238 กฎหมายพาณชิ ย์ (20001-1005)
2) หน้าทใ่ี ช้ค่าสินไหมทดแทน เมอ่ื มีวนิ าศภยั เกดิ ขนึ้ ตามสัญญา ผรู้ ับประกันภัยตอ้ งใชค้ า่ สินไหม
ทดแทนแกผ่ เู้ อาประกันวินาศภัยตามจ�ำนวนวนิ าศภัยจริง (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 877)
3) หน้าที่คืนเบี้ยประกันภัย ผู้รับประกันภัยต้องส่งคืนเบี้ยประกันภัยคร่ึงหน่ึงหรือตามส่วน แล้ว
แต่กรณี ในกรณตี ่อไปนี้
(1) เมอื่ มีการเลกิ สญั ญาก่อนเร่มิ เส่ยี งภยั (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 872)
(2) เม่ือผู้ประกันภัยขอลดจ�ำนวนเงินซึ่งเอาประกันภัย (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 873)
(3) เมอ่ื ผรู้ บั ประกนั ภัยขอลดค่าสนิ ไหมทดแทน (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 874)
(4) เมอื่ ผรู้ บั ประกนั ภยั ตอ้ งคำ� พพิ ากษาใหเ้ ปน็ บคุ คลลม้ ละลาย (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์
มาตรา 876)
4) หนา้ ทอี่ อกคา่ ใชจ้ า่ ยในการตรี าคาวนิ าศภยั ผรู้ บั ประกนั ภยั มหี นา้ ทเี่ ปน็ ผตู้ รี าคาจำ� นวนวนิ าศภยั
เพอ่ื คำ� นวณคา่ สนิ ไหมทดแทน (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 877) และคา่ ใชจ้ า่ ยในการตรี าคาวนิ าศภยั
นัน้ ผ้รู บั ประกนั ภัยตอ้ งเป็นผูอ้ อก (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 878)
4.4 การปฏเิ สธความรบั ผิดชอบของผู้ประกนั วินาศภยั
ผูร้ บั ประกันวนิ าศภยั อาจปฏิเสธความรับผดิ ไดใ้ นกรณีต่อไปนี้
4.4.1 เมอื่ ความวนิ าศภยั หรอื เหตอุ นื่ ในสญั ญานนั้ ไดเ้ กดิ ขน้ึ เพราะความทจุ รติ หรอื ประมาทเลนิ เลอ่ อยา่ ง
ร้ายแรงของผเู้ อาประกนั ภยั หรอื ของผู้รบั ประโยชน์ (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879 วรรคแรก)
4.4.2 เม่ือความวินาศภัยน้ันเกิดจากความไม่สมประกอบในเนื้อแห่งวัตถุที่เอาประกันภัยเอง (ประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879 วรรคสอง)
5. สัญญาประกนั ชวี ติ
5.1 ความหมายของสัญญาประกนั ชวี ิต
สัญญาประกันชีวิต คือ สัญญาซึ่งผู้รับประกันชีวิตตกลงจะใช้เงินจ�ำนวนหน่ึงแก่ผู้เอาประกันชีวิต
หรือผู้รับประโยชน์ โดยอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของผู้เอาประกันชีวิตหรือผู้ถูกเอาประกันชีวิตเป็นเงื่อนไข
(ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 889)
5.2 ประเภทของสัญญาประกันชวี ิต
สญั ญาประกันชวี ิต ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 889 แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดงั นี้
5.2.1 สัญญาประกันชีวิตที่อาศัยเงื่อนไขความทรงชีพของบุคคล กล่าวคือ เป็นสัญญาประกันชีวิต
ที่อาศัยเง่ือนไขว่าถ้าผู้เอาประกันชีวิตหรือผู้ถูกเอาประกันชีวิตมีชีวิตอยู่จนถึงเวลาท่ีตกลงกันไว้ ผู้รับประกันชีวิต
จะใช้เงนิ จ�ำนวนหน่ึงให้
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 11 239
ตวั อยา่ ง นายสมชายทำ� สญั ญาประกนั ชวี ติ ตนเองหรอื ประกนั ชวี ติ นางสมหญงิ ทเี่ ปน็ มารดาของนายสมชาย
โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้านายสมชายผู้เอาประกันชีวิตหรือนางสมหญิงผู้ถูกเอาประกันชีวิตมีชีวิตอยู่จนถึงอายุ 60 ปี
บริษทั รุง่ เรือง จำ� กดั ผู้รับประกันชวี ิตจะใชเ้ งินจ�ำนวน 200,000 บาทใหแ้ ก่ผู้รับประโยชน์ ดังนน้ั ถ้านายสมชาย
หรอื นางสมหญงิ เสียชีวติ กอ่ นอายุครบ 60 ปี บริษัท รงุ่ เรือง จ�ำกดั ก็ไม่ต้องใช้เงินจ�ำนวนดังกลา่ วแก่ผรู้ บั ประโยชน์
5.2.2 สัญญาประกันชีวิตท่ีอาศัยเงื่อนไขความมรณะของบุคคล กล่าวคือ เป็นสัญญาประกันชีวิต
ที่อาศัยเงื่อนไขว่า ถ้าผู้เอาประกันชีวิตหรือผู้ถูกเอาประกันชีวิตเสียชีวิตลง ผู้รับประโยชน์หรือทายาทของผู้เอา
ประกันชีวิตจะได้รบั เงนิ ตามจ�ำนวนที่ตกลงกนั จากผรู้ ับประกนั ชีวิต
ตัวอย่าง นายสมชายท�ำสัญญาประกันชีวิตตนเองหรือประกันชีวิตนางสมหญิงที่เป็นมารดาของ
นายสมชาย โดยมเี งอ่ื นไขวา่ ถา้ นายสมชายหรอื นางสมหญงิ เสยี ชวี ติ ลงภายใน 20 ปี นบั แตว่ นั ทำ� สญั ญาประกนั ชวี ติ
บริษทั รุ่งเรือง จำ� กัด ผู้รบั ประกนั ชีวิตจะต้องจา่ ยเงินตามจำ� นวนท่ีกำ� หนดแกผ่ ู้รบั ประโยชนห์ รอื ทายาทของผเู้ อา
ประกันชีวิต แต่ถ้านายสมชายหรือนางสมหญิงไม่เสียชีวิตภายใน 20 ปี บริษัท รุ่งเรือง จ�ำกัด ผู้รับประกันชีวิต
กไ็ มต่ ้องจา่ ยเงนิ ให้
นอกจากสัญญาประกันชีวิตดังกล่าวข้างต้นทั้ง 2 ประเภทนั้น ในปัจจุบันยังมีสัญญาประกันชีวิต
แบบผสมผสานกนั ระหวา่ งสญั ญาประกนั ชวี ติ ทอี่ าศยั เงอ่ื นไขความทรงชพี หรอื มรณะของบคุ คลตามทกี่ ลา่ วมาแลว้
ข้างต้น โดยเรียกสัญญาประกันชีวิตประเภทนี้ว่า สัญญาประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ซึ่งเป็นสัญญาประกันชีวิต
ท่ีอาศัยก�ำหนดระยะเวลาเป็นข้อตกลง ผู้เอาประกันชีวิตจะถึงแก่ความตายหรือไม่ก็ได้ ผู้รับประกันชีวิตจะใช้เงิน
ให้แก่ผู้เอาประกันชีวิตเมื่อครบก�ำหนดระยะเวลาตามท่ีตกลงกันไว้ในสัญญา ถ้าผู้เอาประกันชีวิตตายลงก่อน
ผรู้ บั ประกนั ชวี ติ กต็ ้องใช้เงนิ ใหแ้ ก่ผรู้ ับประโยชน์หรือทายาทของผูเ้ อาประกันชวี ิต
การประกนั ชวี ิตทุกประเภทมปี ระโยชน์ ดังต่อไปน้ี
1) การใหค้ วามคมุ้ ครอง การใหค้ วามคมุ้ ครองไมไ่ ดห้ มายความวา่ จะคมุ้ ครองใหผ้ เู้ อาประกนั ชวี ติ
รอดพน้ จากภัยต่าง ๆ แตก่ ารประกันชวี ิตจะชว่ ยบรรเทาภาระท่มี ีต่อครอบครวั เมอื่ ผเู้ อาประกันได้รับภัยพบิ ตั ิ
2) การลดภาษีเงินได้ รัฐบาลเล็งเห็นความสำ� คัญของการประกนั ชวี ติ เพอื่ สนบั สนนุ ใหป้ ระชาชน
ท�ำประกันชวี ิต จึงน�ำเบย้ี ประกันชีวติ ท่ีจ่ายจรงิ แต่ไมเ่ กนิ 100,000 บาท ของกรมธรรม์ที่มีก�ำหนดเวลาประกันชวี ิต
ไม่น้อยกว่า 10 ปี ของผู้มีเงินได้และคู่สมรสท่ีมีเงินได้ หากคู่สมรสท่ีไม่มีเงินได้และหักได้ไม่เกิน 10,000 บาท
ไปหักคา่ ลดหยอ่ นในการคำ� นวณภาษีเงนิ ได้บคุ คลธรรมดา
3) การออมทรัพย์ การประกันชีวิตยังท�ำให้เกิดมีการออมทรัพย์เป็นประจ�ำต่อเน่ือง ท�ำให้มี
เงนิ ก้อนไวใ้ ช้ยามฉุกเฉิน สรา้ งนิสัยใหป้ ระชาชนอดออม และประหยัดเพอ่ื ให้ครอบครัวมฐี านะมั่นคง
นอกจากนี้การท�ำสัญญาประกันชีวิตยังสามารถขอกู้เงินจากบริษัทประกันภัยได้ โดยเอากรมธรรม์
ประกนั ชวี ิตเปน็ ประกันในการกู้เงิน
240 กฎหมายพาณชิ ย์ (20001-1005)
5.3 สทิ ธิและหน้าทีข่ องผเู้ อาประกันชีวิต
5.3.1 สิทธิของผู้เอาประกันชวี ิต
1) สิทธิท่ีจะได้รับเงินตามข้อตกลงในสัญญา เมื่อผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่กรรม หรือยังไม่
ถงึ แกก่ รรม แตค่ รบกำ� หนดระยะเวลาตามขอ้ ตกลงในสญั ญาประกนั ชวี ติ ผเู้ อาประกนั ชวี ติ ยอ่ มมสี ทิ ธทิ จี่ ะไดร้ บั เงนิ
ตามขอ้ ตกลงในสญั ญาประกันชวี ติ นนั้ ๆ
2) สิทธิท่ีจะขอลดเบ้ียประกันชีวิต เม่ือคู่สัญญาประกันภัยชีวิตยกเอาภัยใดโดยเฉพาะขึ้น
เป็นข้อพิจารณาในการวางก�ำหนดจ�ำนวนเบ้ียประกันภัย และภัยเช่นน้ันส้ินไปหามีไม่แล้ว ภายหน้าแต่น้ันไป
ผ้เู อาประกนั ภัยชอบท่ีจะไดล้ ดเบ้ียประกนั ภัยตามสว่ น (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 864)
3) สิทธิที่จะโอนประโยชน์แห่งสัญญาประกันชีวิตให้บุคคลอ่ืน ผู้เอาประกันชีวิตมีสิทธิที่จะ
โอนสิทธใ์ิ นการรบั เงินใหแ้ ก่ผ้รู บั ประโยชน์ 2 กรณี คือ
(1) กรณีที่ผู้เอาประกันชีวิตเป็นผู้รับประโยชน์เองตามสัญญาประกันชีวิต ผู้เอาประกันชีวิต
จะโอนสทิ ธ์ิไปให้บุคคลอืน่ ใดเป็นผู้รบั ประโยชน์เมือ่ ใดก็ได้
(2) กรณีผู้เอาประกันชีวิตได้ระบุผู้รับประโยชน์ไว้ในสัญญาประกันชีวิต ถ้าผู้เอาประกันชีวิต
ตอ้ งการเปล่ียนตัวผรู้ ับประโยชนใ์ หมจ่ ะต้องปฏิบัติ ดงั นี้
ก. ถา้ ผเู้ อาประกนั ชวี ติ ยงั มไิ ดส้ ง่ มอบกรมธรรมป์ ระกนั ชวี ติ ใหแ้ กผ่ รู้ บั ประโยชน์ ผเู้ อาประกนั
ชวี ติ จะเปลยี่ นผู้รับประโยชนเ์ มือ่ ใดกไ็ ด้
ข. ถ้าผู้เอาประกันชีวิตได้ส่งมอบกรมธรรม์ประกันชีวิตให้แก่ผู้รับประโยชน์แล้ว และ
ผู้รับประโยชน์ได้บอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังผู้รับประกันชีวิตแล้วว่า ผู้รับประโยชน์นั้นจ�ำนงจะถือเอาประโยชน์
จากสัญญาประกันชวี ิตนนั้ ผเู้ อาประกนั ชีวิตกจ็ ะโอนสทิ ธ์ขิ องผู้รบั ประโยชน์น้นั ไมไ่ ด้ (ประมวลกฎหมายแพง่ และ
พาณิชย์ มาตรา 891)
4) สทิ ธบิ อกเลกิ สญั ญา ผเู้ อาประกนั ชวี ติ มสี ทิ ธบิ อกเลกิ สญั ญาเมอื่ ใดกไ็ ด้ โดยงดสง่ เบยี้ ประกนั ชวี ติ
ให้แก่ผู้รับประกันชีวิต
ถา้ ผู้เอาประกนั ชวี ติ ส่งเบ้ียประกนั ชีวิตใหแ้ ก่ผรู้ บั ประกนั ชีวิตอยา่ งนอ้ ย 3 ปีแล้ว ผ้เู อาประกันชวี ติ
มีสิทธิท่ีจะได้รับเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิต หรือได้รับกรมธรรม์ใช้เงินส�ำเร็จรูปจากผู้รับประกันชีวิต
(ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 894)
5.3.2 หนา้ ทข่ี องผู้เอาประกนั ชวี ติ
1) หน้าท่ีต้องช�ำระเบี้ยประกันชีวิต ผู้เอาประกันชีวิตมีหน้าที่จะต้องจ่ายเบี้ยประกันชีวิตให้แก่
ผรู้ บั ประกันชีวิตเปน็ จ�ำนวนเงนิ ตามเงอ่ื นไข และขอ้ กำ� หนดของกรมธรรม์ประกันชวี ติ ตามทไ่ี ด้ตกลงกนั ไว้
2) หน้าที่ต้องเปิดเผยข้อความจริง ผู้เอาประกันภัยชีวิตมีหน้าที่ต้องเปิดเผยข้อความจริง
ถ้าผู้เอาประกันชีวิตทราบอยู่แล้วละเว้นเสียไม่เปิดเผยข้อความจริง ซึ่งอาจจะได้จูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ย
ประกันภัยสูงขึ้นอีกหรือให้บอกปัดไม่ยอมท�ำสัญญา หรือว่าทราบอยู่แล้วแถลงข้อความนั้นเป็นความเท็จ ซึ่ง
จะท�ำให้สญั ญาประกันชวี ิตตกเปน็ โมฆยี ะ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 11 241
5.4 สิทธแิ ละหน้าที่ของผรู้ บั ประกนั ชีวติ
5.4.1 สิทธิของผรู้ ับประกันชีวิต
1) สิทธทิ จ่ี ะไดร้ บั เบ้ียประกันชวี ิต ผ้รู ับประกันชวี ติ มสี ทิ ธิทีจ่ ะได้รบั เบยี้ ประกันชวี ิตตามข้อตกลง
ในสัญญาประกนั ชวี ิตนัน้ ๆ
2) สิทธิบอกล้างสัญญา ผู้รับประกันชีวิตมีสิทธิบอกล้างสัญญาประกันชีวิตได้กรณีที่ผู้เอา
ประกนั ชวี ติ ไมเ่ ปดิ เผยขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื แถลงขอ้ ความอนั เปน็ เทจ็ ซง่ึ อาจจะจงู ใจผรู้ บั ประกนั ชวี ติ ใหเ้ รยี กเบยี้ ประกนั
ชีวิตสูงขึ้นอีก หรือบอกปัดไม่ยอมท�ำสัญญา ส่งผลให้สัญญานั้นเป็นโมฆียะ ซึ่งผู้รับประกันชีวิตมีสิทธิบอกล้าง
ภายในกำ� หนด 1 เดือน นับแตว่ ันทผี่ ูร้ บั ประกันภัยทราบมูลอนั จะบอกลา้ งได้ หรือภายในก�ำหนด 5 ปี นบั แตว่ ัน
ท�ำสญั ญา ถ้าไมใ่ ชส้ ิทธบิ อกล้างภายในระยะเวลาดังกล่าว สิทธินน้ั เปน็ อันระงับสิน้ ไป (ประมวลกฎหมายแพง่ และ
พาณิชย์ มาตรา 865 และมาตรา 892)
5.4.2 หน้าทขี่ องผ้รู บั ประกันชวี ติ
1) หน้าท่ีส่งมอบกรมธรรม์ประกนั ชวี ติ ผรู้ ับประกนั ชวี ิตมหี นา้ ทีส่ ่งมอบกรมธรรม์ประกนั ชวี ติ ให้
แกผ่ เู้ อาประกนั ชวี ติ ซง่ึ กรมธรรมจ์ ะมรี ายการตา่ ง ๆ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 867 วรรคสอง
และวรรคสาม
2) หน้าท่ีใช้เงินตามข้อตกลงในสัญญาประกันชีวิต ผู้รับประกันชีวิตจะต้องใช้เงินให้แก่ผู้รับ
ประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิต เมื่อผู้เอาประกันชีวิตหรือผู้ถูกเอาประกันชีวิตถึงแก่กรรม ซึ่งผู้รับประกันชีวิต
ใช้เงนิ โดยจะชำ� ระเงินเปน็ จำ� นวนเดยี ว หรอื แบ่งจา่ ยเป็นรายปตี ามที่ตกลงกันในสัญญาประกันชีวติ ก็ได้ (ประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 890)
ขอ้ ยกเวน้ ผู้รบั ประกันชีวติ พน้ ความรับผดิ ไม่ต้องใช้เงิน 2 กรณี คอื
(1) กรณีบคุ คลผนู้ นั้ ได้กระท�ำอัตวนิ บิ าตกรรม (ฆ่าตวั ตาย) ดว้ ยใจสมัครภายใน 1 ปี นับแตว่ ัน
ท�ำสัญญา หรือ
(2) กรณบี คุ คลผนู้ น้ั ถกู ผรู้ บั ประโยชนฆ์ า่ ตายโดยเจตนา ในกรณนี ผ้ี รู้ บั ประกนั ชวี ติ ไมต่ อ้ งจา่ ยเงนิ
ที่เอาประกันไว้ แต่ผู้รับประกันชีวิตต้องใช้เงินค่าไถ่ถอนกรมธรรม์ให้แก่ผู้เอาประกันชีวิต หรือให้แก่ทายาทของ
ผนู้ ั้น (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 895)
ตัวอย่าง ผู้เอาประกันชีวิตได้ลงมือกระท�ำอัตวินิบาตกรรมด้วยใจสมัครของตนเองภายใน 1 ปี
นบั แตว่ นั ท�ำสญั ญาประกันชีวิต แมผ้ ู้เอาประกันชวี ิตจะถึงแกค่ วามตายภายหลงั ระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันท�ำสญั ญา
ก็ตาม ผู้รับประกันชีวิตก็ได้รับการยกเว้นความรับผิดไม่ต้องใช้เงินแก่ผู้รับประโยชน์ ตามมาตรา 895 (1)
(ค�ำพิพากษาฎกี าท่ี 936/2536)
242 กฎหมายพาณิชย์ (20001-1005)
6. อายุความของสญั ญาประกันภยั
อายคุ วามของสญั ญาประกนั ภยั แบง่ ออกได้ดงั นี้
6.1 อายุความของสัญญาประกันวนิ าศภัย
6.1.1 ผู้เอาประกันวินาศภัยจะฟ้องให้ผู้รับประกันภัยใช้ค่าสินไหมทดแทนจะต้องฟ้องคดีภายใน
กำ� หนด 2 ปี นบั แต่วันเกิดวินาศภัย
6.1.2 ผเู้ อาประกนั วนิ าศภยั จะฟอ้ งเรยี กใหผ้ รู้ บั ประกนั ภยั ใชห้ รอื คนื เบย้ี ประกนั ภยั กจ็ ะตอ้ งฟอ้ งคดี
ภายในกำ� หนด 2 ปี นบั แตว่ นั ซง่ึ สทิ ธเิ รยี กใหใ้ ชห้ รอื คนื เบยี้ ประกนั ภยั ถงึ กำ� หนด (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์
มาตรา 882)
6.2 อายุความของสัญญาประกันภัยชีวิต เน่ืองจากการประกันชีวิตไม่มีกฎหมายบัญญัติในเรื่อง
อายุความฟ้องร้องกันไว้โดยเฉพาะดังเช่นการประกันวินาศภัย ดังนั้นจึงต้องน�ำอายุความทั่วไป มีก�ำหนด 10 ปี
นับแตว่ ันทำ� สญั ญา (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 193/30)
7. วิธีการจัดทำ� เอกสารที่เกี่ยวขอ้ งกบั กฎหมาย
จากการทไ่ี ดศ้ กึ ษาตงั้ แตห่ นว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1-11 มาทง้ั หมดแลว้ แตล่ ะหนว่ ยการเรยี นรจู้ ะมคี วามสมั พนั ธ์
เชอ่ื มโยงกนั และเกย่ี วกบั วธิ กี ารจดั ทำ� เอกสารทเ่ี กยี่ วกบั กฎหมาย โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ กฎหมายแพง่ ในลกั ษณะบคุ คล
นิติกรรม สัญญา ซ่ึงเป็นพื้นฐานสู่กฎหมายพาณิชย์ ได้แก่ เอกเทศสัญญาต่าง ๆ เช่น กฎหมายลักษณะซ้ือขาย
เช่าทรัพย์ เช่าซื้อ จ้างท�ำของ ยืม ค้�ำประกัน จ�ำนอง-จ�ำน�ำ เป็นต้น ซ่ึงเอกเทศสัญญานั้นถือเป็นบ่อเกิดแห่งหน้ี
วิธีจัดท�ำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายในลักษณะสัญญาต่าง ๆ น้ันต้องค�ำนึงถึงข้อควรพิจารณาตามหลัก
กฎหมายต่าง ๆ โดยสรปุ ดงั ตอ่ ไปนี้
7.1 ความสามารถของบคุ คลในการทำ� นติ กิ รรม จากการศกึ ษาหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ถอื วา่ ความสามารถ
เป็นสาระส�ำคัญอย่างหน่ึงในการท�ำนิติกรรม บุคคลท่ีหย่อนความสามารถก็ย่อมที่จะเสียเปรียบในการท�ำเอกสาร
ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายเพราะอาจถูกหลอกลวงได้ง่ายกว่าบุคคลท่ีมีความสามารถตามปกติทั่ว ๆ ไป
กฎหมายจงึ ต้องมกี ารคมุ้ ครองบคุ คลทหี่ ยอ่ นความสามารถในการทำ� นติ กิ รรมสญั ญาต่าง ๆ ดังนี้
7.1.1 ผู้เยาว์ โดยปกติทั่วไปผู้เยาว์ท�ำนิติกรรมใด ๆ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดย
ชอบธรรม ผเู้ ยาว์จะท�ำนติ กิ รรมเองโดยลำ� พงั ไมไ่ ด้
7.1.2 บคุ คลไร้ความสามารถ ซง่ึ บคุ คลไรค้ วามสามารถจะทำ� นิติกรรมใด ๆ โดยได้รับความยินยอม
จากผ้อู นบุ าลไมไ่ ด้ แต่จะต้องใหผ้ อู้ นบุ าลทำ� การแทน
7.1.3 บคุ คลเสมอื นไรค้ วามสามารถ โดยปกตแิ ลว้ บคุ คลเสมอื นไรค้ วามสามารถทำ� นติ กิ รรมโดยลำ� พงั
ตนเองได้ แตจ่ ะตอ้ งไดร้ บั ความยินยอมจากผ้พู ิทักษก์ อ่ น
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 11 243
7.1.4 คู่สมรส (สามีหรือภรรยาซึ่งจดทะเบียนสมรสกัน) การท�ำนิติกรรมบางอย่างที่กฎหมาย
ก�ำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1476 เช่น ซือ้ ขายอสังหาริมทรัพย์ ใหเ้ ช่าสงั หาริมทรัพย์
เกิน 3 ปี ให้กู้ยืมเงิน เป็นต้น จะต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง หากกระท�ำโดยปราศจาก
ความยินยอม คสู่ มรสอีกฝ่ายสามารถฟอ้ งขอใหศ้ าลเพกิ ถอนนติ กิ รรมน้นั ได้
7.1.5 บุคคลล้มละลาย จะกระท�ำนิติกรรมด้วยตนเองไม่ได้ จะต้องกระท�ำโดยเจ้าพนักงาน
พทิ กั ษ์ทรัพย์
7.2 เจตนาของคู่สัญญา ในเรื่องของการแสดงเจตนาในการท�ำนิติกรรมน้ัน ถือว่าเป็นสาระส�ำคัญ
อกี อยา่ งหน่ึงในการท�ำนติ กิ รรม คอื คูส่ ญั ญาจะต้องแสดงเจตนากระทำ� โดยสมัครใจซ่ึงไม่ได้เกดิ จากการสำ� คญั ผดิ
ข่มขู่ หรือฉ้อฉล ซึง่ จะส่งผลให้สัญญาน้ันตกเป็นโมฆะหรือโมฆยี ะ แล้วแตก่ รณี
7.3 แบบหรือหลักฐานของสัญญา ในเรื่องแบบของสัญญานั้น ถ้าไม่ท�ำให้ถูกต้องตามแบบท่ีกฎหมาย
บังคับไว้ ถือว่าสัญญาน้ันตกเป็นโมฆะ เช่น สัญญาซ้ือขายอสังหาริมทรัพย์และสัญญาจ�ำนองต้องท�ำเป็นหนังสือ
และจดทะเบยี นต่อพนักงานเจา้ หนา้ ที่ ส่วนสัญญาเช่าซอ้ื ต้องท�ำเปน็ หนังสือ คอื ลงลายมอื ช่อื คสู่ ัญญาทงั้ 2 ฝา่ ย
เปน็ ต้น กรณกี ฎหมายก�ำหนดใหม้ หี ลกั ฐานเป็นหนังสือ หากไม่มหี ลักฐานเปน็ หนังสือจะฟอ้ งรอ้ งบงั คับคดกี ันไม่ได้
เชน่ สัญญาค�ำ้ ประกนั สญั ญาประกนั ภัย เป็นต้น
7.4 ลักษณะและสาระส�ำคัญของหนังสือสัญญา ในการท�ำสัญญาต่าง ๆ คู่สัญญาจะต้องพิจารณาถึง
ลักษณะและสาระสำ� คญั ในตวั สัญญา ซ่งึ คู่สัญญาต้องกระทำ� ตอ่ กนั โดยตอ้ งอา่ นขอ้ ความในสญั ญาให้เขา้ ใจถกู ต้อง
ตรงกนั และกรอกสญั ญาใหค้ รบถ้วน ไมค่ วรลงลายมอื ช่ือในสัญญาที่ยังไมก่ รอกข้อความเดด็ ขาด ดงั รายละเอียด
ในตวั อย่างหนังสอื สญั ญาในหน่วยการเรยี นร้ทู ผี่ ่านมาแลว้ เช่น
7.4.1 ช่ือสัญญา เช่น สัญญาจะซอ้ื จะขาย สญั ญากูย้ ืมเงิน เปน็ ต้น
7.4.2 ชื่อคู่สัญญา ระบุว่าเป็นสัญญาระหว่าง...................ซ่ึงต่อไปนี้ในสัญญานี้เรียกว่า...................
ฝ่ายหน่ึงกบั ........................ซ่ึงตอ่ ไปในสญั ญานเ้ี รียกว่า..............................อีกฝ่ายหน่งึ
7.4.3 ค�ำจ�ำกัดความของสัญญา เพื่อให้สัญญามีข้อความที่ท�ำให้อ่านแล้วเกิดความเข้าใจตรงกัน
ในแตล่ ะสัญญาอาจกำ� หนดค�ำจำ� กัดความหรอื ไมม่ ีก็ได้
7.4.4 ลายมือชื่อคู่สัญญา บางกรณีมีลายมือช่ือคู่สัญญาอาจมีเพียงฝ่ายเดียวก็ใช้ฟ้องร้องบังคับคดี
กันได้ เช่น สัญญากู้ยืม ต้องมีลายมือช่ือฝ่ายผู้ต้องรับผิดคือฝ่ายผู้กู้ยืม แต่ถ้าจะลงลายมือช่ือคู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย
กย็ อ่ มท�ำได้ เป็นต้น
7.4.5 ลายมือชื่อพยาน ลายมือช่ือพยานของคู่สัญญาแต่ละฝ่าย กรณีสัญญามีปัญหาสามารถ
น�ำสืบพยานบคุ คลประกอบเอกสารสญั ญาได้
7.5 วตั ถปุ ระสงคข์ องสญั ญา โดยหลกั การทำ� นติ กิ รรมสญั ญานนั้ กฎหมายมกี ารกำ� หนดไวช้ ดั เจนแลว้ วา่
วัตถุประสงคใ์ นการทำ� สญั ญาจะตอ้ งไมเ่ ป็นการขัดตอ่ กฎหมาย ไมเ่ ป็นการพ้นวิสัย หรือขดั ตอ่ ความสงบเรียบร้อย
หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งจะท�ำให้สญั ญาที่ท�ำข้ึนตกเป็นโมฆะ
7.6 ขอ้ ตกลงหรอื สญั ญาทจ่ี ัดท�ำตอ้ งเป็นธรรม ข้อตกลงในสัญญาให้มผี ลบงั คับไดเ้ พยี งเทา่ ทีเ่ ปน็ ธรรม
และพอสมควรแกก่ รณี ตามพระราชบัญญัติวา่ ด้วยข้อสัญญาท่ไี มเ่ ป็นธรรม พ.ศ. 2540 มาตรา 4 และมาตรา 10
244 กฎหมายพาณิชย์ (20001-1005)
ในการลงนามทำ� สญั ญาตา่ ง ๆ นน้ั กอ่ นลงนามในสญั ญา คสู่ ญั ญาควรอา่ นใหล้ ะเอยี ดกอ่ นลงนามรบั เงอ่ื นไข
และเมอ่ื ลงนามแลว้ เกดิ สญั ญาทไี่ มเ่ ปน็ ธรรมทเี่ อาเปรยี บผบู้ รโิ ภค คสู่ ญั ญายงั มสี ทิ ธฟิ อ้ งศาลใหย้ กเลกิ แกไ้ ขขอ้ สญั ญา
ทไ่ี มเ่ ปน็ ธรรมได้ ดงั ตัวอย่างขอ้ สญั ญาท่ไี ม่เปน็ ธรรม ดังต่อไปนี้
7.6.1 การจองรถแล้วกู้ไม่ผ่าน เม่ือจ่ายเงินดาวน์แล้ว ผู้รับจองไม่ยอมคืนเงินดาวน์หรือเงินที่ผ่อน
ชำ� ระไปแล้ว
7.6.2. การให้เช่าซื้อรถยนต์ มีการส่งมอบรถยนต์ตามสัญญาเช่าซ้ือเป็นรถป้ายแดง แต่ไม่ยอม
ส่งป้ายดำ� ตามปกติ เปน็ เหตใุ ห้ตำ� รวจปรบั ทุกวนั และบริษทั ไฟแนนซ์มีสัญญายกเวน้ ความรับผิดไว้
7.6.3 ตลาดนดั เปดิ ตลาดใหมใ่ หพ้ น้ื ทเ่ี ชา่ บรกิ าร โดยระบวุ า่ จะมกี ารโฆษณาประชาสมั พนั ธใ์ หล้ กู คา้
มาใช้บริการ มีที่จอดรถ แต่ไม่มีการประชาสัมพันธ์ แม่ค้าขายสินค้าไม่ได้ แต่สัญญาระบุห้ามขอคืนเงินหรือ
เลกิ สัญญา
7.6.4 การจองบ้านจัดสรร โดยในสัญญาไม่มีก�ำหนดระยะเวลาในการก่อสร้างเสร็จ แต่ห้ามบอก
เลิกสัญญา
7.6.5 การจองบ้านผ่อนดาวน์ การจองบ้านผ่อนดาวน์ครบ แต่กู้ไม่ผ่านและไม่ยอมคืนเงิน
โดยมีข้อตกลงไม่มีการคืนเงินหรอื รบิ เงินดาวน์
7.6.6 สัญญาให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แต่กลับให้บริการความเร็วต่�ำกว่าท่ีตกลงกันไว้
โดยมีสัญญายกเว้นความรบั ผดิ ไวว้ า่ ผู้ใชบ้ รกิ ารไมม่ ีสทิ ธเิ รียกคา่ เสียหาย
กจิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจท่ี 11.2
ตอนท่ี 1 จงเขียนเครื่องหมาย ✓ หน้าขอ้ ความทีถ่ กู และเขียนเครอื่ งหมาย ✗ หน้าขอ้ ความที่ผิด
............... 1. สัญญาประกันวินาศภัยเป็นสัญญาซ่ึงผู้รับประกันวินาศภัยตกลงจะใช้ค่าสินไหมทดแทน
หรือใช้เงินจำ� นวนหนึง่ ไดแ้ ก่ผู้เอาประกันวินาศภยั
............... 2. สญั ญาประกันวินาศภัย ไดแ้ ก่ สญั ญาประกนั อบุ ัติเหตุและสญั ญาประกันภยั ในการรับขน
............... 3. เมื่อคู่สัญญาประกันภัยยกเอาภัยใดโดยเฉพาะขึ้นเป็นข้อพิจารณาในการก�ำหนดจ�ำนวนเบ้ีย
ประกันภัย ต่อมาภัยเช่นน้ันไม่มีต่อไปแล้ว ผู้เอาประกันภัยไม่มีสิทธิจะขอให้ผู้รับประกัน
ลดเบ้ียประกนั ภัยลงตามสว่ นได้
................ 4. เมื่อทรัพย์สินท่ีเอาประกันภัยไว้เกิดวินาศภัยข้ึน ผู้รับประกันภัยต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
แกผ่ ู้เอาประกนั ภัยสำ� หรับจ�ำนวนวินาศภยั ทีเ่ กิดขนึ้ จรงิ
............... 5. สัญญาประกันชีวิตที่อาศัยเง่ือนไขความทรงชีพของบุคคล เป็นสัญญาประกันชีวิตที่อาศัย
เงื่อนไขทีว่ า่ ถ้าผเู้ อาประกนั ชวี ติ ถึงจะตอ้ งตายเท่านั้น
............... 6. สญั ญาประกันชวี ติ แบบสะสมทรัพยเ์ ปน็ สัญญาประกันวินาศภยั อยา่ งหน่ึง
............... 7. ผู้เอาประกันชีวิตมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเม่ือใดก็ได้ โดยงดส่งเบ้ียประกันชีวิตให้แก่ผู้รับ
ประกันชีวิต
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 11 245
............... 8. ผู้รับประกันชีวิตพ้นความผิดไม่ต้องรับใช้เงิน ถ้าผู้เอาประกันชีวิตสมัครใจฆ่าตัวตายด้วยใจ
สมัครภายใน 1 ปี นับแต่วนั ท�ำสัญญา
............... 9. สัญญาประกนั ภัยชวี ิตทจ่ี ะฟอ้ งรอ้ งกนั ได้ ต้องมอี ายคุ วามกำ� หนด 10 ปี นบั แต่วนั ท�ำสญั ญา
............... 10. หากไม่ไดท้ �ำสัญญาตามแบบทีก่ ฎหมายกำ� หนดไว้ สญั ญานัน้ ยอ่ มตกเป็นโมฆยี ะ
ตอนท่ี 2 จงตอบคำ� ถามตอ่ ไปนี้
1. จงบอกความหมายของสญั ญาประกันวินาศภัย
2. จงบอกความหมายของสญั ญาประกนั ชวี ิต
3. วิธีการจัดท�ำเอกสารท่เี ก่ียวกบั กฎหมายต้องคำ� นึงถึงหลักกฎหมายในเรอ่ื งใดบ้าง
กิจกรรมตามสมรรถนะวชิ าชีพท่ี 11.2
เรื่อง วธิ ีการจัดทำ� เอกสารทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั กฎหมาย
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายสญั ญาประกนั วินาศภยั และสัญญาประกนั ชวี ติ ได้
2. ระบอุ ายุความของสัญญาประกนั ภยั ได้
3. บอกวิธกี ารจดั ทำ� เอกสารท่เี กี่ยวข้องกับกฎหมายได้
กิจกรรม
1. ให้ผู้เรียนแบง่ กลมุ่ ออกเปน็ 3 กลมุ่ ศกึ ษาคน้ คว้าข้อมลู ตามหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี
1.1 สญั ญาประกนั วินาศภัยและสัญญาประกันชีวติ กลมุ่ ที่ 1
1.2 อายุความของสญั ญาประกนั ภัย กลุ่มที่ 2
1.3 วธิ ีการจดั ท�ำเอกสารทีเ่ กย่ี วข้องกับกฎหมาย กลุ่มที่ 3
2. ใหผ้ ู้เรยี นแต่ละกลุ่มทีไ่ ด้รับมอบหมายตามหัวข้อ 1.1-1.3 ศึกษาหาความรู้เพมิ่ เตมิ เก่ียวกบั เรื่องวิธีการ
จัดท�ำเอกสารท่ีเกี่ยวข้องกับกฎหมายและค�ำพิพากษาฎีกาที่น่าสนใจ โดยค้นคว้าเพิ่มเติมจากแหล่งการเรียนรู้
ตา่ ง ๆ เช่น อนิ เทอร์เนต็ หนังสอื จากห้องสมดุ เปน็ ต้น
3. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มระดมความคิดสรุปวิธีการจัดท�ำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ท่ีเป็นประเด็น
ส�ำคัญในรปู ของผงั มโนทศั น์ (Mind Mapping) หรอื สรุปประเด็นส�ำคัญในรูปแบบของการแสดงบทบาทสมมุติ
4. จากข้อ 3 ให้ผูเ้ รยี นเลอื กและนำ� เสนอภาระงานหนา้ ชนั้ เรยี น กลุ่มละ 3-5 นาที
5. ผ้สู อนและผเู้ รียนรว่ มกนั สรปุ ภาพรวม
246 กฎหมายพาณชิ ย์ (20001-1005)
สรุป
สญั ญาประกนั ภยั เปน็ สญั ญาทฝี่ า่ ยผรู้ บั ประกนั ภยั ตกลงจะใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทน เมอ่ื มเี หตวุ นิ าศภยั
หรือเหตุอย่างอ่ืนในอนาคตดังท่ีระบุไว้ในสัญญาเกิดขึ้น และผู้เอาประกันภัยจะต้องส่งเบ้ียประกันให้แก่
ผู้เอาประกันภัย โดยผู้เอาประกันภัยจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ แต่ต้องมีความสามารถ
ตามกฎหมายท่ีจะเข้าท�ำนิติกรรมได้ ในส่วนผู้รับประกันภัยจะต้องเป็นบริษัทจ�ำกัดและได้รับอนุญาต
ให้ประกอบธรุ กจิ ประกนั ภยั ถา้ ผูเ้ อาประกันภยั มิไดม้ ีสว่ นได้เสียในเหตุท่ปี ระกนั ภยั ย่อมไม่ผกู พันค่สู ญั ญา
ผเู้ อาประกนั ภยั ตอ้ งเปดิ เผยความจรงิ หากปกปดิ ไมเ่ ปดิ เผยความจรงิ จะทำ� ใหส้ ญั ญาประกนั ภยั ตกเปน็ โมฆยี ะ
วธิ กี ารจดั ทำ� เอกสารทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั กฎหมายนน้ั ตอ้ งคำ� นงึ ถงึ หลกั กฎหมายแพง่ ทวั่ ไปในเรอ่ื งนติ กิ รรม
สัญญา รวมถึงเอกเทศสัญญาท่ีบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะในแต่ละสัญญาตามท่ีกล่าวมาแล้วในทุกหน่วย
การเรีย่ นรู้
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 11 247
แบบประเมินสมรรถนะรายวิชาหน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 11
เรอ่ื ง ประกนั ภยั และวิธีการจดั ทำ� เอกสารที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
คำ� ชี้แจง จงเขียนเครอ่ื งหมาย ✓ ลงในชอ่ งว่างท่ตี รงกับความคดิ เหน็ ของผเู้ รียนตามความเปน็ จรงิ มากทส่ี ุด
เกณฑก์ ารประเมิน 5 = ดีมาก 4 = ด ี 3 = ปานกลาง 2 = น้อย 1 = น้อยท่สี ุด
หวั ขอ้ ระดบั ความคดิ เห็น
54321
1. ด้านความรู้
1.1 บอกความหมายและลักษณะของสญั ญาประกนั ภยั ได้
1.2 ระบปุ ระเภทและบคุ คลทเี่ กย่ี วขอ้ งในสญั ญาประกนั ภยั ได้
1.3 บอกหลักเกณฑ์ในการท�ำสญั ญาประกันภยั ได้
1.4 อธิบายสญั ญาประกันวินาศภัยได้
1.5 อธบิ ายสญั ญาประกนั ชีวิตได้
1.6 ระบุอายคุ วามของสญั ญาประกันภัยได้
1.7 บอกวิธกี ารจัดท�ำเอกสารท่เี ก่ยี วขอ้ งกับกฎหมายได้
2. ด้านทกั ษะ
2.1 ปฏบิ ัติกจิ กรรมตามท่ไี ดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ตามกำ� หนดเวลา
2.2 เกิดสมรรถนะในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม
2.3 จัดท�ำเอกสารที่เกยี่ วขอ้ งกบั กฎหมายได้ตามหลักการของประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์
3. ด้านเจตคติ
3.1 มีความซอ่ื สัตยส์ จุ ริต
3.2 มีวนิ ยั ตรงตอ่ เวลา และมคี วามรบั ผดิ ชอบ
3.3 มมี นุษยสมั พันธ์ในการปฏิบตั ิกิจกรรม และท�ำงานรว่ มกับผู้อืน่ ได้
3.4 มเี จตคตทิ ดี่ ีในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม
248 กฎหมายพาณชิ ย์ (20001-1005)
แบบทดสอบเพื่อประเมนิ ผลหลังการเรียนรู้
จงเลือกค�ำตอบทถ่ี กู ต้องเพียงข้อเดยี ว
จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ 1 บอกความหมายและลักษณะ 4. ข้อใดคือคสู่ ัญญาประกนั ภยั ตามกฎหมาย
ของสญั ญาประกนั ภยั ได้ 1. ผู้รบั ประกนั ภัย ผเู้ อาประกนั ภยั
1. ลกั ษณะทสี่ ำ� คญั ของสญั ญาประกันภยั คือข้อใด 2. ผู้เอาประกันภัย ผู้รบั ประโยชน ์
1. เป็นสัญญาทีม่ ีแบบ 3. ผ้รู ับประกนั ภยั ผู้รบั ประโยชน ์
2. เป็นสัญญาทไ่ี มเ่ สี่ยงโชค 4. ผรู้ บั ประกนั ภยั ผเู้ อาประกนั ภยั ผรู้ บั ประโยชน์
3. เปน็ สญั ญาไม่ตา่ งตอบแทน 5. ถกู ตอ้ งทกุ ขอ้
4. เป็นสญั ญาท่ีหน่วยงานของรัฐควบคุม จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรทู้ ่ี 3 บอกหลกั เกณฑใ์ นการทำ� สญั ญา
5. ถูกต้องทกุ ข้อ ประกนั ภัยได้
2. สัญญาประกันภัยที่สามารถฟ้องร้องบังคับคดี 5. ข้อใดคือหลักเกณฑ์ในการท�ำสัญญาประกันภัย
กันไดต้ ้องปฏิบตั อิ ยา่ งไร ตามกฎหมาย
1. ท�ำเป็นหนงั สอื 1. ผู้เอาประกันต้องมีส่วนได้เสีย
2. ตกลงดว้ ยวาจา 2. ผู้เอาประกนั ภยั ต้องเปดิ เผยข้อเทจ็ จริง
3. มหี ลักฐานเป็นหนังสอื 3. สญั ญาประกนั ภยั จะตอ้ งมหี ลกั ฐานเปน็ หนงั สอื
4. ท�ำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงาน 4. ผู้รับผลประโยชน์อาจเป็นบุคคลภายนอกซึ่ง
เจ้าหนา้ ท่ี ไม่ใชค่ สู่ ญั ญาประกนั ภัย
5. มีหลักฐานเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อ 5. ถกู ตอ้ งทกุ ขอ้
พนกั งานเจ้าหนา้ ที่ 6. ข้อใดคือการท�ำสัญญาประกันภัยท่ีถูกต้องตาม
จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ 2 ระบุประเภทและบุคคลท่ี หลกั เกณฑ์ที่กฎหมายก�ำหนด
เก่ียวข้องในสญั ญาประกนั ภัยได้ 1. ต้องท�ำตามแบบที่กฎหมายก�ำหนด มิฉะน้ัน
3. ขอ้ ใดเปน็ ประเภทของสญั ญาประกนั ภยั ตามกฎหมาย เปน็ โมฆะ
1. ประกนั วนิ าศภยั และประกนั ชวี ิต 2. ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่าย
2. ประกันอัคคภี ยั และประกันอุบตั ิเหต ุ ผเู้ อาประกนั ภัย
3. ประกันอัคคภี ัยและประกันรถยนต ์ 3. ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือช่ือฝ่าย
4. ประกันวินาศภยั และประกนั รับขน ผตู้ อ้ งรบั ผดิ มฉิ ะนัน้ ฟอ้ งร้องไมไ่ ด้
5. ประกันวินาศภัยและประกันผู้ประสบภัย 4. ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือช่ือฝ่าย
จากรถ (ประกนั พ.ร.บ.) ผตู้ อ้ งรบั ผดิ มิฉะนั้นตกเปน็ โมฆียะ
5. ถกู ต้องทุกข้อ
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 11 249
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรทู้ ี่ 4 อธบิ ายสญั ญาประกนั วนิ าศภยั ได้ จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ 6 ระบุอายุความของสัญญา
7. ผู้รับประกันวินาศภัยไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหม ประกันภัยได้
ทดแทนในขอ้ ใด 9. ขอ้ ใดคอื อายคุ วามของสญั ญาประกันภยั
1. ความทจุ รติ หรือประมาทเลินเลอ่ อยา่ งร้ายแรง 1. ฟอ้ งคดภี ายในกำ� หนด 2 ปี นบั แตว่ นั เกดิ วนิ าศภยั
ของผู้รบั ประโยชน์ 2. ฟอ้ งคดภี ายในกำ� หนด 10 ปี นบั แตว่ นั ทำ� สญั ญา
2. ความทจุ ริตหรอื ประมาทเลนิ เล่ออย่างรา้ ยแรง ประกันชวี ติ
ของผูเ้ อาประกันภยั 3. ฟ้องคดีภายในก�ำหนด 2 ปี นับแต่วันซ่ึงสิทธิ
3. ความวนิ าศภยั นนั้ เกดิ จากความไมส่ มประกอบ เรียกให้ใช้หรือคืนเบ้ียประกันภัยวินาศภัย
ในเน้อื แห่งวตั ถุทเี่ อาประกันภยั ถึงกำ� หนด
4. ไมม่ ีขอ้ ใดถูกต้อง 4. สัญญาประกันชีวิตไม่ได้ก�ำหนดอายุความไว้
5. ถูกต้องทุกข้อ เช่นสัญญาประกันวินาศภัย ดังน้ีสัญญา
จุดประสงคก์ ารเรยี นร้ทู ่ี 5 อธิบายสญั ญาประกนั ชีวติ ได้ ประกันชีวิตจึงน�ำอายุความท่ัวไป 10 ปีมาใช้
8. ผู้รับประกันชีวิตไม่ต้องใช้เงินในเหตุมรณะของ บังคบั
บคุ คลกรณีใด 5. ถูกตอ้ งทกุ ขอ้
1. ผู้เอาประกันชีวิตถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตาย จุดประสงค์การเรียนรู้ท่ี 7 บอกวิธีการจัดท�ำเอกสาร
โดยเจตนา ที่เกีย่ วขอ้ งกบั กฎหมายได้
2. ผู้เอาประกันได้ฆ่าตัวตายด้วยใจสมัครภายใน 10. ข้อใดเป็นข้อควรพิจารณาในการจัดท�ำเอกสาร
1 ปี นับแต่วนั ทำ� สัญญา ทเี่ กยี่ วข้องกับกฎหมาย
3. ผู้เอาประกันได้กระท�ำอัตวินิบาตกรรมด้วยใจ 1. เจตนา
สมคั รภายใน 1 ปี นับแตว่ ันทำ� สัญญา 2. ความสามารถ
4. ผู้เอาประกันได้กระท�ำอัตวินิบาตกรรมด้วยใจ 3. วตั ถปุ ระสงคข์ องสัญญา
สมัครภายใน 1 ปี นบั แต่วันทำ� สญั ญา แตถ่ ึง 4. แบบหรือหลกั ฐานของสญั ญา
แกค่ วามตายเกินกวา่ 1 ปีนับแตว่ ันท�ำสญั ญา 5. ถกู ต้องทุกขอ้
5. ถูกตอ้ งทุกขอ้
250
บรรณานุกรม
จกั รพงษ์ เล็กสกลุ ไชย. ค�ำอธิบายกฎหมายแพ่งและพาณชิ ยล์ กั ษณะตวั แทน นายหนา้ จา้ งท�ำของรบั ขน.
พิมพ์ครง้ั ที่ 7. กรงุ เทพฯ : นิติธรรม, 2559.
จิตติ ติงศภัทยิ ์. กฎหมายแพง่ และพาณชิ ยว์ า่ ด้วยประกันภยั . กรงุ เทพฯ : นติ ิธรรม, 2553.
จติ รา เพียรล้ำ� เลิศ. ค�ำอธิบายกฎหมายวา่ ดว้ ยประกันภัย. กรุงเทพฯ : นติ ธิ รรม, 2555.
จิตฤดี วีระเวสส.์ สรุปยอ่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ เล่ม 1. กรงุ เทพฯ : อภิโชต,ิ 2555.
จฑุ ามาศ นศิ ารตั น.์ ซ้ือขาย แลกเปลี่ยน ให้. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคำ� แหง, 2522.
ชชู ยั งามวสุลกั ษณ์. รู้กฎหมาย งา่ ยนดิ เดยี ว. กรงุ เทพฯ : จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, 2550.
ไชยยศ เหมรัชตะ. ย่อหลักกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ : ประกันภัยพร้อมด้วยกฎหมายคุ้มครอง
ผปู้ ระสบภยั จากรถ. พิมพ์ครัง้ ที่ 9. กรุงเทพฯ : นิตธิ รรม, 2553.
_________. รู้หลกั ไว้ ใชท้ ำ� สญั ญา. พิมพค์ ร้ังท่ี 8. กรุงเทพฯ : วิญญูชน, 2549.
ถาวร โพธ์ิทอง. ค�ำอธิบายกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยประกันด้วยบุคคลและทรัพย์. กรุงเทพฯ :
มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร,์ ม.ป.ป.
ทวเี กยี รติ มนี ะกนิษฐ. กฎหมายเบือ้ งต้นทางธรุ กิจ. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2553.
ธารทิพย์ เทียมทอง. ค�ำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้�ำประกัน จ�ำนอง จ�ำน�ำ.
กรุงเทพฯ : วิญญชู น, 2549.
บุญเพราะ แสงเทยี น. กฎหมายธรุ กิจเพ่อื การจัดการ. กรงุ เทพฯ : วิทยพัฒน์, 2552.
บุญร่วม เทียมจันทร์ และคณะ. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แปลไทย-อังกฤษ (แก้ไขปรับปรุง
2551). กรุงเทพฯ : สตู รไพศาล, 2553.
ปติ กิ ลุ จรี ะมงคลพาณชิ ย.์ ค�ำ้ ประกัน จำ� นำ� จ�ำนอง. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรงุ เทพฯ : วิญญชู น, 2545.
เผดจ็ เอมวงศ์. กฎหมายพาณชิ ย.์ กรุงเทพฯ : เอมพันธ์, 2560.
ไผทชิต เอกจรยิ กร. คมู่ อื ศึกษาวชิ ากฎหมายเอกเทศสญั ญา 2. กรุงเทพฯ : วิญญชู น, 2548.
_________. คำ� อธบิ ายกฎหมายจา้ งแรงงาน จา้ งทำ� ของ รบั ขน. พมิ พค์ รง้ั ที่ 5. กรงุ เทพฯ : วญิ ญชู น, 2552.
_________. คำ� อธบิ ายกฎหมายเชา่ ทรัพย์-เช่าซอ้ื . พิมพค์ รงั้ ท่ี 11. กรุงเทพฯ : วิญญชู น, 2554.
_________. ค�ำอธิบายกฎหมายยืม ฝากทรพั ย์. พิมพ์คร้งั ที่ 6. กรุงเทพฯ : วญิ ญูชน, 2547.
พงษร์ ัตน์ เครือกลิ่น. เช่าทรัพย์ เช่าซื้อ ยมื ฝากทรัพย์. พิมพ์คร้งั ท่ี 7. กรงุ เทพ ฯ : นิติธรรม, 2544.
พิชยั นิลทองค�ำ. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 1-6 ขอ้ สญั ญาท่ีไมเ่ ปน็ ธรรม. กรุงเทพฯ :
อฑตยา มเิ ล็นเนียม, 2560.
251
พระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพมิ่ เตมิ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ (ฉบบั ที่ 20). ราชกจิ จานเุ บกษา. เลม่ ท่ี 131
ตอนท่ี 77 ก, 13 พฤศจกิ ายน 2557.
ไพจิตร ปญุ ญพนั ธ์. “ข้อสงั เกตเก่ยี วกับสัญญาเชา่ ซอ้ื ” วารสารกฎหมายสุโขทยั ธรรมาธิราช. กรงุ เทพฯ :
วญิ ญชู น, ม.ป.ป.
มานะ พิทยาภรณ์. ค�ำบรรยายกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะเช่าทรัพย์ เช่าซ้ือ จ้างแรงงาน
จ้างท�ำของ และรบั ขน. กรงุ เทพฯ : พบั ลิกบสิ เนสพริ้นท์, 2522.
_________. ค�้ำประกัน จ�ำนำ� จ�ำนอง. กรุงเทพฯ : นิติยุทธ์, 2548.
วิเชยี ร ดิเรกอดุ มศกั ดิ์. กฎหมายแพ่งพิสดาร เล่ม 2 ฉบับปรับปรุงใหม่ ปี 2562. ม.ป.ท., 2562.
วษิ ณุ เครืองาม. คำ� อธิบายกฎหมายวา่ ดว้ ยซือ้ ขาย แลกเปลย่ี น ให.้ กรุงเทพฯ : นิตบิ รรณการ, 2549.
เวก ศริ ิพมิ ลวาทนิ . กฎหมายพาณชิ ย.์ กรุงเทพฯ : ศนู ย์ส่งเสรมิ วชิ าการ, 2560.
ศกั ด์ิ สนองชาต.ิ คำ� อธบิ ายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ยว์ า่ ดว้ ยนติ กิ รรมและสญั ญา และขอ้ สญั ญา
ที่ไมเ่ ป็นธรรม. กรุงเทพฯ : นติ ิบรรณาการ, 2545.
สมศกั ด์ิ เอี่ยมพลับใหญ.่ เกร็ดกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เลม่ 2. กรุงเทพฯ : บัณฑิตอกั ษร, ม.ป.บ.
สรพลจ์ สขุ ทรรศนีย์. ยมื ฝากทรพั ย์. กรงุ เทพฯ : วิญญชู น, 2553.
สุโขทัยธรรมาธิราช, มหาวิทยาลัย. เอกสารการสอนชุดวิชากฎหมายธุรกิจ. นนทบุรี : มหาวิทยาลัย
สุโขทยั ธรรมาธิราช, 2552.
_________. เอกสารการสอนชุดวิชากฎหมายพาณิชย์ 1 หน่วยที่ 1-15. พิมพ์คร้ังท่ี 6. นนทบุรี :
มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช, 2552.
_________. เอกสารการสอนชุดวิชากฎหมายพาณิชย์ 2 หน่วยท่ี 1-8. นนทบุรี : มหาวิทยาลัย
สโุ ขทัยธรรมาธิราช, 2552.
สดุ า วศิ รุตพชิ ญ์. หลักกฎหมายค�ำ้ ประกัน จ�ำนอง จ�ำน�ำ. กรงุ เทพฯ : วญิ ญูชน, 2553.
สุภาวดี ภิรมยร์ ัตน.์ กฎหมายพาณิชย.์ กรุงเทพฯ : แม็คเอด็ ดเู คชั่น. 2557.
เสน่ห์ นอสงู เนิน. สรปุ คำ� บรรยายฉบบั เตรยี มสอบเช่าทรพั ย์ เช่าซ้ือ จา้ งแรงงาน จา้ งท�ำของ. กรงุ เทพฯ :
นิติสาส์น, ม.ป.ป.