The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระอารามหลวง เล่มที่ ๑

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by สนง. วัฒนธรรม ลำปาง, 2022-11-01 01:15:48

พระอารามหลวง เล่มที่ ๑

พระอารามหลวง เล่มที่ ๑

วัดไตรมติ รวิทยาราม

ประวัติความเปน็ มา
วัดไตรมิตรวิทยาราม สร้างสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เดิมชื่อว่า วัดสามจีน เล่ากันว่าชาวจีน ๓ คน
เป็นมิตรที่สนิทสนมกันมาก ร่วมใจกันสร้างเพื่อถวายเป็นวิหารทาน ต่อมาได้นามว่า วัดไตรมิตรวิทยาราม
และท�ำพิธีเปิดป้ายวัด เมื่อวันท่ี ๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๘๒ ได้รับยกฐานะเป็นพระอารามหลวง
เม่อื ปีพทุ ธศกั ราช ๒๔๙๙
สถานะและที่ตง้ั
วัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร ต้ังอยู่เลขที่ ๖๖๑ ถนนเจริญกรุง
แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร มที ด่ี นิ ตั้งวัด เนือ้ ท่ี ๘ ไร่ ๙๐ ตารางวา

พระอารามหลวง เลม่ ๑ 139

ส่ิงส�ำ คญั
พระอโุ บสถ เปน็ อาคารคอนกรตี เสรมิ เหลก็
ลกั ษณะทรงจตรุ มขุ หลงั คาลด ๒ ชนั้ มมี ขุ คลา้ ยมขุ เดจ็
อีกช้ันหนึ่ง หน้าบันทั้ง ๔ ด้าน ประดับปูนปั้นรูป
พระนารายณ์ พระอศิ วร และพระพรหม ปดิ ทอง ประดบั
กระจก ภายในเพดานประดับดวงดาวโลหะ ปิดทอง
ประดับกระจก ผนังภายใน ระดับใต้ขอบหน้าต่างเป็น
หินขัดสีเข้ม เขียนลายไทย ซุ้มประตูหน้าต่างประดับ
ปนู ปน้ั ในวงกรอบทรงโคง้ กลม ยอดแหลม ประดบั ลาย
ทรงพมุ่ ขา้ วบณิ ฑ์ บานประตหู นา้ ตา่ งเขยี นลายรดนำ�้ ภาพทวารบาล ชานดา้ นหนา้ พระอโุ บสถมซี มุ้ บษุ บกทรงจตรุ มขุ
มีใบเสมาทม่ี ุมพระอโุ บสถ ทั้ง ๔ มุม สร้างข้ึนในปีพุทธศักราช ๒๔๘๙

พระประธาน เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ลงรักปิดทอง
ปางมารวชิ ยั พระนามวา่ พระพทุ ธทศพลญาณ ประชาชนนยิ มเรยี กวา่
หลวงพอ่ โตวัดสามจนี หรอื หลวงพอ่ วัดสามจีน
พระวิหาร เปน็ อาคารคอนกรีตเสริมเหลก็ ๒ ช้นั หลังคา
ทรงจตรุ มุข หน้าบนั ประดับลายปูนปนั้ มเี รือนทิศลอ้ มรอบ
พระพทุ ธรปู สโุ ขทยั ไตรมติ ร พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั
ภมู พิ ลอดลุ ยเดช พระราชทานนามวา่ พระพทุ ธมหาสวุ รรณปฏมิ ากร
ในปีพุทธศักราช ๒๕๓๕ เป็นพระพุทธรูปทองค�ำ ปางมารวิชัย
ศิลปะสมัยสุโขทัย สูง ๓.๙๘ เมตร หน้าตักกว้าง ๓.๑๓ เมตร
พระพุทธรูปน้ีเดิมมีผู้เอาปูนโบกหุ้มไว้ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
ปูนกระเทาะออกเมื่อวันท่ี ๒๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๘
จงึ ปรากฏเปน็ เนอ้ื ทองคำ� เหลอื งอรา่ ม เปน็ พระพทุ ธรปู ทที่ รงคณุ คา่
สวยงามยง่ิ มีอายุไมน่ อ้ ยกวา่ ๗๐๐ ปี
140 พระอารามหลวง เลม่ ๑

ธรรมาสน์ลายทองเท้าสิงห์ พระบาท
สมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว ได้เสด็จนมัสการ
พระประธานในพระอุโบสถ และได้ตรัสยกย่องว่า
เป็นพระพุทธรูปท่ีมีพุทธลักษณะงดงาม ต่อมาได้
พระราชทาน ธรรมาสน์ลายทองเท้าสิงห์ ประจ�ำ
พระอโุ บสถ

หอระฆัง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
ลักษณะทรงตรีมุข หลังคายอดฉัตร ขนาดกว้าง
๕ เมตร สงู ๙ เมตร

พระอารามหลวง เลม่ ๑ 141

วัดบพติ รพิมขุ

ประวตั ิความเป็นมา
วัดบพิตรพิมุข เป็นวัดโบราณ สร้างสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เดิมเรียกว่า วัดตีนเลน หรือวัดเชิงเลน
ในสมัยรชั กาลที่ ๑ สมเด็จพระเจ้าหลานยาเธอเจา้ ฟ้ากรมพระอนุรกั ษ์เทเวศร์ กรมพระราชวงั บวรสถานพิมุข
ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งพระอาราม เม่ือส�ำเร็จแล้วได้มีงานฉลองในปีพุทธศักราช ๒๓๒๘ ได้รับพระราชทาน
นามใหม่ว่า วัดบพิตรพิมุข เพอ่ื เปน็ เกยี รตแิ กก่ รมพระราชวังหลงั ผทู้ รงปฏสิ ังขรณ์
รัชกาลที่ ๓ โปรดให้ปฏิสังขรณ์ โดยร้ืออาคารเก่าที่สร้างด้วยไม้ออก แล้วสร้างใหม่ด้วยอิฐและ
ปูนทัง้ หมด
รัชกาลที่ ๕ ทรงปฏิสังขรณ์และโปรดให้สร้างพลับพลา
ด้วยไม้สักไว้หลังวัดริมคลองโอ่งอ่าง มีลายสลักพระราชลัญจกร ตราอาร์ม
อยู่ที่จ่ัวด้านข้าง เป็นรูปพระราชลัญจกรพระมหาพิชัยมงกุฎ บนพาน
มรี าชสหี ์กบั คชสหี ์ถวายพมุ่ กระหนาบอยู่สองขา้ ง
สมัยรัชกาลที่ ๖-๗ พระกวีวงศ์ (กระแจะ) เป็นเจ้าอาวาส
ไดบ้ ูรณะกุฏิเกง๋ จีนที่ชำ� รดุ และสร้างกุฏิตึก ๒ ชน้ั
สถานะและทต่ี ัง้
วัดบพิตรพิมุข เป็นพระอารามหลวงช้ันโท ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ ๒๖๖ ถนนจักรวรรดิ
แขวงจกั รวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร มที ดี่ ินต้งั วดั เนื้อที่ ๑๕ ไร่ ๓ งาน ๖๔ ตารางวา

142 พระอารามหลวง เลม่ ๑

ส่ิงส�ำ คัญ
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ลักษณะทรงไทย
ยกพ้ืนสูง หลังคาลด ๒ ช้ัน มุงกระเบ้ืองเคลือบ ประดับช่อฟ้า
ใบระกา หางหงส์ ระเบียงเดินได้รอบ และมีเสารองรับพาไล

ชายคา ซุ้มประตูหน้าต่าง
เ ป ็ น ซุ ้ ม เ รื อ น แ ก ้ ว ปู น ป ั ้ น
ป ร ะ ดั บ ล า ย เ บ ญ จ ม า ศ
ปิดทอง ประดับกระจก ผนัง
ด้านนอกระหว่างประตูหน้า
มีภาพจิตรกรรมรูปพระพุทธฉาย
ผนังภายในเขียนลายประแจจีน
บนพ้ืนเหลืองทอง และลาย
ดอกไม้ร่วง ผนังด้านข้าง
มีภาพเขยี นใสก่ รอบแขวนประดับไว้เป็นระยะ แบ่งเปน็ ๒ ประเภท คอื
ภาพในกรอบรูปไข่เป็นภาพพระภิกษุพิจารณากรรมฐานต่อหน้าอศุภซาก
สันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลท่ี ๓ ส่วนภาพพระพุทธประวัติ
ในกรอบส่เี หลย่ี มเขียนขน้ึ ในสมยั รัชกาลที่ ๕

พระประธาน เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย ประดิษฐานอยู่เหนือฐานชุกชี
มพี ระอัครสาวกซา้ ยขวา

พระวิหาร อยู่ด้านหน้าพระอุโบสถ
เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ๒ ช้ัน ลักษณะทรงไทย
ยกพนื้ สูง หลงั คาลด ๒ ชัน้ มงุ กระเบ้ือง ประดับช่อฟ้า
ใบระกา หางหงส์ มีระเบียงและเสารองรับพาไล
โดยรอบ ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นปูนปั้นทรงเรือนแก้ว
ประดับด้วยลวดลายดอกพุดตาน ผนังภายในทา
ด้วยสีฝุ่นสีแดงเขียนลายดอกไม้ร่วง ภายในพระวิหาร
มีพระพุทธรปู ขนาดยอ่ ม ประดษิ ฐานอยูส่ องขา้ งทางเดิน
ขา้ งละ ๓ องค์ และพระพุทธรปู ศลิ าปางสมาธิ ศลิ ปะ
สมัยทวาราวดี

พระอารามหลวง เล่ม ๑ 143

พระเจดยี ์ใหญ่ อยดู่ า้ นหลงั พระอโุ บสถเปน็
พระเจดยี ก์ อ่ อฐิ ถอื ปนู ลกั ษณะทรงกลม มกี ำ� แพงแกว้
ล้อมรอบ มีบันไดลงสู่ลานพระอุโบสถ ภายในบรรจุ
พระบรมสารรี กิ ธาตุ
กุฏิเก๋งจีน เรียกว่า คณะต้นจัน (มีต้นจัน
ขึ้นอยู่กลางหมู่กุฏิเดิม) ลักษณะแบบจีน สร้างสมัย
รัชกาลท่ี ๓ กล่าวกันว่า พระยาโชฎึกราชเศรษฐี
สร้างถวาย ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อ
ปางมารวิชยั
กุฏิต�ำหนัก มี ๔ หลัง รวมท้ังหอไตร
เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ลักษณะทรงไทย หลังคา
มงุ กระเบอ้ื ง เรยี กวา่ กฏุ ติ �ำหนกั เนอ่ื งจากเคยเปน็ กฏุ ิ
เจ้าอาวาส สมัยหม่อมเจา้ ญาณวราภรณ์ (รอง) เป็น
เจา้ อาวาส
ศาลาการเปรียญ เป็นอาคารคอนกรีต
เสริมเหล็ก ๒ ช้ัน ลักษณะทรงไทย หลังคา
มงุ กระเบ้ือง
144 พระอารามหลวง เล่ม ๑

วดั ปทมุ คงคา

ประวัตคิ วามเป็นมา
วัดปทุมคงคา เป็นวัดโบราณ สร้างสมัยกรุงศรีอยุธยา
เดิมเรยี กว่า วดั สำ� เพง็ ตามชอ่ื ท้องทท่ี ่ีตั้ง สมยั รัชกาลที่ ๑ สมเด็จพระราชวัง
บวรมหาสุรสิงหนาท ทรงบรู ณปฏสิ ังขรณ์ทว่ั ท้งั พระอาราม แลว้ ทรงอุทศิ
เป็นพระราชกุศลถวายสมเด็จพระบรมชนกาธิราช (สมเด็จพระปฐม
บรมมหาชนก ทองดี) และรัชกาลท่ี ๑ พระราชทานนามวา่ วดั ปทุมคงคา

สมัยรัชกาลที่ ๓ วัดปทุมคงคามีสภาพช�ำรุดทรุดโทรม
พระยาสวัสดิวารี ได้กราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตบูรณปฏิสังขรณ์
แต่ด�ำเนินการยังไม่แล้วเสร็จ รัชกาลท่ี ๔ โปรดให้พระยาพิศาลศุภผล
บรู ณปฏสิ งั ขรณ์ตอ่ และโปรดให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขนุ ราชสีหวิกรม
ผู้ก�ำกับช่างศิลาและช่างสิบหมู่ บูรณะเพ่ิมเติม ให้เสริมฐานพระพุทธรูป
พระประธานในพระอุโบสถใหส้ งู ขน้ึ และแปลงพระพทุ ธรูปเป็นพระพทุ ธรปู
ทรงเคร่ือง ต่อชุกชีออกมาท�ำเป็นรูปเทวราชถือพุ่มฉัตรดอกไม้ทอง
ดอกไมเ้ งนิ ๒ องค์

สถานะและที่ตง้ั
วัดปทมุ คงคา เปน็ พระอารามหลวงช้ันโท ชนิดราชวรวหิ าร ต้ังอย่เู ลขท่ี ๑๖๒๐ แขวงสัมพนั ธวงศ์
เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร มที ี่ดนิ ต้ังวัด เนือ้ ท่ี ๑๒ ไร่

พระอารามหลวง เลม่ ๑ 145

สงิ่ ส�ำ คญั
พระอโุ บสถ เปน็ อาคารก่ออฐิ ถือปูน ลกั ษณะ
ทรงไทย หลงั คาลด ๓ ชัน้ มุงกระเบือ้ งเคลอื บ ประดับ
ชอ่ ฟ้า ใบระกา หางหงส์ หนา้ บนั เป็นภาพพระนารายณ์

ทรงครุฑ บานประตู
ห น ้ า ต ่ า ง เ ขี ย น ล า ย
รดนำ้� ผนงั ภายในมภี าพ
จิตรกรรมทั้ง ๔ ด้าน
ด้านหน้าพระประธานเป็นภาพพระพุทธประวัติปางผจญมาร ด้านหลังเป็น
ภาพอากาศวิมาน มีพระอาทิตย์ พระจันทร์ ก�ำลังชักรถ พระท่ีนั่งเวชยันต
มหาปราสาทของพระอินทร์และช้างไอยราพต ด้านข้างตอนล่างเป็นภาพ
ทศชาติ สว่ นตอนบนแบ่งเป็น ๓ ช้นั เขียนภาพเทพชุมนมุ มีเทวดา พระอนิ ทร์
พระพรหม ยักษ์ ครุฑ นาค คนธรรพ์ และวิทยาธร ปีพุทธศักราช ๒๕๐๕
พระเทพปริยัติ (ด�ำ อาภารํสี) เจ้าอาวาสขณะน้ันได้ให้ช่างเขียนซ่อมภาพ
จติ รกรรมขึน้ ใหม่
พระประธาน เปน็ พระพทุ ธรปู ทรงเครอื่ ง ปางมารวชิ ยั ฝมี อื ชา่ ง
สมยั รชั กาลท่ี ๔ พระนามว่า พระนลาฏฝงั เพชร

พระระเบียง รอบพระอุโบสถ มีประตู
ด้านละ ๑ ประตู ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป
จำ� นวน ๑๒๗ องค์
พระวิหาร อยู่ทิศใต้ของพระอุโบสถ เป็นอาคารคอนกรีต
เสรมิ เหลก็ ลกั ษณะทรงไทย หลงั คามงุ กระเบ้อื งเคลือบ ประดบั ช่อฟ้า
ใบระกา หางหงส์ หน้าบนั เป็นรูปพระอนิ ทรท์ รงชา้ งเอราวณั บานประตู
หน้าต่างเขียนลายรดน้�ำ ซ่ึงได้รับการบูรณะเขียนซ่อมใหม่ พร้อมกับ
บานประตูหน้าต่างของพระอุโบสถ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป
ปางตา่ ง ๆ
พระปรางค์ มี ๘ องค์ ตงั้ อย่ปู ระจำ� ทิศทั้ง ๘ รอบพระอุโบสถ
ภายในประดิษฐานใบเสมาและลูกนิมติ
พระพุทธบาทจ�ำลอง เปน็ รอยพระพทุ ธบาทจำ� ลองในแผ่นหิน
ประดษิ ฐานอยู่ด้านหลงั พระวหิ าร
146 พระอารามหลวง เล่ม ๑

พระเจดยี ์ มี ๗ องค์ ลกั ษณะกอ่ อฐิ ถอื ปนู
อยู่ทางด้านหลัง พระระเบียงด้านทิศตะวันตก
สร้างพร้อมกบั พระอาราม
โพธล์ิ งั กา ขนาดใหญ่ ๒ ตน้ ตน้ หนงึ่ อยทู่ ศิ
ตะวันตก ริมคลองถม สมเด็จพระพฒุ าจารย์ (ศร)ี
น�ำมาจากลังกา คร้ังเป็นสมณฑูตเดินทางไปเมื่อปี
พทุ ธศักราช ๒๓๙๕ อกี ต้นหนงึ่ อยู่ทศิ ตะวนั ตกของ
พระวิหาร
หอไตร เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
หลงั คามุงกระเบ้ือง มีมขุ ดา้ นข้าง
ศาลาการเปรียญ เป็นอาคารคอนกรีต เสริมเหล็ก ๒ ช้ัน ลักษณะทรงปั้นหยา หลังคา
มงุ กระเบือ้ งเคลือบอย่ทู างทิศตะวันออกเฉียงใตข้ องพระวหิ าร

แท่นหินประหารกบฏ หรือแท่นหิน
ส�ำเร็จโทษ เป็นท่ีส�ำเร็จโทษเจ้านายหลายพระองค์
( โ ด ย น� ำ ร ่ า ง มั ด ใ น ถุ ง แ ด ง แ ล ้ ว ส� ำ เ ร็ จ โ ท ษ ด ้ ว ย
ทอ่ นจนั ทน์)
นอกจากจะให้เป็นที่ประหารชีวิตเจ้านาย
ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ต้ังแต่สมัยรัชกาลท่ี ๑ ถึง
รชั กาลที่ ๓ แล้ว ในพระราชพิธีพระบรมศพสมยั กอ่ น
เม่ือเก็บพระบรมอัฐิแล้ว จะอัญเชิญพระอังคาร
ลงเรือพระที่น่ังเข้ากระบวนแห่ไปลอยพระอังคาร
ที่หน้าวัดปทุมคงคา และในกรณีท่ีมีช้างเผือกล้มลง
กเ็ ช่นเดียวกัน

พระอารามหลวง เล่ม ๑ 147

วดั สัมพนั ธวงศาราม

ประวตั ิความเปน็ มา
วัดสัมพนั ธวงศาราม เป็นวัดโบราณ ไม่ปรากฏ
หลักฐานการสร้าง ต่อมาสมัยรัชกาลท่ี ๑ ประมาณ
พุทธศักราช ๒๓๓๙ สมเด็จพระเจ้าหลานยาเธอ
เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี พระโอรสในสมเด็จ
พระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ทรง
บูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ท้ังพระอาราม สร้างพระอุโบสถ
พระวิหาร วิหารคด หอระฆัง และกุฏิสงฆ์ เม่ือเสร็จ
แล้วได้น้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวงได้รับ
พระราชทานนามวา่ วัดเกาะแกว้ ลงั การาม
รชั กาลท่ี ๓ โปรดให้บูรณะส่วนท่ีชำ� รุดในเขตพุทธาวาสและสงั ฆาวาส
รัชกาลที่ ๔ โปรดให้เปลี่ยนนามจากวัดเกาะแก้วลังการาม มาเป็น วัดสัมพันธวงศาราม
เพ่ือเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี และให้เปลี่ยนคณะสงฆ์
จากฝา่ ยมหานกิ ายเปน็ ฝ่ายธรรมยตุ
สมัยรัชกาลท่ี ๖ พระพินิตพินัย (แจ้ง ปิยสีโล) อดีตเจ้าอาวาสได้ขอพระราชทาน
พระบรมราชานุญาตบูรณะพระอุโบสถ และเขยี นฝาผนังเปน็ เรือ่ งปฐมสมโพธ์ิ
รัชกาลที่ ๙ ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้รื้อพระอุโบสถ พระวิหาร พระเจดีย์ และ
สร้างพระอุโบสถวิหารการเปรียญ ๓ ช้ันข้ึนใหม่ และโปรดพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญ
พระปรมาภไิ ธย ภ.ป.ร. ประดิษฐานทีห่ นา้ บนั พระอโุ บสถหลงั ใหม่

148 พระอารามหลวง เลม่ ๑

สถานะและท่ีตงั้
วดั สมั พันธวงศาราม เปน็ พระอารามหลวงช้นั ตรี ชนดิ วรวิหาร ต้งั อยเู่ ลขท่ี ๕๗๙ แขวงสัมพนั ธวงศ์
เขตสมั พนั ธวงศ์ กรงุ เทพมหานคร มีที่ดินตงั้ วัด เนอ้ื ท่ี ๘ ไร่

ส่ิงสำ�คญั
พระอโุ บสถ เปน็ อาคารคอนกรตี เสริมเหลก็
๓ ช้ัน ลักษณะทรงไทยจตุรมุข หลังคาลด ๔ ช้ัน
มุงกระเบ้ือง ประดบั ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หนา้ บัน
ประดิษฐานพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. บานประตูหน้าตา่ ง
เขยี นลายรดนำ�้ ลงรกั ปิดทองพระมหารัชมงั คลาจารย์
(เทศ นิทฺเทสโก) อดีตเจ้าอาวาสได้ขอพระบรมราชานุญาต
ร้ือพระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์เดิม
แล้วสร้างเป็นพระอุโบสถวิหารการเปรียญ โดยมี
พระอุโบสถอยู่ชนั้ ที่ ๓
พระประธาน เป็นพระพุทธรูป สร้างด้วย
ไม้ซุงคว้านไส้กลวง ภายนอกถือปูนทับพระพาหา
เปน็ ไม้ ลงรกั ปดิ ทอง ปางมารวชิ ยั หนา้ ตกั กวา้ ง ๒ ศอก
๒ นิ้วคร่ึง พระมหารัชมังคลาจารย์ ได้ถวายนามว่า
พระพุทธนราสภะ บนฐานชุกชีมีพระพุทธรูปประทับ
นงั่ ลดหลนั่ กนั มาเปน็ ๓ องค์ มพี ระอคั รสาวกยนื ซา้ ยขวา ๒ องค์ พระอคั รสาวกนงั่ ซา้ ยขวา ๔ องค์ รวมบนฐาน
ชุกชีมพี ระพุทธรูปท้ังหมด ๙ องค์ ภายในองคพ์ ระและใต้ฐานพระบรรจุพระเครอ่ื งเน้ือชิน เนอ้ื เงนิ พมิ พ์ต่าง ๆ

พระพุทธรูปองค์กลาง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
กอ่ อิฐถอื ปนู ลงรักปิดทอง หนา้ ตกั กวา้ ง ๒ ศอก ๕ นว้ิ องคห์ น้า
เปน็ พระพุทธรปู หล่อด้วยโลหะ หน้าตักกว้าง ๑ ศอก ๕ นว้ิ ใต้ฐาน
องค์พระโปร่ง มีพระมงกุฎเครื่องราชูปโภคเบญจกกุธราชภัณฑ์
จ�ำลอง เปน็ สว่ นเล็กทำ� ดว้ ยทองค�ำ สำ� หรบั พระมงกุฎภายใน และ
บริเวณรอบ ๆ บรรจุพระบรมสารรี ิกธาตุ ๒ องค์ โดยมผี อบแก้ว
ครอบอกี ช้ันหนึ่ง

พระอารามหลวง เล่ม ๑ 149

วัดกลั ยาณมติ ร

ประวัตคิ วามเป็นมา
วัดกัลยาณมิตร สร้างเม่ือปีพุทธศักราช ๒๓๖๘ ในสมัยรัชกาลท่ี ๓ โดยเจ้าพระยานิกรบดินทร์
(โต กัลยาณมิตร) ได้อุทิศบ้านและท่ีดินบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเดิมเรียกว่า หมู่บ้านกุฎีจีน สร้างถวายเป็น
พระอารามหลวง ได้รบั พระราชทานนามวา่ วดั กัลยาณมติ ร
รชั กาลที่ ๓ โปรดใหส้ รา้ งพระวหิ ารหลวง พร้อมกบั เสด็จพระราชดำ� เนินก่อฤกษพ์ ระโต เม่ือวนั ที่ ๑๘
พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๓๘๐ พระราชทานเป็นพระประธานในพระวิหารหลวง
รัชกาลท่ี ๔ โปรดให้สร้างหอพระธรรมมณเฑียรเถลิงพระเกียรติ เพื่อเฉลิมพระเกียรติยศ
ในพระบรมราชมาตามหัยยิกา กรมพระศรีสุดารักษ์ และพระบรมราช
มาตามหัยยิกาธิบดี พระภัสดาในกรมพระศรีสุดารักษ์ ผู้ซ่ึงเคยประทับ
ณ วดั กัลยาณมิตรมากอ่ น และพระราชทานนามพระพทุ ธรปู ประดิษฐาน
ในพระวหิ ารหลวง เดิมเรยี กพระโต ว่า พระพทุ ธไตรรตั นนายก
รัชกาลที่ ๕ โปรดให้กรมโยธาธิการจัดการซ่อมแซม
หอพระธรรมมณเฑียรเถลิงพระเกียรติ และเมื่อพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหมื่นปราจิณกิติบดี ทรงเป็นมรรคนายกวัดนี้ ได้ดูแลซ่อมแซม
มาตลอด ได้รับยกฐานะเปน็ พระอารามหลวง เมือ่ ปพี ุทธศักราช ๒๓๖๘
สถานะและท่ตี ั้ง
วดั กัลยาณมิตร เปน็ พระอารามหลวงชนั้ โท ชนดิ วรมหาวหิ าร ตงั้ อย่เู ลขท่ี ๓๗๑ รมิ แมน่ ้�ำเจา้ พระยา
บริเวณปากคลองบางกอกใหญฝ่ ่ังใต้ แขวงวัดกลั ยาณ์ เขตธนบรุ ี กรุงเทพมหานคร มที ดี่ นิ ต้ังวดั เน้อื ท่ี ๓๓ ไร่
๑ งาน

150 พระอารามหลวง เล่ม ๑

ส่ิงสำ�คญั
พระอุโบสถ อยู่ทางด้านทิศตะวันออก
สร้างข้ึนบริเวณที่เคยเป็นท่ีต้ังบ้านของเจ้าพระยา
นิกรบดินทร์ (โต) เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ลักษณะ
สถาปัตยกรรมแบบจีน หน้าบันปั้นลายดอกไม้
ประดับกระเบื้องเคลือบสลับสีลายจีน ซุ้มประตู
หน้าต่างปั้นลายดอกไม้ประดับกระจก ผนังภายใน
มีภาพจิตรกรรมเก่ียวกับพระพุทธประวัติ และรูป
เครื่องบูชาม้าหมู่แบบไทยปนจีน เขียนตามแบบภาพ
ฝาผนังพระอโุ บสถวัดราชโอรสาราม เสาเขียนลายพุ่มข้าวบณิ ฑส์ วยงาม
พระประธาน เปน็ พระพทุ ธรปู หล่อปางปาลิไลยก์
พระวิหารหลวง เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ลักษณะสถาปัตยกรรมไทย
หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ ประดับช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันจ�ำหลักลายดอกไม้
ประดับกระจก ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นลายดอกไม้ปั้นปิดทองประดับกระจก

ผนังด้านในและเสาเป็น
ลายดอกไม้ ผนังด้านหน้า
มี ซุ ้ ม ป ร ะ ตู หิ น แ ล ะ
ตุ๊กตาหิน ศิลปะจีน
ตั้งเรียงราย ภายในประดิษฐานพระพุทธไตรรัตนนายก
พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้าง
เมอื่ ปีพทุ ธศักราช ๒๓๘๐ ชาวจนี เรยี กวา่ ซ�ำปอฮุดกง
หรือ ซำ� ปอกง

พระวิหารน้อย อยู่ทางทิศเหนือของพระวิหารหลวง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคา
มุงกระเบื้องเคลือบ ผนงั ภายในมีภาพพระพุทธประวัตฝิ ีมือชา่ งสมยั รชั กาลท่ี ๓ เปน็ ทป่ี ระดษิ ฐานพระพุทธรปู
ปางต่าง ๆ

พระอารามหลวง เล่ม ๑ 151

หอระฆงั เปน็ อาคารคอนกรีตเสรมิ เหล็ก ๒ ชั้น ขนาด
กวา้ ง ๙ เมตร สงู ๓๐ เมตร สร้างเมอ่ื ปีพทุ ธศักราช ๒๔๗๖
ศาลาการเปรียญ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน หลังคา
มุงกระเบ้อื งเคลอื บ สร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๐๗
หอพระธรรมมณเฑยี รเถลงิ พระเกยี รติ พระบาทสมเดจ็
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างในปีพุทธศักราช ๒๔๐๘
เปน็ อาคารกอ่ อิฐถือปูน ๒ ชนั้ หลงั คามุงกระเบือ้ ง ประดับช่อฟา้
ใบระกา หางหงส์ มรี ะเบยี งลอ้ มรอบ หนา้ บนั จำ� หลกั ลายเปลวปดิ ทอง
ประดับกระจก ตรงกลางเป็นรูปเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ซุ้มประตู
หนา้ ตา่ งปน้ั ลายดอกไม้ ตรงกลางเปน็ รปู พระมหามงกฎุ ประดษิ ฐาน
เหนือพานแว่นฟ้า บานประตูหน้าต่างจ�ำหลักลายดอกไม้ปิดทอง
ประดับกระจก เปน็ ทเี่ ก็บพระไตรปิฎกและพระคมั ภีรต์ า่ ง ๆ
152 พระอารามหลวง เลม่ ๑

วัดจนั ทาราม

ประวตั คิ วามเปน็ มา
วดั จนั ทาราม เป็นวดั โบราณ สร้างสมยั กรงุ ศรีอยุธยา เดมิ มีชื่อว่า วดั บางยีเ่ รือกลาง หรอื วัดกลาง
เพราะอยกู่ ลางระหวา่ งวดั ๒ วดั คอื วดั บางยเี่ รอื เหนอื (วดั ราชคฤห์ ปจั จบุ นั ) กบั วดั บางยเี่ รอื ใต้ (วดั อนิ ทาราม
ปจั จุบัน) พระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดให้พระยาสุรเสนา (ขุนเณร) บูรณะใหม่ แลว้ พระราชทาน
นามว่า วดั จนั ทาราม
สถานะและทีต่ ั้ง
วัดจันทาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่เลขท่ี ๔๔๘ ติดคลองบางย่ีเรือ
ถนนเทิดไท แขวงบางยเี่ รือ เขตธนบรุ ี กรุงเทพมหานคร มที ด่ี ินตง้ั วดั เน้ือที่ ๑๖ ไร่ ๓ งาน ๓๒ ตารางวา

พระอารามหลวง เลม่ ๑ 153

สง่ิ ส�ำ คญั
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน
ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบจีน หน้าบันประดับ
กระเบ้ืองเคลือบและถ้วยชาม ผนังภายในมี
ภาพจิตรกรรมลายดอกไม้ ระหว่างช่องหน้าต่าง
มีภาพโต๊ะหมู่บูชาแบบจีน ผนังภายในด้านหน้า
ประดิษฐานพระพุทธรูปไม้บุลวดลายท่ีเป็นโลหะ
ปางห้ามญาติ ทรงเครื่องและเทริดสูง ๔.๓๐ เมตร
ฐานสงู ๑.๒๐ เมตร

พระประธาน เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วย
ทองเหลืองลงรักปิดทอง ปางมารวชิ ัย หนา้ ตกั กวา้ ง
๑.๘๓ เมตร สงู ๑.๖๐ เมตร มีพระอคั รสาวกซ้ายขวา
พระวิหาร อยู่ด้านหลังพระอุโบสถ เป็น
อาคารก่ออิฐถือปูน ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบจีน
เช่นเดียวกับพระอุโบสถ ผนังด้านในมีซุ้มคูหา
ประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ปางหา้ มสมทุ ร จำ� นวน ๘ องค์
หอระฆัง เป็นอาคารคอนกรีตเสรมิ เหลก็ ๒ ช้นั สร้างเมื่อปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๑๗

154 พระอารามหลวง เลม่ ๑

วัดบปุ ผาราม

ประวัตคิ วามเปน็ มา
วัดบุปผาราม เป็นวัดโบราณ สร้างสมัย
กรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อ วัดดอกไม้ ได้ปฏิสังขรณ์
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว
โดยทา่ นผหู้ ญงิ จนั ทร์ ภรรยาเอกของสมเดจ็ เจา้ พระยา
บรมมหาประยูรวงศ์ (ดศิ บุนนาค) เน่อื งจากเป็นวดั
ใกล้บ้าน สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์และ
เจา้ พระยาทิพากรวงศ์ (ขำ� บุนนาค) ได้ปฏิสังขรณม์ า
อยา่ งต่อเน่อื ง
ต่อมาเจ้าพระยาภานุวงศ์ (ท้วม บุนนาค) ได้ปฏิสังขรณ์
และกราบทูลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คร้ังยังทรง
ผนวช ขอคณะสงฆ์ธรรมยุตไปครองวัด แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง
พระราชทานนามว่า วดั บปุ ผาราม
สถานะและทต่ี ้งั
วัดบุปผาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ ๒๙๓ แขวงวัดกัลยาณ์
เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร มีท่ดี นิ ต้ังวดั เนอื้ ท่ี ๙ ไร่

พระอารามหลวง เล่ม ๑ 155

ส่ิงสำ�คญั
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน
ลักษณะสถาปัตยกรรมทรงไทย หลังคาลด ๒ ช้ัน
มุงกระเบ้ือง ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์
มีเสาพาไลล้อมรอบ หน้าบันปูนปั้นเป็นรูปตราสุริยมณฑล
คือ ตราราชสีห์เทียมรถ อันเป็นตราประจ�ำตัว
สมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ถัดลงมาเป็น
รูปพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ซุ้มประตูหน้าต่าง
เป็นซุ้มทรงมหามงกุฎ บานประตูหน้าต่างด้านนอก
เขียนลวดลายเปน็ รูปเทวดา ด้านในทาสแี ดง

ในสงครามโลกครง้ั ที่ ๒ วดั บปุ ผารามถกู ระเบดิ ทำ� ลาย
ทำ� ใหพ้ ระอโุ บสถชำ� รดุ ยากแกก่ ารซอ่ มแซม ทางวดั จงึ ดำ� เนนิ การ
กอ่ สรา้ งพระอุโบสถใหม่ ยงั คงรักษารูปแบบของพระอโุ บสถหลัง
เดมิ ไว้
พระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ขนาดหน้าตกั กวา้ ง ๑.๑๕ เมตร สงู ๑.๗๕ เมตร
156 พระอารามหลวง เลม่ ๑

พระวิหาร เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนลักษณะ
สถาปัตยกรรมประยุกต์ ไทยจีน หลังคาลด ๒ ช้ัน
มุงกระเบ้ืองมีรูปทรงแบบจีน ประดับช่อฟ้า ใบระกา
หางหงส์ หัวนาค มีเสาพาไลล้อมรอบ หน้าบันเป็นปูนปั้น
ลายเครือดอกพุดตาน มีตรามหาสุริยมณฑลแบบไทย
(ราชสีห์เทียมรถ) อยู่ตรงกลาง ซุ้มประตูหน้าต่าง
เป็นลายปูนปั้นปิดทองประดับกระจก รูปตราสุริยมณฑล
แบบไทยเทิดมหามงกุฎ บานประตูหน้าต่างด้านนอก
เป็นไม้สลักลาย ตรงกลางเป็น ตราสุริยมณฑลแบบฝร่ัง
(ตรารูปพระอาทิตย์) บานประตูหน้าต่างด้านในเป็น
ภาพเขียนเคร่ืองโต๊ะบูชาหลายแบบ ช่องประตูหน้าต่าง
เขียนลายรดน้�ำ มีโครงสุภาษิตโลกนิติ ผนังด้านบนเขียน
ภาพจิตรกรรมเล่าเร่ืองทศชาติ ด้านนอกมีระเบียงล้อมรอบ
ภายในประดิษฐานพระพุทธชินราชจ�ำลอง และพระพุทธรูป
ขนาดตา่ ง ๆ อีกหลายองค์

พระเจดีย์ มี ๔ องค์ ลักษณะก่ออิฐถือปูน
แบบทรงลังกา รูประฆังคว�่ำ ๒ องค์ และแบบ
ทรงส่ีเหล่ียมย่อมุม ๒ องค์ ภายในประดิษฐาน
พระสารีริกธาตุ และพระพทุ ธรูป
ศาลาการเปรียญ เป็นอาคารคอนกรีต
เสริมเหล็ก ลักษณะสถาปัตยกรรมทรงไทย หลังคา
มงุ กระเบ้อื ง ประดับชอ่ ฟา้ ใบระกา หางหงส์
ศาลาสมเดจ็ เจ้าพระยาบรมมหาศรสี รุ ยิ วงศ์
เปน็ อาคารคอนกรตี เสรมิ เหลก็ ๓ ชน้ั ภายในประดษิ ฐาน
พระพุทธชินราชจ�ำลอง ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง
๑ เมตร สูง ๑.๓๒ เมตร

พระอารามหลวง เล่ม ๑ 157

วัดประยุรวงศาวาส

ประวตั คิ วามเปน็ มา
วัดประยุรวงศาวาส สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์
(ดิศ บุนนาค) สร้างเม่ือปีพุทธศักราช ๒๓๗๑ และถวายเป็น
พระอารามหลวง ในสมยั รชั กาลที่ ๓ พระราชทานนามวา่ วดั ประยรุ วงศาวาส
แต่ชาวบ้านเรียกว่า วัดร้ัวเหล็ก เพราะมีร้ัวเหล็กรูปหอก ดาบ ขวาน
เป็นก�ำแพงวัด ต่อมาสมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เจ้าพระยา
สุรวงศ์ไวยวัฒน์ เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ และเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักด์ิ
ไดป้ ฏสิ ังขรณ์
สถานะและทีต่ ้งั
วัดประยุรวงศาวาส เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร
ต้ังอยู่ใกล้กับเชิงสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ (สะพานพระพุทธยอดฟ้า)
ฝั่งธนบุรี เลขที่ ๒๔ ถนนประชาธิปก แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี
กรุงเทพมหานคร มที ีด่ ินต้ังวดั เนือ้ ที่ ๒๖ ไร่

158 พระอารามหลวง เลม่ ๑

ส่ิงส�ำ คญั
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ลักษณะสถาปัตยกรรมทรงไทย หลังคาลด ๒ ชั้น
มุงกระเบื้อง ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันเป็นลายดอกบุนนาค มีหน้าต่างแปดเหลี่ยม
อยู่ตรงกลางระหวา่ งประตทู ้งั ๒ ข้าง ด้านหลังพระประธานมีภาพจิตรกรรมฝาผนงั เล่าเรอื่ งพระพทุ ธประวัติ
พระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล
อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานนามว่า
สมเดจ็ พระพุทธธรรมวิเชฎฐศาสดา
พระวิหาร เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ลักษณะ
สถาปัตยกรรมทรงไทย หลังคามุงกระเบื้อง หน้าบัน
เปน็ ลายดอกไม้ บานประตูประดบั มกุ ผนงั ภายในทาสขี าว
ประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อปางมารวิชัย พระนามว่า
พระพุทธนาคน้อย หรือ หลวงพ่อนาค ชาวจีนเรียกว่า
ลกั น้อย หมายถึง กลีบบวั ๖ ชัน้

พระเจดยี ์ใหญ่ สมเดจ็ เจา้ พระยาบรมมหาประยรู วงศ์
สร้างพร้อมกับการสร้างวัดแต่ไม่แล้วเสร็จ ต่อมา
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ สร้างต่อจนเสร็จสมบูรณ์
เป็นพระเจดีย์ทรงระฆัง ช้ันล่างเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป
รายรอบพระเจดีย์ ๕๕ ช่อง ถัดขึ้นไปเป็นพระเจดีย์รายรอบ
พระเจดีย์ใหญ่ ๑๘ องค์ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและ
บรรจุอัฐิของตระกูลบนุ นาค

พระเจดีย์ท่านขรัวแก้ว พระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี 159
สรา้ งไว้ โดยบรรจุรูปหล่อเหมือนทา่ นขรวั แก้ว ไวภ้ ายในพระเจดีย์
เขามอ ต้ังอยู่ด้านหน้าวัดเป็นภูเขาหินจ�ำลองอยู่กลางน�้ำ
ซ่งึ เป็นสระมีถ้�ำประดิษฐานพระนอนอยเู่ ชงิ เขา ยอดเขาประดษิ ฐาน
โบสถ์และเจดีย์ขนาดเล็กอยู่บนสุด ในบริเวณเขามอประดับด้วย
ต้นไม้และตุ๊กตาจีน และเป็นสุสานบรรจุอัฐิชนทั่วไป สุสานต่าง ๆ
มีลกั ษณะสถาปตั ยกรรมทัง้ แบบไทย จีน และฝร่ัง

พระอารามหลวง เลม่ ๑

วัดโพธนิ มิ ิตรสถิตมหาสมี าราม

ประวตั คิ วามเป็นมา
วัดโพธินิมิตรสถิตมหาสีมาราม สร้างสมัยรัชกาลท่ี ๕
สมเด็จพระวันรัต (แดง) วัดสุทัศนเทพวราราม ได้อุทิศ
ที่ดนิ สวนอนั เป็นมรดกถวาย ไดร้ บั ยกฐานะเป็นพระอาราม ช่ือว่า
วัดโพมิ ตามนามโยมบิดามารดา แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง
ได้รับพระราชทานนามว่า วัดโพธินิมิตร เป็นวัดท่ีมีเขตก�ำหนด
สังฆกรรมเปน็ มหาสมี า
สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้สร้างปูชนียวัตถุและ
ถาวรวัตถุหลายอย่าง เช่น พระอุโบสถ พระประธานในพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ เป็นต้น
และได้มกี ารปฏิสงั ขรณ์ในสมัยเจา้ อาวาสของวัดแต่ละยคุ เรื่อยมาถงึ ปจั จบุ ัน
สถานะและท่ตี ั้ง
วัดโพธินิมิตรสถิตมหาสีมาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ ๘๖
แขวงบางย่เี รือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร มที ี่ดินตงั้ วัด เนอ้ื ท่ี ๔ ไร่ ๒ งาน ๓๒ ตารางวา

160 พระอารามหลวง เล่ม ๑

สง่ิ ส�ำ คัญ
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน
ลักษณะทรงไทย หลังคามุขลด มุงกระเบ้ือง
ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ รอบนอกมีเสาพาไล
รับใบสีมาติดกับพระอุโบสถ ผนังภายในมีจิตรกรรม
เป็นภาพพระสงฆ์ก�ำลังท�ำสังคายนาพระธรรม
วินัย ภาพพระเจ้าอโศกมหาราชทรงตอนก่ิงพระศรี
มหาโพธ์ิ พระราชทานแก่พระเจ้ากรุงอนุราธปุระ
ภาพพระอารามหลวงในกรุงเทพฯ และหัวเมือง
ซ่ึงผูกพัทธสีมาโดยใช้ส่ิงต่าง ๆ เช่น ภูเขา ล�ำน�้ำ
เป็นนิมิต ภาพการประกอบกุศลตามประเพณี
เช่น การบวชนาค การท�ำบุญเข้าพรรษา การก่อพระ
เจดีย์ทราย และลอยกระทง เป็นต้น ซึ่งเป็นฝีมือ
พระอาจารย์แดง

พระประธาน เป็นพระพุทธรูปหล่อ ลงรัก
ปิดทอง ปางมารวิชัย มีพระสาวก ๔ องค์

พระวิหาร เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ลักษณะตรีมุข 161
ทรงไทย หลงั คามงุ กระเบอ้ื ง เปน็ ทป่ี ระดษิ ฐานพระพทุ ธรปู และ
รูปหล่อสมเด็จพระวนั รัต (แดง)
พระมหาเจดีย์ ลักษณะทรงลังกา ฐานส่ีเหล่ียม
มบี นั ได ๔ ทศิ ประตู ๔ ดา้ น มกี ำ� แพงแกว้ ลอ้ มรอบ มพี ระเจดยี เ์ ลก็
๔ มุม มีศาลา ๔ ทิศ สร้างเป็นพุทธบูชาและบรรจุอัฐิ
สมเด็จพระวันรตั (แดง)

พระอารามหลวง เลม่ ๑

ศาลาการเปรียญ เป็นอาคาร
ก่ออิฐถือปูน ลักษณะทรงไทย ๒ ชั้น
ช้ันล่างก่ออิฐถือปูน ชั้นบนเป็นเคร่ืองไม้
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา
ด�ำรงราชานุภาพ เป็นผู้สร้าง ต่อมา
ในปีพุทธศักราช ๒๔๕๘ ถูกไฟไหม้
พระโพธิสังวรเถร (ฑูรย์ อตฺตทีโป)
ได้บรู ณปฏสิ งั ขรณ์
พลับพลารับเสด็จรัชกาลท่ี ๕ เป็นอาคารไม้ลักษณะทรงไทยช้ันเดียว หลังคามุงกระเบ้ือง
สรา้ งเปน็ อนสุ รณ์เมอื่ คร้งั ท่รี ัชกาลท่ี ๕ เสด็จทอดพระกฐนิ
162 พระอารามหลวง เลม่ ๑

วัดราชคฤห์

ประวัตคิ วามเป็นมา
วัดราชคฤห์ เป็นวัดโบราณ สร้างสมัยอยุธยา
ตอนปลาย โดยพวกนายกองมอญที่อพยพเข้ามาพ่ึง
พระบรมโพธิสมภาร และตงั้ บ้านเรือนอยู่ในแขวงบางย่เี รือ
เป็นผสู้ ร้างขนึ้ เดมิ เรียกวา่ วดั บางยเี่ รือมอญ หรอื วัดมอญ
เน่ืองจากเดิมมีพระมอญจ�ำพรรษาอยู่ สันนิษฐานว่า
มีการบูรณะซ่อมแซมสมัยกรุงธนบุรี เพราะเช่ือกันว่า
พระยาพิชัยดาบหักเป็นผู้สร้างพระอุโบสถ ซ่ึงปัจจุบันคือ
พระวหิ ารใหญ่และพระปรางค์ ตัง้ อย่ทู างด้านหน้า
สมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
จุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดให้ยกฐานะขึ้นเป็นพระอาราม
หลวง พระราชทานนามว่า วัดราชคฤห์ และเจ้าพระยา
พระคลงั (หน) เสนาบดกี รมทา่ ไดส้ รา้ งเขามอ (ภเู ขาจำ� ลอง)
ประดิษฐานพระมณฑปพระพทุ ธบาทจำ� ลองบนยอดเขา
สมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า
นภาลัย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร
พระโอรสซ่ึงประสูติจากเจ้าจอมมารดาน่ิม ผู้ซ่ึงเป็นธิดา
ของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ ต่อมาทรงสร้างพระอุโบสถใหม่แทนพระอุโบสถเดิม
ที่ใชเ้ ปน็ พระวหิ ารในปจั จุบนั

พระอารามหลวง เล่ม ๑ 163

สถานะและท่ีตั้ง
วัดราชคฤห์ เป็นพระอารามหลวงช้นั ตรี ชนดิ วรวิหาร ต้งั อย่เู ลขที่ ๔๓๔ แขวงบางยี่เรอื เขตธนบุรี
กรงุ เทพมหานคร มีท่ดี นิ ตงั้ วัด เนอื้ ท่ี ๑๗ ไร่
ส่ิงสำ�คญั
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน
หลังคาลด ๒ ช้ัน มุงกระเบ้ือง สร้างตามแบบ
ศิลปะจีน หน้าบันมีลวดลายปูนปั้นประดับเคร่ือง
กระเบ้ืองถ้วยจาน มีพาไลหน้าหลังและทวยรองรับ
ชายคาปีกนก ด้านข้างพระอุโบสถ ซุ้มประตู
หน้าต่างเป็นซุ้มเรือนแก้วปูนปั้น บริเวณก�ำแพงแก้ว
มีพระเจดีย์พระพุทธเจ้า ๒๘ องค์ และพระเจดีย์
ทรงกลม ๒ องค์ อยู่ทางด้านหลงั พระอุโบสถ

พระวิหารใหญ่ เป็นอาคารทรงไทยก่ออิฐถือปูน ทรงสูง
หลังคามุงกระเบ้อื ง หนา้ บันเปน็ ไมแ้ กะสลกั ประดับช่อฟา้ ใบระกา
หางหงส์ มีสาหรา่ ย รวงผง้ึ เสาเหลย่ี มมบี ัวหัวเสา ซุ้มประตหู นา้ ตา่ ง
เป็นทรงมณฑปปนู ปน้ั ผนงั ภายในเขยี นเป็นลายดอกไม้ร่วง ซุ้มคูหา
ประดิษฐานพระพุทธรูปโดยรอบ ซุ้มเสมาเดิมของพระวิหารเป็น
ซ้มุ ยอด
วหิ ารเลก็ อยทู่ างซา้ ยของพระวหิ ารใหญ่ ภายในประดษิ ฐาน
พระพุทธไสยาสน์

164 พระอารามหลวง เล่ม ๑

พระเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้ย่ีสิบ ต้ังอยู่
ด้านหนา้ พระวหิ ารใหญ่ มีกำ� แพงแกว้ ล้อมรอบ บรรจุ
พระบรมสารีริกธาตุ
พระปรางคย์ อ่ มมุ ไมย้ สี่ บิ ตง้ั คกู่ บั พระเจดยี ์
กล่าวกันว่าเป็นพระปรางค์ท่ีพระยาพิชัยดาบหัก
สรา้ งขึ้น

พระอารามหลวง เล่ม ๑ 165

วัดเวฬรุ าชิณ

ประวัติความเป็นมา
วดั เวฬุราชณิ เจ้าพระยาพลเทพ (เอี่ยม ชูโต) เป็นผู้สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ ตอนปลายรชั กาลที่ ๓
โดยน�ำเงินค่าภาษีไม้ไผ่สีสุกที่ท่านเป็นเจ้าภาษีรับสัมปทานผูกขาดการเก็บอยู่มาใช้เป็นค่าสร้างวัด เม่ือแรกสร้าง
เรียกช่ือวัดตามสภาพภูมิศาสตร์ที่ต้ังวัดท่ีเป็นคุ้งน้�ำใหญ่ในคลองบางกอกใหญ่ว่า วัดใหม่ท้องคุ้ง สร้างเสร็จบริบูรณ์
ในต้นรัชกาลท่ี ๔ เจ้าพระยาพลเทพจึงน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง ได้รับพระราชทานนามว่า
วดั เวฬรุ าชณิ ตามปฐมเหตขุ องการสรา้ งวดั แปลความหมายไดว้ า่ วดั ซงึ่ เกิดจากหนีภ้ าษไี ม้ไผ่ของพระราชา
ต่อมาสมัยรัชกาลท่ี ๕ พระยาพิศาลศภุ ผล (ชื่น พศิ าลบุตร) และขนุ ตาลวโนชากร (น่ิม แสนวัต)
ได้รว่ มกนั ปฏสิ งั ขรณ์วัดใหมท่ ั้งหมด เป็นการปฏิสงั ขรณ์ครงั้ ใหญเ่ ทา่ กบั
เป็นการสร้างวัดใหม่ ต่อมาพระไพโรจน์ธรรมาภรณ์เป็นเจ้าอาวาส
ได้บรู ณะวัดให้อยู่ในสภาพทงี่ ดงามเป็นทชี่ นื่ ชอบของประชาชนทว่ั ไป
สถานะและทต่ี ้งั
วัดเวฬรุ าชิณ เปน็ พระอารามหลวงช้ันตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่
เลขที่ ๑๔๒ แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร มีทดี่ นิ ที่ตั้งวดั
เน้ือท่ี ๑๕ ไร่

166 พระอารามหลวง เล่ม ๑

สิ่งสำ�คญั
พระอโุ บสถ เปน็ อาคารคอนกรตี เสรมิ เหลก็
ลักษณะสถาปัตยกรรมทรงไทย หลังคาลด ๒ ชั้น
มุงกระเบื้อง ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์
ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นลายปูนปั้นงดงาม ภายใน
พระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเล่าเร่ืองชาดก
ภาพฝาผนังเหนือหน้าตา่ งเปน็ ภาพเทพพนม พัดแฉก
คนธรรพ์ และเทพบันเทิง ฝาผนังหลังพระประธาน
เป็นภาพพระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนา
โปรดพระพุทธมารดา

พระประธาน เปน็ พระพทุ ธรปู ปางมารวชิ ยั 167

พระอารามหลวง เล่ม ๑

พระวิหารทิศ ๔ หลัง มุมก�ำแพงแก้ว ประดับ
ชอ่ ฟา้ ใบระกา ลงรกั ปดิ ทอง มมี ขุ ลด หน้าบันจำ� หลักไม้เปน็ รูป
พระพทุ ธเจา้ แสดงพระธรรมเทศนาแก่เหลา่ เทวดา
พระพุทธสหี ไสยาสน์ ประดษิ ฐานในพระวหิ าร
พระเจดียท์ รงลงั กา อยหู่ ลังพระอุโบสถ ตงั้ อย่บู นฐานทกั ษณิ สี่เหลี่ยมลบมุม สรา้ งในรัชกาลท่ี ๔
168 พระอารามหลวง เล่ม ๑

วดั หริ ัญรูจี

ประวัตคิ วามเปน็ มา
วดั หิรัญรูจี เดิมชื่อ วัดน้อย สรา้ งในสมัยกรงุ ธนบรุ ี
ประมาณปีพทุ ธศักราช ๒๓๒๑ โดย เจา้ ขรัวเงิน พระชนกของ
กรมสมเดจ็ พระศรสี รุ เยนทรามาตย์ พระมเหสีในรัชกาลท่ี ๒
สมัยรัชกาลท่ี ๔ พระยาอนุชิตได้ท�ำการ
บูรณปฏิสังขรณ์ แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง เม่ือปี
พทุ ธศักราช ๒๓๙๗ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว
พระราชทานนามว่า วัดหิรัญรูจี และโปรดให้หล่อพระพุทธรูป
ด้วยเงินท้ังองค์ ปางมารวิชัย ประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถ
เพอ่ื เปน็ พระพุทธรปู ประจำ� วัด
สถานะและท่ตี ั้ง
วัดหิรัญรูจี เป็นพระอารามหลวงช้ันตรี ชนิดวรวิหาร ต้ังอยู่เลขที่ ๑๒๒ ถนนอินทรพิทักษ์
แขวงหริ ญั รูจี เขตธนบรุ ี กรงุ เทพมหานคร มที ด่ี นิ ทตี่ ้ังวดั เน้ือท่ี ๑๓ ไร่ ๒ งาน ๔๐ ตารางวา

พระอารามหลวง เล่ม ๑ 169

สง่ิ ส�ำ คัญ
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ลักษณะศิลปะไทยผสมจีน หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ
หน้าบันปูนปั้นลายรูปดอกไม้และนก มีมุขขวางด้านหน้าแบบเก๋งจีน มีพัทธสีมาติดผนังพระอุโบสถด้านนอก
ได้รบั การปฏสิ งั ขรณ์คร้ังใหญ่ในรชั กาลท่ี ๔
พระประธาน ในพระอุโบสถ
เป็นพระพุทธรูป ปูนปั้นปิดทอง
ปางมารวชิ ยั หนา้ ตกั กวา้ ง ๒ ศอก ๒๒ นว้ิ
มพี ระอัครสาวกซา้ ยขวา

พระวหิ าร เปน็ อาคารกอ่ อฐิ ถอื ปนู ลกั ษณะทรงไทย
หลังคาลด ๒ ช้นั ประดับช่อฟา้ ใบระกา หางหงส์
พระเจดีย์ ลักษณะทรงกลม อยู่หลังพระอุโบสถ
สรา้ งปพี ทุ ธศกั ราช ๒๔๖๐ และพระเจดยี ์ ๖ องค์ เปน็ พระเจดยี ์
ย่อมมุ ไม้สบิ สอง อย่มู มุ กำ� แพงแกว้

170 พระอารามหลวง เล่ม ๑

หลวงพอ่ ด�ำ เป็นพระพุทธรูปหลอ่ ปางมารวชิ ัย
ขนาดหน้าตักกว้าง ๒ ศอก ๑๕ น้ิว ประดิษฐานในศาลา
หลงั พระอโุ บสถ สรา้ งเมื่อปีพุทธศกั ราช ๒๕๑๕

หอระฆัง เป็นอาคารก่ออฐิ ถอื ปูน ลกั ษณะ
ทรงปราสาทจตุรมุข

พระอารามหลวง เลม่ ๑ 171

วดั อินทาราม

ประวตั ิความเป็นมา
วัดอินทาราม เป็นวัดโบราณ ต้ังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
เดิมเรียกว่า วัดบางย่ีเรือนอก หรือวัดสวนพลู หรือวัดบางย่ีเรือไทย
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดให้ปฏิสังขรณ์ใหม่ท้ังพระอาราม เป็นต้นว่า
ขยายท่ีดินเป็นธรณีสงฆ์ให้กว้างขวางยิ่งข้ึน ขุดคูวัด บูรณะพระอุโบสถ
พระวิหาร พระเจดีย์ และสร้างเสนาสนะ และโปรดเสด็จมาทรงศีล
บ�ำเพญ็ กรรมฐานประทับแรม ณ วัดอนิ ทารามน้ี คร้นั เมื่อเสด็จสวรรคต
ในพุทธศักราช ๒๓๒๕ ได้ประดิษฐานพระบรมศพ ถวายพระเพลิง
และบรรจพุ ระบรมอฐั ิ ณ วดั น้ดี ้วย
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า
เจ้าอยู่หัว พระยาศรีสหเทพ (เพ็ง) ต้นตระกูลศรี ได้ท�ำการปฏิสังขรณ์
และสร้างถาวรวัตถุ เสนาสนะต่าง ๆ ข้ึนใหม่ ตั้งแต่พระอุโบสถ
พระวิหาร ศาลาการเปรียญ พระเจดีย์ พระปรางค์ หอพระไตรปิฎก
หอระฆัง เปน็ ต้น และพระราชทานนามว่า วัดอินทาราม
สถานะและทตี่ ง้ั
วัดอินทาราม เป็นพระอารามหลวงช้ันตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ ๔๓๒ ถนนเทิดไท
แขวงบางยี่เรือ เขตธนบรุ ี กรุงเทพมหานคร มที ี่ดินตงั้ วดั เนอื้ ที่ ๒๕ ไร่

172 พระอารามหลวง เลม่ ๑

สิง่ สำ�คญั
พระอุโบสถหลังเก่า สมเด็จพระเจ้า
กรุงธนบุรีทรงสร้าง มีลักษณะเป็นแบบแผน
โดยตรงของสถาปัตยกรรมสมัยกรุงธนบุรี มีการ
เจาะหน้าต่างใหญ่ตรงหน้าบัน และลายปูนปั้น
ทพ่ี ระวหิ าร มลี กั ษณะงดงามมาก เดิมไม่มหี นา้ ต่าง
แต่พระทักษิณคณิสร (สาย) อดีตเจ้าอาวาสวัด
ได้เจาะเปิดผนังท�ำหน้าต่าง ปัจจุบันเป็นพระวิหาร
ประดิษฐานพระพุทธรูปฉลองพระองค์ของสมเด็จ
พระเจ้ากรุงธนบุรี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางตรัสรู้
ใต้องค์พระบรรจพุ ระบรมราชสรีรังคารของสมเด็จพระเจา้ กรงุ ธนบรุ ี
นอกจากน้ันยังเป็นที่เก็บพระพุทธรูปซึ่งอดีตเจ้าอาวาสรวบรวมมาจากท่ีต่าง ๆ และใต้แท่นพระ
เป็นทีบ่ รรจอุ ัฐิคนในตระกลู อนิ ทรโยธนิ และพชิ เยนทรโยธนิ ดว้ ย ด้านหนา้ พระอุโบสถเกา่ มีพระบรมรปู ทรงม้า
ของสมเด็จพระเจา้ กรงุ ธนบุรปี ระดษิ ฐานอยู่
พระอุโบสถหลังใหม่ เปน็ คอนกรตี เสรมิ เหลก็ หลงั คาลด ๓ ชนั้ มงุ กระเบ้อื ง ประดับช่อฟ้า ใบระกา
หางหงส์ พระยาศรสี หเทพ (เพง็ ) สรา้ งข้ึนในบรเิ วณที่ประดษิ ฐานพระบรมศพของสมเดจ็ พระเจ้ากรุงธนบุรี
พระประธาน ในพระอุโบสถ เปน็ พระพทุ ธรูปปางมารวิชัย สมยั กรงุ สุโขทยั พระนามว่า พระพุทธชินวร
พระวหิ ารน้อย หรือ พระวิหารพระเจ้ากรงุ ธนบุรี เป็นท่ปี ระดิษฐานพระแท่นบรรทมและพระบรมรูป
จำ� ลอง แบบทรงพระกรรมฐานของสมเด็จพระเจา้ กรุงธนบุรี พระแท่นน้ีพระองค์เคยทรงใชเ้ ป็นทปี่ ระทบั แรม
ทรงธรรมและทรงกรรมฐาน
พระเจดีย์กู้ชาติ เป็นพระเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมยอดบัวกลุ่ม บรรจุ
พระบรมอัฐิของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งอยู่หน้าพระอุโบสถเก่าคู่กับ
พระเจดยี เ์ หลย่ี มยอ่ มมุ ปลอ้ งไฉน ซง่ึ บรรจพุ ระบรมอฐั ขิ องสมเดจ็ พระอคั รมเหสี
พระปรางค์ คู่ซ้ายขวาอยู่ด้านหลังพระอุโบสถ เป็นปรางค์เหล่ียม
ย่อมุมไม้สิบสอง ต้ังอยู่บนฐานสูงประดับเคร่ืองลายครามซึ่งพระตรีสหเทพ
สรา้ งไวค้ ่กู บั พระอโุ บสถหลังใหม่
ศาลาการเปรียญเก่า ต้ังอยู่ด้านซ้ายของพระอุโบสถใหม่
พระยาศรีสหเทพสร้าง ผนังทำ� เป็นชอ่ งสีมารองท้ัง ๔ ทศิ เป็นที่ไวพ้ ระพทุ ธรปู
รวม ๑๔๘ ช่อง
พระวิหารเดิม ต้ังอยู่ข้างหน้าด้านขวาของพระอุโบสถ พระยาศรีสหเทพสร้างข้ึน ลักษณะเดิม
ตามที่ปรากฏหลกั ฐาน คือมกี ำ� แพง ๒ ชน้ั ช้ันนอกมปี ระตแู ละหน้าต่างเป็นเหมือนวหิ ารธรรมดา ส่วนวิหาร
ชน้ั ในนัน้ ประตเู ขียนลายรดน้ำ� เปน็ รปู นารีผล ดา้ นในพระวิหารก่อแทนไวต้ พู้ ระไตรปฎิ ก ๒ ดา้ น ประดิษฐาน
พระประธาน ด้านซ้ายเป็นพระปางห้ามญาติและพระปางห้ามสมุทร ตามฝาผนัง มีช่องสีมาไว้พระพุทธรูป
๒๒๑ ชอ่ ง

พระอารามหลวง เล่ม ๑ 173

วดั เครอื วัลย์

ประวตั ิความเปน็ มา
วดั เครอื วลั ย์ เปน็ วดั โบราณ เจา้ พระยาอภยั ภธู ร (นอ้ ย บณุ ยรตั พนั ธ)์ุ ผเู้ ปน็ บดิ าของเจา้ จอมเครอื วลั ย์
พร้อมดว้ ยเจ้าจอมเครอื วัลย์ เปน็ ผสู้ ร้างในสมัยรชั กาลที่ ๓ แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ปฏิสังขรณ์ แล้วพระราชทานนามว่า
วัดเครือวัลย์ และเมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๓๙๓ ได้เสด็จพระราชด�ำเนินทอดผ้าพระกฐิน
ณ วัดเครอื วัลย์
สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ปฏิสังขรณ์พระวิหาร เสนาสนะ และ
สร้างก�ำแพงวัดดา้ นทิศตะวนั ออก
ต่อมาเจ้าอาวาสปกครองวัดได้พัฒนาและสร้างสะพานข้ามคลองมอญเชื่อมถนนอรุณอมรินทร์
แล้วตั้งชื่อว่า สะพานธรรมสาร และได้บูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถใหม่ท้ังหลัง ติดโคมไฟรอบพระระเบียง
พระอุโบสถ ซอ่ มหอระฆงั ย้ายกฏุ เิ รือนไม้สกั โบราณคณะกลาง ๒ หลงั ไปสรา้ งทางด้านทศิ ตะวนั ออกของวดั
เพือ่ อนรุ กั ษข์ องเก่าไว้
สถานะและท่ีตง้ั
วัดเครือวัลย์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ต้ังอยู่เลขท่ี ๓๖ ฝั่งใต้คลองมอญ
ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงวดั อรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร มที ่ดี ินตง้ั วดั เน้อื ที่ ๑๖ ไร่

174 พระอารามหลวง เลม่ ๑

สงิ่ สำ�คัญ
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน
หลังคาลด ๒ ช้ัน หน้าบันปูนปั้นลายเครือเถา
บานประตูและหน้าต่างพระอุโบสถมีลายปูนปั้น
รูปโขดเขา ป่าและสัตวต์ า่ ง ๆ ลงรกั ปดิ ทอง ประดับ
กระจก ฝาผนังภายในมีภาพจิตรกรรมฝีมือช่าง
สมยั รชั กาลที่ ๓ เล่าเรื่องพระเจา้ ๕๐๐ ชาติ

พระประธาน เป็นพระพุทธรูปประทับยืนปางห้ามญาติ
มลี กั ษณะเหมอื นพระรว่ งโรจนฤทธทิ์ อี่ งคพ์ ระปฐมเจดยี ์ จงั หวดั นครปฐม
สงู ประมาณ ๔ วา ฐานชุกชีทำ� เปน็ รูปบัวหงาย
พระวหิ าร เปน็ อาคารกอ่ อฐิ ถอื ปนู
ทรงไทย มีพาไลรอบ แบบสถาปัตยกรรม
สมัยรัชกาลที่ ๓ บานประตูและหน้าต่าง
มีลายปูนปั้นรูปโขดเขา ป่าและสัตว์ต่าง ๆ
ลงรกั ปิดทอง ประดบั กระจก
พระเจดยี ์ เปน็ พระเจดยี ท์ รงลงั กา มี ๓ องค์ เฉพาะพระเจดยี อ์ งคห์ นา้ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้
เจา้ อยู่หัว โปรดให้สร้างเพื่อบรรจพุ ระบรมสารกิ ธาตุ
หอระฆงั เป็นอาคารกอ่ อิฐถอื ปนู ลกั ษณะทรงโบราณ

พระอารามหลวง เล่ม ๑ 175

วดั นาคกลาง

ประวตั คิ วามเปน็ มา
วดั นาคกลาง เป็นวัดโบราณสรา้ งในสมัยกรงุ ศรีอยุธยา และไดร้ ับสถาปนาขึน้ เป็นพระอารามหลวง
ในสมยั กรุงธนบรุ ี
รัชกาลที่ ๑ โปรดให้รวมวัดนาค วัดกลาง และวัดน้อย เป็นวัดเดียวกัน แล้วพระราชทานนามว่า
วดั นาคกลาง และได้เสดจ็ พระราชด�ำเนินถวายผ้าพระกฐินในปีพทุ ธศกั ราช ๒๓๓๐
รชั กาลท่ี ๒ โปรดให้สรา้ งพระอโุ บสถ
รชั กาลท่ี ๓ โปรดใหบ้ ูรณปฏสิ งั ขรณว์ ัดนาคกลาง และไดเ้ สด็จพระราชด�ำเนนิ ถวายผ้าพระกฐนิ
รชั กาลที่ ๔ ได้เสด็จพระราชดำ� เนนิ ถวายผ้าพระกฐิน ปีพทุ ธศกั ราช ๒๓๙๘ และ ๒๓๙๙
รัชกาลท่ี ๕ โปรดให้วัดนาคกลางจัดพระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง
พอถึงเทศกาลเข้าพรรษา โปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ไปจุดเทียนพรรษาที่วัดนาคกลาง และได้มีการ
บรู ณปฏสิ งั ขรณพ์ ระอารามหลายครั้ง
รชั กาลที่ ๖ เสดจ็ พระราชด�ำเนินถวายผา้ พระกฐนิ
รัชกาลที่ ๗ โปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์ โดยย้ายกุฏิจากแนวริมคลองมอญมาสร้างขึ้นใหม่เป็น
๒ คณะ
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จ
พระราชด�ำเนินมาวัดนาคกลาง เพ่ือทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระรูปสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อยู่ ญาโณทยมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๕
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ของพระเทพสิทธินายก (เหรียง อินฺทสรมหาเถร)
อดีตเจา้ อาวาส เมื่อวันท่ี ๒๙ มิถนุ ายน พทุ ธศักราช ๒๕๑๕

176 พระอารามหลวง เลม่ ๑

สถานะและท่ตี ้ัง
วัดนาคกลาง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ต้ังอยู่เลขที่ ๗๖๑ ถนนอรุณอมรินทร์
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร มที ่ดี ินตง้ั วดั เน้อื ที่ ๔๗ ไร่ ๑ งาน ๘๘ ตารางวา
สง่ิ ส�ำ คญั
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน
ลกั ษณะทรงไทย หลงั คาลด ๓ ชนั้ มงุ กระเบอ้ื ง ประดบั
ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ เม่ือพุทธศักราช ๒๕๐๔
ได้ปฏสิ ังขรณ์ใหม่

พระประธาน เปน็ พระพุทธรูปปูนปน้ั ปางสมาธิ ลงรักปิดทอง หน้าตกั กวา้ ง ๗๑ นว้ิ สงู ๑๐๔ นิว้
พระวหิ าร สรา้ งเม่อื ปีพุทธศกั ราช ๒๕๓๕ เป็นอาคารคอนกรตี เสรมิ เหล็ก

พระพุทธรูปปางถือผลสมอ หล่อด้วยโลหะ
เป็นเนื้อทองส�ำริด ประทับนั่งพระหัตถ์ถือผลสมอ ชาวบ้าน
เรยี กว่า หลวงพอ่ โคนสมอมหาลาภ
ศาลาการเปรียญ เปน็ อาคารก่ออฐิ ถอื ปนู อยทู่ าง
ดา้ นหลงั พระอโุ บสถ ลกั ษณะแบบเกง๋ จนี หลงั คามงุ กระเบอ้ื ง
หอระฆัง เปน็ อาคารคอนกรีตเสรมิ เหล็ก
หอสวดมนต์ เปน็ อาคารคอนกรตี เสรมิ เหลก็ ลกั ษณะ
ทรงไทย สร้างเม่อื ปพี ุทธศักราช ๒๕๑๒

พระอารามหลวง เลม่ ๑ 177

วดั โมลีโลกยาราม

ประวตั คิ วามเป็นมา
วัดโมลีโลกยาราม เป็นวัดโบราณ สร้างในสมัย
กรุงศรีอยุธยา เดิมเรียกว่า วัดท้ายตลาด เม่ือ
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงตั้งเมืองธนบุรี
เป็นราชธานี ทรงรวมวัดแจ้งและวัดท้ายตลาดเข้าไว้
ในเขตพระราชวัง จึงเป็นวัดไม่มีพระสงฆ์อยู่ประจ�ำ
ตลอดรัชกาล ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
จฬุ าโลกมหาราช ทรงยา้ ยราชธานไี ปตงั้ อยฟู่ ากฝง่ั ตะวนั ออก
คอื กรงุ รตั นโกสนิ ทรท์ รงโปรดใหส้ รา้ งเสนาสนะขน้ึ ทวี่ ดั แจง้
และวัดท้ายตลาด เฉพาะวัดท้ายตลาดโปรดให้พระมหาศรี
เปรียญเอก วัดพลับ เป็นพระเทพโมลี แล้วโปรดให้น�ำ
พระสงฆอ์ นั ดบั มาครองวดั ท้ายตลาด
ส่วนวัดแจ้งโปรดให้พระปลัดในสมเด็จ
พระสังฆราช เป็นพระโพธิวงศาจารย์ พระครูเมธังกร
เป็นพระศรีสมโพธิ แล้วโปรดให้พระราชาคณะทั้ง ๒ รูป
ไปครองวดั แจง้
ทงั้ วดั ทา้ ยตลาดและวดั แจง้ จงึ มพี ระสงฆอ์ ยปู่ ระจำ�
และเป็นพระอารามหลวงนับแตน่ ้ันมา

178 พระอารามหลวง เลม่ ๑

ในสมัยรัชกาลท่ี ๒ ทรงปฏิสังขรณ์วัดท้ายตลาดและพระราชทานนามว่า วัดพุทไธศวรรย์
ในรัชกาลน้ีสมเด็จกรมพระอมรินทรามาตย์ พระบรมราชชนนี ทรงสร้างพระอุโบสถข้ึนหลังหนึ่ง คือ
พระอุโบสถหลังปจั จุบันและผูกพทั ธสมี าเป็นทีเ่ รยี บร้อย สมยั รัชกาลท่ี ๒ มีสมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์ (ขนุ )
เปน็ เจ้าอาวาสและเปน็ พระอาจารย์ถวายพระอักษรแด่รชั กาลที่ ๓ รัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้
เจา้ อยูห่ วั และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอย่หู ัวตามลำ� ดบั ต้ังแต่ทั้ง ๓ พระองค์ยังทรงพระเยาว์
คร้ันถึงสมัยรัชกาลที่ ๓ ทรงโปรดให้บูรณะวัดท้ายตลาดใหม่ทั้งอาราม และได้พระราชทานนาม
วัดใหม่ ว่า วัดโมลีโลกย์สุธาราม สันนิษฐานว่าคงเพราะเป็นวัด ท่ีประดิษฐานพระเกศา (พระเมาฬี)
ของรัชกาลที่ ๓ และรัชกาลท่ี ๔ ต่อมาเรยี กวัดน้ีวา่ วดั โมลีโลกยาราม ถงึ ปจั จุบัน

สถานะและทตี่ ้ัง
วัดโมลีโลกยาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่เลขท่ี ๒ แขวงวัดอรุณ
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร มีทด่ี ินตั้งวดั เนอ้ื ท่ี ๑๒ ไร่ ๓ งาน

ส่ิงสำ�คญั
พระอุโบสถ ลักษณะทรงไทยยุคต้น
กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ หลงั คามงุ กระเบอ้ื งเคลอื บ ประดบั
ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ลงรกั ปดิ กระจก ฝาผนงั
ภายในและเพดานเขียนภาพลายพุ่มข้าวบิณฑ์
ประตูหน้าต่างแกะสลักเป็นลายกระหนก ลงรัก
ปดิ ทอง งดงาม
พระประธาน เปน็ พระพทุ ธรปู ปางมารวชิ ยั
ลงรกั ปิดทอง พทุ ธลักษณะงดงาม

พระอารามหลวง เลม่ ๑ 179

พระวิหาร ลักษณะทรงไทยผสมจีน
หลงั คามงุ กระเบอื้ งเคลอื บ ประดบั ชอ่ ฟา้ ใบระกา
ปนู ปน้ั ภายในกน้ั เปน็ ๒ หอ้ ง ดา้ นหลงั เปน็ หอ้ งเลก็
มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ และ
พระอัครสาวกซ้ายขวา ฝาผนังและเพดานเขียน
ลวดลายงดงาม ตรงกลางมีฐานชุกชีประดิษฐาน
พระพุทธรูปปางต่าง ๆ สร้างเม่ือใด ไม่ปรากฏ
หลักฐาน เล่าสืบต่อกันมาว่าในสมัยกรุงธนบุรี
โปรดให้ใชพ้ ระวหิ ารน้ี เปน็ ฉางเกลอื จงึ เรยี กกนั วา่
พระวิหารฉางเกลอื มาถงึ ทกุ วันนี้
หอสมเด็จ เป็นอาคาร ๒ ช้ันทรงไทย กอ่ อฐิ ถอื ปนู มีบันไดทางข้นึ
๒ ทาง ซ่ึงอยู่ด้านข้างชิดกับหอประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจ�ำลอง
ท่ีมีลักษณะหอทรงเก๋งจีน ประตูหน้าต่างเขียนภาพลายรดน้�ำสวยงาม
รัชกาลท่ี ๓ โปรดให้สร้างขึ้น เพื่อบูชาสักการะและประดิษฐานรูปหล่อ
ะสมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์ (ขุน) พระราชกรรมวาจาจารย์
หอพระไตรปิฎก เรียกท่ัวไปว่า หอไตร เป็นอาคารไม้ทรงไทย ประดับช่อฟ้าปูนปั้นรูปเจดีย์
ประตู หน้าตา่ ง และผนังดา้ นในเขียนภาพลายรดน้ำ� สวยงาม สร้างในรัชกาลท่ี ๓ และบูรณะในรัชกาลที่ ๕

180 พระอารามหลวง เลม่ ๑

วดั ราชสทิ ธาราม

ประวัติความเปน็ มา
วัดราชสิทธาราม เป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อ วัดพลับ ต่อมา
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดให้สร้างวัดใหม่ขึ้นในที่ซึ่งอยู่ติดกับวัดพลับเดิม
แลว้ โปรดใหร้ วมวดั พลับเดิม เขา้ ไว้ในเขตวดั ที่ทรงสร้างใหม่ แตย่ งั คงเรียกว่า วัดพลับ ตอ่ มาในปพี ุทธศักราช
๒๓๕๑ ได้โปรดใหป้ ฏสิ งั ขรณ์วัดพลับเดมิ เนื่องจากชำ� รดุ ทรุดโทรมมาก
ในสมัยรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งพระอาราม
มีการสร้างพระอุโบสถ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ เสนาสนะสงฆ์ และปฏิสังขรณ์พระต�ำหนักจันทน์
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดให้สร้างและพระราชทานแก่พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้า
เจา้ อย่หู ัว ขณะทรงผนวชและเสด็จมาจำ� พรรษา ณ พระอารามนี้
สถานะและท่ีต้ัง
วัดราชสทิ ธาราม เปน็ พระอารามหลวงช้ันโท ชนดิ ราชวรวิหาร ตั้งอย่แู ขวงวดั อรุณ เขตบางกอกใหญ่
กรุงเทพมหานคร มีทดี่ นิ ตั้งวัด เนื้อท่ี ๓๕ ไร่

พระอารามหลวง เล่ม ๑ 181

สิ่งสำ�คัญ
พระอโุ บสถ เปน็ อาคาร กอ่ อฐิ ถอื ปนู
หลังคาลด ๒ ชั้น มุงกระเบ้ือง ประดับช่อฟ้า
ใบระกา หางหงส์มเี สาพาไลรอบทงั้ ๔ดา้ น หนา้ บนั
ด้านหน้าและด้านหลังประดับลายปูนปั้นรูป
พระนารายณ์ทรงครุฑ ประกอบลายก้านขด
ประดบั กระจกสปี ดิ ทอง ผนงั ภายนอกดา้ นหนา้
และด้านหลังตอนบน มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง
เขียนสีกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค
แต่ช�ำรุดลบเลือนไปมาก ผนังภายในตอนบนเขียนภาพเทพชุมนุม ตอนล่างเขียนภาพเก่ียวกับพระพุทธประวัติ
และพระเวสสนั ดรชาดก ผนังดา้ นหลงั พระประธานเปน็ ภาพเล่าเรอ่ื งไตรภูมิ

พระประธาน เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรัก
ปดิ ทอง ปางมารวิชัย พระนามวา่ พระพทุ ธจุฬารักษ์
182 พระอารามหลวง เลม่ ๑

พระต�ำหนกั จนั ทน์ เดมิ เปน็ พระตำ� หนกั เลก็
๒ หอ้ ง ชนั้ ลา่ ง กอ่ อฐิ ถอื ปนู ชนั้ บนเปน็ ไมจ้ นั ทนท์ รงไทย
ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ประดับกระจก
อย่างสวยงาม ต่อมาพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้า
เจ้าอยู่หัว โปรดให้ปฏิสังขรณ์โดยย้ายมาปลูกเคียง
พระต�ำหนักเก๋งจีน

พระอารามหลวง เล่ม ๑ 183

วดั สังข์กระจาย

ประวัตคิ วามเป็นมา
วัดสังข์กระจาย เป็นวัดโบราณ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
นายสังข์ ซ่ึงเป็นข้าราชการต�ำแหน่งนายสารบบ (ในกรมพระสุรัสวดี) ได้มีจิตศรัทธาสร้างวัด จึงได้ปรึกษา
กับนายพลับ เพื่อขอไม้ซุงมาสร้างวัด เม่ือได้มาก็ต้ังสัตยาธิษฐานว่า หากซุงท่ีปล่อยให้กระแสน�้ำพัดล่องไป
ตามล�ำคลองน้ีลอยไปติด ณ ที่ใดก็สร้างวัด ณ ท่ีน้ัน ด้วยอ�ำนาจสัตยาธิษฐานซุงก็ได้ลอยมาติดท่ี
หน้าพระวหิ ารในปจั จุบนั นายสงั ข์และนายพลับจึงไดส้ รา้ งวดั ในบริเวณนี้ การสรา้ งตามก�ำลงั ทรัพย์ โดยเร่ิม
สร้างกุฏิวิปสั สนา โดยกอ่ อิฐถอื ปูน มปี ระตหู น้าตา่ งอย่างละ ๑ บาน ภายในเปน็ แท่นกอ่ ปนู ส�ำหรับน่งั หรือใช้
เป็นท่บี ำ� เพญ็ วปิ ัสสนาเฉพาะเพียงคนเดียว โดยใชซ้ ุงเปน็ เคร่ืองบน
เจ้าจอมแว่นหรือคุณเสือ พระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ได้มอบทุนให้จ�ำนวนหนึ่งสร้างกุฏิ ๔ คณะ ด้านใต้เป็นกุฏิถือปูนทั้งหมด ปัจจุบันกลายเป็นเขตบ้านเช่า ต่อมา
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดให้กรมหมื่นไกรสรวิชิตเป็นนายงานควบคุมสร้าง
พระอุโบสถ โดยให้หันหน้าวัดไปทางคลองบางวัวทอง อยู่เคียงกับกุฏิของเดิม พร้อมสร้างกุฏิข้ึนใหม่
บริเวณพระอโุ บสถด้านใต้
เล่ากันว่าเมื่อขุดพ้ืนท่ีเพื่อสร้างพระอุโบสถ ได้ขุดพบพระกัจจายน์หล่อด้วยส�ำริด ขนาดหน้าตัก
กว้าง ๑๐ นิ้ว ไม่มีฐานและสังข์ตัวหนึ่ง แต่สังข์ได้ช�ำรุด ส่วนพระกัจจายน์ได้เก็บรักษาไว้เป็นคู่พระอาราม
ครั้นเม่ือสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงถือนิมิตเหตุอันน้ี
พระราชทานนามว่า วัดสังขก์ ระจาย
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดให้ปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ โดยเจ้าจอมแว่น
ได้อุทศิ สวนของตนซ่ึงอยตู่ ิดกบั เขตวัดให้แก่วดั

184 พระอารามหลวง เล่ม ๑

ปีพุทธศักราช ๒๓๙๓ พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ปรับปรุงปฏิสังขรณ์ใหญ่
ทง้ั พระอาราม โดยการสรา้ งกุฏิใหม่เรียงรายล้อมหอฉัน ศาลาการเปรียญ หอระฆงั และศาลาท่าน�ำ้ ๕ แห่ง
ซึ่งปจั จุบันวัดไดป้ รบั ปรงุ กอ่ สรา้ งและทำ� การพฒั นาวดั ใหเ้ ปน็ ไปตามแบบแปลนทส่ี วยงาม ซงึ่ ไดท้ �ำสืบเนอื่ งมา
ตง้ั แต่พทุ ธศกั ราช ๒๔๕๒ ในยุคของพระครอู ริยศีลาจารย์ (วรรณ ปณฺฑิโต) เปน็ ตน้ มา

สถานะและทีต่ ้ัง
วัดสังข์กระจาย เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่เลขท่ี ๕๐๔ แขวงท่าพระ
เขตบางกอกใหญ่ กรงุ เทพมหานคร มที ่ีดนิ ต้ังวัด เน้ือท่ี ๒๖ ไร่ ๑ งาน ๒๐ ตารางวา

สิง่ ส�ำ คัญ
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน
ขนาด ๕ หอ้ ง หลังคาลด ๒ ช้นั มุงกระเบ้ืองดนิ เผา
ประดบั ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หนา้ บนั ไม้แกะสลกั
ปิดทองเป็นภาพเทพประทับบนดอกบัว แวดล้อม
ด้วยลายก้านขด ซุม้ ประตู หนา้ ต่างเปน็ ซมุ้ เรือนแก้ว
ปูนปั้น มีพาไลหน้าหลัง มีทวยรองรับชายคา
รอบพระอุโบสถ ฝาผนังมีภาพจิตรกรรมท้ัง ๔ ด้าน
ดา้ นหนา้ เป็นพระพุทธประวัตติ อนมารผจญ ดา้ นหลงั
เปน็ ตอนเปดิ โลก ผนังดา้ นขา้ งแบ่งเป็น ๒ สว่ น ตอนบน
เป็นภาพเทพชุมนมุ ตอนล่างของผนงั ด้านขวาเป็นภาพพระเวสสนั ดรชาดก ดา้ นซา้ ยเป็นภาพพระพุทธประวัติ
เป็นภาพฝีมือช่างสมัยรัชกาลท่ี ๑ รอบพระอุโบสถมีซุ้มเสมาต้ังประจ�ำทั้ง ๘ ทิศ เป็นซุ้มคูหายอดแบบ
หนา้ นาง เสมาภายในเปน็ เสมาคูส่ ลักจากหนิ

พระอารามหลวง เล่ม ๑ 185

พระประธาน ในพระอโุ บสถ เปน็ พระพทุ ธรปู
ปูนปั้น ลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตัก
กว้าง ๔ ศอก มพี ระอัครสาวกซา้ ยขวา
พระวิหาร เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน
ลักษณะทรงไทย หลังคาลด ๓ ชั้น มุงกระเบ้ือง
ดนิ เผา ประดบั ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ มกี ำ� แพง
ลอ้ มรอบ ฐานชกุ ชภี ายในมีพระพทุ ธรูปปางต่าง ๆ
รวม ๒๔ องค์ หนา้ ฐานชกุ ชปี ระดษิ ฐานพระสงั กจั จายน์
จำ� ลอง หน้าตกั กว้างประมาณ ๒ ศอก ไวบ้ นแท่น

หอระฆัง เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ลักษณะเป็น
ซ้มุ เก๋งจนี ต้ังอยูบ่ นฐานสูง มบี ันไดทางขึ้นอยภู่ ายใน สรา้ งขน้ึ
ในรชั สมัยรัชกาลที่ ๓

หอพระไตรปิฎก ลักษณะเป็นอาคาร ๒ ชั้น
ใตถ้ นุ สงู หลงั คา ๒ ชนั้ ชน้ั ท่ี ๑ มหี ลงั คาปกี นกใตห้ นา้ บนั
ช้นั บนมหี น้าตา่ งโดยรอบ
บุษบกธรรมาสน์ ท�ำด้วยไม้แกะสลักปิดทอง
ล่องชาด มีลักษณะงดงามมาก ประดิษฐานอยู่ใน
ศาลาการเปรยี ญ

186 พระอารามหลวง เล่ม ๑

วดั หงสร์ ตั นาราม

ประวัติความเป็นมา
วัดหงส์รัตนาราม เป็นวัดโบราณ สร้างสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมช่ือว่า วัดเจ้าสัวหง ตามชื่อ
ของเศรษฐีจนี ผู้สร้าง
สมัยกรุงธนบุรี วัดหงส์รัตนาราม เป็นวัดท่ีอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าตากสิน
มหาราช เม่ือปีพุทธศักราช ๒๓๑๔ โปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ ขยายอาณาเขตวัดให้กว้างขึ้น สร้างกุฏิ
และเสนาสนะทงั้ พระอาราม พระราชทานนามว่า วดั หงสอ์ าวาสวหิ าร
สมยั รชั กาลท่ี ๑ ไดเ้ ปลยี่ นชอ่ื วดั วา่ วดั หงสอ์ าวาสบวรวหิ าร และเปลย่ี นชอ่ื เปน็ วดั หงสอ์ าวาสวรวหิ าร
ในสมัยรัชกาลที่ ๒ สมยั รชั กาลท่ี ๓ มีการบรู ณปฏิสงั ขรณพ์ ระอุโบสถ พระวิหาร และเสนาสนะอนื่ ๆ ต่อมา
รัชกาลที่ ๔ พระราชทานนามว่า วดั หงส์รตั นาราม ใชม้ าจนถึงปัจจุบนั
สถานะและท่ีตัง้
วัดหงส์รัตนาราม เป็นพระอารามหลวงช้ันโท ชนิดราชวิหาร ต้ังอยู่เลขท่ี ๑๐๒ แขวงวัดอรุณ
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร มีที่ดินต้ังวัด เนอื้ ท่ี ๔๖ ไร่ ๑ งาน ๒๓ ตารางวา

พระอารามหลวง เล่ม ๑ 187

ส่งิ สำ�คัญ
พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน
หลังคาลด ๒ ช้ัน มุงกระเบื้อง ประดับช่อฟ้า
ใบระกา หางหงส์ มีเสารับพาไลโดยรอบ
บานประตูด้านหน้าและด้านหลังเป็นไม้แกะสลัก
รูปหงส์เกาะกิ่งไม้ ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นลาย
ปูนปั้น ลักษณะศิลปกรรมแบบจีนผสมตะวันตก
ยอดซุ้มท�ำหลังคาปิดเป็นเส้นทแยงมุม มีภาพ
จิตรกรรมสีฝุ่นเล่าเรื่องรัตนพิมพวงศ์ (ต�ำนาน
พระแก้วมรกต) ใส่กรอบกระจกแขวนไว้ที่ผนัง
ในพระอุโบสถ ฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ ๓ และ
รัชกาลที่ ๔

พระประธาน เปน็ พระพทุ ธรปู ทองเหลือง ปางมารวชิ ยั หน้าตกั กวา้ ง ๒๔ น้วิ ประดษิ ฐานอยู่เหนือ
รัตนบลั ลงั ก์ มีเศวตฉตั ร ๗ ชนั้ มพี ระอคั รสาวกซ้ายขวา

188 พระอารามหลวง เลม่ ๑


Click to View FlipBook Version