มณฑปพระพุทธบาทจำ�ลอง ประดับด้วยกระเบ้ือง
และถ้วยชามเขียนสีของจีนฝีมือประณีตงดงามมาก พระองค์
เจา้ หญิงจงกล พระธิดาในกรมพระราชวงั หลังทรงสรา้ งขนึ้
พระพุทธฉายจ�ำ ลอง พระองค์เจ้าหญิง
กระจบั พระธดิ าในกรมพระราชวงั หลงั ทรงสรา้ งขน้ึ
เป็นภูเขามีความสูง ๓ วา ๒ ศอก กว้างโดยรอบ
๑๙ วา
หอสวดมนต์ใหญ่ ๗ หอ้ ง เดมิ มีเฉลยี ง
โดยรอบ ทรงป้ันหยา ต่อมาได้ร้ือปฏิสังขรณ์ใหม่
โ ด ย เ ท เ ส า ค อ น ก รี ต แ ล ะ แ ป ล ง ท ร ง ป้ั น ห ย า
เปน็ ทรงมนลิ า
ตำ�หนักเขียว ปัจจุบันอยู่ในคณะ ๑
ของวดั เปน็ เรือนไทยหลังใหญ่ ทรวดทรงงดงาม
ทางวัดได้ปฏิสงั ขรณใ์ ห้อยู่ในสภาพดี
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 239
วัดคหู าสวรรค์
ประวตั คิ วามเปน็ มา
วัดคูหาสวรรค์ เป็นวัดโบราณ สร้างสมัย
กรุงศรีอยุธยา เดิมช่ือวัดศาลาสี่หน้า ได้รับการสถาปนา
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
แลว้ โปรดใหส้ รา้ งพระประธานขนึ้ ใหม่ พระนามวา่ พระพทุ ธเทวะ
เนอื่ งจากพระประธานองคเ์ ดมิ พระนามวา่ พระพทุ ธเทวปฏมิ ากร
ไดอ้ ัญเชิญไปประดษิ ฐานเปน็ พระประธาน ณ วดั พระเชตุพน
วิมลมังคลาราม และโปรดให้บูรณะพระอุโบสถ ศาลา
การเปรยี ญ เสนาสนะ แลว้ พระราชทานนามวา่ วดั คหู าสวรรค์
สถานะและท่ตี ง้ั
วัดคูหาสวรรค์ เป็นพระอารามหลวงช้ันตรี
ชนิดวรวิหาร ต้ังอยู่เลขที่ ๕๔๑ แขวงคูหาสวรรค์
เขตภาษีเจรญิ กรงุ เทพมหานคร มีท่ดี ินตงั้ วัด เนอื้ ที่ ๓๙ ไร่
๑ งาน ๕๕ ตารางวา
240 พระอารามหลวง เลม่ ๑
สงิ่ ส�ำคญั
พระอุโบสถ เป็นอาคารทรงไทย ก่ออิฐ
ถือปูน หลังคาลด ๒ ชั้น ด้านหน้าและด้านหลัง
มีมุขย่ืนออกไป มีเสารองรับด้านละ ๔ ต้น หลังคา
มุงกระเบื้องเคลือบ ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์
หน้าบันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เป็นลายจ�ำหลักไม้
ตรงกลางมีรูปเทพพนมล้อมรอบด้วยลายก้านขด
มีประตดู า้ นหน้า ๓ ชอ่ ง ดา้ นหลงั ๒ ชอ่ ง ประดับซมุ้
ล ง รั ก ป ิ ด ท อ ง ป ร ะ ดั บ ก ร ะ จ ก บ า น ป ร ะ ตู
และหน้าต่างด้านใน เขียนลายรูปต้นไม้ ดอกแชบ๊วย
และนกกระจอกแบบศิลปะจีน ฝาผนังภายในเป็น
ปนู เกลย้ี ง ฝมี อื ชา่ งสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา รอบพระอโุ บสถ
มีซุ้มเสมาคู่ท�ำด้วยหินทรายแดง ฝีมือช่างสมัย
กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ประดิษฐานอยู่ในซุ้มปูน
ตามมุมก�ำแพงเขตพุทธาวาส มีพระเจดีย์ขนาดย่อม
ประดษิ ฐานอยรู่ อบพระอโุ บสถ มกี �ำแพงแกว้ ลอ้ มรอบ
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 241
พระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิราบ
หนา้ ตักกวา้ ง ๕ ศอกคบื ๔ นว้ิ พระนามวา่ พระพทุ ธเทวะ
พระวิหาร เปน็ อาคารคอนกรตี เสริมเหล็ก ลักษณะ
ทรงไทย หลงั คามุงกระเบอื้ งเกล็ดปลา ประดษิ ฐานรปู เหมือน
อดตี เจา้ อาวาส
พระมหาเจดีย์ ลักษณะยอ่ มุมไมส้ บิ สอง มี ๓ องค์
ตั้งเรียงกันอยู่ด้านหลังพระอุโบสถ องค์กลางฐานกว้าง
๔.๘๖ เมตร สูง ๑๔.๗๕ เมตร และอีก ๒ องค์ มฐี านกว้าง
๓.๕๖ เมตร สงู ๑๑.๒๖ เมตร
มณฑปสหี่ นา้ ภายในประดษิ ฐานหลวงพ่อสีห่ น้า
หอไตรเฉลิมพระเกียรติ เป็นอาคารคอนกรีต
เสริมเหล็ก ลักษณะทรงไทย หลังคามุงกระเบื้องเกล็ดปลา
ประดับกระจก
ศาลาการเปรียญ เป็นอาคาร
คอนกรีต เสริมเหล็ก ๒ ชั้น หลังคา
มงุ กระเบ้อื งเคลอื บ ประดบั ชอ่ ฟา้ ใบระกา
มีมขุ ดา้ นหน้า พืน้ หินขัด
242 พระอารามหลวง เลม่ ๑
วัดนางชี
ประวตั ิความเปน็ มา
วัดนางชี เป็นวัดโบราณ สร้างสมัยอยุธยา มีหลักฐานยืนยัน คือ พระประธานในพระอุโบสถ
และพระพุทธรูปในพระวิหาร เป็นศิลปะสมัยอยุธยา ตามต�ำนานเล่าว่า เจ้าพระยาพิชัยมนตรีได้สร้าง
ร่วมกับพระยาฤาชัยณรงค์ และออกหลวงเสนาสุนทร สร้างเนื่องจากแม่อิ่มลูกสาวเจ้าพระยาชัยมนตรี
ป่วยอย่างไม่รู้สาเหตุ จนกระทั่งชีปะขาวมานิมิตเข้าฝันให้เจ้าพระยาพิชัยมนตรีแก้บนโดยให้ลูกสาวบวชชี
ดังน้ัน เม่ือแม่อ่ิมหายป่วย เจ้าพระยาพิชัยมนตรีจึงให้ลูกสาวบวชชี พร้อมกับสร้างวัด จึงเรียกว่า วัดนางชี
ตอ่ มาไดก้ ลายเปน็ วดั ร้าง
สมัยรัชกาลที่ ๑ พระยาโชฎึกราชเศรษฐี ได้ดัดแปลงและแก้ไขรูปทรงพระอุโบสถ พระวิหาร
ให้เป็นศิลปกรรมแบบจีน ประดับด้วยเคร่ืองเคลือบ และน�ำตุ๊กตาหินแบบจีนและหินปูทางเดินมาจาก
เมืองจีน เพื่อมาท�ำการบูรณปฏิสังขรณ์ เม่ือสร้างเสร็จ ได้ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
มหาราช เป็นพระอารามหลวง
ต่อมาในสมัยรัชกาลท่ี ๓ พระยาราชานุชิต (จ๋อง) ได้บูรณปฏสิ งั ขรณ์วัดนี้อีกครงั้
สถานะและทีต่ งั้
วัดนางชี เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ ๓๒๑ แขวงปากคลองภาษีเจริญ
เขตภาษเี จริญ กรงุ เทพมหานคร มที ด่ี นิ ตัง้ วัด เนื้อท่ี ๑๑ ไร่ ๑ งาน
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 243
ส่งิ ส�ำคัญ
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน หลังคา
ลด ๒ ชั้น หน้าบันประดับด้วยกระเบ้ืองเคลือบจีน
เป็นรูปเคร่ืองบูชา และกระเช้าดอกไม้ ซุ้มประตู
หน้าต่างประดับกระเบ้ืองเคลือบสีลายดอกเบญจมาศ
บานประตูสลกั เป็นรปู เซี่ยวกางเหยียบสงิ ห์ บานหน้าต่าง
เขียนลายรดน้�ำรูปมังกรด้ันเมฆ ด้านในบานประตู และ
หน้าต่าง ลงรัก ประดับมุกเป็นรูปต้นไม้ ผนังภายใน
มีจิตรกรรม ด้านหน้าและด้านข้างพระประธานเขียน
เป็นรูปโต๊ะบูชาแบบจีน เหนือช่องหน้าต่างเป็นภาพ
เทพชมุ นมุ เหนอื ขน้ึ ไปเปน็ ภาพพระอสตี มิ หาสาวก ๘๐ องค์
เหนือขึ้นไปอีกเป็นภาพการเดินทางไปเชิญพระไตรปิฎก
ของพระถังซ�ำจั๋ง ผนังด้านหลังพระประธาน เป็นภาพ
เทพช้นั สงู ชุมนุม มาสักการะพระพุทธเจ้า ลานรอบนอก
พระอโุ บสถ มีใบเสมาท�ำด้วยหินทรายสขี าว สมยั อยุธยา
244 พระอารามหลวง เล่ม ๑
พระประธาน เปน็ พระพทุ ธรูปปูนป้ัน ปางมารวิชัย ลงรกั ปิดทอง หน้าตักกว้าง ๓ ศอก สงู ๗ ศอก
พระวหิ าร อยู่ทางด้านขวาของพระอโุ บสถ
หลังคาลด ๒ ชั้น ด้านนอกมีระเบียงเดินได้รอบ
ซุ้มประตูและหน้าต่างประดับกระเบื้องเคลือบ
ลายดอกเบญจมาศ บานประตูและหน้าต่างเขียน
ลายรดน้�ำ แต่ลบเลือนไปมากแล้ว ผนังด้านในเขียน
เป็นลายทรงพุม่ ข้าวบิณฑ์ ก้านแย่งสอดสที งั้ ส่ดี ้าน
ภายในมีพระประธาน เป็นพระพุทธรูป
ปางปาลิไลยก์ แต่สัตว์ที่มาปรนนิบัติพระพุทธเจ้ามีแต่
พญาช้าง และมีพระพุทธรูปขนาดต่าง ๆ รอบ
พระประธานอีกหลายองค์ และมีเตียงไม้มะเกลือ
แบบจีนสลักและประดับหินอ่อนลายภูเขา เป็นของ
พระยาโชฎกึ ราชเศรษฐี
พระเจดีย์ อยู่นอกก�ำแพงพระอุโบสถและ
พระวิหาร ลักษณะเป็นพระเจดีย์เหล่ียมเรียงกันอยู่
๔ องค์ และมีพระเจดยี ท์ รงลังกา อยตู่ รงมุมก�ำแพง
มุมละ ๒ องค์ ตรงกลางระหว่างพระอุโบสถกับ
พระวหิ าร มพี ระปรางคแ์ ปดเหลยี่ มอีกหน่ึงองค ์
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 245
พระบรมสารรี กิ ธาตุ บรรจุไว้ในผอบแกว้ ประดษิ ฐานในมณฑปสเ่ี หลย่ี มจตรุ สั สรา้ งด้วยไมจ้ �ำหลัก
ปิดทอง ประดับกระจก ประดิษฐานท่ีตึกประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ มีต�ำนานเล่าว่า มีพราหมณ์ ๓ คน
และชาวจีน ๙ คน ได้น�ำพระบรมสารีริกธาตุ มาจากชมพูทวีป ๒ ผอบ ผอบหน่ึงจะน�ำไปประดิษฐาน
ทเี่ มอื งนครศรธี รรมราช และอกี ผอบจะน�ำไปประดษิ ฐานทเี่ มอื งเชยี งใหม่ เมอ่ื ไดป้ ระดษิ ฐานพระบรมสารรี กิ ธาตุ
ท่ีเมืองนครศรีธรรมราชเรียบร้อยแล้ว คณะผู้อัญเชิญพระบรมสาริริกธาตุท้ังหมดก็เดินทางโดยเรือส�ำเภา
เพอ่ื น�ำพระบรมสารรี กิ ธาตขุ น้ึ ทางเหนอื เมอื่ เดนิ ทางมาถงึ บรเิ วณปากนำ�้ คลองดา่ นเรอื ส�ำเภาไดเ้ กดิ อบุ ตั เิ หตลุ ม่ ลง
พระบรมสารรี กิ ธาตจุ ึงได้จมหายไป
เม่ือเจ้าพระยาพิชัยมนตรีได้สร้างวัด ธิดาของท่านช่ืออ่ิมได้มีศรัทธาบวชชี พ�ำนักที่วัด ต่อมา
ไม่นาน พระบรมสารีริกธาตุได้แสดงปาฏิหาริย์ให้แม่ชีเห็น แม่ชีอ่ิมและคณะ จึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
ไปประดิษฐานไว้ที่วัดนางชี ต่อมาสมเด็จพระรูปศิริโสภาคย์มหานาคนารี พระชนนีของสมเด็จพระอมรินทรา
บรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จออกมาบวชเป็นชี พระองค์ได้
ท�ำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดนางชี ก็พบว่ามีพระบรมสารีริกธาตุอยู่ เพ่ือให้ประชาชนทราบว่าวัดนางชี
มีพระบรมสารีริกธาตุ จึงได้จัดให้มีการสมโภชขึ้น โดยจัดให้มีพิธีถวายน�้ำสรงและพิธีแห่พระบรมสารีริกธาตุ
ไปตามคลองด่าน คลองชักพระเข้าคลองบางกอกน้อยออกแม่น�้ำเจ้าพระยาเข้าคลองบางหลวงกลับวัดนางชี
จึงไดเ้ กดิ ประเพณแี ห่และสมโภชพระบรมสารีรกิ ธาตุ ต้ังแตน่ ้ันเปน็ ต้นมา
ศาลาการเปรียญ เปน็ อาคาร
คอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ชั้น ลักษณะ
ทรงจตรุ มขุ หลงั คามงุ กระเบอื้ ง หนา้ บนั
ลายปนู ปน้ั หนา้ ตา่ งไม้ มกี �ำแพงลอ้ มรอบ
246 พระอารามหลวง เล่ม ๑
วดั นิมมานรดี
ประวัตคิ วามเปน็ มา
วัดนมิ มานรดี สรา้ งสมัยรชั กาลท่ี ๑ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ในปพี ทุ ธศกั ราช ๒๓๕๐ เดิมชอื่ วัดบางแค
รชั กาลท่ี ๒ ทรงแตง่ ตัง้ พระคณาจารย์เปน็ ผู้สอนกรรมฐานในกรุงและหัวเมอื ง จ�ำนวน ๗๑๒ รปู
พระอาจารย์เกษ (รูปที่ ๕๕) วดั บางแค เป็นผู้ถวายสมาธิกรรมฐาน แสดงว่าวดั บางแคมีอยู่กอ่ นแลว้
รัชกาลท่ี ๕ พุทธศกั ราช ๒๔๑๕ ขุนตาลวโนชากร (นิ่ม) และภรรยาชื่อดี ท�ำการบรู ณปฏสิ งั ขรณ์
เสนาสนะต่าง ๆ ทั้งหมด เพ่ือเป็นเกียรติและอนุสรณ์แห่งความดีให้เป็นท่ีปรากฏสืบไป ทางวัดจึงได้
เปลี่ยนนามวัด ตามชื่อผู้บูรณปฏิสังขรณ์โดยอาศัยชื่อของสามี ชื่อขุนตาลวโนชากร (น่ิม) และภรรยาชื่อดี
ตอ่ หัวทา้ ยเปน็ นามวัดวา่ วัดนมิ มานรดี
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทาน
พระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. ประดิษฐานที่หน้าบันพระอุโบสถ ต่อมาวันท่ี ๑๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๑๔
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร และสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนพี ันปีหลวง ไดเ้ สด็จพระราชด�ำเนินทรงตดั ลูกนมิ ิต
วนั ที่ ๗ ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๓ สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ
สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชด�ำเนินทรงยกฉัตรพระเจดีย์ และทรงเททองหล่อพระสีวลี
พร้อมกับได้พระราชทานนามาภิไธย ส.ธ. ประดิษฐานที่ผ้าทิพย์พระสีวลี ได้รับยกฐานะเป็นพระอารามหลวง
เมอื่ ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๒๘
สถานะและทต่ี ั้ง
วดั นิมมานรดี เป็นพระอารามหลวงช้ันตรี ชนิดสามัญ ตั้งอย่เู ลขท่ี ๓๘ ถนนเพชรเกษม ตลาดบางแค
หมู่ท่ี ๑๕ แขวงบางหวา้ เขตภาษีเจริญ กรงุ เทพมหานคร มีท่ดี ินตง้ั วดั เนื้อท่ี ๑๙ ไร่ ๘๔ ตารางวา
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 247
สิง่ ส�ำคัญ
พระอุโบสถ สรา้ งเมอ่ื ปพี ุทธศกั ราช ๒๕๐๙
เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กท้ังหลัง หน้าบัน
และซุ้มใบเสมา มพี ระปรมาภไิ ธย ภ.ป.ร.
พระประธาน เป็นพระพุทธรูป ปางมารวิชัย
ขนาดหนา้ ตกั กว้าง ๒ ศอก ๑ คืบ สร้างดว้ ยโลหะผสม
ทองเหลอื ง ลงรักปดิ ทอง มพี ระนามวา่ หลวงพ่อเกษ
พระวิหารเก๋งจีน มี ๒ หลัง เป็นอาคาร
คอนกรีตเสริมเหล็ก ก่ออิฐถือปูน หลังแรกสร้าง
ปีพุทธศักราช ๒๔๒๔ หลังที่ ๒ สร้างปีพุทธศักราช
๒๔๔๗ พระวิหารทั้งสองหลัง ทางวัดได้บูรณะ
ในปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๒๔-๒๕๒๕
ศาลาการเปรียญ เป็นอาคารคอนกรีต
เสริมเหลก็
ศาลาตรีมุข มี ๒ หลัง เป็นอาคาร
คอนกรีตเสรมิ เหลก็ ก่ออฐิ ถือปนู
248 พระอารามหลวง เล่ม ๑
วดั นวลนรดิศ
ประวัตคิ วามเป็นมา
วัดนวลนรดศิ เป็นวัดโบราณ สรา้ งสมยั กรงุ ศรีอยุธยา เรียกวา่ วดั มะกอกใน คกู่ บั วดั มะกอกนอก
(วัดอรุณราชวราราม) เน่ืองจากต้ังอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ�เจ้าพระยาในแนวเดิม (ปัจจุบัน คือ คลองบางกอกใหญ่)
ในสมัยกรงุ ธนบรุ ีวดั มะกอกในอยู่ในสภาพที่ชำ�รุดทรดุ โทรม
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ระหว่างรัชกาลท่ี ๒ ถึงรัชกาลที่ ๓ ท่านผู้หญิงนวล ภริยาเจ้าพระยา
อรรคมหาเสนา และสมเดจ็ เจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) ขณะด�ำ รงต�ำ แหน่งเป็นเจา้ พระยา
พระคลังได้ร่วมกนั ปฏิสังขรณ์ใหอ้ ยู่ในสภาพสวยงามแล้วถวายเปน็ พระอารามหลวง
พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานนามวา่ วดั นวลนรดศิ เพอื่ ระลกึ ถงึ ทา่ นผหู้ ญงิ
นวลและสมเดจ็ เจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ ซ่งึ ร่วมกนั บูรณปฏสิ ังขรณ์
สถานะและท่ีตั้ง
วัดนวลนรดิศ เป็นพระอารามหลวงช้ันตรี ชนิดวรวิหาร ต้ังอยู่เลขที่ ๑๕๗ ถนนเพชรเกษม
แขวงปากคลองภาษเี จริญ เขตภาษีเจรญิ กรุงเทพมหานคร มที ่ีดินต้ังวดั เนอ้ื ท่ี ๑๒ ไร่ ๙๖ ตารางวา
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 249
สิง่ สำ�คญั
พระอุโบสถ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
หลงั คามงุ กระเบือ้ ง ประดับช่อฟา้ ใบระกา หางหงส์
ได้รับการปฏิสังขรณ์เม่ือปีพุทธศักราช ๒๕๐๖ ประตู
หน้าต่างประดับด้วยซุ้มปูนป้ัน บานประตูด้านนอก
เป็นลายรดน้ำ� บานประตูด้านในเป็นภาพเขียนสี
รูปโคมและโต๊ะจีน ฝาผนังภายในเป็นผนังปูนเกล้ียง
ฝาผนังด้านนอกเป็นหินล้าง
พระประธาน เปน็ พระพทุ ธรูปปางมารวิชัย
(พระพุทธชินราชจำ�ลอง) ประทับอยู่บนฐานชุกชี
มีซุ้มเรือนแก้วประดบั ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป
หลายองคเ์ ปน็ พระพุทธรปู สมัยกรงุ ศรอี ยุธยา ท�ำ ดว้ ย
หนิ ทรายแดงขนาดใหญ่ ตอ่ มาไดร้ บั การบรู ณะใหมเ่ ปน็
ลงรักปดิ ทอง แต่หุ่นขา้ งในพระพทุ ธรปู ยงั คงเป็นศิลา
สมัยอยุธยาทัง้ สิ้น ยงั คงมเี ค้าของเดิมปรากฏอยู่
250 พระอารามหลวง เล่ม ๑
พระวิหาร เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ๒ ช้ัน
ลักษณะทรงไทย หลังคามุงกระเบ้ืองเคลือบ ประดับ
ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ปูนป้ัน หน้าบันเป็นลายปูน
ป้ันรูปแจกันดอกไม้ นก และสัตว์ ทาสีต่าง ๆ ภายใน
บนฐานชุกชเี ป็นทปี่ ระดษิ ฐานพระพทุ ธรปู
พระเจดีย์ อยู่ด้านหลังพระอุโบสถ เป็น
พระเจดียฐ์ านสเ่ี หล่ียมย่อมุมไม้สิบหก
ศาลาการเปรียญ เป็นอาคารไม้สกั หลังคามงุ กระเบ้ืองเคลือบลด ๒ ชั้น ประดบั ชอ่ ฟ้า ใบระกา
หางหงส์ หนา้ บนั ประดบั ลวดลายปิดทอง
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 251
วัดปากนำ้�
ประวตั คิ วามปน็ มา
วัดปากนำ้� เปน็ วัดโบราณ สรา้ งสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา เปน็ วดั ส�ำคญั ประจ�ำหัวเมืองหนา้ ดา่ นทางทะเล
มาตงั้ แตส่ มยั กรงุ ศรีอยธุ ยา
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระราชทานทรัพย์ในการบูรณปฏิสังขรณ์ และได้มี
การบูรณปฏิสงั ขรณ์มาโดยตลอด
สมัยรัชกาลที่ ๓ มีการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ ต่อมาสมัยรัชกาลท่ี ๕ โปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์
ทั้งพระอาราม โดยให้อนุรักษ์ศิลปะเดิมไว้ และโปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์น�ำพระกฐินหลวงมาถวาย
ตลอดรชั กาล
สมัยรัชกาลท่ี ๖ วัดปากน�้ำไม่มีเจ้าอาวาส พระราชสุธี วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เจ้าคณะ
ปกครอง ได้ส่งพระสมหุ ส์ ด จนทฺ สโร มาด�ำรงต�ำแหนง่ เจ้าอาวาส สร้างเสนาสนะ โรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม
และสอนวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีพระภิกษุสามเณร และสาธุชนเข้ามาศึกษาปฏิบัติธรรมเป็นจ�ำนวนมาก
เป็นศูนย์กลางการปฏิบัติธรรม การศึกษาภาษาบาลี ต่อมาพระสมุห์สด จนฺทสโร ได้เล่ือนสมณศักด์ิ
มาโดยล�ำดับ สมณศักดิ์สุดท้ายเปน็ พระมงคลเทพมนุ ี หรือเรยี กวา่ หลวงพอ่ วัดปากนำ�้
ต่อมาวัดปากน�้ำได้รับการปรับปรุงทัศนียภาพและบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ พระวิหาร
ส่วนเคร่อื งบนเป็นศิลปะสมัยกรงุ รัตนโกสินทร์ แตต่ ัวฐานรากและอาคารยังเป็นแบบสมยั กรุงศรอี ยธุ ยา
สถานะและท่ตี งั้
วัดปากน�้ำ เป็นพระอารามหลวงช้ันตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ ๘ แขวงปากคลองภาษีเจริญ
เขตภาษเี จริญ กรุงเทพมหานคร มีท่ดี ินต้งั วัด เน้ือท่ี ๒๐ ไร่ ๘๘ ตารางวา
252 พระอารามหลวง เล่ม ๑
ส่ิงส�ำคญั
พระอโุ บสถ เป็นอาคารก่ออฐิ ถอื ปนู ลักษณะทรงไทย
หลังคาลด ๒ ชั้น มีมุขเด็จหน้าและหลัง มุงกระเบื้อง ประดับ
ชอ่ ฟา้ ใบระกา หางหงสเ์ ปน็ หวั นาค หนา้ บนั ซมุ้ หนา้ ตา่ งและประตู
หนา้ หลงั ประดบั ดว้ ยลายดอกไม้ บานประตเู ขยี นลายรดนำ้� เปน็ รปู
ต้นไม้ ผนงั ภายในเขียนลายประแจจีนโดยรอบ
ปีพุทธศักราช ๒๕๒๔ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์
เจา้ อาวาส ไดต้ อ่ เตมิ มขุ ด้านหน้า โดยขยายออกมา เพอื่ ประกอบ
สังฆกรรม และเป็นสถานท่ีฟังธรรมของอุบาสกอุบาสิกาในวัน
ธรรมสวนะ (วันพระ)
พระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ลงรัก
ปิดทอง เป็นศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยา บุด้วยทองค�ำบริสุทธิ์
พระนามวา่ พระพทุ ธมหามงคล บนฐานชกุ ชมี พี ระพทุ ธรปู บรวิ าร
ประดษิ ฐาน ดังนี้
พระพุทธนรสีห์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้า
เพชรรตั นราชสุดา สริ ิโสภาพรรณวดี พระราชทาน
พระพทุ ธรปู ปางสมาธิ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร พระราชทาน
พระพทุ ธรปู ปางหา้ มสมุทร ๒ องค์ เป็นของเกา่ คู่พระประธาน
พระพุทธรปู ปางฉนั สมอ และปางประทานพร พระนามว่า โคตโมพทุ โธ
พระวิหาร มี ๓ หลัง คือ
หลังท่ี ๑ อยู่ทิศเหนือของพระอุโบสถ ลักษณะทรงโรง มุงกระเบื้อง ขนานกับพระอุโบสถ
หน้าบันประดับลายปนู ป้ัน มีก�ำแพงแก้วกัน้ เปน็ ขอบเขต
หลังท่ี ๒ และ ๓ อยู่ด้านขวา และด้านซ้ายพระอุโบสถ เรียกว่า วิหารสมเด็จ ศิลปะสมัย
รชั กาลที่ ๓ หน้าบนั ก่ออิฐถอื ปูน ปั้นลวดลายตดิ กระเบือ้ ง
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 253
พระวิหารคด เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ลักษณะทรงไทย ประดับช่อฟ้า ใบระกา ผนังภายใน
เปน็ ท่บี รรจอุ ฐั ิ ประดษิ ฐานพระพทุ ธรูปปั้นสมัยอยุธยา จ�ำนวน ๑๔ องค์
หอไตร หรือ หอพระไตรปิฎก สร้างสมัย
กรุงศรีอยุธยา อยู่ในสระน้�ำ เป็นไม้จ�ำหลักท้ังหลัง
และบูรณปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลท่ี ๕ โดยบูรณะ
อนรุ กั ษข์ องเดิมไว้
ปีพุทธศักราช ๒๕๒๙ หอไตรอยู่ในสภาพ
ทรุดโทรม จึงมีการบูรณะใหม่ทั้งหลัง ถอดแบบ
ของเดิม ท�ำลวดลายเหมือนเดิม ฝาผนังด้านนอก
ลงรกั ปิดทองทบึ ทัง้ หลัง ผนังดา้ นในเขียนภาพ บนฝ้า
เพดานท้ังด้านในและด้านนอกปิดทองทึบ เสาทุกต้น
ติดกระจกประดับลาย และจารึกอักษรไว้ด้านนอก
ทางทิศใต้ว่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช องค์เอกอัครศาสนูปถัมภก
พระชนมพรรษา ๕ รอบ ๕ ธนั วาคม ๒๕๓๐
ศาลาการเปรียญ มี ๒ หลัง หลังเดิม
เป็นอาคารทรงไทยโบราณ ท�ำด้วยไม้สัก หลังคา
มุงกระเบื้อง ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์
มีการบูรณปฏิสังขรณ์หลายครั้ง หลังใหม่เป็นอาคาร
คอนกรีตเสริมเหล็ก ประดับลวดลายปูนปั้น ศิลปะ
สมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่บริเวณศาลาหลังเดิม
ชื่อว่า ศาลาสด สร้างเม่ือปีพุทธศักราช ๒๕๑๘
มีรูปปั้น หุ่นขี้ผ้ึงพระมงคลเทพมุนี ประดิษฐาน
บนมหาธรรมาสนช์ ้ันบน
หอระฆัง มี ๒ หลัง หลังเดิมตั้งอยู่
ระหว่างพระวิหารและพระอุโบสถ เป็นของโบราณ
คู่กับวัด และรักษาอยู่ในสภาพเดิม มีลวดลายปูนปั้น
ศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยา ยอดท�ำเป็นทรงแหลม
คล้ายมีมุขส่ีด้านเป็นรูปโค้งกลีบบัว หลังใหม่ต้ังอยู่
ด้านหลังพระอโุ บสถ
254 พระอารามหลวง เล่ม ๑
ธรรมาสน์ ไม้จ�ำหลัก สมัยกรุง
ศรีอยุธยาตอนกลาง ใต้กระจังปฏิญาณเป็น
ลายหน้ากระดาน บัวหงายบัวคว่�ำ มีลูกแก้ว
ที่ท้องไม้ ใต้บัวคว่�ำเป็นแข้งสิงห์ขนาดยาว
ใต้ลงมาเป็นรูปครุฑยุดนาคแบกอยู่ ๔ มุม
ตรงกลางของ ๔ ทศิ เป็นรูปนรสิงห์
สังขารพระมงคลเทพมุนี (หลวงพอ่ สด) ในหบี ทองทึบ ประดษิ ฐาน ณ หอสังเวชนยี มงคลเทพนิมติ
รูปหล่อโลหะพระมงคลเทพมุนี ประดษิ ฐาน ณ หอสังเวชนยี มงคลเทพนมิ ิต
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 255
วดั อัปสรสวรรค์
ประวตั คิ วามเป็นมา
วัดอัปสรสวรรค์ เป็นวัดโบราณ สร้างโดยเศรษฐีชาวจีนช่ือ อู๋ ชาวบ้านเรียก วัดอู๋ หรือวัดจีนอู๋
ตอ่ มาออกเสยี งเปล่ยี นไปเปน็ วดั หมู
สมัยรัชกาลท่ี ๓ เจ้าจอมน้อย (สุหรา นากง) ธิดาเจ้าพระยาพลเทพ (ฉิม) ปฏิสังขรณ์อุทิศ
ส่วนกุศลแด่บิดา ต่อมารัชกาลที่ ๓ โปรดพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ให้สถาปนาใหม่ทั้งวัด
เพื่อเป็นท่ีระลึกแด่เจ้าจอมน้อย พระราชทานนามว่า วัดอัปสรสวรรค์ และได้พระราชทานพระพุทธรูป
ปางฉนั สมอ มาประดษิ ฐานไว้ในวัดนี้
ต่อมาพระวิเชียรกวี (รอด) เจ้าอาวาสได้สร้างศาลาการเปรียญและหอพระไตรปิฎก ถึงสมัย
พระพทุ ธพยากรณ์ (เจรญิ อปุ ตสิ โฺ ส) เปน็ เจา้ อาวาส ไดบ้ รู ณปฏสิ งั ขรณ์ พระอโุ บสถ พระวหิ าร ศาลาการเปรยี ญ
เสนาสนะ ถนนหน้าพระอุโบสถ สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม เขื่อนคอนกรีตหน้าวัด ศาลาหน้าพระวิหาร
และศาลาโถง เจ้าจอมเพมิ่ (ในรชั กาลที่ ๕) ปฏสิ ังขรณ์ศาลาหนา้ พระอโุ บสถ
สถานะและท่ีตงั้
วดั อปั สรสวรรค์ เปน็ พระอารามหลวงชนั้ ตรี ชนดิ วรวหิ าร ตง้ั อยเู่ ลขท่ี ๑๗๙ แขวงปากคลองภาษเี จรญิ
เขตภาษเี จรญิ กรุงเทพมหานคร มที ด่ี ินตงั้ วัด เนื้อท่ี ๖ ไร่ ๓ งาน ๘๐ ตารางวา
256 พระอารามหลวง เล่ม ๑
สงิ่ สำ�คญั
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน
สถาปัตยกรรมแบบจีน ตามพระราชนิยม
ในรัชกาลท่ี ๓ หลังคามุงกระเบ้ืองเคลือบ
หน้าบันปูนปั้นลวดลายภาพทิวทัศน์ มีเสารับพาไล
โดยรอบ ซุ้มประตูหน้าต่างประดับปูนป้ันลวดลาย
แบบจีน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป ๒๘ องค์
และพระปรางค์ไม้แกะสลกั ๖ องค์ มกี ำ�แพงแก้ว
ล้อมรอบ
พระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๑ ศอก สูงตลอดยอดพระรัศมี
๑ ศอก ๔ นว้ิ ประดิษฐานอยบู่ นฐานชุกชชี ั้นสูงสุด มีพระนามจารกึ วา่ พระพทุ ธตัณหงั กร ฐานชุกชีมีสัณฐาน
เป็นรูปสี่เหลี่ยมสูงเป็นจอมข้ึนไป ทางด้านทิศใต้ซ่ึงเป็นด้านหน้า ประดิษฐานพระพุทธรูป ๑๘ องค์ และ
องค์ที่ประดิษฐานอยู่ชั้นล่างมีพระนามจารึกว่า พระพุทธโคดม ทางด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก
ประดิษฐานพระพุทธรปู ด้านละ ๕ องค์ พระประธานท่อี ยู่ในพระอโุ บสถนี้ รชั กาลที่ ๓ เป็นผสู้ ร้าง
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 257
พระวหิ าร เปน็ อาคารก่ออิฐ
ถอื ปนู สถาปตั ยกรรมแบบจนี เหมอื นกบั
พระอุโบสถ มพี ระพุทธรปู ปางมารวิชยั
ประดษิ ฐานอยู่ ๒ องค์ เปน็ พระพทุ ธรปู
หล่อ ๑ องค์ ส่วนอีกองค์หนึ่งเป็น
พระพุทธรปู ปนู ปัน้
พระมณฑป อยู่ระหว่างพระอุโบสถ
และพระวิหาร ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป
ปางฉันสมอ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปนั่ง พระหัตถ์ซ้าย
พาดพระชานุ พระหัตถ์ขวาถือผลสมอ พระพุทธรูป
อ ง ค์ นี้ เ ดิ ม ป ร ะ ดิ ษ ฐ า น อ ยู่ ณ ห อ พ ร ะ น า ก
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม คร้ันเมื่อบูรณะวัดนี้
เรยี บร้อยแลว้ พระบาทสมเด็จพระน่ังเกลา้ เจา้ อยู่หวั
ได้พระราชทานแก่เจ้าจอมน้อย ให้อัญเชิญมา
ประดษิ ฐานไว้ในพระมณฑป
พ ร ะ ป ร า ง ค์ ลักษณะก่ ออิฐถือปูน
ป ร ะ ดิ ษ ฐ า น ด้ า น ห น้ า ร ะ ห ว่ า ง พ ร ะ อุ โ บ ส ถ แ ล ะ
พระวิหาร
พระพุทธปรางค์ มี ๖ องค์ เป็นไม้
แกะสลัก ลงรักปิดทอง ประดับกระจก ตรงยอด
หล่อด้วยโลหะ ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ
เรียงลดหล่ันอยู่บนฐานชุกชีช้ันล่างทางด้านซ้าย
และทางด้านขวาของพระพุทธโคดม ด้านละ ๓ องค์
258 พระอารามหลวง เล่ม ๑
วดั คฤหบดี
ประวัตคิ วามเปน็ มา
วัดคฤหบดี สร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๓๖๗ โดยพระยาราชมนตรีบริรักษ์ (ภู่) ข้าราชการ
ในกรมพระคลังมหาสมบัติ ได้ยกบ้านเดิมให้สร้างเป็นวัด พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรับไว้
เปน็ พระอารามหลวง พระราชทานนามวา่ วดั คฤหบดี หมายความว่าเปน็ วดั ของผมู้ ฐี านะดี และพระราชทาน
พระพทุ ธรปู เปน็ พระประธาน คือ พระแซกค�ำ (บางแห่งเรียกวา่ แทรกค�ำ)
ตอ่ มาในสมัยรัชกาลที่ ๕ โปรดให้ท�ำการบรู ณปฏสิ ังขรณเ์ พมิ่ เติม
สถานะและทต่ี ั้ง
วัดคฤหบดี เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ ๙๕๒ ถนนจรัญสนิทวงศ์
แขวงบางย่ขี ัน เขตบางพลดั กรงุ เทพมหานคร มที ่ดี นิ ตง้ั วดั เนอ้ื ที่ ๑๕ ไร่
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 259
สิง่ ส�ำคัญ
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน
ลกั ษณะสถาปตั ยกรรมแบบจนี หลงั คามงุ กระเบอื้ ง
ลด ๒ ชนั้ มรี ะเบยี งรอบพระอโุ บสถ เสานางเรยี งท่ี
รองรบั ชายคาเปน็ เสาเหลย่ี มไมม่ บี วั หวั เสา ระหวา่ ง
เสามีพนักกรุกระเบ้ืองเคลือบปรุ หน้าบันประดับ
ถว้ ยกระเบือ้ งเคลือบสเี่ หลย่ี มแผ่นใหญแ่ ละเคร่ือง
ถ้วยชามจีน กรอบประตูหน้าต่าง เป็นปูนปั้นลาย
เฟอ่ื งอบุ ะ บานประตูหน้าต่างเขียนลายรดนำ�้ ลาย
หน้าสิงห์ก้านแย่ง ผนังด้านในเขียนลายดอกไม้
แบบจนี นอกนน้ั เปน็ ผนงั ฉาบปนู เกลย้ี ง ผนงั ดา้ นบน
ระดับเหนือหน้าต่างข้ึนไปจนจรดเพดานเขียนลาย
พมุ่ ข้าวบิณฑ์ เพดานเขยี นลายดอกไม้แบบจีน
พระประธาน เปน็ พระพทุ ธรูปศิลปะสมยั เชียงแสน
ขัดสมาธิเพชรปางมารวิชัย หล่อด้วยทองลูกบวบ หน้าตัก
กวา้ ง ๑๘ นวิ้ มพี ระบรมสารรี กิ ธาตบุ รรจอุ ยภู่ ายใน ๑๐๐ องค์
ประดิษฐานอยู่ในบุษบก เดิมเป็นพระพุทธรูปส�ำคัญองค์หนึ่ง
ของไทยในอาณาจกั รลา้ นนา พระนามวา่ พระแซกค�ำ
ในปีพุทธศักราช ๒๑๐๗ พระเจ้าไชยเชษฐากษัตริย์ลาวเชื้อสายไทย ทรงย้ายราชธานีไปอยู่ท่ี
เวียงจันทน์พร้อมกับอัญเชิญพระแก้วมรกต พระแซกค�ำ และพระพุทธรูปส�ำคัญของไทยอีกหลายองค์ ไปอยู่
ที่เวียงจันทน์ เมื่อเจ้าพระยาบดินทร์เดชาน�ำกองทัพไปปราบเวียงจันทน์ได้ชัยชนะ ในปีพุทธศักราช ๒๓๖๙
จึงอัญเชิญพระแซกค�ำกลับประเทศไทย และพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานให้เป็น
พระประธานของวัดคฤหบดี
260 พระอารามหลวง เล่ม ๑
พระวหิ าร มลี กั ษณะและขนาดเชน่ เดยี วกบั พระอโุ บสถ
และตง้ั อยคู่ กู่ นั ภายในบรเิ วณก�ำแพงแกว้ ปจั จบุ นั เปน็ ทป่ี ระดษิ ฐาน
พระพุทธรูปปางตา่ ง ๆ หลายองค์
หอสวดมนต์ เป็นอาคารไม้ ลกั ษณะทรงไทย
หอระฆัง เป็นอาคารคอนกรีต ๓ ชั้น สร้างเมื่อปี
พุทธศักราช ๒๕๓๗
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 261
วดั ดาวดงึ ษาราม
ประวตั ิความเป็นมา
วัดดาวดึงษาราม เจ้าจอมแว่น พระสนมในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
สร้างข้ึนเมื่อปพี ทุ ธศักราช ๒๓๕๐ และนมิ นต์พระอาจารยอ์ ินมาครองวดั จงึ เรยี กกนั ว่า วัดขรวั อนิ
สมัยรัชกาลที่ ๒ ข้าราชการฝ่ายในช่ือ อิน ซ่ึงเป็นญาติของเจ้าจอมแว่น ได้ปฏิสังขรณ์วัดนี้
พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหล้านภาลยั พระราชทานนามวัดว่า วดั ดาวดงึ ษาสวรรค์ หมายถึง สวรรคช์ นั้ ท่ี
พระอินทร์สถติ
สมยั รัชกาลท่ี ๓ พระมหาเทพ (ปาน) ไดบ้ ูรณปฏิสงั ขรณ์ และก่อสร้างถาวรวัตถุ เช่น พระอโุ บสถ
พระประธานในพระอโุ บสถ และกุฏิสงฆ์ เปน็ ต้น แล้วน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเดจ็
พระน่งั เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว พระราชทานนามวา่ วดั ดาวดึงษาราม
สมัยรัชกาลที่ ๖ ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์บ้าง ต่อมาปีพุทธศักราช ๒๕๐๖ คุณหญิงกลาโหม
ราชเสนา (มิ ปาณกิ บุตร) ได้บรู ณปฏิสงั ขรณ์พระอุโบสถส�ำเร็จสมบรู ณ์
สถานะและที่ตงั้
วัดดาวดึงษาราม เป็นพระอารามหลวง
ชนั้ ตรี ชนดิ สามัญ ต้งั อยเู่ ลขท่ี ๘๗๒ แขวงบางยี่ขนั
เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร มีท่ีดินต้ังวัด เน้ือท่ี
๑๐ ไร่
262 พระอารามหลวง เล่ม ๑
สิ่งส�ำ คัญ
พระอุโบสถ ลักษณะก่ออิฐถือปูน
หลังคามุงกระเบื้องลด ๒ ช้ัน ประดับช่อฟ้า
ใบระกา หางหงส์ หน้าบันทำ�ด้วยไม้สัก
จำ�หลักเป็นรูปดอกไม้ ใหญ่ประดับกระจก
ปิดทอง พ้ืนปูหินอ่อน มีเฉลียงรอบ ภายใน
แบ่งเป็น ๓ ห้อง สองห้องหัวท้ายสกัดเป็นห้อง
แคบ ๆ ประตูหน้าต่างทำ�ซุ้มประดับลายดอกไม้
ปูนป้ัน ติดกระจกบานหน้าต่างด้านนอกเขียน
ลายรดน้ำ�เล่าเรื่องทศชาติและพระพุทธประวัติ
ประตูด้านนอกเขียนลายรดนำ้�รูปท้าวจตุโลกบาล
ท้ังส่ี ประตูด้านในเขียนรูปทวารบาลถือพระขรรค์
ยืนแท่นมยี กั ษแ์ บก ระบายสงี ดงาม ผนงั ดา้ นหน้า
ของห้องแรก ระดับกรอบหน้าตา่ งเขยี นเล่าเรอื่ ง
พระพุทธโฆษาจารย์ไปแปลพระไตรปิฎกที่ลังกา
ผนังด้านหน้าพระประธานเขียนเล่าเรื่องมโหสถ
ชาดก ผนงั ดา้ นหลงั เขยี นเลา่ เรอ่ื งพระเวสสันดร
และผนังด้านหลังของห้องชั้นในเขียนเล่าเรื่อง
พระเจา้ ทธวิ าหนะ สว่ นบรเิ วณผนงั โดยรอบระดบั
เหนือประตูหน้าต่างจรดเพดานเขียนเป็นลาย
พุม่ ขา้ วบิณฑ์ รูปดอกไมล้ อ้ มพระโพธสิ ตั ว์
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 263
พระประธาน ในพระอโุ บสถ เปน็ พระพทุ ธรปู ปางสมาธิ หนา้ ตกั กวา้ ง ๔ ศอก สงู ๕ ศอก ลงรกั ปดิ ทอง
สรา้ งในสมัยรชั กาลที่ ๓
หอระฆัง ลักษณะกอ่ อฐิ ถือปนู สถาปตั ยกรรมแบบตะวนั ตก รปู ทรงส่เี หล่ียมจตรุ ัส ๒ ชนั้ หลังคา
เปน็ กระโจมกลมแบบแขก
หอสวดมนต์ เป็นอาคารก่ออิฐถอื ปูน ๒ ชนั้ สร้างเม่ือปีพุทธศักราช ๒๕๔๔
264 พระอารามหลวง เล่ม ๑
วัดบวรมงคล
ประวัตคิ วามเป็นมา
วัดบวรมงคล เป็นวัดโบราณ เดิมช่ือ วัดลิงขบ สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวัง
บวรมหาเสนานุรักษ์ ทรงสถาปนาขึ้นใหม่ เพื่ออนุเคราะห์แก่ชาวรามัญอพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร
ไดม้ สี ถานทป่ี ระกอบกจิ กศุ ลตามประเพณีของตน และพระราชทานนามว่า วัดบวรมงคล
วดั บวรมงคลเปน็ วดั ทมี่ ชี อื่ เสยี งในดา้ นการศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรม เปน็ วดั ส�ำหรบั พระสงฆร์ ามญั นกิ าย
ปีพุทธศักราช ๒๔๖๒ ได้เปล่ยี นเป็นวดั ธรรมยุตและมีพระสงฆ์ไทยจ�ำพรรษา
สถานะและทต่ี ง้ั
วัดบวรมงคล เป็นพระอารามหลวงช้ันตรี ชนิดราชวรวิหาร ต้ังอยู่เลขที่ ๑๖๕ แขวงบางย่ีขัน
เขตบางพลดั กรงุ เทพมหานคร มที ี่ดินต้งั วัด เน้อื ที่ ๒๙ ไร่ ๒ งาน ๒๕ ตารางวา
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 265
สงิ่ ส�ำคญั
พระอุโบสถ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
หลังคาลด ๓ ช้ัน ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์
หน้าบันเป็นรูปพัดยศอยู่กลาง ล้อมรอบด้วย
ลายเครือเถา เพดานเขียนเป็นลวดลายจีน แต่ปัจจุบัน
ลบเลือนหมดแล้ว ผนังภายในฉาบปูน ที่มุมทั้งส่ีของ
พระอโุ บสถมพี ระเจดยี ท์ ิศประจ�ำอยทู่ กุ มุม
พระประธาน เป็นพระพทุ ธรปู ปนู ปน้ั หนา้ ตัก
กว้าง ๓ เมตร ๔๐ เซนตเิ มตร สูงจากฐานถงึ พระรัศมี
๗ เมตร ๔๕ เซนตเิ มตร ปางมารวชิ ัย พรอ้ มพระอคั ร
สาวกซ้ายขวา
266 พระอารามหลวง เลม่ ๑
พระวิหารคด หลังคาคร่อมก�ำแพง
พระอุโบสถ มีประตเู ขา้ ออกได้ ๔ ทศิ ภายใน
พระวิหารคดประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น
ปางมารวิชยั รอบพระอุโบสถรวม ๑๐๘ องค์
พระเจดีย์หงษา เป็นพระเจดีย์
ทรงมอญ ลักษณะศิลปกรรมแบบมอญ
สร้างสมัยรัชกาลที่ ๔ เป็นพระเจดีย์หมู่รวม
๙ องค์ ประกอบด้วยพระเจดีย์ใหญ่ ๑ องค์
และพระเจดีย์องค์บรวิ าร ๘ องค์ อยบู่ นฐาน
เขยี งรูปสเี่ หลี่ยม อยหู่ นา้ วดั
อาคารอนุสรณส์ ถาน รชั กาลท่ี ๔ สร้างข้ึน
เป็นอนุสรณ์ว่า คร้ังหนึ่งพระองค์ ได้เสด็จมา
ประทับท่ีวัดบวรมงคล เพ่ือศึกษาพระธรรมวินัยกับ
พระอาจารยซ์ าย เดมิ มชี อื่ วา่ กฏุ เิ จา้ จอม ตอ่ มาไดเ้ กดิ
ทรุดโทรมลง ทางวัดจึงได้ร้ือออก แล้วสร้างใหม่
เพื่อใช้เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ของวัดบวรมงคล
และเป็นเครื่องเตือนให้ระลึกถึงว่า พระองค์ได้เคย
เสดจ็ มาประทบั ณ วดั บวรมงคลแหง่ นี้
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 267
วัดภคินีนาถ
ประวตั คิ วามเปน็ มา
วัดภคินีนาถ เป็นวัดโบราณ เดิมชื่อ วัดบางจาก อยู่ริมแม่น�้ำเจ้าพระยาตรงปากคลองบางจาก
ฝ่งั ซา้ ย เรยี กอกี อยา่ งหนง่ึ วา่ วดั นอก ด้วยมวี ดั อ่ืนอยู่ถัดเขา้ ไป เช่น วัดทองและวดั สงิ ห์
สมัยรัชกาลที่ ๒ สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ ประไพวดี กรมหลวงเทพยวดี ราชธดิ าองคท์ ่ี ๙
ในพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งพระอาราม และเปลี่ยน
พระอุโบสถเดิมเป็นพระวิหาร ทรงสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ และสร้างพระระเบียงวิหารคด พระประธาน
ในพระอุโบสถ พระพุทธรูปปูนปั้น กุฏิสงฆ์ และพระเจดีย์ พระราชทานนามว่า วัดภคินีนาถ แปลว่า
วดั ของพระนอ้ งนาง
รัชกาลท่ี ๓ โปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์ และยุบคณะกุฏมิ ารวมกบั คณะต�ำหนกั
รัชกาลที่ ๔ โปรดให้ปฏิสังขรณ์กุฏิสงฆ์ สร้างศาลาการเปรียญ ปูพื้นหน้าพระวิหาร ขุดสระ
และได้มกี ารบรู ณปฏสิ งั ขรณ์ต่อมาโดยล�ำดับ
สถานะและที่ตง้ั
วัดภคินีนาถ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ ๒๙๕ แขวงบางย่ีขัน
เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร มีที่ดนิ ตงั้ วดั เนอื้ ที่ ๒๖ ไร่ ๓ งาน ๔๔ ตารางวา
268 พระอารามหลวง เล่ม ๑
สงิ่ ส�ำคัญ
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน
หลังคามุงกระเบ้ือง ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์
มี ท ว ย ร อ ง รั บ ห ลั ง ค า ป ี ก น ก ร อ บ พ ร ะ อุ โ บ ส ถ
หน้าบันด้านหน้าและด้านหลังจ�ำหลักลาย ลงรักปิดทอง
ประดับกระจก ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นซุ้มปูนปั้น
ทรงเรือนแก้ว บานประตูหน้าต่างด้านนอกเป็นลาย
รดนำ้� พมุ่ ขา้ วบณิ ฑ์ ผนงั ภายในมภี าพเครอื่ งบชู าแบบจนี
เพดานมรี ปู คา้ งคาวรมุ ลอ้ มลกู ไมฉ้ ลลุ ายทองลอ่ งชาด
ผนังบริเวณเหนือหน้าต่างมีลายดอกไม้ร่วงระบายสี
ศิลปะแบบจีน ระดับต่�ำลงมามีลายเคร่ืองบูชาของจีน
เชน่ แจกัน ดอกไม้ เคร่อื งลายคราม ถ้วยชา เปน็ ตน้
บานประตูหน้าต่างมีกรอบภาพพงศาวดารจีนติดอยู่
โดยรอบพระอุโบสถ ด้านหลังพระอุโบสถ ติดผนัง
ด้านนอก มพี ระพุทธรูปยนื ทรงเครอื่ ง ปางห้ามสมุทร
๔ องค์ แกนในเป็นหนิ ทรายสีแดง ประดษิ ฐานอยู่บน
แท่นเดยี วกนั
พระประธาน เปน็ พระพุทธรปู ปางมารวิชยั
ขนาดหน้าตักกว้าง๒.๕๐ เมตร สูง ๓.๕๐ เมตร
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 269
พระระเบียง ล้อมพระอุโบสถ มีประตู ๔ ด้าน
ซมุ้ ประตูเปน็ หลงั คามุขลด ๒ ช้นั หนา้ บันเปน็ ลายปูนปนั้ เสา
ระเบยี งทรงเหลยี่ มยอ่ มมุ ไมส้ บิ สอง มหี วั เสาเปน็ บวั แวง เพดาน
ฉลุลายทองคา้ งคาวลอ้ มลกู ไม้ลอ่ งชาด ภายในก่ออิฐถือปนู ยก
เปน็ อาสนะสงู ประมาณครงึ่ เมตร ประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ปนู ปน้ั
ปางมารวชิ ัย จำ�นวน ๘๐ องค์
พระวิหาร เป็นพระอุโบสถหลังเดิม หลังคา
มุงกระเบื้อง ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ มีพาไล
หนา้ หลัง รองรับดว้ ยเสาสี่เหล่ยี ม ประตหู นา้ ตา่ งเจาะเปน็ ชอ่ ง
สเี่ หลยี่ มไมม่ ซี มุ้ ภายในประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ปางและสมยั ตา่ ง ๆ
พระประธานเป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัย พระนามว่า
หลวงพ่อด�ำ
ศาลาการเปรยี ญ เปน็ อาคารคอนกรตี เสรมิ เหลก็ ลกั ษณะ
ทรงไทย สร้างเมือ่ ปพี ุทธศกั ราช ๒๕๔๐
หอระฆงั เปน็ อาคารคอนกรตี เสรมิ เหลก็ ลกั ษณะทรงไทย
กว้าง ๓.๕๐ เมตร ยาว ๓.๕๐ เมตร สรา้ งเมอ่ื ปพี ทุ ธศักราช ๒๓๕๖
กุฏิตำ�หนัก เป็นตำ�หนักเรือนไทยของสมเด็จพระเจ้า
บรมวงศ์เธอ เจ้าฟา้ ประไพวดี กรมหลวงเทพยวดี ที่พระบาทสมเดจ็
พระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับสั่งให้รื้อมาปลูกเป็นกุฏิเจ้าอาวาส
เป็นอาคารไม้เรอื นไทย ยกใตถ้ นุ สงู หลังคามงุ กระเบอ้ื งดนิ เผา
270 พระอารามหลวง เล่ม ๑
วดั อาวุธวิกสติ าราม
ประวัตคิ วามเปน็ มา
วัดอาวุธวิกสิตาราม เป็นวัดโบราณ พระสงฆ์และชาวบ้านจำ�นวนหนึ่งที่อพยพมาจาก
กรุงศรีอยุธยาเมื่อคร้ังกรุงแตก ได้มาต้ังรกรากถิ่นฐานที่ริมฝั่งแม่น้ำ�เจ้าพระยา เม่ือปีพุทธศักราช ๒๔๒๒
จึงได้ต้ังวัดข้ึน สร้างกุฏิเสนาสนะข้ึนหลายหลัง ด้วยปรารภเหตุที่พระสงฆ์และชาวบ้านได้อพยพพลัดถ่ิน
มาจากกรงุ ศรีอยธุ ยานเี้ อง จึงไดเ้ รยี กสถานทตี่ รงนี้ว่า บางพลัด เดมิ ชาวบ้านเรยี กว่า วัดปากคลองบางพลดั
หรือวดั บางพลัดนอก เพราะต้งั อย่ตู รงปากคลองบางพลดั
ต่อมาปีพทุ ธศกั ราช ๒๔๓๘ พระอาจารย์สี ซึง่ เป็นเจา้ อาวาสอยู่ในขณะนน้ั พร้อมดว้ ยพนั เอกพระยา
อาวุธภัณฑ์เผด็จ (ท้วม) เจ้ากรมคลังแสงในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งมีบ้านอยู่ริมคลองบางพลัดให้ความอุปถัมภ์วัดน้ี
มาตลอด ได้ปรึกษากันว่าวัดน้ีเป็นวัดเก่าแก่ เสนาสนะได้ชำ�รุดทรุดโทรม ควรที่จะทำ�การบูรณปฏิสังขรณ์
พันเอกพระยาอาวุธภัณฑ์เผด็จ ได้ดำ�เนินการบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะท่ีชำ�รุด ซ่อมแซมกุฏิ หอสวดมนต์
สร้างศาลาการเปรียญ และได้สร้างอุโบสถใหม่ แล้วขอพระราชทานวิสุงคามสีมา พร้อมนำ�ความกราบทูล
ขอพระราชทานนามวดั ใหม่ พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั พระราชทานนามวา่ วัดอาวธุ วิกสิตาราม
สถานะและทต่ี ้งั
วัดอาวุธวิกสิตาราม เป็นพระอารามหลวงช้ันตรี
ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขท่ี ๔๓๖ ถนนจรัญสนิทวงศ์
แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร มีที่ดิน
ตง้ั วัด เนอื้ ท่ี ๒๘ ไร่ ๓ งานเศษ
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 271
ส่งิ ส�ำ คัญ
พระอโุ บสถ มี ๒ หลัง
พระอุโบสถเก่า สร้างปีพุทธศักราช ๒๔๔๑
เปน็ อาคารกอ่ อฐิ ถอื ปนู ลกั ษณะทรงไทย หลงั คามงุ กระเบอื้ ง
หน้าบันทั้งสองด้านมีลวดลายไทยโบราณ มีทวย ซุ้มประตู
หน้าต่างป้ันลวดลาย บานประตูหน้าต่างไม้สัก ด้านหลัง
พระประธานมลี ายดอกไมภ้ ู่
พระอุโบสถใหม่ สร้างปีพุทธศักราช ๒๕๐๗
เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ช้ัน ลักษณะทรงไทย
หลงั คาลด ๓ ชน้ั มุงกระเบอื้ ง ประดบั ชอ่ ฟ้า ใบระกา หางหงส์
ประดบั กระจก ลงรกั ปดิ ทอง หนา้ บนั ทง้ั ๒ ดา้ นมลี วดลายไทย
ห น้ า บั น ด้ า น ทิ ศ ต ะ วั น อ อ ก มี ซุ้ ม พ ร ะ พุ ท ธ รู ป ป า ง ลี ล า
มกี ลบี บวั หวั เสา พนื้ ภายในเปน็ หนิ ออ่ น ฝาผนงั ทาสมี เี สารองรบั
พาไลโดยรอบ บานประตหู นา้ ต่างเปน็ ไมส้ ักแกะสลกั ลายไทย
รูปเทวดา ลงรกั ปดิ ทอง ภายนอกบนั ไดดา้ นหน้าปูด้วยหนิ ขดั
พื้นดา้ นนอกปดู ว้ ยกระเบอ้ื งหนิ ขดั มกี �ำ แพงแกว้ ลอ้ มรอบ
พระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ศลิ ปะสมยั สุโขทัย พระนามวา่ หลวงพอ่ สัมฤทธิ์
272 พระอารามหลวง เลม่ ๑
ศาลาการเปรียญ มี ๓ หลัง
หลงั ที่ ๑ ศาลาหลงั เกา่ เปน็ อาคารไมส้ กั ชนั้ เดยี ว
ลกั ษณะทรงไทย สรา้ งเมอ่ื ปพี ทุ ธศักราช ๒๔๑๑ มเี รอื นนอก
ดา้ นทศิ ตะวนั ตก ๑ หลัง เรอื นนอกดา้ นทิศตะวันออก ๒ หลงั
หลังที่ ๒ เป็นอาคารคอนกรีตเสรมิ เหลก็ ๒ ชั้น
ลักษณะทรงไทยประยุกต์ ประตูหน้าต่างท�ำ ด้วยไม้สกั
หลงั ท่ี ๓ ศาลาอรพนิ นววงศ์ เปน็ อาคารคอนกรตี
เสรมิ เหลก็ หลงั คามงุ กระเบอื้ งลกู ฟกู ลอนเลก็ มหี นา้ บนั ๓ ดา้ น
หนา้ ตา่ งกรอบไมบ้ านกระจก พื้นขดั หินอ่อนทัง้ ๒ ชั้น
เจดีย์ ๓ ปรางค์ ลกั ษณะกอ่ อฐิ ถอื ปนู อยดู่ า้ นหนา้
อโุ บสถหลังเก่า
หอระฆัง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๓ ชั้น
ลักษณะทรงไทยจตุรมุข หลังคามุงกระเบ้ือง หน้าบันปูนป้ัน
ลวดลายตราวดั ประดบั ชอ่ ฟา้ ใบระกา หางหงส์ ทวยทาสที อง
พ้ืนชัน้ ลา่ งปูกระเบือ้ ง
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 273
วัดยานนาวา
ประวตั คิ วามเปน็ มา
วัดยานนาวา เป็นวดั โบราณ สร้างตงั้ แต่สมยั กรงุ ศรีอยธุ ยา
เดิมนามว่า วัดคอกควาย ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง ในสมัยกรุงธนบุรี
เป็นพระอารามหลวง เรยี กในทางราชการวา่ วัดคอกกระบอื
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
จุฬาโลกมหาราช ทรงสร้างพระอุโบสถ ต่อมาได้รับการปฏิสังขรณ์
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้ทรงสร้างส�ำเภา
แทนพระสถูปเจดีย์ท่ัว ๆ ไป เป็นส�ำเภาจีนมีพระเจดีย์ ๒ องค์
อยู่บนเรือ เม่ือสร้างส�ำเภาพระเจดีย์แล้ว จึงโปรดพระราชทานนาม
พระอารามใหมว่ า่ วดั ยานนาวา พระเจดยี ท์ งั้ ๒ องคท์ อี่ ยบู่ นพระส�ำเภา
มีความงามและเป็นเอกลักษณ์ย่ิง เพ่ือให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา
เห็นรปู แบบเรือส�ำเภา
สถานะและทต่ี ง้ั
วัดยานนาวา เป็นพระอารามหลวงช้ันตรี ชนิดสามัญ ต้ังอยู่เลขท่ี ๑๖๔๘ ถนนเจริญกรุง
แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร มีท่ีดินตั้งวดั เน้อื ท่ี ๒๓ ไร่ ๒ ตารางวา
274 พระอารามหลวง เล่ม ๑
ส่ิงส�ำคญั
พระอุโบสถ สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
จุฬาโลกมหาราช ลกั ษณะก่ออฐิ ถือปูน เครือ่ งบนเปน็ ไม้ ตอ่ มาในรัชสมยั
พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้เขียนภาพจิตรกรรม
รูปกระทงใหญ่ตามแบบซึ่งท�ำในพระราชพิธีลอยพระประทีปท่ีหลัง
บานประตพู ระอโุ บสถ และเขยี นรูปโถยาคตู ามแบบอยา่ งซึง่ ท�ำเลย้ี งพระ
ในพระราชพิธีสารท ในรัชสมัยของพระองค์ ภายในมีพระพุทธรูปปูนปั้น
๔ องค์ เป็นพระประธาน ๑ องค์ ปางสมาธิ ๑ องค์ และปางมารวิชัย
๑ องค์
พระประธาน เปน็ พระพทุ ธรูปปางสมาธิ หนา้ ตักกวา้ ง ๓ ศอก ๘ นวิ้ สูง ๔ ศอก ๑๐ นิ้ว
ส�ำเภาเจดีย์ สร้างในรัชกาลที่ ๓ มูลเหตุการสร้าง เพราะทรงพยากรณ์ว่าเรือส�ำเภาจะสูญไป
จงึ โปรดเกลา้ ใหส้ รา้ งขึ้นโดยสร้างดว้ ยคอนกรตี เสริมเหล็ก มีพระเจดีย์ ๒ องค์ แทนทเ่ี สากระโดงเรอื องค์ใหญ่
ยอ่ มมุ ไม้ ๒๕ ส่วนองค์เล็กมฐี านย่อมมุ ไม้ ๑๖ ลกั ษณะคล้ายพระเจดยี ์วดั พระเชตพุ น และมีรูปพระเวสสันดร
กับรูปกัณหาชาลี หล่อประดิษฐานไว้ท่ีห้องบาหลี มีศิลาจารึกภาษาไทย ๑ แผ่น ภาษาจีน ๑ แผ่น และมี
พระบรมราชานสุ าวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจา้ อยู่หวั อยู่บรเิ วณด้านหนา้
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 275
อาคารมหาเจษฎาบดินทร์ เป็นอาคาร
อเนกประสงค์ วางรูปแบบเป็นอาคารที่ใช้สอย
ประโยชน์ร่วมในตัวอาคาร เช่น ใช้เป็นเมรุ ศาลา
บ�ำเพ็ญกุศล ศาลาการเปรียญและหอประชมุ โดย
มีสัณฐานเป็นอาคารทรงไทยประดับยอดปราสาท
๕ ยอด หลงั คามงุ ดว้ ยกระเบอ้ื งกามู ๓ สี
หอพระไตรปิฎก เป็นอาคาร ๓ ช้ัน มีสัณฐานเป็นอาคารทรงไทยประดับยอดปราสาท ๓ ยอด
ใช้เก็บรวบรวมตพู้ ระไตรปิฎก
276 พระอารามหลวง เลม่ ๑
วดั สร้อยทอง
ประวตั ิความเป็นมา
วัดสร้อยทอง สร้างข้ึนในสมัยรัชกาลที่ ๔ เดิมชื่อ วัดซ่อนทอง
สนั นษิ ฐานว่า ทายาทตระกลู บนุ นาค เป็นผสู้ รา้ งขึ้น
ปีพุทธศักราช ๒๔๘๔ เกิดสงครามโลกคร้ังที่ ๒ วัดได้รับ
ความเสียหายไม่สามารถบูรณปฏิสังขรณ์ได้ และไม่มีพระสงฆ์จ�ำพรรษา
ทางการจึงประกาศยุบเลกิ วัด และได้ผาติกรรมที่ดนิ วัดเปน็ โกดงั เกบ็ สนิ คา้
ต่อมาได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ และได้น�ำความไปบอกกับทางราชการ
กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ประกาศยกเลิกค�ำสั่งยุบวัดสร้อยทอง ราษฎร
จึงได้ช่วยกันสร้างเสนาสนะ และปรับปรุงทัศนียภาพให้มีความสวยงาม
ไดร้ บั ยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมอ่ื ปพี ุทธศกั ราช ๒๕๔๕
สถานะและทตี่ ง้ั
วดั สรอ้ ยทอง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนดิ สามญั ต้ังอยู่เลขท่ี ๑๓๑๙ แขวงบางซื่อ เขตบางซ่ือ
กรงุ เทพมหานคร มที ีด่ นิ ตง้ั วดั เนอื้ ท่ี ๑๕ ไร่ ๓ งาน ๗๘ ตารางวา
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 277
ส่งิ ส�ำคัญ
พระอุโบสถ เปน็ อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
หลงั คาลด ๒ ช้ัน มุงกระเบอ้ื งเคลือบ ประดบั ช่อฟา้
ใบระกา หางหงส์ หน้าบัน ซุ้มประตูและหน้าต่าง
ประดบั ลายปนู ป้ัน เปน็ ผนังหินออ่ นทงั้ หมด ผนงั ภายใน
มจี ติ รกรรมภาพเขยี นเลา่ เรอื่ งทศชาติ รปู ภาพเปรยี บเทยี บ ค�ำ
พงั เพย ในแตล่ ะภาพสอดแทรกภาพชวี ติ ประจ�ำวนั ของ
ชาวบา้ นรมิ คลอง ภาพคนจนี ศาลเจา้ และทหารทแ่ี ตง่
เครื่องแบบตะวันตก เป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังทาง
ประวตั ิศาสตรข์ องยุคนน้ั ๆ มกี �ำแพงแก้วลอ้ มรอบ
พระประธาน เปน็ พระพทุ ธรปู ปางมารวชิ ยั
พระวหิ าร เปน็ อาคารคอนกรตี เสรมิ เหลก็
ลักษณะทรงจตุรมุข หลังคามุงกระเบ้ือง ประดับ
ช่อฟา้ ใบระกา หางหงส์ หน้าบนั ประดับลายปูนป้ัน
ภายในประดษิ ฐาน หลวงพ่อเหลือ
หลวงพ่อเหลือ เป็นพระพุทธรูปทองส�ำริด
หล่อจากทองเหลืองท่ีเหลือจากการหล่อพระประธาน
พร้อมกับพระพุทธรูปปางปาเลไลยก์ ภายในเกศบรรจุ
พระธาตุของพระอรหันตสาวก ๕ พระองค์ คอื พระสา
รบี ตุ ร พระโมคคัลลานะ พระสีวลี พระองคุลมี าล และ
พระภิกษุณีพมิ พา
ศาลาการเปรียญ เป็นอาคารคอนกรีต
เสรมิ เหลก็ ๔ ชนั้ หลงั คามงุ กระเบอื้ งเคลือบ สรา้ งเม่อื
ปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๔๒
หอระฆัง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
ขนาดกว้าง ๒.๒๐ เมตร ยาว ๒.๒๐ เมตร สร้างเม่ือ
ปีพทุ ธศักราช ๒๕๒๐
278 พระอารามหลวง เลม่ ๑
วดั เสมยี นนารี
ประวตั ิความเปน็ มา
วดั เสมยี นนารี เดิมช่อื ว่า วัดแคราย ได้เรม่ิ ก่อตง้ั วดั ข้ึนเมอื่ ปพี ุทธศกั ราช ๒๔๐๐ ในปลายรัชสมยั
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ผู้ริเร่ิมสร้างวัดเป็นสตรีในวัง มีต�ำแหน่งเป็นเสมียน
ฝ่ายพระคลังใน นามว่า “ท่านเสมยี นข�ำ” ทา่ นเสมียนข�ำ เป็นธิดาของพระยาวิเศษภักดี (เถย้ี นจง๋ ณ สงขลา)
มารดาของท่านชอ่ื ท่านสุด
เมอื่ ทา่ นเสมยี นข�ำไดส้ รา้ งวดั แหง่ นขี้ นึ้ มา และไดท้ �ำนบุ �ำรงุ วดั ในเบอื้ งตน้ มาจนกระทง่ั ถงึ วาระสดุ ทา้ ย
แห่งชีวติ และเมอื่ ทา่ นได้ถงึ แกก่ รรมไปแลว้ เจ้าจอมเพ่ิม รัตนทัศนยี ์ (ท้าวภณั ฑสารนรุ กั ษ์) ซึ่งเป็นสตรกี วเี อก
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรให้เป็น “ท้าวภัณฑสารนุรักษ์” ในต�ำแหน่งพระคลังใน)
ได้อุปถัมภ์และท�ำนุบ�ำรุงวัดแครายต่อจากท่านเสมียนข�ำ ในกาลต่อมา วัดแครายได้เปล่ียนชื่อวัดเป็น
วดั เสมยี นนาร ี เพอ่ื ใหเ้ ปน็ เกยี รตปิ ระวตั แิ กผ่ สู้ รา้ งวดั ขน้ึ ในเบอ้ื งตน้ คอื ทา่ นเสมยี นข�ำ และคณุ ทา้ วภณั ฑสารนรุ กั ษ์
ชาววดั เสมยี นนารกี ล่าวนามเรยี กขานติดปากกนั วา่ คุณย่า หมายถึงคณุ ยา่ เสมียนข�ำ คณุ ย่าเพม่ิ รตั นทศั นีย์
(ทา้ วภณั ฑสารนุรักษ์) ได้รบั ยกฐานะเปน็ พระอารามหลวง เมอ่ื วันท่ี ๒๙ พฤษภาคม พทุ ธศักราช ๒๕๕๕
สถานะและท่ีตง้ั
วดั เสมียนนารี เปน็ พระอารามหลวงชนั้ ตรี ชนิดสามญั สงั กดั คณะสงฆ์มหานกิ าย ตั้งอยูเ่ ลขที่ ๓๒
ถนนก�ำแพงเพชร ๖ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร มีพ้ืนท่ีตั้งวัดท้ังหมดจ�ำนวน ๑๘ ไร่
๙๐ ตารางวา ท่ีธรณสี งฆ์มี ๑ แปลง เนือ้ ท่ี ๕๒ ไร่ ๔๐ ตารางวา เป็นทต่ี ั้งมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏจันทรเกษม
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 279
สิง่ ส�ำคัญ
พระอโุ บสถมขี นาดกวา้ ง๑๐เมตรยาว๓๐เมตร
เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กปิดทับด้วยหินอ่อน
ทงั้ หลงั ลกั ษณะทรงไทย หลงั คาลด ๓ ชน้ั ประดบั ชอ่ ฟา้
ใบระกา หางหงส์ ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง
เปน็ รปู พทุ ธประวัติ ตง้ั แต่ประสตู ิ ตรสั รู้ ปรินิพพาน
พระประธาน พระนามว่า พระศรีศากยะ
พุทธวงศ์มุนี เป็นพระพุทธรูปโลหะผสมศิลปะ
รัตนโกสินทร์ตอนต้น พิมพ์อู่ทอง ปางขัดสมาธิเพชร
จีวรเรยี บ ขนาดหนา้ ตักกวา้ ง ๔ ศอก ๙ น้วิ
พระวิหาร เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
มีพระพุทธรปู วสั ดทุ องผสม พระนามวา่ พระพุทธสโุ ข
อภิโรจนะ พุทธลักษณะสุโขทัยบริสุทธิ์ ปางมารวิชัย
ขนาดหน้าตกั ๒ ศอก ๑๙ น้ิว
280 พระอารามหลวง เลม่ ๑
พระบรมธาตุเจดีย์ศรธี รรมรตั น์ พระบรมสารรี ิกธาตศุ รลี ังกา
ศาลาการเปรียญ สร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๒ มีขนาดกว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๕๗ เมตร
เป็นอาคารคอนกรีตเสรมิ เหลก็ ทรงไทย
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 281
วดั ราชสงิ ขร
ประวัตคิ วามเป็นมา
วัดราชสิงขร เป็นวัดโบราณ สร้างสมัยกรุงศรีอยุธยา
ในรชั สมัยพระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ (พุทธศกั ราช ๒๒๗๕-๒๓๐๑)
ในสมัยรัชกาลท่ี ๑ สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
โปรดให้ช่างหลวงวังหน้าสร้างพระอุโบสถ มีหลักฐานที่ปรากฏคือ
ใบเสมาหินชนวนท่ีฝังไว้กับผนังด้านนอกพระอุโบสถ ซึ่งมีลักษณะ
เดียวกันกับวัดชนะสงครามและวัดมหาธาตุ อันเป็นพระอาราม
ที่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
ทรงเป็นผปู้ ฏิสังขรณ์
ลักษณะของการใช้ใบเสมาน้ันฝังติดกับผนังพระอุโบสถท้ัง ๘ ทิศ เป็นพุทธศิลปะที่สมเด็จ
กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงโปรดปรานเป็นการเฉพาะ นอกจากนั้นปรากฏหลักฐาน
พระวิหารสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทโปรดให้สร้างไปพร้อม ๆ กันกับการสร้างพระอุโบสถ
เพอ่ื ประดิษฐานหลวงพ่อแดง
สถานะและทีต่ ้งั
วัดราชสิงขร เป็นพระอารามหลวงช้ันตรี ชนิดสามัญ ต้ังอยู่เลขที่ ๒๑๑๔ ถนนเจริญกรุง ๗๔
แขวงวดั พระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร มีทด่ี ินต้งั วดั เนอื้ ท่ี ๑๑ ไร่ ๑ งาน ๙๘ ตารางวา
282 พระอารามหลวง เลม่ ๑
ส่งิ ส�ำ คัญ
พระอุโบสถและพระวิหาร จากการบันทึก
เล่าของวัดว่า เมื่อปีพุทธศักราช ๒๓๗๔ พระองค์
เจ้าหญิงพิกุลทอง และพระองค์เจ้าหญิงเกสร
พระธิดาในสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
ได้ทรงทำ�นุบำ�รุงและบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ โดย
ได้รับการสนับสนุนจากขุนนางข้าราชการ ตลอดจน
พ่อค้า ประชาชน ตามหลักฐานศิลาจารึกที่พบอยู่
บนหน้าพระอุโบสถและพระวิหาร
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว
(พ.ศ. ๒๓๖๗-๒๓๙๔) โปรดทำ�เป็นแบบศิลปะ
ราชนิยม ในสมัยซ่ึงถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และ
ได้นิยมสร้างกันในช่วงยุครัชกาลที่ ๓ เท่าน้ัน
กล่าวคือ มีการเปลี่ยนแปลงเครอื่ งบนของพระอุโบสถ
และพระวิหาร เช่น ส่วนหลังคาได้ถอดเคร่ืองประดับ
ที่จะเกิดความเสียหายได้ง่ายออกไป และหันมาใช้
วัสดุที่คงทนย่ิงขึ้น เช่น ลดช่อฟ้า ใบระกาลง เปลี่ยนเป็นการก่ออิฐถือปูน หน้าบันประดับด้วยตุ๊กตาสิงห์
จาน ชาม และกระเบ้ืองเคลือบลายจีน ลายทับทิม ซุ้มประตูและหน้าต่างลายปูนปั้นลงรักปิดทอง รูปลาย
ดอกไมอ้ ย่างจีนซึ่งไดน้ �ำ เข้าจากประเทศจีน ปัจจบุ ันยังมีพอเหลอื อยูบ่ า้ ง บางสว่ นไดเ้ ก็บรกั ษาไวเ้ ปน็ ตวั อย่าง
ให้ผูส้ นใจไดศ้ ึกษาต่อไป
ในส่วนของพระอุโบสถ ถึงแม้ว่าจะได้บูรณปฏิสังขรณ์ให้เห็นเป็นแบบศิลปะราชนิยม ในสมัย
รชั กาลท่ี ๓ แลว้ กต็ าม แตก่ ย็ ังคงฝังใบเสมาติดกับผนังด้านนอกของตัวพระอุโบสถอยูเ่ ชน่ เดิมจนถงึ ปจั จบุ ันนี้
ก็ไม่ปรากฏให้เห็นได้ เพราะในการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งหลังสุดน้ี ได้โบกฉาบปูนทับไว้ให้เหมือนเดิม
ทุกประการ แต่ด้วยเหตุดังกล่าวน้ีถ้าหากไม่พูดถึงคงไม่มีใครทราบได้ว่า ใบเสมาพระอุโบสถวัดราชสิงขร
อยู่ ณ ที่ใด หลังไหนเป็นพระอุโบสถหรือพระวิหาร เพราะขนาดและรูปลักษณะของทรวดทรงสูงตำ่�เท่ากัน
และตั้งอยู่ในตำ�แหน่งคู่ขนานที่ใกล้เคียงกัน ห่างกันแค่ประมาณ ๑๖ เมตร อีกด้วย ดังน้ัน จึงไม่ปรากฎ
ให้เห็นใบเสมาตงั้ รายรอบพระอุโบสถเหมือนอย่างวดั อน่ื ๆ ท่ีมพี ระอุโบสถศิลปะแบบเดียวกนั น้ี
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 283
พระประธาน เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัย ศิลปะ
สมยั อู่ทอง
พระวิหาร สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
โปรดให้สร้างพระวิหารไปพร้อมกันกับการสร้างพระอุโบสถ สร้าง
ข้ึนเป็นแบบด้ังเดิม เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคามุง
กระเบ้ือง ประดับช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันเป็นไม้ ภายในประดิษฐาน
หลวงพ่อแดง และต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๔๖๔ ในสมัยรัชกาลท่ี ๖
ได้มีการบรู ณะในส่วนหลงั คาพระวิหาร แต่ไม่ปรากฏช่ือของผูบ้ รู ณะ
ในปีพุทธศักราช ๒๔๗๐ สมัยรัชกาลท่ี ๗ ได้มีการบูรณะ
ส่วนล่างของพระวิหาร มีหลักฐานเป็นแผ่นศิลาจารึกรายชื่อและ
ปีท่ีบูรณปฏิสังขรณ์ ฝังติดอยู่ท่ีผนังด้านนอกระหว่างประตูทั้งสองด้าน
ของพระวหิ าร
สถูปพระเจดีย์ พระองค์เจ้าหญิงพิกุลทอง และพระองค์เจ้าหญิงเกสร ได้สร้างสถูปพระเจดีย์
๒ องค์ ประดษิ ฐานอยทู่ างมมุ ขวาและซ้ายด้านหลังพระอโุ บสถและพระวหิ าร
หลวงพ่อแดง เป็นพระพุทธรูปเน้ือส�ำริด ปางมารวิชัย
ศิลปะแบบอยุธยาที่มีอิทธิพลของศิลปะสุโขทัย ได้อัญเชิญมา
จากกรุงศรีอยุธยา ทางแม่น้�ำเจ้าพระยา ในระยะเวลาก่อนที่จะ
เสียกรุง ขณะที่ล่องมาใกล้จะถึงวัดราชสิงขรด้วยกระแสน�้ำ
ไหลเชย่ี ว เพราะเปน็ ฤดนู ำ�้ หลาก จงึ ท�ำใหก้ ารควบคมุ แพเปน็ ไปอยา่ ง
ยากล�ำบาก แพได้เสียหลักและแตกหักพัง ท�ำให้หลวงพ่อแดง
จมลงในน้�ำ ณ ท่ีฝั่งตรงกันข้ามกับวัดราชสิงขรพอดี
ณ ครั้งนั้นผู้คนชาวฝั่งธนบุรีได้ลือและแตกต่ืน แม้จะได้ประกอบ
พิธีอัญเชิญหลวงพ่อแดงโดยประการใด ๆ ก็ตามไม่สามารถน�ำ
หลวงพ่อแดงขึ้นจากน�้ำได้ ต่อมาจะด้วยสิ่งดลใจหรือปาฏิหาริย์
ผู้คนฝั่งวัดราชสิงขร (กรุงเทพ) ทราบข่าวเหตุการณ์จึงได้ไป
ขอเจรจาขออัญเชิญหลวงพ่อแดงมาประดิษฐานไว้ ณ วัดราชสิงขร
เปน็ ทีส่ �ำเร็จตามค�ำขออญั เชิญในฤดูน้ำ� ลด
เหตุขนานนามว่า หลวงพ่อแดง เนื่องจากได้อัญเชิญขึ้นฝั่งวัดราชสิงขรเป็นผลส�ำเร็จแล้ว
ได้ประดิษฐานอยู่กลางแจ้งและได้ท�ำความสะอาดช�ำระคราบโคลนตมและตะไคร่น้�ำออกแล้ว ปรากฏว่า
เกิดเป็นสีสนิมแดงจับทั่วท้ังองค์พระอย่างเห็นได้ชัด ชาวบ้านฝั่งวัดราชสิงขรจึงได้พากันนิยมขนานนามว่า
หลวงพอ่ แดง สืบตอ่ กนั มาตราบทุกวันนี้
284 พระอารามหลวง เลม่ ๑
วัดยาง
ประวัติความเป็นมา
วัดยาง เป็นวัดที่สร้างมานานแต่ไม่สามารถสืบค้นประวัติความเป็นมาได้ ประมวลจากค�ำบอกเล่า
และการเทยี บเคยี งกับวดั ใกลเ้ คียงท่ีเปน็ วดั เก่าแก่ เช่น วดั ราษฎรศ์ รัทธาธรรม (วดั โคก) วดั มหาบษุ ศย์ วดั ใต้
วดั ทองใน และวัดปากบ่อ เปน็ ตน้ จึงสันนิษฐานว่า นา่ จะมีอายไุ ล่เลี่ยกนั พอจะอนุมานได้ว่า เปน็ วัดทส่ี รา้ งขน้ึ
ในสมัยรัตนโกสนิ ทร์ มีอายรุ าว ๒๐๐ ปี ข้นึ ไป เดิมชาวบา้ นเรยี กว่า “วัดย้ัง “ก่อตั้งข้นึ กอ่ น พุทธศักราช ๒๓๘๔”
ชาวบา้ นทต่ี งั้ บา้ นเรอื นอยบู่ รเิ วณรอบๆ วดั ในครงั้ นน้ั เปน็ ชาวลาวซงึ่ เปน็ เชลยจากเมอื งเวยี งจนั ทรท์ ถ่ี กู กองทพั
สยามกวาดต้อนเข้ามาในไทย ในคราวเข้าตีเมืองเวียงจันทร์คร้ังที่ ๑ ใน ปี พุทธศักราช ๒๓๒๑ ครั้งท่ี ๒
ในปพี ทุ ธศักราช ๒๓๓๕ และครั้งท่ี ๓ ในปี พทุ ธศกั ราช ๒๓๖๙ - ๒๓๗๑ คราวเมือ่ องค์หลวงพ่อโต ซ่งึ เป็น
พระพทุ ธรปู ไมแ้ กะสลกั ปางมารวชิ ยั ไดล้ อยตามกระแสนำ�้ ในคลองพระโขนงแลว้ มาหยดุ หรอื มายงั้ ณ บรเิ วณ
ท่าน้�ำหน้าวัด ชาวบ้านจึงได้อัญเชิญองค์พระพุทธรูปไม้แกะสลักข้ึนมาไว้เพ่ือบูชาและสักการะในวัด จึงได้
เรียกว่า วดั ยัง้ ในกาลต่อมา ชาวลาวมีจ�ำนวนนอ้ ยลง และมคี นตา่ งถ่นิ เข้ามาอยอู่ าศัยมากขึน้ ค�ำว่า “วดั ยั้ง”
จึงเพ้ียนมาเป็น “วดั ยาง” จนถงึ ปัจจุบนั น้ี ได้รบั พระราชทานวสิ ุงคามสมี าครั้งแรกในปี พทุ ธศักราช ๒๔๐๐
ต่อมาเมื่อวันอังคาร ท่ี ๒๙ เดือน พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๓๗ ตรงกับวันแรม ๑๒ ค�่ำ เดือน ๑๒
จึงได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาอีกครั้ง และได้รับการยกฐานะข้ึนเป็นพระอารามหลวง เม่ือวันที่ ๒๙
เดือน พฤษภาคม พทุ ธศักราช ๒๕๕๕
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 285
สถานะและทตี่ ้ัง
วดั ยาง เปน็ พระอารามหลวงช้ันตรี ชนดิ สามญั สงั กัด
คณะสงฆ์มหานิกาย ต้งั อยเู่ ลขที่ ๑๑๙๗ หมู่ท่ี ๙ ถนนสขุ มุ วิท ๗๗
ซอยอ่อนนุช ๒๓ แขวงอ่อนนชุ เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร
มีท่ีดินตั้งวัด เนื้อท่ี ๒๗ ไร่ ๒ งาน ๔๔ ตารางวา ที่ธรณีสงฆ์
เน้อื ท่ี ๔๓ ไร่ ๑ งาน ๒๘ ตารางวา รวมทตี่ ั้งวดั และท่ธี รณีสงฆ์
๗๐ ไร่ ๓ งาน ๗๒ ตารางวา
สิง่ ส�ำคญั
พระอโุ บสถ เปน็ อาคารคอนกรตี เสรมิ เหลก็ เดมิ มขี นาด
ความกว้าง ๖ เมตร ยาว ๑๘ เมตร สรา้ งเม่อื พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๖
ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๕๓๖ ได้ขยายพื้นที่เพ่ิมเติมเป็นขนาด
กว้าง ๘ เมตร ยาว ๒๕ เมตร ทรงไทย หลังคาลด ๓ ชั้น
มงุ กระเบือ้ งดนิ เผาเคลือบ ประดบั ชอ่ ฟ้า ใบระกา หางหงส์ ประตู
พระอุโบสถเป็นลายเปลวเพลิง ซุ้มประตูทางเข้า เป็นใบเทศ
(หน้านาง ๓ ช้ัน) หน้าบันเป็นลายกนกเปลวประยุกต์ลายไทย
(ลายเถา) กนกคูหาหน้านาง (สายโปร่ง) และหน้าต่าง ท�ำจาก
ไม้แกะสลักแบบสถาปัตยกรรมไทย ลายกนกเปลวประยุกต์
ซมุ้ หนา้ ต่าง เปน็ ใบเทศ ๒ ชนั้ ลายกนกเปลวประยุกต์ลายไทย
พระประธาน เป็นพระพุทธรูปเน้ือทองส�ำริด จ�ำลอง
มาจากองคห์ ลวงพ่อโต ขนาดหน้าตักกว้าง ๔๒ นิว้ ปางมารวิชยั
เปน็ พระพทุ ธรปู อย่ใู นพระอริ ยิ าบถประทบั (นงั่ ) ขดั สมาธพิ ระหตั ถ์
ซ้ายวางหงายบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาวางบนพระชานุ
(เข่า) นว้ิ พระหัตถช์ ี้ลงพ้นื ธรณปี ระดษิ ฐานบนฐานบัลลงั ก์ผา้ ทิพย์
รปู บวั ควำ่� บวั หงาย ลกั ษณะสถาปัตยกรรมไทย สมยั รัตนโกสินทร์
ตอนต้น
พระวหิ ารตรมี ขุ ขนาดกวา้ ง ๒๐ เมตร
ยาว ๒๗.๒๐ เมตร เป็นอาคารสร้างด้วย
คอนกรีตเสริมเหล็กผนังด้านในและด้านนอก
ปูด้วยกระเบ้ืองดินเผาเคลือบ หลังคาทรงไทย
ใบเทศ ตรมี ขุ มชี อ่ ฟา้ ใบระกา และสรา้ งแลว้ เสรจ็
เมื่อปี พทุ ธศักราช ๒๕๓๖ ประดิษฐานหลวงพ่อโต
เป็นพระพุทธรูปไม้แกะสลักปางมารวิชยั ประทับ
นั่งบัลลังก์ฐานผ้าทิพย์รูปบัวคว่�ำบัวหงาย ขนาด
หน้าตกั กว้าง ๕ ศอก สูงประมาณ ๗ ศอก ๒ คืบ
286 พระอารามหลวง เล่ม ๑
หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปไม้แกะสลักปางมารวิชัย
ได้ลอยน�้ำมาจากทางตอนเหนือล่องลงตามคลองพระโขนง และ
มายั้งหรือหยุดอยู่ท่ีหน้าวัด ต่อมาชาวบ้านเห็นความเป็นสิริมงคล
จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ในวัดแห่งน้ี พระพุทธรูปไม้แกะสลักนี้
ถูกบรรจุไว้ขา้ งในพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ หน้าตกั ๓ เมตร
มีลักษณะ นั่งขัดสมาธิ บุด้วยทองค�ำสัมฤทธ์ิ ประดิษฐานอยู่ใน
วิหารบนบัลลังก์ฐานผ้าทิพย์รูปบัวคว่�ำบัวหงาย ฝีมือช่างชาวบ้าน
สมัยรัตนโกสินทร์ ขนาดหน้าตักกว้างประมาณ ๕ ศอกเศษ
สูงตลอดองค์ประมาณ ๗ ศอก ๒ คบื เปน็ องค์พระศกั ดสิ์ ิทธิท์ ี่มีผ้คู น
มีความศรทั ธาเล่ือมใสเปน็ ที่เลือ่ งลือ
หอบาตรน�้ำมนต์ เป็นอาคารคอนกรีต ลักษณะ
ศาลาทรงไทยจัตุรมุข มุงด้วยกระเบ้ืองเคลือบ มีช่อฟ้า
ใบระกา หนา้ บันประดบั ด้วยปูนปน้ั รูปพระนารายณ์ทรงครฑุ
ภายในศาลาตง้ั บาตรน�้ำมนต์ ขนาดใหญ่
ศาลาการเปรียญ สร้างเมื่อปี
พุทธศกั ราช ๒๕๑๐ มีขนาดกวา้ ง ๒๖ เมตร
ยาว ๔๐ เมตร สรา้ งด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก
หลังคาทรงไทย
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 287
วัดนางนอง
ประวัติความเป็นมา
วัดนางนองเป็นวัดโบราณ สร้างสมัยกรุงศรีอยุธยา
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งวัด
และสถาปนาเป็นพระอารามหลวง พระอุโบสถ พระวิหาร พระเจดีย์
ศาลาหน้าวัดล้วนเป็นทรงเก๋งจีน พร้อมทั้งศิลปกรรมท่ีปั้นลม หน้าบัน
ประตูหน้าต่าง พระประธานในพระอุโบสถและท่ีฝาผนังมีลายรดน้ำ�
รูปทรงศิลปะไทยจีนประยุกต์ ต่อมาได้มีการปฏิสังขรณ์ส่ิงก่อสร้าง
ทีช่ ำ�รุดทรดุ โทรม คือ พระอุโบสถ และศาลาการเปรียญ เป็นตน้
สถานะและทตี่ งั้
วัดนางนอง เป็นพระอารามหลวงช้ันตรี ชนิดวรวิหาร
ต้ังอยู่เลขที่ ๗๖ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร
มีท่ีดนิ ตัง้ วัด เน้ือท่ี ๒๗ ไร่ ๓ งาน ๒๕ ตารางวา
288 พระอารามหลวง เลม่ ๑