วัดมณบี รรพต
ประวัติความเป็นมา
วัดมณีบรรพต เป็นวัดโบราณ เดิมเรียกว่า วัดเขาแก้ว ตามลักษณะภูมิประเทศท่ีต้ังวัดเป็นภูเขา
และมีหินแก้วสีขาวหรือหินเข้ียวหนุมานเป็นจ�ำนวนมาก สันนิษฐานว่า สร้างข้ึนสมัยอยุธยาดังมีความ
ปรากฏในพระราชพงศาวดารกรุงธนบุรีว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้เสด็จไปนมัสการพระพุทธรูป
ท่ีวัดเขาแก้ว และได้ตรัสกับพระภิกษุท่ีวัดว่า พระองค์ได้เคยกระท�ำสัตยาธิษฐานเสี่ยงพระบารมีท่ีวัดน้ี
เข้าใจว่าวัดเขาแก้วคงเป็นวัดร้างในช่วงระยะเวลาหน่ึงจนเม่ือปีพุทธศักราช ๒๓๙๕ หลวงพ่อเณร
หรือชาวบ้านเรียกว่า ขรัวเณร หรือ ขรัวตาเณร เป็นผู้ริเร่ิมสร้างวัดและปกครองวัดเป็นรูปแรก โดย
ฆราวาสทีส่ รา้ งและบรู ณะตง้ั แตต่ ้น คอื ท่านเผือก เศรษฐีเจ้าของตลาดในจังหวัดสุโขทัย ได้ทำ� การก่อสร้าง
พระอุโบสถและศาลาการเปรียญขึ้น ต่อมาพระวิสุทธิสมณาจารย์ (ตุ่น) ได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดน้ีตลอดมา
และได้รับยกฐานะเปน็ พระอารามหลวง เมอื่ ปีพทุ ธศักราช ๒๕๐๕
สถานะและทต่ี ้ัง
วัดมณีบรรพต เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่เลขท่ี ๒๘๖ ต�ำบลระแหง
อ�ำเภอเมอื งตาก จังหวัดตาก มีที่ดนิ ตัง้ วดั เนอ้ื ที่ ๑๓ ไร่ ๑ งาน
ส่งิ ส�ำคัญ
พระอโุ บสถ เปน็ อาคารคอนกรตี เสรมิ เหล็ก หลังคาลด ๒ ชัน้ มุงกระเบ้อื งเคลอื บ ประดบั ชอ่ ฟา้
ใบระกา หางหงส์ หนา้ บันลายปูนป้นั ซมุ้ ประตแู ละหนา้ ตา่ งลายปนู ปน้ั มขี นาดกว้าง ๘ เมตร ยาว ๑๖ เมตร
สร้างเมอ่ื ปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๑๓
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 439
พระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางแสดงปฐมเทศนา
พร้อมพระอคั รสาวกซ้ายขวา และมพี ระเบญจวัคคีย์
พระวิหาร ๒ หลงั
หลังแรก เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคา
มุงกระเบ้ืองเคลอื บ ภายในประดิษฐานหลวงพอ่ แสนทอง
หลังที่ ๒ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคา
มุงกระเบ้ืองเคลือบ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางแสดง
ปฐมเทศนา
พระพุทธรูปแสนทอง
หรือหลวงพ่อแสนหลวง เป็น
พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะ
สมยั เชียงแสน และเปน็ พระพุทธรปู
ประจ�ำเมอื ง
พระเจดีย์ ลักษณะรูปสี่เหลี่ยม คอระฆัง
กลมแบบหงสาวดี ขนาดฐานกว้าง ๔ วา สูง ๘ วา
สร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ ภายในบรรจุ
พระบรมสารีรกิ ธาต ุ
440 พระอารามหลวง เล่ม ๑
ความรู้เร่ือง “กฐิน”
๑. ความหมายของค�ำ
๑.๑ ค�ำวา่ กฐิน มีความหมายเกี่ยวขอ้ งกัน ๔ ประการ คอื
เป็นชื่อของกรอบไม้ อันเปน็ แมแ่ บบสำ� หรับท�ำจวี ร ซ่ึงอาจเรยี กวา่ สะดงึ ก็ได้
เปน็ ชือ่ ของผา้ ทถี่ วายแกส่ งฆเ์ พือ่ ทำ� จวี ร ตามแบบหรอื กรอบไมน้ ้นั
เปน็ ชอ่ื ของบุญกริ ยิ า ในการถวายผ้ากฐนิ เพื่อให้สงฆ์ทำ� เป็นจีวร
เป็นช่ือของสังฆกรรม คือ กิจกรรมของสงฆ์ที่จะต้องมีการสวดประกาศขอรับความเห็นชอบ
จากทีป่ ระชุมสงฆ์ในการมอบผา้ กฐนิ ให้แก่ภกิ ษรุ ปู ใดรปู หน่งึ
กฐนิ ทเี่ ปน็ ชื่อของกรอบไม้ กรอบไม้แมแ่ บบส�ำหรับท�ำจีวร ซงึ่ อาจเรียกวา่ สะดงึ ก็ไดน้ ั้น เนื่องจาก
ในคร้ังพุทธกาล การท�ำจีวรให้มีรูปลักษณะตามที่ก�ำหนดกระท�ำได้โดยยาก จึงต้องท�ำกรอบไม้ส�ำเร็จรูปไว้
เพือ่ เป็นอปุ กรณ์สำ� คัญในการทำ� เป็นผ้าห่ม หรือผ้าห่มซ้อน ทเ่ี รียกวา่ จวี รเปน็ ชอื่ รวมของผ้าผนื ใดผืนหนึ่งก็ได้
ในภาษาไทยนิยมเรียกผา้ นงุ่ ว่า สบง ผา้ หม่ วา่ จีวร ผา้ หม่ ซอ้ นวา่ สงั ฆาฏิ การทำ� ผ้าโดยอาศัยแมแ่ บบเช่นนี้
คือทาบผ้าลงไปกับแม่แบบ แล้วตัดเย็บย้อมท�ำให้เสร็จในวันนั้นด้วยความสามัคคีของสงฆ์ เป็นการร่วมแรง
ร่วมใจกันท�ำกิจท่ีเกิดข้ึน และเม่ือท�ำเสร็จหรือพ้นก�ำหนดกาลแล้ว แม่แบบหรือกฐินนั้น ก็รื้อเก็บไว้ใช้ในการ
ท�ำผ้าเช่นน้ันอีกในปีต่อ ๆ ไป การร้ือแบบไม้นี้เรียกว่า เดาะ ค�ำว่า กฐินเดาะ หรือ เดาะกฐิน จึงหมายถึง
การรอื้ ไม้แม่แบบเพอื่ เกบ็ ไว้ใช้ในการโอกาสหนา้
กฐินท่เี ปน็ ชื่อของผา้ หมายถึง ผ้าที่ถวายใหเ้ ปน็ กฐนิ ภายในก�ำหนดกาล ๑ เดอื น นับต้ังแต่วันแรม
๑ ค่�ำ เดือน ๑๑ ถงึ วันขน้ึ ๑๕ ค่ำ� เดอื น ๑๒ ผา้ ท่จี ะถวายนน้ั จะเปน็ ผ้าใหม่ หรือผา้ เทยี มใหม่ เชน่ ผา้ ฟอก
สะอาด หรือผ้าเก่า หรือผ้าบังสุกุล คือผ้าที่เขาท้ิงแล้ว และเป็นผ้าเปื้อนฝุ่นหรือผ้าตกตามร้านก็ได้ ผู้ถวาย
จะเปน็ คฤหัสถก์ ็ได้ เปน็ พระภกิ ษุหรือสามเณรก็ได้ ถวายแกพ่ ระสงฆ์แล้ว ก็เป็นอันใช้ได้
กฐนิ ที่เปน็ ช่ือของบุญกริ ิยา คือ การถวายผา้ กฐินเปน็ ทานแกพ่ ระสงฆ์ผูจ้ �ำพรรษาอยู่ในวดั ใดวดั หนง่ึ
ครบ ๓ เดือน เพ่ือสงเคราะห์ผู้ประพฤติปฏิบัติชอบ ให้มีผ้านุ่งหรือผ้าห่มใหม่ จะได้ใช้ผลัดเปลี่ยนของเก่า
ที่จะขาดหรือช�ำรุด การท�ำบุญถวายผ้ากฐิน หรือที่เรียกว่า ทอดกฐิน คือการทอดหรือวางผ้าลงไปแล้ว
กลา่ วคำ� ถวายในท่ามกลางสงฆ์ เรียกไดว้ ่า เป็นกาลทาน คอื การถวายทานที่ท�ำได้เฉพาะกาล ๑ เดือน ดังกล่าว
ในกฐนิ ทีเ่ ปน็ ชื่อของผา้ ถ้าถวายกอ่ นหน้านัน้ หรือหลงั จากนน้ั ไมเ่ ป็นกฐิน ท่านจงึ ถือว่าโอกาสท�ำไดย้ าก
กฐนิ ทเี่ ปน็ ชอื่ ของสงั ฆกรรม คือ กิจกรรมของสงฆก์ ็จะตอ้ งมีการสวดประกาศขอรบั ความเห็นชอบ
จากที่ประชมุ สงฆ์ในการมอบผา้ กฐิน ใหแ้ ก่ภกิ ษรุ ูปใดรูปหนง่ึ เมอื่ ทำ� จวี รส�ำเร็จแล้วด้วยความรว่ มมือของภิกษุ
ทั้งหลาย ก็จะได้เป็นโอกาสให้ได้ช่วยกันท�ำจีวรของภิกษุรูปอ่ืนขยายเวลาท�ำจีวรได้อีก ๔ เดือน ท้ังน้ี เพราะ
ในสมัยพุทธกาล การหาผ้าท�ำจีวรท�ำได้โดยยาก ไม่ทรงอนุญาตให้เก็บสะสมผ้าไว้เกิน ๑๐ วัน แต่เมื่อได้
ช่วยกันท�ำสังฆกรรมเร่ืองกฐินแล้ว อนุญาตให้แสวงหาผ้าและเก็บผ้าไว้ท�ำเป็นจีวรได้จนตลอดฤดูหนาว
คือจนถึงวนั ขึน้ ๑๕ ค่ำ� เดือน ๔
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 441
ข้อความดังกล่าวมาแล้วข้างต้น จะเห็นว่าความหมายของค�ำว่ากฐิน มีความหมายเกี่ยวข้องกัน
๔ ประการ เมื่อสงฆ์ท�ำสังฆกรรมเรื่องกฐินแล้ว และประชุมกันอนุโมทนากฐิน คือแสดงความพอใจว่า
ไดก้ รานกฐนิ เสร็จแล้วกเ็ ป็นอันเสร็จพิธี
๑.๒ ค�ำวา่ กรานกฐิน คือ การลาดหรือทาบผ้าลงไปกบั กรอบไมแ้ ม่แบบเพือ่ ตัดเยบ็ ยอ้ มท�ำเปน็ จวี ร
ผืนใดผืนหน่ึง
๑.๓ ค�ำว่าการจองกฐนิ คอื การแสดงความจำ� นงเปน็ ลายลักษณ์อักษร หรือดว้ ยวาจาตอ่ ทางวัดวา่
จะน�ำกฐินมาถวาย เม่ือน้ัน เม่ือน้ี แล้วแต่จะตกลงกัน แต่จะต้องภายในเขตเวลา ๑ เดือน ตามท่ีก�ำหนด
ในพระวินยั
๑.๔ คำ� วา่ อปโลกนก์ ฐนิ หมายถงึ การทภ่ี กิ ษรุ ปู ใดรปู หนงึ่ เสนอขน้ึ ในทป่ี ระชมุ สงฆถ์ ามความเหน็ ชอบ
วา่ ควรมกี ารกรานกฐนิ หรอื ไม่ เมอ่ื เหน็ ชอบรว่ มกันแลว้ จงึ หารือกนั ตอ่ ไปว่าผ้าทท่ี ำ� สำ� เร็จแลว้ ควรถวายแก่ภกิ ษุ
รปู ใด การปรกึ ษาหารอื การเสนอความเหน็ เชน่ นเ้ี รยี กวา่ อปโลกน์ (อา่ นวา่ อะ-ปะโหลก) หมายถงึ การชว่ ยกนั
มองดูว่าจะสมควรอย่างไรเพียงเท่านี้ยังใช้ไม่ได้ เมื่ออปโลกน์เสร็จแล้วจึงต้องสวดประกาศเป็นการสงฆ์
จงึ นับเปน็ สงั ฆกรรมเรื่องกฐินดังกลา่ วไวแ้ ลว้ ในตอนตน้
ในปัจจุบัน มีผู้ถวายผ้ากฐินมากข้ึน มีผู้สามารถตัดเย็บย้อมผ้าท่ีท�ำเป็นจีวรได้แพร่หลายขึ้น การใช้
แมแ่ บบอย่างเกา่ จึงเลิกไป เพียงแต่รกั ษาชอื่ และประเพณไี ว้ โดยไมต่ ้องใช้กรอบไมแ้ มแ่ บบเพยี งถวายผ้าขาว
ใหต้ ดั เยบ็ ยอ้ มใหเ้ สรจ็ ในวนั นน้ั หรอื อกี อยา่ งหนงึ่ นำ� ผา้ สำ� เรจ็ รปู มาถวาย กเ็ รยี กวา่ ถวายผา้ กฐนิ เหมอื นกนั และ
เนอ่ื งจากยงั มปี ระเพณนี ยิ มถวายผา้ กฐนิ กนั แพรห่ ลายไปทวั่ ประเทศไทย จงึ นบั วา่ ประเพณนี ยิ มในการบำ� เพญ็ กศุ ล
เรอื่ งกฐินน้ี ยังเป็นสาธารณประโยชน์รว่ มไปกับการบูรณปฏิสังขรณว์ ัดวาอารามไปในขณะเดยี วกนั
๒. ตำ� นาน
คร้ังพุทธกาลมีเร่ืองเล่าไว้ในคัมภีร์พระวินัยปิฎก กฐินขันธกะว่า คร้ังหนึ่งภิกษุชาวเมืองปาฐา
ประมาณ ๓๐ รูป ถือธุดงควัตรอย่างย่ิงยวดมีความประสงค์จะเฝ้าพระพุทธเจ้า ซึ่งขณะน้ันประทับอยู่
ณ กรุงสาวัตถี แคว้นโกศล จึงพากันเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองน้ัน พอถึงเมืองสาเกตซ่ึงอยู่ห่างจาก
กรุงสาวัตถีประมาณ ๖ โยชน์ ก็เป็นวันเข้าพรรษาพอดีเดินทางต่อไปมิได้ต้องจ�ำพรรษาอยู่ที่เมืองสาเกต
ตามพระวินัยบัญญัติ ขณะท่ีจ�ำพรรษาอยู่ ณ เมืองสาเกต เกิดความร้อนรนอยากเฝ้าพระพุทธเจ้าเป็น
ก�ำลงั ดงั นั้น พอออกพรรษาปวารณาแลว้ ก็รบี เดนิ ทาง แต่ระยะนน้ั ยังมฝี นตกมาก หนทางท่เี ดินชุ่มไปดว้ ยน�้ำ
เป็นโคลนเป็นตมต้องบุกต้องลุยมาจนกระทั่งถึงกรุงสาวัตถี ได้เข้าเฝ้าสมความประสงค์ พระพุทธเจ้า
จึงมีปฏิสันถารกับภิกษุเหล่านั้นถึงเรื่องการจ�ำพรรษาอยู่ ณ เมืองสาเกต และการเดินทาง ภิกษุเหล่านั้น
จงึ กราบทูลถึงความตง้ั ใจความร้อนรนกระวนกระวายและการเดนิ ทางท่ลี ำ� บากให้ทรงทราบทุกประการ
พระพุทธเจ้าทรงทราบและเห็นความล�ำบากของภิกษุ จึงทรงยกเป็นเหตุและมีพระพุทธานุญาต
ให้พระภิกษุผู้จ�ำพรรษาครบถ้วนไตรมาสแล้วกรานกฐินได้ และเม่ือกรานกฐินแล้วจะได้รับอานิสงส์บางข้อ
ตามพระวินัยดังจะกล่าวตอ่ ไป
442 พระอารามหลวง เล่ม ๑
๓. ขอ้ กำ� หนดเกีย่ วกบั กฐิน
ข้อกำ� หนดเกยี่ วกับกฐนิ มีดงั ตอ่ ไปน ี้
๓.๑ จ�ำนวนพระสงฆ์ในวดั ทีท่ อดกฐนิ ได้ ถ้ากลา่ วตามหลักฐานในพระไตรปิฎก (เลม่ ๕ หน้า ๒๕๘)
ซึ่งเป็นพระพทุ ธภาษติ กล่าวว่า สงฆ์ ๔ รูป ทำ� กรรมไดท้ ุกอยา่ งเว้นการปวารณา คอื การอนญุ าตให้ว่ากลา่ ว
ตักเตือนได้ การอุปสมบทและการสวดถอนจากอาบัติบางประการ (อัพภาน) จึงหมายถึงว่าจ�ำนวนพระสงฆ์
ในวัดท่ีทอดกฐินได้จะต้องมีต้ังแต่ ๔ รูปขึ้นไป แต่หนังสืออธิบายช้ันหลังที่เรียกว่าอรรถกถา กล่าวว่า
ต้อง ๕ รปู ข้นึ ไป เมอ่ื หนงั สืออธบิ ายชั้นหลังขัดแย้งพระไตรปฎิ กใหย้ ึดพระไตรปฎิ กเป็นหลักสำ� คัญ
๓.๒ คุณสมบัติของพระสงฆ์ที่มีสทิ ธริ บั กฐนิ คอื พระสงฆท์ จ่ี ำ� พรรษาในวดั น้นั ครบ ๓ เดือน ปญั หา
ท่เี กิดขนึ้ มีอยู่ว่าจะน�ำพระสงฆ์วดั อนื่ มาสมทบ จะใช้ไดห้ รอื ไม่ ตอบวา่ ถา้ พระสงฆ์วัดทจี่ ะทอดกฐนิ นนั้ มีจ�ำนวน
ครบ ๔ รูปแล้ว จะน�ำพระสงฆ์ท่ีอ่ืนมาสมทบก็สมทบได้ แต่จะอ้างสิทธิไม่ได้ ผู้มีสิทธิเฉพาะผู้จ�ำพรรษา
ครบ ๓ เดอื นในวดั นน้ั เทา่ นนั้ การนำ� พระภกิ ษมุ าจากวดั อนื่ คงมสี ทิ ธเิ ฉพาะทที่ ายกจะถวายอะไรเปน็ พเิ ศษเทา่ นนั้
ไมม่ ีสทิ ธิในการออกเสยี งเร่ืองจะถวายผ้าแก่ภกิ ษรุ ปู นน้ั รปู นี้
๓.๓ กำ� หนดกาลทจ่ี ะทอดกฐนิ ได้ ไดก้ ลา่ วไวแ้ ลว้ ในเบอ้ื งตน้ ว่าการทอดกฐนิ นนั้ ทำ� ไดภ้ ายในเวลาจำ� กดั
คือตง้ั แต่วันแรม ๑ ค�่ำ เดอื น ๑๑ จนถึงวันขึ้น ๑๕ ค่�ำ เดอื น ๑๒ กอ่ นหน้านัน้ หรือหลังจากน้นั ไม่นบั เปน็ กฐิน
๓.๔ ข้อควรทราบเกี่ยวกับกฐินไม่เป็นอันทอดหรือเป็นโมฆะ เร่ืองน้ีส�ำคัญมาก ควรทราบท้ัง
ผู้ทอดและทั้งฝ่ายพระสงฆ์ผู้รับเพราะเป็นเรื่องทางพระวินัย (วินัยปิฎกเล่ม ๕ หน้า ๑๓๗) คือมักจะมี
พระในวดั เทีย่ วขอโดยตรงหรอื โดยออ้ ม ดว้ ยวาจาบา้ ง ด้วยหนังสือบา้ ง เชิญชวนให้ไปทอดกฐินในวดั ของตน
การท�ำเช่นน้ันผิดพระวินัยกฐิน ไม่เป็นอันกราน นับเป็นโมฆะ ทอดก็ไม่เป็นอันทอด พระผู้รับก็ไม่ได้อานิสงส์
จงึ ควรระมดั ระวงั ท�ำใหถ้ กู ต้อง และแนะน�ำผู้เขา้ ใจผดิ ปฏิบตั ผิ ดิ ใหท้ ำ� ใหถ้ กู ตอ้ งเรยี บรอ้ ย
๔. ประเภทของกฐนิ
การทอดกฐินที่ปฏิบัติกันมาในประเทศไทยตามหลักฐานที่ปรากฏนับตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย
เป็นราชธานีตราบเท่าถงึ ปัจจบุ ัน แยกเป็นประเภทใหญไ่ ดด้ ังน้ี คอื
กฐินหลวง
กฐนิ ราษฎร์
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 443
กฐนิ หลวง
มีประวัติว่า เม่ือพระพุทธศาสนาได้แพร่หลายเข้ามาในประเทศไทย และประชาชนคนไทย
ท่ีต้ังหลักแหล่ง อยู่บนผืนแผ่นดินไทยได้ยอมรับนับถือพระพุทธศาสนา ว่าเป็นศาสนาประจ�ำชาติแล้ว
การทอดกฐินก็ได้กลายเป็นประเพณีของบ้านเมืองมาโดยล�ำดับ พระเจ้าแผ่นดิน ผู้ปกครองบ้านเมือง
ทรงรับเร่ืองกฐินนี้ข้ึนเป็นพระราชพิธีอย่างหน่ึงซึ่งทรงบ�ำเพ็ญเป็นการประจ�ำ เม่ือถึงเทศกาลทอดกฐิน
การท่ีพระเจ้าแผ่นดินทรงบ�ำเพ็ญพระราชกุศลเก่ียวกับกฐินเป็นพระราชพิธีดังกล่าวนี้ เป็นเหตุให้เรียกกันว่า
กฐินหลวง
กฐินหลวงต้องเป็นกฐินที่ถวายพระอารามหลวง ส่วนกฐินที่พระเจ้าแผ่นดินถวายวัดราษฎร์ เรียกว่า
พระกฐินตน้
แต่สมัยต่อมา เร่ืองของกฐินหลวงได้เปล่ียนไปตามสภาวการณ์ของบ้านเมือง เช่น ประชาชน
มีศรัทธาเจริญรอยตามพระราชศรัทธาของพระเจ้าแผ่นดิน ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้ถวายผ้าพระกฐิน
ได้ตามสมควรแกฐ่ านะ เปน็ ตน้ เปน็ เหตุให้แบง่ แยกกฐินหลวงออกเป็นประเภท ดังทป่ี รากฏในปัจจุบนั ดงั น้ี
๑. กฐินท่ีก�ำหนดเป็นพระราชพิธี กฐินดังกล่าวนี้ พระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชด�ำเนินไปถวาย
ผา้ พระกฐินด้วยพระองค์เองเปน็ ประจ�ำ ณ วดั สำ� คญั ๆ ซ่ึงทางราชการกำ� หนดขึน้ มีหมายก�ำหนดการเสดจ็
พระราชด�ำเนินไว้อย่างเรียบร้อย ปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงถวาย
ผา้ พระกฐิน ณ วัดตา่ ง ๆ ท้งั ในกรงุ เทพมหานคร และส่วนภูมภิ าค ๑๘ วดั ซงึ่ ลว้ นแลว้ แต่เป็นพระอารามหลวง
๑. วดั บวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร
๒. วดั พระเชตพุ นวมิ ลมังคลาราม กรงุ เทพมหานคร
๓. วดั สุทัศนเทพวราราม กรงุ เทพมหานคร
๔. วดั ราชบพธิ สถติ มหาสีมาราม กรุงเทพมหานคร
๕. วดั ราชประดษิ ฐสถติ มหาสีมาราม กรงุ เทพมหานคร
๖. วดั ราชาธิวาสวิหาร กรุงเทพมหานคร
๗. วัดมกุฏกษตั รยิ าราม กรุงเทพมหานคร
๘. วดั เทพศิรนิ ทราวาส กรงุ เทพมหานคร
๙. วดั เบญจมบพิตรดสุ ติ วนาราม กรุงเทพมหานคร
๑๐. วัดราชโอรสาราม กรงุ เทพมหานคร
๑๑. วดั มหาธาตุยวุ ราชรังสฤษฎ ์ิ กรงุ เทพมหานคร
๑๒. วัดอรุณราชวราราม กรงุ เทพมหานคร
๑๓. วดั นเิ วศธรรมประวัติ พระนครศรอี ยธุ ยา
๑๔. วัดพระปฐมเจดีย ์ นครปฐม
๑๕. วัดสวุ รรณดาราราม พระนครศรีอยธุ ยา
๑๖. วดั พระศรรี ตั นมหาธาต ุ พษิ ณโุ ลก
๑๗. วดั โสมนสั วหิ าร กรุงเทพมหานคร
๑๘. วดั พระพุทธบาท สระบรุ ี
444 พระอารามหลวง เล่ม ๑
พระอารามหลวงเหล่าน้ี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชด�ำเนินไปถวายผ้าพระกฐิน
ด้วยพระองค์เอง แต่มิได้เสด็จไปท้ัง ๑๘ วัด จะเสด็จพระราชด�ำเนินเพียงบางวัดเท่านั้น นอกจากน้ัน
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหพ้ ระบรมวงศานวุ งศ์ หรือองคมนตรี หรือผทู้ รงเหน็ สมควรเปน็ ผู้แทนพระองค์
ไปถวาย ส่วนพระอารามหลวงนอกจากนี้อีกจ�ำนวน ๒๙๒ วัด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณา
โปรดเกลา้ ฯ ให้ส่วนราชการ หน่วยงาน องคก์ ร บรษิ ทั ห้างร้าน บุคคล น�ำไปถวาย
กฐนิ ทกี่ ำ� หนดเปน็ พระราชพธิ นี ที้ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ำ� นกั พระราชวงั ออกหมายกำ� หนดการ
เป็นประจ�ำปี จึงไม่มีการจองลว่ งหนา้
แนวปฏบิ ตั ิ
การเฝา้ ฯ รบั เสดจ็ ฯ งานถวายผา้ พระกฐนิ หลวงประจำ� ปี ทสี่ ำ� นกั พระราชวงั ออกเปน็ หมายกำ� หนดการ
และกำ� หนดการแต่งกายเฝ้าฯ รบั เสดจ็ ฯ
ผู้ที่เฝ้าฯ รับเสด็จฯ ตามหมายก�ำหนดการ เจ้าหน้าท่ีส�ำนักพระราชวังจะได้รับรองเชิญให้นั่งพัก
ณ ทีซ่ ึ่งจัดไวน้ อกพระอโุ บสถตามล�ำดับช้ันยศ หรือต�ำแหน่ง
งานเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินตามราชประเพณีประจ�ำปี ท่ีส�ำนักพระราชวังออกเป็นหมาย
ก�ำหนดการแต่งเครื่องแบบเต็มยศ จะมีกองเกียรติยศทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์พร้อมทั้งแตรวง
ธงประจำ� กองและทหารมหาดเล็กรกั ษาพระองค์ฯ ตงั้ แถวรบั
เม่อื ใกลเ้ วลาเสดจ็ ฯ ประมาณ ๕ หรือ ๑๐ นาที เจา้ หน้าทผ่ี ูร้ ับรองของส�ำนกั พระราชวงั จะไดเ้ ชิญ
ข้าราชการผู้มีเกียรติท่ีมาเฝ้าฯ ไปยืนเรียงแถวรอรับเสด็จฯ ตามแนวทางลาดพระบาท (ถ้าสถานที่มีไม่พอ
จะเขา้ แถว ก็คงเฝา้ ฯ ณ ทซ่ี ึ่งจดั ไว้น้ัน)
ได้เวลาเสด็จฯ ถึง แตรวงกองทหารเกียรติยศบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ผู้เฝ้าฯ ที่นั่งพัก
ยืนถวายความเคารพ ผู้มาเฝ้าที่เข้าแถวรับเสด็จฯ ถ้าสวมหมวกท�ำวันทยหัตถ์จนสุดเสียงเพลงสรรเสริญ
พระบารมแี ละถวายความเคารพเมือ่ เสด็จฯ ผ่าน
เสด็จฯ เข้าสู่พระอุโบสถ เจ้าหน้าที่ส�ำนักพระราชวัง จะได้เชิญและน�ำเฉพาะข้าราชการผู้ใหญ่
เข้าไปเฝ้าฯ ในพระอุโบสถ เม่ือเข้าไปจะต้องถวายค�ำนับ แล้วยืนอยู่ ณ เก้าอ้ีท่ีน่ังเฝ้าฯ ตามช้ันยศ
และต�ำแหน่ง เมื่อทรงปฏิบัติในการถวายผ้าพระกฐินประทับพระราชอาสน์ผู้เฝ้าฯ ถวายค�ำนับแล้วน่ังได้
เม่อื เสดจ็ ฯ กลับกป็ ฏบิ ัตทิ �ำนองเดยี วกบั เมอ่ื เสด็จฯ มาถึง
พระราชประเพณีเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน ถ้าพระอารามหลวงหรือวัดใดที่มีโรงเรียนตั้งอยู่
ย่อมจัดลูกเสือหรือนักเรียนตั้งแถวรับเสด็จฯ ถ้ามีแตรวงลูกเสือด้วย ให้บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
เม่ือเสด็จฯ ถงึ และเสด็จฯ กลบั
โรงเรียนท่จี ดั ลูกเสอื นักเรียนรบั เสด็จฯ ตามระเบยี บประเพณจี ะต้องจดั ต้งั โตะ๊ หมู่บชู า ประดษิ ฐาน
พระบรมฉายาลักษณ์แทนต้ังพระพุทธรูป มีแจกัน พานดอกไม้ และธูปเทียนพร้อม แต่ไม่ต้องจุดธูปเทียน
หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ควรมีธูปเทียนแพกระทงดอกไม้ใส่พานตั้งไว้ เป็นการถวายความเคารพสักการะ
ในการรับเสด็จฯ
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 445
อาจารย์หรือครูใหญ่ ยืนที่ข้าง ๆ โต๊ะหมู่หน้าแถวนักเรียนและลูกเสือ เมื่อเสด็จถึง ณ ที่น้ัน
อาจารย์หรือครูใหญ่ ก้าวออกมาถวายความเคารพ (ถ้าเป็นครูชายสวมหมวก ท�ำวันทยหัตถ์ ถ้าเป็นครูหญิง
ถวายความเคารพตามวิธีที่เรียกว่า ถอนสายบัว) แล้วกราบบังคมทูลรายงานจ�ำนวนอาจารย์ ครู นักเรียน
จบแล้วพับใส่ซองวางบนพานเชิญขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย แล้วถอยออกไปถวายค�ำนับก่อนที่จะกลับไปยืนเฝ้าฯ
ณ ที่เดิม
๒. กฐินต้น กฐินดังกล่าว เกิดข้ึนเพราะพระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชด�ำเนินไปถวายผ้าพระกฐิน
ณ วัดที่มิใช่พระอารามหลวง และมิได้เสด็จไปอย่างเป็นทางราชการหรืออย่างเป็นพระราชพิธี แต่เป็น
การบ�ำเพ็ญพระราชกุศลส่วนพระองค์อีกด้วย พลตรี หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักด์ิ (ม.ร.ว.เฉลิมลาภ ทวีวงศ์)
ได้เล่าประวตั เิ รอื่ งการเกดิ ขึน้ ของกฐนิ ต้นนี้ไว้ว่า
“กฐนิ สว่ นพระองค์น้ี ในสมัยกอ่ นรัชกาลที่ ๕ จะเรยี กว่าอย่างไรนั้น ยังไม่พบหลักฐาน มาเรียกกนั ว่า
กฐินต้นในรัชกาลที่ ๕ ภายหลังที่ได้มีการเสด็จประพาสหัวเมืองต่าง ๆ เม่ือปีพุทธศักราช ๒๔๔๗
การเสด็จประพาสครั้งน้ัน โปรดให้จัดให้ง่ายกว่าการเสด็จประพาสเพ่ือส�ำราญพระราชอิริยาบถอย่างสามัญ
คือ โปรดไม่ให้มีห้องตราส่ังหัวเมือง ให้จัดท�ำที่ประทับแรม ณ ที่ใด ๆ พอพระราชหฤทัยจะประทับท่ีไหน
ก็ประทับที่น้ัน บางคราวก็ทรงเรือเล็กหรือเสด็จรถไฟไปโดยมิให้ใครรู้การประพาสครั้งน้ันเรียกกันว่า
เสด็จประพาสต้น เหตุท่ีเรียกว่าประพาสต้นก็เพราะเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๔๔๗ เสด็จทรงเรือมาด
๔ แจว ประพาสในแม่น�้ำอ้อม ได้ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ซ้ือเรือมาด ๔ แจว เพ่ิมข้ึนอีกล�ำหน่ึง ส�ำหรับ
แจวตามเรือมาดพระที่น่ังเวลามีพระราชประสงค์ที่จะเสด็จพระราชด�ำเนินโดยมิให้มีใครรู้จักพระองค์
เม่ือซื้อเรือมาดได้ดังพระราชประสงค์แล้วก็ทรงพระราชทานช่ือเรือล�ำน้ันว่า เรือต้น ในวันนั้น กว่าจะเสด็จ
พระราชด�ำเนินกลบั ถึงทปี่ ระทบั แรมทเ่ี มืองราชบุรเี กือบ ๓ ทุ่ม เพราะนำ�้ เชยี่ ว ผู้คนในขบวนเสด็จเหนอื่ ยหอบ
ตามกัน และได้เริ่มเรียกการเสด็จประพาสในวันที่กล่าวนี้ว่า ประพาสต้น จึงเป็นมูลเหตุให้เรียกการเสด็จ
พระราชด�ำเนินถวายผ้าพระกฐินเป็นการส่วนพระองค์ว่า พระกฐินต้น เรียกแบบเรือนไทยที่ทรงสร้างส�ำหรับ
ประทับอยา่ งชาวบ้านวา่ เรอื นต้น กันต่อมา”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ทรงด�ำเนินตามพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงบ�ำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินต้น
เปน็ ประจำ� ทุกปี การจะเสดจ็ ฯ ไปถวายผา้ พระกฐินตน้ ท่ีวัดใดน้ันมีหลักเกณฑ์ ดังน้ี
๑. เป็นวัดทย่ี งั ไมเ่ คยเสดจ็ พระราชด�ำเนนิ ถวายผ้าพระกฐินมากอ่ น
๒. ประชาชนมีความเลื่อมใสในวัดน้ันมาก
๓. ประชาชนในท้องถิ่นนั้นไม่ค่อยมีโอกาสได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเม่ือเสด็จพระราชด�ำเนินไป
จะได้มโี อกาสเข้าเฝ้าทลู ละอองธุลีพระบาทอย่างใกลช้ ิดดว้ ย
446 พระอารามหลวง เล่ม ๑
แนวปฏิบัติ
ในกรณีท่ีเสด็จฯ ไปถวายผ้าพระกฐินเป็นการส่วนพระองค์ที่เรียกกันว่า พระกฐินต้น ส่วนมาก
จะเป็นวัดในต่างจังหวัด ส�ำนักพระราชวังจะออกเป็นหมายรับส่ัง ส่วนมากจะแต่งเคร่ืองแบบปกติขาว
เฉพาะเจ้าหน้าที่ ผู้มีหน้าท่ีเฝ้าฯ เจ้าหน้าท่ีนอกน้ันหรือข้าราชการในท้องถิ่นแต่งกายเคร่ืองแบบปกติหรือกากี
คอต้งั หรือกากีคอพบั
การเฝ้าฯ รับเสด็จฯ เจ้าหน้าที่ส�ำนักพระราชวังจะรับรองข้าราชการและผู้มีเกียรติรอเฝ้าฯ
ณ ที่ซ่งึ จัดไวน้ อกพระอโุ บสถ
การเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินในต่างจังหวัดนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องจัดข้าราชการเข้าเฝ้า
รบั เสดจ็ ฯ ณ ทซ่ี ง่ึ รถยนตพ์ ระทนี่ งั่ เทยี บ เมอื่ เสดจ็ ฯ ลงจากรถยนตพ์ ระทน่ี ง่ั ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ตอ้ งเขา้ ไปเฝา้ ฯ
ถวายค�ำนบั (ถา้ สวมหมวกทำ� วันทยหัตถ)์ แล้วกราบบงั คมทูลรายงานตนเองและเบิกข้าราชการผู้ใหญ่ท่เี ฝา้ ฯ
เช่น ขอเดชะฝา่ ละอองธลุ ีพระบาทปกเกลา้ ปกกระหมอ่ ม
ข้าพระพุทธเจ้า.................................................ผู้ว่าราชการจังหวัด.......................................ขอพระราชทาน
พระบรมราชวโรกาสเบิกผูเ้ ฝา้ ทูลละอองธุลีพระบาท (ในกรณีท่ภี รยิ าเฝ้าฯ อย่ดู ้วย) นาง..............................ภรยิ า
ข้าพระพุทธเจา้ (จะทลู เกลา้ ฯ ถวายดอกไม้ดว้ ยก็ได)้ แลว้ ตอ่ ไปควรจะกราบบังคมทูลเฉพาะข้าราชการผู้ใหญ่
ระดบั สงู เชน่ รองผูว้ ่าราชการจงั หวดั ผู้พพิ ากษา หัวหน้าศาลจังหวัด นายอำ� เภอของทอ้ งที่เสด็จฯ เท่านั้น
๓. กฐินพระราชทาน เป็นกฐินท่ีพระเจ้าแผ่นดินพระราชทานผ้าของหลวงแก่ผู้ที่กราบบังคมทูล
ขอพระราชทานเพื่อไปถวายยังวัดหลวง นอกจากวัดส�ำคัญท่ีทรงก�ำหนดไว้ว่าจะเสด็จพระราชด�ำเนิน
ด้วยพระองค์เอง ปัจจุบันก็เว้น ๑๘ วัดดังกล่าวแล้ว เหตุท่ีเกิดกฐินพระราชทานก็เพราะว่าปัจจุบันวัดหลวง
มีเป็นจ�ำนวนมาก จึงเปิดโอกาสให้กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ตลอดจนคณะบุคคลหรือบุคคลที่สมควร
รับพระราชทานผ้ากฐินไปถวายได้ และผู้ท่ีได้รับพระราชทานจะเพ่ิมไทยธรรมเป็นส่วนตัวโดยเสด็จพระราชกุศล
ตามกำ� ลังศรัทธาก็ได้
ปัจจุบันกระทรวง ทบวง กรม คณะบุคคล หรือบุคคลใดมีความประสงค์จะรับพระราชทาน
ผ้าพระกฐินไปถวาย ณ วัดหลวงวัดใดก็ติดต่อไปยังกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ตามระเบียบ
ซ่งึ เท่ากับเป็นการจองกฐนิ ไวก้ ่อน
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 447
กฐินราษฎร์
เป็นกฐินที่ราษฎรหรือประชาชน ผู้มีศรัทธาน�ำผ้ากฐินของตนไปทอด ณ วัดต่าง ๆ เว้นไว้แต่วัด
ท่ีได้กล่าวมาแล้วในเรื่องกฐินหลวง การทอดกฐินของราษฎรต้ังแต่สมัยสุโขทัยเป็นต้นมาจนกระท่ังปัจจุบัน
มชี ่อื เรียกแตกต่างกันตามลกั ษณะของวิธกี ารทอด คอื
๑. กฐินหรอื มหากฐนิ
๒. จุลกฐิน
๓. กฐินสามคั คี
๔. กฐนิ ตกค้าง
๑. กฐินหรือมหากฐิน เป็นกฐินที่ราษฎรน�ำไปทอด ณ วัดใดวัดหน่ึงซ่ึงตนมีศรัทธาเป็นการเฉพาะ
กล่าวคอื ทา่ นผู้ใดมศี รัทธาจะทอดกฐนิ ณ วัดใด กน็ ำ� ผ้ากฐิน บางครง้ั เรยี กว่า ผ้าท่ีเปน็ องค์กฐนิ ซ่ึงจะเป็น
ผ้าผืนเดียวก็ได้ หลายผืนก็ได้ เป็นผ้าขาวซ่ึงยังไม่ได้ตัดก็ได้ ตัดออกเป็นชิ้น ๆ พอที่จะประกอบเข้าเป็น
จีวรผนื ใดผนื หน่งึ ก็ได้ ท�ำเสรจ็ แลว้ ยังมิไดย้ ้อมหรือย้อมแล้วก็ไดอ้ ย่างใดอยา่ งหนึ่ง จดั เป็นองค์กฐิน
ความนิยมท่ีน�ำกฐินไปทอด ณ วัดต่าง ๆ ของราษฎรนั้น มิใช่จะมีแต่องค์กฐินดังกล่าวมาแล้ว
เทา่ นั้น เจา้ ภาพบางรายอาจมีศรัทธาถวายของอ่นื ๆ ไปพร้อมกบั องค์กฐินเรยี กกันวา่ บรวิ ารกฐิน ตามทนี่ ยิ ม
กันนั้นมีปัจจัย ๔ คือ เคร่ืองอาศัยของพระภิกษุสามเณร มีไตรจีวร บริขาร อื่น ๆ ที่จ�ำเป็น หรือเคร่ืองใช้
ประจ�ำมี มุ้ง หมอน ท่ีนอน เตียง ตั่ง โต๊ะ เก้าอี้ โอ่งน้�ำ กระถาง กระทะ กระโถน เตา ภาชนะส�ำหรับ
ใส่อาหารคาวหวาน เครื่องซ่อมเสนาสนะมี มีด ขวาน กบ ส่ิว เล่ือย ไม้กวาด จอบ เสียม ยารักษาโรค
ยาสีฟัน แปรงสีฟนั ตลอดจนเคร่อื งครวั มี ข้าวสาร ผลไม้ เป็นตน้ หรือจะมีอย่างอืน่ นอกจากกล่าวถงึ นก้ี ็ได้
ขอให้เป็นของท่ีสมควรแก่พระภิกษุสามเณรจะบริโภคเท่าน้ัน หากจะมีของส�ำหรับแจกจ่ายแก่คนที่อยู่ในวัด
หรอื คนที่มารว่ มงานกฐินดว้ ยก็ได้สุดแตก่ ำ� ลังศรัทธาและอัธยาศยั ไมตรี
นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วน้ัน ยังมีธรรมเนียมท่ีเจ้าภาพผู้ทอดกฐินจะต้องมีผ้าห่มพระประธาน
อีกหน่ึงผืน เทียนส�ำหรับจุดในเวลาที่พระภิกษุสวดพระปาติโมกข์ที่เรียกกันส้ัน ๆ ว่า เทียนปาติโมกข์
จ�ำนวน ๒๔ เล่ม และมีธงผ้าขาวเขียนรูปจระเข้หรือสัตว์น้�ำอย่างอื่น เช่น ปลา นางเงือก เป็นต้น
ส�ำหรับปักหน้าวัดที่อยู่ตามริมน้�ำ เมื่อทอดกฐินเสร็จแล้ว และมีธงผ้าขาวเขียนเป็นรูปตะขาบ ปักไว้หน้าวัด
ส�ำหรับวัดที่ตั้งอยู่บนดอยไกลแม่น้�ำ ที่ใช้ปักนี้เป็นเคร่ืองแสดงให้ทราบว่า วัดน้ัน ๆ ได้รับกฐินแล้ว
และอนโุ มทนาร่วมกศุ ลด้วยได้
อน่ึง ยังมีประเพณีนิยมอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับเวลาการทอดกฐิน ถ้าเป็นเวลาเช้าจะมีการท�ำบุญ
ถวายอาหารเพลแก่พระภิกษสุ ามเณรในวัด
กฐินท่ีราษฎรผู้เป็นเจ้าภาพน�ำองค์กฐินและบริวารกฐินไปทอดยังวัดต่าง ๆ ดังกล่าวน้ี เรียกกันว่า
กฐินหรือมหากฐิน เป็นลักษณะของกฐินท่ีราษฎรทอดกันเป็นส่วนใหญ่อยู่ในปัจจุบัน แต่เหตุท่ีเรียกว่า
มหากฐิน นน้ั อาจเป็นเพราะใหเ้ ห็นแตกตา่ งจากกฐินอีกชนิดหนงึ่ ทีเ่ รียกวา่ จุลกฐนิ ก็ได้
448 พระอารามหลวง เลม่ ๑
๒. จุลกฐิน เปน็ กฐนิ ทต่ี ้องทำ� ด้วยความเรง่ รบี เดิมเรยี กกันเป็นแบบไทย ๆ ว่า กฐนิ แลน่ เจา้ ภาพ
ผู้ท่ีจะทอดกฐินเช่นน้ี ได้ต้องมีพวกมาก มีก�ำลังมาก เพราะต้องเริ่มตั้งแต่การท�ำผ้าท่ีน�ำไปทอดตั้งแต่ต้น
กล่าวคอื เรมิ่ ตัง้ แต่นำ� ฝ้ายทแี่ ก่ใช้ไดแ้ ลว้ แต่ยังอยู่ในฝกั มปี ริมาณให้พอแก่การทจ่ี ะทำ� เป็นผ้าจวี รผืนใดผืนหนึง่
ได้แล้วท�ำพิธสี มมตวิ ่าฝา้ ยจ�ำนวนนั้น ไดม้ ีการหว่าน แตกงอกออกต้น เติบโต ผลดิ อก ออกฝกั แก่ สกุ แลว้
เกบ็ มาเอาเมลด็ ออก ดดี เปน็ ผง ทำ� เปน็ เสน้ ดา้ ยเปยี ออกเปน็ ไจ กรอออกเปน็ เขด็ แลว้ ฆา่ ดว้ ยนำ�้ ขา้ ว ตากใหแ้ หง้
ใสก่ งป่ันเส้นหลอด ใสก่ ระสวยเครือแลว้ ทอเป็นแผน่ ผ้าตามขนาดทต่ี ้องการ น�ำไปทอดเป็นผา้ กฐิน
เมื่อพระสงฆ์รับผ้านั้นแล้ว มอบแก่พระภิกษุผู้เป็นองค์ครองซึ่งพระองค์ครองจะจัดการต่อไป
ตามพระวนิ ัย
หลังจากนนั้ ผู้ทอดต้องช่วยท�ำต่อ คอื นำ� ผา้ นน้ั มาขย�ำทบุ ซกั แลว้ เอาไปตากใหแ้ หง้ แล้วนำ� มาตัด
เปน็ จวี รผืนใดผนื หน่ึง แล้วเย็บ ย้อม ตากแห้ง พับ ทับรีดเสร็จเรียบร้อยแลว้ น�ำไปถวายองค์ครองอีกคร้งั หนงึ่
เพื่อให้ทา่ นทำ� พินทุอธษิ ฐาน
เมื่อเสร็จจากการพินทุอธิษฐานแล้ว จะมีการประชุมสงฆ์แจ้งให้ทราบ พระภิกษุสงฆ์ทั้งหมด
จะอนุโมทนา เป็นอนั เสร็จพธิ ีจลุ กฐิน
แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม ในกรณีทผี่ ทู้ อดกฐินไม่มีกำ� ลังคนมากพอ จะตัดพธิ ีการในตอนต้น ๆ ออกเสียก็ได้
โดยเร่ิมด้วยการเอาผ้าขาวผืนใหญ่มากะประมาณให้พอที่จะตัดเป็นจีวรผืนใดผืนหน่ึงแล้วน�ำไปทอด เมื่อ
พระภกิ ษุสงฆท์ า่ นน�ำไปด�ำเนินการตามพระวนิ ยั แล้ว กช็ ว่ ยทำ� ต่อจากทา่ น คือ ซกั กะ ตัด เย็บย้อมใหเ้ สร็จ
แล้วน�ำกลับไปถวายองค์ครองเพื่อพินทุอธิษฐานต่อไป เหมือนวิธีท�ำท่ีกล่าวมาแล้วในการท�ำจุลกฐิน
เตม็ ตามรปู แบบ
อน่ึง ข้อท่ีควรก�ำหนดจดจ�ำไว้คือ จุลกฐินจะเป็นวิธีใดวิธีหน่ึงก็ตาม จะต้องท�ำให้เสร็จในวันเดียว
เริ่มต้นต้ังแต่เวลาเช้าถึงย่�ำรุ่งของวันรุ่งข้ึน คือต้องท�ำให้เสร็จก่อนรุ่งอรุณของวันใหม่ ไม่เช่นนั้นแล้วกฐินน้ัน
ไมเ่ ป็นกฐนิ
ส่วนบริวารของจลุ กฐนิ ผ้าหม่ ประธานและเทียนปาติโมกข์ ตลอดจนธงจระเข้ ธงตะขาบ ก็คงเปน็
เหมอื นทีก่ ลา่ วมาแล้วในเรอื่ งกฐนิ หรอื มหากฐิน
๓. กฐินสามัคคี เป็นกฐินท่ีมีเจ้าภาพหลายคนร่วมกัน มิใช่เจ้าภาพเพียงคนเดียวอย่างเร่ืองกฐิน
หรือมหากฐินทุกคนเป็นเจ้าภาพท้ังหมด ใครบริจาคมากน้อยอย่างไรไม่เป็นประมาณ แต่เพ่ือไม่ให้การจัด
งานกฐินยุ่งยากสับสนมากเกินไป ก็มักจะต้ังคณะกรรมการขึ้นคณะหน่ึงเพ่ือด�ำเนินการแล้วมีหนังสือบอกบุญ
ไปยงั ผอู้ ่นื ดว้ ย เมือ่ ไดป้ จั จยั มาเท่าไรกจ็ ัดผ้าอันเป็นองค์กฐิน รวมทั้งของบรวิ ารดงั กลา่ วแล้วนัน้ เมือ่ มปี ัจจยั เหลอื
ก็ถวายวัดไว้เพ่ือทางวัดจะน�ำไปใช้จ่ายในทางที่ควร เช่น การก่อสร้างศาสนสถาน การบูรณปฏิสังขรณ์กุฏิ
โบสถ์ เจดีย์ เป็นต้น กฐินสามัคคีนี้ มักจะน�ำไปทอดยังวัดที่ก�ำลังมีการก่อสร้างหรือก�ำลังบูรณปฏิสังขรณ์
เพื่อเปน็ การสบทบทนุ ให้สิ่งอันพึงประสงค์ของวัดใหส้ �ำเร็จเสรจ็ สนิ้ ไปโดยเรว็
เรื่องของกฐินสามัคคี เป็นเรื่องท่ีนิยมกันอย่างแพร่หลาย เพราะนอกจากจะถือกันว่าเป็นบุญ
เป็นกุศลแล้ว ยังเป็นการช่วยท�ำนุบ�ำรุงวัด ตลอดจนเป็นเรื่องเพิ่มความสนุกครึกครื้นแก่งาน เป็นสามัคคีรส
อนั เน่อื งมาจากการทอดกฐินสามคั คี
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 449
๔. กฐนิ ตกคา้ ง กฐินประเภทน้ีมีชอื่ เรียกอย่างอ่ืน อีกวา่ กฐนิ ตก หรือกฐนิ โจร ศาสตราจารยพ์ ระยา
อนุมานราชธนได้กล่าวถึงเหตุผลที่เกิดกฐินชนิดนี้ ตลอดจนช่ือท่ีเรียกไปเป็นต่าง ๆ กันของกฐินประเภทน้ี
ไว้ในเรื่องเทศกาลออกพรรษาว่า “แต่ท่ีท�ำกันเช่นน้ี ท�ำกันอยู่ในท้องถ่ินที่มีวัดมาก ซึ่งอาจมีวัดตกค้าง
ไม่มีใคร ทอดก็ได้ จึงมักมีผู้ศรัทธาไปสืบเสาะหาวัดอย่างนี้เพ่ือทอดกฐิน ตามปกติในวันใกล้ ๆ จะส้ินหน้า
ทอดกฐิน หรือในวันสุดท้าย คือวันก่อนแรม ๑ ค�่ำ เดือน ๑๒ การทอดกฐินอย่างน้ีเรียกกันว่า กฐินตกค้าง
หรอื เรยี กว่า กฐินตก บางถิ่นก็เรยี กว่า กฐินโจร เพราะกิริยาอาการท่ีไปทอดอย่างไมร่ ู้เนื้อรตู้ ัว จู่ ๆ ก็ไปทอด
ไม่บอกกล่าวล่วงหน้าให้วัดรู้เพ่ือเตรียมความพร้อม การทอดกฐินตกถือว่าได้บุญอานิสงค์แรงกว่าทอดกฐิน
ธรรมดา บางทีเตรียมข้าวของไปทอดกฐินหลาย ๆ วัด แต่ได้วัดทอดน้อยวัด เคร่ืองไทยธรรมที่ตระเตรียม
เอาไปทอดยังมีเหลืออยู่ หรือทางวัดทอดไม่ได้ ก็เอาเคร่ืองไทยธรรมเหล่าน้ันจัดท�ำเป็นผ้าป่า เรียกกันว่า
“ผ้าป่าแถมกฐิน”
สว่ นข้อแตกตา่ งของกฐนิ ประเภทน้ี คอื ไม่มกี ารจองวัดลว่ งหน้าการทอดเฉพาะวดั ท่ยี งั ไม่มีใครทอด
และอาจทอดหลายวัดได้ ตลอดจนสามารถเอาของไทยธรรมท่ีเหลือท�ำเป็นการบุญอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า
ผา้ ป่าแถมกฐนิ
๕. ขอ้ ปฏบิ ตั ใิ นการจองกฐนิ
การจองกฐิน คือ การแจ้งล่วงหน้าให้ทางวัดและประชาชนได้ทราบว่า วัดนั้น ๆ มีผู้ศรัทธาจะน�ำ
ผ้าพระกฐินมาทอดแล้ว ทั้งนี้เป็นเพราะว่าปัจจุบันมีผู้ศรัทธาทอดกฐินเป็นจ�ำนวนมาก ถ้าไม่จองไว้ก่อน
อาจไม่มีโอกาส จึงเกิดเป็นธรรมเนียมขึ้นว่าจะทอดกฐินต้องจองล่วงหน้า เพ่ือให้มีโอกาสและเพื่อไม่เกิด
การทอดซำ�้ วัดหน่งึ ปหี น่ึงทอดกฐนิ ไดค้ รัง้ เดียวและในเวลาจ�ำกดั คือ หลังจากออกพรรษาแลว้ เพียงเดือนเดยี ว
ดังกล่าวในตอนตน้ เทา่ น้ัน สว่ นกฐนิ หลวง ไมม่ ีการจองล่วงหน้า
การจองกฐินพระราชทาน ผู้ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐินไปถวายต้องเป็นพระอารามหลวง
ต้องจองล่วงหน้าและดำ� เนินการ ดงั น้ี
ส่วนกลาง
๑. กรมการศาสนาจัดท�ำประกาศกรมการศาสนา เร่ืองการขอรับพระราชทานผ้าพระกฐินแล้ว
จะแจ้งส่วนราชการ กระทรวง กรม รัฐวิสาหกิจ บริษัทห้างร้าน สมาคม มูลนิธิ ฯลฯ และเจ้าอาวาส
พระอารามหลวง เพอื่ แจง้ กำ� หนดระยะเวลาทจ่ี ะทำ� การถวายผ้าพระกฐิน
๒. ในกรุงเทพมหานคร ผู้ขอรบั พระราชทานผ้าพระกฐนิ สามารถจองกฐินพระราชทานได้ ดงั นี้
๒.๑ กองศาสนพธิ ี กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม
โทรศพั ท์ประสาน ๐ ๒๒๐๙ ๓๗๒๒
๒.๒ จองกบั พระอารามหลวงโดยตรง
๓. กรมการศาสนาจะแจ้งก�ำหนดวันถวายกฐินให้ผู้ขอรับพระราชทานทราบ เพื่อประสานงาน
กบั ทางวดั
๔. ผขู้ อรบั พระราชทานผา้ พระกฐนิ จะตอ้ งทำ� หนงั สอื ถงึ อธบิ ดกี รมการศาสนา เพอ่ื ขอรบั พระราชทาน
ผ้าพระกฐิน
450 พระอารามหลวง เลม่ ๑
๕. กรมการศาสนาท�ำหนังสือแจ้งการรับจองพระอารามหลวงที่ผู้รับพระราชทานผ้าพระกฐิน
จะน�ำผ้าพระกฐินพระราชทานไปถวาย ๑ ฉบับ และมีหนังสือนมัสการเจ้าอาวาสพระอารามหลวงท่ีผู้ขอรับ
พระราชทาน จะนำ� ผ้าพระกฐินไปถวาย ๑ ฉบบั
๖. เม่ือกรมการศาสนาจัดเตรียมเครื่องพระกฐินพระราชทานเรียบร้อยแล้ว กรมการศาสนา
จะมีหนังสือแจ้งผู้ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐิน ให้มารับเครื่องพระกฐินพระราชทานด้วยตนเอง
ท่ีกองศาสนพิธี กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม เพอื่ น�ำไปถวายยังวัดพระอารามหลวงตอ่ ไป
สว่ นภมู ิภาค
๑. กรมการศาสนาจัดท�ำประกาศกรมการศาสนา เร่ืองการขอรับพระราชทานผ้าพระกฐิน
แจ้งผ้วู ่าราชการจังหวัดทุกจงั หวัด ใหท้ ราบก�ำหนดระยะเวลาที่จะท�ำการถวายผ้าพระกฐิน เพ่อื จะไดป้ ระกาศ
ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ บริษัท ห้างร้าน สมาคม มูลนิธิ ฯลฯ ภายในจังหวัดทราบทั่วกัน พร้อมทั้ง
จะได้มอบหมายงานให้ส�ำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ และเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ในกรณี
มผี ู้ตดิ ตอ่ ขอรับพระราชทานผา้ พระกฐินกับทางวดั
๒. ผู้ขอรบั พระราชทานผา้ พระกฐินสามารถจองกฐนิ พระราชทานได้ ดังน้ี
๒.๑ สำ�นกั งานวฒั นธรรมจังหวดั ทกุ จงั หวดั
๒.๒ กองศาสนพิธี กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม หรือ
โทรศัพทป์ ระสาน ๐ ๒๒๐๙ ๓๗๒๒
๒.๓ จองกับพระอารามหลวงโดยตรง
๓. กรมการศาสนาจะแจ้งก�ำหนดวันถวายกฐินให้ผู้ขอรับพระราชทานทราบ เพ่ือประสานงาน
กบั ทางวัด
๔. เมอื่ ผขู้ อรบั พระราชทานผา้ พระกฐนิ ไดจ้ องพระอารามหลวง เพือ่ ขอรับพระราชทานผา้ พระกฐิน
ตอ้ งด�ำเนนิ การ ดังนี้
ผู้ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐินกับส�ำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ต้องท�ำหนังสือถึงอธิบดี
กรมการศาสนา ผ่านสำ� นักงานวัฒนธรรมจงั หวัด
ผู้ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐินกับพระอารามหลวง ต้องท�ำหนังสือถึงอธิบดีกรมการศาสนา
สง่ ไปทกี่ รมการศาสนา หรือผา่ นส�ำนกั งานวัฒนธรรมจงั หวัด
ผู้ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐินกับกรมการศาสนา ต้องท�ำหนังสือถึงอธิบดีกรมการศาสนา
สง่ ไปทกี่ รมการศาสนา
๕. กรมการศาสนาท�ำหนังสือแจ้งการรับจองพระอารามหลวงที่ผู้รับพระราชทานผ้าพระกฐิน
จะน�ำผ้าพระกฐินพระราชทานไปถวาย ๑ ฉบับ และมีหนังสือนมัสการเจ้าอาวาสพระอารามหลวงท่ีผู้ขอรับ
พระราชทานจะน�ำผา้ พระกฐนิ ไปถวาย ๑ ฉบับ
๖. เม่ือกรมการศาสนาจัดเตรียมเครื่องพระกฐินพระราชทานเรียบร้อยแล้ว กรมการศาสนา
จะมีหนังสือสอบถามผู้ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐิน แจ้งผู้ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐินไปถวาย
พระอารามหลวงในส่วนภูมิภาคทั้งหมด เพ่ือจะได้ทราบว่าต้องการจะรับเคร่ืองพระกฐินด้วยตนเอง
ทกี่ รมการศาสนา หรอื ใหจ้ ัดสง่ ไปยงั สำ� นักงานวฒั นธรรมจงั หวัด
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 451
๗. กรมการศาสนาท�ำหนังสือแจ้งผู้ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐิน เพ่ือให้ไปรับเครื่องพระกฐิน
ทก่ี รมการศาสนา หรือสำ� นักงานวฒั นธรรมจงั หวัด ตามท่แี จ้งไวก้ ับกรมการศาสนา
การจองกฐินราษฎร์ จะต้องจองไว้ก่อน เว้นไว้แต่กฐินตกค้างซึ่งไม่ต้องจอง วิธีจองกฐินราษฎร์
ไม่วา่ จะเปน็ กฐนิ ธรรมดา จุลกฐนิ หรอื กฐินสามัคคี มกั จะจองแบบท่ีให้โอกาสแก่ผู้มีศรัทธาจะบรจิ าคทรัพย์
มากกวา่ ทต่ี นก�ำหนด ตวั อย่างใบจองกฐนิ
ขา้ พเจ้า ชอ่ื ..................................................................................................บ้านเลขท่ี..............................................................................
ต�ำบล...................................................................อ�ำเภอ......................................................จงั หวดั ..........................................................
มีศรทั ธาปรารถนาจะทอดกฐนิ แกพ่ ระสงฆ์วัดนี้ มีองค์กฐนิ .......................................................................................................
มีบริวารกฐิน.....................................................................กำ� หนดวัน...............................เดอื น..............................................................
ปี....................................................เวลา................................................
ขอเชิญท่านทั้งหลายมาร่วมกุศลด้วย หากท่านผู้ใดมีศรัทธามากกว่าก�ำหนด ขอผู้นั้นจงได้โอกาส
เพ่ือทอดเถิด ข้าพเจ้ายนิ ดอี นโุ มทนาร่วมกุศลด้วย
ถ้าหากว่ามีผู้ศรัทธามากกว่าจะน�ำกฐินมาทอด ณ วัดเดียวกันก็ต้องท�ำใบจองดังกล่าวมานี้
มาปิดไว้ท่ีวัดในท่ีเปิดเผย เช่น ศาลาการเปรียญ เป็นต้น และเป็นธรรมเนียมท่ีถือกันว่าการที่มีผู้มาจองทับ
เช่นนี้ไม่เป็นการเสียมารยาทแต่อย่างใด แต่ถือเป็นเรื่องสนุกสนานในการท�ำบุญกุศลอย่างหน่ึง กล่าวกันว่า
การจองกฐินทับกันไปทับกันมาน้ีเองได้กลายเป็นต้นแบบของกฐินสามัคคีในเวลาต่อมา แต่ในปัจจุบันน้ี
มักไม่นิยมจองทับกันแลว้ หากผ้มู ศี รัทธาจะทอดในวดั เดยี วกนั ก็ควรร่วมกันซึง่ เรียกว่า กฐินสามคั คี
ในการทอดกฐนิ สามัคคนี ้ี ผู้ทอดอาจเชิญชวน ผ้มู จี ิตศรัทธาใหม้ ารว่ มกนั ทำ� บุญ โดยแจกใบบอกบุญ
หรือทเ่ี รียกว่าฎกี าก็ได้
๖. ขอ้ ปฏิบตั ิในการทอดกฐนิ
การทอดกฐนิ พระราชทาน
๑. เม่ือได้รับผ้าพระกฐินพระราชทานจากกรมการศาสนาแล้ว ควรถวายภายหลังวันแรม ๖ ค่�ำ
เดอื น ๑๑ หรือเม่ือพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั เสดจ็ พระราชด�ำเนินทอดพระกฐนิ วนั แรกแล้ว
๒. ให้ติดต่อกับทางวัดโดยตรง เพ่ือแจ้งวัน เวลา และขอให้เจ้าอาวาสส่ังไวยาวัจกรเตรียมสถานที่
และส่ิงจ�ำเป็นมีที่บูชาพระรัตนตรัย มีเครื่องบูชาพร้อมอาสน์สงฆ์ส�ำหรับพระสงฆ์อนุโมทนาพระกฐิน
โต๊ะขนาดกว้างพอสมควรส�ำหรับวางพานแว่นฟ้า ผ้าไตรพระกฐิน และพานเทียนพระปาติโมกข์ โต๊ะวาง
เครือ่ งบรขิ ารพระกฐนิ และเคร่ืองไทยธรรม โต๊ะเก้าอีส้ ำ� หรบั ผู้เปน็ ประธาน และผู้ไปรว่ มพธิ ีตามสมควร
452 พระอารามหลวง เลม่ ๑
๓. เมื่อถึงวันก�ำหนด ก่อนผู้เป็นประธานจะไปถึงหรือก่อนเริ่มพิธีให้เจ้าหน้าที่เชิญเครื่องพระกฐิน
จัดไว้บนโต๊ะ วางเทียนปาติโมกข์ไว้บนพาน และให้มีเจ้าหน้าท่ีแต่งเครื่องแบบหรือแต่งสากลนิยมคอยส่ง
ผ้าพระกฐินให้ผู้เป็นประธานท่ีเชิงบันไดหรือประตูเข้าสถานที่ประกอบพิธี (ปัจจุบันนิยมจัดโต๊ะหมู่
ถวายราชสกั การะพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไวท้ ห่ี นา้ พระอโุ บสถ และวางผา้ พระกฐนิ ไวท้ ่โี ตะ๊ และใหป้ ระธาน
รบั ผา้ พระกฐินจากโต๊ะหนา้ พระบรมฉายาลักษณ์น้นั
๔. ประธานรับผ้ากฐินจากเจ้าหน้าท่ีท่ีเชิงบันได พระอุโบสถผู้อุ้มประคองยืนตรงถวายความเคารพ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขณะดนตรีบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีแล้วจึงเข้าสู่พระอุโบสถตรงไป
วางไวท้ ่ีพานแว่นฟ้าซึ่งตง้ั อยู่หนา้ อาสนส์ งฆ์
๕. เมื่อวางผา้ พระกฐนิ แล้ว จดุ ธปู เทยี นเครื่องสกั การบูชาพระรตั นตรัยแลว้ กราบ ๓ หน
๖. เม่ือกราบพระรัตนตรัยแล้ว ไปท่ีพานแว่นฟ้า หยิบผ้าห่มพระประธานส่งให้เจ้าหน้าที่น�ำไปมอบ
แก่ไวยาวัจกร แล้วยกผ้าพระกฐินยกขึ้นประคองประนมมือ หันไปทางพระประธานว่า นโม ตสฺส ภควโต
อรหโต สมมฺ าสมฺพทุ ธฺ สสฺ ว่า ๓ จบ ตอ่ จากนน้ั หนั ไปทางพระสงฆ์วา่ ค�ำถวายพระกฐิน ดงั นี้
“ผ้าพระกฐินทานกับทั้งผ้าอานิสงส์บริวารท้ังปวงนี้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี
ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม
บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ กอปรด้วยพระราชศรัทธา โปรดเกล้า
โปรดกระหมอ่ มพระราชทานให.้ ...................... นอ้ มนำ� มาถวายแดพ่ ระสงฆซ์ งึ่ จำ� พรรษากาลถว้ นไตรมาสในอาวาส
วิหารนี้ ขอพระสงฆ์ จงรบั ผ้าพระกฐินทานน้ี กระท�ำกฐินตั ถารกจิ ตามพระบรมพุทธานญุ าตนน้ั เทอญ”
กล่าวถวายพระกฐินทานจบแล้วประเคน พร้อมด้วยเทียนพระปาติโมกข์เสร็จแล้ว เข้านั่ง
ณ ท่ีซึ่งจัดไว้ ระหว่างที่ผู้เป็นประธานเข้าสู่สถานที่ประกอบพิธี ผู้อยู่ในพิธีท้ังหมด ยืนแสดงความเคารพ
จนกว่าประธานจะนัง่ ลงจงึ นัง่ ลงพร้อมกนั
ถ้ามีปี่พาทย์หรือเครื่องดนตรี ให้บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีขณะผู้เป็นประธานรับผ้าไตร
จากเจา้ หนา้ ทห่ี รอื รบั ทโ่ี ตะ๊ หม่ใู นกรณที จ่ี ดั ไว้ ตอ่ จากนน้ั จงึ บรรเลงเพลงชา้ ขณะประธานเขา้ สสู่ ถานทปี่ ระกอบพธิ ี
จนถงึ เวลาจดุ ธปู เทยี นบชู าพระรตั นตรยั แลว้ จงึ สง่ เทยี นชนวนคนื ใหห้ ยดุ บรรเลงทนั ทแี มจ้ ะยงั ไมจ่ บเพลงกต็ าม
และควรมเี จ้าหนา้ ท่คี อยใหส้ ัญญาณเวลาใหเ้ ริม่ เพลงหรอื ใหห้ ยุดบรรเลง
๗. พระสงฆ์ทำ� พธิ ีกรรม
๘. เม่ือพระสงฆ์ท�ำพิธีเสร็จออกไปครองผ้า (ปี่พาทย์บรรเลงเพลงสาธุการ ถ้ามี) ครองผ้าเสร็จ
กลบั เขา้ นงั่ ยงั อาสนส์ งฆ์ (ปพ่ี าทยห์ ยดุ บรรเลง) ผเู้ ปน็ ประธานและผู้ไปรว่ มพธิ ถี วายเครอื่ งพระกฐนิ แกอ่ งคค์ รอง
เร่ิมต้ังแต่บาตรเป็นต้นไปจนถึงเคร่ืองมือก่อสร้าง ถ้าจัดเคร่ืองไทยธรรมถวายเพิ่มเติมควรถวายภายหลัง
เครือ่ งพระกฐินหลวง
๙. ถา้ มีผู้บริจาครว่ มโดยเสด็จพระราชกศุ ล ควรประกาศให้ทป่ี ระชมุ ทราบ
๑๐. พอพระสงฆ์อนุโมทนา ผู้เป็นประธานกรวดน้�ำแล้วพระสงฆ์ถวายอดิเรกจบ ประธาน
กราบพระรัตนตรยั เป็นเสร็จพิธี (ปีพ่ าทย์บรรเลงเพลงกราวร�ำ ถ้ามี)
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 453
๑๑. กรมการศาสนาเป็นผู้จัดสรรและด�ำเนินการขอพระราชทาน จึงขอให้รายงานถวายผ้าพระกฐิน
พระราชทานและยอดเงินโดยเสด็จพระราชกุศลไปยังกรมการศาสนา หลังจากถวายผ้าพระกฐินเสร็จแล้ว
เพื่อจะได้รวบรวมด�ำเนินการกราบบังคมทลู พระกรณุ า ขอพระราชทานถวายพระราชกศุ ลโดยพร้อมเพรียงกนั
การทอดกฐนิ ราษฎร์
เม่ือได้ตระเตรียมพร้อมแล้ว ถึงก�ำหนดก็น�ำผ้ากฐินกับบริวารไปยังวัดท่ีจองไว้ การน�ำไปนั้น
จะไปเงียบ ๆ หรือจะแห่แหนกันไปก็ได้ เม่ือไปถึงแล้ว พักอยู่ ณ ท่ีใดที่หนึ่งท่ีสะดวก เช่น ท่ีศาลาท่าน้�ำ
ศาลาโรงธรรม โรงอุโบสถ หรือที่ใดที่หนึ่งซ่ึงทางวัดจัดไว้ เม่ือพระสงฆ์พร้อมแล้ว ก่อนถวายกฐินอาราธนาศีล
รับศีล เมื่อรับศีลแล้วประกาศให้รู้พร้อมกัน หัวหน้าผู้ทอดกฐินหันหน้าไปทางพระพุทธรูป ตั้งนโม ๓ จบ
แล้วหันหน้ามาทางพระสงฆ์กล่าวค�ำถวายเป็นภาษาบาลี ภาษาไทย หรือท้ังสองภาษาก็ได้ ว่าคนเดียว
หรือว่าน�ำแล้วคนทั้งหลายว่าตามพร้อมกันก็ได้ การกล่าวค�ำถวายนั้นจะกล่าวเป็นค�ำ ๆ หรือจะกล่าวรวมกัน
เป็นวรรค ๆ แลว้ แต่ความสะดวกของผกู้ ลา่ วนำ� และผกู้ ล่าวตาม ค�ำถวาย มีดงั นี้
คำ� ถวายภาษาบาลี
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมมฺ าสมฺพุทฺธสฺส ว่า ๓ จบ
อมิ ํ ภนฺเต สปริวารํ ก ินทสุ สฺ ํ สงฺฆสสฺ โอโณชยาม
ทุติยมฺป ิ อิมํ ภนฺเต สปริวารํ ก ินทุสสฺ ํ สงฺฆสฺส โอโณชยาม
ตตยิ มฺปิ อมิ ํ ภนเฺ ต สปริวารํ ก ินทุสฺสํ สงฆฺ สฺส โอโณชยาม ฯ
ค�ำแปล
ขา้ แต่พระสงฆผ์ ูเ้ จริญ ข้าพเจ้าทง้ั หลาย ขอนอ้ มถวาย ซงึ่ ผ้ากฐินกับท้ังบรวิ ารนี้ แก่พระสงฆ์
แม้ค�ำรบสอง ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย ซ่ึงผ้ากฐินกับทั้งบริวารนี้
แกพ่ ระสงฆ์
แม้ค�ำรบสาม ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าท้ังหลายขอน้อมถวายซ่ึงผ้ากฐินกับทั้งบริวารน้ี
แก่พระสงฆ์
คำ� ถวายอีกแบบหน่งึ
นโม ตสสฺ ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพทุ ฺธสสฺ ว่า ๓ จบ
อิมํ ภนเฺ ต สปริวารํ ก นิ ทสุ ฺสํ สงฆฺ สสฺ โอโณชยาม
ทตุ ิยมปฺ ิ อิมํ ภนเฺ ต สปรวิ ารํ ก ินทุสฺสํ สงฆฺ สสฺ โอโณชยาม
ตติยมฺปิ อิมํ ภนเฺ ต สปรวิ ารํ ก นิ ทุสสฺ ํ สงฆฺ สสฺ โอโณชยาม
สาธุ โน ภนฺเต สงฺโฆ อิมํ สปริวารํ ก นิ ทุสฺสํ ปฏิคคฺ ณฺหาตุ
อมฺหากํ ทฆี รตฺตํ หติ าย สุขาย ฯ
ค�ำแปล
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้ากฐินกับท้ังบริวารนี้แด่พระสงฆ์ ขอพระสงฆ์จงรับผ้ากฐิน
กับท้ังบริวารนี้ ครั้นรับแล้ว จงกรานกฐินด้วยผ้าผืนน้ี เพื่อประโยชน์ เพ่ือความสุข แก่ข้าพเจ้าท้ังหลาย
สน้ิ กาลนานเทอญ ฯ
454 พระอารามหลวง เลม่ ๑
เมื่อจบค�ำถวายแล้ว พระสงฆ์รับสาธุพร้อมกัน องค์กฐินพร้อมท้ังบริวารนี้ ถ้าปรารถนาถวาย
เป็นสงฆ์ทั้งหมดก็ไม่ต้องประเคน ถ้าปรารถนาจะประเคนก็อย่าประเคนสมภาร หรือองค์ท่ีรู้ว่าจะต้องครอง
ให้ประเคนองค์อื่น องค์ท่ีเหมาะก็คือรองลงมาเฉพาะองค์กฐินน้ันไม่จ�ำเป็นต้องประเคน ส่วนบริวารนั้น
ถ้าจ�ำนงถวายแก่ภิกษุสามเณรในวัดน้ันเป็นส่วนเฉพาะก็ช่วยกันถวายโดยท่ัวกัน เม่ือประเคนเสร็จแล้ว
จะกลับเพียงน้ันก็ได้ แต่ถ้ายังไม่กลับเพียงน้ันจะรอจนพระสงฆ์อปโลกน์และมอบผ้ากฐินเสร็จแล้วก็ได้
ถ้าผ้ากฐินน้ันต้องท�ำต่อไปอีก เช่น ซัก กะ ตัด เย็บ ย้อม จะอยู่ช่วยพระก็ได้ ถ้าไม่มีอย่างนั้น
จึงมีธรรมเนียมว่า ประเคนเฉพาะองค์กฐินแก่พระรูปใดรูปหน่ึงเท่าน้ันก่อน แล้วรออยู่ เมื่อพระสงฆ์ท�ำพิธี
เบื้องต้นของทา่ นเสร็จแล้วจึงประเคนบริวารกฐนิ ภายหลัง เม่อื ประเคนเสรจ็ แล้ว พระสงฆอ์ นุโมทนา ผู้ถวาย
ท้งั หมดตงั้ ใจฟงั คำ� อนุโมทนาและขณะนน้ั เจ้าภาพกรวดน�้ำอุทศิ สว่ นกุศล
เพียงเท่านั้นเสร็จพิธีถวายกฐินส�ำหรับทายกผู้มีศรัทธา ต่อจากนั้นเป็นหน้าท่ีของพระสงฆ์
จะได้ด�ำเนินการในเร่ืองกรานกฐินต่อไป ถ้าผ้าน้ันยังไม่ส�ำเร็จรูปพระภิกษุจะต้องช่วยกันท�ำจีวร ท�ำเสร็จ
เม่ือไรแจ้งให้พระภิกษุท้ังหลายทราบเพ่ืออนุโมทนา ถ้าผ้าน้ันส�ำเร็จรูปแล้ว กิจที่พระภิกษุทั้งหลายจะต้อง
ท�ำจีวรไม่มี ท่านก็ด�ำเนินการอนุโมทนาได้ เมื่อพระภิกษุทั้งหลายได้อนุโมทนากฐินแล้วในวันน้ันช่ือว่าสงฆ์
ไดก้ รานกฐินแล้ว เป็นอันเสรจ็ พธิ ีของสงฆ์
๗. อานสิ งสห์ รือผลดขี องการทอดกฐนิ
๑. ผลดฝี ่ายผ้ทู อดและคณะ อานสิ งส์หรอื ผลดีของฝา่ ยผู้ทอดและคณะ มีดงั นี้
(๑) ชื่อว่าได้ถวายทานภายในกาลเวลาก�ำหนดท่ีเรียกว่ากาลทาน คือ ในปีหน่ึงถวายได้เพียง
ระยะเวลา ๑ เดือน เท่านั้น ในข้อถวายทานตามกาลน้ีมีพระพุทธภาษิตว่า ผู้ให้ทานตามกาลความต้องการ
ทเ่ี กิดข้นึ ตามกาลของผูน้ น้ั ยอ่ มส�ำเรจ็ ได้
(๒) ชื่อว่าได้สงเคราะห์พระสงฆ์ผู้จ�ำพรรษาให้ได้ผลัดเปล่ียนผ้านุ่งห่มใหม่ แม้ผ้ากฐินน้ัน
จะตกแก่ภิกษรุ ปู ใดรปู หนง่ึ กช็ ือ่ ว่าได้ถวายแกส่ งฆ์เปน็ สว่ นรวม มีพระพทุ ธภาษติ ว่า ผู้ใหผ้ ้าชอ่ื ว่าใหผ้ วิ พรรณ
(๓) ชื่อว่าได้ท�ำนุบ�ำรุงพระพุทธศาสนา ส่งเสริมผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบให้เป็นหลัก
เป็นตวั อย่างแห่งคณุ งามความดีของประชาชนสบื ไป
(๔) จติ ใจของผูท้ อดกฐนิ ทงั้ ๓ กาล คอื กอ่ นทอด กำ� ลงั ทอด และทอดแลว้ ทเ่ี ลอ่ื มใสศรัทธา
และปรารถนาดีน้นั จัดเป็นกุศลจติ คนทม่ี จี ิตเปน็ กศุ ลยอ่ มไดร้ ับความสขุ ความเจริญ
(๕) การทอดกฐิน ท�ำให้เกิดสามัคคีธรรม คือ การร่วมมือกันท�ำคุณงามความดี และ
ถ้าการถวายกฐินนั้นมีส่วนได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามด้วย ก็เป็นการร่วมสามัคคี เพ่ือรักษาศาสนวัตถุ
ศาสนสถานใหย้ ่งั ยืนสถาพรสบื ไป
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 455
๒. ผลดีฝ่ายพระสงฆ์ผู้รับและกรานกฐิน อานิสงส์หรือผลดีของฝ่ายพระสงฆ์ผู้รับและกรานกฐิน
มดี งั น้ี
พระพทุ ธเจ้าตรัสไว้ (ในวนิ ยั ปิฎก เลม่ ๕ หนา้ ๑๓๖) ว่าภกิ ษผุ ูก้ รานกฐนิ แล้วย่อมไดร้ บั ประโยชน์
๕ ประการ
(๑) รับนิมนต์ฉันไว้แล้วไปไหนไม่ต้องบอกลาภิกษุในวัดตามความในสิกขาบทที่ ๖ แห่ง
อเจลกวรรค ปาจิตตยี ์
(๒) ไปไหนไมต่ อ้ งนำ� ไตรจีวรไปครบส�ำรับ
(๓) เก็บผ้าที่เกดิ ขึ้นเป็นพเิ ศษ ไดต้ ามปรารถนา
(๔) จีวรอนั เกิดในทน่ี ัน้ เปน็ สทิ ธิของภกิ ษุเหลา่ นน้ั
(๕) ขยายเขตแห่งการท�ำจีวรหรือการเก็บจีวรไว้ได้จนถึงส้ินฤดูหนาว (คือจนถึงวันข้ึน ๑๕ ค�่ำ
เดอื น ๔ เปน็ วันสดุ ท้าย)
๘. ลักษณะอันเป็นประชาธิปไตยของพธิ ีกรรมกฐิน
ได้กล่าวแล้วว่าเร่ืองของกฐินเป็นสังฆกรรม คือ การกระท�ำท่ีเป็นการสงฆ์ คือ พระสงฆ์ทั้งวัด
ต้องรับรู้รับผิดชอบร่วมกันในการช่วยกันท�ำจีวรให้ส�ำเร็จ ในการประชุมกันหารือว่า จะควรมอบผ้ากฐิน
ให้ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง และแม้เพียงการปรึกษาหารือก็ยังใช้ไม่ได้ต้องมีการสวด ประกาศเป็นการสงฆ์
เสนอญัตติว่าจะมอบผ้ากฐินแก่ภิกษุรูปนั้นรูปนี้แล้วสวดประกาศจบแล้วไม่มีผู้คัดค้าน จึงจะถวายผ้านั้น
แก่องค์ครอง คือ ภิกษุผู้รับมติจากที่ประชุมให้เป็นผู้รับผ้าน้ันในนามของสงฆ์ได้ ลักษณะเช่นนี้เป็นการสอน
ให้ถือมติที่ประชุมสงฆ์เป็นใหญ่ ไม่ท�ำอะไรตามอ�ำเภอใจเป็นหลักในการปกครองคณะสงฆ์ ซ่ึงเป็นตัวอย่าง
แกก่ ารปกครองทางโลกด้วย
ข้อเสนอแนะ
๑. พุทธศาสนิกชนควรทอดกฐินให้ถูกต้องตามความมุ่งหมายของกฐิน ได้แก่ การบ�ำเพ็ญด้วยการ
ถวายผ้ากฐินแก่ภิกษุซ่ึงอยู่จ�ำพรรษาครบสามเดือนตามพระพุทธานุญาต (ในข้อน้ีโปรดดูข้อความเรื่องการ
แกป้ ญั หาเรื่องกฐินตกคา้ ง)
๒. การรวบรวมทนุ ทม่ี ผี บู้ รจิ าคเพอื่ บำ� รงุ วดั หรอื สถานศกึ ษาในวดั ควรใหเ้ ปน็ ไปตามความศรทั ธาของ
ผบู้ รจิ าคโดยมีเหตผุ ลอันสมควร เชน่ ชว่ ยปฏิสงั ขรณว์ ดั ทที่ รดุ โทรมให้ม่นั คงถาวรสืบไป
๓. ในการเดนิ ทางไปทอดกฐิน ณ วดั ทอี่ ยู่หา่ งไกลซงึ่ ผ้จู ดั มักจะพ่วงวัตถปุ ระสงค์ของการทอ่ งเทย่ี ว
ไวด้ ้วยน้ัน ควรมีมาตรการรักษาความปลอดภยั ของผู้ทจี่ ะเดินทางไปเป็นหมู่คณะ ทั้งนี้ เพื่อความไมป่ ระมาท
๔. ควรงดเว้นการเลี้ยงสุราเมรัยในระหว่างเดินทางหรือระหว่างที่มีงานกฐิน ทั้งน้ี เพื่อให้
การบำ� เพญ็ กุศลเปน็ ไปดว้ ยความมีระเบยี บเรียบรอ้ ย
๕. ควรงดการใชจ้ ่ายในสง่ิ ท่ีฟุ่มเฟอื ยและไมจ่ ำ� เป็น โดยยึดถอื การจัดให้แนวประหยดั เป็นหลกั สำ� คญั
๖. การฉลองหรอื สมโภชกฐนิ กอ่ นทอดนน้ั ควรทำ� เพยี งเพอื่ ประโยชนข์ องการนดั หมายใหพ้ รอ้ มเพรยี งกนั
และเพื่อเปน็ การส่งเสริมศรทั ธาของผู้มาร่วมงานเทา่ นัน้ ไม่ควรมุ่งความสนุกสนาน อนั มิใชว่ ัตถปุ ระสงค์ของ
การทอดกฐนิ
456 พระอารามหลวง เล่ม ๑
ถ้ามีขบวนแห่เชิญผ้าพระกฐินไป ผู้เข้าขบวนควรแต่งกายให้เรียบร้อย ถ้ามีขบวนฟ้อนร�ำควรเลือก
การแต่งกายสภุ าพ ชุดสุภาพ เพราะเป็นงานทางศาสนา
๗. การพิมพ์หนังสือแจกในงานกฐินน้ัน จะมีหรือไม่ก็ได้ไม่เป็นการบังคับ แต่ถ้ามีควรเลือกพิมพ์
หนงั สือทมี่ ีสาระประโยชน์
๘. ไม่ควรทอดกฐินในวัดท่ีพระภิกษุอยู่ในวัดนั้นบอกกล่าวโดยตรงหรือโดยอ้อมให้ไปทอด เพราะ
เปน็ การผิดพระวนิ ยั และกฐนิ ที่ทอดก็ไม่เปน็ กฐนิ ถอื เป็นโมฆะ (พระไตรปฎิ ก เล่ม ๕ หน้า ๑๓๘) แต่พระภิกษุ
ผ้อู ยู่ในวดั หนง่ึ อาจแนะน�ำให้ไปทอดในวัดอ่นื ได้
๙. ในการพิมพ์ใบบอกบุญหรือฎีกาเพื่อเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธามาร่วมท�ำบุญนั้นไม่ควรพิมพ์ช่ือบุคคล
เป็นกรรมการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของก่อน
ขอ้ เสนอแนะ
อาจพิจารณาเทียบเคียงกับข้อเสนอแนะบางประการเกี่ยวกับเรื่องกฐินได้ แต่ข้อท่ีควรเน้น
เป็นพิเศษ คือ การไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยโดยไม่จ�ำเป็น ควรพิจารณากระท�ำในทางท่ีจะเป็นประโยชน์ และ
ไม่ชักชวนกนั ไปในทางสนุกสนานเกินขอบเขต หรอื มัวเมาประมาท ซ่งึ มใิ ชค่ วามประสงคข์ องพระพุทธศาสนา
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 457
บรรณานุกรม
กรมการขนส่งทางนำ้ �และพานชิ ยนาวี. กฐนิ พระราชทาน ณ วดั ทองธรรมชาตวิ รวหิ าร. กรงุ เทพฯ : ๒๕๕๐.
กรมการปกครอง. วดั ญาณสังวรารามวรมหาวหิ าร : อนสุ รณก์ ารถวายผา้ พระกฐินพระราชทาน, ๒๕๔๗.
กรมศลิ ปากร. ปกณิ กวฒั นธรรม เลม่ ๑๓. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ หา้ งหนุ้ สว่ นจำ�กดั ทวพิ ตั ร (๒๐๐๔), พ.ศ. ๒๕๕๐.
กรมศลิ ปากร. วดั หลวงสมยั รัตนโกสินทร.์
คณะกรรมการจัดงานสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี. จดหมายเหตุการอนุรักษ์กรุงรัตนโกสินทร์.
กรุงเทพฯ : ห้างห้นุ สว่ นจำ�กดั สามัญนิตบิ คุ คล สหประชาพาณิชย,์ ๒๕๒๕.
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . สาระศาสตรค์ รั้งที่ ๑๐. พ.ศ. ๒๕๔๙.
คณะศิษยานุศษิ ย์. วดั บวรมงคล. กรุงเทพฯ : บรษิ ัท ศลิ ปส์ ยามบรรจุภัณฑแ์ ละการพิมพ์ จำ�กัด, ๒๕๕๐.
ประวัติพระอารามหลวง เล่ม ๑. สำ�นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์สำ�นักงาน
พระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาต,ิ พ.ศ. ๒๕๕๗.
ประวัติพระอารามหลวง เล่ม ๒. สำ�นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์สำ�นักงาน
พระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ, พ.ศ. ๒๕๕๗.
ประวตั ิวดั สัมพนั ธวงศารามวรวหิ าร. กรุงเทพฯ : บริษทั กราฟคิ อารต์ พรนิ้ ตง้ิ จำ�กดั , พ.ศ. ๒๕๕๐.
ประวตั ิวัดนวลนรดศิ วรวิหาร. กรุงเทพฯ : บริษทั เอ็ม.ซี ดี. การพมิ พ์ (ประเทศไทย) จำ�กัด, พ.ศ. ๒๕๔๗.
พงษเ์ ทพ ทวิ ากระจา่ ง. ประวัตวิ ดั หิรัญรูจีวรวิหาร. A.W. graphic.
พระธรรมปรยิ ัติโสภณ (วรวิทย์). วันฉลองเปรยี ญธรรม ปี ๒๕๔๗ สำ�นักเรยี นวดั โมลีโลกยาราม. กรงุ เทพฯ :
โรงพมิ พ์ บรษิ ทั สหธรรมมกิ จำ�กัด, ๒๕๔๗.
พระเทพคุณาภรณ.์ เบิกฟ้าอารามศลิ ป์ เยือนถน่ิ เทวราชกญุ ชร. กรงุ เทพฯ : บริษทั อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์
พบั ลชิ ชิ่ง จำ�กดั (มหาชน), ๒๕๕๑.
พระราชกวี และคณะ. ประวตั ิวัดราชาธิวาสวหิ าร. กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นสว่ นจำ�กดั โรงพิมพ์สุรวัฒน,์ พ.ศ. ๒๕๔๓.
พระราชสุธ.ี ธรรมะคลนิ กิ . กรงุ เทพฯ.
พระราชปญั ญารังสี และคณะ. ประวตั วิ ดั พชิ ยญาตกิ ารามวรวหิ าร. กรุงเทพฯ : ส.ยอดสิงห์การพิมพ์, ๒๕๕๐.
พระศรีสุทธิมนุ ี และคณะ. เพชรบางลำ�พ.ู กรุงเทพฯ : เจรญิ วทิ ย์การพิมพ์, ๒๕๕๑
มหาวทิ ยาลยั รัตนบณั ฑิต. อนสุ รณ์การถวายผ้าพระกฐนิ พระราชทาน. พ.ศ. ๒๕๔๗.
มหาวทิ ยาลยั รตั นบณั ฑติ . อนุสรณ์การถวายผา้ พระกฐนิ พระราชทาน วดั จนั ทนก์ ะพ้อ. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์
จามจรุ โี ปรดกั ท์, ๒๕๔๗.
มหาวิทยาลยั ศรปี ทมุ . กฐินพระราชทาน ณ วดั ศรีสุดารามวรวหิ าร. กรงุ เทพฯ : ๒๕๔๘.
วัดกัลยาณมติ รวรมหาวหิ าร. พระกฐินพระราชทาน. ๒๕๔๙.
วดั นมิ มานรดี. เอกสารถ่ายสำ�เนา.
วดั ราชโอรสาราม ราชวรวิหาร. ๒๕๔๙.
วดั อนิ ทารามวรวิหาร. หนังสอื สวดมนตท์ ำ�วตั รเช้า-เยน็ แปล และบทสวดมนต์พิเศษ.
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 459
ราชบัณฑิตยสถาน. วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร ราชบัณฑิตยสถานจัดพิมพ์เป็นท่ีระลึกงานถวาย
ผ้าพระกฐนิ พระราชทาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๘. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพม์ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย.
ราชบณั ฑิตยสถาน. วัดมหาพฤฒารามวรวหิ าร ราชบัณฑติ ยสถานจดั พมิ พ์เปน็ ทีร่ ะลกึ งานถวายผา้ พระกฐิน
พระราชทาน พทุ ธศักราช ๒๕๔๗. กรงุ เทพฯ : บริษัท ดา่ นสุทธาการพิมพ์ จำ�กดั , ๒๕๔๗.
ราชบัณฑิตยสถาน. วัดสังข์กระจายวรวิหาร ราชบัณฑิตยสถานจัดพิมพ์เป็นที่ระลึกงานถวายผ้าพระกฐิน
พระราชทาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๐. นนทบรุ ี : รา้ นนิตธิ รรมการพิมพ์, ๒๕๕๐.
สำ�นกั งานวัดยานนาวา. แนวทางการปฏบิ ัตวิ ิปสั สนากรรมฐาน สำ�นกั ปฏิบัติธรรม ประจำ�กรงุ เทพมหานคร
แหง่ ที่ ๑ วดั ยานนาวา. กรุงเทพฯ : สำ�นักพิมพ์ร่มธรรม, พ.ศ. ๒๕๕๑.
สำ�นกั งานวฒั นธรรมจงั หวัด ๗๕ จงั หวัด. ขอ้ มลู ประวัติพระอารามหลวง.
สถาปัตยกรรมและปชู นยี สถาน Attraction of Thailand. บรษิ ทั เจเนซิส มีเดยี คอม จำ�กัด, ๒๕๔๔.
http://www.dhammathai.org/watthai/bangkok/watboromniwas.php
http://www.dhammathai.org/watthai/bangkok/watthepsirin.php
http://www.dhammathai.org/watthai/central/watprapathomchedi.php
http://www.webwat.net/temple_bkk.php
arcbs.bsru.ac.th/local/tb/tb_kly.pdf
http://www.chapanakit-rta.com/4_wat2_1.asp
http://arcbs.bsru.ac.th/local/bp/bp_awskr.pdf
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=869
http://www.palungdham.com/t819.html
http://arcbs.bsru.ac.th/local/tb/tb_whrj.pdf
http://www.wathualampong.com/Folder_1/History.html
http://www.wathualampong.com/Main.htm
http://arcbs.bsru.ac.th/local/bn/bn_swnr.pdf
http://sidwatsamprayar.igetweb.com/index.php?mo=10&art=64918
http://www.watsamphraya.com/
460 พระอารามหลวง เล่ม ๑
คำ�สง่ั กรมการศาสนา
ท่ี ๒๑๙/๒๕๖๔
เรือ่ ง แต่งตง้ั คณะทำ�งานปรับปรุงหนังสอื “พระอารามหลวง เลม่ ๑ และเลม่ ๒” (พมิ พค์ รัง้ ท่ี ๒)
ด้วยกรมการศาสนาจะดำ�เนินการจดั พมิ พห์ นงั สอื “พระอารามหลวง เล่ม ๑ และเล่ม ๒” (พมิ พ์ครัง้ ท่ี ๒)
โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา สถานะและท่ีตั้ง ส่ิงสำ�คัญในพระอารามหลวง
ท่ัวประเทศ ซ่ึงเป็นการอำ�นวยความสะดวกสำ�หรับการค้นคว้าและการนำ�ข้อมูลไปใช้ประโยชน์ รวมท้ังเป็นการ
สร้างความเข้าใจ และส่งเสริมการเรียนรู้วัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนา ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อันดีในหมู่
พุทธศาสนิกชน
ในการน้ี เพื่อให้การจัดพิมพ์หนังสือเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงแต่งตั้งคณะทำ�งานปรับปรุงหนังสือ
“พระอารามหลวง เล่ม ๑ และเล่ม ๒” (พิมพ์ครง้ั ที่ ๒) โดยมีองค์ประกอบ หน้าทีแ่ ละอำ�นาจ ดงั น้ี
องคป์ ระกอบ
๑. อธิบดีกรมการศาสนา ที่ปรึกษา
๒. นายสด แดงเอยี ด ทป่ี รึกษา
๓. นายมานสั ทารตั น์ใจ ที่ปรึกษา
๔. นายชวลิต ศิรภิ ริ มย ์ ที่ปรกึ ษา
๕. รองอธิบดีกรมการศาสนา ประธานคณะทำ�งาน
๖. ผู้อำ�นวยการกองศาสนูปถมั ภ ์ คณะทำ�งาน
๗. ผู้อำ�นวยการสำ�นกั พัฒนาคณุ ธรรมจริยธรรม คณะทำ�งาน
๘. เลขานกุ ารกรม คณะทำ�งาน
๙. ผอู้ ำ�นวยการกองศาสนพิธ ี คณะทำ�งาน
๑๐. ผูอ้ ำ�นวยการกลมุ่ ศาสนสัมพันธ ์ คณะทำ�งาน
๑๑. ผู้อำ�นวยการกลมุ่ งานการจัดต้ังวัดบาทหลวงโรมนั คาทอลกิ คณะทำ�งาน
๑๒. ผ้อู ำ�นวยการกลมุ่ ประชาสัมพันธแ์ ละเทคโนโลยสี ารสนเทศ คณะทำ�งาน
๑๓. ผอู้ ำ�นวยการกล่มุ กจิ การพเิ ศษ คณะทำ�งาน
๑๔. ผู้อำ�นวยการกลมุ่ ศาสนสงเคราะหแ์ ละสง่ เสรมิ คณะทำ�งานและเลขานุการ
กจิ การพระพทุ ธศาสนา
๑๕. นางสาววรกร สุทธพิ งษ ์ คณะทำ�งานและผ้ชู ว่ ยเลขานกุ าร
๑๖. นางสาวพิจิตรา นทีรตั น ์ คณะทำ�งานและผู้ชว่ ยเลขานุการ
๑๗. นายศุภโชค ภมรสูตร ผูช้ ว่ ยเลขานกุ าร
หนา้ ที่และอำ�นาจ
ให้คณะทำ�งานมีหน้าท่ีและอำ�นาจพิจารณาปรับปรุงข้อมูลวัดที่ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวง
ให้เป็นปัจจบุ ันและครบถว้ น
ท้ังนี้ ตั้งแต่บดั นเ้ี ป็นตน้ ไป
ส่ัง ณ วันท่ี ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔
(นายเกรยี งศกั ด์ิ บุญประสทิ ธ์)ิ
อธบิ ดกี รมการศาสนา
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 461
คำ� ส่งั กรมการศาสนา
ท่ี ๒๐๘/๒๕๕๑
เร่อื ง แตง่ ตัง้ คณะท�ำงานจดั ท�ำหนังสอื พระอารามหลวง
กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดท�ำหนังสือประวัติพระอารามหลวงท่ัวประเทศ ท้ังนี้
เพ่ือเป็นการสนองงานพระราชพิธี พระราชกุศล ของสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะการด�ำเนินงาน
จดั เครอ่ื งพระกฐนิ ถวายพระอารามหลวง และเปน็ การอำ� นวยความสะดวกแกผ่ ตู้ ดิ ตอ่ ขอรบั พระราชทานเครอื่ งพระกฐนิ
จงึ แต่งต้ังคณะท�ำงานจดั ท�ำหนงั สอื พระอารามหลวง ดงั รายนามต่อไปนี้
๑. อธบิ ดกี รมการศาสนา ท่ปี รึกษา
๒. รองอธบิ ดกี รมการศาสนา ท่ปี รกึ ษา
๓. ผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั พัฒนาคุณธรรมจริยธรรม ทป่ี รึกษา
๔. เลขานกุ ารกรมการศาสนา ที่ปรกึ ษา
๕. ผอู้ �ำนวยการกองศาสนูปถัมภ์ ประธานคณะทำ� งาน
๖. นายเอนก ข�ำทอง คณะท�ำงาน
๗. นายปัญญา สละทองตรง คณะท�ำงาน
๘. นายสุวรรณ กลน่ิ พงศ ์ คณะท�ำงาน
๙. นายเกรียงศกั ด์ิ บญุ ประสิทธ ์ิ คณะท�ำงาน
๑๐. นางสาวสณุ ี หวงั สันติตระกลู คณะทำ� งาน
๑๑. นายประภาส แก้วสวรรค ์ คณะท�ำงาน
๑๒. นางสาวเรณู รตั นชัยเดชา คณะทำ� งาน
๑๓. นางสาวอรพรรณ คมั ภรี ศลิ ป์ คณะท�ำงานและเลขานกุ าร
๑๔. นายวิเชยี ร อนันตศิริรตั น์ คณะทำ� งานและผู้ช่วยเลขานุการ
๑๕. นายนุกูล กลัดเงิน คณะท�ำงานและผ้ชู ่วยเลขานกุ าร
ทัง้ น้ี ตง้ั แต่บัดนเ้ี ปน็ ตน้ ไป
สัง่ ณ วนั ท่ี ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑
(นายสด แดงเอยี ด)
อธิบดกี รมการศาสนา
462 พระอารามหลวง เลม่ ๑
พระบรมธาตุุเจดียี ์์ จังหวััดีนครศรธี รรมราช