142
่
่
ื่
่
์
เรองที่ 3 : การรวมกลุมเพือตอยอดองคความรู ้
่
ื
่
ั
1. บุคคลและเครองมือทีเกียวของกับการจดการความรู ้
่
้
่
่
ั
้
บุคคลทีเกียวของกับการจดการความรู ้
ู
่
ุ
ิ
ในการจัดการความรด้วยวิธการรวมกล่มปฏบัตการเพือต่อยอดความร การแลกเปลยนเรยนร เพื่อ
ี
้
้
ู
ู
ิ
้
ี่
ี
ิ
ี่
ั
ึ
ดงความรทฝงลกในตัวบคคลออกมาแล้วสกัดเปนขุมความร หรอองค์ความรเพือใช้ในการปฏบัตงานนั้น
ู
้
้
ุ
ิ
ู
ู
็
ึ
ื
้
่
จะต้องมบคคลทส่งเสรมให้เกิดการแลกเปลยนเรยนร ในบรรยากาศของการมใจในการแบ่งปนความร
ู
้
ี
ิ
ั
่
ี
ี
ี
่
้
ู
ุ
ี
่
ี
่
ู
ึ
ี
่
รวมทั้งผู้ทท าหน้าทกระต้นให้คนอยากทจะแลกเปลยนเรยนรซงกันและกัน บคคล ทส าคัญและเกียวข้องกับ
่
ุ
ี่
ี
ี
่
ี
ุ
่
้
้
ู
การจัดการความร มดังต่อไปน้ ี
ี
ื
ื
“คุณเอื้อ” ชอเต็มคอ “คุณเอื้อระบบ” เปนผู้น าระดับสงขององค์กร หน้าทส าคัญคอ
ื่
็
ี่
ู
ิ
้
่
ู
ึ
ิ
1) ท าให้การจัดการความร เปนส่วนหนงของการปฏบัตงานตามปกตขององค์กร
ิ
็
ี
็
ุ
ิ
ี่
2) เปดโอกาสให้ทกคนในองค์กรเปน “ผู้น า” ในการพัฒนาวิธการท างานทตนรบผิดชอบ
ั
่
ู
้
์
และน าประสบการณมาแลกเปลยนเรยนรกับเพือนร่วมงาน สรางวัฒนธรรมการเอ้ออาทร
ี
้
ี
่
ื
และแบ่งปนความร ู ้
ั
ื
่
ึ
ื
็
ู
3) หากุศโลบายท าให้ความส าเรจของการใช้เครองมอการจัดการความรมการน าไปใช้มากข้น
้
ี
็
ุ
ื
“คุณอ านวย” หรอผู้อ านวยความสะดวกในการจัดการความร เปนผู้กระต้นส่งเสรมให้เกิดการ
้
ิ
ู
้
ู
ี่
ี
ี่
้
แลกเปลยนเรยนร และอ านวยความสะดวกต่อการแลกเปลยนเรยนร น าคนมาแลกเปลยนประสบการณ การ
ู
ี
ี
่
์
็
ท างานร่วมกัน ช่วยให้คนเหล่านั้นสอสารกันให้เกิดความเข้าใจ เหนความสามารถของกันและกัน เปนผู้
็
ื
่
ื
่
ู
้
ี
ื
์
เชอมโยงคนหรอหน่วยงานเข้ามาหากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชอมระหว่างคนทมความรหรอ ประสบการณกับ
ื
ื
่
่
ี
์
ี
ื
ื
่
ี
ผู้ต้องการเรยนร และน าความรนั้นไปใช้ประโยชน คณอ านวยต้องมทักษะทส าคัญ คอ ทักษะการสอสารกับ
ี่
ุ
ู
้
ู
้
ุ
คนทแตกต่างหลากหลาย รวมทั้งต้องเหนคณค่าของความแตกต่างหลากหลาย และรจักประสานความ
ู
้
ี
่
็
แตกต่างเหล่านั้นให้มคณค่าในทางปฏบัต ิ ผลักดันให้เกิดการพัฒนางาน และตดตามประเมนผลการ
ี
ิ
ิ
ิ
ุ
ี่
ิ
็
ี่
ื
ด าเนนงาน ค้นหาความส าเรจ หรอการเปลยนแปลงทต้องการ
ี่
ิ
ั
ิ
ี่
ี่
ื
“คุณกิจ” คอ เจ้าหน้าทผู้ปฏบัตงาน คนท างานทรบผิดชอบตามหน้าทของตนในองค์กร ถอเปน
็
ื
ี
ิ
ู
ิ
็
้
ผู้จัดการความรตัวจรงเพราะเปนผู้ด าเนนกิจกรรมการจัดการความร มประมาณรอยละ 90 ของทั้งหมด เปนผู้
็
ู
้
้
้
ี
็
ุ
ร่วมกันก าหนดเปาหมายการใช้การจัดการความรของกล่มตน เปนผู้ค้นหาและแลกเปลยนเรยนรภายในกล่ม
้
ู
้
่
ู
ี
ุ
ุ
ู
่
ี
ู
ิ
้
และด าเนนการเสาะหาและดดซับความรจากภายนอกเพื่อน ามาประยุกต์ ใช้ให้บรรลเปาหมายร่วมทก าหนดไว้
้
ึ
็
เปนผู้ด าเนนการจดบันทกและจัดเก็บความรให้หมนเวียนต่อยอดความรไปไม่รจบ
ิ
ู
้
้
ู
ู
ุ
้
ึ
้
ี
็
“คุณลิขต” คอ คนทท าหน้าทจดบันทกกิจกรรมจัดการความรต่าง ๆ เพื่อจัดท าเปนคลัง ความรของ
่
ู
่
้
ื
ิ
ู
ี
องค์กร
ื
ู
ี
่
ี
ั
้
ู
ี
่
้
ุ
่
ในการจัดการความรทอยู่ในคน โดยการแลกเปลยนเรยนรร่วมกัน จากการเล่าเรองส่กันฟง บคคล
ู
่
ิ
ุ
ู
ื
ุ
่
ี
ื
ื
่
่
ื
ทส่งเสรมสนับสนนให้มการรวมตัวกันเพือเล่าเรองคอผู้น าสงสด หรอทเรยกว่า “คณเอ้อ” เมอรวมตัวกัน
ื
ุ
่
ี
ี
ี
ี
่
ื
แล้วแต่ละคนได้เล่าเรองทประสบผลส าเรจจากการปฏบัตของตนเองออกมาให้เพือนฟงคนทเล่าเรองแต่ละ
่
่
ั
ี
่
็
่
ิ
ื
ิ
143
ื
ี
ิ
่
ี
ี
่
้
เรองนั้นเรยกว่า “คุณกิจ” และในระหว่างทเล่าจะมการซักถามความร เพื่อให้เหน แนวทางของการปฏบัต
ิ
็
ู
ี
ี
่
่
่
ื
ี
ี
เทคนค เคล็ดลับในการท างานให้ประสบผลส าเรจ ผู้ทท าหน้าทน้เรยกว่า “คณอ านวย” และในขณะทเล่าเรอง
่
็
ี
ิ
ุ
ิ
ึ
ิ
ี
ี
็
จะมผู้คอยจดบันทก โดยเฉพาะเคล็ดลับ วิธการท างานให้ประสบผลส าเรจ นั่นคอ “คุณลขต” ซงก็หมายถง
่
ึ
ึ
ื
็
ึ
ี
่
ี
ุ
ุ
ื
คนทคอยจดบันทกนั่นเอง เมอทกคนเล่าจบ ได้ฟงเรองราว วิธการท างานให้ประสบผลส าเรจแล้ว ทกคน
ื่
ั
่
ี
ี
่
ู
ี
ู
้
ุ
้
ช่วยกันสรป ความรทได้จากการสรปน้ เรยกว่า “แก่นความร” นั่นเอง
ุ
ื
้
่
ั
เครองมือทีเกียวของกับการจดการความรู ้
่
่
่
ู
่
่
ี
ื
้
้
่
การจัดการความร หัวใจส าคัญคอ การจัดการความรทอยู่ในตัวคน เครองมอทเกียวข้องกับการ
ื
ู
ี
ื
ี
ึ
จัดการความรเพื่อการแลกเปลยนเรยนรจงมหลากหลายรปแบบ ดังน้ ี
ู
ี
ี่
ู
้
้
ู
็
ิ
ี่
่
ี
็
็
ิ
1. การประชุม (สัมมนา ปฏบัตการ) ทั้งทเปนทางการและไม่เปนทางการ เปนการแลกเปลยน
่
ู
เรยนรร่วมกัน หน่วยงานองค์กรต่าง ๆ มการใช้เครองมอการจัดการความรในรปแบบน้กันมาก โดยเฉพาะ
้
้
ื
ี
ื
ู
ู
ี
ี
ุ
กล่มงานราชการ
ี
ื
้
ื
ี่
2. การไปศกษาดูงาน นั่นคอ แลกเปลยนเรยนรจากการไปศกษาดงาน มการซักถาม หรอ จัดท า
ึ
ู
ี
ึ
ู
็
ู
ี
ื
็
ู
เวทแสดงความคดเหนในระหว่างไปศกษาดงาน ก็ถอเปนการแลกเปลยนความรร่วมกัน คอ ความรขยายจาก
่
ื
้
ิ
้
ี
ึ
ู
คนไปส่คน
ู
ิ
ื่
3. การเลาเรอง (Storytelling) เปนการร่วมกล่มกันของผู้ปฏบัตงานทมลักษณะคล้ายกัน
ิ
ี
ุ
็
ี
่
่
ื
่
ื
ั
ี
ิ
ั
ี
่
ี
้
ั
่
ประมาณ 8-10 คน แลกเปลยนเรยนรโดยการเล่าเรองส่กันฟง การเล่าเรองผู้ฟงจะต้องนั่งฟงอย่างมสมาธ
ู
ู
ื
็
่
ื
ึ
่
ึ
หรอฟงอย่างลกซ้งจะท าให้เข้าใจในบรบทหรอสภาพความเปนไปของเรองทเล่า เมอแต่ละคนเล่าจบ จะม ี
ิ
ื
ั
่
ื
ี
่
ี
็
ู
้
ี
ิ
ี่
ี
่
็
ี
็
การสกัดความรทเปนเทคนค วิธการทให้งานประสบผลส าเรจออกมา งานทท าจนประสบผลส าเรจเรยกว่า
็
่
้
ู
ี
ื
ี่
ิ
ื
ี
ิ
ี่
ิ
่
ึ
ี
best practice หรอการปฏบัตงานทเลศ ซงแต่ละคนอาจมวิธการทแตกต่างกัน ความรทได้ถอเปนการ
ู
ู
ิ
้
่
ั
ี
ิ
ี่
ยกระดับความรให้กับคนทยังไม่เคยปฏบัต และสามารถน าความรทได้รบประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนางานของ
้
ตนเองได้
่
ี
4. ชุมชนนกปฏิบัติ (Community of Practice : CoPS) เปนการรวมตัวกันของคนทสนใจ เรอง
ื่
็
ั
ี
่
่
ื่
ี
็
้
็
เดยวกัน รวมตัวกันเพือแลกเปลยนเรยนรทั้งเปนทางการและไม่เปนทางการ ผ่านการสอสารหลาย ๆ
ู
ี
ู
ื
ช่องทาง อาจรวมตัวกันในลักษณะของการประชม สัมมนา และแลกเปลยนความรกัน หรอการรวมตัวใน
้
่
ี
ุ
ื่
็
ู
รปแบบอน เช่น การตั้งเปนชมรม หรอใช้เทคโนโลยีในการแลกเปลยนความรกัน ในลักษณะของเว็บบล็อก
้
ื
ู
ี
่
ี
ุ
ี
่
ู
ซงสามารถแลกเปลยนเรยนรกันได้ทกท ทกเวลา และประหยัดค่าใช้จ่ายอกด้วย การแลกเปลยนเรยนรจะท า
ี
้
ุ
ึ
่
ี
ี่
่
้
ี
ู
ให้เกิดการพัฒนาความร และต่อยอดความร ู ้
ู
้
ู
5. การสอนงาน หมายถง การถ่ายทอดความรหรอบอกวิธการท างาน การช่วยเหลอ ให้ค าแนะน า
้
ื
ื
ึ
ี
ี่
้
ู
่
้
่
ู
่
ให้ก าลังใจแก่เพือนร่วมงาน รวมทั้งการสรางบรรยากาศเพือถ่ายทอดและแลกเปลยนความรจากคนทรมาก
้
ี
ี
่
้
ู
ื
ไปส่คนทรน้อยในเรองนั้น ๆ
ู
่
144
ี
่
ื
่
ั
่
์
ี่
ี
ิ
ึ
ี
6. เพือนช่วยเพือน (Peer Assist) หมายถง การเชญทมอนมาแบ่งปนประสบการณด ๆ ทเรยกว่า
ื
best practice มาแนะน ามาสอน มาบอกต่อ หรอมาเล่าให้เราฟง เพื่อเราจะได้น าไปประยุกต์ใช้ในองค์กร
ั
ของเราได้ และเปรยบเทยบเปนระยะ เพือยกระดับความรและพัฒนางานให้ดยิ่งข้นต่อไป
ึ
็
่
ี
ี
ี
ู
้
็
ิ
ิ
7. การทบทวนก่อนการปฏบัตงาน (Before Action Review : BAR) เปนการทบทวนการท างาน
ิ
ื
ิ
ิ
ก่อนการปฏบัตงาน เพือดความพรอมก่อนเร่มการอบรม ให้ความร ู ้ หรอท ากิจกรรมอน ๆ โดยการเชญ
่
ิ
้
ื
่
ู
้
คณะท างานมาประชมเพื่อตรวจสอบความพรอม แต่ละฝายน าเสนอถงความพรอมของตนเอง ตามบทบาท
่
ุ
ึ
้
่
้
ึ
ี
่
หน้าททได้รบการทบทวนก่อนการปฏบัตงานจงเปนการปองกันความผิดพลาดทจะเกิดข้น ก่อนการท างาน
็
่
ึ
ิ
ี
ิ
ี
ั
นั้นเอง
็
8. การทบทวนขณะปฏบัตงาน (During Action Review : DAR) เปนการทบทวนในระหว่าง ท ี่
ิ
ิ
ื
ื
ั
ท างาน หรอจัดอบรม โดยการสังเกตและน าผลจากการสังเกตมาปรกษาหารอและแก้ปญหาในขณะท างาน
ึ
ุ
ร่วมกัน ท าให้ลดปญหา หรออปสรรคในระหว่างการท างานได้
ั
ื
ิ
9. การทบทวนหลังการปฏบัตงาน (After Action Review : AAR) เปนการตดตามผล หรอ
ื
ิ
ิ
็
ี
ิ
ื
ิ
่
ทบทวนการท างานของผู้เข้าร่วมกิจกรรม หรอคณะท างานหลังเลกกิจกรรมแล้ว โดยการนั่งทบทวน ส่งทได้
ิ
ปฏบัตไปร่วมกัน ผ่านการเขยนและการพูด ด้วยการตอบค าถามง่าย ๆ ว่า คาดหวังอะไรจากการท ากิจกรรมน้
ิ
ี
ี
ื
ได้ตามทคาดหวังหรอไม่ ได้เพราะอะไร ไม่ได้เพราะอะไร และจะท าอย่างไรต่อไป
่
ี
ั
ิ
ี
ื
่
ื
10. การจัดท าดัชนผู้ร ้ ู คอการรวบรวมผู้ทเชยวชาญ เก่งเฉพาะเรอง หรอภูมปญญา มารวบรวม
ี่
ื
ี่
ิ
์
ึ
ี
ื่
จัดเก็บไว้อย่างเปนระบบ ทั้งรปแบบทเปนเอกสาร สออเล็กทรอนกส เพื่อให้คนได้เข้าถง แหล่งเรยนรได้ง่าย
ู
็
่
ิ
็
ี
ู
้
่
้
ี
ู
และน าไปส่กิจกรรมการแลกเปลยนรต่อไป
ู
่
่
ื
ื
่
ื
ื
เครองมอในการแลกเปลยนเรยนรน้เปนเพียงส่วนหนงของเครองมออกหลายชนดทน าไปใช้
้
ู
่
ี
ี
็
ิ
ี
ี
ี่
ึ
ู
ุ
ื
การจัดการความร เครองมอทมผู้น ามาใช้มากในการแลกเปลยนเรยนรในระดับตนเองและระดับกล่ม คอการ
้
ู
้
่
ี
่
ื
ี
่
ื
ี
ี
ี
ี
่
ื่
่
ื
ิ
่
ื
แลกเปลยนเรยนรโดยเทคนคการเล่าเรอง การเล่าเรองการแลกเปลยนเรยนรจากวิธการท างาน ของคนอนท ี่
ี
ี
่
ู
ี
้
ู
้
็
่
้
ู
็
ื
ี
ประสบผลส าเรจ หรอทเรยกว่า best practice เปนการเรยนรทางลัด นั่นคอเอาเทคนค วิธการท างานทคนอน
ี
ี
ิ
ื
ื่
ี
ี่
ิ
ิ
็
ี
็
ี
่
ท าแล้วประสบผลส าเรจมาเปนบทเรยน และน าวิธการนั้นมาประยุกต์ใช้กับตนเอง เกิดวิธการปฏบัตใหม่ทด ี
ี
ี
ิ
ุ
ื
้
็
ิ
ู
ี
ี
่
่
ื
ึ
ข้นกว่าเดม เปนวงจรเรอยไปไม่ส้นสด การแลกเปลยนเรยนรจากการเล่าเรอง มีลักษณะดังน้ ี
่
145
ื่
่
การเลาเรอง
ู
้
ึ
่
่
ื
ื
ื
็
ี
ื
การเล่าเรอง หรอ Storytelling เปนเครองมออย่างง่ายในการจัดการความร ซงมวิธการ ไม่ยุ่งยาก
ี
่
ุ
้
ซับซ้อน สามารถใช้ได้กับทกกล่มเปาหมาย เปนการเล่าประสบการณในการท างานของแต่ละคนว่า วิธการ
็
์
ี
ุ
็
ท าอย่างไรจงจะประสบผลส าเรจ
ึ
่
้
ื่
้
่
กิจกรรมเลาเรอง ตองท าอยางไรบาง
่
กิจกรรมจัดการความร โดยใช้เทคนคการเล่าเรอง ประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ดังน้ ี
ิ
ู
้
ื
ิ
ุ
ื
่
์
1. ให้คณกิจ (สมาชกทกคน) เขยนเรองเล่าประสบการณความส าเรจในการท างานของ
็
ี
ุ
็
้
ู
ั
ึ
้
ู
ตนเองเพื่อให้ความรฝงลกในตัว (Tacit Knowledge) ปรากฏออกมาเปนความรชัดแจ้ง
(Explicit Knowledge)
2. เล่าเรองความส าเรจของตนเอง ให้สมาชกในกล่มย่อย ฟง
ั
ิ
ื
ุ
่
็
ื
3. คณกิจ (สมาชก) ในกล่ม ช่วยกันสกัดขุมความร จากเรองเล่า เขยนบนกระดาษ
ุ
ุ
ิ
ี
่
ู
้
์
ิ
ฟลปชารต
็
ู
้
ี
่
่
ื
ี
่
ึ
4. ช่วยกันสรปขุมความรทสกัดได้จากเรอง ซงมจ านวนหลายข้อ ให้กลายเปนแก่นความร
้
ู
ุ
็
่
ึ
ี่
ซงเปนหัวใจทท าให้งานประสบผลส าเรจ
็
่
ี
ื
่
ุ
่
่
ี
ุ
ี
ี
ุ
5. ให้แต่ละกล่ม คัดเลอกเรองเล่าทดทสด เพือน าเสนอในทประชมใหญ่
ื
่
ุ
ู
็
ื
่
6. รวมเรองเล่าของทกคน จัดท าเปนเอกสารคลังความรขององค์กร หรอเผยแพร่ผ่าน
ื
้
ทางเว็บไซต์ เพือแบ่งปน แลกเปลยนความร และน ามาใช้ประโยชน์ในการท างาน
ี่
่
ู
้
ั
ี
ื
้
ขุมความรู ้ คือ วิธการแกปญหา หรอพัฒนางาน
ั
ี
่
แกนความรู คือ บทสรุปของขุมความรู (เรองน้สอนใหรูวา)
้
้
้
่
่
้
ื
ตัวอยางเรองเลา ...ประสบการณความสาเรจ
็
่
่
ื่
์
้
ื่
่
เรอง “อดีตเด็กหลงผิด สูผูนาความคิดเยาวชน
ุ
..อรรพผล บญเล้ยง..
ี
ี
่
ื
ุ
ี
ี
“ตอนเด็ก ๆ ชวิตผลนก็แบบสด ๆ เหมอนกันนะ อย่างตอนมัธยมต้น ผมเคยโดนคด ธนบัตรปลอม
ิ
ี
ึ
็
พอมาช่วงมัธยมปลายก็มาโดนคดค้าอาวุธสงคราม ซงตอนนั้นจะว่าไปจรง ๆ มันไม่ใช่ ของผมนะ แต่เปนของ
่
ี
ี
ู
่
ื
เพื่อน ๆ ทมาอยู่กับเรามากกว่า ก็จะมปนเอ็ม 16 สองกระบอก ปน 11 มม. สองกระบอก มีลกกระบอกส่องวิถ ี
ื
56 นัด ส่วนคดยาเสพตดทโดน ผมจะมยาบ้าในครอบครอง 800 เม็ด แล้วก็กัญชา 2 กิโลกรม
ี
ั
ิ
ี
่
ี
ื่
ี
ี
ิ
ี
ชวิตผมมันก็อยู่ในวงการน้มาตลอด การจะเข้าไปสัมผัสกับส่งเหล่าน้มันก็เลยไม่ใช่ เรองแปลก
็
ุ
่
็
อะไร แล้วตอนน้โดนจับก็เปนการตกกระไดพลอยโจนมากกว่า เพราะตอนนั้นเปนช่วงทผม หันหลังให้กับทก
ี
ี
146
ุ
่
ึ
ี
ี
์
ี
ึ
อย่าง แล้วก็ข้นจากบ้านทสราษฎรธานมาเรยนรามค าแหง วันหนงคดถงบ้านและเพื่อน ๆ ก็ เลยกลับไปเยี่ยม
ิ
ึ
่
ู
ุ
ิ
ี
ี
ู
เพื่อน ต ารวจก็มาล็อคตัวพาเข้าไปบ้านทันท ผมเจอข้อหาคดสญกัญชาและถกคมประพฤต 3 ป ี
ุ
์
ุ
บางคร้งเคยเจอเหตการณหันหลังชนกันกับเพื่อน 2 คน แล้วมคนล้อมรมกระทบกว่า 20 คน ส่วน
ื
ั
ี
็
ึ
ื
ื
่
ึ
่
ี
หนงอาจจะด้วยผมเปนคนมเพื่อนเยอะ พอใครมาขอความช่วยเหลอผมก็ช่วย พอใครเกิดเรองอะไรข้น
ี
ั
ี
่
ี
ก็ต้องเข้าไปช่วยทกท แต่อย่างทบอกครบ ผมก็มขดจ ากัดการช่วยเหลอของผมอยู่ มี 2 ข้อ ทผมจะไม่เข้าไปช่วย
ุ
ี่
ี
ื
ื
่
่
ื
ิ
ื
ี
นั่นคอ การไปหาเรองคนอนก่อน แล้วก็ต้องไม่ใช่เรองผู้หญง เพราะถ้าเปน 2 กรณน้ ผมจะไม่ช่วยเหลออย่าง
็
ี
ื
่
ื
เด็ดขาด
ุ
๊
ั
ื
็
ี
อยู่ห่างบ้านอยู่ห่างครอบครว เบ้องหลังผมจะเปนแบบน้ตลอด แต่พอเข้าบ้านปบ ผมก็จะกลายเปน
็
้
่
ี
ี
ู
ั
ี
ี
็
ลกชายทน่ารก เปนหลานทเรยบรอยในสายตาย่าไปในทันท เพราะอะไรเหรอครบ ก็เพราะผม มรางวัลเยาวชน
ั
่
ี
ั
ี
ี
ดเด่นแห่งชาต ประจ าป 2544 การนตไงครบ ผมเปนคนเรยนเก่ง เคยเปนตัวแทนของโรงเรยนไปประกวด
ี
ิ
ั
ี
ี
็
็
โครงงานวิทยาศาสตรได้ท 1 ของประเทศ ก่อนจะไปแข่งระดับนานาชาต ทประเทศมาเลเซย ผลก็คอ ได้รบ
ี่
์
ี่
ื
ิ
ั
ี
ิ
รางวัลชนะเลศด้านส่งแวดล้อมกลับมาครบ
ั
ิ
ี
้
่
ิ
ั
ั
ึ
ึ
ื
กระทั่งช่วงทถกคมความประพฤตนั่นละครบ ครอบครวถงรถงพฤตกรรมผมทั้งหมด แต่เมอทก
ุ
ุ
ู
ู
่
ิ
ึ
้
์
่
ึ
ึ
ึ
อย่างมันมาถง ทกคนก็ต้องยอมรบ ซงในใจส่วนลกตอนนั้นผมแครความรสกของย่ามาก ผมรกย่ามาก เพราะ
ั
ุ
ั
ู
ื
่
ี
ื
ิ
่
ี
ื
ี
ี
่
ท่านเล้ยงผมมาตั้ง 12 ป ี ผมไม่อยากให้ท่านเสยใจ แต่เมอเรองมันแก้ไขไม่ได้เสยแล้ว ส่งทผมจะท าได้ คอ การ
ื
่
ี
ุ
ุ
ุ
ปรบปรงตัวใหม่ เพือสรางความเชอมั่นให้ทกคน ให้คณย่ากลับมาอกคร้ง
ั
ั
่
้
ิ
่
ี
ุ
่
่
ิ
ื
ี
ี
ผมตัดสนใจเดนทางเข้ากรงเทพฯ เพือมาเรยนทมหาวิทยาลัยรามค าแหงอย่างทตั้งใจเอาไว้ โดยเลอก
ั
ุ
ี
์
็
ิ
ู
คณะรฐศาสตร เอกการเมองการปกครอง ผมอยากพิสจน์ตัวเองให้ทกคนเหน ทั้งจะหาเงน เรยนเองโดยไม่ขอ
ื
ทางบ้าน
ี
ี่
่
ี
ิ
ี
ี
ี
ิ
ผมใช้เวลาเรยนปรญญาตรทมหาวิทยาลัยรามค าแหง 3 ปจบ ทส าคัญคะแนนเฉยดฉวว่าจะได้ เกียรต ิ
ี
็
นยมอันดับ 1 ด้วยนะครบ บางคนอาจสงสัยว่า เปนไปได้ยังไง เรยนไปด้วยท างานไปด้วย ทส าคัญการท างาน
ั
ิ
ี่
ุ
ของผม คอ การหาเงนมาได้ด้วยความสจรต 100 % ครบ
ื
ิ
ั
ิ
ื
ี
ิ
ุ
ี่
งานสจรตทผมท าทแรกก็คอทบรษัทซพี ผมท าในส่วนงานประสานกิจการสัมพันธ แล้วก็ท า
ี่
์
ี
ิ
่
ี
่
ึ
่
์
์
ี
ออรแกไนซ ซงรายได้จะอยู่ทวันละ 200 บาท เรยกได้ว่าตอนนั้นใครใช้ให้ท าอะไรผมท าหมด ขอแต่ว่า อย่า
ื
็
ึ
่
ี
ึ
ให้ผมท าผิดกฎหมาย ซงผมท างานได้ประมาณ 3 เดอน ก็มการข้นเงนให้ผมเปนวันละ 500 บาท มันท าให้ผม
ิ
ดใจมาก เพราะการได้ท างานทนก็เหมอนเปนการเปดโลกทัศนหลายอย่างทางความคดให้ผม ได้ก้าวมาถงทก
ิ
์
ี
ึ
่
่
็
ิ
ี
ื
ี
ุ
วันน้ ี
ี
ุ
หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วคดควบคมความประพฤตทตดตัวผมไม่มผลกับสังคม ภายนอกเหรอ
ิ
่
ิ
ี
ี
ั
็
ี
่
ิ
ื
ี
ส าหรบผมไม่มครบ เพราะความผิดมันไม่ได้ตดไว้ทหน้าผาก มันไม่ได้โชว์ให้คนอนเหน ในเมอมคนให้
ื่
่
ี
ั
โอกาสผมท างาน และทกคนก็ให้การต้อนรบผม ผมก็ตั้งใจท างานอย่างถงทสด ไม่มใครมานั่งพูดพล่ามถง
ึ
ึ
ุ
ั
ี
่
ี
ุ
่
ี
ุ
อดตทผ่านมาของผม ทกคนดทการท างานการปฏบัตตัวในวันน้ของผมมากกว่า
ี
่
ี
ิ
ี
ู
ิ
ิ
ื
ี
่
ุ
ี
่
ี
่
ี
ั
ิ
และจดเปลยนทส าคัญในชวิตผมก็คอ ช่วงทเกิดเหตสนามครบ ตอนนั้นผมเปนตัวแทนของ บรษัท
็
ุ
ิ
ลงไปดพื้นทบ้านน ้าเค็ม จังหวัดพังงา ด้วยสภาพทเหนในตอนนั้นมันเปนสภาวะความสญเสย ยากจะบรรยาย
่
ู
ี
็
ู
ี
ี
่
็
147
จรง ๆ บ้านเรอน ทรพย์สน ชวิต รวมไปถงการสญเสยด้านจตใจยากทจะเยียวยา มันเปนความรสกทบอกไม่
ื
ู
ั
ึ
ี
ิ
่
้
ี
ู
ี่
ิ
ี
ิ
็
ึ
็
็
่
ู
ี
ิ
ี
ื
ถกจรง ๆ ยิ่งผมเหนสภาพเดก ๆ ทต้องสญเสยพ่อแม่ไม่เหลอใคร มันสะท้อนถงก้นบ้งของหัวใจ เลยทเดยว
ึ
ู
ี
ึ
ี
ิ
ี
ึ
็
็
ผมลงพื้นทส ารวจได้พักหนง ก็มานั่งคดกับเพือนว่าใกล้ถงวันเดกแล้ว ก็น่าจะมการจัดงานวันเดก
่
่
่
ี
ึ
ี
ุ
ิ
็
ี
่
ให้เด็ก ๆ ได้สนกสนานกัน จากนั้นเราก็เร่มออกไปประกาศทั่วพื้นทว่าจะมการแจกของ มการจัดกิจกรรมวันเดก
ี
ึ
็
ื
ซงตอนนั้นผมกับเพือนเราควักตังค์ของตัวเองเพือไปซ้อของขวัญมาให้เดก ๆ กว่า 70 - 80 คน
่
่
่
ิ
ิ
ื
ึ
หลังจากกลับช่วยสนาม ผมก็เดนทางกลับเข้ากรงเทพฯ มาท างานเหมอนเดม แต่ทศทาง ความคด
ิ
ิ
ิ
ุ
ึ
่
ี
้
ิ
ิ
้
ู
เร่มเปลยน ผมอยากท างาน อยากท ากิจกรรมในทางสรางสรรค์สังคม ผมไม่อยากท้ง ความรสกว่าอยาก
่
ี
ี
ี
่
ุ
ช่วยเหลอเดก ๆ น้อง ๆ เยาวชน ดทการไปท ากิจกรรมทบ้านน ้าเค็มผมได้เพือน 2 คน ซงอดมการณตรงกัน
่
ึ
่
็
์
ื
ี
มไอเดยตรงกัน จนมาตั้งกล่ม Y-ACT ซงเราจะท ากิจกรรมเกียวกับเดก และเยาวชน
ึ
ี
่
ุ
่
็
่
้
ื
่
กล่มของเราจะท าหน้าทอบรมน้อง ๆ ทั่วประเทศในเรองต่าง ๆ อย่างเช่น กิจกรรมสรางสรรค์ จต
ุ
ิ
ี
ื
สาธารณะ การพัฒนาโครงการ ทักษะผู้น า รณรงค์เรองเหล่า บหร เอดส รวมไปถงการอบรม ในส่วนของ
ึ
์
ี่
ุ
่
ี
ี
ี
ุ
หน่วยงานต่าง ๆ ในทสดผมลาออกจากงานประจ ามาท างานน้เต็มตัว ผมมความสขกับการท างาน ทกวันน้มาก”
ี
ุ
่
ุ
ื
ี
“คนเราทกคนล้วนย่อมเคยท าผิดกันทั้งนั้น ไม่มใครทไม่เคยท าไม่ผิด อยู่ทว่าเมอเราท าผิด แล้วเรา
่
่
ี
ุ
ี
่
ี
ุ
จะใช้เวลานานแค่ไหนในการส านกผิด และหันหลับมาใช้บทเรยนทผ่านมา ก้าวมาอยู่กับปจจบันและอนาคต
่
ี
ึ
ั
ิ
ี
ทดกว่าเดมได้ เท่าน้ทเคยท าผิดพลาดมาก็จะถกลบเลอนหายไปด้วย คณค่าแห่งความดทจะพิสจนว่าความด ี
์
ู
ี
ี
่
ื
ุ
ี
่
ี
ี
่
ู
ย่อมชนะความชั่วเสมอ”
ื
ั
้
2. ชุมชนนกปฏิบัติหรอชุมชนแหงการเรยนรู (CoPs)
่
ี
ี่
่
ี
ึ
ื่
ั
็
ุ
ู
ุ
ุ
ี
้
ในชมชนมปญหาซับซ้อน ทคนในชมชนต้องร่วมกันแก้ไข การจัดการความรจงเปนเรองท ทกคน
ุ
่
ั
ต้องให้ความร่วมมอ และให้ข้อเสนอแนะในเชงสรางสรรค์ การรวมกล่มเพือแก้ปญหาหรอร่วมมอกันพัฒนา
ื
ื
้
ื
ิ
ี
ู
ี
ิ
้
่
ุ
่
ึ
ี
ี
โดยการแลกเปลยนเรยนรร่วมกัน เรยกว่า ชมชนนักปฏบัต บคคลในกล่มจงต้องมเจตคตทดในการแบ่งปน
ั
ี
ุ
ุ
ิ
ี
ิ
ความร น าความรทมอยู่พัฒนากล่มจากการลงมอปฏบัต และเคารพในความคดเหนของผู้อน
ิ
้
ู
ู
้
ิ
ิ
ี
ื่
ุ
ี
็
ื
่
ชุมชนนกปฏิบัติคืออะไร
ั
้
ี
ึ
ื
ิ
่
ุ
ุ
ึ
่
ิ
ชมชนนักปฏบัตคอคนกล่มเล็ก ๆ ซงท างานด้วยกันมาระยะหนง มเปาหมายร่วมกัน และ ต้องการ
่
์
ั
่
ี
้
ู
ทจะแบ่งปนแลกเปลยนความร ประสบการณจากการท างานร่วมกัน กล่มดังกล่าวมักจะไม่ได้เกิดจากการ
ี
ุ
ุ
็
ี
่
ุ
ั
ื
จัดตั้งโดยองค์กร หรอชมชน เปนกล่มทเกิดจากความต้องการแก้ปญหา พัฒนาตนเอง เปนความพยายามทจะ
ี่
็
ท าให้ความฝนของตนเองบรรลผลส าเรจ กล่มทเกิดข้นไม่มอ านาจใด ๆ ไม่มการก าหนดไว้ในแผนภม ิ
ู
ี
ึ
่
ี
ุ
ั
็
ี
ุ
้
ิ
ุ
ึ
ี
โครงสรางองค์กร ชมชน เปาหมายของการเรยนรของคนมหลายอย่าง ดังนั้น ชมชนนักปฏบัตจงมได้มเพียง
ิ
ุ
ี
ี
ิ
ู
้
้
กล่มเดยว แต่เกิดข้นเปนจ านวนมาก ทั้งน้อยู่ทประเดนเน้อหาทต้องการจะเรยนรร่วมกันนั่นเอง และคนคน
็
ู
ี
ี
่
้
ื
ุ
ี
่
ี
็
ึ
ี
ุ
่
ิ
ึ
็
หนงอาจจะเปนสมาชกในหลายชมชนก็ได้
148
่
ั
ชุมชนนกปฏิบัติมีความสาคัญอยางไร
ี
่
็
ุ
ิ
ิ
ี
่
ชมชนนักปฏบัตเกิดจากล่มทมเครอข่ายความสัมพันธทไม่เปนทางการมารวมกัน เกิดจากความ
ื
ี
์
ุ
ิ
ี
ิ
์
่
ี
็
ื
ใกล้ชด ความพอใจจากการมปฏสัมพันธร่วมกัน การรวมตัวกันในลักษณะทไม่เปนทางการ จะเอ้อต่อการ
ี
ื
้
้
็
้
้
ู
ี
ู
ุ
ี
เรยนร และการสรางความรใหม่ ๆ มากกว่าการรวมตัวกันเปนทางการ มจดเน้นคอ ต้องการเรยนรร่วมกัน
ู
์
ี
ื
ื
จากประสบการณการท างานเปนหลัก การท างานในเชงปฏบัต หรอจากปญหา ในชวิตประจ าวัน หรอเรยนร ้ ู
็
ิ
ิ
ี
ั
ิ
ื
ี่
ี
่
ื
เครองมอใหม่ ๆ เพื่อน ามาใช้ในการพัฒนางาน หรอวิธการท างานทได้ผล และไม่ได้ผล การมปฏสัมพันธ ์
ิ
ี
ื
้
ู
้
ู
้
ุ
่
ั
ึ
ี
ระหว่างบคคล ท าให้เกิดการถ่ายทอดแลกเปลยนความรฝงลก สรางความร และความเข้าใจ ได้มากกว่าการ
่
เรยนรจากหนังสอ หรอการฝกอบรมตามปกต เครอข่ายทไม่เปนทางการ ในเวทชมชน นักปฏบัตซงม ี
ี
ึ
่
ื
ี
ิ
ิ
้
ื
ุ
ึ
ิ
ี
ู
ื
็
ี
ุ
สมาชกจากต่างหน่วยงาน ต่างชมชน จะช่วยให้องค์กร หรอชมชนประสบความส าเรจได้ดกว่าการสอสาร
ุ
ิ
ื
่
ื
็
ี่
้
ตามโครงสรางทเปนทางการ
็
่
ชุมชนนกปฏิบัติเกิดข้นไดอยางไร
้
ั
ึ
่
ื
ุ
การรวมกล่มปฏบัตการ หรอการก่อตัวข้นเปนชมชนนักปฏบัตได้ ล้วนเปนเรองทเกียวกับคน คน
ื
ึ
ุ
็
ิ
็
ี
ิ
ิ
่
ิ
่
ื
ี
ี
ื
ต้องม 3 ส่งต่อไปน้เปนเบ้องต้น คอ
ิ
็
ิ
้
ี
ู
ี
ื
ี่
1. ตองมีเวลา คอ มเวลาทจะมาแลกเปลยนเรยนร มาร่วมคด ร่วมท า ร่วมแก้ปญหา ช่วยกัน
ั
ี่
้
ึ
ุ
้
ิ
ี
พัฒนางาน หรอสรางสรรค์ส่งใหม่ ๆ ให้เกิดข้น หากคนทมารวมกล่มไม่มเวลา หรอไม่จัดสรรเวลาไว้ เพื่อ
่
ี
ื
ื
ี
ุ
การน้ก็ไม่มทางทจะรวมกล่มปฏบัตการได้
ิ
ี
ี
่
ิ
ื
ี
่
ี
ื
ี
่
ี
ื
ี
ุ
่
2. ตองมีเวทีหรอพื้นที่ การมเวทหรอพื้นทคอการจัดหาหรอก าหนดสถานททจะใช้ในการพบกล่ม
ื
้
ิ
่
ี
ุ
การชมชน พบปะพูดคยสนทนาแลกเปลยนความคด แลกเปลยนประสบการณตามทกล่ม ได้ช่วยกันก าหนด
ุ
์
ี่
ี่
ุ
ข้น เวทดังกล่าวอาจมหลายรปแบบ เช่น การจัดประชม การจัดสัมมนา การจัดเวท ประชาคม เวทข้างบ้าน
ี
ุ
ี
ู
ี
ึ
ี
็
็
ุ
การจัดเปนมมกาแฟ มมอ่านหนังสอ เปนต้น
ื
ุ
ู
้
ี
ี
ี
่
ื
ี
็
ี
การจัดให้มเวทหรอพื้นทดังกล่าว เปนการท าให้คนได้มโอกาสแลกเปลยนเรยนรในบรรยากาศ
ี่
ี่
ี
ี
ึ
ุ
่
ี
สบาย ๆ เปดโอกาสให้คนทสนใจเรองคล้าย ๆ กัน หรอคนทท างานด้านเดยวกันมโอกาส จับกล่มปรกษา
ื่
ื
ิ
ุ
ื
ุ
ี
หารอกันได้โดยสะดวก ตามความสมัครใจ ในภาษาอังกฤษเรยกการชมนมลักษณะ น้ว่า Community of
ี
ิ
ี
ี
Practices หรอเรยกย่อว่า CoPs ในภาษาไทยเรยก ชมชนนักปฏบัต ิ
ื
ุ
ี
ี
ุ
ิ
ชมชนนักปฏบัตเปนค าทใช้กันโดยทั่วไป และมค าอน ๆ ทมความหมายเดยวกันน้ เช่น ชมชนแห่ง
ิ
่
่
ุ
ี
ี
็
ี
ี
ื่
ิ
ี
่
ิ
ี
้
ื
ี
ู
็
ุ
การเรยนร ชมชนปฏบัตการ หรอเรยกค าย่อในภาษาอังกฤษว่า CoPs ก็เปนทเข้าใจกัน
3. ตองมีไมตร คนต้องมไมตรต่อกันเมอมาพบปะกัน การมไมตรเปนเรองของใจ การมน ้าใจต่อกัน
ี
ื่
ี
็
ี
ี
ี
ื
่
ี
้
ื่
็
ี
ิ
ิ
ิ
ั
ั
ิ
มใจให้กันและกัน เปนใจทเปดกว้าง รบฟงความคดเหนของผู้อน พรอมรบส่งใหม่ ๆ ไม่ยึดตดอยู่กับส่งเดม
ิ
ี่
ิ
็
ั
้
ื
ี
่
้
ึ
ๆ มความเอ้ออาทร พรอมทจะช่วยเหลอเกื้อกูลซงกันและกัน
ื
ี
่
ุ
ิ
่
ี
ี
ี
ุ
้
ิ
ิ
ี
การรวมกล่มปฏบัตการ จะด าเนนไปได้ด้วยด บรรลตามเปาหมายทตั้งใจ จะต้องมเวลา เวทไมตร
ี
็
่
ี
ี
่
้
เปนองค์ประกอบทช่วยสรางบรรยากาศทเปดกว้าง และเอ้ออ านวยต่อการแสดงความคดเหนทหลากหลาย
็
ี
่
ิ
ื
ิ
ในกล่ม จะท าให้ได้มมมองทกว้างขวางยิ่งข้น
ุ
ี
ึ
ุ
่
149
ั
รูปแบบของเวทีชุมชนนกปฏิบัติ
ิ
ู
ิ
ุ
้
ี
ู
่
ี
ี
ี
การแลกเปลยนเรยนรผ่านเวทชมชนนักปฏบัตมหลากหลายรปแบบ เช่นการมารวมกล่มกัน เพื่อ
ุ
แลกเปลยนความรระหว่างกันในรปแบบต่าง ๆ เช่น การประชม การสัมมนา การจัดเวทประชาคม เวทข้างบ้าน
่
ี
ู
ี
ู
้
ี
ุ
ุ
ื
ั
็
่
การจัดเปนมมกาแฟ มมอ่านหนังสอ แต่ในปจจบันมการใช้เทคโนโลยีมาใช้ในการสอสาร ท าให้เกิดการ
ื
ี
ุ
ุ
ู
้
ี่
ี
ี
แลกเปลยนเรยนรร่วมกันผ่านทางอนเตอรเนต ดังนั้นรปแบบของการแลกเปลยนเรยนร ทเรยกว่า “เวท ี
่
้
ู
ี
ี
์
ิ
็
ี
่
ู
ึ
ิ
ชมชนนักปฏบัต” จงม 2 รปแบบ ดังน้ ี
ู
ิ
ุ
ี
็
ื
็
ุ
ิ
ุ
้
่
ู
ี
1. เวทจรง เปนการรวมตัวกันเปนกล่มหรอชมชน และมาแลกเปลยนเรยนรร่วมกันด้วยการเหน
็
ี
ี
ี่
ิ
ี่
็
็
ุ
หน้ากัน พูดคย แลกเปลยนความคดเหน ทั้งแบบเปนทางการและไม่เปนทางการ แต่การ แลกเปลยนใน
็
ิ
่
ื
ลักษณะน้จะมข้อจ ากัดในเรองค่าใช้จ่ายในการเดนทางมาพบกัน แต่สามารถแลกเปลยน เรยนรร่วมกันได้ใน
ู
้
ี
ี
ี
่
ี
ึ
ิ
เชงลก
ื
่
ื
่
2. เวทเสมอน เปนการรวมตัวกันเชอมเปนเครอข่ายเพือแลกเปลยนเรยนรร่วมกันผ่านทาง
ื
ี
ี
่
็
ู
็
ี
้
ื
ื
่
็
ิ
ึ
่
ิ
ี
ุ
ั
็
์
์
อนเตอรเนต ซงในปจจบันมการใช้อนเตอรเนตในการสอสารหรอค้นคว้าข้อมูลกันอย่างแพร่หลาย ทั้งใน
็
ี
็
ี
่
ี
ู
้
ู
ี
้
่
ี
ประเทศและต่างประเทศ การแลกเปลยนเรยนรในลักษณะน้เปนการแลกเปลยนเรยนรแบบไม่เปนทางการ
ื
็
์
ื
ิ
ี
ู
ี
้
์
มปฏสัมพันธกันผ่านทางออนไลน จะเหนหน้ากันหรอไม่เหนหน้ากันก็ได้ และจะมความรสกเหมอนอยู่ใกล้กัน
ึ
็
้
ื
ู
ี
ื
ี่
ี
ื
ึ
ี
ี
จงเรยกว่า เวทเสมอน นั่นคอ เสมอนอยู่ใกล้กันนั่นเอง การแลกเปลยน เรยนรจะใช้วิธการบันทกผ่านเว็บ
ึ
ู
ึ
้
ี
่
ึ
็
ึ
่
์
ิ
่
ี
ื
ี
่
บล็อกซงเหมอนสมดบันทกเล่มหนงทอยู่ในอนเตอรเนต สามารถบันทกเพือแลกเปลยนเรยนรและส่งข้อมูล
ึ
ุ
่
หากันได้ทกท ทกเวลา และประหยัดค่าใช้จ่ายเนองจากไม่ต้องเดนทางมาพบกัน
ุ
่
ี
่
ื
ิ
ุ
150
ี
ชุมชนแหงการเรยนรู ้
่
ู
็
ี
ื
้
ู
ุ
ี่
ุ
ี
้
้
ชมชนแห่งการเรยนร คอ การทคนในชมชนเข้าร่วมในกระบวนการเรยนร พรอมทจะเปนผู้ให้
่
ี
้
ู
้
ู
ความรและรบความร จากการแบ่งปนความรทั้งในตนเองและความรในเอกสารให้แก่กันและกัน ชมชนแห่ง
ุ
ั
้
้
ั
ู
ู
ี
ุ
ี
การเรยนรจงมทั้งระบบบคคลและระดับกล่ม เชอมโยงกันเปนเครอข่ายเพือเรยนรร่วมกัน
ื
็
ู
ึ
ี
ื
้
่
้
ุ
ู
่
็
ุ
ุ
ิ
ุ
ิ
่
ี
ิ
ู
การส่งเสรมให้ชมชนเปนชมชนแห่งการเรยนรจงต้องเร่มทตัวบคคล เร่มต้นจากการท าความเข้าใจ
้
ี
ึ
่
ู
้
ี
้
ิ
ี
็
ู
ุ
็
ุ
สรางความตระหนักให้กับคนในชมชนเปนบคคลแห่งการเรยนร เหนความส าคัญของการ มนสัย ใฝเรยนร
ี
้
ื
ี
ั
ี่
ุ
้
ู
ุ
่
ส่งเสรมให้เกิดการเรยนรจากกิจกรรมทรฐบาลหรอองค์การชมชนจัดให้ จากการพบปะ พูดคย แลกเปลยน
ิ
ี
ี
์
ี
ั
่
้
ู
ู
็
ิ
็
ึ
้
เรยนรร่วมกันอย่างสม าเสมอ จนเกิดเปนความเคยชนและเหนประโยชนจากความรทได้รบเพิ่มข้น
่
การสรางนสัยใฝเรยนรของบคคล คอ การให้ประชาชนในชมชนได้รบบรการต่าง ๆ ทสนใจ อย่าง
ุ
ุ
ิ
้
ี่
ู
ิ
่
ื
้
ี
ั
้
่
ึ
ุ
ื
ต่อเนองสม าเสมอ กระต้นให้เกิดความอยากรอยากเหนเปนอันดับแรก เกิดความตระหนักถง ความส าคัญ
็
ู
็
่
้
ึ
ี
ู
ื
้
ี
ของการศกษาหาความร เกิดการเรยนรอย่างต่อเนอง เปนผู้น าในการพัฒนาด้านต่าง ๆ ทั้งการเรยนรจาก
้
่
ู
็
ู
ู
้
ี
ื
ุ
หนังสอ เรยนรเพื่อพัฒนาอาชพและการพัฒนาคณภาพชวิต
ี
ี
ดังนั้น บคคลถอเปนส่วนหนงของชมชนหรอสังคม การส่งเสรมบคคลเปนผู้ใฝเรยนร ย่อมส่งผล
่
ื
ื
้
ู
ุ
ี
็
่
ึ
ิ
ุ
็
ุ
ี
ุ
ิ
ี
ุ
่
ี
็
ู
ให้ชมชนเปนชมชนแห่งการเรยนรด้วย การส่งเสรมให้ชมชนมส่วนร่วมในการแลกเปลยน เรยนรร่วมกัน
ุ
้
้
ี
ู
่
อย่างสม าเสมอ ทั้งเปนทางการและไม่เปนทางการ จะท าให้เกิดการหมนเกลยวของความร หากบคคลใน
ุ
ุ
ี
้
็
ู
็
ู
็
้
ุ
็
ี
ุ
ุ
ชมชนเกิดความค้นเคยและเหนความส าคัญของการเรยนรอยู่เสมอ จะเปนก้าวต่อไป ของการพัฒนาชมชน
และสังคมให้เปนสังคมแห่งการเรยนร ู ้
็
ี
ี
่
ตัวชวัดระดับกลุม
้
ู
ี
้
1. มเวทชมชนแลกเปลยนเรยนรในหลายระดับ
ี
ี่
ี
ุ
ื
่
ี
่
ี
ุ
ื
ี
้
ู
ี
2. มกล่ม องค์กร เครอข่ายทมการเรยนรร่วมกันอย่างต่อเนอง
3. มชดความร องค์ความร ภูมปญญา ทปรากฏเด่นชัดและเปนประสบการณเรยนรของ
ี
้
์
ู
ู
้
้
ี
ั
ิ
็
ุ
ี
่
ู
ู
ชมชน ถกบันทกและจัดเก็บไว้ในรปแบบต่าง ๆ
ุ
ึ
ู
ั
4. การจดท าสารสนเทศเผยแพรความรู ้
่
สารสนเทศ
์
ื
คอข้อมูลต่าง ๆ ทผ่านการกลั่นกรองและประมวลผลแล้ว บวกกับประสบการณ ความเชยวชาญท ี่
ี
่
ี่
้
ี
ี
ึ
สะสมมาแรมป มการจัดเก็บหรอบันทกไว้ พรอมในการน ามาใช้งาน
ื
การจดท าสารสนเทศ
ั
้
ึ
ในการจัดการความร จะมการรวบรวมและสรางองค์ความรทเกิดจากการปฏบัตข้นมากมาย
ิ
้
ิ
ี
้
่
ู
ี
ู
ู
็
้
ึ
การจัดท าการสนเทศจงเปนการสรางช่องทางให้คนทต้องการใช้ความรสามารถเข้าถงองค์ความรได้ และ
ี่
ู
้
้
ึ
ู
ู
้
่
็
ก่อให้เกิดการแบ่งปนความรร่วมกันอย่างเปนระบบ ในการจัดเก็บเพือให้ค้นหา ความรคอได้ง่ายข้น องค์กร
ึ
ั
้
ื
151
ิ
ู
้
ต้องก าหนดส่งส าคัญทจะเก็บไว้เปนองค์ความร และต้องพิจารณาถง วิธการในการเก็บรกษา และน ามาใช้ให้
ี
ั
ึ
็
ี
่
้
ี
ี
ุ
่
็
ู
เกิดประโยชน์ตามต้องการ องค์กรต้องเก็บรกษาส่งทองค์กร เรยกว่าเปนความรไว้ให้ดทสด
ี
่
ั
ิ
ี
็
การจัดท าสารสนเทศ ควรจัดท าอย่างเปนระบบ และควรเปนระบบทสามารถค้นหาและ ส่งมอบ
ี่
็
ได้อย่างถกต้องและรวดเรว ทันเวลาและเหมาะสมกับความต้องการ และจัดให้มการจ าแนกรายการต่าง ๆ ท ี่
ู
ี
็
ู
ี
็
้
ึ
ื
ุ
อยู่บนพื้นฐานตามความจ าเปนในการเรยนร องค์กรต้องพิจารณาถงความแตกต่าง ของกล่มคนในการค้นคน
ี
ุ
้
ู
่
ความร องค์กรต้องหาวิธการให้พนักงานทราบถงช่องทางการค้นหาความร เช่นการท าสมดจัดเก็บรายชอ
ึ
ื
ู
้
ี
ิ
็
ึ
ี่
ื
ุ
และทักษะของผู้เชยวชาญ เครอข่ายการท างานตามล าดับชั้น การประชม การฝกอบรม เปนต้น ส่งเหล่าน้จะ
น าไปส่การถ่ายทอดความรในองค์กร
ู
ู
้
วัตถุประสงคการจดท าสารสนเทศ
์
ั
1. เพือให้มระบบการจัดเก็บข้อมูลและองค์ความร อย่างเปนหมวดหมู่ และเหมาะสมต่อการใช้งาน
้
่
ู
็
ี
และสามารถค้นหาได้ตลอดเวลา สะดวก ง่าย และรวดเรว
็
ื่
ั
ู
ี่
่
้
2. เพือให้เกิดระบบการสอสาร การแลกเปลยน แบ่งปน และถ่ายทอดองค์ความรระหว่างกันผ่าน
ิ
ื
่
ี
ิ
สอต่าง ๆ อย่างมประสทธภาพ
่
ื
ึ
้
ู
3. เพือให้เกิดการเข้าถงและเชอมโยงองค์ความร ระหว่างหน่วยงานทั้งภายในและภายนอก อย่าง
่
็
เปนระบบ สะดวกและรวดเรว
็
4. เพื่อรวบรวม และจัดเก็บความรจากผู้มประสบการณ รวมถงผู้เชยวชาญในรปแบบต่าง ๆ ให้
่
ึ
ี
้
ู
ู
์
ี
เปนรปธรรม เพื่อให้ทกคนสามารถเข้าถงความรและพัฒนาตนเองให้เปนผู้รได้
้
ุ
ู
็
ู
็
้
ู
ึ
ึ
ื
่
ื
้
ั
ู
็
5. เพื่อน าเทคโนโลยีสารสนเทศ มาใช้เปนเครองมอในการถ่ายทอดระหว่างความรฝงลก กับ
่
ี
ี
ความรชัดแจ้ง ทสามารถเปลยนสถานะระหว่างกันตลอดเวลา ท าให้เกิดความรใหม่ ๆ
่
้
ู
้
ู
การเผยแพรความรู ้
่
ั
ุ
็
ั
ู
เปนการน าความรทได้รบมาถ่ายทอดให้บคลากรในองค์กรได้รบทราบ และให้มความรเพียงพอต่อ
่
้
ี
ี
้
ู
ิ
ึ
่
ิ
้
ึ
การปฏบัตงาน การเผยแพร่ความรจงเปนองค์ประกอบหนงของการจัดการความร การเผยแพร่ความร มการ
ู
็
ู
ี
้
้
ู
ิ
ึ
ปฏบัตกันมานานแล้ว สามารถท าให้หลายทางคอ การเขยนบันทก รายงาน การฝกอบรม การประชม การ
ุ
ึ
ิ
ี
ื
ิ
่
ู
ื
ิ
สัมมนา จัดท าเปนบทเรยนทั้งในรปแบบของหนังสอ บทความ วิดทัศน์ การอภปรายของเพือนร่วมงานใน
็
ี
ุ
ิ
ี
ระหว่างการปฏบัตงาน การอบรมพนักงานใหม่อย่างเปนทางการ ห้องสมด การฝกอบรมอาชพและการเปน
็
็
ึ
ิ
ุ
ี่
ื่
่
พีเล้ยง การแลกเปลยนเรยนรในรปแบบอน ๆ เช่น ชมชนนักปฏบัต เรองเล่าแห่งความส าเรจ การสัมภาษณ
ี
์
ู
ิ
ิ
้
่
ื
ู
็
ี
การสอบถาม เปนต้น การถ่ายทอดหรอ เผยแพร่ความร มการพัฒนารปแบบโดยอาศัยเทคโนโลยีเพื่อการ
ู
ี
้
็
ื
ู
ู
ื่
ี
สอสาร และเทคโนโลยีมการกระจายไปอย่างกว้างขวาง ท าให้กระบวนการถ่ายทอดความรผ่านเทคโนโลยี
้
็
ั
ิ
โดยเฉพาะอนเตอรเนตได้รบความนยมอย่างแพร่หลายมากข้น
ึ
ิ
์
ี
ี
็
์
ู
้
ั
การเผยแพร่ความรและการใช้ประโยชนมความจ าเปนส าหรบองค์กร เนองจากองค์กรจะเรยนร ู ้
ื่
ได้ดข้นเมอมความร มการกระจายและถ่ายทอดไปอย่างรวดเรว และเหมาะสมทั่วทั้งองค์กร การเคลอนทของ
ี
ื่
ู
ี
้
ี่
็
ื
ี
ึ
่
ู
ึ
ุ
้
สารสนเทศและความรระหว่างบคคลหนงไปอกบคคลหนงนั้น จงเปนไปได้โดยตั้งใจ และไม่ตั้งใจ
็
ึ
ี
ุ
ึ
่
่
152
กิจกรรม
ิ
ื
ึ
ี่
ุ
่
ี
ี
ี
ี
่
ุ
ี
1. หากผู้เรยนเปน “คณอ านวย” ผู้เรยนมวิธกระต้นให้เพือนเล่าเรองในเชงลก เพื่อแลกเปลยนเรยนร ู ้
็
ร่วมกัน ได้ด้วยวิธใด
ี
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
ั
ู
้
ี
ื
ี
ื
็
้
ู
2. ความรทจ าเปนในการแก้ปญหาหรอพัฒนาตัวผู้เรยนคออะไร และขอบข่ายความรนั้นมอะไรบ้าง
ี
่
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
3. การจัดท าสารสนเทศเพือเผยแพร่ความร ผู้เรยนคดว่าวิธใดเผยแพร่ได้ดทสด เพราะเหตใด
ี
ุ
ี
่
้
ี
่
ู
ี
ุ
ิ
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
153
ึ
ั
ื่
เรองที่ 4 : การฝกทักษะกระบวนการจดการความรู ้
1. กระบวนการจดการความรูดวยตนเอง
้
ั
้
การจดการความรูดวยตนเอง
้
้
ั
ี
ี
ู
้
ู
การจัดการความรด้วยตนเอง จะท าให้ผู้เรยนเรยนรหลักการอันแท้จรงในการพัฒนาตนเอง และจูง
ิ
้
ู
็
ุ
ี
ุ
ใจตนเองให้ก้าวไปส่การพัฒนาคณภาพชวิตและคณภาพในการท างาน เปนผู้มสัมฤทธ์ ิผลสงสด โดยการน า
ู
ี
ุ
ิ
ี่
ี
ี
็
ิ
องค์ความรทเปนประโยชน์ไปประยุกต์ใช้ในชวิตจรง และการท างานได้อย่างมประสทธภาพ และสามารถ
ู
ิ
้
์
ี
ี
ี
ปรบตัวทันต่อโลกยุคโลกาภวัตน์ มโอกาสแลกเปลยนเรยนรประสบการณชวิตและ ประสบการณการท างาน
์
ี่
้
ั
ิ
ู
้
ิ
ี
ี
ื
ี่
ี
ื
ร่วมกัน มทัศนคตทดต่อชวิตตนเองและผู้อน มความกระตอรอรนและเสรมสรางทัศนคตทด ต่อการท างาน
ื่
ี
้
ิ
ี
ี
่
ิ
ุ
็
ี
่
้
ึ
ู
่
ู
น าไปส่การเหนคณค่าของการอยู่ร่วมกันแบบพึงพาอาศัยกัน ช่วยเกื้อกูล เรยนรซงกันและกัน ก่อให้เกิดการ
ิ
ี
ุ
็
เปนชมชนแห่งการเรยนร ในลักษณะของทมทมประสทธภาพ
ี่
ู
้
ี
ี
ิ
ู
็
่
ี
่
ิ
การจัดการความรเปนเรองทเร่มต้นทคน เพราะความรเปนส่งทเกิดมาจากคน มาจากกระบวนการ
้
ี
้
ิ
ื
็
่
ี
่
ู
ี
ึ
้
ิ
ู
้
็
ี
่
ึ
ี
เรยนรการคดของคน คนจงมบทบาททั้งในแง่ของผู้สรางความรและเปนผู้ทใช้ความร ซงถ้าจะมองภาพกว้าง
้
ู
่
ู
้
ั
็
ั
ุ
ออกไปเปนครอบครว ชมชน หรอแม้แต่ในหน่วยงาน ก็จะเหนได้ว่าทั้งครอบครว ชมชน หน่วยงาน ล้วน
็
ื
ุ
ู
้
ี
ุ
ประกอบข้นมากจากคนหลาย ๆ คน ดังนั้น หากระดับปจเจกบคคลมความสามารถในการจัดการความร
ั
ึ
้
ย่อมส่งผลต่อความสามารถในการจัดการความรของกล่มด้วย
ู
ุ
วิธการเรยนรทเหมาะสมเพือให้เกิดการจัดการความรด้วยตนเอง คอ ให้ผู้เรยนได้เร่มกระบวนการ
ื
ี
ิ
ู
่
ี
้
ี
้
ู
่
ี
ิ
ื
ิ
ิ
ิ
ู
ิ
้
ึ
่
ิ
่
ิ
ิ
ื
้
ู
ี
ิ
ิ
เรยนรตั้งแต่การคด คดแล้วลงมอปฏบัต และเมอปฏบัตแล้วจะเกิดความรจากการปฏบัต ซงผู้ปฏบัตจะจดจ า
้
ี
็
ึ
ั
ี
ี่
ึ
ู
ู
้
้
ู
้
ทั้งส่วนทเปนความรฝงลกและความรทเปดเผย มการบันทกความรในระหว่างเรยนร กิจกรรมหรอโครงการ
ี่
ื
ู
ิ
็
ุ
ู
้
ลงในสมดบันทก ความรปฏบัตทบันทกไว้ในรปแบบต่าง ๆ จะเปนประโยชน์ ส าหรบตนเองและผู้อนใน
ื่
ู
ิ
ึ
่
ี
ิ
ึ
ั
้
ิ
ิ
ี
่
ุ
ี
ุ
การน าไปปฏบัตแก้ไขปญหาทชมชนประสบอยู่ให้บรรลเปาหมาย และขั้นสดท้าย ให้ผู้เรยนได้พัฒนา
ั
ุ
ุ
ปรบปรงส่งทก าลังเรยนรอยู่ตลอดเวลา ย้อนดว่าในกระบวนการเรยนรนั้น มความบกพร่องในขั้นตอนใด ก็
ั
้
ิ
ี
่
ู
ี
ู
้
ู
ี
ี
ลงมอพัฒนาตรงจดนั้นให้ด ี
ื
ุ
่
ี
ั
้
้
ทักษะการเรยนรู เพือจดการความรูในตนเอง
ู
ผู้เรยนจะต้องพัฒนาตนเอง ให้มความสามารถและทักษะในการจัดการความรด้วยตนเอง ให้ม ี
ี
้
ี
้
้
ี
่
ู
่
ความรทสงข้น ซงสามารถฝกทักษะเพือการเรยนรได้ดังน้ ี
ู
ี
ึ
ึ
ู
ึ
่
ฝกสงเกต ใช้สายตาและหเปนเครองมอ การสังเกตจะช่วยให้เข้าใจในเหตการณหรอ ปรากฏการณ ์
์
ู
ื
ื่
ุ
็
ื
ึ
ั
นั้น ๆ
ึ
ี
้
ู
้
ู
ึ
ู
้
ู
ี
ฝกการนาเสนอ การเรยนรจะกว้างข้นได้อย่างไร หากรอยู่คนเดยว ต้องน าความรไปส่การ
ั
่
้
ู
ู
แลกเปลยนเรยนรกับคนอน การน าเสนอให้คนอนรบทราบ จะท าให้เกิดการแลกเปลยนความรกันอย่าง
ื
ี
่
ี
ี
ื่
่
้
กว้างขวาง
154
ื
้
ู
ึ
่
็
้
็
่
ึ
ื
ึ
ฝกตังค าถาม ค าถามจะเปนเครองมออย่างหนงในการเข้าถงความรได้ เปนการตั้งค าถาม ให้ตนเอง
ื
ิ
ู
ี
ึ
ู
ู
้
้
ตอบ หรอจะให้ใครตอบก็ได้ ท าให้ได้ขยายขอบข่ายความคด ความร ท าให้รสก และรกว้าง ยิ่งข้นไปอก อัน
้
ึ
่
ี
่
่
เนองมาจากการทได้ศกษาค้นคว้าในค าถามทสงสัยนั้น ค าถามควรจะถามว่า ท าไม อย่างไร ซงค าถาม
ื
ึ
่
ี
ึ
ู
ระดับสง
ื
่
่
แสวงหาค าตอบ ต้องรว่าความรหรอค าตอบทต้องการนั้นมแหล่งข้อมูลให้ค้นคว้าได้จากทไหนบ้าง
้
ู
ี
ู
ี
้
ี
่
เปนความรทอยู่ในห้องสมด ในอนเตอรเนต หรอเปนความรทอยู่ในตัวคน ทต้องไปสัมภาษณ ไปสกัด
ี
ิ
ี่
้
ู
ู
ุ
็
ี
ื
่
็
้
์
็
์
็
ู
้
ความรออกมา เปนต้น
ี
่
ู
ื
่
ึ
ื
่
ื
้
่
ฝกบูรณาการเชอมโยงความรู เนองจากความรเรองหนงเรองใดไม่มพรมแดนกั้น ความรนั้น
ู
้
้
ื
่
ึ
ู
ุ
ึ
็
๋
์
ื
่
่
็
สัมพันธเชอมโยงกันไปหมด จงจ าเปนต้องรความเปนองค์รวมของเรองนั้น ๆ อย่างยกตัวอย่างปยหมักไม่
ื
้
่
่
ี
้
ี
เฉพาะแต่มความรเรองวิธท าเท่านั้น แต่เชอมโยงการก าหนดราคาไว้เพือจะขาย โยงไปทวิธใช้ ถ้าจะน าไปใช้เอง
ี
ี่
ื
ื
ู
่
ุ
ุ
ุ
หรอแนะน าให้ผู้อนใช้ โยงไปถงบรรจภัณฑ์ว่าจะบรรจกระสอบแบบไหน ทกอย่างบูรณาการกันหมด
ื
ื่
ึ
ื
ื
ึ
ุ
ื
ฝกบันทึก จะบันทกแบบจดลงสมด หรอเปนภาพ หรอใช้เครองมอบันทกใด ๆ ก็ได้ ต้อง บันทกไว้
ื่
็
ึ
ึ
ึ
ิ
ุ
ื่
ึ
ู
ิ
ิ
้
ึ
ี
บันทกไว้ปรากฏร่องรอยหลักฐานของการคดการปฏบัต เพื่อการเข้าถงและการเรยนรของบคคลอนด้วย
ี
ี
็
่
์
การฝกเขียน เขยนรายการของตนเองให้เปนประโยชนต่อการเรยนรของตนเองและผู้อน งานเขยน
ี
ื
้
ู
ึ
ี
่
ี
ี
่
้
หรอข้อเขยนดังกล่าวจะกระจายไปเพือแลกเปลยนเรยนรกับผู้คนในสังคมทมาอ่านงานเขยน
ี
ู
ี
่
ื
ขนตอนการจดการความรูดวยตนเอง
ั
้
ั
้
้
ในการเรยนรเพื่อจัดการความรในตัวเอง นอกจากวิเคราะหตนเองเพือก าหนดองค์ความร ทจ าเปน
ู
ี
้
้
้
์
ู
็
ี่
ู
่
ู
ี่
ในการพัฒนาตนเองแล้วนั้น การแลกเปลยนเรยนรเพื่อให้ได้มาซงความร เปนวิธการค้นหา และเข้าถงความร ้ ู
ู
้
็
ี
่
ึ
ึ
ี
้
ี
ื
้
ี
่
ู
ู
ิ
ื่
ี
่
็
ื
่
ทง่ายเปนการเรยนรทางลัด นั่นคอ ดว่าทอนท าอย่างไร เลยนแบบ best practice และท าให้ดกว่า เมอปฏบัติ
ี
ี
ู
ี
้
็
ื
็
แล้วเกิดความส าเรจแม้เพียงเล็กน้อยก็ถอว่าเปน best practice ในขณะนั้น กระบวนการเรยนรเพื่อพัฒนา
ิ
ตนเองสามารถด าเนนการตามขั้นตอนต่าง ๆ ได้ ดังน้ ี
้
ี
์
ุ
ี
ั
้
1. ขนการบงชความรู ผู้เรยนวิเคราะหตนเอง เพือรจดอ่อน จดแข็งของตนเอง ก าหนด เปาหมาย
้
่
้
่
ู
้
ุ
ู
ี
ี
ื
ุ
้
ในชวิต ก าหนดแนวทางเดนไปส่จดหมาย และรว่าความรทจะแก้ปญหาและพัฒนาตนเองคออะไร
ั
ู
้
ิ
ู
่
้
็
ี
2. ขันสรางและแสวงหาความรู ผู้เรยนจะต้องตระหนักและเหนความส าคัญของการแสวงหา
้
้
้
้
ี
ู
ความร เข้าถงความรทต้องการด้วยวิธการทหลากหลาย แหล่งเรยนรทใช้ในการแสวงหาความร ได้แก่ การใช้
ู
้
ู
้
ี่
ู
ึ
ี่
ี
่
ี
ิ
ิ
ู
เทคโนโลยีสารสนเทศ การแสวงหาความรจากผู้เชยวชาญ ภมปญญาท้องถ่น และเพื่อน โดยยอมรบใน
ี่
ั
ู
้
ั
ึ
้
ึ
้
ู
่
้
ึ
ความรความสามารถซงกันและกัน และต้องใช้ทักษะต่าง ๆ เพื่อใช้ในการสรางความร เช่นฝกสังเกต ฝกการ
ู
ึ
ี
น าเสนอ ฝกการตั้งค าถาม ฝกการแสวงหาค าตอบ ฝกบูรณาการเชอมโยงความร ฝกบันทก และ ฝกการเขยน
ึ
ึ
ึ
ึ
ู
้
ื่
ึ
ู
็
ู
้
้
ี่
3. การจดการความรูใหเปนระบบ จัดท าสารบัญจัดเก็บความรประเภทต่าง ๆ ทจ าเปน ต้องรและ
้
็
ั
้
ู
้
น าไปใช้เพื่อการพัฒนาตนเอง การจัดการความรให้เปนระบบจะท าให้เก็บรวบรวม ค้นหา และน ามาใช้ได้ง่าย
็
็
รวดเรว
155
้
ั
่
ี
ี่
็
ู
้
้
4. ขนการประมวลและกลันกรองความรู ความรทจ าเปนอาจต้องมการค้นคว้า และ แสวงหา
เพิ่มเตม เพื่อให้ความรมความทันสมัย น าไปปฏบัตได้จรง
ิ
ิ
ิ
้
ี
ิ
ู
ู
ู
้
ี
ู
5. การเขาถึงความรู เมอมความรจากการปฏบัตแล้ว มการเก็บความรในรปแบบต่าง ๆ เช่น สมด
ื่
้
้
ุ
ิ
้
ี
ิ
บันทกความร แฟมสะสมงาน วารสาร หรอใช้เทคโนโลยีในการจัดเก็บรปแบบเว็บไซต์ วิดทัศน์ แถบ
ึ
ื
ี
้
้
ู
ู
ี
์
ื่
ึ
บันทกเสยง และคอมพิวเตอร เพื่อให้ตนเองและผู้อนเข้าถงได้ง่ายอย่างเปนระบบ
ึ
็
่
ี
ู
ี
้
่
6. ขนการแบงปนแลกเปลียนความรู ผู้เรยนต้องเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลยนความรกับเพือน ๆ
่
่
ั
้
ั
้
ู
ุ
ึ
็
่
หรอชมชน เพือเรยนรร่วมกัน อาจเปนลักษณะของการสัมมนา เวทเรองเล่าแห่งความส าเรจ การศกษา ดงาน
ื
้
ู
ี
็
ื
่
ี
ี
ิ
็
หรอแลกเปลยนเรยนรผ่านทางอนเทอรเนต เปนต้น
้
ู
์
ี่
ื
็
7. ขนการเรยนรู ผู้เรยนจะต้องน าเสนอความรในโอกาสต่าง ๆ เช่น การจัดนทรรศการ การพบ
ี
ู
ิ
้
ั
้
้
ี
ี
ู
ุ
กล่มการเข้าค่าย หรอการประชมสัมมา รวมทั้งมการเผยแพร่ความรผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น วารสาร เว็บไซต์
ื
ุ
้
็
จดหมายข่าว เปนต้น
ั
ความสาเรจของการจดการความรูดวยตนเอง
้
้
็
ี
ู
่
้
ี
ี
1. ผู้เรยนเกิดการเรยนรตามแผนพัฒนาตนเองทได้ก าหนดไว้
2. ผู้เรยนตระหนักถงความรบผิดชอบในการพัฒนาตนเองเพือเรยนรวิชาต่าง ๆ อย่างเข้าใจ
ี
่
ี
ึ
้
ู
ั
ี
และน ามาใช้ประโยชน์ในชวิตประจ าวันได้
ั
์
3. ผู้เรยนมความรททันสมัย เหมาะสมกับสถานการณปจจบัน สามารถปรบตัวให้อยู่ใน
้
ู
ี่
ุ
ี
ั
ี
สังคมได้
ตัวอยางการจดการความรูของ “เอก 009”
้
่
ั
็
ี่
ี่
ี่
ึ
็
ุ
ี
คณคงเคยได้ยินคนพูดว่า “ไม่มเวลา” นเปนค าพูดทแปลกมาก เปนค าพูดทบอกถง ความหมายใน
ี
ี
่
ี
่
ื
ิ
ี
ตัวของมันเอง โดยไม่ต้องการค าอธบายใด ๆ ส าหรบเวลาแล้ว คนทไม่มเวลาแล้ว คนทไม่มเวลาคอ คนตาย
ั
ู
ดังนั้น ถ้าคณยังหายใจ แสดงว่าเวลายังเดนอยู่ แต่ไม่ต้องเร่งรบเสยจนมากเกินไป และควรรว่าตอนไหนควรรบ
ี
ิ
ุ
ี
้
ี
่
ึ
และถ้ารบแล้วก็ต้องท าให้ด เพราะเวลาทคนเราท าอะไรเรว ๆ มักจะมากับความลวก ซงจะต้องใช้เวลาในการ
ี
ี
ี่
็
ี
ึ
ิ
ั
ั
ู
เข้าแก้ไขปญหา ผมวิเคราะหดตนเอง จงพบว่าท าไม 1 วัน ผมจงมเวลาเพียงน้อยนด ปญหาหลัก ๆ คอ ผม
์
ึ
ื
ี
่
ู
ี
ี
ิ
ึ
ี
เสยเวลาไปกับการนอนตนสาย เล่มเกม ดทวี เล่นเนต และข้เกียจนั่นเอง ดังนั้น ผมจงคดว่า วิธแก้อยู่ทตัวเรา
ื
็
่
ี
เอง ผมจงรว่าเราควรท าในส่งทตรงกันข้าม นั่นคอ
่
ื
ู
้
ี
ิ
ึ
ิ
ื่
ุ
ุ
1. ผมตื่นเชา ตอนแรก ๆ อาจจะยากนดหนง เร่มจากนอนก่อน 4 ท่มทกวัน ร่างกาย จะตนเอง
่
ึ
ิ
้
ี
ื
ื
ื่
่
้
ู
05.00 น. และเราก็ไม่นอนสัปหงก แต่ให้ตนเลย หรอถ้าเราไม่มแรงใจ หรอไม่รว่า ตนมาแล้วจะท าอะไรด
ี
ื
ี
็
ี
ี
ุ
่
ให้เราส ารวจเนตว่ามกิจกรรมอะไรด ๆ ทเราไปร่วมตอนเช้าได้ และนัดกล่ม ผู้ทจะท ากิจกรรมในตอนเช้า
ี
่
ี
ื
ื
ั
ี
ื่
ท าให้เรามแรงจูงใจในการตนนอนเช้า กิจกรรมทผมท าเปนประจ า คอ ป่นจักรยาน หรออาจไปวิ่งตอนเช้า
่
็
ุ
่
ุ
ี
ุ
่
เพือหากล่มเพือนใหม่ ๆ กล่มเพือนใหม่ ๆ คงน่าจะไม่ใช่ร่นเดยวกัน แต่เปนผู้ใหญ่ทเราจะสามารถคยและ
ุ
่
็
่
ี
์
แลกเปลยนประสบการณการท างาน แล้วเราก็จะได้ความร อะไรอกเยอะ เปรยบเหมอนการเรยนรทไม่หยุดน่ง
้
ี
ี่
ิ
ี
้
่
ี
ู
ู
ื
ี
156
ี่
ยิ่งรจักคนมากข้น เราก็จะได้ประสบการณต่าง ๆ จากคนทรจักมากมาย ว่าเค้าเคยเปนอะไร ท าอะไรมา
็
้
ู
้
์
ึ
ู
ี
ี่
ั
่
้
ี
บางคร้งคนทเราอยากไปร่วมกิจกรรมด้วย อาจจะสรางความเปลยนแปลงในชวิตเราได้ เช่นเค้าอาจจะก าลัง
่
ิ
่
ี
ี
ึ
ตามหาคนทมความสามารถบางอย่าง แล้วบังเอญได้มาเจอกันตอนออกก าลังกาย ซงผมเองก็ได้ประโยชน ์
ั
ี่
ึ
จากตรงน้เยอะมาก ซงการทเราได้ทปรกษาแบบความเปนเพื่อน ท าให้มความจรงใจ และได้รบค าปรกษาฟร
ี
ึ
็
ี
่
ี่
ิ
ี
ึ
์
เรองบางอย่าง เราค้นหาจากเอกสาร จากอนเตอรเนต ไม่เจอ แต่กลับไปเจอเอาง่าย ๆ ตอนออกก าลังกาย นั่น
็
ิ
่
ื
ี่
เพราะเราได้เจอผู้คนมากมายทพรอมจะเปนมตร และแลกเปลยนประสบการณกัน น าพาซงโอกาสอัน
่
ี
็
่
้
์
ึ
ิ
ี
่
มากมายชักน าเราไปส่อนาคตทด และเราต้องพาตัวเราไปออกไปหามันก่อน
ู
ี
2. เลิกเลนเกม เกมไม่ว่าจะเปน offline หรอ online ก็ไม่ต่างกัน อาการตดเกมผมก็เคยเปน วัน ๆ
็
ื
็
ิ
่
ื
ุ
ื
่
ิ
ื
ื
็
่
ุ
่
ื
ี
์
นั่งคยแต่เรองเกม ซ้อหนังสอเกม การตูน จดจ่อแต่เรองเกม ผมสรปออกมาว่าเกม เปนกิจกรรมทส้นเปลอง
ิ
ิ
ุ
ื
ี
เวลามาก ๆ และประโยชนทได้ช่างน้อยนดจนไม่ค้มค่าทจะไปเสยเวลาเล่น อาการตดเกมเหมอนตดยาเสพตด
่
ิ
ี
่
ี
ิ
์
ิ
ี
อยากเล่น ตนมาก็เล่น กินเสรจเล่นต่อ หมดแรงก็นอน ตนมาก็ เล่นอก ชวิตแทบไม่ได้ท าอะไรเลย การเลก
ื
่
ื
็
่
ี
ี
ิ
ึ
เล่นเกมของผมโดยการท างานให้มากข้นจนไม่มเวลาเล่นเกม และยิ่งท างานมากก็ยิ่งได้ เงนมาก ผมจงไม่ม ี
ึ
ุ
ี
ิ
ุ
ิ
ิ
ี่
ิ
เวลาหันหลังกลับไปเล่นเกมอก ม่งมั่นท างาน โลกจรง ๆ หาเงนจรง ๆ ไม่ใช่เงนในเกม หาเพื่อนจรง ๆ ทคย
ิ
็
ี
็
่
็
ิ
็
กันแบบเหนหน้าเหนตา ท าอะไรทมันเปนจรง สัมผัสได้ ไม่ใช่โลกจอมปลอมทเดก ๆ หลงใหล และถอนตัว
ี่
ี
่
ึ
ไม่ข้น นอกจากการท างานคอการออกก าลังกาย และได้ไปเทยวด้วยกัน นั่นคอ การป่นจักรยานทางไกล
ื
ั
ื
่
็
ี
่
ึ
ิ
ู
ี
้
่
เพราะเราต้องซ้อมป่นเพือไปออกทรปทางไกล ตอนทผมเลกเล่นเกม เปนช่วงทผมไม่รสกตัวว่าผมเลกเล่น
ิ
ั
ิ
ั
ึ
้
ี่
ี
แต่ผมมารสกตัวอกคร้ง ก็ตอนทผมไม่คดจะกลับไปเล่นมันอกแล้ว เพราะการทผมได้ออกไปพบปะพูดคย
ู
ี
ุ
ิ
่
ี
ิ
่
ิ
็
ุ
กับกล่มเพือนใหม่ ๆ คนจรง ๆ ได้ท ากิจกรรมในโลกแห่งความเปนจรงร่วมกัน มันดกว่าโลกของเกมเยอะ
ี
ิ
ี
่
เลย และผมคดว่า ถ้าเด็ก ๆ ทกคนถ้าได้มโอกาสไปท ากิจกรรมทสนกสนานกับเพือนต่างวัย ก็น่าจะช่วยให้
ี
่
ุ
ุ
ห่างเหนจาก โลกของเกมได้ และค้นพบตัวเองว่ายังมกิจกรรมอกเยอะแยะ ทดกว่าการนั่งเล่นเกม
ี
ี
ี
ิ
่
ี
ู
ื
ึ
ี
ุ
ิ
ื
่
ิ
ื
3. ดทวี การตดทวี หรอละคร หรอเกมโชว์ช่วงดก เมอก่อนผมก็ตดแบบต้องดให้ได้ แต่ปจจบัน
ู
ั
ี
ู
ิ
ี
ู
่
ผมก็แทบไม่ได้ดทวีเลย 1 อาทตย์ดไม่เกิน 3 ชั่วโมง เพราะกิจกรรมอน ๆ นอกบ้าน และการท างานทเราใส่ใจ
ี
ื
่
ี
ิ
ื
ี
ึ
ั
ู
ุ
เราใส่ความรบผิดชอบในงาน กลับถงบ้านมแรงเหลอ การดทวี เช่น ข่าว ก็อาจจะตดตามเฉพาะช่วงสรปข่าว
ึ
ื
็
และข่าวไหนทเจาะลกหรอสนใจเปนพิเศษ ผมก็จะค้นเพิ่มเตมจาก Internet
ิ
ี
่
้
ู
ี่
4. การเลนเนต มหลายเว็บไซต์ทให้ความรทด การหาความรเพิ่มเตมให้กับตนเอง ผ่านเนต มเว็บบอรด
็
ู
้
ี
ี่
์
ิ
ี
ี
็
่
อกมากมายทมความรให้เราเข้าไปขุด ดักจับเอามาใช้ เพียงแต่เราต้องรจักจ ากัดเวลาในการเล่นเนต และเลอก
้
ี
ู
็
ี
ื
ี่
้
ู
่
ู
้
ึ
ี
ี
อ่านทมสาระ และมประโยชนกับเราจรง ๆ ส่งทผมหาความรจากเนตอยู่ตลอด คอ การศกษาภาษาอังกฤษ
์
ื
ี
่
ิ
ิ
ี
็
ี่
็
ั
ึ
โดยการฟงเพลงทเราชอบ เราแปลไม่ออกเราก็หาค าแปลในเนต และฝกรองไปด้วย การแปลเพลงต่าง ๆ
้
ี
่
ี
ี
ึ
้
่
็
ี
และการฝกรองเพลง ช่วยพัฒนาทักษะด้านภาษาได้ดเยียม ผมคดว่าเปนบทเรยนทด ส่งทผมไม่ท าในการเล่น
่
ิ
ี
ิ
่
ู
ิ
ี
่
ิ
ุ
ิ
์
เนต คอ เลกเปดเว็บทเกียวกับเกม การตูน ทกชนด เลกดดวง เลกอ่านข่าวซบซบนนทา
็
ิ
ุ
ิ
ิ
ิ
ื
ั
5. ความขี้เกียจ ส่งน้มันฝงตัวอยู่ในมนษย์ทกตัวตนทอับจน แรนแค้น เฝาคด ภาวนา ถงแต่
ึ
ี
ิ
้
ี
ุ
ิ
ุ
่
้
ิ
้
็
ุ
ความสขสบาย ความรารวย แต่กลับไม่ลงมออะไรเลย เฝาแต่ขอเงน หรอหวังจะท าน้อยแต่ได้เยอะท าเรว ๆ
ื
ื
่
้
ิ
ลวก ๆ แต่ไรซงคณภาพ ความข้เกียจเมอก่อนผมก็มข้เกียจนะ จนผมคดว่า ท าไมต้องท าโน่น ท านด้วย เราก็
ี่
ี
ื
่
ี
ึ
่
ี
ุ
157
ึ
ู
้
่
ี
่
ี
่
ั
อยู่แบบสกปรก ๆ ของเราไป ตัวเรารบได้ คนอนจะรสกยังไงก็ช่าง ไม่ได้อยู่กับเราน ก็ปล่อยให้ทอยู่อาศัย
ื
ิ
ิ
ิ
ิ
ั
ื่
ี
็
ิ
ุ
ึ
สกปรกรงรง และเมอผมเร่มท างานจรงจัง เร่มใช้ชวิตในโลกแห่ง ความเปนจรง เร่มพบเจอผู้คนมากข้น
็
่
ื
ี่
ี
ี
ิ
ี
โดยเฉพาะคนทประสบความส าเรจในชวิต ส่ง ๆ หนงทเค้าเหล่านั้นมเหมอนกันก็คอ ความสะอาด คนทหา
ี่
่
ึ
ื
ี
่
ิ
ั
เงนได้เยอะ ๆ จะใช้เวลาส่วนหนงของชวิตเพือรกษา ความสะอาดพื้นทรอบ ๆ ตัวเอง โดยคนเหล่านั้นจะไม่
ึ
่
่
ี
ั
ชอบความสกปรก ความไม่เปนระเบยบ แต่ถ้าต้องให้เขาอยู่กับคนสกปรก หรอไม่มระเบยบ เค้าจะยอมรบ
ี
ี
็
ี
ื
็
ไม่ได้ หากเราจะท างานกับเขา เราก็ต้องท าตัวเองให้สะอาด เปนระเบยบ การปฏบัตตัวง่าย ๆ ถ้าหากข้เกียจ
ิ
ี
ิ
ี
ี
ื
ี
ก็ก าจัดความสกปรกออกไป แบ่งเวลาวันละ 30 นาท หรออาจจะเร่มจากวันละ 10 นาทก่อน โดยตั้งใจว่า
ิ
ี
ุ
เวลา 10 นาทน้ จะเปนเวลาทพิเศษทสดในชวิตของเราทกวัน คอ เราจะท าให้บ้านเราสะอาด เร่มจาก 1
ื
ี่
ิ
ี่
ี
ุ
ี
็
ู
ู
็
้
ห้องน ้าก่อน (ดเหมอนว่าจะง่ายและเหนผลเรว) เทน ้ายาขัดห้องน ้า แล้วขัด ๆ ภายใน 10 นาท เราก็จะรว่าง่ายมาก
็
ื
ี
ี
ี
ุ
ท าทกวันยังได้เลย เมอขัดห้องน ้าแล้ว ก็เก็บกวาดบ้าน เร่มจากการจ ากัดพื้นทก่อน เช่น 10 นาทต่อไปน้ เรา
ิ
ื
่
ี
่
็
จะเก็บโต๊ะท างาน ซงเมอท าจรง ๆ แล้วจะเกิน 10 นาท แต่ผมก็มักจะเก็บต่อจนเสรจ แต่ปญหาส าคัญของการ
ึ
ื่
ิ
ี
ั
่
ื
ื่
ื
ื
้
ู
ี
ิ
ั
็
ู
เร่มต้นเข้าส่การเปนคนรกสะอาด คอ เราต้องรจักการจัดการ ต้องมเครองมอ เช่น เพิ่มชั้นวางของ ซ้อถังขยะ
มาไว้ใช้ ถ้าอยากเก็บของก็หากล่อง หรอลังมาใส่ อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปกับกิจกรรมเดม ๆ เช่นเล่มเกม ดู
ิ
ื
ิ
็
ื่
ี
ทวี เล่นเนต Chat ดดวง เมอ อะไร ๆ รอบตัวสะอาดข้นมา จตใจเราก็จะแจ่มใส และสมองปลอดโปร่ง มกะ
ี
ึ
ู
ี่
่
ี
ุ
ึ
ุ
ี
ี
ิ
ี
่
ี่
จตกะใจท างานให้ได้มากข้น งานทออกมา ก็เปยมไปด้วยคณภาพ ค้มกับเวลาทเสยไป ทผมพูดมาน้ เพราะผม
ท าได้ มากกว่า 500,000 บาทต่อเดอน
ื
์
ั
2. การสรุปองคความรูและการจดท าสารสนเทศการจดการความรูดวยตนเอง
ั
้
้
้
์
การสรุปองคความรู ้
้
ี
ุ
ู
็
ุ
การจัดการความร เราม่งหา “ความส าเรจ” มาแลกเปลยนเรยนร เราม่งหาความส าเรจในจดเล็ก ๆ
็
ี่
ุ
้
ู
ุ
จดน้อยต่างจดกัน น ามาแลกเปลยนเรยนร เพือให้เกิดการขยายผลไปส่ความส าเรจทใหญ่ข้น
ี่
้
ู
ุ
ี
่
ึ
ู
ี
็
่
้
ิ
ั
องค์ความรเปนความรจากการปฏบัต เรยกว่า “ปญญา” กระบวนการเรยนรเปดโอกาสให้ ผู้เรยน
ู
้
ู
ี
้
ิ
ู
ี
ิ
ี
็
ื
้
ิ
้
เปนผู้สรางความรด้วยตนเอง สังเกตส่งทตนอยากร ลงมอปฏบัตจรง ค้นคว้าและแสวงหาความร เพิ่มจน
็
ิ
ิ
ู
ิ
่
ี
้
ู
้
ู
ู
ี
ู
็
้
้
ี
์
ค้นพบความจรง สรางสรรค์เกิดเปนองค์ความรและเกิดประสบการณใหม่ การเรยนรแบบน้ จะส่งเสรมให้
ิ
ิ
้
ิ
ิ
ื
ผู้เรยนได้พัฒนาความสามารถในการคด ส่การปฏบัต และเกิด “ปญญา” หรอองค์ความรเฉพาะของตนเอง
ู
ิ
ั
ู
้
ี
้
ั
ิ
ี
ู
ิ
็
องค์ความรมอยู่อย่างมากมาย การปฏบัตงานจนประสบผลส าเรจ รวมทั้งการแก้ปญหาต่าง ๆ ท ี่
ื
็
้
ู
้
่
็
ี
ี
่
ึ
เกิดข้นในระหว่างการท างานทส่งผลให้งานส าเรจลล่วงตามเปาประสงค์ ถอว่าเปนองค์ความรทเกิดข้น
ึ
ุ
้
ทั้งส้น และเปนองค์ความรทมค่าต่อการเรยนรทั้งส้น
ู
ิ
ู
ี
้
็
ี
ิ
่
ี
็
ี
ู
ุ
ุ
การสรปองค์ความรมความส าคัญต่อกระบวนการจัดการความรเปนอย่างยิ่ง เพราะการสรปองค์
้
้
ู
ื
ู
้
ู
้
ื
่
ื
่
็
ุ
ความรจะเปนการต่อยอดความรให้กับตนเองและผู้อน หากบคคลอนต้องการความช่วยเหลอในการ
่
่
แก้ปญหาบางเรอง เราจะใช้ความรทมอยู่ช่วยเหลอเพือนได้อย่างไร และเมอเราจะเร่มต้นท าอะไร เรารบ้างไหม
ื
้
ู
ู
้
ื
ี
ั
ิ
ื
่
่
ี
่
ี
ื
่
ี
็
ว่ามใครท าเรองน้มาบ้าง อยู่ทไหนในชมชนของเรา เพือทเราจะท างานให้ส าเรจได้ง่ายข้น และไม่ท าผิด
ี
ึ
่
่
ุ
ี
ิ
ู
ซ ้าซ้อน การด าเนนการจัดการองค์ความร อาจต้องด าเนนการตามขั้นตอนต่าง ๆ ดังน้ ี
ิ
้
158
้
ู
ื
ื
ุ
ี
1. การก าหนดความรหลักทจ าเปนหรอส าคัญต่องาน หรอกิจกรรมของกล่มหรอองค์กร
่
็
ื
ี่
้
2. การเสาะหาความรทต้องการ
ู
้
ั
ุ
้
ู
ื
3. การปรบปรง ดัดแปลง หรอสรางความรบางส่วนให้เหมาะต่อการใช้งานของตน
4. การประยุกต์ใช้ความรในกิจกรรมงานของตน
้
ู
้
ู
้
ู
์
ี
ี่
5. การน าประสบการณจากการท างาน และการประยุกต์ใช้ความรมาแลกเปลยนเรยนร
้
ึ
และสกัดขุมความร ออกมาบันทกไว้
ู
ุ
ั
ึ
้
ั
ู
ู
6. การจัดบันทก “ขุมความร” และ “แก่นความร” ส าหรบไว้ใช้งาน และปรบปรงเปนชด
็
ุ
้
ุ
ู
ึ
ึ
ึ
ี่
ความรทครบถ้วน ล่มลก และเชอมโยงมากข้น เหมาะต่อการใช้งานมากข้น
้
่
ื
ิ
ู
ื
ี
ู
้
่
้
้
่
การจัดการความรเพือให้เกิดองค์ความรทต้องการ เร่มจากการก าหนด “เปาหมายของงาน” นั่นคอ
ื
ิ
ิ
การบรรลผลสัมฤทธ์ ในการด าเนนการตามทก าหนดไว้ คอ
ี่
ุ
ุ
ื
1. การตอบสนอง คอ การสนองตอบความต้องการของทกคนทเกียวข้อง
่
ี
่
2. การมนวัตกรรม คอ 1) นวัตกรรมในการท างาน 2) นวัตกรรมทางผลงาน
ี
ื
่
ี
ี
ี
ื
้
ู
3. ขดความสามารถ คอ การมสมรรถนะทเกิดจากการเรยนรของตนเอง
ี
ื
ิ
ิ
ู
้
4. ประสทธภาพ คอ องค์ความร หรอคลังความร ู ้
ื
การจดท าสารสนเทศการจดการความรูดวยตนเอง
้
้
ั
ั
้
์
ู
ู
การจัดการความรด้วยตนเอง องค์ความรก็ยังอยู่ในสมองคนในรปของประสบการณจากการ
ู
้
่
่
ท างานทประสบผลส าเรจนั้น เราต้องมการถอดองค์ความรซงอาจไหลเวียนองค์ความรจาก คนส่คน หรอจาก
ี
้
ู
ื
ู
ี
ึ
้
็
ู
ู
ู
ิ
ึ
้
คนมาจัดท าเปนสารสนเทศในรปแบบต่าง ๆ เพื่อให้คนเข้าถงความรได้ง่ายและน าไปส่การปฏบัตได้โดยการ
็
ู
ิ
ู
้
็
้
้
ู
น าความรทได้มาจัดเก็บเปนหมวดหมู่ของความร การช้แหล่งความร การสราง เครองมอในการเข้าถงความร
ู
ื่
ึ
ื
ี
่
้
ี
ู
้
้
ี
้
ึ
ู
ู
ู
้
้
ู
ื่
การกรองความร การเชอมโยงความร การจัดระบบองค์ความรยังหมายรวมถงการท าให้ความรละเอยด
ู
ึ
ู
ึ
ชัดเจนข้น องค์ความรอาจจัดเก็บไว้ในรปแบบต่าง ๆ เช่น บันทกความร แฟมสะสมงาน เอกสารจากการถอด
้
้
ู
้
ี
ี
็
บทเรยน แผ่นซด เว็บไซต์ เว็บบล็อก เปนต้น
ี
้
้
3. กระบวนการจดการความรูดวยการรวมกลุมปฏิบัติการ
ั
่
ั
้
้
่
กระบวนการจดการความรูดวยกลุมปฏิบัติการ
้
ึ
ในยุคของการเปลยนแปลงทรวดเรวนั้น ปญหาจะมความซับซ้อนมากข้น เราจ าเปนต้องมความรท ี่
ู
ั
็
ี
ี
็
่
ี
ี่
้
ู
่
หลากหลาย ความรส่วนหนงอยู่ในรปของเอกสาร ต ารา หรออยู่ในรปของสออเล็กทรอนกส เช่น เทป วิดโอ
ี
์
ิ
ิ
ึ
ู
่
ู
ื
ื
ี
ี
ี่
แต่ความรทมอยู่มากทสดคออยู่ในสมองคน ในรปแบบของประสบการณ ความจ า การท างานทประสบ
ู
่
้
ุ
ู
ี
์
่
ื
ู
้
็
็
ผลส าเรจ การด ารงชวิตอยู่ในสังคมปจจบันจ าเปนต้องใช้ความรอย่างหลากหลาย น าความรหลายวิชามา
ี
้
ุ
ั
ู
้
้
เชอมโยง บูรณาการให้เกิดการคด วิเคราะห สรางความรใหม่จากการแก้ ปญหาและพัฒนาตนเอง ความร ู ้
ั
์
ู
ิ
ื่
ั
ึ
ื
ึ
ุ
ุ
ื
่
บางอย่างเกิดข้นจากการรวมกล่มเพือแก้ปญหา หรอพัฒนาในระดับ กล่ม องค์กร หรอชมชน ดังนั้นจงต้องม ี
ุ
การรวมกล่มเพือจัดการความรร่วมกัน
ุ
่
้
ู
159
ั
่
็
ั
้
ั
ปจจยทีท าใหการจดการความรูดวยการรวมกลุมปฏิบัติการประสบผลสาเรจ
้
่
้
ึ
่
้
ู
ี
ั
ี
่
ิ
ุ
ี
1. วัฒนธรรมและพฤติกรรมของคนในกลุม คนในกล่มต้องมเจตคตทดในการแบ่งปนความรซง
่
ุ
ิ
ื
กันและกัน มความไว้เน้อเชอใจกัน ให้เกียรตกัน และเคารพความคดเหนของคนในกล่มทกคน
่
ุ
ี
็
ิ
ื
่
ุ
2. ผูนากลุม ต้องมองว่าคนทกคนมคณค่า มความรจากประสบการณ ผู้น ากล่มต้องเปนต้นแบบ
้
็
ุ
ี
ุ
้
ู
์
ี
ู
้
ั
้
ี
้
ุ
ู
ในการแบ่งปนความร ก าหนดเปาหมายของการจัดการความรในกล่มให้ชัดเจน หาวิธการ ให้คนในกล่มน า
ุ
ุ
้
ู
ั
ิ
ุ
่
ื
่
ู
เรองทตนรออกมาเล่าส่กันฟง การให้เกียรตกับทกคนจะท าให้ทกคนกล้าแสดงออก ในทางสรางสรรค์
ี
้
้
ู
ี
้
ิ
่
3. เทคโนโลยี ความรทเกิดจากการรวมกล่มปฏบัตการเพือถอดองค์ความร ปจจบันมการใช้
ิ
่
ู
ุ
ี
ุ
ั
้
ู
เทคโนโลยีมาใช้เพือการจัดเก็บ เผยแพร่ความรกันอย่างกว้างขวาง จัดเก็บในรปของเอกสารใน เว็บไซต์
ู
่
ื
็
ี
วิดโอ VCD หรอจดหมายข่าว เปนต้น
ิ
ี
ู
้
4. การนาไปใช การติดตามประเมินผล จะช่วยให้ทราบว่า ความรทได้จากการรวมกล่มปฏบัตม ี
ุ
ิ
้
่
ี
การน าไปใช้หรอไม่ การตดตามผลอาจใช้วิธการสังเกต สัมภาษณ หรอถอดบทเรยนผู้เกียวข้อง ประเมนผล
์
ื
ิ
ิ
ื
ี
่
ิ
จากการเปลยนแปลงทเกิดข้นในกล่ม เช่นการเปลยนแปลงทางด้านความคด ของคนในกล่ม พฤตกรรมของ
ี่
ุ
ุ
ึ
ิ
ี
ี
่
่
ุ
่
ุ
์
่
็
้
่
คนในกล่ม ความสัมพันธ ความเปนชมชนทรวมตัวกันเพือแลกเปลยน ความรกันอย่างสม าเสมอ รวมทั้งการ
่
ี
ี
ู
ึ
่
ุ
ิ
พัฒนาด้านอน ๆ ทส่งผลให้กล่มเจรญเตบโตข้นด้วย
ี
ิ
ื่
กระบวนการจดการความรูดวยกลุมปฏิบัติการ มีขันตอนดังน้ ี
้
้
่
ั
้
ี
ุ
ั
ั
็
ั
์
1. การบงชความรู ส ารวจปญหา วิเคราะหปญหาภายในกล่ม แยกปญหาเปนข้อ ๆ เรยง
้
้
ี
่
้
ู
ู
ี
ื
ั
่
ตามล าดับความส าคัญ ก าหนดความรทต้องใช้ในการแก้ปญหา ความรนั้นอาจอยู่ในรปของเอกสาร หรออยู่ท ่ ี
ู
้
ี
ื
ิ
ุ
็
ตัวบคคลผู้ทเคยปฏบัตในเรองนั้นและส าเรจมาแล้ว
ิ
่
่
้
้
่
ั
ื
้
ื
2. การสรางและแสวงหาความรู เมอก าหนดองค์ความรทจ าเปนในการแก้ปญหาหรอพัฒนาแล้ว
่
็
ี
ู
ท าการส ารวจและแสวงหาความรทต้องการจากหลาย ๆ แหล่ง
ี่
ู
้
้
้
็
ั
้
3. การจดการความรูใหเปนระบบ น าข้อมูลทได้จากการแสวงหาความร มาจัดให้เปนระบบ เพื่อ
ี่
ู
็
่
็
ิ
แยกเปนหมวดหมู่ เพือให้ง่ายต่อการวิเคราะหและตัดสนใจในการน าไปใช้
์
็
ี
่
4. การประมวลและกลันกรองความรู ในยุคทสังคมเปลยนแปลงไปอย่างรวดเรว และมการน า
ี
ี
่
่
้
ิ
ี
ั
่
เทคโนโลยีมาใช้เพือการเรยนรและการบรหารจัดการมากข้น ความรบางอย่างอาจล้าสมัย ใช้แก้ปญหาไม่ได้
้
ู
ู
้
ึ
ี
ี
ิ
้
ู
ี
็
ู
้
ในสมัยน้ ต้องมการประมวลและกลั่นกรองความรก่อนน ามาใช้ ความรทผ่านการปฏบัตจนประสบผลส าเรจ
ิ
่
ี่
้
ู
้
ื
็
มาแล้ว ถอเปนความรทส าคัญเนองจากมบทเรยนจากการปฏบัต และหากเปนความรตามทเราต้องการก็
ิ
ิ
ู
่
ี
ี
ื่
็
ี
ุ
สามารถน ามาประยุกต์ใช้ในกล่มได้
ุ
ุ
ื่
ุ
5. การเขาถึงความรู สมาชกในกล่มทกคนควรจะเข้าถงความรได้ทกคน เนองจากทกคนม ี
ุ
ึ
ู
้
ิ
้
้
็
ความส าคัญในการแก้ปญหา พัฒนา รวมทั้งเปนผู้สรางพลังให้กับกล่ม การแก้ปญหาไม่ได้ หมายความว่า
ุ
ั
ั
้
ั
็
ุ
ผู้น ากล่มคนเดยวสามารถแก้ปญหาได้หมด ทกคนควรมส่วนร่วมในการแก้ปญหา ความรทจ าเปนในการ
ี
ุ
้
ี่
ั
ี
ู
ิ
แก้ปญหาหรอพัฒนากล่ม ต้องมการจัดการให้ทกคนสามารถเข้าถงความร ได้ง่าย หากเปนกล่มปฏบัตการ
ู
้
็
ี
ุ
ุ
ึ
ั
ิ
ื
ุ
160
ื
้
่
ุ
ี
ู
้
ึ
ู
ื
ู
ี่
้
ู
ึ
ึ
การเข้าถงความรได้ง่าย คอ การแลกเปลยนเรยนรในตัวคน การศกษาดงานกล่มอน การศกษาหาความรจาก
ิ
ื
เว็บไซต์ หรอการน าเอกสารมาให้สมาชกได้อ่าน
ิ
่
็
้
ึ
ู
ิ
6. การแบงปนแลกเปลียนความรู ความรส่วนใหญ่จะอยู่ในสมองคนซงเปนผู้ปฏบัตไม่สามารถ
่
้
ั
่
ื่
ี
่
ื่
้
ู
้
ู
็
ึ
ี่
ู
ถ่ายทอดออกมาเปนความรทชัดแจ้ง ในรปของเอกสาร หรอสออน ๆ ทจับต้องได้การแลกเปลยนเรยนรจงม ี
ี่
ี
ื
้
็
่
ี
ู
ู
้
ึ
ความส าคัญอย่างมากในการดงความรทอยู่ในตัวคนออกมา เปนการต่อยอด ความรให้แก่กันและกัน การ
ี
ู
็
ั
ุ
แลกเปลยนแบ่งปนความรร่วมกัน ท าได้หลายวิธ เช่นการประชม สัมมนา การศกษาดงาน การเปนพีเล้ยง
่
้
ี
ึ
ู
่
ี
ิ
ุ
ี
ิ
่
่
ุ
ื
ื
สอนงาน หรอการรวมกล่มชมชนนักปฏบัตเฉพาะเรองทสนใจ
ุ
์
ื
ี
ิ
ู
ี
7. การเรยนรู สมาชกในกล่มเกิดการเรยนรร่วมกัน การได้แลกเปลยนประสบการณก็ถอเปนการ
่
ี
้
้
็
ี
ั
ิ
้
ู
ิ
เรยนร นั่นคอ เกิดความเข้าใจและมแนวคดในการน าไปปรบใช้ หากมการน าไปใช้โดยการปฏบัตจะส่งผล
ิ
ี
ี
ื
ี
ิ
ิ
ึ
ให้ผู้ปฏบัตเกิดการเรยนรมากยิ่งข้น เพราะในระหว่างการปฏบัตจะมปญหาเข้ามาให้ แก้ไขเปนระยะ ๆ
ี
ิ
้
็
ิ
ู
ั
ั
็
่
้
ี
ู
การท าไปแก้ปญหาไป เปนการเรยนรทด และเมอปฏบัตจนเกิดผลส าเรจ อาจเปนผลส าเรจทไม่ใหญ่โต
็
ิ
ี่
ื
่
ี
็
ี
ิ
็
ื
ื
ิ
็
ิ
็
็
่
ี
ิ
่
ิ
่
ี
ื
ึ
็
ส าเรจในขั้นทหนง หรอขั้นทสอง ก็ถอเปนผลส าเรจจาการปฏบัตทเปนเลศ หรอ best practice ของผู้ปฏบัต ิ
่
ี
นั่นเอง
4. การสรุปองคความรูและการจดการท าสารสนเทศการจดการความรูดวยการรวมกลุมปฏิบัติการ
้
์
ั
้
่
ั
้
่
การรวมกลุมปฏิบัติการ
ุ
่
ุ
ิ
ั
ี
ิ
ู
้
็
ในการปฏบัตงานแต่ละคร้ง กล่มจะต้องมการสรปองค์ความรเพือจัดท าเปนสารสนเทศ เผยแพร่
ี
ิ
ื่
ู
ี
้
ื
ุ
ี่
่
้
ู
ุ
้
ื
ความรให้กับสมาชกกล่ม และกล่มอน ๆ ทสนใจในการเรยนร และเมอมการด าเนนการจัดหา หรอสราง
ิ
ึ
ี
ี
ความรใหม่จากการพัฒนาข้นมา ต้องมการก าหนดส่งส าคัญทจะเก็บไว้เปนองค์ความร และต้องพิจารณาถง
้
่
ึ
ิ
้
ู
ู
็
ู
ี
้
ึ
ุ
ั
วิธการในการเก็บรกษาและน ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ตามความต้องการ ซงกล่ม ต้องจัดเก็บองค์ความรไว้ให้
่
้
ึ
ี่
ึ
็
ี่
ดทสด ไม่ว่าจะเปนข้อมูลข่าวสารสนเทศ การวิจัย การพัฒนา โดยต้อง ค านงถงโครงสรางและสถานทหรอ
ี
ุ
ื
ี
ู
ฐานของการจัดเก็บ ต้องสามารถค้นหาและส่งมอบให้อย่างถกต้อง มการจ าแนกหมวดหมู่ของความรไว้อย่าง
้
ู
ชัดเจน
การสรุปองคความรูดวยการรวมกลุมปฏิบัติการ
์
้
้
่
ิ
ุ
ุ
ี
ิ
็
่
ี
การจัดการความรกล่มปฏบัตการ เปนการจัดการความรของกล่มทรวมตัวกัน มจดม่งหมายของ
ุ
ู
้
้
ู
ุ
ุ
ี
ิ
ุ
ิ
ิ
่
ี
ี
การท างานร่วมกันให้ประสบผลส าเรจ ซงมกล่มปฏบัตการ หรอทเรยกว่า “ชมชนนักปฏบัต” เกิดข้นอย่าง
ึ
็
ื
ึ
ิ
่
ั
ื
ุ
ุ
มากมาย เช่น กล่มฮักเมองน่าน กล่มเล้ยงหมู กล่มเล้ยงกบ กล่มเกษตรอนทรย์ กล่ม สัจจะออมทรพย์ หรอ
ื
ี
ี
ุ
ิ
ี
ุ
ุ
ู
์
ี
ี
ึ
่
้
้
่
ี
่
ุ
ุ
กล่มอาชพต่าง ๆ ในชมชน กล่มเหล่าน้พรอมทจะเรยนรและแลกเปลยน ประสบการณซงกันและกัน
ี
ุ
ี
ั
ึ
้
ู
้
ู
็
่
องค์ความรจงเปนความรและปญญาทแตกต่างกันไปตามสภาพและบรบทของชมชน การสราง
้
ิ
ี
ุ
้
ุ
ื
ุ
ู
ื
ุ
ู
ื่
้
็
ิ
องค์ความรหรอชดความรของกล่มได้แล้ว จะท าให้สมาชกกล่มมองค์ความรหรอชดความร ไว้เปนเครองมอ
้
ู
ื
้
ี
ู
ุ
ู
ในการพัฒนางาน และแลกเปลยนเรยนรกับคนอน หรอกล่มอนอย่างภาคภมใจ เปนการต่อยอดความร
้
ุ
ื
็
่
ู
ิ
ื
ี
่
ี
ู
ื
่
้
161
ี
่
้
ู
ี
ี
่
ี
ี
ุ
ิ
ื
ุ
และการท างานของตนต่อไปอย่างไม่มทส้นสด อย่างทเรยกกว่าเกิดการเรยนร และพัฒนากล่มอย่างต่อเนอง
่
ตลอดชวิต
ี
่
ู
ุ
ี
ุ
ุ
้
ในการสรปองค์ความรของกล่ม กล่มจะต้องมการถอดองค์ความรทเกิดจากการปฏบัต การถอด
ิ
ู
้
ิ
ี
ี
ู
ื
องค์ความรจงมลักษณะของการไหลเวียนความร จากคนส่คน และจากคนส่กระดาษ นั่นคอ การน าองค์
ึ
ู
้
ู
ู
้
ื
ึ
่
์
ี
ึ
่
้
ความรมาบันทกไว้ในกระดาษ หรอคอมพิวเตอร เพือเผยแพร่ให้กับคนทสนใจได้ศกษาและพัฒนาความร ้ ู
ู
ี
ุ
่
ิ
ิ
็
ื
ั
ต่อไป ปจจัยทส่งผลส าเรจต่อการรวมกล่มปฏบัตการ คอ
็
้
ี
1. การสรางบรรยากาศของการท างานร่วมกัน กล่มมความเปนกันเอง
ุ
ุ
ี
็
่
ิ
2. ความไว้วางใจซงกันและกัน เปนหัวใจส าคัญของการท างานเปนทม สมาชกทกคนควร
ึ
็
ิ
่
ไว้วางใจกัน ซอสัตย์ต่อกัน สอสารกันอย่างเปดเผย ไม่มลับลมคมใน
ื
ื่
ี
ิ
ุ
3. การมอบหมายงานอย่างชัดเจน สมาชกทกคนเข้าใจวัตถประสงค์ เปาหมาย และ
้
ุ
ั
ยอมรบภารกิจหลักของทมงาน
ี
ิ
ุ
ิ
ิ
4. การก าหนดบทบาทให้กับสมาชกทกคน สมาชกแต่ละคนเข้าใจและปฏบัตตามบทบาท
ิ
ี
ุ
ุ
่
ู
้
ื
ของตนเอง และเรยนรเข้าใจในบทบาทของผู้อนในกล่ม ทกบทบาทมความส าคัญ รวมทั้งบทบาทในการช่วย
ี
ี
รกษาความเปนกล่มให้มั่นคง เช่น การประนประนอม การอ านวยความสะดวก การให้ก าลังใจ เปนต้น
็
็
ุ
ั
ี
ิ
5. วิธการท างาน ส่งส าคัญทควรพิจารณา คอ
ี
่
ื
ื่
ุ
ี่
็
1) การสอความ การท างานเปนกล่มต้องอาศัยบรรยากาศ การสอความทชัดเจน
ื่
ี่
่
ู
้
ี
่
ึ
ุ
ิ
ึ
เหมาะสม ซงจะท าให้ทกคนกล้าเปดใจ แลกเปลยนความคดเหน และแลกเปลยนเรยนรซงกันและกัน จนเกิด
็
่
ี
ิ
ิ
่
ี
ิ
ความเข้าใจ และน าไปส่การท างานทมประสทธภาพ
ี
ู
้
ิ
2) การตัดสนใจ การท างานเปนกล่มต้องใช้ความรการตัดสนใจร่วมกัน เมอเปดโอกาสให้
ิ
ิ
ู
ื่
็
ุ
ิ
่
ุ
ิ
ิ
ิ
็
สมาชกในกล่มแสดงความคดเหน และร่วมตัดสนใจแล้ว สมาชกย่อมเกิดความผูกพันทจะท าให้ส่งทตนเอง
ี
่
ิ
ี
ี
ได้มส่วนร่วมตั้งแต่ต้น
3) ภาวะผู้น า คอ บคคลทได้รบการยอมรบจากผู้อน การท างานเปนกล่มควรส่งเสรมให้
ื
ิ
ี่
็
ุ
ั
ั
ุ
ื่
ิ
ี
่
สมาชกในกล่มทกคนได้มโอกาสแสดงความเปนผู้น า เพือให้ทกคนเกิดความรสกว่าได้รบการยอมรบ จะได้
ู
้
ั
็
ุ
ั
ุ
ึ
ุ
รสกว่าการท างานร่วมกันเปนกล่มนั้นมความหมาย ปรารถนาทจะท าอก
ี
ี่
ู
้
ึ
็
ี
ุ
ื
ิ
4) การก าหนดกตกาหรอกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ทจะเอ้อต่อการท างานร่วมกันให้บรรล ุ
ื
ี
่
ี่
ิ
ี
ื
้
ิ
เปาหมาย ควรเปดโอกาสให้สมาชกได้มส่วนร่วมในการก าหนดกตกา หรอกฎเกณฑ์ทจะน ามาใช้ร่วมกัน
ิ
6. การมส่วนร่วมในการประเมนผลการท างานของกล่ม ควรมการประเมนผลการท างาน
ุ
ิ
ิ
ี
ี
ิ
ู
็
็
ี
ุ
ิ
็
เปนระยะในรปแบบทั้งไม่เปนทางการและเปนทางการ โดยสมาชกทกคนมส่วนร่วมในการประเมนผลงาน
ิ
ั
ึ
ั
ท าให้สมาชกได้รบทราบความก้าวหน้าของงาน ปญหาอปสรรคทเกิดข้น รวมทั้งพัฒนากระบวนการท างาน
ี
ุ
่
่
ุ
ุ
ั
ื
ิ
หรอการปรบปรงแก้ไขร่วมกัน ซงในทสดสมาชกจะได้ทราบว่าผลงานบรรลเปาหมาย และมคณภาพมาก
ุ
้
ี
่
ึ
ุ
ี
น้อยเพียงใด
162
้
์
้
์
ี
ตัวอยาง การถอดองคความรูชุมชนอินทรยบานยางยวน
่
ี
บรบทชมชนบ้านยางยวน หมู่ท 5 ต าบลดอนตรอ อ าเภอเฉลมพระเกียรต จังหวัดนครศรธรรมราช
ิ
ิ
ิ
่
ุ
ี
ู
็
็
ื
ี
ุ
่
่
ี
ี
ื
เปนพื้นทราบล่มแบบลกคลน ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชพท านาเปนหลัก อาชพรองลงมาคอ การ
ี
ี
ู
็
เล้ยงสัตว์ เช่น เล้ยงโค เปด ไก่ เปนรายได้เสรม และมการปลกผักไว้เพื่อบรโภคเอง จากสภาพ ความ
็
ี
ิ
ิ
ึ
เปลยนแปลงในสังคมยุคปจจบันท าให้คนในบ้านยางยวนต้องปรบเปลยนวิถชวิต มาพึงตนเองมากข้น แกน
ั
่
ี่
ั
ี
ี
ุ
ี่
ึ
ุ
ี
น าชมชน ซงเปนผู้น าธรรมชาตเข้ามามบทบาทพลกผันวิถชวิตชมชนให้ดข้น การประสบปญหาจากภาวะ
็
ิ
ี
ี
ิ
ั
ึ
ี
ุ
่
เศรษฐกิจท าให้การลงทนในการประกอบการท านาสงข้น ทั้งในเรองของค่าน ้ามัน ค่าปย ค่ายาปราบศัตรพืช
ุ
ู
ู
่
๋
ุ
ึ
ื
ซงมผลกับเกษตรกร ส่วนหนงทมองเหนได้ชัด คอ การเจ็บไข้ได้ปวยของคนในชมชน บ้านยางยวนมกล่ม
ุ
่
ุ
ี่
็
ึ
่
่
ึ
ี
ื
ี
ิ
ั
ึ
ี่
่
ุ
ึ
องค์กรต่าง ๆ เกิดข้นมากมายส าหรบการใช้แก้ปญหาต่าง ๆ ของสมาชกในชมชน ซงเน้นทการประกอบ
ั
ึ
ุ
ี
ี
ุ
ุ
่
่
ี
ี
ุ
ี
อาชพ และคณภาพชวิตของคนในชมชน ซงมแกนน าชมชนอย่างกล่มแกนน าทเข้าร่วมเวทเสวนาและ
ี
่
ทมงานเข้ามามบทบาทในการรวบรวมประชาชนในพื้นทมาร่วมคดร่วมท ากิจกรรมต่าง ๆ ทเปนประโยชน์
ิ
ี
็
ี่
ี
ี
ิ
ิ
่
อย่างมหาศาลให้กับคนในบ้านยางยวน หมู่ท 5 ต าบลดอนตรอ อ าเภอเฉลมพระเกียรต จังหวัด
นครศรธรรมราช
ี
กระบวนการแผนชุมชนพึงตนเองบานยางยวน
่
้
่
ี
ุ
ุ
กล่มแกนน าทเข้าร่วมเวทเสวนา เล่าว่าการจัดท าแผนชมชนของบ้านยางยวนนั้น เร่มทการจัดเก็บ
่
ิ
ี
ี
ี
ื
ั
่
์
่
ี
ข้อมูลบัญชครวเรอนของหมู่บ้าน แล้วน าข้อมูลนั้นมาร่วมวิเคราะหเพือน าข้อมูลทได้มาใช้ในการจัดท าแผน
ี
ิ
่
ี
ื
ิ
ื
ชมชน ส่งทปรากฏคอเรองของค่าใช้จ่ายของคนในชมชนส่วนใหญ่เกิดจากการประกอบอาชพ และหน้สน
ุ
ี
่
ุ
ุ
ึ
ี
่
ั
ส่วนใหญ่ก็เกิดข้นจากการประกอบอาชพด้วยเช่นกัน เพราะบางคร้งในการท านาต้องใช้ต้นทนสงเมอเจอกับ
ู
ื
ุ
ิ
ื่
ึ
็
ิ
็
็
ี่
่
ั
ี่
ี
ปญหาภัยธรรมชาต นาล่มท าให้เปนหน้เปนสน จากข้อมูลทได้ ก็น ามาจัดท าเปนแผนชมชน ซงจะเน้นทเรอง
่
ี
ิ
ึ
ี่
ของแผนการท าเกษตร ซงมผลโดยตรงกับการประกอบอาชพของคนในชมชน ส่งทต้องท าก็คอการท านา
ื
ี
ุ
แบบอนทรย์ เพื่อลดต้นทนการผลต ในเรองของปย มราคาแพง โดยต้องการทจะขยายการท านาแบบอนทรย์
ุ
ิ
ี่
ุ
ี
ี
๋
ิ
ิ
ื่
ี
ุ
ุ
ุ
ทั้งหมู่บ้าน จากแผนการท าเกษตรของชมชน ท าให้เกิดกล่มองค์กรต่าง ๆ ในชมชนเกียวกับการประกอบ
่
อาชพท านามากมาย
ี
ี
ิ
ื
ี
ื่
นอกเหนอจากการท าแผนเรองการท านาแบบอนทรย์แล้ว บ้านยางยวนได้มการท าเรองของการ
ื่
ู
ุ
ุ
่
ู
ี
่
ุ
ี
ปลกผักปลอดสารพิษ ปลกกินเองในชมชนก่อนทจะขายส่ตลาดนอกชมชน โดยเน้นการปลกทกอย่างทกิน
ู
ู
ี
ี
ึ
ี
ั
่
ุ
ุ
ี
่
็
ู
๋
และกินทกอย่างทปลก ในการน้ได้มพื้นทส าหรบใช้เปนแปลงผักรวมของ ชมชน โดยใช้ปยอนทรย์ท าข้นเอง
ุ
ี
ิ
ใช้ในแปลงผัก
ี
่
ุ
กล่มแกนน าทเข้าร่วมเวทเสวนาบอกกับทมงานว่า ในการจัดท าเวทประชาคมจัดท าแผนของ
ี
ี
ี
ิ
ื
หมู่บ้าน ได้รบความร่วมมอจากองค์การบรหารส่วนต าบลซงเข้ามาสนับสนนและหน่วยงานต่าง ๆ ทเข้ามา
ั
ุ
ี่
่
ึ
หนนเสรมเพือบูรณาการแผนเข้ากับการท างานของหน่วยงาน ทั้งพัฒนาชมชน เกษตร กศน. และสาธารณสข
ุ
ิ
่
ุ
ุ
163
่
ุ
ี
ึ
ี
ุ
ื่
่
ี
ุ
กล่มแกนน าทเข้าร่วมเวทเสวนา และผู้ให้ข้อมูลได้พูดถงเรองสขภาพชมชน บอกว่าการทจะให้คน
็
่
ึ
ุ
ในชมชนมสขภาพทดต้องเร่มทการกิน และข้าวซงเปนอาหารหลักต้องเปนข้าวทปลอดภัย ต่อคนในชมชน
ิ
็
ี
ุ
ี
ี่
่
่
ี
ี
ุ
ึ
ุ
ี
็
ิ
ี
ุ
ุ
่
เพราะฉะนั้นชมชนต้องผลตข้าวเองจงจะได้ข้าวมคณภาพ และข้าวทมคณภาพนั้น จะเปนผลด ต่อตนเอง
ี
ี
ุ
ู
ิ
ั
ึ
และลกหลานของคนในชมชน โดยจะเน้นให้คนในชมชนปลกข้าวส าหรบบรโภคเองไว้หนงแปลงโดยท า
่
ุ
ู
ี
ิ
นาแบบอนทรย์
ี
ื่
ิ
ี
ู
้
่
ี
ื
ื่
เมอมแผนพัฒนาในเรองเกษตรอนทรย์ หมู่บ้านก็ต้องหาความรในเรองน้ โดยได้ส่งแกนน าเข้า
ู
้
ี
ี
๋
ื
่
่
ุ
ี
อบรมหาความรจากทต่าง ๆ เช่นเรองการท านาชวภาพ การท าปยหมัก การท าน ้าหมักชวภาพ และการ
่
แลกเปลยนเรยนรเพือน ามาปรบใช้กับกล่มได้เหมาะสม
ุ
ั
ี
ี
่
้
ู
่
์
กลุมองคกรบานยางยวน
้
ี
เรองของกล่มและองค์กรในบ้านยางยวนเปนเรองทโดดเด่น เพราะการจัดตั้งนั้นสอดคล้องกับวิถ ี
ุ
่
ื
ื
่
่
็
ชวิตและสามารถแก้ปญหาของคนในชมชนได้เปนอย่างด เช่น
ี
็
ุ
ั
ี
่
ิ
ุ
ี
ุ
็
ื่
ศูนย์ข้าวบ้านยางยวน เปนองค์กรของชมชนมกองทนให้กู้ยืมเพือการผลตข้าว โดยเฉพาะเน้นเรอง
่
ุ
ิ
ื
์
์
ิ
ุ
ี
ิ
ิ
ิ
็
การท าข้าวอนทรย์ โดยจ่ายเปนเมล็ดพันธให้กับสมาชกและเมอสมาชกขายผลผลตก็น าเงนค่าเมล็ดพันธมา
์
่
ี
ื
คน เพือทศูนย์ข้าวจะได้น ามาซ้อเมล็ดพันธมาไว้ในศูนย์ข้าวต่อไป นอกจากให้กู้ยืมเมล็ดพันธแล้วศูนย์ข้าวก็
ุ
ื
์
่
ุ
ั
็
ี่
ี
รบขายข้าวให้กับสมาชกอกด้วย จากการมศูนย์ข้าวท าให้ประชาชนเปลยนจากการท านาปมาเปนการท านา
ี
ิ
ี
ึ
ั
ั
ึ
่
ปรง ซงสามารถท าได้ถง 3 คร้งต่อป ี
ุ
ี
ี
็
ี
ี
ี
ึ
นอกจากมศูนย์ข้าวของหมู่บ้านแล้ว บ้างยางยวนยังมโรงสข้าวของชมชนอกด้วย ซงเปนอก
่
ื
กิจกรรมหนงทตอบสนองคนในชมชนได้ด เพราะโรงสรบสข้าว 3 ประเภท คอ ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมอ และ
ื
ี
ี
ั
่
ุ
ึ
ี
่
ี
ข้าวขาว และมการรบสข้าวจากภายนอกชมชนอกด้วย ซงโรงสจะมผลก าไรก็น ามาปนก าไรให้กับสมาชก
ั
ี
ึ
ี
ุ
่
ี
ิ
ี
ี
ั
ี
ิ
ิ
็
ิ
ี
ุ
่
โดยก าหนดว่าสมาชกของโรงสเปนสมาชกทกคนทอยู่ในหมู่บ้าน บรหารโดยศูนย์ข้าวบ้านยางยวน ทกคน
ุ
ิ
ในหมู่บ้านสามารถมาใช้บรการได้
่
ี
ุ
ิ
ิ
ุ
บ้านยางยวนมกล่มองค์กรการเงนทหลากหลาย ทกกล่มเกิดข้นในหมู่บ้าน จะมองค์กรการเงนของ
ึ
ี
ุ
ี
็
ั
กล่มตามมา กล่มแกนน าทเข้าร่วมเวทเสวนาบอกว่า เปนการสรางนสัยให้รกการอ่าน และเปนทนส าหรบการ
็
ุ
ั
้
ุ
ุ
ิ
่
ี
ี
ประกอบอาชพของคนในชมชน การจัดตั้งกล่มกองทนต่าง ๆ นั้นมทั้งทหมู่บ้าน จัดตั้งเอง ตามมตของ
ี
ี
่
ุ
ิ
ี
ุ
ุ
ุ
ั
ุ
ิ
ี
่
่
ี
ประชาชนและกล่มองค์กรทหน่วยงานภาครฐมาหนนเสรมให้มการจัดตั้งเพือแก้ปญหาให้กับประชาชนกล่ม
ั
ุ
ู
ุ
ุ
ุ
ุ
กองทนต่าง ๆ ได้แก่ กองทนข้าว กองทนอาหารและโภชนาการ กองทนเล้ยงสัตว์ กองทนปลกผัก กองทน
ุ
ุ
ี
เล้ยงโคยุทธศาสตร กองทนมะล กองทนพัฒนาอาชพสตร กองทนปยหมัก กองทน แผนแม่บทชมชน
ี
ุ
ิ
ี
์
ี
ุ
ุ
ุ
๋
ุ
ุ
ุ
ั
ิ
กองทนสวัสดการสาธารณสขสัจจะ วันละ 1 บาท ออมทรพย์ต้นแบบและกองทนหมู่บ้าน
ุ
ุ
่
้
ู
ุ
ื่
็
ุ
ี
ิ
การเกิดกล่มองค์กรการเงนเพือตอบสนองความต้องการของชมชนนั้น เปนการเรยนรใน เรองของ
ุ
ุ
ุ
ื
็
็
ี
่
ิ
การประหยัดอดออม บางคนเปนสมาชกในทกกองทน และบางคนก็เลอกทจะเปนสมาชก กองทนต่าง ๆ ท ี่
ิ
่
ึ
ั
ิ
ิ
สอดคล้องกับวิถการด าเนนชวิตของตนเองและครอบครว ซงนับได้ว่ากล่มองค์กร การเงนบ้านยางยวน
ุ
ี
ี
ุ
ี
ตอบสนองคนในชมชนได้ทกอาชพ
ุ
164
ุ
ี
ี
ุ
่
ี
กล่มแกนน าทเข้าร่วมเวทเสวนา และสมาชกบอกว่า ทกกล่มมความโปร่งใสตรวจสอบได้ เพราะ
ิ
ุ
ึ
ิ
ิ
ื
ี่
ื
ี
่
่
ความไว้เน้อเชอใจซงกันและกัน และการท าหลักฐานการเงนบัญชทชัดเจน หากขาดความโปร่งใสคดว่า คง
่
ุ
ึ
ี
่
ุ
ี
ั
ี
อยู่ไม่ได้ และจะขาดซงความรกและสามัคคไม่สามารถทจะท ากิจกรรมใด ๆ ได้เลย ทกกล่มมกิจกรรม ท ี่
ึ
่
ู
่
ื
่
็
เชอมโยงกันเปนลกโซ่ พึงพาซงกันและกัน
การด าเนนการกล่มข้าวอนทรย์นั้น เชอมโยงกับกล่มปยหมัก เชอมโยงกับกล่มเล้ยงโค เชอมโยง
ื
ี
ุ
ิ
่
๋
ื่
ุ
่
ื
ุ
ิ
ุ
ี
ื
ี
ุ
่
ี
ื
่
ุ
กับศูนย์ข้าว เชอมโยงกับโรงสชมชน เรยกว่าทกกิจกรรมเชอมโยงกันหมดอย่างลงตัว
การสบทอดภูมิปญญา
ื
ั
ิ
ุ
การปฏสัมพันธกันในระหว่างชมชน การร่วมกิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะกองทนการเงนต่าง ๆ
ิ
์
ุ
ี
ิ
ี
่
ิ
ี
ของชมชน ได้ถ่ายทอดจากร่นส่ร่นด้วยวิธการปฏบัตร่วมกัน ในเรองของภมปญญาท้องถ่นทม อยู่ในชมชนก็
ุ
ู
ิ
ุ
ุ
ั
่
ื
ุ
ู
ิ
ู
็
มการถ่ายทอดส่ลกหลานก็ด้วยวิธการสอนกับแบบตัวต่อตัวตามแต่ผู้เรยนจะสนใจ ไม่ว่าจะเปนด้าน
ู
ี
ี
ี
หัตถกรรม การท าเครองมอเครองใช้ ทใช้ในการท ามาหากินของคนในชมชน หรอแม้แต่เรองหมอพื้นบ้าน
ื
ื่
ื่
ื
ี
่
ื
่
ุ
ุ
ุ
หมอสมนไพร ก็ได้ถ่ายทอดส่คนร่นหลัง จากร่นส่ร่นไม่มทส้นสด แม้ไม่ได้ถ่ายทอดเปนลายลักษณอักษร
ู
ุ
ุ
ู
ี
ี
็
ิ
์
ุ
่
ุ
ี
แต่ก็ยังมเหลออยู่ในชมชนบ้านยางยวน
ื
ความสมพันธกับหนวยงานภาครฐ
่
์
ั
ั
ิ
ุ
์
ี
ั
ี
ประชาชนในบ้านยางยวนมปฏสัมพันธกับหน่วยงานภาครฐค่อนข้างด สังเกตได้จากการเกิดกล่ม
ุ
ุ
ี
ุ
่
ั
ึ
องค์กรต่าง ๆ ในชมชน ซงส่วนใหญ่จะมหน่วยงานภาครฐคอยหนนเสรมในเรองต่าง ๆ ซงทางชมชนไม่
ื
ิ
่
ึ
่
ิ
ี
ุ
ุ
ี
ี
่
ั
ิ
ี
่
ปฏเสธในการทจะรบส่งด ๆ ทท าให้เกิดการพัฒนาในชมชนบ้านยางยวน เช่น กล่มพัฒนาอาชพสตร โรงส ี
ี
ี
ุ
ุ
ั
ิ
์
ื
ุ
ุ
ุ
ชมชน กล่มออมทรพย์ กล่มเล้ยงโคยุทธศาสตร กองทนแผนแม่บทชมชน สวัสดการสาธารณสข หรอแม้แต่
ุ
ุ
กองทนหมู่บ้าน และการทหมู่บ้านไม่ปฏเสธหน่วยงานภาครฐทลงไปหนนเสรม ผู้เข้าร่วมเวทบอกว่า ทบ้าน
่
ี
ี
ี่
ี
ิ
่
ั
ิ
ุ
ื
ุ
ั
ื
่
ิ
ยางยวนนั้นหน่วยงานภาครฐได้ลงมาอย่างต่อเนอง คอยตดตามให้ค าแนะน าช่วยเหลอทกโครงการจะได้รบ
ั
ี
ี
้
่
ิ
ู
ิ
ค าแนะน าจากเจ้าหน้าทของหน่วยงานทมาปฏบัตงานในพื้นฐาน น าความรต่าง ๆ มาให้อยู่เสมอมได้ขาด
่
ิ
ี
เรยกได้ว่าลงมาคลกคลอยู่ในหมู่บ้านก็ว่าได้
ี
ุ
สงทีอยากใหมีในหมูบานยางยวน
้
่
่
่
้
ิ
ี
ี
่
ี
กล่มแกนน าทเข้าร่วมเวทเสวนา บอกว่า อยากให้คนในบ้านยางยวนหันมาท าข้าวอนทรย์ กินข้าว
ิ
ุ
ิ
ั
ุ
อนทรย์ เพราะจะท าให้สขภาพของคนในชมชนดข้น ทกอย่างทท าส่งทด ๆ คนในชมชนต้องได้รบส่งนั้น
ุ
ุ
ี
ึ
ี
ิ
ี
่
่
ุ
ิ
ี
ี
ี
ี
ิ
ี
ุ
ี
ี
ุ
่
ิ
ก่อนทคนทอยู่นอกชมชน มข้าวอนทรย์ มผักปลอดสารพิษ มปลาจากธรรมชาต ปลอดสารเคม คนในชมชน
ี
่
ี
ต้องได้กินก่อนทจะส่งขายโรงพยาบาล เพราะหากไม่เร่มกินทชมชนแต่ไปกินทโรงพยาบาลก็เหมอนกับ
่
ี
ื
ิ
่
ี
่
ุ
ี
ุ
ไม่ได้ดแลสขภาพของคนในชมชน
ู
ุ
165
สารสนเทศการจดการความรูดวยการรวมกลุมปฏิบัติการ
ั
้
่
้
ิ
ุ
ี่
็
ิ
้
ู
สารสนเทศการจัดการความรด้วยการรวมกล่มปฏบัตการ หมายถง การรวบรวมข้อมูลทเปน
ึ
้
์
ื
่
ึ
ู
็
ุ
ื
ุ
ประโยชนต่อการพัฒนางาน พัฒนาคน หรอพัฒนากล่ม ซงอาจจัดท าเปนเอกสารคลังความร ของกล่ม หรอ
ู
ี
ั
่
เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ เพือแบ่งปนแลกเปลยนความร และน ามาใช้ประโยชน์ในการท างาน
้
่
่
่
ตัวอยางของสารสนเทศจากการรวมกลุมปฏิบัติการ ไดแก ่
้
ื
่
่
ี
ื
็
ึ
็
่
ี
1. บันทกเรองเล่า เปนเอกสารทรวบรวมเรองเล่าทแสดงให้เหนถงวิธการท างานให้ประสบ
ี
ึ
่
็
ื่
ื่
ึ
ผลส าเรจ อาจแยกเปนเรอง ๆ เพื่อให้ผู้ทสนใจเฉพาะเรองได้ศกษา
ี่
็
็
ื
ี่
2. บันทกการถอดบทเรยนหรอการถอดองค์ความร เปนการทบทวน สรปผลการท างานทจัดท า
ู
ึ
ี
ุ
้
เปนเอกสาร อาจจัดท าเปนบันทกระหว่างการท างาน และหลังจากท างานเสรจแล้ว เพื่อให้เหนวิธการ
็
็
็
ึ
ี
็
แก้ปญหาในระหว่างการท างาน และผลส าเรจจากการท างาน
็
ั
ู
็
้
ี
ี
่
ี
ุ
ั
ี่
ี
3. วีซดเรองสั้น เปนการจัดท าฐานข้อมูลความรทสอดคล้องกับสังคมปจจบัน ทมการใช้เครอง
ื่
ื
่
ี
้
็
ี
ี
ิ
ิ
็
ื
่
ุ
ู
์
อเล็กทรอนกสอย่างแพร่หลาย การท าวีซดเปนเรองสั้น เปนการเผยแพร่ให้บคคลได้เรยนร และน าไปใช้ใน
การแก้ปญหา หรอพัฒนางานในโอกาสต่อไป
ื
ั
้
ู
ิ
ิ
ี่
4. ค่มอการปฏบัตงาน การจัดการความรทประสบผลส าเรจจะท าให้เหนแนวทางของการท างานท ี่
ู
็
ื
็
ี
่
่
ชัดเจน การจัดท าเปนค่มอเพือการปฏบัตงาน จะท าให้งานมมาตรฐาน และผู้เกียวข้องสามารถน าไปพัฒนา
ิ
็
ู
ื
ิ
งานได้
็
ื่
็
ี
์
ิ
์
ี
5. อนเตอรเนต ปจจบันมการใช้อนเตอรเนตกันอย่างแพร่หลาย และมการสอสารแลกเปลยน
ุ
ั
ิ
ี่
ู
ิ
้
ความรผ่านทางอนเตอรเนตในเว็บไซต์ต่าง ๆ มการบันทกความรทั้งในรปแบบของเว็บบล็อก เว็บบอรด
ู
์
์
ู
้
ี
ึ
็
็
ิ
ู
ึ
ึ
ั
ื่
์
และรปแบบอน ๆ อนเตอรเนตจงเปนแหล่งเก็บข้อมูลจ านวนมากในปจจบัน เพราะคนสามารถเข้าถงข้อมูล
ุ
็
ุ
ุ
ี่
ได้อย่างรวดเรว ทกท ทกเวลา
็
กิจกรรม
1. การจัดการความรด้วยตนเองต้องอาศัยทักษะอะไรบ้าง และผู้เรยนมวิธการจัดการความรด้วย
้
ี
ู
ี
ี
ู
้
ตนเองอย่างไร ยกตัวอย่าง
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
166
2. องค์ความรทผู้เรยนได้รบจากการจัดการความรด้วยตนเองคออะไร (แยกเปนข้อ ๆ)
็
้
ื
ู
ี
ั
ี่
ู
้
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
ื
ื
ี
ี
ี
่
่
3. ให้ผู้เรยนเขยนเรองเล่าแห่งความส าเรจ และรวมกล่มกับเพือนทมเรองเล่าลักษณะคล้ายกัน ผลัดกันเล่า
ุ
่
่
็
ี
ื
์
่
ื่
้
่
ู
เรอง สกัดความรจากเรองเล่าของเพือน ตามแบบฟอรมน้ ี
้
่
์
่
แบบฟอรมการบันทึกขุมความรูจากเรองเลา
ื
ชอเรอง .........................................................................................................................................................
ื่
ื่
ชอผู้เล่า .........................................................................................................................................................
ื
่
ื
่
1 เน้อเรองย่อ
ื
.........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
2. การบันทกขุมความรจากเรองเล่า
่
ู
ึ
้
ื
ั
2.1 ปญหา .........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
ี
2.2 วิธแก้ปญหา (ขุมความร) ................................................................................................................
ั
้
ู
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
167
ึ
ี
่
2.3 ผลทเกิดข้น ............................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
ู
ึ
้
ี
2.4 ความรสกของผู้เล่า / ผู้เล่าได้เรยนรอะไรบ้าง จากการท างานน้ ี
ู
้
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
3. แก่นความร ู ้
.........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
168
ู
ุ
้
ี
ุ
ี
ู
้
ุ
4. ให้ผู้เรยนจับกล่ม 3 - 5 คน ไปถอดองค์ความรแหล่งเรยนรในชมชน และน ามาสรปเปนองค์ความร โดย
ู
็
้
ี
ี
ี
็
เรยบเรยงเขยนเปนเรยงความ คล้ายตัวอย่าง “การถอดองค์ความรชมชนอนทรย์บ้านยางยวน”
้
ุ
ิ
ี
ี
ู
์
่
สรุปองคความรูกลุม ..................................................................................................................................
้
ทีอยูแหลงเรยนรู ..................................................................................................................................
่
ี
่
้
่
ชอผูถอดองคความรู 1. ............................................................................................................................
์
้
้
่
ื
2. ............................................................................................................................
3. ............................................................................................................................
4. ............................................................................................................................
5 ............................................................................................................................
์
ประเด็นการถอดองคความรู ้
ี
ิ
1. สภาพบรบทแหล่งเรยนร ้ ู
ี
2. กระบวนบรหารจัดการแหล่งเรยนร ู ้
ิ
ิ
3. การสบทอดภูมปญญา
ื
ั
ี
4. ปญหาอปสรรค และแนวทางการพัฒนาแหล่งเรยนร ้ ู
ั
ุ
ี
แบบทดสอบหลังเรยน
ั
ื
่
แบบทดสอบเรองการจดการความรู ้
ค าช้แจง จงกากบาท X เลอกข้อทท่านคดว่าถกต้องทสด
ู
ี
ี
ุ
่
ี
ื
่
ิ
1. การจัดการความรเรยกสั้น ๆ ว่าอะไร
ู
้
ี
ก. MK
ข. KM
ค. LO
ง. QA
้
้
2. เปาหมายของการจัดการความรคออะไร
ื
ู
ก. พัฒนาคน
ข. พัฒนางาน
ค. พัฒนาองค์กร
ง. ถกทกข้อ
ุ
ู
169
ุ
ู
ี่
3. ข้อใดถกต้องมากทสด
ู
้
ก. การจัดการความรหากไม่ท า จะไม่ร ู ้
ี่
ู
ู
้
ข. การจัดการความร คอ การจัดการความรของผู้เชยวชาญ
้
ื
็
้
ื
ค. การจัดการความร ถอเปนเปาหมายของการท างาน
ู
้
ง. การจัดการความร คอ การจัดการความรทมในเอกสาร ต ารา มาจัดให้เปนระบบ
ื
็
ู
ู
ี
้
ี่
้
ู
ุ
ื
4. ขั้นสงสดของการเรยนรคออะไร
้
ี
ู
ั
ก. ปญญา
ข. สารสนเทศ
ค. ข้อมูล
ง. ความร ู ้
ิ
ื
5. ชมชนนักปฏบัต (CoP) คออะไร
ุ
ิ
ก. การจัดการความร ู ้
ข. เปาหมายของการจัดการความร ู ้
้
ค. วิธการหนงของการจัดการความร ู ้
ึ
่
ี
ิ
ิ
ง. แนวปฏบัตของการจัดการความร ู ้
ู
ึ
ู
6. รปแบบของการจัดการความรตามโมเดลปลาทู ส่วน “ท้องปลา” หมายถงอะไร
้
้
ก. การก าหนดเปาหมาย
ี่
ข. การแลกเปลยนเรยนร ้ ู
ี
็
ค. การจัดเก็บเปนคลังความร ้ ู
ง. ความรทชัดแจ้ง
้
ู
ี่
ี
ื
ี
่
ี
่
ุ
ี
7. ผู้ทท าหน้าทกระต้นให้เกิดการแลกเปลยนเรยนรคอใคร
่
้
ู
ก. คณเอ้อ
ุ
ื
ข. คณอ านวย
ุ
ค. คณกิจ
ุ
ุ
ิ
ิ
ง. คณลขต
8. สารสนเทศเพือเผยแพร่ความรในปจจบันมอะไรบ้าง
่
ั
ู
้
ุ
ี
ก. เอกสาร
ข. วีซด ี
ี
ค. เว็บไซต์
ุ
ู
ง. ถกทกข้อ
170
่
ุ
ี
ู
้
ี
ื
้
ู
9. การจัดการความรด้วยตนเองกับชมชนแห่งการเรยนรมความเกียวข้องกันหรอไม่ อย่างไร
้
ุ
่
ู
ก. เกียวข้องกัน เพราะการจัดการความรในบคคลหลาย ๆ คน รวมกันเปนชมชน
ุ
็
็
ี
ี
ุ
เรยกว่าเปนชมชนแห่งการเรยนร ้ ู
ู
่
ข. เกียวข้องกัน เพราะการจัดการความรให้กับตนเองก็เหมอนกับจัดการความร ู ้
ื
้
ุ
ให้ชมชนด้วย
่
ค. ไม่เกียวข้องกัน เพราะจัดการความรด้วยตนเองเปนปจเจกบคคล ส่วนชมชน
ุ
ู
ุ
ั
็
้
็
ื่
ุ
ี
้
ู
แห่งการเรยนรเปนเรองของชมชน
ู
้
็
ี
ง. ไม่เกียวข้องกัน เพราะชมชนแห่งการเรยนรเปนการเรยนรเฉพาะกล่ม
ุ
ุ
ู
่
้
ี
ี
แบบประเมินตนเองหลังเรยน
บทสะทอนทีไดจากการเรยนรู ้
้
ี
่
้
ี
ี
่
1. ส่งทท่านประทับใจในการเรยนรรายวิชาการจัดการความร ู ้
ู
้
ิ
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
ู
ุ
ี
ั
ี่
้
2. ปญหา / อปสรรคทพบในการเรยนรรายวิชาการจัดการความร ู ้
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
171
ิ
3. ข้อเสนอแนะเพิ่มเตม
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
172
บทที่ 4
คิดเปน
็
สาระสาคัญ
ทบทวนท าความเข้าใจกับความเชอพื้นฐานของคนคดเปนทางการศกษาผู้ใหญ่และการ
ื
ึ
ิ
็
่
ั
ื
็
ิ
ู
ิ
็
ิ
่
ี
ั
ึ
็
ู
เชอมโยงไปส่การเรยนรเรองของการคดเปน ปรชญาคดเปน การคดแก้ปญหาแบบคนคดเปน ศกษาวิเคราะห ์
ื
่
้
ิ
ื
ิ
ิ
์
็
ึ
็
์
ถงลักษณะของข้อมูล การคดเปนและกระบวนการวิเคราะห สังเคราะห ข้อมูลการคดเปน ทั้ง 3 ประการ คอ
ข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลเกียวกับตนเอง และข้อมูลทางสภาวะแวดล้อมทางสังคม โดยเน้นทข้อมูลด้าน
่
่
ี
่
็
ึ
ุ
ิ
ุ
ั
ิ
คณธรรมจรยธรรม ซงเปนจดเน้นส าคัญของการคด การตัดสนใจ แก้ปญหาของคนคดเปน
็
ิ
ิ
ผลการเรยนรูทีคาดหวัง
ี
้
่
่
่
ึ
1. อธบายถงความเชอพื้นฐานทางการศกษาผู้ใหญ่ของคนคดเปน และการเชอมโยงไปส่ ู
ื
็
ื
ึ
ิ
ิ
ั
ิ
็
็
ิ
็
ิ
ั
ู
้
ี
ิ
ื่
็
การเรยนรเรองการคดเปน ปรชญาคดเปน การคดแก้ปญหา อย่างเปนระบบ แบบคนคดเปนได้
ิ
2. วิเคราะหจ าแนกลักษณะของข้อมูลการคดเปนทั้ง 3 ด้าน ทน ามาใช้ประกอบการคด
ี
็
่
์
ิ
่
่
ิ
และการตัดสนใจ ทั้งข้อมูลด้านวิชาการ ข้อมูลเกียวกับตนเอง ข้อมูลเกียวกับสังคมและสภาวะแวดล้อม
่
ี
ุ
ั
่
ุ
ี
่
ี
ิ
โดยเน้นทข้อมูลด้านคณธรรมจรยธรรมทเกียวข้องกับบคคล ครอบครว และชมชน ทเปนจดเน้นส าคัญของ
ุ
็
ุ
่
คนคดเปนได้
็
ิ
็
ิ
ิ
ิ
ื
ิ
ี
ั
ึ
็
3. ฝกปฏบัตการคดการแก้ปญหาอย่างเปนระบบ การคดเปน ทั้งจากกรณตัวอย่างและหรอ
็
สถานการณจรงในชมชน โดยน าข้อมูลด้านคณธรรมจรยธรรม ซงเปนส่วนหนงของข้อมูลทางสังคม และ
่
ึ
ึ
์
ุ
ิ
ุ
่
ิ
ิ
สภาวะแวดล้อมมาประกอบการคดการพัฒนาได้
ื
ขอบขายเน้อหา
่
ิ
ึ
1. ความเชอพื้นฐานทางการศกษาผู้ใหญ่กับกระบวนการคดเปน การเชอมโยงส่ปรชญา
ื
็
่
่
ื
ู
ั
ิ
็
็
ิ
็
คดเปน และการคดการตัดสนใจแก้ปญหาอย่างเปนระบบแบบคนคดเปน
ิ
ั
ิ
2. ระบบข้อมูล การจ าแนกลักษณะของข้อมูล การเก็บข้อมูล การวิเคราะห สังเคราะห ์
์
ุ
ี
ข้อมูลทั้งด้านวิชาการ ด้านตนเอง และสังคมสภาวะแวดล้อม โดยเน้นไปทข้อมูลด้านคณธรรมจรยธรรมท ี ่
ิ
่
ุ
ั
ั
ุ
ิ
่
เกียวข้องกับบคคล ครอบครวและชมชน เพื่อน ามาใช้ประกอบการตัดสนใจแก้ปญหาตามแบบอย่างของคน
ิ
คดเปน
็
ิ
ิ
ิ
็
่
์
ิ
3. กรณตัวอย่าง และสถานการณจรงในการฝกปฏบัตเพือการคด การแก้ปญหาแบบคนคดเปน
ี
ึ
ั
ิ
173
ี
ั
้
ขอแนะนาการจดการเรยนรู ้
์
1. คดเปน เปนวิชาทเน้นให้ผู้เรยนได้เรยนรด้วยการคด การวิเคราะห และแสวงหาค าตอบด้วยการ
ิ
ิ
ู
้
ี
ี
็
็
ี่
ี
่
ื
ิ
ี
ื
ี
ี
้
ู
ิ
ใช้กระบวนการทหลากหลายเปดกว้าง เปนอสระมากกว่าการเรยนรทเน้นเน้อหาให้ท่องจ า หรอมค าตอบ
่
็
์
ส าเรจรปให้โดยผู้เรยนไม่ต้องคด ไม่ต้องวิเคราะหเหตและผลเสยก่อน
ุ
ิ
ี
ู
็
ี
ี
2. ขอแนะน าว่า กระบวนการเรยนรในระดับมัธยมศกษาตอนปลายนั้น ผู้เรยนส่วนใหญ่ผ่านการ
้
ี
ู
ึ
ู
ี
ุ
เรยนมาจากหลักสตร กศน. ระดับมัธยมศกษาตอนต้นมาก่อน ค้นเคยกับกระบวนการกล่ม การสานเสวนา
ึ
ุ
หรอการอภปรายถกแถลงมาก่อน พอจะใช้การอธบายเสรมการอภปรายได้บ้าง แต่ถงกระนั้นก็ควรจะใช้
ิ
ิ
ึ
ื
ิ
ิ
็
่
ุ
์
ิ
ึ
กระบวนการกล่ม การอภปราย เพือให้เปนการฝกทักษะการคดการวิเคราะหข้อมูลอยู่เปนประจ าจนเกิด
็
ิ
่
ี
ื
ี
ิ
็
เปนนสัย สามารถน ากระบวนการดังกล่าวน้ไปประยุกต์ใช้กับการเรยนรในรายวิชาอน ๆ ในลักษณะเดยวกัน
ู
ี
้
ี
ิ
์
ี
็
ี
่
ี
ได้ด้วย ในเวลาเดยวกันก็จะเปนการช่วยเพือน ๆ ผู้เรยนบางคนทยังไม่เคยมประสบการณในการคดการ
่
้
์
ี
ู
ี
วิเคราะหมาก่อนได้เรยนรด้วยความเข้าใจดยิ่งข้น
ึ
ื่
3. เนองจากเปนวิชาทประสงค์จะให้ผู้เรยนได้ฝกการคดการวิเคราะห เพื่อแสวงหาค าตอบ
์
ิ
ี
ี่
ึ
็
ิ
ึ
ิ
ิ
่
้
ู
ี
ด้วยตนเองมากกว่าท่องจ าเพือหาความรแบบเดม ครและผู้เรยนจงควรจะต้องปฏบัตตามกระบวนการท ่ ี
ู
ิ
แนะน า โดยไม่ข้ามขั้นตอนจะช่วยให้การเรยนรเกิดข้นอย่างมประสทธภาพ
ึ
ี
ิ
ี
ู
้
174
ื่
่
ื
้
ื่
่
็
ึ
่
เรองที่ 1 ทบทวนความเชอพื้นฐานทางการศกษาผูใหญของคนคิดเปนและการเชอมโยงไปสู
็
็
ั
่
ปรชญาคิดเปน การแกปญหาอยางเปนระบบของคนคิดเปน
้
ั
็
ั
ี
ในชวิตประจ าวันทกคนต้องเคยพบกับปญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป ็นปญหาการเรยน การงาน
ี
ุ
ั
ื
ื
ิ
ื่
ั
การเงน หรอแม้แต่การเล่นกีฬาหรอปญหาอน ๆ เช่น ปญหาขัดแย้งของเดก หรอปญหาการแต่งตัวไปงาน
็
ั
ื
ั
ี
็
ี
ื
่
ั
่
ต่าง ๆ เปนต้น เมอเกิดปญหาก็เกิดทกข์ แต่ละคนก็จะมวิธีแก้ไขปญหา หรอแก้ทกข์ด้วยวิธการทแตกต่างกัน
ั
ื
ี
ุ
ุ
่
์
ื
ื
ื
ื
ี
ี
ึ
่
ไป ซงแต่ละคน แต่ละวิธการอาจเหมอนหรอต่างกัน และอาจให้ผลลัพธทเหมอนกันหรอต่างกันก็ได้ ทั้งน้ ี
ุ
่
ื
์
ู
ึ
ึ
้
ข้นอยู่กับพื้นฐานความเชอ ความร ความสามารถและประสบการณของบคคลนั้น หรออาจจะข้นอยู่กับ
ื
่
ื
ี
ี
ทฤษฎและหลักการของความเชอทต่างกัน เหล่านั้น
่
่
ี
็
ิ
ึ
ิ
“คดเปน” เปนกระบวนการคดและตัดสนใจแก้ปญหาวิธหนงของคนท างาน กศน.ทท่าน
่
ั
ิ
ี
็
ี
ี
ึ
อาจารย์ ดร.โกวิท วรพิพัฒน์ อดตอธบดกรมการศกษานอกโรงเรยนและอดตปลัดกระทรวงศกษาธการได้
ี
ิ
ึ
ิ
ี
น าเสนอไว้เปนทศทางและหลักการส าคัญในการด าเนนงานโครงการการศกษาผู้ใหญ่และการศกษานอก
ิ
็
ึ
ึ
ิ
โรงเรยนในสมัยนั้น และใช้เปนปญหาส่องน าทางในการจัดการศกษานอกระบบและการศกษาตามอัธยาศัย
็
ี
ึ
ึ
ั
ในระยะต่อมาด้วย
ื
ี่
็
่
ิ
ิ
ึ
ุ
็
“คดเปน” ตั้งอยู่บนความเชอพื้นฐานทางการศกษาผู้ใหญ่ทเปนหลักความจรงของมนษย์
ี
้
ุ
่
ู
ุ
ื
ี
ุ
็
่
ทว่า คนเรามความหลากหลายแตกต่างกัน แต่ทกคนต้องการความสขเปนเปาหมายสงสด คน กศน.เชอว่า
ื
ุ
่
ิ
ี
็
ี
ุ
ปญหาหรอความทกข์เปนเรองธรรมชาตทเกิดข้นได้ก็สามารถแก้ไขได้ ความทกข์หรอปญหาเปนส่งทเกิดข้นกับ
็
ื
่
ั
ิ
ึ
ั
ื
่
ึ
่
ื
ุ
ั
ื
ื
ั
คนมากน้อย หนักเบา ต่างกันออกไป เมอเกิดปญหาหรอความทกข์คนเราก็ต้องพยายามหาทางแก้ปญหาหรอ
ึ
คลคลายความทกข์ให้หมดไปให้ความสขกลับคนมา ความสขของมนษย์จะเกิดข้นได้ต่อเมอมนษย์กับ
ุ
ี
ื
ื
่
ุ
ุ
ุ
ุ
่
ั
ี
ุ
ี
็
ี
ื
่
ี
สภาวะแวดล้อมทเปนวิถชวิตของตนสามารถปรบตัวกับสภาวะแวดล้อมให้กลมกลนกันได้น้ มนษย์ต้องรจัก
้
ู
่
ี
ื
่
แสวงหาข้อมูลทหลากหลายและเพียงพออย่างน้อย 3 ด้านด้วยกัน คอ ข้อมูลด้านวิชาการ ข้อมูลเกียวกับ
่
์
ี
ุ
ึ
ตนเอง และข้อมูลเกียวกับสภาวะแวดล้อมทางสังคม ชมชน น ามาวิเคราะหศกษารายละเอยดอย่างรอบคอบ
ื
่
ุ
์
่
ี
่
และสังเคราะหเพือหาทางเลอกทดทสดน ามาใช้แก้ปญหา
ี
ั
ี
ื
่
ื
่
้
่
็
ื
ึ
ความเชอพื้นฐานของคนคิดเปนหรอความเชอพื้นฐานทางการศกษาผูใหญคืออะไร
ึ
ี
ิ
ี
ี
่
ึ
ึ
ี
็
ี
เพื่อให้ผู้เรยนมความเข้าใจและเข้าถง “คดเปน” ได้อย่างลกซ้งและชัดเจน ผู้เรยนทเคยเรยน
ึ
ื่
ิ
็
ึ
ื
เรอง “คดเปน” มาก่อนในระดับประถมศกษาหรอระดับมัธยมศกษาตอนต้น ขอให้ข้ามไปอ่านต่อและร่วม
กิจกรรมกระบวนการ ตั้งแต่ เรองท 2 ของบทน้เปนต้นไป
ื
็
ี
ี
่
่
175
ี
ิ
็
ั
่
่
ื
ี
ี
ึ
ส าหรบผู้เรยนทยังไม่เคยเรยนเรอง “คดเปน” มาก่อนในระดับประถมศกษาและ
ื
็
่
ึ
่
ื
ื
่
ื
มัธยมศกษาตอนต้น ขอให้ร่วมกันท าความเข้าใจเรองความเชอพื้นฐานของคนคดเปนหรอความเชอพื้นฐาน
ิ
ทางการศกษาผู้ใหญ่เสยก่อน ทั้งน้เพราะกระบวนการ “คดเปน” เน้นการท าความเข้าใจด้วยกระบวนการคด
ิ
ี
็
ึ
ี
ิ
้
ึ
็
และสรางความเข้าใจด้วยตนเองเปนหลัก ให้ใช้กรณตัวอย่างในแบบเรยนคดเปน ระดับประถมศกษา
ี
ี
็
ิ
เปนเอกสารประกอบการสนทนาและร่วมสรปแนวคดดังต่อไปน้ ี
ุ
็
ิ
่
ความเชอพื้นฐานทางการศกษาผูใหญ ปฐมบทของปรชญา “คิดเปน”
ึ
้
ั
็
่
ื
็
์
ี
คร้ ังหนง ดร.โกวิท วรพิพัฒน อดตปลัดกระทรวงศกษาธการ ซงเคยเปนอธบดกรมการ
ิ
่
่
ึ
ึ
ึ
ิ
ี
ี
ั
ั
่
ึ
ี
ศกษานอกโรงเรยนมาก่อนเคยเล่าให้ฟงว่ามเพือนฝร่งถามท่านว่า ท าไมคนไทยบางคนจนก็จน อยู่กระต๊อบ
่
ุ
ุ
เก่า ๆ ท างานก็หนัก หาเช้ากินค า แต่เมอกลับบ้านยังมแก่ใจนั่งเปาขล่ย ตั้งวงสนทนา สนกสนาน เฮฮากับ
่
ี
่
ื
ิ
ู
ิ
ุ
ุ
่
เพือนบ้านหรอโขกหมากรกกับเพือน ได้อย่างเบกบานใจ ตกเย็นก็นั่งกินข้าวคลกน ้าพรก คลกน ้าปลากับลก
ื
ุ
่
ุ
เมยอย่างมความสขได้ ท่านอาจารย์ตอบไปว่า เพราะเขาคดเปน เขาจงมความสข มความพอเพียง ไม่ทกข์ไม่
ี
ึ
ิ
็
ุ
ี
ี
ุ
ี
็
เดอดรอนทรนทรายเหมอนคนอน ๆ เท่านั้นแหละ ค าถามก็ตามมาเปนหางว่าว เช่น ก็เจ้า “คดเปน” มันคอ
ุ
ื
ุ
ื
ื
้
ื่
ิ
็
่
อะไร อยู่ทไหน หน้าตาเปนอย่างไร หาได้อย่างไร หายากไหม ท าอย่างไรจงจะคดเปน ต้องไปเรยนจากพระ
ึ
ิ
ี
ี
็
็
ื
ู
ู
ี
ื
ู
ิ
ื
ี
็
อาจารย์ทศาปาโมกข์หรอเปล่า ค่าเรยนแพงไหม มค่ายกครไหม ใครเปนครอาจารย์ หรอศาสดา ฯลฯ ดเหมอนว่า
“คดเปน” ของท่านอาจารย์จะเปนค าไทยง่าย ๆ ธรรมดา ๆ แต่ก็ออกจะลกล ้า ชวนให้ใฝหาค าตอบยิ่งนัก
ึ
่
็
็
ิ
็
“ คิดเปน” คืออะไรใครรูบาง
้
้
มีทิศทางมาจากไหนใครเคยเห็น
ี
จะเรยนราท าอยางไรใหคิดเปน
้
็
่
่
่
ไมลอเลนใครตอบได ขอบใจเอย
้
้
่
176
็
ี
์
ิ
ประมาณป พ.ศ.2513 เปนต้นมา ท่านอาจารย์ ดร.โกวิท วรพิพัฒน และคณะได้น าแนวคด
็
็
ึ
ื่
ึ
้
ิ
เรอง “คดเปน” มาเปนเปาหมายส าคัญในการจัดการศกษาผู้ใหญ่หลายโครงการ เช่น โครงการการศกษา
ึ
ิ
ื
ผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสรจ โครงการรณรงค์เพือการรหนังสอแห่งชาต โครงการการศกษาประชาชนและการศกษา
็
่
้
ู
ึ
ี
ื
็
ิ
่
็
็
ิ
ผู้ใหญ่ขั้นต่อเนอง เปนต้น* ต่อมาท่านย้ายไปเปนอธบดกรมวิชาการ ท่านก็น าคดเปนไปเปนแนวทางจัด
็
่
ี
็
ี
็
ั
็
ึ
ึ
ั
่
การศกษาส าหรบเดกในโรงเรยนจนเปนทยอมรบมากข้น เพือให้การท าความเข้าใจกับการคดเปนง่ายข้น
ึ
ิ
ี
่
พอทจะให้คนทจะมามส่วนร่วมในกระบวนการเรยนการสอนตามโครงการดังกล่าวเข้าใจและสามารถ
่
ี
ี
ี
ี
ื่
ื่
ิ
็
ิ
ู
ี
้
ด าเนนกิจกรรมการเรยนรให้สอดคล้องกับหลักการ “คดเปน” ได้ จงมการน าเสนอแนวคดเรอง ความเชอ
ึ
ิ
ั
ึ
พื้นฐานทางการศกษาผู้ใหญ่ข้นเปนคร้งแรก โดยใช้กระบวนการคดเปน ในการท าความเข้าใจกับความเชอ
็
ิ
็
ึ
ื
่
พื้นฐานทางการศกษาผู้ใหญ่ให้กับผู้ทจะจัดกระบวนการเรยนการสอนตามโครงการดังกล่าวในรปแบบของ
ี
ี
ู
ึ
่
ึ
็
ึ
การฝกอบรม** ด้วยการฝกอบรมผู้ร่วมโครงการการศกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสรจ และโครงการการศกษา
ึ
ึ
็
ึ
่
ี
ผู้ใหญ่ขั้นต่อเนองระดับ 3 - 4 - 5 เปนทรจักฮอฮากันมากในสมัยนั้นผู้เข้ารบการอบรมยังคงราลกถง และ
ื
ั
ื
่
้
ู
ึ
น ามาใช้ประโยชนจนทกวันน้ ี
์
ุ
เราจะมาท าความรู้จักกับความเชือพื้นฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่ทีเป็นปฐมบทของการคิดเป็นกันบ้างดีไหม
่
่
ี
ึ
ี
่
ื
ื
่
ี
การเรยนรเรองความเชอพื้นฐานทางการศกษาผู้ใหญ่ให้เข้าใจได้ดผู้เรยนต้องท าความเข้าใจด้วยการ
้
ู
ุ
็
็
่
ร่วมกิจกรรม การคดวิเคราะหเรองราวต่าง ๆ เปนขั้นเปนตอนตามล าดับ และสรปความคดเปนขั้นเปนตอน
็
ิ
็
์
ิ
ื
ี
ู
ี
ตามไปด้วย โดยไม่ต้องกังวลว่าค าตอบหรอความคดทได้จะผิดหรอถกเพียงใด เพราะจะไม่มค าตอบใด
ื
ื
่
ิ
ี
ุ
ู
ี
ถกทั้งหมด และไม่มค าตอบใดผิดทั้งหมด เมอได้ร่วมกิจกรรมครบตามก าหนดแล้ว ผู้เรยนจะร่วมกันสรป
่
ื
ื
ื
แนวคดเรอง ความเชอพื้นฐานทางการศกษาผู้ใหญ่ได้ ด้วยตนเอง
ิ
ึ
่
่
ื
้
ึ
ต่อไปน้เราจะมาเรยนรเรองความเชอพื้นฐานทางการศกษาผู้ใหญ่ เพือน าไปส่การสรางความเข้าใจ
่
่
ื
ี
ู
่
ี
้
ู
ี
็
ี
ื
่
เรองการคดเปนร่วมกันเร่มด้วยการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เปนขั้นเปนตอนไป ตั้งแต่กิจกรรมท 1 - 5 โดยจะมคร ู
่
็
ิ
็
ิ
ร่วมกิจกรรมด้วย
* นับเปนวิธการทางการศกษาทสมัยใหม่มากยังไม่มหน่วยงานไหนเคยท ามาก่อน
ี
ี
ี่
็
ึ
** ทให้วิทยากรทเปนผู้จัดอบรมและผู้เข้ารบการอบรมมส่วนเรยนรไปพรอม ๆ กันด้วย กระบวนการ
ี
็
ั
้
่
่
ี
ี
ี
ู
้
ุ
ื
ี
ึ
อภปรายถกแถลงในรปกระบวนการกล่มมการวิเคราะหกรณตัวอย่างหลายเรอง ทก าหนดข้น น าเหตผล และ
ุ
ิ
์
่
ี
ู
ี
่
ื
ุ
์
็
ุ
ข้อคดเหนของกล่มมาสรปสังเคราะหออกมาเปนความเชอพื้นฐานทางการศกษาผู้ใหญ่ (สมัยนั้น) หรอ กศน.
ิ
็
่
ึ
ื
ุ
ุ
ิ
็
(สมัยต่อมา) ผลสรปของการอภปรายถกแถลงไม่ว่าจะเปนกล่มไหนก็จะได้ออกมาเปนทศทางเดยวกัน
ี
็
ิ
เพราะเปนสัจธรรมทเปนความจรงในชวิต
ี
ิ
็
ี่
็
177
กิจกรรมที่ 1
่
ี
ี
็
ุ
็
ู
่
ี
ี
ู
ื
ครและผู้เรยนนั่งสบายๆ อยู่กันเปนกล่ม ครแจกใบงานท 1 ทเปนกรณตัวอย่างเรอง
่
ู
ี
ี
ี
“หลายชวิต” ให้ผู้เรยนทกคน ครอธบายให้ผู้เรยนทราบว่า ครจะอ่านกรณตัวอย่างให้ฟง 2 เทยวช้า ๆ ใครท ี่
ิ
ู
ั
ี
ุ
่
ี
ี
่
ั
ู
ู
ิ
ื
พออ่านได้บ้างก็อ่านตามไปด้วย ใครทอ่านยังไม่คล่องก็ฟงครอ่านและคดตามไปด้วย เมอครอ่านจบแล้วก็จะ
่
ิ
ี
ื
ี
ึ
ื
่
ี
ี
พูดคยกับผู้เรยนเชงทบทวนถงเน้อหาในกรณตัวอย่างเรอง “หลายชวิต” เพือจะให้แน่ใจว่าผู้เรยนทกคนเข้าใจ
ุ
ุ
่
ี
่
ี
็
ึ
็
ึ
ู
ิ
่
เน้อหาของกรณตัวอย่างตรงกันจากนั้นครจงอ่านประเดน ซงเปนค าถามปลายเปด (ค าถามทไม่มค าตอบ
ื
ี
ส าเรจรป) ทก ากับมากับกรณตัวอย่างให้ผู้เรยนฟง
ี
็
ี
ั
ี
ู
่
ใบงานที่ 1
กรณีตัวอยาง เรอง “หลายชวิต”
ี
่
ื่
ี
หลายชวิต
พระมหาสมชัย เปนพระนักเทศน มประสบการณการเทศนมหาชาตกัณฑ์มัทรทมชอเสยงเปนท ่ ี
ื
์
็
ี
์
ี
์
ิ
ี
่
ี
ี
่
็
่
ี
์
แพร่หลายในหลายทหลายภาคของไทย วัดหลายแห่งต้องจองท่านไปเทศนให้งานของวัดนั้น ๆ เพราะญาต ิ
โยมขอรอง และพระนักเทศนทั้งหลายก็นยมเทศนร่วมกับท่านมหาสมชัยตั้งใจไว้ว่าอยากเดนทางไปเทศน
้
์
ิ
์
์
ิ
่
ี
ั
ิ
ทวัดไทยในอเมรกาสักคร้งในชวิต เพราะไม่เคยไปต่างประเทศเลย
ี
็
็
ุ
ี
ู
ู
ื
เจ๊เกียว เปนนักธรกิจชั้นน า มกิจการหลายอย่างในความดแล เช่น กิจการเส้อผ้าส าเรจรป กิจการ
ิ
ิ
ิ
็
จ าหน่ายสนค้าโอท็อป กิจการส่งออกสนค้าอาหารกระปอง กิจการจ าหน่ายสนค้าทางอนเทอรเนต แต่เจ๊เกียว
๋
ิ
์
ื
ู
ี
ไม่มลกสบสกุลเลย ตั้งความหวังไว้ว่าขอมลกสักคน แต่ก็ไม่เคยสมหวังเลย
ู
ี
ี
ุ
็
้
ลงแปน เปนเกษตรกรอาวุโส อายุเกิน 60 ปแล้ว แต่ยังแข็งแรง มฐานะด ชอบท างานทกอย่าง
ุ
ี
ี
้
ุ
ไม่อยู่น่ง ท างานส่วนตัว งานสังคม งานช่วยเหลอคนอน และงานบ ารงศาสนา ลงแปนแอบมความหวังลก ๆ
ึ
ี
ุ
ื
ื
ิ
่
ิ
ู
อยากได้ปรญญากิตตมศักด์ ิ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสักแห่งเพือเก็บไว้เปนความภมใจของตนเอง และ
็
่
ิ
ิ
วงศ์ตระกูลเด็กหญงนวลเพ็ญ เปนเด็กหญงจน ๆ ต่างจังหวัดห่างไกล ไม่เคยเหนกรงเทพ ไม่เคยเข้าเมอง
็
ิ
ิ
ุ
ื
็
ั
ี
ี
่
ิ
ี
ไม่เคยออกจากหมู่บ้านไปไกล ๆ เลย ด.ญ. นวลเพ็ญคดว่าถ้ามโอกาสไปเทยวกรงเทพสักคร้งคงจะดใจและม ี
ุ
ุ
ุ
ความสขมากทสด
ี่
ทดแหวง บวชเปนเณรตั้งแต่เล็ก เมออายุครบบวชก็บวชเปนพระ เพิ่งสกออกมาช่วยพ่อท านา
่
ื
ิ
็
็
ึ
ิ
ทดแหวงตั้งความหวังไว้ว่าเขาอยากแต่งงานกับหญงสาวสวย รารวยสักคน จะได้มชวิตทสขสบาย ไม่ต้อง
ิ
่
่
ี
ุ
ี
ี
ี
็
่
ื
ท างานหนักเหมอนทเปนอยู่ในปจจบัน
ุ
ั
178
ี
ื
ประเด็น กรณตัวอย่างเรอง “หลายชวิต” บอกอะไรบ้างเกียวกับชวิตมนษย์
่
่
ี
ุ
ี
ี
ู
ุ
ุ
ื
ุ
ครแบ่งกล่มผู้เรยนออกเปน 2 - 3 กล่มย่อย ให้ผู้เรยนเลอกประธานกล่มและเลขานการกล่มเพือเปน
ี
็
่
็
ุ
ุ
ึ
ุ
ิ
ิ
ิ
ี
่
ุ
ผู้น าอภปรายและผู้จดบันทกผลการอภปรายของกล่มและน าผลการอภปรายของกล่มเสนอต่อทประชมใหญ่
ุ
ู
ิ
่
ิ
ุ
ี
จากนั้นให้ผู้เรยนแต่ละกล่มอภปรายถกแถลงเพือหาค าตอบตามประเดนทก าหนดให้ ครตดตามสังเกต
่
ี
็
ิ
ี
่
ุ
ู
ี
ุ
ิ
เหตผลของกล่มหากข้อมูลยังไม่เพียงพอ ครอาจช้แนะให้อภปรายเพิ่มเตม ในส่วนของข้อมูลทยังขาดอยู่ได้
ุ
ุ
็
่
็
ึ
ี
เลขานการกล่มบันทกผลการพิจารณาหาค าตอบตามประเดนทก าหนด ให้เปนค าตอบสั้น ๆ ได้ใจความ
เท่านั้น และน าค าตอบนั้นไปรายงานในทประชมกล่มใหญ่**
่
ี
ุ
ุ
ู
ในการประชมกล่มใหญ่ ผู้แทนกล่มย่อยน าเสนอรายงาน ครบันทกข้อคดเหนของกล่มย่อยไว้ท ี ่
ุ
ิ
ึ
็
ุ
ุ
ุ
ึ
ุ
ุ
่
ู
ื
ิ
ุ
๊
ี
ึ
่
ู
กระดาษปรฟ ซงเตรยมจัดไว้ก่อนแล้ว เมอทกกล่มรายงานแล้ว ครน าอภปรายในกล่มใหญ่ถงค าตอบ
็
ุ
ิ
็
่
ึ
ของกล่ม ซงจะหลอมรวมบูรณาการค าตอบของกล่มย่อยออกมาเปนค าตอบประเดนอภปรายของกรณ ี
ุ
็
์
่
ี
ี
ตัวอย่าง “หลายชวิต” ของกล่มใหญ่ จากนั้นครน าสรปค าตอบทได้เปนข้อเขยนทสมบูรณข้น และน าค าตอบ
่
ุ
ุ
ู
ึ
ี
ี
ึ
นั้นบันทกในกระดาษปรฟตดไว้ให้เหนชัดเจน
ิ
๊
ู
็
ุ
ื
่
ตัวอย่างข้อสรปของกรณตัวอย่าง เรอง ตัวอย่าง
ี
ิ
ี
“หลายชวิต” ปรากฏดังในกรอบด้าน ข้อสรปผลการอภปรายจากกรณตัวอย่างเรอง
่
ี
ุ
ื
ุ
ี
ขวามอ ตัวอย่าง ข้อสรปน้อาจใกล้เคยง “หลายชวิต”
ี
ื
ี
กับข้อสรปของท่านก็ได้ --------------
ุ
คนแต่ละคนมความแตกต่างกัน มวิถการด าเนนชวิต
ี
ี
ี
ี
ิ
ทไม่เหมอนกัน แต่ทกคนมความต้องการทคล้ายกัน คอ
ื
ี
ุ
่
ี
ื
่
ี
ต้องการประสบความส าเรจ ซงถ้าบรรลตามต้องการ
ุ
่
ึ
็
ของตน คนนั้นก็จะมความสข
ุ
ี
กรณตัวอย่างเรอง “หลายชวิต” เร่มเปดตัวออกมาเปนเรองแรก ผู้เรยนจะต้องตดตามต่อไป
ี
ิ
่
ื
ี
ิ
ิ
็
ื
ี
่
่
่
ึ
ี
่
ึ
ี
่
ึ
ี
ื
ด้วยการท ากิจกรรมท 2 ท 3 ท 4 ถงท 5 ตามล าดับ จงจะพบค าตอบว่า “ความเชอพื้นฐานทางการศกษาผู้ใหญ่
่
ี
คออะไรแน่ และจะเปนปฐมบทของ “การคดเปน”อย่างไร พักสักคร่ก่อนนะ
็
ิ
ู
ื
็
** หากมผู้เรยนไม่มากนัก ครอาจไม่ต้องแบ่งกล่มย่อย ให้ผู้เรยนทกคนร่วมอภปรายถกแถลง หรอสนทนา
ี
ิ
ู
ุ
ี
ุ
ี
ื
ุ
ุ
็
แลกเปลยนความคดกันในกล่มใหญ่เลย โดยมประธานหรอหัวหน้ากล่มเปนผู้น า และมเลขานการกล่มใหญ่
ี
ิ
ี
ุ
ื
ุ
่
ี
ึ
ู
เปนผู้บันทก (ครอาจเปนผู้ช่วยบันทกได้)
ึ
็
็
179
กิจกรรมที่ 2
่
ื
ู
่
ี
่
ุ
ี
ี
ครและผู้เรยนนั่งสบาย ๆ อยู่กันเปนกล่ม ครแจกใบงานท 2 ทเปนกรณตัวอย่าง เรอง
็
ี
ู
็
ิ
ิ
ี
ู
๊
่
ี
“แปะฮง” ครด าเนนกิจกรรมเช่นเดยวกับการด าเนนงานในกิจกรรมท 1
ใบงานที่ 2
กรณีตัวอยางเรอง แปะฮง
ื่
่
๊
๊
๊
แปะฮง
แปะฮง
ี
็
็
่
ิ
้
ี
ท่านขุนพิชตพลพ่าย เปนคหบดมชอเสยงมากในด้านความเมตตากรณาท่านเปนคนทพรอมไปด้วย
ี
ุ
ี
่
ื
ุ
ี
ิ
่
ั
ิ
ื
ทรพย์สมบัต ข้าทาสบรวาร เกียรตยศ ชอเสยง และสขกายสบายใจ
ิ
ี
ี
ิ
่
ี
ตาแปะฮง เปนชายจนชราตัวคนเดยว ขายเต้าฮวย อาศัยอยู่ทห้องแถวเล็ก ๆ หลังบ้านขุนพิชต
๊
็
๊
ิ
ี
็
แปะฮงขายเต้าฮวยเสรจกลับบ้านตอนเย็นตกค า หลังจากอาบน ้าอาบท่ากินข้าวเสรจก็นั่งสซอเพลดเพลน
็
่
ิ
ทกวันไป
ุ
ู
๊
ิ
ี
ึ
์
ี
ี
ุ
ี
ุ
ึ
่
ิ
วันหนงท่านขุนคดว่า แปะฮงดมความสขด แต่ถ้าได้มเงนมากข้นคงจะมความสขอย่างสมบูรณ
ึ
ิ
็
ึ
๊
ิ
ึ
่
ึ
่
มากข้น ท่านขุนจงเอาเงนหนงแสนบาทไปให้แปะฮง จากนั้นมาเปนเวลาอาทตย์หนงเต็ม ๆ ท่านขุนไม่ได้ยิน
่
ื
๊
๊
เสยงซอจากบ้านแปะฮงอกเลย ท่านขุนรสกเหมอนขาดอะไรไปอย่างหนง เย็นวันทแปดแปะฮงก็มาพบ
ี
ู
ี
ี
้
ึ
่
ึ
ิ
๊
้
ื
ท่านขุน พรอมกับน าเงนทยังเหลออกหลายหมนมาคน แปะฮงบอกท่านขุนว่า
ี
ี
ื
่
ื
่
ี
ิ
ิ
ื
ึ
่
ั
“ผมเอาเงนมาคนท่านครบ ผสมเหนอยเหลอเกิน มเงนมากก็ต้องท างานมากข้นต้องคอยระวังรกษา
ื
ื
ั
ี
่
ุ
เงนทอง เต้าฮวยก็ไม่ได้ขาย ต้องไปลงทนทางอนเพือให้รวยมากข้ ึนอกลงทนแล้วก็กลัวขาดทน
่
ื
ุ
ุ
ิ
เหนอยเหลอเกิน ผมไม่อยากได้เงนแสนแล้วครบ” คนนั้นท่านขุนก็หายใจโล่งอก เมอได้ยินเสยงซอจากบ้าน
ื
ี
ื
ื่
ั
่
ื
ิ
แปะฮง แทรกเข้ามากับสายลม
๊
่
ี
ื
่
ุ
ิ
ื
ประเด็น ในเรองความสขของคนในเรองน้ ท่านได้แนวคดอะไรบ้าง?
แนวทางการท ากิจกรรม
ุ
็
ี
ิ
ี
1. เลขานการกล่มบันทกความเหนของกล่มทร่วมกันอภปราย ความเหนอาจมหลายค าตอบได้
ุ
ุ
่
ึ
็
2. อาจเปรยบเทยบความเหนหรอค าตอบของกล่มผู้เรยนกับตัวอย่างข้อสรปทน าเสนอว่า ใกล้เคยง
ี
่
ี
็
ี
ุ
ื
ุ
ี
ี
ื
กันหรอไม่ เพียงใด
่
ุ
ี
ิ
ิ
ี
่
ุ
3. เลอกข้อคดหรอค าตอบของกล่มทคดว่าดทสดไว้ 1 ค าตอบ
ื
ี
ื
180
ี
่
ุ
ี
่
ื
ึ
ิ
ี
ุ
ื
4. ค าตอบทกล่มคดว่าดทสด เลอกบันทกไว้คอ
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
ตัวอย่าง ข้อสรุปของกรณีตัวอย่าง ตัวอย่าง
ื
ี
เรื่อง “แป๊ะฮง” ปรากฏในกรอบด้าน ข้อสรปผลการอภปรายจากกรณตัวอย่างเรอง
่
ิ
ุ
ขวามือ ตัวอย่างข้อสรุปนี้อาจ “แปะฮง”
๊
ใกล้เคียงกับข้อสรุปของท่านก็ได้ -----------
ื
่
ี
เมอคนมความแตกต่างกัน แต่ทกคนต่างก็ต้องการ
ุ
ความสข ดังนั้น ความสขของแต่ละคนก็อาจไม่
ุ
ุ
เหมอนกัน ต่างกันไปตามสภาวะของแต่ละบคคล
ุ
ื
ทแตกต่างกันด้วย
่
ี
181
กิจกรรมที่ 3
่
่
ี
ี
็
ี
ู
ื
็
ุ
ู
ี
ี
่
ครและผู้เรยนนั่งสบาย ๆ อยู่กันเปนกล่ม ครแจกใบงานท 3 ทเปนกรณตัวอย่าง เรอง “ธัญญวด”
ิ
ครด าเนนกิจกรรมเช่นเดยวกับการด าเนนงานในกิจกรรมท 2
ู
่
ี
ิ
ี
ใบงานที่ 3
กรณีตัวอยางเรอง “ธญญวดี”
ื่
ั
่
ธัญญวดี
ี
ี
็
็
็
ธัญญวดได้รบการบรรจเปนครในโรงเรยนมัธยมทต่างจังหวัด พอเปนครได้ 1 ป ก็มอันเปน
ี
ุ
ี
ี
ู
ั
ู
่
่
ี
ี
ี
ุ
ี
ต้องย้ายเข้ามาอยู่ในกรงเทพมหานคร โรงเรยนทธัญญวดย้ายเข้ามาท าการสอนเปนโรงเรยนมัธยม
็
ี่
ี
เช่นเดยวกัน แต่มการสอนการศกษาผู้ใหญ่ระดับท 3 - 4 และ 5 ในตอนเย็นอกด้วย มาเมอเทอมทแล้ว
ี่
ึ
ื่
ี
ี
ี
ธัญญวดได้รบการชักชวนจากผู้อ านวยการให้สอนการศกษาผู้ใหญ่ในตอนเย็น ธัญญวด เหนว่าตัวเองไม่ม ี
ึ
็
ี
ั
ึ
ี
ิ
ึ
่
ื
ื
่
ี
ภาระอะไรก็เลยตกลงโดยไม่ต้องคดถงเรองอน ซ ้ายังจะมรายได้เพิ่มข้นอกด้วย
ิ
ื
ี
ิ
ู
ี
แต่ธัญญวดจะคดผิดหรอเปล่าไม่ทราบ เร่มต้นจากเสยงกระแนะกระแหนจากครเก่าบางคน
ว่ามาอยู่ยังไม่ทันไรก็ได้สอนภาคค า ส่วนครเก่าทสอนภาคค า ก็เลอกสอนเฉพาะชั่วโมงต้น ๆ โดยอ้างว่า
ู
่
ี
่
ื
่
่
ี
ี
ี
เขามภารกิจทบ้าน ธัญญวดยังสาว ยังโสด ไม่มภาระอะไรต้องสอนชั่วโมงท้าย ๆ ท าให้ธัญญวดต้องกลับ
ี
ี
่
็
ุ
ึ
ื
ึ
ุ
บ้านดกทกวัน ถงบ้านก็เหนอย อาบน ้าแล้วหลับเปนตายทกวัน
การสอนของครภาค ค าส่วนใหญ่ไม่ค่อยค านงถงผู้เรยน เขาจะรบสอนให้หมดไป
ี
่
ึ
ี
ึ
ู
่
ึ
ิ
่
ชั่วโมงหนง ๆ เท่านั้น เทคนคการสอนทได้รบการอบรมมา เขาไม่น าพา ท างานแบบขอไปท เช้าชามเย็นชาม
ี
ั
ี
ี
ุ
ิ
็
ึ
ุ
ธัญญวดเหนแล้วก็คดว่า คงจะร่วมสังฆกรรมไม่ได้ จงพยายามท่มเทก าลังกายก าลังใจและเวลา ท าทก ๆ
วิถทางเพือหวังจะให้ครเหล่านั้นได้เอาเยียงอย่างของตนบ้างแต่ก็ไม่ได้ผลทกอย่างเหมอนเดม ธัญญวดแทบ
ื
่
ิ
ู
ี
ี
่
ุ
ุ
ื
ิ
ี
่
หมดก าลังใจไม่มความสขเลย คดจะย้ายหนไปอยู่ทอน มาฉกคดว่าทไหน ๆ คงเหมอน ๆ กัน คนเราจะให้
ุ
ิ
่
ื
ี
ี
่
ี
เหมอนกันหมดทกคนไปไม่ได้
ื
ุ
ุ
ประเด็น ถ้าท่านเปนธัญญวด ท าอย่างไรจงจะอยู่ในสังคมนั้นได้อย่างมความสข
ี
ี
ึ
็
แนวทางการท ากิจกรรม
ุ
็
็
ี
ุ
ุ
ิ
1. เลขานการกล่มบันทกความเหนของกล่มทร่วมกันอภปราย ความเหนอาจมหลายค าตอบได้
ี
่
ึ
ี
ี
ุ
ี
ื
็
ุ
ี
2. เปรยบเทยบค าตอบหรอความเหนของกล่มผู้เรยนกับตัวอย่างข้อสรปทน าเสนอไว้ว่าใกล้เคยงกัน
่
ี
หรอไม่ เพียงใด
ื
ิ
3. เลอกข้อคดหรอค าตอบของกล่มทคดว่าดทสดไว้ 1 ค าตอบ
ื
ื
ี
ี
ุ
่
ี
ุ
ิ
่
182
ี
ื
ึ
ื
ุ
่
ุ
ี
่
4. ค าตอบทกล่มคดว่าดทสด เลอกบันทกไว้คอ
ี
ิ
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
ุ
ตัวอย่างข้อสรปของกรณตัวอย่าง ตัวอยาง
ี
่
ี
ื่
็
เรอง “ธัญญวด” จากความเหนของ ข้อสรปผลการอภปรายจากกรณตัวอย่างเรอง
ื
ิ
ุ
่
ี
ี
่
ุ
ี
ี
ผู้เรยนหลายกล่มทเคยเสนอไว้ “ธัญญวด”
ื
ดังปรากฏในกรอบด้านขวามอ -------------------------------
ุ
ี
ี
่
ี
ุ
ตัวอย่างข้อสรปน้อาจใกล้เคยง การทคนเราจะมชวิตอยู่ได้อย่างเปนสขนั้น ต้อง
็
ี
ี
ุ
ุ
กับข้อสรปของกล่มของท่านก็ได้ รจักปรบตัวเองให้เข้ากับสถานการณ ส่งแวดล้อม
ิ
ั
์
้
ู
์
ั
ื
ิ
หรอปรบสถานการณส่งแวดล้อมให้เข้ากับตนเอง
ั
ื
หรอปรบทั้งสองทางให้เข้าหากันได้อย่าง
ื
ุ
ผสมกลมกลนก็จะเกิดความสขได้
183
ใบงานที่ 4
่
ื่
กรณีตัวอยางเรอง “วุน”
่
วุ่น
่
ี
่
ึ
ี
หมู่บ้านดอนทรายมูลทเคยสงบเงยบมาแต่กาลก่อน กลับคกคักด้วยผู้คนทอพยพเข้าไปอยู่เพิ่มกัน
ี
็
ุ
ึ
ี
ี
้
มากข้น ๆ ทกวัน ทั้งน้เปนเพราะการค้นพบพลอยในหมู่บ้าน มการต่อไฟฟา ท าให้สว่างไสว ถนนลาดยาง
ึ
ี
่
ุ
อย่างด รถราวิ่งดขวักไขว่ไปหมด ส่งทไม่เคยเกิดข้นมาก่อนก็เกิดข้น เช่น เมอวานเจ้าจกลกผู้ใหญ่จ้าง
ื
ิ
่
ู
ึ
ู
ี
ิ
ุ
ี
่
ื
ู
ถกรถจากกรงเทพฯ ทับตายขณะวิ่งไล่ยิงนก เมอเดอนก่อน น.ส.เหรยญเงน เทพีสงกรานต์ปน้ ถกไฟฟาดด
้
ู
ี
ี
ื
ู
ิ
ุ
็
ึ
ั
่
ื
็
ี
้
ี
่
่
ี
ี
่
็
ี
่
ขณะรดผ้าอยู่ ซ่องผู้หญงเกิดข้นเปนดอกเหด เพือต้อนรบผู้คนทมาท าธรกิจ ทรายก็คอเปนทเทยวของผู้ชาย
ี
ี
ในหมู่บ้านน้ไปด้วย ท าให้ผัวเมยตกันแทบไม่เว้นแต่ละวัน
ี
์
ครสงหแกนั่งดเหตการณต่าง ๆ ทเกิดข้นแล้ว ได้แต่นั่งปลงอนจจัง “เออ ไอ้พวกน้เคยสอนจ ้าจ้จ ้าไช
ี
ึ
ิ
ิ
ู
์
ู
่
ี
ี
ุ
ิ
ู
๋
ี
ู
มา ตั้งแต่หัวเท่าก าปน เดยวน้ดมันขัดหขัดตากันไปหมด จะสอนมันอย่างเดมคงจะไปไม่รอดแล้ว เราจะท า
ั้
ี
ี
อย่างไรด”
ประเด็น
1. ท าไมจงเกิดปญหาต่าง ๆ เหล่าน้ข้นในหมู่บ้านดอนทรายมูล
ึ
ึ
ี
ั
2. ถ้าท่านเปนคนในหมู่บ้านทรายมูล ท่านจะแก้ปญหาอย่างไร
ั
็
ุ
3. ท่านคดว่า การเรยนรทเหมาะสมกับสภาพของชมชนเช่นน้ ควรเปนอย่างไร
ี
ี
่
ู
้
ี
ิ
็
แนวทางการท ากิจกรรม
ิ
็
ี
1. บันทกความเหนของกล่มผู้เรยนทร่วมกันอภปรายถกแถลง ความคดเหนอาจมหลายข้อ
ิ
ี
่
็
ุ
ี
ึ
ี
ี
ี
็
ี
่
่
2. เปรยบเทยบความคดเหนทกล่มผู้เรยนเสนอกับตัวอย่างข้อคดเหนทเสนอไว้ว่าใกล้เคยงกัน
ี
ิ
ิ
ุ
็
ี
หรอไม่ เพียงใด
ื
3. เลอกค าตอบหรอข้อคดทกล่มผู้เรยนเลอกไว้ว่าดทสด บันทกไว้ 1 ค าตอบ
ื
ื
ุ
ึ
ี
่
ี
ื
ิ
ี
่
ี
ุ
184
4. ค าตอบทเลอกไว้คอ
ี่
ื
ื
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
ตัวอย่างข้อสรุปของกรณี ตัวอย่าง
่
ิ
ี
ื
ุ
ตัวอย่าง เรื่อง “วุ่น” จาก ข้อสรปผลการอภปรายจากกรณตัวอย่างเรอง
ความเห็นของผู้เรียนหลาย “วุ่น”
ุ
่
ั
่
็
กลุ่มหลายคนทีเคยเสนอไว้ สังคมปจจบันมการเปลยนแปลงอย่างรวดเรว
ี
ี
ุ
ุ
ิ
ู
ดังที่ปรากฏในกรอบด้าน ความเจรญทางวัตถและเทคโนโลยีวิ่งเข้าส่ชมชน
ุ
็
ุ
ขวามือตัวอย่างข้อสรุปนี้อาจ อย่างรวดเรวและรนแรงตลอดเวลา จนคนในชมชน
่
ใกล้เคียงกับข้อสรุปของกลุ่ม ตั้งรบไม่ทัน ปรบตัวไม่ได้จงเกิดปญหาทหลากหลาย
ึ
ี
ั
ั
ั
ของท่านก็ได้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมอง การปกครอง
ื
ึ
ี
การศกษา อาชพ ความมั่นคง และความปลอดภัย
ุ
ี
ั
ุ
ของคนในชมชน การจัดการเรยนการสอนในปจจบัน
ี
ิ
ู
ี
จะใช้วิธสอนโดยการบอกการอธบายของครให้ผู้เรยน
ู
ิ
ี
้
จ าได้เท่านั้นคงไม่เพียงพอแต่ต้องให้ผู้เรยนรจักคด
่
ู
ั
ี
ี่
้
รจักการแก้ปญหาทต้องได้ข้อมูลทหลากหลาย
่
ื
ั
ิ
มาประกอบการคดแก้ปญหาให้สอดคล้องกับความเชอ
็
ความจ าเปนของตนเอง และความต้องการ
ุ
ของชมชนด้วย
185
กิจกรรมที่ 5
่
ี
ี
ี
ี
็
่
ุ
่
ื
ู
็
ครและผู้เรยนนั่งสบาย ๆ อยู่กันเปนกล่ม ครแจกใบงานท 5 ทเปนกรณตัวอย่าง เรอง
ู
ู
้
้
ู
่
ี
ู
ิ
ื
่
ี
ี
“สไหม” ครเปดเทปทอัดเสยง กรณตัวอย่างเรอง “สไหม” ให้ผู้เรยนฟงพรอม ๆ กัน ถ้าไม่มเทปครต้องอ่าน
ี
้
ั
ี
ู
ื่
ื
้
่
ู
ให้ฟงแบบละครวิทยุ เพื่อสรางบรรยากาศให้ตนเต้นตามเน้อหาในกรณตัวอย่าง เมอครอ่านจบแล้วก็จะ
ื
ั
ี
ี
่
ิ
ี
ื
่
ี
์
ู
ื
ึ
ุ
้
ุ
พูดคยกับผู้เรยนในเชงทบทวนถงเน้อหาและเหตการณในกรณตัวอย่างเรอง “สไหม” เพือให้แน่ใจว่าผู้เรยน
ื
่
ุ
์
ื
ู
ึ
็
ี
ทกคนเข้าใจถงเหตการณในเน้อเรองของกรณตัวอย่างตรงกัน ไม่ตกหล่น จากนั้นครจงเสนอประเดนก ากับ
ุ
ึ
ิ
่
ุ
กรณตัวอย่างให้ผู้เรยนน าไปอภปรายถกแถลง เพือหาค าตอบในกล่มย่อย
ี
ี
ใบงานที่ 5
ื่
่
กรณีตัวอยางเรอง “สูไหม”
้
“สูไหม”
้
ึ
ึ
ื
ื
ผมตกใจสะด้งตนข้นเมอเกิดเสยงเอะอะ พอลมตาข้นมา เหนทกคนยืนกันเกือบหมดรถ “ทกคน
ี
่
่
ื
ุ
ุ
็
ุ
ี
นั่งลงอยู่น่ง ๆ อย่าเคลอนไหวไม่งั้นยิงตายหมด” เสยงตวาดลั่นออกมาจากปากของเจ้าชายหน้าเห้ยม คอสั้น
่
ิ
ื
ี
ี
่
ื
ี
่
ทยืนอยู่หน้ารถ ก าลังใช้ปนจ่ออยู่ทคอของคนขับ
ผมรทันทว่ารถทัวรทผมโดยสารคันน้ ีถกเล่นงานโดยเจ้าพวกวายรายแน่ หันไปดด้านหลัง
ู
ู
้
้
ู
่
ี
์
ี
ื
๋
ื
เหนไอ้วายรายอกคนหนงถอปนจังก้าอยู่ ผมใช้มออันสั่นเทาล้วงลงไปในกระเปากางเกง คล า .38 เห่าไฟ
ึ
ื
็
่
ี
้
ู
่
ี
ของผมซงซ้อออกมาจากรานเมอบ่ายน้เอง นกในใจว่า “โธ่เพิ่งซ้อเอามายังไม่ทันยิงเลย เพียงใส่ลกเต็ม
ื
ื
่
้
ึ
ื
ึ
ู
เท่านั้นเองก็จะถกคนอนเอาไปเสยแล้ว”
ื่
ี
ึ
๋
เสยงเจ้าตาพองหน้ารถตะโกนขู่บอกคนขับรถ “หยุดรถเดยวน้ มงอยากตายโหงหรอไง” ผมนก
ี
ึ
ื
ี
ี
ี
ในใจว่า เดยวพอรถหยุดมันคงต้องให้เราลงจากรถแล้วกวาดกันเกล้ยงตัว แต่ผมต้องแปลกใจแทนทรถ
๋
ี
่
ี
ี
ี
จะหยุดมันกลับยิ่งเรวข้นทกท ทกท ยิ่งไปกว่านั้นรถกลับส่ายไปมาเสยด้วย ไอ้พวกมหาโจรเซไปเซมา
ึ
ุ
ี
็
ุ
ี
แต่เจ้าตาพองยังไม่ลดละ แม้จะเซออกไปมันก็กลับวิ่งไปยืนประชดคนขับอก พรอมตะโกนอยู่ตลอดเวลา
้
ิ
ี
ี
ี่
“หยุดโว้ย หยุด ไอ้น กูลงไปได้ละมง จะเหยียบให้คาส้นทเดยว”
ึ
ี
รถคงตะบงไปต่อ คนขับบ้าเลอดเสยแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าเขาคดอย่างไร ขณะนั้นผมกวาดสายตา
ื
ึ
ิ
่
้
ี
็
ี
็
เหนผู้ชายทนั่งถัดไปทางม้านั่งด้านซ้าย เปนต ารวจยศจ่าก าลังจ้องเขม็งไปทไอ้วายรายและถัดไปอก
่
ี
ื
็
ี
เปนชายผมสั้นเกรยนอก 2 คน ใส่กางเกงสกากี และสข้ม้า ผมเข้าใจว่าคงจะเปนต ารวจหรอทหารแน่ ก าลัง
ี
ี
็
ี
ี
ื
๋
เอามอล้วงกระเปากางเกงอยู่ทั้งสองคน
ี
บรรยากาศตอนนั้นช่างเครยดจรง ๆ ไหนจะกลัวปล้น ถกยิง ไหนจะกลัวรถคว า ทกคนเกรงไปหมด
ุ
ิ
ู
่
็
ุ
ุ
ึ
ุ
ิ
ทกส่งทกอย่างถงจดวิกฤตแล้ว
186
ประเด็น
ุ
ิ
์
ุ
ุ
1. ถ้าคณอยู่ในเหตการณอย่างผม คณจะตัดสนใจอย่างไร
ึ
่
ิ
ี
ุ
ิ
2. ก่อนทคณจะตัดสนใจ คณคดถงอะไรบ้าง
ุ
แนวทางการท ากิจกรรม
ุ
ู
ี
ุ
ุ
็
่
ุ
ุ
็
ื
ี
ครแบ่งกล่มผู้เรยนออกเปน 2 - 3 กล่มย่อย ให้ผู้เรยนเลอกประธานกล่มและเลขานการกล่มเพือเปน
ึ
ิ
ึ
ุ
่
ิ
ี
ผู้น าและผู้จดบันทกผลการอภปรายของกล่มตามล าดับ และน าผลการอภปรายทบันทกไว้ไปเสนอ
ุ
ุ
็
ี
ี
่
ิ
ต่อทประชมใหญ่ จากนั้น ให้ผู้เรยนทกกล่มอภปรายถกแถลงเพือหาค าตอบตามประเดนทก าหนดให้
ี
ุ
่
่
ี
ู
ุ
ครตดตามสังเกต การใช้เหตผลของแต่ละกล่ม หากข้อมูลยังไม่เพียงพอ ครอาจช้แนะให้อภปรายเพิ่มเตมได้
ิ
ิ
ู
ิ
ุ
็
ี
ึ
เลขานการกล่มบันทกผลการพิจารณาหาค าตอบตามประเดนทก าหนด และน าค าตอบนั้นไปรายงานในท ่ ี
ุ
ุ
่
ี
ประชมกล่มใหญ่ (หากมผู้เรยนไม่มาก ครอาจให้มการสนทนาหรออภปรายถกแถลงกันในกล่มใหญ่เลย
ุ
ี
ุ
ี
ิ
ุ
ื
ู
ุ
โดยไม่ต้องแบ่งกล่มย่อยก็ได้)
ตัวอย่างข้อสรปของกรณ ี ตัวอยาง
ุ
่
ื
ตัวอย่าง เรอง “สไหม” จาก ข้อสรปผลการอภปรายจากกรณตัวอย่างเรอง
่
ู
้
่
ื
ี
ิ
ุ
็
ความเหนของผู้เรยนหลายกล่ม “สไหม”
ุ
ี
้
ู
ี่
หลายคนทเคยเสนอไว้ ดังท ี่
ั
ี่
็
ั
ุ
ื
ปรากฏในกรอบด้านขวามอ ปญหาในสังคมปจจบันซับซ้อนและเปลยนแปลงรวดเรว
ู
ั
ี
ิ
้
ตัวอย่างข้อสรปน้อาจจะ การเรยนรโดยการฟงการจ าจากการสอนการอธบายของคร ู
ี
ุ
ั
ี
่
ี
ใกล้เคยงกับข้อสรปของกล่ม อย่างเดยวคงไม่พอทจะแก้ปญหาได้อย่างยั่งยืน ทันต่อ
ุ
ี
ุ
้
ิ
ุ
์
ู
ี
ของท่านก็ได้ เหตการณการสอนให้ผู้เรยนรจักคดเอง โดยใช้ข้อมูล
ทหลากหลายอย่างน้อย 3 ประการ คอ ข้อมูลทเกียวข้องกับ
่
ี
่
ื
ี
่
หลักวิชาการ ข้อมูลเกียวกับตนเอง และข้อมูลเกียวกับสังคม
่
่
ส่งแวดล้อม มาประกอบในการคด การตัดสนใจอย่างพอเพียงก็
ิ
ิ
ิ
จะท าให้การคด การตัดสนใจเพือแก้ปญหานั้นมความมั่นใจ
ี
ิ
ิ
่
ั
และถกต้องมากข้น
ึ
ู
187
ื
ี
เมอผู้เรยนได้ร่วมท ากิจกรรม ความเชอพื้นฐานทางการศกษาผู้ใหญ่ ครบทั้ง 5 กิจกรรมแล้ว ครน า
่
ึ
ู
่
ื
่
ู
ี
ี
ุ
ู
ู
๊
๊
ุ
่
ี
กระดาษบรฟทสรปกรณตัวอย่างทั้ง 5 กิจกรรมแล้ว ครน ากระดาษบรฟทสรปกรณตัวอย่างทั้ง 5 แผ่น
ี
ุ
ิ
ุ
ิ
ตดผนังไว้ เชญทกคนเข้าร่วมประชมกล่มใหญ่แล้วให้ผู้เรยนบางคนอาสาสมัครสรปความเชอพื้นฐานทาง
ุ
ุ
ี
่
ื
ุ
่
ุ
ุ
ู
ั
ึ
การศกษาผู้ใหญ่ให้เพือนฟง จากนั้นครสรปสดท้ายด้วยบทสรปตัวอย่างดังน้ ี
ื
่
ความเชอพื้นฐานทางการศกษาผู้ใหญ่ เชอว่าคนทกคนมพื้นฐานทแตกต่างกัน ความต้องการ
ึ
่
ื
่
ี
ุ
ี
ู
็
ึ
ิ
ุ
่
ึ
ี
ุ
ุ
ุ
ก็ไม่เหมอนกันแต่ทกคนก็มจดม่งหมายปลายทางของตนทจะก้าวไปส่ความส าเรจ ซงถ้าบรรลถงส่งนั้นได้
ี
ื
่
ุ
ิ
่
ื
่
ี
ี
ี
เขาก็จะมความสข ดังนั้น ความสขเหล่าน้จงเปนเรองต่างจตต่างใจทก าหนดตามสภาวะของตนอย่างไรก็ตาม
ุ
็
ึ
ื
ี
ั
็
ุ
ี
การจะมความสขอยู่ได้ในสังคม จ าเปนต้องปรบตัวเอง และสังคมให้ผสมกลมกลนกันจนเกิดความพอด
่
่
ี
แก่เอกัตภาพ และบางคร้งหากเปนการตัดสนใจทได้กระท าดทสดตามก าลังของตัวเองแล้ว ก็จะมความพอใจ
ี
ี
ิ
ี
็
ั
ุ
่
่
ึ
ี
ิ
่
ี
ั
ี
็
ี
ี
กับการตัดสนใจนั้น อกประการหนงในสังคมทมการเปลยนแปลงอย่างรวดเรวน้ การทจะปรบตัวเองและ
่
ี
ี
ิ
็
ี
้
ู
ี
ั
ิ
้
ู
่
ส่งแวดล้อมให้เกิดความพอดนั้น จ าเปนต้องรจักการคด การแก้ปญหา การเรยนการสอนทจะให้คนรจัก
ั
้
ี
ิ
้
ู
แก้ปญหาได้นั้น การสอนโดยการบอกอย่างเดยวคงไม่ได้ประโยชนมากนัก การสอนให้รจักคด รจัก
์
ู
ิ
์
ี
่
ึ
ี
ี
ี
ั
วิเคราะหจงเปนวิธทควรน ามาใช้กระบวนการคด การแก้ปญหามหลากหลายวิธแตกต่างกันไป แต่
็
่
ิ
ิ
ั
ี
์
กระบวนการคด การแก้ปญหาทต้องใช้ข้อมูลประกอบการคด การวิเคราะหอย่างน้อย 3 ประการ คอข้อมูล
ื
่
ิ
ิ
่
่
ึ
ี
ทางวิชาการ ข้อมูลเกียวกับตัวเอง และข้อมูลเกียวกับสังคมและส่งแวดล้อม ซงเมอน าผลการคดน้ ไปปฏบัต ิ
ื
ิ
่
ี
ี
ิ
ุ
ิ
็
แล้วพอใจ มความสข ก็จะเรยกการคดเช่นนั้นว่า คดเปน
บทสรุป
ื
เราได้เรยนรถงความเชอพื้นฐานทางการศกษาผู้ใหญ่ โดยการท ากิจกรรมร่วมกันทั้ง 5 กิจกรรมแล้ว
ึ
้
ึ
ี
่
ู
ื
ื
็
ิ
ี
ี
่
ดังบทสรปทได้ร่วมกันเสนอไว้แล้ว ความเชอพื้นฐานทสรปไว้น้คอ ความเชอพื้นฐานทเปนความจรงในชวิต
่
ี
ุ
ี
่
่
ี
ุ
่
ื
็
ี
ี่
ของคนท กศน. น ามาเปนหลักให้คนท างาน กศน. ตลอดจนผู้เรยนได้ตระหนักและเข้าใจแล้วน าไปใช้ในการ
ิ
่
ั
ื
็
ด ารงชวิตเพือการคด การแก้ปญหา การท างานร่วมกับคนอน การบรหารจัดการในฐานะเปนนายเปนผู้น า
ิ
่
ี
็
ื
็
ั
หรอผู้ตาม ในฐานะผู้สอน ผู้เรยนในฐานะเปนสมาชกในครอบครว สมาชกในชมชนและสังคม เพื่อให้รจัก
ิ
ี
ู
้
ุ
ิ
้
ี
่
่
ี
ิ
้
ตัวเอง รจักผู้อน รจักสภาวะส่งแวดล้อม การคดการตัดสนใจต่าง ๆ ทค านงถงข้อมูลทเพียงพออย่างน้อย
ิ
ื
ึ
่
ู
ิ
ู
ึ
่
่
ื
ิ
ประกอบด้วยข้อมูล 3 ด้าน คอ ข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลเกียวกับตนเองและข้อมูลเกียวกับสังคม ส่งแวดล้อม
ี
ั
็
ิ
ิ
ื
่
ี
ั
ด้วยความใจกว้าง มอสระ ยอมรบฟงความคดเหนของผู้อนไม่เอาแต่ใจตนเอง จะได้มสต รอบคอบ ละเอยด
ี
ิ
ี
่
ถถ้วน ไม่ผิดพลาดจนเกินไป เราถอว่าความเชอพื้นฐานทางการศกษาผู้ใหญ่ ดังกล่าวน้ คอ พื้นฐานเบ้องต้น
ื
่
ื
ึ
ี
ื
ื
ื
ิ
ี
็
ิ
ู
็
ของการน าไปส่การคดเปน หรอเรยกตามภาษานักวิชาการว่า ปฐมบทของกระบวนการคดเปน
188
็
็
ื่
เรองที่ 2 คิดเปนและกระบวนการคิดเปน
็
2.1 แนวคิดและทิศทางของการคิดเปน
่
“คดเปน” เปนค าไทยสั้น ๆ ง่าย ๆ ทดร.โกวิท วรพิพัฒน ใช้เพืออธบายถงคณลักษณะทพึงประสงค์
ิ
็
ิ
ี
ี
์
็
ุ
่
ึ
่
่
ี
ี
ิ
ี
ุ
ของคนในการด ารงชวิตอยู่ในสังคมทมการเปลยนแปลงอย่างรวดเรว รนแรง และซับซ้อน ได้อย่างปกตสข
็
ี
่
ุ
ื
ื
่
ุ
็
ิ
“คดเปน” มาจากความเชอพื้นฐานเบ้องต้นทว่าคนมความแตกต่างกันเปนธรรมดา แต่ทกคนมความต้องการ
ี
็
ี
่
ี
ื
ี
ี
ั
ี
่
ุ
ุ
ุ
ิ
ื
ื
สงสดเหมอนกันคอความสขในชวิต คนจะมความสขได้ก็ต่อเมอมการปรบตัวเองและสังคม ส่งแวดล้อมให้
ู
ื
ู
ุ
ี
เข้าหากันอย่างผสมกลมกลนจนเกิดความพอด น าไปส่ความพอใจและมความสข อย่างไรก็ตามสังคม
ี
ั
ิ
็
ส่งแวดล้อมไม่ได้หยุดน่ง แต่จะมการเปลยนแปลงอย่างรวดเรวและรนแรงอยู่ตลอดเวลาก่อให้เกิดปญหา
ุ
ิ
ี
ี
่
เกิดความทกข์ ความไม่สบายกายไม่สบายใจข้นได้เสมอ กระบวนการปรบตนเองกับสังคมส่งแวดล้อม
ึ
ิ
ุ
ั
ั
ให้ผสมกลมกลนจงต้องด าเนนไปอย่างต่อเนองและทันการ คนทจะท าได้เช่นน้ต้องรจักคด รจักใช้สตปญญา
ิ
่
ี
ึ
่
ู
ิ
้
ื
ู
้
ี
ิ
ื
่
ี
่
ิ
้
ิ
็
ี
รจักตัวเองและธรรมชาตสังคมส่งแวดล้อมเปนอย่างด สามารถแสวงหาข้อมูลทเกียวข้องอย่างหลากหลาย
ู
่
่
ี
และพอเพียง อย่างน้อย 3 ประการ คอ ข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลทางสังคมส่งแวดล้อม และข้อมูลทเกียวข้อง
ื
ิ
่
ี
ั
ุ
็
์
ื
่
ิ
ื
กับตนเองมาเปนหลักในการวิเคราะหปญหาเพือเลอกแนวทางการตัดสนใจทดทสดในการแก้ปญหา หรอ
ี
ี
ั
่
์
ิ
สภาพการณทเผชญอยู่อย่างรอบคอบ จนมความพอใจแล้วก็พรอมจะรบผิดชอบการตัดสนใจนั้น
ี
ิ
ี
้
ั
่
อย่างสมเหตสมผล เกิดความพอดความสมดลในชวิตอย่างสันตสข เรยกได้ว่า “คนคดเปน” กระบวนการ
ิ
ุ
ี
ี
ุ
ิ
ุ
็
ี
ุ
คดเปน อาจสรปได้ดังน้ ี
ิ
็
189
็
“คิดเปน”
ปญหา ิ ็ ความสข
ั
ุ
กระบวนการคดเปน
ข้อมูลทต้องน ามาพิจารณา
ี่
ตนเอง สังคม วิชาการ
ไม่พอใจ พอใจ
การวิเคราะห์และสังเคราะห์
ประเมินผล ข้อมูล
ี่
ทหลากหลายและพอเพียง ประเมินผล
ี
อย่างละเอยดรอบคอบ
ิ
ลงมอปฎบัต ิ การตัดสนใจ ลงมอปฏบัต ิ
ิ
ิ
ื
ื
ิ
ื
เลอกแนวทางปฏบัต ิ
ี
ุ
์
็
ิ
่
็
ท่านอาจารย์ ดร.โกวิท วรพิพัฒน เคยกล่าวไว้ว่า “คดเปน” เปนค าเฉพาะทหมายรวมทกอย่างไว้
ี
่
ั
ิ
ี
ในตัวแล้ว เปนค าทบูรณาการเอาการคด การกระท า การแก้ปญหา ความเหมาะสม ความพอด ความเชอ
็
่
ื
ื
็
ิ
ิ
ิ
ิ
ุ
ี
วัฒนธรรมประเพณ คณธรรมจรยธรรม มารวมไว้ในค าว่า “คดเปน” หมดแล้ว นั่นคอ ต้องคดเปน คดชอบ
็
็
ุ
่
ั
ิ
ื
ี
ี
ท าเปน ท าชอบ แก้ปญหาได้อย่างมคณธรรมและความรบผิดชอบ ไม่ใช่เพียงแค่คดอย่างเดยว เพราะเรอง
ั
์
ิ
ี
่
ดังกล่าวเปนข้อมูลทต้องน ามาประกอบการคด การวิเคราะหอย่างพอเพียงอยู่แล้ว
็
ี
ุ
ี
่
็
็
ี
กระบวนการเรยนรตามทศทางของ “คดเปน” น้ ี ผู้เรยนส าคัญทสด ผู้สอนเปนผู้จัดโอกาส
้
ิ
ู
ิ
ู
้
ุ
ี
์
จัดกระบวนการ จัดระบบข้อมูล และแหล่งการเรยนร รวมทั้งการกระต้นให้กระบวนการคด การวิเคราะหได้
ิ
ิ
็
ึ
ึ
ุ
ใช้ข้อมูลอย่างหลากหลาย ลกซ้ ึงและพอเพียง นอกจากนั้น “คดเปน” ยังครอบคลมไปถงการหล่อหลอม
ิ
ุ
็
ี
่
ิ
ู
ั
จตวิญญาณของคนท างาน กศน. ทปลกฝงกันมาจากพีส่น้องนับสบ ๆ ป เปนต้นว่า การเคารพคณค่าของ
่
ู
ี
ุ
่
ี
ี
็
ี
็
ี
ุ
ความเปนมนษย์ของคนอย่างเท่าเทยมกัน การท าตัวเปนสามัญเรยบง่าย ไม่มมม ไม่มเหลยม ไม่มอัตตา
ี
ี
ี
ี
ิ
ี
ื
ิ
่
ให้เกียรตผู้อนด้วยความจรงใจ มองในดมเสย ในเสยมด ในขาวมด า ในด ามขาว ไม่มอะไรทขาวไปทั้งหมด
ี
ี
ี
ี
ี
ี
ี
่
ี
ี
ี
่
ื
และไม่มอะไรทด าไปทั้งหมด ทั้งน้ต้องมองในส่วนดของผู้อนไว้เสมอ
ี
่
190
ิ
ื
็
็
จากแผนภมดังกล่าวน้ ี จะเหนว่า คดเปนหรอกระบวนการคดเปนนั้นจะต้องประกอบด้วย
ู
ิ
็
ิ
องค์ประกอบต่าง ๆ ดังต่อไปน้ ี
ี่
้
็
1. เปนกระบวนการเรยนรทประกอบด้วยการคด การวิเคราะห และสังเคราะหข้อมูลประเภทต่าง ๆ
ู
ี
์
์
ิ
้
ู
ั
ั
ี
ื
ื
ี
ี
ู
ื
ไม่ใช่การเรยนรจากหนังสอหรอลอกเลยนจากต าราหรอรบฟงการสอนการบอกเล่าของครแต่เพียงอย่างเดยว
์
่
ิ
2. ข้อมูลทน ามาประกอบการคด การวิเคราะหต่าง ๆ ต้องหลากหลาย เพียงพอ ครอบคลม
ี
ุ
่
่
ิ
ื
อย่างน้อย 3 ด้าน คอ ข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลเกียวกับตนเอง และข้อมูลเกียวกับสังคมส่งแวดล้อม
ู
้
็
ี
ู
ี
็
3. ผู้เรยนเปนคนส าคัญในการเรยนร ครเปนผู้จัดโอกาสและอ านวยความสะดวกในการจัดการ
เรยนร ้ ู
ี
ิ
่
็
ู
ึ
้
ิ
์
ั
ิ
ิ
ี
ี
ิ
4. เรยนรจากวิถชวิต จากธรรมชาตและภูมปญญา จากประสบการณและการปฏบัตจรง ซงเปนส่วน
ี
ี
ู
้
ี
ึ
หนงของการเรยนรตลอดชวิต
่
ิ
5. กระบวนการเรยนรเปนระบบเปดกว้าง รบฟงความคดของผู้อนและยอมรบความเปนมนษย์
ื่
ี
ั
็
ั
ิ
ุ
็
้
ั
ู
่
ี
ุ
ิ
ี
้
ึ
ู
่
ี
ั
็
ทศรทธาในความแตกต่างระหว่างบคคล ดังนั้นเทคนคกระบวนการทน ามาใช้ในการเรยนรจงมักจะเปน
ุ
ุ
์
่
ิ
ี
วิธการสานเสวนา การอภปรายถกแถลง กล่มสัมพันธเพือกล่มสนทนา
ุ
ิ
6. กระบวนการคดเปนนั้น เมอมการตัดสนใจ ลงมอปฏบัตแล้วจะเกิดความพอใจ มความสข แต่ถ้า
ิ
่
ื
ี
็
ิ
ี
ิ
ื
ิ
ุ
้
ลงมอปฏบัตแล้วยังไม่พอใจก็จะมสตไม่ทรนทราย ไม่เดอดเน้อรอนใจ แต่จะกลับย้อนไปหาสาเหต
ื
ื
ุ
ุ
ื
ิ
ิ
ี
ิ
ื
ิ
แห่งความไม่ส าเรจ ไม่พึงพอใจกับการตัดสนใจดังกล่าว แล้วแสวงหาข้อมูลเพิ่มเตม เพือหาทางเลอกในการ
็
่
ั
ิ
ั
แก้ปญหาแล้วทบทวนการตัดสนใจใหม่จนกว่าจะพอใจกับการแก้ปญหานั้น
ู
็
ี
ิ
ท่านมความเข้าใจเรองคดเปนมากน้อยเพียงใด ครให้คะแนนผู้เรยนแต่ละคนด้วยเครองหมาย
ื
่
ื
่
ี
ี
เข้าใจดมาก เข้าใจดพอควร
ี
็
2.2 คิดเปนและการเชอมโยงสูปรชญาคิดเปน
ั
่
็
ื
่
พจนานกรมไทยฉบับราชบัณฑตยสถาน พ.ศ. 2543 ให้นยามค าว่า ปรชญา ไว้ว่า วิชาว่าด้วยหลัก
ุ
ั
ิ
ิ
แห่งความรและหลักแห่งความจรง
ิ
ู
้
คดเปน คอ ลักษณะอันพึงประสงค์ทช่วยให้คนสามารถด ารงชวิตอยู่ในสังคมทเปลยนแปลงอยู่
ื
่
่
็
ี
ี
ี
ิ
่
ี
ั
็
ิ
ุ
ื
่
ิ
ี
่
ิ
็
ุ
ตลอดเวลา ได้อย่างสันตสข เพราะคนคดเปนเชอมั่นในหลักแห่งความเปนจรงของมนษย์ทยอมรบในความ
ี
ุ
่
แตกต่าง ของบคคล รจักปรบตัวเองและสังคมให้ผสมกลมกลนจนเกิดความพอดและพอเพียง และเชอมั่นใน
ื
ื
ู
้
ั
การตัดสนใจแก้ปญหาทใช้ข้อมูลประกอบการคด การวิเคราะหอย่างน้อย 3 ประการ จนเกิดความพอใจกับ
ิ
์
ี
่
ั
ิ
ุ
่
ี
์
การตัดสนใจนั้นก็จะเปนการแก้ปญหาทประสบความสข ถ้ายังไม่พอใจก็จะกลับไปศกษาวิเคราะหข้อมูล
ึ
ิ
็
ั
ิ
่
ี
ี
ี
่
ุ
ู
์
ิ
้
ใหม่ทเพียงพอ และทันเหตการณจนกว่าจะพอใจกับการตัดสนใจของตนเอง คนทจะท าได้เช่นน้ต้องรจักคด
้
้
้
ู
รจักใช้สตปญญา รจักตัวเอง รจักธรรมชาต สังคมส่งแวดล้อมเปนอย่างด มความรอบรทจะแสวงหาข้อมูลมา
ี
็
ิ
ั
ิ
ิ
่
ี
ู
ู
ู
ี
้
ิ
์
ประกอบการคด การวิเคราะหของตนเองได้
191
่
ุ
ิ
ื
็
็
ิ
ิ
ิ
็
็
คดเปน นอกจากจะเปนความเชอในหลักความเปนจรงตามธรรมชาตของมนษย์ดังกล่าวแล้ว คดเปน
ิ
ิ
ยังเปนหลักการและแนวคดส าคัญในการจัดด าเนนโครงการต่าง ๆ ทางการศกษาผู้ใหญ่ การศกษา
็
ึ
ึ
ี
ิ
่
่
ี
ื
ั
ี
็
ุ
ี
นอกโรงเรยนตั้งแต่ในอดตทผ่านมาถงปจจบัน โดยเฉพาะในเรองของความเปนธรรมชาต ความเรยบง่าย
ึ
ิ
ี
์
็
ุ
ี
่
ทหลากหลาย มข้อมูลให้พิจารณาทั้งด้านบวกและด้านลบ มประเดนให้คด วิเคราะห แสวงหาเหตผลในการ
ี
ุ
ี
่
หาค าตอบทเหมาะสมให้กับตนเองและชมชน
คดเปน นอกจากจะเปนหลักในการด าเนนโครงการการศกษาผู้ใหญ่ การศกษานอกโรงเรยนแล้ว
ิ
ึ
ี
็
็
ึ
ิ
ยังเปนหลักคดและแนวทางในการด าเนนชวิตประจ าวันของคนท างานการศกษานอกโรงเรยนและบคคล
ี
ิ
ุ
็
ิ
ึ
ี
็
็
ุ
ุ
ี
ี
็
ทั่วไป เปนต้นว่า การเคารพในคณค่าของความเปนมนษย์ของคนอย่างเท่าเทยมกัน การท าตัวเปนคนเรยบง่าย
ิ
้
ี
ู
ู
ี
ั
ั
่
ี
ี
ี
ไม่มอัตตายึดเหนยวจนไม่รบฟงความคดของผู้อน รวมทั้งการมทักษะการเรยนรเพือการเรยนรตลอดชวิตด้วย
่
่
้
ื
ี
็
็
่
ื
็
จากการทคดเปน เปนทั้งความเชอในหลักความเปนจรงของมนษย์ เปนทั้งหลักการ แนวคด และ
ิ
ุ
็
ี
่
ิ
ิ
ิ
ี
ทศทางการด าเนนกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ของ กศน. และเปนพื้นฐานทส าคัญในวิถการด าเนนชวิต
ี
ี
่
ิ
ิ
็
ี
ิ
ี
ของบคคลทั่วไป รวมทั้งเปนการส่งเสรมให้มทักษะการเรยนรเพือการเรยนรตลอดชวิตในอนาคต คดเปนจง
ี
้
ู
ิ
ี
่
ุ
ู
ึ
็
็
้
ี
ี
็
ึ
็
็
็
ั
่
่
เปนทยอมรบและก าหนดให้เปน “ปรชญาคดเปน” หรอปรชญาการศกษานอกโรงเรยนทเหมาะสมกับความเปน
ั
ื
ั
ิ
ี
็
กศน. เปนอย่างยิ่ง
ั
้
็
2.3 กระบวนการและขันตอนการแกปญหาของคนคิดเปน
้
ิ
ิ
่
่
็
ู
ึ
ี
คนคดเปนเชอว่าทกข์หรอปญหาเปนความจรงตามธรรมชาตทเกิดข้นได้ก็สามารถแก้ไขได้ ถ้ารจัก
ั
็
้
ื
ิ
ื
ุ
ื
ี
่
่
แสวงหาข้อมูลทหลากหลายและพอเพียงอย่างน้อย 3 ด้าน คอ ข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลเกียวกับสภาวะ
่
ี
่
้
ิ
ี
ุ
ี
ี
แวดล้อมทางสังคมในวิถชวิต วิถวัฒนธรรมประเพณ วิถคณธรรมจรยธรรม และข้อมูลทเกียวกับตนเอง รจัก
ี
ู
ี
ุ
ึ
่
ตนเองอย่างถ่องแท้ ซงครอบคลมถงการพึงพาตนเองและความพอเพียง พอประมาณมาวิเคราะหและ
์
ึ
่
ิ
ู
สังเคราะหประกอบการคดและการตัดสนใจแก้ปญหา คนคดเปนจะเผชญกับทกข์หรอปญหาอย่างรเท่าทัน
้
์
ุ
ั
ั
ื
ิ
ิ
ิ
็
ั
ื
ื
ี
มสตไตร่ตรองอย่างละเอยดรอบคอบในการเลอกวิธการแก้ปญหาและตัดสนใจแก้ปญหาตามวิธการทเลอก
ั
ี
ี
ี
ิ
ี
่
ิ
ี
ั
ี
ุ
่
ี
แล้วว่าดทสด ก็จะมความพอใจและเต็มใจรบผิดชอบกับผลการตัดสนใจเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม สังคมในยุค
ิ
็
ิ
็
ี
ี
่
่
์
ี
โลกาภวัตนเปนสังคมแห่งการเปลยนแปลงทรวดเรวและรนแรง ปญหาก็เปลยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
่
ั
ุ
ุ
ื
ทกข์ก็เกิดข้น ด ารงอยู่ และดับไป หรอเปลยนโฉมหน้าไปตามกาลสมัย กระบวนทัศนในการดับทกข์ก็ต้อง
ุ
ี
์
ึ
่
ี
์
่
่
ี
ี
่
พัฒนารปแบบให้ทันต่อการเปลยนแปลงเหล่านั้นอยู่ตลอดเวลาให้เหมาะสมกับสถานการณทเปลยนแปลง
ู
ุ
ื
ไปด้วย กระบวนการดับทกข์หรอแก้ปญหาก็จะหมนเวียนมาจนกว่าจะพอใจอกเปนเช่นน้อยู่อย่างต่อเนอง
ั
็
ุ
ี
ื
่
ี
ตลอดชวิต
ี
็
ั
กระบวนการและขั้นตอนการแก้ปญหาแบบคนคดเปน อาจแบ่งได้ดังน้ ี
ิ
ิ
่
ั
ื
ื
ุ
็
ื
1. ขนท าความเขาใจกับทุกขและปญหา คนคดเปนเชอว่าทกข์หรอปญหาเปนเรองธรรมชาตท ี ่
่
ิ
็
้
ั
้
ั
์
เกิดข้นก็แก้ไขได้ด้วยกระบวนการแก้ปญหา
ึ
ั