการรวมอํานาจกําลังรบหรือไม่เป็นการใช้หมวดโจมตี แบบกระจัดกระจาย เมื่อมีการใช้ฐานเจาะเดียว ควรที่จะมีการวางแผนการใช้ฐานการเจาะสํารองไว้เมื่อมีเหตุ ฉุกเฉิน ถ้าเกิดการเจาะหลักไม่ประสพความสําเร็จ ค) ส่วนสนับสนุนทําการยิงกดข้าศึกอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยส่วนเจาะและส่วนโจมตีในการ เคลื่อนที่ผ่านพื้นที่สังหารของข้าศึก อาวุธแต่ละชนิดในส่วนสนับสนุนจะต้องได้รับมอบเป้าหมายเฉพาะเจาะจง หรือมอบเขตพื้นที่การยิงในความรับผิดชอบ ส่วนสนับสนุนจะต้องใช้ความริเริ่มจัดให้มีอํานาจการยิงให้เหนือ ข้าศึกด้วยปริมาตรการยิงสูงสุดและดํารงอํานาจการยิงนั้นไว้ ตลอดช่วงเวลาการเข้าตี เมื่อมีการเลื่อนย้ายการ ยิงของอาวุธวิถีโค้งหรืออาวุธเล็งจําลอง ส่วนสนับสนุนจะต้องเพิ่มอํานาจการยิงเล็งตรงเพื่อดํารงไว้ซึ่งการกด ข้าศึก ง) ปกติแล้วส่วนสนับสนุนจะใช้ที่มั่นหรือที่ตั้งยิงเพียงพื้นที่แห่งเดียว เพื่อความง่ายในการควบคุม แต่ในหลาย ๆ โอกาส ส่วนสนับสนุนอาจจําเป็นต้องใช้ที่ตั้งยิงหลาย ๆ แห่งเป็นขั้น ๆ ไป เพื่อการยิงกดข้าศึก อย่างมีประสิทธิภาพ และบางกรณีอาจจําเป็นต้องให้ส่วนเจาะหรือส่วนโจมตีช่วยยิงทําลายอาวุธเล็งตรงของ ข้าศึกบางชนิด (เช่น อาวุธต่อสู้รถถังขนาดเบา ซึ่งอาจทําการยิงเล็งตรงมายังที่ตั้งของ ค.๖๐ มม.) และบาง กรณีส่วนสนับสนุนจําเป็นต้องเปลี่ยนย้ายที่ตั้งยิงใหม่ เมื่อส่วนโจมตีเริ่มเข้ากวาดล้างที่หมาย ส่วนสนับสนุน อาจจะเคลื่อนที่ติดตามส่วนเข้าตีไปในพื้นที่การเจาะ หรืออาจจะตั้งยิงภายนอกพื้นที่การเจาะก็ได้ ค. การขยายผลการเจาะและการยึดตําบลแตกหัก หลังจากที่ประสพความสําเร็จในการเจาะ ส่วนโจมตี จะทําหน้าที่เป็นส่วนเข้าตีหลัก ส่วนโจมตีจะเคลื่อนที่ผ่านช่องเจาะไปอย่างรวดเร็ว โดยได้รับการสนับสนุน ด้วยการยิงจากส่วนสนับสนุนและส่วนเจาะ ในการวางแผนการเข้าโจมตีจะต้องพิจารณาถึงจุดต่าง ๆ ดังนี้ ๑) ส่วนโจมตีจะต้องตัดรอน ทําลายที่ตั้งของข้าศึกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้ ถ้าส่วนโจมตีสามารถยึด หรือทําลายสถานที่ตั้งทางการบังคับบัญชาและการควบคุมของข้าศึก หรือที่ตั้งอาวุธยิงหลัก หรือที่ตั้งสําคัญ ข้าศึกอาจจะยอมแพ้หรือถอนออกจากที่ตั้ง ถ้าหากมีภูมิประเทศสําคัญ ภูมิประเทศนั้นจะเป็นตําบลหรือจุด แตกหักของส่วนโจมตี (รูปที่ ๔ - ๒) ก) ภายในส่วนโจมตีจะต้องมีการแบ่งการจัดออกเป็นส่วนสนับสนุน ส่วนโจมตี และส่วนเจาะด้วย เช่นกัน สําหรับที่ตั้งของข้าศึก หรือป้อมสนามที่พบถัดมา อาจต้องใช้การปฏิบัติการเจาะอีก ในขณะที่เริ่มการ เจาะนั้น จะต้องใช้การยิงสนับสนุนจากที่ตั้งยิงซึ่งมีการสถาปนาขึ้นใหม่ เช่นเดียวกับการเจาะและการโจมตี เพื่อตัดรอนและทําลายที่ตั้งของข้าศึก ข) การกําหนดกองหนุนขึ้น จะทําให้ ผบ.ร้อย. สามารถรักษาความอ่อนตัวในการเข้าตีได้ ผบ.ร้อย. ควรจะต้องมีการเตรียมการปฏิบัติของกองหนุนและการขยายผลของความสําเร็จ รวมถึงการเข้าตีต่อไป กองหนุนมักจะถูกใช้ในการขับไล่หรือทําลายการตีโต้ตอบในระหว่างการจัดระเบียบใหม่และการเสริมความ มั่นคง ๒) เมื่อการเข้าโจมตีเริ่มขึ้น กองร้อยจะดําเนินกลยุทธ์อย่างรุกรบและแข็งกร้าว เพื่อมิให้ข้าศึกมีโอกาส ตอบโต้และมีเวลาปฏิบัติการน้อยลง ผบ.ร้อย. จะเฝ้าฟังสถานการณ์และคอยปรับแผนเพื่อขยายผลจากจุดอ่อน ที่ค้นพบในขณะเข้าโจมตีเมื่อสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป และอยู่ในขีดความสามารถที่กองร้อยจะสามารถ ปฏิบัติได้ กองร้อยจะรายงานให้กองพันทราบ หรือ ผบ.ร้อย. อาจจําเป็นต้องใช้การยึดพื้นที่นั้นไว้จนกว่า กองร้อยอื่นจะสามารถดําเนินกลยุทธ์เข้าช่วยเหลือสนับสนุนได้


๑๒๓ ๓) ในการเคลื่อนที่จากที่เตรียมตะลุมบอน หมวดใช้การรุกในรูปขบวนที่เหมาะสมกับภูมิประเทศ และ สถานการณ์มากที่สุด เมื่อส่วนโจมตีจะต้องเคลื่อนที่ผ่านช่องแคบ ๆ ในท่ามกลางเครื่องกีดขวางก็ยังจําเป็นที่ จะใช้การกระจายกําลังและโจมตีผ่านช่องทางนั้น ๆ โดยรักษาความเป็นชุดยิงเอาไว้ และควรจะได้มีการ ประสานการใช้ทัศนสัญญาณกันเป็นอย่างดี ผบ.ร้อย. จะเคลื่อนที่ไปอยู่ ณ ตําบล ซึ่งสามารถควบคุมหมวด ของตน และส่วนสนับสนุนได้อย่างดีที่สุด การยิงเล็งตรงและการยิงเล็งจําลองของส่วนสนับสนุนจะถูก เคลื่อนย้ายออกไปข้างหน้า เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าน่าจะเป็นอันตรายแก่ฝ่ายเดียวกันที่ทําการรุกไปข้างหน้า ๔) ทหารที่รุกไปข้างหน้า จะเข้าทําการกวาดล้างที่มั่นสู้รบของข้าศึก ตรวจค้นเชลยศึกและเคลื่อนที่ ผ่านที่หมายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อไปยังด้านไกลของที่หมายแล้ว ให้รีบจัดตั้งที่มั่นสู้รบขึ้นอย่างเร่งด่วน แล้ว ทําการยิงไปยังข้าศึกที่ถอนตัวออกไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อทําการยึดรักษาทีหมายได้แล้ว ส่วนสนับสนุนซึ่ง ได้แก่ ค., อาวุธ ตถ., และขบวนสัมภาระรบจะถูกสั่งการให้เคลื่อนที่ตามมา กองร้อยจะทําการจัดระเบียบใหม่และเสริมความมั่นคง (ถ้าจําเป็น) ผบ.ร้อย. จะพิจารณา สถานการณ์ และตัดสินใจว่าจะทําการขยายผลต่อไปหรือไม่ โดยจะต้องสอดคล้องกับแนวความคิดและ เจตนารมณ์ของผู้บังคับกองพัน


๑๒๔ รปูท ี่ ๔ - ๑๙ การขยายผลการเจาะ ๔ - ๑๙ การเขา้โจมตีในระหวา่งทศันวิสยัจาํกดัความสาํเรจ็ของการเขา้โจมตใีนระหว่างทศันวสิยัจาํกดันนั้ ขน้ึอย่กูบัลกัษณะผนู้ ําหน่วย การลาดตระเวน การฝึก การวางแผน และการจ่โูจม ถงึแมว้่าหลกัพน้ืฐาน ต่าง ๆ เหล่าน้ีจะเป็นปัจจยัสาํคญั ในการเขา้โจมตใีนเวลาทท่ีศันวสิยัเป็นปกตกิต็าม การเขา้ตใีนทศันวสิยัจาํกดั กต็อ้งการขอ้พจิารณาทแ่ีน่นอนและการนําเทคนิคต่าง ๆ ไปประยุกตใ์ชอ้ย่างถูกตอ้ง เพ่อืความมนั่ ใจในการ ควบคมุการเขา้ตนี้ีความมดืหมอก และฝนตกหนกัจะทาํ ใหท้ศันวสิยัถูกจาํกดัควนัและฝ่นุจากการยงิของ กระสนุระเบดิแรงสงูกเ็ช่นเดยีวกนัแต่มผีลเพยีงในระยะเวลาชวั่ขณะเท่านนั้


๑๒๕ กองร้อยจะทําการเข้าโจมตีในทัศนวิสัยจํากัด เพื่อ • สําเร็จผลในการจู่โจม • หลีกเลี่ยงการสูญเสียอย่างหนัก • ยังผลให้เกิดความหวาดกลัวต่อข้าศึกที่อ่อนแอ/เสียระเบียบการจัด • ขยายผลแห่งความสําเร็จและดํารงนํ้าหนักการเข้าตี • รักษาการกดดันต่อข้าศึก ก. กองร้อยอาวุธเบา เมื่อได้รับเครื่องมือตรวจการณ์ในเวลากลางคืนย่อมจะสามารถปฏิบัติการเข้า โจมตีได้ใกล้เคียงกับในเวลากลางวันหรือทัศนวิสัยปกติ (รูปที่ ๔ - ๒๐) หลักพื้นฐานสําหรับการเข้าตีในเวลา ทัศนวิสัยปกติซึ่งได้อธิบายไว้แล้วอย่างละเอียดในตอนต้นของบทนี้ สามารถนํามาประยุกต์ใช้ได้เป็นอย่างดีใน การเข้าตีในเวลากลางคืน การปฏิบัติการเข้าตีลักษณะนี้ย่อมมีความจําเป็นที่ ๑) กองร้อยจะต้องได้รับการฝึกเป็นอย่างดีในเวลากลางคืน ๒) ควรจะมีแสงสว่างตามธรรมชาติพอเพียงสําหรับการใช้เครื่องมือตรวจการณ์ในเวลากลางคืน ของหน่วย ๓) จะใช้แนวความคิดอย่างง่าย ๆ และได้ผลที่จะชิงความได้เปรียบเพื่อให้ข้าศึกสับสนและถูก จู่โจม ๔) จะต้องมีการลาดตระเวนพื้นที่ที่หมายอย่างได้ผล ๕) จะต้องมีมาตรการควบคุม/เทคนิคการปฏิบัติเพิ่มเติมตามความจําเป็น ข. ในการวางแผนการเข้าตีในเวลากลางคืน ผบ.ร้อย. จะต้องพิจารณาถึงความยากลําบากที่ เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับ ๑) การควบคุมหน่วย ทหาร และการยิง ๒) การพิสูจน์ทราบและทําการยิงต่อเป้าหมาย ๓) การรักษาทิศทางและการเคลื่อนที่ ๔) การพิสูจน์ทราบทหารฝ่ายเดียวกัน ๕) การกําหนดที่ตั้ง การปฐมพยาบาล และการส่งกลับผู้บาดเจ็บ ๖) การรายงานที่ตั้ง และการอ้อมผ่าน หรือการเจาะช่องเครื่องกีดขวางของข้าศึก ค. ในการวางแผนการเข้าตีในทัศนวิสัยจํากัด ผบ.ร้อย.จะต้องพิจารณาเพิ่มเติมดังนี้ ๑) การปลอมแปลง และการลวงแบบอื่น ๆ น่าจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น (สําหรับฝ่ายข้าศึกก็ เช่นกัน อาจใช้ที่ตั้งลวง/มาตรการลวงอื่น ๆ จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น) ๒) ถ้าทหารส่วนย่อย ๆ สามารถแทรกซึมผ่านข้าศึกเข้าไปได้ ก็จะสามารถให้การสนับสนุน แก่ส่วนเข้าตีหลักได้เป็นอย่างมาก หรืออาจจะช่วยเหลือในการเจาะช่องผ่านเครื่องกีดขวาง หรือควบคุมที่ตั้ง สําคัญ/อาวุธประจําหน่วยของข้าศึก เพื่อช่วยเหลือให้ส่วนเข้าตีหลักสามารถเข้ายึดฐานการเจาะได้เร็วขึ้น ๓) อาจมีความเป็นไปได้ ในการที่จะใช้ส่วนเข้าตีหลักแทรกซึมเข้าไปในที่มั่นตั้งรับของข้าศึก แล้วทําการสู้รบจากด้านใน ในกรณีนี้ส่วนที่ทําการสู้รบภายในที่มั่นของข้าศึกอาจจะทําการยึดที่มั่นตั้งรับของ ข้าศึกได้ และขับไล่ข้าศึกออกไป ง. มีการเลือกตัดสินใจสําหรับการปฏิบัติการเข้าตีในทัศนวิสัยจํากัดอยู่ ๒ ลักษณะ โดยพื้นฐาน กล่าวคือ จะเลือกใช้การส่องสว่าง ณ ที่หมาย หรือไม่ และจะเลือกใช้การยิงเล็งจําลองสนับสนุนการเข้าตีหรือไม่


๑๒๖ ๑) ตามปกติแล้วกองร้อยอาวุธเบาทหารราบ จะใช้การเข้าตีโดยไม่มีการส่องสว่างช่วย ทั้งนี้ เพื่อขยายผลจากความได้เปรียบในด้านเทคโนโลยีของยุทโธปกรณ์และการฝึก แต่อย่างไรก็ตาม ผบ.หน่วย จะต้องวางแผนการเข้าตีโดยใช้การส่องสว่างช่วยในเวลากลางคืนควบคู่ไปทุกครั้ง ทั้งนี้เพื่อความพร้อมใช้แผน นั้นได้ทันที หากข้าศึกตรวจพบการเข้าตีของฝ่ายเราและใช้การยิงส่องสว่างช่วย หรือหากข้าศึกมีเครื่องมือ ตรวจการณ์ในเวลากลางคืน กองร้อยสามารถใช้การส่องสว่างช่วยในกรณีที่เข้ายึดรักษาที่หมายได้แล้ว และ ทําการจัดระเบียบใหม่และเสริมความมั่นคง โดยเฉพาะการส่งกลับผู้บาดเจ็บ ๒) หากใช้การส่องสว่างช่วย กองร้อยอาวุธเบาจะปฏิบัติการเข้าตีเช่นเดียวกับการเข้าตีใน เวลากลางวันที่มีแสงสว่าง การส่องสว่างอาจได้มาจากการยิงของปืนใหญ่ เครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม.๒๐๓ และ พลุกระแทกด้วยมือ หรือพลุทิ้งจากอากาศยาน การอนุมัติให้ใช้การยิงส่องสว่างได้นั้น จะอยู่ในอํานาจของผู้ บังคับกองพัน ทั้งนี้เพราะการใช้แสงสว่างอาจมีผลกระทบต่อการปฏิบัติการของหน่วยหรือกองร้อยข้างเคียง การยิงกระสุนส่องสว่างนั้นอาจใช้การยิงกระทบพื้น เพื่อให้ได้ผลทั้งแสงสว่างและการทําเครื่องหมายเพื่อรักษา ทิศทาง หรืออาจจะใช้การยิงไปยังหลังที่หมาย และแตกในอากาศ เพื่อทําให้ปรากฏเงาของฝ่ายข้าศึก เมื่อ ได้ใช้การส่องสว่างแล้ว ควรจะต้องใช้ต่อไปจนกว่าจะยึดรักษาที่หมายได้ ทั้งนี้ต้องพิจารณาจํานวนกระสุนให้มี พอเพียง ๓) การไม่ใช้การส่องสว่าง และไม่ใช้การยิงสนับสนุนจะทําให้หน่วยเข้าตีได้รับผลในการจู่โจม การเข้าตีลักษณะนี้มีเทคนิควิธีการปฏิบัติหลายประการ หน่วยที่มีสถานภาพการฝึกดีและมีเครื่องมือหรือ อุปกรณ์ตรวจการณ์ในเวลากลางคืน จะใช้การปฏิบัติเช่นเดียวกับในเวลาที่มีทัศนวิสัยปกติ ส่วนหน่วยทหาร ราบที่ไม่มีเครื่องมือตรวจการณ์ในเวลากลางคืน จะใช้วิธีการเข้าตีโดยกําหนดทิศทางการเข้าตี หรืออาจใช้ วิธีการแทรกซึมเข้าไปให้ใกล้หน่วยข้าศึก แล้วเข้าโจมตีหรือตะลุมบอนภายใต้การส่องสว่าง ๔) การใช้การส่องสว่างช่วย จะทําให้การเข้าตีเป็นไปเช่นเดียวกับในเวลาทัศนวิสัยปกติ การ ปฏิบัติเช่นนี้จะมีประสิทธิภาพ เมื่อความเร็วในการเคลื่อนที่เป็นปัจจัยสําคัญ และเมื่อมีเวลาจํากัดในการ ลาดตระเวน หรือเมื่อข้าศึกกําลังอ่อนแอ/เสียระเบียบการจัดหน่วย ในการเข้าตีช่วงแรกนั้นหน่วยจะพยายามใช้ การลักลอบ และการซ่อนพรางโดยใช้ทัศนวิสัยที่จํากัดช่วยให้ได้มาซึ่งผลการจู่โจมเมื่อเข้าใกล้ที่หมายแล้ว จึง เริ่มใช้การส่องสว่างเพื่อสนับสนุนการเข้าตะลุมบอน จ. การลาดตระเวนเป็นสิ่งสําคัญยิ่งสําหรับการเข้าตีทุกครั้ง แต่สําหรับการเข้าตีในเวลากลางคืนนั้น จะต้องทําการลาดตระเวนในเวลากลางวัน โดยใช้หน่วยปฏิบัติขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะทําได้ แต่ละหน่วยควร จะต้องทําการลาดตระเวนเส้นทางที่จะใช้เคลื่อนที่ ที่มั่นแต่ละแห่งที่จะเข้าทําการยึด และที่หมายแต่ละหน่วยที่ ได้รับมอบหมาย ความต้องการรายละเอียดของข่าวสารเกี่ยวกับข้าศึกจะต้องมีความสมดุลต่อการเสี่ยงที่จะถูก ข้าศึกตรวจพบและเสียผลในการจู่โจม


๑๒๗ รปูท ี่ ๔ - ๒๐ การโจมตีในทศันะวิสยัจาํกดัดว้ยเครอ ื่ งช่วยมองเหน็ในเวลากลางคืน ๑) แผนการลาดตระเวน จะตอ้งรวมถงึการเฝ้าตรวจบรเิวณทห่ีมาย ในกรณทีข่ีา้ศกึไดม้กีาร เปลย่ีนยา้ยทต่ีงั้ยงิของอาวุธประจาํหน่วย หรอืเปลย่ีนยา้ยทม่ีนั่สรู้บ หรอืมกีารจดัสรา้งเคร่อืงกดีขวางเพม ิ่ เตมิ สว่นเฝ้าตรวจ/ระวงัป้องกนัจะตอ้งคอยระวงัป้องกนัตําบลสาํคญัๆ เช่นทเ่ีตรยีมตะลมุบอน ทต่ีงั้การสนบัสนุน แนวออกตีแนวปรบัรปูขบวนทค่ีาดไว้เสน้ทางทส่ีาํคญัและจดุรวมพลต่าง ๆ เพ่อืป้องกนัมใิหก้องรอ้ยถูกซุ่ม โจมตจีากขา้ศกึหรอืการเขา้ตจีากฝ่ายขา้ศกึเพ่อืทาํลายการเขา้ตขีองฝ่ายเรา สว่นเฝ้าตรวจ/ระวงัป้องกนัน้ ี อาจจะแปรสภาพเป็นสว่นหน่ึงทท่ีาํหน้าทต่ีดัขาดทห่ีมายขา้ศกึ ในระหว่างการเขา้ตะลุมบอน


๑๒๘ ๒) เมื่อการลาดตระเวนไม่ได้ผล เต็มที่ อันเนื่องมาจากมีเวลาจํากัด ไม่สามารถ พิสูจน์ทราบที่ตั้งที่สําคัญของข้าศึก หรือถูกข้าศึกตรวจพบ หรือเนื่องจากเหตุผลอื่น ๆ ผบ.หน่วย ควรจะต้อง รายงานขอเลื่อนเวลาการเข้าตีออกไป เพื่อที่จะได้มีโอกาสทําการลาดตระเวนเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าไม่สามารถ ทําได้ ก็ควรพิจารณาเปลี่ยนเป็นวิธีการเข้าตี โดยใช้การยิงส่องสว่างช่วย ทั้งนี้เพราะการเข้าตีในเวลากลางคืน โดยมีข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับการวางกําลังตั้งรับของข้าศึกไม่เพียงพอต่อการวางแผนนั้น ถือเป็นการเสี่ยงและมีโอกาส สําเร็จภารกิจได้ยาก ฉ. แนวความคิดอย่างง่าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติ ณ ที่หมาย จะช่วยให้การควบคุม หน่วยในขณะเข้าตะลุมบอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ที่หมายของหมู่/หมวด ควรจะมีขนาดเล็กกว่าปกติ และควรจะสังเกตเห็นหรือพิสูจน์ทราบได้ง่าย ๑) หลีกเลี่ยงการพัฒนาหนทางปฏิบัติที่จะทําให้กองร้อยต้องสู้รบกับข้าศึกในทุกที่มั่นตามลําดับ ขั้น ผบ.หน่วย จะต้องค้นหาและพิสูจน์ทราบจุดแตกหัก เช่นเดียวกับในเวลากลางวัน แล้วทุ่มอํานาจกําลังลง ไป ณ จุดนั้น เมื่อการปฏิบัติขั้นแตกหักสําเร็จแล้ว ในแผนจะต้องกําหนดวิธีการขับไล่หรือกําจัดข้าศึกออกจาก ที่หมาย ถ้าหากเป็นความต้องการของหน่วยเหนือที่จะให้การขยายผลมีประสิทธิภาพแล้ว จะต้องขับไล่ข้าศึก ออกไปจากพื้นที่ที่เป็นที่หมาย ๒) การใช้ส่วนโจมตีที่มีขนาดเล็กดําเนินกลยุทธ์เข้าหาที่หมาย จะทําให้การควบคุมกระทําได้ ง่าย และสามารถลดการสูญเสียจากการยิงของข้าศึก หรือจากการยิงของฝ่ายเดียวกันได้ ส่วนโจมตีจะต้องมี สัญญาณที่ชัดเจนเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถควบคุมการยิงทั้งมวล ไม่ว่าจะเป็นการยิงเล็งตรงหรือการยิงเล็ง จําลอง ๓) ถ้าหน่วยได้เลือกใช้แผนการเข้าตีโดยไม่ใช้การส่องสว่าง แต่ได้เกิดมีการใช้กระสุนส่อง สว่างขึ้น ทั้งนี้เนื่องมาจากการถูกตรวจพบจากข้าศึก หรือหน่วยข้างเคียงใช้การส่องสว่าง ผบ.หน่วย จะต้อง ปรับแผนการปฏิบัติให้คล้ายกับการเข้าตีในทัศนวิสัยปกติ ซึ่งสิ่งนี้คือปัญหาหลักสําหรับหน่วยที่ใช้แผนการเข้า ตีและเข้าตะลุมบอนโดยใช้รูปขบวนในทัศนวิสัยจํากัด แต่ต้องปรับรูปขบวนเพื่อใช้วิธีการเข้าตีโดยใช้การส่อง สว่าง แผนเผชิญเหตุจึงกําหนดให้ปรับวิธีการเข้าตีนี้ จะต้องถูกเตรียมขึ้นและแจกจ่ายไปยังหน่วยรอง และ ทหารทุกคนจะต้องรู้ว่าในสถานการณ์เช่นใด จึงจะใช้การปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุนี้ในบางกรณี (เช่น กองร้อย ได้เคลื่อนที่ไปถึงแนวปรับรูปขบวน และทําการรุกเข้าไปยังข้าศึกแล้ว) กองร้อยอาจไม่มีทางเลือก แต่จะต้อง ทําการเข้าตีต่อไปตามแผน หรือตัดสินใจผละออกจากการปะทะ ช. เทคนิคการควบคุมการยิงในทัศนวิสัยจํากัด จะประกอบด้วย ๑) การใช้กระสุนส่องวิถี ก) หัวหน้าชุดในส่วนโจมตี ใช้กระสุนส่องวิถีล้วน ๆ : ทหารภายในชุดจะทําการยิงไปยัง ตําบลที่กระสุนส่องวิถีตกกระทบ ข) ส่วนสนับสนุนจะรีบนําอาวุธอัตโนมัติตั้งยิงบนขาหยั่ง โดยใช้ที่ตั้งทางปีกที่อยู่ใกล้กับ ส่วนโจมตีมากที่สุด อาวุธดังกล่าวนี้จะทําการยิงกระสุนส่องวิถีเป็นชุดสั้น ๆ ทุก ๑๕ วินาที เพื่อแสดงให้ฝ่าย เดียวกันเห็นเขตการยิงสนับสนุนอาวุธอื่น ๆ ในส่วนสนับสนุนจะยังคงทําการยิงไปยังอีกด้านหนึ่งซึ่งไม่ถูกส่วน โจมตี ส่วนโจมตีจะให้สัญญาณเพื่อเลื่อนย้ายการยิงไปยังตําบลถัดไป หรือไปยังระยะที่ตั้งไว้ ถ้าจําเป็นก็อาจ กําหนดให้การยิงของส่วนสนับสนุนนี้มีแนวกระสุนวิถีอยู่เหนือศีรษะของทหารในส่วนโจมตี เพื่อหลีกเลี่ยงการ สูญเสียของฝ่ายเดียวกัน


๑๒๙ ๒) การใช้เทปเรืองแสง หรือแสงไฟจากเคมีเป็นเครื่องหมายสัญญาณ ก) ทําเครื่องหมายไว้ด้านหลังทหารในส่วนโจมตี เพื่อป้องกันการยิงกันเอง ทั้งนี้จะต้อง ป้องกันมิให้ข้าศึกมองเห็นเครื่องหมายดังกล่าว โดยการติดเทปไว้ด้านหลังของหมวกเหล็ก หรือใช้สารเคมีที่ ให้แสงอินฟราเรดขนาดเล็ก (ถ้าหากข้าศึกไม่มีเครื่องมือตรวจการณ์ในเวลากลางคืน) ข) ส่วนสนับสนุนจะต้องรู้ว่าในขณะนั้นส่วนนําของส่วนโจมตีอยู่ ณ ที่ใด ถ้าหากการทํา เครื่องหมายที่ตัวทหารเป็นบุคคลนั้นยังไม่เพียงพอต่อการสังเกต ก็ให้ใช้หลอดไฟที่ทําจากสารเคมีที่มีขนาด ใหญ่ (แสงอินฟาเรด หรือแสงที่มองเห็นได้) ใช้หลอดสารเคมีนั้นวางลงบนพื้น หรือขว้างไปข้างหน้าของส่วน โจมตี เมื่อต้องเข้าตรวจค้นกวาดล้าง คูสนามเพลาะให้ติดหลอดสารเคมีนี้ไว้กับท่อนไม้แล้วให้ส่วนนําของส่วน โจมตีนําไปด้วย ๓) มอบหมายการควบคุมการยิงของอาวุธในอันที่จะลดการเสี่ยงของส่วนโจมตีซึ่งอาจจะ ประกอบด้วยห้วข้อดังนี้ : ก) หมวดที่อยู่ทางขวาของส่วนโจมตี อาจได้รับมอบการยิงอย่างมีเสรีไปยังปีกขวา ทั้งนี้ เพราะไม่มีหน่วยทหารฝ่ายเดียวกันอยู่ตรงนั้น แต่ในการยิงไปทางซ้ายจะต้องใช้มาตรการยิงระวัง หรือระงับ การยิง ทั้งนี้เพราะมีหน่วยทหารฝ่ายเดียวกันอยู่ทางซ้าย ข) ส่วนโจมตีจะได้รับอาวุธเพิ่มเติมที่สามารถใช้ได้ผล คือปืนลูกซองและปืนพก ค) ส่วนโจมตีจะไม่ยิงอาวุธกล ณ ที่หมาย ทั้งนี้ฝ่ายเดียวกันจะได้มั่นใจว่าอาวุธทีทําการยิง เป็นของข้าศึกแน่นอน ๔) ใช้เทคนิคต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อเพิ่มการควบคุมขณะเข้าตะลุมบอน ก) ไม่อนุมัติให้ใช้ พลุส่องสว่าง ลูกระเบิดขว้าง หรือลูกระเบิดควัน ณ ที่หมาย ข) อนุมัติให้ผู้ที่มีกล้องเล็งหรือเครื่องมือตรวจการณ์ในเวลากลางคืนเท่านั้นที่จะทําการยิงต่อ เป้าหมาย ณ ที่หมาย ค) ใช้มุมภาคทิศเหนือแม่เหล็กในการรักษาทิศทาง ง) ใช้การยิงของ ค. หรือ ป. เพื่อนําทิศทางการเข้าตี จ) ใช้พลนําทาง ฉ) ลดระยะต่อระหว่างบุคคลและหน่วย ซ. การวางแผนการยิงของ ค., ป. และอาวุธ ตถ. คงใช้การวางแผนเช่นเดียวกับการเข้าตีในเวลา กลางวัน อย่างไรก็ตามอาวุธต่าง ๆ เหล่านี้ จะยังไม่ทําการยิงจนกว่ากองร้อยจะถูกตรวจพบจากข้าศึก หรือ กองร้อยจะพร้อมเข้าตะลุมบอน อาวุธบางชนิดอาจจะต้องทําการยิงก่อนการเข้าตะลุมบอน และต้องพยายาม รักษาการลวงข้าศึกไว้ หรือเพื่อกลบเสียงการเคลื่อนที่ของกองร้อยซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่พึงกระทําถ้ายังไม่ใกล้จะเข้า ตะลุมบอน ๑) การปรับการยิงเล็งจําลองจะกระทําได้ยากลําบากในทัศนวิสัยจํากัด ถ้าเกิดการลังเลสงสัยว่า อาจจะยิงไปถูกทหารฝ่ายเดียวกันแล้ว ก็ให้ทําการยิงเล็งจําลองไปยังหลังที่หมายก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจึง ปรับการยิงเข้าหาที่หมาย การใช้กระสุนส่องสว่างยิงกระทบพื้น อาจใช้เพื่อหมายแนวที่หมาย ซึ่งจะช่วยนํา ทางให้กองร้อยเข้าตี แต่อาจมีผลกระทบต่อการใช้เครื่องมือตรวจการณ์ในเวลากลางคืน ๒) การวางแผนใช้กระสุนควัน ยังใช้เพื่อลดขีดความสามารถในการตรวจการณ์ของข้าศึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าศึกที่มีเครื่องตรวจการณ์ในเวลากลางคืน การวางตําบลระดมยิงของกระสุนควันนั้น จะ วางไว้ใกล้ ๆ หรือบริเวณที่มั่นของข้าศึก ทั้งนี้เพื่อมิให้เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนที่ของฝ่ายเราหรือเป็น อุปสรรคต่อการเจาะช่องรื้อถอนเครื่องกีดขวาง การใช้กระสุนควัน ณ พื้นที่ที่หมายอาจทําให้ส่วนโจมตีไม่


๑๓๐ สามารถค้นหาที่มั่นสู้รบของข้าศึกได้สะดวก แต่ถ้า หากหน่วยมีกล้องตรวจการณ์ที่สามารถตรวจจับ ความร้อนได้ การใช้กระสุน ณ ที่หมายก็จะส่งผลดีและทําให้ฝ่ายเราได้เปรียบข้าศึก โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายเราได้รับการฝึกมา เป็นอย่างดี ๓) ในการเข้าตีในเวลากลางคืนทุกครั้ง จะต้องมีการวางแผนการใช้กระสุนส่องสว่างควบคู่ไป เสมอ ทั้งนี้เพื่อให้ ผบ.หน่วย สามารถสั่งการใช้ได้ทันทีเมื่อจําเป็น ในระดับกองพัน ผบ.พัน. จะเป็นผู้ควบคุม และอนุมัติการใช้การยิงส่องสว่าง แต่ในบางกรณีอาจมอบหมายให้ ผบ.ร้อย. สามารถร้องขอการยิงส่องสว่าง ได้เมื่อต้องการ หาก ผบ.หน่วย ตัดสินใจใช้การยิงส่องสว่าง ก็จะยังไม่ร้องขอการยิงจนกว่าจะเริ่มเข้าตะลุมบอน หรือจนกว่าข้าศึกจะตรวจพบการเข้าตีของฝ่ายเรา การยิงส่องสว่างนั้น จะต้องวางตําบลยิงไว้ตามจุดต่าง ๆ ตลอดทั่วพื้นที่ เพื่อทําให้ข้าศึกสับสนและไม่สามารถคาดเดาได้ว่า ฝ่ายเราจะเข้าตี ณ จุดใด นอกจากนี้ยัง จะต้องทําการยิงเลยที่หมายออกไปเพื่อช่วยเหลือส่วนโจมตี และทหารที่เข้าตะลุมบอนได้ตรวจการณ์เห็น ข้าศึกและทําการยิงไปยังข้าศึกที่กําลังถอนตัว หรือข้าศึกที่กําลังจะเข้าตีโต้ตอบ ๔) ฝ่ายเราอาจมีความจําเป็นต้องใช้การยิงส่องสว่างบ้าง ในกรณีที่ฝ่ายข้าศึกใช้การยิงส่องสว่าง เพื่อรบกวนขีดความสามารถในการใช้เครื่องมือตรวจการณ์ในเวลากลางคืนของฝ่ายเรา เมื่อมีการใช้การยิง ส่องสว่างแล้วก็จะต้องใช้ไปอย่างต่อเนื่อง เพราะในระหว่างนั้นฝ่ายเราจะสูญเสียขีดความสามารถของเครื่องมือ ตรวจการณ์ในเวลากลางคืนไปแล้ว หากการยิงส่องสว่างหยุดชะงักลง ฝ่ายเราที่กําลังเข้าตะลุมบอนอาจจะ สูญเสียอํานาจการยิงกดข้าศึก ผบ.หน่วย จะต้องระมัดระวังและมั่นใจว่า ผบ.หมู่ และ ผบ.หมวด จะไม่ใช้พลุ กระแทกก่อนที่ ผบ.หน่วย จะตัดสินใจให้ทําการยิงส่องสว่างต่อพื้นที่เป้าหมาย ๕) กล้องเล็ง (THERMAL SIGHTS) ของอาวุธนําวิถีโทว์/ดรากอน อาจถูกนํามาใช้ภายใต้การ ควบคุมกํากับดูแล เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจการณ์ เพราะกล้องนี้สามารถตรวจจับเป้าหมายที่มีความร้อน ได้ แต่ ผบ.หน่วย จะต้องพิจารณาแล้วว่าในระหว่างนั้นไม่มีความจําเป็นต้องใช้กล้องเล็งประกอบกับอาวุธนํา วิถี ตถ. เนื่องจากไม่มีภัยคุกคามจากรถถังข้าศึก กล้องเล็งนี้สามารถช่วยจับภาพเป้าหมายในขณะนั้นได้ และยังสามารถใช้ตรวจการณ์ค้นหาเป้าหมาย เพื่อรายงานการเคลื่อนไหวของข้าศึก และใช้ควบคุมการยิง ของส่วนสนับสนุนได้ด้วย ๖) เมื่อมีเครื่องมือตรวจการณ์ในเวลากลางคืนจํานวนจํากัด ผบ.หน่วย จะต้องจัดลําดับความ เร่งด่วนในการใช้เครื่องมือดังกล่าวให้กับหน่วยที่มีความจําเป็น เช่น อาจมอบให้กับส่วนที่ทําการเจาะช่องผ่าน เครื่องกีดขวาง หน.ชุด ในส่วนโจมตี หรือทหารคนอื่น ๆ ในส่วนโจมตี หรือ ผบ.หมู่ ที่ใช้อาวุธประจําหน่วยใน ส่วนสนับสนุน ด. เมื่อทําการยึดที่หมายได้แล้ว กองร้อยจะทําการเสริมความมั่นคงและจัดระเบียบใหม่ ซึ่งคงใช้ การปฏิบัติเช่นเดียวกับการเข้าตีในทัศนวิสัยปกติ แต่มีข้อยกเว้นบางประการคือ ๑) จะต้องใช้พลนําทางนําขบวนสัมภาระและส่วนสนับสนุนเข้าประจําที่มั่น ๒) แผนการเสริมความมั่นคงจะต้องมีความง่ายให้มากที่สุด และพึงหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลง การจัดเฉพาะกิจ ๓) การกําหนดที่ตั้งและตําบลส่งกลับผู้บาดเจ็บรวมทั้งเชลยศึกอาจใช้เวลานาน ดังนั้นจึงอาจมี ความจําเป็นต้องเคลื่อนย้ายไปอยู่ทางด้านหลังที่หมายก่อนจนกว่าทัศนวิสัยจะดีขึ้น ๔) ระยะเคียงระหว่างหมวดจะน้อยกว่าในเวลากลางวัน เพื่อให้ง่ายในการควบคุมและสนับสนุน ซึ่งกันและกันได้ ต่อเมื่อทัศนวิสัยดีขึ้นแล้วจึงค่อยทําการปรับระยะเคียงให้ห่างออกไป


๑๓๑ ต. การเข้าตะลุมบอนในรูปขบวนหน้ากระดานนั้น เป็นเทคนิคสําหรับการเข้าตีในเวลาทัศนวิสัยจํากัด โดยที่หน่วยไม่มีเครื่องมือตรวจการณ์ในเวลากลางคืนในการเข้ายึดที่หมาย วิธีการนี้ใช้ได้ผลในการควบคุม การยิงของส่วนสนับสนุน โดยจะทําการยิงเป็นแนวเส้นตรงข้างหน้าส่วนโจมตี ทหารแต่ละคนในส่วนโจมตีจะใช้ เทคนิคการเคลื่อนที่เป็นบุคคล โดยรักษาแนวเส้นตรงไม่ให้เหลื่อมลํ้ากับทหารทางซ้ายและขวา ทหารแต่ละคน จะทําการยิงต่อเป้าหมายตรงหน้าได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องพะวงว่าจะยิงกันเอง ๑) ในการเข้าตะลุมบอนด้วยรูปขบวนหน้ากระดาน กองร้อยจะปล่อยการบังคับบัญชาให้หน่วย รอง ณ จุดแยกในแต่ละระดับจนถึงระดับหมู่ จากนั้นกองร้อยจะเข้าตะลุมบอนด้วยรูปขบวนหน้ากระดาน ผ่าน ที่หมายออกไป (รูปที่ ๔–๒๑) เทคนิคนี้จะถูกนํามาประยุกต์ใช้เพื่อลดความล่อแหลมของส่วนโจมตี และอาจ ปรับเปลี่ยนหรือประยุกต์ไปได้หลายวิธี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ก) วิธีการประยุกต์ที่ใช้ได้ผลมากที่สุด คือ การแบ่งส่วนหนึ่งของกองร้อยให้ทําหน้าที่ยิง สนับสนุนในที่ตั้งยิงแห่งหนึ่ง และส่วนที่เหลือเคลื่อนที่ไปยังแนวปรับรูปขบวนที่คาดไว้แล้วเข้าตะลุมบอน (รูปที่ ๔–๒๒) ปืนกล เครื่องยิงลูกระเบิด และอาวุธต่อสู้รถถังจะใช้ได้ผลในภารกิจนี้ เอ็ม.๒๐๓ อาจถูกนํามาใช้ อย่างได้ผลถ้าพลยิงสามารถตรวจการณ์เห็นเป้าหมาย ส่วนสนับสนุนจําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจการณ์เห็น ปีกทางด้านใกล้ของส่วนโจมตี ชุดยิงที่อยู่ทางปีกด้านนั้นอาจจะใช้การทําเครื่องหมายที่ตัวทหารไว้ด้วยหลอด สารเคมีเรืองแสง หรือเทปเรืองแสง เพื่อช่วยให้สามารถมองเห็นได้


๑๓๒ รปูท ี่ ๔ - ๒๑ การโจมตีเป็นแนว


๑๓๓ รปูท ี่ ๔ - ๒๒ การโจมตีเป็นแนวรว่มกบัส่วนสนับสนุน ข) การเปลย่ีนแปลงเทคนิควธิกีารน้ีอาจทาํ ไดอ้กีทางหน่งึคอืการเขา้ตทีห่ีมายทม่ีกีวา้ง ดา้นหน้าแคบ ๆ ดว้ยสว่นโจมตทีม่ีขีนาดเลก็กว่าปกติและมสีว่นตดิตามและสว่นสนบัสนุนทม่ีกีาํลงั ค่อนขา้งมาก ตวัอย่างเช่น แทนทจ่ีะใชก้าํลงั๒ หมวด เคล่อืนทไ่ีปยงัแนวปรบัรปูขบวนกใ็ชก้าํลงัเพยีง ๑ หมวด (-) เคล่อืนทไ่ีปยงัแนวปรบัรปูขบวน และพสิจูน์ทราบจุดอ่อนของขา้ศกึ (รปูท่ี๔ - ๒๓) กาํลงัสว่นน้อีาจ ไดร้บัภารกจิเฉพาะซง่ึอาจตอ้งทาํการออ้มผ่านขา้ศกึบางสว่นไปเพ่อืเขา้ยดึหรอืทาํลายทต่ีงั้ทส่ีาํคญั /สง ิ่ อาํนวย ความสะดวกของขา้ศกึและขา้ศกึทถ่ีูกออ้มผ่านไปนนั้จะเป็นหน้าทข่ีองสว่นตดิตามและสนบัสนุนเขา้ทาํลาย หรอืสว่นโจมตอีาจไดร้บัมอบทห่ีมายทอ่ีย่ดูา้นหน้าเพ่อืทาํการเขา้ยดึครอง แลว้ใหก้ารสนบัสนุนหน่วยท่ี เคล่อืนทต่ีดิตาม


๑๓๔ มาขา้งหลงัอกีหนทางปฏบิตัหิน่ึงกค็อืการเคล่อืนท่ีเขา้ไปยงัจุดแยกหม่ ูแลว้เขา้ตโีดยใชก้าํลงัขนาดหมู่ ต่อทห่ีมายย่อย ๆ หลาย ๆ แหง่เทคนิคการปฏบิตันิ้จีะใชไ้ดผ้ลในสถานการณ์ทเ่ีออ้ือาํนวยใหส้ามารถทาํการ แทรกซมึผ่านทม่ีนั่ตงั้รบัของขา้ศกึเพ่อืเขา้ไปยดึภมูปิระเทศสาํคญัหรอืจุดแตกหกัหรอืทม่ีนั่ทางดา้นหลงัของ ขา้ศกึ ๒) รปูขบวนหน้ากระดานในการเขา้ตะลมุบอน ยงัทาํ ใหเ้กดิความง่ายในการควบคมุการยงิจากดา้น นอกของทห่ีมาย เม่อืจดัวางทต่ีงั้ยงิสนบัสนุนในลกัษณะตงั้ฉากกบัทศิทางการเขา้ตะลมุบอนแลว้การยงิ สนบัสนุนย่อมสามารถยงิเลยออกไปขา้งหน้าของสว่นโจมตีและเล่อืนยา้ยการยงิออกไปไดใ้นขณะทส่ีว่นโจมตี รุกคบืหน้าออกไป ๓) รปูขบวนหน้ากระดานในการเขา้ตะลมุบอนนนั้มจีุดอ่อนอยใู่นตวัของมนัเหมอืนกนัหากขา้ศกึ ไดม้กีารเตรยีมการตงั้รบัเป็นอยา่งดีทหารทอ่ียใู่นรปูขบวนหน้ากระดานย่อมจะมสีว่นหน่ึงเป็นอย่างน้อยทต่ีอ้ง ตกอย่ใูนพน้ืทส่ีงัหารของขา้ศกึอย่างหลกีเลย่ีงไม่ได้และในขณะเดยีวกนัผบ.หน่วย จะทาํการรวบรวมอาํนาจ กาํลงัรบเพ่อืมุ่งสจูุ่ดอ่อนแอของขา้ศกึไดค้ ่อนขา้งลาํบากและประการสดุทา้ย หากขา้ศกึมเีคร่อืงมอืตรวจการณ์ ในเวลากลางคนืหรอืหากฝ่ายเราเคล่อืนทเ่ีขา้ไปยงัเคร่อืงกดีขวางทไ่ีมไ่ดค้าดคดิว่าจะพบ เม่อืถงึแนวปรบัรปู ขบวน อาํนาจการยงิของฝ่ายเราอาจไม่เหนือกว่าขา้ศกึและสว่นโจมตอีาจตอ้งหยุดชะงกัอยา่งรวดเรว็เป็น ผลทาํ ใหก้องรอ้ยอาจตอ้งตกอย่ใูนพน้ืทส่ีงัหารของขา้ศกึ รปูท ี่ ๔ - ๒๓ การโจมตีเป็นแนวรว่มกบัส่วนติดตามและส่วนสนับสนุน


๑๓๕ ๔) ถึงแม้ว่าเทคนิคการเข้าตะลุมบอนในรูปขบวนหน้ากระดาน จะมีความยากลําบากอย่างเห็นได้ ชัดเจน แต่ก็ยังเป็นวิธีการที่สามารถนํามาใช้ได้ผลสําหรับหน่วยที่ไม่มีเครื่องมือตรวจการณ์ในเวลากลางคืน เมื่อต้องเข้าตีในทัศนวิสัยจํากัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะใช้ได้ผลอย่างมากกับข้าศึกซึ่งอ่อนกําลัง หรือสูญเสีย การจัดหน่วย ถ้าหากข้าศึกมีเครื่องมือตรวจการณ์ในเวลากลางคืน หรือมีการเตรียมการตั้งรับเป็นอย่างดี พร้อมกับเครื่องกีดขวางที่มีการคุ้มกันแล้ว ผบ.หน่วย ไม่ควรเลือกใช้เทคนิคการเข้าตะลุมบอนในรูปขบวน หน้ากระดาน แต่ควรเลือกใช้วิธีการเข้าตีแบบที่ใช้ในเวลากลางวันที่ทัศนวิสัยปกติ โดยใช้การยิงส่องสว่าง สนับสนุนการเข้าตี ๕) ก่อนที่จะทําการเข้าตีในลักษณะดังกล่าว กองร้อยจะต้องทําการระวังป้องกันแนวปรับรูปขบวน ที่คาดคิดไว้ และจัดพลนําทางเพื่อที่จะนํากองร้อยจากแนวออกตีไปยังแนวปรับรูปขบวนแต่ละหมวดจะต้องจัด กําลังพลเฝ้าระวังแนวปรับรูปขบวนไว้ตั้งแต่เวลากลางวัน และกําลังพลส่วนนี้จะนําส่วนเข้าตีของหมวดไปยัง จุดแยกหมวดต่อไป ๖) ทหารดังกล่าวจะต้องได้รับคําชี้แจงถึงเส้นทางจากแนวออกตีไปยังจุดแยกหมวด การปฏิบัติเมื่อ เกิดปะทะกับข้าศึก เวลาผ่านแนวออกตี และข่าวสารอื่น ๆ ที่จําเป็นสําหรับหน่วยยามคอยเหตุ หรือหน่วย เฝ้าระวังที่จะปฏิบัติภารกิจ ๗) กําลังพลส่วนนี้จะเคลื่อนที่ไปยังจุดแยกหมวด จากนั้นจะเคลื่อนที่ต่อไปเพื่อทําการลาดตระเวน หรือทําเครื่องหมายเส้นทางให้กับหมวดเฝ้าระวังแนวปรับรูปขบวน และตรวจการณ์ไปยังที่หมาย พลนําทาง ของหมวดจะกลับมายังจุดแยกหมวดเพื่อนําหมวดของตนไปยังจุดแยกหมู่และแนวปรับรูปขบวน ๘) เมื่อกองร้อยได้ผ่านแนวออกตี และเคลื่อนที่ต่อไปยังแนวปรับรูปขบวน กองร้อยจะใช้การ เคลื่อนที่อย่างช้า ๆ และประณีต เพื่อรักษาความลับ เมื่อถึงจุดแยกหมวดกองร้อยจะปล่อยการบังคับบัญชา ให้กับหมวด เพื่อให้หมวดได้นํากําลังของตนก่อนจะถึงแนวปรับรูปขบวน เมื่อหมวดเคลื่อนที่ถึงแนวปรับรูป ขบวนแล้ว ก็จะรายงานให้ ผบ.ร้อย. ได้ทราบและเมื่อกองร้อยเข้าถึงแนวปรับรูปขบวนทั้งหมดแล้ว ผบ.ร้อย. ก็ จะรายงานให้ ผบ.พัน. ทราบ ผบ.พัน. จะสั่งการให้กองร้อยเคลื่อนที่อย่างเงียบ ๆ ต่อจากแนวปรับรูปขบวน เข้าไปโดยใช้พลนําทางของแต่ละหน่วย ๙) การสื่อสารทางสายเป็นวิธีการดํารงไว้ซึ่งการสื่อสารของหน่วยที่ทําการเข้าตี หากหน่วยมี อุปกรณ์ทางสายพอเพียง ข่ายการสื่อสารทางสายจะเชื่อมโยงระหว่าง ผบ.หมู่ ไปยัง ผบ.มว. และ ผบ.ร้อย. ถ้าหากเป็นไปได้ ชุดระวังป้องกันจะต้องวางการสื่อสสารทางสายให้เสร็จเรียบร้อยก่อนการเข้าตี ถ้าไม่สามารถ ทําได้ก็ให้วางสายในขณะที่กองร้อยเริ่มเคลื่อนที่ ซึ่งจะอํานวยประโยชน์ให้กองร้อยสามารถใช้สายโทรศัพท์ได้ ในขณะเคลื่อนที่ ข้อเสียของการวางสายโทรศัพท์ก่อนเริ่มการเข้าตีนั้นก็คือ ข้าศึกอาจตรวจพบสายโทรศัพท์ หากฝ่ายเราไม่ซ่อนพรางให้เรียบร้อย หรือมีการวางสายโทรศัพท์ออกไปไกลเกินไป ก) ข่ายกองร้อยจะมีการวางสายโทรศัพท์จากที่รวมพลของกองร้อย หรือจุดแยกของกองร้อย ที่กองพันได้กําหนดขึ้นไปยังจุดแยกหมวด และจากจุดแยกหมวดไปยังจุดแยกหมู่ ข) ข่ายของหมวด จะมีการวางสายโทรศัพท์จากจุดแยกหมู่ไปยังที่วางตัวของ ผบ.หมู่ ณ แนว ปรับรูปขบวน ค) สายโทรศัพท์สําหรับเข้าตะลุมบอน สามารถใช้ประโยชน์เพื่อการนําทางจากจุดแยก กองร้อยไปยังจุดแยกหมวดและจุดแยกหมู่ ง) วิทยุ วิทยุของหมู่จะเป็นเครื่องมือสื่อสารสํารอง ในกรณีการสื่อสารทางสายประสบปัญหา ๑๐) เมื่อการเข้าตีถูกข้าศึกค้นพบ หรือเมื่อ ผบ.ร้อย. สั่งการ ส่วนสนับสนุนจะเริ่มทําการยิง และ เช่นเดียวกันส่วนโจมตีก็จะเข้าตะลุมบอน การยิงจากฝ่ายข้าศึกในลักษณะของการยิงเพื่อพิสูจน์ทราบ หรือ ลาดตระเวนด้วยการยิงนั้น ฝ่ายเราไม่ควรปฏิบัติการตอบโต้ หรือเริ่มการเข้าตีโดยเปิดเผยจากสาเหตุนั้น


๑๓๖ เนื่องจาก จะทําให้เสียผลในการจู่โจม ผบ.หน่วย จะต้องตระหนักว่าทัศนวิสัยจํากัดนั้น จะบีบบังคับให้ต้องใช้ เทคนิคการเข้าตะลุมบอนโดยใช้รูปขบวนหน้ากระดาน เพื่อให้การเข้าตะลุมบอนประสพผลสําเร็จนั้น จะต้องใช้ การจู่โจมและเอาชนะฝ่ายข้าศึกให้ได้อย่างรวดเร็ว และหากการเข้าตะลุมบอนไม่ประสพผลสําเร็จตั้งแต่แรก แล้ว การควบคุมหน่วยจะเป็นไปด้วยความยากลําบาก ๑๑) ทหารที่เข้าทําการตะลุมบอนจะต้องปฏิบัติการอย่างห้าวหาญ โดยใช้เทคนิคการเคลื่อนที่เป็น บุคคลในการเข้าดําเนินกลยุทธ์ ส่วนสนับสนุนจะทําการยิงด้วยความเร็วสูงเพื่อให้มีอํานาจการยิงเหนือข้าศึก กระสุนส่องวิถีจะถูกนํามาใช้เพื่อปรับการยิงให้แม่นยําและควบคุมการยิง ทั้งยังจะช่วยให้ส่วนสนับสนุนสามารถ ตรวจการณ์เห็นวิถีกระสุนตําบลกระสุนตกกระทบของตนได้ ผตน. จะร้องขอการยิงสนับสนุนไปยังรอบ ๆ ที่ หมาย และเลยที่หมายออกไปเพื่อรบกวนการเพิ่มเติมกําลังของข้าศึก เมื่อส่วนโจมตีเข้าตะลุมบอนใกล้ที่หมาย การยิงสนับสนุนจะถูกเคลื่อนย้ายออกไปเลยเขตจํากัดการรุก หรือเลยออกไปทั้งหมด แต่ทหารฝ่ายเราจะต้อง ไม่เคลื่อนที่ออกนอกเขตจํากัดการรุก ๑๒) หากข้าศึกตรวจพบการเคลื่อนที่เข้าตีก่อนที่กองร้อยจะถึงแนวปรับรูปขบวน ผบ.ร้อย. อาจจะ ปฏิบัติดังนี้ ก) ร้องขอการยิงสนับสนุนตามแผนที่ข่ม/กดข้าศึก ข) ร้องขอการยิงส่องสว่าง (หากได้รับอนุมัติจาก ผบ.พัน.) เพื่อช่วยในการเคลื่อนที่และการ ควบคุมหน่วย ค) ทําการเข้าตีต่อไป เสมือนหนึ่งการเข้าตีในทัศนวิสัยปกติ โดยใช้การปรับแผนเป็นการเข้าตี ในเวลาทัศนวิสัยปกติ หมายเหตุ : การเข้าตะลุมบอนด้วยรูปขบวนหน้ากระดาน หรือแม้แต่รูปขบวนหน้ากระดานดัดแปลง ย่อม เป็นวิธีการที่ค่อนข้างเสี่ยง หากนํามาใช้ในเมื่อมีการยิงส่องสว่าง ๔ - ๒๐ การปฏิบัติการลวง กองร้อยอาจใช้การปฏิบัติการลวงข้าศึก หรือการแสดงลวงว่าเป็นส่วนหนึ่งของ กองพันในการเข้าตี ผบ.ร้อย. จะใช้กระบวนการในการวางแผนเช่นเดียวกับที่กล่าวมาแล้ว และระเบียบการนํา หน่วยเช่นเดียวกับการเข้าตีแบบอื่น ๆ ทั่วไป ก. การลวง ก็คือ การเข้าตีต่อที่หมายจํากัดเพื่อสนับสนุนการเข้าตี ที่จําเป็นต้องให้กองร้อยดํารงการ ปะทะกับข้าศึกได้ ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นการปะทะด้วยการยิงเล็งตรงไม่ว่าจะเป็นการเข้าตีแบบใดก็ตาม สิ่งที่ ผบ.พัน. ต้องการก็คือ การที่ ผบ.ร้อย. มีความใส่ใจในการวางแผนการปฏิบัติการลวง วัตถุประสงค์ดังกล่าวนี้จะ ถูกระบุไว้เป็นข้อความที่แสดงถึงสิ่งที่ข้าศึกจะถูกหันเหหรือลวงให้ปฏิบัติ เช่น • เพื่อให้ข้าศึกเปลี่ยนย้ายที่ตั้งหรือใช้กองหนุน • เพื่อให้ข้าศึกย้ายการยิงออกไปจากส่วนเข้าตีหลักของฝ่ายเรา • เพื่อให้ข้าศึกเปิดเผยที่ตั้งหรือการวางกําลัง ๑) ผบ.ร้อย. จะต้องมั่นใจว่าตนเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างเวลาที่ต้องปฏิบัติการลวง กับการ ปฏิบัติของส่วนเข้าตีหลัก และจะต้องพิจารณาถึงสิ่งที่จะต้องปฏิบัติต่อไป หากการลวงนั้นประสพผลสําเร็จ หรือการเข้าตีลวงนั้นสามารถทําลายข้าศึกได้มากกว่าที่คาดคิด สิ่งเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้จากความอ่อนแอใน บางจุดของข้าศึก หรือความล้มเหลวในการปฏิบัติของข้าศึกในการต่อต้านการเข้าตี ในกรณีเช่นนี้ ผบ.พัน. อาจตัดสินใจเปลี่ยนความพยายามหลักย้ายมาให้กับด้านของการเข้าตีลวงนั้น ๒) ผบ.ร้อย. จะต้องมั่นใจว่าการปฏิบัติการนั้นเป็นไปด้วยความห้าวหาญรุกรบ ซึ่งจะช่วยให้ข้าศึก ถูกบีบบังคับให้ปฏิบัติตามที่ฝ่ายเราต้องการ และช่วยลดการสูญเสียของฝ่ายเราอีกด้วย หากการเข้าตีต้อง สูญเสียนํ้าหนัก หรือสูญเสียแรงหนุนเนื่อง โดยอํานาจการยิงของข้าศึกแล้ว ผบ.ร้อย. อาจตัดสินใจสั่งการให้ ทําการตั้งรับเร่งด่วน หรือผละออกจากการปะทะก็ได้ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียของกําลังพล


๑๓๗ ข. การแสดงลวง คงมีลักษณะการปฏิบัติคล้ายคลึงกับการลวง แต่มีข้อแตกต่างที่ว่าการแสดงลวงนั้น ไม่ต้องการที่จะเข้าปะทะกับข้าศึก กองพันอาจใช้การปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นส่วนหนึ่งของการแสดง ลวง ตัวอย่างเช่น กองร้อยอาจได้รับมอบหมายให้ทําการสร้างฉากควันโดยใช้หม้อควัน เพื่อลวงให้ข้าศึกเข้าใจ ว่าได้มีการเตรียมการเข้าตีในพื้นที่นั้น ๔ - ๒๑ การปฏิบัติการระวังป้องกัน กองพันอาจมอบภารกิจการระวังป้องกันให้กับกองร้อย เช่น การเป็น ส่วนกําบัง หรือการเป็นส่วนระวังป้องกันให้กับหน่วยข้างเคียง ซึ่งการปฏิบัติการดังกล่าวนี้อาจเป็นส่วนหนึ่ง ของการต่อต้านการลาดตระเวนของฝ่ายข้าศึก (รส.๗ – ๒๐) ผบ.ร้อย. อาจมอบภารกิจดังกล่าวเหล่านี้ให้กับ หมวดของตน เพื่อสนับสนุนแผนการดําเนินกลยุทธ์ เมื่อได้รับภารกิจเหล่านี้แล้วหน่วยจําเป็นที่จะต้อง ปฏิบัติการนําทางให้กับกําลังพลฝ่ายเดียวกัน เพื่อป้องกันมิให้ข้าศึกตรวจการณ์พบ หรือทําการยิงมายังฝ่าย เรา ผบ.ร้อย. จะวิเคราะห์ภารกิจและพัฒนาแผนเช่นเดียวกับในสถานการณ์ทางยุทธวิธีอื่น ๆ (บทที่ ๒) การ วิเคราะห์นี้หมายรวมถึง ก. ภารกิจ กิจเฉพาะที่ระบุไว้ จะกําหนดว่าหน่วยจะต้องดําเนินการอย่างไรบ้าง เพื่อให้งานสําเร็จผล กิจเหล่านี้ (เช่น การออกคําสั่งเตรียมแต่เนิ่น ๆ หรือการทําลายการลาดตระเวนของฝ่ายข้าศึก) จะปฏิบัติได้ ง่ายดายกว่าการเป็นส่วนระวังป้องกัน (เช่น การเป็นส่วนกําบังการป้องกันการตรวจการณ์ทางพื้นดินของข้าศึก และการป้องกันการยิงจากฝ่ายข้าศึก) ในสถานการณ์เดียวกันหน่วยหรือส่วนที่รับการระวังป้องกันก็คงปฏิบัติ ตามแผนการเข้าตี ตัวอย่างเช่น หากกองร้อยได้รับภารกิจให้ทําการระวังป้องกันปีกซ้ายของกองพันในขณะ เคลื่อนที่ ผบ.ร้อย. จะต้องพิจารณาว่าจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อดํารงไว้ซึ่งการระวังป้องกันให้กับกองพัน โดยรักษา ระยะต่อและกระจายกําลังออกไป ข. ภูมิประเทศ การวิเคราะห์ภูมิประเทศใช้ปัจจัยเช่นเดียวกัน คือ แนวทางการเคลื่อนที่ของข้าศึก ตําบล ที่สามารถใช้ในการตรวจการณ์ได้ดี และตําบลหรือพื้นที่ที่ใช้แล้วน่าจะเกิดการเสี่ยงกับฝ่ายเรา ค. ข้าศึก การวิเคราะห์ข้าศึกนั้นคงกระทําควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ภูมิประเทศ ซึ่ง ผบ.หน่วยจะต้อง วิเคราะห์ออกมาให้ได้ว่า ภูมิประเทศแห่งใดที่จะเอื้ออํานวยให้ข้าศึกสามารถตรวจการณ์/ทําการยิงเล็งตรงมายัง ฝ่ายเราได้ ภูมิประเทศแห่งนั้นจะต้องถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ ขนาดและกําลังของข้าศึกที่ถูกประมาณการณ์ ออกมาได้นั้นจะช่วยให้ ผบ.หน่วย สามารถใช้เป็นข้อมูลพิจารณาที่ตั้งของกําลังหลัก และขนาดพร้อมที่ตั้งของ กองหนุน/หน่วยปฏิบัติการตอบโต้ การทราบถึงระยะยิงหวังผลของระบบอาวุธยิงเล็งตรงของข้าศึก จะช่วยให้ ผบ.หน่วย ได้พิจารณาถึงระยะห่างจากหน่วยทหารฝ่ายเดียวกันที่จะสามารถกําหนดแนวการกําบังของหน่วย ขึ้นได้ (ถ้าไม่มีการกําหนดจากหน่วยเหนือ) ง. กําลังฝ่ายเรา หน่วยทหารฝ่ายเดียวกัน โดยเฉพาะหน่วยที่ประกอบด้วยยานยนต์ หรือเครื่องมือเฝ้า ตรวจ จะมีผลอย่างชัดแจ้งต่อการวางแผนของ ผบ.ร้อย. หากยานยนต์มีสภาพใช้การได้ดีก็จะช่วยเพิ่มความ คล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ให้กับกองหนุน/หน่วยปฏิบัติการตอบโต้ และหากได้รับการสมทบด้วยอาวุธต่อสู้ รถถังขนาดหนัก หรือเครื่องมือเฝ้าตรวจภาคพื้นดินแล้ว ก็ย่อมจะเพิ่มขีดความสามารถในการเฝ้าตรวจและ การตรวจการณ์ของกองร้อย จ. เวลา ปัจจัยที่มีผลเกี่ยวเนื่องกับ ผบ.ร้อย. ก็คือ ช่วงเวลาของการดํารงรักษาการระวังป้องกันจะ ยาวนานเพียงใด สําหรับเวลาที่ต้องยืดออกไปนั้น แผนจะต้องมีการแบ่งเวลาส่วนหนึ่งให้กับกําลังพลได้มี โอกาสพักผ่อน เตรียมการด้านส่งกําลัง และการซ่อมบํารุง และในแผนนั้นจะต้องกําหนดให้มีการปรับเปลี่ยน ได้ ในกรณีที่ต้องเข้าปฏิบัติการในทัศนวิสัยจํากัด ในเวลาทัศนวิสัยปกตินั้น แนวการซึ่งประกอบด้วยจุดวาง ยามระวังป้องกัน ซึ่งจัดจากหมวดที่เป็นหมวดหนุน ก็น่าจะมีความพอเพียงแต่ในระหว่างเวลาทัศนวิสัยจํากัด จะต้องมีการพิจารณาจัดวางยามระวังป้องกันเพิ่มเติมขึ้นอีก และช่องว่างระหว่างจุดที่วางยามเหล่านั้นจะต้องมี การลาดตระเวนคุ้มกันโดยใช้กําลังขนาดหมู่


๑๓๘ ๔ - ๒๒ กองร้อยอาวุธเบาในบทบาทกองหนุน กองร้อยอาจได้รับมอบภารกิจเป็นกองหนุนของกองพันใน ระหว่างการเข้าตี ผบ.พัน. จะพิจารณาสั่งใช้กองหนุนเพื่อผลแห่งชัยชนะในขั้นเด็ดขาดหรือเพื่อรักษานํ้าหนัก แรงหนุนเนื่องในการเข้าตี ในการขยายผลแห่งความสําเร็จของกองร้อยอื่น หรือเพื่อสร้างผลในการจู่โจมนั้น กองหนุนควรจะต้องเข้าตีในทิศทางใหม่ กองหนุนอาจจะมีภารกิจมากมายหลายประการ ดังนั้น ผบ.ร้อย.ที่เป็น กองหนุนจะต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ทางยุทธวิธีตลอดเวลา รวมทั้งต้องรู้ภารกิจรวมทั้งแผนทางยุทธวิธีของ กองร้อยอื่น ๆ ด้วย นอกจากนี้แล้ว ยังจะต้องมีความคุ้นเคยกับภูมิประเทศและข่าวสารเกี่ยวกับข้าศึกในพื้นที่ ที่หมาย กองหนุนจะต้องปฏิบัติการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเมื่อได้รับคําสั่ง ก. ผบ.พัน. อาจกําหนดให้ ผบ.ร้อย. ของกองร้อยหนุนอยู่ใกล้ชิดกับตนในระหว่างที่มีการสู้รบกับ ข้าศึก ทั้งนี้เพื่อให้ ผบ.ร้อย. นั้นติดตามสถานการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง และเพื่อลดการสั่งการในรายละเอียด ช่วยให้การสั่งการเป็นไปอย่างรวดเร็ว ข. กองหนุนอาจได้รับมอบภารกิจหนึ่งหรือหลายภารกิจ หรือเตรียมการเพื่อปฏิบัติภารกิจดังนี้ ๑) ทําการป้องกันปีกหรือทางด้านหลังของกองพัน ๒) รับมอบภารกิจจากกองร้อยอื่น ๓) สนับสนุนด้วยการยิง ๔) ทําการกวาดล้างที่ตั้งของข้าศึกที่ถูกทําลาย หรือที่ถูกอ้อมผ่าน ๕) เข้าตีในทิศทางใหม่ ๖) ช่วยเหลือในการเสริมความมั่นคง ณ ที่หมาย ๗) ควบคุมและส่งกลับเชลยศึก


๑๓๙ บทที่ ๕ การปฏิบัติการตั้งรับ “ ห้วงเวลาที่ฝ่ายตั้งรับสามารถที่จะพัฒนาอํานาจการรบให้มีความเหนือกว่าจะเป็นช่วงเวลาที่สั้น ดังนั้นการรวมอํานาจการรบ จะต้องกระทําอย่างรวดเร็วและรุนแรง ผบ.หน่วย จะต้องยอมรับการเสี่ยงในบาง พื้นที่เพื่อรวมอํานาจการรบ สําหรับการปฏิบัติที่แตกหัก ณ ตําบลอื่น ” รส.๑๐๐ - ๕, ๒๕๓๐ ก. ในบทนี้จะกล่าวถึง การวางแผน การเตรียมการ และการปฏิบัติการตั้งรับ ซึ่งจะเป็นมาตรการ ป้องกันซึ่งจะดําเนินการเพื่อการพิสูจน์ทราบ หรือการหาจุดอ่อนของข้าศึก เพื่อให้ได้โอกาสที่จะกลับไปเป็น ฝ่ายรุก การปฏิบัติการอย่างเหมาะสมของการตั้งรับสามารถที่จะเอาชนะกําลังที่มีจํานวนเหนือกว่าได้ กําลัง ทหารราบในการตั้งรับจะต้องใช้ลักษณะภูมิประเทศเพื่อสนับสนุนการดําเนินกลยุทธ์ และเพื่อความสําเร็จของ การจู่โจม กําลังทหารราบจะเพ่งเล็งไปยังการปฏิบัติการรุก และหาทางหลีกเลี่ยงการตั้งรับอยู่กับที่ซึ่งจะเป็น การเสียความริเริ่มให้กับข้าศึก ตัวอย่างที่ดีที่สุดของการตั้งรับประเภทนี้เกิดขึ้นในอาฟริกาเหนือในระหว่าง สงครามโลกครั้งที่ ๒ ข. ในเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๔๘๖ กองร้อย K กองพันที่ ๓ กรมทหารราบที่ ๑๘ ทําการตั้งรับบริเวณ เนินเขาทางทิศตะวันออกของเมืองเอลกัตตา กองร้อย K เป็นกองร้อยทางปีกขวาของกองพัน และทําการ ควบคุมถนนสายหลักที่ผ่านเขตปฏิบัติการของกองร้อย กองร้อย K ได้จัด มว.ที่ ๑ เป็นกําลังตั้งรับหน้าวาง กําลังอยู่ตรงกลาง มว.ที่ ๒ และ มว.ที่ ๓ วางกําลังอยู่ทางด้านหลัง ทางซ้ายและทางขวาตามลําดับ มว.ที่ ๑ จะทําการตั้งรับหลังเนินบริเวณสันเขาที่ทอดยาวมายังถนน มว.ที่ ๒ และ มว.ที่ ๓ วางกําลังไปข้างหลัง บริเวณลาดข่ม ที่นั่นจะมีร่องนํ้าที่แห้งขอดหรือคูบนหลังเนินประมาณ ๑๕ ม. ตํ่าลงมา และขนานไปกับสันเขา ค. มว.ทําการเตรียมที่มั่นในร่องนํ้าที่แห้งขอดด้วยปืนกลเบา และทหารราบในแต่ละปีกและปืนเล็กกล ทําการควบคุมพื้นที่สันเขาทั้งหมด ที่ฟังการณ์คู่ได้ถูกจัดตั้งขึ้นห่างจากกองร้อยไปข้างหน้าประมาณ ๕๐๐ ม. เมื่อสิ้นแสงทางทหาร มว.ที่ ๑ ได้ทําการเคลื่อนย้ายไปข้างหน้าไปยังที่โล่งแจ้งของลาดหน้าเนินและทําการ เตรียมที่มั่นรบ ณ ที่นั้น ประมาณเที่ยงคืน ที่มั่นตั้งรับของกองร้อยได้ถูกจัดเตรียมเรียบร้อย ครั้นเมื่อ เวลา ๐๖๐๐ น. ได้ยินเสียงขบวนรถถังของข้าศึกเคลื่อนที่เข้ามายังที่มั่นของกองร้อย ผบ.ร้อย. แจ้งให้ทหารระงับ การยิง รถถังที่ไม่มีทหารราบสนับสนุน ถูกปล่อยให้ผ่านไปตามถนนและไปสู่ด้านหลัง


๑๔๐ การตงั้รบัลาดหลงัเนินของกองรอ้ย ง. เวลา ๐๖๓๐ ทฟ่ีังการณ์ ไดร้ายงานการตรวจพบขบวนของรถกง่ึสายพานหา่งจากแนวหน้า ประมาณ ๗๐๐ ม. ในระหวา่งการเคล่อืนทข่ีองรถกง่ึสายพาน ปืนใหญ่ของขา้ศกึเรม ิ่ ทาํการยงิมายงัทม่ีนั่ลาด หน้าเนินของ มว.ท่ี๑ จ. มว. ทาํการถอนตวักลบัมายงัทม่ีนั่ลาดหลงัเนิน ซง่ึสามารถทจ่ีะไดย้นิเสยีงของรถกง่ึสายพาน พยายามไต่ขน้ึมาตามลาดหน้าเนินและหลงัจากนนั้เสยีงกเ็งยีบลง ๒ - ๓ นาทตี่อมานายทหารขา้ศกึนายหน่งึ และพลนําสาร ไดข้น้ึมาตรวจการณ์บนสนัเนิน เม่อืนายทหารขา้ศกึโบกมอืใหก้าํลงัพลของตนเคล่อืนทไ่ีป ขา้งหน้า มว.ไดเ้ปิดฉากการยงิการยงิของ มว.มปีระสทิธภิาพมากซง่ึไม่มทีหารขา้ศกึคนใดสามารถทจ่ีะ เคล่อืนทเ่ีขา้มาในระยะ ๑๕ ม. ของร่องน้ําได้ขา้ศกึพยายามจโู่จมบนสนัเนินอกี๓ ครงั้ ในชวั่ โมงต่อมา แต่ละ ครงั้ไม่ไดร้บัความสาํเรจ็แต่อย่างใด ฉ. เวลา ๑๔๓๐ ขา้ศกึไดพ้ยายามทาํการเขา้ตโีอบ ๒ ปีก ดว้ยการใชท้หารราบเขา้ตโีอบปีกซา้ยและ ทหารราบยานเกราะเขา้ตโีอบปีกขวา แต่ปืนกลและทหารราบในแต่ละปีกของฝ่ายตงั้รบัมพีน้ืการยงิทด่ีแีละ สามารถหยุดการโจมตทีงั้๒ ปีกได้เวลา ๑๗๐๐ น. ขา้ศกึไดถู้กบงัคบัใหท้าํการถอนตวัละทง้ิกาํลงัพลท่ี สญูเสยีและบาดเจบ็จาํนวน ๕๐๐ นายและรถกง่ึสายพานถูกทาํลายจาํนวน ๕ คนัไวข้า้งหลงัยอดสญูเสยีของ กาํลงัฝ่ายตงั้รบัตาย ๑ นายและบาดเจบ็๗ คน ช. ผบ.รอ้ย. ของกองรอ้ย K มคีวามเขา้ใจในความสาํคญัของการใชล้กัษณะภมูปิระเทศเพ่อืป้องกนั กาํลงัทหารราบ เม่อืทหารราบจะตอ้งรกัษาพน้ืทแ่ีละต่อสจู้ากทม่ีนั่อย่กูบัท่ีการเตรยีมทม่ีนั่เป็นสง ิ่ สาํคญั การวางและการใชอ้าวุธประจาํหน่วยกเ็ป็นปัจจยัสาํคญัต่อความสาํเรจ็ในการตงั้รบัการตงั้รบัจะตอ้งมกีารจดั หน่วยเพ่อืเอาชนะหนทางปฏบิตัทิข่ีา้ศกึน่าจะใชม้ากทส่ีดุและยงัจะตอ้งมคีวามอ่อนตวัอกีดว้ยเพ่อืทาํการปรบั


๑๔๑ ให้เข้ากับเหตุการณ์ ท้ายที่สุดความสําเร็จของการ ตั้งรับทุกครั้ง โดยธรรมดาแล้วจะมีความต้องการ การรวมความรุนแรงของการยิง ตามตัวอย่างข้างต้นนี้ การยิงเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมากเมื่อปฏิบัติ พร้อมกับการจู่โจมจากที่มั่นที่มีการซ่อนพรางและมีการเตรียมการที่ดี ตอนที่ ๑ หลักพื้นฐานของการตั้งรับ เทคนิคของการตั้งรับจะถูกรวมไว้ในการปฏิบัติการเกือบทั้งหมด และจะถูกนําไปใช้เพื่อให้ความสําเร็จ ในหลาย ๆ ภารกิจ เช่นการส่งกําลังเพิ่มเติมในระหว่างการปฏิบัติการรุก สิ่งที่เพิ่มเติมเข้าไปในความมุ่งหมาย หลักของการเอาชนะการโจมตีของข้าศึกก็คือ ฐานลาดตระเวนและพื้นที่รวมพล ซึ่งจะเป็นที่มั่นตั้งรับชั่วคราว ใช้เพื่อให้การระวังป้องกัน ถึงแม้จะเป็นในระหว่างการปฏิบัติการรุกก็ตาม ๕ - ๑ ความมุ่งหมาย ความมุ่งหมายของการตั้งรับคือ การทําให้การเข้าตีของข้าศึกล้มเหลว และเพื่อสร้าง เงื่อนไขที่จะอํานวยให้ฝ่ายเรากลับมาเป็นฝ่ายรุก แนวความคิดในการปฏิบัติของ ผบ.หน่วย สําหรับการตั้งรับ จะพิจารณาว่าจะใช้มาตรการควบคุมและเทคนิคแบบใด ก. การดําเนินการตั้งรับมิใช่เพียงแต่การวางเงื่อนไขในการสังหารทหารฝ่ายข้าศึก และทําลายอาวุธ ยุทโธปกรณ์ให้เร็วกว่าที่ข้าศึกจะสามารถทดแทนได้เท่านั้น การตั้งรับจะมุ่งทําลายแผนของข้าศึกที่จะรวมความ เป็นปึกแผ่นและการประสานสอดคล้องของกําลัง ขวัญ และขีดความสามารถในการมองสนามรบของข้าศึก จะต้องถูกทําลายเช่นกัน กองร้อยดําเนินการปฏิบัติการตั้งรับเพื่อ ๑) เอาชนะการเข้าตีของข้าศึก ๒) ให้ได้มาซึ่งเวลาเพื่อการเตรียมการสําหรับการปฏิบัติการอื่น ๆ ๓) ให้ ผบ.หน่วยระดับสูง ทําการรวมกําลัง ณ พื้นที่อื่น ๔) การควบคุมกําลังหลักของข้าศึกที่เป็นหน่วยนําการปฏิบัติการรุก ๕) รักษาภูมิประเทศสําคัญ หรือพื้นที่แตกหัก ข. ร้อย.อวบ. จะได้รับการจัดหน่วย ยุทโธปกรณ์และการสนับสนุนเพื่อดําเนินการปฏิบัติการตั้งรับแบบ เคลื่อนที่ที่ไม่มีรูปแบบที่ตายตัว (ความหลากหลายนี้จะขึ้นอยู่กับประเภทของกองพล แต่โดยทั่วไปแล้วจะมี ความคล้ายคลึงกัน สําหรับ ร้อย.ร. ทั้งหมด) เมื่อมีความต้องการการดําเนินการตั้งรับแบบอยู่กับที่ ที่มีรูปแบบ ตายตัวแล้ว ผบ.ร้อย. จะต้องลดความล่อแหลมของหน่วยของตน ๑) ความรุนแรงของสนามรบสมัยใหม่ คือการที่ทุก ๆ หน่วยที่ถูกตรวจพบอาจถูกทําลายได้ ภัย คุกคามนี้จะลดลงได้โดยการเตรียมการอย่างเหมาะสมของที่มั่นที่จะช่วยในการอยู่รอดในสนามรบ แต่สิ่งนี้จะมี ความต้องการเวลาและทรัพยากรเป็นอย่างมาก ๒) เมื่อใดก็ตามที่แนวความคิดในการปฏิบัติของ ผบ.หน่วยมีความต้องการ ร้อย.ร. หรือบางส่วน ของ ร้อย.ร. เพื่อทําการรบจากที่มั่นประจําที่ ผบ.หน่วยจะต้องพิจารณา ๒ สิ่ง คือ เป็นไปได้เพียงใดที่ข้าศึกจะ ตรวจพบที่มั่นเหล่านี้ และถ้าตรวจพบข้าศึกจะมีขีดความสามารถอย่างไรในการใช้อํานาจการรบต่อที่มั่นของตน ๕ - ๒ คุณลักษณะของการตั้งรับ คุณลักษณะของการตั้งรับควรที่จะถูกนํามาพิจารณา ในขณะที่กําลัง วางแผนหรือกําลังดําเนินการ กองร้อยปฏิบัติการตั้งรับ ซึ่งจะมีในรายละเอียดใน รส. ๑๐๐ - ๕ ข้อพิจารณาที่ นําไปใช้กับ ร้อย.ร. มีดังนี้ ก. การเตรียมการ ผู้ทําการตั้งรับจะต้องมาถึงบริเวณพื้นที่การรบก่อนผู้ที่จะทําการเข้าตี และจะต้องชิง ความได้เปรียบก่อนโดยการเตรียมการสําหรับการรบอย่างละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่เวลาจะอํานวยให้ จากการ วิเคราะห์ปัจจัย METT - T ผบ.ร้อย. จะได้รับการเพิ่มความเข้าใจในสถานการณ์ทางยุทธวิธี และพิสูจน์ทราบ อํานาจ (ศักยภาพ) ของฝ่ายเราและจุดอ่อนของข้าศึก หลังจากนั้นจะทําการจําลองยุทธ์หนทางที่ฝ่ายเรา


๑๔๒ และฝ่ายข้าศึกจะเลือก และทําการประสาน สอดคล้องแนวความคิดในการปฏิบัติของตนร่วมกับ ปัจจัยที่จะเพิ่มอํานาจการรบที่มีอยู่ทั้งหมด ในเมื่อฝ่ายข้าศึกได้กําหนดเวลาและสถานที่ที่จะทําการโจมตี การ ระวังป้องกันวงรอบจะถูกนํามาใช้เพื่อให้การแจ้งเตือนล่วงหน้าการปฏิบัติการลาดตระเวนและการระวังป้องกัน ของกองร้อยจะต้องเริ่มโดยทันทีในช่วงการเปลื่ยนแปลงของการตั้งรับ และปฏิบัติไปตามห้วงของการ ปฏิบัติการ ข. การทําให้เสียระเบียบ การวางแผนการตั้งรับจะแปรผันไปตามเหตุการณ์แต่แนวความคิดในการ ปฏิบัติการตั้งรับทั้งหมดจะเพ่งเล็งไปยังการปฏิบัติการที่ประสานสอดคล้องในอันที่จะทําให้การเข้าตีเสียระเบียบ การตีโต้ตอบ การยิงเล็งจําลอง เครื่องกีดขวาง และการรักษาไว้ซึ่งภูมิประเทศสําคัญหรือแตกหักจะป้องกัน ข้าศึกจากการรวมกําลังเข้าปะทะกับส่วนหนึ่งส่วนใดของการตั้งรับ การทําลายยานพาหนะทางการบังคับบัญชา และการควบคุมของข้าศึกจะทําให้การประสานสอดคล้องและความอ่อนตัวของข้าศึกสูญเสียไป มาตรการใน การลวงจะทําให้การโจมตีของข้าศึกเป็นไปอย่างล่าช้า ค. การรวมกําลัง ผู้ทําการตั้งรับจะต้องทําการรวมอํานาจการรบในเวลาและสถานที่ที่แตกหัก ถ้า ต้องการความสําเร็จและจะต้องให้ได้มาซึ่งความได้เปรียบเฉพาะบริเวณ ณ จุดแตกหัก การปฏิบัติการรุกการใช้ การจู่โจมและการลวงจะเป็นวิธีการในการเพิ่มความได้เปรียบนี้ ผู้ทําการตั้งรับจะต้องจดจําว่าการรวมกําลังนี้จะ เกี่ยวข้องกับอํานาจการรบ มิใช่เฉพาะแต่ทหาร อํานาจการรบจะเพ่งเล็งไปยังประสิทธิภาพ มิใช่จากจํานวน ของทหาร/ระบบอาวุธ การทําเช่นนี้ตามปกติผู้ทําการตั้งรับจะต้องออมกําลังในบางพื้นที่รักษากองหนุนไว้ และดําเนินกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความได้เปรียบเฉพาะบริเวณ การตีโต้ตอบเฉพาะบริเวณอาจจะมีความต้องการเพื่อ รักษาความมั่นคงของการตั้งรับ การยิงเล็งจําลองสามารถที่จะทําการย้ายที่ตั้งยิงไปยังจุดที่วิกฤติเพื่อการรวม อํานาจการทําลาย ง. ความอ่อนตัว ความอ่อนตัวจะได้มาจากการเตรียมการที่ดีและประสิทธิภาพของการบังคับบัญชา และการควบคุม ผู้ทําการตั้งรับจะต้องมีความว่องไวเพื่อตอบโต้ หรือหลีกเลี่ยงการเข้าตีของข้าศึกและหลังจาก นั้นทําการตีโต้กลับอย่างมีประสิทธิภาพ ความอ่อนตัวจะมีผลมาจากการประมาณการอย่างละเอียด ความ เข้าใจในความมุ่งหมายของหน่วย การใช้มาตรการเชิงรุกของการลาดตระเวนและการระวังป้องกัน และเมื่อ สามารถที่จะทําได้ การจัดหน่วยในทางลึกและการรักษาไว้หรือการฟื้นสภาพของกองหนุน เพื่อให้ได้มาซึ่ง ความอ่อนตัว ผบ.หน่วย จะต้องมองเห็นสนามรบ ทั้งทางตนเองและผ่านทางการรายงานตามระยะเวลาและ ความถูกต้อง ที่มั่นเพิ่มเติมในเส้นทางการเคลื่อนที่สํารอง จะให้ความอ่อนตัวแก่ ผบ.หน่วย มากกว่า หลังจาก การวิเคราะห์ลักษณะภูมิประเทศและข้าศึกอย่างดีแล้ว กองหนุนสามารถที่จะทําการวางกําลังเพื่อให้ ผบ.หน่วย ทําการตอบโต้ต่อเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิด ๕ - ๓ โครงรางของการตั้งรับ ่ กองพลและหน่วยที่ใหญ่กว่าจะมีแบบของการตั้งรับอย่างกว้าง ๆ จํานวน ๒ แบบ คือ การตั้งรับแบบคล่องตัว และการตั้งรับเป็นพื้นที่ การตั้งรับแบบคล่องตัวจะเน้นการทําลายข้าศึกเป็น หลัก การตั้งรับเป็นพื้นที่จะเน้นการรักษาภูมิประเทศ (รส. ๗ - ๒๐) การปฏิบัติทั้ง ๒ แบบ จะมีหน่วยที่อยู่กับ ที่และหน่วยดําเนินกลยุทธ์ และทั้ง ๒ แบบปฏิบัติตามโครงสร้างของการตั้งรับ รูปที่ ๕ - ๑ จะแสดง ส่วนประกอบ ทั้ง ๕ ส่วนของโครงสร้างการตั้งรับ ซึ่งได้แก่ ความลึก การลาดตระเวน และการระวังป้องกัน การตั้งรับ เขตหลัง และการปฏิบัติการของกองหนุน


๑๔๓ รปูท ี่ ๕ - ๑ โครงสรา้งการตงั้รบัในระดบักรม ร. ก. โดยปกติรอ้ย.ร. จะดาํเนนิการปฏบิตักิารตงั้รบัซง่ึเป็นสว่นหน่ึงของหน่วยขนาดใหญ่กองรอ้ย อาจจะปฏบิตัอิย่ใูนพน้ืทร่ีะวงัป้องกนัพน้ืทก่ีารรบหลกัหรอืพน้ืทเ่ีขตหลงักไ็ด้ขน้ึอย่กูบัภารกจิทไ่ีดร้บั มอบกองรอ้ยอาจจะเป็นสว่นปฏบิตักิารในทางลกึและเขตหลงั โดยเป็นสว่นหน่ึงของกาํลงัขนาดใหญ่ใน ระดบักองรอ้ย ตามปกตแิลว้โครงสรา้งการตงั้รบัจะเพ่งเลง็ไปยงัการปฏบิตักิารลาดตระเวนและการระวงัป้องกนั การปฏบิตักิารตงั้รบัและการปฏบิตัใินฐานะกองหนุน ในบางโอกาสกองรอ้ยอาจจะทาํการรบในการตงั้รบัทม่ีกีาร กระจายกาํลงัมาก ซง่ึกองรอ้ยจะมคีวามตอ้งการการจดัหากาํลงัเพม ิ่ เตมิสาํหรบัแต่ละหน่วยในโครงสรา้งการ ตงั้รบั ๑) โดยปกติรอ้ย.อวบ. จะทาํการตงั้รบัโดยเป็นสว่นหน่ึงของกองพนัเพ่อืแยกหรอืทาํลายขา้ศกึ เพ่อืป้องกนักาํลงัฝ่ายเดยีวกนัหรอืเพ่อืควบคุมภูมปิระเทศ การกาํหนดการตงั้รบัของกองรอ้ยจะพจิารณาจาก การวเิคราะหภ์ารกจิตามธรรมดาความมงุ่ หมายของกองรอ้ยตามภารกจิทก่ีาํหนดจะมคีวามชดัเจนในการให้ กองรอ้ยมุ่งไปยงัขา้ศกึภูมปิระเทศหรอืกาํลงัฝ่ายเดยีวกนั ๒) แนวความคดิในการปฏบิตัทิง่ี่ายและสมบรูณ์จะเป็นพน้ืฐานของการตงั้รบัทงั้หมด เทคนิคท่ี รอ้ย.อวบ. ใชอ้ย่เูป็นประจาํคอืการโจมตีการตโีฉบฉวย การซุ่มโจมตีและการปฏบิตักิารรกุอ่นืๆ ในการ ดาํเนินการปฏบิตักิารตงั้รบัตามปกตกิารตงั้รบัของหน่วยในระดบักรมหรอืต่ํากว่า จะประกอบดว้ย องคป์ระกอบ ๓ สว่นคอื


๑๔๔ ก) การปฏิบัติการระวังป้องกันด้านหน้าและทางปีกของพื้นที่การรบหลัก การปฏิบัติการนี้จะ ประกอบด้วย กิจของการระวังป้องกัน การลาดตระเวน และการตอบโต้การลาดตระเวน ขึ้นอยู่กับภารกิจที่ ได้รับมอบ กองร้อยอาจเพียงแต่ทําการตรวจการณ์และรายงาน ติดพันด้วยการยิงเล็งจําลอง และ/หรือติดพัน ด้วยการยิงเล็งตรง การปฏิบัติการระวังป้องกันจะมีความสําคัญตลอดทั้งการตั้งรับ โดยเริ่มด้วยการ สนับสนุนการเตรียมการตั้งรับก่อนเข้าทําการรบ เพื่อทําให้การโจมตีของข้าศึกเสียระเบียบและหรือเพื่อการ พิสูจน์ทราบความพยายามหลักของข้าศึก และในเขตพื้นที่การรบหลักจะใช้การลาดตระเวน เพื่อให้การ สนับสนุนขั้นตอนของการจัดทําข้อตกลงใจของ ผบ.หน่วย ข) การปฏิบัติการตั้งรับจะดําเนินการในเขตพื้นที่การรบหลัก โดยมุ่งไปยังการทําลายข้าศึก การรักษาภูมิประเทศ หรือการป้องกันกําลังฝ่ายเดียวกัน ตามธรรมดาแล้วการรบที่แตกหักจะเกิดขึ้นในเขต พื้นที่การรบหลัก ดังนั้นความพยายามหลักจะอยู่ในพื้นที่นั้น กิจของหน่วยร่วมกับภารกิจการระวังป้องกันหรือ ภารกิจเป็นกองหนุนจะต้องสนับสนุนความพยายามหลักตามแนวความคิดในการปฏิบัติของ ผบ.หน่วย สําหรับ การดําเนินการตั้งรับ ค) กองหนุนจะอํานวยให้ ผบ.หน่วย สามารถใช้ทําการยึดและรักษาความริเริ่ม และดํารงไว้ ซึ่งความอ่อนตัวของตน ถึงแม้ว่ากองหนุนจะไม่ได้รับมอบภารกิจการให้การสนับสนุนความพยายามหลัก โดยตรงก็ตาม ผบ.ร้อย. จะต้องพยายามใช้กองหนุนในเวลาและสถานที่ที่แตกหัก เพื่อความมั่นใจใน ความสําเร็จของการตั้งรับ ข. กองร้อยอาจจะปฏิบัติหน้าที่ในการปฏิบัติการเหล่านี้ทั้งหมดในเวลาเดียวกัน ในเขตปฏิบัติการ ของตนก็ได้หรืออาจจะกําหนดงาน ๑ หรือ ๒ งานสําหรับหน่วยที่ใหญ่กว่า ตัวอย่างที่ผ่านมาคือกองร้อยจะ ได้รับมอบเขตปฏิบัติการตั้งรับของตนเองในระหว่างการรบที่มีความขัดแย้งระดับตํ่า สําหรับการระวังป้องกัน ผบ.หน่วย อาจจะมีการผสมผสานกันระหว่างที่ตรวจการณ์และการลาดตระเวน และการระวังป้องกันก็ได้ ภายในเขตพื้นที่การรบหลักของตน ผบ.ร้อย. อาจจะพิจารณาการซุ่มโจมตีที่มีขนาดใหญ่ และการจัดที่มั่นตั้งรับ ให้มีมากขึ้นก็ได้ สําหรับกองหนุน ผบ.ร้อย. อาจจะวางกําลังในสถานที่ที่จะให้ความอ่อนตัวมากที่สุด การเป็น ส่วนหนึ่งของกําลังขนาดใหญ่ กองร้อยอาจจะได้รับมอบกิจเฉพาะเพื่อปฏิบัติหน้าที่เป็นกองหนุนของกรมก็ได้ ตอนที่ ๒ การวางแผนและการเตรียมการ หลังจากได้รับคําสั่งเตือนในการตั้งรับของกองพันแล้ว ผบ.ร้อย. จะเริ่มจัดทําขั้นตอนการนําหน่วยของ ตน (บทที่ ๒) และจัดทําการประมาณสถานการณ์ผลของการประมาณสถานการณ์นี้จะเป็นแนวทาง ซึ่ง ประกอบด้วย มาตรการควบคุม แผนการยิง แผนการลาดตระเวน และการระวังป้องกัน แผนการส่งกําลัง บํารุง และแผนสําหรับการใช้กองหนุน (ถ้าต้องการ) ๕ - ๔ การพัฒนาแนวความคิดในการตั้งรับ ตามที่ได้อธิบายในบทที่ ๒ แล้ว ภารกิจแถลงใหม่และการ วิเคราะห์ข้อเท็จจริงอื่น ๆ และการพิจารณาเหตุผลจะให้การเพ่งเล็งสําหรับการพัฒนาแนวความคิดในการตั้งรับ ในแต่ละหนทางปฏิบัติควรที่จะมีการพัฒนาโดยจะเริ่มที่ศักยภาพของจุดแตกหัก เมื่อ ผบ.ร้อย. พิสูจน์ทราบ ศักยภาพของจุดแตกหักของตนแล้ว ผบ.หน่วยจะพัฒนาแนวความคิดของตนโดยการใช้กรรมวิธีดังนี้ ก. พิจารณาจุดแตกหักและเวลาเพื่อการเพ่งเล็งไปยังอํานาจการรบ ๑) แนวความคิดของ ผบ.พัน. และการมอบงานสําหรับกองร้อยอาจจะเพ่งเล็งไปยังจุดแตกหัก เฉพาะและเวลาของกองร้อย ซึ่งมีความเป็นไปได้เมื่อกองร้อยเป็นความพยายามหลักของกองพัน ดังตัวอย่าง กองร้อยอาจจะได้รับมอบกิจ เพื่อดําเนินการซุ่มโจมตีในย่านกลางโดยเป็นส่วนหนึ่งของการซุ่มโจมตีเป็นพื้นที่


๑๔๕ ของกองพัน ในกรณีนี้จุดแตกหักของกองร้อยจะเป็นที่ใดที่หนึ่งในพื้นที่สังหารที่ได้รับมอบ และแนวความคิด ของ ผบ.หน่วย จะพยายามก่อให้เกิดอํานาจการรบสูงสุด ณ ที่นั่น เพื่อให้บรรลุความสําเร็จในภารกิจของตน ๒) ในสถานการณ์อื่น ๆ จุดแตกหักอาจจะไม่เด่นชัดและเทคนิคสําหรับการก่อให้เกิดอํานาจ การรบจะมีความยุ่งยากมากกว่าการวางหน่วยและอาวุธรอบ ๆ พื้นที่สังหารหรือพื้นที่โจมตี ในกรณีนี้เมื่อ กองร้อยเป็นความพยายามสนับสนุนสําหรับกองพัน หรือเมื่อแนวความคิดของกองพันมีการกระจายกําลัง มาก ดังตัวอย่างกองร้อยอาจจะทําการตั้งรับในเขต ด้วยภารกิจเพื่อระวังป้องกันปีกขวาของความพยายามหลัก ของกองพันเพื่อป้องกันข้าศึกเข้าตีโอบความพยายามหลัก ข. กําหนดผลซึ่งจะต้องทําให้สําเร็จ ณ จุดแตกหัก เพื่อให้ความสําเร็จของภารกิจ ตามปกติแล้ว ความ มุ่งหมายจากการแถลงภารกิจของกองร้อยจะระบุความต้องการผลลัพธ์ไว้อย่างเด่นชัด ในบางครั้งโดยเฉพาะใน ระหว่างการปฏิบัติการแบบแยกการ ผบ.หน่วย จะต้องทําการวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อการ กําหนดความต้องการผลลัพธ์ ค. กําหนดความมุ่งหมายที่ต้องการให้สําเร็จผล โดยความพยายามหลักและสนับสนุน (ความมุ่งหมาย ของการให้การสนับสนุนจะต้องเชื่อมโยงอย่างชัดเจน ไปยังความมุ่งหมายที่มอบให้กับความพยายามหลัก) ๑) ความมุ่งหมายของความพยายามหลัก มักจะเป็นความมุ่งหมายจากการแถลงภารกิจของกองร้อย ในบางครั้งความมุ่งหมายของกองร้อยจะต้องทําการปรับเล็กน้อยเพื่อให้เหมาะสมสําหรับหมวดที่เป็นความ พยายามหลัก เมื่อทําการปรับแล้วจะต้องมีความชัดเจนว่าการบรรลุผลของความมุ่งหมายของความพยายาม หลัก ซึ่งกองร้อยจะทําให้ความมุ่งหมายนี้บรรลุผล ๒) ความมุ่งหมายของการให้การสนับสนุน จะถูกเลือกโดยการพิจารณาว่าจะต้องสําเร็จผลอะไร เพื่อ สนับสนุนความสําเร็จของความพยายามหลัก ตัวอย่างของความมุ่งหมายความพยายามสนับสนุนประกอบด้วย การป้องกันการถูกเข้าตีโอบของความพยายามหลัก บังคับให้ข้าศึกเข้าไปในพื้นที่โจมตีป้องกันการลาดตระเวน ของข้าศึก และพิสูจน์ทราบการโจมตีหลักของข้าศึกทําการลวงข้าศึก ณ ที่ตั้งของการตั้งรับหลักหรือให้ความ พยายามหลักดําเนินกลยุทธ์ต่อข้าศึก ๓) ผบ.หน่วย จะใช้โครงสร้างการตั้งรับเพื่อช่วยเหลือตนในการพัฒนาแนวความคิดของตน ถึงแม้ว่า จะเพ่งเล็งไปยังการรบที่แตกหักในพื้นที่การรบหลักก็ตาม ความต้องการการระวังป้องกันและความต้องการ สําหรับกองหนุนจะต้องมีการกําหนดไว้ด้วย ง. กําหนดงานที่มีความจําเป็นสําหรับหน่วยรอง (ความพยายามหลักและความพยายามสนับสนุน) ซึ่ง จะสําเร็จผลของความมุ่งหมายนี้ ๑) งานควรที่จะเพ่งเล็งอย่างชัดเจนไปยังหน่วยรอง ในเรื่องภูมิประเทศ ข้าศึก หรือหน่วยฝ่าย เดียวกัน เมื่อทําการเชื่อมโยงกับความมุ่งหมาย คําจํากัดความที่แน่ชัด ความสามารถในการสําเร็จและการ แถลงภารกิจที่แตกหักจะได้รับมอบ ๒) ผบ.หน่วย ยังจะต้องพิจารณาว่า จะทําอย่างไรถึงจะสําเร็จในการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งจะ สําเร็จได้โดยการระบุความพยายามหลัก และโดยการมอบภารกิจความพยายามสนับสนุน ซึ่งจะให้การ สนับสนุนหน่วยนี้ การสนับสนุนซึ่งกันและกันจะเพิ่มได้โดยการกําหนดที่ตั้งหน่วยในที่ซึ่งสามารถให้การระวัง ป้องกันและ/หรือให้ความสามารถในการยิง/ดําเนินกลยุทธ์ ในการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ๓) บ่อยครั้งในระหว่างการปฏิบัติการตั้งรับแบบแยกการ การสนับสนุนซึ่งกันและกัน ระหว่าง หมวด/ตอน จะขึ้นอยู่กับผู้นําหน่วยเพียงผู้เดียว ซึ่งจะต้องเข้าใจแนวความคิดของ ผบ.หน่วย และ ความสัมพันธ์กับความพยายามหลัก ความสําเร็จของการตั้งรับอาจจะถูกกําหนดโดยความริเริ่ม และความกล้า หาญของความเป็นผู้นําของหมวดที่ให้การสนับสนุน


๑๔๖ จ. การจัดหน่วยเฉพาะกิจ (มว. หรือ ตอน) เพื่อความสําเร็จของภารกิจที่พิสูจน์ทราบแล้ว ๑) ผบ.ร้อย. จะแบ่งมอบทรัพยากรให้กับความพยายามหลักก่อนและหลัง จากนั้นจะแบ่งมอบ ให้กับความพยายามสนับสนุน โดยปกติแล้ว ผบ.ร้อย. จะไม่จัดหน่วยเฉพาะกิจตํ่ากว่าระดับหมู่ หรืออาวุธ ยุทโธปกรณ์เฉพาะ ในบางครั้งโดยเฉพาะเมื่อมีกําลังน้อย ผบ.ร้อย. อาจจําเป็นต้องจัดก็ได้ ๒) ขนาดของการจัดหน่วยอาจจะมีขนาดจาก ๑ หมู่ (-) ถึง ๑ มว. (+) ถ้าทรัพยากรมีไม่เพียงพอ ต่อความมั่นใจในการสําเร็จในแต่ละภารกิจของความพยายามสนับสนุน เมื่อเป็นเช่นนี้จะต้องทําการปรับ ภารกิจใหม่ ดังตัวอย่างภารกิจเริ่มแรกอาจจะทําหน้าที่ระวังป้องกันทางปีกของความพยายามหลัก เพื่อป้องกัน การเข้าตีโอบของข้าศึก ซึ่งอาจจะเปลี่ยนไปทําหน้าที่การกําบังก็ได้ถ้าจําเป็น ความมุ่งหมายอาจจะ เปลี่ยนแปลงด้วย ในกรณีนี้การเปลี่ยนแปลงอาจจะให้การแจ้งเตือนล่วงหน้าและป้องกันการถูกจู่โจมของส่วน ความพยายามหลักก็ได้ หรือถ้ากิจเริ่มต้นคือการขัดขวาง กิจของการรั้งหน่วง (ขัดขวางการเคลื่อนที่ของข้าศึก ทางทิศใต้ของแนวขั้นแดงในเวลา ๒ ชม.) อาจสําเร็จได้และยังคงความสําเร็จตามผลที่คาดหวังไว้ ฉ. มอบหมาย บก. เพื่อการบังคับบัญชาและการควบคุมให้แต่ละหน่วยเฉพาะกิจ ๑) บก.มว./ตอน ทั้งหมด ควรที่จะถูกใช้อย่างเต็มที่ ถ้ามีความต้องการ ผบ.หน่วยเพิ่มเติม สามารถ ที่จะใช้ รอง ผบ.ร้อย. จ่ากองร้อย นยส. และ ผบ.ร้อย. อื่น ๆ ๒) ในบางกรณี เมื่อไม่มี ผบ.หน่วยอาวุโส ผบ.หมู่อาวุโสอาจจะปฏิบัติหน้าที่ ผบ.หน่วยได้ หรือถ้ากองร้อยมี ๑ หมู่ เป็นกองหนุน กองหนุนนี้อาจจะนําโดย ผบ.หมู่ ที่ได้รับการบรรจุให้ก็ได้ ช. การจัดเฉพาะกิจทั่ว ๆ ไปให้สมบูรณ์ โดยการแบ่งมอบหน่วยในอัตราทั้งหมด หรือหน่วยที่ขึ้นสมทบ ซึ่งอาจมีความเกี่ยวข้องที่สําคัญประกอบด้วย นยส. เสนารักษ์ และหน่วยที่ขึ้นสมทบอื่น ๆ หน่วยที่ขึ้นสมทบ เหล่านี้ควรที่จะสมทบให้กับหน่วยที่สามารถใช้ได้ดีที่สุด หรือในที่ซึ่งจะให้ความอ่อนตัวมากที่สุด ซ. จัดตั้งมาตรการควบคุมเพื่อความชัดเจน และสนับสนุนความสําเร็จของภารกิจที่ได้ รับมอบ ๑) ลําดับเวลาและการใช้มาตรการควบคุม (เส้นหลัก เขตปฏิบัติการ ที่มั่นรบ พื้นที่โจมตี ทิศทาง เข้าตี ที่เตรียมตะลุมบอน ที่หมาย......) เพื่อการประสานสอดคล้องการปฏิบัติของหน่วยรอง โดยไม่จํากัดความ ริเริ่ม ๒) มาตรการควบคุมที่แน่นอนอาจจะมีความจําเป็น เพื่อให้ความปลอดภัยเพิ่มเติมสําหรับหน่วย ซึ่งอาจประกอบด้วย มาตรการควบคุมการยิง ระเบียบปฏิบัติ หรือสัญญาณพิเศษหรือการชี้เป้าหมายเพื่อความ มั่นใจในความเข้าใจ ๓) ในบางครั้งทั้งเขตปฏิบัติการ และที่มั่นรบอาจจะเป็นมาตรการควบคุมที่มีประสิทธิภาพเพื่อการ สนับสนุนภารกิจและเพื่อการแบ่งมอบภูมิประเทศ ข้อ ๕ - ๕ จะอธิบายในรายละเอียดเกี่ยวกับที่มั่นรบและเขต ปฏิบัติการ ด. ส่วนที่จําเป็นของแนวความคิดจะเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติ ณ จุดแตกหัก ที่สมบูรณ์ การเพ่งเล็งในขั้น นี้คือการพัฒนาแนวความคิด ซึ่งจะให้ความมั่นใจในการวางนํ้าหนักของส่วนพยายามหลัก ผบ.ร้อย. สามารถที่ จะวางนํ้าหนักของส่วนพยายามหลักได้หลายวิธี ตัวอย่างบางวิธีประกอบด้วย ๑) สมทบ หมู่ หรืออาวุธเพิ่มเติม ๒) กําหนดความเร่งด่วนของการยิงหรือแบ่งมอบฉากการยิง หรือความเร่งด่วนของเป้าหมาย ๓) กําหนดความเร่งด่วนของการสนับสนุนการรบหรือการสนับสนุนการช่วยรบ ๔) จํากัดความรับผิดชอบพื้นที่ปฏิบัติการของส่วนพยายามหลัก เพื่อให้หน่วยเพ่งเล็งไปยังการ ปฏิบัติที่มีความสําคัญสูงสุด ดังตัวอย่าง การกําหนดเขตปฏิบัติการให้เล็กลง ๕) โดยการกําหนดที่ตั้งของทรัพยากรอื่น ๆ ในบริเวณข้างเคียงของส่วนพยายามหลัก ซึ่งจะให้การ สนับสนุนส่วนพยายามหลักในการเพ่งเล็งไปยังการปฏิบัติที่แตกหัก


Click to View FlipBook Version