สงิ่ สำ�คัญ
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ลักษณะสถาปัตยกรรม
แบบจนี สร้างสมัยรชั กาลที่ ๓ หลงั คาลด ๒ ช้นั มงุ กระเบ้ือง หนา้ บนั
ประดบั กระเบ้อื งเคลอื บ เสาพาไลรปู ส่ีเหลยี่ ม ซมุ้ ประตเู ป็นลายดอกพดุ ตาล
ซุ้มประตูและหน้าต่างประดับลายปูนปั้น บานประตูด้านนอกประดับ
มุกทั้งบานมีลวดลาย ขอบประตูเขียนลายทองเป็นรูปต้นกัลปพฤกษ์
และโคตรเพชร ขอบหน้าต่างตรงผนังด้านนอกเขียนรูปเพชร
บานประตูและหน้าต่างด้านในเป็นลายรดนำ้� บานหน้าต่างเขียนภาพ
วรรณคดี
พระประธาน เป็นพระพุทธรูปทรงเคร่ือง
ปางมารวิชัย
พระเจดยี ์ อยู่หนา้ พระอุโบสถ ลักษณะเปน็ แบบย่อมมุ
ไม้ย่ีสบิ ฐานทกั ษิณแปดเหล่ยี ม เป็นศิลปะสมยั รชั กาลที่ ๓
พระวหิ าร มี ๒ หลงั ลกั ษณะเปน็ สถาปตั ยกรรมแบบไทย
ประตูทางเข้า มีลักษณะทรงโค้ง เป็นวงกลมแบบฝร่ัง ๒ ชั้น
ก่อด้วยอิฐ ฝาผนังฉาบปูนทาสี
พระปรางค์ ๒องค์อยทู่ างทศิ เหนอื
และทิศใต้ของพระเจดีย์ ฐานทรงบาตรคว่ำ�
องค์พระปรางค์กลมมีบัวคว่ำ�บัวหงาย
เป็นชั้น ๆ สูง ๑๖ เมตร
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 289
วดั ราชโอรสาราม
ประวตั ิความเป็นมา
วดั ราชโอรสาราม เปน็ วดั โบราณ สรา้ งสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา เดมิ ชอ่ื วดั จอมทอง ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๓๖๓
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะด�ำรงพระอิสริยยศเป็นพระเจ้า ลูกยาเธอในรัชกาลที่ ๒
เป็นแมท่ พั คุมพลไปขัดตาทัพพมา่ ทางด่านพระเจดยี ์ ๓ องค์ จงั หวัดกาญจนบรุ ี เมื่อเคลอ่ื นทพั ผ่านวัดจอมทอง
ได้เสด็จประทับแรมที่หน้าวัด ทรงท�ำพิธีเบิกโขลนทวารตามลักษณะต�ำราพิชัยสงครามและทรงอธิษฐาน
ให้ไปราชการสงครามประสบผลส�ำเร็จ หลังจากเสร็จการทัพทรงได้ปฏิสังขรณ์วัดจอมทองใหม่ท้ังวัด
แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จ
พระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระราชทานนามว่า
วัดราชโอรส
ด้วยเหตุท่ีการสถาปนาวัดน้ีเป็นการส่วน
พระองค์ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
จงึ มพี ระราชด�ำริแบบการกอ่ สร้างตามพระราชหฤทยั
ซึ่งขณะนั้นการติดต่อค้าขายกับจีนเฟื่องฟูมาก
การก่อสร้างวัตถุสถานและศิลปะการตกแต่งภายในวัด
จงึ นยิ มเปน็ แบบจนี
290 พระอารามหลวง เลม่ ๑
วัดราชโอรสตกแต่งด้วยศิลปะ
จีนเป็นส่วนมาก นับเป็นวัดท่ีสร้างต่างจาก
แบบวัดท่ัวไป ศิลปกรรมท่ีมีอยู่ในวัดน้ี
มีการประดับตกแต่งต่าง ๆ เป็นแบบจีน
ผสมไทย เช่น พระอุโบสถ พระวิหาร
หลังคาพระอุโบสถเป็นกระเบ้ืองเคลือบ
แบบไทย กุฏิพระสงฆ์เป็นอาคารตึกแทน
เรือนไม้แบบของเดิม บานประตูหน้าต่าง
พระวิหาร พระพุทธไสยาสน์ประดับด้วย
เซ่ียวกางแทนลายเทพพนม หรือลายไทยแบบของเดิม หน้าบันพระอุโบสถและพระวิหารประดับกระเบื้อง
เคลือบสี เปน็ การประยุกตศ์ ลิ ปกรรมไดอ้ ย่างประณตี เหมาะสม
สถานะและท่ตี ้ัง
วัดราชโอรสาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ต้ังอยู่ริมคลองสนามไชย
ฝั่งตะวันตก (ฝั่งธนบุรี) และทิศเหนือติดคลองบางหว้า ตั้งอยู่เลขที่ ๒๕๘ เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร
มีทดี่ ินตง้ั วัด เนือ้ ท่ี ๒๗ ไร่ ๒ งาน ๖๐ ตารางวา
ส่ิงส�ำคญั
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่อ
อิฐถือปูน สถาปัตยกรรมเลียนแบบจีน
ตามพระราชนิยมในรัชกาลท่ี ๓ หลังคา
ลด ๒ ช้ัน มุงกระเบ้ืองเคลือบสี
หน้าบันประดับกระเบ้ืองเคลือบสีสวยงาม
ตอนบนประดิษฐ์เป็นเครื่องบูชา มีดอกไม้
มังกร หงส์ ตอนล่างเป็นภาพทิวทัศน์
มีบ้านเรือน สัตว์เลี้ยง ภูเขา ต้นไม้
ต า ม ข อ บ ห ลั ง ค า ป ร ะ ดั บ ก ร ะ เ บื้ อ ง สี
ซุ้มประตูหน้าต่างประดับปูนปั้นประดิษฐ์
เป็นลายดอกเบญจมาศ บานประตูด้าน
นอกประดับมุกลายมังกรดั้นเมฆ ฝีมือละเอียดประณีต ด้านในเขียนรูปทวารบาลแบบจีน บานหน้าต่าง
ด้านนอกประดับลายมังกรดั้นเมฆเป็นลายปูนปั้น ด้านในเขียนลายดอกไม้เฟื่องสีทอง ผนังด้านในเขียนลาย
เคร่ืองบูชาแบบจนี บางชว่ งมคี วามหมายในการให้พร ฮก ลก ซิ่ว ตามคตขิ องจนี เพดานเขียนดอกเบญจมาศทอง
บนพื้นแดง
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 291
พระประธาน เป็นพระพทุ ธรูปปางสมาธิ ประดิษฐานภายใต้ฉตั รแกว้ เหนือฐานชุกชี ๕ ชั้น ชัน้ ลา่ ง
เปน็ ฐานเชยี งรปู ส่ีเหลย่ี ม ชั้นบนมนขอบยกลายกลีบบวั ลงรักปดิ ทอง ประดบั กระจก ตราผา้ ทพิ ย์ ด้านหน้า
มีเครื่องหมายรูปปราสาทท่ีผ้าทิพย์ฐานพระพุทธรูป พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้อัญเชิญ
พระสรีรังคารของพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวมาประดิษฐานไว้พร้อมกับถวายพระปรมาภิไธย
ประจ�ำรัชกาล และศิลาจารกึ ดวงพระชันษา พระราชทานพระนามวา่ พระพทุ ธอนนั ตคุณอดลุ ยญาณบพิตร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โปรดให้ประดิษฐานนพปฎลมหาเศวตฉัตร
(ฉตั ร ๙ ชัน้ ) เหนือพระประธานในพระอุโบสถ เมอ่ื ปพี ุทธศกั ราช ๒๕๐๔
พระวิหารพระพุทธไสยาสน์ อยู่ด้านหลังพระอุโบสถเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน หลังคามุงกระเบ้ือง
ในก�ำแพงแก้วเดียวกัน แต่พระวิหารมีก�ำแพงล้อมอยู่เฉพาะอีกชั้นหน่ึง เป็นพระวิหารขนาดใหญ่ ภายใน
ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ปูนปั้นขนาดยาว ๒๐ เมตร พระนามว่า พระพุทธไสยาสน์นารถชนินทร์
ชินสากยบรมสมเด็จสรรเพชรพุทธบพิตร เพดานเขียนลายดอกเบญจมาศ นก ผีเสื้อ สอดสีสวยงาม
รอบลานพระวหิ าร มพี ระเจดยี ์เหลีย่ ม ยอ่ มุมไมส้ ิบสอง
ประดษิ ฐานอยู่ ๓๒ องค์
พระแท่นประทับใต้ต้นพิกุล มุมซ้ายด้าน
หน้าพระอุโบสถมีต้นพิกุลต้นใหญ่ต้นหนึ่ง มีแท่นศิลา
อยู่ใต้ต้นพิกุลนี้ เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า
เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ทอดพระเนตรการกอ่ สร้าง ได้ประทบั
ทพ่ี ระแท่นน้ี
292 พระอารามหลวง เล่ม ๑
วิหารพระยืน เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน
หลังคามุงกระเบื้อง อยู่ด้านเหนือพระอุโบสถ
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปยืน ปางประทานอภัย
เปน็ พระพทุ ธรูปหลอ่ ส�ำรดิ สงู ๖.๒๕ เมตร ศิลปะกอ่ น
สมัยกรุงศรอี ยธุ ยา พระนามวา่ พระอ่ทู อง
ถะ (สถปู เจดยี )์ คอื สถูปหรอื เจดยี แ์ บบจีน
อยู่ด้านหลังพระอุโบสถ เป็นสถูปแบบจีน มีทรง
เหล่ียมซ้อนกัน ๕ ชั้น ยอดเป็นรูปทรงน�้ำเต้า ถัดมา
ทรงเหล่ียมซ้อนกันเป็นช้ัน ๆ ในแต่ละเหลี่ยม
เจาะเปน็ ชอ่ ง เวน้ ระยะโดยรอบ ถะ หรอื สถูปองค์นี้
ก่อด้วยอิฐถือปูนปิดทึบ ภายนอกเป็นหินอ่อนสลัก
รปู สี่เหลี่ยม และลวดลายปะติดไวด้ า้ นนอก
ศาลาการเปรียญ อยู่ทางทิศใต้ของ
พระอุโบสถ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคา
ลด ๒ ชั้น แบบจีน มุงกระเบ้ืองเคลือบ สันหลังคา
ประดบั รปู ถะ อยรู่ ะหวา่ งมงั กรกระเบอื้ งเคลอื บสอี ยา่ ง
ศาลเจ้าจีน ผนังด้านนอกตอนบนเขียนรูปผลไม้เป็น
สญั ลกั ษณ์ของความเปน็ สิริมงคล (ฮก ลก ซวิ่ ) เช่น
สม้ มอื และลกู ทอ้ ภายในประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ปนู ปน้ั
ปางประทานพระธรรมเทศนา
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 293
วัดหนัง
ประวตั คิ วามเป็นมา
วดั หนงั เปน็ วดั โบราณ สรา้ งสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา ในรชั กาลสมเดจ็ พระสรรเพช็ ญท์ ี่ ๙ (พระเจา้ ทา้ ยสระ)
เนือ่ งจากมีจารกึ ทีร่ ะฆงั โบราณในวดั กลา่ ววา่ สร้างตั้งแตป่ พี ทุ ธศกั ราช ๒๒๖๐
ในรัชกาลท่ี ๓ สมเด็จพระศรีสุลาลัย พระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงสถาปนาใหมท่ งั้ พระอาราม เนอื่ งจากทา่ นเพง็ พระชนนขี องสมเดจ็ พระศรสี ลุ าลยั มถี น่ิ พ�ำนกั อยู่ใกลว้ ดั หนงั
สมัยรัชกาลที่ ๕ โปรดให้กรมหม่ืนนฤบาลมุขมาตย์ เป็นผู้บูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะต่าง ๆ
มสี ภาพม่ันคงถาวร ได้รับยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมอื่ ปีพทุ ธศกั ราช ๒๓๘๐
สถานะและทตี่ งั้
วัดหนัง เป็นพระอารามหลวงช้ันตรี ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่เลขท่ี ๒๐๐ แขวงบางค้อ
เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร มีท่ีดินต้ังวดั เนือ้ ที่ ๑๖ ไร่ ๑ งาน ๓ ตารางวา
294 พระอารามหลวง เลม่ ๑
สงิ่ ส�ำคัญ
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐ
ถือปูน หลังคาลด ๒ ชั้น มุงกระเบ้ือง
เฉลยี งรอบมีเสาหานรองรบั ประดบั ช่อฟา้
ใบระกา หางหงส์ พนกั ระหวา่ งเสากระเบอ้ื ง
ปรุ หลังคามุขลดยน่ื ลงมาอีกชัน้ หนึ่ง หนา้ บัน
ประดบั กระจก ประตดู า้ นหนา้ และดา้ นหลงั
มีดา้ นละ ๒ ชอ่ ง หน้าตา่ ง ด้านละ ๕ ช่อง
กรอบประตู และหน้าต่างประดับลายปูนปั้น
บานหน้าต่างด้านนอกเขียนลายรดน�้ำ
ด้านในลงพ้ืนฝุ่นน�้ำมันเขียนลายทอง
ประเภทชอ่ พะเนยี ง เพดาน มีลายคอสอง
โดยรอบ ลงชาดประดับด้วยดาวทอง ข่ือเขียนลายตาสมุก
ปลายขอื่ สองขา้ งเขยี นลายกรวยเชงิ เหนอื กรอบหนา้ ตา่ งประดบั
ภาพกระจกอยู่ในกรอบทอง ผนังภายในเขียนลายทองเป็นลาย
ดอกไม้ร่วง ซุ้มสีมารอบพระอุโบสถก่ออิฐถือปูน ประดิษฐาน
ใบสีมาศิลาจ�ำหลักซ้มุ ละ ๑ คู่
พระประธาน เป็นพระพทุ ธรปู หลอ่ โลหะ ปางมารวิชัย
พระนามว่า พระพุทธปฏิมากร ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชี
เป็นฐานแว่นฟ้า ๒ ช้ัน ปั้นลวดลายปิดทอง ประดับกระจก
ถดั ลงมาประดษิ ฐานพระสาวก ๕ องค์
พระวิหาร เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน
หลังคาลด ๒ ช้ัน มุงกระเบื้อง เฉลียงรอบ
มเี สาหานรองรบั ประดบั ชอ่ ฟา้ ใบระกา หางหงส์
มีประตูด้านละ ๒ ช่อง ภายในมีผนังกั้นกลาง
แบ่งพระวิหารเป็น ๒ ส่วน เดินถึงกันไม่ได้
ส่วนหน้าประดิษฐานพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์
คือ พระกกุสันโธ พระโกนาคมโน พระกัสสโป
พระโคตโม และพระเมตเตยโย ส่วนหลัง
เป็นท่ีประดิษฐานพระพุทธรูปศิลาพอกปูน
ลงรกั ปดิ ทอง ปางมารวชิ ัย
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 295
พระปรางค์ ลักษณะก่ออิฐถือปูน
ประดิษฐานอยู่ระหว่างพระอุโบสถกับพระวิหาร
มขี นาดสูงใหญ่ ฐานทักษณิ ๓ ชัน้ รปู แปดเหลี่ยม
พระเจดีย์ ลักษณะก่ออิฐถือปูน ย่อไม้
สิบสอง ประดิษฐานอยู่หน้าลานพระวิหาร ๒ องค์
และประดิษฐานทีม่ มุ ก�ำแพงแก้ว ๔ องค์
ศาลาการเปรียญ เป็นอาคารไม้ ภายใน
มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเล่าเร่ือง หลวิชัยคาวี
รัชกาลที่ ๕ เสด็จทอดพระเนตรเห็นภาพที่ผนัง
หมองและช�ำรดุ จงึ โปรดใหส้ มเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ
เจา้ ฟ้ากรมพระยานรศิ รานวุ ตั ติวงศ์ บรู ณปฏสิ ังขรณ์
เขียนภาพให้เหมือนเดิม ภายหลังมีการบูรณ
ปฏสิ งั ขรณ์ใหมอ่ กี ครง้ั หน่ึง
296 พระอารามหลวง เลม่ ๑
วัดดอนเมือง
ประวัติความเป็นมา
วัดดอนเมือง สร้างขึ้นเม่ือปีพุทธศักราช ๒๔๓๘ โดยมีเศรษฐีผู้หน่ึงมีบรรดาศักดิ์เป็น
หม่ืนอาจหาญ หรอื เสมียนภู่ ไดอ้ ุทศิ ที่ดนิ ใหเ้ ปน็ ท่สี รา้ งวดั ตอ่ มาชาวบ้านไดเ้ กิดความเลอ่ื มใสในปฏิปทาของ
พระอาจารยจ์ ะ๊ (อาจารย์ออ่ น) ซง่ึ เปน็ ชาวมอญ จงึ ไดน้ มิ นต์
ใหอ้ ยปู่ ระจ�ำและด�ำเนนิ การสรา้ งวดั ขน้ึ ตอ่ มาความเจรญิ ของ
บ้านเมืองได้ขยายตัวมากขึ้น ท�ำให้วัดเจริญรุ่งเรือง และได้
พฒั นามาตามล�ำดบั
วัดดอนเมืองได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเม่ือ
ปีพุทธศักราช ๒๔๕๘ เป็นวัดท่ีประกอบพิธีทางศาสนา
ของขา้ ราชการในกองทพั อากาศ และสรา้ งมาพรอ้ มกบั กองทพั
อากาศดอนเมือง ได้รับยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปี
พุทธศกั ราช ๒๕๓๒
สถานะและทต่ี ั้ง
วดั ดอนเมอื ง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนดิ สามญั ตงั้ อยู่เลขที่ ๑ ถนนวภิ าวดีรังสิต แขวงสกี ัน
เขตดอนเมอื ง กรงุ เทพมหานคร มที ีด่ ินต้งั วัด เนอ้ื ท่ี ๓๓ ไร่ ๓ งาน ๕๒ ตารางวา
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 297
สิง่ ส�ำคัญ
พระอุโบสถ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
ลักษณะทรงไทยแบบจตุรมุข หลังคามุงกระเบ้ืองเคลือบ
หน้าบัน ประตู และหนา้ ต่างประดบั ลายปนู ป้นั บานประตู
และหน้าต่างเป็นไม้แกะสลักลายกนกเปลวเพลิง ปิดทอง
ผนงั ภายในมจี ติ รกรรมภาพเลา่ เรอื่ งพระพทุ ธประวตั ิ สรา้ ง
เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๒
พระประธาน เปน็ พระพทุ ธสหิ งิ คจ์ �ำลอง พระเจา้ ลกู เธอเจา้ ฟา้ จฬุ าภรณว์ ลยั ลกั ษณ์ เสดจ็ เปน็ ประธาน
เททองหลอ่ เมอื่ ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๓๖
298 พระอารามหลวง เลม่ ๑
พระวหิ าร เปน็ อาคารคอนกรตี เสรมิ เหลก็ ลกั ษณะทรงไทย
หลังคามุงกระเบ้ือง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชจ�ำลอง
และพระพทุ ธรปู หลายองค์ สรา้ งเม่ือปีพุทธศกั ราช ๒๕๒๗
พระเจดีย์ ลักษณะทรงระฆังคว่�ำแปดเหล่ียม ขนาด
สูง ๒๙ เมตร เป็นท่ีประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ สร้างเม่ือปี
พุทธศกั ราช ๒๕๔๑
หอพระไตรปฎิ ก เปน็ อาคารไม้ ๒ ชนั้ ลกั ษณะทรงไทย
๓ มุข หลงั คามงุ กระเบ้ืองเคลือบสี
พระพุทธรูปปางมารวิชัย จีนเนี้ยวจางวาง ถวายเมื่อปี
พุทธศกั ราช ๒๔๖๙
พระพุทธรูปหล่อจ�ำลอง รัชกาลท่ี ๘ ได้พระราชทาน
เมือ่ พุทธศกั ราช ๒๔๗๘
หอระฆัง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
ลักษณะทรงไทย หลังคามุงกระเบื้อง สร้างเมื่อปี
พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๔
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 299
วัดธาตทุ อง
ประวัติความเปน็ มา
วดั ธาตทุ อง สร้างเมื่อพทุ ธศักราช ๒๔๘๑ โดยการรวมวดั ๒ วดั เขา้ ดว้ ยกัน คอื วัดหนา้ พระธาตุ
และวัดทองล่าง เดิมวัดหน้าพระธาตุตั้งอยู่ริมแม่น�้ำเจ้าพระยา ต�ำบลคลองเตย อ�ำเภอพระโขนง
จังหวัดพระนคร เปน็ วดั เก่าที่สรา้ งขึน้ ในสมยั กรุงศรีอยุธยา สว่ นวัดทองล่างตั้งอยู่ใกล้กบั ฝ่งั แม่นำ�้ เจ้าพระยา
ปากคลองพระโขนงนายทองเป็นผู้บริจาคท่ีดินและสร้างวัดโดยร่วมกับพระภิกษุชาวรามัญรูปหนึ่งชื่อว่า
“กะทอ” (กะทอเป็นภาษารามัญ กะ แปลวา่ ปลาตะเพยี น ทอ แปลว่า ทอง กะทอ จึงแปลว่าปลาตะเพยี นทอง)
ชาวบ้านเรียกว่า สมภารทอง สมภารทองกับนายทองร่วมกันท�ำนุบ�ำรุงวัดจัดสร้างอุโบสถ เสนาสนะ ต้ังชื่อ
วัดนว้ี า่ “วดั โพธ์ิสวุ รรณาราม” หรือวดั โพธท์ิ อง ในชัน้ หลงั ๆ ชาวบ้านเรียกกนั ว่า “วัดทอง” ภายหลงั วดั ทอง
มีหลายแห่งตามแม่น้ำ� เจา้ พระยา มีทัง้ ดา้ นบนและล่าง จึงเพ่ิมอักษรทา้ ยช่อื นว้ี ่า “วดั ทองล่าง” คู่กับวดั ทองบน
ตอ่ มาในพุทธศกั ราช ๒๔๘๐ รฐั บาล
ในสมัยน้ันต้องการทต่ี �ำบลคลองเตย ริมแมน่ �้ำ
เจา้ พระยา เพอ่ื สร้างทา่ เรอื กรุงเทพฯ วดั หน้า
พระธาตแุ ละวดั ทองลา่ งซงึ่ อยภู่ ายในบรเิ วณนนั้
จึงถูกเวนคืนที่ดิน โดยรัฐบาลชดใช้เงินให้
เพ่อื ไปรวมกับวัดอ่นื ๆ หรอื ไปสร้างวดั ขึ้นใหม่
ทางคณะสงฆจ์ งึ ตงั้ คณะกรรมการขน้ึ คณะหนง่ึ
มพี ระมหารชั มงั คลาจารย์ (เทศ นิเทสสกเถร)
สมัยเมื่อยังด�ำรงสมณศักดิ์ที่พระรัชมงคล
300 พระอารามหลวง เล่ม ๑
มุนีวัดสัมพันธวงศ์ เป็นประธานกรรมการและพระพรหมมุนี (ผิน สุวจเถร) ครั้งยังเป็นพระเทพมุนี
วัดบวรนิเวศวิหาร เปน็ ผู้แนะน�ำเลือกสถานท่ดี ินทส่ี ร้างวัด มเี นอ้ื ท่ี ๕๔ ไร่ ๓ งาน ๘๒ ตารางวา ราคาทดี่ นิ
ไรล่ ะ ๕๐๐ บาท หรอื วาละ ๕ สลึง สถานท่ีต้ังอารามในปัจจบุ นั โดยถอื กรรมสทิ ธเิ์ ป็นท่ีวัดธาตุทอง เมือ่ วนั ที่
๒๓ กมุ ภาพนั ธ์ พทุ ธศักราช ๒๔๘๐
คณะกรรมการไดย้ ้ายเสนาสนะถาวรวัตถุจากวัดหนา้ พระธาตแุ ละวดั ทองลา่ ง มาปลูกสร้างรวมกนั
ที่ต�ำบลคลองบ้านกล้วย โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต
เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เปน็ องค์อปุ ถมั ภ์ และทรงน�ำมงคลนาม ท้งั ๒ วัดน้ีมารวมกันประทานนามใหมว่ ่า
“วดั ธาตทุ อง” ยา้ ยมาเมอื่ ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๔๘๑ ตอ่ มาปพี ทุ ธศกั ราช ๒๔๘๒ จงึ เรมิ่ มพี ระภกิ ษสุ ามเณรจ�ำพรรษา
เป็นคราวแรก ปพี ุทธศักราช ๒๔๘๓ จงึ เรม่ิ ก่อสร้างปูชนยี วตั ถุ ถาวรวัตถตุ ่าง ๆ ตามล�ำดับ ได้รบั พระราชทาน
วิสุงคามสมี า เมอื่ วนั ที่ ๒๔ ตุลาคม พทุ ธศักราช ๒๔๘๓ (เขตวสิ ุงคามสีมา กว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๘๐ เมตร)
ผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิตอุโบสถ เมื่อวันท่ี ๒-๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๐๕ ต่อมาเม่ือวันที่ ๑๐ มีนาคม
พุทธศักราช ๒๕๕๐ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับเป็นองค์อุปถัมภ์วัดธาตุทอง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน
พระอนญุ าตให้จดั ท�ำตราสัญลกั ษณ์ประจ�ำวัดธาตุทองข้นึ ใหม่ ไดร้ บั ยกฐานะเป็นพระอารามหลวง ในวนั ท่ี ๒๙
พฤษภาคม พทุ ธศักราช ๒๕๕๕
สถานะและท่ีตั้ง
วดั ธาตุทอง เปน็ พระอารามหลวงช้นั ตรี ชนดิ สามญั สงั กดั คณะสงฆธ์ รรมยตุ ต้งั อยูเ่ ลขที่ ๑๓๒๕
ถนนสขุ มุ วทิ แขวงพระโขนงเหนอื เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร มที ด่ี นิ ต้งั วดั เนอื้ ที่ ๕๔ ไร่ ๓ งาน ๘๒ ตารางวา
(เลขที่ ๑๔๙ โฉนดที่ ๔๐๓๗)
สิ่งส�ำคัญ
พระอุโบสถ ขนาดกว้าง ๑๐ เมตร
ยาว ๒๔ เมตร สร้างเมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๐
ลั ก ษ ณ ะ อ า ค า ร เ ป ็ น ค อ น ก รี ต เ ส ริ ม เ ห ล็ ก
สร้างเสร็จสมบูรณ์ ผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต
เม่อื วันที่ ๒-๘ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๐๕
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 301
พระประธาน นามว่า “พระสัพพัญญู”
เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๗๐ นิ้ว
สรา้ งเมอื่ พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๕ และมพี ระพทุ ธรปู ส�ำคญั
ประจ�ำพระอุโบสถ อีก ๓ องค์ คือพระพุทธชินินทร
เป็นพระพุทธรูปสมัยอู่ทอง หน้าตักกว้าง ๓๒ นิ้ว
พระพุทธอภิบาลปวงชน หน้าตักกว้าง ๓๒ น้ิว
สร้างเม่ือวันที่ ๒๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๒๕
และพระพุทธมนตป์ รชี า เป็นพระพทุ ธรูปปางมารวชิ ัย
สมยั สโุ ขทยั หน้าตกั กว้าง ๓๐ นิว้
พระเจดยี บ์ รรจุพระบรมสารรี ิกธาตุ ย้ายมาจากวดั หน้าพระธาตุ
ศาลาการเปรียญ ขนาดกว้าง ๑๒.๒๐ เมตร ยาว ๒๒ เมตร สร้างเม่ือพุทธศักราช ๒๔๘๒
ย้ายมาจากวดั ทองลา่ ง
วิหารลิมปาภรณ์ ขนาดกว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๒๐ เมตร และมีพระพุทธชินราชจ�ำลอง ประดษิ ฐาน
ประจ�ำพระวิหาร เป็นสถานท่ีศึกษาพระอภิธรรม และสถานท่ีเจริญสมาธิภาวนา ส�ำหรับประชาชนท่ัวไป
สร้างเมื่อพทุ ธศักราช ๒๕๑๔
302 พระอารามหลวง เล่ม ๑
วดั บณุ ยประดษิ ฐ์
ประวตั คิ วามเป็นมา
วัดบุณยประดิษฐ์ เดิมชื่อ วัดใหม่บุญน่วม ตามชื่อของผู้ท่ียกท่ีดินให้เป็นท่ีสร้างวัด คือ นายบุญ
และนางน่วม โพธินิมิต ได้อาราธนาพระอาจารย์สวาทจากวัดศาลาแดง มาอยู่จ�ำพรรษาและเป็นผู้ดูแลวัด
ชาวบ้านเรยี กวดั นี้ว่า วัดใหมต่ าน่วม
ปีพุทธศักราช ๒๔๘๒ ทายกทายิกาได้อาราธนาหลวงพ่อสิน ติสฺโส มาอยู่จ�ำพรรษา ต่อมา
ได้รับแต่งต้ังให้เป็นเจ้าอาวาสวัดบุณยประดิษฐ์เป็นรูปแรก ท่านเป็นพระนักพัฒนา นักปกครอง และได้เปิด
ใหม้ กี ารเรยี นการสอนแผนกธรรมตงั้ แตน่ น้ั เปน็ ตน้ มา ไดร้ บั ยกฐานะเปน็ พระอารามหลวง ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๔๗
สถานะและทีต่ ้ัง
วดั บณุ ยประดษิ ฐ์ เปน็ พระอารามหลวงชน้ั ตรี ชนิดสามัญ ต้งั อยเู่ ลขท่ี ๙ แขวงบางไผ่ เขตบางแค
กรุงเทพมหานคร มีท่ีดินตัง้ วดั เนอ้ื ท่ี ๒๓ ไร่ ๑๕ ตารางวา
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 303
สิ่งส�ำคญั
พระอุโบสถ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
หลงั คามงุ ดว้ ยกระเบอื้ ง หนา้ บนั และซมุ้ ลงรกั ปดิ ทอง ผนงั
ดา้ นนอกหนิ ลา้ ง ผนงั ดา้ นในเขยี นภาพ พระพทุ ธประวตั แิ ละ
เลา่ เรอื่ งพระเวสสนั ดร พน้ื ปดู ว้ ยหนิ ออ่ น สรา้ งสมยั พระครู
พพิ ัฒนโกวิท เมอ่ื ปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๓๑
พระประธาน เปน็ พระพทุ ธชินราชจ�ำลอง ขนาดหนา้ ตักกวา้ ง ๖๙ นว้ิ
พระวิหาร เดิมเป็นพระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน หลังคามุงกระเบ้ือง ประดับช่อฟ้า
ใบระกา ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๘ ได้บูรณะเปลี่ยนกระเบื้องมุงหลังคาเป็นกระเบื้องเคลือบสุโขทัย
ประดับช่อฟ้า ใบระกา มีทวยรองรับ บัวปลายเสาประดับกระจกสีทอง ซุ้มประตู ซุ้มหน้าต่างเป็นลวดลาย
ปูนปั้นแบบโบราณ พื้นและผนังด้านในปูด้วยหินอ่อน ด้านนอกฉาบด้วยหินล้าง ภายในพระวิหารประดิษฐาน
พระพุทธรูปปางมารวชิ ยั มขี นาดหน้าตกั กว้าง ๕๙ นว้ิ เปน็ พระประธานในพระอุโบสถหลงั เกา่ ต่อมาได้รบั
การบรู ณปฏิสังขรณ์ ลงรักปดิ ทอง
พระปรางค์ สร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๙ ลักษณะย่อมุมไม้สิบสอง ส�ำหรับประดิษฐาน
พระพุทธรปู ตา่ ง ๆ และอัฐหิ ลวงพอ่ สิน ติสโฺ ส อดตี เจ้าอาวาส
304 พระอารามหลวง เลม่ ๑
ศาลาการเปรียญ เป็นอาคารคร่ึงตึกคร่ึงไม้ ผนังด้านนอกฉาบด้วยหินล้าง พื้นปูด้วยกระเบ้ือง
ประตดู า้ นหนา้ เปน็ กรอบอะลมู เิ นยี มตดิ กระจก บานหนา้ ตา่ งไมส้ กั ทอง ใสก่ ระจก หนา้ บนั ลายปนู ปน้ั สญั ลกั ษณ์
งานพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ ประดับด้วยกระจกสี หลังคา
มุงกระเบื้อง มชี ่อฟา้ ใบระกา ประดบั ด้วยกระจกสีทอง
หอระฆัง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ช้ัน ลักษณะทรงจตุรมุข หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ
ประดับช่อฟา้ ใบระกา หนา้ บนั มลี วดลาย มที วยปลายเสา
หลวงพอ่ ปาน พระพทุ ธรปู ศกั ดส์ิ ทิ ธิ์
ประจ�ำวดั มีมาตั้งแต่สมัยเริ่มสร้างวัด
พระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด
วดั ปากนำ้� ) รปู เหมอื นหลอ่ เทา่ ขนาดองคจ์ รงิ
ประดิษฐานอยู่ในพระวิหาร
หลวงพ่อสิน ติสฺโส รูปเหมือน
หล่อเท่าขนาดองค์จริง อดีตเจ้าอาวาส
วดั บณุ ยประดษิ ฐ์ ประดษิ ฐานอย่ใู นพระวหิ าร
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 305
วัดหลกั ส่ี
ประวตั ิความเป็นมา
วดั หลกั สี่ สรา้ งโดยชาวรามญั ทอี่ พยพมาจากเมอื งหงสาวดี
มีพระอาจารย์เริ่มเป็นผู้น�ำในการก่อสร้างพระอุโบสถ พระเจดีย์
ต้ังช่ือว่า วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม ต่อมาพระขาว เขมาราโม
เปน็ เจา้ อาวาส ไดส้ รา้ งศาลาการเปรยี ญ มณฑปสถปู เจดยี ป์ ระดษิ ฐาน
รอยพระพทุ ธบาทจ�ำลอง และได้มกี ารขดุ คลองเปรมประชาตดั ผ่าน
เน้ือทว่ี ดั จงึ ยกที่ดินสว่ นหน่ึงใหเ้ ปน็ พ้นื ทคี่ ลอง คณะกรรมการเมอื ง
ได้สรา้ งศาลาท่าน้�ำให้ ๓ หลัง ท�ำทางและสร้างเสาหงสร์ อบบริเวณ
สนามวัด
รัชกาลที่ ๕ ได้เสด็จเป็นประธานเปิดคลองเปรมประชา
ทางชลมารคและเสด็จนมัสการพระขาว เขมาราโม เจ้าอาวาส
ต่อมาทางราชการได้ตัดทางรถไฟตัดผ่านทางทิศตะวันออกของวัด
ชื่อของวดั จงึ ตอ่ ท้ายวา่ สถานีรถไฟหลกั ส่ี
สมัยรชั กาลท่ี ๗ ราชการไดต้ ง้ั อ�ำเภอบางเขน และเปลีย่ น
แนวเขตจงั หวดั ใหม่ ท�ำให้วดั ขึน้ อยกู่ บั กรุงเทพมหานคร ราษฎรนยิ ม
เรียกว่า วัดหลักสี่ ตามช่ือสถานีรถไฟหลักสี่ ต่อมาได้เกิดการกบฎ และเกิดสงครามมหาบูรพา วัดได้รับ
ความเสียหายมาก เมื่อเสร็จสงครามได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ และได้รับยกฐานะเป็นพระอารามหลวง
เมื่อปีพุทธศกั ราช ๒๕๓๙
306 พระอารามหลวง เลม่ ๑
สถานะและทตี่ ้งั
วัดหลักส่ี เป็นพระอารามหลวงช้ันตรี
ชนิดสามัญ ต้ังอยู่เลขที่ ๑๐๐ ถนนวิภาวดีรังสิต
แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
มีทด่ี นิ ตั้งวดั เนอื้ ที่ ๑๖ ไร่ ๒ งาน ๕๐ ตารางวา
สง่ิ ส�ำคัญ
พระอุโบสถ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
หลงั คาลด ๓ ชน้ั มงุ กระเบอื้ ง ประดบั ชอ่ ฟ้า ใบระกา
หางหงส์ หน้าบัน ซุ้มประตูและหน้าต่างปูนปั้นลายไทย
บานประตูและหน้าต่างไม้สักแกะสลักลงรักปิดทอง
ประดับกระจก ผนังภายในมีภาพจิตรกรรมทั้ง ๔ ด้าน
สรา้ งเมอ่ื ปพี ุทธศักราช ๒๕๒๑
พระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ศลิ ปะสมยั เชยี งแสน ขนาดหนา้ ตกั กวา้ ง ๖๙ นวิ้ ประดษิ ฐาน
อยู่บนฐานชกุ ชี
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 307
พระวิหารหลวงปขู่ าว เป็นอาคารคอนกรตี
เสริมเหลก็ ทรงจตุรมุข หลังคามงุ กระเบอื้ ง ประดบั
ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันประดับลายปูนปั้น
สรา้ งปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๒๗ ภายในประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู
ปางนาคปรก หลวงปู่ทวด พระสังกัจจายน์ และ
รปู เหมือนหลวงป่ขู าว เขมาราโม
พระเจดยี ์ องคป์ ระธานลกั ษณะกอ่ อฐิ ถอื ปนู
ทรงมอญ สรา้ งครอบพระเจดีย์องคเ์ ล็ก ภายในบรรจุ
พระบรมสารรี ิกธาตุ พระอรหนั ตธาตุ และวตั ถุมงคล
มีเจดยี ท์ ิศ และเจดยี ์รายล้อมรอบ
หอระฆัง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
หลังคามุงกระเบ้ืองเคลือบ สร้างเม่ือปีพุทธศักราช
๒๕๑๓
พระพทุ ธรปู ปางลลี า สรา้ งดว้ ยทองเหลอื ง
ลงรักปิดทอง ประทับยืนบนฐานชุกชี ลายบัวคว่�ำ
บัวหงาย ขนาดสูง ๑๙๙ เซนติเมตร ประดิษฐาน
หนา้ พระอโุ บสถ
ศาลาการเปรียญ เป็นอาคารคอนกรีต
เสรมิ เหล็ก ๓ ชนั้ หลังคามงุ กระเบ้ืองเคลือบ ลกั ษณะ
ทรงไทย หน้าบันปูนปั้นลายดอกพุดตาล สร้างเมื่อปี
พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๙
308 พระอารามหลวง เลม่ ๑
วัดบางนาใน
ประวตั ิความเป็นมา
วัดบางนาใน เดิมเรียกว่า วดั สว่างอารมณ์ อยู่ต�ำบลบางนา อ�ำเภอพระโขนง จังหวดั นครเขอ่ื นขนั ธ์
หรือจังหวัดสมทุ รปราการในปัจจบุ ันน้ี
หลังปีรัตนโกสินทร์ศก ๑๒๐-๑๒๒ ทางการได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการบริหารส่วนท้องถิ่นใหม่
วัดสว่างอารมณ์ได้มาขึ้นกับอ�ำเภอพระโขนง จังหวัดพระนคร และช่ือวัดได้ถูกเปลี่ยนจากวัดสว่างอารมณ์
เป็นวัดบางนาใน ต้ังแต่บัดนั้นเป็นต้นมาเพ่ือให้เหมาะสมกับท้องถิ่นต�ำบลบางนา จากค�ำบอกเล่าว่า
ในต�ำบลบางนามีวัดอยู่ ๒ วัด คือ วัดปากคลองบางนาและวัดสว่างอารมณ์ ชาวบ้านมักจะเรียกกัน
จนติดปากและเพื่อความเหมะสมกับท้องถิ่นดังกล่าว จึงเรียกวัดปากคลองบางนา ว่า วัดบางนานอก
และเรียก วัดสว่างอารมณ์ ซ่ึงอยู่ในคลองบางนาและอยู่กลางท้องนาว่า วัดบางนาใน ได้รับยกฐานะ
เป็นพระอารามหลวง เมื่อปีพุทธศกั ราช ๒๕๓๙
สถานะและทีต่ ้งั
วัดบางนาใน เป็นพระอารามหลวงช้ันตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขท่ี ๓๓๒๒ ถนนสรรพาวุธ
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร มที ่ดี นิ ตง้ั วัด เนอ้ื ท่ี ๘ ไร่ ๔๐ ตารางวา
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 309
สง่ิ ส�ำ คัญ
พระอุโบสถ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคา
ทรงไทย มุงกระเบ้ืองเคลือบ ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์
หน้าบันปูนปั้นปิดทองร่องกระจกสี มีเสาหารโดยรอบ ภายใน
มีจิตรกรรมฝาผนัง พ้ืนปูหินอ่อน ซุ้มประตูหน้าต่างปูนปั้น
ลงรักปิดทองร่องกระจก บานประตู-หน้าต่างจำ�หลักลวดลาย
พุ่มข้าวบิณฑ์และเปลวไฟ ลงรักปิดทอง เพดานมีดาว ปิดทอง
รอ่ งกระจก
พระประธาน เป็นพระพุทธชินราชจำ�ลอง ขนาดหน้าตัก
กวา้ ง ๘๐ น้วิ
พระวิหาร เป็นอาคารคอนกรีตเสรมิ เหล็ก ลักษณะทรง
จตุรมุข หลังคาทรงไทย มุงกระเบอื้ งดินเผาเคลือบ ประดบั ช่อฟ้า
ใบระกา พน้ื ปหู นิ ออ่ น ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปโสธรจ�ำ ลอง
พระเจดีย์ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
พื้นปูด้วยหินแกรนิตท้ังองค์ ผนังภายนอกประดับด้วย
โมเสดสที อง ผนงั ภายในมีจติ รกรรม ภายในประดิษฐาน
พระพทุ ธรูป ขนาดหน้าตกั กวา้ ง ๘๐ นว้ิ
พระมณฑป เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
ลักษณะทรงจตุรมุข หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ
แบบเกล็ดปลา
หอระฆัง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
๒ ช้ัน ลักษณะทรงจตุรมุข หลังคาทรงไทย ๔ มุข
มงุ กระเบื้องเคลอื บ
ศาลาการเปรียญ เป็นอาคารคอนกรีต
เสรมิ เหลก็ ๒ ช้นั หลังคาทรงไทย มุงกระเบอื้ งเคลอื บ
ประดับช่อฟ้า ใบระกา ช้ันล่างหินขัด ใช้เป็นศาลา
บำ�เพ็ญกุศล พื้นชั้นบนปูไม้เน้ือแข็ง ใช้ประกอบพิธี
ทางศาสนา
310 พระอารามหลวง เลม่ ๑
วดั แก้วโกรวาราม
ประวตั ิความเป็นมา
วัดแก้วโกรวาราม เดิมเป็นวัดราษฎร์ ประมาณพุทธศักราช ๒๔๓๐ มีชาวพุทธเข้าไปตั้งถ่ินฐาน
ณ บ้านปากน�้ำเมืองกระบ่ี เมื่อถึงวันพระหรือวันส�ำคัญทางศาสนา ทางราชการและประชาชนจะไปนิมนต์
พระสงฆจ์ ากวดั บอ่ พอ หรือวดั ทา่ นนุ่ เพือ่ ท�ำพธิ ีทางศาสนา
ต่อมาประชาชนได้ร่วมกันสร้างที่พ�ำนักสงฆ์ขึ้นท่ีบ้านปากน�้ำ เพ่ือเป็นท่ีพักแรมของพระสงฆ์
เมือ่ มพี ระสงฆอ์ ยปู่ ระจ�ำ ๒-๓ เดอื น ทางราชการและประชาชนรว่ มสรา้ งศาลา กุฏิ และเรยี กวา่ วัดปากน้�ำ
ปีพุทธศักราช ๒๔๕๐ พระแก้วโกรพ (หมี ณ ถลาง) เป็น
ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบ่ี ได้ติดต่อเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต กับเจ้า
คณะมณฑลภูเก็ต ขอพระสมุห์กิ่ม พุทธรกฺขิโต วัดอนุภาษกฤษฎาราม
(วัดเก็ตโฮ่) จังหวัดภูเก็ต ไปเป็นเจ้าอาวาส และพระแก้วโกรพ
ไดน้ �ำขา้ ราชการ พอ่ คา้ ประชาชน รว่ มกนั บรู ณปฏสิ งั ขรณ์ เจา้ คณะมณฑล
ภเู กต็ ไดข้ นานนามวดั ขนึ้ ใหมว่ า่ วดั แกว้ โกรวาราม ไดร้ บั ยกฐานะเปน็ พระ
อารามหลวง เมอ่ื ปีพทุ ธศักราช ๒๕๔๓
สถานะและทต่ี ง้ั
วัดแก้วโกรวาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ
ตงั้ อยเู่ ลขท่ี ๘๒ ถนนอศิ รา ต�ำบลปากนำ้� อ�ำเภอเมอื งกระบี่ จงั หวดั กระบี่
มที ีด่ นิ ตั้งวัด เน้ือท่ี ๒๐๒ ไร่ ๑๔ ตารางวา
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 311
สิง่ ส�ำ คัญ
พระอุโบสถ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
ลกั ษณะทรงไทย หลงั คา ๓ ช้นั มุงกระเบื้อง ประดบั
ชอ่ ฟา้ ใบระกา หางหงส์ หนา้ บนั ซมุ้ ประตแู ละหนา้ ตา่ ง
ลายปูนปั้น บานประตูและหน้าต่างเป็นทองเหลือง
แกะสลัก ผนังภายในมจี ติ รกรรมเลา่ เรอ่ื งพุทธประวัติ
พระประธาน เป็นพระพุทธรูป ปางมารวชิ ยั
ศาลาทรงจตุรมุข ๔ หลัง เป็นอาคาร
คอนกรตี เสรมิ เหลก็ หลงั คามงุ กระเบอ้ื ง ประดบั ชอ่ ฟา้
ใบระกา หางหงส์ อยู่ ๔ มมุ ของพระอโุ บสถ
ศาลาการเปรียญ เป็นอาคารคอนกรีต
เสรมิ เหลก็ ลกั ษณะทรงไทย มีมุขหน้า
หอระฆัง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
ลักษณะทรงไทย ขนาดกว้าง ๒.๕๐ เมตร
ยาว ๒.๕๐ เมตร
312 พระอารามหลวง เลม่ ๑
วดั ไชยชุมพลชนะสงคราม
ประวตั คิ วามเป็นมา
วัดไชยชุมพลชนะสงคราม หรือเรียกว่า วัดใต้ เป็นวัดท่ีมีความส�ำคัญเก่ียวกับประวัติศาสตร์ไทย
สมัยท�ำสงครามกับพม่า และการสร้างเมืองกาญจนบุรีตั้งแต่สมัยรัชกาลท่ี ๑ จนถึงรัชกาลที่ ๓
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในปีพุทธศักราช ๒๓๖๘ พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้
พระยาประสิทธิสงคราม เจ้าเมืองกาญจนบุรี เป็นผู้ด�ำเนินการสร้างป้อมปราการ ก�ำแพงเมือง และวัด
จ�ำนวน ๕ วดั รวมทัง้ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม แล้วเสร็จเมือ่ ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๓๗๕ และได้รับยกฐานะเปน็ พระ
อารามหลวง เม่อื ปีพทุ ธศักราช ๒๕๒๑
สถานะและท่ตี ั้ง
วัดไชยชุมพลชนะสงคราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนดิ สามัญ ตั้งอยู่เลขที่ ๒๒๗ ต�ำบลบา้ นใต้ อ�ำเภอเมอื งกาญจนบรุ ี
จังหวดั กาญจนบรุ ี มที ่ีดินตั้งวัด เนือ้ ที่ ๔๔ ไร่ ๒ งาน ๘๑ ตารางวา
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 313
ส่ิงส�ำคญั
พระอุโบสถหลังเก่า เป็นอาคารก่ออิฐ
ถือปูน ลักษณะทรงไทย หลังคามุงกระเบ้ืองเคลือบ
ผนังเขียนภาพวรรณคดีเร่ืองขุนช้างขุนแผน เพดาน
เขียนภาพเทวดาและราหูอมจันทร์ เป็นท่ีประดิษฐาน
พระพุทธรปู โบราณ มีก�ำแพงแกว้ ล้อมรอบ สร้างเมือ่
ปีพุทธศกั ราช ๒๓๗๐ ปจั จบุ นั ใชเ้ ป็นพระวิหาร
พระอุโบสถ เปน็ อาคารคอนกรตี เสรมิ เหล็ก
หลังคาลด ๒ ชั้น มุงกระเบ้ืองเคลือบ มีมุขหน้า
ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันปูนปั้น
ลายสวยงาม ผนังภายในและเพดานเขียนภาพ
จิตรกรรมเล่าเรื่องพระพุทธประวัติ พื้นปูหินอ่อน
สร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ แทนพระอุโบสถ
หลงั เดมิ ท่ีใช้เป็นพระวิหาร
พระประธาน เปน็ พระพทุ ธรปู ศลิ า ปางตรสั รู้
ขนาดหน้าตักกว้าง ๔ ศอก ๑ คบื สูง ๕ ศอก ๑ คืบ
ศลิ ปะสมยั ทวาราวดี เปน็ พระพทุ ธรปู ทอี่ ญั เชญิ มาจาก
พระอุโบสถหลงั เกา่
ศาลาการเปรียญ เป็นอาคารคอนกรีต
เสริมเหล็ก ลักษณะทรงไทยตรีมุข หลังคา
มงุ กระเบื้องเคลือบ กวา้ ง ๑๗ เมตร ยาว ๖๐ เมตร
สร้างเม่ือปีพุทธศักราช ๒๕๑๐ ภายในประดิษฐาน
พระพุทธรูปศิลา ปางสมาธิ ขนาดหน้าตักกว้าง
๓ ศอก ๓ นวิ้ สูง ๔ ศอก ๑ คืบ
พระมณฑป เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน
ลักษณะทรงไทยจตุรมุข หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ
ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ สร้างเมื่อปี
พุทธศักราช ๒๔๕๖ ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท
จ�ำลอง
314 พระอารามหลวง เล่ม ๑
พระมณฑป (หลวงพ่อวัดใต้) เป็น
อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ลักษณะจตุรมุข หลังคา
มุงกระเบอ้ื งเคลือบ ประดบั ชอ่ ฟา้ ใบระกา หางหงส์
ประดิษฐานรูปหล่อโลหะจำ�ลอง อดีตเจ้าอาวาส
สรา้ งเมือ่ ปพี ทุ ธศักราช ๒๕๑๘
พระมณฑป ประดษิ ฐานพระบรมสารรี กิ ธาตุ
เปน็ อาคารคอนกรตี เสรมิ เหลก็ ลกั ษณะจตรุ มขุ หลงั คา
มุงกระเบื้องเคลอื บ ประดบั ชอ่ ฟา้ ใบระกา หางหงส์
สร้างเมื่อปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๒๙
พพิ ธิ ภณั ฑส์ งครามอกั ษะและเชลยศกึ เปน็
สถานท่ีเก็บรวบรวมอาวุธยุทโธปกรณ์ ของใช้ต่าง ๆ
และภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสงครามโลกคร้ังที่ ๒
สรา้ งเมื่อปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๒๐
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 315
วัดเทวสงั ฆาราม
ประวัติความเปน็ มา
วัดเทวสังฆาราม เป็นวัดโบราณ สร้างโดย พระอธิการเปร่ือง เม่ือปีพุทธศักราช ๒๓๑๐ ได้รับ
พระบรมราชานเุ คราะหม์ าโดยล�ำ ดบั ถงึ สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดใหส้ รา้ งและปฏสิ งั ขรณ์
พระอารามในเมืองกาญจนบรุ ี ๕ แห่ง รวมทงั้ วัดเทวสังฆารามด้วย
ในปีพุทธศักราช ๒๔๒๐ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จวัดเทวสังฆาราม
ทรงเห็นว่าอุโบสถชำ�รุดทรุดโทรม ดำ�ริให้พระยากาญจนบุรีซ่อมแซมพระอุโบสถ ต่อมาเม่ือปีพุทธศักราช
๒๔๓๑ พระองค์ได้เสด็จวัดเทวสังฆารามในเวลาที่รื้อพระอุโบสถ ทรงพระราชทานทรัพย์ในการก่อสร้าง
และไดร้ ับยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เม่อื ปพี ุทธศกั ราช ๒๕๐๖
สถานะและท่ีตัง้
วัดเทวสังฆาราม เป็นพระอามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ต้ังอยู่เลขที่ ๑ ถนนเจ้าขุนเณร
ตำ�บลบ้านเหนือ อ�ำ เภอเมืองกาญจนบรุ ี จังหวัดกาญจนบรุ ี มที ่ดี ินตงั้ วัด เน้ือที่ ๕๖ ไร่ ๒๗ ตารางวา
316 พระอารามหลวง เล่ม ๑
พระอุโบสถเกา่ พระอุโบสถใหม่
สงิ่ สำ�คัญ
พระอุโบสถ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ลักษณะทรงไทย
หลังคาลด ๒ ช้ัน มุงกระเบอื้ งเคลือบ ประดับชอ่ ฟา้ ใบระกา หางหงส์
สรา้ งเม่อื ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๔๘๑
พระประธาน เป็นพระพุทธรูปศิลาแลง ขนาดหน้าตักกว้าง
๕ ศอก ๑ คืบ และมพี ระพุทธรปู หลอ่ ขนาดหนา้ ตกั กวา้ ง ๒๔ น้วิ ประดบั
พระปรมาภไิ ธย ภ.ป.ร. ท่ผี ้าทพิ ย์ มีพระอัครสาวกซ้ายขวา
พระวิหาร เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ลักษณะทรงไทย
หลังคาลด ๒ ชนั้ มงุ กระเบอ้ื งเคลอื บ ประดบั ชอ่ ฟ้า ใบระกา หางหงส์
ภายในประดษิ ฐานพระพทุ ธรูปศิลาแลง ขนาดหนา้ ตักกว้าง ๓ ศอกเศษ
พระเจดีย์ ก่ออิฐถือปูน มี ๕ องค์ พระเจดีย์ประธานองค์ใหญ่อยู่ตรงกลาง ภายในบรรจุ
พระบรมสารีริกธาตุ มพี ระเจดียอ์ งค์เล็ก ๔ องค์ ต้งั อยู่ ๔ มุม
พระมณฑป ภายในประดิษฐานพระพุทธบาทจำ�ลอง หล่อด้วยโลหะ ขนาดกว้าง ๑ ศอก ๑ คืบ
ยาว ๒ ศอก ๑ คืบ
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 317
หอพระประวตั ิสมเดจ็ พระญาณสงั วร
ศาลาการเปรยี ญ เปน็ อาคารคอนกรตี เสรมิ เหลก็ ลกั ษณะ
ทรงไทย หน้าบันปูนปั้น ประดับพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. ภายใน
ประดิษฐานพระพุทธรูปหลอ่ ด้วยโลหะ ขนาดหนา้ ตกั กว้าง ๒๔ น้วิ
หอสวดมนต์ เป็นอาคารไม้สัก ลักษณะทรงไทย
กวา้ ง ๖ เมตร ยาว ๑๕ เมตร
หอระฆัง เป็นอาคารก่ออฐิ ถอื ปนู ขนาดกวา้ ง ๔.๐๖ เมตร
ยาว ๔.๐๖ เมตร
318 พระอารามหลวง เล่ม ๑
วดั พระแท่นดงรัง
ประวตั คิ วามเป็นมา
วัดพระแท่นดงรัง เป็นวัดโบราณ สร้างสมัยกรุงศรีอยุธยา ปรากฏหลักฐานจากนิราศพระแท่นดงรัง
ของสามเณรกลน่ั ซงึ่ ไดเ้ ดนิ ทางมานมสั การพระแทน่ ดงรงั พรอ้ มกบั สนุ ทรภู่ ผเู้ ปน็ บดิ า เมอื่ ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๓๗๖
และนิราศของนายมี หม่ืนพรหมสมพัตสร เม่ือปีพุทธศักราช ๒๓๗๙ แสดงว่ามีวัดพระแท่นดงรังอยู่ก่อน
สมยั กรุงรัตนโกสนิ ทร์
พระวหิ ารทีส่ รา้ งครอบพระแท่น สนั นิษฐานวา่ หลังเดมิ สร้างในราวรชั กาลท่ี ๑ หรือตน้ รัชกาลท่ี ๒
และไดร้ ับการบูรณปฏิสงั ขรณข์ ึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๓
ปีพุทธศักราช ๒๔๐๖ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ปฏิสังขรณ์พระวิหาร
สรา้ งตอ่ เติมพระอโุ บสถใหแ้ ล้วเสร็จ พรอ้ มกับสร้างพระเจดยี ข์ น้ึ ด้านหลังพระแท่นอกี หนง่ึ องค์
วัดพระแท่นดงรัง เป็นวัดส�ำคัญเพราะมีพระแท่นเป็นท่ีบรรทมเสด็จดับขันธปรินิพพาน
พระเจ้าแผ่นดินแต่อดีตได้เคยเสด็จมานมัสการพระแท่นหลายพระองค์ เช่น รัชกาลท่ี ๔ ได้เสด็จมา
เม่อื ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๔๐๘ รชั กาลที่ ๕ เสดจ็ มาเมือ่ ปพี ทุ ธศักราช ๒๔๒๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว กเ็ คย
เสด็จมา ได้รบั ยกฐานะเปน็ พระอารามหลวง เมือ่ ปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๑๕
สถานะและท่ีต้ัง
วดั พระแทน่ ดงรงั เปน็ พระอารามหลวงชน้ั ตรี ชนดิ วรวหิ าร ตงั้ อยเู่ ลขท่ี ๑๑๕ หมทู่ ่ี ๗ ต�ำบลพระแทน่
อ�ำเภอทา่ มะกา จังหวดั กาญจนบรุ ี มที ี่ดนิ ตั้งวัด เนอ้ื ท่ี ๒,๓๙๐ ไร่
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 319
สิง่ ส�ำ คญั
พระอุโบสถ เปน็ อาคารคอนกรีตเสรมิ เหล็ก
ลักษณะทรงไทยจตุรมุข หลังคาลด ๓ ช้ัน
มุงกระเบื้อง ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์
หน้าบันด้านหน้าปูนป้ันประดับพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร.
ทรงครุฑ ด้านหลังเป็นภาพปูนปั้นเทพเจ้าสุนทรีย์
ด้ า น ต ะ วั น อ อ ก เ ป็ น ภ า พ ปู น ป้ั น พ ร ะ พ ร ห ม ธ า ด า
ทรงหงส์ ด้านตะวันตกเป็นภาพปูนปั้นพระนารายณ์
ทรงครุฑ
พระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล
อดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร พระราชทานนามวา่
พระพุทธสาระวิสยั มงคล
วิหารพระแท่น เป็นอาคารคอนกรีต
เสริมเหล็ก ลักษณะทรงไทย หลังคามุงกระเบ้ือง
ภายในประดิษฐาน พระแท่นบรรทม ลักษณะเป็น
หินแท่งทึบ คล้ายแท่นหรือเตียงนอน ขนาดยาว
๑๑ ศอก ๑ คืบ กว้าง ๔ ศอกเศษ ด้านล่างเป็น
ปูนปั้นรองแท่น มีหินวางทับซ้อนกันอยู่ มองดู
คลา้ ยพระเขนย
320 พระอารามหลวง เลม่ ๑
วิหารพระอานนท์ เป็นอาคารคอนกรีต
เสริมเหล็ก ลักษณะทรงไทย หลังคามุงกระเบ้ือง
ภายในประดิษฐานรปู หล่อพระอานนท์
วิหารทรมานพระกาย หรือวิหารบดยา
เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ลักษณะทรงไทย
หลังคามุงกระเบ้ือง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป
ปางบำ�เพ็ญทุกกรกิริยา และรูปหล่อหมอชีวก
โกมารภัจจ์
พระมณฑป เป็นอาคารคอนกรตี เสรมิ เหลก็
ลักษณะทรง ๘ เหล่ียม อยู่บนเขาถวายพระเพลิง
ภายในประดิษฐานพระพทุ ธบาทจำ�ลอง
ศาลาการเปรียญ เป็นอาคารคอนกรีต
เสริมเหล็ก ลักษณะทรงไทย ๒ ช้ัน หลังคา
มงุ กระเบอื้ ง
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 321
วัดกลาง
ประวตั คิ วามเปน็ มา
วัดกลาง สร้างเม่ือปีพุทธศักราช ๒๓๗๘ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานผู้สร้าง ในสมัยพระครู
กาฬสินธวาจารย์ทิสงั ฆปาโมกข์ (อ้ม) และ พระครูกาฬสนิ ธวาจารย์ (ต่งิ ) เปน็ เจ้าอาวาสได้บรู ณปฏสิ ังขรณ์
เสนาสนะมาโดยล�ำดับ จนถึงสมัยพระเทพวิสุทาจารย์ (สุขโณ) ได้พัฒนาทั้งด้านวัตถุ การศึกษา และ
การปฏบิ ตั ธิ รรมรดุ หนา้ มาโดยตลอด มเี สนาสนะสงิ่ ปลกู สรา้ งถาวรมาตรฐานและถกู ตอ้ งตามแบบศลิ ปะของไทย
เป็นวัดตัวอย่างของบรรดาวัดท้ังหลายท่ีมีในเขตจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้รับยกฐานะเป็นพระอารามหลวง
เม่ือปีพทุ ธศักราช ๒๕๒๑
สถานะและทตี่ ง้ั
วัดกลาง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ต้ังอยู่เลขท่ี ๔๓ ถนนกาฬสินธุ์ ต�ำบลกาฬสินธุ์
อ�ำเภอเมอื งกาฬสินธุ์ จงั หวัดกาฬสินธุ์ มีท่ีดนิ ต้งั วัด เนอื้ ท่ี ๗ ไร่ ๒ งาน ๕๕ ตารางวา
322 พระอารามหลวง เล่ม ๑
ส่ิงส�ำคัญ
พระอุโบสถเปน็ อาคารคอนกรตี เสรมิ เหล็ก
ลกั ษณะทรงไทย หลงั คาลด ๓ ชน้ั มงุ กระเบอ้ื งเคลอื บ
ประดบั ชอ่ ฟ้า ใบระกา หางหงส์ และสาหร่ายรวงผงึ้
หน้าบันทั้ง ๒ ด้าน ประดับตกแต่งลวดลาย
ปูนปั้นอย่างวิจิตรงดงาม ทวยเป็นรูปสัตว์
ในหิมพานต์ คล้ายนกยูง ๓ หัว บานประตูและ
หน้าต่างเป็นไม้แกะสลักอยู่ภายในกรอบปูนปั้นท่ีท�ำ
เป็นซุ้มเรือนแก้ว พื้นยกสูง มีบันไดขึ้นท้ังด้านหน้า
และด้านหลัง มียักษ์ถือกระบองยืนเฝ้าบันไดขึ้นทั้ง
๒ ด้าน ๆ ละ ๒ ตน มีก�ำแพงแก้วย่อมุมไม้ ๑๒
ลอ้ มรอบ มีรูปเทวดาประจ�ำมุมละ ๑ องค์ ราวบันได
ทางข้ึนประดับด้วยประติมากรรมปูนปั้นรูปสัตว์ในหิมพานต์แบบต่าง ๆ ผนังก�ำแพงแก้วมีภาพปูนปั้นประดับ
ทั้งด้านในและด้านนอก ด้านในเป็นเรื่องราวของนิทานพื้นบ้านเรื่อง เซ่ียง เมี่ยง หรือ ศรีธนญชัยอีสาน
ส่วนด้านนอกเป็นเรื่องราวของคติพ้ืนบ้านทางภาคอีสานเรื่องต่าง ๆ มีค�ำอธิบายภาพประกอบ ผนังตอนบน
มีภาพจิตรกรรมเล่าเรื่องพระเวสสันดรชาดกโดยรอบ ด้านตรงข้ามพระประธานเป็นภาพพระพุทธประวัติ
ตอนมารผจญ
พระประธาน เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง
ปางมารวิชัย พระนามวา่ พระพทุ ธมงคล
วหิ ารพระเจา้ องคด์ �ำ สรา้ งเมอื่ ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๓๑
เปน็ อาคารคอนกรีตเสรมิ เหล็ก ลกั ษณะทรงไทย ๒ ชน้ั หลงั คา
ลด ๒ ช้ันกว้าง ๑๕ เมตร ยาว ๒๕ เมตร อย่ทู างทศิ เหนอื ของ
พระอุโบสถ หน้าต่างและประตูสร้างซุ้มยอดแหลมมีลวดลาย
ปนู ป้ัน ชั้นบนเป็นโถงโลง่ มีหนา้ ต่างอยู่รอบทางขึ้นและประตู
อยู่ทางทิศตะวันตกช้ันล่างมีหน้าต่าง ๓ ด้าน ประตู ๑ ด้าน
ภายในเป็นท่ีประดิษฐาน พระพุทธสัมฤทธ์ินิรโรคันตราย
หรือพระเจ้าองค์ด�ำ จ�ำลอง ๒ องค์ องค์หน่ึงหน้าตักกว้าง
๙๓ นว้ิ สงู ๒ เมตร อีกองค์หนึ่งขนาดเท่าองคจ์ รงิ หน้าตัก
กว้าง ๒๐ นว้ิ ประดิษฐานอยู่ในบุษบก และมีรูปหลอ่ พระเทพ
วิสทุ ธาจารย์ (สขุ สขุ โณ) เจ้าอาวาสวัดรปู ปัจจุบนั
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 323
รอยพระพทุ ธบาทจ�ำลอง สลกั จากหนิ ทราย
กว้าง ๑ ศอก ยาว ๔ ศอก รอยพระพุทธบาทนี้
ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างเดิมประดิษฐานอยู่ท่ี
วัดแก่งส�ำโรง ริมฝั่งล�ำปาวถูกย้ายมาประดิษฐาน
ท่ีวัดกลางแห่งนี้ โดยพระยาชัยสุนทร (เก)
เจา้ เมอื งกาฬสนิ ธ์ุในสมยั รชั กาลท่ี ๕ ปจั จบุ นั ประดษิ ฐาน
อยู่ในศาลาการเปรียญ
มณฑปพระสังกัจจายน์ เป็นอาคาร
คอนกรีตเสริมเหล็กอยู่ทางด้านทิศเหนือของวิหาร
พระเจ้าองค์ด�ำ องค์มณฑปทึบ มีแปดด้าน มีประตู
เข้าออก ๔ ด้าน ตรงตามทศิ ท้งั ๔ ทศิ ยอดมณฑป
เป็นรูปเจดยี ์ ภายในประดิษฐาน พระสงั กจั จายน์
หอพิพิธภัณฑ์ เป็นอาคารคอนกรีต
เสริมเหล็ก สร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๕ อยู่ทาง
ทิศเหนือของอาคารโรงเรียนพระปริยัติธรรมหลังเก่า
ยกพ้ืน ๒ ช้ัน ช้ันล่างมีโบราณวัตถุเป็นจ�ำนวนมาก
ชน้ั บนเปน็ ทีเ่ กบ็ เอกสารใบลานและหนงั สอื โบราณ
ศาลาการเปรียญ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน
ลักษณะศิลปกรรมไทย ขนาดกว้าง ๑๖.๕๐ เมตร
ยาว ๒๘ เมตร สร้างเมือ่ ปพี ุทธศักราช ๒๕๑๕ ภายใน
ประดิษฐานรอยพระพทุ ธบาทจ�ำลอง
324 พระอารามหลวง เล่ม ๑
วัดคยู าง
ประวตั คิ วามเป็นมา
วดั คูยาง เป็นวดั เก่าแก่มาตงั้ แตค่ รั้งโบราณ มรี ากฐานอุโบสถและแทน่ ประธานซง่ึ กอ่ ด้วยศลิ าแลง
มีผู้สันนิษฐานว่าสร้างมาแล้วไม่น้อยกว่า ๔๐๐ ปี จนถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลท่ี ๔ ระหว่าง พุทธศักราช ๒๓๙๔ - ๒๓๙๙ จึงได้มีผู้ก่อสร้างวัดข้ึนใหม่ในบริเวณท่ีตั้งเดิม
ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์เม่ือ พุทธศักราช ๒๓๒๑ สมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึกเป็นแม่ทัพไปปราบ
เมอื งศรสี ตั นาคนหตุ ตไี ดเ้ มอื งเวยี งจนั ทนแ์ ละหลวงพระบาง พวกเชลยทถี่ กู กวาดตอ้ นมานน้ั ไดถ้ กู จดั ให้ไปอยตู่ าม
หวั เมอื งตา่ งๆ เฉพาะเมืองกำ� แพงเพชรมชี าวเวยี งจนั ทน์ ขมุ (ชนชาวเขาเผา่ หน่ึง) และยาง (ชนชาติกะเหรยี่ ง)
มาตง้ั หลกั ปกั ฐานอยทู่ างปากคลองสวนหมากลงมาทางใตต้ ามลำ� แมน่ ำ้� ปงิ สว่ นชาวขมแุ ละยางมาจบั จองสรา้ ง
หลกั ฐานบ้านเรอื นอยูท่ างใต้วดั พระบรมธาตุลงไปจนถงึ คลองกร่าง
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ชาวขมุและยางพร้อมใจกันขออนุญาตต่อ
พระยารามรณรงคส์ งคราม (นชุ ) เจ้าเมอื งก�ำแพงเพชร เพอ่ื สร้างวัดนีข้ ึ้น โดยยา้ ยอโุ บสถไปทางทิศตะวันออก
ซ่ึงเป็นท่ีลุ่มเรียกว่า “นาทราย” และร่วมมือร่วมใจกันขุดเอาดินขึ้นมาถมพ้ืนท่ีด้านตะวันออกและทิศใต้
ส่วนหนึ่งขึ้นมาเพ่ือท�ำอิฐกระเบื้องมุงหลังคาอุโบสถและวิหารด้วย ส่วนด้านทิศใต้ได้ก่อสร้างหอไตร
ไวก้ ลางคเู พอื่ ปอ้ งกนั มด ปลวก คทู ขี่ ดุ ขน้ึ ใหมน่ ้ี กวา้ งประมาณ ๖ วา ลกึ ๒ วา การกอ่ สรา้ งทงั้ หมดใชเ้ วลาหลายปี
เพราะมีอปุ สรรคเกิดจากฝนตกนำ�้ ทว่ ม แต่ดว้ ยศรทั ธาอนั แรงกลา้ จงึ ได้สำ� เรจ็ ลลุ ่วงไปดว้ ยดี และได้ขนานนาม
วัดนว้ี า่ “วัดคยู าง” ต่อมาไดร้ ับยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมอื่ วันที่ ๒๙ พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๕
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 325
สถานะและทตี่ งั้
วัดคูยาง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ต้ังอยู่เลขท่ี ๒๗
ซอย ๔ ถนนราชดำ�เนนิ ๑ ตำ�บลในเมอื ง อำ�เภอเมืองกำ�แพงเพชร จงั หวดั กำ�แพงเพชร มที ี่ดนิ ตัง้ วัด ๒๘ ไร่
๓ งาน ๔๘ ตารางวา และทีธ่ รณีสงฆ์ ๕ แปลง รวม ๔๗ ไร่ ๒ งาน ๖๖ ตารางวา
สง่ิ สำ�คัญ
พระอุโบสถ มีขนาดกว้าง ๑๒ เมตร
ยาว ๓๒ เมตร สรา้ งด้วยคอนกรตี เสริมเหลก็ ทรงไทย
หลังคาลด ๓ ชั้น มุงด้วยกระเบ้ืองเคลือบ ประดับ
ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันประดับด้วย
พระนามาภิไธย ภปร
พระประธาน เป็นพระพทุ ธรปู ปางมารวชิ ัย
ศิลปะสโุ ขทัย ขนาดหน้าตักกวา้ ง ๖ ศอก ๙ นวิ้ ได้รับ
พระราชทานนามว่า “พระพทุ ธวชิรปราการ”
พระวิหาร มีขนาดกว้าง ๒๐ เมตร
ยาว ๓๐ เมตร สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก
หลังคามงุ กระเบ้ืองดนิ เผา
วหิ ารจตรุ มขุ มขี นาดกวา้ ง ๘ เมตร
ยาว ๘ เมตร ลักษณะทรงไทยประยุกต์
โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ก่อหลังคา
มงุ กระเบื้องดินเผา
พระปรางค์ และพระเจดีย์บริวาร
รวม ๖ องค์
326 พระอารามหลวง เลม่ ๑
พระพทุ ธรปู เกา่ สมยั ต่าง ๆ
ศาลาการเปรียญ (ศาลาตรีมุข) มีขนาด
กว้าง ๘ เมตร ยาว ๑๘ เมตร ทรงไทยประยุกต์
ชนั้ เดียว
หอสวดมนต์ อาคารทรงไทยประยุกต์
คอนกรีตเสริมเหล็ก ๓ ช้ัน ขนาดกว้าง ๑๒ เมตร
ยาว ๒๔ เมตร ประตูหน้าต่างเป็นไม้สักและกระจก
หลงั คามุงกระเบ้ือง
หอไตรหลังเก่า เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์
พนื้ ถนิ่ กำ�แพงเพชร สรา้ งดว้ ยไม้ หลงั คามงุ กระเบอื้ งเกลด็
ใต้ถุนสูง กว้าง ๖ เมตร ยาว ๑๒ เมตร ตั้งอยู่
กลางคูนำ้ � กว้าง ๖ วา ลึก ๒ วา มีโบราณศิลปวัตถุ
ท่ีสำ�คัญและทรงคุณค่าหลายอย่าง เช่น ตู้พระธรรม
หีบพระธรรม เอกสารโบราณ ผ้าห่อคัมภีร์ พระบฏ
และธรรมาสนเ์ ท้าสิงห์ เปน็ ต้น
หอไตรหลังใหม่ สร้างจำ�ลองจากหลังเก่า
ทกุ ประการ ยกเวน้ เสา เป็นคอนกรตี เสรมิ เหล็ก
กุฏิทรงไทยประยุกต์ ช้ันเดียวและสองชั้น
รวม ๗ หลงั
โรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม ลกั ษณะทรงไทย ๒ ชน้ั
๓ มุข คอนกรตี เสริมเหลก็ ขนาด ๖ x ๒๘ เมตร
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 327
วดั นาควชั รโสภณ
ประวัติความเปน็ มา
วัดนาควัชรโสภณ เป็นวัดโบราณ เดิมชื่อ วัดช้าง สร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย ประมาณหลัง
พุทธศตวรรษท่ี ๑๙
วัดช้าง เป็นวัดร้างมาประมาณ ๔๐๐-๕๐๐ ปี ครั้นลุถึงปีพุทธศักราช ๒๕๐๙ พระวิชัย ปสนฺโน
ไดจ้ ารกิ ธดุ งคม์ าปักกลดจ�ำพรรษาอยู่ ณ บริเวณเจดีย์โบราณสถาน ไดป้ ฏบิ ตั ธิ รรมและเทศนาอบรมสงั่ สอน
พุทธศาสนิกชนแถบถิ่นน้ีเป็นอย่างดี จนท�ำให้ประชาชนในพ้ืนท่ีเกิดความเลื่อมใสศรัทธา และได้อุปัฏฐากบ�ำรุง
ท่านเปน็ ลำ� ดับ ต่อมา จ.ส.อ. ศกั ดิ์ และนางสังเวียน เดชานนท์ มีจิตศรทั ธาบริจาคท่ีดนิ ถวาย และภายหลงั
มีผู้ซ้อื ทด่ี ินถวายเพม่ิ เติมอกี
จากน้ันได้เริ่มสร้างเสนาสนะที่พักอาศัย สาธารณูปการท่ีจ�ำเป็นต่าง ๆ มีการศึกษาเล่าเรียน
พระธรรมวินยั และปฏบิ ตั ธิ รรมของพระภกิ ษสุ ามเณรท่ีมาอยจู่ �ำพรรษาทว่ี ดั ช้างแหง่ นี้ ตัง้ แตบ่ ัดนัน้ เป็นต้นมา
ในปีพุทธศักราช ๒๕๑๑ ได้ขออนุญาตสร้างวัด และเริ่มก่อสร้างพระอุโบสถ โดยได้รับความอุปถัมภ์
จากพระราชมุนี (โฮม โสภโณ) วัดปทุมวนาราม กรุงเทพมหานคร และได้สร้างต�ำหนักทรงธรรม-
สังฆราชานุสรณ์ เพ่ือเตรียมรับเสด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
(จวน อุฏฐายีมหาเถระ) วัดบรมนิวาส ซ่ึงได้เสด็จมาทรงยกช่อฟ้าพระอุโบสถในปีพุทธศักราช ๒๕๑๓ และ
ไดป้ ระทานนามว่า วดั นาควชั รโสภณ ไดร้ ับยกฐานะเปน็ พระอารามหลวง เมอื่ ปีพุทธศักราช ๒๕๓๙
สถานะและท่ตี งั้
วัดนาควัชรโสภณ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ต้ังอยู่บ้านไร่โสภณ หมู่ท่ี ๒
ต�ำบลในเมือง อำ� เภอเมืองก�ำแพงเพชร จังหวดั กำ� แพงเพชร มีทดี่ ินตั้งวัด เน้ือที่ ๘๐ ไร่ ๑๙ ตารางวา
328 พระอารามหลวง เลม่ ๑
สิ่งส�ำคญั
พระอุโบสถ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
หลงั คาลด ๒ ชั้น มุงกระเบื้องเคลอื บ ประดับช่อฟ้า
ใบระกา หางหงส์ หน้าบนั ประดบั ลายปูนปัน้ ซุ้มประตู
และหนา้ ต่างลายปูนปั้น มีกำ� แพงแกว้ ล้อมรอบ
พระประธาน เป็นพระพุทธรูปส�ำริด ศิลปะ
สมยั อทู่ อง
พระวิหารพุทธสภา เป็นอาคารคอนกรีต
เสรมิ เหลก็ หลังคาลด ๒ ช้ัน มงุ กระเบอื้ ง ประดับ
ชอ่ ฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบนั ประตแู ละหนา้ ตา่ ง
ลายปูนปั้น ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปส�ำริด
ศลิ ปะสมัยสโุ ขทัย
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 329
พระวหิ ารพระไพรพี ินาศ เป็นอาคารคอนกรีตเสรมิ เหล็ก หลงั คาลด ๒ ช้นั มุงกระเบ้อื งเคลอื บ
ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบนั ลายปนู ปัน้ ภายในประดษิ ฐานพระไพรพี ินาศ
พระเจดียว์ ดั ชา้ ง ลกั ษณะก่ออฐิ ถอื ปนู ทรงระฆังคว่ำ� สร้างสมัยสุโขทัย
หอระฆงั เป็นอาคารคอนกรตี เสรมิ เหลก็ ๒ ชนั้ หลงั คามงุ กระเบือ้ ง
330 พระอารามหลวง เลม่ ๑
วัดพระบรมธาตุ
ประวตั ิความเป็นมา
วัดพระบรมธาตุ เป็นวัดโบราณ สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๑๘๕๘ สมัยกรุงสุโขทัย
ตามประวัติกล่าวว่า พระมหาธรรมราชาลิไท กษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยโปรดให้สร้างพระเจดีย์บรรจุพระบรม
สารีริกธาตุ ปรากฏตามหลักศิลาจารึกหลักที่ ๓ ต่อมาขาดผู้ดูแลรักษาได้กลายสภาพเป็นวัดร้างอยู่กลางป่า
จนถึงสมัยพระยากำ�แพงเพชร (น้อย) เป็นผู้ว่าราชการเมอื ง ไดค้ ้นพบพระเจดีย์ จงึ ร่วมมือกับราษฎรทำ�การ
บูรณปฏิสังขรณ์ ภายหลังพระยากำ�แพงเพชร (อ่อง) ผู้ว่าราชการเมืองในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้มีเศรษฐี
ชาวกระเหร่ียงนามว่า พระยาตะก่า ขออนุญาตทางราชการทำ�การบูรณปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ ได้นำ�ช่าง
มาจากพม่าทำ�การรื้อถอนพระเจดีย์ ๓ พระองค์ แล้วทำ�การก่อสร้างขึ้นใหม่เป็นองค์เดียว รูปทรงพม่า
แล้วเสร็จในปีพุทธศักราช ๒๔๑๙ ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุท่ีบรรจุอยู่ในพระเจดีย์เก่าองค์กลาง
ซง่ึ บรรจใุ นภาชนะสำ�เภาเงินมีพระธาตุอยู่ ๙ องค์ มาบรรจุในพระเจดีย์ใหม่ และตอ่ มาปพี ทุ ธศกั ราช ๒๔๔๙
หลานของพระยาตะก่า ได้นำ�ยอดฉัตรจากเมืองย่างกุ้ง นำ�มาประกอบไว้บนยอดพระธาตุ ดังที่ปรากฏอยู่
เท่าทุกวันนี้
สถานะและทีต่ ้งั
วดั พระบรมธาตุ เปน็ พระอารามหลวงชน้ั ตรี ชนดิ สามญั
ตั้งอยเู่ ลขท่ี ๑๕/๑ ปากคลองสวนหมาก บา้ นนครชุม หม่ทู ่ี ๓
ตำ�บลนครชุม อำ�เภอเมืองกำ�แพงเพชร จังหวัดกำ�แพงเพชร
มที ี่ดินต้ังวัด เนอ้ื ท่ี ๓๒ ไร่ ๒ งาน
พระอารามหลวง เลม่ ๑ 331
สง่ิ สำ�คัญ
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ลักษณะ
ทรงไทย หลังคาลด ๒ ช้ัน มุงกระเบื้องเคลือบ ประดับ
ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันประดับลายปูนปั้น
ซมุ้ ประตูและหน้าตา่ งลายปนู ปนั้
พระประธาน เปน็ พระพทุ ธรปู ปางมารวิชัย
พระวิหาร เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
ลกั ษณะทรงไทย หลงั คามุงกระเบอ้ื งเคลือบ ประดับ
ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันประดับลายปูนป้ัน
สร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๘ ภายในประดิษฐาน
พระพุทธรปู ปางตา่ ง ๆ
พระวิหารพระประทานพร เป็นอาคาร
คอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ
ภายในประดิษฐานพระพุทธรปู ปางประทานพร
พระวิหารพุทธไสยาสน์ เป็นอาคาร
คอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคามุงกระเบ้ือง ภายใน
ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ และพระพุทธรูป
ตา่ ง ๆ
ศาลาเรือนไทย ลักษณะทรงไทย ภายใน
ประดิษฐานพระบรมธาตุเจดีย์จำ�ลอง พระพุทธโสธร
จำ�ลอง และรูปหลอ่ จำ�ลองสมเด็จพระพฒุ าจารย์ (โต)
332 พระอารามหลวง เลม่ ๑
พระบรมธาตเุ จดยี ์ ลกั ษณะทรงไทยประยกุ ต์
ผสมมอญ เดิมเป็นพระเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์
๓ องค์ ต้ังอยู่บนฐานเดียวกัน สันนิษฐานว่า
สร้างโดยกษตั รยิ ส์ โุ ขทัย ๓ องค์ คอื ขุนศรอี นิ ทราทติ ย์
พ่อขุนรามคำ�แหงมหาราช และสมเด็จพระมหา
ธรรมราชาลไิ ท บรรจพุ ระบรมสารีริกธาตุ ๙ พระองค์
ที่ได้มาจากศรีลังกา สมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไท
ทรงนำ�มาสถาปนาเมื่อปีพุทธศักราช ๑๙๐๐
บูรณปฏิสังขรณ์โดยพระยาตะก่า และพะโป้ คหบดี
สองพี่น้องชาวกะเหร่ียง ส่วนท่ีเด่นชัดท่ีสุด คือ
ฉัตร ที่พะโป้นำ�มาแต่ย่างกุ้ง (บ้างว่านำ�มาแต่
เมืองมะละแหม่ง) กว้างยาว ด้านละ ๓๐ เมตร
สูง ๓๗ เมตร พระบรมสารีริกธาตุ ๙ พระองค์นั้น
บรรจุอยู่ในสำ�เภาเงินด้านล่างของพระบรมธาตุเจดีย์
ในส่วนของพ้ืนดินภายในอุโมงค์ที่องค์พระบรมธาตุ
เจดีย์จะมีซุ้มจระนำ�ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดเล็ก
พระพทุ ธรูปเดิมไดส้ ญู หายไปจึงได้สร้างพระพทุ ธรูปข้นึ ให้ตามสมยั
ต้นศรีมหาโพธ์ิ เป็นหน่อรุ่นท่ี ๓ ที่ได้มาจากศรีลังกาคราวเดียวกันกับพระบรมสารีริกธาตุ
สมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไทได้อัญเชิญมาปลูกไว้ด้านหลังเจดีย์พระบรมธาตุ จำ�นวน ๓ ต้น ปัจจุบัน
เหลอื อยู่ ๒ ตน้ มขี นาดบรุ ษุ ๑๐ คนโอบ
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 333
วดั ธาตุ
ประวตั คิ วามเป็นมา
วัดธาตุ ชาวบา้ นเรยี กวา่ วดั ธาตเุ มืองเก่า บา้ ง วดั ธาตุนครเดมิ บา้ ง สรา้ งสมัยกรงุ รัตนโกสินทร์
เม่ือปีพุทธศักราช ๒๓๔๐ โดยทา้ วเมืองแพน ตำ� แหน่งเพยี้ หลานเจา้ แกว้ มงคล อยู่บ้านซโี หล่น เมืองสุวรรณภมู ิ
ได้ชักชวนชาวบ้านประมาณ ๓๐๐ คน อพยพมาต้ังเมืองใหม่ที่บ้านบึงบอน ตั้งช่ือเมืองว่า เมืองขอนแก่น
ซึ่งต่อมาได้รับบรรดาศักด์ิเป็นพระยานครศรีบริรักษ์ บรมราชภักดี นับเป็นเจ้าเมืองขอนแก่นคนแรก และ
เนื่องจากชนช้ันปกครองเมืองต่าง ๆ ในภาคอีสานท่ีมีเชื้อสายนครเวียงจันทน์ เมื่อสร้างเมืองแล้วจะต้อง
สร้างวัดเป็นของคู่บ้านคู่เมืองถึง ๔ วัด ดังน้ัน พระยานครศรีบริรักษ์ บรมราชภักดี จึงได้สร้างวัดนี้ข้ึน
มาพร้อมกับวัดอีก ๓ วัด ตามประเพณีโบราณ คือ วัดเหนือส�ำหรับเป็นสถานท่ีชุมนุมท�ำบุญของเจ้าเมือง
ขอนแก่น (ต่อมาเปลี่ยนช่ือมาเป็นวัดธาตุ โดยมีพระธาตุเจดีย์เป็นสัญลักษณ์ เป็นปูชนียสถานท่ีศักด์ิสิทธิ์
ทีพ่ ระนครศรีบริรกั ษ์สรา้ งไวแ้ ตเ่ ดิม) วดั กลาง เปน็ ทชี่ ุมนมุ ทำ� บุญของข้าราชการ (ปจั จุบนั คงเรยี กวา่ วดั กลาง
เช่นเดิม) วัดใต้ เป็นที่ชุมนุมท�ำบุญของประชาชนท่ัวไป (ปัจจุบันเปล่ียนช่ือเป็นวัดหนองแวง) และวัดแขก
หรือวัดทา่ แขก สำ� หรบั คนหรอื พระต่างถิน่ จะมาพักอยู่อาศยั หรอื ท�ำบญุ ตา่ ง ๆ (ปัจจุบนั เปลีย่ นชื่อเป็นวดั โพธ์ิ
บ้านโนนทัน) และได้สร้างพระธาตุเจดีย์ขึ้นเป็นปูชนียสถานที่เคารพสักการะของชาวเมือง จึงเรียกช่ือ
วดั แห่งนว้ี า่ วัดธาตุ ไดร้ บั ยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมอ่ื ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๒๑
สถานะและท่ตี ง้ั
วัดธาตุ เปน็ พระอารามหลวงชัน้ ตรี ชนิดสามัญ ต้ังอยู่เลขที่ ๒๓๗ ถนนกลางเมอื ง ตำ� บลในเมอื ง
อ�ำเภอเมอื งขอนแกน่ จังหวัดขอนแก่น มที ด่ี ินตงั้ วดั เนื้อที่ ๑๒ ไร่
334 พระอารามหลวง เลม่ ๑
สง่ิ ส�ำคัญ
พระอุโบสถ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
หลังคาลด ๓ ช้ัน มุงกระเบ้ืองเคลือบ ประดับ
ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ มีหน้าต่างด้านละ ๙ ช่อง
มศี าลาจตุรมขุ อยปู่ ระจำ� มขุ ทงั้ ๔ มมุ หน้าบันประดบั
ปูนปั้นลายเครือเถา ทาด้วยสีทองล้อมรอบตรา
สัญลักษณ์ฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี สร้างเม่ือ
ปีพุทธศักราช ๒๕๓๙ บูรณปฏิสังขรณ์มาจาก
พระอุโบสถหลังเก่าท่ีสร้างข้ึนต้ังแต่ปีพุทธศักราช
๒๔๙๗
พระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ขนาดหนา้ ตกั กวา้ ง ๗ ศอก พระนามวา่ พระพทุ ธธรรม
ขนั ติโสภิตมหามงคล
พระธาตุเจดีย์ ลักษณะขององค์พระธาตุเป็น
เจดยี ์ เป็นทรงระฆังควำ�่ ปิดดว้ ยแผน่ โมเสกตลอดทั้งองค์
มีวิหารคดล้อมรอบท้ังสี่ด้านรอบองค์พระธาตุเจดีย์สร้าง
เป็นทางเดินกว้างประมาณ ๒ เมตร มีพญานาค ๒ ตน
ทอดล�ำตัวยาวเหนือขอบระเบียงล้อมรอบองค์พระธาตุ
เจดยี ์ เศยี รพญานาคทอดลงมาตามบนั ไดทางองคพ์ ระธาตุ
มีซุ้มประตูเจาะเข้าไปในองค์พระธาตุทั้ง ๔ ทิศ ความสูง
วัดจากยอดสุดลงมาถงึ พนื้ ได้ ๔๕ เมตร ฐานกว้าง ๒๕ เมตร
ตามหลักฐานสร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๓๒๓ ปฏิสังขรณ์
เม่ือปีพุทธศักราช ๒๕๑๓ ภายในองค์พระธาตุเจดีย์
เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ภายใน
องค์พระธาตุเจดีย์ขนาดเล็กซ่ึงจ�ำลองมาจากพระธาตุ
องค์ใหญ่ ประดิษฐานอยู่ภายในบุษบกอีกชั้นหนึ่ง ฝาผนัง
ภายในองค์พระธาตุมภี าพจติ รกรรมไว้โดยรอบ
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 335
พระธาตุเจดีย์เป็นส่ิงก่อสร้างที่แลโดดเด่นอยู่ภายในวัด
เล่ากันว่าเดิมวัดแห่งน้ีมีพระเจดีย์ตั้งอยู่หลายองค์ แต่ละองค์
ชำ� รดุ ทรดุ โทรม พงั ทลายไปเกอื บหมดสนิ้ จนไมส่ ามารถทราบไดว้ า่
องค์ไหนเปน็ พระธาตอุ งคเ์ ดมิ ทางวดั จงึ ใหน้ ายชา่ งออกแบบสรา้ ง
องคพ์ ระธาตอุ งค์ใหมข่ นึ้ ครอบองคเ์ ดมิ ไวท้ งั้ หมด โดยสรา้ งให้ใหญ่
และสูงกว่าเดิม เพ่ือรักษาศรัทธาปสาทะ และความศักดิ์สิทธิ์ไว้
และให้ชือ่ วา่ เจดยี ์พระธาตนุ ครเดมิ
หลวงพ่อพระลับ หล่อด้วยส�ำริด สร้างสมัยพระเจ้า
ไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ผู้ปกครองนครเวียงจันทน์ หน้าตักกว้าง
๑๒ นวิ้ ประทบั นง่ั ขดั สมาธบิ นแทน่ สมั ฤทธริ์ ปู สปั คบั ชา้ ง (แหยง่ ชา้ ง)
องคพ์ ระจะเอนไปทางดา้ นหลงั เลก็ นอ้ ย ดา้ นหนา้ องคพ์ ระประธาน
ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองขอนแก่นนามว่า
หลวงพอ่ พระลับ
เหตุที่มีช่ือเรียกว่า พระลับ ตามประวัติที่บันทึกไว้ในหนังสือ
หลวงพ่อพระพทุ ธพระลับท่ีวดั ธาตพุ ิมพ์ สืบเนื่องมาจากคร้ังเวียงจนั ทนก์ ับ
กรงุ ธนบรุ เี ปน็ อรกิ นั พระเจา้ กรงุ ธนบรุ มี พี ระบญั ชาใหพ้ ระยามหากษตั รยิ ศ์ กึ
ยกทพั มาตเี มืองเวยี งจันทน์ทำ� สงครามเปน็ เวลา ๔ เดือน เวยี งจนั ทนแ์ ตก
พระยามหากษัตริย์ศึกได้จัดการปกครองเวียงจันทน์ใหม่ แล้วได้อัญเชิญ
พระแกว้ มรกต พระบาง พระสกุ พระใส พระเสรมิ กลบั กรงุ ธนบรุ ี โดยผา่ น
ทางจังหวัดอุดรธานี ขอนแก่น และนครราชสีมา ช่วงน้ีพระวอที่อยู่
นครจำ� ปาศกั ดท์ิ ราบขา่ ว จงึ แจง้ มายงั ทา้ วศกั ดผิ์ เู้ ปน็ หลาน ใหเ้ กบ็ พระพทุ ธรปู
ศรีสัตนาคนหุต และพระแก้วล้านช้างให้มิดชิดและให้ถือเป็นความลับ
ทา้ วศกั ดแ์ิ ละพระราชครหู ลวงไดป้ ฏบิ ตั ติ ามโดยกอ่ เจดยี ข์ นึ้ ทวี่ ดั เหนอื ๙ องค์
มรี ปู รา่ งเหมอื นกนั เพอื่ พรางตาคน แลว้ นำ� พระพทุ ธรปู ศรสี ตั นาคนหตุ และ
พระแกว้ ลา้ นชา้ งมาบรรจไุ ว้ในเจดยี อ์ งคเ์ ดยี วกนั สว่ นองคอ์ นื่ ไมบ่ รรจอุ ะไร
เม่ือประชาชนไม่เห็นพระพุทธรูปดังกล่าวก็โจษจันกันไปต่าง ๆ นานาว่า
เหน็ องค์พระหายตวั ได้เอง จงึ เปน็ ทม่ี าของชอื่ หลวงพ่อพระลับ
เจดียท์ งั้ ๙ องค์ จงึ เปน็ ที่มาของชอ่ื เรียกวดั เหนอื ในชอื่ ทร่ี ู้จัก
กนั โดยทั่วไปในปัจจุบนั วา่ วัดธาตุ ผู้คนหลงลมื เรอื่ งพระลบั ไปแล้ว กระทั่ง
องค์เจดีย์ทั้ง ๙ องค์ เกิดทรุดพังตามกาลเวลา เป็นเหตุให้ประชาชน
ได้พบเห็นหลวงพ่อพระลับอีกครั้ง แล้วได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้
ในหอ้ งพเิ ศษของวดั รวมเวลาทพ่ี ระพทุ ธรปู หลวงพอ่ พระลบั ไดป้ ระดษิ ฐาน
อย่วู ดั ธาตุมาจนถึงปจั จุบนั ได้ ๒๒๖ ปี
หอระฆงั เปน็ อาคารคอนกรตี เสรมิ เหลก็ สรา้ งเมอ่ื ปพี ทุ ธศกั ราช
๒๕๑๑
336 พระอารามหลวง เล่ม ๑
วดั ศรีจนั ทร์
ประวัตคิ วามเป็นมา
วัดศรีจันทร์ สร้างโดยท่านญาคูหลักค�ำ (พิมพ์) (เจ้าอาวาสรูปแรก) เดิมจ�ำพรรษาอยู่ที่วัดศรีนวล
ได้รวบรวมศรัทธาประชาชนสร้างวัดข้ึนใหม่ที่โคกป่าโจด และเนื่องด้วยท่ีโคกป่าโจดมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นหนาแน่น
สภาพแวดล้อมเป็นสถานท่ีเงยี บสงบ มสี ัตวอ์ าศัยชกุ ชมุ เวลากลางคนื เมอื่ ถึงวันพระจนั ทร์เตม็ ดวง แสงสวา่ ง
ของดวงจันทร์ส่องสว่างกระทบต้นไม้และใบไม้เกิดประกาย ดุจประหนึ่งว่ารัศมีแห่งพระจันทร์เปล่งลงมา
ท่านจึงถือเอานิมิตหมายตรงน้ี ตั้งช่ือว่า วัดศรีจันทร์ แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดนอก เพราะต้ังอยู่
นอกคุ้มมีบ้านเรือนอยู่น้อย อีกท้ังท่านญาคูหลักค�ำนั้นเคยจ�ำพรรษาอยู่ที่วัดศรีนวล เม่ือมาสร้างวัดใหม่
ณ ท่ีโคกป่าโจด จึงต้ังชื่อให้ใกล้เคียงกับวัดศรีนวลว่า วัดศรีจันทร์ ได้รับยกฐานะเป็นพระอารามหลวง
เมื่อปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๒๑
สถานะและทต่ี ั้ง
วัดศรีจนั ทร์ เป็นพระอารามหลวงชัน้ ตรี ชนิดสามญั ต้ังอยเู่ ลขที่ ๒๘๑ ถนนศรีจันทร์ ต�ำบลในเมอื ง
อำ� เภอเมอื งขอนแกน่ จงั หวดั ขอนแกน่ มีทด่ี ินตั้งวดั เน้ือท่ี ๒๕ ไร่ ๑ งาน ๗๙ ตารางวา
พระอารามหลวง เล่ม ๑ 337
สิ่งส�ำคญั
พระอุโบสถ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
หลังคาลด ๓ ชั้น มุงกระเบ้ีอง ประดับช่อฟ้า ใบระกา
หางหงส์ หนา้ บันลายปนู ปัน้ รูปครฑุ ซมุ้ ประตูและหนา้ ต่าง
ลายปนู ปนั้
พระประธาน เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองผสม
ปางมารวิชัย ลงรักปิดทอง ขนาดหน้าตัก ๑.๑๐ เมตร
สูง ๑.๒๐ เมตร ประดิษฐานบนฐานชุกชี พระนามว่า
พระพุทธรังษี เหนือข้ึนไปมีอักษรย่อพระนามสมเด็จ
พระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
มฉี ตั ร ๕ ชนั้ สที องประดบั เหนอื เศยี รรอบองคพ์ ระประธาน
พระปรางค์ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
ลักษณะทรงจตุรมุข ขนาดกว้าง ๓ เมตร ยาว ๓ เมตร
สูง ๓ เมตร ภายในประดิษฐาน รอยพระพุทธบาทจ�ำลอง
บนยอดเปน็ ทป่ี ระดษิ ฐานพระบรมสารรี ิกธาตุ
ศาลาการเปรยี ญ เปน็ อาคารคอนกรตี เสรมิ เหลก็
๒ ชน้ั หลกั คามุงกระเบอ้ื งเคลือบ ขนาดกว้าง ๒๒ เมตร
ยาว ๔๒ เมตร
338 พระอารามหลวง เลม่ ๑